• "ดูเหมือนการเจรจาใดๆที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่มีผลอีกต่อไป"

    คำปราศรัยทางโทรทัศน์ครั้งที่สองของผู้นำสูงสุดอิหร่าน อาลี คาเมเนอี ต่อประชาชนอิหร่าน หลังจากที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศต่ออิหร่านอย่างรุนแรง โดยที่อิหร่านยังไม่มีการยั่วยุใดๆ

    18 มิถุนายน 2025
    .

    “ในนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาปรานี

    ข้าพเจ้าขอส่งคำทักทายไปยังประชาชาติอิหร่านอันยิ่งใหญ่

    หัวข้อแรกที่ข้าพเจ้าอยากจะพูดถึงคือการยกย่องประชาชนอันเป็นที่รักของเรา เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศของเราโดยศัตรูที่เพิ่งเกิดขึ้น ประชาชนอิหร่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีสติ กล้าหาญ และตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบัน การเคลื่อนไหวที่ประชาชนของเราได้นำเสนอต่อโลกในวันอีดอัล-กาดิรนั้นเป็นสิ่งที่พิเศษมาก การรวมตัวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา การที่พวกเขาเข้าร่วมละหมาดวันศุกร์และการเดินขบวนหลังจากนั้น ทั้งหมดนี้เป็นหลักฐานของความเป็นผู้ใหญ่ของประชาชนอิหร่าน และการผสมผสานที่หยั่งรากลึกระหว่างเหตุผลและจิตวิญญาณกับความกล้าหาญและจังหวะเวลาที่สมบูรณ์แบบในหมู่ประชาชาติอันเป็นที่รักของเรา

    ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ประทานความสามารถทางศีลธรรมและวัตถุแก่ประชาชนผู้ศรัทธาเหล่านี้ด้วยพระคุณของพระองค์ ข้าพเจ้าต้องกล่าวถึงการกระทำอันทรงพลังและเป็นสัญลักษณ์ของผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์หญิงที่ยืนหยัดมั่นคงต่อหน้าความเย่อหยิ่งของศัตรูด้วย การตักบีร (พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่) ของเธอและการแสดง ความเข้มแข็งของประชาชนต่อทั้งโลกเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์และมีค่าอย่างยิ่ง

    หัวข้อที่สองคือเหตุการณ์วันนี้ การโจมตีประเทศของเราอย่างโง่เขลาและร้ายกาจโดยกลุ่มไซออนิสต์ เกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกำลังเจรจาทางอ้อมผ่านคนกลางกับฝ่ายอเมริกา ไม่มีอะไรจากอิหร่านที่บ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวทางทหารที่ก้าวร้าวหรือยั่วยุ

    แน่นอนว่าตั้งแต่แรก คาดว่าสหรัฐฯ มีส่วนรู้เห็นในการกระทำอันชั่วร้ายของกลุ่มไซออนิสต์ แต่ด้วยแถลงการณ์ครั้งแรกที่ออกมา ความคาดหวังนี้ก็ยิ่งได้รับการยืนยันมากขึ้นทุกวัน

    ประชาชนอิหร่านยืนหยัดต่อต้านสงครามที่ถูกบังคับ เช่นเดียวกับที่พวกเขายืนหยัดต่อต้านสันติภาพที่ถูกบังคับ ประชาชนอิหร่านไม่ยอมจำนนต่อคำสั่งของใคร ฉันคาดหวังว่าปัญญาชน นักเขียน และบุคคลสาธารณะ โดยเฉพาะผู้ที่มีผู้ชมทั่วโลก จะชี้แจงและอธิบายความจริงเหล่านี้ พวกเขาต้องไม่อนุญาตให้ศัตรูบิดเบือนข้อเท็จจริงผ่านการโฆษณาชวนเชื่อที่หลอกลวง

    ศัตรูไซออนิสต์ได้กระทำความผิดพลาดร้ายแรงและอาชญากรรมร้ายแรง และจะต้องถูกลงโทษ—และกำลังถูกลงโทษ ถูกลงโทษ การลงโทษที่ประชาชนอิหร่านและกองกำลังติดอาวุธของเราได้รับ การลงโทษที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และการลงโทษที่เตรียมไว้สำหรับอนาคต ถือเป็นการลงโทษที่รุนแรงซึ่งทำให้อิหร่านอ่อนแอลงแล้ว แม้แต่การแทรกแซงและถ้อยแถลงของพันธมิตรอเมริกันก็เป็นสัญญาณของความอ่อนแอและไร้ความสามารถ

    ประการสุดท้ายคือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกคำขู่ เขาขู่เรา และในเวลาเดียวกัน—อย่างน่าขันและไร้ยางอาย—เรียกร้องให้ประชาชนอิหร่านยอมจำนนต่อเขา พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงอย่างแท้จริง

    ประการแรก คำขู่มีผลเฉพาะกับผู้ที่กลัวเท่านั้น ประชาชนอิหร่านได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่หวั่นไหวเมื่อเผชิญกับคำขู่ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า:
    “อย่าทำให้อ่อนแอหรือเสียใจ เพราะเจ้าจะได้เปรียบหากเจ้าเป็นผู้ศรัทธา” (อัลกุรอาน 3:139)

    การคุกคามไม่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมหรือความคิดของชาวอิหร่าน

    ประการที่สอง การบอกให้ชาวอิหร่านมาและยอมจำนน นี่ไม่ใช่คำพูดที่มีเหตุผล ผู้ที่รู้จักอิหร่าน รู้จักชาวอิหร่านและประวัติศาสตร์ของอิหร่าน จะไม่มีวันพูดคำดังกล่าว ยอมจำนนต่ออะไร? ชาวอิหร่านไม่ต้องยอมจำนน เราไม่ได้โจมตีใคร และภายใต้สถานการณ์ใดๆ เราจะไม่ยอมรับการรุกรานจากใคร และเราจะไม่ยอมจำนนต่อมัน นี่คือเหตุผลและจิตวิญญาณของชาติอิหร่าน

    แน่นอนว่าชาวอเมริกันที่คุ้นเคยกับการเมืองในภูมิภาคนี้รู้ดีว่าการที่สหรัฐฯ เข้าร่วมในความขัดแย้งครั้งนี้จะส่งผลเสียต่อพวกเขาเองโดยสิ้นเชิง ความสูญเสียที่พวกเขาจะต้องเผชิญจะมากกว่าที่อิหร่านจะทนได้ หากอเมริกาเข้าสู่สนามรบนี้ด้วยกำลังทหาร พวกเขาจะต้องสูญเสียอย่างไม่สามารถแก้ไขได้

    ฉันขอให้คนที่รักของเราจำโองการอันสูงส่งนี้ไว้เสมอ:
    “ชัยชนะมาจาก “อัลลอฮ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ” (อัลกุรอาน 3:126)

    ขอบคุณพระเจ้า ชีวิตยังคงดำเนินไปตามปกติ อย่าให้ศัตรูรู้สึกถึงความกลัวหรือความอ่อนแอจากคุณ”
    "ดูเหมือนการเจรจาใดๆที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่มีผลอีกต่อไป" คำปราศรัยทางโทรทัศน์ครั้งที่สองของผู้นำสูงสุดอิหร่าน อาลี คาเมเนอี ต่อประชาชนอิหร่าน หลังจากที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศต่ออิหร่านอย่างรุนแรง โดยที่อิหร่านยังไม่มีการยั่วยุใดๆ 18 มิถุนายน 2025 . “ในนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาปรานี ข้าพเจ้าขอส่งคำทักทายไปยังประชาชาติอิหร่านอันยิ่งใหญ่ หัวข้อแรกที่ข้าพเจ้าอยากจะพูดถึงคือการยกย่องประชาชนอันเป็นที่รักของเรา เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศของเราโดยศัตรูที่เพิ่งเกิดขึ้น ประชาชนอิหร่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีสติ กล้าหาญ และตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบัน การเคลื่อนไหวที่ประชาชนของเราได้นำเสนอต่อโลกในวันอีดอัล-กาดิรนั้นเป็นสิ่งที่พิเศษมาก การรวมตัวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา การที่พวกเขาเข้าร่วมละหมาดวันศุกร์และการเดินขบวนหลังจากนั้น ทั้งหมดนี้เป็นหลักฐานของความเป็นผู้ใหญ่ของประชาชนอิหร่าน และการผสมผสานที่หยั่งรากลึกระหว่างเหตุผลและจิตวิญญาณกับความกล้าหาญและจังหวะเวลาที่สมบูรณ์แบบในหมู่ประชาชาติอันเป็นที่รักของเรา ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ประทานความสามารถทางศีลธรรมและวัตถุแก่ประชาชนผู้ศรัทธาเหล่านี้ด้วยพระคุณของพระองค์ ข้าพเจ้าต้องกล่าวถึงการกระทำอันทรงพลังและเป็นสัญลักษณ์ของผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์หญิงที่ยืนหยัดมั่นคงต่อหน้าความเย่อหยิ่งของศัตรูด้วย การตักบีร (พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่) ของเธอและการแสดง ความเข้มแข็งของประชาชนต่อทั้งโลกเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์และมีค่าอย่างยิ่ง หัวข้อที่สองคือเหตุการณ์วันนี้ การโจมตีประเทศของเราอย่างโง่เขลาและร้ายกาจโดยกลุ่มไซออนิสต์ เกิดขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกำลังเจรจาทางอ้อมผ่านคนกลางกับฝ่ายอเมริกา ไม่มีอะไรจากอิหร่านที่บ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวทางทหารที่ก้าวร้าวหรือยั่วยุ แน่นอนว่าตั้งแต่แรก คาดว่าสหรัฐฯ มีส่วนรู้เห็นในการกระทำอันชั่วร้ายของกลุ่มไซออนิสต์ แต่ด้วยแถลงการณ์ครั้งแรกที่ออกมา ความคาดหวังนี้ก็ยิ่งได้รับการยืนยันมากขึ้นทุกวัน ประชาชนอิหร่านยืนหยัดต่อต้านสงครามที่ถูกบังคับ เช่นเดียวกับที่พวกเขายืนหยัดต่อต้านสันติภาพที่ถูกบังคับ ประชาชนอิหร่านไม่ยอมจำนนต่อคำสั่งของใคร ฉันคาดหวังว่าปัญญาชน นักเขียน และบุคคลสาธารณะ โดยเฉพาะผู้ที่มีผู้ชมทั่วโลก จะชี้แจงและอธิบายความจริงเหล่านี้ พวกเขาต้องไม่อนุญาตให้ศัตรูบิดเบือนข้อเท็จจริงผ่านการโฆษณาชวนเชื่อที่หลอกลวง ศัตรูไซออนิสต์ได้กระทำความผิดพลาดร้ายแรงและอาชญากรรมร้ายแรง และจะต้องถูกลงโทษ—และกำลังถูกลงโทษ ถูกลงโทษ การลงโทษที่ประชาชนอิหร่านและกองกำลังติดอาวุธของเราได้รับ การลงโทษที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และการลงโทษที่เตรียมไว้สำหรับอนาคต ถือเป็นการลงโทษที่รุนแรงซึ่งทำให้อิหร่านอ่อนแอลงแล้ว แม้แต่การแทรกแซงและถ้อยแถลงของพันธมิตรอเมริกันก็เป็นสัญญาณของความอ่อนแอและไร้ความสามารถ ประการสุดท้ายคือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกคำขู่ เขาขู่เรา และในเวลาเดียวกัน—อย่างน่าขันและไร้ยางอาย—เรียกร้องให้ประชาชนอิหร่านยอมจำนนต่อเขา พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้ผู้คนตกตะลึงอย่างแท้จริง ประการแรก คำขู่มีผลเฉพาะกับผู้ที่กลัวเท่านั้น ประชาชนอิหร่านได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่หวั่นไหวเมื่อเผชิญกับคำขู่ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า: “อย่าทำให้อ่อนแอหรือเสียใจ เพราะเจ้าจะได้เปรียบหากเจ้าเป็นผู้ศรัทธา” (อัลกุรอาน 3:139) การคุกคามไม่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมหรือความคิดของชาวอิหร่าน ประการที่สอง การบอกให้ชาวอิหร่านมาและยอมจำนน นี่ไม่ใช่คำพูดที่มีเหตุผล ผู้ที่รู้จักอิหร่าน รู้จักชาวอิหร่านและประวัติศาสตร์ของอิหร่าน จะไม่มีวันพูดคำดังกล่าว ยอมจำนนต่ออะไร? ชาวอิหร่านไม่ต้องยอมจำนน เราไม่ได้โจมตีใคร และภายใต้สถานการณ์ใดๆ เราจะไม่ยอมรับการรุกรานจากใคร และเราจะไม่ยอมจำนนต่อมัน นี่คือเหตุผลและจิตวิญญาณของชาติอิหร่าน แน่นอนว่าชาวอเมริกันที่คุ้นเคยกับการเมืองในภูมิภาคนี้รู้ดีว่าการที่สหรัฐฯ เข้าร่วมในความขัดแย้งครั้งนี้จะส่งผลเสียต่อพวกเขาเองโดยสิ้นเชิง ความสูญเสียที่พวกเขาจะต้องเผชิญจะมากกว่าที่อิหร่านจะทนได้ หากอเมริกาเข้าสู่สนามรบนี้ด้วยกำลังทหาร พวกเขาจะต้องสูญเสียอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ ฉันขอให้คนที่รักของเราจำโองการอันสูงส่งนี้ไว้เสมอ: “ชัยชนะมาจาก “อัลลอฮ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ” (อัลกุรอาน 3:126) ขอบคุณพระเจ้า ชีวิตยังคงดำเนินไปตามปกติ อย่าให้ศัตรูรู้สึกถึงความกลัวหรือความอ่อนแอจากคุณ”
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 264 Views 16 0 Reviews
  • [Technology] ‘โลกใหม่ ที่ AI ทำงาน แทนคุณได้ทุกอย่าง’ สรุป 10 ไฮไลต์ จาก Google I/O 2025 กับยุคใหม่ของ Agentic AI ที่ฉลาด คิด วิเคราะห์ และทำงานแทนคุณได้ทุกที่..หากคุณคาดหวังว่า Google I/O 2025 จะเป็นเวทีที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI ใหม่ๆ อาจจะผิดหวัง เพราะปีนี้ถือเป็นปีที่นำเสนอจุดเปลี่ยนสำคัญของยุคดิจิทัล ที่มีมากกว่าแค่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เปรียบเสมือนว่า Google กำลังส่งสัญญาณบางอย่าง เพื่อบอกกับเราว่า “AI ไม่ใช่แค่ผู้ช่วยที่รับคำสั่งไปวันๆ เท่านั้น”.Agentic AI ยังคงเป็นดาวเด่นสำหรับแวดวงเทคโนโลยีในปีนี้ Google เรียกมันว่าเป็นโมเดลที่ฉลาดมากพอจะคิด วิเคราะห์ ประสานงาน และจัดการสิ่งต่างๆ ให้เราได้แบบอัตโนมัติ.และนี่คือ 10 ไฮไลต์สำคัญจากงาน Google I/O 2025 ที่สะท้อนยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์อย่างชัดเจน อีกทั้งยังตอกย้ำอีกว่าปีนี้ Google เอาจริง!..[ 10 ไฮไลต์สำคัญจากงาน Google I/O 2025 ] .1️⃣ 🌐 Gemini 2.5 Pro และ Flash ก้าวกระโดดของโมเดล AI ที่เร็ว ฉลาด และพร้อมใช้จริง.Google เปิดตัวโมเดลเรือธง Gemini 2.5 Pro ที่ครองอันดับ 1 ทุกหมวดใน LM Arena ซึ่งเป็นสนามประเมินศักยภาพของโมเดลภาษา ตัวเลขบ่งชี้ความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน โดยโมเดลใหม่ได้คะแนน ELO เพิ่มขึ้นกว่า 300 แต้มจาก Gemini รุ่นแรก.จุดเด่นของ 2.5 Pro ไม่ใช่แค่ความเข้าใจภาษาหรือตรรกะที่ลึกซึ้งขึ้น แต่คือความสามารถในการ ‘ใช้เหตุผลหลายขั้น’ และตอบคำถามที่ซับซ้อนได้ใกล้เคียงมนุษย์.ขณะเดียวกัน Google ยังเปิดตัว ‘Gemini 2.5 Flash’ โมเดลเวอร์ชันที่เล็กลงมาหน่อยแต่ยังคงทรงพลัง เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วและต้นทุนต่ำ เช่น Chatbots, Customer Service หรือ Data Analysis แบบเรียลไทม์.ทั้งสองโมเดลนี้จะเปิดให้ใช้งานใน Gemini API ภายในเดือนมิถุนายน และหลังจากนั้นจะถูกนำมาเป็นแกนหลักของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในผลิตภัณฑ์ของ Google..2️⃣ 🧠 Agent Mode & Project Mariner - Agentic AI ในแบบของ Google.Google เปิดตัว Agent Mode ภายใน Gemini App ซึ่งไม่เพียงตอบคำถาม แต่สามารถทำสิ่งนั้นแทนเราได้จริง เช่น หากคุณต้องการหาอพาร์ตเมนต์ใน Austin สำหรับ 3 คน พร้อมเครื่องซักผ้า และงบไม่เกินคนละ $1,200.Agent Mode จะทำงานโดยการดึงข้อมูลจาก Zillow กรองข้อมูลตามเงื่อนไข แนะนำห้อง นัดดูห้องใน Google Calendar ให้เรียบร้อย.โดยเบื้องหลังความสามารถนี้คือ Project Mariner ซึ่งทำให้ AI มีทักษะในการ ‘ใช้คอมพิวเตอร์ได้เหมือนมนุษย์’ เช่น เปิดเว็บ คลิก กรอกแบบฟอร์ม อีกทั้งยังมีความสามารถในการเรียนรู้จากการเห็นวิธีการทำงานเพียงครั้งเดียวด้วยฟีเจอร์ ‘Teach & Repeat’.นอกจากนี้ Mariner ยังรองรับ Multitasking สูงสุด 10 งานพร้อมกัน และจะเปิดให้ใช้งานช่วงฤดูร้อนนี้ผ่าน Gemini API..3️⃣ 🎥 Google Beam การสื่อสารผ่านวิดีโอที่ ‘เหมือนอยู่ต่อหน้า’ จริงๆ.Google เปิดตัว Google Beam แพลตฟอร์มวิดีโอคอลแบบใหม่ที่ใช้กล้อง 6 ตัวและ AI เพื่อสร้างภาพ 3D เสมือนจริงบนจอ Light-field ที่มีความละเอียดสูง รองรับ 60 fps และ Head Tracking แบบมิลลิเมตร.สิ่งที่น่าทึ่งคือความสามารถในการจับภาพบุคคลจากมุมต่างๆ แล้วนำมาสร้างโมเดลภาพ 3 มิติแบบเรียลไทม์เพื่อใช้ใน Video Call เหมือนกับว่าคู่สนทนาอยู่ตรงหน้า.นอกจากนี้ Google Beam ยังพัฒนาร่วมกับ HP และจะเปิดให้ใช้งานกับลูกค้าชุดแรกภายในปีนี้..4️⃣ 🔊 Gemini Live & Project Astra AI ที่เข้าใจโลกจริงผ่านกล้องและเสียง.หนึ่งในจุดเด่นของ Gemini 2.5 คือความสามารถแบบ Multimodal เข้าใจภาพ เสียง ข้อความ และบริบทพร้อมกัน.Gemini Live เป็นประสบการณ์ใหม่ของ AI ที่ให้คุณพูดคุยกับ AI แบบเรียลไทม์ผ่านเสียง พร้อมใช้กล้องมือถือเพื่อให้ AI เห็นสิ่งเดียวกันกับคุณ เช่น.⭐ ชี้กล้องไปที่หน้าปัดรถ → AI บอกวิธีใช้⭐ แชร์หน้าจอสัมภาษณ์ → AI วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน⭐ อ่านลายมือจากโน้ต → เปลี่ยนเป็น Checklists ใน Google Keep.ทั้งหมดนี้จะใช้งานได้ผ่าน Android และ iOS โดยจะเชื่อมต่อกับ Maps, Calendar, Tasks ได้เร็วๆ นี้..5️⃣ 🧑‍💻 AI Mode ใน Google Search ค้นหาแบบฉลาด สนทนาได้ พร้อมทำงานแทน.Google Search กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ใช้ AI มากที่สุดในโลก โดยมีผู้ใช้กว่า 1.5 พันล้านคนต่อเดือน ที่ได้สัมผัส AI Overviews.แต่ปีนี้ Google ยกระดับอีกขั้นด้วย ‘AI Mode’ แท็บใหม่ใน Google Search ที่ให้คุณพิมพ์คำถามยาว ซับซ้อน หรือพูดผ่านกล้องได้เลย เช่น.“เปรียบเทียบโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับงานตัดต่อ ราคาไม่เกิน 50,000 พร้อมร้านที่ไว้ใจได้”“นี่คือประตูหน้าบ้านฉัน มีอะไรผิดปกติมั้ย?” (ใช้กล้อง).นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Search Live สำหรับการค้นหาขณะใช้งานจริง และระบบ Agentic Checkout ที่ช่วยติดตามราคา สั่งซื้ออัตโนมัติ และจ่ายเงินผ่าน Google Pay ได้แบบเรียบง่าย..6️⃣ 💌 Smart Reply ด้วยน้ำเสียงและสำนวนของคุณ ตอบอีเมลให้เหมือนคุณเขียนเอง.Google นำ Gemini มาประยุกต์ใช้กับ Gmail โดยต่อยอดจากฟีเจอร์ Smart Reply ให้กลายเป็น Personalized Smart Reply ตัวอย่าง เพื่อนคุณถามถึงทริป Zion National Park ที่คุณเคยไป Gemini จะไปดึงข้อมูลจากอีเมลเก่า โน้ตใน Google Docs หรือเอกสารการจอง แล้วสร้างคำตอบให้พร้อมใช้น้ำเสียงเดียวกับที่คุณเคยใช้.Gemini จะเรียนรู้ว่าคุณชอบใช้คำทักทายแบบไหน มีสำนวนเฉพาะอะไร และเขียนตอบให้ในแบบที่อ่านแล้วเหมือนคุณจริง ๆ ไม่ใช่แค่คำตอบจาก AI.โดยจะเปิดใช้งานใน Gmail สำหรับผู้ใช้แบบเสียเงินช่วงฤดูร้อนนี้..7️⃣ 🖼️ V3 & Flow สร้างภาพ เสียง และบทพูดด้วย AI อย่างสมจริง.Google เปิดตัวโมเดล V3 ที่รองรับการสร้างเสียง และบทสนทนา จากข้อความธรรมดา เช่น.“นกฮูกแก่กับแบดเจอร์น้อยคุยกันกลางป่า” → ได้ทั้งเสียงสัตว์ เสียงป่า และบทสนทนาจริง.ไม่เพียงเท่านั้น เครื่องมือสร้างสรรค์ใหม่ชื่อ Flow ผสาน Gemini + V3 + Imagine 4 เพื่อให้ผู้สร้างสามารถสร้างวิดีโอแบบมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นภาพเคลื่อนไหว เสียงพื้นหลัง หรือบทพูดที่น่าดึงดูด..8️⃣ 🕶️ Android XR ระบบปฏิบัติการสำหรับแว่นตาและโลกเสมือน.Google ร่วมกับ Samsung และ Qualcomm เปิดตัว Android XR ระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับอุปกรณ์ XR (Extended Reality).Project Muhan ของ Samsung คืออุปกรณ์ XR เครื่องแรกที่ใช้ Android XR ตามมาด้วยแว่นตาอัจฉริยะจาก Gentle Monster และ Warby Parker ซึ่งจะเริ่มเปิดให้นักพัฒนาทดลองภายในปีนี้.เป้าหมายคือสร้างอุปกรณ์ที่เบา ใส่สบาย ใช้งานได้ทั้งวัน เพื่อใช้ดูข้อมูล แปลภาษา รับการแจ้งเตือน หรือใช้ Gemini แบบ AR ได้ทุกที่ที่ต้องการเลย..9️⃣ 🛡️ AI เพื่อมนุษยธรรม Firesat และโดรนช่วยเหลือภัยพิบัติ.Google ใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาจริง เช่นการรับมือภัยพิบัติ อย่าง Firesat คือดาวเทียม AI ที่สามารถตรวจจับไฟป่าได้ในพื้นที่ขนาดเท่ากับโรงรถเพียงหลังเดียว และอัปเดตรูปภาพทุก 20 นาที (จากเดิม 12 ชั่วโมง).โครงการร่วมกับ Red Cross, Walmart, และ Wing ใช้โดรนส่งอาหาร ยา และของจำเป็นไปยังพื้นที่ประสบภัยแบบเรียลไทม์ เช่นตอนพายุ Hurricane Helen.นี่คือการยืนยันว่า AI ไม่ได้มาเพื่อแค่แย่งงานคน แต่กำลังช่วยชีวิตคนจริงๆ..🔟 💼 Google AI Ultra แผนสมาชิกพรีเมียมสำหรับคนที่ต้องการ AI ขั้นสูงสุด.Google AI Ultra คือแผนการสมัครสมาชิก AI ระดับพรีเมียมใหม่ของ Google โดยแผนนี้ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ นักพัฒนา และมืออาชีพด้านความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากความสามารถ AI ขั้นสูงสุดของ Google.สำหรับราคา แผน Google AI Ultra มีค่าใช้จ่าย 249.99 ดอลลาร์ต่อเดือน สำหรับสิ่งที่ผู้สมัครสมาชิก Google AI Ultra จะได้รับ ได้แก่.⭐ สิทธิ์การเข้าถึงโมเดลที่มีความสามารถสูงสุดของ Google ⭐ ขีดจำกัดการใช้งานสูงสุด ⭐ คุณสมบัติพรีเมียมต่างๆ เช่น การเข้าถึง Deep Research ในแอป Gemini ⭐ การสร้างวิดีโอด้วย Veo 2 และการเข้าถึง Veo 3 ก่อนใคร ⭐ พื้นที่เก็บข้อมูล 30TB + YouTube Premium⭐ เครื่องมือสร้างภาพยนตร์ AI ใหม่ Flow สำหรับสร้างวิดีโอระดับ 1080p⭐ การเข้าถึง Project Mariner ซึ่งสามารถจัดการงานที่ใช้เวลานานได้สูงสุด 10 งานพร้อมกัน⭐ NotebookLM เวอร์ชันเต็ม⭐ เข้าถึง Gemini 2.5 Pro ก่อนใคร พร้อม Deep Think Mode⭐ เข้าถึงฟีเจอร์ทดลองก่อนเปิดตัว.เป็นแผนสมาชิกที่น่าสนใจมากๆ หากใครสนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้..📌 Google I/O 2025 คือการยืนยันว่าเราได้ก้าวข้ามยุค ‘AI ที่รอรับคำสั่ง’ มาเป็นยุคของ ‘AI ที่ลงมือทำแทน’ แล้วอย่างแท้จริง ตอนนี้ AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเบื้องหลังอีกต่อไป แต่มันกำลังเข้าไปในอีเมลของคุณ (Smart Reply) อยู่ในกล้องของคุณ (Search Live) คุยกับคุณแบบเห็นภาพจริง (Gemini Live) จองห้อง ดูตาราง เปรียบเทียบราคาแทนคุณ (Agent Mode) ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะมาให้คุณใช้จริงในปี 2025..เขียนและเรียบเรียงโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์
    [Technology] ‘โลกใหม่ ที่ AI ทำงาน แทนคุณได้ทุกอย่าง’ สรุป 10 ไฮไลต์ จาก Google I/O 2025 กับยุคใหม่ของ Agentic AI ที่ฉลาด คิด วิเคราะห์ และทำงานแทนคุณได้ทุกที่..หากคุณคาดหวังว่า Google I/O 2025 จะเป็นเวทีที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI ใหม่ๆ อาจจะผิดหวัง เพราะปีนี้ถือเป็นปีที่นำเสนอจุดเปลี่ยนสำคัญของยุคดิจิทัล ที่มีมากกว่าแค่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เปรียบเสมือนว่า Google กำลังส่งสัญญาณบางอย่าง เพื่อบอกกับเราว่า “AI ไม่ใช่แค่ผู้ช่วยที่รับคำสั่งไปวันๆ เท่านั้น”.Agentic AI ยังคงเป็นดาวเด่นสำหรับแวดวงเทคโนโลยีในปีนี้ Google เรียกมันว่าเป็นโมเดลที่ฉลาดมากพอจะคิด วิเคราะห์ ประสานงาน และจัดการสิ่งต่างๆ ให้เราได้แบบอัตโนมัติ.และนี่คือ 10 ไฮไลต์สำคัญจากงาน Google I/O 2025 ที่สะท้อนยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์อย่างชัดเจน อีกทั้งยังตอกย้ำอีกว่าปีนี้ Google เอาจริง!..[ 10 ไฮไลต์สำคัญจากงาน Google I/O 2025 ] .1️⃣ 🌐 Gemini 2.5 Pro และ Flash ก้าวกระโดดของโมเดล AI ที่เร็ว ฉลาด และพร้อมใช้จริง.Google เปิดตัวโมเดลเรือธง Gemini 2.5 Pro ที่ครองอันดับ 1 ทุกหมวดใน LM Arena ซึ่งเป็นสนามประเมินศักยภาพของโมเดลภาษา ตัวเลขบ่งชี้ความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน โดยโมเดลใหม่ได้คะแนน ELO เพิ่มขึ้นกว่า 300 แต้มจาก Gemini รุ่นแรก.จุดเด่นของ 2.5 Pro ไม่ใช่แค่ความเข้าใจภาษาหรือตรรกะที่ลึกซึ้งขึ้น แต่คือความสามารถในการ ‘ใช้เหตุผลหลายขั้น’ และตอบคำถามที่ซับซ้อนได้ใกล้เคียงมนุษย์.ขณะเดียวกัน Google ยังเปิดตัว ‘Gemini 2.5 Flash’ โมเดลเวอร์ชันที่เล็กลงมาหน่อยแต่ยังคงทรงพลัง เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วและต้นทุนต่ำ เช่น Chatbots, Customer Service หรือ Data Analysis แบบเรียลไทม์.ทั้งสองโมเดลนี้จะเปิดให้ใช้งานใน Gemini API ภายในเดือนมิถุนายน และหลังจากนั้นจะถูกนำมาเป็นแกนหลักของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในผลิตภัณฑ์ของ Google..2️⃣ 🧠 Agent Mode & Project Mariner - Agentic AI ในแบบของ Google.Google เปิดตัว Agent Mode ภายใน Gemini App ซึ่งไม่เพียงตอบคำถาม แต่สามารถทำสิ่งนั้นแทนเราได้จริง เช่น หากคุณต้องการหาอพาร์ตเมนต์ใน Austin สำหรับ 3 คน พร้อมเครื่องซักผ้า และงบไม่เกินคนละ $1,200.Agent Mode จะทำงานโดยการดึงข้อมูลจาก Zillow กรองข้อมูลตามเงื่อนไข แนะนำห้อง นัดดูห้องใน Google Calendar ให้เรียบร้อย.โดยเบื้องหลังความสามารถนี้คือ Project Mariner ซึ่งทำให้ AI มีทักษะในการ ‘ใช้คอมพิวเตอร์ได้เหมือนมนุษย์’ เช่น เปิดเว็บ คลิก กรอกแบบฟอร์ม อีกทั้งยังมีความสามารถในการเรียนรู้จากการเห็นวิธีการทำงานเพียงครั้งเดียวด้วยฟีเจอร์ ‘Teach & Repeat’.นอกจากนี้ Mariner ยังรองรับ Multitasking สูงสุด 10 งานพร้อมกัน และจะเปิดให้ใช้งานช่วงฤดูร้อนนี้ผ่าน Gemini API..3️⃣ 🎥 Google Beam การสื่อสารผ่านวิดีโอที่ ‘เหมือนอยู่ต่อหน้า’ จริงๆ.Google เปิดตัว Google Beam แพลตฟอร์มวิดีโอคอลแบบใหม่ที่ใช้กล้อง 6 ตัวและ AI เพื่อสร้างภาพ 3D เสมือนจริงบนจอ Light-field ที่มีความละเอียดสูง รองรับ 60 fps และ Head Tracking แบบมิลลิเมตร.สิ่งที่น่าทึ่งคือความสามารถในการจับภาพบุคคลจากมุมต่างๆ แล้วนำมาสร้างโมเดลภาพ 3 มิติแบบเรียลไทม์เพื่อใช้ใน Video Call เหมือนกับว่าคู่สนทนาอยู่ตรงหน้า.นอกจากนี้ Google Beam ยังพัฒนาร่วมกับ HP และจะเปิดให้ใช้งานกับลูกค้าชุดแรกภายในปีนี้..4️⃣ 🔊 Gemini Live & Project Astra AI ที่เข้าใจโลกจริงผ่านกล้องและเสียง.หนึ่งในจุดเด่นของ Gemini 2.5 คือความสามารถแบบ Multimodal เข้าใจภาพ เสียง ข้อความ และบริบทพร้อมกัน.Gemini Live เป็นประสบการณ์ใหม่ของ AI ที่ให้คุณพูดคุยกับ AI แบบเรียลไทม์ผ่านเสียง พร้อมใช้กล้องมือถือเพื่อให้ AI เห็นสิ่งเดียวกันกับคุณ เช่น.⭐ ชี้กล้องไปที่หน้าปัดรถ → AI บอกวิธีใช้⭐ แชร์หน้าจอสัมภาษณ์ → AI วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน⭐ อ่านลายมือจากโน้ต → เปลี่ยนเป็น Checklists ใน Google Keep.ทั้งหมดนี้จะใช้งานได้ผ่าน Android และ iOS โดยจะเชื่อมต่อกับ Maps, Calendar, Tasks ได้เร็วๆ นี้..5️⃣ 🧑‍💻 AI Mode ใน Google Search ค้นหาแบบฉลาด สนทนาได้ พร้อมทำงานแทน.Google Search กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ใช้ AI มากที่สุดในโลก โดยมีผู้ใช้กว่า 1.5 พันล้านคนต่อเดือน ที่ได้สัมผัส AI Overviews.แต่ปีนี้ Google ยกระดับอีกขั้นด้วย ‘AI Mode’ แท็บใหม่ใน Google Search ที่ให้คุณพิมพ์คำถามยาว ซับซ้อน หรือพูดผ่านกล้องได้เลย เช่น.“เปรียบเทียบโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับงานตัดต่อ ราคาไม่เกิน 50,000 พร้อมร้านที่ไว้ใจได้”“นี่คือประตูหน้าบ้านฉัน มีอะไรผิดปกติมั้ย?” (ใช้กล้อง).นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Search Live สำหรับการค้นหาขณะใช้งานจริง และระบบ Agentic Checkout ที่ช่วยติดตามราคา สั่งซื้ออัตโนมัติ และจ่ายเงินผ่าน Google Pay ได้แบบเรียบง่าย..6️⃣ 💌 Smart Reply ด้วยน้ำเสียงและสำนวนของคุณ ตอบอีเมลให้เหมือนคุณเขียนเอง.Google นำ Gemini มาประยุกต์ใช้กับ Gmail โดยต่อยอดจากฟีเจอร์ Smart Reply ให้กลายเป็น Personalized Smart Reply ตัวอย่าง เพื่อนคุณถามถึงทริป Zion National Park ที่คุณเคยไป Gemini จะไปดึงข้อมูลจากอีเมลเก่า โน้ตใน Google Docs หรือเอกสารการจอง แล้วสร้างคำตอบให้พร้อมใช้น้ำเสียงเดียวกับที่คุณเคยใช้.Gemini จะเรียนรู้ว่าคุณชอบใช้คำทักทายแบบไหน มีสำนวนเฉพาะอะไร และเขียนตอบให้ในแบบที่อ่านแล้วเหมือนคุณจริง ๆ ไม่ใช่แค่คำตอบจาก AI.โดยจะเปิดใช้งานใน Gmail สำหรับผู้ใช้แบบเสียเงินช่วงฤดูร้อนนี้..7️⃣ 🖼️ V3 & Flow สร้างภาพ เสียง และบทพูดด้วย AI อย่างสมจริง.Google เปิดตัวโมเดล V3 ที่รองรับการสร้างเสียง และบทสนทนา จากข้อความธรรมดา เช่น.“นกฮูกแก่กับแบดเจอร์น้อยคุยกันกลางป่า” → ได้ทั้งเสียงสัตว์ เสียงป่า และบทสนทนาจริง.ไม่เพียงเท่านั้น เครื่องมือสร้างสรรค์ใหม่ชื่อ Flow ผสาน Gemini + V3 + Imagine 4 เพื่อให้ผู้สร้างสามารถสร้างวิดีโอแบบมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นภาพเคลื่อนไหว เสียงพื้นหลัง หรือบทพูดที่น่าดึงดูด..8️⃣ 🕶️ Android XR ระบบปฏิบัติการสำหรับแว่นตาและโลกเสมือน.Google ร่วมกับ Samsung และ Qualcomm เปิดตัว Android XR ระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับอุปกรณ์ XR (Extended Reality).Project Muhan ของ Samsung คืออุปกรณ์ XR เครื่องแรกที่ใช้ Android XR ตามมาด้วยแว่นตาอัจฉริยะจาก Gentle Monster และ Warby Parker ซึ่งจะเริ่มเปิดให้นักพัฒนาทดลองภายในปีนี้.เป้าหมายคือสร้างอุปกรณ์ที่เบา ใส่สบาย ใช้งานได้ทั้งวัน เพื่อใช้ดูข้อมูล แปลภาษา รับการแจ้งเตือน หรือใช้ Gemini แบบ AR ได้ทุกที่ที่ต้องการเลย..9️⃣ 🛡️ AI เพื่อมนุษยธรรม Firesat และโดรนช่วยเหลือภัยพิบัติ.Google ใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาจริง เช่นการรับมือภัยพิบัติ อย่าง Firesat คือดาวเทียม AI ที่สามารถตรวจจับไฟป่าได้ในพื้นที่ขนาดเท่ากับโรงรถเพียงหลังเดียว และอัปเดตรูปภาพทุก 20 นาที (จากเดิม 12 ชั่วโมง).โครงการร่วมกับ Red Cross, Walmart, และ Wing ใช้โดรนส่งอาหาร ยา และของจำเป็นไปยังพื้นที่ประสบภัยแบบเรียลไทม์ เช่นตอนพายุ Hurricane Helen.นี่คือการยืนยันว่า AI ไม่ได้มาเพื่อแค่แย่งงานคน แต่กำลังช่วยชีวิตคนจริงๆ..🔟 💼 Google AI Ultra แผนสมาชิกพรีเมียมสำหรับคนที่ต้องการ AI ขั้นสูงสุด.Google AI Ultra คือแผนการสมัครสมาชิก AI ระดับพรีเมียมใหม่ของ Google โดยแผนนี้ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ นักพัฒนา และมืออาชีพด้านความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากความสามารถ AI ขั้นสูงสุดของ Google.สำหรับราคา แผน Google AI Ultra มีค่าใช้จ่าย 249.99 ดอลลาร์ต่อเดือน สำหรับสิ่งที่ผู้สมัครสมาชิก Google AI Ultra จะได้รับ ได้แก่.⭐ สิทธิ์การเข้าถึงโมเดลที่มีความสามารถสูงสุดของ Google ⭐ ขีดจำกัดการใช้งานสูงสุด ⭐ คุณสมบัติพรีเมียมต่างๆ เช่น การเข้าถึง Deep Research ในแอป Gemini ⭐ การสร้างวิดีโอด้วย Veo 2 และการเข้าถึง Veo 3 ก่อนใคร ⭐ พื้นที่เก็บข้อมูล 30TB + YouTube Premium⭐ เครื่องมือสร้างภาพยนตร์ AI ใหม่ Flow สำหรับสร้างวิดีโอระดับ 1080p⭐ การเข้าถึง Project Mariner ซึ่งสามารถจัดการงานที่ใช้เวลานานได้สูงสุด 10 งานพร้อมกัน⭐ NotebookLM เวอร์ชันเต็ม⭐ เข้าถึง Gemini 2.5 Pro ก่อนใคร พร้อม Deep Think Mode⭐ เข้าถึงฟีเจอร์ทดลองก่อนเปิดตัว.เป็นแผนสมาชิกที่น่าสนใจมากๆ หากใครสนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้..📌 Google I/O 2025 คือการยืนยันว่าเราได้ก้าวข้ามยุค ‘AI ที่รอรับคำสั่ง’ มาเป็นยุคของ ‘AI ที่ลงมือทำแทน’ แล้วอย่างแท้จริง ตอนนี้ AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเบื้องหลังอีกต่อไป แต่มันกำลังเข้าไปในอีเมลของคุณ (Smart Reply) อยู่ในกล้องของคุณ (Search Live) คุยกับคุณแบบเห็นภาพจริง (Gemini Live) จองห้อง ดูตาราง เปรียบเทียบราคาแทนคุณ (Agent Mode) ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะมาให้คุณใช้จริงในปี 2025..เขียนและเรียบเรียงโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์
    0 Comments 0 Shares 546 Views 0 Reviews
  • Windows 11 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่: ปลุก Copilot ด้วยคำสั่งเสียง

    Microsoft ได้เปิดตัว ฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ปลุก Copilot ด้วยคำสั่งเสียง "Hey, Copilot!" โดยไม่ต้องแตะอุปกรณ์หรือกดปุ่มใด ๆ ฟีเจอร์นี้คล้ายกับ Cortana บน Windows 10 และ Windows Phone

    ✅ Windows Insiders สามารถใช้คำสั่ง "Hey, Copilot!" เพื่อเริ่มต้น Copilot Voice
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นการสนทนาได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้มือ

    ✅ Copilot Voice ใช้การประมวลผลบนอุปกรณ์เพื่อฟังคำสั่ง
    - Microsoft ยืนยันว่า ไม่มีการส่งข้อมูลเสียงไปยังคลาวด์เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้

    ✅ ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้ได้ใน Settings ของ Copilot
    - ไปที่ Copilot > Avatar > Settings > Voice Mode แล้วเปิด "Listen for 'Hey, Copilot'"

    ✅ เมื่อเปิดใช้งาน Voice Mode ผู้ใช้จะได้ยินเสียงแจ้งเตือนหรือคำทักทายจาก Copilot
    - UI ของ Voice Mode จะแสดงที่ด้านล่างของหน้าจอ

    ✅ ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานใน Windows Insider ทุกช่องทาง
    - เริ่มต้นใน เวอร์ชัน 1.25051.10.0 และใหม่กว่า

    https://www.neowin.net/news/you-can-now-wake-copilot-in-windows-11-with-a-voice-command/
    Windows 11 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่: ปลุก Copilot ด้วยคำสั่งเสียง Microsoft ได้เปิดตัว ฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ปลุก Copilot ด้วยคำสั่งเสียง "Hey, Copilot!" โดยไม่ต้องแตะอุปกรณ์หรือกดปุ่มใด ๆ ฟีเจอร์นี้คล้ายกับ Cortana บน Windows 10 และ Windows Phone ✅ Windows Insiders สามารถใช้คำสั่ง "Hey, Copilot!" เพื่อเริ่มต้น Copilot Voice - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นการสนทนาได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้มือ ✅ Copilot Voice ใช้การประมวลผลบนอุปกรณ์เพื่อฟังคำสั่ง - Microsoft ยืนยันว่า ไม่มีการส่งข้อมูลเสียงไปยังคลาวด์เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ ✅ ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้ได้ใน Settings ของ Copilot - ไปที่ Copilot > Avatar > Settings > Voice Mode แล้วเปิด "Listen for 'Hey, Copilot'" ✅ เมื่อเปิดใช้งาน Voice Mode ผู้ใช้จะได้ยินเสียงแจ้งเตือนหรือคำทักทายจาก Copilot - UI ของ Voice Mode จะแสดงที่ด้านล่างของหน้าจอ ✅ ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานใน Windows Insider ทุกช่องทาง - เริ่มต้นใน เวอร์ชัน 1.25051.10.0 และใหม่กว่า https://www.neowin.net/news/you-can-now-wake-copilot-in-windows-11-with-a-voice-command/
    WWW.NEOWIN.NET
    You can now wake Copilot in Windows 11 with a voice command
    Remember "Hey, Cortana" in Windows 10? The voice command is back in Windows 11, but this time, for Copilot.
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 Reviews
  • ไมตรีจากใจจริง: หนทางสู่จิตอันอบอุ่น

    การทักทายหรือแสดงความมีไมตรีต่อเพื่อนมนุษย์ แม้เพียงเรื่องเล็กน้อย เช่น รอยยิ้ม คำทักถาม หรือการแสดงความสนใจต่ออีกฝ่าย อาจดูเหมือนเรื่องธรรมดา แต่แท้จริงแล้ว มันเป็น การฝึกจิตใจให้เปลี่ยนแปลง

    หากทักทายด้วยใจแห้งแล้ง ในช่วงแรกอาจดูฝืน แต่ ความตั้งใจดีและการทำอย่างสม่ำเสมอ จะหล่อหลอมให้ไมตรีนั้นออกมาจากใจจริงในที่สุด

    เมื่อเราเริ่มใส่ ความแคร์ ต่อเพื่อนมนุษย์ในทุกการกระทำ จิตใจของเราจะเริ่มอบอุ่นขึ้น และความรู้สึกสุขสงบจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ



    ---

    ไมตรีในชีวิตการงาน

    แม้การทำงานอาจต้องพบเจอคนที่ทำให้ไม่สบายใจ เช่น คนที่พูดจาไม่ดีหรือปฏิบัติร้ายต่อเรา แต่การเลือกแสดงไมตรีตอบแทน ไม่ใช่เพื่อเอาชนะ แต่เพื่อสร้าง กุศลในจิตใจของเราเอง เป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาจิตใจให้เข้มแข็งและอบอุ่น


    ---

    ไมตรี: กุศลในกองอกุศล

    1. ฝึกทักทายด้วยไมตรี
    การฝึกกล่าวคำทักทาย หรือแสดงความสนใจอย่างจริงใจ จะช่วยหล่อหลอมจิตใจให้มีความเมตตาเพิ่มขึ้น


    2. เริ่มต้นด้วยใจของเราเอง
    หากใจยังไม่รู้สึกอบอุ่น ให้เริ่มจาก แสดงไมตรี ต่อผู้อื่นก่อน แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น การพูดจาสุภาพหรือการยิ้ม


    3. มองเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเอง
    แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์หรือผู้คนที่ไม่เป็นมิตร อย่ามองเป็นอุปสรรค แต่ให้ถือว่าเป็น โอกาสทอง ในการฝึกจิตของเราให้เข้มแข็ง




    ---

    ไมตรี: สะพานสู่ความสุขภายใน

    ไมตรีจากใจจริงไม่เพียงช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเรากับผู้อื่น แต่ยังเป็นการสร้างความสุขและความอบอุ่นในใจเราเอง

    ในท่ามกลางโลกที่มีอกุศลมากมาย ไมตรีจากใจจริง คือหนึ่งในแสงสว่างที่เราสามารถสร้างขึ้นเองได้ เป็นแสงที่ช่วยให้เราและผู้คนรอบข้างอบอุ่นขึ้นในทุกๆ วัน

    ไมตรีจากใจจริง: หนทางสู่จิตอันอบอุ่น การทักทายหรือแสดงความมีไมตรีต่อเพื่อนมนุษย์ แม้เพียงเรื่องเล็กน้อย เช่น รอยยิ้ม คำทักถาม หรือการแสดงความสนใจต่ออีกฝ่าย อาจดูเหมือนเรื่องธรรมดา แต่แท้จริงแล้ว มันเป็น การฝึกจิตใจให้เปลี่ยนแปลง หากทักทายด้วยใจแห้งแล้ง ในช่วงแรกอาจดูฝืน แต่ ความตั้งใจดีและการทำอย่างสม่ำเสมอ จะหล่อหลอมให้ไมตรีนั้นออกมาจากใจจริงในที่สุด เมื่อเราเริ่มใส่ ความแคร์ ต่อเพื่อนมนุษย์ในทุกการกระทำ จิตใจของเราจะเริ่มอบอุ่นขึ้น และความรู้สึกสุขสงบจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ --- ไมตรีในชีวิตการงาน แม้การทำงานอาจต้องพบเจอคนที่ทำให้ไม่สบายใจ เช่น คนที่พูดจาไม่ดีหรือปฏิบัติร้ายต่อเรา แต่การเลือกแสดงไมตรีตอบแทน ไม่ใช่เพื่อเอาชนะ แต่เพื่อสร้าง กุศลในจิตใจของเราเอง เป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาจิตใจให้เข้มแข็งและอบอุ่น --- ไมตรี: กุศลในกองอกุศล 1. ฝึกทักทายด้วยไมตรี การฝึกกล่าวคำทักทาย หรือแสดงความสนใจอย่างจริงใจ จะช่วยหล่อหลอมจิตใจให้มีความเมตตาเพิ่มขึ้น 2. เริ่มต้นด้วยใจของเราเอง หากใจยังไม่รู้สึกอบอุ่น ให้เริ่มจาก แสดงไมตรี ต่อผู้อื่นก่อน แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น การพูดจาสุภาพหรือการยิ้ม 3. มองเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเอง แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์หรือผู้คนที่ไม่เป็นมิตร อย่ามองเป็นอุปสรรค แต่ให้ถือว่าเป็น โอกาสทอง ในการฝึกจิตของเราให้เข้มแข็ง --- ไมตรี: สะพานสู่ความสุขภายใน ไมตรีจากใจจริงไม่เพียงช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเรากับผู้อื่น แต่ยังเป็นการสร้างความสุขและความอบอุ่นในใจเราเอง ในท่ามกลางโลกที่มีอกุศลมากมาย ไมตรีจากใจจริง คือหนึ่งในแสงสว่างที่เราสามารถสร้างขึ้นเองได้ เป็นแสงที่ช่วยให้เราและผู้คนรอบข้างอบอุ่นขึ้นในทุกๆ วัน
    0 Comments 0 Shares 558 Views 0 Reviews
  • 82 ปี “สวัสดี” คำทักทายอย่างเป็นทางการของไทย

    ย้อนไปเมื่อ 82 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 ถือเป็นวันสำคัญ ในประวัติศาสตร์ภาษา และวัฒนธรรมของไทย เนื่องจากรัฐบาลไทยในยุคนั้น ได้กำหนดให้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทาย ที่ใช้อย่างเป็นทางการ ทั้งในยามพบปะและลาจาก คำนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดธรรมดา แต่ยังสื่อถึงความหวังดี และความปรารถนาดีระหว่างผู้คน ซึ่งสะท้อนถึงจิตวิญญาณอันงดงาม ของวัฒนธรรมไทย

    ความหมายของ “สวัสดี”
    คำว่า “สวัสดี” มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต โดยคำนี้ประกอบด้วยสองส่วนสำคัญ ได้แก่
    “สุ” ซึ่งเป็นคำอุปสรรค หมายถึง "ดี" หรือ "งดงาม"
    “อสฺติ” ซึ่งเป็นคำกริยา หมายถึง "มี"

    เมื่อรวมกันจึงแปลว่า “ขอความดีงามจงมีแก่ท่าน” หรือกล่าวในความหมายกว้างว่า “ขอให้คุณมีความสุข ปลอดภัย และรุ่งเรือง”

    ตามที่พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ระบุไว้ คำว่า “สวัสดี” หมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย คำนี้ถูกนำมาใช้ เพื่อเป็นทั้งคำอวยพร และคำทักทาย ทำให้ทุกครั้ง ที่มีการกล่าวคำว่า "สวัสดี" ผู้พูดและผู้ฟัง ต่างได้รับความรู้สึกดี ๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ของภาษาไทย

    จุดเริ่มต้นของคำว่า “สวัสดี”
    คำว่า “สวัสดี” ได้ถูกนำมาใช้ อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2486 โดยพระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะนั้น พระยาอุปกิตฯ ได้แรงบันดาลใจจากคำว่า “โสตฺถิ” ในภาษาบาลี หรือ “สฺวสฺติ” ในภาษาสันสกฤต และได้นำมาปรับเปลี่ยนเสียง ให้เหมาะสม กับการออกเสียงของคนไทย

    หลังจากนั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในยุคนั้น ได้เห็นความเหมาะสมของคำนี้ และสนับสนุนให้ใช้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 เป็นต้นมา

    ความแตกต่างของ “สวัสดี” กับคำทักทายอื่นในยุคนั้น
    ก่อนที่คำว่า “สวัสดี” จะถูกกำหนดให้เป็นคำทักทาย อย่างเป็นทางการ คนไทยนิยมใช้คำทักทาย ตามโอกาส เช่น

    “ไปไหนมา?” หรือ “กินข้าวหรือยัง?” ในชีวิตประจำวัน
    “กราบเรียน” หรือ “คารวะ” เมื่อพูดกับผู้ใหญ่

    คำว่า “สวัสดี” จึงเข้ามาเติมเต็มบทบาท ของคำทักทาย ที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ทั้งในเชิงความหมาย และความสะดวกในการใช้งาน โดยสามารถใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และในพิธีการ อย่างเป็นทางการ

    การพัฒนาคำว่า “สวัสดี” ในยุคปัจจุบัน
    แม้คำว่า “สวัสดี” จะถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ในประเทศไทย แต่ในช่วงยุคแรก ๆ มีการกำหนดคำทักทายเพิ่มเติม ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน เช่น

    “อรุณสวัสดิ์” (Good morning) สำหรับทักทายในตอนเช้า
    “ทิวาสวัสดิ์” (Good afternoon) สำหรับทักทายในตอนกลางวัน
    “สายัณห์สวัสดิ์” (Good evening) สำหรับทักทายในตอนเย็น
    “ราตรีสวัสดิ์” (Good night) สำหรับกล่าวลาก่อนเข้านอน

    อย่างไรก็ตาม คำว่า “สวัสดี” ยังคงได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะสามารถใช้ได้ทุกช่วงเวลา ไม่ต้องระบุเวลาเฉพาะเจาะจง

    การทักทายด้วย “สวัสดี” สะท้อนถึงวัฒนธรรมไทย
    การกล่าวคำว่า “สวัสดี” มักจะมาพร้อมกับการ ไหว้ ซึ่งเป็นการยกมือขึ้นประนมไว้ที่อก ในลักษณะคล้ายดอกบัวตูม ท่าทางนี้ไม่ได้เป็นเพียง การแสดงความเคารพเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง เช่น

    ความบริสุทธิ์ใจ การประนมมือไว้ที่อก แสดงถึงการพูดจากใจ
    ความเคารพผู้อื่น แสดงความนอบน้อมและให้เกียรติผู้ฟัง
    ความปรารถนาดี การกล่าวคำ “สวัสดี” พร้อมกับการไหว้ เป็นการส่งต่อความหวังดีไปยังผู้อื่น

    นอกจากนี้ การไหว้ยังแบ่งระดับ ตามสถานะของผู้พูดและผู้ฟัง เช่น
    ไหว้แบบสูงสุด สำหรับการแสดงความเคารพต่อพระสงฆ์
    ไหว้แบบกลาง สำหรับผู้ใหญ่ และผู้มีตำแหน่งสูงกว่า
    ไหว้แบบต่ำ สำหรับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อน

    “สวัสดี” ในยุคดิจิทัล
    แม้ในยุคปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในชีวิตประจำวัน คนไทยยังคงใช้คำว่า “สวัสดี” ในการสื่อสาร ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น

    - ส่งข้อความทักทาย ในแอปพลิเคชันแชต
    - ใช้คำว่า “สวัสดีค่ะ/ครับ” เป็นคำเปิดหัวข้อในอีเมล
    - ใช้คำว่า “สวัสดี” ในโพสต์ หรือแคปชันบนโซเชียลมีเดีย

    การใช้งานคำนี้ในยุคดิจิทัล ช่วยสะท้อนถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ในโลกออนไลน์ และยังสร้างความประทับใจ แก่ชาวต่างชาติที่พบเห็น

    “สวัสดี” คำทักทายที่ไม่เคยล้าสมัย
    การเดินทางของคำว่า “สวัสดี” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486 จนถึงปัจจุบัน เป็นเครื่องยืนยันถึงความงดงาม ของภาษาไทย และวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง คำนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูด ที่ใช้ในการทักทาย หรืออำลาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสื่อสาร ถึงความปรารถนาดี ความเคารพ และความจริงใจ ที่คนไทยมีต่อกัน

    “สวัสดี” จึงไม่ใช่เพียงคำพูดธรรมดา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ ของความงดงามทางวัฒนธรรม ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และส่งต่อให้คนรุ่นหลัง

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221015 ม.ค. 2568

    #สวัสดี #ภาษาไทย #วัฒนธรรมไทย #คำทักทายไทย #คำทักทาย #วันสวัสดี #รากศัพท์สันสกฤต #ประวัติศาสตร์ไทย #ความงดงามของไทย #มรดกทางวัฒนธรรม ✨ 😊
    82 ปี “สวัสดี” คำทักทายอย่างเป็นทางการของไทย ย้อนไปเมื่อ 82 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 ถือเป็นวันสำคัญ ในประวัติศาสตร์ภาษา และวัฒนธรรมของไทย เนื่องจากรัฐบาลไทยในยุคนั้น ได้กำหนดให้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทาย ที่ใช้อย่างเป็นทางการ ทั้งในยามพบปะและลาจาก คำนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดธรรมดา แต่ยังสื่อถึงความหวังดี และความปรารถนาดีระหว่างผู้คน ซึ่งสะท้อนถึงจิตวิญญาณอันงดงาม ของวัฒนธรรมไทย ความหมายของ “สวัสดี” คำว่า “สวัสดี” มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต โดยคำนี้ประกอบด้วยสองส่วนสำคัญ ได้แก่ “สุ” ซึ่งเป็นคำอุปสรรค หมายถึง "ดี" หรือ "งดงาม" “อสฺติ” ซึ่งเป็นคำกริยา หมายถึง "มี" เมื่อรวมกันจึงแปลว่า “ขอความดีงามจงมีแก่ท่าน” หรือกล่าวในความหมายกว้างว่า “ขอให้คุณมีความสุข ปลอดภัย และรุ่งเรือง” ตามที่พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ระบุไว้ คำว่า “สวัสดี” หมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย คำนี้ถูกนำมาใช้ เพื่อเป็นทั้งคำอวยพร และคำทักทาย ทำให้ทุกครั้ง ที่มีการกล่าวคำว่า "สวัสดี" ผู้พูดและผู้ฟัง ต่างได้รับความรู้สึกดี ๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ของภาษาไทย จุดเริ่มต้นของคำว่า “สวัสดี” คำว่า “สวัสดี” ได้ถูกนำมาใช้ อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2486 โดยพระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะนั้น พระยาอุปกิตฯ ได้แรงบันดาลใจจากคำว่า “โสตฺถิ” ในภาษาบาลี หรือ “สฺวสฺติ” ในภาษาสันสกฤต และได้นำมาปรับเปลี่ยนเสียง ให้เหมาะสม กับการออกเสียงของคนไทย หลังจากนั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในยุคนั้น ได้เห็นความเหมาะสมของคำนี้ และสนับสนุนให้ใช้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 เป็นต้นมา ความแตกต่างของ “สวัสดี” กับคำทักทายอื่นในยุคนั้น ก่อนที่คำว่า “สวัสดี” จะถูกกำหนดให้เป็นคำทักทาย อย่างเป็นทางการ คนไทยนิยมใช้คำทักทาย ตามโอกาส เช่น “ไปไหนมา?” หรือ “กินข้าวหรือยัง?” ในชีวิตประจำวัน “กราบเรียน” หรือ “คารวะ” เมื่อพูดกับผู้ใหญ่ คำว่า “สวัสดี” จึงเข้ามาเติมเต็มบทบาท ของคำทักทาย ที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ทั้งในเชิงความหมาย และความสะดวกในการใช้งาน โดยสามารถใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และในพิธีการ อย่างเป็นทางการ การพัฒนาคำว่า “สวัสดี” ในยุคปัจจุบัน แม้คำว่า “สวัสดี” จะถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ในประเทศไทย แต่ในช่วงยุคแรก ๆ มีการกำหนดคำทักทายเพิ่มเติม ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน เช่น “อรุณสวัสดิ์” (Good morning) สำหรับทักทายในตอนเช้า “ทิวาสวัสดิ์” (Good afternoon) สำหรับทักทายในตอนกลางวัน “สายัณห์สวัสดิ์” (Good evening) สำหรับทักทายในตอนเย็น “ราตรีสวัสดิ์” (Good night) สำหรับกล่าวลาก่อนเข้านอน อย่างไรก็ตาม คำว่า “สวัสดี” ยังคงได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะสามารถใช้ได้ทุกช่วงเวลา ไม่ต้องระบุเวลาเฉพาะเจาะจง การทักทายด้วย “สวัสดี” สะท้อนถึงวัฒนธรรมไทย การกล่าวคำว่า “สวัสดี” มักจะมาพร้อมกับการ ไหว้ ซึ่งเป็นการยกมือขึ้นประนมไว้ที่อก ในลักษณะคล้ายดอกบัวตูม ท่าทางนี้ไม่ได้เป็นเพียง การแสดงความเคารพเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง เช่น ความบริสุทธิ์ใจ การประนมมือไว้ที่อก แสดงถึงการพูดจากใจ ความเคารพผู้อื่น แสดงความนอบน้อมและให้เกียรติผู้ฟัง ความปรารถนาดี การกล่าวคำ “สวัสดี” พร้อมกับการไหว้ เป็นการส่งต่อความหวังดีไปยังผู้อื่น นอกจากนี้ การไหว้ยังแบ่งระดับ ตามสถานะของผู้พูดและผู้ฟัง เช่น ไหว้แบบสูงสุด สำหรับการแสดงความเคารพต่อพระสงฆ์ ไหว้แบบกลาง สำหรับผู้ใหญ่ และผู้มีตำแหน่งสูงกว่า ไหว้แบบต่ำ สำหรับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อน “สวัสดี” ในยุคดิจิทัล แม้ในยุคปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในชีวิตประจำวัน คนไทยยังคงใช้คำว่า “สวัสดี” ในการสื่อสาร ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น - ส่งข้อความทักทาย ในแอปพลิเคชันแชต - ใช้คำว่า “สวัสดีค่ะ/ครับ” เป็นคำเปิดหัวข้อในอีเมล - ใช้คำว่า “สวัสดี” ในโพสต์ หรือแคปชันบนโซเชียลมีเดีย การใช้งานคำนี้ในยุคดิจิทัล ช่วยสะท้อนถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ในโลกออนไลน์ และยังสร้างความประทับใจ แก่ชาวต่างชาติที่พบเห็น “สวัสดี” คำทักทายที่ไม่เคยล้าสมัย การเดินทางของคำว่า “สวัสดี” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486 จนถึงปัจจุบัน เป็นเครื่องยืนยันถึงความงดงาม ของภาษาไทย และวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง คำนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูด ที่ใช้ในการทักทาย หรืออำลาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสื่อสาร ถึงความปรารถนาดี ความเคารพ และความจริงใจ ที่คนไทยมีต่อกัน “สวัสดี” จึงไม่ใช่เพียงคำพูดธรรมดา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ ของความงดงามทางวัฒนธรรม ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และส่งต่อให้คนรุ่นหลัง ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221015 ม.ค. 2568 #สวัสดี #ภาษาไทย #วัฒนธรรมไทย #คำทักทายไทย #คำทักทาย #วันสวัสดี #รากศัพท์สันสกฤต #ประวัติศาสตร์ไทย #ความงดงามของไทย #มรดกทางวัฒนธรรม ✨ 😊
    0 Comments 0 Shares 1068 Views 0 Reviews
  • กองทหารรัสเซียจาก Kurakhove ที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อย ส่งคำทักทายถึงทหารยูเครนด้วยการเคลียร์สัญลักษณ์ธงของยูเครนตามท้องถนนและอาคารต่างๆ
    กองทหารรัสเซียจาก Kurakhove ที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อย ส่งคำทักทายถึงทหารยูเครนด้วยการเคลียร์สัญลักษณ์ธงของยูเครนตามท้องถนนและอาคารต่างๆ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • คำทักทายจากใจ: สะพานแห่งความสบายใจ

    คำทักทายที่ออกมาจากความจริงใจ ไม่ใช่แค่ประโยคเปิดบทสนทนา แต่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงหัวใจสองดวงเข้าด้วยกัน เมื่อเราทักทายด้วยความปรารถนาดี และส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นไปยังอีกฝ่าย มันไม่เพียงช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี แต่ยังทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกถึงการยอมรับ และความเป็นมิตรในทันที

    ---

    ทำไมคำทักทายจากใจถึงสำคัญ?

    สร้างความสบายใจ: คำทักทายที่จริงใจช่วยทำให้บรรยากาศรอบตัวเบาสบาย คลายความตึงเครียด

    เชื่อมความสัมพันธ์: เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะในครอบครัว ที่ทำงาน หรือกับคนแปลกหน้า

    แสดงความใส่ใจ: การทักทายด้วยใจจริงสะท้อนถึงความสนใจในตัวอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีค่า

    ---

    ตัวอย่างคำทักทายจากใจ

    "วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นนะ"

    "ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง!"

    "พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า? ดูแลตัวเองด้วยนะ"

    "อากาศดีแบบนี้ ขอให้วันนี้ของคุณสดใสนะ"

    ---

    เคล็ดลับในการทักทายจากใจ

    1. ยิ้มจริงใจ: รอยยิ้มที่อบอุ่นทำให้คำทักทายส่งพลังบวกมากขึ้น

    2. ใช้ชื่อคู่สนทนา: หากรู้จักชื่อ การเรียกชื่อในคำทักทายจะเพิ่มความใกล้ชิด

    3. ใส่ใจในรายละเอียด: หากรู้ว่าคนฟังกำลังมีเรื่องอะไร เช่น งานสำคัญ หรือเรื่องสุขภาพ การกล่าวถึงด้วยความใส่ใจจะช่วยให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจและห่วงใย

    ---

    ผลลัพธ์ของคำทักทายที่มาจากใจ

    เติมพลังใจ: ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดี มีพลังในการเริ่มต้นวันหรือเผชิญหน้ากับปัญหา

    สร้างมิตรภาพ: เปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

    บรรเทาความเครียด: ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น

    ---

    เพียงคำทักทายจากใจเล็กๆ อาจเปลี่ยนแปลงวันที่เงียบเหงาหรือหนักหน่วงให้กลายเป็นวันที่มีความสุขและเบาสบายได้ เพราะหัวใจของความสัมพันธ์ที่ดี เริ่มต้นจากการแสดงออกถึงความใส่ใจในกันและกัน!
    คำทักทายจากใจ: สะพานแห่งความสบายใจ คำทักทายที่ออกมาจากความจริงใจ ไม่ใช่แค่ประโยคเปิดบทสนทนา แต่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงหัวใจสองดวงเข้าด้วยกัน เมื่อเราทักทายด้วยความปรารถนาดี และส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นไปยังอีกฝ่าย มันไม่เพียงช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี แต่ยังทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกถึงการยอมรับ และความเป็นมิตรในทันที --- ทำไมคำทักทายจากใจถึงสำคัญ? สร้างความสบายใจ: คำทักทายที่จริงใจช่วยทำให้บรรยากาศรอบตัวเบาสบาย คลายความตึงเครียด เชื่อมความสัมพันธ์: เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะในครอบครัว ที่ทำงาน หรือกับคนแปลกหน้า แสดงความใส่ใจ: การทักทายด้วยใจจริงสะท้อนถึงความสนใจในตัวอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีค่า --- ตัวอย่างคำทักทายจากใจ "วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นนะ" "ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง!" "พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า? ดูแลตัวเองด้วยนะ" "อากาศดีแบบนี้ ขอให้วันนี้ของคุณสดใสนะ" --- เคล็ดลับในการทักทายจากใจ 1. ยิ้มจริงใจ: รอยยิ้มที่อบอุ่นทำให้คำทักทายส่งพลังบวกมากขึ้น 2. ใช้ชื่อคู่สนทนา: หากรู้จักชื่อ การเรียกชื่อในคำทักทายจะเพิ่มความใกล้ชิด 3. ใส่ใจในรายละเอียด: หากรู้ว่าคนฟังกำลังมีเรื่องอะไร เช่น งานสำคัญ หรือเรื่องสุขภาพ การกล่าวถึงด้วยความใส่ใจจะช่วยให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจและห่วงใย --- ผลลัพธ์ของคำทักทายที่มาจากใจ เติมพลังใจ: ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดี มีพลังในการเริ่มต้นวันหรือเผชิญหน้ากับปัญหา สร้างมิตรภาพ: เปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น บรรเทาความเครียด: ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น --- เพียงคำทักทายจากใจเล็กๆ อาจเปลี่ยนแปลงวันที่เงียบเหงาหรือหนักหน่วงให้กลายเป็นวันที่มีความสุขและเบาสบายได้ เพราะหัวใจของความสัมพันธ์ที่ดี เริ่มต้นจากการแสดงออกถึงความใส่ใจในกันและกัน!
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 466 Views 0 Reviews


  • ตอนหนึ่ง………จากเด็กหลังห้อง……สู่นักศึกษากฏหมายยูโดสายดำ……!!

    ก็จะเล่าเรื่องของท่านผู้นำ Vladimir Vladimirovich Putin ตามที่เคยเกริ่นไว้นานมาแล้วนะคะ

    วลาดิเมียร์ ปูติน ถือกำเนิดในวันที่ 7 ตุลาคม 1952
    ที่เลนินกราด (เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก) สหภาพโซเวียต


    เขาเกิดขึ้นมาในครอบครัวที่ทั้งบิดา มารดา (Vladimir และ Maria) ที่ค่อนข้างทนุถนอมปูตินน้อย ที่มีชื่อเล่นๆว่า Volodya
    (โวโลเดียร์)
    เพราะบุตรชายคนนี้ คือผู้ที่จะสืบทอดวงศ์ตระกูลเพียงคนเดียว
    หลังจากที่ได้สูญเสียบุตรชายไปสองคนก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง
    วลาดิเมียร์ผู้พ่อเคยรับราชการทหารเรือ ในหน่วยเรือดำน้ำ เมื่อถูกปลดประจำการ เขาและมาเรียก็ปักหลักลงฐานอยู่ในเลนินกราดเช่นเดิม ไม่ได้ย้ายไปไหน
    ทางรัฐบาลได้จัดที่อยู่อาศัยให้ในอาคารสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เลขที่ 12 ถนน Baskov ที่เป็นอาคารเก่าๆ มีสี่ห้องนอน แต่เขาต้องแบ่งกันอยู่กันอีกครอบครัวหนึ่ง
    ทั้งหมดยังต้องใช้เตาผิงฟืนเพื่อความอบอุ่น
    มาเรีย……ไม่ได้มีความรู้มากมาย ทำงานสารพัด ตั้งแต่รับล้างหลอดแก้วในแล็บ……ส่งขนมปัง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ คือ ต้องมีเวลาดูแลบุตรชายให้ดีที่สุด
    คู่สามีภรรยาที่เป็นเพื่อนร่วมแฟลต เป็นชาวยิว (เคร่งปฏิบัติ)
    ปูตินน้อย จึงเป็นละอ่อนคนเดียวในหมู่เพื่อนบ้าน
    เมื่อเขามีอายุได้เจ็ดอาทิตย์ มาเรีย และ บาบาอันยา (เพื่อนบ้าน) ได้พากันแอบเอาเขาไปทำพิธีล้างบาปในพิธีของออโธดอกซ์ ซึ่งเป็นความลับ (เพราะในยุคของคอมมิวนิสต์ พิธีทางศาสนาต่างๆต้องแอบซ่อน)
    เรื่องนี้ แม้แต่บิดาของเขาก็ไม่รู้ เป็นความลับดำมืด จนเมื่อสี่สิบปีต่อมา มาเรียได้นำกางเขนเล็กๆมาให้กับปูติน และเล่าเรื่องราวให้ฟัง ย้ำกับเขาว่า ถ้ามีโอกาสไปที่เยรูซาเล็ม ช่วยเอากางเขนนี้ ไปสวดที่ Church of the Holy Sepulcher ด้วย
    เลยพอเดาได้……ว่า มาเรียมีเชื้อสายเป็นยิวออโธดอกซ์ ที่ลบเลือนหายไปตามวิถีการเมืองและกาลเวลา
    นามสกุลเดิมของเธอ คือ Shelomova (ที่รากมาจาก Solomon
    ที่เป็นนามสกุลของยิว)

    ปูตินน้อยเป็นเด็กเฮี้ยวพอสมควร อายุเพียงเก้าขวบ เขาและเพื่อนพากันขึ้นรถไฟไปเที่ยวในชนบท กลับมาก็เจอกับพ่อที่ถือเข็มขัดรอไว้ในมือ……
    จากนั้นมา แม้แต่จะเดินไปหัวมุมถนน เขายังต้องขออนุญาต
    ความสัมพันธ์ในบ้าน ค่อนข้างที่จะเคร่งครัด ไม่มีการกอดจูบ
    หรือป้อนคำหวานใส่กัน
    วันเปิดเรียน……นักเรียนอื่นๆเขาจะนำช่อดอกไม้ไปให้ครู
    แต่ปูตินยกไปให้ครูทั้งกระถาง
    เขาเป็นที่ขำขันของเหล่าเพื่อนๆ เพราะตัวเล็ก แข้งขาลีบ
    เดินเป๋ๆ การเรียนไม่ค่อยดี
    จนครูต้องไปพบกับผู้ปกครอง เพื่อแนะนำว่า เด็กคนนี้หัวดีมาก แต่ไม่เอาใจใส่การเรียนเท่าที่ควร
    วลาดิเมียร์ผู้พ่อ ย้อนถามครูไปว่า
    “แล้วจะให้ผมทำยังไง……ฆ่ามันทิ้งงั้นเหรอ?”
    แต่ทั้งคู่ก็รับปากว่า จะเอาใจใส่ให้มากกว่านี้

    สิ่งแรกเลยที่ปูตินต้องพบ……คือ พ่อพาเขาไปเรียนชกมวย
    ที่ปูตินไม่สนใจในเรื่องชกๆต่อยๆ เขาไปสนใจใน sambo มากกว่า (แซมโบ คือ การผสมผสานระหว่างยูโด กับมวยปล้ำ)
    ซึ่งเขามาได้ถูกทาง เพราะโค้ชได้เข้าไปพบกับ วลาดิเมียร์ และ มาเรีย เพื่อรับรองว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ ปูตินน้อยมีความสามารถพิเศษในศาสตร์ด้านนี้

    ปูตินน้อยเข้าสู่วัยสิบสาม อยู่ชั้นมัธยมที่หนึ่ง
    เขาเริ่มมีทีมกลุ่มนักกีฬายูโดที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน จากที่เดินติ๋มๆในละแวกที่อาศัยล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยอบายมุข เหล้า บุหรี่
    ปูตินน้อย……สามารถเดินสบตาได้ทุกคน
    การเรียนเขาดีขึ้นมาก เขาได้รับเลือกขึ้นเป็นหัวหน้านักเรียนในชั้นมัธยมปีที่สอง
    พอมัธยมแปด เขาได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปเข้าในสมาคมยุวคอมมิวนิสต์ และนี่คือบันไดขั้นแรกสำหรับการก้าวเข้าสู่สังคมโลกภายนอกโรงเรียน

    สิ่งที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของปูตินน้อย คือ ภาพยนตร์เรื่อง “The Sword and the Shield “ ที่เป็นเริ่องเกี่ยวกับ Major Aleksandr Belov ที่เป็น KGB ที่ไปทำงานสืบราชการลับในหน่วย SS ของนาซี ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นขาวดำ ยาวถึงห้าชั่วโมง แต่ปูตินน้อยสามารถดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างไม่มีวันเบื่อหน่าย

    เขาบอกกับตัวเองว่า……สักวันหนึ่ง……เขาจะเป็นสายลับ KGB ให้ได้…!!!!

    เขาเริ่มดำเนินการตามฝัน เพราะ สำนักงานใหญ่ KGB ก็อยู่ในเลนินกราด ในตอนนั้นใครๆเรียกว่า The Big House
    เขาไปที่นั่น…ต้องใช้ความพยายามถึงสามครั้งกว่าจะหาทางเข้าเจอ เพื่อที่จะขอใบสมัคร…
    เจ้าหน้าที่ที่มาคุยด้วย มองเขาด้วยความสมเพช ได้บอกกับเขาว่า……ที่นี่….ไม่รับหน่วยอาสา ถ้าจะมาสมัคร ต้องไปเรียนหนังสือให้มากกว่านี้ เพราะเรารับคนที่เคยเป็นทหาร หรือจบจากมหาวิทยาลัย ……
    ปูตินน้อยไม่ละความพยายาม เขาถามไปว่า ถ้าเรียนมหาวิทยาลัย ต้องเรียนสาขาไหน ถึงจะมีสิทธิ
    คนตอบตอบอย่างเสียไปที…ว่า……กฎหมายมั้ง……!!!

    กฎหมาย……คำนั้นคำเดียว…ที่เขาจำได้แม่น……ที่เหลือคือเขาต้องไปหว่านล้อมพ่อแม่ ที่ตั้งเป้าหมายให้เขาเรียนพวกการบิน หรือเทคนิคต่างๆ หรือแต่โค้ชยูโดที่พยายามหว่านล้อมให้ไปเป็นตำรวจ……ที่เขาไม่ชอบเลย……!!

    ตั้งแต่เขามีความมุ่งมั่นที่จะเป็น KGB ให้ได้นั้น ปูตินน้อยเปลี่ยนไป เขาเริ่มสนใจข่าวต่างประเทศ ข่าวการเมือง ฟังเพลง The Beatles ข้างเตียง
    แขวนภาพของ Jan Karlovich Berzin (ผอ. KGB คนแรกในยุคบอลเชวิค)

    ส่วนเรื่องสาวๆในวัยทีนก็ต้องมีบ้าง เขาและ Vera Brileva
    เพื่อนนักเรียนเคยมีการจูบกันตามเกมส์ที่เล่นหมุนปากขวด
    (แบบเด็กๆ) Vera เคยไปหาเขาที่บ้าน ในขณะที่เขากำลังอ่านหนังสือ ……เธอเริ่มต้นด้วยคำทักทายว่า…
    “เธอจำไม่ได้เหรอ…ว่า…..???
    แต่ปูตินลุกขึ้นยืน และตัดบทอย่างไม่มีเยื่อใยว่า……
    “ชั้นจะจำในสิ่งที่ควรจำเท่านั้น………”

    ปูตินเรียนจบภาคการศึกษาที่เขาทำเกรดได้ดี ในวิชาภาษาเยอรมัน ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
    จนได้รับเลือกเข้าไปเป็นนักศึกษาใน Leningrad State University ที่เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโซเวียต ยูเนี่ยน
    เพราะการรับนักศึกษานั้น โอกาสคือ สี่สิบต่อหนึ่ง

    และ……สาขาที่เขาเลือก คือ นิติศาสตร์…………!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ตอนหนึ่ง………จากเด็กหลังห้อง……สู่นักศึกษากฏหมายยูโดสายดำ……!! ก็จะเล่าเรื่องของท่านผู้นำ Vladimir Vladimirovich Putin ตามที่เคยเกริ่นไว้นานมาแล้วนะคะ วลาดิเมียร์ ปูติน ถือกำเนิดในวันที่ 7 ตุลาคม 1952 ที่เลนินกราด (เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก) สหภาพโซเวียต เขาเกิดขึ้นมาในครอบครัวที่ทั้งบิดา มารดา (Vladimir และ Maria) ที่ค่อนข้างทนุถนอมปูตินน้อย ที่มีชื่อเล่นๆว่า Volodya (โวโลเดียร์) เพราะบุตรชายคนนี้ คือผู้ที่จะสืบทอดวงศ์ตระกูลเพียงคนเดียว หลังจากที่ได้สูญเสียบุตรชายไปสองคนก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง วลาดิเมียร์ผู้พ่อเคยรับราชการทหารเรือ ในหน่วยเรือดำน้ำ เมื่อถูกปลดประจำการ เขาและมาเรียก็ปักหลักลงฐานอยู่ในเลนินกราดเช่นเดิม ไม่ได้ย้ายไปไหน ทางรัฐบาลได้จัดที่อยู่อาศัยให้ในอาคารสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เลขที่ 12 ถนน Baskov ที่เป็นอาคารเก่าๆ มีสี่ห้องนอน แต่เขาต้องแบ่งกันอยู่กันอีกครอบครัวหนึ่ง ทั้งหมดยังต้องใช้เตาผิงฟืนเพื่อความอบอุ่น มาเรีย……ไม่ได้มีความรู้มากมาย ทำงานสารพัด ตั้งแต่รับล้างหลอดแก้วในแล็บ……ส่งขนมปัง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ คือ ต้องมีเวลาดูแลบุตรชายให้ดีที่สุด คู่สามีภรรยาที่เป็นเพื่อนร่วมแฟลต เป็นชาวยิว (เคร่งปฏิบัติ) ปูตินน้อย จึงเป็นละอ่อนคนเดียวในหมู่เพื่อนบ้าน เมื่อเขามีอายุได้เจ็ดอาทิตย์ มาเรีย และ บาบาอันยา (เพื่อนบ้าน) ได้พากันแอบเอาเขาไปทำพิธีล้างบาปในพิธีของออโธดอกซ์ ซึ่งเป็นความลับ (เพราะในยุคของคอมมิวนิสต์ พิธีทางศาสนาต่างๆต้องแอบซ่อน) เรื่องนี้ แม้แต่บิดาของเขาก็ไม่รู้ เป็นความลับดำมืด จนเมื่อสี่สิบปีต่อมา มาเรียได้นำกางเขนเล็กๆมาให้กับปูติน และเล่าเรื่องราวให้ฟัง ย้ำกับเขาว่า ถ้ามีโอกาสไปที่เยรูซาเล็ม ช่วยเอากางเขนนี้ ไปสวดที่ Church of the Holy Sepulcher ด้วย เลยพอเดาได้……ว่า มาเรียมีเชื้อสายเป็นยิวออโธดอกซ์ ที่ลบเลือนหายไปตามวิถีการเมืองและกาลเวลา นามสกุลเดิมของเธอ คือ Shelomova (ที่รากมาจาก Solomon ที่เป็นนามสกุลของยิว) ปูตินน้อยเป็นเด็กเฮี้ยวพอสมควร อายุเพียงเก้าขวบ เขาและเพื่อนพากันขึ้นรถไฟไปเที่ยวในชนบท กลับมาก็เจอกับพ่อที่ถือเข็มขัดรอไว้ในมือ…… จากนั้นมา แม้แต่จะเดินไปหัวมุมถนน เขายังต้องขออนุญาต ความสัมพันธ์ในบ้าน ค่อนข้างที่จะเคร่งครัด ไม่มีการกอดจูบ หรือป้อนคำหวานใส่กัน วันเปิดเรียน……นักเรียนอื่นๆเขาจะนำช่อดอกไม้ไปให้ครู แต่ปูตินยกไปให้ครูทั้งกระถาง เขาเป็นที่ขำขันของเหล่าเพื่อนๆ เพราะตัวเล็ก แข้งขาลีบ เดินเป๋ๆ การเรียนไม่ค่อยดี จนครูต้องไปพบกับผู้ปกครอง เพื่อแนะนำว่า เด็กคนนี้หัวดีมาก แต่ไม่เอาใจใส่การเรียนเท่าที่ควร วลาดิเมียร์ผู้พ่อ ย้อนถามครูไปว่า “แล้วจะให้ผมทำยังไง……ฆ่ามันทิ้งงั้นเหรอ?” แต่ทั้งคู่ก็รับปากว่า จะเอาใจใส่ให้มากกว่านี้ สิ่งแรกเลยที่ปูตินต้องพบ……คือ พ่อพาเขาไปเรียนชกมวย ที่ปูตินไม่สนใจในเรื่องชกๆต่อยๆ เขาไปสนใจใน sambo มากกว่า (แซมโบ คือ การผสมผสานระหว่างยูโด กับมวยปล้ำ) ซึ่งเขามาได้ถูกทาง เพราะโค้ชได้เข้าไปพบกับ วลาดิเมียร์ และ มาเรีย เพื่อรับรองว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ ปูตินน้อยมีความสามารถพิเศษในศาสตร์ด้านนี้ ปูตินน้อยเข้าสู่วัยสิบสาม อยู่ชั้นมัธยมที่หนึ่ง เขาเริ่มมีทีมกลุ่มนักกีฬายูโดที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน จากที่เดินติ๋มๆในละแวกที่อาศัยล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยอบายมุข เหล้า บุหรี่ ปูตินน้อย……สามารถเดินสบตาได้ทุกคน การเรียนเขาดีขึ้นมาก เขาได้รับเลือกขึ้นเป็นหัวหน้านักเรียนในชั้นมัธยมปีที่สอง พอมัธยมแปด เขาได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปเข้าในสมาคมยุวคอมมิวนิสต์ และนี่คือบันไดขั้นแรกสำหรับการก้าวเข้าสู่สังคมโลกภายนอกโรงเรียน สิ่งที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของปูตินน้อย คือ ภาพยนตร์เรื่อง “The Sword and the Shield “ ที่เป็นเริ่องเกี่ยวกับ Major Aleksandr Belov ที่เป็น KGB ที่ไปทำงานสืบราชการลับในหน่วย SS ของนาซี ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นขาวดำ ยาวถึงห้าชั่วโมง แต่ปูตินน้อยสามารถดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างไม่มีวันเบื่อหน่าย เขาบอกกับตัวเองว่า……สักวันหนึ่ง……เขาจะเป็นสายลับ KGB ให้ได้…!!!! เขาเริ่มดำเนินการตามฝัน เพราะ สำนักงานใหญ่ KGB ก็อยู่ในเลนินกราด ในตอนนั้นใครๆเรียกว่า The Big House เขาไปที่นั่น…ต้องใช้ความพยายามถึงสามครั้งกว่าจะหาทางเข้าเจอ เพื่อที่จะขอใบสมัคร… เจ้าหน้าที่ที่มาคุยด้วย มองเขาด้วยความสมเพช ได้บอกกับเขาว่า……ที่นี่….ไม่รับหน่วยอาสา ถ้าจะมาสมัคร ต้องไปเรียนหนังสือให้มากกว่านี้ เพราะเรารับคนที่เคยเป็นทหาร หรือจบจากมหาวิทยาลัย …… ปูตินน้อยไม่ละความพยายาม เขาถามไปว่า ถ้าเรียนมหาวิทยาลัย ต้องเรียนสาขาไหน ถึงจะมีสิทธิ คนตอบตอบอย่างเสียไปที…ว่า……กฎหมายมั้ง……!!! กฎหมาย……คำนั้นคำเดียว…ที่เขาจำได้แม่น……ที่เหลือคือเขาต้องไปหว่านล้อมพ่อแม่ ที่ตั้งเป้าหมายให้เขาเรียนพวกการบิน หรือเทคนิคต่างๆ หรือแต่โค้ชยูโดที่พยายามหว่านล้อมให้ไปเป็นตำรวจ……ที่เขาไม่ชอบเลย……!! ตั้งแต่เขามีความมุ่งมั่นที่จะเป็น KGB ให้ได้นั้น ปูตินน้อยเปลี่ยนไป เขาเริ่มสนใจข่าวต่างประเทศ ข่าวการเมือง ฟังเพลง The Beatles ข้างเตียง แขวนภาพของ Jan Karlovich Berzin (ผอ. KGB คนแรกในยุคบอลเชวิค) ส่วนเรื่องสาวๆในวัยทีนก็ต้องมีบ้าง เขาและ Vera Brileva เพื่อนนักเรียนเคยมีการจูบกันตามเกมส์ที่เล่นหมุนปากขวด (แบบเด็กๆ) Vera เคยไปหาเขาที่บ้าน ในขณะที่เขากำลังอ่านหนังสือ ……เธอเริ่มต้นด้วยคำทักทายว่า… “เธอจำไม่ได้เหรอ…ว่า…..??? แต่ปูตินลุกขึ้นยืน และตัดบทอย่างไม่มีเยื่อใยว่า…… “ชั้นจะจำในสิ่งที่ควรจำเท่านั้น………” ปูตินเรียนจบภาคการศึกษาที่เขาทำเกรดได้ดี ในวิชาภาษาเยอรมัน ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ จนได้รับเลือกเข้าไปเป็นนักศึกษาใน Leningrad State University ที่เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโซเวียต ยูเนี่ยน เพราะการรับนักศึกษานั้น โอกาสคือ สี่สิบต่อหนึ่ง และ……สาขาที่เขาเลือก คือ นิติศาสตร์…………!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 1143 Views 0 Reviews