• “Refurbished vs Used — มือถือมือสองแบบไหนคุ้มกว่า ปลอดภัยกว่า และเหมาะกับคุณที่สุด?”

    ในยุคที่สมาร์ตโฟนใหม่มีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้บริโภคจำนวนมากหันมาเลือกซื้อโทรศัพท์มือสองเพื่อประหยัดงบ ซึ่งมีสองทางเลือกหลักคือ “Refurbished” และ “Used” แม้ทั้งสองแบบจะเป็นเครื่องที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว แต่ความแตกต่างระหว่างสองคำนี้มีผลต่อคุณภาพ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าในระยะยาว

    มือถือแบบ Refurbished คือเครื่องที่ผ่านการตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงโดยช่างผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ผลิตโดยตรง เช่น Apple หรือ Samsung โดยมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอ อัปเดตซอฟต์แวร์ และทดสอบการทำงานทุกจุด บางแบรนด์มีการตรวจสอบถึง 64 จุดก่อนนำกลับมาขายใหม่ พร้อมรับประกัน 90 วันถึง 1 ปี

    ในทางกลับกัน มือถือแบบ Used คือเครื่องที่เจ้าของเดิมขายต่อโดยไม่มีการตรวจสอบหรือซ่อมแซมใด ๆ สภาพของเครื่องขึ้นอยู่กับการใช้งานของเจ้าของเดิม ซึ่งอาจมีปัญหาซ่อนอยู่ เช่น แบตเตอรี่เสื่อม หน้าจอมีรอย หรือระบบภายในไม่สมบูรณ์ และมักไม่มีการรับประกัน

    แม้มือถือ Used จะมีราคาถูกกว่ามาก บางครั้งลดจากราคาปกติถึง 40–60% แต่ความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย โดยเฉพาะหากซื้อจากแพลตฟอร์มที่ไม่มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ เช่น Facebook Marketplace หรือ Craigslist

    ในแง่ของสิ่งแวดล้อม ทั้งสองแบบช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตเครื่องใหม่ โดยเฉพาะ Refurbished ที่ผ่านการฟื้นฟูอย่างมืออาชีพ ทำให้สามารถใช้งานได้อีกหลายปี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Refurbished คือมือถือที่ผ่านการตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงโดยผู้เชี่ยวชาญ
    มีการเปลี่ยนชิ้นส่วน อัปเดตซอฟต์แวร์ และทดสอบการทำงานทุกจุด
    มักมีการรับประกัน 90 วันถึง 1 ปีจากผู้ผลิตหรือร้านค้า
    Used คือมือถือที่ขายต่อโดยเจ้าของเดิม โดยไม่มีการตรวจสอบหรือซ่อมแซม
    ราคาของ Used ถูกกว่ามาก แต่มีความเสี่ยงสูง
    Refurbished มีมาตรฐานแบตเตอรี่ เช่น ต้องมีความจุเกิน 85% หรือเปลี่ยนใหม่
    Refurbished ใช้ระบบ grading เพื่อบอกสภาพเครื่อง เช่น Fair, Good, Premium
    Refurbished ลดการปล่อยคาร์บอนถึง 92% เมื่อเทียบกับการผลิตเครื่องใหม่
    ผู้บริโภคในแคนาดานิยมซื้อ Refurbished มากขึ้น โดยตลาดรวมแตะ $69 พันล้านในปี 2024

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Apple, Samsung, และ Google มีโปรแกรม Refurbished ที่รับประกันคุณภาพ
    Amazon Renewed ใช้ระบบตรวจสอบโดยช่างเทคนิค พร้อมอุปกรณ์เสริมที่เทียบเท่าเครื่องใหม่
    Refurbished iPhone สามารถตรวจสอบแบตเตอรี่ได้ผ่านเมนู Battery Health
    ร้านที่น่าเชื่อถือมักให้การรับประกันอย่างน้อย 90 วันสำหรับเครื่อง Refurbished
    Refurbished บางรุ่นมีการเปลี่ยนฝาหลังหรือหน้าจอใหม่เพื่อให้ดูเหมือนเครื่องใหม่

    https://securityonline.info/refurbished-vs-used-phones-whats-the-real-difference/
    📱 “Refurbished vs Used — มือถือมือสองแบบไหนคุ้มกว่า ปลอดภัยกว่า และเหมาะกับคุณที่สุด?” ในยุคที่สมาร์ตโฟนใหม่มีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้บริโภคจำนวนมากหันมาเลือกซื้อโทรศัพท์มือสองเพื่อประหยัดงบ ซึ่งมีสองทางเลือกหลักคือ “Refurbished” และ “Used” แม้ทั้งสองแบบจะเป็นเครื่องที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว แต่ความแตกต่างระหว่างสองคำนี้มีผลต่อคุณภาพ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าในระยะยาว มือถือแบบ Refurbished คือเครื่องที่ผ่านการตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงโดยช่างผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ผลิตโดยตรง เช่น Apple หรือ Samsung โดยมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอ อัปเดตซอฟต์แวร์ และทดสอบการทำงานทุกจุด บางแบรนด์มีการตรวจสอบถึง 64 จุดก่อนนำกลับมาขายใหม่ พร้อมรับประกัน 90 วันถึง 1 ปี ในทางกลับกัน มือถือแบบ Used คือเครื่องที่เจ้าของเดิมขายต่อโดยไม่มีการตรวจสอบหรือซ่อมแซมใด ๆ สภาพของเครื่องขึ้นอยู่กับการใช้งานของเจ้าของเดิม ซึ่งอาจมีปัญหาซ่อนอยู่ เช่น แบตเตอรี่เสื่อม หน้าจอมีรอย หรือระบบภายในไม่สมบูรณ์ และมักไม่มีการรับประกัน แม้มือถือ Used จะมีราคาถูกกว่ามาก บางครั้งลดจากราคาปกติถึง 40–60% แต่ความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย โดยเฉพาะหากซื้อจากแพลตฟอร์มที่ไม่มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ เช่น Facebook Marketplace หรือ Craigslist ในแง่ของสิ่งแวดล้อม ทั้งสองแบบช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตเครื่องใหม่ โดยเฉพาะ Refurbished ที่ผ่านการฟื้นฟูอย่างมืออาชีพ ทำให้สามารถใช้งานได้อีกหลายปี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Refurbished คือมือถือที่ผ่านการตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงโดยผู้เชี่ยวชาญ ➡️ มีการเปลี่ยนชิ้นส่วน อัปเดตซอฟต์แวร์ และทดสอบการทำงานทุกจุด ➡️ มักมีการรับประกัน 90 วันถึง 1 ปีจากผู้ผลิตหรือร้านค้า ➡️ Used คือมือถือที่ขายต่อโดยเจ้าของเดิม โดยไม่มีการตรวจสอบหรือซ่อมแซม ➡️ ราคาของ Used ถูกกว่ามาก แต่มีความเสี่ยงสูง ➡️ Refurbished มีมาตรฐานแบตเตอรี่ เช่น ต้องมีความจุเกิน 85% หรือเปลี่ยนใหม่ ➡️ Refurbished ใช้ระบบ grading เพื่อบอกสภาพเครื่อง เช่น Fair, Good, Premium ➡️ Refurbished ลดการปล่อยคาร์บอนถึง 92% เมื่อเทียบกับการผลิตเครื่องใหม่ ➡️ ผู้บริโภคในแคนาดานิยมซื้อ Refurbished มากขึ้น โดยตลาดรวมแตะ $69 พันล้านในปี 2024 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Apple, Samsung, และ Google มีโปรแกรม Refurbished ที่รับประกันคุณภาพ ➡️ Amazon Renewed ใช้ระบบตรวจสอบโดยช่างเทคนิค พร้อมอุปกรณ์เสริมที่เทียบเท่าเครื่องใหม่ ➡️ Refurbished iPhone สามารถตรวจสอบแบตเตอรี่ได้ผ่านเมนู Battery Health ➡️ ร้านที่น่าเชื่อถือมักให้การรับประกันอย่างน้อย 90 วันสำหรับเครื่อง Refurbished ➡️ Refurbished บางรุ่นมีการเปลี่ยนฝาหลังหรือหน้าจอใหม่เพื่อให้ดูเหมือนเครื่องใหม่ https://securityonline.info/refurbished-vs-used-phones-whats-the-real-difference/
    SECURITYONLINE.INFO
    Refurbished vs used phones: what's the real difference?
    Shopping for a smartphone on a budget presents two main options: refurbished devices and used phones. While both
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • “Crucial เปิดตัว LPCAMM2 RAM ความเร็วทะลุ 8,533 MT/s — เร็วที่สุดในโลก แต่ราคาก็แรงไม่แพ้กัน”

    Crucial ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้ Micron ได้เปิดตัวหน่วยความจำ LPCAMM2 สำหรับแล็ปท็อป โดยมีความเร็วสูงสุดถึง 8,533 MT/s ถือเป็น RAM สำหรับโน้ตบุ๊กที่เร็วที่สุดในตลาดขณะนี้ โดยออกแบบมาเพื่อรองรับงานหนัก เช่น การประมวลผล AI, การเรนเดอร์กราฟิก และการทำงานแบบมัลติทาสก์ในระดับมืออาชีพ

    LPCAMM2 เป็นฟอร์แมตใหม่ที่ลดขนาดลงจาก SODIMM เดิมถึง 60% ทำให้ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในเครื่อง ส่งผลให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยใช้ LPDDR5X ที่มีแรงดันไฟต่ำเพียง 1.05V และมีประสิทธิภาพด้านพลังงานดีกว่า DDR5 รุ่นก่อนถึง 7 เท่า

    Crucial ระบุว่า LPCAMM2 เร็วกว่า DDR5 SODIMM ทั่วไปถึง 1.5 เท่า และจากการทดสอบจริงพบว่าประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 70% ในงานด้านการสร้างคอนเทนต์และการใช้งานสำนักงานทั่วไป

    หน่วยความจำนี้มีให้เลือกทั้งขนาด 32GB และ 64GB โดยรุ่น 64GB มีราคาประมาณ $451.99 (ราว 16,500 บาท) ซึ่งถือว่าเป็นระดับพรีเมียม และยังจำกัดเฉพาะโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่รองรับ LPCAMM2 เท่านั้น เช่น Lenovo และ Dell ในกลุ่ม AI mobile workstation

    Crucial ยังชูจุดเด่นด้านความสามารถในการอัปเกรด ซึ่งสวนทางกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่นิยมใช้ RAM แบบฝังถาวร โดยเชื่อว่าการอัปเกรดได้จะช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Crucial เปิดตัว LPCAMM2 RAM สำหรับแล็ปท็อป ความเร็วสูงสุด 8,533 MT/s
    เร็วกว่า DDR5 SODIMM ทั่วไปถึง 1.5 เท่า และประสิทธิภาพดีขึ้น 70% ในการใช้งานจริง
    ใช้ LPDDR5X ที่มีแรงดันไฟต่ำ 1.05V และประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 7 เท่า
    ขนาดเล็กลง 60% จาก SODIMM ช่วยเพิ่ม airflow และความยืดหยุ่นในการออกแบบเครื่อง
    มีให้เลือกทั้ง 32GB และ 64GB โดยรุ่น 64GB ราคา $451.99
    รองรับเฉพาะโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ เช่น Lenovo และ Dell ที่มีสล็อต LPCAMM2
    ชูจุดเด่นด้านการอัปเกรดได้ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และยืดอายุเครื่อง
    เหมาะกับงาน AI, การเรนเดอร์, การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ และมัลติทาสก์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    LPCAMM2 ย่อมาจาก Low-Power Compression-Attached Memory Module 2
    JEDEC กำลังพิจารณามาตรฐาน LPCAMM2 เพื่อให้รองรับในวงกว้าง
    LPDDR5X เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธง เช่น Galaxy S23 Ultra
    ความเร็ว 8,533 MT/s เทียบเท่ากับ SSD PCIe Gen6 ในการจัดการข้อมูล
    Crucial เคยเปิดตัว Clocked SODIMM ที่เร็วสุด 6,400 MT/s แต่ยังช้ากว่า LPCAMM2

    https://www.techradar.com/pro/crucial-reveals-fastest-laptop-memory-ever-lpcamm2-ram-reaches-a-staggering-8533-mt-s-but-at-just-under-usd500-it-aint-for-everyone
    ⚡ “Crucial เปิดตัว LPCAMM2 RAM ความเร็วทะลุ 8,533 MT/s — เร็วที่สุดในโลก แต่ราคาก็แรงไม่แพ้กัน” Crucial ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้ Micron ได้เปิดตัวหน่วยความจำ LPCAMM2 สำหรับแล็ปท็อป โดยมีความเร็วสูงสุดถึง 8,533 MT/s ถือเป็น RAM สำหรับโน้ตบุ๊กที่เร็วที่สุดในตลาดขณะนี้ โดยออกแบบมาเพื่อรองรับงานหนัก เช่น การประมวลผล AI, การเรนเดอร์กราฟิก และการทำงานแบบมัลติทาสก์ในระดับมืออาชีพ LPCAMM2 เป็นฟอร์แมตใหม่ที่ลดขนาดลงจาก SODIMM เดิมถึง 60% ทำให้ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในเครื่อง ส่งผลให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยใช้ LPDDR5X ที่มีแรงดันไฟต่ำเพียง 1.05V และมีประสิทธิภาพด้านพลังงานดีกว่า DDR5 รุ่นก่อนถึง 7 เท่า Crucial ระบุว่า LPCAMM2 เร็วกว่า DDR5 SODIMM ทั่วไปถึง 1.5 เท่า และจากการทดสอบจริงพบว่าประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 70% ในงานด้านการสร้างคอนเทนต์และการใช้งานสำนักงานทั่วไป หน่วยความจำนี้มีให้เลือกทั้งขนาด 32GB และ 64GB โดยรุ่น 64GB มีราคาประมาณ $451.99 (ราว 16,500 บาท) ซึ่งถือว่าเป็นระดับพรีเมียม และยังจำกัดเฉพาะโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่รองรับ LPCAMM2 เท่านั้น เช่น Lenovo และ Dell ในกลุ่ม AI mobile workstation Crucial ยังชูจุดเด่นด้านความสามารถในการอัปเกรด ซึ่งสวนทางกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่นิยมใช้ RAM แบบฝังถาวร โดยเชื่อว่าการอัปเกรดได้จะช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Crucial เปิดตัว LPCAMM2 RAM สำหรับแล็ปท็อป ความเร็วสูงสุด 8,533 MT/s ➡️ เร็วกว่า DDR5 SODIMM ทั่วไปถึง 1.5 เท่า และประสิทธิภาพดีขึ้น 70% ในการใช้งานจริง ➡️ ใช้ LPDDR5X ที่มีแรงดันไฟต่ำ 1.05V และประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 7 เท่า ➡️ ขนาดเล็กลง 60% จาก SODIMM ช่วยเพิ่ม airflow และความยืดหยุ่นในการออกแบบเครื่อง ➡️ มีให้เลือกทั้ง 32GB และ 64GB โดยรุ่น 64GB ราคา $451.99 ➡️ รองรับเฉพาะโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ เช่น Lenovo และ Dell ที่มีสล็อต LPCAMM2 ➡️ ชูจุดเด่นด้านการอัปเกรดได้ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และยืดอายุเครื่อง ➡️ เหมาะกับงาน AI, การเรนเดอร์, การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ และมัลติทาสก์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ LPCAMM2 ย่อมาจาก Low-Power Compression-Attached Memory Module 2 ➡️ JEDEC กำลังพิจารณามาตรฐาน LPCAMM2 เพื่อให้รองรับในวงกว้าง ➡️ LPDDR5X เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธง เช่น Galaxy S23 Ultra ➡️ ความเร็ว 8,533 MT/s เทียบเท่ากับ SSD PCIe Gen6 ในการจัดการข้อมูล ➡️ Crucial เคยเปิดตัว Clocked SODIMM ที่เร็วสุด 6,400 MT/s แต่ยังช้ากว่า LPCAMM2 https://www.techradar.com/pro/crucial-reveals-fastest-laptop-memory-ever-lpcamm2-ram-reaches-a-staggering-8533-mt-s-but-at-just-under-usd500-it-aint-for-everyone
    WWW.TECHRADAR.COM
    New Crucial LPCAMM2 memory offers premium speed at a high price
    The smaller size promises better airflow and efficiency
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • “400 ล้านเครื่องกำลังถูกทิ้ง — ธุรกิจทั่วโลกร้องขอให้ Microsoft ยืดอายุ Windows 10 ฟรี เพื่อหยุดหายนะขยะอิเล็กทรอนิกส์”

    ใกล้ถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการสนับสนุนฟรีของ Windows 10 หลายองค์กรทั่วโลกเริ่มแสดงความกังวลอย่างหนัก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจซ่อมคอมพิวเตอร์, ห้องสมุด, โรงเรียน, นักการเมืองท้องถิ่น และองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมกว่า 500 แห่ง ได้ร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึง Microsoft เพื่อขอให้ขยายการสนับสนุนฟรีของ Windows 10 ออกไปอีก

    เหตุผลหลักคือมีคอมพิวเตอร์กว่า 400 ล้านเครื่องทั่วโลกที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ เช่น TPM 2.0 หรือ CPU รุ่นเก่า ซึ่งทำให้ผู้ใช้ต้องเลือกระหว่าง “ซื้อเครื่องใหม่” หรือ “ใช้งานระบบที่ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัย” ซึ่งทั้งสองทางเลือกมีต้นทุนสูงและเสี่ยงต่อความปลอดภัย

    องค์กร PIRG (Public Interest Research Group) ซึ่งเป็นผู้จัดแคมเปญนี้ ระบุว่า การหยุดสนับสนุน Windows 10 จะทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์มากถึง 1.6 พันล้านปอนด์ และยังเปิดช่องให้แฮกเกอร์โจมตีระบบที่ไม่ได้รับการอัปเดต โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดเล็ก โรงพยาบาล และหน่วยงานราชการที่ยังใช้ Windows 10 เป็นหลัก

    แม้ Microsoft จะเสนอทางเลือกให้ซื้อการสนับสนุนต่อในราคาประมาณ $30 ต่อปี หรือมีโปรแกรมราคาพิเศษสำหรับโรงเรียนในยุโรป แต่กลุ่มผู้เรียกร้องมองว่า “การคิดเงินเพื่อความปลอดภัยพื้นฐาน” เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล และขัดกับพันธกิจด้านความยั่งยืนของ Microsoft เอง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Windows 10 จะสิ้นสุดการสนับสนุนฟรีในวันที่ 14 ตุลาคม 2025
    มีคอมพิวเตอร์กว่า 400 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้
    กลุ่ม PIRG และองค์กรกว่า 500 แห่งร่วมลงนามเรียกร้องให้ Microsoft ขยายการสนับสนุนฟรี
    การหยุดสนับสนุนจะสร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์มากถึง 1.6 พันล้านปอนด์
    Microsoft เสนอการสนับสนุนแบบเสียเงินเริ่มต้นที่ $30 ต่อปี
    โรงเรียนในยุโรปได้รับสิทธิ์สนับสนุนฟรีเพิ่มอีก 1 ปี
    Windows 10 ยังมีส่วนแบ่งตลาดถึง 40.5% ณ เดือนกันยายน 2025
    ผู้ใช้งานหลายกลุ่มยังไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ได้เพราะข้อจำกัดฮาร์ดแวร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Windows 11 ต้องการ TPM 2.0 และ CPU รุ่นใหม่ ทำให้หลายเครื่องไม่สามารถอัปเกรดได้
    Microsoft เคยสนับสนุน Windows XP นานถึง 13 ปี ก่อนจะหยุดในปี 2014
    การอัปเดตความปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการป้องกัน ransomware และมัลแวร์
    การเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในองค์กรขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมาก
    Linux ถูกเสนอเป็นทางเลือกสำหรับเครื่องที่ไม่สามารถใช้ Windows 11 ได้

    https://www.techradar.com/pro/hundreds-of-businesses-beg-microsoft-not-to-kill-off-free-windows-10-updates
    🖥️ “400 ล้านเครื่องกำลังถูกทิ้ง — ธุรกิจทั่วโลกร้องขอให้ Microsoft ยืดอายุ Windows 10 ฟรี เพื่อหยุดหายนะขยะอิเล็กทรอนิกส์” ใกล้ถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการสนับสนุนฟรีของ Windows 10 หลายองค์กรทั่วโลกเริ่มแสดงความกังวลอย่างหนัก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจซ่อมคอมพิวเตอร์, ห้องสมุด, โรงเรียน, นักการเมืองท้องถิ่น และองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมกว่า 500 แห่ง ได้ร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึง Microsoft เพื่อขอให้ขยายการสนับสนุนฟรีของ Windows 10 ออกไปอีก เหตุผลหลักคือมีคอมพิวเตอร์กว่า 400 ล้านเครื่องทั่วโลกที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ เช่น TPM 2.0 หรือ CPU รุ่นเก่า ซึ่งทำให้ผู้ใช้ต้องเลือกระหว่าง “ซื้อเครื่องใหม่” หรือ “ใช้งานระบบที่ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัย” ซึ่งทั้งสองทางเลือกมีต้นทุนสูงและเสี่ยงต่อความปลอดภัย องค์กร PIRG (Public Interest Research Group) ซึ่งเป็นผู้จัดแคมเปญนี้ ระบุว่า การหยุดสนับสนุน Windows 10 จะทำให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์มากถึง 1.6 พันล้านปอนด์ และยังเปิดช่องให้แฮกเกอร์โจมตีระบบที่ไม่ได้รับการอัปเดต โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดเล็ก โรงพยาบาล และหน่วยงานราชการที่ยังใช้ Windows 10 เป็นหลัก แม้ Microsoft จะเสนอทางเลือกให้ซื้อการสนับสนุนต่อในราคาประมาณ $30 ต่อปี หรือมีโปรแกรมราคาพิเศษสำหรับโรงเรียนในยุโรป แต่กลุ่มผู้เรียกร้องมองว่า “การคิดเงินเพื่อความปลอดภัยพื้นฐาน” เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล และขัดกับพันธกิจด้านความยั่งยืนของ Microsoft เอง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Windows 10 จะสิ้นสุดการสนับสนุนฟรีในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ➡️ มีคอมพิวเตอร์กว่า 400 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ ➡️ กลุ่ม PIRG และองค์กรกว่า 500 แห่งร่วมลงนามเรียกร้องให้ Microsoft ขยายการสนับสนุนฟรี ➡️ การหยุดสนับสนุนจะสร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์มากถึง 1.6 พันล้านปอนด์ ➡️ Microsoft เสนอการสนับสนุนแบบเสียเงินเริ่มต้นที่ $30 ต่อปี ➡️ โรงเรียนในยุโรปได้รับสิทธิ์สนับสนุนฟรีเพิ่มอีก 1 ปี ➡️ Windows 10 ยังมีส่วนแบ่งตลาดถึง 40.5% ณ เดือนกันยายน 2025 ➡️ ผู้ใช้งานหลายกลุ่มยังไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ได้เพราะข้อจำกัดฮาร์ดแวร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Windows 11 ต้องการ TPM 2.0 และ CPU รุ่นใหม่ ทำให้หลายเครื่องไม่สามารถอัปเกรดได้ ➡️ Microsoft เคยสนับสนุน Windows XP นานถึง 13 ปี ก่อนจะหยุดในปี 2014 ➡️ การอัปเดตความปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการป้องกัน ransomware และมัลแวร์ ➡️ การเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในองค์กรขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมาก ➡️ Linux ถูกเสนอเป็นทางเลือกสำหรับเครื่องที่ไม่สามารถใช้ Windows 11 ได้ https://www.techradar.com/pro/hundreds-of-businesses-beg-microsoft-not-to-kill-off-free-windows-10-updates
    WWW.TECHRADAR.COM
    Hundreds of businesses beg Microsoft not to kill off free Windows 10 updates
    533 signatories ask Microsoft to reconsider Windows 10’s EOL
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • “ดร.ณัฏฐ์” ซัด “กฤช” สส.ระยอง พรรคปชน. อภิปราย พาดพิง “สุชาติ” มั่ว ยืนยัน มีคุณสมบัติครบถ้วนตาม รธน.
    https://www.thai-tai.tv/news/21697/
    .
    #สุชาติชมกลิ่น #กฤชศิลปะชัย #ขยะอิเล็กทรอนิกส์ #มังกรน้ำเค็ม #ส่วยสติ๊กเกอร์ #ท้าดีเบต #การเมืองไทย #รองนายกฯ
    “ดร.ณัฏฐ์” ซัด “กฤช” สส.ระยอง พรรคปชน. อภิปราย พาดพิง “สุชาติ” มั่ว ยืนยัน มีคุณสมบัติครบถ้วนตาม รธน. https://www.thai-tai.tv/news/21697/ . #สุชาติชมกลิ่น #กฤชศิลปะชัย #ขยะอิเล็กทรอนิกส์ #มังกรน้ำเค็ม #ส่วยสติ๊กเกอร์ #ท้าดีเบต #การเมืองไทย #รองนายกฯ
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • 'สุชาติ ชมกลิ่น' แจงสภาฯ ปัดเอี่ยวคดีค้ามนุษย์ฟินแลนด์ ขบวนการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ย้ำพร้อมให้ดำเนินคดี หากทำผิดกฎหมาย ขออย่ากล่าวหากันลอย ๆ
    https://www.thai-tai.tv/news/21695/
    .
    #สุชาติชมกลิ่น #อภิปรายนโยบาย #ค้ามนุษย์ #บ่อดินเถื่อน #มังกรน้ำเค็ม #รัฐมนตรีชี้แจง #ปปช #การเมืองไทย
    'สุชาติ ชมกลิ่น' แจงสภาฯ ปัดเอี่ยวคดีค้ามนุษย์ฟินแลนด์ ขบวนการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ย้ำพร้อมให้ดำเนินคดี หากทำผิดกฎหมาย ขออย่ากล่าวหากันลอย ๆ https://www.thai-tai.tv/news/21695/ . #สุชาติชมกลิ่น #อภิปรายนโยบาย #ค้ามนุษย์ #บ่อดินเถื่อน #มังกรน้ำเค็ม #รัฐมนตรีชี้แจง #ปปช #การเมืองไทย
    0 Comments 0 Shares 201 Views 0 Reviews
  • “Crucial เปิดตัว LPCAMM2 แรมโน้ตบุ๊กยุคใหม่เร็วสุด 8,533MT/s — พร้อมรองรับ AI และอัปเกรดได้ในเครื่องบางเบา”

    Micron Technology ได้เปิดตัวหน่วยความจำ Crucial LPCAMM2 ซึ่งเป็นแรมโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่ใช้ LPDDR5X และมีความเร็วสูงสุดถึง 8,533MT/s ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในวงการหน่วยความจำสำหรับโน้ตบุ๊ก โดยออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI, การประมวลผลแบบเรียลไทม์ และการใช้งานหนักในเครื่องบางเบา

    LPCAMM2 มีขนาดเล็กกว่าหน่วยความจำ DDR5 SODIMM ถึงครึ่งหนึ่ง แต่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า 1.5 เท่า และใช้พลังงานน้อยลงอย่างมาก โดยลดการใช้พลังงานขณะ standby ได้ถึง 80% และลดการใช้พลังงานขณะทำงานได้ถึง 58% ทำให้เหมาะกับโน้ตบุ๊กที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่ยังคงอายุแบตเตอรี่ยาวนาน

    จุดเด่นอีกอย่างคือ “ความสามารถในการอัปเกรด” ซึ่งแตกต่างจาก LPDDR ที่มักถูกบัดกรีติดกับเมนบอร์ด LPCAMM2 มาในรูปแบบโมดูลที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มความจุหรือเปลี่ยนแรมได้ในอนาคต ลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่อง

    Crucial ระบุว่า LPCAMM2 เหมาะกับผู้ใช้สายสร้างสรรค์, นักพัฒนา AI และผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เช่น การประชุมวิดีโอ, การตัดต่อภาพ, การเขียนเอกสาร และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 15% ในงาน productivity และ 7% ในงานสร้างสรรค์ จากผลทดสอบ PCMark 10

    หน่วยความจำนี้รองรับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จาก Lenovo และ Dell และคาดว่าจะมีการนำไปใช้ในโน้ตบุ๊ก AI รุ่นถัดไปอย่างแพร่หลาย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Crucial เปิดตัว LPCAMM2 หน่วยความจำ LPDDR5X สำหรับโน้ตบุ๊ก
    ความเร็วสูงสุดถึง 8,533MT/s เร็วกว่า DDR5 SODIMM ถึง 1.5 เท่า
    ลดการใช้พลังงานขณะ standby ได้ถึง 80% และขณะทำงานได้ถึง 58%
    ขนาดเล็กกว่าหน่วยความจำ DDR5 SODIMM ถึง 64%
    รองรับการอัปเกรดและเปลี่ยนแรมได้ ไม่ต้องบัดกรีติดเมนบอร์ด
    เหมาะกับงาน AI, การสร้างสรรค์, และการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
    เพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 15% ในงาน productivity และ 7% ในงานสร้างสรรค์
    รองรับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จาก Lenovo และ Dell
    มีจำหน่ายแล้วผ่านช่องทางค้าปลีกและตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก

    LPDDR5X เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธง เช่น Galaxy S Ultra และ iPhone Pro
    CAMM (Compression Attached Memory Module) เป็นมาตรฐานใหม่ที่กำลังแทนที่ SODIMM
    LPCAMM2 ใช้การเชื่อมต่อแบบ dual-channel ในโมดูลเดียว เพิ่มแบนด์วิดธ์ได้เต็ม 128 บิต
    การออกแบบบางเบาและไม่มีพัดลมช่วยให้โน้ตบุ๊กมีดีไซน์ที่บางลงและเงียบขึ้น
    การอัปเกรดแรมในโน้ตบุ๊กเป็นสิ่งที่ผู้ใช้เรียกร้องมานาน หลังจากหลายรุ่นใช้แรมบัดกรีถาวร

    https://www.techpowerup.com/341496/crucial-unveils-lpcamm2-memory-with-record-8-533mt-s-performance-for-ai-ready-laptops
    🚀 “Crucial เปิดตัว LPCAMM2 แรมโน้ตบุ๊กยุคใหม่เร็วสุด 8,533MT/s — พร้อมรองรับ AI และอัปเกรดได้ในเครื่องบางเบา” Micron Technology ได้เปิดตัวหน่วยความจำ Crucial LPCAMM2 ซึ่งเป็นแรมโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่ใช้ LPDDR5X และมีความเร็วสูงสุดถึง 8,533MT/s ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญในวงการหน่วยความจำสำหรับโน้ตบุ๊ก โดยออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI, การประมวลผลแบบเรียลไทม์ และการใช้งานหนักในเครื่องบางเบา LPCAMM2 มีขนาดเล็กกว่าหน่วยความจำ DDR5 SODIMM ถึงครึ่งหนึ่ง แต่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า 1.5 เท่า และใช้พลังงานน้อยลงอย่างมาก โดยลดการใช้พลังงานขณะ standby ได้ถึง 80% และลดการใช้พลังงานขณะทำงานได้ถึง 58% ทำให้เหมาะกับโน้ตบุ๊กที่ต้องการประสิทธิภาพสูงแต่ยังคงอายุแบตเตอรี่ยาวนาน จุดเด่นอีกอย่างคือ “ความสามารถในการอัปเกรด” ซึ่งแตกต่างจาก LPDDR ที่มักถูกบัดกรีติดกับเมนบอร์ด LPCAMM2 มาในรูปแบบโมดูลที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มความจุหรือเปลี่ยนแรมได้ในอนาคต ลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่อง Crucial ระบุว่า LPCAMM2 เหมาะกับผู้ใช้สายสร้างสรรค์, นักพัฒนา AI และผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เช่น การประชุมวิดีโอ, การตัดต่อภาพ, การเขียนเอกสาร และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 15% ในงาน productivity และ 7% ในงานสร้างสรรค์ จากผลทดสอบ PCMark 10 หน่วยความจำนี้รองรับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จาก Lenovo และ Dell และคาดว่าจะมีการนำไปใช้ในโน้ตบุ๊ก AI รุ่นถัดไปอย่างแพร่หลาย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Crucial เปิดตัว LPCAMM2 หน่วยความจำ LPDDR5X สำหรับโน้ตบุ๊ก ➡️ ความเร็วสูงสุดถึง 8,533MT/s เร็วกว่า DDR5 SODIMM ถึง 1.5 เท่า ➡️ ลดการใช้พลังงานขณะ standby ได้ถึง 80% และขณะทำงานได้ถึง 58% ➡️ ขนาดเล็กกว่าหน่วยความจำ DDR5 SODIMM ถึง 64% ➡️ รองรับการอัปเกรดและเปลี่ยนแรมได้ ไม่ต้องบัดกรีติดเมนบอร์ด ➡️ เหมาะกับงาน AI, การสร้างสรรค์, และการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 15% ในงาน productivity และ 7% ในงานสร้างสรรค์ ➡️ รองรับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่จาก Lenovo และ Dell ➡️ มีจำหน่ายแล้วผ่านช่องทางค้าปลีกและตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก ➡️ LPDDR5X เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในสมาร์ตโฟนระดับเรือธง เช่น Galaxy S Ultra และ iPhone Pro ➡️ CAMM (Compression Attached Memory Module) เป็นมาตรฐานใหม่ที่กำลังแทนที่ SODIMM ➡️ LPCAMM2 ใช้การเชื่อมต่อแบบ dual-channel ในโมดูลเดียว เพิ่มแบนด์วิดธ์ได้เต็ม 128 บิต ➡️ การออกแบบบางเบาและไม่มีพัดลมช่วยให้โน้ตบุ๊กมีดีไซน์ที่บางลงและเงียบขึ้น ➡️ การอัปเกรดแรมในโน้ตบุ๊กเป็นสิ่งที่ผู้ใช้เรียกร้องมานาน หลังจากหลายรุ่นใช้แรมบัดกรีถาวร https://www.techpowerup.com/341496/crucial-unveils-lpcamm2-memory-with-record-8-533mt-s-performance-for-ai-ready-laptops
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Crucial Unveils LPCAMM2 Memory with Record 8,533MT/s Performance for AI-Ready Laptops
    Micron Technology is pushing the boundaries of laptop performance with higher speeds for Crucial LPCAMM2 memory, now reaching up to 8,533 megatransfers per second (MT/s). This latest enhancement brings even more performance to Crucial's standards-based compact memory module, purpose-built to allow e...
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • “Apple กับความ ‘ไม่ว้าว’ ที่เพิ่มขึ้น — เมื่อดีไซน์สวยกลบการใช้งาน และ iPhone Air กลายเป็นคำถามมากกว่าคำตอบ”

    Riccardo Mori นักเขียนสายเทคโนโลยีที่ติดตาม Apple มานาน ได้เขียนบทความวิจารณ์งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2025 ซึ่งถูกตั้งชื่อว่า “Awe Dropping” แต่สำหรับเขาแล้ว มันคือ “ความว้าวที่ลดลงเรื่อย ๆ” โดยเฉพาะเมื่อ Apple เปิดตัว iPhone 17, iPhone Air, Apple Watch Series 11 และ AirPods Pro 3 พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 26 ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ชื่อ Liquid Glass

    Mori ตั้งคำถามถึงความจริงใจของ Apple ที่เปิดงานด้วยคำพูดของ Steve Jobs ว่า “Design is how it works” ทั้งที่ดีไซน์ Liquid Glass เน้นความสวยงามมากกว่าการใช้งานจริง และ iPhone Air ก็เป็นตัวอย่างของการออกแบบที่เน้นความบางจนเสียฟังก์ชัน เช่น ความร้อนสูง, แบตเตอรี่เล็ก, ไม่มีช่องใส่ซิม และต้องพึ่งพาแบตเสริม MagSafe ที่ทำให้ดีไซน์บางหมดความหมาย

    เขายังวิจารณ์ Apple Watch ว่าเต็มไปด้วยฟีเจอร์ที่มากเกินไป และการนำเสนอเรื่อง “ช่วยชีวิตผู้ใช้” กลายเป็นการตลาดที่ซ้ำซาก ส่วน AirPods ก็ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพราะไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่าย

    สำหรับ iPhone 17 Pro แม้จะมีฟีเจอร์กล้องระดับโปรและดีไซน์ใหม่ แต่ราคาก็สูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และ iPhone Air ก็ถูกมองว่าเป็น “การทดลอง” ที่อาจไม่ประสบความสำเร็จ เหมือนกับ iPhone mini ที่เคยถูกยกเลิกไป

    สุดท้าย Mori สรุปว่า Apple กำลังสูญเสียจุดเด่นที่เคยมี คือการผสานฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์อย่างลงตัว เพราะแม้ฮาร์ดแวร์จะดีขึ้นทุกปี แต่ iOS 26 กลับเต็มไปด้วยปัญหาด้าน UI และการออกแบบที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้จริง

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    Apple เปิดตัว iPhone 17, iPhone Air, Apple Watch Series 11 และ AirPods Pro 3
    iPhone Air เป็นรุ่นที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่มีข้อจำกัดหลายด้าน
    Apple ใช้คำพูดของ Steve Jobs เปิดงาน แต่ดีไซน์ปัจจุบันขัดแย้งกับแนวคิดนั้น
    iOS 26 มาพร้อม Liquid Glass UI ที่เน้นความสวยงามมากกว่าการใช้งาน

    การวิจารณ์ผลิตภัณฑ์
    Apple Watch มีฟีเจอร์มากเกินไป และการนำเสนอเรื่อง “ช่วยชีวิต” กลายเป็นการตลาด
    AirPods ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพราะเปลี่ยนแบตไม่ได้
    iPhone 17 Pro มีฟีเจอร์กล้องระดับโปร แต่ราคาสูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    iPhone Air ถูกมองว่าเป็นการทดลองที่อาจไม่ประสบความสำเร็จ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    iPhone Air มีความบางเพียง 5.5 มม. และใช้ชิป A19 Pro พร้อมหน้าจอ 120Hz
    ไม่มีช่องใส่ซิมการ์ด และไม่มี mmWave 5G — ใช้ eSIM เท่านั้น
    Apple เปิดตัวแบตเสริม MagSafe สำหรับ iPhone Air โดยเฉพาะ
    iPhone 17 Pro ใช้กล้อง 48MP ทุกตัว และมีระบบระบายความร้อนแบบใหม่

    https://morrick.me/archives/10137
    📱 “Apple กับความ ‘ไม่ว้าว’ ที่เพิ่มขึ้น — เมื่อดีไซน์สวยกลบการใช้งาน และ iPhone Air กลายเป็นคำถามมากกว่าคำตอบ” Riccardo Mori นักเขียนสายเทคโนโลยีที่ติดตาม Apple มานาน ได้เขียนบทความวิจารณ์งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2025 ซึ่งถูกตั้งชื่อว่า “Awe Dropping” แต่สำหรับเขาแล้ว มันคือ “ความว้าวที่ลดลงเรื่อย ๆ” โดยเฉพาะเมื่อ Apple เปิดตัว iPhone 17, iPhone Air, Apple Watch Series 11 และ AirPods Pro 3 พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS 26 ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ชื่อ Liquid Glass Mori ตั้งคำถามถึงความจริงใจของ Apple ที่เปิดงานด้วยคำพูดของ Steve Jobs ว่า “Design is how it works” ทั้งที่ดีไซน์ Liquid Glass เน้นความสวยงามมากกว่าการใช้งานจริง และ iPhone Air ก็เป็นตัวอย่างของการออกแบบที่เน้นความบางจนเสียฟังก์ชัน เช่น ความร้อนสูง, แบตเตอรี่เล็ก, ไม่มีช่องใส่ซิม และต้องพึ่งพาแบตเสริม MagSafe ที่ทำให้ดีไซน์บางหมดความหมาย เขายังวิจารณ์ Apple Watch ว่าเต็มไปด้วยฟีเจอร์ที่มากเกินไป และการนำเสนอเรื่อง “ช่วยชีวิตผู้ใช้” กลายเป็นการตลาดที่ซ้ำซาก ส่วน AirPods ก็ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพราะไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่าย สำหรับ iPhone 17 Pro แม้จะมีฟีเจอร์กล้องระดับโปรและดีไซน์ใหม่ แต่ราคาก็สูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และ iPhone Air ก็ถูกมองว่าเป็น “การทดลอง” ที่อาจไม่ประสบความสำเร็จ เหมือนกับ iPhone mini ที่เคยถูกยกเลิกไป สุดท้าย Mori สรุปว่า Apple กำลังสูญเสียจุดเด่นที่เคยมี คือการผสานฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์อย่างลงตัว เพราะแม้ฮาร์ดแวร์จะดีขึ้นทุกปี แต่ iOS 26 กลับเต็มไปด้วยปัญหาด้าน UI และการออกแบบที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้จริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ Apple เปิดตัว iPhone 17, iPhone Air, Apple Watch Series 11 และ AirPods Pro 3 ➡️ iPhone Air เป็นรุ่นที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่มีข้อจำกัดหลายด้าน ➡️ Apple ใช้คำพูดของ Steve Jobs เปิดงาน แต่ดีไซน์ปัจจุบันขัดแย้งกับแนวคิดนั้น ➡️ iOS 26 มาพร้อม Liquid Glass UI ที่เน้นความสวยงามมากกว่าการใช้งาน ✅ การวิจารณ์ผลิตภัณฑ์ ➡️ Apple Watch มีฟีเจอร์มากเกินไป และการนำเสนอเรื่อง “ช่วยชีวิต” กลายเป็นการตลาด ➡️ AirPods ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพราะเปลี่ยนแบตไม่ได้ ➡️ iPhone 17 Pro มีฟีเจอร์กล้องระดับโปร แต่ราคาสูงเกินไปสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ➡️ iPhone Air ถูกมองว่าเป็นการทดลองที่อาจไม่ประสบความสำเร็จ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ iPhone Air มีความบางเพียง 5.5 มม. และใช้ชิป A19 Pro พร้อมหน้าจอ 120Hz ➡️ ไม่มีช่องใส่ซิมการ์ด และไม่มี mmWave 5G — ใช้ eSIM เท่านั้น ➡️ Apple เปิดตัวแบตเสริม MagSafe สำหรับ iPhone Air โดยเฉพาะ ➡️ iPhone 17 Pro ใช้กล้อง 48MP ทุกตัว และมีระบบระบายความร้อนแบบใหม่ https://morrick.me/archives/10137
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • ขุมทรัพย์ในถังขยะ – เมื่อ SSD ระดับโปรกลายเป็นของฟรี

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเดินผ่านถังขยะ แล้วพบกับ SSD ระดับโปรจำนวน 6 ตัว รวมความจุถึง 6TB ที่ยังใช้งานได้อยู่ — นั่นคือสิ่งที่ผู้ใช้ Reddit ชื่อ DogeBoi6 เจอเข้าโดยบังเอิญ

    เขาพบ SSD Samsung 850 Pro ขนาด 1TB จำนวน 6 ตัว ถูกทิ้งไว้โดยไม่ใส่ใจ และตัดสินใจนำกลับมาใช้เพื่อดาวน์โหลดคลังเกม Steam ทั้งหมดของเขา แม้จะไม่รู้ว่า SSD เหล่านี้เคยผ่านการใช้งานแบบไหนมาก่อน แต่เขาก็ไม่กังวล เพราะไม่ได้วางแผนจะเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในนั้น

    Samsung 850 Pro เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 ใช้เทคโนโลยี V-NAND รุ่นแรก มีความเร็วอ่าน/เขียนสูงสุดถึง 550MB/s และ 520MB/s ตามลำดับ พร้อม IOPS สูงถึง 100K/90K และมาพร้อมกับการรับประกัน 10 ปี หรือ 150–300 TBW ซึ่งถือว่ายาวนานและมั่นใจในความทนทาน

    แม้ SSD เหล่านี้จะหมดระยะรับประกันไปแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง และสามารถใช้งานได้ดีในงานที่ไม่ต้องการความเสถียรระดับมืออาชีพ เช่น การเก็บเกมหรือไฟล์ที่สามารถดาวน์โหลดใหม่ได้

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    ผู้ใช้ Reddit พบ SSD Samsung 850 Pro ขนาด 1TB จำนวน 6 ตัวในถังขยะ
    รวมความจุทั้งหมด 6TB และวางแผนใช้เก็บคลังเกม Steam
    ไม่ทราบประวัติการใช้งาน SSD เหล่านี้ แต่คาดว่าอาจเคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์
    ผู้ใช้ไม่เก็บข้อมูลสำคัญใน SSD เหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
    Samsung 850 Pro เปิดตัวในปี 2014 และถือว่าเป็น SSD ระดับสูงในยุคนั้น
    ใช้เทคโนโลยี V-NAND รุ่นแรก มีความเร็วอ่าน/เขียนสูงสุด 550/520MB/s
    มี IOPS สูงถึง 100K/90K และรองรับ AES encryption
    รับประกัน 10 ปี หรือ 150–300 TBW แล้วแต่รุ่นและแหล่งข้อมูล
    SSD เหล่านี้หมดระยะรับประกันแล้ว แต่ยังใช้งานได้ในระดับทั่วไป
    เป็นตัวอย่างของการนำอุปกรณ์เก่ากลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Samsung 850 Pro เคยเป็น SSD SATA ที่เร็วที่สุดในตลาดช่วงเปิดตัว
    มีความทนทานสูงและใช้พลังงานต่ำ เหมาะกับงานหนักและเกมเมอร์
    ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ $730 ต่อ 1TB ซึ่งถือว่าสูงมากในยุคนั้น
    รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย เช่น Windows, Linux, Server
    สามารถใช้ซอฟต์แวร์ Samsung Magician เพื่อตรวจสอบสุขภาพ SSD
    การใช้ SSD เก่าในงานที่ไม่สำคัญช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ดี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/lucky-user-finds-6tb-of-free-ssd-storage-while-dumpster-diving-finder-plans-to-use-the-six-1tb-samsung-850-pro-ssds-to-download-entire-steam-library
    🎙️ ขุมทรัพย์ในถังขยะ – เมื่อ SSD ระดับโปรกลายเป็นของฟรี ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเดินผ่านถังขยะ แล้วพบกับ SSD ระดับโปรจำนวน 6 ตัว รวมความจุถึง 6TB ที่ยังใช้งานได้อยู่ — นั่นคือสิ่งที่ผู้ใช้ Reddit ชื่อ DogeBoi6 เจอเข้าโดยบังเอิญ เขาพบ SSD Samsung 850 Pro ขนาด 1TB จำนวน 6 ตัว ถูกทิ้งไว้โดยไม่ใส่ใจ และตัดสินใจนำกลับมาใช้เพื่อดาวน์โหลดคลังเกม Steam ทั้งหมดของเขา แม้จะไม่รู้ว่า SSD เหล่านี้เคยผ่านการใช้งานแบบไหนมาก่อน แต่เขาก็ไม่กังวล เพราะไม่ได้วางแผนจะเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในนั้น Samsung 850 Pro เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 ใช้เทคโนโลยี V-NAND รุ่นแรก มีความเร็วอ่าน/เขียนสูงสุดถึง 550MB/s และ 520MB/s ตามลำดับ พร้อม IOPS สูงถึง 100K/90K และมาพร้อมกับการรับประกัน 10 ปี หรือ 150–300 TBW ซึ่งถือว่ายาวนานและมั่นใจในความทนทาน แม้ SSD เหล่านี้จะหมดระยะรับประกันไปแล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง และสามารถใช้งานได้ดีในงานที่ไม่ต้องการความเสถียรระดับมืออาชีพ เช่น การเก็บเกมหรือไฟล์ที่สามารถดาวน์โหลดใหม่ได้ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ ผู้ใช้ Reddit พบ SSD Samsung 850 Pro ขนาด 1TB จำนวน 6 ตัวในถังขยะ ➡️ รวมความจุทั้งหมด 6TB และวางแผนใช้เก็บคลังเกม Steam ➡️ ไม่ทราบประวัติการใช้งาน SSD เหล่านี้ แต่คาดว่าอาจเคยใช้ในเซิร์ฟเวอร์ ➡️ ผู้ใช้ไม่เก็บข้อมูลสำคัญใน SSD เหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ➡️ Samsung 850 Pro เปิดตัวในปี 2014 และถือว่าเป็น SSD ระดับสูงในยุคนั้น ➡️ ใช้เทคโนโลยี V-NAND รุ่นแรก มีความเร็วอ่าน/เขียนสูงสุด 550/520MB/s ➡️ มี IOPS สูงถึง 100K/90K และรองรับ AES encryption ➡️ รับประกัน 10 ปี หรือ 150–300 TBW แล้วแต่รุ่นและแหล่งข้อมูล ➡️ SSD เหล่านี้หมดระยะรับประกันแล้ว แต่ยังใช้งานได้ในระดับทั่วไป ➡️ เป็นตัวอย่างของการนำอุปกรณ์เก่ากลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Samsung 850 Pro เคยเป็น SSD SATA ที่เร็วที่สุดในตลาดช่วงเปิดตัว ➡️ มีความทนทานสูงและใช้พลังงานต่ำ เหมาะกับงานหนักและเกมเมอร์ ➡️ ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ $730 ต่อ 1TB ซึ่งถือว่าสูงมากในยุคนั้น ➡️ รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย เช่น Windows, Linux, Server ➡️ สามารถใช้ซอฟต์แวร์ Samsung Magician เพื่อตรวจสอบสุขภาพ SSD ➡️ การใช้ SSD เก่าในงานที่ไม่สำคัญช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ดี https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/lucky-user-finds-6tb-of-free-ssd-storage-while-dumpster-diving-finder-plans-to-use-the-six-1tb-samsung-850-pro-ssds-to-download-entire-steam-library
    0 Comments 0 Shares 361 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: โน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่จับคู่ CPU-GPU แบบย้อนยุค—ประหยัดหรือพลาด?

    แบรนด์จีนชื่อ Sakuromoto เปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิ่งสองรุ่นที่สร้างความงุนงงให้กับวงการ:

    รุ่นแรกชื่อ “Inter Book” ใช้ชิปกราฟิก GeForce GTX 1060 ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ปี 2016 จับคู่กับซีพียู Intel N95 ระดับเริ่มต้นจากตระกูล Alder Lake-N ที่มีเพียง 4 คอร์

    รุ่นที่สองชื่อ “Rescue Series” ใช้ซีพียูระดับสูง Core i9-12900H แบบ 14 คอร์ แต่กลับจับคู่กับ GPU MX550 ซึ่งเป็นชิปกราฟิกระดับล่างที่อ่อนแอกว่า GTX 1060 เสียอีก

    ทั้งสองรุ่นมีการตลาดที่ “เกินจริง” เช่น บอกว่า N95 เป็น “Core i9-class” และหน้าจอ 1080p เป็น “4K-class” ซึ่งสร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค

    แม้จะดูแปลก แต่ก็มีเหตุผลเบื้องหลัง—อาจเป็นการนำชิ้นส่วนเก่ามาใช้ใหม่เพื่อลดต้นทุนหรือช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็ต้องแลกกับประสิทธิภาพที่ไม่สมดุลและประสบการณ์เล่นเกมที่ไม่น่าประทับใจ

    Sakuromoto เปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิ่งสองรุ่นที่ใช้ชิ้นส่วนเก่า
    Inter Book ใช้ GTX 1060 + Intel N95
    Rescue Series ใช้ Core i9-12900H + MX550

    GTX 1060 เป็น GPU จากปี 2016 ที่ยังพอเล่นเกมระดับกลางได้
    มี VRAM 6 GB GDDR5
    เล่นเกม 1080p ได้ในระดับกลาง

    Intel N95 เป็นซีพียูระดับเริ่มต้นที่มีเพียง 4 คอร์
    ใช้พลังงานต่ำเพียง 15W
    ไม่เหมาะกับงานหนักหรือเกมที่ใช้ CPU สูง

    MX550 เป็น GPU ระดับล่างที่อ่อนแอกว่า GTX 1060
    มี 1024 shaders และ VRAM 4 GB
    เหมาะกับงานเบา เช่น ตัดต่อภาพหรือวิดีโอเบื้องต้น

    โน้ตบุ๊กทั้งสองรุ่นมีการตลาดที่เกินจริง
    เรียก N95 ว่า “Core i9-class”
    หน้าจอ 1080p ถูกเรียกว่า “4K-class”

    อาจเป็นการนำชิ้นส่วนเก่ามาใช้ใหม่เพื่อลดต้นทุน
    ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
    อาจเหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้เน้นเกมหนัก

    https://wccftech.com/chinese-manufacturer-uses-gtx-1060-by-releasing-an-entry-level-laptop-with-intel-n95/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: โน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่จับคู่ CPU-GPU แบบย้อนยุค—ประหยัดหรือพลาด? แบรนด์จีนชื่อ Sakuromoto เปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิ่งสองรุ่นที่สร้างความงุนงงให้กับวงการ: ▶️ รุ่นแรกชื่อ “Inter Book” ใช้ชิปกราฟิก GeForce GTX 1060 ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ปี 2016 จับคู่กับซีพียู Intel N95 ระดับเริ่มต้นจากตระกูล Alder Lake-N ที่มีเพียง 4 คอร์ ▶️ รุ่นที่สองชื่อ “Rescue Series” ใช้ซีพียูระดับสูง Core i9-12900H แบบ 14 คอร์ แต่กลับจับคู่กับ GPU MX550 ซึ่งเป็นชิปกราฟิกระดับล่างที่อ่อนแอกว่า GTX 1060 เสียอีก ทั้งสองรุ่นมีการตลาดที่ “เกินจริง” เช่น บอกว่า N95 เป็น “Core i9-class” และหน้าจอ 1080p เป็น “4K-class” ซึ่งสร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค แม้จะดูแปลก แต่ก็มีเหตุผลเบื้องหลัง—อาจเป็นการนำชิ้นส่วนเก่ามาใช้ใหม่เพื่อลดต้นทุนหรือช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็ต้องแลกกับประสิทธิภาพที่ไม่สมดุลและประสบการณ์เล่นเกมที่ไม่น่าประทับใจ ✅ Sakuromoto เปิดตัวโน้ตบุ๊กเกมมิ่งสองรุ่นที่ใช้ชิ้นส่วนเก่า ➡️ Inter Book ใช้ GTX 1060 + Intel N95 ➡️ Rescue Series ใช้ Core i9-12900H + MX550 ✅ GTX 1060 เป็น GPU จากปี 2016 ที่ยังพอเล่นเกมระดับกลางได้ ➡️ มี VRAM 6 GB GDDR5 ➡️ เล่นเกม 1080p ได้ในระดับกลาง ✅ Intel N95 เป็นซีพียูระดับเริ่มต้นที่มีเพียง 4 คอร์ ➡️ ใช้พลังงานต่ำเพียง 15W ➡️ ไม่เหมาะกับงานหนักหรือเกมที่ใช้ CPU สูง ✅ MX550 เป็น GPU ระดับล่างที่อ่อนแอกว่า GTX 1060 ➡️ มี 1024 shaders และ VRAM 4 GB ➡️ เหมาะกับงานเบา เช่น ตัดต่อภาพหรือวิดีโอเบื้องต้น ✅ โน้ตบุ๊กทั้งสองรุ่นมีการตลาดที่เกินจริง ➡️ เรียก N95 ว่า “Core i9-class” ➡️ หน้าจอ 1080p ถูกเรียกว่า “4K-class” ✅ อาจเป็นการนำชิ้นส่วนเก่ามาใช้ใหม่เพื่อลดต้นทุน ➡️ ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ➡️ อาจเหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้เน้นเกมหนัก https://wccftech.com/chinese-manufacturer-uses-gtx-1060-by-releasing-an-entry-level-laptop-with-intel-n95/
    WCCFTECH.COM
    Chinese Manufacturer Pairs GTX 1060 With Intel N95 Processor For Its Gaming Laptop; Uses Even A Weirder Combo Of Core i9 12900H+MX550 In Another Model
    Sakuramoto has been producing gaming laptops with weird CPU-GPU combos as seen recently. One of its offerings included GTX 1060 and N95.
    0 Comments 0 Shares 336 Views 0 Reviews
  • เบื่อไหมกับกองสายไฟ สายเคเบิลที่รกพื้นที่และกำจัดยาก?
    มาถึงจุดเปลี่ยนที่ธุรกิจของคุณต้องมี! ขอแนะนำ เครื่องบดย่อยวัสดุเหลือใช้ Two Shafts Shredder นวัตกรรมล้ำหน้าที่จะช่วยให้การจัดการขยะสายไฟกลายเป็นเรื่องง่าย และสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ!
    ทำไม Two Shafts Shredder ของเราถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด?
    บดได้ทุกอย่าง... โดยเฉพาะสายไฟและสายเคเบิลทุกชนิด!
    ไม่ว่าจะเป็นสายทองแดง สายอลูมิเนียม สายเคเบิลใยแก้วนำแสง หรือสายโทรศัพท์ที่มีฉนวนหนาขนาดไหน เครื่องของเราก็เอาอยู่! ด้วยระบบใบมีดคู่ที่ทรงพลังและแม่นยำ ทำให้สายไฟและเคเบิลถูกบดย่อยเป็นชิ้นเล็กๆ อย่างสม่ำเสมอพร้อมสำหรับการแยกส่วนหรือรีไซเคิลต่อยอดทันที!
    สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจคุณ!
    การบดย่อยสายไฟอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณสามารถแยกทองแดง อลูมิเนียม หรือวัสดุมีค่าอื่นๆ ออกมาได้อย่างง่ายดาย เพิ่มโอกาสในการขายเศษวัสดุรีไซเคิล สร้างรายได้เสริมให้ธุรกิจของคุณได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ!
    ทนทาน แกร่งทุกงานหนัก!
    ด้วยการออกแบบวิศวกรรมที่แข็งแกร่ง ใบมีดผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทนทานต่อการสึกหรอ และมอเตอร์คู่กำลังสูง 10 HP (380V x 2 Motors) ทำให้เครื่องของเราพร้อมลุยงานหนักได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัด!
    ปลอดภัย ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก!
    มีระบบ Emergency Switch เพื่อหยุดการทำงานฉุกเฉิน, Meter แสดงสถานะการทำงาน และฟังก์ชัน Reverse ที่ช่วยแก้ปัญหาวัสดุติดขัดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การทำงานของคุณราบรื่นและปลอดภัยไร้กังวล!
    นี่คือโอกาสทองที่จะยกระดับธุรกิจของคุณให้เหนือกว่า!
    ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการจัดการขยะที่ไร้ประสิทธิภาพอีกต่อไป! ลงทุนกับ Two Shafts Shredder วันนี้ เพื่อประสิทธิภาพที่ยั่งยืนและผลกำไรที่เพิ่มขึ้น!
    ไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ?
    แวะมาชมเครื่องจริงและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ ย.ย่งฮะเฮง!
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.
    คลิกดูแผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    รีบติดต่อเราเพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษ ก่อนใคร!
    แชทกับเราได้เลย: m.me/yonghahheng หรือ LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) / https://lin.ee/5H812n9
    โทรสายด่วน: 02-215-3515-9 | 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com | yonghahheng@gmail.com
    #เครื่องบดสายไฟ #เครื่องบดเคเบิล #TwoShaftsShredder #เครื่องบดย่อย #จัดการสายไฟ #รีไซเคิลสายไฟ #เศษสายไฟ #ขยะอิเล็กทรอนิกส์ #eWaste #ยย่งฮะเฮง #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #ลดต้นทุน #เพิ่มพื้นที่ #โซลูชั่นขยะ #ธุรกิจรีไซเคิล #โรงงาน #อุตสาหกรรมไฟฟ้า #สายไฟ #สายเคเบิล #บดละเอียด #เครื่องจักรคุณภาพสูง #สร้างรายได้ #สิ่งแวดล้อม #จัดการของเสียอย่างมืออาชีพ #นวัตกรรมเครื่องจักร
    💥 เบื่อไหมกับกองสายไฟ สายเคเบิลที่รกพื้นที่และกำจัดยาก? 💥 มาถึงจุดเปลี่ยนที่ธุรกิจของคุณต้องมี! ขอแนะนำ เครื่องบดย่อยวัสดุเหลือใช้ Two Shafts Shredder นวัตกรรมล้ำหน้าที่จะช่วยให้การจัดการขยะสายไฟกลายเป็นเรื่องง่าย และสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ! ✨ ทำไม Two Shafts Shredder ของเราถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด? ✨ ✅ บดได้ทุกอย่าง... โดยเฉพาะสายไฟและสายเคเบิลทุกชนิด! ไม่ว่าจะเป็นสายทองแดง สายอลูมิเนียม สายเคเบิลใยแก้วนำแสง หรือสายโทรศัพท์ที่มีฉนวนหนาขนาดไหน เครื่องของเราก็เอาอยู่! ด้วยระบบใบมีดคู่ที่ทรงพลังและแม่นยำ ทำให้สายไฟและเคเบิลถูกบดย่อยเป็นชิ้นเล็กๆ อย่างสม่ำเสมอพร้อมสำหรับการแยกส่วนหรือรีไซเคิลต่อยอดทันที! ✅ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจคุณ! การบดย่อยสายไฟอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณสามารถแยกทองแดง อลูมิเนียม หรือวัสดุมีค่าอื่นๆ ออกมาได้อย่างง่ายดาย เพิ่มโอกาสในการขายเศษวัสดุรีไซเคิล สร้างรายได้เสริมให้ธุรกิจของคุณได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ! ✅ ทนทาน แกร่งทุกงานหนัก! ด้วยการออกแบบวิศวกรรมที่แข็งแกร่ง ใบมีดผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทนทานต่อการสึกหรอ และมอเตอร์คู่กำลังสูง 10 HP (380V x 2 Motors) ทำให้เครื่องของเราพร้อมลุยงานหนักได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัด! ✅ ปลอดภัย ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก! มีระบบ Emergency Switch เพื่อหยุดการทำงานฉุกเฉิน, Meter แสดงสถานะการทำงาน และฟังก์ชัน Reverse ที่ช่วยแก้ปัญหาวัสดุติดขัดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การทำงานของคุณราบรื่นและปลอดภัยไร้กังวล! นี่คือโอกาสทองที่จะยกระดับธุรกิจของคุณให้เหนือกว่า! ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการจัดการขยะที่ไร้ประสิทธิภาพอีกต่อไป! ลงทุนกับ Two Shafts Shredder วันนี้ เพื่อประสิทธิภาพที่ยั่งยืนและผลกำไรที่เพิ่มขึ้น! 📍 ไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ? แวะมาชมเครื่องจริงและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ ย.ย่งฮะเฮง! เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น. 🗺️ คลิกดูแผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 รีบติดต่อเราเพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษ ก่อนใคร! 💬 แชทกับเราได้เลย: m.me/yonghahheng หรือ LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) / https://lin.ee/5H812n9 📞 โทรสายด่วน: 02-215-3515-9 | 081-3189098 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com | yonghahheng@gmail.com #เครื่องบดสายไฟ #เครื่องบดเคเบิล #TwoShaftsShredder #เครื่องบดย่อย #จัดการสายไฟ #รีไซเคิลสายไฟ #เศษสายไฟ #ขยะอิเล็กทรอนิกส์ #eWaste #ยย่งฮะเฮง #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #ลดต้นทุน #เพิ่มพื้นที่ #โซลูชั่นขยะ #ธุรกิจรีไซเคิล #โรงงาน #อุตสาหกรรมไฟฟ้า #สายไฟ #สายเคเบิล #บดละเอียด #เครื่องจักรคุณภาพสูง #สร้างรายได้ #สิ่งแวดล้อม #จัดการของเสียอย่างมืออาชีพ #นวัตกรรมเครื่องจักร
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 760 Views 0 Reviews
  • โดยทั่วไปแล้ว การสกัดทองจากแร่หรือแผงวงจร (PCB) ต้องพึ่งสารเคมีสุดอันตรายอย่าง “ไซยาไนด์” หรือ “ปรอท” ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งคนและสิ่งแวดล้อม แถมยังเกิดมลพิษข้ามพรมแดนในหลายประเทศ

    ทีมวิจัยจาก Flinders คิดต่าง — พวกเขาใช้สาร TCCA (Trichloroisocyanuric acid) ซึ่งโดยปกติใช้ในงานฆ่าเชื้อหรือบำบัดน้ำ มาทำหน้าที่ละลายทองคำออกจากแหล่งขยะอิเล็กทรอนิกส์

    แล้วจับทองด้วย “โพลิเมอร์กำมะถันชนิดใหม่” ที่จะจับเฉพาะทอง (ไม่จับโลหะอื่น) พอจับเสร็จ ก็เอาไปเผาหรือแยกเคมีเพื่อคืนทองที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่า 99%!

    ไฮไลต์อยู่ตรงนี้:
    - โพลิเมอร์นี้ รีไซเคิลได้ ใช้ซ้ำได้หลายรอบ
    - ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเยอะ
    - ไม่มีของเสียพิษเหมือนระบบเดิม
    - เหมาะกับทั้ง “งานเหมืองใหม่” และ “รีไซเคิลทองจากขยะ”

    ใช้ TCCA แทนไซยาไนด์ในการสกัดทอง  
    • TCCA เป็นสารปลอดภัย ราคาถูก ใช้ในน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วไป  
    • ละลายทองออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ใช้โพลิเมอร์กำมะถันชนิดพิเศษจับทองจากสารละลาย  
    • โพลิเมอร์นี้จับเฉพาะทอง — ไม่จับโลหะอื่น ๆ ที่ละลายมาด้วย  
    • สามารถทำให้ได้ทองความบริสุทธิ์สูง >99%

    โพลิเมอร์สามารถรีไซเคิลได้หลายรอบ  
    • ลดต้นทุน ไม่ต้องใช้สารใหม่ทุกครั้ง
    • ลดการใช้ทรัพยากรและของเสีย

    กระบวนการใช้ไฟฟ้าน้อยและไม่มีการปล่อยปรอท/ไซยาไนด์  
    • ปลอดภัยทั้งต่อคนทำและสิ่งแวดล้อม  
    • เหมาะกับประเทศกำลังพัฒนา, ชุมชนขุดทองแบบ artisanal mining

    ทีมวิจัยนำโดย Dr. Max Mann, Dr. Thomas Nicholls, Dr. Harshal Patel และ Dr. Lynn Lisboa  
    • ทดสอบด้วยขยะอิเล็กทรอนิกส์จริงและของเสียจากห้องแล็บ  
    • ได้ผลลัพธ์เป็นทองบริสุทธิ์จาก “ภูเขาขยะ”

    ทองยังเป็นโลหะที่โลกต้องใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ  
    • ในวงการอิเล็กทรอนิกส์, ชิป, การแพทย์ และ AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/safer-faster-and-cheaper-way-to-extract-gold-at-99-percent-purity-from-electronic-waste-detailed-method-uses-a-sanitizing-reagent-and-a-novel-polymer-to-recover-gold-from-pcbs
    โดยทั่วไปแล้ว การสกัดทองจากแร่หรือแผงวงจร (PCB) ต้องพึ่งสารเคมีสุดอันตรายอย่าง “ไซยาไนด์” หรือ “ปรอท” ซึ่งเป็นอันตรายต่อทั้งคนและสิ่งแวดล้อม แถมยังเกิดมลพิษข้ามพรมแดนในหลายประเทศ ทีมวิจัยจาก Flinders คิดต่าง — พวกเขาใช้สาร TCCA (Trichloroisocyanuric acid) ซึ่งโดยปกติใช้ในงานฆ่าเชื้อหรือบำบัดน้ำ มาทำหน้าที่ละลายทองคำออกจากแหล่งขยะอิเล็กทรอนิกส์ แล้วจับทองด้วย “โพลิเมอร์กำมะถันชนิดใหม่” ที่จะจับเฉพาะทอง (ไม่จับโลหะอื่น) พอจับเสร็จ ก็เอาไปเผาหรือแยกเคมีเพื่อคืนทองที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่า 99%! ไฮไลต์อยู่ตรงนี้: - โพลิเมอร์นี้ รีไซเคิลได้ ใช้ซ้ำได้หลายรอบ - ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเยอะ - ไม่มีของเสียพิษเหมือนระบบเดิม - เหมาะกับทั้ง “งานเหมืองใหม่” และ “รีไซเคิลทองจากขยะ” ✅ ใช้ TCCA แทนไซยาไนด์ในการสกัดทอง   • TCCA เป็นสารปลอดภัย ราคาถูก ใช้ในน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วไป   • ละลายทองออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ใช้โพลิเมอร์กำมะถันชนิดพิเศษจับทองจากสารละลาย   • โพลิเมอร์นี้จับเฉพาะทอง — ไม่จับโลหะอื่น ๆ ที่ละลายมาด้วย   • สามารถทำให้ได้ทองความบริสุทธิ์สูง >99% ✅ โพลิเมอร์สามารถรีไซเคิลได้หลายรอบ   • ลดต้นทุน ไม่ต้องใช้สารใหม่ทุกครั้ง • ลดการใช้ทรัพยากรและของเสีย ✅ กระบวนการใช้ไฟฟ้าน้อยและไม่มีการปล่อยปรอท/ไซยาไนด์   • ปลอดภัยทั้งต่อคนทำและสิ่งแวดล้อม   • เหมาะกับประเทศกำลังพัฒนา, ชุมชนขุดทองแบบ artisanal mining ✅ ทีมวิจัยนำโดย Dr. Max Mann, Dr. Thomas Nicholls, Dr. Harshal Patel และ Dr. Lynn Lisboa   • ทดสอบด้วยขยะอิเล็กทรอนิกส์จริงและของเสียจากห้องแล็บ   • ได้ผลลัพธ์เป็นทองบริสุทธิ์จาก “ภูเขาขยะ” ✅ ทองยังเป็นโลหะที่โลกต้องใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ   • ในวงการอิเล็กทรอนิกส์, ชิป, การแพทย์ และ AI https://www.tomshardware.com/pc-components/safer-faster-and-cheaper-way-to-extract-gold-at-99-percent-purity-from-electronic-waste-detailed-method-uses-a-sanitizing-reagent-and-a-novel-polymer-to-recover-gold-from-pcbs
    0 Comments 0 Shares 465 Views 0 Reviews
  • AMD อัปเดต AGESA 1.2.0.3e: รองรับ Ryzen 9000F และแก้ไขช่องโหว่ TPM
    AMD กำลังเตรียมปล่อย AGESA microcode update 1.2.0.3e ซึ่งมีข่าวลือว่าอาจรองรับ Ryzen 9000F-series โดยเฉพาะ Ryzen 7 9700F ที่ไม่มีกราฟิกในตัว นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ Pluton TPM และ fTPM ที่อาจถูกใช้โจมตีเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ.

    รายละเอียดการอัปเดต
    AGESA 1.2.0.3e อาจรองรับ Ryzen 9000F-series ซึ่งเป็นซีพียูที่ไม่มีกราฟิกในตัว.
    Ryzen 7 9700F อาจเป็นรุ่นที่สูงสุดของ F-series โดยมี 8 คอร์ Zen 5 และ 32MB L3 Cache.
    AMD ใช้โมเดล F-series เพื่อรีไซเคิลชิปที่มีกราฟิกเสียหาย ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต.
    การอัปเดตนี้ยังแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ TPM ที่อาจถูกใช้โจมตีเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    Ryzen 9000F อาจไม่มีประสิทธิภาพด้านกราฟิก ทำให้ต้องใช้ GPU แยกสำหรับการเล่นเกมหรือทำงานด้านกราฟิก.
    ช่องโหว่ TPM อาจถูกใช้เพื่อโจมตีระบบ หากไม่ได้รับการอัปเดตอย่างเหมาะสม.
    การอัปเดต BIOS อาจมีความเสี่ยง หากไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง อาจทำให้ระบบไม่สามารถบูตได้.

    แนวทางการอัปเดตและการใช้งาน
    ตรวจสอบว่าเมนบอร์ดรองรับ AGESA 1.2.0.3e ก่อนทำการอัปเดต.
    ใช้ GPU แยกหากต้องการประสิทธิภาพด้านกราฟิก เนื่องจาก Ryzen 9000F ไม่มีกราฟิกในตัว.
    ติดตามการอัปเดตด้านความปลอดภัยของ TPM เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Ryzen 9000 และ AGESA
    AMD อาจเปิดตัว Ryzen 9000G-series ในไตรมาส 4 ปี 2025 สำหรับเมนบอร์ด AM5.
    Zen 6 Ryzen ถูกพบในฐานข้อมูล AIDA64 ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการพัฒนา CPU รุ่นใหม่.
    การอัปเดต BIOS ควรทำด้วยความระมัดระวัง และสำรองข้อมูลก่อนดำเนินการ.

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/gpu-disabled-ryzen-9000f-support-suspected-in-agesa-firmware-update
    AMD อัปเดต AGESA 1.2.0.3e: รองรับ Ryzen 9000F และแก้ไขช่องโหว่ TPM AMD กำลังเตรียมปล่อย AGESA microcode update 1.2.0.3e ซึ่งมีข่าวลือว่าอาจรองรับ Ryzen 9000F-series โดยเฉพาะ Ryzen 7 9700F ที่ไม่มีกราฟิกในตัว นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ Pluton TPM และ fTPM ที่อาจถูกใช้โจมตีเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ. รายละเอียดการอัปเดต ✅ AGESA 1.2.0.3e อาจรองรับ Ryzen 9000F-series ซึ่งเป็นซีพียูที่ไม่มีกราฟิกในตัว. ✅ Ryzen 7 9700F อาจเป็นรุ่นที่สูงสุดของ F-series โดยมี 8 คอร์ Zen 5 และ 32MB L3 Cache. ✅ AMD ใช้โมเดล F-series เพื่อรีไซเคิลชิปที่มีกราฟิกเสียหาย ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต. ✅ การอัปเดตนี้ยังแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ TPM ที่อาจถูกใช้โจมตีเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ Ryzen 9000F อาจไม่มีประสิทธิภาพด้านกราฟิก ทำให้ต้องใช้ GPU แยกสำหรับการเล่นเกมหรือทำงานด้านกราฟิก. ‼️ ช่องโหว่ TPM อาจถูกใช้เพื่อโจมตีระบบ หากไม่ได้รับการอัปเดตอย่างเหมาะสม. ‼️ การอัปเดต BIOS อาจมีความเสี่ยง หากไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง อาจทำให้ระบบไม่สามารถบูตได้. แนวทางการอัปเดตและการใช้งาน ✅ ตรวจสอบว่าเมนบอร์ดรองรับ AGESA 1.2.0.3e ก่อนทำการอัปเดต. ✅ ใช้ GPU แยกหากต้องการประสิทธิภาพด้านกราฟิก เนื่องจาก Ryzen 9000F ไม่มีกราฟิกในตัว. ✅ ติดตามการอัปเดตด้านความปลอดภัยของ TPM เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Ryzen 9000 และ AGESA ✅ AMD อาจเปิดตัว Ryzen 9000G-series ในไตรมาส 4 ปี 2025 สำหรับเมนบอร์ด AM5. ✅ Zen 6 Ryzen ถูกพบในฐานข้อมูล AIDA64 ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการพัฒนา CPU รุ่นใหม่. ‼️ การอัปเดต BIOS ควรทำด้วยความระมัดระวัง และสำรองข้อมูลก่อนดำเนินการ. https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/gpu-disabled-ryzen-9000f-support-suspected-in-agesa-firmware-update
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    GPU-disabled Ryzen 9000F support suspected in AGESA firmware update
    The upcoming 1.2.0.3e AGESA microcode update also rectifies a TPM security vulnerability
    0 Comments 0 Shares 382 Views 0 Reviews
  • เปลี่ยนมือถือเก่าให้กลายเป็นศูนย์ข้อมูลขนาดเล็ก
    นักวิจัยจาก University of Tartu ประเทศเอสโตเนีย ได้พัฒนาแนวทางใหม่ในการ นำสมาร์ทโฟนเก่ามาเชื่อมต่อกันเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดเล็ก ซึ่งสามารถ ประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ในสถานที่ต่าง ๆ

    ทีมวิจัยได้นำ สมาร์ทโฟนเก่าจำนวน 4 เครื่อง มาถอดแบตเตอรี่ออกเพื่อลดความเสี่ยงของการรั่วไหล จากนั้น ออกแบบตัวครอบ 3D-printed และวงจรควบคุมพลังงาน เพื่อให้สามารถ เปลี่ยนหรือซ่อมแซมอุปกรณ์ได้ง่ายขึ้น

    ข้อมูลจากข่าว
    - นักวิจัยจาก University of Tartu พัฒนาแนวทางใช้สมาร์ทโฟนเก่าสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดเล็ก
    - นำสมาร์ทโฟน 4 เครื่องมาถอดแบตเตอรี่และติดตั้งตัวครอบ 3D-printed พร้อมวงจรควบคุมพลังงาน
    - ระบบสามารถประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ในสถานที่ต่าง ๆ
    - การทดลองแรกประสบความสำเร็จในการใช้ระบบนี้เพื่อตรวจสอบชีวิตใต้ทะเลโดยไม่ต้องใช้มนุษย์
    - แนวคิดนี้สามารถนำไปใช้ในสถานที่อื่น เช่น ป้ายรถเมล์ เพื่อนับจำนวนผู้โดยสารแบบเรียลไทม์

    ผลกระทบต่อการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
    แนวทางนี้ช่วยให้ สมาร์ทโฟนเก่ามีโอกาสถูกนำกลับมาใช้ใหม่แทนที่จะถูกทิ้งเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจช่วยลด ปริมาณขยะที่เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลหรือถูกทิ้งในหลุมฝังกลบ

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการควบคุมระบบนี้
    - ต้องติดตามว่าการใช้งานจริงจะมีข้อจำกัดด้านพลังงานและความทนทานของอุปกรณ์หรือไม่
    - การนำสมาร์ทโฟนเก่ามาใช้ใหม่อาจต้องมีมาตรการป้องกันข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เดิม
    - ต้องรอดูว่าทีมวิจัยจะสามารถพัฒนาให้ระบบนี้ใช้งานได้ง่ายและมีต้นทุนต่ำหรือไม่

    หากแนวคิดนี้ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม อาจช่วยให้สามารถนำสมาร์ทโฟนเก่าหลายล้านเครื่องกลับมาใช้ใหม่ และ ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลแบบ Edge Computing มีต้นทุนต่ำลง

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/researchers-convert-old-phones-into-tiny-data-centers-deploy-one-underwater-for-marine-monitoring
    📱 เปลี่ยนมือถือเก่าให้กลายเป็นศูนย์ข้อมูลขนาดเล็ก นักวิจัยจาก University of Tartu ประเทศเอสโตเนีย ได้พัฒนาแนวทางใหม่ในการ นำสมาร์ทโฟนเก่ามาเชื่อมต่อกันเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดเล็ก ซึ่งสามารถ ประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ในสถานที่ต่าง ๆ ทีมวิจัยได้นำ สมาร์ทโฟนเก่าจำนวน 4 เครื่อง มาถอดแบตเตอรี่ออกเพื่อลดความเสี่ยงของการรั่วไหล จากนั้น ออกแบบตัวครอบ 3D-printed และวงจรควบคุมพลังงาน เพื่อให้สามารถ เปลี่ยนหรือซ่อมแซมอุปกรณ์ได้ง่ายขึ้น ✅ ข้อมูลจากข่าว - นักวิจัยจาก University of Tartu พัฒนาแนวทางใช้สมาร์ทโฟนเก่าสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดเล็ก - นำสมาร์ทโฟน 4 เครื่องมาถอดแบตเตอรี่และติดตั้งตัวครอบ 3D-printed พร้อมวงจรควบคุมพลังงาน - ระบบสามารถประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ในสถานที่ต่าง ๆ - การทดลองแรกประสบความสำเร็จในการใช้ระบบนี้เพื่อตรวจสอบชีวิตใต้ทะเลโดยไม่ต้องใช้มนุษย์ - แนวคิดนี้สามารถนำไปใช้ในสถานที่อื่น เช่น ป้ายรถเมล์ เพื่อนับจำนวนผู้โดยสารแบบเรียลไทม์ 🔥 ผลกระทบต่อการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ แนวทางนี้ช่วยให้ สมาร์ทโฟนเก่ามีโอกาสถูกนำกลับมาใช้ใหม่แทนที่จะถูกทิ้งเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจช่วยลด ปริมาณขยะที่เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลหรือถูกทิ้งในหลุมฝังกลบ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการควบคุมระบบนี้ - ต้องติดตามว่าการใช้งานจริงจะมีข้อจำกัดด้านพลังงานและความทนทานของอุปกรณ์หรือไม่ - การนำสมาร์ทโฟนเก่ามาใช้ใหม่อาจต้องมีมาตรการป้องกันข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เดิม - ต้องรอดูว่าทีมวิจัยจะสามารถพัฒนาให้ระบบนี้ใช้งานได้ง่ายและมีต้นทุนต่ำหรือไม่ หากแนวคิดนี้ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม อาจช่วยให้สามารถนำสมาร์ทโฟนเก่าหลายล้านเครื่องกลับมาใช้ใหม่ และ ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลแบบ Edge Computing มีต้นทุนต่ำลง https://www.tomshardware.com/desktops/servers/researchers-convert-old-phones-into-tiny-data-centers-deploy-one-underwater-for-marine-monitoring
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Researchers convert old phones into 'tiny data centers' — deploy one underwater for marine monitoring
    This will reduce e-waste while making edge devices more accessible and affordable.
    0 Comments 0 Shares 405 Views 0 Reviews
  • ตำรวจ ปทส.บุกค้นโกดังพนัสนิคม ชลบุรี ลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จากยุโรปเตรียมส่งจีน ยึดของกลาง 1,600 ตัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000048936

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ตำรวจ ปทส.บุกค้นโกดังพนัสนิคม ชลบุรี ลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จากยุโรปเตรียมส่งจีน ยึดของกลาง 1,600 ตัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000048936 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    6
    0 Comments 0 Shares 797 Views 0 Reviews
  • 'เอกนัฏ' ส่ง 'สุดซอย' บุก 'ฟรีโซน' รวบบริษัทศูนย์เหรียญ ลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์
    https://www.thai-tai.tv/news/18819/
    'เอกนัฏ' ส่ง 'สุดซอย' บุก 'ฟรีโซน' รวบบริษัทศูนย์เหรียญ ลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ https://www.thai-tai.tv/news/18819/
    0 Comments 0 Shares 290 Views 0 Reviews
  • นักวิทยาศาสตร์พัฒนาแบตเตอรี่ชีวภาพจากเห็ด เพื่ออนาคตของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ยั่งยืน

    นักวิจัยจาก Empa (Swiss Federal Laboratories for Materials Science and Technology) กำลังพัฒนา แบตเตอรี่ชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้เอง โดยใช้ ไมซีเลียมของเห็ด split-gill เป็นวัสดุหลักสำหรับอิเล็กโทรด ซึ่งแนวคิดนี้อาจช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต

    ไมซีเลียมของเห็ด split-gill มีคุณสมบัติทางกลและชีวภาพที่โดดเด่น
    - สามารถ นำมาใช้เป็นวัสดุสำหรับอิเล็กโทรดของแบตเตอรี่

    เป้าหมายคือการสร้างแบตเตอรี่ที่สามารถย่อยสลายได้เองโดยไม่ปล่อยสารพิษ
    - ต่างจาก แบตเตอรี่ทั่วไปที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    นักวิจัยกำลังศึกษาความแข็งแรงของไมซีเลียมและความไวต่อความชื้น
    - เพื่อ ปรับปรุงให้สามารถใช้งานในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้จริง

    การใช้วัสดุชีวภาพช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    - อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับ แบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ

    แนวคิดนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติม
    - นักวิจัยต้อง หาวิธีควบคุมการย่อยสลายของวัสดุให้เหมาะสมกับการใช้งาน

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/a-compact-biodegradable-battery-with-fungal-paper-electrodes-is-what-researchers-at-this-university-are-dreaming-of
    นักวิทยาศาสตร์พัฒนาแบตเตอรี่ชีวภาพจากเห็ด เพื่ออนาคตของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ยั่งยืน นักวิจัยจาก Empa (Swiss Federal Laboratories for Materials Science and Technology) กำลังพัฒนา แบตเตอรี่ชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้เอง โดยใช้ ไมซีเลียมของเห็ด split-gill เป็นวัสดุหลักสำหรับอิเล็กโทรด ซึ่งแนวคิดนี้อาจช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต ✅ ไมซีเลียมของเห็ด split-gill มีคุณสมบัติทางกลและชีวภาพที่โดดเด่น - สามารถ นำมาใช้เป็นวัสดุสำหรับอิเล็กโทรดของแบตเตอรี่ ✅ เป้าหมายคือการสร้างแบตเตอรี่ที่สามารถย่อยสลายได้เองโดยไม่ปล่อยสารพิษ - ต่างจาก แบตเตอรี่ทั่วไปที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ✅ นักวิจัยกำลังศึกษาความแข็งแรงของไมซีเลียมและความไวต่อความชื้น - เพื่อ ปรับปรุงให้สามารถใช้งานในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้จริง ✅ การใช้วัสดุชีวภาพช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม - อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับ แบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ ✅ แนวคิดนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติม - นักวิจัยต้อง หาวิธีควบคุมการย่อยสลายของวัสดุให้เหมาะสมกับการใช้งาน https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/a-compact-biodegradable-battery-with-fungal-paper-electrodes-is-what-researchers-at-this-university-are-dreaming-of
    WWW.TECHRADAR.COM
    Your next eco-friendly battery could be made from mushrooms, and it might eat your trash when it’s done
    Fungal paper batteries could reduce e-waste, but they’re still a long way from reality
    0 Comments 0 Shares 400 Views 0 Reviews
  • Philips เปิดตัวโปรแกรม Fixables: ให้ผู้ใช้ 3D พิมพ์อะไหล่เองที่บ้าน

    Philips ได้เปิดตัว โปรแกรม Fixables ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์และพิมพ์อะไหล่สำหรับอุปกรณ์สุขภาพส่วนตัวด้วยเครื่องพิมพ์ 3D โดยเริ่มต้นที่ หวีปรับระดับสำหรับเครื่องโกนหนวด OneBlade และมีแผนที่จะขยายไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น แปรงสีฟันไฟฟ้าและไดร์เป่าผม

    Philips Fixables เปิดตัวในสาธารณรัฐเช็กร่วมกับ Prusa Research
    - ไฟล์สามารถดาวน์โหลดได้ทั่วโลกผ่าน แพลตฟอร์ม Printables

    ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยให้ผู้ใช้พิมพ์อะไหล่เองแทนการซื้อใหม่
    - ลดการทิ้งอุปกรณ์เพียงเพราะ ชิ้นส่วนเล็ก ๆ เสียหายหรือสูญหาย

    ไฟล์ที่ให้ดาวน์โหลดได้รับการออกแบบให้ตรงตามมาตรฐานของ Philips
    - ต้องใช้ วัสดุ PLA และพิมพ์ตามทิศทางที่กำหนดเพื่อให้แข็งแรงและใช้งานได้ดี

    ปัจจุบันมีเพียงหวีปรับระดับสำหรับ OneBlade แต่ Philips มีแผนขยายไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ
    - อาจรวมถึง ไกด์ปรับระดับสำหรับเครื่องโกนหนวดและอะไหล่สำหรับแปรงสีฟันไฟฟ้า

    Philips เปิดให้ผู้ใช้ส่งคำขออะไหล่ที่ต้องการผ่านแบบฟอร์มบนเว็บไซต์
    - แต่ยังไม่มีการระบุกรอบเวลาสำหรับการเพิ่มอะไหล่ใหม่

    https://www.techspot.com/news/107894-philips-fixables-program-you-3d-print-spare-parts.html
    Philips เปิดตัวโปรแกรม Fixables: ให้ผู้ใช้ 3D พิมพ์อะไหล่เองที่บ้าน Philips ได้เปิดตัว โปรแกรม Fixables ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์และพิมพ์อะไหล่สำหรับอุปกรณ์สุขภาพส่วนตัวด้วยเครื่องพิมพ์ 3D โดยเริ่มต้นที่ หวีปรับระดับสำหรับเครื่องโกนหนวด OneBlade และมีแผนที่จะขยายไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น แปรงสีฟันไฟฟ้าและไดร์เป่าผม ✅ Philips Fixables เปิดตัวในสาธารณรัฐเช็กร่วมกับ Prusa Research - ไฟล์สามารถดาวน์โหลดได้ทั่วโลกผ่าน แพลตฟอร์ม Printables ✅ ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยให้ผู้ใช้พิมพ์อะไหล่เองแทนการซื้อใหม่ - ลดการทิ้งอุปกรณ์เพียงเพราะ ชิ้นส่วนเล็ก ๆ เสียหายหรือสูญหาย ✅ ไฟล์ที่ให้ดาวน์โหลดได้รับการออกแบบให้ตรงตามมาตรฐานของ Philips - ต้องใช้ วัสดุ PLA และพิมพ์ตามทิศทางที่กำหนดเพื่อให้แข็งแรงและใช้งานได้ดี ✅ ปัจจุบันมีเพียงหวีปรับระดับสำหรับ OneBlade แต่ Philips มีแผนขยายไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ - อาจรวมถึง ไกด์ปรับระดับสำหรับเครื่องโกนหนวดและอะไหล่สำหรับแปรงสีฟันไฟฟ้า ✅ Philips เปิดให้ผู้ใช้ส่งคำขออะไหล่ที่ต้องการผ่านแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ - แต่ยังไม่มีการระบุกรอบเวลาสำหรับการเพิ่มอะไหล่ใหม่ https://www.techspot.com/news/107894-philips-fixables-program-you-3d-print-spare-parts.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Philips Fixables program lets you 3D-print spare parts at home
    Philips has introduced a program that allows consumers to 3D print replacement parts for some of its personal health devices, marking a new approach to product repair...
    0 Comments 0 Shares 455 Views 0 Reviews
  • Pine Beat: ลำโพง Bluetooth ที่อายุการใช้งานไม่จำกัด Poca Audio เปิดตัว Pine Beat ลำโพง Bluetooth แบบโมดูลาร์ที่สามารถ เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่าย ทำให้สามารถ ใช้งานได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องทิ้งลำโพงเมื่อแบตเตอรี่เสื่อม

    นอกจากการออกแบบที่ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว Pine Beat ยังสามารถอัปเกรด Bluetooth module ได้ในอนาคต ทำให้ลำโพงนี้ ไม่ล้าสมัยแม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไป

    Pine Beat ใช้แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้
    - แบตเตอรี่ 30 ชั่วโมงมีราคาเพียง £25 และสามารถ พกพาสำรองเพื่อใช้งานต่อเนื่อง

    สามารถอัปเกรด Bluetooth module ได้ในอนาคต
    - ทำให้ ลำโพงไม่ล้าสมัยเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่

    มีพลังเสียง 40W พร้อม woofer, tweeter และ bass radiator
    - รองรับ ช่วงความถี่ 58Hz - 20KHz

    สามารถเชื่อมต่อกับลำโพงอื่นได้สูงสุด 100 ตัว
    - เหมาะสำหรับ การใช้งานในงานปาร์ตี้หรือพื้นที่ขนาดใหญ่

    มี EQ ปรับแต่งเสียงและอุปกรณ์เสริมสำหรับการติดตั้งในสถานที่ต่าง ๆ
    - เช่น แขวน, วางบนพื้นหญ้า หรือทราย

    รับประกัน 30 เดือน
    - ให้ความมั่นใจใน คุณภาพและความทนทานของผลิตภัณฑ์

    https://www.techradar.com/audio/wireless-bluetooth-speakers/rock-n-roll-will-never-die-and-neither-will-this-modular-bluetooth-speaker-with-an-unlimited-battery-life
    Pine Beat: ลำโพง Bluetooth ที่อายุการใช้งานไม่จำกัด Poca Audio เปิดตัว Pine Beat ลำโพง Bluetooth แบบโมดูลาร์ที่สามารถ เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่าย ทำให้สามารถ ใช้งานได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องทิ้งลำโพงเมื่อแบตเตอรี่เสื่อม นอกจากการออกแบบที่ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว Pine Beat ยังสามารถอัปเกรด Bluetooth module ได้ในอนาคต ทำให้ลำโพงนี้ ไม่ล้าสมัยแม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไป ✅ Pine Beat ใช้แบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้ - แบตเตอรี่ 30 ชั่วโมงมีราคาเพียง £25 และสามารถ พกพาสำรองเพื่อใช้งานต่อเนื่อง ✅ สามารถอัปเกรด Bluetooth module ได้ในอนาคต - ทำให้ ลำโพงไม่ล้าสมัยเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ ✅ มีพลังเสียง 40W พร้อม woofer, tweeter และ bass radiator - รองรับ ช่วงความถี่ 58Hz - 20KHz ✅ สามารถเชื่อมต่อกับลำโพงอื่นได้สูงสุด 100 ตัว - เหมาะสำหรับ การใช้งานในงานปาร์ตี้หรือพื้นที่ขนาดใหญ่ ✅ มี EQ ปรับแต่งเสียงและอุปกรณ์เสริมสำหรับการติดตั้งในสถานที่ต่าง ๆ - เช่น แขวน, วางบนพื้นหญ้า หรือทราย ✅ รับประกัน 30 เดือน - ให้ความมั่นใจใน คุณภาพและความทนทานของผลิตภัณฑ์ https://www.techradar.com/audio/wireless-bluetooth-speakers/rock-n-roll-will-never-die-and-neither-will-this-modular-bluetooth-speaker-with-an-unlimited-battery-life
    0 Comments 0 Shares 260 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้ประกาศ การสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10 ในอีกไม่ถึง 6 เดือน พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ อัปเกรดเป็น Windows 11 หรือซื้อพีซีใหม่ หากอุปกรณ์ของตนไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้

    อย่างไรก็ตาม ESET และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก KDE ได้เสนอทางเลือกใหม่ โดยแนะนำให้ผู้ใช้ที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 เปลี่ยนไปใช้ Linux แทน ซึ่งช่วยให้สามารถใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดิมต่อไปได้โดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่

    โครงการนี้ได้เปิดตัวเว็บไซต์ EndOf10 ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ข้อดีของ Linux เช่น ไม่มีโฆษณา, ไม่มีการสอดแนม, ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และให้ผู้ใช้ควบคุมระบบได้มากขึ้น

    Windows 10 จะสิ้นสุดการสนับสนุนในอีกไม่ถึง 6 เดือน
    - Microsoft แนะนำให้ อัปเกรดเป็น Windows 11 หรือซื้อพีซีใหม่
    - อุปกรณ์ที่ยังใช้ Windows 10 จะไม่ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยอีกต่อไป

    ESET และ KDE แนะนำให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Linux แทน
    - ช่วยให้สามารถ ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดิมต่อไปได้
    - ลด ค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ใหม่

    เว็บไซต์ EndOf10 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อดีของ Linux
    - ไม่มีโฆษณาและไม่มีการสอดแนม
    - ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถใช้งานได้นานขึ้น
    - ให้ผู้ใช้ควบคุมระบบได้มากขึ้น

    Seagate ระบุว่า SSD มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า HDD
    - การใช้ Linux อาจช่วยลด การเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ที่ไม่จำเป็น

    ผลกระทบต่ออุปกรณ์ที่ยังใช้ Windows 10 หลังวันที่ 14 ตุลาคม 2025
    - อาจ เสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์ เนื่องจากไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัย

    ความท้าทายในการเปลี่ยนไปใช้ Linux
    - ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับ Linux อาจ ต้องใช้เวลาในการปรับตัว

    แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต
    - หาก Linux ได้รับความนิยมมากขึ้น อาจทำให้ ผู้ใช้มีทางเลือกที่หลากหลายขึ้น

    https://www.neowin.net/news/a-linux-backed-project-shows-how-to-save-unsupported-windows-10-pcs-by-installing-linux/
    Microsoft ได้ประกาศ การสิ้นสุดการสนับสนุน Windows 10 ในอีกไม่ถึง 6 เดือน พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ อัปเกรดเป็น Windows 11 หรือซื้อพีซีใหม่ หากอุปกรณ์ของตนไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ อย่างไรก็ตาม ESET และโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจาก KDE ได้เสนอทางเลือกใหม่ โดยแนะนำให้ผู้ใช้ที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 เปลี่ยนไปใช้ Linux แทน ซึ่งช่วยให้สามารถใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดิมต่อไปได้โดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่ โครงการนี้ได้เปิดตัวเว็บไซต์ EndOf10 ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ข้อดีของ Linux เช่น ไม่มีโฆษณา, ไม่มีการสอดแนม, ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และให้ผู้ใช้ควบคุมระบบได้มากขึ้น ✅ Windows 10 จะสิ้นสุดการสนับสนุนในอีกไม่ถึง 6 เดือน - Microsoft แนะนำให้ อัปเกรดเป็น Windows 11 หรือซื้อพีซีใหม่ - อุปกรณ์ที่ยังใช้ Windows 10 จะไม่ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยอีกต่อไป ✅ ESET และ KDE แนะนำให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Linux แทน - ช่วยให้สามารถ ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดิมต่อไปได้ - ลด ค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ใหม่ ✅ เว็บไซต์ EndOf10 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อดีของ Linux - ไม่มีโฆษณาและไม่มีการสอดแนม - ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถใช้งานได้นานขึ้น - ให้ผู้ใช้ควบคุมระบบได้มากขึ้น ✅ Seagate ระบุว่า SSD มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า HDD - การใช้ Linux อาจช่วยลด การเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ที่ไม่จำเป็น ‼️ ผลกระทบต่ออุปกรณ์ที่ยังใช้ Windows 10 หลังวันที่ 14 ตุลาคม 2025 - อาจ เสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์ เนื่องจากไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัย ‼️ ความท้าทายในการเปลี่ยนไปใช้ Linux - ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับ Linux อาจ ต้องใช้เวลาในการปรับตัว ‼️ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต - หาก Linux ได้รับความนิยมมากขึ้น อาจทำให้ ผู้ใช้มีทางเลือกที่หลากหลายขึ้น https://www.neowin.net/news/a-linux-backed-project-shows-how-to-save-unsupported-windows-10-pcs-by-installing-linux/
    WWW.NEOWIN.NET
    A Linux-backed project shows how to save unsupported Windows 10 PCs by installing Linux
    Windows 10 end of support is in six months and many PCs that are unsupported by Windows 11 won't be able to upgrade. A new Linux-backed project urges users to try installing Linux and shows how.
    0 Comments 0 Shares 236 Views 0 Reviews
  • Asustor ได้ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนในการ ต่อต้านการล็อกฮาร์ดแวร์โดยผู้ผลิต NAS โดยเน้นให้ผู้ใช้สามารถ เลือกฮาร์ดไดรฟ์และระบบปฏิบัติการได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นการตอบโต้แนวทางของแบรนด์อื่น ๆ เช่น Synology ที่มีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์

    Asustor ระบุว่า "เราไม่เชื่อในการปฏิบัติต่อผู้ใช้เหมือนเด็ก" และให้ความสำคัญกับ ความสามารถในการเลือกฮาร์ดแวร์ของผู้ใช้ โดยไม่บังคับให้ใช้ไดรฟ์ที่มีเฟิร์มแวร์เฉพาะของบริษัท นอกจากนี้ยังมีข้อดีด้าน สิ่งแวดล้อม เนื่องจากอุปกรณ์ที่ไม่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ สามารถใช้งานได้นานขึ้นและลดขยะอิเล็กทรอนิกส์

    Asustor ไม่บังคับให้ใช้ฮาร์ดไดรฟ์ที่มีเฟิร์มแวร์เฉพาะ
    - ผู้ใช้สามารถ เลือกฮาร์ดไดรฟ์และระบบปฏิบัติการได้อย่างอิสระ
    - ลดข้อจำกัดที่อาจทำให้อุปกรณ์ ล้าสมัยเร็วขึ้น

    ข้อดีด้านสิ่งแวดล้อม
    - อุปกรณ์ที่ไม่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ สามารถใช้งานได้นานขึ้น
    - ลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดจาก การเลิกผลิตไดรฟ์เฉพาะของแบรนด์

    รองรับไดรฟ์ความจุสูงโดยไม่มีข้อจำกัดด้านเฟิร์มแวร์
    - สามารถใช้ ไดรฟ์ขนาด 36TB และสร้าง NAS ขนาด 360TB ได้
    - ไม่มีข้อจำกัดด้าน การอัปเกรดฮาร์ดแวร์

    ผู้ใช้สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้ แม้หลังจากหมดการสนับสนุน
    - Asustor ไม่ได้ให้การสนับสนุนโดยตรง แต่เคารพสิทธิ์ของผู้ใช้ในการเลือก

    https://www.techradar.com/pro/asustor-makes-veiled-dig-at-synologys-proprietary-hard-drive-philosophy-with-open-and-unlocked-stance
    Asustor ได้ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนในการ ต่อต้านการล็อกฮาร์ดแวร์โดยผู้ผลิต NAS โดยเน้นให้ผู้ใช้สามารถ เลือกฮาร์ดไดรฟ์และระบบปฏิบัติการได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นการตอบโต้แนวทางของแบรนด์อื่น ๆ เช่น Synology ที่มีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์ Asustor ระบุว่า "เราไม่เชื่อในการปฏิบัติต่อผู้ใช้เหมือนเด็ก" และให้ความสำคัญกับ ความสามารถในการเลือกฮาร์ดแวร์ของผู้ใช้ โดยไม่บังคับให้ใช้ไดรฟ์ที่มีเฟิร์มแวร์เฉพาะของบริษัท นอกจากนี้ยังมีข้อดีด้าน สิ่งแวดล้อม เนื่องจากอุปกรณ์ที่ไม่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ สามารถใช้งานได้นานขึ้นและลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ✅ Asustor ไม่บังคับให้ใช้ฮาร์ดไดรฟ์ที่มีเฟิร์มแวร์เฉพาะ - ผู้ใช้สามารถ เลือกฮาร์ดไดรฟ์และระบบปฏิบัติการได้อย่างอิสระ - ลดข้อจำกัดที่อาจทำให้อุปกรณ์ ล้าสมัยเร็วขึ้น ✅ ข้อดีด้านสิ่งแวดล้อม - อุปกรณ์ที่ไม่มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ สามารถใช้งานได้นานขึ้น - ลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดจาก การเลิกผลิตไดรฟ์เฉพาะของแบรนด์ ✅ รองรับไดรฟ์ความจุสูงโดยไม่มีข้อจำกัดด้านเฟิร์มแวร์ - สามารถใช้ ไดรฟ์ขนาด 36TB และสร้าง NAS ขนาด 360TB ได้ - ไม่มีข้อจำกัดด้าน การอัปเกรดฮาร์ดแวร์ ✅ ผู้ใช้สามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่นได้ แม้หลังจากหมดการสนับสนุน - Asustor ไม่ได้ให้การสนับสนุนโดยตรง แต่เคารพสิทธิ์ของผู้ใช้ในการเลือก https://www.techradar.com/pro/asustor-makes-veiled-dig-at-synologys-proprietary-hard-drive-philosophy-with-open-and-unlocked-stance
    WWW.TECHRADAR.COM
    This NAS brand just called out the competition and says you should own your hardware, not rent it
    Run your OS, pick your drives - Asustor gives power back to the user, not the vendor
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • Raspberry Pi ได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตโดยใช้ เทคนิคการบัดกรีแบบ Intrusive Reflow Soldering ซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    เทคนิคใหม่นี้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกกับ Raspberry Pi 5 และกำลังถูกนำไปใช้กับรุ่นก่อนหน้า โดยช่วยลด ขั้นตอนที่สิ้นเปลืองในกระบวนการผลิต ทำให้สามารถใช้เครื่องจักรเดียวกันในการติดตั้ง ตัวเชื่อมต่อแบบ Through-hole และชิ้นส่วน SMT

    ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงนี้คือ อัตราการคืนสินค้าลดลง 50% ความเร็วในการผลิตเพิ่มขึ้น 15% และลดการปล่อย CO₂ ลง 43 ตันต่อปี ซึ่งช่วยให้ Raspberry Pi สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การใช้เทคนิค Intrusive Reflow Soldering
    - ช่วยให้สามารถใช้เครื่องจักรเดียวกันในการติดตั้ง ตัวเชื่อมต่อแบบ Through-hole และชิ้นส่วน SMT
    - ลดขั้นตอนที่สิ้นเปลืองในกระบวนการผลิต

    ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลง
    - อัตราการคืนสินค้าลดลง 50%
    - ความเร็วในการผลิตเพิ่มขึ้น 15%
    - ลดการปล่อย CO₂ ลง 43 ตันต่อปี

    การนำเทคนิคนี้ไปใช้กับรุ่นก่อนหน้า
    - เริ่มต้นจาก Raspberry Pi 5 และกำลังถูกนำไปใช้กับรุ่นก่อนหน้า

    ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
    - ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    - ช่วยให้ Raspberry Pi ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.techspot.com/news/107777-raspberry-pi-improved-manufacturing-sustainability-thanks-new-soldering.html
    Raspberry Pi ได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตโดยใช้ เทคนิคการบัดกรีแบบ Intrusive Reflow Soldering ซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เทคนิคใหม่นี้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกกับ Raspberry Pi 5 และกำลังถูกนำไปใช้กับรุ่นก่อนหน้า โดยช่วยลด ขั้นตอนที่สิ้นเปลืองในกระบวนการผลิต ทำให้สามารถใช้เครื่องจักรเดียวกันในการติดตั้ง ตัวเชื่อมต่อแบบ Through-hole และชิ้นส่วน SMT ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงนี้คือ อัตราการคืนสินค้าลดลง 50% ความเร็วในการผลิตเพิ่มขึ้น 15% และลดการปล่อย CO₂ ลง 43 ตันต่อปี ซึ่งช่วยให้ Raspberry Pi สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ การใช้เทคนิค Intrusive Reflow Soldering - ช่วยให้สามารถใช้เครื่องจักรเดียวกันในการติดตั้ง ตัวเชื่อมต่อแบบ Through-hole และชิ้นส่วน SMT - ลดขั้นตอนที่สิ้นเปลืองในกระบวนการผลิต ✅ ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลง - อัตราการคืนสินค้าลดลง 50% - ความเร็วในการผลิตเพิ่มขึ้น 15% - ลดการปล่อย CO₂ ลง 43 ตันต่อปี ✅ การนำเทคนิคนี้ไปใช้กับรุ่นก่อนหน้า - เริ่มต้นจาก Raspberry Pi 5 และกำลังถูกนำไปใช้กับรุ่นก่อนหน้า ✅ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน - ลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม - ช่วยให้ Raspberry Pi ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.techspot.com/news/107777-raspberry-pi-improved-manufacturing-sustainability-thanks-new-soldering.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Raspberry Pi says it's improved manufacturing and sustainability thanks to a new soldering solution
    Raspberry Pi Hardware Engineer Roger Thornton explained the change in a recent blog post. Working with its manufacturing partner Sony, the UK organization gradually implemented a soldering...
    0 Comments 0 Shares 385 Views 0 Reviews
  • Western Digital และ Microsoft ได้ร่วมมือกันเปิดตัวโครงการ Advanced Recycling and Rare Earth Material Capture Program ซึ่งเป็นโครงการรีไซเคิลฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายเพื่อกู้คืนแร่หายากจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ โครงการนี้ช่วยลดการสูญเสียวัสดุสำคัญที่มักถูกทำลายเมื่อ HDD จากศูนย์ข้อมูลหมดอายุการใช้งาน

    โครงการนี้สามารถกู้คืนแร่หายากได้ถึง 90%
    - ใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลแบบ acid-free dissolution ซึ่งช่วยสกัดแร่หายาก เช่น dysprosium, neodymium และ praseodymium
    - ลดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายและช่วยรักษาคุณภาพของวัสดุ

    Microsoft เป็นผู้จัดหา HDD ที่หมดอายุการใช้งานจากศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ
    - HDD ที่หมดอายุจะถูกส่งไปยัง PedalPoint Recycling เพื่อแยกวัสดุ
    - แม่เหล็กและเหล็กที่สกัดได้จะถูกส่งไปยัง Critical Materials Recycling เพื่อรีไซเคิล

    โครงการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95%
    - เมื่อเทียบกับการทำเหมืองแร่แบบดั้งเดิม การรีไซเคิลช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ
    - ลดการพึ่งพาการนำเข้าแร่หายากจากจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของโลก

    โครงการนำร่องสามารถรีไซเคิล HDD ได้กว่า 47,000 ปอนด์
    - รวมถึง SSD และอุปกรณ์ติดตั้ง HDD ที่ถูกนำออกจากศูนย์ข้อมูล

    https://www.techspot.com/news/107615-western-digital-microsoft-launch-hdd-recycling-program-recover.html
    Western Digital และ Microsoft ได้ร่วมมือกันเปิดตัวโครงการ Advanced Recycling and Rare Earth Material Capture Program ซึ่งเป็นโครงการรีไซเคิลฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายเพื่อกู้คืนแร่หายากจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ โครงการนี้ช่วยลดการสูญเสียวัสดุสำคัญที่มักถูกทำลายเมื่อ HDD จากศูนย์ข้อมูลหมดอายุการใช้งาน ✅ โครงการนี้สามารถกู้คืนแร่หายากได้ถึง 90% - ใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลแบบ acid-free dissolution ซึ่งช่วยสกัดแร่หายาก เช่น dysprosium, neodymium และ praseodymium - ลดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายและช่วยรักษาคุณภาพของวัสดุ ✅ Microsoft เป็นผู้จัดหา HDD ที่หมดอายุการใช้งานจากศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ - HDD ที่หมดอายุจะถูกส่งไปยัง PedalPoint Recycling เพื่อแยกวัสดุ - แม่เหล็กและเหล็กที่สกัดได้จะถูกส่งไปยัง Critical Materials Recycling เพื่อรีไซเคิล ✅ โครงการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95% - เมื่อเทียบกับการทำเหมืองแร่แบบดั้งเดิม การรีไซเคิลช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ - ลดการพึ่งพาการนำเข้าแร่หายากจากจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของโลก ✅ โครงการนำร่องสามารถรีไซเคิล HDD ได้กว่า 47,000 ปอนด์ - รวมถึง SSD และอุปกรณ์ติดตั้ง HDD ที่ถูกนำออกจากศูนย์ข้อมูล https://www.techspot.com/news/107615-western-digital-microsoft-launch-hdd-recycling-program-recover.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Western Digital and Microsoft launch HDD recycling program to recover rare earths from e-waste
    Although solid-state drives have become the standard for personal computers, mechanical hard drives remain the backbone of data centers worldwide. When these drives are retired, they are...
    0 Comments 0 Shares 544 Views 0 Reviews
  • Western Digital (WD) ได้เปิดตัว โครงการรีไซเคิลฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ที่สามารถ ดึงแร่ธาตุหายาก (Rare Earth Elements - REE) กลับมาใช้ใหม่ได้ โดยโครงการนี้ร่วมมือกับ Microsoft และพันธมิตรในอุตสาหกรรมรีไซเคิล เช่น CMR และ PedalPoint Recycling ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95%

    โครงการนี้ช่วยดึงแร่ธาตุหายากกลับมาใช้ใหม่
    - WD สามารถดึง REE เช่น dysprosium, neodymium และ praseodymium จาก HDD
    - นอกจากนี้ยังดึงวัสดุอื่นๆ เช่น อลูมิเนียม, เหล็ก, ทองคำ, พัลลาเดียม และทองแดง

    กระบวนการรีไซเคิลใช้เทคโนโลยี ADR ของ CMR
    - ใช้สารละลายเกลือทองแดงเพื่อดึง REE ที่มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5%
    - กระบวนการนี้หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย

    โครงการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95%
    - เมื่อเทียบกับการทำเหมืองแร่ใหม่ กระบวนการรีไซเคิลนี้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า

    WD วางแผนขยายโครงการไปยังลูกค้ารายใหญ่เพิ่มเติม
    - โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2023 และกำลังขยายไปยังลูกค้ารายใหญ่ในอุตสาหกรรม hyperscale

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรีไซเคิล
    - หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ อาจช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ในระดับโลก

    ความท้าทายในการขยายโครงการ
    - WD ต้องเผชิญกับความท้าทายในการ เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนของกระบวนการรีไซเคิล

    แนวโน้มของการพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลในอนาคต
    - หากโครงการนี้ได้รับการสนับสนุน อาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลที่ล้ำหน้ากว่าในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/wd-launches-hdd-recycling-process-that-reclaims-rare-earth-elements-cuts-out-china
    Western Digital (WD) ได้เปิดตัว โครงการรีไซเคิลฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ที่สามารถ ดึงแร่ธาตุหายาก (Rare Earth Elements - REE) กลับมาใช้ใหม่ได้ โดยโครงการนี้ร่วมมือกับ Microsoft และพันธมิตรในอุตสาหกรรมรีไซเคิล เช่น CMR และ PedalPoint Recycling ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95% ✅ โครงการนี้ช่วยดึงแร่ธาตุหายากกลับมาใช้ใหม่ - WD สามารถดึง REE เช่น dysprosium, neodymium และ praseodymium จาก HDD - นอกจากนี้ยังดึงวัสดุอื่นๆ เช่น อลูมิเนียม, เหล็ก, ทองคำ, พัลลาเดียม และทองแดง ✅ กระบวนการรีไซเคิลใช้เทคโนโลยี ADR ของ CMR - ใช้สารละลายเกลือทองแดงเพื่อดึง REE ที่มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% - กระบวนการนี้หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย ✅ โครงการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95% - เมื่อเทียบกับการทำเหมืองแร่ใหม่ กระบวนการรีไซเคิลนี้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า ✅ WD วางแผนขยายโครงการไปยังลูกค้ารายใหญ่เพิ่มเติม - โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2023 และกำลังขยายไปยังลูกค้ารายใหญ่ในอุตสาหกรรม hyperscale ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรีไซเคิล - หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ อาจช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ในระดับโลก ℹ️ ความท้าทายในการขยายโครงการ - WD ต้องเผชิญกับความท้าทายในการ เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนของกระบวนการรีไซเคิล ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลในอนาคต - หากโครงการนี้ได้รับการสนับสนุน อาจมีการพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลที่ล้ำหน้ากว่าในอนาคต https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/wd-launches-hdd-recycling-process-that-reclaims-rare-earth-elements-cuts-out-china
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    This HDD recycling process could make U.S. less dependent on China.
    WD has found a way to recapture rare earth elements from old hard drives.
    0 Comments 0 Shares 438 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้พูดถึงปัญหาและตัวเลือกสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ เมื่อ Microsoft เตรียมจะหยุดการสนับสนุนอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Windows 10 ในเดือนตุลาคมนี้ นั่นหมายความว่ามีคอมพิวเตอร์ราว 240 ล้านเครื่อง ที่อาจต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก

    ปัญหาหลักคืออะไร? Windows 11 มีข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ที่สูง เช่น ซีพียูต้องเป็น Intel 8th Gen หรือ Ryzen 2000 ขึ้นไป ทำให้คอมพิวเตอร์หลายรุ่นที่ยังใช้งานได้ดี ไม่สามารถอัปเกรดได้ หลายองค์กรการกุศลที่มีหน้าที่จัดหาคอมพิวเตอร์ให้ผู้ขาดแคลนจึงต้องเผชิญกับคำถามสำคัญว่า ควรแจกจ่ายคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows 10 ต่อไป, เปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการ Linux, หรือส่งเครื่องที่ไม่ผ่านมาตรฐานไปรีไซเคิล

    ตัวเลือกที่เป็นไปได้:
    1) ติดตั้ง Linux แทน Windows 10: Linux เช่น Mint รุ่นใหม่ได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029 และมีความปลอดภัยสูง แต่มีปัญหาในเรื่องความคุ้นเคยของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและนักเรียนที่คุ้นกับ Windows
    2) ใช้ Windows 10 ต่อไป: แม้จะใช้งานง่าย แต่ Windows 10 จะกลายเป็นระบบที่ไม่ปลอดภัยเพราะไม่มีการอัปเดตความปลอดภัย
    3) รีไซเคิลเครื่องเก่า: อาจช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ปัจจุบันในสหรัฐฯ มีเพียง 14-40% ของขยะ e-waste ที่ได้รับการรีไซเคิล

    องค์กรอย่าง PCs for People ได้ตัดสินใจเลิกใช้ Windows 10 ล่วงหน้าหนึ่งปีโดยหันมาแจกจ่ายเครื่องที่ติดตั้ง Linux ให้กับผู้ที่ต้องการแทน และเน้นให้คอมพิวเตอร์ที่ยังรองรับ Windows 11 ได้รับการใช้งานต่อ ขณะเดียวกัน การใช้ระบบ Linux อย่างกว้างขวางในองค์กรการกุศลสะท้อนให้เห็นว่าหลายคนเริ่มยอมรับ OS ทางเลือกนี้มากขึ้นในฐานะ “หน้าต่างสู่โลกอินเทอร์เน็ต”

    คุณคิดว่าการเลือกใช้ Linux หรือการรีไซเคิลเครื่องจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของเครื่องเก่าเหล่านี้ หรือองค์กรควรรอให้ Microsoft ปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์รุ่นเก่ามากขึ้น?

    https://www.tomshardware.com/software/operating-systems/linux-or-landfill-end-of-windows-10-leaves-pc-charities-with-tough-choice
    ข่าวนี้พูดถึงปัญหาและตัวเลือกสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Windows 11 ได้ เมื่อ Microsoft เตรียมจะหยุดการสนับสนุนอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Windows 10 ในเดือนตุลาคมนี้ นั่นหมายความว่ามีคอมพิวเตอร์ราว 240 ล้านเครื่อง ที่อาจต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก ปัญหาหลักคืออะไร? Windows 11 มีข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ที่สูง เช่น ซีพียูต้องเป็น Intel 8th Gen หรือ Ryzen 2000 ขึ้นไป ทำให้คอมพิวเตอร์หลายรุ่นที่ยังใช้งานได้ดี ไม่สามารถอัปเกรดได้ หลายองค์กรการกุศลที่มีหน้าที่จัดหาคอมพิวเตอร์ให้ผู้ขาดแคลนจึงต้องเผชิญกับคำถามสำคัญว่า ควรแจกจ่ายคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows 10 ต่อไป, เปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการ Linux, หรือส่งเครื่องที่ไม่ผ่านมาตรฐานไปรีไซเคิล ตัวเลือกที่เป็นไปได้: 1) ติดตั้ง Linux แทน Windows 10: Linux เช่น Mint รุ่นใหม่ได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029 และมีความปลอดภัยสูง แต่มีปัญหาในเรื่องความคุ้นเคยของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและนักเรียนที่คุ้นกับ Windows 2) ใช้ Windows 10 ต่อไป: แม้จะใช้งานง่าย แต่ Windows 10 จะกลายเป็นระบบที่ไม่ปลอดภัยเพราะไม่มีการอัปเดตความปลอดภัย 3) รีไซเคิลเครื่องเก่า: อาจช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ปัจจุบันในสหรัฐฯ มีเพียง 14-40% ของขยะ e-waste ที่ได้รับการรีไซเคิล องค์กรอย่าง PCs for People ได้ตัดสินใจเลิกใช้ Windows 10 ล่วงหน้าหนึ่งปีโดยหันมาแจกจ่ายเครื่องที่ติดตั้ง Linux ให้กับผู้ที่ต้องการแทน และเน้นให้คอมพิวเตอร์ที่ยังรองรับ Windows 11 ได้รับการใช้งานต่อ ขณะเดียวกัน การใช้ระบบ Linux อย่างกว้างขวางในองค์กรการกุศลสะท้อนให้เห็นว่าหลายคนเริ่มยอมรับ OS ทางเลือกนี้มากขึ้นในฐานะ “หน้าต่างสู่โลกอินเทอร์เน็ต” คุณคิดว่าการเลือกใช้ Linux หรือการรีไซเคิลเครื่องจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของเครื่องเก่าเหล่านี้ หรือองค์กรควรรอให้ Microsoft ปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์รุ่นเก่ามากขึ้น? https://www.tomshardware.com/software/operating-systems/linux-or-landfill-end-of-windows-10-leaves-pc-charities-with-tough-choice
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Microsoft delivers gut punch to PC charities with end of Windows 10
    Many donateable PCs can’t run Windows 11. Should non-profits still be giving them away? Should they install Linux instead?
    0 Comments 0 Shares 403 Views 0 Reviews
  • เหมาะกับผู้สูงวัยอย่างมากครับ ลุงชอบ

    Google และ Qualcomm ได้ประกาศความร่วมมือในการปรับปรุงการสนับสนุนอุปกรณ์ Android อย่างมีนัยสำคัญ โดยเสนอการอัปเดตซอฟต์แวร์และความปลอดภัยนานถึง แปดปี สำหรับอุปกรณ์ที่เข้าเกณฑ์ ข่าวดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการยืดอายุการใช้งานของสมาร์ทโฟน!

    แผนการสนับสนุนใหม่นี้จะครอบคลุมโทรศัพท์ที่ใช้แพลตฟอร์ม Snapdragon 8 Elite ซึ่งเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2024 และใช้ในผลิตภัณฑ์ล่าสุดเช่น OnePlus 13 และ Samsung Galaxy S25 ซึ่ง Android 15 จะเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นแรกที่ได้รับการสนับสนุนระยะยาวนี้ โดยในปีนี้อุปกรณ์ที่ใช้ชิป Snapdragon 8 และ 7-series จะเข้าร่วมแผนนี้ด้วย

    อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าแผนการสนับสนุนนี้ไม่ได้ครอบคลุมอุปกรณ์รุ่นเก่า และผู้ผลิตยังสามารถตัดสินใจว่าจะนำแผนการสนับสนุนนี้ไปใช้หรือไม่ แม้จะมีการรับประกันการเข้าถึงการอัปเดต Android รุ่นใหม่ แต่การตัดสินใจสุดท้ายยังขึ้นอยู่กับผู้ผลิต OEM

    ประโยชน์จากแผนนี้คืออะไร?

    การมีการอัปเดตซอฟต์แวร์และความปลอดภัยนานขึ้น จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานอุปกรณ์ได้ยาวนานขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ยังช่วยลดการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์และเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม

    อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัด เช่น อุปกรณ์ราคาประหยัดที่ใช้ชิปของ Qualcomm อาจไม่ได้รับการอัปเดตเพิ่มเติม

    การขยายเวลาการสนับสนุนนี้ยังเป็นไปตามแนวคิดหลักในด้านความปลอดภัยที่สำคัญในสหรัฐฯ และยุโรป และสามารถปรับปรุงทั้งความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของผู้ผลิตในการนำแผนการสนับสนุนไปใช้

    https://www.techspot.com/news/106931-google-qualcomm-offering-up-eight-years-updates-newer.html
    เหมาะกับผู้สูงวัยอย่างมากครับ ลุงชอบ Google และ Qualcomm ได้ประกาศความร่วมมือในการปรับปรุงการสนับสนุนอุปกรณ์ Android อย่างมีนัยสำคัญ โดยเสนอการอัปเดตซอฟต์แวร์และความปลอดภัยนานถึง แปดปี สำหรับอุปกรณ์ที่เข้าเกณฑ์ ข่าวดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการยืดอายุการใช้งานของสมาร์ทโฟน! แผนการสนับสนุนใหม่นี้จะครอบคลุมโทรศัพท์ที่ใช้แพลตฟอร์ม Snapdragon 8 Elite ซึ่งเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2024 และใช้ในผลิตภัณฑ์ล่าสุดเช่น OnePlus 13 และ Samsung Galaxy S25 ซึ่ง Android 15 จะเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นแรกที่ได้รับการสนับสนุนระยะยาวนี้ โดยในปีนี้อุปกรณ์ที่ใช้ชิป Snapdragon 8 และ 7-series จะเข้าร่วมแผนนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ควรทราบว่าแผนการสนับสนุนนี้ไม่ได้ครอบคลุมอุปกรณ์รุ่นเก่า และผู้ผลิตยังสามารถตัดสินใจว่าจะนำแผนการสนับสนุนนี้ไปใช้หรือไม่ แม้จะมีการรับประกันการเข้าถึงการอัปเดต Android รุ่นใหม่ แต่การตัดสินใจสุดท้ายยังขึ้นอยู่กับผู้ผลิต OEM ประโยชน์จากแผนนี้คืออะไร? การมีการอัปเดตซอฟต์แวร์และความปลอดภัยนานขึ้น จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานอุปกรณ์ได้ยาวนานขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ยังช่วยลดการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์และเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัด เช่น อุปกรณ์ราคาประหยัดที่ใช้ชิปของ Qualcomm อาจไม่ได้รับการอัปเดตเพิ่มเติม การขยายเวลาการสนับสนุนนี้ยังเป็นไปตามแนวคิดหลักในด้านความปลอดภัยที่สำคัญในสหรัฐฯ และยุโรป และสามารถปรับปรุงทั้งความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของผู้ผลิตในการนำแผนการสนับสนุนไปใช้ https://www.techspot.com/news/106931-google-qualcomm-offering-up-eight-years-updates-newer.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google and Qualcomm offering up to eight years of updates on newer Android devices
    Qualcomm and Google have announced a partnership to significantly improve official Android support, offering "up to" eight years of software and security updates for eligible devices. Needless...
    0 Comments 0 Shares 631 Views 0 Reviews
More Results