• ตัวตาย ชื่ออยู่
    คำว่า "ตัวตาย ชื่ออยู่" นั้น มีความหมายที่ลึกซึ้งยิ่ง เพราะว่า น้อยคนนักที่จะยอมเสียสละตนเองเพื่อบางสิ่งบางอย่างที่มีค่ามากกว่าชีวิตของตนเองได้นั่นเอง คนที่ทำอย่างนี้ได้ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่มีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ที่ยอมเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อผู้อื่นและผลประโยชน์ของส่วนรวม เพื่อคนที่มีค่ามากกว่าชีวิตตนเอง เพื่อชาติบ้านเมืองประเทศชาติ เอกราชของผืนแผ่นดิน และคนจำพวกนี้นั้นก็เป็นคนดีที่น่ายกย่อง เพราะคนที่จะเสียสละชีวิตของตนเองได้นั้นมักจะเป็นคนที่ดีอยู่แล้ว หรือคนที่จงรักภักดีต่อเจ้านาย นายเหนือหัวของเค้า ถ้าหากเค้านั้นไม่ใช่คนที่ดีอะไรมากมายนัก และเจ้านายของเค้าก็จะต้องเป็นคนที่มีบุญคุณอันยิ่งใหญ่ต่อเค้านั่นเอง ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าการที่ตัวเค้าได้ตายไปแล้วนั้น แต่ชื่อของเค้าจะยังคงมีผู้กล่าวขานไปอีกนานแสนนาน นั่นก็หมายถึง ชีวิตคนเรานั้นมันไม่จีรังยั่งยืน อยู่ไปไม่นานเราก็ตายกันแล้ว เพราะฉะนั้นเราควรที่จะหันมาทำความดีกันให้มากๆเข้าไว้ เพื่อให้ชาติหน้าภพหน้านั้น เราจะได้ไม่ต้องเกิดมาอย่างเจ็บปวดยิ่งกว่าเก่า หรือซ้ำรอยเดิมนั่นเอง
    ตัวตาย ชื่ออยู่ คำว่า "ตัวตาย ชื่ออยู่" นั้น มีความหมายที่ลึกซึ้งยิ่ง เพราะว่า น้อยคนนักที่จะยอมเสียสละตนเองเพื่อบางสิ่งบางอย่างที่มีค่ามากกว่าชีวิตของตนเองได้นั่นเอง คนที่ทำอย่างนี้ได้ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่มีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ที่ยอมเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อผู้อื่นและผลประโยชน์ของส่วนรวม เพื่อคนที่มีค่ามากกว่าชีวิตตนเอง เพื่อชาติบ้านเมืองประเทศชาติ เอกราชของผืนแผ่นดิน และคนจำพวกนี้นั้นก็เป็นคนดีที่น่ายกย่อง เพราะคนที่จะเสียสละชีวิตของตนเองได้นั้นมักจะเป็นคนที่ดีอยู่แล้ว หรือคนที่จงรักภักดีต่อเจ้านาย นายเหนือหัวของเค้า ถ้าหากเค้านั้นไม่ใช่คนที่ดีอะไรมากมายนัก และเจ้านายของเค้าก็จะต้องเป็นคนที่มีบุญคุณอันยิ่งใหญ่ต่อเค้านั่นเอง ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าการที่ตัวเค้าได้ตายไปแล้วนั้น แต่ชื่อของเค้าจะยังคงมีผู้กล่าวขานไปอีกนานแสนนาน นั่นก็หมายถึง ชีวิตคนเรานั้นมันไม่จีรังยั่งยืน อยู่ไปไม่นานเราก็ตายกันแล้ว เพราะฉะนั้นเราควรที่จะหันมาทำความดีกันให้มากๆเข้าไว้ เพื่อให้ชาติหน้าภพหน้านั้น เราจะได้ไม่ต้องเกิดมาอย่างเจ็บปวดยิ่งกว่าเก่า หรือซ้ำรอยเดิมนั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟ้าเดียวกันในหนึ่งวัน
    ยังมีหลายเฉดสี
    ชีวิตคนเราชีวิตหนึ่ง
    มีสุขบ้างทุกข์บ้างธรรมดา

    จากหนังสือ |ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก
    ฟ้าเดียวกันในหนึ่งวัน ยังมีหลายเฉดสี ชีวิตคนเราชีวิตหนึ่ง มีสุขบ้างทุกข์บ้างธรรมดา จากหนังสือ |ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ไม่เอาน่ะอย่าคิดมาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/1/68

    ความเบิกบาย

    หมอสันต์พูดกับสมาชิกที่มาเข้าแค้มป์ Spiritual Retreat

    สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)หรือพูดอีกอย่างได้ว่าชีวิตนี้ถ้ามีสิ่งเดียวแล้วสิ่งอื่นไม่ต้องมีก็ได้ สิ่งนั้นก็คือความเบิกบาน (Joy) เพราะชีวิตเราทุกวันนี้เรามุ่งหน้าดั้นด้นค้นหาความสุข ซึ่งมันก็ตัวเดียวกับความเบิกบาน การได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้พบความมหัศจรรย์ (wonder) กับชีวิตนั่นแหละ

    เราจะเบิกบานได้มันมีองค์ประกอบสามสี่อย่าง

    หนึ่ง ก็คือเราต้องยอมรับ (acceptance) ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของเราให้ได้อย่างไม่มีเงื่อนไขก่อน หากเราไม่ยอมรับ เราก็จะเกร็ง จะสู้ หรือจะหนี นั่นก็คือภาวะเครียด ไม่ใช่เบิกบาน

    สอง ก็คือใจเราต้องสงบเย็น (peace) ให้ได้ก่อน ใจเราไม่สงบเพราะมันมีความคิด ดังนั้นเราต้องฝึกวางความคิดก่อน

    สาม ก็คือเราต้องผ่อนคลาย (relax) กล้ามเนื้อของเราก่อน เอาง่ายๆ ดูที่ใบหน้าของเราก็ได้ กล้ามเนื้ออื่นๆบนใบหน้า 42 มัดต้องผ่อนคลายก่อน กล้ามเนื้อ zygomaticus จึงจะหดตัวให้เรายิ้มที่มุมปากได้

    สี่ ก็คือความเบิกบานมันมีธรรมชาติเป็นความปลาบปลื้มตามหลังการได้แสดงความรักความเมตตา (love) มันตามกันมาโดยเราไม่รู้ตัว แค่เราโปรยข้าวให้ปลากิน หรือแค่เราปลูกต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ให้คนอื่นได้ชื่นชม เราก็ปลื้มแล้ว ความปลื้มนั้นแหละคือ Joy

    สี่อย่างนี้ คือ การยอมรับ ความสงบเย็น ความผ่อนคลาย ความเมตตา หรือถ้าพูดเป็นภาษาอังกฤษก็คือ acceptance, peace, relax, love มันนำมาสู่ความเบิกบาน หรือ joy ซึ่งได้ขาดหายไปจากชีวิตของเรามานานพอควร

    เราจะต้องปะติดปะต่อจิ๊กซอว์สี่ตัวนี้เข้าด้วยกันให้ได้ โดยในแค้มปื Spiritual Retreat นี้เราจะโฟกัสที่การฝึกวางความคิดให้เป็น ซึ่งจะเป็นเหตุนำให้เราสงบเย็น เราจะฝึกการผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วย แค่ทำสองอย่างนี้ให้เก่ง อีกสองอย่าง คือการยอมรับและเมตตาธรรม มันจะค่อยๆเกิดขึ้นในใจของเราเองอย่างง่ายๆ เพราะแท้จริงเมตตาธรรมมันเป็นแก่นแท้หรือส่วนลึกที่สุดของใจเราอยู่แล้ว ขอเพียงแต่อย่าให้ความคิดมาเบรคหรือบดบังมันแต่นั้นแหละ

    นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

    ที่มา: บทความสุขภาพ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ | 7 พ.ย. 67
    2/1/68 ความเบิกบาย หมอสันต์พูดกับสมาชิกที่มาเข้าแค้มป์ Spiritual Retreat สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)หรือพูดอีกอย่างได้ว่าชีวิตนี้ถ้ามีสิ่งเดียวแล้วสิ่งอื่นไม่ต้องมีก็ได้ สิ่งนั้นก็คือความเบิกบาน (Joy) เพราะชีวิตเราทุกวันนี้เรามุ่งหน้าดั้นด้นค้นหาความสุข ซึ่งมันก็ตัวเดียวกับความเบิกบาน การได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้พบความมหัศจรรย์ (wonder) กับชีวิตนั่นแหละ เราจะเบิกบานได้มันมีองค์ประกอบสามสี่อย่าง หนึ่ง ก็คือเราต้องยอมรับ (acceptance) ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของเราให้ได้อย่างไม่มีเงื่อนไขก่อน หากเราไม่ยอมรับ เราก็จะเกร็ง จะสู้ หรือจะหนี นั่นก็คือภาวะเครียด ไม่ใช่เบิกบาน สอง ก็คือใจเราต้องสงบเย็น (peace) ให้ได้ก่อน ใจเราไม่สงบเพราะมันมีความคิด ดังนั้นเราต้องฝึกวางความคิดก่อน สาม ก็คือเราต้องผ่อนคลาย (relax) กล้ามเนื้อของเราก่อน เอาง่ายๆ ดูที่ใบหน้าของเราก็ได้ กล้ามเนื้ออื่นๆบนใบหน้า 42 มัดต้องผ่อนคลายก่อน กล้ามเนื้อ zygomaticus จึงจะหดตัวให้เรายิ้มที่มุมปากได้ สี่ ก็คือความเบิกบานมันมีธรรมชาติเป็นความปลาบปลื้มตามหลังการได้แสดงความรักความเมตตา (love) มันตามกันมาโดยเราไม่รู้ตัว แค่เราโปรยข้าวให้ปลากิน หรือแค่เราปลูกต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ให้คนอื่นได้ชื่นชม เราก็ปลื้มแล้ว ความปลื้มนั้นแหละคือ Joy สี่อย่างนี้ คือ การยอมรับ ความสงบเย็น ความผ่อนคลาย ความเมตตา หรือถ้าพูดเป็นภาษาอังกฤษก็คือ acceptance, peace, relax, love มันนำมาสู่ความเบิกบาน หรือ joy ซึ่งได้ขาดหายไปจากชีวิตของเรามานานพอควร เราจะต้องปะติดปะต่อจิ๊กซอว์สี่ตัวนี้เข้าด้วยกันให้ได้ โดยในแค้มปื Spiritual Retreat นี้เราจะโฟกัสที่การฝึกวางความคิดให้เป็น ซึ่งจะเป็นเหตุนำให้เราสงบเย็น เราจะฝึกการผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วย แค่ทำสองอย่างนี้ให้เก่ง อีกสองอย่าง คือการยอมรับและเมตตาธรรม มันจะค่อยๆเกิดขึ้นในใจของเราเองอย่างง่ายๆ เพราะแท้จริงเมตตาธรรมมันเป็นแก่นแท้หรือส่วนลึกที่สุดของใจเราอยู่แล้ว ขอเพียงแต่อย่าให้ความคิดมาเบรคหรือบดบังมันแต่นั้นแหละ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ที่มา: บทความสุขภาพ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ | 7 พ.ย. 67
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • โลกออนไลน์กลับมาแชร์อีกครั้งคลิป “แบงค์ เลสเตอร์” เคยโพสต์ข้อความสุดเศร้าเมื่อปีที่แล้ว ระบุ “ชีวิตคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ครับ ผมยอมโดนแกล้ง โดนดูถูก เพื่อแลกกับเงินมาจุนเจือครอบครัว”

    จากกรณี “แบงค์ เลสเตอร์” อินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่โด่งดังจากแร็ปขายพวงมาลัยเลี้ยงดูแลคุณยาย ที่ต้องมาจบชีวิตลงเพราะคาดว่ามาจากการถูกจ้างดื่มเหล้าให้หมดแบนจากกลุ่มอินฟลูฯ ตลาดล่าง ทำคอนเทนต์ขยะเพื่อแลกเงิน 3 หมื่น จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากวิจารณ์ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

    ล่าสุด วันนี้ (27 ธ.ค.) โลกออนไลน์ได้นำคลิปจาก TikTok ส่วนตัวของ “แบงค์ เลสเตอร์” กลับมาแชร์อีกครั้ง ซึ่งเป็นคลิปที่แบงค์ ถูกกลุ่มอินฟลูฯ ตลาดล่าง อย่าง “เบิร์ด วันว่างๆ” ทำคอนเทนต์แกล้งโดนการนำลูกแตงโมยีหัว พร้อมใส่เพลง ยิ้ม (Pretend) ศิลปิน โอ๊ต ปราโมทย์ - ป๊อบ ปองกูล กับเนื้อหาเพลงสุดเศร้า

    และนอกจากนี้ ระบุข้อความในแคปชันว่า “ชีวิตคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ครับ .. ผมยอมโดนแกล้ง โดนดูถูก .. เพื่อแลกกับเงินมาจุนเจือครอบครัว ✌️✌️✌️”

    #MGROnline #แบงค์เลสเตอร์
    โลกออนไลน์กลับมาแชร์อีกครั้งคลิป “แบงค์ เลสเตอร์” เคยโพสต์ข้อความสุดเศร้าเมื่อปีที่แล้ว ระบุ “ชีวิตคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ครับ ผมยอมโดนแกล้ง โดนดูถูก เพื่อแลกกับเงินมาจุนเจือครอบครัว” • จากกรณี “แบงค์ เลสเตอร์” อินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่โด่งดังจากแร็ปขายพวงมาลัยเลี้ยงดูแลคุณยาย ที่ต้องมาจบชีวิตลงเพราะคาดว่ามาจากการถูกจ้างดื่มเหล้าให้หมดแบนจากกลุ่มอินฟลูฯ ตลาดล่าง ทำคอนเทนต์ขยะเพื่อแลกเงิน 3 หมื่น จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากวิจารณ์ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น • ล่าสุด วันนี้ (27 ธ.ค.) โลกออนไลน์ได้นำคลิปจาก TikTok ส่วนตัวของ “แบงค์ เลสเตอร์” กลับมาแชร์อีกครั้ง ซึ่งเป็นคลิปที่แบงค์ ถูกกลุ่มอินฟลูฯ ตลาดล่าง อย่าง “เบิร์ด วันว่างๆ” ทำคอนเทนต์แกล้งโดนการนำลูกแตงโมยีหัว พร้อมใส่เพลง ยิ้ม (Pretend) ศิลปิน โอ๊ต ปราโมทย์ - ป๊อบ ปองกูล กับเนื้อหาเพลงสุดเศร้า • และนอกจากนี้ ระบุข้อความในแคปชันว่า “ชีวิตคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ครับ .. ผมยอมโดนแกล้ง โดนดูถูก .. เพื่อแลกกับเงินมาจุนเจือครอบครัว ✌️✌️✌️” • #MGROnline #แบงค์เลสเตอร์
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • โลกออนไลน์กลับมาแชร์อีกครั้งคลิป “แบงค์ เลสเตอร์” เคยโพสต์ข้อความสุดเศร้าเมื่อปีที่แล้ว ระบุ “ชีวิตคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ครับ ผมยอมโดนแกล้ง โดนดูถูก เพื่อแลกกับเงินมาจุนเจือครอบครัว”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000124481

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    โลกออนไลน์กลับมาแชร์อีกครั้งคลิป “แบงค์ เลสเตอร์” เคยโพสต์ข้อความสุดเศร้าเมื่อปีที่แล้ว ระบุ “ชีวิตคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ครับ ผมยอมโดนแกล้ง โดนดูถูก เพื่อแลกกับเงินมาจุนเจือครอบครัว” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000124481 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • บุคคลเปราะบาง เหยื่อคอนเทนต์

    การเสียชีวิตของนายธนาคาร คันธี หรือแบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์วัย 27 ปี เมื่อเวลา 03.40 น. วันที่ 26 ธ.ค. 2567 หลังรับคำท้าดื่มสุรา 350 มิลลิลิตรแบบรวดเดียวหมดแบน เพื่อแลกกับเงิน 30,000 บาท แล้วเกิดพิษแอลกอฮอล์เฉียบพลัน ภายในงานเลี้ยงร้านออมสินการเกษตร ของนายเอกชาติ มีพร้อม หรือเอ็ม เอกชาติ ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ซึ่งวันเกิดเหตุ แบงค์ เลสเตอร์ มากับนายธีระวัฒน์ ศรีรอด หรือเบิร์ด วันว่างๆ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง

    ที่น่าเศร้าก็คือ ครั้งหนึ่งแบงค์ เลสเตอร์ เคยโพสต์ข้อความว่า "ชีวิตคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ ผมยอมโดนแกล้ง ยอมโดนดูถูก เพื่อแลกกับเงินมาจุนเจือครอบครัว" พร้อมกับคลิปที่ตัวเองโดนแกล้งเอาแตงโมมาลูบหน้าบนช่องติ๊กต็อกเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2566 สังคมไทยเริ่มตื่นรู้กับพฤติกรรมที่เรียกว่าสวนสัตว์มนุษย์ (Human Zoo) ยุคนี้หมายถึงการนำบุคคลเปราะบางมากลั่นแกล้งแล้วผลิตคอนเทนต์เพื่อความบันเทิง แลกกับชื่อเสียงในวงการและรายได้ที่ตามมา

    ที่ผ่านมามีวีดีโอคลิปที่แบงค์ เลสเตอร์ ถูกอินฟลูเอนเซอร์บางคนกลั่นแกล้งเพื่อความสนุกในรูปแบบต่างๆ ทั้งการทำร้ายร่างกายหรือปะทะด้วยสิ่งของ การบังคับให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กินเจลหล่อลื่นที่ใช้ในการเพศสัมพันธ์ การนำปัสสาวะผสมเบียร์แล้วหลอกให้ดื่ม ต่างกรรมต่างวาระ แม้จะอ้างได้ว่าแบงค์ เลสเตอร์ ยินยอม แต่เป็นการยินยอมในลักษณะทำเพื่อเงิน ถูกบังคับทางอ้อมเพราะเป็นบุคคลเปราะบาง

    ที่น่าเศร้าก็คือ ยังมีคนที่เสพคอนเทนต์แบบนี้ เคยเหยียดบุคคลเปราะบาง เคยกดถูกใจ กดไลค์กดแชร์เพราะตลกขบขัน สะใจ ให้ความบันเทิงสนุกสนาน ไร้การกลั่นกรอง ปราศจากความรับผิดชอบ หนำซ้ำอัลกอริทึม (Algorithm) ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ทำให้อินฟลูเอนเซอร์ผู้กระทำมีชื่อเสียงขึ้นมา โซเชียลมีเดียตะวันตกแทบทุกค่าย ล้วนคัดเลือกคอนเทนต์เฉพาะสิ่งที่ผู้ใช้งานสนใจ หรืออยากรู้อยากเห็น แล้วระบบจะปรับจูนให้ ในขณะที่คอนเทนต์ดีๆ ถ้าไม่ใช้เงินซื้อจำนวนมากก็แทบถูกปิดกั้น

    เมื่อยอดไลค์ ยอดแชร์ ยอดวิว ทำให้อินฟลูเอนเซอร์บางคนหิวกระหาย ทำอะไรก็ได้เพื่อให้มีคนดู แต่ลืมความเป็นมนุษย์ จึงเกิดเหตุสลดขึ้นถึงขั้นพรากชีวิตไป แม้จะมีเสียงเรียกร้องให้เลิกสนับสนุนอินฟลูเอนเซอร์ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อเยาวชนและสังคม หันมาสนับสนุนคนทำคอนเทนต์ดีๆ แต่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไม่ดันให้ หนำซ้ำสังคมไทยเป็นพวกมือถือสากปากถือศีล ปากบอกว่าไม่แต่ใจถลำลึก วันเวลาผ่านไปเมื่อมีเหตุการณ์ใหม่เข้ามา สุดท้ายเรื่องนี้ก็ถูกลืมจากสังคม จางหายไปกับสายลมเช่นเคย

    #Newskit
    บุคคลเปราะบาง เหยื่อคอนเทนต์ การเสียชีวิตของนายธนาคาร คันธี หรือแบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์วัย 27 ปี เมื่อเวลา 03.40 น. วันที่ 26 ธ.ค. 2567 หลังรับคำท้าดื่มสุรา 350 มิลลิลิตรแบบรวดเดียวหมดแบน เพื่อแลกกับเงิน 30,000 บาท แล้วเกิดพิษแอลกอฮอล์เฉียบพลัน ภายในงานเลี้ยงร้านออมสินการเกษตร ของนายเอกชาติ มีพร้อม หรือเอ็ม เอกชาติ ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ซึ่งวันเกิดเหตุ แบงค์ เลสเตอร์ มากับนายธีระวัฒน์ ศรีรอด หรือเบิร์ด วันว่างๆ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ที่น่าเศร้าก็คือ ครั้งหนึ่งแบงค์ เลสเตอร์ เคยโพสต์ข้อความว่า "ชีวิตคนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ ผมยอมโดนแกล้ง ยอมโดนดูถูก เพื่อแลกกับเงินมาจุนเจือครอบครัว" พร้อมกับคลิปที่ตัวเองโดนแกล้งเอาแตงโมมาลูบหน้าบนช่องติ๊กต็อกเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2566 สังคมไทยเริ่มตื่นรู้กับพฤติกรรมที่เรียกว่าสวนสัตว์มนุษย์ (Human Zoo) ยุคนี้หมายถึงการนำบุคคลเปราะบางมากลั่นแกล้งแล้วผลิตคอนเทนต์เพื่อความบันเทิง แลกกับชื่อเสียงในวงการและรายได้ที่ตามมา ที่ผ่านมามีวีดีโอคลิปที่แบงค์ เลสเตอร์ ถูกอินฟลูเอนเซอร์บางคนกลั่นแกล้งเพื่อความสนุกในรูปแบบต่างๆ ทั้งการทำร้ายร่างกายหรือปะทะด้วยสิ่งของ การบังคับให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กินเจลหล่อลื่นที่ใช้ในการเพศสัมพันธ์ การนำปัสสาวะผสมเบียร์แล้วหลอกให้ดื่ม ต่างกรรมต่างวาระ แม้จะอ้างได้ว่าแบงค์ เลสเตอร์ ยินยอม แต่เป็นการยินยอมในลักษณะทำเพื่อเงิน ถูกบังคับทางอ้อมเพราะเป็นบุคคลเปราะบาง ที่น่าเศร้าก็คือ ยังมีคนที่เสพคอนเทนต์แบบนี้ เคยเหยียดบุคคลเปราะบาง เคยกดถูกใจ กดไลค์กดแชร์เพราะตลกขบขัน สะใจ ให้ความบันเทิงสนุกสนาน ไร้การกลั่นกรอง ปราศจากความรับผิดชอบ หนำซ้ำอัลกอริทึม (Algorithm) ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ทำให้อินฟลูเอนเซอร์ผู้กระทำมีชื่อเสียงขึ้นมา โซเชียลมีเดียตะวันตกแทบทุกค่าย ล้วนคัดเลือกคอนเทนต์เฉพาะสิ่งที่ผู้ใช้งานสนใจ หรืออยากรู้อยากเห็น แล้วระบบจะปรับจูนให้ ในขณะที่คอนเทนต์ดีๆ ถ้าไม่ใช้เงินซื้อจำนวนมากก็แทบถูกปิดกั้น เมื่อยอดไลค์ ยอดแชร์ ยอดวิว ทำให้อินฟลูเอนเซอร์บางคนหิวกระหาย ทำอะไรก็ได้เพื่อให้มีคนดู แต่ลืมความเป็นมนุษย์ จึงเกิดเหตุสลดขึ้นถึงขั้นพรากชีวิตไป แม้จะมีเสียงเรียกร้องให้เลิกสนับสนุนอินฟลูเอนเซอร์ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อเยาวชนและสังคม หันมาสนับสนุนคนทำคอนเทนต์ดีๆ แต่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไม่ดันให้ หนำซ้ำสังคมไทยเป็นพวกมือถือสากปากถือศีล ปากบอกว่าไม่แต่ใจถลำลึก วันเวลาผ่านไปเมื่อมีเหตุการณ์ใหม่เข้ามา สุดท้ายเรื่องนี้ก็ถูกลืมจากสังคม จางหายไปกับสายลมเช่นเคย #Newskit
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 626 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลายเป็นดรามาเดือดบนโลกออนไลน์ กรณีการเสียชีวิตของ “แบงค์ เลสเตอร์” หรือ “ธนาคาร คันธี” วัย 21 ปี อินฟลูเอนเซอร์ที่ดังจากการแรปขายพวงมาลัยเลี้ยงคุณยาย เสียชีวิตจากการช็อกดับ หลังถูกจ้างให้ดื่มเหล้าหมดแบน แลกเงิน 3 หมื่นบาท

    ด้านผกก.ชื่อดังอย่าง “พชร์ อานนท์” ที่เคยมีประเด็นกับแบงค์ เลสเตอร์ในปี 66 ได้โพสต์ข้อความอาลัย ยอมรับตกใจที่เห็นข่าวนี้ “RIP เห็นข่าวแล้วตกใจเหมือนกัน ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวอะไรกับน้องเลย แต่เห็นน้องใช้ชีวิตแล้วน่าเป็นห่วงมาก เห็นในตต(ติ๊กต๊อก) บ่อยๆ เสียใจกับการจากไป ขออโหสิกรรมน้องด้วยที่เคยเป็นข่าวตอนนั้น พี่ไม่ได้ว่าอะไรกับน้องเลยก็บอกไปตามตรงว่าไม่รู้ว่า ขึ้นสวรรค์เป็นเทวดาน้อยๆ นะน้องนะ น้องอยู่วัดไหนอยากส่งพวงหรีดไปให้ ใครรู้บอกหน่อยนะ!! อนิจจาชีวิตคนเราไม่แน่นอนจริงๆ”อย่างไรก็ตาม ในเดือนก.พ.ปี 66 พชร์ อานนท์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงรายการตีสิบ หลังได้เชิญ แบงค์ เลสเตอร์ ซึ่งอ้างว่าได้เสนอขายพวงมาลัยให้กับพชร์ อานนท์ และร้องแรปให้พชร์ฟัง จนพชร์สนใจ บอกให้มาร่วมแคสติ้งงานหนังด้วยกัน จนกระทั่งแคสงานผ่าน ได้เล่นหนังของพชร์ อานนท์ ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวยืนยันไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า แล้วจะชวนเข้าวงการได้อย่างไร พร้อมฉะตีสิบก่อนเสนอข่าวให้หาข้อมูลหน่อยได้ไหม และขอให้น้องหยุดเอาชื่อตนเองไปแอบอ้าง

    #MGROnline #แบงค์เลสเตอร์
    กลายเป็นดรามาเดือดบนโลกออนไลน์ กรณีการเสียชีวิตของ “แบงค์ เลสเตอร์” หรือ “ธนาคาร คันธี” วัย 21 ปี อินฟลูเอนเซอร์ที่ดังจากการแรปขายพวงมาลัยเลี้ยงคุณยาย เสียชีวิตจากการช็อกดับ หลังถูกจ้างให้ดื่มเหล้าหมดแบน แลกเงิน 3 หมื่นบาท • ด้านผกก.ชื่อดังอย่าง “พชร์ อานนท์” ที่เคยมีประเด็นกับแบงค์ เลสเตอร์ในปี 66 ได้โพสต์ข้อความอาลัย ยอมรับตกใจที่เห็นข่าวนี้ “RIP เห็นข่าวแล้วตกใจเหมือนกัน ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวอะไรกับน้องเลย แต่เห็นน้องใช้ชีวิตแล้วน่าเป็นห่วงมาก เห็นในตต(ติ๊กต๊อก) บ่อยๆ เสียใจกับการจากไป ขออโหสิกรรมน้องด้วยที่เคยเป็นข่าวตอนนั้น พี่ไม่ได้ว่าอะไรกับน้องเลยก็บอกไปตามตรงว่าไม่รู้ว่า ขึ้นสวรรค์เป็นเทวดาน้อยๆ นะน้องนะ น้องอยู่วัดไหนอยากส่งพวงหรีดไปให้ ใครรู้บอกหน่อยนะ!! อนิจจาชีวิตคนเราไม่แน่นอนจริงๆ”อย่างไรก็ตาม ในเดือนก.พ.ปี 66 พชร์ อานนท์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงรายการตีสิบ หลังได้เชิญ แบงค์ เลสเตอร์ ซึ่งอ้างว่าได้เสนอขายพวงมาลัยให้กับพชร์ อานนท์ และร้องแรปให้พชร์ฟัง จนพชร์สนใจ บอกให้มาร่วมแคสติ้งงานหนังด้วยกัน จนกระทั่งแคสงานผ่าน ได้เล่นหนังของพชร์ อานนท์ ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวยืนยันไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า แล้วจะชวนเข้าวงการได้อย่างไร พร้อมฉะตีสิบก่อนเสนอข่าวให้หาข้อมูลหน่อยได้ไหม และขอให้น้องหยุดเอาชื่อตนเองไปแอบอ้าง • #MGROnline #แบงค์เลสเตอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่ารู้สึกผิดถ้าคุณไม่รักพ่อแม่ แต่จงรู้คุณและคิดตอบแทนในชีวิตคนเรา ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก ซึ่งไม่สามารถบังคับกันได้โดยตรง เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูก ความรักระหว่างกันอาจเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แต่สิ่งสำคัญที่เหนือกว่าความรักคือ "การตอบแทนบุญคุณ" ที่พ่อแม่มีต่อเราความรู้สึกต่อพ่อแม่: เข้าใจ ไม่ใช่ฝืนใจรัก1. ความรู้สึกเป็นสิ่งบังคับไม่ได้หากเราตัดสถานะพ่อแม่ออกไป แล้วมองพวกท่านในฐานะบุคคลทั่วไป อารมณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างกันก็อาจเป็นทั้งความขัดเคือง ความไม่พอใจ หรือแม้กระทั่งความโกรธ แต่สิ่งสำคัญคือ การยอมรับว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความสัมพันธ์กัน2. ไม่ต้องฝืนใจ แต่ให้ "เข้าใจ"แทนที่จะเค้นใจให้รักพ่อแม่ ให้เริ่มต้นด้วยความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ของพวกท่าน พ่อแม่ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีข้อดีและข้อเสีย มีความยึดติดและอารมณ์เฉพาะตัว เช่นเดียวกับเรา หากมองเห็นความจริงนี้ได้ เราก็จะเริ่มปล่อยวาง และให้อภัยในสิ่งที่พวกท่านทำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสงบในใจเราเอง---การตอบแทนบุญคุณ: หาค่าของพ่อแม่ให้เจอ1. ค่าของชีวิตเริ่มต้นจากพ่อแม่ชีวิตของเรามีขึ้นมาได้เพราะพ่อแม่ หากไม่มีพวกท่าน เราก็ไม่มีโอกาสได้หาค่าของชีวิตหรือสร้างบุญสร้างกุศลในโลกนี้ การตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่จึงเริ่มต้นจากการ "เห็นคุณค่า" ของพวกท่านในฐานะผู้ให้ชีวิต2. ความกตัญญู: รู้คุณคนความกตัญญูคือการรับรู้และนึกถึงบุญคุณที่พ่อแม่ทำไว้ การเข้าใจว่าท่านมีส่วนช่วยให้เรามีชีวิตและโอกาสในวันนี้ แม้การตอบแทนบุญคุณในรูปแบบที่เป็นรูปธรรมอาจยังไม่ชัดเจน แต่ความกตัญญูคือจุดเริ่มต้นที่จะแปรเปลี่ยนเป็นการตอบแทนในภายหลัง3. กตเวที: การลงมือทำเมื่อมีความกตัญญูในใจแล้ว ความอยากตอบแทนจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องบังคับ เช่น การดูแลพ่อแม่ในยามเจ็บป่วย การแสดงความห่วงใย หรือการปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงเป็นการตอบแทนบุญคุณ แต่ยังเป็นการสร้างความสุขให้กับตัวเราเอง---วางใจต่อบาปบุญ และมุ่งสู่การหลุดพ้น1. ถือสาเฉพาะสิ่งที่ควรถือสาสิ่งที่เราควรใส่ใจที่สุดคือบาปบุญของตัวเอง หากมองว่าพ่อแม่มีบุญคุณล้นพ้นต่อเรา การกระทบกระทั่งหรือความทุกข์ใจใดๆ ที่เกิดขึ้นจากพวกท่านก็เป็นเรื่องเล็กน้อย2. ความทุกข์จากพ่อแม่คือบทเรียนทุกข์ที่เกิดจากความสัมพันธ์กับพ่อแม่อาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยปลดปล่อยเราออกจากความยึดติดและอยากเกิดในอนาคต การยอมรับและให้อภัยในเรื่องเหล่านี้คือหนทางหนึ่งที่ช่วยนำเราเข้าใกล้นิพพาน---สรุปอย่ารู้สึกผิดหากคุณไม่สามารถรักพ่อแม่ได้ในทันที เพราะความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกที่บังคับไม่ได้ แต่จงฝึก "ความเข้าใจ" และ "ความกตัญญู" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการตอบแทนบุญคุณอย่างแท้จริง การตอบแทนไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ แต่เพียงการปฏิบัติต่อพวกท่านด้วยความเคารพและใส่ใจก็เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของเราและพ่อแม่มีความหมายมากขึ้น.
    อย่ารู้สึกผิดถ้าคุณไม่รักพ่อแม่ แต่จงรู้คุณและคิดตอบแทนในชีวิตคนเรา ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก ซึ่งไม่สามารถบังคับกันได้โดยตรง เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูก ความรักระหว่างกันอาจเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แต่สิ่งสำคัญที่เหนือกว่าความรักคือ "การตอบแทนบุญคุณ" ที่พ่อแม่มีต่อเราความรู้สึกต่อพ่อแม่: เข้าใจ ไม่ใช่ฝืนใจรัก1. ความรู้สึกเป็นสิ่งบังคับไม่ได้หากเราตัดสถานะพ่อแม่ออกไป แล้วมองพวกท่านในฐานะบุคคลทั่วไป อารมณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างกันก็อาจเป็นทั้งความขัดเคือง ความไม่พอใจ หรือแม้กระทั่งความโกรธ แต่สิ่งสำคัญคือ การยอมรับว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความสัมพันธ์กัน2. ไม่ต้องฝืนใจ แต่ให้ "เข้าใจ"แทนที่จะเค้นใจให้รักพ่อแม่ ให้เริ่มต้นด้วยความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ของพวกท่าน พ่อแม่ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีข้อดีและข้อเสีย มีความยึดติดและอารมณ์เฉพาะตัว เช่นเดียวกับเรา หากมองเห็นความจริงนี้ได้ เราก็จะเริ่มปล่อยวาง และให้อภัยในสิ่งที่พวกท่านทำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสงบในใจเราเอง---การตอบแทนบุญคุณ: หาค่าของพ่อแม่ให้เจอ1. ค่าของชีวิตเริ่มต้นจากพ่อแม่ชีวิตของเรามีขึ้นมาได้เพราะพ่อแม่ หากไม่มีพวกท่าน เราก็ไม่มีโอกาสได้หาค่าของชีวิตหรือสร้างบุญสร้างกุศลในโลกนี้ การตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่จึงเริ่มต้นจากการ "เห็นคุณค่า" ของพวกท่านในฐานะผู้ให้ชีวิต2. ความกตัญญู: รู้คุณคนความกตัญญูคือการรับรู้และนึกถึงบุญคุณที่พ่อแม่ทำไว้ การเข้าใจว่าท่านมีส่วนช่วยให้เรามีชีวิตและโอกาสในวันนี้ แม้การตอบแทนบุญคุณในรูปแบบที่เป็นรูปธรรมอาจยังไม่ชัดเจน แต่ความกตัญญูคือจุดเริ่มต้นที่จะแปรเปลี่ยนเป็นการตอบแทนในภายหลัง3. กตเวที: การลงมือทำเมื่อมีความกตัญญูในใจแล้ว ความอยากตอบแทนจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องบังคับ เช่น การดูแลพ่อแม่ในยามเจ็บป่วย การแสดงความห่วงใย หรือการปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงเป็นการตอบแทนบุญคุณ แต่ยังเป็นการสร้างความสุขให้กับตัวเราเอง---วางใจต่อบาปบุญ และมุ่งสู่การหลุดพ้น1. ถือสาเฉพาะสิ่งที่ควรถือสาสิ่งที่เราควรใส่ใจที่สุดคือบาปบุญของตัวเอง หากมองว่าพ่อแม่มีบุญคุณล้นพ้นต่อเรา การกระทบกระทั่งหรือความทุกข์ใจใดๆ ที่เกิดขึ้นจากพวกท่านก็เป็นเรื่องเล็กน้อย2. ความทุกข์จากพ่อแม่คือบทเรียนทุกข์ที่เกิดจากความสัมพันธ์กับพ่อแม่อาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยปลดปล่อยเราออกจากความยึดติดและอยากเกิดในอนาคต การยอมรับและให้อภัยในเรื่องเหล่านี้คือหนทางหนึ่งที่ช่วยนำเราเข้าใกล้นิพพาน---สรุปอย่ารู้สึกผิดหากคุณไม่สามารถรักพ่อแม่ได้ในทันที เพราะความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกที่บังคับไม่ได้ แต่จงฝึก "ความเข้าใจ" และ "ความกตัญญู" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการตอบแทนบุญคุณอย่างแท้จริง การตอบแทนไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ แต่เพียงการปฏิบัติต่อพวกท่านด้วยความเคารพและใส่ใจก็เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของเราและพ่อแม่มีความหมายมากขึ้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 389 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แหกกรงความรู้สึก: วิธีปลดล็อกใจจากพันธนาการที่มองไม่เห็น"---ชีวิตคนเราอาจดูเหมือนมีอิสระ แต่หลายครั้งกลับถูกกักขังใน "กรง" ที่สร้างขึ้นโดยความรู้สึกและความคิดของตัวเอง กรงเหล่านี้อาจดูไร้ตัวตน แต่กลับส่งผลต่อจิตใจอย่างมหาศาล หากปล่อยไว้ อาจทำให้ชีวิตจมอยู่กับความเบื่อหน่าย ฟุ้งซ่าน หรือรู้สึกผิดจนไม่สามารถเดินหน้าต่อได้กรงแห่งความเหม่อลอย: "เมื่อชีวิตไม่มีเป้าหมาย"บางคนอาจรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองทั้งที่ชีวิตไม่ได้ย่ำแย่ อาจเป็นเพราะไม่มีแรงจูงใจ เช่น มีความมั่นคงทางการเงิน หรือมีคนคอยดูแลจนไม่ต้องดิ้นรน วิธีแหกกรงนี้ คือ หางานที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น เมื่อเราได้ช่วยเหลือคนอื่น ความรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าจะค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ความเบื่อหน่ายที่เคยกัดกินหัวใจจะถูกแทนที่ด้วยความอิ่มเอมใจจากการสร้างคุณค่าให้ผู้อื่น---กรงแห่งความฟุ้งซ่าน: "เมื่อใจจับจด ไม่รู้จะทำอะไร"การมีงานประจำเพื่อเลี้ยงตัว แต่ขาดงานที่เลี้ยงใจ อาจทำให้เกิดความฟุ้งซ่าน ขาดสมาธิ และรู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่ทำ วิธีแหกกรงนี้ คือ หางานอดิเรกที่รักและสนุกกับมัน งานอดิเรกช่วยให้เกิดความใจจดใจจ่อ มีเป้าหมายที่จับต้องได้ และความคืบหน้าที่สร้างความภาคภูมิใจ เมื่อโฟกัสอยู่กับสิ่งที่รัก ความฟุ้งซ่านจะค่อยๆ จางหายไป---กรงแห่งความรู้สึกผิดบาป: "เมื่อใจคาอยู่กับอดีต"บางคนอาจตกอยู่ในกรงแห่งความทรมานจากการทำผิดในอดีต แม้พยายามหลอกตัวเองว่า "ไม่เป็นไร" แต่ลึกๆ ใจก็ยังรู้สึกผิดและคาใจ วิธีแหกกรงนี้ คือ ทำงานบุญหรือกุศลเพื่อหักล้างความผิด การช่วยเหลือและเยียวยาผู้อื่นในทางตรงข้ามกับสิ่งที่เคยทำผิด จะช่วยให้จิตใจสงบลงและตั้งหลักใหม่ได้อย่างมั่นคง---งาน: กุญแจไขกรงความรู้สึกงานในที่นี้ไม่ใช่แค่งานที่ต้องทำเพื่อเลี้ยงชีวิต แต่งานทุกประเภท—ไม่ว่าจะเป็นงานที่ช่วยเหลือผู้อื่น งานอดิเรกที่รัก หรือแม้แต่งานบุญ—ล้วนเป็นเครื่องมือที่ช่วยเราหลุดพ้นจากกรงความรู้สึกที่ฉุดรั้งชีวิตให้อยู่กับที่ หากเลือกงานให้เหมาะสมกับกรงที่ขังใจ คุณจะพบว่า ทุกงานช่วยให้ชีวิตมีความหมายและเคลื่อนไปข้างหน้าได้อีกครั้ง---บทสรุป:การติดอยู่ในกรงความรู้สึกอาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หากปล่อยไว้ กรงเหล่านี้สามารถกัดกร่อนจิตใจและชีวิตได้ วิธีแหกกรงที่ดีที่สุด คือการหางานที่ใช่และเหมาะกับสถานการณ์ของตัวเอง ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานที่สร้างคุณค่าให้ผู้อื่น งานที่เลี้ยงจิตใจตัวเอง หรือเป็นงานที่ช่วยชำระล้างความผิดในอดีต การลุกขึ้นมาทำงาน คือก้าวแรกของการออกจากกรง และเดินหน้าไปสู่ชีวิตที่มีความสุขและความหมายอีกครั้ง!
    "แหกกรงความรู้สึก: วิธีปลดล็อกใจจากพันธนาการที่มองไม่เห็น"---ชีวิตคนเราอาจดูเหมือนมีอิสระ แต่หลายครั้งกลับถูกกักขังใน "กรง" ที่สร้างขึ้นโดยความรู้สึกและความคิดของตัวเอง กรงเหล่านี้อาจดูไร้ตัวตน แต่กลับส่งผลต่อจิตใจอย่างมหาศาล หากปล่อยไว้ อาจทำให้ชีวิตจมอยู่กับความเบื่อหน่าย ฟุ้งซ่าน หรือรู้สึกผิดจนไม่สามารถเดินหน้าต่อได้กรงแห่งความเหม่อลอย: "เมื่อชีวิตไม่มีเป้าหมาย"บางคนอาจรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองทั้งที่ชีวิตไม่ได้ย่ำแย่ อาจเป็นเพราะไม่มีแรงจูงใจ เช่น มีความมั่นคงทางการเงิน หรือมีคนคอยดูแลจนไม่ต้องดิ้นรน วิธีแหกกรงนี้ คือ หางานที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น เมื่อเราได้ช่วยเหลือคนอื่น ความรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าจะค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ความเบื่อหน่ายที่เคยกัดกินหัวใจจะถูกแทนที่ด้วยความอิ่มเอมใจจากการสร้างคุณค่าให้ผู้อื่น---กรงแห่งความฟุ้งซ่าน: "เมื่อใจจับจด ไม่รู้จะทำอะไร"การมีงานประจำเพื่อเลี้ยงตัว แต่ขาดงานที่เลี้ยงใจ อาจทำให้เกิดความฟุ้งซ่าน ขาดสมาธิ และรู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่ทำ วิธีแหกกรงนี้ คือ หางานอดิเรกที่รักและสนุกกับมัน งานอดิเรกช่วยให้เกิดความใจจดใจจ่อ มีเป้าหมายที่จับต้องได้ และความคืบหน้าที่สร้างความภาคภูมิใจ เมื่อโฟกัสอยู่กับสิ่งที่รัก ความฟุ้งซ่านจะค่อยๆ จางหายไป---กรงแห่งความรู้สึกผิดบาป: "เมื่อใจคาอยู่กับอดีต"บางคนอาจตกอยู่ในกรงแห่งความทรมานจากการทำผิดในอดีต แม้พยายามหลอกตัวเองว่า "ไม่เป็นไร" แต่ลึกๆ ใจก็ยังรู้สึกผิดและคาใจ วิธีแหกกรงนี้ คือ ทำงานบุญหรือกุศลเพื่อหักล้างความผิด การช่วยเหลือและเยียวยาผู้อื่นในทางตรงข้ามกับสิ่งที่เคยทำผิด จะช่วยให้จิตใจสงบลงและตั้งหลักใหม่ได้อย่างมั่นคง---งาน: กุญแจไขกรงความรู้สึกงานในที่นี้ไม่ใช่แค่งานที่ต้องทำเพื่อเลี้ยงชีวิต แต่งานทุกประเภท—ไม่ว่าจะเป็นงานที่ช่วยเหลือผู้อื่น งานอดิเรกที่รัก หรือแม้แต่งานบุญ—ล้วนเป็นเครื่องมือที่ช่วยเราหลุดพ้นจากกรงความรู้สึกที่ฉุดรั้งชีวิตให้อยู่กับที่ หากเลือกงานให้เหมาะสมกับกรงที่ขังใจ คุณจะพบว่า ทุกงานช่วยให้ชีวิตมีความหมายและเคลื่อนไปข้างหน้าได้อีกครั้ง---บทสรุป:การติดอยู่ในกรงความรู้สึกอาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หากปล่อยไว้ กรงเหล่านี้สามารถกัดกร่อนจิตใจและชีวิตได้ วิธีแหกกรงที่ดีที่สุด คือการหางานที่ใช่และเหมาะกับสถานการณ์ของตัวเอง ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานที่สร้างคุณค่าให้ผู้อื่น งานที่เลี้ยงจิตใจตัวเอง หรือเป็นงานที่ช่วยชำระล้างความผิดในอดีต การลุกขึ้นมาทำงาน คือก้าวแรกของการออกจากกรง และเดินหน้าไปสู่ชีวิตที่มีความสุขและความหมายอีกครั้ง!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคนเรามันเป็นเหมือนทะเล
    ที่เต็มไปด้วยคลื่นลม
    และเรื่องราวคาดเดาไม่ได้
    ในบางช่วงชีวิตเราอาจเป็นลูกเรือ
    ที่มีกัปตันคอยประดับประคอง
    ให้ข้ามผ่านสถานการณ์เลวร้าย
    บังคับเรือไปตามทิศทางที่ถูกต้อง
    แต่ว่าวันหนึ่งเราทุกคน
    ก็ต้องบังคับเรือแต่ละลำของตัวเอง
    โดยไม่มีกับตันอีกต่อไป

    จากหนังสือ |เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่ #นิ้วกลม
    ชีวิตคนเรามันเป็นเหมือนทะเล ที่เต็มไปด้วยคลื่นลม และเรื่องราวคาดเดาไม่ได้ ในบางช่วงชีวิตเราอาจเป็นลูกเรือ ที่มีกัปตันคอยประดับประคอง ให้ข้ามผ่านสถานการณ์เลวร้าย บังคับเรือไปตามทิศทางที่ถูกต้อง แต่ว่าวันหนึ่งเราทุกคน ก็ต้องบังคับเรือแต่ละลำของตัวเอง โดยไม่มีกับตันอีกต่อไป จากหนังสือ |เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่ #นิ้วกลม
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคนเรา มีทางออกเสมอ หากเรามีสติ และ ไม่ละความพยายาม
    ชีวิตคนเรา มีทางออกเสมอ หากเรามีสติ และ ไม่ละความพยายาม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • 🍀🌸🍃🍀🌸🍃🍀🌸🍃
    เช้านี้ที่...#วังน้ำเขียว
    “ ชีวิตคนเรามันก็เป็นเช่นนี้ บางทีก็ยิ้มจนลืมทุกข์ บางทีก็ทุกข์จนลืมยิ้ม รู้สึกตัวเมื่อไร ก็อวยพรให้ตัวเองเข้มแข็ง แล้วใจเย็นกับทุกวันของการใช้ชีวิต ”
    #สะบายดียามเช้า
    #มีความสุขสนุกกับการทำงานทั้งวัน
    ┏━┓┏━┓°•.º° .☼.
    ┃┋┗┛┋┃╭╮╭╮╭╮╮╭
    ┃┋┏┓┋┃┣┫┣╯┣╯╰┫
    ┗━┛┗━┛┻┻┻┉┻┉╰╯
    ☁☀☁♪ Tuesday ♫🌴🏰♣🌾♧ 🌷
    🍀🌸🍃🍀🌸🍃🍀🌸🍃 เช้านี้ที่...#วังน้ำเขียว “ ชีวิตคนเรามันก็เป็นเช่นนี้ บางทีก็ยิ้มจนลืมทุกข์ บางทีก็ทุกข์จนลืมยิ้ม รู้สึกตัวเมื่อไร ก็อวยพรให้ตัวเองเข้มแข็ง แล้วใจเย็นกับทุกวันของการใช้ชีวิต ” #สะบายดียามเช้า #มีความสุขสนุกกับการทำงานทั้งวัน ┏━┓┏━┓°•.º° .☼. ┃┋┗┛┋┃╭╮╭╮╭╮╮╭ ┃┋┏┓┋┃┣┫┣╯┣╯╰┫ ┗━┛┗━┛┻┻┻┉┻┉╰╯ ☁☀☁♪ Tuesday ♫🌴🏰♣🌾♧ 🌷
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความสุขในชีวิตคนเรา
    ไม่เคยเกิดขึ้นจากจำนวนหรือปริมาณที่มากมาย
    มันมักเกิดขึ้นจากคุณภาพในจำนวนน้อย

    จากหนังสือ |เหตุใดเราจึงยังมีชีวิตอยู่

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เหตุใดเราจึงยังมีชีวิตอยู่
    ความสุขในชีวิตคนเรา ไม่เคยเกิดขึ้นจากจำนวนหรือปริมาณที่มากมาย มันมักเกิดขึ้นจากคุณภาพในจำนวนน้อย จากหนังสือ |เหตุใดเราจึงยังมีชีวิตอยู่ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เหตุใดเราจึงยังมีชีวิตอยู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมตตาธรรมค้ำจุนโลกในวันครบรอบวันเกิด 77 ปีของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล

    7 พฤศจิกายน 2567 - เฟซบุ๊ก ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ รายงานว่า เมื่อเวลา 10.30น. คุณสนธิ ลิ้มทองกุล รอต้อนรับคุณ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่เชิงบันไดบ้านพระอาทิตย์ ที่มาอวยพรในวันเกิดของสนธิ โดยคุณสนธิได้เข้าสวมกอดคุณชูวิทย์ทันทีที่ลงจากรถ ก่อนที่คุณชูวิทย์จะมอบพวงมาลัยขอขมาคุณสนธิซึ่งร่วมเดินประคองชูวิทย์เข้าไปสนทนาปราศรัยในบ้านพระอาทิตย์

    สำหรับคุณชูวิทย์ได้กลับมาประเทศไทยเมื่อ 4 พฤศจิกายน2567ที่ผ่านมา หลังจากเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งต่อเนื่องที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเริ่มรักษามาตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา

    การกลับมาไทยของคุณชูวิทย์ครั้งนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในคดีนาย สันธนะ ประยูรรัตน์ ยื่นฟ้องฐานหมิ่นประมาท โดยก่อนหน้านี้คุณชูวิทย์ยื่นขอเลื่อนนัดศาล เพื่อรักษาอาการป่วยตามกระบวนการจนครบขั้นตอนที่กำหนด ซึ่งทุกศาลอนุญาตให้เลื่อนจนถึงปัจจุบัน ขณะที่มีการเปิดเผยด้วยว่า คุณชูวิทย์ได้ฝากขอโทษพี่สนธิผ่านนายสันธนะ

    ในเวลาต่อมา คุณสนธิได้พูดผ่านรายการ”สนธิเล่าเรื่อง“ถึงคุณชูวิทย์ว่า อยากจบะอกว่า ลืมไปหมดแล้ว และขอให้หายไวไว
    .
    "เรื่องของคุณชูวิทย์ ด้วยความสัตย์จริง ผมลืมไปหมดแล้ว ในชีวิตคนเราการอภัยให้กันเป็นเรื่องยาก แต่การลืมไปเลยยากกว่า ซึ่งผมลืมไปแล้วจริงๆ ไม่ได้โกหก"

    ที่มา https://www.facebook.com/share/188j7SrCpa/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    เมตตาธรรมค้ำจุนโลกในวันครบรอบวันเกิด 77 ปีของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล 7 พฤศจิกายน 2567 - เฟซบุ๊ก ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ รายงานว่า เมื่อเวลา 10.30น. คุณสนธิ ลิ้มทองกุล รอต้อนรับคุณ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่เชิงบันไดบ้านพระอาทิตย์ ที่มาอวยพรในวันเกิดของสนธิ โดยคุณสนธิได้เข้าสวมกอดคุณชูวิทย์ทันทีที่ลงจากรถ ก่อนที่คุณชูวิทย์จะมอบพวงมาลัยขอขมาคุณสนธิซึ่งร่วมเดินประคองชูวิทย์เข้าไปสนทนาปราศรัยในบ้านพระอาทิตย์ สำหรับคุณชูวิทย์ได้กลับมาประเทศไทยเมื่อ 4 พฤศจิกายน2567ที่ผ่านมา หลังจากเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งต่อเนื่องที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเริ่มรักษามาตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา การกลับมาไทยของคุณชูวิทย์ครั้งนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในคดีนาย สันธนะ ประยูรรัตน์ ยื่นฟ้องฐานหมิ่นประมาท โดยก่อนหน้านี้คุณชูวิทย์ยื่นขอเลื่อนนัดศาล เพื่อรักษาอาการป่วยตามกระบวนการจนครบขั้นตอนที่กำหนด ซึ่งทุกศาลอนุญาตให้เลื่อนจนถึงปัจจุบัน ขณะที่มีการเปิดเผยด้วยว่า คุณชูวิทย์ได้ฝากขอโทษพี่สนธิผ่านนายสันธนะ ในเวลาต่อมา คุณสนธิได้พูดผ่านรายการ”สนธิเล่าเรื่อง“ถึงคุณชูวิทย์ว่า อยากจบะอกว่า ลืมไปหมดแล้ว และขอให้หายไวไว . "เรื่องของคุณชูวิทย์ ด้วยความสัตย์จริง ผมลืมไปหมดแล้ว ในชีวิตคนเราการอภัยให้กันเป็นเรื่องยาก แต่การลืมไปเลยยากกว่า ซึ่งผมลืมไปแล้วจริงๆ ไม่ได้โกหก" ที่มา https://www.facebook.com/share/188j7SrCpa/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Love
    Like
    Yay
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1447 มุมมอง 1 รีวิว
  • #ชีวิตคนเรา ยามมีเงิน ก็อย่าได้ดูถูกใคร ยามไร้เงิน ก็อย่าได้ดูแคลนตัวเองไป ยามมีอำนาจ ก็อย่าได้ลำพองใจ ยามไร้อำนาจ ก็ไม่ต้องท้อแท้แต่อย่างใด เพียงจำไว้ ฝนย่อมไม่ตกทั้งเดือน ชีวิตใช่ว่าจะมีแต่อับจนเสมอ ขุนเขาไม่ได้เขียวทุกฤดู ทุกข์แค่ไหน สักวันย่อมสิ้นสุด

    คนฉลาดไม่ประกาศศัตรู มีแต่คนโง่ที่ทำ คนเก่งไม่ใช่คนที่คิดคำด่าได้แสบที่สุด คนเก่งไม่ใช่คนที่เดินไปตบใครก็ได้ แต่คนเก่งจริงๆ คือ คนที่ควบคุมตัวเองได้ และทำงานกับใครก็ได้ วุฒิภาวะต่ำทำงานใหญ่ไม่ได้ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่มีวันสำเร็จ

    เมื่อมุ่งมั่นศรัทธาใจกล้าหาญ คิดทำการสิ่งใดก็ได้ผล
    อุปสรรคขวางหน้าต้องกล้าชน เกิดเป็นคนจงรักศักดิ์ศรีตัว
    ความเจ็บปวดเกินจะกล่าว ล้วนต้องแบกเอง

    อยู่มาวันหนึ่ง คุณพบในทันใดว่า ความดีของคุณ ก็เหมือนลูกกวาดสำหรับคนอื่น กินแล้วก็หมดไป ส่วนความไม่ดีของคุณ จะเหมือนแผลเป็นที่ไม่หาย จะอยู่ตลอดไป นี่คือวิสัยคน

    หากมีใครสักคน ด้วยความดีเล็กน้อยของคุณ ก็ให้อภัยความไม่ดีทั้งหมดของคุณแล้ว ก็จงถนอมรักษาไว้ให้ดี เพราะคนส่วนใหญ่นั้น จะเพียงด้วยความไม่ดีเล็กน้อยของคุณ หลงลืมความดีทั้งหมดของคุณ!

    ใครบ้างเล่าที่ไม่ใช่ บาดเจ็บไปพลาง เติบใหญ่ไปพลาง ใครบ้างเล่าที่ไม่ได้ หลั่งน้ำตาไปพลาง เข้มแข็งไปพลาง ชีวิตคนเรา เมื่อพูดกันถึงที่สุด ร้อยรสชาติล้วนต้องลิ้มเอง ความเจ็บปวดเกินจะกล่าวล้วนต้องแบกเอง ลมฝนที่กระหน่ำใส่ล้วนต้องฝ่าเอง!

    จึงทำงานด้วยใจรัก เป็นคนด้วยใจรู้คุณ หากมีเงิน ทำงานให้ดี หากไม่มีเงิน เป็นคนที่ดี นี่เองคือชีวิต

    หากไม่สะดุดล้ม ไม่รู้หรอกว่าใครจะพยุงคุณให้ลุก ไม่เจอความลำบาก ไม่รู้หรอกว่าใครจะช่วยคุณ ขอคนเหมือนกลืนดาบสามฟุต พึ่งคนเหมือนไต่ฟ้าเก้าชั้น.

    คนกับคน ใช่ว่าเชื่อใจได้ทั้งหมด ใจกับใจ ใช่ว่าล้วนยอมมอบความจริงใจ ส่งถ่านกลางหิมะ ล้ำเลิศกว่า ค่าควรทะนุถนอมกว่าปักดอกไม้บนแพรไหมมาก จึงรู้คุณผู้เคยเดินร่วมทางและเคยช่วยเหลือฉัน.

    ขอบคุณที่มาเจ้าของบทความ/ภาพ
    ปรัชญาคำคม/ปรัชญาชีวิต
    #ชีวิตคนเรา ยามมีเงิน ก็อย่าได้ดูถูกใคร ยามไร้เงิน ก็อย่าได้ดูแคลนตัวเองไป ยามมีอำนาจ ก็อย่าได้ลำพองใจ ยามไร้อำนาจ ก็ไม่ต้องท้อแท้แต่อย่างใด เพียงจำไว้ ฝนย่อมไม่ตกทั้งเดือน ชีวิตใช่ว่าจะมีแต่อับจนเสมอ ขุนเขาไม่ได้เขียวทุกฤดู ทุกข์แค่ไหน สักวันย่อมสิ้นสุด คนฉลาดไม่ประกาศศัตรู มีแต่คนโง่ที่ทำ คนเก่งไม่ใช่คนที่คิดคำด่าได้แสบที่สุด คนเก่งไม่ใช่คนที่เดินไปตบใครก็ได้ แต่คนเก่งจริงๆ คือ คนที่ควบคุมตัวเองได้ และทำงานกับใครก็ได้ วุฒิภาวะต่ำทำงานใหญ่ไม่ได้ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่มีวันสำเร็จ เมื่อมุ่งมั่นศรัทธาใจกล้าหาญ คิดทำการสิ่งใดก็ได้ผล อุปสรรคขวางหน้าต้องกล้าชน เกิดเป็นคนจงรักศักดิ์ศรีตัว ความเจ็บปวดเกินจะกล่าว ล้วนต้องแบกเอง อยู่มาวันหนึ่ง คุณพบในทันใดว่า ความดีของคุณ ก็เหมือนลูกกวาดสำหรับคนอื่น กินแล้วก็หมดไป ส่วนความไม่ดีของคุณ จะเหมือนแผลเป็นที่ไม่หาย จะอยู่ตลอดไป นี่คือวิสัยคน หากมีใครสักคน ด้วยความดีเล็กน้อยของคุณ ก็ให้อภัยความไม่ดีทั้งหมดของคุณแล้ว ก็จงถนอมรักษาไว้ให้ดี เพราะคนส่วนใหญ่นั้น จะเพียงด้วยความไม่ดีเล็กน้อยของคุณ หลงลืมความดีทั้งหมดของคุณ! ใครบ้างเล่าที่ไม่ใช่ บาดเจ็บไปพลาง เติบใหญ่ไปพลาง ใครบ้างเล่าที่ไม่ได้ หลั่งน้ำตาไปพลาง เข้มแข็งไปพลาง ชีวิตคนเรา เมื่อพูดกันถึงที่สุด ร้อยรสชาติล้วนต้องลิ้มเอง ความเจ็บปวดเกินจะกล่าวล้วนต้องแบกเอง ลมฝนที่กระหน่ำใส่ล้วนต้องฝ่าเอง! จึงทำงานด้วยใจรัก เป็นคนด้วยใจรู้คุณ หากมีเงิน ทำงานให้ดี หากไม่มีเงิน เป็นคนที่ดี นี่เองคือชีวิต หากไม่สะดุดล้ม ไม่รู้หรอกว่าใครจะพยุงคุณให้ลุก ไม่เจอความลำบาก ไม่รู้หรอกว่าใครจะช่วยคุณ ขอคนเหมือนกลืนดาบสามฟุต พึ่งคนเหมือนไต่ฟ้าเก้าชั้น. คนกับคน ใช่ว่าเชื่อใจได้ทั้งหมด ใจกับใจ ใช่ว่าล้วนยอมมอบความจริงใจ ส่งถ่านกลางหิมะ ล้ำเลิศกว่า ค่าควรทะนุถนอมกว่าปักดอกไม้บนแพรไหมมาก จึงรู้คุณผู้เคยเดินร่วมทางและเคยช่วยเหลือฉัน. ขอบคุณที่มาเจ้าของบทความ/ภาพ ปรัชญาคำคม/ปรัชญาชีวิต
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 497 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคนเรา...
    ยามมีเงิน ก็อย่าได้ดูถูกใคร
    ยามไร้เงิน ก็อย่าได้ดูแคลนตัวเองไป
    ยามมีอำนาจ ก็อย่าได้ลำพองใจ
    ยามไร้อำนาจ ก็ไม่ต้องท้อแท้แต่อย่างใด

    เพียงจำไว้...
    ฝนย่อมไม่ตกทั้งเดือน
    ชีวิต ใช่ว่าจะมีแต่อับจนเสมอ
    ขุนเขา ไม่ได้เขียวทุกฤดู
    ทุกข์แค่ไหน สักวันย่อมสิ้นสุด
    ชีวิตคนเรา... ยามมีเงิน ก็อย่าได้ดูถูกใคร ยามไร้เงิน ก็อย่าได้ดูแคลนตัวเองไป ยามมีอำนาจ ก็อย่าได้ลำพองใจ ยามไร้อำนาจ ก็ไม่ต้องท้อแท้แต่อย่างใด เพียงจำไว้... ฝนย่อมไม่ตกทั้งเดือน ชีวิต ใช่ว่าจะมีแต่อับจนเสมอ ขุนเขา ไม่ได้เขียวทุกฤดู ทุกข์แค่ไหน สักวันย่อมสิ้นสุด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนฉันอายุ20ปี เคยคิดอยากมีลูกชายสักคนแต่ไม่ต้องการมีแฟนคือเด็กหลอดแก้วประมาณนั้น เพื่อให้เขาทำความฝันให้ฉันคือบวชตลอดชีวิตข้ามฝั่งให้ได้และโปรดคน ความคิดก็จะวนคิดอยู่แบบนั้น🔄"ต่อมาคืนหนึ่งฉันก็หลับและฝันว่ามีเสียงๆหนึ่งพูดว่าเธอจะให้ลูกเธอเกิดใน"กาลียุคเช่นนี้หรือ ภาพปรากฎเห็นคนกินคนด้วยกันเหมือนสัตว์ล่าเนื้อ เลือดนองพื้นท่วมถึง"ตาตุ่มช้าง🐘"ภาพมันน่ากลัวสลดหดหู่จริงๆตื่นจากฝันก็เลยเปลี่ยนความคิดๆว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะให้ใครมาทำความฝันให้ใคร เพราะทุกคนต่างก็มีฝันของตนเอง เพื่อนให้หนังสือตัวกูของกูมาหนึ่งเล่ม ฉันอ่านจบในไม่กี่นาทีและอ่านวนหลายรอบ จนคิดว่าเราต้องศึกษาคำสอนอย่างจริงจังว่ามีอัจฉริยะมนุษย์ ที่ตรัสรู้ธรรมเช่นนี้อยู่จริงๆหรือหาหนังสือหลวงพ่อพุทธทาสมาอ่านหลายเล่ม "แม่ฉันชอบสร้างพระไตรปิฎกถวายวัดฉันสงสัยถามแม่ว่ามีอะไรดีในนั้น"แม่บอกอ่านเองซิ ฉันตัดสินใจอ่านโห😯ทึ่งมากคนอะไรจะฉลาดขนาดนี้ "❤นึกรักพระพุทธเจ้าขึ้นมาเลยว่าถ้ามีคนรักก็อยากได้บุคคลเช่นนี้ถ้ามีลูกก็อยากมีลูกเช่นนี้ถ้าไม่มีก็ไม่มีคู่ดีก่วา"เพราะตอนเด็กๆฉันถามตัวเองบ่อยครั้งว่าฉันเกิดมาทำไมมาจากไหน เคยถามแม่ว่าโลกนี้สุดขอบโลกอยู่ตรงไหนอยากเดินออกไปจากโลกนี้ ฉันเห็นพ่อแม่มีปากเสียงกันบ่อยๆฉันคิดเองนะตอนนั้นว่า ความรักถ้ามันทำให้ทุกข์จะรักกันทำไม ฉันบอกกับแม่ว่าถ้าต้องทนอยู่กันเพื่อลูกไม่ต้องนะ ชีวิตคนเรามันสั้นควรหาความสุขให้ตัวเองบ้างจากนั้นพ่อกับแม่ก็เลิกกันฉันเป็นลูกคนเล็กของบ้าน ฉันมีโลกที่แคบมากเพราะไม่ชอบเที่ยวพ่อต้องจ้างให้ไปเที่ยวเพื่อจะอยู่กับแม่สองคนบ้าง😉 แต่ชอบอยู่บ้านฟังธรรมอ่าน📚หนังสือ(โลกส่วนตัวสูง)จึงไม่ค่อยมีประสบการณ์ชีวิตนอกบ้านเลย พอทำงานไปเที่ยวบ้านเพื่อนเห็นครอบครัวเขาทะเลาะกันรุนแรง เลยคิดว่าอ้าวเราคิดว่าเป็นเฉพาะบ้านเราซะอีกโหบ้านคนอื่นหนักก่วาเราอีกเขามีลงไม้ลงมือกันด้วย บ้านเราไม่เคยมีๆแต่พ่อทะเลาะบ่นอยู่คนเดียวแม่ไม่เคยเถียงกลับสักคำ แม่นิ่งอย่างเดียว(ฉันมีส่วนผสมของพ่อๆเป็นคนใจดีอ่อนโยนสุภาพ"ถ้าไม่ดื่ม"ส่วนแม่เป็นผู้หญิงแกร่งเป็นผู้นำเข้มแข็งอดทนสูง)ที่ไหนถ้ามีการทะเลาะกันฉันจะเดินหนีทันที ไม่มีการมุงดูเด็ดขาดไม่ชอบ#อาจารย์สนธิพูดทัชใจฉันมากคือทุกคนต้องเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเองเพราะให้กันไม่ได้ แนะนำได้แต่ประสบการณ์สุข,ทุกข์..ของใครของมัน..."อ่านเจอคำสอนหลวงพ่อพุทธทาส ว่า"อะไรที่ไม่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตอย่าคิดว่าจะเข้าใจ"ฉันเข้าใจเลย ชีวิตคนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้บททดสอบเหมือนแบบฝึกหัด แล้วจะเข้าใจในบริบทด้วยตัวเราเอง พระพุทธเจ้าสอนให้ดูที่ต้นเหตุจึงรู้ว่าไม่มีอะไรที่ต้องกลัวถ้าเรารู้จักจิตใจตนเองจริงๆทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปไม่ได้ตั้งอยู่ตลอดกาล ฉันก็จะเรียนรู้บททดสอบชีวิตไปเรื่อยๆและก็หวังให้ตัวเองเข้มแข็งและผ่านมันไปให้ได้จนก่วาลมหายใจสุดท้าย สันตติส่งต่อจิตอีกดวงในร่างใหม่ต่อไป ชาตินี้ฉันยังไม่มีกำลังมากพอที่จะข้ามฝั่ง🏊‍♀️ได้หรอกรู้ตัว สู้ไปด้วยกันนะทุกคน✌ " bkk Th 21102567 "รักพ่อแม่และครอบครัวมากๆ💞"แม้จากไปแล้วแต่อยู่ใน❤📣 miss you......
    ตอนฉันอายุ20ปี เคยคิดอยากมีลูกชายสักคนแต่ไม่ต้องการมีแฟนคือเด็กหลอดแก้วประมาณนั้น เพื่อให้เขาทำความฝันให้ฉันคือบวชตลอดชีวิตข้ามฝั่งให้ได้และโปรดคน ความคิดก็จะวนคิดอยู่แบบนั้น🔄"ต่อมาคืนหนึ่งฉันก็หลับและฝันว่ามีเสียงๆหนึ่งพูดว่าเธอจะให้ลูกเธอเกิดใน"กาลียุคเช่นนี้หรือ ภาพปรากฎเห็นคนกินคนด้วยกันเหมือนสัตว์ล่าเนื้อ เลือดนองพื้นท่วมถึง"ตาตุ่มช้าง🐘"ภาพมันน่ากลัวสลดหดหู่จริงๆตื่นจากฝันก็เลยเปลี่ยนความคิดๆว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะให้ใครมาทำความฝันให้ใคร เพราะทุกคนต่างก็มีฝันของตนเอง เพื่อนให้หนังสือตัวกูของกูมาหนึ่งเล่ม ฉันอ่านจบในไม่กี่นาทีและอ่านวนหลายรอบ จนคิดว่าเราต้องศึกษาคำสอนอย่างจริงจังว่ามีอัจฉริยะมนุษย์ ที่ตรัสรู้ธรรมเช่นนี้อยู่จริงๆหรือหาหนังสือหลวงพ่อพุทธทาสมาอ่านหลายเล่ม "แม่ฉันชอบสร้างพระไตรปิฎกถวายวัดฉันสงสัยถามแม่ว่ามีอะไรดีในนั้น"แม่บอกอ่านเองซิ ฉันตัดสินใจอ่านโห😯ทึ่งมากคนอะไรจะฉลาดขนาดนี้ "❤นึกรักพระพุทธเจ้าขึ้นมาเลยว่าถ้ามีคนรักก็อยากได้บุคคลเช่นนี้ถ้ามีลูกก็อยากมีลูกเช่นนี้ถ้าไม่มีก็ไม่มีคู่ดีก่วา"เพราะตอนเด็กๆฉันถามตัวเองบ่อยครั้งว่าฉันเกิดมาทำไมมาจากไหน เคยถามแม่ว่าโลกนี้สุดขอบโลกอยู่ตรงไหนอยากเดินออกไปจากโลกนี้ ฉันเห็นพ่อแม่มีปากเสียงกันบ่อยๆฉันคิดเองนะตอนนั้นว่า ความรักถ้ามันทำให้ทุกข์จะรักกันทำไม ฉันบอกกับแม่ว่าถ้าต้องทนอยู่กันเพื่อลูกไม่ต้องนะ ชีวิตคนเรามันสั้นควรหาความสุขให้ตัวเองบ้างจากนั้นพ่อกับแม่ก็เลิกกันฉันเป็นลูกคนเล็กของบ้าน ฉันมีโลกที่แคบมากเพราะไม่ชอบเที่ยวพ่อต้องจ้างให้ไปเที่ยวเพื่อจะอยู่กับแม่สองคนบ้าง😉 แต่ชอบอยู่บ้านฟังธรรมอ่าน📚หนังสือ(โลกส่วนตัวสูง)จึงไม่ค่อยมีประสบการณ์ชีวิตนอกบ้านเลย พอทำงานไปเที่ยวบ้านเพื่อนเห็นครอบครัวเขาทะเลาะกันรุนแรง เลยคิดว่าอ้าวเราคิดว่าเป็นเฉพาะบ้านเราซะอีกโหบ้านคนอื่นหนักก่วาเราอีกเขามีลงไม้ลงมือกันด้วย บ้านเราไม่เคยมีๆแต่พ่อทะเลาะบ่นอยู่คนเดียวแม่ไม่เคยเถียงกลับสักคำ แม่นิ่งอย่างเดียว(ฉันมีส่วนผสมของพ่อๆเป็นคนใจดีอ่อนโยนสุภาพ"ถ้าไม่ดื่ม"ส่วนแม่เป็นผู้หญิงแกร่งเป็นผู้นำเข้มแข็งอดทนสูง)ที่ไหนถ้ามีการทะเลาะกันฉันจะเดินหนีทันที ไม่มีการมุงดูเด็ดขาดไม่ชอบ#อาจารย์สนธิพูดทัชใจฉันมากคือทุกคนต้องเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเองเพราะให้กันไม่ได้ แนะนำได้แต่ประสบการณ์สุข,ทุกข์..ของใครของมัน..."อ่านเจอคำสอนหลวงพ่อพุทธทาส ว่า"อะไรที่ไม่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตอย่าคิดว่าจะเข้าใจ"ฉันเข้าใจเลย ชีวิตคนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้บททดสอบเหมือนแบบฝึกหัด แล้วจะเข้าใจในบริบทด้วยตัวเราเอง พระพุทธเจ้าสอนให้ดูที่ต้นเหตุจึงรู้ว่าไม่มีอะไรที่ต้องกลัวถ้าเรารู้จักจิตใจตนเองจริงๆทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปไม่ได้ตั้งอยู่ตลอดกาล ฉันก็จะเรียนรู้บททดสอบชีวิตไปเรื่อยๆและก็หวังให้ตัวเองเข้มแข็งและผ่านมันไปให้ได้จนก่วาลมหายใจสุดท้าย สันตติส่งต่อจิตอีกดวงในร่างใหม่ต่อไป ชาตินี้ฉันยังไม่มีกำลังมากพอที่จะข้ามฝั่ง🏊‍♀️ได้หรอกรู้ตัว สู้ไปด้วยกันนะทุกคน✌ " bkk Th 21102567 "รักพ่อแม่และครอบครัวมากๆ💞"แม้จากไปแล้วแต่อยู่ใน❤📣 miss you......
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • บนความแน่นอน​ คือ.. ความไม่แน่นอน
    ชีวิตคนเรามันก็เป็นเช่นนี้แล
    เลือกทำเลือกจดจำแต่สิ่งที่ดี.. จอบอบายใจ
    มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    บนความแน่นอน​ คือ.. ความไม่แน่นอน ชีวิตคนเรามันก็เป็นเช่นนี้แล เลือกทำเลือกจดจำแต่สิ่งที่ดี.. จอบอบายใจ มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้นทุนชีวิตคนเราไม่เท่ากัน แต่จิตใจคนเรามันทำให้ดีได้ ประเสริฐได้
    ต้นทุนชีวิตคนเราไม่เท่ากัน แต่จิตใจคนเรามันทำให้ดีได้ ประเสริฐได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคนเราไม่ควรหยุดเรียนรู้
    ....
    เห็นน้อยหน่าสุกกินไม่ทัน lit nit ก็เกิดไอเดียบรรเจิด อบแม่ง...ดูซิมันจะเป็นยังไง แล้วมันก็เป็นอย่างที่เห็นในภาพนี่แหละ
    ....
    ประสบการณ์ครั้งนี้มันทำให้ lit nit ได้เรียนรู้ว่า ความรู้ที่ lit nit ขาดไปก็คือ...ความรู้ที่จะช่วยยับยั้งช่างใจไม่ให้ใฝ่รู้มากเกินไปนี่แหละ !
    ....
    อย่าเพิ่งขำ เพราะ lit nit ยังได้ความรู้อีกอย่างหลังจากได้ลองชิม (ทำซะขนาดนี้ก็ต้องชิมให้มันรู้จริง) น้อยหน่าหวานฉ่ำเมื่อนำมาอบให้แห้ง เนื้อมันเหนียวและรสชาติมันเปรี้ยวอมหวานซะงั้น ความรู้นี้มันทำให้ไอเดีย lit nit พลุ่งพล่านอีกแล้ว
    #ถ้านำน้อยหน่าอบแห้งมาผัดเปรี้ยวหวานมันจะเป็นยังไง ?
    ชีวิตคนเราไม่ควรหยุดเรียนรู้ .... เห็นน้อยหน่าสุกกินไม่ทัน lit nit ก็เกิดไอเดียบรรเจิด อบแม่ง...ดูซิมันจะเป็นยังไง แล้วมันก็เป็นอย่างที่เห็นในภาพนี่แหละ .... ประสบการณ์ครั้งนี้มันทำให้ lit nit ได้เรียนรู้ว่า ความรู้ที่ lit nit ขาดไปก็คือ...ความรู้ที่จะช่วยยับยั้งช่างใจไม่ให้ใฝ่รู้มากเกินไปนี่แหละ ! .... อย่าเพิ่งขำ เพราะ lit nit ยังได้ความรู้อีกอย่างหลังจากได้ลองชิม (ทำซะขนาดนี้ก็ต้องชิมให้มันรู้จริง) น้อยหน่าหวานฉ่ำเมื่อนำมาอบให้แห้ง เนื้อมันเหนียวและรสชาติมันเปรี้ยวอมหวานซะงั้น ความรู้นี้มันทำให้ไอเดีย lit nit พลุ่งพล่านอีกแล้ว #ถ้านำน้อยหน่าอบแห้งมาผัดเปรี้ยวหวานมันจะเป็นยังไง ?
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 278 มุมมอง 0 รีวิว