• FBI วันอังคาร(11 ก.พ) ประกาศค้นพบเอกสารลับการลอบสังหาร JFK อีก 2,400 ไฟล์ที่หายไป เชื่ออาจมีเงื่อนงำใหม่ซ่อน สุดระทึกผู้นำหน่วยเปิดเผยความลับ JFK ของทรัมป์เชื่อ “อาจมีมือปืน 2 คน” ไม่ใช่แค่ ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ มือยิง ทฤษฎีสมคบคิดเชื่อมีมือปืนมากกว่า 1 คน มี CIA อยู่เบื้องหลัง และมาเฟียอิตาลีเป็นคนรับผิดชอบ

    สกายนิวส์ของอังกฤษรายงานวันพุธ(12 ก.พ)ว่า FBI ออกมาเปิดเผยวานนี้(11)ว่า ได้ค้นพบเอกสารที่หายไปร่วม 2,400 ไฟล์เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอห์น เอฟ. เคนเนดี หรือ JFK ถูกลอบสังหารที่เมืองดัลลัส รัฐเทกซัส ในรถเปิดประทุนเมื่อปี 1963 โดย ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ (Lee Harvey Oswald )

    เกิดขึ้นหลัง FBI กำลังรวบรวมเพื่อเตรียมเอกสารเกี่ยวข้องกับคดีลอบสังหารทั้งหมดไปให้กับสำนักงานหอจดหมายเหตุสหรัฐฯ NARA เพื่อคลายชั้นความลับก่อนเผยแพร่ต่อสาธารณะตามคำสั่งของประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่ที่ได้ลงนามคำสั่งเมื่อวันที่ 23 ม.คที่ผ่านมา เปิดเผยเอกสารลับ 3 คดีดัง JFK รวมน้องชาย JFK และ สาธุคุณมาร์ติน ลูเธอร์ คิง หรือ MLK สั่นสะเทือนอเมริกายุค 60

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000014242

    #MGROnline #FBI #การลอบสังหาร #JFK
    FBI วันอังคาร(11 ก.พ) ประกาศค้นพบเอกสารลับการลอบสังหาร JFK อีก 2,400 ไฟล์ที่หายไป เชื่ออาจมีเงื่อนงำใหม่ซ่อน สุดระทึกผู้นำหน่วยเปิดเผยความลับ JFK ของทรัมป์เชื่อ “อาจมีมือปืน 2 คน” ไม่ใช่แค่ ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ มือยิง ทฤษฎีสมคบคิดเชื่อมีมือปืนมากกว่า 1 คน มี CIA อยู่เบื้องหลัง และมาเฟียอิตาลีเป็นคนรับผิดชอบ • สกายนิวส์ของอังกฤษรายงานวันพุธ(12 ก.พ)ว่า FBI ออกมาเปิดเผยวานนี้(11)ว่า ได้ค้นพบเอกสารที่หายไปร่วม 2,400 ไฟล์เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอห์น เอฟ. เคนเนดี หรือ JFK ถูกลอบสังหารที่เมืองดัลลัส รัฐเทกซัส ในรถเปิดประทุนเมื่อปี 1963 โดย ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ (Lee Harvey Oswald ) • เกิดขึ้นหลัง FBI กำลังรวบรวมเพื่อเตรียมเอกสารเกี่ยวข้องกับคดีลอบสังหารทั้งหมดไปให้กับสำนักงานหอจดหมายเหตุสหรัฐฯ NARA เพื่อคลายชั้นความลับก่อนเผยแพร่ต่อสาธารณะตามคำสั่งของประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่ที่ได้ลงนามคำสั่งเมื่อวันที่ 23 ม.คที่ผ่านมา เปิดเผยเอกสารลับ 3 คดีดัง JFK รวมน้องชาย JFK และ สาธุคุณมาร์ติน ลูเธอร์ คิง หรือ MLK สั่นสะเทือนอเมริกายุค 60 • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000014242 • #MGROnline #FBI #การลอบสังหาร #JFK
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอฟบีไอพบเอกสารที่เกี่ยวกับการลอบสังหาร JFK มากกว่า 2,400 เล่บ มากกกว่า 14,000 หน้า ที่ไม่เคยส่งถึงคณะกรรมการพิจารณาเพื่อเผยแพร่ โดยเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารที่กฎหมายกำหนดให้ต้องเปิดเผยตั้งแต่ปี 1992

    เจฟเฟอร์สัน มอร์ลีย์ (Jefferson Morley) รองประธานมูลนิธิแมรี เฟอร์เรลล์ (Mary Ferrell Foundation) กล่าวว่า:

    "ในที่สุดเอฟบีไอก็ยอมออกมาพูดแล้วว่า 'ควรจะตอบสนองต่อคำสั่งของประธานาธิบดี' แทนที่จะเก็บความลับเอาไว้"

    นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังรายงานอีกว่า รัฐบาลเงาหรือรัฐลึก (Deep state) กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อต่อต้านการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด โดยพยายามหาหนทางแก้ไขข้อมูลภายในเอกสาร ซึ่งทรัมป์คาดหมายว่าเอกสารทั้งหมดจะถูกเปิดเผยข้อมูลภายในวันที่ 9 มีนาคมนี้
    เอฟบีไอพบเอกสารที่เกี่ยวกับการลอบสังหาร JFK มากกว่า 2,400 เล่บ มากกกว่า 14,000 หน้า ที่ไม่เคยส่งถึงคณะกรรมการพิจารณาเพื่อเผยแพร่ โดยเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารที่กฎหมายกำหนดให้ต้องเปิดเผยตั้งแต่ปี 1992 เจฟเฟอร์สัน มอร์ลีย์ (Jefferson Morley) รองประธานมูลนิธิแมรี เฟอร์เรลล์ (Mary Ferrell Foundation) กล่าวว่า: "ในที่สุดเอฟบีไอก็ยอมออกมาพูดแล้วว่า 'ควรจะตอบสนองต่อคำสั่งของประธานาธิบดี' แทนที่จะเก็บความลับเอาไว้" นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังรายงานอีกว่า รัฐบาลเงาหรือรัฐลึก (Deep state) กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อต่อต้านการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด โดยพยายามหาหนทางแก้ไขข้อมูลภายในเอกสาร ซึ่งทรัมป์คาดหมายว่าเอกสารทั้งหมดจะถูกเปิดเผยข้อมูลภายในวันที่ 9 มีนาคมนี้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • โยอัฟ กัลลันต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ออกมายอมรับว่าใช้ระเบิดมากถึง 80 ตัน ในการลอบสังหารฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ อดีตผู้นำฮิซบอลเลาะห์ โดยไม่สนใจว่าแรงระเบิดจะคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย
    โยอัฟ กัลลันต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ออกมายอมรับว่าใช้ระเบิดมากถึง 80 ตัน ในการลอบสังหารฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ อดีตผู้นำฮิซบอลเลาะห์ โดยไม่สนใจว่าแรงระเบิดจะคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 42 0 รีวิว
  • 77 ปี ลอบสังหาร “มหาตมา คานธี” นักต่อสู้ผู้ไร้อาวุธ ผู้บุกเบิกแนวคิด “สัตยาเคราะห์”

    “ตาต่อตาฟันต่อฟัน จะทำให้ทั้งโลกมืดบอด” มหาตมา คานธี

    ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2491 นับเป็นวันที่โลกต้องจารึก เมื่อ "มหาตมา คานธี" ผู้นำทางจิตวิญญาณ และนักต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย ถูกลอบสังหารขณะอายุ 78 ปี ภายในบริเวณบ้านพิรลา ในกรุงนิวเดลี เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิต บุคคลผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของประวัติศาสตร์อินเดีย และขบวนการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิพลเมืองทั่วโลก

    โศกนาฏกรรมแห่งสันติ วันสุดท้ายของมหาตมา คานธี
    ช่วงเย็นของวันที่ 30 มกราคม 2491 "มหาตมา คานธี" เดินไปยังสวนหลังบ้านพิรลา ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เขาใช้จัดการสวดภาวนา เป็นประจำทุกเย็น ท่ามกลางฝูงชน ที่มารอฟังคำสอนของเขา "นถูราม โคฑเส" ชายวัย 30 ปี ผู้เป็นสมาชิกกลุ่มชาตินิยมฮินดู ได้แฝงตัวเข้ามาในฝูงชน และเมื่อคานธี เดินลงจากปะรำพิธี โคฑเสก็ฉวยโอกาส ก้าวออกมากั้นทาง แล้วลั่นไกปืน สามนัดยิงเข้าที่อก และท้องของคานธีระยะเผาขน

    เสียงปืนนั้น เปรียบเสมือนเสียงสะเทือน แห่งประวัติศาสตร์...
    "มหาตมา คานธี" ทรุดลงกับพื้น และกล่าวเพียงว่า "เฮ ราม" (โอ้ พระเจ้า!) ก่อนหมดสติ และจากไปในที่สุด

    เหตุใดโคฑเส จึงลอบสังหารคานธี?
    "นถูราม โคฑเส" เป็นนักชาตินิยมฮินดู และเป็นสมาชิกของ ราษฏรียสวยัมเสวักสงฆ์ (RSS) กลุ่มขวาจัด ที่สนับสนุนการปกครองโดยชาวฮินดู โคฑเสเชื่อว่า คานธีให้ความช่วยเหลือชาวมุสลิม มากเกินไป และมีบทบาทสำคัญ ในการสนับสนุน การแยกดินแดนอินเดีย และปากีสถาน

    เขาเห็นว่าคานธีเป็นอุปสรรค ต่อความเป็นเอกภาพ ของชาวฮินดูในอินเดีย และการที่คานธี เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียส่งเงิน 550 ล้านรูปี ให้กับปากีสถาน ยิ่งทำให้เขาโกรธแค้น

    หลังการสังหาร โคฑเสถูกจับกุมทันที และถูกนำตัวขึ้นศาล พร้อมกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหลายคน ในที่สุด เขาถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกแขวนคอ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2492

    บุรุษผู้เปลี่ยนแปลงโลกด้วยสันติวิธี ต้นกำเนิดของนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่
    "มหาตมา คานธี" หรือ "โมหนทาส กรมจันท์ คานธี" เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2412 ที่รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย เติบโตมาในครอบครัวชาวฮินดู และเดินทางไปศึกษากฎหมายที่ อินเนอร์เทมเพิล ลอนดอน ก่อนกลับมาอินเดีย

    ค้นพบ “สัตยาเคราะห์” บนแผ่นดินแอฟริกาใต้
    ขณะที่คานธีทำงานเป็นทนาย ในแอฟริกาใต้ เขาประสบเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติ เมื่อเขาถูกไล่ออกจากตู้รถไฟชั้นหนึ่ง เพียงเพราะเป็นชาวอินเดีย เหตุการณ์นี้ ทำให้คานธี ตระหนักถึงความอยุติธรรม และจุดประกายให้เขาต่อสู้ เพื่อสิทธิพลเมือง

    คานธีพัฒนาแนวคิด “สัตยาเคราะห์” (Satyagraha) ซึ่งหมายถึง “การยึดมั่นในสัจจะ” หรือ “การต่อต้านโดยสันติวิธี” โดยมุ่งเน้นการใช้ความจริง ความรัก และความไม่รุนแรง เป็นอาวุธหลัก

    สัตยาเคราะห์ พลังแห่งสัจจะและสันติ
    สัตยาเคราะห์เป็นหัวใจสำคัญ ในการต่อสู้ของคานธี เพื่อปลดแอกอินเดียจากอังกฤษ โดยมีหลักการสำคัญ ได้แก่

    1. อหิงสา (Ahimsa) การไม่ใช้ความรุนแรง
    คานธีเชื่อว่า ความรุนแรงก่อให้เกิดความเกลียดชัง และการแก้แค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด

    2. สัจจะ (Satya) ความจริง
    เขาเชื่อว่าความจริงคือสิ่งสูงสุด และคนที่ยึดมั่นในความจริง จะได้รับชัยชนะเสมอ

    3. ตบะ (Tapasya) ความอดทนและเสียสละ
    คานธีอดอาหารประท้วงหลายครั้ง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ให้กับคนทุกศาสนา

    ขบวนการอิสระของอินเดีย จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์
    เดินขบวนเกลือ (Salt March) ปี 2473
    คานธีนำประชาชนเดินเท้า เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อประท้วงกฎหมายภาษีเกลือ ของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการต่อต้าน ที่ทรงพลังที่สุด

    ขบวนการ “ออกจากอินเดีย” (Quit India Movement) ปี 2485
    คานธีเรียกร้องให้อังกฤษ ถอนตัวจากอินเดีย โดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้อังกฤษจับกุมเขา และผู้สนับสนุนจำนวนมาก

    ในที่สุด วันที่ 15 สิงหาคม 2490 อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ แต่ต้องแลกมา ด้วยการแบ่งประเทศเป็นอินเดีย และปากีสถาน ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง และการอพยพครั้งใหญ่

    มรดกของมหาตมา คานธี อิทธิพลต่อโลก
    แม้จะถูกลอบสังหาร แต่แนวคิดของคานธี ได้เป็นแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง ทั่วโลก เช่น

    ✅ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ขบวนการสิทธิพลเมือง ของคนผิวดำในอเมริกา
    ✅ เนลสัน แมนเดลา การต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ในแอฟริกาใต้
    ✅ ดาไลลามะ การต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ของทิเบต

    คานธี กับบทเรียนแห่งสันติ
    การลอบสังหารมหาตมา คานธี เป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่แนวคิดของเขายังคงอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนทั่วโลก

    🌏 ความจริงและสันติวิธี เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในการเปลี่ยนแปลงโลก
    🙏 อหิงสา ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือความกล้าหาญ ในการให้อภัย
    💡 สัตยาเคราะห์ เป็นเครื่องมือแห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม

    77 ปี ผ่านไป... ชื่อของคานธี ยังคงเป็นสัญลักษณ์ แห่งสันติภาพ 🕊️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 300857 ม.ค. 2568

    #MahatmaGandhi #Gandhi77Years #Satyagraha #อหิงสา #สันติวิธี #IndiaIndependence #PeaceMovement #QuitIndia #GandhiPhilosophy #GandhiLegacy
    77 ปี ลอบสังหาร “มหาตมา คานธี” นักต่อสู้ผู้ไร้อาวุธ ผู้บุกเบิกแนวคิด “สัตยาเคราะห์” “ตาต่อตาฟันต่อฟัน จะทำให้ทั้งโลกมืดบอด” มหาตมา คานธี ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2491 นับเป็นวันที่โลกต้องจารึก เมื่อ "มหาตมา คานธี" ผู้นำทางจิตวิญญาณ และนักต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย ถูกลอบสังหารขณะอายุ 78 ปี ภายในบริเวณบ้านพิรลา ในกรุงนิวเดลี เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิต บุคคลผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของประวัติศาสตร์อินเดีย และขบวนการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิพลเมืองทั่วโลก โศกนาฏกรรมแห่งสันติ วันสุดท้ายของมหาตมา คานธี ช่วงเย็นของวันที่ 30 มกราคม 2491 "มหาตมา คานธี" เดินไปยังสวนหลังบ้านพิรลา ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เขาใช้จัดการสวดภาวนา เป็นประจำทุกเย็น ท่ามกลางฝูงชน ที่มารอฟังคำสอนของเขา "นถูราม โคฑเส" ชายวัย 30 ปี ผู้เป็นสมาชิกกลุ่มชาตินิยมฮินดู ได้แฝงตัวเข้ามาในฝูงชน และเมื่อคานธี เดินลงจากปะรำพิธี โคฑเสก็ฉวยโอกาส ก้าวออกมากั้นทาง แล้วลั่นไกปืน สามนัดยิงเข้าที่อก และท้องของคานธีระยะเผาขน เสียงปืนนั้น เปรียบเสมือนเสียงสะเทือน แห่งประวัติศาสตร์... "มหาตมา คานธี" ทรุดลงกับพื้น และกล่าวเพียงว่า "เฮ ราม" (โอ้ พระเจ้า!) ก่อนหมดสติ และจากไปในที่สุด เหตุใดโคฑเส จึงลอบสังหารคานธี? "นถูราม โคฑเส" เป็นนักชาตินิยมฮินดู และเป็นสมาชิกของ ราษฏรียสวยัมเสวักสงฆ์ (RSS) กลุ่มขวาจัด ที่สนับสนุนการปกครองโดยชาวฮินดู โคฑเสเชื่อว่า คานธีให้ความช่วยเหลือชาวมุสลิม มากเกินไป และมีบทบาทสำคัญ ในการสนับสนุน การแยกดินแดนอินเดีย และปากีสถาน เขาเห็นว่าคานธีเป็นอุปสรรค ต่อความเป็นเอกภาพ ของชาวฮินดูในอินเดีย และการที่คานธี เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียส่งเงิน 550 ล้านรูปี ให้กับปากีสถาน ยิ่งทำให้เขาโกรธแค้น หลังการสังหาร โคฑเสถูกจับกุมทันที และถูกนำตัวขึ้นศาล พร้อมกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหลายคน ในที่สุด เขาถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกแขวนคอ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2492 บุรุษผู้เปลี่ยนแปลงโลกด้วยสันติวิธี ต้นกำเนิดของนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ "มหาตมา คานธี" หรือ "โมหนทาส กรมจันท์ คานธี" เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2412 ที่รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย เติบโตมาในครอบครัวชาวฮินดู และเดินทางไปศึกษากฎหมายที่ อินเนอร์เทมเพิล ลอนดอน ก่อนกลับมาอินเดีย ค้นพบ “สัตยาเคราะห์” บนแผ่นดินแอฟริกาใต้ ขณะที่คานธีทำงานเป็นทนาย ในแอฟริกาใต้ เขาประสบเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติ เมื่อเขาถูกไล่ออกจากตู้รถไฟชั้นหนึ่ง เพียงเพราะเป็นชาวอินเดีย เหตุการณ์นี้ ทำให้คานธี ตระหนักถึงความอยุติธรรม และจุดประกายให้เขาต่อสู้ เพื่อสิทธิพลเมือง คานธีพัฒนาแนวคิด “สัตยาเคราะห์” (Satyagraha) ซึ่งหมายถึง “การยึดมั่นในสัจจะ” หรือ “การต่อต้านโดยสันติวิธี” โดยมุ่งเน้นการใช้ความจริง ความรัก และความไม่รุนแรง เป็นอาวุธหลัก สัตยาเคราะห์ พลังแห่งสัจจะและสันติ สัตยาเคราะห์เป็นหัวใจสำคัญ ในการต่อสู้ของคานธี เพื่อปลดแอกอินเดียจากอังกฤษ โดยมีหลักการสำคัญ ได้แก่ 1. อหิงสา (Ahimsa) การไม่ใช้ความรุนแรง คานธีเชื่อว่า ความรุนแรงก่อให้เกิดความเกลียดชัง และการแก้แค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด 2. สัจจะ (Satya) ความจริง เขาเชื่อว่าความจริงคือสิ่งสูงสุด และคนที่ยึดมั่นในความจริง จะได้รับชัยชนะเสมอ 3. ตบะ (Tapasya) ความอดทนและเสียสละ คานธีอดอาหารประท้วงหลายครั้ง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ให้กับคนทุกศาสนา ขบวนการอิสระของอินเดีย จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ เดินขบวนเกลือ (Salt March) ปี 2473 คานธีนำประชาชนเดินเท้า เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อประท้วงกฎหมายภาษีเกลือ ของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการต่อต้าน ที่ทรงพลังที่สุด ขบวนการ “ออกจากอินเดีย” (Quit India Movement) ปี 2485 คานธีเรียกร้องให้อังกฤษ ถอนตัวจากอินเดีย โดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้อังกฤษจับกุมเขา และผู้สนับสนุนจำนวนมาก ในที่สุด วันที่ 15 สิงหาคม 2490 อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ แต่ต้องแลกมา ด้วยการแบ่งประเทศเป็นอินเดีย และปากีสถาน ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง และการอพยพครั้งใหญ่ มรดกของมหาตมา คานธี อิทธิพลต่อโลก แม้จะถูกลอบสังหาร แต่แนวคิดของคานธี ได้เป็นแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง ทั่วโลก เช่น ✅ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ขบวนการสิทธิพลเมือง ของคนผิวดำในอเมริกา ✅ เนลสัน แมนเดลา การต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ในแอฟริกาใต้ ✅ ดาไลลามะ การต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ของทิเบต คานธี กับบทเรียนแห่งสันติ การลอบสังหารมหาตมา คานธี เป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่แนวคิดของเขายังคงอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนทั่วโลก 🌏 ความจริงและสันติวิธี เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในการเปลี่ยนแปลงโลก 🙏 อหิงสา ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือความกล้าหาญ ในการให้อภัย 💡 สัตยาเคราะห์ เป็นเครื่องมือแห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม 77 ปี ผ่านไป... ชื่อของคานธี ยังคงเป็นสัญลักษณ์ แห่งสันติภาพ 🕊️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 300857 ม.ค. 2568 #MahatmaGandhi #Gandhi77Years #Satyagraha #อหิงสา #สันติวิธี #IndiaIndependence #PeaceMovement #QuitIndia #GandhiPhilosophy #GandhiLegacy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 599 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากทรัมป์ลงนาม "คำสั่งฝ่ายบริหาร" เพื่อเปิดเผยความลับของเอกสารการลอบสังหาร JFK

    "ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์" (Operation Northwoods) ซึ่งเป็นปฏิบัติการลับของ CIA ในช่วงปี 1962 (พ.ศ.2505) เพื่อเข้าแทรกแซงทางทหารในคิวบากลับมาได้รับความสนใจในโซเชียลอีกครั้ง

    แต่สุดท้ายแล้ว "ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์" ถูกประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดีปฏิเสธทั้งหมด แม้ว่าจะลงนามโดยคณะเสนาธิการทหารร่วมในปี 1962 แล้วก็ตาม

    หน่วยงาน CIA ร่วมมือกับกองทัพสหรัฐ วางแผน "ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์" มาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1960 รายละเอียดบางส่วนของแผนการในครั้งนั้น เพื่อโยนความผิดให้กับคิวบา และเพื่อสร้างเหตุผลความชอบธรรมในการทำสงครามกับคิวบา และกำจัด "ฟิเดล คาสโตร" ผู้นำคิวบา:

    - วางแผนจัดฉากหรือสร้างเรื่องโจมตีก่อการร้ายในเมืองต่างๆของสหรัฐฯ หรือโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ รวมทั้งพลเมืองสหรัฐฯทั้งในและต่างประเทศ

    - การสร้างเหตุการณ์ที่เครื่องบินสหรัฐฯ ถูกยิงตกหรือก่อวินาศกรรม ซึ่งจะพยายามทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการกระทำของคิวบา

    - การจัดฉากโจมตีในไมอามี เมืองอื่นๆ ในฟลอริดา และอาจรวมถึงวอชิงตัน ดี.ซี. ด้วย

    - วางแผนการให้มีการสังหารทหารสหรัฐฯ โดยระเบิดเรือในอ่าวกวนตานาโม แล้วโยนความผิดเหตุการณ์ดังกล่าวให้กับหน่วยก่อวินาศกรรมของคิวบา

    - จัดฉากการจี้เครื่องบินจนเกิดเหตุการณ์บานปลายทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตเพื่อโยนความผิดให้คิวบา

    - จัดฉากว่ากองทัพอากาศคิวบาโจมตีเครื่องบินโดยสารพลเรือน

    มีรายงานว่าเคนเนดีตกใจกับแนวทางนี้และไม่ยอมรับโดบเด็ดขาด ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับผู้นำกองทัพตึงเครียดอย่างมาก

    แม้ว่าเอกสารนี้จะถูกเผยแพร่มาแล้วตั้งแต่ปี 2001 แต่กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งในช่วงเวลานี้ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างทางประวัติศาสตร์ที่เป็น “การเปิดโปงการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯในคิวบา”

    การวางแผนของหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐ มักจะเกิดจากความพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศขึ้นก่อน หลังจากนั้นจะตามมาด้วยการใช้ข้ออ้างกำลังทหารเข้ายุติปัญหา
    หลังจากทรัมป์ลงนาม "คำสั่งฝ่ายบริหาร" เพื่อเปิดเผยความลับของเอกสารการลอบสังหาร JFK "ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์" (Operation Northwoods) ซึ่งเป็นปฏิบัติการลับของ CIA ในช่วงปี 1962 (พ.ศ.2505) เพื่อเข้าแทรกแซงทางทหารในคิวบากลับมาได้รับความสนใจในโซเชียลอีกครั้ง แต่สุดท้ายแล้ว "ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์" ถูกประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดีปฏิเสธทั้งหมด แม้ว่าจะลงนามโดยคณะเสนาธิการทหารร่วมในปี 1962 แล้วก็ตาม หน่วยงาน CIA ร่วมมือกับกองทัพสหรัฐ วางแผน "ปฏิบัติการนอร์ธวูดส์" มาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1960 รายละเอียดบางส่วนของแผนการในครั้งนั้น เพื่อโยนความผิดให้กับคิวบา และเพื่อสร้างเหตุผลความชอบธรรมในการทำสงครามกับคิวบา และกำจัด "ฟิเดล คาสโตร" ผู้นำคิวบา: - วางแผนจัดฉากหรือสร้างเรื่องโจมตีก่อการร้ายในเมืองต่างๆของสหรัฐฯ หรือโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ รวมทั้งพลเมืองสหรัฐฯทั้งในและต่างประเทศ - การสร้างเหตุการณ์ที่เครื่องบินสหรัฐฯ ถูกยิงตกหรือก่อวินาศกรรม ซึ่งจะพยายามทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการกระทำของคิวบา - การจัดฉากโจมตีในไมอามี เมืองอื่นๆ ในฟลอริดา และอาจรวมถึงวอชิงตัน ดี.ซี. ด้วย - วางแผนการให้มีการสังหารทหารสหรัฐฯ โดยระเบิดเรือในอ่าวกวนตานาโม แล้วโยนความผิดเหตุการณ์ดังกล่าวให้กับหน่วยก่อวินาศกรรมของคิวบา - จัดฉากการจี้เครื่องบินจนเกิดเหตุการณ์บานปลายทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตเพื่อโยนความผิดให้คิวบา - จัดฉากว่ากองทัพอากาศคิวบาโจมตีเครื่องบินโดยสารพลเรือน มีรายงานว่าเคนเนดีตกใจกับแนวทางนี้และไม่ยอมรับโดบเด็ดขาด ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับผู้นำกองทัพตึงเครียดอย่างมาก แม้ว่าเอกสารนี้จะถูกเผยแพร่มาแล้วตั้งแต่ปี 2001 แต่กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งในช่วงเวลานี้ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างทางประวัติศาสตร์ที่เป็น “การเปิดโปงการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯในคิวบา” การวางแผนของหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐ มักจะเกิดจากความพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความตึงเครียดระหว่างประเทศขึ้นก่อน หลังจากนั้นจะตามมาด้วยการใช้ข้ออ้างกำลังทหารเข้ายุติปัญหา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เป็นเรื่อง!"

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เพิกถอนการคุ้มครองความปลอดภัยของไมค์ ปอมเปโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และจอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ

    อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสมัยแรกของทรัมป์ทั้งสองรายนี้ ถูกกล่าวหาจากอิหร่านว่ามีส่วนเกี่ยวข้องให้ทรัมป์ตัดสินใจออกคำสั่งลอบสังหารนายพลกัสเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) ในปี 2020

    เหตุผลในการถอดการคุ้มครองความปลอดภัยยังไม่ชัดเจน เนื่องจากทั้งคู่ต่างก็สนับสนุนทรัมป์อย่างเปิดเผย

    ก่อนหน้านี้มีคำเตือนจากรัฐบาลไบเดน ถึงภัยคุกคามต่อบุคคลทั้งสองจากอิหร่านยังคงมีอยู่ โดยที่ทั้งสองคนตกเป็นเป้าหมายของอิหร่านมาตลอด หลังจากการลอบสังหารนายพลโซไลมานี
    "เป็นเรื่อง!" ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เพิกถอนการคุ้มครองความปลอดภัยของไมค์ ปอมเปโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และจอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสมัยแรกของทรัมป์ทั้งสองรายนี้ ถูกกล่าวหาจากอิหร่านว่ามีส่วนเกี่ยวข้องให้ทรัมป์ตัดสินใจออกคำสั่งลอบสังหารนายพลกัสเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) ในปี 2020 เหตุผลในการถอดการคุ้มครองความปลอดภัยยังไม่ชัดเจน เนื่องจากทั้งคู่ต่างก็สนับสนุนทรัมป์อย่างเปิดเผย ก่อนหน้านี้มีคำเตือนจากรัฐบาลไบเดน ถึงภัยคุกคามต่อบุคคลทั้งสองจากอิหร่านยังคงมีอยู่ โดยที่ทั้งสองคนตกเป็นเป้าหมายของอิหร่านมาตลอด หลังจากการลอบสังหารนายพลโซไลมานี
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • "จะดูพลั่วมั้ยล่ะ" (Shooter 2007)

    ด่วน!
    ทรัมป์ลงนาม "คำสั่งฝ่ายบริหาร" เพื่อเปิดเผยความลับของเอกสารการลอบสังหาร JFK, RFK และ Martin Luther King Jr.
    "จะดูพลั่วมั้ยล่ะ" (Shooter 2007) ด่วน! ทรัมป์ลงนาม "คำสั่งฝ่ายบริหาร" เพื่อเปิดเผยความลับของเอกสารการลอบสังหาร JFK, RFK และ Martin Luther King Jr.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์เตรียมสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ให้สัญญาปิดฉากความตกต่ำนาน 4 ปีและนำอเมริกาสู่ยุคทอง ลั่นพร้อมเริ่มทำงาน “รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์” เพื่อแก้ไขทุกวิกฤตที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่นับจากวันแรกที่กลับสู่ทำเนียบขาว ซึ่งรวมถึงการเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองนับล้าน และการปรับบทบาทใหม่ของอเมริกาในเวทีโลก
    .
    การสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นการกลับมาอย่างผู้ชนะเต็มตัวของ “ดิสรัปเตอร์ทางการเมือง” ที่รอดจากการถูกรัฐสภาไต่สวนเพื่อถอดถอนถึงสองครั้ง รวมถึงการถูกศาลตัดสินว่ากระทำความผิดทางอาญาร้ายแรงหนึ่งครั้ง นอกจากนั้นยังเผชิญความพยายามในการลอบสังหารสองครั้ง และการถูกฟ้องร้องจากความพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ที่ตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
    .
    ทรัมป์ วัย 78 ปี สร้างประวัติศาสตร์ใหม่แทนที่ โจ ไบเดน ในการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯอายุมากที่สุดขณะสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่เป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์อเมริกัน ถัดจากโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ (ปี 1885-1889 และปี1893-1897) ที่ดำรงตำแหน่งสองวาระแบบไม่ต่อเนื่อง
    .
    พิธีสาบานตนกำหนดเริ่มต้นขึ้นเวลา 12.00 น. วันจันทร์ตามเวลาในกรุงวอชิงตัน (ตรงกับเวลา เที่ยงคืน คืนวันจันทร์ ตามเวลาเมืองไทย) ภายในอาคารรัฐสภา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีที่มีการจัดพิธีภายในอาคาร ทั้งนี้ เนื่องจากพยากรณ์อากาศระบุว่าสภาพอากาศจะหนาวเย็นจัด
    .
    ก่อนหน้าที่พิธีจะเริ่มต้นหนึ่งวัน ทรัมป์ได้ไปกล่าวปราศรัยท่ามกลางผู้สนับสนุนที่อัดแน่นในสนามกีฬาแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน โดยให้สัญญาว่า จะปิดฉากความตกต่ำที่ดำเนินมานาน 4 ปี ซึ่งก็คือหมายถึงสมัยการเป็นประธานาธิบดีของโจ ไบเดน และเริ่มต้นอเมริกายุคใหม่ที่เข้มแข็งและมั่งคั่ง รวมทั้งเริ่มทำงาน “รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์” เพื่อแก้ไขทุกวิกฤตที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่นับจากวันแรกที่กลับสู่ทำเนียบขาว
    .
    ทรัมป์ใช้เวลาจำนวนมากในการปราศรัยนานหนึ่งชั่วโมงคราวนี้โฟกัสที่ปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยประธานาธิบดีคนที่ 45 และ 47 ของอเมริกาผู้นี้ ประกาศว่า จะหยุดยั้งการบุกรุกข้ามแดนและจัดการเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองทันที
    .
    ทรัมป์สัญญาว่า จะใช้อำนาจฝ่ายบริหารตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน ซึ่งรวมถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติบริเวณชายแดนทางใต้ติดกับเม็กซิโก ยกเลิกนโยบาย “การตื่นรู้” ที่รวมถึง “ความบ้าคลั่งของการยอมรับคนข้ามเพศ” ในโรงเรียน ทั้งนี้รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เขาจะเซ็นประกาศใช้อำนาจฝ่ายบริหารถึงราว 200 ฉบับ
    .
    เขายังย้ำคำสัญญาในการเผยแพร่ไฟล์ข้อมูลการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ และน้องชาย บ็อบบี้ เคนเนดี้ รวมทั้งมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้นำขบวนการเคลื่อนไหวสิทธิพลเมือง
    .
    ทรัมป์สำทับว่า จะอภัยโทษผู้ต้องหาจำนวนมาก จากกว่า 1,500 คนที่เกี่ยวข้องกับการบุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของไบเดน
    .
    สำหรับทางด้านไบเดนเดินทางไปรัฐเซาท์แคโรไลนาเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา และกล่าวเรียกร้องให้คนอเมริกันเชื่อมั่นว่า วันที่ดีกว่านี้กำลังจะมาถึง พร้อมให้สัญญา “จะไม่ไปไหน” โดยไบเดนมีกำหนดกลับไปกรุงวอชิงตันเพื่อร่วมพิธีส่งมอบตำแหน่งให้ทรัมป์ที่เขาเคยตราหน้าว่า เป็นภัยคุกคามประชาธิปไตย อีกทั้งยังถือเป็นการ “ตบหน้า” ทรัมป์กลายๆ เนื่องจาก ทรัมป์นั้นไม่ยอมรับเลยว่าพ่ายแพ้แก่ไบเดนในการเลือกตั้งปี 2020 และไม่ยอมร่วมพิธีสาบานตนของไบเดนในเดือนมกราคม 2021
    .
    ตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเสียอีก ทรัมป์ก็แสดงบทบาทเข้าสู่กรณีระดับโลก หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ ติ๊กต็อก แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยม ยกความดีความชอบว่า “ความชัดเจน” ของทรัมป์ทำให้ติ๊กต็อกกลับมาให้บริการอีกครั้งในอเมริกา หลังขึ้นจอดำนานหลายชั่วโมง
    .
    วันเดียวกันนั้น ฮามาสปล่อยตัวประกันอิสราเอล 3 คนภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงในกาซาที่ทีมงานของทรัมป์มีส่วนร่วมผลักดันโดยทำงานร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารของไบเดน
    .
    ขณะเดียวกัน ทั่วโลกต่างมองการกลับมาของทรัมป์ ว่าจะต้องเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ โดยที่ทรัมป์ประกาศเอาไว้แล้วว่าเตรียมเขย่าระเบียบโลกอีกคำรบหนึ่ง ด้วยการให้สัญญาเก็บภาษีศุลกากรแบบเหวี่ยงแหจากทั้งประเทศอริอย่างเช่นจีน และประเทศที่เป็นมิตรอย่างแคนาดาและเม็กซิโก นอกจากนั้นเขายังข่มขู่เข้ายึดคลองปานานา กดดันให้แคนาดายอมถูกผนวกเข้าเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา และบีบคั้นให้เดนมาร์กยอมขายเกาะกรีนแลนด์แก่สหรัฐฯ ตลอดจนตั้งข้อสงสัยในการให้ความช่วยเหลือยูเครนของอเมริกา โดยที่มีแผนจะทำให้เกิดสันติภาพขึ้นอย่างรวดเร็ว และบีบให้ยูเครนยอมสละดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006227
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์เตรียมสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ให้สัญญาปิดฉากความตกต่ำนาน 4 ปีและนำอเมริกาสู่ยุคทอง ลั่นพร้อมเริ่มทำงาน “รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์” เพื่อแก้ไขทุกวิกฤตที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่นับจากวันแรกที่กลับสู่ทำเนียบขาว ซึ่งรวมถึงการเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองนับล้าน และการปรับบทบาทใหม่ของอเมริกาในเวทีโลก . การสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นการกลับมาอย่างผู้ชนะเต็มตัวของ “ดิสรัปเตอร์ทางการเมือง” ที่รอดจากการถูกรัฐสภาไต่สวนเพื่อถอดถอนถึงสองครั้ง รวมถึงการถูกศาลตัดสินว่ากระทำความผิดทางอาญาร้ายแรงหนึ่งครั้ง นอกจากนั้นยังเผชิญความพยายามในการลอบสังหารสองครั้ง และการถูกฟ้องร้องจากความพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ที่ตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ . ทรัมป์ วัย 78 ปี สร้างประวัติศาสตร์ใหม่แทนที่ โจ ไบเดน ในการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯอายุมากที่สุดขณะสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่เป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์อเมริกัน ถัดจากโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ (ปี 1885-1889 และปี1893-1897) ที่ดำรงตำแหน่งสองวาระแบบไม่ต่อเนื่อง . พิธีสาบานตนกำหนดเริ่มต้นขึ้นเวลา 12.00 น. วันจันทร์ตามเวลาในกรุงวอชิงตัน (ตรงกับเวลา เที่ยงคืน คืนวันจันทร์ ตามเวลาเมืองไทย) ภายในอาคารรัฐสภา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีที่มีการจัดพิธีภายในอาคาร ทั้งนี้ เนื่องจากพยากรณ์อากาศระบุว่าสภาพอากาศจะหนาวเย็นจัด . ก่อนหน้าที่พิธีจะเริ่มต้นหนึ่งวัน ทรัมป์ได้ไปกล่าวปราศรัยท่ามกลางผู้สนับสนุนที่อัดแน่นในสนามกีฬาแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตัน โดยให้สัญญาว่า จะปิดฉากความตกต่ำที่ดำเนินมานาน 4 ปี ซึ่งก็คือหมายถึงสมัยการเป็นประธานาธิบดีของโจ ไบเดน และเริ่มต้นอเมริกายุคใหม่ที่เข้มแข็งและมั่งคั่ง รวมทั้งเริ่มทำงาน “รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์” เพื่อแก้ไขทุกวิกฤตที่ประเทศชาติกำลังเผชิญอยู่นับจากวันแรกที่กลับสู่ทำเนียบขาว . ทรัมป์ใช้เวลาจำนวนมากในการปราศรัยนานหนึ่งชั่วโมงคราวนี้โฟกัสที่ปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยประธานาธิบดีคนที่ 45 และ 47 ของอเมริกาผู้นี้ ประกาศว่า จะหยุดยั้งการบุกรุกข้ามแดนและจัดการเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองทันที . ทรัมป์สัญญาว่า จะใช้อำนาจฝ่ายบริหารตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน ซึ่งรวมถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติบริเวณชายแดนทางใต้ติดกับเม็กซิโก ยกเลิกนโยบาย “การตื่นรู้” ที่รวมถึง “ความบ้าคลั่งของการยอมรับคนข้ามเพศ” ในโรงเรียน ทั้งนี้รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เขาจะเซ็นประกาศใช้อำนาจฝ่ายบริหารถึงราว 200 ฉบับ . เขายังย้ำคำสัญญาในการเผยแพร่ไฟล์ข้อมูลการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ และน้องชาย บ็อบบี้ เคนเนดี้ รวมทั้งมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้นำขบวนการเคลื่อนไหวสิทธิพลเมือง . ทรัมป์สำทับว่า จะอภัยโทษผู้ต้องหาจำนวนมาก จากกว่า 1,500 คนที่เกี่ยวข้องกับการบุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2021 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของไบเดน . สำหรับทางด้านไบเดนเดินทางไปรัฐเซาท์แคโรไลนาเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา และกล่าวเรียกร้องให้คนอเมริกันเชื่อมั่นว่า วันที่ดีกว่านี้กำลังจะมาถึง พร้อมให้สัญญา “จะไม่ไปไหน” โดยไบเดนมีกำหนดกลับไปกรุงวอชิงตันเพื่อร่วมพิธีส่งมอบตำแหน่งให้ทรัมป์ที่เขาเคยตราหน้าว่า เป็นภัยคุกคามประชาธิปไตย อีกทั้งยังถือเป็นการ “ตบหน้า” ทรัมป์กลายๆ เนื่องจาก ทรัมป์นั้นไม่ยอมรับเลยว่าพ่ายแพ้แก่ไบเดนในการเลือกตั้งปี 2020 และไม่ยอมร่วมพิธีสาบานตนของไบเดนในเดือนมกราคม 2021 . ตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเสียอีก ทรัมป์ก็แสดงบทบาทเข้าสู่กรณีระดับโลก หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ ติ๊กต็อก แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยม ยกความดีความชอบว่า “ความชัดเจน” ของทรัมป์ทำให้ติ๊กต็อกกลับมาให้บริการอีกครั้งในอเมริกา หลังขึ้นจอดำนานหลายชั่วโมง . วันเดียวกันนั้น ฮามาสปล่อยตัวประกันอิสราเอล 3 คนภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงในกาซาที่ทีมงานของทรัมป์มีส่วนร่วมผลักดันโดยทำงานร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารของไบเดน . ขณะเดียวกัน ทั่วโลกต่างมองการกลับมาของทรัมป์ ว่าจะต้องเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ โดยที่ทรัมป์ประกาศเอาไว้แล้วว่าเตรียมเขย่าระเบียบโลกอีกคำรบหนึ่ง ด้วยการให้สัญญาเก็บภาษีศุลกากรแบบเหวี่ยงแหจากทั้งประเทศอริอย่างเช่นจีน และประเทศที่เป็นมิตรอย่างแคนาดาและเม็กซิโก นอกจากนั้นเขายังข่มขู่เข้ายึดคลองปานานา กดดันให้แคนาดายอมถูกผนวกเข้าเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา และบีบคั้นให้เดนมาร์กยอมขายเกาะกรีนแลนด์แก่สหรัฐฯ ตลอดจนตั้งข้อสงสัยในการให้ความช่วยเหลือยูเครนของอเมริกา โดยที่มีแผนจะทำให้เกิดสันติภาพขึ้นอย่างรวดเร็ว และบีบให้ยูเครนยอมสละดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006227 .............. Sondhi X
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1005 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์เตรียมเลือก "ฌอน เคอร์แรน" (Sean Curran) เป็นผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐฯ (U.S. Secret Service Director) คนใหม่ เพื่อตอบแทนความดีความชอบ!

    หลังจากที่ คิมเบอร์ลีย์ ชีเทิล ผู้อำนวยการคนเดิม ยอมรับถึงความล้มเหลวของหน่วยงานตำรวจลับหรือหน่วยงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐจากการปล่อยให้มีการลอบสังหารทรัมป์ถึงสองครั้ง ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ทรัมป์เตรียมแต่งตั้งฌอน เคอร์แรน หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยส่วนตัวของเขาเป็นผู้อำนวยการหน่วยงาน Secret Service คนใหม่

    หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการปฏิรูปหน่วย Secret Service มาเป็นเวลานานแล้ว หลังจากที่ความไว้วางใจที่มีต่อหน่วยงานนี้อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
    ทรัมป์เตรียมเลือก "ฌอน เคอร์แรน" (Sean Curran) เป็นผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐฯ (U.S. Secret Service Director) คนใหม่ เพื่อตอบแทนความดีความชอบ! หลังจากที่ คิมเบอร์ลีย์ ชีเทิล ผู้อำนวยการคนเดิม ยอมรับถึงความล้มเหลวของหน่วยงานตำรวจลับหรือหน่วยงานรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐจากการปล่อยให้มีการลอบสังหารทรัมป์ถึงสองครั้ง ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่ทรัมป์เตรียมแต่งตั้งฌอน เคอร์แรน หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยส่วนตัวของเขาเป็นผู้อำนวยการหน่วยงาน Secret Service คนใหม่ หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการปฏิรูปหน่วย Secret Service มาเป็นเวลานานแล้ว หลังจากที่ความไว้วางใจที่มีต่อหน่วยงานนี้อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร
    On 2025-01-10
    สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568

    และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง

    ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว

    แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว

    ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี

    สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่

    1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ

    2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด

    แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน

    สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี

    ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

    อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

    สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ

    ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย

    นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้

    สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา

    ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย

    อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

    (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้)

    ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร On 2025-01-10 สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568 และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ 1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ 2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้ สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้) ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 751 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    หน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) จับกุมกลุ่มก่อการร้ายเครือข่ายยูเครน ที่พยายามวางแผนลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหม

    วิดีโอ1 - เป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายยูเครนครั้งนี้คือ หัวหน้าโครงการ Archangel ในกรุงมอสโกซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมโดรน โดยมีการซุกซ่อนระเบิดไว้ด้านหลังกรอบประกาศนียบัตร เจ้าหน้าที่ FSB สามารถจับกุมได้ก่อนจะมีการส่งไปรษณีย์ไปให้เป้าหมาย

    วิดีโอ2 - เจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) ขัดขวางแผนการลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่ยูเครนเป็นผู้ดำเนินการ จากการสอบสวนกลุ่มก่อการร้ายยูเครน อุปกรณ์ระเบิดซึ่งดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ชาร์จเครื่องมือสื่อสารจะถูกนำไปติดตั้งไว้ใต้รถประจำตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระเบิดจะถูกจุดขึ้นจากรีโมทระยะไกล
    2/ หน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) จับกุมกลุ่มก่อการร้ายเครือข่ายยูเครน ที่พยายามวางแผนลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหม วิดีโอ1 - เป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายยูเครนครั้งนี้คือ หัวหน้าโครงการ Archangel ในกรุงมอสโกซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมโดรน โดยมีการซุกซ่อนระเบิดไว้ด้านหลังกรอบประกาศนียบัตร เจ้าหน้าที่ FSB สามารถจับกุมได้ก่อนจะมีการส่งไปรษณีย์ไปให้เป้าหมาย วิดีโอ2 - เจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) ขัดขวางแผนการลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่ยูเครนเป็นผู้ดำเนินการ จากการสอบสวนกลุ่มก่อการร้ายยูเครน อุปกรณ์ระเบิดซึ่งดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ชาร์จเครื่องมือสื่อสารจะถูกนำไปติดตั้งไว้ใต้รถประจำตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระเบิดจะถูกจุดขึ้นจากรีโมทระยะไกล
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • 1/
    หน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) จับกุมกลุ่มก่อการร้ายเครือข่ายยูเครน ที่พยายามวางแผนลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหม

    วิดีโอ1 - เป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายยูเครนครั้งนี้คือ หัวหน้าโครงการ Archangel ในกรุงมอสโกซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมโดรน โดยมีการซุกซ่อนระเบิดไว้ด้านหลังกรอบประกาศนียบัตร เจ้าหน้าที่ FSB สามารถจับกุมได้ก่อนจะมีการส่งไปรษณีย์ไปให้เป้าหมาย

    วิดีโอ2 - เจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) ขัดขวางแผนการลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่ยูเครนเป็นผู้ดำเนินการ จากการสอบสวนกลุ่มก่อการร้ายยูเครน อุปกรณ์ระเบิดซึ่งดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ชาร์จเครื่องมือสื่อสารจะถูกนำไปติดตั้งไว้ใต้รถประจำตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระเบิดจะถูกจุดขึ้นจากรีโมทระยะไกล
    1/ หน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) จับกุมกลุ่มก่อการร้ายเครือข่ายยูเครน ที่พยายามวางแผนลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหม วิดีโอ1 - เป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายยูเครนครั้งนี้คือ หัวหน้าโครงการ Archangel ในกรุงมอสโกซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมโดรน โดยมีการซุกซ่อนระเบิดไว้ด้านหลังกรอบประกาศนียบัตร เจ้าหน้าที่ FSB สามารถจับกุมได้ก่อนจะมีการส่งไปรษณีย์ไปให้เป้าหมาย วิดีโอ2 - เจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) ขัดขวางแผนการลอบสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่ยูเครนเป็นผู้ดำเนินการ จากการสอบสวนกลุ่มก่อการร้ายยูเครน อุปกรณ์ระเบิดซึ่งดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ชาร์จเครื่องมือสื่อสารจะถูกนำไปติดตั้งไว้ใต้รถประจำตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระเบิดจะถูกจุดขึ้นจากรีโมทระยะไกล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • ศาลในนครย่างกุ้งตัดสินว่าบ้านของอองซานซูจี ผู้นำพลเรือนที่ถูกคุมขัง จะถูกนำออกประมูลอีกครั้งในวันที่ 5 ก.พ. 2568 โดยราคาขั้นต่ำจะลดลงเหลือ 297,000 ล้านจ๊าต

    บ้านของครอบครัวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งอยู่เลขที่ 54 ถนนยูนิเวอร์ซิตี้ ในย่านบาฮัน ซึ่งเคยถูกนำออกประมูลแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่ได้รับการเสนอราคาแม้แต่ครั้งเดียวในการประมูลทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว

    ราคาขั้นต่ำ 315,000 ล้านจ๊าตในการประมูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ลดลงเหลือ 300,000 ล้านจ๊าต (ประมาณ 92 ล้านดอลลาร์) ในการประมูลครั้งที่ 2 เมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา

    บ้านหลังดังกล่าวเป็นศูนย์กลางของข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ระหว่างอองซานซูจี และอองซาน อู พี่ชาย ที่เป็นพลเมืองสหรัฐฯ อาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย

    การประมูลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากศาลที่ควบคุมโดยรัฐบาลทหารได้ตัดสินให้พี่ชายของซูจีชนะคดี หลังจากเขาเรียกร้องให้มีการประมูลบ้านและแบ่งรายได้

    ในปี 2490 รัฐบาลพม่าได้มอบบ้านริมทะเลสาบอินยาบนที่ดิน 1.9 เอเคอร์ ให้กับดอว์ ขิ่นจี แม่ของซูจี หลังการลอบสังหารนายพลอองซาน สามีของเธอ ที่เป็นบิดาแห่งเอกราช วีรบุรุษของพม่า โดยดอว์ ขิ่นจี อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 2531

    อองซานซูจีถูกตัดสินกักบริเวณในบ้านของครอบครัว 3 ครั้ง เป็นระยะเวลา 15 ปี ในช่วงปี 2532 ถึงปี 2553 ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารชุดก่อน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/indochina/detail/9670000123867

    #MGROnline #บ้านของอองซานซูจี #บ้านริมทะเลสาบ #อองซานซูจี
    ศาลในนครย่างกุ้งตัดสินว่าบ้านของอองซานซูจี ผู้นำพลเรือนที่ถูกคุมขัง จะถูกนำออกประมูลอีกครั้งในวันที่ 5 ก.พ. 2568 โดยราคาขั้นต่ำจะลดลงเหลือ 297,000 ล้านจ๊าต • บ้านของครอบครัวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งอยู่เลขที่ 54 ถนนยูนิเวอร์ซิตี้ ในย่านบาฮัน ซึ่งเคยถูกนำออกประมูลแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่ได้รับการเสนอราคาแม้แต่ครั้งเดียวในการประมูลทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว • ราคาขั้นต่ำ 315,000 ล้านจ๊าตในการประมูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ลดลงเหลือ 300,000 ล้านจ๊าต (ประมาณ 92 ล้านดอลลาร์) ในการประมูลครั้งที่ 2 เมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา • บ้านหลังดังกล่าวเป็นศูนย์กลางของข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ระหว่างอองซานซูจี และอองซาน อู พี่ชาย ที่เป็นพลเมืองสหรัฐฯ อาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย • การประมูลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากศาลที่ควบคุมโดยรัฐบาลทหารได้ตัดสินให้พี่ชายของซูจีชนะคดี หลังจากเขาเรียกร้องให้มีการประมูลบ้านและแบ่งรายได้ • ในปี 2490 รัฐบาลพม่าได้มอบบ้านริมทะเลสาบอินยาบนที่ดิน 1.9 เอเคอร์ ให้กับดอว์ ขิ่นจี แม่ของซูจี หลังการลอบสังหารนายพลอองซาน สามีของเธอ ที่เป็นบิดาแห่งเอกราช วีรบุรุษของพม่า โดยดอว์ ขิ่นจี อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 2531 • อองซานซูจีถูกตัดสินกักบริเวณในบ้านของครอบครัว 3 ครั้ง เป็นระยะเวลา 15 ปี ในช่วงปี 2532 ถึงปี 2553 ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารชุดก่อน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/indochina/detail/9670000123867 • #MGROnline #บ้านของอองซานซูจี #บ้านริมทะเลสาบ #อองซานซูจี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีกลาโหมเทลอาวีฟ อิสราเอล คัตซ์ (Israel Katz) ออกแถลงการณ์ดุดันประกาศข่มขู่จะเด็ดหัวผู้นำกบฏฮูตี เหมือนที่ลงมือสังหารหัวหน้าฮามาส อิสมาอิล ฮานิเยห์ กลางกรุงเตหะรานเมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา
    .
    บีบีซีของอังกฤษรายงานวานนี้ (23 ธ.ค.) ว่า รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล อิสราเอล คัตซ์ (Israel Katz) ในวันจันทร์ (23) เป็นครั้งแรกที่เทลอาวีฟได้ยอมรับว่า เป็นคนลงมือลอบสังหารหัวหน้ากลุ่มฮามาส อิสมาอิล ฮานิเยห์ (Ismail Haniyeh) ช่วงระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของผู้นำอิหร่านคนใหม่กลางกรุงเตหะรานเมื่อกรกฎาคมก่อนหน้า
    .
    “พวกเราจะโจมตีอย่างหนักต่อกบฏฮูตี..และจะเด็ดหัวผู้นำของพวกเขา..เหมือนกับที่พวกเราทำกับอิสมาอิล ฮานิเยห์ ยาห์ยา ซินวอร์ และฮัสซัน นาสรัลลาห์ ในกรุงเตหะราน เขตฉนวนกาซา และเลบานอน พวกเราจะทำเช่นนี้ในโฮเดดา (Hodeida ) และกรุงซานา” รายงานจากแถลงการณ์ของรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล
    .
    ในคำแถลงเป็นการประกาศตั้งเป้าล่าหัวผู้นำกบฏเยเมนที่นำกำลังระดมยิงมิสไซล์และโดรนโจมตีใส่อิสราเอล
    .
    "ไม่กี่วันมานี้เมื่อองค์กรก่อการร้ายกบฏฮูตียิงมิสไซล์ใส่อิสราเอล ผมต้องการส่งสารที่ชัดเจนไปหาคนเหล่านั้นในช่วงแรกของคำกล่าวของผมคือ พวกเราโค่นฮามาส พวกเราเอาชนะฮิซบอลเลาะห์ พวกเราทำให้ระบบป้องกันประเทศอิหร่านมองไม่เห็นและทำลายระบบการผลิต พวกเราโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดในซีเรีย พวกเราทำให้เกิดความหายนะแก่ขั้วแห่งปิศาจ และพวกเราจะจัดการองค์ก่อการร้ายฮูตีในเยเมน ที่ยังคงเป็นด่านสุดท้ายที่ยังหลงเหลือ" รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลกล่าวในรายงานของรอยเตอร์
    .
    และเขายังประกาศต่อว่า อิสราเอลจะทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางยุทธศาสตร์ของพวกเขา และพวกเราจะเด็ดหัวพวกแกนนำเหล่านั้น
    .
    บีบีซีรายงานว่า ในขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เปิดเผยถึงความก้าวหน้าที่จะนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงกาซาร่วมกับฮามาส แต่ทว่าเขาไม่สามารถให้เงื่อนเวลาว่าเมื่อใดที่ข้อตกลงจะบรรลุได้
    .
    ความก้าวหน้านี้เกิดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงปาเลสไตน์ได้เปิดเผยกับบีบีซีว่า การเจรจาระหว่างฮามาสและอิสราเอลนั้นอยู่ในระดับที่เสร็จสิ้นไปแล้ว 90% แต่ยังเหลือประเด็นสำคัญต่างๆ อยู่
    .
    เนทันยาฮูกล่าวในงานเดียวกันกับที่รัฐมนตรีกลาโหมของเขายืนยันต่อสาธารณะว่า หัวหน้าฮามาสฮานิเยห์โดนขีปนาวุธยิงใส่หรือเป็นการลอบสังหารด้วยระเบิดที่เรือนพักของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) กลางกรุงเตหะรานนั้นเป็นผลงานของอิสราเอล
    .
    บีบีซีของอังกฤษรายงานว่า กลุ่มสิทธิมนุษยชนและกลุ่มบรรเทาทุกข์ได้ออกมาเตือนสถานการณ์เลวร้ายทางมนุษยธรรมในเขตฉนวนกาซา
    .
    ทั้งนี้ วันอาทิตย์ (23) กลุ่มออกซ์แฟม (Oxfam) แถลงว่ามีรถบรรเทาทุกข์จำนวนแค่ 12 คันที่ขนอาหารและน้ำเข้าในทางตอนเหนือของกาซาในช่วงเวลา 2 เดือนครึ่ง พร้อมกันยังกล่าวโทษกองทัพอิสราเอลตั้งใจขัดขวางอย่างมีระบบเพื่อให้การขนส่งเข้าสู่เขตฉนวนกาซาล่าช้า
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123558
    ..............
    Sondhi X
    รัฐมนตรีกลาโหมเทลอาวีฟ อิสราเอล คัตซ์ (Israel Katz) ออกแถลงการณ์ดุดันประกาศข่มขู่จะเด็ดหัวผู้นำกบฏฮูตี เหมือนที่ลงมือสังหารหัวหน้าฮามาส อิสมาอิล ฮานิเยห์ กลางกรุงเตหะรานเมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา . บีบีซีของอังกฤษรายงานวานนี้ (23 ธ.ค.) ว่า รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล อิสราเอล คัตซ์ (Israel Katz) ในวันจันทร์ (23) เป็นครั้งแรกที่เทลอาวีฟได้ยอมรับว่า เป็นคนลงมือลอบสังหารหัวหน้ากลุ่มฮามาส อิสมาอิล ฮานิเยห์ (Ismail Haniyeh) ช่วงระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของผู้นำอิหร่านคนใหม่กลางกรุงเตหะรานเมื่อกรกฎาคมก่อนหน้า . “พวกเราจะโจมตีอย่างหนักต่อกบฏฮูตี..และจะเด็ดหัวผู้นำของพวกเขา..เหมือนกับที่พวกเราทำกับอิสมาอิล ฮานิเยห์ ยาห์ยา ซินวอร์ และฮัสซัน นาสรัลลาห์ ในกรุงเตหะราน เขตฉนวนกาซา และเลบานอน พวกเราจะทำเช่นนี้ในโฮเดดา (Hodeida ) และกรุงซานา” รายงานจากแถลงการณ์ของรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล . ในคำแถลงเป็นการประกาศตั้งเป้าล่าหัวผู้นำกบฏเยเมนที่นำกำลังระดมยิงมิสไซล์และโดรนโจมตีใส่อิสราเอล . "ไม่กี่วันมานี้เมื่อองค์กรก่อการร้ายกบฏฮูตียิงมิสไซล์ใส่อิสราเอล ผมต้องการส่งสารที่ชัดเจนไปหาคนเหล่านั้นในช่วงแรกของคำกล่าวของผมคือ พวกเราโค่นฮามาส พวกเราเอาชนะฮิซบอลเลาะห์ พวกเราทำให้ระบบป้องกันประเทศอิหร่านมองไม่เห็นและทำลายระบบการผลิต พวกเราโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดในซีเรีย พวกเราทำให้เกิดความหายนะแก่ขั้วแห่งปิศาจ และพวกเราจะจัดการองค์ก่อการร้ายฮูตีในเยเมน ที่ยังคงเป็นด่านสุดท้ายที่ยังหลงเหลือ" รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลกล่าวในรายงานของรอยเตอร์ . และเขายังประกาศต่อว่า อิสราเอลจะทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางยุทธศาสตร์ของพวกเขา และพวกเราจะเด็ดหัวพวกแกนนำเหล่านั้น . บีบีซีรายงานว่า ในขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เปิดเผยถึงความก้าวหน้าที่จะนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงกาซาร่วมกับฮามาส แต่ทว่าเขาไม่สามารถให้เงื่อนเวลาว่าเมื่อใดที่ข้อตกลงจะบรรลุได้ . ความก้าวหน้านี้เกิดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงปาเลสไตน์ได้เปิดเผยกับบีบีซีว่า การเจรจาระหว่างฮามาสและอิสราเอลนั้นอยู่ในระดับที่เสร็จสิ้นไปแล้ว 90% แต่ยังเหลือประเด็นสำคัญต่างๆ อยู่ . เนทันยาฮูกล่าวในงานเดียวกันกับที่รัฐมนตรีกลาโหมของเขายืนยันต่อสาธารณะว่า หัวหน้าฮามาสฮานิเยห์โดนขีปนาวุธยิงใส่หรือเป็นการลอบสังหารด้วยระเบิดที่เรือนพักของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) กลางกรุงเตหะรานนั้นเป็นผลงานของอิสราเอล . บีบีซีของอังกฤษรายงานว่า กลุ่มสิทธิมนุษยชนและกลุ่มบรรเทาทุกข์ได้ออกมาเตือนสถานการณ์เลวร้ายทางมนุษยธรรมในเขตฉนวนกาซา . ทั้งนี้ วันอาทิตย์ (23) กลุ่มออกซ์แฟม (Oxfam) แถลงว่ามีรถบรรเทาทุกข์จำนวนแค่ 12 คันที่ขนอาหารและน้ำเข้าในทางตอนเหนือของกาซาในช่วงเวลา 2 เดือนครึ่ง พร้อมกันยังกล่าวโทษกองทัพอิสราเอลตั้งใจขัดขวางอย่างมีระบบเพื่อให้การขนส่งเข้าสู่เขตฉนวนกาซาล่าช้า . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123558 .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 936 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺 เหลือจะเชื่อ จากที่ผมโพสต์เรื่องที่ว่า อาจจะเป็นสาเหตุหนื่งของชนวนสั่งตาย พล.ท.อิกอร์ คิริลอฟ ผบ.กองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ รัสเซีย แบบไม่ได้จริงจังมากนัก เพราะว่าข้อมูลเก่าที่ผมเคยมี ได้สูญหายหมดแล้ว😁
    ___ แต่ก็ได้รับการอนุเคราะห์จากเพื่อนๆใน FB เรียบเรียงเขียนมาให้ ผมก็ขอนำมาถ่ายทอดต่อ ในแบบ copy ข้อมูลดั้งเดิมไม่ได้เรียบเรียงใหม่ เพราะได้มาหลายวันแล้ว ครับ

    _____ ขอขอบคุณ คุณ Bounce Back _____
    .
    มีรายงานว่า : มีห้องทดลองชีวภาพ มากถึง 38 แห่งในยูเครน โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนชายแดนรัสเซีย
    🔲 #ห้องทดลองชีวภาพ เป็นหนึ่งในห้องแรกๆ ที่ถูกทำลายโดยรัสเซีย

    🟪 #CBS Mornings เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565
    พวกเขาเยี่ยมชมห้องทดลอง Biolabs ที่ได้รับทุนจากสหรัฐฯ
    ___ **#เจ้าหน้าที่ยอมรับว่ามีเชื้อโรคร้ายแรงอยู่ในนั้น**😱
    และได้รับคำสั่งให้ทำลายเชื้อโรคดังกล่าวเมื่อรัสเซียบุก

    Inside the Russian biological weapons conspiracy theory
    https://www.youtube.com/watch?v=EdKDrIR8ASY
    ++++++++++++++++++++++++

    🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ Douglas Macgregor พันเอกเกษียณอายุราชการกองทัพสหรัฐฯ อดีตจนท.รัฐบาล นักเขียน ที่ปรึกษา และนักวิจารณ์การเมือง ___ คนนี้คือใคร น่าเชื่อถือหรือไม่

    🔲 สมัยที่แล้ว ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ Col. Doug Macgregor
    • เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำเยอรมนี
    • แต่งตั้งให้เขาเป็นคณะกรรมการของสถาบันการทหารสหรัฐฯ และเป็นที่ปรึกษา รมว.กห.สหรัฐฯ
    • รอดูอนาคตอันใกล้ว่าจะได้ปฏิบัติหน้าที่ใดบ้าง ในรัฐบาลใหม่นี้
    .
    🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการลอบสังหาร

    🔲 เพราะว่า นายพล #Kirillov เป็นคนแรกที่ “กล่าวและยืนยัน ” ว่า :
    ▪ต้องยึดห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ตั้งอยู่ในยูเครน โดยเร็วที่สุด
    ▪รัสเซียพบว่ามีการพัฒนาอาวุธชีวภาพ โดยห้องแล็ปกำลังศึกษา ดีเอ็นเอและพันธุศาสตร์ เพื่อพัฒนาอาวุธที่จะใช้โจมตีรัสเซียโดยเฉพาะ
    ▪สิ่งที่น่าสยดสยองที่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ มีการพบชิ้นส่วนร่างกาย
    ที่ถูกตัดออก และเตรียมที่จะขายต่อ❗💀
    ▪รวมถึงการทดลองหลายอย่าง
    ___ ที่ พันเอก Doug Macgregor ไม่อยากพูดถึง ___😰

    https://www.youtube.com/watch?v=RlHYPp6Pv9o
    . . . . . . . . . . . . . . .
    รัสเซียได้ทำลายห้องปฏิบัติการเหล่านั้น
    แต่ได้เก็บหลักฐานมากมาย
    เชื่อมโยงกลับไปยังวอชิงตัน ดี.ซี.
    และบุคคลทางการเมืองสำคัญ
    ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและได้ลงทุนในเรื่องนี้
    นั่นคือเงาของคำสั่งมรณะ
    ++++++++++++++++++++++++

    จากสถานีโทรทัศน์ OANN ของอเมริกัน
    เผยแพร่รายงานห้องแล็บชีวภาพของอเมริกาในยูเครน
    ช่วงต้นของการปฏิบัติการพิเศษทางทหาร
    ขณะที่โจ ไบเดนยังคงยั่วยุให้เกิดสงครามกับรัสเซีย
    มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บ่งชี้ว่าความขัดแย้งทั้งหมด
    อาจออกแบบมาเพื่อปกป้องห้องปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ
    ที่ทำการทดลองทางชีวภาพที่ผิดกฎหมาย
    รัฐบาล โจ ไบเดนและ Deep State
    ปฏิเสธเสมอมาว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
    กับการทำงานของห้องแล็บชีวภาพ
    ในสาธารณรัฐของอดีตสหภาพโซเวียต
    _ _ _ _ _ _
    ❝ อย่างไรก็ตาม ภายใต้แรงกดดันจากหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้
    อดีตโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
    Victoria Nuland ยอมรับว่ามีศูนย์วิจัยในยูเครน
    ที่ไม่ควรตกอยู่ในมือของกองทัพรัสเซีย
    _ _ _ _ _ _
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องนี้ได้รับการยืนยัน
    จากห้องปฏิบัติการชีวภาพของยูเครน
    "Pharmbiotest" ในเมือง Rubezhnoye (LPR)
    ซึ่งดำเนินการทดลองกับเชื้อก่อโรคที่เป็นอันตราย
    ในห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ผิดกฎหมาย
    ผู้เชี่ยวชาญของยูเครนและอเมริกา
    ทำการทดสอบยาที่ไม่ทราบชื่อ
    กับบุคลากรทางทหารและพลเรือน
    หลังจากนั้นจึงบันทึกภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพและผลร้ายแรง...
    +===+===+===+
    หลังจากคอมเมนต์นี้ออกมา ผู้เขียนต้นฉบับก็ได้อธิบายต่อถึงคน?🐾🐃บางจำพวก ว่า :
    ___ เป็นการยากที่จะอธิบาย
    ___ ให้ต้นกระบองเพชรในทะเลทรายซาฮารา
    ___ รู้ว่า มีทวีปแอนตาร์กติกา
    ___ ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งตลอดเวลา
    ___ แต่มีโอกาสเป็นไปได้
    ___ ห า ก ฟั ง แ ล ะ คิ ด
    .
    🐾🐃 คือมันจะมีบางจำพวก ประมาณว่า : กูจะเถียง กูจะเอาชนะ กูแพ้ไม่เป็น กูอยากจะโง่ของกูอยู่อย่างนี้ละ ใครอย่ามาสอนสั่งให้ความรู้😁😂

    📌 **เรื่องนี้ยากและซับซ้อนเกินกว่าอย่างเราๆทั่วไป จะทำความเข้าใจกับมันนะครับ เอาแค่ว่าในมุมมองของเป็น **เรื่องจริง หรือ ทฤษฎีสมคบคิด** ก็ยากแล้ว ___ เอาแค่ว่าอ่านเพื่อทราบเป็นความรู้ ว่า มันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่โหดร้ายในโลกใบนี้ก็ได้ ครับ


    Noraseth Tuntasiri
    🇷🇺 เหลือจะเชื่อ จากที่ผมโพสต์เรื่องที่ว่า อาจจะเป็นสาเหตุหนื่งของชนวนสั่งตาย พล.ท.อิกอร์ คิริลอฟ ผบ.กองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ รัสเซีย แบบไม่ได้จริงจังมากนัก เพราะว่าข้อมูลเก่าที่ผมเคยมี ได้สูญหายหมดแล้ว😁 ___ แต่ก็ได้รับการอนุเคราะห์จากเพื่อนๆใน FB เรียบเรียงเขียนมาให้ ผมก็ขอนำมาถ่ายทอดต่อ ในแบบ copy ข้อมูลดั้งเดิมไม่ได้เรียบเรียงใหม่ เพราะได้มาหลายวันแล้ว ครับ _____ ขอขอบคุณ คุณ Bounce Back _____ . มีรายงานว่า : มีห้องทดลองชีวภาพ มากถึง 38 แห่งในยูเครน โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนชายแดนรัสเซีย 🔲 #ห้องทดลองชีวภาพ เป็นหนึ่งในห้องแรกๆ ที่ถูกทำลายโดยรัสเซีย 🟪 #CBS Mornings เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 พวกเขาเยี่ยมชมห้องทดลอง Biolabs ที่ได้รับทุนจากสหรัฐฯ ___ **#เจ้าหน้าที่ยอมรับว่ามีเชื้อโรคร้ายแรงอยู่ในนั้น**😱 และได้รับคำสั่งให้ทำลายเชื้อโรคดังกล่าวเมื่อรัสเซียบุก Inside the Russian biological weapons conspiracy theory https://www.youtube.com/watch?v=EdKDrIR8ASY ++++++++++++++++++++++++ 🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ Douglas Macgregor พันเอกเกษียณอายุราชการกองทัพสหรัฐฯ อดีตจนท.รัฐบาล นักเขียน ที่ปรึกษา และนักวิจารณ์การเมือง ___ คนนี้คือใคร น่าเชื่อถือหรือไม่ 🔲 สมัยที่แล้ว ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ Col. Doug Macgregor • เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำเยอรมนี • แต่งตั้งให้เขาเป็นคณะกรรมการของสถาบันการทหารสหรัฐฯ และเป็นที่ปรึกษา รมว.กห.สหรัฐฯ • รอดูอนาคตอันใกล้ว่าจะได้ปฏิบัติหน้าที่ใดบ้าง ในรัฐบาลใหม่นี้ . 🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการลอบสังหาร 🔲 เพราะว่า นายพล #Kirillov เป็นคนแรกที่ “กล่าวและยืนยัน ” ว่า : ▪ต้องยึดห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ตั้งอยู่ในยูเครน โดยเร็วที่สุด ▪รัสเซียพบว่ามีการพัฒนาอาวุธชีวภาพ โดยห้องแล็ปกำลังศึกษา ดีเอ็นเอและพันธุศาสตร์ เพื่อพัฒนาอาวุธที่จะใช้โจมตีรัสเซียโดยเฉพาะ ▪สิ่งที่น่าสยดสยองที่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ มีการพบชิ้นส่วนร่างกาย ที่ถูกตัดออก และเตรียมที่จะขายต่อ❗💀 ▪รวมถึงการทดลองหลายอย่าง ___ ที่ พันเอก Doug Macgregor ไม่อยากพูดถึง ___😰 https://www.youtube.com/watch?v=RlHYPp6Pv9o . . . . . . . . . . . . . . . รัสเซียได้ทำลายห้องปฏิบัติการเหล่านั้น แต่ได้เก็บหลักฐานมากมาย เชื่อมโยงกลับไปยังวอชิงตัน ดี.ซี. และบุคคลทางการเมืองสำคัญ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและได้ลงทุนในเรื่องนี้ นั่นคือเงาของคำสั่งมรณะ ++++++++++++++++++++++++ จากสถานีโทรทัศน์ OANN ของอเมริกัน เผยแพร่รายงานห้องแล็บชีวภาพของอเมริกาในยูเครน ช่วงต้นของการปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ขณะที่โจ ไบเดนยังคงยั่วยุให้เกิดสงครามกับรัสเซีย มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บ่งชี้ว่าความขัดแย้งทั้งหมด อาจออกแบบมาเพื่อปกป้องห้องปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่ทำการทดลองทางชีวภาพที่ผิดกฎหมาย รัฐบาล โจ ไบเดนและ Deep State ปฏิเสธเสมอมาว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการทำงานของห้องแล็บชีวภาพ ในสาธารณรัฐของอดีตสหภาพโซเวียต _ _ _ _ _ _ ❝ อย่างไรก็ตาม ภายใต้แรงกดดันจากหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ อดีตโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ Victoria Nuland ยอมรับว่ามีศูนย์วิจัยในยูเครน ที่ไม่ควรตกอยู่ในมือของกองทัพรัสเซีย _ _ _ _ _ _ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องนี้ได้รับการยืนยัน จากห้องปฏิบัติการชีวภาพของยูเครน "Pharmbiotest" ในเมือง Rubezhnoye (LPR) ซึ่งดำเนินการทดลองกับเชื้อก่อโรคที่เป็นอันตราย ในห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ผิดกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญของยูเครนและอเมริกา ทำการทดสอบยาที่ไม่ทราบชื่อ กับบุคลากรทางทหารและพลเรือน หลังจากนั้นจึงบันทึกภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพและผลร้ายแรง... +===+===+===+ หลังจากคอมเมนต์นี้ออกมา ผู้เขียนต้นฉบับก็ได้อธิบายต่อถึงคน?🐾🐃บางจำพวก ว่า : ___ เป็นการยากที่จะอธิบาย ___ ให้ต้นกระบองเพชรในทะเลทรายซาฮารา ___ รู้ว่า มีทวีปแอนตาร์กติกา ___ ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งตลอดเวลา ___ แต่มีโอกาสเป็นไปได้ ___ ห า ก ฟั ง แ ล ะ คิ ด . 🐾🐃 คือมันจะมีบางจำพวก ประมาณว่า : กูจะเถียง กูจะเอาชนะ กูแพ้ไม่เป็น กูอยากจะโง่ของกูอยู่อย่างนี้ละ ใครอย่ามาสอนสั่งให้ความรู้😁😂 📌 **เรื่องนี้ยากและซับซ้อนเกินกว่าอย่างเราๆทั่วไป จะทำความเข้าใจกับมันนะครับ เอาแค่ว่าในมุมมองของเป็น **เรื่องจริง หรือ ทฤษฎีสมคบคิด** ก็ยากแล้ว ___ เอาแค่ว่าอ่านเพื่อทราบเป็นความรู้ ว่า มันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่โหดร้ายในโลกใบนี้ก็ได้ ครับ Noraseth Tuntasiri
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺 ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย ขอบคุณผู้สื่อข่าว NBC ที่ยอมรับโดยไม่ได้ตั้งใจว่า การที่ยูเครนสังหารนายพลรัสเซียในมอสโกว์เป็นการก่อการร้าย

    "การลอบสังหารครั้งนี้เกิดขึ้นในลักษณะที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นอีกหลายคน"
    .
    JUST IN: 🇷🇺 Russian President Putin thanks NBC reporter for accidentally admitting Ukraine's k*lling of the Russian general in Moscow was an act of terrorism.

    "This assassination was carried out in a way that posed danger to many other people."
    .
    11:06 PM · Dec 19, 2024 · 154.7K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1869776433264091388
    🇷🇺 ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย ขอบคุณผู้สื่อข่าว NBC ที่ยอมรับโดยไม่ได้ตั้งใจว่า การที่ยูเครนสังหารนายพลรัสเซียในมอสโกว์เป็นการก่อการร้าย "การลอบสังหารครั้งนี้เกิดขึ้นในลักษณะที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นอีกหลายคน" . JUST IN: 🇷🇺 Russian President Putin thanks NBC reporter for accidentally admitting Ukraine's k*lling of the Russian general in Moscow was an act of terrorism. "This assassination was carried out in a way that posed danger to many other people." . 11:06 PM · Dec 19, 2024 · 154.7K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1869776433264091388
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • รัสเซียควบคุมตัวชายชาวอุซเบกรายหนึ่ง ซึ่งสารภาพว่าเป็นคนลอบวางและจุดชนวนระเบิดสังหารนายพลระดับสูง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ของรัสเซีย ในกรุงมอสโก เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เจ้าตัวสารภาพทำตามคำส่งของหน่วยงานความมั่นคง SBU ของยูเครน
    .
    คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมีแห่งกองทัพสหพันธรัฐรัสเซีย ถูกสังหารบริเวณด้านนอกอาคารอพาร์ทเมนท์ของตนเองเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) พร้อมกับผู้ช่วยรายหนึ่ง หลังจากคนร้ายจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
    .
    เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงสุดของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย ทั้งนี้ SBU หน่วยงานความมั่นคงของยูเครน ออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุสังหารครั้งนี้ หลังจาก เคียฟ กล่าวหาว่า คิริลลอฟ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน คำกล่าวหาที่ทางมอสโกปฏิเสธ
    .
    คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนอาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพุธ(18ธ.ค.) ว่าผู้ต้องสงสัยซึ่งไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ ให้การว่าเขาเดินทางมายังกรุงมอสโก เพื่อทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยข่าวกรองยูเครน
    .
    ในวิดีโอที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวเบซา พบเห็นผู้ต้องสงสัยกำลังนั่งอยู่ในรถตู้คันหนึ่ง บอกเล่าเกี่ยวกับปฏิบัติการของตนเอง เขาบอกว่าเดินทางมายังกรุงมอสโก ตามคำสั่งของหน่วยข่าวกรองยูเครน จากนั้นก็ไปหาซื้อสกู๊ตเตอร์และรับระเบิดแสวงเครื่องมา
    .
    ต่อมาก็นำระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวซุกซ่อนในรถสกู๊ตเตอร์และนำมันไปจอดไว้บริเวณด้านนอกของอาคารที่ คิริลลอฟ อาศัยอยู่ ทีมสืบสวนอ้างคำให้การของเขา ระบุว่าชายรายนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดในรถยนต์คันหนึ่งที่เช่ามา เพื่อให้คนที่บงการปฏิบัติการลอบสังหาร ได้เฝ้าดูจากเมืองดริโปรของยูเครน
    .
    ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดในช่วงปี 1995 ยังบอกด้วยว่าเขาจุดชนวนวัตถุระเบิดจากระยะไกล ตอนที่ คิริลลอฟ ออกมาจากอาคาร พร้อมสารภาพว่ายูเครนว่าจ้างเขาด้วยเงิน 100,000 ดอลลาร์(ราว 3.4 ล้านบาท) และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศยุโรปชาติหนึ่ง
    .
    ทีมสืบสวนเผยว่าพวกเขากำลังระบุตัวตนคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้ต้องสงสัยอีกคนถูกควบคุมตัวเช่นกัน แต่รอยเตอร์ไม่ยืนยันรายงานข่าวนี้
    .
    มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บอกว่ามอสโกจะหยิบยกเหตุลอบสังหารครั้งนี้ เข้าหารือ ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในวันศุกร์(20ธ.ค.) พร้อมระบุ "รัสเซียจะตามล่าตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารจนพบและทำการลงโทษ มอสโกจะไม่ยอมถูกข่มขู่ใดๆ"
    .
    "เรามองว่ารัฐบาลเคียฟคือผู้อยู่เบื้องหลังอีกครั้ง สำหรับการโจมตีก่อการร้ายครั้งใหม่ พวกขี้แพ้ SBU และรัฐบาลบ้าบอของเคียฟ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแองโกล-แซกซอน" ถ้อยคำที่รัสเซียใช้เรียกสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร "พวกเขาคือผู้รับผลประโยชน์หนักในการก่อการร้ายของเคียฟ"
    .
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) ยืนยันว่าวอชิงตันไม่เกี่ยวข้องใดๆหรือรู้ล่วงหน้าในเหตุบอลสังหาร ในขณะที่โฆษกนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ระบุว่า "คิริลลอฟ แผ่ขยายการรุกรานผิดกฎหมายและทำให้ประชาชนชาวยูเครนบาดเจ็บล้มตายและทุกข์ทรมาน"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121642
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียควบคุมตัวชายชาวอุซเบกรายหนึ่ง ซึ่งสารภาพว่าเป็นคนลอบวางและจุดชนวนระเบิดสังหารนายพลระดับสูง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ของรัสเซีย ในกรุงมอสโก เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เจ้าตัวสารภาพทำตามคำส่งของหน่วยงานความมั่นคง SBU ของยูเครน . คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ ชีวภาพ และเคมีแห่งกองทัพสหพันธรัฐรัสเซีย ถูกสังหารบริเวณด้านนอกอาคารอพาร์ทเมนท์ของตนเองเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) พร้อมกับผู้ช่วยรายหนึ่ง หลังจากคนร้ายจุดชนวนระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า . เขากลายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงสุดของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย ทั้งนี้ SBU หน่วยงานความมั่นคงของยูเครน ออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุสังหารครั้งนี้ หลังจาก เคียฟ กล่าวหาว่า คิริลลอฟ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน คำกล่าวหาที่ทางมอสโกปฏิเสธ . คณะกรรมการสืบสวนของรัสเซีย ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนอาชญากรรมร้ายแรงต่างๆ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันพุธ(18ธ.ค.) ว่าผู้ต้องสงสัยซึ่งไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ ให้การว่าเขาเดินทางมายังกรุงมอสโก เพื่อทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยข่าวกรองยูเครน . ในวิดีโอที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวเบซา พบเห็นผู้ต้องสงสัยกำลังนั่งอยู่ในรถตู้คันหนึ่ง บอกเล่าเกี่ยวกับปฏิบัติการของตนเอง เขาบอกว่าเดินทางมายังกรุงมอสโก ตามคำสั่งของหน่วยข่าวกรองยูเครน จากนั้นก็ไปหาซื้อสกู๊ตเตอร์และรับระเบิดแสวงเครื่องมา . ต่อมาก็นำระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวซุกซ่อนในรถสกู๊ตเตอร์และนำมันไปจอดไว้บริเวณด้านนอกของอาคารที่ คิริลลอฟ อาศัยอยู่ ทีมสืบสวนอ้างคำให้การของเขา ระบุว่าชายรายนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดในรถยนต์คันหนึ่งที่เช่ามา เพื่อให้คนที่บงการปฏิบัติการลอบสังหาร ได้เฝ้าดูจากเมืองดริโปรของยูเครน . ผู้ต้องสงสัยรายนี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกิดในช่วงปี 1995 ยังบอกด้วยว่าเขาจุดชนวนวัตถุระเบิดจากระยะไกล ตอนที่ คิริลลอฟ ออกมาจากอาคาร พร้อมสารภาพว่ายูเครนว่าจ้างเขาด้วยเงิน 100,000 ดอลลาร์(ราว 3.4 ล้านบาท) และมีถิ่นที่อยู่ในประเทศยุโรปชาติหนึ่ง . ทีมสืบสวนเผยว่าพวกเขากำลังระบุตัวตนคนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้ต้องสงสัยอีกคนถูกควบคุมตัวเช่นกัน แต่รอยเตอร์ไม่ยืนยันรายงานข่าวนี้ . มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บอกว่ามอสโกจะหยิบยกเหตุลอบสังหารครั้งนี้ เข้าหารือ ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในวันศุกร์(20ธ.ค.) พร้อมระบุ "รัสเซียจะตามล่าตัวทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารจนพบและทำการลงโทษ มอสโกจะไม่ยอมถูกข่มขู่ใดๆ" . "เรามองว่ารัฐบาลเคียฟคือผู้อยู่เบื้องหลังอีกครั้ง สำหรับการโจมตีก่อการร้ายครั้งใหม่ พวกขี้แพ้ SBU และรัฐบาลบ้าบอของเคียฟ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกแองโกล-แซกซอน" ถ้อยคำที่รัสเซียใช้เรียกสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร "พวกเขาคือผู้รับผลประโยชน์หนักในการก่อการร้ายของเคียฟ" . กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(17ธ.ค.) ยืนยันว่าวอชิงตันไม่เกี่ยวข้องใดๆหรือรู้ล่วงหน้าในเหตุบอลสังหาร ในขณะที่โฆษกนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ระบุว่า "คิริลลอฟ แผ่ขยายการรุกรานผิดกฎหมายและทำให้ประชาชนชาวยูเครนบาดเจ็บล้มตายและทุกข์ทรมาน" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121642 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 791 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    ยูเครนพยายามยั่วยุให้รัสเซียตอบโต้ด้วยความรุนแรงอีกครั้ง
    เกือบจะทันทีหลังจากการลอบสังหารนายพลคิริลลอฟ วันนี้มีรายงานว่ายูเครนโจมตีภูมิภาครอสตอฟด้วยขีปนาวุธ ATACMS จำนวน 10 ลูก แต่ทั้งหมดถูกสกัดกั้นได้หมดจากระบบป้องกันภัยทางอากาศ

    ผู้ว่าการภูมิภาครอสตอฟรายงาน
    2/ ยูเครนพยายามยั่วยุให้รัสเซียตอบโต้ด้วยความรุนแรงอีกครั้ง เกือบจะทันทีหลังจากการลอบสังหารนายพลคิริลลอฟ วันนี้มีรายงานว่ายูเครนโจมตีภูมิภาครอสตอฟด้วยขีปนาวุธ ATACMS จำนวน 10 ลูก แต่ทั้งหมดถูกสกัดกั้นได้หมดจากระบบป้องกันภัยทางอากาศ ผู้ว่าการภูมิภาครอสตอฟรายงาน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • 1/
    ยูเครนพยายามยั่วยุให้รัสเซียตอบโต้ด้วยความรุนแรงอีกครั้ง
    เกือบจะทันทีหลังจากการลอบสังหารนายพลคิริลลอฟ วันนี้มีรายงานว่ายูเครนโจมตีภูมิภาครอสตอฟด้วยขีปนาวุธ ATACMS จำนวน 10 ลูก แต่ทั้งหมดถูกสกัดกั้นได้หมดจากระบบป้องกันภัยทางอากาศ

    ผู้ว่าการภูมิภาครอสตอฟรายงาน
    1/ ยูเครนพยายามยั่วยุให้รัสเซียตอบโต้ด้วยความรุนแรงอีกครั้ง เกือบจะทันทีหลังจากการลอบสังหารนายพลคิริลลอฟ วันนี้มีรายงานว่ายูเครนโจมตีภูมิภาครอสตอฟด้วยขีปนาวุธ ATACMS จำนวน 10 ลูก แต่ทั้งหมดถูกสกัดกั้นได้หมดจากระบบป้องกันภัยทางอากาศ ผู้ว่าการภูมิภาครอสตอฟรายงาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงเรื่อง <ทำนองรักกังวานแดนดิน> ที่มีช่วงหนึ่งพระนางต้องไปสืบคดีที่เมืองกานหนานเต้าและได้พบกันพานฉือ มีฉากหนึ่งที่พานฉือนั่งดื่มสุราดับทุกข์และเหยียนซิ่งมาปลอบโดยกล่าวถึงบทความหนึ่งของพานฉือที่เคยโด่งดังในแวดวงผู้มีการศึกษา และเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหล่าบัณฑิตที่ไม่ได้มาจากตระกูลขุนนางใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้วบทความที่เหยียนซิ่งกล่าวถึงนี้เป็นการยกเอาวรรคเด็ดจากหลายบทกวีโบราณมายำรวมกัน สัปดาห์ที่แล้วคุยกันไปประโยคหนึ่ง วันนี้มาคุยต่อ ซึ่งคือบทพูดยาวที่เหยียนซิ่งกล่าวว่า “ผู้สูงศักดิ์แม้มองตนสูงค่า กลับต่ำต้อยเยี่ยงธุลีดิน คนต่ำต้อยแม้ด้อยค่าตนเอง ทว่าน้ำหนักดุจพันจวิน”(贵者虽自贵,视之若埃尘。贱者虽自贱,重之若千钧。) (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า)ทั้งนี้ ‘จวิน’ เป็นหน่วยวัดน้ำหนักในสมัยโบราณ เทียบเท่าประมาณสิบห้ากิโลกรัม และ ‘พันจวิน’ เป็นการอุปมาอุปมัยว่าน้ำหนักมากมีค่ามากยิ่งนักวลีสี่วรรคนี้เป็นส่วนหนึ่งของบทกวีบทที่หกจากชุดบทกวีแปดบท ‘หยงสื่อปาโส่ว’ (咏史八首) ของจั่วซือ (ค.ศ. 250-305) นักประพันธ์เลื่องชื่อในสมัยจิ้นตะวันตกจั่วซือมาจากครอบครัวขุนนางเก่าแก่แต่บิดาไม่ได้มีตำแหน่งสูงนัก เรียกได้ว่าเป็นคนจากตระกูล ‘หานเหมิน’ ซึ่งก็คือครอบครัวขุนนางเก่าหรือขุนนางชั้นล่างที่ไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจทางการเมือง (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนอธิบายถึงหานเหมินไปแล้ว ลองย้อนอ่านทำความเข้าใจได้ที่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid02irzPP9WVBtk8DXM6MFwphMu3ngFyjoz511zYfX8rWt8zHjHrFvk2ZwRiPXWuVWUal)ในช่วงที่จิ้นอู่ตี้ (ซือหม่าเหยียน ปฐมกษัตรย์แห่งราชวงศ์จิ้น) เกณฑ์สตรีจากครอบครัวขุนนางระดับกลางถึงระดับบนเข้าวังเป็นนางในเป็นจำนวนมากนั้น น้องสาวของจั่วซือก็ถูกเกณฑ์เข้าวังเป็นสนมเช่นกัน เขาเลยย้ายเข้าเมืองหลวงลั่วหยางพร้อมครอบครัวและพยายามหาหนทางเข้ารับราชการแต่ไม่ประสบความสำเร็จ และเขาพบว่ามีความฟอนเฟะในระบบราชการไม่น้อย ต่อมาเขาใช้เวลาสิบปีประพันธ์บทความที่เรียกว่า ‘ซานตูฟู่’ (三都赋/บทประพันธ์สามนคร) โดยยกตัวอย่างของแต่ละเมืองในบทความเพื่อสะท้อนแนวคิดและหลักการบริหารบ้านเมือง ต่อมาบทความนี้ได้รับการยอมรับอย่างมากมายจนในที่สุดจั่วซือได้เข้ารับราชการเป็นบรรณารักษ์แห่งหอพระสมุดว่ากันว่ากวีแปดบทนี้เป็นผลงานช่วงแรกที่เขาเข้ามาลั่วหยางและพบทางตันในการพยายามเป็นขุนนางจนรู้สึกท้อแท้และอัดอั้นตันใจ เป็นชุดบทกวีที่สะท้อนให้เห็นสภาวะทางสังคม อุดมการณ์อันยิ่งใหญ่และความคับแค้นใจของผู้ที่มาจากตระกูล ‘หานเหมิน’ ในยุคสมัยที่ไม่มีการสอบราชบัณฑิต โดยบทกวีแต่ละบทเป็นการยืมเรื่องในประวัติศาสตร์มาเล่าในเชิงยกย่องสรรเสริญและบทกวีบทที่หกนี้ เป็นการสรรเสริญ ‘จิงเคอ’ ซึ่งก็คือหนึ่งในมือสังหารที่มีชื่อที่สุดของจีน ถูกส่งไปลอบสังหารจิ๋นซีฮ่องเต้ในช่วงก่อนรวบรวมแผ่นดินเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันสำเร็จ (คือต้นแบบของนักฆ่านิรนาม ‘อู๋หมิง’ ในภาพยนต์เรื่อง <Hero> ปี 2002 ของจางอี้โหมวที่เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยได้ดู) ซึ่งการลอบสังหารนั้นอยู่บนความเชื่อที่ว่ากษัตริย์แคว้นฉิ๋นโหดเหี้ยมบ้าอำนาจคิดกวาดล้างทำลายแคว้นอื่น จะทำให้ผู้คนล้มตายบ้านแตกสาแหรกขาดอีกไม่น้อย บทกวีบทที่หกนี้สรุปใจความได้ประมาณว่า จิงเคอร่ำสุราสำราญใจอย่างไม่แคร์ผู้ใด อุปนิสัยใจกล้าองอาจ เป็นคนที่มีเอกลักษณ์ไม่อาจมองข้าม แม้ไม่ใช่คนจากสังคมชั้นสูงแต่กลับมีคุณค่ามากมายเพราะสละชีพเพื่อผองชน และในสายตาของจิงเคอแล้วนั้น พวกตระกูลขุนนางชั้นสูงไม่มีคุณค่าใด บทกวีนี้จึงไม่เพียงสรรเสริญจิงเคอหากยังเสียดสีถึงคนจากสังคมชั้นสูงในสมัยนั้นอีกด้วย“ผู้สูงศักดิ์แม้มองตนสูงค่า กลับต่ำต้อยเยี่ยงธุลีดิน คนต่ำต้อยแม้ด้อยค่าตนเอง ทว่าน้ำหนักดุจพันจวิน” วลีสี่วรรคนี้ที่เหยียนซิ่งกล่าวในเรื่อง <ทำนองรักกังวานแดนดิน> โดยในซีรีส์สมมุติไว้ว่านี่เป็นประโยคที่พานฉือแต่งขึ้น จึงเป็นการเท้าความถึงตอนที่พานฉือเดินทางเข้ากรุงใหม่ๆ ยังเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์และความเชื่อมั่นอันแรงกล้า และเป็นการปลอบใจให้พานฉืออย่าได้ท้อใจในอุปสรรคที่ได้พบเจอ เพราะคุณค่าของคนอยู่ที่ตนเอง ไม่ใช่จากพื้นเพชาติตระกูล(ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.ifensi.com/index.php?m=home&c=View&a=index&aid=4545http://zhld.com/zkwb/html/2017-04/21/content_7602721.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:http://zhld.com/zkwb/html/2017-04/21/content_7602721.htm https://m.guoxuedashi.net/shici/81367k.html https://www.gushiwen.cn/mingju/juv_d4a0651f3a21.aspxhttps://baike.baidu.com/item/左思/582418 #ทำนองรักกังวานแดนดิน #วลีจีน #จั่วซือ #บทกวีจีนโบราณ #จิงเคอ #สาระจีน
    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงเรื่อง <ทำนองรักกังวานแดนดิน> ที่มีช่วงหนึ่งพระนางต้องไปสืบคดีที่เมืองกานหนานเต้าและได้พบกันพานฉือ มีฉากหนึ่งที่พานฉือนั่งดื่มสุราดับทุกข์และเหยียนซิ่งมาปลอบโดยกล่าวถึงบทความหนึ่งของพานฉือที่เคยโด่งดังในแวดวงผู้มีการศึกษา และเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหล่าบัณฑิตที่ไม่ได้มาจากตระกูลขุนนางใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้วบทความที่เหยียนซิ่งกล่าวถึงนี้เป็นการยกเอาวรรคเด็ดจากหลายบทกวีโบราณมายำรวมกัน สัปดาห์ที่แล้วคุยกันไปประโยคหนึ่ง วันนี้มาคุยต่อ ซึ่งคือบทพูดยาวที่เหยียนซิ่งกล่าวว่า “ผู้สูงศักดิ์แม้มองตนสูงค่า กลับต่ำต้อยเยี่ยงธุลีดิน คนต่ำต้อยแม้ด้อยค่าตนเอง ทว่าน้ำหนักดุจพันจวิน”(贵者虽自贵,视之若埃尘。贱者虽自贱,重之若千钧。) (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า)ทั้งนี้ ‘จวิน’ เป็นหน่วยวัดน้ำหนักในสมัยโบราณ เทียบเท่าประมาณสิบห้ากิโลกรัม และ ‘พันจวิน’ เป็นการอุปมาอุปมัยว่าน้ำหนักมากมีค่ามากยิ่งนักวลีสี่วรรคนี้เป็นส่วนหนึ่งของบทกวีบทที่หกจากชุดบทกวีแปดบท ‘หยงสื่อปาโส่ว’ (咏史八首) ของจั่วซือ (ค.ศ. 250-305) นักประพันธ์เลื่องชื่อในสมัยจิ้นตะวันตกจั่วซือมาจากครอบครัวขุนนางเก่าแก่แต่บิดาไม่ได้มีตำแหน่งสูงนัก เรียกได้ว่าเป็นคนจากตระกูล ‘หานเหมิน’ ซึ่งก็คือครอบครัวขุนนางเก่าหรือขุนนางชั้นล่างที่ไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจทางการเมือง (หมายเหตุ Storyฯ เคยเขียนอธิบายถึงหานเหมินไปแล้ว ลองย้อนอ่านทำความเข้าใจได้ที่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/pfbid02irzPP9WVBtk8DXM6MFwphMu3ngFyjoz511zYfX8rWt8zHjHrFvk2ZwRiPXWuVWUal)ในช่วงที่จิ้นอู่ตี้ (ซือหม่าเหยียน ปฐมกษัตรย์แห่งราชวงศ์จิ้น) เกณฑ์สตรีจากครอบครัวขุนนางระดับกลางถึงระดับบนเข้าวังเป็นนางในเป็นจำนวนมากนั้น น้องสาวของจั่วซือก็ถูกเกณฑ์เข้าวังเป็นสนมเช่นกัน เขาเลยย้ายเข้าเมืองหลวงลั่วหยางพร้อมครอบครัวและพยายามหาหนทางเข้ารับราชการแต่ไม่ประสบความสำเร็จ และเขาพบว่ามีความฟอนเฟะในระบบราชการไม่น้อย ต่อมาเขาใช้เวลาสิบปีประพันธ์บทความที่เรียกว่า ‘ซานตูฟู่’ (三都赋/บทประพันธ์สามนคร) โดยยกตัวอย่างของแต่ละเมืองในบทความเพื่อสะท้อนแนวคิดและหลักการบริหารบ้านเมือง ต่อมาบทความนี้ได้รับการยอมรับอย่างมากมายจนในที่สุดจั่วซือได้เข้ารับราชการเป็นบรรณารักษ์แห่งหอพระสมุดว่ากันว่ากวีแปดบทนี้เป็นผลงานช่วงแรกที่เขาเข้ามาลั่วหยางและพบทางตันในการพยายามเป็นขุนนางจนรู้สึกท้อแท้และอัดอั้นตันใจ เป็นชุดบทกวีที่สะท้อนให้เห็นสภาวะทางสังคม อุดมการณ์อันยิ่งใหญ่และความคับแค้นใจของผู้ที่มาจากตระกูล ‘หานเหมิน’ ในยุคสมัยที่ไม่มีการสอบราชบัณฑิต โดยบทกวีแต่ละบทเป็นการยืมเรื่องในประวัติศาสตร์มาเล่าในเชิงยกย่องสรรเสริญและบทกวีบทที่หกนี้ เป็นการสรรเสริญ ‘จิงเคอ’ ซึ่งก็คือหนึ่งในมือสังหารที่มีชื่อที่สุดของจีน ถูกส่งไปลอบสังหารจิ๋นซีฮ่องเต้ในช่วงก่อนรวบรวมแผ่นดินเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันสำเร็จ (คือต้นแบบของนักฆ่านิรนาม ‘อู๋หมิง’ ในภาพยนต์เรื่อง <Hero> ปี 2002 ของจางอี้โหมวที่เพื่อนเพจบางท่านอาจเคยได้ดู) ซึ่งการลอบสังหารนั้นอยู่บนความเชื่อที่ว่ากษัตริย์แคว้นฉิ๋นโหดเหี้ยมบ้าอำนาจคิดกวาดล้างทำลายแคว้นอื่น จะทำให้ผู้คนล้มตายบ้านแตกสาแหรกขาดอีกไม่น้อย บทกวีบทที่หกนี้สรุปใจความได้ประมาณว่า จิงเคอร่ำสุราสำราญใจอย่างไม่แคร์ผู้ใด อุปนิสัยใจกล้าองอาจ เป็นคนที่มีเอกลักษณ์ไม่อาจมองข้าม แม้ไม่ใช่คนจากสังคมชั้นสูงแต่กลับมีคุณค่ามากมายเพราะสละชีพเพื่อผองชน และในสายตาของจิงเคอแล้วนั้น พวกตระกูลขุนนางชั้นสูงไม่มีคุณค่าใด บทกวีนี้จึงไม่เพียงสรรเสริญจิงเคอหากยังเสียดสีถึงคนจากสังคมชั้นสูงในสมัยนั้นอีกด้วย“ผู้สูงศักดิ์แม้มองตนสูงค่า กลับต่ำต้อยเยี่ยงธุลีดิน คนต่ำต้อยแม้ด้อยค่าตนเอง ทว่าน้ำหนักดุจพันจวิน” วลีสี่วรรคนี้ที่เหยียนซิ่งกล่าวในเรื่อง <ทำนองรักกังวานแดนดิน> โดยในซีรีส์สมมุติไว้ว่านี่เป็นประโยคที่พานฉือแต่งขึ้น จึงเป็นการเท้าความถึงตอนที่พานฉือเดินทางเข้ากรุงใหม่ๆ ยังเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์และความเชื่อมั่นอันแรงกล้า และเป็นการปลอบใจให้พานฉืออย่าได้ท้อใจในอุปสรรคที่ได้พบเจอ เพราะคุณค่าของคนอยู่ที่ตนเอง ไม่ใช่จากพื้นเพชาติตระกูล(ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.ifensi.com/index.php?m=home&c=View&a=index&aid=4545http://zhld.com/zkwb/html/2017-04/21/content_7602721.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:http://zhld.com/zkwb/html/2017-04/21/content_7602721.htm https://m.guoxuedashi.net/shici/81367k.html https://www.gushiwen.cn/mingju/juv_d4a0651f3a21.aspxhttps://baike.baidu.com/item/左思/582418 #ทำนองรักกังวานแดนดิน #วลีจีน #จั่วซือ #บทกวีจีนโบราณ #จิงเคอ #สาระจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 637 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดมิทรี เมดเวเดฟ รองหัวหน้าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย ตอบโต้ผ่านทางทางเทเลแกรมส่วนตัวต่อหนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษที่เรียกการลอบสังหารนายพลคิริลลอฟและผู้ช่วยของเขาว่าเป็น "การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย"

    เป็นไปไม่ได้ที่จะเพิกเฉยต่อไอ้หนังสือพิมพ์สารเลว The Times ที่เรียกการโจมตีของผู้ก่อการร้ายต่อ นายพลคิริลลอฟ และผู้ช่วยของเขาว่าเป็น "การป้องกันที่ชอบด้วยกฎหมาย"

    1. เจ้าหน้าที่ NATO ทุกคนที่ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนกำลังเข้าร่วมในสงครามลูกผสมหรือสงครามตามแบบแผนกับรัสเซีย และบุคคลเหล่านี้ทั้งหมดสมควรเป็นเป้าหมายทางทหารที่ถูกต้องตามกฎหมายสำหรับรัฐรัสเซีย และสำหรับผู้รักชาติรัสเซียทุกคนด้วยเช่นกัน
    2. บุคคลที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดร่วมกับบุคคลในข้อ 1 จะกลายเป็นเป้าหมายทางทหารที่ถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน และอาจรวมถึงหมาจิ้งจอกขี้เรื้อนจาก The Times ซึ่งซ่อนตัวอยู่สื่ออย่างขี้ขลาด
    ดมิทรี เมดเวเดฟ รองหัวหน้าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย ตอบโต้ผ่านทางทางเทเลแกรมส่วนตัวต่อหนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษที่เรียกการลอบสังหารนายพลคิริลลอฟและผู้ช่วยของเขาว่าเป็น "การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย" เป็นไปไม่ได้ที่จะเพิกเฉยต่อไอ้หนังสือพิมพ์สารเลว The Times ที่เรียกการโจมตีของผู้ก่อการร้ายต่อ นายพลคิริลลอฟ และผู้ช่วยของเขาว่าเป็น "การป้องกันที่ชอบด้วยกฎหมาย" 1. เจ้าหน้าที่ NATO ทุกคนที่ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนกำลังเข้าร่วมในสงครามลูกผสมหรือสงครามตามแบบแผนกับรัสเซีย และบุคคลเหล่านี้ทั้งหมดสมควรเป็นเป้าหมายทางทหารที่ถูกต้องตามกฎหมายสำหรับรัฐรัสเซีย และสำหรับผู้รักชาติรัสเซียทุกคนด้วยเช่นกัน 2. บุคคลที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดร่วมกับบุคคลในข้อ 1 จะกลายเป็นเป้าหมายทางทหารที่ถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน และอาจรวมถึงหมาจิ้งจอกขี้เรื้อนจาก The Times ซึ่งซ่อนตัวอยู่สื่ออย่างขี้ขลาด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุลอบสังหารนายพลระดับสูงของกองทัพรัสเซียไปแล้ว

    คราวนี้ถึงคิวกระทรวงกลาโหมบ้าง ที่ออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุการณณ์นี้เช่นกัน โดย "แพทริก ไรเดอร์ " โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐเผยว่า เพนตากอนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการโจมตีด้วยระเบิดที่ทำให้พลโท อิกอร์ คิริลอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันรังสี สารเคมี และชีวภาพของรัสเซียเสียชีวิต และสหรัฐไม่สนับสนุนกิจกรรมการลอบสังหารในลักษณะนี้

    “ผมบอกได้เลยว่าเราไม่ทราบเกี่ยวกับปฏิบัติการนี้ และเราไม่สนับสนุนหรือเปิดโอกาสให้มีกิจกรรมลักษณะนี้” เขากล่าว

    นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังงดแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยกล่าวว่าเขาไม่มีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ และให้นักข่าวไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ของยูเครนเอง
    หลังจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุลอบสังหารนายพลระดับสูงของกองทัพรัสเซียไปแล้ว คราวนี้ถึงคิวกระทรวงกลาโหมบ้าง ที่ออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุการณณ์นี้เช่นกัน โดย "แพทริก ไรเดอร์ " โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐเผยว่า เพนตากอนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการโจมตีด้วยระเบิดที่ทำให้พลโท อิกอร์ คิริลอฟ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันรังสี สารเคมี และชีวภาพของรัสเซียเสียชีวิต และสหรัฐไม่สนับสนุนกิจกรรมการลอบสังหารในลักษณะนี้ “ผมบอกได้เลยว่าเราไม่ทราบเกี่ยวกับปฏิบัติการนี้ และเราไม่สนับสนุนหรือเปิดโอกาสให้มีกิจกรรมลักษณะนี้” เขากล่าว นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงกลาโหม ยังงดแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยกล่าวว่าเขาไม่มีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ และให้นักข่าวไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ของยูเครนเอง
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายพลระดับท็อปของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน ถูกลอบสังหารอุกอาจด้วยระเบิดในกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร (17 ธ.ค.) โดยที่หน่วยข่าวกรอง เอสยูบี ของยูเครนกระพือข่าวว่าเป็นฝีมือของตน ซึ่งหากเป็นจริงก็ถือว่าเป็นการก่อเหตุเข่นฆ่าลักษณะนี้ครั้งอึกทึกครึกโครมที่สุดทีเดียว
    .
    พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย พร้อมผู้ช่วยคนหนึ่งของเขา เสียชีวิตจากระเบิดซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่จอดอยู่ใกล้ทางเข้าอพาร์ตเมนต์บนถนนรยาแซนสกี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร ทั้งนี้ตามการแถลงคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของรัสเซีย ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการสืบสวนคดีอุกฉกรรจ์ โดยระบุว่าได้เปิดการสอบสวนเหตุการณ์นี้แล้ว คาดกันว่าคดีนี้จะถูกจัดให้เป็นคดีก่อการร้าย
    .
    เวลาเดียวกัน สื่อมวลชนหลายแห่ง รวมทั้งสำนักข่าวรอยเตอร์ และสำนักข่าวเอเอฟพี ต่างอ้างอิงแหล่งข่าวรายหนึ่งในหน่วยข่าวกรองเอสบียูของยูเครน ได้ยืนยันว่า เอสบียูอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ โดยถือเป็นการปฏิบัติการพิเศษเพื่อสังหารอาชญากรสงคราม เนื่องจากคิริลลอฟเป็นผู้ออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน โดยที่เมื่อวันจันทร์ (16) เช่นกัน เอสบียูเพิ่งกล่าวหารัสเซียใช้กระสุนที่เป็นอาวุธเคมีโจมตีใส่ทหารยูเครนมากกว่า 4,800 กรณี นับตั้งแต่เริ่มต้นรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
    .
    ก่อนหน้านี้ ชาติตะวันตกที่เป็นพันธมิตรของเคียฟ อย่างสหราชอาณาจักรและอเมริกา ก็ได้กล่าวหาว่ารัสเซียใช้สารพิษคลอโรพิกรินกับทหารยูเครน ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาห้ามใช้อาวุธเคมี และเมื่อเดือนตุลาคมสหราชอาณาจักรยังได้ประกาศแซงก์ชันคว่ำบาตร คิริลลอฟและหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของเขา ในข้อหาช่วยเหลือให้มีการใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านั้น
    .
    สำหรับกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย ที่คิริลลอฟ เป็นผู้บังคับบัญชา และเป็นที่รู้จักกันด้วยชื่อย่อว่า RKhBZ นั้น ทางรัสเซียระบุว่าเป็นกองกำลังพิเศษซึ่งปฏิบัติการภายใต้สภาพที่เกิดการปนเปื้อนทางรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพ และภารกิจของทหารหน่วยนี้คือการพิทักษ์ปกป้องพวกกองกำลังภาคพื้นดินที่กำลังปฏิบัติการในสภาพเงื่อนไขแบบสุดขั้ว
    .
    ถ้าหากการกล่าวอ้างของเคียฟได้รับการยืนยัน คิริลลอฟ วัย 54 ปี ก็จะถือเป็นนายทหารอาวุโสที่สุดที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย และมีแนวโน้มว่า เหตุการณ์นี้จะกระตุ้นให้รัสเซียทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยนายทหารระดับสูงของกองทัพ รวมทั้งหาวิธีแก้แค้น
    .
    สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    รัสเซียยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนเรื่องการใช้อาวุธเคมีในสนามรบในยูเครน โดยบางครั้งคิริลลอฟเองได้บรรยายสรุปทางสถานีทีวีของรัฐบาล กล่าวหาตอบโต้กลับว่า ยูเครนและฝ่ายตะวันตกมีเครือข่ายห้องปฏิบัติการชีววิทยาลับ ที่พัฒนาอาวุธเคมีต้องห้ามทั่วยูเครน
    .
    ด้าน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงยกย่องคิริลลอฟว่า อุทิศตนให้ประเทศชาติอย่างกล้าหาญในการเปิดโปงอาชญากรรมสงครามที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมีและโครงการลับของฝ่ายตะวันตกทั้งในซีเรียและประเทศอื่นๆ
    .
    ก่อนหน้าคิริลลอฟเสียชีวิต 1 วัน อัยการรัฐบาลยูเครนได้ตั้งข้อหานายทหารรัสเซียผู้นี้ใช้อาวุธเคมีที่ถูกนานาชาติห้ามใช้ นอกจากนั้นคิริลลอฟยังมีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการของบุคคลที่ถือเป็นศัตรูของยูเครน
    .
    การลอบสังหารคิริลลอฟยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (16) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างว่า ปีนี้เป็นปีสำคัญของปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน โดยที่กองทหารรัสเซียอยู่ในสถานะได้เปรียบในทุกสมรภูมิ
    .
    ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มอสโกเชื่อว่า เคียฟอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารบุคคลสำคัญของรัสเซียมาแล้วหลายคนเพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของแดนหมีขาว รวมทั้งเพื่อลงโทษผู้ที่เคียฟระบุว่า มีบทบาทในอาชญากรรมสงคราม โดยยูเครนประกาศชัดเจนว่า การสังหารคนเหล่านั้นเป็นการกระทำอันชอบธรรม
    .
    บุคคลที่เป็นที่รู้จักซึ่งถูกลอบสังหารนับจากที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อต้นปี 2022 มีอาทิ ดาร์ยา ดูกินา นักเขียนแนวชาตินิยมและเป็นบุตรสาวของนักปรัชญาการเมืองชื่อดัง อเล็กซานเดอร์ ดูกิน โดยเธอถูกโจมตีด้วยคาร์บอมบ์นอกมอสโก, วลาเดน ตาตาร์สกี บล็อกเกอร์ที่สนับสนุนสงครามยูเครนซึ่งเสียชีวิตจากการลอบวางระเบิดคาเฟ่ในปี 2023 และการลอบยิงผู้บังคับการเรือดำน้ำรัสเซียที่ถูกเคียฟกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงครามเมื่อปีที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121236
    ..............
    Sondhi X
    นายพลระดับท็อปของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน ถูกลอบสังหารอุกอาจด้วยระเบิดในกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร (17 ธ.ค.) โดยที่หน่วยข่าวกรอง เอสยูบี ของยูเครนกระพือข่าวว่าเป็นฝีมือของตน ซึ่งหากเป็นจริงก็ถือว่าเป็นการก่อเหตุเข่นฆ่าลักษณะนี้ครั้งอึกทึกครึกโครมที่สุดทีเดียว . พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย พร้อมผู้ช่วยคนหนึ่งของเขา เสียชีวิตจากระเบิดซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่จอดอยู่ใกล้ทางเข้าอพาร์ตเมนต์บนถนนรยาแซนสกี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร ทั้งนี้ตามการแถลงคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของรัสเซีย ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการสืบสวนคดีอุกฉกรรจ์ โดยระบุว่าได้เปิดการสอบสวนเหตุการณ์นี้แล้ว คาดกันว่าคดีนี้จะถูกจัดให้เป็นคดีก่อการร้าย . เวลาเดียวกัน สื่อมวลชนหลายแห่ง รวมทั้งสำนักข่าวรอยเตอร์ และสำนักข่าวเอเอฟพี ต่างอ้างอิงแหล่งข่าวรายหนึ่งในหน่วยข่าวกรองเอสบียูของยูเครน ได้ยืนยันว่า เอสบียูอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ โดยถือเป็นการปฏิบัติการพิเศษเพื่อสังหารอาชญากรสงคราม เนื่องจากคิริลลอฟเป็นผู้ออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน โดยที่เมื่อวันจันทร์ (16) เช่นกัน เอสบียูเพิ่งกล่าวหารัสเซียใช้กระสุนที่เป็นอาวุธเคมีโจมตีใส่ทหารยูเครนมากกว่า 4,800 กรณี นับตั้งแต่เริ่มต้นรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 . ก่อนหน้านี้ ชาติตะวันตกที่เป็นพันธมิตรของเคียฟ อย่างสหราชอาณาจักรและอเมริกา ก็ได้กล่าวหาว่ารัสเซียใช้สารพิษคลอโรพิกรินกับทหารยูเครน ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาห้ามใช้อาวุธเคมี และเมื่อเดือนตุลาคมสหราชอาณาจักรยังได้ประกาศแซงก์ชันคว่ำบาตร คิริลลอฟและหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของเขา ในข้อหาช่วยเหลือให้มีการใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านั้น . สำหรับกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย ที่คิริลลอฟ เป็นผู้บังคับบัญชา และเป็นที่รู้จักกันด้วยชื่อย่อว่า RKhBZ นั้น ทางรัสเซียระบุว่าเป็นกองกำลังพิเศษซึ่งปฏิบัติการภายใต้สภาพที่เกิดการปนเปื้อนทางรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพ และภารกิจของทหารหน่วยนี้คือการพิทักษ์ปกป้องพวกกองกำลังภาคพื้นดินที่กำลังปฏิบัติการในสภาพเงื่อนไขแบบสุดขั้ว . ถ้าหากการกล่าวอ้างของเคียฟได้รับการยืนยัน คิริลลอฟ วัย 54 ปี ก็จะถือเป็นนายทหารอาวุโสที่สุดที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย และมีแนวโน้มว่า เหตุการณ์นี้จะกระตุ้นให้รัสเซียทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยนายทหารระดับสูงของกองทัพ รวมทั้งหาวิธีแก้แค้น . สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้ . รัสเซียยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนเรื่องการใช้อาวุธเคมีในสนามรบในยูเครน โดยบางครั้งคิริลลอฟเองได้บรรยายสรุปทางสถานีทีวีของรัฐบาล กล่าวหาตอบโต้กลับว่า ยูเครนและฝ่ายตะวันตกมีเครือข่ายห้องปฏิบัติการชีววิทยาลับ ที่พัฒนาอาวุธเคมีต้องห้ามทั่วยูเครน . ด้าน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงยกย่องคิริลลอฟว่า อุทิศตนให้ประเทศชาติอย่างกล้าหาญในการเปิดโปงอาชญากรรมสงครามที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมีและโครงการลับของฝ่ายตะวันตกทั้งในซีเรียและประเทศอื่นๆ . ก่อนหน้าคิริลลอฟเสียชีวิต 1 วัน อัยการรัฐบาลยูเครนได้ตั้งข้อหานายทหารรัสเซียผู้นี้ใช้อาวุธเคมีที่ถูกนานาชาติห้ามใช้ นอกจากนั้นคิริลลอฟยังมีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการของบุคคลที่ถือเป็นศัตรูของยูเครน . การลอบสังหารคิริลลอฟยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (16) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างว่า ปีนี้เป็นปีสำคัญของปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน โดยที่กองทหารรัสเซียอยู่ในสถานะได้เปรียบในทุกสมรภูมิ . ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มอสโกเชื่อว่า เคียฟอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารบุคคลสำคัญของรัสเซียมาแล้วหลายคนเพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของแดนหมีขาว รวมทั้งเพื่อลงโทษผู้ที่เคียฟระบุว่า มีบทบาทในอาชญากรรมสงคราม โดยยูเครนประกาศชัดเจนว่า การสังหารคนเหล่านั้นเป็นการกระทำอันชอบธรรม . บุคคลที่เป็นที่รู้จักซึ่งถูกลอบสังหารนับจากที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อต้นปี 2022 มีอาทิ ดาร์ยา ดูกินา นักเขียนแนวชาตินิยมและเป็นบุตรสาวของนักปรัชญาการเมืองชื่อดัง อเล็กซานเดอร์ ดูกิน โดยเธอถูกโจมตีด้วยคาร์บอมบ์นอกมอสโก, วลาเดน ตาตาร์สกี บล็อกเกอร์ที่สนับสนุนสงครามยูเครนซึ่งเสียชีวิตจากการลอบวางระเบิดคาเฟ่ในปี 2023 และการลอบยิงผู้บังคับการเรือดำน้ำรัสเซียที่ถูกเคียฟกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงครามเมื่อปีที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121236 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 828 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดมิทรี เมดเวเดฟ รองหัวหน้าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย ประกาศว่า เคียฟจะได้รับการตอบโต้อย่างสาสมโดยเร็วที่สุด หลังจากการลอบสังหารผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ของรัสเซีย
    ดมิทรี เมดเวเดฟ รองหัวหน้าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย ประกาศว่า เคียฟจะได้รับการตอบโต้อย่างสาสมโดยเร็วที่สุด หลังจากการลอบสังหารผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ของรัสเซีย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • "รับแทนนาย!?!"
    ยูเครนออกมายอมรับว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุสังหาร นายพลอิกอร์ คิริลลอฟ ผบ.กองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ของรัสเซีย

    สำนักข่าวเคียฟอินดิเพนเดนต์ (Kyiv Independent) และอาร์บีซียูเครน (RBC Ukraine) รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อว่าหน่วยความมั่นคงยูเครน (SBU) เป็นฝ่ายดำเนินการลอบสังหารครั้งนี้ โดยไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในปฏิบัติการดังกล่าว
    "รับแทนนาย!?!" ยูเครนออกมายอมรับว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุสังหาร นายพลอิกอร์ คิริลลอฟ ผบ.กองกำลังป้องกันนิวเคลียร์ของรัสเซีย สำนักข่าวเคียฟอินดิเพนเดนต์ (Kyiv Independent) และอาร์บีซียูเครน (RBC Ukraine) รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อว่าหน่วยความมั่นคงยูเครน (SBU) เป็นฝ่ายดำเนินการลอบสังหารครั้งนี้ โดยไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในปฏิบัติการดังกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts