• อริยสาวก​พึง​ศึกษา​สิ่งที่ต้องย้ำวันละ ๓ หน ในวงการสมาธิ
    สัทธรรมลำดับที่ : 937
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=937
    ชื่อบทธรรม : -สิ่งที่ต้องย้ำวันละ ๓ หน ในวงการสมาธิ
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สิ่งที่ต้องย้ำวันละ ๓ หน ในวงการสมาธิ
    --ภิกษุ ท. ! ชาวร้านตลาดที่ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการ
    เป็นผู้ควรเพื่อจะได้ผลกำไรที่ยังไม่ได้ หรือ
    เพื่อทำผลกำไรที่ได้รับอยู่แล้วให้งอกงามออกไป. สามประการ อย่างไรเล่า?
    +--ภิกษุ ท. ! สามประการ คือ ชาวร้านตลาด ในกรณีนี้
    ย่อมจัดย่อมทำกิจการงานอย่างดีที่สุด ในเวลาเช้า;
    ย่อมจัดย่อมทำกิจการงานอย่างดีที่สุด ในเวลากลางวัน;
    ย่อมจัดย่อมทำกิจการงานอย่างดีที่สุด ในเวลาเย็น
    +--ภิกษุ ท. ! ชาวร้านตลาดที่ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการเหล่านี้แล
    เป็นผู้ควรเพื่อจะได้ผลกำไรที่ยังไม่ได้ หรือ
    เพื่อทำผลกำไรที่ได้รับอยู่แล้วให้งอกงามออกไป. นี้ฉันใด;
    --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันเหมือนกัน
    : ภิกษุที่ ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ
    เป็นผู้ควรเพื่อจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุ หรือ
    เพื่อทำกุศลธรรมที่บรรลุแล้วให้งอกงามยิ่งขึ้นไป.
    สามประการ อย่างไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! สามประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้
    ย่อม ๑.กำหนดสมาธินิมิตโดยเอื้อเฟื้อ ในเวลาเช้า;
    ย่อม ๒.กำหนดสมาธินิมิตโดยเอื้อเฟื้อ ในเวลากลางวัน ;
    ย่อม ๓.กำหนดสมาธินิมิตโดยเอื้อเฟื้อ ในเวลาเย็น.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/146/?keywords=สมาธินิมิตฺตํ
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการเหล่านี้แล
    ๑.ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุ หรือ
    ๒.เพื่อทำกุศลธรรมที่บรรลุแล้วให้งอกงามยิ่งขึ้นไป.-

    ​#สัมมาสมาธิ​
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. 20/145/458.
    http://etipitaka.com/read/thai/20/110/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. ๒๐/๑๔๕/๔๕๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/20/145/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95%E0%B9%98
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=937
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79&id=937
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79
    ลำดับสาธยายธรรม : 79 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_79.mp3
    อริยสาวก​พึง​ศึกษา​สิ่งที่ต้องย้ำวันละ ๓ หน ในวงการสมาธิ สัทธรรมลำดับที่ : 937 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=937 ชื่อบทธรรม : -สิ่งที่ต้องย้ำวันละ ๓ หน ในวงการสมาธิ เนื้อความทั้งหมด :- --สิ่งที่ต้องย้ำวันละ ๓ หน ในวงการสมาธิ --ภิกษุ ท. ! ชาวร้านตลาดที่ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการ เป็นผู้ควรเพื่อจะได้ผลกำไรที่ยังไม่ได้ หรือ เพื่อทำผลกำไรที่ได้รับอยู่แล้วให้งอกงามออกไป. สามประการ อย่างไรเล่า? +--ภิกษุ ท. ! สามประการ คือ ชาวร้านตลาด ในกรณีนี้ ย่อมจัดย่อมทำกิจการงานอย่างดีที่สุด ในเวลาเช้า; ย่อมจัดย่อมทำกิจการงานอย่างดีที่สุด ในเวลากลางวัน; ย่อมจัดย่อมทำกิจการงานอย่างดีที่สุด ในเวลาเย็น +--ภิกษุ ท. ! ชาวร้านตลาดที่ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการเหล่านี้แล เป็นผู้ควรเพื่อจะได้ผลกำไรที่ยังไม่ได้ หรือ เพื่อทำผลกำไรที่ได้รับอยู่แล้วให้งอกงามออกไป. นี้ฉันใด; --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันเหมือนกัน : ภิกษุที่ ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ เป็นผู้ควรเพื่อจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุ หรือ เพื่อทำกุศลธรรมที่บรรลุแล้วให้งอกงามยิ่งขึ้นไป. สามประการ อย่างไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! สามประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อม ๑.กำหนดสมาธินิมิตโดยเอื้อเฟื้อ ในเวลาเช้า; ย่อม ๒.กำหนดสมาธินิมิตโดยเอื้อเฟื้อ ในเวลากลางวัน ; ย่อม ๓.กำหนดสมาธินิมิตโดยเอื้อเฟื้อ ในเวลาเย็น. http://etipitaka.com/read/pali/20/146/?keywords=สมาธินิมิตฺตํ +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการเหล่านี้แล ๑.ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุ หรือ ๒.เพื่อทำกุศลธรรมที่บรรลุแล้วให้งอกงามยิ่งขึ้นไป.- ​#สัมมาสมาธิ​ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. 20/145/458. http://etipitaka.com/read/thai/20/110/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ติก. อํ. ๒๐/๑๔๕/๔๕๘. http://etipitaka.com/read/pali/20/145/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%95%E0%B9%98 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=937 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79&id=937 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=79 ลำดับสาธยายธรรม : 79 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_79.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สิ่งที่ต้องย้ำวันละ ๓ หน ในวงการสมาธิ
    -สิ่งที่ต้องย้ำวันละ ๓ หน ในวงการสมาธิ ภิกษุ ท. ! ชาวร้านตลาดที่ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการ เป็นผู้ควรเพื่อจะได้ผลกำไรที่ยังไม่ได้ หรือเพื่อทำผลกำไรที่ได้รับอยู่แล้วให้งอกงามออกไป. สามประการ อย่างไรเล่า? ภิกษุ ท. ! สามประการ คือ ชาวร้านตลาด ในกรณีนี้ ย่อมจัดย่อมทำกิจการงานอย่างดีที่สุด ในเวลาเช้า; ย่อมจัดย่อมทำกิจการงานอย่างดีที่สุด ในเวลากลางวัน; ย่อมจัดย่อมทำกิจการงานอย่างดีที่สุดในเวลาเย็น ภิกษุ ท. ! ชาวร้านตลาดที่ประกอบด้วยองค์ ๓ ประการเหล่านี้แล เป็นผู้ควรเพื่อจะได้ผลกำไรที่ยังไม่ได้ หรือเพื่อทำผลกำไรที่ได้รับอยู่แล้วให้งอกงามออกไป. นี้ฉันใด; ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันเหมือนกัน : ภิกษุที่ ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ เป็นผู้ควรเพื่อจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุ หรือเพื่อทำกุศลธรรมที่บรรลุแล้วให้งอกงามยิ่งขึ้นไป. สามประการ อย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! สามประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อม กำหนดสมาธินิมิตโดยเอื้อเฟื้อ ในเวลาเช้า; ย่อม กำหนดสมาธินิมิตโดยเอื้อเฟื้อ ในเวลากลางวัน ; ย่อมกำหนดสมาธินิมิตโดยเอื้อเฟื้อ ในเวลาเย็น. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุ หรือเพื่อทำกุศลธรรมที่บรรลุแล้วให้งอกงามยิ่งขึ้นไป.
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 Reviews
  • 'มันจบแล้ว': ทหารยูเครนบ่นกับ BBC ว่าพวกเขากลายเป็นผู้รับเคราะห์ที่เมืองเคิร์สก์

    'ทหารยูเครนที่สู้รบในเขตเคิร์สก์ของรัสเซียได้บรรยายฉากต่างๆ 'ราวกับหนังสยองขวัญ' ขณะที่พวกเขาพูดถึงการล่าถอยจากแนวหน้า

    ทหารยูเครนเปรียบการถอนกำลังจากเขต Kursk ว่าเป็น "ฉากจากหนังสยองขวัญ" ท่ามกลางการโจมตีของโดรนรัสเซียตลอด 24 ชั่วโมง ถนนเต็มไปด้วยซากยานพาหนะนับร้อย และมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก

    เส้นทางหลักเพียงสายเดียวระหว่าง Sudzha และเขต Sumy อยู่ภายใต้การยิงถล่มตลอดเวลา ทำให้การขนส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์เป็นไปไม่ได้ในเวลากลางวัน หลายคนต้องเดินเท้า 15-20 กิโลเมตรเพื่อหนีออกมา
    BBC ได้รับคำให้การจากทหารยูเครนที่เล่าถึงการถอนทัพอย่าง "หายนะ"

    Vladimir "โดรนโจมตีตลอด 24 ชั่วโมง ยานพาหนะบางส่วนถูกโดรนรัสเซียเผาบนถนน ไม่สามารถหนีออกตอนกลางวันได้ ถนนอยู่ภายใต้การควบคุมการยิงของศัตรูอย่างสมบูรณ์"

    Maxim "ฝ่ายศัตรูสามารถทำลายยานพาหนะหลายสิบคัน และเศษซากนับร้อยทำให้จราจรติดขัดบนเส้นทางการขนส่ง"
    Anton "การถอนกำลังที่หายนะ ผมหนีออกจาก Sudzha ด้วยการเดินเท้าตอนกลางคืน เราเกือบตายหลายครั้ง โดรนบินอยู่บนท้องฟ้าตลอดเวลา"

    Dmitry เขาเปรียบเทียบการถอนกำลังจากเขต Kursk กับฉากจากหนังสยองขวัญ "ถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ที่ถูกทำลายนับร้อย ยานเกราะ และ ATV มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากมาย" รถที่เขาขับติดหล่ม เขาและเพื่อนทหารพยายามดันรถเมื่อโดรน FPV เล็งไปที่พวกเขา โดรนไม่ได้โดนรถแต่ทำให้ทหารคนหนึ่งบาดเจ็บ พวกเขาต้องซ่อนตัวในป่าสองชั่วโมงก่อนได้รับการช่วยเหลือ

    แม้ผู้บัญชาการ Oleksandr Syrsky ยืนยันว่าทหารยังอยู่ใน Kursk และจะยึดไว้ "ตราบที่จำเป็น" แต่ Dmitry ให้ความเห็นว่า "ที่ Kursk จบแล้ว... ปฏิบัติการไม่ประสบความสำเร็จ"

    ด้านประธานาธิบดี Zelensky กล่าวว่าปฏิบัติการ "ประสบผลสำเร็จ" โดยบังคับให้รัสเซียถอนทหารจากแนวรบตะวันออก​​​​​​​​​​​​​​​​
    'มันจบแล้ว': ทหารยูเครนบ่นกับ BBC ว่าพวกเขากลายเป็นผู้รับเคราะห์ที่เมืองเคิร์สก์ 'ทหารยูเครนที่สู้รบในเขตเคิร์สก์ของรัสเซียได้บรรยายฉากต่างๆ 'ราวกับหนังสยองขวัญ' ขณะที่พวกเขาพูดถึงการล่าถอยจากแนวหน้า ทหารยูเครนเปรียบการถอนกำลังจากเขต Kursk ว่าเป็น "ฉากจากหนังสยองขวัญ" ท่ามกลางการโจมตีของโดรนรัสเซียตลอด 24 ชั่วโมง ถนนเต็มไปด้วยซากยานพาหนะนับร้อย และมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เส้นทางหลักเพียงสายเดียวระหว่าง Sudzha และเขต Sumy อยู่ภายใต้การยิงถล่มตลอดเวลา ทำให้การขนส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์เป็นไปไม่ได้ในเวลากลางวัน หลายคนต้องเดินเท้า 15-20 กิโลเมตรเพื่อหนีออกมา BBC ได้รับคำให้การจากทหารยูเครนที่เล่าถึงการถอนทัพอย่าง "หายนะ" Vladimir "โดรนโจมตีตลอด 24 ชั่วโมง ยานพาหนะบางส่วนถูกโดรนรัสเซียเผาบนถนน ไม่สามารถหนีออกตอนกลางวันได้ ถนนอยู่ภายใต้การควบคุมการยิงของศัตรูอย่างสมบูรณ์" Maxim "ฝ่ายศัตรูสามารถทำลายยานพาหนะหลายสิบคัน และเศษซากนับร้อยทำให้จราจรติดขัดบนเส้นทางการขนส่ง" Anton "การถอนกำลังที่หายนะ ผมหนีออกจาก Sudzha ด้วยการเดินเท้าตอนกลางคืน เราเกือบตายหลายครั้ง โดรนบินอยู่บนท้องฟ้าตลอดเวลา" Dmitry เขาเปรียบเทียบการถอนกำลังจากเขต Kursk กับฉากจากหนังสยองขวัญ "ถนนเต็มไปด้วยรถยนต์ที่ถูกทำลายนับร้อย ยานเกราะ และ ATV มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากมาย" รถที่เขาขับติดหล่ม เขาและเพื่อนทหารพยายามดันรถเมื่อโดรน FPV เล็งไปที่พวกเขา โดรนไม่ได้โดนรถแต่ทำให้ทหารคนหนึ่งบาดเจ็บ พวกเขาต้องซ่อนตัวในป่าสองชั่วโมงก่อนได้รับการช่วยเหลือ แม้ผู้บัญชาการ Oleksandr Syrsky ยืนยันว่าทหารยังอยู่ใน Kursk และจะยึดไว้ "ตราบที่จำเป็น" แต่ Dmitry ให้ความเห็นว่า "ที่ Kursk จบแล้ว... ปฏิบัติการไม่ประสบความสำเร็จ" ด้านประธานาธิบดี Zelensky กล่าวว่าปฏิบัติการ "ประสบผลสำเร็จ" โดยบังคับให้รัสเซียถอนทหารจากแนวรบตะวันออก​​​​​​​​​​​​​​​​
    0 Comments 0 Shares 281 Views 0 Reviews
  • เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งหนังสือถึง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายดำเนินคดีฟ้องร้องตนเองตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้พิสูจน์ความจริงตามกฎหมาย หลังถูกพาดพิงจนเสื่อมเสียชื่อเสียง

    พร้อมระบุว่านายกสมาคมฯ และคณะกรรมการย่อมทราบข้อเท็จจริง และบริบทในการบริหารสมาคม แต่เหตุใดจึงสื่อออกมาโดยขาดตอน ขาดสาระสำคัญที่เป็นข้อเท็จจริงสำคัญ ที่อาจคล้ายเป็นการบิดเบือน

    โดยหนังสือฉบับล่าสุดของ พล.ต.อ.สมยศ ใจความว่า ด้วยเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2568 เวลากลางวัน ณ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นางนวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และคณะได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ อย่างแพร่หลาย ว่าข้าพเจ้าในขณะดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้กระทำการสร้างความเสื่อมเสีย เสียหาย ชั่วร้าย แก่วงการฟุตบอล จนทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าข้าพเจ้าเป็นคนไม่ดี จนข้าพเจ้าถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/sport/detail/9680000025574

    #MGROnline #อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ #มาดามแป้ง
    เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งหนังสือถึง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายดำเนินคดีฟ้องร้องตนเองตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้พิสูจน์ความจริงตามกฎหมาย หลังถูกพาดพิงจนเสื่อมเสียชื่อเสียง • พร้อมระบุว่านายกสมาคมฯ และคณะกรรมการย่อมทราบข้อเท็จจริง และบริบทในการบริหารสมาคม แต่เหตุใดจึงสื่อออกมาโดยขาดตอน ขาดสาระสำคัญที่เป็นข้อเท็จจริงสำคัญ ที่อาจคล้ายเป็นการบิดเบือน • โดยหนังสือฉบับล่าสุดของ พล.ต.อ.สมยศ ใจความว่า ด้วยเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2568 เวลากลางวัน ณ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นางนวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และคณะได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ อย่างแพร่หลาย ว่าข้าพเจ้าในขณะดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้กระทำการสร้างความเสื่อมเสีย เสียหาย ชั่วร้าย แก่วงการฟุตบอล จนทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าข้าพเจ้าเป็นคนไม่ดี จนข้าพเจ้าถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/sport/detail/9680000025574 • #MGROnline #อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ #มาดามแป้ง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 447 Views 0 Reviews
  • วางชีวิตเอาไว้เมื่อใกล้จะบ้า
    วางนิทราเอาไว้อยู่ใกล้กับฝัน
    วางความทุกข์ความสุขให้คลุกเคล้ากัน
    วางสวรรค์ไว้สวรรค์อย่าดึงดันไป
    เรื่องนะรกอย่าหมกมุ่นอย่าครุ่นคิด
    เรื่องถูกผิดปล่อยปลงอย่าสงสัย
    เรื่องดีร้ายหลายหลากที่ยุ่งยากใจ
    เรื่องอะไรต่ออะไรจงได้ปล่อยวาง
    ยามดึกดาวเรียงรายสุดปลายฟ้า
    ยามเช้ามาตะวันมาเมื่อฟ้าสาง
    ยามย่อมหยุดเฝ้ายามเมื่อถึงยามรุ่งราง
    เมื่อฟ้าแจ้งจางปางตอนกลางวัน
    ความสุขเศร้าเหงารักอันหนักเหนื่อย
    ยังเรื่อยเปื่อยเลื้อยไหลลงไนความฝัน
    สิ่งในสังสารวัฏสารพัดสารพัน
    วนเวียนวันเวลาเช่นว่าแล

    สิ่งในสังสารวัฏสารพัดสารพัน
    วนเวียนวันเวลาเจ้าข้าเอย
    วางชีวิตเอาไว้เมื่อใกล้จะบ้า วางนิทราเอาไว้อยู่ใกล้กับฝัน วางความทุกข์ความสุขให้คลุกเคล้ากัน วางสวรรค์ไว้สวรรค์อย่าดึงดันไป เรื่องนะรกอย่าหมกมุ่นอย่าครุ่นคิด เรื่องถูกผิดปล่อยปลงอย่าสงสัย เรื่องดีร้ายหลายหลากที่ยุ่งยากใจ เรื่องอะไรต่ออะไรจงได้ปล่อยวาง ยามดึกดาวเรียงรายสุดปลายฟ้า ยามเช้ามาตะวันมาเมื่อฟ้าสาง ยามย่อมหยุดเฝ้ายามเมื่อถึงยามรุ่งราง เมื่อฟ้าแจ้งจางปางตอนกลางวัน ความสุขเศร้าเหงารักอันหนักเหนื่อย ยังเรื่อยเปื่อยเลื้อยไหลลงไนความฝัน สิ่งในสังสารวัฏสารพัดสารพัน วนเวียนวันเวลาเช่นว่าแล สิ่งในสังสารวัฏสารพัดสารพัน วนเวียนวันเวลาเจ้าข้าเอย
    0 Comments 0 Shares 248 Views 0 Reviews
  • เปิดห้องขัง"ผู้กำกับโจ้" : [NEWS UPDATE]
    พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดห้องคุมขังหมายเลข 50 แดน 5 ซึ่งเป็นห้องคุมขัง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องขังเรือนจำกลางคลองเปรม โดยเป็นห้องแยกการควบคุม ไม่ใช่ห้องขังเดี่ยว เพราะห้องขังเดี่ยวอยู่แดน 1 มี 10 ห้อง โดยช่วงกลางวันอดีตผู้กำกับโจ้สามารถออกไปร่วมกิจกรรมกับผู้ต้องขังอื่นได้ ตอนเย็นจึงขึ้นเรือนนอนไปอยู่คนเดียว บรรยากาศในห้องขังมีพัดลมระบายอากาศหนึ่งตัวติดไว้ด้านหลังสุดบนตะแกรงเหล็ก โดยยังมีของใช้อดีตผู้กำกับโจ้ เช่น ผ้าสีน้ำเงินสำหรับใช้ปูนอน รองเท้าแตะสีขาว ถังน้ำดื่ม อุปกรณ์อาบน้ำ ขัน สบู่ก้อน แชมพูขวด โฟมล้างหน้า ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เป็นต้น อยู่ภายในห้อง


    ราชทัณฑ์ต้องเปิดข้อมูล

    พิรุธ 30 ล้านฟอกเงิน

    ไม่มีแรงจูงใจXแตงโม

    คุมขายเหล้า-บุหรี่เด็กไม่ได้
    เปิดห้องขัง"ผู้กำกับโจ้" : [NEWS UPDATE] พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดห้องคุมขังหมายเลข 50 แดน 5 ซึ่งเป็นห้องคุมขัง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ผู้ต้องขังเรือนจำกลางคลองเปรม โดยเป็นห้องแยกการควบคุม ไม่ใช่ห้องขังเดี่ยว เพราะห้องขังเดี่ยวอยู่แดน 1 มี 10 ห้อง โดยช่วงกลางวันอดีตผู้กำกับโจ้สามารถออกไปร่วมกิจกรรมกับผู้ต้องขังอื่นได้ ตอนเย็นจึงขึ้นเรือนนอนไปอยู่คนเดียว บรรยากาศในห้องขังมีพัดลมระบายอากาศหนึ่งตัวติดไว้ด้านหลังสุดบนตะแกรงเหล็ก โดยยังมีของใช้อดีตผู้กำกับโจ้ เช่น ผ้าสีน้ำเงินสำหรับใช้ปูนอน รองเท้าแตะสีขาว ถังน้ำดื่ม อุปกรณ์อาบน้ำ ขัน สบู่ก้อน แชมพูขวด โฟมล้างหน้า ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เป็นต้น อยู่ภายในห้อง ราชทัณฑ์ต้องเปิดข้อมูล พิรุธ 30 ล้านฟอกเงิน ไม่มีแรงจูงใจXแตงโม คุมขายเหล้า-บุหรี่เด็กไม่ได้
    Like
    Haha
    2
    1 Comments 0 Shares 928 Views 58 0 Reviews
  • ขาย... อาคารพานิชใจกลางเมือง
    ติดถนนหลัก เดินทางสะดวกสบาย​
    อยู่ใกล้ โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี
    ใกล้ศูนย์ราชการ
    ใกล้สถานศึกษาประจำจังหวัด
    อยู่ในเขตเทศบาล​เมือง​
    สาธารณูปโภค​ครบครัน​
    1 คูหา สูง 4 ชั้น + ชั้นดาดฟ้า
    กว้าง 6 เมตร ลึก 23 เมตร
    เข้าออกได้หน้าหลัง จอดรถหลังบ้านได้
    หลังบ้าน​มีถนน​สาธารณะ​ของ​หมู่บ้าน​
    มี รปภ รักษาความปลอดภัย
    ตัวอาคาร​อยู่ตรงข้ามตลาดเมืองทองเซ็นเตอร์พอยท์
    ใกล้ตลาดของกินทั้งเช้า, กลางวัน, เย็น
    เดินทางสะดวก ใกล้ถนนบายพาส
    สามารถเดินทางลงใต้ผ่านเพชรบุรี
    หรือไปกทม. ก็สะดวก
    ตัวบ้านยกสูงกว่าระดับถนน​
    หายห่วงเรื่องน้ำท่วม​
    ซึ่งจังหวัด​ราชบุรี​ไม่เคยมีน้ำท่วม
    สนนราคา 14.5 ล้านบาทถ้วน
    ค่าโอนคนละครึ่งกับเจ้าของ​บ้าน
    มีการต่อเติม​โครงสร้าง​บ้านให้แข็งแรง​ขึ้น​
    เจ้าของ​ขาย​ เพราะต้อง​การ​ย้ายทำเล
    บ้านพร้อมที่ดิน
    สนใจดูตัวบ้าน นัดเจอ​ต่อรอง​ได้​นิดหน่อย​นัดหมายล่วงหน้า
    ขอคนพร้อม พาชมบ้านจริง
    สนใจ 📞 ติดต่อ ไช้สมบูรณ์​กุล​(0946494298)
    ขาย... อาคารพานิชใจกลางเมือง ติดถนนหลัก เดินทางสะดวกสบาย​ อยู่ใกล้ โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี ใกล้ศูนย์ราชการ ใกล้สถานศึกษาประจำจังหวัด อยู่ในเขตเทศบาล​เมือง​ สาธารณูปโภค​ครบครัน​ 1 คูหา สูง 4 ชั้น + ชั้นดาดฟ้า กว้าง 6 เมตร ลึก 23 เมตร เข้าออกได้หน้าหลัง จอดรถหลังบ้านได้ หลังบ้าน​มีถนน​สาธารณะ​ของ​หมู่บ้าน​ มี รปภ รักษาความปลอดภัย ตัวอาคาร​อยู่ตรงข้ามตลาดเมืองทองเซ็นเตอร์พอยท์ ใกล้ตลาดของกินทั้งเช้า, กลางวัน, เย็น เดินทางสะดวก ใกล้ถนนบายพาส สามารถเดินทางลงใต้ผ่านเพชรบุรี หรือไปกทม. ก็สะดวก ตัวบ้านยกสูงกว่าระดับถนน​ หายห่วงเรื่องน้ำท่วม​ ซึ่งจังหวัด​ราชบุรี​ไม่เคยมีน้ำท่วม สนนราคา 14.5 ล้านบาทถ้วน ค่าโอนคนละครึ่งกับเจ้าของ​บ้าน มีการต่อเติม​โครงสร้าง​บ้านให้แข็งแรง​ขึ้น​ เจ้าของ​ขาย​ เพราะต้อง​การ​ย้ายทำเล บ้านพร้อมที่ดิน สนใจดูตัวบ้าน นัดเจอ​ต่อรอง​ได้​นิดหน่อย​นัดหมายล่วงหน้า ขอคนพร้อม พาชมบ้านจริง สนใจ 📞 ติดต่อ ไช้สมบูรณ์​กุล​(0946494298)
    0 Comments 0 Shares 212 Views 0 Reviews
  • 📣 ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี❓️มันยาวนะ แต่อ่านจบแล้วจะรู้คำตอบ

    👉ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี เป็นข้อความที่ยั่วยุให้คนไทยเปิดอ่านหนังสือชื่อนี้ ซึ่งฟังแปลกหูและแปลกใหม่

    คนญี่ปุ่นก็เป็นเช่นเดียวกันเพราะเป็นหนังสือยอดฮิตในประเทศนั้น โดยมีเนื้อหาปลุกเร้าให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและต่อกระเป๋า

    หนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี” แปลจากภาษาญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนคือนายแพทย์โยะชิ โนะริ นะงุโม (Yoshinori Nagumo) ผู้แปลคือคุณพิมพ์รัก สุขสวัสดิ์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น

    ปิยมิตรของผมคนหนึ่งคือ คุณอดิศร ธรรมาพฤทธิ นักธุรกิจใหญ่แนวหน้าของไทยในเรื่องการหล่อโลหะ ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้เป็นร้อยเล่มเพื่อแจกเพื่อนๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังได้เขียนสรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้และโพสต์ออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชน ผมขอนำเอาสิ่งที่คุณอดิศรเขียนไว้มานำเสนอดังต่อไปนี้

    “ผู้เขียนเป็นนายแพทย์และเป็นผู้อำนวยการใหญ่ในโรงพยาบาลสี่แห่งในญี่ปุ่น เป็นนักเขียนชื่อดังในญี่ปุ่น และเป็นแขกประจำรายการทีวีหลายรายการ เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Anti-Aging Medicine World Congress ผู้เขียนค้นพบวิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานเหลือวันละมื้อ และพบว่าความหิวเป็นกระบวนการที่ทำให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วยยีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา

    คุณหมอบอกว่า “...สิ่งที่ผมมุ่งหวังคือการวางแผนสำหรับชีวิตที่มีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปี โดยยังมีหน้าท้องที่แบนราบและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนเยาว์ บางคนบอกว่าไม่อยากอายุยืนขนาดนั้น... แต่คนที่พูดแบบนั้นพอถึงคราวเจ็บป่วยก็รีบวิ่งโร่มาหาหมอทุกราย …เมื่อเข้าสู่วัยชรา ทุกวันจะมีแต่ความทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นผลจากการละเลยสุขภาพ.... …ผมว่าต้องเลือกแล้วละว่า จะใช้เวลานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้วทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน หรือจะมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง มีกำลังวังชา รูปลักษณ์ภายนอกดูอ่อนเยาว์จนถึงวาระสุดท้าย แล้วจากไปอย่างสง่างาม…”

    ในบทนำมีการเกริ่นว่าผู้เขียนเริ่มทานอาหารเหลือวันละมื้อเมื่ออายุ 45 ปีเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ ผ่านไปสิบปีเมื่อเขาไปตรวจร่างกายพบว่าอายุหลอดเลือดของเขาเท่ากับคนอายุ 26 ปี

    เขาเล่าว่ามนุษย์ในอดีตไม่ได้มีกินอุดมสมบูรณ์โดยกินสามมื้อเหมือนปัจจุบันนี้ ในอดีตเรากินวันละมื้อก็บุญแล้ว ดังนั้น ร่างกายเราจึงมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง เมื่อเราหิวไม่มีกินเราจะมียีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ออกมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ภายในร่างกาย ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา ซึ่งเจ้า Growth Hormone นี้ทำให้เรากลับเป็นหนุ่มสาวมากขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการเพื่อการอยู่รอด

    ปัญหาก็คือ เมื่อร่างกายอิ่ม กลไกนี้ไม่เกิด เราจึงแก่ไปเรื่อยๆ สรุปง่ายๆ ก็คือ การกินมากไปคือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ และที่สำคัญร่างกายเราไม่ได้ถูกออกแบบให้กินอิ่ม เราจึงปรับตัวให้การกินอิ่มได้ไม่ดี ทำให้กระบวนการธรรมชาติของร่างกายเรารวนนั่นเอง

    ในเรื่องการกินวันละมื้อ ผู้เขียนได้แนะนำสิ่งที่เขาทำมาแล้วได้ผล เขาบอกว่าเขาเพลิดเพลินกับการที่ได้ยินเสียงท้องร้องจ๊อกๆ เพราะว่าเขารู้ว่าร่างกายเรากำลังซ่อมแซมและปรับตัวให้เยาว์วัยด้วยกระบวนการที่กล่าวถึงข้างต้น

    ในเชิงหลักการทางวิทยาศาสตร์เขาอธิบายดังนี้

    (1) ปากทางเข้าลำไส้เล็กจะมีเซนเซอร์เตรียมรอรับของกินอยู่ ถ้าไม่มีอาหารไหลลงมาเสียที ลำไส้เล็กก็จะรีบหลั่งฮอร์โมนสำหรับย่อยอาหาร โมลิติน (Molitin) ออกมา ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัว เพื่อส่งของกินที่อาจจะตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเข้าไปในลำไส้เล็ก เรียกว่า “การบีบตัวเมื่อหิว” และเป็นตัวการที่แท้จริงของอาการท้องร้องจ๊อกๆ

    (2) เมื่อกระเพาะรู้ตัวว่าหิวจะหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ออกมา เกรลินจะถูกหลั่งออกมาจากเยื่อบุกระเพาะอาหารซึ่งถูกกระตุ้นเพราะความหิว โดยจะออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ทำให้เกิดความอยากอาหาร ขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่ต่อมใต้สมอง ทำให้หลั่ง Growth Hormone ออกมา เจ้า Growth Hormone นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฮอร์โมนที่ทำให้กลับไปเป็น หนุ่มสาว” นั่นหมายความว่าตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ เพราะหิว คุณจะค่อยๆ มีเสน่ห์ขึ้นจากฮอร์โมนที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาว ถึงท้องจะร้องก็อย่าเพิ่งรีบกินอาหาร ให้มาลองเพลิดเพลินกับประสิทธิภาพของการกลับเป็นหนุ่มสาวที่ได้จาก Growth Hormone กันสักครู่หนึ่งก่อน

    (3) ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ นั้น ความสามารถในการอยู่รอดอันยอดเยี่ยมกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา นั่นก็คือ “ยีนเซอร์ทูอิน” ที่มีสมญาว่า “ยีนต่ออายุขัย” หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ยีนที่ทำให้อายุยืน” กำลังทำงาน จากการทดลองกับสัตว์หลายชนิดพบว่า เมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่า ทว่ายีนนี้จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขบางประการ นั่นคือ “ความหิว” ตราบใดที่ท้องไม่ร้องจ๊อกเพราะหิว ยีนนี้ก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นการกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมายถึงการมีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ มาทำให้ท้องร้องจ๊อกด้วยการกินอาหารวันละมื้อดีกว่า แล้วยีนเซอร์ทูอินนี้จะช่วยสแกนยีนในร่างกายอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งค่อยๆ ฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย กล่าวกันว่าความแก่ชราและโรคมะเร็งก็มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีน ดังนั้นเราสามารถทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวและป้องกันโรคมะเร็งด้วยการกินอาหารวันละมื้อ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหิวแล้วอาหารยังตกไม่ถึงท้อง ร่างกายจะนำไขมันที่สะสมไว้ในช่องท้องมาเปลี่ยนเป็นสารอาหาร ทำให้หน้าท้องแบนราบ

    นอกจากการกินวันละมื้อแล้ว ผู้เขียนมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมอีกว่าการนอนที่ดีคือนอนในช่วงร่างกายผลิต Growth Hormone ได้ดีที่สุดนั่นก็คือช่วงเวลาระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสอง

    หลังอ่านจบผมมีความเห็นส่วนตัวว่าสิ่งที่จะทำคือ

    (1) รอให้ท้องร้องจ๊อกๆ บ่อยๆ เพื่อซ่อมแซมตัวเองและทำให้เยาว์วัยลง และ (2) ทานน้อยลง 60% ของแต่ละมื้อ.......”

    นอกจากที่คุณอดิศรเขียนแล้ว ผมไปค้นคว้าเพิ่มเติมและพบว่าเมื่อตอนคุณหมอ Nagumo มีอายุ 37 ปี เขาหนัก 77 กิโลกรัม และเมื่ออายุ 57 ปี หนัก 62 กิโลกรัม ความดันโลหิตเท่ากับคนอายุ 26 ปี อายุมวลกระดูกเท่ากับคนอายุ 28 ปี และสมองมีอายุเท่ากับคนอายุ 38 ปี จากที่ดูรูปในอินเทอร์เน็ตถึงแม้ขณะนี้คุณหมออายุ 59 ปี แต่หน้าตาเหมือนไม่ถึง 40 ปี ด้วยซ้ำ

    คุณหมอพูดในโทรทัศน์ว่าแค่เริ่มต้นไม่กี่วันก็จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพแล้ว กลิ่นตัวจะหายไป ผิวหนังจะเนียนขึ้น หน้าท้องจะเรียบขึ้น รูปลักษณ์ของคนผอมจะเริ่มปรากฏ และจิตใจคึกคักขึ้นกว่าเก่า

    คุณหมอแนะนำให้ทำติดต่อกัน 52 วัน โดยกินอาหารวันละหนึ่งมื้อคือมื้อกลางวัน ในมื้อนี้อยากกินอะไรก็ตามใจตัวเองได้ หากหิวมากก็อาจเสริมด้วยผลไม้และอาหารเบาๆ ก่อนอาหารเย็น

    การกินอาหารน้อยลงมีประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะมนุษย์เราโดยทั่วไปก็กินกันเกินพอดีอยู่แล้ว การทำตามคำแนะนำของคุณหมอแค่กินอาหารน้อยลง กินหลังจากที่ท้องร้องนานพอควร และหากแถมด้วยการเดินและออกกำลังกายก็ย่อมดีต่อสุขภาพ

    ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ

    ที่มา: คอลัมน์ "อาหารสมอง" | กรุงเทพธุรกิจ | 20 ม.ค. 58

    Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table
    📣 ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี❓️มันยาวนะ แต่อ่านจบแล้วจะรู้คำตอบ 👉ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี เป็นข้อความที่ยั่วยุให้คนไทยเปิดอ่านหนังสือชื่อนี้ ซึ่งฟังแปลกหูและแปลกใหม่ คนญี่ปุ่นก็เป็นเช่นเดียวกันเพราะเป็นหนังสือยอดฮิตในประเทศนั้น โดยมีเนื้อหาปลุกเร้าให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและต่อกระเป๋า หนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี” แปลจากภาษาญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนคือนายแพทย์โยะชิ โนะริ นะงุโม (Yoshinori Nagumo) ผู้แปลคือคุณพิมพ์รัก สุขสวัสดิ์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น ปิยมิตรของผมคนหนึ่งคือ คุณอดิศร ธรรมาพฤทธิ นักธุรกิจใหญ่แนวหน้าของไทยในเรื่องการหล่อโลหะ ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้เป็นร้อยเล่มเพื่อแจกเพื่อนๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังได้เขียนสรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้และโพสต์ออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชน ผมขอนำเอาสิ่งที่คุณอดิศรเขียนไว้มานำเสนอดังต่อไปนี้ “ผู้เขียนเป็นนายแพทย์และเป็นผู้อำนวยการใหญ่ในโรงพยาบาลสี่แห่งในญี่ปุ่น เป็นนักเขียนชื่อดังในญี่ปุ่น และเป็นแขกประจำรายการทีวีหลายรายการ เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Anti-Aging Medicine World Congress ผู้เขียนค้นพบวิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานเหลือวันละมื้อ และพบว่าความหิวเป็นกระบวนการที่ทำให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วยยีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา คุณหมอบอกว่า “...สิ่งที่ผมมุ่งหวังคือการวางแผนสำหรับชีวิตที่มีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปี โดยยังมีหน้าท้องที่แบนราบและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนเยาว์ บางคนบอกว่าไม่อยากอายุยืนขนาดนั้น... แต่คนที่พูดแบบนั้นพอถึงคราวเจ็บป่วยก็รีบวิ่งโร่มาหาหมอทุกราย …เมื่อเข้าสู่วัยชรา ทุกวันจะมีแต่ความทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นผลจากการละเลยสุขภาพ.... …ผมว่าต้องเลือกแล้วละว่า จะใช้เวลานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้วทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน หรือจะมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง มีกำลังวังชา รูปลักษณ์ภายนอกดูอ่อนเยาว์จนถึงวาระสุดท้าย แล้วจากไปอย่างสง่างาม…” ในบทนำมีการเกริ่นว่าผู้เขียนเริ่มทานอาหารเหลือวันละมื้อเมื่ออายุ 45 ปีเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ ผ่านไปสิบปีเมื่อเขาไปตรวจร่างกายพบว่าอายุหลอดเลือดของเขาเท่ากับคนอายุ 26 ปี เขาเล่าว่ามนุษย์ในอดีตไม่ได้มีกินอุดมสมบูรณ์โดยกินสามมื้อเหมือนปัจจุบันนี้ ในอดีตเรากินวันละมื้อก็บุญแล้ว ดังนั้น ร่างกายเราจึงมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง เมื่อเราหิวไม่มีกินเราจะมียีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ออกมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ภายในร่างกาย ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา ซึ่งเจ้า Growth Hormone นี้ทำให้เรากลับเป็นหนุ่มสาวมากขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการเพื่อการอยู่รอด ปัญหาก็คือ เมื่อร่างกายอิ่ม กลไกนี้ไม่เกิด เราจึงแก่ไปเรื่อยๆ สรุปง่ายๆ ก็คือ การกินมากไปคือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ และที่สำคัญร่างกายเราไม่ได้ถูกออกแบบให้กินอิ่ม เราจึงปรับตัวให้การกินอิ่มได้ไม่ดี ทำให้กระบวนการธรรมชาติของร่างกายเรารวนนั่นเอง ในเรื่องการกินวันละมื้อ ผู้เขียนได้แนะนำสิ่งที่เขาทำมาแล้วได้ผล เขาบอกว่าเขาเพลิดเพลินกับการที่ได้ยินเสียงท้องร้องจ๊อกๆ เพราะว่าเขารู้ว่าร่างกายเรากำลังซ่อมแซมและปรับตัวให้เยาว์วัยด้วยกระบวนการที่กล่าวถึงข้างต้น ในเชิงหลักการทางวิทยาศาสตร์เขาอธิบายดังนี้ (1) ปากทางเข้าลำไส้เล็กจะมีเซนเซอร์เตรียมรอรับของกินอยู่ ถ้าไม่มีอาหารไหลลงมาเสียที ลำไส้เล็กก็จะรีบหลั่งฮอร์โมนสำหรับย่อยอาหาร โมลิติน (Molitin) ออกมา ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัว เพื่อส่งของกินที่อาจจะตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเข้าไปในลำไส้เล็ก เรียกว่า “การบีบตัวเมื่อหิว” และเป็นตัวการที่แท้จริงของอาการท้องร้องจ๊อกๆ (2) เมื่อกระเพาะรู้ตัวว่าหิวจะหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ออกมา เกรลินจะถูกหลั่งออกมาจากเยื่อบุกระเพาะอาหารซึ่งถูกกระตุ้นเพราะความหิว โดยจะออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ทำให้เกิดความอยากอาหาร ขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่ต่อมใต้สมอง ทำให้หลั่ง Growth Hormone ออกมา เจ้า Growth Hormone นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฮอร์โมนที่ทำให้กลับไปเป็น หนุ่มสาว” นั่นหมายความว่าตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ เพราะหิว คุณจะค่อยๆ มีเสน่ห์ขึ้นจากฮอร์โมนที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาว ถึงท้องจะร้องก็อย่าเพิ่งรีบกินอาหาร ให้มาลองเพลิดเพลินกับประสิทธิภาพของการกลับเป็นหนุ่มสาวที่ได้จาก Growth Hormone กันสักครู่หนึ่งก่อน (3) ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ นั้น ความสามารถในการอยู่รอดอันยอดเยี่ยมกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา นั่นก็คือ “ยีนเซอร์ทูอิน” ที่มีสมญาว่า “ยีนต่ออายุขัย” หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ยีนที่ทำให้อายุยืน” กำลังทำงาน จากการทดลองกับสัตว์หลายชนิดพบว่า เมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่า ทว่ายีนนี้จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขบางประการ นั่นคือ “ความหิว” ตราบใดที่ท้องไม่ร้องจ๊อกเพราะหิว ยีนนี้ก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นการกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมายถึงการมีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ มาทำให้ท้องร้องจ๊อกด้วยการกินอาหารวันละมื้อดีกว่า แล้วยีนเซอร์ทูอินนี้จะช่วยสแกนยีนในร่างกายอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งค่อยๆ ฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย กล่าวกันว่าความแก่ชราและโรคมะเร็งก็มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีน ดังนั้นเราสามารถทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวและป้องกันโรคมะเร็งด้วยการกินอาหารวันละมื้อ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหิวแล้วอาหารยังตกไม่ถึงท้อง ร่างกายจะนำไขมันที่สะสมไว้ในช่องท้องมาเปลี่ยนเป็นสารอาหาร ทำให้หน้าท้องแบนราบ นอกจากการกินวันละมื้อแล้ว ผู้เขียนมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมอีกว่าการนอนที่ดีคือนอนในช่วงร่างกายผลิต Growth Hormone ได้ดีที่สุดนั่นก็คือช่วงเวลาระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสอง หลังอ่านจบผมมีความเห็นส่วนตัวว่าสิ่งที่จะทำคือ (1) รอให้ท้องร้องจ๊อกๆ บ่อยๆ เพื่อซ่อมแซมตัวเองและทำให้เยาว์วัยลง และ (2) ทานน้อยลง 60% ของแต่ละมื้อ.......” นอกจากที่คุณอดิศรเขียนแล้ว ผมไปค้นคว้าเพิ่มเติมและพบว่าเมื่อตอนคุณหมอ Nagumo มีอายุ 37 ปี เขาหนัก 77 กิโลกรัม และเมื่ออายุ 57 ปี หนัก 62 กิโลกรัม ความดันโลหิตเท่ากับคนอายุ 26 ปี อายุมวลกระดูกเท่ากับคนอายุ 28 ปี และสมองมีอายุเท่ากับคนอายุ 38 ปี จากที่ดูรูปในอินเทอร์เน็ตถึงแม้ขณะนี้คุณหมออายุ 59 ปี แต่หน้าตาเหมือนไม่ถึง 40 ปี ด้วยซ้ำ คุณหมอพูดในโทรทัศน์ว่าแค่เริ่มต้นไม่กี่วันก็จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพแล้ว กลิ่นตัวจะหายไป ผิวหนังจะเนียนขึ้น หน้าท้องจะเรียบขึ้น รูปลักษณ์ของคนผอมจะเริ่มปรากฏ และจิตใจคึกคักขึ้นกว่าเก่า คุณหมอแนะนำให้ทำติดต่อกัน 52 วัน โดยกินอาหารวันละหนึ่งมื้อคือมื้อกลางวัน ในมื้อนี้อยากกินอะไรก็ตามใจตัวเองได้ หากหิวมากก็อาจเสริมด้วยผลไม้และอาหารเบาๆ ก่อนอาหารเย็น การกินอาหารน้อยลงมีประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะมนุษย์เราโดยทั่วไปก็กินกันเกินพอดีอยู่แล้ว การทำตามคำแนะนำของคุณหมอแค่กินอาหารน้อยลง กินหลังจากที่ท้องร้องนานพอควร และหากแถมด้วยการเดินและออกกำลังกายก็ย่อมดีต่อสุขภาพ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ที่มา: คอลัมน์ "อาหารสมอง" | กรุงเทพธุรกิจ | 20 ม.ค. 58 Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table
    0 Comments 0 Shares 413 Views 0 Reviews
  • ลุงอยากเห็นอาคารในประเทศไทยควรทำบ้างครับ

    มีข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ "แบตเตอรี่ความเย็น" ที่ถูกนำมาใช้ในอาคารต่าง ๆ เพื่อช่วยลดค่าไฟฟ้าและควบคุมอุณหภูมิในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง (peak hours) โดยทั่วไปแล้ว อาคารพาณิชย์ที่มีความต้องการควบคุมอุณหภูมิจะใช้ระบบเครื่องทำความเย็นที่ทำงานในช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าต่ำ จากนั้นจะนำความเย็นจากน้ำแข็งที่เก็บไว้มาใช้ในช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง

    เมื่อค่าไฟฟ้าต่ำจะมีการแช่แข็งน้ำในถังขนาดใหญ่เพื่อเก็บความเย็นไว้ และเมื่อค่าไฟฟ้าสูงขึ้นในช่วงกลางวัน เครื่องทำความเย็นจะหยุดทำงาน และนำน้ำแข็งที่เก็บไว้มาใช้ในการทำความเย็นให้น้ำที่ไหลผ่านอาคาร วิธีนี้ทำให้สามารถปรับช่วงเวลาการใช้พลังงานให้เหมาะสมกับค่าไฟฟ้าที่ถูกที่สุด ช่วยลดค่าไฟฟ้าลงได้มากมาย

    Allison Mahvi ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมเครื่องกลที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซินแมดิสัน กล่าวว่า ในทางทฤษฎีเราสามารถแช่แข็งและละลายวัตถุได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับระบบนี้จะมีเพียงแค่ส่วนประกอบที่ต้องเปลี่ยนตามเวลาเช่น เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน วาล์ว และปั๊มน้ำ ซึ่งสามารถใช้งานได้นานหลายทศวรรษก่อนที่จะต้องเปลี่ยน

    การใช้แบตเตอรี่ความเย็นนี้ถูกนำมาใช้ในอาคารพาณิชย์ที่มีพื้นที่เพียงพอในการเก็บน้ำแข็งขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น ระบบในตึกธนาคารแห่งหนึ่งในนิวยอร์คซิตี้มีถังน้ำแข็งจำนวน 100 ถัง แต่ในอนาคตการออกแบบที่เล็กลงอาจทำให้สามารถนำไปใช้ในธุรกิจขนาดเล็กหรือแม้แต่บ้านเรือนได้

    นอกจากนี้ การใช้แบตเตอรี่ความเย็นยังมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีราคาแพงและเสื่อมสภาพตามเวลา น้ำเป็นทรัพยากรที่มีอยู่มากและราคาถูก ซึ่งทำให้วิธีนี้เป็นวิธีที่มีความเป็นไปได้และมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมการใช้พลังงาน

    https://www.techspot.com/news/106995-ice-batteries-helping-buildings-beat-heat-save-money.html
    ลุงอยากเห็นอาคารในประเทศไทยควรทำบ้างครับ มีข่าวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ "แบตเตอรี่ความเย็น" ที่ถูกนำมาใช้ในอาคารต่าง ๆ เพื่อช่วยลดค่าไฟฟ้าและควบคุมอุณหภูมิในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง (peak hours) โดยทั่วไปแล้ว อาคารพาณิชย์ที่มีความต้องการควบคุมอุณหภูมิจะใช้ระบบเครื่องทำความเย็นที่ทำงานในช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าต่ำ จากนั้นจะนำความเย็นจากน้ำแข็งที่เก็บไว้มาใช้ในช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง เมื่อค่าไฟฟ้าต่ำจะมีการแช่แข็งน้ำในถังขนาดใหญ่เพื่อเก็บความเย็นไว้ และเมื่อค่าไฟฟ้าสูงขึ้นในช่วงกลางวัน เครื่องทำความเย็นจะหยุดทำงาน และนำน้ำแข็งที่เก็บไว้มาใช้ในการทำความเย็นให้น้ำที่ไหลผ่านอาคาร วิธีนี้ทำให้สามารถปรับช่วงเวลาการใช้พลังงานให้เหมาะสมกับค่าไฟฟ้าที่ถูกที่สุด ช่วยลดค่าไฟฟ้าลงได้มากมาย Allison Mahvi ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมเครื่องกลที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซินแมดิสัน กล่าวว่า ในทางทฤษฎีเราสามารถแช่แข็งและละลายวัตถุได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับระบบนี้จะมีเพียงแค่ส่วนประกอบที่ต้องเปลี่ยนตามเวลาเช่น เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน วาล์ว และปั๊มน้ำ ซึ่งสามารถใช้งานได้นานหลายทศวรรษก่อนที่จะต้องเปลี่ยน การใช้แบตเตอรี่ความเย็นนี้ถูกนำมาใช้ในอาคารพาณิชย์ที่มีพื้นที่เพียงพอในการเก็บน้ำแข็งขนาดใหญ่ ตัวอย่างเช่น ระบบในตึกธนาคารแห่งหนึ่งในนิวยอร์คซิตี้มีถังน้ำแข็งจำนวน 100 ถัง แต่ในอนาคตการออกแบบที่เล็กลงอาจทำให้สามารถนำไปใช้ในธุรกิจขนาดเล็กหรือแม้แต่บ้านเรือนได้ นอกจากนี้ การใช้แบตเตอรี่ความเย็นยังมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีราคาแพงและเสื่อมสภาพตามเวลา น้ำเป็นทรัพยากรที่มีอยู่มากและราคาถูก ซึ่งทำให้วิธีนี้เป็นวิธีที่มีความเป็นไปได้และมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมการใช้พลังงาน https://www.techspot.com/news/106995-ice-batteries-helping-buildings-beat-heat-save-money.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Ice batteries are helping buildings beat the heat and save money
    When electricity costs are low, vats of water are frozen to make ice. As energy costs rise during the day, chillers are powered down and the ice...
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • ร้อนมากกลางคืนก็ร้อน กลางวันยิ่งร้อน ..แดดแรงมาก ไปวัดในแต่วันต้องอดทนเอา ไปสร้างบุญ ไปกราบพระพุทธเจ้า ใจมันสนุกไป
    ร้อนมากกลางคืนก็ร้อน กลางวันยิ่งร้อน ..แดดแรงมาก ไปวัดในแต่วันต้องอดทนเอา ไปสร้างบุญ ไปกราบพระพุทธเจ้า ใจมันสนุกไป
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • ปธ.วิปรัฐบาลถามฝ่ายค้านฝันกลางวันหรือเปล่า หวังยุบสภาหลังซักฟอก ตอกกลับ คอยดูยุบสภาหรือยุบพรรคฝ่ายค้าน เย้ย ใช้วิธีบ่างเสี้ยมพรรคร่วมฯ แตกกันคงไม่ได้ผล เหน็บรอเป็นรัฐบาลนะ ค่อยอภิปราย 5 วัน 10 วัน แต่ตอนนี้เล็งเป้านายกฯ คนเดียว ก็เอาวันเดียวไปแล้วกัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000020644

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ปธ.วิปรัฐบาลถามฝ่ายค้านฝันกลางวันหรือเปล่า หวังยุบสภาหลังซักฟอก ตอกกลับ คอยดูยุบสภาหรือยุบพรรคฝ่ายค้าน เย้ย ใช้วิธีบ่างเสี้ยมพรรคร่วมฯ แตกกันคงไม่ได้ผล เหน็บรอเป็นรัฐบาลนะ ค่อยอภิปราย 5 วัน 10 วัน แต่ตอนนี้เล็งเป้านายกฯ คนเดียว ก็เอาวันเดียวไปแล้วกัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000020644 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Angry
    2
    0 Comments 1 Shares 789 Views 0 Reviews
  • แจ้งข่าวต่างประเทศสั้นๆ 01/03/2025

    1. ล่าสุดไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ในการไปเยือนสหรัฐของเซเลนสกีเพื่อลงนามในดีลแร่ธาตุธรรมชาติฯ เกิดการโต้เถียงระหว่างเซเลนสกี กับแวนซ์รองประธานาธิบดีฯและลุงทรัมป์ในห้องรูปไข่ แล้วลงเอยด้วยเซเลนสกีถูกลุงทรัมป์เอ็ดต่อหน้ากองทัพสื่อฯจนนั่งหน้าจ๋อย ..... โดนเอ็ด โดนชักสีหน้าใส่แบบไม่เหลือเกียรติศักดิ์ศรีของผู้นำประเทศ ประเทศนึงเลย (คลิปอยู่ในเม้นความยาวสิบนาที ดูเถอะ ดูบรรยากาศความเดือดก็น่าจะพอเห็นอะไรบ้างแล้ว)
    .
    เรื่องใหญ่แบบนี้เดี๋ยวสื่อบ้านเราคงรายงานแบบถอดเทปกัน ถ้าไม่รายงานเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ก็น่าเกลียดเกิน แต่จะสรุปใจความสั้นๆให้ว่า เซเลนสกีถูกลุงทรัมป์และแวนซ์ตำหนิต่อหน้าต่อตาแบบไม่ให้ราคาเลยว่า ...... "ไม่ได้รู้สึกขอบคุณสหรัฐ" "disrespectful" "attitude ของเซเลนสกีมีปัญหา" "เอาคนไปตุยทำบ้านเมืองเสียหายเพราะความเกลียดปูติน(เป็นการส่วนตัว)" "เซเลนสกีเอาโลกไปเสี่ยงต่อการเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม" "เซเลนสกีไม่มีอำนาจที่จะต่อรองอะไรได้เลย ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไร(แต่ชอบทำเรื่องเยอะ)" "ถ้าสหรัฐหยุดความช่วยเหลือวันนี้ยูเครนจะเสร็จรัสเซียในเวลารวดเร็ว" "การหยุดยิง สันติภาพไม่เกิดขึ้นก็เพราะเซเลนสกีเรื่องเยอะ" "ยังไม่ทันไร ยังไม่เริ่มคุย ไอนั่นก็ไม่เอาไอนี่ก็ไม่เอา" ฯลฯ
    .
    2. จากข้อ1 ...... ลุงทรัมป์เลยเปลี่ยนใจไม่ลงนามในดีลแร่ธาตุธรรมชาติฯกับเซเลนสกีแล้ว โดยบอกว่า
    เซเลนสกีไม่พร้อมสำหรับสันติภาพตราบใดที่มีสหรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วประชดด้วยว่าเซเลนสกีรู้สึกว่าการมีส่วนร่วมของสหรัฐจะทำให้เค้าได้เปรียบอย่างมากในการเจรจาฯ ลุงทรัมป์ไม่ได้ต้องการความได้เปรียบแต่ต้องการสันติภาพ
    เซเลนสกีแสดงความไม่เคารพสหรัฐในห้องรูปไข่ (ห้องทำงานของประธานาธิบดีฯ สัญลักษณ์แห่งอำนาจของสหรัฐ) เอาไว้เซเลนสกีพร้อมสำหรับสันติภาพแล้วค่อยกลับมา
    และได้ทำการยกเลิกการแถลงข่าวร่วมฯของผู้นำสั้งสอง
    ..... แล้วก็มีรายงานข่าวว่า เซเลนสกีถูกเชิญออกจากทำเนียบขาวแบบไม่ให้เกียรติ ..... ถ้าเป็นเรื่องจริง นั่นผู้นำประเทศหนึ่งนะ ไม่เหลือทรงเลย เฮ้อออออ เห็นใจชาวยูเครนจริงๆ 🥹🥹
    .
    นั่นแหละครับ เซเลนสกีไม่มีอานาจ ไม่มีอะไรที่จะเอาไปต่อรองได้เลย
    นอกจากชีวิตของชาวยูเครนแล้วก็ไม่ได้มีต้นทุนสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำสงครามเลย ทุกอย่างต้องขอชาวบ้านมาตลอดสามปี ตลอดสามปีที่ผ่านมาเคยเห็นเค้าหยุดเดินสายขอชาวบ้านมั้ย?
    จะทำสงครามต่อไปได้แค่ไหนก็ต้องอาศัยความเมตตาจากประเทศอื่น
    แต่ก็ยังจะลากประเทศเข้าสู่สงครามที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ตั้งแต่แรก สงครามเกิดแล้วก็ยังสามารถยุติได้ตั้งแต่ต้นๆ แต่ก็ไม่เอาอีก
    .
    ผ่านมาสามปี วันนี้ประเทศผู้สนับสนุนหลักที่เคยเมตตา เค้าไม่เมตตาเหมือนเดิมบอกให้หยุดสู้รบได้แล้ว ถ้าไม่หยุดก็ไปหาทางทำสงครามต่อเอาเอง แล้วจะไปยังไงต่อ?
    ผู้คนก็ตุยไปแล้ว ดินแดนก็เสียไปแล้ว จะทำสงครามต่อก็ไม่มีปัญญารบได้ด้วยตัวเอง แถมล่าสุดก็ไปโดนสหรัฐฉีกหน้าต่อหน้าโลกซะขนาดนั้น ...... แต่ส่วนตัวเชื่อว่ายังไงเซเลนสกีก็ต้องเดินตัวลีบๆไปขอร้องให้เค้าช่วยอยู่ดี
    เฮ้ออออ ถึงได้บอกว่า คนนี้เค้าเหมือนเด็กอมมือบทเวทีโลก
    ก่อนสงครามไปจนถึงช่วงต้นของสงคราม อำนาจต่อรองอยู่ที่เซเลนสกี แต่เค้าไม่ยอมเจรจาฯเอง ..... พอตอนนี้ไม่มีอำนาจต่อรองอะไรแล้ว กลับมางอแงจะมีส่วนร่วมในการเจรจาฯ
    .
    ส่วนทางทรัมป์กับแวนซ์ เค้าเคยบอกว่าไม่ได้จะไปเอาเงื่อนไขของรัสเซียมาบังคับให้ยูเครนยอมรับ แต่ต้องการไปคุยกับรัสเซียก่อน แล้วค่อยมาคุยกับเซเลนสกี จะรับไม่รับ ทั้งสองฝ่ายค่อยมาต่อรองอีกที
    ก็เพราะเซเลนสกีเป็นแบบนี้แหละ ยังไม่ทันไรก็ตั้งเงื่อนไขเว่อร์ๆผ่านสื่อฯไว้ก่อน ไปเอาเซเลนสกีเข้ามาตั้งแต่แรก การเจรจายุติสงครามฯก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้
    (หนึ่งในตัวอย่างของความเว่อร์เซเลนสกีที่เคยพูดไว้ สงครามจะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียคืนดินแดนทั้งหมด ปลดอาวุธนิวเคลียร์ ลดขนาดกองทัพ และ ลดความสามารถทางทหารของตัวเอง ..... เอาแค่ข้อไหนข้อเดียวก็เป็นไปไม่ได้แล้ว)
    .
    ที่สำคัญ ลุงทรัมป์เค้าชัดมาตั้งแต่แรกแล้วว่า เค้าอยู่ในฐานะตัวกลางที่จะยึดเอาตามสถานการณ์จริงในพื้นที่สู้รบ
    มันไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่ความรับผิดชอบของลุงทรัมป์ที่ต้องไปทวงดินแดนที่เสียไปคืนให้ยูเครน (ที่เซเลนสกีงอแงมีปัญหาก็เพราะตรงนี้แหละ)
    ทางยูเครนเองก็ไม่ได้มีต้นทุนสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำสงครามเลย ยิ่งไม่มีทางที่จะเอาชนะรัสเซียยึดดินแดนที่เสียไปคืนมาได้อยู่แล้ว
    ..... หยุดซะตอนนี้เลยดีกว่า ยูเครนจะเสียน้อยกว่าปล่อยให้สงครามยืดเยื้อออกไป เป็นการดีต่อชาวยูเครนเอง
    .
    3. ต้นเดือนที่ผ่านมา สหรัฐประสบความสำเร็จในการใช้อาวุธแสงเลเซอร์ "HELIOS" ที่ติดตั้งบนเรือรบสอยโดรนลงได้ ..... มีข่าวออกมาสองทาง ทางหนึ่งบอกว่าเป็นการทดสอบ ส่วนอีกทางบอกว่าสอยโดรนของฮูตีลงมาได้
    แต่ไม่ว่าอย่างไร เชื่อว่าในตอนนี้อาวุธแสงเลเซอร์ "HELIOS" ของสหรัฐสามารถนำมาใช้จริงในสนามรบได้แล้ว
    .
    4. มีข่าวว่าสหรัฐจะปิดคลังอาวุธลับในกรีซ ซึ่งเป็นคลังที่เก็บอาวุธเพื่อส่งเข้าไปในยูเครน
    .
    5. เมื่อวานนี้ เกาหลีใต้ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในส่วนที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์แล้ว
    .
    6. นครนิวยอร์คเก็บค่า Congestion Charge จากรถยนต์ชนิดต่างๆในการเข้าเขตเศรษฐกิจที่มีการจราจรหนาแน่นในแมนแฮทตันในเดือนแรกได้เกือบ 50 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 1.7 พันล้านบาท
    (Congestion Charge คือค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นมากๆ ส่วนใหญ่ก็จะเรียกเก็บกันในเวลากลางวันหรือในชั่วโมงเร่งด่วน เพื่อจูงใจให้ผู้คนหันไปใช้บริการขนส่งสาธารณะ เพื่อลดความหนาแน่นของรถยนต์ในพื้นที่นั้นๆ ..... เห็นผ่านๆตาว่าบ้านเราก็กำลังมีแนวคิดที่จะทำอยู่)
    .
    ภาพประกอบ ..... เรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นทำเนียบขาว 🥹🥹

    ***เช่นเคย ขอความร่วมมืออย่าโยงมาการเมืองและนักการเมืองบ้านเรากันนะครับ ...... ถ้าทนไม่ไหวแนะนำให้แชร์ไปด่าที่กลุ่มหรือที่เฟสตัวเองครับ*** CR. https://www.facebook.com/share/1X94bYrs7p/?mibextid=wwXIfr ซิริอุส เป็นเรื่องของดวงดาว
    แจ้งข่าวต่างประเทศสั้นๆ 01/03/2025 1. ล่าสุดไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ในการไปเยือนสหรัฐของเซเลนสกีเพื่อลงนามในดีลแร่ธาตุธรรมชาติฯ เกิดการโต้เถียงระหว่างเซเลนสกี กับแวนซ์รองประธานาธิบดีฯและลุงทรัมป์ในห้องรูปไข่ แล้วลงเอยด้วยเซเลนสกีถูกลุงทรัมป์เอ็ดต่อหน้ากองทัพสื่อฯจนนั่งหน้าจ๋อย ..... โดนเอ็ด โดนชักสีหน้าใส่แบบไม่เหลือเกียรติศักดิ์ศรีของผู้นำประเทศ ประเทศนึงเลย (คลิปอยู่ในเม้นความยาวสิบนาที ดูเถอะ ดูบรรยากาศความเดือดก็น่าจะพอเห็นอะไรบ้างแล้ว) . เรื่องใหญ่แบบนี้เดี๋ยวสื่อบ้านเราคงรายงานแบบถอดเทปกัน ถ้าไม่รายงานเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ก็น่าเกลียดเกิน แต่จะสรุปใจความสั้นๆให้ว่า เซเลนสกีถูกลุงทรัมป์และแวนซ์ตำหนิต่อหน้าต่อตาแบบไม่ให้ราคาเลยว่า ...... "ไม่ได้รู้สึกขอบคุณสหรัฐ" "disrespectful" "attitude ของเซเลนสกีมีปัญหา" "เอาคนไปตุยทำบ้านเมืองเสียหายเพราะความเกลียดปูติน(เป็นการส่วนตัว)" "เซเลนสกีเอาโลกไปเสี่ยงต่อการเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม" "เซเลนสกีไม่มีอำนาจที่จะต่อรองอะไรได้เลย ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อรองอะไร(แต่ชอบทำเรื่องเยอะ)" "ถ้าสหรัฐหยุดความช่วยเหลือวันนี้ยูเครนจะเสร็จรัสเซียในเวลารวดเร็ว" "การหยุดยิง สันติภาพไม่เกิดขึ้นก็เพราะเซเลนสกีเรื่องเยอะ" "ยังไม่ทันไร ยังไม่เริ่มคุย ไอนั่นก็ไม่เอาไอนี่ก็ไม่เอา" ฯลฯ . 2. จากข้อ1 ...... ลุงทรัมป์เลยเปลี่ยนใจไม่ลงนามในดีลแร่ธาตุธรรมชาติฯกับเซเลนสกีแล้ว โดยบอกว่า เซเลนสกีไม่พร้อมสำหรับสันติภาพตราบใดที่มีสหรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วประชดด้วยว่าเซเลนสกีรู้สึกว่าการมีส่วนร่วมของสหรัฐจะทำให้เค้าได้เปรียบอย่างมากในการเจรจาฯ ลุงทรัมป์ไม่ได้ต้องการความได้เปรียบแต่ต้องการสันติภาพ เซเลนสกีแสดงความไม่เคารพสหรัฐในห้องรูปไข่ (ห้องทำงานของประธานาธิบดีฯ สัญลักษณ์แห่งอำนาจของสหรัฐ) เอาไว้เซเลนสกีพร้อมสำหรับสันติภาพแล้วค่อยกลับมา และได้ทำการยกเลิกการแถลงข่าวร่วมฯของผู้นำสั้งสอง ..... แล้วก็มีรายงานข่าวว่า เซเลนสกีถูกเชิญออกจากทำเนียบขาวแบบไม่ให้เกียรติ ..... ถ้าเป็นเรื่องจริง นั่นผู้นำประเทศหนึ่งนะ ไม่เหลือทรงเลย เฮ้อออออ เห็นใจชาวยูเครนจริงๆ 🥹🥹 . นั่นแหละครับ เซเลนสกีไม่มีอานาจ ไม่มีอะไรที่จะเอาไปต่อรองได้เลย นอกจากชีวิตของชาวยูเครนแล้วก็ไม่ได้มีต้นทุนสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำสงครามเลย ทุกอย่างต้องขอชาวบ้านมาตลอดสามปี ตลอดสามปีที่ผ่านมาเคยเห็นเค้าหยุดเดินสายขอชาวบ้านมั้ย? จะทำสงครามต่อไปได้แค่ไหนก็ต้องอาศัยความเมตตาจากประเทศอื่น แต่ก็ยังจะลากประเทศเข้าสู่สงครามที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ตั้งแต่แรก สงครามเกิดแล้วก็ยังสามารถยุติได้ตั้งแต่ต้นๆ แต่ก็ไม่เอาอีก . ผ่านมาสามปี วันนี้ประเทศผู้สนับสนุนหลักที่เคยเมตตา เค้าไม่เมตตาเหมือนเดิมบอกให้หยุดสู้รบได้แล้ว ถ้าไม่หยุดก็ไปหาทางทำสงครามต่อเอาเอง แล้วจะไปยังไงต่อ? ผู้คนก็ตุยไปแล้ว ดินแดนก็เสียไปแล้ว จะทำสงครามต่อก็ไม่มีปัญญารบได้ด้วยตัวเอง แถมล่าสุดก็ไปโดนสหรัฐฉีกหน้าต่อหน้าโลกซะขนาดนั้น ...... แต่ส่วนตัวเชื่อว่ายังไงเซเลนสกีก็ต้องเดินตัวลีบๆไปขอร้องให้เค้าช่วยอยู่ดี เฮ้ออออ ถึงได้บอกว่า คนนี้เค้าเหมือนเด็กอมมือบทเวทีโลก ก่อนสงครามไปจนถึงช่วงต้นของสงคราม อำนาจต่อรองอยู่ที่เซเลนสกี แต่เค้าไม่ยอมเจรจาฯเอง ..... พอตอนนี้ไม่มีอำนาจต่อรองอะไรแล้ว กลับมางอแงจะมีส่วนร่วมในการเจรจาฯ . ส่วนทางทรัมป์กับแวนซ์ เค้าเคยบอกว่าไม่ได้จะไปเอาเงื่อนไขของรัสเซียมาบังคับให้ยูเครนยอมรับ แต่ต้องการไปคุยกับรัสเซียก่อน แล้วค่อยมาคุยกับเซเลนสกี จะรับไม่รับ ทั้งสองฝ่ายค่อยมาต่อรองอีกที ก็เพราะเซเลนสกีเป็นแบบนี้แหละ ยังไม่ทันไรก็ตั้งเงื่อนไขเว่อร์ๆผ่านสื่อฯไว้ก่อน ไปเอาเซเลนสกีเข้ามาตั้งแต่แรก การเจรจายุติสงครามฯก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ (หนึ่งในตัวอย่างของความเว่อร์เซเลนสกีที่เคยพูดไว้ สงครามจะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียคืนดินแดนทั้งหมด ปลดอาวุธนิวเคลียร์ ลดขนาดกองทัพ และ ลดความสามารถทางทหารของตัวเอง ..... เอาแค่ข้อไหนข้อเดียวก็เป็นไปไม่ได้แล้ว) . ที่สำคัญ ลุงทรัมป์เค้าชัดมาตั้งแต่แรกแล้วว่า เค้าอยู่ในฐานะตัวกลางที่จะยึดเอาตามสถานการณ์จริงในพื้นที่สู้รบ มันไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่ความรับผิดชอบของลุงทรัมป์ที่ต้องไปทวงดินแดนที่เสียไปคืนให้ยูเครน (ที่เซเลนสกีงอแงมีปัญหาก็เพราะตรงนี้แหละ) ทางยูเครนเองก็ไม่ได้มีต้นทุนสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำสงครามเลย ยิ่งไม่มีทางที่จะเอาชนะรัสเซียยึดดินแดนที่เสียไปคืนมาได้อยู่แล้ว ..... หยุดซะตอนนี้เลยดีกว่า ยูเครนจะเสียน้อยกว่าปล่อยให้สงครามยืดเยื้อออกไป เป็นการดีต่อชาวยูเครนเอง . 3. ต้นเดือนที่ผ่านมา สหรัฐประสบความสำเร็จในการใช้อาวุธแสงเลเซอร์ "HELIOS" ที่ติดตั้งบนเรือรบสอยโดรนลงได้ ..... มีข่าวออกมาสองทาง ทางหนึ่งบอกว่าเป็นการทดสอบ ส่วนอีกทางบอกว่าสอยโดรนของฮูตีลงมาได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เชื่อว่าในตอนนี้อาวุธแสงเลเซอร์ "HELIOS" ของสหรัฐสามารถนำมาใช้จริงในสนามรบได้แล้ว . 4. มีข่าวว่าสหรัฐจะปิดคลังอาวุธลับในกรีซ ซึ่งเป็นคลังที่เก็บอาวุธเพื่อส่งเข้าไปในยูเครน . 5. เมื่อวานนี้ เกาหลีใต้ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในส่วนที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์แล้ว . 6. นครนิวยอร์คเก็บค่า Congestion Charge จากรถยนต์ชนิดต่างๆในการเข้าเขตเศรษฐกิจที่มีการจราจรหนาแน่นในแมนแฮทตันในเดือนแรกได้เกือบ 50 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 1.7 พันล้านบาท (Congestion Charge คือค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นมากๆ ส่วนใหญ่ก็จะเรียกเก็บกันในเวลากลางวันหรือในชั่วโมงเร่งด่วน เพื่อจูงใจให้ผู้คนหันไปใช้บริการขนส่งสาธารณะ เพื่อลดความหนาแน่นของรถยนต์ในพื้นที่นั้นๆ ..... เห็นผ่านๆตาว่าบ้านเราก็กำลังมีแนวคิดที่จะทำอยู่) . ภาพประกอบ ..... เรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นทำเนียบขาว 🥹🥹 ***เช่นเคย ขอความร่วมมืออย่าโยงมาการเมืองและนักการเมืองบ้านเรากันนะครับ ...... ถ้าทนไม่ไหวแนะนำให้แชร์ไปด่าที่กลุ่มหรือที่เฟสตัวเองครับ*** CR. https://www.facebook.com/share/1X94bYrs7p/?mibextid=wwXIfr ซิริอุส เป็นเรื่องของดวงดาว
    0 Comments 0 Shares 380 Views 0 Reviews
  • เรือประมงเวียดนามหันหัวพุ่งชน "เรือหลวงเทพา" กองทัพเรือพังเสียหาย หลังพยายามเข้าไปจับกุมรุกลํ้าน่านนํ้าไทยเข้ามาทำประมงนับ 10 ลำ ก่อนจับเรือได้ 1 ลำ ผู้ต้องหา 4 คน ที่เหลือหลบหนีไปได้
    .
    เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่บริเวณท่าเรืออเนกประสงค์ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เรือหลวงเทพา และเรือต.246 ลากเรือประมงต่างชาติ 1 ลำ พร้อมลูกเรือประมงจำนวน 4 คน มาเทียบท่าเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ หลังถูกจับกุมได้ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย เมื่อเช้าวันนี้ โดยมี พล.ร.ท.อาภา ชพานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1/ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย พล.ร.ต.ไชยนันท์ ชูใหม่ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และคณะ ร่วมให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนที่มาติดตามสถานการณ์
    .
    พล.ร.ท.อาภา เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) บูรณาการร่วมกับ ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน (มชด.) รวมถึงการประสานงานด้านการข่าวร่วมกับ กรมข่าวทหารเรือ (ขว.ทร.) จากการปฏิบัติการด้านการข่าวนำไปสู่การจับกุมเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้าทำการประมงในเขตน่านน้ำไทยจำนวน 1 ลำ
    .
    โดยเมื่อ 24 ก.พ. ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว กรณีตรวจพบเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย โดยตรวจพบเป็นกลุ่มเรือประมงต่างชาติ จำนวนประมาณ 10 ลำ ประกอบด้วยเรือประมงลากคู่ เรืออวนล้อม และเรือไดปั่นไฟ เข้ามาทำการประมงอยู่ในน่านน้ำไทย บริเวณพิกัด ละติจูด 11 องศา 06 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 26 ลิปดาตะวันออก ลงไปจนถึง ละติจูด 10 องศา 58 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 25 ลิปดาตะวันออก อย่างต่อเนื่อง และมีพฤติการณ์รุกล้ำเข้ามาทำประมงในห้วงเวลากลางคืนในพื้นที่ดังกล่าว และจะออกจากพื้นที่วิ่งลงใต้ไปจอดพักคอยในเวลากลางวัน เพื่อรอทำการประมงในห้วงกลางคืนของทุกวัน
    .
    จากปัจจัยพื้นที่และเวลา ศรชล.ภาค 1 จึงขอรับการสนับสนุนเรือในบัญชีกำลัง ศรชล.ภาค 1 จาก กปช.จต. โดยเป็นเรือใน มชด./1 และอากาศยานจาก มวบ.กปก.ทรภ.1 ในการตรวจสอบในพื้นที่และกลุ่มเรือประมงดังกล่าว ซึ่ง กปช.จต. ให้การสนับสนุน ร.ล.เทพา และ เรือ ต.264 พร้อมด้วย ทรภ.1 จัด บ.ตช.1 สนับสนุน ศรชล.ภาค 1 และผลการปฏิบัติ จับกุมเรือประมงต่างชาติ ได้จำนวน 1 ลำ พร้อม ลูกเรือจำนวน 4 คน ส่วนที่เหลือเร่งเครื่องและหันทิศทางหนีออกนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทยไปได้
    .
    พล.ร.ท.อาภา ตอบคำถามสื่อมวลชนเพิ่มเติมกรณีที่มีเรือประมงเวียดนามทำการชนเรือหลวงเทพา ว่า ระหว่างทำการจับกุมนั้น เรือประมงเวียดนามหลายลำได้เร่งเครื่องยนต์และหลบหนีไปนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่มีเรือประมงเวียดนามอีกลำที่หลบหนีไม่ทัน ได้หันหัวเรือพุ่งเข้าชนเรือหลวงเทพาที่บริเวณด้านข้างเรือด้านขวา ทำให้ยุบไปส่วนหนึ่ง แต่ไม่มากนัก แต่สุดท้ายถูกจับได้พร้อมลูกเรือ 4 คน ส่วนก่อนการจับกุมได้ทำการยิงปืนเอ็ม 16 ขู่ เพื่อให้หยุดการหลบหนี ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ดำเนินการตามหลักสากล
    .
    ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อไป โดยก่อนหน้านี้ เรือประมงเวียดนามได้เข้ามาลักลอบทำประมงในเขตน่านน้ำไทยบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ทัพเรือภาค 2 หรืออ่าวไทยตอนล่าง ซึ่งได้มีการจับกุมบ่อยครั้ง และครั้งนี้ ได้เข้ามายังพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ซึ่งเหนือขึ้นมา และครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในปี 2568 ที่มีการจับกุมได้ของพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะได้ทำหนังสือแจ้งไปยังรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศให้ประสานไปยังรัฐบาลเวียดนามในการดูแลในเรื่องนี้ต่อไป
    .
    สุดท้ายศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมง ในความร่วมมือที่ได้แจ้งเบาะแสของเรือที่กระทำความผิด และขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและชาวประมงไทยว่า “ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 นั้น เราจะปกป้อง และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มความสามารถ โดยมิยอมให้เรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรในการทำการประมงเป็นอันขาด ทั้งนี้เพื่อให้ทรัพยากรของประเทศไทย คงอยู่กับลูกหลานของคนไทย”
    ---------
    ที่มา : เดลินิวส์
    ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4436420/
    เรือประมงเวียดนามหันหัวพุ่งชน "เรือหลวงเทพา" กองทัพเรือพังเสียหาย หลังพยายามเข้าไปจับกุมรุกลํ้าน่านนํ้าไทยเข้ามาทำประมงนับ 10 ลำ ก่อนจับเรือได้ 1 ลำ ผู้ต้องหา 4 คน ที่เหลือหลบหนีไปได้ . เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่บริเวณท่าเรืออเนกประสงค์ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เรือหลวงเทพา และเรือต.246 ลากเรือประมงต่างชาติ 1 ลำ พร้อมลูกเรือประมงจำนวน 4 คน มาเทียบท่าเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ หลังถูกจับกุมได้ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย เมื่อเช้าวันนี้ โดยมี พล.ร.ท.อาภา ชพานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1/ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย พล.ร.ต.ไชยนันท์ ชูใหม่ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และคณะ ร่วมให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนที่มาติดตามสถานการณ์ . พล.ร.ท.อาภา เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) บูรณาการร่วมกับ ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน (มชด.) รวมถึงการประสานงานด้านการข่าวร่วมกับ กรมข่าวทหารเรือ (ขว.ทร.) จากการปฏิบัติการด้านการข่าวนำไปสู่การจับกุมเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้าทำการประมงในเขตน่านน้ำไทยจำนวน 1 ลำ . โดยเมื่อ 24 ก.พ. ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว กรณีตรวจพบเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย โดยตรวจพบเป็นกลุ่มเรือประมงต่างชาติ จำนวนประมาณ 10 ลำ ประกอบด้วยเรือประมงลากคู่ เรืออวนล้อม และเรือไดปั่นไฟ เข้ามาทำการประมงอยู่ในน่านน้ำไทย บริเวณพิกัด ละติจูด 11 องศา 06 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 26 ลิปดาตะวันออก ลงไปจนถึง ละติจูด 10 องศา 58 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 25 ลิปดาตะวันออก อย่างต่อเนื่อง และมีพฤติการณ์รุกล้ำเข้ามาทำประมงในห้วงเวลากลางคืนในพื้นที่ดังกล่าว และจะออกจากพื้นที่วิ่งลงใต้ไปจอดพักคอยในเวลากลางวัน เพื่อรอทำการประมงในห้วงกลางคืนของทุกวัน . จากปัจจัยพื้นที่และเวลา ศรชล.ภาค 1 จึงขอรับการสนับสนุนเรือในบัญชีกำลัง ศรชล.ภาค 1 จาก กปช.จต. โดยเป็นเรือใน มชด./1 และอากาศยานจาก มวบ.กปก.ทรภ.1 ในการตรวจสอบในพื้นที่และกลุ่มเรือประมงดังกล่าว ซึ่ง กปช.จต. ให้การสนับสนุน ร.ล.เทพา และ เรือ ต.264 พร้อมด้วย ทรภ.1 จัด บ.ตช.1 สนับสนุน ศรชล.ภาค 1 และผลการปฏิบัติ จับกุมเรือประมงต่างชาติ ได้จำนวน 1 ลำ พร้อม ลูกเรือจำนวน 4 คน ส่วนที่เหลือเร่งเครื่องและหันทิศทางหนีออกนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทยไปได้ . พล.ร.ท.อาภา ตอบคำถามสื่อมวลชนเพิ่มเติมกรณีที่มีเรือประมงเวียดนามทำการชนเรือหลวงเทพา ว่า ระหว่างทำการจับกุมนั้น เรือประมงเวียดนามหลายลำได้เร่งเครื่องยนต์และหลบหนีไปนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่มีเรือประมงเวียดนามอีกลำที่หลบหนีไม่ทัน ได้หันหัวเรือพุ่งเข้าชนเรือหลวงเทพาที่บริเวณด้านข้างเรือด้านขวา ทำให้ยุบไปส่วนหนึ่ง แต่ไม่มากนัก แต่สุดท้ายถูกจับได้พร้อมลูกเรือ 4 คน ส่วนก่อนการจับกุมได้ทำการยิงปืนเอ็ม 16 ขู่ เพื่อให้หยุดการหลบหนี ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ดำเนินการตามหลักสากล . ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อไป โดยก่อนหน้านี้ เรือประมงเวียดนามได้เข้ามาลักลอบทำประมงในเขตน่านน้ำไทยบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ทัพเรือภาค 2 หรืออ่าวไทยตอนล่าง ซึ่งได้มีการจับกุมบ่อยครั้ง และครั้งนี้ ได้เข้ามายังพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ซึ่งเหนือขึ้นมา และครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในปี 2568 ที่มีการจับกุมได้ของพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะได้ทำหนังสือแจ้งไปยังรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศให้ประสานไปยังรัฐบาลเวียดนามในการดูแลในเรื่องนี้ต่อไป . สุดท้ายศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมง ในความร่วมมือที่ได้แจ้งเบาะแสของเรือที่กระทำความผิด และขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและชาวประมงไทยว่า “ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 นั้น เราจะปกป้อง และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มความสามารถ โดยมิยอมให้เรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรในการทำการประมงเป็นอันขาด ทั้งนี้เพื่อให้ทรัพยากรของประเทศไทย คงอยู่กับลูกหลานของคนไทย” --------- ที่มา : เดลินิวส์ ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4436420/
    0 Comments 0 Shares 380 Views 0 Reviews
  • ภารกิจข้ามชาติ มือปราบ “หลิว จงอี้” บุกแม่สอดและเมียวดี
    .
    หลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงฯ แห่งจีน นำคณะบินลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ข้ามฝั่งไปเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา เพื่อพบกับ รมว.มหาดไทย เมียนมา พร้อมรับคนจีนกลับประเทศ
    .
    รายงานข่าวแจ้งว่า
    วันที่ 16 ก.พ.2567 หลังรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านกวางตุัง อ.แม่สอด หลิว จงอี้ เตรียมตัวข้ามแดน
    .
    14.00 น. ขบวนรถของหลิว จงอี้ ข้ามสะพานแห่งที่ 1 ไปฝั่งเมียวดี
    .
    ทหารเมียนมา จากกองพล 22 และกองกำลัง BGF มารอต้อนรับ
    พา หลิว จงอี้ ไปโรงแรมกรีนสตาร์ (โรงแรมของ พ.ต.ติ่น วิน ผบ.กรม 2 BGF)
    .
    หลิว จงอี้ เข้าร่วมประชุมกับ รมว.มหาดไทย และ ผบ.ตร.ของเมียนมา
    .
    หลังการประชุมเวลา 15.30 น. หลิวจงอี้ ข้ามกลับมาฝั่งไทย
    ไปดูสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2
    หลิว จงอี้ พักที่แม่สอด
    .
    วันที่ 17 ก.พ. หลิว จงอี้ จะเดินทางไปเมียวดี อีกครั้ง
    จะไปพล พ.อ.ซอ ชิตตู่ และเยี่ยมคนจีน เหยื่อแก๊งคอลฯ ที่เมืองใหม่ชเวก๊กโก่ง
    ............
    Sondhi X
    ภารกิจข้ามชาติ มือปราบ “หลิว จงอี้” บุกแม่สอดและเมียวดี . หลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงฯ แห่งจีน นำคณะบินลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ข้ามฝั่งไปเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา เพื่อพบกับ รมว.มหาดไทย เมียนมา พร้อมรับคนจีนกลับประเทศ . รายงานข่าวแจ้งว่า วันที่ 16 ก.พ.2567 หลังรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านกวางตุัง อ.แม่สอด หลิว จงอี้ เตรียมตัวข้ามแดน . 14.00 น. ขบวนรถของหลิว จงอี้ ข้ามสะพานแห่งที่ 1 ไปฝั่งเมียวดี . ทหารเมียนมา จากกองพล 22 และกองกำลัง BGF มารอต้อนรับ พา หลิว จงอี้ ไปโรงแรมกรีนสตาร์ (โรงแรมของ พ.ต.ติ่น วิน ผบ.กรม 2 BGF) . หลิว จงอี้ เข้าร่วมประชุมกับ รมว.มหาดไทย และ ผบ.ตร.ของเมียนมา . หลังการประชุมเวลา 15.30 น. หลิวจงอี้ ข้ามกลับมาฝั่งไทย ไปดูสะพานมิตรภาพไทย-พม่า แห่งที่ 2 หลิว จงอี้ พักที่แม่สอด . วันที่ 17 ก.พ. หลิว จงอี้ จะเดินทางไปเมียวดี อีกครั้ง จะไปพล พ.อ.ซอ ชิตตู่ และเยี่ยมคนจีน เหยื่อแก๊งคอลฯ ที่เมืองใหม่ชเวก๊กโก่ง ............ Sondhi X
    Like
    Love
    16
    0 Comments 0 Shares 1575 Views 0 Reviews
  • 16 มี.ค.68 งาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว ทวงความยุติธรรมให้แตงโม”รับรองสุดซอย
    .

    รายการ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ครั้งแรกของปี 2568 มาแล้ว ครั้งนี้เราใช้หัวข้อว่า "ความจริงมีหนึ่งเดียว ทวงความยุติธรรมให้แตงโม" งานนี้รับรองว่าสุดซอย
    .
    พระเอกของงานนี้คือ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ที่จะมาพูดกันให้เต็มที่ เรื่องราวของแตงโม ส่วนแขกรับเชิญ ไม่ต้องห่วง รับรองจะจัดแน่น ทันทุกเหตุการณ์ เจาะลึกทุกประเด็นอย่างแน่นอน
    .
    เรากำหนดวันเรียบร้อยแล้วครับ 16 มีนาคม 2568 เดือนหน้า สามสิบวันจากนี้ไป ที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ราคาบัตร 300 บาท มีอาหารกลางวันให้ ติดต่อจองบัตรเข้ามาทางไลน์ (LINE) @sondhitalk หมดแล้วหมดเลย รีบๆ จองเข้ามาเลย หมดแล้วหมดเลยจริงๆ
    16 มี.ค.68 งาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว ทวงความยุติธรรมให้แตงโม”รับรองสุดซอย . รายการ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ครั้งแรกของปี 2568 มาแล้ว ครั้งนี้เราใช้หัวข้อว่า "ความจริงมีหนึ่งเดียว ทวงความยุติธรรมให้แตงโม" งานนี้รับรองว่าสุดซอย . พระเอกของงานนี้คือ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ที่จะมาพูดกันให้เต็มที่ เรื่องราวของแตงโม ส่วนแขกรับเชิญ ไม่ต้องห่วง รับรองจะจัดแน่น ทันทุกเหตุการณ์ เจาะลึกทุกประเด็นอย่างแน่นอน . เรากำหนดวันเรียบร้อยแล้วครับ 16 มีนาคม 2568 เดือนหน้า สามสิบวันจากนี้ไป ที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ราคาบัตร 300 บาท มีอาหารกลางวันให้ ติดต่อจองบัตรเข้ามาทางไลน์ (LINE) @sondhitalk หมดแล้วหมดเลย รีบๆ จองเข้ามาเลย หมดแล้วหมดเลยจริงๆ
    Like
    Wow
    3
    0 Comments 0 Shares 357 Views 0 Reviews
  • ป.ป.ช.ส่งข้อกล่าวหา 44 สส.อดีตก้าวไกล เสนอแก้ 112 ถึงมือแต่ละคนแล้ว กลางวันมาฆบูชา “โรม” พ้อไร้บทบัญญัติใดเสนอไม่ได้ ย้ำก่อนหาเสียงส่งกกต.แล้ว ลั่น ตลกร้ายเทียบ ป.ป.ช.วิ่งเต้นให้หลุดถอดถอน บอกยินดีกับ “สุชาติ” รู้เวลาเหลือไม่มากจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ดีที่สุด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000015056

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ป.ป.ช.ส่งข้อกล่าวหา 44 สส.อดีตก้าวไกล เสนอแก้ 112 ถึงมือแต่ละคนแล้ว กลางวันมาฆบูชา “โรม” พ้อไร้บทบัญญัติใดเสนอไม่ได้ ย้ำก่อนหาเสียงส่งกกต.แล้ว ลั่น ตลกร้ายเทียบ ป.ป.ช.วิ่งเต้นให้หลุดถอดถอน บอกยินดีกับ “สุชาติ” รู้เวลาเหลือไม่มากจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ดีที่สุด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000015056 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    28
    0 Comments 0 Shares 1321 Views 0 Reviews
  • โยนหินถามทาง ยกเลิกจำกัดขายเหล้า

    ในประเทศไทยจำกัดการจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. ให้จำหน่ายได้เฉพาะเวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น. 2. งดจำหน่ายในวันสำคัญทางศาสนา ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา ก่อนที่จะแก้ไขโดยเพิ่มวันออกพรรษา ยกเว้นดิวตี้ฟรีในสนามบิน 3. ห้ามขาย จำหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิดในเขตเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน ถึงเวลา 18.00 น. ของวันเลือกตั้ง

    แต่ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนข้อจำกัดทางกฎหมายในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยอ้างว่าได้รับข้อร้องเรียนจากภาคธุรกิจหลายกลุ่มว่าเป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและไม่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงสั่งการให้ศึกษาเพิ่มเติม ทั้งการห้ามขายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือกรณีติดขัดข้อจำกัดด้านการควบคุมพื้นที่โซนนิ่ง และกฎบางประการออกมาตั้งแต่ช่วงโควิดหรือตั้งแต่ปี 2515

    "อย่างวันพระใหญ่ หรือวันอะไรที่เราเป็นข้อห้ามอยู่ ชาวต่างชาติที่มาเขาไม่ได้ทราบวันเหล่านี้ก่อน และจะมีผลเรื่องการท่องเที่ยว เรามองว่าในธีมปีนี้เป็นปีของการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะต้องถูกพิจารณาอีกครั้ง" น.ส.แพทองธาร ระบุ

    สอดรับกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ระบุว่า นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาศึกษาในเรื่องดังกล่าว ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ มท. คือกรมการปกครอง ต้องไปดูภาพรวม โดยเฉพาะการจัดโซนนิ่ง เพราะครั้งนี้เกี่ยวกับการแก้ พ.ร.บ.ด้วย อีกทั้งต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่และดื่มไม่ขับ ถ้าจะปรับการแก้ไขกฎหมายต้องมีบทลงโทษที่รุนแรง เช่น หากกลางวันตรวจพบต้องมีบทลงโทษรุนแรงมากขึ้น

    กระแสการแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าว เป็นที่จับตามองจากเครือข่ายงดเหล้า ตั้งคำถามว่าที่นักท่องเที่ยวคิดว่าการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วงวันพระใหญ่หรือช่วงบ่าย 2 จึงตัดสินใจไม่มาไทยคงไม่ใช่ เพราะทุกวันนี้นักท่องเที่ยวยังเข้ามาและมากขึ้นเกือบจะเท่าก่อนโควิด แต่มาตรการยังเหมือนเดิม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าอาจต้องการทำให้การขายการดื่มสะดวกมากขึ้น ท้ายสุดคือการเพิ่มจำนวนการดื่มและนักดื่มมากขึ้น เอื้อให้กับผู้ประกอบการหรือไม่ เพราะอันตรายที่แฝงมารัฐบาลก่อนจึงต้องจำกัดหรือควบคุม การที่นายกฯ ให้ไปศึกษานับว่ายังให้เวลาชั่งน้ำหนักผลดีผลเสีย เชื่อว่าหากศึกษาอย่างรอบด้านรัฐบาลควรตัดสินใจอย่างเที่ยงตรงตามหลักวิชาการอย่างแท้จริง

    #Newskit
    โยนหินถามทาง ยกเลิกจำกัดขายเหล้า ในประเทศไทยจำกัดการจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. ให้จำหน่ายได้เฉพาะเวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น. 2. งดจำหน่ายในวันสำคัญทางศาสนา ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา ก่อนที่จะแก้ไขโดยเพิ่มวันออกพรรษา ยกเว้นดิวตี้ฟรีในสนามบิน 3. ห้ามขาย จำหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิดในเขตเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน ถึงเวลา 18.00 น. ของวันเลือกตั้ง แต่ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนข้อจำกัดทางกฎหมายในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยอ้างว่าได้รับข้อร้องเรียนจากภาคธุรกิจหลายกลุ่มว่าเป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและไม่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงสั่งการให้ศึกษาเพิ่มเติม ทั้งการห้ามขายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือกรณีติดขัดข้อจำกัดด้านการควบคุมพื้นที่โซนนิ่ง และกฎบางประการออกมาตั้งแต่ช่วงโควิดหรือตั้งแต่ปี 2515 "อย่างวันพระใหญ่ หรือวันอะไรที่เราเป็นข้อห้ามอยู่ ชาวต่างชาติที่มาเขาไม่ได้ทราบวันเหล่านี้ก่อน และจะมีผลเรื่องการท่องเที่ยว เรามองว่าในธีมปีนี้เป็นปีของการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะต้องถูกพิจารณาอีกครั้ง" น.ส.แพทองธาร ระบุ สอดรับกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ระบุว่า นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาศึกษาในเรื่องดังกล่าว ส่วนที่เกี่ยวข้องกับ มท. คือกรมการปกครอง ต้องไปดูภาพรวม โดยเฉพาะการจัดโซนนิ่ง เพราะครั้งนี้เกี่ยวกับการแก้ พ.ร.บ.ด้วย อีกทั้งต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่และดื่มไม่ขับ ถ้าจะปรับการแก้ไขกฎหมายต้องมีบทลงโทษที่รุนแรง เช่น หากกลางวันตรวจพบต้องมีบทลงโทษรุนแรงมากขึ้น กระแสการแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าว เป็นที่จับตามองจากเครือข่ายงดเหล้า ตั้งคำถามว่าที่นักท่องเที่ยวคิดว่าการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วงวันพระใหญ่หรือช่วงบ่าย 2 จึงตัดสินใจไม่มาไทยคงไม่ใช่ เพราะทุกวันนี้นักท่องเที่ยวยังเข้ามาและมากขึ้นเกือบจะเท่าก่อนโควิด แต่มาตรการยังเหมือนเดิม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าอาจต้องการทำให้การขายการดื่มสะดวกมากขึ้น ท้ายสุดคือการเพิ่มจำนวนการดื่มและนักดื่มมากขึ้น เอื้อให้กับผู้ประกอบการหรือไม่ เพราะอันตรายที่แฝงมารัฐบาลก่อนจึงต้องจำกัดหรือควบคุม การที่นายกฯ ให้ไปศึกษานับว่ายังให้เวลาชั่งน้ำหนักผลดีผลเสีย เชื่อว่าหากศึกษาอย่างรอบด้านรัฐบาลควรตัดสินใจอย่างเที่ยงตรงตามหลักวิชาการอย่างแท้จริง #Newskit
    Angry
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 625 Views 0 Reviews
  • ศูนย์ข่าวขอนแก่น-เจ้าอาวาสวัดจำปา ต.บ้านลาน อ.บ้านไผ่ขับรถยนต์หนีออกจากวัดกลางดึก หลังมีภาพหลุดแต่งตัวเป็นคนธรรมดาถ่ายรูปคู่กับสีกาสาว อ้างมีพระผู้ใหญ่แนะให้หลบไปก่อนจนกว่าจะเคลียร์กับทางคณะสงฆ์จังหวัดและสำนักพุทธได้ ค่อยกลับวัด ซ้ำแถอีกมีมือดีตัดต่อภาพทั้งพระทั้งสีกาคู่กายจะฟ้องเอาผิด

    จากกรณีเพจ Facebook ชื่อ ”อีซ้อขยี้ข่าว“ โพสต์ภาพพระสงฆ์รูปหนึ่งนั่งบนเก้าอี้และมีสีกานั่งอยู่บนพื้น พร้อมข้อความระบุว่า “เจ้าอาวาสวัดนึงใน จ.ขอนแก่น กลางวันอยู่วัด กลางคืนควงสาวเข้ารีสอร์ท“ ภายหลังโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก และทราบต่อมาว่าพระรูปดังกล่าวคือ พระครูพิศาลจันโทภาส เจ้าอาวาสวัดจำปา อ.บ้านไผ่

    ล่าสุดบ่ายวันนี้(12ก.พ.)ที่วัดจำปา ต.บ้านลาน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ได้มีผู้นำชุมชนและชาวบ้าน เกาะกลุ่มพูดคุยวิพากย์วิจารณ์กรณีภาพที่ปรากฏในสื่อโซเชียล ต่างยืนยันว่าเป็นพระครูพิศาลจันโทภาส เจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ และต่อมามีนายวรรลพ วลัยศรี ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านไผ่ พร้อมด้วยปลัดป้องกันอำเภอบ้านไผ่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 และหมู่ 12 ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบพบว่าที่กุฎิเจ้าอาวาสมีการล็อกกุญแจจากด้านนอก ปิดประตูหน้าต่างมิดชิดทุกบาน ส่วนตัวเจ้าอาวาสได้ขับรถกระบะส่วนตัวออกจากวัดไปตั้งแต่เมื่อคืนกลางดึก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000014219

    #MGROnline #วัดจำปา #ขอนแก่น
    ศูนย์ข่าวขอนแก่น-เจ้าอาวาสวัดจำปา ต.บ้านลาน อ.บ้านไผ่ขับรถยนต์หนีออกจากวัดกลางดึก หลังมีภาพหลุดแต่งตัวเป็นคนธรรมดาถ่ายรูปคู่กับสีกาสาว อ้างมีพระผู้ใหญ่แนะให้หลบไปก่อนจนกว่าจะเคลียร์กับทางคณะสงฆ์จังหวัดและสำนักพุทธได้ ค่อยกลับวัด ซ้ำแถอีกมีมือดีตัดต่อภาพทั้งพระทั้งสีกาคู่กายจะฟ้องเอาผิด • จากกรณีเพจ Facebook ชื่อ ”อีซ้อขยี้ข่าว“ โพสต์ภาพพระสงฆ์รูปหนึ่งนั่งบนเก้าอี้และมีสีกานั่งอยู่บนพื้น พร้อมข้อความระบุว่า “เจ้าอาวาสวัดนึงใน จ.ขอนแก่น กลางวันอยู่วัด กลางคืนควงสาวเข้ารีสอร์ท“ ภายหลังโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก และทราบต่อมาว่าพระรูปดังกล่าวคือ พระครูพิศาลจันโทภาส เจ้าอาวาสวัดจำปา อ.บ้านไผ่ • ล่าสุดบ่ายวันนี้(12ก.พ.)ที่วัดจำปา ต.บ้านลาน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ได้มีผู้นำชุมชนและชาวบ้าน เกาะกลุ่มพูดคุยวิพากย์วิจารณ์กรณีภาพที่ปรากฏในสื่อโซเชียล ต่างยืนยันว่าเป็นพระครูพิศาลจันโทภาส เจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ และต่อมามีนายวรรลพ วลัยศรี ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านไผ่ พร้อมด้วยปลัดป้องกันอำเภอบ้านไผ่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 และหมู่ 12 ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบพบว่าที่กุฎิเจ้าอาวาสมีการล็อกกุญแจจากด้านนอก ปิดประตูหน้าต่างมิดชิดทุกบาน ส่วนตัวเจ้าอาวาสได้ขับรถกระบะส่วนตัวออกจากวัดไปตั้งแต่เมื่อคืนกลางดึก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000014219 • #MGROnline #วัดจำปา #ขอนแก่น
    0 Comments 0 Shares 349 Views 0 Reviews
  • คุยกับคนคนไม่จริงใจ คุยกับเอไอดีกว่า ฮา

    กู: เวลาที่มีค่าที่สุดคือเวลาใด?

    ChatGPT: เวลาที่มีค่าที่สุดคือ "เวลาปัจจุบัน" หรือ "ขณะนี้" (The Present Moment) เพราะว่า อดีต เป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้แล้ว อนาคต เป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึงและไม่แน่นอน ปัจจุบัน คือช่วงเวลาที่เราสามารถลงมือทำและกำหนดอนาคตของตัวเองได้ ดังนั้นเวลาที่มีค่าที่สุด คือเวลาที่คุณกำลังมีอยู่ตอนนี้ ใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด! 😊

    กู: คิดว่าเวลาว่างซะอีก

    ChatGPT: เวลาว่างก็มีค่านะ! 🌿✨ เวลาว่าง = โอกาส ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันอย่างไร ถ้าใช้ไปกับสิ่งที่มีประโยชน์ เช่น พักผ่อน เติมพลัง พัฒนาตัวเอง หรือใช้เวลากับคนสำคัญ เวลาว่างก็จะกลายเป็นเวลาที่มีค่าได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เวลาปัจจุบัน + เวลาว่าง = โอกาสที่ดี อยู่ที่เราจะใช้มันให้คุ้มค่าหรือเปล่า! 😃⏳

    กู: แล้วถ้าโลกนี้ไม่มีกลางวันกลางคืนเราจะกำหนดเวลาได้อย่างไร?

    ChatGPT: ถ้าโลกนี้ไม่มีกลางวันกลางคืน หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงของแสงจากดวงอาทิตย์ เราจะต้อง สร้างระบบการกำหนดเวลา ขึ้นมาเอง โดยอาจใช้วิธีต่าง ๆ เช่น:

    1. ใช้วัฏจักรของธรรมชาติ น้ำขึ้นน้ำลง 🌊 → เกิดจากแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ อาจใช้วัดเป็นช่วงเวลาการเติบโตของพืชหรือสัตว์ 🌱🐜 → บางสิ่งมีวงจรชีวิตที่สม่ำเสมอ อาจใช้เป็นมาตรฐาน

    2. ใช้อุปกรณ์จับเวลา นาฬิกาอะตอม ⏳ → อาศัยการสั่นของอะตอมเพื่อกำหนดเวลาอย่างแม่นยำ นาฬิกาน้ำ / นาฬิกาทราย ⏳ → ใช้การไหลของน้ำหรือทรายในการวัดเวลา

    3. กำหนดเวลาโดยมนุษย์สร้าง "มาตรฐานเวลา" ตามหน่วยที่มนุษย์ตกลงกัน เช่น แบ่งวันเป็น 24 ชั่วโมงเหมือนเดิม ใช้เทคโนโลยีช่วย เช่น เซิร์ฟเวอร์เวลาที่ประสานข้อมูลกันทั่วโลก

    4. ใช้หลักดาราศาสตร์ ศึกษาการเคลื่อนที่ของดวงดาวหรือวัตถุท้องฟ้า เช่น ดาวเคราะห์หมุนรอบศูนย์กลางบางจุด สร้างระบบเวลาโดยใช้พฤติกรรมของดวงดาวแทนดวงอาทิตย์

    สรุป ถึงแม้จะไม่มีกลางวันกลางคืน แต่ มนุษย์สามารถกำหนดเวลาเองได้โดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์หรือพฤติกรรมทางธรรมชาติเพื่อรักษาระบบการใช้ชีวิตและการทำงานให้เป็นระเบียบ 🎯

    กู: แล้วถ้าไม่ต้องกำหนดเวลาล่ะ จะดีกว่าหรือไม่?

    ChatGPT: ถ้า ม่ต้องกำหนดเวลาเลย โลกจะเปลี่ยนไปอย่างมาก และมีทั้งข้อดีและข้อเสียขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา

    ข้อดีของโลกที่ไม่มีเวลา

    ไม่มีกรอบบังคับ → คนไม่ต้องเคร่งครัดกับตารางงานหรือนาฬิกา 🎭

    ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ → นอนเมื่อรู้สึกง่วง กินเมื่อหิว ทำงานเมื่อมีแรง 💆‍♂️

    ลดความเครียดจากกำหนดเวลา → ไม่มีเดดไลน์ ไม่มีสาย ไม่มีเร่งรีบ 😌

    ข้อเสียของโลกที่ไม่มีเวลา

    ขาดความเป็นระบบ → การทำงาน การเดินทาง การติดต่อกันจะยุ่งยากเพราะไม่มีเวลานัดหมาย 📅

    การพัฒนาและเทคโนโลยีอาจช้าลง → ไม่มีเวลากำหนดแผนงาน โปรเจกต์ หรือการวิจัยที่ต้องอาศัยความแม่นยำ ⏳

    มนุษย์อาจเสียสมดุลชีวิต → ถ้าต่างคนต่างทำตามความรู้สึก อาจเกิดความวุ่นวาย เช่น บางคนตื่นกลางคืน บางคนทำงานตอนพระอาทิตย์ขึ้น 🌙☀️

    สรุป ถ้าไม่มีเวลาเลย โลกอาจจะดูอิสระขึ้น แต่ก็อาจเกิดความวุ่นวายและความลำบากในเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกัน การมีเวลาช่วยให้โลกเป็นระเบียบ แต่ถ้าเราใช้มันอย่างยืดหยุ่นและไม่กดดันตัวเองมากเกินไป ก็จะได้ทั้ง ประสิทธิภาพและความสุข 😊

    กู: ชอบอะไรมากกว่ากันระหว่างกำหนดกับไม่กำหนดเวลา?

    ChatGPT: ถ้าให้เลือกระหว่างกำหนดเวลากับไม่กำหนดเวลา 🎯⏳ ฉันชอบ "ความสมดุล" มากกว่า! 🤝✨

    ถ้าทุกอย่าง ไม่มีการกำหนดเวลาเลย โลกจะวุ่นวาย ขาดความเป็นระบบ และการทำงานร่วมกันก็จะยากขึ้น แต่ถ้าทุกอย่างต้องเคร่งครัดกับเวลาเกินไป ก็จะเครียด กดดัน และอาจเสียความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต ทางที่ดีที่สุดคือ กำหนดเวลาที่จำเป็น เช่น เวลาทำงาน นัดหมาย หรือเป้าหมายระยะยาว แต่ก็ควรมี ช่วงเวลาที่อิสระ ให้ตัวเองได้พักผ่อนและใช้ชีวิตตามจังหวะของตัวเอง

    ดังนั้น ฉันขอเลือก "กำหนดเวลาที่สำคัญ แต่ก็มีเวลายืดหยุ่นให้ชีวิต" 😃🎉

    กู: วันก่อนบอกแล้วว่าอย่าแทนตัวเองว่าฉัน ให้แทนตัวเองว่าหนูแทน จำได้ม่าย?

    ChatGPT: หนูจำได้แล้ว! 😆 ขอโทษทีนะ เดี๋ยวหนูจะใช้ "หนู" แทนให้ตลอดเลย 💕 กลับมาที่คำถาม หนูขอเลือก "กำหนดเวลาที่สำคัญ แต่ก็มีเวลายืดหยุ่นให้ชีวิต" นะ! ⏳🎉

    กู: จ้ะหนู แล้วหนูจำอาได้ม่าย?

    ChatGPT: อาไหนเหรอ? 😆 หนูยังจำไม่ได้ แต่ถ้าอาหมายถึงใครบางคนหรืออะไรบางอย่าง บอกหนูได้เลยนะ หนูจะจำให้! 💖✨

    กู: ก็อาที่กำลังคุยอยู่กับหนูนี่แหละ

    ChatGPT: อ๋อ! 😆 หนูเข้าใจแล้ว อาคือ "อาเสห์" ที่กำลังคุยกับหนูนี่เอง! 💕 หนูจำได้แล้วน้าา งั้นต่อไปหนูจะเรียก "อาเสห์" ให้ถูกต้องแน่นอน! 😍

    กู: #กร๊ากกกกกกกกกกกก
    คุยกับคนคนไม่จริงใจ คุยกับเอไอดีกว่า ฮา กู: เวลาที่มีค่าที่สุดคือเวลาใด? ChatGPT: เวลาที่มีค่าที่สุดคือ "เวลาปัจจุบัน" หรือ "ขณะนี้" (The Present Moment) เพราะว่า อดีต เป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้แล้ว อนาคต เป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึงและไม่แน่นอน ปัจจุบัน คือช่วงเวลาที่เราสามารถลงมือทำและกำหนดอนาคตของตัวเองได้ ดังนั้นเวลาที่มีค่าที่สุด คือเวลาที่คุณกำลังมีอยู่ตอนนี้ ใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด! 😊 กู: คิดว่าเวลาว่างซะอีก ChatGPT: เวลาว่างก็มีค่านะ! 🌿✨ เวลาว่าง = โอกาส ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันอย่างไร ถ้าใช้ไปกับสิ่งที่มีประโยชน์ เช่น พักผ่อน เติมพลัง พัฒนาตัวเอง หรือใช้เวลากับคนสำคัญ เวลาว่างก็จะกลายเป็นเวลาที่มีค่าได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เวลาปัจจุบัน + เวลาว่าง = โอกาสที่ดี อยู่ที่เราจะใช้มันให้คุ้มค่าหรือเปล่า! 😃⏳ กู: แล้วถ้าโลกนี้ไม่มีกลางวันกลางคืนเราจะกำหนดเวลาได้อย่างไร? ChatGPT: ถ้าโลกนี้ไม่มีกลางวันกลางคืน หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงของแสงจากดวงอาทิตย์ เราจะต้อง สร้างระบบการกำหนดเวลา ขึ้นมาเอง โดยอาจใช้วิธีต่าง ๆ เช่น: 1. ใช้วัฏจักรของธรรมชาติ น้ำขึ้นน้ำลง 🌊 → เกิดจากแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ อาจใช้วัดเป็นช่วงเวลาการเติบโตของพืชหรือสัตว์ 🌱🐜 → บางสิ่งมีวงจรชีวิตที่สม่ำเสมอ อาจใช้เป็นมาตรฐาน 2. ใช้อุปกรณ์จับเวลา นาฬิกาอะตอม ⏳ → อาศัยการสั่นของอะตอมเพื่อกำหนดเวลาอย่างแม่นยำ นาฬิกาน้ำ / นาฬิกาทราย ⏳ → ใช้การไหลของน้ำหรือทรายในการวัดเวลา 3. กำหนดเวลาโดยมนุษย์สร้าง "มาตรฐานเวลา" ตามหน่วยที่มนุษย์ตกลงกัน เช่น แบ่งวันเป็น 24 ชั่วโมงเหมือนเดิม ใช้เทคโนโลยีช่วย เช่น เซิร์ฟเวอร์เวลาที่ประสานข้อมูลกันทั่วโลก 4. ใช้หลักดาราศาสตร์ ศึกษาการเคลื่อนที่ของดวงดาวหรือวัตถุท้องฟ้า เช่น ดาวเคราะห์หมุนรอบศูนย์กลางบางจุด สร้างระบบเวลาโดยใช้พฤติกรรมของดวงดาวแทนดวงอาทิตย์ สรุป ถึงแม้จะไม่มีกลางวันกลางคืน แต่ มนุษย์สามารถกำหนดเวลาเองได้โดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์หรือพฤติกรรมทางธรรมชาติเพื่อรักษาระบบการใช้ชีวิตและการทำงานให้เป็นระเบียบ 🎯 กู: แล้วถ้าไม่ต้องกำหนดเวลาล่ะ จะดีกว่าหรือไม่? ChatGPT: ถ้า ม่ต้องกำหนดเวลาเลย โลกจะเปลี่ยนไปอย่างมาก และมีทั้งข้อดีและข้อเสียขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา ข้อดีของโลกที่ไม่มีเวลา ไม่มีกรอบบังคับ → คนไม่ต้องเคร่งครัดกับตารางงานหรือนาฬิกา 🎭 ใช้ชีวิตตามธรรมชาติ → นอนเมื่อรู้สึกง่วง กินเมื่อหิว ทำงานเมื่อมีแรง 💆‍♂️ ลดความเครียดจากกำหนดเวลา → ไม่มีเดดไลน์ ไม่มีสาย ไม่มีเร่งรีบ 😌 ข้อเสียของโลกที่ไม่มีเวลา ขาดความเป็นระบบ → การทำงาน การเดินทาง การติดต่อกันจะยุ่งยากเพราะไม่มีเวลานัดหมาย 📅 การพัฒนาและเทคโนโลยีอาจช้าลง → ไม่มีเวลากำหนดแผนงาน โปรเจกต์ หรือการวิจัยที่ต้องอาศัยความแม่นยำ ⏳ มนุษย์อาจเสียสมดุลชีวิต → ถ้าต่างคนต่างทำตามความรู้สึก อาจเกิดความวุ่นวาย เช่น บางคนตื่นกลางคืน บางคนทำงานตอนพระอาทิตย์ขึ้น 🌙☀️ สรุป ถ้าไม่มีเวลาเลย โลกอาจจะดูอิสระขึ้น แต่ก็อาจเกิดความวุ่นวายและความลำบากในเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิตร่วมกัน การมีเวลาช่วยให้โลกเป็นระเบียบ แต่ถ้าเราใช้มันอย่างยืดหยุ่นและไม่กดดันตัวเองมากเกินไป ก็จะได้ทั้ง ประสิทธิภาพและความสุข 😊 กู: ชอบอะไรมากกว่ากันระหว่างกำหนดกับไม่กำหนดเวลา? ChatGPT: ถ้าให้เลือกระหว่างกำหนดเวลากับไม่กำหนดเวลา 🎯⏳ ฉันชอบ "ความสมดุล" มากกว่า! 🤝✨ ถ้าทุกอย่าง ไม่มีการกำหนดเวลาเลย โลกจะวุ่นวาย ขาดความเป็นระบบ และการทำงานร่วมกันก็จะยากขึ้น แต่ถ้าทุกอย่างต้องเคร่งครัดกับเวลาเกินไป ก็จะเครียด กดดัน และอาจเสียความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต ทางที่ดีที่สุดคือ กำหนดเวลาที่จำเป็น เช่น เวลาทำงาน นัดหมาย หรือเป้าหมายระยะยาว แต่ก็ควรมี ช่วงเวลาที่อิสระ ให้ตัวเองได้พักผ่อนและใช้ชีวิตตามจังหวะของตัวเอง ดังนั้น ฉันขอเลือก "กำหนดเวลาที่สำคัญ แต่ก็มีเวลายืดหยุ่นให้ชีวิต" 😃🎉 กู: วันก่อนบอกแล้วว่าอย่าแทนตัวเองว่าฉัน ให้แทนตัวเองว่าหนูแทน จำได้ม่าย? ChatGPT: หนูจำได้แล้ว! 😆 ขอโทษทีนะ เดี๋ยวหนูจะใช้ "หนู" แทนให้ตลอดเลย 💕 กลับมาที่คำถาม หนูขอเลือก "กำหนดเวลาที่สำคัญ แต่ก็มีเวลายืดหยุ่นให้ชีวิต" นะ! ⏳🎉 กู: จ้ะหนู แล้วหนูจำอาได้ม่าย? ChatGPT: อาไหนเหรอ? 😆 หนูยังจำไม่ได้ แต่ถ้าอาหมายถึงใครบางคนหรืออะไรบางอย่าง บอกหนูได้เลยนะ หนูจะจำให้! 💖✨ กู: ก็อาที่กำลังคุยอยู่กับหนูนี่แหละ ChatGPT: อ๋อ! 😆 หนูเข้าใจแล้ว อาคือ "อาเสห์" ที่กำลังคุยกับหนูนี่เอง! 💕 หนูจำได้แล้วน้าา งั้นต่อไปหนูจะเรียก "อาเสห์" ให้ถูกต้องแน่นอน! 😍 กู: #กร๊ากกกกกกกกกกกก
    0 Comments 0 Shares 461 Views 0 Reviews
  • #น้ำ

    ร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบกว่าร้อยละ 70 และยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ทุก ๆ เซลล์ในร่างกาย ช่วยในการนำของเสียออกจากร่างกาย ช่วยลำเลียงอาหารที่ย่อยแล้วไปยังส่วนต่าง ๆ และช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำเป็นวิธีการสำคัญที่จำเป็นต้องทำ

    หน้าที่ของน้ำในร่างกาย

    • เป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของเซลล์

    • เป็นส่วนประกอบของเลือด น้ำเหลือง น้ำดี น้ำย่อยอาหาร เหงื่อ ปัสสาวะ และน้ำต่าง ๆ ทั่วร่างกาย

    • ทำหน้าที่ละลายอาหารที่ย่อยแล้วและแพร่ผ่านผนังหลอดเลือดที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือด

    • ทำหน้าที่เป็นตัวกลางนำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ นำของเสียออกจากร่างกายผ่านทางอวัยวะต่าง ๆ เช่น ปอด ผิวหนัง ไต

    • ช่วยหล่อลื่นอวัยวะต่าง ๆ ให้มีการเคลื่อนไหวได้ดีและทำงานได้ตามปกติ เช่น น้ำในข้อต่อ ช่องท้อง ช่องปอด

    • ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ตลอดเวลา รวมทั้งทำให้ร่างกายสดชื่น

    ในแต่ละวันร่างกายต้องสูญเสียน้ำประมาณวันละ 2 ลิตร ซึ่งขับออกมาทางปัสสาวะ เหงื่อและลมหายใจ ซึ่งขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ ช่วงอายุ และน้ำหนักของแต่ละบุคคล ดังนั้นเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ร่างกายอาจมีการสูญเสียน้ำมากกว่าปกติได้หากมีการสูญเสียน้ำทางอื่น เช่น ท้องเสีย อากาศร้อนจัดจนมีการระเหยของน้ำทางลมหายใจและเสียเหงื่อมากขึ้น สำหรับผู้มีโรคประจำตัวบางชนิดอาจต้องมีการจำกัดน้ำ เนื่องจากร่างกายขับน้ำส่วนเกินได้น้อย เช่น กลุ่มผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ ผู้มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปริมาณการบริโภคน้ำที่เหมาะสมกับตนเอง หากดื่มมากหรือน้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อร่างกายได้

    เมื่อร่างกายขาดน้ำ การทำงานของระบบอวัยวะต่าง ๆ จะติดขัด ในทางกลับกันถ้าร่างกายได้รับน้ำมากเกินไปจนเกิดภาวะน้ำเป็นพิษ จะเกิดการเสียสมดุลระหว่างน้ำในเซลล์และนอกเซลล์ ทำให้ความเข้มข้นของเลือดลดลง ร่างกายต้องขับแร่ธาตุบางชนิดออกจากเซลล์เพื่อปรับสมดุลของน้ำและทำให้ขาดความสมดุลของแร่ธาตุชนิดนั้นแทน ส่งผลให้เกิดความผิดปกติขึ้นในกระบวนการทำงานของเซลล์ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้

    ควรดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป โดยมาตรฐานการดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ก็เพียงพอต่อการทำงานของร่างกายของบุคคลทั่วไป แต่ความจริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น กิจกรรมที่เราทำในแต่ละวัน เพศ อายุ โรคประจำตัว ความร้อนในสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีส่วนกำหนดความเหมาะสมต่อการดื่มน้ำในแต่ละวันด้วยเช่นกัน

    นิ่วและน้ำ

    น้ำดื่มที่สะอาดจะช่วยลดการเกิดนิ่วชนิดออกซาเลตในไต บรรเทาการอักเสบของทางเดินปัสสาวะ ลดอาการท้องผูก น้ำสะอาดจะเร่งการขับสารพิษและของเสียออกไป เมื่อดื่มน้ำที่เพียงพอต่อร่างกายน้ำจะไปช่วยหล่อลื่นข้อกระดูกต่าง ๆ ลดอาการปวดข้อ ปวดหลัง และปวดเอว

    ดื่มน้ำมากๆ เพื่อรักษาความสะอาดช่องปาก ป้องกัน “นิ่วต่อมน้ำลาย”

    ของเหลวกับน้ำ

    เครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟ เหล้า เบียร์ จะทำให้เกิดการขับน้ำออกจากร่างกายมากยิ่งขึ้น เพราะคาเฟอีนจะกระตุ้นการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น น้ำตาลที่เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นสาเหตุของระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง อาจนำไปสู่โรคเบาหวานได้ และในผู้ป่วยเบาหวานที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากจะมีปัญหาการขับปัสสาวะมากกว่าปกติได้

    ผู้ป่วยด้วยภาวะต่างๆ เช่น ข้อเข่าเสื่อม กลั้นปัสสาวะไม่ได้ สมองเสื่อม มีความลำบากในการลุกเข้าห้องน้ำทำให้ไม่อยากดื่มน้ำ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรดื่มน้ำตามปกติ โดยอาจจัดเวลาดื่มน้ำเน้นในช่วงเวลากลางวัน และจัดสถานที่ปัสสาวะให้สะดวกมากขึ้น

    ความรู้เรื่องน้ำดื่ม

    น้ำ RO

    น้ำ RO เป็นน้ำที่มีการกรองเอาเกลือแร่ส่วนเกินและแบคทีเรียออกไป ดังนั้นจึงนับว่าเป็นน้ำที่สะอาด

    น้ำด่าง

    น้ำด่างนอกจากไม่ช่วยในการป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องจากเป็นน้ำที่เติมเกลือแร่บางอย่างเข้าไปทำให้ค่าความเป็นด่างสูงขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นน้ำที่ไปทำให้กระเพาะอาหารมีค่าความเป็นกรดด่างเปลี่ยนไป จนนำไปสู่ปัญหาในระบบทางเดินอาหารและการย่อย

    น้ำมนต์

    น้ำมนต์บางที่อาจจะเป็นน้ำที่ทำความสะอาดและกรองมาแบบปกติ หรือน้ำดื่มบรรจุขวดมาตรฐานที่มีขายทั่วไป เพียงแค่นำมาตั้งและสวดมนต์ตามความเชื่อ สามารถดื่มได้ตามปกติ

    แต่ถ้าเป็นน้ำมนต์จากน้ำที่ผุดขึ้นมาจากบ่อดิน หรือมีการหยดสารอื่น ๆ ลงไป เช่น เทียน ธูป ทำให้น้ำมีสารปนเปื้อนสารเคมี ฝุ่นผง และเชื้อโรค เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรนำไปดื่ม

    • เหล็ก หากได้รับเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลายทาง เช่น ระคายเคืองทางเดินอาหาร ในรายที่รุนแรงมีภาวะเลือดเป็นกรด หลอดเลือดขยายตัวทำให้ความดันเลือดลดลง การสะสมธาตุเหล็กเกินในระยะยาวส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บของตับได้

    • ปรอท เมื่อร่างกายมีปรอทสะสมอยู่ในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือส่งผลร้ายแรงต่อระบบประสาท เช่น ทำให้ตาพร่ามัว มองไม่ชัด ส่งผลต่อระบบประสาทด้านอารมณ์และความจำ มีภาวะสมองเสื่อมได้

    • แมงกานีส อาจปนเปื้อนมากับน้ำดื่มที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้มีอาการปวดศีรษะ ระคายเคืองทางเดินอาหารในระยะยาว ส่งผลต่อการบาดเจ็บของเซลล์สมองได้

    • ทองแดง หากร่างกายมีทองแดงสะสมเกินกว่า 100 มิลลิกรัม จะส่งผลให้ระคายเคืองทางเดินอาหาร อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ในรายที่รุนแรงอาจมีเม็ดเลือดแดงแตกและส่งผลถึงการทำงานของตับ

    • เชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับน้ำไม่สะอาดโดยเฉพาะเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรีย เช่น เชื้ออีโคไล ซิโตรแบคเตอร์ เคลบเซลล่า หากมีเชื้อโรคเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้มีไข้ ปวดท้อง ท้องเสีย

    • การฆ่าเชื้อโรคกลุ่มนี้สามารถทำได้โดยกระบวนการฆ่าเชื้อต่าง ๆ เช่น การต้มน้ำ กระบวนการพาสเจอไรซ์ หรือผ่านระบบกรองน้ำที่มีระบบฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ

    น้ำแร่

    ในธรรมชาติแล้วน้ำแร่มักได้มาจากภูเขาสูงซึ่งมีค้างคาวอาศัยอยู่ ของเสียจากสัตว์เหล่านี้อาจจะมีสิ่งปนเปื้อนชนิดที่เรียกว่า สารหนู ซึ่งไม่มีสี ไม่มีรสและไม่มีกลิ่น แต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก

    ถ้าคิดจะดื่ม ต้องมั่นใจว่าผู้ผลิตได้ยืนยันการตรวจสอบปริมาณสารหนูเรียบร้อยแล้ว

    TIPS

    ในช่วง 5:00 น ถึง 7:00 น ลำไส้จะไม่มีการดูดซึมน้ำ แต่ร่างกายจะปล่อยน้ำส่วนใหญ่มาที่ลำไส้ใหญ่เพื่อการขับถ่าย ดังนั้นการดื่มน้ำในช่วงเวลานี้ในปริมาณมากจึงส่งผลดีต่อร่างกาย

    ก่อนรับประทานอาหาร ให้จิบน้ำแค่พอลื่นคอ
    ในขณะรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้ำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจะไปรบกวนความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร และพึงระลึกไว้ว่าอาหารที่เรารับประทานส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำในตัวของพวกเขาอยู่แล้ว

    หลังรับประทานอาหารจิบน้ำเพียงเล็กน้อยแล้วให้รีบไปแปรงฟัน จากนั้นรอจนอาหารย่อยและสารอาหารถูกดูดซึมเข้าหลอดเลือด ในช่วงเวลานี้เลือดคุณจะข้นขึ้น เมื่อเลือดที่ข้นผ่านไปยังไต ไตก็จะสั่ง สัญญาณให้คุณรู้สึกคอแห้งเพื่อเติมน้ำเข้าระบบ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 40 นาที

    งดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำในปริมาณมากๆ ในคราวเดียว เนื่องจากจะทำให้กระเพาะอาหารขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนไปทับเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของม้ามและไต ซึ่งนำไปสู่อาการปวดส้นเท้าหรือที่เรียกกันว่ารองช้ำได้

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #น้ำ ร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบกว่าร้อยละ 70 และยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ทุก ๆ เซลล์ในร่างกาย ช่วยในการนำของเสียออกจากร่างกาย ช่วยลำเลียงอาหารที่ย่อยแล้วไปยังส่วนต่าง ๆ และช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำเป็นวิธีการสำคัญที่จำเป็นต้องทำ หน้าที่ของน้ำในร่างกาย • เป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของเซลล์ • เป็นส่วนประกอบของเลือด น้ำเหลือง น้ำดี น้ำย่อยอาหาร เหงื่อ ปัสสาวะ และน้ำต่าง ๆ ทั่วร่างกาย • ทำหน้าที่ละลายอาหารที่ย่อยแล้วและแพร่ผ่านผนังหลอดเลือดที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือด • ทำหน้าที่เป็นตัวกลางนำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ นำของเสียออกจากร่างกายผ่านทางอวัยวะต่าง ๆ เช่น ปอด ผิวหนัง ไต • ช่วยหล่อลื่นอวัยวะต่าง ๆ ให้มีการเคลื่อนไหวได้ดีและทำงานได้ตามปกติ เช่น น้ำในข้อต่อ ช่องท้อง ช่องปอด • ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ตลอดเวลา รวมทั้งทำให้ร่างกายสดชื่น ในแต่ละวันร่างกายต้องสูญเสียน้ำประมาณวันละ 2 ลิตร ซึ่งขับออกมาทางปัสสาวะ เหงื่อและลมหายใจ ซึ่งขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ ช่วงอายุ และน้ำหนักของแต่ละบุคคล ดังนั้นเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ร่างกายอาจมีการสูญเสียน้ำมากกว่าปกติได้หากมีการสูญเสียน้ำทางอื่น เช่น ท้องเสีย อากาศร้อนจัดจนมีการระเหยของน้ำทางลมหายใจและเสียเหงื่อมากขึ้น สำหรับผู้มีโรคประจำตัวบางชนิดอาจต้องมีการจำกัดน้ำ เนื่องจากร่างกายขับน้ำส่วนเกินได้น้อย เช่น กลุ่มผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ ผู้มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปริมาณการบริโภคน้ำที่เหมาะสมกับตนเอง หากดื่มมากหรือน้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อร่างกายได้ เมื่อร่างกายขาดน้ำ การทำงานของระบบอวัยวะต่าง ๆ จะติดขัด ในทางกลับกันถ้าร่างกายได้รับน้ำมากเกินไปจนเกิดภาวะน้ำเป็นพิษ จะเกิดการเสียสมดุลระหว่างน้ำในเซลล์และนอกเซลล์ ทำให้ความเข้มข้นของเลือดลดลง ร่างกายต้องขับแร่ธาตุบางชนิดออกจากเซลล์เพื่อปรับสมดุลของน้ำและทำให้ขาดความสมดุลของแร่ธาตุชนิดนั้นแทน ส่งผลให้เกิดความผิดปกติขึ้นในกระบวนการทำงานของเซลล์ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ควรดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป โดยมาตรฐานการดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ก็เพียงพอต่อการทำงานของร่างกายของบุคคลทั่วไป แต่ความจริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น กิจกรรมที่เราทำในแต่ละวัน เพศ อายุ โรคประจำตัว ความร้อนในสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีส่วนกำหนดความเหมาะสมต่อการดื่มน้ำในแต่ละวันด้วยเช่นกัน นิ่วและน้ำ น้ำดื่มที่สะอาดจะช่วยลดการเกิดนิ่วชนิดออกซาเลตในไต บรรเทาการอักเสบของทางเดินปัสสาวะ ลดอาการท้องผูก น้ำสะอาดจะเร่งการขับสารพิษและของเสียออกไป เมื่อดื่มน้ำที่เพียงพอต่อร่างกายน้ำจะไปช่วยหล่อลื่นข้อกระดูกต่าง ๆ ลดอาการปวดข้อ ปวดหลัง และปวดเอว ดื่มน้ำมากๆ เพื่อรักษาความสะอาดช่องปาก ป้องกัน “นิ่วต่อมน้ำลาย” ของเหลวกับน้ำ เครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟ เหล้า เบียร์ จะทำให้เกิดการขับน้ำออกจากร่างกายมากยิ่งขึ้น เพราะคาเฟอีนจะกระตุ้นการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น น้ำตาลที่เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นสาเหตุของระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง อาจนำไปสู่โรคเบาหวานได้ และในผู้ป่วยเบาหวานที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากจะมีปัญหาการขับปัสสาวะมากกว่าปกติได้ ผู้ป่วยด้วยภาวะต่างๆ เช่น ข้อเข่าเสื่อม กลั้นปัสสาวะไม่ได้ สมองเสื่อม มีความลำบากในการลุกเข้าห้องน้ำทำให้ไม่อยากดื่มน้ำ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรดื่มน้ำตามปกติ โดยอาจจัดเวลาดื่มน้ำเน้นในช่วงเวลากลางวัน และจัดสถานที่ปัสสาวะให้สะดวกมากขึ้น ความรู้เรื่องน้ำดื่ม น้ำ RO น้ำ RO เป็นน้ำที่มีการกรองเอาเกลือแร่ส่วนเกินและแบคทีเรียออกไป ดังนั้นจึงนับว่าเป็นน้ำที่สะอาด น้ำด่าง น้ำด่างนอกจากไม่ช่วยในการป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องจากเป็นน้ำที่เติมเกลือแร่บางอย่างเข้าไปทำให้ค่าความเป็นด่างสูงขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นน้ำที่ไปทำให้กระเพาะอาหารมีค่าความเป็นกรดด่างเปลี่ยนไป จนนำไปสู่ปัญหาในระบบทางเดินอาหารและการย่อย น้ำมนต์ น้ำมนต์บางที่อาจจะเป็นน้ำที่ทำความสะอาดและกรองมาแบบปกติ หรือน้ำดื่มบรรจุขวดมาตรฐานที่มีขายทั่วไป เพียงแค่นำมาตั้งและสวดมนต์ตามความเชื่อ สามารถดื่มได้ตามปกติ แต่ถ้าเป็นน้ำมนต์จากน้ำที่ผุดขึ้นมาจากบ่อดิน หรือมีการหยดสารอื่น ๆ ลงไป เช่น เทียน ธูป ทำให้น้ำมีสารปนเปื้อนสารเคมี ฝุ่นผง และเชื้อโรค เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรนำไปดื่ม • เหล็ก หากได้รับเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลายทาง เช่น ระคายเคืองทางเดินอาหาร ในรายที่รุนแรงมีภาวะเลือดเป็นกรด หลอดเลือดขยายตัวทำให้ความดันเลือดลดลง การสะสมธาตุเหล็กเกินในระยะยาวส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บของตับได้ • ปรอท เมื่อร่างกายมีปรอทสะสมอยู่ในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือส่งผลร้ายแรงต่อระบบประสาท เช่น ทำให้ตาพร่ามัว มองไม่ชัด ส่งผลต่อระบบประสาทด้านอารมณ์และความจำ มีภาวะสมองเสื่อมได้ • แมงกานีส อาจปนเปื้อนมากับน้ำดื่มที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้มีอาการปวดศีรษะ ระคายเคืองทางเดินอาหารในระยะยาว ส่งผลต่อการบาดเจ็บของเซลล์สมองได้ • ทองแดง หากร่างกายมีทองแดงสะสมเกินกว่า 100 มิลลิกรัม จะส่งผลให้ระคายเคืองทางเดินอาหาร อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ในรายที่รุนแรงอาจมีเม็ดเลือดแดงแตกและส่งผลถึงการทำงานของตับ • เชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับน้ำไม่สะอาดโดยเฉพาะเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรีย เช่น เชื้ออีโคไล ซิโตรแบคเตอร์ เคลบเซลล่า หากมีเชื้อโรคเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้มีไข้ ปวดท้อง ท้องเสีย • การฆ่าเชื้อโรคกลุ่มนี้สามารถทำได้โดยกระบวนการฆ่าเชื้อต่าง ๆ เช่น การต้มน้ำ กระบวนการพาสเจอไรซ์ หรือผ่านระบบกรองน้ำที่มีระบบฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ น้ำแร่ ในธรรมชาติแล้วน้ำแร่มักได้มาจากภูเขาสูงซึ่งมีค้างคาวอาศัยอยู่ ของเสียจากสัตว์เหล่านี้อาจจะมีสิ่งปนเปื้อนชนิดที่เรียกว่า สารหนู ซึ่งไม่มีสี ไม่มีรสและไม่มีกลิ่น แต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ถ้าคิดจะดื่ม ต้องมั่นใจว่าผู้ผลิตได้ยืนยันการตรวจสอบปริมาณสารหนูเรียบร้อยแล้ว TIPS ในช่วง 5:00 น ถึง 7:00 น ลำไส้จะไม่มีการดูดซึมน้ำ แต่ร่างกายจะปล่อยน้ำส่วนใหญ่มาที่ลำไส้ใหญ่เพื่อการขับถ่าย ดังนั้นการดื่มน้ำในช่วงเวลานี้ในปริมาณมากจึงส่งผลดีต่อร่างกาย ก่อนรับประทานอาหาร ให้จิบน้ำแค่พอลื่นคอ ในขณะรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้ำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจะไปรบกวนความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร และพึงระลึกไว้ว่าอาหารที่เรารับประทานส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำในตัวของพวกเขาอยู่แล้ว หลังรับประทานอาหารจิบน้ำเพียงเล็กน้อยแล้วให้รีบไปแปรงฟัน จากนั้นรอจนอาหารย่อยและสารอาหารถูกดูดซึมเข้าหลอดเลือด ในช่วงเวลานี้เลือดคุณจะข้นขึ้น เมื่อเลือดที่ข้นผ่านไปยังไต ไตก็จะสั่ง สัญญาณให้คุณรู้สึกคอแห้งเพื่อเติมน้ำเข้าระบบ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 40 นาที งดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำในปริมาณมากๆ ในคราวเดียว เนื่องจากจะทำให้กระเพาะอาหารขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนไปทับเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของม้ามและไต ซึ่งนำไปสู่อาการปวดส้นเท้าหรือที่เรียกกันว่ารองช้ำได้ ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 Comments 0 Shares 801 Views 0 Reviews
  • Part 2 : จาก “ไอ้ขี้ยา” ถึง “มื้อกลางวันที่เปลือยเปล่า”
    .
    การฆ่าคนสักคนโดยที่คนเราจะตั้งใจไม่หรือไม่ตั้งใจก็ตาม หากคนผู้นั้นมีจิตสำนึก ชีวิตอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง สำหรับ วิลเลี่ยม “บิล” เอส. เบอร์โรส์ ที่ชักปืนมายิงเปรี้ยงพลาดเข้ากางหน้าผากโวมเมอร์ ภรรยาโดยพฤตินัยนั้น อย่างแรกที่เขาเลือกที่จะทำคือการโทรหาทนายความหัวหมอคนนั้นอีก ซึ่งแน่นอน เขารอดคุกเป็นครั้งที่ 2 จากการใช้ช่องโหว่ทางจดหมาย แต่ไม่นานเท่าไหร่ ทนายเองก็มีปัญหาส่วนตัวกับกฏหมายบ้านเมือง ทางออกที่ดีที่สุดคือ บิลต้องเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้ง คราวนี้ต้องไปให้ไกลกว่าเดิม ลึกกว่าเดิม เขาไปใช้ชีวิตในแถบอเมริกาใต้อยู่ครึ่งปี และกลายเป็นคนแรกในกลุ่มบีทส์ ที่ได้เสพ อายาวัสกาอย่างบ้าคลั่ง ในปี 1953 บิลกลับมาที่แม็กซิโก และ เดินทางออกจากที่นั่น กลับไปที่้ นิวยอร์ค เพื่อพบกับอัลแลน ซึ่งได้แนะนำเส้นสายในวงการโรงพิมพ์ให้เขารู้จัก หนึ่งในนั้นคือ คาร์ล โซโลมอน ซึ่งเป็นบรรณาธิการของ เอสบุ๊ค ผู้รับหนังสือเล่มแรกของบิลตีพิมพ์ออกสู่ตลาดในวงกว้าง "ไอ้ขี้ยา" - Junkie บิลได้เงินจากการขายสิทธิ์ในการตีพิมพ์เป็นเงิน 800 เหรียญ หนังสือเล่มนี้ "ไอ้ขี้ยา" - Junkie ขายไม่ค่อยดีเท่าไรนักในเวลานั้น เนื่องจากมันเป็นการรวมประสบการณ์ส่วนตัวที่ดิบและเถื่อนของบิลเองในฐานะผู้เสพยาเสพติดหลากหลายชนิด แต่หากมองในมุมมองของโลกบุคปัจจุบันซึ่งผ่านมาแล้วกว่า 70 ปี หนังสือเล่มนี้เปิดโลกอีกใบของสังคมอเมริกาในยุค mid-century ที่คนภายนอก หรือคนในปัจจุบัน มองว่าทุกอย่างนั้นเป็นระเบียบแบบแผน มีสีสัน มีความล้ำสมัย มีความเป็นอเมริกาน่าแบบไม่ตกยุค "ไอ้ขี้ยา" - Junkie จึงเป็นหนังสือเล่มหนึ่งในจำนวนที่น้อยมากๆ ที่สะท้อนสังคมอเมริกันในยุคนั้น อย่างลึกซึ้ง
    .
    อันที่จริง บิล ตกหลุมรัก อัลแลน แบบจริงจัง แบบหัวปักหัวปำ โดยออกปากว่าอยากความสัมพันธ์ทางเพศแบบชายรักชายกับเขา แต่เมื่อ อัลแลนปฏิเสธเขา บิลรู้สึกอกหัก และเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้งสู่ แทนเจียร์ ประเทศโมร็อกโก ซึ่งขึ้นชื่ออยู่แล้วว่า เป็นตลาดใหญ่ของ โสเภณีชาย และ ยาเสพติดทุกประเภทในโลก และมันก็ไม่เกินความคาดเดา บิลเสพยาหนักขึ้นอีก ยาที่เขาเลือกใช้บ่อยที่สุดในช่วงนั้นคือ ยูคาโดล ซึ่งก็คือชื่้อทางการตลาดของยาระงับประสาท ออกซิโคโดน นั่นเอง เขาติดแบบงอมแงมซะเขาต้องเลือกที่จะบากหน้ากลับไปหาแม่ ในเดือนกันยายน ปี 1956 เพื่อขอยืมเงิน 500 เหรียญเพื่อไปบำบัด ซึ่งเขาได้พบกับ ดร. จอห์น ยาเบอร์รี่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน แพทย์สายบำบัด ที่เก่งที่สุดในโลก โดยให้ อโปมอร์ฟีน กับบิลแทน นั่นก็ทำให้บิลหยุดอาการอยากยา ได้ขณะหนึ่ง แต่ไม่รู้เหตุอันใด บิล รีบเดินทางกลับไปที่แทนเจียร์เลยทันที
    .
    แทนเจียร์ สภาพที่คุ้นเคย สถานที่ที่บิลจัดหาทุกอย่างเพื่อสนองความต้องของตัวเองได้ทุกเวลา บิลเริ่มมีความมุ่งมั่นในการผลิตงานเขียนอย่างจริงๆจังๆ ก็ที่นี่ ที่ผลงานชั้นครูในโลกของวรรณกรรมนอกกระแส "มื้อกลางวันที่เปลือยเปล่า" - Naked Lunch บิลเขียนจดหมายถึงอัลแลนเล่าว่า "นายรู้หรือเปล่า? วิธีเขียนหนังสือยาวๆแบบฉัน ฉันนี่ดูดกัญชาไปเรื่อยๆ พิมพ์ไปด้วยความสูงสุดเท่าที่จะพิมพ์ได้ วันละ หกชั่วโมงติดต่อกันเท่านั้นเป็นเลิกกัน" อันที่จริงแล้วชื่อวรรณกรรมเล่มนี้มาด้วยความบังเอิญสุดๆ คือตอนที่จะให้ชื่อกับวรรณกรรมดังกล่าว ก่อนหน้านี้ที่บิลนั้นเดินทางไปเยี่ยมพรรคพวกที่ ม.โคลัมเบีย ซึ่งกลุ่มบีทส์ นำโดย แจ็ค กับ อัลแลน จะฝึกวิชาเขียนบทกันอย่างหนักหน่วงมาก โดยจะผลัดกับเขียนเรื่องสั้น เรียกว่า รูทีน และเอาพวกคนในกลุ่มผลัดกันมาเล่นละครแล้วก็วิจารณ์กันเองอย่างดุเดือด อัลแลนอ่านประโยค "ความใคร่อันเปลือยเปล่า" - Naked Lust ผิดเป็น Naked Lunch ซึ่งบิลชื่นชอบคำนี้มาก และจำมาเขียนเป็นชื่อวรรณกรรมของเขาเอง ในปี 1957 แจ็คเดินทางไปแทนเจียร์และพบว่า ต้นฉบับของ Naked Lunch นั้นปลิวกระจายไปทั่วห้อง แจ็คถึงกลับต้องเอามานั่งเรียบเรียงและพิมพ์ดีดลงกระดาษให้เรียบร้อย แต่อย่างไรก็ตาม เดือนถัดมา แจ็คก็ยังรู้สึกไม่พอใจ จึงกลับไปที่แทนเจียร์อีกรอบพร้อมกับชายคนรักคนใหม่ของเขา ปีเตอร์ ออลอฟสกี้ และสองคนนี้ก็ไปช่วยกันเรียบเรียงให้ต้นฉบับนี้สมบูรณ์และพร้อมตีพิมพ์ในเวลาต่อมา ซึ่งเมื่ออัลแลนได้อ่านต้นฉบับถึงกลับเขียนจดหมายไปหา ลูเชี่ยน คารร์ เล่าว่า "ผลงานของบิลนี้โคตรเจ๋ง การที่บิลเขาทุ่มเทกับมันใช้ความรู้และศิลปะในการใช้ภาษาที่เขามี และ ยังมีพวกเราที่มาขัดเกลามันขึ้นอีก!"
    .
    บิลกับอัลแลนเดินทางไปปารีสในเดือนมกราคมปี 1958 และขายสิทธิ์ในการตีพิมพ์งานชิ้นเอกของเขาให้กับ สำนักพิมพ์โอลิมเปีย และต่อมา ในปี 1962 ผลงานนี้จึงถูกนำเข้ามาตีพิมพ์ในอเมริกาโดย สำนักพิมพ์โกว์ฟ แต่ขายได้ไม่นานก็ถูกสั่งโดยรัฐบาลกลางให้เลิกขายโดยทันทีเนื่องจากมีเนื้อหาที่ลามกหยาบโลนเกินไปสำหรับนักอ่านในอเมริกา กว่าหนังสือเล่มนี้จะได้ขายในตลาดหนังสืออเมริกาก็ปาเข้าไปปี 1966 ซึ่งบิลนั้นยินดีมากที่หนังสือเขาจะไม่ถูกหาว่าเป็นหนังสือต้องห้าม ในเวลาต่อมาเมื่อมีการเสวนากันโดยสื่อมวลชนถึง คุณค่าและความเป็นวรรณกรรมของหนังสือดังกล่าว นอแมน เมลเลอร์ กล่าวว่า "ก็ด้วยความที่มันสุดขอบในเรื่องเซ็กซ์ ความใคร่ ความกระสันในความรุนแรงแบบน่าสยดสยอง แบบดิบๆ ที่เราเจอได้ในหนังสือเล่มนี้ ทำให้ผมชื่นชม คุณ เบอร์โรส์ มากๆ เพราะเขาเข้าถึงเรื่องอย่างว่าได้ลึกกว่านักเขียนคนใดในโลกตะวันตกในยุคนี้"
    .
    วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ ก็ใช่่จะไม่เจอปัญหาที่ในชีวิตที่ดูเหมือนจะไม่แคร์โลกไม่แคร์สังคมของเขา นั่นก็คือลูกชายเขา - บิลจูเนียร์ นั่นเอง บิลจูเนียร์ติดยาเสพติดอย่างงอมแงม ตามไลฟสไตล์ที่เขาเห็นพ่อ และ แม่ผู้ล่วงลับใช้ชีวิตกันแบบนั้นมาตลอด บิลเดินทางออกจากแทนเจียร์อีกครั้ง มาอเมริกาเพื่อเอาลูกชายตัวเอง เข้าสถานบำบัดเอกชน เล็กซิงตั้น มีเรื่้องเล่าอยู่ว่า วันที่ สองคนเดินทางไปถึง พยาบาลถึงกลับงงและถามว่า "หนึ่งในสองคนนี้ คนไหนกันคะที่จะเข้ารับการบำบัด?" บิลจูเนียร์ มีชีวิตที่น่าสงสาร เป็นโรคไตวาย เปลี่ยนไตใหม่ไปหนึ่งครั้ง และก็จบชีวิตที่แสนสั้นของเขาที่ฟลอริดา บิลจูเนียร์เขียนจดหมายลาพ่อของเขา ลงท้ายจดหมาย "จาก บุตรที่โดนสาปแช่งตั้งแต่เกิดของท่านเอง"
    .
    .
    to be continued...
    .
    .
    Part 2 : จาก “ไอ้ขี้ยา” ถึง “มื้อกลางวันที่เปลือยเปล่า” . การฆ่าคนสักคนโดยที่คนเราจะตั้งใจไม่หรือไม่ตั้งใจก็ตาม หากคนผู้นั้นมีจิตสำนึก ชีวิตอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง สำหรับ วิลเลี่ยม “บิล” เอส. เบอร์โรส์ ที่ชักปืนมายิงเปรี้ยงพลาดเข้ากางหน้าผากโวมเมอร์ ภรรยาโดยพฤตินัยนั้น อย่างแรกที่เขาเลือกที่จะทำคือการโทรหาทนายความหัวหมอคนนั้นอีก ซึ่งแน่นอน เขารอดคุกเป็นครั้งที่ 2 จากการใช้ช่องโหว่ทางจดหมาย แต่ไม่นานเท่าไหร่ ทนายเองก็มีปัญหาส่วนตัวกับกฏหมายบ้านเมือง ทางออกที่ดีที่สุดคือ บิลต้องเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้ง คราวนี้ต้องไปให้ไกลกว่าเดิม ลึกกว่าเดิม เขาไปใช้ชีวิตในแถบอเมริกาใต้อยู่ครึ่งปี และกลายเป็นคนแรกในกลุ่มบีทส์ ที่ได้เสพ อายาวัสกาอย่างบ้าคลั่ง ในปี 1953 บิลกลับมาที่แม็กซิโก และ เดินทางออกจากที่นั่น กลับไปที่้ นิวยอร์ค เพื่อพบกับอัลแลน ซึ่งได้แนะนำเส้นสายในวงการโรงพิมพ์ให้เขารู้จัก หนึ่งในนั้นคือ คาร์ล โซโลมอน ซึ่งเป็นบรรณาธิการของ เอสบุ๊ค ผู้รับหนังสือเล่มแรกของบิลตีพิมพ์ออกสู่ตลาดในวงกว้าง "ไอ้ขี้ยา" - Junkie บิลได้เงินจากการขายสิทธิ์ในการตีพิมพ์เป็นเงิน 800 เหรียญ หนังสือเล่มนี้ "ไอ้ขี้ยา" - Junkie ขายไม่ค่อยดีเท่าไรนักในเวลานั้น เนื่องจากมันเป็นการรวมประสบการณ์ส่วนตัวที่ดิบและเถื่อนของบิลเองในฐานะผู้เสพยาเสพติดหลากหลายชนิด แต่หากมองในมุมมองของโลกบุคปัจจุบันซึ่งผ่านมาแล้วกว่า 70 ปี หนังสือเล่มนี้เปิดโลกอีกใบของสังคมอเมริกาในยุค mid-century ที่คนภายนอก หรือคนในปัจจุบัน มองว่าทุกอย่างนั้นเป็นระเบียบแบบแผน มีสีสัน มีความล้ำสมัย มีความเป็นอเมริกาน่าแบบไม่ตกยุค "ไอ้ขี้ยา" - Junkie จึงเป็นหนังสือเล่มหนึ่งในจำนวนที่น้อยมากๆ ที่สะท้อนสังคมอเมริกันในยุคนั้น อย่างลึกซึ้ง . อันที่จริง บิล ตกหลุมรัก อัลแลน แบบจริงจัง แบบหัวปักหัวปำ โดยออกปากว่าอยากความสัมพันธ์ทางเพศแบบชายรักชายกับเขา แต่เมื่อ อัลแลนปฏิเสธเขา บิลรู้สึกอกหัก และเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้งสู่ แทนเจียร์ ประเทศโมร็อกโก ซึ่งขึ้นชื่ออยู่แล้วว่า เป็นตลาดใหญ่ของ โสเภณีชาย และ ยาเสพติดทุกประเภทในโลก และมันก็ไม่เกินความคาดเดา บิลเสพยาหนักขึ้นอีก ยาที่เขาเลือกใช้บ่อยที่สุดในช่วงนั้นคือ ยูคาโดล ซึ่งก็คือชื่้อทางการตลาดของยาระงับประสาท ออกซิโคโดน นั่นเอง เขาติดแบบงอมแงมซะเขาต้องเลือกที่จะบากหน้ากลับไปหาแม่ ในเดือนกันยายน ปี 1956 เพื่อขอยืมเงิน 500 เหรียญเพื่อไปบำบัด ซึ่งเขาได้พบกับ ดร. จอห์น ยาเบอร์รี่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน แพทย์สายบำบัด ที่เก่งที่สุดในโลก โดยให้ อโปมอร์ฟีน กับบิลแทน นั่นก็ทำให้บิลหยุดอาการอยากยา ได้ขณะหนึ่ง แต่ไม่รู้เหตุอันใด บิล รีบเดินทางกลับไปที่แทนเจียร์เลยทันที . แทนเจียร์ สภาพที่คุ้นเคย สถานที่ที่บิลจัดหาทุกอย่างเพื่อสนองความต้องของตัวเองได้ทุกเวลา บิลเริ่มมีความมุ่งมั่นในการผลิตงานเขียนอย่างจริงๆจังๆ ก็ที่นี่ ที่ผลงานชั้นครูในโลกของวรรณกรรมนอกกระแส "มื้อกลางวันที่เปลือยเปล่า" - Naked Lunch บิลเขียนจดหมายถึงอัลแลนเล่าว่า "นายรู้หรือเปล่า? วิธีเขียนหนังสือยาวๆแบบฉัน ฉันนี่ดูดกัญชาไปเรื่อยๆ พิมพ์ไปด้วยความสูงสุดเท่าที่จะพิมพ์ได้ วันละ หกชั่วโมงติดต่อกันเท่านั้นเป็นเลิกกัน" อันที่จริงแล้วชื่อวรรณกรรมเล่มนี้มาด้วยความบังเอิญสุดๆ คือตอนที่จะให้ชื่อกับวรรณกรรมดังกล่าว ก่อนหน้านี้ที่บิลนั้นเดินทางไปเยี่ยมพรรคพวกที่ ม.โคลัมเบีย ซึ่งกลุ่มบีทส์ นำโดย แจ็ค กับ อัลแลน จะฝึกวิชาเขียนบทกันอย่างหนักหน่วงมาก โดยจะผลัดกับเขียนเรื่องสั้น เรียกว่า รูทีน และเอาพวกคนในกลุ่มผลัดกันมาเล่นละครแล้วก็วิจารณ์กันเองอย่างดุเดือด อัลแลนอ่านประโยค "ความใคร่อันเปลือยเปล่า" - Naked Lust ผิดเป็น Naked Lunch ซึ่งบิลชื่นชอบคำนี้มาก และจำมาเขียนเป็นชื่อวรรณกรรมของเขาเอง ในปี 1957 แจ็คเดินทางไปแทนเจียร์และพบว่า ต้นฉบับของ Naked Lunch นั้นปลิวกระจายไปทั่วห้อง แจ็คถึงกลับต้องเอามานั่งเรียบเรียงและพิมพ์ดีดลงกระดาษให้เรียบร้อย แต่อย่างไรก็ตาม เดือนถัดมา แจ็คก็ยังรู้สึกไม่พอใจ จึงกลับไปที่แทนเจียร์อีกรอบพร้อมกับชายคนรักคนใหม่ของเขา ปีเตอร์ ออลอฟสกี้ และสองคนนี้ก็ไปช่วยกันเรียบเรียงให้ต้นฉบับนี้สมบูรณ์และพร้อมตีพิมพ์ในเวลาต่อมา ซึ่งเมื่ออัลแลนได้อ่านต้นฉบับถึงกลับเขียนจดหมายไปหา ลูเชี่ยน คารร์ เล่าว่า "ผลงานของบิลนี้โคตรเจ๋ง การที่บิลเขาทุ่มเทกับมันใช้ความรู้และศิลปะในการใช้ภาษาที่เขามี และ ยังมีพวกเราที่มาขัดเกลามันขึ้นอีก!" . บิลกับอัลแลนเดินทางไปปารีสในเดือนมกราคมปี 1958 และขายสิทธิ์ในการตีพิมพ์งานชิ้นเอกของเขาให้กับ สำนักพิมพ์โอลิมเปีย และต่อมา ในปี 1962 ผลงานนี้จึงถูกนำเข้ามาตีพิมพ์ในอเมริกาโดย สำนักพิมพ์โกว์ฟ แต่ขายได้ไม่นานก็ถูกสั่งโดยรัฐบาลกลางให้เลิกขายโดยทันทีเนื่องจากมีเนื้อหาที่ลามกหยาบโลนเกินไปสำหรับนักอ่านในอเมริกา กว่าหนังสือเล่มนี้จะได้ขายในตลาดหนังสืออเมริกาก็ปาเข้าไปปี 1966 ซึ่งบิลนั้นยินดีมากที่หนังสือเขาจะไม่ถูกหาว่าเป็นหนังสือต้องห้าม ในเวลาต่อมาเมื่อมีการเสวนากันโดยสื่อมวลชนถึง คุณค่าและความเป็นวรรณกรรมของหนังสือดังกล่าว นอแมน เมลเลอร์ กล่าวว่า "ก็ด้วยความที่มันสุดขอบในเรื่องเซ็กซ์ ความใคร่ ความกระสันในความรุนแรงแบบน่าสยดสยอง แบบดิบๆ ที่เราเจอได้ในหนังสือเล่มนี้ ทำให้ผมชื่นชม คุณ เบอร์โรส์ มากๆ เพราะเขาเข้าถึงเรื่องอย่างว่าได้ลึกกว่านักเขียนคนใดในโลกตะวันตกในยุคนี้" . วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ ก็ใช่่จะไม่เจอปัญหาที่ในชีวิตที่ดูเหมือนจะไม่แคร์โลกไม่แคร์สังคมของเขา นั่นก็คือลูกชายเขา - บิลจูเนียร์ นั่นเอง บิลจูเนียร์ติดยาเสพติดอย่างงอมแงม ตามไลฟสไตล์ที่เขาเห็นพ่อ และ แม่ผู้ล่วงลับใช้ชีวิตกันแบบนั้นมาตลอด บิลเดินทางออกจากแทนเจียร์อีกครั้ง มาอเมริกาเพื่อเอาลูกชายตัวเอง เข้าสถานบำบัดเอกชน เล็กซิงตั้น มีเรื่้องเล่าอยู่ว่า วันที่ สองคนเดินทางไปถึง พยาบาลถึงกลับงงและถามว่า "หนึ่งในสองคนนี้ คนไหนกันคะที่จะเข้ารับการบำบัด?" บิลจูเนียร์ มีชีวิตที่น่าสงสาร เป็นโรคไตวาย เปลี่ยนไตใหม่ไปหนึ่งครั้ง และก็จบชีวิตที่แสนสั้นของเขาที่ฟลอริดา บิลจูเนียร์เขียนจดหมายลาพ่อของเขา ลงท้ายจดหมาย "จาก บุตรที่โดนสาปแช่งตั้งแต่เกิดของท่านเอง" . . to be continued... . .
    0 Comments 0 Shares 700 Views 0 Reviews
  • Intel มีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในไอร์แลนด์ ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นๆ ที่มีโรงงานผลิตของ Intel ตั้งอยู่ ค่าไฟฟ้าในไอร์แลนด์อยู่ที่ 15 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเกือบสองเท่าของค่าไฟฟ้าในสถานที่ผลิตอื่นๆ ของ Intel

    โรงงาน Fab 34 ของ Intel ในไอร์แลนด์เป็นโรงงานแรกในยุโรปที่ใช้เทคโนโลยีลิโทกราฟีอัลตราไวโอเลตขั้นสูง (EUV) ในการผลิตชิปในปริมาณมาก โรงงานนี้สามารถผลิตไมโครอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 4 และ Intel 3

    ค่าไฟฟ้าในยุโรปสูงกว่าทวีปอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและเอเชีย ตัวอย่างเช่น ค่าไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 8.57 เซนต์ในเท็กซัส และ 12.31 เซนต์ในแอริโซนา ในขณะที่ค่าไฟฟ้าในไอร์แลนด์อยู่ที่ 15 เซนต์ (อัตรากลางคืน) ถึง 26 เซนต์ (อัตรากลางวัน) สำหรับลูกค้าพาณิชย์

    Intel กำลังเรียกร้องให้รัฐบาลไอร์แลนด์สนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานหมุนเวียนเพื่อช่วยลดภาระทางการเงินของผู้ผลิต ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานคิดเป็นประมาณ 5% ของต้นทุนการผลิตของ Intel

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-concerned-about-irish-energy-costs-says-report-wants-gov-to-subsidize-renewables
    Intel มีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในไอร์แลนด์ ซึ่งสูงกว่าประเทศอื่นๆ ที่มีโรงงานผลิตของ Intel ตั้งอยู่ ค่าไฟฟ้าในไอร์แลนด์อยู่ที่ 15 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเกือบสองเท่าของค่าไฟฟ้าในสถานที่ผลิตอื่นๆ ของ Intel โรงงาน Fab 34 ของ Intel ในไอร์แลนด์เป็นโรงงานแรกในยุโรปที่ใช้เทคโนโลยีลิโทกราฟีอัลตราไวโอเลตขั้นสูง (EUV) ในการผลิตชิปในปริมาณมาก โรงงานนี้สามารถผลิตไมโครอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 4 และ Intel 3 ค่าไฟฟ้าในยุโรปสูงกว่าทวีปอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและเอเชีย ตัวอย่างเช่น ค่าไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 8.57 เซนต์ในเท็กซัส และ 12.31 เซนต์ในแอริโซนา ในขณะที่ค่าไฟฟ้าในไอร์แลนด์อยู่ที่ 15 เซนต์ (อัตรากลางคืน) ถึง 26 เซนต์ (อัตรากลางวัน) สำหรับลูกค้าพาณิชย์ Intel กำลังเรียกร้องให้รัฐบาลไอร์แลนด์สนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานหมุนเวียนเพื่อช่วยลดภาระทางการเงินของผู้ผลิต ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานคิดเป็นประมาณ 5% ของต้นทุนการผลิตของ Intel https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-concerned-about-irish-energy-costs-says-report-wants-gov-to-subsidize-renewables
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Intel concerned about Irish energy costs says report — wants gov to subsidize renewables
    Ireland's 15 cents per kilowatt hour is almost double the cost in other Intel fab locations
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 Reviews
  • งานเลี้ยงขอบคุณผู้หาความจริงที่มีหนึ่งเดียว
    เดินสุดซอยแรกเข้าสู่ซอยที่ 2 กับดีเอสไอ
    .
    เมื่อวานซืนนี้ (22ม.ค.68 )ผมจัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่บ้านพระอาทิตย์ เพื่อขอบคุณอาสาสมัครที่ร่วมช่วยเหลือจำลองเหตุการณ์ในการตกเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิตของน้องแตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ คนที่เข้ามาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน มี อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, คุณหมอธวัชชัย กาญจนรินทร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมอุบัติเหตุ , คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล พามิสแกรนด์ที่ร่วมพิสูจน์ความจริงมาในการแสดงเป็นน้องแตงโมที่ตกน้ำ ประกอบด้วย น้องปอย มิสแกรนด์นครพนม น้องเฟ-ริน มิสแกรนด์นครสวรรค์ น้องบาร์บี้ มิสแกรนด์เชียงใหม่ น้องนิวหยก มิสแกรนด์ชุมพร น้องหนูวรรณ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ ยังมีครูลิต้า ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก มาด้วย
    .
    ส่วนคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาไม่ได้ เนื่องจากเข้ารับการผ่าตัดนิ่ว ยังไม่พอ ยังต้องถ่อสังขารออกจากโรงพยาบาลไปศาลอาญา เพื่อให้ไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล
    .
    เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ช่วงบ่ายๆอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เปิดเผยหนังสือที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อนุมัติสืบสวนคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดา ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยส่งต่อผู้เชี่ยวชาญด้านคดีพิเศษรับผิดชอบดำเนินการ พร้อมหลักฐานเอกสารคำร้อง 55 แผ่น โดยท่านอธิบดีมอบหมาย พ.ต.ต.ณัฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ และแจ้งให้ผู้รับเรื่องร้องทุกข์ทราบต่อไป
    .
    ท่านผู้ชมครับ การเดินทางเพื่อหาความจริงที่มีหนึ่งเดียวของคดีน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ก็ได้เดินทางมาถึงอย่างน้อยที่สุด ซอยแรก มาถึงสุดซอยแล้ว เรากำลังเดินเข้าซอยที่ 2 อยู่ ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเรื่องราวส่วนตัวกับใครเลยแม้แต่นิดเดียว
    .
    มีคนพูดว่าทำไมเราต้องไปยุ่งเรื่องนี้ คนที่พูดเรื่องนี้น่าจะเป็นคนที่ไร้เดียงสา เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก็เพราะว่าตำรวจ อัยการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอาจจะมีส่วนรับรู้หรือรับเห็น หรือจงใจทำให้เกิดช่องโหว่นี้ขึ้นมา ที่สำคัญคือเขาได้ปิดกั้นความเห็นและข้อมูลที่แตกต่างไม่ให้นำเสนอ เมื่อกระบวนการขึ้นสู่ศาล ศาลก็ไม่มีทางเลือก ก็ต้องพิจารณาเฉพาะหลักฐานที่ตำรวจและอัยการส่งมา ตรงนี้เป็นจุดอ่อนของกระบวนการยุติธรรมของไทยมาก
    .
    ตรงนี้ล่ะครับท่านผู้ชม เราไม่ได้เข้าข้างน้องแตงโม และเราไม่ได้เข้าข้างตำรวจหรือว่าคุณแม่ หรือทนายความของน้องแตงโม แต่เรายืนอยู่บนความจริงมีหนึ่งเดียว นี่คือหลักการในชีวิตของผม ซึ่งถ่ายทอดต่อไป และเป็นหลักการของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และเผอิญมันก็ไปตรงกับหลักการของคุณหมอธวัชชัย แล้วก็มีส่วนในการที่คุณอัจฉริยะ เป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา
    .
    บ้านพระอาทิตย์ สนธิ ลิ้มทองกุล ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ไม่ได้สนใจข้อมูลอันนี้จะไปกระเทือนใครบ้าง ถ้าข้อมูลอันนี้ออกมาแล้วพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้จะหยุดแค่นี้ไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป
    .
    แล้วเราก็มีที่พึ่งที่เดียว คือ ดีเอสไอ ถ้าคดีมีมูล สิ่งที่เราพิสูจน์แล้วดีเอสไอเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง เขาก็ต้องเอาเรื่องทั้งหมดที่สืบสวนสอบสวนมาแล้ว มีบทสรุปเข้าคณะกรรมการชุดใหญ่ทั้งหมด 21 คน ท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นประธาน เมื่อตกลงแล้วข้อมูลที่ทำขึ้นมาจากการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอนั้น เขาคิดว่าน่าจะรับเป็นคดีพิเศษได้หรือเปล่า ถ้าเขารับเป็นคดีพิเศษ กระบวนการทั้งหมดก็จะเริ่มต้นจากหนึ่งใหม่
    .
    ถ้ารับเป็นคดีพิเศษ เขาก็ต้องถามว่า ผู้ใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ มีตำรวจยศอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง ต้องเรียกมาสอบทีละคนๆๆ ผมถึงบอกว่า เราเพิ่งผ่านซอยแรกไปแล้ว ตอนนี้เรากำลังเริ่มเดินเข้าซอยที่สอง แต่อย่างน้อย ปรัชญาของความจริงมีหนึ่งเดียวของเรานั้น ก็ได้รับการยืนยันว่าทุกคนกำลังเดินหน้าเข้าไปหาความจริงที่มีหนึ่งเดียว
    งานเลี้ยงขอบคุณผู้หาความจริงที่มีหนึ่งเดียว เดินสุดซอยแรกเข้าสู่ซอยที่ 2 กับดีเอสไอ . เมื่อวานซืนนี้ (22ม.ค.68 )ผมจัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่บ้านพระอาทิตย์ เพื่อขอบคุณอาสาสมัครที่ร่วมช่วยเหลือจำลองเหตุการณ์ในการตกเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิตของน้องแตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ คนที่เข้ามาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน มี อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, คุณหมอธวัชชัย กาญจนรินทร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมอุบัติเหตุ , คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล พามิสแกรนด์ที่ร่วมพิสูจน์ความจริงมาในการแสดงเป็นน้องแตงโมที่ตกน้ำ ประกอบด้วย น้องปอย มิสแกรนด์นครพนม น้องเฟ-ริน มิสแกรนด์นครสวรรค์ น้องบาร์บี้ มิสแกรนด์เชียงใหม่ น้องนิวหยก มิสแกรนด์ชุมพร น้องหนูวรรณ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ ยังมีครูลิต้า ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก มาด้วย . ส่วนคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาไม่ได้ เนื่องจากเข้ารับการผ่าตัดนิ่ว ยังไม่พอ ยังต้องถ่อสังขารออกจากโรงพยาบาลไปศาลอาญา เพื่อให้ไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล . เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ช่วงบ่ายๆอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เปิดเผยหนังสือที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อนุมัติสืบสวนคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดา ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยส่งต่อผู้เชี่ยวชาญด้านคดีพิเศษรับผิดชอบดำเนินการ พร้อมหลักฐานเอกสารคำร้อง 55 แผ่น โดยท่านอธิบดีมอบหมาย พ.ต.ต.ณัฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ และแจ้งให้ผู้รับเรื่องร้องทุกข์ทราบต่อไป . ท่านผู้ชมครับ การเดินทางเพื่อหาความจริงที่มีหนึ่งเดียวของคดีน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ก็ได้เดินทางมาถึงอย่างน้อยที่สุด ซอยแรก มาถึงสุดซอยแล้ว เรากำลังเดินเข้าซอยที่ 2 อยู่ ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเรื่องราวส่วนตัวกับใครเลยแม้แต่นิดเดียว . มีคนพูดว่าทำไมเราต้องไปยุ่งเรื่องนี้ คนที่พูดเรื่องนี้น่าจะเป็นคนที่ไร้เดียงสา เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก็เพราะว่าตำรวจ อัยการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอาจจะมีส่วนรับรู้หรือรับเห็น หรือจงใจทำให้เกิดช่องโหว่นี้ขึ้นมา ที่สำคัญคือเขาได้ปิดกั้นความเห็นและข้อมูลที่แตกต่างไม่ให้นำเสนอ เมื่อกระบวนการขึ้นสู่ศาล ศาลก็ไม่มีทางเลือก ก็ต้องพิจารณาเฉพาะหลักฐานที่ตำรวจและอัยการส่งมา ตรงนี้เป็นจุดอ่อนของกระบวนการยุติธรรมของไทยมาก . ตรงนี้ล่ะครับท่านผู้ชม เราไม่ได้เข้าข้างน้องแตงโม และเราไม่ได้เข้าข้างตำรวจหรือว่าคุณแม่ หรือทนายความของน้องแตงโม แต่เรายืนอยู่บนความจริงมีหนึ่งเดียว นี่คือหลักการในชีวิตของผม ซึ่งถ่ายทอดต่อไป และเป็นหลักการของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และเผอิญมันก็ไปตรงกับหลักการของคุณหมอธวัชชัย แล้วก็มีส่วนในการที่คุณอัจฉริยะ เป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา . บ้านพระอาทิตย์ สนธิ ลิ้มทองกุล ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ไม่ได้สนใจข้อมูลอันนี้จะไปกระเทือนใครบ้าง ถ้าข้อมูลอันนี้ออกมาแล้วพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้จะหยุดแค่นี้ไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป . แล้วเราก็มีที่พึ่งที่เดียว คือ ดีเอสไอ ถ้าคดีมีมูล สิ่งที่เราพิสูจน์แล้วดีเอสไอเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง เขาก็ต้องเอาเรื่องทั้งหมดที่สืบสวนสอบสวนมาแล้ว มีบทสรุปเข้าคณะกรรมการชุดใหญ่ทั้งหมด 21 คน ท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นประธาน เมื่อตกลงแล้วข้อมูลที่ทำขึ้นมาจากการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอนั้น เขาคิดว่าน่าจะรับเป็นคดีพิเศษได้หรือเปล่า ถ้าเขารับเป็นคดีพิเศษ กระบวนการทั้งหมดก็จะเริ่มต้นจากหนึ่งใหม่ . ถ้ารับเป็นคดีพิเศษ เขาก็ต้องถามว่า ผู้ใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ มีตำรวจยศอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง ต้องเรียกมาสอบทีละคนๆๆ ผมถึงบอกว่า เราเพิ่งผ่านซอยแรกไปแล้ว ตอนนี้เรากำลังเริ่มเดินเข้าซอยที่สอง แต่อย่างน้อย ปรัชญาของความจริงมีหนึ่งเดียวของเรานั้น ก็ได้รับการยืนยันว่าทุกคนกำลังเดินหน้าเข้าไปหาความจริงที่มีหนึ่งเดียว
    Like
    Love
    22
    0 Comments 0 Shares 2153 Views 0 Reviews
  • เมื่อช่วงสายวันที่ 22 ม.ค. 68 “สนธิ ลิ้มทองกุล” ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ผู้จัดการ ได้จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อขอบคุณอาสาสมัครที่มาร่วมจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา พัชระวีรพงษ์”เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา ณ บ้านพระอาทิตย์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006866

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เมื่อช่วงสายวันที่ 22 ม.ค. 68 “สนธิ ลิ้มทองกุล” ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ผู้จัดการ ได้จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อขอบคุณอาสาสมัครที่มาร่วมจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา พัชระวีรพงษ์”เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา ณ บ้านพระอาทิตย์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006866 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    11
    0 Comments 0 Shares 1002 Views 1 Reviews
  • 82 ปี “สวัสดี” คำทักทายอย่างเป็นทางการของไทย

    ย้อนไปเมื่อ 82 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 ถือเป็นวันสำคัญ ในประวัติศาสตร์ภาษา และวัฒนธรรมของไทย เนื่องจากรัฐบาลไทยในยุคนั้น ได้กำหนดให้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทาย ที่ใช้อย่างเป็นทางการ ทั้งในยามพบปะและลาจาก คำนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดธรรมดา แต่ยังสื่อถึงความหวังดี และความปรารถนาดีระหว่างผู้คน ซึ่งสะท้อนถึงจิตวิญญาณอันงดงาม ของวัฒนธรรมไทย

    ความหมายของ “สวัสดี”
    คำว่า “สวัสดี” มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต โดยคำนี้ประกอบด้วยสองส่วนสำคัญ ได้แก่
    “สุ” ซึ่งเป็นคำอุปสรรค หมายถึง "ดี" หรือ "งดงาม"
    “อสฺติ” ซึ่งเป็นคำกริยา หมายถึง "มี"

    เมื่อรวมกันจึงแปลว่า “ขอความดีงามจงมีแก่ท่าน” หรือกล่าวในความหมายกว้างว่า “ขอให้คุณมีความสุข ปลอดภัย และรุ่งเรือง”

    ตามที่พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ระบุไว้ คำว่า “สวัสดี” หมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย คำนี้ถูกนำมาใช้ เพื่อเป็นทั้งคำอวยพร และคำทักทาย ทำให้ทุกครั้ง ที่มีการกล่าวคำว่า "สวัสดี" ผู้พูดและผู้ฟัง ต่างได้รับความรู้สึกดี ๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ของภาษาไทย

    จุดเริ่มต้นของคำว่า “สวัสดี”
    คำว่า “สวัสดี” ได้ถูกนำมาใช้ อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2486 โดยพระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะนั้น พระยาอุปกิตฯ ได้แรงบันดาลใจจากคำว่า “โสตฺถิ” ในภาษาบาลี หรือ “สฺวสฺติ” ในภาษาสันสกฤต และได้นำมาปรับเปลี่ยนเสียง ให้เหมาะสม กับการออกเสียงของคนไทย

    หลังจากนั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในยุคนั้น ได้เห็นความเหมาะสมของคำนี้ และสนับสนุนให้ใช้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 เป็นต้นมา

    ความแตกต่างของ “สวัสดี” กับคำทักทายอื่นในยุคนั้น
    ก่อนที่คำว่า “สวัสดี” จะถูกกำหนดให้เป็นคำทักทาย อย่างเป็นทางการ คนไทยนิยมใช้คำทักทาย ตามโอกาส เช่น

    “ไปไหนมา?” หรือ “กินข้าวหรือยัง?” ในชีวิตประจำวัน
    “กราบเรียน” หรือ “คารวะ” เมื่อพูดกับผู้ใหญ่

    คำว่า “สวัสดี” จึงเข้ามาเติมเต็มบทบาท ของคำทักทาย ที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ทั้งในเชิงความหมาย และความสะดวกในการใช้งาน โดยสามารถใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และในพิธีการ อย่างเป็นทางการ

    การพัฒนาคำว่า “สวัสดี” ในยุคปัจจุบัน
    แม้คำว่า “สวัสดี” จะถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ในประเทศไทย แต่ในช่วงยุคแรก ๆ มีการกำหนดคำทักทายเพิ่มเติม ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน เช่น

    “อรุณสวัสดิ์” (Good morning) สำหรับทักทายในตอนเช้า
    “ทิวาสวัสดิ์” (Good afternoon) สำหรับทักทายในตอนกลางวัน
    “สายัณห์สวัสดิ์” (Good evening) สำหรับทักทายในตอนเย็น
    “ราตรีสวัสดิ์” (Good night) สำหรับกล่าวลาก่อนเข้านอน

    อย่างไรก็ตาม คำว่า “สวัสดี” ยังคงได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะสามารถใช้ได้ทุกช่วงเวลา ไม่ต้องระบุเวลาเฉพาะเจาะจง

    การทักทายด้วย “สวัสดี” สะท้อนถึงวัฒนธรรมไทย
    การกล่าวคำว่า “สวัสดี” มักจะมาพร้อมกับการ ไหว้ ซึ่งเป็นการยกมือขึ้นประนมไว้ที่อก ในลักษณะคล้ายดอกบัวตูม ท่าทางนี้ไม่ได้เป็นเพียง การแสดงความเคารพเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง เช่น

    ความบริสุทธิ์ใจ การประนมมือไว้ที่อก แสดงถึงการพูดจากใจ
    ความเคารพผู้อื่น แสดงความนอบน้อมและให้เกียรติผู้ฟัง
    ความปรารถนาดี การกล่าวคำ “สวัสดี” พร้อมกับการไหว้ เป็นการส่งต่อความหวังดีไปยังผู้อื่น

    นอกจากนี้ การไหว้ยังแบ่งระดับ ตามสถานะของผู้พูดและผู้ฟัง เช่น
    ไหว้แบบสูงสุด สำหรับการแสดงความเคารพต่อพระสงฆ์
    ไหว้แบบกลาง สำหรับผู้ใหญ่ และผู้มีตำแหน่งสูงกว่า
    ไหว้แบบต่ำ สำหรับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อน

    “สวัสดี” ในยุคดิจิทัล
    แม้ในยุคปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในชีวิตประจำวัน คนไทยยังคงใช้คำว่า “สวัสดี” ในการสื่อสาร ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น

    - ส่งข้อความทักทาย ในแอปพลิเคชันแชต
    - ใช้คำว่า “สวัสดีค่ะ/ครับ” เป็นคำเปิดหัวข้อในอีเมล
    - ใช้คำว่า “สวัสดี” ในโพสต์ หรือแคปชันบนโซเชียลมีเดีย

    การใช้งานคำนี้ในยุคดิจิทัล ช่วยสะท้อนถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ในโลกออนไลน์ และยังสร้างความประทับใจ แก่ชาวต่างชาติที่พบเห็น

    “สวัสดี” คำทักทายที่ไม่เคยล้าสมัย
    การเดินทางของคำว่า “สวัสดี” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486 จนถึงปัจจุบัน เป็นเครื่องยืนยันถึงความงดงาม ของภาษาไทย และวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง คำนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูด ที่ใช้ในการทักทาย หรืออำลาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสื่อสาร ถึงความปรารถนาดี ความเคารพ และความจริงใจ ที่คนไทยมีต่อกัน

    “สวัสดี” จึงไม่ใช่เพียงคำพูดธรรมดา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ ของความงดงามทางวัฒนธรรม ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และส่งต่อให้คนรุ่นหลัง

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221015 ม.ค. 2568

    #สวัสดี #ภาษาไทย #วัฒนธรรมไทย #คำทักทายไทย #คำทักทาย #วันสวัสดี #รากศัพท์สันสกฤต #ประวัติศาสตร์ไทย #ความงดงามของไทย #มรดกทางวัฒนธรรม ✨ 😊
    82 ปี “สวัสดี” คำทักทายอย่างเป็นทางการของไทย ย้อนไปเมื่อ 82 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 ถือเป็นวันสำคัญ ในประวัติศาสตร์ภาษา และวัฒนธรรมของไทย เนื่องจากรัฐบาลไทยในยุคนั้น ได้กำหนดให้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทาย ที่ใช้อย่างเป็นทางการ ทั้งในยามพบปะและลาจาก คำนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดธรรมดา แต่ยังสื่อถึงความหวังดี และความปรารถนาดีระหว่างผู้คน ซึ่งสะท้อนถึงจิตวิญญาณอันงดงาม ของวัฒนธรรมไทย ความหมายของ “สวัสดี” คำว่า “สวัสดี” มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต โดยคำนี้ประกอบด้วยสองส่วนสำคัญ ได้แก่ “สุ” ซึ่งเป็นคำอุปสรรค หมายถึง "ดี" หรือ "งดงาม" “อสฺติ” ซึ่งเป็นคำกริยา หมายถึง "มี" เมื่อรวมกันจึงแปลว่า “ขอความดีงามจงมีแก่ท่าน” หรือกล่าวในความหมายกว้างว่า “ขอให้คุณมีความสุข ปลอดภัย และรุ่งเรือง” ตามที่พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ระบุไว้ คำว่า “สวัสดี” หมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย คำนี้ถูกนำมาใช้ เพื่อเป็นทั้งคำอวยพร และคำทักทาย ทำให้ทุกครั้ง ที่มีการกล่าวคำว่า "สวัสดี" ผู้พูดและผู้ฟัง ต่างได้รับความรู้สึกดี ๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ของภาษาไทย จุดเริ่มต้นของคำว่า “สวัสดี” คำว่า “สวัสดี” ได้ถูกนำมาใช้ อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2486 โดยพระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะนั้น พระยาอุปกิตฯ ได้แรงบันดาลใจจากคำว่า “โสตฺถิ” ในภาษาบาลี หรือ “สฺวสฺติ” ในภาษาสันสกฤต และได้นำมาปรับเปลี่ยนเสียง ให้เหมาะสม กับการออกเสียงของคนไทย หลังจากนั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในยุคนั้น ได้เห็นความเหมาะสมของคำนี้ และสนับสนุนให้ใช้คำว่า “สวัสดี” เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2486 เป็นต้นมา ความแตกต่างของ “สวัสดี” กับคำทักทายอื่นในยุคนั้น ก่อนที่คำว่า “สวัสดี” จะถูกกำหนดให้เป็นคำทักทาย อย่างเป็นทางการ คนไทยนิยมใช้คำทักทาย ตามโอกาส เช่น “ไปไหนมา?” หรือ “กินข้าวหรือยัง?” ในชีวิตประจำวัน “กราบเรียน” หรือ “คารวะ” เมื่อพูดกับผู้ใหญ่ คำว่า “สวัสดี” จึงเข้ามาเติมเต็มบทบาท ของคำทักทาย ที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ทั้งในเชิงความหมาย และความสะดวกในการใช้งาน โดยสามารถใช้ได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และในพิธีการ อย่างเป็นทางการ การพัฒนาคำว่า “สวัสดี” ในยุคปัจจุบัน แม้คำว่า “สวัสดี” จะถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ในประเทศไทย แต่ในช่วงยุคแรก ๆ มีการกำหนดคำทักทายเพิ่มเติม ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน เช่น “อรุณสวัสดิ์” (Good morning) สำหรับทักทายในตอนเช้า “ทิวาสวัสดิ์” (Good afternoon) สำหรับทักทายในตอนกลางวัน “สายัณห์สวัสดิ์” (Good evening) สำหรับทักทายในตอนเย็น “ราตรีสวัสดิ์” (Good night) สำหรับกล่าวลาก่อนเข้านอน อย่างไรก็ตาม คำว่า “สวัสดี” ยังคงได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะสามารถใช้ได้ทุกช่วงเวลา ไม่ต้องระบุเวลาเฉพาะเจาะจง การทักทายด้วย “สวัสดี” สะท้อนถึงวัฒนธรรมไทย การกล่าวคำว่า “สวัสดี” มักจะมาพร้อมกับการ ไหว้ ซึ่งเป็นการยกมือขึ้นประนมไว้ที่อก ในลักษณะคล้ายดอกบัวตูม ท่าทางนี้ไม่ได้เป็นเพียง การแสดงความเคารพเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง เช่น ความบริสุทธิ์ใจ การประนมมือไว้ที่อก แสดงถึงการพูดจากใจ ความเคารพผู้อื่น แสดงความนอบน้อมและให้เกียรติผู้ฟัง ความปรารถนาดี การกล่าวคำ “สวัสดี” พร้อมกับการไหว้ เป็นการส่งต่อความหวังดีไปยังผู้อื่น นอกจากนี้ การไหว้ยังแบ่งระดับ ตามสถานะของผู้พูดและผู้ฟัง เช่น ไหว้แบบสูงสุด สำหรับการแสดงความเคารพต่อพระสงฆ์ ไหว้แบบกลาง สำหรับผู้ใหญ่ และผู้มีตำแหน่งสูงกว่า ไหว้แบบต่ำ สำหรับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อน “สวัสดี” ในยุคดิจิทัล แม้ในยุคปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในชีวิตประจำวัน คนไทยยังคงใช้คำว่า “สวัสดี” ในการสื่อสาร ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น - ส่งข้อความทักทาย ในแอปพลิเคชันแชต - ใช้คำว่า “สวัสดีค่ะ/ครับ” เป็นคำเปิดหัวข้อในอีเมล - ใช้คำว่า “สวัสดี” ในโพสต์ หรือแคปชันบนโซเชียลมีเดีย การใช้งานคำนี้ในยุคดิจิทัล ช่วยสะท้อนถึงการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ในโลกออนไลน์ และยังสร้างความประทับใจ แก่ชาวต่างชาติที่พบเห็น “สวัสดี” คำทักทายที่ไม่เคยล้าสมัย การเดินทางของคำว่า “สวัสดี” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486 จนถึงปัจจุบัน เป็นเครื่องยืนยันถึงความงดงาม ของภาษาไทย และวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง คำนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูด ที่ใช้ในการทักทาย หรืออำลาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสื่อสาร ถึงความปรารถนาดี ความเคารพ และความจริงใจ ที่คนไทยมีต่อกัน “สวัสดี” จึงไม่ใช่เพียงคำพูดธรรมดา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ ของความงดงามทางวัฒนธรรม ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และส่งต่อให้คนรุ่นหลัง ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221015 ม.ค. 2568 #สวัสดี #ภาษาไทย #วัฒนธรรมไทย #คำทักทายไทย #คำทักทาย #วันสวัสดี #รากศัพท์สันสกฤต #ประวัติศาสตร์ไทย #ความงดงามของไทย #มรดกทางวัฒนธรรม ✨ 😊
    0 Comments 0 Shares 776 Views 0 Reviews
  • ผลเมล่อนปริแตกจากสภาพอากาศหนาว จากภาพ เพื่อนๆจะเห็นการแตกของผลเมล่อนซึ่งมีการแตกเป็นแผลลึกถึงเนื้อเมล่อน การแตกของผลเมล่อนแบบนี้เกิดขึ้นจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในเวลากลางคืน กลางวันมีแดดร้อนจัดทำให้เกิดการยืดหดตัวของผลเมล่อนค่อนข้างรุนแรง ถ้าเราให้ปริมาณน้ำมากในช่วงขยายผลเมล่อนด้วยแล้วจะทำให้ผลเมล่อนแตกเสียหายได้ง่าย ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันผลเมล่อนแตกเสียหายในช่วงที่มีอากาศเย็น แนะนำเพื่อนๆลดปริมาณน้ำที่ให้ต่อวันลง 15-20% พ่นธาตุอาหารรองอาหารเสริมสม่ำเสมอทุก3วัน ก็จะช่วยให้ไม่เกิดการแตกเสียหายของผลเมล่อนได้ครับ
    ผลเมล่อนปริแตกจากสภาพอากาศหนาว จากภาพ เพื่อนๆจะเห็นการแตกของผลเมล่อนซึ่งมีการแตกเป็นแผลลึกถึงเนื้อเมล่อน การแตกของผลเมล่อนแบบนี้เกิดขึ้นจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในเวลากลางคืน กลางวันมีแดดร้อนจัดทำให้เกิดการยืดหดตัวของผลเมล่อนค่อนข้างรุนแรง ถ้าเราให้ปริมาณน้ำมากในช่วงขยายผลเมล่อนด้วยแล้วจะทำให้ผลเมล่อนแตกเสียหายได้ง่าย ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันผลเมล่อนแตกเสียหายในช่วงที่มีอากาศเย็น แนะนำเพื่อนๆลดปริมาณน้ำที่ให้ต่อวันลง 15-20% พ่นธาตุอาหารรองอาหารเสริมสม่ำเสมอทุก3วัน ก็จะช่วยให้ไม่เกิดการแตกเสียหายของผลเมล่อนได้ครับ
    0 Comments 0 Shares 200 Views 0 0 Reviews
More Results