• Mozilla กับความเสี่ยงในการสูญเสียฐานผู้ใช้ที่ภักดี

    บทความจาก Bruno’s Ramblings ชี้ให้เห็นถึงความกังวลที่เกิดขึ้นหลังจาก Anthony Enzor-DeMeo CEO คนใหม่ของ Mozilla ให้สัมภาษณ์กับ The Verge โดยกล่าวว่าเขา “สามารถบล็อก AdBlockers ใน Firefox เพื่อสร้างรายได้เพิ่มอีก 150 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่อยากทำเพราะมันขัดกับพันธกิจ”. แม้จะพูดว่าไม่อยากทำ แต่การกล่าวถึงตัวเลือกนี้ก็สร้างความไม่มั่นใจและกระแสวิจารณ์ว่า Mozilla อาจกำลังพิจารณาแนวทางที่ขัดกับจุดยืนเดิม.

    ผู้เขียนบทความเล่าว่าตนเองเป็นผู้ใช้ Firefox มาตั้งแต่ยุคแรก และสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้ภักดีคือ การสนับสนุนมาตรฐานเปิด, ระบบเสริม (add-on) ที่ทรงพลัง และการปกป้องความเป็นส่วนตัว. การบล็อก AdBlocker จึงถูกมองว่าเป็นการทำลายข้อได้เปรียบสำคัญเหนือ Chromium และอาจทำให้ผู้ใช้กลุ่ม “geeks & nerds” ที่เป็นฐานหลักรู้สึกถูกทอดทิ้ง.

    นอกจากนี้ AdBlocker ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือป้องกันโฆษณาที่น่ารำคาญ แต่ยังเป็น ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ที่ช่วยป้องกันภัยจาก malvertising (โฆษณาที่แฝงมัลแวร์). หาก Mozilla ตัดสินใจบล็อก AdBlocker อาจทำให้ผู้ใช้มองว่าองค์กรละเลยความปลอดภัยของพวกเขา และอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ในฐานะผู้พิทักษ์เว็บเสรี.

    แม้ผู้เขียนจะเข้าใจว่า Mozilla ต้องหารายได้เพื่อความอยู่รอด แต่การพูดถึงแนวทางที่ขัดกับพันธกิจโดยตรงก็สร้าง “PR Disaster” ขึ้นมาแล้วในชุมชนออนไลน์ เช่น Reddit. ความกังวลคือ หาก Mozilla เดินตามเส้นทางนี้จริง อาจสูญเสียความไว้วางใจจากผู้ใช้ที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญในการแนะนำ Firefox ให้กับผู้ใช้ทั่วไป.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    คำพูดของ CEO Mozilla จุดกระแสกังวล
    กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการบล็อก AdBlocker เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม
    แม้จะบอกว่าไม่อยากทำ แต่การพูดถึงก็สร้างความไม่มั่นใจ

    AdBlocker คือข้อได้เปรียบและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย
    เป็นจุดแข็งเหนือ Chromium ที่ทำให้ผู้ใช้ภักดี
    ป้องกันภัยจาก malvertising ซึ่งเป็นภัยคุกคามจริง

    ผลกระทบต่อฐานผู้ใช้และภาพลักษณ์
    ผู้ใช้กลุ่มที่ใส่ใจความเป็นส่วนตัวอาจรู้สึกถูกทอดทิ้ง
    อาจทำให้ Firefox สูญเสียความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากชุมชน

    คำเตือนต่อ Mozilla
    การบล็อก AdBlocker อาจเป็น “อีกตะปูหนึ่งบนโลงศพ” ของ Firefox
    ความผิดพลาดด้าน PR อาจทำให้สูญเสียผู้ใช้ที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญ

    https://infosec.press/brunomiguel/is-mozilla-trying-hard-to-kill-itself
    📰 Mozilla กับความเสี่ยงในการสูญเสียฐานผู้ใช้ที่ภักดี บทความจาก Bruno’s Ramblings ชี้ให้เห็นถึงความกังวลที่เกิดขึ้นหลังจาก Anthony Enzor-DeMeo CEO คนใหม่ของ Mozilla ให้สัมภาษณ์กับ The Verge โดยกล่าวว่าเขา “สามารถบล็อก AdBlockers ใน Firefox เพื่อสร้างรายได้เพิ่มอีก 150 ล้านดอลลาร์ แต่ไม่อยากทำเพราะมันขัดกับพันธกิจ”. แม้จะพูดว่าไม่อยากทำ แต่การกล่าวถึงตัวเลือกนี้ก็สร้างความไม่มั่นใจและกระแสวิจารณ์ว่า Mozilla อาจกำลังพิจารณาแนวทางที่ขัดกับจุดยืนเดิม. ผู้เขียนบทความเล่าว่าตนเองเป็นผู้ใช้ Firefox มาตั้งแต่ยุคแรก และสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้ภักดีคือ การสนับสนุนมาตรฐานเปิด, ระบบเสริม (add-on) ที่ทรงพลัง และการปกป้องความเป็นส่วนตัว. การบล็อก AdBlocker จึงถูกมองว่าเป็นการทำลายข้อได้เปรียบสำคัญเหนือ Chromium และอาจทำให้ผู้ใช้กลุ่ม “geeks & nerds” ที่เป็นฐานหลักรู้สึกถูกทอดทิ้ง. นอกจากนี้ AdBlocker ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือป้องกันโฆษณาที่น่ารำคาญ แต่ยังเป็น ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ที่ช่วยป้องกันภัยจาก malvertising (โฆษณาที่แฝงมัลแวร์). หาก Mozilla ตัดสินใจบล็อก AdBlocker อาจทำให้ผู้ใช้มองว่าองค์กรละเลยความปลอดภัยของพวกเขา และอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ในฐานะผู้พิทักษ์เว็บเสรี. แม้ผู้เขียนจะเข้าใจว่า Mozilla ต้องหารายได้เพื่อความอยู่รอด แต่การพูดถึงแนวทางที่ขัดกับพันธกิจโดยตรงก็สร้าง “PR Disaster” ขึ้นมาแล้วในชุมชนออนไลน์ เช่น Reddit. ความกังวลคือ หาก Mozilla เดินตามเส้นทางนี้จริง อาจสูญเสียความไว้วางใจจากผู้ใช้ที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญในการแนะนำ Firefox ให้กับผู้ใช้ทั่วไป. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ คำพูดของ CEO Mozilla จุดกระแสกังวล ➡️ กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการบล็อก AdBlocker เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม ➡️ แม้จะบอกว่าไม่อยากทำ แต่การพูดถึงก็สร้างความไม่มั่นใจ ✅ AdBlocker คือข้อได้เปรียบและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ➡️ เป็นจุดแข็งเหนือ Chromium ที่ทำให้ผู้ใช้ภักดี ➡️ ป้องกันภัยจาก malvertising ซึ่งเป็นภัยคุกคามจริง ✅ ผลกระทบต่อฐานผู้ใช้และภาพลักษณ์ ➡️ ผู้ใช้กลุ่มที่ใส่ใจความเป็นส่วนตัวอาจรู้สึกถูกทอดทิ้ง ➡️ อาจทำให้ Firefox สูญเสียความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากชุมชน ‼️ คำเตือนต่อ Mozilla ⛔ การบล็อก AdBlocker อาจเป็น “อีกตะปูหนึ่งบนโลงศพ” ของ Firefox ⛔ ความผิดพลาดด้าน PR อาจทำให้สูญเสียผู้ใช้ที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญ https://infosec.press/brunomiguel/is-mozilla-trying-hard-to-kill-itself
    INFOSEC.PRESS
    📝 Is Mozilla trying hard to kill itself?
    In an interview with "The Verge", the new Mozilla CEO, Enzor-DeMeo, IMHO hints that axing adblockers is something that, at the very least...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 12

    “ลองเชิง”
    ตอน 12 (จบ)
    ผมเขียนเล่าเรื่อง ที่มาของฉากซีเรียในมิติใหญ่ ที่เกี่ยวกับเป้าหมายของอเมริกา ที่จะครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยการครอบครองยูเรเซีย ที่มีรัสเซียและจีน ยืนตัวใหญ่อยู่ในยูเรเซีย และอเมริกาจะครอบครองยูเรเซียได้ อเมริกาจะต้องครอบครอง (พลังงานใน) ตะวันออกกลางเสียก่อน เพื่อไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงพลังงานในตะวันออกกลาง มันเป็นแผน ที่อเมริกาวางไว้ ก่อนเข้าทำสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก
    อเมริกา อมตะวันออกกลางไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว โดยการเข้าไปครอบงำ และชักใยค่าย ซาอุดิอารเบียเสี่ยปั้มใหญ่ กับพวกเสี่ยปั๊มเล็ก สิงห์สำอางค์ทั้งหลาย แต่นั่น ยังไม่ทำให้อเมริกาได้ตะวันออกกลางทั้งหมด เพราะยังมีก้างขวางคออันใหญ่และแหลมคมคือ ค่ายของอิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์และพวก และหมากตัวสำคัญ ที่จะทำให้ค่ายนี้กระเทือนคือ การอยู่ หรือการไปของซีเรีย หรือชัดๆ ก็คือ อัสซาด ผู้นำซีเรีย จะอยู่รอดหรือไม่
    และขณะเดียวกัน ซีเรีย ก็เป็นหมากตัวสำคัญ ของสงครามท่อส่งแก๊ส ซึ่ง เป็นการชิงเส้นทางท่อส่งแก๊สไปยุโรป ระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ในตะวันออกกลาง และเรื่องท่อส่งแก๊สนี้ จึงเกี่ยวพันกับรัสเซีย ยุโรป และเอเซีย
    ซีเรีย จึงเป็นจุดชี้เป็น ชี้ตายในหลายมิติ และผลสรุปของการลองเชิง ที่ซีเรียน่าจะบอกอะไรเราได้หลายอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในโลก
    ในสมัยก่อน การค้าขายหลายประเทศใช้เรือปืนนำหน้า ไปจอดตามอ่าวหน้าบ้านเขา เพื่อบังคับให้เจ้าของบ้านเปิดประตูมาค้าขายกัน และร้อยทั้งร้อย คนเปิดประตูก็เสียเปรียบ เพราะ (ยัง) ไม่มี ปืนใหญ่ไปต่อรองกับเขา ไอ้พวกใช้เรือปืนมาทำการค้านี่ ก็เลยติดสันดานเดิม เริ่มด้วยการข่มขู่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังใช้สันดานนี้อยู่ เว้นแต่ประเทศไหนจะมีอำนาจ หรือมีสิ่งต่อรอง
    สหภาพโซเวียต ซึ่งอเมริกามองว่า เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกอเมริกาล๊อกเป้าทำลายไว้แล้ว และอเมริกาก็ทำสำเร็จด้วยการใช้ ทฤษฏีสงครามเย็น ปิดล้อมโซเวียต จะกระดิกแทบไม่ออก ค้าขายไม่ได้ บวกกับการเสี้ยมให้รัฐเล็ก รัฐน้อย ทะยอยกันต้านแม่ใหญ่ ร่วมกับการสร้างหนอนในประเทศ ในที่สุด สหภาพโซเวียตก็ล่มสลายในปี ค.ศ.1991
    สหภาพโซเสียตล่มสลาย แต่ไม่ตายสนิท รัสเซียฟื้นขึ้นมาได้ และฟื้นเร็วเกินกว่าที่อเมริกาคาด เพราะรัสเซียเรียนรู้จากการถูกปิดล้อมว่า เพื่อความอยู่รอดของรัสเซียใหม่ รัสเซียจะต้องเดินยุทธศาสตร์ประเทศ ที่จะไม่ให้ถูกปิดล้อมง่ายๆ และต้องมีอำนาจต่อรอง
    ด้วยยุทธศาสตร์ท่อส่งของรัสเซีย ที่กระจายไปทั่วยุโรป เอเซีย และกำลังจะมาถึงตะวันออกกลางนี้ ทำให้โอกาสที่อเมริกาจะปิดล้อมรัสเซียทำยากขึ้น เพราะการเดินท่อส่งแก๊สไปยังจุดต่างๆ เพื่อส่งต่อไปเลี้ยงยุโรป แต่ละจุดนั้น เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ทำให้รัสเซียมีอำนาจต่อรอง รัสเซียส่งแก๊สให้ถึงหน้าบ้านยุโรป โดยไม่ต้องเสียเวลาขนส่ง ไม่ต้องเสียเวลาสร้างเรือบรรทุก เอาเวลาไปสร้างเรือรบและอาวุธไว้ป้องกันประเทศดีกว่า และที่สำคัญ ท่อส่งผ่านที่ไหน ก็ลงทุนด้วยกัน เป็นเจ้าของร่วมกัน ใครจะอยากทุบหม้อข้าวตัวเอง
    ด้วยยุทธศาสตร์นี้ ถึงคนยุโรปจะยังไม่สะดวกใจ ที่จะแหกคอกอเมริกามาคบกับรัสเซีย ขณะเดียวกัน ก็ไม่สะดวกใจ ที่จะรังเกียจแก๊สรัสเซียเหมือนกัน
    และตอนนี้ จีน เพื่อนกันไม่ทิ้งกันของรัสเซีย ก็ใช้ยุทธศาสตร์ท่อส่ง จากอาฟริกา ยาวมาถึงเอเซีย เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน
    ยุทธศาสตร์นี้ทำให้ยุโรปต้องคิดหนัก ถ้าจะเดินตามการชักใยของอเมริกาไปตลอด ถ้ารัสเซียเกิดปิดท่อแก็สที่จะมายุโรป อย่างน้อย ยุโรปจะขาดแก๊สไปถึง 60% ส่วนอเมริกาก็จะยอมให้รัสเซียมีอำนาจต่อรองอย่างนี้ไม่ได้ ยูเครน ซึ่งอยู่ปลายท่อส่งแก๊สรัสเซียมาออกยุโรป จึงเกิดความไม่สงบอย่างไม่มีวันเลิก และตัวเลือกของอเมริกาจึงถูกส่งเข้ามาเป็นผู้นำยูเครน
    แต่การแก้เกมแบบนี้ของอเมริกา กระเทือนทั้ง 2 ทาง ถ้ายูเครนปิดทางไม่ให้แก๊สออก รัสเซียก็เหนื่อย ขาดรายได้สำคัญ แต่ยุโรปก็อาจแข็งตายไปด้วย ถ้าไม่มีแก๊สจากรัสเซีย ส่วนอเมริกาลอยตัวไม่กระทบกระเทือนอะไรด้วย ยุโรปถูกหลอกใช้ ไม่รู้ตัวเสียที
    รัสเซียจึงสร้างท่อส่งแก๊สอีกเส้น ลอดทะเลไปให้เยอรมัน และท่อส่งนี่ก็เสร็จแล้ว ถ้าแก็สส่งออกไปทางยูเครนไม่ได้ ก็มาออกเยอรมันได้ แล้วน่าคิดไหมครับ ทำไมตอนนี้ ผู้ลี้ภัยถึงมาทะลักกันเต็มอยู่ในเยอรมัน มันเป็นเรื่องการบีบคอเยอรมันหรือไม่ ป้าเข็มขัดเหล็ก คงกำลังเครียดหนัก จนตดแตกอีกแล้ว
    อเมริกา พยายามแก้อำนาจต่อรองของรัสเซียเรื่องท่อส่งแก๊สในยุโรป ด้วยการพยายามเดินท่อส่งสายใหม่ ซึ่งอเมริกาพยายามแก้เกมมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เมื่อเห็นรัสเซีย และจีนเริ่มโต แต่ทั้ง 2 ประเทศ ก็เดินหมากของตัวเองอย่างระวัง
    ท่านผู้อ่านจะเข้าใจเรื่องราว มองเห็นภาพต่อเนื่อง ถ้าได้อ่านนิทานเรื่อง “หักหน้าหักหลัง” https://www.dropbox.com/s/uvpcetgi2xf2rzo/faceback.pdf ซึ่งแสดงถึงวืธีการเดินแผน ฝั่งรัสเซีย กับการเดินแผนของฝั่งอเมริกาต่อจีน ในนิทานเรื่อง ” แผนชั่ว ” https://www.dropbox.com/s/mzu294f5rhhrkyr/20150914.pdf
    ดังนั้น การสู้รบในซีเรีย จึงมีความหมายเกี่ยวกับการรักษาตำแหน่งพี่เบิ้มของอเมริกา และเป็นความอยู่รอดของฝั่งรัสเซีย จีน ด้วย
    การที่รัสเซีย เข้าไปเล่นในซีเรียใน “ตอนนี้ ” ภายใต้เรื่องราว และสถานการณ์ในซีเรีย ที่ดำเนินอยู่อย่างที่เล่ามาแล้วนั้น รวมทั้งการเลือกเวลาเล่น ให้สอดคล้องกับช่วงการประชุมของสหประชาชาติ รวมทั้งคำแถลง ของรัสเซียจีนและอิหร่านในช่วง นั้น มองอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมกัน มันแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะแปลว่า รัสเซีย จีน อิหร่าน ซีเรีย ได้แสดงตัวต่ออเมริกาแล้วว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้อง ฟัง หรือ จัดการกับปัญหาที่กระทบกับพวกเขา หรือที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหา ตามวิธีการของอเมริกาและพวก อีกต่อไปแล้ว
    สรุปสั้นๆ เป็นภาษาแถวบ้านผม ก็คงจะทำนอง “กูไม่ชอบวิธีการของมึง และกูไม่จำเป็นต้องฟังมึงอีกต่อไป เพราะกูไม่กลัวมึง (แล้ว)”
    คำพูดแบบนี้ เป็นลุงนิทานพูด มันก็คงปิดเพจผม รวนเพจผม อย่างที่มันทำกับผมมาตลอด แต่ถ้าคำพูดแบบนี้ ตามความเข้าใจผม เป็นของประเทศใหญ่อย่างรัสเซีย จีน อิหร่าน และวันนี้ เกาหลีเหนือของน้องคิม ก็พูดทำนองนี้ เรื่องซีเรียนี้ จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก ถึงได้ดิ้นกันเหมือนโดนน้ำร้อนลวกหลังกันเป็นแถวๆ
    และถ้าดูจากปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ตั้งแต่เข้าไปในซีเรียเมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้ รวมทั้งข่าวเรื่องการขนทั้งอาวุธหนัก อาวุธเบา และกำลังพลมากมาย ที่ไม่ใช่มาจากข่าวของกระป๋องสีฝั่งตะวันตกแล้ว จะเห็นว่า คุณพี่ปูติน แสดงออกอย่างที่ผมสรุปนั่นแหละ เพราะแกจัดหนัก จัดเต็มจริงๆ
    และเมื่อรัสเซียกับพวก แสดงออกแบบนี้ อเมริกาและพวก จะแสดงอะไรล่ะ
    แรกๆ ก็คงทำอย่างที่กำลังทำอยู่นี่ คือดาหน้ากันออกมา ด่ารัสเซีย เหน็บแนมการปฎิบัติการของรัสเซีย ทำไมมึงไม่ไปถล่มไอซิส ทำไมมึงไปถล่มแต่พวกกบฏ โธ่เว้ย ถล่มกลุ่มไหน มันก็กลุ่มที่พวกมึงสร้างมาทั้งนั้น เพียงแต่ข้อตกลงภายในมันต่างกัน สุดท้ายคุณพี่ปูตินเขาคงถล่มหมดละน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก
    หลังจากตั้งหลักได้ อเมริกากับพวก มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ทางหนึ่งคือ เจรจากันให้รู้เรื่องกับฝ่ายรัสเซียและพวก นั่นเป็นทางเลือกที่น่าจะเหมาะสม และโลกจะสะเทือนน้อยที่สุด แต่อเมริกาจะรู้สึกเสียหน้า แต่จะเจรจาอย่างไร ผมคาดว่า รัสเซียคงยังเดินหน้าเรื่องของซีเรียอยู่ดี
    ถ้าอเมริกาเลือกวิธีนี้ ไม่ได้หมายความว่า อเมริกา “ยอมรับ” ว่าฝ่ายรัสเซียเท่าเทียมตัวแล้ว แต่มันเป็นการ “ซื้อเวลา” ของอเมริกามากกว่า และปฏิบัติการหลากหลายเพื่อตอบโต้ฝ่ายรัสเซีย จะตามมาเป็นชุดและชุดใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ
    ทางเลือกที่ 2 สำหรับอเมริกาคือ ไม่มีเจรจา ไม่ซื้อเวลา และปฏิบัติการตอบโต้จะตามมารวดเร็ว
    ความต่างของ 2 ทางเลือกคือ ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกายังไม่พร้อม และแปลว่าฝ่ายรัสเซีย เลือกจังหวะเดินหมากถูก ไม่ให้เวลาอเมริกาตั้งตัว แต่ถ้าอเมริกาไม่ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกาพร้อมอยู่แล้ว และทางรัสเซียก็คงต้องรู้อยู่แล้ว จึงเดินหมากบังคับไปก่อน
    อเมริกาจะเลือกทางไหนก็ตาม โลกเราจะไม่มีวันถอยกลับไปที่เดิมอีกแล้ว
    ขั้วอำนาจโลก ไม่ได้มีเพียงขั้วเดียว ที่มีอเมริกาเป็นผู้นำเท่านั้นอีกแล้ว แต่มีอีกขั้วอำนาจใหม่
    ที่มีรัสเซียจีนอิหร่าน จับมือกันเกิดขึ้นแล้ว และการเผชิญหน้ากัน ของ 2 ขั้ว ก็จะรุนแรงขึ้น
    ขั้วไหนจะได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องอะไรบ้าง มีโอกาสจะมาประเมินให้ฟังครับ
    วันนี้ ขอจบนิทานเรื่องลองเชิง ใครลองเชิง ใครเสียเชิง คงพอมองเห็นกัน
    คนเล่านิทาน
    11 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 12 “ลองเชิง” ตอน 12 (จบ) ผมเขียนเล่าเรื่อง ที่มาของฉากซีเรียในมิติใหญ่ ที่เกี่ยวกับเป้าหมายของอเมริกา ที่จะครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยการครอบครองยูเรเซีย ที่มีรัสเซียและจีน ยืนตัวใหญ่อยู่ในยูเรเซีย และอเมริกาจะครอบครองยูเรเซียได้ อเมริกาจะต้องครอบครอง (พลังงานใน) ตะวันออกกลางเสียก่อน เพื่อไม่ให้คู่แข่งเข้าถึงพลังงานในตะวันออกกลาง มันเป็นแผน ที่อเมริกาวางไว้ ก่อนเข้าทำสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก อเมริกา อมตะวันออกกลางไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว โดยการเข้าไปครอบงำ และชักใยค่าย ซาอุดิอารเบียเสี่ยปั้มใหญ่ กับพวกเสี่ยปั๊มเล็ก สิงห์สำอางค์ทั้งหลาย แต่นั่น ยังไม่ทำให้อเมริกาได้ตะวันออกกลางทั้งหมด เพราะยังมีก้างขวางคออันใหญ่และแหลมคมคือ ค่ายของอิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์และพวก และหมากตัวสำคัญ ที่จะทำให้ค่ายนี้กระเทือนคือ การอยู่ หรือการไปของซีเรีย หรือชัดๆ ก็คือ อัสซาด ผู้นำซีเรีย จะอยู่รอดหรือไม่ และขณะเดียวกัน ซีเรีย ก็เป็นหมากตัวสำคัญ ของสงครามท่อส่งแก๊ส ซึ่ง เป็นการชิงเส้นทางท่อส่งแก๊สไปยุโรป ระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ในตะวันออกกลาง และเรื่องท่อส่งแก๊สนี้ จึงเกี่ยวพันกับรัสเซีย ยุโรป และเอเซีย ซีเรีย จึงเป็นจุดชี้เป็น ชี้ตายในหลายมิติ และผลสรุปของการลองเชิง ที่ซีเรียน่าจะบอกอะไรเราได้หลายอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในโลก ในสมัยก่อน การค้าขายหลายประเทศใช้เรือปืนนำหน้า ไปจอดตามอ่าวหน้าบ้านเขา เพื่อบังคับให้เจ้าของบ้านเปิดประตูมาค้าขายกัน และร้อยทั้งร้อย คนเปิดประตูก็เสียเปรียบ เพราะ (ยัง) ไม่มี ปืนใหญ่ไปต่อรองกับเขา ไอ้พวกใช้เรือปืนมาทำการค้านี่ ก็เลยติดสันดานเดิม เริ่มด้วยการข่มขู่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังใช้สันดานนี้อยู่ เว้นแต่ประเทศไหนจะมีอำนาจ หรือมีสิ่งต่อรอง สหภาพโซเวียต ซึ่งอเมริกามองว่า เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกอเมริกาล๊อกเป้าทำลายไว้แล้ว และอเมริกาก็ทำสำเร็จด้วยการใช้ ทฤษฏีสงครามเย็น ปิดล้อมโซเวียต จะกระดิกแทบไม่ออก ค้าขายไม่ได้ บวกกับการเสี้ยมให้รัฐเล็ก รัฐน้อย ทะยอยกันต้านแม่ใหญ่ ร่วมกับการสร้างหนอนในประเทศ ในที่สุด สหภาพโซเวียตก็ล่มสลายในปี ค.ศ.1991 สหภาพโซเสียตล่มสลาย แต่ไม่ตายสนิท รัสเซียฟื้นขึ้นมาได้ และฟื้นเร็วเกินกว่าที่อเมริกาคาด เพราะรัสเซียเรียนรู้จากการถูกปิดล้อมว่า เพื่อความอยู่รอดของรัสเซียใหม่ รัสเซียจะต้องเดินยุทธศาสตร์ประเทศ ที่จะไม่ให้ถูกปิดล้อมง่ายๆ และต้องมีอำนาจต่อรอง ด้วยยุทธศาสตร์ท่อส่งของรัสเซีย ที่กระจายไปทั่วยุโรป เอเซีย และกำลังจะมาถึงตะวันออกกลางนี้ ทำให้โอกาสที่อเมริกาจะปิดล้อมรัสเซียทำยากขึ้น เพราะการเดินท่อส่งแก๊สไปยังจุดต่างๆ เพื่อส่งต่อไปเลี้ยงยุโรป แต่ละจุดนั้น เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ทำให้รัสเซียมีอำนาจต่อรอง รัสเซียส่งแก๊สให้ถึงหน้าบ้านยุโรป โดยไม่ต้องเสียเวลาขนส่ง ไม่ต้องเสียเวลาสร้างเรือบรรทุก เอาเวลาไปสร้างเรือรบและอาวุธไว้ป้องกันประเทศดีกว่า และที่สำคัญ ท่อส่งผ่านที่ไหน ก็ลงทุนด้วยกัน เป็นเจ้าของร่วมกัน ใครจะอยากทุบหม้อข้าวตัวเอง ด้วยยุทธศาสตร์นี้ ถึงคนยุโรปจะยังไม่สะดวกใจ ที่จะแหกคอกอเมริกามาคบกับรัสเซีย ขณะเดียวกัน ก็ไม่สะดวกใจ ที่จะรังเกียจแก๊สรัสเซียเหมือนกัน และตอนนี้ จีน เพื่อนกันไม่ทิ้งกันของรัสเซีย ก็ใช้ยุทธศาสตร์ท่อส่ง จากอาฟริกา ยาวมาถึงเอเซีย เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน ยุทธศาสตร์นี้ทำให้ยุโรปต้องคิดหนัก ถ้าจะเดินตามการชักใยของอเมริกาไปตลอด ถ้ารัสเซียเกิดปิดท่อแก็สที่จะมายุโรป อย่างน้อย ยุโรปจะขาดแก๊สไปถึง 60% ส่วนอเมริกาก็จะยอมให้รัสเซียมีอำนาจต่อรองอย่างนี้ไม่ได้ ยูเครน ซึ่งอยู่ปลายท่อส่งแก๊สรัสเซียมาออกยุโรป จึงเกิดความไม่สงบอย่างไม่มีวันเลิก และตัวเลือกของอเมริกาจึงถูกส่งเข้ามาเป็นผู้นำยูเครน แต่การแก้เกมแบบนี้ของอเมริกา กระเทือนทั้ง 2 ทาง ถ้ายูเครนปิดทางไม่ให้แก๊สออก รัสเซียก็เหนื่อย ขาดรายได้สำคัญ แต่ยุโรปก็อาจแข็งตายไปด้วย ถ้าไม่มีแก๊สจากรัสเซีย ส่วนอเมริกาลอยตัวไม่กระทบกระเทือนอะไรด้วย ยุโรปถูกหลอกใช้ ไม่รู้ตัวเสียที รัสเซียจึงสร้างท่อส่งแก๊สอีกเส้น ลอดทะเลไปให้เยอรมัน และท่อส่งนี่ก็เสร็จแล้ว ถ้าแก็สส่งออกไปทางยูเครนไม่ได้ ก็มาออกเยอรมันได้ แล้วน่าคิดไหมครับ ทำไมตอนนี้ ผู้ลี้ภัยถึงมาทะลักกันเต็มอยู่ในเยอรมัน มันเป็นเรื่องการบีบคอเยอรมันหรือไม่ ป้าเข็มขัดเหล็ก คงกำลังเครียดหนัก จนตดแตกอีกแล้ว อเมริกา พยายามแก้อำนาจต่อรองของรัสเซียเรื่องท่อส่งแก๊สในยุโรป ด้วยการพยายามเดินท่อส่งสายใหม่ ซึ่งอเมริกาพยายามแก้เกมมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เมื่อเห็นรัสเซีย และจีนเริ่มโต แต่ทั้ง 2 ประเทศ ก็เดินหมากของตัวเองอย่างระวัง ท่านผู้อ่านจะเข้าใจเรื่องราว มองเห็นภาพต่อเนื่อง ถ้าได้อ่านนิทานเรื่อง “หักหน้าหักหลัง” https://www.dropbox.com/s/uvpcetgi2xf2rzo/faceback.pdf ซึ่งแสดงถึงวืธีการเดินแผน ฝั่งรัสเซีย กับการเดินแผนของฝั่งอเมริกาต่อจีน ในนิทานเรื่อง ” แผนชั่ว ” https://www.dropbox.com/s/mzu294f5rhhrkyr/20150914.pdf ดังนั้น การสู้รบในซีเรีย จึงมีความหมายเกี่ยวกับการรักษาตำแหน่งพี่เบิ้มของอเมริกา และเป็นความอยู่รอดของฝั่งรัสเซีย จีน ด้วย การที่รัสเซีย เข้าไปเล่นในซีเรียใน “ตอนนี้ ” ภายใต้เรื่องราว และสถานการณ์ในซีเรีย ที่ดำเนินอยู่อย่างที่เล่ามาแล้วนั้น รวมทั้งการเลือกเวลาเล่น ให้สอดคล้องกับช่วงการประชุมของสหประชาชาติ รวมทั้งคำแถลง ของรัสเซียจีนและอิหร่านในช่วง นั้น มองอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมกัน มันแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะแปลว่า รัสเซีย จีน อิหร่าน ซีเรีย ได้แสดงตัวต่ออเมริกาแล้วว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้อง ฟัง หรือ จัดการกับปัญหาที่กระทบกับพวกเขา หรือที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหา ตามวิธีการของอเมริกาและพวก อีกต่อไปแล้ว สรุปสั้นๆ เป็นภาษาแถวบ้านผม ก็คงจะทำนอง “กูไม่ชอบวิธีการของมึง และกูไม่จำเป็นต้องฟังมึงอีกต่อไป เพราะกูไม่กลัวมึง (แล้ว)” คำพูดแบบนี้ เป็นลุงนิทานพูด มันก็คงปิดเพจผม รวนเพจผม อย่างที่มันทำกับผมมาตลอด แต่ถ้าคำพูดแบบนี้ ตามความเข้าใจผม เป็นของประเทศใหญ่อย่างรัสเซีย จีน อิหร่าน และวันนี้ เกาหลีเหนือของน้องคิม ก็พูดทำนองนี้ เรื่องซีเรียนี้ จึงเป็นเรื่องใหญ่มาก ถึงได้ดิ้นกันเหมือนโดนน้ำร้อนลวกหลังกันเป็นแถวๆ และถ้าดูจากปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ตั้งแต่เข้าไปในซีเรียเมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้ รวมทั้งข่าวเรื่องการขนทั้งอาวุธหนัก อาวุธเบา และกำลังพลมากมาย ที่ไม่ใช่มาจากข่าวของกระป๋องสีฝั่งตะวันตกแล้ว จะเห็นว่า คุณพี่ปูติน แสดงออกอย่างที่ผมสรุปนั่นแหละ เพราะแกจัดหนัก จัดเต็มจริงๆ และเมื่อรัสเซียกับพวก แสดงออกแบบนี้ อเมริกาและพวก จะแสดงอะไรล่ะ แรกๆ ก็คงทำอย่างที่กำลังทำอยู่นี่ คือดาหน้ากันออกมา ด่ารัสเซีย เหน็บแนมการปฎิบัติการของรัสเซีย ทำไมมึงไม่ไปถล่มไอซิส ทำไมมึงไปถล่มแต่พวกกบฏ โธ่เว้ย ถล่มกลุ่มไหน มันก็กลุ่มที่พวกมึงสร้างมาทั้งนั้น เพียงแต่ข้อตกลงภายในมันต่างกัน สุดท้ายคุณพี่ปูตินเขาคงถล่มหมดละน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก หลังจากตั้งหลักได้ อเมริกากับพวก มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ทางหนึ่งคือ เจรจากันให้รู้เรื่องกับฝ่ายรัสเซียและพวก นั่นเป็นทางเลือกที่น่าจะเหมาะสม และโลกจะสะเทือนน้อยที่สุด แต่อเมริกาจะรู้สึกเสียหน้า แต่จะเจรจาอย่างไร ผมคาดว่า รัสเซียคงยังเดินหน้าเรื่องของซีเรียอยู่ดี ถ้าอเมริกาเลือกวิธีนี้ ไม่ได้หมายความว่า อเมริกา “ยอมรับ” ว่าฝ่ายรัสเซียเท่าเทียมตัวแล้ว แต่มันเป็นการ “ซื้อเวลา” ของอเมริกามากกว่า และปฏิบัติการหลากหลายเพื่อตอบโต้ฝ่ายรัสเซีย จะตามมาเป็นชุดและชุดใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ทางเลือกที่ 2 สำหรับอเมริกาคือ ไม่มีเจรจา ไม่ซื้อเวลา และปฏิบัติการตอบโต้จะตามมารวดเร็ว ความต่างของ 2 ทางเลือกคือ ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกายังไม่พร้อม และแปลว่าฝ่ายรัสเซีย เลือกจังหวะเดินหมากถูก ไม่ให้เวลาอเมริกาตั้งตัว แต่ถ้าอเมริกาไม่ซื้อเวลา แปลว่า อเมริกาพร้อมอยู่แล้ว และทางรัสเซียก็คงต้องรู้อยู่แล้ว จึงเดินหมากบังคับไปก่อน อเมริกาจะเลือกทางไหนก็ตาม โลกเราจะไม่มีวันถอยกลับไปที่เดิมอีกแล้ว ขั้วอำนาจโลก ไม่ได้มีเพียงขั้วเดียว ที่มีอเมริกาเป็นผู้นำเท่านั้นอีกแล้ว แต่มีอีกขั้วอำนาจใหม่ ที่มีรัสเซียจีนอิหร่าน จับมือกันเกิดขึ้นแล้ว และการเผชิญหน้ากัน ของ 2 ขั้ว ก็จะรุนแรงขึ้น ขั้วไหนจะได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องอะไรบ้าง มีโอกาสจะมาประเมินให้ฟังครับ วันนี้ ขอจบนิทานเรื่องลองเชิง ใครลองเชิง ใครเสียเชิง คงพอมองเห็นกัน คนเล่านิทาน 11 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 9

    “ลองเชิง”
    ตอน 9
    มาถึงตอนนี้ เราคงเห็นแล้วว่า ตัวละครสำคัญในฉากซีเรีย คงไม่พ้นซาอุดิอารเบีย เสี่ยปั๊มใหญ่ แบบนี้ที่เชียร์กัน ให้รัสเซียอุ้มสมซาอุ จะไหวละหรือ
    เอาละ คุณพี่ปูตินอาจจะทำ เพื่อผลประโยชน์ภายหน้า และสะใจบางคน แต่ผมว่าเขาคงไม่อุ้มกันตอนกำลังเล่นฉากซีเรียนี้หรอก
    ทบทวนกันอีกที ตัวละครกลุ่มแรกในฉากซีเรียคือ พวกกลุ่มมุสลิมเคร่ง สาระพัดพันธ์ุ ที่อ้างว่ามีเป้าหมาย จะทำให้ตะวันออกกลางทั้งหมดเป็นรัฐอิสลาม เลยทนซีเรียที่ไม่เคร่งศาสนาไม่ได้
    กลุ่มนี้เรียกกันว่า กลุ่มกบฏซีเรีย ที่มาพวกเขาเป็นอย่างไรรู้กันแล้วนะครับ แต่ที่จะไป ยังไม่รู้ กำลังดูอยู่ว่า ค่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน จะเล่นถึงไหน แค่ปัดกวาดกลุ่มนี้ออกจากซีเรีย หรือจะเล่นถึงเก็บเกลี้ยงเกลา
    ตัวละครกลุ่มที่สองคือ กลุ่มไม่รัก หรือศัตรูของซีเรียในตะวันออกกลาง ที่มีอยู่แยะ แต่ตัวเด็ดๆ ก็คือ ซาอุดิอารเบีย อิสราเอล ตุรกี และกาตาร์… นั่นแน่ ค่อยๆโผล่มาเข้าฉาก เสี่ยสำอางค์ซุ่มเงียบ
    เสี่ยปั๊มใหญ่ซาอุ ไม่ชอบเล่นออกหน้า แต่ชอบดันอยู่ข้างหลัง จึงใช้เจ้าชายซุกเข่า บันดาร์ บิน สุลต่าน เป็นคนเดินเกมประสาน
    เสี่บปั๊มใหญ่บอกว่า เรารบอิหร่าน ซีเรีย อยู่รายเดียวนี่ คงเหนื่อย ไปเอาตุรกี นกหลายหัวมาร่วมด้วยดีกว่า อย่างน้อยก็เป็นอิสลามด้วยกัน
    จะหวังพึ่งอืสราเอล ที่คุณพ่อเจ้าของโรงพิมพ์กระดาษสีเขียว ตรานกอินทรีย์ ส่งมา ก็เกรงว่าจะเชื่อใจ ได้แค่เสี้ยวเดียว
    ตุรกีก็คงคิดว่า เออ ดีเหมือนกัน ถ้าอเมริกาสนับสนุนให้ช่วยกันเล่นซีเรีย อิหร่าน เอาให้ร่วง คู่แข็งที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าใหญ่ในตะวันออกกลาง ก็จะน้อยลง
    ยิ่งเหลืออย่างเสี่ยปั๊มใหญ่กับเด็กๆ เสี่ยสำอางค์ แหม ไม่อยากพูด ไก่อ่อน ขันยังไม่เป็น คิดจะไปเป็นไก่ชนชิงเมือง เอะ หมายถึงใครนะ ไก่อ่อน
    กาตาร์ รวยจนเบื่อ คงอยากเป็นลูกพี่ มีลูกน้องกับเขาบ้างกระมัง เลยบอกตุรกี งานนี้เราเล่นด้วย เจ้าชายซุกเข่า รู้เข้าก็เต้น เด็กวานซืน เจ้าไม่ต้องมาสะเออะ
    กาตาร์เลยให้ตุรกีออกหน้าแทน ตุรกีไม่ขัดใจ เรื่องใช้เงินคนอื่นสร้างบารมีให้ตัวเองนี่ มีใครไม่เอามั่ง มันมือจะตาย
    นั่นมันเรื่องในช่วง ค.ศ.2011 เล่าย้อนไปถึงตัวละครสำคัญบางตัว ก่อนที่เจ้าชายซุกเข่า จะถูกปลดนะครับ
    ช่วงนั้น อเมริกาเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดจากอีกทวีปหนึ่ง อเมริกาบอก เรา (ยัง) ไม่จำเป็นต้องเข้ามาบุกซีเรีย ให้คนตะวันออกกลาง เขาจัดการกันไปก่อน แต่เรื่องซีเรียก็ไม่ไปถึงไหน อเมริกาชักขี้เกียจรอ เลยคิดใช้ ก็อก 2
    อเมริกาบอก อย่างนี้ต้องใช้มาตรการสากล ผ่านองค์กรนานาชาติคือ สหประชาชาติแล้ว ฟังดูหรูน่าเกรงขามมาก ถุด ลูกกระเป๋งทั้งนั้น นั่งพยักหน้ากันหงึกหงัก ตบมือกราว เวลาคุณพ่อ (พวกมึง) ขึ้นไปพล่าม
    อเมริกาให้ยื่นเรื่องเข้าสหประชาชาติ และขอ (หรือสั่ง) ให้คณะมนตรีความมั่นคง มีมติให้กองกำลังของนาโต้ เข้าไปดำเนินการกับรัฐบาลซีเรีย และ ให้สหประชาชาติ มีมติกำหนดเขตห้ามบินในซีเรีย no fly zone อเมริกาเตรียมแผนทลายซีเรีย โดยใช้แผนเดียวกับที่อเมริกาเคยใช้กับลิเบีย (อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับลิเบีย ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว” ครับ)
    แต่คราวนี้ คำสั่งของอเมริกาไม่ศักดิ์สิทธิเหมือนเดิม ทั้งรัสเซียและจีน ใช้สิทธิคัดค้าน ในคณะมนตรีความมั่นคง ของสหประชาชาติถึง 2 ครั้ง ในวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ.2011 และวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2012 รัสเซียและจีนยืนยันว่า ไม่ยินยอมให้นาโต้บอมบ์ซีเรีย และนี่เป็นสาเหตุให้ เจ้าชาย บิน สุลต่าน บุกไปถึงมอสโคว์ หวังจะข่มขู่คุณพี่ปูตินให้ปล่อยมือที่อุ้มซีเรีย แต่เจ้าชายกลับเยินออกมา
    ตกลงแผนใช้เจ้าชายซุกเข่า จัดตัวละครชุดนักรบ ตัวละครชุดเสี่ยตะวันออกกลาง ก็พายไม่ไป โล้ไม่ออก แผนมติสหประชาชาติก็ฝ่อ คราวนี้อเมริกาเปลี่ยนแผน (อีก) สั่งระดมพล พวกลูกขุนลูกหาบนานาชาติ มาคอยพยัก ตั้งกลุ่มเพื่อนของซีเรีย Friends of Syria เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2012 ประกาศตัวว่า จะร่วมกันโค่นรัฐบาลอัสสาดให้จงได้
    นี่ จึงนับเป็นตัวละครกลุ่มที่สาม ที่มาเข้าฉากซีเรีย
    กลุ่มที่สาม ลูกหาบนานาชาติ นำโดยนายซาโกซี่ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสขณะนั้น รับคำสั่งเป็นตัวต้ังตัวตี จัดกลุ่มขึ้นในช่วงต้นปี ค.ศ.2012 รวบรวมพรรคพวกได้ถึง 70 ประเทศ มีการประชุมกันครั้งแรกเดือนกุมภา ที่ตูนีเซีย พอเมษา ก็ประชุมอีกที่ตุรกี กลางปีมาประชุมที่ปารีส ตามต่อที่การ์ต้า ปลายปีไปประชุมที่มาราเกซ เขาว่า การประชุมทุกครั้ง ไอ้ไก่อ่อน เสี่ยปั๊มสิงห์สำอาง กาตาร์ เป็นคนควักกระเป๋าทั้งนั้น ตกลงเรื่องไล่นายอัสซาด นี่ ดูเหมือนจะเป็นงานหลักของกาตาร์ หรือไงนะ
    เรื่องกลุ่มลูกหาบนานาชาติ นี่ มันสนุกยิ่งกว่าหนังแขก ตอนตั้งใหม่ๆต้นปี ค.ศ.2012 มีพรรคพวกมาร่วม 70 ประเทศ พอถึงปลายปี ตายแล้ว สมาชิกเพิ่มเป็น 114 ประเทศ ไปล่อมาจากไหนจ้ะ แยะจัง สงสัยไก่อ่อนจ่ายอ่วม อ้าว แล้วกัน พอถึงปี 2013 กลุ่มลูกหาบ เหลือ แค่ 11 ประเทศ ผมไม่ได้เขียนผิดครับ ตอนหลังเขาเลยเรียกกันว่า “กลุ่มลอนดอน 11” เหลือแค่ อียิปต์ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี จอร์แดน การ์ต้า ซาอุดิอารเบีย ตุรกี สมาพันธรัฐเอมิเรต อังกฤษ และอเมริกา ดูรายชื่อแล้ว คนอ่านนิทานคงประเมินได้นะครับ ว่า ลอนดอน 11 นี่ มันใครเป็นใคร ไก่อ่อน นี่มันจะเป็นไก่ตุ๋น แล้วยังไม่รู้ตัว ศักยภาพสูงจริงๆ
    เดี๋ยวลืม ขอแถมนิด อัลจาซีรา ของกาตาร์ นี่ คนวางแผน จัดตั้ง จัดรายการ เขียนข่าว รวมทั้งพิธีกร นี่เขาว่า บีบีซีของอังกฤษ รับเหมามาทำให้หมดนะครับ เพราะช่วงนั้น (และช่วงนี้) อังกฤษเศรษฐกิจดีมาก เลิกกิจการไปหลายอย่าง ร่วมทั้งลดขนาดกิจการของบีบีซี กาตาร์ กำลังอยากมีสื่อระดับโลกของตัวเอง เลยเหมาไปหมด ก็คงทำให้เห็นสัมพันธ์ของกลุ่ม 11 ชัดเจนขึ้น และถ้าเราสังเกตกัน กาตาร์ นี่ดูเหมือนกลิ่นจะออกเป็นตะวันตก มากกว่าตะวันออกกลางเสียแล้ว
    เมื่อมติสหประชาชาติ ไม่ออกมา มันก็ถึงคิว ที่กลุ่มไอซิสต้องออกมาแทน
    แล้วไอซิสพันธ์ุโหดก็เริ่มรายการยึดซีเรียในปี ค.ศ.2013 ยึดได้ไปหลายเมือง แต่อัสสาดก็ยังอยู่ แถมในเดือนกรกฏาคม ค.ศ.2013 ไอซิสเริ่มรักษาเมืองที่ไปยึดไว้ไม่ได้ และดันเป็นเมืองที่สำคัญ อัล คูเซร Al-Qusayr
    เรื่องซีเรียใช้อาวุธเคมี จึงออกมาโหมใหม่ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.2013 หลังจากนั้น อัสสาดก็มีชื่อติดอันดับโลก เป็นฆาตกรฆ่าประชาชน ที่โลกรังเกียจอย่างยิ่ง โลกเรียกร้องว่า อเมริกาต้องเข้ามาจัดการแล้ว อเมริกาจะปล่อยให้คนซีเรียถูกฆ่าอย่างนี้ต่อไปหรือ บทเขาต่อเนื่องดีแบบเน่าๆ
    สื่อในตะวันออกกลางลงข่าวว่า ในเดือนกันยายน ค.ศ.2013 อเมริกายิงจรวดใส่ซีเรียจริงๆ ยิงไป 2 ลูก ข้ามทะเลเมดิเตอเรเนียนมา แต่เรดาร์รัสเซียจับได้ ลูกหนึ่งจึงถูกรัสเซียยิงสวนระเบิดกลางอากาศ และอีกลูก ถูกระบบรัสเซียบังคับให้ลงทะเล เรื่องศักยภาพอาวุธมาแล้ว
    เรื่องนี้ สื่อตะวันตกไม่มีแอะออกมาเลย เงียบเหมือนใบ้กิน สื่อตะวันออกกลางลงกันเต็ม เหตุการณ์นี้น่าจะทำให้อเมริกา คิดหนักว่า ถ้าจะเล่นซีเรีย ก็ต้องเจอกับรัสเซียแน่นอน อเมริกาจึงปรับแผน (อีกแล้ว) หันไปตีประตูหลังบ้านรัสเซีย เพื่อให้รัสเซียปั่นป่วนบ้าง แล้วเหตุการณ์ ยูเครนจึงเกิดขึ้นอีก ในปลายเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2013
    ถ้า ฉากซีเรียยุคใหม่นี้ ยังเล่นอยู่ต่อไป โดยรัสเซียยังเป็นพระเอก อีกไม่นาน เราคงได้เห็นแถบยูเครนก็คงร้อนขึ้นมาใหม่ เหมือนอย่างตอนนี้ ที่อเมริกากำลังจุดเรื่องอาฟกานิสถาน ขึ้นมาอีก เพื่อเตรียมเอากองกำลัง กลับเข้าไปในอาฟกานิสถาน หลังจากประกาศถอนกำลังออกไปไม่นานมานี้
    อเมริกาจะพยายามแหย่ให้รัสเซียปั่นป่วน ห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะอเมริกาและพวก คงไม่ปล่อยให้รัสเซียและพวก คุมซีเรียและบริเวณใกล้เคียงแน่นอน
    เขียนยาวมาถึงตอนนี้ ท่านผู้อ่านก็คง งง ลุงเล่ามาในตอนต้นๆ ว่า ทำไมรัสเซีย อิหร่าน จีน ต้องจับมือกัน นั่น มันก็พอมีเหตุผล เกี่ยวกับความอยู่รอด แต่ ไอ้อีกฝ่ายนี่สิ ทำไมมันถึงจองกฐินซีเรีย ติดต่อกันถึง 4 ปีแล้ว ยังไม่เลิก และไอ้กลุ่ม 11 มันทำไมถึงเอาเป็นเอาตายเรื่องซีเรีย ลุงบรรยายเสียยาว ถึงตัวละคร แต่เรื่องมันเหมือนไม่ค่อยมีน้ำหนักนะ อย่าเพิ่งสรุปอย่างนั้นนะครับ ช่วย อดใจรอตอน 10 หน่อย อาจจะถึงบางอ้อ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    8 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 9 “ลองเชิง” ตอน 9 มาถึงตอนนี้ เราคงเห็นแล้วว่า ตัวละครสำคัญในฉากซีเรีย คงไม่พ้นซาอุดิอารเบีย เสี่ยปั๊มใหญ่ แบบนี้ที่เชียร์กัน ให้รัสเซียอุ้มสมซาอุ จะไหวละหรือ เอาละ คุณพี่ปูตินอาจจะทำ เพื่อผลประโยชน์ภายหน้า และสะใจบางคน แต่ผมว่าเขาคงไม่อุ้มกันตอนกำลังเล่นฉากซีเรียนี้หรอก ทบทวนกันอีกที ตัวละครกลุ่มแรกในฉากซีเรียคือ พวกกลุ่มมุสลิมเคร่ง สาระพัดพันธ์ุ ที่อ้างว่ามีเป้าหมาย จะทำให้ตะวันออกกลางทั้งหมดเป็นรัฐอิสลาม เลยทนซีเรียที่ไม่เคร่งศาสนาไม่ได้ กลุ่มนี้เรียกกันว่า กลุ่มกบฏซีเรีย ที่มาพวกเขาเป็นอย่างไรรู้กันแล้วนะครับ แต่ที่จะไป ยังไม่รู้ กำลังดูอยู่ว่า ค่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน จะเล่นถึงไหน แค่ปัดกวาดกลุ่มนี้ออกจากซีเรีย หรือจะเล่นถึงเก็บเกลี้ยงเกลา ตัวละครกลุ่มที่สองคือ กลุ่มไม่รัก หรือศัตรูของซีเรียในตะวันออกกลาง ที่มีอยู่แยะ แต่ตัวเด็ดๆ ก็คือ ซาอุดิอารเบีย อิสราเอล ตุรกี และกาตาร์… นั่นแน่ ค่อยๆโผล่มาเข้าฉาก เสี่ยสำอางค์ซุ่มเงียบ เสี่ยปั๊มใหญ่ซาอุ ไม่ชอบเล่นออกหน้า แต่ชอบดันอยู่ข้างหลัง จึงใช้เจ้าชายซุกเข่า บันดาร์ บิน สุลต่าน เป็นคนเดินเกมประสาน เสี่บปั๊มใหญ่บอกว่า เรารบอิหร่าน ซีเรีย อยู่รายเดียวนี่ คงเหนื่อย ไปเอาตุรกี นกหลายหัวมาร่วมด้วยดีกว่า อย่างน้อยก็เป็นอิสลามด้วยกัน จะหวังพึ่งอืสราเอล ที่คุณพ่อเจ้าของโรงพิมพ์กระดาษสีเขียว ตรานกอินทรีย์ ส่งมา ก็เกรงว่าจะเชื่อใจ ได้แค่เสี้ยวเดียว ตุรกีก็คงคิดว่า เออ ดีเหมือนกัน ถ้าอเมริกาสนับสนุนให้ช่วยกันเล่นซีเรีย อิหร่าน เอาให้ร่วง คู่แข็งที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าใหญ่ในตะวันออกกลาง ก็จะน้อยลง ยิ่งเหลืออย่างเสี่ยปั๊มใหญ่กับเด็กๆ เสี่ยสำอางค์ แหม ไม่อยากพูด ไก่อ่อน ขันยังไม่เป็น คิดจะไปเป็นไก่ชนชิงเมือง เอะ หมายถึงใครนะ ไก่อ่อน กาตาร์ รวยจนเบื่อ คงอยากเป็นลูกพี่ มีลูกน้องกับเขาบ้างกระมัง เลยบอกตุรกี งานนี้เราเล่นด้วย เจ้าชายซุกเข่า รู้เข้าก็เต้น เด็กวานซืน เจ้าไม่ต้องมาสะเออะ กาตาร์เลยให้ตุรกีออกหน้าแทน ตุรกีไม่ขัดใจ เรื่องใช้เงินคนอื่นสร้างบารมีให้ตัวเองนี่ มีใครไม่เอามั่ง มันมือจะตาย นั่นมันเรื่องในช่วง ค.ศ.2011 เล่าย้อนไปถึงตัวละครสำคัญบางตัว ก่อนที่เจ้าชายซุกเข่า จะถูกปลดนะครับ ช่วงนั้น อเมริกาเฝ้าดูอยู่อย่างใกล้ชิดจากอีกทวีปหนึ่ง อเมริกาบอก เรา (ยัง) ไม่จำเป็นต้องเข้ามาบุกซีเรีย ให้คนตะวันออกกลาง เขาจัดการกันไปก่อน แต่เรื่องซีเรียก็ไม่ไปถึงไหน อเมริกาชักขี้เกียจรอ เลยคิดใช้ ก็อก 2 อเมริกาบอก อย่างนี้ต้องใช้มาตรการสากล ผ่านองค์กรนานาชาติคือ สหประชาชาติแล้ว ฟังดูหรูน่าเกรงขามมาก ถุด ลูกกระเป๋งทั้งนั้น นั่งพยักหน้ากันหงึกหงัก ตบมือกราว เวลาคุณพ่อ (พวกมึง) ขึ้นไปพล่าม อเมริกาให้ยื่นเรื่องเข้าสหประชาชาติ และขอ (หรือสั่ง) ให้คณะมนตรีความมั่นคง มีมติให้กองกำลังของนาโต้ เข้าไปดำเนินการกับรัฐบาลซีเรีย และ ให้สหประชาชาติ มีมติกำหนดเขตห้ามบินในซีเรีย no fly zone อเมริกาเตรียมแผนทลายซีเรีย โดยใช้แผนเดียวกับที่อเมริกาเคยใช้กับลิเบีย (อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับลิเบีย ในนิทานเรื่อง “แผนชั่ว” ครับ) แต่คราวนี้ คำสั่งของอเมริกาไม่ศักดิ์สิทธิเหมือนเดิม ทั้งรัสเซียและจีน ใช้สิทธิคัดค้าน ในคณะมนตรีความมั่นคง ของสหประชาชาติถึง 2 ครั้ง ในวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ.2011 และวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2012 รัสเซียและจีนยืนยันว่า ไม่ยินยอมให้นาโต้บอมบ์ซีเรีย และนี่เป็นสาเหตุให้ เจ้าชาย บิน สุลต่าน บุกไปถึงมอสโคว์ หวังจะข่มขู่คุณพี่ปูตินให้ปล่อยมือที่อุ้มซีเรีย แต่เจ้าชายกลับเยินออกมา ตกลงแผนใช้เจ้าชายซุกเข่า จัดตัวละครชุดนักรบ ตัวละครชุดเสี่ยตะวันออกกลาง ก็พายไม่ไป โล้ไม่ออก แผนมติสหประชาชาติก็ฝ่อ คราวนี้อเมริกาเปลี่ยนแผน (อีก) สั่งระดมพล พวกลูกขุนลูกหาบนานาชาติ มาคอยพยัก ตั้งกลุ่มเพื่อนของซีเรีย Friends of Syria เมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2012 ประกาศตัวว่า จะร่วมกันโค่นรัฐบาลอัสสาดให้จงได้ นี่ จึงนับเป็นตัวละครกลุ่มที่สาม ที่มาเข้าฉากซีเรีย กลุ่มที่สาม ลูกหาบนานาชาติ นำโดยนายซาโกซี่ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสขณะนั้น รับคำสั่งเป็นตัวต้ังตัวตี จัดกลุ่มขึ้นในช่วงต้นปี ค.ศ.2012 รวบรวมพรรคพวกได้ถึง 70 ประเทศ มีการประชุมกันครั้งแรกเดือนกุมภา ที่ตูนีเซีย พอเมษา ก็ประชุมอีกที่ตุรกี กลางปีมาประชุมที่ปารีส ตามต่อที่การ์ต้า ปลายปีไปประชุมที่มาราเกซ เขาว่า การประชุมทุกครั้ง ไอ้ไก่อ่อน เสี่ยปั๊มสิงห์สำอาง กาตาร์ เป็นคนควักกระเป๋าทั้งนั้น ตกลงเรื่องไล่นายอัสซาด นี่ ดูเหมือนจะเป็นงานหลักของกาตาร์ หรือไงนะ เรื่องกลุ่มลูกหาบนานาชาติ นี่ มันสนุกยิ่งกว่าหนังแขก ตอนตั้งใหม่ๆต้นปี ค.ศ.2012 มีพรรคพวกมาร่วม 70 ประเทศ พอถึงปลายปี ตายแล้ว สมาชิกเพิ่มเป็น 114 ประเทศ ไปล่อมาจากไหนจ้ะ แยะจัง สงสัยไก่อ่อนจ่ายอ่วม อ้าว แล้วกัน พอถึงปี 2013 กลุ่มลูกหาบ เหลือ แค่ 11 ประเทศ ผมไม่ได้เขียนผิดครับ ตอนหลังเขาเลยเรียกกันว่า “กลุ่มลอนดอน 11” เหลือแค่ อียิปต์ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี จอร์แดน การ์ต้า ซาอุดิอารเบีย ตุรกี สมาพันธรัฐเอมิเรต อังกฤษ และอเมริกา ดูรายชื่อแล้ว คนอ่านนิทานคงประเมินได้นะครับ ว่า ลอนดอน 11 นี่ มันใครเป็นใคร ไก่อ่อน นี่มันจะเป็นไก่ตุ๋น แล้วยังไม่รู้ตัว ศักยภาพสูงจริงๆ เดี๋ยวลืม ขอแถมนิด อัลจาซีรา ของกาตาร์ นี่ คนวางแผน จัดตั้ง จัดรายการ เขียนข่าว รวมทั้งพิธีกร นี่เขาว่า บีบีซีของอังกฤษ รับเหมามาทำให้หมดนะครับ เพราะช่วงนั้น (และช่วงนี้) อังกฤษเศรษฐกิจดีมาก เลิกกิจการไปหลายอย่าง ร่วมทั้งลดขนาดกิจการของบีบีซี กาตาร์ กำลังอยากมีสื่อระดับโลกของตัวเอง เลยเหมาไปหมด ก็คงทำให้เห็นสัมพันธ์ของกลุ่ม 11 ชัดเจนขึ้น และถ้าเราสังเกตกัน กาตาร์ นี่ดูเหมือนกลิ่นจะออกเป็นตะวันตก มากกว่าตะวันออกกลางเสียแล้ว เมื่อมติสหประชาชาติ ไม่ออกมา มันก็ถึงคิว ที่กลุ่มไอซิสต้องออกมาแทน แล้วไอซิสพันธ์ุโหดก็เริ่มรายการยึดซีเรียในปี ค.ศ.2013 ยึดได้ไปหลายเมือง แต่อัสสาดก็ยังอยู่ แถมในเดือนกรกฏาคม ค.ศ.2013 ไอซิสเริ่มรักษาเมืองที่ไปยึดไว้ไม่ได้ และดันเป็นเมืองที่สำคัญ อัล คูเซร Al-Qusayr เรื่องซีเรียใช้อาวุธเคมี จึงออกมาโหมใหม่ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.2013 หลังจากนั้น อัสสาดก็มีชื่อติดอันดับโลก เป็นฆาตกรฆ่าประชาชน ที่โลกรังเกียจอย่างยิ่ง โลกเรียกร้องว่า อเมริกาต้องเข้ามาจัดการแล้ว อเมริกาจะปล่อยให้คนซีเรียถูกฆ่าอย่างนี้ต่อไปหรือ บทเขาต่อเนื่องดีแบบเน่าๆ สื่อในตะวันออกกลางลงข่าวว่า ในเดือนกันยายน ค.ศ.2013 อเมริกายิงจรวดใส่ซีเรียจริงๆ ยิงไป 2 ลูก ข้ามทะเลเมดิเตอเรเนียนมา แต่เรดาร์รัสเซียจับได้ ลูกหนึ่งจึงถูกรัสเซียยิงสวนระเบิดกลางอากาศ และอีกลูก ถูกระบบรัสเซียบังคับให้ลงทะเล เรื่องศักยภาพอาวุธมาแล้ว เรื่องนี้ สื่อตะวันตกไม่มีแอะออกมาเลย เงียบเหมือนใบ้กิน สื่อตะวันออกกลางลงกันเต็ม เหตุการณ์นี้น่าจะทำให้อเมริกา คิดหนักว่า ถ้าจะเล่นซีเรีย ก็ต้องเจอกับรัสเซียแน่นอน อเมริกาจึงปรับแผน (อีกแล้ว) หันไปตีประตูหลังบ้านรัสเซีย เพื่อให้รัสเซียปั่นป่วนบ้าง แล้วเหตุการณ์ ยูเครนจึงเกิดขึ้นอีก ในปลายเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2013 ถ้า ฉากซีเรียยุคใหม่นี้ ยังเล่นอยู่ต่อไป โดยรัสเซียยังเป็นพระเอก อีกไม่นาน เราคงได้เห็นแถบยูเครนก็คงร้อนขึ้นมาใหม่ เหมือนอย่างตอนนี้ ที่อเมริกากำลังจุดเรื่องอาฟกานิสถาน ขึ้นมาอีก เพื่อเตรียมเอากองกำลัง กลับเข้าไปในอาฟกานิสถาน หลังจากประกาศถอนกำลังออกไปไม่นานมานี้ อเมริกาจะพยายามแหย่ให้รัสเซียปั่นป่วน ห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะอเมริกาและพวก คงไม่ปล่อยให้รัสเซียและพวก คุมซีเรียและบริเวณใกล้เคียงแน่นอน เขียนยาวมาถึงตอนนี้ ท่านผู้อ่านก็คง งง ลุงเล่ามาในตอนต้นๆ ว่า ทำไมรัสเซีย อิหร่าน จีน ต้องจับมือกัน นั่น มันก็พอมีเหตุผล เกี่ยวกับความอยู่รอด แต่ ไอ้อีกฝ่ายนี่สิ ทำไมมันถึงจองกฐินซีเรีย ติดต่อกันถึง 4 ปีแล้ว ยังไม่เลิก และไอ้กลุ่ม 11 มันทำไมถึงเอาเป็นเอาตายเรื่องซีเรีย ลุงบรรยายเสียยาว ถึงตัวละคร แต่เรื่องมันเหมือนไม่ค่อยมีน้ำหนักนะ อย่าเพิ่งสรุปอย่างนั้นนะครับ ช่วย อดใจรอตอน 10 หน่อย อาจจะถึงบางอ้อ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 8 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 491 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.42

    กฎการปะทะ หรือ Rules of Engagement (ROE) ในปฏิบัติการทางทหารคือหัวใจสำคัญของการพิจารณาการใช้กำลังทางทหาร โดยเป็นชุดคำสั่งหรือแนวทางที่กำหนดเงื่อนไข ขอบเขต สถานที่ และวิธีการที่ทหารจะสามารถใช้กำลังหรืออาวุธได้ กฎเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ระเบียบปฏิบัติภายในหน่วยงาน แต่เป็นกลไกทางกฎหมายที่ผูกโยงการปฏิบัติการทางทหารเข้ากับหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law – IHL) หรือที่รู้จักกันในชื่อกฎหมายว่าด้วยการขัดกันด้วยอาวุธ (Law of Armed Conflict – LOAC) รวมถึงกฎหมายภายในของรัฐนั้นๆ ด้วย ROE ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างความจำเป็นทางทหาร (Military Necessity) กับหลักการด้านมนุษยธรรมและสัดส่วน (Proportionality) ในการทำสงคราม การกำหนด ROE จะต้องพิจารณาอย่างรอบด้านถึงสถานการณ์ความขัดแย้ง รูปแบบของภัยคุกคาม และเป้าหมายทางยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐ ซึ่งในทางกฎหมายแล้ว ROE มักแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลักคือ กฎทั่วไป (General ROE) ที่ใช้ในสถานการณ์ปกติหรือการฝึก และกฎเฉพาะกิจ (Specific ROE) ที่ถูกปรับให้เข้ากับภารกิจ สถานที่ หรือระดับความรุนแรงของภัยคุกคามที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น ภารกิจรักษาสันติภาพภายใต้องค์การสหประชาชาติจะมี ROE ที่เข้มงวดกว่าภารกิจในการทำสงครามเต็มรูปแบบ ซึ่งเน้นการจำกัดการใช้กำลังเพื่อการป้องกันตนเองและคุ้มครองพลเรือนเป็นหลัก และในบริบททางกฎหมาย กฎการปะทะยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งความรับผิดชอบทางอาญาของบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสั่งการและการปฏิบัติตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทหารแต่ละนายมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องพิจารณาว่าการกระทำของตนสอดคล้องกับ ROE และ IHL หรือไม่ การละเมิด ROE อาจนำไปสู่การถูกสอบสวนและดำเนินคดีทางวินัยหรือทางอาญาได้ ทั้งในระดับศาลทหารและศาลอาญาระหว่างประเทศหากการละเมิดนั้นเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม ข้อความที่ว่า ROE อาจแตกต่างกันระหว่างวัฒนธรรมที่ต่างกันในประวัติศาสตร์นั้นสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการตีความและการประยุกต์ใช้ IHL ซึ่งแม้จะมีหลักการที่เป็นสากล เช่น หลักการแบ่งแยกพลรบและพลเรือน หรือหลักการจำกัดความทุกข์ทรมานที่ไม่จำเป็น แต่การนำหลักการเหล่านี้ไปใช้จริงในทางปฏิบัติย่อมขึ้นอยู่กับบริบททางสังคมการเมือง ประเพณีทางการทหาร และมุมมองทางกฎหมายของแต่ละชาติ ซึ่งนำไปสู่การถกเถียงอย่างต่อเนื่องในเวทีระหว่างประเทศเกี่ยวกับการตีความขอบเขตอำนาจในการป้องกันตนเอง (Self-Defence) และความหมายของคำว่า การโจมตีที่ชอบด้วยกฎหมาย (Lawful Target) โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความซับซ้อน เช่น การรบในเขตเมืองที่มีพลเรือนปะปน หรือการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการทำสงคราม

    กล่าวโดยสรุป กฎการปะทะคือหลักประกันเชิงกฎหมายที่ควบคุมการตัดสินใจอันเป็นความตายและความอยู่รอดในสมรภูมิ กฎเหล่านี้คือการรวมกันของหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ กฎหมายภายใน และความจำเป็นทางยุทธวิธี โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้การใช้กำลังเป็นไปอย่างมีขอบเขต มีความรับผิดชอบ และมีสัดส่วนที่เหมาะสมตามหลักนิติธรรม กฎการปะทะไม่ใช่เพียงแค่คู่มือปฏิบัติ แต่เป็นเอกสารทางกฎหมายที่กำหนดภาระหน้าที่และขีดจำกัดของกองทัพในการดำเนินงานของพวกเขา ซึ่งต้องมีการตีความและปรับใช้ให้สอดคล้องกับวิวัฒนาการของความขัดแย้งและหลักการทางกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มั่นใจว่าการปฏิบัติการทางทหารจะไม่เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของความเป็นมนุษย์และหลักนิติธรรมในทุกสถานการณ์.

    ดังนั้น ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในมิติทางกฎหมายของกฎการปะทะจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำทางทหาร และบุคลากรทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง เพราะ ROE เป็นตัวกำหนดขีดเส้นแบ่งระหว่างการปฏิบัติการที่ชอบด้วยกฎหมายกับการกระทำที่เป็นอาชญากรรมสงคราม การเคารพและการปฏิบัติตามกฎนี้อย่างเคร่งครัดจึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของวินัยเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อบังคับทางกฎหมายระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในการปกป้องศักดิ์ศรีของมนุษย์และลดผลกระทบต่อพลเรือนในยามศึกสงครามอีกด้วย การตีความที่ยืดหยุ่นภายใต้กรอบของกฎหมายที่เข้มแข็งจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องและเป็นธรรมในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด.
    บทความกฎหมาย EP.42 กฎการปะทะ หรือ Rules of Engagement (ROE) ในปฏิบัติการทางทหารคือหัวใจสำคัญของการพิจารณาการใช้กำลังทางทหาร โดยเป็นชุดคำสั่งหรือแนวทางที่กำหนดเงื่อนไข ขอบเขต สถานที่ และวิธีการที่ทหารจะสามารถใช้กำลังหรืออาวุธได้ กฎเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ระเบียบปฏิบัติภายในหน่วยงาน แต่เป็นกลไกทางกฎหมายที่ผูกโยงการปฏิบัติการทางทหารเข้ากับหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law – IHL) หรือที่รู้จักกันในชื่อกฎหมายว่าด้วยการขัดกันด้วยอาวุธ (Law of Armed Conflict – LOAC) รวมถึงกฎหมายภายในของรัฐนั้นๆ ด้วย ROE ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างความจำเป็นทางทหาร (Military Necessity) กับหลักการด้านมนุษยธรรมและสัดส่วน (Proportionality) ในการทำสงคราม การกำหนด ROE จะต้องพิจารณาอย่างรอบด้านถึงสถานการณ์ความขัดแย้ง รูปแบบของภัยคุกคาม และเป้าหมายทางยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐ ซึ่งในทางกฎหมายแล้ว ROE มักแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลักคือ กฎทั่วไป (General ROE) ที่ใช้ในสถานการณ์ปกติหรือการฝึก และกฎเฉพาะกิจ (Specific ROE) ที่ถูกปรับให้เข้ากับภารกิจ สถานที่ หรือระดับความรุนแรงของภัยคุกคามที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น ภารกิจรักษาสันติภาพภายใต้องค์การสหประชาชาติจะมี ROE ที่เข้มงวดกว่าภารกิจในการทำสงครามเต็มรูปแบบ ซึ่งเน้นการจำกัดการใช้กำลังเพื่อการป้องกันตนเองและคุ้มครองพลเรือนเป็นหลัก และในบริบททางกฎหมาย กฎการปะทะยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งความรับผิดชอบทางอาญาของบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสั่งการและการปฏิบัติตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทหารแต่ละนายมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องพิจารณาว่าการกระทำของตนสอดคล้องกับ ROE และ IHL หรือไม่ การละเมิด ROE อาจนำไปสู่การถูกสอบสวนและดำเนินคดีทางวินัยหรือทางอาญาได้ ทั้งในระดับศาลทหารและศาลอาญาระหว่างประเทศหากการละเมิดนั้นเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม ข้อความที่ว่า ROE อาจแตกต่างกันระหว่างวัฒนธรรมที่ต่างกันในประวัติศาสตร์นั้นสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการตีความและการประยุกต์ใช้ IHL ซึ่งแม้จะมีหลักการที่เป็นสากล เช่น หลักการแบ่งแยกพลรบและพลเรือน หรือหลักการจำกัดความทุกข์ทรมานที่ไม่จำเป็น แต่การนำหลักการเหล่านี้ไปใช้จริงในทางปฏิบัติย่อมขึ้นอยู่กับบริบททางสังคมการเมือง ประเพณีทางการทหาร และมุมมองทางกฎหมายของแต่ละชาติ ซึ่งนำไปสู่การถกเถียงอย่างต่อเนื่องในเวทีระหว่างประเทศเกี่ยวกับการตีความขอบเขตอำนาจในการป้องกันตนเอง (Self-Defence) และความหมายของคำว่า การโจมตีที่ชอบด้วยกฎหมาย (Lawful Target) โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความซับซ้อน เช่น การรบในเขตเมืองที่มีพลเรือนปะปน หรือการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการทำสงคราม กล่าวโดยสรุป กฎการปะทะคือหลักประกันเชิงกฎหมายที่ควบคุมการตัดสินใจอันเป็นความตายและความอยู่รอดในสมรภูมิ กฎเหล่านี้คือการรวมกันของหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ กฎหมายภายใน และความจำเป็นทางยุทธวิธี โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้การใช้กำลังเป็นไปอย่างมีขอบเขต มีความรับผิดชอบ และมีสัดส่วนที่เหมาะสมตามหลักนิติธรรม กฎการปะทะไม่ใช่เพียงแค่คู่มือปฏิบัติ แต่เป็นเอกสารทางกฎหมายที่กำหนดภาระหน้าที่และขีดจำกัดของกองทัพในการดำเนินงานของพวกเขา ซึ่งต้องมีการตีความและปรับใช้ให้สอดคล้องกับวิวัฒนาการของความขัดแย้งและหลักการทางกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มั่นใจว่าการปฏิบัติการทางทหารจะไม่เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของความเป็นมนุษย์และหลักนิติธรรมในทุกสถานการณ์. ดังนั้น ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในมิติทางกฎหมายของกฎการปะทะจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้กำหนดนโยบาย ผู้นำทางทหาร และบุคลากรทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง เพราะ ROE เป็นตัวกำหนดขีดเส้นแบ่งระหว่างการปฏิบัติการที่ชอบด้วยกฎหมายกับการกระทำที่เป็นอาชญากรรมสงคราม การเคารพและการปฏิบัติตามกฎนี้อย่างเคร่งครัดจึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของวินัยเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อบังคับทางกฎหมายระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในการปกป้องศักดิ์ศรีของมนุษย์และลดผลกระทบต่อพลเรือนในยามศึกสงครามอีกด้วย การตีความที่ยืดหยุ่นภายใต้กรอบของกฎหมายที่เข้มแข็งจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องและเป็นธรรมในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 424 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองเชิง ตอนที่ 5

    “ลองเชิง”
    ตอน 5
    หลังจากเพาะพันธ์ุอาหรับสปริงจนปั่นป่วนไปทั้งตะวันออกกลาง อเมริกา โดยนโยบายของนายโอบามา ก็ประกาศว่า อเมริกาเริ่มลดกำลังพล เตรียมถอนตัวจากตะวันออกกลางไปแล้วนะ นักวิเคราะห์ระดับโลกส่วนใหญ่บอกว่า เพราะอเมริกาฉิบหายจากการรบในอิรัค และประเป๋าฉีกจากการรบในอาฟกานิสถาน จากนโยบายสายเหยี่ยว ของคาวบอยบุช กับเหยี่ยวกระหายเลือด ดิ๊ก เชนีย์ แถมเศรษฐกิจในประเทศก็เริ่มมีปัญหา อเมริกาจึงรับภาระที่ตัวเองสร้างในตะวันออกกลางต่อไปอีกไม่ไหว ต้องเปลี่ยนนโยบายเป็นถอยกำลังออกมา
    ฟังแล้วรู้สึกอย่างไรครับ สำหรับผมบอกได้เลยว่า คลื่นไส้ สันดานอเมริกา !
    มันเป็นการวิเคราะห์ที่เซ่อ จนเดินตกหลุม หรือมันกำลังสร้างหลุมพราง อย่างใดกันแน่
    จริงๆ อเมริกาไม่ได้ถอนตัวออกจากตะวันออกกลางเลย อเมริกาแค่ถอนกำลังจากอิรัค แล้วเอาไปอยู่บริเวณอื่น ใกล้ตะว้นออกกลาง และส่งไม้ มาเสี้ยมไปเสี้ยมมา ตามแนวถนัดของอเมริกา ให้ตะวันออกกลางเล่นกันเองจนเละ ระหว่างนั้นก็ตรึงหมุดตัวละครสำคัญ และบริเวณสำคัญเอาไว้ อเมริกาได้น้ำมันบ่อใหญ่ของอิรัคกับลิเบียมาแล้ว ส่วนของพวกเสี่ยปั้มใหญ่ปั้มเล็ก ก็อยู่ในมือแล้ว เหลือแต่อิหร่าน อเมริกาจึงยื้อเวลา สร้างเรื่องให้ตะวันออกกลางวุ่นวายเพิ่มขึ้น ด้วยการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน เพราะเรื่องนี้ จะทำให้ค่ายเสี่ยปั้มใหญ่ประสาทแดกกันทั้งพวง
    อิหร่านเอง ก็รีบรับลูกที่มาเข้าทางอย่างเหลือเชื่อ อิหร่านไม่มีอะไรจะเสีย มีแต่ได้กับได้
    ต่างฝ่ายต่างคิดต้มกัน อเมริกาอยากได้แต่ปั้ม ไม่อยากได้คน อิหร่านบอก แหม… คิด (เกือบ) เหมือนกันเลยครับ เราก็มีแผนไม่เอาคน (บางพวก) แต่เอาปั้ม เกมนี้ดูไม่ทัน ออกอ่าวหาทางกลับเข้าฝั่งไม่ถูกเลยนะครับ
    ระหว่างนั้น อเมริกาก็ประกาศนโยบาย กลับมาคุมเอเซียแปซิฟิก หรือจริงๆ ก็มาคุมจีน ในปี ค.ศ.2012 ช่วยย้อนกลับไปดู timeline ย่อๆ ที่ผมทำไว้ให้ในเรื่อง “แผนชั่ว” ตอนที่ 12 นะครับ น่าจะพอทำให้เข้าใจว่า อเมริกาได้สร้างสงครามเย็นรอบ ใหม่และรูปแบบใหม่ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 เพื่อปิดล้อม ทั้งรัสเซียและจีน หรือยูเรเซียพร้อมกัน ตามทฤษฏีสำคัญของ ครูแม๊ค (Sir Halford Mackinder) ครูใหญ่ทางด้านภูมิศาสตร์การเมือง geopolitics ที่ ครูแม็ค พูดมาร้อยกว่าปีแล้ว (ค.ศ.1904) ว่า ใครครอบครองยูเรเซีย คนนั้นก็ครองโลกนั่นเอง
    แต่ทฤษฏีครูแม๊ค คงไม่ได้มีแต่อังกฤษและอเมริกาที่ให้ความสนใจ รัสเซีย และจีน ก็ให้ความสนใจเช่นกัน แต่ความสนใจอาจจะมาจากคนละสาเหตุ รัสเซียและจีน ที่เป็นประเทศใหญ่อยู่ในยูเรเซียเอง จะปล่อยให้ใครมาตีหัว แล้วยึดบ้านไปง่ายๆอย่างนั้นหรือ เกมตีหัว แล้วยึดบ้านเขา สำหรับอเมริกา น่าจะใกล้หมดเวลาเล่นแล้ว โดยเฉพาะ ถ้าจะคิดเล่นกับรัสเซียหรือจีน ในวันนี้
    ดูจากนโยบาย และพฤติกรรมที่อเมริกาดำเนินมา อย่างน้อยตั้งแต่ ค.ศ.1999 อเมริกาน่าจะมีแผน ที่จะครอบครองยูเรเซีย หรือถ้าครอบครองไม่ได้ ก็ต้องกันไม่ให้ใครมาครอบครอง เพราะจะทำให้ความเป็นหมายเลขหนึ่งของโลก ที่อเมริกาครองตำแหน่งมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ตกแท่นหมดท่าหมายเลขหนึ่ง
    อเมริกานึกไม่ถึงว่า รัสเซีย จีนและพวก จะจับมือกันได้แน่นจริง อเมริกาพยายามทั้งแยง และปิดกั้นเส้นทาง “โต” ของทั้ง 2 ประเทศมานานอย่างน้อย 15 ปีแล้ว แต่อเมริกายังทำไม่สำเร็จ อเมริกาต้องได้ “ตะวันออกกลางทั้งหมด” เสียก่อน เพื่อฮุบเอาน้ำมันทั้งหมดเป็นของตัว น้ำมันเป็นยุทธปัจจัยสำคัญไม่น้อยกว่าอาวุธ ในการทำสงครามใหญ่
    เมื่อได้ตะวันออกกลางทั้งหมด แผนต่อไปจึงกินจีน และตามมาด้วยรัสเซีย หรือตัดเชือกที่เชื่อมทั้ง 2 ประเทศออกจากกัน และโดยสภาพภูมิศาสตร์ ประเทศที่อยู่ในจุดเชื่อมรัสเซียกับจีน คือ อิหร่าน พอเข้าใจแล้วนะครับ ว่า เขาเล่นเกมกันอย่างไร
    และแม้เป้าหมายการเผด็จศึก จะเดินเป็นขั้นตอน แต่อเมริกาเดินแผนปฏิบัติการณ์ แจกทุกเป้าหมาย ขนานคู่ไปด้วยตลอดเวลา นิทานเรื่อง “แผนชั่ว” เป็นตัวอย่างให้เห็น ลองเอาระยะเวลาและเหตุการณ์ ที่เกี่ยวกับรัสเซียมาใส่ด้วย ก็จะทำให้เห็นชัดถึงแผนครองโลกที่แท้จริงของอเมริกา
    ก้างขวางคอ ที่ทำให้อเมริกายังฮุบตะวันออกกลางไม่ได้ คือ “ค่ายสู้ตาย ดายฮาร์ด ไม่เอาอเมริกา” ที่นำโดยอิหร่าน อเมริกาจึงเล่นอิหร่านสาระพัดรูปแบบ ทั้งชน ทั้งล่อ ยังกินไม่ลง เพราะมีพี่เลี้ยงและแนวร่วมเหนียว อเมริกาจึงใช้วิธีเพาะพันธ์ไอซิสใส่ตะวันออกกลาง เพื่อให้ไอซิส “จัดการ” ตะวันออกกลาง และเวลานี้ ไอซิสจึงกำลังออกฤทธิ์ จัดการอยู่ที่ซีเรีย
    ถ้าซีเรียไป อิหร่านเหนื่อย ถ้าอิหร่านไป รัสเซียเละจีนเหนื่อย และเราๆ ก็อาจจะกลับไปเป็นพรมเช็ดเท้าให้เขาเหมือนเดิม จะเหยียบจะย่ำ อย่างไรก็ได้ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับผู้ที่ไม่อยากเป็นพรมเช็ดเท้า
    วันนี้ ฝ่ายรัสเซียจีนอิหร่าน จึงต้องรักษาซีเรียไว้ให้ได้ และอเมริกาและพวก ก็จะทำทุกอย่างที่จะทำลายอัสสาดและซีเรียให้ได้ด้วย มันไม่ใช่เรื่อง มนุษยธรรมบ้าบอ ที่น้ำลายฟูมปากพล่ามหน้าจออวดชาวโลก มันเป็นเรื่องของความอยู่รอด ของฝ่าย ที่ถูกอเมริกาและพวกกระทำมาตลอด
    ซีเรีย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของสนามประลอง เป็นการลองเชิง ก่อนศึกครั้งใหญ่จะมา
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    4 ต.ค. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 5 “ลองเชิง” ตอน 5 หลังจากเพาะพันธ์ุอาหรับสปริงจนปั่นป่วนไปทั้งตะวันออกกลาง อเมริกา โดยนโยบายของนายโอบามา ก็ประกาศว่า อเมริกาเริ่มลดกำลังพล เตรียมถอนตัวจากตะวันออกกลางไปแล้วนะ นักวิเคราะห์ระดับโลกส่วนใหญ่บอกว่า เพราะอเมริกาฉิบหายจากการรบในอิรัค และประเป๋าฉีกจากการรบในอาฟกานิสถาน จากนโยบายสายเหยี่ยว ของคาวบอยบุช กับเหยี่ยวกระหายเลือด ดิ๊ก เชนีย์ แถมเศรษฐกิจในประเทศก็เริ่มมีปัญหา อเมริกาจึงรับภาระที่ตัวเองสร้างในตะวันออกกลางต่อไปอีกไม่ไหว ต้องเปลี่ยนนโยบายเป็นถอยกำลังออกมา ฟังแล้วรู้สึกอย่างไรครับ สำหรับผมบอกได้เลยว่า คลื่นไส้ สันดานอเมริกา ! มันเป็นการวิเคราะห์ที่เซ่อ จนเดินตกหลุม หรือมันกำลังสร้างหลุมพราง อย่างใดกันแน่ จริงๆ อเมริกาไม่ได้ถอนตัวออกจากตะวันออกกลางเลย อเมริกาแค่ถอนกำลังจากอิรัค แล้วเอาไปอยู่บริเวณอื่น ใกล้ตะว้นออกกลาง และส่งไม้ มาเสี้ยมไปเสี้ยมมา ตามแนวถนัดของอเมริกา ให้ตะวันออกกลางเล่นกันเองจนเละ ระหว่างนั้นก็ตรึงหมุดตัวละครสำคัญ และบริเวณสำคัญเอาไว้ อเมริกาได้น้ำมันบ่อใหญ่ของอิรัคกับลิเบียมาแล้ว ส่วนของพวกเสี่ยปั้มใหญ่ปั้มเล็ก ก็อยู่ในมือแล้ว เหลือแต่อิหร่าน อเมริกาจึงยื้อเวลา สร้างเรื่องให้ตะวันออกกลางวุ่นวายเพิ่มขึ้น ด้วยการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน เพราะเรื่องนี้ จะทำให้ค่ายเสี่ยปั้มใหญ่ประสาทแดกกันทั้งพวง อิหร่านเอง ก็รีบรับลูกที่มาเข้าทางอย่างเหลือเชื่อ อิหร่านไม่มีอะไรจะเสีย มีแต่ได้กับได้ ต่างฝ่ายต่างคิดต้มกัน อเมริกาอยากได้แต่ปั้ม ไม่อยากได้คน อิหร่านบอก แหม… คิด (เกือบ) เหมือนกันเลยครับ เราก็มีแผนไม่เอาคน (บางพวก) แต่เอาปั้ม เกมนี้ดูไม่ทัน ออกอ่าวหาทางกลับเข้าฝั่งไม่ถูกเลยนะครับ ระหว่างนั้น อเมริกาก็ประกาศนโยบาย กลับมาคุมเอเซียแปซิฟิก หรือจริงๆ ก็มาคุมจีน ในปี ค.ศ.2012 ช่วยย้อนกลับไปดู timeline ย่อๆ ที่ผมทำไว้ให้ในเรื่อง “แผนชั่ว” ตอนที่ 12 นะครับ น่าจะพอทำให้เข้าใจว่า อเมริกาได้สร้างสงครามเย็นรอบ ใหม่และรูปแบบใหม่ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1999 เพื่อปิดล้อม ทั้งรัสเซียและจีน หรือยูเรเซียพร้อมกัน ตามทฤษฏีสำคัญของ ครูแม๊ค (Sir Halford Mackinder) ครูใหญ่ทางด้านภูมิศาสตร์การเมือง geopolitics ที่ ครูแม็ค พูดมาร้อยกว่าปีแล้ว (ค.ศ.1904) ว่า ใครครอบครองยูเรเซีย คนนั้นก็ครองโลกนั่นเอง แต่ทฤษฏีครูแม๊ค คงไม่ได้มีแต่อังกฤษและอเมริกาที่ให้ความสนใจ รัสเซีย และจีน ก็ให้ความสนใจเช่นกัน แต่ความสนใจอาจจะมาจากคนละสาเหตุ รัสเซียและจีน ที่เป็นประเทศใหญ่อยู่ในยูเรเซียเอง จะปล่อยให้ใครมาตีหัว แล้วยึดบ้านไปง่ายๆอย่างนั้นหรือ เกมตีหัว แล้วยึดบ้านเขา สำหรับอเมริกา น่าจะใกล้หมดเวลาเล่นแล้ว โดยเฉพาะ ถ้าจะคิดเล่นกับรัสเซียหรือจีน ในวันนี้ ดูจากนโยบาย และพฤติกรรมที่อเมริกาดำเนินมา อย่างน้อยตั้งแต่ ค.ศ.1999 อเมริกาน่าจะมีแผน ที่จะครอบครองยูเรเซีย หรือถ้าครอบครองไม่ได้ ก็ต้องกันไม่ให้ใครมาครอบครอง เพราะจะทำให้ความเป็นหมายเลขหนึ่งของโลก ที่อเมริกาครองตำแหน่งมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ตกแท่นหมดท่าหมายเลขหนึ่ง อเมริกานึกไม่ถึงว่า รัสเซีย จีนและพวก จะจับมือกันได้แน่นจริง อเมริกาพยายามทั้งแยง และปิดกั้นเส้นทาง “โต” ของทั้ง 2 ประเทศมานานอย่างน้อย 15 ปีแล้ว แต่อเมริกายังทำไม่สำเร็จ อเมริกาต้องได้ “ตะวันออกกลางทั้งหมด” เสียก่อน เพื่อฮุบเอาน้ำมันทั้งหมดเป็นของตัว น้ำมันเป็นยุทธปัจจัยสำคัญไม่น้อยกว่าอาวุธ ในการทำสงครามใหญ่ เมื่อได้ตะวันออกกลางทั้งหมด แผนต่อไปจึงกินจีน และตามมาด้วยรัสเซีย หรือตัดเชือกที่เชื่อมทั้ง 2 ประเทศออกจากกัน และโดยสภาพภูมิศาสตร์ ประเทศที่อยู่ในจุดเชื่อมรัสเซียกับจีน คือ อิหร่าน พอเข้าใจแล้วนะครับ ว่า เขาเล่นเกมกันอย่างไร และแม้เป้าหมายการเผด็จศึก จะเดินเป็นขั้นตอน แต่อเมริกาเดินแผนปฏิบัติการณ์ แจกทุกเป้าหมาย ขนานคู่ไปด้วยตลอดเวลา นิทานเรื่อง “แผนชั่ว” เป็นตัวอย่างให้เห็น ลองเอาระยะเวลาและเหตุการณ์ ที่เกี่ยวกับรัสเซียมาใส่ด้วย ก็จะทำให้เห็นชัดถึงแผนครองโลกที่แท้จริงของอเมริกา ก้างขวางคอ ที่ทำให้อเมริกายังฮุบตะวันออกกลางไม่ได้ คือ “ค่ายสู้ตาย ดายฮาร์ด ไม่เอาอเมริกา” ที่นำโดยอิหร่าน อเมริกาจึงเล่นอิหร่านสาระพัดรูปแบบ ทั้งชน ทั้งล่อ ยังกินไม่ลง เพราะมีพี่เลี้ยงและแนวร่วมเหนียว อเมริกาจึงใช้วิธีเพาะพันธ์ไอซิสใส่ตะวันออกกลาง เพื่อให้ไอซิส “จัดการ” ตะวันออกกลาง และเวลานี้ ไอซิสจึงกำลังออกฤทธิ์ จัดการอยู่ที่ซีเรีย ถ้าซีเรียไป อิหร่านเหนื่อย ถ้าอิหร่านไป รัสเซียเละจีนเหนื่อย และเราๆ ก็อาจจะกลับไปเป็นพรมเช็ดเท้าให้เขาเหมือนเดิม จะเหยียบจะย่ำ อย่างไรก็ได้ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับผู้ที่ไม่อยากเป็นพรมเช็ดเท้า วันนี้ ฝ่ายรัสเซียจีนอิหร่าน จึงต้องรักษาซีเรียไว้ให้ได้ และอเมริกาและพวก ก็จะทำทุกอย่างที่จะทำลายอัสสาดและซีเรียให้ได้ด้วย มันไม่ใช่เรื่อง มนุษยธรรมบ้าบอ ที่น้ำลายฟูมปากพล่ามหน้าจออวดชาวโลก มันเป็นเรื่องของความอยู่รอด ของฝ่าย ที่ถูกอเมริกาและพวกกระทำมาตลอด ซีเรีย จึงเป็นจุดเริ่มต้นของสนามประลอง เป็นการลองเชิง ก่อนศึกครั้งใหญ่จะมา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 4 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุคใหม่ของโครโมโซม Y : ความอยู่รอดหรือการสิ้นสุด?

    นักวิทยาศาสตร์กำลังถกเถียงกันอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับอนาคตของโครโมโซม Y ซึ่งเป็นตัวกำหนดเพศชายในมนุษย์ บางฝ่ายเชื่อว่ามันกำลังเสื่อมสลายและอาจหายไปในอีกไม่กี่ล้านปีข้างหน้า ขณะที่อีกฝ่ายมองว่ามันมีความเสถียรและจะอยู่รอดต่อไปได้อย่างมั่นคง การถกเถียงนี้สะท้อนให้เห็นถึงสองมุมมองทางวิวัฒนาการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

    Jenny Graves นักชีววิทยาวิวัฒนาการเคยคำนวณว่าโครโมโซม Y สูญเสียยีนไปแล้วกว่า 97% ในช่วง 300 ล้านปีที่ผ่านมา หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป มันอาจหายไปในอนาคต แต่เธอย้ำว่านี่เป็นเพียงการคำนวณเชิงทฤษฎี ไม่ใช่คำทำนายว่ามนุษย์เพศชายจะสูญพันธุ์ทันที หลายชนิดสัตว์ เช่น หนูพุก และหนูหนาม ได้สูญเสียโครโมโซม Y ไปแล้ว แต่ยังคงมีระบบกำหนดเพศใหม่ที่ทำงานแทนได้

    ในอีกด้านหนึ่ง Jennifer Hughes จาก MIT ชี้ว่าโครโมโซม Y ของมนุษย์มีความเสถียรในระยะยาว หลักฐานจากการเปรียบเทียบยีนในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดบ่งชี้ว่าการสูญเสียยีนหยุดลงแล้ว และยีนที่เหลือมีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกายจนไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ สิ่งนี้ทำให้บางนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าโครโมโซม Y จะยังคงอยู่ต่อไป

    นอกเหนือจากการถกเถียงเชิงวิชาการแล้ว ประเด็นนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของวิวัฒนาการ มนุษย์และสัตว์อาจปรับตัวได้หากโครโมโซม Y หายไป โดยการสร้างระบบกำหนดเพศใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธรรมชาติมีวิธีการรักษาสมดุลของชีวิต แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ก็ตาม

    สรุปสาระสำคัญ
    โครโมโซม Y สูญเสียยีนไปแล้วกว่า 97%
    การคำนวณของ Jenny Graves ชี้ว่าอาจหายไปในอีกไม่กี่ล้านปี

    หลายชนิดสัตว์สูญเสียโครโมโซม Y แต่ยังคงมีระบบกำหนดเพศใหม่
    เช่น หนูพุก และหนูหนาม ที่พัฒนากลไกแทน

    นักวิทยาศาสตร์บางฝ่ายเชื่อว่าโครโมโซม Y มีความเสถียร
    Jennifer Hughes ชี้ว่าการสูญเสียยีนหยุดลงแล้ว และยีนที่เหลือมีความสำคัญต่อร่างกาย

    การถกเถียงสะท้อนสองมุมมองทางวิวัฒนาการ
    ฝ่ายหนึ่งมองว่า Y กำลังเสื่อมสลาย อีกฝ่ายมองว่ามันมั่นคง

    ความเข้าใจผิดจากสื่ออาจทำให้คนเชื่อว่ามนุษย์เพศชายจะสูญพันธุ์
    Jenny Graves ย้ำว่านี่เป็นเพียงการคำนวณเชิงทฤษฎี ไม่ใช่คำทำนายจริง

    การเสื่อมสลายของโครโมโซม Y ไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดของมนุษย์
    วิวัฒนาการสามารถสร้างระบบใหม่เพื่อรักษาสมดุลของชีวิตได้

    https://www.sciencealert.com/is-the-y-chromosome-vanishing-a-new-sex-gene-may-be-the-future-of-men
    🧬 ยุคใหม่ของโครโมโซม Y : ความอยู่รอดหรือการสิ้นสุด? นักวิทยาศาสตร์กำลังถกเถียงกันอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับอนาคตของโครโมโซม Y ซึ่งเป็นตัวกำหนดเพศชายในมนุษย์ บางฝ่ายเชื่อว่ามันกำลังเสื่อมสลายและอาจหายไปในอีกไม่กี่ล้านปีข้างหน้า ขณะที่อีกฝ่ายมองว่ามันมีความเสถียรและจะอยู่รอดต่อไปได้อย่างมั่นคง การถกเถียงนี้สะท้อนให้เห็นถึงสองมุมมองทางวิวัฒนาการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง Jenny Graves นักชีววิทยาวิวัฒนาการเคยคำนวณว่าโครโมโซม Y สูญเสียยีนไปแล้วกว่า 97% ในช่วง 300 ล้านปีที่ผ่านมา หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป มันอาจหายไปในอนาคต แต่เธอย้ำว่านี่เป็นเพียงการคำนวณเชิงทฤษฎี ไม่ใช่คำทำนายว่ามนุษย์เพศชายจะสูญพันธุ์ทันที หลายชนิดสัตว์ เช่น หนูพุก และหนูหนาม ได้สูญเสียโครโมโซม Y ไปแล้ว แต่ยังคงมีระบบกำหนดเพศใหม่ที่ทำงานแทนได้ ในอีกด้านหนึ่ง Jennifer Hughes จาก MIT ชี้ว่าโครโมโซม Y ของมนุษย์มีความเสถียรในระยะยาว หลักฐานจากการเปรียบเทียบยีนในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดบ่งชี้ว่าการสูญเสียยีนหยุดลงแล้ว และยีนที่เหลือมีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกายจนไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ สิ่งนี้ทำให้บางนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าโครโมโซม Y จะยังคงอยู่ต่อไป นอกเหนือจากการถกเถียงเชิงวิชาการแล้ว ประเด็นนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของวิวัฒนาการ มนุษย์และสัตว์อาจปรับตัวได้หากโครโมโซม Y หายไป โดยการสร้างระบบกำหนดเพศใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธรรมชาติมีวิธีการรักษาสมดุลของชีวิต แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ก็ตาม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ โครโมโซม Y สูญเสียยีนไปแล้วกว่า 97% ➡️ การคำนวณของ Jenny Graves ชี้ว่าอาจหายไปในอีกไม่กี่ล้านปี ✅ หลายชนิดสัตว์สูญเสียโครโมโซม Y แต่ยังคงมีระบบกำหนดเพศใหม่ ➡️ เช่น หนูพุก และหนูหนาม ที่พัฒนากลไกแทน ✅ นักวิทยาศาสตร์บางฝ่ายเชื่อว่าโครโมโซม Y มีความเสถียร ➡️ Jennifer Hughes ชี้ว่าการสูญเสียยีนหยุดลงแล้ว และยีนที่เหลือมีความสำคัญต่อร่างกาย ✅ การถกเถียงสะท้อนสองมุมมองทางวิวัฒนาการ ➡️ ฝ่ายหนึ่งมองว่า Y กำลังเสื่อมสลาย อีกฝ่ายมองว่ามันมั่นคง ‼️ ความเข้าใจผิดจากสื่ออาจทำให้คนเชื่อว่ามนุษย์เพศชายจะสูญพันธุ์ ⛔ Jenny Graves ย้ำว่านี่เป็นเพียงการคำนวณเชิงทฤษฎี ไม่ใช่คำทำนายจริง ‼️ การเสื่อมสลายของโครโมโซม Y ไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดของมนุษย์ ⛔ วิวัฒนาการสามารถสร้างระบบใหม่เพื่อรักษาสมดุลของชีวิตได้ https://www.sciencealert.com/is-the-y-chromosome-vanishing-a-new-sex-gene-may-be-the-future-of-men
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Is The Y Chromosome Vanishing? A New Sex Gene May Be The Future of Men
    In 2002, evolutionary biologist Jenny Graves shared a controversial calculation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251130 #TechRadar

    ChatGPT ครบรอบ 3 ปี เผยฟีเจอร์ยอดนิยมที่คนใช้จริง
    ChatGPT จาก OpenAI เดินทางมาถึงปีที่ 3 แล้ว และข้อมูลใหม่ที่ถูกเปิดเผยทำให้หลายคนแปลกใจ เพราะสิ่งที่คนใช้มากที่สุดไม่ใช่การสร้างภาพใหม่ แต่กลับเป็นการ “อัปโหลดภาพ” เพื่อให้ AI ช่วยปรับปรุงหรือแก้ไข นอกจากนี้งานหลักที่คนใช้ในที่ทำงานคือการแก้ไขและวิจารณ์ข้อความ มากกว่าการเขียนใหม่ทั้งหมด ฟีเจอร์ยอดนิยมที่ถูกใช้ทั่วโลกยังรวมถึงการค้นหาข้อมูล การใช้โมเดลเหตุผล การวิเคราะห์ข้อมูล และการพูดเป็นข้อความ ซึ่งสะท้อนว่าผู้ใช้มอง ChatGPT เป็นเครื่องมือช่วยงานจริงจัง ไม่ใช่แค่ของเล่นทดลองอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/openai-reveals-chatgpts-most-popular-features-and-the-top-one-might-surprise-you

    FBI เตือนภัย! แฮกเกอร์ใช้ AI หลอกขโมยเงินกว่า 262 ล้านดอลลาร์
    ปี 2025 กลายเป็นปีที่อาชญากรไซเบอร์ใช้ AI สร้างแคมเปญหลอกลวงได้สมจริงยิ่งขึ้น FBI รายงานว่ามีการสูญเสียเงินกว่า 262 ล้านดอลลาร์จากการยึดบัญชีผู้ใช้ผ่านการหลอกให้เปิดเผยรหัสผ่านหรือ OTP เมื่อได้ข้อมูลแล้ว แฮกเกอร์สามารถรีเซ็ตรหัสและโอนเงินไปยังบัญชีที่ควบคุมเอง บ่อยครั้งเงินถูกเปลี่ยนเป็นคริปโตเพื่อปกปิดร่องรอย การโจมตีมักมาในรูปแบบอีเมล ปลอมเป็นธนาคาร หรือแม้แต่เว็บไซต์ช้อปปิ้งปลอมที่ดูน่าเชื่อถือ จุดอันตรายคือผู้ใช้เองเป็นคนกดยืนยันธุรกรรม ทำให้การป้องกันยิ่งยากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/fbi-says-hackers-have-stolen-usd262-million-in-account-takeover-scams-in-2025-so-far-heres-how-you-can-stay-safe

    Meta จ่อดีลใหญ่กับ Google TPU สะเทือนตลาดชิป AI
    ความต้องการชิป AI พุ่งสูงจน Meta ต้องหันไปเจรจากับ Google เพื่อใช้ TPU ของ Google Cloud ในปี 2026 และอาจซื้อโดยตรงในปี 2027 ดีลนี้ถือเป็นการเปลี่ยนเกม เพราะ Google แต่เดิมใช้ TPU ภายในเท่านั้น ขณะที่ Meta เคยพึ่งพาหลายเจ้า รวมถึง Nvidia การเจรจานี้ทำให้มูลค่า Alphabet พุ่งขึ้นทันที และนักลงทุนเริ่มกังวลว่า Nvidia อาจเสียส่วนแบ่งตลาดมหาศาล ความตึงเครียดในซัพพลายเชนยังคงสูง เพราะความต้องการชิป AI เกินกำลังการผลิตทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/meta-and-google-could-be-about-to-sign-a-mega-ai-chip-deal-and-it-could-change-everything-in-the-tech-space

    IBM เปิดตัวระบบเก็บข้อมูลใหม่ รองรับสูงสุด 47 เพตะไบต์ต่อแร็ค
    IBM ขยายศักยภาพระบบ Storage Scale System 6000 ด้วย All-Flash Expansion Enclosures ที่ใช้ไดรฟ์ QLC ขนาด 122TB ทำให้รองรับข้อมูลได้ถึง 47PB ต่อแร็ค เหมาะกับงานที่ต้องใช้ข้อมูลมหาศาล เช่น AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ จุดเด่นคือการรองรับการทำงานหลายงานพร้อมกันโดยไม่เกิดคอขวด และยังเชื่อมต่อกับ GPU ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การอัปเดตซอฟต์แวร์ล่าสุดยังเพิ่มประสิทธิภาพการเขียนและการอ่านให้สูงขึ้น เพื่อรองรับการประมวลผลที่ซับซ้อนในระดับองค์กรใหญ่
    https://www.techradar.com/pro/talk-about-a-triple-threat-ibm-says-it-can-now-support-up-to-47pb-on-a-full-rack-so-load-it-up

    โน้ตบุ๊ก RAM 128GB และ 256GB ปี 2025 สำหรับงานโหดสุดๆ
    โน้ตบุ๊กที่มาพร้อม RAM 128GB หรือแม้แต่ 256GB ไม่ใช่ของสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่ถูกออกแบบมาเพื่อมืออาชีพที่ต้องการพลังประมวลผลสูงสุด เช่น นักวิทยาศาสตร์ นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ หรือผู้ทำงานกับข้อมูลขนาดใหญ่ รายชื่อรุ่นที่มีให้เลือกในปี 2025 ครอบคลุมแบรนด์ดังอย่าง Dell, HP, Lenovo, MSI, Asus, Alienware และ Razer ราคามีตั้งแต่ประมาณ 1,599 ดอลลาร์ไปจนถึงกว่า 7,000 ดอลลาร์ รุ่นที่รองรับ 256GB ยังมีไม่มาก แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของตลาดโน้ตบุ๊กที่กำลังผลักดันขีดจำกัดของการใช้งานพกพา
    https://www.techradar.com/pro/best-256gb-and-128gb-ram-laptops

    การกำกับดูแลโลกไซเบอร์-กายภาพ กลายเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับรัฐบาลท้องถิ่น
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการบริหารจัดการระบบไซเบอร์ที่เชื่อมโยงกับโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำ และการขนส่ง ไม่ใช่เรื่อง “nice to have” อีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น รัฐบาลท้องถิ่นต้องมีมาตรการกำกับดูแลที่เข้มแข็งเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตจริงของประชาชน แนวคิดนี้กำลังถูกผลักดันให้เป็นมาตรฐานใหม่ในการบริหารเมืองอัจฉริยะและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ
    https://www.techradar.com/pro/cyber-physical-governance-isnt-a-nice-to-have-for-state-and-local-government-its-essential

    หูฟังที่ดีที่สุดสำหรับทุกงบประมาณ ผ่านการทดสอบจริง
    ทีมผู้เชี่ยวชาญได้ทดสอบหูฟังหลากหลายรุ่น ตั้งแต่ราคาประหยัดไปจนถึงระดับพรีเมียม เพื่อหาตัวเลือกที่เหมาะสมกับผู้ใช้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นหูฟังแบบครอบหู ไร้สาย หรือแบบอินเอียร์ จุดเด่นคือการทดสอบในสถานการณ์จริง ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่าคุณภาพเสียง ความสบาย และความทนทานได้รับการตรวจสอบแล้ว รายการนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกหูฟังที่ตรงกับความต้องการโดยไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกเอง
    https://www.techradar.com/audio/headphones/the-best-headphones

    กล้องสำหรับมือใหม่ปี 2025 ตัวเลือกที่เหมาะที่สุด
    สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นถ่ายภาพ บทความนี้แนะนำกล้องที่ใช้งานง่าย ราคาสมเหตุสมผล และมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เรียนรู้ได้เร็ว ไม่ว่าจะเป็นกล้อง DSLR หรือ Mirrorless ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับผู้เริ่มต้น จุดสำคัญคือการเลือกกล้องที่ไม่ซับซ้อนเกินไป แต่ยังมีคุณภาพภาพถ่ายที่ดีพอจะต่อยอดไปสู่การถ่ายภาพจริงจังในอนาคต
    https://www.techradar.com/cameras/the-best-camera-for-beginners

    รีวิว Panasonic HC-X1200 กล้องวิดีโอที่ซูมได้สุดประทับใจ
    Panasonic HC-X1200 ทำให้หลายคนทึ่งกับความสามารถในการซูมที่ทรงพลัง จนแทบจะทำให้กล้องวิดีโอแบบเต็มรูปแบบกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง คุณภาพภาพและระบบกันสั่นที่ดี ทำให้การถ่ายวิดีโอทั้งงานมืออาชีพและงานส่วนตัวมีความคมชัดและเสถียร จุดขายหลักคือการซูมที่เหนือกว่ากล้องทั่วไปในตลาด
    https://www.techradar.com/cameras/video-cameras/panasonic-hc-x1200-review

    ฟีเจอร์ AirDrop ใหม่บน Google Pixel 10 มีปัญหากับผู้ใช้บางราย
    Google Pixel 10 มาพร้อมฟีเจอร์ AirDrop ที่ตั้งใจให้แชร์ไฟล์ได้สะดวกขึ้น แต่ผู้ใช้บางรายพบว่าฟีเจอร์นี้ยังมีบั๊ก ทำให้การส่งไฟล์ไม่เสถียรหรือเชื่อมต่อไม่สำเร็จ ปัญหานี้กำลังถูกพูดถึงในชุมชนผู้ใช้ และคาดว่า Google จะต้องออกอัปเดตแก้ไขในเร็วๆ นี้ เพื่อให้ฟีเจอร์ทำงานได้สมบูรณ์ตามที่ตั้งใจ
    https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/the-new-airdrop-feature-on-the-google-pixel-10-is-proving-buggy-for-some-users

    ปัญหากวนใจใน iOS 26 และวิธีแก้
    อัปเดต iOS 26 ที่หลายคนรอคอย กลับมาพร้อมทั้งฟีเจอร์ใหม่และความเปลี่ยนแปลงที่บางอย่างทำให้ผู้ใช้หงุดหงิดไม่น้อย เช่น “Liquid Glass” ที่ทำให้หน้าจอดูโปร่งใสเกินไปจนอ่านยาก หลายคนเลือกปิดด้วยการตั้งค่า Reduce Transparency เพื่อให้ใช้งานง่ายขึ้น อีกเรื่องคือการถ่ายภาพหน้าจอที่เปลี่ยนไปจากเดิม กลายเป็นเต็มจอพร้อมเครื่องมือแก้ไขทันที ซึ่งบางคนไม่ชอบ จึงไปตั้งค่าให้กลับมาเป็นแบบเดิมที่แค่โชว์ตัวอย่างเล็ก ๆ แล้วปัดทิ้งได้สะดวกกว่า Safari ก็ถูกปรับแถบเครื่องมือใหม่จนดูอึดอัดและต้องกดหลายขั้นตอนกว่าจะได้ฟังก์ชันที่เคยง่าย ๆ ผู้ใช้บางคนเลยเลือกปรับกลับให้เหมือนเดิม ส่วนการพิมพ์แบบ “slide-to-type” ที่บางครั้งเผลอไปลากนิ้วแล้วกลายเป็นคำไม่ตั้งใจ ก็สามารถปิดได้ในเมนู Keyboard และสุดท้ายคือการตั้งปลุกที่เคยบังคับ snooze 9 นาที ตอนนี้สามารถเลือกได้เองตั้งแต่ 1–15 นาที ทำให้ชีวิตยืดหยุ่นขึ้นมาก
    https://www.techradar.com/phones/the-5-most-frustrating-things-about-ios-26-and-how-I-fixed-them

    Cyber Resilience: ธุรกิจต้องปรับตัว
    โลกธุรกิจอังกฤษกำลังเผชิญภัยไซเบอร์ครั้งใหญ่ เหตุการณ์โจมตี Jaguar Land Rover ทำความเสียหายมหาศาลกว่า 1.9 พันล้านปอนด์ และยังมีกรณี Marks & Spencer กับ Co-Op ที่โดนโจมตีเช่นกัน รัฐบาลอังกฤษจึงเสนอแนวทางห้ามจ่ายค่าไถ่ ransomware สำหรับหน่วยงานรัฐและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เพื่อไม่ให้คนร้ายได้ผลประโยชน์ แต่ผลข้างเคียงคือเอกชนอาจกลายเป็นเป้าหมายหลักแทน สิ่งที่ธุรกิจต้องทำคือสร้าง “ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์” โดยเริ่มจากการพัฒนาทักษะบุคลากร เพราะรายงานล่าสุดชี้ว่ามีช่องว่างทักษะด้านนี้สูงมาก การฝึกอบรมต้องไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ต้องฝังอยู่ในงานประจำทุกตำแหน่ง ตั้งแต่ฝ่ายการเงินจนถึงบริการลูกค้า เพื่อให้ทุกคนรู้จักรับมือภัย เช่น phishing ที่ยังเป็นช่องทางโจมตีหลัก และที่สำคัญคือบอร์ดบริหารต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เทียบเท่ากับผลประกอบการ เพราะภัยไซเบอร์วันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือความอยู่รอดของธุรกิจ
    https://www.techradar.com/pro/cyber-resilience-is-a-business-imperative-skills-and-strategy-must-evolve

    Cybersecurity Burnout: เมื่อทีมงานหมดแรง
    งานด้านความปลอดภัยไซเบอร์เป็นงานที่ต้องวิ่งแข่งกับภัยคุกคามตลอดเวลา จนทำให้คนทำงานจำนวนมากเกิดภาวะ “burnout” หรือหมดแรง ล่าสุดมีตัวเลขว่ากว่า 76% ของผู้เชี่ยวชาญด้านนี้รู้สึกเหนื่อยล้า และ 69% บอกว่าหนักขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักคือการโจมตีที่ไม่หยุดพัก กฎระเบียบใหม่ ๆ ที่ต้องตามให้ทัน และการขาดบุคลากรที่เพียงพอ ผลกระทบไม่ใช่แค่สุขภาพจิต แต่ยังทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง เสี่ยงต่อการเกิดช่องโหว่และความเสียหายทางการเงิน บริษัทจึงต้องหาทางแก้ เช่น การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนพนักงาน การลงทุนในเครื่องมือที่ช่วยแบ่งเบาภาระ รวมถึงการใช้บริการภายนอกอย่าง Managed Detection and Response (MDR) ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าได้จริง และที่สำคัญคือการให้โอกาสเติบโตในสายงาน เพื่อให้คนทำงานรู้สึกว่ามีอนาคต ไม่ใช่แค่ทำงานไปวัน ๆ
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/tackling-cybersecurity-burnout-once-and-for-all
    📌📡🔴 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔴📡📌 #รวมข่าวIT #20251130 #TechRadar 🧠 ChatGPT ครบรอบ 3 ปี เผยฟีเจอร์ยอดนิยมที่คนใช้จริง ChatGPT จาก OpenAI เดินทางมาถึงปีที่ 3 แล้ว และข้อมูลใหม่ที่ถูกเปิดเผยทำให้หลายคนแปลกใจ เพราะสิ่งที่คนใช้มากที่สุดไม่ใช่การสร้างภาพใหม่ แต่กลับเป็นการ “อัปโหลดภาพ” เพื่อให้ AI ช่วยปรับปรุงหรือแก้ไข นอกจากนี้งานหลักที่คนใช้ในที่ทำงานคือการแก้ไขและวิจารณ์ข้อความ มากกว่าการเขียนใหม่ทั้งหมด ฟีเจอร์ยอดนิยมที่ถูกใช้ทั่วโลกยังรวมถึงการค้นหาข้อมูล การใช้โมเดลเหตุผล การวิเคราะห์ข้อมูล และการพูดเป็นข้อความ ซึ่งสะท้อนว่าผู้ใช้มอง ChatGPT เป็นเครื่องมือช่วยงานจริงจัง ไม่ใช่แค่ของเล่นทดลองอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/openai-reveals-chatgpts-most-popular-features-and-the-top-one-might-surprise-you 🛡️ FBI เตือนภัย! แฮกเกอร์ใช้ AI หลอกขโมยเงินกว่า 262 ล้านดอลลาร์ ปี 2025 กลายเป็นปีที่อาชญากรไซเบอร์ใช้ AI สร้างแคมเปญหลอกลวงได้สมจริงยิ่งขึ้น FBI รายงานว่ามีการสูญเสียเงินกว่า 262 ล้านดอลลาร์จากการยึดบัญชีผู้ใช้ผ่านการหลอกให้เปิดเผยรหัสผ่านหรือ OTP เมื่อได้ข้อมูลแล้ว แฮกเกอร์สามารถรีเซ็ตรหัสและโอนเงินไปยังบัญชีที่ควบคุมเอง บ่อยครั้งเงินถูกเปลี่ยนเป็นคริปโตเพื่อปกปิดร่องรอย การโจมตีมักมาในรูปแบบอีเมล ปลอมเป็นธนาคาร หรือแม้แต่เว็บไซต์ช้อปปิ้งปลอมที่ดูน่าเชื่อถือ จุดอันตรายคือผู้ใช้เองเป็นคนกดยืนยันธุรกรรม ทำให้การป้องกันยิ่งยากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/fbi-says-hackers-have-stolen-usd262-million-in-account-takeover-scams-in-2025-so-far-heres-how-you-can-stay-safe 💻 Meta จ่อดีลใหญ่กับ Google TPU สะเทือนตลาดชิป AI ความต้องการชิป AI พุ่งสูงจน Meta ต้องหันไปเจรจากับ Google เพื่อใช้ TPU ของ Google Cloud ในปี 2026 และอาจซื้อโดยตรงในปี 2027 ดีลนี้ถือเป็นการเปลี่ยนเกม เพราะ Google แต่เดิมใช้ TPU ภายในเท่านั้น ขณะที่ Meta เคยพึ่งพาหลายเจ้า รวมถึง Nvidia การเจรจานี้ทำให้มูลค่า Alphabet พุ่งขึ้นทันที และนักลงทุนเริ่มกังวลว่า Nvidia อาจเสียส่วนแบ่งตลาดมหาศาล ความตึงเครียดในซัพพลายเชนยังคงสูง เพราะความต้องการชิป AI เกินกำลังการผลิตทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/meta-and-google-could-be-about-to-sign-a-mega-ai-chip-deal-and-it-could-change-everything-in-the-tech-space 💾 IBM เปิดตัวระบบเก็บข้อมูลใหม่ รองรับสูงสุด 47 เพตะไบต์ต่อแร็ค IBM ขยายศักยภาพระบบ Storage Scale System 6000 ด้วย All-Flash Expansion Enclosures ที่ใช้ไดรฟ์ QLC ขนาด 122TB ทำให้รองรับข้อมูลได้ถึง 47PB ต่อแร็ค เหมาะกับงานที่ต้องใช้ข้อมูลมหาศาล เช่น AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ จุดเด่นคือการรองรับการทำงานหลายงานพร้อมกันโดยไม่เกิดคอขวด และยังเชื่อมต่อกับ GPU ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การอัปเดตซอฟต์แวร์ล่าสุดยังเพิ่มประสิทธิภาพการเขียนและการอ่านให้สูงขึ้น เพื่อรองรับการประมวลผลที่ซับซ้อนในระดับองค์กรใหญ่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/talk-about-a-triple-threat-ibm-says-it-can-now-support-up-to-47pb-on-a-full-rack-so-load-it-up 💻 โน้ตบุ๊ก RAM 128GB และ 256GB ปี 2025 สำหรับงานโหดสุดๆ โน้ตบุ๊กที่มาพร้อม RAM 128GB หรือแม้แต่ 256GB ไม่ใช่ของสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่ถูกออกแบบมาเพื่อมืออาชีพที่ต้องการพลังประมวลผลสูงสุด เช่น นักวิทยาศาสตร์ นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ หรือผู้ทำงานกับข้อมูลขนาดใหญ่ รายชื่อรุ่นที่มีให้เลือกในปี 2025 ครอบคลุมแบรนด์ดังอย่าง Dell, HP, Lenovo, MSI, Asus, Alienware และ Razer ราคามีตั้งแต่ประมาณ 1,599 ดอลลาร์ไปจนถึงกว่า 7,000 ดอลลาร์ รุ่นที่รองรับ 256GB ยังมีไม่มาก แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของตลาดโน้ตบุ๊กที่กำลังผลักดันขีดจำกัดของการใช้งานพกพา 🔗 https://www.techradar.com/pro/best-256gb-and-128gb-ram-laptops 🌐 การกำกับดูแลโลกไซเบอร์-กายภาพ กลายเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับรัฐบาลท้องถิ่น บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการบริหารจัดการระบบไซเบอร์ที่เชื่อมโยงกับโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำ และการขนส่ง ไม่ใช่เรื่อง “nice to have” อีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น รัฐบาลท้องถิ่นต้องมีมาตรการกำกับดูแลที่เข้มแข็งเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตจริงของประชาชน แนวคิดนี้กำลังถูกผลักดันให้เป็นมาตรฐานใหม่ในการบริหารเมืองอัจฉริยะและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ 🔗 https://www.techradar.com/pro/cyber-physical-governance-isnt-a-nice-to-have-for-state-and-local-government-its-essential 🎧 หูฟังที่ดีที่สุดสำหรับทุกงบประมาณ ผ่านการทดสอบจริง ทีมผู้เชี่ยวชาญได้ทดสอบหูฟังหลากหลายรุ่น ตั้งแต่ราคาประหยัดไปจนถึงระดับพรีเมียม เพื่อหาตัวเลือกที่เหมาะสมกับผู้ใช้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นหูฟังแบบครอบหู ไร้สาย หรือแบบอินเอียร์ จุดเด่นคือการทดสอบในสถานการณ์จริง ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่าคุณภาพเสียง ความสบาย และความทนทานได้รับการตรวจสอบแล้ว รายการนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกหูฟังที่ตรงกับความต้องการโดยไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกเอง 🔗 https://www.techradar.com/audio/headphones/the-best-headphones 📷 กล้องสำหรับมือใหม่ปี 2025 ตัวเลือกที่เหมาะที่สุด สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นถ่ายภาพ บทความนี้แนะนำกล้องที่ใช้งานง่าย ราคาสมเหตุสมผล และมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เรียนรู้ได้เร็ว ไม่ว่าจะเป็นกล้อง DSLR หรือ Mirrorless ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับผู้เริ่มต้น จุดสำคัญคือการเลือกกล้องที่ไม่ซับซ้อนเกินไป แต่ยังมีคุณภาพภาพถ่ายที่ดีพอจะต่อยอดไปสู่การถ่ายภาพจริงจังในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/cameras/the-best-camera-for-beginners 🎥 รีวิว Panasonic HC-X1200 กล้องวิดีโอที่ซูมได้สุดประทับใจ Panasonic HC-X1200 ทำให้หลายคนทึ่งกับความสามารถในการซูมที่ทรงพลัง จนแทบจะทำให้กล้องวิดีโอแบบเต็มรูปแบบกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง คุณภาพภาพและระบบกันสั่นที่ดี ทำให้การถ่ายวิดีโอทั้งงานมืออาชีพและงานส่วนตัวมีความคมชัดและเสถียร จุดขายหลักคือการซูมที่เหนือกว่ากล้องทั่วไปในตลาด 🔗 https://www.techradar.com/cameras/video-cameras/panasonic-hc-x1200-review 📱 ฟีเจอร์ AirDrop ใหม่บน Google Pixel 10 มีปัญหากับผู้ใช้บางราย Google Pixel 10 มาพร้อมฟีเจอร์ AirDrop ที่ตั้งใจให้แชร์ไฟล์ได้สะดวกขึ้น แต่ผู้ใช้บางรายพบว่าฟีเจอร์นี้ยังมีบั๊ก ทำให้การส่งไฟล์ไม่เสถียรหรือเชื่อมต่อไม่สำเร็จ ปัญหานี้กำลังถูกพูดถึงในชุมชนผู้ใช้ และคาดว่า Google จะต้องออกอัปเดตแก้ไขในเร็วๆ นี้ เพื่อให้ฟีเจอร์ทำงานได้สมบูรณ์ตามที่ตั้งใจ 🔗 https://www.techradar.com/phones/google-pixel-phones/the-new-airdrop-feature-on-the-google-pixel-10-is-proving-buggy-for-some-users 📱 ปัญหากวนใจใน iOS 26 และวิธีแก้ อัปเดต iOS 26 ที่หลายคนรอคอย กลับมาพร้อมทั้งฟีเจอร์ใหม่และความเปลี่ยนแปลงที่บางอย่างทำให้ผู้ใช้หงุดหงิดไม่น้อย เช่น “Liquid Glass” ที่ทำให้หน้าจอดูโปร่งใสเกินไปจนอ่านยาก หลายคนเลือกปิดด้วยการตั้งค่า Reduce Transparency เพื่อให้ใช้งานง่ายขึ้น อีกเรื่องคือการถ่ายภาพหน้าจอที่เปลี่ยนไปจากเดิม กลายเป็นเต็มจอพร้อมเครื่องมือแก้ไขทันที ซึ่งบางคนไม่ชอบ จึงไปตั้งค่าให้กลับมาเป็นแบบเดิมที่แค่โชว์ตัวอย่างเล็ก ๆ แล้วปัดทิ้งได้สะดวกกว่า Safari ก็ถูกปรับแถบเครื่องมือใหม่จนดูอึดอัดและต้องกดหลายขั้นตอนกว่าจะได้ฟังก์ชันที่เคยง่าย ๆ ผู้ใช้บางคนเลยเลือกปรับกลับให้เหมือนเดิม ส่วนการพิมพ์แบบ “slide-to-type” ที่บางครั้งเผลอไปลากนิ้วแล้วกลายเป็นคำไม่ตั้งใจ ก็สามารถปิดได้ในเมนู Keyboard และสุดท้ายคือการตั้งปลุกที่เคยบังคับ snooze 9 นาที ตอนนี้สามารถเลือกได้เองตั้งแต่ 1–15 นาที ทำให้ชีวิตยืดหยุ่นขึ้นมาก 🔗 https://www.techradar.com/phones/the-5-most-frustrating-things-about-ios-26-and-how-I-fixed-them 🛡️ Cyber Resilience: ธุรกิจต้องปรับตัว โลกธุรกิจอังกฤษกำลังเผชิญภัยไซเบอร์ครั้งใหญ่ เหตุการณ์โจมตี Jaguar Land Rover ทำความเสียหายมหาศาลกว่า 1.9 พันล้านปอนด์ และยังมีกรณี Marks & Spencer กับ Co-Op ที่โดนโจมตีเช่นกัน รัฐบาลอังกฤษจึงเสนอแนวทางห้ามจ่ายค่าไถ่ ransomware สำหรับหน่วยงานรัฐและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เพื่อไม่ให้คนร้ายได้ผลประโยชน์ แต่ผลข้างเคียงคือเอกชนอาจกลายเป็นเป้าหมายหลักแทน สิ่งที่ธุรกิจต้องทำคือสร้าง “ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์” โดยเริ่มจากการพัฒนาทักษะบุคลากร เพราะรายงานล่าสุดชี้ว่ามีช่องว่างทักษะด้านนี้สูงมาก การฝึกอบรมต้องไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ต้องฝังอยู่ในงานประจำทุกตำแหน่ง ตั้งแต่ฝ่ายการเงินจนถึงบริการลูกค้า เพื่อให้ทุกคนรู้จักรับมือภัย เช่น phishing ที่ยังเป็นช่องทางโจมตีหลัก และที่สำคัญคือบอร์ดบริหารต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เทียบเท่ากับผลประกอบการ เพราะภัยไซเบอร์วันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือความอยู่รอดของธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/cyber-resilience-is-a-business-imperative-skills-and-strategy-must-evolve 😓 Cybersecurity Burnout: เมื่อทีมงานหมดแรง งานด้านความปลอดภัยไซเบอร์เป็นงานที่ต้องวิ่งแข่งกับภัยคุกคามตลอดเวลา จนทำให้คนทำงานจำนวนมากเกิดภาวะ “burnout” หรือหมดแรง ล่าสุดมีตัวเลขว่ากว่า 76% ของผู้เชี่ยวชาญด้านนี้รู้สึกเหนื่อยล้า และ 69% บอกว่าหนักขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักคือการโจมตีที่ไม่หยุดพัก กฎระเบียบใหม่ ๆ ที่ต้องตามให้ทัน และการขาดบุคลากรที่เพียงพอ ผลกระทบไม่ใช่แค่สุขภาพจิต แต่ยังทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง เสี่ยงต่อการเกิดช่องโหว่และความเสียหายทางการเงิน บริษัทจึงต้องหาทางแก้ เช่น การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนพนักงาน การลงทุนในเครื่องมือที่ช่วยแบ่งเบาภาระ รวมถึงการใช้บริการภายนอกอย่าง Managed Detection and Response (MDR) ที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าได้จริง และที่สำคัญคือการให้โอกาสเติบโตในสายงาน เพื่อให้คนทำงานรู้สึกว่ามีอนาคต ไม่ใช่แค่ทำงานไปวัน ๆ ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/tackling-cybersecurity-burnout-once-and-for-all
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 867 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cherry: ตำนานสวิตช์คีย์บอร์ดในวิกฤติการเงิน

    Cherry ผู้ผลิตสวิตช์เชิงกลที่เป็นที่รักของนักเล่นคีย์บอร์ดทั่วโลก กำลังเผชิญวิกฤติการเงินครั้งใหญ่ โดยหนี้สินของบริษัทสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด ทำให้ผู้บริหารต้องพิจารณาขายธุรกิจบางส่วน เช่น แผนก Peripherals (คีย์บอร์ดและเมาส์) หรือ Digital Health & Solutions เพื่อรักษาสภาพคล่อง.

    แม้จะมีข่าวการขายธุรกิจ แต่ สวิตช์ Cherry MX ที่เป็นหัวใจหลักของวงการคีย์บอร์ดยังคงอยู่ภายใต้แผนก Components ซึ่งจะไม่ถูกขายออกไปในตอนนี้ ทำให้แฟน ๆ ที่กังวลว่าสวิตช์จะหายไปจากตลาดยังคงสบายใจได้. อย่างไรก็ตาม Cherry สูญเสียความได้เปรียบทางนวัตกรรมไปมาก หลังสิทธิบัตร Cherry MX หมดอายุในปี 2014 เปิดทางให้คู่แข่งอย่าง Gateron, Kailh และ Outemu เข้ามาแย่งตลาดด้วยสวิตช์ที่มีลูกเล่นใหม่ ๆ เช่น โรงงานหล่อลื่น (factory-lubed) และ Hall-effect switches.

    สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่หลังปี 2022 เมื่อยอดขายลดลงครึ่งหนึ่งจากช่วงที่เคยรุ่งเรืองในยุคโควิด-19 แม้รายได้รวมจะฟื้นตัวในปี 2023 แต่แผนก Digital Health และ Components กลับยังคงขาดทุน ทำให้ผู้บริหารต้องหาทางออกด้วยการขายบางธุรกิจและย้ายการผลิตสวิตช์จากเยอรมนีไปยังจีนและสโลวาเกียเพื่อลดต้นทุน.

    Cherry ยังพยายามเสริมสภาพคล่องด้วยการขายธุรกิจ Active Key (อุปกรณ์สุขอนามัย) ได้เงิน 21 ล้านยูโร พร้อมขอเงินสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่ Argand Partners และจัดหาเงินกู้เพิ่มเติม 23 ล้านยูโร แต่ผู้บริหารยอมรับว่าการอยู่รอดในระยะยาวอาจต้องพึ่งการควบรวมกิจการหรือขายธุรกิจบางส่วนออกไป.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    วิกฤติการเงินของ Cherry
    หนี้สินสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สิน
    พิจารณาขายแผนก Peripherals หรือ Digital Health & Solutions

    สถานะของ Cherry MX
    อยู่ในแผนก Components จึงยังไม่ถูกขาย
    สิทธิบัตรหมดอายุปี 2014 เปิดทางคู่แข่ง

    การแข่งขันในตลาด
    คู่แข่งอย่าง Gateron, Kailh, Outemu พัฒนาสวิตช์ใหม่ ๆ
    บริษัทใหญ่เช่น Corsair, Logitech, Razer หันไปใช้สวิตช์จากคู่แข่ง

    มาตรการแก้ไข
    ย้ายการผลิตไปจีนและสโลวาเกีย
    ขาย Active Key ได้ 21 ล้านยูโร
    ได้เงินกู้เพิ่ม 23 ล้านยูโร และการสนับสนุนจาก Argand Partners

    ความเสี่ยงต่ออนาคต
    อาจต้องขายธุรกิจเพิ่มเติมเพื่อความอยู่รอด
    การสูญเสียความได้เปรียบทางนวัตกรรมทำให้ยากต่อการแข่งขัน

    https://www.tomshardware.com/peripherals/keyboards/iconic-mechanical-keyboard-switch-maker-cherry-is-in-deep-financial-trouble-the-company-is-considering-selling-its-peripherals-division-to-stay-afloat
    ⌨️ Cherry: ตำนานสวิตช์คีย์บอร์ดในวิกฤติการเงิน Cherry ผู้ผลิตสวิตช์เชิงกลที่เป็นที่รักของนักเล่นคีย์บอร์ดทั่วโลก กำลังเผชิญวิกฤติการเงินครั้งใหญ่ โดยหนี้สินของบริษัทสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด ทำให้ผู้บริหารต้องพิจารณาขายธุรกิจบางส่วน เช่น แผนก Peripherals (คีย์บอร์ดและเมาส์) หรือ Digital Health & Solutions เพื่อรักษาสภาพคล่อง. แม้จะมีข่าวการขายธุรกิจ แต่ สวิตช์ Cherry MX ที่เป็นหัวใจหลักของวงการคีย์บอร์ดยังคงอยู่ภายใต้แผนก Components ซึ่งจะไม่ถูกขายออกไปในตอนนี้ ทำให้แฟน ๆ ที่กังวลว่าสวิตช์จะหายไปจากตลาดยังคงสบายใจได้. อย่างไรก็ตาม Cherry สูญเสียความได้เปรียบทางนวัตกรรมไปมาก หลังสิทธิบัตร Cherry MX หมดอายุในปี 2014 เปิดทางให้คู่แข่งอย่าง Gateron, Kailh และ Outemu เข้ามาแย่งตลาดด้วยสวิตช์ที่มีลูกเล่นใหม่ ๆ เช่น โรงงานหล่อลื่น (factory-lubed) และ Hall-effect switches. สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่หลังปี 2022 เมื่อยอดขายลดลงครึ่งหนึ่งจากช่วงที่เคยรุ่งเรืองในยุคโควิด-19 แม้รายได้รวมจะฟื้นตัวในปี 2023 แต่แผนก Digital Health และ Components กลับยังคงขาดทุน ทำให้ผู้บริหารต้องหาทางออกด้วยการขายบางธุรกิจและย้ายการผลิตสวิตช์จากเยอรมนีไปยังจีนและสโลวาเกียเพื่อลดต้นทุน. Cherry ยังพยายามเสริมสภาพคล่องด้วยการขายธุรกิจ Active Key (อุปกรณ์สุขอนามัย) ได้เงิน 21 ล้านยูโร พร้อมขอเงินสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่ Argand Partners และจัดหาเงินกู้เพิ่มเติม 23 ล้านยูโร แต่ผู้บริหารยอมรับว่าการอยู่รอดในระยะยาวอาจต้องพึ่งการควบรวมกิจการหรือขายธุรกิจบางส่วนออกไป. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ วิกฤติการเงินของ Cherry ➡️ หนี้สินสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สิน ➡️ พิจารณาขายแผนก Peripherals หรือ Digital Health & Solutions ✅ สถานะของ Cherry MX ➡️ อยู่ในแผนก Components จึงยังไม่ถูกขาย ➡️ สิทธิบัตรหมดอายุปี 2014 เปิดทางคู่แข่ง ✅ การแข่งขันในตลาด ➡️ คู่แข่งอย่าง Gateron, Kailh, Outemu พัฒนาสวิตช์ใหม่ ๆ ➡️ บริษัทใหญ่เช่น Corsair, Logitech, Razer หันไปใช้สวิตช์จากคู่แข่ง ✅ มาตรการแก้ไข ➡️ ย้ายการผลิตไปจีนและสโลวาเกีย ➡️ ขาย Active Key ได้ 21 ล้านยูโร ➡️ ได้เงินกู้เพิ่ม 23 ล้านยูโร และการสนับสนุนจาก Argand Partners ‼️ ความเสี่ยงต่ออนาคต ⛔ อาจต้องขายธุรกิจเพิ่มเติมเพื่อความอยู่รอด ⛔ การสูญเสียความได้เปรียบทางนวัตกรรมทำให้ยากต่อการแข่งขัน https://www.tomshardware.com/peripherals/keyboards/iconic-mechanical-keyboard-switch-maker-cherry-is-in-deep-financial-trouble-the-company-is-considering-selling-its-peripherals-division-to-stay-afloat
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอซ์แลนด์ยกระดับเป็นภัยความมั่นคง กระแสน้ำวน AMOC: เส้นเลือดใหญ่ของภูมิอากาศโลกเริ่มล่มสลาย

    ไอซ์แลนด์ประกาศให้ความเสี่ยงการล่มสลายของกระแสน้ำวน AMOC เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงระดับชาติ เพราะอาจส่งผลต่อภูมิอากาศ เศรษฐกิจ และความอยู่รอดของประเทศ พร้อมทั้งนักวิทยาศาสตร์เตือนว่าผลกระทบจะกระจายไปทั่วโลก

    กระแสน้ำวน Atlantic Meridional Overturning Circulation (AMOC) ทำหน้าที่เหมือนสายพานยักษ์ที่ลำเลียงน้ำอุ่นจากเขตร้อนขึ้นเหนือ และส่งน้ำเย็นกลับลงใต้ กระบวนการนี้ช่วยรักษาสมดุลภูมิอากาศ โดยเฉพาะยุโรปที่ได้อานิสงส์จากฤดูหนาวที่ไม่หนาวจัดเกินไป อย่างไรก็ตาม งานวิจัยล่าสุดชี้ว่าการละลายของน้ำแข็งกรีนแลนด์และอาร์กติกกำลังเติมน้ำจืดมหาศาลลงมหาสมุทร ทำให้สมดุลความเค็มและความหนาแน่นของน้ำเสียไป กระแส AMOC จึงอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง

    ไอซ์แลนด์ยกระดับเป็นภัยความมั่นคง
    รัฐบาลไอซ์แลนด์ประกาศอย่างเป็นทางการว่าความเสี่ยงการล่มสลายของ AMOC เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงแห่งชาติ นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศนี้จัดให้ปรากฏการณ์ภูมิอากาศเป็นภัยความมั่นคงโดยตรง เหตุผลคือหาก AMOC ล่มสลาย ไอซ์แลนด์อาจเผชิญฤดูหนาวที่หนาวจัดจนถูกล้อมด้วยน้ำแข็ง ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และอุตสาหกรรมประมงที่เป็นหัวใจเศรษฐกิจ

    ผลกระทบระดับโลก
    นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ยุโรป แต่จะกระจายไปทั่วโลก เช่น ระดับน้ำทะเลชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยโลก ระบบมรสุมในเอเชียและแอฟริกาอาจถูกรบกวนจนเกิดภัยแล้ง ขณะที่ซีกโลกใต้เสี่ยงต่อการเร่งละลายของน้ำแข็งแอนตาร์กติก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้หลายประเทศต้องเผชิญวิกฤตอาหารและการอพยพครั้งใหญ่

    วิทยาศาสตร์และสัญญาณเตือน
    แม้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่า AMOC จะล่มสลายเมื่อใด แต่งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นภายในศตวรรษนี้ และบางการศึกษาคาดว่าอาจเร็วภายในไม่กี่ทศวรรษ การเฝ้าระวังสัญญาณ เช่น การเปลี่ยนแปลงความเค็มของน้ำในมหาสมุทร จึงเป็นสิ่งสำคัญ ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือวิธีเดียวที่จะชะลอความเสี่ยงนี้

    สรุปเป็นหัวข้อ
    บทบาทของ AMOC
    กระแสน้ำวนทำหน้าที่ลำเลียงน้ำอุ่นขึ้นเหนือและน้ำเย็นกลับใต้
    ช่วยรักษาสมดุลภูมิอากาศ โดยเฉพาะยุโรป

    การประกาศของไอซ์แลนด์
    ยกระดับความเสี่ยง AMOC เป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติ
    ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมประมง

    ผลกระทบระดับโลก
    ระดับน้ำทะเลชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ สูงขึ้น
    ระบบมรสุมในเอเชียและแอฟริกาอาจถูกรบกวน

    งานวิจัยและการเฝ้าระวัง
    นักวิทยาศาสตร์คาดว่า AMOC อาจล่มสลายภายในศตวรรษนี้
    การลดก๊าซเรือนกระจกคือวิธีชะลอความเสี่ยง

    คำเตือนจากนักวิทยาศาสตร์
    การล่มสลายของ AMOC อาจนำไปสู่ “ยุคน้ำแข็งสมัยใหม่” ในยุโรป
    เสี่ยงต่อภัยแล้งและวิกฤตอาหารในหลายภูมิภาค

    ความไม่แน่นอนของวิทยาศาสตร์
    ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนเรื่องเวลา แต่สัญญาณอ่อนแรงปรากฏแล้ว
    การเพิกเฉยต่อความเสี่ยงอาจทำให้โลกไม่ทันรับมือ

    https://edition.cnn.com/2025/11/15/climate/iceland-warming-current-amoc-collapse-threat
    🌊 ไอซ์แลนด์ยกระดับเป็นภัยความมั่นคง กระแสน้ำวน AMOC: เส้นเลือดใหญ่ของภูมิอากาศโลกเริ่มล่มสลาย ไอซ์แลนด์ประกาศให้ความเสี่ยงการล่มสลายของกระแสน้ำวน AMOC เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงระดับชาติ เพราะอาจส่งผลต่อภูมิอากาศ เศรษฐกิจ และความอยู่รอดของประเทศ พร้อมทั้งนักวิทยาศาสตร์เตือนว่าผลกระทบจะกระจายไปทั่วโลก กระแสน้ำวน Atlantic Meridional Overturning Circulation (AMOC) ทำหน้าที่เหมือนสายพานยักษ์ที่ลำเลียงน้ำอุ่นจากเขตร้อนขึ้นเหนือ และส่งน้ำเย็นกลับลงใต้ กระบวนการนี้ช่วยรักษาสมดุลภูมิอากาศ โดยเฉพาะยุโรปที่ได้อานิสงส์จากฤดูหนาวที่ไม่หนาวจัดเกินไป อย่างไรก็ตาม งานวิจัยล่าสุดชี้ว่าการละลายของน้ำแข็งกรีนแลนด์และอาร์กติกกำลังเติมน้ำจืดมหาศาลลงมหาสมุทร ทำให้สมดุลความเค็มและความหนาแน่นของน้ำเสียไป กระแส AMOC จึงอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง 🇮🇸 ไอซ์แลนด์ยกระดับเป็นภัยความมั่นคง รัฐบาลไอซ์แลนด์ประกาศอย่างเป็นทางการว่าความเสี่ยงการล่มสลายของ AMOC เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงแห่งชาติ นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศนี้จัดให้ปรากฏการณ์ภูมิอากาศเป็นภัยความมั่นคงโดยตรง เหตุผลคือหาก AMOC ล่มสลาย ไอซ์แลนด์อาจเผชิญฤดูหนาวที่หนาวจัดจนถูกล้อมด้วยน้ำแข็ง ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และอุตสาหกรรมประมงที่เป็นหัวใจเศรษฐกิจ 🌍 ผลกระทบระดับโลก นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ยุโรป แต่จะกระจายไปทั่วโลก เช่น ระดับน้ำทะเลชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยโลก ระบบมรสุมในเอเชียและแอฟริกาอาจถูกรบกวนจนเกิดภัยแล้ง ขณะที่ซีกโลกใต้เสี่ยงต่อการเร่งละลายของน้ำแข็งแอนตาร์กติก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้หลายประเทศต้องเผชิญวิกฤตอาหารและการอพยพครั้งใหญ่ 🔬 วิทยาศาสตร์และสัญญาณเตือน แม้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่า AMOC จะล่มสลายเมื่อใด แต่งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นภายในศตวรรษนี้ และบางการศึกษาคาดว่าอาจเร็วภายในไม่กี่ทศวรรษ การเฝ้าระวังสัญญาณ เช่น การเปลี่ยนแปลงความเค็มของน้ำในมหาสมุทร จึงเป็นสิ่งสำคัญ ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคือวิธีเดียวที่จะชะลอความเสี่ยงนี้ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ บทบาทของ AMOC ➡️ กระแสน้ำวนทำหน้าที่ลำเลียงน้ำอุ่นขึ้นเหนือและน้ำเย็นกลับใต้ ➡️ ช่วยรักษาสมดุลภูมิอากาศ โดยเฉพาะยุโรป ✅ การประกาศของไอซ์แลนด์ ➡️ ยกระดับความเสี่ยง AMOC เป็นภัยความมั่นคงแห่งชาติ ➡️ ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมประมง ✅ ผลกระทบระดับโลก ➡️ ระดับน้ำทะเลชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ สูงขึ้น ➡️ ระบบมรสุมในเอเชียและแอฟริกาอาจถูกรบกวน ✅ งานวิจัยและการเฝ้าระวัง ➡️ นักวิทยาศาสตร์คาดว่า AMOC อาจล่มสลายภายในศตวรรษนี้ ➡️ การลดก๊าซเรือนกระจกคือวิธีชะลอความเสี่ยง ‼️ คำเตือนจากนักวิทยาศาสตร์ ⛔ การล่มสลายของ AMOC อาจนำไปสู่ “ยุคน้ำแข็งสมัยใหม่” ในยุโรป ⛔ เสี่ยงต่อภัยแล้งและวิกฤตอาหารในหลายภูมิภาค ‼️ ความไม่แน่นอนของวิทยาศาสตร์ ⛔ ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนเรื่องเวลา แต่สัญญาณอ่อนแรงปรากฏแล้ว ⛔ การเพิกเฉยต่อความเสี่ยงอาจทำให้โลกไม่ทันรับมือ https://edition.cnn.com/2025/11/15/climate/iceland-warming-current-amoc-collapse-threat
    EDITION.CNN.COM
    A crucial system of ocean currents may be on course to collapse. This country just declared it a national security threat | CNN
    Without warm currents from the South Atlantic, Iceland would be much icier and stormier. Now, those currents are at risk of collapse and the country is preparing for this “existential threat.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 11

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 11
    ในบันทึกความทรงจำของ ซุนยัดเซน เขาบอกว่า เมื่อเขาไปถึง ญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1895 นายอินนูไก ทาเคชิ Inukai Takashi หัวหน้าพรรคลิเบอรัลของญี่ปุ่น ได้ส่ง นาย มิยาซากิ ยะโซะ และ ฮิรามายะ ชิน มารับ ที่เมืองโยโกฮาม่า หลังจากนั้น ก็พาเขามาโตเกียว เพื่อมาพบกับหัวหน้าใหญ่ของพรรค ในตอนนั้น พรรคลิเบอรัลได้เป็นรัฐบาล และนายโอกูมะ ชิเกโนบุ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี อินนูไกเป็นผู้ช่วย หลังจากนั้น คนพวกนี้ ก็ได้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็น รู้จักกับชาวญี่ปุ่นอีกหลายคน และคนพวกนี้ได้ช่วยเขาอย่างมาก ในการทำการปฏิวัติในปี ค.ศ.1911…
    ตัวซุนยัดเซ็นเอง เมื่อมาอยู่ญี่ปุ่น ก็ตัดหางเปียทิ้ง แถมเปลี่ยนมาใช้ชื่อญี่ปุ่น ว่า นาคามาย่า โชว Nakamaya Sho
    ส่วนนาย อินนูไก ทาเคชิ เอง ก็เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของตนว่า
    “… คงมีน้อยคน ที่จะเห็นใจชาวจีนที่รักชาติ และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้านี้ อย่างจริงใจ อย่างที่ผมมีให้กับพวกเขา เมื่อซุนยัดเซ็น และพวก ลี้ภัย มาอยู่กับพวกเรา ผมปกป้องเขา หลายครั้งที่เขามาอยู่ที่บ้านผม บ้านผมกลายเป็นที่ประชุมลับ หลายครั้งที่เขาใส่เสื้อผ้า และกินอาหาร จากรายได้อันน้อยนิดของผม เมื่อซุนยัดเซ็นอยู่กับผม ผมบอกกับเขาว่า ทางออกที่เหมาะสมของจีน มีอยู่ทางเดียว คือ ทำอย่างที่ญี่ปุ่นทำ..”
    ก็เป็นเรื่องที่เราคงต้องทำความเข้าแยะหน่อย
    นายอินนูไก ทาเคชิ นั้น เป็นนักเศรษฐศาสตร์ เขาแปลหนังสือเล่มหนึ่ง ในปี ค.ศ.1874 เป็นหนังสือที่เขียนโดย นาย Henry C Carey ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังในสมัยนั้นนาย Carey เป็นผู้เสนอให้ใช้ ทฤษฏีเศรษฐศาสตร์แบบ อเมริกัน และค้ดค้านการค้าเสรีแบบอังกฤษ ซึ่งนาย Carey บอกว่า มันก็คือการเอาการค้านำหน้า เพื่อจะยึดเอาประเทศคู่ค้าเป็นอาณานิคมนั่นแหละ
    เรื่องนายอินนูไก นี่ มันพอบอกอะไรเราได้ไหมครับ
    ซุนยัดเซ็น หลบอยู่ในญี่ปุ่นถึง 10 ปี (บางเอกสารว่า อยู่ 6 ปี) ระหว่างนั้น เขาตั้งสมาคมลับของเขา Hsing Chung Hui ขึ้นที่ เมือง นางาซากิ เมือง ชิโมโนเซกิ และโกเบ
    ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 นักศึกษาชาวจีนเข้ามาอยู่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น นักศีกษาพวกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับแผนปฏิวัติของซุนยัดเซ็นเกือบทั้งสิ้น ในปี ค.ศ.1902 มีนักศึกษาจีนในญี่ปุ่น ประมาณ 500 คน แต่ในปี ค.ศ.1906 มีนักศึกษาชาวจีนถึง 13,000 คน และเมื่อราชวงศ์แมนจูห้ามชาวจีนเข้าศึกษาในโรงเรียนทหาร นักศึกษาจีนก็ข้ามมาเรียนที่โรงเรียนทหารที่ซุนยัดเซ็น สร้างขึ้น ที่ชานเมืองโตเกียว แถวตำบลอาโอยามา ในพวกนักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนที่ญี่ปุ่น มีหนุ่มแน่น วัย 18 ปี คนหนึ่ง เข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร ของซุนยัดเซ็น เมื่อปี 1907 เขา ชื่อ เจียงไคเช็ค
    ในช่วงปี ค.ศ.1903 ถึง 1905 ซุนยัดเซ็น เดินสายระหว่าง ฮาวาย อเมริกา และยุโรป กับพรรคพวก และตั้งสมาคมใหม่ ชื่อ Tung Meng Hui หรือ Chinese Revolution Alliance และกลับมาตั้งสมาคมนี้ที่โตเกียวด้วย ในเดือนกรกฏาคม ค.ศ.1905 เขาจัดประชุมสมาคมที่บ้านของ นาย ยูชิดะ โรเฮอิ ซึ่งเป็นนักการเมืองใหญ่ในโตเกียว และเป็นหัวหน้าสมาคมลับ มังกรดำ ยากูซ่าในญี่ปุ่น ซึ่งให้การสนับสนันด้านการเงิน และอื่นๆ แก่ซุนยัดเซ็น แต่จริงๆแล้ว Tung Meng Hui โตเกียว ก่อตั้งขึ้นที่บ้านของ นาย ซากาโมโต้ คินยา สมาชิกรัฐสภาของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินในจีน
    ในปี ค.ศ.1907 ซุนยัดเซ็น เดินสายในญี่ปุ่น และเสนอนโยบาย 3 ประการ ของเขา พร้อมกับประกาศว่า จะยกทางเหนือของมณทลชางชุน ให้แก่ ญี่ปุ่น ถ้าช่วยเหลือเขาในการปฏิวัติจีน ปรากฏว่า คำประกาศของ ซุนยัดเซ็น คงล้ำเส้นไปหน่อย ไม่รู้ไปขัดแผนใคร รัฐบาลญี่ปุ่นจึงสั่งให้ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่น แต่ทั้ง ยูชิดะ และฝ่ายการเมืองของญี่ปุ่นเห็นว่า ยังไงก็ควรรักษาไมตรีกับซุนยัดเซ็นไว้ก่อน ในที่สุด เป็นเจ้าพ่อมังกรดำเอง เป็นผู้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่นชั่วคราว พร้อมแถมเงินติดกระเป๋าให้ ซุนยัดเซ็น ไม่ให้เสียหน้า เสียไมตรีต่อกัน อืม…
    เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซุนยัดเซ็นเขียนไว้ ในบันทึกของเขาว่า
    “… สัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น เป็นปัญหาร่วมกันของความอยู่รอด (ของประเทศ) และความสิ้นสุด (ของประเทศ) ถ้าไม่มีญี่ปุ่น ก็อาจจะไม่มีจีน และถ้าไม่มีจีน ก็อาจจะไม่มีญี่ปุ่น… ”
    ซุนยัดเซ็นเห็นว่า จีนกับญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ ในเอเซียต้องจับมือกัน Pan – Asianism
    ” ความปรารถนาของข้าพเจ้า คือ เห็นพวกเรา ชาวเอเซีย ควรร่วมกันขับไล่พวกชาติตะวันตกทั้งหลาย ให้หมดไปจากเอเซียของเราเสียที .. และหมดอย่างถาวร” และด้วยความคิดเยี่ยงนี้ ซุนยัดเซ็น ก็เข้าไปวุ่นวายกับการกบฏในฟิลิปปินส์ และเวียตนามด้วย
    ตลอดเวลา 16 ปี ของการพยายามปฏิวัติ ไล่ราชวง์ชิง และไล่ฝรั่งออกจากจีน ซุนยัดเซ็นเดินสายพูดไปทั่วทุกแห่ง เพื่อหาเงินมาทำปฏิวัติ เขาเริ่มตั้งแต่ การไปพูด และรับเงินบริจาค แต่เงินบริจาค มันก็พอแค่เลี้ยงตัวกับเป็นค่าเดินทางไปพูด ต่อมา ซุนเริ่มพัฒนาวิธีการหาเงิน เขาเริ่มออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้กับพวกที่ต้องการสนับสนุนเขา โดยสัญญาจะใช้เงินให้ เมื่อปฏิวัติสำเร็จพร้อมดอกเบี้ยสูง แต่ก็ยังไม่ได้เงินตามเป้าหมาย ซุน เปลี่ยนเป็นออกตั๋ว พร้อมคำสัญญาว่า จะใช้เงิน พร้อมให้สัมปทาน หรือให้ สิทธิพิเศษ หลังจากนั้น เขาโดนรัฐบาลแต่ละประเทศ ที่ยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ หมายหัว เขาจึงกลับมาตั้งหลัก และเปลี่ยนแผนการระดมทุนอีกรอบ
    คราวนี้ ซุน ทำการบ้าน หารายชื่อเศรษฐีจีน ที่อยู่แถบเอเซีย โดยเฉพาะแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ร้อยกว่าคน เขาจึงเดินสายมามาทางนั้น เขาออกพันธบัตรสงคราม war bond ไม่ต่างกับที่พวกวอลสตรีท ทำให้กับอังกฤษ เมื่อตอนจะสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่สำหรับปฏิวัติจีน ซุน ยอมทำสัญญาแปะไว้กับพันธบัตรรายใหญ่ว่า พร้อมที่จะให้สัมปทานทำเหมือง ในจีนเป็นเวลา 10 ปี และในบางราย เขาสัญญาว่า จะให้คนจีนที่เป็นเจ้าของเหมืองดีบุก ทำสัญญาขายดีบุก ให้แก่ อเมริกา ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ของการส่งออกดีบุก ขนาดทำอย่างนี้แล้ว เขายังได้ทุนไม่พอไปทำการปฏิวัติ เขาจึงไปขอเงินกู้จากธนาคารฝรั่งเศสใน ฮ่องกง เป็นจำนวน 40 ล้านเหรียญ ฮ่องกง โดยวางโรงสีข้าว 3 โรง ในไทย ให้เป็นหลักประกัน กับ เหมืองแร่ อีก 3 รายในมลายู ให้เป็นหลักประกัน เช่นเดียวกัน แต่ที่สุด ก็ไม่ได้เงินกู้รายนี้
    ความคิดของซุน เกี่ยวกับเรื่องการออกตั๋ว พ่วงสัมปทาน ให้คนจีน ที่สนับสนุนเงินทุนมาทำปฏิวัติ นี่ น่าสนใจมาก มันโดนใจ หรือมันไปขัดข้องใจใครกันบ้างไหม
    ซุน เล่าว่า ในระหว่างการเดินสาย เขาได้พบคนหลากหลาย และหลายคน แม้จะไม่ใช่คนจีน ก็มีความเห็นใจจีน ซุนจึงได้เพื่อน 4 คน ที่มาช่วยเรื่องการจัดการหาเงินทุน
    Homer Lea เป็นชาวอเมริกันหลังค่อม ที่มีการศึกษา จบมหาวิทยาลัย และ ชอบการทหาร เขาเดินทางไปจีน ในช่วงกบฏนักมวย เข้าใจสภาพของจีนดี จึงเข้ามาช่วยคนจีนก่อนที่จะเจอซุน เสียด้วยซ้ำ เขาตั้งโรงเรียนฝึกการต่อสู้ และยุทธศาสตร์ เพื่อสอนให้พวกคนจีน ในลอสแองเจลีส ที่พร้อมจะไปร่วมทำการปฏิวัติกับ ซุน Lea ยังพา เพื่อนทหารประเภทกระดูกเหล็ก มาช่วยการให้การฝีก อีกหลายคน ต่อมา Lea เป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของ ซุน
    Charles Boothe เป็นอดีตนายธนาคารแถวนิวยอร์ค ถูกให้เกษียณจากอาชีพ เพราะสุขภาพไม่ดี
    W W Allen นักการเงินมือดีมีอนาคต จากวอลสตรีท ซึ่งเป็นเพื่อนรักตั้งแต่เด็กของ Boothe
    Yung Wing ชาวจีนจบการศึกษา Yale เป็นนักเรียนหัวก้าวหน้าอยู่แถบคอนเนคติคัต ถิ่นคนรวยอยู่ไม่ว่าฝร้่ง หรือจีน
    ทั้ง 4 คน ตั้งกลุ่มอเมริกันเพื่อจีน ในปี ค.ศ.1910 และช่วยการวางแผนปฏิวัติไล่ราชวงศ์แมนจู โดยตั้งงบไว้ที่ 10 ล้านเหรียญ Lea เป็นคนวางแผนการทหาร Boothe เป็นผู้ประสานงานกับพวกต่างชาติ Allen เป็นตัวสำคัญ ในการประสานงานเรื่องการเงิน กับกลุ่มวอลสตรีท ส่วน Yung เป็นตัวกลางในการเชื่อมการทำงาน ระหว่างกลุ่มปฏิวัติในอเมริกา กับในเอเซีย
    คงเริ่มมองเห็นอะไรกันบ้าง แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุป

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 11 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 11 ในบันทึกความทรงจำของ ซุนยัดเซน เขาบอกว่า เมื่อเขาไปถึง ญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1895 นายอินนูไก ทาเคชิ Inukai Takashi หัวหน้าพรรคลิเบอรัลของญี่ปุ่น ได้ส่ง นาย มิยาซากิ ยะโซะ และ ฮิรามายะ ชิน มารับ ที่เมืองโยโกฮาม่า หลังจากนั้น ก็พาเขามาโตเกียว เพื่อมาพบกับหัวหน้าใหญ่ของพรรค ในตอนนั้น พรรคลิเบอรัลได้เป็นรัฐบาล และนายโอกูมะ ชิเกโนบุ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมี อินนูไกเป็นผู้ช่วย หลังจากนั้น คนพวกนี้ ก็ได้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็น รู้จักกับชาวญี่ปุ่นอีกหลายคน และคนพวกนี้ได้ช่วยเขาอย่างมาก ในการทำการปฏิวัติในปี ค.ศ.1911… ตัวซุนยัดเซ็นเอง เมื่อมาอยู่ญี่ปุ่น ก็ตัดหางเปียทิ้ง แถมเปลี่ยนมาใช้ชื่อญี่ปุ่น ว่า นาคามาย่า โชว Nakamaya Sho ส่วนนาย อินนูไก ทาเคชิ เอง ก็เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของตนว่า “… คงมีน้อยคน ที่จะเห็นใจชาวจีนที่รักชาติ และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้านี้ อย่างจริงใจ อย่างที่ผมมีให้กับพวกเขา เมื่อซุนยัดเซ็น และพวก ลี้ภัย มาอยู่กับพวกเรา ผมปกป้องเขา หลายครั้งที่เขามาอยู่ที่บ้านผม บ้านผมกลายเป็นที่ประชุมลับ หลายครั้งที่เขาใส่เสื้อผ้า และกินอาหาร จากรายได้อันน้อยนิดของผม เมื่อซุนยัดเซ็นอยู่กับผม ผมบอกกับเขาว่า ทางออกที่เหมาะสมของจีน มีอยู่ทางเดียว คือ ทำอย่างที่ญี่ปุ่นทำ..” ก็เป็นเรื่องที่เราคงต้องทำความเข้าแยะหน่อย นายอินนูไก ทาเคชิ นั้น เป็นนักเศรษฐศาสตร์ เขาแปลหนังสือเล่มหนึ่ง ในปี ค.ศ.1874 เป็นหนังสือที่เขียนโดย นาย Henry C Carey ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังในสมัยนั้นนาย Carey เป็นผู้เสนอให้ใช้ ทฤษฏีเศรษฐศาสตร์แบบ อเมริกัน และค้ดค้านการค้าเสรีแบบอังกฤษ ซึ่งนาย Carey บอกว่า มันก็คือการเอาการค้านำหน้า เพื่อจะยึดเอาประเทศคู่ค้าเป็นอาณานิคมนั่นแหละ เรื่องนายอินนูไก นี่ มันพอบอกอะไรเราได้ไหมครับ ซุนยัดเซ็น หลบอยู่ในญี่ปุ่นถึง 10 ปี (บางเอกสารว่า อยู่ 6 ปี) ระหว่างนั้น เขาตั้งสมาคมลับของเขา Hsing Chung Hui ขึ้นที่ เมือง นางาซากิ เมือง ชิโมโนเซกิ และโกเบ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 นักศึกษาชาวจีนเข้ามาอยู่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น นักศีกษาพวกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับแผนปฏิวัติของซุนยัดเซ็นเกือบทั้งสิ้น ในปี ค.ศ.1902 มีนักศึกษาจีนในญี่ปุ่น ประมาณ 500 คน แต่ในปี ค.ศ.1906 มีนักศึกษาชาวจีนถึง 13,000 คน และเมื่อราชวงศ์แมนจูห้ามชาวจีนเข้าศึกษาในโรงเรียนทหาร นักศึกษาจีนก็ข้ามมาเรียนที่โรงเรียนทหารที่ซุนยัดเซ็น สร้างขึ้น ที่ชานเมืองโตเกียว แถวตำบลอาโอยามา ในพวกนักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนที่ญี่ปุ่น มีหนุ่มแน่น วัย 18 ปี คนหนึ่ง เข้ามาเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร ของซุนยัดเซ็น เมื่อปี 1907 เขา ชื่อ เจียงไคเช็ค ในช่วงปี ค.ศ.1903 ถึง 1905 ซุนยัดเซ็น เดินสายระหว่าง ฮาวาย อเมริกา และยุโรป กับพรรคพวก และตั้งสมาคมใหม่ ชื่อ Tung Meng Hui หรือ Chinese Revolution Alliance และกลับมาตั้งสมาคมนี้ที่โตเกียวด้วย ในเดือนกรกฏาคม ค.ศ.1905 เขาจัดประชุมสมาคมที่บ้านของ นาย ยูชิดะ โรเฮอิ ซึ่งเป็นนักการเมืองใหญ่ในโตเกียว และเป็นหัวหน้าสมาคมลับ มังกรดำ ยากูซ่าในญี่ปุ่น ซึ่งให้การสนับสนันด้านการเงิน และอื่นๆ แก่ซุนยัดเซ็น แต่จริงๆแล้ว Tung Meng Hui โตเกียว ก่อตั้งขึ้นที่บ้านของ นาย ซากาโมโต้ คินยา สมาชิกรัฐสภาของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองถ่านหินในจีน ในปี ค.ศ.1907 ซุนยัดเซ็น เดินสายในญี่ปุ่น และเสนอนโยบาย 3 ประการ ของเขา พร้อมกับประกาศว่า จะยกทางเหนือของมณทลชางชุน ให้แก่ ญี่ปุ่น ถ้าช่วยเหลือเขาในการปฏิวัติจีน ปรากฏว่า คำประกาศของ ซุนยัดเซ็น คงล้ำเส้นไปหน่อย ไม่รู้ไปขัดแผนใคร รัฐบาลญี่ปุ่นจึงสั่งให้ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่น แต่ทั้ง ยูชิดะ และฝ่ายการเมืองของญี่ปุ่นเห็นว่า ยังไงก็ควรรักษาไมตรีกับซุนยัดเซ็นไว้ก่อน ในที่สุด เป็นเจ้าพ่อมังกรดำเอง เป็นผู้แนะนำให้ ซุนยัดเซ็นออกไปจากญี่ปุ่นชั่วคราว พร้อมแถมเงินติดกระเป๋าให้ ซุนยัดเซ็น ไม่ให้เสียหน้า เสียไมตรีต่อกัน อืม… เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซุนยัดเซ็นเขียนไว้ ในบันทึกของเขาว่า “… สัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น เป็นปัญหาร่วมกันของความอยู่รอด (ของประเทศ) และความสิ้นสุด (ของประเทศ) ถ้าไม่มีญี่ปุ่น ก็อาจจะไม่มีจีน และถ้าไม่มีจีน ก็อาจจะไม่มีญี่ปุ่น… ” ซุนยัดเซ็นเห็นว่า จีนกับญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ ในเอเซียต้องจับมือกัน Pan – Asianism ” ความปรารถนาของข้าพเจ้า คือ เห็นพวกเรา ชาวเอเซีย ควรร่วมกันขับไล่พวกชาติตะวันตกทั้งหลาย ให้หมดไปจากเอเซียของเราเสียที .. และหมดอย่างถาวร” และด้วยความคิดเยี่ยงนี้ ซุนยัดเซ็น ก็เข้าไปวุ่นวายกับการกบฏในฟิลิปปินส์ และเวียตนามด้วย ตลอดเวลา 16 ปี ของการพยายามปฏิวัติ ไล่ราชวง์ชิง และไล่ฝรั่งออกจากจีน ซุนยัดเซ็นเดินสายพูดไปทั่วทุกแห่ง เพื่อหาเงินมาทำปฏิวัติ เขาเริ่มตั้งแต่ การไปพูด และรับเงินบริจาค แต่เงินบริจาค มันก็พอแค่เลี้ยงตัวกับเป็นค่าเดินทางไปพูด ต่อมา ซุนเริ่มพัฒนาวิธีการหาเงิน เขาเริ่มออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้กับพวกที่ต้องการสนับสนุนเขา โดยสัญญาจะใช้เงินให้ เมื่อปฏิวัติสำเร็จพร้อมดอกเบี้ยสูง แต่ก็ยังไม่ได้เงินตามเป้าหมาย ซุน เปลี่ยนเป็นออกตั๋ว พร้อมคำสัญญาว่า จะใช้เงิน พร้อมให้สัมปทาน หรือให้ สิทธิพิเศษ หลังจากนั้น เขาโดนรัฐบาลแต่ละประเทศ ที่ยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ หมายหัว เขาจึงกลับมาตั้งหลัก และเปลี่ยนแผนการระดมทุนอีกรอบ คราวนี้ ซุน ทำการบ้าน หารายชื่อเศรษฐีจีน ที่อยู่แถบเอเซีย โดยเฉพาะแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ร้อยกว่าคน เขาจึงเดินสายมามาทางนั้น เขาออกพันธบัตรสงคราม war bond ไม่ต่างกับที่พวกวอลสตรีท ทำให้กับอังกฤษ เมื่อตอนจะสร้างสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่สำหรับปฏิวัติจีน ซุน ยอมทำสัญญาแปะไว้กับพันธบัตรรายใหญ่ว่า พร้อมที่จะให้สัมปทานทำเหมือง ในจีนเป็นเวลา 10 ปี และในบางราย เขาสัญญาว่า จะให้คนจีนที่เป็นเจ้าของเหมืองดีบุก ทำสัญญาขายดีบุก ให้แก่ อเมริกา ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ของการส่งออกดีบุก ขนาดทำอย่างนี้แล้ว เขายังได้ทุนไม่พอไปทำการปฏิวัติ เขาจึงไปขอเงินกู้จากธนาคารฝรั่งเศสใน ฮ่องกง เป็นจำนวน 40 ล้านเหรียญ ฮ่องกง โดยวางโรงสีข้าว 3 โรง ในไทย ให้เป็นหลักประกัน กับ เหมืองแร่ อีก 3 รายในมลายู ให้เป็นหลักประกัน เช่นเดียวกัน แต่ที่สุด ก็ไม่ได้เงินกู้รายนี้ ความคิดของซุน เกี่ยวกับเรื่องการออกตั๋ว พ่วงสัมปทาน ให้คนจีน ที่สนับสนุนเงินทุนมาทำปฏิวัติ นี่ น่าสนใจมาก มันโดนใจ หรือมันไปขัดข้องใจใครกันบ้างไหม ซุน เล่าว่า ในระหว่างการเดินสาย เขาได้พบคนหลากหลาย และหลายคน แม้จะไม่ใช่คนจีน ก็มีความเห็นใจจีน ซุนจึงได้เพื่อน 4 คน ที่มาช่วยเรื่องการจัดการหาเงินทุน Homer Lea เป็นชาวอเมริกันหลังค่อม ที่มีการศึกษา จบมหาวิทยาลัย และ ชอบการทหาร เขาเดินทางไปจีน ในช่วงกบฏนักมวย เข้าใจสภาพของจีนดี จึงเข้ามาช่วยคนจีนก่อนที่จะเจอซุน เสียด้วยซ้ำ เขาตั้งโรงเรียนฝึกการต่อสู้ และยุทธศาสตร์ เพื่อสอนให้พวกคนจีน ในลอสแองเจลีส ที่พร้อมจะไปร่วมทำการปฏิวัติกับ ซุน Lea ยังพา เพื่อนทหารประเภทกระดูกเหล็ก มาช่วยการให้การฝีก อีกหลายคน ต่อมา Lea เป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของ ซุน Charles Boothe เป็นอดีตนายธนาคารแถวนิวยอร์ค ถูกให้เกษียณจากอาชีพ เพราะสุขภาพไม่ดี W W Allen นักการเงินมือดีมีอนาคต จากวอลสตรีท ซึ่งเป็นเพื่อนรักตั้งแต่เด็กของ Boothe Yung Wing ชาวจีนจบการศึกษา Yale เป็นนักเรียนหัวก้าวหน้าอยู่แถบคอนเนคติคัต ถิ่นคนรวยอยู่ไม่ว่าฝร้่ง หรือจีน ทั้ง 4 คน ตั้งกลุ่มอเมริกันเพื่อจีน ในปี ค.ศ.1910 และช่วยการวางแผนปฏิวัติไล่ราชวงศ์แมนจู โดยตั้งงบไว้ที่ 10 ล้านเหรียญ Lea เป็นคนวางแผนการทหาร Boothe เป็นผู้ประสานงานกับพวกต่างชาติ Allen เป็นตัวสำคัญ ในการประสานงานเรื่องการเงิน กับกลุ่มวอลสตรีท ส่วน Yung เป็นตัวกลางในการเชื่อมการทำงาน ระหว่างกลุ่มปฏิวัติในอเมริกา กับในเอเซีย คงเริ่มมองเห็นอะไรกันบ้าง แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุป สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 800 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ดร.เอ้" ชู 3 เทคโนโลยีสู่ความอยู่รอด ชี้ AI, เทคโนโลยีอวกาศ, การแพทย์อัจฉริยะ คือจุดเปลี่ยนของโลกใหม่
    https://www.thai-tai.tv/news/22237/
    .
    #คนไทยไม่แพ้ใครในโลก #ไทยก้าวใหม่ #ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง #ไทยไท #สุชัชวีร์ #การสร้างคน #วปอ. #AI #เทคโนโลยีอวกาศ
    "ดร.เอ้" ชู 3 เทคโนโลยีสู่ความอยู่รอด ชี้ AI, เทคโนโลยีอวกาศ, การแพทย์อัจฉริยะ คือจุดเปลี่ยนของโลกใหม่ https://www.thai-tai.tv/news/22237/ . #คนไทยไม่แพ้ใครในโลก #ไทยก้าวใหม่ #ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง #ไทยไท #สุชัชวีร์ #การสร้างคน #วปอ. #AI #เทคโนโลยีอวกาศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “Semrush One ปรับเกม SEO สู่ยุค AI – ใครไม่ปรับ อาจหายจากสายตาผู้ค้นหา”

    ลองจินตนาการว่าเว็บไซต์ของคุณเคยติดอันดับต้นๆ บน Google แต่พอ AI อย่าง ChatGPT, Gemini หรือ Perplexity เริ่มกลายเป็นแหล่งค้นหาหลักของผู้คน เว็บไซต์ของคุณกลับหายไปจากเรดาร์! นี่คือปัญหาที่นักการตลาดดิจิทัลทั่วโลกกำลังเผชิญ และ Semrush กำลังเสนอทางออกใหม่ที่ชื่อว่า “Semrush One”

    Semrush One คือแพลตฟอร์มใหม่ที่รวมพลังของ SEO แบบดั้งเดิมเข้ากับการวิเคราะห์การมองเห็นในระบบ AI หรือที่เรียกว่า “AI Visibility” ซึ่งช่วยให้แบรนด์รู้ว่าตัวเองปรากฏอยู่ตรงไหนในระบบค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่ใช่แค่ Google อีกต่อไป แต่รวมถึง ChatGPT, Gemini และ Perplexity ด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Semrush อ้างว่า หลังจากใช้ระบบใหม่นี้ “AI share of voice” หรือการมองเห็นในระบบ AI ของพวกเขาเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าภายในเดือนเดียว! นั่นแปลว่า AI มีการตอบสนองต่อการปรับเนื้อหาเร็วกว่า SEO แบบเดิมมาก

    แต่แน่นอนว่า ทุกอย่างมีต้นทุน – ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของ Semrush One อยู่ที่ $165 ต่อเดือน ซึ่งอาจสูงเกินไปสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือร้านค้าออนไลน์ที่เพิ่งเริ่มต้น

    นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันระดับองค์กรที่เรียกว่า “AI Optimization” ซึ่งให้ความสามารถในการควบคุมระดับโมเดล AI และปรับแต่ง prompt ได้เอง เหมาะกับแบรนด์ใหญ่ที่ต้องการควบคุมภาพลักษณ์ในโลก AI อย่างเต็มที่

    ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนวิธีค้นหาข้อมูล การปรับตัวไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นความอยู่รอดของแบรนด์

    Semrush เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ “Semrush One”
    รวมการวิเคราะห์ SEO แบบเดิมกับการวิเคราะห์การมองเห็นในระบบ AI (AI Visibility)

    รองรับการวิเคราะห์การมองเห็นใน ChatGPT, Gemini และ Perplexity
    ช่วยให้แบรนด์รู้ว่าตัวเองปรากฏอยู่ในผลลัพธ์ของ AI หรือไม่

    Semrush อ้างว่า AI visibility เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าภายใน 1 เดือน
    แสดงให้เห็นว่า AI ปรับผลลัพธ์เร็วกว่า SEO แบบเดิม

    มีเวอร์ชันให้เลือก 3 ระดับ: Starter, Pro+, Advanced
    รองรับทีมขนาดต่างๆ และความต้องการที่หลากหลาย

    เวอร์ชันองค์กร “AI Optimization” มีความสามารถขั้นสูง
    ปรับแต่ง prompt และควบคุมระดับโมเดล AI ได้เอง

    ฐานข้อมูลของ Semrush ครอบคลุมกว่า 808 ล้านโดเมน และลิงก์ย้อนกลับนับล้านล้าน
    เป็นหนึ่งในฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในวงการ SEO

    ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ $165 ต่อเดือน อาจไม่เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก
    โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์หรือสตาร์ทอัพที่มีงบจำกัด

    ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าแบรนด์อื่นจะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกับ Semrush
    ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามบริบทของเนื้อหาและการแข่งขันในแต่ละตลาด

    การจัดอันดับในระบบ AI ยังไม่มีความเสถียร
    อัลกอริธึมของ AI เปลี่ยนแปลงเร็ว ทำให้การวางแผนระยะยาวอาจมีความเสี่ยง

    ในยุคที่ AI ไม่ได้แค่ช่วยค้นหา แต่กลายเป็น “ผู้คัดกรอง” ข้อมูลให้ผู้ใช้ การเข้าใจว่าแบรนด์ของคุณถูกมองเห็นอย่างไรในสายตา AI จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าเดิม และ Semrush One กำลังวางตัวเป็นเครื่องมือสำคัญในสนามใหม่นี้

    https://www.techradar.com/pro/semrush-has-a-new-tool-to-help-marketers-win-in-the-ai-age-make-sure-your-business-doesnt-get-hidden
    📣🤖 หัวข้อข่าว: “Semrush One ปรับเกม SEO สู่ยุค AI – ใครไม่ปรับ อาจหายจากสายตาผู้ค้นหา” ลองจินตนาการว่าเว็บไซต์ของคุณเคยติดอันดับต้นๆ บน Google แต่พอ AI อย่าง ChatGPT, Gemini หรือ Perplexity เริ่มกลายเป็นแหล่งค้นหาหลักของผู้คน เว็บไซต์ของคุณกลับหายไปจากเรดาร์! นี่คือปัญหาที่นักการตลาดดิจิทัลทั่วโลกกำลังเผชิญ และ Semrush กำลังเสนอทางออกใหม่ที่ชื่อว่า “Semrush One” Semrush One คือแพลตฟอร์มใหม่ที่รวมพลังของ SEO แบบดั้งเดิมเข้ากับการวิเคราะห์การมองเห็นในระบบ AI หรือที่เรียกว่า “AI Visibility” ซึ่งช่วยให้แบรนด์รู้ว่าตัวเองปรากฏอยู่ตรงไหนในระบบค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่ใช่แค่ Google อีกต่อไป แต่รวมถึง ChatGPT, Gemini และ Perplexity ด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือ Semrush อ้างว่า หลังจากใช้ระบบใหม่นี้ “AI share of voice” หรือการมองเห็นในระบบ AI ของพวกเขาเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าภายในเดือนเดียว! นั่นแปลว่า AI มีการตอบสนองต่อการปรับเนื้อหาเร็วกว่า SEO แบบเดิมมาก แต่แน่นอนว่า ทุกอย่างมีต้นทุน – ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของ Semrush One อยู่ที่ $165 ต่อเดือน ซึ่งอาจสูงเกินไปสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือร้านค้าออนไลน์ที่เพิ่งเริ่มต้น นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันระดับองค์กรที่เรียกว่า “AI Optimization” ซึ่งให้ความสามารถในการควบคุมระดับโมเดล AI และปรับแต่ง prompt ได้เอง เหมาะกับแบรนด์ใหญ่ที่ต้องการควบคุมภาพลักษณ์ในโลก AI อย่างเต็มที่ ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนวิธีค้นหาข้อมูล การปรับตัวไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นความอยู่รอดของแบรนด์ ✅ Semrush เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ “Semrush One” ➡️ รวมการวิเคราะห์ SEO แบบเดิมกับการวิเคราะห์การมองเห็นในระบบ AI (AI Visibility) ✅ รองรับการวิเคราะห์การมองเห็นใน ChatGPT, Gemini และ Perplexity ➡️ ช่วยให้แบรนด์รู้ว่าตัวเองปรากฏอยู่ในผลลัพธ์ของ AI หรือไม่ ✅ Semrush อ้างว่า AI visibility เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าภายใน 1 เดือน ➡️ แสดงให้เห็นว่า AI ปรับผลลัพธ์เร็วกว่า SEO แบบเดิม ✅ มีเวอร์ชันให้เลือก 3 ระดับ: Starter, Pro+, Advanced ➡️ รองรับทีมขนาดต่างๆ และความต้องการที่หลากหลาย ✅ เวอร์ชันองค์กร “AI Optimization” มีความสามารถขั้นสูง ➡️ ปรับแต่ง prompt และควบคุมระดับโมเดล AI ได้เอง ✅ ฐานข้อมูลของ Semrush ครอบคลุมกว่า 808 ล้านโดเมน และลิงก์ย้อนกลับนับล้านล้าน ➡️ เป็นหนึ่งในฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในวงการ SEO ‼️ ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ $165 ต่อเดือน อาจไม่เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก ⛔ โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์หรือสตาร์ทอัพที่มีงบจำกัด ‼️ ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าแบรนด์อื่นจะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกับ Semrush ⛔ ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามบริบทของเนื้อหาและการแข่งขันในแต่ละตลาด ‼️ การจัดอันดับในระบบ AI ยังไม่มีความเสถียร ⛔ อัลกอริธึมของ AI เปลี่ยนแปลงเร็ว ทำให้การวางแผนระยะยาวอาจมีความเสี่ยง ในยุคที่ AI ไม่ได้แค่ช่วยค้นหา แต่กลายเป็น “ผู้คัดกรอง” ข้อมูลให้ผู้ใช้ การเข้าใจว่าแบรนด์ของคุณถูกมองเห็นอย่างไรในสายตา AI จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าเดิม และ Semrush One กำลังวางตัวเป็นเครื่องมือสำคัญในสนามใหม่นี้ 🚀 https://www.techradar.com/pro/semrush-has-a-new-tool-to-help-marketers-win-in-the-ai-age-make-sure-your-business-doesnt-get-hidden
    WWW.TECHRADAR.COM
    Semrush One, the AI tool reshaping how brands compete for online visibility
    Semrush says its AI visibility share nearly tripled within one month
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Airbus–Thales–Leonardo รวมพลังสร้างแชมป์ดาวเทียมยุโรป – แม้ประกาศล่าช้า แต่ดีลยังเดินหน้าเต็มสูบ”

    ยุโรปกำลังรวมพลังเพื่อท้าชน Starlink ของ Elon Musk ด้วยการควบรวมกิจการด้านการผลิตดาวเทียมระหว่างสามยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอวกาศ ได้แก่ Airbus, Thales, และ Leonardo โดยมีชื่อรหัสโครงการว่า Projet Bromo

    แม้การประกาศอย่างเป็นทางการจะล่าช้าไป 1–2 วัน เพราะทีมกฎหมายยังตรวจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ แต่แหล่งข่าวยืนยันว่า แผนควบรวมยังคงอยู่ครบ และไม่มีอุปสรรคใหม่ที่เป็นสาระสำคัญ

    เป้าหมายของดีลนี้คือการรวมสินทรัพย์ด้านดาวเทียมของทั้งสามบริษัทเข้าไว้ในบริษัทโฮลดิ้งใหม่ โดยแต่ละฝ่ายจะถือหุ้นประมาณหนึ่งในสาม หลังจากมีการปรับสมดุลด้วยการชำระเงินระหว่างกัน ซึ่งโครงสร้างใหม่นี้จะใช้เวลาราว สองปี กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะต้องผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

    การควบรวมครั้งนี้จะทำให้ยุโรปกลายเป็นผู้ผลิตดาวเทียม geostationary เชิงพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้า Maxar, Northrop Grumman และ Lockheed Martin โดยครองส่วนแบ่งตลาดถึงหนึ่งในสาม — แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตลาด geostationary กำลังหดตัว เพราะการเติบโตของดาวเทียมขนาดเล็กในวงโคจรต่ำ (LEO) เช่น Starlink

    แม้จะมีความขัดแย้งเล็กน้อยเรื่องการแต่งตั้ง CEO, CFO และประธานบริษัท ซึ่งเคยเป็นปัญหาในดีลยุโรปก่อนหน้านี้ แต่แหล่งข่าวระบุว่าทั้งสามฝ่ายมีความตั้งใจร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพราะต่างก็เผชิญกับ การขาดทุนและส่วนแบ่งตลาดที่ลดลง

    รายละเอียดของการควบรวม
    Airbus, Thales และ Leonardo รวมกิจการด้านดาวเทียม
    ใช้ชื่อรหัสโครงการว่า Projet Bromo
    สร้างบริษัทโฮลดิ้งใหม่ โดยแต่ละฝ่ายถือหุ้นประมาณ 1/3
    ใช้เวลาราว 2 ปีในการจัดโครงสร้างและขออนุมัติ

    เป้าหมายของดีล
    สร้างผู้ผลิตดาวเทียม geostationary เชิงพาณิชย์รายใหญ่ที่สุด
    ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1/3
    แซงหน้า Maxar, Northrop Grumman และ Lockheed Martin
    เพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับ Starlink และ SpaceX

    ความท้าทายและความล่าช้า
    การประกาศดีลล่าช้าเพราะตรวจรายละเอียดทางกฎหมาย
    ยังไม่มีอุปสรรคใหม่ที่เป็นสาระสำคัญ
    ความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งผู้บริหารยังต้องตกลงกัน
    เคยมีดีลล้มเพราะติด EU antitrust มาก่อน

    สภาพตลาดดาวเทียม
    ตลาด geostationary กำลังหดตัว
    ดาวเทียมขนาดเล็กในวงโคจรต่ำ (LEO) เติบโตเร็ว
    Starlink เป็นผู้นำในตลาด LEO broadband
    ผู้เล่นยุโรปต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/23/europe-satellite-merger-intact-as-announcement-slips-sources-say
    🛰️ “Airbus–Thales–Leonardo รวมพลังสร้างแชมป์ดาวเทียมยุโรป – แม้ประกาศล่าช้า แต่ดีลยังเดินหน้าเต็มสูบ” ยุโรปกำลังรวมพลังเพื่อท้าชน Starlink ของ Elon Musk ด้วยการควบรวมกิจการด้านการผลิตดาวเทียมระหว่างสามยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอวกาศ ได้แก่ Airbus, Thales, และ Leonardo โดยมีชื่อรหัสโครงการว่า Projet Bromo แม้การประกาศอย่างเป็นทางการจะล่าช้าไป 1–2 วัน เพราะทีมกฎหมายยังตรวจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ แต่แหล่งข่าวยืนยันว่า แผนควบรวมยังคงอยู่ครบ และไม่มีอุปสรรคใหม่ที่เป็นสาระสำคัญ เป้าหมายของดีลนี้คือการรวมสินทรัพย์ด้านดาวเทียมของทั้งสามบริษัทเข้าไว้ในบริษัทโฮลดิ้งใหม่ โดยแต่ละฝ่ายจะถือหุ้นประมาณหนึ่งในสาม หลังจากมีการปรับสมดุลด้วยการชำระเงินระหว่างกัน ซึ่งโครงสร้างใหม่นี้จะใช้เวลาราว สองปี กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะต้องผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล การควบรวมครั้งนี้จะทำให้ยุโรปกลายเป็นผู้ผลิตดาวเทียม geostationary เชิงพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้า Maxar, Northrop Grumman และ Lockheed Martin โดยครองส่วนแบ่งตลาดถึงหนึ่งในสาม — แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตลาด geostationary กำลังหดตัว เพราะการเติบโตของดาวเทียมขนาดเล็กในวงโคจรต่ำ (LEO) เช่น Starlink แม้จะมีความขัดแย้งเล็กน้อยเรื่องการแต่งตั้ง CEO, CFO และประธานบริษัท ซึ่งเคยเป็นปัญหาในดีลยุโรปก่อนหน้านี้ แต่แหล่งข่าวระบุว่าทั้งสามฝ่ายมีความตั้งใจร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพราะต่างก็เผชิญกับ การขาดทุนและส่วนแบ่งตลาดที่ลดลง ✅ รายละเอียดของการควบรวม ➡️ Airbus, Thales และ Leonardo รวมกิจการด้านดาวเทียม ➡️ ใช้ชื่อรหัสโครงการว่า Projet Bromo ➡️ สร้างบริษัทโฮลดิ้งใหม่ โดยแต่ละฝ่ายถือหุ้นประมาณ 1/3 ➡️ ใช้เวลาราว 2 ปีในการจัดโครงสร้างและขออนุมัติ ✅ เป้าหมายของดีล ➡️ สร้างผู้ผลิตดาวเทียม geostationary เชิงพาณิชย์รายใหญ่ที่สุด ➡️ ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1/3 ➡️ แซงหน้า Maxar, Northrop Grumman และ Lockheed Martin ➡️ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับ Starlink และ SpaceX ✅ ความท้าทายและความล่าช้า ➡️ การประกาศดีลล่าช้าเพราะตรวจรายละเอียดทางกฎหมาย ➡️ ยังไม่มีอุปสรรคใหม่ที่เป็นสาระสำคัญ ➡️ ความขัดแย้งเรื่องการแต่งตั้งผู้บริหารยังต้องตกลงกัน ➡️ เคยมีดีลล้มเพราะติด EU antitrust มาก่อน ✅ สภาพตลาดดาวเทียม ➡️ ตลาด geostationary กำลังหดตัว ➡️ ดาวเทียมขนาดเล็กในวงโคจรต่ำ (LEO) เติบโตเร็ว ➡️ Starlink เป็นผู้นำในตลาด LEO broadband ➡️ ผู้เล่นยุโรปต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/23/europe-satellite-merger-intact-as-announcement-slips-sources-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Europe satellite merger intact as announcement slips, sources say
    PARIS/ROME (Reuters) -Europe's aerospace giants kept investors waiting an extra day for details of a new space champion on Wednesday as lawyers and advisers pored over the smallprint, but merger plans remained intact, people familiar with the talks said.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมื่อ AI สร้างพอดแคสต์ได้เป็นพันรายการ – อุตสาหกรรมเสียงกำลังสั่นคลอน”

    ลองจินตนาการว่าโลกของพอดแคสต์ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงจริงจากคนจริง กำลังถูกแทนที่ด้วยเสียงสังเคราะห์จาก AI ที่สามารถผลิตรายการได้เป็นร้อยเป็นพันในเวลาไม่กี่นาที

    นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2025 เมื่อ Google เปิดตัว “Audio Overview” ระบบสร้างพอดแคสต์จากเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้มนุษย์เลยแม้แต่นิดเดียว และตามมาด้วยคลื่นของสตาร์ทอัพอย่าง ElevenLabs และ Wondercraft ที่กระโดดเข้ามาในตลาดนี้อย่างรวดเร็ว

    ผลลัพธ์คือการผลิตพอดแคสต์แบบ “mass-produced” ที่มีโฮสต์เสมือนจริง พูดได้หลายภาษา ปรับอารมณ์เสียงได้ และสามารถสร้างเนื้อหาตามความต้องการของผู้ฟังได้ทันที

    แต่ในขณะที่เทคโนโลยีนี้ดูน่าตื่นเต้น มันกลับสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมพอดแคสต์อิสระ ที่ยังคงพึ่งพาการสนับสนุนจากผู้ฟังและโฆษณาแบบดั้งเดิม หลายรายการกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เพราะไม่สามารถแข่งขันกับความเร็วและต้นทุนต่ำของ AI ได้

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้รสนิยมของผู้ฟังอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่การหลั่งไหลของพอดแคสต์จาก AI จะส่งผลกระทบต่อ “ศิลปะของการเล่าเรื่อง” และความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ฟังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ในมุมที่กว้างขึ้น นี่คือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสื่อทั่วโลก ที่กำลังเผชิญกับคำถามว่า “อะไรคือความจริง” และ “ใครคือผู้เล่าเรื่องที่แท้จริง”

    การเกิดขึ้นของพอดแคสต์จาก AI
    Google เปิดตัว Audio Overview สร้างพอดแคสต์จากเอกสารโดยไม่ใช้มนุษย์
    สตาร์ทอัพอย่าง ElevenLabs และ Wondercraft เข้าร่วมตลาดอย่างรวดเร็ว
    พอดแคสต์สามารถผลิตได้จำนวนมากในเวลาสั้น ด้วยต้นทุนต่ำ

    ความสามารถของพอดแคสต์ AI
    ใช้โฮสต์เสมือนจริงที่ปรับอารมณ์เสียงได้
    รองรับหลายภาษาและสามารถปรับเนื้อหาให้เหมาะกับผู้ฟัง
    สร้างเนื้อหาแบบออนดีมานด์จากข้อมูลที่มีอยู่

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพอดแคสต์อิสระ
    รายการอิสระที่พึ่งพาผู้ฟังและโฆษณากำลังถูกแย่งพื้นที่
    ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ฟังอาจลดลง
    ความหลากหลายของเนื้อหาอาจถูกแทนที่ด้วยสูตรสำเร็จจาก AI

    มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
    การผลิตจำนวนมากอาจทำลาย “ศิลปะของการเล่าเรื่อง”
    ความจริงและความเป็นมนุษย์ในเนื้อหาอาจถูกลดทอน
    อุตสาหกรรมสื่อกำลังเผชิญกับคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือ

    คำเตือนต่ออนาคตของพอดแคสต์
    พอดแคสต์จาก AI อาจทำให้ผู้ฟังไม่สามารถแยกแยะเนื้อหาที่มีความจริงจากเนื้อหาสังเคราะห์
    ผู้สร้างเนื้อหาจริงอาจถูกลดบทบาทหรือหายไปจากตลาด
    ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมุมมองอาจถูกกลืนด้วยอัลกอริธึม
    การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้เนื้อหาขาดความลึกและความรู้สึก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/mass-produced-ai-podcasts-disrupt-a-fragile-industry
    🎙️ “เมื่อ AI สร้างพอดแคสต์ได้เป็นพันรายการ – อุตสาหกรรมเสียงกำลังสั่นคลอน” ลองจินตนาการว่าโลกของพอดแคสต์ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงจริงจากคนจริง กำลังถูกแทนที่ด้วยเสียงสังเคราะห์จาก AI ที่สามารถผลิตรายการได้เป็นร้อยเป็นพันในเวลาไม่กี่นาที นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2025 เมื่อ Google เปิดตัว “Audio Overview” ระบบสร้างพอดแคสต์จากเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้มนุษย์เลยแม้แต่นิดเดียว และตามมาด้วยคลื่นของสตาร์ทอัพอย่าง ElevenLabs และ Wondercraft ที่กระโดดเข้ามาในตลาดนี้อย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์คือการผลิตพอดแคสต์แบบ “mass-produced” ที่มีโฮสต์เสมือนจริง พูดได้หลายภาษา ปรับอารมณ์เสียงได้ และสามารถสร้างเนื้อหาตามความต้องการของผู้ฟังได้ทันที แต่ในขณะที่เทคโนโลยีนี้ดูน่าตื่นเต้น มันกลับสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมพอดแคสต์อิสระ ที่ยังคงพึ่งพาการสนับสนุนจากผู้ฟังและโฆษณาแบบดั้งเดิม หลายรายการกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เพราะไม่สามารถแข่งขันกับความเร็วและต้นทุนต่ำของ AI ได้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้รสนิยมของผู้ฟังอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่การหลั่งไหลของพอดแคสต์จาก AI จะส่งผลกระทบต่อ “ศิลปะของการเล่าเรื่อง” และความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ฟังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในมุมที่กว้างขึ้น นี่คือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสื่อทั่วโลก ที่กำลังเผชิญกับคำถามว่า “อะไรคือความจริง” และ “ใครคือผู้เล่าเรื่องที่แท้จริง” ✅ การเกิดขึ้นของพอดแคสต์จาก AI ➡️ Google เปิดตัว Audio Overview สร้างพอดแคสต์จากเอกสารโดยไม่ใช้มนุษย์ ➡️ สตาร์ทอัพอย่าง ElevenLabs และ Wondercraft เข้าร่วมตลาดอย่างรวดเร็ว ➡️ พอดแคสต์สามารถผลิตได้จำนวนมากในเวลาสั้น ด้วยต้นทุนต่ำ ✅ ความสามารถของพอดแคสต์ AI ➡️ ใช้โฮสต์เสมือนจริงที่ปรับอารมณ์เสียงได้ ➡️ รองรับหลายภาษาและสามารถปรับเนื้อหาให้เหมาะกับผู้ฟัง ➡️ สร้างเนื้อหาแบบออนดีมานด์จากข้อมูลที่มีอยู่ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพอดแคสต์อิสระ ➡️ รายการอิสระที่พึ่งพาผู้ฟังและโฆษณากำลังถูกแย่งพื้นที่ ➡️ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ฟังอาจลดลง ➡️ ความหลากหลายของเนื้อหาอาจถูกแทนที่ด้วยสูตรสำเร็จจาก AI ✅ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ การผลิตจำนวนมากอาจทำลาย “ศิลปะของการเล่าเรื่อง” ➡️ ความจริงและความเป็นมนุษย์ในเนื้อหาอาจถูกลดทอน ➡️ อุตสาหกรรมสื่อกำลังเผชิญกับคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือ ‼️ คำเตือนต่ออนาคตของพอดแคสต์ ⛔ พอดแคสต์จาก AI อาจทำให้ผู้ฟังไม่สามารถแยกแยะเนื้อหาที่มีความจริงจากเนื้อหาสังเคราะห์ ⛔ ผู้สร้างเนื้อหาจริงอาจถูกลดบทบาทหรือหายไปจากตลาด ⛔ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมุมมองอาจถูกกลืนด้วยอัลกอริธึม ⛔ การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้เนื้อหาขาดความลึกและความรู้สึก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/mass-produced-ai-podcasts-disrupt-a-fragile-industry
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Mass-produced AI podcasts disrupt a fragile industry
    Artificial intelligence now makes it possible to mass-produce podcasts with completely virtual hosts, a development that is disrupting an industry still finding its footing and operating on a fragile business model.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 7
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 7

    เดือนมกราคม ค.ศ.2002 คาวบอย Bush กล่าวหาอิหร่านว่ากำลังคิดการใหญ่สะสมอาวุธนิวเคลียร์ เลื่อนอันดับอิหร่านไปอยู่อันดับเดียวกับเด็กแสบเกาหลีเหนือ ถือเป็นการยกย่องอย่างรวดเร็ว อเมริกาบอกมันเป็นภัยต่อความมั่นคงของโลกเชียวล่ะ

    กุมภาพันธ์ ค.ศ.2003 อิหร่านยอมรับว่ากำลังสร้างโรง งานพัฒนาแร่ยูเรเนียม 2 โรง แต่เมื่อ Atomic Energy Agency (IAEA) บอกให้หยุด อิหร่านก็หยุด แต่อเมริกาไม่หยุด กล่าวหาต่อไปว่า อิหร่านกำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์แน่นอน อเมริกาไม่ยอม มันต้องมีสิ อเมริกาว่ามีก็ต้องมี อเมริกาไม่สนใจหรอกอิหร่านมีนิวเคลียร์กี่ลูก แต่มันเสียหน้า เข้าใจไหม

    พฤษภาคม ค.ศ.2003 อิหร่านยอมอ่อนข้อ ขอเจรจากับอเมริกา ขอให้อเมริกาเลิกการคว่ำบาตร ปลดชื่ออิหร่านจากป้ายผู้ก่อการร้าย เราดีกันนะอย่าโกรธกันต่อไปเลย เราอิหร่านก็จะยอมตามใจอเมริกา ในตะวันออกกลาง เราไม่ขวาง ไม่ขัดคออีกแล้วล่ะ อิหร่านยอมแพ้กระทั่งหยุดเดินหน้าการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ และให้อเมริกาตรวจสอบตามสบายว่าไม่มีนิวเคลียร์ซักลูกอยู่ในกระเป๋ากางเกง นอกจากนี้ก็จะไม่ยุ่ง ไม่ยุพวกฮามาสในอิสราเอลด้วย อะไรอีกล่ะ อ้อ เราจะเดินหน้าเป็นประชาธิปไตย เราจะให้ความร่วมมือ ฯลฯ สาระพัดอิหร่านจะยอม ข้ออ่อนจนยืนไม่ตรง คาวบอย Bush ไม่รับข้อเสนอ ปฏิเสธที่จะเจรจากับอิหร่าน นี่มันนึกว่ากำลังเล่นขี่วัวมาราธอนอยู่หรือไงนะ

    รัฐบาล Bush คิดว่าตัวเองกำลังถือไพ่เหนือมืออิหร่าน สายเหยี่ยวคิดว่าการสั่งสอนอิรัก จะทำให้อิหร่านดีฝ่อ อเมริกาคิดว่าการหนุนและชุบเลี้ยงพวกชีอ่ะในอิรัก (ซึ่งมีจำนวนถึง 60% ของชาวอิรัก) โดยเฉพาะพวกที่อยู่ที่ Najaf และ Karbala จะทำให้พวกชีอ่ะเหล่านี้ไม่เข้าพวกกับอิหร่าน เพราะติดใจอาหารที่อเมริกาใช้เลี้ยง

    อเมริการู้สึกจะประเมินผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ การบุกขยี้อิรัก ทำให้ชาวตะวันออกกลางยิ่งรังเกียจอเมริกา และเริ่มรวมตัวกันทั้งนิกายชีอ่ะและสุนหนี่ ทำให้กลุ่มอิสลามเคร่งครัดยิ่งเข้มแข็งขึ้นและใหญ่ขึ้น

    แม้อิหร่านจะไม่แสดงอาการท้าทายอเมริกาอย่างตรงๆ แต่อิหร่านมีนโยบายสนับสนุนทั้งอาวุธและทุนให้กับกลุ่มชีอ่ะในอิรัก รวมทั้งสนับสนุนรัฐบาลผสม Maliki ซึ่งเป็นตัวเลือกของอเมริกาในอิรัก ในปี ค.ศ.2005 มีการเลือกตั้งในอิรัก ซึ่งอำนวยการสร้างโดยอเมริกา CIA รายงานว่า อิหร่านส่งเงินสนับสนุนพวกชีอ่ะจำนวน 11 ล้านเหรียญต่อสัปดาห์ เพื่อสร้างฐานเสียงให้แก่ชีอ่ะ ซึ่งในที่สุดก็ได้คะแนนเสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ถึงอิหร่านจะไม่ได้ประกาศท้าทายอเมริกาโดยตรง แต่ดูเหมือนการกระทำของอิหร่านจะชัดขึ้นเรื่อยๆ
    แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ตำแหน่งการยืนของอิหร่าน หรืออาการเป็นเหยื่อของอิหร่าน เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน น่าสนใจในสายตาโลก และน่ากลุ้มใจในสายตาของอเมริกาอย่างยิ่งคือ เมื่อ Mahmoud Ahmadinejad ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่าน ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2005

    หลังจากถูกกล่าวหาว่ามีนิวเคลียร์อยู่ในกระเป๋ากางเกงหลายลูก อิหร่านวิ่งพล่านพยายามหาเพื่อนช่วย อิหร่านขอให้อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมัน ช่วยเจรจากับอเมริกาอยู่หลายปี แต่คำตอบคือความเงียบจากบรรดาผู้ที่คิดว่าเป็นเพื่อนหรือเคยเป็นเพื่อนของอิหร่าน

    Ahmadinejad มีความเห็นว่า เราจะวิ่งพล่านง้อชาวบ้านเขาตลอดเวลา คงไม่ไหว อิหร่านควรพึ่งตัวเอง ยืนบนขาตัวเองเสียที เลิกได้แล้วที่จะไปคอยของ้อ ขอเจรจา ความอยู่รอดของพวกเรา ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของเราเอง และคบเพื่อนให้ถูกคน สมันน้อยน่าจะได้ข้อคิดจากเหยื่อรายนี้บ้าง

    เดือนสิงหาคม ค.ศ.2005 หลังจากรับตำแหน่ง Ahmadinejad ก็ประกาศว่า เราจะเดินหน้าพัฒนาแร่ยูเรเนียมต่อไป และในเดือนมกราคม ค.ศ.2006 การค้นคว้าด้านนิวเคลียร์ที่ Nataz ของอิหร่านก็กลับมาเดินหน้าต่อ

    ในเดือนเมษายน อิหร่านประกาศว่า การพัฒนาแร่ยูเรเนียมของอิหร่านประสบผลสำเร็จอย่างดี IAEA รีบวิ่งไปรายงานสหประชาชาติ

    ภายใต้ Nuclear Non-Proliferation Treaty อิหร่านมีสิทธิจะเสริมสมรรถนะยูเรเนียม เพื่อเป็นพลังงานได้ แต่เทคนิคที่ใช้ในการพัฒนา ก็เป็นประเด็นว่าสามารถพัฒนาเป็นอาวุธนิวเคลียร์ได้หรือไม่

    อเมริกาเต้น พวกเรายอมไม่ได้ เอาเรื่องเข้าสหประชาชาติด่วน และทำการชักใยสหประชาชาติ ให้สั่งอิหร่านหยุดดำเนินการโครงการพัฒนานิวเคลียร์ พร้อมขู่จะใช้กำลัง และเพิ่มการคว่ำบาตรอีกหลายใบ ถ้าอิหร่านไม่เชื่อฟัง

    แต่แล้วก็มีพระเอกสองคนจูงมือกันมาขวางทาง มาแล้วคุณพี่ปูตินกับอาเฮียกระเป๋าใหญ่ ทั้งสองบอกว่า มติเช่นนี้ของสหประชาชาติ มันไม่ได้สร้างสันติหรอกนะ แต่มันเป็นข้ออ้างให้อเมริกาสร้างสงครามมากกว่า

    เดือนพฤษภาคม ค.ศ.2006 อเมริกาเปลี่ยนบท ยอมให้ตัดข้อความในมติของสหประชาชาติ ส่วนที่บอกว่าจะใช้กำลังกับอิหร่านออกไป และพร้อมที่จะเจรจากับอิหร่านเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี ถ้าอิหร่านรับรองว่าจะหยุดโครงการพัฒนาแร่ยูเรเนียม อะไรทำให้อเมริกาเปลี่ยนบทแบบหักมุม จนมุมหัก มันเป็นแผนต้มอิหร่านซ้ำซากหรืออะไรกันแน่
    วันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2006 คณะทำงานของกรรมธิการด้านข่าวกรอง ทำหนังสือแจ้งประธานกรรมาธิการ ด้านข่าวกรองประจำสหรัฐอเมริกา ยาวเกือบ 30 หน้า สรุปสั้นๆเอาแต่เนื้อไม่ติดมันว่า อิหร่านกำลังกระทำการ ที่เป็นการท้าทายความมั่นคงของอเมริกาอย่างสูง (ว๊าว ! ) ไม่ว่าจะเรื่องการซุ่มสร้างระเบิดนิวเคลียร์ การแอบทำอาวุธชีวภาพ การสร้างระบบป้องกัน และยิงจรวดวิถีไกล ซึ่งถ้านำระเบิดนิวเคลียร์มาใช้ร่วมกับระบบนี้ หลายบริเวณของโลกต้องร้อนระอุ นี่ยังไม่นับการส่งเสียเลี้ยงกลุ่มเด็กที่ชอบเล่นอาวุธ ที่อิหร่านเลี้ยงดูอยู่หลายกลุ่ม เพื่อเอาไว้แหย่รังแตนในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะแตนแถวอิสราเอล และการเข้าไปกระชับมิตร กอดคอกับกลุ่มเพื่อน สร้างแนวร่วมพระจันทร์เสี้ยว เช่น อิรัก ซีเรีย และเลบานอน พฤติกรรมเช่นนี้ อเมริกาบอกยังไม่รู้จะวางแผนรับมืออย่างไร (อ้าว ! ) เพราะอเมริกาขาดข้อมูล งานด้านข่าวกรองในอิหร่านทำงานไม่ได้ผล

    ที่สำคัญไม่สามารถแน่ใจได้ว่า อิหร่านมีนิวเคลียร์กี่ลูก และระยะยิงไกลขนาดไหน อเมริกาคาดว่า จากการตรวจสอบปริมาณแร่ยูเรเนียมและพลูโตเนียมที่ IAEA ค้นพบ (ยังไม่นับที่ฝังดินซ่อนไว้และยังไม่พบ !) น่าจะทำให้อิหร่านสร้างนิวเคลียร์ได้ไม่น้อยกว่า 12 ลูก (แหม! 2 ลูกก็เกินพอแล้ว) นอกจากนี้ Dr. A.Q. Khan มือพระกาฬในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ของปากีสถาน สารภาพ (หลังจากถูกเค้นจนต้องคาย) ว่า เขาได้ขายสูตรพิเศษ ในการทำระเบิดนิวเคลียร์ไห้แก่อิหร่าน ลิเบีย และเกาหลีเหนือ ไปเรียบร้อยนานแล้ว

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 7 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 7 เดือนมกราคม ค.ศ.2002 คาวบอย Bush กล่าวหาอิหร่านว่ากำลังคิดการใหญ่สะสมอาวุธนิวเคลียร์ เลื่อนอันดับอิหร่านไปอยู่อันดับเดียวกับเด็กแสบเกาหลีเหนือ ถือเป็นการยกย่องอย่างรวดเร็ว อเมริกาบอกมันเป็นภัยต่อความมั่นคงของโลกเชียวล่ะ กุมภาพันธ์ ค.ศ.2003 อิหร่านยอมรับว่ากำลังสร้างโรง งานพัฒนาแร่ยูเรเนียม 2 โรง แต่เมื่อ Atomic Energy Agency (IAEA) บอกให้หยุด อิหร่านก็หยุด แต่อเมริกาไม่หยุด กล่าวหาต่อไปว่า อิหร่านกำลังสร้างอาวุธนิวเคลียร์แน่นอน อเมริกาไม่ยอม มันต้องมีสิ อเมริกาว่ามีก็ต้องมี อเมริกาไม่สนใจหรอกอิหร่านมีนิวเคลียร์กี่ลูก แต่มันเสียหน้า เข้าใจไหม พฤษภาคม ค.ศ.2003 อิหร่านยอมอ่อนข้อ ขอเจรจากับอเมริกา ขอให้อเมริกาเลิกการคว่ำบาตร ปลดชื่ออิหร่านจากป้ายผู้ก่อการร้าย เราดีกันนะอย่าโกรธกันต่อไปเลย เราอิหร่านก็จะยอมตามใจอเมริกา ในตะวันออกกลาง เราไม่ขวาง ไม่ขัดคออีกแล้วล่ะ อิหร่านยอมแพ้กระทั่งหยุดเดินหน้าการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ และให้อเมริกาตรวจสอบตามสบายว่าไม่มีนิวเคลียร์ซักลูกอยู่ในกระเป๋ากางเกง นอกจากนี้ก็จะไม่ยุ่ง ไม่ยุพวกฮามาสในอิสราเอลด้วย อะไรอีกล่ะ อ้อ เราจะเดินหน้าเป็นประชาธิปไตย เราจะให้ความร่วมมือ ฯลฯ สาระพัดอิหร่านจะยอม ข้ออ่อนจนยืนไม่ตรง คาวบอย Bush ไม่รับข้อเสนอ ปฏิเสธที่จะเจรจากับอิหร่าน นี่มันนึกว่ากำลังเล่นขี่วัวมาราธอนอยู่หรือไงนะ รัฐบาล Bush คิดว่าตัวเองกำลังถือไพ่เหนือมืออิหร่าน สายเหยี่ยวคิดว่าการสั่งสอนอิรัก จะทำให้อิหร่านดีฝ่อ อเมริกาคิดว่าการหนุนและชุบเลี้ยงพวกชีอ่ะในอิรัก (ซึ่งมีจำนวนถึง 60% ของชาวอิรัก) โดยเฉพาะพวกที่อยู่ที่ Najaf และ Karbala จะทำให้พวกชีอ่ะเหล่านี้ไม่เข้าพวกกับอิหร่าน เพราะติดใจอาหารที่อเมริกาใช้เลี้ยง อเมริการู้สึกจะประเมินผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ การบุกขยี้อิรัก ทำให้ชาวตะวันออกกลางยิ่งรังเกียจอเมริกา และเริ่มรวมตัวกันทั้งนิกายชีอ่ะและสุนหนี่ ทำให้กลุ่มอิสลามเคร่งครัดยิ่งเข้มแข็งขึ้นและใหญ่ขึ้น แม้อิหร่านจะไม่แสดงอาการท้าทายอเมริกาอย่างตรงๆ แต่อิหร่านมีนโยบายสนับสนุนทั้งอาวุธและทุนให้กับกลุ่มชีอ่ะในอิรัก รวมทั้งสนับสนุนรัฐบาลผสม Maliki ซึ่งเป็นตัวเลือกของอเมริกาในอิรัก ในปี ค.ศ.2005 มีการเลือกตั้งในอิรัก ซึ่งอำนวยการสร้างโดยอเมริกา CIA รายงานว่า อิหร่านส่งเงินสนับสนุนพวกชีอ่ะจำนวน 11 ล้านเหรียญต่อสัปดาห์ เพื่อสร้างฐานเสียงให้แก่ชีอ่ะ ซึ่งในที่สุดก็ได้คะแนนเสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ถึงอิหร่านจะไม่ได้ประกาศท้าทายอเมริกาโดยตรง แต่ดูเหมือนการกระทำของอิหร่านจะชัดขึ้นเรื่อยๆ แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ตำแหน่งการยืนของอิหร่าน หรืออาการเป็นเหยื่อของอิหร่าน เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน น่าสนใจในสายตาโลก และน่ากลุ้มใจในสายตาของอเมริกาอย่างยิ่งคือ เมื่อ Mahmoud Ahmadinejad ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่าน ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2005 หลังจากถูกกล่าวหาว่ามีนิวเคลียร์อยู่ในกระเป๋ากางเกงหลายลูก อิหร่านวิ่งพล่านพยายามหาเพื่อนช่วย อิหร่านขอให้อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมัน ช่วยเจรจากับอเมริกาอยู่หลายปี แต่คำตอบคือความเงียบจากบรรดาผู้ที่คิดว่าเป็นเพื่อนหรือเคยเป็นเพื่อนของอิหร่าน Ahmadinejad มีความเห็นว่า เราจะวิ่งพล่านง้อชาวบ้านเขาตลอดเวลา คงไม่ไหว อิหร่านควรพึ่งตัวเอง ยืนบนขาตัวเองเสียที เลิกได้แล้วที่จะไปคอยของ้อ ขอเจรจา ความอยู่รอดของพวกเรา ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของเราเอง และคบเพื่อนให้ถูกคน สมันน้อยน่าจะได้ข้อคิดจากเหยื่อรายนี้บ้าง เดือนสิงหาคม ค.ศ.2005 หลังจากรับตำแหน่ง Ahmadinejad ก็ประกาศว่า เราจะเดินหน้าพัฒนาแร่ยูเรเนียมต่อไป และในเดือนมกราคม ค.ศ.2006 การค้นคว้าด้านนิวเคลียร์ที่ Nataz ของอิหร่านก็กลับมาเดินหน้าต่อ ในเดือนเมษายน อิหร่านประกาศว่า การพัฒนาแร่ยูเรเนียมของอิหร่านประสบผลสำเร็จอย่างดี IAEA รีบวิ่งไปรายงานสหประชาชาติ ภายใต้ Nuclear Non-Proliferation Treaty อิหร่านมีสิทธิจะเสริมสมรรถนะยูเรเนียม เพื่อเป็นพลังงานได้ แต่เทคนิคที่ใช้ในการพัฒนา ก็เป็นประเด็นว่าสามารถพัฒนาเป็นอาวุธนิวเคลียร์ได้หรือไม่ อเมริกาเต้น พวกเรายอมไม่ได้ เอาเรื่องเข้าสหประชาชาติด่วน และทำการชักใยสหประชาชาติ ให้สั่งอิหร่านหยุดดำเนินการโครงการพัฒนานิวเคลียร์ พร้อมขู่จะใช้กำลัง และเพิ่มการคว่ำบาตรอีกหลายใบ ถ้าอิหร่านไม่เชื่อฟัง แต่แล้วก็มีพระเอกสองคนจูงมือกันมาขวางทาง มาแล้วคุณพี่ปูตินกับอาเฮียกระเป๋าใหญ่ ทั้งสองบอกว่า มติเช่นนี้ของสหประชาชาติ มันไม่ได้สร้างสันติหรอกนะ แต่มันเป็นข้ออ้างให้อเมริกาสร้างสงครามมากกว่า เดือนพฤษภาคม ค.ศ.2006 อเมริกาเปลี่ยนบท ยอมให้ตัดข้อความในมติของสหประชาชาติ ส่วนที่บอกว่าจะใช้กำลังกับอิหร่านออกไป และพร้อมที่จะเจรจากับอิหร่านเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี ถ้าอิหร่านรับรองว่าจะหยุดโครงการพัฒนาแร่ยูเรเนียม อะไรทำให้อเมริกาเปลี่ยนบทแบบหักมุม จนมุมหัก มันเป็นแผนต้มอิหร่านซ้ำซากหรืออะไรกันแน่ วันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2006 คณะทำงานของกรรมธิการด้านข่าวกรอง ทำหนังสือแจ้งประธานกรรมาธิการ ด้านข่าวกรองประจำสหรัฐอเมริกา ยาวเกือบ 30 หน้า สรุปสั้นๆเอาแต่เนื้อไม่ติดมันว่า อิหร่านกำลังกระทำการ ที่เป็นการท้าทายความมั่นคงของอเมริกาอย่างสูง (ว๊าว ! ) ไม่ว่าจะเรื่องการซุ่มสร้างระเบิดนิวเคลียร์ การแอบทำอาวุธชีวภาพ การสร้างระบบป้องกัน และยิงจรวดวิถีไกล ซึ่งถ้านำระเบิดนิวเคลียร์มาใช้ร่วมกับระบบนี้ หลายบริเวณของโลกต้องร้อนระอุ นี่ยังไม่นับการส่งเสียเลี้ยงกลุ่มเด็กที่ชอบเล่นอาวุธ ที่อิหร่านเลี้ยงดูอยู่หลายกลุ่ม เพื่อเอาไว้แหย่รังแตนในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะแตนแถวอิสราเอล และการเข้าไปกระชับมิตร กอดคอกับกลุ่มเพื่อน สร้างแนวร่วมพระจันทร์เสี้ยว เช่น อิรัก ซีเรีย และเลบานอน พฤติกรรมเช่นนี้ อเมริกาบอกยังไม่รู้จะวางแผนรับมืออย่างไร (อ้าว ! ) เพราะอเมริกาขาดข้อมูล งานด้านข่าวกรองในอิหร่านทำงานไม่ได้ผล ที่สำคัญไม่สามารถแน่ใจได้ว่า อิหร่านมีนิวเคลียร์กี่ลูก และระยะยิงไกลขนาดไหน อเมริกาคาดว่า จากการตรวจสอบปริมาณแร่ยูเรเนียมและพลูโตเนียมที่ IAEA ค้นพบ (ยังไม่นับที่ฝังดินซ่อนไว้และยังไม่พบ !) น่าจะทำให้อิหร่านสร้างนิวเคลียร์ได้ไม่น้อยกว่า 12 ลูก (แหม! 2 ลูกก็เกินพอแล้ว) นอกจากนี้ Dr. A.Q. Khan มือพระกาฬในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ของปากีสถาน สารภาพ (หลังจากถูกเค้นจนต้องคาย) ว่า เขาได้ขายสูตรพิเศษ ในการทำระเบิดนิวเคลียร์ไห้แก่อิหร่าน ลิเบีย และเกาหลีเหนือ ไปเรียบร้อยนานแล้ว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 กันยายน 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 660 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไทยก้าวใหม่" เปิดภาพ 6 ด้านปัญหาชาติ หนี้หนัก-โอกาสหด ชี้คนไทยเผชิญความอยู่รอด
    https://www.thai-tai.tv/news/21710/
    .
    #อนุทินชาญวีรกูล #สหรัฐชัตดาวน์ #เศรษฐกิจโลก #การเมือง #หาตลาดใหม่ #ไม่กระทบไทย #ไทยคู่ฟ้า #ไทยไท

    "ไทยก้าวใหม่" เปิดภาพ 6 ด้านปัญหาชาติ หนี้หนัก-โอกาสหด ชี้คนไทยเผชิญความอยู่รอด https://www.thai-tai.tv/news/21710/ . #อนุทินชาญวีรกูล #สหรัฐชัตดาวน์ #เศรษฐกิจโลก #การเมือง #หาตลาดใหม่ #ไม่กระทบไทย #ไทยคู่ฟ้า #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไทยก้าวใหม่" เปิดภาพ 6 ด้านปัญหาชาติ หนี้หนัก-โอกาสหด ชี้คนไทยเผชิญความอยู่รอด
    https://www.thai-tai.tv/news/21711/
    .
    #ไทยก้าวใหม่ #วิกฤตประเทศไทย #ปฏิรูปประเทศ #เศรษฐกิจไทย #หนี้ครัวเรือน #ระบบล้าหลัง #ความอยู่รอด #ไทยไท
    "ไทยก้าวใหม่" เปิดภาพ 6 ด้านปัญหาชาติ หนี้หนัก-โอกาสหด ชี้คนไทยเผชิญความอยู่รอด https://www.thai-tai.tv/news/21711/ . #ไทยก้าวใหม่ #วิกฤตประเทศไทย #ปฏิรูปประเทศ #เศรษฐกิจไทย #หนี้ครัวเรือน #ระบบล้าหลัง #ความอยู่รอด #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI ช่วยชาวไร่เล็กในมาลาวีฟื้นฟูหลังพายุ — เมื่อแชตบอตกลายเป็นผู้แนะนำการเพาะปลูกที่เปลี่ยนชีวิต”

    หลังจากพายุไซโคลน Freddy ถล่มพื้นที่ตอนใต้ของมาลาวีในปี 2023 ชาวไร่เล็กอย่าง Alex Maere สูญเสียไร่ข้าวโพดที่เคยผลิตได้ถึง 850 กิโลกรัมต่อฤดูกาล เหลือเพียง 8 กิโลกรัมจากดินที่ถูกน้ำพัดหายไป เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาหันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อความอยู่รอด

    Maere เป็นหนึ่งในชาวไร่หลายพันคนที่เริ่มใช้แชตบอต AI ชื่อ “Ulangizi” ซึ่งพัฒนาโดยองค์กรไม่แสวงกำไร Opportunity International โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมาลาวี แชตบอตนี้ทำงานผ่าน WhatsApp และรองรับทั้งภาษาอังกฤษและ Chichewa ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของประเทศ

    Ulangizi ไม่เพียงให้คำแนะนำทั่วไป แต่สามารถวิเคราะห์สภาพดินและเสนอพืชที่เหมาะสม เช่น แนะนำให้ Maere ปลูกมันฝรั่งร่วมกับข้าวโพดและมันสำปะหลัง ซึ่งทำให้เขาสามารถขายผลผลิตได้มากกว่า 800 ดอลลาร์ และนำเงินไปจ่ายค่าเรียนให้ลูก ๆ ได้อย่างไม่ต้องกังวล

    ในระดับประเทศ มาลาวีกำลังเผชิญกับวิกฤตอาหารจากภัยธรรมชาติและผลกระทบของเอลนีโญ ซึ่งส่งผลต่อการเลือกตั้งระดับชาติที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยกว่า 80% ของประชากร 21 ล้านคนพึ่งพาเกษตรกรรมเป็นหลัก และมีอัตราความยากจนสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

    แม้ AI จะช่วยยกระดับการเกษตรในแอฟริกาได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น การวินิจฉัยโรคพืช การพยากรณ์ภัยแล้ง และการออกแบบปุ๋ย แต่ก็ยังมีอุปสรรค เช่น ความหลากหลายทางภาษา การรู้หนังสือที่ต่ำ และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ยังไม่ทั่วถึงในพื้นที่ชนบท

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Alex Maere สูญเสียไร่จากพายุไซโคลน Freddy และหันมาใช้แชตบอต AI เพื่อฟื้นฟู
    แชตบอต “Ulangizi” พัฒนาโดย Opportunity International และทำงานผ่าน WhatsApp
    รองรับภาษาอังกฤษและ Chichewa — ใช้ได้แม้ผู้ใช้ไม่รู้หนังสือ
    แนะนำให้ปลูกมันฝรั่งร่วมกับพืชเดิม — ทำรายได้กว่า $800

    ผลกระทบในระดับประเทศ
    รัฐบาลมาลาวีสนับสนุนโครงการนี้เพื่อรับมือกับวิกฤตอาหาร
    กว่า 80% ของประชากรพึ่งพาเกษตรกรรม — เป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้ง
    มาลาวีมีอัตราความยากจนสูง และได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติหลายครั้ง
    โครงการนี้ช่วยให้ชาวไร่เล็กเข้าถึงข้อมูลการเกษตรที่เคยเป็นเรื่องไกลตัว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    แอฟริกามีฟาร์มขนาดเล็กกว่า 33–50 ล้านแห่ง ผลิตอาหารถึง 70–80% ของภูมิภาค
    การลงทุนในเทคโนโลยีเกษตรในแอฟริกาเพิ่มจาก $10 ล้าน ในปี 2014 เป็น $600 ล้าน ในปี 2022
    AI ช่วยวินิจฉัยโรคพืช ออกแบบปุ๋ย และค้นหาเครื่องมือเกษตรราคาถูก
    การใช้เสียงและภาพในแชตบอตช่วยให้ผู้ใช้ที่ไม่รู้หนังสือสามารถเข้าถึงข้อมูลได้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/15/how-ai-is-helping-some-small-scale-farmers-weather-a-changing-climate
    🌾 “AI ช่วยชาวไร่เล็กในมาลาวีฟื้นฟูหลังพายุ — เมื่อแชตบอตกลายเป็นผู้แนะนำการเพาะปลูกที่เปลี่ยนชีวิต” หลังจากพายุไซโคลน Freddy ถล่มพื้นที่ตอนใต้ของมาลาวีในปี 2023 ชาวไร่เล็กอย่าง Alex Maere สูญเสียไร่ข้าวโพดที่เคยผลิตได้ถึง 850 กิโลกรัมต่อฤดูกาล เหลือเพียง 8 กิโลกรัมจากดินที่ถูกน้ำพัดหายไป เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาหันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อความอยู่รอด Maere เป็นหนึ่งในชาวไร่หลายพันคนที่เริ่มใช้แชตบอต AI ชื่อ “Ulangizi” ซึ่งพัฒนาโดยองค์กรไม่แสวงกำไร Opportunity International โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมาลาวี แชตบอตนี้ทำงานผ่าน WhatsApp และรองรับทั้งภาษาอังกฤษและ Chichewa ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของประเทศ Ulangizi ไม่เพียงให้คำแนะนำทั่วไป แต่สามารถวิเคราะห์สภาพดินและเสนอพืชที่เหมาะสม เช่น แนะนำให้ Maere ปลูกมันฝรั่งร่วมกับข้าวโพดและมันสำปะหลัง ซึ่งทำให้เขาสามารถขายผลผลิตได้มากกว่า 800 ดอลลาร์ และนำเงินไปจ่ายค่าเรียนให้ลูก ๆ ได้อย่างไม่ต้องกังวล ในระดับประเทศ มาลาวีกำลังเผชิญกับวิกฤตอาหารจากภัยธรรมชาติและผลกระทบของเอลนีโญ ซึ่งส่งผลต่อการเลือกตั้งระดับชาติที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยกว่า 80% ของประชากร 21 ล้านคนพึ่งพาเกษตรกรรมเป็นหลัก และมีอัตราความยากจนสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แม้ AI จะช่วยยกระดับการเกษตรในแอฟริกาได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น การวินิจฉัยโรคพืช การพยากรณ์ภัยแล้ง และการออกแบบปุ๋ย แต่ก็ยังมีอุปสรรค เช่น ความหลากหลายทางภาษา การรู้หนังสือที่ต่ำ และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ยังไม่ทั่วถึงในพื้นที่ชนบท ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Alex Maere สูญเสียไร่จากพายุไซโคลน Freddy และหันมาใช้แชตบอต AI เพื่อฟื้นฟู ➡️ แชตบอต “Ulangizi” พัฒนาโดย Opportunity International และทำงานผ่าน WhatsApp ➡️ รองรับภาษาอังกฤษและ Chichewa — ใช้ได้แม้ผู้ใช้ไม่รู้หนังสือ ➡️ แนะนำให้ปลูกมันฝรั่งร่วมกับพืชเดิม — ทำรายได้กว่า $800 ✅ ผลกระทบในระดับประเทศ ➡️ รัฐบาลมาลาวีสนับสนุนโครงการนี้เพื่อรับมือกับวิกฤตอาหาร ➡️ กว่า 80% ของประชากรพึ่งพาเกษตรกรรม — เป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้ง ➡️ มาลาวีมีอัตราความยากจนสูง และได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติหลายครั้ง ➡️ โครงการนี้ช่วยให้ชาวไร่เล็กเข้าถึงข้อมูลการเกษตรที่เคยเป็นเรื่องไกลตัว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ แอฟริกามีฟาร์มขนาดเล็กกว่า 33–50 ล้านแห่ง ผลิตอาหารถึง 70–80% ของภูมิภาค ➡️ การลงทุนในเทคโนโลยีเกษตรในแอฟริกาเพิ่มจาก $10 ล้าน ในปี 2014 เป็น $600 ล้าน ในปี 2022 ➡️ AI ช่วยวินิจฉัยโรคพืช ออกแบบปุ๋ย และค้นหาเครื่องมือเกษตรราคาถูก ➡️ การใช้เสียงและภาพในแชตบอตช่วยให้ผู้ใช้ที่ไม่รู้หนังสือสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/15/how-ai-is-helping-some-small-scale-farmers-weather-a-changing-climate
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How AI is helping some small-scale farmers weather a changing climate
    Alex Maere survived the destruction of Cyclone Freddy when it tore through southern Malawi in 2023. His farm didn't.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 759 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากชาวนา 3 คนถึงเจ้าที่ดิน: เมื่อแรงงานไม่ใช่คำตอบของความอยู่รอด

    บทความนี้พาเราไปสำรวจชีวิตของชาวนา 3 กลุ่ม—The Smalls, The Middles, และ The Biggs—ที่มีแรงงานในครัวเรือนต่างกัน แต่ต้องเผชิญกับปัญหาเดียวกัน: พวกเขามีที่ดินน้อยเกินไปที่จะผลิตอาหารพอเลี้ยงครอบครัวได้

    แม้จะมีแรงงานเหลือเฟือ แต่ที่ดินที่ถือครองจริงกลับมีขนาดเล็กมาก เช่น 3–6 iugera (ประมาณ 1.8–3.8 เอเคอร์) ซึ่งไม่เพียงพอต่อการผลิตอาหารให้ครบตามความต้องการพื้นฐาน แม้จะใช้วิธีปลูกพืชที่ให้พลังงานสูงอย่างข้าวสาลี หรือเสริมด้วยสวนครัว ก็ยังไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้

    ทางออกเดียวคือ “การเช่าที่ดิน” จากเจ้าที่ดินหรือชาวนารวย ซึ่งมักมาในรูปแบบของการแบ่งผลผลิต (sharecropping) โดยชาวนาต้องแบ่งผลผลิตครึ่งหนึ่งให้เจ้าของที่ดิน แม้จะเป็นวิธีที่ช่วยให้มีที่ดินทำกินเพิ่ม แต่ก็ทำให้ผลผลิตสุทธิต่อแรงงานลดลงอย่างมาก

    เมื่อรวมแรงงานที่ต้องใช้ในการทำไร่, ซ่อมแซมเครื่องมือ, และแรงงานที่ถูกสกัดออกไปในรูปแบบของภาษี, แรงงานบังคับ (corvée), หรือการเกณฑ์ทหาร ชาวนาจึงต้องทำงานหนักถึง 2,500–3,600 ชั่วโมงต่อปี ซึ่งมากกว่าคนทำงานในยุคปัจจุบัน แต่กลับได้ผลตอบแทนต่ำกว่ามาก

    ขนาดที่ดินของชาวนาในยุคก่อน
    โดยเฉลี่ยถือครองเพียง 3–6 iugera (1.8–3.8 เอเคอร์)
    ไม่เพียงพอต่อการผลิตอาหารให้ครบตามความต้องการ

    การเช่าที่ดินและระบบแบ่งผลผลิต
    ชาวนาต้องแบ่งผลผลิต 50% ให้เจ้าของที่ดิน
    ลดประสิทธิภาพการผลิตต่อแรงงานลงอย่างมาก

    ความพยายามในการเพิ่มผลผลิต
    ปลูกข้าวสาลีเพื่อเพิ่มพลังงานต่อพื้นที่
    ใช้สวนครัวเพื่อเสริมอาหาร แต่ไม่สามารถเก็บรักษาได้นาน

    การใช้แรงงานในครัวเรือน
    ชาวนามีแรงงานเหลือเฟือแต่ไม่มีที่ดินพอใช้
    ต้องทำงานหนักถึง 2,500–3,600 ชั่วโมงต่อปี

    รูปแบบการสกัดแรงงานจากชาวนา
    ภาษีสูงถึง 50% ในบางพื้นที่ เช่น อียิปต์ยุคโรมัน
    แรงงานบังคับ (corvée) เช่น สร้างถนน, ป้อมปราการ
    การเกณฑ์ทหาร เช่น ระบบ dilectus ของโรมัน

    ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
    ชาวนาไม่สามารถเข้าถึง “ตะกร้าแห่งเกียรติ” (respectability basket)
    ส่วนใหญ่ทำงานเพื่อให้ได้แค่ “อยู่รอดและอีกนิด” เท่านั้น

    https://acoup.blog/2025/09/12/collections-life-work-death-and-the-peasant-part-ivc-rent-and-extraction/
    🎙️ เรื่องเล่าจากชาวนา 3 คนถึงเจ้าที่ดิน: เมื่อแรงงานไม่ใช่คำตอบของความอยู่รอด บทความนี้พาเราไปสำรวจชีวิตของชาวนา 3 กลุ่ม—The Smalls, The Middles, และ The Biggs—ที่มีแรงงานในครัวเรือนต่างกัน แต่ต้องเผชิญกับปัญหาเดียวกัน: พวกเขามีที่ดินน้อยเกินไปที่จะผลิตอาหารพอเลี้ยงครอบครัวได้ แม้จะมีแรงงานเหลือเฟือ แต่ที่ดินที่ถือครองจริงกลับมีขนาดเล็กมาก เช่น 3–6 iugera (ประมาณ 1.8–3.8 เอเคอร์) ซึ่งไม่เพียงพอต่อการผลิตอาหารให้ครบตามความต้องการพื้นฐาน แม้จะใช้วิธีปลูกพืชที่ให้พลังงานสูงอย่างข้าวสาลี หรือเสริมด้วยสวนครัว ก็ยังไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ทางออกเดียวคือ “การเช่าที่ดิน” จากเจ้าที่ดินหรือชาวนารวย ซึ่งมักมาในรูปแบบของการแบ่งผลผลิต (sharecropping) โดยชาวนาต้องแบ่งผลผลิตครึ่งหนึ่งให้เจ้าของที่ดิน แม้จะเป็นวิธีที่ช่วยให้มีที่ดินทำกินเพิ่ม แต่ก็ทำให้ผลผลิตสุทธิต่อแรงงานลดลงอย่างมาก เมื่อรวมแรงงานที่ต้องใช้ในการทำไร่, ซ่อมแซมเครื่องมือ, และแรงงานที่ถูกสกัดออกไปในรูปแบบของภาษี, แรงงานบังคับ (corvée), หรือการเกณฑ์ทหาร ชาวนาจึงต้องทำงานหนักถึง 2,500–3,600 ชั่วโมงต่อปี ซึ่งมากกว่าคนทำงานในยุคปัจจุบัน แต่กลับได้ผลตอบแทนต่ำกว่ามาก ✅ ขนาดที่ดินของชาวนาในยุคก่อน ➡️ โดยเฉลี่ยถือครองเพียง 3–6 iugera (1.8–3.8 เอเคอร์) ➡️ ไม่เพียงพอต่อการผลิตอาหารให้ครบตามความต้องการ ✅ การเช่าที่ดินและระบบแบ่งผลผลิต ➡️ ชาวนาต้องแบ่งผลผลิต 50% ให้เจ้าของที่ดิน ➡️ ลดประสิทธิภาพการผลิตต่อแรงงานลงอย่างมาก ✅ ความพยายามในการเพิ่มผลผลิต ➡️ ปลูกข้าวสาลีเพื่อเพิ่มพลังงานต่อพื้นที่ ➡️ ใช้สวนครัวเพื่อเสริมอาหาร แต่ไม่สามารถเก็บรักษาได้นาน ✅ การใช้แรงงานในครัวเรือน ➡️ ชาวนามีแรงงานเหลือเฟือแต่ไม่มีที่ดินพอใช้ ➡️ ต้องทำงานหนักถึง 2,500–3,600 ชั่วโมงต่อปี ✅ รูปแบบการสกัดแรงงานจากชาวนา ➡️ ภาษีสูงถึง 50% ในบางพื้นที่ เช่น อียิปต์ยุคโรมัน ➡️ แรงงานบังคับ (corvée) เช่น สร้างถนน, ป้อมปราการ ➡️ การเกณฑ์ทหาร เช่น ระบบ dilectus ของโรมัน ✅ ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ➡️ ชาวนาไม่สามารถเข้าถึง “ตะกร้าแห่งเกียรติ” (respectability basket) ➡️ ส่วนใหญ่ทำงานเพื่อให้ได้แค่ “อยู่รอดและอีกนิด” เท่านั้น https://acoup.blog/2025/09/12/collections-life-work-death-and-the-peasant-part-ivc-rent-and-extraction/
    ACOUP.BLOG
    Collections: Life, Work, Death and the Peasant, Part IVc: Rent and Extraction
    This is the third piece of the fourth part of our series (I, II, IIIa, IIIb, IVa, IVb) looking at the lives of pre-modern peasant farmers – a majority of all of the humans who have ever lived. Last…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 539 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 24 : สร้างกับดัก
    จากเหตุการณ์ไล่ Shah ออกไป การประท้วงรุนแรงลุกลาม ราคาน้ำมันโลกก็พุ่งกระฉูดอีกรอบ เหมือนปี ค.ศ. 1973 แต่อเมริกาแก้ภาวะวิกฤติในรูปแบบใหม่ โดยคำกระซิบของนายเหนือ David Rockefeller และเหล่าสถาบันการเงินผู้ทรงอิทธิพลและ Wall Street บอกให้นาย Paul Volcker ซึ่งเป็นประธาน Fed ขณะนั้น “จัดการ” ขึ้นดอกเบี้ย เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ แน่นอนโลกการเงินย่อมมึนเหมือนโดนตีหัว มันไปเอาวิธีแก้เงินเฟ้อ แบบนี้มาจากตำราไหนวะ ทำไมนาย Volcker ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ โปรดอย่าลืมว่านาย Volcker เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ Trillateral Commission ของพวกโคตรรวย (ถ้าลืมช่วยกลับไปอ่าน ตอน 4 นะครับ)
    มารู้ประวัติเขาสักนิด นาย Volcker เริ่มต้นเป็นเศรษฐกร ตัวเล็ก ๆ ที่ New York Federal Reserve Bank ช่วงปี ค.ศ. 1950 ต้น ๆ หลังทำงานอยู่ประมาณ 5 ปี นาย David Rockefeller ก็บังเอิญเดินเลี้ยวไปเจอ เลยชวนให้มาทำงานที่ Chase Bank ของพรรคโคตรรวย หลังจากนั้นก็หนุนให้นาย Volcker เป็นผู้ช่วยกรรมาธิการด้านการเงิน และเป็นที่ปรึกษาอยู่ที่กระทรวงการคลังของอเมริกา (เขาสั่งได้จริง ๆ !) ปี ค.ศ. 1965 ก็กลับมาอยู่ที่ Chase กับนาย David ในฐานะผู้ช่วย คราวนี้มาดูแลด้านธุรกิจ ตปท. ให้ เมื่อ Nixon เป็นประธานาธิบดี ฟ้าก็ส่งให้นาย Volcker ขึ้นเป็นใหญ่ ลำดับ 3 ของกระทรวงการคลัง และทำให้เขามีส่วนที่ช่วย “ดำเนินการ” ให้มีการยกเลิกข้อตกลง Bretton Woods ที่ตัดเชือกผูกระหว่างเงินดอลล่าร์กับทองคำ ปี ค.ศ. 1973 เขาได้รับการชวนให้เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ Trillateral Commission และปี ค.ศ. 1975 เขาก็ได้เป็นประธานของ New York Federal Reserve Bank สาขาที่ทรงอำนาจที่สุดใน 12 สาขา ของ Fed
    ในปี ค.ศ. 1979 ประธานาธิบดี Carter ถูกกระซิบ (อีกแล้ว) ให้ตั้งนาย Arthur Miller ซึ่งเป็นประธานของ Fed ขณะนั้น ให้ไปดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง ตำแหน่งประธาน Fed ก็เลยว่าง แน่นอน ราชรถมาเกยที่นาย Volcker การชักใยจึงทำได้สะดวกโยธิน ตามแผนของนักเล่นกล
    ปรกติอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างประเทศ จะอยู่ที่ประมาณ 2% ต่อปี แต่จากเหตุวิกฤติเรื่องราคาน้ำมันพุ่ง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ขึ้นจาก 2% ในช่วงปี ค.ศ. 1970 เป็น 18% ในช่วงปี ค.ศ. 1980 ผู้ที่รับผลกระทบดอกเบี้ยขึ้นสูงนี้ คือ ประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศในโลกที่ 3
    ประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น Mexico, Brazil, Venezuela, Argentina และหลายประเทศใน อาฟริกา ซึ่งเพิ่งได้รับเอกราชมาจากอังกฤษ ช่วงปี ค.ศ. 1950 และหลายประเทศในแถบเอเซีย ประเทศเหล่านี้มีน้ำมัน แต่ยังต้องพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศ เพราะกำลังตั้งตัว เพื่อมาพัฒนาประเทศ เพื่อจะให้มีเศรษฐกิจใกล้เคียงหรือตามทันประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่เมื่อเกิดภาวะวิกฤติน้ำมันบวกกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยที่ประเทศพวกนี้ ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ถึงกับท่วมเงินต้น แล้วมันจะไปอยู่รอดได้อย่างไร
    แล้วก็มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยประเทศลูกหนี้เหล่านี้ คงเดากันออก พระเอกใส่เสื้อคลุมยี่ห้อ IMF, World Bank ซึ่งรีบออกโปรแกรมใหม่ เรียกว่า “SAP” (ไปถามอ้ายน้อยดูแล้วกัน ตอนวิกฤติ ต้มยำกุ้งบ้านเรา เราได้ SAP ไปแค่ไหน) คือ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้นั่นแหละ (Structural Adjustment Programs) SAPs มาพร้อมกับเงื่อนไข 508ประการ (ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอย ตอน 14/2 นะครับ ขี้เกียจเขียนซ้ำ เขียนซ้ำก็ช้ำใจซ้ำ !) หลาย ๆ เงื่อนไขที่ SAPs วางแทบจะไม่เป็น เงื่อนไขเกี่ยวกับเงินกู้เลย บางครั้งเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า และที่แย่บางครั้ง เป็นเรื่องกระทบอธิปไตยของประเทศผู้กู้เสียด้วย ผลจากการปฏิบัติการของคุณ SAPs ทำให้ประเทศของโลกที่สาม หรือที่กำลังพัฒนา หยุดการพัฒนาไปโดยปริยาย
    ตั้งแต่ ค.ศ. 1980 ถึงหลัง ค.ศ. 1990 แต่ก็ยังมีหนี้ท่วมอยู่ ประเทศเหล่านี้ไม่มีทางเลือก เพื่อความอยู่รอดของประเทศ ต้องยอมเปิดประตูให้ผู้ให้กู้ตปท. นักธุรกิจตปท.เข้ามาทึ้งสมบัติในประเทศ
    นี่คือรูปแบบของการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่ไม่ต้องใช้อาวุธยิงถล่มบ้านเมืองให้พังพินาศ แต่ใช้อาวุธทางการเงินที่เราขวนขวาย แสวงหา และตะกายทำตามเพราะนึกว่าจะทำให้เรากลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเขา หารู้ไม่ว่าเครื่องมือและกลไกทางการเงินต่าง ๆ นั้น คือ “กับดัก” สมันน้อยชาติต่าง ๆ ก็พากันเดินเข้าไปสู่กับดักอย่างไม่รู้ตัว ถ้าไม่รู้จักเดินเลี่ยงจากกับดัก หรือหาทางแกะกับดักนี้ให้ออก มันจะกลายเป็นสิ่งที่นำพาให้สมันน้อย ไม่มีอะไรเหลือในประเทศ หรือถึงขั้น อาจไม่เหลือประเทศอยู่ และทั้งหมดที่นักมายากลเขาสร้าง เครื่องมือต่าง ๆ มาดักสมันน้อย ก็เพื่อช่วงชิงน้ำมันและแสดงให้โลกเห็นว่า ใครคือผู้มีอำนาจครองโลกที่แท้จริง นี่คือการแสดงมายากลระดับตั๋วราคาโคตรแพง ! ! !


    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 24 : สร้างกับดัก จากเหตุการณ์ไล่ Shah ออกไป การประท้วงรุนแรงลุกลาม ราคาน้ำมันโลกก็พุ่งกระฉูดอีกรอบ เหมือนปี ค.ศ. 1973 แต่อเมริกาแก้ภาวะวิกฤติในรูปแบบใหม่ โดยคำกระซิบของนายเหนือ David Rockefeller และเหล่าสถาบันการเงินผู้ทรงอิทธิพลและ Wall Street บอกให้นาย Paul Volcker ซึ่งเป็นประธาน Fed ขณะนั้น “จัดการ” ขึ้นดอกเบี้ย เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ แน่นอนโลกการเงินย่อมมึนเหมือนโดนตีหัว มันไปเอาวิธีแก้เงินเฟ้อ แบบนี้มาจากตำราไหนวะ ทำไมนาย Volcker ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ โปรดอย่าลืมว่านาย Volcker เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ Trillateral Commission ของพวกโคตรรวย (ถ้าลืมช่วยกลับไปอ่าน ตอน 4 นะครับ) มารู้ประวัติเขาสักนิด นาย Volcker เริ่มต้นเป็นเศรษฐกร ตัวเล็ก ๆ ที่ New York Federal Reserve Bank ช่วงปี ค.ศ. 1950 ต้น ๆ หลังทำงานอยู่ประมาณ 5 ปี นาย David Rockefeller ก็บังเอิญเดินเลี้ยวไปเจอ เลยชวนให้มาทำงานที่ Chase Bank ของพรรคโคตรรวย หลังจากนั้นก็หนุนให้นาย Volcker เป็นผู้ช่วยกรรมาธิการด้านการเงิน และเป็นที่ปรึกษาอยู่ที่กระทรวงการคลังของอเมริกา (เขาสั่งได้จริง ๆ !) ปี ค.ศ. 1965 ก็กลับมาอยู่ที่ Chase กับนาย David ในฐานะผู้ช่วย คราวนี้มาดูแลด้านธุรกิจ ตปท. ให้ เมื่อ Nixon เป็นประธานาธิบดี ฟ้าก็ส่งให้นาย Volcker ขึ้นเป็นใหญ่ ลำดับ 3 ของกระทรวงการคลัง และทำให้เขามีส่วนที่ช่วย “ดำเนินการ” ให้มีการยกเลิกข้อตกลง Bretton Woods ที่ตัดเชือกผูกระหว่างเงินดอลล่าร์กับทองคำ ปี ค.ศ. 1973 เขาได้รับการชวนให้เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ Trillateral Commission และปี ค.ศ. 1975 เขาก็ได้เป็นประธานของ New York Federal Reserve Bank สาขาที่ทรงอำนาจที่สุดใน 12 สาขา ของ Fed ในปี ค.ศ. 1979 ประธานาธิบดี Carter ถูกกระซิบ (อีกแล้ว) ให้ตั้งนาย Arthur Miller ซึ่งเป็นประธานของ Fed ขณะนั้น ให้ไปดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง ตำแหน่งประธาน Fed ก็เลยว่าง แน่นอน ราชรถมาเกยที่นาย Volcker การชักใยจึงทำได้สะดวกโยธิน ตามแผนของนักเล่นกล ปรกติอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างประเทศ จะอยู่ที่ประมาณ 2% ต่อปี แต่จากเหตุวิกฤติเรื่องราคาน้ำมันพุ่ง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ขึ้นจาก 2% ในช่วงปี ค.ศ. 1970 เป็น 18% ในช่วงปี ค.ศ. 1980 ผู้ที่รับผลกระทบดอกเบี้ยขึ้นสูงนี้ คือ ประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศในโลกที่ 3 ประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น Mexico, Brazil, Venezuela, Argentina และหลายประเทศใน อาฟริกา ซึ่งเพิ่งได้รับเอกราชมาจากอังกฤษ ช่วงปี ค.ศ. 1950 และหลายประเทศในแถบเอเซีย ประเทศเหล่านี้มีน้ำมัน แต่ยังต้องพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศ เพราะกำลังตั้งตัว เพื่อมาพัฒนาประเทศ เพื่อจะให้มีเศรษฐกิจใกล้เคียงหรือตามทันประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่เมื่อเกิดภาวะวิกฤติน้ำมันบวกกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยที่ประเทศพวกนี้ ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ถึงกับท่วมเงินต้น แล้วมันจะไปอยู่รอดได้อย่างไร แล้วก็มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยประเทศลูกหนี้เหล่านี้ คงเดากันออก พระเอกใส่เสื้อคลุมยี่ห้อ IMF, World Bank ซึ่งรีบออกโปรแกรมใหม่ เรียกว่า “SAP” (ไปถามอ้ายน้อยดูแล้วกัน ตอนวิกฤติ ต้มยำกุ้งบ้านเรา เราได้ SAP ไปแค่ไหน) คือ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้นั่นแหละ (Structural Adjustment Programs) SAPs มาพร้อมกับเงื่อนไข 508ประการ (ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอย ตอน 14/2 นะครับ ขี้เกียจเขียนซ้ำ เขียนซ้ำก็ช้ำใจซ้ำ !) หลาย ๆ เงื่อนไขที่ SAPs วางแทบจะไม่เป็น เงื่อนไขเกี่ยวกับเงินกู้เลย บางครั้งเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า และที่แย่บางครั้ง เป็นเรื่องกระทบอธิปไตยของประเทศผู้กู้เสียด้วย ผลจากการปฏิบัติการของคุณ SAPs ทำให้ประเทศของโลกที่สาม หรือที่กำลังพัฒนา หยุดการพัฒนาไปโดยปริยาย ตั้งแต่ ค.ศ. 1980 ถึงหลัง ค.ศ. 1990 แต่ก็ยังมีหนี้ท่วมอยู่ ประเทศเหล่านี้ไม่มีทางเลือก เพื่อความอยู่รอดของประเทศ ต้องยอมเปิดประตูให้ผู้ให้กู้ตปท. นักธุรกิจตปท.เข้ามาทึ้งสมบัติในประเทศ นี่คือรูปแบบของการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่ไม่ต้องใช้อาวุธยิงถล่มบ้านเมืองให้พังพินาศ แต่ใช้อาวุธทางการเงินที่เราขวนขวาย แสวงหา และตะกายทำตามเพราะนึกว่าจะทำให้เรากลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเขา หารู้ไม่ว่าเครื่องมือและกลไกทางการเงินต่าง ๆ นั้น คือ “กับดัก” สมันน้อยชาติต่าง ๆ ก็พากันเดินเข้าไปสู่กับดักอย่างไม่รู้ตัว ถ้าไม่รู้จักเดินเลี่ยงจากกับดัก หรือหาทางแกะกับดักนี้ให้ออก มันจะกลายเป็นสิ่งที่นำพาให้สมันน้อย ไม่มีอะไรเหลือในประเทศ หรือถึงขั้น อาจไม่เหลือประเทศอยู่ และทั้งหมดที่นักมายากลเขาสร้าง เครื่องมือต่าง ๆ มาดักสมันน้อย ก็เพื่อช่วงชิงน้ำมันและแสดงให้โลกเห็นว่า ใครคือผู้มีอำนาจครองโลกที่แท้จริง นี่คือการแสดงมายากลระดับตั๋วราคาโคตรแพง ! ! ! คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 721 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นทางใหม่ในโลกการทำงานยุค AI : คู่มือเชิงกลยุทธ์สำหรับคนไทยวัย 45 ปี

    ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานอย่างรวดเร็ว การถูกให้ออกจากงานหรือถูกบังคับเกษียณก่อนกำหนดในวัย 45 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนยังต้องแบกรับภาระครอบครัวและความรับผิดชอบสูงสุดในชีวิต กลายเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายและสร้างความช็อกให้กับคนทำงานจำนวนมาก ความรู้สึกสิ้นหวัง การตั้งคำถามกับคุณค่าในตัวเอง และความรู้สึกด้อยค่าที่ว่า "ทำมา 10 ปีแต่ไม่รอด" ล้วนเป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่เข้าใจได้และเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ไม่ใช่ความล้มเหลวส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงานระดับโลก รายงานนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นมากกว่าแค่ข้อมูล แต่เป็นแผนที่ชีวิตที่จะช่วยให้ผู้ที่กำลังเผชิญวิกฤตนี้สามารถตั้งหลักและก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง โดยเปลี่ยนมุมมองจากจุดจบไปสู่จุดเปลี่ยนที่เต็มเปี่ยมด้วยโอกาส

    เมื่อพิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนี้ คำถามที่ว่า "ทำไมต้องเป็นฉัน" มักผุดขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อ AI กลายเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดเกมในตลาดแรงงานไทย ซึ่งกำลังเผชิญกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มาจาก AI เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ เช่น สังคมสูงวัย ในประเทศรายได้สูงและการเพิ่มขึ้นของแรงงานในประเทศรายได้ต่ำ ตลอดจนความผันผวนทางเศรษฐกิจ ตามรายงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือ ILO คาดการณ์ว่าในอีกสองทศวรรษข้างหน้า ตำแหน่งงานในไทยมากกว่า 44% หรือราว 17 ล้านตำแหน่ง มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพลังที่กำลังปรับโครงสร้างการจ้างงานอย่างถอนรากถอนโคน โดยเฉพาะงานที่ต้องทำซ้ำๆ และงานประจำ ซึ่งแรงงานวัยกลางคนจำนวนมากรับผิดชอบอยู่ ส่งผลให้เกิดปัญหาความไม่สมดุลของทักษะในตลาดแรงงาน แม้จะมีคนว่างงานมาก แต่พวกเขาก็ขาดทักษะที่จำเป็นสำหรับงานใหม่ที่เทคโนโลยีสร้างขึ้น การทำความเข้าใจปรากฏการณ์นี้อย่างเป็นระบบจะช่วยให้คนทำงานมองเห็นปัญหาในมุมกว้างและวางแผนพัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในอนาคต

    เพื่อให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น การจำแนกอาชีพตามระดับความเสี่ยงจาก AI ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงมักเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมประจำหรือการจัดการข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งสามารถทำให้เป็นระบบอัตโนมัติได้ง่าย เช่น พนักงานแคชเชียร์หรือพนักงานขายหน้าร้านที่ถูกแทนที่ด้วยระบบ self-checkout และการซื้อขายออนไลน์ เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าหรือพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่ chatbot และระบบตอบรับอัตโนมัติสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง พนักงานป้อนและประมวลผลข้อมูลที่ระบบ OCR และ AI สามารถจัดการข้อมูลมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ พนักงานขนส่งและโลจิสติกส์รวมถึงคนขับรถที่รถยนต์ไร้คนขับ และโดรนส่งของกำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และพนักงานบัญชีที่โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปและ AI สามารถบันทึกและประมวลผลข้อมูลทางการเงินได้อย่างแม่นยำ ในทางตรงกันข้าม อาชีพที่ทนทานต่อ AI และกำลังเติบโตมักต้องใช้ทักษะเชิงมนุษย์ชั้นสูงที่ซับซ้อนและเลียนแบบได้ยาก เช่น แพทย์ นักจิตวิทยา และพยาบาลที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง ประสบการณ์ การตัดสินใจที่ซับซ้อน และความเข้าใจมนุษย์ ครู-อาจารย์ที่ต้องใช้ทักษะการสอนที่ละเอียดอ่อน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และการสร้างแรงบันดาลใจ นักกฎหมายที่ต้องคิดเชิงวิเคราะห์ซับซ้อน 🛜 การสื่อสาร และการตัดสินใจในบริบทละเอียดอ่อน นักพัฒนา AI Data Scientist และ AI Ethicist ที่เป็นผู้สร้างและควบคุมเทคโนโลยีเอง โดยต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะเฉพาะทางระดับสูง และผู้เชี่ยวชาญด้าน soft skills ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การสื่อสาร ภาวะผู้นำ และการจัดการอารมณ์ ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่แค่รายการอาชีพ แต่เป็นแผนที่กลยุทธ์ที่ชี้ทิศทางของตลาดแรงงาน คุณค่าของมนุษย์ในยุค AI อยู่ที่ทักษะที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้ ซึ่งจะช่วยให้คนทำงานวางแผนอัปสกิลหรือรีสกิลไปสู่อาชีพที่ยั่งยืนกว่า

    เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก การตั้งหลักอย่างมีสติและกลยุทธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเริ่มจากจัดการคลื่นอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามา การถูกให้ออกจากงานอย่างกะทันหันอาจนำมาซึ่งความสับสน โกรธ สูญเสีย และด้อยค่า ผู้ที่เคยผ่านสถานการณ์นี้แนะนำให้ยอมรับความรู้สึกเหล่านั้นและให้เวลาตัวเองจัดการ โดยวิธีต่างๆ เช่น พูดคุยกับคนรอบข้างเพื่อรับกำลังใจและมุมมองใหม่ เขียนระบายความรู้สึกเพื่อจัดระเบียบความคิดและลดภาระจิตใจ หรือฝึกสมาธิและโยคะเพื่อทำให้จิตใจสงบ ลดความวิตกกังวล และตัดสินใจได้ดีขึ้น การปล่อยวางความคิดที่ว่าต้องชนะทุกเกมหรือชีวิตต้องเป็นไปตามแผนจะช่วยลดความกดดันและเปิดโอกาสให้คิดหาทางออกใหม่ๆ อย่างสร้างสรรค์ การให้กำลังใจตัวเองและไม่ยอมแพ้จะเป็นพลังที่นำไปสู่การเริ่มต้นใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิม

    ต่อจากนั้นคือการจัดการเรื่องสำคัญเร่งด่วนอย่างสิทธิประโยชน์และแผนการเงิน เพื่อให้มีสภาพคล่องในช่วงเปลี่ยนผ่าน การใช้สิทธิจากกองทุนประกันสังคมเป็นขั้นตอนสำคัญ โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 จะได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงาน หากจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนว่างงาน และต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานภายใน 30 วันนับจากวันที่ออกจากงาน มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง การขึ้นทะเบียนสามารถทำออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมการจัดหางาน เช่น e-service.doe.go.th หรือ empui.doe.go.th โดยลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่ กรอกข้อมูลส่วนตัว วันที่ออกจากงาน สาเหตุ และยืนยันตัวตนด้วยรหัสหลังบัตรประชาชน จากนั้นเลือกเมนูขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงานและกรอกข้อมูลการทำงานล่าสุด หลังจากนั้นยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคม เช่น แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนว่างงาน (สปส. 2-01/7) สำเนาบัตรประชาชน หนังสือรับรองการออกจากงาน (ถ้ามี) และสำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารที่ร่วมรายการ สุดท้ายต้องรายงานตัวทุกเดือนผ่านช่องทางออนไลน์ ข้อควรระวังคือผู้ที่มีอายุเกิน 55 ปีจะไม่ได้รับเงินทดแทนว่างงาน แต่ต้องใช้สิทธิเบี้ยชราภาพแทน

    ถัดมาคือการประเมินตนเองอย่างตรงไปตรงมาเพื่อค้นหาคุณค่าจากประสบการณ์ที่สั่งสม การถูกเลิกจ้างในวัย 45 ปีไม่ได้หมายถึงคุณค่าหมดสิ้น แต่กลับกัน อายุและประสบการณ์คือทุนมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ปัญหาที่แท้จริงคือทัศนคติที่ต้องปรับเปลี่ยน องค์กรยุคใหม่ให้ความสำคัญกับคนที่เปิดใจเรียนรู้และทำงานร่วมกับคนต่างวัย การเปลี่ยนจากการพูดถึงลักษณะงานไปสู่การบอกเล่าความสำเร็จที่จับต้องได้จะสร้างความน่าเชื่อถือ ทักษะที่นำไปปรับใช้ได้หรือ transferable skills คือขุมทรัพย์ของคนวัยนี้ เช่น ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนจากประสบการณ์ยาวนานที่ทำให้มองปัญหาได้อย่างเป็นระบบ โดยนำเสนอด้วยตัวอย่างปัญหาที่เคยแก้ไขพร้อมขั้นตอนวิเคราะห์และผลลัพธ์จริง ภาวะผู้นำและการทำงานเป็นทีมจากประสบการณ์นำทีมโครงการใหญ่ โดยระบุรายละเอียดเช่นนำทีม 10 คนลดต้นทุนได้ 15% ทักษะการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์จากการประสานงาน เจรจา และจัดการความขัดแย้ง โดยเล่าเรื่องที่แสดงถึงความเข้าใจผู้อื่น และการสร้างเครือข่ายจากความสัมพันธ์ในอุตสาหกรรม โดยใช้เพื่อขอคำแนะนำหรือหาโอกาสงาน การประยุกต์ทักษะเหล่านี้จะเปลี่ยนจุดอ่อนเรื่องอายุให้เป็นจุดแข็งที่ไม่เหมือนใคร

    ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การยกระดับทักษะเพื่อการแข่งขันในยุคใหม่จึงจำเป็น โดยการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือกุญแจสู่ความอยู่รอด มีแหล่งฝึกอบรมมากมายในไทยทั้งภาครัฐและเอกชน เริ่มจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานหรือ DSD ที่ให้บริการฝึกอบรมหลากหลายทั้งหลักสูตรระยะสั้นสำหรับรีสกิลและอัปสกิล เช่น หลักสูตร AI สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์อย่าง Excel และ Power BI งานช่างอย่างช่างเดินสายไฟฟ้า และอาชีพอิสระอย่างทำอาหารไทย สามารถตรวจสอบและสมัครผ่านเว็บไซต์ dsd.go.th หรือ onlinetraining.dsd.go.th ต่อมาคือศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภายใต้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวที่เปิดหลักสูตรฟรีเช่นการดูแลผู้สูงอายุและเสริมสวย และกรมการจัดหางานที่มีกิจกรรมแนะแนวอาชีพสำหรับผู้ว่างงาน สำหรับสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยหลายแห่งอย่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปิดหลักสูตรสะสมหน่วยกิตสำหรับรีสกิลและอัปสกิล ส่วนแพลตฟอร์มเอกชนอย่าง FutureSkill และ SkillLane นำเสนอคอร์สทักษะแห่งอนาคตทั้ง hard skills ด้านเทคโนโลยี ข้อมูล ธุรกิจ และ soft skills สำหรับทำงานร่วมกับ AI

    เมื่อพร้อมทั้งอารมณ์และทักษะ การกำหนดแผนปฏิบัติการ 3 เส้นทางสู่ความสำเร็จจะเป็นขั้นตอนต่อไป

    1️⃣ เส้นทางแรกคือการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยใช้ประสบการณ์เป็นแต้มต่อ เทคนิคเขียนเรซูเม่สำหรับวัยเก๋าคือหลีกเลี่ยงข้อมูลที่ทำให้ถูกเหมารวมอย่างปีจบการศึกษา ใช้คำสร้างความน่าเชื่อถือเช่นมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และเน้นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม การสร้างโปรไฟล์ LinkedIn เพื่อนำเสนอประสบการณ์อย่างมืออาชีพ และใช้เครือข่ายอย่างเพื่อนร่วมงานเก่าหรือ head hunter เพื่อเปิดโอกาสงานที่ไม่ได้ประกาศทั่วไป

    2️⃣ เส้นทางที่สองคือการเป็นผู้เชี่ยวชาญอิสระอย่างฟรีแลนซ์หรือคอนซัลแทนต์ ซึ่งเหมาะกับผู้มีประสบการณ์สูงและต้องการกำหนดเวลาทำงานเอง อาชีพที่น่าสนใจเช่นที่ปรึกษาธุรกิจสำหรับองค์กรขนาดเล็ก นักเขียนหรือนักแปลอิสระที่ยังต้องอาศัยมนุษย์ตรวจสอบเนื้อหาละเอียดอ่อน และนักบัญชีหรือนักการเงินอิสระสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การเตรียมพร้อมคือสร้างพอร์ตโฟลิโอที่น่าเชื่อถือเพราะผลงานสำคัญกว่าวุฒิการศึกษา

    3️⃣ เส้นทางที่สามคือการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กจากงานอดิเรก โดยใช้เทคโนโลยีลดต้นทุน เช่นขายของออนไลน์ผ่าน Facebook หรือ LINE เพื่อเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ หรือเป็น influencer หรือ YouTuber โดยใช้ประสบการณ์สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า ไอเดียธุรกิจที่ลงทุนน้อยและเหมาะสม เช่นธุรกิจอาหารและบริการอย่างทำอาหารหรือขนมขายจากบ้าน ขายของตลาดนัด หรือบริการดูแลผู้สูงอายุและสัตว์เลี้ยง ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์อย่างขายเสื้อผ้าหรือเป็นตัวแทนขายประกัน ธุรกิจที่ปรึกษาหรือฟรีแลนซ์อย่างที่ปรึกษาองค์กร นักเขียนอิสระ หรือที่ปรึกษาการเงิน และธุรกิจสร้างสรรค์อย่างปลูกผักปลอดสารพิษ งานฝีมือศิลปะ หรือเป็น influencer

    เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ การดูเรื่องราวความสำเร็จจากผู้ที่ก้าวข้ามมาแล้วจะช่วยให้เห็นว่าการเริ่มต้นใหม่ในวัย 45 ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เช่น Henry Ford ที่ประสบความสำเร็จกับรถยนต์ Model T ในวัย 45 ปี Colonel Sanders ที่เริ่มแฟรนไชส์ KFC ในวัย 62 ปี หรือในไทยอย่างอดีตผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดที่ถูกเลิกจ้างแต่ผันตัวเป็นผู้ค้าอิสระและประสบความสำเร็จ เรื่องราวเหล่านี้แสดงว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข และความมุ่งมั่นคือกุญแจ

    สุดท้าย การเผชิญกับการถูกบังคับเกษียณในวัย 45 ปีไม่ใช่จุดจบแต่เป็นใบเบิกทางสู่บทบาทใหม่ที่ทรงคุณค่า ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติคือตั้งสติจัดการอารมณ์ ใช้สิทธิประโยชน์ให้เต็มที่ ประเมินคุณค่าจากประสบการณ์ ยกระดับทักษะอย่างต่อเนื่อง และสำรวจทางเลือกใหม่ๆ ท้ายที่สุด วัย 45 ปีคือช่วงเวลาที่ทรงพลังที่สุดในการนำประสบการณ์กว่าสองทศวรรษไปสร้างคุณค่าใหม่ให้ชีวิตและสังคมอย่างยั่งยืน

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    เส้นทางใหม่ในโลกการทำงานยุค AI 🤖: 📚 คู่มือเชิงกลยุทธ์สำหรับคนไทยวัย 45 ปี 🙎‍♂️ ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานอย่างรวดเร็ว การถูกให้ออกจากงานหรือถูกบังคับเกษียณก่อนกำหนดในวัย 45 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนยังต้องแบกรับภาระครอบครัวและความรับผิดชอบสูงสุดในชีวิต กลายเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายและสร้างความช็อกให้กับคนทำงานจำนวนมาก ความรู้สึกสิ้นหวัง🤞 การตั้งคำถามกับคุณค่าในตัวเอง และความรู้สึกด้อยค่าที่ว่า "ทำมา 10 ปีแต่ไม่รอด" ล้วนเป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่เข้าใจได้และเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ไม่ใช่ความล้มเหลวส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงานระดับโลก🌏 รายงานนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นมากกว่าแค่ข้อมูล แต่เป็นแผนที่ชีวิตที่จะช่วยให้ผู้ที่กำลังเผชิญวิกฤตนี้สามารถตั้งหลักและก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง โดยเปลี่ยนมุมมองจากจุดจบไปสู่จุดเปลี่ยนที่เต็มเปี่ยมด้วยโอกาส 🌞 เมื่อพิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนี้ คำถามที่ว่า "ทำไมต้องเป็นฉัน" ⁉️ มักผุดขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อ AI กลายเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดเกมในตลาดแรงงานไทย 🙏 ซึ่งกำลังเผชิญกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มาจาก AI เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ เช่น สังคมสูงวัย 👴 ในประเทศรายได้สูงและการเพิ่มขึ้นของแรงงานในประเทศรายได้ต่ำ ตลอดจนความผันผวนทางเศรษฐกิจ📉 ตามรายงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือ ILO คาดการณ์ว่าในอีกสองทศวรรษข้างหน้า ตำแหน่งงานในไทยมากกว่า 44% หรือราว 17 ล้านตำแหน่ง มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพลังที่กำลังปรับโครงสร้างการจ้างงานอย่างถอนรากถอนโคน โดยเฉพาะงานที่ต้องทำซ้ำๆ และงานประจำ ซึ่งแรงงานวัยกลางคนจำนวนมากรับผิดชอบอยู่ ส่งผลให้เกิดปัญหาความไม่สมดุลของทักษะในตลาดแรงงาน แม้จะมีคนว่างงานมาก แต่พวกเขาก็ขาดทักษะที่จำเป็นสำหรับงานใหม่ที่เทคโนโลยีสร้างขึ้น การทำความเข้าใจปรากฏการณ์นี้อย่างเป็นระบบจะช่วยให้คนทำงานมองเห็นปัญหาในมุมกว้างและวางแผนพัฒนาตนเองให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในอนาคต 🔮 เพื่อให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น การจำแนกอาชีพตามระดับความเสี่ยงจาก AI ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงมักเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมประจำหรือการจัดการข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งสามารถทำให้เป็นระบบอัตโนมัติได้ง่าย เช่น พนักงานแคชเชียร์หรือพนักงานขายหน้าร้านที่ถูกแทนที่ด้วยระบบ self-checkout 🏧 และการซื้อขายออนไลน์ 🌐 เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าหรือพนักงานคอลเซ็นเตอร์ที่ chatbot 🤖 และระบบตอบรับอัตโนมัติสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง พนักงานป้อนและประมวลผลข้อมูลที่ระบบ OCR และ AI สามารถจัดการข้อมูลมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ พนักงานขนส่งและโลจิสติกส์รวมถึงคนขับรถที่รถยนต์ไร้คนขับ 🚗 และโดรนส่งของกำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และพนักงานบัญชีที่โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปและ AI สามารถบันทึกและประมวลผลข้อมูลทางการเงินได้อย่างแม่นยำ ในทางตรงกันข้าม อาชีพที่ทนทานต่อ AI และกำลังเติบโตมักต้องใช้ทักษะเชิงมนุษย์ชั้นสูงที่ซับซ้อนและเลียนแบบได้ยาก เช่น 🧑‍⚕️ แพทย์ 👩‍🔬นักจิตวิทยา และพยาบาลที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญสูง ประสบการณ์ การตัดสินใจที่ซับซ้อน และความเข้าใจมนุษย์ 👩‍🏫 ครู-อาจารย์ที่ต้องใช้ทักษะการสอนที่ละเอียดอ่อน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และการสร้างแรงบันดาลใจ นักกฎหมายที่ต้องคิดเชิงวิเคราะห์ซับซ้อน 🛜 การสื่อสาร และการตัดสินใจในบริบทละเอียดอ่อน นักพัฒนา AI Data Scientist และ AI Ethicist ที่เป็นผู้สร้างและควบคุมเทคโนโลยีเอง โดยต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะเฉพาะทางระดับสูง และผู้เชี่ยวชาญด้าน soft skills ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การสื่อสาร ภาวะผู้นำ และการจัดการอารมณ์ ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่แค่รายการอาชีพ แต่เป็นแผนที่กลยุทธ์ที่ชี้ทิศทางของตลาดแรงงาน คุณค่าของมนุษย์ในยุค AI อยู่ที่ทักษะที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้ ซึ่งจะช่วยให้คนทำงานวางแผนอัปสกิลหรือรีสกิลไปสู่อาชีพที่ยั่งยืนกว่า เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก การตั้งหลักอย่างมีสติและกลยุทธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเริ่มจากจัดการคลื่นอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามา 🧘 การถูกให้ออกจากงานอย่างกะทันหันอาจนำมาซึ่งความสับสน โกรธ สูญเสีย และด้อยค่า ผู้ที่เคยผ่านสถานการณ์นี้แนะนำให้ยอมรับความรู้สึกเหล่านั้นและให้เวลาตัวเองจัดการ โดยวิธีต่างๆ เช่น พูดคุยกับคนรอบข้างเพื่อรับกำลังใจและมุมมองใหม่ เขียนระบายความรู้สึกเพื่อจัดระเบียบความคิดและลดภาระจิตใจ หรือฝึกสมาธิและโยคะเพื่อทำให้จิตใจสงบ ลดความวิตกกังวล และตัดสินใจได้ดีขึ้น การปล่อยวางความคิดที่ว่าต้องชนะทุกเกมหรือชีวิตต้องเป็นไปตามแผนจะช่วยลดความกดดันและเปิดโอกาสให้คิดหาทางออกใหม่ๆ อย่างสร้างสรรค์ การให้กำลังใจตัวเองและไม่ยอมแพ้จะเป็นพลังที่นำไปสู่การเริ่มต้นใหม่ที่ทรงพลังกว่าเดิม 💪 ต่อจากนั้นคือการจัดการเรื่องสำคัญเร่งด่วนอย่างสิทธิประโยชน์และแผนการเงิน เพื่อให้มีสภาพคล่องในช่วงเปลี่ยนผ่าน การใช้สิทธิจากกองทุนประกันสังคมเป็นขั้นตอนสำคัญ โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 จะได้รับเงินทดแทนกรณีว่างงาน หากจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนว่างงาน และต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานภายใน 30 วันนับจากวันที่ออกจากงาน มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง การขึ้นทะเบียนสามารถทำออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมการจัดหางาน เช่น e-service.doe.go.th หรือ empui.doe.go.th โดยลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่ กรอกข้อมูลส่วนตัว วันที่ออกจากงาน สาเหตุ และยืนยันตัวตนด้วยรหัสหลังบัตรประชาชน จากนั้นเลือกเมนูขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงานและกรอกข้อมูลการทำงานล่าสุด หลังจากนั้นยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคม เช่น แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนว่างงาน (สปส. 2-01/7) สำเนาบัตรประชาชน หนังสือรับรองการออกจากงาน (ถ้ามี) และสำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารที่ร่วมรายการ สุดท้ายต้องรายงานตัวทุกเดือนผ่านช่องทางออนไลน์ ข้อควรระวังคือผู้ที่มีอายุเกิน 55 ปีจะไม่ได้รับเงินทดแทนว่างงาน แต่ต้องใช้สิทธิเบี้ยชราภาพแทน 💷💶💵 ถัดมาคือการประเมินตนเองอย่างตรงไปตรงมาเพื่อค้นหาคุณค่าจากประสบการณ์ที่สั่งสม การถูกเลิกจ้างในวัย 45 ปีไม่ได้หมายถึงคุณค่าหมดสิ้น แต่กลับกัน อายุและประสบการณ์คือทุนมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ปัญหาที่แท้จริงคือทัศนคติที่ต้องปรับเปลี่ยน องค์กรยุคใหม่ให้ความสำคัญกับคนที่เปิดใจเรียนรู้และทำงานร่วมกับคนต่างวัย การเปลี่ยนจากการพูดถึงลักษณะงานไปสู่การบอกเล่าความสำเร็จที่จับต้องได้จะสร้างความน่าเชื่อถือ ทักษะที่นำไปปรับใช้ได้หรือ transferable skills คือขุมทรัพย์ของคนวัยนี้ เช่น ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนจากประสบการณ์ยาวนานที่ทำให้มองปัญหาได้อย่างเป็นระบบ โดยนำเสนอด้วยตัวอย่างปัญหาที่เคยแก้ไขพร้อมขั้นตอนวิเคราะห์และผลลัพธ์จริง 📊 ภาวะผู้นำและการทำงานเป็นทีมจากประสบการณ์นำทีมโครงการใหญ่ โดยระบุรายละเอียดเช่นนำทีม 10 คนลดต้นทุนได้ 15% ทักษะการสื่อสารและความฉลาดทางอารมณ์จากการประสานงาน เจรจา และจัดการความขัดแย้ง โดยเล่าเรื่องที่แสดงถึงความเข้าใจผู้อื่น และการสร้างเครือข่ายจากความสัมพันธ์ในอุตสาหกรรม โดยใช้เพื่อขอคำแนะนำหรือหาโอกาสงาน การประยุกต์ทักษะเหล่านี้จะเปลี่ยนจุดอ่อนเรื่องอายุให้เป็นจุดแข็งที่ไม่เหมือนใคร 🧍‍♂️ ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การยกระดับทักษะเพื่อการแข่งขันในยุคใหม่จึงจำเป็น โดยการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือกุญแจสู่ความอยู่รอด 🏫 มีแหล่งฝึกอบรมมากมายในไทยทั้งภาครัฐและเอกชน เริ่มจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานหรือ DSD ที่ให้บริการฝึกอบรมหลากหลายทั้งหลักสูตรระยะสั้นสำหรับรีสกิลและอัปสกิล เช่น หลักสูตร AI สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คอมพิวเตอร์อย่าง Excel และ Power BI งานช่างอย่างช่างเดินสายไฟฟ้า และอาชีพอิสระอย่างทำอาหารไทย สามารถตรวจสอบและสมัครผ่านเว็บไซต์ dsd.go.th หรือ onlinetraining.dsd.go.th 🌐 ต่อมาคือศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภายใต้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวที่เปิดหลักสูตรฟรีเช่นการดูแลผู้สูงอายุและเสริมสวย และกรมการจัดหางานที่มีกิจกรรมแนะแนวอาชีพสำหรับผู้ว่างงาน สำหรับสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยหลายแห่งอย่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปิดหลักสูตรสะสมหน่วยกิตสำหรับรีสกิลและอัปสกิล ส่วนแพลตฟอร์มเอกชนอย่าง FutureSkill และ SkillLane 🕸️ นำเสนอคอร์สทักษะแห่งอนาคตทั้ง hard skills ด้านเทคโนโลยี ข้อมูล ธุรกิจ และ soft skills สำหรับทำงานร่วมกับ AI เมื่อพร้อมทั้งอารมณ์และทักษะ การกำหนดแผนปฏิบัติการ 3 เส้นทางสู่ความสำเร็จจะเป็นขั้นตอนต่อไป 1️⃣ เส้นทางแรกคือการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยใช้ประสบการณ์เป็นแต้มต่อ 👩‍💻 เทคนิคเขียนเรซูเม่สำหรับวัยเก๋าคือหลีกเลี่ยงข้อมูลที่ทำให้ถูกเหมารวมอย่างปีจบการศึกษา ใช้คำสร้างความน่าเชื่อถือเช่นมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และเน้นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม การสร้างโปรไฟล์ LinkedIn เพื่อนำเสนอประสบการณ์อย่างมืออาชีพ และใช้เครือข่ายอย่างเพื่อนร่วมงานเก่าหรือ head hunter เพื่อเปิดโอกาสงานที่ไม่ได้ประกาศทั่วไป 2️⃣ เส้นทางที่สองคือการเป็นผู้เชี่ยวชาญอิสระอย่างฟรีแลนซ์หรือคอนซัลแทนต์ 👨‍🏭 ซึ่งเหมาะกับผู้มีประสบการณ์สูงและต้องการกำหนดเวลาทำงานเอง อาชีพที่น่าสนใจเช่นที่ปรึกษาธุรกิจสำหรับองค์กรขนาดเล็ก นักเขียนหรือนักแปลอิสระที่ยังต้องอาศัยมนุษย์ตรวจสอบเนื้อหาละเอียดอ่อน และนักบัญชีหรือนักการเงินอิสระสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การเตรียมพร้อมคือสร้างพอร์ตโฟลิโอที่น่าเชื่อถือเพราะผลงานสำคัญกว่าวุฒิการศึกษา 3️⃣ เส้นทางที่สามคือการเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กจากงานอดิเรก 🏓 โดยใช้เทคโนโลยีลดต้นทุน เช่นขายของออนไลน์ผ่าน Facebook หรือ LINE เพื่อเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ หรือเป็น influencer หรือ YouTuber โดยใช้ประสบการณ์สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า ไอเดียธุรกิจที่ลงทุนน้อยและเหมาะสม เช่นธุรกิจอาหารและบริการอย่างทำอาหารหรือขนมขายจากบ้าน ขายของตลาดนัด หรือบริการดูแลผู้สูงอายุและสัตว์เลี้ยง ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์อย่างขายเสื้อผ้าหรือเป็นตัวแทนขายประกัน ธุรกิจที่ปรึกษาหรือฟรีแลนซ์อย่างที่ปรึกษาองค์กร นักเขียนอิสระ หรือที่ปรึกษาการเงิน และธุรกิจสร้างสรรค์อย่างปลูกผักปลอดสารพิษ งานฝีมือศิลปะ หรือเป็น influencer เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ การดูเรื่องราวความสำเร็จจากผู้ที่ก้าวข้ามมาแล้วจะช่วยให้เห็นว่าการเริ่มต้นใหม่ในวัย 45 ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เช่น Henry Ford ที่ประสบความสำเร็จกับรถยนต์ Model T ในวัย 45 ปี Colonel Sanders ที่เริ่มแฟรนไชส์ KFC ในวัย 62 ปี หรือในไทยอย่างอดีตผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดที่ถูกเลิกจ้างแต่ผันตัวเป็นผู้ค้าอิสระและประสบความสำเร็จ เรื่องราวเหล่านี้แสดงว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข และความมุ่งมั่นคือกุญแจ 🗝️ สุดท้าย การเผชิญกับการถูกบังคับเกษียณในวัย 45 ปีไม่ใช่จุดจบแต่เป็นใบเบิกทางสู่บทบาทใหม่ที่ทรงคุณค่า ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติคือตั้งสติจัดการอารมณ์ ใช้สิทธิประโยชน์ให้เต็มที่ ประเมินคุณค่าจากประสบการณ์ ยกระดับทักษะอย่างต่อเนื่อง และสำรวจทางเลือกใหม่ๆ ท้ายที่สุด วัย 45 ปีคือช่วงเวลาที่ทรงพลังที่สุดในการนำประสบการณ์กว่าสองทศวรรษไปสร้างคุณค่าใหม่ให้ชีวิตและสังคมอย่างยั่งยืน #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1522 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังหายใจ – เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องลดราคาหุ้นเพื่อความอยู่รอด

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อขอเงินทุนเพิ่มผ่านการขายหุ้นในราคาส่วนลด หลังจากเพิ่งได้รับเงินลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์จาก SoftBank ที่ซื้อหุ้นในราคา $23 ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดเล็กน้อย

    การระดมทุนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของ Intel ที่จะฟื้นฟูธุรกิจผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาด AI ที่ถูกครอบครองโดย Nvidia และ TSMC มานานหลายปี เนื่องจากความผิดพลาดในการบริหารและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล่าช้า

    รัฐบาลสหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick เสนอให้เปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลถือหุ้นถึง 10% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด

    Intel ต้องการเงินทุนมหาศาลถึง $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิประดับสูง โดยเฉพาะโครงการโรงงานผลิตชิปในรัฐโอไฮโอที่ล่าช้ามาหลายปี และการยกเลิกโครงการในเยอรมนีและโปแลนด์

    แม้ SoftBank จะไม่ขอที่นั่งในบอร์ด แต่การลงทุนครั้งนี้ถือเป็น “เดิมพัน” ว่า Intel จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ และกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชิปอีกครั้ง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อระดมทุนผ่านการขายหุ้นราคาส่วนลด
    SoftBank ลงทุน $2 พันล้าน ซื้อหุ้นที่ $23 ต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 2%
    หุ้น Intel ร่วง 7% หลังข่าวการระดมทุนเพิ่มเติม
    รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอเปลี่ยนเงินสนับสนุน CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel
    หากเปลี่ยนทั้งหมด รัฐบาลจะถือหุ้นถึง 10%
    Intel ต้องการเงินทุนรวมประมาณ $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิป
    โครงการโรงงานในโอไฮโอล่าช้า และโครงการในเยอรมนี-โปแลนด์ถูกยกเลิก
    SoftBank ไม่ขอที่นั่งในบอร์ด และไม่มีข้อผูกพันในการซื้อชิปจาก Intel
    CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan เข้ามาแทน Pat Gelsinger ตั้งแต่มีนาคม 2025
    Intel เคยขาดทุน $18.8 พันล้านในปี 2024 ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1986

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SoftBank มีแผนลงทุน $30 พันล้านใน OpenAI และโครงการ Stargate ร่วมกับ Oracle
    Foxconn จะผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในโรงงานเดิมที่โอไฮโอให้ SoftBank
    BlackRock และ Vanguard เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Intel อยู่แล้ว
    การถือหุ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารของ Intel
    ตลาดชิป AI มีมูลค่ามากกว่า $500 พันล้าน และเติบโตอย่างรวดเร็ว
    Intel ยังไม่มีลูกค้าหลักในธุรกิจผลิตชิปตามสั่ง (foundry)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/intel-in-talks-with-large-investors-for-equity-boost-at-discount-cnbc-reports
    💬 Intel กำลังหายใจ – เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องลดราคาหุ้นเพื่อความอยู่รอด ในเดือนสิงหาคม 2025 Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อขอเงินทุนเพิ่มผ่านการขายหุ้นในราคาส่วนลด หลังจากเพิ่งได้รับเงินลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์จาก SoftBank ที่ซื้อหุ้นในราคา $23 ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดเล็กน้อย การระดมทุนนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของ Intel ที่จะฟื้นฟูธุรกิจผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาด AI ที่ถูกครอบครองโดย Nvidia และ TSMC มานานหลายปี เนื่องจากความผิดพลาดในการบริหารและการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล่าช้า รัฐบาลสหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ Howard Lutnick เสนอให้เปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลถือหุ้นถึง 10% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด Intel ต้องการเงินทุนมหาศาลถึง $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิประดับสูง โดยเฉพาะโครงการโรงงานผลิตชิปในรัฐโอไฮโอที่ล่าช้ามาหลายปี และการยกเลิกโครงการในเยอรมนีและโปแลนด์ แม้ SoftBank จะไม่ขอที่นั่งในบอร์ด แต่การลงทุนครั้งนี้ถือเป็น “เดิมพัน” ว่า Intel จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ และกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชิปอีกครั้ง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Intel กำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่เพื่อระดมทุนผ่านการขายหุ้นราคาส่วนลด ➡️ SoftBank ลงทุน $2 พันล้าน ซื้อหุ้นที่ $23 ต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 2% ➡️ หุ้น Intel ร่วง 7% หลังข่าวการระดมทุนเพิ่มเติม ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอเปลี่ยนเงินสนับสนุน CHIPS Act เป็นหุ้นของ Intel ➡️ หากเปลี่ยนทั้งหมด รัฐบาลจะถือหุ้นถึง 10% ➡️ Intel ต้องการเงินทุนรวมประมาณ $40 พันล้านเพื่อแข่งขันในตลาดชิป ➡️ โครงการโรงงานในโอไฮโอล่าช้า และโครงการในเยอรมนี-โปแลนด์ถูกยกเลิก ➡️ SoftBank ไม่ขอที่นั่งในบอร์ด และไม่มีข้อผูกพันในการซื้อชิปจาก Intel ➡️ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan เข้ามาแทน Pat Gelsinger ตั้งแต่มีนาคม 2025 ➡️ Intel เคยขาดทุน $18.8 พันล้านในปี 2024 ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1986 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SoftBank มีแผนลงทุน $30 พันล้านใน OpenAI และโครงการ Stargate ร่วมกับ Oracle ➡️ Foxconn จะผลิตอุปกรณ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในโรงงานเดิมที่โอไฮโอให้ SoftBank ➡️ BlackRock และ Vanguard เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Intel อยู่แล้ว ➡️ การถือหุ้นโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารของ Intel ➡️ ตลาดชิป AI มีมูลค่ามากกว่า $500 พันล้าน และเติบโตอย่างรวดเร็ว ➡️ Intel ยังไม่มีลูกค้าหลักในธุรกิจผลิตชิปตามสั่ง (foundry) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/intel-in-talks-with-large-investors-for-equity-boost-at-discount-cnbc-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel in talks with large investors for equity boost at discount, CNBC reports
    (Reuters) -Intel is in talks with other large investors to receive an equity infusion at a discounted price, CNBC reported on Wednesday, just days after the chipmaker got a $2 billion capital injection from SoftBank Group.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 423 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโรงงาน Intel: เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องสู้เพื่อความอยู่รอด

    Intel เคยเป็นผู้นำในโลกของชิปคอมพิวเตอร์ แต่วันนี้กลับต้องเผชิญกับแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากคู่แข่งอย่าง TSMC และ AMD, ปัญหาด้านเทคโนโลยีการผลิต, ความล้มเหลวในการออกแบบชิปใหม่, และแรงกดดันทางการเมืองและการเงิน

    หนึ่งในความหวังของ Intel คือเทคโนโลยีการผลิตใหม่ที่เรียกว่า “18A” ซึ่งเป็นกระบวนการระดับ 1.8 นาโนเมตร ที่มาพร้อมนวัตกรรม RibbonFET และ PowerVia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน แต่การผลิตจริงกลับเต็มไปด้วยปัญหา “yield” หรืออัตราชิปที่ใช้งานได้ต่ำมาก บางช่วงอยู่ที่เพียง 5–10% เท่านั้น ซึ่งห่างไกลจากเป้าหมาย 70–80% ที่จำเป็นต่อการทำกำไร

    Intel จึงต้องชะลอการเปิดตัวชิป Panther Lake ที่ใช้ 18A ไปเป็นปี 2026 และอาจต้องหันไปพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่าง “14A” แทน หากไม่สามารถดึงลูกค้าภายนอกมาใช้บริการ foundry ได้

    ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้ยุทธศาสตร์ IDM 2.0 ที่เปิดตัวในปี 2021 โดยอดีต CEO Pat Gelsinger ซึ่งตั้งเป้าให้ Intel กลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป แต่การเปลี่ยนแปลงนี้กลับนำไปสู่การปลดพนักงานกว่า 25,000 คน และการยกเลิกโครงการโรงงานหลายแห่งในเยอรมนีและโปแลนด์

    CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan จึงต้องนำพา Intel ผ่านช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลง ด้วยปรัชญา “ไม่มีเช็คเปล่า” และการเน้นผลลัพธ์มากกว่าการตลาด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/all-the-pains-of-intel-from-cpu-design-and-process-technologies-to-internal-clashes-and-political-pressure
    🧠⚙️ เรื่องเล่าจากโรงงาน Intel: เมื่อยักษ์ใหญ่ต้องสู้เพื่อความอยู่รอด Intel เคยเป็นผู้นำในโลกของชิปคอมพิวเตอร์ แต่วันนี้กลับต้องเผชิญกับแรงกดดันรอบด้าน ทั้งจากคู่แข่งอย่าง TSMC และ AMD, ปัญหาด้านเทคโนโลยีการผลิต, ความล้มเหลวในการออกแบบชิปใหม่, และแรงกดดันทางการเมืองและการเงิน หนึ่งในความหวังของ Intel คือเทคโนโลยีการผลิตใหม่ที่เรียกว่า “18A” ซึ่งเป็นกระบวนการระดับ 1.8 นาโนเมตร ที่มาพร้อมนวัตกรรม RibbonFET และ PowerVia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน แต่การผลิตจริงกลับเต็มไปด้วยปัญหา “yield” หรืออัตราชิปที่ใช้งานได้ต่ำมาก บางช่วงอยู่ที่เพียง 5–10% เท่านั้น ซึ่งห่างไกลจากเป้าหมาย 70–80% ที่จำเป็นต่อการทำกำไร Intel จึงต้องชะลอการเปิดตัวชิป Panther Lake ที่ใช้ 18A ไปเป็นปี 2026 และอาจต้องหันไปพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่าง “14A” แทน หากไม่สามารถดึงลูกค้าภายนอกมาใช้บริการ foundry ได้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้ยุทธศาสตร์ IDM 2.0 ที่เปิดตัวในปี 2021 โดยอดีต CEO Pat Gelsinger ซึ่งตั้งเป้าให้ Intel กลับมาเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปอีกครั้ง ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป แต่การเปลี่ยนแปลงนี้กลับนำไปสู่การปลดพนักงานกว่า 25,000 คน และการยกเลิกโครงการโรงงานหลายแห่งในเยอรมนีและโปแลนด์ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan จึงต้องนำพา Intel ผ่านช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลง ด้วยปรัชญา “ไม่มีเช็คเปล่า” และการเน้นผลลัพธ์มากกว่าการตลาด https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/all-the-pains-of-intel-from-cpu-design-and-process-technologies-to-internal-clashes-and-political-pressure
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17-07-68/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.56 ชื่อตอนว่า "JUDGEMENT DAY COMING SOON" วันพิพากษาโลกใกล้เข้ามาแล้ว โลกจะเปลี่ยนเรา ไม่ใช่เราเปลี่ยนเองจ๊ะ จำคีย์ตรงนี้เอาไว้ให้แม่น! วันนี้ขอพูด ในสิ่งที่มรึงไม่คิด ไม่คาดฝัน และนึกภาพยังไม่ออก กูจะเอาแผนการสวรรค์มากางแผนที่ให้มรึงได้เห็น ณ บัดเดี๋ยวนี้

    ขอเกริ่นสั้นๆ เพื่อปูทางให้เห็น TIME LINE จิกซอว์ทั้งหมด ว่าเรา ณ จุดนี้ จะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน? สัญญานมันแรงมาตั้งแต่ ปรับภาพลักษณ์สถาบันสูงสุด องค์ราชินีทรงเล่นฮ้อกกี้น้ำแข็ง แล่นเรือใบ ตามกีฬาโปรดสมเด็จพ่อร.9 และทรงขับเครื่องบิน เป็นทหารตามวินัยในรูปแบบพ่อร.10 ปรับเพื่อ? โลกเปลี่ยน เพราะผู้นำโลกเปลี่ยน กติกาใหม่มา สังคมเปลี่ยนไป ความอยู่รอดของราชสำนึกที่ค้ำแผ่นดินนี้ จึงต้องยืดหยุ่นไปตามกาลเวลา พสกนิกรเข้าถึงง่าย ลดระยะห่างจากพ่อสู่ลูก สิ่งที่มรึงกำลังจะได้เห็น และเห็นผ่านตามาแล้ววันนี้ คือสิ่งที่พ่อร.9 วางเอาไว้ล่วงหน้าทั้งหมด การแต่งตั้งองค์ราชินีคู่บังลังก์ คือการพลิกแผ่นดินยุคใหม่ ไม่ได้คิดแค่สั้นๆ แต่คิดยาวไปไกล โปรดดูบทบาทราชินียุคใหม่ หัวหมู่ทะลวงฟัน ยุคพระเดช ที่คอยทำหน้าที่แทนพ่ออยู่หัวร.10 นี่คือสัญลักษณ์ของราชวงศ์จักรียุคใหม่ ที่มรึงไม่เคยเห็นไงล่ะ

    ในช่วงผลัดใบโลก ผลัดใบแผ่นดินอโยธยา สิ่งที่มรึงต้องเตรียมตัวมาก่อนให้ดีคือ "แสนยานุภาพ" ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจใดใดในโลก การปะทะ ย่อมหลีกเลี่ยงได้ยาก มรึงอาจจะคิดว่า ไทยเรากำลังจะกลายเป็นยูเครน2 ฉนวนกาซ่า2 นั่นคือภาพที่มรึงเห็น ณ ปัจจุบันนี้ ที่พรมแดนต่างมีปัญหากัน ทั้งหมดมาจากแผนล่าอาณานิคมขั้วเก่าที่ตกยุคล้าสมัยไปนานแล้ว ขั้วใหม่เค้าเดินเกมส์ จูงมือร่วมกันไปข้างหน้า อำนาจหลายขั้ว ถ่วงดุล คือคำตอบของโลกยุคใหม่ ที่นานาชาติต่างยอมรับสดุดีแล้ว ใครปรับตัวไม่ทัน มรึงจะล้าหลัง ไทยเราเดินนำหน้าใครเพื่อน? อาเซียน 10 ชาติเดิม ใครดูก็รู้ ว่ามีสายขั้วเก่า ขั้วใหม่ปะปนกันไป และจีนได้เลือกแล้วว่า ไทย อีเหงียน อิเหนา คือตัวเล่นหลักในภูมิภาคนี้ นั่นแปลว่า อำนาจอาเซียน ถูกแบ่งฝ่ายไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง อาจมีลด และเพิ่มตามมา ช่วงฝุ่นตลบ มันมาจากการรอดูทิศทางโลก ว่าใครเอาใครอยู่?

    เอาแหละ เข้าเนื้อหาสำคัญที่สุด : สงครามการค้าโลก จีนทุนเหี้ยด้วยทองคำ และเทคโนโลยี รัสเซียทุบเหี้ยด้วยพลังงาน อาหาร อิหร่านทุบเหี้ยด้วยอาวุธสงครามรุ่นใหม่ และใช้สงครามศรัทธากลืนเศรษฐกิจเยรูซาเล็ม ปิดช่องทางโลจิสติคทะเลแดง ส่วนโสมแดงทุบเหี้ยด้วยโรงงานผลิตอาวุธโลก สายพานการผลิตมหาศาล ได้เทคโนโลยีจากจีน รัสเซีย อิหร่าน เข้ามาไว้ด้วยกัน เพราะกูเป็นคนประกอบโว๊ย? เมื่อต้นทุน แหล่งแร่ ไม่ว่าอะไรในโลก ต้นทางมาจากเอเซีย ตะวันตกจะสู้ต่อยังไง? สหรัฐใช้กำแพงภาษีมาบีบชาวโลก และกำลังจะถูกสวนหมัดกลับอย่างหนัก เมื่อโลกเข้าหา BRICS กันหมด ไม่ค้าขายกับมรึง แต่ค้าขายกันเองทั้งโลกที่ปราศจากมรึงไง เพราะไม่ใช้ดอลลาร์ อีกเหตุผลสำคัญคือ SCO เข้า BRICS มีกองทัพโลกดูแล ใครจะไม่เอา? เพราะเรือขนส่งสินค้าในกลุ่ม BRICS ต่างได้รับการคุ้มครองจาก SCO โดยพฤตินัยอยู่แล้ว

    เอาล่ะ! เมื่อลุยกันอะไรจะตามมา เอานาทีนี้ไปเลยจะได้เห็นภาพ เหี้ยมันรู้อยู่แล้วว่า ศึกยูเครนแค่บั่นทอนรัสเซีย(แต่พลิกล็อค) เสือกไปเพิ่มอำนาจให้ปูตินโดยไม่รู้ตัว ชนะเรียบวุธ ยอดขายถล่มทลาย แถมเส้นทางท่อแก็สมูลค่าพุ่งกระฉูด พลังงานโลก ทองคำ ดีดตัวสูงสุด ศึกเยรูซาเล็ม(ตายอย่างหมา) นาโต้ก็แล้ว ส่งเหี้ยมะกันไปช่วยก็แล้ว ตายห่าคาทะเลแดง เข้าไม่ถึง แถมถูกอิหร่านปิดช่องแคบเฮอร์มูซ แปลว่า กองเรือเหี้ยในตะวันออกกลางไปไหนไม่ได้ อิหร่านปิดประตูไว้เกลี้ยง แรดออกมากูจมเรือมรึงทันที ปิดการขนส่งลำเลียงทางทหารทางน้ำสิ้น แล้วแผนบุกแปซิฟิค ยังไปไม่รอด เมื่อจีนเตรียมพร้อมกว่าเยอะ ไม่รอมรึงมา แต่จะไปเปิดไต้หวัน เพื่อให้มรึงมาถมเงิน ชีวิต อาวุธ ที่นี่ต่อ เอาให้คาตรีนกันไปเลย เหลืออะไรล่ะ แอฟริกาก็ถูก WAGNER ทุบจนเละเทะ ปลดแอก อิสรภาพทั่วแอฟริกาสำเร็จ ด้านลาติน ทำห่าอะไรไม่ได้เลย เพราะนับวัน จำนวนอเมริกาใต้ที่จะจับมือกันเพื่อเทดอลล่าร์มีมากขึ้น และกองทัพต่อกันติดแล้ว ตั้งเงินกลุ่มดิจิตอลแล้ว ขืนเปิดสงครามใกล้บ้าน เข้าทางตรีนจีน รัสเซีย ทันที ถึงต้องหันมาเจาะไข่แดงอาเซียนแทน เพราะคือตัวเลือกสุดท้าย ที่เหี้ยไม่อยากเสี่ยงจะเล่น แต่จนปัญญา ถึงต้องเปิดตัว

    เจาะอาเซียนไม่หมู จีนดักคอพวกมรึงก่อนนานแล้ว อีเหงียน อิเหนา ไทย คุยกันมาก่อนแล้วเมื่อ 20 ปี เมื่อถึงเวลาที่ต้องปกป้องอาเซียน เราจะต้องสามัคคีกัน ห้ามแตกแถว เพราะรู้ดีว่า อีปินส์ อีลอดช่อง อีขะแมร์ ถูกแยกค่ายเพลงแน่ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้น หากแต่ สมรภูมิจริง มันไม่เหมือนภาพในฝัน จีน รัสเซีย หนุนไทยเต็มตรีน แต่เฉพาะรัฐบาลที่เอาจีน นั่นคือวัง กองทัพ แต่ไม่เอารัฐบาลขี้ข้าวอชิงตันไงล่ะ เค้าถึงได้นิ่งเฉยช่วงที่ผ่านมา ไม่ TAKE ACTION เท่าที่ควร สงครามข่าวสารมาเต็มคาราเบล สื่อเหี้ย โซเชี่ยลในมือเหี้ย แม้แต่ขนาดล่าสุด LINE@ ของหมี CNN ยังต้องถูกหยุด ให้ยืนยันตัวตนใหม่ มาฟอร์มเดียวกับอี ฟัคบุ๊คนั่นแหละ ล่อกูทั้งเบอร์มือถือ อีเหมี๊ยว IP เครื่อง กูกลายเป็นที่ WANTED ของสื่อเหี้ยทั่วจักรวาลมาเวลไปแล้ว โดยในเชิงพฤตินัยแล้ว อาเซียนมีไทย อีเหงียน อิเหนา เป็นตัวหลักขับเคลื่อน และมีศักยภาพไม่แพ้กัน เชียวคนละทาง เก่งคนละด้าน จีนจึงจับมัดเป็นข้าวต้มมัดไงล่ะ รักกันเข้าไว้ เราจะสู้กับเหี้ยในไม่ช้านี้ อีขะแมร์ไม่ใช่คู่ต่อกรเราดอก มันก็รู้ ต่อให้มรึงเทอาวุธเหี้ยอะไรมาให้ ถามคำเดียว มันใช้เป็นเหรอ? สุดท้าย มรึงก็ต้องส่งคนของมรึงมาเล่นเอง และนั่นแหละ คือสิ่งที่อาเซียนรออยู่ จีนเตรียมอีโต้ยักษ์ตัดคอเหี้ยที่สหประชาชาติอยู่แล้ว ทหารรับจ้างก็ดี นักรบรับจ้างก็ดี อาวุธใครล่ะ? และเมื่อนั้น จีน รัสเซียถึงจะออกตัวช่วยไทยได้เต็มอัตราศึก เพราะอีขะแมร์ใช้คนนอกเข้ามาเล่นเกมส์นี้ก่อน สรุปคือไทย-ขะแมร์สู้กัน คนนอกอย่าเสือก หากมรึงส่งใครเข้ามาช่วย จีน รัสเซีย ก็จะเข้ามาได้โดยคุณยายละม่อม

    ถึงตอนนี้ มรึงเริ่มเห็นภาพชัดยัง? ว่ามันจะจบที่ตรงไหน ใครแพ้ ใครชนะ? ทั้งหมด มันคือการวางแผนรับมือเหี้ยที่เตรียมการมาดี และยาวนาน พ่อร.9 ส่งพระเทพเยือนจีนอย่างกับไปเดินตลาด ถี่ยิบ ส่งน้องเล็กไปยุโรปถี่ยิบ เรื่องวิทยาการ และวิทยาศาสตร์การแพทย์ หลายคนไม่รู้ เราพัฒนาวัคซีน และเทคโนโลยีการแพทย์ล้ำสมัย มาจากโครงการขององค์เล็กเนี่ยแหละ พูดน้อยแต่ข้อมูลมาเต็มคาราเบล ดวงอาทิตย์ที่ 2 ที่จีนมอบให้ไทย ก็มาจากความร่วมมือวังกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนเนี่ยแหละ มรึงว่าเค้าเตรียมการมานานแค่ไหนกันล่ะ? อ่านทะลุ มองขาดกระจุย เหมือนเห็นอนาคตมาก่อนกาล อย่ากังวลเรื่องปราบปชต.ตอแหล จะกำจัดปรสิต เหี้ย เหลือบเกาะแผ่นดินยังไง? เป็นเพราะกรอบในหัวมรึงถูกเหี้ยมันตีกรอบมาครึ่งศตวรรษ ต้องมีประชาธิปไตย ต้องมีการเลือกตั้ง นานาชาติถึงยอมรับ มรึงลืมไปแล้วรึว่า ผู้นำโลกกำหนดบทบาทโลก ดังนั้น จีน รัสเซีย คือผู้นำโลกขั้วใหม่ นโยบายจะเปลี่ยนตามทันที แบบข้ามขั้วกันไปเลย ปกครองอะไรก็ได้ ที่ไม่เข่นฆ่า และล่าอาณานิคมแบบเหี้ยมันทำ ทุบกรอบในหัวมรึงแตกออกเมื่อไหร่ ดวงตาเห็นธรรมมาทันที ไม่มีอะไรที่ยาก ก็แค่โลกเปลี่ยน มรึงจึงต้องเปลี่ยนไปตามโลก เท่านั้นเอง

    ปล.ไม่อยากจะแหวกหญ้าให้เหี้ยมันตื่นดอกน่ะ มรึงคิดว่า หากจีน รัสเซีย จะอุ้มไทยทั้งที จะไม่ให้อาวุธติดมือมาด้วยเหรอ เราได้อะไร มากมายกว่าที่มรึงคิดซะอีก 1.โครงการพลังงานโลกผ่านฮับอาเซียน 2.เขตเศรษฐกิจโลกใหม่ โดยมีเงินบาทไทยเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ได้จริง เป็นที่ยอมรับในภูมิภาค อิงทองคำ วัด 1:1 เท่าเทียม ไม่มีกฎหมาจ๊ะ 3.ย่ออาเซียนเข้ารวมกัน และเพิ่มประเทศสมาชิกใหม่เข้ามา ยังไงก็มีไม่ต่ำกว่า 10 แน่นอน ถึงได้บอกไงล่ะว่า บางส่วนอีขะแมร์ อีหม่อง น้องลาว จะเข้ามาเป็นส่วนนึงของไทยชัวร์ ไม่ต้องไปแย่งชิง เดินเข้ามาหาเอง เพราะมั่งคั่ง มั่นคง มั่นใจ 4.อาเซียนคือตัวเชื่อมพลังงานเอเซียสู่โลกแท้จริง ที่ผ่านมา ท่อแก็ส น้ำมัน แยกหลายค่าย หลายชาติ แต่งวดนี้ อาเซียนคือพลังงานหลัก ที่เชื่อมต่อกันแล้ว ทั้งโลกอาหรับ รัสเซีย จีน สู่แอฟริกา แม้แต่ในโอเชเนีย รู้มั้ยทำไมต้องอาเซียน รู้มั้ยว่า แหล่งแก็สมหาศาล ทองคำ น้ำมัน มีเต็มอยู่ในอาเซียนหลายชาติ ที่มาว่าทำไม จีน รัสเซีย ถึงอุ้มอาเซียนยิ่งกว่าไข่ในหิน เพราะโลจิสติคสุดยอด ความมั่นคงปลอดภัย และภัยธรรมชาติไม่ค่อยจะเกิด เหมาะที่จะทำแหล่งขุดเจาะพลังงานที่ซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทรจำนวนมาก 5.WAGNER KGB เก่า หน่วยข่าวกรองจีน สายลับจีน อยู่เต็มพื้นที่ไปหมด หากเทียบเมื่อก่อน เดินไปไหน เจอแต่สายลับเหี้ย C แต่ตอนนี้ กลับตาลปัตรแล้วจ๊ะ มรึงเดินผ่านยังไม่รู้ตัวเลย นักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนมหา'ลัยไทย ใครจะบอกมรึงว่าคือหน่วยไซเบอร์อันดับ 1 จีน นักลงทุนจีนหน้าฉาก เบื้องหลังคือผู้พัฒนา AI และเข้าใจระบบดาวเทียมระดับจักรวาล นัยยะคือ เชื่อมต่อดาวเทียมไทยใหม่ ที่ผ่านมา เราอิงกับระบบ GPS เหี้ยมะกัน แต่ต่อไป เราอาจจะเปลี่ยนดาวเทียมเชื่อมต่อที่โยงโลกทั้งหมดเข้าหากันเองโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่า เจ้าของทั้งหมดย่อมต้องรู้การเคลื่อนไหว แต่หากใครไม่เป็นศัตรูกับจีน รัสเซีย ไม่ได้คิดร้ายใครก่อน แบบที่เราเคยเป็นมา เค้าถึงได้เชื่อใจ ไว้วางใจเราขนาดนี้ เพราะเค้าดูเรามาไม่ใช่แค่ 20-30 ปี แต่ดูมาเป็น 100 ปีแล้วจ๊ะ เพราะไทยเรานี้รักสงบ แต่ยามสงบ เรากัดกันเองตลอด แต่ไม่กัดเพื่อนบ้านจ๊ะ

    หมี CNN(บทสรุป ศึกขะแมร์แค่ออเดิร์ฟ ล่อเป้าใหญ่เหี้ยมะกันมาติดบ่วงกับดักจีน แผนเจาะอาเซียนเด็กประถมของอีวอชิงตันแห้วแดร๊กไปตามระเบียบ ขะแมร์แตกไปตามเนื้อผ้า ไทยได้ทุกอย่างที่ต้องการคืนมาหมด แถมได้พื้นที่แนวกันชนใหม่ ยกระดับอาเซียนขึ้นมาเป็นฮับพลังงานโลกอนาคต ฝั่งตะวันตก จะสิ้นลาย หมดสภาพ รอการฟื้นฟูอีก 50 ปี กว่าจะกลับมาเทียบเอเซียตอนนี้ได้ วงจรโลกมาอยู่เอเซียนาน 50 ปี แล้วจะไปต่อที่แอฟริกา ลาติน แล้วกลับมาใหม่ที่ยุโรปอีกครั้ง อ้าว..แล้วอเมริกาล่ะ หายไปไหน อ๋อ..ไม่มีในแผนที่โลกแล้วจ๊ะ ขอโทษด้วย มันใช้ชื่อใหม่เป็น "รัฐยิวใหม่สดใสซาบซ่าส์" เห็นอนาคตโลกทั้งหมดแล้วรึยัง? ความผาสุขกำลังจะมา แต่ต้องแลกด้วยความสามัคคีของคนในชาติก่อนตอนนี้ จัดการอี 24 ล้านไทยบัดซบ จับมันไปถ่วงตระกร้าล้างน้ำ ทำห่าอะไรก็ได้ ให้มันกลายร่างกลับมาเป็นคนเหมือนเดิม ยัดสมองให้มันเข้าไปด้วย กลวงมานานเกินไปแล้ว ควายที่ไร้ประโยชน์ต่อแผ่นดิน จะถูกเทวดา ฟ้าดิน กำจัดออกไปเอง อย่ากังวล เปลี่ยนควายไทยบัดซบ 24 ล้านตัว ให้กลับมาเป็นคนได้แค่ 20% ก็ถือว่าเยอะแล้ว เชื่อในมือสวรรค์ ส่วนอีก 80% เชิญไปลงขุมนรกตามพ่องซะ ก็แค่เดรัจฉานมาเกิดเป็นคนเพื่อให้แผนกลียุคสำเร็จ เมื่อทำหน้าที่จบ ก็ต้องกลับไปขุมนรกที่มรึงจากมา อนิจจัง)
    01 สิงหาคม 68
    11.22 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    17-07-68/01 : หมี CNN / คัมภีร์หมี วิชัยยุทธ" EP.56 ชื่อตอนว่า "JUDGEMENT DAY COMING SOON" วันพิพากษาโลกใกล้เข้ามาแล้ว โลกจะเปลี่ยนเรา ไม่ใช่เราเปลี่ยนเองจ๊ะ จำคีย์ตรงนี้เอาไว้ให้แม่น! วันนี้ขอพูด ในสิ่งที่มรึงไม่คิด ไม่คาดฝัน และนึกภาพยังไม่ออก กูจะเอาแผนการสวรรค์มากางแผนที่ให้มรึงได้เห็น ณ บัดเดี๋ยวนี้ ขอเกริ่นสั้นๆ เพื่อปูทางให้เห็น TIME LINE จิกซอว์ทั้งหมด ว่าเรา ณ จุดนี้ จะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน? สัญญานมันแรงมาตั้งแต่ ปรับภาพลักษณ์สถาบันสูงสุด องค์ราชินีทรงเล่นฮ้อกกี้น้ำแข็ง แล่นเรือใบ ตามกีฬาโปรดสมเด็จพ่อร.9 และทรงขับเครื่องบิน เป็นทหารตามวินัยในรูปแบบพ่อร.10 ปรับเพื่อ? โลกเปลี่ยน เพราะผู้นำโลกเปลี่ยน กติกาใหม่มา สังคมเปลี่ยนไป ความอยู่รอดของราชสำนึกที่ค้ำแผ่นดินนี้ จึงต้องยืดหยุ่นไปตามกาลเวลา พสกนิกรเข้าถึงง่าย ลดระยะห่างจากพ่อสู่ลูก สิ่งที่มรึงกำลังจะได้เห็น และเห็นผ่านตามาแล้ววันนี้ คือสิ่งที่พ่อร.9 วางเอาไว้ล่วงหน้าทั้งหมด การแต่งตั้งองค์ราชินีคู่บังลังก์ คือการพลิกแผ่นดินยุคใหม่ ไม่ได้คิดแค่สั้นๆ แต่คิดยาวไปไกล โปรดดูบทบาทราชินียุคใหม่ หัวหมู่ทะลวงฟัน ยุคพระเดช ที่คอยทำหน้าที่แทนพ่ออยู่หัวร.10 นี่คือสัญลักษณ์ของราชวงศ์จักรียุคใหม่ ที่มรึงไม่เคยเห็นไงล่ะ ในช่วงผลัดใบโลก ผลัดใบแผ่นดินอโยธยา สิ่งที่มรึงต้องเตรียมตัวมาก่อนให้ดีคือ "แสนยานุภาพ" ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจใดใดในโลก การปะทะ ย่อมหลีกเลี่ยงได้ยาก มรึงอาจจะคิดว่า ไทยเรากำลังจะกลายเป็นยูเครน2 ฉนวนกาซ่า2 นั่นคือภาพที่มรึงเห็น ณ ปัจจุบันนี้ ที่พรมแดนต่างมีปัญหากัน ทั้งหมดมาจากแผนล่าอาณานิคมขั้วเก่าที่ตกยุคล้าสมัยไปนานแล้ว ขั้วใหม่เค้าเดินเกมส์ จูงมือร่วมกันไปข้างหน้า อำนาจหลายขั้ว ถ่วงดุล คือคำตอบของโลกยุคใหม่ ที่นานาชาติต่างยอมรับสดุดีแล้ว ใครปรับตัวไม่ทัน มรึงจะล้าหลัง ไทยเราเดินนำหน้าใครเพื่อน? อาเซียน 10 ชาติเดิม ใครดูก็รู้ ว่ามีสายขั้วเก่า ขั้วใหม่ปะปนกันไป และจีนได้เลือกแล้วว่า ไทย อีเหงียน อิเหนา คือตัวเล่นหลักในภูมิภาคนี้ นั่นแปลว่า อำนาจอาเซียน ถูกแบ่งฝ่ายไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง อาจมีลด และเพิ่มตามมา ช่วงฝุ่นตลบ มันมาจากการรอดูทิศทางโลก ว่าใครเอาใครอยู่? เอาแหละ เข้าเนื้อหาสำคัญที่สุด : สงครามการค้าโลก จีนทุนเหี้ยด้วยทองคำ และเทคโนโลยี รัสเซียทุบเหี้ยด้วยพลังงาน อาหาร อิหร่านทุบเหี้ยด้วยอาวุธสงครามรุ่นใหม่ และใช้สงครามศรัทธากลืนเศรษฐกิจเยรูซาเล็ม ปิดช่องทางโลจิสติคทะเลแดง ส่วนโสมแดงทุบเหี้ยด้วยโรงงานผลิตอาวุธโลก สายพานการผลิตมหาศาล ได้เทคโนโลยีจากจีน รัสเซีย อิหร่าน เข้ามาไว้ด้วยกัน เพราะกูเป็นคนประกอบโว๊ย? เมื่อต้นทุน แหล่งแร่ ไม่ว่าอะไรในโลก ต้นทางมาจากเอเซีย ตะวันตกจะสู้ต่อยังไง? สหรัฐใช้กำแพงภาษีมาบีบชาวโลก และกำลังจะถูกสวนหมัดกลับอย่างหนัก เมื่อโลกเข้าหา BRICS กันหมด ไม่ค้าขายกับมรึง แต่ค้าขายกันเองทั้งโลกที่ปราศจากมรึงไง เพราะไม่ใช้ดอลลาร์ อีกเหตุผลสำคัญคือ SCO เข้า BRICS มีกองทัพโลกดูแล ใครจะไม่เอา? เพราะเรือขนส่งสินค้าในกลุ่ม BRICS ต่างได้รับการคุ้มครองจาก SCO โดยพฤตินัยอยู่แล้ว เอาล่ะ! เมื่อลุยกันอะไรจะตามมา เอานาทีนี้ไปเลยจะได้เห็นภาพ เหี้ยมันรู้อยู่แล้วว่า ศึกยูเครนแค่บั่นทอนรัสเซีย(แต่พลิกล็อค) เสือกไปเพิ่มอำนาจให้ปูตินโดยไม่รู้ตัว ชนะเรียบวุธ ยอดขายถล่มทลาย แถมเส้นทางท่อแก็สมูลค่าพุ่งกระฉูด พลังงานโลก ทองคำ ดีดตัวสูงสุด ศึกเยรูซาเล็ม(ตายอย่างหมา) นาโต้ก็แล้ว ส่งเหี้ยมะกันไปช่วยก็แล้ว ตายห่าคาทะเลแดง เข้าไม่ถึง แถมถูกอิหร่านปิดช่องแคบเฮอร์มูซ แปลว่า กองเรือเหี้ยในตะวันออกกลางไปไหนไม่ได้ อิหร่านปิดประตูไว้เกลี้ยง แรดออกมากูจมเรือมรึงทันที ปิดการขนส่งลำเลียงทางทหารทางน้ำสิ้น แล้วแผนบุกแปซิฟิค ยังไปไม่รอด เมื่อจีนเตรียมพร้อมกว่าเยอะ ไม่รอมรึงมา แต่จะไปเปิดไต้หวัน เพื่อให้มรึงมาถมเงิน ชีวิต อาวุธ ที่นี่ต่อ เอาให้คาตรีนกันไปเลย เหลืออะไรล่ะ แอฟริกาก็ถูก WAGNER ทุบจนเละเทะ ปลดแอก อิสรภาพทั่วแอฟริกาสำเร็จ ด้านลาติน ทำห่าอะไรไม่ได้เลย เพราะนับวัน จำนวนอเมริกาใต้ที่จะจับมือกันเพื่อเทดอลล่าร์มีมากขึ้น และกองทัพต่อกันติดแล้ว ตั้งเงินกลุ่มดิจิตอลแล้ว ขืนเปิดสงครามใกล้บ้าน เข้าทางตรีนจีน รัสเซีย ทันที ถึงต้องหันมาเจาะไข่แดงอาเซียนแทน เพราะคือตัวเลือกสุดท้าย ที่เหี้ยไม่อยากเสี่ยงจะเล่น แต่จนปัญญา ถึงต้องเปิดตัว เจาะอาเซียนไม่หมู จีนดักคอพวกมรึงก่อนนานแล้ว อีเหงียน อิเหนา ไทย คุยกันมาก่อนแล้วเมื่อ 20 ปี เมื่อถึงเวลาที่ต้องปกป้องอาเซียน เราจะต้องสามัคคีกัน ห้ามแตกแถว เพราะรู้ดีว่า อีปินส์ อีลอดช่อง อีขะแมร์ ถูกแยกค่ายเพลงแน่ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้น หากแต่ สมรภูมิจริง มันไม่เหมือนภาพในฝัน จีน รัสเซีย หนุนไทยเต็มตรีน แต่เฉพาะรัฐบาลที่เอาจีน นั่นคือวัง กองทัพ แต่ไม่เอารัฐบาลขี้ข้าวอชิงตันไงล่ะ เค้าถึงได้นิ่งเฉยช่วงที่ผ่านมา ไม่ TAKE ACTION เท่าที่ควร สงครามข่าวสารมาเต็มคาราเบล สื่อเหี้ย โซเชี่ยลในมือเหี้ย แม้แต่ขนาดล่าสุด LINE@ ของหมี CNN ยังต้องถูกหยุด ให้ยืนยันตัวตนใหม่ มาฟอร์มเดียวกับอี ฟัคบุ๊คนั่นแหละ ล่อกูทั้งเบอร์มือถือ อีเหมี๊ยว IP เครื่อง กูกลายเป็นที่ WANTED ของสื่อเหี้ยทั่วจักรวาลมาเวลไปแล้ว โดยในเชิงพฤตินัยแล้ว อาเซียนมีไทย อีเหงียน อิเหนา เป็นตัวหลักขับเคลื่อน และมีศักยภาพไม่แพ้กัน เชียวคนละทาง เก่งคนละด้าน จีนจึงจับมัดเป็นข้าวต้มมัดไงล่ะ รักกันเข้าไว้ เราจะสู้กับเหี้ยในไม่ช้านี้ อีขะแมร์ไม่ใช่คู่ต่อกรเราดอก มันก็รู้ ต่อให้มรึงเทอาวุธเหี้ยอะไรมาให้ ถามคำเดียว มันใช้เป็นเหรอ? สุดท้าย มรึงก็ต้องส่งคนของมรึงมาเล่นเอง และนั่นแหละ คือสิ่งที่อาเซียนรออยู่ จีนเตรียมอีโต้ยักษ์ตัดคอเหี้ยที่สหประชาชาติอยู่แล้ว ทหารรับจ้างก็ดี นักรบรับจ้างก็ดี อาวุธใครล่ะ? และเมื่อนั้น จีน รัสเซียถึงจะออกตัวช่วยไทยได้เต็มอัตราศึก เพราะอีขะแมร์ใช้คนนอกเข้ามาเล่นเกมส์นี้ก่อน สรุปคือไทย-ขะแมร์สู้กัน คนนอกอย่าเสือก หากมรึงส่งใครเข้ามาช่วย จีน รัสเซีย ก็จะเข้ามาได้โดยคุณยายละม่อม ถึงตอนนี้ มรึงเริ่มเห็นภาพชัดยัง? ว่ามันจะจบที่ตรงไหน ใครแพ้ ใครชนะ? ทั้งหมด มันคือการวางแผนรับมือเหี้ยที่เตรียมการมาดี และยาวนาน พ่อร.9 ส่งพระเทพเยือนจีนอย่างกับไปเดินตลาด ถี่ยิบ ส่งน้องเล็กไปยุโรปถี่ยิบ เรื่องวิทยาการ และวิทยาศาสตร์การแพทย์ หลายคนไม่รู้ เราพัฒนาวัคซีน และเทคโนโลยีการแพทย์ล้ำสมัย มาจากโครงการขององค์เล็กเนี่ยแหละ พูดน้อยแต่ข้อมูลมาเต็มคาราเบล ดวงอาทิตย์ที่ 2 ที่จีนมอบให้ไทย ก็มาจากความร่วมมือวังกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนเนี่ยแหละ มรึงว่าเค้าเตรียมการมานานแค่ไหนกันล่ะ? อ่านทะลุ มองขาดกระจุย เหมือนเห็นอนาคตมาก่อนกาล อย่ากังวลเรื่องปราบปชต.ตอแหล จะกำจัดปรสิต เหี้ย เหลือบเกาะแผ่นดินยังไง? เป็นเพราะกรอบในหัวมรึงถูกเหี้ยมันตีกรอบมาครึ่งศตวรรษ ต้องมีประชาธิปไตย ต้องมีการเลือกตั้ง นานาชาติถึงยอมรับ มรึงลืมไปแล้วรึว่า ผู้นำโลกกำหนดบทบาทโลก ดังนั้น จีน รัสเซีย คือผู้นำโลกขั้วใหม่ นโยบายจะเปลี่ยนตามทันที แบบข้ามขั้วกันไปเลย ปกครองอะไรก็ได้ ที่ไม่เข่นฆ่า และล่าอาณานิคมแบบเหี้ยมันทำ ทุบกรอบในหัวมรึงแตกออกเมื่อไหร่ ดวงตาเห็นธรรมมาทันที ไม่มีอะไรที่ยาก ก็แค่โลกเปลี่ยน มรึงจึงต้องเปลี่ยนไปตามโลก เท่านั้นเอง ปล.ไม่อยากจะแหวกหญ้าให้เหี้ยมันตื่นดอกน่ะ มรึงคิดว่า หากจีน รัสเซีย จะอุ้มไทยทั้งที จะไม่ให้อาวุธติดมือมาด้วยเหรอ เราได้อะไร มากมายกว่าที่มรึงคิดซะอีก 1.โครงการพลังงานโลกผ่านฮับอาเซียน 2.เขตเศรษฐกิจโลกใหม่ โดยมีเงินบาทไทยเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ได้จริง เป็นที่ยอมรับในภูมิภาค อิงทองคำ วัด 1:1 เท่าเทียม ไม่มีกฎหมาจ๊ะ 3.ย่ออาเซียนเข้ารวมกัน และเพิ่มประเทศสมาชิกใหม่เข้ามา ยังไงก็มีไม่ต่ำกว่า 10 แน่นอน ถึงได้บอกไงล่ะว่า บางส่วนอีขะแมร์ อีหม่อง น้องลาว จะเข้ามาเป็นส่วนนึงของไทยชัวร์ ไม่ต้องไปแย่งชิง เดินเข้ามาหาเอง เพราะมั่งคั่ง มั่นคง มั่นใจ 4.อาเซียนคือตัวเชื่อมพลังงานเอเซียสู่โลกแท้จริง ที่ผ่านมา ท่อแก็ส น้ำมัน แยกหลายค่าย หลายชาติ แต่งวดนี้ อาเซียนคือพลังงานหลัก ที่เชื่อมต่อกันแล้ว ทั้งโลกอาหรับ รัสเซีย จีน สู่แอฟริกา แม้แต่ในโอเชเนีย รู้มั้ยทำไมต้องอาเซียน รู้มั้ยว่า แหล่งแก็สมหาศาล ทองคำ น้ำมัน มีเต็มอยู่ในอาเซียนหลายชาติ ที่มาว่าทำไม จีน รัสเซีย ถึงอุ้มอาเซียนยิ่งกว่าไข่ในหิน เพราะโลจิสติคสุดยอด ความมั่นคงปลอดภัย และภัยธรรมชาติไม่ค่อยจะเกิด เหมาะที่จะทำแหล่งขุดเจาะพลังงานที่ซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทรจำนวนมาก 5.WAGNER KGB เก่า หน่วยข่าวกรองจีน สายลับจีน อยู่เต็มพื้นที่ไปหมด หากเทียบเมื่อก่อน เดินไปไหน เจอแต่สายลับเหี้ย C แต่ตอนนี้ กลับตาลปัตรแล้วจ๊ะ มรึงเดินผ่านยังไม่รู้ตัวเลย นักศึกษาจีนที่เข้ามาเรียนมหา'ลัยไทย ใครจะบอกมรึงว่าคือหน่วยไซเบอร์อันดับ 1 จีน นักลงทุนจีนหน้าฉาก เบื้องหลังคือผู้พัฒนา AI และเข้าใจระบบดาวเทียมระดับจักรวาล นัยยะคือ เชื่อมต่อดาวเทียมไทยใหม่ ที่ผ่านมา เราอิงกับระบบ GPS เหี้ยมะกัน แต่ต่อไป เราอาจจะเปลี่ยนดาวเทียมเชื่อมต่อที่โยงโลกทั้งหมดเข้าหากันเองโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่า เจ้าของทั้งหมดย่อมต้องรู้การเคลื่อนไหว แต่หากใครไม่เป็นศัตรูกับจีน รัสเซีย ไม่ได้คิดร้ายใครก่อน แบบที่เราเคยเป็นมา เค้าถึงได้เชื่อใจ ไว้วางใจเราขนาดนี้ เพราะเค้าดูเรามาไม่ใช่แค่ 20-30 ปี แต่ดูมาเป็น 100 ปีแล้วจ๊ะ เพราะไทยเรานี้รักสงบ แต่ยามสงบ เรากัดกันเองตลอด แต่ไม่กัดเพื่อนบ้านจ๊ะ หมี CNN(บทสรุป ศึกขะแมร์แค่ออเดิร์ฟ ล่อเป้าใหญ่เหี้ยมะกันมาติดบ่วงกับดักจีน แผนเจาะอาเซียนเด็กประถมของอีวอชิงตันแห้วแดร๊กไปตามระเบียบ ขะแมร์แตกไปตามเนื้อผ้า ไทยได้ทุกอย่างที่ต้องการคืนมาหมด แถมได้พื้นที่แนวกันชนใหม่ ยกระดับอาเซียนขึ้นมาเป็นฮับพลังงานโลกอนาคต ฝั่งตะวันตก จะสิ้นลาย หมดสภาพ รอการฟื้นฟูอีก 50 ปี กว่าจะกลับมาเทียบเอเซียตอนนี้ได้ วงจรโลกมาอยู่เอเซียนาน 50 ปี แล้วจะไปต่อที่แอฟริกา ลาติน แล้วกลับมาใหม่ที่ยุโรปอีกครั้ง อ้าว..แล้วอเมริกาล่ะ หายไปไหน อ๋อ..ไม่มีในแผนที่โลกแล้วจ๊ะ ขอโทษด้วย มันใช้ชื่อใหม่เป็น "รัฐยิวใหม่สดใสซาบซ่าส์" เห็นอนาคตโลกทั้งหมดแล้วรึยัง? ความผาสุขกำลังจะมา แต่ต้องแลกด้วยความสามัคคีของคนในชาติก่อนตอนนี้ จัดการอี 24 ล้านไทยบัดซบ จับมันไปถ่วงตระกร้าล้างน้ำ ทำห่าอะไรก็ได้ ให้มันกลายร่างกลับมาเป็นคนเหมือนเดิม ยัดสมองให้มันเข้าไปด้วย กลวงมานานเกินไปแล้ว ควายที่ไร้ประโยชน์ต่อแผ่นดิน จะถูกเทวดา ฟ้าดิน กำจัดออกไปเอง อย่ากังวล เปลี่ยนควายไทยบัดซบ 24 ล้านตัว ให้กลับมาเป็นคนได้แค่ 20% ก็ถือว่าเยอะแล้ว เชื่อในมือสวรรค์ ส่วนอีก 80% เชิญไปลงขุมนรกตามพ่องซะ ก็แค่เดรัจฉานมาเกิดเป็นคนเพื่อให้แผนกลียุคสำเร็จ เมื่อทำหน้าที่จบ ก็ต้องกลับไปขุมนรกที่มรึงจากมา อนิจจัง) 01 สิงหาคม 68 11.22 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1380 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..น่าอนาถสถานะสัมมาอาชีพของคนไทยเราที่ตกเป็นเหยื่อเจ้าสัวนายทุนผู้ละโมบโลภผลประโยชน์ต่อผู้ต่อสู้ต่อผู้บุกเบิกในแบบคนบ้านๆประชาชนคนไทยน้อยต้นทุนน้อยเงินลงทุนสนับสนุนเพื่อแสวงหาความอยู่รอดหรืออิสระทางการดำเนินชีวิตบนสังคมชุมชนไทยเราและชุมชนโลกเราจริง.
    ..ประชาชนคนไทยเราไม่สมควรเป็นผู้ร้องขอ,แต่เป็นผู้ได้รับโอกาสจริงเมื่อแจ้งความประสงค์มา.
    ..ธนาคารกลางของภาคประชาชนไทยเราจึงสมควรถือกำเนิดขึ้นจริงอย่างจริงจัง,แยกออกต่างหากชัดเจนจากธนาคารกลางของเอกชนที่กำกับดูแลเอกชน ปกป้องผลประโยชน์กำไรของธนาคารเอกชนโดยมาก เอื้อทำให้ธนาคารเอกชนมีผลประกอบการกำไรผิดปกติในขณะที่ภาคกิจการธุรกิจอื่นต่างล้มหายตายจากในวิกฤติเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนพิสูจน์ชัดเจนว่าธนาคารกลางกำลังทำเพื่อใคร อ้างประชาชนบังหน้าโดยความจริงคือกำไรของธนาคารเพิ่มขึ้นจากเงื่อนไขกติกากฎระเบียบที่ตนควบคุมประกาศใช้เพื่อเอื้ออำนวยรายได้สาระพัพทางแก่ธนาคารเอกชน ง่ายๆเช่น ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นิดหน่อยตามข่าวปลายปีหรือต้นปีนี้ สะท้อนถึงกำไรรายได้ผลประกอบการธนาคารอย่างมีนัยยะชัดเจนทันที ข้อมูลบริษัทในตลาดหุ้นโชว์ผลประกอบการชัดเจนเป็นหลักฐานว่าเขียวเกือบทุกๆแบงค์ในกระดานก็ว่า,สวนทางกับภาคอุตสาหกรรมอื่นอย่างมีนัยยะผิดปกติชัดเจน,และธนาคารกลางแห่งประเทศไทยจริงๆต้องถูกสั่งการโดยรัฐบาลได้ควบคุมได้ทางตรงสั่งดำเนินนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ให้เป็นไปทิศทางเดียวกันกับประชาชนของประเทศ เจริญก็เจริญด้วยกัน พังพินาศก็พังด้วยกัน,รัฐบาลสั่งคุ้มครองทางเงินควบคุมทางการเงินได้ทั้งประเทศ,กำหนดมูลค่าเงินและทิศทางการเงินได้จริง,จะมามุกอ้างบริหารงานอิสระตัดตอนมิให้รัฐบาลมาสร้างความเสียหายทางระบบเงินของประเทศไม่ได้ จะอ้างแบบนั้นไม่ได้ ส่วนรัฐบาลใดชั่วเลวนั่นอีกปัญหาหนึ่งคนละส่วนละประเด็นมิติของปัญหาใหญ่,เช่นรัฐบาลสามารถประกาศหยุดลอยตัวอัตราแลกเปลี่ยนได้,คงที่ที่1฿:25$ก็ได้หรือ1฿:35$เป็นอัตราคงที่ก็ได้,หรือกำหนดคงที่เทียบอัตราทองคำพื้นฐานได้ที่ไม่ปั่นราคาทองคำแบบปัจจุบัน,ไม่ต้องมาพยุงอัตราแลกเปลี่ยนใดๆอีก,ล็อกการปั่นราคาเก็งกำไรก็ได้ในสายตาพวกเล่นกำไรค่าเงินนั้นๆ1บาทล็อกเงินหยวนที่1หยวนก็ได้คือ1:1 , 1บาทต่อ1หยวนเลย,1บาทต่อ1เหรียญดอลล่าร์จะเป็นอะไรเพราะเหี้ยเงินกระดาษไร้ทองคำค้ำประกันเงินดอลล่าร์อะไรเลยแค่เครดิตชื่อว่าประเทศอเมริกานำหน้าเท่านั้น,เสือกพิมพ์ตัวเองเสรีเป็นว่าตามใจตนใช้ไม่ได้ ตังQEคือหลักฐานชัดเจน,จดอลล่าร์ไร้ค่าเป็นเศษกระดาษในปัจจุบัน ผีบ้าอะไรชาติอื่นถ้าเป็นแบบนี้ค่าเงินถูกลดค่าแล้ว เงินดอลล่าร์จริงๆสมควรถูกลดค่าลดเครดิตไปนานแล้ว อาจ1บาทต่อ0.0001ดอลล่าร์โน้น.
    ..ธนาคารกลางถือกำเนิดจากแนวคิดตระกูลอีลิทdeep stateซาตานฝ่ายมืดก็ด้วย เพื่อควบคุมประเทศต่างๆทั่วโลกผ่านระบบตัง,มิให้อำนาจปกครองในแต่ละประเทศมาทำให้เครือข่ายสำนักงานมันขัดจังหวะสั่งการได้เพื่อดำเนินนโยบายใดๆของพวกมันประสานงานกันอย่างราบรื่น,จึงห้ามอำนาจฝ่ายการเมืองการปกครองใดๆย่อมาไทยคือห้ามมาแทรกแซงสำนักงานdeep stateกูนะจะเสียกระบวนควบคุมมนุษย์ในแต่ละประเทศนั้นๆผ่านกลไกระบบตังกูที่ควบคุมครอบงำไว้,และหน้าที่ของทุกๆธนาคารทั่วโลกทำกำไรให้มากๆจากนั้นส่งส่วยส่งตังโอนมาให้สำนักงานdeep stateโลกสากลทันทีที่ต่างประเทศ,ยิ่งตอนนี้ตังขาดมือพวกมรึงธนาคารกลางและลูกน้องธนาคารทั้งหมดต้องทำยอดทำตังส่งตังมาให้กูมากๆมันว่า,กล่องดวงใจมันคือธนาคารกลางในไทยหรือธนาคารกลางทั่วโลกก็ว่า,
    ..เมื่อเรามีนายกฯดีๆเข้ามาจึงต้องเด็ดขาดทิังธนาคารกลางของdeep stateไป ตั้งธนาคารกลางของคนไทยจริงของภาคมหาประชาชนคนไทยจริงขึ้นมาแทนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนทุนสัมมาอาชีพคนไทยทุกๆคนเป็นตัวเชื่อมเงินทุนจริง มิใช่เหี้ยมาออกรายการขอทานแบบนี้,เหยียบหยามประชาชนประชาชนคนไทยเราชัดเจน,และจริงๆคนไทยเราทุกๆคนร่ำรวยมาก มีปัจจัยซื้อหาวัตถุดิบสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยเราและชาวโลกได้สบาย รวมกลุ่มระดมทุนก็ได้อีก,เพราะเฉลี่ยคนไทยเราทุกๆคน มีมูลค่ากว่า400-1,000ล้านบาทต่อคนในบัญชีทางการเงินได้สบายๆเมื่อประเมินมูลค่าทรัพยากรมีค่ามากมายเต็มแผ่นดินไทย,ไม่นับรวมผลงานสร้างสรรคสร้างรายได้ต่อยอดนวัตกรรมและฝีมือด้านอื่นสาระพัดตรึมอีก,อาจรวมกันจริงๆขั้นต่ำกว่า2,000ล้านบาทต่อคนไทยสบายๆ,
    ..เราสามารถสร้างฮับเงินทุนสัมมาอาชีพเพื่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเริ่มกิจการแต่ละคนของคนไทยเราทุกๆคนได้,ที่ไม่สร้างทำเพราะต้องการไม่ให้คนไทยพึ่งพาตนเองได้ต้องไปพึ่งพาพวกมัน ไปขอตังมาลงทุนกิจการจากพวกมันหรือยึดกิจการมรึงเสียเลยขาดตัวก็ว่า,แล้วเหยียบไว้แบบพลังงานเทสล่า พลังงานไฮโดรเจนใช้แค่พลังงานน้ำก็ขับขี่รถยนต์ไปมาได้ พลังงานแม่เหล็กที่บินขึ้นลงทางแนวดิ่งสบายและไร้ขีดจำกัด,ทั้งโลกสร้างพลังงานฟรีได้แต่มันปกปิดไว้ อยากทำขายให้คนเอาตังจึงเป็นที่มาของdeep stateในมุมมองที่ไปที่มาอีกแง่หนึ่งของมันก็ว่า,คนร่ำรวยเกือบทั้งหมดบนโลกล้วนขี้ข้าdeep stateเข้ารีตกับลัทธิตาเดียว ตังมากมายมันจะโอนมาเต็มบัญชีเลยล่ะ และต้องทำตามคำสั่งตลอดเวลาด้วย,ธนาคารกลางเราก็ไม่เว้น,มีธนาคารกลางตั้งนานทำไมประชาชนยังยากจนมากมาย บัตรคนจนเพิ่มขึ้น อยู่แต่ธนาคารเอกชนทำไมกำไรกันสบายดี,ร่ำรวยรายได้กันจริงๆ,แก๊งดูดตังมันไม่สามารถดูดตังประชาชนได้หรอกถ้าธนาคารไม่อำนวยสร้าง จะมีข้อมูลจนดูดตังได้โน้น,ดูดได้จริง,ก่อนโอนออกนอกประเทศธนาคารต้องตรวจสอบก่อนด้วยมีหลักฐานบัญชีปลายทางบัญชีต้นทางหมด ใครอยู่ที่ไหน หน้าตาเป็นแบบใดดึงออกมาดูได้หมด,ตลอดสามารถระบุชัดเจนเงื่อนไขการมีบัญชีธนาคารก็ได้ ว่า1บัตรประชาชนคนไทย สามารถมีได้แค่1บัญชีธนาคารได้แค่นั้นมีแค่1เบอร์มือถือด้วย,จะตัดตอนเปิดบัญชีหลายบัญชีทันที,ตัดตอนเบอร์มิจฉาชีพด้วยสแกนตรวจจับพบตัวในไทยได้ง่าย ตัดตอนมีซิมหลายเบอร์นั้นเอง,ฟอกเงินก็ตรวจสอบง่าย ใครมีตังมากน้อยจะกลัวอะไร มี10ล้ายล้านบาทในบัญชีเดียวจะกลัวอะไร กลัวหนีภาษีไม่ได้ฟอกเงินสลับเปลี่ยนบัญชีไม่ได้,คือเริ่มต้นทำก็ไม่สุจริตซื่อสัตย์นั้นเอง,กสทช.ก็อัพเรเวลระบบเสีย ผูกระบบโชว์ชื่อนามสกุลคนโทรเข้าเครื่องปลายทางอัตโนมัติด้วยแม้เครื่องปลายทางไม่ได้บันทึกชื่อสกุลนั่นไว้ในเครื่องเข้า,ใครโทรมานะบบตรวจจับโชว์ชื่อสกุลทันที นี้อะไรแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาก็ไม่รู้ ใครโทรมาก็โชว์ผีบ้าแต่เบอร์แต่ตัวเลข,ซื้อซิมก็ใช้บัตรประชาชนชื่อนามสกุลจริงซื้อ,กสทช.ต้องอัพระบบใหม่หมด,มือถือต้องเปลี่ยนให้รองรับก็ต้องเปลี่ยน,แจกแลกฟรีก็ได้เพื่อมือถือเครื่องนั้นรันกับระบบได้ ทำโปรแกรมได้ดั่งที่ว่า,ใช้ซิมกดฉนวนระเบิดภาคใต้ก็จะจบไปซิมห่าเหวอะไรเลอะเทอะล้นตลาดหมด,
    ..จึงต้องมีธนาคารกลางของภาคประชาชนจริงๆมิใช่ของธนาคารเอกชน มิใช่ของdeep state,
    ..ธนาคารภาคประชาชนจะเป็นอนาคตที่สดใสทันทีแิดตั้งแต่ต้นก่ประชาชน,มิใช่สดใสแก่ธนาคารเอกชนนายทุนสมคบคิดกับธนาคารเอกชนนั้นๆมันก็ช่วยเหลือเจ้าสัวอาเสี่ยอาเหี้ยมันกันเองนั้นล่ะเป็นหลัก ประชาชนทั่วไปเข้าไปใช้บริการก็แค่พบหมาตายเท่านั้นไร้ค่าไร้ความหมายราคาแก่พวกๆมัน,อ้างประชาชนรับใบอนุญาตประกอบการหาแดกแค่นั้นล่ะ,ประชาชนคือเหยื่อให้มัน,หนีัคือสิ่งที่มันมอบให้.จากนั้นความโกลาหลดิ้นรนบ้าคลั่งขาดสติจะตามมา,แล้วก็ไม่นาน สส.สว.ข้าราชการทั้งระบบมันจะซื้อด้วยเงินในระบบมันสิ้น,ขาดตังลงแดงขาดใจทันทีก็ว่า.ครอบครัวทั้งหมดพังพินาศทันทีเมื่อขาดตัง,สามีภรรยาทะเลาะกันสิ้น,ญาติพี่น้องทะเลาะกันก็เพราะมันคือตัง,ค่าใช้จ่ายสาระพัดต้องกำจัดปัญหาด้วยตังนั้นเอง,เด็กๆไปโรงเรียนต้องใช้ตัง,ค่ารักษายามเจ็บไข้ได้ป่วยต้องใช้ตัง,นี้คือผลของการที่ให้มีธนาคารกลางของdeep stateในประเทศไทยเรา,แต่ไม่มีธนาคารกลางจริงๆของภาคประชาชนไทยตนเอง,เราปกครองจากการเขียนแม่พิมพ์จากการเขียนแบบแปลงที่ผิดพลาดตั้งแต่ต้น,จึงต้องฉีกทิ้งมันทั้งหมดทันที,แล้วทำการเขียนใหม่ให้เป็นคุณแก่ภาคประชาชนเราจริงๆ.


    ..https://youtube.com/watch?v=M2USTwH-07k&si=40fTL6CmVqQ2GYHm
    ..น่าอนาถสถานะสัมมาอาชีพของคนไทยเราที่ตกเป็นเหยื่อเจ้าสัวนายทุนผู้ละโมบโลภผลประโยชน์ต่อผู้ต่อสู้ต่อผู้บุกเบิกในแบบคนบ้านๆประชาชนคนไทยน้อยต้นทุนน้อยเงินลงทุนสนับสนุนเพื่อแสวงหาความอยู่รอดหรืออิสระทางการดำเนินชีวิตบนสังคมชุมชนไทยเราและชุมชนโลกเราจริง. ..ประชาชนคนไทยเราไม่สมควรเป็นผู้ร้องขอ,แต่เป็นผู้ได้รับโอกาสจริงเมื่อแจ้งความประสงค์มา. ..ธนาคารกลางของภาคประชาชนไทยเราจึงสมควรถือกำเนิดขึ้นจริงอย่างจริงจัง,แยกออกต่างหากชัดเจนจากธนาคารกลางของเอกชนที่กำกับดูแลเอกชน ปกป้องผลประโยชน์กำไรของธนาคารเอกชนโดยมาก เอื้อทำให้ธนาคารเอกชนมีผลประกอบการกำไรผิดปกติในขณะที่ภาคกิจการธุรกิจอื่นต่างล้มหายตายจากในวิกฤติเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนพิสูจน์ชัดเจนว่าธนาคารกลางกำลังทำเพื่อใคร อ้างประชาชนบังหน้าโดยความจริงคือกำไรของธนาคารเพิ่มขึ้นจากเงื่อนไขกติกากฎระเบียบที่ตนควบคุมประกาศใช้เพื่อเอื้ออำนวยรายได้สาระพัพทางแก่ธนาคารเอกชน ง่ายๆเช่น ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นิดหน่อยตามข่าวปลายปีหรือต้นปีนี้ สะท้อนถึงกำไรรายได้ผลประกอบการธนาคารอย่างมีนัยยะชัดเจนทันที ข้อมูลบริษัทในตลาดหุ้นโชว์ผลประกอบการชัดเจนเป็นหลักฐานว่าเขียวเกือบทุกๆแบงค์ในกระดานก็ว่า,สวนทางกับภาคอุตสาหกรรมอื่นอย่างมีนัยยะผิดปกติชัดเจน,และธนาคารกลางแห่งประเทศไทยจริงๆต้องถูกสั่งการโดยรัฐบาลได้ควบคุมได้ทางตรงสั่งดำเนินนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ให้เป็นไปทิศทางเดียวกันกับประชาชนของประเทศ เจริญก็เจริญด้วยกัน พังพินาศก็พังด้วยกัน,รัฐบาลสั่งคุ้มครองทางเงินควบคุมทางการเงินได้ทั้งประเทศ,กำหนดมูลค่าเงินและทิศทางการเงินได้จริง,จะมามุกอ้างบริหารงานอิสระตัดตอนมิให้รัฐบาลมาสร้างความเสียหายทางระบบเงินของประเทศไม่ได้ จะอ้างแบบนั้นไม่ได้ ส่วนรัฐบาลใดชั่วเลวนั่นอีกปัญหาหนึ่งคนละส่วนละประเด็นมิติของปัญหาใหญ่,เช่นรัฐบาลสามารถประกาศหยุดลอยตัวอัตราแลกเปลี่ยนได้,คงที่ที่1฿:25$ก็ได้หรือ1฿:35$เป็นอัตราคงที่ก็ได้,หรือกำหนดคงที่เทียบอัตราทองคำพื้นฐานได้ที่ไม่ปั่นราคาทองคำแบบปัจจุบัน,ไม่ต้องมาพยุงอัตราแลกเปลี่ยนใดๆอีก,ล็อกการปั่นราคาเก็งกำไรก็ได้ในสายตาพวกเล่นกำไรค่าเงินนั้นๆ1บาทล็อกเงินหยวนที่1หยวนก็ได้คือ1:1 , 1บาทต่อ1หยวนเลย,1บาทต่อ1เหรียญดอลล่าร์จะเป็นอะไรเพราะเหี้ยเงินกระดาษไร้ทองคำค้ำประกันเงินดอลล่าร์อะไรเลยแค่เครดิตชื่อว่าประเทศอเมริกานำหน้าเท่านั้น,เสือกพิมพ์ตัวเองเสรีเป็นว่าตามใจตนใช้ไม่ได้ ตังQEคือหลักฐานชัดเจน,จดอลล่าร์ไร้ค่าเป็นเศษกระดาษในปัจจุบัน ผีบ้าอะไรชาติอื่นถ้าเป็นแบบนี้ค่าเงินถูกลดค่าแล้ว เงินดอลล่าร์จริงๆสมควรถูกลดค่าลดเครดิตไปนานแล้ว อาจ1บาทต่อ0.0001ดอลล่าร์โน้น. ..ธนาคารกลางถือกำเนิดจากแนวคิดตระกูลอีลิทdeep stateซาตานฝ่ายมืดก็ด้วย เพื่อควบคุมประเทศต่างๆทั่วโลกผ่านระบบตัง,มิให้อำนาจปกครองในแต่ละประเทศมาทำให้เครือข่ายสำนักงานมันขัดจังหวะสั่งการได้เพื่อดำเนินนโยบายใดๆของพวกมันประสานงานกันอย่างราบรื่น,จึงห้ามอำนาจฝ่ายการเมืองการปกครองใดๆย่อมาไทยคือห้ามมาแทรกแซงสำนักงานdeep stateกูนะจะเสียกระบวนควบคุมมนุษย์ในแต่ละประเทศนั้นๆผ่านกลไกระบบตังกูที่ควบคุมครอบงำไว้,และหน้าที่ของทุกๆธนาคารทั่วโลกทำกำไรให้มากๆจากนั้นส่งส่วยส่งตังโอนมาให้สำนักงานdeep stateโลกสากลทันทีที่ต่างประเทศ,ยิ่งตอนนี้ตังขาดมือพวกมรึงธนาคารกลางและลูกน้องธนาคารทั้งหมดต้องทำยอดทำตังส่งตังมาให้กูมากๆมันว่า,กล่องดวงใจมันคือธนาคารกลางในไทยหรือธนาคารกลางทั่วโลกก็ว่า, ..เมื่อเรามีนายกฯดีๆเข้ามาจึงต้องเด็ดขาดทิังธนาคารกลางของdeep stateไป ตั้งธนาคารกลางของคนไทยจริงของภาคมหาประชาชนคนไทยจริงขึ้นมาแทนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนทุนสัมมาอาชีพคนไทยทุกๆคนเป็นตัวเชื่อมเงินทุนจริง มิใช่เหี้ยมาออกรายการขอทานแบบนี้,เหยียบหยามประชาชนประชาชนคนไทยเราชัดเจน,และจริงๆคนไทยเราทุกๆคนร่ำรวยมาก มีปัจจัยซื้อหาวัตถุดิบสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยเราและชาวโลกได้สบาย รวมกลุ่มระดมทุนก็ได้อีก,เพราะเฉลี่ยคนไทยเราทุกๆคน มีมูลค่ากว่า400-1,000ล้านบาทต่อคนในบัญชีทางการเงินได้สบายๆเมื่อประเมินมูลค่าทรัพยากรมีค่ามากมายเต็มแผ่นดินไทย,ไม่นับรวมผลงานสร้างสรรคสร้างรายได้ต่อยอดนวัตกรรมและฝีมือด้านอื่นสาระพัดตรึมอีก,อาจรวมกันจริงๆขั้นต่ำกว่า2,000ล้านบาทต่อคนไทยสบายๆ, ..เราสามารถสร้างฮับเงินทุนสัมมาอาชีพเพื่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเริ่มกิจการแต่ละคนของคนไทยเราทุกๆคนได้,ที่ไม่สร้างทำเพราะต้องการไม่ให้คนไทยพึ่งพาตนเองได้ต้องไปพึ่งพาพวกมัน ไปขอตังมาลงทุนกิจการจากพวกมันหรือยึดกิจการมรึงเสียเลยขาดตัวก็ว่า,แล้วเหยียบไว้แบบพลังงานเทสล่า พลังงานไฮโดรเจนใช้แค่พลังงานน้ำก็ขับขี่รถยนต์ไปมาได้ พลังงานแม่เหล็กที่บินขึ้นลงทางแนวดิ่งสบายและไร้ขีดจำกัด,ทั้งโลกสร้างพลังงานฟรีได้แต่มันปกปิดไว้ อยากทำขายให้คนเอาตังจึงเป็นที่มาของdeep stateในมุมมองที่ไปที่มาอีกแง่หนึ่งของมันก็ว่า,คนร่ำรวยเกือบทั้งหมดบนโลกล้วนขี้ข้าdeep stateเข้ารีตกับลัทธิตาเดียว ตังมากมายมันจะโอนมาเต็มบัญชีเลยล่ะ และต้องทำตามคำสั่งตลอดเวลาด้วย,ธนาคารกลางเราก็ไม่เว้น,มีธนาคารกลางตั้งนานทำไมประชาชนยังยากจนมากมาย บัตรคนจนเพิ่มขึ้น อยู่แต่ธนาคารเอกชนทำไมกำไรกันสบายดี,ร่ำรวยรายได้กันจริงๆ,แก๊งดูดตังมันไม่สามารถดูดตังประชาชนได้หรอกถ้าธนาคารไม่อำนวยสร้าง จะมีข้อมูลจนดูดตังได้โน้น,ดูดได้จริง,ก่อนโอนออกนอกประเทศธนาคารต้องตรวจสอบก่อนด้วยมีหลักฐานบัญชีปลายทางบัญชีต้นทางหมด ใครอยู่ที่ไหน หน้าตาเป็นแบบใดดึงออกมาดูได้หมด,ตลอดสามารถระบุชัดเจนเงื่อนไขการมีบัญชีธนาคารก็ได้ ว่า1บัตรประชาชนคนไทย สามารถมีได้แค่1บัญชีธนาคารได้แค่นั้นมีแค่1เบอร์มือถือด้วย,จะตัดตอนเปิดบัญชีหลายบัญชีทันที,ตัดตอนเบอร์มิจฉาชีพด้วยสแกนตรวจจับพบตัวในไทยได้ง่าย ตัดตอนมีซิมหลายเบอร์นั้นเอง,ฟอกเงินก็ตรวจสอบง่าย ใครมีตังมากน้อยจะกลัวอะไร มี10ล้ายล้านบาทในบัญชีเดียวจะกลัวอะไร กลัวหนีภาษีไม่ได้ฟอกเงินสลับเปลี่ยนบัญชีไม่ได้,คือเริ่มต้นทำก็ไม่สุจริตซื่อสัตย์นั้นเอง,กสทช.ก็อัพเรเวลระบบเสีย ผูกระบบโชว์ชื่อนามสกุลคนโทรเข้าเครื่องปลายทางอัตโนมัติด้วยแม้เครื่องปลายทางไม่ได้บันทึกชื่อสกุลนั่นไว้ในเครื่องเข้า,ใครโทรมานะบบตรวจจับโชว์ชื่อสกุลทันที นี้อะไรแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาก็ไม่รู้ ใครโทรมาก็โชว์ผีบ้าแต่เบอร์แต่ตัวเลข,ซื้อซิมก็ใช้บัตรประชาชนชื่อนามสกุลจริงซื้อ,กสทช.ต้องอัพระบบใหม่หมด,มือถือต้องเปลี่ยนให้รองรับก็ต้องเปลี่ยน,แจกแลกฟรีก็ได้เพื่อมือถือเครื่องนั้นรันกับระบบได้ ทำโปรแกรมได้ดั่งที่ว่า,ใช้ซิมกดฉนวนระเบิดภาคใต้ก็จะจบไปซิมห่าเหวอะไรเลอะเทอะล้นตลาดหมด, ..จึงต้องมีธนาคารกลางของภาคประชาชนจริงๆมิใช่ของธนาคารเอกชน มิใช่ของdeep state, ..ธนาคารภาคประชาชนจะเป็นอนาคตที่สดใสทันทีแิดตั้งแต่ต้นก่ประชาชน,มิใช่สดใสแก่ธนาคารเอกชนนายทุนสมคบคิดกับธนาคารเอกชนนั้นๆมันก็ช่วยเหลือเจ้าสัวอาเสี่ยอาเหี้ยมันกันเองนั้นล่ะเป็นหลัก ประชาชนทั่วไปเข้าไปใช้บริการก็แค่พบหมาตายเท่านั้นไร้ค่าไร้ความหมายราคาแก่พวกๆมัน,อ้างประชาชนรับใบอนุญาตประกอบการหาแดกแค่นั้นล่ะ,ประชาชนคือเหยื่อให้มัน,หนีัคือสิ่งที่มันมอบให้.จากนั้นความโกลาหลดิ้นรนบ้าคลั่งขาดสติจะตามมา,แล้วก็ไม่นาน สส.สว.ข้าราชการทั้งระบบมันจะซื้อด้วยเงินในระบบมันสิ้น,ขาดตังลงแดงขาดใจทันทีก็ว่า.ครอบครัวทั้งหมดพังพินาศทันทีเมื่อขาดตัง,สามีภรรยาทะเลาะกันสิ้น,ญาติพี่น้องทะเลาะกันก็เพราะมันคือตัง,ค่าใช้จ่ายสาระพัดต้องกำจัดปัญหาด้วยตังนั้นเอง,เด็กๆไปโรงเรียนต้องใช้ตัง,ค่ารักษายามเจ็บไข้ได้ป่วยต้องใช้ตัง,นี้คือผลของการที่ให้มีธนาคารกลางของdeep stateในประเทศไทยเรา,แต่ไม่มีธนาคารกลางจริงๆของภาคประชาชนไทยตนเอง,เราปกครองจากการเขียนแม่พิมพ์จากการเขียนแบบแปลงที่ผิดพลาดตั้งแต่ต้น,จึงต้องฉีกทิ้งมันทั้งหมดทันที,แล้วทำการเขียนใหม่ให้เป็นคุณแก่ภาคประชาชนเราจริงๆ. ..https://youtube.com/watch?v=M2USTwH-07k&si=40fTL6CmVqQ2GYHm
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 944 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts