• #เสมหะในลำคอมากเกินไป (excess mucus)

    เมื่อคุณหายใจ อาจจะมีสารก่อภูมิแพ้ ไวรัส ฝุ่นละอองและเศษต่างๆ เกาะติดอยู่ในโพรงจมูกของคุณ จากนั้นร่างกายจะสร้างเม็ดเลือดขาวออกมากำจัดและจะขับออกจากร่างกายไป บางครั้ง ร่างกายของคุณอาจสร้างเสมหะในลำคอมากเกินไป ทำให้ต้องกำจัดเสมหะออกบ่อยครั้ง

    เสมหะเกิดขึ้นในจมูกหรือทางเดินหายใจส่วนล่างเพื่อตอบสนองต่อการอักเสบ โดยเกิดจากเยื่อเมือกที่ไหลจากจมูกไปยังปอด

    การที่ร่างกายมีการกระทำแบบนี้ เขามีจุดประสงค์เพื่อปกป้องระบบทางเดินหายใจของคุณโดยการหล่อลื่นและกรองเสมหะ

    มีภาวะสุขภาพหลายอย่างที่สามารถกระตุ้นให้มีการผลิตเมือกในคอมากเกินไป เช่น:

    • กรดไหลย้อน

    • ภูมิแพ้

    • หอบหืด

    • การติดเชื้อ เช่น ไข้หวัดธรรมดา

    • โรคปอด เช่น หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ปอดบวม โรคซีสต์ฟิโบรซิส และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)

    การผลิตเมือกในคอมากเกินไปอาจเกิดจากไลฟ์สไตล์และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมบางประการ เช่น:

    -สภาพแวดล้อมในร่มที่แห้ง

    -สภาวะแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่นและควัน

    -การบริโภคน้ำและของเหลวอื่นๆ น้อยเกินไป

    -การบริโภคของเหลวมากเกินไปซึ่งอาจทำให้สูญเสียของเหลว เช่น กาแฟ ชา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    -ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิดบางชนิดและสารยับยั้ง ACE เช่น ลิซิโนพริล

    -การสูบบุหรี่

    จะกำจัดเมือกในคอได้อย่างไร

    หากการผลิตเมือกในคอมากเกินไปเกิดขึ้นเป็นประจำและไม่สบายตัว ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพเพื่อรับการวินิจฉัยและแผนการรักษาอย่างครบถ้วน

    วิธีการเยียวยาที่บ้านสำหรับเสมหะในลำคอ

    • กลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่น: สามารถช่วยขจัดเสมหะจากด้านหลังลำคอและอาจช่วยฆ่าเชื้อโรคได้

    • ประคบร้อนบริเวณโพรงจมูกด้านนอกและบริเวณลำคอ: สามารถทำให้เสมหะเบาบางลงได้

    • สูดดมน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์ร้อน ยูคาลิปตัส เปเปอร์มินต์ เปลือกมะนาวหรือเปลือกส้ม หอมแดง

    •เพิ่มความชื้นในอากาศ: ความชื้นในอากาศสามารถช่วยให้เสมหะของคุณบางลงได้

    • ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะน้ำเปล่า สามารถช่วยคลายการคัดจมูกและช่วยให้เสมหะไหลได้ ของเหลวที่อุ่นอาจมีประสิทธิผล แต่ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

    • ยกศีรษะขึ้น: การนอนราบอาจทำให้รู้สึกเหมือนมีเสมหะสะสมอยู่ด้านหลังลำคอ

    • หลีกเลี่ยงยาแก้คัดจมูก: แม้ว่ายาแก้คัดจมูกจะทำให้สารคัดหลั่งแห้ง แต่ก็อาจทำให้การขับเสมหะออกได้ยากขึ้น

    • หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง น้ำหอม สารเคมี และมลพิษ: สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เยื่อเมือกเกิดการระคายเคือง ส่งผลให้ร่างกายผลิตเสมหะเพิ่มขึ้น

    • หากคุณสูบบุหรี่ ให้พยายามเลิกบุหรี่ การเลิกบุหรี่มีประโยชน์ โดยเฉพาะกับโรคปอดเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืดหรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง

    • ลองรับประทานอาหารบางชนิดที่มีฤทธิ์ร้อน: กระเทียม ข่า ขิง ขมิ้น ตะใคร้ พริกและผักที่มีกากใยสูง อาจช่วยลดเสมหะได้

    อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงหรือผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งอาจทำให้เสมหะแย่ลง

    ต้องกังวลเกี่ยวกับเสมหะในลำคอเมื่อใด

    การมีเสมหะไม่จำเป็นต้องหมายความว่าคุณมีบางอย่างผิดปกติ แต่เป็นวิธีที่ร่างกายขับสารระคายเคืองในลำคอและโพรงจมูก

    อย่างไรก็ตาม หากคุณไอออกมาแล้วอาการไม่ดีขึ้น อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรืออาการอื่น

    นัดพบแพทย์หากคุณมีอาการเหล่านี้:

    • เสมหะไม่หายไป

    • เสมหะเหนียวขึ้น

    • เสมหะมีปริมาตรเพิ่มขึ้นหรือเปลี่ยนสี

    • คุณมีไข้

    • คุณมีอาการเจ็บหน้าอก

    • คุณหายใจไม่ออก

    • คุณไอเป็นเลือด

    • คุณมีอาการหายใจมีเสียงหวีด

    สัญญาณเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงอาการป่วยที่รุนแรงกว่า เช่น ปอดบวม โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ไข้หวัดใหญ่ หรือ COVID-19

    ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ

    Glube
    Whole c
    ชาขิงขมิ้น

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง
    Cr. Santi Manadee
    #เสมหะในลำคอมากเกินไป (excess mucus) เมื่อคุณหายใจ อาจจะมีสารก่อภูมิแพ้ ไวรัส ฝุ่นละอองและเศษต่างๆ เกาะติดอยู่ในโพรงจมูกของคุณ จากนั้นร่างกายจะสร้างเม็ดเลือดขาวออกมากำจัดและจะขับออกจากร่างกายไป บางครั้ง ร่างกายของคุณอาจสร้างเสมหะในลำคอมากเกินไป ทำให้ต้องกำจัดเสมหะออกบ่อยครั้ง เสมหะเกิดขึ้นในจมูกหรือทางเดินหายใจส่วนล่างเพื่อตอบสนองต่อการอักเสบ โดยเกิดจากเยื่อเมือกที่ไหลจากจมูกไปยังปอด การที่ร่างกายมีการกระทำแบบนี้ เขามีจุดประสงค์เพื่อปกป้องระบบทางเดินหายใจของคุณโดยการหล่อลื่นและกรองเสมหะ มีภาวะสุขภาพหลายอย่างที่สามารถกระตุ้นให้มีการผลิตเมือกในคอมากเกินไป เช่น: • กรดไหลย้อน • ภูมิแพ้ • หอบหืด • การติดเชื้อ เช่น ไข้หวัดธรรมดา • โรคปอด เช่น หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ปอดบวม โรคซีสต์ฟิโบรซิส และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) การผลิตเมือกในคอมากเกินไปอาจเกิดจากไลฟ์สไตล์และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมบางประการ เช่น: -สภาพแวดล้อมในร่มที่แห้ง -สภาวะแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่นและควัน -การบริโภคน้ำและของเหลวอื่นๆ น้อยเกินไป -การบริโภคของเหลวมากเกินไปซึ่งอาจทำให้สูญเสียของเหลว เช่น กาแฟ ชา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ -ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิดบางชนิดและสารยับยั้ง ACE เช่น ลิซิโนพริล -การสูบบุหรี่ จะกำจัดเมือกในคอได้อย่างไร หากการผลิตเมือกในคอมากเกินไปเกิดขึ้นเป็นประจำและไม่สบายตัว ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพเพื่อรับการวินิจฉัยและแผนการรักษาอย่างครบถ้วน วิธีการเยียวยาที่บ้านสำหรับเสมหะในลำคอ • กลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่น: สามารถช่วยขจัดเสมหะจากด้านหลังลำคอและอาจช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ • ประคบร้อนบริเวณโพรงจมูกด้านนอกและบริเวณลำคอ: สามารถทำให้เสมหะเบาบางลงได้ • สูดดมน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์ร้อน ยูคาลิปตัส เปเปอร์มินต์ เปลือกมะนาวหรือเปลือกส้ม หอมแดง •เพิ่มความชื้นในอากาศ: ความชื้นในอากาศสามารถช่วยให้เสมหะของคุณบางลงได้ • ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะน้ำเปล่า สามารถช่วยคลายการคัดจมูกและช่วยให้เสมหะไหลได้ ของเหลวที่อุ่นอาจมีประสิทธิผล แต่ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน • ยกศีรษะขึ้น: การนอนราบอาจทำให้รู้สึกเหมือนมีเสมหะสะสมอยู่ด้านหลังลำคอ • หลีกเลี่ยงยาแก้คัดจมูก: แม้ว่ายาแก้คัดจมูกจะทำให้สารคัดหลั่งแห้ง แต่ก็อาจทำให้การขับเสมหะออกได้ยากขึ้น • หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง น้ำหอม สารเคมี และมลพิษ: สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เยื่อเมือกเกิดการระคายเคือง ส่งผลให้ร่างกายผลิตเสมหะเพิ่มขึ้น • หากคุณสูบบุหรี่ ให้พยายามเลิกบุหรี่ การเลิกบุหรี่มีประโยชน์ โดยเฉพาะกับโรคปอดเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืดหรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง • ลองรับประทานอาหารบางชนิดที่มีฤทธิ์ร้อน: กระเทียม ข่า ขิง ขมิ้น ตะใคร้ พริกและผักที่มีกากใยสูง อาจช่วยลดเสมหะได้ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูงหรือผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งอาจทำให้เสมหะแย่ลง ต้องกังวลเกี่ยวกับเสมหะในลำคอเมื่อใด การมีเสมหะไม่จำเป็นต้องหมายความว่าคุณมีบางอย่างผิดปกติ แต่เป็นวิธีที่ร่างกายขับสารระคายเคืองในลำคอและโพรงจมูก อย่างไรก็ตาม หากคุณไอออกมาแล้วอาการไม่ดีขึ้น อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรืออาการอื่น นัดพบแพทย์หากคุณมีอาการเหล่านี้: • เสมหะไม่หายไป • เสมหะเหนียวขึ้น • เสมหะมีปริมาตรเพิ่มขึ้นหรือเปลี่ยนสี • คุณมีไข้ • คุณมีอาการเจ็บหน้าอก • คุณหายใจไม่ออก • คุณไอเป็นเลือด • คุณมีอาการหายใจมีเสียงหวีด สัญญาณเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงอาการป่วยที่รุนแรงกว่า เช่น ปอดบวม โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ไข้หวัดใหญ่ หรือ COVID-19 ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำ Glube Whole c ชาขิงขมิ้น ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7/1/68

    "...ผู้มีวาสนาต่อกันเท่านั้น จึงจะผูกพันต่อกัน..."

    คุณเชื่อเรื่องวาสนาต่อกันไหม
    ทำไมคนบางคนจึงได้เป็นกัลยาณมิตร
    ต่อกัน ชี้ชวนแนะนำกันไปทำความดี
    ชวนได้โดยง่ายดาย..

    แต่กับอีกหลายคนชวนเท่าไรก็ไม่ไป
    สอนกล่าวตักเตือนก็ไม่ฟัง
    ดีกับเขาเขาก็ไม่มีวันดีตอบ
    กลับคิดว่าเราประสงค์ร้าย
    ไม่เห็นความหวังดีของเรา

    ไม่ต้องกังวลเดือดร้อนใจไป
    ทุกคนมีบุพกรรมของตนเอง ต้องเคยมีปัจจัยผูก
    ฝ่ายกุศลต่อกัน ก็จะเป็นกัลยาณมิตรกัน
    พระพุทธเจ้าก็มีสิ่งที่แม้พระองค์ก็ทำไม่ได้
    สามอย่างที่บันทึกไว้ในมหายาน

    สามประการที่ว่าคือ..

    1. ไม่สามารถโปรดสัตว์ที่ไม่มีวาสนาต่อพระองค์
    2. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกรรมของสัตว์
    3. ไม่สามารถโปรดสัตว์ให้สิ้นได้
    .
    วันหนึ่งพระศากยมุนีพุทธเจ้า กำลังแสดงธรรมอยู่
    แล้วทันใดนั้นพระพุทธองค์กล่าวแก่พระอานนท์ว่า
    “อานนท์เธอเอาถังน้ำใบหนึ่ง ไปเบื้องหน้า
    ตามทางจะมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
    มีหญิงชรานางหนึ่งกำลังซักเสื้อผ้าอยู่
    ขอน้ำนางกลับมาถังหนึ่ง แต่จำไว้ ..
    ต้องแสดงกิริยาสุภาพกับนางด้วย”

    พระอานนท์รับคำ แล้วก็นำถังน้ำเปล่า
    เดินไปทางที่พระพุทธองค์ทรงบอก คิดในใจว่า
    เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ยากเย็นอะไร
    ก็ไปถึงหมู่บ้านแห่งนั้น เห็นสตรีชราผมขาวนางหนึ่ง
    กำลังซักผ้าอยู่จริงๆ พระอานนท์จึงกล่าวปิยวาจา
    ขอน้ำจากหญิงชรานั้นอย่างสุภาพ
    “แม่เฒ่า แม่เฒ่า ข้าอยากจะขอน้ำสักถังจะได้ไหม”

    หญิงชรานั้น เมื่อได้เห็นพระอานนท์
    เหมือนไม่รู้ไปโกรธใครมา “ไม่ได้หรอก น้ำในบ่อนี้
    ใช้ได้แต่คนที่ในหมู่บ้านนี้เท่านั้น คนอื่นห้ามตักเชียวนะ ไม่ให้ๆ” แถมยังไล่พระอานนท์อีกเสียอย่างนั้น

    พระอานนท์จะอ้อนวอนขอนางอย่างไรก็ไม่เป็นผล
    พระอานนท์สิ้นหนทาง ก็เดินถือถังเปล่ากลับไป
    เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ แล้วแจ้งความตามที่เกิด

    พระพุทธองค์ทรงพยักหน้ารับ
    แล้วบอกให้พระอานนท์นั่งลง
    แล้วขอให้พระสารีบุตรไปทำแทน

    พระสารีบุตรก็กล่าวเช่นเดียวกัน
    “แม่เฒ่า แม่เฒ่า ข้าอยากจะขอน้ำสักถังจะได้ไหม”
    ก็น่าแปลกใจ สตรีชรานางนั้นเมื่อได้เห็นพระสารีบุตร ก็ทำหน้าเหมือนได้พบกับญาติที่ไม่ได้เจอกันเนิ่นนาน ไม่โกรธ ไม่โวยวาย แถมยังกล่าวตอบด้วยดีๆ

    “ได้ๆๆ เอาเลย ตามสบายเลยพระคุณเจ้า
    มาๆ ข้าช่วยท่านตักน้ำดีกว่า”
    ก่อนที่พระสารีบุตรจะกลับ นางก็กุลีกุจอกลับบ้าน
    รีบกลับไปเอาสิ่งของมาถวายพระสารีบุตรให้พระสารีบุตร นำกลับไปอีก เมื่อพระสารีบุตรรับน้ำมาถวายพระพุทธเจ้าแล้ว ก็บอกให้พระสารีบุตรนั่งลง

    พระอานนท์สงสัยเป็นกำลัง จึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้า
    “ด้วยเหตุอะไร จึงเป็นเช่นนี้พระพุทธเจ้าข้า”

    "ที่นางปฏิบัติกับเจ้าทั้งสองแตกต่างกันเช่นนี้
    เพราะในชาติอันล่วงมาแล้ว สตรีชรานางนี้
    มีสภาพเป็นเดรัจฉาน เกิดเป็นหนูตัวหนึ่ง
    แล้วนางก็ตายอยู่บนถนน
    พระอานนท์ในชาตินั้นเป็นพ่อค้าผ่านทางมา
    เมื่อได้เห็นซากของหนูตัวนั้นตายอยู่
    ในใจของพระอานนท์ก็เกิดความรู้สึกสะอิดสะเอียน
    เดินเอามือปิดจมูกแล้วจากไป

    แต่ตรงกันข้ามกับพระสารีบุตร
    เมื่อพระสารีบุตรได้เห็นซากหนูตัวนั้น
    ก็ให้บังเกิดจิตเวทนาสงสาร ซ้ำยังเอาซากหนูตัวนั้น
    ไปฝังกลบอย่างดี เมื่อชาตินี้พวกเจ้าได้พบกันอีกครั้ง
    สิ่งที่นางปฏิบัติต่อเจ้าทั้งสองจึงมีความแตกต่างกันเช่นนี้"

    จิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราต้องรอบคอบ
    ไม่ก้าวล่วงผู้อื่นแม้ความคิด

    จากมหาปรัชญาปารมิโตปเทศน์ มีบันทึกไว้ว่า ..
    พระพุทธเจ้าพร้อมพระอานนท์ เดินบิณฑบาต
    ในเมืองไวศาลี พระอานนท์มองเห็นสตรีนางหนึ่ง
    ยากจนข้นแค้นเป็นที่น่าสงสาร
    พระอานนท์ทูลขอให้พระพุทธองค์ไปโปรดนาง
    พระพุทธองค์ตรัสว่า “เรากับนางไม่มีเหตุปัจจัยผูกต่อกัน ดังนั้นนางก็จะไม่ศรัทธาในเรา เราก็ไม่สามารถที่จะโปรดนางได้”

    พระอานนท์รบเร้าอยู่ถึงสามครั้ง
    พระพุทธเจ้าจึงดำเนินไปหานาง เมื่อยืนต่อหน้านาง
    สตรีนางนั้นก็กลับหันหลัง ไม่สนใจพระพุทธเจ้า
    ไม่ว่าพระองค์จะเดินไปต่อหน้านางกี่ครั้ง
    นางก็จะหันหลังให้กับพระองค์ทุกครั้ง

    แม้พระพุทธองค์จะใช้ฤทธิ์ให้พระกาย
    ปรากฏขึ้นทั้งสี่ทิศพร้อมกัน สตรีนางนั้นก็ปิดตาเสีย
    ไม่มอง ไม่สนใจพระองค์

    พระอานนท์จังได้ประจักษ์แก่คำพูดของพระพุทธเจ้าที่ว่า ...
    “หากไร้วาสนา ไร้ปัจจัยผูกพันต่อกัน ไม่สามารถโปรดกันได้”

    แม้กับพระพุทธเจ้าเองก็ไม่มียกเว้น...

    Posted by Onnie 🦋
    7/1/68 "...ผู้มีวาสนาต่อกันเท่านั้น จึงจะผูกพันต่อกัน..." คุณเชื่อเรื่องวาสนาต่อกันไหม ทำไมคนบางคนจึงได้เป็นกัลยาณมิตร ต่อกัน ชี้ชวนแนะนำกันไปทำความดี ชวนได้โดยง่ายดาย.. แต่กับอีกหลายคนชวนเท่าไรก็ไม่ไป สอนกล่าวตักเตือนก็ไม่ฟัง ดีกับเขาเขาก็ไม่มีวันดีตอบ กลับคิดว่าเราประสงค์ร้าย ไม่เห็นความหวังดีของเรา ไม่ต้องกังวลเดือดร้อนใจไป ทุกคนมีบุพกรรมของตนเอง ต้องเคยมีปัจจัยผูก ฝ่ายกุศลต่อกัน ก็จะเป็นกัลยาณมิตรกัน พระพุทธเจ้าก็มีสิ่งที่แม้พระองค์ก็ทำไม่ได้ สามอย่างที่บันทึกไว้ในมหายาน สามประการที่ว่าคือ.. 1. ไม่สามารถโปรดสัตว์ที่ไม่มีวาสนาต่อพระองค์ 2. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกรรมของสัตว์ 3. ไม่สามารถโปรดสัตว์ให้สิ้นได้ . วันหนึ่งพระศากยมุนีพุทธเจ้า กำลังแสดงธรรมอยู่ แล้วทันใดนั้นพระพุทธองค์กล่าวแก่พระอานนท์ว่า “อานนท์เธอเอาถังน้ำใบหนึ่ง ไปเบื้องหน้า ตามทางจะมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีหญิงชรานางหนึ่งกำลังซักเสื้อผ้าอยู่ ขอน้ำนางกลับมาถังหนึ่ง แต่จำไว้ .. ต้องแสดงกิริยาสุภาพกับนางด้วย” พระอานนท์รับคำ แล้วก็นำถังน้ำเปล่า เดินไปทางที่พระพุทธองค์ทรงบอก คิดในใจว่า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ยากเย็นอะไร ก็ไปถึงหมู่บ้านแห่งนั้น เห็นสตรีชราผมขาวนางหนึ่ง กำลังซักผ้าอยู่จริงๆ พระอานนท์จึงกล่าวปิยวาจา ขอน้ำจากหญิงชรานั้นอย่างสุภาพ “แม่เฒ่า แม่เฒ่า ข้าอยากจะขอน้ำสักถังจะได้ไหม” หญิงชรานั้น เมื่อได้เห็นพระอานนท์ เหมือนไม่รู้ไปโกรธใครมา “ไม่ได้หรอก น้ำในบ่อนี้ ใช้ได้แต่คนที่ในหมู่บ้านนี้เท่านั้น คนอื่นห้ามตักเชียวนะ ไม่ให้ๆ” แถมยังไล่พระอานนท์อีกเสียอย่างนั้น พระอานนท์จะอ้อนวอนขอนางอย่างไรก็ไม่เป็นผล พระอานนท์สิ้นหนทาง ก็เดินถือถังเปล่ากลับไป เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ แล้วแจ้งความตามที่เกิด พระพุทธองค์ทรงพยักหน้ารับ แล้วบอกให้พระอานนท์นั่งลง แล้วขอให้พระสารีบุตรไปทำแทน พระสารีบุตรก็กล่าวเช่นเดียวกัน “แม่เฒ่า แม่เฒ่า ข้าอยากจะขอน้ำสักถังจะได้ไหม” ก็น่าแปลกใจ สตรีชรานางนั้นเมื่อได้เห็นพระสารีบุตร ก็ทำหน้าเหมือนได้พบกับญาติที่ไม่ได้เจอกันเนิ่นนาน ไม่โกรธ ไม่โวยวาย แถมยังกล่าวตอบด้วยดีๆ “ได้ๆๆ เอาเลย ตามสบายเลยพระคุณเจ้า มาๆ ข้าช่วยท่านตักน้ำดีกว่า” ก่อนที่พระสารีบุตรจะกลับ นางก็กุลีกุจอกลับบ้าน รีบกลับไปเอาสิ่งของมาถวายพระสารีบุตรให้พระสารีบุตร นำกลับไปอีก เมื่อพระสารีบุตรรับน้ำมาถวายพระพุทธเจ้าแล้ว ก็บอกให้พระสารีบุตรนั่งลง พระอานนท์สงสัยเป็นกำลัง จึงได้ทูลถามพระพุทธเจ้า “ด้วยเหตุอะไร จึงเป็นเช่นนี้พระพุทธเจ้าข้า” "ที่นางปฏิบัติกับเจ้าทั้งสองแตกต่างกันเช่นนี้ เพราะในชาติอันล่วงมาแล้ว สตรีชรานางนี้ มีสภาพเป็นเดรัจฉาน เกิดเป็นหนูตัวหนึ่ง แล้วนางก็ตายอยู่บนถนน พระอานนท์ในชาตินั้นเป็นพ่อค้าผ่านทางมา เมื่อได้เห็นซากของหนูตัวนั้นตายอยู่ ในใจของพระอานนท์ก็เกิดความรู้สึกสะอิดสะเอียน เดินเอามือปิดจมูกแล้วจากไป แต่ตรงกันข้ามกับพระสารีบุตร เมื่อพระสารีบุตรได้เห็นซากหนูตัวนั้น ก็ให้บังเกิดจิตเวทนาสงสาร ซ้ำยังเอาซากหนูตัวนั้น ไปฝังกลบอย่างดี เมื่อชาตินี้พวกเจ้าได้พบกันอีกครั้ง สิ่งที่นางปฏิบัติต่อเจ้าทั้งสองจึงมีความแตกต่างกันเช่นนี้" จิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราต้องรอบคอบ ไม่ก้าวล่วงผู้อื่นแม้ความคิด จากมหาปรัชญาปารมิโตปเทศน์ มีบันทึกไว้ว่า .. พระพุทธเจ้าพร้อมพระอานนท์ เดินบิณฑบาต ในเมืองไวศาลี พระอานนท์มองเห็นสตรีนางหนึ่ง ยากจนข้นแค้นเป็นที่น่าสงสาร พระอานนท์ทูลขอให้พระพุทธองค์ไปโปรดนาง พระพุทธองค์ตรัสว่า “เรากับนางไม่มีเหตุปัจจัยผูกต่อกัน ดังนั้นนางก็จะไม่ศรัทธาในเรา เราก็ไม่สามารถที่จะโปรดนางได้” พระอานนท์รบเร้าอยู่ถึงสามครั้ง พระพุทธเจ้าจึงดำเนินไปหานาง เมื่อยืนต่อหน้านาง สตรีนางนั้นก็กลับหันหลัง ไม่สนใจพระพุทธเจ้า ไม่ว่าพระองค์จะเดินไปต่อหน้านางกี่ครั้ง นางก็จะหันหลังให้กับพระองค์ทุกครั้ง แม้พระพุทธองค์จะใช้ฤทธิ์ให้พระกาย ปรากฏขึ้นทั้งสี่ทิศพร้อมกัน สตรีนางนั้นก็ปิดตาเสีย ไม่มอง ไม่สนใจพระองค์ พระอานนท์จังได้ประจักษ์แก่คำพูดของพระพุทธเจ้าที่ว่า ... “หากไร้วาสนา ไร้ปัจจัยผูกพันต่อกัน ไม่สามารถโปรดกันได้” แม้กับพระพุทธเจ้าเองก็ไม่มียกเว้น... Posted by Onnie 🦋
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลดไขมัน(ส่วนเกิน)ออกจากร่าง ทำได้โดย
    1. งดน้ำตาล และ แป้งขัดขาว
    2. ทำ IF
    3. ออกกำลังกายน้อย ได้ผลมาก ด้วย HIIT
    เช่น กระโดดตบ 15 พัก 30 *5 Rep=Cardeo 1 Hr.
    4. เพิ่มโปรตีนในมื้ออาหาร ช่วยให้อิ่มนาน
    5. นอนหลับให้เพียงพอ+มีคุณภาพ GHเพิ่มลดfat
    6. ดื่มน้ำเปล่าช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ถึง 30%
    ลดไขมัน(ส่วนเกิน)ออกจากร่าง ทำได้โดย 1. งดน้ำตาล และ แป้งขัดขาว 2. ทำ IF 3. ออกกำลังกายน้อย ได้ผลมาก ด้วย HIIT เช่น กระโดดตบ 15 พัก 30 *5 Rep=Cardeo 1 Hr. 4. เพิ่มโปรตีนในมื้ออาหาร ช่วยให้อิ่มนาน 5. นอนหลับให้เพียงพอ+มีคุณภาพ GHเพิ่มลดfat 6. ดื่มน้ำเปล่าช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ถึง 30%
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4/1/68

    สมอง
    กระตุ้นกานกำจัดขยะในสมอง
    ป้องกันสมองเสื่อม

    ร่างกายมนุษย์มีระบบกำจัดของเสียด้วยระบบน้ำเหลือง แต่สมองซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดกลับไม่มีระบบนี้ แล้วสมองกำจัดขยะและของเสียได้อย่างไร?

    Top to Toe ชวนทำความรู้จักการทำงานของ Glymphatic System หรือระบบกำจัดขยะในสมอง ซึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้สมองกำจัดขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ การมีช่วงเวลาหลับลึกที่มากขึ้น และการออกกำลังกายเพื่อช่วยกระตุ้นระบบ Autophagy แล้วจะปรับพฤติกรรมทั้งตอนหลับและตอนตื่นเพื่อช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้อย่างไร ฟังคำตอบได้ในเอพิโสดนี้!

    Time Index
    00:00 สมองทำงานหนักสร้างขยะ
    03:51 สมองกำจัดขยะได้อย่างไร
    06:26 Glymphatic System ระบบกำจัดขยะในสมองทำงานอย่างไร
    11:18 ช่วงหลับลึกและแพตเทิร์นการนอนช่วยกำจัดขยะในสมอง
    13:48 ออกกำลังกายช่วยกำจัดขยะในสมองได้อย่างไร
    15:00 ช่วยสมองกำจัดขยะภายในเซลล์ทำอย่างไร

    กดติดตาม และ กดกระดิ่ง: https://bit.ly/45KZn3w

    https://youtu.be/HBd9OnsFKZ8?si=L2fy49I6zJrt6Yqd

    cr:The Standard Podcast

    สรุป(ของผู้นกเสนอ)
    1.นอนหลับลีก
    2.ออกกำลังกาย
    3.หยุดเอาน้ำตาล& โปรตีนเข้าร่างกาย คือการทำ IF หมายถึงการหยุดทานอาหารทุกชนิด ช่วงเวลาหนึ่ง คือ ไม่ทานอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่าคือระหว่างมื้ออาหารนั่นเอง

    สมองถึงจะมีโอกายกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้ ทำให้ชะลอการเสื่อมที่จะเป็นโรคสมองเสื่อม พาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์
    จึงมีคำพูดว่า กินมาก ตายเร็ว(แก่เร็ว เพราะของเสียเยอะนั่นเอง)

    #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์

    รับชมวีดิโอ
    https://youtu.be/HBd9OnsFKZ8?si=L2fy49I6zJrt6Yqd
    4/1/68 สมอง กระตุ้นกานกำจัดขยะในสมอง ป้องกันสมองเสื่อม ร่างกายมนุษย์มีระบบกำจัดของเสียด้วยระบบน้ำเหลือง แต่สมองซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดกลับไม่มีระบบนี้ แล้วสมองกำจัดขยะและของเสียได้อย่างไร? Top to Toe ชวนทำความรู้จักการทำงานของ Glymphatic System หรือระบบกำจัดขยะในสมอง ซึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้สมองกำจัดขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ การมีช่วงเวลาหลับลึกที่มากขึ้น และการออกกำลังกายเพื่อช่วยกระตุ้นระบบ Autophagy แล้วจะปรับพฤติกรรมทั้งตอนหลับและตอนตื่นเพื่อช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้อย่างไร ฟังคำตอบได้ในเอพิโสดนี้! Time Index 00:00 สมองทำงานหนักสร้างขยะ 03:51 สมองกำจัดขยะได้อย่างไร 06:26 Glymphatic System ระบบกำจัดขยะในสมองทำงานอย่างไร 11:18 ช่วงหลับลึกและแพตเทิร์นการนอนช่วยกำจัดขยะในสมอง 13:48 ออกกำลังกายช่วยกำจัดขยะในสมองได้อย่างไร 15:00 ช่วยสมองกำจัดขยะภายในเซลล์ทำอย่างไร กดติดตาม และ กดกระดิ่ง: https://bit.ly/45KZn3w https://youtu.be/HBd9OnsFKZ8?si=L2fy49I6zJrt6Yqd cr:The Standard Podcast สรุป(ของผู้นกเสนอ) 1.นอนหลับลีก 2.ออกกำลังกาย 3.หยุดเอาน้ำตาล& โปรตีนเข้าร่างกาย คือการทำ IF หมายถึงการหยุดทานอาหารทุกชนิด ช่วงเวลาหนึ่ง คือ ไม่ทานอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่าคือระหว่างมื้ออาหารนั่นเอง สมองถึงจะมีโอกายกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้ ทำให้ชะลอการเสื่อมที่จะเป็นโรคสมองเสื่อม พาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ จึงมีคำพูดว่า กินมาก ตายเร็ว(แก่เร็ว เพราะของเสียเยอะนั่นเอง) #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์ รับชมวีดิโอ https://youtu.be/HBd9OnsFKZ8?si=L2fy49I6zJrt6Yqd
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • เข้าใจกลไกการออกดอก+ป้องกันดอกร่วง(มะนาว)

    กลไก..การออกดอกของไม้ผล คือ C/N RATIO

    หลักการ C:N Ratio พิจารณาได้ 3 กรณี
    1.1) N สูงกว่า C
    ฤดูฝน..ฝนตก หรือการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน(สูงๆ) ต้นไม้จะเร่งการเติบโต แตกยอด ออกใบใหม่
    1.2) C สูงกว่า N *******
    จะเกิดในปีที่ฝนแล้ง หรือ #ใส่ปุ๋ยโยกหลัง #ธาตุอาหารโพแทสเซียมจะมีฤทธิ์ไปตัดกับฤทธิ์ของไนโตรเจนทำให้ไนโตรเจนตกลง --->ส่งผลให้ฟอสฟอรัสมีค่าสูงขึ้น ซึ่งฟอสฟอรัสเป็นธาตุอาหารที่จะช่วยกระตุ้นให้ออกดอกผล แต่อย่างไรก็ตามการจะทำให้โพแทสเซียมทำงานได้ดี เราจะต้องใส่แคลเซียม โบรอนเข้าไปด้วย
    1.3) C เท่ากับ N จะเกิดลูกแซมดอก (มักจะเกิดช่วงทำดอกแล้วฝนตกใส่)
    ดังนั้นการเพิ่มปริมาณ C และ การลดปริมาณ N จึงเป็นเรื่องสำคัญต่อการออกดอกผลของต้นไม้อย่างยิ่ง.

    ----------------------------------
    มะนาวออกดอก ขาวโพลนเต็มต้นได้ในช่วงนี้
    ปกป้อง กันการร่วงของดอก..ด้วย

    #น้ำตาลกลูโคส 2 ช้อนโต๊ะ #M150 2ฝา #เหล้าขาว ๕๐CC. #น้ำเปล่า ๒๐ลิตร ฉีดในช่วงเช้า(แดดอ่อน)หรือในตอนเย็นก็ได้ ทุก 7วัน
    (ยกเว้น..ในช่วงดอกบาน...ห้ามฉีด) อย่างเช่น ในวันนี้(ตามภาพ)
    จะช่วยให้ขั้วเหนียว ดอกไม่ร่วง...ได้ผลดี
    เข้าใจกลไกการออกดอก+ป้องกันดอกร่วง(มะนาว) กลไก..การออกดอกของไม้ผล คือ C/N RATIO หลักการ C:N Ratio พิจารณาได้ 3 กรณี 1.1) N สูงกว่า C ฤดูฝน..ฝนตก หรือการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน(สูงๆ) ต้นไม้จะเร่งการเติบโต แตกยอด ออกใบใหม่ 1.2) C สูงกว่า N ******* จะเกิดในปีที่ฝนแล้ง หรือ #ใส่ปุ๋ยโยกหลัง #ธาตุอาหารโพแทสเซียมจะมีฤทธิ์ไปตัดกับฤทธิ์ของไนโตรเจนทำให้ไนโตรเจนตกลง --->ส่งผลให้ฟอสฟอรัสมีค่าสูงขึ้น ซึ่งฟอสฟอรัสเป็นธาตุอาหารที่จะช่วยกระตุ้นให้ออกดอกผล แต่อย่างไรก็ตามการจะทำให้โพแทสเซียมทำงานได้ดี เราจะต้องใส่แคลเซียม โบรอนเข้าไปด้วย 1.3) C เท่ากับ N จะเกิดลูกแซมดอก (มักจะเกิดช่วงทำดอกแล้วฝนตกใส่) ดังนั้นการเพิ่มปริมาณ C และ การลดปริมาณ N จึงเป็นเรื่องสำคัญต่อการออกดอกผลของต้นไม้อย่างยิ่ง. ---------------------------------- มะนาวออกดอก ขาวโพลนเต็มต้นได้ในช่วงนี้ ปกป้อง กันการร่วงของดอก..ด้วย #น้ำตาลกลูโคส 2 ช้อนโต๊ะ #M150 2ฝา #เหล้าขาว ๕๐CC. #น้ำเปล่า ๒๐ลิตร ฉีดในช่วงเช้า(แดดอ่อน)หรือในตอนเย็นก็ได้ ทุก 7วัน (ยกเว้น..ในช่วงดอกบาน...ห้ามฉีด) อย่างเช่น ในวันนี้(ตามภาพ) จะช่วยให้ขั้วเหนียว ดอกไม่ร่วง...ได้ผลดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/12/67

    โรคไตดื่มน้ำอะไรถึงดีต่อไต

    https://youtu.be/8yFhZ0aDTmc?si=gPaJFjhj__8sQaCz

    น้ำเปล่าดีที่สุด


    cr:พญ.กัลย์กมล
    3/12/67 โรคไตดื่มน้ำอะไรถึงดีต่อไต https://youtu.be/8yFhZ0aDTmc?si=gPaJFjhj__8sQaCz น้ำเปล่าดีที่สุด cr:พญ.กัลย์กมล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถั่วแดง(แช่น้ำ)..อาหารลดน้ำหนัก


    เมื่อนำถั่วแดง(หลวง)..มาซาว ล้างน้ำสะอาดหลายๆรอบ แล้วแช่ในน้ำอาคาไลน์ pH=8.5 เป็นเวลา 12 ชั่วโมง โดยไม่ผ่านความร้อน #ถั่วถูกกระตุ้นด้วยความชื้น ทำให้เกิดเอ็นไซม์การงอก ดูดน้ำเข้าไปเกิดปฏิกิริยาทางชีวเคมี เปลี่ยนสารอาหารภายในเมล็ด เช่น #เปลี่ยนโปรตีนให้เป็นกรดอะมีโน #เปลี่ยนแป้งให้เป็นกลูโคส วิตามิน และเกลือเเร่ต่างๆ

    น้ำด่าง ทำหน้าเป็นตัวทำละลายที่ดีมากกว่าน้ำก๊อก ช่วยล้างกำจัด #สารพิษป้องกันเมล็ด เช่น Phytic acid, Polyphenol และ #ทำลายเอ็นไซม์ที่ไม่ดี..ออกไป #เปลี่ยนโปรตีนให้อยู่ในรูปที่ร่างกายคนเรา ดูดซึม นำไปใช้ได้เมล็ดถั่วจะ #ปล่อยเอ็นไซม์Lipase ออกมาช่วยให้ร่างกายเราสามารถย่อยไขมันตัวดี ทำลายไขมันตัวร้าย ร่างกายจึงปลอดภัยจากปัญหาไขมันในเส้นเลือด โรคหลอดเลือดและหัวใจ.

    เมื่อแช่ครบเวลา ถั่วจะนิ่ม มีรสมัน หากมั่นใจในกระบวนการปลอดเชื้อ ไม่มีจุลินทรีย์อื่น ให้ล้างน้ำเปล่า กินดิบๆได้สารอาหาร และ #มีเอ็นไซม์(พลังชีวิต)ครบถ้วน

    ถ้าไม่มั่นใจในความสะอาด ให้ต้มถั่วให้เดือด..ป้องกันโรคท้องเสีย ท้องเดิน โดยกินแบบDead Food แนะนำให้ใช้กระบวนการลดค่าน้ำตาลและพาสเจอร์ไรซ์ โดยเติมน้ำมันมะพร้าวในขณะที่ต้ม (สัดส่วน = 1ช้อนโต๊ะ ต่อ ถั่ว 1 ถ้วย) พอต้มถั่วสุก ทิ้งไว้ให้เย็น นำเข้าตู้เย็น แช่เย็น 12 ชั่วโมง แล้วนำมาอุ่นกิน จะทำให้แป้งในเมล็ดถั่ว เปลี่ยนเป็นโมเลกุลที่ซับซ้อน ย่อยยาก #ป้องกันการดูดซึมในลำไส้เล็ก #เป็นอาหารชั้นดีของโปรไบโอติกแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ และแบคทีเรียเหล่านี้จะขับถ่ายออกมาเป็นกรด ซึ่ง #สามารถทำลายและยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคนานาชนิดได้ ที่เรียกว่า.."ภูมิคุ้มกัน"(นั่นเอง).
    

    จุดสำคัญ คือ คุณสมบัติที่เส้นใยอาหารสูงดูดซับน้ำและพองตัวได้ดี ทำให้รู้สึกอิ่มทน อิ่มนาน ลดอาการหิวโหย กินจุบกินจิบ..ลงได้
    .
    .
    Pachäree Wõng
    November20, 2024
    Sausalito, California.
    ถั่วแดง(แช่น้ำ)..อาหารลดน้ำหนัก เมื่อนำถั่วแดง(หลวง)..มาซาว ล้างน้ำสะอาดหลายๆรอบ แล้วแช่ในน้ำอาคาไลน์ pH=8.5 เป็นเวลา 12 ชั่วโมง โดยไม่ผ่านความร้อน #ถั่วถูกกระตุ้นด้วยความชื้น ทำให้เกิดเอ็นไซม์การงอก ดูดน้ำเข้าไปเกิดปฏิกิริยาทางชีวเคมี เปลี่ยนสารอาหารภายในเมล็ด เช่น #เปลี่ยนโปรตีนให้เป็นกรดอะมีโน #เปลี่ยนแป้งให้เป็นกลูโคส วิตามิน และเกลือเเร่ต่างๆ น้ำด่าง ทำหน้าเป็นตัวทำละลายที่ดีมากกว่าน้ำก๊อก ช่วยล้างกำจัด #สารพิษป้องกันเมล็ด เช่น Phytic acid, Polyphenol และ #ทำลายเอ็นไซม์ที่ไม่ดี..ออกไป #เปลี่ยนโปรตีนให้อยู่ในรูปที่ร่างกายคนเรา ดูดซึม นำไปใช้ได้เมล็ดถั่วจะ #ปล่อยเอ็นไซม์Lipase ออกมาช่วยให้ร่างกายเราสามารถย่อยไขมันตัวดี ทำลายไขมันตัวร้าย ร่างกายจึงปลอดภัยจากปัญหาไขมันในเส้นเลือด โรคหลอดเลือดและหัวใจ. เมื่อแช่ครบเวลา ถั่วจะนิ่ม มีรสมัน หากมั่นใจในกระบวนการปลอดเชื้อ ไม่มีจุลินทรีย์อื่น ให้ล้างน้ำเปล่า กินดิบๆได้สารอาหาร และ #มีเอ็นไซม์(พลังชีวิต)ครบถ้วน ถ้าไม่มั่นใจในความสะอาด ให้ต้มถั่วให้เดือด..ป้องกันโรคท้องเสีย ท้องเดิน โดยกินแบบDead Food แนะนำให้ใช้กระบวนการลดค่าน้ำตาลและพาสเจอร์ไรซ์ โดยเติมน้ำมันมะพร้าวในขณะที่ต้ม (สัดส่วน = 1ช้อนโต๊ะ ต่อ ถั่ว 1 ถ้วย) พอต้มถั่วสุก ทิ้งไว้ให้เย็น นำเข้าตู้เย็น แช่เย็น 12 ชั่วโมง แล้วนำมาอุ่นกิน จะทำให้แป้งในเมล็ดถั่ว เปลี่ยนเป็นโมเลกุลที่ซับซ้อน ย่อยยาก #ป้องกันการดูดซึมในลำไส้เล็ก #เป็นอาหารชั้นดีของโปรไบโอติกแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ และแบคทีเรียเหล่านี้จะขับถ่ายออกมาเป็นกรด ซึ่ง #สามารถทำลายและยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคนานาชนิดได้ ที่เรียกว่า.."ภูมิคุ้มกัน"(นั่นเอง).  จุดสำคัญ คือ คุณสมบัติที่เส้นใยอาหารสูงดูดซับน้ำและพองตัวได้ดี ทำให้รู้สึกอิ่มทน อิ่มนาน ลดอาการหิวโหย กินจุบกินจิบ..ลงได้ . . Pachäree Wõng November20, 2024 Sausalito, California.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 707 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิ่มอร่อยไม่อั้น ที่ โรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์ กับ All New Seafood with Crab Omakase พร้อมซีฟู้ดไลน์แบบจัดเต็ม เช่น กุ้งแม่น้ำ, กุ้งลายเสือ, หอยนางรม, ปลาหมึกไข่ และเมนูอื่นอีกหลากหลาย ให้อิ่มจุกถึง 4.30 ชั่วโมง จุใจ แบบไม่อั้น

    ราคา : 1,199 net/ท่าน (รวมน้ำเปล่า) ปกติ 2,599 บาท
    ระยะเวลาโปรโมชั่น : ทุกคืนวันศุกร์-วันเสาร์ เวลา 17.30 – 22.00 น.
    ที่อยู่ : โรงแรม Novotel Bangkok on Siam Square
    392/44 สยามสแควร์ ซอย 6 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
    พิกัด : https://maps.app.goo.gl/6goGeV19h2XedySG7

    #บุฟเฟ่ต์โรงแรม #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    อิ่มอร่อยไม่อั้น ที่ โรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์ กับ All New Seafood with Crab Omakase พร้อมซีฟู้ดไลน์แบบจัดเต็ม เช่น กุ้งแม่น้ำ, กุ้งลายเสือ, หอยนางรม, ปลาหมึกไข่ และเมนูอื่นอีกหลากหลาย ให้อิ่มจุกถึง 4.30 ชั่วโมง จุใจ แบบไม่อั้น ราคา : 1,199 net/ท่าน (รวมน้ำเปล่า) ปกติ 2,599 บาท ระยะเวลาโปรโมชั่น : ทุกคืนวันศุกร์-วันเสาร์ เวลา 17.30 – 22.00 น. ที่อยู่ : โรงแรม Novotel Bangkok on Siam Square 392/44 สยามสแควร์ ซอย 6 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พิกัด : https://maps.app.goo.gl/6goGeV19h2XedySG7 #บุฟเฟ่ต์โรงแรม #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 554 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌱 #เทคนิคเด็ดดูแลกล้าเมล่อนให้แข็งแรง! 🍈

    วันที่ 2-3 หลังเพาะ: เมล็ดเมล่อนเริ่มงอก! 🌿
    แล้วจะดูแลอย่างไรให้กล้าเติบโตแข็งแรง? มาดูกัน!

    1️⃣ #แสงแดด: กุญแจสำคัญสู่กล้าแข็งแรง
    • ให้กล้าได้รับแสงแดดจัดทั้งวัน ☀️
    • แสงกระตุ้นการสังเคราะห์แสง เร่งการเจริญเติบโต
    • ช่วยป้องกันกล้าเน่า ลดความเสี่ยงโรคโคนเน่า

    2️⃣ #การให้น้ำ: สมดุลคือกุญแจ
    • หมั่นตรวจสอบความชื้นวัสดุเพาะ ไม่ให้แห้งเกินไป 💧
    • พ่นน้ำเปล่าสม่ำเสมอ แต่ระวังอย่าให้ชื้นแฉะ
    • เทคนิค: ใช้ละอองน้ำละเอียดเพื่อไม่ให้กล้าล้ม

    3️⃣ #การดูแลพิเศษ
    • หากเปลือกเมล็ดติดบนใบเลี้ยง ค่อยๆ แกะออกอย่างเบามือ ✋
    • ระวัง! การแกะผิดวิธีอาจทำให้ใบเลี้ยงฉีกขาดได้

    4️⃣ #ป้องกันศัตรูพืช
    • กำจัดมด 🐜 แมลง 🦟 และสัตว์รบกวนอื่นๆ
    • ใช้วิธีธรรมชาติ เช่น ใช้ไตรโคบิวพลัสพ่นป้องกันแมลง

    💡 รู้หรือไม่? กล้าเมล่อนที่แข็งแรงควรมีลำต้นอวบ ใบเขียวเข้ม และรากขาวแข็งแรง

    เพียง 7 วันจากนี้ กล้าของคุณจะพร้อมลงแปลงปลูก! 🌱➡️🏡

    ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมหรืออุปกรณ์คุณภาพสำหรับการปลูกเมล่อน?
    📞 ติดต่อเราได้ที่ 093-696-2691
    💬 หรือส่งข้อความมาที่ Inbox

    #เทคนิคปลูกเมล่อน #กล้าเมล่อนแข็งแรง #เกษตรอินทรีย์ #ลิตเติ้ลฟาร์ม
    🌱 #เทคนิคเด็ดดูแลกล้าเมล่อนให้แข็งแรง! 🍈 วันที่ 2-3 หลังเพาะ: เมล็ดเมล่อนเริ่มงอก! 🌿 แล้วจะดูแลอย่างไรให้กล้าเติบโตแข็งแรง? มาดูกัน! 1️⃣ #แสงแดด: กุญแจสำคัญสู่กล้าแข็งแรง • ให้กล้าได้รับแสงแดดจัดทั้งวัน ☀️ • แสงกระตุ้นการสังเคราะห์แสง เร่งการเจริญเติบโต • ช่วยป้องกันกล้าเน่า ลดความเสี่ยงโรคโคนเน่า 2️⃣ #การให้น้ำ: สมดุลคือกุญแจ • หมั่นตรวจสอบความชื้นวัสดุเพาะ ไม่ให้แห้งเกินไป 💧 • พ่นน้ำเปล่าสม่ำเสมอ แต่ระวังอย่าให้ชื้นแฉะ • เทคนิค: ใช้ละอองน้ำละเอียดเพื่อไม่ให้กล้าล้ม 3️⃣ #การดูแลพิเศษ • หากเปลือกเมล็ดติดบนใบเลี้ยง ค่อยๆ แกะออกอย่างเบามือ ✋ • ระวัง! การแกะผิดวิธีอาจทำให้ใบเลี้ยงฉีกขาดได้ 4️⃣ #ป้องกันศัตรูพืช • กำจัดมด 🐜 แมลง 🦟 และสัตว์รบกวนอื่นๆ • ใช้วิธีธรรมชาติ เช่น ใช้ไตรโคบิวพลัสพ่นป้องกันแมลง 💡 รู้หรือไม่? กล้าเมล่อนที่แข็งแรงควรมีลำต้นอวบ ใบเขียวเข้ม และรากขาวแข็งแรง เพียง 7 วันจากนี้ กล้าของคุณจะพร้อมลงแปลงปลูก! 🌱➡️🏡 ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมหรืออุปกรณ์คุณภาพสำหรับการปลูกเมล่อน? 📞 ติดต่อเราได้ที่ 093-696-2691 💬 หรือส่งข้อความมาที่ Inbox #เทคนิคปลูกเมล่อน #กล้าเมล่อนแข็งแรง #เกษตรอินทรีย์ #ลิตเติ้ลฟาร์ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=XmGbrDa1VeI
    บทสนทนาที่ร้านอาหาร
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาที่ร้านอาหาร
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #listeningtest #listening #conversations

    The conversations from the clip :
    Waiter: Good evening! Welcome to our restaurant. How many people are in your party?
    Customer: Good evening! It’s just two of us.
    Waiter: Great! Please follow me to your table. Here are your menus.
    Customer: Thank you! Can we start with some water, please?
    Waiter: Of course. Would you like sparkling or still water?
    Customer: Still water, please.
    Waiter: Sure. I’ll be right back with that. Have you decided on your order, or would you like a few more minutes?
    Customer: We’re ready to order. I’ll have the grilled salmon, and my friend will have the pasta primavera.
    Waiter: Excellent choice! Would you like any appetizers to start with?
    Customer: No, we’ll just have the main course, thank you.
    Waiter: No problem. And would you like anything to drink besides water?
    Customer: Yes, I’ll have a glass of white wine, and my friend will have a soda.
    Waiter: Perfect. I’ll bring your drinks and the food will be ready shortly.
    Customer: Thank you very much!
    Waiter: You’re welcome! If you need anything else, just let me know.

    พนักงานเสิร์ฟ: สวัสดีตอนเย็น! ยินดีต้อนรับสู่ร้านอาหารของเรา จำนวนคนในกลุ่มของคุณคือเท่าไหร่ครับ?
    ลูกค้า: สวัสดีตอนเย็น! มีแค่สองคนค่ะ
    พนักงานเสิร์ฟ: ดีมาก! กรุณาตามผมมาที่โต๊ะของคุณครับ นี่คือเมนูของคุณ
    ลูกค้า: ขอบคุณ! เราขอเริ่มด้วยน้ำสักหน่อยได้ไหมค่ะ?
    พนักงานเสิร์ฟ: แน่นอนครับ คุณต้องการน้ำแบบไหนครับ? น้ำเปล่าหรือว่าน้ำโซดา?
    ลูกค้า: น้ำเปล่าค่ะ
    พนักงานเสิร์ฟ: ได้เลยครับ ผมจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ คุณได้ตัดสินใจสั่งอาหารหรือยังครับ หรืออยากได้เวลาสักหน่อย?
    ลูกค้า: เราพร้อมที่จะสั่งแล้วค่ะ ฉันจะขอแซลมอนย่าง ส่วนเพื่อนของฉันจะขอพาสต้า primavera
    พนักงานเสิร์ฟ: ตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม! คุณต้องการอาหารเรียกน้ำย่อยไหมครับ?
    ลูกค้า: ไม่ค่ะ เราจะสั่งแค่จานหลัก ขอบคุณค่ะ
    พนักงานเสิร์ฟ: ไม่มีปัญหาครับ แล้วคุณต้องการเครื่องดื่มอะไรเพิ่มเติมนอกจากน้ำไหมครับ?
    ลูกค้า: ใช่ค่ะ ฉันจะขอไวน์ขาวหนึ่งแก้ว ส่วนเพื่อนของฉันจะขอน้ำโซดา
    พนักงานเสิร์ฟ: เยี่ยมมากครับ ผมจะนำเครื่องดื่มมาให้ และอาหารจะพร้อมในไม่ช้า
    ลูกค้า: ขอบคุณมากค่ะ!
    พนักงานเสิร์ฟ: ยินดีครับ! ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติม แจ้งได้เลยนะครับ

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Restaurant (เรส-เทอ-รองต์) n. แปลว่า ร้านอาหาร
    Party (พาร์-ที) n. แปลว่า กลุ่มคน, ผู้มารับประทานอาหาร
    Menu (เมนู) n. แปลว่า เมนูอาหาร
    Water (วอเตอร์) n. แปลว่า น้ำ
    Sparkling (สปาร์ค-คลิง) adj. แปลว่า น้ำอัดลม, น้ำมีฟอง
    Still (สติล) adj. แปลว่า น้ำไม่มีฟอง
    Order (ออร์เดอร์) n. แปลว่า การสั่งอาหาร
    Grilled (กริลด์) adj. แปลว่า ย่าง
    Salmon (แซล-มอน) n. แปลว่า ปลาแซลมอน
    Pasta (พาสต้า) n. แปลว่า พาสต้า
    Appetizers (แอพ-พิ-ไท-เซอร์ส) n. แปลว่า อาหารเรียกน้ำย่อย
    Main course (เมน คอร์ส) n. แปลว่า อาหารจานหลัก
    Drink (ดริงค์) n. แปลว่า เครื่องดื่ม
    Glass (กลาส) n. แปลว่า แก้ว
    Wine (ไวน์) n. แปลว่า ไวน์
    https://www.youtube.com/watch?v=XmGbrDa1VeI บทสนทนาที่ร้านอาหาร (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาที่ร้านอาหาร มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #listeningtest #listening #conversations The conversations from the clip : Waiter: Good evening! Welcome to our restaurant. How many people are in your party? Customer: Good evening! It’s just two of us. Waiter: Great! Please follow me to your table. Here are your menus. Customer: Thank you! Can we start with some water, please? Waiter: Of course. Would you like sparkling or still water? Customer: Still water, please. Waiter: Sure. I’ll be right back with that. Have you decided on your order, or would you like a few more minutes? Customer: We’re ready to order. I’ll have the grilled salmon, and my friend will have the pasta primavera. Waiter: Excellent choice! Would you like any appetizers to start with? Customer: No, we’ll just have the main course, thank you. Waiter: No problem. And would you like anything to drink besides water? Customer: Yes, I’ll have a glass of white wine, and my friend will have a soda. Waiter: Perfect. I’ll bring your drinks and the food will be ready shortly. Customer: Thank you very much! Waiter: You’re welcome! If you need anything else, just let me know. พนักงานเสิร์ฟ: สวัสดีตอนเย็น! ยินดีต้อนรับสู่ร้านอาหารของเรา จำนวนคนในกลุ่มของคุณคือเท่าไหร่ครับ? ลูกค้า: สวัสดีตอนเย็น! มีแค่สองคนค่ะ พนักงานเสิร์ฟ: ดีมาก! กรุณาตามผมมาที่โต๊ะของคุณครับ นี่คือเมนูของคุณ ลูกค้า: ขอบคุณ! เราขอเริ่มด้วยน้ำสักหน่อยได้ไหมค่ะ? พนักงานเสิร์ฟ: แน่นอนครับ คุณต้องการน้ำแบบไหนครับ? น้ำเปล่าหรือว่าน้ำโซดา? ลูกค้า: น้ำเปล่าค่ะ พนักงานเสิร์ฟ: ได้เลยครับ ผมจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ คุณได้ตัดสินใจสั่งอาหารหรือยังครับ หรืออยากได้เวลาสักหน่อย? ลูกค้า: เราพร้อมที่จะสั่งแล้วค่ะ ฉันจะขอแซลมอนย่าง ส่วนเพื่อนของฉันจะขอพาสต้า primavera พนักงานเสิร์ฟ: ตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม! คุณต้องการอาหารเรียกน้ำย่อยไหมครับ? ลูกค้า: ไม่ค่ะ เราจะสั่งแค่จานหลัก ขอบคุณค่ะ พนักงานเสิร์ฟ: ไม่มีปัญหาครับ แล้วคุณต้องการเครื่องดื่มอะไรเพิ่มเติมนอกจากน้ำไหมครับ? ลูกค้า: ใช่ค่ะ ฉันจะขอไวน์ขาวหนึ่งแก้ว ส่วนเพื่อนของฉันจะขอน้ำโซดา พนักงานเสิร์ฟ: เยี่ยมมากครับ ผมจะนำเครื่องดื่มมาให้ และอาหารจะพร้อมในไม่ช้า ลูกค้า: ขอบคุณมากค่ะ! พนักงานเสิร์ฟ: ยินดีครับ! ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติม แจ้งได้เลยนะครับ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Restaurant (เรส-เทอ-รองต์) n. แปลว่า ร้านอาหาร Party (พาร์-ที) n. แปลว่า กลุ่มคน, ผู้มารับประทานอาหาร Menu (เมนู) n. แปลว่า เมนูอาหาร Water (วอเตอร์) n. แปลว่า น้ำ Sparkling (สปาร์ค-คลิง) adj. แปลว่า น้ำอัดลม, น้ำมีฟอง Still (สติล) adj. แปลว่า น้ำไม่มีฟอง Order (ออร์เดอร์) n. แปลว่า การสั่งอาหาร Grilled (กริลด์) adj. แปลว่า ย่าง Salmon (แซล-มอน) n. แปลว่า ปลาแซลมอน Pasta (พาสต้า) n. แปลว่า พาสต้า Appetizers (แอพ-พิ-ไท-เซอร์ส) n. แปลว่า อาหารเรียกน้ำย่อย Main course (เมน คอร์ส) n. แปลว่า อาหารจานหลัก Drink (ดริงค์) n. แปลว่า เครื่องดื่ม Glass (กลาส) n. แปลว่า แก้ว Wine (ไวน์) n. แปลว่า ไวน์
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว

  • 7/10/67

    รู้ไว้ดีกว่า! คุณหมอเผย 3 เครื่องดื่ม เพิ่มเสี่ยง "หลอดเลือดสมอง" ไม่ใช่แค่กาแฟ-น้ำอัดลม

    หมอเตือน 3 เครื่องดื่ม เพิ่มความเสียง "หลอดเลือดสมอง" ขนลุกเมนูขายดีทั้งนั้น

    แพทย์ยกผลศึกษาใหม่จำนวน 2 ชิ้น ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเภทของ "เครื่องดื่ม" ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองหากบริโภคมากเกินไป ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Stroke และ International Journal of Stroke

    โดยการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า "เครื่องดื่มอัดลม" และ "น้ำผลไม้กระป๋อง" หากบริโภคเป็นประจำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนการศึกษาอีกชิ้นพบว่า การดื่ม "กาแฟ" มากกว่า 4 แก้วต่อวัน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองได้เช่นเดียวกัน

    ดร.แอนดรูว์ สมิธ ศาสตราจารย์ของนักระบาดวิทยาทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยกัลเวย์ สหรัฐฯ กล่าวว่า “ในฐานะแพทย์และผู้ที่ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง ฉันแนะนำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงหรือลดการบริโภคเครื่องดื่มอัดลมและน้ำผลไม้ และพิจารณาเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่า”

    ความสัมพันธ์ระหว่าง 3 เครื่องดื่มยอดนิยม กับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง

    นักวิจัยพบว่าเครื่องดื่มอัดลม 1 แก้วต่อวัน ไม่ว่าจะเติมน้ำตาลหรือเติมความหวานเทียมใดๆ ก็มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอที่เพิ่มขึ้นถึง 22% และความเสี่ยงเพิ่มจะขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มอัดลมมากกว่า 2 แก้วต่อวัน

    และการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า การดื่มเครื่องดื่มผลไม้วันละ 1 แก้ว มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 37% เช่นเดียวกันคือ ความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้นในผู้ที่ดื่มน้ำผลไม้ 2 แก้วต่อวัน และยังพบว่าผู้หญิงมีความเสียงมากกว่าผู้ชาย ชี้ให้เห็นว่าในขณะที่เครื่องดื่มผลไม้อาจมีสารประกอบเช่นโพลีฟีนอล ที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจ แต่บางชนิดมีการเติมสารให้ความหวานหรือสารกันบูด ซึ่งอาจสูญเสียประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้

    ในทางตรงกันข้าม การศึกษานี้พบว่าการ "ดื่มน้ำ" ตั้งแต่เจ็ด 7 ขึ้นไปต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคหลอดเลือดสมอง

    ขณะที่ในส่วนของการดื่มกาแฟ พบว่าหากดื่มมากกว่า 4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองโดยรวมที่สูงขึ้น 37% ละความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากลิ่มเลือดที่สูงขึ้น 32% ด้วย

    ในทางตรงกันข้าม การดื่มชามากกว่า 4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองตีบ และโรคหลอดเลือดสมองทุกประเภทลดลง 19% อย่างไรก็ดี ประโยชน์จะแตกต่างกันเล็กน้อยสำหรับชาประเภทต่างๆ เช่น การดื่มชาดำ 3-4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงโดยรวมของโรคหลอดเลือดสมองที่ลดลง 29% ส่วนการดื่มชาเขียว 3-4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงโดยรวมของโรคหลอดเลือดสมองลดลง 27% ทั้งนี้ ประโยชน์ในการลดอาการหลอดเลือดสมองของชาหายไป เมื่อเติมนมลงไป

    "การศึกษาเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเลือกเครื่องดื่มของคุณ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของหลอดเลือดสมอง" ดร.มิเชลล์ รูเธนสไตน์ กล่าว

    cr:sanook
    7/10/67 รู้ไว้ดีกว่า! คุณหมอเผย 3 เครื่องดื่ม เพิ่มเสี่ยง "หลอดเลือดสมอง" ไม่ใช่แค่กาแฟ-น้ำอัดลม หมอเตือน 3 เครื่องดื่ม เพิ่มความเสียง "หลอดเลือดสมอง" ขนลุกเมนูขายดีทั้งนั้น แพทย์ยกผลศึกษาใหม่จำนวน 2 ชิ้น ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเภทของ "เครื่องดื่ม" ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองหากบริโภคมากเกินไป ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Stroke และ International Journal of Stroke โดยการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า "เครื่องดื่มอัดลม" และ "น้ำผลไม้กระป๋อง" หากบริโภคเป็นประจำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนการศึกษาอีกชิ้นพบว่า การดื่ม "กาแฟ" มากกว่า 4 แก้วต่อวัน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองได้เช่นเดียวกัน ดร.แอนดรูว์ สมิธ ศาสตราจารย์ของนักระบาดวิทยาทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยกัลเวย์ สหรัฐฯ กล่าวว่า “ในฐานะแพทย์และผู้ที่ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง ฉันแนะนำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงหรือลดการบริโภคเครื่องดื่มอัดลมและน้ำผลไม้ และพิจารณาเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่า” ความสัมพันธ์ระหว่าง 3 เครื่องดื่มยอดนิยม กับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง นักวิจัยพบว่าเครื่องดื่มอัดลม 1 แก้วต่อวัน ไม่ว่าจะเติมน้ำตาลหรือเติมความหวานเทียมใดๆ ก็มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอที่เพิ่มขึ้นถึง 22% และความเสี่ยงเพิ่มจะขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มอัดลมมากกว่า 2 แก้วต่อวัน และการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า การดื่มเครื่องดื่มผลไม้วันละ 1 แก้ว มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 37% เช่นเดียวกันคือ ความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้นในผู้ที่ดื่มน้ำผลไม้ 2 แก้วต่อวัน และยังพบว่าผู้หญิงมีความเสียงมากกว่าผู้ชาย ชี้ให้เห็นว่าในขณะที่เครื่องดื่มผลไม้อาจมีสารประกอบเช่นโพลีฟีนอล ที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจ แต่บางชนิดมีการเติมสารให้ความหวานหรือสารกันบูด ซึ่งอาจสูญเสียประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ ในทางตรงกันข้าม การศึกษานี้พบว่าการ "ดื่มน้ำ" ตั้งแต่เจ็ด 7 ขึ้นไปต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคหลอดเลือดสมอง ขณะที่ในส่วนของการดื่มกาแฟ พบว่าหากดื่มมากกว่า 4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองโดยรวมที่สูงขึ้น 37% ละความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากลิ่มเลือดที่สูงขึ้น 32% ด้วย ในทางตรงกันข้าม การดื่มชามากกว่า 4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองตีบ และโรคหลอดเลือดสมองทุกประเภทลดลง 19% อย่างไรก็ดี ประโยชน์จะแตกต่างกันเล็กน้อยสำหรับชาประเภทต่างๆ เช่น การดื่มชาดำ 3-4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงโดยรวมของโรคหลอดเลือดสมองที่ลดลง 29% ส่วนการดื่มชาเขียว 3-4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงโดยรวมของโรคหลอดเลือดสมองลดลง 27% ทั้งนี้ ประโยชน์ในการลดอาการหลอดเลือดสมองของชาหายไป เมื่อเติมนมลงไป "การศึกษาเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเลือกเครื่องดื่มของคุณ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของหลอดเลือดสมอง" ดร.มิเชลล์ รูเธนสไตน์ กล่าว cr:sanook
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • สูตรยาดองมรณะ ผิดที่ผสมเมทานอล

    คลัสเตอร์ยาดอง ที่ชาวบ้านในพื้นที่เขตคลองสามวา และเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ซื้อยาดองตามร้านริมทางดื่ม กระทั่งหลายคนมีอาการเลือดเป็นกรดอย่างรุนแรง มีอาการเหนื่อยหอบง่าย ซึม อ่อนเพลีย ตาพร่ามัว วิงเวียนศีรษะและอาเจียน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาลนพรัตนราชธานี และโรงพยาบาลใกล้เคียง ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว (22 ส.ค.) ยังคงดำเนินการสืบหาความจริงต่อไป

    ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ร่วมตรวจสอบร้านยาดองในเขตพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 (บก.น.3) จำนวน 17 ร้าน และในซอยอ่อนนุช 77 อีก 1 ร้าน พร้อมตรวจยึดยาดองจากทุกร้านไปตรวจสอบ ทุกร้านให้การว่ารับมาจาก "เจ๊ปู" ลูกสาวป๋าเหน่ที่เสียชีวิตไปแล้ว

    ต่อมาตำรวจเชิญตัว น.ส.ภัสส์รศา อารีจิตสุขศิริ หรือเจ๊ปู อายุ 49 ปี ผู้ผสมยาดองมาสอบปากคำ เจ๊ปูให้การว่า รับสุราขาวมาจากนายสุรศักดิ์ อินสาม หรือเอส อายุ 46 ปี และนายสุรชัย อินสาม หรืออาร์ท อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ส่วนวัตถุดิบที่ใส่ลงไปในเหล้าเป็นสิ่งของธรรมชาติ เป็นสูตรเก่าแก่ของบิดา

    จากนั้นชุดคลี่คลายคดีเดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งในซอยกาญจนาภิเษก 25 แยก 1-3 แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ พบทั้งคู่พร้อมของกลางเมทานอล และอุปกรณ์การผลิตสุราเถื่อนจำนวนมาก ทั้งสองอ้างว่าผสมน้ำเปล่าเพื่อเจือจางให้เหลือ 35 ดีกรี ใส่แกลลอนนำไปส่งให้กับเจ๊ปู จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน

    จากการสอบปากคำ ทั้งสองรับสารภาพกับตำรวจว่าทำมาประมาณปีกว่า โดยหาข้อมูลผสมเหล้าเถื่อนจากอินเทอร์เน็ต ก่อนส่งขายไปตามซุ้มยาดองต่างๆ โดยเมทานอลรับมาจากโรงงานย่านลาดกระบัง เอามาผสมกับน้ำเปล่าเพื่อให้ไม่เกิน 35-40 ดีกรี จากนั้นบรรจุใส่แกลลอนเพื่อนำไปขายต่อ ซึ่งแต่ละร้านก็จะนำไปผสมยาดองอีกที

    ที่ สน.มีนบุรี เมื่อวันที่ 26 ส.ค. เจ๊ปูชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวทำยาดองขายมากว่า 30 ปี ตั้งแต่รุ่นพ่อไม่เคยมีปัญหา ที่ผ่านมาไม่เคยรับสุราขาวจากเจ้าอื่น เพราะรับจากเจ้าประจำที่พ่อสั่งตลอด แต่เมื่อ 1 ปีที่แล้ว นายสุรศักดิ์และนายสุรชัย สองพี่น้องซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของแฟนบอกว่า งานน้อยลง อยากหารายได้ มีสูตรเหล้าขาวที่ไปเรียนทำมาอยากให้ช่วยซื้อ

    เจ๊ปูจึงให้ลองทำว่าผ่านหรือไม่ เมื่อชิมแล้วพบว่าดีกรีได้ รสชาติคล้ายเจ้าเก่า จึงช่วยสั่งด้วยความสงสาร ซื้อมา 25 ลิตร 900 บาท เท่ากันกับเจ้าเก่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทำเองชิมเองตลอดก็ไม่เคยมีปัญหา

    แต่ช่วงหลังลูกค้าตำหนิว่าเหล้าจืด ไม่แรง และมีรสชาติซ่าๆ ตนสอบถามนายสุรศักดิ์และนายสุรชัยว่าทำไมรสชาติมันเปลี่ยน และถามว่าเปลี่ยนวัตถุดิบหรือไม่ ก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะปรับปรุง และเมื่อตนทำแล้วชิมพบว่ารสชาติจางลง คิดว่าไม่เป็นอะไร เพราะพ่อสอนมาว่า ยาดองนั้นต้องมีกลิ่นยาจีนนำกลิ่นสุราอยู่แล้ว

    ส่วนล็อตล่าสุดที่ทำมานั้น มีอาการท้องเสียเล็กน้อยมา 3 วัน แต่เมื่อทราบว่ามีผู้เสียชีวิตก็ตกใจมาก รู้สึกผิดและเสียใจ ไม่ได้อยากจะทำให้ใครตาย ตนก็อยากเยียวยาผู้เสียหาย เพราะหนึ่งในผู้เสียชีวิตก็เป็นเพื่อนของตน อยากไปเยี่ยมทุกคนที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่กล้ากลัวว่าทุกคนจะไม่เข้าใจ ยืนยันไม่ได้ตั้งใจทำให้ใครเสียชีวิต

    สำหรับสูตรการทำยาดองของเจ๊ปู ใช้หม้อเบอร์ 32 ใส่น้ำ ต้มยาจีนหม้อละ 2 ห่อ กานพลู 1 ห่อ และชะเอม 5-6 ก้าน ต้มครั้งแรก 40 นาที จากนั้นจะใส่ดอกคำฝอยและกระชายอย่างละ 4 ขีด ต้มต่ออีก 40 นาที แล้วใส่มะตูมครึ่งกิโลกรัม ต้มอีก 40 นาที ใส่น้ำตาลทราย 2.5 กิโลกรัม คนให้ละลาย แล้วผสมเหล้าขาว เทใส่โอ่ง หมักไว้ 1-2 คืน แล้วนำมาแบ่งใส่แกลลอน

    โดย 1 โอ่ง แบ่งได้ 23-24 แกลลอน ส่งขายตามซุ้มยาดอง แกลลอนละ 400 บาท ซุ้มละ 10 แกลลอน มีโปรโมชันซื้อ 10 แถม 1 แกลลอน ในใจอยากทำธุรกิจนี้ต่อเพราะเป็นความฝันของพ่อที่เสียชีวิตไป อยากจะทำให้ถูกต้อง จดทะเบียนตามกฎหมาย

    ตำรวจ สน.บางชัน นำตัวนายสุรศักดิ์ และนายสุรชัย สองพี่น้องผลิตสุราเถื่อนไปฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี ในข้อหาร่วมกันผลิตสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีไว้เพื่อขายซึ่งสุราที่ผลิตขึ้นโดยฝ่าฝน ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ส่วน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีกับ น.ส.ภัสส์รศา ฐานผลิตและจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

    สำหรับสารเมทานอล เป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ เช่น สารทำละลาย สารป้องกันความเย็น สารสกัด สารเชื้อเพลิง มีคุณสมบัติเป็นของเหลว ใส ไม่มีสี มีกลิ่นแอลกอฮอล์ คล้ายผลไม้ ระเหยง่าย และติดไฟง่าย สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง ได้แก่ ทางหายใจ ทางผิวหนัง และทางเดินอาหาร เกิดความเป็นพิษเริ่มจากผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดงหรือเป็นสะเก็ด เกิดการระคายเคืองผิวหนังและเยื่อบุอ่อน ระคายเคืองตา มีผลต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการคล้ายเมาสุรา ทำลายตับ ไต และอวัยวะอื่นๆ ถ้าสัมผัสสารนี้ปริมาณมาก อาจทำให้ตาบอดถาวร หมดสติ และเสียชีวิตได้ แต่ไม่เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์

    ส่วนสถานการณ์ล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ผู้ป่วยจำแนกกลุ่มอาการรุนแรง (สีแดง) 12 ราย กลุ่มอาการสีเหลือง 3 ราย และกลุ่มอาการสีเขียว 9 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 22 ถึง 69 ปี อาการเจ็บป่วยโดยส่วนใหญ่พบภาวะเลือดเป็นกรด หายใจเหนื่อย ภาวะไตวาย ตาพร่ามัว ชัก หมดสติ ส่วน 7 รายไม่มีอาการใดๆ

    นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ป่วยจากการดื่มสุราเถื่อนในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีประมาณ 50-100 ราย แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง เนื่องจากเป็นสารเมทานอลที่เกิดจากการกลั่นสุรา แต่ในครั้งนี้พบว่าสารเมทานอลที่พบในสุราเถื่อน เป็นลักษณะที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม และมีปริมาณสูงถึง 100,000 ppm ทั้งที่มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกำหนดไว้ว่า ปริมาณเมทานอลในสุราทุกประเภท จะต้องไม่มีอยู่เลย

    #Newskit #ยาดอง #เมทานอล
    สูตรยาดองมรณะ ผิดที่ผสมเมทานอล คลัสเตอร์ยาดอง ที่ชาวบ้านในพื้นที่เขตคลองสามวา และเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ซื้อยาดองตามร้านริมทางดื่ม กระทั่งหลายคนมีอาการเลือดเป็นกรดอย่างรุนแรง มีอาการเหนื่อยหอบง่าย ซึม อ่อนเพลีย ตาพร่ามัว วิงเวียนศีรษะและอาเจียน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาลนพรัตนราชธานี และโรงพยาบาลใกล้เคียง ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว (22 ส.ค.) ยังคงดำเนินการสืบหาความจริงต่อไป ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ร่วมตรวจสอบร้านยาดองในเขตพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 (บก.น.3) จำนวน 17 ร้าน และในซอยอ่อนนุช 77 อีก 1 ร้าน พร้อมตรวจยึดยาดองจากทุกร้านไปตรวจสอบ ทุกร้านให้การว่ารับมาจาก "เจ๊ปู" ลูกสาวป๋าเหน่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ต่อมาตำรวจเชิญตัว น.ส.ภัสส์รศา อารีจิตสุขศิริ หรือเจ๊ปู อายุ 49 ปี ผู้ผสมยาดองมาสอบปากคำ เจ๊ปูให้การว่า รับสุราขาวมาจากนายสุรศักดิ์ อินสาม หรือเอส อายุ 46 ปี และนายสุรชัย อินสาม หรืออาร์ท อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ส่วนวัตถุดิบที่ใส่ลงไปในเหล้าเป็นสิ่งของธรรมชาติ เป็นสูตรเก่าแก่ของบิดา จากนั้นชุดคลี่คลายคดีเดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งในซอยกาญจนาภิเษก 25 แยก 1-3 แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ พบทั้งคู่พร้อมของกลางเมทานอล และอุปกรณ์การผลิตสุราเถื่อนจำนวนมาก ทั้งสองอ้างว่าผสมน้ำเปล่าเพื่อเจือจางให้เหลือ 35 ดีกรี ใส่แกลลอนนำไปส่งให้กับเจ๊ปู จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน จากการสอบปากคำ ทั้งสองรับสารภาพกับตำรวจว่าทำมาประมาณปีกว่า โดยหาข้อมูลผสมเหล้าเถื่อนจากอินเทอร์เน็ต ก่อนส่งขายไปตามซุ้มยาดองต่างๆ โดยเมทานอลรับมาจากโรงงานย่านลาดกระบัง เอามาผสมกับน้ำเปล่าเพื่อให้ไม่เกิน 35-40 ดีกรี จากนั้นบรรจุใส่แกลลอนเพื่อนำไปขายต่อ ซึ่งแต่ละร้านก็จะนำไปผสมยาดองอีกที ที่ สน.มีนบุรี เมื่อวันที่ 26 ส.ค. เจ๊ปูชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวทำยาดองขายมากว่า 30 ปี ตั้งแต่รุ่นพ่อไม่เคยมีปัญหา ที่ผ่านมาไม่เคยรับสุราขาวจากเจ้าอื่น เพราะรับจากเจ้าประจำที่พ่อสั่งตลอด แต่เมื่อ 1 ปีที่แล้ว นายสุรศักดิ์และนายสุรชัย สองพี่น้องซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของแฟนบอกว่า งานน้อยลง อยากหารายได้ มีสูตรเหล้าขาวที่ไปเรียนทำมาอยากให้ช่วยซื้อ เจ๊ปูจึงให้ลองทำว่าผ่านหรือไม่ เมื่อชิมแล้วพบว่าดีกรีได้ รสชาติคล้ายเจ้าเก่า จึงช่วยสั่งด้วยความสงสาร ซื้อมา 25 ลิตร 900 บาท เท่ากันกับเจ้าเก่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ทำเองชิมเองตลอดก็ไม่เคยมีปัญหา แต่ช่วงหลังลูกค้าตำหนิว่าเหล้าจืด ไม่แรง และมีรสชาติซ่าๆ ตนสอบถามนายสุรศักดิ์และนายสุรชัยว่าทำไมรสชาติมันเปลี่ยน และถามว่าเปลี่ยนวัตถุดิบหรือไม่ ก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะปรับปรุง และเมื่อตนทำแล้วชิมพบว่ารสชาติจางลง คิดว่าไม่เป็นอะไร เพราะพ่อสอนมาว่า ยาดองนั้นต้องมีกลิ่นยาจีนนำกลิ่นสุราอยู่แล้ว ส่วนล็อตล่าสุดที่ทำมานั้น มีอาการท้องเสียเล็กน้อยมา 3 วัน แต่เมื่อทราบว่ามีผู้เสียชีวิตก็ตกใจมาก รู้สึกผิดและเสียใจ ไม่ได้อยากจะทำให้ใครตาย ตนก็อยากเยียวยาผู้เสียหาย เพราะหนึ่งในผู้เสียชีวิตก็เป็นเพื่อนของตน อยากไปเยี่ยมทุกคนที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่กล้ากลัวว่าทุกคนจะไม่เข้าใจ ยืนยันไม่ได้ตั้งใจทำให้ใครเสียชีวิต สำหรับสูตรการทำยาดองของเจ๊ปู ใช้หม้อเบอร์ 32 ใส่น้ำ ต้มยาจีนหม้อละ 2 ห่อ กานพลู 1 ห่อ และชะเอม 5-6 ก้าน ต้มครั้งแรก 40 นาที จากนั้นจะใส่ดอกคำฝอยและกระชายอย่างละ 4 ขีด ต้มต่ออีก 40 นาที แล้วใส่มะตูมครึ่งกิโลกรัม ต้มอีก 40 นาที ใส่น้ำตาลทราย 2.5 กิโลกรัม คนให้ละลาย แล้วผสมเหล้าขาว เทใส่โอ่ง หมักไว้ 1-2 คืน แล้วนำมาแบ่งใส่แกลลอน โดย 1 โอ่ง แบ่งได้ 23-24 แกลลอน ส่งขายตามซุ้มยาดอง แกลลอนละ 400 บาท ซุ้มละ 10 แกลลอน มีโปรโมชันซื้อ 10 แถม 1 แกลลอน ในใจอยากทำธุรกิจนี้ต่อเพราะเป็นความฝันของพ่อที่เสียชีวิตไป อยากจะทำให้ถูกต้อง จดทะเบียนตามกฎหมาย ตำรวจ สน.บางชัน นำตัวนายสุรศักดิ์ และนายสุรชัย สองพี่น้องผลิตสุราเถื่อนไปฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี ในข้อหาร่วมกันผลิตสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีไว้เพื่อขายซึ่งสุราที่ผลิตขึ้นโดยฝ่าฝน ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ส่วน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีกับ น.ส.ภัสส์รศา ฐานผลิตและจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย สำหรับสารเมทานอล เป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ เช่น สารทำละลาย สารป้องกันความเย็น สารสกัด สารเชื้อเพลิง มีคุณสมบัติเป็นของเหลว ใส ไม่มีสี มีกลิ่นแอลกอฮอล์ คล้ายผลไม้ ระเหยง่าย และติดไฟง่าย สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง ได้แก่ ทางหายใจ ทางผิวหนัง และทางเดินอาหาร เกิดความเป็นพิษเริ่มจากผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดงหรือเป็นสะเก็ด เกิดการระคายเคืองผิวหนังและเยื่อบุอ่อน ระคายเคืองตา มีผลต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการคล้ายเมาสุรา ทำลายตับ ไต และอวัยวะอื่นๆ ถ้าสัมผัสสารนี้ปริมาณมาก อาจทำให้ตาบอดถาวร หมดสติ และเสียชีวิตได้ แต่ไม่เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ ส่วนสถานการณ์ล่าสุดมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ผู้ป่วยจำแนกกลุ่มอาการรุนแรง (สีแดง) 12 ราย กลุ่มอาการสีเหลือง 3 ราย และกลุ่มอาการสีเขียว 9 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุระหว่าง 22 ถึง 69 ปี อาการเจ็บป่วยโดยส่วนใหญ่พบภาวะเลือดเป็นกรด หายใจเหนื่อย ภาวะไตวาย ตาพร่ามัว ชัก หมดสติ ส่วน 7 รายไม่มีอาการใดๆ นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ป่วยจากการดื่มสุราเถื่อนในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีประมาณ 50-100 ราย แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง เนื่องจากเป็นสารเมทานอลที่เกิดจากการกลั่นสุรา แต่ในครั้งนี้พบว่าสารเมทานอลที่พบในสุราเถื่อน เป็นลักษณะที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม และมีปริมาณสูงถึง 100,000 ppm ทั้งที่มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกำหนดไว้ว่า ปริมาณเมทานอลในสุราทุกประเภท จะต้องไม่มีอยู่เลย #Newskit #ยาดอง #เมทานอล
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1189 มุมมอง 0 รีวิว