• เรื่องเล่าจากโลกเทคโนโลยี: เมื่อภาพ AI กลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่เข้าใจมนุษย์

    Mike Matsel หัวหน้าฝ่ายพัฒนา Xbox Graphics ได้โพสต์ประกาศรับสมัครนักออกแบบกราฟิกบน LinkedIn พร้อมภาพประกอบที่สร้างด้วย AI ซึ่งดูเผิน ๆ อาจไม่ผิดปกติ แต่เมื่อพิจารณาใกล้ ๆ กลับเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด เช่น โค้ดปรากฏอยู่ด้านหลังจอภาพ, โต๊ะที่หายไปครึ่งหนึ่ง, เงาที่ไม่สมจริง และผู้หญิงในภาพใส่หูฟัง Apple รุ่นสายจากยุค 2000 ทั้งที่เป็นปี 2025

    สิ่งที่ทำให้โพสต์นี้กลายเป็นไวรัลคือความย้อนแย้ง—Microsoft เพิ่งปลดพนักงานกว่า 9,000 คน รวมถึงทีม Xbox บางส่วน แต่กลับใช้ภาพ AI ที่ผิดพลาดในการประกาศรับสมัครงานด้านศิลป์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ถูกลดไปก่อนหน้านี้

    ผู้คนในวงการกราฟิกและนักพัฒนาแสดงความไม่พอใจในคอมเมนต์ โดยบางคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการประชด หรือ “compliance แบบประชดประชัน” ที่ใช้ AI ตามคำสั่งแม้จะรู้ว่าผลลัพธ์ไม่เหมาะสม

    ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกรณีที่ Matt Turnbull ผู้บริหาร Xbox เคยโพสต์แนะนำให้พนักงานที่ถูกปลดใช้ AI chatbot เพื่อ “เยียวยาอารมณ์” และ “หางานใหม่” ซึ่งก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักจนต้องลบโพสต์ไป

    Mike Matsel โพสต์รับสมัครนักออกแบบกราฟิกสำหรับ Xbox บน LinkedIn
    ใช้ภาพ AI ที่มีข้อผิดพลาดชัดเจนเป็นภาพประกอบ

    Microsoft เพิ่งปลดพนักงานกว่า 9,000 คน รวมถึงทีม Xbox
    ทำให้การใช้ภาพ AI ในการรับสมัครงานดูย้อนแย้ง

    ภาพ AI มีข้อผิดพลาดหลายจุด เช่น:
    โค้ดอยู่ด้านหลังจอ, โต๊ะหายไป, เงาไม่สมจริง, หูฟังรุ่นเก่า

    ผู้คนในวงการกราฟิกแสดงความไม่พอใจในคอมเมนต์
    บางคนสงสัยว่าเป็นการประชดหรือจงใจเรียกความสนใจ

    Matt Turnbull เคยโพสต์แนะนำให้ใช้ AI chatbot เพื่อเยียวยาอารมณ์
    โพสต์ถูกลบหลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก

    การใช้ภาพ AI ที่ผิดพลาดอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในองค์กร
    โดยเฉพาะในช่วงหลังการปลดพนักงานจำนวนมาก

    การใช้ AI แทนมนุษย์ในงานศิลป์อาจสร้างความรู้สึกด้อยค่าให้กับผู้เชี่ยวชาญ
    โดยเฉพาะเมื่อใช้เพื่อประกาศรับสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์

    การสื่อสารที่ไม่ละเอียดอ่อนในช่วงวิกฤตอาจสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์
    เช่น การแนะนำให้ใช้ AI เพื่อเยียวยาอารมณ์หลังถูกปลด

    แม้ภาพจะไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก Microsoft แต่ยังมีโลโก้ Xbox อยู่
    ทำให้ผู้คนเชื่อมโยงกับแบรนด์โดยตรงและวิจารณ์องค์กร

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/microsoft-employee-uses-terrible-ai-generated-image-to-advertise-for-xbox-artists-just-weeks-after-massive-layoffs
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเทคโนโลยี: เมื่อภาพ AI กลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่เข้าใจมนุษย์ Mike Matsel หัวหน้าฝ่ายพัฒนา Xbox Graphics ได้โพสต์ประกาศรับสมัครนักออกแบบกราฟิกบน LinkedIn พร้อมภาพประกอบที่สร้างด้วย AI ซึ่งดูเผิน ๆ อาจไม่ผิดปกติ แต่เมื่อพิจารณาใกล้ ๆ กลับเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด เช่น โค้ดปรากฏอยู่ด้านหลังจอภาพ, โต๊ะที่หายไปครึ่งหนึ่ง, เงาที่ไม่สมจริง และผู้หญิงในภาพใส่หูฟัง Apple รุ่นสายจากยุค 2000 ทั้งที่เป็นปี 2025 สิ่งที่ทำให้โพสต์นี้กลายเป็นไวรัลคือความย้อนแย้ง—Microsoft เพิ่งปลดพนักงานกว่า 9,000 คน รวมถึงทีม Xbox บางส่วน แต่กลับใช้ภาพ AI ที่ผิดพลาดในการประกาศรับสมัครงานด้านศิลป์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ถูกลดไปก่อนหน้านี้ ผู้คนในวงการกราฟิกและนักพัฒนาแสดงความไม่พอใจในคอมเมนต์ โดยบางคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการประชด หรือ “compliance แบบประชดประชัน” ที่ใช้ AI ตามคำสั่งแม้จะรู้ว่าผลลัพธ์ไม่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกรณีที่ Matt Turnbull ผู้บริหาร Xbox เคยโพสต์แนะนำให้พนักงานที่ถูกปลดใช้ AI chatbot เพื่อ “เยียวยาอารมณ์” และ “หางานใหม่” ซึ่งก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักจนต้องลบโพสต์ไป ✅ Mike Matsel โพสต์รับสมัครนักออกแบบกราฟิกสำหรับ Xbox บน LinkedIn ➡️ ใช้ภาพ AI ที่มีข้อผิดพลาดชัดเจนเป็นภาพประกอบ ✅ Microsoft เพิ่งปลดพนักงานกว่า 9,000 คน รวมถึงทีม Xbox ➡️ ทำให้การใช้ภาพ AI ในการรับสมัครงานดูย้อนแย้ง ✅ ภาพ AI มีข้อผิดพลาดหลายจุด เช่น: ➡️ โค้ดอยู่ด้านหลังจอ, โต๊ะหายไป, เงาไม่สมจริง, หูฟังรุ่นเก่า ✅ ผู้คนในวงการกราฟิกแสดงความไม่พอใจในคอมเมนต์ ➡️ บางคนสงสัยว่าเป็นการประชดหรือจงใจเรียกความสนใจ ✅ Matt Turnbull เคยโพสต์แนะนำให้ใช้ AI chatbot เพื่อเยียวยาอารมณ์ ➡️ โพสต์ถูกลบหลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก ‼️ การใช้ภาพ AI ที่ผิดพลาดอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นในองค์กร ⛔ โดยเฉพาะในช่วงหลังการปลดพนักงานจำนวนมาก ‼️ การใช้ AI แทนมนุษย์ในงานศิลป์อาจสร้างความรู้สึกด้อยค่าให้กับผู้เชี่ยวชาญ ⛔ โดยเฉพาะเมื่อใช้เพื่อประกาศรับสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ ‼️ การสื่อสารที่ไม่ละเอียดอ่อนในช่วงวิกฤตอาจสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ ⛔ เช่น การแนะนำให้ใช้ AI เพื่อเยียวยาอารมณ์หลังถูกปลด ‼️ แม้ภาพจะไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก Microsoft แต่ยังมีโลโก้ Xbox อยู่ ⛔ ทำให้ผู้คนเชื่อมโยงกับแบรนด์โดยตรงและวิจารณ์องค์กร https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/microsoft-employee-uses-terrible-ai-generated-image-to-advertise-for-xbox-artists-just-weeks-after-massive-layoffs
    0 Comments 0 Shares 290 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลไทย “ปฏิเสธวาจา” แต่ “ยอมรับโดยการกระทำ”

    (พูดไม่เอาแผนที่ 1:200,000 แต่ดันใช้ TOR 2003 ที่อิงแผนที่นั้นโดยตรง)


    ---

    สรุปความย้อนแย้งแบบชัด ๆ:

    สิ่งที่รัฐบาลพูด สิ่งที่รัฐบาลทำจริง

    “ไม่ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ของฝรั่งเศส (Annex I Map)” แต่ยังคงใช้ TOR 2003 ข้อ 1.1.3 ที่ระบุชัดว่าแผนที่พื้นฐานคือ 1:200,000
    “ไทยยึดหลักสันปันน้ำ ไม่ใช่เส้นแผนที่” แต่ไม่มีการแนบ ข้อสงวนสิทธิ (reservation) ใด ๆ ต่อ TOR
    “จะไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามใช้แผนที่ฝรั่งเศสมากำหนดเขตแดน” แต่ในการประชุม JBC/JWG/JTSC ทุกครั้ง ไม่มีการคัดค้านการใช้แนวแผนที่ 1:200,000



    ---

    ทำไมจึงอันตราย?

    1. TOR 2003 กลายเป็น “ข้อตกลงหลักฐาน” ที่รัฐบาลไทยหลายชุดใช้ต่อเนื่อง
    → เสมือนการ “ยอมรับแนว Annex I Map โดยพฤตินัย”


    2. หากเกิดข้อพิพาทในอนาคต ฝ่ายกัมพูชาจะสามารถใช้ TOR นี้ + แผนที่ LiDAR ใหม่
    → ยืนยันว่า “ไทยได้ลงนามไว้เองแล้วตั้งแต่ปี 2003”


    3. ศาลโลกหรือเวทีระหว่างประเทศอาจมองว่าไทย “ตีสองหน้า”
    → กล่าวไม่ยอมรับ แต่ในทางเทคนิคกลับทำเองทุกอย่าง (แผนที่ ร่วมวาด ร่วมวัด)




    ---

    คำแนะนำเชิงยุทธศาสตร์

    ต้องจัดทำ “คำชี้แจงตีความข้อ 1.1.3” หรือ “แนบข้อสงวนสิทธิ” ต่อ TOR 2003 โดยเร็วที่สุด

    ควรกำหนดแนวทางว่าการใช้ TOR นี้ ใช้เพื่อการสำรวจ แต่ไม่ใช่เพื่อยอมรับแนวแผนที่ Annex I

    รัฐสภา/ประชาชนต้องร่วมเรียกร้องให้รัฐบาล “เลิกนิ่ง” และ “ปกป้องอธิปไตยอย่างโปร่งใส”
    🎯 รัฐบาลไทย “ปฏิเสธวาจา” แต่ “ยอมรับโดยการกระทำ” (พูดไม่เอาแผนที่ 1:200,000 แต่ดันใช้ TOR 2003 ที่อิงแผนที่นั้นโดยตรง) --- 📌 สรุปความย้อนแย้งแบบชัด ๆ: สิ่งที่รัฐบาลพูด สิ่งที่รัฐบาลทำจริง “ไม่ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ของฝรั่งเศส (Annex I Map)” แต่ยังคงใช้ TOR 2003 ข้อ 1.1.3 ที่ระบุชัดว่าแผนที่พื้นฐานคือ 1:200,000 “ไทยยึดหลักสันปันน้ำ ไม่ใช่เส้นแผนที่” แต่ไม่มีการแนบ ข้อสงวนสิทธิ (reservation) ใด ๆ ต่อ TOR “จะไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามใช้แผนที่ฝรั่งเศสมากำหนดเขตแดน” แต่ในการประชุม JBC/JWG/JTSC ทุกครั้ง ไม่มีการคัดค้านการใช้แนวแผนที่ 1:200,000 --- ⚠️ ทำไมจึงอันตราย? 1. TOR 2003 กลายเป็น “ข้อตกลงหลักฐาน” ที่รัฐบาลไทยหลายชุดใช้ต่อเนื่อง → เสมือนการ “ยอมรับแนว Annex I Map โดยพฤตินัย” 2. หากเกิดข้อพิพาทในอนาคต ฝ่ายกัมพูชาจะสามารถใช้ TOR นี้ + แผนที่ LiDAR ใหม่ → ยืนยันว่า “ไทยได้ลงนามไว้เองแล้วตั้งแต่ปี 2003” 3. ศาลโลกหรือเวทีระหว่างประเทศอาจมองว่าไทย “ตีสองหน้า” → กล่าวไม่ยอมรับ แต่ในทางเทคนิคกลับทำเองทุกอย่าง (แผนที่ ร่วมวาด ร่วมวัด) --- 🛡️ คำแนะนำเชิงยุทธศาสตร์ ต้องจัดทำ “คำชี้แจงตีความข้อ 1.1.3” หรือ “แนบข้อสงวนสิทธิ” ต่อ TOR 2003 โดยเร็วที่สุด ควรกำหนดแนวทางว่าการใช้ TOR นี้ ใช้เพื่อการสำรวจ แต่ไม่ใช่เพื่อยอมรับแนวแผนที่ Annex I รัฐสภา/ประชาชนต้องร่วมเรียกร้องให้รัฐบาล “เลิกนิ่ง” และ “ปกป้องอธิปไตยอย่างโปร่งใส”
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์บทความของ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ “คานงัดประเทศไทยหลายประเทศมีการผลักดัน “การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง” อย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนสามารถพลิกฟื้นตัวเองจากรัฐที่ตามหลัง (Following State) สู่รัฐที่ล้ำหน้า (Forefront State) อย่างจีน สิงค์โปร์ หรือ เกาหลีใต้ ผิดกับประเทศไทย ที่ปัจจุบันยังเป็นเพียงรัฐที่ตามหลัง และกำลังมีแนวโน้มถดถอยไปสู่รัฐที่กำลังล้มเหลว (Falling State)ที่ผ่านมา ประเทศไทยนั้นมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง (Great Reform) เพียงครั้งเดียว คือในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 แต่เงื่อนไขในการเปลี่ยนแปลงในสมัยนั้นกับในยุคปัจจุบันมีความแตกต่างกัน ทั้งเงื่อนไขที่มาจากปัจจัยภายในและภายนอก ในสมัยล้นเกล้าฯ รัชการที่ 5 น้ำหนักจะอยู่ที่การพัฒนาเพื่อไปสู่ความทันสมัย เพื่อที่จะแสดงให้ประชาคมโลกตระหนักว่าประเทศของเรานั้นไม่ได้ล้าหลัง เนื่องจากต้องเผชิญกับการล่าอาณานิคม ประเด็นท้าทายในยุคปัจจุบัน คือจะมุ่งการพัฒนาเพื่อไปสู่ความยั่งยืน ความเท่าเทียมในสังคม และความเท่าทันเทคโนโลยี ได้อย่างไร~แรงเฉื่อยต่อการเปลี่ยนแปลงหลังกระแสการล่าอาณานิคมผ่านพ้นไป ประเทศไทยไม่เคยต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างรุนแรง เราเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล 2 น้อยมาก ดังนั้น ระบบและโครงสร้างเก่า แนวคิดและจารีตนิยมจึงไม่ได้ถูกทำลาย ทำให้อิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชนยังคงอยู่ ระบบคุณค่าดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการพลิกโฉมประเทศไปสู่สังคมสมัยใหม่ ที่เน้นความเป็นระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ ตระหนักในหน้าที่พลเมือง มีจิตอาสา กล้าที่จะเสนอความเห็น มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และความเสมอภาคระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชน ยังได้หล่อหลอมคนไทยให้เป็น “ปัจเจกบุคคลที่ไร้บรรทัดฐานและคุณค่าร่วมในสังคม” (Anomic Individualism) สะท้อนผ่านพฤติกรรมตัวใครตัวมัน ไม่ชอบถูกบังคับ ไร้ระเบียบวินัย และขาดความรับผิดชอบ ผลข้างเคียงที่ตามมา คือคนไทยโดยส่วนใหญ่จะเรียกร้องสิทธิมากกว่าหน้าที่ เน้นถูกใจมากกว่าถูกต้อง เน้นมองเพื่อตัวเองมากกว่ามองเพื่อส่วนรวม เน้นชิงสุกก่อนห่ามมากกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เน้นรูปแบบมากกว่าสาระ เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ เน้นมูลค่ามากกว่าคุณค่า และเน้นคอนเนคชั่นมากกว่าเนื้องานความไร้บรรทัดฐานและคุณค่าร่วมในสังคม ทำให้คนไทยโดยส่วนใหญ่มักตัดสินใจเลือกเส้นทางหรือวิธีการที่ “มักง่าย” ทำให้เรื่องที่ “ผิดปกติ” กลายเป็นเรื่อง “ไม่ผิดปกติ” และกระทำลงไปโดยปราศจาก “ความรู้สึกผิด” อาทิ นักการเมืองโกงกินไม่เป็นไร ขอเพียงให้มีผลงานบ้าง การทำปฏิวัติรัฐประหาร การใช้กำลังยุติความขัดแย้ง เชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติ ไสยศาสตร์ และความมหัศจรรย์ ไม่รักษาเวลา ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ ทิ้งงานโดยไม่มีเหตุผล เป็นต้น ~ค้นหาจุดคานงัด ทลายวงจรอุบาทว์หากพวกเราไม่คิดแก้ไขปรับเปลี่ยนค่านิยมและพฤติกรรมเหล่านี้ ก็ยากที่ประเทศไทยจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ประเทศอื่น ๆ ในประชาคมโลกในศตวรรษที่ 21 นี้ได้ในการทลายวงจรอุบาทว์เชิงซ้อน จุดคานงัดของการเปลี่ยนแปลง (Leveraging Point) อาจจะอยู่ทึ่ “การปฏิรูประบบคุณค่า” (Value System Reform) ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในค่านิยม 2 ชุดหลักด้วยกัน คือชุดที่ 1: อุปถัมภ์นิยม อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยมชุดที่ 2: บริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยมบริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยม เป็นด้านลบของระบอบทุนนิยม แต่ในด้านบวกของระบอบทุนนิยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขันอย่างเสรี การยึดธรรมาภิบาล กฎกติกา กลับไม่ได้ถูกสังคมไทยนำมาใช้อย่างเต็มที่ เพราะถูกอิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยมเข้าบดบังระบบคุณค่าทั้ง 2 ชุด ยังคงแทรกซึมลึกอยู่ในเกือบทุกอณูของสังคมไทย เป็น Counter-Productive Value ที่นอกจากจะไม่สอดรับกับรูปแบบการพัฒนาและโครงสร้างเศรษฐกิจสังคมในโลกปัจจุบัน ยังเป็นอุปสรรคตัวสำคัญที่สุดของการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ระบบคุณค่าทั้งสองชุดได้ทำให้ธรรมาภิบาล โครงสร้าง ตลอดจนพฤติกรรมของผู้คนในสังคม เกิดการบิดเบี้ยวเชิงระบบ ไม่ว่าจะเป็น• การบิดเบี้ยวเชิงการเมือง ที่ก่อให้เกิดการเมืองที่มีผู้มีอิทธิพลครอบงำ และก่อให้เกิดระบอบธนาธิปไตย และระบอบอมาตยาธิปไตย แทนที่จะเป็นระบอบประชาธิปไตย • การบิดเบี้ยวเชิงบริหารราชการแผ่นดิน ที่การบริหารจัดการภาครัฐถูกแทรกแซง บิดเบือน ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและระบบคุณธรรม • การบิดเบี้ยวเชิงสังคม ที่ก่อให้เกิด Contra-Individuals มากกว่า Collective Individuals รวมถึงเกิดความกระชับแน่นของคนในกลุ่มเดียวกัน (Bonding) เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความสัมพันธ์ของคนต่างกลุ่ม (Bridging) ลดลง เกิดเป็น “สังคมของพวกกู” มากกว่า “สังคมของพวกเรา”• ความบิดเบี้ยวเชิงเศรษฐกิจ ที่ก่อให้เกิดระบบทุนนิยมแบบพวกพ้อง (Crony Capitalism) นำมาสู่ระบบเศรษฐกิจปรสิต (Parasite Economy) และสังคมพึ่งพิงประชานิยม (Dependent Society) • ความบิดเบี้ยวของผู้นำ ที่ก่อให้เกิดการขาดแคลนผู้นำที่เป็นต้นแบบที่ดี มีแต่ผู้นำที่คิดอย่าง พูดอย่าง ทำอย่างอยู่มากมาย เกิดผู้นำที่ใส่ใจในวาระซ่อนเร้นของตน มากกว่า วาระของชาติ• ความบิดเบี้ยวเชิงสถาบัน ที่สถาบันต่าง ๆ ไม่ได้ทำหน้าที่ตามภารกิจอย่างเป็นอิสระ อย่างที่สังคมคาดหวังที่สำคัญ ระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชน ยังก่อให้เกิดความย้อนแย้งระหว่างอำนาจที่แท้จริงและอำนาจทางการ หรือที่เรียกว่า “Power Paradox” กล่าวคือ การที่เรายังมองประชาชนเป็นผู้ถูกปกครอง โดยมีผู้ปกครองคือรัฐ ทั้งที่จริง ๆ แล้วรัฐต้องเป็นผู้รับใช้ประชาชน เป็นความย้อนแย้งระหว่างพฤตินัยและนิตินัยดังนั้น หากปราศจากการปรับเปลี่ยนระบบคุณค่า เพื่อทำให้เกิดความสอดคล้องกับธรรมาภิบาลและโครงสร้างส่วนอื่นๆของสังคม วาระการปฎิรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูประบบเศรษฐกิจ จะไม่มีทางตอบโจทย์ประเด็นปัญหาฐานรากที่เกิดขึ้นในสังคมไทย~ประชาธิปไตยเทียม ทุนนิยมพวกพ้อง ระบบเศรษฐกิจปรสิต และสังคมพึ่งพิงรัฐระบบคุณค่าทั้ง 2 ชุด: อุปถัมภ์นิยม อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยม; บริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยม เป็นปฐมบทของการเกิดโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองแบบ Extractive Political Economy ที่มีผู้คนเพียงบางกลุ่ม ได้ประโยชน์จากอำนาจการปกครองและอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยความพยายามที่จะกีดกั้น เอารัดเอาเปรียบ และทำให้เกิดการกระจุกตัวของอำนาจและความมั่งคั่ง และนำพาสู่การอุบัติขึ้นของ ประชาธิปไตยเทียม ทุนนิยมพวกพ้อง ระบบเศรษฐกิจปรสิต และสังคมพึ่งพิงรัฐ ในที่สุดโครงสร้าง Extractive Political Economy ได้นำพาประเทศไทยสู่ “ทศวรรษแห่งความสูญเปล่า” เกิดสังคมที่ไม่ Clean & Clear ไม่ Free & Fair และไม่ Care & Share สังคมดังกล่าวนำมาซึ่งความเสื่อมถอยของทุนทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นทุนมนุษย์ที่อ่อนแอ ทุนเศรษฐกิจที่อ่อนด้อย ทุนสังคมที่เปราะบาง ทุนคุณธรรมจริยธรรมที่เสื่อมทราม และทุนทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมโทรมถึงเวลาปฎิรูประบบคุณค่า เพื่อใช้เป็นจุดคานงัดในการก้าวพ้นกับดัก และปรับเปลี่ยนไทยสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วในโลกที่หนึ่ง”
    รีโพสต์บทความของ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ “คานงัดประเทศไทยหลายประเทศมีการผลักดัน “การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง” อย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนสามารถพลิกฟื้นตัวเองจากรัฐที่ตามหลัง (Following State) สู่รัฐที่ล้ำหน้า (Forefront State) อย่างจีน สิงค์โปร์ หรือ เกาหลีใต้ ผิดกับประเทศไทย ที่ปัจจุบันยังเป็นเพียงรัฐที่ตามหลัง และกำลังมีแนวโน้มถดถอยไปสู่รัฐที่กำลังล้มเหลว (Falling State)ที่ผ่านมา ประเทศไทยนั้นมีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง (Great Reform) เพียงครั้งเดียว คือในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 แต่เงื่อนไขในการเปลี่ยนแปลงในสมัยนั้นกับในยุคปัจจุบันมีความแตกต่างกัน ทั้งเงื่อนไขที่มาจากปัจจัยภายในและภายนอก ในสมัยล้นเกล้าฯ รัชการที่ 5 น้ำหนักจะอยู่ที่การพัฒนาเพื่อไปสู่ความทันสมัย เพื่อที่จะแสดงให้ประชาคมโลกตระหนักว่าประเทศของเรานั้นไม่ได้ล้าหลัง เนื่องจากต้องเผชิญกับการล่าอาณานิคม ประเด็นท้าทายในยุคปัจจุบัน คือจะมุ่งการพัฒนาเพื่อไปสู่ความยั่งยืน ความเท่าเทียมในสังคม และความเท่าทันเทคโนโลยี ได้อย่างไร~แรงเฉื่อยต่อการเปลี่ยนแปลงหลังกระแสการล่าอาณานิคมผ่านพ้นไป ประเทศไทยไม่เคยต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างรุนแรง เราเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล 2 น้อยมาก ดังนั้น ระบบและโครงสร้างเก่า แนวคิดและจารีตนิยมจึงไม่ได้ถูกทำลาย ทำให้อิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชนยังคงอยู่ ระบบคุณค่าดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการพลิกโฉมประเทศไปสู่สังคมสมัยใหม่ ที่เน้นความเป็นระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ ตระหนักในหน้าที่พลเมือง มีจิตอาสา กล้าที่จะเสนอความเห็น มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และความเสมอภาคระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชน ยังได้หล่อหลอมคนไทยให้เป็น “ปัจเจกบุคคลที่ไร้บรรทัดฐานและคุณค่าร่วมในสังคม” (Anomic Individualism) สะท้อนผ่านพฤติกรรมตัวใครตัวมัน ไม่ชอบถูกบังคับ ไร้ระเบียบวินัย และขาดความรับผิดชอบ ผลข้างเคียงที่ตามมา คือคนไทยโดยส่วนใหญ่จะเรียกร้องสิทธิมากกว่าหน้าที่ เน้นถูกใจมากกว่าถูกต้อง เน้นมองเพื่อตัวเองมากกว่ามองเพื่อส่วนรวม เน้นชิงสุกก่อนห่ามมากกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เน้นรูปแบบมากกว่าสาระ เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ เน้นมูลค่ามากกว่าคุณค่า และเน้นคอนเนคชั่นมากกว่าเนื้องานความไร้บรรทัดฐานและคุณค่าร่วมในสังคม ทำให้คนไทยโดยส่วนใหญ่มักตัดสินใจเลือกเส้นทางหรือวิธีการที่ “มักง่าย” ทำให้เรื่องที่ “ผิดปกติ” กลายเป็นเรื่อง “ไม่ผิดปกติ” และกระทำลงไปโดยปราศจาก “ความรู้สึกผิด” อาทิ นักการเมืองโกงกินไม่เป็นไร ขอเพียงให้มีผลงานบ้าง การทำปฏิวัติรัฐประหาร การใช้กำลังยุติความขัดแย้ง เชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติ ไสยศาสตร์ และความมหัศจรรย์ ไม่รักษาเวลา ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ ทิ้งงานโดยไม่มีเหตุผล เป็นต้น ~ค้นหาจุดคานงัด ทลายวงจรอุบาทว์หากพวกเราไม่คิดแก้ไขปรับเปลี่ยนค่านิยมและพฤติกรรมเหล่านี้ ก็ยากที่ประเทศไทยจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ประเทศอื่น ๆ ในประชาคมโลกในศตวรรษที่ 21 นี้ได้ในการทลายวงจรอุบาทว์เชิงซ้อน จุดคานงัดของการเปลี่ยนแปลง (Leveraging Point) อาจจะอยู่ทึ่ “การปฏิรูประบบคุณค่า” (Value System Reform) ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในค่านิยม 2 ชุดหลักด้วยกัน คือชุดที่ 1: อุปถัมภ์นิยม อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยมชุดที่ 2: บริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยมบริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยม เป็นด้านลบของระบอบทุนนิยม แต่ในด้านบวกของระบอบทุนนิยม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขันอย่างเสรี การยึดธรรมาภิบาล กฎกติกา กลับไม่ได้ถูกสังคมไทยนำมาใช้อย่างเต็มที่ เพราะถูกอิทธิพลของระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยมเข้าบดบังระบบคุณค่าทั้ง 2 ชุด ยังคงแทรกซึมลึกอยู่ในเกือบทุกอณูของสังคมไทย เป็น Counter-Productive Value ที่นอกจากจะไม่สอดรับกับรูปแบบการพัฒนาและโครงสร้างเศรษฐกิจสังคมในโลกปัจจุบัน ยังเป็นอุปสรรคตัวสำคัญที่สุดของการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า ระบบคุณค่าทั้งสองชุดได้ทำให้ธรรมาภิบาล โครงสร้าง ตลอดจนพฤติกรรมของผู้คนในสังคม เกิดการบิดเบี้ยวเชิงระบบ ไม่ว่าจะเป็น• การบิดเบี้ยวเชิงการเมือง ที่ก่อให้เกิดการเมืองที่มีผู้มีอิทธิพลครอบงำ และก่อให้เกิดระบอบธนาธิปไตย และระบอบอมาตยาธิปไตย แทนที่จะเป็นระบอบประชาธิปไตย • การบิดเบี้ยวเชิงบริหารราชการแผ่นดิน ที่การบริหารจัดการภาครัฐถูกแทรกแซง บิดเบือน ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและระบบคุณธรรม • การบิดเบี้ยวเชิงสังคม ที่ก่อให้เกิด Contra-Individuals มากกว่า Collective Individuals รวมถึงเกิดความกระชับแน่นของคนในกลุ่มเดียวกัน (Bonding) เพิ่มขึ้น ในขณะที่ความสัมพันธ์ของคนต่างกลุ่ม (Bridging) ลดลง เกิดเป็น “สังคมของพวกกู” มากกว่า “สังคมของพวกเรา”• ความบิดเบี้ยวเชิงเศรษฐกิจ ที่ก่อให้เกิดระบบทุนนิยมแบบพวกพ้อง (Crony Capitalism) นำมาสู่ระบบเศรษฐกิจปรสิต (Parasite Economy) และสังคมพึ่งพิงประชานิยม (Dependent Society) • ความบิดเบี้ยวของผู้นำ ที่ก่อให้เกิดการขาดแคลนผู้นำที่เป็นต้นแบบที่ดี มีแต่ผู้นำที่คิดอย่าง พูดอย่าง ทำอย่างอยู่มากมาย เกิดผู้นำที่ใส่ใจในวาระซ่อนเร้นของตน มากกว่า วาระของชาติ• ความบิดเบี้ยวเชิงสถาบัน ที่สถาบันต่าง ๆ ไม่ได้ทำหน้าที่ตามภารกิจอย่างเป็นอิสระ อย่างที่สังคมคาดหวังที่สำคัญ ระบบอุปถัมภ์ อำนาจนิยม และอภิสิทธิชน ยังก่อให้เกิดความย้อนแย้งระหว่างอำนาจที่แท้จริงและอำนาจทางการ หรือที่เรียกว่า “Power Paradox” กล่าวคือ การที่เรายังมองประชาชนเป็นผู้ถูกปกครอง โดยมีผู้ปกครองคือรัฐ ทั้งที่จริง ๆ แล้วรัฐต้องเป็นผู้รับใช้ประชาชน เป็นความย้อนแย้งระหว่างพฤตินัยและนิตินัยดังนั้น หากปราศจากการปรับเปลี่ยนระบบคุณค่า เพื่อทำให้เกิดความสอดคล้องกับธรรมาภิบาลและโครงสร้างส่วนอื่นๆของสังคม วาระการปฎิรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูประบบเศรษฐกิจ จะไม่มีทางตอบโจทย์ประเด็นปัญหาฐานรากที่เกิดขึ้นในสังคมไทย~ประชาธิปไตยเทียม ทุนนิยมพวกพ้อง ระบบเศรษฐกิจปรสิต และสังคมพึ่งพิงรัฐระบบคุณค่าทั้ง 2 ชุด: อุปถัมภ์นิยม อำนาจนิยม และอภิสิทธินิยม; บริโภคนิยม วัตถุนิยม และสุขนิยม เป็นปฐมบทของการเกิดโครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองแบบ Extractive Political Economy ที่มีผู้คนเพียงบางกลุ่ม ได้ประโยชน์จากอำนาจการปกครองและอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยความพยายามที่จะกีดกั้น เอารัดเอาเปรียบ และทำให้เกิดการกระจุกตัวของอำนาจและความมั่งคั่ง และนำพาสู่การอุบัติขึ้นของ ประชาธิปไตยเทียม ทุนนิยมพวกพ้อง ระบบเศรษฐกิจปรสิต และสังคมพึ่งพิงรัฐ ในที่สุดโครงสร้าง Extractive Political Economy ได้นำพาประเทศไทยสู่ “ทศวรรษแห่งความสูญเปล่า” เกิดสังคมที่ไม่ Clean & Clear ไม่ Free & Fair และไม่ Care & Share สังคมดังกล่าวนำมาซึ่งความเสื่อมถอยของทุนทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นทุนมนุษย์ที่อ่อนแอ ทุนเศรษฐกิจที่อ่อนด้อย ทุนสังคมที่เปราะบาง ทุนคุณธรรมจริยธรรมที่เสื่อมทราม และทุนทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมโทรมถึงเวลาปฎิรูประบบคุณค่า เพื่อใช้เป็นจุดคานงัดในการก้าวพ้นกับดัก และปรับเปลี่ยนไทยสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วในโลกที่หนึ่ง”
    0 Comments 0 Shares 1150 Views 0 Reviews
  • TikTok ยังคงได้รับโอกาสให้อยู่บน App Store ของ Apple ต่อไปอีก 75 วัน โดยรัฐบาลทรัมป์ขยายเวลาการเจรจาดีลที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เรื่องการขายกิจการในสหรัฐฯ ท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องการสอดแนมผ่านแอปที่กระทบความปลอดภัยของผู้ใช้งาน TikTok ขณะนี้บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งสนใจซื้อกิจการ แต่ ByteDance ยังต้องผ่านขั้นตอนสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจในอนาคต

    การขยายเวลาเพื่อเจรจา:
    - ประธานาธิบดี Donald Trump ลงนามคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2025 เพื่อยืดเวลาออกไปอีก 75 วัน ในการให้ TikTok ดำเนินงานในสหรัฐฯ
    - คำสั่งนี้ยังระบุให้ Attorney General และ Department of Justice งดบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร TikTok ระหว่างช่วงเวลานี้

    ความกังวลด้านความปลอดภัยของข้อมูล:
    - TikTok เผชิญกับความกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในเรื่องการจัดการข้อมูลของผู้ใช้งานกว่า 150 ล้านคน ท่ามกลางข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการเชื่อมโยงกับ Chinese Communist Party (CCP)
    - ความวิตกเกี่ยวกับการสอดแนมผ่านแอปนี้สร้างแรงกดดันต่อ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok

    บริษัทที่สนใจซื้อกิจการ:
    - ในการเจรจาเรื่องการขาย TikTok มีบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งแสดงความสนใจ เช่น Amazon, Oracle, BlackStone และแม้แต่ Reddit ที่ร่วมเสนอราคา

    ความย้อนแย้งทางนโยบาย:
    - น่าสนใจว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลทรัมป์เริ่มต้นข้อเรียกร้องในปี 2020 ผ่านคำสั่งบริหาร 13942 ที่คว่ำบาตรการทำธุรกรรมของ ByteDance

    https://www.neowin.net/news/report-apple-gets-permission-to-keep-tiktok-on-the-app-store-at-least-for-now/
    TikTok ยังคงได้รับโอกาสให้อยู่บน App Store ของ Apple ต่อไปอีก 75 วัน โดยรัฐบาลทรัมป์ขยายเวลาการเจรจาดีลที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เรื่องการขายกิจการในสหรัฐฯ ท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องการสอดแนมผ่านแอปที่กระทบความปลอดภัยของผู้ใช้งาน TikTok ขณะนี้บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งสนใจซื้อกิจการ แต่ ByteDance ยังต้องผ่านขั้นตอนสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจในอนาคต ✅ การขยายเวลาเพื่อเจรจา: - ประธานาธิบดี Donald Trump ลงนามคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2025 เพื่อยืดเวลาออกไปอีก 75 วัน ในการให้ TikTok ดำเนินงานในสหรัฐฯ - คำสั่งนี้ยังระบุให้ Attorney General และ Department of Justice งดบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร TikTok ระหว่างช่วงเวลานี้ ✅ ความกังวลด้านความปลอดภัยของข้อมูล: - TikTok เผชิญกับความกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ในเรื่องการจัดการข้อมูลของผู้ใช้งานกว่า 150 ล้านคน ท่ามกลางข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการเชื่อมโยงกับ Chinese Communist Party (CCP) - ความวิตกเกี่ยวกับการสอดแนมผ่านแอปนี้สร้างแรงกดดันต่อ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok ✅ บริษัทที่สนใจซื้อกิจการ: - ในการเจรจาเรื่องการขาย TikTok มีบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งแสดงความสนใจ เช่น Amazon, Oracle, BlackStone และแม้แต่ Reddit ที่ร่วมเสนอราคา ✅ ความย้อนแย้งทางนโยบาย: - น่าสนใจว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลทรัมป์เริ่มต้นข้อเรียกร้องในปี 2020 ผ่านคำสั่งบริหาร 13942 ที่คว่ำบาตรการทำธุรกรรมของ ByteDance https://www.neowin.net/news/report-apple-gets-permission-to-keep-tiktok-on-the-app-store-at-least-for-now/
    WWW.NEOWIN.NET
    Report: Apple gets permission to keep TikTok on the App Store, at least for now
    Apple has received the go-ahead to keep TikTok and other ByteDance apps on its App Store, as TikTok's fate in the US hangs in the balance.
    0 Comments 0 Shares 377 Views 0 Reviews
  • เรื่องนี้มีความย้อนแย้งกันสักนิดระหว่างผู้ผลิตการ์ดจอ คนเล่น และ คนทำเกมครับ

    นักพัฒนาเกมและบุคคลในวงการเกมได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความยากลำบากในการสร้างกราฟิกที่ล้ำสมัยสำหรับเกม AAA. หลายคนกล่าวว่าการสร้างกราฟิกที่มีความละเอียดสูงนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงและไม่สามารถทำได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการปลดพนักงานจำนวนมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา และเกม AAA ที่มีกราฟิกสูงหลายเกมก็ไม่ประสบความสำเร็จในตลาด

    นักพัฒนาเกมบางคนเชื่อว่ากราฟิกที่มีความละเอียดสูงนั้นมีผลต่อผู้เล่นเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ในขณะที่เกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมักจะเป็นเกมที่สามารถเล่นได้บนฮาร์ดแวร์ระดับต่ำถึงกลาง เช่น Minecraft, Roblox, และ Fortnite

    นักพัฒนาเกมบางคนเชื่อว่าการสร้างเกมที่มีกราฟิกที่ไม่สูงมากและใช้ทรัพยากรน้อยลงอาจเป็นทางออกในระยะสั้นสำหรับอุตสาหกรรมเกม

    ลุงว่ามันย้อนแย้งตรงที่ผู้ผลิต Hardware เช่น Nvidia กลับจะเข็นการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกๆ ปี คนซื้อก็ดิ้นตาม Nvidia เพื่อจะได้ครอบครองการ์ดจอที่เจ๋งที่สุด แรงที่สุดในตลาด แต่ผู้ผลิตเกมกลับพบความยุ่งยากในการพัฒนาเกมและเกมที่ใช้ประสิทธิภาพการ์ดจอล้ำๆ กลับทำยอดขายได้น้อย

    สำหรับลุงแล้วเกมกราฟฟิกหนักหน่วงไม่ได้ใจลุงครับ ลุงชอบเล่นเกมแค่สนุก ตอนเล่นก็ไม่ได้ดูหรอกว่า รอบข้างจะเจนกราฟฟิกสมจริงยังไง จึงไม่ได้ปรับกราฟฟิกให้สุดอยู่แล้ว ดังนั้นการ์ด AMD กับ Intel ที่ขายในราคาที่เหมาะสมคือ "มิตรแท้" ของคนเล่นเกมอย่างลุงโดยแท้ครับ

    https://www.tomshardware.com/video-games/gaming-industry-insiders-say-cutting-edge-graphics-cost-too-much-to-make-for-aaa-games
    เรื่องนี้มีความย้อนแย้งกันสักนิดระหว่างผู้ผลิตการ์ดจอ คนเล่น และ คนทำเกมครับ นักพัฒนาเกมและบุคคลในวงการเกมได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความยากลำบากในการสร้างกราฟิกที่ล้ำสมัยสำหรับเกม AAA. หลายคนกล่าวว่าการสร้างกราฟิกที่มีความละเอียดสูงนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงและไม่สามารถทำได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการปลดพนักงานจำนวนมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา และเกม AAA ที่มีกราฟิกสูงหลายเกมก็ไม่ประสบความสำเร็จในตลาด นักพัฒนาเกมบางคนเชื่อว่ากราฟิกที่มีความละเอียดสูงนั้นมีผลต่อผู้เล่นเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ในขณะที่เกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมักจะเป็นเกมที่สามารถเล่นได้บนฮาร์ดแวร์ระดับต่ำถึงกลาง เช่น Minecraft, Roblox, และ Fortnite นักพัฒนาเกมบางคนเชื่อว่าการสร้างเกมที่มีกราฟิกที่ไม่สูงมากและใช้ทรัพยากรน้อยลงอาจเป็นทางออกในระยะสั้นสำหรับอุตสาหกรรมเกม ลุงว่ามันย้อนแย้งตรงที่ผู้ผลิต Hardware เช่น Nvidia กลับจะเข็นการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกๆ ปี คนซื้อก็ดิ้นตาม Nvidia เพื่อจะได้ครอบครองการ์ดจอที่เจ๋งที่สุด แรงที่สุดในตลาด แต่ผู้ผลิตเกมกลับพบความยุ่งยากในการพัฒนาเกมและเกมที่ใช้ประสิทธิภาพการ์ดจอล้ำๆ กลับทำยอดขายได้น้อย สำหรับลุงแล้วเกมกราฟฟิกหนักหน่วงไม่ได้ใจลุงครับ ลุงชอบเล่นเกมแค่สนุก ตอนเล่นก็ไม่ได้ดูหรอกว่า รอบข้างจะเจนกราฟฟิกสมจริงยังไง จึงไม่ได้ปรับกราฟฟิกให้สุดอยู่แล้ว ดังนั้นการ์ด AMD กับ Intel ที่ขายในราคาที่เหมาะสมคือ "มิตรแท้" ของคนเล่นเกมอย่างลุงโดยแท้ครับ https://www.tomshardware.com/video-games/gaming-industry-insiders-say-cutting-edge-graphics-cost-too-much-to-make-for-aaa-games
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Insiders say cutting-edge graphics are too costly for AAA games
    The ongoing industry crisis may finally teach that more graphics do not equal more sales.
    0 Comments 0 Shares 451 Views 0 Reviews
  • ความย้อนแย้งระดับประเทศ ของแอ็ด คาราบาว
    รวยล้นฟ้า กระทําตัวแปลกๆ เวลานี้เห็นจะเป็นน้าแอ๊ด คาราบาว เพิ่งมีข่าวทางลบกรณีร้านโชห่วย ถูกดี มีมาตรฐานถูกชาวบ้านที่เป็นคู่ค้าร้องเรียนอุตลุดเพราะเจ๊งกันระเนระนาด ทั้งที่น้าแอ๊ดบอกไม่มีความเสี่ยง เราจะรวยไปด้วยกันตอนนี้ตกเป็นข่าวอีกแล้ว
    เมื่อแพทย์ทางเลือกชื่อดังอย่างนายเดชา ศิริพัชรแห่งมูลนิธิขวัญข้าวประกาศตามหาแอ๊ดคาราบาวอยู่ไหน ช่วยติดต่อกลับด่วนโดยหมอเดชาข้องใจอย่างหนัก กับการทําตัวเฉยเมยของน้าแอ๊ด ติดต่อทุกทาง ก็ไม่เคยติดต่อกลับทําราวกับหมอเดชาไม่มีตัวตน ไม่มีราคาใดๆ ที่น้าแอ๊ดต้องให้ค่าอีกแล้วทั้งที่จากเดิมหมอเดชากับน้าแอ๊ด
    คือพันธมิตรสําคัญในการรณรงค์ปลดล็อกกัญชาเพื่อใช้กัญชาเป็นยารักษาโรคถึงขนาดมีโครงการจะสร้างโรงพยาบาลทางเลือกด้วยกัน มีการเปิดบัญชีโดยใช้ชื่อร่วมกันเพื่อรับบริจาคเงินมีการเดินรณรงค์ด้วยกันมีการจัดคอนเสิร์ตระดมทุน และที่พีคสุดขีดก็คือน้าแอ๊ดถึงขั้นแต่งเพลงมหัศจรรย์กัญชาให้เลยทีเดียว น้าแอ๊ดบอกว่าในอดีตเพลงกัญชาที่มีวรรคทองว่านอนตายใต้ต้นกัญชา
    มันคือความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงน้าแอ๊ดรู้แล้วกัญชาอยู่ในระดับยาวิเศษรักษาโรคได้มากมาย โดยคนที่ถ่ายทอดความรู้เรื่องนี้ให้น้าแอ๊ดจนเจ้าตัวใช้ คําว่าตาสว่างก็คือหมอเดชา นี่เองในช่วงปี 2562
    น้าแอ๊ดออกโรงรณรงค์ปลดล็อกกัญชาเต็มตัวโดยเล็งเห็นถึงประโยชน์อนันต์ของกัญชาในการเป็นยาของแพทย์ทางเลือก
    น้าแอ๊ดกับหมอเดชาต่างมีเลือดสุพรรณเหมือนกันการจับมือผลักดันกัญชาจึงดูกลมเกลียวเหนียวแน่นยิ่งนักแต่แล้วพอถึงปี 2567 โรงพยาบาลทางเลือกอันเป็นโครงการในฝันของคนทั้งสองก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง
    น้าแอ๊ดปุบปับละทิ้งคติของคนเลือดสุพรรณดื้อๆไม่เอาแล้วกับวรรคทองมาด้วยเลือดสุพรรณเอ๋ย ไม่ว่าหมอเดชา จะพยายามติดต่อทุกช่องทางสื่อสารกลับไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมาน้าแอ๊ดทําตัวราวกับหมอเดชา กลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว
    ที่ผ่านมา น้าแอดก็ทําแบบนี้ตลอดด่าอเมริกาแต่ขี่ฮาเล่ย์ ด่ากระทิงแดง แต่ขายคาราบาวแดง ชวนชาวบ้านมาทําร้านโชห่วยแต่กลับมีสัญญาผูกมัดแปลกๆจนเจ๊งกระจายความเป็นเจ้าพ่อแห่งความย้อนแย้ง เลยแผลงฤทธิ์เอากับหมอเดชาแบบว่าเจ็บนี้อีกนาน
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ความย้อนแย้งระดับประเทศ ของแอ็ด คาราบาว รวยล้นฟ้า กระทําตัวแปลกๆ เวลานี้เห็นจะเป็นน้าแอ๊ด คาราบาว เพิ่งมีข่าวทางลบกรณีร้านโชห่วย ถูกดี มีมาตรฐานถูกชาวบ้านที่เป็นคู่ค้าร้องเรียนอุตลุดเพราะเจ๊งกันระเนระนาด ทั้งที่น้าแอ๊ดบอกไม่มีความเสี่ยง เราจะรวยไปด้วยกันตอนนี้ตกเป็นข่าวอีกแล้ว เมื่อแพทย์ทางเลือกชื่อดังอย่างนายเดชา ศิริพัชรแห่งมูลนิธิขวัญข้าวประกาศตามหาแอ๊ดคาราบาวอยู่ไหน ช่วยติดต่อกลับด่วนโดยหมอเดชาข้องใจอย่างหนัก กับการทําตัวเฉยเมยของน้าแอ๊ด ติดต่อทุกทาง ก็ไม่เคยติดต่อกลับทําราวกับหมอเดชาไม่มีตัวตน ไม่มีราคาใดๆ ที่น้าแอ๊ดต้องให้ค่าอีกแล้วทั้งที่จากเดิมหมอเดชากับน้าแอ๊ด คือพันธมิตรสําคัญในการรณรงค์ปลดล็อกกัญชาเพื่อใช้กัญชาเป็นยารักษาโรคถึงขนาดมีโครงการจะสร้างโรงพยาบาลทางเลือกด้วยกัน มีการเปิดบัญชีโดยใช้ชื่อร่วมกันเพื่อรับบริจาคเงินมีการเดินรณรงค์ด้วยกันมีการจัดคอนเสิร์ตระดมทุน และที่พีคสุดขีดก็คือน้าแอ๊ดถึงขั้นแต่งเพลงมหัศจรรย์กัญชาให้เลยทีเดียว น้าแอ๊ดบอกว่าในอดีตเพลงกัญชาที่มีวรรคทองว่านอนตายใต้ต้นกัญชา มันคือความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงน้าแอ๊ดรู้แล้วกัญชาอยู่ในระดับยาวิเศษรักษาโรคได้มากมาย โดยคนที่ถ่ายทอดความรู้เรื่องนี้ให้น้าแอ๊ดจนเจ้าตัวใช้ คําว่าตาสว่างก็คือหมอเดชา นี่เองในช่วงปี 2562 น้าแอ๊ดออกโรงรณรงค์ปลดล็อกกัญชาเต็มตัวโดยเล็งเห็นถึงประโยชน์อนันต์ของกัญชาในการเป็นยาของแพทย์ทางเลือก น้าแอ๊ดกับหมอเดชาต่างมีเลือดสุพรรณเหมือนกันการจับมือผลักดันกัญชาจึงดูกลมเกลียวเหนียวแน่นยิ่งนักแต่แล้วพอถึงปี 2567 โรงพยาบาลทางเลือกอันเป็นโครงการในฝันของคนทั้งสองก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง น้าแอ๊ดปุบปับละทิ้งคติของคนเลือดสุพรรณดื้อๆไม่เอาแล้วกับวรรคทองมาด้วยเลือดสุพรรณเอ๋ย ไม่ว่าหมอเดชา จะพยายามติดต่อทุกช่องทางสื่อสารกลับไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมาน้าแอ๊ดทําตัวราวกับหมอเดชา กลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว ที่ผ่านมา น้าแอดก็ทําแบบนี้ตลอดด่าอเมริกาแต่ขี่ฮาเล่ย์ ด่ากระทิงแดง แต่ขายคาราบาวแดง ชวนชาวบ้านมาทําร้านโชห่วยแต่กลับมีสัญญาผูกมัดแปลกๆจนเจ๊งกระจายความเป็นเจ้าพ่อแห่งความย้อนแย้ง เลยแผลงฤทธิ์เอากับหมอเดชาแบบว่าเจ็บนี้อีกนาน ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 1145 Views 0 Reviews
  • ความย้อนแย้งระดับประเทศ ของแอ๊ด คาราบาว
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    #แอ๊ดคาราบาว
    ความย้อนแย้งระดับประเทศ ของแอ๊ด คาราบาว #คิงส์โพธิ์ดำ #แอ๊ดคาราบาว
    Like
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 737 Views 6 0 Reviews
  • #แอมแนสตี้เหิมสั่งศาลรัฐธรรมนูญเปลี่ยนคำตัดสินยุบพรรค
    แอมแนสตี้ องค์กรต่างชาติที่มีพฤติกรรมสนับสนุน
    พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล พรรคที่ได้รับการพิจารณา
    ตัดสินว่าเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองนั้น
    พบว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทยได้ทำการตัดสิน
    แอมแนสตี้ ได้ออกแถลงการที่เป็นการก้าวล่วงอำนาจตุลาการของประเทศไทย
    โดยมีเนื้อหาดังนี้
    นที่ 7 ส.ค. 67 ดีโพรซ มูเชนา ผู้อำนวยการอาวุโส แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบกับการยุบพรรคก้าวไกล เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งเผยให้เห็นความเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงของทางการไทย ต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทย
    “การยุบพรรคการเมือง เพียงเพราะเสนอให้ปฏิรูปกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม เป็นการละเมิดต่อสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเพียงแต่เสนอกฎหมายตามหน้าที่เท่านั้น”
    “การคุกคามอย่างต่อเนื่องของทางการไทยต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เป็นภาพสะท้อนถึงความย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำมั่นสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยประกาศ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิมนุษยชน โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยที่สั่งให้ยุบพรรคอย่างเร่งด่วน และยุติการใช้กฎหมายเป็นอาวุธ เพื่อข่มขู่และคุกคามผู้วิจารณ์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองฝ่ายค้าน”
    เพจคิงส์โพธิ์แดงและปวงชนไทยผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์
    จึงเรียนถึงรัฐบาลไทย และกองทัพไทยได้พิจารณาในการดำเนินการกับองค์กรดังกล่าว ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในกาาคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศ รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนให้กลุ่มคนสร้างความสับสนวุ่นวายเพื่อการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
    มิเช่นนั้นแล้ว หากปล่อยให้องค์กรแอมแนสตี้ ยังคงมีพฤติการเช่นนี้อยู่คงเกิดผลเสียหายต่อเอกราชและความมั่นคงของประเทศไทยอย่างแน่นอน
    ฝากแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงช่วยส่งต่อไป
    ให้รัฐบาลและกองทัพไทยได้รับรู้รับทราบและดำเนินการหยุดยั้งแอมแนสตี้อย่างถาวรต่อไป
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #แอมแนสตี้เหิมสั่งศาลรัฐธรรมนูญเปลี่ยนคำตัดสินยุบพรรค แอมแนสตี้ องค์กรต่างชาติที่มีพฤติกรรมสนับสนุน พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล พรรคที่ได้รับการพิจารณา ตัดสินว่าเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองนั้น พบว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทยได้ทำการตัดสิน แอมแนสตี้ ได้ออกแถลงการที่เป็นการก้าวล่วงอำนาจตุลาการของประเทศไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้ นที่ 7 ส.ค. 67 ดีโพรซ มูเชนา ผู้อำนวยการอาวุโส แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบกับการยุบพรรคก้าวไกล เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งเผยให้เห็นความเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงของทางการไทย ต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทย “การยุบพรรคการเมือง เพียงเพราะเสนอให้ปฏิรูปกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม เป็นการละเมิดต่อสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเพียงแต่เสนอกฎหมายตามหน้าที่เท่านั้น” “การคุกคามอย่างต่อเนื่องของทางการไทยต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เป็นภาพสะท้อนถึงความย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำมั่นสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยประกาศ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิมนุษยชน โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยที่สั่งให้ยุบพรรคอย่างเร่งด่วน และยุติการใช้กฎหมายเป็นอาวุธ เพื่อข่มขู่และคุกคามผู้วิจารณ์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองฝ่ายค้าน” เพจคิงส์โพธิ์แดงและปวงชนไทยผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์ จึงเรียนถึงรัฐบาลไทย และกองทัพไทยได้พิจารณาในการดำเนินการกับองค์กรดังกล่าว ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในกาาคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศ รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนให้กลุ่มคนสร้างความสับสนวุ่นวายเพื่อการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มิเช่นนั้นแล้ว หากปล่อยให้องค์กรแอมแนสตี้ ยังคงมีพฤติการเช่นนี้อยู่คงเกิดผลเสียหายต่อเอกราชและความมั่นคงของประเทศไทยอย่างแน่นอน ฝากแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงช่วยส่งต่อไป ให้รัฐบาลและกองทัพไทยได้รับรู้รับทราบและดำเนินการหยุดยั้งแอมแนสตี้อย่างถาวรต่อไป #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 955 Views 0 Reviews
  • คืออารายของพวกเมิงก่อน
    สมรสเท่าเทียม คงจะได้แต่เด็กตัวเหลืองนะ
    ทั้งฉิ่ง ทั้งดาบ มันมีลูกไม่ได้
    เอายังไงก่อน เมิง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คืออะไรก่อน
    #ธรลี่
    #ทิมมี่
    #ความย้อนแย้ง
    คืออารายของพวกเมิงก่อน สมรสเท่าเทียม คงจะได้แต่เด็กตัวเหลืองนะ ทั้งฉิ่ง ทั้งดาบ มันมีลูกไม่ได้ เอายังไงก่อน เมิง #คิงส์โพธิ์แดง #คืออะไรก่อน #ธรลี่ #ทิมมี่ #ความย้อนแย้ง
    0 Comments 0 Shares 807 Views 0 Reviews