• นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 3 Emperor Bush !?

    George Herbert Walker Bush เป็นพวกคนรวย มาจากครอบครัวที่ทำมาหากินแถว New England ซึ่งเคยค้าขายกับอาณาจักร Reich ของ Hitler มาแล้ว และมาคบและค้า น้ำมันกับตระกูล Rockefeller เขาบอกกับคนสนิทว่า “เราชนะแล้ว” เหมือนเวลาแข่งขัน Super Bowl แล้วทีมที่ตัวเชียร์ชนะนั่นแหละ ชนะแบบนั้น ฮึกเหิมแบบนั้น มันรู้สึกว่ายิ่งใหญ่เหลือประมาณ ขนาดมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ประธานาธิบดีอเมริกา ในยุค 1990 โดยเฉพาะนาย Bush คนนี้ เวลาจะเดินทางไปต่างประเทศ ขบวนใหญ่โตเหมือนองค์จักรพรรดิเสด็จ ฝ่ายความมั่นคงที่ยกทีมไปคุ้มกัน ดูเหมือนจะมากกว่าพลเมืองของประเทศที่ นาย Bush ไปปรากฎตัวเยี่ยมเสียอีก อเมริกากำลังฉาบตัวเองให้มีภาพเป็น ผู้ครองโลก ไม่ต่างกับสมัยนโปเลียน ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิ โอ้โห ! เล่นกันเองแรงเหมือนกันนะพวกนักล่า สมันน้อยคิดในใจ

    เปล่าหรอก คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของหัวสมองที่อเมริกาบอกยอด แสนรู้ นาย Zbigniew Brzezinski เจ้าเก่านั่นเอง เขาไม่ได้พูดในฐานะคนนอก แต่พูดในฐานะคนใน และไม่ใช่ในธรรมดา แต่ในฐานะนายท้ายเรืออเมริกา ชื่อเขาไม่เคยหลุดจากการเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีมาเลย ไล่มาตั้งแต่สมัยแรกคือนาย Jimmy Carter จนเดี๋ยวนี้อายุ 90 แล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาให้นาย Obama ด้วย
    นาย Brzezinski เป็นลูกศิษย์เอกของครูใหญ่ด้าน ภูมิศาสตร์การเมืองชาวอังกฤษ คือ Sir Halford Mackinder ซึ่งบอกว่าการแสดงความกร่างของการเป็นจักรวรรดิ มันก็คือบทสุดท้ายของการเป็นจักรวรรดิ ความกร่างนั่นแหละที่ทำให้จักรภพอังกฤษ ถึงจุดจบในศตรรษที่ 19 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่ม

    นาย Brzezinski ยังบอกอีกว่า ไอ้ความอวดดี กดขี่และความกร่างของวอชิงตัน ในศตวรรษต่อมานี่แหละ จะทำลายอเมริกาเอง จากการที่เป็นผู้มีอำนาจใหญ่สุดหนึ่งเดียว หรือการเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่นาย Brzezinski นั่นเองแหละ ที่เป็นคนติดเครื่องให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิ นักล่าหมายเลขหนึ่งครองโลก แต่เขาเตือนว่าอเมริกาจะต้องระมัดระวัง แม้ว่าจะเอาเสื้อคลุมประชาธิปไตยมาพรางตัวเองแล้วก็ตาม ก็จะต้องรักษามิตรเพื่องานใหญ่ข้างหน้า งานใหญ่นี้คือ การควบคุม Eurasia เขาไม่ได้โต้แย้งการจะเป็นจักรวรรดิอเมริกา เขาเพียงแต่เห็นต่างในวิธีการจะไปให้ถึงจุดหมาย

    Brzezinski บอกว่าเราจะไปให้ถึงจุดหมายของการเป็นจักรวรรดิอเมริกา เราต้องมีกองทัพของอเมริกาอยู่ที่ทั่วโลก วางกองกำลังไว้ทุกทวีป ครอบคลุมทุกมหาสมุทร เพิ่มการปะทะหรือการต่อสู้ในทุกที่ แบบนี้จะมีใครมาเทียบรัศมีกับอเมริกาได้ ไม่ว่าในทางการเมืองหรือกองทัพ

    และที่อเมริกาวางกองกำลังไว้แห่งหนึ่งก็คือ บริเวณพื้นที่ผืนเล็ก ๆ อยู่ในเอเซียกลาง ซึ่งเคยเป็นของสหภาพโซเวียต ที่ชื่อ Republic of Georgia นั่นแหละ ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 2003 เป็นต้นมา รัฐบาลอเมริกัน โดยคุณพ่อ Bush ได้ให้การสนับสนุนด้านกองกำลังแก่ Georgia รวมทั้งให้คำปรึกษา เป็นพี่เลี้ยง ให้กับรัฐเล็กๆ ที่ได้ประกาศตัวเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียต ในปี 1990 มาตลอด
    คงจะเป็นการยาก ที่จะให้ใครเข้าใจเหตุการณ์ใน Georgia ในปี ค.ศ. 2008 ถ้าไม่ย้อนไปดูพฤติกรรมของอเม ริกา หลัง ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา สมัยรัฐบาลคุณพ่อ Bush เขาหักหลังรัสเซียโดยให้ NATO ขยายตัวมาทางตะวันออก มาถึงคุณลูก Bush ก็มาสานต่อด้วยการกดดันสหภาพยุโรปและรัฐบาลของยุโรปตะวันตก ให้รับ Georgia และ Ukraine สองประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพ โซเวียตเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของ NATO

    ต้นปี ค.ศ. 2007 อเมริกาประกาศว่า อเมริกามีแผนที่จะสร้างฐานยิงจรวด และสถานีเรดาร์ ใน 2 ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact และบัดนี้เป็นสมาชิกของ NATO คือ Poland และ Czech นาย Bush อ้างว่าอเมริกาต้องทำเพื่อป้องกันตัวเอง จากการโจมตีของประเทศที่พูดกันไม่รู้เรื่องเช่น Iran ข้ออ้างนี้ ถูกรัสเซียสวนกลับว่าไม่ใช่เป็นการป้องกันตัวหรอกเพื่อน แต่เป็นการแสดงการรุกคืบ เพื่อโชว์กำลังอำนาจด้านการทหารให้ Moscow ดูมากกว่า !

    เดือน ก.พ. 2007 คุณพี่ปูติน ในฐานะประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้พูดในที่ประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศที่ Munich Germany ว่า วันนี้ไม่ขอพูดภาษานักการฑูต แต่ขอถามกันตรง ๆ ว่าNATO ตั้งใจจะก่อความยั่วยุ ให้เกิดความไม่ไว้วางใจกัน ระหว่างสมาชิกหรือยังไง ถามจริง ๆ เถอะ เป้าหมาย (ของการยั่วยุของ) NATO อยู่ที่ใคร และคำมั่นของบรรดาคู่สัญญาฝ่ายตะวันตก หลังเลิก Warsaw Pact นั้น มันหายไปไหนหมด

    คุณพี่ปูตินอาจจะไม่ใช่ประเภท “nice guy” แต่ที่แน่นอน คุณพี่ปูไม่ใช่คนโง่และขี้ขลาด เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาวรัสเซีย กลิ่นของสงครามเย็นเริ่มโชยอีกครั้ง!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 3 Emperor Bush !? George Herbert Walker Bush เป็นพวกคนรวย มาจากครอบครัวที่ทำมาหากินแถว New England ซึ่งเคยค้าขายกับอาณาจักร Reich ของ Hitler มาแล้ว และมาคบและค้า น้ำมันกับตระกูล Rockefeller เขาบอกกับคนสนิทว่า “เราชนะแล้ว” เหมือนเวลาแข่งขัน Super Bowl แล้วทีมที่ตัวเชียร์ชนะนั่นแหละ ชนะแบบนั้น ฮึกเหิมแบบนั้น มันรู้สึกว่ายิ่งใหญ่เหลือประมาณ ขนาดมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ประธานาธิบดีอเมริกา ในยุค 1990 โดยเฉพาะนาย Bush คนนี้ เวลาจะเดินทางไปต่างประเทศ ขบวนใหญ่โตเหมือนองค์จักรพรรดิเสด็จ ฝ่ายความมั่นคงที่ยกทีมไปคุ้มกัน ดูเหมือนจะมากกว่าพลเมืองของประเทศที่ นาย Bush ไปปรากฎตัวเยี่ยมเสียอีก อเมริกากำลังฉาบตัวเองให้มีภาพเป็น ผู้ครองโลก ไม่ต่างกับสมัยนโปเลียน ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิ โอ้โห ! เล่นกันเองแรงเหมือนกันนะพวกนักล่า สมันน้อยคิดในใจ เปล่าหรอก คนที่พูดไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของหัวสมองที่อเมริกาบอกยอด แสนรู้ นาย Zbigniew Brzezinski เจ้าเก่านั่นเอง เขาไม่ได้พูดในฐานะคนนอก แต่พูดในฐานะคนใน และไม่ใช่ในธรรมดา แต่ในฐานะนายท้ายเรืออเมริกา ชื่อเขาไม่เคยหลุดจากการเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีมาเลย ไล่มาตั้งแต่สมัยแรกคือนาย Jimmy Carter จนเดี๋ยวนี้อายุ 90 แล้ว ยังเป็นที่ปรึกษาให้นาย Obama ด้วย นาย Brzezinski เป็นลูกศิษย์เอกของครูใหญ่ด้าน ภูมิศาสตร์การเมืองชาวอังกฤษ คือ Sir Halford Mackinder ซึ่งบอกว่าการแสดงความกร่างของการเป็นจักรวรรดิ มันก็คือบทสุดท้ายของการเป็นจักรวรรดิ ความกร่างนั่นแหละที่ทำให้จักรภพอังกฤษ ถึงจุดจบในศตรรษที่ 19 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่ม นาย Brzezinski ยังบอกอีกว่า ไอ้ความอวดดี กดขี่และความกร่างของวอชิงตัน ในศตวรรษต่อมานี่แหละ จะทำลายอเมริกาเอง จากการที่เป็นผู้มีอำนาจใหญ่สุดหนึ่งเดียว หรือการเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่นาย Brzezinski นั่นเองแหละ ที่เป็นคนติดเครื่องให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิ นักล่าหมายเลขหนึ่งครองโลก แต่เขาเตือนว่าอเมริกาจะต้องระมัดระวัง แม้ว่าจะเอาเสื้อคลุมประชาธิปไตยมาพรางตัวเองแล้วก็ตาม ก็จะต้องรักษามิตรเพื่องานใหญ่ข้างหน้า งานใหญ่นี้คือ การควบคุม Eurasia เขาไม่ได้โต้แย้งการจะเป็นจักรวรรดิอเมริกา เขาเพียงแต่เห็นต่างในวิธีการจะไปให้ถึงจุดหมาย Brzezinski บอกว่าเราจะไปให้ถึงจุดหมายของการเป็นจักรวรรดิอเมริกา เราต้องมีกองทัพของอเมริกาอยู่ที่ทั่วโลก วางกองกำลังไว้ทุกทวีป ครอบคลุมทุกมหาสมุทร เพิ่มการปะทะหรือการต่อสู้ในทุกที่ แบบนี้จะมีใครมาเทียบรัศมีกับอเมริกาได้ ไม่ว่าในทางการเมืองหรือกองทัพ และที่อเมริกาวางกองกำลังไว้แห่งหนึ่งก็คือ บริเวณพื้นที่ผืนเล็ก ๆ อยู่ในเอเซียกลาง ซึ่งเคยเป็นของสหภาพโซเวียต ที่ชื่อ Republic of Georgia นั่นแหละ ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 2003 เป็นต้นมา รัฐบาลอเมริกัน โดยคุณพ่อ Bush ได้ให้การสนับสนุนด้านกองกำลังแก่ Georgia รวมทั้งให้คำปรึกษา เป็นพี่เลี้ยง ให้กับรัฐเล็กๆ ที่ได้ประกาศตัวเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียต ในปี 1990 มาตลอด คงจะเป็นการยาก ที่จะให้ใครเข้าใจเหตุการณ์ใน Georgia ในปี ค.ศ. 2008 ถ้าไม่ย้อนไปดูพฤติกรรมของอเม ริกา หลัง ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา สมัยรัฐบาลคุณพ่อ Bush เขาหักหลังรัสเซียโดยให้ NATO ขยายตัวมาทางตะวันออก มาถึงคุณลูก Bush ก็มาสานต่อด้วยการกดดันสหภาพยุโรปและรัฐบาลของยุโรปตะวันตก ให้รับ Georgia และ Ukraine สองประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพ โซเวียตเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของ NATO ต้นปี ค.ศ. 2007 อเมริกาประกาศว่า อเมริกามีแผนที่จะสร้างฐานยิงจรวด และสถานีเรดาร์ ใน 2 ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact และบัดนี้เป็นสมาชิกของ NATO คือ Poland และ Czech นาย Bush อ้างว่าอเมริกาต้องทำเพื่อป้องกันตัวเอง จากการโจมตีของประเทศที่พูดกันไม่รู้เรื่องเช่น Iran ข้ออ้างนี้ ถูกรัสเซียสวนกลับว่าไม่ใช่เป็นการป้องกันตัวหรอกเพื่อน แต่เป็นการแสดงการรุกคืบ เพื่อโชว์กำลังอำนาจด้านการทหารให้ Moscow ดูมากกว่า ! เดือน ก.พ. 2007 คุณพี่ปูติน ในฐานะประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้พูดในที่ประชุมเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศที่ Munich Germany ว่า วันนี้ไม่ขอพูดภาษานักการฑูต แต่ขอถามกันตรง ๆ ว่าNATO ตั้งใจจะก่อความยั่วยุ ให้เกิดความไม่ไว้วางใจกัน ระหว่างสมาชิกหรือยังไง ถามจริง ๆ เถอะ เป้าหมาย (ของการยั่วยุของ) NATO อยู่ที่ใคร และคำมั่นของบรรดาคู่สัญญาฝ่ายตะวันตก หลังเลิก Warsaw Pact นั้น มันหายไปไหนหมด คุณพี่ปูตินอาจจะไม่ใช่ประเภท “nice guy” แต่ที่แน่นอน คุณพี่ปูไม่ใช่คนโง่และขี้ขลาด เมื่อถึงเวลาที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาวรัสเซีย กลิ่นของสงครามเย็นเริ่มโชยอีกครั้ง! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 2 สวรรค์ล่ม

    ความรื่นเริงเฉลิมฉลองมันอายุสั้นจริง ๆ ยังไม่ทันที่การเก็บกวาดซากกำแพงเบอร์ลินให้สะอาดดี วอชิงตันและพวกยุโรปตะวันตก ก็มาพร้อมกับ สวรรค์บนดิน เครื่องมือ ช๊อคทางเศรษฐกิจ

    IMF มาพร้อมกับยาแรงตามสูตร การปฎิรูปตลาดการค้าเสรี (คุ้นกันใหม่คำนี้) บอก แหม ! ประเทศหลังม่านนี่มีตั้งแยะ แยกเป็น 6 ประเทศ ตาม Warsaw Pact (Bulgaria, Czecho, East Germany, Hungary, Poland และ Romania) และอีก 15 ประเทศที่อยู่ในสหภาพโซเวียต ตูจะไปจัดโปรแกรมใหม่ให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ 21 โปรแกรม ยังไงไหว เอางี้แล้วกัน เอาสูตรสำเร็จไปใช้แล้วกันนะ Privatization แปรรูปยังไงละคุณน้องหลังม่าน แปรมันให้หมด รัฐวิสาหกิจที่ทำอุตสาหกรรมน่ะ แล้วก็ลดค่าเงินรัสเซี่ยนรูเบิล กับเงินอะไรเรียกไม่ถูก ของหลาย ๆ ประเทศนั่นด้วย ใช้สูตรชุดนี้มันทั้งหมดแหละ แหะ แหะ สำเร็จ เออ ไม่ใช่ เสร็จแล้วครับนายท่าน !

    IMF shock therapy หรือที่สมันน้อยรู้จักกันดี คือ โปรแกรม SAP (Structural Adjustment Policies) ก็เปิดประตูกว้าง ให้นักลงทุนตะวันตกหอบกระดาษสี เขียวตีเครื่องหมายว่า In God We Trust มาเป็นกระสอบ นำโดยนาย George Soros และนักค้าเหล็กหนีคุก ชื่อ Marc Rich (แหม ! พอบอกเป็นพวกคนหนีคุก รีบเดากันเชียวนะ ว่าจะเป็นอีกชื่อนึง อยู่กันคนละเมืองครับ มาไม่ทัน ติดนัดนักร้องอยู่ ฮา ) และธนาคารพวกตะกรุมตระกราม เช่น Credit Suisse และแน่นอนต้องมี Chase เจ้าเก่าของเขามาด้วย ก็ยกทีมกันมา
    นโยบายของ IMF แสนจะเอื้อให้ไอ้พวกหัวขะโมยพวกนี้ มาชี้นิ้ว จิ้มเอา จิ้มเอา เลือกทรัพย์สินประเภทเพชรประดับมงกุฎ ของรัสเซียไปในราคาสตางค์เดียว มันจิ้มซื้อตั้งแต่พลังงานน้ำมัน ไปจนถึงพลูโตเนี่ยม เฮ้อ ! เขียนไปแล้วก็นึกว่าเขียนเรื่อง ปรส. เบื่อครับ ! เรื่องซ้ำซาก เล่นซ้ำซาก แล้วก็ยอมให้เขาต้มซ้ำซาก เมื่อไหร่มันจะมีคนรู้ แล้วรื้อฉากแบบนี้ทิ้งเสียที คนเขียนคงไม่อยู่เขียนเรื่องซ้ำซาก แบบนี้ไปอีกนานหรอก อ่าน ๆ แล้วก็จำกันไว้บ้างนะครับ เล่าให้ลูกหลานฟังกันบ้างว่า รุ่น ปู่ ย่า พ่อ แม่ ถูกเขาต้มมาอย่างไร รุ่นเจ้าก็จะโดนอย่างเดิมแหละ ถ้าไม่ลุกขึ้นตื่นกันเสียที (ปตท. นี่ก้อค้างอยู่ ข่าวว่าเรียกคนที่เป็นที่ปรึกษาการเงินตอนแปรรูป มาถามว่าการแปรรูปเป็นธรรมไหม ราคาถูกต้องไหม ฯลฯ ก็น่าจะเดาคำตอบกันได้ แบบนี้ระวังชาวบ้านเขาจะเรียกว่า เมาหมัดนะครับ ไม่อยากใช้คำแรงกว่านี้)

    กินเนื้อแล้วก็โยนกระดูกติดเนื้อมาให้ พวกที่เคยทำหน้าที่ในรัฐบาล Yeltsin ที่อเมริกาเคยต้มให้ทำการแปรรูป จนรัสเซีย ฉ.ห รอบแรก จำได้ไหมครับ จำไม่ได้ไปเอานิทานเรื่องจริง เรื่องมายากลยุทธ มาอ่านอีกทีนะครับ รายการนี้เขาเรียกว่าแจกรางวัลให้คนขายชาติ มีทุกชาติแหละครับ มากน้อยอีกเรื่องนึง ผมขอแช่งจริง ๆ ยอมบาป อย่ามาท้วง มาต่อว่าผม ใครขายชาติ ผมแช่งจริงๆ

    ผู้นำสหภาพโซเวียตคนสุดท้าย Mikhail Gorbachev ได้พยายามที่จะฟื้นสหภาพโซเวี ยตจากนโยบาย Glasnost และ Perestroika แต่ไม่สำเร็จ เขาจึงหันหัวไปทางตะวันตก นาย Bush (คนพ่อ) ปราบปลื้มตบหัว 1 ที แล้วบอกดีมาก รู้ว่าควรทำอย่างไร เพื่อเป็นการตอบแทน เราสัญญาว่า อเมริกาจะไม่ขยาย NATO ไปทางตะวันออก ไม่ไปขม้ำประเทศที่เพิ่งหลุดมาจาก Warsaw Pact โอเคไหม ?
    Gorbachev เชื่อน้ำคำของนาย Bush ว่าจะไม่ตระบัดสัตย์ (โถ !) ว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล ระหว่างที่กำลังชุลมุลกับการเก็บสมบัติส่วนรวมไปเป็นของส่วนตัว นาย Gorbachev เลยลืมให้ นาย Bush ทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร วอชิงตันบอกไม่มีปัญหา เราไม่ลืมหรอกน่า ว่าเราพูดอะไรไว้ (ทำหรือไม่ทำอีกเรื่องนึง เป็นประโยคที่นาย Gorbachev ก็คงลืมนึกอีกเช่นเดียวกัน)

    นอกจากลืมทวงสัญญาแล้ว นาย Gorbachev ยังดันไปตกปากรับคำด้วยว่า สหภาพโซเวียตผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งบัดนี้น้ำหนักลดหดตัวลงมาเหลือเป็นแค่ประเทศรัสเซียเล็ก ๆ สัญญาว่าจะค่อย ๆ รื้อถอนคลังอาวุธนิวเคลียร์ และตกลงที่จะลดจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ อีกด้วย อเมริกาและรัสเซีย ตกลงยืนยันว่าทั้ง 2 ฝ่าย จะไม่ใช้จรวดยิ่งใส่กัน โดยลงนามในข้อตกลง Anti Ballistic Missile Treaty (ABM) 1972

    แล้วอยู่ดี ๆ เดือนธันวาคม ค.ศ. 2001 นายบุช (คนลูก) ก็แจ้งรัสเซียว่า ไอถอนตัวจากสัญญา ABM งี่เง้านั่นแล้วนะ เกลอเอ๋ย นี่เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ ที่อเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องอาวุธ น่า ! ทุกอย่างมันก็มีครั้งแรกทั้งนั้นแหละ เพื่อเป็นการเปิดทางให้อเมริกาทิ้งหน่วยงาน US Missile Defense Agency มันน่างงไหมล่ะ !

    รัสเซียบอกมึนวู้ย ! รัสเซียยอมยกเลิก Warsaw Pact คู่สัญญาของ NATO รัสเซียยอมถอนทัพจากยุโรปตะวันออกและบริเวณที่เป็นสหภาพโซเวียตเดิม ทำให้รัฐเล็กรัฐน้อยที่เคยเป็นของสหภาพโซเวียตกระดี้กระด้า ที่จะเป็นอิสระตามคำโฆษณาขายสินค้าของฝ่ายที่อยู่นอกม่าน เพราะเชื่อว่า ถ้าเข้าไปเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปแล้ว จะมีชีวิตที่ซาบซ่านกว่า Republic of Georgia ก็เป็นหนึ่งในรัฐเล็กรัฐน้อย ที่เคลิ้มกับคำโฆษณาขายสินค้านั้นด้วย

    ส่วนข้อตกลงของวอชิงตัน ว่าจะไม่ขยาย NATO ไปทางตะวันออก ของนาย Bush (คนพ่อ) ก็คงเป็นเพียงลมปากที่พัดไปในสายลมจริง ๆ เพราะต่อมา นาย Clinton ก็กลายเป็นคนขี้ลืมไปด้วย อเมริกายังเดินหน้า ล่อหลอกให้ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact ทีละประเทศ ให้เข้ามาอยู่กับ NATO แล้วในที่สุด NATO ก็ขยายปีกมาทางตะวันออก ยาวใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 2 สวรรค์ล่ม ความรื่นเริงเฉลิมฉลองมันอายุสั้นจริง ๆ ยังไม่ทันที่การเก็บกวาดซากกำแพงเบอร์ลินให้สะอาดดี วอชิงตันและพวกยุโรปตะวันตก ก็มาพร้อมกับ สวรรค์บนดิน เครื่องมือ ช๊อคทางเศรษฐกิจ IMF มาพร้อมกับยาแรงตามสูตร การปฎิรูปตลาดการค้าเสรี (คุ้นกันใหม่คำนี้) บอก แหม ! ประเทศหลังม่านนี่มีตั้งแยะ แยกเป็น 6 ประเทศ ตาม Warsaw Pact (Bulgaria, Czecho, East Germany, Hungary, Poland และ Romania) และอีก 15 ประเทศที่อยู่ในสหภาพโซเวียต ตูจะไปจัดโปรแกรมใหม่ให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ 21 โปรแกรม ยังไงไหว เอางี้แล้วกัน เอาสูตรสำเร็จไปใช้แล้วกันนะ Privatization แปรรูปยังไงละคุณน้องหลังม่าน แปรมันให้หมด รัฐวิสาหกิจที่ทำอุตสาหกรรมน่ะ แล้วก็ลดค่าเงินรัสเซี่ยนรูเบิล กับเงินอะไรเรียกไม่ถูก ของหลาย ๆ ประเทศนั่นด้วย ใช้สูตรชุดนี้มันทั้งหมดแหละ แหะ แหะ สำเร็จ เออ ไม่ใช่ เสร็จแล้วครับนายท่าน ! IMF shock therapy หรือที่สมันน้อยรู้จักกันดี คือ โปรแกรม SAP (Structural Adjustment Policies) ก็เปิดประตูกว้าง ให้นักลงทุนตะวันตกหอบกระดาษสี เขียวตีเครื่องหมายว่า In God We Trust มาเป็นกระสอบ นำโดยนาย George Soros และนักค้าเหล็กหนีคุก ชื่อ Marc Rich (แหม ! พอบอกเป็นพวกคนหนีคุก รีบเดากันเชียวนะ ว่าจะเป็นอีกชื่อนึง อยู่กันคนละเมืองครับ มาไม่ทัน ติดนัดนักร้องอยู่ ฮา ) และธนาคารพวกตะกรุมตระกราม เช่น Credit Suisse และแน่นอนต้องมี Chase เจ้าเก่าของเขามาด้วย ก็ยกทีมกันมา นโยบายของ IMF แสนจะเอื้อให้ไอ้พวกหัวขะโมยพวกนี้ มาชี้นิ้ว จิ้มเอา จิ้มเอา เลือกทรัพย์สินประเภทเพชรประดับมงกุฎ ของรัสเซียไปในราคาสตางค์เดียว มันจิ้มซื้อตั้งแต่พลังงานน้ำมัน ไปจนถึงพลูโตเนี่ยม เฮ้อ ! เขียนไปแล้วก็นึกว่าเขียนเรื่อง ปรส. เบื่อครับ ! เรื่องซ้ำซาก เล่นซ้ำซาก แล้วก็ยอมให้เขาต้มซ้ำซาก เมื่อไหร่มันจะมีคนรู้ แล้วรื้อฉากแบบนี้ทิ้งเสียที คนเขียนคงไม่อยู่เขียนเรื่องซ้ำซาก แบบนี้ไปอีกนานหรอก อ่าน ๆ แล้วก็จำกันไว้บ้างนะครับ เล่าให้ลูกหลานฟังกันบ้างว่า รุ่น ปู่ ย่า พ่อ แม่ ถูกเขาต้มมาอย่างไร รุ่นเจ้าก็จะโดนอย่างเดิมแหละ ถ้าไม่ลุกขึ้นตื่นกันเสียที (ปตท. นี่ก้อค้างอยู่ ข่าวว่าเรียกคนที่เป็นที่ปรึกษาการเงินตอนแปรรูป มาถามว่าการแปรรูปเป็นธรรมไหม ราคาถูกต้องไหม ฯลฯ ก็น่าจะเดาคำตอบกันได้ แบบนี้ระวังชาวบ้านเขาจะเรียกว่า เมาหมัดนะครับ ไม่อยากใช้คำแรงกว่านี้) กินเนื้อแล้วก็โยนกระดูกติดเนื้อมาให้ พวกที่เคยทำหน้าที่ในรัฐบาล Yeltsin ที่อเมริกาเคยต้มให้ทำการแปรรูป จนรัสเซีย ฉ.ห รอบแรก จำได้ไหมครับ จำไม่ได้ไปเอานิทานเรื่องจริง เรื่องมายากลยุทธ มาอ่านอีกทีนะครับ รายการนี้เขาเรียกว่าแจกรางวัลให้คนขายชาติ มีทุกชาติแหละครับ มากน้อยอีกเรื่องนึง ผมขอแช่งจริง ๆ ยอมบาป อย่ามาท้วง มาต่อว่าผม ใครขายชาติ ผมแช่งจริงๆ ผู้นำสหภาพโซเวียตคนสุดท้าย Mikhail Gorbachev ได้พยายามที่จะฟื้นสหภาพโซเวี ยตจากนโยบาย Glasnost และ Perestroika แต่ไม่สำเร็จ เขาจึงหันหัวไปทางตะวันตก นาย Bush (คนพ่อ) ปราบปลื้มตบหัว 1 ที แล้วบอกดีมาก รู้ว่าควรทำอย่างไร เพื่อเป็นการตอบแทน เราสัญญาว่า อเมริกาจะไม่ขยาย NATO ไปทางตะวันออก ไม่ไปขม้ำประเทศที่เพิ่งหลุดมาจาก Warsaw Pact โอเคไหม ? Gorbachev เชื่อน้ำคำของนาย Bush ว่าจะไม่ตระบัดสัตย์ (โถ !) ว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล ระหว่างที่กำลังชุลมุลกับการเก็บสมบัติส่วนรวมไปเป็นของส่วนตัว นาย Gorbachev เลยลืมให้ นาย Bush ทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร วอชิงตันบอกไม่มีปัญหา เราไม่ลืมหรอกน่า ว่าเราพูดอะไรไว้ (ทำหรือไม่ทำอีกเรื่องนึง เป็นประโยคที่นาย Gorbachev ก็คงลืมนึกอีกเช่นเดียวกัน) นอกจากลืมทวงสัญญาแล้ว นาย Gorbachev ยังดันไปตกปากรับคำด้วยว่า สหภาพโซเวียตผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งบัดนี้น้ำหนักลดหดตัวลงมาเหลือเป็นแค่ประเทศรัสเซียเล็ก ๆ สัญญาว่าจะค่อย ๆ รื้อถอนคลังอาวุธนิวเคลียร์ และตกลงที่จะลดจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ อีกด้วย อเมริกาและรัสเซีย ตกลงยืนยันว่าทั้ง 2 ฝ่าย จะไม่ใช้จรวดยิ่งใส่กัน โดยลงนามในข้อตกลง Anti Ballistic Missile Treaty (ABM) 1972 แล้วอยู่ดี ๆ เดือนธันวาคม ค.ศ. 2001 นายบุช (คนลูก) ก็แจ้งรัสเซียว่า ไอถอนตัวจากสัญญา ABM งี่เง้านั่นแล้วนะ เกลอเอ๋ย นี่เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ ที่อเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องอาวุธ น่า ! ทุกอย่างมันก็มีครั้งแรกทั้งนั้นแหละ เพื่อเป็นการเปิดทางให้อเมริกาทิ้งหน่วยงาน US Missile Defense Agency มันน่างงไหมล่ะ ! รัสเซียบอกมึนวู้ย ! รัสเซียยอมยกเลิก Warsaw Pact คู่สัญญาของ NATO รัสเซียยอมถอนทัพจากยุโรปตะวันออกและบริเวณที่เป็นสหภาพโซเวียตเดิม ทำให้รัฐเล็กรัฐน้อยที่เคยเป็นของสหภาพโซเวียตกระดี้กระด้า ที่จะเป็นอิสระตามคำโฆษณาขายสินค้าของฝ่ายที่อยู่นอกม่าน เพราะเชื่อว่า ถ้าเข้าไปเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปแล้ว จะมีชีวิตที่ซาบซ่านกว่า Republic of Georgia ก็เป็นหนึ่งในรัฐเล็กรัฐน้อย ที่เคลิ้มกับคำโฆษณาขายสินค้านั้นด้วย ส่วนข้อตกลงของวอชิงตัน ว่าจะไม่ขยาย NATO ไปทางตะวันออก ของนาย Bush (คนพ่อ) ก็คงเป็นเพียงลมปากที่พัดไปในสายลมจริง ๆ เพราะต่อมา นาย Clinton ก็กลายเป็นคนขี้ลืมไปด้วย อเมริกายังเดินหน้า ล่อหลอกให้ประเทศที่เคยอยู่ใน Warsaw Pact ทีละประเทศ ให้เข้ามาอยู่กับ NATO แล้วในที่สุด NATO ก็ขยายปีกมาทางตะวันออก ยาวใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน
    ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน

    วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว
    เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม
    กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว

    พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง

    วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน
    แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว

    เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา

    สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง

    สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว
    เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ

    ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank

    วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ
    ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา

    โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    27 มิย. 2557

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 1 สวรรค์บนดิน ระหว่างที่ลูกตาเกือบทุกคู่ของคนในโลกสวยงามใบนี้ กำลังจ้องเขม็งไปที่สนามกีฬารังนก ดีไซน์สุดยอด ของนาย Li Xinggang เพื่อดูพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคอลังการ ที่แดนมังกรของอาเฮีย เมื่อเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2008 วันนั้นบรรดาคนใหญ่คนโตคนของโลก นั่งอยู่แถวนั้นกันเกือบทั้งนั้น ตั้งแต่ใหญ่หมายเลข 1 ของโลกฝั่งหนึ่ง เช่น ประธานาธิบดี GeorgeW. Bush ตัวแสบ และคุณพี่ปูติน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของรัสเซีย หมายเลข 1 ของโลกของฝั่งหนึ่ง ก็นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ไม่ไกลกัน แล้วถ้ายังไม่ลืมกัน ไอ้หมาไนโจรร้าย ซึ่งนึกว่าตัวเองใหญ่เกินฟ้า ก็กระเสือกกระสนให้เชิญตนเอง เพื่อหนีปัญหาการเมืองในบ้าน ไปนั่งเสนอหน้าอยู่แถวนั้นกับเขาด้วยเหมือนกัน วันเดียวกันนั่นเอง ก็มีข่าวเล็ก ๆ แทรกข่าวโอลิมปิคอันยิ่งใหญ่ ออกมาว่า กองทัพของ Georgia ได้บุกเข้าไปยึดเมือง South Ossetia เรียบร้อยแล้ว เป็นข่าวเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่มีใครสนใจ น้อยคนจะรู้จักว่า South Ossetia อยู่ที่ไหน บางคนไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำ แน่นอนในแดนสมันน้อย มีน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะรู้จัก หรือแม้แต่จะได้ยินชื่อ South Ossetia เมืองอะไรน่ะ อยู่ที่ไหนนะ รู้จักแต่ เมืองโอริสสาในนิยายเรื่องอะไรสักอย่าง เมืองเดียวกันหรือเปล่านะ ก็ใครไม่รู้ดันถอดหลักสูตร ทั้งภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์สากลออกจากวิชาบังคับของนักเรียนมัธยม กว่าจะพอรู้เรื่องว่า มันเกี่ยวกับอะไร ก็ต้องรอให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าฉลาด มาวิเคราะห์ให้ฟังก่อนว่า ชาวโลกทั้งหลายเอ๋ย การที่ Republic of Georgia เมืองที่พวกท่าน 90% ในโลกนี้ไม่รู้จัก แต่ดันยกทัพบุกเข้าไปใน South Ossetia ที่พวกท่าน 99.99% ยิ่งไม่รู้จักน่ะนะ มันเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับการเมืองของโลก เทียบเท่ากับ สมัยวิกฤติเกี่ยวกับฐานยิ่งจรวดที่คิวบา เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 เชียวนะ ความขัดแย้งระหว่างมวยคู่เก่าในยุคสงครามเย็น ที่อเมริกากับสหภาพโซเวียต 2 พี่เบิ้ม ยืนเท้าสะเอว ถลึงตาใส่กันไง จำได้ไหม แต่สำหรับท่านผู้อ่านที่เกิดไม่ทัน คงไม่รู้ว่าตอนนั้น โลกเครียดกันขนาดไหน จวนเจียนจะต้องจัดกระเป๋าอพยพ (ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหน) หนีสงครามกันแล้ว พวกที่ยังจำเหตุการณ์คิวบาได้ ก็เริ่มติดตามข่าว บ่นกันพึมพำ เอาอีกแล้วหรือ จะแลกหมัดแลกจรวดกันอีกแล้วหรือ ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวบางคนก็ไปโน่นเลย จำกันได้ไหมครับ เหมือนเมื่อคราวที่ท่านอาร์คด ยุกเฟอร์ดินานด์ รัชทายาทของราชวงศ์ Austria Hungarian ถูกพวก Serb ลอบฆ่าที่เมือง Serajevo เหตุการณ์เล็ก ๆ นั้น เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (อันนี้ผู้ที่จำเหตุการณ์ได้คงไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่รุ่นคนเล่านิทาน ที่เคยรู้จากการเรียนประวัติศาสตร์สากล ตอน ม. 3) บางคนก็ออกมาพูดว่า หรือสงครามเย็นจะกลับมาใหม่ ไหนว่าจบไปแล้วไง วิกฤติคิวบา ปี ค.ศ. 1962 สำหรับท่านที่จำได้ เกิดขึ้นเพราะหน่วยลาดตระเวนของอเมริกา (ไม่รู้ตระเวนอยู่ในอเมริกาหรือคิวบา ชักสงสัย) ไปแอบถ่ายรูป ได้ภาพการก่อสร้างฐานยิงจรวดของโซเวียตที่คิวบา ห่างจาก Florida ไปเพียง 90 ไมล์ ระยะแค่นั้นจรวดใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ลงกลางบ้าน กลางห้องนอนคนอเมริกัน. แบบไม่ให้คนอเมริกันมีเวลาตั้งตัว ชนิดกำลังนอนเล่นอยู่ นุ่ง กุงเกง ใส่หมวกไม่ทันแล้วกัน โลกตะลึงกับการกระทำของโซเวียต สื่ออเมริกาช่วยกันถล่ม ประธานาธิบดี Kennedy ต้องยกเลิกนัดสาว ๆ แล้วมานั่งกุมขมับกับฝ่ายมั่นคงเป็นการด่วน แต่คงมีน้อยคน นอกเหนือจาก Pentagon และเจ้าหน้าที่ระดับสูง (มาก) ของอเมริกาและ NATO ที่จะรู้ความจริงว่าโซเวียตไม่ได้ไปกินยาม้าที่ไหนมาหรอก ถึงได้คึกคัก กล้าหาญชาญชัยที่จะตั้งฐานยิงจรวดที่คิวบา ท้าทายอเมริกาขนาดนั้น ความจริงแล้ว มันเป็นการตอบโต้ของสหภาพโซเวียต จากการที่อเมริกา (แอบ) ไปตั้งฐานยิ่งจรวดของตัว ชื่อ Thor กับ Jupitor ไว้ที่ตุรกี หนึ่งในสมาชิกของ NATO บนบริเวณที่ใกล้ชนิดจ่อคอหอยสหภาพโซเวียต โลกไม่รู้เพราะสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมดของโลก อยู่ในกระเป๋าของฝ่ายตะวันตก The West คืออเมริกา อังกฤษ และยุโรปตะวันตก เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่คิวบา เมื่อปี ค.ศ. 1962 เหตุการณ์ของ Georgia ปี ค.ศ. 2008 ก็เป็นผลมาจากการตั้งใจสร้างแรงกระตุ้นต่อมอารมณ์ของรัสเซีย ของฝ่ายการเมืองและกองทัพของอเมริกา สงครามเย็น จบลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 โดย Mikhail Gorbachev กัดฟันประกาศต่อโลกว่าสหภาพโซเวียต ตัดสินใจที่จะไม่ส่งรถถังเข้าไปในเยอรมันตะวันออก เพื่อระงับการประท้วงรัฐบาล และยอมให้มีการทุบกำแพงเบอร์ลิน สัญญลักษณ์ของ ม่านเหล็ก “Iron Curtain” ซึ่งแบ่งยุโรปออกเป็นตะวันออกและตะวันตกทิ้งเสีย จริง ๆ แล้ว สหภาพโซเวียตกำลังอยู่ในอาการสาหัส ล้มละลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง สงครามเย็นจบลง ฝ่ายตะวันตก the West และแน่นอน โดยเฉพาะอเมริกา นักล่าตัวจริงเป็นฝ่ายชนะ แค่หลอกขายสินค้ายี่ห้อ เสรีภาพ อิสรภาพ ประชาธิปไตย และความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจให้ชาวโลก โดยเฉพาะชาวยุโรปตะวันออก ประเทศที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออก ก็พากันหลงเชื่อหวังน้ำบ่อหน้ากันเป็นแถว เมื่อสงครามเย็นจบลง วอชิงตันตีฆ้องป่าวประกาศว่า ต่อไปนี้เราจะขยายกิจการ ส่งสินค้ายี่ห้อประชาธิปไตยของเรา ไปทุกส่วนของโลก ที่เคยถูกขังอยู่ในกรงของระบอบสังคมนิยมของโซเวียตตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 และสำหรับบางประเทศหวังว่าคงรู้ตัว ว่าอยู่ในกรงเขา มาตั้งแต่สมัยปฎิวัติรัสเซียปี 1917 โน่นแน่ะ ประชาธิปไตยของวอชิงตันเป็นสินค้า ที่ทำกล่องใส่อย่างสวยหรู หลอกให้ซื้อง่าย ขายดีสำหรับพวกประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ จากการที่โซเวียตล่มล้มละลายอยู่ที่ยุโรป แต่ประชาธิปไตยแท้จริงสำหรับอเมริกา คือการควบคุมเทคนิค และย้อมความคิดของมวลชน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เรื่องนี้ง่ายมากสำหรับวอชิงตัน ซึ่งจัดเตรียมเครื่องมือเอาไว้พร้อม คือการควบคุมสื่อระดับโลก และการจัดการเปลี่ยนแนวทางเศรษฐกิจ โดยการกำกับควบคุมดูแลที่เล่นกันเป็นวง ร้องเพลงเดียวกัน ของ IMF และ World Bank วอชิงตันบอกว่าจะช่วยส่งเสริมประชาธิปไตย หลังจากการล่มละลายของโซเวียต แต่ขอโทษเป็นประชาธิปไตยแบบพิเศษ จัดให้โดยเฉพาะเลย คือ ประชาธิปไตยแบบเบ็ดเสร็จ ที่มีแนวทางเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม แบบอเมริกาและควบคุมโดย NATO ฮา โลกชื่นชมยินดี ต่างตบมือให้อเมริกาผู้มาพร้อม กับประชาธิปไตย ที่ Berlin ชาวเยอรมันคนซื่อ ทั้งตะวันตก ตะวันออก ต่างร้องเพลง เต้นรำไปบนกำแพง ที่ใน Poland, Czechoslovakia และ Hungary ก็เช่นเดียวกัน พวกที่เคยอยู่หลังม่านเหล็ก ดีใจที่จะหลุดออกมาจากม่านและได้มีชีวิตที่ดีกว่า ชีวิตที่เสรี และร่ำรวยแบบคนอเมริกัน พวกเขาเชื่อสนิทใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของจักรวรรดิอเมริกา ที่กรอกใส่เข้าไปในหูและหัวของเขาตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยสื่อของฝั่งตะวันตก เรากำลังจะมาปลดปล่อยชาวยุโรปตะวันออกผู้ทุกข์ทรมานอยู่หลังม่านเหล็ก สวรรค์บนดินกำลังจะมาถึงแล้ว พวกเขาคงคิดแบบนั้น สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 27 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • Test
    Testing #test #233rเเดดด #สวัสดี
    Test Testing #test #233rเเดดด #สวัสดี
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • เรื่อง หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ
    “หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ”
    ผมเป็นแฟนประจำของอาจารย์ทนงมากว่าสิบปี ตั้งแต่อาจารย์เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ The Nation อ่านบทความอาจารย์แล้วได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งความคิด เมื่อวานนี้อาจารย์ทนงรวบรวมเอาความเสือกของฝรั่งที่ต้องการโยงหรือจุ้นจ้าน การสืบสันตติวงศ์ของไทยและตอนนี้เหมือนกำลังเร่งเครื่องมาลงให้อ่าน แถมเอาบทความของ “สิริอัญญา” เรื่อง “ซีเรีย โมเดล” มาลงให้อ่านอีกด้วย สิริอัญญานี้ เป็นมือระดับครูในการวิเคราะห์การเมืองไทย และมองอะไรแบบจอกว้างมีมิติ น่าสนใจมาก
    บังเอิญวันก่อน มีคนมาเล่าให้ผมฟัง ว่าได้ยินพวกสายข่าวระดับลึก กระซิบคุยกันว่า ตอนนี้มีพวก Blackwater มาเป็นฝูง เหมาชั้นอยู่ที่โรงแรม Four Seasons คนเล่าถามผมว่า เขาจะปฏิบัติการ ว.5 กันอีกหรือไง แล้วไอ้น้ำดำนี่มันเป็นใคร
    ผมบอกไม่ใช่น้ำดำที่ตระกูลนั้น เขารับเหมาอยู่ และ Blackwater นี้ ถ้าเป็นอย่างที่ผมเข้าใจ มันจะเป็น ว. 5 แบบสยองไม่ใช่แบบเสียว หวังว่าเรื่องนี้เป็นแค่ข่าวลือ
    เวลาจะมีปฎิบัติการสกปรก เก็บกวาดอะไรในประเทศเป้าหมาย อเมริกานักล่าสันดานชั่ว ไม่จำเป็นต้องใช้กองทัพเข้าไปบุกให้มันอึกทึก ให้คนรู้คนเห็นกันทั้งเมืองแต่นักล่าจะจ้างหน่วยงานนอกระบบให้มารับทำอีกต่อหนึ่ง ค่าจ้างแพงมาก เขาว่าเป็นพันล้านเหรียญต่อหนึ่งปฎิบัติการ (แปลว่าประโยชน์ที่จะได้จากงานทำ ต้องคุ้มกับค่าจ้าง) หน่วยงานพวกนี้ส่วนมากเกิดมาจากพวกซีไอเอเก่า ทหารเก๋า ฯลฯ ออกมาตั้งบริษัท (ตามสั่ง ?!) เหมือนสมัยอเมริกามาตั้งฐานทัพในบ้านเรา ตอนรบกับเวียตนาม ด้านหนึ่งขนทหารขึ้นเครื่องบินไปถล่มเวียตนามซะกระจุย อีกด้านหนึ่งก็ตั้ง Sea Supply, Air America ไปทะลายลาว พ่วงเอาพี่เทพตองสามของผมไปด้วย มันก็เป็นสันดานที่ทำมาตั้งแต่สมัยนู้น 60 ปี มาแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ยังทำอยู่ บอกแล้วมันชอบใช้แผนเดิม ๆ แค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนคน เปลี่ยนเครื่องมือให้สมัยใหม่เท่านั้น
    สมัยอเมริกาเริ่มไล่บี้อิรัค หน่วยงานเก็บกวาดที่ดังกระฉ่อน โลกในตอนนั้น คือ บริษัท Blackwater นี่แหละครับ ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1997 โดยนาย Eric Prince ลูกเศรษฐีชาวเมือง Michigan แทนที่จะทำมาหากินขายรถยนต์อย่าง พ่อ ดันไปสมัครเข้าหน่วยงาน Seal ของนักล่า ติดใจเหมือนคนได้สูดยา เขาบอกว่าเขาชอบบรรยากาศ ชอบกลิ่นไอของการต่อสู้ ชอบความรู้สึกเวลาไปปฎิบัติการ มันเร้าใจเหลือทน ก็เลยขายสมบัติเอาเงินมาตั้งศูนย์ ฝึกอบรมทหาร รับจ้างฝึกไอ้เณรให้กองทัพ ต่อมา Blackwater นี้เปลี่ยนชื่อเป็น Xe Servicess ในปี 2009 และเปลี่ยนเป็น Academi ในปี ค.ศ. 2011 เปลี่ยนชื่อคนบริหาร แต่ไม่เปลี่ยนแนว คนปฎิบัติการมีตั้งแต่อดีตนักการทูต นักจารกรรม นักธุรกิจ อดีตซีไอเอ อดีตทหารจากหน่วย Seal หน่วย Swat ฯลฯ ประเภทนักบู๋ครบเครื่อง ผู้วางแผนปฎิบัติการเป็นอดีตทหารระดับนายพล (ไม่ใช่ประเภทที่ได้รองเท้ากอล์ฟคู่เดียวมานะครับ อย่าเข้าใจผิด) ที่ผ่านการรบจนได้เหรียญกล้าหาญประดับแผงเต็มหน้าอก ตั้งแต่สมัยรบที่เกาหลี จนถึงรบกับกองโจรในปัจจุบัน ลูกทีมที่ร่วมปฎิบัติการมีสาระ พัดชาติ เรียกว่า เป็นสหประชาชาติ สาขาสองได้เลย ผลงานที่โดดเด่นไล่มา ตั้งแต่ ปานามา โซมาเลีย บอสเนีย อาฟกานิสถาน อิรัค ลิเบีย และล่าสุด ซีเรีย กับยูเครน
    ที่น่าสนใจคือเหตุการณ์ที่ลิเบีย ยังเป็นเรื่องค้างคาจบไม่ลง ตอนไปปฎิบัติการยกทีมกันเป็น พัน ๆ คน (เขาว่าเอาไป 6,000 คน) เพื่อปฎิบัติการล้มระบอบกัดดา ฟี่ ฝั่งตัวอยู่ 4 ปี อยู่กับทั้งฝ่ายกบฏ และอยู่กับทั้งฝ่ายรัฐบาล เสี้ยมจนได้ที่ ให้ทั้ง 2 ฝ่าย รบกัน ในที่สุดก็ตายกันเป็นเบือทั้ง 2 ฝ่ายนั่นแหละ รัฐบาลแพ้ กัดดาฟี่ถูกเก็บ แต่ฝ่ายกบฏก็ไม่ได้อำนาจเต็มที่ แต่เรื่องที่ค้างอยู่ คือ เรื่องฑูตอเมริกาขณะนั้น นาย Chris Stevens ถูกฆ่าตายที่หน้าสถานกงสุล จนบัดนี้ยังไม่รู้ฝีมือใคร เพราะอะไร ซ้อนกันไปซ่อนกันมา เอาเป็นว่าเมื่อตอนที่สภาสูงได้ตั้งคณะกรรมการสอบหาความจริง คุณนาย Clinton ซึ่งเป็นรมต.ต่างประเทศขณะนั้น ถูกซักถูกฟอกรอบใหญ่ เล่นเอาคุณนายถึงกับเกิดอาการลมจับ ล้มตึง หัวฟาดต้องเข้าโรงหมอ ออกมาก็ปากคอสั่นของดการให้สัมภาษณ์ จืดรับประทานอยู่นาน
    ชาวลิเบียบอกว่าอเมริกาฆ่าปิดปากกันเอง อเมริกาบอก เฮ้ย ! ไอไม่ได้ส่งทหารเข้าไปลิเบียเลยนะ เออ จริง ! ไม่ได้ไปเป็นกองทัพ แต่ดันจ้าง UN สาขา 2 นักเก็บกวาดมือพระกาฬเข้าไปซะ 6,000 คน แล้วจะแก้ตัวอย่างไรถึงจะหลุด ! ?
    ตอนนี้ นาย Eric Prince ไม่ได้เป็นหัวหน้าใหญ่แล้ว เพราะรู้มากไป รัฐบาลอเมริกันใช้วิธีปิดปาก ด้วยการให้สรรพากรตามไล่สอบเรื่องภาษี เลยหนีหน้าไปอยู่แถวอาฟริกา เขาว่าคนมาแทนชื่อ นาย Jamie F Smith เป็นซีไอเอเก่า เป็นผู้นำการปฎิบัติการที่ซีเรีย และยูเครน ผลเป็นอย่างไรคงพอรู้ข่าวกัน
    ผมนึกถึงเรื่องฑูต Stevens นอนตายอยู่หน้าสถานกงสุลอเมริกัน นึกถึงการเสือกของอเมริกาและพวก นึกถึงเป้าหมายที่แท้จริงของนักล่า นึกถึงซีเรียโมเดลที่ “สิริอัญญา” เขียน นึกถึงทฤษฎีฝูงผึ้ง ปฎิบัติการของนาย Gene Sharp (ผมเขียนไว้ในนิทานเรื่องยุทธการฝูงผึ้ง ช่วยกลับไปอ่านกันอีกสักรอบนะครับ เดี๋ยวจะเอา link มาลงใหม่) นึกถึงข่าวที่ว่า Blackwater เข้ามาอยู่ในบ้านเราแล้ว ผมขอให้เป็นแค่ข่าวลือ
    คนอ่านนิทานของผม ฉลาดหัวไวเข้าใจเรื่องเร็วกันทั้งนั้น ไม่ต้องเขียนมาก อย่างที่อาจารย์ทนงบอก ต้องระวัง เตรียมรับมือกันหน่อยครับ
    สวัสดีครับ (วันนี้ ฮาไม่ออก !)
คนเล่านิทาน
4 มิย. 57
    ลิงค์ประกอบโพสนี้
    ต้องระวัง เตรียมรับมือฝรั่งต้องการโยงหรือจุ้นจ้านการสืบสันติวงศ์ในไทย
https://www.facebook.com/ThanongFanclub/photos/a.141923686004014.1073741827.141826422680407/236958279833887/?type=1&theater
    ซีเรียโมเดล
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/photos/a.206278162804197.41238.206264556138891/600174116747931/?type=1&theater
    ยุทธการฝูงผึ้ง
https://www.dropbox.com/s/zrbj9r4g5oe0qr0/bb.pdf
    เรื่อง หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ “หวังว่าเป็นแค่ข่าวลือ” ผมเป็นแฟนประจำของอาจารย์ทนงมากว่าสิบปี ตั้งแต่อาจารย์เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ The Nation อ่านบทความอาจารย์แล้วได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งความคิด เมื่อวานนี้อาจารย์ทนงรวบรวมเอาความเสือกของฝรั่งที่ต้องการโยงหรือจุ้นจ้าน การสืบสันตติวงศ์ของไทยและตอนนี้เหมือนกำลังเร่งเครื่องมาลงให้อ่าน แถมเอาบทความของ “สิริอัญญา” เรื่อง “ซีเรีย โมเดล” มาลงให้อ่านอีกด้วย สิริอัญญานี้ เป็นมือระดับครูในการวิเคราะห์การเมืองไทย และมองอะไรแบบจอกว้างมีมิติ น่าสนใจมาก บังเอิญวันก่อน มีคนมาเล่าให้ผมฟัง ว่าได้ยินพวกสายข่าวระดับลึก กระซิบคุยกันว่า ตอนนี้มีพวก Blackwater มาเป็นฝูง เหมาชั้นอยู่ที่โรงแรม Four Seasons คนเล่าถามผมว่า เขาจะปฏิบัติการ ว.5 กันอีกหรือไง แล้วไอ้น้ำดำนี่มันเป็นใคร ผมบอกไม่ใช่น้ำดำที่ตระกูลนั้น เขารับเหมาอยู่ และ Blackwater นี้ ถ้าเป็นอย่างที่ผมเข้าใจ มันจะเป็น ว. 5 แบบสยองไม่ใช่แบบเสียว หวังว่าเรื่องนี้เป็นแค่ข่าวลือ เวลาจะมีปฎิบัติการสกปรก เก็บกวาดอะไรในประเทศเป้าหมาย อเมริกานักล่าสันดานชั่ว ไม่จำเป็นต้องใช้กองทัพเข้าไปบุกให้มันอึกทึก ให้คนรู้คนเห็นกันทั้งเมืองแต่นักล่าจะจ้างหน่วยงานนอกระบบให้มารับทำอีกต่อหนึ่ง ค่าจ้างแพงมาก เขาว่าเป็นพันล้านเหรียญต่อหนึ่งปฎิบัติการ (แปลว่าประโยชน์ที่จะได้จากงานทำ ต้องคุ้มกับค่าจ้าง) หน่วยงานพวกนี้ส่วนมากเกิดมาจากพวกซีไอเอเก่า ทหารเก๋า ฯลฯ ออกมาตั้งบริษัท (ตามสั่ง ?!) เหมือนสมัยอเมริกามาตั้งฐานทัพในบ้านเรา ตอนรบกับเวียตนาม ด้านหนึ่งขนทหารขึ้นเครื่องบินไปถล่มเวียตนามซะกระจุย อีกด้านหนึ่งก็ตั้ง Sea Supply, Air America ไปทะลายลาว พ่วงเอาพี่เทพตองสามของผมไปด้วย มันก็เป็นสันดานที่ทำมาตั้งแต่สมัยนู้น 60 ปี มาแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ยังทำอยู่ บอกแล้วมันชอบใช้แผนเดิม ๆ แค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนคน เปลี่ยนเครื่องมือให้สมัยใหม่เท่านั้น สมัยอเมริกาเริ่มไล่บี้อิรัค หน่วยงานเก็บกวาดที่ดังกระฉ่อน โลกในตอนนั้น คือ บริษัท Blackwater นี่แหละครับ ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1997 โดยนาย Eric Prince ลูกเศรษฐีชาวเมือง Michigan แทนที่จะทำมาหากินขายรถยนต์อย่าง พ่อ ดันไปสมัครเข้าหน่วยงาน Seal ของนักล่า ติดใจเหมือนคนได้สูดยา เขาบอกว่าเขาชอบบรรยากาศ ชอบกลิ่นไอของการต่อสู้ ชอบความรู้สึกเวลาไปปฎิบัติการ มันเร้าใจเหลือทน ก็เลยขายสมบัติเอาเงินมาตั้งศูนย์ ฝึกอบรมทหาร รับจ้างฝึกไอ้เณรให้กองทัพ ต่อมา Blackwater นี้เปลี่ยนชื่อเป็น Xe Servicess ในปี 2009 และเปลี่ยนเป็น Academi ในปี ค.ศ. 2011 เปลี่ยนชื่อคนบริหาร แต่ไม่เปลี่ยนแนว คนปฎิบัติการมีตั้งแต่อดีตนักการทูต นักจารกรรม นักธุรกิจ อดีตซีไอเอ อดีตทหารจากหน่วย Seal หน่วย Swat ฯลฯ ประเภทนักบู๋ครบเครื่อง ผู้วางแผนปฎิบัติการเป็นอดีตทหารระดับนายพล (ไม่ใช่ประเภทที่ได้รองเท้ากอล์ฟคู่เดียวมานะครับ อย่าเข้าใจผิด) ที่ผ่านการรบจนได้เหรียญกล้าหาญประดับแผงเต็มหน้าอก ตั้งแต่สมัยรบที่เกาหลี จนถึงรบกับกองโจรในปัจจุบัน ลูกทีมที่ร่วมปฎิบัติการมีสาระ พัดชาติ เรียกว่า เป็นสหประชาชาติ สาขาสองได้เลย ผลงานที่โดดเด่นไล่มา ตั้งแต่ ปานามา โซมาเลีย บอสเนีย อาฟกานิสถาน อิรัค ลิเบีย และล่าสุด ซีเรีย กับยูเครน ที่น่าสนใจคือเหตุการณ์ที่ลิเบีย ยังเป็นเรื่องค้างคาจบไม่ลง ตอนไปปฎิบัติการยกทีมกันเป็น พัน ๆ คน (เขาว่าเอาไป 6,000 คน) เพื่อปฎิบัติการล้มระบอบกัดดา ฟี่ ฝั่งตัวอยู่ 4 ปี อยู่กับทั้งฝ่ายกบฏ และอยู่กับทั้งฝ่ายรัฐบาล เสี้ยมจนได้ที่ ให้ทั้ง 2 ฝ่าย รบกัน ในที่สุดก็ตายกันเป็นเบือทั้ง 2 ฝ่ายนั่นแหละ รัฐบาลแพ้ กัดดาฟี่ถูกเก็บ แต่ฝ่ายกบฏก็ไม่ได้อำนาจเต็มที่ แต่เรื่องที่ค้างอยู่ คือ เรื่องฑูตอเมริกาขณะนั้น นาย Chris Stevens ถูกฆ่าตายที่หน้าสถานกงสุล จนบัดนี้ยังไม่รู้ฝีมือใคร เพราะอะไร ซ้อนกันไปซ่อนกันมา เอาเป็นว่าเมื่อตอนที่สภาสูงได้ตั้งคณะกรรมการสอบหาความจริง คุณนาย Clinton ซึ่งเป็นรมต.ต่างประเทศขณะนั้น ถูกซักถูกฟอกรอบใหญ่ เล่นเอาคุณนายถึงกับเกิดอาการลมจับ ล้มตึง หัวฟาดต้องเข้าโรงหมอ ออกมาก็ปากคอสั่นของดการให้สัมภาษณ์ จืดรับประทานอยู่นาน ชาวลิเบียบอกว่าอเมริกาฆ่าปิดปากกันเอง อเมริกาบอก เฮ้ย ! ไอไม่ได้ส่งทหารเข้าไปลิเบียเลยนะ เออ จริง ! ไม่ได้ไปเป็นกองทัพ แต่ดันจ้าง UN สาขา 2 นักเก็บกวาดมือพระกาฬเข้าไปซะ 6,000 คน แล้วจะแก้ตัวอย่างไรถึงจะหลุด ! ? ตอนนี้ นาย Eric Prince ไม่ได้เป็นหัวหน้าใหญ่แล้ว เพราะรู้มากไป รัฐบาลอเมริกันใช้วิธีปิดปาก ด้วยการให้สรรพากรตามไล่สอบเรื่องภาษี เลยหนีหน้าไปอยู่แถวอาฟริกา เขาว่าคนมาแทนชื่อ นาย Jamie F Smith เป็นซีไอเอเก่า เป็นผู้นำการปฎิบัติการที่ซีเรีย และยูเครน ผลเป็นอย่างไรคงพอรู้ข่าวกัน ผมนึกถึงเรื่องฑูต Stevens นอนตายอยู่หน้าสถานกงสุลอเมริกัน นึกถึงการเสือกของอเมริกาและพวก นึกถึงเป้าหมายที่แท้จริงของนักล่า นึกถึงซีเรียโมเดลที่ “สิริอัญญา” เขียน นึกถึงทฤษฎีฝูงผึ้ง ปฎิบัติการของนาย Gene Sharp (ผมเขียนไว้ในนิทานเรื่องยุทธการฝูงผึ้ง ช่วยกลับไปอ่านกันอีกสักรอบนะครับ เดี๋ยวจะเอา link มาลงใหม่) นึกถึงข่าวที่ว่า Blackwater เข้ามาอยู่ในบ้านเราแล้ว ผมขอให้เป็นแค่ข่าวลือ คนอ่านนิทานของผม ฉลาดหัวไวเข้าใจเรื่องเร็วกันทั้งนั้น ไม่ต้องเขียนมาก อย่างที่อาจารย์ทนงบอก ต้องระวัง เตรียมรับมือกันหน่อยครับ สวัสดีครับ (วันนี้ ฮาไม่ออก !)
คนเล่านิทาน
4 มิย. 57 ลิงค์ประกอบโพสนี้ ต้องระวัง เตรียมรับมือฝรั่งต้องการโยงหรือจุ้นจ้านการสืบสันติวงศ์ในไทย
https://www.facebook.com/ThanongFanclub/photos/a.141923686004014.1073741827.141826422680407/236958279833887/?type=1&theater ซีเรียโมเดล
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/photos/a.206278162804197.41238.206264556138891/600174116747931/?type=1&theater ยุทธการฝูงผึ้ง
https://www.dropbox.com/s/zrbj9r4g5oe0qr0/bb.pdf
    0 Comments 0 Shares 142 Views 0 Reviews
  • พล.ต.วัชนะ สวัสดี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย โพสต์ถึงกรณีเปิดด่านไทย–กัมพูชา ชี้แม้ไทยไม่ได้เสียดินแดน แต่สิ่งที่สูญเสียจริง ๆ คือชีวิตทหารและประชาชนผู้บริสุทธิ์ พร้อมสดุดีวีรกรรมผู้กล้าที่ปกป้องแผ่นดินและอาลัยต่อผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะครั้งนี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000088247

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    พล.ต.วัชนะ สวัสดี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย โพสต์ถึงกรณีเปิดด่านไทย–กัมพูชา ชี้แม้ไทยไม่ได้เสียดินแดน แต่สิ่งที่สูญเสียจริง ๆ คือชีวิตทหารและประชาชนผู้บริสุทธิ์ พร้อมสดุดีวีรกรรมผู้กล้าที่ปกป้องแผ่นดินและอาลัยต่อผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะครั้งนี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000088247 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 325 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 15-9-68
    .
    สวัสดีวันจันทร์ วันนี้บ้านพระอาทิตย์มีเมนูอาหารเช้าเป็น "ก๋วยเตี๋ยวไก่ สูตรคุณสนธิ" โดยหลังจากที่คุณสนธิร่วมประชุม และรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานแล้ว ก็ได้พูดคุยกันในหลายประเด็นเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพการรักษาโรคมะเร็ง, สถานการณ์การเมืองโลก และการเมืองไทย ที่เห็นได้ชัดว่ากระแสฝ่ายอนุรักษ์นิยม (ฝ่ายขวา) กำลังมาแรง ทั้งในสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ยุโรป, ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศไทย โดยมีการพูดคุยกันถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา นำโดย นายไชยชนก ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่มีการเชิญ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์เข้าไปเป็นที่ปรึกษาด้วย
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=vWs995gNVh0
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #มะเร็ง #การเมืองโลก #การเมืองไทย #MOU2543 #MOU2544
    สนธิเล่าเรื่อง 15-9-68 . สวัสดีวันจันทร์ วันนี้บ้านพระอาทิตย์มีเมนูอาหารเช้าเป็น "ก๋วยเตี๋ยวไก่ สูตรคุณสนธิ" โดยหลังจากที่คุณสนธิร่วมประชุม และรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานแล้ว ก็ได้พูดคุยกันในหลายประเด็นเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพการรักษาโรคมะเร็ง, สถานการณ์การเมืองโลก และการเมืองไทย ที่เห็นได้ชัดว่ากระแสฝ่ายอนุรักษ์นิยม (ฝ่ายขวา) กำลังมาแรง ทั้งในสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ยุโรป, ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศไทย โดยมีการพูดคุยกันถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา นำโดย นายไชยชนก ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่มีการเชิญ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์เข้าไปเป็นที่ปรึกษาด้วย . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=vWs995gNVh0 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #มะเร็ง #การเมืองโลก #การเมืองไทย #MOU2543 #MOU2544
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • “เสธเบิร์ด” ลั่น กัมพูชาต้อง 'สิ้นสภาพภัยคุกคาม' ก่อนถึงเจรจา! สวนกลับ 'ประเทศที่สาม' ชี้ทุกคนทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ไทยต้องทำเพื่ออธิปไตยของชาติ!
    https://www.thai-tai.tv/news/21437/
    .
    #ไทยไท #วันชนะสวัสดี #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวความมั่นคง #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    “เสธเบิร์ด” ลั่น กัมพูชาต้อง 'สิ้นสภาพภัยคุกคาม' ก่อนถึงเจรจา! สวนกลับ 'ประเทศที่สาม' ชี้ทุกคนทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ไทยต้องทำเพื่ออธิปไตยของชาติ! https://www.thai-tai.tv/news/21437/ . #ไทยไท #วันชนะสวัสดี #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวความมั่นคง #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • พล.ต.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดหน้า 6 ทหารเขมรผู้สั่งการวางทุ่นระเบิด ตนเป็นเหตุให้ทหารไทยต้องสูญเสียขา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000087239

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    พล.ต.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดหน้า 6 ทหารเขมรผู้สั่งการวางทุ่นระเบิด ตนเป็นเหตุให้ทหารไทยต้องสูญเสียขา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000087239 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    10
    0 Comments 0 Shares 506 Views 0 Reviews
  • บทตามท้ายเรื่อง แกะรอยเก่า

    บทตามท้ายเรื่อง ของนิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า”
    ผมเริ่มอ่านเรื่องของนาย Kenneth ด้วยความสนใจ ปนสงสัย อ่านๆไปความเซ็ง ความเศร้าใจเข้ามาแซม หนังสือหนาต้ัง 600 กว่าหน้ากระดาษขนาดเอ 4 มันมีเรื่องราวมากมายกว่าที่เล่าไป อ่านจบผมคิดว่า น่าจะเอามาเล่าเป็นนิทานให้ฟัง เพราะมันน่าจะให้รู้กัน ก่อนเล่าก็ทำการตรวจสอบกับเอกสารอื่นๆ เท่าที่หาได้ เรื่องเวลาของเหตุการณ์ถูกต้อง เรื่องคนที่เขาอ้างถึง ส่วนใหญ่มีตัวตนที่ตรวจสอบได้ ยกเว้นเกี่ยวกับชาวบ้านทางภาคใต้ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ แต่ก็คิดว่าจะตามต่อ เพราะมีอะไรน่าสนใจ ติดค้างคออยู่
    ระหว่างเขียนนิทาน และตรวจสอบ ผมไปเจอเอกสารมากขึ้น มีข้อมูลขยายที่น่าตกใจ ถ้าเป็นเรื่องจริง มันอาจจะโยงย้อนไปถึงไหนๆ ผมชักลังเล เวลาเขียน เราต้องคิด และมองไกลไปกว่าที่นาย Kennethเล่า ยิ่งคิดยิ่งเศร้าใจ เกือบจะเลิกเขียน หยุดพักไปหลายหน ถึงได้ใช้เวลาเขียนนืทานเรื่องนี้นานเกินแก้ตัว
    ผมรู้ว่านิทานเรื่องนี้ จะเป็นนิทานที่ไม่น่าตื่นเต้น เรื่องมันไม่ได้สลับซ้ำซ้อนแบบหักเหลี่ยมโหด มายากลยุทธอะไรทำนองนั้น แต่ เรื่องมันเดินไปเรื่อยๆ แสนธรรมดา แต่ภายใต้ความธรรมดา มันซ่อนแผนล่าเราอย่างเนียน เนียนจนเหมือนไม่มีการซ่อนแผน เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ เกิดขึ้นตามสภาพ ไม่ได้จัดแสร้งแต่งเสริม มันเป็นการต้มตุ๋นที่หมดจดที่สุด มันทำให้ผมทั้งเศร้าทั้งโกรธ อารมณ์ขันของผมมันฝ่อไปหมด เมื่อขาดอารมณ์ขัน นิทานมันจะสนุกได้ยังไง ใครจะมาอ่าน เขียนนิทานไม่สนุกไม่น่าอ่าน แล้วจะเขียนไปทำไม
    แต่ผมก็ตัดสินใจจะเขียนนิทานเรื่อง นี้ เขียนทั้งๆที่รู้ว่า จะทำให้สนุกไม่ได้มาก และอาจไม่มีคนตามอ่าน ผมได้แต่หวังว่า จะมีคนอ่านบ้าง และเห็น “ภัย” ที่ผมพยายามเล่าให้ฟัง
    ผมเขียนนิทานเรื่องนี้จนจบ และนำลงให้ท่านอ่านกันแล้ว ผมขอบคุณแฟนเพจทุกท่านที่ตามอ่านนิทานเรื่องนี้ และขอบคุณที่สุดสำหรับความเห็นที่ท่านให้กันมา มันเยี่ยมมาก นาฬิกาปลุกยี่ห้อคนเล่านิทานทำงานแล้วครับ หลายท่านมองเห็นแล้ว หวังว่าท่านผู้อ่านจะต้ังนาฬิกาปลุกกันต่อๆไป บ้านเมืองนี้ถึงจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ดี มีค่า วิจิตร งดงาม อย่างที่จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วควรแก่เก็บการรักษา สืบทอด อีกมากมายเหลืออยู่ ช่วยๆกันครับ บ้านเมืองของเราทุกคน
    ผมได้ทำลิงค์ ของนิทานเรื่องนี้ เพื่อความสดวกของท่านที่จะอยากจะส่งไป
    “ปลุก” ต่อ ไว้ให้แล้วนะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 เมย 57
    ลิงค์ Download PDF นิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า”
    https://www.dropbox.com/s/2vqd3mdj4pkhoj5/old_track.pdf
    บทตามท้ายเรื่อง แกะรอยเก่า บทตามท้ายเรื่อง ของนิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า” ผมเริ่มอ่านเรื่องของนาย Kenneth ด้วยความสนใจ ปนสงสัย อ่านๆไปความเซ็ง ความเศร้าใจเข้ามาแซม หนังสือหนาต้ัง 600 กว่าหน้ากระดาษขนาดเอ 4 มันมีเรื่องราวมากมายกว่าที่เล่าไป อ่านจบผมคิดว่า น่าจะเอามาเล่าเป็นนิทานให้ฟัง เพราะมันน่าจะให้รู้กัน ก่อนเล่าก็ทำการตรวจสอบกับเอกสารอื่นๆ เท่าที่หาได้ เรื่องเวลาของเหตุการณ์ถูกต้อง เรื่องคนที่เขาอ้างถึง ส่วนใหญ่มีตัวตนที่ตรวจสอบได้ ยกเว้นเกี่ยวกับชาวบ้านทางภาคใต้ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ แต่ก็คิดว่าจะตามต่อ เพราะมีอะไรน่าสนใจ ติดค้างคออยู่ ระหว่างเขียนนิทาน และตรวจสอบ ผมไปเจอเอกสารมากขึ้น มีข้อมูลขยายที่น่าตกใจ ถ้าเป็นเรื่องจริง มันอาจจะโยงย้อนไปถึงไหนๆ ผมชักลังเล เวลาเขียน เราต้องคิด และมองไกลไปกว่าที่นาย Kennethเล่า ยิ่งคิดยิ่งเศร้าใจ เกือบจะเลิกเขียน หยุดพักไปหลายหน ถึงได้ใช้เวลาเขียนนืทานเรื่องนี้นานเกินแก้ตัว ผมรู้ว่านิทานเรื่องนี้ จะเป็นนิทานที่ไม่น่าตื่นเต้น เรื่องมันไม่ได้สลับซ้ำซ้อนแบบหักเหลี่ยมโหด มายากลยุทธอะไรทำนองนั้น แต่ เรื่องมันเดินไปเรื่อยๆ แสนธรรมดา แต่ภายใต้ความธรรมดา มันซ่อนแผนล่าเราอย่างเนียน เนียนจนเหมือนไม่มีการซ่อนแผน เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ เกิดขึ้นตามสภาพ ไม่ได้จัดแสร้งแต่งเสริม มันเป็นการต้มตุ๋นที่หมดจดที่สุด มันทำให้ผมทั้งเศร้าทั้งโกรธ อารมณ์ขันของผมมันฝ่อไปหมด เมื่อขาดอารมณ์ขัน นิทานมันจะสนุกได้ยังไง ใครจะมาอ่าน เขียนนิทานไม่สนุกไม่น่าอ่าน แล้วจะเขียนไปทำไม แต่ผมก็ตัดสินใจจะเขียนนิทานเรื่อง นี้ เขียนทั้งๆที่รู้ว่า จะทำให้สนุกไม่ได้มาก และอาจไม่มีคนตามอ่าน ผมได้แต่หวังว่า จะมีคนอ่านบ้าง และเห็น “ภัย” ที่ผมพยายามเล่าให้ฟัง ผมเขียนนิทานเรื่องนี้จนจบ และนำลงให้ท่านอ่านกันแล้ว ผมขอบคุณแฟนเพจทุกท่านที่ตามอ่านนิทานเรื่องนี้ และขอบคุณที่สุดสำหรับความเห็นที่ท่านให้กันมา มันเยี่ยมมาก นาฬิกาปลุกยี่ห้อคนเล่านิทานทำงานแล้วครับ หลายท่านมองเห็นแล้ว หวังว่าท่านผู้อ่านจะต้ังนาฬิกาปลุกกันต่อๆไป บ้านเมืองนี้ถึงจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ดี มีค่า วิจิตร งดงาม อย่างที่จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วควรแก่เก็บการรักษา สืบทอด อีกมากมายเหลืออยู่ ช่วยๆกันครับ บ้านเมืองของเราทุกคน ผมได้ทำลิงค์ ของนิทานเรื่องนี้ เพื่อความสดวกของท่านที่จะอยากจะส่งไป “ปลุก” ต่อ ไว้ให้แล้วนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 เมย 57 ลิงค์ Download PDF นิทานเรื่องจริง “แกะรอยเก่า” https://www.dropbox.com/s/2vqd3mdj4pkhoj5/old_track.pdf
    WWW.DROPBOX.COM
    old_track.pdf
    Shared with Dropbox
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 8-9-68
    .
    สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่ วันนี้บ้านพระอาทิตย์มีเมนูอาหารเช้าเป็นโกยซีหมี่ไก่เส้นกรอบ โดยหลังจากที่คุณสนธิร่วมประชุม และรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานแล้ว ก็ได้ถกเถียงกันในหลายประเด็น หนึ่งคือ กรณีที่คุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีกำหนดจะต้องนัดฟังคำสั่งศาลกรณีชั้น 14 ในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ย.) ซึ่งหลายคนสงสัยว่าคุณทักษิณจะกลับมาประเทศไทยไหม? ถ้ากลับจะเป็นอย่างไร และถ้าไม่กลับจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง? นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องของนายกฯ คนใหม่ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล กับรัฐบาลใหม่ และคณะรัฐมนตรีใหม่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาเรื่องชายแดน และการยกเลิก MOU43-44
    .
    คุณสนธิคิดและมองอย่างไรกับการเมืองไทย ณ เวลานี้ ต้องติดตาม !
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=9tFRd3ycq28
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ทักษิณ #ชั้น14 #ทักษิณ #รัฐบาล #นายกหนู #อนุทินชาญวีรกูล #คณะรัฐมนตรี #รัฐบาลอนุทิน
    สนธิเล่าเรื่อง 8-9-68 . สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่ วันนี้บ้านพระอาทิตย์มีเมนูอาหารเช้าเป็นโกยซีหมี่ไก่เส้นกรอบ โดยหลังจากที่คุณสนธิร่วมประชุม และรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานแล้ว ก็ได้ถกเถียงกันในหลายประเด็น หนึ่งคือ กรณีที่คุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีกำหนดจะต้องนัดฟังคำสั่งศาลกรณีชั้น 14 ในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ย.) ซึ่งหลายคนสงสัยว่าคุณทักษิณจะกลับมาประเทศไทยไหม? ถ้ากลับจะเป็นอย่างไร และถ้าไม่กลับจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง? นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องของนายกฯ คนใหม่ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล กับรัฐบาลใหม่ และคณะรัฐมนตรีใหม่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาเรื่องชายแดน และการยกเลิก MOU43-44 . คุณสนธิคิดและมองอย่างไรกับการเมืองไทย ณ เวลานี้ ต้องติดตาม ! . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=9tFRd3ycq28 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ทักษิณ #ชั้น14 #ทักษิณ #รัฐบาล #นายกหนู #อนุทินชาญวีรกูล #คณะรัฐมนตรี #รัฐบาลอนุทิน
    Like
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 Reviews
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิเมื่อมีปัญหาระหว่างลัทธิ
    สัทธรรมลำดับที่ : 739
    ชื่อบทธรรม :- การทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิเมื่อมีปัญหาระหว่างลัทธิ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=739
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --การทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิเมื่อมีปัญหาระหว่างลัทธิ
    (นัตถิก - อัตถิกวาท, อกิริย - กิริยวาท, อเหตุก - เหตุกวาท, อารุปปวาท, ภวนิโรธวาท)
    (พราหมณ์และคหบดีชาวบ้านชาวสาเลยยกะ ได้ยินเสียงเล่าลือว่า
    พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์ รู้แจ้งโลกทั้งปวง
    แสดงธรรมงดงามบริบูรณ์ ประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์
    ก็พากันไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เสด็จมาถึงหมู่บ้านนี้แล้ว จนถึงที่ประทับ.
    บางพวกแสดงความเคารพ บางพวกไม่แสดงความเคารพ นั่งอยู่.
    พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสแก่ชาวบ้านสาเลยยกะเหล่านั้น ว่า :-
    )
    --คหบดี ท. ! มีอยู่ไหม ศาสดาไรๆ ซึ่งเป็นที่พอใจของท่าน
    จนถึงกับท่านปลงสัทธาไปแล้วอย่างมีเหตุผล ?
    “ยังไม่มี พระเจ้าข้า !”
    --คหบดี ท. ! สำหรับพวกท่านที่ยังไม่มีศาสดาอันเป็นที่พอใจ
    ธรรมะอันผิดไม่ได้ (อปัณณกธรรม) นี้ มีอยู่
    สำหรับพวกท่านสมาทานแล้วปฏิบัติ.
    --คหบดี ท. ! ธรรมะอันผิดไม่ได้นั้น เมื่อท่านสมาทานเต็มเปี่ยมแล้ว
    จักเป็นไปเพื่อหิตสุขแก่พวกท่านตลอดกาลนาน.
    --คหบดี ท. ! ธรรมะอันผิดไม่ได้นั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
    --คหบดี ท. ! มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะมีทิฏฐิอย่างนี้ว่า
    “ทานที่ให้แล้ว ไม่มี (ผล), ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มี (ผล), การบูชาที่บูชาแล้ว ไม่มี (ผล),
    ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่ว ไม่มี, โลกนี้ ไม่มี, โลกอื่น ไม่มี,
    มารดา ไม่มี, บิดา ไม่มี, โอปปาติกะสัตว์ ไม่มี,
    สมณพราหมณ์ที่ไปแล้วปฏิบัติแล้วโดยชอบ ถึงกับกระทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น
    ด้วยปัญญาโดยชอบเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็ไม่มี”
    ดังนี้.
    --คหบดี ท. ! ยังมีสมณพราหมณ์อีกพวกหนึ่ง ซึ่งมีวาทะเป็นข้าศึก
    โดยตรงต่อสมณพราหมณ์เหล่านั้น กล่าวอยู่อย่างนี้ว่า
    “ทานที่ให้แล้ว มี (ผล), ยัญที่บูชาแล้ว มี (ผล) , การบูชาที่บูชาแล้ว มี (ผล) ,
    ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่ว มี, โลกนี้ มี, โลกอื่น มี,
    มารดา มี, บิดา มี, โอปปาติกะสัตว์ มี,
    สมณพราหมณ์ที่ไปแล้วปฏิบัติแล้วโดยชอบ ถึงกับกระทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น
    โดยปัญญาโดยชอบเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็มี”
    ดังนี้.
    --คหบดี ท. ! ท่านจะสำคัญข้อความนี้อย่างไร
    : สมณพราหมณ์สองพวกนี้ เป็นผู้มีวาทะเป็นข้าศึกโดยตรงต่อกันและกัน มิใช่หรือ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --คหบดี ท. ! ในบรรดาสมณพราหมณ์ทั้งสองพวกนั้น สมณพราหมณ์ พวกใดมีวาทะมีทิฏฐิว่า
    “ทานที่ให้แล้ว ไม่มี, ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มี, ...ฯลฯ...
    ผู้ทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็ไม่มี”
    ดังนี้นั้น พวกเขาพึงหวังได้ในข้อนี้ คือ
    เลิก ละกุศลธรรม สามประการนี้ กล่าวคือ
    กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต เสีย
    แล้วสมาทานประพฤติ อกุศลธรรม สามประการ
    กล่าวคือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เป็นแน่นอน.
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
    เพราะเหตุว่า สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น
    ไม่มองเห็นโทษอันต่ำทรามเศร้าหมองของ อกุศลธรรม
    และไม่มองเห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะอันเป็นธรรมขาวผ่องฝ่ายกุศลธรรมทั้งหลาย เสียเลย.
    ทิฏฐิของเขา ต่อโลกอื่นซึ่งมีอยู่แท้ ๆ กลับไปเห็นเสียว่าโลกอื่นไม่มี
    ทิฏฐินั้นของเขา จึงเป็น มิจฉาทิฏฐิ
    โลกอื่นซึ่งมีอยู่แท้ ๆ เขาดำริไปว่า โลกอื่นไม่มี ความดำรินั้นของเขาจึงเป็น มิจฉาสังกัปปะ.
    เขากล่าวซึ่งโลกอื่นอันมีอยู่แท้ ๆ ว่าโลกอื่นไม่มี วาจานั้นของเขา จึงเป็น มิจฉาวาจา.
    เขากล่าวซึ่งโลกอื่นอันมีอยู่แท้ ๆ ว่าโลกอื่นไม่มี
    เช่นนี้ชื่อว่าเขาทำตนเป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลกอื่น.
    โลกอื่นมีอยู่แท้ ๆ เขาทำให้ผู้อื่นสำคัญว่าโลกอื่นไม่มี
    การกระทำของเขานั้น จึงเป็น #อสัทธัมมสัญญัตติ์
    (ทำให้ผู้อื่นหมายมั่นใน อสัทธรรม)
    และด้วยอสัทธัมมสัญญัตติ์ของเขานั่นเอง เขายกตนข่มผู้อื่น.
    ด้วยการกระทำอย่างนี้ ชื่อว่า เขาละปกติภาวะอันดีงามในกาลก่อนของเขาเสีย
    มาตั้งอยู่ในปกติภาวะอันเลวทราม คือมิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสังกัปปะ มิจฉาวาจา
    ความเป็นข้าศึกต่อพระอริยเจ้า อสัทธัมมสัญญัตติ์ การยกตน และการข่มผู้อื่น.
    ด้วยอาการอย่างนี้ อกุศลธรรมอันลามกเป็นอเนกเหล่านั้น ย่อมเกิดแก่เขา
    เพราะมีมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัย.
    --คหบดี ท. ! ในบรรดาทิฏฐิทั้งสองอย่างนั้น บุรุษผู้วิญญูชน
    ย่อม ใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า ถ้าโลกอื่นไม่มี บุรุษผู้เจริญ (ผู้ถืออยู่ว่าโลกอื่นไม่มี)
    นี้หลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกาย จักทำความสวัสดีให้แก่ตนได้
    เพราะเหตุนั้น ก็จริงอยู่ ;
    +‐-แต่ถ้าโลกอื่นไม่มี บุรุษผู้เจริญนี้ หลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกาย
    จักเข้าถึง อบายทุคติวินิบาตนรก เพราะเหตุนั้น เป็นแน่แท้.
    +--เอาละ เป็นอันว่าโลกอื่นก็อย่ามี คำจริงของสมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น
    ก็ไม่ต้องเอามากล่าวอ้าง ;
    ถึงกระนั้น บุรุษผู้เจริญนั้น ก็ยังจะถูกวิญญูชนติเตียนในทิฏฐิธรรมนี้แหละ
    ว่าเป็นคน ทุศีล เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็น #นัตถิกวาท ดังนี้อยู่นั่นเอง.
    +--ถ้าว่าโลกอื่นเกิดมีขึ้นมาจริงๆแล้ว การได้รับกระลี*--๑ ทั้งสองฝ่าย
    ย่อมมีแก่บุรุษผู้เจริญนั้น กล่าวคือ ในทิฏฐิธรรมนี้ก็ถูกวิญญูชนติเตียน
    และหลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกาย ก็เข้าถึง #อบายทุคติวินิบาตนรก.
    นี่แหละ คือ อปัณณกธรรม (ธรรมอันผิดไม่ได้)
    นี้ ที่ทุกคนนี้ถือเอาผิดโดยสิ้นเชิงย่อมแผ่ไป โดยท่าเดียว
    ตั้งอยู่อย่างลิดรอนซึ่งรากฐานแห่งกุศล
    -----
    *--๑. คำว่า กระลี (ในบทว่า กลิคฺคาโห) เป็นคำที่แปลเป็นไทยได้ยาก
    หมายถึงความชั่วร้ายที่มาจากผีชนิดหนึ่ง ในที่นี้ จึงแปลทับศัพท์ว่า “กระลี“
    ซึ่งแม้จะแปลว่า ความชั่ว ความเลว ความพ่ายแพ้ ฯลฯ
    ก็ไม่มีความหมายเต็มตามความหมายเดิมของคำคำนี้.
    ---‐-
    --คหบดี ท. ! ในบรรดาสมณพราหมณ์ทั้งสองพวกนั้น สมณพราหมณ์พวกใด
    มีวาทะมีทิฏฐิอย่างนี้ว่า
    “ทานที่ให้แล้ว มี(ผล), ยัญที่บูชาแล้ว มี(ผล),
    ... ฯลฯ ...
    ผู้ทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็มี”
    ดังนี้นั้น
    พวกเขาพึงหวังได้ในข้อนี้ คือเลิกละอกุศลธรรมสามประการ
    กล่าวคือกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เสีย
    แล้วสมาทานประพฤติ กุศลธรรม สามประการ
    กล่าวคือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต เป็นแน่นอน.
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
    เพราะเหตุว่าสมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น มองเห็นโทษอันต่ำทรามเศร้าหมอง
    ของ อกุศลธรรม และมองเห็นอานิสงส์ใน เนกขัมมะ
    อันเป็นธรรมขาวผ่องฝ่ายกุศลธรรมทั้งหลาย.
    ทิฏฐิของเขา ต่อโลกอื่นซึ่งมีอยู่นั่นเทียว ก็เป็นทิฏฐิที่เห็นว่าโลกอื่นมีอยู่
    ทิฏฐินั้นของเขาจึงเป็น สัมมาทิฏฐิ
    โลกอื่นซึ่งมีอยู่นั่นเทียว เขาก็ดำริว่าโลกอื่นมีอยู่
    ความดำรินั้นของเขา จึงเป็น สัมมาสังกัปปะ.
    เขากล่าวซึ่งโลกอื่นอันมีอยู่นั่นเทียวว่าโลกอื่นมีอยู่
    วาจานั้นของเขา จึงเป็น สัมมาวาจา.
    เขากล่าวซึ่งโลกอื่นอันมีอยู่นั่นเทียว ว่าโลกอื่นมีอยู่ เช่นนี้
    ชื่อว่าเขาทำตนไม่เป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลกอื่น.
    โลกอื่นมีอยู่นั่นเทียว เขาทำให้ผู้อื่นสำคัญว่าโลกอื่นมีอยู่
    การกระทำของเขานั้น จึงเป็น สัทธัมมสัญญัตติ์ (ทำให้ผู้อื่นหมายมั่นในสัทธรรม)
    และด้วยสัทธัมมสัญญัตติ์ของเขานั่นเอง เขาย่อมไม่ยกตนข่มผู้อื่น.
    ด้วยการกระทำอย่างนี้ ชื่อว่า เขาละปกติภาวะอันเลวทรามในกาลก่อนของเขาเสีย
    มาตั้งอยู่ในภาวะอันดีงาม คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา
    ความไม่เป็นข้าศึกต่อพระอริยเจ้า สัทธัมมสัญญัตติ์ การไม่ยกตัว และการไม่ข่มผู้อื่น.
    ด้วยอาการอย่างนี้ กุศลธรรมอเนกเหล่านั้น ย่อมเกิดแก่เขาเพราะมี สัมมาทิฏฐิ เป็นปัจจัย.
    --คหบดี ท. ! ในบรรดาทิฏฐิทั้งสองอย่างนั้น บุรุษผู้วิญญูชน ย่อม
    ใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า ถ้าโลกอื่นมีอยู่ บุรุษผู้เจริญนี้
    หลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกาย จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะเหตุนั้น.
    +--เอาละ เป็นอันว่าโลกอื่นก็อย่ามีกันเลย คำจริงของสมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น
    ก็ไม่ต้องเอามากล่าวอ้าง; ถึงกระนั้น บุรุษผู้เจริญนั้น
    +--ก็ยังจะเป็นผู้อันวิญญูชนสรรเสริญในทิฏฐิธรรมนี้แหละ ว่าเป็นคนมีศีล เป็นสัมมาทิฏฐิ
    เป็น #อัตถิกวาท ดังนี้ อยู่นั่นเอง.
    ถ้าว่าโลกอื่นเกิดมีขึ้นมาจริงๆแล้ว การถือเอาซึ่งความสำเร็จทั้งสองฝ่าย
    ย่อมมีแก่บุรุษผู้เจริญนั้น กล่าวคือ ในทิฏฐิธรรมนี้ก็เป็นผู้อันวิญญูชนสรรเสริญ
    และหลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกายก็เข้าถึง #สุคติโลกสวรรค์.
    นี่แหละคืออปัณณกธรรม (ธรรมอันผิดไม่ได้) นี้ ที่บุคคลนี้ถือเอาถูกโดยสิ้นเชิง
    ย่อมแผ่ไป โดยส่วนทั้งสอง ตั้งอยู่อย่างลิดรอนซึ่งรากฐานแห่งอกุศล.-

    ------‐
    **ขยายความโดยสูตรอื่นอีก**
    (ทิฏฐิแห่งพระบาลีนี้ ยังเป็นประเภท โลกิยสัมมาทิฏฐิ คือยังมีอาสวะ
    มีความยึดมั่นว่าสัตว์ว่าบุคคล มีความดีความชั่ว มีนรกสวรรค์ เป็นต้น ซึ่งแบ่งได้เป็นสองฝ่าย.
    --เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ในลักษณะที่เป็นทิฏฐิ คือเป็นเพียงความเห็น ไม่มีประจักษ์พยานที่เป็นวัตถุสิ่งของมาแสดงให้เห็นชัดได้ ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องสร้างทิฏฐิขึ้นมาในลักษณะที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขโดยส่วนเดียว.
    ตัวอย่างปัญหาเกิดขึ้นมาว่า โลกอื่นมี หรือไม่มี เราจะต้องถือเอาข้างฝ่ายทิฏฐิที่ทำให้เกิดประโยชน์โดยส่วนเดียว ซึ่งในที่นี้ได้แก่ทิฏฐิที่ถือว่าโลกอื่นมี ซึ่งเป็นเหตุให้ขวนขวายบำเพ็ญประโยชน์อันเป็นไปเพื่อโลกอื่น และได้รับประโยชน์สุขในโลกอื่น;
    ถ้าเผอิญโลกอื่นไม่มี ตนก็ไม่เสียประโยชน์อะไร การกระทำเพื่อประโยชน์โลกอื่นก็ไม่เสียเปล่า คือเป็นความดีที่ได้รับการสรรเสริญจากวิญญูชนในโลกนี้ และได้รับประโยชน์สุขในโลกนี้อย่างเต็มที่.
    ดังนั้นจึงสรุปว่า การมีทิฏฐิว่าโลกอื่นมี ย่อมถือเอาได้ซึ่งประโยชน์โดยส่วนสอง คือแม้โลกอื่นจะไม่มีก็ยังได้รับประโยชน์ ยิ่งโลกอื่นมีก็ยิ่งได้รับประโยชน์จึง เรียกทิฏฐิชนิดนี้ว่าเป็นอปัณณกธรรม คือธรรมที่ผิดไม่ได้ทั้งสองฝ่าย เป็นสัมมาทิฏฐิที่ตัดปัญหาออกไปเสียได้โดยประการทั้งปวง ในเมื่อเกิดปัญหาที่แย้งกันอย่างตรงข้ามเป็นสองฝ่าย ดังที่กล่าวไว้ในพระบาลีนี้. เราจึงถือว่า สัมมาทิฏฐิ ชนิดนี้ระงับผลร้ายเสียได้ในเมื่อเกิดการขัดแย้งในระหว่างลัทธิ.
    --ในความขัดแย้งระหว่างทิฏฐิคู่อื่นๆ เช่นทิฏฐิว่า
    การกระทำไม่ชื่อว่าเป็นอันกระทำหรือการกระทำชื่อว่าเป็นอันกระทำ
    (ทำบุญทำบาปไม่ชื่อว่าเป็นอันกระทำ หรือทำบุญทำบาปชื่อว่าเป็นอันกระทำ)
    เกิดเป็นปัญหาขัดแย้งกันขึ้นมาแล้ว พึงเลือกถือเอาทิฏฐิข้างฝ่ายที่จะผิดไม่ได้อีกอย่างเดียวกัน คือทิฏฐิที่ว่า การกระทำชื่อว่าเป็นอันกระทำและเลือกกระทำแต่ฝ่ายข้างดี;
    แม้สมมุติว่าการกระทำนั้นจะไม่เป็นการกระทำ เขาก็ยังได้รับผลของการกระทำ
    คือเป็นที่สรรเสริญแห่งวิญญูชน และผู้นั้นก็ได้รับประโยชน์สุขอยู่นั่นเอง.
    นี้เป็น สัมมาทิฏฐิที่ควรมี หรือถือเป็นหลักในเมื่อเกิดการขัดแย้งขึ้นเกี่ยวกับลัทธิที่ต่างกันชนิดหนึ่ง.
    ---- ม. ม. ๑๓/๑๐๕-๑๑๐ /๑๑๐-๑๑๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/13/105/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%90

    --สำหรับทิฏฐิที่ว่ามีเหตุหรือไม่มีเหตุแห่งความเศร้าหมองหรือความบริสุทธิ์ของสัตว์ นั้น
    ก็มีหลักเกณฑ์ทำนองเดียวกัน คือถ้า ถือว่า มีเหตุ ก็จะเป็นความปลอดภัยกว่าการถือว่าไม่มีเหตุ.
    ผู้ที่ถือว่ามีเหตุ ย่อมกระทำการกระทำที่เป็นการสร้างเหตุดีเว้นเหตุชั่ว;
    สมมุติว่าสิ่งทั้งหลายจะเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุขึ้นมา การกระทำของเขาก็ยังเป็นความดีทั้งสองสถาน คือวิญญูชนสรรเสริญ และเขาก็ได้รับผลดีแห่งการกระทำของเขา
    คือเป็นสุขทั้งโลกนี้และโลกอื่น. แม้นี้ก็คือ สัมมาทิฏฐิที่ควรสร้างขึ้น
    เมื่อมีการขัดแย้งระหว่างลัทธิ ด้วยเหมือนกัน.
    - ม. ม. ๑๓/๑๑๑-๑๑๕/๑๑๕-๑๑๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/13/111/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%95

    --สำหรับทิฏฐิที่ว่า อารุปปธรรม (คุณสมบัติที่เป็นสภาวะไม่มีรูป) เป็นสิ่งที่ มีอยู่หรือไม่ได้มีอยู่ นั้น ิญญูชนจะเลือกถือเอาข้างที่ว่า มีอยู่ และปฏิบัติเพื่อให้ได้ซึ่งคุณธรรมประเภทที่--ไม่มีรูปนั้น เขาก็จะได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ; คือสมมุติว่าถ้าอารุปปธรรมเป็นสิ่งที่มิได้มีอยู่ เขาก็ยังได้รับประโยชน์ที่รองลงมา คือ รุปปธรรม (คุณสมบัติหรือคุณค่าที่มีรูป). ถ้าหากว่าอารุปปธรรมมีจริง เขาก็จะได้รับคุณค่าหรือประโยชน์ชั้นที่เป็นอารุปปธรรมนั้นตามความมุ่งหมาย. ดังนั้น การที่ถือว่า อารุปปธรรมเป็นสิ่งที่มีอยู่นั้น จัดเป็นสัมมาทิฏฐิที่ไม่อาจจะผิดได้ ในเมื่อเกิดการขัดแย้งกันขึ้นในระหว่างลัทธิ. อนึ่ง ถ้าอธิบายตามแบบเก่าๆ อย่างในอรรถกถา ก็คือให้ถือว่า อรูปพรหมมีอยู่ แล้วปฏิบัติเพื่ออรูปพรหมนั้น ถ้าสมมุติว่าอรูปพรหมไม่มี ก็ยังได้รับผลเป็นรูปพรหมที่รองลงมา แต่ถ้าอรูปพรหมมีก็จะได้รับผลเต็มตามความหมายของอรูปพรหม จึงถือว่าเป็นทิฏฐิที่ถูกต้อง. อีกอย่างหนึ่ง ถ้ากล่าวสำหรับผู้มีการศึกษาแห่งยุคปัจจุบัน ก็ต้องกล่าวว่า คุณค่าหรือคุณสมบัติชนิดที่ไม่ต้องมีสภาวะเป็นรูปธรรม (คือไม่เป็นวัตถุนิยม) นั้นก็มีอยู่และมีผลเป็นความสะดวกกว่า สบายกว่าเป็นสุขสงบกว่า ประเสริฐกว่า เพราะไม่ต้องมีการกระทบกระทั่งฝ่ายรูปธรรม เช่นการทะเลาะวิวาทหรือป่วยไข้ทางร่างกายเป็นต้น.
    - ม. ม. ๑๓/๑๑๕/๑๒๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/13/115/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%90

    --สำหรับทิฏฐิว่า ความดับแห่งภพโดยประการทั้งปวง เป็นสิ่งที่มีอยู่หรือไม่มี นั้น วิญญูชนจะถือเอาข้างฝ่ายที่ถือว่า มีความดับแห่งภพ แล้วก็ปฏิบัติเพื่อความดับแห่งภพ เขาก็จะได้รับผลเป็นปรินิพพานในทิฏฐธรรมนี้; ส่วนพวกที่ถือว่า ความดับแห่งภพโดยประการทั้งปวงไม่มีนั้น เขาก็จะไปติดตันตายด้านอยู่เพียงแค่อรูปภพอันเป็นภพสูงสุด. ดังนั้น การถือว่า ความดับแห่งภพโดยประการทั้งปวงมีอยู่ นั้นเป็นสัมมาทิฏฐิที่ไม่มีทางจะผิดได้ ในเมื่อมีการมีการทุ่มเถียงขัดแย้ง กันระหว่างลัทธิ.
    - ม.ม ๑๓/๑๑๗/๑๒๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/13/117/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91

    --สรุปความว่า
    ปัญหาทางลัทธินั้น คือปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นตัว หรือได้ยินเสียงโดยตรง จนถึงกับเรากล่าวว่ามันเป็นอย่างไรๆได้ ดังนั้น จึงต้องตั้งขึ้นเป็นลัทธิชนิดที่เป็นสัมมาทิฏฐิ คือทำให้ได้รับประโยชน์โดยส่วนเดียวเกี่ยวกับสิ่งที่เขามองไม่เห็นหรือฟังเสียงโดยตรงไม่ได้นั้นๆ เราจึงต้องจัดทำหรือต้องมีอย่างถูกต้องชนิดผิดไม่ได้ ดังที่กล่าวไว้ในหัวข้อธรรมะเหล่านี้
    ).
    **
    #สัมมาทิฏฐิ
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ม.ม. 13/81 - 85/104 - 109.
    http://etipitaka.com/read/thai/13/81/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ม.ม. ๑๓/๑๐๑ - ๑๐๕/๑๐๔ - ๑๐๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/13/101/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=739
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56&id=739
    ลำดับสาธยายธรรม : 56 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_56.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิเมื่อมีปัญหาระหว่างลัทธิ สัทธรรมลำดับที่ : 739 ชื่อบทธรรม :- การทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิเมื่อมีปัญหาระหว่างลัทธิ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=739 เนื้อความทั้งหมด :- --การทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิเมื่อมีปัญหาระหว่างลัทธิ (นัตถิก - อัตถิกวาท, อกิริย - กิริยวาท, อเหตุก - เหตุกวาท, อารุปปวาท, ภวนิโรธวาท) (พราหมณ์และคหบดีชาวบ้านชาวสาเลยยกะ ได้ยินเสียงเล่าลือว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์ รู้แจ้งโลกทั้งปวง แสดงธรรมงดงามบริบูรณ์ ประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์ ก็พากันไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เสด็จมาถึงหมู่บ้านนี้แล้ว จนถึงที่ประทับ. บางพวกแสดงความเคารพ บางพวกไม่แสดงความเคารพ นั่งอยู่. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสแก่ชาวบ้านสาเลยยกะเหล่านั้น ว่า :- ) --คหบดี ท. ! มีอยู่ไหม ศาสดาไรๆ ซึ่งเป็นที่พอใจของท่าน จนถึงกับท่านปลงสัทธาไปแล้วอย่างมีเหตุผล ? “ยังไม่มี พระเจ้าข้า !” --คหบดี ท. ! สำหรับพวกท่านที่ยังไม่มีศาสดาอันเป็นที่พอใจ ธรรมะอันผิดไม่ได้ (อปัณณกธรรม) นี้ มีอยู่ สำหรับพวกท่านสมาทานแล้วปฏิบัติ. --คหบดี ท. ! ธรรมะอันผิดไม่ได้นั้น เมื่อท่านสมาทานเต็มเปี่ยมแล้ว จักเป็นไปเพื่อหิตสุขแก่พวกท่านตลอดกาลนาน. --คหบดี ท. ! ธรรมะอันผิดไม่ได้นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? --คหบดี ท. ! มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะมีทิฏฐิอย่างนี้ว่า “ทานที่ให้แล้ว ไม่มี (ผล), ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มี (ผล), การบูชาที่บูชาแล้ว ไม่มี (ผล), ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่ว ไม่มี, โลกนี้ ไม่มี, โลกอื่น ไม่มี, มารดา ไม่มี, บิดา ไม่มี, โอปปาติกะสัตว์ ไม่มี, สมณพราหมณ์ที่ไปแล้วปฏิบัติแล้วโดยชอบ ถึงกับกระทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาโดยชอบเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็ไม่มี” ดังนี้. --คหบดี ท. ! ยังมีสมณพราหมณ์อีกพวกหนึ่ง ซึ่งมีวาทะเป็นข้าศึก โดยตรงต่อสมณพราหมณ์เหล่านั้น กล่าวอยู่อย่างนี้ว่า “ทานที่ให้แล้ว มี (ผล), ยัญที่บูชาแล้ว มี (ผล) , การบูชาที่บูชาแล้ว มี (ผล) , ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่ว มี, โลกนี้ มี, โลกอื่น มี, มารดา มี, บิดา มี, โอปปาติกะสัตว์ มี, สมณพราหมณ์ที่ไปแล้วปฏิบัติแล้วโดยชอบ ถึงกับกระทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น โดยปัญญาโดยชอบเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็มี” ดังนี้. --คหบดี ท. ! ท่านจะสำคัญข้อความนี้อย่างไร : สมณพราหมณ์สองพวกนี้ เป็นผู้มีวาทะเป็นข้าศึกโดยตรงต่อกันและกัน มิใช่หรือ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --คหบดี ท. ! ในบรรดาสมณพราหมณ์ทั้งสองพวกนั้น สมณพราหมณ์ พวกใดมีวาทะมีทิฏฐิว่า “ทานที่ให้แล้ว ไม่มี, ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มี, ...ฯลฯ... ผู้ทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็ไม่มี” ดังนี้นั้น พวกเขาพึงหวังได้ในข้อนี้ คือ เลิก ละกุศลธรรม สามประการนี้ กล่าวคือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต เสีย แล้วสมาทานประพฤติ อกุศลธรรม สามประการ กล่าวคือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เป็นแน่นอน. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่า สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น ไม่มองเห็นโทษอันต่ำทรามเศร้าหมองของ อกุศลธรรม และไม่มองเห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะอันเป็นธรรมขาวผ่องฝ่ายกุศลธรรมทั้งหลาย เสียเลย. ทิฏฐิของเขา ต่อโลกอื่นซึ่งมีอยู่แท้ ๆ กลับไปเห็นเสียว่าโลกอื่นไม่มี ทิฏฐินั้นของเขา จึงเป็น มิจฉาทิฏฐิ โลกอื่นซึ่งมีอยู่แท้ ๆ เขาดำริไปว่า โลกอื่นไม่มี ความดำรินั้นของเขาจึงเป็น มิจฉาสังกัปปะ. เขากล่าวซึ่งโลกอื่นอันมีอยู่แท้ ๆ ว่าโลกอื่นไม่มี วาจานั้นของเขา จึงเป็น มิจฉาวาจา. เขากล่าวซึ่งโลกอื่นอันมีอยู่แท้ ๆ ว่าโลกอื่นไม่มี เช่นนี้ชื่อว่าเขาทำตนเป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลกอื่น. โลกอื่นมีอยู่แท้ ๆ เขาทำให้ผู้อื่นสำคัญว่าโลกอื่นไม่มี การกระทำของเขานั้น จึงเป็น #อสัทธัมมสัญญัตติ์ (ทำให้ผู้อื่นหมายมั่นใน อสัทธรรม) และด้วยอสัทธัมมสัญญัตติ์ของเขานั่นเอง เขายกตนข่มผู้อื่น. ด้วยการกระทำอย่างนี้ ชื่อว่า เขาละปกติภาวะอันดีงามในกาลก่อนของเขาเสีย มาตั้งอยู่ในปกติภาวะอันเลวทราม คือมิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสังกัปปะ มิจฉาวาจา ความเป็นข้าศึกต่อพระอริยเจ้า อสัทธัมมสัญญัตติ์ การยกตน และการข่มผู้อื่น. ด้วยอาการอย่างนี้ อกุศลธรรมอันลามกเป็นอเนกเหล่านั้น ย่อมเกิดแก่เขา เพราะมีมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัย. --คหบดี ท. ! ในบรรดาทิฏฐิทั้งสองอย่างนั้น บุรุษผู้วิญญูชน ย่อม ใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า ถ้าโลกอื่นไม่มี บุรุษผู้เจริญ (ผู้ถืออยู่ว่าโลกอื่นไม่มี) นี้หลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกาย จักทำความสวัสดีให้แก่ตนได้ เพราะเหตุนั้น ก็จริงอยู่ ; +‐-แต่ถ้าโลกอื่นไม่มี บุรุษผู้เจริญนี้ หลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกาย จักเข้าถึง อบายทุคติวินิบาตนรก เพราะเหตุนั้น เป็นแน่แท้. +--เอาละ เป็นอันว่าโลกอื่นก็อย่ามี คำจริงของสมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น ก็ไม่ต้องเอามากล่าวอ้าง ; ถึงกระนั้น บุรุษผู้เจริญนั้น ก็ยังจะถูกวิญญูชนติเตียนในทิฏฐิธรรมนี้แหละ ว่าเป็นคน ทุศีล เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็น #นัตถิกวาท ดังนี้อยู่นั่นเอง. +--ถ้าว่าโลกอื่นเกิดมีขึ้นมาจริงๆแล้ว การได้รับกระลี*--๑ ทั้งสองฝ่าย ย่อมมีแก่บุรุษผู้เจริญนั้น กล่าวคือ ในทิฏฐิธรรมนี้ก็ถูกวิญญูชนติเตียน และหลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกาย ก็เข้าถึง #อบายทุคติวินิบาตนรก. นี่แหละ คือ อปัณณกธรรม (ธรรมอันผิดไม่ได้) นี้ ที่ทุกคนนี้ถือเอาผิดโดยสิ้นเชิงย่อมแผ่ไป โดยท่าเดียว ตั้งอยู่อย่างลิดรอนซึ่งรากฐานแห่งกุศล ----- *--๑. คำว่า กระลี (ในบทว่า กลิคฺคาโห) เป็นคำที่แปลเป็นไทยได้ยาก หมายถึงความชั่วร้ายที่มาจากผีชนิดหนึ่ง ในที่นี้ จึงแปลทับศัพท์ว่า “กระลี“ ซึ่งแม้จะแปลว่า ความชั่ว ความเลว ความพ่ายแพ้ ฯลฯ ก็ไม่มีความหมายเต็มตามความหมายเดิมของคำคำนี้. ---‐- --คหบดี ท. ! ในบรรดาสมณพราหมณ์ทั้งสองพวกนั้น สมณพราหมณ์พวกใด มีวาทะมีทิฏฐิอย่างนี้ว่า “ทานที่ให้แล้ว มี(ผล), ยัญที่บูชาแล้ว มี(ผล), ... ฯลฯ ... ผู้ทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็มี” ดังนี้นั้น พวกเขาพึงหวังได้ในข้อนี้ คือเลิกละอกุศลธรรมสามประการ กล่าวคือกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เสีย แล้วสมาทานประพฤติ กุศลธรรม สามประการ กล่าวคือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต เป็นแน่นอน. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่าสมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น มองเห็นโทษอันต่ำทรามเศร้าหมอง ของ อกุศลธรรม และมองเห็นอานิสงส์ใน เนกขัมมะ อันเป็นธรรมขาวผ่องฝ่ายกุศลธรรมทั้งหลาย. ทิฏฐิของเขา ต่อโลกอื่นซึ่งมีอยู่นั่นเทียว ก็เป็นทิฏฐิที่เห็นว่าโลกอื่นมีอยู่ ทิฏฐินั้นของเขาจึงเป็น สัมมาทิฏฐิ โลกอื่นซึ่งมีอยู่นั่นเทียว เขาก็ดำริว่าโลกอื่นมีอยู่ ความดำรินั้นของเขา จึงเป็น สัมมาสังกัปปะ. เขากล่าวซึ่งโลกอื่นอันมีอยู่นั่นเทียวว่าโลกอื่นมีอยู่ วาจานั้นของเขา จึงเป็น สัมมาวาจา. เขากล่าวซึ่งโลกอื่นอันมีอยู่นั่นเทียว ว่าโลกอื่นมีอยู่ เช่นนี้ ชื่อว่าเขาทำตนไม่เป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลกอื่น. โลกอื่นมีอยู่นั่นเทียว เขาทำให้ผู้อื่นสำคัญว่าโลกอื่นมีอยู่ การกระทำของเขานั้น จึงเป็น สัทธัมมสัญญัตติ์ (ทำให้ผู้อื่นหมายมั่นในสัทธรรม) และด้วยสัทธัมมสัญญัตติ์ของเขานั่นเอง เขาย่อมไม่ยกตนข่มผู้อื่น. ด้วยการกระทำอย่างนี้ ชื่อว่า เขาละปกติภาวะอันเลวทรามในกาลก่อนของเขาเสีย มาตั้งอยู่ในภาวะอันดีงาม คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา ความไม่เป็นข้าศึกต่อพระอริยเจ้า สัทธัมมสัญญัตติ์ การไม่ยกตัว และการไม่ข่มผู้อื่น. ด้วยอาการอย่างนี้ กุศลธรรมอเนกเหล่านั้น ย่อมเกิดแก่เขาเพราะมี สัมมาทิฏฐิ เป็นปัจจัย. --คหบดี ท. ! ในบรรดาทิฏฐิทั้งสองอย่างนั้น บุรุษผู้วิญญูชน ย่อม ใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า ถ้าโลกอื่นมีอยู่ บุรุษผู้เจริญนี้ หลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกาย จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะเหตุนั้น. +--เอาละ เป็นอันว่าโลกอื่นก็อย่ามีกันเลย คำจริงของสมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น ก็ไม่ต้องเอามากล่าวอ้าง; ถึงกระนั้น บุรุษผู้เจริญนั้น +--ก็ยังจะเป็นผู้อันวิญญูชนสรรเสริญในทิฏฐิธรรมนี้แหละ ว่าเป็นคนมีศีล เป็นสัมมาทิฏฐิ เป็น #อัตถิกวาท ดังนี้ อยู่นั่นเอง. ถ้าว่าโลกอื่นเกิดมีขึ้นมาจริงๆแล้ว การถือเอาซึ่งความสำเร็จทั้งสองฝ่าย ย่อมมีแก่บุรุษผู้เจริญนั้น กล่าวคือ ในทิฏฐิธรรมนี้ก็เป็นผู้อันวิญญูชนสรรเสริญ และหลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกายก็เข้าถึง #สุคติโลกสวรรค์. นี่แหละคืออปัณณกธรรม (ธรรมอันผิดไม่ได้) นี้ ที่บุคคลนี้ถือเอาถูกโดยสิ้นเชิง ย่อมแผ่ไป โดยส่วนทั้งสอง ตั้งอยู่อย่างลิดรอนซึ่งรากฐานแห่งอกุศล.- ------‐ **ขยายความโดยสูตรอื่นอีก** (ทิฏฐิแห่งพระบาลีนี้ ยังเป็นประเภท โลกิยสัมมาทิฏฐิ คือยังมีอาสวะ มีความยึดมั่นว่าสัตว์ว่าบุคคล มีความดีความชั่ว มีนรกสวรรค์ เป็นต้น ซึ่งแบ่งได้เป็นสองฝ่าย. --เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ในลักษณะที่เป็นทิฏฐิ คือเป็นเพียงความเห็น ไม่มีประจักษ์พยานที่เป็นวัตถุสิ่งของมาแสดงให้เห็นชัดได้ ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องสร้างทิฏฐิขึ้นมาในลักษณะที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขโดยส่วนเดียว. ตัวอย่างปัญหาเกิดขึ้นมาว่า โลกอื่นมี หรือไม่มี เราจะต้องถือเอาข้างฝ่ายทิฏฐิที่ทำให้เกิดประโยชน์โดยส่วนเดียว ซึ่งในที่นี้ได้แก่ทิฏฐิที่ถือว่าโลกอื่นมี ซึ่งเป็นเหตุให้ขวนขวายบำเพ็ญประโยชน์อันเป็นไปเพื่อโลกอื่น และได้รับประโยชน์สุขในโลกอื่น; ถ้าเผอิญโลกอื่นไม่มี ตนก็ไม่เสียประโยชน์อะไร การกระทำเพื่อประโยชน์โลกอื่นก็ไม่เสียเปล่า คือเป็นความดีที่ได้รับการสรรเสริญจากวิญญูชนในโลกนี้ และได้รับประโยชน์สุขในโลกนี้อย่างเต็มที่. ดังนั้นจึงสรุปว่า การมีทิฏฐิว่าโลกอื่นมี ย่อมถือเอาได้ซึ่งประโยชน์โดยส่วนสอง คือแม้โลกอื่นจะไม่มีก็ยังได้รับประโยชน์ ยิ่งโลกอื่นมีก็ยิ่งได้รับประโยชน์จึง เรียกทิฏฐิชนิดนี้ว่าเป็นอปัณณกธรรม คือธรรมที่ผิดไม่ได้ทั้งสองฝ่าย เป็นสัมมาทิฏฐิที่ตัดปัญหาออกไปเสียได้โดยประการทั้งปวง ในเมื่อเกิดปัญหาที่แย้งกันอย่างตรงข้ามเป็นสองฝ่าย ดังที่กล่าวไว้ในพระบาลีนี้. เราจึงถือว่า สัมมาทิฏฐิ ชนิดนี้ระงับผลร้ายเสียได้ในเมื่อเกิดการขัดแย้งในระหว่างลัทธิ. --ในความขัดแย้งระหว่างทิฏฐิคู่อื่นๆ เช่นทิฏฐิว่า การกระทำไม่ชื่อว่าเป็นอันกระทำหรือการกระทำชื่อว่าเป็นอันกระทำ (ทำบุญทำบาปไม่ชื่อว่าเป็นอันกระทำ หรือทำบุญทำบาปชื่อว่าเป็นอันกระทำ) เกิดเป็นปัญหาขัดแย้งกันขึ้นมาแล้ว พึงเลือกถือเอาทิฏฐิข้างฝ่ายที่จะผิดไม่ได้อีกอย่างเดียวกัน คือทิฏฐิที่ว่า การกระทำชื่อว่าเป็นอันกระทำและเลือกกระทำแต่ฝ่ายข้างดี; แม้สมมุติว่าการกระทำนั้นจะไม่เป็นการกระทำ เขาก็ยังได้รับผลของการกระทำ คือเป็นที่สรรเสริญแห่งวิญญูชน และผู้นั้นก็ได้รับประโยชน์สุขอยู่นั่นเอง. นี้เป็น สัมมาทิฏฐิที่ควรมี หรือถือเป็นหลักในเมื่อเกิดการขัดแย้งขึ้นเกี่ยวกับลัทธิที่ต่างกันชนิดหนึ่ง. ---- ม. ม. ๑๓/๑๐๕-๑๑๐ /๑๑๐-๑๑๔. http://etipitaka.com/read/pali/13/105/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%90 --สำหรับทิฏฐิที่ว่ามีเหตุหรือไม่มีเหตุแห่งความเศร้าหมองหรือความบริสุทธิ์ของสัตว์ นั้น ก็มีหลักเกณฑ์ทำนองเดียวกัน คือถ้า ถือว่า มีเหตุ ก็จะเป็นความปลอดภัยกว่าการถือว่าไม่มีเหตุ. ผู้ที่ถือว่ามีเหตุ ย่อมกระทำการกระทำที่เป็นการสร้างเหตุดีเว้นเหตุชั่ว; สมมุติว่าสิ่งทั้งหลายจะเป็นสิ่งที่ไม่มีเหตุขึ้นมา การกระทำของเขาก็ยังเป็นความดีทั้งสองสถาน คือวิญญูชนสรรเสริญ และเขาก็ได้รับผลดีแห่งการกระทำของเขา คือเป็นสุขทั้งโลกนี้และโลกอื่น. แม้นี้ก็คือ สัมมาทิฏฐิที่ควรสร้างขึ้น เมื่อมีการขัดแย้งระหว่างลัทธิ ด้วยเหมือนกัน. - ม. ม. ๑๓/๑๑๑-๑๑๕/๑๑๕-๑๑๙. http://etipitaka.com/read/pali/13/111/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%91%E0%B9%95 --สำหรับทิฏฐิที่ว่า อารุปปธรรม (คุณสมบัติที่เป็นสภาวะไม่มีรูป) เป็นสิ่งที่ มีอยู่หรือไม่ได้มีอยู่ นั้น ิญญูชนจะเลือกถือเอาข้างที่ว่า มีอยู่ และปฏิบัติเพื่อให้ได้ซึ่งคุณธรรมประเภทที่--ไม่มีรูปนั้น เขาก็จะได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ; คือสมมุติว่าถ้าอารุปปธรรมเป็นสิ่งที่มิได้มีอยู่ เขาก็ยังได้รับประโยชน์ที่รองลงมา คือ รุปปธรรม (คุณสมบัติหรือคุณค่าที่มีรูป). ถ้าหากว่าอารุปปธรรมมีจริง เขาก็จะได้รับคุณค่าหรือประโยชน์ชั้นที่เป็นอารุปปธรรมนั้นตามความมุ่งหมาย. ดังนั้น การที่ถือว่า อารุปปธรรมเป็นสิ่งที่มีอยู่นั้น จัดเป็นสัมมาทิฏฐิที่ไม่อาจจะผิดได้ ในเมื่อเกิดการขัดแย้งกันขึ้นในระหว่างลัทธิ. อนึ่ง ถ้าอธิบายตามแบบเก่าๆ อย่างในอรรถกถา ก็คือให้ถือว่า อรูปพรหมมีอยู่ แล้วปฏิบัติเพื่ออรูปพรหมนั้น ถ้าสมมุติว่าอรูปพรหมไม่มี ก็ยังได้รับผลเป็นรูปพรหมที่รองลงมา แต่ถ้าอรูปพรหมมีก็จะได้รับผลเต็มตามความหมายของอรูปพรหม จึงถือว่าเป็นทิฏฐิที่ถูกต้อง. อีกอย่างหนึ่ง ถ้ากล่าวสำหรับผู้มีการศึกษาแห่งยุคปัจจุบัน ก็ต้องกล่าวว่า คุณค่าหรือคุณสมบัติชนิดที่ไม่ต้องมีสภาวะเป็นรูปธรรม (คือไม่เป็นวัตถุนิยม) นั้นก็มีอยู่และมีผลเป็นความสะดวกกว่า สบายกว่าเป็นสุขสงบกว่า ประเสริฐกว่า เพราะไม่ต้องมีการกระทบกระทั่งฝ่ายรูปธรรม เช่นการทะเลาะวิวาทหรือป่วยไข้ทางร่างกายเป็นต้น. - ม. ม. ๑๓/๑๑๕/๑๒๐. http://etipitaka.com/read/pali/13/115/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%90 --สำหรับทิฏฐิว่า ความดับแห่งภพโดยประการทั้งปวง เป็นสิ่งที่มีอยู่หรือไม่มี นั้น วิญญูชนจะถือเอาข้างฝ่ายที่ถือว่า มีความดับแห่งภพ แล้วก็ปฏิบัติเพื่อความดับแห่งภพ เขาก็จะได้รับผลเป็นปรินิพพานในทิฏฐธรรมนี้; ส่วนพวกที่ถือว่า ความดับแห่งภพโดยประการทั้งปวงไม่มีนั้น เขาก็จะไปติดตันตายด้านอยู่เพียงแค่อรูปภพอันเป็นภพสูงสุด. ดังนั้น การถือว่า ความดับแห่งภพโดยประการทั้งปวงมีอยู่ นั้นเป็นสัมมาทิฏฐิที่ไม่มีทางจะผิดได้ ในเมื่อมีการมีการทุ่มเถียงขัดแย้ง กันระหว่างลัทธิ. - ม.ม ๑๓/๑๑๗/๑๒๑. http://etipitaka.com/read/pali/13/117/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%91 --สรุปความว่า ปัญหาทางลัทธินั้น คือปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นตัว หรือได้ยินเสียงโดยตรง จนถึงกับเรากล่าวว่ามันเป็นอย่างไรๆได้ ดังนั้น จึงต้องตั้งขึ้นเป็นลัทธิชนิดที่เป็นสัมมาทิฏฐิ คือทำให้ได้รับประโยชน์โดยส่วนเดียวเกี่ยวกับสิ่งที่เขามองไม่เห็นหรือฟังเสียงโดยตรงไม่ได้นั้นๆ เราจึงต้องจัดทำหรือต้องมีอย่างถูกต้องชนิดผิดไม่ได้ ดังที่กล่าวไว้ในหัวข้อธรรมะเหล่านี้ ). ** #สัมมาทิฏฐิ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ม.ม. 13/81 - 85/104 - 109. http://etipitaka.com/read/thai/13/81/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ม.ม. ๑๓/๑๐๑ - ๑๐๕/๑๐๔ - ๑๐๙. http://etipitaka.com/read/pali/13/101/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=739 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=56&id=739 ลำดับสาธยายธรรม : 56 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_56.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - การทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิเมื่อมีปัญหาระหว่างลัทธิ
    -การทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิเมื่อมีปัญหาระหว่างลัทธิ (นัตถิก - อัตถิกวาท, อกิริย - กิริยวาท, อเหตุก - เหตุกวาท, อารุปปวาท, ภวนิโรธวาท) (พราหมณ์และคหบดีชาวบ้านชาวสาเลยยกะ ได้ยินเสียงเล่าลือว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์ รู้แจ้งโลกทั้งปวง แสดงธรรมงดงามบริบูรณ์ ประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์ ก็พากันไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เสด็จมาถึงหมู่บ้านนี้แล้ว จนถึงที่ประทับ. บางพวกแสดงความเคารพ บางพวกไม่แสดงความเคารพ นั่งอยู่. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสแก่ชาวบ้านสาเลยยกะเหล่านั้น ว่า :- ) คหบดี ท. ! มีอยู่ไหม ศาสดาไรๆ ซึ่งเป็นที่พอใจของท่าน จนถึงกับท่านปลงสัทธาไปแล้วอย่างมีเหตุผล ? “ยังไม่มี พระเจ้าข้า !” คหบดี ท. ! สำหรับพวกท่านที่ยังไม่มีศาสดาอันเป็นที่พอใจ ธรรมะอันผิดไม่ได้ (อปัณณกธรรม) นี้ มีอยู่ สำหรับพวกท่านสมาทานแล้วปฏิบัติ. คหบดี ท. ! ธรรมะอันผิดไม่ได้นั้น เมื่อท่านสมาทานเต็มเปี่ยมแล้ว จักเป็นไปเพื่อหิตสุขแก่พวกท่านตลอดกาลนาน. คหบดี ท.! ธรรมะอันผิดไม่ได้นั้น เป็นอย่างไรเล่า ? คหบดี ท. ! มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะมีทิฏฐิอย่างนี้ว่า “ทานที่ให้แล้ว ไม่มี (ผล), ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มี (ผล), การบูชาที่บูชาแล้ว ไม่มี (ผล), ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่ว ไม่มี, โลกนี้ ไม่มี, โลกอื่น ไม่มี, มารดา ไม่มี, บิดา ไม่มี, โอปปาติกะสัตว์ ไม่มี, สมณพราหมณ์ที่ไปแล้วปฏิบัติแล้วโดยชอบ ถึงกับกระทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาโดยชอบเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็ไม่มี” ดังนี้. คหบดี ท. ! ยังมีสมณพราหมณ์อีกพวกหนึ่ง ซึ่งมีวาทะเป็นข้าศึก โดยตรงต่อสมณพราหมณ์เหล่านั้น กล่าวอยู่อย่างนี้ว่า “ทานที่ให้แล้ว มี (ผล), ยัญที่บูชาแล้ว มี (ผล) , การบูชาที่บูชาแล้ว มี (ผล) , ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่ว มี, โลกนี้ มี, โลกอื่น มี, มารดา มี, บิดา มี, โอปปาติกะสัตว์ มี, สมณพราหมณ์ที่ไปแล้วปฏิบัติแล้วโดยชอบ ถึงกับกระทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น โดยปัญญาโดยชอบเอง แล้วประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็มี” ดังนี้. คหบดี ท. ! ท่านจะสำคัญข้อความนี้อย่างไร : สมณพราหมณ์สองพวกนี้ เป็นผู้มีวาทะเป็นข้าศึกโดยตรงต่อกันและกัน มิใช่หรือ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” คหบดี ท. ! ในบรรดาสมณพราหมณ์ทั้งสองพวกนั้น สมณพราหมณ์ พวกใดมีวาทะมีทิฏฐิว่า “ทานที่ให้แล้ว ไม่มี, ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มี, ...ฯลฯ... ผู้ทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็ไม่มี” ดังนี้นั้น พวกเขาพึงหวังได้ในข้อนี้ คือเลิกละกุศลธรรมสามประการนี้ กล่าวคือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต เสีย แล้วสมาทานประพฤติอกุศลธรรมสามประการ กล่าวคือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เป็นแน่นอน. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่า สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น ไม่มองเห็นโทษอันต่ำทรามเศร้าหมองของอกุศลธรรม และไม่มองเห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะอันเป็นธรรมขาวผ่องฝ่ายกุศลธรรมทั้งหลาย เสียเลย. ทิฏฐิของเขา ต่อโลกอื่นซึ่งมีอยู่แท้ ๆ กลับไปเห็นเสียว่าโลกอื่นไม่มี ทิฏฐินั้นของเขาจึงเป็นมิจฉาทิฏฐิ โลกอื่นซึ่งมีอยู่แท้ ๆ เขาดำริไปว่า โลกอื่นไม่มี ความดำรินั้นของเขาจึงเป็นมิจฉาสังกัปปะ. เขากล่าวซึ่งโลกอื่นอันมีอยู่แท้ ๆ ว่าโลกอื่นไม่มี วาจานั้นของเขา จึงเป็นมิจฉาวาจา. เขากล่าวซึ่งโลกอื่นอันมีอยู่แท้ ๆ ว่าโลก อื่นไม่มี เช่นนี้ชื่อว่าเขาทำตนเป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลกอื่น. โลกอื่นมีอยู่แท้ ๆ เขาทำให้ผู้อื่นสำคัญว่าโลกอื่นไม่มี การกระทำของเขานั้น จึงเป็นอสัทธัมมสัญญัตติ์ (ทำให้ผู้อื่นหมายมั่นในอสัทธรรม) และด้วยอสัทธัมมสัญญัตติ์ของเขานั่นเอง เขายกตนข่มผู้อื่น. ด้วยการกระทำอย่างนี้ ชื่อว่า เขาละปกติภาวะอันดีงามในกาลก่อนของเขาเสีย มาตั้งอยู่ในปกติภาวะอันเลวทราม คือมิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสังกัปปะ มิจฉาวาจา ความเป็นข้าศึกต่อพระอริยเจ้า อสัทธัมมสัญญัตติ์ การยกตน และการข่มผู้อื่น. ด้วยอาการอย่างนี้ อกุศลธรรมอันลามกเป็นอเนกเหล่านั้น ย่อมเกิดแก่เขา เพราะมีมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัย. คหบดี ท. ! ในบรรดาทิฏฐิทั้งสองอย่างนั้น บุรุษผู้วิญญูชน ย่อม ใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า ถ้าโลกอื่นไม่มี บุรุษผู้เจริญ (ผู้ถืออยู่ว่าโลกอื่นไม่มี) นี้หลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกาย จักทำความสวัสดีให้แก่ตนได้ เพราะเหตุนั้น ก็จริงอยู่ ; แต่ถ้าโลกอื่นไม่มี บุรุษผู้เจริญนี้ หลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกาย จักเข้าถึงอบายทุคติวินิบาตนรก เพราะเหตุนั้น เป็นแน่แท้. เอาละ เป็นอันว่าโลกอื่นก็อย่ามี คำจริงของสมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น ก็ไม่ต้องเอามากล่าวอ้าง ; ถึงกระนั้น บุรุษผู้เจริญนั้น ก็ยังจะถูกวิญญูชนติเตียนในทิฏฐิธรรมนี้แหละ ว่าเป็นคนทุศีล เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็น นัตถิกวาท ดังนี้อยู่นั่นเอง. ถ้าว่าโลกอื่นเกิดมีขึ้นมาจริงๆแล้ว การได้รับกระลี๑ ทั้งสองฝ่าย ย่อมมีแก่บุรุษผู้เจริญนั้น กล่าวคือ ในทิฏฐิธรรมนี้ก็ถูกวิญญูชนติเตียน และหลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกาย ก็เข้าถึงอบายทุคติวินิบาตนรก. ๑. คำว่า กระลี (ในบทว่า กลิคฺคาโห) เป็นคำที่แปลเป็นไทยได้ยาก หมายถึงความชั่วร้ายที่มาจากผีชนิดหนึ่ง ในที่นี้ จึงแปลทับศัพท์ว่า “กระลี“ ซึ่งแม้จะแปลว่า ความชั่ว ความเลว ความพ่ายแพ้ ฯลฯ ก็ไม่มีความหมายเต็มตามความหมายเดิมของคำคำนี้. นี่แหละ คืออปัณณกธรรม (ธรรมอันผิดไม่ได้) นี้ ที่ทุกคนนี้ถือเอาผิดโดยสิ้นเชิงย่อมแผ่ไป โดยท่าเดียว ตั้งอยู่อย่างลิดรอนซึ่งรากฐานแห่งกุศล. คหบดี ท. ! ในบรรดาสมณพราหมณ์ทั้งสองพวกนั้น สมณพราหมณ์พวกใด มีวาทะมีทิฏฐิอย่างนี้ว่า “ทานที่ให้แล้ว มี(ผล), ยัญที่บูชาแล้ว มี(ผล), ... ฯลฯ ... ผู้ทำให้แจ้งโลกนี้และโลกอื่น ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้ผู้อื่นรู้ ก็มี” ดังนี้นั้น พวกเขาพึงหวังได้ในข้อนี้ คือเลิกละอกุศลธรรมสามประการ กล่าวคือกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เสีย แล้วสมาทานประพฤติกุศลธรรมสามประการ กล่าวคือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต เป็นแน่นอน. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่าสมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น มองเห็นโทษอันต่ำทรามเศร้าหมอง ของอกุศลธรรม และมองเห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะ อันเป็นธรรมขาวผ่องฝ่ายกุศลธรรมทั้งหลาย. ทิฏฐิของเขา ต่อโลกอื่นซึ่งมีอยู่นั่นเทียว ก็เป็นทิฏฐิที่เห็นว่าโลกอื่นมีอยู่ ทิฏฐินั้นของเขาจึงเป็นสัมมาทิฏฐิ โลกอื่นซึ่งมีอยู่นั่นเทียว เขาก็ดำริว่าโลกอื่นมีอยู่ ความดำรินั้นของเขา จึงเป็นสัมมาสังกัปปะ. เขากล่าวซึ่งโลกอื่นอันมีอยู่นั่นเทียวว่าโลกอื่นมีอยู่ วาจานั้นของเขา จึงเป็นสัมมาวาจา. เขากล่าวซึ่งโลกอื่นอันมีอยู่นั่นเทียว ว่าโลกอื่นมีอยู่ เช่นนี้ชื่อว่าเขาทำตนไม่เป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ทั้งหลายผู้รู้แจ้งโลกอื่น. โลกอื่นมีอยู่นั่นเทียว เขาทำให้ผู้อื่นสำคัญว่าโลกอื่นมีอยู่ การกระทำของเขานั้น จึงเป็น สัทธัมมสัญญัตติ์ (ทำให้ผู้อื่นหมายมั่นในสัทธรรม) และด้วยสัทธัมมสัญญัตติ์ของเขานั่นเอง เขาย่อมไม่ยกตนข่มผู้อื่น. ด้วยการกระทำอย่างนี้ ชื่อว่า เขาละปกติภาวะอันเลวทรามในกาลก่อนของเขาเสีย มาตั้งอยู่ในภาวะอันดีงาม คือสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา ความไม่เป็นข้าศึกต่อพระอริยเจ้า สัทธัมมสัญญัตติ์ การไม่ยกตัว และการไม่ข่มผู้อื่น. ด้วย อาการอย่างนี้ กุศลธรรมอเนกเหล่านั้น ย่อมเกิดแก่เขาเพราะมีสัมมาทิฏฐิ เป็นปัจจัย. คหบดี ท. ! ในบรรดาทิฏฐิทั้งสองอย่างนั้น บุรุษผู้วิญญูชน ย่อม ใคร่ครวญเห็นอย่างนี้ว่า ถ้าโลกอื่นมีอยู่ บุรุษผู้เจริญนี้ หลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกาย จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะเหตุนั้น. เอาละ เป็นอันว่าโลกอื่นก็อย่ามีกันเลย คำจริงของสมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้น ก็ไม่ต้องเอามากล่าวอ้าง; ถึงกระนั้น บุรุษผู้เจริญนั้น ก็ยังจะเป็นผู้อันวิญญูชนสรรเสริญในทิฏฐิธรรมนี้แหละ ว่าเป็นคนมีศีล เป็นสัมมาทิฏฐิ เป็น อัตถิกวาท ดังนี้ อยู่นั่นเอง. ถ้าว่าโลกอื่นเกิดมีขึ้นมาจริงๆแล้ว การถือเอาซึ่งความสำเร็จทั้งสองฝ่าย ย่อมมีแก่บุรุษผู้เจริญนั้น กล่าวคือ ในทิฏฐิธรรมนี้ก็เป็นผู้อันวิญญูชนสรรเสริญ และหลังจากการตายเพราะการทำลายแห่งกายก็เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์. นี่แหละคืออปัณณกธรรม (ธรรมอันผิดไม่ได้) นี้ ที่บุคคลนี้ถือเอาถูกโดยสิ้นเชิง ย่อมแผ่ไป โดยส่วนทั้งสอง ตั้งอยู่อย่างลิดรอนซึ่งรากฐานแห่งอกุศล.
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • แกะรอยนักล่า ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (4)
    คุณพี่ Obama น่าจะตัดสินใจแล้ว ดูจากรายงานของคุณครู CRS บวกกับถังสมองยี่ห้อ CSIS (Council for Strategic and International Studies) ที่ออกมาเสนอเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2014 ให้มีการเจรจาและมีนายกคนกลาง เพื่อจะได้เอาสมันน้อยเข้าฉากลุยเซี่ยงไฮ้ด้วยกัน
    แบบนี้คุณพี่ก็ต้องสร้างขบวนการ จัดการบ้านของสมันน้อยให้มั่นคง (Stable) 
อย่างที่คุณพี่ต้องการก่อน หนึ่งในการจัดการให้เกิดความมั่นคงในบ้านสมันน้อย
(ส่วนที่เปิดเผยได้ !) คุณพี่และสมุน ก็กลับลำประกาศหนุนให้มีการเจรจาหลังฉากและเลือกนายกฯ คนกลาง (ที่คุณพี่สนับสนุน !) ซึ่งตอนนี้ กำลังส่งเข้าประกวดกันเพียบ คุณน้านันท์ชื่อยังไม่ตกรอบ คุณพี่ ส ชื่ออีสานตัวมาจากใต้ ก็ยังแรงดี ตอนนี้มีสายอีลีตเก่าใหม่ ส่ง อาจารย์นักวิชาการ เด่นๆ มาเข้ารอบประกวดอีกเป็นกระบุง ดร. ส. ดร. อ. ดร. ป. ฯลฯ แต่เผลอ ๆ คนที่จะเข้าวินจะกลายเป็นคุณพี่ทหารของผมซะก็ไม่รู้
    เมื่อมีนายกฯ คนกลางมาแล้ว จะปฏิรูปจริงไหม จะอยู่นานเท่าไหร่ มีพรายมากระซิบ
บอกว่า เรื่องนายกฯ คนกลาง เขาว่าจะมาอยู่แค่ 6 เดือน พอหอมปากหอมคอ ให้มวลมหาประชาชนหายเหนื่อยหายเครียด ทำให้บ้านเมืองมันสงบนิ่ง ๆ ตามใบสั่งก่อน แล้วก็แก้ไขกฎหมายอะไรนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ให้มีการเลือกตั้ง ใครมาเป็นรัฐบาล เป็น
นายกฯ น่าจะพอเดากันออก ใบสั่งเขามาแบบนั้น เรื่องปฏิรูปก็ค่อย ๆ ทำกันไปไม่ต้องรีบร้อน แบบนี้ ก็เท่ากับมวยล้มต้มคนดู มวลมหาประชาชนจะรับได้หรือ ประเมินผิดไปหน่อยหรือเปล่า
    ถ้าเป็นแบบนี้จริง เรา ๆ ก็ต้องหัดซ้อม ฝึกโวยไว้ อย่าลืม นักล่าก็ปอดแหกเป็น เผยไต๋มาแล้วว่า ถ้ามีความขัดแย้งกัน เขาจะให้เราใช้ฐานทัพเขาหรือ
    เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพยายามกันหน่อย ติดตามความเคลื่อนไหวของนักล่า นักล่ามันมาซ่าในบ้านเราเองทั้งหมดไม่ได้หรอก มันต้องมีมือ มีเท้ารับใช้ในบ้านเรา เราต้องดูให้ออก ตามให้ติด แกะรอยมันบ้าง มันไม่ได้ฉลาดกว่าเรานักหรอก มันต้องคอยถามถังสมอง
มันทุกเรื่อง ถังสมองก็เหมือนหมอดู ถูกบ้างผิดบ้าง แล้วคนไทยน่ะ อ่านง่ายเข้าใจง่ายนักหรือ จนบัดนี้สื่อฝรั่งยังไม่เข้าใจ มวลมหาประชาชนเลย มีชาติไหนบ้าง เวลาจะออกไปประท้วงต้องหอบทั้งวงดนตรี ทั้งโรงครัวไปด้วยแบบเรา มีแต่คนไทยเท่านั้นแหละ ไปถามนาย Michael Yon ที่ตามไปทำข่าวทุกเวทีดูเถิด ขนาดมีเมียไทย ยังเข้าใจแบบงู ๆ ปลา ๆ
    เห็นมาหมาด ๆ เมื่อ 2,3 วันก่อน นสพ.ไทยรัฐวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557 หน้า 3 เขียนบทความพาดหัวว่า “อดัม คาเฮน ส่องวิกฤติการเมืองไทยใกล้จุดวิบาก” บทความสรุปว่า สถานการณ์เร่งให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญและเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปประเทศไทย … … โดยได้มีการแอบจัดทำอย่างเงียบ ๆ มาตั้งแต่ปี 53 โดยเครือข่าย Scenario Thailand และมีการเสวนาด้วย เมื่อปลายปี 56 เขาว่า Scenario Thailand อาจไม่ใช่ทางออกเสียทีเดียว แต่เป็นโครงการนำร่องที่มีศักยภาพ แกนนำ 2 ขั้ว ควรมีการเปิดการเจรจาอย่างลับ ๆ จะเวิร์กกว่ามาถกเถียงต่อหน้าสาธารณะชน…
    นาย Adam Kahane เป็นใคร ประวัติเขาน่าสนใจ เขาเป็นชาวแคนาดา ปริญญา 3,4 ใบ ทางด้านฟิสิกซ์ พฤติกรรมสังคมและการเจรจา เป็นผู้เริ่มโครงการ Mont Fleur Scenario Exercise ให้กับ South Africa เมื่อ Nelson Mandela พยายามให้คนผิวดำกับคนผิวขาวจับมือกันสร้างชาติ สร้างประชาธิปไตย คนอ่านนิทานจะโยงถูกไหมหนอ ว่าคนประวัติแบบนี้ใครจัดส่งมาให้ !?
    วิธีการจำลองเหตุการณ์ หรือ Scenario planning นี้ จริง ๆ แล้ว เป็นวิธีการของ Rand Corporation เป็นทฤษฎีที่ใช้สำหรับด้านการรบของทหาร (หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะจำชื่อ Rand Corporation ได้ ต้นความคิดฐานทัพใบบัว Lily Pad และการรบแบบ Special Force Operation ถ้าจำไม่ได้ช่วยกลับไปอ่านยุทธการกบกระโดดใหม่นะครับ) คนคิดทฤษฎีนี้คือนาย Herman Kahn ของ Rand ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950
    ต่อมานาย Kahn ลาออกจาก Rand Corporation และมาตั้ง Hudson Institute ซึ่งเป็นพวกถังความคิด (think tank) ที่วอชิงตันสนับสนุนให้ดูแลความมั่นคง และส่งเสริมนโยบายสำคัญ ให้กับเอกชนระดับบรรษัท หรือสถาบันข้ามชาติ สำหรับกรณี ที่บรรษัทพวกนี้มีนโยบายหลัก ที่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของอ เมริกา และอาจกระทบกับชุมชน สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจในต่างประเทศ ฯลฯ Hudson Institute ก็จะรับหน้าที่ดูแล แนะนำ วางแผน จัดการ ทดลอง และปฏิบัติการให้บรรลุตามเป้าหมาย ลูกค้าของเขา เช่น Shell, Cargill, Monsanto, Du Port, Dow Chemical, Sandoz, Ciba Geigy คงพอนึกออกนะครับ เช่น บริษัทน้ำมันจะวางท่อผ่านไปบนที่ชาวบ้านหรือแหล่งน้ำ ชาวบ้านประท้วงกัน ทะเลาะกัน หน่วยงานนี้ก็จะมีหน้าที่จัดการให้เรื่องเงียบ หรือบริษัทยาจะทดลองยากับมนุษย์ในโลกที่ 3 หน่วยงานนี้ก็จะจัดให้ พูดไม่อ้อมค้อม หน่วยงานนี้ก็ทำหน้าที่เหมือนพวกเสธ คนดัง ที่รับจ้าง clear เรื่องขัดแย้งทำนองนั้น แต่ไอ้นี่มันเรื่องระดับชาติหรือระดับโลก แต่วิธีการก็ไม่น่าต่างกัน
    นาย Adam Kahane เคยทำงานให้กับบริษัท Dutch Shell เป็นเวลานาน คุ้นเคยกับวิธีการสร้างภาพจำลอง Sceanario workshop/ exercise แบบนี้ ภายหลังเขาร่วมกับพรรคพวกตั้ง Reos Partners รับงานด้านนี้ (หลังจากที่นาย Kahn เสียชีวิต) ท่านผู้อ่านนิทาน พอมองเห็นภาพต่อกันได้หรือยัง เชื่อว่ารายการของนาย Adam Kahane ยังไม่จบง่าย ๆ เพราะผู้ที่นำเขาเข้ามาแสดงใน เมืองไทย ใช้ชื่อว่า Siam Intelligence เป็นถังความคิดคนไทย เป็นหน้าฉากให้ใคร เดี๋ยวก็คงโผล่มาเอง แต่เมื่อตอนเขาจัดงานเสวนา เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2556 เรื่อง Solution Talk “เราจะส่งมอบประเทศไทยแบบไหนให้ลูกหลาน” บรรดาขาใหญ่มาร่วมเป็นเหยื่อกันเพียบ ไปหาชื่ออ่านกันนะครับ
    หน่วยงานประเภท Rand Corporation, Hudson Institution นักล่ามีอยู่ในกระเป๋าเป็นร้อย นักล่ากำลังนั่งหมอบอยู่บนภู ดูจังหวะขม่ำสมันน้อยรอบใหม่ แต่รอบนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเก่า ไม่มีผีคอมมี่มาหลอน คราวก่อนมันรบกันนอกบ้านเรา คราวนี้ถ้าเราเดินหมากผิด มันเท่ากับชักศึกเข้าบ้าน กำลังนั่งเหมอ ๆ สบายอยู่ในบ้าน หันมาอีกทีบ้านอาจโดนถล่มหายไปทั้งแถบ เพราะดันไปยอมให้นักล่า มาสร้างฐานทัพใบบัวเต็มชายฝั่งไว้ให้กบกระโดด เพราะฉะนั้น ต้องมารู้จัก มาตามดู ท่าทีของนักล่ากันบ้าง
นี่มันบ้านเรานะ จะให้มันจะมาเดินกร่าง ชี้นิ้ว สั่งเราทำโน่นทำนี่ได้อย่างไร แล้วมันจะทำทุกอย่างเองไม่ได้ มันต้องเลี่ยงไปใช้ร่างทรง เพราะฉะนั้นต้องทำความรู้จัก พวกสมอง มือ เท้า ร่างทรง ของนักล่าเอาไว้ ยิ่งเป็นพวกมือเท้าร่างทรงไทย แต่ใจเป็นของฝรั่ง อย่าปล่อยให้ลอยนวลครับ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
13 มีค 57
    แกะรอยนักล่า ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (4) คุณพี่ Obama น่าจะตัดสินใจแล้ว ดูจากรายงานของคุณครู CRS บวกกับถังสมองยี่ห้อ CSIS (Council for Strategic and International Studies) ที่ออกมาเสนอเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2014 ให้มีการเจรจาและมีนายกคนกลาง เพื่อจะได้เอาสมันน้อยเข้าฉากลุยเซี่ยงไฮ้ด้วยกัน แบบนี้คุณพี่ก็ต้องสร้างขบวนการ จัดการบ้านของสมันน้อยให้มั่นคง (Stable) 
อย่างที่คุณพี่ต้องการก่อน หนึ่งในการจัดการให้เกิดความมั่นคงในบ้านสมันน้อย
(ส่วนที่เปิดเผยได้ !) คุณพี่และสมุน ก็กลับลำประกาศหนุนให้มีการเจรจาหลังฉากและเลือกนายกฯ คนกลาง (ที่คุณพี่สนับสนุน !) ซึ่งตอนนี้ กำลังส่งเข้าประกวดกันเพียบ คุณน้านันท์ชื่อยังไม่ตกรอบ คุณพี่ ส ชื่ออีสานตัวมาจากใต้ ก็ยังแรงดี ตอนนี้มีสายอีลีตเก่าใหม่ ส่ง อาจารย์นักวิชาการ เด่นๆ มาเข้ารอบประกวดอีกเป็นกระบุง ดร. ส. ดร. อ. ดร. ป. ฯลฯ แต่เผลอ ๆ คนที่จะเข้าวินจะกลายเป็นคุณพี่ทหารของผมซะก็ไม่รู้ เมื่อมีนายกฯ คนกลางมาแล้ว จะปฏิรูปจริงไหม จะอยู่นานเท่าไหร่ มีพรายมากระซิบ
บอกว่า เรื่องนายกฯ คนกลาง เขาว่าจะมาอยู่แค่ 6 เดือน พอหอมปากหอมคอ ให้มวลมหาประชาชนหายเหนื่อยหายเครียด ทำให้บ้านเมืองมันสงบนิ่ง ๆ ตามใบสั่งก่อน แล้วก็แก้ไขกฎหมายอะไรนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ให้มีการเลือกตั้ง ใครมาเป็นรัฐบาล เป็น
นายกฯ น่าจะพอเดากันออก ใบสั่งเขามาแบบนั้น เรื่องปฏิรูปก็ค่อย ๆ ทำกันไปไม่ต้องรีบร้อน แบบนี้ ก็เท่ากับมวยล้มต้มคนดู มวลมหาประชาชนจะรับได้หรือ ประเมินผิดไปหน่อยหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนี้จริง เรา ๆ ก็ต้องหัดซ้อม ฝึกโวยไว้ อย่าลืม นักล่าก็ปอดแหกเป็น เผยไต๋มาแล้วว่า ถ้ามีความขัดแย้งกัน เขาจะให้เราใช้ฐานทัพเขาหรือ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องพยายามกันหน่อย ติดตามความเคลื่อนไหวของนักล่า นักล่ามันมาซ่าในบ้านเราเองทั้งหมดไม่ได้หรอก มันต้องมีมือ มีเท้ารับใช้ในบ้านเรา เราต้องดูให้ออก ตามให้ติด แกะรอยมันบ้าง มันไม่ได้ฉลาดกว่าเรานักหรอก มันต้องคอยถามถังสมอง
มันทุกเรื่อง ถังสมองก็เหมือนหมอดู ถูกบ้างผิดบ้าง แล้วคนไทยน่ะ อ่านง่ายเข้าใจง่ายนักหรือ จนบัดนี้สื่อฝรั่งยังไม่เข้าใจ มวลมหาประชาชนเลย มีชาติไหนบ้าง เวลาจะออกไปประท้วงต้องหอบทั้งวงดนตรี ทั้งโรงครัวไปด้วยแบบเรา มีแต่คนไทยเท่านั้นแหละ ไปถามนาย Michael Yon ที่ตามไปทำข่าวทุกเวทีดูเถิด ขนาดมีเมียไทย ยังเข้าใจแบบงู ๆ ปลา ๆ เห็นมาหมาด ๆ เมื่อ 2,3 วันก่อน นสพ.ไทยรัฐวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557 หน้า 3 เขียนบทความพาดหัวว่า “อดัม คาเฮน ส่องวิกฤติการเมืองไทยใกล้จุดวิบาก” บทความสรุปว่า สถานการณ์เร่งให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญและเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปประเทศไทย … … โดยได้มีการแอบจัดทำอย่างเงียบ ๆ มาตั้งแต่ปี 53 โดยเครือข่าย Scenario Thailand และมีการเสวนาด้วย เมื่อปลายปี 56 เขาว่า Scenario Thailand อาจไม่ใช่ทางออกเสียทีเดียว แต่เป็นโครงการนำร่องที่มีศักยภาพ แกนนำ 2 ขั้ว ควรมีการเปิดการเจรจาอย่างลับ ๆ จะเวิร์กกว่ามาถกเถียงต่อหน้าสาธารณะชน… นาย Adam Kahane เป็นใคร ประวัติเขาน่าสนใจ เขาเป็นชาวแคนาดา ปริญญา 3,4 ใบ ทางด้านฟิสิกซ์ พฤติกรรมสังคมและการเจรจา เป็นผู้เริ่มโครงการ Mont Fleur Scenario Exercise ให้กับ South Africa เมื่อ Nelson Mandela พยายามให้คนผิวดำกับคนผิวขาวจับมือกันสร้างชาติ สร้างประชาธิปไตย คนอ่านนิทานจะโยงถูกไหมหนอ ว่าคนประวัติแบบนี้ใครจัดส่งมาให้ !? วิธีการจำลองเหตุการณ์ หรือ Scenario planning นี้ จริง ๆ แล้ว เป็นวิธีการของ Rand Corporation เป็นทฤษฎีที่ใช้สำหรับด้านการรบของทหาร (หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะจำชื่อ Rand Corporation ได้ ต้นความคิดฐานทัพใบบัว Lily Pad และการรบแบบ Special Force Operation ถ้าจำไม่ได้ช่วยกลับไปอ่านยุทธการกบกระโดดใหม่นะครับ) คนคิดทฤษฎีนี้คือนาย Herman Kahn ของ Rand ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 ต่อมานาย Kahn ลาออกจาก Rand Corporation และมาตั้ง Hudson Institute ซึ่งเป็นพวกถังความคิด (think tank) ที่วอชิงตันสนับสนุนให้ดูแลความมั่นคง และส่งเสริมนโยบายสำคัญ ให้กับเอกชนระดับบรรษัท หรือสถาบันข้ามชาติ สำหรับกรณี ที่บรรษัทพวกนี้มีนโยบายหลัก ที่เกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของอ เมริกา และอาจกระทบกับชุมชน สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจในต่างประเทศ ฯลฯ Hudson Institute ก็จะรับหน้าที่ดูแล แนะนำ วางแผน จัดการ ทดลอง และปฏิบัติการให้บรรลุตามเป้าหมาย ลูกค้าของเขา เช่น Shell, Cargill, Monsanto, Du Port, Dow Chemical, Sandoz, Ciba Geigy คงพอนึกออกนะครับ เช่น บริษัทน้ำมันจะวางท่อผ่านไปบนที่ชาวบ้านหรือแหล่งน้ำ ชาวบ้านประท้วงกัน ทะเลาะกัน หน่วยงานนี้ก็จะมีหน้าที่จัดการให้เรื่องเงียบ หรือบริษัทยาจะทดลองยากับมนุษย์ในโลกที่ 3 หน่วยงานนี้ก็จะจัดให้ พูดไม่อ้อมค้อม หน่วยงานนี้ก็ทำหน้าที่เหมือนพวกเสธ คนดัง ที่รับจ้าง clear เรื่องขัดแย้งทำนองนั้น แต่ไอ้นี่มันเรื่องระดับชาติหรือระดับโลก แต่วิธีการก็ไม่น่าต่างกัน นาย Adam Kahane เคยทำงานให้กับบริษัท Dutch Shell เป็นเวลานาน คุ้นเคยกับวิธีการสร้างภาพจำลอง Sceanario workshop/ exercise แบบนี้ ภายหลังเขาร่วมกับพรรคพวกตั้ง Reos Partners รับงานด้านนี้ (หลังจากที่นาย Kahn เสียชีวิต) ท่านผู้อ่านนิทาน พอมองเห็นภาพต่อกันได้หรือยัง เชื่อว่ารายการของนาย Adam Kahane ยังไม่จบง่าย ๆ เพราะผู้ที่นำเขาเข้ามาแสดงใน เมืองไทย ใช้ชื่อว่า Siam Intelligence เป็นถังความคิดคนไทย เป็นหน้าฉากให้ใคร เดี๋ยวก็คงโผล่มาเอง แต่เมื่อตอนเขาจัดงานเสวนา เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2556 เรื่อง Solution Talk “เราจะส่งมอบประเทศไทยแบบไหนให้ลูกหลาน” บรรดาขาใหญ่มาร่วมเป็นเหยื่อกันเพียบ ไปหาชื่ออ่านกันนะครับ หน่วยงานประเภท Rand Corporation, Hudson Institution นักล่ามีอยู่ในกระเป๋าเป็นร้อย นักล่ากำลังนั่งหมอบอยู่บนภู ดูจังหวะขม่ำสมันน้อยรอบใหม่ แต่รอบนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเก่า ไม่มีผีคอมมี่มาหลอน คราวก่อนมันรบกันนอกบ้านเรา คราวนี้ถ้าเราเดินหมากผิด มันเท่ากับชักศึกเข้าบ้าน กำลังนั่งเหมอ ๆ สบายอยู่ในบ้าน หันมาอีกทีบ้านอาจโดนถล่มหายไปทั้งแถบ เพราะดันไปยอมให้นักล่า มาสร้างฐานทัพใบบัวเต็มชายฝั่งไว้ให้กบกระโดด เพราะฉะนั้น ต้องมารู้จัก มาตามดู ท่าทีของนักล่ากันบ้าง
นี่มันบ้านเรานะ จะให้มันจะมาเดินกร่าง ชี้นิ้ว สั่งเราทำโน่นทำนี่ได้อย่างไร แล้วมันจะทำทุกอย่างเองไม่ได้ มันต้องเลี่ยงไปใช้ร่างทรง เพราะฉะนั้นต้องทำความรู้จัก พวกสมอง มือ เท้า ร่างทรง ของนักล่าเอาไว้ ยิ่งเป็นพวกมือเท้าร่างทรงไทย แต่ใจเป็นของฝรั่ง อย่าปล่อยให้ลอยนวลครับ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
13 มีค 57
    0 Comments 0 Shares 310 Views 0 Reviews
  • ยุทธการกบกระโดด ตอนที่ 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด”
    บทสรุป
    อันที่จริงเราแทบไม่ต้องรอดูเลยว่า National Security Strategy ของอเมริกา ประจำปี ค.ศ. 2014 จะบอกว่าอย่างไร และอเมริกาจะเลือก การบริหารจัดการกับฐานทัพของตน ที่สร้างไว้ทั่วโลกอย่างไร
    กระบวนยุทธของอเมริกาในช่วง 2-3 ปีนี้ มันฟ้องออกมาแล้วว่าอเมริกาไม่มีวันเลิก
สันดานนักล่า และเมื่อคิดว่าตัวเองเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง จะกระเป๋าขาดแค่ไหน ก็ไม่ต้องสนใจ เพราะอเมริกาสามารถแต่งเรื่อง พิมพ์เงินกระดาษออกมาได้เรื่อย ๆ อยู่แล้ว
แต่ที่จะปล่อยให้มีนักล่าหน้าใหม่ ขึ้นมาชิงตำแหน่งหมายเลขหนึ่งนั้น เป็นเรื่องยอมกันไม่ได้ นอกจากนั้น ในทศวรรษนี้ อเมริกาต้องตามล่าหาน้ำมันและก๊าซ เพื่อสนองความต้องการของตนเอง และที่สำคัญกว่านั้น เพื่อชิงไม่ให้ใครได้ไป เพราะน้ำมันเป็นอาวุธเลี้ยงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและกองทัพของทุกประเทศ
และอเมริกาไม่มีทางปล่อยให้จีนโตไปกว่านี้อีกแล้ว ไม่ว่าทางเศรษฐกิจหรือทางกองทัพ
    เพราะฉะนั้นการย้ายฐานทัพ ไม่ว่าใหญ่ไม่ว่าเล็ก โดยเฉพาะฐานทัพใบบัวกบกระโดดมาทาง AsiaPacific นี้ คือการล้อมกรอบจีน (containment) ทางทะเลอย่างสมบูรณ์แบบ
    นอกจากนี้ทะเลจีนใต้ มีความสำคัญกับอเมริกาไม่ต่างกับจีน ฝ่ายใดคุมทะเลจีนใต้ ฝ่ายนั้นก็ได้เปรียบ
    – ทะเลจีนใต้ เป็นเส้นทางสัญจรทางทะเลที่คับคั่งอันดับ 2 ของโลก
    – ทะเลจีนใต้ เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมัน 1 ใน 3 ของโลก และขนส่งก๊าซครึ่งหนึ่งของโลก
การขนส่งผ่านมาทางช่องแคบมะละกา และอ่าวไทย ภายหลังวิกฤติ Fukushima ที่ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นต้องสั่งก๊าซเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ขนส่งมาตามเส้นทางนี้ อเมริกาจะปล่อยให้ญี่ปุ่นเสี่ยงกับการ black out ทั้งเกาะไหวไหม ?
    – ความขัดแย้งเกี่ยวกับสิทธิ บนพื้นที่เกาะบริเวณทะเลจีนใต้กำลังเข้มข้นระหว่างจีนกับ
เหล่าลูกหาบของอเมริกา สิทธิบนพื้นที่ยอมโยงกับทรัพยากรใต้พื้นที่ อเมริกาจะยืนดูลูกหาบทำสงครามแย่งชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ โดยไม่เข้าไปกำกับการแสดงหรือ ผิดสันดานไปหน่อย
    – ทะเลจีนใต้เป็นแหล่งทรัพยากรน้ำมันและก๊าซที่อุดมสมบูรณ์มากมาก ตามรายงานของ
IEA (US Energy Information Administration)
    – จีนเพิ่งประกาศ Air Defense Identification Zone (ADIZ) เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ.2013 นี่เอง โดยไม่บอกกล่าวเล่าสิบแก่ใคร สำหรับจีนการประกาศ ADIZ นี้เป็นครั้งแรก แต่สำหรับอเมริกาทำมาแล้ว ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกาบอกว่า จีนกำลังขยายสิทธิในอาณาเขตของตัวเองออกไป เพื่อยื่นขาไปเตะญี่ปุ่นให้ออกไปจากหมู่เกาะ ที่ญี่ปุ่นเรียก Senkakuแต่จีนเรียก Diaoyu
    การประกาศ ADIZ ของจีน ทำให้นักล่ากำลังสะอึก นึกไม่ถึง สั่งให้สมุนออกมา
ช่วยกันประนามจีน ว่ากำลังทำเกิน โดยไม่ปรึกษาหรือขออนุญาตใคร แต่จีนก็ทำ แล้วถามว่าต้องถามใคร ? กำลังเป็นเรื่องที่น่าติดตามปฎิกิริยาของนักล่าและลูกหาบและสมุน
    ส่วนสมันน้อยมีทางเลือกอะไร เซ็นสัญญาเสียอธิปไตยในส่วนนี้ไปแล้ว ตั้งแต่ปีมะโว้ ควร
จะมีการเจรจาแก้ไขกันมานานแล้ว แต่ดูเหมือนฝ่ายรัฐบาล และทหารหาญทั้งหลาย คงยืนโก้งโค้งมอง ถึงได้เห็นผลลัพท์กลับหัวกลับหาง ไม่มีใครเจรจาแก้ไข ปล่อยมาถึงทุกวันนี้ วันที่สนามประลองเขี้ยวนักล่ากำลังฝุ่นตลบ ไหน ๆ ก็จะปฎิรูปประเทศแล้ว มวลมหาประชาชนก็ลองศึกษาเรื่องนี้ดูกันบ้าง จะแก้ไข หรือปล่อยคาไว้อีก 50 ปี!
    ขอจบด้วยการเล่าเรื่องฐานทัพอเมริกาที่ Okinawa ดูผ่าน ๆ เหมือนจะไม่เกี่ยวกับ สมันน้อย แต่มันอาจจะเกี่ยว และน่าสนใจ อยากเล่าครับ
    ญี่ปุ่นที่เคยอยู่แต่ในโอวาทของอเมริกา เกิดมีปัญหาขัดใจ เรื่องฐานทัอากาศ
Futenma ที่ตั้งอยู่ที่เกาะ Okinawa
ปี ค.ศ. 1995 ทหารอเมริกัน 3 คน ไปลักพาเด็กนักเรียนหญิงชาวญี่ปุ่น
อายุสิบสอง ไปรุมข่มขืนและทิ้งให้เด็กหญิงนอนอยู่ข้างถนน แล้วทหาร 3 คน ก็หนีกลับเข้าฐานทัพ
ชาวญี่ปุ่นประท้วงอยู่นาน กว่ากองทัพอเมริกาจะยอมดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิด
แม้จะได้ตัวคนทำความผิดมาแล้ว ตอนแรกอเมริกาก็คิดจะนำกลับไปดำเนินคดีในบ้านตัวเอง เพราะมีข้อตกลงในเรื่องนี้กันไว้แล้วกับญี่ปุ่น (เช่นเดียวกับที่อเมริกาเคยทำสัญญากับราชอาณาจักรไทยสมัยสงครามเวียตนาม ทำให้เราเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต) แต่ชาวญี่ปุ่นไม่ยอม ทั้งประนามและประท้วงอย่างรุนแรง ให้มีการดำเนินคดีที่ญี่ปุ่น และยื่นคำขาดให้อเมริกาย้ายฐานทัพออกไปจากเกาะ Okinawa
    ทั้งอเมริกาและรัฐบาลญี่ปุ่นถ่วงการเจรจาอยู่ 17 ปี เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นมองในแง่เศรษฐกิจว่า การมีฐานทัพอยู่ในบริเวณนั้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้แก่ญี่ปุ่น และที่สำคัญภายใต้สัญญา Treaty of Mutual Cooperation ที่ญี่ปุ่นทำไว้กับอเมริกา (ประเภทสัญญาทาสเหมือนกัน !)
ถ้ามีการย้ายฐานทัพอเมริกาออกไปจาก Okinawa ซึ่งเป็นบริเวณที่อเมริกาเจาะจงเลือก เนื่องจากอยู่ใกล้กับจีนและเกาหลีเหนือที่สุด ญี่ปุ่นจะต้องช่วยออกค่าใช้จ่ายบางส่วนในการย้ายฐานทัพ ให้แก่อเมริกา (ไม่ใช่ย้ายทิ้ง แค่ย้ายที่ยังต้องจ่าย มันโหดจริง ๆ)
ปี ค.ศ. 2006 อเมริกากับญี่ปุ่นได้ข้อตกลงเบื้องต้นว่าจะปิดฐานทัพนี้ และย้ายไปอยู่ทางเหนือของเกาะแทน แล้วเรื่องก็ค้างคา (อย่างจงใจจากรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่าย)
    ล่าสุด เพิ่งมาตกลงกันได้ เมื่อปลายปี ค.ศ. 2013 โดยญี่ปุ่นจะต้องจ่ายเงินมหาศาลให้แก่อเมริกาเป็นค่าย้าย โดยปี ค.ศ. 2014 ต้องจ่ายเงินประมาณ 3.2 พันล้านเหรียญ หลังจากนั้นจ่ายเป็นรายปี อีกปีละ 2.85 พันล้านเหรียญ จนถึงปี ค.ศ. 2021 ญี่ปุ่นซึ่งกำลังกรอบจากเศรษฐกิจและวิกฤติ Fukushima จะมีปัญญาจ่ายไหม ?
    นอกจากนี้ ตามข้อตกลงใหม่ ฐานใหม่จะไปสร้างที่อ่าว Nago ทางเหนือของ Okinawa
ขณะเดียวกัน นายกเทศมนตรีของ Nago ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาในตำแหน่ง เมื่อเดือนมกรานี้เอง หลังจากประกาศตอนหาเสียงว่า จะทำทุกอย่างไม่ให้อเมริกามาตั้งฐานทัพที่ Nago
ข่าวนี้ทำให้ทั้งวอชิงตันและนายกรัฐมนตรี Abe ออกมาโต้ นายกเทศมนตรีหมาด ๆ ว่าเป็นแค่นายกฯ เมืองเล็ก ๆ จะทะลึ่งมาล้มแผนย้ายฐานทัพได้อย่างไร นายกเล็ก บอกว่าล้มแผนได้หรือไม่ ไม่รู้ แต่นายกเล็ก มีสิทธิ สั่งห้ามการใช้ถนนและสาธารณูปโภคทั้งปวงของเมือง Nago ได้
    เป็นการต่อต้านการสร้างฐานทัพ ที่น่าสนใจครับ และน่าสนใจว่าการย้ายฐานทัพจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ? ! ?
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
13 กพ 57
    ยุทธการกบกระโดด ตอนที่ 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด” บทสรุป อันที่จริงเราแทบไม่ต้องรอดูเลยว่า National Security Strategy ของอเมริกา ประจำปี ค.ศ. 2014 จะบอกว่าอย่างไร และอเมริกาจะเลือก การบริหารจัดการกับฐานทัพของตน ที่สร้างไว้ทั่วโลกอย่างไร กระบวนยุทธของอเมริกาในช่วง 2-3 ปีนี้ มันฟ้องออกมาแล้วว่าอเมริกาไม่มีวันเลิก
สันดานนักล่า และเมื่อคิดว่าตัวเองเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง จะกระเป๋าขาดแค่ไหน ก็ไม่ต้องสนใจ เพราะอเมริกาสามารถแต่งเรื่อง พิมพ์เงินกระดาษออกมาได้เรื่อย ๆ อยู่แล้ว
แต่ที่จะปล่อยให้มีนักล่าหน้าใหม่ ขึ้นมาชิงตำแหน่งหมายเลขหนึ่งนั้น เป็นเรื่องยอมกันไม่ได้ นอกจากนั้น ในทศวรรษนี้ อเมริกาต้องตามล่าหาน้ำมันและก๊าซ เพื่อสนองความต้องการของตนเอง และที่สำคัญกว่านั้น เพื่อชิงไม่ให้ใครได้ไป เพราะน้ำมันเป็นอาวุธเลี้ยงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและกองทัพของทุกประเทศ
และอเมริกาไม่มีทางปล่อยให้จีนโตไปกว่านี้อีกแล้ว ไม่ว่าทางเศรษฐกิจหรือทางกองทัพ เพราะฉะนั้นการย้ายฐานทัพ ไม่ว่าใหญ่ไม่ว่าเล็ก โดยเฉพาะฐานทัพใบบัวกบกระโดดมาทาง AsiaPacific นี้ คือการล้อมกรอบจีน (containment) ทางทะเลอย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ทะเลจีนใต้ มีความสำคัญกับอเมริกาไม่ต่างกับจีน ฝ่ายใดคุมทะเลจีนใต้ ฝ่ายนั้นก็ได้เปรียบ – ทะเลจีนใต้ เป็นเส้นทางสัญจรทางทะเลที่คับคั่งอันดับ 2 ของโลก – ทะเลจีนใต้ เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมัน 1 ใน 3 ของโลก และขนส่งก๊าซครึ่งหนึ่งของโลก
การขนส่งผ่านมาทางช่องแคบมะละกา และอ่าวไทย ภายหลังวิกฤติ Fukushima ที่ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นต้องสั่งก๊าซเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ขนส่งมาตามเส้นทางนี้ อเมริกาจะปล่อยให้ญี่ปุ่นเสี่ยงกับการ black out ทั้งเกาะไหวไหม ? – ความขัดแย้งเกี่ยวกับสิทธิ บนพื้นที่เกาะบริเวณทะเลจีนใต้กำลังเข้มข้นระหว่างจีนกับ
เหล่าลูกหาบของอเมริกา สิทธิบนพื้นที่ยอมโยงกับทรัพยากรใต้พื้นที่ อเมริกาจะยืนดูลูกหาบทำสงครามแย่งชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ โดยไม่เข้าไปกำกับการแสดงหรือ ผิดสันดานไปหน่อย – ทะเลจีนใต้เป็นแหล่งทรัพยากรน้ำมันและก๊าซที่อุดมสมบูรณ์มากมาก ตามรายงานของ
IEA (US Energy Information Administration) – จีนเพิ่งประกาศ Air Defense Identification Zone (ADIZ) เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ.2013 นี่เอง โดยไม่บอกกล่าวเล่าสิบแก่ใคร สำหรับจีนการประกาศ ADIZ นี้เป็นครั้งแรก แต่สำหรับอเมริกาทำมาแล้ว ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกาบอกว่า จีนกำลังขยายสิทธิในอาณาเขตของตัวเองออกไป เพื่อยื่นขาไปเตะญี่ปุ่นให้ออกไปจากหมู่เกาะ ที่ญี่ปุ่นเรียก Senkakuแต่จีนเรียก Diaoyu การประกาศ ADIZ ของจีน ทำให้นักล่ากำลังสะอึก นึกไม่ถึง สั่งให้สมุนออกมา
ช่วยกันประนามจีน ว่ากำลังทำเกิน โดยไม่ปรึกษาหรือขออนุญาตใคร แต่จีนก็ทำ แล้วถามว่าต้องถามใคร ? กำลังเป็นเรื่องที่น่าติดตามปฎิกิริยาของนักล่าและลูกหาบและสมุน ส่วนสมันน้อยมีทางเลือกอะไร เซ็นสัญญาเสียอธิปไตยในส่วนนี้ไปแล้ว ตั้งแต่ปีมะโว้ ควร
จะมีการเจรจาแก้ไขกันมานานแล้ว แต่ดูเหมือนฝ่ายรัฐบาล และทหารหาญทั้งหลาย คงยืนโก้งโค้งมอง ถึงได้เห็นผลลัพท์กลับหัวกลับหาง ไม่มีใครเจรจาแก้ไข ปล่อยมาถึงทุกวันนี้ วันที่สนามประลองเขี้ยวนักล่ากำลังฝุ่นตลบ ไหน ๆ ก็จะปฎิรูปประเทศแล้ว มวลมหาประชาชนก็ลองศึกษาเรื่องนี้ดูกันบ้าง จะแก้ไข หรือปล่อยคาไว้อีก 50 ปี! ขอจบด้วยการเล่าเรื่องฐานทัพอเมริกาที่ Okinawa ดูผ่าน ๆ เหมือนจะไม่เกี่ยวกับ สมันน้อย แต่มันอาจจะเกี่ยว และน่าสนใจ อยากเล่าครับ ญี่ปุ่นที่เคยอยู่แต่ในโอวาทของอเมริกา เกิดมีปัญหาขัดใจ เรื่องฐานทัอากาศ
Futenma ที่ตั้งอยู่ที่เกาะ Okinawa
ปี ค.ศ. 1995 ทหารอเมริกัน 3 คน ไปลักพาเด็กนักเรียนหญิงชาวญี่ปุ่น
อายุสิบสอง ไปรุมข่มขืนและทิ้งให้เด็กหญิงนอนอยู่ข้างถนน แล้วทหาร 3 คน ก็หนีกลับเข้าฐานทัพ
ชาวญี่ปุ่นประท้วงอยู่นาน กว่ากองทัพอเมริกาจะยอมดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิด
แม้จะได้ตัวคนทำความผิดมาแล้ว ตอนแรกอเมริกาก็คิดจะนำกลับไปดำเนินคดีในบ้านตัวเอง เพราะมีข้อตกลงในเรื่องนี้กันไว้แล้วกับญี่ปุ่น (เช่นเดียวกับที่อเมริกาเคยทำสัญญากับราชอาณาจักรไทยสมัยสงครามเวียตนาม ทำให้เราเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต) แต่ชาวญี่ปุ่นไม่ยอม ทั้งประนามและประท้วงอย่างรุนแรง ให้มีการดำเนินคดีที่ญี่ปุ่น และยื่นคำขาดให้อเมริกาย้ายฐานทัพออกไปจากเกาะ Okinawa ทั้งอเมริกาและรัฐบาลญี่ปุ่นถ่วงการเจรจาอยู่ 17 ปี เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นมองในแง่เศรษฐกิจว่า การมีฐานทัพอยู่ในบริเวณนั้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้แก่ญี่ปุ่น และที่สำคัญภายใต้สัญญา Treaty of Mutual Cooperation ที่ญี่ปุ่นทำไว้กับอเมริกา (ประเภทสัญญาทาสเหมือนกัน !)
ถ้ามีการย้ายฐานทัพอเมริกาออกไปจาก Okinawa ซึ่งเป็นบริเวณที่อเมริกาเจาะจงเลือก เนื่องจากอยู่ใกล้กับจีนและเกาหลีเหนือที่สุด ญี่ปุ่นจะต้องช่วยออกค่าใช้จ่ายบางส่วนในการย้ายฐานทัพ ให้แก่อเมริกา (ไม่ใช่ย้ายทิ้ง แค่ย้ายที่ยังต้องจ่าย มันโหดจริง ๆ)
ปี ค.ศ. 2006 อเมริกากับญี่ปุ่นได้ข้อตกลงเบื้องต้นว่าจะปิดฐานทัพนี้ และย้ายไปอยู่ทางเหนือของเกาะแทน แล้วเรื่องก็ค้างคา (อย่างจงใจจากรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่าย) ล่าสุด เพิ่งมาตกลงกันได้ เมื่อปลายปี ค.ศ. 2013 โดยญี่ปุ่นจะต้องจ่ายเงินมหาศาลให้แก่อเมริกาเป็นค่าย้าย โดยปี ค.ศ. 2014 ต้องจ่ายเงินประมาณ 3.2 พันล้านเหรียญ หลังจากนั้นจ่ายเป็นรายปี อีกปีละ 2.85 พันล้านเหรียญ จนถึงปี ค.ศ. 2021 ญี่ปุ่นซึ่งกำลังกรอบจากเศรษฐกิจและวิกฤติ Fukushima จะมีปัญญาจ่ายไหม ? นอกจากนี้ ตามข้อตกลงใหม่ ฐานใหม่จะไปสร้างที่อ่าว Nago ทางเหนือของ Okinawa
ขณะเดียวกัน นายกเทศมนตรีของ Nago ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาในตำแหน่ง เมื่อเดือนมกรานี้เอง หลังจากประกาศตอนหาเสียงว่า จะทำทุกอย่างไม่ให้อเมริกามาตั้งฐานทัพที่ Nago
ข่าวนี้ทำให้ทั้งวอชิงตันและนายกรัฐมนตรี Abe ออกมาโต้ นายกเทศมนตรีหมาด ๆ ว่าเป็นแค่นายกฯ เมืองเล็ก ๆ จะทะลึ่งมาล้มแผนย้ายฐานทัพได้อย่างไร นายกเล็ก บอกว่าล้มแผนได้หรือไม่ ไม่รู้ แต่นายกเล็ก มีสิทธิ สั่งห้ามการใช้ถนนและสาธารณูปโภคทั้งปวงของเมือง Nago ได้ เป็นการต่อต้านการสร้างฐานทัพ ที่น่าสนใจครับ และน่าสนใจว่าการย้ายฐานทัพจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ? ! ? สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
13 กพ 57
    0 Comments 0 Shares 281 Views 0 Reviews
  • ข้อมูลที่ใช้ในการเขียนนิทาน เรื่อง ยุทธการฝูงผึ้ง

    เรียนท่านผู้อ่านนิทาน
    ผมได้เอาลิงค์ เกี่ยวกับองค์กรและข้อมูลต่างๆ ที่ผมใช้เป็นข้อมูลบางส่วน ในการ
    เขียนนิทานเรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง” มาลงไว้ เผื่อท่านผู้อ่านอยากจะอ่านเอง หรือค้นคว้าต่อ โดยเฉพาะ เกี่ยวกับข้อมูลของ International Crisis Group (ICG)
    ซึ่งได้ยินว่ามีผู้นำไปอ้างอิง แต่อาจจะคนละความหมายกับที่ผมเขียนใน ” ยุทธการฝูงผึ้ง” นะครับ เชิญท่านผู้อ่านวิเคราะห์ตามสดวกครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 มค 57
    International Crisis Group
    http://www.sourcewatch.org/index…/International_Crisis_Group
    The Role of a Global NGO
    http://www.gevans.org/speeches/speech471.html
    Thailand Conflict Alert
    http://www.crisisgroup.org/…/2…/thailand-conflict-alert.aspx
    Conflict Risk Alert: Thailand
    http://www.crisisgroup.org/…/conflict-risk-alert-thailand.a…
    The ICNC Role in the Arab Spring
    http://www.ahmedbensaada.com/index.php…
    How to Start a Revolution
    http://www.telegraph.co.uk/…/Gene-Sharp-How-to-Start-a-Revo…
    Gene Sharp
    http://en.wikipedia.org/wiki/Gene_Sharp
    ข้อมูลที่ใช้ในการเขียนนิทาน เรื่อง ยุทธการฝูงผึ้ง เรียนท่านผู้อ่านนิทาน ผมได้เอาลิงค์ เกี่ยวกับองค์กรและข้อมูลต่างๆ ที่ผมใช้เป็นข้อมูลบางส่วน ในการ เขียนนิทานเรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง” มาลงไว้ เผื่อท่านผู้อ่านอยากจะอ่านเอง หรือค้นคว้าต่อ โดยเฉพาะ เกี่ยวกับข้อมูลของ International Crisis Group (ICG) ซึ่งได้ยินว่ามีผู้นำไปอ้างอิง แต่อาจจะคนละความหมายกับที่ผมเขียนใน ” ยุทธการฝูงผึ้ง” นะครับ เชิญท่านผู้อ่านวิเคราะห์ตามสดวกครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 มค 57 International Crisis Group http://www.sourcewatch.org/index…/International_Crisis_Group The Role of a Global NGO http://www.gevans.org/speeches/speech471.html Thailand Conflict Alert http://www.crisisgroup.org/…/2…/thailand-conflict-alert.aspx Conflict Risk Alert: Thailand http://www.crisisgroup.org/…/conflict-risk-alert-thailand.a… The ICNC Role in the Arab Spring http://www.ahmedbensaada.com/index.php… How to Start a Revolution http://www.telegraph.co.uk/…/Gene-Sharp-How-to-Start-a-Revo… Gene Sharp http://en.wikipedia.org/wiki/Gene_Sharp
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ”
    ตอนที่ 5 (ตอนสุดท้าย)
    นักล่า คิดหลายมิติ เล่นไพ่ทีละหลายใบ เดินหมากทีละหลายตัว แล้วเราจะวิเคราะห์แบบมิติเดียวเช่นนั้นหรือ
    ขบวนการไล่โจรร้ายเกมชิงเมือง ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ ใครกำลังได้ ใครกำลังเสีย แน่นอน นักล่าอยากเคี้ยวไทยแลนด์แดนสมันน้อยเต็มแก่ พวกเขาหลอกใช้หมาไนเป็นเหยื่อล่อ หมาไนหลงคิดว่าตนเองได้เปรียบ มีสิงห์โตอยู่ข้างหลัง หมาไนผงาดพองขน เอาโลกมาล้อมประเทศ ชะล่าใจทำการใหญ่จะไปให้สุดซอย คาบกระดูกเนื้อติดมันไปหลายชิ้น คือพรบ.นิรโทษกรรม ที่ชาวเรามองเห็นกันชัด แต่ที่มันพ่วงไปด้วย โดยชาวเราอาจไม่ทันสนใจ คือ การแก้ไข รธน. ม.190
    ม. 190 ใคร ๆ ก็อยากให้แก้ ยกเว้นคนไทยตาดำ ๆ หมาไนบอก ถ้าแก้ได้ต่อไปนี้ จะทำอะไรไม่ต้องเห็นหัวใคร ไม่ต้องควักกระเป๋าเวลาลงคะแนน ประหยัดกระเป๋าไปโข นักล่าผมทอก็ชอบ จะเอาอะไรล่ะ ย้ายฐานทัพมาตั้งให้ทั่วราชอาณาจักรไทย ใครจะมาขวาง จะขุดทรัพยากรเอาไปเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ นักล่าหน้าใหม่ผมดำตาตี่ บอกอย่างนี้อาเฮียอยากแลกข้าวกับรถไฟ ไม่น่ามีปัญหา
    เกมชิงเมือง ใครจะเลือกเดินทางใด ลองคิดกันดู
    – นักล่า ดูท่าทางคงจะคุยกับรัฐบาลน้องสาวแสนโง่ไปไม่ได้อีกนาน แม้จะได้เปรียบ และได้ประโยชน์ แต่การพูดกับคนโง่มาก ๆ นี่มันเหนื่อยนะ แล้วถ้ากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม เอาไข่มุกทุกเม็ดในยูเรเซียมาร้อยเป็นสร้อยงามน่ะ ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง สายสร้อยอาจขาดง่าย ๆ ยอมหรือ
    การเจรจาให้เปลี่ยนตัว จึงน่าจะมี หมาไนโจรร้าย จึงจำเป็นต้องเล่นให้สุดซอย เพื่อกลับมาบงการเอง เอง! หรือว่าจะมี “การปฏิบัติการอื่น” เปลี่ยนไพ่ใบใหม่ เดินหมากตัวใหม่ ก็น่าสนใจ แล้วจะเอาไพ่ใบไหนมาเล่น เอาหมากตัวไหนมาเดินล่ะ คุณทหารหวานใจเก่า หรือเหล่าดาราอินเตอร์ที่ CFR ส่งเข้ามาประกวด
    – หมาไนโจรร้าย ทางเลือกมีอยู่ 2 ทาง ถอยดีกว่า กลับไปตั้งหลักก่อน หรือจะใช้คติประจำใจหมาไน ข้าไม่ได้กิน พวกเอ็งก็อย่าหวัง เซียนแถวสำนักงานของชาติแห่งหนึ่ง ที่เพิ่งถูกมือดีปลดป้ายทิ้ง โทษฐานไม่เป็นสำนักงานของชาติ แต่เป็นของตระกูล กระซิบบอกมาว่า หมาไนครับลุง หมาไนไม่เคยเปลี่ยนสันดาน เอ้ย นิสัย ! (เดี๋ยวจะว่าหยาบคาย)
    – คุณทหาร โดนสื่อฟอกย้อม โยกซะศูนย์เสีย เดินเซอยู่นาน ไม่รู้ตอนนี้ศูนย์จะเข้าที่หรือยัง แต่ทหารก็มีหลายหน่วย หลายระดับ ทหารใหญ่บางคนที่คิดผิด เขาว่าไม่มีโอกาสคิดใหม่นะ แถมโอกาสจะอยู่บ้านเดิมอาจจะไม่มี ต้องหาที่เร่ร่อนเหมือนกัน (เวรกรรมมีจริง ! ) แต่เติบใหญ่มาจนบัดนี้ ปฎิญาณตนภายใต้ธงชัยเฉลิมพลมาหลายรอบ ไม่รู้ที่ยืน ตั้งศูนย์ไม่ตรง ก็ไปขายเต้าฮวยดีกว่า (ถ้ายังมีโอกาส) นะครับ
    – นางสาวแสนโง่ ไม่เขียนถึงเดี๋ยวจะน้อยใจ ทางเลือกหนูไม่มีมากหรอก อย่าไปเชื่อพวกพี่เลี้ยงใจร้ายเลยหนู ร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวหน้าเหี่ยวพุงโตหมดนะ หนุ่ม ๆ เขาฝากติงมา อยู่ในคุกมันไม่สนุกนะคะ เสื้อผ้าหน้าผม ใครจะไปตบแต่งให้เช้งกะเด๊ะได้ทั้งวัน ไอ้นั่นมันคุกในหนังนะคะ คิดให้ดีนะหนู
    – เอ้า ! หมดแล้วหรือยัง ตัวเอกของเกมชิงเมือง แล้วกันลืมลุงกำนัน ลืมได้ยังไง เดินซะหน้ามะเมื่อมขนาดนั้น ไม่ต้องห่วงหรอก ดูการปราศัยของลุงกำนันแล้ว แกเอาตัวรอดทุกรายการหรอกน่า พูดงี้จับใจคนไปหมด ทั้งหนุ่ม ทั้งสาวจริง สาวปลอม แย่งกันกอด เฮอ! มวลมหาประชาชนนี่น่ารักจริง ๆ ขอให้รอดปลอดภัยแล้วกันนะลุงกำนัน ตัดสินใจเดินทางนี้แล้ว ต้องให้กำลังใจกันหน่อย อย่าตกร่องระหว่างทาง อย่าติดลมบนจนลงไม่เป็นก็แล้วกัน
    – แต่ในเกมชิงเมือง ตัวเอกสำคัญ ตัวเอก ที่ขาดไม่ได้คือมวลมหาประชาชน โปรดกลับไปอ่านบทความ มวลมหาประชาชนอีกรอบนะครับ อ่านซ้ำ ๆ ให้รู้จักมวลมหาประชาชน จริง ๆ ถ้าเราไม่มีมวลมหาประชาชน จำนวนมหาศาล เช่นนี้ มีจิตใจและการแสดงออกเช่นนี้ ในทุกเวที เรามาไม่ถึงตรงนี้นะครับ มวลมหาประชาชนมีเอกลักษณ์ และเป็นปัจจัยสำคัญในสงครามชิงเมือง ซึ่งทำให้ทั้งนักล่า หมาไน และยายแสนโง่ นั่นมันไปไม่เป็นเดินเซกันเป็นแถว
    ขณะที่เขียนนี้ ยังไม่รู้ว่าใครจะเลือกเล่นบทไหน จะจบอย่างไร แต่ไม่ว่าบทไหน และจะจบอย่างไร มันแค่จบ season แรกเท่านั้นเอง มวลมหาประชาชนยังจะต้องเดินทางอีกไกล สู่การปฏิวัติประชาชน ปฏิรูปบ้านเมืองอย่างแท้จริง จะต้องไม่เพียงมีความกล้าหาญอดทน ออกมาขับไล่โจรร้ายเท่านั้น season ต่อไปมันจะหนักขึ้น ต้องเตรียมตัวทำความเข้าใจกับสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ในบ้านเราและบ้านเขา อย่างชัดเจน มีเวลาก็หาหนังสือพระราชนิพนธ์ พระมหาชนกมาอ่านกันนะครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 มค 57
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ” ตอนที่ 5 (ตอนสุดท้าย) นักล่า คิดหลายมิติ เล่นไพ่ทีละหลายใบ เดินหมากทีละหลายตัว แล้วเราจะวิเคราะห์แบบมิติเดียวเช่นนั้นหรือ ขบวนการไล่โจรร้ายเกมชิงเมือง ที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ ใครกำลังได้ ใครกำลังเสีย แน่นอน นักล่าอยากเคี้ยวไทยแลนด์แดนสมันน้อยเต็มแก่ พวกเขาหลอกใช้หมาไนเป็นเหยื่อล่อ หมาไนหลงคิดว่าตนเองได้เปรียบ มีสิงห์โตอยู่ข้างหลัง หมาไนผงาดพองขน เอาโลกมาล้อมประเทศ ชะล่าใจทำการใหญ่จะไปให้สุดซอย คาบกระดูกเนื้อติดมันไปหลายชิ้น คือพรบ.นิรโทษกรรม ที่ชาวเรามองเห็นกันชัด แต่ที่มันพ่วงไปด้วย โดยชาวเราอาจไม่ทันสนใจ คือ การแก้ไข รธน. ม.190 ม. 190 ใคร ๆ ก็อยากให้แก้ ยกเว้นคนไทยตาดำ ๆ หมาไนบอก ถ้าแก้ได้ต่อไปนี้ จะทำอะไรไม่ต้องเห็นหัวใคร ไม่ต้องควักกระเป๋าเวลาลงคะแนน ประหยัดกระเป๋าไปโข นักล่าผมทอก็ชอบ จะเอาอะไรล่ะ ย้ายฐานทัพมาตั้งให้ทั่วราชอาณาจักรไทย ใครจะมาขวาง จะขุดทรัพยากรเอาไปเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ นักล่าหน้าใหม่ผมดำตาตี่ บอกอย่างนี้อาเฮียอยากแลกข้าวกับรถไฟ ไม่น่ามีปัญหา เกมชิงเมือง ใครจะเลือกเดินทางใด ลองคิดกันดู – นักล่า ดูท่าทางคงจะคุยกับรัฐบาลน้องสาวแสนโง่ไปไม่ได้อีกนาน แม้จะได้เปรียบ และได้ประโยชน์ แต่การพูดกับคนโง่มาก ๆ นี่มันเหนื่อยนะ แล้วถ้ากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม เอาไข่มุกทุกเม็ดในยูเรเซียมาร้อยเป็นสร้อยงามน่ะ ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง สายสร้อยอาจขาดง่าย ๆ ยอมหรือ การเจรจาให้เปลี่ยนตัว จึงน่าจะมี หมาไนโจรร้าย จึงจำเป็นต้องเล่นให้สุดซอย เพื่อกลับมาบงการเอง เอง! หรือว่าจะมี “การปฏิบัติการอื่น” เปลี่ยนไพ่ใบใหม่ เดินหมากตัวใหม่ ก็น่าสนใจ แล้วจะเอาไพ่ใบไหนมาเล่น เอาหมากตัวไหนมาเดินล่ะ คุณทหารหวานใจเก่า หรือเหล่าดาราอินเตอร์ที่ CFR ส่งเข้ามาประกวด – หมาไนโจรร้าย ทางเลือกมีอยู่ 2 ทาง ถอยดีกว่า กลับไปตั้งหลักก่อน หรือจะใช้คติประจำใจหมาไน ข้าไม่ได้กิน พวกเอ็งก็อย่าหวัง เซียนแถวสำนักงานของชาติแห่งหนึ่ง ที่เพิ่งถูกมือดีปลดป้ายทิ้ง โทษฐานไม่เป็นสำนักงานของชาติ แต่เป็นของตระกูล กระซิบบอกมาว่า หมาไนครับลุง หมาไนไม่เคยเปลี่ยนสันดาน เอ้ย นิสัย ! (เดี๋ยวจะว่าหยาบคาย) – คุณทหาร โดนสื่อฟอกย้อม โยกซะศูนย์เสีย เดินเซอยู่นาน ไม่รู้ตอนนี้ศูนย์จะเข้าที่หรือยัง แต่ทหารก็มีหลายหน่วย หลายระดับ ทหารใหญ่บางคนที่คิดผิด เขาว่าไม่มีโอกาสคิดใหม่นะ แถมโอกาสจะอยู่บ้านเดิมอาจจะไม่มี ต้องหาที่เร่ร่อนเหมือนกัน (เวรกรรมมีจริง ! ) แต่เติบใหญ่มาจนบัดนี้ ปฎิญาณตนภายใต้ธงชัยเฉลิมพลมาหลายรอบ ไม่รู้ที่ยืน ตั้งศูนย์ไม่ตรง ก็ไปขายเต้าฮวยดีกว่า (ถ้ายังมีโอกาส) นะครับ – นางสาวแสนโง่ ไม่เขียนถึงเดี๋ยวจะน้อยใจ ทางเลือกหนูไม่มีมากหรอก อย่าไปเชื่อพวกพี่เลี้ยงใจร้ายเลยหนู ร่อนเร่ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวหน้าเหี่ยวพุงโตหมดนะ หนุ่ม ๆ เขาฝากติงมา อยู่ในคุกมันไม่สนุกนะคะ เสื้อผ้าหน้าผม ใครจะไปตบแต่งให้เช้งกะเด๊ะได้ทั้งวัน ไอ้นั่นมันคุกในหนังนะคะ คิดให้ดีนะหนู – เอ้า ! หมดแล้วหรือยัง ตัวเอกของเกมชิงเมือง แล้วกันลืมลุงกำนัน ลืมได้ยังไง เดินซะหน้ามะเมื่อมขนาดนั้น ไม่ต้องห่วงหรอก ดูการปราศัยของลุงกำนันแล้ว แกเอาตัวรอดทุกรายการหรอกน่า พูดงี้จับใจคนไปหมด ทั้งหนุ่ม ทั้งสาวจริง สาวปลอม แย่งกันกอด เฮอ! มวลมหาประชาชนนี่น่ารักจริง ๆ ขอให้รอดปลอดภัยแล้วกันนะลุงกำนัน ตัดสินใจเดินทางนี้แล้ว ต้องให้กำลังใจกันหน่อย อย่าตกร่องระหว่างทาง อย่าติดลมบนจนลงไม่เป็นก็แล้วกัน – แต่ในเกมชิงเมือง ตัวเอกสำคัญ ตัวเอก ที่ขาดไม่ได้คือมวลมหาประชาชน โปรดกลับไปอ่านบทความ มวลมหาประชาชนอีกรอบนะครับ อ่านซ้ำ ๆ ให้รู้จักมวลมหาประชาชน จริง ๆ ถ้าเราไม่มีมวลมหาประชาชน จำนวนมหาศาล เช่นนี้ มีจิตใจและการแสดงออกเช่นนี้ ในทุกเวที เรามาไม่ถึงตรงนี้นะครับ มวลมหาประชาชนมีเอกลักษณ์ และเป็นปัจจัยสำคัญในสงครามชิงเมือง ซึ่งทำให้ทั้งนักล่า หมาไน และยายแสนโง่ นั่นมันไปไม่เป็นเดินเซกันเป็นแถว ขณะที่เขียนนี้ ยังไม่รู้ว่าใครจะเลือกเล่นบทไหน จะจบอย่างไร แต่ไม่ว่าบทไหน และจะจบอย่างไร มันแค่จบ season แรกเท่านั้นเอง มวลมหาประชาชนยังจะต้องเดินทางอีกไกล สู่การปฏิวัติประชาชน ปฏิรูปบ้านเมืองอย่างแท้จริง จะต้องไม่เพียงมีความกล้าหาญอดทน ออกมาขับไล่โจรร้ายเท่านั้น season ต่อไปมันจะหนักขึ้น ต้องเตรียมตัวทำความเข้าใจกับสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ในบ้านเราและบ้านเขา อย่างชัดเจน มีเวลาก็หาหนังสือพระราชนิพนธ์ พระมหาชนกมาอ่านกันนะครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 มค 57
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • สนธิเล่าเรื่อง 1-9-68
    .
    สวัสดีวันแรกของเดือนกันยายน 2568 เช้านี้หลังจากที่คุณสนธิร่วมประชุม และรับประทานอาหารเช้ากับทีมงาน โดยเมนูเป็น ข้าวเปล่ากับเกาเหลาหมูตุ๋น ประเด็นที่ฮอตที่สุด ณ เวลานี้หนีไม่พ้นเรื่องความเป็นไปทางการเมือง และสถานการณ์บ้านเมืองของเรา ณ เวลานี้ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีคลิปลับฮุนเซน "อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร" ว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จัดตั้งรัฐบาลกันใหม่ เวลานี้จึงเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองอย่างรุนแรง
    .
    คุณสนธิคิดและมองอย่างไรกับความเป็นอยู่ และเป็นไปของบ้านเมือง ณ เวลานี้ ? ... ต้องติดตาม !
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=8K_5ZnKnZbA
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #รัฐบาล #นายกคนใหม่ #เพื่อไทย #ภูมิใจไทย #ประชาชน #ทักษิณ #อนุทิน #ชัยเกษม
    สนธิเล่าเรื่อง 1-9-68 . สวัสดีวันแรกของเดือนกันยายน 2568 เช้านี้หลังจากที่คุณสนธิร่วมประชุม และรับประทานอาหารเช้ากับทีมงาน โดยเมนูเป็น ข้าวเปล่ากับเกาเหลาหมูตุ๋น ประเด็นที่ฮอตที่สุด ณ เวลานี้หนีไม่พ้นเรื่องความเป็นไปทางการเมือง และสถานการณ์บ้านเมืองของเรา ณ เวลานี้ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีคลิปลับฮุนเซน "อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร" ว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จัดตั้งรัฐบาลกันใหม่ เวลานี้จึงเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองอย่างรุนแรง . คุณสนธิคิดและมองอย่างไรกับความเป็นอยู่ และเป็นไปของบ้านเมือง ณ เวลานี้ ? ... ต้องติดตาม ! . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=8K_5ZnKnZbA . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #รัฐบาล #นายกคนใหม่ #เพื่อไทย #ภูมิใจไทย #ประชาชน #ทักษิณ #อนุทิน #ชัยเกษม
    Like
    3
    0 Comments 1 Shares 269 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การทำสมาธิมีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน
    สัทธรรมลำดับที่ : 729
    ชื่อบทธรรม :- การทำสมาธิมีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=729
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --การทำสมาธิ มีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน
    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนโคหากินตามภูเขาโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง
    ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ.
    มันได้คิดว่า “จะเที่ยวไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป จะกินหญ้าที่ไม่เคยกิน จะดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม”
    ดังนี้
    มันวางเท้าหน้าอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อยกเท้าหลัง (จึงพลาดล้ม)
    มันก็ไม่อาจไปถึงทิศทางที่ไม่เคยไป ไม่ได้กินหญ้าที่ไม่เคยกิน ไม่ได้ดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม
    และทั้งไม่อาจกลับมาสู่ที่ที่มันเคยยืนคิดทีแรกโดยสวัสดีด้วย.
    ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า #โคตัวนั้นซึ่งหากินตามภูเขาเป็นโคโง่เขลา
    ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ,
    นี้ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
    : ภิกษุบางรูป ในกรณีนี้
    เป็นพาล ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาด
    เพื่อจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
    เข้าถึงปฐมฌานอันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่.
    เธอ ไม่เสพอย่างทั่วถึง ไม่ทำให้เจริญ ไม่กระทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ไม่ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตนตั้งไว้ด้วยดี,
    เธอคิดว่า
    “ถ้ากระไรเพราะความเข้าไปสงบรำงับวิตกและวิจาร เราพึงเข้าถึงทุติยฌาน
    อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น
    ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่ เถิด”
    ดังนี้;
    แต่เธอก็ไม่สามารถจะสงบระงับวิตกและวิจาร เข้าถึงทุติยฌาน .... แล้วแลอยู่ได้.
    เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เราจะ (ย้อนกลับ) เข้าสู่ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร
    มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก เพราะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศล เข้าถึงปฐมฌาน
    แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้
    แต่เธอก็ไม่สามารถจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌาน .... แล้วแลอยู่ ได้.
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า พังแล้วทั้งสองด้าน เสื่อมแล้วทั้งสองฝ่าย
    เช่นเดียวกับโคภูเขา อันโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง
    ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ ตัวนั้น.

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนโคภูเขา ที่ฉลาดเฉลียว มีไหวพริบ รอบรู้ทิศทาง
    ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ.
    มันได้คิดว่า
    “จะเที่ยวไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป จะกินหญ้าที่ไม่เคยกิน. จะดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม”
    ดังนี้
    มันวางเท้าหน้าอย่างถูกต้อง แล้วจึงค่อยยกเท้าหลัง
    มันก็สามารถไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป ได้กินหญ้าที่ไม่เคยกิน ดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม
    และทั้งสามารถกลับมาสู่ที่ที่มันเคยยืนคิดทีแรกโดยสวัสดีได้ด้วย.
    ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า #โคภูเขานั้นเป็นโคฉลาดเฉลียว
    มีไหวพริบรอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ,
    นี้ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุบางรูป ในกรณีนี้ ก็ฉันนั้น
    : เธอเป็นบัณฑิตมี ไหวพริบ รอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
    เข้าถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่,
    เธอเสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะความเข้าไปสงบรำงับวิตกและวิจารเสียได้
    เราพึงเข้าทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน
    ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร
    มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิแล้วแลอยู่ เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะทุติยฌาน ก็เข้าถึง ทุติยฌาน
    อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น
    ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ
    เพราะความเข้าไปสงบระงับวิตกและวิจารเสียได้ แล้วแลอยู่ ;
    +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เราพึงเป็นผู้อยู่อุเบกขา
    มีสติและสัมปชัญญะ และพึงเสวยความสุขด้วยนามกาย เข้าถึงตติยฌาน
    อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นปกติสุข”
    ดังนี้ แล้วแลอยู่ เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะตติยฌาน ก็เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญยะ
    และพึงเสวยความสุขด้วย นามกาย เข้าถึง ตติยฌาน
    อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข”
    ดังนี้
    เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ แล้วแลอยู่;
    +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะละสุขและทุกข์เสียได้
    เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน
    เราพึงเข้าถึงจตุตถฌานอันไม่มีทุกข์และสุข
    มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะจตุตถฌาน ก็เข้าถึง จตุตถฌาน
    อันไม่มีทุกข์และสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา
    เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน
    แล้วแลอยู่;
    +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญา
    โดยประการทั้งปวง เพราะความดับแห่งปฏิฆสัญญา
    เพราะไม่ได้ทำในใจซึ่งนานัตตสัญญา เราพึงเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ
    อันมีการกระทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้.
    เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะอากาสานัญจายตนะ ก็เข้าถึง อากาสานัญจายตนะ
    อันมีการกระทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สุด”
    ดังนี้
    เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง
    เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะไม่ได้ทำในใจซึ่งนานัตตสัญญา แล้วแลอยู่ ;
    +--เธอเสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะ
    โดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงวิญญาณัญจายตนะอันมีการทำในใจว่า
    “วิญญาณไม่มีที่สุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะวิญญาณัญจายตนะ ก็เข้าถึง วิญญาณัญจายตนะ
    อันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สุด”
    ดังนี้
    เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่ ;
    +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง
    เราพึงเข้าถึงอากิญจัญญายตนะอันมีการทำในใจว่า
    “อะไรๆไม่มี” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะอากิญจัญญายตนะ ก็เข้าถึง อากิญจัญญายตนะ
    อันมีการทำในใจว่า “อะไรๆ ไม่มี” ดังนี้
    เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่ง วิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่;
    +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    --เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากิญจัญญายตนะ
    โดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะเนวสัญญานาสัญญายตนะ
    ก็เข้าถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากิญจัญญายตนะ
    โดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่ ;
    +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ
    โดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็เข้าถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ
    เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวงแล้วแลอยู่ .-

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่#ไทยสุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นวก. อํ. 23/338 - 342/239.
    http://etipitaka.com/read/thai/23/338/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นวก. อํ. ๒๓/๔๓๓ - ๔๓๗/๒๓๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/433/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%99
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=729
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54&id=729
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54
    ลำดับสาธยายธรรม : 54​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_54.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การทำสมาธิมีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน สัทธรรมลำดับที่ : 729 ชื่อบทธรรม :- การทำสมาธิมีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=729 เนื้อความทั้งหมด :- --การทำสมาธิ มีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนโคหากินตามภูเขาโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ. มันได้คิดว่า “จะเที่ยวไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป จะกินหญ้าที่ไม่เคยกิน จะดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม” ดังนี้ มันวางเท้าหน้าอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อยกเท้าหลัง (จึงพลาดล้ม) มันก็ไม่อาจไปถึงทิศทางที่ไม่เคยไป ไม่ได้กินหญ้าที่ไม่เคยกิน ไม่ได้ดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม และทั้งไม่อาจกลับมาสู่ที่ที่มันเคยยืนคิดทีแรกโดยสวัสดีด้วย. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า #โคตัวนั้นซึ่งหากินตามภูเขาเป็นโคโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ, นี้ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน : ภิกษุบางรูป ในกรณีนี้ เป็นพาล ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาด เพื่อจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌานอันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่. เธอ ไม่เสพอย่างทั่วถึง ไม่ทำให้เจริญ ไม่กระทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ไม่ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตนตั้งไว้ด้วยดี, เธอคิดว่า “ถ้ากระไรเพราะความเข้าไปสงบรำงับวิตกและวิจาร เราพึงเข้าถึงทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่ เถิด” ดังนี้; แต่เธอก็ไม่สามารถจะสงบระงับวิตกและวิจาร เข้าถึงทุติยฌาน .... แล้วแลอยู่ได้. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เราจะ (ย้อนกลับ) เข้าสู่ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก เพราะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศล เข้าถึงปฐมฌาน แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้ แต่เธอก็ไม่สามารถจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌาน .... แล้วแลอยู่ ได้. +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า พังแล้วทั้งสองด้าน เสื่อมแล้วทั้งสองฝ่าย เช่นเดียวกับโคภูเขา อันโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ ตัวนั้น. --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนโคภูเขา ที่ฉลาดเฉลียว มีไหวพริบ รอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ. มันได้คิดว่า “จะเที่ยวไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป จะกินหญ้าที่ไม่เคยกิน. จะดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม” ดังนี้ มันวางเท้าหน้าอย่างถูกต้อง แล้วจึงค่อยยกเท้าหลัง มันก็สามารถไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป ได้กินหญ้าที่ไม่เคยกิน ดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม และทั้งสามารถกลับมาสู่ที่ที่มันเคยยืนคิดทีแรกโดยสวัสดีได้ด้วย. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า #โคภูเขานั้นเป็นโคฉลาดเฉลียว มีไหวพริบรอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ, นี้ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! ภิกษุบางรูป ในกรณีนี้ ก็ฉันนั้น : เธอเป็นบัณฑิตมี ไหวพริบ รอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่, เธอเสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะความเข้าไปสงบรำงับวิตกและวิจารเสียได้ เราพึงเข้าทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิแล้วแลอยู่ เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะทุติยฌาน ก็เข้าถึง ทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ เพราะความเข้าไปสงบระงับวิตกและวิจารเสียได้ แล้วแลอยู่ ; +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เราพึงเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และพึงเสวยความสุขด้วยนามกาย เข้าถึงตติยฌาน อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ แล้วแลอยู่ เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะตติยฌาน ก็เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญยะ และพึงเสวยความสุขด้วย นามกาย เข้าถึง ตติยฌาน อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข” ดังนี้ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ แล้วแลอยู่; +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน เราพึงเข้าถึงจตุตถฌานอันไม่มีทุกข์และสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะจตุตถฌาน ก็เข้าถึง จตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์และสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน แล้วแลอยู่; +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญา โดยประการทั้งปวง เพราะความดับแห่งปฏิฆสัญญา เพราะไม่ได้ทำในใจซึ่งนานัตตสัญญา เราพึงเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ อันมีการกระทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะอากาสานัญจายตนะ ก็เข้าถึง อากาสานัญจายตนะ อันมีการกระทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สุด” ดังนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะไม่ได้ทำในใจซึ่งนานัตตสัญญา แล้วแลอยู่ ; +--เธอเสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะ โดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงวิญญาณัญจายตนะอันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะวิญญาณัญจายตนะ ก็เข้าถึง วิญญาณัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สุด” ดังนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่ ; +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงอากิญจัญญายตนะอันมีการทำในใจว่า “อะไรๆไม่มี” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะอากิญจัญญายตนะ ก็เข้าถึง อากิญจัญญายตนะ อันมีการทำในใจว่า “อะไรๆ ไม่มี” ดังนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่ง วิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่; +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. --เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากิญจัญญายตนะ โดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะเนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็เข้าถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากิญจัญญายตนะ โดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่ ; +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็เข้าถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวงแล้วแลอยู่ .- #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่​ #ไทยสุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นวก. อํ. 23/338 - 342/239. http://etipitaka.com/read/thai/23/338/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นวก. อํ. ๒๓/๔๓๓ - ๔๓๗/๒๓๙. http://etipitaka.com/read/pali/23/433/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%99 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=729 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54&id=729 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54 ลำดับสาธยายธรรม : 54​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_54.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - การทำสมาธิ มีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน
    -(โดยหลักจิตวิทยาตามธรรมชาติทั่วไป แห่งจิตวิทยาสมัยปัจจุบัน ทุกคนพอจะมองเห็นได้เองว่า สัญญา (PERCEPTION) จะต้องเกิดก่อนความรู้ (KNOWLEDGE) หรือญาณ (WISDOM) เสมอ; คือเมื่อเรารู้จักหรือรู้สึกต่อสิ่งใดอย่างทั่วถึงแล้ว เราก็เกิดความรู้สึกว่าสิ่งนั้นมีเรื่องราว มีลักษณะ มีเหตุผล ฯลฯ เป็นอย่างไร, นี้สรุปว่า เมื่อเรารู้จักสิ่งนั้นแล้ว เราจึงจะมีความรู้เรื่องสิ่งนั้นโดยครบถ้วน. นี้คือ อาการที่สัญญาเกิดก่อนญาณ. ส่วนในทางธรรมะนั้น ต้องทำสัญญา (การกำหนด) ในสิ่งที่นำมาเป็นอารมณ์ของสมาธิหรือวิปัสสนานั้นเสียก่อนอย่างทั่วถึง แล้วก็จะเกิดความรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้น เช่นรู้ว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างไร เป็นต้น ต่อภายหลัง ซึ่งเรียกว่าญาณ ; มีสัญญาและญาณเป็นคู่ ๆ ดังนี้ เป็นลำดับ ๆ ขึ้นไป จนกระทั่งถึงสัญญาและญาณคู่สุดท้าย เช่น สัญญาในความหลุดพ้น ก็เกิดญาณว่าหลุดพ้น แล้วดังนี้ ซึ่งเป็นญาณสุดท้ายในทางธรรม). การทำสมาธิ มีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนโคหากินตามภูเขา โง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ. มันได้คิดว่า “จะเที่ยวไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป จะกินหญ้าที่ไม่เคยกิน จะดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม” ดังนี้ มันวางเท้าหน้าอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อยกเท้าหลัง (จึงพลาดล้ม) มันก็ไม่อาจไปถึงทิศทางที่ไม่เคยไป ไม่ได้กินหญ้าที่ไม่เคยกิน ไม่ได้ดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม และทั้งไม่อาจกลับมาสู่ที่ที่มันเคยยืนคิดทีแรกโดยสวัสดีด้วย. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า โคตัวนั้นซึ่งหากินตามภูเขา เป็นโคโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ, นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน : ภิกษุบางรูป ในกรณีนี้ เป็นพาล ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะสงัดจากกาม สงัดจาก อกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌานอันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่. เธอ ไม่เสพอย่างทั่วถึง ไม่ทำให้เจริญ ไม่กระทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ไม่ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตนตั้งไว้ด้วยดี, เธอคิดว่า “ถ้ากระไรเพราะความเข้าไปสงบรำงับวิตกและวิจาร เราพึงเข้าถึงทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่ เถิด” ดังนี้; แต่เธอก็ไม่สามารถจะสงบระงับวิตกและวิจาร เข้าถึงทุติยฌาน .... แล้วแลอยู่ได้. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เราจะ (ย้อนกลับ) เข้าสู่ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก เพราะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศล เข้าถึงปฐมฌาน แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้ แต่เธอก็ไม่สามารถจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌาน .... แล้วแลอยู่ ได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า พังแล้วทั้งสองด้าน เสื่อมแล้วทั้งสองฝ่าย เช่นเดียวกับโคภูเขา อันโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ ตัวนั้น. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนโคภูเขา ที่ฉลาดเฉลียว มีไหวพริบ รอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ. มันได้คิดว่า “จะเที่ยวไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป จะกินหญ้าที่ไม่เคยกิน. จะดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม” ดังนี้ มันวางเท้าหน้าอย่างถูกต้อง แล้วจึงค่อยยกเท้าหลัง มันก็สามารถไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป ได้กินหญ้าที่ไม่เคยกิน ดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม และทั้งสามารถกลับมาสู่ที่ที่มันเคยยืนคิดทีแรกโดยสวัสดีได้ด้วย. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า โคภูเขานั้นเป็นโคฉลาดเฉลียว มีไหวพริบรอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ, นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! ภิกษุบางรูป ในกรณีนี้ ก็ฉันนั้น : เธอเป็นบัณฑิตมี ไหวพริบ รอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่, เธอเสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะความเข้าไปสงบรำงับวิตกและวิจารเสียได้ เราพึงเข้าทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิแล้วแลอยู่ เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะทุติยฌาน ก็เข้าถึง ทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ เพราะความเข้าไปสงบระงับวิตกและวิจารเสียได้ แล้วแลอยู่ ; เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เราพึงเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และพึงเสวยความสุขด้วยนามกาย เข้าถึงตติยฌานอันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ แล้วแลอยู่ เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะตติยฌาน ก็เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญยะ และพึงเสวยความสุขด้วย นามกาย เข้าถึง ตติยฌาน อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข” ดังนี้ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ แล้วแลอยู่; เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน เราพึงเข้าถึงจตุตถฌานอันไม่มีทุกข์และสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะจตุตถฌาน ก็เข้าถึง จตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์และสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน แล้วแลอยู่; เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญา โดยประการทั้งปวง เพราะความดับแห่งปฏิฆสัญญา เพราะไม่ได้ทำในใจซึ่งนานัตตสัญญา เราพึงเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ อันมีการกระทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะอากาสานัญจายตนะ ก็เข้าถึง อากาสานัญจายตนะ อันมีการกระทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สุด” ดังนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะไม่ได้ทำในใจซึ่งนานัตตสัญญา แล้วแลอยู่ ; เธอเสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงวิญญาณัญจายตนะอันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะวิญญาณัญจายตนะ ก็เข้าถึง วิญญาณัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สุด” ดังนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่ ; เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงอากิญจัญญายตนะอันมีการทำในใจว่า “อะไรๆไม่มี” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะอากิญจัญญายตนะ ก็เข้าถึง อากิญจัญญายตนะ อันมีการทำในใจว่า “อะไรๆ ไม่มี” ดังนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่ง วิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่; เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากิญจัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะเนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็เข้าถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากิญจัญญายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่ ; เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็เข้าถึง สัญญา เวทยิตนิโรธ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวงแล้วแลอยู่ .
    0 Comments 0 Shares 252 Views 0 Reviews
  • "ทหารไทยมีสิทธิ์ขับไล่!" พลตรีวันชนะ โต้กลับกัมพูชา ยันชาวบ้านรุกล้ำอธิปไตยชัดเจน จ่อเสนอ JBC ขับไล่ตามกฎหมาย
    https://www.thai-tai.tv/news/21153/
    .
    #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองบัญชาการกองทัพไทย #ข่าวความมั่นคง #ข่าวทหาร #พลตรีวันชนะสวัสดี #ไทยไท
    "ทหารไทยมีสิทธิ์ขับไล่!" พลตรีวันชนะ โต้กลับกัมพูชา ยันชาวบ้านรุกล้ำอธิปไตยชัดเจน จ่อเสนอ JBC ขับไล่ตามกฎหมาย https://www.thai-tai.tv/news/21153/ . #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองบัญชาการกองทัพไทย #ข่าวความมั่นคง #ข่าวทหาร #พลตรีวันชนะสวัสดี #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews
  • กราบสวัสดีอาจารย์สนธิคะ หนูได้ดูรายการย้อนหลังที่ออกอากาศเมื่อวันศุกร์แล้ว ดูแล้วเข้าใจชัดเจนเห็นภาพเลย ไม่เข้าใจเลยว่าคนไทยจะขายชาติขายแผ่นดินกินกันได้ขนาดนี้ น่าเศร้าใจจริงๆประเทศไทยๆให้บ้านให้ชีวิตให้ครอบครัว มีอิสระ คนพวกนั้นอดอยากไหมก็ไม่ ถ้ามีชีวิตแบบพอเพียงมีมากพอแล้วจะต้องการกอบโกยโกงกินกันไปถึงไหน จะพอมีฝั่งไหม ต่อให้บ้านปูด้วยทองคำทั้งหลังก็คงไม่พอ แค้นใจ เจ็บใจจริงๆ ประชาชนอยู่อย่างยากลำบาก รายได้ต่อเดือนๆแทบไม่ชนเดือน แพงทั้งแผ่นดิน น้ำมัน,แก๊ส ขุดในไทยอิงราคาไปสิงค์โปร์ คนไทยใช้พลังงานแพงไฟฟ้าแพงทั้งๆที่ผลิตเกินความต้องการในประเทศมันควรจะถูกจริงไหมอุปสงค์อุปทานมันสวนทางกับความเป็นจริง #นักการเมืองเป็นอาชีพที่รวยเร็วมาก คนหาเช้ากินค่ำจะมีเงินมีบ้านสักหลังทำงานทั้งชีวิตอดสูใจมาก #นักการเมืองมีไว้ทำไม? ผลประโยชน์ส่วนตัวแต่อ้างเป็นตัวแทนประชาชนๆเบื่อมากๆข้าราชการที่รับใช้นักการเมืองอีกล่ะขายชาติ ขนแรงงานขายสัญชาติไทยให้ต่างชาติต่อไปมันก็จะมาเหยียบหัวคนไทยนั่นแหละ รุ่นลูกหลานเหลนจะใช้ชีวิตกันยังไง ไม่สนกูขอรวยตระกูลกูสบายใครจะเป็นยังไงไม่สน"ตอนอยู่นอกวงมองเห็นปัญหาสารพัดพอเข้าวงหน้ามือเป็นหลังมือ"หนูไม่เคยติดยึดตัวบุคคลใครผิดใครถูกว่าไปตามนั้น ยอมรับว่าเวลาเราศรัธทานับถือใครสักคน แล้วพบว่าภายหลังไม่ใช่ ก็เสียใจนะ แต่ก็ช่างมันเถอะใครทำกรรมใดกรรมนั้นก็จะติดตามเขาไปเอง#MOU43,44..มันควรยกเลิกไปได้เลยล้าน%เพราะคุณไปคุยไปตกลงกันเองสร้างมูลเหตุขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวทำไม.."ในเมื่อไม่มีพื้นที่ส่วนใดทับซ้อนไม่ว่าบนบกหรือในทะเล การปักปันเขตแดนเสร็จสิ้นตั้งแต่สมัยสยาม-ฝรั่งเศสแล้ว"หลักหมุดเขตแดนก็ชัดเจนตรงไหนพื้นทับซ้อนไม่ทราบ?"ผลประโยชน์ทับซ้อนมากกว่า#เสด็จพ่อ.ร.5ท่านต้องยอมสละเกาะกง,เสียมราษฏร์,พระตะบอง,ศรีโสภณ..ให้ฝรั่งเศสแต่พอปลดปล่อยกลับไม่คืนให้สยามกับให้อยู่กับกัมพูชาซึ้งมันโกงชัดๆถ้าให้คนเขมรในจังหวัดเหล่านั้นลงประมติว่าจะอยู่กับไทยไหมเชื่อว่าเกินร้อยไม่ต้องการอยู่อย่างทาสในกัมพูชาหรอกแต่คนเขมรถูกปกครองแบบทาสมานานถูกล้างสมองให้รับรู้ข่าวสารด้านเดียวโดยผู้นำเผด็จการแยกดีชั่วไม่เป็นยากจะแก้ไข เราก็ไม่ได้อยากได้คนแล้ว "แต่คนไทยที่แยกถูกผิดไม่ได้ขายศักดิ์ศรีตนเองเพียงเพื่อเงินน่าละอายที่สุด"เงยหน้าอายฟ้า ก้มหน้าอายดิน ละอายใจกันบ้างไหม.สะสมทรัพย์สมบัติไปทำไมถ้าไร้แผ่นดินจะยืนตรงไหนให้มีเกียรติได้ถามจริงๆ"ตายไปจะบอกบรรพบุรุษได้ยังไงแผ่นดินที่ท่านเหล่านั้นใช้เลือดเนื้อและชีวิตแลกมา ไอลูกหลานจัญไรกับมาขายกิน#ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องเจรจากับเขมรที่มันไร้อริยะสับปรับไร้สัจจะหน้าไหว้หลักหลอกชอบแทงข้างหลัง"ส่วนตัวประสาทต่างๆสยามขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานก่อนจะมีประเทศกัมพูชาซะอีกให้ทหารเขมรเข้ามาลาดตระเวนร่วมกับทหารไทยทำไม#ฝากถึงท่านแม่ทัพภาค2ทำกำแพงรั้วกันถาวรไทยควรทำให้เสร็จโดยไว ถ้าเกิดสงครามสั่งสอน คนเขมรจะหนีเข้าไทยเป็นภาระเหมือนพม่าที่พบพระ จ.ตากเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ ชาวยิวเต็มที่แม่ฮ่องสอนฝ่ายความมั่นคงปล่อยให้เข้ามาอยู่ยาวกันแบบมีกลุ่มชุมชนได้ยังไงต่อไปก็จะโดนยึดแบบปาเลสไตน์คนไทยไม่เป็นแบบกาซ่ารึ ภูเก็ตเขมรสลัมก็เต็มไปหมดแม้แต่ชาวรัสเซียกร่างมากมาย,ชลบุรีก็มีจีนเทาครองเมืองแล้ว"หลับตากันอยู่หรือ?ถึงไม่เห็น"#ประเทศไทยอยากเป็นแบบไหนละ"ซีเรีย,ลิเบีย,กาซ่า,ยูเครน,เวเนฯลฯ90%ตายในประเทศ...1%หนีไปเป็นผู้อพยพพลเมืองชั้น3ในประเทศคนอื่นเอาแบบไหนดีล่ะ"องค์กรต่างๆก็ปชช.ก็ขาดศรัธทาหมดแล้ว โปร่งใสอันดับ1ตลก#ขอรั้วกันถาวรแบบเวียดนามๆเขาก็มีระยะทางยาวแต่เขาทำเสร็จเร็วมากๆ ไทยจะทำรั้วบ้านเราคงไม่ต้องไปขออนุญาติข้างบ้านมั้งคะ ทำไม่ทันปชช.พร้อมช่วยงบไม่พอพร้อมโอน-ถ้าช้ากัมพูชาโดนจีนสั่งสอนมันต้องหนีเข้าไทยๆรับไม่ไหวเศรษฐกิจไทยก็ไม่ดีต้องมาเลี้ยงดูอีกคงไม่ไหว"พวก "UN.มันให้เรารับภาระแต่ไม่ให้เงินแย่นะว่าก็ว่าเถอะช่วยจัดการผลักดันพม่ากลับประเทศมันไปเถอะคอยช่วยคนพวกนี้ก็เหมือนเขมรเลี้ยงไม่เชื่องหรอกได้คืบจะเอาศอกไอนี่ก็เกรงใจเขมรเหลือเกินจะทำอะไรก็กลัวๆอะไร????
    กราบสวัสดีอาจารย์สนธิคะ หนูได้ดูรายการย้อนหลังที่ออกอากาศเมื่อวันศุกร์แล้ว ดูแล้วเข้าใจชัดเจนเห็นภาพเลย ไม่เข้าใจเลยว่าคนไทยจะขายชาติขายแผ่นดินกินกันได้ขนาดนี้ น่าเศร้าใจจริงๆประเทศไทยๆให้บ้านให้ชีวิตให้ครอบครัว มีอิสระ คนพวกนั้นอดอยากไหมก็ไม่ ถ้ามีชีวิตแบบพอเพียงมีมากพอแล้วจะต้องการกอบโกยโกงกินกันไปถึงไหน จะพอมีฝั่งไหม ต่อให้บ้านปูด้วยทองคำทั้งหลังก็คงไม่พอ แค้นใจ เจ็บใจจริงๆ ประชาชนอยู่อย่างยากลำบาก รายได้ต่อเดือนๆแทบไม่ชนเดือน แพงทั้งแผ่นดิน น้ำมัน,แก๊ส ขุดในไทยอิงราคาไปสิงค์โปร์ คนไทยใช้พลังงานแพงไฟฟ้าแพงทั้งๆที่ผลิตเกินความต้องการในประเทศมันควรจะถูกจริงไหมอุปสงค์อุปทานมันสวนทางกับความเป็นจริง #นักการเมืองเป็นอาชีพที่รวยเร็วมาก คนหาเช้ากินค่ำจะมีเงินมีบ้านสักหลังทำงานทั้งชีวิตอดสูใจมาก #นักการเมืองมีไว้ทำไม? ผลประโยชน์ส่วนตัวแต่อ้างเป็นตัวแทนประชาชนๆเบื่อมากๆข้าราชการที่รับใช้นักการเมืองอีกล่ะขายชาติ ขนแรงงานขายสัญชาติไทยให้ต่างชาติต่อไปมันก็จะมาเหยียบหัวคนไทยนั่นแหละ รุ่นลูกหลานเหลนจะใช้ชีวิตกันยังไง ไม่สนกูขอรวยตระกูลกูสบายใครจะเป็นยังไงไม่สน"ตอนอยู่นอกวงมองเห็นปัญหาสารพัดพอเข้าวงหน้ามือเป็นหลังมือ"หนูไม่เคยติดยึดตัวบุคคลใครผิดใครถูกว่าไปตามนั้น ยอมรับว่าเวลาเราศรัธทานับถือใครสักคน แล้วพบว่าภายหลังไม่ใช่ ก็เสียใจนะ แต่ก็ช่างมันเถอะใครทำกรรมใดกรรมนั้นก็จะติดตามเขาไปเอง#MOU43,44..มันควรยกเลิกไปได้เลยล้าน%เพราะคุณไปคุยไปตกลงกันเองสร้างมูลเหตุขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวทำไม.."ในเมื่อไม่มีพื้นที่ส่วนใดทับซ้อนไม่ว่าบนบกหรือในทะเล การปักปันเขตแดนเสร็จสิ้นตั้งแต่สมัยสยาม-ฝรั่งเศสแล้ว"หลักหมุดเขตแดนก็ชัดเจนตรงไหนพื้นทับซ้อนไม่ทราบ?"ผลประโยชน์ทับซ้อนมากกว่า#เสด็จพ่อ.ร.5ท่านต้องยอมสละเกาะกง,เสียมราษฏร์,พระตะบอง,ศรีโสภณ..ให้ฝรั่งเศสแต่พอปลดปล่อยกลับไม่คืนให้สยามกับให้อยู่กับกัมพูชาซึ้งมันโกงชัดๆถ้าให้คนเขมรในจังหวัดเหล่านั้นลงประมติว่าจะอยู่กับไทยไหมเชื่อว่าเกินร้อยไม่ต้องการอยู่อย่างทาสในกัมพูชาหรอกแต่คนเขมรถูกปกครองแบบทาสมานานถูกล้างสมองให้รับรู้ข่าวสารด้านเดียวโดยผู้นำเผด็จการแยกดีชั่วไม่เป็นยากจะแก้ไข เราก็ไม่ได้อยากได้คนแล้ว "แต่คนไทยที่แยกถูกผิดไม่ได้ขายศักดิ์ศรีตนเองเพียงเพื่อเงินน่าละอายที่สุด"เงยหน้าอายฟ้า ก้มหน้าอายดิน ละอายใจกันบ้างไหม👎.สะสมทรัพย์สมบัติไปทำไมถ้าไร้แผ่นดินจะยืนตรงไหนให้มีเกียรติได้ถามจริงๆ"ตายไปจะบอกบรรพบุรุษได้ยังไงแผ่นดินที่ท่านเหล่านั้นใช้เลือดเนื้อและชีวิตแลกมา ไอลูกหลานจัญไรกับมาขายกิน#ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องเจรจากับเขมรที่มันไร้อริยะสับปรับไร้สัจจะหน้าไหว้หลักหลอก😱ชอบแทงข้างหลัง"ส่วนตัวประสาทต่างๆสยามขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานก่อนจะมีประเทศกัมพูชาซะอีกให้ทหารเขมรเข้ามาลาดตระเวนร่วมกับทหารไทยทำไม#ฝากถึงท่านแม่ทัพภาค2ทำกำแพงรั้วกันถาวรไทยควรทำให้เสร็จโดยไว ถ้าเกิดสงครามสั่งสอน คนเขมรจะหนีเข้าไทยเป็นภาระเหมือนพม่าที่พบพระ จ.ตากเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ ชาวยิวเต็มที่แม่ฮ่องสอนฝ่ายความมั่นคงปล่อยให้เข้ามาอยู่ยาวกันแบบมีกลุ่มชุมชนได้ยังไงต่อไปก็จะโดนยึดแบบปาเลสไตน์คนไทยไม่เป็นแบบกาซ่ารึ ภูเก็ตเขมรสลัมก็เต็มไปหมดแม้แต่ชาวรัสเซียกร่างมากมาย,ชลบุรีก็มีจีนเทาครองเมืองแล้ว"หลับตากันอยู่หรือ?🙈ถึงไม่เห็น"#ประเทศไทยอยากเป็นแบบไหนละ"ซีเรีย,ลิเบีย,กาซ่า,ยูเครน,เวเนฯลฯ90%ตายในประเทศ...1%หนีไปเป็นผู้อพยพพลเมืองชั้น3ในประเทศคนอื่นเอาแบบไหนดีล่ะ🤔"องค์กรต่างๆก็ปชช.ก็ขาดศรัธทาหมดแล้ว โปร่งใสอันดับ1😆ตลก😜#ขอรั้วกันถาวรแบบเวียดนามๆเขาก็มีระยะทางยาวแต่เขาทำเสร็จเร็วมากๆ ไทยจะทำรั้วบ้านเราคงไม่ต้องไปขออนุญาติข้างบ้านมั้งคะ ทำไม่ทันปชช.พร้อมช่วยงบไม่พอพร้อมโอน-ถ้าช้ากัมพูชาโดนจีนสั่งสอนมันต้องหนีเข้าไทยๆรับไม่ไหวเศรษฐกิจไทยก็ไม่ดีต้องมาเลี้ยงดูอีกคงไม่ไหว"พวก "UN.มันให้เรารับภาระแต่ไม่ให้เงินแย่นะว่าก็ว่าเถอะช่วยจัดการผลักดันพม่ากลับประเทศมันไปเถอะ🍊คอยช่วยคนพวกนี้ก็เหมือนเขมรเลี้ยงไม่เชื่องหรอกได้คืบจะเอาศอก🍉ไอนี่ก็เกรงใจเขมรเหลือเกินจะทำอะไรก็กลัวๆอะไร????
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 369 Views 0 Reviews
  • ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก ตอนที่ 4

    ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก (4)
    เพื่อเป็นการเตรียมปฎิบัติการกระชากสร้อย ให้สมบูรณ์ อเมริกาได้ปรับปรุงฐานทัพตนเอง
    ที่ตั้งอยู่ที Okinawa ใ้ห้เป็นศูนย์กลางของกองทัพในการรับมือกับจีน
    ปี 2010 มีทหารอเมริกัน จำนวน 35,000 นาย กับ พลเรือนที่กินเงินเดือนรัฐบาล อีกจำนวน
    5,500 นาย ประจำอยู่ที่ฐานทัพนี้ ยังมีกองทัพเรือที่ 7 อยู่ที่ Yukosuku และหน่วย
    นาวิกโยธิน อยู่ที่ Okinawa กับเครื่องบินรบของกองทัพอากาศ อีก 130 ลำ อยู่ที่
    ฐานทัพอากาศ Misawa และ Kadena นี่ยังไม่นับทหารอีก 45,000 นาย ที่ประจำการอยู่ที่เกาหลีใต้
    นอกจากนี้ อเมริกายังมีฐานทัพใหญ่ แอบอยู่ที่เกาะDiego Garcia แถวมหาสมุทรอินเดีย
    ปี 1971 กองทัพอเมริกาได้ขับไล่ชาวเกาะ ที่อาศัยอยู่ที่เกาะนี้ออกไปทั้งหมด เพื่อยึดเกาะนี้สร้างฐานทัพใหญ่ และจากฐานทัพนี้แหละที่อเมริกาดำเนินภาระกิจต่ออิรัค และ อัฟกานิสถาน
    ไม่ใช่แค่นั้น ปฏิบัติการกระชากสร้อย ยังมีส่วนที่น่าสนใจยิ่ง สำหรับสมันน้อย
    เพื่อเป็นกุญแจ 2 ชั้น กันจีนไม่ให้ผงาดทาบอเมริกาสำเร็จ และเข้าถึงแหล่งน้ำมัน
    ยากขึ้น อเมริกาจึงจัดหนัก ส่งออกสินค้าประเภท “Arab Spring” ไปทั่ว
    ระหว่าง ที่ประชาชนเรือนล้าน ใน ตูนีเซีย ลิเบีย อียิปต์ และ อีกหลายๆแห่ง ทีกระหายในเสรีภาพและประชาธิปไตย เป็นเรื่องจริง แต่เขาเหล่านั้น ก็ตกเป็นเหยื่อ ของยุทธศาสตร์การสร้างความโกลาหล ที่มีการจัดให้เกิดขึ้นในโลกอิสลาม ที่อุดมด้วยน้ำมัน ตั้งแต่ ลิเบีย ในอาฟริกาเหนือ ไล่มาจนถึงซีเรียและ อิหร่าน ในตะวันออกกลาง
    แล้วแน่ใจไหมว่า สินค้าประเภท Spring นั้นจิ๊กโก๋ส่งมาให้ไทยแลนด์ด้วยหรือเปล่า ดูกันให้ดีๆแล้วกัน สมันน้อย
    ความอยากได้น้ำมันของอเมริกา และความไม่อยากให้จีนได้น้ำมัน คืบไปเกือบทุกพื้นที่ในโลก ที่มี หรือคาดว่ามีน้ำมัน
    จีนประเมินว่า ทะเลจีนใต้ มีน้ำมันดิบประมาณ 18,000ล้านตัน (เทียบกับคูเวต ที่มี
    13,000ตัน) และประเมินว่า อาจมีแหล่งน้ำมัน แถวหมู่เกาะ Spratly และ Paraceในบริเวณทะเลจีนใต้ สูงถึงประมาณ 105,000 บาเรล และทั่วบริเวณทะเลจีนใต้ อาจเป็นตัวเลขสูงถึง 213,000 บาเรล
    ไม่น่าแปลก ที่ทะเลจีนใต้ถึงเป็นประเด็นร้อน เป็นที่ต้องการของประเทศแถวนั้น รวมทั้งประเทศที่อยู่คนละฝากของโลก อเมริกา พยายามเข้าไปขัดขา โดยใช้อิทธิพลทางการค้า
    ที่มีกับเวียตนาม
    และเมื่อเดือน กรกฎาคม 2012 เวียตนาม ก็ผ่านกฏหมายกำหนดเขต
    แดนทางทะเลเสียใหม่ ซึ่งเหมารวมหมู่เกาะ Spratly และ Paracel เข้าไปด้วย ทั้งนี้โดยการสนับสนุนอย่างสุดตัว ของอเมริกา
    เพื่อให้เนียน ปี 2010 บริษัทน้ำมันใหญ่ ของอเมริกา และ อังกฤษ ได้พากันไปยื่นประมูลการ สำรวจน้ำมัน ในทะเลจีนใต้ การประมูลของ Chevron และ BP
    เป็นกลยุทธที่อเมริกา เอาไว้อ้าง สำหรับการยกทัพเข้าไปปกป้องผลประโยชน์ของตนในทะเลจีนใต้
    เล่านิทานตอน ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุกมา เพื่อให้คนอ่านนิทานเห็นภาพ ของ
    หมากล้อม ที่เขากำลังเล่นกันอยู่ เผื่อจะสนใจกันบ้าง
    เข้าใจหรอกว่า ตอนนี้ท่านผู้อ่านเกือบทุกคน กำลังสนใจ กลุ้มใจ ฯลฯ รวมทั้ง นั่งตากแดด ตากฝน ประกาศให้รู้ว่า เราไม่เอากฎหมายนิรโทษกรรม
    (คนเขียนนิทานก็ไม่เอาครับ)
    แต่อย่าลืมเรื่องกรณีเวียตนาม ที่ออกกฏหมายกำหนดเขตแดนทางทะเลใหม่
    แล้วนึกถึงเขมร เขาพระวิหาร และ รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ เขาเพิ่งใช้เสียงข้างมาก
    ขโมยสิทธิ ในการรับรู้ของเราไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 พย นี้เอง รวมทั้งสินค้าส่งออกยี่ห้อ Spring กันบ้าง
    จิ๊กโก๋ ยังไม่ได้เปลี่ยนนิสัยสันดาน เล่ห์เหลียมที่ใช้ ก็ เดิมๆ เรื่องมันเหมือนใหม่ แต่ให้ตายเถอะ มันแค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนตัวเล่น แค่นั้นเอง
    สวัสดีครับ

    คนเล่านิทาน
    ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก ตอนที่ 4 ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก (4) เพื่อเป็นการเตรียมปฎิบัติการกระชากสร้อย ให้สมบูรณ์ อเมริกาได้ปรับปรุงฐานทัพตนเอง ที่ตั้งอยู่ที Okinawa ใ้ห้เป็นศูนย์กลางของกองทัพในการรับมือกับจีน ปี 2010 มีทหารอเมริกัน จำนวน 35,000 นาย กับ พลเรือนที่กินเงินเดือนรัฐบาล อีกจำนวน 5,500 นาย ประจำอยู่ที่ฐานทัพนี้ ยังมีกองทัพเรือที่ 7 อยู่ที่ Yukosuku และหน่วย นาวิกโยธิน อยู่ที่ Okinawa กับเครื่องบินรบของกองทัพอากาศ อีก 130 ลำ อยู่ที่ ฐานทัพอากาศ Misawa และ Kadena นี่ยังไม่นับทหารอีก 45,000 นาย ที่ประจำการอยู่ที่เกาหลีใต้ นอกจากนี้ อเมริกายังมีฐานทัพใหญ่ แอบอยู่ที่เกาะDiego Garcia แถวมหาสมุทรอินเดีย ปี 1971 กองทัพอเมริกาได้ขับไล่ชาวเกาะ ที่อาศัยอยู่ที่เกาะนี้ออกไปทั้งหมด เพื่อยึดเกาะนี้สร้างฐานทัพใหญ่ และจากฐานทัพนี้แหละที่อเมริกาดำเนินภาระกิจต่ออิรัค และ อัฟกานิสถาน ไม่ใช่แค่นั้น ปฏิบัติการกระชากสร้อย ยังมีส่วนที่น่าสนใจยิ่ง สำหรับสมันน้อย เพื่อเป็นกุญแจ 2 ชั้น กันจีนไม่ให้ผงาดทาบอเมริกาสำเร็จ และเข้าถึงแหล่งน้ำมัน ยากขึ้น อเมริกาจึงจัดหนัก ส่งออกสินค้าประเภท “Arab Spring” ไปทั่ว ระหว่าง ที่ประชาชนเรือนล้าน ใน ตูนีเซีย ลิเบีย อียิปต์ และ อีกหลายๆแห่ง ทีกระหายในเสรีภาพและประชาธิปไตย เป็นเรื่องจริง แต่เขาเหล่านั้น ก็ตกเป็นเหยื่อ ของยุทธศาสตร์การสร้างความโกลาหล ที่มีการจัดให้เกิดขึ้นในโลกอิสลาม ที่อุดมด้วยน้ำมัน ตั้งแต่ ลิเบีย ในอาฟริกาเหนือ ไล่มาจนถึงซีเรียและ อิหร่าน ในตะวันออกกลาง แล้วแน่ใจไหมว่า สินค้าประเภท Spring นั้นจิ๊กโก๋ส่งมาให้ไทยแลนด์ด้วยหรือเปล่า ดูกันให้ดีๆแล้วกัน สมันน้อย ความอยากได้น้ำมันของอเมริกา และความไม่อยากให้จีนได้น้ำมัน คืบไปเกือบทุกพื้นที่ในโลก ที่มี หรือคาดว่ามีน้ำมัน จีนประเมินว่า ทะเลจีนใต้ มีน้ำมันดิบประมาณ 18,000ล้านตัน (เทียบกับคูเวต ที่มี 13,000ตัน) และประเมินว่า อาจมีแหล่งน้ำมัน แถวหมู่เกาะ Spratly และ Paraceในบริเวณทะเลจีนใต้ สูงถึงประมาณ 105,000 บาเรล และทั่วบริเวณทะเลจีนใต้ อาจเป็นตัวเลขสูงถึง 213,000 บาเรล ไม่น่าแปลก ที่ทะเลจีนใต้ถึงเป็นประเด็นร้อน เป็นที่ต้องการของประเทศแถวนั้น รวมทั้งประเทศที่อยู่คนละฝากของโลก อเมริกา พยายามเข้าไปขัดขา โดยใช้อิทธิพลทางการค้า ที่มีกับเวียตนาม และเมื่อเดือน กรกฎาคม 2012 เวียตนาม ก็ผ่านกฏหมายกำหนดเขต แดนทางทะเลเสียใหม่ ซึ่งเหมารวมหมู่เกาะ Spratly และ Paracel เข้าไปด้วย ทั้งนี้โดยการสนับสนุนอย่างสุดตัว ของอเมริกา เพื่อให้เนียน ปี 2010 บริษัทน้ำมันใหญ่ ของอเมริกา และ อังกฤษ ได้พากันไปยื่นประมูลการ สำรวจน้ำมัน ในทะเลจีนใต้ การประมูลของ Chevron และ BP เป็นกลยุทธที่อเมริกา เอาไว้อ้าง สำหรับการยกทัพเข้าไปปกป้องผลประโยชน์ของตนในทะเลจีนใต้ เล่านิทานตอน ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุกมา เพื่อให้คนอ่านนิทานเห็นภาพ ของ หมากล้อม ที่เขากำลังเล่นกันอยู่ เผื่อจะสนใจกันบ้าง เข้าใจหรอกว่า ตอนนี้ท่านผู้อ่านเกือบทุกคน กำลังสนใจ กลุ้มใจ ฯลฯ รวมทั้ง นั่งตากแดด ตากฝน ประกาศให้รู้ว่า เราไม่เอากฎหมายนิรโทษกรรม (คนเขียนนิทานก็ไม่เอาครับ) แต่อย่าลืมเรื่องกรณีเวียตนาม ที่ออกกฏหมายกำหนดเขตแดนทางทะเลใหม่ แล้วนึกถึงเขมร เขาพระวิหาร และ รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ เขาเพิ่งใช้เสียงข้างมาก ขโมยสิทธิ ในการรับรู้ของเราไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 พย นี้เอง รวมทั้งสินค้าส่งออกยี่ห้อ Spring กันบ้าง จิ๊กโก๋ ยังไม่ได้เปลี่ยนนิสัยสันดาน เล่ห์เหลียมที่ใช้ ก็ เดิมๆ เรื่องมันเหมือนใหม่ แต่ให้ตายเถอะ มันแค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนตัวเล่น แค่นั้นเอง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 386 Views 0 Reviews

  • อ่านนิทานกันมาแล้ว 18 ตอน คนเล่านิทาน ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ที่มีความอุตสาหะ อดทน ติดตามอ่าน และให้กำลังใจ รวมทั้ง ห่วงใยสวัสดิภาพคนเล่านิทาน
    แต่ที่สำคัญสำหรับคนเล่านิทาน รวมทั้งท่านผู่อ่านทั้งหลาย คือ ท่านที่ส่งความคิดเห็น (comment) มาถึงคนเล่านิทาน และแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นระหว่างผู้อ่านนิทานด้วยกันเอง ทำให้นิทานน่าติดตามมากขึ้นและวงกว้างขี้น
    จิ๊กโก๋๋จะเลือกประทับทรงใคร จะใช้วิธี ตรงไปตรงมา ตะบิดตะแบงไป กลบไปฝังมาหรือใช้ ” วิธีการอื่น” อย่างที่นายคิสซิงเจอร์ คุยกับนายลีกวนยู เมื่อก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ.2516  เชื่อว่า ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอมองออก ตามทันสันดานจิ๊กโก๋๋กันแล้ว
    ดังนั้นโปรดถามตัวเอง เราจำเป็นต้องมีจิ๊กโก๋๋คุมซอยไหม
    หากทุกบ้านในซอย รู้จักดูแลตัวเอง เริ่มด้วยการหัดศึกษา หน้าตา เล่ห์เหลี่ยม วิธีคิด วิธีต้มตุ๋นของจิ๊กโก๋๋ ว่า จะมาไม้ไหน แล้วถ้าทุกบ้านในซอย รู้จักสามัคคีกัน ช่วยเหลือเจือจุนกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน  ไม่ใช่บ้านใครบ้านมัน เอาเปรียบกัน เอาแต่ทะเลาะกัน  ถ้าเราอยู่อย่างมี สติ ใช้ปัญญา จิ๊กโก๋๋หน้าไหน ไม่ว่าผมทอง ผมดำ อาเฮียกระเป๋าหนัก หรือ ไอ้พวกเลียนแบบจิ๊กโก๋๋ หรือขี้ข้าพันธุ์ไทย พันทางของ จิ๊กโก๋๋ ก็จะมาเบ่งกล้ามใส่เราไม่ได้ง่าย
    ที่สำคัญ อย่าติดนิสัยอ่อนแอ ถนัดแต่แบมือขอ หรือรออัศวินขี่ม้าขาว เดี๋ยวก็ได้อัศวินควายดำมาอีกตัวหรอก นิสัยคนไทยใจดีมีอัธยาศัย ไม่ขี้เกียจ ไม่ขี้โกง ไม่โง่ และกล้าสู้ แบบบรรพบุรุษเราน่ะ เอากลับมาใช้กันบ้าง
    แล้วอย่าลืม ต้องมีความอดทน มีความเพียร พระมหาชนกท่านสอนอะไรเราไว้บ้าง จำมาใช้กันด้วย
    แบบนี้ก็ไม่น่ามีจิ๊กโก๋๋หน้าไหน มายึดซอยของเรา ไปเป็นซอยของมัน ซอยของเรา เราอยากอยู่แบบไหนก็เรื่องของ เรา เราคุยกันเอง กำหนดกันเองได้ ไม่ใช่ให้จิ๊กโก๋๋มันมากำหนด ใครมาทำกร่าง ไม่ว่าหัวซอย กลางซอย ท้ายซอย ถ้าเราทุกบ้านพร้อมใจกันถือมีดถือไม้ ออกไปสู้กับมันพร้อมๆกัน
    ถามหน่อยเถอะ จิ๊กโก๋๋หน้าไหนจะกล้าแหยม ?!?
    สวัสดีครับ
    หมายเหตุ : โพสต์ลงเพจนิทานเรื่องจริงฯ เมื่อวันที่ 17 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2556
    อ่านนิทานกันมาแล้ว 18 ตอน คนเล่านิทาน ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ที่มีความอุตสาหะ อดทน ติดตามอ่าน และให้กำลังใจ รวมทั้ง ห่วงใยสวัสดิภาพคนเล่านิทาน แต่ที่สำคัญสำหรับคนเล่านิทาน รวมทั้งท่านผู่อ่านทั้งหลาย คือ ท่านที่ส่งความคิดเห็น (comment) มาถึงคนเล่านิทาน และแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นระหว่างผู้อ่านนิทานด้วยกันเอง ทำให้นิทานน่าติดตามมากขึ้นและวงกว้างขี้น จิ๊กโก๋๋จะเลือกประทับทรงใคร จะใช้วิธี ตรงไปตรงมา ตะบิดตะแบงไป กลบไปฝังมาหรือใช้ ” วิธีการอื่น” อย่างที่นายคิสซิงเจอร์ คุยกับนายลีกวนยู เมื่อก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ.2516  เชื่อว่า ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอมองออก ตามทันสันดานจิ๊กโก๋๋กันแล้ว ดังนั้นโปรดถามตัวเอง เราจำเป็นต้องมีจิ๊กโก๋๋คุมซอยไหม หากทุกบ้านในซอย รู้จักดูแลตัวเอง เริ่มด้วยการหัดศึกษา หน้าตา เล่ห์เหลี่ยม วิธีคิด วิธีต้มตุ๋นของจิ๊กโก๋๋ ว่า จะมาไม้ไหน แล้วถ้าทุกบ้านในซอย รู้จักสามัคคีกัน ช่วยเหลือเจือจุนกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน  ไม่ใช่บ้านใครบ้านมัน เอาเปรียบกัน เอาแต่ทะเลาะกัน  ถ้าเราอยู่อย่างมี สติ ใช้ปัญญา จิ๊กโก๋๋หน้าไหน ไม่ว่าผมทอง ผมดำ อาเฮียกระเป๋าหนัก หรือ ไอ้พวกเลียนแบบจิ๊กโก๋๋ หรือขี้ข้าพันธุ์ไทย พันทางของ จิ๊กโก๋๋ ก็จะมาเบ่งกล้ามใส่เราไม่ได้ง่าย ที่สำคัญ อย่าติดนิสัยอ่อนแอ ถนัดแต่แบมือขอ หรือรออัศวินขี่ม้าขาว เดี๋ยวก็ได้อัศวินควายดำมาอีกตัวหรอก นิสัยคนไทยใจดีมีอัธยาศัย ไม่ขี้เกียจ ไม่ขี้โกง ไม่โง่ และกล้าสู้ แบบบรรพบุรุษเราน่ะ เอากลับมาใช้กันบ้าง แล้วอย่าลืม ต้องมีความอดทน มีความเพียร พระมหาชนกท่านสอนอะไรเราไว้บ้าง จำมาใช้กันด้วย แบบนี้ก็ไม่น่ามีจิ๊กโก๋๋หน้าไหน มายึดซอยของเรา ไปเป็นซอยของมัน ซอยของเรา เราอยากอยู่แบบไหนก็เรื่องของ เรา เราคุยกันเอง กำหนดกันเองได้ ไม่ใช่ให้จิ๊กโก๋๋มันมากำหนด ใครมาทำกร่าง ไม่ว่าหัวซอย กลางซอย ท้ายซอย ถ้าเราทุกบ้านพร้อมใจกันถือมีดถือไม้ ออกไปสู้กับมันพร้อมๆกัน ถามหน่อยเถอะ จิ๊กโก๋๋หน้าไหนจะกล้าแหยม ?!? สวัสดีครับ หมายเหตุ : โพสต์ลงเพจนิทานเรื่องจริงฯ เมื่อวันที่ 17 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2556
    1 Comments 0 Shares 255 Views 0 Reviews
  • 🙏🏿กราบสวัสดีคะ"อ.ปานเทพคะรบกวนช่วยดูเอกสารและข้อความเหล่านี้ให้ลุงตู่หน่อยนะคะเพื่อคืนความเป็นธรรมให้"พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา..หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่ดีไปหมดไม่ใช่แต่ตอนที่ท่านเป็นนายกผลประโยชน์มากมายท่านยังไม่เอาเลยจึงทำให้หนูเองก็ยังศรัธทาในตัวท่านอยู่ดีจึงอยากให้ อ.ปานเทพช่วยดูให้หน่อยว่ากรณีที่มี ม.44 ในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกหรือทำอะไรก็ได้มันไม่ใช่"หนูเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายอะไรเลยแต่ก็คิดเองนะคะ"MOU43-44 เกิดขึ้นโดยสุขุมพันธ์&ทักษืณ มันแค่บันทึกความเข้าใจของคนสองคนโดยไม่ได้ผ่านสภาก็ผิดกฎหมายไม่น่ามีผลบังคับใช้ได้ในแง่ของเอกสาร#ใครสักคนจะทำข้อตกลงกันก็แค่นั้นไม่ผ่านมติครม.สภา&ดูอย่างทรัมป์ตอนนี้ซิ"สภาคัดค้านทรัมป์เรื่องภาษีว่าไม่มีสิทธิไปขึ้นอัตราภาษีได้ตามอำเภอใจเพราะยังไม่ผ่านสภาเลยโดนตีตกไป แต่เขาก็ทำได้ผลหลายๆประเทศรีบไปเจรจากันตัวลีบเลย จริงๆแล้วกลัวทำไมๆไม่หาตลาดใหม่ๆมันไม่ซื้อก็ช่างมันๆไม่ผลิตเองจะเอาที่ไหนใช้ดูตอนโควิดซิแย่งทิชชูจนตบตีกันแทบห้างแตก "ผลิตแต่อาวุธกับยาก็ให้มันพากันกินไปเถอะ"จริงๆแล้วโลกสมมุติการแลกเปลี่ยนมันควรเป็นสิ่งมีค่าต่อสิ่งมีค่าด้วยกันไม่ใช่กระดาษ แต่ควรเป็นเงินและทองจริงๆ"ระบบเงินดิจิตอลต่อไปต้องมีทองคำเป็นแบล็คหรือทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นรูปธรรมจริงๆ#ถึงเวลาปฏิรูปนักการเมือง ขัาราชการ ให้รับเงินเป็นดิจิตอลตรวจสอบได้ทั้งหมด ไหลไปไหนเข้าที่ไหนทำธุรกรรมอะไร ทรัพย์สินทางกายภาพที่โอเวอร์ รถ,กระเป๋าแบรนดเนมแพงๆ,นาฬิกาหรูๆ...เงินเดินแค่นี้มีทรัพย์สินเหล่านี้มาได้ยังไง..เอาจริงๆตรวจสอบธุรกรรมการเงินจะรู้หมด...#คนดี100%คงไม่มีถ้ามีคงตายไปแล้วหรือยังไม่ได้มาเกิดที#อยู่แบบเศรษฐ์กิจพอเพียงก็สบายแล้วประเทศไทย มีที่ดินปลูกข้าว,ปลูกผัก,เลี้ยงไก่ใข่(กินแต่ใข่ไก่ไม่กิน),ปลูกผลไม้นานาชนิดอยู่ได้สบาย มีบ่อน้ำไว้ใช้,ไม่มีไฟยังอยู่ได้เลย...#ไม่เหมือนเมืองนอกมีกฎหมายห้ามเอาน้ำไปรดผัก(ยามขาดแคลนน้ำ),ห้ามก่อฟืนเพื่อความอบอุ่น(เหตุฝุ่นPM2.5)คนไร้บ้านจึงเยอะไงคนส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินต้องเช่าห้องพักตกงานต้องไปนอนแบบไร้บ้านไม่มีฮีลเตอร์ ถ้าอยู่ห้องเช่าก็มีค่าห้อง ค่าขยะ ค่าไฟ( ราคาเหมาเฉลี่ยจะใช้น้อยใช้มากก็จ่ายเท่ากันโดยใช่ค่าเฉลี่ยรายปีนั้นเป็นหลักประเมิน)ค่าเช่าโคตรแพง ฝรั่งจนๆเยอะฯลฯ"ถ้าประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์แบบเขาประเทศไทยจะรวยมากแต่ใช้ไม่ได้หรอกประชาชนไม่ยอมแน่นอน"อีกอย่างนักการเมืองก็โกงกินเยอะ"จะมาบีบปชช.อย่างเดียวไม่ได้แค่นี้ปชช.ก็ถูกเอาเปรียบอยู่แล้วใช้ไฟฟ้าแพงทั้งที่น้ำมันในประเทศไทยเองไฟฟ้าก็ผลิตเกินปริมาณที่ประชาชนไทยจะใช้คือมันเหลือเกินความต้องการแต่ทำไมมันแพงเพราะอะไร?ถ้าเปรตมันไม่กิน ยุคนี้น่าจะล้างบางแผ่นดินให้สะอาดสักที คนโกงขายชาติไม่ควรมีที่ยืน
    🙏🏿กราบสวัสดีคะ"อ.ปานเทพคะรบกวนช่วยดูเอกสารและข้อความเหล่านี้ให้ลุงตู่หน่อยนะคะเพื่อคืนความเป็นธรรมให้"พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา..หนูไม่ได้บอกว่าลุงตู่ดีไปหมดไม่ใช่แต่ตอนที่ท่านเป็นนายกผลประโยชน์มากมายท่านยังไม่เอาเลยจึงทำให้หนูเองก็ยังศรัธทาในตัวท่านอยู่ดีจึงอยากให้ อ.ปานเทพช่วยดูให้หน่อยว่ากรณีที่มี ม.44 ในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกหรือทำอะไรก็ได้มันไม่ใช่"หนูเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายอะไรเลยแต่ก็คิดเองนะคะ"MOU43-44 เกิดขึ้นโดยสุขุมพันธ์&ทักษืณ มันแค่บันทึกความเข้าใจของคนสองคนโดยไม่ได้ผ่านสภาก็ผิดกฎหมายไม่น่ามีผลบังคับใช้ได้ในแง่ของเอกสาร#ใครสักคนจะทำข้อตกลงกันก็แค่นั้นไม่ผ่านมติครม.สภา&ดูอย่างทรัมป์ตอนนี้ซิ"สภาคัดค้านทรัมป์เรื่องภาษีว่าไม่มีสิทธิไปขึ้นอัตราภาษีได้ตามอำเภอใจเพราะยังไม่ผ่านสภาเลยโดนตีตกไป แต่เขาก็ทำได้ผลหลายๆประเทศรีบไปเจรจากันตัวลีบเลย จริงๆแล้วกลัวทำไมๆไม่หาตลาดใหม่ๆมันไม่ซื้อก็ช่างมันๆไม่ผลิตเองจะเอาที่ไหนใช้ดูตอนโควิดซิแย่งทิชชูจนตบตีกันแทบห้างแตก "ผลิตแต่อาวุธกับยาก็ให้มันพากันกินไปเถอะ"จริงๆแล้วโลกสมมุติการแลกเปลี่ยนมันควรเป็นสิ่งมีค่าต่อสิ่งมีค่าด้วยกันไม่ใช่กระดาษ แต่ควรเป็นเงินและทองจริงๆ"ระบบเงินดิจิตอลต่อไปต้องมีทองคำเป็นแบล็คหรือทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นรูปธรรมจริงๆ#ถึงเวลาปฏิรูปนักการเมือง ขัาราชการ ให้รับเงินเป็นดิจิตอลตรวจสอบได้ทั้งหมด ไหลไปไหนเข้าที่ไหนทำธุรกรรมอะไร ทรัพย์สินทางกายภาพที่โอเวอร์ รถ,กระเป๋าแบรนดเนมแพงๆ,นาฬิกาหรูๆ...เงินเดินแค่นี้มีทรัพย์สินเหล่านี้มาได้ยังไง..เอาจริงๆตรวจสอบธุรกรรมการเงินจะรู้หมด...#คนดี100%คงไม่มีถ้ามีคงตายไปแล้วหรือยังไม่ได้มาเกิดที#อยู่แบบเศรษฐ์กิจพอเพียงก็สบายแล้วประเทศไทย มีที่ดินปลูกข้าว,ปลูกผัก,เลี้ยงไก่ใข่(กินแต่ใข่ไก่ไม่กิน),ปลูกผลไม้นานาชนิดอยู่ได้สบาย มีบ่อน้ำไว้ใช้,ไม่มีไฟยังอยู่ได้เลย...#ไม่เหมือนเมืองนอกมีกฎหมายห้ามเอาน้ำไปรดผัก(ยามขาดแคลนน้ำ),ห้ามก่อฟืนเพื่อความอบอุ่น(เหตุฝุ่นPM2.5)คนไร้บ้านจึงเยอะไงคนส่วนใหญ่ไม่มีที่ดินต้องเช่าห้องพักตกงานต้องไปนอนแบบไร้บ้านไม่มีฮีลเตอร์ ถ้าอยู่ห้องเช่าก็มีค่าห้อง ค่าขยะ ค่าไฟ( ราคาเหมาเฉลี่ยจะใช้น้อยใช้มากก็จ่ายเท่ากันโดยใช่ค่าเฉลี่ยรายปีนั้นเป็นหลักประเมิน)ค่าเช่าโคตรแพง ฝรั่งจนๆเยอะฯลฯ"ถ้าประเทศไทยใช้หลักเกณฑ์แบบเขาประเทศไทยจะรวยมากแต่ใช้ไม่ได้หรอกประชาชนไม่ยอมแน่นอน"อีกอย่างนักการเมืองก็โกงกินเยอะ"จะมาบีบปชช.อย่างเดียวไม่ได้แค่นี้ปชช.ก็ถูกเอาเปรียบอยู่แล้วใช้ไฟฟ้าแพงทั้งที่น้ำมันในประเทศไทยเองไฟฟ้าก็ผลิตเกินปริมาณที่ประชาชนไทยจะใช้คือมันเหลือเกินความต้องการแต่ทำไมมันแพงเพราะอะไร?ถ้าเปรตมันไม่กิน ยุคนี้น่าจะล้างบางแผ่นดินให้สะอาดสักที คนโกงขายชาติไม่ควรมีที่ยืน
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 415 Views 0 Reviews
  • คุณมนต์คาถา
    พาสติมา
    ก่อเกิดปัญญา
    พาให้ร่มเย็น

    มรรควิถี
    มีคุณความเห็น
    ดำริบำเพ็ญ
    เป็นสัตย์วาจา

    อาหารเป็นหนึ่ง
    จึงเลี้ยงชีพพา
    การงานเพียรมา
    พาพร้อมตั้งใจ

    สติสำคัญ
    นั่นเป็นหลักได้
    สมาธิใช้
    ให้ปัญญายิ่ง

    ผุดผ่องสว่าง
    ทางธรรมความจริง
    เป็นหนึ่งพึ่งพิง
    ยิ่งทรงยั่งยืน

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    คุณมนต์คาถา พาสติมา ก่อเกิดปัญญา พาให้ร่มเย็น มรรควิถี มีคุณความเห็น ดำริบำเพ็ญ เป็นสัตย์วาจา อาหารเป็นหนึ่ง จึงเลี้ยงชีพพา การงานเพียรมา พาพร้อมตั้งใจ สติสำคัญ นั่นเป็นหลักได้ สมาธิใช้ ให้ปัญญายิ่ง ผุดผ่องสว่าง ทางธรรมความจริง เป็นหนึ่งพึ่งพิง ยิ่งทรงยั่งยืน ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • ดีอยู่ธรรมงาม
    ตามความเป็นจริง
    นำมาพึ่งพิง
    ยิ่งพาสว่าง

    จิตนี้มีจริง
    ยิ่งเดินตามทาง
    สมาธิสร้าง
    ทางวิถีธรรม

    จิตนิ่งแน่วแน่
    แก้ไขบาปกรรม
    กิเลสมืดดำ
    ชำระหลุดพ้น

    จิตบริสุทธิ์
    ผุดผ่องแยบยล
    ไม่พาวกวน
    พ้นทุกข์เหตุดับ

    กิเลสตัณหา
    ราคะถมทับ
    ยึดติดทุกข์จับ
    ดับได้ทุกข์ไกล

    ขอให้พบฑรรมความดี ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ดีอยู่ธรรมงาม ตามความเป็นจริง นำมาพึ่งพิง ยิ่งพาสว่าง จิตนี้มีจริง ยิ่งเดินตามทาง สมาธิสร้าง ทางวิถีธรรม จิตนิ่งแน่วแน่ แก้ไขบาปกรรม กิเลสมืดดำ ชำระหลุดพ้น จิตบริสุทธิ์ ผุดผ่องแยบยล ไม่พาวกวน พ้นทุกข์เหตุดับ กิเลสตัณหา ราคะถมทับ ยึดติดทุกข์จับ ดับได้ทุกข์ไกล ขอให้พบฑรรมความดี ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง สวัสดีมงคลชัย นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
More Results