• #เวียดนาม #บานาฮิลล์ อย่างจึ้ง!! 4,994

    🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    พักโรงแรม

    สะพานมือยักษ์
    บานาฮิลล์
    POP MART
    เมืองโบราณฮอยอัน
    นั่งเรือกระด้ง
    วัดหลิ๋นอึ๋ง
    ร้านกาแฟ Son Tra Marina

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #เวียดนาม #บานาฮิลล์ อย่างจึ้ง!! 4,994 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 บานาฮิลล์ 📍 POP MART 📍 เมืองโบราณฮอยอัน 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 วัดหลิ๋นอึ๋ง 📍 ร้านกาแฟ Son Tra Marina รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กาแฟแล้วแต่จะจ่าย เพื่อโรงเรียนน้องๆในจังหวัดพิษณุโลก
    กาแฟแล้วแต่จะจ่าย เพื่อโรงเรียนน้องๆในจังหวัดพิษณุโลก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวียดนาม ซื้อ 1 แถม 1
    หน้าพาส + พร้อมโอนเท่านั้น
    ราคาเริ่มต้นเพียง 11,111 บาท
    เฉลี่ยเพียงคนละ 5,555 บาท เท่านั้น!!

    🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน
    ✈ FD-แอร์เอเชีย
    พักโรงแรม &

    บานาฮิลล์
    สะพานมือยักษ์
    Apec Park
    นั่งเรือกระด้ง
    สะพานแห่งความรัก
    สะพานมังกร
    วัดหลิ๋นอึ๋ง
    ร้านกาแฟ Son Tra Marina

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    💥 เวียดนาม ซื้อ 1 แถม 1 💥 ✨ หน้าพาส + พร้อมโอนเท่านั้น ✨ ✈️ ราคาเริ่มต้นเพียง 11,111 บาท 💸 เฉลี่ยเพียงคนละ 5,555 บาท เท่านั้น!! 🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน ✈ FD-แอร์เอเชีย 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐ 📍 บานาฮิลล์ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 Apec Park 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 สะพานมังกร 📍 วัดหลิ๋นอึ๋ง 📍 ร้านกาแฟ Son Tra Marina รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #ทัวร์บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • วันนี้ลองสมัครสอบ TOEFL โอ้โห ค่าสอบเป็นพัน แต่คนส่วนใหญ่เลือกเกือบหมื่น แต่ไม่มีตังพอ โอย คงต้องเอาท้องถิ่นให้รอดก่อนดีกว่า และขอเอาดีด้านงานด้านโปรแกรมมิ่งก่อนนะครับ
    วันนี้ตื่นแต่เช้าเลย ขาดทั้งกาแฟและ M150 เลยเพลียๆง่วงๆซึมๆ ถึงกินอาหารเช้าไปด้วยอีก ไม่เป็นไร เดี๋ยววันนี้คงต้องชี้แจงเพราะเมื่อวานกับวันนี้ใช้น้อย แต่จำต้องเติม Truemove H ไป 300 บาท เพื่อให้ต่ออายุอัตโนมัติ
    บางทีคงต้องเข้มงวดกับงานที่ผมที่จะต้องทำเป็นพิเศษเลยแหละครับ
    วันนี้ลองสมัครสอบ TOEFL โอ้โห ค่าสอบเป็นพัน แต่คนส่วนใหญ่เลือกเกือบหมื่น แต่ไม่มีตังพอ โอย คงต้องเอาท้องถิ่นให้รอดก่อนดีกว่า และขอเอาดีด้านงานด้านโปรแกรมมิ่งก่อนนะครับ วันนี้ตื่นแต่เช้าเลย ขาดทั้งกาแฟและ M150 เลยเพลียๆง่วงๆซึมๆ ถึงกินอาหารเช้าไปด้วยอีก ไม่เป็นไร เดี๋ยววันนี้คงต้องชี้แจงเพราะเมื่อวานกับวันนี้ใช้น้อย แต่จำต้องเติม Truemove H ไป 300 บาท เพื่อให้ต่ออายุอัตโนมัติ บางทีคงต้องเข้มงวดกับงานที่ผมที่จะต้องทำเป็นพิเศษเลยแหละครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวียดนาม ซื้อ 1 แถม 1
    หน้าพาส + พร้อมโอนเท่านั้น
    ราคาเริ่มต้นเพียง 11,111 บาท
    เฉลี่ยเพียงคนละ 5,555 บาท เท่านั้น!!

    🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    พักโรงแรม &

    Apec Park
    บานาฮิลล์
    สะพานมือยักษ์
    นั่งเรือกระด้ง
    สะพานมังกร
    สะพานแห่งความรัก
    วัดหลิ๋นอึ๋ง
    ร้านกาแฟ Son Tra Marina

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    💥 เวียดนาม ซื้อ 1 แถม 1 💥 ✨ หน้าพาส + พร้อมโอนเท่านั้น ✨ ✈️ ราคาเริ่มต้นเพียง 11,111 บาท 💸 เฉลี่ยเพียงคนละ 5,555 บาท เท่านั้น!! 🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐ 📍 Apec Park 📍 บานาฮิลล์ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 สะพานมังกร 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 วัดหลิ๋นอึ๋ง 📍 ร้านกาแฟ Son Tra Marina รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #vietnam #บานาฮิลล์ #banahills #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Starbucks เกาหลีใต้ขอคืนพื้นที่: ห้ามตั้งออฟฟิศในร้านกาแฟ

    ในเกาหลีใต้ การใช้ร้านกาแฟเป็นพื้นที่ทำงานหรือเรียนกลายเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายจน Starbucks ต้องออกมาตรการใหม่ทั่วประเทศ โดยติดป้ายประกาศห้ามลูกค้านำอุปกรณ์สำนักงานมาใช้ในร้าน เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เครื่องพิมพ์ ปลั๊กพ่วงหลายช่อง และฉากกั้นส่วนตัว

    กลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ถูกเรียกว่า “คากงจก” (cagongjok) ซึ่งเป็นคำผสมระหว่าง “คาเฟ่” กับ “กงบู” (เรียน) หมายถึงคนที่ใช้ร้านกาแฟเป็นพื้นที่ทำงานหรือเรียนเป็นเวลานาน โดยบางคนถึงขั้นนำเครื่องพิมพ์มาเสียบปลั๊กของร้าน หรือสร้างบูธส่วนตัวด้วยฉากกั้น

    Starbucks ระบุว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ร้านสะดวกสำหรับลูกค้าทุกคน และลดความเสี่ยงจากการสูญหายหรือขโมยทรัพย์สิน โดยพนักงานจะคอยแจ้งเตือนลูกค้าที่ใช้พื้นที่เกินความจำเป็น หรือทิ้งของไว้บนโต๊ะนานเกินไป

    ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลาง “คาเฟ่บูม” ในเกาหลีใต้ ซึ่งมีร้านกาแฟมากกว่า 100,000 แห่งทั่วประเทศ และการใช้ร้านกาแฟเป็นพื้นที่ทำงานก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การนั่งนานเกินไปอาจทำให้ร้านขาดทุน เพราะกาแฟหนึ่งแก้วครอบคลุมค่าใช้ที่นั่งได้เพียง 1 ชั่วโมง 42 นาทีเท่านั้น

    https://www.tomshardware.com/software/social-media/korean-starbucks-bans-desktop-pcs-printers-and-office-partitions-power-strips-also-forbidden-in-crackdown-on-industrious-customers
    ☕🖥️ Starbucks เกาหลีใต้ขอคืนพื้นที่: ห้ามตั้งออฟฟิศในร้านกาแฟ ในเกาหลีใต้ การใช้ร้านกาแฟเป็นพื้นที่ทำงานหรือเรียนกลายเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายจน Starbucks ต้องออกมาตรการใหม่ทั่วประเทศ โดยติดป้ายประกาศห้ามลูกค้านำอุปกรณ์สำนักงานมาใช้ในร้าน เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เครื่องพิมพ์ ปลั๊กพ่วงหลายช่อง และฉากกั้นส่วนตัว กลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ถูกเรียกว่า “คากงจก” (cagongjok) ซึ่งเป็นคำผสมระหว่าง “คาเฟ่” กับ “กงบู” (เรียน) หมายถึงคนที่ใช้ร้านกาแฟเป็นพื้นที่ทำงานหรือเรียนเป็นเวลานาน โดยบางคนถึงขั้นนำเครื่องพิมพ์มาเสียบปลั๊กของร้าน หรือสร้างบูธส่วนตัวด้วยฉากกั้น Starbucks ระบุว่ามาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ร้านสะดวกสำหรับลูกค้าทุกคน และลดความเสี่ยงจากการสูญหายหรือขโมยทรัพย์สิน โดยพนักงานจะคอยแจ้งเตือนลูกค้าที่ใช้พื้นที่เกินความจำเป็น หรือทิ้งของไว้บนโต๊ะนานเกินไป ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลาง “คาเฟ่บูม” ในเกาหลีใต้ ซึ่งมีร้านกาแฟมากกว่า 100,000 แห่งทั่วประเทศ และการใช้ร้านกาแฟเป็นพื้นที่ทำงานก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การนั่งนานเกินไปอาจทำให้ร้านขาดทุน เพราะกาแฟหนึ่งแก้วครอบคลุมค่าใช้ที่นั่งได้เพียง 1 ชั่วโมง 42 นาทีเท่านั้น https://www.tomshardware.com/software/social-media/korean-starbucks-bans-desktop-pcs-printers-and-office-partitions-power-strips-also-forbidden-in-crackdown-on-industrious-customers
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Korean Starbucks bans desktop PCs, printers, and office partitions — power strips also forbidden in crackdown on industrious customers
    A new ‘Guide to comfortable use of the store’ asks café visitors to stop bringing in ‘Personal desktops, printers, power strips, partitions, etc.’
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ชาวกัมพูชาต้องเผชิญชะตากรรมครั้งใหม่ ไม่ต่างอะไรกับการค่าล้างเผ่าพันธุ์ แม้ไม่ถูกสังหารทันที แต่ถูกปล่อยให้ทุกข์ทรมารจากความอดอยากแร้นแค้น ขณะที่ผู้นำเฮงซวยจิบกาแฟตีกอล์ฟ เสวยสุขในคฤหาสน์
    #7ดอกจิก
    #TruthFromThailand
    #scambodia
    ♣ ชาวกัมพูชาต้องเผชิญชะตากรรมครั้งใหม่ ไม่ต่างอะไรกับการค่าล้างเผ่าพันธุ์ แม้ไม่ถูกสังหารทันที แต่ถูกปล่อยให้ทุกข์ทรมารจากความอดอยากแร้นแค้น ขณะที่ผู้นำเฮงซวยจิบกาแฟตีกอล์ฟ เสวยสุขในคฤหาสน์ #7ดอกจิก #TruthFromThailand #scambodia
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • blackrockเจ้าพ่อของโลก ที่มีหลอดกาแฟรอธไชล์ดและหลอดกาแฟร็อกกี้เฟลเลอร์ร่วมเล่นด้วยตลอดทั้งตระกูลอื่นๆตรึมของพวกละโมบโลภอยากได้ทรัพยากรมีค่ามากมายเพื่อปล้นชิงไปจากประชาชนคนไทย ปล้นชิงไปจากประเทศไทยผ่านขี้ข้าลูกน้องมันในนามรัฐบาลไทยที่ช่วยเหลือมันผ่านกฎหมายไทยโดยปล้นชิงให้ถูกต้องชอบธรรม อำนวยสร้างโดยคนทรยศประจำรัฐบาลไทยทุกยุคทุกสมัย,สั่งซ้ายหันขวาหันกินขี้ได้หมด,ประชาชนคนไทยจึงยากจนมีบัตรคนจนเพิ่มขึ้น,บนนโยบายวางไทยเป็นที่อยู่เพื่อยึดแดกถาวรของมันตลอดการผีปอบผีสิงประจำประเทศไทยถาวรโดยมีรัฐบาลไทยคือทายาทอสูรให้มันสิง เช่นนั้นประเทศไทยจะดูดผลิตขายน้ำมันเองสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งไปนานแล้ว,เพราะมีฝรั่งผีปอบนี้กัดกินประเทศไทยเรานานเกินไปที่สุมหัวกับนักการเมืองไปเป็นรัฐบาลที่ขายความมั่งคั่งคนไทยแก่พวกมันเหล่านี้,พวกนี้ทุกๆตัวต้องถูกประหารชีวิตและยึดทรัพย์สินทั้งหมด,แต่ด้วยกระบวนการที่เสื่อมทุกๆวงการ ทรยศชาติตนเองทุกๆวงการ ไม่สามารถกล้าหาญพอจะประหารชีวิตพวกนี้จริงใดๆได้ ขี้ขลาดกับพวกนี้,แต่เก่งกล้าสามารถกับประชาชนตาดำๆยากจน, เราต้องล้างทำความสะอาดประเทศครั้งใหญ่จริงๆภายในประเทศไทยเรา.
    ..อเมริกาและฝรั่งเศสตัวเปิดหน้าชัดจริงแล้วในตอนนี้ โดยหลอดกาแฟตระกูลใดๆจะอยู่เบื้องหลังจริงก็ตามหรือองค์กรทุนใหญ่สากลโลกอีลิทdeep stateแบบblackrockนี้จะอยู่เบื้องหลังก็ตาม,เรา..ประชาชนคนไทย ทหารพระราชาเราสามารถตัดตอนจัดการกวาดล้างจริงก่อนภายในประเทศเรานี้ได้ทันทีแน่นอน,ในเวลานี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่า บิ๊กปูบิ๊กกุ้งและสหายท่านๆเหล่านี้ที่ลงใจพร้อมสามัคคีร่วมกับคนทั้งประเทศไทยเราว่าชาติไทยอธิปไตยไทยต้องมาก่อน,จังหวะเวลานี้เหมาะสมแก่กาลจะประกาศกฎอัยการศึกมาก,นี้คือสงครามการปกป้องอธิปไตยไทยจากข้าศึกคนทรยศภายในประเทศเราเองที่มีต่างชาติสนับสนุนเต็มที่ที่เปิดเผยชัดเจนคือเขมรนี้เอง,และอเมริกาฝรั่งเศสบวกชาติสมุนขี้ข้ามันทั้งหมดแบบมาเลย์ตัวปั่นภาคใต้ไทยเรา,กฎอัยการศึกทั่วประเทศจึงต้องเปิดจริงๆ,คณะคนไทยรักชาติที่มีองค์รู้มีความสามารถพร้ิมอาสารับใช้ชาติบนสงครามนี้อย่างพร้อมเพรียงใจกันแน่นอนอาทิคณะรวมพลังแผ่นดินไทยเราซึ่งคือทัพใหญ่คณะใหญ่และมีทัพย่อยทัพเล็กภาคอาสาของประชาชนมาอีกอย่างมหาศาลทั่วทิศถิ่นไทยเรา,ชาติ ศาสน์ กษัตริย์คือประเทศไทยเรา,คนชั่วเลวอยู่หนักแผ่นดินนานเกินพอแล้วไร้สำนึกคิดดีใดๆได้อีกต้องมิให้มีชีวิตอีกต่อไป,นี้คือสงครามครั้งสุดท้ายแห่งเรา..ประเทศไทย.เอเชียต้องปลอดฝรั่งลักษณะนี้หรือมารอีลิทต่างดาวเลวชั่วลักษณะนี้.
    blackrockเจ้าพ่อของโลก ที่มีหลอดกาแฟรอธไชล์ดและหลอดกาแฟร็อกกี้เฟลเลอร์ร่วมเล่นด้วยตลอดทั้งตระกูลอื่นๆตรึมของพวกละโมบโลภอยากได้ทรัพยากรมีค่ามากมายเพื่อปล้นชิงไปจากประชาชนคนไทย ปล้นชิงไปจากประเทศไทยผ่านขี้ข้าลูกน้องมันในนามรัฐบาลไทยที่ช่วยเหลือมันผ่านกฎหมายไทยโดยปล้นชิงให้ถูกต้องชอบธรรม อำนวยสร้างโดยคนทรยศประจำรัฐบาลไทยทุกยุคทุกสมัย,สั่งซ้ายหันขวาหันกินขี้ได้หมด,ประชาชนคนไทยจึงยากจนมีบัตรคนจนเพิ่มขึ้น,บนนโยบายวางไทยเป็นที่อยู่เพื่อยึดแดกถาวรของมันตลอดการผีปอบผีสิงประจำประเทศไทยถาวรโดยมีรัฐบาลไทยคือทายาทอสูรให้มันสิง เช่นนั้นประเทศไทยจะดูดผลิตขายน้ำมันเองสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งไปนานแล้ว,เพราะมีฝรั่งผีปอบนี้กัดกินประเทศไทยเรานานเกินไปที่สุมหัวกับนักการเมืองไปเป็นรัฐบาลที่ขายความมั่งคั่งคนไทยแก่พวกมันเหล่านี้,พวกนี้ทุกๆตัวต้องถูกประหารชีวิตและยึดทรัพย์สินทั้งหมด,แต่ด้วยกระบวนการที่เสื่อมทุกๆวงการ ทรยศชาติตนเองทุกๆวงการ ไม่สามารถกล้าหาญพอจะประหารชีวิตพวกนี้จริงใดๆได้ ขี้ขลาดกับพวกนี้,แต่เก่งกล้าสามารถกับประชาชนตาดำๆยากจน, เราต้องล้างทำความสะอาดประเทศครั้งใหญ่จริงๆภายในประเทศไทยเรา. ..อเมริกาและฝรั่งเศสตัวเปิดหน้าชัดจริงแล้วในตอนนี้ โดยหลอดกาแฟตระกูลใดๆจะอยู่เบื้องหลังจริงก็ตามหรือองค์กรทุนใหญ่สากลโลกอีลิทdeep stateแบบblackrockนี้จะอยู่เบื้องหลังก็ตาม,เรา..ประชาชนคนไทย ทหารพระราชาเราสามารถตัดตอนจัดการกวาดล้างจริงก่อนภายในประเทศเรานี้ได้ทันทีแน่นอน,ในเวลานี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่า บิ๊กปูบิ๊กกุ้งและสหายท่านๆเหล่านี้ที่ลงใจพร้อมสามัคคีร่วมกับคนทั้งประเทศไทยเราว่าชาติไทยอธิปไตยไทยต้องมาก่อน,จังหวะเวลานี้เหมาะสมแก่กาลจะประกาศกฎอัยการศึกมาก,นี้คือสงครามการปกป้องอธิปไตยไทยจากข้าศึกคนทรยศภายในประเทศเราเองที่มีต่างชาติสนับสนุนเต็มที่ที่เปิดเผยชัดเจนคือเขมรนี้เอง,และอเมริกาฝรั่งเศสบวกชาติสมุนขี้ข้ามันทั้งหมดแบบมาเลย์ตัวปั่นภาคใต้ไทยเรา,กฎอัยการศึกทั่วประเทศจึงต้องเปิดจริงๆ,คณะคนไทยรักชาติที่มีองค์รู้มีความสามารถพร้ิมอาสารับใช้ชาติบนสงครามนี้อย่างพร้อมเพรียงใจกันแน่นอนอาทิคณะรวมพลังแผ่นดินไทยเราซึ่งคือทัพใหญ่คณะใหญ่และมีทัพย่อยทัพเล็กภาคอาสาของประชาชนมาอีกอย่างมหาศาลทั่วทิศถิ่นไทยเรา,ชาติ ศาสน์ กษัตริย์คือประเทศไทยเรา,คนชั่วเลวอยู่หนักแผ่นดินนานเกินพอแล้วไร้สำนึกคิดดีใดๆได้อีกต้องมิให้มีชีวิตอีกต่อไป,นี้คือสงครามครั้งสุดท้ายแห่งเรา..ประเทศไทย.เอเชียต้องปลอดฝรั่งลักษณะนี้หรือมารอีลิทต่างดาวเลวชั่วลักษณะนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ZUS COFFEE ทุนมาเลย์ฯ บุกไทย

    ZUS COFFEE (ซุส คอฟฟี่) โลโก้ชายเครางามสีน้ำเงิน ผู้บริโภคชาวไทยอาจไม่คุ้นหู แต่ที่ประเทศมาเลเซียถือเป็นแบรนด์ร้านกาแฟที่มีสาขามากที่สุด 746 แห่ง แซงหน้าสตาร์บัคส์ มาเลเซีย ของกลุ่มเบอร์จายา คอร์ปอเรชั่น (Berjaya Corporation) ที่มีประมาณ 320 แห่ง กระทั่งขยายสาขาไปยังฟิลิปปินส์ในปี 2566 มีมากถึง 153 สาขา ต่อด้วยสิงคโปร์ 5 สาขา บรูไน 5 สาขาในปี 2567 และไทยคือจุดหมายล่าสุด ก่อนจะเปิดที่อินโดนีเซียร่วมกับกลุ่มกาปัลอาปี (Kapal Api Group) ในลำดับถัดไป

    ซุส คอฟฟี่ เปิดสาขาแรกในไทยที่อาคารวานิช เพลส อารีย์ ถนนพหลโยธิน ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 ส.ค. 2568 บริหารงานโดย บริษัท ซุสเพรซโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด จัดตั้งเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ด้วยทุนจดทะเบียน 81.55 ล้านบาท มีกรรมการบริษัทชาวมาเลเซีย 5 คน ร่วมกับ นายพงษ์ศักดิ์ ธัมประพาสอัศดร กรรมการบริษัทชาวไทย นับเป็นกลุ่มทุนมาเลเซียในไทยที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย หรือกลุ่มมิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย.

    แหล่งข่าวระบุว่า ซุส คอฟฟี่ เป็นความตั้งใจของบริษัทแม่ในมาเลเซีย ที่ต้องการขยายตลาดมายังประเทศไทยโดยตรง ไม่ได้เป็นแฟรนไชส์ มีแผนที่จะขยายสาขาในไทยราว 30 แห่งภายในต้นปี 2569 โดยสาขาถัดไปอยู่ที่ย่านอโศก ปิ่นเกล้า และสีลม ส่วนข้อกังวลถึงวัตถุดิบโดยเฉพาะกะทิ สำหรับเมนูยอดนิยมอย่าง Coconut Latte ยอมรับว่าที่ประเทศมาเลเซียกะทิขาดตลาดจริง แต่สำหรับประเทศไทยวัตถุดิบเหลือเฟือ เชื่อว่าคนไทยขาดกะทิไม่ได้

    ก่อนหน้านี้ นายเวนอน เทียน เจิ้ง ฮุย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของซุสเพรซโซ่ มาเลเซีย กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ซุสคอฟฟี่วางแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราว 200 แห่งในปีนี้ โดยจะเปิดสาขาใหม่อย่างน้อย 107 แห่งในมาเลเซีย ประมาณ 80 แห่งในฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแฟรงค์ เลา มหาเศรษฐีชาวฟิลิปปินส์ และอีก 6 แห่งในสิงคโปร์ ส่วนบรูไนบริหารในรูปแบบแฟรนไชส์

    ซุส คอฟฟี่ ก่อตั้งในปี 2562 เริ่มต้นจากโมเดลธุรกิจที่เน้นเทคโนโลยีด้วยบริการส่งกาแฟผ่านแอปพลิเคชันของตัวเอง ก่อนเติบโตอย่างก้าวกระโดดช่วงโควิด-19 ที่มีการล็อกดาวน์และผู้คนนิยมสั่งอาหารออนไลน์ ทำให้มียอดขายออนไลน์ประมาณ 70% จากการจัดส่งและรับสินค้าเอง และด้วยการปรับต้นทุนสร้างร้านกาแฟแบบดั้งเดิม ทำให้ขายกาแฟได้ถูกกว่าสตาร์บัคส์ราว 20% และเริ่มได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าชาวมาเลเซีย ขณะที่สตาร์บัคส์ได้รับผลกระทบจากการรณรงค์คว่ำบาตรกรณีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์

    #Newskit
    ZUS COFFEE ทุนมาเลย์ฯ บุกไทย ZUS COFFEE (ซุส คอฟฟี่) โลโก้ชายเครางามสีน้ำเงิน ผู้บริโภคชาวไทยอาจไม่คุ้นหู แต่ที่ประเทศมาเลเซียถือเป็นแบรนด์ร้านกาแฟที่มีสาขามากที่สุด 746 แห่ง แซงหน้าสตาร์บัคส์ มาเลเซีย ของกลุ่มเบอร์จายา คอร์ปอเรชั่น (Berjaya Corporation) ที่มีประมาณ 320 แห่ง กระทั่งขยายสาขาไปยังฟิลิปปินส์ในปี 2566 มีมากถึง 153 สาขา ต่อด้วยสิงคโปร์ 5 สาขา บรูไน 5 สาขาในปี 2567 และไทยคือจุดหมายล่าสุด ก่อนจะเปิดที่อินโดนีเซียร่วมกับกลุ่มกาปัลอาปี (Kapal Api Group) ในลำดับถัดไป ซุส คอฟฟี่ เปิดสาขาแรกในไทยที่อาคารวานิช เพลส อารีย์ ถนนพหลโยธิน ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 ส.ค. 2568 บริหารงานโดย บริษัท ซุสเพรซโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด จัดตั้งเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ด้วยทุนจดทะเบียน 81.55 ล้านบาท มีกรรมการบริษัทชาวมาเลเซีย 5 คน ร่วมกับ นายพงษ์ศักดิ์ ธัมประพาสอัศดร กรรมการบริษัทชาวไทย นับเป็นกลุ่มทุนมาเลเซียในไทยที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย หรือกลุ่มมิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. แหล่งข่าวระบุว่า ซุส คอฟฟี่ เป็นความตั้งใจของบริษัทแม่ในมาเลเซีย ที่ต้องการขยายตลาดมายังประเทศไทยโดยตรง ไม่ได้เป็นแฟรนไชส์ มีแผนที่จะขยายสาขาในไทยราว 30 แห่งภายในต้นปี 2569 โดยสาขาถัดไปอยู่ที่ย่านอโศก ปิ่นเกล้า และสีลม ส่วนข้อกังวลถึงวัตถุดิบโดยเฉพาะกะทิ สำหรับเมนูยอดนิยมอย่าง Coconut Latte ยอมรับว่าที่ประเทศมาเลเซียกะทิขาดตลาดจริง แต่สำหรับประเทศไทยวัตถุดิบเหลือเฟือ เชื่อว่าคนไทยขาดกะทิไม่ได้ ก่อนหน้านี้ นายเวนอน เทียน เจิ้ง ฮุย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของซุสเพรซโซ่ มาเลเซีย กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ซุสคอฟฟี่วางแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราว 200 แห่งในปีนี้ โดยจะเปิดสาขาใหม่อย่างน้อย 107 แห่งในมาเลเซีย ประมาณ 80 แห่งในฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแฟรงค์ เลา มหาเศรษฐีชาวฟิลิปปินส์ และอีก 6 แห่งในสิงคโปร์ ส่วนบรูไนบริหารในรูปแบบแฟรนไชส์ ซุส คอฟฟี่ ก่อตั้งในปี 2562 เริ่มต้นจากโมเดลธุรกิจที่เน้นเทคโนโลยีด้วยบริการส่งกาแฟผ่านแอปพลิเคชันของตัวเอง ก่อนเติบโตอย่างก้าวกระโดดช่วงโควิด-19 ที่มีการล็อกดาวน์และผู้คนนิยมสั่งอาหารออนไลน์ ทำให้มียอดขายออนไลน์ประมาณ 70% จากการจัดส่งและรับสินค้าเอง และด้วยการปรับต้นทุนสร้างร้านกาแฟแบบดั้งเดิม ทำให้ขายกาแฟได้ถูกกว่าสตาร์บัคส์ราว 20% และเริ่มได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าชาวมาเลเซีย ขณะที่สตาร์บัคส์ได้รับผลกระทบจากการรณรงค์คว่ำบาตรกรณีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 320 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใครเป็นเจ้าของสตาร์บัคส์ กัมพูชา เครื่องดื่มแก้วโปรดของฮุน เซน

    นับตั้งแต่การปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา เฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia ของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา พบว่ามักจะโพสต์ภาพคู่กับกาแฟแก้วโปรดยี่ห้อสตาร์บัคส์ (Starbucks) ซึ่งเป็นแบรนด์กาแฟสัญชาติอเมริกันอยู่ข้างกาย พร้อมบอกเล่าประสบการณ์ที่ตนเองพยายามลดปริมาณความหวานของน้ำตาลจาก 100% ก่อนลดลงมาเหลือ 0% เพื่อสุขภาพ

    แม้แบรนด์กาแฟสัญชาติอเมริกัน อาจไม่เกี่ยวข้องกับการส่งสัญญาณสนับสนุนสหรัฐอเมริกาของกัมพูชา หลังเข้ามามีบทบาทให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิง และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เสนอชื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ แต่ก็คงมีคนสงสัยว่า ร้านสตาร์บัคส์ในกัมพูชาเป็นของใคร?

    ร้านสตาร์บัคส์ กัมพูชาบริหารงานโดย คอฟฟี่ คอนเซ็ปต์ (แคมโบเดีย) บริษัทในเครือฮ่องกง แม็กซิมส์ กรุ๊ป (Hong Kong Maxim's Group) เปิดสาขาแรกในกัมพูชาเมื่อปี 2558 ภายในท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ปัจจุบันมี 47 สาขา ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญและปริมณฑล นอกนั้นจะมีจังหวัดพระสีหนุ เสียมราฐ บันเตียเมียนเจย (ปอยเปต) พระตะบอง และกัมปอต

    ในภูมิภาคอาเซียน กลุ่มฮ่องกง แม็กซิมส์ กรุ๊ป บริหารร้านสตาร์บัคส์ในเวียดนาม กัมพูชา ไทย ลาว และสิงคโปร์ โดยร้านสตาร์บัคส์ ประเทศไทย บริหารงานโดย บริษัท คอฟฟี่ คอนเซ็ปต์ รีเทล จำกัด ร่วมทุนระหว่างกลุ่มฮ่องกง แม็กซิมส์ กรุ๊ป กับกลุ่มไทยเบฟ รับสิทธิการบริหารธุรกิจค้าปลีกของร้านสตาร์บัคส์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน

    ร้านสตาร์บัคส์ มาเลเซีย และร้านสตาร์บัคส์ บรูไน บริหารงานโดย เบอร์จายา คอร์ปอเรชัน (Berjaya Corporation) ประกอบธุรกิจค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและการบริการ (Hospitality) ใน 8 ประเทศ ผู้ครองสิทธิ์แฟรนไชส์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในมาเลเซีย ร้านคริสปี้ครีม และธุรกิจลอตเตอรี่ Sports Toto

    ร้านสตาร์บัคส์ อินโดนีเซีย บริหารงานโดยกลุ่มมิตรา อาดิเพอร์คาซา ทีบีเค (Mitra Adiperkasa Tbk.) ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ ผู้จัดจำหน่ายสินค้าเครื่องกีฬา แฟชั่น บริหารงานห้างสรรพสินค้าโซโก้ในอินโดนีเซีย และบริหารแบรนด์ร้านอาหารชั้นนำอย่างร้านเบอร์เกอร์คิง ร้านคริสปี้ครีม ร้านซับเวย์ เป็นต้น

    ร้านสตาร์บัคส์ ฟิลิปปินส์ บริหารงานโดย รัสตัน คอฟฟี่ คอร์ปอเรชั่น (Rustan Coffee Corporation) ในเครือรัสตัน ประกอบธุรกิจห้างสรรพสินค้า ร้านบูติกระดับไฮเอนด์ ผู้จัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ต่างประเทศกว่า 2,000 แบรนด์ และเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟชั้นนำทางตอนใต้ของมะนิลา

    #Newskit

    (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ลงใน Facebook และ Instagram วันพุธที่ 13 ส.ค. 2568)
    ใครเป็นเจ้าของสตาร์บัคส์ กัมพูชา เครื่องดื่มแก้วโปรดของฮุน เซน นับตั้งแต่การปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา เฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia ของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา พบว่ามักจะโพสต์ภาพคู่กับกาแฟแก้วโปรดยี่ห้อสตาร์บัคส์ (Starbucks) ซึ่งเป็นแบรนด์กาแฟสัญชาติอเมริกันอยู่ข้างกาย พร้อมบอกเล่าประสบการณ์ที่ตนเองพยายามลดปริมาณความหวานของน้ำตาลจาก 100% ก่อนลดลงมาเหลือ 0% เพื่อสุขภาพ แม้แบรนด์กาแฟสัญชาติอเมริกัน อาจไม่เกี่ยวข้องกับการส่งสัญญาณสนับสนุนสหรัฐอเมริกาของกัมพูชา หลังเข้ามามีบทบาทให้ไทยและกัมพูชาหยุดยิง และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เสนอชื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ แต่ก็คงมีคนสงสัยว่า ร้านสตาร์บัคส์ในกัมพูชาเป็นของใคร? ร้านสตาร์บัคส์ กัมพูชาบริหารงานโดย คอฟฟี่ คอนเซ็ปต์ (แคมโบเดีย) บริษัทในเครือฮ่องกง แม็กซิมส์ กรุ๊ป (Hong Kong Maxim's Group) เปิดสาขาแรกในกัมพูชาเมื่อปี 2558 ภายในท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ปัจจุบันมี 47 สาขา ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญและปริมณฑล นอกนั้นจะมีจังหวัดพระสีหนุ เสียมราฐ บันเตียเมียนเจย (ปอยเปต) พระตะบอง และกัมปอต ในภูมิภาคอาเซียน กลุ่มฮ่องกง แม็กซิมส์ กรุ๊ป บริหารร้านสตาร์บัคส์ในเวียดนาม กัมพูชา ไทย ลาว และสิงคโปร์ โดยร้านสตาร์บัคส์ ประเทศไทย บริหารงานโดย บริษัท คอฟฟี่ คอนเซ็ปต์ รีเทล จำกัด ร่วมทุนระหว่างกลุ่มฮ่องกง แม็กซิมส์ กรุ๊ป กับกลุ่มไทยเบฟ รับสิทธิการบริหารธุรกิจค้าปลีกของร้านสตาร์บัคส์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน ร้านสตาร์บัคส์ มาเลเซีย และร้านสตาร์บัคส์ บรูไน บริหารงานโดย เบอร์จายา คอร์ปอเรชัน (Berjaya Corporation) ประกอบธุรกิจค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและการบริการ (Hospitality) ใน 8 ประเทศ ผู้ครองสิทธิ์แฟรนไชส์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในมาเลเซีย ร้านคริสปี้ครีม และธุรกิจลอตเตอรี่ Sports Toto ร้านสตาร์บัคส์ อินโดนีเซีย บริหารงานโดยกลุ่มมิตรา อาดิเพอร์คาซา ทีบีเค (Mitra Adiperkasa Tbk.) ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ ผู้จัดจำหน่ายสินค้าเครื่องกีฬา แฟชั่น บริหารงานห้างสรรพสินค้าโซโก้ในอินโดนีเซีย และบริหารแบรนด์ร้านอาหารชั้นนำอย่างร้านเบอร์เกอร์คิง ร้านคริสปี้ครีม ร้านซับเวย์ เป็นต้น ร้านสตาร์บัคส์ ฟิลิปปินส์ บริหารงานโดย รัสตัน คอฟฟี่ คอร์ปอเรชั่น (Rustan Coffee Corporation) ในเครือรัสตัน ประกอบธุรกิจห้างสรรพสินค้า ร้านบูติกระดับไฮเอนด์ ผู้จัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ต่างประเทศกว่า 2,000 แบรนด์ และเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟชั้นนำทางตอนใต้ของมะนิลา #Newskit (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ลงใน Facebook และ Instagram วันพุธที่ 13 ส.ค. 2568)
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 461 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากอนาคตวันนี้: ร้านขายหุ่นยนต์แห่งแรกของจีนเปิดตัวแล้วในปักกิ่ง

    ในวันที่ 8 สิงหาคม 2025 ก่อนงาน World Robot Conference จะเปิดฉาก จีนได้เปิดตัว “Robot Mall” ร้านขายหุ่นยนต์แบบครบวงจรแห่งแรกของประเทศ ณ เขตเศรษฐกิจเทคโนโลยีปักกิ่ง (Beijing E-Town) โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จากงานวิจัยสู่การใช้งานจริง

    ร้านนี้ถูกออกแบบให้เป็น “4S store” สำหรับหุ่นยนต์ ซึ่งหมายถึง Sales (ขาย), Service (บริการ), Spare parts (อะไหล่), และ Survey (เก็บข้อมูลผู้ใช้) โดยมีหุ่นยนต์กว่า 50 แบบจาก 40 บริษัททั่วประเทศ ตั้งแต่หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร หุ่นยนต์เล่นหมากรุก ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่จำลองบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น ไอน์สไตน์ นิวตัน และหลี่ไป๋

    แม้จะมีการโชว์ความสามารถที่น่าทึ่ง เช่น หุ่นยนต์ชงกาแฟหรือเต้นรำ แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น หุ่นยนต์แยกขยะที่ยังต้องให้พนักงานช่วยรีเซ็ตเมื่อทำงานผิดพลาด

    การเปิดร้านนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของจีน โดยมีแผนจะอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 2.0 ในเดือนพฤศจิกายน พร้อมเพิ่มหุ่นยนต์ประเภทใหม่และสถานการณ์ใช้งานจริงที่หลากหลายยิ่งขึ้น

    จีนเปิดตัว Robot Mall ร้านขายหุ่นยนต์แบบ 4S แห่งแรกในปักกิ่ง
    ครอบคลุมการขาย บริการ อะไหล่ และเก็บข้อมูลผู้ใช้

    ตั้งอยู่ในเขต Beijing E-Town ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของจีน
    ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 40 นาที

    มีหุ่นยนต์กว่า 50 แบบจาก 40 บริษัททั่วประเทศ
    รวมถึงหุ่นยนต์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรม และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์

    หุ่นยนต์สามารถทำงานหลากหลาย เช่น เสิร์ฟอาหาร เล่นหมากรุก เต้นรำ และชงกาแฟ
    มีการจำลองบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์เพื่อการศึกษาและความบันเทิง

    Robot Mall เปิดตัวก่อนงาน World Robot Conference 2025
    งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8–12 สิงหาคม ณ ปักกิ่ง

    มีแผนเปิดเวอร์ชัน 2.0 ในเดือนพฤศจิกายน 2025
    จะเพิ่มสถานการณ์ใช้งานจริงและหุ่นยนต์ประเภทใหม่

    ตลาดหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ทั่วโลกคาดว่าจะทะลุ 1 ล้านล้านหยวนภายใน 3 ปี
    ขยายจากภาคอุตสาหกรรมไปสู่บริการและการใช้งานในบ้าน

    เขต Yizhuang มีบริษัทด้านหุ่นยนต์กว่า 300 แห่ง
    คิดเป็น 50% ของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ในปักกิ่ง

    จีนมีแผน 5 ปีเพื่อเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมหุ่นยนต์ระดับโลกภายในปี 2025
    มุ่งเพิ่มความหนาแน่นของหุ่นยนต์ในภาคการผลิต

    งาน World Robot Conference เป็นเวทีระดับโลกด้าน AI และหุ่นยนต์
    มีผู้เข้าร่วมกว่า 1.3 ล้านคน และจัดประกวดหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/08/shopping-for-a-robot-china039s-new-robot-store-in-photos
    🤖🏬 เรื่องเล่าจากอนาคตวันนี้: ร้านขายหุ่นยนต์แห่งแรกของจีนเปิดตัวแล้วในปักกิ่ง ในวันที่ 8 สิงหาคม 2025 ก่อนงาน World Robot Conference จะเปิดฉาก จีนได้เปิดตัว “Robot Mall” ร้านขายหุ่นยนต์แบบครบวงจรแห่งแรกของประเทศ ณ เขตเศรษฐกิจเทคโนโลยีปักกิ่ง (Beijing E-Town) โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จากงานวิจัยสู่การใช้งานจริง ร้านนี้ถูกออกแบบให้เป็น “4S store” สำหรับหุ่นยนต์ ซึ่งหมายถึง Sales (ขาย), Service (บริการ), Spare parts (อะไหล่), และ Survey (เก็บข้อมูลผู้ใช้) โดยมีหุ่นยนต์กว่า 50 แบบจาก 40 บริษัททั่วประเทศ ตั้งแต่หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร หุ่นยนต์เล่นหมากรุก ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่จำลองบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น ไอน์สไตน์ นิวตัน และหลี่ไป๋ แม้จะมีการโชว์ความสามารถที่น่าทึ่ง เช่น หุ่นยนต์ชงกาแฟหรือเต้นรำ แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น หุ่นยนต์แยกขยะที่ยังต้องให้พนักงานช่วยรีเซ็ตเมื่อทำงานผิดพลาด การเปิดร้านนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของจีน โดยมีแผนจะอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 2.0 ในเดือนพฤศจิกายน พร้อมเพิ่มหุ่นยนต์ประเภทใหม่และสถานการณ์ใช้งานจริงที่หลากหลายยิ่งขึ้น ✅ จีนเปิดตัว Robot Mall ร้านขายหุ่นยนต์แบบ 4S แห่งแรกในปักกิ่ง ➡️ ครอบคลุมการขาย บริการ อะไหล่ และเก็บข้อมูลผู้ใช้ ✅ ตั้งอยู่ในเขต Beijing E-Town ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของจีน ➡️ ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 40 นาที ✅ มีหุ่นยนต์กว่า 50 แบบจาก 40 บริษัททั่วประเทศ ➡️ รวมถึงหุ่นยนต์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรม และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ✅ หุ่นยนต์สามารถทำงานหลากหลาย เช่น เสิร์ฟอาหาร เล่นหมากรุก เต้นรำ และชงกาแฟ ➡️ มีการจำลองบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์เพื่อการศึกษาและความบันเทิง ✅ Robot Mall เปิดตัวก่อนงาน World Robot Conference 2025 ➡️ งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8–12 สิงหาคม ณ ปักกิ่ง ✅ มีแผนเปิดเวอร์ชัน 2.0 ในเดือนพฤศจิกายน 2025 ➡️ จะเพิ่มสถานการณ์ใช้งานจริงและหุ่นยนต์ประเภทใหม่ ✅ ตลาดหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ทั่วโลกคาดว่าจะทะลุ 1 ล้านล้านหยวนภายใน 3 ปี ➡️ ขยายจากภาคอุตสาหกรรมไปสู่บริการและการใช้งานในบ้าน ✅ เขต Yizhuang มีบริษัทด้านหุ่นยนต์กว่า 300 แห่ง ➡️ คิดเป็น 50% ของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ในปักกิ่ง ✅ จีนมีแผน 5 ปีเพื่อเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมหุ่นยนต์ระดับโลกภายในปี 2025 ➡️ มุ่งเพิ่มความหนาแน่นของหุ่นยนต์ในภาคการผลิต ✅ งาน World Robot Conference เป็นเวทีระดับโลกด้าน AI และหุ่นยนต์ ➡️ มีผู้เข้าร่วมกว่า 1.3 ล้านคน และจัดประกวดหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/08/shopping-for-a-robot-china039s-new-robot-store-in-photos
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Shopping for a robot? China's new robot store in photos
    A high-tech district in the Chinese capital is opening an all-service robot store on Friday to push a national drive to develop humanoid robots.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • กาแฟแบรนด์เขมร คาเฟ่อเวจี ยึดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เอากาแฟเหลือ น้ำแข็งเหลือจากแก้วอื่นมาใช้ต่อ ตามหลักบริโภคซากศพดั่งโลโก้ อีแร้งโลกันตร์
    #คิงส์โพธิ์แดง
    กาแฟแบรนด์เขมร คาเฟ่อเวจี ยึดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เอากาแฟเหลือ น้ำแข็งเหลือจากแก้วอื่นมาใช้ต่อ ตามหลักบริโภคซากศพดั่งโลโก้ อีแร้งโลกันตร์ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากอวกาศ: เมื่อต้นแบบมะเร็งถูกส่งขึ้นไปโคจรเพื่อช่วยรักษาคนบนโลก

    ในห้องทดลองที่ลอยอยู่เหนือโลกกว่า 400 กิโลเมตร นักวิทยาศาสตร์กำลังทำสิ่งที่ฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์—พวกเขากำลังปลูกเนื้อมะเร็งจริงจากผู้ป่วยในสภาวะไร้น้ำหนัก เพื่อศึกษาว่ามะเร็งตอบสนองต่อยาอย่างไรในสภาพแวดล้อมที่ต่างจากโลก

    บริษัท Encapsulate ได้พัฒนาเทคโนโลยี “tumor-on-a-chip” ที่สามารถปลูกเนื้อมะเร็งขนาดเล็กจากตัวอย่างชีวภาพของผู้ป่วยให้เติบโตเป็นสามมิติในอวกาศ ซึ่งช่วยให้เห็นพฤติกรรมของเซลล์มะเร็งได้ชัดเจนขึ้นกว่าการทดลองบนโลก เพราะในอวกาศ เซลล์ไม่ถูกแรงโน้มถ่วงดึงลง ทำให้สามารถรวมตัวกันได้เหมือนในร่างกายมนุษย์จริงๆ

    การทดลองนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยีล้ำยุค แต่เป็นก้าวสำคัญของ “การรักษาแบบเฉพาะบุคคล” หรือ personalized medicine ที่จะช่วยให้แพทย์เลือกยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนได้แม่นยำขึ้น โดยไม่ต้องลองผิดลองถูก

    และไม่ใช่แค่ในอวกาศ—บนโลกก็มีความก้าวหน้าเช่นกัน เช่น รัสเซียกำลังทดลองวัคซีนมะเร็งแบบ mRNA ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผู้ป่วยแต่ละคนโดยใช้ AI หรือในเดนมาร์กที่ใช้ AI สร้างโปรตีนขนาดเล็กเพื่อฝึกระบบภูมิคุ้มกันให้จำแนกและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างแม่นยำ

    นักวิทยาศาสตร์ปลูกเนื้อมะเร็งในอวกาศเพื่อศึกษาการตอบสนองต่อยา
    ใช้เทคโนโลยี tumor-on-a-chip จากบริษัท Encapsulate
    เติบโตในสภาพไร้น้ำหนักเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมในร่างกายมนุษย์

    การทดลองอยู่ภายใต้โครงการ In Space Production Applications ของ NASA
    ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 4.88 ล้านดอลลาร์จาก NASA และ NSF

    มีการทดลองร่วมกับศูนย์มะเร็งชั้นนำในสหรัฐฯ
    ศึกษาผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และตับอ่อนกว่า 200 ราย

    ระบบทดลองในอวกาศเป็นแบบอัตโนมัติ
    นักบินอวกาศเพียงแค่เสียบอุปกรณ์เหมือนเครื่องชงกาแฟ

    ผลการทดลองพบว่าเนื้อมะเร็งตอบสนองต่อยาแตกต่างจากบนโลก
    อาจช่วยระบุตัวบ่งชี้ใหม่ในการแพร่กระจายหรือดื้อยา

    https://www.techspot.com/news/108922-scientists-growing-tumors-space-study-how-personalize-cancer.html
    👨‍🚀 เรื่องเล่าจากอวกาศ: เมื่อต้นแบบมะเร็งถูกส่งขึ้นไปโคจรเพื่อช่วยรักษาคนบนโลก ในห้องทดลองที่ลอยอยู่เหนือโลกกว่า 400 กิโลเมตร นักวิทยาศาสตร์กำลังทำสิ่งที่ฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์—พวกเขากำลังปลูกเนื้อมะเร็งจริงจากผู้ป่วยในสภาวะไร้น้ำหนัก เพื่อศึกษาว่ามะเร็งตอบสนองต่อยาอย่างไรในสภาพแวดล้อมที่ต่างจากโลก บริษัท Encapsulate ได้พัฒนาเทคโนโลยี “tumor-on-a-chip” ที่สามารถปลูกเนื้อมะเร็งขนาดเล็กจากตัวอย่างชีวภาพของผู้ป่วยให้เติบโตเป็นสามมิติในอวกาศ ซึ่งช่วยให้เห็นพฤติกรรมของเซลล์มะเร็งได้ชัดเจนขึ้นกว่าการทดลองบนโลก เพราะในอวกาศ เซลล์ไม่ถูกแรงโน้มถ่วงดึงลง ทำให้สามารถรวมตัวกันได้เหมือนในร่างกายมนุษย์จริงๆ การทดลองนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยีล้ำยุค แต่เป็นก้าวสำคัญของ “การรักษาแบบเฉพาะบุคคล” หรือ personalized medicine ที่จะช่วยให้แพทย์เลือกยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนได้แม่นยำขึ้น โดยไม่ต้องลองผิดลองถูก และไม่ใช่แค่ในอวกาศ—บนโลกก็มีความก้าวหน้าเช่นกัน เช่น รัสเซียกำลังทดลองวัคซีนมะเร็งแบบ mRNA ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผู้ป่วยแต่ละคนโดยใช้ AI หรือในเดนมาร์กที่ใช้ AI สร้างโปรตีนขนาดเล็กเพื่อฝึกระบบภูมิคุ้มกันให้จำแนกและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างแม่นยำ ✅ นักวิทยาศาสตร์ปลูกเนื้อมะเร็งในอวกาศเพื่อศึกษาการตอบสนองต่อยา ➡️ ใช้เทคโนโลยี tumor-on-a-chip จากบริษัท Encapsulate ➡️ เติบโตในสภาพไร้น้ำหนักเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมในร่างกายมนุษย์ ✅ การทดลองอยู่ภายใต้โครงการ In Space Production Applications ของ NASA ➡️ ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 4.88 ล้านดอลลาร์จาก NASA และ NSF ✅ มีการทดลองร่วมกับศูนย์มะเร็งชั้นนำในสหรัฐฯ ➡️ ศึกษาผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และตับอ่อนกว่า 200 ราย ✅ ระบบทดลองในอวกาศเป็นแบบอัตโนมัติ ➡️ นักบินอวกาศเพียงแค่เสียบอุปกรณ์เหมือนเครื่องชงกาแฟ ✅ ผลการทดลองพบว่าเนื้อมะเร็งตอบสนองต่อยาแตกต่างจากบนโลก ➡️ อาจช่วยระบุตัวบ่งชี้ใหม่ในการแพร่กระจายหรือดื้อยา https://www.techspot.com/news/108922-scientists-growing-tumors-space-study-how-personalize-cancer.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Scientists are growing tumors in space to study how to personalize cancer treatment
    In a laboratory more than 249 miles above Earth, a new generation of cancer research is unfolding. A biotech startup is harnessing the microgravity environment of the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Coffeematic PC – คอมพิวเตอร์ที่ชงกาแฟ และใช้กาแฟร้อนในการ “ระบายความร้อน”

    ในฤดูหนาวปี 2024 Doug MacDowell ศิลปินและนักสร้างสรรค์ ได้หยิบเครื่องชงกาแฟ GE Coffeematic รุ่นปี 1980 จากร้านของมือสอง แล้วดัดแปลงให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์เล่นเกมที่สามารถชงกาแฟได้จริง และใช้กาแฟร้อนในการระบายความร้อนของ CPU

    เขาใช้ชิ้นส่วนเก่าจากยุค 2000 เช่น เมนบอร์ด ASUS M2NPV-VM, CPU AMD Athlon II X4, RAM DDR2 และ SSD 240GB ติดตั้งลงบนตัวเครื่องชงกาแฟ พร้อมระบบท่อและปั๊มที่หมุนเวียนกาแฟร้อน (~90°C) ผ่านหม้อน้ำสองตัว ก่อนส่งไปยัง CPU เพื่อควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ที่ประมาณ 33°C

    แม้จะฟังดู “เกือบทำลายตัวเอง” แต่ Coffeematic PC กลับทำงานได้จริงทั้งในส่วนของคอมพิวเตอร์และเครื่องชงกาแฟ แม้จะไม่เหมาะกับการใช้งานทุกวัน และกาแฟที่ได้ก็ไม่ควรดื่มก็ตาม

    Coffeematic PC คือการรวมเครื่องชงกาแฟ GE รุ่นปี 1980 กับคอมพิวเตอร์เล่นเกม
    ใช้เมนบอร์ด ASUS M2NPV-VM และ CPU AMD Athlon II X4
    ติดตั้งบนตัวเครื่องด้วยแผ่นสแตนเลสและซีลกันน้ำ

    ระบบระบายความร้อนใช้กาแฟร้อนแทนน้ำหรือพัดลม
    กาแฟร้อน (~90°C) ถูกปั๊มผ่านหม้อน้ำก่อนถึง CPU
    อุณหภูมิ CPU คงที่ที่ ~33°C หลังหมุนเวียน 75 นาที

    ทั้งคอมพิวเตอร์และเครื่องชงกาแฟทำงานได้จริง
    สามารถชงกาแฟและเปิดระบบปฏิบัติการ Linux Mint ได้
    มีปั๊มแยกสำหรับจ่ายกาแฟให้ผู้ใช้โดยตรง

    เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ “coffee maker PC” ที่มีมาตั้งแต่ปี 2002
    มีรุ่นก่อนหน้าเช่น The Caffeine Machine (2002), Zotac Mekspresso (2018), Mr. Coffee PC (2019), Nerdforge (2024)
    Coffeematic PC เป็นรุ่นที่ 5 ในสายงานนี้

    โครงการนี้เน้นความคิดสร้างสรรค์มากกว่าการใช้งานจริง
    เป็นงานศิลปะเชิงเทคนิคที่ท้าทายขอบเขตของการออกแบบ
    แสดงในนิทรรศการ Sparklines พร้อมกราฟข้อมูลที่เขียนด้วยมือ

    กาแฟที่ใช้ในระบบไม่เหมาะสำหรับการบริโภค
    ท่อและปั๊มไม่ใช่อุปกรณ์สำหรับอาหาร
    อาจเกิดเชื้อราและสิ่งสกปรกสะสมในระบบ

    ระบบเปิดเผยสายไฟและชิ้นส่วนทั้งหมด อาจเกิดอันตรายจากน้ำหก
    การเติมน้ำผิดพลาดอาจทำให้ระบบไฟฟ้าลัดวงจร
    ไม่มีการป้องกันจากการสัมผัสโดยตรง

    ไม่เหมาะกับการใช้งานทุกวันหรือเป็นคอมพิวเตอร์หลัก
    ใช้ชิ้นส่วนเก่าที่ไม่รองรับซอฟต์แวร์ใหม่
    ประสิทธิภาพต่ำเมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ปัจจุบัน

    การใช้กาแฟร้อนในการระบายความร้อนอาจเสี่ยงต่อความเสียหายของ CPU
    อุณหภูมิเริ่มต้นสูงเกินกว่าที่ CPU ควรรับได้
    ต้องพึ่งพาหม้อน้ำและการควบคุมที่แม่นยำ

    https://www.dougmacdowell.com/coffeematic-pc.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Coffeematic PC – คอมพิวเตอร์ที่ชงกาแฟ และใช้กาแฟร้อนในการ “ระบายความร้อน” ในฤดูหนาวปี 2024 Doug MacDowell ศิลปินและนักสร้างสรรค์ ได้หยิบเครื่องชงกาแฟ GE Coffeematic รุ่นปี 1980 จากร้านของมือสอง แล้วดัดแปลงให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์เล่นเกมที่สามารถชงกาแฟได้จริง และใช้กาแฟร้อนในการระบายความร้อนของ CPU เขาใช้ชิ้นส่วนเก่าจากยุค 2000 เช่น เมนบอร์ด ASUS M2NPV-VM, CPU AMD Athlon II X4, RAM DDR2 และ SSD 240GB ติดตั้งลงบนตัวเครื่องชงกาแฟ พร้อมระบบท่อและปั๊มที่หมุนเวียนกาแฟร้อน (~90°C) ผ่านหม้อน้ำสองตัว ก่อนส่งไปยัง CPU เพื่อควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ที่ประมาณ 33°C แม้จะฟังดู “เกือบทำลายตัวเอง” แต่ Coffeematic PC กลับทำงานได้จริงทั้งในส่วนของคอมพิวเตอร์และเครื่องชงกาแฟ แม้จะไม่เหมาะกับการใช้งานทุกวัน และกาแฟที่ได้ก็ไม่ควรดื่มก็ตาม ✅ Coffeematic PC คือการรวมเครื่องชงกาแฟ GE รุ่นปี 1980 กับคอมพิวเตอร์เล่นเกม ➡️ ใช้เมนบอร์ด ASUS M2NPV-VM และ CPU AMD Athlon II X4 ➡️ ติดตั้งบนตัวเครื่องด้วยแผ่นสแตนเลสและซีลกันน้ำ ✅ ระบบระบายความร้อนใช้กาแฟร้อนแทนน้ำหรือพัดลม ➡️ กาแฟร้อน (~90°C) ถูกปั๊มผ่านหม้อน้ำก่อนถึง CPU ➡️ อุณหภูมิ CPU คงที่ที่ ~33°C หลังหมุนเวียน 75 นาที ✅ ทั้งคอมพิวเตอร์และเครื่องชงกาแฟทำงานได้จริง ➡️ สามารถชงกาแฟและเปิดระบบปฏิบัติการ Linux Mint ได้ ➡️ มีปั๊มแยกสำหรับจ่ายกาแฟให้ผู้ใช้โดยตรง ✅ เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ “coffee maker PC” ที่มีมาตั้งแต่ปี 2002 ➡️ มีรุ่นก่อนหน้าเช่น The Caffeine Machine (2002), Zotac Mekspresso (2018), Mr. Coffee PC (2019), Nerdforge (2024) ➡️ Coffeematic PC เป็นรุ่นที่ 5 ในสายงานนี้ ✅ โครงการนี้เน้นความคิดสร้างสรรค์มากกว่าการใช้งานจริง ➡️ เป็นงานศิลปะเชิงเทคนิคที่ท้าทายขอบเขตของการออกแบบ ➡️ แสดงในนิทรรศการ Sparklines พร้อมกราฟข้อมูลที่เขียนด้วยมือ ‼️ กาแฟที่ใช้ในระบบไม่เหมาะสำหรับการบริโภค ⛔ ท่อและปั๊มไม่ใช่อุปกรณ์สำหรับอาหาร ⛔ อาจเกิดเชื้อราและสิ่งสกปรกสะสมในระบบ ‼️ ระบบเปิดเผยสายไฟและชิ้นส่วนทั้งหมด อาจเกิดอันตรายจากน้ำหก ⛔ การเติมน้ำผิดพลาดอาจทำให้ระบบไฟฟ้าลัดวงจร ⛔ ไม่มีการป้องกันจากการสัมผัสโดยตรง ‼️ ไม่เหมาะกับการใช้งานทุกวันหรือเป็นคอมพิวเตอร์หลัก ⛔ ใช้ชิ้นส่วนเก่าที่ไม่รองรับซอฟต์แวร์ใหม่ ⛔ ประสิทธิภาพต่ำเมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ปัจจุบัน ‼️ การใช้กาแฟร้อนในการระบายความร้อนอาจเสี่ยงต่อความเสียหายของ CPU ⛔ อุณหภูมิเริ่มต้นสูงเกินกว่าที่ CPU ควรรับได้ ⛔ ต้องพึ่งพาหม้อน้ำและการควบคุมที่แม่นยำ https://www.dougmacdowell.com/coffeematic-pc.html
    WWW.DOUGMACDOWELL.COM
    Coffeematic PC – Coffee Maker Computer by Doug MacDowell
    A 1980s GE coffee maker converted into a working computer. Part art, part absurd machine, fully functional.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปลี่ยนชื่อปั๊ม
    เปลี่ยนชื่อร้านกาแฟ
    ชีวิตเหมนจะดีขึ้นไหม
    ถ้าไม่เปลี่ยนผู้นำ
    กำจัดตระกูลฮุนได้ จบสิ้นทุกความขัดแย้ง
    #7ดอกจิก
    เปลี่ยนชื่อปั๊ม เปลี่ยนชื่อร้านกาแฟ ชีวิตเหมนจะดีขึ้นไหม ถ้าไม่เปลี่ยนผู้นำ กำจัดตระกูลฮุนได้ จบสิ้นทุกความขัดแย้ง #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฮุนเซน” ไม่ยอมนอน ประชุมเตรียมการกับ ผบ.เหล่าทัพเขมรทั้งคืน หลังปล่อยข่าวกองทัพไทยเตรียมบุก แม้กองทัพไทยออกมาปฏิเสธ อ้างสั่ง ผบ.ทหารแนวหน้าให้เคารพข้อตกลงหยุดยิงโดยเคร่งครัด พร้อมเร่งฝ่ายไทยปล่อยตัว 18 ทหารที่ถูกคุมตัว โชว์แก้วกาแฟลดน้ำตาลเหลือ 30% บอกเป้าหมายคือ 0% เพื่อป้องกันเบาหวาน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000073589

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “ฮุนเซน” ไม่ยอมนอน ประชุมเตรียมการกับ ผบ.เหล่าทัพเขมรทั้งคืน หลังปล่อยข่าวกองทัพไทยเตรียมบุก แม้กองทัพไทยออกมาปฏิเสธ อ้างสั่ง ผบ.ทหารแนวหน้าให้เคารพข้อตกลงหยุดยิงโดยเคร่งครัด พร้อมเร่งฝ่ายไทยปล่อยตัว 18 ทหารที่ถูกคุมตัว โชว์แก้วกาแฟลดน้ำตาลเหลือ 30% บอกเป้าหมายคือ 0% เพื่อป้องกันเบาหวาน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000073589 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 7
    ไม่ช้าไม่นาน สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ก็ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2502 (ค.ศ.1959) สภาพัฒน์ฯ ควรบันทึกไว้ด้วยว่า เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ คนแรก ชื่อนายพจน์ สารสิน (พจน์ อีกแล้ว!)
    อย่างที่เล่าไว้ตอนแรกๆ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 1 ได้ถูกทำขึ้นโดยใช้วิธีแปลรายงานของธนาคารโลก (World Bank) ทั้งฉบับเป็นภาษาไทย ฝ่ายไทยไม่ต้องออกแรงเปลืองหัวสมองเท่าเม็ดถั่ว แค่แปลแล้วนำก็มาใช้เป็นแผนแม่ บทของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ก็เท่านั้นเอง
    รายการที่ไทยแลนด์ต้องพัฒนาเป็นการด่วน คือระบบสาธารณูปโภค ด้านไฟฟ้า น้ำประปา ปรับปรุงระบบขน ส่ง สร้างถนน สร้างท่าเรือ สร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และสร้างสนามบิน! ฟังดูดี๊ดีนะครับ แต่ลองสังเกตอีกที  สิ่งที่พี่เบิ้มเขาให้เราทำน่ะ มันอะไรกันแน่
    แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาปรับปรุงระบบต่างๆ มาก่อสร้างตามรายการ และระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผน มันเกินกว่างบประมาณไปหลายจี๋นะ เดี๋ยวก็จะกลายเป็นคนเคยรวยเร็วไปหน่อยมั้ย คุณป๋ารำพึงดังๆ
    แน่นอน พีเบิ้มหูไว ก็ติดเครื่องดักฟังไว้ทั่วราชอาณาจักรไทย ได้ยินดังนั้นก็บอกว่า สมันน้อยไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไอจัดให้ !
    ไอหาเงินกู้ดอกถูกไว้ให้ยูแล้ว ของธนาคารโลก ไงล่ะ สำรวจเอง เขียนเอง ให้กู้เอง ไม่รู้สึกแปลกกันบ้างเหรอไง ว่าแล้วชาวเราก็กระโดดลงหม้อตุ๋นด้วยความขอบคุณ
    โปรดรับทราบว่า ไทยสร้างสนามบินตามแผนพัฒนาฯ ด้วยเงินกู้ทั้งหมด 7 แห่ง คือ อู่ตะเภา ตาคลี อุบล อุดร โคราช น้ำพอง และนครพนม พัฒนาประเทศไทยจริงๆ ชาวบ้านยังขี่สองล้อ สามล้อกันอยู่เลย คุณพ่อให้สร้างสนามบิน เฮ้อ เกินจะบรรยาย มันจะให้กู ขี้สามล้อ วิ่งเล่นในสนามบินหรือไงนะเนี่ย
    สาธารณูปโภคที่สร้างก็อยู่ในจังหวัดที่สร้างสนามบินหรือใกล้เคียง นั่นแหละเช่น ถนนสายอู่ตะเภา โคราช สายพิษณุโลกขอนแก่น ถนนพวกนี้ตามรายงานของ ซีไอเอ เขาเรียกว่า ถนนยุทธศาสตร์! พัฒนาประเทศไทยจริงๆ
    นอกจากนี้ยังสร้าง สถานีเรดาร์ที่อุดร อุบล ศรีราชา ฯลฯ
    สถานีเรดาร์ใหญ่ที่สุดอยู่ที่อุดร ชื่อสถานีรามสูร มีอุปกรณ์ตรวจสอบครบเครื่อง บริเวณกว้างขวางขนาดมีสนามกอล์ฟ 9 หลุม สระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิคฯลฯ มีพนักงานชาวอเมริกัน 1,000 คนและลูกจ้างชาวไทยอีก1,400 คน รวมพนักงานทั้งหมด 2,400 คน มันจะเอาไว้ดักฟังสัญญาณดาวอังคารหรือไงวุ้ย
    ที่สำคัญ สถานีนี้ไม่อนุญาตให้คนไทยทั่วไปเข้าในบริเวณ แล้วมันอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ได้ไงเนี่ย
    หลังสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาถอนทัพออกจากประเทศไทย แต่ลืมถอนสถานีรามสูรกลับไปด้วย ยังฝากไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งของประเทศไทย เอาไว้ดักฟังหนุ่มสาวไทยจีบกันหรือไงไม่รู้ เพราะฉะนั้นทุกเรื่องที่เรากระซิบกันน่ะ พี่เขารู้หมดน่ะ เรื่องนี้ ผมเล่าแล้วก็เสี่ยงกับการกลายเป็นมนุษย์ล่องหนอย่างยิ่ง
    คิดออก มองเห็นหรือยัง อเมริกามหามิตรมอบของขวัญแบบไหนให้ไทยแลนด์ ประเภทล้วงกระเป๋าเรา เอาไปซื้อของของขวัญให้เราน่ะ หลงดีใจจนเนื้อเต้น
    ที่นี้เข้าใจหรือยัง ไอ้แผนพัฒนาเศรษฐกิจ น่ะ มันวางไว้ก่อนแล้ว มันเตรียมการพัฒนาบ้านเรา เพื่อใช้บ้านเราเป็นฐานไปรบกับคอมมี่ที่เวียตนาม จะเอารถบรรทุกทหารหัวทองวิ่งมาบนท้องนาได้ไง บางแห่งถนนยังไม่มี มีแต่ทางเกวียน สนุกจริงๆ
    อย่าลืมถนนมิตรภาพ ที่อเมริกาสร้างให้ไทย ที่คนไทยภูมิใจหนักหนาด้วยล่ะ  วันเปิดถนนทำพิธีใหญ่โต ไปยืนตบมือกันเปาะแปะ เอารถไปทดลองวิ่งกันเป็นแถว แหม! มันเรียบดีนะ เอาถ้วยกาแฟวางหน้ารถไม่หกเลยจ๊ะ เฮ้ย! ไม่ทันคิดว่าถนนนี้เป็นเส้นทางหลักที่พี่เบิ้มเขาจะใช้ในการลำเลียงพลและอาวุธยุทโธปกรณ์เอาไว้ไปรบกะเวียตนาม
    มันคล้ายๆ บ้านเรายังกินข้าวด้วยมือเปิบอยู่ แต่วันดีคืนร้าย ดันมีคนให้ของขวัญ เราก็ดีใจเปิดกล่องของขวัญออกมา อ้าวตาย กลายเป็น มีดกับส้อม เขาบอกว่า…เอาไว้ใช้เวลาไอมาทานข้าวบ้านยูไง ของขวัญแบบนั่นน่ะ เข้าใจไหมครับ
    หลังจากเตรียมการเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ไทยแลนด์แดนสวรรค์มีถนน มีน้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี (แต่ยังไม่มีงานทำ 555) สนามบินก็สร้างแล้ว ตำรวจสารพัดนึกก็มีแล้ว เหลืออะไรล่ะที่เรายังไม่ได้ให้ไทยแลนด์ทำกองทัพไงจ้ะ ไทยแลนด์ต้องมีกองทัพอันเกรียงไกร เอาไว้ป้องกันประเทศ เอาไว้กันไม่ให้พวกคอมมี่ มันขยายตัวแหลมหัวเข้ามาแถวนี้
    ตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึง พ.ศ.2515 ตลอดเวลาที่อเมริกา นำทัพสู้ในสงครามเวียตนาม ไทยมีส่วนสำคัญ ในการรบเคียงขาเคียงบ่าเคียงไหล่กับอเมริกา รวมไปถึงการรบในลาวและกัมพูชา ตลอดเวลาดังกล่าว มีทหารอเมริกันอยู่ในประเทศไทย น้อยสุด 50,000 นาย และมากสุดถึง 200,000 นาย มีเครื่องบินขึ้นลงทั้งหมดไม่น้อยกว่า 70, 000 เที่ยว บินไปปฏิบัติการรบทั้งที่ เวียตนาม ลาวและกัมพูชา
    ที่น่าสนใจ การที่อเมริกาเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานทัพ โจมตีเวียตนามและเพื่อนบ้าน อเมริกาไม่เคยทำข้อตกลงอย่างเป็นรูปธรรมกับไทย มันเป็นความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายอเมริกาก็ไม่ต้องการมีข้อผูกมัด แค่มาใช้บ้านเขาเฉยๆ เอง มาเมื่อไหร่ ไปเมื่อไหร่ ไม่มีข้อผูกพัน… ฝ่ายเจ้าของบ้านคือรัฐบาลก็ O.K งุบๆ งิบๆ อย่างนี้ดีกว่า …ไม่มีใครรู้เงินช่วยเหลือเข้ามาเท่าไหร่ ส่วนไหนของวัด ส่วนไหนของกรรมการ อู้ฟู้กันเป็นแถวๆ
    และที่เหลือเชื่อไปกว่านั้น พี่เบิ้มอ้างว่า ปฏิบัติการที่ใช้ไทยเป็นฐานทัพน่ะ เป็นปฏิบัติการลับเสีย 99% เพราะฉะนั้นเกือบทุกครั้งที่เครื่องบินรบของพี่เขาจะบินขึ้นจากฐานทัพ (ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย) พี่เขาไม่ต้องขออนุญาตไทย …ไทยแลนด์ยูไม่ต้องยุ่ง… เดี๋ยวความลับรั่วไหลเหมือนท่อน้ำประปาบ้านยู
    ทหารไทยก็ใจกว้าง ตกลงงั้นไอมอบอำนาจให้ยูอนุมัติบินได้เลยนะ ทูตอเมริกันประจำไทย ขณะนั้น นายมาร์ติน (Martin) จึงเป็นคนอนุมัติ กดปุ่ม O.K.!
    สิทธิสภาพนอกอาณาเขตยุคสงครามเวียตนาม ประชาชนคนไทยรู้ไหมเป็นเมืองขึ้นเขาไปแล้ว! แล้วจะไม่บอกว่า ทหารไทยนี่เป็นยอดดวงใจของพี่เบิ้มอเมริกาได้ยังไง ยังไม่จบเรื่องยอดดวงใจนี้ มีหลายภาค ค่อยๆ อ่านไป
    เห็นชัดหรือยังครับ ลองเรียบเรียงดูการสำรวจของธนาคารโลก (World Bank) แผนพัฒนาเศรษฐกิจ การตั้งสภาพัฒน์ การพัฒนาประเทศ การให้ความช่วยเหลือโดย CIA แก่กรมตำรวจ การให้ความช่วยเหลือแก่กอง ทัพไทย การควบ คุมจัดตั้งการเลือกตั้ง การควบคุมการเมืองไทยทั้งทางตรงทางอ้อม มันโยงกันไหมและทำเพื่ออะไร ผลประ โยชน์ของใคร อาจมีผู้เห็นแย้งว่า ไทยก็ได้ประโยชน์ ป้องกันไม่ให้ระบอบคอม มิวนิสต์เข้ายึดครองประเทศไทย แต่ถามว่า แล้วเรามีวิธีป้องกันด้วยวิธีอื่นหรือไม่ ที่ไม่ต้องเปลี่ยนประ เทศกลับหัวกลับหางหกคะเมนตีลังกาเช่นนี้
    เมื่ออเมริกาถอนฐานทัพออกไปจากไทยเมื่อปี พ.ศ.2517 (ค.ศ.1974) ประเทศไทยมีสภาพเป็นอย่างไร ผู้ที่เกิดไม่ทันสมัยนั้น ลองไปหาประวัติศาสตร์อ่านกันดูหน่อย รีบๆ ทำความรู้จักไว้ เพราะเหตุการณ์เช่น สงครามเวียตนาม ฐานทัพ และวัฒนธรรมอเมริกัน การควบคุมชีวิตของคนไทยโดยการเมืองและกองทัพของอเมริกา อาจกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้ถ้ากลับมาอีก ไทยเรายังจะมีประเทศเหลือหรือเปล่า ไม่แน่ใจ
    หยิบกระดาษมา 1 แผ่น ด้านซ้ายเขียนต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์ ด้านขวาเขียนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ เพื่อนำเข้าทุนนิยมเสรี เปลี่ยนประเทศทำเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรม ดูทีละด้าน ก็ไม่รู้ว่าเรื่องเดียวกัน แต่ลองเอามาร้อยเรียงกัน เหมือนต่อจิกซอว์ เราน่าจะเห็นว่า นี่มันคือการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่แนบเนียน ชนิดถ้าไม่ทำ CSI ก็จับผู้ร้ายไม่ได้เด็ดขาด
    ชาวไทยที่รักทั้งหลาย จงอย่างดูอะไรที่ละด้าน ที่ละชิ้น …หัดมองภาพรวม หัดต่อภาพให้เป็น แล้วจะได้เห็นภาพใหญ่ พวกสื่อเขาไม่ทำให้เราหรอกครับ เขาเสนอทีละภาพ ทีละเหตุการณ์ จิกซอว์ที่ละตัว เราก็เห็นก็ตามเท่าที่เขาเสนอให้ดู แล้วยิ่งถ้ามันเสนอแบบฟอกย้อมล่ะ จะรู้ได้ยังไง ว่าที่สีฟ้าๆ น่ะ มันน้ำหรือท้องฟ้า สีเขียว ๆ น่ะมันดอลลาร์ หรือใบตองที่แน่สีทองๆ อย่านึกว่าเป็นทอง อาจเป็นอย่างอื่นก็ได้นะ
    ภายใต้ Pax Americana หรือการขยายระบบทุนนิยมของอเมริกา ไทยแลนด์แดนเนรมิต ต้องแต่งตัวใหม่ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง เพื่อให้ทุนนิยมอุตสาหกรรมเข้ามาในบ้านเราได้เต็มที่ พี่เบิ้มจึงทั้งบีบทั้งบี้ ถึงขนาดขู่ว่า ถ้าไม่เป็นเด็กดีจะตัดงบช่วยเหลือ พวก good boy เลย ต้องออกพรบ.ให้พี่เบิ้มเต็มพิกัดในพ.ศ.2505 เช่น พรบ.ส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม เป็นการจูงใจให้นักลง ทุน ต ด (แปลว่าต่างด้าว) เต็มที่ พรบ.งบประมาณ และตั้งสนง.งบประมาณ ไทยแลนด์ ยูจะได้ไม่เอาเงินช่วยเหลือไปใช้จ่ายรุ่ยร่าย เงินของไอนะ พรบ.ธนาคารพาณิชย์ จะได้เข้ามาตรฐาน ต ด (ต่างด้าว) เปิดทางให้ ต ด มาลงทุน
    แล้วดูตอนนี้ซิ ลงทุนกันไปถึงไหน ธนาคารชื่อไทยน่ะ ทุนไทยเหลือแค่ไหน เป็นของฝรั่งตาน้ำข้าวหัวทอง ตาตี่หัวดำ อย่างสิงคโปร์ขี้ข้าฝรั่งเข้าไปเท่าไหร่ ถ้าอยากรู้ตัวเลขจริงๆ ทำใจแข็งไปขอดูรายงานของ ธปท.เลยครับ รู้แล้วอย่าเป็นลมก็แล้วกัน!
    เรื่องนี้ ถ้าเล่าขบวนการสมคบอันชั่วร้ายของขบวนการทุนนิยมเสรีแล้ว
    ท่านผู้อ่านอาจอยากเปลี่ยนใจไปใช้เงินพดด้วง!
    นอกจากนี้พี้เบิ้มยังแนะนำ (บังคับ!) ให้สมันน้อยยกเลิกรัฐวิสาหกิจ 150 แห่ง ที่ตั้งมาตั้งกะสมัยคณะราษฎร (อันนี้มันส์พะยะค่ะ เล่นเอาพวกปล้นเจ้า หน้าจ๋อยไปเลย) เพราะว่าการเป็นรัฐวิสาหกิจ หมายความว่า รัฐเป็นผู้ดำเนินกิจการเอง ควบคุมเอง ทุนต่างด้าว ทุนนิยมเสรีจะเข้ามาค้าแล้วรวยได้อย่างไร มันก็เหมือนเล่นไพ่กับเจ้ามือ มันจะไปได้กินเจ้ามืออย่างไร ดังนั้นพี่เบิ้มเลยบังคับให้มีทั้งการตัด การตอนรัฐวิสาหกิจให้หดและหายไปในที่สุด …ไอ้ทฤษฏีตอนไม่ให้โตน่ะ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก็ยังใช้เล่นต่อ เนื่องมาถึงทุกวันนี้ เห็นฤทธิ์ทุนนิยมเสรีหรือยัง มันมาทั้งได้ในรูปทุนนิยมต่างด้าว และทุนนิยมเผด็จการไทย
    ชาวบ้านอย่างเราๆ ก็มีแต่จนแห้งตายซาก ทั้งขึ้น ทั้งล่อง


    คนเล่านิทาน
    ตอน 7 ไม่ช้าไม่นาน สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ก็ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2502 (ค.ศ.1959) สภาพัฒน์ฯ ควรบันทึกไว้ด้วยว่า เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ คนแรก ชื่อนายพจน์ สารสิน (พจน์ อีกแล้ว!) อย่างที่เล่าไว้ตอนแรกๆ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 1 ได้ถูกทำขึ้นโดยใช้วิธีแปลรายงานของธนาคารโลก (World Bank) ทั้งฉบับเป็นภาษาไทย ฝ่ายไทยไม่ต้องออกแรงเปลืองหัวสมองเท่าเม็ดถั่ว แค่แปลแล้วนำก็มาใช้เป็นแผนแม่ บทของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ก็เท่านั้นเอง รายการที่ไทยแลนด์ต้องพัฒนาเป็นการด่วน คือระบบสาธารณูปโภค ด้านไฟฟ้า น้ำประปา ปรับปรุงระบบขน ส่ง สร้างถนน สร้างท่าเรือ สร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และสร้างสนามบิน! ฟังดูดี๊ดีนะครับ แต่ลองสังเกตอีกที  สิ่งที่พี่เบิ้มเขาให้เราทำน่ะ มันอะไรกันแน่ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาปรับปรุงระบบต่างๆ มาก่อสร้างตามรายการ และระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผน มันเกินกว่างบประมาณไปหลายจี๋นะ เดี๋ยวก็จะกลายเป็นคนเคยรวยเร็วไปหน่อยมั้ย คุณป๋ารำพึงดังๆ แน่นอน พีเบิ้มหูไว ก็ติดเครื่องดักฟังไว้ทั่วราชอาณาจักรไทย ได้ยินดังนั้นก็บอกว่า สมันน้อยไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไอจัดให้ ! ไอหาเงินกู้ดอกถูกไว้ให้ยูแล้ว ของธนาคารโลก ไงล่ะ สำรวจเอง เขียนเอง ให้กู้เอง ไม่รู้สึกแปลกกันบ้างเหรอไง ว่าแล้วชาวเราก็กระโดดลงหม้อตุ๋นด้วยความขอบคุณ โปรดรับทราบว่า ไทยสร้างสนามบินตามแผนพัฒนาฯ ด้วยเงินกู้ทั้งหมด 7 แห่ง คือ อู่ตะเภา ตาคลี อุบล อุดร โคราช น้ำพอง และนครพนม พัฒนาประเทศไทยจริงๆ ชาวบ้านยังขี่สองล้อ สามล้อกันอยู่เลย คุณพ่อให้สร้างสนามบิน เฮ้อ เกินจะบรรยาย มันจะให้กู ขี้สามล้อ วิ่งเล่นในสนามบินหรือไงนะเนี่ย สาธารณูปโภคที่สร้างก็อยู่ในจังหวัดที่สร้างสนามบินหรือใกล้เคียง นั่นแหละเช่น ถนนสายอู่ตะเภา โคราช สายพิษณุโลกขอนแก่น ถนนพวกนี้ตามรายงานของ ซีไอเอ เขาเรียกว่า ถนนยุทธศาสตร์! พัฒนาประเทศไทยจริงๆ นอกจากนี้ยังสร้าง สถานีเรดาร์ที่อุดร อุบล ศรีราชา ฯลฯ สถานีเรดาร์ใหญ่ที่สุดอยู่ที่อุดร ชื่อสถานีรามสูร มีอุปกรณ์ตรวจสอบครบเครื่อง บริเวณกว้างขวางขนาดมีสนามกอล์ฟ 9 หลุม สระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิคฯลฯ มีพนักงานชาวอเมริกัน 1,000 คนและลูกจ้างชาวไทยอีก1,400 คน รวมพนักงานทั้งหมด 2,400 คน มันจะเอาไว้ดักฟังสัญญาณดาวอังคารหรือไงวุ้ย ที่สำคัญ สถานีนี้ไม่อนุญาตให้คนไทยทั่วไปเข้าในบริเวณ แล้วมันอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ได้ไงเนี่ย หลังสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาถอนทัพออกจากประเทศไทย แต่ลืมถอนสถานีรามสูรกลับไปด้วย ยังฝากไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งของประเทศไทย เอาไว้ดักฟังหนุ่มสาวไทยจีบกันหรือไงไม่รู้ เพราะฉะนั้นทุกเรื่องที่เรากระซิบกันน่ะ พี่เขารู้หมดน่ะ เรื่องนี้ ผมเล่าแล้วก็เสี่ยงกับการกลายเป็นมนุษย์ล่องหนอย่างยิ่ง คิดออก มองเห็นหรือยัง อเมริกามหามิตรมอบของขวัญแบบไหนให้ไทยแลนด์ ประเภทล้วงกระเป๋าเรา เอาไปซื้อของของขวัญให้เราน่ะ หลงดีใจจนเนื้อเต้น ที่นี้เข้าใจหรือยัง ไอ้แผนพัฒนาเศรษฐกิจ น่ะ มันวางไว้ก่อนแล้ว มันเตรียมการพัฒนาบ้านเรา เพื่อใช้บ้านเราเป็นฐานไปรบกับคอมมี่ที่เวียตนาม จะเอารถบรรทุกทหารหัวทองวิ่งมาบนท้องนาได้ไง บางแห่งถนนยังไม่มี มีแต่ทางเกวียน สนุกจริงๆ อย่าลืมถนนมิตรภาพ ที่อเมริกาสร้างให้ไทย ที่คนไทยภูมิใจหนักหนาด้วยล่ะ  วันเปิดถนนทำพิธีใหญ่โต ไปยืนตบมือกันเปาะแปะ เอารถไปทดลองวิ่งกันเป็นแถว แหม! มันเรียบดีนะ เอาถ้วยกาแฟวางหน้ารถไม่หกเลยจ๊ะ เฮ้ย! ไม่ทันคิดว่าถนนนี้เป็นเส้นทางหลักที่พี่เบิ้มเขาจะใช้ในการลำเลียงพลและอาวุธยุทโธปกรณ์เอาไว้ไปรบกะเวียตนาม มันคล้ายๆ บ้านเรายังกินข้าวด้วยมือเปิบอยู่ แต่วันดีคืนร้าย ดันมีคนให้ของขวัญ เราก็ดีใจเปิดกล่องของขวัญออกมา อ้าวตาย กลายเป็น มีดกับส้อม เขาบอกว่า…เอาไว้ใช้เวลาไอมาทานข้าวบ้านยูไง ของขวัญแบบนั่นน่ะ เข้าใจไหมครับ หลังจากเตรียมการเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ไทยแลนด์แดนสวรรค์มีถนน มีน้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี (แต่ยังไม่มีงานทำ 555) สนามบินก็สร้างแล้ว ตำรวจสารพัดนึกก็มีแล้ว เหลืออะไรล่ะที่เรายังไม่ได้ให้ไทยแลนด์ทำกองทัพไงจ้ะ ไทยแลนด์ต้องมีกองทัพอันเกรียงไกร เอาไว้ป้องกันประเทศ เอาไว้กันไม่ให้พวกคอมมี่ มันขยายตัวแหลมหัวเข้ามาแถวนี้ ตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึง พ.ศ.2515 ตลอดเวลาที่อเมริกา นำทัพสู้ในสงครามเวียตนาม ไทยมีส่วนสำคัญ ในการรบเคียงขาเคียงบ่าเคียงไหล่กับอเมริกา รวมไปถึงการรบในลาวและกัมพูชา ตลอดเวลาดังกล่าว มีทหารอเมริกันอยู่ในประเทศไทย น้อยสุด 50,000 นาย และมากสุดถึง 200,000 นาย มีเครื่องบินขึ้นลงทั้งหมดไม่น้อยกว่า 70, 000 เที่ยว บินไปปฏิบัติการรบทั้งที่ เวียตนาม ลาวและกัมพูชา ที่น่าสนใจ การที่อเมริกาเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานทัพ โจมตีเวียตนามและเพื่อนบ้าน อเมริกาไม่เคยทำข้อตกลงอย่างเป็นรูปธรรมกับไทย มันเป็นความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายอเมริกาก็ไม่ต้องการมีข้อผูกมัด แค่มาใช้บ้านเขาเฉยๆ เอง มาเมื่อไหร่ ไปเมื่อไหร่ ไม่มีข้อผูกพัน… ฝ่ายเจ้าของบ้านคือรัฐบาลก็ O.K งุบๆ งิบๆ อย่างนี้ดีกว่า …ไม่มีใครรู้เงินช่วยเหลือเข้ามาเท่าไหร่ ส่วนไหนของวัด ส่วนไหนของกรรมการ อู้ฟู้กันเป็นแถวๆ และที่เหลือเชื่อไปกว่านั้น พี่เบิ้มอ้างว่า ปฏิบัติการที่ใช้ไทยเป็นฐานทัพน่ะ เป็นปฏิบัติการลับเสีย 99% เพราะฉะนั้นเกือบทุกครั้งที่เครื่องบินรบของพี่เขาจะบินขึ้นจากฐานทัพ (ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย) พี่เขาไม่ต้องขออนุญาตไทย …ไทยแลนด์ยูไม่ต้องยุ่ง… เดี๋ยวความลับรั่วไหลเหมือนท่อน้ำประปาบ้านยู ทหารไทยก็ใจกว้าง ตกลงงั้นไอมอบอำนาจให้ยูอนุมัติบินได้เลยนะ ทูตอเมริกันประจำไทย ขณะนั้น นายมาร์ติน (Martin) จึงเป็นคนอนุมัติ กดปุ่ม O.K.! สิทธิสภาพนอกอาณาเขตยุคสงครามเวียตนาม ประชาชนคนไทยรู้ไหมเป็นเมืองขึ้นเขาไปแล้ว! แล้วจะไม่บอกว่า ทหารไทยนี่เป็นยอดดวงใจของพี่เบิ้มอเมริกาได้ยังไง ยังไม่จบเรื่องยอดดวงใจนี้ มีหลายภาค ค่อยๆ อ่านไป เห็นชัดหรือยังครับ ลองเรียบเรียงดูการสำรวจของธนาคารโลก (World Bank) แผนพัฒนาเศรษฐกิจ การตั้งสภาพัฒน์ การพัฒนาประเทศ การให้ความช่วยเหลือโดย CIA แก่กรมตำรวจ การให้ความช่วยเหลือแก่กอง ทัพไทย การควบ คุมจัดตั้งการเลือกตั้ง การควบคุมการเมืองไทยทั้งทางตรงทางอ้อม มันโยงกันไหมและทำเพื่ออะไร ผลประ โยชน์ของใคร อาจมีผู้เห็นแย้งว่า ไทยก็ได้ประโยชน์ ป้องกันไม่ให้ระบอบคอม มิวนิสต์เข้ายึดครองประเทศไทย แต่ถามว่า แล้วเรามีวิธีป้องกันด้วยวิธีอื่นหรือไม่ ที่ไม่ต้องเปลี่ยนประ เทศกลับหัวกลับหางหกคะเมนตีลังกาเช่นนี้ เมื่ออเมริกาถอนฐานทัพออกไปจากไทยเมื่อปี พ.ศ.2517 (ค.ศ.1974) ประเทศไทยมีสภาพเป็นอย่างไร ผู้ที่เกิดไม่ทันสมัยนั้น ลองไปหาประวัติศาสตร์อ่านกันดูหน่อย รีบๆ ทำความรู้จักไว้ เพราะเหตุการณ์เช่น สงครามเวียตนาม ฐานทัพ และวัฒนธรรมอเมริกัน การควบคุมชีวิตของคนไทยโดยการเมืองและกองทัพของอเมริกา อาจกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้ถ้ากลับมาอีก ไทยเรายังจะมีประเทศเหลือหรือเปล่า ไม่แน่ใจ หยิบกระดาษมา 1 แผ่น ด้านซ้ายเขียนต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์ ด้านขวาเขียนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ เพื่อนำเข้าทุนนิยมเสรี เปลี่ยนประเทศทำเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรม ดูทีละด้าน ก็ไม่รู้ว่าเรื่องเดียวกัน แต่ลองเอามาร้อยเรียงกัน เหมือนต่อจิกซอว์ เราน่าจะเห็นว่า นี่มันคือการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่แนบเนียน ชนิดถ้าไม่ทำ CSI ก็จับผู้ร้ายไม่ได้เด็ดขาด ชาวไทยที่รักทั้งหลาย จงอย่างดูอะไรที่ละด้าน ที่ละชิ้น …หัดมองภาพรวม หัดต่อภาพให้เป็น แล้วจะได้เห็นภาพใหญ่ พวกสื่อเขาไม่ทำให้เราหรอกครับ เขาเสนอทีละภาพ ทีละเหตุการณ์ จิกซอว์ที่ละตัว เราก็เห็นก็ตามเท่าที่เขาเสนอให้ดู แล้วยิ่งถ้ามันเสนอแบบฟอกย้อมล่ะ จะรู้ได้ยังไง ว่าที่สีฟ้าๆ น่ะ มันน้ำหรือท้องฟ้า สีเขียว ๆ น่ะมันดอลลาร์ หรือใบตองที่แน่สีทองๆ อย่านึกว่าเป็นทอง อาจเป็นอย่างอื่นก็ได้นะ ภายใต้ Pax Americana หรือการขยายระบบทุนนิยมของอเมริกา ไทยแลนด์แดนเนรมิต ต้องแต่งตัวใหม่ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง เพื่อให้ทุนนิยมอุตสาหกรรมเข้ามาในบ้านเราได้เต็มที่ พี่เบิ้มจึงทั้งบีบทั้งบี้ ถึงขนาดขู่ว่า ถ้าไม่เป็นเด็กดีจะตัดงบช่วยเหลือ พวก good boy เลย ต้องออกพรบ.ให้พี่เบิ้มเต็มพิกัดในพ.ศ.2505 เช่น พรบ.ส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม เป็นการจูงใจให้นักลง ทุน ต ด (แปลว่าต่างด้าว) เต็มที่ พรบ.งบประมาณ และตั้งสนง.งบประมาณ ไทยแลนด์ ยูจะได้ไม่เอาเงินช่วยเหลือไปใช้จ่ายรุ่ยร่าย เงินของไอนะ พรบ.ธนาคารพาณิชย์ จะได้เข้ามาตรฐาน ต ด (ต่างด้าว) เปิดทางให้ ต ด มาลงทุน แล้วดูตอนนี้ซิ ลงทุนกันไปถึงไหน ธนาคารชื่อไทยน่ะ ทุนไทยเหลือแค่ไหน เป็นของฝรั่งตาน้ำข้าวหัวทอง ตาตี่หัวดำ อย่างสิงคโปร์ขี้ข้าฝรั่งเข้าไปเท่าไหร่ ถ้าอยากรู้ตัวเลขจริงๆ ทำใจแข็งไปขอดูรายงานของ ธปท.เลยครับ รู้แล้วอย่าเป็นลมก็แล้วกัน! เรื่องนี้ ถ้าเล่าขบวนการสมคบอันชั่วร้ายของขบวนการทุนนิยมเสรีแล้ว ท่านผู้อ่านอาจอยากเปลี่ยนใจไปใช้เงินพดด้วง! นอกจากนี้พี้เบิ้มยังแนะนำ (บังคับ!) ให้สมันน้อยยกเลิกรัฐวิสาหกิจ 150 แห่ง ที่ตั้งมาตั้งกะสมัยคณะราษฎร (อันนี้มันส์พะยะค่ะ เล่นเอาพวกปล้นเจ้า หน้าจ๋อยไปเลย) เพราะว่าการเป็นรัฐวิสาหกิจ หมายความว่า รัฐเป็นผู้ดำเนินกิจการเอง ควบคุมเอง ทุนต่างด้าว ทุนนิยมเสรีจะเข้ามาค้าแล้วรวยได้อย่างไร มันก็เหมือนเล่นไพ่กับเจ้ามือ มันจะไปได้กินเจ้ามืออย่างไร ดังนั้นพี่เบิ้มเลยบังคับให้มีทั้งการตัด การตอนรัฐวิสาหกิจให้หดและหายไปในที่สุด …ไอ้ทฤษฏีตอนไม่ให้โตน่ะ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก็ยังใช้เล่นต่อ เนื่องมาถึงทุกวันนี้ เห็นฤทธิ์ทุนนิยมเสรีหรือยัง มันมาทั้งได้ในรูปทุนนิยมต่างด้าว และทุนนิยมเผด็จการไทย ชาวบ้านอย่างเราๆ ก็มีแต่จนแห้งตายซาก ทั้งขึ้น ทั้งล่อง คนเล่านิทาน
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 417 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากบทความ: “อยากเปิดร้านกาแฟเหรอ? งั้นตอบให้ได้ก่อนว่า...จะเอากาแฟจากไหน?”

    Adam เริ่มต้นด้วยการเล่าถึงคนจำนวนมากที่เบื่อกับงานปัจจุบัน และฝันอยากเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ของตัวเอง แต่เมื่อเขาถามว่า “คุณจะเอากาแฟจากไหน?” คนส่วนใหญ่กลับตอบไม่ได้

    เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “Coffee Beans Procedure”—เป็นเทคนิคทางจิตวิทยาที่เรียกว่า “unpacking” หรือการแยกแยะภาพฝันออกมาเป็นรายละเอียดจริง ๆ ว่าชีวิตในบทบาทนั้นจะเป็นอย่างไร

    เมื่อเราไม่ unpack ความฝันของตัวเอง เราจะติดอยู่กับภาพลวงตา เช่นคิดว่าเป็นศาสตราจารย์คือการเดินใส่เสื้อทวีดในมหาวิทยาลัยแล้วมีคนทักว่า “สวัสดีครับอาจารย์” ทั้งที่จริงคือการเขียนงานวิจัยและสอนนักศึกษา

    Adam สรุปว่า “ทุกงานที่ดีจริง ๆ จะดูเหมือนเหมาะกับคนบ้า”—เพราะมันมีความยาก ความซ้ำซาก หรือความเครียดที่คนทั่วไปรับไม่ไหว แต่คนที่เหมาะกับงานนั้นคือคนที่ “บ้าแบบถูกจุด”

    Coffee Beans Procedure คือการทดสอบว่าเรารู้จริงหรือเปล่าว่าอยากทำงานอะไร
    ถามคำถามเชิงรายละเอียด เช่น “จะใช้เครื่องชงกาแฟรุ่นไหน?” เพื่อดูว่าเราสนใจงานนั้นจริงหรือแค่ฝัน
    ถ้าตอบไม่ได้หรือไม่สนใจคำถามเหล่านี้ แสดงว่าอาจไม่เหมาะกับงานนั้น

    Unpacking คือเทคนิคทางจิตวิทยาในการแยกภาพฝันออกเป็นรายละเอียดจริง
    ช่วยให้เรามองเห็นชีวิตจริงในบทบาทนั้น ไม่ใช่แค่ภาพในหัว
    ลดความเสี่ยงในการเลือกเส้นทางผิดเพราะเข้าใจผิด

    คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าชีวิตของอาชีพที่อยากทำจริง ๆ เป็นอย่างไร
    เช่น นักศึกษาที่อยากเป็นอาจารย์แต่ไม่รู้ว่าต้องเขียนงานวิจัยและสอนทุกวัน
    เมื่อ unpack แล้วจึงพบว่า “ไม่อยากทำสิ่งนั้นเลย”

    งานที่ดูดีจากภายนอกมักมีด้านมืดที่คนทั่วไปรับไม่ไหว
    เช่น ศัลยแพทย์ต้องทำหัตถการเดิมซ้ำ ๆ ทุกสัปดาห์
    นักแสดงต้องพึ่งรูปลักษณ์และความนิยม
    ช่างภาพงานแต่งต้องทำงานทุกคืนวันเสาร์โดยไม่เมา

    คนที่เหมาะกับงานเหล่านี้คือคนที่ “บ้าแบบถูกจุด”
    มีความหลงใหลในสิ่งที่คนอื่นมองว่าเป็นข้อเสีย
    พร้อมรับความเครียด ความซ้ำซาก หรือความไม่แน่นอน

    https://www.experimental-history.com/p/face-it-youre-a-crazy-person
    🧠 เรื่องเล่าจากบทความ: “อยากเปิดร้านกาแฟเหรอ? งั้นตอบให้ได้ก่อนว่า...จะเอากาแฟจากไหน?” Adam เริ่มต้นด้วยการเล่าถึงคนจำนวนมากที่เบื่อกับงานปัจจุบัน และฝันอยากเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ของตัวเอง แต่เมื่อเขาถามว่า “คุณจะเอากาแฟจากไหน?” คนส่วนใหญ่กลับตอบไม่ได้ เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “Coffee Beans Procedure”—เป็นเทคนิคทางจิตวิทยาที่เรียกว่า “unpacking” หรือการแยกแยะภาพฝันออกมาเป็นรายละเอียดจริง ๆ ว่าชีวิตในบทบาทนั้นจะเป็นอย่างไร เมื่อเราไม่ unpack ความฝันของตัวเอง เราจะติดอยู่กับภาพลวงตา เช่นคิดว่าเป็นศาสตราจารย์คือการเดินใส่เสื้อทวีดในมหาวิทยาลัยแล้วมีคนทักว่า “สวัสดีครับอาจารย์” ทั้งที่จริงคือการเขียนงานวิจัยและสอนนักศึกษา Adam สรุปว่า “ทุกงานที่ดีจริง ๆ จะดูเหมือนเหมาะกับคนบ้า”—เพราะมันมีความยาก ความซ้ำซาก หรือความเครียดที่คนทั่วไปรับไม่ไหว แต่คนที่เหมาะกับงานนั้นคือคนที่ “บ้าแบบถูกจุด” ✅ Coffee Beans Procedure คือการทดสอบว่าเรารู้จริงหรือเปล่าว่าอยากทำงานอะไร ➡️ ถามคำถามเชิงรายละเอียด เช่น “จะใช้เครื่องชงกาแฟรุ่นไหน?” เพื่อดูว่าเราสนใจงานนั้นจริงหรือแค่ฝัน ➡️ ถ้าตอบไม่ได้หรือไม่สนใจคำถามเหล่านี้ แสดงว่าอาจไม่เหมาะกับงานนั้น ✅ Unpacking คือเทคนิคทางจิตวิทยาในการแยกภาพฝันออกเป็นรายละเอียดจริง ➡️ ช่วยให้เรามองเห็นชีวิตจริงในบทบาทนั้น ไม่ใช่แค่ภาพในหัว ➡️ ลดความเสี่ยงในการเลือกเส้นทางผิดเพราะเข้าใจผิด ✅ คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าชีวิตของอาชีพที่อยากทำจริง ๆ เป็นอย่างไร ➡️ เช่น นักศึกษาที่อยากเป็นอาจารย์แต่ไม่รู้ว่าต้องเขียนงานวิจัยและสอนทุกวัน ➡️ เมื่อ unpack แล้วจึงพบว่า “ไม่อยากทำสิ่งนั้นเลย” ✅ งานที่ดูดีจากภายนอกมักมีด้านมืดที่คนทั่วไปรับไม่ไหว ➡️ เช่น ศัลยแพทย์ต้องทำหัตถการเดิมซ้ำ ๆ ทุกสัปดาห์ ➡️ นักแสดงต้องพึ่งรูปลักษณ์และความนิยม ➡️ ช่างภาพงานแต่งต้องทำงานทุกคืนวันเสาร์โดยไม่เมา ✅ คนที่เหมาะกับงานเหล่านี้คือคนที่ “บ้าแบบถูกจุด” ➡️ มีความหลงใหลในสิ่งที่คนอื่นมองว่าเป็นข้อเสีย ➡️ พร้อมรับความเครียด ความซ้ำซาก หรือความไม่แน่นอน https://www.experimental-history.com/p/face-it-youre-a-crazy-person
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • Melk River Cruise Port จุดแวะสุดคลาสสิคริมแม่น้ำดานูบ ที่งดงามทั้งศิลปะ ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ
    ท่าเรือขนาดเล็กแต่สำคัญบนเส้นทางล่องเรือแม่น้ำดานูบ (Danube River) ประเทศออสเตรีย
    ตั้งอยู่ในเมืองเมลค์ (Melk) เมืองเก่าแก่ที่รายล้อมด้วยทัศนียภาพอันเขียวชอุ่มของหุบเขา Wachau ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO

    ⭐️ Melk Abbey มหาวิหารเมลค์
    ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1089 โดยราชวงศ์ Babenberg เป็นอารามเบเนดิกตินที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป สถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกออสเตรีย ตกแต่งด้วยทองคำแท้และภาพเขียนฝ้าเพดานอันงดงาม

    ⭐️ Melk Old Town เมืองเก่าเมลค์
    เมืองเล็กๆ มีถนนคนเดินสายหลักชื่อ Hauptstraße เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านขนมหวาน อาคารส่วนใหญ่สร้างในสไตล์บาโรกและนีโอคลาสสิก

    ⭐️ Schallaburg Castle ปราสาทชัลลาบวร์ก
    ปราสาทสมัย เรอเนสซองส์ ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี โดดเด่นด้วย ลานโค้งเสา (Arcaded Courtyard) และ งานปูนปั้นแบบอิตาเลียน ภายในมีการจัด นิทรรศการพิเศษหมุนเวียน

    ⭐️ Aggstein Castle Ruins ปราสาทซากอักชไตน์
    ซากปราสาทยุคกลางที่สร้างตั้งแต่ ศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่บนเขาสูงริมแม่น้ำ วิวจากบนนี้มองเห็นแม่น้ำดานูบและหุบเขาวาเคาได้กว้างไกล มีบันไดหิน ทางเดินเก่า และห้องแสดงประวัติศาสตร์

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #MelkRiverCruisePort #DanubeRiver #Austria #MelkAbbey #MelkOldTown #SchallaburgCastle #AggsteinCastleRuins #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    Melk River Cruise Port จุดแวะสุดคลาสสิคริมแม่น้ำดานูบ ที่งดงามทั้งศิลปะ ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ ท่าเรือขนาดเล็กแต่สำคัญบนเส้นทางล่องเรือแม่น้ำดานูบ (Danube River) ประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ในเมืองเมลค์ (Melk) เมืองเก่าแก่ที่รายล้อมด้วยทัศนียภาพอันเขียวชอุ่มของหุบเขา Wachau ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ⭐️ Melk Abbey มหาวิหารเมลค์ ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1089 โดยราชวงศ์ Babenberg เป็นอารามเบเนดิกตินที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป สถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกออสเตรีย ตกแต่งด้วยทองคำแท้และภาพเขียนฝ้าเพดานอันงดงาม ⭐️ Melk Old Town เมืองเก่าเมลค์ เมืองเล็กๆ มีถนนคนเดินสายหลักชื่อ Hauptstraße เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านขนมหวาน อาคารส่วนใหญ่สร้างในสไตล์บาโรกและนีโอคลาสสิก ⭐️ Schallaburg Castle ปราสาทชัลลาบวร์ก ปราสาทสมัย เรอเนสซองส์ ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี โดดเด่นด้วย ลานโค้งเสา (Arcaded Courtyard) และ งานปูนปั้นแบบอิตาเลียน ภายในมีการจัด นิทรรศการพิเศษหมุนเวียน ⭐️ Aggstein Castle Ruins ปราสาทซากอักชไตน์ ซากปราสาทยุคกลางที่สร้างตั้งแต่ ศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่บนเขาสูงริมแม่น้ำ วิวจากบนนี้มองเห็นแม่น้ำดานูบและหุบเขาวาเคาได้กว้างไกล มีบันไดหิน ทางเดินเก่า และห้องแสดงประวัติศาสตร์ สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 : 0 2116 9696 #MelkRiverCruisePort #DanubeRiver #Austria #MelkAbbey #MelkOldTown #SchallaburgCastle #AggsteinCastleRuins #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ข่าวอัพเดต #เที่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลือกกาแฟที่ดี...เพื่อคนที่เรารัก เลือก 24/7 Coffee premium brew
    #กาแฟสมุนไพร #t1team
    เลือกกาแฟที่ดี...เพื่อคนที่เรารัก เลือก ☕🤎 24/7 Coffee premium brew #กาแฟสมุนไพร #t1team
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากพอร์ตชาร์จ: เมื่อการเสียบสายกลายเป็นการเปิดประตูให้แฮกเกอร์

    ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน โลกเคยตื่นตัวกับภัย “Juice Jacking” ที่ใช้พอร์ต USB สาธารณะในการติดตั้งมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลจากมือถือที่เสียบชาร์จ ทำให้ผู้ผลิตระบบปฏิบัติการมือถืออย่าง Apple และ Google ต้องออกมาตรการป้องกัน เช่น การให้ผู้ใช้เลือก “Charge only” หรือ “Transfer files” ทุกครั้งที่เสียบสาย

    แต่ในปี 2025 นักวิจัยจาก Graz University of Technology ประเทศออสเตรีย ได้เปิดเผยเทคนิคใหม่ชื่อว่า Choicejacking ซึ่งสามารถหลอกให้มือถืออนุญาตการเชื่อมต่อข้อมูลโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว

    Choicejacking ไม่ใช่มัลแวร์แบบเดิม แต่ใช้การจำลองอุปกรณ์ USB หรือ Bluetooth เช่น คีย์บอร์ด เพื่อส่งคำสั่งปลอมไปยังมือถือให้ตอบตกลงกับหน้าต่างแจ้งเตือนการเชื่อมต่อข้อมูล โดยใช้เวลาเพียง 133 มิลลิวินาที—เร็วกว่าการกระพริบตา!

    Choicejacking เป็นเทคนิคใหม่ที่สามารถหลอกมือถือให้อนุญาตการเชื่อมต่อข้อมูลโดยไม่ต้องแตะหน้าจอ
    ใช้การจำลองอุปกรณ์ USB หรือ Bluetooth เพื่อส่งคำสั่งปลอม
    ใช้เวลาเพียง 133 มิลลิวินาทีในการดำเนินการ

    นักวิจัยจาก Graz University of Technology เป็นผู้ค้นพบและนำเสนอที่งาน USENIX Security Symposium 2025
    เป็นการพัฒนาต่อจาก Juice Jacking ที่เคยเป็นภัยใหญ่เมื่อสิบปีก่อน
    ได้รับการยอมรับจากผู้ผลิตมือถือรายใหญ่ เช่น Apple, Google, Samsung, Xiaomi

    Choicejacking สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น รูปภาพ, เอกสาร, ข้อมูลแอปพลิเคชัน
    ทดสอบกับมือถือจาก 8 ผู้ผลิตหลัก และพบว่าทุกเครื่องมีช่องโหว่
    บางรุ่นสามารถขโมยข้อมูลได้แม้หน้าจอจะล็อกอยู่

    มีการใช้เทคนิคเสริม เช่น การตรวจจับช่วงเวลาที่ผู้ใช้ไม่สังเกตหน้าจอผ่านสายไฟ (power line side-channel)
    ใช้ช่วงที่ผู้ใช้กำลังโทรศัพท์หรือดูวิดีโอเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    เพิ่มความแนบเนียนในการโจมตี

    ผู้ผลิตระบบปฏิบัติการเริ่มออกแพตช์เพื่อป้องกัน Choicejacking
    iOS 18.4 และ Android 15 เพิ่มการยืนยันตัวตนก่อนอนุญาตการเชื่อมต่อ USB
    แต่บางรุ่น เช่น Samsung ที่ใช้ One UI 7 ยังไม่มีการบังคับใช้การยืนยัน

    การใช้พอร์ต USB สาธารณะ เช่น ที่สนามบิน, โรงแรม, ร้านกาแฟ อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    แม้จะดูปลอดภัย แต่พอร์ตอาจถูกดัดแปลงให้เป็นอุปกรณ์โจมตี
    การเสียบสายโดยไม่ระวังอาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลได้ทันที

    การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้แม้ผู้ใช้ไม่ได้แตะหน้าจอเลย
    ใช้การจำลองคีย์บอร์ดหรืออุปกรณ์ Bluetooth เพื่อส่งคำสั่งปลอม
    ผู้ใช้ไม่มีโอกาสเห็นหรือยกเลิกการอนุญาต

    มือถือบางรุ่นยังไม่มีการบังคับให้ยืนยันตัวตนก่อนอนุญาตการเชื่อมต่อข้อมูล
    แม้จะอัปเดตเป็น Android 15 แล้ว แต่บางแบรนด์ยังไม่เปิดใช้ฟีเจอร์นี้
    ทำให้ผู้ใช้ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตี Choicejacking

    อุปกรณ์ป้องกันแบบเดิม เช่น USB data blocker อาจไม่เพียงพออีกต่อไป
    Choicejacking ใช้ช่องทางใหม่ที่ไม่ถูกบล็อกโดยอุปกรณ์เหล่านี้
    ต้องใช้มาตรการเสริม เช่น สายชาร์จแบบ “charge-only” หรือ power bank ส่วนตัว

    https://hackread.com/choicejacking-attack-steals-data-phones-public-chargers/
    🔌 เรื่องเล่าจากพอร์ตชาร์จ: เมื่อการเสียบสายกลายเป็นการเปิดประตูให้แฮกเกอร์ ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน โลกเคยตื่นตัวกับภัย “Juice Jacking” ที่ใช้พอร์ต USB สาธารณะในการติดตั้งมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลจากมือถือที่เสียบชาร์จ ทำให้ผู้ผลิตระบบปฏิบัติการมือถืออย่าง Apple และ Google ต้องออกมาตรการป้องกัน เช่น การให้ผู้ใช้เลือก “Charge only” หรือ “Transfer files” ทุกครั้งที่เสียบสาย แต่ในปี 2025 นักวิจัยจาก Graz University of Technology ประเทศออสเตรีย ได้เปิดเผยเทคนิคใหม่ชื่อว่า Choicejacking ซึ่งสามารถหลอกให้มือถืออนุญาตการเชื่อมต่อข้อมูลโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว Choicejacking ไม่ใช่มัลแวร์แบบเดิม แต่ใช้การจำลองอุปกรณ์ USB หรือ Bluetooth เช่น คีย์บอร์ด เพื่อส่งคำสั่งปลอมไปยังมือถือให้ตอบตกลงกับหน้าต่างแจ้งเตือนการเชื่อมต่อข้อมูล โดยใช้เวลาเพียง 133 มิลลิวินาที—เร็วกว่าการกระพริบตา! ✅ Choicejacking เป็นเทคนิคใหม่ที่สามารถหลอกมือถือให้อนุญาตการเชื่อมต่อข้อมูลโดยไม่ต้องแตะหน้าจอ ➡️ ใช้การจำลองอุปกรณ์ USB หรือ Bluetooth เพื่อส่งคำสั่งปลอม ➡️ ใช้เวลาเพียง 133 มิลลิวินาทีในการดำเนินการ ✅ นักวิจัยจาก Graz University of Technology เป็นผู้ค้นพบและนำเสนอที่งาน USENIX Security Symposium 2025 ➡️ เป็นการพัฒนาต่อจาก Juice Jacking ที่เคยเป็นภัยใหญ่เมื่อสิบปีก่อน ➡️ ได้รับการยอมรับจากผู้ผลิตมือถือรายใหญ่ เช่น Apple, Google, Samsung, Xiaomi ✅ Choicejacking สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น รูปภาพ, เอกสาร, ข้อมูลแอปพลิเคชัน ➡️ ทดสอบกับมือถือจาก 8 ผู้ผลิตหลัก และพบว่าทุกเครื่องมีช่องโหว่ ➡️ บางรุ่นสามารถขโมยข้อมูลได้แม้หน้าจอจะล็อกอยู่ ✅ มีการใช้เทคนิคเสริม เช่น การตรวจจับช่วงเวลาที่ผู้ใช้ไม่สังเกตหน้าจอผ่านสายไฟ (power line side-channel) ➡️ ใช้ช่วงที่ผู้ใช้กำลังโทรศัพท์หรือดูวิดีโอเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ เพิ่มความแนบเนียนในการโจมตี ✅ ผู้ผลิตระบบปฏิบัติการเริ่มออกแพตช์เพื่อป้องกัน Choicejacking ➡️ iOS 18.4 และ Android 15 เพิ่มการยืนยันตัวตนก่อนอนุญาตการเชื่อมต่อ USB ➡️ แต่บางรุ่น เช่น Samsung ที่ใช้ One UI 7 ยังไม่มีการบังคับใช้การยืนยัน ‼️ การใช้พอร์ต USB สาธารณะ เช่น ที่สนามบิน, โรงแรม, ร้านกาแฟ อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ⛔ แม้จะดูปลอดภัย แต่พอร์ตอาจถูกดัดแปลงให้เป็นอุปกรณ์โจมตี ⛔ การเสียบสายโดยไม่ระวังอาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลได้ทันที ‼️ การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้แม้ผู้ใช้ไม่ได้แตะหน้าจอเลย ⛔ ใช้การจำลองคีย์บอร์ดหรืออุปกรณ์ Bluetooth เพื่อส่งคำสั่งปลอม ⛔ ผู้ใช้ไม่มีโอกาสเห็นหรือยกเลิกการอนุญาต ‼️ มือถือบางรุ่นยังไม่มีการบังคับให้ยืนยันตัวตนก่อนอนุญาตการเชื่อมต่อข้อมูล ⛔ แม้จะอัปเดตเป็น Android 15 แล้ว แต่บางแบรนด์ยังไม่เปิดใช้ฟีเจอร์นี้ ⛔ ทำให้ผู้ใช้ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตี Choicejacking ‼️ อุปกรณ์ป้องกันแบบเดิม เช่น USB data blocker อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ⛔ Choicejacking ใช้ช่องทางใหม่ที่ไม่ถูกบล็อกโดยอุปกรณ์เหล่านี้ ⛔ ต้องใช้มาตรการเสริม เช่น สายชาร์จแบบ “charge-only” หรือ power bank ส่วนตัว https://hackread.com/choicejacking-attack-steals-data-phones-public-chargers/
    HACKREAD.COM
    New Choicejacking Attack Steals Data from Phones via Public Chargers
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไม?
    www.t1team.com/coffee

    #t1team #กาแฟสมุนไพร
    ทำไม? www.t1team.com/coffee #t1team #กาแฟสมุนไพร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • จ้องคอมพิวเตอร์นานๆ ดูมือถือทั้งวัน ดื่ม 24/7 COFFEE
    https://t1team.com/coffee/
    #กาแฟสมุนไพร #กาแฟขมิ้นชัน
    จ้องคอมพิวเตอร์นานๆ ดูมือถือทั้งวัน ดื่ม 24/7 COFFEE https://t1team.com/coffee/ #กาแฟสมุนไพร #กาแฟขมิ้นชัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • Belkin ตัดขาด Wemo รุ่นเก่า – สมาร์ตโฮมกลายเป็นขยะเพราะเลิกซัพพอร์ต

    Belkin ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Wemo ประกาศว่าจะปิดบริการคลาวด์ของ Wemo ในวันที่ 31 มกราคม 2026 ส่งผลให้อุปกรณ์สมาร์ตโฮมที่ไม่รองรับ Apple HomeKit เช่น เครื่องทำความร้อน, เครื่องฟอกอากาศ, เครื่องชงกาแฟ, กล้องดูแลเด็ก, เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว และสวิตช์ไฟรุ่นเก่า จะไม่สามารถควบคุมผ่านแอป Wemo ได้อีกต่อไป

    อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่คือรุ่นที่ผลิตก่อนปี 2021 ซึ่งพึ่งพาโครงสร้างคลาวด์ของ Wemo ในการเชื่อมต่อกับผู้ช่วยเสียงอย่าง Alexa และ Google Assistant—เมื่อคลาวด์ถูกปิด ฟีเจอร์เหล่านั้นก็จะหยุดทำงานเช่นกัน

    Belkin ระบุว่าจะมีการคืนเงินบางส่วนสำหรับอุปกรณ์ที่ยังอยู่ในระยะรับประกันหลังเดือนมกราคม 2026 แต่ไม่ได้ให้ทางเลือกในการอัปเกรดหรือเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่

    เหตุการณ์นี้สะท้อนปัญหาใหญ่ของอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ที่มักมี “อายุการใช้งานจำกัด” ไม่ใช่เพราะฮาร์ดแวร์เสีย แต่เพราะผู้ผลิตเลิกสนับสนุน—ทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนใหม่แม้ของเดิมยังใช้งานได้ดี

    https://www.techspot.com/news/108669-belkin-ends-support-wemo-devices-many-become-e.html
    Belkin ตัดขาด Wemo รุ่นเก่า – สมาร์ตโฮมกลายเป็นขยะเพราะเลิกซัพพอร์ต Belkin ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Wemo ประกาศว่าจะปิดบริการคลาวด์ของ Wemo ในวันที่ 31 มกราคม 2026 ส่งผลให้อุปกรณ์สมาร์ตโฮมที่ไม่รองรับ Apple HomeKit เช่น เครื่องทำความร้อน, เครื่องฟอกอากาศ, เครื่องชงกาแฟ, กล้องดูแลเด็ก, เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว และสวิตช์ไฟรุ่นเก่า จะไม่สามารถควบคุมผ่านแอป Wemo ได้อีกต่อไป อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่คือรุ่นที่ผลิตก่อนปี 2021 ซึ่งพึ่งพาโครงสร้างคลาวด์ของ Wemo ในการเชื่อมต่อกับผู้ช่วยเสียงอย่าง Alexa และ Google Assistant—เมื่อคลาวด์ถูกปิด ฟีเจอร์เหล่านั้นก็จะหยุดทำงานเช่นกัน Belkin ระบุว่าจะมีการคืนเงินบางส่วนสำหรับอุปกรณ์ที่ยังอยู่ในระยะรับประกันหลังเดือนมกราคม 2026 แต่ไม่ได้ให้ทางเลือกในการอัปเกรดหรือเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ เหตุการณ์นี้สะท้อนปัญหาใหญ่ของอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ที่มักมี “อายุการใช้งานจำกัด” ไม่ใช่เพราะฮาร์ดแวร์เสีย แต่เพราะผู้ผลิตเลิกสนับสนุน—ทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนใหม่แม้ของเดิมยังใช้งานได้ดี https://www.techspot.com/news/108669-belkin-ends-support-wemo-devices-many-become-e.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Belkin ends support for Wemo devices, many will become e-waste come January
    All Wemo smart home devices that do not support Apple HomeKit will stop functioning on January 31, 2026. After parent company Belkin shuts down the Wemo cloud...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • รับกาแฟสักแก้วไหมฮะ
    ขอให้เป็นวันที่ดี ๆ นะคร้าบ
    #โมเดิร์นเองครับ
    รับกาแฟสักแก้วไหมฮะ 😄 ขอให้เป็นวันที่ดี ๆ นะคร้าบ ♥️ #โมเดิร์นเองครับ😘
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts