จากฐานข้อมูล Carbon Majors รายงานล่าสุดเปิดเผยว่าในปี 2023 การปล่อยมลพิษจากบริษัทน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของโลกเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ให้เห็นว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่งผลกระทบต่อโลกร้อนอย่างมหาศาล ที่น่ากังวลยิ่งขึ้นคือ กว่า 50% ของการปล่อยมลพิษทั้งหมดมาจากบริษัทเพียง 36 แห่ง โดยเฉพาะบริษัทที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ
บริษัทที่ปล่อยมลพิษสูงสุดในปี 2023
บริษัทของรัฐ:
- Aramco (ซาอุดิอาระเบีย)
- Coal India (อินเดีย)
- CHN Energy (จีน)
- NIOC (อิหร่าน)
- Jinneng Group (จีน)
บริษัทเอกชน:
- ExxonMobil (สหรัฐฯ)
- Chevron (สหรัฐฯ)
- Shell (สหราชอาณาจักร)
- TotalEnergies (ฝรั่งเศส)
- BP (สหราชอาณาจักร)
บริษัทของรัฐในกลุ่ม Top 20 มีส่วนปล่อย CO2 ถึง 52% ของการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมทั่วโลก ขณะที่บริษัทจากจีนเพียงประเทศเดียวปล่อย CO2 ถึง 23% ของการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงฟอสซิลและปูนซีเมนต์
นอกจากเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังมีการปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2023 โดยบริษัทที่มียอดปล่อยมลพิษสูงสุดได้แก่ Holcim Group, Heidelberg Materials, UltraTech Cement และ CRH
ฐานข้อมูล Carbon Majors ไม่เพียงแต่ใช้ติดตามข้อมูลการปล่อยก๊าซ แต่ยังเป็นหลักฐานสำคัญในกรณีทางกฎหมาย เช่น การผลักดันกฎหมาย Climate Superfund ในรัฐ Vermont และ New York รวมถึงการประเมินผลกระทบของบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ข้อมูลล่าสุดจาก International Energy Agency ชี้ว่าโครงการพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เริ่มขึ้นหลังปี 2021 ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของการลดปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 หากเราต้องการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C การปล่อยก๊าซต้องลดลง 45% ภายในปี 2030
https://www.techspot.com/news/107070-36-companies-account-50-global-co2-emissions-report.html
บริษัทที่ปล่อยมลพิษสูงสุดในปี 2023
บริษัทของรัฐ:
- Aramco (ซาอุดิอาระเบีย)
- Coal India (อินเดีย)
- CHN Energy (จีน)
- NIOC (อิหร่าน)
- Jinneng Group (จีน)
บริษัทเอกชน:
- ExxonMobil (สหรัฐฯ)
- Chevron (สหรัฐฯ)
- Shell (สหราชอาณาจักร)
- TotalEnergies (ฝรั่งเศส)
- BP (สหราชอาณาจักร)
บริษัทของรัฐในกลุ่ม Top 20 มีส่วนปล่อย CO2 ถึง 52% ของการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมทั่วโลก ขณะที่บริษัทจากจีนเพียงประเทศเดียวปล่อย CO2 ถึง 23% ของการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงฟอสซิลและปูนซีเมนต์
นอกจากเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังมีการปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2023 โดยบริษัทที่มียอดปล่อยมลพิษสูงสุดได้แก่ Holcim Group, Heidelberg Materials, UltraTech Cement และ CRH
ฐานข้อมูล Carbon Majors ไม่เพียงแต่ใช้ติดตามข้อมูลการปล่อยก๊าซ แต่ยังเป็นหลักฐานสำคัญในกรณีทางกฎหมาย เช่น การผลักดันกฎหมาย Climate Superfund ในรัฐ Vermont และ New York รวมถึงการประเมินผลกระทบของบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ข้อมูลล่าสุดจาก International Energy Agency ชี้ว่าโครงการพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เริ่มขึ้นหลังปี 2021 ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของการลดปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 หากเราต้องการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C การปล่อยก๊าซต้องลดลง 45% ภายในปี 2030
https://www.techspot.com/news/107070-36-companies-account-50-global-co2-emissions-report.html
จากฐานข้อมูล Carbon Majors รายงานล่าสุดเปิดเผยว่าในปี 2023 การปล่อยมลพิษจากบริษัทน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของโลกเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ให้เห็นว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่งผลกระทบต่อโลกร้อนอย่างมหาศาล ที่น่ากังวลยิ่งขึ้นคือ กว่า 50% ของการปล่อยมลพิษทั้งหมดมาจากบริษัทเพียง 36 แห่ง โดยเฉพาะบริษัทที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ
บริษัทที่ปล่อยมลพิษสูงสุดในปี 2023
บริษัทของรัฐ:
- Aramco (ซาอุดิอาระเบีย)
- Coal India (อินเดีย)
- CHN Energy (จีน)
- NIOC (อิหร่าน)
- Jinneng Group (จีน)
บริษัทเอกชน:
- ExxonMobil (สหรัฐฯ)
- Chevron (สหรัฐฯ)
- Shell (สหราชอาณาจักร)
- TotalEnergies (ฝรั่งเศส)
- BP (สหราชอาณาจักร)
บริษัทของรัฐในกลุ่ม Top 20 มีส่วนปล่อย CO2 ถึง 52% ของการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมทั่วโลก ขณะที่บริษัทจากจีนเพียงประเทศเดียวปล่อย CO2 ถึง 23% ของการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงฟอสซิลและปูนซีเมนต์
นอกจากเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ยังมีการปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2023 โดยบริษัทที่มียอดปล่อยมลพิษสูงสุดได้แก่ Holcim Group, Heidelberg Materials, UltraTech Cement และ CRH
ฐานข้อมูล Carbon Majors ไม่เพียงแต่ใช้ติดตามข้อมูลการปล่อยก๊าซ แต่ยังเป็นหลักฐานสำคัญในกรณีทางกฎหมาย เช่น การผลักดันกฎหมาย Climate Superfund ในรัฐ Vermont และ New York รวมถึงการประเมินผลกระทบของบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ข้อมูลล่าสุดจาก International Energy Agency ชี้ว่าโครงการพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เริ่มขึ้นหลังปี 2021 ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายของการลดปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 หากเราต้องการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C การปล่อยก๊าซต้องลดลง 45% ภายในปี 2030
https://www.techspot.com/news/107070-36-companies-account-50-global-co2-emissions-report.html
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
66 มุมมอง
0 รีวิว