• ถกเข้ม! ห้าง-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง ปมแม่ค้ารับหิ้วซัดกันนัวจองกระเป๋าแบรนด์เนมดัง เพิ่มความปลอดภัย ตร.ยันรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว

    จากกรณีเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 เพจ “ผู้บริโภค” แชร์ภาพเหตุการณ์ชายหญิงนับสิบคนทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกันบริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี โดยระบุข้อความว่า “หน้าเซ็นทรัลเวสต์เกตตอนนี้กับเรื่องวุ่นๆ ของวัยรุ่นกระเป๋า Merge” ทำให้มีประชาชนที่พบเห็นเหตุการณ์บันทึกภาพและวิดีโอเผยแพร่ในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัยภายในศูนย์การค้า

    ล่าสุด วันนี้ (23 มี.ค.) เวลา 14.00 น. พ.ต.อ.สิรภพ อนุศิริ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางใหญ่ นายวรรธนะ รักเจริญ ปลัดอำเภอบางใหญ่ พร้อมด้วย ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต และตัวแทนจากแบรนด์ Merge ได้เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำขึ้นอีก โดยมีการลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้า จุดเกิดเหตุหน้าห้าง และเดินตรวจตราภายในศูนย์การค้า เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแนวทางเฝ้าระวัง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000027605

    #MGROnline #กระเป๋าแบรนด์เนม
    ถกเข้ม! ห้าง-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง ปมแม่ค้ารับหิ้วซัดกันนัวจองกระเป๋าแบรนด์เนมดัง เพิ่มความปลอดภัย ตร.ยันรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว • จากกรณีเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 เพจ “ผู้บริโภค” แชร์ภาพเหตุการณ์ชายหญิงนับสิบคนทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายกันบริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี โดยระบุข้อความว่า “หน้าเซ็นทรัลเวสต์เกตตอนนี้กับเรื่องวุ่นๆ ของวัยรุ่นกระเป๋า Merge” ทำให้มีประชาชนที่พบเห็นเหตุการณ์บันทึกภาพและวิดีโอเผยแพร่ในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัยภายในศูนย์การค้า • ล่าสุด วันนี้ (23 มี.ค.) เวลา 14.00 น. พ.ต.อ.สิรภพ อนุศิริ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางใหญ่ นายวรรธนะ รักเจริญ ปลัดอำเภอบางใหญ่ พร้อมด้วย ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต และตัวแทนจากแบรนด์ Merge ได้เข้าร่วมประชุมหารือแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำขึ้นอีก โดยมีการลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้า จุดเกิดเหตุหน้าห้าง และเดินตรวจตราภายในศูนย์การค้า เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแนวทางเฝ้าระวัง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000027605 • #MGROnline #กระเป๋าแบรนด์เนม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวบมาดามบอสเต๋ ปิดตำนานซิมเคโฟร์

    การจับกุม น.ส.เริงฤดี ลักษณะหุต หรือบอสเต๋ อายุ 45 ปี กรรมการบริษัท ปันสุข 555 จำกัด และ น.ส.พรพิมล สีลาดเลา อายุ 30 ปี กรรมการบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หลานสาว น.ส.เริงฤดี ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 24 ก.พ. 2568 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 413 รายการ มีทั้งตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข 258 ตู้ รถยนต์ 11 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ที่ดินปราจีนบุรี 4 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็นการปิดฉากอีกหนึ่งธุรกิจเครือข่ายต่อจากดิไอคอนกรุ๊ป

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร นำผู้เสียหาย 8 คน แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปคบ. ว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนซิมการ์ดและตู้เติมเงิน 5,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 3 เท่าภายใน 500 วัน และอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช. ปรากฎว่าไม่ได้รับผลตอบแทนมา 2 เดือน เมื่อทวงถามก็ถูกข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ต่อมามีผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. รวม 61 ราย มูลค่าความเสียหาย 27,557,701 บาท

    สืบสวนพบว่าผู้ต้องหาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนซิมเคโฟร์ ซึ่งเช่าโครงข่ายเสมือน (MVNO) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข เสนอแพ็คเกจลงทุน 50,000 บาท รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายใน 500 วัน และขยายตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ จัดการอบรมสัมมนาชักชวนร่วมลงทุน โดยจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึง 50% ของค่าสมัคร อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทกว่า 400 ล้านบาท และมีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    ด้านสำนักงาน กสทช. เตรียมนำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ พร้อมหารือกับ NT ให้ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานซิมเคโฟร์ 40,000 รายอีกด้วย

    สำหรับซิมเคโฟร์เปิดตัวเมื่อเดือน เม.ย. 2566 ก่อนเปิดตัวตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขเมื่อต้นปี 2567 ต่อมาสำนักงาน กสทช. ได้รับการร้องเรียนว่ามีการชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง อ้างว่าได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. จึงสั่งยุติการขายหรือแจกซิมมือถือ นอกจากนี้ยังพบว่าได้รับการจัดสรรเลขหมาย 331,000 เลขหมาย แต่ใช้งานจริงเพียง 46,000 เลขหมาย เติมเงินเฉลี่ยเพียงเลขหมายละ 38 บาท สอดคล้องกับที่แจ้งว่ามีรายได้ประมาณปีละ 5 ล้านบาท และจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 7,000 บาท

    #Newskit
    รวบมาดามบอสเต๋ ปิดตำนานซิมเคโฟร์ การจับกุม น.ส.เริงฤดี ลักษณะหุต หรือบอสเต๋ อายุ 45 ปี กรรมการบริษัท ปันสุข 555 จำกัด และ น.ส.พรพิมล สีลาดเลา อายุ 30 ปี กรรมการบริษัท เคโฟร์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด หลานสาว น.ส.เริงฤดี ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตามหมายจับของศาลอาญา ลงวันที่ 24 ก.พ. 2568 ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวน 413 รายการ มีทั้งตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข 258 ตู้ รถยนต์ 11 คัน กระเป๋าแบรนด์เนม เครื่องประดับ ที่ดินปราจีนบุรี 4 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท ถือเป็นการปิดฉากอีกหนึ่งธุรกิจเครือข่ายต่อจากดิไอคอนกรุ๊ป ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ และนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร นำผู้เสียหาย 8 คน แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ บก.ปคบ. ว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนซิมการ์ดและตู้เติมเงิน 5,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 3 เท่าภายใน 500 วัน และอ้างว่าได้รับอนุญาตจาก กสทช. ปรากฎว่าไม่ได้รับผลตอบแทนมา 2 เดือน เมื่อทวงถามก็ถูกข่มขู่ว่าจะแจ้งความกลับ ต่อมามีผู้เสียหายร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. รวม 61 ราย มูลค่าความเสียหาย 27,557,701 บาท สืบสวนพบว่าผู้ต้องหาชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนซิมเคโฟร์ ซึ่งเช่าโครงข่ายเสมือน (MVNO) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และตู้เติมเงินเคธี่ปันสุข เสนอแพ็คเกจลงทุน 50,000 บาท รับผลตอบแทนสูงสุด 150,000 บาท ภายใน 500 วัน และขยายตัวแทนจำหน่ายไปยังจังหวัดต่างๆ จัดการอบรมสัมมนาชักชวนร่วมลงทุน โดยจะได้รับส่วนแบ่งสูงสุดถึง 50% ของค่าสมัคร อีกทั้งธุรกิจตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทกว่า 400 ล้านบาท และมีการยักย้ายถ่ายโอนแปรสภาพเงินเป็นทรัพย์สินต่างๆ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ด้านสำนักงาน กสทช. เตรียมนำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ พร้อมหารือกับ NT ให้ออกมาตรการเยียวยาผู้ใช้งานซิมเคโฟร์ 40,000 รายอีกด้วย สำหรับซิมเคโฟร์เปิดตัวเมื่อเดือน เม.ย. 2566 ก่อนเปิดตัวตู้เติมเงินเคธี่ปันสุขเมื่อต้นปี 2567 ต่อมาสำนักงาน กสทช. ได้รับการร้องเรียนว่ามีการชักชวนลงทุนให้ผลตอบแทนสูง อ้างว่าได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน กสทช. จึงสั่งยุติการขายหรือแจกซิมมือถือ นอกจากนี้ยังพบว่าได้รับการจัดสรรเลขหมาย 331,000 เลขหมาย แต่ใช้งานจริงเพียง 46,000 เลขหมาย เติมเงินเฉลี่ยเพียงเลขหมายละ 38 บาท สอดคล้องกับที่แจ้งว่ามีรายได้ประมาณปีละ 5 ล้านบาท และจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปีละ 7,000 บาท #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 555 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตร.จ่อออกหมายเรียก "เกลิน ธัญรดี" อดีตดารา-เน็ตไอดอล 3 ข้อหาหนัก หลังเจ้าหน้าที่นำกระเป๋าแบรนด์เนมและนาฬิกาหรูที่หลอกขายให้ลูกค้าไปตรวจ พบเป็นของปลอมทั้งหมด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117736

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตร.จ่อออกหมายเรียก "เกลิน ธัญรดี" อดีตดารา-เน็ตไอดอล 3 ข้อหาหนัก หลังเจ้าหน้าที่นำกระเป๋าแบรนด์เนมและนาฬิกาหรูที่หลอกขายให้ลูกค้าไปตรวจ พบเป็นของปลอมทั้งหมด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117736 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1268 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลียนแบบ888มาเก๊าเป็นมากัว ไม่รอดตำรวจไซเบอร์

    ก่อนหน้านี้เคยมีเครือข่ายการพนันออนไลน์รายใหญ่ที่มีชื่อเสียงในไทย นามว่า มาเก๊า 888 (Macau 888) สร้างปรากฎการณ์ด้วยการแต่งเพลง "มาเก๊า 888" โดยแมคคิง หรือนายอนุวัฒน์ คำยา พร้อมกับเอ็มวีที่มีนางแบบสาวสุดเซ็กซี่ร่วมแสดง กลายเป็นที่เข้าถึงแม้แต่เยาวชนจนน่าเป็นห่วง แต่แล้วถึงกาลอวสาน เมื่อปี 2566 นักแสดงสาว ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ โพสต์เฟซบุ๊กแฉอดีตคนรัก ที่บ้านทำเว็บพนันรายใหญ่ และหนึ่งในพี่น้องกำลังจะแต่งงาน ซึ่งระบุว่าเป็นเครือข่ายมาเก๊า 888 แม้ตำรวจจะจับกุมอดีตคนรักมาดำเนินคดี แต่เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ศาลอาญาพิพากษาจำคุกจำเลย 7 คน แต่อดีตคนรักรายนั้นยกฟ้อง

    ถึงกระนั้น 888 กลายเป็นเลขที่เครือข่ายการพนันและธุรกิจสีเทานำมาใช้ เพราะเชื่อว่าเป็นเลขที่นำพาไปสู่ความร่ำรวย แม้ในสายตาคนทั่วไป เลข 888 ลามไปถึงเลข 777 และ 999 ต้องมีคนคิดดีไม่ได้เลยก็ตาม

    การจับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ มากัว 888 (Macua 888) โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ ที่นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. และคณะ ทีแรกนึกไปว่าเครือข่ายมาเก๊า 888 กลับมาอีกแล้วหรือ แต่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยืนยันว่า เป็นการตั้งชื่อให้คล้ายกับเว็บมาเก๊า 888 ที่มีการจับกุมก่อนหน้านี้ สลับตัวกันแค่ตัว A และ U ไม่ใช่เครือข่ายเดียวกัน เหตุผลเพราะมาเก๊า 888 เป็นเว็บที่มีชื่อเสียง โด่งดังในกลุ่มนักพนัน และดึงดูดนักพนันให้เข้าเว็บได้ง่ายขึ้น ก็เลยเลียนแบบ มีสมาชิกกว่า 117,000 คน ยอดเงินหมุนเวียนกว่า 360 ล้านบาท

    ผู้ต้องหาประกอบด้วย นายอังกฤษ บัวสาย อายุ 28 ปี เจ้าของเว็บพนัน นายภูมิรพี แสงวุธ อายุ 19 ปี แอดมินและดูแลการเงิน นายเจษฎา การภักดี อายุ 23 ปี น.ส.ณิรินทร์ญา ธนินเมธีเมศร์ อายุ 29 ปี ผู้ดูแลการเงิน และ น.ส.นฤมล ทรัพย์สุข อายุ 27 ปี แอดมินเว็บ พร้อมของกลางเงินสด 6 ล้านบาท รถยนต์หรู นาฬิกา กำไลข้อมือ กระเป๋าแบรนด์เนม อาวุธปืน 2 กระบอก โมเดลอาร์ตทอย มือถือ 22 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 11 ชุด สมุดบัญชี 43 เล่ม และบัตรกดเงินสด 28 ใบ รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้จับกุมเครือข่ายหวยใต้ดิน "ห้องซื้อเฮียดัง 888" อีกด้วย

    พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า เลข 888 เป็นเลขที่มีความนิยม เพราะเมื่อเอาเลข 8 มาวางเป็นแนวนอนจะแปลเป็นเครื่องหมายอินฟินิตี้ในภาษาอังกฤษ แปลว่าไม่มีที่สิ้นสุด ที่หมายถึงตัวเจ้าของจะรวยไม่สิ้นสุด ส่วนคนเล่นจะจนลง จึงขอฝากเตือนไปยังประชาชนทุกคนว่า ไม่มีใครรวยจากเว็บพนัน คนที่รวยมีเพียงเจ้าของเว็บเท่านั้น

    #Newskit
    เลียนแบบ888มาเก๊าเป็นมากัว ไม่รอดตำรวจไซเบอร์ ก่อนหน้านี้เคยมีเครือข่ายการพนันออนไลน์รายใหญ่ที่มีชื่อเสียงในไทย นามว่า มาเก๊า 888 (Macau 888) สร้างปรากฎการณ์ด้วยการแต่งเพลง "มาเก๊า 888" โดยแมคคิง หรือนายอนุวัฒน์ คำยา พร้อมกับเอ็มวีที่มีนางแบบสาวสุดเซ็กซี่ร่วมแสดง กลายเป็นที่เข้าถึงแม้แต่เยาวชนจนน่าเป็นห่วง แต่แล้วถึงกาลอวสาน เมื่อปี 2566 นักแสดงสาว ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ โพสต์เฟซบุ๊กแฉอดีตคนรัก ที่บ้านทำเว็บพนันรายใหญ่ และหนึ่งในพี่น้องกำลังจะแต่งงาน ซึ่งระบุว่าเป็นเครือข่ายมาเก๊า 888 แม้ตำรวจจะจับกุมอดีตคนรักมาดำเนินคดี แต่เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ศาลอาญาพิพากษาจำคุกจำเลย 7 คน แต่อดีตคนรักรายนั้นยกฟ้อง ถึงกระนั้น 888 กลายเป็นเลขที่เครือข่ายการพนันและธุรกิจสีเทานำมาใช้ เพราะเชื่อว่าเป็นเลขที่นำพาไปสู่ความร่ำรวย แม้ในสายตาคนทั่วไป เลข 888 ลามไปถึงเลข 777 และ 999 ต้องมีคนคิดดีไม่ได้เลยก็ตาม การจับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ มากัว 888 (Macua 888) โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ ที่นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. และคณะ ทีแรกนึกไปว่าเครือข่ายมาเก๊า 888 กลับมาอีกแล้วหรือ แต่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยืนยันว่า เป็นการตั้งชื่อให้คล้ายกับเว็บมาเก๊า 888 ที่มีการจับกุมก่อนหน้านี้ สลับตัวกันแค่ตัว A และ U ไม่ใช่เครือข่ายเดียวกัน เหตุผลเพราะมาเก๊า 888 เป็นเว็บที่มีชื่อเสียง โด่งดังในกลุ่มนักพนัน และดึงดูดนักพนันให้เข้าเว็บได้ง่ายขึ้น ก็เลยเลียนแบบ มีสมาชิกกว่า 117,000 คน ยอดเงินหมุนเวียนกว่า 360 ล้านบาท ผู้ต้องหาประกอบด้วย นายอังกฤษ บัวสาย อายุ 28 ปี เจ้าของเว็บพนัน นายภูมิรพี แสงวุธ อายุ 19 ปี แอดมินและดูแลการเงิน นายเจษฎา การภักดี อายุ 23 ปี น.ส.ณิรินทร์ญา ธนินเมธีเมศร์ อายุ 29 ปี ผู้ดูแลการเงิน และ น.ส.นฤมล ทรัพย์สุข อายุ 27 ปี แอดมินเว็บ พร้อมของกลางเงินสด 6 ล้านบาท รถยนต์หรู นาฬิกา กำไลข้อมือ กระเป๋าแบรนด์เนม อาวุธปืน 2 กระบอก โมเดลอาร์ตทอย มือถือ 22 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 11 ชุด สมุดบัญชี 43 เล่ม และบัตรกดเงินสด 28 ใบ รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้จับกุมเครือข่ายหวยใต้ดิน "ห้องซื้อเฮียดัง 888" อีกด้วย พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า เลข 888 เป็นเลขที่มีความนิยม เพราะเมื่อเอาเลข 8 มาวางเป็นแนวนอนจะแปลเป็นเครื่องหมายอินฟินิตี้ในภาษาอังกฤษ แปลว่าไม่มีที่สิ้นสุด ที่หมายถึงตัวเจ้าของจะรวยไม่สิ้นสุด ส่วนคนเล่นจะจนลง จึงขอฝากเตือนไปยังประชาชนทุกคนว่า ไม่มีใครรวยจากเว็บพนัน คนที่รวยมีเพียงเจ้าของเว็บเท่านั้น #Newskit
    Like
    Haha
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1073 มุมมอง 0 รีวิว
  • ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน "ชัยธวัช" อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลรวย 19.3 ล้านบาท ‘อภิชาติ ศิริสุนทร’ 13.2 ล้านบาท ‘ก่อแก้ว พิกุลทอง’ อู้ฟู่ 263 ล้านบาท มีหนี้สินแค่แสนกว่าบาท เก็บปืน เครื่องประดับ นาฬิกาหรู ทองคำแท่ง กระเป๋าแบรนด์เนมเพียบ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111988

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน "ชัยธวัช" อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลรวย 19.3 ล้านบาท ‘อภิชาติ ศิริสุนทร’ 13.2 ล้านบาท ‘ก่อแก้ว พิกุลทอง’ อู้ฟู่ 263 ล้านบาท มีหนี้สินแค่แสนกว่าบาท เก็บปืน เครื่องประดับ นาฬิกาหรู ทองคำแท่ง กระเป๋าแบรนด์เนมเพียบ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111988 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Yay
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1871 มุมมอง 1 รีวิว
  • ชาจีน CHAGEE ฉาว ทุจริตรางวัล Tear & Win

    CHAGEE (ชาจี) ร้านเครื่องดื่มชาจีนระดับพรีเมียมที่มีต้นกำเนิดจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน มีสาขาในบางประเทศ หนึ่งในนั้นคือมาเลเซีย กำลังเฉลิมฉลองครบรอบ 7 ปี จัดโปรโมชัน Tear & Win ระหว่างวันที่ 16-17 พ.ย. เมื่อลูกค้าซื้อชาอู่หลงพีชขาวแก้วใหญ่ หรือชานมมะลิแก้วใหญ่ แกะตามรอยปรุที่กระดาษครอบแก้วเครื่องดื่มเพื่อลุ้นรับรางวัลทั้งแมคบุ๊ก ไอแพด ไอโฟน แอปเปิ้ลวอตซ์ สินค้าลักชัวรีอย่างกระเป๋าแบรนด์เนม ลิปสติก น้ำหอม และของรางวัลอีกมากมาย

    ปรากฎว่ามีชาวเน็ตมาเลเซียรายหนึ่ง ถ่ายวีดีโอคลิปขณะที่พนักงานร้านรายหนึ่ง กำลังแยกแก้วโดยการเขย่ากระดาษครอบแก้ว เพื่อดูว่ามีสิ่งของอยู่ด้านใน ซึ่งเป็นของรางวัลชิ้นเล็ก เช่น ลิปสติก น้ำหอม ฯลฯ หรือไม่ และถอดกระดาษครอบแก้วออกจากแก้วเครื่องดื่มเพื่อส่องดูคูปองว่าเป็นรางวัลอะไร ก่อนจะนำแก้วที่คัดแยกแล้วไปไว้ด้านหลังร้าน

    เมื่อมีการโพสต์คลิปลงในแพลตฟอร์ม X ชื่อ naquib กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ตั้งข้อสังเกตว่าคนที่ได้รับของรางวัลมูลค่าสูงมีแต่อินฟลูเอนเซอร์ และคาดว่าอาจมีแต่ครอบครัวและเพื่อนพนักงานเท่านั้นที่ได้รับรางวัล ส่วนลูกค้าตัวจริงที่รอคิวนานเป็นชั่วโมงกลับได้รางวัลมูลค่าต่ำที่สุด เช่น คูปองซื้อ 1 แถม 1 คูปองฟรีชาผลไม้ 1 แก้ว หรือคูปองส่วนลด 50%

    ต่อมาบริษัทชาจี มาเลเซีย ทักเข้ามาในกล่องข้อความของ naquib ร้องขอให้ลบวีดีโอคลิปดังกล่าว ไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย อ้างว่าเกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวของพนักงานคนหนึ่ง ทำให้จำต้องลบวีดีโอคลิปทิ้ง แต่ไม่พ้นชาวเน็ตมาเลเซียคนอื่นๆ ก็อปปี้แล้วอัปโหลดวีดีโอคลิปนี้ต่อ มองว่าการที่ชาจี มาเลเซียข่มขู่ให้ลบคลิปไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง

    เมื่อกระแสคว่ำบาตรชาจีในมาเลเซียเริ่มเกิดขึ้น ในที่สุด ชาจี มาเลเซีย ก็ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ขออภัยสำหรับความผิดหวังหรือความกังวลที่เกิดจากวีดีโอดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดประสบการณ์เชิงลบกับทางร้าน ขณะนี้กำลังสืบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นโดยละเอียดและจะดำเนินการต่อเรื่องนี้อย่างเหมาะสม อีกทั้งตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2567 ทางร้านจะเปลี่ยนจากสินค้าจริงเป็นสลิปรหัส QR เพื่อดูผลการจับสลากรางวัลได้อย่างสะดวกและราบรื่น

    ขณะเดียวกัน มีลูกค้าเข้าไปคอมเมนต์ในอินสตาแกรม @my.chagee ว่า แม้จะเปลี่ยนเป็นรหัส QR ปัญหาเดียวกันจะยังคงเกิดขึ้น เนื่องจากพนักงานสามารถเข้าถึงคูปองได้โดยการถอดแก้วออก แล้วแอบสแกน QR ได้เหมือนกัน พร้อมเสนอว่าให้ลองปิดผนึกแก้วแทน หรือทำเป็นสติกเกอร์ ทำเป็นขูดแก้วแล้วรับรางวัลจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

    #Newskit #Chagee #CHAGEEMY
    ชาจีน CHAGEE ฉาว ทุจริตรางวัล Tear & Win CHAGEE (ชาจี) ร้านเครื่องดื่มชาจีนระดับพรีเมียมที่มีต้นกำเนิดจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน มีสาขาในบางประเทศ หนึ่งในนั้นคือมาเลเซีย กำลังเฉลิมฉลองครบรอบ 7 ปี จัดโปรโมชัน Tear & Win ระหว่างวันที่ 16-17 พ.ย. เมื่อลูกค้าซื้อชาอู่หลงพีชขาวแก้วใหญ่ หรือชานมมะลิแก้วใหญ่ แกะตามรอยปรุที่กระดาษครอบแก้วเครื่องดื่มเพื่อลุ้นรับรางวัลทั้งแมคบุ๊ก ไอแพด ไอโฟน แอปเปิ้ลวอตซ์ สินค้าลักชัวรีอย่างกระเป๋าแบรนด์เนม ลิปสติก น้ำหอม และของรางวัลอีกมากมาย ปรากฎว่ามีชาวเน็ตมาเลเซียรายหนึ่ง ถ่ายวีดีโอคลิปขณะที่พนักงานร้านรายหนึ่ง กำลังแยกแก้วโดยการเขย่ากระดาษครอบแก้ว เพื่อดูว่ามีสิ่งของอยู่ด้านใน ซึ่งเป็นของรางวัลชิ้นเล็ก เช่น ลิปสติก น้ำหอม ฯลฯ หรือไม่ และถอดกระดาษครอบแก้วออกจากแก้วเครื่องดื่มเพื่อส่องดูคูปองว่าเป็นรางวัลอะไร ก่อนจะนำแก้วที่คัดแยกแล้วไปไว้ด้านหลังร้าน เมื่อมีการโพสต์คลิปลงในแพลตฟอร์ม X ชื่อ naquib กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ตั้งข้อสังเกตว่าคนที่ได้รับของรางวัลมูลค่าสูงมีแต่อินฟลูเอนเซอร์ และคาดว่าอาจมีแต่ครอบครัวและเพื่อนพนักงานเท่านั้นที่ได้รับรางวัล ส่วนลูกค้าตัวจริงที่รอคิวนานเป็นชั่วโมงกลับได้รางวัลมูลค่าต่ำที่สุด เช่น คูปองซื้อ 1 แถม 1 คูปองฟรีชาผลไม้ 1 แก้ว หรือคูปองส่วนลด 50% ต่อมาบริษัทชาจี มาเลเซีย ทักเข้ามาในกล่องข้อความของ naquib ร้องขอให้ลบวีดีโอคลิปดังกล่าว ไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย อ้างว่าเกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวของพนักงานคนหนึ่ง ทำให้จำต้องลบวีดีโอคลิปทิ้ง แต่ไม่พ้นชาวเน็ตมาเลเซียคนอื่นๆ ก็อปปี้แล้วอัปโหลดวีดีโอคลิปนี้ต่อ มองว่าการที่ชาจี มาเลเซียข่มขู่ให้ลบคลิปไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง เมื่อกระแสคว่ำบาตรชาจีในมาเลเซียเริ่มเกิดขึ้น ในที่สุด ชาจี มาเลเซีย ก็ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ขออภัยสำหรับความผิดหวังหรือความกังวลที่เกิดจากวีดีโอดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดประสบการณ์เชิงลบกับทางร้าน ขณะนี้กำลังสืบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นโดยละเอียดและจะดำเนินการต่อเรื่องนี้อย่างเหมาะสม อีกทั้งตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2567 ทางร้านจะเปลี่ยนจากสินค้าจริงเป็นสลิปรหัส QR เพื่อดูผลการจับสลากรางวัลได้อย่างสะดวกและราบรื่น ขณะเดียวกัน มีลูกค้าเข้าไปคอมเมนต์ในอินสตาแกรม @my.chagee ว่า แม้จะเปลี่ยนเป็นรหัส QR ปัญหาเดียวกันจะยังคงเกิดขึ้น เนื่องจากพนักงานสามารถเข้าถึงคูปองได้โดยการถอดแก้วออก แล้วแอบสแกน QR ได้เหมือนกัน พร้อมเสนอว่าให้ลองปิดผนึกแก้วแทน หรือทำเป็นสติกเกอร์ ทำเป็นขูดแก้วแล้วรับรางวัลจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า #Newskit #Chagee #CHAGEEMY
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1194 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทนายตั้ม-เมีย" ให้การปฎิเสธทุกข้อหา ตำรวจไม่อนุญาตให้ประกัน คืนนี้นอนห้องขังกองปราบ รอฝากขังศาลอาญาพรุ่งนี้ ยึดกระเป๋าแบรนด์เนม-เครื่องประดับหรูหลายสิบรายการ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000107380

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ทนายตั้ม-เมีย" ให้การปฎิเสธทุกข้อหา ตำรวจไม่อนุญาตให้ประกัน คืนนี้นอนห้องขังกองปราบ รอฝากขังศาลอาญาพรุ่งนี้ ยึดกระเป๋าแบรนด์เนม-เครื่องประดับหรูหลายสิบรายการ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000107380 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    23
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2568 มุมมอง 1 รีวิว
  • ปฐมบท..บอสพอล The Icon

    พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ

    ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์

    หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท

    ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ

    พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย

    พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก)

    จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน..

    ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ

    คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global
    👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal

    ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ

    ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง

    เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท

    แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan
    👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/

    ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้

    เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้

    จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน

    และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558
    👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/

    เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน

    เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด

    เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ

    พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse

    และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค

    เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“

    ---------

    โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย

    โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี"

    โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา

    -----------

    ลูกค้าของพอล..

    ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง

    เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง)

    โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ

    และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี

    และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี

    การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV

    นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว

    รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก

    โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า

    ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที

    พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น

    พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น

    คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง

    พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่

    เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

    แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท

    89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน)

    มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ

    เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว

    ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว

    คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย

    เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon

    และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM

    เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ

    และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
    ---------

    ยุคทองของ..บอสพอล The Icon

    เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง

    เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

    แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป

    เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้

    The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล

    ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น

    แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด

    ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto

    ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ

    หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ

    คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม

    เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน

    พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ

    และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา

    และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร

    กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย

    เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย

    กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย

    แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ
    -----------

    ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย

    จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู

    เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า

    การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“

    หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ

    จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้

    เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย

    ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก

    พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง

    เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ

    แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั

    ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป

    โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ

    หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้..

    พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน

    ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.?

    ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที

    เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย

    บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง

    พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ

    สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ..

    การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง

    ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร

    ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว

    คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว

    หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ

    เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว

    แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่

    บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

    พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

    บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้

    จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว

    อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ

    สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship

    คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป

    กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต

    มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย
    ----------

    ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้

    1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ

    2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer

    3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20%

    เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง

    พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้

    4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย

    ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด"

    ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด

    ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส.

    น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣

    เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง

    สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง

    ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100%

    ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.?

    นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก

    #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊

    ep.1
    👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน

    ปฐมบท..บอสพอล The Icon พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์ หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก) จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน.. ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global 👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan 👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/ ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้ เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้ จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558 👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/ เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“ --------- โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี" โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา ----------- ลูกค้าของพอล.. ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง) โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่ เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท 89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน) มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย --------- ยุคทองของ..บอสพอล The Icon เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้ The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ ----------- ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“ หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้.. พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.? ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ.. การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่ บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้ จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย ---------- ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้ 1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ 2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer 3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20% เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้ 4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด" ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส. น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣 เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100% ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.? นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊ ep.1 👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1359 มุมมอง 0 รีวิว
  • FB Page เหยื่อ V.2 เขียนดีมาก ครบถ้วน จึงขอยกมานำเสนอแบบเต็มๆ
    ...............
    ปฐมบท..บอสพอล The Icon

    พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ

    ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์

    หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท

    ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ

    พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย

    พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก)

    จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน..

    ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ

    คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global
    👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal

    ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ

    ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง

    เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท

    แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan
    👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/

    ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้

    เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้

    จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน

    และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558
    👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/

    เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน

    เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด

    เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ

    พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse

    และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค

    เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“

    ---------

    โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย

    โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี"

    โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา

    -----------

    ลูกค้าของพอล..

    ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง

    เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง)

    โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ

    และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี

    และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี

    การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV

    นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว

    รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก

    โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า

    ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที

    พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น

    พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น

    คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง

    พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่

    เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

    แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท

    89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน)

    มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ

    เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว

    ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว

    คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย

    เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon

    และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM

    เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ

    และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
    ---------

    ยุคทองของ..บอสพอล The Icon

    เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง

    เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

    แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป

    เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้

    The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล

    ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น

    แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด

    ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto

    ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ

    หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ

    คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม

    เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน

    พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ

    และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา

    และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร

    กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย

    เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย

    กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย

    แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ
    -----------

    ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลได้เลย

    จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยาก ไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู

    เพราะเคสแบบนีัมันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”

    หรือเคยมีใครได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ

    จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้

    เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง

    พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง

    เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ

    แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั

    ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป

    โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ

    หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้..

    พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน

    ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.?

    ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที

    เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย

    บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง

    พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ

    สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ..

    การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง

    ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร

    ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว

    คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว

    หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ

    เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว

    แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่

    บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

    พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

    บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้

    จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว

    อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ

    สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship

    คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป

    กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต

    มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย
    ----------

    ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้

    1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ

    2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer

    3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20%

    เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง

    พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้

    4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย

    ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด"

    ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด

    ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส.

    น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣

    เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง

    สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง

    ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100%

    ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.?

    นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก

    #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    .
    Cr : FB เหยื่อ V.2
    FB Page เหยื่อ V.2 เขียนดีมาก ครบถ้วน จึงขอยกมานำเสนอแบบเต็มๆ ............... ปฐมบท..บอสพอล The Icon พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์ หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก) จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน.. ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global 👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan 👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/ ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้ เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้ จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558 👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/ เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“ --------- โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี" โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา ----------- ลูกค้าของพอล.. ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง) โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่ เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท 89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน) มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย --------- ยุคทองของ..บอสพอล The Icon เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้ The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ ----------- ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลได้เลย จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยาก ไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู เพราะเคสแบบนีัมันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน” หรือเคยมีใครได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้.. พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.? ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ.. การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่ บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้ จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย ---------- ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้ 1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ 2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer 3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20% เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้ 4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด" ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส. น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣 เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100% ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.? นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊ สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน . Cr : FB เหยื่อ V.2
    Like
    12
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1644 มุมมอง 1 รีวิว
  • #วันนี้จริงๆแล้วตั้งใจจะไม่โพสถึงเพจกากนี้อีกแล้ว
    ตอบคำถามให้ลุงนุหายสงสัยก่อนว่า
    ทำไมยังไม่เปิดข้อมูล ก็ไม่มีอะไรมาก ข้อมูลมันเยอะ และมีแฟนเพจเค้าตามีปัญหาหลายท่าน ที่อยากทราบข้อความข้อมูลที่พี่คิงส์พิมพ์แต่อ่านไม่ไหว ก็เลยทำเป็นคลิปมีเสียงแทน ซึ่งถ้าลุงนะแหหกตาดูนิดนึงก็เห็นแล้วแหละ แต่คงไม่เข้าใจหรอกว่าพี่คิงส์ทำอะไรเพื่ออะไร ก็มีอาจารย์มีวุฒิแค่ม.ต้น ยังเพิ่งซื้อแอดเป็นแล้วดีใจนั่นแหละ จะไปรู้อะไรที่มันลึกซึ้ง
    ข้อมูล มันจะมีสามแบบ
    1. ข้อมูลที่เปิดเผยได้เลย
    2. ข้อมูลที่ต้องรอเวลา
    3. ข้อมูลที่เปิดเผยไม่ได้ต้องส่งเป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่
    คือ ถ้าเพจคิงส์โพสแบบที่ลุงนุโพส คือไม่ต้องหาข้อมูล โพสไปเรื่อย โพสแบบไม่มีแก่นสาร มันทำได้วันเป็นพันโพสนะไอ่นุ แต่นี่คือข้อมูล ที่พี่คิงส์ก็จะมีการซ้อนอ้างอิงไว้ในภาพ หรือในคอมเม้น ซึ่งลุงก็ไม่มีวันเข้าใจตอีกแหละ สรุปจบนะ ที่ถามว่าทำไมไม่โพสไอ่ที่ว่า
    ส่วนที่บอกว่าไม่โพสถึงเพราะกลัวลุงอะไรนั่น อ่านให้ดีๆนับจากบรรทัดนี้ไป
    และจะพิมพ์ถึงเมิงครั้งสุดท้ายแล้วไอ่นุ
    แฟนเพจก็ดูเอา โจมณฑนีลงทุนสอน แล้วอัดงบซื้อแอดให้ด้วยรึเปล่าไม่รู้
    แล้วดู ลุงโพสดิ แล้วจะให้พี่คิงส์ไปโพสถึงอะไรอีก มันเริ่มหยะแหย๋งไปเรื่อยๆ ดาวน์ลงไปแบบ สะอิดสเอียนจริงๆ
    แต่พอดี โพสพาดพิงถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง
    ลักษณะว่า เพจลุงนุ เป็นเพจมีคุณภาพ
    คือ ขอถอนหงอกอีกซักรอบนะครับ
    คือ ตอนแรก พี่คิงส์คิดว่า แกเป็นคนเฒ่าที่แค่หลงตต.เกอร์เกาหลี
    เหมือนกับเฒ่าตันหากลับแบบพื้นๆ ที่เปย์กระเป๋าแบรนด์เนม
    ลาออกจากงานมาเพื่อโพสแต่เรื่องตต.เกอร์เกาหลีธรรมดา
    แต่พออ่านโพสพวกนี้แล้ว มันเกิดอธิบายจริงๆ
    มันมีคำถามขุึ้นมาในใจเลยว่า อายุขนาดนี้ ต้องมีลูก มีภรรยา
    รวมถึงต้องมีรุ่นหลานแล้วด้วย ซึ่งแกแสดงตนว่าตัวแกโสด
    แต่ก็มีคนบอกว่า แกมีลูกโตแล้ว ทำงานแล้วอะไรแบบนี้
    นั่นแปลว่า มีสองทาง เมียแกต้องไม่อยู่เพราะตรุย แต่พี่คิงส์คิดว่า
    สภาพนี้ เมียน่าจะทิ้งละครับ ดูสำนวนภาษาที่พิมพ์
    มันบ่งบอกถึงความ ถ๋อย สถูน ทราาม ยังไงไม่รู้
    แล้วเพ้อพรรณณา เดาว่า น่าจะเป็นแฟนเพจรุ่นลูกรุ่นหลานนี่แหละ
    แล้วไอ่เฒ่านี่ก็ไปจีบ แล้วล่อว่าจะดูแล พอน้องมันได้สติ
    ก็เผ่นดิครับ
    ถ้า ณุ เหงือกแดงผู้ไร้ฟัน เฒ่าชราตันหากลับ อยากรู้ว่า
    ทำไมพี่คิงส์ไม่โพสหา และไม่คิดจะโพสอะไรอีกแล้วถึงเมิง
    ขอให้รู้ไว้ว่า กรรูสะอิดสะเอืยน ไม่ไหว แค่คิดถึงภาพโปรไฟล์เพจแดงๆ
    แล้วมีตัวอักษร Diy reviwev2 มันก็รู้สึกพะอืดพะอม
    และยังคิดว่า ทำไม คนที่หลงรักกามิจ มันเป็นแบบนี้ทุกตัวเลย
    ไอ่เป็ดก็ไม่ต่างกัน ตอนแรกก็คิดว่า ลุงจะดีกว่ามันซักนิดนึง
    สุดท้าย กินกันไม่ลงเลย พอกันทั้งคู่
    นี่ใช่มั๊ย ทีมงานคนดีย์ของโจมณฑนี
    นี่นะเหรอ ผู้ปกป้องดอกเดซี่ แต่ละคน
    ไม่น่าจะมีตัวตนในสังคมจริงได้เลย
    พฤติกรรมของลุงนุนี่นะ โครตน่าอัวสำหรับหญิงสาว
    ที่อยู่ใกล้ชิดมากๆ แก่แบบ ยิ่งกว่ากะโหลกกะลา
    แต่เกินเยียวยา รอแค่ให้รีบ "ตาห่าย" ไปเร็วๆ
    คนแถวบ้าน ลูกชาวบ้าน เมียชาวบ้านระแวกบ้านลุง
    จะได้เดินในที่สาธารณะได้อย่างปลอดภัย
    หรือถ้าใครอยู่แถวนั้น ก็ฝากเตือนๆกันด้วยนะครับ
    เป็นชายผอม หน้าตอบ ชราแล้วแต่ย้อมผมครับ
    คิดว่าสาววัยรุ่นจะดูไม่ออกว่าตัวเองเฒ่าแล้ว
    แกจะไม่ยอมยิ้มเห็นฟันเด็ดขาด เพราะอ้าปากจะเจอแต่เหงือกดำๆ
    กินแอปเปิดแบบไม่เฉาะไม่ได้นะครับ มันจะปลิ้นไปปลิ้นมา
    แล้วชอบคิดว่าตัวเองหล่อมาก เหมือนอาโนลชวาเสน็กเกอร์
    แต่สาระ รูป อาจต้องอุทานว่า อนาถแท้
    ฝากด้วยนะครับ แปะป้ายติดประกาศไว้ก็จะยิ่งเป็นบุญ
    ให้กับลูกกับเมียคนระแวกนั้นได้ครับ
    เอาหละ ณุ ต่อจากนี้ไป เมิงไม่ต้องมาโพสพาดพิงพี่คิงส์อีก
    และขอแฟนเพจ อย่าส่งอะไรที่มันโพสมาอีก
    ชายคนนี้ น่าหยะแหยงเกินกว่าที่จะนำมาเอ่ยถึง
    หรือแม้กระทั่งนึกถึง ทีมงานโจมณฑนี เครือข่ายห้องดีซี
    เค้าคัดมาแล้วจริงๆ คัดแบบที่สังคมจริงไม่เอา
    สังคมจริงเททิ้ง ถ้าเปรียบบัวสี่เหล่า นี่คือยิ่งกว่าชั้นใต้ตม
    แต่เป็นชั้นที่จมต่ำระดับเต่าเผลอไปเคี้ยวยังต้องถุยทิ้งเลย
    ขอความร่วมมือจากแฟนเพจทุกท่านด้วยนะครับ
    ให้มัน ถ๋อย ทราาม และตาาายตามธรรมชาติไปครับ
    อย่าไปให้ความสำคัญ เดี๋ยวมันก็เจอทรรีนคนแถวนั้นเอง
    ไม่น่าอยู่มาได้ถึงวันนี้จริงๆ
    ขอทิ้งท้ายให้สตินะ อายุลุงตอนนี้นะ อีกไม่เกินแบบเต็มที่เลย
    10 ปี ก็เดินไม่ไหวแล้ว เมิงคิดจะใช้ชีวิตแบบนี้จนตาาายจริงๆเหรอ
    ก็แล้วแต่นะ เอาที่สบายใจ กรรรูสบายใจแบบนี้แหละ
    ที่ไม่ยุ่งกับขยะเก่าๆเปียกๆแบบเมิงอีก
    โจเลือกแม่ทัพเพื่อมาตอบโต้กับคิงส์ได้สมกับ
    ที่จบการศึกษาแค่ม.ต้นจริงๆ ขอชื่นชม
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #วันนี้จริงๆแล้วตั้งใจจะไม่โพสถึงเพจกากนี้อีกแล้ว ตอบคำถามให้ลุงนุหายสงสัยก่อนว่า ทำไมยังไม่เปิดข้อมูล ก็ไม่มีอะไรมาก ข้อมูลมันเยอะ และมีแฟนเพจเค้าตามีปัญหาหลายท่าน ที่อยากทราบข้อความข้อมูลที่พี่คิงส์พิมพ์แต่อ่านไม่ไหว ก็เลยทำเป็นคลิปมีเสียงแทน ซึ่งถ้าลุงนะแหหกตาดูนิดนึงก็เห็นแล้วแหละ แต่คงไม่เข้าใจหรอกว่าพี่คิงส์ทำอะไรเพื่ออะไร ก็มีอาจารย์มีวุฒิแค่ม.ต้น ยังเพิ่งซื้อแอดเป็นแล้วดีใจนั่นแหละ จะไปรู้อะไรที่มันลึกซึ้ง ข้อมูล มันจะมีสามแบบ 1. ข้อมูลที่เปิดเผยได้เลย 2. ข้อมูลที่ต้องรอเวลา 3. ข้อมูลที่เปิดเผยไม่ได้ต้องส่งเป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ คือ ถ้าเพจคิงส์โพสแบบที่ลุงนุโพส คือไม่ต้องหาข้อมูล โพสไปเรื่อย โพสแบบไม่มีแก่นสาร มันทำได้วันเป็นพันโพสนะไอ่นุ แต่นี่คือข้อมูล ที่พี่คิงส์ก็จะมีการซ้อนอ้างอิงไว้ในภาพ หรือในคอมเม้น ซึ่งลุงก็ไม่มีวันเข้าใจตอีกแหละ สรุปจบนะ ที่ถามว่าทำไมไม่โพสไอ่ที่ว่า ส่วนที่บอกว่าไม่โพสถึงเพราะกลัวลุงอะไรนั่น อ่านให้ดีๆนับจากบรรทัดนี้ไป และจะพิมพ์ถึงเมิงครั้งสุดท้ายแล้วไอ่นุ แฟนเพจก็ดูเอา โจมณฑนีลงทุนสอน แล้วอัดงบซื้อแอดให้ด้วยรึเปล่าไม่รู้ แล้วดู ลุงโพสดิ แล้วจะให้พี่คิงส์ไปโพสถึงอะไรอีก มันเริ่มหยะแหย๋งไปเรื่อยๆ ดาวน์ลงไปแบบ สะอิดสเอียนจริงๆ แต่พอดี โพสพาดพิงถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง ลักษณะว่า เพจลุงนุ เป็นเพจมีคุณภาพ คือ ขอถอนหงอกอีกซักรอบนะครับ คือ ตอนแรก พี่คิงส์คิดว่า แกเป็นคนเฒ่าที่แค่หลงตต.เกอร์เกาหลี เหมือนกับเฒ่าตันหากลับแบบพื้นๆ ที่เปย์กระเป๋าแบรนด์เนม ลาออกจากงานมาเพื่อโพสแต่เรื่องตต.เกอร์เกาหลีธรรมดา แต่พออ่านโพสพวกนี้แล้ว มันเกิดอธิบายจริงๆ มันมีคำถามขุึ้นมาในใจเลยว่า อายุขนาดนี้ ต้องมีลูก มีภรรยา รวมถึงต้องมีรุ่นหลานแล้วด้วย ซึ่งแกแสดงตนว่าตัวแกโสด แต่ก็มีคนบอกว่า แกมีลูกโตแล้ว ทำงานแล้วอะไรแบบนี้ นั่นแปลว่า มีสองทาง เมียแกต้องไม่อยู่เพราะตรุย แต่พี่คิงส์คิดว่า สภาพนี้ เมียน่าจะทิ้งละครับ ดูสำนวนภาษาที่พิมพ์ มันบ่งบอกถึงความ ถ๋อย สถูน ทราาม ยังไงไม่รู้ แล้วเพ้อพรรณณา เดาว่า น่าจะเป็นแฟนเพจรุ่นลูกรุ่นหลานนี่แหละ แล้วไอ่เฒ่านี่ก็ไปจีบ แล้วล่อว่าจะดูแล พอน้องมันได้สติ ก็เผ่นดิครับ ถ้า ณุ เหงือกแดงผู้ไร้ฟัน เฒ่าชราตันหากลับ อยากรู้ว่า ทำไมพี่คิงส์ไม่โพสหา และไม่คิดจะโพสอะไรอีกแล้วถึงเมิง ขอให้รู้ไว้ว่า กรรูสะอิดสะเอืยน ไม่ไหว แค่คิดถึงภาพโปรไฟล์เพจแดงๆ แล้วมีตัวอักษร Diy reviwev2 มันก็รู้สึกพะอืดพะอม และยังคิดว่า ทำไม คนที่หลงรักกามิจ มันเป็นแบบนี้ทุกตัวเลย ไอ่เป็ดก็ไม่ต่างกัน ตอนแรกก็คิดว่า ลุงจะดีกว่ามันซักนิดนึง สุดท้าย กินกันไม่ลงเลย พอกันทั้งคู่ นี่ใช่มั๊ย ทีมงานคนดีย์ของโจมณฑนี นี่นะเหรอ ผู้ปกป้องดอกเดซี่ แต่ละคน ไม่น่าจะมีตัวตนในสังคมจริงได้เลย พฤติกรรมของลุงนุนี่นะ โครตน่าอัวสำหรับหญิงสาว ที่อยู่ใกล้ชิดมากๆ แก่แบบ ยิ่งกว่ากะโหลกกะลา แต่เกินเยียวยา รอแค่ให้รีบ "ตาห่าย" ไปเร็วๆ คนแถวบ้าน ลูกชาวบ้าน เมียชาวบ้านระแวกบ้านลุง จะได้เดินในที่สาธารณะได้อย่างปลอดภัย หรือถ้าใครอยู่แถวนั้น ก็ฝากเตือนๆกันด้วยนะครับ เป็นชายผอม หน้าตอบ ชราแล้วแต่ย้อมผมครับ คิดว่าสาววัยรุ่นจะดูไม่ออกว่าตัวเองเฒ่าแล้ว แกจะไม่ยอมยิ้มเห็นฟันเด็ดขาด เพราะอ้าปากจะเจอแต่เหงือกดำๆ กินแอปเปิดแบบไม่เฉาะไม่ได้นะครับ มันจะปลิ้นไปปลิ้นมา แล้วชอบคิดว่าตัวเองหล่อมาก เหมือนอาโนลชวาเสน็กเกอร์ แต่สาระ รูป อาจต้องอุทานว่า อนาถแท้ ฝากด้วยนะครับ แปะป้ายติดประกาศไว้ก็จะยิ่งเป็นบุญ ให้กับลูกกับเมียคนระแวกนั้นได้ครับ เอาหละ ณุ ต่อจากนี้ไป เมิงไม่ต้องมาโพสพาดพิงพี่คิงส์อีก และขอแฟนเพจ อย่าส่งอะไรที่มันโพสมาอีก ชายคนนี้ น่าหยะแหยงเกินกว่าที่จะนำมาเอ่ยถึง หรือแม้กระทั่งนึกถึง ทีมงานโจมณฑนี เครือข่ายห้องดีซี เค้าคัดมาแล้วจริงๆ คัดแบบที่สังคมจริงไม่เอา สังคมจริงเททิ้ง ถ้าเปรียบบัวสี่เหล่า นี่คือยิ่งกว่าชั้นใต้ตม แต่เป็นชั้นที่จมต่ำระดับเต่าเผลอไปเคี้ยวยังต้องถุยทิ้งเลย ขอความร่วมมือจากแฟนเพจทุกท่านด้วยนะครับ ให้มัน ถ๋อย ทราาม และตาาายตามธรรมชาติไปครับ อย่าไปให้ความสำคัญ เดี๋ยวมันก็เจอทรรีนคนแถวนั้นเอง ไม่น่าอยู่มาได้ถึงวันนี้จริงๆ ขอทิ้งท้ายให้สตินะ อายุลุงตอนนี้นะ อีกไม่เกินแบบเต็มที่เลย 10 ปี ก็เดินไม่ไหวแล้ว เมิงคิดจะใช้ชีวิตแบบนี้จนตาาายจริงๆเหรอ ก็แล้วแต่นะ เอาที่สบายใจ กรรรูสบายใจแบบนี้แหละ ที่ไม่ยุ่งกับขยะเก่าๆเปียกๆแบบเมิงอีก โจเลือกแม่ทัพเพื่อมาตอบโต้กับคิงส์ได้สมกับ ที่จบการศึกษาแค่ม.ต้นจริงๆ ขอชื่นชม #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1384 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันนี้มีแต่ข้อมูลหนักๆมาทั้งวัน
    ตาลุงผู้คลั่งรักก็เพ้อเจ้อโพสถึงพี่คิงส์โพสเลอะเทอะทั้งวันเหมือนกัน
    จริงๆไม่อยากอะไรกับตัวเบี้ย เพราะจะเน้นเล่นหัวๆ
    แต่ลุงก็ว็อนท์เหลือเกิน
    เอาๆ เดี๋ยวจะนอนไม่หลับถ้าพี่คิงส์ไม่โพสถึง
    อ้อ เล่านิดนึง ลุงแกเป็นใคร เผื่อแฟนเพจไม่ได้อ่านโพสก่อนหน้า
    ลุงคนนี้ คือลุงผู้คลั่งรัก เปย์ให้น้องกามิจ สก็อยกิมจิ๊ไปเยอะ
    อย่างน้อยๆที่รู้ กระเป๋าแบรนด์เนมส์สองใบละกัน
    ยอมลาออกจากงาน พอรู้ว่าแน๊กเลิกกับอิเหม็นยิ่งหนัก
    ฝันเวิ้งว่า ถ้าไม่มีชาลี ก็ต้องถึงรอบของแกแล้วแหละ
    หลังจากเอาภาพอิเหม็นติดห้องน้ำ สำเร็จโทษตัวเองมานานหลายเดือน
    ฝันอาจจะได้เป็นจริง ลุงแกเลย เอาเพจที่คิดว่า
    จะเอาความรู้เรื่องการประดิษฐ์นั่นนี่ มาให้แฟนเพจติดตาม
    ก็ไม่ทำเพจใหม่นะ เอาเพจนี้แหละ เอามาชะเลียอิเหวิงทุกวี่วัน
    และด้วยความลุงแกอิจ น้องแน๊กมานาน ก็เป็นมารหัวใจแกเนาะ
    ได้โอกาสก็เล่นงานแน็ก ให้ร้ายแน๊ก เสริมทัพกับพวกอิโจมัณฑนี
    มันไปเข้าตาอิโจมาก เพราะพี่คิงส์เล่นจนโจท้อ บ่นว่าโดนทั้งวันทุกวัน
    และรำพันว่าชีวิตตัวเองนั้น เหมือนกามิจเป๊ะ ฮ่าๆๆๆๆ
    เลยทักหาตาลุงผู้คลั่งรัก เห็นว่าโพสไปก็ไม่ค่อยมีคนเห็น
    ตาลุงเลยได้เคล็ดวิชาขั้นสุดยอดคือการซื้อADครับ
    อูย แกโพสดีใจใหญ่ เหมือนได้อาวุดเทพ มาตอบโต้พี่คิงส์
    แกหิวแสงหนักมาก ท้าทายพี่คิงส์ไปโหนกระแส พี่ก็งงว่า
    เค้าจะเอาลุงไปออกทำไมก่อน ลุงสำคัญยังไง
    แค่ทำเพจเล่นงานแน๊ก และชะเลียอิเหม็น มันสำคัญต่อประเทศชาติยังไง
    คือลุงแกคิดว่าแกคือสื่อหลักของประเทศไปแล้ว
    ลุงลืมไปว่า ไอ่ที่คนกดไลค์ให้แกเยอะๆ คือซื้อAd
    แล้วเดี๋ยวนี้ ซื้อบ่อยด้วย 55555
    พอพี่คิงส์ไม่ได้สนใจ โน่น ไปดักที่ตต. ตอนนั้นแกปิดแมสด้วย ก็งงว่าโคมันก็ผ่านไปหลายปีแล้ว แกปิดทำไมหว่า อ้อสรุปแกไม่มีฟัน
    5555555555555555555555
    แกเลยฝากคนนั้นคนนี้ให้แชทมาวุ้ย
    ว่ารอพี่คิงส์ไปตีแบต เอ้ย ดีเบด พี่คิงส์ก็ตอบไปว่า
    "ให้ลุงแกรอไปนะ กรรรูจานอน"
    และหลังจากนั้น ลุงแกก็ส่องเพจพี่คิงส์ทั้งวันทั้งคืน
    ดุจเป็นแฟนพันธิ์แท้ แล้วพี่คิงส์ก็อำแกเล่นๆ
    ว่าแกคือคนในข่าวไง ที่ได้เงินหมื่นมาแล้วมาวตกน้ำ
    แกนะ 555 ไปทำเฟสใหม่ ใส่หน้าคนที่เชียร์น้องแน๊กเว้ย
    ในโปรไฟล์ แล้วทำภาพชี้แจงใหญ่เลยว่า ไม่ใช้ตัวเอง
    แหม่ ใส่ทาร์มไลน์นะ ว่าเวลานั้นเวลานี้ ยังไลฟ์ตต.
    ในภาพไม่ใช่ตัวเอง พี่คิงส์ลำใยก็เลยแบนไป
    แกก็โป๊ะนะ บ่นใหญ่เลย ว่าคนจะอธิบายก็มาแบน
    ร่ายอีกยาว บลาๆๆๆๆ
    พี่คิงส์เห็นแล้วซึ่งความพยายามของชายชราหนึ่งคน
    ที่อยากมีคนคุยด้วยแหละ ดูออก จริงๆพี่คิงส์เคยใส่แกยับนะ
    โพสนั้น ตั้งใจให้แกเกิดสำนึก กลับไปใส่ใจกับครอบครัว
    มิได้นำพาไม่ แรงกระตุ้นจากอะไรู้มั๊ย
    ก็อิโจ กับไอ่เปร็ดอะดิ ไปชี้เป้าทุกเพจ ทุกช่อง
    ที่เล่นงานน้องแน๊ก ให้อิเหม็นส่งติ๊กเกอร์ของขวัญ
    ดอกไม้ให้ใน แชทตต. หูยยยตาลุง อวดเลย
    ยังไม่พอ พออิโจทักไป ก็โพสอีก ปล่อยไก่เลย
    อิโจมณทนี ผู้ซึ่งตีแบ๊วว่าไม่เคยคิดไม่ดีกับน้องแน๊กเลย
    กลับทักมาหาตาลุงซึ่งเล่นแน๊กหนักมาก
    แถมตาลุงเปิดแชตให้ดูด้วย ประมาณว่าเรียกโจมณฑทนีผู้จบแค่ม.ต้นว่า
    อาจารย์ นี่แหละคือเรื่องราวส่วนหนึ่งของลุงผู้คลั่งรัก
    เพื่อนบ้านระอา เวลามาวขึ้นมาก็ชอบเอะอะโวยวาย
    เลยต้องมาเฝ้าอยู่ในโลกโซเชียล ได้พาดพิงพี่คิงส์บ้าง
    ก็มีคนทุยๆมากดเห็นด้วย สนุกนานในโลกกะลาของแกไป
    คือพี่คิงส์ก็สงสารแฟนเพจนะบางที ว่าเอาภาพเอาเพจกากๆที่ไหน
    เอาจริงๆนะ จำนวนไม่น้อยนะที่บอกว่า ใครครับ ใครค่ะพี่คิงส์
    ไม่เห็นรู้จักเลย นี่แหละ จึงเป็นที่มาต้องอธิบายรายละเอียดยาวขนาดนี้
    แต่ขอพี่คิงส์สงเคราะห์แกหน่อยนะทุกคน อย่าว่าพี่คิงส์เลย
    ใจก็อยากให้แกตาหลับแบบไม่ติดค้าง แต่ก็ก็ไม่อยากไปโดยธรรมชาติ
    ลูกหลานไม่นับถือ เพราะลุงแกทำตัวแบบนี้แหละ ฝันอยากเป็นชายผู้โชคดีคนต่อไป ของอิเหม็น 55555555555555555555
    เอ้าๆ มาถึงประเด็นของภาพ คือ แกโพสภาพแกไง ว่าแกน่ะกล้าเปิดหน้า โชว์หล่อเลย แล้วบอกว่าตัวเองเหมือนอาโนล แต่พี่คิงส์มองยังไง
    ก็ดูแล้ว"อาหนาด" แล้วพี่คิงส์ก็เลยท้าแก ว่าแน่จริงลุงยิ้มแล้วถ่ายรุปมา
    ถ้ากล้า พี่คิงส์จะโพสขอขมาแก เออพี่คิงส์เอาจริงนะ
    ปรากฏว่า แกไปโพสุว้ยว่า ถ้าเชื่อก็กลัวดิ 5555
    ลุงเหมือนวัยรุ่นเหงือกแดงเลย ได้ฮาทุกวัน
    แล้วตอนนี้นะ เพจแกอะ มีคนติดตามเยอะขึ้นะ
    ใครรู้ป่ะ ก็แฟนเพจพี่คิงส์อะแหละ ชอบแอบไปส่องแก
    แล้วก็ขำคนเดียว แล้วอย่าเผลอไปคอมเม้นให้แกเสียใจนะ
    แกแบน 55555555555
    นี่แหละ สรุป แกไม่ยอมยิ้มให้เห็นฟัน แกอ่อน แกไม่กล้า
    อ้างนั่นอ้างนี่สารพัด พี่คิงส์เลยทำภาพนี้มาให้ทาย
    ว่า แฟนเพจคิดว่า ถ้าลุงแกยิ้ม น่าจะเป็นเลขไหน
    ลองทายกันมาสนุกๆเบาๆตอนเย็นๆครับ
    ลุงผู้คลั่งรักเห็นโพสแล้วจะได้ไม่มีอะไรติดค้าง
    คืนนี้เผื่อแกไปจะได้ไปตาหลับครับ สงเคราะห์แกหน่อย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #วันนี้มีแต่ข้อมูลหนักๆมาทั้งวัน ตาลุงผู้คลั่งรักก็เพ้อเจ้อโพสถึงพี่คิงส์โพสเลอะเทอะทั้งวันเหมือนกัน จริงๆไม่อยากอะไรกับตัวเบี้ย เพราะจะเน้นเล่นหัวๆ แต่ลุงก็ว็อนท์เหลือเกิน เอาๆ เดี๋ยวจะนอนไม่หลับถ้าพี่คิงส์ไม่โพสถึง อ้อ เล่านิดนึง ลุงแกเป็นใคร เผื่อแฟนเพจไม่ได้อ่านโพสก่อนหน้า ลุงคนนี้ คือลุงผู้คลั่งรัก เปย์ให้น้องกามิจ สก็อยกิมจิ๊ไปเยอะ อย่างน้อยๆที่รู้ กระเป๋าแบรนด์เนมส์สองใบละกัน ยอมลาออกจากงาน พอรู้ว่าแน๊กเลิกกับอิเหม็นยิ่งหนัก ฝันเวิ้งว่า ถ้าไม่มีชาลี ก็ต้องถึงรอบของแกแล้วแหละ หลังจากเอาภาพอิเหม็นติดห้องน้ำ สำเร็จโทษตัวเองมานานหลายเดือน ฝันอาจจะได้เป็นจริง ลุงแกเลย เอาเพจที่คิดว่า จะเอาความรู้เรื่องการประดิษฐ์นั่นนี่ มาให้แฟนเพจติดตาม ก็ไม่ทำเพจใหม่นะ เอาเพจนี้แหละ เอามาชะเลียอิเหวิงทุกวี่วัน และด้วยความลุงแกอิจ น้องแน๊กมานาน ก็เป็นมารหัวใจแกเนาะ ได้โอกาสก็เล่นงานแน็ก ให้ร้ายแน๊ก เสริมทัพกับพวกอิโจมัณฑนี มันไปเข้าตาอิโจมาก เพราะพี่คิงส์เล่นจนโจท้อ บ่นว่าโดนทั้งวันทุกวัน และรำพันว่าชีวิตตัวเองนั้น เหมือนกามิจเป๊ะ ฮ่าๆๆๆๆ เลยทักหาตาลุงผู้คลั่งรัก เห็นว่าโพสไปก็ไม่ค่อยมีคนเห็น ตาลุงเลยได้เคล็ดวิชาขั้นสุดยอดคือการซื้อADครับ อูย แกโพสดีใจใหญ่ เหมือนได้อาวุดเทพ มาตอบโต้พี่คิงส์ แกหิวแสงหนักมาก ท้าทายพี่คิงส์ไปโหนกระแส พี่ก็งงว่า เค้าจะเอาลุงไปออกทำไมก่อน ลุงสำคัญยังไง แค่ทำเพจเล่นงานแน๊ก และชะเลียอิเหม็น มันสำคัญต่อประเทศชาติยังไง คือลุงแกคิดว่าแกคือสื่อหลักของประเทศไปแล้ว ลุงลืมไปว่า ไอ่ที่คนกดไลค์ให้แกเยอะๆ คือซื้อAd แล้วเดี๋ยวนี้ ซื้อบ่อยด้วย 55555 พอพี่คิงส์ไม่ได้สนใจ โน่น ไปดักที่ตต. ตอนนั้นแกปิดแมสด้วย ก็งงว่าโคมันก็ผ่านไปหลายปีแล้ว แกปิดทำไมหว่า อ้อสรุปแกไม่มีฟัน 5555555555555555555555 แกเลยฝากคนนั้นคนนี้ให้แชทมาวุ้ย ว่ารอพี่คิงส์ไปตีแบต เอ้ย ดีเบด พี่คิงส์ก็ตอบไปว่า "ให้ลุงแกรอไปนะ กรรรูจานอน" และหลังจากนั้น ลุงแกก็ส่องเพจพี่คิงส์ทั้งวันทั้งคืน ดุจเป็นแฟนพันธิ์แท้ แล้วพี่คิงส์ก็อำแกเล่นๆ ว่าแกคือคนในข่าวไง ที่ได้เงินหมื่นมาแล้วมาวตกน้ำ แกนะ 555 ไปทำเฟสใหม่ ใส่หน้าคนที่เชียร์น้องแน๊กเว้ย ในโปรไฟล์ แล้วทำภาพชี้แจงใหญ่เลยว่า ไม่ใช้ตัวเอง แหม่ ใส่ทาร์มไลน์นะ ว่าเวลานั้นเวลานี้ ยังไลฟ์ตต. ในภาพไม่ใช่ตัวเอง พี่คิงส์ลำใยก็เลยแบนไป แกก็โป๊ะนะ บ่นใหญ่เลย ว่าคนจะอธิบายก็มาแบน ร่ายอีกยาว บลาๆๆๆๆ พี่คิงส์เห็นแล้วซึ่งความพยายามของชายชราหนึ่งคน ที่อยากมีคนคุยด้วยแหละ ดูออก จริงๆพี่คิงส์เคยใส่แกยับนะ โพสนั้น ตั้งใจให้แกเกิดสำนึก กลับไปใส่ใจกับครอบครัว มิได้นำพาไม่ แรงกระตุ้นจากอะไรู้มั๊ย ก็อิโจ กับไอ่เปร็ดอะดิ ไปชี้เป้าทุกเพจ ทุกช่อง ที่เล่นงานน้องแน๊ก ให้อิเหม็นส่งติ๊กเกอร์ของขวัญ ดอกไม้ให้ใน แชทตต. หูยยยตาลุง อวดเลย ยังไม่พอ พออิโจทักไป ก็โพสอีก ปล่อยไก่เลย อิโจมณทนี ผู้ซึ่งตีแบ๊วว่าไม่เคยคิดไม่ดีกับน้องแน๊กเลย กลับทักมาหาตาลุงซึ่งเล่นแน๊กหนักมาก แถมตาลุงเปิดแชตให้ดูด้วย ประมาณว่าเรียกโจมณฑทนีผู้จบแค่ม.ต้นว่า อาจารย์ นี่แหละคือเรื่องราวส่วนหนึ่งของลุงผู้คลั่งรัก เพื่อนบ้านระอา เวลามาวขึ้นมาก็ชอบเอะอะโวยวาย เลยต้องมาเฝ้าอยู่ในโลกโซเชียล ได้พาดพิงพี่คิงส์บ้าง ก็มีคนทุยๆมากดเห็นด้วย สนุกนานในโลกกะลาของแกไป คือพี่คิงส์ก็สงสารแฟนเพจนะบางที ว่าเอาภาพเอาเพจกากๆที่ไหน เอาจริงๆนะ จำนวนไม่น้อยนะที่บอกว่า ใครครับ ใครค่ะพี่คิงส์ ไม่เห็นรู้จักเลย นี่แหละ จึงเป็นที่มาต้องอธิบายรายละเอียดยาวขนาดนี้ แต่ขอพี่คิงส์สงเคราะห์แกหน่อยนะทุกคน อย่าว่าพี่คิงส์เลย ใจก็อยากให้แกตาหลับแบบไม่ติดค้าง แต่ก็ก็ไม่อยากไปโดยธรรมชาติ ลูกหลานไม่นับถือ เพราะลุงแกทำตัวแบบนี้แหละ ฝันอยากเป็นชายผู้โชคดีคนต่อไป ของอิเหม็น 55555555555555555555 เอ้าๆ มาถึงประเด็นของภาพ คือ แกโพสภาพแกไง ว่าแกน่ะกล้าเปิดหน้า โชว์หล่อเลย แล้วบอกว่าตัวเองเหมือนอาโนล แต่พี่คิงส์มองยังไง ก็ดูแล้ว"อาหนาด" แล้วพี่คิงส์ก็เลยท้าแก ว่าแน่จริงลุงยิ้มแล้วถ่ายรุปมา ถ้ากล้า พี่คิงส์จะโพสขอขมาแก เออพี่คิงส์เอาจริงนะ ปรากฏว่า แกไปโพสุว้ยว่า ถ้าเชื่อก็กลัวดิ 5555 ลุงเหมือนวัยรุ่นเหงือกแดงเลย ได้ฮาทุกวัน แล้วตอนนี้นะ เพจแกอะ มีคนติดตามเยอะขึ้นะ ใครรู้ป่ะ ก็แฟนเพจพี่คิงส์อะแหละ ชอบแอบไปส่องแก แล้วก็ขำคนเดียว แล้วอย่าเผลอไปคอมเม้นให้แกเสียใจนะ แกแบน 55555555555 นี่แหละ สรุป แกไม่ยอมยิ้มให้เห็นฟัน แกอ่อน แกไม่กล้า อ้างนั่นอ้างนี่สารพัด พี่คิงส์เลยทำภาพนี้มาให้ทาย ว่า แฟนเพจคิดว่า ถ้าลุงแกยิ้ม น่าจะเป็นเลขไหน ลองทายกันมาสนุกๆเบาๆตอนเย็นๆครับ ลุงผู้คลั่งรักเห็นโพสแล้วจะได้ไม่มีอะไรติดค้าง คืนนี้เผื่อแกไปจะได้ไปตาหลับครับ สงเคราะห์แกหน่อย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    Yay
    9
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1333 มุมมอง 0 รีวิว