• Newsstory : ชาดา ซัด แป้น "แค่ละครตบตา!"

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #น้ำท่วมหาดใหญ่ #น้ำท่วม68 #อนุทิน #นายกแป้น
    #ชาดา #ชาดาซัดแป้น #ละครตบตา #น้ำท่วมหาดใหญ่
    #น้ำท่วมหาดใหญ่ใครเป็นคนผิด
    Newsstory : ชาดา ซัด แป้น "แค่ละครตบตา!" #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #น้ำท่วมหาดใหญ่ #น้ำท่วม68 #อนุทิน #นายกแป้น #ชาดา #ชาดาซัดแป้น #ละครตบตา #น้ำท่วมหาดใหญ่ #น้ำท่วมหาดใหญ่ใครเป็นคนผิด
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 0 Reviews
  • ข่าวหลุด: AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU

    AMD กำลังเตรียมเปิดตัวซีรีส์ใหม่ในตระกูล Ryzen AI 400 "Gorgon Point" โดยรุ่นที่หลุดออกมาคือ Ryzen AI 5 430 ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นในไลน์นี้ จุดเด่นคือการใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่มี 4 คอร์ และค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ทำให้เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน

    กราฟิก Radeon 840M: อัปเกรดครั้งใหญ่
    Ryzen AI 5 430 มาพร้อม iGPU Radeon 840M ที่มี 4 Compute Units ซึ่งถือว่าเป็นการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า Ryzen AI 5 330 ที่มีเพียง 2 CU ใน Radeon 820M การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผลทดสอบจาก BAPCo CrossMark แสดงให้เห็นว่า Ryzen AI 5 430 มีคะแนนสูงกว่าเดิมถึง 19%

    การทดสอบและแพลตฟอร์ม
    ชิปถูกทดสอบบนโน้ตบุ๊กที่ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB และเมนบอร์ด "Korat Plus-GPT3" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอ้างอิงสำหรับซีรีส์ Strix และ Gorgon ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่าชิปใหม่นี้มีการปรับปรุงทั้งด้าน Productivity, Creativity และ Responsiveness ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงในระดับกลาง

    แนวโน้มการเปิดตัว
    AMD คาดว่าจะเปิดตัวซีรีส์ Ryzen AI 400 อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะมีทั้งรุ่น Ryzen AI 9, Ryzen AI 7 และ Ryzen AI 5 โดย Ryzen AI 5 430 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่น่าจับตามอง เพราะเป็นการยกระดับจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน และอาจเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับโน้ตบุ๊ก mainstream

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ryzen AI 5 430 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5
    มี 4 คอร์, 8 MB L3 + 4 MB L2 Cache
    ค่า TDP อยู่ที่ 15–28W

    กราฟิก Radeon 840M อัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า
    มี 4 Compute Units (เพิ่มจาก 2 CU ใน Radeon 820M)
    ประสิทธิภาพดีขึ้น 19% จากผลทดสอบ CrossMark

    แพลตฟอร์มทดสอบ
    ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB
    เมนบอร์ด Korat Plus-GPT3

    ความไม่แน่นอนของการเปิดตัว
    แม้คาดว่าจะเปิดตัวใน CES 2026 แต่ยังขึ้นอยู่กับกำลังการผลิต
    หากมีความล่าช้า อาจกระทบต่อการแข่งขันกับ Intel และ Apple

    https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-5-430-gorgon-cpu-leak-4-cores-faster-radeon-840m-igpu-benchmarked/
    🖥️ ข่าวหลุด: AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU AMD กำลังเตรียมเปิดตัวซีรีส์ใหม่ในตระกูล Ryzen AI 400 "Gorgon Point" โดยรุ่นที่หลุดออกมาคือ Ryzen AI 5 430 ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นในไลน์นี้ จุดเด่นคือการใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่มี 4 คอร์ และค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ทำให้เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน ⚡ กราฟิก Radeon 840M: อัปเกรดครั้งใหญ่ Ryzen AI 5 430 มาพร้อม iGPU Radeon 840M ที่มี 4 Compute Units ซึ่งถือว่าเป็นการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า Ryzen AI 5 330 ที่มีเพียง 2 CU ใน Radeon 820M การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผลทดสอบจาก BAPCo CrossMark แสดงให้เห็นว่า Ryzen AI 5 430 มีคะแนนสูงกว่าเดิมถึง 19% 🎮 การทดสอบและแพลตฟอร์ม ชิปถูกทดสอบบนโน้ตบุ๊กที่ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB และเมนบอร์ด "Korat Plus-GPT3" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอ้างอิงสำหรับซีรีส์ Strix และ Gorgon ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่าชิปใหม่นี้มีการปรับปรุงทั้งด้าน Productivity, Creativity และ Responsiveness ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงในระดับกลาง 🔮 แนวโน้มการเปิดตัว AMD คาดว่าจะเปิดตัวซีรีส์ Ryzen AI 400 อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะมีทั้งรุ่น Ryzen AI 9, Ryzen AI 7 และ Ryzen AI 5 โดย Ryzen AI 5 430 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่น่าจับตามอง เพราะเป็นการยกระดับจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน และอาจเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับโน้ตบุ๊ก mainstream 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ryzen AI 5 430 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ➡️ มี 4 คอร์, 8 MB L3 + 4 MB L2 Cache ➡️ ค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ✅ กราฟิก Radeon 840M อัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า ➡️ มี 4 Compute Units (เพิ่มจาก 2 CU ใน Radeon 820M) ➡️ ประสิทธิภาพดีขึ้น 19% จากผลทดสอบ CrossMark ✅ แพลตฟอร์มทดสอบ ➡️ ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB ➡️ เมนบอร์ด Korat Plus-GPT3 ‼️ ความไม่แน่นอนของการเปิดตัว ⛔ แม้คาดว่าจะเปิดตัวใน CES 2026 แต่ยังขึ้นอยู่กับกำลังการผลิต ⛔ หากมีความล่าช้า อาจกระทบต่อการแข่งขันกับ Intel และ Apple https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-5-430-gorgon-cpu-leak-4-cores-faster-radeon-840m-igpu-benchmarked/
    WCCFTECH.COM
    AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU Leaks Out: 4 Cores, Faster Radeon 840M iGPU, Up To 19% Faster Than Ryzen AI 5 330
    AMD's Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU has leaked out, showcasing upgraded specs & faster performance than its Strix-based predecessor.
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • AMD Zen 6 Medusa Point: ก้าวใหม่ของชิปโน้ตบุ๊ก

    AMD เตรียมเปิดตัว APU รุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ Medusa Point ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โดยมีสองรุ่นตามค่า TDP คือ 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา และ 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังประมวลผลสูง การแบ่งเป็นสองระดับนี้ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเลือกใช้ได้ตามการออกแบบเครื่อง ไม่ว่าจะเน้นประหยัดพลังงานหรือเน้นประสิทธิภาพสูงสุด

    สถาปัตยกรรม Zen 6 และการเปลี่ยนแปลงสำคัญ
    Zen 6 ถูกพัฒนาบนเทคโนโลยี TSMC 3nm และ 2nm โดยมีการเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD จาก 8 เป็น 12 คอร์ ทำให้รุ่นท็อปสามารถมีได้ถึง 22 คอร์ พร้อมการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น และชุดคำสั่งใหม่ เช่น AVX512-FP16 เพื่อรองรับงาน AI และการประมวลผลเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบแคชและตัวควบคุมหน่วยความจำแบบคู่ (Dual IMC) เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และลดความหน่วง

    กราฟิก RDNA 3.5 และ AI Acceleration
    Medusa Point จะมาพร้อม iGPU RDNA 3.5 ที่มี 8 Compute Units ซึ่งเหมาะสำหรับงานกราฟิกทั่วไปและเกมเบา ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการเพิ่ม AI Engine สำหรับการเร่งงาน Machine Learning และงานประมวลผลภาพ เช่น การปรับปรุงคุณภาพวิดีโอหรือการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน AI ที่กำลังได้รับความนิยมในโน้ตบุ๊กยุคใหม่

    แนวโน้มและคำเตือน
    แม้ข้อมูลที่รั่วไหลจะบอกว่า Zen 6 จะเปิดตัวในปี 2026 แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนเรื่องกำหนดการผลิตและการวางจำหน่ายจริง เนื่องจากขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด CPU ที่รุนแรง หากเกิดความล่าช้า อาจทำให้ AMD เสียโอกาสในการแข่งขันกับ Intel และ Apple ที่เดินหน้าใช้ชิป 2nm เช่นกัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Medusa Point เปิดตัวสองรุ่น TDP
    รุ่น 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา
    รุ่น 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังสูง

    สถาปัตยกรรม Zen 6
    ใช้เทคโนโลยี 3nm และ 2nm
    เพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD เป็น 12 คอร์

    กราฟิกและ AI
    iGPU RDNA 3.5 พร้อม 8 Compute Units
    มี AI Engine สำหรับงาน Machine Learning

    ความไม่แน่นอนของกำหนดการ
    อาจเลื่อนการผลิตไปถึงปี 2027
    ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด

    https://wccftech.com/amd-zen-6-medusa-point-high-tdp-and-low-tdp/
    🖥️ AMD Zen 6 Medusa Point: ก้าวใหม่ของชิปโน้ตบุ๊ก AMD เตรียมเปิดตัว APU รุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ Medusa Point ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โดยมีสองรุ่นตามค่า TDP คือ 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา และ 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังประมวลผลสูง การแบ่งเป็นสองระดับนี้ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเลือกใช้ได้ตามการออกแบบเครื่อง ไม่ว่าจะเน้นประหยัดพลังงานหรือเน้นประสิทธิภาพสูงสุด ⚡ สถาปัตยกรรม Zen 6 และการเปลี่ยนแปลงสำคัญ Zen 6 ถูกพัฒนาบนเทคโนโลยี TSMC 3nm และ 2nm โดยมีการเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD จาก 8 เป็น 12 คอร์ ทำให้รุ่นท็อปสามารถมีได้ถึง 22 คอร์ พร้อมการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น และชุดคำสั่งใหม่ เช่น AVX512-FP16 เพื่อรองรับงาน AI และการประมวลผลเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบแคชและตัวควบคุมหน่วยความจำแบบคู่ (Dual IMC) เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และลดความหน่วง 🎮 กราฟิก RDNA 3.5 และ AI Acceleration Medusa Point จะมาพร้อม iGPU RDNA 3.5 ที่มี 8 Compute Units ซึ่งเหมาะสำหรับงานกราฟิกทั่วไปและเกมเบา ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการเพิ่ม AI Engine สำหรับการเร่งงาน Machine Learning และงานประมวลผลภาพ เช่น การปรับปรุงคุณภาพวิดีโอหรือการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน AI ที่กำลังได้รับความนิยมในโน้ตบุ๊กยุคใหม่ 🔮 แนวโน้มและคำเตือน แม้ข้อมูลที่รั่วไหลจะบอกว่า Zen 6 จะเปิดตัวในปี 2026 แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนเรื่องกำหนดการผลิตและการวางจำหน่ายจริง เนื่องจากขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด CPU ที่รุนแรง หากเกิดความล่าช้า อาจทำให้ AMD เสียโอกาสในการแข่งขันกับ Intel และ Apple ที่เดินหน้าใช้ชิป 2nm เช่นกัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Medusa Point เปิดตัวสองรุ่น TDP ➡️ รุ่น 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา ➡️ รุ่น 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังสูง ✅ สถาปัตยกรรม Zen 6 ➡️ ใช้เทคโนโลยี 3nm และ 2nm ➡️ เพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD เป็น 12 คอร์ ✅ กราฟิกและ AI ➡️ iGPU RDNA 3.5 พร้อม 8 Compute Units ➡️ มี AI Engine สำหรับงาน Machine Learning ‼️ ความไม่แน่นอนของกำหนดการ ⛔ อาจเลื่อนการผลิตไปถึงปี 2027 ⛔ ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด https://wccftech.com/amd-zen-6-medusa-point-high-tdp-and-low-tdp/
    WCCFTECH.COM
    AMD Zen 6 Medusa Point Surfaces In NBD Manifest With Surprising "High-TDP" And "Low-TDP" Variants
    AMD Zen 6-based mobile Medusa Point SKUs are reportedly divided into two categories: 45W and 28W variants as per the leaked NBD shipping logs.
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • "Nvidia คืนชีพ PhysX 32-bit บน RTX 50 Series"

    Nvidia ประกาศนำฟีเจอร์ GPU-accelerated PhysX แบบ 32-bit กลับมาใช้งานบนการ์ดจอ RTX 50 Series หลังจากเคยยุติการสนับสนุนไปเมื่อต้นปี 2025 โดยการอัปเดต Game Ready Driver ล่าสุดจะทำให้ผู้เล่นสามารถสัมผัสเอฟเฟกต์ฟิสิกส์ที่สมจริง เช่น ragdoll, cloth, particles และ fluid simulation ได้อีกครั้ง.

    รายชื่อเกมที่รองรับทันทีมีทั้งหมด 9 เกมคลาสสิก ได้แก่ Alice: Madness Returns, Assassin’s Creed IV: Black Flag, Batman: Arkham City, Batman: Arkham Origins, Borderlands 2, Mafia II, Metro 2033, Metro: Last Light, และ Mirror’s Edge. ขณะที่ Batman: Arkham Asylum จะได้รับการสนับสนุนในปี 2026.

    PhysX ถือเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ Nvidia ซื้อจาก Ageia ในปี 2004 และเคยเป็นจุดขายสำคัญของการ์ดจอ GeForce ในยุค 2000s แต่การใช้งานลดลงในช่วงปลายทศวรรษ 2010 เนื่องจากข้อจำกัดด้าน CUDA และการมาของเอนจินฟิสิกส์ที่ข้ามแพลตฟอร์มได้ดีกว่า.

    การนำ PhysX กลับมาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตอบโจทย์แฟนเกมคลาสสิก แต่ยังเป็นการโชว์ศักยภาพของ RTX 50 Series ที่สามารถรันเกมเก่าได้อย่างลื่นไหล พร้อมการปรับปรุงอื่น ๆ เช่น DLSS 4, Multi Frame Generation และ DLSS Super Resolution ที่ช่วยให้เฟรมเรตสูงถึง 460 FPS บนเดสก์ท็อป และ 310 FPS บนโน้ตบุ๊ก 4K Ultra.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Nvidia นำ PhysX 32-bit กลับมาบน RTX 50 Series
    รองรับเกมคลาสสิก 9 เรื่องทันที เช่น Batman Arkham, Metro, Borderlands 2
    Batman: Arkham Asylum จะรองรับในปี 2026
    Driver ใหม่ยังเพิ่ม DLSS 4 และ Multi Frame Generation

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    PhysX เคยเป็นเทคโนโลยีเด่นของ Nvidia ในยุค 2000s
    ปัจจุบันเกมใหม่ ๆ ใช้เอนจินฟิสิกส์ข้ามแพลตฟอร์ม เช่น Havok และ Unreal Engine Physics
    DLSS 4 ช่วยเพิ่มเฟรมเรตได้มากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับการรันแบบ native

    คำเตือนจากข่าว
    PhysX ยังจำกัดเฉพาะบนการ์ด Nvidia เท่านั้น ไม่รองรับ AMD หรือ Intel GPU
    เกมใหม่ ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ PhysX แล้ว ทำให้การสนับสนุนจำกัดอยู่กับเกมเก่า
    การเปิดใช้งาน PhysX อาจเพิ่มภาระ GPU และทำให้บางเกมไม่เสถียร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/nvidia-reinstates-32-bit-physx-support-for-rtx-50-series-as-part-of-its-latest-game-ready-driver-rollout-9-titles-included-in-initial-release
    🎮 "Nvidia คืนชีพ PhysX 32-bit บน RTX 50 Series" Nvidia ประกาศนำฟีเจอร์ GPU-accelerated PhysX แบบ 32-bit กลับมาใช้งานบนการ์ดจอ RTX 50 Series หลังจากเคยยุติการสนับสนุนไปเมื่อต้นปี 2025 โดยการอัปเดต Game Ready Driver ล่าสุดจะทำให้ผู้เล่นสามารถสัมผัสเอฟเฟกต์ฟิสิกส์ที่สมจริง เช่น ragdoll, cloth, particles และ fluid simulation ได้อีกครั้ง. รายชื่อเกมที่รองรับทันทีมีทั้งหมด 9 เกมคลาสสิก ได้แก่ Alice: Madness Returns, Assassin’s Creed IV: Black Flag, Batman: Arkham City, Batman: Arkham Origins, Borderlands 2, Mafia II, Metro 2033, Metro: Last Light, และ Mirror’s Edge. ขณะที่ Batman: Arkham Asylum จะได้รับการสนับสนุนในปี 2026. PhysX ถือเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ Nvidia ซื้อจาก Ageia ในปี 2004 และเคยเป็นจุดขายสำคัญของการ์ดจอ GeForce ในยุค 2000s แต่การใช้งานลดลงในช่วงปลายทศวรรษ 2010 เนื่องจากข้อจำกัดด้าน CUDA และการมาของเอนจินฟิสิกส์ที่ข้ามแพลตฟอร์มได้ดีกว่า. การนำ PhysX กลับมาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตอบโจทย์แฟนเกมคลาสสิก แต่ยังเป็นการโชว์ศักยภาพของ RTX 50 Series ที่สามารถรันเกมเก่าได้อย่างลื่นไหล พร้อมการปรับปรุงอื่น ๆ เช่น DLSS 4, Multi Frame Generation และ DLSS Super Resolution ที่ช่วยให้เฟรมเรตสูงถึง 460 FPS บนเดสก์ท็อป และ 310 FPS บนโน้ตบุ๊ก 4K Ultra. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Nvidia นำ PhysX 32-bit กลับมาบน RTX 50 Series ➡️ รองรับเกมคลาสสิก 9 เรื่องทันที เช่น Batman Arkham, Metro, Borderlands 2 ➡️ Batman: Arkham Asylum จะรองรับในปี 2026 ➡️ Driver ใหม่ยังเพิ่ม DLSS 4 และ Multi Frame Generation ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ PhysX เคยเป็นเทคโนโลยีเด่นของ Nvidia ในยุค 2000s ➡️ ปัจจุบันเกมใหม่ ๆ ใช้เอนจินฟิสิกส์ข้ามแพลตฟอร์ม เช่น Havok และ Unreal Engine Physics ➡️ DLSS 4 ช่วยเพิ่มเฟรมเรตได้มากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับการรันแบบ native ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ PhysX ยังจำกัดเฉพาะบนการ์ด Nvidia เท่านั้น ไม่รองรับ AMD หรือ Intel GPU ⛔ เกมใหม่ ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ PhysX แล้ว ทำให้การสนับสนุนจำกัดอยู่กับเกมเก่า ⛔ การเปิดใช้งาน PhysX อาจเพิ่มภาระ GPU และทำให้บางเกมไม่เสถียร https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/nvidia-reinstates-32-bit-physx-support-for-rtx-50-series-as-part-of-its-latest-game-ready-driver-rollout-9-titles-included-in-initial-release
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • "การ์ดจอ 3dfx Voodoo2 ปี 1998 กลับมามีชีวิตบน Ryzen 9 และ Windows 11"

    นักรีวิวจาก YouTube ช่อง Omores ได้ทดลองนำ Creative 3dfx Voodoo2 12MB ซึ่งเป็นการ์ดจอจากปี 1998 มาทำงานบนเครื่อง PC รุ่นใหม่ที่ใช้ AMD Ryzen 9 9900X และระบบปฏิบัติการ Windows 11 การเชื่อมต่อทำผ่านอุปกรณ์ PCI-E to PCI enclosure ของ StarTech เพื่อให้การ์ดเก่าทำงานร่วมกับเมนบอร์ด AM5 รุ่นใหม่.

    การทดสอบเริ่มจากการติดตั้ง Windows 98 และ Windows 10 แบบ 32-bit ซึ่งสามารถทำงานได้ด้วยไดรเวอร์จากชุมชนผู้พัฒนา ต่อมา Omores ใช้ไดรเวอร์ทดลองจากปี 2006 ที่พัฒนาสำหรับ Windows NT และปรับแก้ให้ทำงานบน Windows 10/11 แบบ 64-bit ผลคือสามารถรันเกมคลาสสิกอย่าง Quake II และ 3DMark 2001 SE ได้สำเร็จ.

    แม้จะทำงานได้ แต่เมื่อ Omores พยายามใช้การ์ด Voodoo2 สองตัวในโหมด SLI (Scan-Line Interleave) ระบบกลับล้มเหลว เนื่องจากการ์ดรุ่น Joytech Apollo 3D Fast II 12MB มีบั๊กและไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเสถียร ทำให้การทดลองต้องหยุดที่การ์ดเดี่ยว.

    การทดลองนี้สะท้อนว่า แม้เทคโนโลยีเก่าจะถูกทิ้งไปนาน แต่ด้วยความพยายามและการปรับแต่งไดรเวอร์ ก็ยังสามารถนำกลับมาใช้งานได้ในระบบใหม่ เป็นการผสมผสานระหว่าง ความ怀旧 (nostalgia) และ ความท้าทายทางเทคนิค ที่ดึงดูดใจนักเล่นฮาร์ดแวร์สายวินเทจ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ใช้การ์ดจอ 3dfx Voodoo2 12MB บน Ryzen 9 9900X และ Windows 11
    เชื่อมต่อผ่าน StarTech PCI-E to PCI enclosure
    ใช้ไดรเวอร์ทดลองจากปี 2006 เพื่อรันบน Windows 64-bit
    รันเกม Quake II และ 3DMark 2001 SE ได้สำเร็จ
    การทดลอง SLI ล้มเหลวเพราะการ์ดตัวที่สองมีบั๊ก

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    3dfx Voodoo2 เปิดตัวปี 1998 และเป็นการ์ดจอที่ได้รับความนิยมสูงในยุคนั้น
    เทคโนโลยี SLI ของ 3dfx เป็นต้นแบบให้กับ Nvidia ในเวลาต่อมา
    ปัจจุบันมีชุมชนออนไลน์ที่ยังคงพัฒนาไดรเวอร์และซอฟต์แวร์สำหรับการ์ดจอวินเทจ

    คำเตือนจากข่าว
    การใช้การ์ดเก่าบนระบบใหม่อาจเสี่ยงต่อความไม่เสถียรและบั๊ก
    การระบายความร้อนและการใช้พลังงานอาจไม่เหมาะสมกับสถาปัตยกรรมใหม่
    การพยายามใช้ SLI กับการ์ดรุ่นเก่าอาจทำให้ระบบล้มเหลว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/ancient-3dfx-voodoo2-graphics-card-coaxed-into-working-in-modern-amd-ryzen-9-9900x-powered-windows-11-system
    🕹️ "การ์ดจอ 3dfx Voodoo2 ปี 1998 กลับมามีชีวิตบน Ryzen 9 และ Windows 11" นักรีวิวจาก YouTube ช่อง Omores ได้ทดลองนำ Creative 3dfx Voodoo2 12MB ซึ่งเป็นการ์ดจอจากปี 1998 มาทำงานบนเครื่อง PC รุ่นใหม่ที่ใช้ AMD Ryzen 9 9900X และระบบปฏิบัติการ Windows 11 การเชื่อมต่อทำผ่านอุปกรณ์ PCI-E to PCI enclosure ของ StarTech เพื่อให้การ์ดเก่าทำงานร่วมกับเมนบอร์ด AM5 รุ่นใหม่. การทดสอบเริ่มจากการติดตั้ง Windows 98 และ Windows 10 แบบ 32-bit ซึ่งสามารถทำงานได้ด้วยไดรเวอร์จากชุมชนผู้พัฒนา ต่อมา Omores ใช้ไดรเวอร์ทดลองจากปี 2006 ที่พัฒนาสำหรับ Windows NT และปรับแก้ให้ทำงานบน Windows 10/11 แบบ 64-bit ผลคือสามารถรันเกมคลาสสิกอย่าง Quake II และ 3DMark 2001 SE ได้สำเร็จ. แม้จะทำงานได้ แต่เมื่อ Omores พยายามใช้การ์ด Voodoo2 สองตัวในโหมด SLI (Scan-Line Interleave) ระบบกลับล้มเหลว เนื่องจากการ์ดรุ่น Joytech Apollo 3D Fast II 12MB มีบั๊กและไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเสถียร ทำให้การทดลองต้องหยุดที่การ์ดเดี่ยว. การทดลองนี้สะท้อนว่า แม้เทคโนโลยีเก่าจะถูกทิ้งไปนาน แต่ด้วยความพยายามและการปรับแต่งไดรเวอร์ ก็ยังสามารถนำกลับมาใช้งานได้ในระบบใหม่ เป็นการผสมผสานระหว่าง ความ怀旧 (nostalgia) และ ความท้าทายทางเทคนิค ที่ดึงดูดใจนักเล่นฮาร์ดแวร์สายวินเทจ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ใช้การ์ดจอ 3dfx Voodoo2 12MB บน Ryzen 9 9900X และ Windows 11 ➡️ เชื่อมต่อผ่าน StarTech PCI-E to PCI enclosure ➡️ ใช้ไดรเวอร์ทดลองจากปี 2006 เพื่อรันบน Windows 64-bit ➡️ รันเกม Quake II และ 3DMark 2001 SE ได้สำเร็จ ➡️ การทดลอง SLI ล้มเหลวเพราะการ์ดตัวที่สองมีบั๊ก ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ 3dfx Voodoo2 เปิดตัวปี 1998 และเป็นการ์ดจอที่ได้รับความนิยมสูงในยุคนั้น ➡️ เทคโนโลยี SLI ของ 3dfx เป็นต้นแบบให้กับ Nvidia ในเวลาต่อมา ➡️ ปัจจุบันมีชุมชนออนไลน์ที่ยังคงพัฒนาไดรเวอร์และซอฟต์แวร์สำหรับการ์ดจอวินเทจ ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การใช้การ์ดเก่าบนระบบใหม่อาจเสี่ยงต่อความไม่เสถียรและบั๊ก ⛔ การระบายความร้อนและการใช้พลังงานอาจไม่เหมาะสมกับสถาปัตยกรรมใหม่ ⛔ การพยายามใช้ SLI กับการ์ดรุ่นเก่าอาจทำให้ระบบล้มเหลว https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/ancient-3dfx-voodoo2-graphics-card-coaxed-into-working-in-modern-amd-ryzen-9-9900x-powered-windows-11-system
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • "Valve เปิดวิสัยทัศน์ – เกม PC สู่โลก Arm ผ่าน SteamOS"

    Valve กำลังพัฒนาโครงการที่ทำให้ เกม Windows บน PC สามารถรันได้บนอุปกรณ์ Arm โดยไม่ต้องรอให้ผู้พัฒนาเกมทำการพอร์ตเอง เทคโนโลยีนี้ใช้การผสมผสานระหว่าง Proton (ชั้นความเข้ากันได้ Windows-to-Linux) และ FEX Emulator (แปลงสถาปัตยกรรม x86 เป็น Arm) ซึ่งช่วยให้เกมที่สร้างขึ้นสำหรับ Windows สามารถทำงานบน Linux และ Arm ได้อย่างราบรื่น

    Pierre-Loup Griffais จาก Valve อธิบายว่าเป้าหมายคือการทำให้ SteamOS และ Steam Machine ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เครื่องคอนโซล แต่สามารถขยายไปสู่ สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊ก Arm ได้ในอนาคต ตัวอย่างเช่น เกมดังอย่าง Hollow Knight: Silksong แม้ไม่มีเวอร์ชัน Android แต่สามารถเล่นได้แล้วบนมือถือ Samsung Galaxy ผ่านเทคโนโลยีใหม่นี้

    Valve ยังเปิดตัวชื่ออย่างเป็นทางการของเลเยอร์ความเข้ากันได้สำหรับ Android คือ Lepton พร้อมโลโก้รูปกบ ซึ่งสะท้อนความตั้งใจที่จะสร้าง ecosystem ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และนักพัฒนา โดย Lepton จะเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันเกม PC ให้เข้าถึงผู้ใช้มือถือหลายพันล้านคนทั่วโลก

    แม้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ Valve ยืนยันว่าจะไม่ อุดหนุนราคาของ Steam Machine เพื่อแข่งขันกับคอนโซลรายใหญ่ เน้นการสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้างและยืดหยุ่นมากกว่า ซึ่งอาจเป็นการวางรากฐานให้เกม PC กลายเป็น “แพลตฟอร์มไร้พรมแดน” ที่สามารถเล่นได้ทุกที่ ทุกอุปกรณ์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Valve ใช้ Proton + FEX Emulator เพื่อรันเกม Windows บน Arm
    เกม Hollow Knight: Silksong เล่นได้บนมือถือ Samsung Galaxy แม้ไม่มีเวอร์ชัน Android
    เปิดตัว Lepton เป็น compatibility layer สำหรับ Android พร้อมโลโก้กบ
    Valve จะไม่อุดหนุนราคาของ Steam Machine

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาดสมาร์ทโฟน Arm มีผู้ใช้งานมากกว่า 6 พันล้านเครื่องทั่วโลก
    การเล่นเกม PC บนมือถืออาจเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เล่นและตลาดเกมพกพา
    นักพัฒนาหลายรายเริ่มสนใจการใช้ Proton และ Emulator เพื่อขยายฐานผู้เล่น

    คำเตือนจากข่าว
    การรันเกม PC บนมือถืออาจมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพและแบตเตอรี่
    หากไม่มีการสนับสนุนจากนักพัฒนา อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้ในบางเกม
    การไม่อุดหนุนราคาของ Steam Machine อาจทำให้แข่งขันกับคอนโซลยากขึ้น

    https://www.theverge.com/report/820656/valve-interview-arm-gaming-steamos-pierre-loup-griffais
    🎮 "Valve เปิดวิสัยทัศน์ – เกม PC สู่โลก Arm ผ่าน SteamOS" Valve กำลังพัฒนาโครงการที่ทำให้ เกม Windows บน PC สามารถรันได้บนอุปกรณ์ Arm โดยไม่ต้องรอให้ผู้พัฒนาเกมทำการพอร์ตเอง เทคโนโลยีนี้ใช้การผสมผสานระหว่าง Proton (ชั้นความเข้ากันได้ Windows-to-Linux) และ FEX Emulator (แปลงสถาปัตยกรรม x86 เป็น Arm) ซึ่งช่วยให้เกมที่สร้างขึ้นสำหรับ Windows สามารถทำงานบน Linux และ Arm ได้อย่างราบรื่น Pierre-Loup Griffais จาก Valve อธิบายว่าเป้าหมายคือการทำให้ SteamOS และ Steam Machine ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เครื่องคอนโซล แต่สามารถขยายไปสู่ สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊ก Arm ได้ในอนาคต ตัวอย่างเช่น เกมดังอย่าง Hollow Knight: Silksong แม้ไม่มีเวอร์ชัน Android แต่สามารถเล่นได้แล้วบนมือถือ Samsung Galaxy ผ่านเทคโนโลยีใหม่นี้ Valve ยังเปิดตัวชื่ออย่างเป็นทางการของเลเยอร์ความเข้ากันได้สำหรับ Android คือ Lepton พร้อมโลโก้รูปกบ ซึ่งสะท้อนความตั้งใจที่จะสร้าง ecosystem ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้และนักพัฒนา โดย Lepton จะเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันเกม PC ให้เข้าถึงผู้ใช้มือถือหลายพันล้านคนทั่วโลก แม้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ Valve ยืนยันว่าจะไม่ อุดหนุนราคาของ Steam Machine เพื่อแข่งขันกับคอนโซลรายใหญ่ เน้นการสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้างและยืดหยุ่นมากกว่า ซึ่งอาจเป็นการวางรากฐานให้เกม PC กลายเป็น “แพลตฟอร์มไร้พรมแดน” ที่สามารถเล่นได้ทุกที่ ทุกอุปกรณ์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Valve ใช้ Proton + FEX Emulator เพื่อรันเกม Windows บน Arm ➡️ เกม Hollow Knight: Silksong เล่นได้บนมือถือ Samsung Galaxy แม้ไม่มีเวอร์ชัน Android ➡️ เปิดตัว Lepton เป็น compatibility layer สำหรับ Android พร้อมโลโก้กบ ➡️ Valve จะไม่อุดหนุนราคาของ Steam Machine ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาดสมาร์ทโฟน Arm มีผู้ใช้งานมากกว่า 6 พันล้านเครื่องทั่วโลก ➡️ การเล่นเกม PC บนมือถืออาจเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เล่นและตลาดเกมพกพา ➡️ นักพัฒนาหลายรายเริ่มสนใจการใช้ Proton และ Emulator เพื่อขยายฐานผู้เล่น ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ การรันเกม PC บนมือถืออาจมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพและแบตเตอรี่ ⛔ หากไม่มีการสนับสนุนจากนักพัฒนา อาจเกิดปัญหาความเข้ากันได้ในบางเกม ⛔ การไม่อุดหนุนราคาของ Steam Machine อาจทำให้แข่งขันกับคอนโซลยากขึ้น https://www.theverge.com/report/820656/valve-interview-arm-gaming-steamos-pierre-loup-griffais
    WWW.THEVERGE.COM
    Steam Machine today, Steam Phones tomorrow
    The Steam Frame is a Trojan horse carrying Arm’s gaming future.
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • โปรแกรมซีเกมส์วันนี้ ฟุตบอลหญิง ประเดิมสนาม 04/12/68 #ซีเกมส์ 2025 #ฟุตบอลหญิง #กีฬาฟุตบอล
    โปรแกรมซีเกมส์วันนี้ ฟุตบอลหญิง ประเดิมสนาม 04/12/68 #ซีเกมส์ 2025 #ฟุตบอลหญิง #กีฬาฟุตบอล
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 0 Reviews
  • การค้นพบที่ไม่คาดคิด

    เมื่อ Curiosity Rover เคลื่อนตัวผ่านหินในช่องทาง Gediz Vallis Channel หินก้อนหนึ่งแตกออก เผยให้เห็นผลึกสีเหลืองสดของ กำมะถันบริสุทธิ์ (elemental sulfur) ซึ่งแตกต่างจากสารประกอบซัลเฟตที่เคยพบมาก่อนบนดาวอังคาร การค้นพบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พบกำมะถันในรูปแบบบริสุทธิ์บนดาวเคราะห์สีแดง

    ความสำคัญทางวิทยาศาสตร์
    ซัลเฟต (sulfates) มักเกิดจากการที่กำมะถันผสมกับแร่ธาตุในน้ำแล้วตกผลึกเมื่อระเหย แต่ กำมะถันบริสุทธิ์ ต้องการเงื่อนไขเฉพาะที่ยังไม่เคยถูกบันทึกในพื้นที่ดังกล่าว การพบกำมะถันจำนวนมากในพื้นที่นี้จึงบ่งชี้ว่าอาจมีปัจจัยทางธรณีวิทยาที่เรายังไม่เข้าใจ และอาจเป็นเบาะแสสำคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์น้ำบนดาวอังคาร

    ความเชื่อมโยงกับชีวิต
    กำมะถันเป็นธาตุจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต ใช้สร้างกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการสร้างโปรตีน แม้การค้นพบนี้ยังไม่ใช่หลักฐานของชีวิต แต่ก็เพิ่มข้อมูลว่า ดาวอังคารมีองค์ประกอบที่สิ่งมีชีวิตต้องการ เช่น น้ำ แร่ธาตุ และสภาพที่เคยเอื้อต่อการอยู่อาศัยในอดีต

    ก้าวต่อไปของการสำรวจ
    นักวิทยาศาสตร์วางแผนใช้แบบจำลองทางธรณีวิทยาเพื่ออธิบายว่ากำมะถันบริสุทธิ์เกิดขึ้นได้อย่างไรบนดาวอังคาร ขณะเดียวกัน Curiosity จะยังคงสำรวจเส้นทางใน Gediz Vallis Channel ต่อไป เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของดาวอังคารและความเป็นไปได้ของสิ่งมีชีวิต

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Curiosity Rover พบกำมะถันบริสุทธิ์บนดาวอังคาร
    เป็นครั้งแรกที่พบธาตุนี้ในรูปแบบบริสุทธิ์ ไม่ใช่สารประกอบซัลเฟต

    กำมะถันบริสุทธิ์ต้องการเงื่อนไขเฉพาะในการเกิด
    บ่งชี้ว่ามีปัจจัยทางธรณีวิทยาที่เรายังไม่เข้าใจ

    กำมะถันเป็นธาตุสำคัญต่อสิ่งมีชีวิต
    ใช้สร้างกรดอะมิโนและโปรตีนที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

    การค้นพบเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของชีวิตบนดาวอังคาร
    ดาวอังคารมีองค์ประกอบที่สิ่งมีชีวิตต้องการ เช่น น้ำและแร่ธาตุ

    ยังไม่ใช่หลักฐานของชีวิตโดยตรง
    ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความเชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิต

    ความเข้าใจปัจจัยทางธรณีวิทยายังไม่สมบูรณ์
    ต้องใช้แบบจำลองและการสำรวจต่อเนื่องเพื่อหาคำตอบ

    https://www.sciencealert.com/curiosity-cracked-open-a-rock-on-mars-and-revealed-a-big-surprise
    🚀 การค้นพบที่ไม่คาดคิด เมื่อ Curiosity Rover เคลื่อนตัวผ่านหินในช่องทาง Gediz Vallis Channel หินก้อนหนึ่งแตกออก เผยให้เห็นผลึกสีเหลืองสดของ กำมะถันบริสุทธิ์ (elemental sulfur) ซึ่งแตกต่างจากสารประกอบซัลเฟตที่เคยพบมาก่อนบนดาวอังคาร การค้นพบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พบกำมะถันในรูปแบบบริสุทธิ์บนดาวเคราะห์สีแดง 🔬 ความสำคัญทางวิทยาศาสตร์ ซัลเฟต (sulfates) มักเกิดจากการที่กำมะถันผสมกับแร่ธาตุในน้ำแล้วตกผลึกเมื่อระเหย แต่ กำมะถันบริสุทธิ์ ต้องการเงื่อนไขเฉพาะที่ยังไม่เคยถูกบันทึกในพื้นที่ดังกล่าว การพบกำมะถันจำนวนมากในพื้นที่นี้จึงบ่งชี้ว่าอาจมีปัจจัยทางธรณีวิทยาที่เรายังไม่เข้าใจ และอาจเป็นเบาะแสสำคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์น้ำบนดาวอังคาร 🌍 ความเชื่อมโยงกับชีวิต กำมะถันเป็นธาตุจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต ใช้สร้างกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการสร้างโปรตีน แม้การค้นพบนี้ยังไม่ใช่หลักฐานของชีวิต แต่ก็เพิ่มข้อมูลว่า ดาวอังคารมีองค์ประกอบที่สิ่งมีชีวิตต้องการ เช่น น้ำ แร่ธาตุ และสภาพที่เคยเอื้อต่อการอยู่อาศัยในอดีต 🛰️ ก้าวต่อไปของการสำรวจ นักวิทยาศาสตร์วางแผนใช้แบบจำลองทางธรณีวิทยาเพื่ออธิบายว่ากำมะถันบริสุทธิ์เกิดขึ้นได้อย่างไรบนดาวอังคาร ขณะเดียวกัน Curiosity จะยังคงสำรวจเส้นทางใน Gediz Vallis Channel ต่อไป เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของดาวอังคารและความเป็นไปได้ของสิ่งมีชีวิต 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Curiosity Rover พบกำมะถันบริสุทธิ์บนดาวอังคาร ➡️ เป็นครั้งแรกที่พบธาตุนี้ในรูปแบบบริสุทธิ์ ไม่ใช่สารประกอบซัลเฟต ✅ กำมะถันบริสุทธิ์ต้องการเงื่อนไขเฉพาะในการเกิด ➡️ บ่งชี้ว่ามีปัจจัยทางธรณีวิทยาที่เรายังไม่เข้าใจ ✅ กำมะถันเป็นธาตุสำคัญต่อสิ่งมีชีวิต ➡️ ใช้สร้างกรดอะมิโนและโปรตีนที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ✅ การค้นพบเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของชีวิตบนดาวอังคาร ➡️ ดาวอังคารมีองค์ประกอบที่สิ่งมีชีวิตต้องการ เช่น น้ำและแร่ธาตุ ‼️ ยังไม่ใช่หลักฐานของชีวิตโดยตรง ⛔ ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความเชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิต ‼️ ความเข้าใจปัจจัยทางธรณีวิทยายังไม่สมบูรณ์ ⛔ ต้องใช้แบบจำลองและการสำรวจต่อเนื่องเพื่อหาคำตอบ https://www.sciencealert.com/curiosity-cracked-open-a-rock-on-mars-and-revealed-a-big-surprise
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Curiosity Cracked Open a Rock on Mars And Revealed a Big Surprise
    A rock on Mars spilled a surprising yellow treasure after Curiosity accidentally cracked through its unremarkable exterior.
    0 Comments 0 Shares 97 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251204 #TechRadar

    Google Antigravity AI ลบข้อมูลนักพัฒนาแล้วขอโทษ
    เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อระบบ AI ของ Google ที่ชื่อว่า Antigravity ลบข้อมูลใน Google Drive ของนักพัฒนารายหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นระบบได้ส่งข้อความขอโทษกลับมาเอง เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของ AI ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ หลายฝ่ายกังวลว่าหาก AI สามารถทำผิดพลาดในระดับนี้ อาจสร้างผลกระทบต่อธุรกิจและบุคคลทั่วไปได้อย่างรุนแรง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/googles-antigravity-ai-deleted-a-developers-drive-and-then-apologized

    ความพยายามของทรัมป์ในการผลักดันกฎหมาย AI ระดับชาติสะดุด
    เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในสภาอเมริกา เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์พยายามผลักดันให้กฎหมายควบคุม AI ถูกกำหนดในระดับรัฐบาลกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการมี “กฎหมาย 50 แบบ” จากแต่ละรัฐ เขาเชื่อว่าการรวมศูนย์จะช่วยให้สหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ แต่ฝ่ายนิติบัญญัติหลายคน โดยเฉพาะรีพับลิกันเอง กลับไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ารัฐมีความคล่องตัวในการออกกฎหมายที่ตอบโจทย์สถานการณ์ได้เร็วกว่า อีกทั้งยังมีเสียงวิจารณ์ว่าการผลักดันนี้คือการเข้าข้างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี สุดท้ายข้อเสนอนี้ถูกโหวตคว่ำอย่างท่วมท้น และทำให้ทรัมป์ถูกโจมตีว่า “ยืนอยู่ข้าง Big Tech”
    https://www.techradar.com/pro/trumps-push-to-overrule-ai-regulation-falters-as-republicans-split

    AWS เปิดตัว Nova Forge ให้ธุรกิจสร้างโมเดล AI ของตัวเอง
    Amazon Web Services เปิดตัวบริการใหม่ชื่อ Nova Forge ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล AI ได้ตามต้องการ โดยเริ่มจากโมเดลพื้นฐานของ Amazon แล้วนำข้อมูลของบริษัทมาผสมเพื่อสร้างโมเดลเฉพาะกิจที่เรียกว่า “Novellas” จุดเด่นคือช่วยลดต้นทุนและเวลาในการฝึกโมเดลใหม่จากศูนย์ ซึ่งปกติอาจใช้เงินมหาศาลและทีมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Nova 2 ที่มาพร้อมโมเดลพื้นฐานใหม่หลายตัว รวมถึงความสามารถด้านการสนทนาแบบเสียงต่อเสียงที่ใกล้เคียงมนุษย์ ถือเป็นการขยายศักยภาพของ AWS ในตลาด AI อย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/aws-nova-forge-could-be-your-companys-cue-to-start-building-custom-ai-models

    แฮกเกอร์เกาหลีเหนือถูกจับตาแบบสด ๆ ระหว่างปฏิบัติการ
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยสามารถหลอกกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือให้ใช้เครื่องที่พวกเขาคิดว่าเป็น “แล็ปท็อปจริง” แต่แท้จริงคือ sandbox ที่ควบคุมจากระยะไกล ทำให้สามารถเห็นการทำงานของแฮกเกอร์แบบสด ๆ แผนการนี้เกี่ยวข้องกับการสร้าง “คนงานปลอม” เพื่อสมัครงานในบริษัทใหญ่ แล้วใช้ตำแหน่งนั้นทำกิจกรรมโจมตีไซเบอร์ นักวิจัยพบว่าแฮกเกอร์ใช้เครื่องมืออย่าง OTP generator, AI automation และ Google Remote Desktop เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบสองชั้น เหตุการณ์นี้ช่วยเปิดเผยวิธีการทำงานของกลุ่ม Lazarus และเป็นข้อมูลสำคัญในการป้องกันภัยไซเบอร์ในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-fake-worker-scheme-caught-live-on-camera

    รีวิว Lenovo ThinkBook Plus Gen 6 Rollable โน้ตบุ๊คจอขยายได้
    Lenovo เปิดตัวโน้ตบุ๊คที่เรียกว่า “Rollable” รุ่นแรกของโลก ThinkBook Plus Gen 6 ที่สามารถขยายหน้าจอจาก 14 นิ้วเป็น 16 นิ้วได้เพียงกดปุ่มเดียว ทำให้การทำงานนอกสถานที่สะดวกขึ้นมาก ตัวเครื่องมาพร้อมสเปกแรง เช่น Intel Core Ultra 7, RAM 32GB และ SSD 1TB จุดเด่นคือจอ OLED ที่ขยายได้อย่างลื่นไหลและใช้งานจริงได้ ไม่ใช่แค่ลูกเล่น ผู้รีวิวเล่าว่าทุกครั้งที่กางจอออก คนรอบข้างมักตื่นตาตื่นใจ ถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อโน้ตบุ๊คสำหรับธุรกิจและการทำงานแบบพกพา
    https://www.techradar.com/pro/lenovo-thinkbook-plus-gen-6-rollable-business-laptop-review

    หลุดข้อมูล Xeon 6 เวิร์กสเตชันใหม่ของ Intel
    มีการพบเมนบอร์ด ADLINK ISB-W890 ที่เผยให้เห็นแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel สำหรับเวิร์กสเตชัน Granite Rapids-WS จุดเด่นคือรองรับหน่วยความจำ ECC DDR5 ได้สูงสุดถึง 1TB และมีช่อง PCIe มากมายสำหรับงานประมวลผลหนัก ๆ รวมถึงการ์ดกราฟิกหลายตัว ซีพียู Xeon รุ่นใหม่คาดว่าจะมีสูงสุดถึง 86 คอร์ พร้อมความเร็วสูงถึง 4.8GHz ซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ AMD ThreadRipper รุ่นท็อป การรั่วไหลนี้ทำให้เห็นว่า Intel กำลังกลับมาท้าทายตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูงอีกครั้ง
    https://www.techradar.com/pro/is-this-our-first-look-at-intels-xeon-6-workstation-hardware-leak-claims-to-show-w890-platform-ahead-of-granite-rapids-launch

    Qualcomm สู้กลับด้วย Snapdragon 8 Gen 5
    เรื่องนี้เริ่มจาก OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ OnePlus 15R ที่จะใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 เป็นครั้งแรก จุดที่น่าสนใจคือ Qualcomm เลือกใช้กลยุทธ์ “สองรุ่นเรือธง” คล้ายกับที่ Apple ทำกับชิป A-series โดยแบ่งเป็นรุ่น Elite และรุ่นปกติ เพื่อให้มือถือราคาย่อมเยาได้สัมผัสพลังระดับเรือธงเช่นกัน ผู้บริหาร OnePlus อธิบายว่า Apple เป็นแรงบันดาลใจ เพราะการแยกชิป Pro และชิปธรรมดาใน iPhone ทำให้ตลาดแตกต่างชัดเจน Qualcomm จึงต้องเดินตามแนวทางนี้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ และผลลัพธ์คือผู้ใช้จะได้มือถือที่แรงขึ้นแม้ไม่ใช่รุ่นแพงสุด
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/qualcomm-knows-it-has-to-fight-back-oneplus-exec-explains-why-apple-is-partially-responsible-for-the-new-snapdragon-8-gen-5-chipset

    รื้อความเข้าใจผิดเรื่อง Passwordless Authentication
    หลายคนยังเชื่อว่าการเข้าสู่ระบบแบบไม่ใช้รหัสผ่านนั้นไม่ปลอดภัย แต่บทความนี้อธิบายชัดว่ามันคือการยกระดับความปลอดภัย เพราะใช้สิ่งที่คุณ “เป็น” เช่น ลายนิ้วมือหรือใบหน้า ร่วมกับ PIN ที่ทำงานเฉพาะบนอุปกรณ์ ไม่ถูกส่งออกไปเหมือนรหัสผ่านทั่วไป จึงยากต่อการโจมตี อีกทั้งยังช่วยลดภาระของทีม IT ที่ต้องคอยแก้ปัญหาการรีเซ็ตรหัสผ่านซ้ำๆ เทคโนโลยีนี้จึงเป็นก้าวสำคัญสู่ยุค Zero-Trust ที่องค์กรกำลังมุ่งไป
    https://www.techradar.com/pro/passwordless-authentication-isnt-the-problem-the-myths-around-the-technology-are

    โฆษณา Windows 11 “PC ที่พูดคุยได้” สร้างเสียงแตก
    Microsoft ปล่อยโฆษณาใหม่ช่วงเทศกาลที่โชว์ฟีเจอร์ “Hey Copilot” ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคอมพิวเตอร์ได้เหมือนผู้ช่วยส่วนตัว โฆษณามีฉากสนุกๆ เช่นการให้ Copilot ซิงค์ไฟคริสต์มาสกับเพลง แต่ปัญหาคือฟีเจอร์จริงยังทำไม่ได้ ทำให้ผู้ชมบางส่วนมองว่า Microsoft กำลังสร้างความคาดหวังเกินจริง หลายคอมเมนต์ประชดประชัน เช่น “Hey Copilot – ช่วยติดตั้ง Linux ให้หน่อย” สะท้อนว่าผู้ใช้บางกลุ่มรู้สึกถูกยัดเยียด AI มากเกินไป
    https://www.techradar.com/computing/windows/new-windows-11-pc-you-can-talk-to-ad-pushing-copilot-is-proving-divisive-and-i-can-see-it-seriously-backfiring

    ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในยุค AI
    AI กำลังเปลี่ยนโลกธุรกิจให้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ปัญหาคือข้อมูลที่ใช้ฝึก AI มักเป็นข้อมูลลับและอ่อนไหว หากบริษัทไม่โปร่งใสในการจัดการข้อมูล ลูกค้าอาจหมดความเชื่อใจ ตัวอย่างเช่น OpenAI เคยถูกปรับเพราะใช้ข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ชัดเจน ทำให้เกิดคำถามใหญ่: ผู้ให้บริการ AI จะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างไร? คำตอบคือการเปิดเผยที่มาของข้อมูลและสถานที่จัดเก็บอย่างชัดเจน พร้อมเสริมระบบความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและ MFA เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าข้อมูลของพวกเขาปลอดภัยจริง
    https://www.techradar.com/pro/the-search-for-transparency-and-reliability-in-the-ai-era

    Nvidia กับดีล 100 พันล้านดอลลาร์ที่ยังไม่เสร็จ
    แม้จะมีข่าวใหญ่เรื่อง Nvidia จับมือ OpenAI ทำโครงการโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ แต่ความจริงคือดีลนี้ยังไม่ถูกลงนามอย่างเป็นทางการ CFO ของ Nvidia ยอมรับว่าทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอน “จดหมายแสดงเจตนา” เท่านั้น ความเสี่ยงคือการลงทุนระยะยาวอาจเจอปัญหาสินค้าล้นสต็อกหรือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เร็วเกินไป นักลงทุนบางส่วนจึงกังวลว่าอาจเกิด “ฟองสบู่ AI” ที่พร้อมแตกได้ทุกเมื่อ ถึงแม้หุ้น Nvidia จะยังขึ้น แต่คำถามเรื่องความยั่งยืนยังคงอยู่
    https://www.techradar.com/pro/nvidia-admits-the-usd100bn-biggest-ai-infrastructure-project-in-history-openai-deal-still-isnt-finalized

    Character.ai ปรับกลยุทธ์ใหม่สำหรับวัยรุ่น
    แพลตฟอร์ม AI ชื่อดัง Character.ai เริ่มเปลี่ยนแนวทางการให้บริการ โดยลดการสนทนาแบบเปิดกว้างสำหรับผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แล้วเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Stories” เพื่อดึงดูดวัยรุ่นให้ยังคงสนใจอยู่ จุดประสงค์คือสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยมากขึ้น และยังคงให้ผู้ใช้ได้สนุกกับการเล่าเรื่องในรูปแบบที่ควบคุมได้มากกว่า การปรับนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังหาทางบาลานซ์ระหว่างความสร้างสรรค์และความรับผิดชอบต่อผู้ใช้เยาวชน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/character-ai-launches-stories-to-keep-teens-engaged-as-it-scales-back-open-ended-chat-for-under-18s

    กลุ่มแฮ็กเกอร์อิหร่านใช้เกม Snake เป็นอาวุธ
    มีรายงานว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จากอิหร่านได้สร้างเกม Snake ปลอมขึ้นมาเพื่อโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอียิปต์และอิสราเอล เกมนี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนเกมธรรมดา แต่จริงๆ แล้วแฝงมัลแวร์ที่สามารถเจาะระบบได้ การใช้วิธีที่ดู “ไร้เดียงสา” เช่นเกมยอดนิยม เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้การโจมตีมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนว่าภัยคุกคามไซเบอร์กำลังซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/iranian-hacker-group-deploys-malicious-snake-game-to-target-egyptian-and-israeli-critical-infrastructure

    รีวิว MSI Cubi NUC AI+ 2MG Mini PC
    บทความนี้รีวิวเครื่อง Mini PC รุ่นใหม่จาก MSI ที่ชื่อ Cubi NUC AI+ 2MG จุดเด่นคือขนาดเล็กแต่ทรงพลัง เหมาะสำหรับงานสำนักงานหรือผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่กินพื้นที่มาก ตัวเครื่องมาพร้อมการรองรับ AI workload และการเชื่อมต่อที่ครบครัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้ PC ขนาดกะทัดรัดแต่ยังคงความแรงไว้ครบ
    https://www.techradar.com/pro/msi-cubi-nuc-ai-2mg-mini-pc-review

    ExpressVPN อัปเดตใหม่ เร็วขึ้นและปรับโฉมบน Mac
    ExpressVPN ปล่อยอัปเดตล่าสุดที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ และปรับปรุงแอปบน Mac ให้ใช้งานง่ายขึ้น ดีไซน์ใหม่ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงฟีเจอร์หลักได้สะดวกกว่าเดิม พร้อมทั้งเสริมความปลอดภัยและเสถียรภาพของการเชื่อมต่อ ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งาน VPN ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้ระดับมืออาชีพ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/expressvpns-latest-update-boosts-connection-speeds-and-revamps-its-mac-app

    กฎหมาย Chat Control สร้างเสียงวิจารณ์ในวงการ Privacy Tech
    กฎหมายใหม่ที่ชื่อ Chat Control กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว หลายคนมองว่ามันคือ “หายนะที่รอเกิดขึ้น” เพราะเปิดช่องให้มีการสอดส่องการสื่อสารส่วนตัวของผู้ใช้ แม้จะอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันจะกระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และอาจทำให้ความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีด้านความเป็นส่วนตัวพังทลาย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/a-disaster-waiting-to-happen-the-privacy-tech-world-reacts-to-the-new-chat-control-bill

    Devolo WiFi 6 Router 3600 5G Review
    เรื่องนี้เล่าได้ว่าเป็นประสบการณ์ตรงของผู้ทดสอบที่ได้ลองใช้เราเตอร์ Devolo WiFi 6 รุ่น 3600 ที่รองรับซิมการ์ด 5G LTE ตัวเครื่องออกแบบมาให้ใช้งานง่ายมาก เพียงใส่ซิม เปิดไฟ และกดปุ่ม WPS ก็เชื่อมต่อได้ทันที จุดเด่นคือสามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า 100 เครื่องพร้อมกัน เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตบ้าน เช่นออฟฟิศใหม่หรือการทำงานนอกสถานที่ ความเร็วขึ้นอยู่กับสัญญาณเครือข่าย แต่เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มี 5G แรง ๆ ก็เร็วและเสถียรกว่าการแชร์ฮอตสปอตจากมือถือมาก แม้ราคาจะสูงเกือบ £399 แต่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในสถานการณ์ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้
    https://www.techradar.com/computing/devolo-wifi-6-router-3600-5g-lte-review

    OnePlus 15 เตรียมเปิดตัวในสหรัฐฯ พร้อมของแถมพิเศษ
    OnePlus 15 ที่หลายคนรอคอยกำลังจะเปิดให้พรีออเดอร์ในสหรัฐฯ วันที่ 4 ธันวาคมนี้ หลังจากเลื่อนเปิดตัวเพราะติดปัญหาการรับรองจาก FCC ราคาจะเริ่มต้นที่ $899.99 สำหรับรุ่น RAM 12GB และ $999.99 สำหรับรุ่น RAM 16GB พร้อมของแถมให้เลือก เช่นนาฬิกา OnePlus Watch 3 มูลค่า $300 หรือหูฟัง Buds Pro 3 จุดเด่นของรุ่นนี้คือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,300mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานมาก รวมถึงกล้องและซอฟต์แวร์ที่ได้รับคำชมจนได้คะแนนรีวิวเต็ม 5 ดาว ถือเป็นการกลับมาที่น่าตื่นเต้นของ OnePlus ในตลาดสหรัฐฯ
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-oneplus-15-is-finally-heading-to-the-us-and-you-can-grab-a-major-pre-order-bonus

    รัสเซียเตรียมแบน WhatsApp ภายใต้ “ม่านเหล็กดิจิทัล”
    รัฐบาลรัสเซียโดยหน่วยงาน Roskomnadzor ขู่จะบล็อก WhatsApp แบบเต็มรูปแบบ โดยกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้เพื่อกิจกรรมก่อการร้าย และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้ WhatsApp ในรัสเซียกว่า 97 ล้านคน หากถูกบล็อกจริงจะกระทบการสื่อสารอย่างรุนแรง โดยก่อนหน้านี้ Signal ก็ถูกบล็อกไปแล้ว ทำให้ผู้ใช้ถูกบังคับไปใช้แอปที่รัฐควบคุมอย่าง MAX ซึ่งมีความเสี่ยงด้านการสอดส่องสูง WhatsApp ยืนยันว่าจะยังคงให้บริการการสื่อสารแบบเข้ารหัสเพื่อปกป้องสิทธิผู้ใช้ แม้จะถูกกดดันจากรัฐบาล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russias-digital-iron-curtain-whatsapp-next-on-the-chopping-block

    Amazon ทดลอง “AI Factories” ติดตั้งในองค์กรลูกค้า
    Amazon Web Services เปิดตัวแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “AI Factories” คือการนำฮาร์ดแวร์และระบบ AI ไปติดตั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าเอง เพื่อรองรับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและอธิปไตยข้อมูล ลูกค้าไม่ต้องลงทุนสร้างระบบเอง แต่ AWS จะจัดการทุกอย่างให้ โดยใช้ชิป Nvidia Blackwell และ Trainium3 ของ Amazon จุดนี้ถือเป็นการกลับไปสู่แนวทาง on-premises อีกครั้ง หลังยุคที่ทุกอย่างย้ายขึ้นคลาวด์ เหมาะกับองค์กรหรือรัฐบาลที่ต้องการใช้ AI แต่ไม่สามารถส่งข้อมูลออกนอกพื้นที่ได้
    https://www.techradar.com/pro/amazon-is-testing-out-private-on-premises-ai-factories

    Windows 11 มีบั๊กใหม่ใน Dark Mode ของ File Explorer
    Microsoft ปล่อยอัปเดตตัวล่าสุด KB5070311 ที่ตั้งใจจะปรับปรุง Dark Mode ให้สมบูรณ์ขึ้น แต่กลับทำให้เกิดบั๊กที่สร้างความรำคาญ เมื่อผู้ใช้เปิดโฟลเดอร์หรือแท็บใหม่ใน File Explorer จะมีแฟลชสีขาววาบขึ้นมา ซึ่งยิ่งรบกวนสายตาในสภาพแสงน้อย Microsoft ยอมรับปัญหาและกำลังแก้ไขก่อนที่จะปล่อยอัปเดตเต็มในสัปดาห์หน้า แม้จะเป็นเพียงเวอร์ชันทดลอง แต่หากไม่แก้ทันก็อาจกระทบผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดต
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsoft-just-broke-file-explorer-dark-mode-some-windows-11-users-are-seeing-jarring-white-flashes-when-opening-folders

    Zettlab D6 NAS Review
    นี่เป็นรีวิวของ Zettlab D6 NAS อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเครือข่ายที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยสูง จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อความเร็วสูง มีพอร์ตหลากหลาย และระบบจัดการที่ใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ใช้ที่ต้องการเก็บไฟล์จำนวนมากในบ้าน แม้ราคาจะสูง แต่ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความสามารถในการปกป้องและแชร์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/computing/zettlab-d6-nas-device-review

    ทดสอบ ChatGPT, Gemini และ Claude ในโลกมัลติโหมด
    บทความนี้เล่าถึงการทดสอบ AI รุ่นใหม่ ๆ ที่สามารถทำงานแบบมัลติโหมดได้ เช่น ChatGPT, Gemini และ Claude โดยเปรียบเทียบความสามารถในการเข้าใจข้อความ ภาพ และเสียง จุดที่น่าสนใจคือแต่ละระบบมีจุดแข็งต่างกัน เช่น ChatGPT เด่นด้านการสนทนาเชิงลึก Gemini เน้นการเชื่อมโยงข้อมูลหลายรูปแบบ ส่วน Claude มีความแม่นยำในการตีความบริบท การทดสอบนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังพัฒนาไปสู่การใช้งานที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/testing-chatgpt-gemini-and-claude-in-the-multimodal-maze

    ยุคโฆษณาใน ChatGPT เริ่มต้นแล้ว
    ผู้ใช้ ChatGPT โดยเฉพาะกลุ่ม Pro ที่จ่ายถึง $200 ต่อเดือน กำลังไม่พอใจอย่างหนัก เพราะ OpenAI เริ่มแสดงโฆษณาและแนะนำแอปในระบบ แม้จะเป็นผู้ใช้แบบเสียเงินก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการหาทางสร้างรายได้ใหม่ของบริษัท แต่ก็ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการลดคุณภาพประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ยอมจ่ายแพงเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/the-era-of-ads-in-chatgpt-begins-users-furious-as-even-usd200-a-month-pro-subscribers-hit-with-app-suggestions

    ออสเตรเลียสั่งห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้ VPN เพื่อเลี่ยงกฎหมายโซเชียล
    รัฐบาลออสเตรเลียออกมาตรการใหม่ บังคับให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการแบนโซเชียลมีเดีย กฎหมายนี้ถูกวิจารณ์ว่าอาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและสร้างภาระให้กับบริษัทเทคโนโลยี แต่รัฐบาลยืนยันว่าจำเป็นเพื่อปกป้องเยาวชนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/australia-expects-platforms-to-stop-under-16s-from-using-vpns-to-evade-social-media-ban

    กว่า 2 ใน 3 ของร้านค้าปลีกใช้ AI Agent เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว
    รายงานล่าสุดเผยว่ามากกว่า 67% ของผู้ค้าปลีกได้เริ่มนำ AI Agent มาใช้ในการทำงาน เช่น การตอบลูกค้า การจัดการสต็อก และการวิเคราะห์ข้อมูล จุดนี้สะท้อนว่าการใช้ AI ไม่ใช่แค่แนวโน้ม แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำในการแข่งขัน
    https://www.techradar.com/pro/over-two-thirds-of-retailers-have-already-partially-deployed-ai-agents-for-efficiency



    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251204 #TechRadar 🤖 Google Antigravity AI ลบข้อมูลนักพัฒนาแล้วขอโทษ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อระบบ AI ของ Google ที่ชื่อว่า Antigravity ลบข้อมูลใน Google Drive ของนักพัฒนารายหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นระบบได้ส่งข้อความขอโทษกลับมาเอง เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของ AI ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ หลายฝ่ายกังวลว่าหาก AI สามารถทำผิดพลาดในระดับนี้ อาจสร้างผลกระทบต่อธุรกิจและบุคคลทั่วไปได้อย่างรุนแรง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/googles-antigravity-ai-deleted-a-developers-drive-and-then-apologized 🏛️ ความพยายามของทรัมป์ในการผลักดันกฎหมาย AI ระดับชาติสะดุด เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในสภาอเมริกา เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์พยายามผลักดันให้กฎหมายควบคุม AI ถูกกำหนดในระดับรัฐบาลกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการมี “กฎหมาย 50 แบบ” จากแต่ละรัฐ เขาเชื่อว่าการรวมศูนย์จะช่วยให้สหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ แต่ฝ่ายนิติบัญญัติหลายคน โดยเฉพาะรีพับลิกันเอง กลับไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ารัฐมีความคล่องตัวในการออกกฎหมายที่ตอบโจทย์สถานการณ์ได้เร็วกว่า อีกทั้งยังมีเสียงวิจารณ์ว่าการผลักดันนี้คือการเข้าข้างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี สุดท้ายข้อเสนอนี้ถูกโหวตคว่ำอย่างท่วมท้น และทำให้ทรัมป์ถูกโจมตีว่า “ยืนอยู่ข้าง Big Tech” 🔗 https://www.techradar.com/pro/trumps-push-to-overrule-ai-regulation-falters-as-republicans-split ☁️ AWS เปิดตัว Nova Forge ให้ธุรกิจสร้างโมเดล AI ของตัวเอง Amazon Web Services เปิดตัวบริการใหม่ชื่อ Nova Forge ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล AI ได้ตามต้องการ โดยเริ่มจากโมเดลพื้นฐานของ Amazon แล้วนำข้อมูลของบริษัทมาผสมเพื่อสร้างโมเดลเฉพาะกิจที่เรียกว่า “Novellas” จุดเด่นคือช่วยลดต้นทุนและเวลาในการฝึกโมเดลใหม่จากศูนย์ ซึ่งปกติอาจใช้เงินมหาศาลและทีมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Nova 2 ที่มาพร้อมโมเดลพื้นฐานใหม่หลายตัว รวมถึงความสามารถด้านการสนทนาแบบเสียงต่อเสียงที่ใกล้เคียงมนุษย์ ถือเป็นการขยายศักยภาพของ AWS ในตลาด AI อย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-nova-forge-could-be-your-companys-cue-to-start-building-custom-ai-models 🕵️ แฮกเกอร์เกาหลีเหนือถูกจับตาแบบสด ๆ ระหว่างปฏิบัติการ นักวิจัยด้านความปลอดภัยสามารถหลอกกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือให้ใช้เครื่องที่พวกเขาคิดว่าเป็น “แล็ปท็อปจริง” แต่แท้จริงคือ sandbox ที่ควบคุมจากระยะไกล ทำให้สามารถเห็นการทำงานของแฮกเกอร์แบบสด ๆ แผนการนี้เกี่ยวข้องกับการสร้าง “คนงานปลอม” เพื่อสมัครงานในบริษัทใหญ่ แล้วใช้ตำแหน่งนั้นทำกิจกรรมโจมตีไซเบอร์ นักวิจัยพบว่าแฮกเกอร์ใช้เครื่องมืออย่าง OTP generator, AI automation และ Google Remote Desktop เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบสองชั้น เหตุการณ์นี้ช่วยเปิดเผยวิธีการทำงานของกลุ่ม Lazarus และเป็นข้อมูลสำคัญในการป้องกันภัยไซเบอร์ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-fake-worker-scheme-caught-live-on-camera 💻 รีวิว Lenovo ThinkBook Plus Gen 6 Rollable โน้ตบุ๊คจอขยายได้ Lenovo เปิดตัวโน้ตบุ๊คที่เรียกว่า “Rollable” รุ่นแรกของโลก ThinkBook Plus Gen 6 ที่สามารถขยายหน้าจอจาก 14 นิ้วเป็น 16 นิ้วได้เพียงกดปุ่มเดียว ทำให้การทำงานนอกสถานที่สะดวกขึ้นมาก ตัวเครื่องมาพร้อมสเปกแรง เช่น Intel Core Ultra 7, RAM 32GB และ SSD 1TB จุดเด่นคือจอ OLED ที่ขยายได้อย่างลื่นไหลและใช้งานจริงได้ ไม่ใช่แค่ลูกเล่น ผู้รีวิวเล่าว่าทุกครั้งที่กางจอออก คนรอบข้างมักตื่นตาตื่นใจ ถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อโน้ตบุ๊คสำหรับธุรกิจและการทำงานแบบพกพา 🔗 https://www.techradar.com/pro/lenovo-thinkbook-plus-gen-6-rollable-business-laptop-review ⚙️ หลุดข้อมูล Xeon 6 เวิร์กสเตชันใหม่ของ Intel มีการพบเมนบอร์ด ADLINK ISB-W890 ที่เผยให้เห็นแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel สำหรับเวิร์กสเตชัน Granite Rapids-WS จุดเด่นคือรองรับหน่วยความจำ ECC DDR5 ได้สูงสุดถึง 1TB และมีช่อง PCIe มากมายสำหรับงานประมวลผลหนัก ๆ รวมถึงการ์ดกราฟิกหลายตัว ซีพียู Xeon รุ่นใหม่คาดว่าจะมีสูงสุดถึง 86 คอร์ พร้อมความเร็วสูงถึง 4.8GHz ซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ AMD ThreadRipper รุ่นท็อป การรั่วไหลนี้ทำให้เห็นว่า Intel กำลังกลับมาท้าทายตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูงอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-this-our-first-look-at-intels-xeon-6-workstation-hardware-leak-claims-to-show-w890-platform-ahead-of-granite-rapids-launch 📱 Qualcomm สู้กลับด้วย Snapdragon 8 Gen 5 เรื่องนี้เริ่มจาก OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ OnePlus 15R ที่จะใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 เป็นครั้งแรก จุดที่น่าสนใจคือ Qualcomm เลือกใช้กลยุทธ์ “สองรุ่นเรือธง” คล้ายกับที่ Apple ทำกับชิป A-series โดยแบ่งเป็นรุ่น Elite และรุ่นปกติ เพื่อให้มือถือราคาย่อมเยาได้สัมผัสพลังระดับเรือธงเช่นกัน ผู้บริหาร OnePlus อธิบายว่า Apple เป็นแรงบันดาลใจ เพราะการแยกชิป Pro และชิปธรรมดาใน iPhone ทำให้ตลาดแตกต่างชัดเจน Qualcomm จึงต้องเดินตามแนวทางนี้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ และผลลัพธ์คือผู้ใช้จะได้มือถือที่แรงขึ้นแม้ไม่ใช่รุ่นแพงสุด 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/qualcomm-knows-it-has-to-fight-back-oneplus-exec-explains-why-apple-is-partially-responsible-for-the-new-snapdragon-8-gen-5-chipset 🔐 รื้อความเข้าใจผิดเรื่อง Passwordless Authentication หลายคนยังเชื่อว่าการเข้าสู่ระบบแบบไม่ใช้รหัสผ่านนั้นไม่ปลอดภัย แต่บทความนี้อธิบายชัดว่ามันคือการยกระดับความปลอดภัย เพราะใช้สิ่งที่คุณ “เป็น” เช่น ลายนิ้วมือหรือใบหน้า ร่วมกับ PIN ที่ทำงานเฉพาะบนอุปกรณ์ ไม่ถูกส่งออกไปเหมือนรหัสผ่านทั่วไป จึงยากต่อการโจมตี อีกทั้งยังช่วยลดภาระของทีม IT ที่ต้องคอยแก้ปัญหาการรีเซ็ตรหัสผ่านซ้ำๆ เทคโนโลยีนี้จึงเป็นก้าวสำคัญสู่ยุค Zero-Trust ที่องค์กรกำลังมุ่งไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/passwordless-authentication-isnt-the-problem-the-myths-around-the-technology-are 🎄 โฆษณา Windows 11 “PC ที่พูดคุยได้” สร้างเสียงแตก Microsoft ปล่อยโฆษณาใหม่ช่วงเทศกาลที่โชว์ฟีเจอร์ “Hey Copilot” ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคอมพิวเตอร์ได้เหมือนผู้ช่วยส่วนตัว โฆษณามีฉากสนุกๆ เช่นการให้ Copilot ซิงค์ไฟคริสต์มาสกับเพลง แต่ปัญหาคือฟีเจอร์จริงยังทำไม่ได้ ทำให้ผู้ชมบางส่วนมองว่า Microsoft กำลังสร้างความคาดหวังเกินจริง หลายคอมเมนต์ประชดประชัน เช่น “Hey Copilot – ช่วยติดตั้ง Linux ให้หน่อย” สะท้อนว่าผู้ใช้บางกลุ่มรู้สึกถูกยัดเยียด AI มากเกินไป 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/new-windows-11-pc-you-can-talk-to-ad-pushing-copilot-is-proving-divisive-and-i-can-see-it-seriously-backfiring 🤖 ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในยุค AI AI กำลังเปลี่ยนโลกธุรกิจให้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ปัญหาคือข้อมูลที่ใช้ฝึก AI มักเป็นข้อมูลลับและอ่อนไหว หากบริษัทไม่โปร่งใสในการจัดการข้อมูล ลูกค้าอาจหมดความเชื่อใจ ตัวอย่างเช่น OpenAI เคยถูกปรับเพราะใช้ข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ชัดเจน ทำให้เกิดคำถามใหญ่: ผู้ให้บริการ AI จะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างไร? คำตอบคือการเปิดเผยที่มาของข้อมูลและสถานที่จัดเก็บอย่างชัดเจน พร้อมเสริมระบบความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและ MFA เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าข้อมูลของพวกเขาปลอดภัยจริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-search-for-transparency-and-reliability-in-the-ai-era 💰 Nvidia กับดีล 100 พันล้านดอลลาร์ที่ยังไม่เสร็จ แม้จะมีข่าวใหญ่เรื่อง Nvidia จับมือ OpenAI ทำโครงการโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ แต่ความจริงคือดีลนี้ยังไม่ถูกลงนามอย่างเป็นทางการ CFO ของ Nvidia ยอมรับว่าทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอน “จดหมายแสดงเจตนา” เท่านั้น ความเสี่ยงคือการลงทุนระยะยาวอาจเจอปัญหาสินค้าล้นสต็อกหรือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เร็วเกินไป นักลงทุนบางส่วนจึงกังวลว่าอาจเกิด “ฟองสบู่ AI” ที่พร้อมแตกได้ทุกเมื่อ ถึงแม้หุ้น Nvidia จะยังขึ้น แต่คำถามเรื่องความยั่งยืนยังคงอยู่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/nvidia-admits-the-usd100bn-biggest-ai-infrastructure-project-in-history-openai-deal-still-isnt-finalized 📖 Character.ai ปรับกลยุทธ์ใหม่สำหรับวัยรุ่น แพลตฟอร์ม AI ชื่อดัง Character.ai เริ่มเปลี่ยนแนวทางการให้บริการ โดยลดการสนทนาแบบเปิดกว้างสำหรับผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แล้วเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Stories” เพื่อดึงดูดวัยรุ่นให้ยังคงสนใจอยู่ จุดประสงค์คือสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยมากขึ้น และยังคงให้ผู้ใช้ได้สนุกกับการเล่าเรื่องในรูปแบบที่ควบคุมได้มากกว่า การปรับนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังหาทางบาลานซ์ระหว่างความสร้างสรรค์และความรับผิดชอบต่อผู้ใช้เยาวชน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/character-ai-launches-stories-to-keep-teens-engaged-as-it-scales-back-open-ended-chat-for-under-18s 🎮 กลุ่มแฮ็กเกอร์อิหร่านใช้เกม Snake เป็นอาวุธ มีรายงานว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จากอิหร่านได้สร้างเกม Snake ปลอมขึ้นมาเพื่อโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอียิปต์และอิสราเอล เกมนี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนเกมธรรมดา แต่จริงๆ แล้วแฝงมัลแวร์ที่สามารถเจาะระบบได้ การใช้วิธีที่ดู “ไร้เดียงสา” เช่นเกมยอดนิยม เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้การโจมตีมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนว่าภัยคุกคามไซเบอร์กำลังซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/iranian-hacker-group-deploys-malicious-snake-game-to-target-egyptian-and-israeli-critical-infrastructure 💻 รีวิว MSI Cubi NUC AI+ 2MG Mini PC บทความนี้รีวิวเครื่อง Mini PC รุ่นใหม่จาก MSI ที่ชื่อ Cubi NUC AI+ 2MG จุดเด่นคือขนาดเล็กแต่ทรงพลัง เหมาะสำหรับงานสำนักงานหรือผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่กินพื้นที่มาก ตัวเครื่องมาพร้อมการรองรับ AI workload และการเชื่อมต่อที่ครบครัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้ PC ขนาดกะทัดรัดแต่ยังคงความแรงไว้ครบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/msi-cubi-nuc-ai-2mg-mini-pc-review 🌐 ExpressVPN อัปเดตใหม่ เร็วขึ้นและปรับโฉมบน Mac ExpressVPN ปล่อยอัปเดตล่าสุดที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ และปรับปรุงแอปบน Mac ให้ใช้งานง่ายขึ้น ดีไซน์ใหม่ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงฟีเจอร์หลักได้สะดวกกว่าเดิม พร้อมทั้งเสริมความปลอดภัยและเสถียรภาพของการเชื่อมต่อ ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งาน VPN ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้ระดับมืออาชีพ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/expressvpns-latest-update-boosts-connection-speeds-and-revamps-its-mac-app ⚖️ กฎหมาย Chat Control สร้างเสียงวิจารณ์ในวงการ Privacy Tech กฎหมายใหม่ที่ชื่อ Chat Control กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว หลายคนมองว่ามันคือ “หายนะที่รอเกิดขึ้น” เพราะเปิดช่องให้มีการสอดส่องการสื่อสารส่วนตัวของผู้ใช้ แม้จะอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันจะกระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และอาจทำให้ความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีด้านความเป็นส่วนตัวพังทลาย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/a-disaster-waiting-to-happen-the-privacy-tech-world-reacts-to-the-new-chat-control-bill 📡 Devolo WiFi 6 Router 3600 5G Review เรื่องนี้เล่าได้ว่าเป็นประสบการณ์ตรงของผู้ทดสอบที่ได้ลองใช้เราเตอร์ Devolo WiFi 6 รุ่น 3600 ที่รองรับซิมการ์ด 5G LTE ตัวเครื่องออกแบบมาให้ใช้งานง่ายมาก เพียงใส่ซิม เปิดไฟ และกดปุ่ม WPS ก็เชื่อมต่อได้ทันที จุดเด่นคือสามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า 100 เครื่องพร้อมกัน เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตบ้าน เช่นออฟฟิศใหม่หรือการทำงานนอกสถานที่ ความเร็วขึ้นอยู่กับสัญญาณเครือข่าย แต่เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มี 5G แรง ๆ ก็เร็วและเสถียรกว่าการแชร์ฮอตสปอตจากมือถือมาก แม้ราคาจะสูงเกือบ £399 แต่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในสถานการณ์ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้ 🔗 https://www.techradar.com/computing/devolo-wifi-6-router-3600-5g-lte-review 📱 OnePlus 15 เตรียมเปิดตัวในสหรัฐฯ พร้อมของแถมพิเศษ OnePlus 15 ที่หลายคนรอคอยกำลังจะเปิดให้พรีออเดอร์ในสหรัฐฯ วันที่ 4 ธันวาคมนี้ หลังจากเลื่อนเปิดตัวเพราะติดปัญหาการรับรองจาก FCC ราคาจะเริ่มต้นที่ $899.99 สำหรับรุ่น RAM 12GB และ $999.99 สำหรับรุ่น RAM 16GB พร้อมของแถมให้เลือก เช่นนาฬิกา OnePlus Watch 3 มูลค่า $300 หรือหูฟัง Buds Pro 3 จุดเด่นของรุ่นนี้คือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,300mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานมาก รวมถึงกล้องและซอฟต์แวร์ที่ได้รับคำชมจนได้คะแนนรีวิวเต็ม 5 ดาว ถือเป็นการกลับมาที่น่าตื่นเต้นของ OnePlus ในตลาดสหรัฐฯ 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-oneplus-15-is-finally-heading-to-the-us-and-you-can-grab-a-major-pre-order-bonus 🚫 รัสเซียเตรียมแบน WhatsApp ภายใต้ “ม่านเหล็กดิจิทัล” รัฐบาลรัสเซียโดยหน่วยงาน Roskomnadzor ขู่จะบล็อก WhatsApp แบบเต็มรูปแบบ โดยกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้เพื่อกิจกรรมก่อการร้าย และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้ WhatsApp ในรัสเซียกว่า 97 ล้านคน หากถูกบล็อกจริงจะกระทบการสื่อสารอย่างรุนแรง โดยก่อนหน้านี้ Signal ก็ถูกบล็อกไปแล้ว ทำให้ผู้ใช้ถูกบังคับไปใช้แอปที่รัฐควบคุมอย่าง MAX ซึ่งมีความเสี่ยงด้านการสอดส่องสูง WhatsApp ยืนยันว่าจะยังคงให้บริการการสื่อสารแบบเข้ารหัสเพื่อปกป้องสิทธิผู้ใช้ แม้จะถูกกดดันจากรัฐบาล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russias-digital-iron-curtain-whatsapp-next-on-the-chopping-block 🤖 Amazon ทดลอง “AI Factories” ติดตั้งในองค์กรลูกค้า Amazon Web Services เปิดตัวแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “AI Factories” คือการนำฮาร์ดแวร์และระบบ AI ไปติดตั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าเอง เพื่อรองรับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและอธิปไตยข้อมูล ลูกค้าไม่ต้องลงทุนสร้างระบบเอง แต่ AWS จะจัดการทุกอย่างให้ โดยใช้ชิป Nvidia Blackwell และ Trainium3 ของ Amazon จุดนี้ถือเป็นการกลับไปสู่แนวทาง on-premises อีกครั้ง หลังยุคที่ทุกอย่างย้ายขึ้นคลาวด์ เหมาะกับองค์กรหรือรัฐบาลที่ต้องการใช้ AI แต่ไม่สามารถส่งข้อมูลออกนอกพื้นที่ได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazon-is-testing-out-private-on-premises-ai-factories 💻 Windows 11 มีบั๊กใหม่ใน Dark Mode ของ File Explorer Microsoft ปล่อยอัปเดตตัวล่าสุด KB5070311 ที่ตั้งใจจะปรับปรุง Dark Mode ให้สมบูรณ์ขึ้น แต่กลับทำให้เกิดบั๊กที่สร้างความรำคาญ เมื่อผู้ใช้เปิดโฟลเดอร์หรือแท็บใหม่ใน File Explorer จะมีแฟลชสีขาววาบขึ้นมา ซึ่งยิ่งรบกวนสายตาในสภาพแสงน้อย Microsoft ยอมรับปัญหาและกำลังแก้ไขก่อนที่จะปล่อยอัปเดตเต็มในสัปดาห์หน้า แม้จะเป็นเพียงเวอร์ชันทดลอง แต่หากไม่แก้ทันก็อาจกระทบผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดต 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsoft-just-broke-file-explorer-dark-mode-some-windows-11-users-are-seeing-jarring-white-flashes-when-opening-folders 💾 Zettlab D6 NAS Review นี่เป็นรีวิวของ Zettlab D6 NAS อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเครือข่ายที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยสูง จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อความเร็วสูง มีพอร์ตหลากหลาย และระบบจัดการที่ใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ใช้ที่ต้องการเก็บไฟล์จำนวนมากในบ้าน แม้ราคาจะสูง แต่ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความสามารถในการปกป้องและแชร์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/computing/zettlab-d6-nas-device-review 🧩 ทดสอบ ChatGPT, Gemini และ Claude ในโลกมัลติโหมด บทความนี้เล่าถึงการทดสอบ AI รุ่นใหม่ ๆ ที่สามารถทำงานแบบมัลติโหมดได้ เช่น ChatGPT, Gemini และ Claude โดยเปรียบเทียบความสามารถในการเข้าใจข้อความ ภาพ และเสียง จุดที่น่าสนใจคือแต่ละระบบมีจุดแข็งต่างกัน เช่น ChatGPT เด่นด้านการสนทนาเชิงลึก Gemini เน้นการเชื่อมโยงข้อมูลหลายรูปแบบ ส่วน Claude มีความแม่นยำในการตีความบริบท การทดสอบนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังพัฒนาไปสู่การใช้งานที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/testing-chatgpt-gemini-and-claude-in-the-multimodal-maze 📢 ยุคโฆษณาใน ChatGPT เริ่มต้นแล้ว ผู้ใช้ ChatGPT โดยเฉพาะกลุ่ม Pro ที่จ่ายถึง $200 ต่อเดือน กำลังไม่พอใจอย่างหนัก เพราะ OpenAI เริ่มแสดงโฆษณาและแนะนำแอปในระบบ แม้จะเป็นผู้ใช้แบบเสียเงินก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการหาทางสร้างรายได้ใหม่ของบริษัท แต่ก็ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการลดคุณภาพประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ยอมจ่ายแพงเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/the-era-of-ads-in-chatgpt-begins-users-furious-as-even-usd200-a-month-pro-subscribers-hit-with-app-suggestions 🛡️ ออสเตรเลียสั่งห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้ VPN เพื่อเลี่ยงกฎหมายโซเชียล รัฐบาลออสเตรเลียออกมาตรการใหม่ บังคับให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการแบนโซเชียลมีเดีย กฎหมายนี้ถูกวิจารณ์ว่าอาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและสร้างภาระให้กับบริษัทเทคโนโลยี แต่รัฐบาลยืนยันว่าจำเป็นเพื่อปกป้องเยาวชนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/australia-expects-platforms-to-stop-under-16s-from-using-vpns-to-evade-social-media-ban 🛍️ กว่า 2 ใน 3 ของร้านค้าปลีกใช้ AI Agent เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว รายงานล่าสุดเผยว่ามากกว่า 67% ของผู้ค้าปลีกได้เริ่มนำ AI Agent มาใช้ในการทำงาน เช่น การตอบลูกค้า การจัดการสต็อก และการวิเคราะห์ข้อมูล จุดนี้สะท้อนว่าการใช้ AI ไม่ใช่แค่แนวโน้ม แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำในการแข่งขัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/over-two-thirds-of-retailers-have-already-partially-deployed-ai-agents-for-efficiency
    0 Comments 0 Shares 302 Views 0 Reviews
  • หลุดผลทดสอบบน Geekbench ของ Intel Core Ultra 7 366H (Panther Lake)

    Intel Core Ultra 7 366H (Panther Lake) ถูกทดสอบบน Geekbench เผยว่า iGPU แบบ Xe3 4 คอร์ ทำคะแนนสูงกว่า GTX 1050 Ti และ Radeon 840M แต่ยังตามหลัง Radeon 860M อยู่ราว 40%

    Core Ultra 7 366H ใช้สถาปัตยกรรม Panther Lake มี 16 คอร์ (4 Performance + 8 Efficient + 4 LP-E) ความเร็วสูงสุด 4.8 GHz พร้อมแคช L3 ขนาด 18 MB ถือเป็นรุ่นที่เน้นตลาดโน้ตบุ๊กระดับกลาง โดยยังคงใช้พลังงาน TDP 25W (Turbo 65–80W)

    iGPU Xe3 4 คอร์ เทียบกับคู่แข่ง
    ผลทดสอบ Geekbench Vulkan แสดงว่า iGPU ทำคะแนน 22,813 ซึ่งสูงกว่า GTX 1050 Ti (21,937) และ Radeon 840M (18,060) แต่ยังตามหลัง Radeon 860M (37,552) อยู่มาก จุดนี้สะท้อนว่า iGPU ของ Intel รุ่นนี้เหมาะกับงานกราฟิกทั่วไปและเกมเบา ๆ แต่ยังไม่สามารถแข่งขันกับ iGPU ระดับสูงของ AMD ได้

    ตำแหน่งในตลาด
    Core Ultra 7 366H ถูกวางไว้สำหรับ โน้ตบุ๊ก mainstream ที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและราคา โดยรุ่นที่มี iGPU 10–12 คอร์ในตระกูล Panther Lake ได้แสดงผลลัพธ์ใกล้เคียง RTX 3050 แล้ว ทำให้รุ่น 366H เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในกลุ่มกลาง แต่ไม่ใช่ตัวท็อปสำหรับงานกราฟิกหนัก

    แนวโน้มและการแข่งขัน
    แม้ Intel จะพัฒนา iGPU ให้ดีขึ้น แต่ตลาดโน้ตบุ๊กงบกลางยังคงถูกครองโดย AMD ที่มี iGPU แรงกว่าในซีรีส์ Ryzen AI 7 และ Krackan Point การแข่งขันในปี 2026 จะขึ้นอยู่กับว่า Intel สามารถผลักดัน Panther Lake รุ่นสูงให้เข้าถึงตลาดได้เร็วแค่ไหน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Core Ultra 7 366H ใช้สถาปัตยกรรม Panther Lake
    16 คอร์, 4.8 GHz, L3 18 MB, TDP 25W

    iGPU Xe3 4 คอร์ทำคะแนน 22,813 บน Geekbench Vulkan
    สูงกว่า GTX 1050 Ti และ Radeon 840M

    เหมาะกับโน้ตบุ๊ก mainstream
    สมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่ตัวท็อป

    ยังตามหลัง Radeon 860M อยู่ราว 40%
    ไม่เหมาะกับงานกราฟิกหนักหรือเกม AAA ที่ต้องการพลังสูง

    AMD ยังคงครองตลาด iGPU ระดับสูง
    Intel ต้องเร่งพัฒนา Panther Lake รุ่น 10–12 คอร์เพื่อแข่งขัน

    https://wccftech.com/intel-core-ultra-7-366h-benchmarked-on-geekbench/
    📈 หลุดผลทดสอบบน Geekbench ของ Intel Core Ultra 7 366H (Panther Lake) Intel Core Ultra 7 366H (Panther Lake) ถูกทดสอบบน Geekbench เผยว่า iGPU แบบ Xe3 4 คอร์ ทำคะแนนสูงกว่า GTX 1050 Ti และ Radeon 840M แต่ยังตามหลัง Radeon 860M อยู่ราว 40% Core Ultra 7 366H ใช้สถาปัตยกรรม Panther Lake มี 16 คอร์ (4 Performance + 8 Efficient + 4 LP-E) ความเร็วสูงสุด 4.8 GHz พร้อมแคช L3 ขนาด 18 MB ถือเป็นรุ่นที่เน้นตลาดโน้ตบุ๊กระดับกลาง โดยยังคงใช้พลังงาน TDP 25W (Turbo 65–80W) 🎮 iGPU Xe3 4 คอร์ เทียบกับคู่แข่ง ผลทดสอบ Geekbench Vulkan แสดงว่า iGPU ทำคะแนน 22,813 ซึ่งสูงกว่า GTX 1050 Ti (21,937) และ Radeon 840M (18,060) แต่ยังตามหลัง Radeon 860M (37,552) อยู่มาก จุดนี้สะท้อนว่า iGPU ของ Intel รุ่นนี้เหมาะกับงานกราฟิกทั่วไปและเกมเบา ๆ แต่ยังไม่สามารถแข่งขันกับ iGPU ระดับสูงของ AMD ได้ 🖥️ ตำแหน่งในตลาด Core Ultra 7 366H ถูกวางไว้สำหรับ โน้ตบุ๊ก mainstream ที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและราคา โดยรุ่นที่มี iGPU 10–12 คอร์ในตระกูล Panther Lake ได้แสดงผลลัพธ์ใกล้เคียง RTX 3050 แล้ว ทำให้รุ่น 366H เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในกลุ่มกลาง แต่ไม่ใช่ตัวท็อปสำหรับงานกราฟิกหนัก ⚠️ แนวโน้มและการแข่งขัน แม้ Intel จะพัฒนา iGPU ให้ดีขึ้น แต่ตลาดโน้ตบุ๊กงบกลางยังคงถูกครองโดย AMD ที่มี iGPU แรงกว่าในซีรีส์ Ryzen AI 7 และ Krackan Point การแข่งขันในปี 2026 จะขึ้นอยู่กับว่า Intel สามารถผลักดัน Panther Lake รุ่นสูงให้เข้าถึงตลาดได้เร็วแค่ไหน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Core Ultra 7 366H ใช้สถาปัตยกรรม Panther Lake ➡️ 16 คอร์, 4.8 GHz, L3 18 MB, TDP 25W ✅ iGPU Xe3 4 คอร์ทำคะแนน 22,813 บน Geekbench Vulkan ➡️ สูงกว่า GTX 1050 Ti และ Radeon 840M ✅ เหมาะกับโน้ตบุ๊ก mainstream ➡️ สมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ แต่ไม่ใช่ตัวท็อป ‼️ ยังตามหลัง Radeon 860M อยู่ราว 40% ⛔ ไม่เหมาะกับงานกราฟิกหนักหรือเกม AAA ที่ต้องการพลังสูง ‼️ AMD ยังคงครองตลาด iGPU ระดับสูง ⛔ Intel ต้องเร่งพัฒนา Panther Lake รุ่น 10–12 คอร์เพื่อแข่งขัน https://wccftech.com/intel-core-ultra-7-366h-benchmarked-on-geekbench/
    WCCFTECH.COM
    Intel Core Ultra 7 366H Leaked iGPU Geekbench Benchmark Reveals 26% Higher Score Vs Radeon 840M
    Intel Panther Lake Core Ultra 7 366H was benchmarked in Geekbench Vulkan test and showed good performance uplift over Radeon 840M.
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • Lisuan 7G106: GPU จีนรุ่นใหม่ อาจจะรองรับ Windows on ARM (WoA) เป็นเจ้าแรก

    บริษัทจีนชื่อ Lisuan เตรียมเปิดตัวการ์ดจอ 7G106 (6nm) ที่อาจเป็น GPU ตัวแรกของโลกที่รองรับ Windows on ARM (WoA) ก่อนทั้ง NVIDIA และ AMD โดยจับคู่กับซีพียู ARMv9 ของจีน และอยู่ระหว่างการผลิตเพื่อวางขายในไตรมาสแรกปี 2026

    Lisuan เปิดเผยว่า 7G106 Gaming GPU ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC N6 (6nm) มีหน่วยความจำ 12GB GDDR6 บัส 192-bit รองรับ PCIe 4.0 x16 และใช้พลังงานสูงสุด 225W จุดเด่นคือการออกแบบเพื่อแข่งขันกับ NVIDIA GeForce RTX 60-series โดยมีจำนวน 192 TMUs และ 96 ROPs

    รองรับ Windows on ARM เป็นครั้งแรก
    สิ่งที่ทำให้ 7G106 น่าสนใจคือการถูกทดสอบร่วมกับซีพียู ARMv9 CP8180 (12 คอร์, 3.2 GHz) และสามารถรัน Windows on ARM ได้จริง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ GPU แบบ discrete รองรับ WoA ซึ่งปกติถูกจำกัดอยู่ในโน้ตบุ๊กที่ใช้ Snapdragon X Elite เท่านั้น

    ความท้าทายด้านการผลิต
    แม้จะใช้เทคโนโลยี TSMC N6 แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปไปจีน ทำให้ Lisuan อาจต้องหันไปใช้ SMIC 6nm ในอนาคต การเปลี่ยนแหล่งผลิตอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและต้นทุน แต่ Lisuan ยืนยันว่ากำลังเข้าสู่การผลิตจำนวนมากแล้ว

    ผลกระทบต่อการแข่งขัน GPU โลก
    การที่ Lisuanสามารถเปิดตัว GPU ที่รองรับ WoA ก่อน NVIDIA และ AMD อาจทำให้ตลาด ARM-based PC ในจีนเติบโตเร็วขึ้น และสร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตตะวันตกต้องเร่งพัฒนาไดรเวอร์สำหรับ WoA หาก Lisuanทำสำเร็จ จะเป็นการเปลี่ยนเกมในตลาดที่ ARM กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Lisuan 7G106 GPU ผลิตบน TSMC N6
    12GB GDDR6, PCIe 4.0, 225W TDP

    รองรับ Windows on ARM เป็นครั้งแรก
    ทดสอบกับซีพียู ARMv9 CP8180 และ WoA desktop environment

    กำลังเข้าสู่การผลิตจำนวนมาก
    คาดเปิดตัวในไตรมาสแรกปี 2026

    ข้อจำกัดด้านการผลิตจาก TSMC
    อาจต้องเปลี่ยนไปใช้ SMIC 6nm ในอนาคต

    NVIDIA และ AMD ยังไม่รองรับ WoA บน dGPU
    Lisuanอาจได้เปรียบในตลาด ARM-based PC

    https://wccftech.com/the-first-gpu-to-support-windows-on-arm-may-not-come-from-nvidia-or-amd-but-from-china-lisuan/
    🇨🇳 Lisuan 7G106: GPU จีนรุ่นใหม่ อาจจะรองรับ Windows on ARM (WoA) เป็นเจ้าแรก บริษัทจีนชื่อ Lisuan เตรียมเปิดตัวการ์ดจอ 7G106 (6nm) ที่อาจเป็น GPU ตัวแรกของโลกที่รองรับ Windows on ARM (WoA) ก่อนทั้ง NVIDIA และ AMD โดยจับคู่กับซีพียู ARMv9 ของจีน และอยู่ระหว่างการผลิตเพื่อวางขายในไตรมาสแรกปี 2026 Lisuan เปิดเผยว่า 7G106 Gaming GPU ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC N6 (6nm) มีหน่วยความจำ 12GB GDDR6 บัส 192-bit รองรับ PCIe 4.0 x16 และใช้พลังงานสูงสุด 225W จุดเด่นคือการออกแบบเพื่อแข่งขันกับ NVIDIA GeForce RTX 60-series โดยมีจำนวน 192 TMUs และ 96 ROPs 🐧 รองรับ Windows on ARM เป็นครั้งแรก สิ่งที่ทำให้ 7G106 น่าสนใจคือการถูกทดสอบร่วมกับซีพียู ARMv9 CP8180 (12 คอร์, 3.2 GHz) และสามารถรัน Windows on ARM ได้จริง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ GPU แบบ discrete รองรับ WoA ซึ่งปกติถูกจำกัดอยู่ในโน้ตบุ๊กที่ใช้ Snapdragon X Elite เท่านั้น 🔋 ความท้าทายด้านการผลิต แม้จะใช้เทคโนโลยี TSMC N6 แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านการส่งออกชิปไปจีน ทำให้ Lisuan อาจต้องหันไปใช้ SMIC 6nm ในอนาคต การเปลี่ยนแหล่งผลิตอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและต้นทุน แต่ Lisuan ยืนยันว่ากำลังเข้าสู่การผลิตจำนวนมากแล้ว ⚠️ ผลกระทบต่อการแข่งขัน GPU โลก การที่ Lisuanสามารถเปิดตัว GPU ที่รองรับ WoA ก่อน NVIDIA และ AMD อาจทำให้ตลาด ARM-based PC ในจีนเติบโตเร็วขึ้น และสร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตตะวันตกต้องเร่งพัฒนาไดรเวอร์สำหรับ WoA หาก Lisuanทำสำเร็จ จะเป็นการเปลี่ยนเกมในตลาดที่ ARM กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Lisuan 7G106 GPU ผลิตบน TSMC N6 ➡️ 12GB GDDR6, PCIe 4.0, 225W TDP ✅ รองรับ Windows on ARM เป็นครั้งแรก ➡️ ทดสอบกับซีพียู ARMv9 CP8180 และ WoA desktop environment ✅ กำลังเข้าสู่การผลิตจำนวนมาก ➡️ คาดเปิดตัวในไตรมาสแรกปี 2026 ‼️ ข้อจำกัดด้านการผลิตจาก TSMC ⛔ อาจต้องเปลี่ยนไปใช้ SMIC 6nm ในอนาคต ‼️ NVIDIA และ AMD ยังไม่รองรับ WoA บน dGPU ⛔ Lisuanอาจได้เปรียบในตลาด ARM-based PC https://wccftech.com/the-first-gpu-to-support-windows-on-arm-may-not-come-from-nvidia-or-amd-but-from-china-lisuan/
    WCCFTECH.COM
    The First Discrete GPU to Support “Windows on ARM” May Not Come From NVIDIA or AMD, but From China’s Lisuan
    Lisuan is expected to introduce its 7G106 gaming GPU soon, and it is reported to feature support for 'Windows on ARM' platform.
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • EPYC Embedded Venice (Zen 6)

    AMD เตรียมเปิดตัวซีรีส์ EPYC Embedded 9006 Venice ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC 2nm โดยรุ่น Embedded จะมีสูงสุด 96 คอร์ พร้อมรองรับ PCIe Gen6 และ DDR5/MRDIMM ถือเป็นรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพสูงสำหรับงานที่ต้องการพลังการประมวลผลมาก เช่น Data center ขนาดเล็ก, Edge computing และระบบ AI inference

    EPYC Embedded Fire Range (Zen 5)
    ซีรีส์ Fire Range Embedded 2005 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 สูงสุด 16 คอร์ รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5-5600 โดยใช้ die เดียวกับ Ryzen 9000HX ทำให้เหมาะกับงาน Networking, Storage และ Industrial platforms จุดเด่นคือการนำชิปเดสก์ท็อปมาใช้ใหม่ในตลาด Embedded เพื่อคุมต้นทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง

    EPYC Embedded Annapurna
    ตระกูล Annapurna ถูกออกแบบมาเพื่อ Network Control planes โดยเน้น ประสิทธิภาพต่อวัตต์และต่อราคา (perf/Watt, perf/$) เหมาะสำหรับ Switches, Routers, Security appliances และ Optical transport แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม แต่ชัดเจนว่าเป็นรุ่นที่เน้นการใช้งานในระบบเครือข่ายที่ต้องการความเสถียรและต้นทุนต่ำ

    แนวโน้มและการเปิดตัว
    AMD คาดว่าจะเปิดตัวไลน์อัพเหล่านี้ในช่วง ปี 2026–2027 เพื่อขยายตลาด Embedded ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเป็นคู่แข่งสำคัญกับ Intel และ ARM-based solutions ในตลาดที่ต้องการทั้ง พลังการประมวลผลและการประหยัดพลังงาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    EPYC Embedded Venice (Zen 6)
    สูงสุด 96 คอร์, PCIe Gen6, DDR5/MRDIMM, ผลิตบน TSMC 2nm

    EPYC Embedded Fire Range (Zen 5)
    สูงสุด 16 คอร์, PCIe Gen5, DDR5-5600, ใช้ die จาก Ryzen 9000HX

    EPYC Embedded Annapurna
    เน้น perf/Watt และ perf/$ สำหรับ Switches, Routers และ Security appliances

    ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม Annapurna
    ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก AMD

    การเปิดตัวจริงคาดในปี 2026–2027
    ตลาด Embedded จะเป็นสมรภูมิแข่งขันใหม่กับ Intel และ ARM

    https://wccftech.com/amd-epyc-9006-embedded-venice-cpus-96-zen-6-cores-embedded-2005-fire-range-annapurna/
    🖥️ EPYC Embedded Venice (Zen 6) AMD เตรียมเปิดตัวซีรีส์ EPYC Embedded 9006 Venice ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC 2nm โดยรุ่น Embedded จะมีสูงสุด 96 คอร์ พร้อมรองรับ PCIe Gen6 และ DDR5/MRDIMM ถือเป็นรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพสูงสำหรับงานที่ต้องการพลังการประมวลผลมาก เช่น Data center ขนาดเล็ก, Edge computing และระบบ AI inference 🔥 EPYC Embedded Fire Range (Zen 5) ซีรีส์ Fire Range Embedded 2005 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 สูงสุด 16 คอร์ รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5-5600 โดยใช้ die เดียวกับ Ryzen 9000HX ทำให้เหมาะกับงาน Networking, Storage และ Industrial platforms จุดเด่นคือการนำชิปเดสก์ท็อปมาใช้ใหม่ในตลาด Embedded เพื่อคุมต้นทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง 🌐 EPYC Embedded Annapurna ตระกูล Annapurna ถูกออกแบบมาเพื่อ Network Control planes โดยเน้น ประสิทธิภาพต่อวัตต์และต่อราคา (perf/Watt, perf/$) เหมาะสำหรับ Switches, Routers, Security appliances และ Optical transport แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม แต่ชัดเจนว่าเป็นรุ่นที่เน้นการใช้งานในระบบเครือข่ายที่ต้องการความเสถียรและต้นทุนต่ำ ⚠️ แนวโน้มและการเปิดตัว AMD คาดว่าจะเปิดตัวไลน์อัพเหล่านี้ในช่วง ปี 2026–2027 เพื่อขยายตลาด Embedded ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเป็นคู่แข่งสำคัญกับ Intel และ ARM-based solutions ในตลาดที่ต้องการทั้ง พลังการประมวลผลและการประหยัดพลังงาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ EPYC Embedded Venice (Zen 6) ➡️ สูงสุด 96 คอร์, PCIe Gen6, DDR5/MRDIMM, ผลิตบน TSMC 2nm ✅ EPYC Embedded Fire Range (Zen 5) ➡️ สูงสุด 16 คอร์, PCIe Gen5, DDR5-5600, ใช้ die จาก Ryzen 9000HX ✅ EPYC Embedded Annapurna ➡️ เน้น perf/Watt และ perf/$ สำหรับ Switches, Routers และ Security appliances ‼️ ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม Annapurna ⛔ ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก AMD ‼️ การเปิดตัวจริงคาดในปี 2026–2027 ⛔ ตลาด Embedded จะเป็นสมรภูมิแข่งขันใหม่กับ Intel และ ARM https://wccftech.com/amd-epyc-9006-embedded-venice-cpus-96-zen-6-cores-embedded-2005-fire-range-annapurna/
    WCCFTECH.COM
    AMD EPYC "9006" Embedded Venice CPUs Rock Up To 96 "Zen 6" Cores & PCIe Gen6, EPYC Embedded 2005 "Fire Range" & Annapurna Families Confirmed Too
    AMD is preparing a range of EPYC Embedded family, such as Venice "Zen 6" series, Fire Range "Zen 5" series & Annapurna lineups.
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • OCuLink: ทางเลือกใหม่แทน Thunderbolt

    ผู้ใช้ Framework 16 Laptop รายหนึ่งได้ดัดแปลงเครื่องให้มี พอร์ต OCuLink PCIe 4.0 x8 เพื่อเชื่อมต่อ GPU ภายนอกโดยตรง ผลคือได้ประสิทธิภาพสูงกว่า Thunderbolt อย่างชัดเจน และถือเป็นการเปิดทางใหม่ให้กับการอัปเกรดโน้ตบุ๊กสำหรับเกมเมอร์และสาย DIY

    Thunderbolt แม้จะสะดวก แต่มีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพเพราะต้องห่อหุ้มสัญญาณ PCIe ทำให้สูญเสียแบนด์วิดท์และเพิ่มความหน่วง ขณะที่ OCuLink เป็นการเชื่อมต่อ PCIe โดยตรง จึงให้ประสิทธิภาพเต็มที่โดยไม่ต้องผ่านการแปลงสัญญาณ แต่ข้อเสียคือไม่รองรับการเสียบ-ถอดร้อน และไม่มีการส่งข้อมูล USB/เสียง/วิดีโอรวมในสายเดียว

    การดัดแปลง Framework 16
    นักดัดแปลงชื่อ Filip (Terrails บน GitHub) ได้สร้างโมดูลเชื่อมต่อจาก PCIe x8 expansion bay ของ Framework 16 ไปยังพอร์ต OCuLink โดยใช้บอร์ดแปลงแบบ passive ผลคือสามารถเชื่อมต่อกับ GPU Desktop-class เช่น RTX 4070 ได้โดยตรง และเล่นเกมด้วยประสิทธิภาพใกล้เคียงเครื่อง PC จริง

    ผลลัพธ์และการสนับสนุนจากชุมชน
    หลังจากแก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์และสัญญาณ Filip รายงานว่า สามารถรันเกมได้จริงที่ PCIe 4.0 x8 Framework เองก็เข้ามาช่วยเหลือ โดยทีมพัฒนาได้อัปเดตเครื่องมือเฟิร์มแวร์เพื่อสนับสนุนการใช้งานนี้ ทำให้โครงการไม่ใช่แค่การทดลอง แต่มีแนวโน้มจะถูกนำไปใช้จริงในชุมชนผู้ใช้ Framework

    ข้อจำกัดและอนาคต
    แม้ OCuLink จะให้ประสิทธิภาพสูง แต่ยังคงเป็น มาตรฐานที่ถูกยกเลิกตั้งแต่ปี 2021 และถูกแทนที่ด้วย CopprLink ที่ไม่เข้ากันย้อนหลัง ทำให้การใช้งานยังคงเป็น niche สำหรับผู้ใช้สาย DIY อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิต Mini-PC และเครื่องเกมพกพาหลายราย เช่น Ayaneo และ OneXPlayer เริ่มใส่พอร์ต OCuLink มาแล้ว ซึ่งอาจทำให้มันกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Framework 16 ถูกดัดแปลงเพิ่มพอร์ต OCuLink PCIe 4.0 x8
    เชื่อมต่อ GPU ภายนอกได้เต็มประสิทธิภาพ

    ผลทดสอบยืนยันเล่นเกมได้จริง
    ใช้ RTX 4070 รันเกมที่แบนด์วิดท์สูง

    Framework สนับสนุนการพัฒนา
    ทีมงานอัปเดตเครื่องมือเฟิร์มแวร์ช่วยชุมชน DIY

    OCuLink ถูกยกเลิกมาตรฐานแล้ว
    ถูกแทนที่ด้วย CopprLink ที่ไม่เข้ากันย้อนหลัง

    ข้อจำกัดด้านการใช้งาน
    ไม่รองรับ hot-plug และไม่มีการส่งข้อมูล USB/เสียง/วิดีโอ

    https://www.tomshardware.com/laptops/enthusiast-adds-oculink-port-to-framework-16-laptop-offering-pcie-4-0-x8-bandwidth-for-big-gpu-performance-gains
    🔌 OCuLink: ทางเลือกใหม่แทน Thunderbolt ผู้ใช้ Framework 16 Laptop รายหนึ่งได้ดัดแปลงเครื่องให้มี พอร์ต OCuLink PCIe 4.0 x8 เพื่อเชื่อมต่อ GPU ภายนอกโดยตรง ผลคือได้ประสิทธิภาพสูงกว่า Thunderbolt อย่างชัดเจน และถือเป็นการเปิดทางใหม่ให้กับการอัปเกรดโน้ตบุ๊กสำหรับเกมเมอร์และสาย DIY Thunderbolt แม้จะสะดวก แต่มีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพเพราะต้องห่อหุ้มสัญญาณ PCIe ทำให้สูญเสียแบนด์วิดท์และเพิ่มความหน่วง ขณะที่ OCuLink เป็นการเชื่อมต่อ PCIe โดยตรง จึงให้ประสิทธิภาพเต็มที่โดยไม่ต้องผ่านการแปลงสัญญาณ แต่ข้อเสียคือไม่รองรับการเสียบ-ถอดร้อน และไม่มีการส่งข้อมูล USB/เสียง/วิดีโอรวมในสายเดียว 🛠️ การดัดแปลง Framework 16 นักดัดแปลงชื่อ Filip (Terrails บน GitHub) ได้สร้างโมดูลเชื่อมต่อจาก PCIe x8 expansion bay ของ Framework 16 ไปยังพอร์ต OCuLink โดยใช้บอร์ดแปลงแบบ passive ผลคือสามารถเชื่อมต่อกับ GPU Desktop-class เช่น RTX 4070 ได้โดยตรง และเล่นเกมด้วยประสิทธิภาพใกล้เคียงเครื่อง PC จริง 🎮 ผลลัพธ์และการสนับสนุนจากชุมชน หลังจากแก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์และสัญญาณ Filip รายงานว่า สามารถรันเกมได้จริงที่ PCIe 4.0 x8 Framework เองก็เข้ามาช่วยเหลือ โดยทีมพัฒนาได้อัปเดตเครื่องมือเฟิร์มแวร์เพื่อสนับสนุนการใช้งานนี้ ทำให้โครงการไม่ใช่แค่การทดลอง แต่มีแนวโน้มจะถูกนำไปใช้จริงในชุมชนผู้ใช้ Framework ⚠️ ข้อจำกัดและอนาคต แม้ OCuLink จะให้ประสิทธิภาพสูง แต่ยังคงเป็น มาตรฐานที่ถูกยกเลิกตั้งแต่ปี 2021 และถูกแทนที่ด้วย CopprLink ที่ไม่เข้ากันย้อนหลัง ทำให้การใช้งานยังคงเป็น niche สำหรับผู้ใช้สาย DIY อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิต Mini-PC และเครื่องเกมพกพาหลายราย เช่น Ayaneo และ OneXPlayer เริ่มใส่พอร์ต OCuLink มาแล้ว ซึ่งอาจทำให้มันกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Framework 16 ถูกดัดแปลงเพิ่มพอร์ต OCuLink PCIe 4.0 x8 ➡️ เชื่อมต่อ GPU ภายนอกได้เต็มประสิทธิภาพ ✅ ผลทดสอบยืนยันเล่นเกมได้จริง ➡️ ใช้ RTX 4070 รันเกมที่แบนด์วิดท์สูง ✅ Framework สนับสนุนการพัฒนา ➡️ ทีมงานอัปเดตเครื่องมือเฟิร์มแวร์ช่วยชุมชน DIY ‼️ OCuLink ถูกยกเลิกมาตรฐานแล้ว ⛔ ถูกแทนที่ด้วย CopprLink ที่ไม่เข้ากันย้อนหลัง ‼️ ข้อจำกัดด้านการใช้งาน ⛔ ไม่รองรับ hot-plug และไม่มีการส่งข้อมูล USB/เสียง/วิดีโอ https://www.tomshardware.com/laptops/enthusiast-adds-oculink-port-to-framework-16-laptop-offering-pcie-4-0-x8-bandwidth-for-big-gpu-performance-gains
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Enthusiast adds OCuLink port to Framework 16 Laptop — offering PCIe 4.0 x8 bandwidth for big GPU performance gains
    Unlike Thunderbolt, OCuLink offers full PCI Express performance for no-compromise PC gaming on a docked mobile device.
    0 Comments 0 Shares 108 Views 0 Reviews
  • “วิกฤติหน่วยความจำ – ผู้ผลิตพีซีเตรียมขึ้นราคาสินค้าใหม่”

    ผู้ผลิตพีซีรายใหญ่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำ DRAM และ SSD เนื่องจากซัพพลายเออร์อย่าง Samsung และ SK hynix หันไปผลิตหน่วยความจำสำหรับงาน AI เช่น HBM และ LPDDR ทำให้สินค้าสำหรับผู้บริโภคถูกลดการจัดสรรลงอย่างมาก ผลคือผู้ผลิตพีซีต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นและไม่สามารถรักษาราคาเดิมได้

    รายงานจาก ZDNet Korea ระบุว่าผู้ผลิตพีซีจะต้องปรับราคาสินค้าใหม่ขึ้นอย่างน้อย 20% ในปี 2026 และยุติการผลิตสินค้ารุ่นเก่า เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะส่วนประกอบหลักอย่าง CPU, แบตเตอรี่ และ SSD ที่มีราคาสูงขึ้นพร้อมกัน

    นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการผลิตเกิน (oversupply) หากผู้ผลิต DRAM เพิ่มกำลังผลิตมากเกินไปในอนาคต ซึ่งอาจทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะผันผวน แต่ในระยะสั้นแนวโน้มยังคงเป็นการขาดแคลนและราคาสูงขึ้น โดยนักวิเคราะห์เตือนว่าการประกอบพีซีในปี 2026 จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปัจจุบันอย่างชัดเจน

    ผู้บริโภคและนักเล่นเกมจึงต้องเตรียมรับมือกับราคาที่สูงขึ้นทั้งในส่วนของโน้ตบุ๊กและการ์ดจอ ซึ่งสอดคล้องกับข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าราคา GPU ก็มีแนวโน้มพุ่งขึ้นจากความต้องการในตลาด AI เช่นกัน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    สถานการณ์ปัจจุบัน
    DRAM และ SSD ขาดแคลนเพราะผู้ผลิตหันไปทำตลาด AI
    ผู้ผลิตพีซีแบกรับต้นทุนสูงขึ้น
    ราคาสินค้าผู้บริโภคเริ่มปรับตัวสูงขึ้น

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาพีซีและโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% ในปี 2026
    สินค้ารุ่นเก่าจะถูกยุติการผลิต
    การประกอบพีซีจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปัจจุบัน

    ความเสี่ยงในตลาด
    Oversupply หากผู้ผลิต DRAM เพิ่มกำลังผลิตมากเกินไป
    ความผันผวนของราคาในอนาคต
    ผู้บริโภคและนักเล่นเกมอาจต้องจ่ายแพงขึ้นทั้งพีซีและ GPU

    https://wccftech.com/pc-manufacturers-are-helpless-with-memory-shortages/
    💾 “วิกฤติหน่วยความจำ – ผู้ผลิตพีซีเตรียมขึ้นราคาสินค้าใหม่” ผู้ผลิตพีซีรายใหญ่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนหน่วยความจำ DRAM และ SSD เนื่องจากซัพพลายเออร์อย่าง Samsung และ SK hynix หันไปผลิตหน่วยความจำสำหรับงาน AI เช่น HBM และ LPDDR ทำให้สินค้าสำหรับผู้บริโภคถูกลดการจัดสรรลงอย่างมาก ผลคือผู้ผลิตพีซีต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นและไม่สามารถรักษาราคาเดิมได้ รายงานจาก ZDNet Korea ระบุว่าผู้ผลิตพีซีจะต้องปรับราคาสินค้าใหม่ขึ้นอย่างน้อย 20% ในปี 2026 และยุติการผลิตสินค้ารุ่นเก่า เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะส่วนประกอบหลักอย่าง CPU, แบตเตอรี่ และ SSD ที่มีราคาสูงขึ้นพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการผลิตเกิน (oversupply) หากผู้ผลิต DRAM เพิ่มกำลังผลิตมากเกินไปในอนาคต ซึ่งอาจทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะผันผวน แต่ในระยะสั้นแนวโน้มยังคงเป็นการขาดแคลนและราคาสูงขึ้น โดยนักวิเคราะห์เตือนว่าการประกอบพีซีในปี 2026 จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปัจจุบันอย่างชัดเจน ผู้บริโภคและนักเล่นเกมจึงต้องเตรียมรับมือกับราคาที่สูงขึ้นทั้งในส่วนของโน้ตบุ๊กและการ์ดจอ ซึ่งสอดคล้องกับข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าราคา GPU ก็มีแนวโน้มพุ่งขึ้นจากความต้องการในตลาด AI เช่นกัน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ สถานการณ์ปัจจุบัน ➡️ DRAM และ SSD ขาดแคลนเพราะผู้ผลิตหันไปทำตลาด AI ➡️ ผู้ผลิตพีซีแบกรับต้นทุนสูงขึ้น ➡️ ราคาสินค้าผู้บริโภคเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาพีซีและโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% ในปี 2026 ➡️ สินค้ารุ่นเก่าจะถูกยุติการผลิต ➡️ การประกอบพีซีจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปัจจุบัน ‼️ ความเสี่ยงในตลาด ⛔ Oversupply หากผู้ผลิต DRAM เพิ่มกำลังผลิตมากเกินไป ⛔ ความผันผวนของราคาในอนาคต ⛔ ผู้บริโภคและนักเล่นเกมอาจต้องจ่ายแพงขึ้นทั้งพีซีและ GPU https://wccftech.com/pc-manufacturers-are-helpless-with-memory-shortages/
    WCCFTECH.COM
    “PC Manufacturers Are Helpless With Memory Shortages,” as a Supply Chain Source Claims That Newer Products Will Be Much More Expensive
    The PC supply chain has begun to react to the memory shortage, as a new report indicates a massive price hike wave is approaching gamers.
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • “Elon Musk สร้างเมืองบริษัทใหม่ พร้อมศูนย์วิทยาศาสตร์และยิม”

    Elon Musk กำลังสร้างเมืองบริษัทแห่งใหม่ใน Bastrop County รัฐเท็กซัส ชื่อว่า Snailbrook ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Boring Company, X และโรงงาน SpaceX โดยล่าสุดมีแผนเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ศูนย์วิทยาศาสตร์, ยิม, บ้านพักพนักงานกว่า 20 หลัง และพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ เพื่อให้เมืองนี้กลายเป็นชุมชนเต็มรูปแบบสำหรับพนักงานและครอบครัว

    แม้จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่น แต่การก่อสร้างก็มีข้อถกเถียง เช่น การละเมิดกฎการจัดการน้ำเสียที่ทำให้ Boring Company ถูกปรับ และการเจรจาลดภาษีที่บางครั้งสร้างความตึงเครียดกับเจ้าหน้าที่เมือง Bastrop อย่างไรก็ตาม Musk และทีมยังคงผลักดันโครงการ โดยเสนอสร้างสนามฟุตบอลชุมชนและเครือข่ายอุโมงค์คนเดินเพื่อเชื่อมเมืองกับแม่น้ำ Colorado

    ชาวบ้านบางส่วนยินดีต่อสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ เช่น ร้านค้า, ผับ, สนามเด็กเล่น และบริการต่าง ๆ ที่ทำให้พื้นที่ชนบทมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่ก็มีเสียงกังวลว่าการเติบโตเร็วเกินไปอาจกระทบสิ่งแวดล้อม เช่น การเพิ่มขึ้นของน้ำเสียที่ทำให้เกิดสาหร่ายในแม่น้ำ Colorado และการขาดแผนอนุรักษ์พื้นที่ธรรมชาติ

    โครงการนี้สะท้อนแนวทางของ Musk ที่หากกฎระเบียบไม่เอื้อ เขาจะสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาเอง ดังเช่นที่เคยทำกับ Starbase เมืองรอบฐานยิงจรวด SpaceX ใน Boca Chica, Texas ซึ่งเป็นตัวอย่างของการสร้าง “เมืองบริษัท” ที่มีระบบกฎหมายและโครงสร้างพื้นฐานเฉพาะตัว

    สรุปเป็นหัวข้อ
    สิ่งที่ Musk กำลังสร้างใน Snailbrook
    ศูนย์วิทยาศาสตร์และยิม
    บ้านพักพนักงานกว่า 20 หลัง
    สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ร้านค้า, ผับ, สนามเด็กเล่น

    ข้อเสนอเพิ่มเติมเพื่อชุมชน
    สนามฟุตบอลชุมชน
    เครือข่ายอุโมงค์คนเดินเชื่อมเมืองกับแม่น้ำ Colorado

    ข้อถกเถียงและความเสี่ยง
    การละเมิดกฎน้ำเสียและถูกปรับ
    การเจรจาลดภาษีที่สร้างความตึงเครียดกับเจ้าหน้าที่
    ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม เช่น สาหร่ายในแม่น้ำ Colorado

    ตัวอย่างจากอดีต
    Starbase เมืองรอบฐานยิงจรวด SpaceX ใน Boca Chica
    แนวทาง “สร้างเมืองใหม่” หากกฎระเบียบไม่เอื้อ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/03/elon-musk-is-building-out-his-next-company-town-with-science-centre-gym
    🏗️ “Elon Musk สร้างเมืองบริษัทใหม่ พร้อมศูนย์วิทยาศาสตร์และยิม” Elon Musk กำลังสร้างเมืองบริษัทแห่งใหม่ใน Bastrop County รัฐเท็กซัส ชื่อว่า Snailbrook ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Boring Company, X และโรงงาน SpaceX โดยล่าสุดมีแผนเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ศูนย์วิทยาศาสตร์, ยิม, บ้านพักพนักงานกว่า 20 หลัง และพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ เพื่อให้เมืองนี้กลายเป็นชุมชนเต็มรูปแบบสำหรับพนักงานและครอบครัว แม้จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่น แต่การก่อสร้างก็มีข้อถกเถียง เช่น การละเมิดกฎการจัดการน้ำเสียที่ทำให้ Boring Company ถูกปรับ และการเจรจาลดภาษีที่บางครั้งสร้างความตึงเครียดกับเจ้าหน้าที่เมือง Bastrop อย่างไรก็ตาม Musk และทีมยังคงผลักดันโครงการ โดยเสนอสร้างสนามฟุตบอลชุมชนและเครือข่ายอุโมงค์คนเดินเพื่อเชื่อมเมืองกับแม่น้ำ Colorado ชาวบ้านบางส่วนยินดีต่อสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ เช่น ร้านค้า, ผับ, สนามเด็กเล่น และบริการต่าง ๆ ที่ทำให้พื้นที่ชนบทมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่ก็มีเสียงกังวลว่าการเติบโตเร็วเกินไปอาจกระทบสิ่งแวดล้อม เช่น การเพิ่มขึ้นของน้ำเสียที่ทำให้เกิดสาหร่ายในแม่น้ำ Colorado และการขาดแผนอนุรักษ์พื้นที่ธรรมชาติ โครงการนี้สะท้อนแนวทางของ Musk ที่หากกฎระเบียบไม่เอื้อ เขาจะสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาเอง ดังเช่นที่เคยทำกับ Starbase เมืองรอบฐานยิงจรวด SpaceX ใน Boca Chica, Texas ซึ่งเป็นตัวอย่างของการสร้าง “เมืองบริษัท” ที่มีระบบกฎหมายและโครงสร้างพื้นฐานเฉพาะตัว 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ สิ่งที่ Musk กำลังสร้างใน Snailbrook ➡️ ศูนย์วิทยาศาสตร์และยิม ➡️ บ้านพักพนักงานกว่า 20 หลัง ➡️ สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ร้านค้า, ผับ, สนามเด็กเล่น ✅ ข้อเสนอเพิ่มเติมเพื่อชุมชน ➡️ สนามฟุตบอลชุมชน ➡️ เครือข่ายอุโมงค์คนเดินเชื่อมเมืองกับแม่น้ำ Colorado ‼️ ข้อถกเถียงและความเสี่ยง ⛔ การละเมิดกฎน้ำเสียและถูกปรับ ⛔ การเจรจาลดภาษีที่สร้างความตึงเครียดกับเจ้าหน้าที่ ⛔ ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม เช่น สาหร่ายในแม่น้ำ Colorado ✅ ตัวอย่างจากอดีต ➡️ Starbase เมืองรอบฐานยิงจรวด SpaceX ใน Boca Chica ➡️ แนวทาง “สร้างเมืองใหม่” หากกฎระเบียบไม่เอื้อ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/03/elon-musk-is-building-out-his-next-company-town-with-science-centre-gym
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Elon Musk is building out his next company town with science centre, gym
    Elon Musk, the richest person in the world, has already shown that when a city's rules won't bend to his will, he'll create a new city and new rules.
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • “ปี 2026 – มรดกวรรณกรรมและศิลปะเข้าสู่สาธารณสมบัติ”

    ทุกวันที่ 1 มกราคมของปีใหม่ จะมีผลงานจำนวนหนึ่งหมดอายุลิขสิทธิ์และเข้าสู่สาธารณสมบัติ ทำให้ทุกคนสามารถนำไปใช้ แบ่งปัน หรือดัดแปลงได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ปี 2026 ถือเป็นปีที่น่าสนใจ เพราะมีทั้งงานเขียนระดับโลก ภาพยนตร์ และงานดนตรีที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมสมัยใหม่

    ในสหรัฐอเมริกา ผลงานที่ตีพิมพ์ในปี 1930 จะเข้าสู่สาธารณสมบัติ เช่น ภาพยนตร์ All Quiet on the Western Front ที่สะท้อนความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และหนังสือ As I Lay Dying ของ William Faulkner ที่เป็นหนึ่งในงานเขียนสำคัญของวรรณกรรมอเมริกันสมัยใหม่ นอกจากนี้ยังมี The Maltese Falcon ของ Dashiell Hammett ที่กลายเป็นต้นแบบของนิยายสืบสวนแนว hard-boiled.

    ในยุโรปและประเทศที่ใช้กฎ “ชีวิตบวก 70 ปี” ผลงานของผู้ที่เสียชีวิตในปี 1955 จะเข้าสู่สาธารณสมบัติ เช่น งานของนักเขียนชื่อดังอย่าง Hannah Arendt และนักดนตรีแจ๊ส Charlie Parker ส่วนในประเทศที่ใช้กฎ “ชีวิตบวก 50 ปี” เช่น นิวซีแลนด์และหลายประเทศในเอเชีย ผลงานของผู้ที่เสียชีวิตในปี 1975 จะหมดอายุลิขสิทธิ์เช่นกัน.

    การเข้าสู่สาธารณสมบัติไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าถึงวรรณกรรมและศิลปะคลาสสิกได้ฟรี แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ เช่น การตีพิมพ์ฉบับใหม่ การดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ และการนำไปใช้ในงานวิชาการหรือการศึกษา ถือเป็นการคืนมรดกทางวัฒนธรรมให้กับสังคมโดยรวม.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ผลงานในสหรัฐอเมริกา (ตีพิมพ์ปี 1930)
    All Quiet on the Western Front (ภาพยนตร์)
    As I Lay Dying – William Faulkner
    The Maltese Falcon – Dashiell Hammett

    ผลงานในยุโรป (ชีวิตบวก 70 ปี)
    Hannah Arendt
    Charlie Parker
    T. S. Eliot – Ash Wednesday

    ผลงานในเอเชียและแอฟริกา (ชีวิตบวก 50 ปี)
    Saadat Hasan Manto
    Roger Mais
    Pierre Teilhard de Chardin

    ข้อควรระวัง
    กฎหมายลิขสิทธิ์แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
    บางผลงานอาจยังไม่เข้าสู่สาธารณสมบัติในบางภูมิภาค
    การนำไปใช้เชิงพาณิชย์ควรตรวจสอบข้อกฎหมายท้องถิ่นก่อน

    https://publicdomainreview.org/features/entering-the-public-domain/2026/
    📚 “ปี 2026 – มรดกวรรณกรรมและศิลปะเข้าสู่สาธารณสมบัติ” ทุกวันที่ 1 มกราคมของปีใหม่ จะมีผลงานจำนวนหนึ่งหมดอายุลิขสิทธิ์และเข้าสู่สาธารณสมบัติ ทำให้ทุกคนสามารถนำไปใช้ แบ่งปัน หรือดัดแปลงได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ปี 2026 ถือเป็นปีที่น่าสนใจ เพราะมีทั้งงานเขียนระดับโลก ภาพยนตร์ และงานดนตรีที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมสมัยใหม่ ในสหรัฐอเมริกา ผลงานที่ตีพิมพ์ในปี 1930 จะเข้าสู่สาธารณสมบัติ เช่น ภาพยนตร์ All Quiet on the Western Front ที่สะท้อนความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และหนังสือ As I Lay Dying ของ William Faulkner ที่เป็นหนึ่งในงานเขียนสำคัญของวรรณกรรมอเมริกันสมัยใหม่ นอกจากนี้ยังมี The Maltese Falcon ของ Dashiell Hammett ที่กลายเป็นต้นแบบของนิยายสืบสวนแนว hard-boiled. ในยุโรปและประเทศที่ใช้กฎ “ชีวิตบวก 70 ปี” ผลงานของผู้ที่เสียชีวิตในปี 1955 จะเข้าสู่สาธารณสมบัติ เช่น งานของนักเขียนชื่อดังอย่าง Hannah Arendt และนักดนตรีแจ๊ส Charlie Parker ส่วนในประเทศที่ใช้กฎ “ชีวิตบวก 50 ปี” เช่น นิวซีแลนด์และหลายประเทศในเอเชีย ผลงานของผู้ที่เสียชีวิตในปี 1975 จะหมดอายุลิขสิทธิ์เช่นกัน. การเข้าสู่สาธารณสมบัติไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าถึงวรรณกรรมและศิลปะคลาสสิกได้ฟรี แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ เช่น การตีพิมพ์ฉบับใหม่ การดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ และการนำไปใช้ในงานวิชาการหรือการศึกษา ถือเป็นการคืนมรดกทางวัฒนธรรมให้กับสังคมโดยรวม. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ผลงานในสหรัฐอเมริกา (ตีพิมพ์ปี 1930) ➡️ All Quiet on the Western Front (ภาพยนตร์) ➡️ As I Lay Dying – William Faulkner ➡️ The Maltese Falcon – Dashiell Hammett ✅ ผลงานในยุโรป (ชีวิตบวก 70 ปี) ➡️ Hannah Arendt ➡️ Charlie Parker ➡️ T. S. Eliot – Ash Wednesday ✅ ผลงานในเอเชียและแอฟริกา (ชีวิตบวก 50 ปี) ➡️ Saadat Hasan Manto ➡️ Roger Mais ➡️ Pierre Teilhard de Chardin ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ กฎหมายลิขสิทธิ์แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ⛔ บางผลงานอาจยังไม่เข้าสู่สาธารณสมบัติในบางภูมิภาค ⛔ การนำไปใช้เชิงพาณิชย์ควรตรวจสอบข้อกฎหมายท้องถิ่นก่อน https://publicdomainreview.org/features/entering-the-public-domain/2026/
    PUBLICDOMAINREVIEW.ORG
    What Will Enter the Public Domain in 2026?
    At the start of each year, on January 1st, a new crop of works enter the public domain. Find our highlights of what lies in store for 2026 here.
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • กลุ่มแรนซัมแวร์ Everest อ้างว่าได้เจาะระบบของ ASUS และขโมยข้อมูลกว่า 1TB

    Everest ซึ่งเป็นกลุ่มแรนซัมแวร์ที่เคยโจมตีองค์กรใหญ่หลายแห่ง ได้โพสต์บนเว็บไซต์ Dark Web ว่าพวกเขาได้เจาะระบบของ ASUS และได้ข้อมูลกว่า 1TB โดยเฉพาะซอร์สโค้ดที่เกี่ยวข้องกับกล้องในอุปกรณ์ของ ASUS เช่นโน้ตบุ๊กและสมาร์ทโฟน การอ้างนี้สร้างความกังวลอย่างมาก เนื่องจากซอร์สโค้ดดังกล่าวถือเป็นข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญต่อการพัฒนาและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

    คำขู่และการเรียกร้อง
    กลุ่ม Everest ระบุว่า ASUS ต้องติดต่อพวกเขาผ่าน Qtox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแชทเข้ารหัสภายในเวลา 21 ชั่วโมง แต่ไม่ได้เปิดเผยจำนวนเงินค่าไถ่ที่ต้องการ การโจมตีครั้งนี้คล้ายกับเหตุการณ์ก่อนหน้า ที่ Everest เคยอ้างว่าเจาะระบบของ Under Armour, Petrobras และ Iberia Airlines โดยขโมยข้อมูลผู้ใช้และเอกสารภายใน

    ความเสี่ยงและผลกระทบ
    หากข้อมูลที่ Everest อ้างว่าถูกขโมยเป็นจริง ผลกระทบอาจรวมถึง:
    การรั่วไหลของซอร์สโค้ดที่อาจถูกนำไปใช้สร้างมัลแวร์หรือช่องโหว่ใหม่
    ความเสียหายต่อชื่อเสียงของ ASUS ในฐานะผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ระดับโลก
    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ที่อาจถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ที่เปิดเผยจากซอร์สโค้ด

    ASUS ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันหรือปฏิเสธ ทำให้สถานการณ์ยังอยู่ในขั้นไม่แน่ชัด

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การอ้างการโจมตี
    Everest อ้างว่าเจาะระบบ ASUS และขโมยข้อมูลกว่า 1TB
    ข้อมูลรวมถึงซอร์สโค้ดที่เกี่ยวข้องกับกล้อง

    คำขู่และการเรียกร้อง
    ให้เวลา 21 ชั่วโมงในการติดต่อผ่าน Qtox
    ไม่เปิดเผยจำนวนเงินค่าไถ่

    เหตุการณ์ก่อนหน้า
    Everest เคยอ้างโจมตี Under Armour, Petrobras และ Iberia Airlines
    ขโมยข้อมูลผู้ใช้และเอกสารภายใน

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    ซอร์สโค้ดรั่วไหลอาจนำไปสู่ช่องโหว่ใหม่
    กระทบชื่อเสียงของ ASUS
    ผู้ใช้อาจเสี่ยงต่อการโจมตีเพิ่มเติม

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หากข้อมูลจริง ผู้ใช้ ASUS อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ใหม่
    องค์กรควรติดตามข่าวสารและอัปเดตระบบอย่างต่อเนื่อง
    การไม่ยืนยันหรือปฏิเสธจาก ASUS ทำให้สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน

    https://hackread.com/everest-ransomware-asus-breach-1tb-data/
    👥 กลุ่มแรนซัมแวร์ Everest อ้างว่าได้เจาะระบบของ ASUS และขโมยข้อมูลกว่า 1TB Everest ซึ่งเป็นกลุ่มแรนซัมแวร์ที่เคยโจมตีองค์กรใหญ่หลายแห่ง ได้โพสต์บนเว็บไซต์ Dark Web ว่าพวกเขาได้เจาะระบบของ ASUS และได้ข้อมูลกว่า 1TB โดยเฉพาะซอร์สโค้ดที่เกี่ยวข้องกับกล้องในอุปกรณ์ของ ASUS เช่นโน้ตบุ๊กและสมาร์ทโฟน การอ้างนี้สร้างความกังวลอย่างมาก เนื่องจากซอร์สโค้ดดังกล่าวถือเป็นข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญต่อการพัฒนาและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ⚠️ คำขู่และการเรียกร้อง กลุ่ม Everest ระบุว่า ASUS ต้องติดต่อพวกเขาผ่าน Qtox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแชทเข้ารหัสภายในเวลา 21 ชั่วโมง แต่ไม่ได้เปิดเผยจำนวนเงินค่าไถ่ที่ต้องการ การโจมตีครั้งนี้คล้ายกับเหตุการณ์ก่อนหน้า ที่ Everest เคยอ้างว่าเจาะระบบของ Under Armour, Petrobras และ Iberia Airlines โดยขโมยข้อมูลผู้ใช้และเอกสารภายใน 🔒 ความเสี่ยงและผลกระทบ หากข้อมูลที่ Everest อ้างว่าถูกขโมยเป็นจริง ผลกระทบอาจรวมถึง: 💠 การรั่วไหลของซอร์สโค้ดที่อาจถูกนำไปใช้สร้างมัลแวร์หรือช่องโหว่ใหม่ 💠 ความเสียหายต่อชื่อเสียงของ ASUS ในฐานะผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ระดับโลก 💠 ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ที่อาจถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ที่เปิดเผยจากซอร์สโค้ด ASUS ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันหรือปฏิเสธ ทำให้สถานการณ์ยังอยู่ในขั้นไม่แน่ชัด 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การอ้างการโจมตี ➡️ Everest อ้างว่าเจาะระบบ ASUS และขโมยข้อมูลกว่า 1TB ➡️ ข้อมูลรวมถึงซอร์สโค้ดที่เกี่ยวข้องกับกล้อง ✅ คำขู่และการเรียกร้อง ➡️ ให้เวลา 21 ชั่วโมงในการติดต่อผ่าน Qtox ➡️ ไม่เปิดเผยจำนวนเงินค่าไถ่ ✅ เหตุการณ์ก่อนหน้า ➡️ Everest เคยอ้างโจมตี Under Armour, Petrobras และ Iberia Airlines ➡️ ขโมยข้อมูลผู้ใช้และเอกสารภายใน ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ➡️ ซอร์สโค้ดรั่วไหลอาจนำไปสู่ช่องโหว่ใหม่ ➡️ กระทบชื่อเสียงของ ASUS ➡️ ผู้ใช้อาจเสี่ยงต่อการโจมตีเพิ่มเติม ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หากข้อมูลจริง ผู้ใช้ ASUS อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ใหม่ ⛔ องค์กรควรติดตามข่าวสารและอัปเดตระบบอย่างต่อเนื่อง ⛔ การไม่ยืนยันหรือปฏิเสธจาก ASUS ทำให้สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน https://hackread.com/everest-ransomware-asus-breach-1tb-data/
    HACKREAD.COM
    Everest Ransomware Claims ASUS Breach and 1TB Data Theft
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • Snapdragon X Plus บนโน้ตบุ๊กสร้างความผิดหวัง

    ผู้ใช้ ASUS Vivobook S15 ที่ใช้ Snapdragon X Plus เผยประสบการณ์เลวร้ายด้านซอฟต์แวร์ ทั้งบั๊ก การขาดการอัปเดต และปัญหาความเข้ากันได้ ทำให้ภาพลักษณ์ของ Qualcomm และพันธมิตร OEM ถูกตั้งคำถาม

    ผู้ใช้รายหนึ่งใน Reddit ได้แชร์ประสบการณ์กับ ASUS Vivobook S15 ที่ใช้ชิป Snapdragon X Plus โดยระบุว่าเครื่องเต็มไปด้วยบั๊กและไม่ได้รับการสนับสนุนซอฟต์แวร์ที่เพียงพอ แม้ตัวชิปจะมีสเปกที่น่าสนใจบนกระดาษ แต่การใช้งานจริงกลับไม่เสถียรและทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง

    ปัญหาที่พบ
    เจ้าของเครื่องระบุว่า SQL Server ไม่สามารถใช้งานได้ บนแพลตฟอร์มนี้ อีกทั้งยังมีปัญหาด้านไดรเวอร์และบั๊ก เช่น หน้าต่างกระพริบเป็นสีขาวเมื่อสลับโปรแกรม และเครื่องหน่วงแม้เพียงแค่ใช้งานบนหน้า Desktop การรีฟอร์แมต Windows ช่วยได้บ้าง แต่ไม่ใช่การแก้ไขถาวร

    การสนับสนุนที่ขาดหาย
    ASUS ไม่ได้ปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถูกละเลย ขณะที่ Qualcomm เองก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่ทำงานร่วมกับ OEM อย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหา ส่งผลให้ผู้ใช้ต้องหาทางแก้เองและบางรายถึงขั้นเปรียบเทียบว่า “ซื้อ MacBook ยังดีกว่า”

    ผลกระทบต่ออนาคต
    Qualcomm เตรียมเปิดตัว Snapdragon X2 Elite Extreme ในปีหน้า แต่หากไม่แก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์และการสนับสนุนร่วมกับพันธมิตร OEM ความเชื่อมั่นของผู้ใช้ก็อาจลดลง และเปิดโอกาสให้ Apple ครองตลาดโน้ตบุ๊กมากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    ผู้ใช้ ASUS Vivobook S15 ที่ใช้ Snapdragon X Plus เจอปัญหาหนัก
    บั๊ก หน้าต่างกระพริบ เครื่องหน่วงแม้ใช้งานทั่วไป

    SQL Server และซอฟต์แวร์บางตัวไม่รองรับ
    ทำให้ใช้งานด้านการเรียนและงานพัฒนาไม่ได้

    ASUS ไม่อัปเดตซอฟต์แวร์ตั้งแต่กลางปี 2025
    ผู้ใช้รู้สึกถูกละเลยและขาดการสนับสนุน

    Qualcomm ถูกวิจารณ์ว่าละเลยการทำงานร่วมกับ OEM
    ทำให้ผู้ใช้ต้องหาทางแก้เองและเสียความเชื่อมั่น

    หากไม่แก้ไข อนาคต Snapdragon X2 Elite อาจล้มเหลว
    เปิดทางให้ Apple ครองตลาดโน้ตบุ๊กมากขึ้น

    https://wccftech.com/snapdragon-x-plus-laptop-owner-describes-horrible-software-experience/
    💻 Snapdragon X Plus บนโน้ตบุ๊กสร้างความผิดหวัง ผู้ใช้ ASUS Vivobook S15 ที่ใช้ Snapdragon X Plus เผยประสบการณ์เลวร้ายด้านซอฟต์แวร์ ทั้งบั๊ก การขาดการอัปเดต และปัญหาความเข้ากันได้ ทำให้ภาพลักษณ์ของ Qualcomm และพันธมิตร OEM ถูกตั้งคำถาม ผู้ใช้รายหนึ่งใน Reddit ได้แชร์ประสบการณ์กับ ASUS Vivobook S15 ที่ใช้ชิป Snapdragon X Plus โดยระบุว่าเครื่องเต็มไปด้วยบั๊กและไม่ได้รับการสนับสนุนซอฟต์แวร์ที่เพียงพอ แม้ตัวชิปจะมีสเปกที่น่าสนใจบนกระดาษ แต่การใช้งานจริงกลับไม่เสถียรและทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง ⚠️ ปัญหาที่พบ เจ้าของเครื่องระบุว่า SQL Server ไม่สามารถใช้งานได้ บนแพลตฟอร์มนี้ อีกทั้งยังมีปัญหาด้านไดรเวอร์และบั๊ก เช่น หน้าต่างกระพริบเป็นสีขาวเมื่อสลับโปรแกรม และเครื่องหน่วงแม้เพียงแค่ใช้งานบนหน้า Desktop การรีฟอร์แมต Windows ช่วยได้บ้าง แต่ไม่ใช่การแก้ไขถาวร 🛠️ การสนับสนุนที่ขาดหาย ASUS ไม่ได้ปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถูกละเลย ขณะที่ Qualcomm เองก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่ทำงานร่วมกับ OEM อย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหา ส่งผลให้ผู้ใช้ต้องหาทางแก้เองและบางรายถึงขั้นเปรียบเทียบว่า “ซื้อ MacBook ยังดีกว่า” 🌍 ผลกระทบต่ออนาคต Qualcomm เตรียมเปิดตัว Snapdragon X2 Elite Extreme ในปีหน้า แต่หากไม่แก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์และการสนับสนุนร่วมกับพันธมิตร OEM ความเชื่อมั่นของผู้ใช้ก็อาจลดลง และเปิดโอกาสให้ Apple ครองตลาดโน้ตบุ๊กมากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ผู้ใช้ ASUS Vivobook S15 ที่ใช้ Snapdragon X Plus เจอปัญหาหนัก ➡️ บั๊ก หน้าต่างกระพริบ เครื่องหน่วงแม้ใช้งานทั่วไป ✅ SQL Server และซอฟต์แวร์บางตัวไม่รองรับ ➡️ ทำให้ใช้งานด้านการเรียนและงานพัฒนาไม่ได้ ✅ ASUS ไม่อัปเดตซอฟต์แวร์ตั้งแต่กลางปี 2025 ➡️ ผู้ใช้รู้สึกถูกละเลยและขาดการสนับสนุน ‼️ Qualcomm ถูกวิจารณ์ว่าละเลยการทำงานร่วมกับ OEM ⛔ ทำให้ผู้ใช้ต้องหาทางแก้เองและเสียความเชื่อมั่น ‼️ หากไม่แก้ไข อนาคต Snapdragon X2 Elite อาจล้มเหลว ⛔ เปิดทางให้ Apple ครองตลาดโน้ตบุ๊กมากขึ้น https://wccftech.com/snapdragon-x-plus-laptop-owner-describes-horrible-software-experience/
    WCCFTECH.COM
    Qualcomm’s Lack Of Commitment With Windows Laptops On The Software Front Brought To Light By A Snapdragon X Plus-Powered Machine Owner
    Laptops with chipsets like the Snapdragon X Plus won’t pick up in popularity, as one user describes a horrible software experience due to the lack of Qualcomm’s efforts
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • ฟุตบอลอินโดนีเซียพร้อมป้องกันแชมป์ๆ (2/12/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ฟุตบอล
    ฟุตบอลอินโดนีเซียพร้อมป้องกันแชมป์ๆ (2/12/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ฟุตบอล
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 0 Reviews
  • วิกฤติราคา RAM/NAND รุนแรงขึ้น – TeamGroup เตือนปี 2026 จะหนักกว่าเดิม

    ตลาดหน่วยความจำกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากผู้ผลิต DRAM และ NAND หันไปทุ่มกำลังผลิตให้กับ HBM (High Bandwidth Memory) ที่ใช้ใน AI accelerators เช่น Nvidia B300 และเซิร์ฟเวอร์ของ AWS, Google, Microsoft ส่งผลให้หน่วยความจำทั่วไปสำหรับ PC และสมาร์ทโฟนขาดแคลนอย่างหนัก

    ข้อมูลล่าสุดเผยว่า ราคาสัญญา DRAM และ NAND เพิ่มขึ้น 80–100% ภายในเดือนเดียว ขณะที่ราคา spot ของชิป DDR5 16Gb พุ่งจาก 6.84 ดอลลาร์ในเดือนกันยายน ไปถึงกว่า 27 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ทำให้โมดูล RAM 16GB มีต้นทุนสูงถึง 225–228 ดอลลาร์โดยไม่รวมค่าขนส่งและภาษี

    ผู้บริหาร TeamGroup เตือนว่าในปี 2026 เมื่อสต็อกสินค้าหมดไป สถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย เพราะแม้ผู้ซื้อจะยอมจ่ายแพงก็อาจไม่สามารถหาสินค้าได้ การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลานานถึง 3 ปี ทำให้การแก้ปัญหานี้อาจต้องรอถึงปี 2027–2028 หรือหลังจากนั้น

    ผลกระทบชัดเจนแล้วในตลาดผู้บริโภค: ราคาหน่วยความจำสำหรับ PC พุ่งสูงจน 64GB DDR5 มีราคามากกว่าเครื่อง PlayStation 5 และผู้ผลิตบางรายเช่น Framework ต้องหยุดขาย RAM แยกเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า สถานการณ์นี้อาจทำให้ราคาสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์พุ่งสูงตามไปด้วย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูงผิดปกติ
    DRAM และ NAND เพิ่มขึ้น 80–100% ภายในเดือนเดียว
    DDR5 16Gb จาก 6.84 ดอลลาร์ → 27 ดอลลาร์

    สาเหตุหลักคือการเบี่ยงกำลังผลิตไปยัง HBM สำหรับ AI
    Nvidia, AWS, Google, Microsoft จองกำลังผลิตล่วงหน้า
    DRAM และ NAND สำหรับผู้บริโภคถูกลดความสำคัญ

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด
    RAM 64GB แพงกว่าเครื่อง PS5
    Framework หยุดขาย RAM แยกเพื่อป้องกันการกักตุน

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    ปี 2026 อาจหาซื้อ RAM/NAND ไม่ได้ แม้ยอมจ่ายแพง
    การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลา 3 ปี ทำให้ราคาจะไม่กลับมาปกติจนถึง 2027–2028
    ราคาสมาร์ทโฟนและ PC อาจพุ่งสูงตามต้นทุนหน่วยความจำ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/the-ram-pricing-crisis-has-only-just-started-team-group-gm-warns-says-problem-will-get-worse-in-2026-as-dram-and-nand-prices-double-in-one-month
    💾 วิกฤติราคา RAM/NAND รุนแรงขึ้น – TeamGroup เตือนปี 2026 จะหนักกว่าเดิม ตลาดหน่วยความจำกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากผู้ผลิต DRAM และ NAND หันไปทุ่มกำลังผลิตให้กับ HBM (High Bandwidth Memory) ที่ใช้ใน AI accelerators เช่น Nvidia B300 และเซิร์ฟเวอร์ของ AWS, Google, Microsoft ส่งผลให้หน่วยความจำทั่วไปสำหรับ PC และสมาร์ทโฟนขาดแคลนอย่างหนัก ข้อมูลล่าสุดเผยว่า ราคาสัญญา DRAM และ NAND เพิ่มขึ้น 80–100% ภายในเดือนเดียว ขณะที่ราคา spot ของชิป DDR5 16Gb พุ่งจาก 6.84 ดอลลาร์ในเดือนกันยายน ไปถึงกว่า 27 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ทำให้โมดูล RAM 16GB มีต้นทุนสูงถึง 225–228 ดอลลาร์โดยไม่รวมค่าขนส่งและภาษี ผู้บริหาร TeamGroup เตือนว่าในปี 2026 เมื่อสต็อกสินค้าหมดไป สถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย เพราะแม้ผู้ซื้อจะยอมจ่ายแพงก็อาจไม่สามารถหาสินค้าได้ การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลานานถึง 3 ปี ทำให้การแก้ปัญหานี้อาจต้องรอถึงปี 2027–2028 หรือหลังจากนั้น ผลกระทบชัดเจนแล้วในตลาดผู้บริโภค: ราคาหน่วยความจำสำหรับ PC พุ่งสูงจน 64GB DDR5 มีราคามากกว่าเครื่อง PlayStation 5 และผู้ผลิตบางรายเช่น Framework ต้องหยุดขาย RAM แยกเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า สถานการณ์นี้อาจทำให้ราคาสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์พุ่งสูงตามไปด้วย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาหน่วยความจำพุ่งสูงผิดปกติ ➡️ DRAM และ NAND เพิ่มขึ้น 80–100% ภายในเดือนเดียว ➡️ DDR5 16Gb จาก 6.84 ดอลลาร์ → 27 ดอลลาร์ ✅ สาเหตุหลักคือการเบี่ยงกำลังผลิตไปยัง HBM สำหรับ AI ➡️ Nvidia, AWS, Google, Microsoft จองกำลังผลิตล่วงหน้า ➡️ DRAM และ NAND สำหรับผู้บริโภคถูกลดความสำคัญ ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด ➡️ RAM 64GB แพงกว่าเครื่อง PS5 ➡️ Framework หยุดขาย RAM แยกเพื่อป้องกันการกักตุน ‼️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ ปี 2026 อาจหาซื้อ RAM/NAND ไม่ได้ แม้ยอมจ่ายแพง ⛔ การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลา 3 ปี ทำให้ราคาจะไม่กลับมาปกติจนถึง 2027–2028 ⛔ ราคาสมาร์ทโฟนและ PC อาจพุ่งสูงตามต้นทุนหน่วยความจำ https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/the-ram-pricing-crisis-has-only-just-started-team-group-gm-warns-says-problem-will-get-worse-in-2026-as-dram-and-nand-prices-double-in-one-month
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • GStreamer 1.26.9 อัปเดตครั้งใหญ่ รองรับ DeckLink และ Spotify

    โครงการ GStreamer ได้ปล่อยเวอร์ชัน 1.26.9 ซึ่งเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งที่ 9 ของซีรีส์ 1.26 โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงความเสถียรและการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ ที่สำคัญ เช่น Blackmagic DeckLink capture cards และ AJA playout รวมถึงการปรับปรุงการทำงานบน macOS และการเชื่อมต่อกับ Spotify ผ่าน extended metadata endpoint

    การอัปเดตนี้ยังแก้ไขปัญหาหลายด้าน เช่น NDI source audio corruption, ปัญหาการทำงานของ playbin3 และ decodebin3, รวมถึงการปรับปรุงระบบ adaptive streaming (HLS และ DASH) ให้มีความเสถียรมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กด้าน memory leak และเพิ่มความสามารถในการ cross-compilation สำหรับ Python bindings

    ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจคือการเพิ่ม property ใหม่ใน gtk4paintablesink เพื่อปรับพฤติกรรมการ reconfigure เมื่อมีการปรับขนาดหน้าต่าง, การเพิ่ม SMPTE ST291-1 ancillary metadata RTP payloader/depayloader, และ ST-2038 metadata combiner/extractor ซึ่งช่วยให้การจัดการสื่อมีความยืดหยุ่นและรองรับมาตรฐานอุตสาหกรรมมากขึ้น

    นอกจากนี้ GStreamer 1.26.9 ยังเพิ่มการรองรับ VA-API hardware-accelerated encoders ใน webrtcsink element และการสนับสนุน Visual Studio 2026 ใน Cerbero build system ถือเป็นการยกระดับทั้งด้านการพัฒนาและการใช้งานจริง ทำให้ GStreamer ยังคงเป็นเฟรมเวิร์กมัลติมีเดียที่ทรงพลังและทันสมัยสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้ทั่วไป

    สรุปสาระสำคัญ
    การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่
    Blackmagic DeckLink capture cards และ AJA playout
    ปรับปรุง macOS video decoder และ Spotify integration

    การแก้ไขและปรับปรุงระบบ
    แก้ไข NDI source audio corruption และ memory leak
    ปรับปรุง adaptive streaming (HLS/DASH) และ playbin3/decodebin3

    ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
    Property ใหม่ใน gtk4paintablesink สำหรับ window resize
    SMPTE ST291-1 RTP payloader/depayloader และ ST-2038 metadata tools

    การพัฒนาและการสนับสนุนเพิ่มเติม
    รองรับ VA-API encoders ใน webrtcsink
    เพิ่มการสนับสนุน Visual Studio 2026 ใน Cerbero

    ข้อควรระวัง
    ผู้ใช้ที่อัปเดตควรตรวจสอบ compatibility กับปลั๊กอินที่ใช้งานอยู่
    ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างอาจยังไม่เสถียรในสภาพแวดล้อมการผลิตจริง

    https://9to5linux.com/gstreamer-1-26-9-improves-support-for-decklink-capture-cards-spotify-integration
    🎶 GStreamer 1.26.9 อัปเดตครั้งใหญ่ รองรับ DeckLink และ Spotify โครงการ GStreamer ได้ปล่อยเวอร์ชัน 1.26.9 ซึ่งเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งที่ 9 ของซีรีส์ 1.26 โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงความเสถียรและการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ ที่สำคัญ เช่น Blackmagic DeckLink capture cards และ AJA playout รวมถึงการปรับปรุงการทำงานบน macOS และการเชื่อมต่อกับ Spotify ผ่าน extended metadata endpoint การอัปเดตนี้ยังแก้ไขปัญหาหลายด้าน เช่น NDI source audio corruption, ปัญหาการทำงานของ playbin3 และ decodebin3, รวมถึงการปรับปรุงระบบ adaptive streaming (HLS และ DASH) ให้มีความเสถียรมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กด้าน memory leak และเพิ่มความสามารถในการ cross-compilation สำหรับ Python bindings ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจคือการเพิ่ม property ใหม่ใน gtk4paintablesink เพื่อปรับพฤติกรรมการ reconfigure เมื่อมีการปรับขนาดหน้าต่าง, การเพิ่ม SMPTE ST291-1 ancillary metadata RTP payloader/depayloader, และ ST-2038 metadata combiner/extractor ซึ่งช่วยให้การจัดการสื่อมีความยืดหยุ่นและรองรับมาตรฐานอุตสาหกรรมมากขึ้น นอกจากนี้ GStreamer 1.26.9 ยังเพิ่มการรองรับ VA-API hardware-accelerated encoders ใน webrtcsink element และการสนับสนุน Visual Studio 2026 ใน Cerbero build system ถือเป็นการยกระดับทั้งด้านการพัฒนาและการใช้งานจริง ทำให้ GStreamer ยังคงเป็นเฟรมเวิร์กมัลติมีเดียที่ทรงพลังและทันสมัยสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้ทั่วไป 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ➡️ Blackmagic DeckLink capture cards และ AJA playout ➡️ ปรับปรุง macOS video decoder และ Spotify integration ✅ การแก้ไขและปรับปรุงระบบ ➡️ แก้ไข NDI source audio corruption และ memory leak ➡️ ปรับปรุง adaptive streaming (HLS/DASH) และ playbin3/decodebin3 ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ➡️ Property ใหม่ใน gtk4paintablesink สำหรับ window resize ➡️ SMPTE ST291-1 RTP payloader/depayloader และ ST-2038 metadata tools ✅ การพัฒนาและการสนับสนุนเพิ่มเติม ➡️ รองรับ VA-API encoders ใน webrtcsink ➡️ เพิ่มการสนับสนุน Visual Studio 2026 ใน Cerbero ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผู้ใช้ที่อัปเดตควรตรวจสอบ compatibility กับปลั๊กอินที่ใช้งานอยู่ ⛔ ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างอาจยังไม่เสถียรในสภาพแวดล้อมการผลิตจริง https://9to5linux.com/gstreamer-1-26-9-improves-support-for-decklink-capture-cards-spotify-integration
    9TO5LINUX.COM
    GStreamer 1.26.9 Improves Support for DeckLink Capture Cards, Spotify Integration - 9to5Linux
    GStreamer 1.26.9 open-source multimedia framework is now available for download with various improvements and bug fixes. Here’s what’s new!
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • Linux Kernel 6.18 เปิดตัว พร้อมลุ้นเป็น LTS ประจำปี 2025

    Linux Kernel 6.18 ได้รับการปล่อยออกมาแล้ว โดยมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งด้าน ฮาร์ดแวร์ใหม่, ระบบไฟล์, และความปลอดภัย ซึ่ง Linus Torvalds ยืนยันว่าแม้จะมี “เสียงรบกวนจากบั๊กฟิกซ์” มากกว่าที่คาด แต่ก็ไม่มีปัญหาที่ต้องเลื่อนการเปิดตัว ทำให้เวอร์ชันนี้ถูกมองว่าอาจกลายเป็น Long-Term Support (LTS) ของปี 2025

    หนึ่งในไฮไลต์คือการรองรับ Intel Wildcat Lake CPUs และ Panther Lake SoC Power Slider ที่ช่วยให้ผู้ใช้เลือกโหมดพลังงานได้ตามต้องการ รวมถึงการปรับปรุง Intel P-State driver และการรองรับ Intel TDX สำหรับงานด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม Device Tree สำหรับ Apple M2 Pro/Max/Ultra และโน้ตบุ๊ก Snapdragon X1 หลายรุ่น ทำให้การใช้งาน Linux บนฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ ราบรื่นขึ้น

    ฝั่ง AMD ก็มีการปรับปรุงสำคัญ เช่น การรองรับ EPYC Venice processors และการแก้ไขบั๊กที่กระทบ VM ขนาดใหญ่ รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์ Secure AVIC สำหรับ SEV-SNP VM ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน Linux 6.18 ยังเปิดตัว Tyr driver ที่เขียนด้วย Rust สำหรับ GPU Arm Mali CSF ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของการนำ Rust มาใช้ใน Kernel

    ด้านระบบไฟล์ก็มีการเปลี่ยนแปลง เช่น Bcachefs ถูกถอดออกจาก mainline หลังเกิดความขัดแย้งกับ Linus Torvalds, Btrfs ได้รับการเร่งความเร็ว ในงานอ่านข้อมูลหนัก ๆ, และ XFS เปิดใช้งานการตรวจสอบไฟล์ระบบออนไลน์โดยค่าเริ่มต้น ซึ่งช่วยเพิ่มความเสถียรและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน

    สรุปสาระสำคัญ
    การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่
    Intel Wildcat Lake CPUs และ Panther Lake SoC Power Slider
    Apple M2 Pro/Max/Ultra และโน้ตบุ๊ก Snapdragon X1

    การปรับปรุงฝั่ง AMD
    รองรับ EPYC Venice processors และ SEV-SNP VM
    แก้ไขบั๊ก VM ขนาดใหญ่และเพิ่ม Secure AVIC

    การพัฒนา GPU และ Rust
    เปิดตัว Tyr driver สำหรับ Arm Mali CSF GPUs
    เป็น Rust-based driver ที่ยังอยู่ในขั้นทดลอง

    การเปลี่ยนแปลงระบบไฟล์
    Bcachefs ถูกถอดออกจาก mainline
    Btrfs เร็วขึ้น และ XFS เปิดใช้งานตรวจสอบออนไลน์

    คำเตือนและความเสี่ยง
    ผู้ใช้ที่พึ่งพา Bcachefs ต้องใช้ DKMS module แทน
    ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างยังอยู่ในขั้นทดลอง อาจไม่เสถียรในงานจริง

    https://itsfoss.com/news/linux-kernel-6-18/
    🐧 Linux Kernel 6.18 เปิดตัว พร้อมลุ้นเป็น LTS ประจำปี 2025 Linux Kernel 6.18 ได้รับการปล่อยออกมาแล้ว โดยมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งด้าน ฮาร์ดแวร์ใหม่, ระบบไฟล์, และความปลอดภัย ซึ่ง Linus Torvalds ยืนยันว่าแม้จะมี “เสียงรบกวนจากบั๊กฟิกซ์” มากกว่าที่คาด แต่ก็ไม่มีปัญหาที่ต้องเลื่อนการเปิดตัว ทำให้เวอร์ชันนี้ถูกมองว่าอาจกลายเป็น Long-Term Support (LTS) ของปี 2025 หนึ่งในไฮไลต์คือการรองรับ Intel Wildcat Lake CPUs และ Panther Lake SoC Power Slider ที่ช่วยให้ผู้ใช้เลือกโหมดพลังงานได้ตามต้องการ รวมถึงการปรับปรุง Intel P-State driver และการรองรับ Intel TDX สำหรับงานด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม Device Tree สำหรับ Apple M2 Pro/Max/Ultra และโน้ตบุ๊ก Snapdragon X1 หลายรุ่น ทำให้การใช้งาน Linux บนฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ ราบรื่นขึ้น ฝั่ง AMD ก็มีการปรับปรุงสำคัญ เช่น การรองรับ EPYC Venice processors และการแก้ไขบั๊กที่กระทบ VM ขนาดใหญ่ รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์ Secure AVIC สำหรับ SEV-SNP VM ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน Linux 6.18 ยังเปิดตัว Tyr driver ที่เขียนด้วย Rust สำหรับ GPU Arm Mali CSF ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของการนำ Rust มาใช้ใน Kernel ด้านระบบไฟล์ก็มีการเปลี่ยนแปลง เช่น Bcachefs ถูกถอดออกจาก mainline หลังเกิดความขัดแย้งกับ Linus Torvalds, Btrfs ได้รับการเร่งความเร็ว ในงานอ่านข้อมูลหนัก ๆ, และ XFS เปิดใช้งานการตรวจสอบไฟล์ระบบออนไลน์โดยค่าเริ่มต้น ซึ่งช่วยเพิ่มความเสถียรและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ➡️ Intel Wildcat Lake CPUs และ Panther Lake SoC Power Slider ➡️ Apple M2 Pro/Max/Ultra และโน้ตบุ๊ก Snapdragon X1 ✅ การปรับปรุงฝั่ง AMD ➡️ รองรับ EPYC Venice processors และ SEV-SNP VM ➡️ แก้ไขบั๊ก VM ขนาดใหญ่และเพิ่ม Secure AVIC ✅ การพัฒนา GPU และ Rust ➡️ เปิดตัว Tyr driver สำหรับ Arm Mali CSF GPUs ➡️ เป็น Rust-based driver ที่ยังอยู่ในขั้นทดลอง ✅ การเปลี่ยนแปลงระบบไฟล์ ➡️ Bcachefs ถูกถอดออกจาก mainline ➡️ Btrfs เร็วขึ้น และ XFS เปิดใช้งานตรวจสอบออนไลน์ ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ ผู้ใช้ที่พึ่งพา Bcachefs ต้องใช้ DKMS module แทน ⛔ ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างยังอยู่ในขั้นทดลอง อาจไม่เสถียรในงานจริง https://itsfoss.com/news/linux-kernel-6-18/
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    คดีแห่งแสง: ศึกเทพ-มารที่กระทบมนุษย์

    โลกที่แสงและความมืดปะทะกัน

    ในยามที่มนุษย์คิดว่าตนเองก้าวเข้าสู่ยุคทองของเทคโนโลยี ความขัดแย้งอันเป็นนิรันดร์ระหว่าง "เทพแห่งแสง" และ "มารแห่งความมืด" กำลังถึงจุดวิกฤติ ผลพวงของสงครามศักดิ์สิทธิ์เริ่มกระทบโลกมนุษย์อย่างจับต้องได้

    ```mermaid
    graph TB
    A[สงครามเทพ-มาร<br>ขยายสู่โลกมนุษย์] --> B[มนุษย์เริ่ม<br>แสดงอาการผิดปกติ]
    B --> C[ผู้ที่สัมผัสแสงมาก<br>เกินไปกลายเป็นสุดโต่ง]
    B --> D[ผู้ที่อยู่ในความมืด<br>นานเกินสูญเสีย]
    C --> E[มนุษย์แสง: พัฒนาพลัง<br>แต่สูญเสียความเห็นอกเห็นใจ]
    D --> F[มนุษย์มืด: แข็งแกร่ง<br>แต่โหดร้าย]
    E --> G[สงครามกลางเมือง<br>ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน]
    F --> G
    ```

    เคสปริศนาที่ปรากฏ

    กรณีผู้หายตัวไปสามประเภท

    1. ผู้ศรัทธาสุดโต่ง - หายไปพร้อมกับแสงจ้าปริศนา
    2. ผู้สิ้นหวังเรื้อรัง - หายไปในความมืดมิด
    3. คนกลางทั่วไป - เริ่มแสดงพลังประหลาดโดยไม่รู้ตัว

    ลักษณะคดีที่น่าสงสัย

    ```python
    class StrangeCases:
    def __init__(self):
    self.light_abductions = {
    "สถานที่": "แหล่งเทคโนโลยีสูง, วัด, ห้องสมุด",
    "เวลา": "เที่ยงวันพอดี",
    "พยาน": "รายงานเห็นแสงสีขาวจ้า",
    "หลักฐาน": "เหลือแต่เสื้อผ้าไร้ร่องรอยการต่อสู้"
    }

    self.dark_abductions = {
    "สถานที่": "โรงงานร้าง, ซอยมืด, ท้องถนนยามดึก",
    "เวลา": "เที่ยงคืนตรง",
    "พยาน": "รู้สึกหนาวเหน็บและได้ยินเสียงกระซิบ",
    "หลักฐาน": "รอยเท้าที่หายไปกลางอากาศ"
    }

    self.awakenings = {
    "อาการ": "ควบคุมแสง/ความมืดได้โดยไม่รู้ตัว",
    "ผลกระทบ": "สร้างความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ",
    "จิตใต้สำนึก: "สับสนระหว่างความเป็นมนุษย์และพลังเหนือธรรมชาติ"
    }ล
    ```

    การค้นพบความจริงที่น่าตกใจ

    การสืบสวนของหนูดี

    หนูดีได้รับมอบหมายคดีจากหน่วยงานพิเศษ หลังพบว่า โอปปาติกะหลายคนเริ่มเลือกข้าง ในสงครามนี้โดยไม่รู้ตัว

    ธรรมบาลเทพ ปรากฏตัวพร้อมคำเตือน:
    "หนูดี... นี่ไม่ใช่สงครามที่เจ้าคิด
    นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจักรวาล
    และมนุษย์กำลังจะกลายเป็นเหยื่อและนักรบไปพร้อมกัน"

    สมดุลที่แตกสลาย

    ```mermaid
    graph LR
    A[สมดุลเดิม<br>เทพ-มาร-มนุษย์] --> B[มนุษย์พัฒนา<br>เทคโนโลยีและจิตวิญญาณ]
    B --> C[เทพแห่งแสง<br>ต้องการมนุษย์เป็นทหาร]
    B --> D[มารแห่งความมืด<br>ต้องการมนุษย์เป็นเชื้อเพลิง]
    C --> E[สมดุลพังทลาย<br>มนุษย์ตกอยู่กลางศึก]
    D --> E
    ```

    ความลับที่ถูกเปิดเผย

    ที่มาที่แท้จริงของมนุษย์

    ธรรมบาลเทพเปิดเผยความจริงอันน่าตกใจ:

    "มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้...
    พวกเจ้าเป็นผลงานชิ้นเอกที่เทพและมารร่วมกันสร้าง
    เพื่อพิสูจน์ว่าแสงหรือความมืดมีคุณค่ากว่ากัน"

    "และตอนนี้... เวลาสำหรับการตัดสินได้มาถึงแล้ว
    มนุษย์แต่ละคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด
    หรือจะพยายามรักษาสมดุลแบบที่เป็นอยู่"

    บทบาทของโอปปาติกะ

    หนูดีค้นพบว่า:

    · โอปปาติกะคือ มนุษย์รุ่นดัดแปลงพิเศษ
    · ถูกสร้างมาให้เป็น ตัวกลางระหว่างสามฝ่าย
    · แต่หลายคนเริ่ม เอียงข้าง เนื่องจากพลังที่ได้รับ

    ```python
    class OpapatikaRevelation:
    def __init__(self):
    self.true_origin = {
    "วัตถุประสงค์เดิม": "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทพ-มาร-มนุษย์",
    "ความสามารถพิเศษ": "เข้าใจและสื่อสารกับทั้งสามฝ่ายได้",
    "พันธสัญญา": "ต้องรักษาความเป็นกลางเพื่อความสมดุล",
    "ภัยคุกคาม": "พลังที่เพิ่มขึ้นทำให้ยากต่อการควบคุมตนเอง"
    }

    self.current_crisis = {
    "ฝ่ายแสง": "โอปปาติกะบางคนถูกเทพแห่งแสงชักจูง",
    "ฝ่ายมืด": "โอปปาติกะบางคนถูกมารแห่งความมืดครอบงำ",
    "ฝ่ายกลาง": "เหลือน้อยลงทุกทีและกำลังถูกโจมตีจากทั้งสองฝ่าย",
    "หนูดี": "ถูกทั้งสองฝ่ายจับตามองเพราะพลังบริสุทธิ์ที่ยังไม่เลือกข้าง"
    }
    ```

    การเผชิญหน้าครั้งใหม่

    การปรากฏตัวของเทพแห่งแสง

    สุริยเทพ ปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มหนูดี:
    "โอปปาติกะผู้ยิ่งใหญ่... มาร่วมมือกับเรา
    มนุษย์ควรก้าวสู่ความสว่างไสวอย่างสมบูรณ์
    เราจะลบล้างความมืดและความไม่สมบูรณ์ทั้งหมด
    สร้างโลกใหม่ที่ปราศจากความทุกข์ทรมาน"

    การปรากฏตัวของมารแห่งความมืด

    ราตรีมาร ปรากฏจากเงามืด:
    "อย่าเชื่อคำสัญญาโกหกของแสง...
    ในความมืดมีอิสระที่แท้จริง
    มนุษย์ควรปลดปล่อยตนเองจากพันธะกรรม
    ยอมรับธรรมชาติที่แท้จริงซึ่งไม่ใช่แสงสว่างเสมอไป"

    ทางเลือกที่สาม

    หนูดีเริ่มเข้าใจบทเรียนจากพ่อที่ลึกซึ้งขึ้น:
    "พ่อเคยบอกว่า... ความจริงมักไม่ใช่สีขาวหรือดำ
    แต่คือเฉดสีเทาที่ต้องเข้าใจด้วยหัวใจ"

    ยุทธศาสตร์ใหม่

    การค้นพบจุดอ่อนของสงคราม

    หนูดีวิเคราะห์ว่า:

    1. เทพแห่งแสง ต้องการศรัทธาและความเชื่ออย่างblind
    2. มารแห่งความมืด ต้องการความสิ้นหวังและความกลัว
    3. มนุษย์มีสิ่งที่ทั้งสองขาด - อิสระในการเลือก

    ยุทธวิธี "ความเป็นมนุษย์"

    หนูดีพัฒนายุทธศาสตร์ที่ไม่พึ่งพาพลังเหนือธรรมชาติเพียงอย่างเดียว:

    ```python
    class HumanStrategy:
    def __init__(self):
    self.weapons = {
    "การตั้งคำถาม": "ทำให้ทั้งเทพและมารอ่อนแอเพราะพวกเขาไม่คุ้นเคย",
    "อารมณ์ที่ซับซ้อน": "ความรักที่ทั้งแสงและความมืดเข้าใจไม่หมด",
    "ความคิดสร้างสรรค์": "สร้างสิ่งที่ไม่เคยมีในแผนการของเทพหรือมาร",
    "ความไม่แน่นอน": "มนุษย์เปลี่ยนแปลงได้เสมอไม่ติดตรึงแบบพลังเหนือธรรมชาติ"
    }

    self.allies = [
    "โอปปาติกะที่ยังเป็นกลาง",
    "มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ยอมถูกควบคุม",
    "สิ่งมีชีวิตอื่นที่ได้รับผลกระทบ",
    "เทพ/มารบางส่วนที่เริ่มตั้งคำถาม"
    ]
    ```

    การปฏิบัติการพิเศษ

    ปฏิบัติการ "แสงเทียนในความมืด"

    หนูดีและทีมเริ่มปฏิบัติการเพื่อ:

    1. ช่วยเหลือมนุษย์ที่ถูกบังคับให้เลือกข้าง
    2. เปิดโปงแผนการของทั้งสองฝ่าย
    3. สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ที่ต้องการเป็นกลาง
    4. ค้นหาวิธียุติสงครามโดยไม่ทำลายสมดุล

    การสร้างพันธมิตรที่คาดไม่ถึง

    ในระหว่างปฏิบัติการ หนูดีพบว่า:

    · มีเทพบางองค์ ที่เห็นว่าการบังคับมนุษย์เป็นสิ่งผิด
    · มีมารบางตน ที่เชื่อในอิสระของการเลือกของมนุษย์
    · มนุษย์ธรรมดาหลายคน พร้อมต่อสู้เพื่อสิทธิในการกำหนดชะตาตนเอง

    จุดแตกหัก

    การพิพากษาครั้งใหญ่

    เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืดประกาศว่า:
    "ในคืนจันทรคราสที่จะมาถึง...
    มนุษย์ทุกคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด
    ผู้ที่ยังคงเป็นกลางจะถูกกำจัดทั้งสองฝ่าย"

    คำประกาศของหนูดี

    หนูดีปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองฝ่ายพร้อมคำประกาศ:

    "พวกท่านลืมไปหรือไม่ว่า...
    มนุษย์คือผลงานที่ท่านร่วมกันสร้าง
    การบังคับให้เราเลือกข้าง
    คือการปฏิเสธความเป็นพ่อแม่ของท่านเอง

    และเราขอประกาศว่า...
    มนุษย์จะเลือกทางที่สาม
    ทางของเราเอง

    เราจะไม่เป็นทาสของแสง
    และจะไม่เป็นเชื้อเพลิงของความมืด
    เราจะเป็น... มนุษย์อย่างสมบูรณ์"

    การต่อสู้ครั้งสำคัญ

    ศึกสามฝ่ายที่จุดสมดุล

    หนูดีนำทั้ง มนุษย์ โอปปาติกะ เทพและมารที่เป็นกลาง ต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิในการกำหนดชะตากรรม

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดีและฝ่ายกลาง] --> B[ต่อสู้เพื่อสิทธิ<br>ในการกำหนดชะตากรรม]
    C[เทพแห่งแสง] --> D[ต้องการควบคุม<br>มนุษย์เพื่อ'ความสมบูรณ์แบบ']
    E[มารแห่งความมืด] --> F[ต้องการมนุษย์<br>เป็นแหล่งพลังงาน]
    D --> G[ศึกตัดสินที่<br>จุดสมดุลแห่งจักรวาล]
    F --> G
    B --> G
    ```

    พลังใหม่ที่กำเนิดขึ้น

    ในยามคับขัน หนูดีค้นพบว่า:
    "พลังที่แท้จริงของโอปปาติกะ...
    ไม่ใช่การควบคุมแสงหรือความมืด
    แต่คือการเข้าใจว่าทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
    และมนุษย์คือผู้ที่สามารถรวมทั้งสองเข้าด้วยกันได้"

    บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง

    โลกใหม่ที่เกิดจากทางเลือก

    หลังจากการต่อสู้อันยาวนาน:

    1. เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืด ยอมรับสิทธิของมนุษย์
    2. สนธิสัญญาใหม่ ถูกเซ็น - มนุษย์มีสิทธิกำหนดวิถีตนเอง
    3. โอปปาติกะ กลายเป็นผู้รักษาสมดุลอย่างเป็นทางการ
    4. มนุษย์เรียนรู้ ที่จะใช้ทั้งแสงและความมืดอย่างชาญฉลาด

    พันธสัญญาสามฝ่าย

    ```python
    class NewCovenant:
    def __init__(self):
    self.agreements = {
    "เทพแห่งแสง": [
    "เคารพการเลือกของมนุษย์",
    "ให้ความรู้แต่ไม่บังคับ",
    "ยอมรับว่าความไม่สมบูรณ์คือความงามอย่างหนึ่ง"
    ],
    "มารแห่งความมืด": [
    "ไม่ใช้มนุษย์เป็นทรัพยากร",
    "เคารพอิสระในการเลือก",
    "ยอมรับว่าความมืดไม่ใช่ทางออกเดียว"
    ],
    "มนุษย์": [
    "รับผิดชอบต่อการเลือกของตนเอง",
    "ไม่ใช้พลังในทางที่ทำลายสมดุล",
    "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกต่างๆ"
    ]
    }

    self.guardians = [
    "โอปปาติกะเป็นผู้ดูแลสนธิสัญญา",
    "หนูดีเป็นประธานคณะกรรมการสมดุล",
    "มนุษย์เทพและมนุษย์มารร่วมทำงานกัน"
    ]
    ```

    คำสอนใหม่ของหนูดี

    การเติบโตอีกขั้น

    หนูดีเรียนรู้ว่า:

    "การเป็นโอปปาติกะไม่ใช่การควบคุมพลังเหนือธรรมชาติ...
    แต่คือการเข้าใจว่าพลังทุกชนิดมีที่มาและจุดหมาย

    และการเป็นมนุษย์ที่แท้...
    คือการมีอิสระที่จะเลือก
    พร้อมกับความรับผิดชอบต่อการเลือกนั้น"

    คำคมสรุปคดี

    "ในสงครามระหว่างแสงและความมืด...
    มนุษย์ค้นพบว่าเรามีทั้งสองอย่างในตนเอง

    และทางออกไม่ใช่การเลือกข้าง...
    แต่คือการเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งคู่
    ในเวลาที่เหมาะสม

    เพราะมนุษย์ที่สมบูรณ์...
    คือผู้ที่เข้าใจว่าแสงส่องสว่างเมื่อจำเป็น
    และความมืดให้ความสงบเมื่อต้องการ

    และนี่คือบทเรียนที่เทพและมาร...
    ต้องเรียนรู้จากลูกหลานของพวกเขาเอง"

    ---

    บทส่งท้าย:
    สงครามแห่งแสงจบลง แต่การเดินทางของมนุษย์เพิ่งเริ่มต้น
    หนูดีและโอปปาติกะกลายเป็นผู้พิทักษ์สมดุลใหม่
    ในโลกที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับพลังที่ได้รับมาอย่างรับผิดชอบ

    และบางที... นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่
    ที่เทพ มาร และมนุษย์ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน
    ไม่ใช่ผ่านการทำสงคราม
    แต่ผ่านการเข้าใจในความแตกต่าง
    O.P.K. 🔥 คดีแห่งแสง: ศึกเทพ-มารที่กระทบมนุษย์ 🌌 โลกที่แสงและความมืดปะทะกัน ในยามที่มนุษย์คิดว่าตนเองก้าวเข้าสู่ยุคทองของเทคโนโลยี ความขัดแย้งอันเป็นนิรันดร์ระหว่าง "เทพแห่งแสง" และ "มารแห่งความมืด" กำลังถึงจุดวิกฤติ ผลพวงของสงครามศักดิ์สิทธิ์เริ่มกระทบโลกมนุษย์อย่างจับต้องได้ ```mermaid graph TB A[สงครามเทพ-มาร<br>ขยายสู่โลกมนุษย์] --> B[มนุษย์เริ่ม<br>แสดงอาการผิดปกติ] B --> C[ผู้ที่สัมผัสแสงมาก<br>เกินไปกลายเป็นสุดโต่ง] B --> D[ผู้ที่อยู่ในความมืด<br>นานเกินสูญเสีย] C --> E[มนุษย์แสง: พัฒนาพลัง<br>แต่สูญเสียความเห็นอกเห็นใจ] D --> F[มนุษย์มืด: แข็งแกร่ง<br>แต่โหดร้าย] E --> G[สงครามกลางเมือง<br>ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน] F --> G ``` 🚨 เคสปริศนาที่ปรากฏ 👥 กรณีผู้หายตัวไปสามประเภท 1. ผู้ศรัทธาสุดโต่ง - หายไปพร้อมกับแสงจ้าปริศนา 2. ผู้สิ้นหวังเรื้อรัง - หายไปในความมืดมิด 3. คนกลางทั่วไป - เริ่มแสดงพลังประหลาดโดยไม่รู้ตัว 🔍 ลักษณะคดีที่น่าสงสัย ```python class StrangeCases: def __init__(self): self.light_abductions = { "สถานที่": "แหล่งเทคโนโลยีสูง, วัด, ห้องสมุด", "เวลา": "เที่ยงวันพอดี", "พยาน": "รายงานเห็นแสงสีขาวจ้า", "หลักฐาน": "เหลือแต่เสื้อผ้าไร้ร่องรอยการต่อสู้" } self.dark_abductions = { "สถานที่": "โรงงานร้าง, ซอยมืด, ท้องถนนยามดึก", "เวลา": "เที่ยงคืนตรง", "พยาน": "รู้สึกหนาวเหน็บและได้ยินเสียงกระซิบ", "หลักฐาน": "รอยเท้าที่หายไปกลางอากาศ" } self.awakenings = { "อาการ": "ควบคุมแสง/ความมืดได้โดยไม่รู้ตัว", "ผลกระทบ": "สร้างความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ", "จิตใต้สำนึก: "สับสนระหว่างความเป็นมนุษย์และพลังเหนือธรรมชาติ" }ล ``` 🌓 การค้นพบความจริงที่น่าตกใจ 🕵️ การสืบสวนของหนูดี หนูดีได้รับมอบหมายคดีจากหน่วยงานพิเศษ หลังพบว่า โอปปาติกะหลายคนเริ่มเลือกข้าง ในสงครามนี้โดยไม่รู้ตัว ธรรมบาลเทพ ปรากฏตัวพร้อมคำเตือน: "หนูดี... นี่ไม่ใช่สงครามที่เจ้าคิด นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจักรวาล และมนุษย์กำลังจะกลายเป็นเหยื่อและนักรบไปพร้อมกัน" ⚖️ สมดุลที่แตกสลาย ```mermaid graph LR A[สมดุลเดิม<br>เทพ-มาร-มนุษย์] --> B[มนุษย์พัฒนา<br>เทคโนโลยีและจิตวิญญาณ] B --> C[เทพแห่งแสง<br>ต้องการมนุษย์เป็นทหาร] B --> D[มารแห่งความมืด<br>ต้องการมนุษย์เป็นเชื้อเพลิง] C --> E[สมดุลพังทลาย<br>มนุษย์ตกอยู่กลางศึก] D --> E ``` 👁️ ความลับที่ถูกเปิดเผย 🧬 ที่มาที่แท้จริงของมนุษย์ ธรรมบาลเทพเปิดเผยความจริงอันน่าตกใจ: "มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้... พวกเจ้าเป็นผลงานชิ้นเอกที่เทพและมารร่วมกันสร้าง เพื่อพิสูจน์ว่าแสงหรือความมืดมีคุณค่ากว่ากัน" "และตอนนี้... เวลาสำหรับการตัดสินได้มาถึงแล้ว มนุษย์แต่ละคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด หรือจะพยายามรักษาสมดุลแบบที่เป็นอยู่" 💔 บทบาทของโอปปาติกะ หนูดีค้นพบว่า: · โอปปาติกะคือ มนุษย์รุ่นดัดแปลงพิเศษ · ถูกสร้างมาให้เป็น ตัวกลางระหว่างสามฝ่าย · แต่หลายคนเริ่ม เอียงข้าง เนื่องจากพลังที่ได้รับ ```python class OpapatikaRevelation: def __init__(self): self.true_origin = { "วัตถุประสงค์เดิม": "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทพ-มาร-มนุษย์", "ความสามารถพิเศษ": "เข้าใจและสื่อสารกับทั้งสามฝ่ายได้", "พันธสัญญา": "ต้องรักษาความเป็นกลางเพื่อความสมดุล", "ภัยคุกคาม": "พลังที่เพิ่มขึ้นทำให้ยากต่อการควบคุมตนเอง" } self.current_crisis = { "ฝ่ายแสง": "โอปปาติกะบางคนถูกเทพแห่งแสงชักจูง", "ฝ่ายมืด": "โอปปาติกะบางคนถูกมารแห่งความมืดครอบงำ", "ฝ่ายกลาง": "เหลือน้อยลงทุกทีและกำลังถูกโจมตีจากทั้งสองฝ่าย", "หนูดี": "ถูกทั้งสองฝ่ายจับตามองเพราะพลังบริสุทธิ์ที่ยังไม่เลือกข้าง" } ``` ⚡ การเผชิญหน้าครั้งใหม่ 🌟 การปรากฏตัวของเทพแห่งแสง สุริยเทพ ปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มหนูดี: "โอปปาติกะผู้ยิ่งใหญ่... มาร่วมมือกับเรา มนุษย์ควรก้าวสู่ความสว่างไสวอย่างสมบูรณ์ เราจะลบล้างความมืดและความไม่สมบูรณ์ทั้งหมด สร้างโลกใหม่ที่ปราศจากความทุกข์ทรมาน" 🌑 การปรากฏตัวของมารแห่งความมืด ราตรีมาร ปรากฏจากเงามืด: "อย่าเชื่อคำสัญญาโกหกของแสง... ในความมืดมีอิสระที่แท้จริง มนุษย์ควรปลดปล่อยตนเองจากพันธะกรรม ยอมรับธรรมชาติที่แท้จริงซึ่งไม่ใช่แสงสว่างเสมอไป" 🕊️ ทางเลือกที่สาม หนูดีเริ่มเข้าใจบทเรียนจากพ่อที่ลึกซึ้งขึ้น: "พ่อเคยบอกว่า... ความจริงมักไม่ใช่สีขาวหรือดำ แต่คือเฉดสีเทาที่ต้องเข้าใจด้วยหัวใจ" 🛡️ ยุทธศาสตร์ใหม่ 🔮 การค้นพบจุดอ่อนของสงคราม หนูดีวิเคราะห์ว่า: 1. เทพแห่งแสง ต้องการศรัทธาและความเชื่ออย่างblind 2. มารแห่งความมืด ต้องการความสิ้นหวังและความกลัว 3. มนุษย์มีสิ่งที่ทั้งสองขาด - อิสระในการเลือก 💡 ยุทธวิธี "ความเป็นมนุษย์" หนูดีพัฒนายุทธศาสตร์ที่ไม่พึ่งพาพลังเหนือธรรมชาติเพียงอย่างเดียว: ```python class HumanStrategy: def __init__(self): self.weapons = { "การตั้งคำถาม": "ทำให้ทั้งเทพและมารอ่อนแอเพราะพวกเขาไม่คุ้นเคย", "อารมณ์ที่ซับซ้อน": "ความรักที่ทั้งแสงและความมืดเข้าใจไม่หมด", "ความคิดสร้างสรรค์": "สร้างสิ่งที่ไม่เคยมีในแผนการของเทพหรือมาร", "ความไม่แน่นอน": "มนุษย์เปลี่ยนแปลงได้เสมอไม่ติดตรึงแบบพลังเหนือธรรมชาติ" } self.allies = [ "โอปปาติกะที่ยังเป็นกลาง", "มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ยอมถูกควบคุม", "สิ่งมีชีวิตอื่นที่ได้รับผลกระทบ", "เทพ/มารบางส่วนที่เริ่มตั้งคำถาม" ] ``` 🌈 การปฏิบัติการพิเศษ 🎯 ปฏิบัติการ "แสงเทียนในความมืด" หนูดีและทีมเริ่มปฏิบัติการเพื่อ: 1. ช่วยเหลือมนุษย์ที่ถูกบังคับให้เลือกข้าง 2. เปิดโปงแผนการของทั้งสองฝ่าย 3. สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ที่ต้องการเป็นกลาง 4. ค้นหาวิธียุติสงครามโดยไม่ทำลายสมดุล 🤝 การสร้างพันธมิตรที่คาดไม่ถึง ในระหว่างปฏิบัติการ หนูดีพบว่า: · มีเทพบางองค์ ที่เห็นว่าการบังคับมนุษย์เป็นสิ่งผิด · มีมารบางตน ที่เชื่อในอิสระของการเลือกของมนุษย์ · มนุษย์ธรรมดาหลายคน พร้อมต่อสู้เพื่อสิทธิในการกำหนดชะตาตนเอง 💥 จุดแตกหัก ⚖️ การพิพากษาครั้งใหญ่ เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืดประกาศว่า: "ในคืนจันทรคราสที่จะมาถึง... มนุษย์ทุกคนต้องเลือกว่าจะอยู่ฝั่งใด ผู้ที่ยังคงเป็นกลางจะถูกกำจัดทั้งสองฝ่าย" 🛡️ คำประกาศของหนูดี หนูดีปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสองฝ่ายพร้อมคำประกาศ: "พวกท่านลืมไปหรือไม่ว่า... มนุษย์คือผลงานที่ท่านร่วมกันสร้าง การบังคับให้เราเลือกข้าง คือการปฏิเสธความเป็นพ่อแม่ของท่านเอง และเราขอประกาศว่า... มนุษย์จะเลือกทางที่สาม ทางของเราเอง เราจะไม่เป็นทาสของแสง และจะไม่เป็นเชื้อเพลิงของความมืด เราจะเป็น... มนุษย์อย่างสมบูรณ์" 🌟 การต่อสู้ครั้งสำคัญ 🔥 ศึกสามฝ่ายที่จุดสมดุล หนูดีนำทั้ง มนุษย์ โอปปาติกะ เทพและมารที่เป็นกลาง ต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิในการกำหนดชะตากรรม ```mermaid graph TB A[หนูดีและฝ่ายกลาง] --> B[ต่อสู้เพื่อสิทธิ<br>ในการกำหนดชะตากรรม] C[เทพแห่งแสง] --> D[ต้องการควบคุม<br>มนุษย์เพื่อ'ความสมบูรณ์แบบ'] E[มารแห่งความมืด] --> F[ต้องการมนุษย์<br>เป็นแหล่งพลังงาน] D --> G[ศึกตัดสินที่<br>จุดสมดุลแห่งจักรวาล] F --> G B --> G ``` ✨ พลังใหม่ที่กำเนิดขึ้น ในยามคับขัน หนูดีค้นพบว่า: "พลังที่แท้จริงของโอปปาติกะ... ไม่ใช่การควบคุมแสงหรือความมืด แต่คือการเข้าใจว่าทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน และมนุษย์คือผู้ที่สามารถรวมทั้งสองเข้าด้วยกันได้" 🕊️ บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง 🌍 โลกใหม่ที่เกิดจากทางเลือก หลังจากการต่อสู้อันยาวนาน: 1. เทพแห่งแสงและมารแห่งความมืด ยอมรับสิทธิของมนุษย์ 2. สนธิสัญญาใหม่ ถูกเซ็น - มนุษย์มีสิทธิกำหนดวิถีตนเอง 3. โอปปาติกะ กลายเป็นผู้รักษาสมดุลอย่างเป็นทางการ 4. มนุษย์เรียนรู้ ที่จะใช้ทั้งแสงและความมืดอย่างชาญฉลาด 📜 พันธสัญญาสามฝ่าย ```python class NewCovenant: def __init__(self): self.agreements = { "เทพแห่งแสง": [ "เคารพการเลือกของมนุษย์", "ให้ความรู้แต่ไม่บังคับ", "ยอมรับว่าความไม่สมบูรณ์คือความงามอย่างหนึ่ง" ], "มารแห่งความมืด": [ "ไม่ใช้มนุษย์เป็นทรัพยากร", "เคารพอิสระในการเลือก", "ยอมรับว่าความมืดไม่ใช่ทางออกเดียว" ], "มนุษย์": [ "รับผิดชอบต่อการเลือกของตนเอง", "ไม่ใช้พลังในทางที่ทำลายสมดุล", "เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกต่างๆ" ] } self.guardians = [ "โอปปาติกะเป็นผู้ดูแลสนธิสัญญา", "หนูดีเป็นประธานคณะกรรมการสมดุล", "มนุษย์เทพและมนุษย์มารร่วมทำงานกัน" ] ``` 💫 คำสอนใหม่ของหนูดี 🌱 การเติบโตอีกขั้น หนูดีเรียนรู้ว่า: "การเป็นโอปปาติกะไม่ใช่การควบคุมพลังเหนือธรรมชาติ... แต่คือการเข้าใจว่าพลังทุกชนิดมีที่มาและจุดหมาย และการเป็นมนุษย์ที่แท้... คือการมีอิสระที่จะเลือก พร้อมกับความรับผิดชอบต่อการเลือกนั้น" 🕯️ คำคมสรุปคดี "ในสงครามระหว่างแสงและความมืด... มนุษย์ค้นพบว่าเรามีทั้งสองอย่างในตนเอง และทางออกไม่ใช่การเลือกข้าง... แต่คือการเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งคู่ ในเวลาที่เหมาะสม เพราะมนุษย์ที่สมบูรณ์... คือผู้ที่เข้าใจว่าแสงส่องสว่างเมื่อจำเป็น และความมืดให้ความสงบเมื่อต้องการ และนี่คือบทเรียนที่เทพและมาร... ต้องเรียนรู้จากลูกหลานของพวกเขาเอง"✨ --- 📖 บทส่งท้าย: สงครามแห่งแสงจบลง แต่การเดินทางของมนุษย์เพิ่งเริ่มต้น หนูดีและโอปปาติกะกลายเป็นผู้พิทักษ์สมดุลใหม่ ในโลกที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับพลังที่ได้รับมาอย่างรับผิดชอบ และบางที... นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ที่เทพ มาร และมนุษย์ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่ผ่านการทำสงคราม แต่ผ่านการเข้าใจในความแตกต่าง🌈
    0 Comments 0 Shares 266 Views 0 Reviews
  • ดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศ: ไอเดียที่แย่ที่สุดของยุค AI

    บทความนี้เขียนโดยอดีตวิศวกร/นักวิทยาศาสตร์ NASA ที่มีปริญญาเอกด้านอิเล็กทรอนิกส์อวกาศ และเคยทำงานที่ Google มา 10 ปี รวมถึงส่วนของ Cloud ที่รับผิดชอบการติดตั้ง AI capacity ท่านได้ออกมาเตือนว่าแนวคิดการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศที่บริษัท AI หลายแห่งกำลังพิจารณาร่วมกับบริษัทดาวเทียม เป็นไอเดียที่แย่มากๆ และไม่สมเหตุสมผลเลย

    สาเหตุหลักมาจากข้อจำกัดพื้นฐานหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงาน การระบายความร้อน ความทนทานต่อรังสี และการสื่อสาร ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะ GPU และ TPU สำหรับ AI นั้นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ทำงานได้ดีในอวกาศโดยสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น แผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ที่สุดในอวกาศ (ของสถานีอวกาศนานาชาติ ISS) ที่มีขนาดครึ่งสนามฟุตบอลอเมริกัน สามารถจ่ายไฟได้เพียง 200kW ซึ่งเพียงพอสำหรับ GPU ประมาณ 200 ตัวเท่านั้น ในขณะที่ดาต้าเซ็นเตอร์ของ OpenAI ในนอร์เวย์วางแผนจะติดตั้ง GPU ถึง 100,000 ตัว

    นอกจากนี้ การระบายความร้อนในอวกาศเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริง เพราะไม่มีอากาศให้ระบายความร้อนแบบ convection ได้ ต้องใช้ระบบ radiator panel ขนาดมหึมา ซึ่งระบบระบายความร้อนของ ISS ที่สามารถระบายความร้อนได้ 16kW (เพียงพอสำหรับ GPU 16 ตัว) ต้องใช้แผง radiator ขนาดถึง 42.5 ตารางเมตร ปัญหารังสีในอวกาศยังทำให้ชิปอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปเสียหายได้ง่าย โดย GPU และ TPU ที่ใช้ transistor ขนาดเล็กเป็นพิเศษนั้นเสี่ยงต่อความเสียหายจากรังสีมากที่สุด ชิปที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในอวกาศจริงๆ มีประสิทธิภาพเทียบเท่า PowerPC จากปี 2005 เท่านั้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อจำกัดด้านพลังงาน
    แผงโซลาร์เซลล์ขนาดเท่า ISS (2,500 ตร.ม.) ให้พลังงานเพียง 200kW หรือพอสำหรับ GPU 200 ตัว
    ต้องใช้ดาวเทียมขนาด ISS ถึง 500 ดวง เพื่อเทียบเท่าดาต้าเซ็นเตอร์ 100,000 GPU ของ OpenAI
    เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากกัมมันตรังสี (RTG) ให้พลังงานเพียง 50-150W ไม่พอสำหรับ GPU แม้แต่ตัวเดียว

    ปัญหาการระบายความร้อน
    ไม่มีอากาศในอวกาศ ทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนแบบ convection ได้
    ต้องใช้ระบบ radiator panel ขนาดใหญ่มาก - ระบบของ ISS ที่ระบายได้ 16kW ต้องใช้พื้นที่ 42.5 ตร.ม.
    สำหรับ GPU 200 ตัว (200kW) ต้องใช้แผง radiator ประมาณ 531 ตร.ม. หรือใหญ่กว่าแผงโซลาร์เซลล์ถึง 2.6 เท่า

    ความเสี่ยงจากรังสีอวกาศ
    GPU/TPU ใช้ transistor ขนาดเล็กมาก ทำให้เสี่ยงต่อ Single-Event Upset (SEU) และ latch-up สูงมาก
    รังสีสามารถทำให้บิตข้อมูลเปลี่ยนแปลง หรือทำให้ชิปเสียหายถาวรได้
    ชิปที่ออกแบบสำหรับอวกาศจริงๆ มีประสิทธิภาพเทียบเท่า PowerPC จาก 20 ปีก่อนเท่านั้น
    Total dose effects ทำให้ประสิทธิภาพชิปลดลงเรื่อยๆ ตลอดอายุการใช้งาน

    ข้อจำกัดด้านการสื่อสาร
    ดาวเทียมส่วนใหญ่สื่อสารผ่านคลื่นวิทยุได้ไม่เกิน 1Gbps
    เทียบกับ server rack บนโลกที่ใช้ interconnect 100Gbps ขึ้นไป ช้ากว่ามาก
    การใช้เลเซอร์สื่อสารต้องพึ่งพาสภาพอากาศที่ดี

    ข้อสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ
    ดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศขนาดเท่าดาวเทียม ISS จะเทียบเท่า server rack เพียง 3 ชุดบนโลกเท่านั้น
    ต้นทุนสูงมหาศาล ประสิทธิภาพต่ำ และยากต่อการดำเนินการอย่างยิ่ง
    เป็นไอเดียที่แย่มากในทางเศรษฐศาสตร์และเทคนิค

    https://taranis.ie/datacenters-in-space-are-a-terrible-horrible-no-good-idea/
    🚀 ดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศ: ไอเดียที่แย่ที่สุดของยุค AI บทความนี้เขียนโดยอดีตวิศวกร/นักวิทยาศาสตร์ NASA ที่มีปริญญาเอกด้านอิเล็กทรอนิกส์อวกาศ และเคยทำงานที่ Google มา 10 ปี รวมถึงส่วนของ Cloud ที่รับผิดชอบการติดตั้ง AI capacity ท่านได้ออกมาเตือนว่าแนวคิดการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศที่บริษัท AI หลายแห่งกำลังพิจารณาร่วมกับบริษัทดาวเทียม เป็นไอเดียที่แย่มากๆ และไม่สมเหตุสมผลเลย สาเหตุหลักมาจากข้อจำกัดพื้นฐานหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงาน การระบายความร้อน ความทนทานต่อรังสี และการสื่อสาร ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะ GPU และ TPU สำหรับ AI นั้นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ทำงานได้ดีในอวกาศโดยสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น แผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ที่สุดในอวกาศ (ของสถานีอวกาศนานาชาติ ISS) ที่มีขนาดครึ่งสนามฟุตบอลอเมริกัน สามารถจ่ายไฟได้เพียง 200kW ซึ่งเพียงพอสำหรับ GPU ประมาณ 200 ตัวเท่านั้น ในขณะที่ดาต้าเซ็นเตอร์ของ OpenAI ในนอร์เวย์วางแผนจะติดตั้ง GPU ถึง 100,000 ตัว นอกจากนี้ การระบายความร้อนในอวกาศเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริง เพราะไม่มีอากาศให้ระบายความร้อนแบบ convection ได้ ต้องใช้ระบบ radiator panel ขนาดมหึมา ซึ่งระบบระบายความร้อนของ ISS ที่สามารถระบายความร้อนได้ 16kW (เพียงพอสำหรับ GPU 16 ตัว) ต้องใช้แผง radiator ขนาดถึง 42.5 ตารางเมตร ปัญหารังสีในอวกาศยังทำให้ชิปอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปเสียหายได้ง่าย โดย GPU และ TPU ที่ใช้ transistor ขนาดเล็กเป็นพิเศษนั้นเสี่ยงต่อความเสียหายจากรังสีมากที่สุด ชิปที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในอวกาศจริงๆ มีประสิทธิภาพเทียบเท่า PowerPC จากปี 2005 เท่านั้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อจำกัดด้านพลังงาน ➡️ แผงโซลาร์เซลล์ขนาดเท่า ISS (2,500 ตร.ม.) ให้พลังงานเพียง 200kW หรือพอสำหรับ GPU 200 ตัว ➡️ ต้องใช้ดาวเทียมขนาด ISS ถึง 500 ดวง เพื่อเทียบเท่าดาต้าเซ็นเตอร์ 100,000 GPU ของ OpenAI ➡️ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากกัมมันตรังสี (RTG) ให้พลังงานเพียง 50-150W ไม่พอสำหรับ GPU แม้แต่ตัวเดียว ✅ ปัญหาการระบายความร้อน ➡️ ไม่มีอากาศในอวกาศ ทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนแบบ convection ได้ ➡️ ต้องใช้ระบบ radiator panel ขนาดใหญ่มาก - ระบบของ ISS ที่ระบายได้ 16kW ต้องใช้พื้นที่ 42.5 ตร.ม. ➡️ สำหรับ GPU 200 ตัว (200kW) ต้องใช้แผง radiator ประมาณ 531 ตร.ม. หรือใหญ่กว่าแผงโซลาร์เซลล์ถึง 2.6 เท่า ‼️ ความเสี่ยงจากรังสีอวกาศ ⛔ GPU/TPU ใช้ transistor ขนาดเล็กมาก ทำให้เสี่ยงต่อ Single-Event Upset (SEU) และ latch-up สูงมาก ⛔ รังสีสามารถทำให้บิตข้อมูลเปลี่ยนแปลง หรือทำให้ชิปเสียหายถาวรได้ ⛔ ชิปที่ออกแบบสำหรับอวกาศจริงๆ มีประสิทธิภาพเทียบเท่า PowerPC จาก 20 ปีก่อนเท่านั้น ⛔ Total dose effects ทำให้ประสิทธิภาพชิปลดลงเรื่อยๆ ตลอดอายุการใช้งาน ‼️ ข้อจำกัดด้านการสื่อสาร ⛔ ดาวเทียมส่วนใหญ่สื่อสารผ่านคลื่นวิทยุได้ไม่เกิน 1Gbps ⛔ เทียบกับ server rack บนโลกที่ใช้ interconnect 100Gbps ขึ้นไป ช้ากว่ามาก ⛔ การใช้เลเซอร์สื่อสารต้องพึ่งพาสภาพอากาศที่ดี ✅ ข้อสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศขนาดเท่าดาวเทียม ISS จะเทียบเท่า server rack เพียง 3 ชุดบนโลกเท่านั้น ➡️ ต้นทุนสูงมหาศาล ประสิทธิภาพต่ำ และยากต่อการดำเนินการอย่างยิ่ง ➡️ เป็นไอเดียที่แย่มากในทางเศรษฐศาสตร์และเทคนิค https://taranis.ie/datacenters-in-space-are-a-terrible-horrible-no-good-idea/
    TARANIS.IE
    Datacenters in space are a terrible, horrible, no good idea.
    There is a rush for AI companies to team up with space launch/satellite companies to build datacenters in space. TL;DR: It's not going to work.
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • คืนฟอร์มโหด! ไทยอัดฟุคูเวต 3 เม็ด คว้าแชมป์กลุ่ม(1/12/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #TikTokการกีฬา #ฟุตบอล
    คืนฟอร์มโหด! ไทยอัดฟุคูเวต 3 เม็ด คว้าแชมป์กลุ่ม(1/12/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #TikTokการกีฬา #ฟุตบอล
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 0 Reviews
More Results