• ทรัมป์แพ้ให้กับปูตินอีกครั้ง!
    สื่อตะวันตกตีข่าวว่าทรัมป์ “แพ้” ในการเจรจากับปูติน หลังจากปูตินตกลงระงับโจมตีแหล่งพลังงานยูเครนชั่วคราว แต่ปฏิเสธรับรองข้อตกลงหยุดยิงเต็มรูปแบบ 30 วัน หลังคุยกับ 'ทรัมป์' นานชั่วโมงครึ่ง แถมปูตินยังขอพ่วงเงื่อนไขให้ตะวันตกระงับความช่วยเหลือยูเครน รวมทั้งห้ามยูเครนเคลื่อนย้ายกำลัง

    สื่อของยูเครนและตะวันตกรู้สึกผิดหวังที่ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเต็มรูปแบบ 30 วันตามที่เขาผลักดันในการเจรจากับประธานาธิบดีปูติน รายงานระบุว่าผู้นำรัสเซียยืนหยัดในเงื่อนไขของตัวเอง โดยตกลงเพียงข้อตกลงหยุดยิงในระยะเวลาจำกัดในเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ต่อมอสโก แทนที่จะยุติการสู้รบทั้งหมดตามที่วอชิงตันและเคียฟเรียกร้อง

    สำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ส(The New York Times) และดิอีโคโนมิสต์(The Economist) ระบุว่า ทรัมป์มีคาดหวังไว้สูงว่าปูตินจะยอมรับข้อเสนอหยุดยิงของเขาในการสนทนาเมื่อวานนี้ (18 มีนาคม) แต่กลับต้องผิดหวัง หลังจากเฝ้ารออย่างมีความหวังมาเป็นเวลาหลายวันต่อข้อตกลงสันติภาพที่อาจเกิดขึ้น แต่มอสโกกลับยืนหยัดในเงื่อนไขของตนเองและเป็นฝ่ายได้ตามที่ต้องการเกือบทั้งหมด

    ทางด้านเซเลนสกีแสดงความผิดหวังดังกล่าวออกมาอย่างชัดเจนโดยกล่าวประชดประชันทรัมป์ว่า วันนี้ปูตินไม่เคยยอมรับข้อตกลงหยุดยิงทั้งหมดอย่างแท้จริง และนี่กลับทำให้ยูเครนไม่สามารถโจมตีเครือข่ายโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียได้ นอกจากนี้ยังกล่าวเรียกร้องให้ตะวันตกเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารและคว่ำบาตรรัสเซียหนักกว่าเดิม
    ทรัมป์แพ้ให้กับปูตินอีกครั้ง! สื่อตะวันตกตีข่าวว่าทรัมป์ “แพ้” ในการเจรจากับปูติน หลังจากปูตินตกลงระงับโจมตีแหล่งพลังงานยูเครนชั่วคราว แต่ปฏิเสธรับรองข้อตกลงหยุดยิงเต็มรูปแบบ 30 วัน หลังคุยกับ 'ทรัมป์' นานชั่วโมงครึ่ง แถมปูตินยังขอพ่วงเงื่อนไขให้ตะวันตกระงับความช่วยเหลือยูเครน รวมทั้งห้ามยูเครนเคลื่อนย้ายกำลัง สื่อของยูเครนและตะวันตกรู้สึกผิดหวังที่ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเต็มรูปแบบ 30 วันตามที่เขาผลักดันในการเจรจากับประธานาธิบดีปูติน รายงานระบุว่าผู้นำรัสเซียยืนหยัดในเงื่อนไขของตัวเอง โดยตกลงเพียงข้อตกลงหยุดยิงในระยะเวลาจำกัดในเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ต่อมอสโก แทนที่จะยุติการสู้รบทั้งหมดตามที่วอชิงตันและเคียฟเรียกร้อง สำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ส(The New York Times) และดิอีโคโนมิสต์(The Economist) ระบุว่า ทรัมป์มีคาดหวังไว้สูงว่าปูตินจะยอมรับข้อเสนอหยุดยิงของเขาในการสนทนาเมื่อวานนี้ (18 มีนาคม) แต่กลับต้องผิดหวัง หลังจากเฝ้ารออย่างมีความหวังมาเป็นเวลาหลายวันต่อข้อตกลงสันติภาพที่อาจเกิดขึ้น แต่มอสโกกลับยืนหยัดในเงื่อนไขของตนเองและเป็นฝ่ายได้ตามที่ต้องการเกือบทั้งหมด ทางด้านเซเลนสกีแสดงความผิดหวังดังกล่าวออกมาอย่างชัดเจนโดยกล่าวประชดประชันทรัมป์ว่า วันนี้ปูตินไม่เคยยอมรับข้อตกลงหยุดยิงทั้งหมดอย่างแท้จริง และนี่กลับทำให้ยูเครนไม่สามารถโจมตีเครือข่ายโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียได้ นอกจากนี้ยังกล่าวเรียกร้องให้ตะวันตกเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารและคว่ำบาตรรัสเซียหนักกว่าเดิม
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความสัมพันธ์สหรัฐฯ กับชาติยุโรปดูจะราวฉานยิ่งขึ้น หลังจาก ราฟาเอล กลุกส์มันน์ นักการเมืองฝรั่งเศสจากพรรคฝ่ายกลางซ้าย Place Publique และสมาชิกรัฐสภายุโรป (European Parliament) กล่าวในการประชุมพรรคว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรคืนเทพีเสรีภาพให้ฝรั่งเศส เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นตัวแทนของเสรีภาพอีกต่อไป

    เทพีเสรีภาพ เป็นของขวัญจากฝรั่งเศสที่มอบให้แก่สหรัฐฯ เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี การประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯถูกส่งถึงท่าเรือในนครนิวยอร์กเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 1886

    ออกแบบโดยชาวฝรั่งเศสชื่อ ออกุสต์ บาร์โธลดี โดยที่ปารีสก็มีรูปปั้นจำลองของเทพีเสรีภาพ แต่มีขนาดเล็กกว่า ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ริมแม่น้ำแซน

    สำหรับกลุกส์มันน์นั้น เป็นนัการเมืองฝรั่งเศสที่แสดงท่าทีปกป้องยูเครนอย่างแข็งขันมาโดยตลอดในการทำสงครามกับรัสเซีย และได้วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดี สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างรุนแรง เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการช่วยเหลือยูเครน
    ความสัมพันธ์สหรัฐฯ กับชาติยุโรปดูจะราวฉานยิ่งขึ้น หลังจาก ราฟาเอล กลุกส์มันน์ นักการเมืองฝรั่งเศสจากพรรคฝ่ายกลางซ้าย Place Publique และสมาชิกรัฐสภายุโรป (European Parliament) กล่าวในการประชุมพรรคว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรคืนเทพีเสรีภาพให้ฝรั่งเศส เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นตัวแทนของเสรีภาพอีกต่อไป เทพีเสรีภาพ เป็นของขวัญจากฝรั่งเศสที่มอบให้แก่สหรัฐฯ เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี การประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯถูกส่งถึงท่าเรือในนครนิวยอร์กเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 1886 ออกแบบโดยชาวฝรั่งเศสชื่อ ออกุสต์ บาร์โธลดี โดยที่ปารีสก็มีรูปปั้นจำลองของเทพีเสรีภาพ แต่มีขนาดเล็กกว่า ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ริมแม่น้ำแซน สำหรับกลุกส์มันน์นั้น เป็นนัการเมืองฝรั่งเศสที่แสดงท่าทีปกป้องยูเครนอย่างแข็งขันมาโดยตลอดในการทำสงครามกับรัสเซีย และได้วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดี สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างรุนแรง เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการช่วยเหลือยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราฟาเอล กลุคสมันน์ สมาชิกรัฐสภายุโรปจากฝรั่งเศส เรียกร้องให้สหรัฐฯ ส่งคืนรูปปั้นเทพีเสรีภาพ อ้างว่านโยบายที่เปลี่ยนไปเมื่อเร็วๆ นี้ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สวนทางกับค่านิยมพื้นฐานที่มีรูปปั้นดังกล่าวเป็นตัวแทน

    รูปปั้นเทพีเสรีภาพ ออกแบบโดยประติมากรชาวฝรั่งเศส เฟรเดอริก ออกุสต์ บาร์โธลดี และสร้างโดยกุสตาฟ ไอเฟล เป็นของขวัญที่ฝรั่งเศสมอบให้แก่สหรัฐฯ ในวาระเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งศตวรรษ การประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1876 และนับตั้งแต่ปี 1886 เป็นต้นมา มันยื่นตระหง่านในอ่าวนิวยอร์ก ในฐานะเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพและเป็นดวงประทีปสำหรับคนเข้าเมืองที่กำลังเสาะหาชีวิตที่ดีกว่าเดิม

    กลุคสมันน์ สมาชิกรัฐสภายุโรป หัวซ้ายกลางและเป็นผู้สนับสนุนยูเครนตัวยง แสดงความไม่พอใจต่อนโยบายต่างๆ ของทรัมป์ ในนั้นรวมถึงการผลักดันเป็นคนกลางสันติภาพระหว่างมอสโกกับเคียฟ กล่าวหาอเมริกาเลือกยืนหยัดเคียงข้างเผด็จการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000025325

    #MGROnline #สมาชิกรัฐสภายุโรปจากฝรั่งเศส #รูปปั้นเทพีเสรีภาพ
    ราฟาเอล กลุคสมันน์ สมาชิกรัฐสภายุโรปจากฝรั่งเศส เรียกร้องให้สหรัฐฯ ส่งคืนรูปปั้นเทพีเสรีภาพ อ้างว่านโยบายที่เปลี่ยนไปเมื่อเร็วๆ นี้ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สวนทางกับค่านิยมพื้นฐานที่มีรูปปั้นดังกล่าวเป็นตัวแทน • รูปปั้นเทพีเสรีภาพ ออกแบบโดยประติมากรชาวฝรั่งเศส เฟรเดอริก ออกุสต์ บาร์โธลดี และสร้างโดยกุสตาฟ ไอเฟล เป็นของขวัญที่ฝรั่งเศสมอบให้แก่สหรัฐฯ ในวาระเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งศตวรรษ การประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1876 และนับตั้งแต่ปี 1886 เป็นต้นมา มันยื่นตระหง่านในอ่าวนิวยอร์ก ในฐานะเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพและเป็นดวงประทีปสำหรับคนเข้าเมืองที่กำลังเสาะหาชีวิตที่ดีกว่าเดิม • กลุคสมันน์ สมาชิกรัฐสภายุโรป หัวซ้ายกลางและเป็นผู้สนับสนุนยูเครนตัวยง แสดงความไม่พอใจต่อนโยบายต่างๆ ของทรัมป์ ในนั้นรวมถึงการผลักดันเป็นคนกลางสันติภาพระหว่างมอสโกกับเคียฟ กล่าวหาอเมริกาเลือกยืนหยัดเคียงข้างเผด็จการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000025325 • #MGROnline #สมาชิกรัฐสภายุโรปจากฝรั่งเศส #รูปปั้นเทพีเสรีภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • 30 ปี สิ้นดาราดาวรุ่ง “ธรรม์ โทณะวณิก” ดิ่งคอนโด 16 ชั้น ปมเสียชีวิตยังคงเป็นปริศนา

    🌟 ย้อนรำลึกถึงดาวที่ลับฟ้า กับความจริงที่ยังไม่คลี่คลาย 🌟

    📝 ดาวรุ่งผู้จากไป กับคำถามที่ยังไร้คำตอบ ย้อนไปในค่ำคืนอันเงียบงัน กลางดึกวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลาห้าทุ่ม 🌌 ทั่วทั้งวงการบันเทิงไทย ต้องเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อ “ธรรม์ โทณะวณิก” ดาราหนุ่มดาวรุ่งวัยเพียง 20 ปี ตกจากดาดฟ้าคอนโดสูง 16 ชั้น ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ‼️

    เหตุการณ์ครั้งนั้น ยังคงฝังใจผู้คนที่ติดตามข่าวสาร ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคำถามที่ยังไม่มีคำตอบถึง "สาเหตุการเสียชีวิต" ว่าคืออุบัติเหตุ อาการซึมเศร้า หรืออาจมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่?

    👦🏻 "ธรรม์ โทณะวณิก" ชื่อเล่นว่า ธรรม์ เป็นที่รู้จักในฐานะ นักแสดงและนายแบบชาวไทย ที่มีพรสวรรค์และอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า เกิดและเติบโตที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

    ธรรม์เป็นบุตรชายของ
    👨‍⚕️ นายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก
    ✍🏻 นางอิราวดี นวมานนท์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ น้ำอบ นักเขียนชื่อดังระดับตำนาน ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง “คือหัตถาครองพิภพ” ที่มีตัวละครสำคัญชื่อ “พจน์” ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจ จากบุคลิกของลูกชายคนนี้เอง

    🎥 จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิง ธรรม์เริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่เด็ก ด้วยงานถ่ายแบบในปี พ.ศ. 2527 ในนิตยสาร "สตรีสาร" แต่สิ่งที่ทำให้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว คือบทพระเอกในภาพยนตร์ "กระโปรงบานขาสั้น" ปี พ.ศ. 2537 โดยประกบคู่กับนางเอก "ธัญญาเรศ รามณรงค์"

    🎬 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย "ชาติชาย แก้วสว่าง" ผู้กำกับหน้าใหม่ในขณะนั้น แต่กลับพาธรรม์ขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะ "พระเอกขวัญใจวัยรุ่น" แห่งยุค 90’s

    📚 เส้นทางสายบันเทิง และชีวิตส่วนตัวที่หลายคนไม่เคยรู้

    ✨ ผลงานสร้างชื่อ ธรรม์กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่น มีผลงานทั้งในจอเงินและจอแก้ว เช่น
    - กระโปรงบานขาสั้น
    - ม.6/2 ห้องครูวารี
    - กระโปรงบานขาสั้น เทอม 2 ตอนแอบดูบาร์บีคิว
    - ขอเก็บหัวใจเธอไว้คนเดียว
    - สมศรี 422R ภาค 3 โปรแกรม D ปีนี้มีน้อง

    📸 นายแบบยอดนิยม ธรรม์ขึ้นปกนิตยสารวัยรุ่นหลายเล่ม โดยเฉพาะ "เธอกับฉัน" ปี พ.ศ. 2536 ซึ่งธรรม์ได้รับตำแหน่ง "หนุ่มช่างฝันกิตติมศักดิ์" ด้วยคะแนนโหวตถล่มทลาย 💫

    แฟนคลับในยุคนั้น ต่างหลงใหลในความหล่อเหลา และบุคลิกที่อบอุ่นเป็นกันเอง

    ❤️ รักแรกและรักเดียว ธรรม์มีแฟนสาวนอกวงการชื่อ น้ำฝน หรือเบญจพร ตังคานุกูลกิจ คบหากันตั้งแต่เรียนที่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงที่ทั้งคู่ กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC)

    ความรักที่ดูเรียบง่ายและมั่นคงนี้เอง ที่ทำให้หลายคนเชื่อว่า ธรรม์ไม่มีเหตุผลที่จะคิดสั้น...

    🚨 คืนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต เหตุการณ์ที่ไม่มีใครลืม กลางดึกคืนวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลา 23.00 น. ธรรม์พลัดตกจากดาดฟ้าคอนโด "ซีเอ็นพี คอนโดมิเนียม" ชั้น 16 ที่พักอาศัยของธรรม์ ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

    🏢 ธรรม์ตกลงมากระแทกหลังคาบ้านเช่าหลังหนึ่ง โดยที่ "ทองม้วน พุ่มฉัตร" หญิงสาวที่เป็นแฟนคลับกำลังนอนพักผ่อนอยู่ ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา

    👉🏻 ชันสูตรพบว่า ธรรม์ไม่มีสารเสพติดในร่างกาย และไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือถูกทำร้ายร่างกาย

    🕵️‍♂️ ปมปริศนา
    - อุบัติเหตุพลัดตก?
    - เมาสุราจนเสียการทรงตัว?
    - มีคนจงใจทำให้ต้องตกลงมา?

    ไม่มีใครรู้ความจริง!

    💬 คำพูดสุดท้ายของ “น้ำอบ” มารดาธรรม์ “ธรรม์ไม่มีวันฆ่าตัวตาย! เพราะยังสัญญากับแม่ว่า จะดูละครตอนแรกด้วยกัน และธรรม์ไม่เคยผิดสัญญา...”

    คำพูดนี้จาก "น้ำอบ" ผู้เป็นแม่ ยังคงสะเทือนใจแฟนคลับและสังคมจนถึงทุกวันนี้

    👉🏻 หลายคนเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกฆาตกรรม!

    🔍 สาเหตุการเสียชีวิต อุบัติเหตุ หรือฆาตกรรม?
    1️⃣ อุบัติเหตุ บางคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า ธรรม์อาจขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อลดความเครียด สูบบุหรี่ และอาจเผลอพลัดตกลงมา โดยไม่ตั้งใจ

    2️⃣ ฆ่าตัวตาย ข่าวลือในขณะนั้นเล่าว่า ธรรม์มีความเครียดจากชีวิตการทำงาน และเรื่องส่วนตัว แต่ครอบครัวและคนสนิท ต่างปฏิเสธว่าไม่มีพฤติกรรม หรืออาการซึมเศร้า

    3️⃣ ฆาตกรรม ความสงสัยที่ไม่เคยจางหาย... ใครอยู่กับธรรม์ในคืนนั้น? และมีใครได้ยินหรือเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่?

    หลายคนยังเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกทำให้ตกลงมาอย่างตั้งใจ 😰

    🕰️ 30 ปีผ่านไป ความจริงที่ยังไม่ถูกเปิดเผย แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปี แต่คดีนี้ยังคงไร้บทสรุปชัดเจน 📆

    🔸 ไม่มีพยานหลักฐานใหม่
    🔸 ไม่มีผู้ต้องสงสัยที่ถูกดำเนินคดี
    🔸 ไม่มีคำอธิบายใดๆ จากผู้เกี่ยวข้อง

    ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนา ที่ไม่มีใครสามารถคลี่คลายได้...

    🎬 มรดกทางจิตใจ และผลงานที่ธรรม์ทิ้งไว้ แม้ชีวิตของธรรม์จะจบลงในวัยเพียง 20 ปี แต่ผลงานของธรรม์ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่

    ✨ คือตัวแทนของยุคทองวงการบันเทิงไทย
    ✨ คือความทรงจำของใครหลายคน ที่ไม่เคยเลือนหาย

    “ธรรม์ โทณะวณิก ยังอยู่ในหัวใจแฟนคลับเสมอ” ❤️

    📌 “ธรรม์ โทณะวณิก” ตำนานที่ไม่มีวันลืม 30 ปีผ่านไป เหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงเป็นปริศนา ที่ก้องอยู่ในใจของแฟนๆ และผู้ติดตามข่าวสาร หลายคนอาจยังคงสงสัย ในชะตากรรมของดาวรุ่งผู้นี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน คือความทรงจำที่สวยงาม และผลงานที่ธรรม์ได้ทิ้งไว้ให้คนไทย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161024 มี.ค. 2568

    📲 #ธรรม์โทณะวณิก #ดารายุค90 #คดีดังในอดีต #ดาราไทยเสียชีวิต #ปริศนาดารา #วงการบันเทิงไทย #ข่าวบันเทิงย้อนหลัง #ดาวรุ่งดวงดับ #ตำนานดาราไทย #ซีเอ็นพีคอนโด
    30 ปี สิ้นดาราดาวรุ่ง “ธรรม์ โทณะวณิก” ดิ่งคอนโด 16 ชั้น ปมเสียชีวิตยังคงเป็นปริศนา 🌟 ย้อนรำลึกถึงดาวที่ลับฟ้า กับความจริงที่ยังไม่คลี่คลาย 🌟 📝 ดาวรุ่งผู้จากไป กับคำถามที่ยังไร้คำตอบ ย้อนไปในค่ำคืนอันเงียบงัน กลางดึกวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลาห้าทุ่ม 🌌 ทั่วทั้งวงการบันเทิงไทย ต้องเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อ “ธรรม์ โทณะวณิก” ดาราหนุ่มดาวรุ่งวัยเพียง 20 ปี ตกจากดาดฟ้าคอนโดสูง 16 ชั้น ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ‼️ เหตุการณ์ครั้งนั้น ยังคงฝังใจผู้คนที่ติดตามข่าวสาร ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคำถามที่ยังไม่มีคำตอบถึง "สาเหตุการเสียชีวิต" ว่าคืออุบัติเหตุ อาการซึมเศร้า หรืออาจมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่? 👦🏻 "ธรรม์ โทณะวณิก" ชื่อเล่นว่า ธรรม์ เป็นที่รู้จักในฐานะ นักแสดงและนายแบบชาวไทย ที่มีพรสวรรค์และอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า เกิดและเติบโตที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ธรรม์เป็นบุตรชายของ 👨‍⚕️ นายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก ✍🏻 นางอิราวดี นวมานนท์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ น้ำอบ นักเขียนชื่อดังระดับตำนาน ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง “คือหัตถาครองพิภพ” ที่มีตัวละครสำคัญชื่อ “พจน์” ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจ จากบุคลิกของลูกชายคนนี้เอง 🎥 จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิง ธรรม์เริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่เด็ก ด้วยงานถ่ายแบบในปี พ.ศ. 2527 ในนิตยสาร "สตรีสาร" แต่สิ่งที่ทำให้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว คือบทพระเอกในภาพยนตร์ "กระโปรงบานขาสั้น" ปี พ.ศ. 2537 โดยประกบคู่กับนางเอก "ธัญญาเรศ รามณรงค์" 🎬 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย "ชาติชาย แก้วสว่าง" ผู้กำกับหน้าใหม่ในขณะนั้น แต่กลับพาธรรม์ขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะ "พระเอกขวัญใจวัยรุ่น" แห่งยุค 90’s 📚 เส้นทางสายบันเทิง และชีวิตส่วนตัวที่หลายคนไม่เคยรู้ ✨ ผลงานสร้างชื่อ ธรรม์กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่น มีผลงานทั้งในจอเงินและจอแก้ว เช่น - กระโปรงบานขาสั้น - ม.6/2 ห้องครูวารี - กระโปรงบานขาสั้น เทอม 2 ตอนแอบดูบาร์บีคิว - ขอเก็บหัวใจเธอไว้คนเดียว - สมศรี 422R ภาค 3 โปรแกรม D ปีนี้มีน้อง 📸 นายแบบยอดนิยม ธรรม์ขึ้นปกนิตยสารวัยรุ่นหลายเล่ม โดยเฉพาะ "เธอกับฉัน" ปี พ.ศ. 2536 ซึ่งธรรม์ได้รับตำแหน่ง "หนุ่มช่างฝันกิตติมศักดิ์" ด้วยคะแนนโหวตถล่มทลาย 💫 แฟนคลับในยุคนั้น ต่างหลงใหลในความหล่อเหลา และบุคลิกที่อบอุ่นเป็นกันเอง ❤️ รักแรกและรักเดียว ธรรม์มีแฟนสาวนอกวงการชื่อ น้ำฝน หรือเบญจพร ตังคานุกูลกิจ คบหากันตั้งแต่เรียนที่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงที่ทั้งคู่ กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ความรักที่ดูเรียบง่ายและมั่นคงนี้เอง ที่ทำให้หลายคนเชื่อว่า ธรรม์ไม่มีเหตุผลที่จะคิดสั้น... 🚨 คืนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต เหตุการณ์ที่ไม่มีใครลืม กลางดึกคืนวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลา 23.00 น. ธรรม์พลัดตกจากดาดฟ้าคอนโด "ซีเอ็นพี คอนโดมิเนียม" ชั้น 16 ที่พักอาศัยของธรรม์ ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 🏢 ธรรม์ตกลงมากระแทกหลังคาบ้านเช่าหลังหนึ่ง โดยที่ "ทองม้วน พุ่มฉัตร" หญิงสาวที่เป็นแฟนคลับกำลังนอนพักผ่อนอยู่ ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา 👉🏻 ชันสูตรพบว่า ธรรม์ไม่มีสารเสพติดในร่างกาย และไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือถูกทำร้ายร่างกาย 🕵️‍♂️ ปมปริศนา - อุบัติเหตุพลัดตก? - เมาสุราจนเสียการทรงตัว? - มีคนจงใจทำให้ต้องตกลงมา? ไม่มีใครรู้ความจริง! 💬 คำพูดสุดท้ายของ “น้ำอบ” มารดาธรรม์ “ธรรม์ไม่มีวันฆ่าตัวตาย! เพราะยังสัญญากับแม่ว่า จะดูละครตอนแรกด้วยกัน และธรรม์ไม่เคยผิดสัญญา...” คำพูดนี้จาก "น้ำอบ" ผู้เป็นแม่ ยังคงสะเทือนใจแฟนคลับและสังคมจนถึงทุกวันนี้ 👉🏻 หลายคนเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกฆาตกรรม! 🔍 สาเหตุการเสียชีวิต อุบัติเหตุ หรือฆาตกรรม? 1️⃣ อุบัติเหตุ บางคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า ธรรม์อาจขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อลดความเครียด สูบบุหรี่ และอาจเผลอพลัดตกลงมา โดยไม่ตั้งใจ 2️⃣ ฆ่าตัวตาย ข่าวลือในขณะนั้นเล่าว่า ธรรม์มีความเครียดจากชีวิตการทำงาน และเรื่องส่วนตัว แต่ครอบครัวและคนสนิท ต่างปฏิเสธว่าไม่มีพฤติกรรม หรืออาการซึมเศร้า 3️⃣ ฆาตกรรม ความสงสัยที่ไม่เคยจางหาย... ใครอยู่กับธรรม์ในคืนนั้น? และมีใครได้ยินหรือเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่? หลายคนยังเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกทำให้ตกลงมาอย่างตั้งใจ 😰 🕰️ 30 ปีผ่านไป ความจริงที่ยังไม่ถูกเปิดเผย แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปี แต่คดีนี้ยังคงไร้บทสรุปชัดเจน 📆 🔸 ไม่มีพยานหลักฐานใหม่ 🔸 ไม่มีผู้ต้องสงสัยที่ถูกดำเนินคดี 🔸 ไม่มีคำอธิบายใดๆ จากผู้เกี่ยวข้อง ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนา ที่ไม่มีใครสามารถคลี่คลายได้... 🎬 มรดกทางจิตใจ และผลงานที่ธรรม์ทิ้งไว้ แม้ชีวิตของธรรม์จะจบลงในวัยเพียง 20 ปี แต่ผลงานของธรรม์ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ✨ คือตัวแทนของยุคทองวงการบันเทิงไทย ✨ คือความทรงจำของใครหลายคน ที่ไม่เคยเลือนหาย “ธรรม์ โทณะวณิก ยังอยู่ในหัวใจแฟนคลับเสมอ” ❤️ 📌 “ธรรม์ โทณะวณิก” ตำนานที่ไม่มีวันลืม 30 ปีผ่านไป เหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงเป็นปริศนา ที่ก้องอยู่ในใจของแฟนๆ และผู้ติดตามข่าวสาร หลายคนอาจยังคงสงสัย ในชะตากรรมของดาวรุ่งผู้นี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน คือความทรงจำที่สวยงาม และผลงานที่ธรรม์ได้ทิ้งไว้ให้คนไทย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161024 มี.ค. 2568 📲 #ธรรม์โทณะวณิก #ดารายุค90 #คดีดังในอดีต #ดาราไทยเสียชีวิต #ปริศนาดารา #วงการบันเทิงไทย #ข่าวบันเทิงย้อนหลัง #ดาวรุ่งดวงดับ #ตำนานดาราไทย #ซีเอ็นพีคอนโด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 616 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11/3/68

    ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน

    { กินอาหารไม่เป็น อายุลดลง }

    ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน

    การเลือกอาหารของคุณไม่เพียงแค่มีผลต่อสุขภาพปัจจุบันของคุณ แต่ยังมีผลต่ออายุขัยในอนาคตด้วย ดังนั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อกินอาหาร 6 อย่างนี้

    เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องว่า "โรคมาจากปาก" เพราะการเลือกอาหารของแต่ละคนไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อรสชาติและให้พลังงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพและอายุขัยของคุณด้วย อาหารที่ดีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาว ในขณะที่การมีนิสัยการกินที่ไม่ดีจะมีผลในทางตรงกันข้าม

    การวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนและมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก พบว่าอาหารบางประเภท "กิน" ชีวิตคุณได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบ ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์ หัวหน้าผู้วิจัยกล่าวว่าอาหารที่อยู่ในอันดับต้นๆ ได้แก่ อาหารแปรรูปขั้นสูง (UFOs) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็ง 34 ชนิด รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ

    1.ไส้กรอก: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิตออกไป 36 นาที ไส้กรอกอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาหารที่ทำให้ชีวิตสั้นลง ดร. ดาริน เดตไวเลอร์ (มหาวิทยาลัยมิชิแกน) อธิบายว่าเป็นเพราะเนื้อสัตว์แปรรูปประเภทนี้มีไขมัน ไนไตรต์และไนเตรตจำนวนมาก พร้อมทั้งอาจมีสารแต่งรสและสารกันบูด เมื่อกินมากขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และเบาหวาน การแปรรูปมักใช้ไขมันและน้ำมันจำนวนมาก โดยการใช้ความร้อนสูงอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งบางประเภท

    2.แซนด์วิชเช้า: ลดอายุขัย 13 นาทีต่อมื้อ แซนด์วิชเช้าพร้อมทานอาจสะดวก แต่ถ้ากินเป็นประจำไม่ดีต่อสุขภาพ ขนมปังขาวเป็นแป้งที่ผ่านการขัดสี - ขนมปังที่ผลิตในปริมาณมากซึ่งมีแคลอรีที่ว่างเปล่าและสารเติมแต่งที่ไม่ดี สำหรับไข่, เนื้อสัตว์แปรรูป, ชีส และเนยในแซนด์วิชก็ทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวมากเกินไป

    3.น้ำอัดลม: ลดอายุขัย 12 นาทีต่อกระป๋อง ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์เตือนว่าน้ำตาลที่เติมลงไปในเครื่องดื่มเป็น "ศัตรูที่ซ่อนอยู่" ในหลายๆ เครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลมหรือแม้แต่น้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง/ขวด การดื่มน้ำอัดลม 355 มล. จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 24 นาทีจากชีวิต แต่ถ้าคุณดื่มมันเป็นประจำตั้งแต่อายุยังน้อย ก็อาจทำให้ชีวิตสั้นลงเกือบปีภายในอายุ 55 ปี น้ำตาลไม่ได้ทำให้เกิดโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง

    4.ขนมปังชีส: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิต 9 นาที ขนมปังชีสโดยเฉพาะแบบที่ผลิตจำนวนมากและบรรจุหีบห่อไว้จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 9 นาทีจากชีวิตทุกคำที่กัด ขนมปังชิ้นเล็กๆ หนักแค่ 150 กรัม หากขนมปังนั้นมีเนื้อหรือไส้กรอกและเสิร์ฟพร้อมชีส ก็จะยิ่งเพิ่มผลกระทบต่อสุขภาพและอายุขัย

    5.เบคอน: ลดเวลา 6 นาทีต่อการเสิร์ฟ ดร. ดาริน เดตไวเลอร์กล่าวว่าเบคอนมีเกลือและสารกันบูดมาก การบริโภคเบคอนเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ การศึกษานี้พบว่าแค่การกินเบคอน 1 เสิร์ฟ (ประมาณ 15-20 กรัม) ก็สามารถทำให้ลดอายุขัยลง 26 นาที
    cr:sanook.com
    https://www.sanook.com/news/9672670/
    #ฐิติพรก้อนแก้วข้อมูลพลิกชีวิต
    #ฐิติพรก้อนแก้วกินอาหารเป็นไม่ต้องกินยา
    20 ธันวาคม 2567
    #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    11/3/68 ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน { กินอาหารไม่เป็น อายุลดลง } ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน การเลือกอาหารของคุณไม่เพียงแค่มีผลต่อสุขภาพปัจจุบันของคุณ แต่ยังมีผลต่ออายุขัยในอนาคตด้วย ดังนั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อกินอาหาร 6 อย่างนี้ เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องว่า "โรคมาจากปาก" เพราะการเลือกอาหารของแต่ละคนไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อรสชาติและให้พลังงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพและอายุขัยของคุณด้วย อาหารที่ดีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาว ในขณะที่การมีนิสัยการกินที่ไม่ดีจะมีผลในทางตรงกันข้าม การวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนและมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก พบว่าอาหารบางประเภท "กิน" ชีวิตคุณได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบ ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์ หัวหน้าผู้วิจัยกล่าวว่าอาหารที่อยู่ในอันดับต้นๆ ได้แก่ อาหารแปรรูปขั้นสูง (UFOs) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็ง 34 ชนิด รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ 1.ไส้กรอก: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิตออกไป 36 นาที ไส้กรอกอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาหารที่ทำให้ชีวิตสั้นลง ดร. ดาริน เดตไวเลอร์ (มหาวิทยาลัยมิชิแกน) อธิบายว่าเป็นเพราะเนื้อสัตว์แปรรูปประเภทนี้มีไขมัน ไนไตรต์และไนเตรตจำนวนมาก พร้อมทั้งอาจมีสารแต่งรสและสารกันบูด เมื่อกินมากขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และเบาหวาน การแปรรูปมักใช้ไขมันและน้ำมันจำนวนมาก โดยการใช้ความร้อนสูงอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งบางประเภท 2.แซนด์วิชเช้า: ลดอายุขัย 13 นาทีต่อมื้อ แซนด์วิชเช้าพร้อมทานอาจสะดวก แต่ถ้ากินเป็นประจำไม่ดีต่อสุขภาพ ขนมปังขาวเป็นแป้งที่ผ่านการขัดสี - ขนมปังที่ผลิตในปริมาณมากซึ่งมีแคลอรีที่ว่างเปล่าและสารเติมแต่งที่ไม่ดี สำหรับไข่, เนื้อสัตว์แปรรูป, ชีส และเนยในแซนด์วิชก็ทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวมากเกินไป 3.น้ำอัดลม: ลดอายุขัย 12 นาทีต่อกระป๋อง ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์เตือนว่าน้ำตาลที่เติมลงไปในเครื่องดื่มเป็น "ศัตรูที่ซ่อนอยู่" ในหลายๆ เครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลมหรือแม้แต่น้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง/ขวด การดื่มน้ำอัดลม 355 มล. จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 24 นาทีจากชีวิต แต่ถ้าคุณดื่มมันเป็นประจำตั้งแต่อายุยังน้อย ก็อาจทำให้ชีวิตสั้นลงเกือบปีภายในอายุ 55 ปี น้ำตาลไม่ได้ทำให้เกิดโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง 4.ขนมปังชีส: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิต 9 นาที ขนมปังชีสโดยเฉพาะแบบที่ผลิตจำนวนมากและบรรจุหีบห่อไว้จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 9 นาทีจากชีวิตทุกคำที่กัด ขนมปังชิ้นเล็กๆ หนักแค่ 150 กรัม หากขนมปังนั้นมีเนื้อหรือไส้กรอกและเสิร์ฟพร้อมชีส ก็จะยิ่งเพิ่มผลกระทบต่อสุขภาพและอายุขัย 5.เบคอน: ลดเวลา 6 นาทีต่อการเสิร์ฟ ดร. ดาริน เดตไวเลอร์กล่าวว่าเบคอนมีเกลือและสารกันบูดมาก การบริโภคเบคอนเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ การศึกษานี้พบว่าแค่การกินเบคอน 1 เสิร์ฟ (ประมาณ 15-20 กรัม) ก็สามารถทำให้ลดอายุขัยลง 26 นาที cr:sanook.com https://www.sanook.com/news/9672670/ #ฐิติพรก้อนแก้วข้อมูลพลิกชีวิต #ฐิติพรก้อนแก้วกินอาหารเป็นไม่ต้องกินยา 20 ธันวาคม 2567 #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    WWW.SANOOK.COM
    ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน
    ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินแอร์บัส A350-1000 ของเวอร์จิ้นแอตแลนติก (Virgin Atlantic) ออกเดินทางจากสนามบินฮีทโธรว์ ในกรุงลอนดอน มุ่งหน้าสนามบิน JFK นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ต้องบินกลับและลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินเมืองแมนเชสเตอร์ หลังระบบไฮดรอลิกขัดข้องทำให้ประตูล้อเปิดออกเองอัตโนมัติ
    เครื่องบินแอร์บัส A350-1000 ของเวอร์จิ้นแอตแลนติก (Virgin Atlantic) ออกเดินทางจากสนามบินฮีทโธรว์ ในกรุงลอนดอน มุ่งหน้าสนามบิน JFK นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ต้องบินกลับและลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินเมืองแมนเชสเตอร์ หลังระบบไฮดรอลิกขัดข้องทำให้ประตูล้อเปิดออกเองอัตโนมัติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • Doug Ford นายกรัฐมนตรีประจำจังหวัดออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา เพิ่งประกาศยกเลิกสัญญา มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ กับ Starlink ของ SpaceX การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดี Trump ที่เรียกเก็บภาษีสินค้าจากแคนาดาถึง 25% นอกจากนี้ Ford ยังตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีไฟฟ้าที่ส่งออกไปยังรัฐนิวยอร์ก มิชิแกน และมินนิโซตาอีกด้วย

    แม้ว่าจะมีการขู่ยกเลิกในอดีต แต่ Ford ได้ตัดสินใจเดินหน้าสัญญาในครั้งแรกหลัง Trump ชะลอการเรียกเก็บภาษี อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ Ford ยืนยันชัดเจนว่าการยกเลิกเป็นการตัดสินใจถาวร ไม่ว่าภาษีจะถูกยกเลิกหรือไม่ก็ตาม

    นอกจากออนแทรีโอแล้ว อิตาลีเองก็มีแนวโน้มที่จะยกเลิกดีลกับ Starlink เช่นกัน อิตาลีเคยพิจารณาใช้เครือข่ายดาวเทียมของ Starlink มูลค่ากว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้บริการด้านการสื่อสารทางทหารและสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงในนโยบายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับ NATO และความมั่นคงในยุโรป ทำให้อิตาลีพิจารณาเลือกทางเลือกอื่น เช่น Eutelsat จากฝรั่งเศส ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและมีเครือข่ายดาวเทียมเป็นอันดับสองรองจาก SpaceX

    นายกรัฐมนตรี Giorgia Meloni ของอิตาลีกล่าวว่า ความไม่แน่นอนจากนโยบายของทำเนียบขาวเกี่ยวกับการสนับสนุนยูเครนส่งผลให้รัฐบาลต้องการแผนสำรองที่มั่นคงกว่าเดิม

    แม้ว่า SpaceX อาจเสียรายได้จากอิตาลีและออนแทรีโอ แต่ Elon Musk ได้แสดงปฏิกิริยาอย่างไม่กังวล โดยโพสต์ข้อความว่า "Oh well" ลงใน X (แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขาเอง) แสดงถึงความมั่นใจในสถานะทางการเงินของบริษัทที่มีดาวเทียมจำนวนมหาศาลที่ระดับวงโคจรต่ำกว่า 550 กิโลเมตร

    การยกเลิกดีลนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ การตัดสินใจของอิตาลีที่จะพิจารณา Eutelsat อาจทำให้ยุโรปเสริมความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีในอนาคต และลดการพึ่งพาบริษัทอเมริกันที่ไม่แน่นอนในด้านการสนับสนุน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ontario-cancels-starlink-deal-over-us-tariffs-italy-may-follow-due-to-us-pullback-from-europe
    Doug Ford นายกรัฐมนตรีประจำจังหวัดออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา เพิ่งประกาศยกเลิกสัญญา มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ กับ Starlink ของ SpaceX การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดี Trump ที่เรียกเก็บภาษีสินค้าจากแคนาดาถึง 25% นอกจากนี้ Ford ยังตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีไฟฟ้าที่ส่งออกไปยังรัฐนิวยอร์ก มิชิแกน และมินนิโซตาอีกด้วย แม้ว่าจะมีการขู่ยกเลิกในอดีต แต่ Ford ได้ตัดสินใจเดินหน้าสัญญาในครั้งแรกหลัง Trump ชะลอการเรียกเก็บภาษี อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ Ford ยืนยันชัดเจนว่าการยกเลิกเป็นการตัดสินใจถาวร ไม่ว่าภาษีจะถูกยกเลิกหรือไม่ก็ตาม นอกจากออนแทรีโอแล้ว อิตาลีเองก็มีแนวโน้มที่จะยกเลิกดีลกับ Starlink เช่นกัน อิตาลีเคยพิจารณาใช้เครือข่ายดาวเทียมของ Starlink มูลค่ากว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้บริการด้านการสื่อสารทางทหารและสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงในนโยบายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับ NATO และความมั่นคงในยุโรป ทำให้อิตาลีพิจารณาเลือกทางเลือกอื่น เช่น Eutelsat จากฝรั่งเศส ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและมีเครือข่ายดาวเทียมเป็นอันดับสองรองจาก SpaceX นายกรัฐมนตรี Giorgia Meloni ของอิตาลีกล่าวว่า ความไม่แน่นอนจากนโยบายของทำเนียบขาวเกี่ยวกับการสนับสนุนยูเครนส่งผลให้รัฐบาลต้องการแผนสำรองที่มั่นคงกว่าเดิม แม้ว่า SpaceX อาจเสียรายได้จากอิตาลีและออนแทรีโอ แต่ Elon Musk ได้แสดงปฏิกิริยาอย่างไม่กังวล โดยโพสต์ข้อความว่า "Oh well" ลงใน X (แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขาเอง) แสดงถึงความมั่นใจในสถานะทางการเงินของบริษัทที่มีดาวเทียมจำนวนมหาศาลที่ระดับวงโคจรต่ำกว่า 550 กิโลเมตร การยกเลิกดีลนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ การตัดสินใจของอิตาลีที่จะพิจารณา Eutelsat อาจทำให้ยุโรปเสริมความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีในอนาคต และลดการพึ่งพาบริษัทอเมริกันที่ไม่แน่นอนในด้านการสนับสนุน https://www.tomshardware.com/tech-industry/ontario-cancels-starlink-deal-over-us-tariffs-italy-may-follow-due-to-us-pullback-from-europe
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Ontario cancels Starlink deal over US tariffs — Italy may follow due to US pullback from Europe
    Trump policies are causing some countries to second-guess their Starlink contracts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้สภาคองเกรสยกเลิกกฎหมายอุดหนุนอุตสาหกรรมการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์วงเงิน 52,700 ล้านดอลลาร์ปี 2022 ที่ออกโดยรัฐบาล โจ ไบเดน พร้อมเสนอให้เอาดอกผลมาชำระหนี้ของรัฐบาลแทน
    .
    ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่จากไต้หวัน เพิ่งจะประกาศทุ่มเงินลงทุนอีก 100,000 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโรงงานอีก 5 แห่งในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันจันทร์ (3 มี.ค.)
    .
    "กฎหมาย CHIPS Act ของพวกคุณมันแย่มาก เราจ่ายเงินหลายแสนล้านดอลลาร์แต่ไม่มีความหมายอะไรเลย พวกเขาเอาเงินเราไปแต่ไม่ใช้" ทรัมป์ กล่าวระหว่างการแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรสหนแรกหลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (4)
    .
    "พวกคุณควรยกเลิกกฎหมาย CHIPS Act และอะไรก็ตามที่เหลืออยู่ ท่านประธาน... ท่านควรเอาเงินส่วนนี้มาลดหนี้"
    .
    กฎหมาย CHIPS and Science Act ถูกลงนามประกาศใช้โดยประธานาธิบดี ไบเดน ในเดือน ส.ค. ปี 2022 ซึ่งรวมถึงวงเงิน 39,000 ล้านดอลลาร์สำหรับอุดหนุนภาคการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องในสหรัฐฯ และยังมีวงเงินกู้จากรัฐบาลอีก 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    .
    คำพูดของ ทรัมป์ เมื่อวานนี้ (4) ถือเป็นการโจมตีกฎหมาย CHIPS Act หนักที่สุดเท่าที่เคยมีมา
    .
    ทรัมป์ ยังบอกด้วยว่า"เราไม่จำเป็นต้องให้เงินพวกเขา" และเพียงแค่มาตรการรีดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นให้บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาตั้งฐานการผลิตชิปในอเมริกา
    .
    โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยกล่าวชื่นชมโครงการนี้ แต่ก็บอกว่าอยากจะทบทวนเงินอุดหนุนต่างๆ ที่ออกโดยรัฐบาล ไบเดน
    .
    ทั้งนี้ จีนา ไรมอนโด อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ในยุคไบเดน เคยไปโน้มน้าวผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ 5 รายของโลกให้มาตั้งโรงงานผลิตชิปในอเมริกาโดยใช้เงินอุดหนุนเป็นสิ่งล่อใจ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงในด้านความมั่นคงจากการพึ่งพาชิปนำเข้า
    .
    ในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ก่อน ไบเดน หมดวาระ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้อนุมัติเงินอุดหนุนมากกว่า 33,000 ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งเป็นเงินอุดหนุนซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ 4,745 ล้านดอลลาร์ อินเทลสูงสุด 7,860 ล้านดอลลาร์ TSMC 6,600 ล้านดอลลาร์ และ ไมครอน 6,100 ล้านดอลลาร์
    .
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนเคยแสดงความวิตกกังวลว่า ทรัมป์ อาจจะเข้ามาฉีกข้อตกลงเงินอุดหนุนที่ ไบเดน เคยทำเอาไว้ โดย เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เตือนว่ากฎหมาย CHIPS Act คือเหตุผลที่ไมครอนทุ่มเงิน 100,000 ล้านดอลลาร์สร้างงาน 50,000 ตำแหน่งที่ตอนกลางของรัฐแห่งนี้ "แต่อยู่ๆ ทรัมป์ กลับพูดว่าจะยกเลิกมัน"
    .
    ลุตนิค อ้างถึงเงินอุดหนุน 6,600 ล้านดอลลาร์สำหรับ TSMC ในอีเวนต์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (3) และย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังไม่มีแผนที่จะใหัเงินอุดหนุนเพิ่มเติมแก่บริษัทชิปไต้หวันรายนี้ แต่ TSMC ยังมีสิทธิได้รับประโยชน์จากเครดิตภาษีการลงทุนในภาคการผลิต 25%
    .
    TSMC แถลงเมื่อเดือน ก.พ. ว่าได้รับเงินอุดหนุนจากสหรัฐฯ มาแล้ว 1,500 ล้านดอลลาร์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021619
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้สภาคองเกรสยกเลิกกฎหมายอุดหนุนอุตสาหกรรมการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์วงเงิน 52,700 ล้านดอลลาร์ปี 2022 ที่ออกโดยรัฐบาล โจ ไบเดน พร้อมเสนอให้เอาดอกผลมาชำระหนี้ของรัฐบาลแทน . ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่จากไต้หวัน เพิ่งจะประกาศทุ่มเงินลงทุนอีก 100,000 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโรงงานอีก 5 แห่งในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันจันทร์ (3 มี.ค.) . "กฎหมาย CHIPS Act ของพวกคุณมันแย่มาก เราจ่ายเงินหลายแสนล้านดอลลาร์แต่ไม่มีความหมายอะไรเลย พวกเขาเอาเงินเราไปแต่ไม่ใช้" ทรัมป์ กล่าวระหว่างการแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรสหนแรกหลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (4) . "พวกคุณควรยกเลิกกฎหมาย CHIPS Act และอะไรก็ตามที่เหลืออยู่ ท่านประธาน... ท่านควรเอาเงินส่วนนี้มาลดหนี้" . กฎหมาย CHIPS and Science Act ถูกลงนามประกาศใช้โดยประธานาธิบดี ไบเดน ในเดือน ส.ค. ปี 2022 ซึ่งรวมถึงวงเงิน 39,000 ล้านดอลลาร์สำหรับอุดหนุนภาคการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องในสหรัฐฯ และยังมีวงเงินกู้จากรัฐบาลอีก 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ . คำพูดของ ทรัมป์ เมื่อวานนี้ (4) ถือเป็นการโจมตีกฎหมาย CHIPS Act หนักที่สุดเท่าที่เคยมีมา . ทรัมป์ ยังบอกด้วยว่า"เราไม่จำเป็นต้องให้เงินพวกเขา" และเพียงแค่มาตรการรีดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นให้บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาตั้งฐานการผลิตชิปในอเมริกา . โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยกล่าวชื่นชมโครงการนี้ แต่ก็บอกว่าอยากจะทบทวนเงินอุดหนุนต่างๆ ที่ออกโดยรัฐบาล ไบเดน . ทั้งนี้ จีนา ไรมอนโด อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ในยุคไบเดน เคยไปโน้มน้าวผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ 5 รายของโลกให้มาตั้งโรงงานผลิตชิปในอเมริกาโดยใช้เงินอุดหนุนเป็นสิ่งล่อใจ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงในด้านความมั่นคงจากการพึ่งพาชิปนำเข้า . ในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ก่อน ไบเดน หมดวาระ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้อนุมัติเงินอุดหนุนมากกว่า 33,000 ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งเป็นเงินอุดหนุนซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ 4,745 ล้านดอลลาร์ อินเทลสูงสุด 7,860 ล้านดอลลาร์ TSMC 6,600 ล้านดอลลาร์ และ ไมครอน 6,100 ล้านดอลลาร์ . เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนเคยแสดงความวิตกกังวลว่า ทรัมป์ อาจจะเข้ามาฉีกข้อตกลงเงินอุดหนุนที่ ไบเดน เคยทำเอาไว้ โดย เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เตือนว่ากฎหมาย CHIPS Act คือเหตุผลที่ไมครอนทุ่มเงิน 100,000 ล้านดอลลาร์สร้างงาน 50,000 ตำแหน่งที่ตอนกลางของรัฐแห่งนี้ "แต่อยู่ๆ ทรัมป์ กลับพูดว่าจะยกเลิกมัน" . ลุตนิค อ้างถึงเงินอุดหนุน 6,600 ล้านดอลลาร์สำหรับ TSMC ในอีเวนต์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (3) และย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังไม่มีแผนที่จะใหัเงินอุดหนุนเพิ่มเติมแก่บริษัทชิปไต้หวันรายนี้ แต่ TSMC ยังมีสิทธิได้รับประโยชน์จากเครดิตภาษีการลงทุนในภาคการผลิต 25% . TSMC แถลงเมื่อเดือน ก.พ. ว่าได้รับเงินอุดหนุนจากสหรัฐฯ มาแล้ว 1,500 ล้านดอลลาร์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021619 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2062 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) ล่าสุดแสดงความรู้สึกมึนงงหลังมีรายงานรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ (Pete Hegseth) มีรายงานสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านรัสเซียทางไซเบอร์ชั่วคราว
    .
    โพลิติโกของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า กลายเป็นประเด็นล่าสุดของการเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศสหรัฐฯ แบบ 360 องศาที่ดูเหมือนทำให้ “รัสเซีย” ได้เปรียบส่งผลทำให้เป็นที่กังขาในสายตาทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป
    .
    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) วันจันทร์ (3) ออกมาแสดงความเห็นสถานีวิทยุฟรานซ์อินเตอร์ (France Inter) ว่า “ผมมีปัญหาเล็กน้อยในความเข้าใจ (การตัดสินใจของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ)”
    .
    รัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า บรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมักตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย
    .
    นิวสวีกของสหรัฐฯ รายงานว่า คำสั่งของเฮกเซธเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวที่จะนำประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับสู่โต๊ะเจรจาสงครามยูเครน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมอสโกและวอชิงตัน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส
    .
    The Record สื่อความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นสื่อแรกที่รายงานคำสั่งรัฐมนตรีกลาโหมเพนตากอนที่ออกคำสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านคู่อริรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.)
    .
    สำนักงานกองบัญชาการไซเบอร์สหรัฐฯ USCYBERCOM (U.S. Cyber Command) ภายใต้กองทัพสหรัฐฯ ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปีมีผู้ปฏิบัติการไม่กี่ร้อยคนประจำฐานที่ฟอร์ตมีด (Fort Meade) รัฐแมรีแลนด์
    .
    “คำสั่งนี้ไม่ใช้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ NSA ที่เฮกเซธทำหน้าที่บริหารหรือสัญญาณของตัวเองในการทำงานด้านข่าวกรองที่มีเป้าหมายไปที่รัสเซีย” The Record ชี้
    .
    ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สกล่าวว่า คำสั่งของเจ้ากระทรวงเพนตากอนออกมาก่อนเกิดศึกหน้าจอโทรทัศน์ที่ทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกลับมาประเมินอีกครั้งในปฏิบัติการทั้งหมดต่อต้านรัสเซียที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ
    .
    ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งหลายกล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติสำหรับปฏิบัติการทางการทหารที่จะมีการหยุดพักชั่วคราวระหว่างการเจรจาทางการทูต ซึ่งการถอยออกมาจากปฏิบัติการทางไซเบอร์ต่อต้านรัสเซียอาจเป็นเหมือนการเดิมพันเพราะเกมจะอยู่ในมือของประธานาธิบดีปูตินที่จะยอมเคลื่อนไหวในลักษณะที่คล้ายกันหรือไม่
    .
    ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยได้กล่าวต่อ CNN ว่า การสั่งหยุดพักชั่วคราวถือเป็นความหายนะครั้งใหญ่ ขณะที่ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาสูงสหรัฐฯ ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า มันอาจเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้รัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ (2) สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและไซเบอร์สหรัฐฯ (U.S. Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) แถลงบนแพลตฟอร์ม X ว่า ภารกิจของสำนักงานในการปกป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบรวมถึงจาก “รัสเซีย” ไม่เปลี่ยนแปลง
    .
    โพลิติโกรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของเพนตากอนครั้งสำคัญนี้ทำให้มีความประหลาดใจอย่างมากในยุโรปที่ “รัสเซีย” ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักในทางไซเบอร์ควบคู่ไปกับ “จีน”
    .
    ซึ่งทั้งเจ้าหน้าฝรั่งเศสและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง ต่างออกมากล่าวหา “รัสเซีย” หลายครั้งที่ปูตินใช้สงครามไฮบริดต่อฝรั่งเศสผ่านทางการโจมตีทางไซเบอร์ “รัสเซียกำลังโจมตีพวกเราผ่านทางข้อมูลทางไซเบอร์”
    .
    มาครงกล่าวในเดือนที่ผ่านมาอ้างว่า “มอสโกกำลังแสวงหาเพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพต่อประชาธิปไตยของพวกเรา”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021231
    ..............
    Sondhi X
    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) ล่าสุดแสดงความรู้สึกมึนงงหลังมีรายงานรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ (Pete Hegseth) มีรายงานสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านรัสเซียทางไซเบอร์ชั่วคราว . โพลิติโกของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า กลายเป็นประเด็นล่าสุดของการเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศสหรัฐฯ แบบ 360 องศาที่ดูเหมือนทำให้ “รัสเซีย” ได้เปรียบส่งผลทำให้เป็นที่กังขาในสายตาทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป . รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) วันจันทร์ (3) ออกมาแสดงความเห็นสถานีวิทยุฟรานซ์อินเตอร์ (France Inter) ว่า “ผมมีปัญหาเล็กน้อยในความเข้าใจ (การตัดสินใจของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ)” . รัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า บรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมักตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย . นิวสวีกของสหรัฐฯ รายงานว่า คำสั่งของเฮกเซธเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวที่จะนำประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับสู่โต๊ะเจรจาสงครามยูเครน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมอสโกและวอชิงตัน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส . The Record สื่อความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นสื่อแรกที่รายงานคำสั่งรัฐมนตรีกลาโหมเพนตากอนที่ออกคำสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านคู่อริรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) . สำนักงานกองบัญชาการไซเบอร์สหรัฐฯ USCYBERCOM (U.S. Cyber Command) ภายใต้กองทัพสหรัฐฯ ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปีมีผู้ปฏิบัติการไม่กี่ร้อยคนประจำฐานที่ฟอร์ตมีด (Fort Meade) รัฐแมรีแลนด์ . “คำสั่งนี้ไม่ใช้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ NSA ที่เฮกเซธทำหน้าที่บริหารหรือสัญญาณของตัวเองในการทำงานด้านข่าวกรองที่มีเป้าหมายไปที่รัสเซีย” The Record ชี้ . ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สกล่าวว่า คำสั่งของเจ้ากระทรวงเพนตากอนออกมาก่อนเกิดศึกหน้าจอโทรทัศน์ที่ทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกลับมาประเมินอีกครั้งในปฏิบัติการทั้งหมดต่อต้านรัสเซียที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ . ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งหลายกล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติสำหรับปฏิบัติการทางการทหารที่จะมีการหยุดพักชั่วคราวระหว่างการเจรจาทางการทูต ซึ่งการถอยออกมาจากปฏิบัติการทางไซเบอร์ต่อต้านรัสเซียอาจเป็นเหมือนการเดิมพันเพราะเกมจะอยู่ในมือของประธานาธิบดีปูตินที่จะยอมเคลื่อนไหวในลักษณะที่คล้ายกันหรือไม่ . ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยได้กล่าวต่อ CNN ว่า การสั่งหยุดพักชั่วคราวถือเป็นความหายนะครั้งใหญ่ ขณะที่ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาสูงสหรัฐฯ ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า มันอาจเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้รัสเซีย . อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ (2) สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและไซเบอร์สหรัฐฯ (U.S. Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) แถลงบนแพลตฟอร์ม X ว่า ภารกิจของสำนักงานในการปกป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบรวมถึงจาก “รัสเซีย” ไม่เปลี่ยนแปลง . โพลิติโกรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของเพนตากอนครั้งสำคัญนี้ทำให้มีความประหลาดใจอย่างมากในยุโรปที่ “รัสเซีย” ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักในทางไซเบอร์ควบคู่ไปกับ “จีน” . ซึ่งทั้งเจ้าหน้าฝรั่งเศสและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง ต่างออกมากล่าวหา “รัสเซีย” หลายครั้งที่ปูตินใช้สงครามไฮบริดต่อฝรั่งเศสผ่านทางการโจมตีทางไซเบอร์ “รัสเซียกำลังโจมตีพวกเราผ่านทางข้อมูลทางไซเบอร์” . มาครงกล่าวในเดือนที่ผ่านมาอ้างว่า “มอสโกกำลังแสวงหาเพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพต่อประชาธิปไตยของพวกเรา” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021231 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2221 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ทรัมป์จะพบกับทีมความมั่นคงแห่งชาติในวันที่ 3 มีนาคม นี้ ซึ่งอาจมีการหารือเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับยูเครน

    มาตรการดังกล่าวอาจรวมถึงการระงับหรือยกเลิกความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟที่ตกลงกันไว้ภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อน
    นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ทรัมป์จะพบกับทีมความมั่นคงแห่งชาติในวันที่ 3 มีนาคม นี้ ซึ่งอาจมีการหารือเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับยูเครน มาตรการดังกล่าวอาจรวมถึงการระงับหรือยกเลิกความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟที่ตกลงกันไว้ภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความขัดแย้งระหว่างพ่อกับลูกของหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศแห่งนี้ และมีความเป็นและความตายของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์อย่าง City Developments Ltd (CDL) เป็นเดิมพัน ได้ปะทุขึ้นต่อหน้าสาธารณชนในสัปดาห์นี้ การโต้เถียงกันระหว่างประธานบริหารของ CDL คือ กัวลิ่งหมิง (Kwek Leng Beng) และลูกชายของเขา คือ กัวอี้จื้อ (Sherman Kwek) ได้เปิดเผยถึงรอยร้าวที่ลึกซึ้งภายในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสี่ของสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ในอันดับมหาเศรษฐฐีชั้นนำที่จัดอันดับโดย Forbesศึกสายเลือกครั้งนี้เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาเรื่องความผิดพลาดขององค์กร การละเมิดการกำกับดูแล และความสัมพันธ์ส่วนตัวกำลังคุกคามที่จะยกระดับเป็นการต่อสู้ในศาลเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เรื่องพิพาทของทั้งคู่เดิมทีเป็นเรื่องในบริษัท แต่ปรากฏต่อสาธารณชนครั้งแรกของปัญหาเกิดขึ้นเมื่อวันพุธ เมื่อ CDL ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี Straits Times ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เรียกร้องให้หยุดการซื้อขายกะทันหัน ตามด้วยแถลงการณ์ยกเลิกการสรุปผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2024 ที่กำหนดไว้จากนั้นก็เกิดเรื่องที่น่าตกตะลึง นั่นคือ กัวลิ่งหมิง (Kwek Leng Beng) ผู้นำตระกูลวัย 84 ปี กล่าวหาลูกชายและซีอีโอของ CDL ต่อสาธารณะว่าวางแผน "พยายามก่อรัฐประหารในระดับคณะกรรมการ"ผู้เป็นพ่อกล่าวว่า กัวอี้จื้อ (Sherman Kwek) ลูกชายคนเล็ก พร้อมด้วยคณะกรรมการส่วนใหญ่ ได้แต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมอีก 2 คนเพื่อ "รวมอำนาจการควบคุมคณะกรรมการ" และ CDL เพื่อขัดขวางการแย่งชิงอำนาจ กัวลิ่งหมิง ผู้เป็นพ่อได้ยื่นฟ้องและต่อมาประกาศว่าเขาได้รับคำสั่งศาลให้หยุดการเปลี่ยนแปลงในคณะกรรมการและฝ่ายบริหารของ CDL Groupกัวอี้จื้อ วัย 49 ปี ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอสตัน ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยกล่าวว่า "เราไม่ได้พยายามขับไล่ประธาน"เขาเรียกการเคลื่อนไหวของพ่อว่าเป็นการ "ซุ่มโจมตี" แต่กลับชี้ไปที่ที่มาชองความตึงเครียดที่ลึกซึ้งกว่า นั่นคือ แคเธอรีน วู (Catherine Wu) ที่ปรึกษาคณะกรรมการของบริษัทลูก CDL แต่ลูกชายของเขากล่าวหาว่าแทรกแซงกิจการของบริษัทกัวอี้จื้อ กล่าวว่า "เธอแทรกแซงในเรื่องต่างๆ มากเกินกว่าขอบเขตของเธอ และเธอมีอิทธิพลมหาศาล เรื่องเหล่านี้สร้างปัญหาให้กับเราในฐานะกรรมการ""เนื่องจากความสัมพันธ์อันยาวนานของเธอกับประธานบริษัท (ผู้เป็นพ่อ) ความพยายามในการจัดการสถานการณ์จึงทำไปด้วยความอ่อนไหว แต่ก็ไร้ผล" กัวอี้จื้อ ผู้เป็นลูก กล่าวข้อพิพาทดังกล่าวได้เปิดเผยถึงการแย่งชิงอำนาจภายใน CDL ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ตามมูลค่าตลาด และตระกูลกัว ซึ่งอาณาจักรของพวกเขามีมูลค่า 11,500 ล้านดอลลาร์ตามการจัดอันดับของนิตยสาร Forbesในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ กัวลิ่งหมิง ได้ยื่นคำร้องให้ กัวอี้จื้อ ออกจากตำแหน่ง CEO โดยระบุว่าลูกชายกระทำการให้เกิด "ความผิดพลาดหลายครั้ง" โดยอ้างถึงการขาดทุนมหาศาล 1.4 พันล้านดอลลาร์ใน "ความล้มเหลว" ในปี 2020 และการตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาดในสหราชอาณาจักรราคาหุ้นของ CDL ยัง "ทำผลงานได้ต่ำกว่าคู่แข่งอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ (กัวอี้จื้อ) เข้ารับตำแหน่งผู้นำในปี 2018" กัวลิ่งหมิง ผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าว"(คนหนุ่มสาว) อาจทำผิดพลาดในอาชีพการงานได้ และนั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่การหลีกเลี่ยงกฎหมายการกำกับดูแลกิจการถือเป็นการล้ำเส้น" กัวลิ่งหมิง กล่าว"ในฐานะพ่อ การไล่ลูกชายออกไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย" แต่ผลที่ตามมา "ก็สูงเกินไปที่จะปล่อยให้การยึดอำนาจโดยไม่คิดหน้าคิดหลังมาทำให้บริษัทไม่มั่นคง" เขากล่าวหุ้นของบริษัทมูลค่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐยังคงถูกระงับ และ CDL ถูกปรับลดระดับโดยบริษัทต่างๆ รวมถึง JPMorgan Chase & Co ตามรายงานของ Bloomberg'การกระทำที่ไม่รอบคอบ'CDL เริ่มต้นจากธุรกิจที่ขาดทุนตอนที่ กัวลิ่งหมิง พ่อของเขา กัวฟางเฟิง (Kwek Hong Png) และพี่ชายของเขา กัวลิ่วอวี้ (Kwek Leng Joo) ซื้อกิจการในปี 1971ภายใต้การบริหารของ กัวลิ่งหมิง บริษัทได้ขยายตัวอย่างมาก โดยปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของบริษัทครอบคลุมถึงที่พักอาศัย สำนักงาน โรงแรม ศูนย์การค้า และการพัฒนาแบบบูรณาการในสิงคโปร์ รวมถึงจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และทั่วทั้งยุโรปการที่บริษัทเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมทำให้บริษัทในเครือ Millennium & Copthorne Hotels กลายเป็นกลุ่มโรงแรมระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในศูนย์กลางการเงิน โดยมีทรัพย์สินรวมถึงโรงแรม The Biltmore ในย่าน Mayfair ของลอนดอน และ Millennium ในย่าน Wall Street และ Times Square ของนิวยอร์กกัวลิ่งหมิง กล่าวว่าการรักษามรดกของเขาไว้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาต่อสู้กับลูกชายและพันธมิตรในห้องประชุมของเขา“การกระทำที่ไร้ความรอบคอบของกลุ่มที่พยายามจะรวมอำนาจควบคุมที่ไร้การควบคุมเข้าด้วยกันนั้นไม่เพียงแต่ทำลายรากฐานของการปกครองของ CDL เท่านั้น แต่ยังทำให้มรดกที่เราสร้างมาตลอดหลายทศวรรษตกอยู่ในความเสี่ยงอีกด้วย” กัวลิ่งหมิง กล่าวขณะนี้ศาลเข้ามาเกี่ยวข้องและผู้นำของ CDL ก็ตกเป็นเป้าหมาย ความขัดแย้งในครอบครัวที่ขมขื่นนี้ยังไม่จบสิ้นกัวอี้จื้อ ได้ปกป้องการเคลื่อนไหวของเขาในการปลด แคเทอรีน วู ออกจากคณะกรรมการบริษัท Millennium & Copthorne เนื่องจาก "จำเป็น" สำหรับผลประโยชน์ของ CDL โดยเสริมว่ากรรมการส่วนใหญ่จะยังคง "รักษาการกำกับดูแลกิจการและความรับผิดชอบขององค์กรต่อไป"กัวลิ่งหมิง พ่อของเขาซึ่งไม่ได้กล่าวถึง วู ในคำตอบของตนยืนยันว่า "การลิดรอนอำนาจที่สำคัญใดๆ ของประธานบริหารถือเป็นการก่อรัฐประหาร"“ตอนนี้เป็นเรื่องของศาล และผมจะปล่อยให้ศาลตัดสิน ความยุติธรรมย่อมมีชัยเสมอ” กัวลิ่งหมิง กล่าวAgence France-PressePhoto Kwek Leng Beng by Roslan RAHMAN / AFP
    ความขัดแย้งระหว่างพ่อกับลูกของหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศแห่งนี้ และมีความเป็นและความตายของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์อย่าง City Developments Ltd (CDL) เป็นเดิมพัน ได้ปะทุขึ้นต่อหน้าสาธารณชนในสัปดาห์นี้ การโต้เถียงกันระหว่างประธานบริหารของ CDL คือ กัวลิ่งหมิง (Kwek Leng Beng) และลูกชายของเขา คือ กัวอี้จื้อ (Sherman Kwek) ได้เปิดเผยถึงรอยร้าวที่ลึกซึ้งภายในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสี่ของสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ในอันดับมหาเศรษฐฐีชั้นนำที่จัดอันดับโดย Forbesศึกสายเลือกครั้งนี้เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาเรื่องความผิดพลาดขององค์กร การละเมิดการกำกับดูแล และความสัมพันธ์ส่วนตัวกำลังคุกคามที่จะยกระดับเป็นการต่อสู้ในศาลเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งในอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เรื่องพิพาทของทั้งคู่เดิมทีเป็นเรื่องในบริษัท แต่ปรากฏต่อสาธารณชนครั้งแรกของปัญหาเกิดขึ้นเมื่อวันพุธ เมื่อ CDL ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี Straits Times ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เรียกร้องให้หยุดการซื้อขายกะทันหัน ตามด้วยแถลงการณ์ยกเลิกการสรุปผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2024 ที่กำหนดไว้จากนั้นก็เกิดเรื่องที่น่าตกตะลึง นั่นคือ กัวลิ่งหมิง (Kwek Leng Beng) ผู้นำตระกูลวัย 84 ปี กล่าวหาลูกชายและซีอีโอของ CDL ต่อสาธารณะว่าวางแผน "พยายามก่อรัฐประหารในระดับคณะกรรมการ"ผู้เป็นพ่อกล่าวว่า กัวอี้จื้อ (Sherman Kwek) ลูกชายคนเล็ก พร้อมด้วยคณะกรรมการส่วนใหญ่ ได้แต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมอีก 2 คนเพื่อ "รวมอำนาจการควบคุมคณะกรรมการ" และ CDL เพื่อขัดขวางการแย่งชิงอำนาจ กัวลิ่งหมิง ผู้เป็นพ่อได้ยื่นฟ้องและต่อมาประกาศว่าเขาได้รับคำสั่งศาลให้หยุดการเปลี่ยนแปลงในคณะกรรมการและฝ่ายบริหารของ CDL Groupกัวอี้จื้อ วัย 49 ปี ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอสตัน ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยกล่าวว่า "เราไม่ได้พยายามขับไล่ประธาน"เขาเรียกการเคลื่อนไหวของพ่อว่าเป็นการ "ซุ่มโจมตี" แต่กลับชี้ไปที่ที่มาชองความตึงเครียดที่ลึกซึ้งกว่า นั่นคือ แคเธอรีน วู (Catherine Wu) ที่ปรึกษาคณะกรรมการของบริษัทลูก CDL แต่ลูกชายของเขากล่าวหาว่าแทรกแซงกิจการของบริษัทกัวอี้จื้อ กล่าวว่า "เธอแทรกแซงในเรื่องต่างๆ มากเกินกว่าขอบเขตของเธอ และเธอมีอิทธิพลมหาศาล เรื่องเหล่านี้สร้างปัญหาให้กับเราในฐานะกรรมการ""เนื่องจากความสัมพันธ์อันยาวนานของเธอกับประธานบริษัท (ผู้เป็นพ่อ) ความพยายามในการจัดการสถานการณ์จึงทำไปด้วยความอ่อนไหว แต่ก็ไร้ผล" กัวอี้จื้อ ผู้เป็นลูก กล่าวข้อพิพาทดังกล่าวได้เปิดเผยถึงการแย่งชิงอำนาจภายใน CDL ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ตามมูลค่าตลาด และตระกูลกัว ซึ่งอาณาจักรของพวกเขามีมูลค่า 11,500 ล้านดอลลาร์ตามการจัดอันดับของนิตยสาร Forbesในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ กัวลิ่งหมิง ได้ยื่นคำร้องให้ กัวอี้จื้อ ออกจากตำแหน่ง CEO โดยระบุว่าลูกชายกระทำการให้เกิด "ความผิดพลาดหลายครั้ง" โดยอ้างถึงการขาดทุนมหาศาล 1.4 พันล้านดอลลาร์ใน "ความล้มเหลว" ในปี 2020 และการตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาดในสหราชอาณาจักรราคาหุ้นของ CDL ยัง "ทำผลงานได้ต่ำกว่าคู่แข่งอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ (กัวอี้จื้อ) เข้ารับตำแหน่งผู้นำในปี 2018" กัวลิ่งหมิง ผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าว"(คนหนุ่มสาว) อาจทำผิดพลาดในอาชีพการงานได้ และนั่นก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่การหลีกเลี่ยงกฎหมายการกำกับดูแลกิจการถือเป็นการล้ำเส้น" กัวลิ่งหมิง กล่าว"ในฐานะพ่อ การไล่ลูกชายออกไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย" แต่ผลที่ตามมา "ก็สูงเกินไปที่จะปล่อยให้การยึดอำนาจโดยไม่คิดหน้าคิดหลังมาทำให้บริษัทไม่มั่นคง" เขากล่าวหุ้นของบริษัทมูลค่า 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐยังคงถูกระงับ และ CDL ถูกปรับลดระดับโดยบริษัทต่างๆ รวมถึง JPMorgan Chase & Co ตามรายงานของ Bloomberg'การกระทำที่ไม่รอบคอบ'CDL เริ่มต้นจากธุรกิจที่ขาดทุนตอนที่ กัวลิ่งหมิง พ่อของเขา กัวฟางเฟิง (Kwek Hong Png) และพี่ชายของเขา กัวลิ่วอวี้ (Kwek Leng Joo) ซื้อกิจการในปี 1971ภายใต้การบริหารของ กัวลิ่งหมิง บริษัทได้ขยายตัวอย่างมาก โดยปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอของบริษัทครอบคลุมถึงที่พักอาศัย สำนักงาน โรงแรม ศูนย์การค้า และการพัฒนาแบบบูรณาการในสิงคโปร์ รวมถึงจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และทั่วทั้งยุโรปการที่บริษัทเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมทำให้บริษัทในเครือ Millennium & Copthorne Hotels กลายเป็นกลุ่มโรงแรมระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในศูนย์กลางการเงิน โดยมีทรัพย์สินรวมถึงโรงแรม The Biltmore ในย่าน Mayfair ของลอนดอน และ Millennium ในย่าน Wall Street และ Times Square ของนิวยอร์กกัวลิ่งหมิง กล่าวว่าการรักษามรดกของเขาไว้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาต่อสู้กับลูกชายและพันธมิตรในห้องประชุมของเขา“การกระทำที่ไร้ความรอบคอบของกลุ่มที่พยายามจะรวมอำนาจควบคุมที่ไร้การควบคุมเข้าด้วยกันนั้นไม่เพียงแต่ทำลายรากฐานของการปกครองของ CDL เท่านั้น แต่ยังทำให้มรดกที่เราสร้างมาตลอดหลายทศวรรษตกอยู่ในความเสี่ยงอีกด้วย” กัวลิ่งหมิง กล่าวขณะนี้ศาลเข้ามาเกี่ยวข้องและผู้นำของ CDL ก็ตกเป็นเป้าหมาย ความขัดแย้งในครอบครัวที่ขมขื่นนี้ยังไม่จบสิ้นกัวอี้จื้อ ได้ปกป้องการเคลื่อนไหวของเขาในการปลด แคเทอรีน วู ออกจากคณะกรรมการบริษัท Millennium & Copthorne เนื่องจาก "จำเป็น" สำหรับผลประโยชน์ของ CDL โดยเสริมว่ากรรมการส่วนใหญ่จะยังคง "รักษาการกำกับดูแลกิจการและความรับผิดชอบขององค์กรต่อไป"กัวลิ่งหมิง พ่อของเขาซึ่งไม่ได้กล่าวถึง วู ในคำตอบของตนยืนยันว่า "การลิดรอนอำนาจที่สำคัญใดๆ ของประธานบริหารถือเป็นการก่อรัฐประหาร"“ตอนนี้เป็นเรื่องของศาล และผมจะปล่อยให้ศาลตัดสิน ความยุติธรรมย่อมมีชัยเสมอ” กัวลิ่งหมิง กล่าวAgence France-PressePhoto Kwek Leng Beng by Roslan RAHMAN / AFP
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาวยูเครนที่ใช้ชีวิตในนิวยอร์ก เรียกร้องให้มีการส่งอาวุธให้อยู่เครนมากขึ้นเพื่อทำสงครามต่อไป

    ในขณะที่ครอบครัวชาวยูเครนในภูมิภาคไมโคไลฟ (Mykolaiv) เรียกร้องให้กองทัพปล่อยตัวลูกๆและสามีของพวกเขาที่ถูกบังคับเข้าสู่แนวหน้า
    ชาวยูเครนที่ใช้ชีวิตในนิวยอร์ก เรียกร้องให้มีการส่งอาวุธให้อยู่เครนมากขึ้นเพื่อทำสงครามต่อไป ในขณะที่ครอบครัวชาวยูเครนในภูมิภาคไมโคไลฟ (Mykolaiv) เรียกร้องให้กองทัพปล่อยตัวลูกๆและสามีของพวกเขาที่ถูกบังคับเข้าสู่แนวหน้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • ศึกวิวาทะดุเดือดในทำเนียบขาว ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ก่อความเห็นต่างในบรรดาสมาชิกรีพับลิกันของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และบั่นทอนแนวโน้มที่สภาคองเกรสจะอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบใหม่ใดๆ สำหรับเคียฟ ในการทำสงครามกับรัสเซีย บางส่วนถึงขั้นตะเพิด เซเลนสกี พ้นจากตำแหน่งและเร่งเร้าให้ยุติความช่วยเหลือทางทหารที่มอบแก่ประเทศแห่งนี้
    .
    สมาชิกรีพับลิกันบางส่วนที่เคยสนับสนุนยูเครนมาช้านาน ได้หันมาด่าทอ เซเลนสกี ตามหลังเหตุโต้เถียงกันในวันศุกร์ (28 ก.พ.) ที่ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ปะทะคารมกับผู้นำยูเครน ต่อหน้าสื่อมวลชนทั่วโลก กล่าวหาเขาขาดความเคารพ
    .
    วุฒิสมาชิกลินด์ซีย์ เกรแฮม เรียกร้อง เซเลนสกี ปรับเปลี่ยนท่าทีหรือไม่ก็ลาออกไป ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเข้าร่วมประชุมที่เป็นไปอย่างฉันมิตรระหว่างเซเลนสกีกับบรรดาสมาชิกวุฒิสภาสิบกว่าคน
    .
    "สิ่งที่ผมเห็นในห้องทำงานรูปไข่ คือการขาดความเคารพ และผมไม่รู้ว่าเราจะสามารถคบหาเซเลนสกีได้อีกหรือไม่" เกรแฮม พันธมิตรผู้ใกล้ชิดทรัมป์ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ระหว่างเดินทางออกจากทำเนียบขาว ตามหลังเหตุกระทบกระทั่ง ที่ฉุดความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับพันธมิตรที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลาแห่งสงคราม ดำดิ่งสู่ระดับต่ำสุดรอบใหม่
    .
    "เขาจำเป็นต้องลาออกและส่งใครบางคนมา ใครที่เราสามารถทำธุระปะปังกันได้ หรือไม่อย่างนั้นเขาก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง" วุฒิสภาจากเซาท์แคโรโลนากล่าว ส่วน บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากเทนเนสซี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น ครั้งที่ทรัมป์ นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสมัยแรก โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ "สหรัฐอเมริกาจะไม่มอบเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าอีกต่อไป"
    .
    แม้สมาชิกรีพับลิกันเกือบทั้งหมดที่แสดงจุดยืนสนับสนุนทรัมป์ แต่ก็มีบางส่วนที่เข้าร่วมกับเดโมแครตในการปกป้องยูเครน ในนั้นรวมถึง ไมค์ ลอเวอร์ ส.ส.จากนิวยอร์ก ที่โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่าการประชุมในห้องทำงานรูปไข่ "พลาดโอกาสสำคัญสำหรับทั้งสหรัฐฯ และเคียฟ นั่นคือข้อตกลงหนึ่งๆ ที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะก่อผลลัพธ์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคงที่เข้มแข็ง"
    .
    ดอน เบคอน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหัวสายกลางของรีพับลิกัน จากเนบราสกา ก็สนับสนุนเคียฟเช่นกัน โดยบอกว่า "มันเป็นวันที่แย่สำหรับนโยบายต่างประเทศของอเมริกา ยูเครนต้องการเอกราช ตลาดเสรีและหลักนิติรัฐ พวกเขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งของตะวันตก รัสเซียเกลียดเราและค่านิยมตะวันตกของเรา พวกเราควรแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ว่าเรายืนหยัดเพื่อเสรีภาพ" อย่างไรก็ตามไม่มีสมาชิกสภาคองเกรสรีพับลิกันรายใดที่วิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ หรือแวนซ์
    .
    เซเลนสกี เดินทางมายังกรุงวอชิงตัน เพื่อลงนามในข้อตกลงหนึ่งสำหรับร่วมกับสหรัฐฯ ในการพัฒนาทรัพยากรทางธรรมชาติอันมั่งคั่งของยูเครน
    .
    ผู้นำยูเครนมองว่าการพบปะกับทรัมป์และแวนซ์ เป็นโอกาสโน้มน้าวไม่ให้ สหรัฐฯ หันไปยืนเคียงข้างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในการทำสงครามกับยูเครน อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นว่า เซเลนสกี ถูกไล่ออกจากทำเนียบขาวและไม่มีการลงนามในข้อตกลงใดๆ
    .
    บรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลายของเคียฟ หวังว่าข้อตกลงนี้จะช่วยเอาชนะใจได้รับการสนับสนุนมากขึ้นจากสมาชิกรีพับลิกันของทรัมป์ ซึ่งครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร สำหรับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมในอนาคต
    .
    ที่ผ่านมา สภาคองเกรสอนุมัติเงินช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 175,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ ปูติน เปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบเมื่อ 3 ปีก่อน แต่เงินช่วยเหลือก้อนสุดท้ายที่ผ่านความเห็นชอบต้องย้อนกลับไปในเดือนเมษายนเลยทีเดียว ครั้งที่พรรคเดโมแครต ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา และ โจ ไบเดน ยังคงเป็นประธานาธิบดี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020218
    ..................
    Sondhi X
    ศึกวิวาทะดุเดือดในทำเนียบขาว ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ก่อความเห็นต่างในบรรดาสมาชิกรีพับลิกันของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และบั่นทอนแนวโน้มที่สภาคองเกรสจะอนุมัติเงินช่วยเหลือรอบใหม่ใดๆ สำหรับเคียฟ ในการทำสงครามกับรัสเซีย บางส่วนถึงขั้นตะเพิด เซเลนสกี พ้นจากตำแหน่งและเร่งเร้าให้ยุติความช่วยเหลือทางทหารที่มอบแก่ประเทศแห่งนี้ . สมาชิกรีพับลิกันบางส่วนที่เคยสนับสนุนยูเครนมาช้านาน ได้หันมาด่าทอ เซเลนสกี ตามหลังเหตุโต้เถียงกันในวันศุกร์ (28 ก.พ.) ที่ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ปะทะคารมกับผู้นำยูเครน ต่อหน้าสื่อมวลชนทั่วโลก กล่าวหาเขาขาดความเคารพ . วุฒิสมาชิกลินด์ซีย์ เกรแฮม เรียกร้อง เซเลนสกี ปรับเปลี่ยนท่าทีหรือไม่ก็ลาออกไป ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเข้าร่วมประชุมที่เป็นไปอย่างฉันมิตรระหว่างเซเลนสกีกับบรรดาสมาชิกวุฒิสภาสิบกว่าคน . "สิ่งที่ผมเห็นในห้องทำงานรูปไข่ คือการขาดความเคารพ และผมไม่รู้ว่าเราจะสามารถคบหาเซเลนสกีได้อีกหรือไม่" เกรแฮม พันธมิตรผู้ใกล้ชิดทรัมป์ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ระหว่างเดินทางออกจากทำเนียบขาว ตามหลังเหตุกระทบกระทั่ง ที่ฉุดความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับพันธมิตรที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลาแห่งสงคราม ดำดิ่งสู่ระดับต่ำสุดรอบใหม่ . "เขาจำเป็นต้องลาออกและส่งใครบางคนมา ใครที่เราสามารถทำธุระปะปังกันได้ หรือไม่อย่างนั้นเขาก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง" วุฒิสภาจากเซาท์แคโรโลนากล่าว ส่วน บิล ฮาเกอร์ตี วุฒิสมาชิกจากเทนเนสซี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำญี่ปุ่น ครั้งที่ทรัมป์ นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสมัยแรก โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ "สหรัฐอเมริกาจะไม่มอบเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าอีกต่อไป" . แม้สมาชิกรีพับลิกันเกือบทั้งหมดที่แสดงจุดยืนสนับสนุนทรัมป์ แต่ก็มีบางส่วนที่เข้าร่วมกับเดโมแครตในการปกป้องยูเครน ในนั้นรวมถึง ไมค์ ลอเวอร์ ส.ส.จากนิวยอร์ก ที่โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่าการประชุมในห้องทำงานรูปไข่ "พลาดโอกาสสำคัญสำหรับทั้งสหรัฐฯ และเคียฟ นั่นคือข้อตกลงหนึ่งๆ ที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะก่อผลลัพธ์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคงที่เข้มแข็ง" . ดอน เบคอน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหัวสายกลางของรีพับลิกัน จากเนบราสกา ก็สนับสนุนเคียฟเช่นกัน โดยบอกว่า "มันเป็นวันที่แย่สำหรับนโยบายต่างประเทศของอเมริกา ยูเครนต้องการเอกราช ตลาดเสรีและหลักนิติรัฐ พวกเขาต้องการเป็นส่วนหนึ่งของตะวันตก รัสเซียเกลียดเราและค่านิยมตะวันตกของเรา พวกเราควรแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ว่าเรายืนหยัดเพื่อเสรีภาพ" อย่างไรก็ตามไม่มีสมาชิกสภาคองเกรสรีพับลิกันรายใดที่วิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ หรือแวนซ์ . เซเลนสกี เดินทางมายังกรุงวอชิงตัน เพื่อลงนามในข้อตกลงหนึ่งสำหรับร่วมกับสหรัฐฯ ในการพัฒนาทรัพยากรทางธรรมชาติอันมั่งคั่งของยูเครน . ผู้นำยูเครนมองว่าการพบปะกับทรัมป์และแวนซ์ เป็นโอกาสโน้มน้าวไม่ให้ สหรัฐฯ หันไปยืนเคียงข้างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในการทำสงครามกับยูเครน อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นว่า เซเลนสกี ถูกไล่ออกจากทำเนียบขาวและไม่มีการลงนามในข้อตกลงใดๆ . บรรดาผู้สนับสนุนทั้งหลายของเคียฟ หวังว่าข้อตกลงนี้จะช่วยเอาชนะใจได้รับการสนับสนุนมากขึ้นจากสมาชิกรีพับลิกันของทรัมป์ ซึ่งครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร สำหรับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมในอนาคต . ที่ผ่านมา สภาคองเกรสอนุมัติเงินช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 175,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ ปูติน เปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบเมื่อ 3 ปีก่อน แต่เงินช่วยเหลือก้อนสุดท้ายที่ผ่านความเห็นชอบต้องย้อนกลับไปในเดือนเมษายนเลยทีเดียว ครั้งที่พรรคเดโมแครต ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา และ โจ ไบเดน ยังคงเป็นประธานาธิบดี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020218 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    17
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1348 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27/2/68

    ประวัติอ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    https://youtu.be/ptET6EOeFwo?si=F24iH5N_QJ1sO4-O

    ประวัติ

    เกิด 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 (54ปี) กรุงเทพมหานคร ถิ่นพำนัก กรุงเทพมหานคร สัญชาติไทย

    ประวัติการศึกษา

    โรงเรียนอัสสัมชัญ รุ่น 103
    พ.ศ. 2536 : ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
    พ.ศ. 2539 : ปริญญาโท บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
    อาชีพ
    นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และ ผู้จัดรายการ

    ปีปฏิบัติงาน

    พ.ศ. 2519 - 2550 : เป็นที่รู้จักจากแกนนำกลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2
    โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

    พ.ศ. 2549 : การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551
    ศาสนา : ศาสนาพุทธ

    บิดามารดา
    นายเจริญ และ นางสุจิตรา พัวพงษ์พันธ์

    ญาติ
    พรรคความหวังใหม่
    โฆษกและแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2
    สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี และ เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต[1][2]อดีตผู้จัดรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" และคอลัมนิสต์ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เกิดวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของ นายเจริญ และนางสุจิตรา พัวพงษ์พันธ์ บิดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีนไหหลำ และมารดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว นามสกุล "พัวพงษ์พันธ์" ตั้งให้สอดคล้องกับแซ่ "พัว" ของตระกูลนั่นเอง

    ประวัติชีวิต

    นายปานเทพเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขา การเงินการจัดการ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นสมาชิกเครือข่ายสันติอโศกโดยมีถูกวางบทบาทในด้านสุขภาพ การเมือง และอื่นๆ

    เมื่อกลับมาเมืองไทยได้เข้าทำงานกับองค์กรภาคเอกชน โดยเข้าไปเป็นผู้บริหารดูด้านการเงิน และการก่อสร้างอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่ประเทศไทยจะประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจ เมื่อปี พ.ศ. 2540

    ประวัติทางการเมือง

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เข้าสู่วงการเมือง โดยมีผู้แนะนำให้รู้จักกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในปี พ.ศ. 2541 โดยเข้าไปช่วยงานในพรรคความหวังใหม่ ขณะที่มีอายุ 28 ปี กระทั่งได้เป็นกรรมการบริหารพรรค เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคความหวังใหม่[3] และมีตำแหน่งสุดท้ายเป็นรองโฆษกพรรคความหวังใหม่ ในปี พ.ศ. 2544 ก่อนที่จะไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การฟอกหนัง ด้วยวัย 31 ปี ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย

    เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ยุบพรรคความหวังใหม่ รวมกับพรรคไทยรักไทย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เป็นทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจในช่วง รัฐบาลทักษิณ 1 โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจภาคใต้ ก่อนที่จะถอนตัวในเวลาต่อมาด้วยความเห็นที่ไม่ตรงกัน และหลังจากนั้นยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลทักษิณมาโดยตลอด โดยชื่อของ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โด่งดังอีกครั้ง เมื่อออกหนังสือชื่อ "บันทึกลับ ๒๕๔o" โดยมีเนื้อหาชี้แจงถึงปัญหาเศรษฐกิจในช่วงที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ถูกโจมตีว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดวิกฤต

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐบาลมาโดยตลอด เช่น การเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐชื่อ "วิสัยทัศน์เศรษฐกิจ" รวมไปถึงเคยจัดรายการโทรทัศน์ทาง UBC ช่อง 7 ร่วมกับดุสิต ศิริวรรณ ด้วยอยู่ช่วงหนึ่ง ในชื่อรายการ "โต๊ะข่าวเช้านี้"

    ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2548 ปานเทพ ได้เข้าไปทำงานในเครือผู้จัดการ ของสนธิ ลิ้มทองกุล และได้ทำรายการในเอเอสทีวี (ASTV) คือรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ในช่วงเวลา 20:30น.- 21:30น. ทุกวันจันทร์ ถึง ศุกร์ และเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการอีกด้วย ซึ่งยังทำมาจนถึงปัจจุบัน

    ในการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2549 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวที และในการขับไล่ รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ.ศ. 2551 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ยังคงทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวทีอย่างต่อเนื่อง

    นอกเหนือจากรายการที่ เอเอสทีวี แล้ว ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ยังมีรายการ "เวทีเสรี" ที่อออกอากาศ ช่วง 21.00 - 22.00 น. ทาง ทีทีวี ช่อง เอ็มวี1 ด้วย โดยเป็นวิทยากรประจำวันอังคาร ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ออกอากาศแล้ว

    ได้รับแต่งตั้งให้เป็นโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเป็นนักวิชาการบนเวทีที่พูดในประเด็นกรณีเขาพระวิหาร เมื่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ชื่อการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน พ.ศ. 2554 คู่กับเทพมนตรี ลิมปพยอม

    ในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปานเทพได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 พร้อมกับ ประพันธ์ คูณมี

    และเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2555 ปานเทพได้ ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ว่าอเมริกามีโครงการ H.A.A.R.P. เป็นการยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ แล้วสะท้อนกลับมายังผิวโลก ทำให้เกิดภัยธรรมชาติต่างๆ ในพื้นที่ตามที่ต้องการได้ เพื่อใช้เป็นอาวุธกำจัดศัตรูแบบใหม่

    ผลงานหนังสือ

    บันทึกลับ 2540
    ประเทศไทยได้รับบทเรียนอะไรจากการปิด 56 สถาบันการเงินเป็นการถาวร
    ผ่าทางตันแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กฟผ.
    บทเรียนขายหุ้นชินคอร์ป ระเบียบ ก.ล.ต. -ภาษี-จริยธรรม
    สงครามจิตวิทยาราคาน้ำมัน
    มหกรรมผลประโยชน์ทับซ้อน
    33 ประเด็นถาม-ตอบ ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน
    คำเตือนสุดท้าย ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน
    cr: http://www.cannhealth.in.th
    : บ้านคนดัง Celebrity Homes 4
    27/2/68 ประวัติอ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://youtu.be/ptET6EOeFwo?si=F24iH5N_QJ1sO4-O ประวัติ เกิด 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 (54ปี) กรุงเทพมหานคร ถิ่นพำนัก กรุงเทพมหานคร สัญชาติไทย ประวัติการศึกษา โรงเรียนอัสสัมชัญ รุ่น 103 พ.ศ. 2536 : ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พ.ศ. 2539 : ปริญญาโท บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา อาชีพ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และ ผู้จัดรายการ ปีปฏิบัติงาน พ.ศ. 2519 - 2550 : เป็นที่รู้จักจากแกนนำกลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ.ศ. 2549 : การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 ศาสนา : ศาสนาพุทธ บิดามารดา นายเจริญ และ นางสุจิตรา พัวพงษ์พันธ์ ญาติ พรรคความหวังใหม่ โฆษกและแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี และ เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต[1][2]อดีตผู้จัดรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" และคอลัมนิสต์ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เกิดวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของ นายเจริญ และนางสุจิตรา พัวพงษ์พันธ์ บิดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีนไหหลำ และมารดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว นามสกุล "พัวพงษ์พันธ์" ตั้งให้สอดคล้องกับแซ่ "พัว" ของตระกูลนั่นเอง ประวัติชีวิต นายปานเทพเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขา การเงินการจัดการ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นสมาชิกเครือข่ายสันติอโศกโดยมีถูกวางบทบาทในด้านสุขภาพ การเมือง และอื่นๆ เมื่อกลับมาเมืองไทยได้เข้าทำงานกับองค์กรภาคเอกชน โดยเข้าไปเป็นผู้บริหารดูด้านการเงิน และการก่อสร้างอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่ประเทศไทยจะประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจ เมื่อปี พ.ศ. 2540 ประวัติทางการเมือง ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เข้าสู่วงการเมือง โดยมีผู้แนะนำให้รู้จักกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในปี พ.ศ. 2541 โดยเข้าไปช่วยงานในพรรคความหวังใหม่ ขณะที่มีอายุ 28 ปี กระทั่งได้เป็นกรรมการบริหารพรรค เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคความหวังใหม่[3] และมีตำแหน่งสุดท้ายเป็นรองโฆษกพรรคความหวังใหม่ ในปี พ.ศ. 2544 ก่อนที่จะไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การฟอกหนัง ด้วยวัย 31 ปี ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ยุบพรรคความหวังใหม่ รวมกับพรรคไทยรักไทย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เป็นทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจในช่วง รัฐบาลทักษิณ 1 โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจภาคใต้ ก่อนที่จะถอนตัวในเวลาต่อมาด้วยความเห็นที่ไม่ตรงกัน และหลังจากนั้นยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลทักษิณมาโดยตลอด โดยชื่อของ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โด่งดังอีกครั้ง เมื่อออกหนังสือชื่อ "บันทึกลับ ๒๕๔o" โดยมีเนื้อหาชี้แจงถึงปัญหาเศรษฐกิจในช่วงที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ถูกโจมตีว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดวิกฤต ปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐบาลมาโดยตลอด เช่น การเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐชื่อ "วิสัยทัศน์เศรษฐกิจ" รวมไปถึงเคยจัดรายการโทรทัศน์ทาง UBC ช่อง 7 ร่วมกับดุสิต ศิริวรรณ ด้วยอยู่ช่วงหนึ่ง ในชื่อรายการ "โต๊ะข่าวเช้านี้" ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2548 ปานเทพ ได้เข้าไปทำงานในเครือผู้จัดการ ของสนธิ ลิ้มทองกุล และได้ทำรายการในเอเอสทีวี (ASTV) คือรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ในช่วงเวลา 20:30น.- 21:30น. ทุกวันจันทร์ ถึง ศุกร์ และเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการอีกด้วย ซึ่งยังทำมาจนถึงปัจจุบัน ในการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2549 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวที และในการขับไล่ รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ.ศ. 2551 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ยังคงทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวทีอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากรายการที่ เอเอสทีวี แล้ว ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ยังมีรายการ "เวทีเสรี" ที่อออกอากาศ ช่วง 21.00 - 22.00 น. ทาง ทีทีวี ช่อง เอ็มวี1 ด้วย โดยเป็นวิทยากรประจำวันอังคาร ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ออกอากาศแล้ว ได้รับแต่งตั้งให้เป็นโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเป็นนักวิชาการบนเวทีที่พูดในประเด็นกรณีเขาพระวิหาร เมื่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ชื่อการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน พ.ศ. 2554 คู่กับเทพมนตรี ลิมปพยอม ในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปานเทพได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 พร้อมกับ ประพันธ์ คูณมี และเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2555 ปานเทพได้ ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ว่าอเมริกามีโครงการ H.A.A.R.P. เป็นการยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ แล้วสะท้อนกลับมายังผิวโลก ทำให้เกิดภัยธรรมชาติต่างๆ ในพื้นที่ตามที่ต้องการได้ เพื่อใช้เป็นอาวุธกำจัดศัตรูแบบใหม่ ผลงานหนังสือ บันทึกลับ 2540 ประเทศไทยได้รับบทเรียนอะไรจากการปิด 56 สถาบันการเงินเป็นการถาวร ผ่าทางตันแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กฟผ. บทเรียนขายหุ้นชินคอร์ป ระเบียบ ก.ล.ต. -ภาษี-จริยธรรม สงครามจิตวิทยาราคาน้ำมัน มหกรรมผลประโยชน์ทับซ้อน 33 ประเด็นถาม-ตอบ ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน คำเตือนสุดท้าย ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน cr: http://www.cannhealth.in.th : บ้านคนดัง Celebrity Homes 4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 562 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูซา อาบู มาร์ซุก เจ้าหน้าที่อาวุโสของกลุ่มฮามาส กล่าวกับนิวยอร์กไทมส์ว่า หากเขารู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับความเสียหายทั้งหมดที่จะตามมาหลังจากการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เขาจะไม่สนับสนุนให้เกิดเหตุการณ์นี้ เขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดหายนะในระดับนี้
    มูซา อาบู มาร์ซุก เจ้าหน้าที่อาวุโสของกลุ่มฮามาส กล่าวกับนิวยอร์กไทมส์ว่า หากเขารู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับความเสียหายทั้งหมดที่จะตามมาหลังจากการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เขาจะไม่สนับสนุนให้เกิดเหตุการณ์นี้ เขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดหายนะในระดับนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตามรายงานของนิวยอร์กโพสต์ ซึ่งอ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดเซเลนสกี เชื่อว่าหากเซเลนสกีต้องลี้ภัยต่างประเทศ

    “ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา คงหนีไม่พ้นฝรั่งเศส”
    ตามรายงานของนิวยอร์กโพสต์ ซึ่งอ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดเซเลนสกี เชื่อว่าหากเซเลนสกีต้องลี้ภัยต่างประเทศ “ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา คงหนีไม่พ้นฝรั่งเศส”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบน Truth Social ยกย่องตัวเองว่าเป็น “กษัตริย์” หลังจากยกเลิกโครงการเก็บ “ค่าธรรมเนียมรถติด” (Congestion pricing) ในนครนิวยอร์ก โดยทรัมป์ กล่าวว่าค่าธรรมเนียมรถติดตายแล้ว ทำให้ แมนฮัตตันและทั่วทั้งนิวยอร์กปลอดภัยและลงท้ายว่า “LONG LIVE THE KING!" ปรากฏว่าในXบัญชีThe White House ของทำเนียบขาวถือโอกาสเชียร์ สร้างภาพทรัมป์สวมมงกุฎพระราชาภายในกรอบแดง เลียนแบบหน้าปกของนิตยสารไทม์ โดยพาดว่า “LONG LIVE THE KING”โดยต่อยอดคำพูดยกยอตัวเองของทรัมป์เผยแพร่ออกไป ทำให้คำว่า “LONG LIVE THE KING” ติดเทรนด์ยอดนิยมบน X ในสหรัฐฯ สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ บางสำนักกล่าวว่าการโพสต์จากบัญชีทางการของทำเนียบขาวที่แปลก ๆทรัมป์เกิดขึ้นในยุคทรัมป์ครองอำนาจประธานาธิบดีที่อยากเป็น "กษัตริย์แห่งอเมริกา"
    โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบน Truth Social ยกย่องตัวเองว่าเป็น “กษัตริย์” หลังจากยกเลิกโครงการเก็บ “ค่าธรรมเนียมรถติด” (Congestion pricing) ในนครนิวยอร์ก โดยทรัมป์ กล่าวว่าค่าธรรมเนียมรถติดตายแล้ว ทำให้ แมนฮัตตันและทั่วทั้งนิวยอร์กปลอดภัยและลงท้ายว่า “LONG LIVE THE KING!" ปรากฏว่าในXบัญชีThe White House ของทำเนียบขาวถือโอกาสเชียร์ สร้างภาพทรัมป์สวมมงกุฎพระราชาภายในกรอบแดง เลียนแบบหน้าปกของนิตยสารไทม์ โดยพาดว่า “LONG LIVE THE KING”โดยต่อยอดคำพูดยกยอตัวเองของทรัมป์เผยแพร่ออกไป ทำให้คำว่า “LONG LIVE THE KING” ติดเทรนด์ยอดนิยมบน X ในสหรัฐฯ สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ บางสำนักกล่าวว่าการโพสต์จากบัญชีทางการของทำเนียบขาวที่แปลก ๆทรัมป์เกิดขึ้นในยุคทรัมป์ครองอำนาจประธานาธิบดีที่อยากเป็น "กษัตริย์แห่งอเมริกา"
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • งามไส้! ทองคำไทยที่ฝากไว้ในสหรัฐ อาการน่าเป็นห่วง 20/02/68 #ทองคำไทย #ลอนดอน #นิวยอร์ก
    งามไส้! ทองคำไทยที่ฝากไว้ในสหรัฐ อาการน่าเป็นห่วง 20/02/68 #ทองคำไทย #ลอนดอน #นิวยอร์ก
    Like
    Angry
    Sad
    11
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1411 มุมมอง 56 0 รีวิว
  • ทองคำไทยที่ฝากที่ลอนดอน และนิวยอร์กอาจจะไม่ได้คืน : คนเคาะข่าว 18-02-68

    https://www.youtube.com/watch?v=z1Z6ML6IPJ4&list=WL&index=10
    ทองคำไทยที่ฝากที่ลอนดอน และนิวยอร์กอาจจะไม่ได้คืน : คนเคาะข่าว 18-02-68 https://www.youtube.com/watch?v=z1Z6ML6IPJ4&list=WL&index=10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเขาสั่งการให้กระทรวงยุติธรรม เลิกจ้างบรรดาอัยการอเมริกาในยุคของไบเดน ที่ยังเหลือยู่ทั้งหมด อ้างว่ากระทรวงแห่งนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
    .
    "เราต้องทำความสะอาดบ้านในทันที และฟื้นฟูความชื่อมั่น ยุคทองของอเมริกาจำเป็นต้องมีระบบยุติธรรมที่ยุติธรรม และมันเริ่มขึ้นแล้วในวันนี้" ทรัมป์โพสต์ข้อความบนทรัสต์โซเชียล
    .
    สำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อสอบถามไปยังกระทรวงยุติธรรม แต่กระทรวงยุติธรรมยังไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว
    .
    เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำเนียบขาวส่งหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาไปยังอัยการสหรัฐฯ หลายคนทั่วประเทศ ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต และล่าสุดในวันจันทร์ (17 ก.พ.) อัยการสหรัฐฯ หลายคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากไบเดน แถลงว่ากำลังลาออก ส่วนคนอื่นๆ ได้ออกจากรัฐบาลตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
    .
    แม้ตามธรรรมเนียมแล้ว บรรดาอัยการหรัฐฯ จะลาออกหลังมีการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานประธานาธิบดี แต่โดยปกติแล้วรัฐบาลที่กำลังเข้ารับตำแหน่งจะร้องขอให้พวกเขาลาออกจากตำแหน่งอย่างละมุนละม่อมและไม่ออกหนังสือเลิกจ้างที่ใช้ถ้อยคำกะทัดรัดเช่นนี้ จากความเห็นของอดีตทนายความทั้งในอดีตและปัจจุบันของกระทรวงยุติธรรม
    .
    การเลิกจ้างบรรดาอัยการสหรัฐฯ ซึ่งทำหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายรัฐบาลกลางระดับสูงสุด ตามเขตต่างๆ ของอัยการรายนั้นๆ ถือเป็นการยกเครื่องล่าสุดภายในกระทรวงยุติธรรม นับตั้งแต่ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนที่แล้ว
    .
    แม้กระทั่งพวกเจ้าหน้าที่ที่มีอาชีพการเงินในกระทรวงยุติธรรม ที่ปกติแล้วจะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลก็ตาม แต่คราวนี้มีพวกเขาหลายสิบคนในเมืองต่างๆ อย่างเช่นวอชิงตันและนิวยอร์ก ที่ถูกไล่ออกหรือลาออกไป นับตั้งแต่ ทรัมป์ ก้าวเข้าสู่อำนาจ
    .
    ระหว่างรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ประกาศกร้าวว่าจะยุติการใช้กระทรวงยุติธรรมเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในสิ่งที่เขากล่าวอ้างว่าถูกใช้เล่นงานเขา ในช่วงหลายขวบปีที่พ้นจากอำนาจไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016385
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเขาสั่งการให้กระทรวงยุติธรรม เลิกจ้างบรรดาอัยการอเมริกาในยุคของไบเดน ที่ยังเหลือยู่ทั้งหมด อ้างว่ากระทรวงแห่งนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน . "เราต้องทำความสะอาดบ้านในทันที และฟื้นฟูความชื่อมั่น ยุคทองของอเมริกาจำเป็นต้องมีระบบยุติธรรมที่ยุติธรรม และมันเริ่มขึ้นแล้วในวันนี้" ทรัมป์โพสต์ข้อความบนทรัสต์โซเชียล . สำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อสอบถามไปยังกระทรวงยุติธรรม แต่กระทรวงยุติธรรมยังไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว . เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำเนียบขาวส่งหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาไปยังอัยการสหรัฐฯ หลายคนทั่วประเทศ ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต และล่าสุดในวันจันทร์ (17 ก.พ.) อัยการสหรัฐฯ หลายคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากไบเดน แถลงว่ากำลังลาออก ส่วนคนอื่นๆ ได้ออกจากรัฐบาลตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว . แม้ตามธรรรมเนียมแล้ว บรรดาอัยการหรัฐฯ จะลาออกหลังมีการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานประธานาธิบดี แต่โดยปกติแล้วรัฐบาลที่กำลังเข้ารับตำแหน่งจะร้องขอให้พวกเขาลาออกจากตำแหน่งอย่างละมุนละม่อมและไม่ออกหนังสือเลิกจ้างที่ใช้ถ้อยคำกะทัดรัดเช่นนี้ จากความเห็นของอดีตทนายความทั้งในอดีตและปัจจุบันของกระทรวงยุติธรรม . การเลิกจ้างบรรดาอัยการสหรัฐฯ ซึ่งทำหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายรัฐบาลกลางระดับสูงสุด ตามเขตต่างๆ ของอัยการรายนั้นๆ ถือเป็นการยกเครื่องล่าสุดภายในกระทรวงยุติธรรม นับตั้งแต่ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนที่แล้ว . แม้กระทั่งพวกเจ้าหน้าที่ที่มีอาชีพการเงินในกระทรวงยุติธรรม ที่ปกติแล้วจะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลก็ตาม แต่คราวนี้มีพวกเขาหลายสิบคนในเมืองต่างๆ อย่างเช่นวอชิงตันและนิวยอร์ก ที่ถูกไล่ออกหรือลาออกไป นับตั้งแต่ ทรัมป์ ก้าวเข้าสู่อำนาจ . ระหว่างรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ประกาศกร้าวว่าจะยุติการใช้กระทรวงยุติธรรมเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในสิ่งที่เขากล่าวอ้างว่าถูกใช้เล่นงานเขา ในช่วงหลายขวบปีที่พ้นจากอำนาจไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016385 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2298 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองคำไทยที่ฝากที่ลอนดอน และนิวยอร์กอาจจะไม่ได้คืน : คนเคาะข่าว 18-02-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    #คนเคาะข่าว
    ทองคำไทยที่ฝากที่ลอนดอน และนิวยอร์กอาจจะไม่ได้คืน : คนเคาะข่าว 18-02-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • ไฟไหม้วัดอุษาพุฒยาราม วัดไทยในนิวยอร์ก เช้ามืดวันที่12 กุมภาพันธ์ 2568 พระมรณภาพ 1 รูป และคนไทยที่มาขออาศัยพักที่วัด 1 รายเสียชีวิตhttps://abc7ny.com/post/3-alarm-fire-buddhist-temple-tremont-section-bronx-injures-2-people/15897097/?#ecjv3dhq6gj6c46h0dim02zecki3miu2o https://www.facebook.com/100002229012691/posts/9094154120668798/?mibextid=wwXIfr
    ไฟไหม้วัดอุษาพุฒยาราม วัดไทยในนิวยอร์ก เช้ามืดวันที่12 กุมภาพันธ์ 2568 พระมรณภาพ 1 รูป และคนไทยที่มาขออาศัยพักที่วัด 1 รายเสียชีวิตhttps://abc7ny.com/post/3-alarm-fire-buddhist-temple-tremont-section-bronx-injures-2-people/15897097/?#ecjv3dhq6gj6c46h0dim02zecki3miu2o https://www.facebook.com/100002229012691/posts/9094154120668798/?mibextid=wwXIfr
    ABC7NY.COM
    FDNY says car parked in front of hydrant hindered response to deadly fire in Bronx
    The fire consumed two buildings, including a Buddhist temple early Wednesday morning.
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซียสวนกลับ ยังไม่ได้รับข้อเสนอดีๆ จาก เพื่อเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน หลังจากทรัมป์อวดอ้างว่า ได้คุยกับปูตินแล้ว และมีความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อยุติสงคราม
    .
    มิคาอิล กาลูซิน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียที่นำออกเผยแพร่ในวันจันทร์ (10 ก.พ.) ว่า คำพูดต้องได้รับการสนับสนุนด้วยขั้นตอนการปฏิบัติซึ่งคำนึงถึงผลประโยชน์อันชอบธรรมของรัสเซีย รวมทั้งแสดงถึงความพร้อมในการกำจัดรากเหง้าของปัญหาที่นำไปสู่วิกฤตยูเครน และตระหนึกถึงความเป็นจริงใหม่ ก่อนสำทับว่า ถึงขณะนี้มอสโกยังไม่ได้รับข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมเพื่อเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครนแต่อย่างใด
    .
    ช่วงหลายวันมานี้มีข้อมูลที่ขัดแย้งกันออกมาจากฝั่งวอชิงตันและมอสโกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการหารือระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพื่อยุติสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมายาวนานเกือบ 3 ปีเต็ม
    .
    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ให้สัมภาษณ์นิวยอร์กโพสต์ว่า เขาไม่ควรพูดเรื่องนี้ แต่ว่าเขาได้คุยกับปูตินแล้ว ถือเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการครั้งแรกอย่างน้อยก็จากฝ่ายวอชิงตันว่า ผู้นำสองประเทศได้พูดคุยกันภายหลังจากหมางเมินมาตลอดตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 นอกจากนั้นทรัมป์ยังแสดงความหวังว่า จะมีการหารือเพิ่มเติม พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า การเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครนมีความคืบหน้า แต่ไม่เปิดเผยว่า ใช้ช่องทางใดในการสื่อสารกับผู้นำรัสเซีย
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์นิวยอร์กโพสต์เมื่อวันศุกร์ (7) ประมุขทำเนียบขาวยังบอกว่า ไม่ต้องการเปิดเผยว่า ได้คุยกับปูตินแล้วกี่รอบ และรอบล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อใด
    .
    ต่อมาในวันอาทิตย์ (9 ก.พ.) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน เปิดเผยกับสำนักข่าวทาสส์ ของทางการรัสเซียว่า ระหว่างปูตินกับทรัมป์ มีการสื่อสารด้วยช่องทางต่างๆ ซึ่งตนเองอาจไม่รับรู้ทุกเรื่อง จึงไม่สามารถยืนยันหรือปฏิเสธได้ว่า ผู้นำทั้งสองมีการพูดคุยกันหรือยังนับตั้งแต่ที่ทรัมป์เข้าดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง
    .
    เช่นเดียวกับ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธที่จะแจกแจงว่า ผู้นำอเมริกาและรัสเซียสื่อสารกันเมื่อใด แต่ส่งสัญญาณว่า ทรัมป์อาจใช้มาตรการแซงก์ชันหรือภาษีศุลกากรเพื่อบีบให้ปูตินยอมเจรจาหยุดยิง
    .
    ก่อนหน้านี้ทรัมป์ย้ำมาตลอดว่า ต้องการยุติสงครามในยูเครนและจะพบกับปูตินเพื่อหารือเรื่องนี้ แต่ไม่ได้บอกว่า จะเป็นเมื่อใดและที่ไหน โดยในวันอาทิตย์ผู้นำสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์แค่ว่า จะพบกับประมุขรัสเซียในเวลาที่เหมาะสม
    .
    อย่างไรก็ดี รอยเตอร์รายงานก่อนหน้านี้ว่า รัสเซียมองว่า สถานที่จัดประชุมสุดยอดอาจเป็นที่ซาอุดีอาระเบียหรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (6) ลีโอนิด สลัตสกี สมาชิกคณะกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศของรัฐสภารัสเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวอาร์ไอเอว่า การเตรียมการสำหรับการพบกันระหว่างปูตินกับทรัมป์มีความคืบหน้า โดยอาจจัดขึ้นในเดือนนี้หรือเดือนมีนาคม
    .
    นอกจากนั้นเมื่อวันศุกร์ ทรัมป์ยังบอกว่า อาจพบกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครนเพื่อหารือเรื่องดังกล่าวในสัปดาห์นี้ ขณะที่เซเลนสกี้ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า ตนต้องการให้ยูเครนจัดหาแร่แรร์เอิร์ธ ให้อเมริกาเพื่อแลกเปลี่ยนกับการสนับสนุนทางการเงินสำหรับการทำสงครามกับรัสเซีย
    .
    ก่อนหน้านี้ผู้นำเคียฟผู้นี้ยืนยันว่า จะไม่ยอมยกดินแดนที่ถูกยึดครองให้รัสเซีย รวมทั้งยังต้องการเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งล้วนเป็นเงื่อนไขที่ตรงข้ามกับจุดยืนของรัสเซีย
    .
    ทางด้านปูตินนั้นมองว่า สงครามในยูเครนเป็นสงครามเพื่อความอยู่รอดของรัสเซีย หลังจากถูกฝ่ายตะวันตกที่ใช้องค์การนาโตเป็นหัวหอก รุกไล่เข้ามาจนติดพรมแดนรัสเซีย
    .
    จากคำพูดของรัฐมนตรีช่วยกาลูซิน ระบุว่า มอสโกยังคงเปิดกว้างสำหรับการเจราจา ทว่าแดนหมีขาวยังยืนยันเงื่อนไขเดิมคือ ยูเครนต้องไม่เข้าเป็นสมาชิกนาโต และต้องมีมาตรการในการปกป้องสิทธิ์ของชาวรัสเซียในยูเครน
    .
    ขณะเดียวกัน แม้ทรัมป์ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนสันติภาพยูเครน แต่อาร์ทีรายงานว่า แผนการดังกล่าวอาจรวมถึงการระงับชั่วคราวการสู้รบขัดแย้งตลอดแนวรบปัจจุบัน การสร้างเขตปลอดทหารและการจัดส่งทหารยุโรปเข้าไปทำหน้าที่รักษาสันติภาพ และการระงับการเข้าเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน
    .
    ทว่า รัสเซียไม่เห็นด้วยกับเรื่องการหยุดพักการสู้รบขัดแย้ง และยืนกรานว่า ข้อตกลงสันติภาพที่ยั่งยืนต้องกำหนดให้ยูเครนรักษาความเป็นกลางถาวรและเป็นเขตปลอดทหาร ตลอดจนถึงขจัดระบอบนาซี และยอมรับความเป็นจริงด้านดินแดน ซึ่งหมายถึงแคว้นต่างๆ ที่ถูกรัสเซียประกาศผนวกเป็นดินแดนของตนไปแล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013539
    ..............
    Sondhi X
    รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซียสวนกลับ ยังไม่ได้รับข้อเสนอดีๆ จาก เพื่อเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน หลังจากทรัมป์อวดอ้างว่า ได้คุยกับปูตินแล้ว และมีความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อยุติสงคราม . มิคาอิล กาลูซิน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียที่นำออกเผยแพร่ในวันจันทร์ (10 ก.พ.) ว่า คำพูดต้องได้รับการสนับสนุนด้วยขั้นตอนการปฏิบัติซึ่งคำนึงถึงผลประโยชน์อันชอบธรรมของรัสเซีย รวมทั้งแสดงถึงความพร้อมในการกำจัดรากเหง้าของปัญหาที่นำไปสู่วิกฤตยูเครน และตระหนึกถึงความเป็นจริงใหม่ ก่อนสำทับว่า ถึงขณะนี้มอสโกยังไม่ได้รับข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมเพื่อเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครนแต่อย่างใด . ช่วงหลายวันมานี้มีข้อมูลที่ขัดแย้งกันออกมาจากฝั่งวอชิงตันและมอสโกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการหารือระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพื่อยุติสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมายาวนานเกือบ 3 ปีเต็ม . สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ให้สัมภาษณ์นิวยอร์กโพสต์ว่า เขาไม่ควรพูดเรื่องนี้ แต่ว่าเขาได้คุยกับปูตินแล้ว ถือเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการครั้งแรกอย่างน้อยก็จากฝ่ายวอชิงตันว่า ผู้นำสองประเทศได้พูดคุยกันภายหลังจากหมางเมินมาตลอดตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 นอกจากนั้นทรัมป์ยังแสดงความหวังว่า จะมีการหารือเพิ่มเติม พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า การเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครนมีความคืบหน้า แต่ไม่เปิดเผยว่า ใช้ช่องทางใดในการสื่อสารกับผู้นำรัสเซีย . ระหว่างให้สัมภาษณ์นิวยอร์กโพสต์เมื่อวันศุกร์ (7) ประมุขทำเนียบขาวยังบอกว่า ไม่ต้องการเปิดเผยว่า ได้คุยกับปูตินแล้วกี่รอบ และรอบล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อใด . ต่อมาในวันอาทิตย์ (9 ก.พ.) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน เปิดเผยกับสำนักข่าวทาสส์ ของทางการรัสเซียว่า ระหว่างปูตินกับทรัมป์ มีการสื่อสารด้วยช่องทางต่างๆ ซึ่งตนเองอาจไม่รับรู้ทุกเรื่อง จึงไม่สามารถยืนยันหรือปฏิเสธได้ว่า ผู้นำทั้งสองมีการพูดคุยกันหรือยังนับตั้งแต่ที่ทรัมป์เข้าดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง . เช่นเดียวกับ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธที่จะแจกแจงว่า ผู้นำอเมริกาและรัสเซียสื่อสารกันเมื่อใด แต่ส่งสัญญาณว่า ทรัมป์อาจใช้มาตรการแซงก์ชันหรือภาษีศุลกากรเพื่อบีบให้ปูตินยอมเจรจาหยุดยิง . ก่อนหน้านี้ทรัมป์ย้ำมาตลอดว่า ต้องการยุติสงครามในยูเครนและจะพบกับปูตินเพื่อหารือเรื่องนี้ แต่ไม่ได้บอกว่า จะเป็นเมื่อใดและที่ไหน โดยในวันอาทิตย์ผู้นำสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์แค่ว่า จะพบกับประมุขรัสเซียในเวลาที่เหมาะสม . อย่างไรก็ดี รอยเตอร์รายงานก่อนหน้านี้ว่า รัสเซียมองว่า สถานที่จัดประชุมสุดยอดอาจเป็นที่ซาอุดีอาระเบียหรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (6) ลีโอนิด สลัตสกี สมาชิกคณะกรรมาธิการกิจการระหว่างประเทศของรัฐสภารัสเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวอาร์ไอเอว่า การเตรียมการสำหรับการพบกันระหว่างปูตินกับทรัมป์มีความคืบหน้า โดยอาจจัดขึ้นในเดือนนี้หรือเดือนมีนาคม . นอกจากนั้นเมื่อวันศุกร์ ทรัมป์ยังบอกว่า อาจพบกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครนเพื่อหารือเรื่องดังกล่าวในสัปดาห์นี้ ขณะที่เซเลนสกี้ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า ตนต้องการให้ยูเครนจัดหาแร่แรร์เอิร์ธ ให้อเมริกาเพื่อแลกเปลี่ยนกับการสนับสนุนทางการเงินสำหรับการทำสงครามกับรัสเซีย . ก่อนหน้านี้ผู้นำเคียฟผู้นี้ยืนยันว่า จะไม่ยอมยกดินแดนที่ถูกยึดครองให้รัสเซีย รวมทั้งยังต้องการเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งล้วนเป็นเงื่อนไขที่ตรงข้ามกับจุดยืนของรัสเซีย . ทางด้านปูตินนั้นมองว่า สงครามในยูเครนเป็นสงครามเพื่อความอยู่รอดของรัสเซีย หลังจากถูกฝ่ายตะวันตกที่ใช้องค์การนาโตเป็นหัวหอก รุกไล่เข้ามาจนติดพรมแดนรัสเซีย . จากคำพูดของรัฐมนตรีช่วยกาลูซิน ระบุว่า มอสโกยังคงเปิดกว้างสำหรับการเจราจา ทว่าแดนหมีขาวยังยืนยันเงื่อนไขเดิมคือ ยูเครนต้องไม่เข้าเป็นสมาชิกนาโต และต้องมีมาตรการในการปกป้องสิทธิ์ของชาวรัสเซียในยูเครน . ขณะเดียวกัน แม้ทรัมป์ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนสันติภาพยูเครน แต่อาร์ทีรายงานว่า แผนการดังกล่าวอาจรวมถึงการระงับชั่วคราวการสู้รบขัดแย้งตลอดแนวรบปัจจุบัน การสร้างเขตปลอดทหารและการจัดส่งทหารยุโรปเข้าไปทำหน้าที่รักษาสันติภาพ และการระงับการเข้าเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน . ทว่า รัสเซียไม่เห็นด้วยกับเรื่องการหยุดพักการสู้รบขัดแย้ง และยืนกรานว่า ข้อตกลงสันติภาพที่ยั่งยืนต้องกำหนดให้ยูเครนรักษาความเป็นกลางถาวรและเป็นเขตปลอดทหาร ตลอดจนถึงขจัดระบอบนาซี และยอมรับความเป็นจริงด้านดินแดน ซึ่งหมายถึงแคว้นต่างๆ ที่ถูกรัสเซียประกาศผนวกเป็นดินแดนของตนไปแล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013539 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1744 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เผยว่าได้พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นที่เรียบร้อยแล้วผ่านทางโทรศัพท์ เกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครน ตามรายงานของนิวยอร์กโพสต์ ถือเป็นสนทนากันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกระหว่าง ปูตินกับผู้นำรายหนึ่งๆของอเมริกา นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ รับปากยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน แต่ยังไม่เคยพูดกับสาธารณะชนว่าเขาจะดำเนินการอย่างไรเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาบอกว่าอเมริกากำลังพูดคุยกับทั้งฝ่ายรัสเซียและยูเครน เกี่ยวกับการคลี่คลายความขัดแย้ง แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเพิ่มเติม
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์บนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันเมื่อวันศุกร์(7ก.พ.) ทรัมป์บอกกับนิวยอร์กโพสต์ว่า คงจะดีกว่าที่ไม่บอกว่าเขาพูดคุยกับปูตินไปแล้วกี่ครั้งและหลายครั้งมากแค่ไหน นอกจากนี้แล้วประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ไม่ได้เปิดเผยด้วยว่าครั้งสุดท้ายของการสนทนากันนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ "เขา(ปูติน) อยากเห็นผู้คนหยุดบาดเจ็บล้มตาย" ทรัมป์กล่าว
    .
    ด้าน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลิน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวทาสส์นิวส์ สื่อมวลชนแห่งรัฐ ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธรายงานข่าวของนิวยอร์กโพสต์ ส่วน ไมค์ วอลต์ซ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ตอบคำถามระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอ็นบีซีในวันอาทิตย์(9ก.พ.) เกี่ยวกับการสนทนากันระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน ว่า "ผมไม่ขอให้ข้อมูลไปมากกว่าท่านประธานาธิบดี แต่แน่นอนว่ามีการสนทนาในประเด็นที่อ่อนไหวมากมาย"
    .
    ทรัมป์ เน้นย้ำซ้ำๆว่าเขาต้องการยุติสงครามและจะพบปะพูดคุยกับปูติน เพื่อหารือในเรืองนี้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าการประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นที่ไหนและเวลาใด อย่างไรก็ตามสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อช่วงต้นเดือนว่า รัสเซียได้เล็งซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เอาไว้ ในฐานะสถานที่ที่เป็นไปได้สำหรับจัดการประชุมซัมมิตระหว่างปูตินกับทรัมป์
    .
    ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจะพากันมุ่งหน้าไปยังยุโรป ส่วนหนึ่งในการหารือเกี่ยวกับสงคราม ในนั้นรวมถึง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ, พีต เฮกเซท รัฐมนตรีกลาโหม, รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ และ คีธ เคลล็อกก์ ทูตพิเศษด้านสงครามยูเครน
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับเอ็นบีซี วอลต์ซบ่งชี้ว่าทรัมป์อาจมีความตั้งใจใช้มาตรการคว่ำบาตรและรีดภาษีหว่านล้อมให้ปูตินเข้าสู่โต๊ะเจรจา พร้อมเผยว่าพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและยูเครนจะหารือเกี่ยวกับกรณีอเมริกาจะเข้าถึงทรัพยากรแร่แรร์เอิร์ธของยูเครน ชดเชยเงินช่วยเหนือของวอชิงตันที่มอบให้แก่พันธฒิตรแห่งนี้ "การพูดคุยเหล่านี้จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้"
    .
    เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ปูติน วางกรอบเงื่อนไขอย่างเปิดเผยสำหรับการยุติสงครามในทันที นั่นคือยูเครนต้องละทิ้งความทะเยอทะยานเข้าร่วมนาโต และถอนกำลังพลออกจาก 4 แคว้นของเคียฟ ที่ปัจจุบันถูกควบคุมโดยรัสเซียเป็นส่วนใหญ่และมอสโกกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน
    .
    รอยเตอร์รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน ว่า ปูติน เปิดกว้างหารือข้อตกลงสันติภาพกับทรัมป์ แต่ปฏิเสธความเป็นไปได้ใดๆของการยอมสละดินแดนครั้งใหญ่แลกข้อตกลง และยืนยันว่าเคียฟต้องละทิ้งความทะเยอทะยานเข้าร่วมนาโต
    .
    วังเครามลิน เน้นย้ำซ้ำๆให้ระมัดระวังในการคาดเดาใดๆในเรื่องการติดต่อกับคณะทำงานของทรัมป์ เกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพที่เป็นไปได้ใดๆ
    .
    อย่างไรก็ตามสำนักข่าวอาร์ไอเอ รายงานอ้าง ลีโอนิด สลัตสกี หัวหน้าคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของรัฐสภารัสเซีย ระบุในวันพฤหัสบดีที่แล้ว(6ก.พ.) ว่าเวลานี้อยู่ในขั้นการเตรียมการล่วงหน้าสำหรับการประชุมดังกล่าว และมันอาจเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์หรือไม่ก็เดือนมีนาคม
    .
    ปูติน พูดคุยครั้งสุดท้ายกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ไม่นานก่อนที่ ปูติน ออกคำสั่งให้ทหารหลายหมื่นนายบุกเข้าไปในยูเครน
    .
    รอยเตอร์, วอชิงตันโพสต์ และ Axios เคยรายงานแยกกันว่า ทรัมป์ และ ปูติน ได้พูดคุยกันไปแล้วในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน แต่วังเครมลินปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว
    .
    เมื่อวันศุกร์(7ก.พ.) ทรัมป์บอกว่าเขาอาจพบปะกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับการยุติสงคราม ในขณะที่ เซเลนสกี เผยกับรอยเตอร์ ว่าเขาต้องการให้ยูเครนจัดหาแร่แรร์เอิร์ธและแร่ธาตุอื่นๆแก่สหรัฐฯ แลกกับเงินสนับสนุนในการทำสงคราม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013148
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เผยว่าได้พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นที่เรียบร้อยแล้วผ่านทางโทรศัพท์ เกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครน ตามรายงานของนิวยอร์กโพสต์ ถือเป็นสนทนากันอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกระหว่าง ปูตินกับผู้นำรายหนึ่งๆของอเมริกา นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 . ที่ผ่านมา ทรัมป์ รับปากยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน แต่ยังไม่เคยพูดกับสาธารณะชนว่าเขาจะดำเนินการอย่างไรเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาบอกว่าอเมริกากำลังพูดคุยกับทั้งฝ่ายรัสเซียและยูเครน เกี่ยวกับการคลี่คลายความขัดแย้ง แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเพิ่มเติม . ระหว่างให้สัมภาษณ์บนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันเมื่อวันศุกร์(7ก.พ.) ทรัมป์บอกกับนิวยอร์กโพสต์ว่า คงจะดีกว่าที่ไม่บอกว่าเขาพูดคุยกับปูตินไปแล้วกี่ครั้งและหลายครั้งมากแค่ไหน นอกจากนี้แล้วประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ไม่ได้เปิดเผยด้วยว่าครั้งสุดท้ายของการสนทนากันนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ "เขา(ปูติน) อยากเห็นผู้คนหยุดบาดเจ็บล้มตาย" ทรัมป์กล่าว . ด้าน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลิน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวทาสส์นิวส์ สื่อมวลชนแห่งรัฐ ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธรายงานข่าวของนิวยอร์กโพสต์ ส่วน ไมค์ วอลต์ซ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ตอบคำถามระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอ็นบีซีในวันอาทิตย์(9ก.พ.) เกี่ยวกับการสนทนากันระหว่าง ทรัมป์ กับ ปูติน ว่า "ผมไม่ขอให้ข้อมูลไปมากกว่าท่านประธานาธิบดี แต่แน่นอนว่ามีการสนทนาในประเด็นที่อ่อนไหวมากมาย" . ทรัมป์ เน้นย้ำซ้ำๆว่าเขาต้องการยุติสงครามและจะพบปะพูดคุยกับปูติน เพื่อหารือในเรืองนี้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าการประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นที่ไหนและเวลาใด อย่างไรก็ตามสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อช่วงต้นเดือนว่า รัสเซียได้เล็งซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เอาไว้ ในฐานะสถานที่ที่เป็นไปได้สำหรับจัดการประชุมซัมมิตระหว่างปูตินกับทรัมป์ . ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯจะพากันมุ่งหน้าไปยังยุโรป ส่วนหนึ่งในการหารือเกี่ยวกับสงคราม ในนั้นรวมถึง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ, พีต เฮกเซท รัฐมนตรีกลาโหม, รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ และ คีธ เคลล็อกก์ ทูตพิเศษด้านสงครามยูเครน . ระหว่างให้สัมภาษณ์กับเอ็นบีซี วอลต์ซบ่งชี้ว่าทรัมป์อาจมีความตั้งใจใช้มาตรการคว่ำบาตรและรีดภาษีหว่านล้อมให้ปูตินเข้าสู่โต๊ะเจรจา พร้อมเผยว่าพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและยูเครนจะหารือเกี่ยวกับกรณีอเมริกาจะเข้าถึงทรัพยากรแร่แรร์เอิร์ธของยูเครน ชดเชยเงินช่วยเหนือของวอชิงตันที่มอบให้แก่พันธฒิตรแห่งนี้ "การพูดคุยเหล่านี้จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้" . เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ปูติน วางกรอบเงื่อนไขอย่างเปิดเผยสำหรับการยุติสงครามในทันที นั่นคือยูเครนต้องละทิ้งความทะเยอทะยานเข้าร่วมนาโต และถอนกำลังพลออกจาก 4 แคว้นของเคียฟ ที่ปัจจุบันถูกควบคุมโดยรัสเซียเป็นส่วนใหญ่และมอสโกกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน . รอยเตอร์รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน ว่า ปูติน เปิดกว้างหารือข้อตกลงสันติภาพกับทรัมป์ แต่ปฏิเสธความเป็นไปได้ใดๆของการยอมสละดินแดนครั้งใหญ่แลกข้อตกลง และยืนยันว่าเคียฟต้องละทิ้งความทะเยอทะยานเข้าร่วมนาโต . วังเครามลิน เน้นย้ำซ้ำๆให้ระมัดระวังในการคาดเดาใดๆในเรื่องการติดต่อกับคณะทำงานของทรัมป์ เกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพที่เป็นไปได้ใดๆ . อย่างไรก็ตามสำนักข่าวอาร์ไอเอ รายงานอ้าง ลีโอนิด สลัตสกี หัวหน้าคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของรัฐสภารัสเซีย ระบุในวันพฤหัสบดีที่แล้ว(6ก.พ.) ว่าเวลานี้อยู่ในขั้นการเตรียมการล่วงหน้าสำหรับการประชุมดังกล่าว และมันอาจเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์หรือไม่ก็เดือนมีนาคม . ปูติน พูดคุยครั้งสุดท้ายกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ไม่นานก่อนที่ ปูติน ออกคำสั่งให้ทหารหลายหมื่นนายบุกเข้าไปในยูเครน . รอยเตอร์, วอชิงตันโพสต์ และ Axios เคยรายงานแยกกันว่า ทรัมป์ และ ปูติน ได้พูดคุยกันไปแล้วในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน แต่วังเครมลินปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว . เมื่อวันศุกร์(7ก.พ.) ทรัมป์บอกว่าเขาอาจพบปะกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับการยุติสงคราม ในขณะที่ เซเลนสกี เผยกับรอยเตอร์ ว่าเขาต้องการให้ยูเครนจัดหาแร่แรร์เอิร์ธและแร่ธาตุอื่นๆแก่สหรัฐฯ แลกกับเงินสนับสนุนในการทำสงคราม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013148 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1597 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เอาคืนทุกดอก แล้วบอกรักประชาธิปไตย"
    หลังจากทรัมป์เพิ่งประกาศเพิกถอนใบอนุญาตด้านความปลอดภัยของโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสรุปข่าวกรองประจำวันได้ โดยอ้างเหตุผลด้านความจำ จนทำให้ไม่สามารถไว้วางใจให้ไบเดนดูแลข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้อีกต่อไป

    ล่าสุดวันนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่าทรัมป์เพิ่งยกเลิกใบอนุญาตด้านความปลอดภัยอีกครั้ง ทำให้ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลด้านความปลอดภัยของประเทศ ไดแก่
    "แอนโธนี บลิงเคน" รัฐมนตรีต่างประเทศ
    "เลติเทีย เจมส์" อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก
    "อัลวิน แบร็ก" อัยการเขตแมนฮัตตัน

    ทรัมป์ยังมีคำสั่งห้ามพวกเขาเข้าไปในอาคารของรัฐบาลกลางโดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติจากอดีตนักการเมือง

    มีรายงานเพิ่มเติมว่า ยังมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่ทรัมป์เล็งเป้า เช่น เจค ซัลลิแวน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของไบเดน ซึ่งไม่น่าจะรอดพ้นเงื้อมมือของทรัมป์ไปได้

    การกระทำของทรัมป์กำลังถูกวิจารณ์จากสื่อฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากเรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทรัมป์มุ่งเป้าหมายไปที่การแก้แค้นส่วนตัวและกำจัดศัตรูทางการเมือง ซึ่งถือเป็นการทำลายหลักนิติธรรมที่สหรัฐเชิดชูมาอย่างยาวนาน และยังเป็นแบบอย่างให้กับหลานประเทศทั่วโลก
    "เอาคืนทุกดอก แล้วบอกรักประชาธิปไตย" หลังจากทรัมป์เพิ่งประกาศเพิกถอนใบอนุญาตด้านความปลอดภัยของโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสรุปข่าวกรองประจำวันได้ โดยอ้างเหตุผลด้านความจำ จนทำให้ไม่สามารถไว้วางใจให้ไบเดนดูแลข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้อีกต่อไป ล่าสุดวันนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่าทรัมป์เพิ่งยกเลิกใบอนุญาตด้านความปลอดภัยอีกครั้ง ทำให้ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลด้านความปลอดภัยของประเทศ ไดแก่ "แอนโธนี บลิงเคน" รัฐมนตรีต่างประเทศ "เลติเทีย เจมส์" อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก "อัลวิน แบร็ก" อัยการเขตแมนฮัตตัน ทรัมป์ยังมีคำสั่งห้ามพวกเขาเข้าไปในอาคารของรัฐบาลกลางโดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติจากอดีตนักการเมือง มีรายงานเพิ่มเติมว่า ยังมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่ทรัมป์เล็งเป้า เช่น เจค ซัลลิแวน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของไบเดน ซึ่งไม่น่าจะรอดพ้นเงื้อมมือของทรัมป์ไปได้ การกระทำของทรัมป์กำลังถูกวิจารณ์จากสื่อฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากเรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทรัมป์มุ่งเป้าหมายไปที่การแก้แค้นส่วนตัวและกำจัดศัตรูทางการเมือง ซึ่งถือเป็นการทำลายหลักนิติธรรมที่สหรัฐเชิดชูมาอย่างยาวนาน และยังเป็นแบบอย่างให้กับหลานประเทศทั่วโลก
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts