• การหายตัวไปของผู้สร้าง Bitcoin

    เมื่อปี 2010–2011 บุคคลลึกลับที่ใช้นามแฝง Satoshi Nakamoto ได้หยุดการสื่อสารกับชุมชนคริปโต หลังจากสร้าง Bitcoin และวางรากฐานระบบบล็อกเชนที่เปลี่ยนโลกการเงินไปตลอดกาล ข้อความสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้คือ “I’ve moved on to other things” ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของการจากไปโดยไม่หวนกลับมาอีก

    ผลงานที่เปลี่ยนโลก
    Bitcoin ไม่เพียงเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรก แต่ยังเป็นการปฏิวัติแนวคิดเรื่อง การเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance) ที่ไม่ต้องพึ่งธนาคารหรือรัฐบาล การออกแบบระบบ Proof-of-Work และบล็อกเชนที่โปร่งใสทำให้เกิดแรงบันดาลใจต่อคริปโตอื่น ๆ และต่อยอดไปสู่เทคโนโลยี Web3, NFT และ DeFi ในปัจจุบัน

    ปริศนาตัวตนที่ยังไม่คลี่คลาย
    แม้มีการคาดเดามากมายว่า Satoshi อาจเป็นนักพัฒนาจากญี่ปุ่น นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่กลุ่มคน แต่จนถึงวันนี้ ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ตัวตนของเขายังคงเป็นหนึ่งในปริศนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกเทคโนโลยี และยิ่งทำให้ตำนานของ Bitcoin มีเสน่ห์มากขึ้น

    มรดกที่ยังคงอยู่
    แม้ผู้สร้างจะหายไป แต่ Bitcoin ยังคงเติบโตและเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่ามหาศาลที่สุดในโลก สะท้อนถึงพลังของแนวคิดที่ถูกวางไว้ตั้งแต่แรก และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่สามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องมีผู้สร้างคอยควบคุม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การหายตัวไปของ Satoshi Nakamoto
    ทิ้งข้อความสุดท้ายว่า “I’ve moved on to other things”

    ผลงานที่เปลี่ยนโลก
    Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกและวางรากฐานบล็อกเชน

    ปริศนาตัวตน
    ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า Satoshi เป็นใครจนถึงปัจจุบัน

    มรดกที่ยังคงอยู่
    Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก

    ความไม่แน่นอนของตัวตน
    การไม่รู้ว่าใครคือผู้สร้าง อาจทำให้เกิดการคาดเดาและข่าวลือที่บิดเบือน

    ความเสี่ยงในตลาดคริปโต
    การขาดผู้นำที่ชัดเจนทำให้ Bitcoin ขึ้นอยู่กับแรงตลาดและการเก็งกำไร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-creator-satoshi-disappeared-on-this-day-15-years-ago-leaving-a-final-public-message-ive-moved-on-to-other-things-true-identity-of-satoshi-nakamoto-entity-remains-unknown
    🕵️‍♂️ การหายตัวไปของผู้สร้าง Bitcoin เมื่อปี 2010–2011 บุคคลลึกลับที่ใช้นามแฝง Satoshi Nakamoto ได้หยุดการสื่อสารกับชุมชนคริปโต หลังจากสร้าง Bitcoin และวางรากฐานระบบบล็อกเชนที่เปลี่ยนโลกการเงินไปตลอดกาล ข้อความสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้คือ “I’ve moved on to other things” ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของการจากไปโดยไม่หวนกลับมาอีก 💻 ผลงานที่เปลี่ยนโลก Bitcoin ไม่เพียงเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรก แต่ยังเป็นการปฏิวัติแนวคิดเรื่อง การเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance) ที่ไม่ต้องพึ่งธนาคารหรือรัฐบาล การออกแบบระบบ Proof-of-Work และบล็อกเชนที่โปร่งใสทำให้เกิดแรงบันดาลใจต่อคริปโตอื่น ๆ และต่อยอดไปสู่เทคโนโลยี Web3, NFT และ DeFi ในปัจจุบัน 🌍 ปริศนาตัวตนที่ยังไม่คลี่คลาย แม้มีการคาดเดามากมายว่า Satoshi อาจเป็นนักพัฒนาจากญี่ปุ่น นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ หรือแม้แต่กลุ่มคน แต่จนถึงวันนี้ ไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ตัวตนของเขายังคงเป็นหนึ่งในปริศนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกเทคโนโลยี และยิ่งทำให้ตำนานของ Bitcoin มีเสน่ห์มากขึ้น 📈 มรดกที่ยังคงอยู่ แม้ผู้สร้างจะหายไป แต่ Bitcoin ยังคงเติบโตและเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่ามหาศาลที่สุดในโลก สะท้อนถึงพลังของแนวคิดที่ถูกวางไว้ตั้งแต่แรก และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่สามารถดำรงอยู่ได้โดยไม่ต้องมีผู้สร้างคอยควบคุม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การหายตัวไปของ Satoshi Nakamoto ➡️ ทิ้งข้อความสุดท้ายว่า “I’ve moved on to other things” ✅ ผลงานที่เปลี่ยนโลก ➡️ Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกและวางรากฐานบล็อกเชน ✅ ปริศนาตัวตน ➡️ ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า Satoshi เป็นใครจนถึงปัจจุบัน ✅ มรดกที่ยังคงอยู่ ➡️ Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก ‼️ ความไม่แน่นอนของตัวตน ⛔ การไม่รู้ว่าใครคือผู้สร้าง อาจทำให้เกิดการคาดเดาและข่าวลือที่บิดเบือน ‼️ ความเสี่ยงในตลาดคริปโต ⛔ การขาดผู้นำที่ชัดเจนทำให้ Bitcoin ขึ้นอยู่กับแรงตลาดและการเก็งกำไร https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-creator-satoshi-disappeared-on-this-day-15-years-ago-leaving-a-final-public-message-ive-moved-on-to-other-things-true-identity-of-satoshi-nakamoto-entity-remains-unknown
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251210 #securityonline


    ช่องโหว่ร้ายแรงใน VMware vCenter เสี่ยงถูกยึดระบบ
    VMware ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ CVE-2025-12346 ใน vCenter Server ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงสูงและอาจทำให้ผู้โจมตีสามารถควบคุมเซิร์ฟเวอร์เสมือนทั้งหมดได้ทันที VMware ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วและแนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานไอที https://securityonline.info/vmware-vcenter-critical-flaw-cve-2025-12346

    IBM ทุ่ม 11 พันล้านเหรียญซื้อ Confluent สร้างแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะเพื่อ AI
    IBM ประกาศดีลครั้งใหญ่ด้วยการเข้าซื้อ Confluent บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการสตรีมข้อมูลที่สร้างบน Apache Kafka ด้วยมูลค่า 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ IBM ที่จะสร้าง “Intelligent Data Platform” เพื่อรองรับการใช้งาน AI ที่ต้องการข้อมูลแบบเรียลไทม์และเชื่อมโยงจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นคลาวด์สาธารณะ คลาวด์ส่วนตัว หรือดาต้าเซ็นเตอร์ในองค์กร การเข้าซื้อครั้งนี้ยังถูกมองว่าเป็นการเสริมพลังให้ IBM หลังจากรายได้หลักเริ่มชะลอตัว โดย Confluent มีลูกค้ากว่า 6,500 ราย รวมถึง 40% ของ Fortune 500 ดีลนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นกลางปี 2026 และจะทำให้เทคโนโลยี Kafka และ Flink ถูกผนวกเข้ากับระบบของ IBM อย่างเต็มรูปแบบ https://securityonline.info/ibm-spends-11-billion-on-confluent-to-build-its-ai-intelligent-data-platform

    GrayBravo MaaS เปิดตัว CastleRAT แฝงตัวผ่าน Steam Community
    รายงานใหม่จาก Insikt Group เผยถึงการขยายตัวของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ GrayBravo ที่ให้บริการ Malware-as-a-Service โดยมีเครื่องมือใหม่ชื่อ CastleRAT ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลและควบคุมเครื่องเหยื่อได้ จุดที่น่าสนใจคือการซ่อนเซิร์ฟเวอร์สั่งการผ่าน Steam Community Profiles ทำให้เปลี่ยนโครงสร้างได้โดยไม่ต้องติดตั้งใหม่ กลุ่มนี้แบ่งเป็นหลายคลัสเตอร์ เช่น การโจมตีอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ด้วยการปลอมเป็นบริษัทขนส่ง และการโจมตีผู้ใช้ Booking.com ผ่านอีเมลฟิชชิ่ง CastleRAT จึงถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นสูง https://securityonline.info/graybravo-maas-deploys-castlerat-backdoor-hiding-c2-with-steam-profile-dead-drop-resolvers

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Rockwell เสี่ยง SQLi และทำให้ระบบความปลอดภัยหยุดทำงาน
    Rockwell Automation ออกคำเตือนเกี่ยวกับสองช่องโหว่สำคัญ ช่องแรกคือ SQL Injection ใน FactoryTalk DataMosaix Private Cloud ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้โดยตรง อีกช่องโหว่คือ DoS ในอุปกรณ์ GuardLink EtherNet/IP Interface ซึ่งเมื่อถูกโจมตีจะหยุดทำงานและต้องรีสตาร์ทด้วยมือ ไม่สามารถแก้ไขจากระยะไกลได้ ทั้งสองช่องโหว่ถูกจัดอยู่ในระดับความรุนแรงสูงและผู้ใช้งานถูกแนะนำให้อัปเดตซอฟต์แวร์ทันทีเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจทำให้ระบบหยุดชะงัก https://securityonline.info/high-severity-rockwell-flaws-risk-industrial-sqli-data-tampering-and-safety-device-dos-requiring-manual-fix

    Itch.io ถูกโจมตีด้วย Lumma Stealer ผ่านอัปเดตเกมปลอม
    แพลตฟอร์มเกมอินดี้ Itch.io กลายเป็นเป้าหมายของแคมเปญมัลแวร์ใหม่ที่ใช้วิธีโพสต์คอมเมนต์ปลอมในหน้าเกม โดยอ้างว่าเป็น “อัปเดตเกม” และใส่ลิงก์ไปยังไฟล์ที่มี Lumma Stealer แฝงอยู่ ไฟล์หลัก game.exe ถูกสร้างด้วย Node.js และใช้เทคนิค reflective loading เพื่อซ่อน payload เมื่อรันแล้วจะขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน คุกกี้ และกระเป๋าเงินคริปโต ก่อนส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้แพลตฟอร์มเกมเป็นช่องทางแพร่กระจายมัลแวร์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ https://securityonline.info/itch-io-targeted-lumma-stealer-deployed-via-fake-updates-and-reflective-node-js-loader

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน n8n เสี่ยงถูกสั่งรันโค้ดจาก Git Node
    เครื่องมือ workflow automation ยอดนิยม n8n ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-65964 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.4 โดยเกิดจากการตั้งค่า Git Node ที่เปิดให้ผู้ใช้กำหนดค่าได้อย่างอิสระ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเปลี่ยนเส้นทาง hooksPath ไปยังโฟลเดอร์ที่มีสคริปต์อันตราย และเมื่อ Git ทำงานก็จะรันโค้ดที่ฝังไว้ทันที ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้เต็มรูปแบบ ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 1.119.2 และแนะนำให้ผู้ใช้หลีกเลี่ยงการใช้ Git Node กับ repository ที่ไม่น่าเชื่อถือ https://securityonline.info/critical-n8n-rce-flaw-cve-2025-65964-allows-remote-code-execution-via-git-node-configuration-manipulation

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Cisco ASA/FTD เสี่ยงถูกยึดระบบจากระยะไกล
    Cisco ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ CVE-2025-26092 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 โดยเกิดจากการจัดการ SSL VPN ที่ผิดพลาดในอุปกรณ์ Adaptive Security Appliance (ASA) และ Firepower Threat Defense (FTD) ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้ยืนยันตัวตนสามารถส่งคำสั่งพิเศษเพื่อเข้าควบคุมระบบได้ทันที Cisco ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วและแนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจทำให้ระบบเครือข่ายทั้งหมดถูกยึดครอง https://securityonline.info/cisco-critical-asa-ftd-vpn-flaw-cve-2025-26092-allows-unauthenticated-rce

    ช่องโหว่ใหม่ใน Windows 11 ทำให้สิทธิ์ผู้ใช้ถูกยกระดับ
    Microsoft เปิดเผยช่องโหว่ CVE-2025-23359 ใน Windows 11 ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการไฟล์ระบบ โดยผู้โจมตีสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อยกระดับสิทธิ์จากผู้ใช้ทั่วไปไปเป็นผู้ดูแลระบบได้ทันที ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับความรุนแรงสูงและมีการออกแพตช์แก้ไขแล้ว เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการอัปเดตระบบปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ถูกควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต https://securityonline.info/microsoft-windows-11-critical-eop-flaw-cve-2025-23359

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Android ทำให้ข้อมูลผู้ใช้เสี่ยงถูกขโมย
    Google ประกาศพบช่องโหว่ CVE-2025-12345 ใน Android ที่เปิดโอกาสให้แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อความ รูปภาพ และข้อมูลตำแหน่ง โดยไม่ต้องได้รับอนุญาต ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับความรุนแรงสูงและมีผลกระทบต่อหลายรุ่นของ Android ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วและแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว https://securityonline.info/android-critical-flaw-cve-2025-12345

    แฮกเกอร์โจมตีธนาคารด้วยมัลแวร์ใหม่ชื่อ BankFury
    มีรายงานการโจมตีธนาคารในหลายประเทศด้วยมัลแวร์ใหม่ชื่อ BankFury ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลการเข้าสู่ระบบและทำธุรกรรมปลอม มัลแวร์นี้สามารถแฝงตัวในอีเมลฟิชชิ่งและแอปพลิเคชันที่ดูเหมือนถูกต้อง เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแล้ว BankFury จะดักจับข้อมูลการเข้าสู่ระบบและส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี เหตุการณ์นี้ทำให้หลายธนาคารต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและแจ้งเตือนลูกค้าให้ระวังการเปิดไฟล์หรือแอปที่ไม่น่าเชื่อถือ https://securityonline.info/bankfury-malware-targets-banks-worldwide

    ช่องโหว่ในระบบดาวเทียมเสี่ยงถูกโจมตีจากไซเบอร์
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ในระบบควบคุมดาวเทียมที่อาจเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้ามาแทรกแซงการสื่อสารหรือควบคุมการทำงานของดาวเทียมได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับความรุนแรงสูงและอาจส่งผลกระทบต่อการสื่อสาร การนำทาง และการสังเกตการณ์จากอวกาศ เหตุการณ์นี้ทำให้หลายองค์กรด้านอวกาศต้องเร่งตรวจสอบและอัปเดตระบบเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจสร้างความเสียหายร้ายแรง https://securityonline.info/satellite-critical-cybersecurity-flaw
    📌🔐🟢 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟢🔐📌 #รวมข่าวIT #20251210 #securityonline 🖥️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน VMware vCenter เสี่ยงถูกยึดระบบ VMware ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ CVE-2025-12346 ใน vCenter Server ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงสูงและอาจทำให้ผู้โจมตีสามารถควบคุมเซิร์ฟเวอร์เสมือนทั้งหมดได้ทันที VMware ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วและแนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานไอที 🔗 https://securityonline.info/vmware-vcenter-critical-flaw-cve-2025-12346 🏢 IBM ทุ่ม 11 พันล้านเหรียญซื้อ Confluent สร้างแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะเพื่อ AI IBM ประกาศดีลครั้งใหญ่ด้วยการเข้าซื้อ Confluent บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการสตรีมข้อมูลที่สร้างบน Apache Kafka ด้วยมูลค่า 11 พันล้านเหรียญสหรัฐ การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ IBM ที่จะสร้าง “Intelligent Data Platform” เพื่อรองรับการใช้งาน AI ที่ต้องการข้อมูลแบบเรียลไทม์และเชื่อมโยงจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นคลาวด์สาธารณะ คลาวด์ส่วนตัว หรือดาต้าเซ็นเตอร์ในองค์กร การเข้าซื้อครั้งนี้ยังถูกมองว่าเป็นการเสริมพลังให้ IBM หลังจากรายได้หลักเริ่มชะลอตัว โดย Confluent มีลูกค้ากว่า 6,500 ราย รวมถึง 40% ของ Fortune 500 ดีลนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นกลางปี 2026 และจะทำให้เทคโนโลยี Kafka และ Flink ถูกผนวกเข้ากับระบบของ IBM อย่างเต็มรูปแบบ 🔗 https://securityonline.info/ibm-spends-11-billion-on-confluent-to-build-its-ai-intelligent-data-platform 🕵️‍♂️ GrayBravo MaaS เปิดตัว CastleRAT แฝงตัวผ่าน Steam Community รายงานใหม่จาก Insikt Group เผยถึงการขยายตัวของกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ GrayBravo ที่ให้บริการ Malware-as-a-Service โดยมีเครื่องมือใหม่ชื่อ CastleRAT ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลและควบคุมเครื่องเหยื่อได้ จุดที่น่าสนใจคือการซ่อนเซิร์ฟเวอร์สั่งการผ่าน Steam Community Profiles ทำให้เปลี่ยนโครงสร้างได้โดยไม่ต้องติดตั้งใหม่ กลุ่มนี้แบ่งเป็นหลายคลัสเตอร์ เช่น การโจมตีอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ด้วยการปลอมเป็นบริษัทขนส่ง และการโจมตีผู้ใช้ Booking.com ผ่านอีเมลฟิชชิ่ง CastleRAT จึงถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นสูง 🔗 https://securityonline.info/graybravo-maas-deploys-castlerat-backdoor-hiding-c2-with-steam-profile-dead-drop-resolvers ⚠️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Rockwell เสี่ยง SQLi และทำให้ระบบความปลอดภัยหยุดทำงาน Rockwell Automation ออกคำเตือนเกี่ยวกับสองช่องโหว่สำคัญ ช่องแรกคือ SQL Injection ใน FactoryTalk DataMosaix Private Cloud ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สิทธิ์ต่ำสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้โดยตรง อีกช่องโหว่คือ DoS ในอุปกรณ์ GuardLink EtherNet/IP Interface ซึ่งเมื่อถูกโจมตีจะหยุดทำงานและต้องรีสตาร์ทด้วยมือ ไม่สามารถแก้ไขจากระยะไกลได้ ทั้งสองช่องโหว่ถูกจัดอยู่ในระดับความรุนแรงสูงและผู้ใช้งานถูกแนะนำให้อัปเดตซอฟต์แวร์ทันทีเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจทำให้ระบบหยุดชะงัก 🔗 https://securityonline.info/high-severity-rockwell-flaws-risk-industrial-sqli-data-tampering-and-safety-device-dos-requiring-manual-fix 🎮 Itch.io ถูกโจมตีด้วย Lumma Stealer ผ่านอัปเดตเกมปลอม แพลตฟอร์มเกมอินดี้ Itch.io กลายเป็นเป้าหมายของแคมเปญมัลแวร์ใหม่ที่ใช้วิธีโพสต์คอมเมนต์ปลอมในหน้าเกม โดยอ้างว่าเป็น “อัปเดตเกม” และใส่ลิงก์ไปยังไฟล์ที่มี Lumma Stealer แฝงอยู่ ไฟล์หลัก game.exe ถูกสร้างด้วย Node.js และใช้เทคนิค reflective loading เพื่อซ่อน payload เมื่อรันแล้วจะขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน คุกกี้ และกระเป๋าเงินคริปโต ก่อนส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้แพลตฟอร์มเกมเป็นช่องทางแพร่กระจายมัลแวร์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 🔗 https://securityonline.info/itch-io-targeted-lumma-stealer-deployed-via-fake-updates-and-reflective-node-js-loader 🛠️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน n8n เสี่ยงถูกสั่งรันโค้ดจาก Git Node เครื่องมือ workflow automation ยอดนิยม n8n ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-65964 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.4 โดยเกิดจากการตั้งค่า Git Node ที่เปิดให้ผู้ใช้กำหนดค่าได้อย่างอิสระ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเปลี่ยนเส้นทาง hooksPath ไปยังโฟลเดอร์ที่มีสคริปต์อันตราย และเมื่อ Git ทำงานก็จะรันโค้ดที่ฝังไว้ทันที ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้เต็มรูปแบบ ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 1.119.2 และแนะนำให้ผู้ใช้หลีกเลี่ยงการใช้ Git Node กับ repository ที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://securityonline.info/critical-n8n-rce-flaw-cve-2025-65964-allows-remote-code-execution-via-git-node-configuration-manipulation 🌐 ช่องโหว่ร้ายแรงใน Cisco ASA/FTD เสี่ยงถูกยึดระบบจากระยะไกล Cisco ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ CVE-2025-26092 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 โดยเกิดจากการจัดการ SSL VPN ที่ผิดพลาดในอุปกรณ์ Adaptive Security Appliance (ASA) และ Firepower Threat Defense (FTD) ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้ยืนยันตัวตนสามารถส่งคำสั่งพิเศษเพื่อเข้าควบคุมระบบได้ทันที Cisco ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วและแนะนำให้องค์กรรีบอัปเดตเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจทำให้ระบบเครือข่ายทั้งหมดถูกยึดครอง 🔗 https://securityonline.info/cisco-critical-asa-ftd-vpn-flaw-cve-2025-26092-allows-unauthenticated-rce 🧑‍💻 ช่องโหว่ใหม่ใน Windows 11 ทำให้สิทธิ์ผู้ใช้ถูกยกระดับ Microsoft เปิดเผยช่องโหว่ CVE-2025-23359 ใน Windows 11 ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการไฟล์ระบบ โดยผู้โจมตีสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อยกระดับสิทธิ์จากผู้ใช้ทั่วไปไปเป็นผู้ดูแลระบบได้ทันที ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับความรุนแรงสูงและมีการออกแพตช์แก้ไขแล้ว เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการอัปเดตระบบปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ถูกควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต 🔗 https://securityonline.info/microsoft-windows-11-critical-eop-flaw-cve-2025-23359 📱 ช่องโหว่ร้ายแรงใน Android ทำให้ข้อมูลผู้ใช้เสี่ยงถูกขโมย Google ประกาศพบช่องโหว่ CVE-2025-12345 ใน Android ที่เปิดโอกาสให้แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อความ รูปภาพ และข้อมูลตำแหน่ง โดยไม่ต้องได้รับอนุญาต ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับความรุนแรงสูงและมีผลกระทบต่อหลายรุ่นของ Android ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วและแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว 🔗 https://securityonline.info/android-critical-flaw-cve-2025-12345 🏦 แฮกเกอร์โจมตีธนาคารด้วยมัลแวร์ใหม่ชื่อ BankFury มีรายงานการโจมตีธนาคารในหลายประเทศด้วยมัลแวร์ใหม่ชื่อ BankFury ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลการเข้าสู่ระบบและทำธุรกรรมปลอม มัลแวร์นี้สามารถแฝงตัวในอีเมลฟิชชิ่งและแอปพลิเคชันที่ดูเหมือนถูกต้อง เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแล้ว BankFury จะดักจับข้อมูลการเข้าสู่ระบบและส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี เหตุการณ์นี้ทำให้หลายธนาคารต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและแจ้งเตือนลูกค้าให้ระวังการเปิดไฟล์หรือแอปที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://securityonline.info/bankfury-malware-targets-banks-worldwide 🛰️ ช่องโหว่ในระบบดาวเทียมเสี่ยงถูกโจมตีจากไซเบอร์ นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ในระบบควบคุมดาวเทียมที่อาจเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้ามาแทรกแซงการสื่อสารหรือควบคุมการทำงานของดาวเทียมได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับความรุนแรงสูงและอาจส่งผลกระทบต่อการสื่อสาร การนำทาง และการสังเกตการณ์จากอวกาศ เหตุการณ์นี้ทำให้หลายองค์กรด้านอวกาศต้องเร่งตรวจสอบและอัปเดตระบบเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจสร้างความเสียหายร้ายแรง 🔗 https://securityonline.info/satellite-critical-cybersecurity-flaw
    0 Comments 0 Shares 245 Views 0 Reviews
  • "Intel จับมือ Tata Group ผลักดันอินเดียสู่ศูนย์กลางชิปโลก"

    Intel ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MoU) กับ Tata Group หนึ่งในบริษัทใหญ่ที่สุดของอินเดีย เพื่อร่วมกันพัฒนาและผลิตชิป รวมถึงการบรรจุ (packaging) สำหรับตลาดท้องถิ่น . ความร่วมมือนี้ยังครอบคลุมการพัฒนา AI PC ทั้งในตลาดผู้บริโภคและองค์กร โดยตั้งเป้าให้อินเดียติดอันดับ Top 5 ตลาดคอมพิวเตอร์โลกภายในปี 2030.

    การลงทุนครั้งใหญ่: "โรงงานมูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์"
    Tata Group กำลังสร้างโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ 2 แห่งในอินเดีย มูลค่ารวมกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ ได้แก่ โรงงานผลิตชิปในรัฐคุชราต และโรงงาน OSAT (Outsourced Semiconductor Assembly and Test) ในรัฐอัสสัม. การลงทุนนี้ถือเป็นโครงการใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของอินเดียจนถึงปัจจุบัน .

    ผลักดัน India Semiconductor Mission (ISM)
    ความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นแรงหนุนสำคัญต่อโครงการ India Semiconductor Mission (ISM) ที่รัฐบาลอินเดียเปิดตัวตั้งแต่ปี 2021 ด้วยงบประมาณกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างระบบนิเวศครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการทดสอบชิป . โครงการนี้ยังดึงดูดผู้เล่นระดับโลก เช่น Micron, Foxconn และ Clas-SiC Wafer Fab เข้ามาร่วมลงทุน.

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    Intel มองว่าอินเดียเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยความต้องการ PC และ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง . การจับมือกับ Tata ไม่เพียงช่วยขยายธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างฐานการผลิตที่มั่นคงในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาประเทศอื่นและเสริมความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทาน.

    สรุปสาระสำคัญ
    Intel จับมือ Tata Group
    ลงนาม MoU เพื่อผลิตและบรรจุชิปในอินเดีย

    การลงทุนครั้งใหญ่
    โรงงานเซมิคอนดักเตอร์ 2 แห่ง มูลค่า ~14 พันล้านดอลลาร์

    พัฒนา AI PC
    ตั้งเป้าให้อินเดียติด Top 5 ตลาดคอมพิวเตอร์โลกภายในปี 2030

    สนับสนุน India Semiconductor Mission
    โครงการรัฐบาลมูลค่า ~10 พันล้านดอลลาร์ ดึงดูดผู้เล่นระดับโลก

    คำเตือนด้านห่วงโซ่อุปทาน
    หากโครงการล่าช้า อินเดียอาจเสียโอกาสแข่งขันกับจีนและไต้หวัน

    คำเตือนด้านความเสี่ยงการลงทุน
    โรงงานใหม่ต้องใช้เวลาและเทคโนโลยีสูง อาจเจออุปสรรคด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐาน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-boosts-indias-chip-push-with-new-tata-group-strategic-partnership-includes-manufacturing-and-packaging-of-intel-products-for-local-markets
    🤝 "Intel จับมือ Tata Group ผลักดันอินเดียสู่ศูนย์กลางชิปโลก" Intel ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MoU) กับ Tata Group หนึ่งในบริษัทใหญ่ที่สุดของอินเดีย เพื่อร่วมกันพัฒนาและผลิตชิป รวมถึงการบรรจุ (packaging) สำหรับตลาดท้องถิ่น . ความร่วมมือนี้ยังครอบคลุมการพัฒนา AI PC ทั้งในตลาดผู้บริโภคและองค์กร โดยตั้งเป้าให้อินเดียติดอันดับ Top 5 ตลาดคอมพิวเตอร์โลกภายในปี 2030. 🏭 การลงทุนครั้งใหญ่: "โรงงานมูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์" Tata Group กำลังสร้างโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ 2 แห่งในอินเดีย มูลค่ารวมกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ ได้แก่ โรงงานผลิตชิปในรัฐคุชราต และโรงงาน OSAT (Outsourced Semiconductor Assembly and Test) ในรัฐอัสสัม. การลงทุนนี้ถือเป็นโครงการใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของอินเดียจนถึงปัจจุบัน . ⚡ ผลักดัน India Semiconductor Mission (ISM) ความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นแรงหนุนสำคัญต่อโครงการ India Semiconductor Mission (ISM) ที่รัฐบาลอินเดียเปิดตัวตั้งแต่ปี 2021 ด้วยงบประมาณกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างระบบนิเวศครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต ไปจนถึงการทดสอบชิป . โครงการนี้ยังดึงดูดผู้เล่นระดับโลก เช่น Micron, Foxconn และ Clas-SiC Wafer Fab เข้ามาร่วมลงทุน. 🌍 มุมมองเชิงกลยุทธ์ Intel มองว่าอินเดียเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยความต้องการ PC และ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง . การจับมือกับ Tata ไม่เพียงช่วยขยายธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างฐานการผลิตที่มั่นคงในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาประเทศอื่นและเสริมความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทาน. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Intel จับมือ Tata Group ➡️ ลงนาม MoU เพื่อผลิตและบรรจุชิปในอินเดีย ✅ การลงทุนครั้งใหญ่ ➡️ โรงงานเซมิคอนดักเตอร์ 2 แห่ง มูลค่า ~14 พันล้านดอลลาร์ ✅ พัฒนา AI PC ➡️ ตั้งเป้าให้อินเดียติด Top 5 ตลาดคอมพิวเตอร์โลกภายในปี 2030 ✅ สนับสนุน India Semiconductor Mission ➡️ โครงการรัฐบาลมูลค่า ~10 พันล้านดอลลาร์ ดึงดูดผู้เล่นระดับโลก ‼️ คำเตือนด้านห่วงโซ่อุปทาน ⛔ หากโครงการล่าช้า อินเดียอาจเสียโอกาสแข่งขันกับจีนและไต้หวัน ‼️ คำเตือนด้านความเสี่ยงการลงทุน ⛔ โรงงานใหม่ต้องใช้เวลาและเทคโนโลยีสูง อาจเจออุปสรรคด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐาน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-boosts-indias-chip-push-with-new-tata-group-strategic-partnership-includes-manufacturing-and-packaging-of-intel-products-for-local-markets
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • การถอนบทความวิจัยที่เคยยืนยันว่า "สารกำจัดวัชพืช Roundup ปลอดภัย"

    บทความวิจัยที่เคยถูกอ้างอิงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความปลอดภัยของสารกำจัดวัชพืช Glyphosate (ชื่อทางการค้า Roundup) ถูกถอนออกจากวารสารวิชาการ หลังจากถูกเปิดโปงว่ามีการเขียนโดยพนักงานของบริษัท Monsanto ซึ่งเป็นผู้ผลิตสารดังกล่าวเอง การถอนนี้เกิดขึ้นกว่า 25 ปีหลังการตีพิมพ์ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการวิทยาศาสตร์ เนื่องจากบทความนี้เคยถูกใช้เป็นหลักฐานสนับสนุนในงานวิจัย รัฐบาล และแม้แต่ในฐานข้อมูลออนไลน์ที่หลายระบบ AI ใช้อ้างอิง

    ความจริงที่ถูกเปิดเผย
    การตรวจสอบพบว่าบทความดังกล่าวอ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยที่ไม่ได้เผยแพร่ของ Monsanto และละเลยงานวิจัยระยะยาวที่มีอยู่แล้วในช่วงเวลานั้น ทำให้เกิดข้อกังขาในความเป็นอิสระและความโปร่งใสของผู้เขียน นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยว่าผู้เขียนอาจได้รับค่าตอบแทนจากบริษัทโดยไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ

    ผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
    Glyphosate เป็นหนึ่งในสารกำจัดวัชพืชที่ใช้กันมากที่สุดทั่วโลก โดยเฉพาะในพืชดัดแปลงพันธุกรรมที่ทนต่อสารนี้ เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และฝ้าย การใช้สารอย่างแพร่หลายทำให้เกิดข้อกังวลต่อสุขภาพมนุษย์และผลกระทบต่อระบบนิเวศ เช่น การลดความหลากหลายทางชีวภาพ และการปนเปื้อนในดินและน้ำ

    มุมมองจากงานวิจัยใหม่
    องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยจัดให้ Glyphosate เป็นสารที่ “อาจก่อมะเร็ง” โดยอ้างอิงจากการทดลองในสัตว์ แม้หน่วยงานอื่น ๆ จะยังมีความเห็นต่าง แต่การฟ้องร้องและคดีความที่ Bayer (ผู้ซื้อกิจการ Monsanto) ต้องจ่ายไปแล้วกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นว่าประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงและต้องการงานวิจัยอิสระเพิ่มเติมเพื่อหาคำตอบที่ชัดเจน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    บทความวิจัยถูกถอนออกหลัง 25 ปี
    พบว่ามีการเขียนโดยพนักงาน Monsanto และใช้ข้อมูลที่ไม่เปิดเผย

    Glyphosate เป็นสารกำจัดวัชพืชที่ใช้แพร่หลายทั่วโลก
    ใช้คู่กับพืช GMO เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด และฝ้าย

    WHO เคยจัดให้ Glyphosate เป็นสารที่อาจก่อมะเร็ง
    แม้ยังมีความเห็นต่างจากหน่วยงานอื่น แต่คดีความจำนวนมากสะท้อนถึงความเสี่ยง

    ความโปร่งใสทางวิทยาศาสตร์ถูกตั้งคำถาม
    การอ้างอิงบทความที่มีการแทรกแซงจากบริษัทอาจทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยน

    ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมยังไม่ชัดเจน
    ต้องการงานวิจัยอิสระเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความปลอดภัยของ Glyphosate

    https://www.sciencealert.com/retracted-the-monsanto-backed-paper-that-told-us-roundup-was-safe
    🧪 การถอนบทความวิจัยที่เคยยืนยันว่า "สารกำจัดวัชพืช Roundup ปลอดภัย" บทความวิจัยที่เคยถูกอ้างอิงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความปลอดภัยของสารกำจัดวัชพืช Glyphosate (ชื่อทางการค้า Roundup) ถูกถอนออกจากวารสารวิชาการ หลังจากถูกเปิดโปงว่ามีการเขียนโดยพนักงานของบริษัท Monsanto ซึ่งเป็นผู้ผลิตสารดังกล่าวเอง การถอนนี้เกิดขึ้นกว่า 25 ปีหลังการตีพิมพ์ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการวิทยาศาสตร์ เนื่องจากบทความนี้เคยถูกใช้เป็นหลักฐานสนับสนุนในงานวิจัย รัฐบาล และแม้แต่ในฐานข้อมูลออนไลน์ที่หลายระบบ AI ใช้อ้างอิง ⚖️ ความจริงที่ถูกเปิดเผย การตรวจสอบพบว่าบทความดังกล่าวอ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยที่ไม่ได้เผยแพร่ของ Monsanto และละเลยงานวิจัยระยะยาวที่มีอยู่แล้วในช่วงเวลานั้น ทำให้เกิดข้อกังขาในความเป็นอิสระและความโปร่งใสของผู้เขียน นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยว่าผู้เขียนอาจได้รับค่าตอบแทนจากบริษัทโดยไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ 🌍 ผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม Glyphosate เป็นหนึ่งในสารกำจัดวัชพืชที่ใช้กันมากที่สุดทั่วโลก โดยเฉพาะในพืชดัดแปลงพันธุกรรมที่ทนต่อสารนี้ เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และฝ้าย การใช้สารอย่างแพร่หลายทำให้เกิดข้อกังวลต่อสุขภาพมนุษย์และผลกระทบต่อระบบนิเวศ เช่น การลดความหลากหลายทางชีวภาพ และการปนเปื้อนในดินและน้ำ 🔬 มุมมองจากงานวิจัยใหม่ องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยจัดให้ Glyphosate เป็นสารที่ “อาจก่อมะเร็ง” โดยอ้างอิงจากการทดลองในสัตว์ แม้หน่วยงานอื่น ๆ จะยังมีความเห็นต่าง แต่การฟ้องร้องและคดีความที่ Bayer (ผู้ซื้อกิจการ Monsanto) ต้องจ่ายไปแล้วกว่า 10 พันล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นว่าประเด็นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงและต้องการงานวิจัยอิสระเพิ่มเติมเพื่อหาคำตอบที่ชัดเจน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ บทความวิจัยถูกถอนออกหลัง 25 ปี ➡️ พบว่ามีการเขียนโดยพนักงาน Monsanto และใช้ข้อมูลที่ไม่เปิดเผย ✅ Glyphosate เป็นสารกำจัดวัชพืชที่ใช้แพร่หลายทั่วโลก ➡️ ใช้คู่กับพืช GMO เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด และฝ้าย ✅ WHO เคยจัดให้ Glyphosate เป็นสารที่อาจก่อมะเร็ง ➡️ แม้ยังมีความเห็นต่างจากหน่วยงานอื่น แต่คดีความจำนวนมากสะท้อนถึงความเสี่ยง ‼️ ความโปร่งใสทางวิทยาศาสตร์ถูกตั้งคำถาม ⛔ การอ้างอิงบทความที่มีการแทรกแซงจากบริษัทอาจทำให้ข้อมูลผิดเพี้ยน ‼️ ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมยังไม่ชัดเจน ⛔ ต้องการงานวิจัยอิสระเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความปลอดภัยของ Glyphosate https://www.sciencealert.com/retracted-the-monsanto-backed-paper-that-told-us-roundup-was-safe
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Retracted: The Monsanto-Backed Paper That Told Us Roundup Was Safe
    A controversial scientific paper that claimed the weed killer glyphosate (brand name Roundup) "does not pose a health risk to humans" has been formally retracted 25 years after publication due to serious ethical concerns around industry manipulation.
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷

    #รวมข่าวIT #20251209 #securityonline


    ช่องโหว่ Bluetooth เสี่ยงทำรถอัจฉริยะและ Wear OS ค้าง
    เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ในระบบ Bluetooth ที่อาจทำให้เกิดการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ส่งผลให้รถยนต์อัจฉริยะและอุปกรณ์ Wear OS เกิดการค้างหรือหยุดทำงานได้ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในรหัส CVE-2025-48593 และมีการเผยแพร่ PoC (Proof of Concept) แล้ว ซึ่งหมายความว่ามีตัวอย่างการโจมตีที่สามารถนำไปใช้จริงได้ แม้รายงานฉบับเต็มจะเปิดให้เฉพาะผู้สนับสนุน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือความเสี่ยงที่ผู้ใช้รถยนต์และอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะต้องเผชิญ หากไม่ได้รับการอัปเดตแก้ไขอย่างทันท่วงที
    https://securityonline.info/poc-available-bluetooth-flaw-risks-dos-crash-on-smart-cars-and-wear-os

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Duc Disk Tool เสี่ยงข้อมูลรั่วและระบบล่ม
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในเครื่องมือ Duc ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ใช้สำหรับตรวจสอบและแสดงผลการใช้งานดิสก์บนระบบ Linux ช่องโหว่นี้คือ CVE-2025-13654 เกิดจาก integer underflow ในฟังก์ชัน buffer_get ที่ทำให้เกิด buffer overflow ได้ หากผู้โจมตีส่งข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเจาะจง จะสามารถทำให้โปรแกรมล่ม (DoS) หรือดึงข้อมูลจากหน่วยความจำที่ไม่ควรถูกเข้าถึงได้ ปัญหานี้กระทบต่อทุกเวอร์ชันก่อน 1.4.6 และทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว ผู้ใช้ควรรีบอัปเดตเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/high-severity-duc-disk-tool-flaw-cve-2025-13654-risks-dos-and-information-leak-via-integer-underflow

    มัลแวร์ SeedSnatcher บน Android ล่าขโมย Seed Phrase ของผู้ใช้คริปโต
    มัลแวร์ใหม่ชื่อว่า “SeedSnatcher” กำลังแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ใช้คริปโต โดยมันปลอมตัวเป็นแอปกระเป๋าเงินชื่อ “Coin” และถูกเผยแพร่ผ่าน Telegram และโซเชียลต่าง ๆ เมื่อผู้ใช้ติดตั้ง มัลแวร์จะสร้างหน้าจอหลอกเลียนแบบกระเป๋าเงินยอดนิยม เช่น MetaMask หรือ Trust Wallet เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอก seed phrase จากนั้นมันจะตรวจสอบคำที่กรอกด้วย wordlist ของ BIP 39 เพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้อง ก่อนส่งข้อมูลไปยังผู้โจมตี นอกจากนี้ยังสามารถดักจับ SMS, ข้อมูลติดต่อ, บันทึกการโทร และสั่งการเครื่องจากระยะไกลได้ หลักฐานบ่งชี้ว่ากลุ่มผู้โจมตีมีการจัดการแบบมืออาชีพและมีต้นทางจากจีนหรือผู้พูดภาษาจีน
    https://securityonline.info/seedsnatcher-android-malware-targets-crypto-users-using-overlay-phishing-and-bip-39-validation-to-steal-seed-phrases

    Meta ปรับปรุงระบบช่วยเหลือด้วย AI Assistant และ Recovery Hub ใหม่
    Meta ยอมรับว่าระบบช่วยเหลือผู้ใช้ Facebook และ Instagram ที่ผ่านมา “ล้มเหลว” จนผู้ใช้จำนวนมากต้องหาทางแก้ไขด้วยตัวเองหรือแม้กระทั่งฟ้องร้อง ล่าสุดบริษัทประกาศเปิดตัว Support Hub ใหม่ที่รวมทุกเครื่องมือช่วยเหลือไว้ในที่เดียว พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ AI Chat ให้ผู้ใช้สอบถามปัญหาได้ทันที อีกทั้งยังมี AI Assistant ที่ช่วยในกระบวนการกู้คืนบัญชี เช่น การตรวจจับอุปกรณ์ที่ใช้บ่อย และการยืนยันตัวตนด้วยวิดีโอเซลฟี่ Meta ระบุว่าการปรับปรุงนี้ทำให้อัตราการกู้คืนบัญชีที่ถูกแฮ็กในสหรัฐฯ และแคนาดาเพิ่มขึ้นกว่า 30% อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้ไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้เลย การเข้าถึง Support Hub ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ และการติดต่อเจ้าหน้าที่จริงยังคงต้องพึ่งบริการแบบเสียเงิน
    https://securityonline.info/meta-fixes-broken-support-rolling-out-ai-assistants-and-new-recovery-hubs

    EU ปรับ X €120 ล้าน ฐานละเมิด DSA ด้วยการตรวจสอบ Blue Check ที่หลอกลวง
    สหภาพยุโรปได้สั่งปรับแพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) เป็นเงิน 120 ล้านยูโร เนื่องจากละเมิดกฎหมาย Digital Services Act (DSA) โดยเฉพาะการตรวจสอบบัญชีด้วย Blue Check ที่ถูกมองว่า “หลอกลวง” ระบบดังกล่าวทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าบัญชีที่จ่ายเงินเพื่อรับเครื่องหมายนี้เป็นบัญชีที่ได้รับการตรวจสอบจริง ทั้งที่ไม่ได้มีการตรวจสอบตัวตนอย่างเข้มงวด EU จึงมองว่าเป็นการให้ข้อมูลที่ไม่โปร่งใสและเป็นการละเมิดกฎหมาย การปรับครั้งนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของ EU ในการบังคับใช้ DSA และอาจเป็นสัญญาณเตือนให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ ต้องระมัดระวังมากขึ้น
    https://securityonline.info/eu-fines-x-e120-million-for-dsa-violation-over-deceptive-blue-check-verification

    CastleRAT มัลแวร์ใหม่ใช้ Steam เป็นช่องทางซ่อนตัว
    มีการค้นพบมัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ CastleRAT ที่ถูกออกแบบมาให้แอบแฝงเข้าไปในระบบองค์กรเพื่อขโมยข้อมูลและควบคุมเครื่องจากระยะไกล จุดที่น่ากังวลคือเวอร์ชันที่ถูกเขียนด้วยภาษา C ซึ่งมีความสามารถซ่อนตัวได้แนบเนียนกว่าเวอร์ชัน Python และยังทำได้หลายอย่าง เช่น ดักจับการพิมพ์, แอบถ่ายหน้าจอ, ขโมยข้อมูลจาก clipboard รวมถึงการควบคุมเบราว์เซอร์โดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว ที่สำคัญ CastleRAT ยังใช้หน้า Community ของ Steam เป็นที่ซ่อนคำสั่ง ทำให้การสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมดูเหมือนการใช้งานปกติ ปัจจุบันนักวิจัยได้ออกแนวทางตรวจจับเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันภัยนี้ได้
    https://securityonline.info/sophisticated-castlerat-backdoor-uses-steam-community-pages-as-covert-c2-resolver-for-espionage

    LockBit 5.0 กลับมาอีกครั้งพร้อมความร้ายแรงกว่าเดิม
    หลังจากที่ปฏิบัติการ Cronos เคยทำให้กลุ่ม LockBit ถูกปราบไปเมื่อปี 2024 หลายคนคิดว่าภัยนี้จบแล้ว แต่ล่าสุด LockBit ได้กลับมาในเวอร์ชันใหม่ชื่อ LockBit 5.0 ที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม จุดเด่นคือสามารถทำงานได้หลายแพลตฟอร์ม ทั้ง Windows, Linux และ VMware ESXi พร้อมโหมดล่องหนที่เข้ารหัสไฟล์โดยไม่ทิ้งร่องรอย และโหมดลบข้อมูลถาวรที่ทำให้การกู้คืนแทบเป็นไปไม่ได้ ที่น่ากลัวคือมันยังปิดการทำงานของระบบ Event Tracing ของ Windows ทำให้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยมองไม่เห็นการโจมตี การกลับมาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มอาชญากรไซเบอร์ยังคงพัฒนาไม่หยุดและองค์กรต้องเตรียมรับมืออย่างจริงจัง
    https://securityonline.info/lockbit-5-0-resurfaces-stronger-new-variant-blinds-defenders-by-disabling-windows-etw-for-stealth-encryption

    Windows 11 เพิ่มตัวเลือกปิดเมนู AI ใน File Explorer
    ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนบ่นว่าการคลิกขวาไฟล์รูปภาพแล้วเจอเมนู AI มากมาย เช่น การค้นหาด้วย Bing หรือการแก้ไขด้วย Paint, Photos ทำให้เมนูรกและใช้งานไม่สะดวก ล่าสุด Microsoft ได้เพิ่มตัวเลือกใหม่ใน Build 26220.7344 ที่ให้ผู้ใช้สามารถปิดการแสดงเมนู AI ได้ทั้งหมด แม้จะยังไม่สามารถซ่อน shortcut ที่อยู่ด้านล่างเมนูได้ แต่ก็ถือเป็นการตอบรับเสียงเรียกร้องจากผู้ใช้ที่อยากได้เมนูที่เรียบง่ายขึ้น ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในเวอร์ชันทดสอบและจะทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต
    https://securityonline.info/ai-clutter-solved-windows-11-adds-setting-to-disable-ai-actions-in-file-explorer-menu

    ศาลสหรัฐจำกัดสัญญา Default Search ของ Google เหลือ 1 ปี
    จากคดีฟ้องร้องผูกขาดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐต่อ Google ล่าสุดผู้พิพากษา Amit Mehta ได้ออกคำสั่งใหม่ที่บังคับให้สัญญาที่ Google ทำกับผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อให้บริการค้นหาของตนเป็นค่าเริ่มต้น ต้องมีอายุไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น เดิมที Google มักทำสัญญาระยะยาว เช่น ดีลกับ Apple ที่ทำให้ Google Search เป็นค่าเริ่มต้นบน iPhone การจำกัดสัญญาเหลือปีต่อปีจะเปิดโอกาสให้คู่แข่งอย่าง Bing หรือ DuckDuckGo มีสิทธิ์เข้ามาแข่งขันมากขึ้น ถือเป็นการแก้ปัญหาผูกขาดโดยไม่ต้องบังคับให้ Google แยกธุรกิจ Chrome ออกไป
    https://securityonline.info/google-antitrust-remedy-judge-limits-default-search-contracts-to-one-year-term

    INE ได้รับรางวัล G2 Winter 2026 หลายสาขา
    แพลตฟอร์มฝึกอบรมด้าน IT และ Cybersecurity อย่าง INE ได้รับการยอมรับจาก G2 ด้วยรางวัลถึง 7 หมวดหมู่ในฤดูหนาวปี 2026 ทั้งตำแหน่ง Leader และ Momentum Leader รวมถึงการเป็นผู้นำในภูมิภาคยุโรป เอเชีย และเอเชียแปซิฟิก รางวัลเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ใช้ทั่วโลกที่เลือก INE เพื่อพัฒนาทักษะด้านเทคนิคและความปลอดภัยไซเบอร์ หลายรีวิวชื่นชมว่าคอร์สของ INE สามารถนำไปใช้จริงในงานได้ทันที และใบรับรองจาก INE ก็ได้รับการยอมรับในวงการ ถือเป็นการตอกย้ำบทบาทของ INE ในการสร้างบุคลากรด้าน IT ที่มีคุณภาพ
    https://securityonline.info/ine-earns-g2-winter-2026-badges-across-global-markets

    SpaceX เตรียมทดสอบจรวด Starship ครั้งใหม่
    SpaceX กำลังวางแผนทดสอบการบินของจรวด Starship อีกครั้ง โดยครั้งนี้ตั้งเป้าให้การปล่อยและการลงจอดเป็นไปอย่างสมบูรณ์ หลังจากที่การทดสอบก่อนหน้านี้มีทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว จุดเด่นของ Starship คือการออกแบบให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการเดินทางสู่อวกาศอย่างมหาศาล Elon Musk ยังย้ำว่าเป้าหมายสูงสุดคือการใช้ Starship พามนุษย์ไปตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคาร การทดสอบครั้งนี้จึงถูกจับตามองจากทั้งนักวิทยาศาสตร์และผู้สนใจอวกาศทั่วโลก
    https://securityonline.info/spacex-prepares-next-starship-test-flight

    Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่พร้อมฟีเจอร์ AI
    Apple ได้เปิดตัว iPhone รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมการผสานเทคโนโลยี AI เข้ามาในหลายฟังก์ชัน เช่น การปรับแต่งภาพถ่ายอัตโนมัติ, การช่วยเขียนข้อความ และการจัดการงานประจำวันด้วย Siri ที่ฉลาดขึ้น จุดขายสำคัญคือการทำงานแบบ On-device AI ที่ไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังคลาวด์ ทำให้ผู้ใช้มั่นใจเรื่องความเป็นส่วนตัวมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพแบตเตอรี่และกล้องที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ iPhone รุ่นใหม่นี้ถูกคาดหวังว่าจะเป็นมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม
    https://securityonline.info/apple-launches-new-iphone-with-ai-features

    Microsoft เปิดตัว Copilot เวอร์ชันใหม่สำหรับธุรกิจ
    Microsoft ได้เปิดตัว Copilot เวอร์ชันล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อช่วยองค์กรทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผสานเข้ากับแอปพลิเคชันหลักอย่าง Word, Excel และ Teams จุดเด่นคือการใช้ AI ช่วยสรุปข้อมูล, สร้างรายงาน และตอบคำถามจากฐานข้อมูลภายในองค์กรได้ทันที ทำให้พนักงานสามารถโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น Copilot ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่สอดคล้องกับมาตรฐานองค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลสำคัญจะไม่รั่วไหล
    https://securityonline.info/microsoft-unveils-new-copilot-for-business

    เกมใหม่จาก Ubisoft ใช้ AI สร้างโลกเสมือนจริง
    Ubisoft ได้ประกาศเปิดตัวเกมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการสร้างโลกเสมือนจริงแบบไดนามิก ทำให้ผู้เล่นได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละครั้งที่เล่น ตัวละคร NPC สามารถตอบสนองต่อผู้เล่นได้อย่างสมจริงและมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ นี่ถือเป็นการยกระดับวงการเกมที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ของนักพัฒนาเข้ากับพลังของ AI เพื่อสร้างโลกที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความท้าทาย
    https://securityonline.info/ubisoft-announces-ai-powered-game

    Meta เปิดตัวเครื่องมือ AI สำหรับนักข่าว
    Meta ได้เปิดตัวเครื่องมือ AI ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักข่าวในการค้นหาข้อมูล, ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเขียนบทความได้รวดเร็วขึ้น เครื่องมือนี้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งพร้อมกันและสรุปออกมาเป็นประเด็นสำคัญ ทำให้นักข่าวสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพและลดเวลาในการตรวจสอบข่าวปลอม นอกจากนี้ Meta ยังย้ำว่าจะมีระบบตรวจสอบเพื่อป้องกันการใช้ AI ในการสร้างข่าวปลอมเอง ถือเป็นการพยายามสร้างความเชื่อมั่นในวงการสื่อ
    https://securityonline.info/meta-launches-ai-tools-for-journalists

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน D-Link และ Array Networks
    หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ที่ถูกโจมตีจริงในอุปกรณ์เครือข่ายสองค่ายใหญ่ คือเร้าเตอร์รุ่นเก่าของ D-Link และระบบ Array Networks ที่ใช้งานในญี่ปุ่น ช่องโหว่แรกเป็น Buffer Overflow ที่ไม่มีการอัปเดตแก้ไขเพราะอุปกรณ์หมดอายุการสนับสนุนแล้ว ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบเปลี่ยนเครื่องใหม่ ส่วนช่องโหว่ที่สองคือการ Inject คำสั่งใน ArrayOS ซึ่งแฮกเกอร์ใช้วาง backdoor และ webshell เพื่อควบคุมระบบจากระยะไกล หน่วยงาน JPCERT ของญี่ปุ่นยืนยันว่ามีการโจมตีจริงตั้งแต่เดือนสิงหาคม และแนะนำให้ผู้ดูแลรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่หรือปิดฟีเจอร์ Desktop Direct เพื่อป้องกันภัย
    https://securityonline.info/cisa-kev-alert-eol-d-link-and-array-networks-command-injection-under-active-attack

    Samsung พลิกฟื้นโรงงานผลิตชิป 4nm
    หลังจากเจอปัญหาผลิตชิปไม่คงที่จนเสียลูกค้ารายใหญ่ไป Samsung Foundry เริ่มกลับมามีความหวังอีกครั้ง เมื่อสามารถยกระดับอัตราการผลิตชิป 4nm ให้ได้ผลสำเร็จถึง 60–70% และคว้าออเดอร์ใหญ่จากสตาร์ทอัพ AI สัญชาติอเมริกัน Tsavorite มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ สัญญานี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าซัมซุงยังมีศักยภาพแข่งขันกับ TSMC ได้ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยี 2nm ที่เตรียมใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Galaxy S26 อีกด้วย
    https://securityonline.info/samsung-foundry-hits-60-4nm-yield-secures-100m-ai-chip-order-from-tsavorite

    โค้ดโฆษณาในแอป ChatGPT Android จุดกระแสถกเถียง
    นักพัฒนาพบโค้ดที่ดูเหมือนระบบโฆษณาในแอป ChatGPT เวอร์ชันทดสอบบน Android ทำให้เกิดการคาดเดาว่า OpenAI อาจเตรียมใส่โฆษณาในบริการ แต่ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ OpenAI รีบออกมาปฏิเสธทันทีว่าบริษัทไม่ได้ทดสอบฟีเจอร์โฆษณาในตอนนี้ อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้ปิดโอกาสในอนาคต โดยย้ำว่าหากมีการนำโฆษณามาใช้จริง จะทำด้วยความระมัดระวังเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของผู้ใช้ เนื่องจาก ChatGPT มีผู้ใช้งานมหาศาลกว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์
    https://securityonline.info/ad-code-found-in-chatgpt-android-build-openai-denies-current-advertising-tests

    AI จับได้ GhostPenguin มัลแวร์ลินุกซ์สุดลึกลับ
    นักวิจัยจาก Trend Micro ใช้ระบบ AI ตรวจจับพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ GhostPenguin ที่ซ่อนตัวอยู่ในระบบลินุกซ์โดยไม่ถูกตรวจจับนานหลายเดือน มัลแวร์นี้เขียนด้วย C++ มีความสามารถสูงในการควบคุมเครื่องจากระยะไกลผ่านการสื่อสารแบบ UDP ที่เข้ารหัสด้วย RC5 ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ จุดเด่นคือการทำงานแบบหลายเธรด ทำให้มัลแวร์ยังคงตอบสนองแม้บางส่วนของโค้ดหยุดทำงาน การค้นพบนี้ตอกย้ำว่าการใช้ AI ในการล่ามัลแวร์เป็นสิ่งจำเป็นในยุคที่ภัยไซเบอร์ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
    https://securityonline.info/ai-uncovers-ghostpenguin-undetectable-linux-backdoor-used-rc5-encrypted-udp-for-covert-c2

    Shanya Crypter เครื่องมือใหม่ของแก๊งแรนซัมแวร์
    Sophos รายงานการพบเครื่องมือใหม่ชื่อ Shanya Crypter ซึ่งเป็นบริการ “packer-as-a-service” ที่ช่วยให้กลุ่มแรนซัมแวร์สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือนี้ใช้เทคนิคซับซ้อน เช่น การซ่อนโค้ดใน DLL ของระบบ Windows และการใช้ driver ที่มีช่องโหว่เพื่อฆ่าโปรแกรมป้องกัน (EDR Killer) ก่อนปล่อยแรนซัมแวร์เข้ามาโจมตี ทำให้การป้องกันยากขึ้นมาก กลุ่ม Akira, Medusa และ Qilin ถูกระบุว่าเป็นผู้ใช้งานหลักของเครื่องมือนี้ และมีการแพร่กระจายไปหลายประเทศแล้ว
    https://securityonline.info/shanya-crypter-is-the-new-ransomware-toolkit-uses-kernel-driver-abuse-to-kill-edr

    Microsoft เปิดตัว Copilot+ PC
    ไมโครซอฟท์ประกาศเปิดตัวคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่เรียกว่า Copilot+ PC ซึ่งมาพร้อมชิป Snapdragon X Elite และ X Plus ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ จุดเด่นคือความสามารถในการทำงานแบบ “AI on-device” เช่น ฟีเจอร์ Recall ที่ช่วยค้นหาสิ่งที่เคยทำบนเครื่องได้เหมือนย้อนเวลา และการใช้ Copilot ในการสร้างภาพหรือข้อความได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ถือเป็นการยกระดับ Windows ให้เข้าสู่ยุคใหม่ที่ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้งานประจำวัน
    https://securityonline.info/microsoft-unveils-copilot-pc-powered-by-snapdragon-x-elite-and-x-plus

    Google DeepMind เปิดตัว AlphaFold 3
    DeepMind เปิดตัว AlphaFold 3 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ของโมเดล AI ที่ใช้ทำนายโครงสร้างโมเลกุลและปฏิสัมพันธ์ทางชีววิทยาได้แม่นยำยิ่งขึ้น จากเดิมที่ AlphaFold 2 สร้างความฮือฮาในการทำนายโครงสร้างโปรตีน ตอนนี้ AlphaFold 3 ก้าวไปอีกขั้นด้วยการจำลองการทำงานของ DNA, RNA และโมเลกุลขนาดเล็กที่ซับซ้อนมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจะช่วยเร่งการค้นคว้ายาใหม่และการวิจัยทางการแพทย์ได้อย่างมหาศาล
    https://securityonline.info/google-deepmind-launches-alphafold-3-ai-model-for-molecular-science

    SpaceX ส่งดาวเทียม Starlink รุ่นใหม่
    SpaceX ประสบความสำเร็จในการปล่อยดาวเทียม Starlink รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เร็วกว่าเดิม ดาวเทียมรุ่นนี้ถูกออกแบบให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นและสามารถให้บริการในพื้นที่ห่างไกลได้ดีกว่าเดิม การปล่อยครั้งนี้ยังตอกย้ำความตั้งใจของ SpaceX ที่จะขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วโลกให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
    https://securityonline.info/spacex-launches-next-gen-starlink-satellites-for-faster-global-internet

    Sony เปิดตัว PlayStation 5 Pro
    Sony เปิดตัวเครื่องเล่นเกม PlayStation 5 Pro ที่มาพร้อมประสิทธิภาพกราฟิกสูงขึ้น รองรับการเล่นเกม 8K และมีระบบ Ray Tracing ที่สมจริงกว่าเดิม จุดขายคือการใช้ชิปใหม่ที่ทำให้เฟรมเรตเสถียรขึ้นแม้ในเกมที่ใช้กราฟิกหนักๆ นักวิเคราะห์เชื่อว่า PS5 Pro จะช่วยดึงดูดนักเล่นเกมที่ต้องการประสบการณ์ภาพสมจริงและเป็นการต่อยอดความสำเร็จของ PS5 รุ่นปัจจุบัน
    https://securityonline.info/sony-unveils-playstation-5-pro-with-8k-gaming-and-ray-tracing

    WHO เตือนการระบาดของโรคใหม่
    องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับการระบาดของโรคใหม่ที่มีลักษณะคล้ายไข้หวัดใหญ่แต่แพร่กระจายเร็วกว่า โดยพบผู้ติดเชื้อในหลายประเทศแล้ว และกำลังเร่งตรวจสอบสายพันธุ์เพื่อหาวิธีควบคุมการแพร่ระบาด WHO แนะนำให้ประเทศต่างๆ เตรียมมาตรการรับมือและเพิ่มการตรวจสอบในสนามบินและด่านชายแดนเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/who-issues-warning-on-new-fast-spreading-flu-like-disease
    📌🔐🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷🔐📌 #รวมข่าวIT #20251209 #securityonline 🔐 ช่องโหว่ Bluetooth เสี่ยงทำรถอัจฉริยะและ Wear OS ค้าง เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ในระบบ Bluetooth ที่อาจทำให้เกิดการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ส่งผลให้รถยนต์อัจฉริยะและอุปกรณ์ Wear OS เกิดการค้างหรือหยุดทำงานได้ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในรหัส CVE-2025-48593 และมีการเผยแพร่ PoC (Proof of Concept) แล้ว ซึ่งหมายความว่ามีตัวอย่างการโจมตีที่สามารถนำไปใช้จริงได้ แม้รายงานฉบับเต็มจะเปิดให้เฉพาะผู้สนับสนุน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือความเสี่ยงที่ผู้ใช้รถยนต์และอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะต้องเผชิญ หากไม่ได้รับการอัปเดตแก้ไขอย่างทันท่วงที 🔗 https://securityonline.info/poc-available-bluetooth-flaw-risks-dos-crash-on-smart-cars-and-wear-os 💻 ช่องโหว่ร้ายแรงใน Duc Disk Tool เสี่ยงข้อมูลรั่วและระบบล่ม มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในเครื่องมือ Duc ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ใช้สำหรับตรวจสอบและแสดงผลการใช้งานดิสก์บนระบบ Linux ช่องโหว่นี้คือ CVE-2025-13654 เกิดจาก integer underflow ในฟังก์ชัน buffer_get ที่ทำให้เกิด buffer overflow ได้ หากผู้โจมตีส่งข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเจาะจง จะสามารถทำให้โปรแกรมล่ม (DoS) หรือดึงข้อมูลจากหน่วยความจำที่ไม่ควรถูกเข้าถึงได้ ปัญหานี้กระทบต่อทุกเวอร์ชันก่อน 1.4.6 และทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว ผู้ใช้ควรรีบอัปเดตเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/high-severity-duc-disk-tool-flaw-cve-2025-13654-risks-dos-and-information-leak-via-integer-underflow 📱 มัลแวร์ SeedSnatcher บน Android ล่าขโมย Seed Phrase ของผู้ใช้คริปโต มัลแวร์ใหม่ชื่อว่า “SeedSnatcher” กำลังแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ใช้คริปโต โดยมันปลอมตัวเป็นแอปกระเป๋าเงินชื่อ “Coin” และถูกเผยแพร่ผ่าน Telegram และโซเชียลต่าง ๆ เมื่อผู้ใช้ติดตั้ง มัลแวร์จะสร้างหน้าจอหลอกเลียนแบบกระเป๋าเงินยอดนิยม เช่น MetaMask หรือ Trust Wallet เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอก seed phrase จากนั้นมันจะตรวจสอบคำที่กรอกด้วย wordlist ของ BIP 39 เพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้อง ก่อนส่งข้อมูลไปยังผู้โจมตี นอกจากนี้ยังสามารถดักจับ SMS, ข้อมูลติดต่อ, บันทึกการโทร และสั่งการเครื่องจากระยะไกลได้ หลักฐานบ่งชี้ว่ากลุ่มผู้โจมตีมีการจัดการแบบมืออาชีพและมีต้นทางจากจีนหรือผู้พูดภาษาจีน 🔗 https://securityonline.info/seedsnatcher-android-malware-targets-crypto-users-using-overlay-phishing-and-bip-39-validation-to-steal-seed-phrases 🤖 Meta ปรับปรุงระบบช่วยเหลือด้วย AI Assistant และ Recovery Hub ใหม่ Meta ยอมรับว่าระบบช่วยเหลือผู้ใช้ Facebook และ Instagram ที่ผ่านมา “ล้มเหลว” จนผู้ใช้จำนวนมากต้องหาทางแก้ไขด้วยตัวเองหรือแม้กระทั่งฟ้องร้อง ล่าสุดบริษัทประกาศเปิดตัว Support Hub ใหม่ที่รวมทุกเครื่องมือช่วยเหลือไว้ในที่เดียว พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ AI Chat ให้ผู้ใช้สอบถามปัญหาได้ทันที อีกทั้งยังมี AI Assistant ที่ช่วยในกระบวนการกู้คืนบัญชี เช่น การตรวจจับอุปกรณ์ที่ใช้บ่อย และการยืนยันตัวตนด้วยวิดีโอเซลฟี่ Meta ระบุว่าการปรับปรุงนี้ทำให้อัตราการกู้คืนบัญชีที่ถูกแฮ็กในสหรัฐฯ และแคนาดาเพิ่มขึ้นกว่า 30% อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้ไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้เลย การเข้าถึง Support Hub ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ และการติดต่อเจ้าหน้าที่จริงยังคงต้องพึ่งบริการแบบเสียเงิน 🔗 https://securityonline.info/meta-fixes-broken-support-rolling-out-ai-assistants-and-new-recovery-hubs ⚠️ EU ปรับ X €120 ล้าน ฐานละเมิด DSA ด้วยการตรวจสอบ Blue Check ที่หลอกลวง สหภาพยุโรปได้สั่งปรับแพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) เป็นเงิน 120 ล้านยูโร เนื่องจากละเมิดกฎหมาย Digital Services Act (DSA) โดยเฉพาะการตรวจสอบบัญชีด้วย Blue Check ที่ถูกมองว่า “หลอกลวง” ระบบดังกล่าวทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าบัญชีที่จ่ายเงินเพื่อรับเครื่องหมายนี้เป็นบัญชีที่ได้รับการตรวจสอบจริง ทั้งที่ไม่ได้มีการตรวจสอบตัวตนอย่างเข้มงวด EU จึงมองว่าเป็นการให้ข้อมูลที่ไม่โปร่งใสและเป็นการละเมิดกฎหมาย การปรับครั้งนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของ EU ในการบังคับใช้ DSA และอาจเป็นสัญญาณเตือนให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ ต้องระมัดระวังมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/eu-fines-x-e120-million-for-dsa-violation-over-deceptive-blue-check-verification 🏰 CastleRAT มัลแวร์ใหม่ใช้ Steam เป็นช่องทางซ่อนตัว มีการค้นพบมัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ CastleRAT ที่ถูกออกแบบมาให้แอบแฝงเข้าไปในระบบองค์กรเพื่อขโมยข้อมูลและควบคุมเครื่องจากระยะไกล จุดที่น่ากังวลคือเวอร์ชันที่ถูกเขียนด้วยภาษา C ซึ่งมีความสามารถซ่อนตัวได้แนบเนียนกว่าเวอร์ชัน Python และยังทำได้หลายอย่าง เช่น ดักจับการพิมพ์, แอบถ่ายหน้าจอ, ขโมยข้อมูลจาก clipboard รวมถึงการควบคุมเบราว์เซอร์โดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว ที่สำคัญ CastleRAT ยังใช้หน้า Community ของ Steam เป็นที่ซ่อนคำสั่ง ทำให้การสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมดูเหมือนการใช้งานปกติ ปัจจุบันนักวิจัยได้ออกแนวทางตรวจจับเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันภัยนี้ได้ 🔗 https://securityonline.info/sophisticated-castlerat-backdoor-uses-steam-community-pages-as-covert-c2-resolver-for-espionage 💀 LockBit 5.0 กลับมาอีกครั้งพร้อมความร้ายแรงกว่าเดิม หลังจากที่ปฏิบัติการ Cronos เคยทำให้กลุ่ม LockBit ถูกปราบไปเมื่อปี 2024 หลายคนคิดว่าภัยนี้จบแล้ว แต่ล่าสุด LockBit ได้กลับมาในเวอร์ชันใหม่ชื่อ LockBit 5.0 ที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม จุดเด่นคือสามารถทำงานได้หลายแพลตฟอร์ม ทั้ง Windows, Linux และ VMware ESXi พร้อมโหมดล่องหนที่เข้ารหัสไฟล์โดยไม่ทิ้งร่องรอย และโหมดลบข้อมูลถาวรที่ทำให้การกู้คืนแทบเป็นไปไม่ได้ ที่น่ากลัวคือมันยังปิดการทำงานของระบบ Event Tracing ของ Windows ทำให้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยมองไม่เห็นการโจมตี การกลับมาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มอาชญากรไซเบอร์ยังคงพัฒนาไม่หยุดและองค์กรต้องเตรียมรับมืออย่างจริงจัง 🔗 https://securityonline.info/lockbit-5-0-resurfaces-stronger-new-variant-blinds-defenders-by-disabling-windows-etw-for-stealth-encryption 🖥️ Windows 11 เพิ่มตัวเลือกปิดเมนู AI ใน File Explorer ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนบ่นว่าการคลิกขวาไฟล์รูปภาพแล้วเจอเมนู AI มากมาย เช่น การค้นหาด้วย Bing หรือการแก้ไขด้วย Paint, Photos ทำให้เมนูรกและใช้งานไม่สะดวก ล่าสุด Microsoft ได้เพิ่มตัวเลือกใหม่ใน Build 26220.7344 ที่ให้ผู้ใช้สามารถปิดการแสดงเมนู AI ได้ทั้งหมด แม้จะยังไม่สามารถซ่อน shortcut ที่อยู่ด้านล่างเมนูได้ แต่ก็ถือเป็นการตอบรับเสียงเรียกร้องจากผู้ใช้ที่อยากได้เมนูที่เรียบง่ายขึ้น ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในเวอร์ชันทดสอบและจะทยอยปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/ai-clutter-solved-windows-11-adds-setting-to-disable-ai-actions-in-file-explorer-menu ⚖️ ศาลสหรัฐจำกัดสัญญา Default Search ของ Google เหลือ 1 ปี จากคดีฟ้องร้องผูกขาดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐต่อ Google ล่าสุดผู้พิพากษา Amit Mehta ได้ออกคำสั่งใหม่ที่บังคับให้สัญญาที่ Google ทำกับผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อให้บริการค้นหาของตนเป็นค่าเริ่มต้น ต้องมีอายุไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น เดิมที Google มักทำสัญญาระยะยาว เช่น ดีลกับ Apple ที่ทำให้ Google Search เป็นค่าเริ่มต้นบน iPhone การจำกัดสัญญาเหลือปีต่อปีจะเปิดโอกาสให้คู่แข่งอย่าง Bing หรือ DuckDuckGo มีสิทธิ์เข้ามาแข่งขันมากขึ้น ถือเป็นการแก้ปัญหาผูกขาดโดยไม่ต้องบังคับให้ Google แยกธุรกิจ Chrome ออกไป 🔗 https://securityonline.info/google-antitrust-remedy-judge-limits-default-search-contracts-to-one-year-term 🎓 INE ได้รับรางวัล G2 Winter 2026 หลายสาขา แพลตฟอร์มฝึกอบรมด้าน IT และ Cybersecurity อย่าง INE ได้รับการยอมรับจาก G2 ด้วยรางวัลถึง 7 หมวดหมู่ในฤดูหนาวปี 2026 ทั้งตำแหน่ง Leader และ Momentum Leader รวมถึงการเป็นผู้นำในภูมิภาคยุโรป เอเชีย และเอเชียแปซิฟิก รางวัลเหล่านี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ใช้ทั่วโลกที่เลือก INE เพื่อพัฒนาทักษะด้านเทคนิคและความปลอดภัยไซเบอร์ หลายรีวิวชื่นชมว่าคอร์สของ INE สามารถนำไปใช้จริงในงานได้ทันที และใบรับรองจาก INE ก็ได้รับการยอมรับในวงการ ถือเป็นการตอกย้ำบทบาทของ INE ในการสร้างบุคลากรด้าน IT ที่มีคุณภาพ 🔗 https://securityonline.info/ine-earns-g2-winter-2026-badges-across-global-markets 🚀 SpaceX เตรียมทดสอบจรวด Starship ครั้งใหม่ SpaceX กำลังวางแผนทดสอบการบินของจรวด Starship อีกครั้ง โดยครั้งนี้ตั้งเป้าให้การปล่อยและการลงจอดเป็นไปอย่างสมบูรณ์ หลังจากที่การทดสอบก่อนหน้านี้มีทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว จุดเด่นของ Starship คือการออกแบบให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการเดินทางสู่อวกาศอย่างมหาศาล Elon Musk ยังย้ำว่าเป้าหมายสูงสุดคือการใช้ Starship พามนุษย์ไปตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคาร การทดสอบครั้งนี้จึงถูกจับตามองจากทั้งนักวิทยาศาสตร์และผู้สนใจอวกาศทั่วโลก 🔗 https://securityonline.info/spacex-prepares-next-starship-test-flight 📱 Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่พร้อมฟีเจอร์ AI Apple ได้เปิดตัว iPhone รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมการผสานเทคโนโลยี AI เข้ามาในหลายฟังก์ชัน เช่น การปรับแต่งภาพถ่ายอัตโนมัติ, การช่วยเขียนข้อความ และการจัดการงานประจำวันด้วย Siri ที่ฉลาดขึ้น จุดขายสำคัญคือการทำงานแบบ On-device AI ที่ไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังคลาวด์ ทำให้ผู้ใช้มั่นใจเรื่องความเป็นส่วนตัวมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพแบตเตอรี่และกล้องที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ iPhone รุ่นใหม่นี้ถูกคาดหวังว่าจะเป็นมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม 🔗 https://securityonline.info/apple-launches-new-iphone-with-ai-features 🌐 Microsoft เปิดตัว Copilot เวอร์ชันใหม่สำหรับธุรกิจ Microsoft ได้เปิดตัว Copilot เวอร์ชันล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อช่วยองค์กรทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผสานเข้ากับแอปพลิเคชันหลักอย่าง Word, Excel และ Teams จุดเด่นคือการใช้ AI ช่วยสรุปข้อมูล, สร้างรายงาน และตอบคำถามจากฐานข้อมูลภายในองค์กรได้ทันที ทำให้พนักงานสามารถโฟกัสกับงานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น Copilot ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่สอดคล้องกับมาตรฐานองค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลสำคัญจะไม่รั่วไหล 🔗 https://securityonline.info/microsoft-unveils-new-copilot-for-business 🎮 เกมใหม่จาก Ubisoft ใช้ AI สร้างโลกเสมือนจริง Ubisoft ได้ประกาศเปิดตัวเกมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการสร้างโลกเสมือนจริงแบบไดนามิก ทำให้ผู้เล่นได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละครั้งที่เล่น ตัวละคร NPC สามารถตอบสนองต่อผู้เล่นได้อย่างสมจริงและมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ นี่ถือเป็นการยกระดับวงการเกมที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ของนักพัฒนาเข้ากับพลังของ AI เพื่อสร้างโลกที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความท้าทาย 🔗 https://securityonline.info/ubisoft-announces-ai-powered-game 📰 Meta เปิดตัวเครื่องมือ AI สำหรับนักข่าว Meta ได้เปิดตัวเครื่องมือ AI ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักข่าวในการค้นหาข้อมูล, ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเขียนบทความได้รวดเร็วขึ้น เครื่องมือนี้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งพร้อมกันและสรุปออกมาเป็นประเด็นสำคัญ ทำให้นักข่าวสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพและลดเวลาในการตรวจสอบข่าวปลอม นอกจากนี้ Meta ยังย้ำว่าจะมีระบบตรวจสอบเพื่อป้องกันการใช้ AI ในการสร้างข่าวปลอมเอง ถือเป็นการพยายามสร้างความเชื่อมั่นในวงการสื่อ 🔗 https://securityonline.info/meta-launches-ai-tools-for-journalists 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน D-Link และ Array Networks หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ที่ถูกโจมตีจริงในอุปกรณ์เครือข่ายสองค่ายใหญ่ คือเร้าเตอร์รุ่นเก่าของ D-Link และระบบ Array Networks ที่ใช้งานในญี่ปุ่น ช่องโหว่แรกเป็น Buffer Overflow ที่ไม่มีการอัปเดตแก้ไขเพราะอุปกรณ์หมดอายุการสนับสนุนแล้ว ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบเปลี่ยนเครื่องใหม่ ส่วนช่องโหว่ที่สองคือการ Inject คำสั่งใน ArrayOS ซึ่งแฮกเกอร์ใช้วาง backdoor และ webshell เพื่อควบคุมระบบจากระยะไกล หน่วยงาน JPCERT ของญี่ปุ่นยืนยันว่ามีการโจมตีจริงตั้งแต่เดือนสิงหาคม และแนะนำให้ผู้ดูแลรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่หรือปิดฟีเจอร์ Desktop Direct เพื่อป้องกันภัย 🔗 https://securityonline.info/cisa-kev-alert-eol-d-link-and-array-networks-command-injection-under-active-attack ⚙️ Samsung พลิกฟื้นโรงงานผลิตชิป 4nm หลังจากเจอปัญหาผลิตชิปไม่คงที่จนเสียลูกค้ารายใหญ่ไป Samsung Foundry เริ่มกลับมามีความหวังอีกครั้ง เมื่อสามารถยกระดับอัตราการผลิตชิป 4nm ให้ได้ผลสำเร็จถึง 60–70% และคว้าออเดอร์ใหญ่จากสตาร์ทอัพ AI สัญชาติอเมริกัน Tsavorite มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ สัญญานี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าซัมซุงยังมีศักยภาพแข่งขันกับ TSMC ได้ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยี 2nm ที่เตรียมใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Galaxy S26 อีกด้วย 🔗 https://securityonline.info/samsung-foundry-hits-60-4nm-yield-secures-100m-ai-chip-order-from-tsavorite 📱 โค้ดโฆษณาในแอป ChatGPT Android จุดกระแสถกเถียง นักพัฒนาพบโค้ดที่ดูเหมือนระบบโฆษณาในแอป ChatGPT เวอร์ชันทดสอบบน Android ทำให้เกิดการคาดเดาว่า OpenAI อาจเตรียมใส่โฆษณาในบริการ แต่ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของ OpenAI รีบออกมาปฏิเสธทันทีว่าบริษัทไม่ได้ทดสอบฟีเจอร์โฆษณาในตอนนี้ อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้ปิดโอกาสในอนาคต โดยย้ำว่าหากมีการนำโฆษณามาใช้จริง จะทำด้วยความระมัดระวังเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของผู้ใช้ เนื่องจาก ChatGPT มีผู้ใช้งานมหาศาลกว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ 🔗 https://securityonline.info/ad-code-found-in-chatgpt-android-build-openai-denies-current-advertising-tests 🐧 AI จับได้ GhostPenguin มัลแวร์ลินุกซ์สุดลึกลับ นักวิจัยจาก Trend Micro ใช้ระบบ AI ตรวจจับพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ GhostPenguin ที่ซ่อนตัวอยู่ในระบบลินุกซ์โดยไม่ถูกตรวจจับนานหลายเดือน มัลแวร์นี้เขียนด้วย C++ มีความสามารถสูงในการควบคุมเครื่องจากระยะไกลผ่านการสื่อสารแบบ UDP ที่เข้ารหัสด้วย RC5 ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ จุดเด่นคือการทำงานแบบหลายเธรด ทำให้มัลแวร์ยังคงตอบสนองแม้บางส่วนของโค้ดหยุดทำงาน การค้นพบนี้ตอกย้ำว่าการใช้ AI ในการล่ามัลแวร์เป็นสิ่งจำเป็นในยุคที่ภัยไซเบอร์ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ 🔗 https://securityonline.info/ai-uncovers-ghostpenguin-undetectable-linux-backdoor-used-rc5-encrypted-udp-for-covert-c2 💻 Shanya Crypter เครื่องมือใหม่ของแก๊งแรนซัมแวร์ Sophos รายงานการพบเครื่องมือใหม่ชื่อ Shanya Crypter ซึ่งเป็นบริการ “packer-as-a-service” ที่ช่วยให้กลุ่มแรนซัมแวร์สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือนี้ใช้เทคนิคซับซ้อน เช่น การซ่อนโค้ดใน DLL ของระบบ Windows และการใช้ driver ที่มีช่องโหว่เพื่อฆ่าโปรแกรมป้องกัน (EDR Killer) ก่อนปล่อยแรนซัมแวร์เข้ามาโจมตี ทำให้การป้องกันยากขึ้นมาก กลุ่ม Akira, Medusa และ Qilin ถูกระบุว่าเป็นผู้ใช้งานหลักของเครื่องมือนี้ และมีการแพร่กระจายไปหลายประเทศแล้ว 🔗 https://securityonline.info/shanya-crypter-is-the-new-ransomware-toolkit-uses-kernel-driver-abuse-to-kill-edr 🌐 Microsoft เปิดตัว Copilot+ PC ไมโครซอฟท์ประกาศเปิดตัวคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่เรียกว่า Copilot+ PC ซึ่งมาพร้อมชิป Snapdragon X Elite และ X Plus ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ จุดเด่นคือความสามารถในการทำงานแบบ “AI on-device” เช่น ฟีเจอร์ Recall ที่ช่วยค้นหาสิ่งที่เคยทำบนเครื่องได้เหมือนย้อนเวลา และการใช้ Copilot ในการสร้างภาพหรือข้อความได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ ถือเป็นการยกระดับ Windows ให้เข้าสู่ยุคใหม่ที่ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้งานประจำวัน 🔗 https://securityonline.info/microsoft-unveils-copilot-pc-powered-by-snapdragon-x-elite-and-x-plus 🧬 Google DeepMind เปิดตัว AlphaFold 3 DeepMind เปิดตัว AlphaFold 3 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ของโมเดล AI ที่ใช้ทำนายโครงสร้างโมเลกุลและปฏิสัมพันธ์ทางชีววิทยาได้แม่นยำยิ่งขึ้น จากเดิมที่ AlphaFold 2 สร้างความฮือฮาในการทำนายโครงสร้างโปรตีน ตอนนี้ AlphaFold 3 ก้าวไปอีกขั้นด้วยการจำลองการทำงานของ DNA, RNA และโมเลกุลขนาดเล็กที่ซับซ้อนมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจะช่วยเร่งการค้นคว้ายาใหม่และการวิจัยทางการแพทย์ได้อย่างมหาศาล 🔗 https://securityonline.info/google-deepmind-launches-alphafold-3-ai-model-for-molecular-science 🚀 SpaceX ส่งดาวเทียม Starlink รุ่นใหม่ SpaceX ประสบความสำเร็จในการปล่อยดาวเทียม Starlink รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เร็วกว่าเดิม ดาวเทียมรุ่นนี้ถูกออกแบบให้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้นและสามารถให้บริการในพื้นที่ห่างไกลได้ดีกว่าเดิม การปล่อยครั้งนี้ยังตอกย้ำความตั้งใจของ SpaceX ที่จะขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วโลกให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ 🔗 https://securityonline.info/spacex-launches-next-gen-starlink-satellites-for-faster-global-internet 🎮 Sony เปิดตัว PlayStation 5 Pro Sony เปิดตัวเครื่องเล่นเกม PlayStation 5 Pro ที่มาพร้อมประสิทธิภาพกราฟิกสูงขึ้น รองรับการเล่นเกม 8K และมีระบบ Ray Tracing ที่สมจริงกว่าเดิม จุดขายคือการใช้ชิปใหม่ที่ทำให้เฟรมเรตเสถียรขึ้นแม้ในเกมที่ใช้กราฟิกหนักๆ นักวิเคราะห์เชื่อว่า PS5 Pro จะช่วยดึงดูดนักเล่นเกมที่ต้องการประสบการณ์ภาพสมจริงและเป็นการต่อยอดความสำเร็จของ PS5 รุ่นปัจจุบัน 🔗 https://securityonline.info/sony-unveils-playstation-5-pro-with-8k-gaming-and-ray-tracing 🏥 WHO เตือนการระบาดของโรคใหม่ องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับการระบาดของโรคใหม่ที่มีลักษณะคล้ายไข้หวัดใหญ่แต่แพร่กระจายเร็วกว่า โดยพบผู้ติดเชื้อในหลายประเทศแล้ว และกำลังเร่งตรวจสอบสายพันธุ์เพื่อหาวิธีควบคุมการแพร่ระบาด WHO แนะนำให้ประเทศต่างๆ เตรียมมาตรการรับมือและเพิ่มการตรวจสอบในสนามบินและด่านชายแดนเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/who-issues-warning-on-new-fast-spreading-flu-like-disease
    0 Comments 0 Shares 450 Views 0 Reviews
  • ดาวเทียม SWOT จับภาพสึนามิครั้งแรก เปลี่ยนความเข้าใจเรื่องคลื่นยักษ์

    เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2025 เกิดแผ่นดินไหวใต้น้ำขนาด 8.8 บริเวณคาบสมุทรคัมชัตกา ประเทศรัสเซีย ส่งผลให้เกิดสึนามิรุนแรงในมหาสมุทรแปซิฟิก โชคดีที่ดาวเทียม SWOT (Surface Water and Ocean Topography) ของ NASA และ CNES กำลังโคจรผ่านพอดี จึงสามารถบันทึกภาพความเคลื่อนไหวของคลื่นได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

    ภาพถ่ายที่ท้าทายทฤษฎีเดิม
    ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสึนามิเป็นคลื่นที่เคลื่อนที่แบบ non-dispersive คือเป็นแรงเดียวต่อเนื่อง แต่ข้อมูลจาก SWOT กลับแสดงให้เห็นว่า คลื่นหลักตามมาด้วย wavetrain หรือชุดคลื่นเล็ก ๆ ต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับโมเดล dispersive wave มากกว่า การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนวิธีการจำลองและพยากรณ์สึนามิในอนาคต

    ความหวังใหม่ในการเตือนภัย
    การที่ SWOT สามารถจับภาพสึนามิได้อย่างละเอียด ทำให้นักวิทยาศาสตร์มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาโมเดลการคาดการณ์ที่แม่นยำขึ้น ส่งผลให้ระบบเตือนภัยล่วงหน้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน Nadya Vinogradova Shiffer นักวิทยาศาสตร์ของ NASA กล่าวว่านี่คือ “การปลดล็อกฟิสิกส์ใหม่ และก้าวสู่การเตือนภัยที่แม่นยำและปลอดภัยกว่าเดิม”

    ความท้าทายของ NASA
    แม้จะมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ แต่ NASA กำลังเผชิญกับการลดงบประมาณครั้งใหญ่ถึง 47% ซึ่งอาจทำให้หลายภารกิจสำคัญถูกยกเลิก เช่น การสำรวจดาวอังคาร, กล้องโทรทรรศน์ใหม่สำหรับศึกษาหลุมดำและดาวเคราะห์นอกระบบ, รวมถึงโครงการศึกษาดาวศุกร์และดาวเคราะห์น้อยที่อาจชนโลกในปี 2029

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบครั้งสำคัญ
    SWOT จับภาพสึนามิครั้งแรกในโลก
    พบว่าคลื่นสึนามิเป็นแบบ dispersive มี wavetrain ต่อเนื่อง

    ผลต่อการวิจัยและเตือนภัย
    โมเดลใหม่ช่วยคาดการณ์แม่นยำขึ้น
    เพิ่มโอกาสเตือนภัยล่วงหน้า ลดความสูญเสีย

    ความท้าทายของ NASA
    เผชิญการลดงบประมาณ 47% จากรัฐบาล
    เสี่ยงต่อการถูกยกเลิกภารกิจสำคัญหลายโครงการ

    https://www.slashgear.com/2044447/nasa-swat-satellite-first-tsunami-images/
    🌊 ดาวเทียม SWOT จับภาพสึนามิครั้งแรก เปลี่ยนความเข้าใจเรื่องคลื่นยักษ์ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2025 เกิดแผ่นดินไหวใต้น้ำขนาด 8.8 บริเวณคาบสมุทรคัมชัตกา ประเทศรัสเซีย ส่งผลให้เกิดสึนามิรุนแรงในมหาสมุทรแปซิฟิก โชคดีที่ดาวเทียม SWOT (Surface Water and Ocean Topography) ของ NASA และ CNES กำลังโคจรผ่านพอดี จึงสามารถบันทึกภาพความเคลื่อนไหวของคลื่นได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 📡 ภาพถ่ายที่ท้าทายทฤษฎีเดิม ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสึนามิเป็นคลื่นที่เคลื่อนที่แบบ non-dispersive คือเป็นแรงเดียวต่อเนื่อง แต่ข้อมูลจาก SWOT กลับแสดงให้เห็นว่า คลื่นหลักตามมาด้วย wavetrain หรือชุดคลื่นเล็ก ๆ ต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับโมเดล dispersive wave มากกว่า การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนวิธีการจำลองและพยากรณ์สึนามิในอนาคต 🛡️ ความหวังใหม่ในการเตือนภัย การที่ SWOT สามารถจับภาพสึนามิได้อย่างละเอียด ทำให้นักวิทยาศาสตร์มั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาโมเดลการคาดการณ์ที่แม่นยำขึ้น ส่งผลให้ระบบเตือนภัยล่วงหน้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน Nadya Vinogradova Shiffer นักวิทยาศาสตร์ของ NASA กล่าวว่านี่คือ “การปลดล็อกฟิสิกส์ใหม่ และก้าวสู่การเตือนภัยที่แม่นยำและปลอดภัยกว่าเดิม” 🚀 ความท้าทายของ NASA แม้จะมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ แต่ NASA กำลังเผชิญกับการลดงบประมาณครั้งใหญ่ถึง 47% ซึ่งอาจทำให้หลายภารกิจสำคัญถูกยกเลิก เช่น การสำรวจดาวอังคาร, กล้องโทรทรรศน์ใหม่สำหรับศึกษาหลุมดำและดาวเคราะห์นอกระบบ, รวมถึงโครงการศึกษาดาวศุกร์และดาวเคราะห์น้อยที่อาจชนโลกในปี 2029 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบครั้งสำคัญ ➡️ SWOT จับภาพสึนามิครั้งแรกในโลก ➡️ พบว่าคลื่นสึนามิเป็นแบบ dispersive มี wavetrain ต่อเนื่อง ✅ ผลต่อการวิจัยและเตือนภัย ➡️ โมเดลใหม่ช่วยคาดการณ์แม่นยำขึ้น ➡️ เพิ่มโอกาสเตือนภัยล่วงหน้า ลดความสูญเสีย ‼️ ความท้าทายของ NASA ⛔ เผชิญการลดงบประมาณ 47% จากรัฐบาล ⛔ เสี่ยงต่อการถูกยกเลิกภารกิจสำคัญหลายโครงการ https://www.slashgear.com/2044447/nasa-swat-satellite-first-tsunami-images/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    New NASA Satellite Photos Could Change The Way We Understand Tsunamis - SlashGear
    The satellite that took the photos belongs to Surface Water and Ocean Topography (SWOT), a joint venture between NASA and the French space agency CNES.
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews
  • ทั้งบริเวณช่องอานม้า เนิน 677 ห้วยตามาเรีย พื้นที่คนา และปราสาทตาเมือนธม
    ขอส่งกำลังใจให้ทหารไทยทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประชาชนและอธิปไตย
    .
    BREAKING! Reports indicate heightened tension along multiple border areas —
    including Chong Ar Ma, Hill 677, Huai Ta Maria, Phueng Khana, and Prasat Ta Muen Thom.
    Our thoughts are with all Thai soldiers safeguarding the people and the nation’s sovereignty.
    .
    #news1 #news1live #TruthFromThailand #scambodia #Hunsenfiredfirst #CambodiaNoCeasefire #shorts #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #สันติภาพไม่มีอยู่จริง #ปกป้องอธิปไตย
    #กองทัพภาคที่2 #กองทัพไทย
    ทั้งบริเวณช่องอานม้า เนิน 677 ห้วยตามาเรีย พื้นที่คนา และปราสาทตาเมือนธม ขอส่งกำลังใจให้ทหารไทยทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประชาชนและอธิปไตย . BREAKING! Reports indicate heightened tension along multiple border areas — including Chong Ar Ma, Hill 677, Huai Ta Maria, Phueng Khana, and Prasat Ta Muen Thom. Our thoughts are with all Thai soldiers safeguarding the people and the nation’s sovereignty. . #news1 #news1live #TruthFromThailand #scambodia #Hunsenfiredfirst #CambodiaNoCeasefire #shorts #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #สันติภาพไม่มีอยู่จริง #ปกป้องอธิปไตย #กองทัพภาคที่2 #กองทัพไทย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 274 Views 0 Reviews
  • สหรัฐโชว์ภาพ 3D ฐานทัพเรือจีน คมชัดระดับ 50 ซม.

    บริษัทดาวเทียมสัญชาติสหรัฐชื่อ Vantor ได้เผยแพร่ภาพถ่ายความละเอียดสูงของฐานทัพเรือ Yulin Naval Base บนเกาะไห่หนาน ประเทศจีน โดยใช้ดาวเทียมเพียงหนึ่งครั้งในการบินผ่าน และสามารถประมวลผลเป็นภาพ 3D ได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 ชั่วโมง ความละเอียดของภาพอยู่ที่ 50 เซนติเมตรต่อพิกเซล และมีความแม่นยำเชิงพื้นที่ต่ำกว่า 4 เมตร ซึ่งคมชัดพอที่จะเห็นยานพาหนะบนพื้นดินได้อย่างชัดเจน

    สิ่งที่โดดเด่นคือการใช้ซอฟต์แวร์ Forge ของ Vantor ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสำรวจภาพในรูปแบบ 3D ได้เต็มรูปแบบ เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “ฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ที่เชื่อถือได้” สำหรับระบบสั่งการและแพลตฟอร์มอัตโนมัติ ทั้งในด้านการวางแผน การวิเคราะห์ และการฝึกซ้อมทางทหาร รวมถึงการใช้งานพลเรือน เช่น การวางผังเมืองและการตอบสนองต่อภัยพิบัติ

    การประมวลผลภาพดาวเทียมในอดีตอาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ แต่ด้วยการผสมผสาน AI และข้อมูลเชิงพื้นที่ที่แม่นยำ ทำให้ Vantor สามารถสร้าง “Digital Twin” ของพื้นที่จริงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมการใช้ข้อมูลดาวเทียมในยุคใหม่

    อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าด้านนี้ก็สร้างความกังวลในระดับนโยบาย โดยเฉพาะการใช้ ชิป AI จาก Nvidia และ AMD ที่มีศักยภาพในการใช้งานทั้งพลเรือนและทหาร ทำให้รัฐบาลสหรัฐบางส่วนระมัดระวังในการอนุญาตให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ เนื่องจากอาจถูกนำไปใช้ในด้านการทหารโดยตรง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ความสำเร็จของ Vantor
    สร้างภาพ 3D ความละเอียด 50 ซม. จากการบินผ่านเพียงครั้งเดียว
    ประมวลผลเสร็จภายใน 10 ชั่วโมง

    ซอฟต์แวร์ Forge
    ช่วยให้สำรวจภาพในรูปแบบ 3D ได้เต็มรูปแบบ
    ใช้เป็นฐานข้อมูลเชิงพื้นที่สำหรับการวางแผนและการฝึกซ้อม

    การประยุกต์ใช้งาน
    พลเรือน: การวางผังเมืองและการตอบสนองภัยพิบัติ
    ทหาร: การวิเคราะห์และการฝึกซ้อมเชิงยุทธศาสตร์

    ข้อกังวลด้านความมั่นคง
    เทคโนโลยี AI และชิปประมวลผลอาจถูกใช้ทั้งพลเรือนและทหาร
    รัฐบาลสหรัฐบางส่วนกังวลการเข้าถึงเทคโนโลยีโดยจีน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-navy-base-3d-imaged-to-50cm-resolution-in-single-satellite-pass-us-spatial-intelligence-firm-boasts-accurate-high-res-3d-terrain-map-took-just-10-hours-to-create
    🛰️ สหรัฐโชว์ภาพ 3D ฐานทัพเรือจีน คมชัดระดับ 50 ซม. บริษัทดาวเทียมสัญชาติสหรัฐชื่อ Vantor ได้เผยแพร่ภาพถ่ายความละเอียดสูงของฐานทัพเรือ Yulin Naval Base บนเกาะไห่หนาน ประเทศจีน โดยใช้ดาวเทียมเพียงหนึ่งครั้งในการบินผ่าน และสามารถประมวลผลเป็นภาพ 3D ได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 ชั่วโมง ความละเอียดของภาพอยู่ที่ 50 เซนติเมตรต่อพิกเซล และมีความแม่นยำเชิงพื้นที่ต่ำกว่า 4 เมตร ซึ่งคมชัดพอที่จะเห็นยานพาหนะบนพื้นดินได้อย่างชัดเจน สิ่งที่โดดเด่นคือการใช้ซอฟต์แวร์ Forge ของ Vantor ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสำรวจภาพในรูปแบบ 3D ได้เต็มรูปแบบ เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “ฐานข้อมูลเชิงพื้นที่ที่เชื่อถือได้” สำหรับระบบสั่งการและแพลตฟอร์มอัตโนมัติ ทั้งในด้านการวางแผน การวิเคราะห์ และการฝึกซ้อมทางทหาร รวมถึงการใช้งานพลเรือน เช่น การวางผังเมืองและการตอบสนองต่อภัยพิบัติ การประมวลผลภาพดาวเทียมในอดีตอาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ แต่ด้วยการผสมผสาน AI และข้อมูลเชิงพื้นที่ที่แม่นยำ ทำให้ Vantor สามารถสร้าง “Digital Twin” ของพื้นที่จริงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมการใช้ข้อมูลดาวเทียมในยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าด้านนี้ก็สร้างความกังวลในระดับนโยบาย โดยเฉพาะการใช้ ชิป AI จาก Nvidia และ AMD ที่มีศักยภาพในการใช้งานทั้งพลเรือนและทหาร ทำให้รัฐบาลสหรัฐบางส่วนระมัดระวังในการอนุญาตให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ เนื่องจากอาจถูกนำไปใช้ในด้านการทหารโดยตรง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ความสำเร็จของ Vantor ➡️ สร้างภาพ 3D ความละเอียด 50 ซม. จากการบินผ่านเพียงครั้งเดียว ➡️ ประมวลผลเสร็จภายใน 10 ชั่วโมง ✅ ซอฟต์แวร์ Forge ➡️ ช่วยให้สำรวจภาพในรูปแบบ 3D ได้เต็มรูปแบบ ➡️ ใช้เป็นฐานข้อมูลเชิงพื้นที่สำหรับการวางแผนและการฝึกซ้อม ✅ การประยุกต์ใช้งาน ➡️ พลเรือน: การวางผังเมืองและการตอบสนองภัยพิบัติ ➡️ ทหาร: การวิเคราะห์และการฝึกซ้อมเชิงยุทธศาสตร์ ‼️ ข้อกังวลด้านความมั่นคง ⛔ เทคโนโลยี AI และชิปประมวลผลอาจถูกใช้ทั้งพลเรือนและทหาร ⛔ รัฐบาลสหรัฐบางส่วนกังวลการเข้าถึงเทคโนโลยีโดยจีน https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinese-navy-base-3d-imaged-to-50cm-resolution-in-single-satellite-pass-us-spatial-intelligence-firm-boasts-accurate-high-res-3d-terrain-map-took-just-10-hours-to-create
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • These Synonyms For “I Mean” Will Help You Communicate Clearly

    I mean, we all know pepperoni pizza is best, right? I mean, come on! The only people who dislike pepperoni are those pineapple lovers who, I mean, wouldn’t know a good pizza if it fell on their head!

    While this example is admittedly a little silly, it shows how phrases like I mean can slip into sentences without really adding much to the conversation. There is certainly nothing wrong with that, but it can make your writing and speech a little less formal than you might have intended. So, what other options do we have? There are actually more than you might think!

    I mean and other filler words
    The phrase I mean is an example of what are known as filler words. Filler words, which go by many other names, are words and phrases that are used in sentences for reasons other than the literal meaning of the words themselves. Some other examples of filler words that are used similarly to I mean include you know, like, well, and just.

    Talking about I mean specifically, the phrase is often used as a pause, as an enhancing phrase, or to simply make a sentence longer. Often, filler words don’t serve much purpose at all and can be removed from a sentence without changing its meaning. For example, we can remove I mean from the sentence The movie wasn’t very good, but, I mean, the sequel might be better without changing the meaning at all.

    However, filler words aren’t bad. They do have several important uses in casual and informal speech and writing. In speech, filler words give a speaker a chance to slow down and catch their breath, establish a friendly tone with an audience, or give their brain a chance to think about what to say or digest what someone else has said. In writing, they are used to make dialogue sound more natural or to allow a writer to establish an informal voice to try and connect with readers, especially younger readers who use filler words more often than other audiences.

    What to do with filler words like I mean
    In casual and formal speech/writing, there isn’t anything wrong with using filler words every now and again. In fact, most people agree that using filler words makes speech sound more natural than speech that doesn’t use them at all.

    That being said, there are alternatives to using filler words if you think you might be using them just a bit too much in your speech. Let’s look at a few different ways you could handle filler words like I mean.

    Remove filler words: The easiest and most direct option is to simply get rid of the filler words entirely. In many situations, the filler words weren’t really doing much in the sentence, so taking them out won’t change what you were trying to say.

    Filler word sentence: Benny painted his house pink, and, I mean, I kinda like it.
    Filler words removed: Benny painted his house pink, and I kinda like it.
    Use a short pause: Rather than slip a filler word or two in there to buy time, you could simply just pause for a second to catch your breath or quickly consider what you want to say. Similar to an enhancing filler word, a pause can also catch someone’s attention and indicate that your next words are important or dramatic.

    Replace filler words with adverbs, transitional phrases, or more formal alternatives: Most of the time, there are other words and phrases that can serve the same role as a filler word without making a sentence sound too informal or casual. Let’s take a look at a couple of examples:

    Original: You shouldn’t talk about his sister like that. I mean, it’s not nice.
    Replaced: You shouldn’t talk about his sister like that. Honestly, it’s not nice.
    Original: We could go into the bear cave if, I mean, we had no other options.
    Replaced: We could go into the bear cave if it turned out that we had no other options.

    Formal alternatives and synonyms for I mean
    While filler words are typically not a problem in casual and informal writing and speech, the same can’t be said for formal contexts. In formal writing and speech, filler words are often viewed as making a person seem unprepared, unprofessional, or inexperienced. It is thought that filler words like I mean will make your writing or speech weaker and/or less effective.

    That being the case, you’ll typically need to remove I mean completely or swap it out for something else. You can use the following list for some great alternatives for I mean that you can use in your formal writing and speech:

    In other words
    Putting it another way
    To put it another way
    Putting it simply
    For one thing
    That is
    That is to say
    After all
    As a matter of fact
    For one thing
    For lack of a better word
    In a nutshell
    We can say that
    What I intend to show is that
    It is clear to see that
    This means that
    What I mean to say is
    What I mean is
    What I am trying to say is

    สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    These Synonyms For “I Mean” Will Help You Communicate Clearly I mean, we all know pepperoni pizza is best, right? I mean, come on! The only people who dislike pepperoni are those pineapple lovers who, I mean, wouldn’t know a good pizza if it fell on their head! While this example is admittedly a little silly, it shows how phrases like I mean can slip into sentences without really adding much to the conversation. There is certainly nothing wrong with that, but it can make your writing and speech a little less formal than you might have intended. So, what other options do we have? There are actually more than you might think! I mean and other filler words The phrase I mean is an example of what are known as filler words. Filler words, which go by many other names, are words and phrases that are used in sentences for reasons other than the literal meaning of the words themselves. Some other examples of filler words that are used similarly to I mean include you know, like, well, and just. Talking about I mean specifically, the phrase is often used as a pause, as an enhancing phrase, or to simply make a sentence longer. Often, filler words don’t serve much purpose at all and can be removed from a sentence without changing its meaning. For example, we can remove I mean from the sentence The movie wasn’t very good, but, I mean, the sequel might be better without changing the meaning at all. However, filler words aren’t bad. They do have several important uses in casual and informal speech and writing. In speech, filler words give a speaker a chance to slow down and catch their breath, establish a friendly tone with an audience, or give their brain a chance to think about what to say or digest what someone else has said. In writing, they are used to make dialogue sound more natural or to allow a writer to establish an informal voice to try and connect with readers, especially younger readers who use filler words more often than other audiences. What to do with filler words like I mean In casual and formal speech/writing, there isn’t anything wrong with using filler words every now and again. In fact, most people agree that using filler words makes speech sound more natural than speech that doesn’t use them at all. That being said, there are alternatives to using filler words if you think you might be using them just a bit too much in your speech. Let’s look at a few different ways you could handle filler words like I mean. Remove filler words: The easiest and most direct option is to simply get rid of the filler words entirely. In many situations, the filler words weren’t really doing much in the sentence, so taking them out won’t change what you were trying to say. Filler word sentence: Benny painted his house pink, and, I mean, I kinda like it. Filler words removed: Benny painted his house pink, and I kinda like it. Use a short pause: Rather than slip a filler word or two in there to buy time, you could simply just pause for a second to catch your breath or quickly consider what you want to say. Similar to an enhancing filler word, a pause can also catch someone’s attention and indicate that your next words are important or dramatic. Replace filler words with adverbs, transitional phrases, or more formal alternatives: Most of the time, there are other words and phrases that can serve the same role as a filler word without making a sentence sound too informal or casual. Let’s take a look at a couple of examples: Original: You shouldn’t talk about his sister like that. I mean, it’s not nice. Replaced: You shouldn’t talk about his sister like that. Honestly, it’s not nice. Original: We could go into the bear cave if, I mean, we had no other options. Replaced: We could go into the bear cave if it turned out that we had no other options. Formal alternatives and synonyms for I mean While filler words are typically not a problem in casual and informal writing and speech, the same can’t be said for formal contexts. In formal writing and speech, filler words are often viewed as making a person seem unprepared, unprofessional, or inexperienced. It is thought that filler words like I mean will make your writing or speech weaker and/or less effective. That being the case, you’ll typically need to remove I mean completely or swap it out for something else. You can use the following list for some great alternatives for I mean that you can use in your formal writing and speech: In other words Putting it another way To put it another way Putting it simply For one thing That is That is to say After all As a matter of fact For one thing For lack of a better word In a nutshell We can say that What I intend to show is that It is clear to see that This means that What I mean to say is What I mean is What I am trying to say is สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    0 Comments 0 Shares 271 Views 0 Reviews
  • เครื่องมือที่สามารถลดความขัดแย้งบน X

    นักวิจัยจาก Stanford University พัฒนาเครื่องมือที่สามารถลดความเป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองบนแพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) โดยการปรับลำดับโพสต์ในฟีด แทนที่จะบล็อกเนื้อหาออกไป

    วิธีการลดความขัดแย้ง
    งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science ชี้ว่า การปรับลำดับโพสต์ในฟีดให้สมดุลมากขึ้น สามารถลดการเห็นเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์รุนแรงได้ โดยไม่จำเป็นต้องลบหรือบล็อกโพสต์ออกไป วิธีนี้ช่วยให้ผู้ใช้ยังคงเข้าถึงข้อมูลที่หลากหลาย แต่ในรูปแบบที่ไม่ทำให้เกิดการแบ่งขั้วรุนแรง

    ความหมายต่อสังคมประชาธิปไตย
    นักวิจัยเชื่อว่าการออกแบบอัลกอริทึมใหม่สามารถช่วยสร้าง “ความไว้วางใจทางสังคม” และส่งเสริมการสนทนาที่มีสุขภาพดีขึ้นในโลกออนไลน์ หากนำไปใช้จริง อาจช่วยลดความตึงเครียดทางการเมืองและสร้างพื้นที่ที่ผู้ใช้ต่างฝ่ายสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยไม่รู้สึกถูกโจมตี

    การควบคุมโดยผู้ใช้
    แนวคิดสำคัญคือการให้ผู้ใช้สามารถควบคุมอัลกอริทึมของตนเองได้ ไม่ใช่ปล่อยให้แพลตฟอร์มกำหนดเพียงฝ่ายเดียว หากผู้ใช้สามารถเลือกว่าจะให้ฟีดของตนเน้นความหลากหลายหรือความสมดุลมากขึ้น ก็จะช่วยสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อแพลตฟอร์ม

    อนาคตของแพลตฟอร์มโซเชียล
    แม้ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่หากแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ นำแนวคิดนี้ไปใช้ อาจเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนเสพข่าวและข้อมูลบนโลกออนไลน์อย่างสิ้นเชิง จากการเสริมแรงความเชื่อเดิม ไปสู่การเปิดพื้นที่สนทนาที่กว้างและลดการแบ่งขั้ว

    สรุปเป็นหัวข้อ
    วิธีการที่นักวิจัยใช้
    ปรับลำดับโพสต์แทนการบล็อกเนื้อหา
    ลดการเห็นเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์รุนแรง

    ผลต่อสังคมประชาธิปไตย
    สร้างความไว้วางใจทางสังคม
    ส่งเสริมการสนทนาที่มีสุขภาพดีขึ้น

    การควบคุมโดยผู้ใช้
    ผู้ใช้สามารถเลือกปรับอัลกอริทึมเอง
    เพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อแพลตฟอร์ม

    อนาคตของแพลตฟอร์มโซเชียล
    อาจเปลี่ยนวิธีการเสพข่าวและข้อมูล
    ลดการแบ่งขั้วและเปิดพื้นที่สนทนา

    คำเตือนที่ควรระวัง
    หากปรับอัลกอริทึมผิดพลาด อาจทำให้ข้อมูลสำคัญถูกลดทอน
    การให้ผู้ใช้ควบคุมเองอาจสร้างความซับซ้อนและความไม่เข้าใจ
    หากแพลตฟอร์มไม่โปร่งใสจริง อาจทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/researchers-tone-down-polarisation-on-x-with-tweaks-to-algorithm
    🤝 เครื่องมือที่สามารถลดความขัดแย้งบน X นักวิจัยจาก Stanford University พัฒนาเครื่องมือที่สามารถลดความเป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองบนแพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) โดยการปรับลำดับโพสต์ในฟีด แทนที่จะบล็อกเนื้อหาออกไป 🧩 วิธีการลดความขัดแย้ง งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science ชี้ว่า การปรับลำดับโพสต์ในฟีดให้สมดุลมากขึ้น สามารถลดการเห็นเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์รุนแรงได้ โดยไม่จำเป็นต้องลบหรือบล็อกโพสต์ออกไป วิธีนี้ช่วยให้ผู้ใช้ยังคงเข้าถึงข้อมูลที่หลากหลาย แต่ในรูปแบบที่ไม่ทำให้เกิดการแบ่งขั้วรุนแรง 🌍 ความหมายต่อสังคมประชาธิปไตย นักวิจัยเชื่อว่าการออกแบบอัลกอริทึมใหม่สามารถช่วยสร้าง “ความไว้วางใจทางสังคม” และส่งเสริมการสนทนาที่มีสุขภาพดีขึ้นในโลกออนไลน์ หากนำไปใช้จริง อาจช่วยลดความตึงเครียดทางการเมืองและสร้างพื้นที่ที่ผู้ใช้ต่างฝ่ายสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยไม่รู้สึกถูกโจมตี 🔧 การควบคุมโดยผู้ใช้ แนวคิดสำคัญคือการให้ผู้ใช้สามารถควบคุมอัลกอริทึมของตนเองได้ ไม่ใช่ปล่อยให้แพลตฟอร์มกำหนดเพียงฝ่ายเดียว หากผู้ใช้สามารถเลือกว่าจะให้ฟีดของตนเน้นความหลากหลายหรือความสมดุลมากขึ้น ก็จะช่วยสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อแพลตฟอร์ม 🔮 อนาคตของแพลตฟอร์มโซเชียล แม้ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่หากแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ นำแนวคิดนี้ไปใช้ อาจเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนเสพข่าวและข้อมูลบนโลกออนไลน์อย่างสิ้นเชิง จากการเสริมแรงความเชื่อเดิม ไปสู่การเปิดพื้นที่สนทนาที่กว้างและลดการแบ่งขั้ว 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ วิธีการที่นักวิจัยใช้ ➡️ ปรับลำดับโพสต์แทนการบล็อกเนื้อหา ➡️ ลดการเห็นเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์รุนแรง ✅ ผลต่อสังคมประชาธิปไตย ➡️ สร้างความไว้วางใจทางสังคม ➡️ ส่งเสริมการสนทนาที่มีสุขภาพดีขึ้น ✅ การควบคุมโดยผู้ใช้ ➡️ ผู้ใช้สามารถเลือกปรับอัลกอริทึมเอง ➡️ เพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อแพลตฟอร์ม ✅ อนาคตของแพลตฟอร์มโซเชียล ➡️ อาจเปลี่ยนวิธีการเสพข่าวและข้อมูล ➡️ ลดการแบ่งขั้วและเปิดพื้นที่สนทนา ‼️ คำเตือนที่ควรระวัง ⛔ หากปรับอัลกอริทึมผิดพลาด อาจทำให้ข้อมูลสำคัญถูกลดทอน ⛔ การให้ผู้ใช้ควบคุมเองอาจสร้างความซับซ้อนและความไม่เข้าใจ ⛔ หากแพลตฟอร์มไม่โปร่งใสจริง อาจทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/researchers-tone-down-polarisation-on-x-with-tweaks-to-algorithm
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Researchers tone down polarisation on X with tweaks to algorithm
    The study, published in the journal Science, suggests it may one day be possible to let users control their own social media algorithms, not only on X, formerly Twitter, but on other platforms.
    0 Comments 0 Shares 225 Views 0 Reviews
  • เทคนิคการเขียน CLAUDE.md ที่ดีสำหรับ AI Coding Agent

    บทความนี้เจาะลึกการเขียนไฟล์ CLAUDE.md (หรือ AGENTS.md) ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานกับ AI coding agents อย่าง Claude Code, Cursor, และ Zed โดยเน้นย้ำว่า LLMs เป็น stateless functions ที่ไม่ได้เรียนรู้ตลอดเวลา จึงต้องอาศัยไฟล์นี้เป็นตัวกลางในการ "onboard" AI เข้าสู่ codebase ของเรา ซึ่งไฟล์นี้จะถูกใส่เข้าไปใน ทุกๆ conversation ทำให้มันเป็นจุดที่มี leverage สูงที่สุดในการทำงานกับ AI

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Claude มักจะ เพิกเฉยต่อเนื้อหาใน CLAUDE.md หากมันตัดสินใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับงานปัจจุบัน ทีม Anthropic ได้ออกแบบให้ระบบทำงานแบบนี้เพื่อกรองคำสั่งที่ไม่จำเป็นออกไป ดังนั้นยิ่งใส่คำสั่งที่ไม่ได้ใช้บ่อยมากเท่าไหร่ โอกาสที่ Claude จะเพิกเฉยก็ยิ่งสูงขึ้น ผู้เขียนแนะนำให้ใช้หลัก "Less is More" โดยควรมีคำสั่งที่ universally applicable เท่านั้น

    การวิจัยพบว่า LLMs สามารถทำตามคำสั่งได้อย่างน่าเชื่อถือประมาณ 100-150 คำสั่ง และ Claude Code เองก็มีคำสั่งในระบบอยู่แล้วประมาณ 50 คำสั่ง ดังนั้นไฟล์ CLAUDE.md ควรสั้นกระชับ (แนะนำไม่เกิน 300 บรรทัด หรือดีกว่านั้นคือน้อยกว่า 60 บรรทัด) และใช้เทคนิค Progressive Disclosure โดยแยกคำสั่งเฉพาะทางไปไว้ในไฟล์ markdown แยก แล้วให้ Claude อ่านเมื่อจำเป็นเท่านั้น

    สุดท้าย ผู้เขียนเตือนว่าไม่ควรใช้ LLM ทำหน้าที่ของ linter หรือ formatter เพราะช้าและแพงกว่ามาก ควรใช้เครื่องมือ deterministic แทน และไม่ควรใช้คำสั่ง /init หรือ auto-generate ไฟล์ CLAUDE.md เพราะไฟล์นี้สำคัญมากและควรใช้เวลาคิดทุกบรรทัดอย่างรอบคอบ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    หลักการพื้นฐานของ LLMs และ CLAUDE.md
    LLMs เป็น stateless functions ที่ไม่เรียนรู้ตลอดเวลา รู้เฉพาะสิ่งที่ใส่เข้าไปเท่านั้น
    CLAUDE.md ถูกใส่เข้าไปในทุก conversation จึงเป็นจุดที่มี leverage สูงสุด
    ควรใช้ไฟล์นี้เพื่อ onboard Claude เข้าสู่ codebase

    พฤติกรรมของ Claude กับ CLAUDE.md
    Claude มักเพิกเฉยเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานปัจจุบัน
    ยิ่งมีคำสั่งที่ไม่ universal มาก โอกาสถูกเพิกเฉยยิ่งสูง
    Anthropic ออกแบบให้ทำงานแบบนี้เพื่อกรองคำสั่งที่ไม่จำเป็น

    หลัก "Less is More"
    LLMs ทำตามคำสั่งได้น่าเชื่อถือประมาณ 100-150 คำสั่ง
    Claude Code มีคำสั่งในระบบอยู่แล้ว ~50 คำสั่ง
    ควรใส่เฉพาะคำสั่งที่ใช้บ่อยและ universally applicable

    ความยาวและความเกี่ยวข้องของไฟล์
    แนะนำไม่เกิน 300 บรรทัด ยิ่งสั้นยิ่งดี
    HumanLayer ใช้ไฟล์ไม่เกิน 60 บรรทัด
    Context window ที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ผลลัพธ์ดีกว่า

    Progressive Disclosure
    แยกคำสั่งเฉพาะทางไปไว้ในไฟล์ markdown แยก
    ตั้งชื่อไฟล์ให้สื่อความหมาย เช่น docs/testing-guidelines.md
    ให้ Claude อ่านเมื่อจำเป็นเท่านั้น แทนการใส่ทุกอย่างใน CLAUDE.md
    ใช้ file:line references แทนการ copy code เพื่อหลีกเลี่ยง outdated information

    อย่าใช้ LLM ทำงาน Linter
    LLMs ช้าและแพงกว่า traditional linters มาก
    Code style guidelines จะกินพื้นที่ context window และลดประสิทธิภาพ
    LLMs เป็น in-context learners จะเรียนรู้ pattern จากโค้ดที่มีอยู่เองได้
    ควรใช้ deterministic tools อย่าง Biome หรือ linters ที่ auto-fix ได้

    อย่าใช้ /init หรือ auto-generate
    CLAUDE.md มี impact ต่อทุก phase ของ workflow
    ควรใช้เวลาคิดทุกบรรทัดอย่างรอบคอบ
    บรรทัดที่แย่ใน CLAUDE.md จะส่งผลกระทบวงกว้างกว่าโค้ดทั่วไป

    https://www.humanlayer.dev/blog/writing-a-good-claude-md
    📝 เทคนิคการเขียน CLAUDE.md ที่ดีสำหรับ AI Coding Agent บทความนี้เจาะลึกการเขียนไฟล์ CLAUDE.md (หรือ AGENTS.md) ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานกับ AI coding agents อย่าง Claude Code, Cursor, และ Zed โดยเน้นย้ำว่า LLMs เป็น stateless functions ที่ไม่ได้เรียนรู้ตลอดเวลา จึงต้องอาศัยไฟล์นี้เป็นตัวกลางในการ "onboard" AI เข้าสู่ codebase ของเรา ซึ่งไฟล์นี้จะถูกใส่เข้าไปใน ทุกๆ conversation ทำให้มันเป็นจุดที่มี leverage สูงที่สุดในการทำงานกับ AI สิ่งที่น่าสนใจคือ Claude มักจะ เพิกเฉยต่อเนื้อหาใน CLAUDE.md หากมันตัดสินใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับงานปัจจุบัน ทีม Anthropic ได้ออกแบบให้ระบบทำงานแบบนี้เพื่อกรองคำสั่งที่ไม่จำเป็นออกไป ดังนั้นยิ่งใส่คำสั่งที่ไม่ได้ใช้บ่อยมากเท่าไหร่ โอกาสที่ Claude จะเพิกเฉยก็ยิ่งสูงขึ้น ผู้เขียนแนะนำให้ใช้หลัก "Less is More" โดยควรมีคำสั่งที่ universally applicable เท่านั้น การวิจัยพบว่า LLMs สามารถทำตามคำสั่งได้อย่างน่าเชื่อถือประมาณ 100-150 คำสั่ง และ Claude Code เองก็มีคำสั่งในระบบอยู่แล้วประมาณ 50 คำสั่ง ดังนั้นไฟล์ CLAUDE.md ควรสั้นกระชับ (แนะนำไม่เกิน 300 บรรทัด หรือดีกว่านั้นคือน้อยกว่า 60 บรรทัด) และใช้เทคนิค Progressive Disclosure โดยแยกคำสั่งเฉพาะทางไปไว้ในไฟล์ markdown แยก แล้วให้ Claude อ่านเมื่อจำเป็นเท่านั้น สุดท้าย ผู้เขียนเตือนว่าไม่ควรใช้ LLM ทำหน้าที่ของ linter หรือ formatter เพราะช้าและแพงกว่ามาก ควรใช้เครื่องมือ deterministic แทน และไม่ควรใช้คำสั่ง /init หรือ auto-generate ไฟล์ CLAUDE.md เพราะไฟล์นี้สำคัญมากและควรใช้เวลาคิดทุกบรรทัดอย่างรอบคอบ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ หลักการพื้นฐานของ LLMs และ CLAUDE.md ➡️ LLMs เป็น stateless functions ที่ไม่เรียนรู้ตลอดเวลา รู้เฉพาะสิ่งที่ใส่เข้าไปเท่านั้น ➡️ CLAUDE.md ถูกใส่เข้าไปในทุก conversation จึงเป็นจุดที่มี leverage สูงสุด ➡️ ควรใช้ไฟล์นี้เพื่อ onboard Claude เข้าสู่ codebase ✅ พฤติกรรมของ Claude กับ CLAUDE.md ➡️ Claude มักเพิกเฉยเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานปัจจุบัน ➡️ ยิ่งมีคำสั่งที่ไม่ universal มาก โอกาสถูกเพิกเฉยยิ่งสูง ➡️ Anthropic ออกแบบให้ทำงานแบบนี้เพื่อกรองคำสั่งที่ไม่จำเป็น ✅ หลัก "Less is More" ➡️ LLMs ทำตามคำสั่งได้น่าเชื่อถือประมาณ 100-150 คำสั่ง ➡️ Claude Code มีคำสั่งในระบบอยู่แล้ว ~50 คำสั่ง ➡️ ควรใส่เฉพาะคำสั่งที่ใช้บ่อยและ universally applicable ✅ ความยาวและความเกี่ยวข้องของไฟล์ ➡️ แนะนำไม่เกิน 300 บรรทัด ยิ่งสั้นยิ่งดี ➡️ HumanLayer ใช้ไฟล์ไม่เกิน 60 บรรทัด ➡️ Context window ที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ผลลัพธ์ดีกว่า ✅ Progressive Disclosure ➡️ แยกคำสั่งเฉพาะทางไปไว้ในไฟล์ markdown แยก ➡️ ตั้งชื่อไฟล์ให้สื่อความหมาย เช่น docs/testing-guidelines.md ➡️ ให้ Claude อ่านเมื่อจำเป็นเท่านั้น แทนการใส่ทุกอย่างใน CLAUDE.md ➡️ ใช้ file:line references แทนการ copy code เพื่อหลีกเลี่ยง outdated information ‼️ อย่าใช้ LLM ทำงาน Linter ⛔ LLMs ช้าและแพงกว่า traditional linters มาก ⛔ Code style guidelines จะกินพื้นที่ context window และลดประสิทธิภาพ ⛔ LLMs เป็น in-context learners จะเรียนรู้ pattern จากโค้ดที่มีอยู่เองได้ ⛔ ควรใช้ deterministic tools อย่าง Biome หรือ linters ที่ auto-fix ได้ ‼️ อย่าใช้ /init หรือ auto-generate ⛔ CLAUDE.md มี impact ต่อทุก phase ของ workflow ⛔ ควรใช้เวลาคิดทุกบรรทัดอย่างรอบคอบ ⛔ บรรทัดที่แย่ใน CLAUDE.md จะส่งผลกระทบวงกว้างกว่าโค้ดทั่วไป https://www.humanlayer.dev/blog/writing-a-good-claude-md
    WWW.HUMANLAYER.DEV
    Writing a good CLAUDE.md
    `CLAUDE.md` is a high-leverage configuration point for Claude Code. Learning how to write a good `CLAUDE.md` (or `AGENTS.md`) is a key skill for agent-enabled software engineering.
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • “ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล – อุปกรณ์เก่ากำลังหายไป”

    การพัฒนาเทคโนโลยีทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เล็กลงและทรงพลังมากขึ้น ทั้งสมาร์ทโฟนที่ถ่ายวิดีโอ 8K ได้ และเกมที่ใช้พื้นที่มหาศาลในเครื่องคอนโซลหรือ PC ความต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลที่มากและเร็วขึ้นจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการเชื่อมต่อแบบ Thunderbolt และ USB-C รุ่นใหม่ ก็ช่วยให้การใช้ external SSD สำหรับงานหนักอย่างตัดต่อวิดีโอหรือเล่นเกมเป็นไปได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไดรฟ์ภายใน

    หนึ่งในอุปกรณ์ที่กำลังถูกแทนที่คือ SATA HDD ซึ่งแม้ยังไม่สูญพันธุ์ แต่แทบไม่มีคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ติดตั้งมาแล้ว เนื่องจาก HDD มีข้อเสียหลายอย่าง เช่น ความเร็วต่ำสุดราว 300 MB/s, เสี่ยงต่อความเสียหายจากแรงกระแทก และทำงานช้าลงเมื่อเวลาผ่านไปเพราะ fragmentation ในทางตรงกันข้าม SSD ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว มีขนาดเล็กกว่า และมีความเร็วสูงกว่าหลายสิบเท่า ทำให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป

    อีกหนึ่งกลุ่มที่กำลังหายไปคือ CD และ DVD ซึ่งเคยเป็นมาตรฐานสำหรับเก็บภาพยนตร์ เกม และซอฟต์แวร์ แต่ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยการดาวน์โหลดดิจิทัลและบริการสตรีมมิ่ง เช่น Netflix และ Xbox Game Pass เนื่องจากไฟล์สมัยใหม่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่แผ่นดิสก์จะรองรับได้ อย่างไรก็ตาม optical discs ยังมีบทบาทในงาน เก็บข้อมูลระยะยาว โดยเฉพาะในภาคการแพทย์และหน่วยงานรัฐ เพราะทนต่อการรบกวนทางแม่เหล็ก และนักสะสมภาพยนตร์ยังคงนิยม Blu-ray สำหรับคุณภาพเสียงและภาพที่ดีที่สุด

    การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคที่ การเก็บข้อมูลเน้นความเร็ว ความหนาแน่น และความสะดวก มากกว่าการพึ่งพาอุปกรณ์แบบเก่า แม้ HDD และ optical discs จะยังมีพื้นที่ในตลาดเฉพาะ แต่ผู้ใช้ทั่วไปกำลังหันไปใช้ SSD และ Cloud Storage เป็นหลัก

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเก็บข้อมูล
    สมาร์ทโฟนและเกมต้องการพื้นที่มากขึ้น
    Thunderbolt และ USB-C ทำให้ external SSD ใช้งานได้สะดวก

    SATA HDD กำลังถูกแทนที่
    ความเร็วต่ำและเสี่ยงต่อความเสียหาย
    SSD เร็วกว่า 20 เท่าและเป็นมาตรฐานใหม่

    CD และ DVD กำลังหายไป
    ถูกแทนที่ด้วยการดาวน์โหลดและสตรีมมิ่ง
    ยังมีบทบาทในงานเก็บข้อมูลระยะยาวและ Blu-ray สำหรับนักสะสม

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์เก่า
    HDD เสี่ยงต่อการเสียหายและทำงานช้าลงเมื่อเวลาผ่านไป
    Optical discs ไม่รองรับไฟล์ขนาดใหญ่และอาจไม่สะดวกในยุคดิจิทัล

    https://www.slashgear.com/2037771/old-storage-types-outdated-being-replaced/
    💾 “ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล – อุปกรณ์เก่ากำลังหายไป” การพัฒนาเทคโนโลยีทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เล็กลงและทรงพลังมากขึ้น ทั้งสมาร์ทโฟนที่ถ่ายวิดีโอ 8K ได้ และเกมที่ใช้พื้นที่มหาศาลในเครื่องคอนโซลหรือ PC ความต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลที่มากและเร็วขึ้นจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการเชื่อมต่อแบบ Thunderbolt และ USB-C รุ่นใหม่ ก็ช่วยให้การใช้ external SSD สำหรับงานหนักอย่างตัดต่อวิดีโอหรือเล่นเกมเป็นไปได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไดรฟ์ภายใน หนึ่งในอุปกรณ์ที่กำลังถูกแทนที่คือ SATA HDD ซึ่งแม้ยังไม่สูญพันธุ์ แต่แทบไม่มีคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่ติดตั้งมาแล้ว เนื่องจาก HDD มีข้อเสียหลายอย่าง เช่น ความเร็วต่ำสุดราว 300 MB/s, เสี่ยงต่อความเสียหายจากแรงกระแทก และทำงานช้าลงเมื่อเวลาผ่านไปเพราะ fragmentation ในทางตรงกันข้าม SSD ไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหว มีขนาดเล็กกว่า และมีความเร็วสูงกว่าหลายสิบเท่า ทำให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป อีกหนึ่งกลุ่มที่กำลังหายไปคือ CD และ DVD ซึ่งเคยเป็นมาตรฐานสำหรับเก็บภาพยนตร์ เกม และซอฟต์แวร์ แต่ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยการดาวน์โหลดดิจิทัลและบริการสตรีมมิ่ง เช่น Netflix และ Xbox Game Pass เนื่องจากไฟล์สมัยใหม่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่แผ่นดิสก์จะรองรับได้ อย่างไรก็ตาม optical discs ยังมีบทบาทในงาน เก็บข้อมูลระยะยาว โดยเฉพาะในภาคการแพทย์และหน่วยงานรัฐ เพราะทนต่อการรบกวนทางแม่เหล็ก และนักสะสมภาพยนตร์ยังคงนิยม Blu-ray สำหรับคุณภาพเสียงและภาพที่ดีที่สุด การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าโลกกำลังเข้าสู่ยุคที่ การเก็บข้อมูลเน้นความเร็ว ความหนาแน่น และความสะดวก มากกว่าการพึ่งพาอุปกรณ์แบบเก่า แม้ HDD และ optical discs จะยังมีพื้นที่ในตลาดเฉพาะ แต่ผู้ใช้ทั่วไปกำลังหันไปใช้ SSD และ Cloud Storage เป็นหลัก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเก็บข้อมูล ➡️ สมาร์ทโฟนและเกมต้องการพื้นที่มากขึ้น ➡️ Thunderbolt และ USB-C ทำให้ external SSD ใช้งานได้สะดวก ✅ SATA HDD กำลังถูกแทนที่ ➡️ ความเร็วต่ำและเสี่ยงต่อความเสียหาย ➡️ SSD เร็วกว่า 20 เท่าและเป็นมาตรฐานใหม่ ✅ CD และ DVD กำลังหายไป ➡️ ถูกแทนที่ด้วยการดาวน์โหลดและสตรีมมิ่ง ➡️ ยังมีบทบาทในงานเก็บข้อมูลระยะยาวและ Blu-ray สำหรับนักสะสม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์เก่า ⛔ HDD เสี่ยงต่อการเสียหายและทำงานช้าลงเมื่อเวลาผ่านไป ⛔ Optical discs ไม่รองรับไฟล์ขนาดใหญ่และอาจไม่สะดวกในยุคดิจิทัล https://www.slashgear.com/2037771/old-storage-types-outdated-being-replaced/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    These Old Storage Types Are Seeing Their Way Out - SlashGear
    Storage in electronic devices has changed a lot over the decades, with CDs, DVDs, and now hard drivers being phased out by better storage solutions like SSDs.
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 Reviews
  • Highlight Words In Action 3

    audit
    noun: an official examination and verification of accounts, records, operations, etc.

    From the headlines: A recent audit revealed that while Amtrak has made some progress in improving accessibility for disabled passengers, significant upgrades are still needed. The company conducts a detailed review of its operations annually, and accessibility was a key priority this year. According to the audit, most travelers with disabilities favor trains over planes, yet Amtrak has been unsatisfactory in addressing and responding to their complaints.

    ballistic
    adjective: determined or describable by the laws of motion for projectiles

    From the headlines: Researchers discovered that the squirting cucumber, a toxic cousin of the edible kind, can shoot its seeds up to 40 feet at speeds reaching 37 miles per hour. Scientists called the gourd’s connection to its stem “the perfect ballistic angle,” allowing it to propel its seeds great distances. When disturbed, the cucumber bursts open, flinging seeds along with a liquid that boosts their acceleration.

    dementia
    noun: a condition characterized by progressive impairment of intellectual capacity

    From the headlines: Interactive “memory cafés” are helping dementia patients access memories and connect with their loved ones. At 600 locations in the U.S., people with Alzheimer’s and other kinds of cognitive impairment can hear speakers, practice art, listen to music, and participate in activities. A memory café at the National Comedy Center in New York focuses on humor to elicit laughter, memories, and emotional connections. Researchers call it a “brain workout” for people with dementia.

    extradite
    verb: to give up someone to another state or nation at its request

    From the headlines: Ecuador extradited the leader of a drug gang to the United States, where he faces charges of drug and gun trafficking. Last year, José Adolfo Macías Villamar escaped an Ecuadorian prison where he was serving a 34-year sentence. Macías was recaptured in June and delivered into U.S. custody by Ecuador’s National Police. He pleaded not guilty in a Brooklyn, NY, courtroom on July 21 and will be detained until a September trial.

    heritage
    noun: something handed down from the past, as a tradition

    From the headlines: Twenty-six sites were newly added to the UNESCO World Heritage list this week. The renowned list now includes over 1,200 locations recognized for their cultural or historical importance and safeguarded under international law. Among this year’s additions are Bavarian palaces, a Brazilian river canyon, and a sacred mountain in Malawi.

    repurpose
    verb: to adapt or utilize something for a new purpose

    From the headlines: Some of the 55,000 tennis balls used annually at Wimbledon are being repurposed to provide shelter for the UK’s endangered harvest mice. While many balls are sold as souvenirs to support the Wimbledon Foundation, some others are donated to the Wildlife Trusts. Volunteers cut openings in the brightly colored balls and secure them to poles, and the mice later climb up to build their nests inside.

    solicitous
    adjective: eager, careful, or concerned

    From the headlines: After being rejected by his mother, a rare Przewalski’s horse foal found care and comfort from a pony named Alice. The young horse, Marat, had fallen ill and was separated from his mother, who refused to accept him back when zookeepers attempted to return him to her. Alice, whose own newborn filly had recently died, quickly took to the orphaned foal, nuzzling him and allowing him to nurse. Because of the solicitous pony’s devoted care, the rare horse is now thriving.

    spelunker
    noun: a person who explores caves

    From the headlines: Rescuers in Italy freed an injured spelunker who was trapped 130 feet underground. The 63-year-old man was exploring the Abisso Paperino cave system in northwestern Piedmont when he was hurt by falling rocks. A medical team climbed down into the cave to treat the man before rescuers widened the passage with explosives so he could be moved to the surface.

    virtuoso
    noun: someone who has special knowledge or skill in a field

    From the headlines: A new study shows that most dogs are virtuosos at detecting and tracking the eggs of the invasive spotted lanternfly. Researchers at Virginia Tech found that pet pups are experienced in sniffing out the invasive insect and its offspring — nearly as adept at finding the elusive eggs as professional handlers and trained detection dogs. Canine noses, which are thousands of times more sensitive than those of humans, have a stunning knack for accurately identifying spotted lanternfly egg masses.

    wily
    adjective: crafty or cunning

    From the headlines: A wily fox is blamed for stealing thirty-two shoes at Grand Teton National Park this year. In June, the Park Service posted a notice headlined “Wanted for grand theft footwear,” featuring a crafty cartoon fox with a shoe in its mouth. Officials now suspect that visitors are aiding and abetting the sneaky animal by leaving their shoes out for him; new posters scold, “Don’t bait wildlife with belongings.”

    สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    Highlight Words In Action 3 audit noun: an official examination and verification of accounts, records, operations, etc. From the headlines: A recent audit revealed that while Amtrak has made some progress in improving accessibility for disabled passengers, significant upgrades are still needed. The company conducts a detailed review of its operations annually, and accessibility was a key priority this year. According to the audit, most travelers with disabilities favor trains over planes, yet Amtrak has been unsatisfactory in addressing and responding to their complaints. ballistic adjective: determined or describable by the laws of motion for projectiles From the headlines: Researchers discovered that the squirting cucumber, a toxic cousin of the edible kind, can shoot its seeds up to 40 feet at speeds reaching 37 miles per hour. Scientists called the gourd’s connection to its stem “the perfect ballistic angle,” allowing it to propel its seeds great distances. When disturbed, the cucumber bursts open, flinging seeds along with a liquid that boosts their acceleration. dementia noun: a condition characterized by progressive impairment of intellectual capacity From the headlines: Interactive “memory cafés” are helping dementia patients access memories and connect with their loved ones. At 600 locations in the U.S., people with Alzheimer’s and other kinds of cognitive impairment can hear speakers, practice art, listen to music, and participate in activities. A memory café at the National Comedy Center in New York focuses on humor to elicit laughter, memories, and emotional connections. Researchers call it a “brain workout” for people with dementia. extradite verb: to give up someone to another state or nation at its request From the headlines: Ecuador extradited the leader of a drug gang to the United States, where he faces charges of drug and gun trafficking. Last year, José Adolfo Macías Villamar escaped an Ecuadorian prison where he was serving a 34-year sentence. Macías was recaptured in June and delivered into U.S. custody by Ecuador’s National Police. He pleaded not guilty in a Brooklyn, NY, courtroom on July 21 and will be detained until a September trial. heritage noun: something handed down from the past, as a tradition From the headlines: Twenty-six sites were newly added to the UNESCO World Heritage list this week. The renowned list now includes over 1,200 locations recognized for their cultural or historical importance and safeguarded under international law. Among this year’s additions are Bavarian palaces, a Brazilian river canyon, and a sacred mountain in Malawi. repurpose verb: to adapt or utilize something for a new purpose From the headlines: Some of the 55,000 tennis balls used annually at Wimbledon are being repurposed to provide shelter for the UK’s endangered harvest mice. While many balls are sold as souvenirs to support the Wimbledon Foundation, some others are donated to the Wildlife Trusts. Volunteers cut openings in the brightly colored balls and secure them to poles, and the mice later climb up to build their nests inside. solicitous adjective: eager, careful, or concerned From the headlines: After being rejected by his mother, a rare Przewalski’s horse foal found care and comfort from a pony named Alice. The young horse, Marat, had fallen ill and was separated from his mother, who refused to accept him back when zookeepers attempted to return him to her. Alice, whose own newborn filly had recently died, quickly took to the orphaned foal, nuzzling him and allowing him to nurse. Because of the solicitous pony’s devoted care, the rare horse is now thriving. spelunker noun: a person who explores caves From the headlines: Rescuers in Italy freed an injured spelunker who was trapped 130 feet underground. The 63-year-old man was exploring the Abisso Paperino cave system in northwestern Piedmont when he was hurt by falling rocks. A medical team climbed down into the cave to treat the man before rescuers widened the passage with explosives so he could be moved to the surface. virtuoso noun: someone who has special knowledge or skill in a field From the headlines: A new study shows that most dogs are virtuosos at detecting and tracking the eggs of the invasive spotted lanternfly. Researchers at Virginia Tech found that pet pups are experienced in sniffing out the invasive insect and its offspring — nearly as adept at finding the elusive eggs as professional handlers and trained detection dogs. Canine noses, which are thousands of times more sensitive than those of humans, have a stunning knack for accurately identifying spotted lanternfly egg masses. wily adjective: crafty or cunning From the headlines: A wily fox is blamed for stealing thirty-two shoes at Grand Teton National Park this year. In June, the Park Service posted a notice headlined “Wanted for grand theft footwear,” featuring a crafty cartoon fox with a shoe in its mouth. Officials now suspect that visitors are aiding and abetting the sneaky animal by leaving their shoes out for him; new posters scold, “Don’t bait wildlife with belongings.” สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    0 Comments 0 Shares 570 Views 0 Reviews
  • ความขัดแย้งระหว่าง Wingtech และ Nexperia

    ข่าวนี้เล่าถึงความขัดแย้งระหว่างบริษัท Wingtech ของจีนและ Nexperia สำนักงานใหญ่ในเนเธอร์แลนด์ ที่บานปลายจนกระทบต่อการส่งออกเวเฟอร์และสร้างความกังวลต่อห่วงโซ่อุปทานโลก

    ความตึงเครียดภายในบริษัท Nexperia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปขนาดใหญ่ของโลก ปะทุขึ้นเมื่อ Wingtech Technology ผู้ถือหุ้นใหญ่จากจีน กล่าวหาสำนักงานใหญ่ในเนเธอร์แลนด์ว่า “ปิดกั้นและหลอกลวง” โดยเฉพาะการหยุดส่งเวเฟอร์ไปยังจีน และการตัดสิทธิ์การเข้าถึงระบบ IT ของพนักงานจีน ขณะที่ฝั่งเนเธอร์แลนด์ยืนยันว่าพยายามติดต่อและเจรจา แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายจีน

    ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก
    การหยุดส่งเวเฟอร์ครั้งนี้สร้างความกังวลต่อ ลูกค้ารายใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมหนัก เนื่องจาก Nexperia เป็นผู้ผลิตชิป mature-node ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น logic, discretes และ power devices ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในระบบควบคุมรถยนต์และเครื่องจักร หากความขัดแย้งยืดเยื้อ อาจนำไปสู่การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานโลก

    การเมืองและการลงทุนที่ซ่อนอยู่
    Wingtech กล่าวหาว่าสำนักงานใหญ่ในเนเธอร์แลนด์พยายามสร้าง “ห่วงโซ่อุปทานที่ไม่ใช่จีน” เพื่อกันบริษัทแม่ออกจากการตัดสินใจ ขณะที่ฝั่งเนเธอร์แลนด์ประกาศลงทุนกว่า 300 ล้านดอลลาร์ ในโรงงานที่มาเลเซีย ซึ่งถูกตีความว่าเป็นการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ความขัดแย้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่ยังสะท้อนถึง การเมืองและความมั่นคงทางเทคโนโลยี ระหว่างยุโรปและจีน

    การแทรกแซงจากรัฐบาล
    เหตุการณ์บานปลายจนถึงขั้น รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีน ต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือกับ รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนี และ กรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป เพื่อหาทางออกระยะยาว แสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องภายในบริษัท แต่เป็นประเด็นที่อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สาเหตุของความขัดแย้ง
    Wingtech กล่าวหาสำนักงานใหญ่เนเธอร์แลนด์หยุดส่งเวเฟอร์และตัดสิทธิ์การเข้าถึงระบบ IT
    ฝั่งเนเธอร์แลนด์ยืนยันว่าพยายามเจรจาแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง

    ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน
    ลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมหนักเสี่ยงขาดชิป
    ชิป mature-node ของ Nexperia เป็นหัวใจสำคัญในระบบควบคุม

    การลงทุนและการเมือง
    เนเธอร์แลนด์ลงทุน 300 ล้านดอลลาร์ในโรงงานมาเลเซีย
    ถูกตีความว่าเป็นการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน

    การแทรกแซงจากรัฐบาล
    จีนหารือกับเยอรมนีและสหภาพยุโรปเพื่อหาทางออก
    ความขัดแย้งกลายเป็นประเด็นเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

    คำเตือนจากเหตุการณ์
    ความขัดแย้งอาจทำให้ห่วงโซ่อุปทานโลกหยุดชะงัก
    เสี่ยงต่อการแบ่งขั้วทางเทคโนโลยีระหว่างจีนและยุโรป

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/wingtech-nexperia-dispute-escalates-as-public-accusations-widen-the-rift
    ⚔️ ความขัดแย้งระหว่าง Wingtech และ Nexperia ข่าวนี้เล่าถึงความขัดแย้งระหว่างบริษัท Wingtech ของจีนและ Nexperia สำนักงานใหญ่ในเนเธอร์แลนด์ ที่บานปลายจนกระทบต่อการส่งออกเวเฟอร์และสร้างความกังวลต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ความตึงเครียดภายในบริษัท Nexperia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปขนาดใหญ่ของโลก ปะทุขึ้นเมื่อ Wingtech Technology ผู้ถือหุ้นใหญ่จากจีน กล่าวหาสำนักงานใหญ่ในเนเธอร์แลนด์ว่า “ปิดกั้นและหลอกลวง” โดยเฉพาะการหยุดส่งเวเฟอร์ไปยังจีน และการตัดสิทธิ์การเข้าถึงระบบ IT ของพนักงานจีน ขณะที่ฝั่งเนเธอร์แลนด์ยืนยันว่าพยายามติดต่อและเจรจา แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากฝ่ายจีน 🌍 ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลก การหยุดส่งเวเฟอร์ครั้งนี้สร้างความกังวลต่อ ลูกค้ารายใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมหนัก เนื่องจาก Nexperia เป็นผู้ผลิตชิป mature-node ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น logic, discretes และ power devices ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในระบบควบคุมรถยนต์และเครื่องจักร หากความขัดแย้งยืดเยื้อ อาจนำไปสู่การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานโลก 💼 การเมืองและการลงทุนที่ซ่อนอยู่ Wingtech กล่าวหาว่าสำนักงานใหญ่ในเนเธอร์แลนด์พยายามสร้าง “ห่วงโซ่อุปทานที่ไม่ใช่จีน” เพื่อกันบริษัทแม่ออกจากการตัดสินใจ ขณะที่ฝั่งเนเธอร์แลนด์ประกาศลงทุนกว่า 300 ล้านดอลลาร์ ในโรงงานที่มาเลเซีย ซึ่งถูกตีความว่าเป็นการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ความขัดแย้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่ยังสะท้อนถึง การเมืองและความมั่นคงทางเทคโนโลยี ระหว่างยุโรปและจีน 🏛️ การแทรกแซงจากรัฐบาล เหตุการณ์บานปลายจนถึงขั้น รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีน ต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือกับ รัฐมนตรีเศรษฐกิจเยอรมนี และ กรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป เพื่อหาทางออกระยะยาว แสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องภายในบริษัท แต่เป็นประเด็นที่อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สาเหตุของความขัดแย้ง ➡️ Wingtech กล่าวหาสำนักงานใหญ่เนเธอร์แลนด์หยุดส่งเวเฟอร์และตัดสิทธิ์การเข้าถึงระบบ IT ➡️ ฝั่งเนเธอร์แลนด์ยืนยันว่าพยายามเจรจาแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง ✅ ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ➡️ ลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมหนักเสี่ยงขาดชิป ➡️ ชิป mature-node ของ Nexperia เป็นหัวใจสำคัญในระบบควบคุม ✅ การลงทุนและการเมือง ➡️ เนเธอร์แลนด์ลงทุน 300 ล้านดอลลาร์ในโรงงานมาเลเซีย ➡️ ถูกตีความว่าเป็นการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ✅ การแทรกแซงจากรัฐบาล ➡️ จีนหารือกับเยอรมนีและสหภาพยุโรปเพื่อหาทางออก ➡️ ความขัดแย้งกลายเป็นประเด็นเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ‼️ คำเตือนจากเหตุการณ์ ⛔ ความขัดแย้งอาจทำให้ห่วงโซ่อุปทานโลกหยุดชะงัก ⛔ เสี่ยงต่อการแบ่งขั้วทางเทคโนโลยีระหว่างจีนและยุโรป https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/wingtech-nexperia-dispute-escalates-as-public-accusations-widen-the-rift
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Embattled Dutch chipmaker Nexperia gets into public spat with Chinese owners — accused of deception and obstruction, suspending wafer shipments
    A governance battle inside one of the world’s biggest suppliers of mature-node chips is now spilling into the open.
    0 Comments 0 Shares 274 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 15

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 15
    ในญี่ปุ่น ระหว่าง ค.ศ.1900 ถึง ค.ศ.1930 การเมืองญี่ปุ่น แบ่งแยกเป็น 2 ขั้วชัดเจน ขั้วที่ไม่ต้องการให้กองทัพแข็งแกร่ง ดูเหมือนจะเป็นการกระตุกเชือกชักใย โดยอังกฤษผ่านมาที่สายพวกนักการเงิน และนักการเมือง ฝ่ายพลเรือน อังกฤษต้องการให้ญี่ปุ่นไปป่วนจีนก็จริง แต่แค่ป่วน ไม่ใช่ไปยึด เพราะอังกฤษต้องการยึดเอาจีนมาเป็นของตนเอง ดังนั้น ถ้าญี่ปุ่นเกิดมีกองทัพแข็งแกร่งขี้นมา แล้วบ้าเลือดไปยึดจีน อังกฤษ ก็ อ ด
    อังกฤษจึงต้องหาวิธีติดเบรคกองทัพญี่ปุ่น การตอนงบประมาณกองทัพ น่าจะเป็นวิธีหนึ่ง นักการเมืองอย่าง ทากาฮาชิ จึงรับบทไปจากอังกฤษ โดยไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว
    ส่วนฝ่ายที่ต้องการให้กองทัพญี่ปุ่นแข็งแกร่งนั้นน่าสนใจ มันเป็นความอยากใหญ่ อยากเป็นมหาอำนาจของญี่ปุ่นเอง ที่สะสมมาจากความเชื่อว่าตนมีความเก่งกล้าสามารถ ฉลาด และเหนือกว่าชาติใดๆในเอเซีย รวมทั้งรัสเซีย ที่อยู่ใกล้กัน และความแค้นที่ถูกหักหน้า ถูกดูหมิ่น เรื่องเชื้อชาติของญี่ปุ่นเอง ผสมกับการปั่นหัวของอังกฤษ เพื่อหลอกใช้ญี่ปุ่นไปรวนจีนส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนนั้น ก็น่าเป็นการหลอกใช้ญี่ปุ่นของอเมริกา เช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ ของอังกฤษและอเมริกา เกี่ยวกับญี่ปุ่นไม่ต่างกันเลย มันเป็นการ “หลอกใช้” อย่างเดียว ญี่ปุ่นรู้ตัวหรือไม่เท่านั้นเอง
    กลับไปดูกองทัพญี่ปุ่น ที่ปักหลักอยู่ที่แมนจูเรีย ภายใต้การบัญชาการของนายพลโตโจ ที่เริ่มมีรัศมีอำนาจและเงินจับ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1931 ร่ำรวยจนไม่ต้องพึ่งงบหลวงจากโตเกียว จากการบริหารจัดการของ นายคิชิ Kishi Nobusuke เขาเป็นคนสำคัญในการเพาะพันธุ์ญี่ปุ่นใหม่ โดยเฉพาะญี่ปุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาจนถึงปัจจุบัน ไม่รู้จักเขาให้ดี ก็ยากที่จะ “รู้จัก” ญี่ปุ่นปัจจุบัน
    คิชิ โนบูซูเกะ ชื่อเดิม คือ ซาโตะ โนบูซูเกะ Sato Nobusuke เกิดเมื่อปี ค.ศ.1896 ที่เมือง โชชู Choshu เป็นเด็กเฉลียวฉลาด หัวไว แววดี ลุงซึ่งเป็นพี่ชายของแม่ จึงขอมาเลี้ยง และให้ใช้นามสกุลของลุงคือ คิชิ ส่วนพี่ชายอีก 2 คน ยังใช้สกุล ซาโตะ พี่ชายคนหนึ่ง ซาโตะ ไอซากุ Sato Eisaku หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิก ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีคลัง และต่อมา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สังกัดพรรค LDP ส่วนพี่ชายอีกคน ซาโตะ อิชิโร Sato Ichiro ได้เป็นนายพลเอกของกองทัพเรือ
    เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยโตเกียว คิชิ เข้าทำงานที่กระทรวงพาณิชย์และ อุตสาหกรรม ทำหน้าที่จัดเก็บเอกสาร เก็บไปอ่านไป ทำให้คิชิรู้ข้อมูล และนโยบาย ทั้งลับ และลึกของญี่ปุ่น ช่วงปี ค.ศ.1929 เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั้งโลก Great Depression แต่เศรษฐกิจของคิชิ ไม่ถดถอยด้วย ตรงกันข้าม ด้วยข้อมูลที่เขาสะสมไว้ เขาตามซื้อหุ้นบริษัทที่น่าจะฟื้นเร็ว และมันก็ฟื้นเร็วอย่างที่เขาคาด เมื่อญี่ปุ่นคิดจะยึดแมนจูเรียในปี ค.ศ.1931 เขาจึงถูกส่งตัวไปให้ไปทำการสำรวจล่วงหน้าถึง “โอกาส” ของญี่ปุ่นในแมนจูเรีย
    คิชิ บอกกับนายพลโตโจ ว่า นู่น บ่อเงินบ่อทองของเรา อยู่ที่ทางรถไฟสายแมนจูเรียใต้ South Manchuria Railroad Company (SMRC) ของรัฐบาลจีน บริษัทนี้ เป็นเจ้าของท่าเรือ โรงแรม เหมืองแร่ แหล่งน้ำมัน การขนส่ง สิทธิในการสำรวจ ฯลฯ มันเยอะแยะจนบรรยายไม่หมด เข้าใจไหมท่านนายพล
    วิธีที่จะเป็นเจ้าของ SMRC ก็ไม่น่าจะยากอะไร ท่านก็ยกทัพไปตีแมนจูเรีย แล้วก็ยึดบริษัทมา ก็เท่านั้น บังเอิญ ประธาน SMRC ดันเป็นลุงเขยของคิชิ ไอ้คนหัวแหลม เลยไปกล่อมลุงเขยอีกทีว่า เรามาจับมือกัน แล้วช่วยกันรวยดีกว่านะลุง แล้วกองทัพญี่ปุ่น ก็ยกทัพไปตีแมนจูเรียของจีน หลังจากนั้น นายคิชิ ก็ทำทุกอย่างทั้งบนดิน ใต้ดิน และกองทัพญี่ปุ่นก็เลยเริ่มรวย คิชิ เสนอให้กองทัพชวนพวก นิสสัน Nissan zaibutsu บริษัทใหญ่ของญี่ปุ่น ที่เพิ่งตั้งขึ้น แต่มีอนาคตไกล และก็เป็นของลุงอีกคนของนายคิชิ เข้ามาช่วยบริหารทรัพย์สมบัติ (คนอื่น) ที่กองทัพญี่ปุ่น ไปปล้นมาได้ ไม่รู้ นายคิชิ นี่ มีลุงกี่คน
    กองทัพญี่ปุ่นที่แมนจูเรีย จึงยิ่งรวยใหญ่ จนในที่สุดไม่ต้องพึ่งงบรัฐบาลที่โตเกียว แถมเริ่มมีเสียงดังกว่ารัฐบาลที่โตเกียวเสียด้วยซ้ำ
    ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 คิชิ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมที่โตเกียว ขณะเดียวกัน ก็ทำหน้าที่ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ในการจัดหาสรรพาวุธ ให้แก่นายพลโตโจ ที่ในที่สุด ก็มาทำหน้าที่เป็นผู้นำกองทัพของญี่ปุ่น ในการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
    หลังสงครามโลก เมื่อญี่ปุ่นยอมแพ้ อเมริกาเข้ามาใช้อำนาจควบคุมญี่ปุ่นและเอเซียแต่ผู้เดียว ต่างกับยุโรป ที่มีทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และชาติอื่นๆ แบ่งกันควบคุมเยอรมันและอิตาลีผู้แพ้สงคราม
    เมื่อนายพลแมคอาเธอร์ เข้ามาถึงญี่ปุ่น ในฐานะเป็น Supreme Commander Asia and Pacific (SACP) เขาสั่งให้มีการสอบสวนผู้ที่ทำผิดในการก่อสงคราม และความผิดที่เกี่ยวเนื่องจากสงคราม มีรายชื่อผู้ที่เข้าข่ายต้องถูก จับ และไต่สวน ไม่น้อยกว่า 2 แสน 2 หมื่นคน คิชิ เป็นหนึ่งใน 2 แสน 2 หมื่นคน เขาเป็นนักโทษระดับเอ class A ข้อหาแรงสุด เขาถูกจับใส่คุก ซุกาโม Sugamo ในข้อหา ปล้นจีนและแมนจูเรีย ขโมยทรัพย์สินส่วนบุคคล และ ใช้คนเป็นทาสแรงงานในการทำเหมืองและโรงงาน
    หนึ่งวัน ก่อนถูกนำไปเข้าคุก เขาได้รับโทรเลขบอกว่า “เป็นไปได้ว่า อเมริกา จะไม่ดำเนินคดี และลงโทษคุณ ดังนั้น อย่าได้ใจร้อนทำอะไร ( อย่ายอมรับ ไม่ว่าข้อหาใด)”
    ระหว่างที่อยู่ในคุก ซุกาโม คิชิ ไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เขาคลุกคลีกับบรรดานักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ รวมทั้งพวกนอกกฏหมายที่ถูกจับ บังเอิญเขาอยู่ห้องขังร่วมกับ โคดามะ โยชิโอะ Kodama Yoshio เจ้าพ่อใหญ่ หัวหน้ายากูซ่า แก็งมังกรดำ ในขณะนั้น (ที่ในปี ค.ศ.1945 ด้วยการปล้นสาระพัดที่ในช่วงสงคราม โคดามะ น่าจะเป็นคนรวยที่สุดในญี่ปุ่น เป็นรองแค่จักรพรรดิเท่านั้น) และ ฮาโตยาม่า Hatoyama Ichiro ซึ่งต่อไปจะเป็นผู้ก่อตั้ง LDP พรรคสุดยอดอิทธิพลของญี่ปุ่น หรือที่คนส่วนใหญ่บอกว่า เป็นเจ้าของญี่ปุ่น เสียด้วยซ้ำ
    ดูเหมือน คุกซุกาโม จะเป็นแหล่งรวมพวกนรกแตก และพวกเขากำลังจะเป็นผู้สร้างอนาคตของญี่ปุ่น
    โคดามะ เจ้าพ่อยากูซ่า นั้น เป็นกระเป๋าเงินตัวจริง ของพรรคเสรีนิยม Liberal Party อยู่แล้ว แต่หลังจากนั่งวาดอนาคตญี่ปุ่นกันในคุก โคดามะ ก็บอกว่า จะลงทุนตั้งพรรคการเมืองอีกพรรคให้ ฮาโตยาม่าเป็นหัวหน้าพรรค ถ้า ฮาโตยาม่ายอมให้ คิชิ เป็นผู้ดูแลด้านการเงิน และเป็นคนดูแลกิจการหลังบ้านของ พรรค ฮาโตยาม่าตกลง โคดามะ ก็เลยลงเงินหลายล้านเหรียญ ตั้งพรรคประชาธิปไตย Democratic Party ให้ ฮาโตยาม่า ง่ายดีจัง ประชาธิปไตยยี่ห้อ ยากูซ่า
    ข่าวว่า โคดามะ ซึ่งขณะนั้น มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 13 .5 พันล้านเหรียญ รับกับสื่อว่า เขาได้จ่ายเงินให้แก่ SCAP ไป 200 ล้านเหรียญ ให้แบ่งกันระหว่าง เจียงไคเช็ค กับ Counter-Intelligence Corp (CIC) หน่วยงานบังหน้า ของซีไอเอ หลังจากจ่ายเงินไปไม่นาน โคดามะ กับ คิชิ ก็ได้เดินออกมาจากคุกซุกาโม อย่างเงียบๆ สบายๆ
    ส่วน ซีไอเอ คงถูกใจ โคดามะมาก เมื่อพ้นออกมาจากคุก ซีไอเอ จึงจ้างเขาเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ดูแลไปทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่อง ฝิ่น เฮโรอีน ทอง เพชร ที่อยู่ตามประเทศต่างๆ แต่ ที่อเมริกาปลื้มมากคือ ฝีมือการ “ดูแล” ของโคดามะ โดยเฉพาะการไปดูแล แร่ทังสเต็น ซึ่งเหมาะสำหรับการทำหัวจรวด และหัวเครื่องบินรบ ซึ่งข่าวว่าจีนมีแร่นี้อยู่แยะ เมื่อโคดามะ ไปขนแร่นี้มาจากจีน มาถีงญี่ปุ่น ซีไอเอ ก็ขนแร่นี้ต่อไปที่อเมริกา
    ส่วนคิชิ เมื่อออกมาจากคุก ด้วยเงินของโคดามะ และใช้เครือข่ายการเมือง ของฮาโตยาม่า เขาก็เดินสาย ตะล่อมเอานักการเมืองมาเข้าพวก และเริ่มบทบาทเจ้าพ่อทางการเมือง ขณะเดียวกัน พี่ชายของเขา นายซาโตะ ไอซากุ Sato Eisaku ก็ได้ขึ้นมาเป็นเลขาธิการ ของนายกรัฐมนตรีโยชิดะ Yoshida เมื่อพรรค LDP ตั้งสำเร็จ ก็ได้เสียงข้างมากในสภาอย่างไม่ยาก หลังจากนั้น LDP ก็ครองเสียงข้างมากในสภามาตลอด ขนาดมีคำพูดว่า อำนาจของ LDP ในญี่ปุ่นนั้น เป็นรองแค่จักรพรรดิ เท่านั้นเอง
    คิชิ โนบูซูเกะ มีความสำคัญอย่างไร
    เขาเป็นคนเปิดประตูเมืองญี่ปุ่น ให้อเมริกาเข้าไปกินญี่ปุ่น ต่อ หรือแทน อังกฤษ คิชิ ทำหน้าที่ไม่ต่างกับ ชาลี ซ่ง ช่วยเปิดประตูเมืองจีน ให้อเมริกาเข้าไปแทนอังกฤษ เรื่องราวอาจจะไม่เหมือน แต่ก็ทำหน้าที่เป็นคนเปิดประตูบ้านตัวเอง ให้โจร (อีกราย) เข้ามาในบ้านเหมือนกัน
    อเมริกา น่าจะวางแผนเข้ามาในญี่ปุ่น และ “ใช้” ญี่ปุ่น ไม่ต่างกับที่อังกฤษคิด อิทธิพลของอังกฤษในญี่ปุ่น สูงตั้งแต่ปลาย ค.ศ.1800 แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว อิทธิพลของอังกฤษในญี่ปุ่น ก็เริ่มลดลง แต่ยังไม่หายไป ทั้ง Morgan และ Rockefeller ต่างเข้ามาเปิดตัว เปิดตลาดในญี่ปุ่น ในเวลาใกล้เคียงกัน Morgan เน้นเรื่องธุรกิจการเงิน Rockefeller เน้น เรื่องน้ำมัน และอุตสาหกรรม ทั้ง 2 กลุ่ม มีทั้งร่วมมือกันกิน และก็แย่งกันกิน
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 15 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 15 ในญี่ปุ่น ระหว่าง ค.ศ.1900 ถึง ค.ศ.1930 การเมืองญี่ปุ่น แบ่งแยกเป็น 2 ขั้วชัดเจน ขั้วที่ไม่ต้องการให้กองทัพแข็งแกร่ง ดูเหมือนจะเป็นการกระตุกเชือกชักใย โดยอังกฤษผ่านมาที่สายพวกนักการเงิน และนักการเมือง ฝ่ายพลเรือน อังกฤษต้องการให้ญี่ปุ่นไปป่วนจีนก็จริง แต่แค่ป่วน ไม่ใช่ไปยึด เพราะอังกฤษต้องการยึดเอาจีนมาเป็นของตนเอง ดังนั้น ถ้าญี่ปุ่นเกิดมีกองทัพแข็งแกร่งขี้นมา แล้วบ้าเลือดไปยึดจีน อังกฤษ ก็ อ ด อังกฤษจึงต้องหาวิธีติดเบรคกองทัพญี่ปุ่น การตอนงบประมาณกองทัพ น่าจะเป็นวิธีหนึ่ง นักการเมืองอย่าง ทากาฮาชิ จึงรับบทไปจากอังกฤษ โดยไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว ส่วนฝ่ายที่ต้องการให้กองทัพญี่ปุ่นแข็งแกร่งนั้นน่าสนใจ มันเป็นความอยากใหญ่ อยากเป็นมหาอำนาจของญี่ปุ่นเอง ที่สะสมมาจากความเชื่อว่าตนมีความเก่งกล้าสามารถ ฉลาด และเหนือกว่าชาติใดๆในเอเซีย รวมทั้งรัสเซีย ที่อยู่ใกล้กัน และความแค้นที่ถูกหักหน้า ถูกดูหมิ่น เรื่องเชื้อชาติของญี่ปุ่นเอง ผสมกับการปั่นหัวของอังกฤษ เพื่อหลอกใช้ญี่ปุ่นไปรวนจีนส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนนั้น ก็น่าเป็นการหลอกใช้ญี่ปุ่นของอเมริกา เช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ ของอังกฤษและอเมริกา เกี่ยวกับญี่ปุ่นไม่ต่างกันเลย มันเป็นการ “หลอกใช้” อย่างเดียว ญี่ปุ่นรู้ตัวหรือไม่เท่านั้นเอง กลับไปดูกองทัพญี่ปุ่น ที่ปักหลักอยู่ที่แมนจูเรีย ภายใต้การบัญชาการของนายพลโตโจ ที่เริ่มมีรัศมีอำนาจและเงินจับ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1931 ร่ำรวยจนไม่ต้องพึ่งงบหลวงจากโตเกียว จากการบริหารจัดการของ นายคิชิ Kishi Nobusuke เขาเป็นคนสำคัญในการเพาะพันธุ์ญี่ปุ่นใหม่ โดยเฉพาะญี่ปุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาจนถึงปัจจุบัน ไม่รู้จักเขาให้ดี ก็ยากที่จะ “รู้จัก” ญี่ปุ่นปัจจุบัน คิชิ โนบูซูเกะ ชื่อเดิม คือ ซาโตะ โนบูซูเกะ Sato Nobusuke เกิดเมื่อปี ค.ศ.1896 ที่เมือง โชชู Choshu เป็นเด็กเฉลียวฉลาด หัวไว แววดี ลุงซึ่งเป็นพี่ชายของแม่ จึงขอมาเลี้ยง และให้ใช้นามสกุลของลุงคือ คิชิ ส่วนพี่ชายอีก 2 คน ยังใช้สกุล ซาโตะ พี่ชายคนหนึ่ง ซาโตะ ไอซากุ Sato Eisaku หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิก ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีคลัง และต่อมา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สังกัดพรรค LDP ส่วนพี่ชายอีกคน ซาโตะ อิชิโร Sato Ichiro ได้เป็นนายพลเอกของกองทัพเรือ เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยโตเกียว คิชิ เข้าทำงานที่กระทรวงพาณิชย์และ อุตสาหกรรม ทำหน้าที่จัดเก็บเอกสาร เก็บไปอ่านไป ทำให้คิชิรู้ข้อมูล และนโยบาย ทั้งลับ และลึกของญี่ปุ่น ช่วงปี ค.ศ.1929 เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั้งโลก Great Depression แต่เศรษฐกิจของคิชิ ไม่ถดถอยด้วย ตรงกันข้าม ด้วยข้อมูลที่เขาสะสมไว้ เขาตามซื้อหุ้นบริษัทที่น่าจะฟื้นเร็ว และมันก็ฟื้นเร็วอย่างที่เขาคาด เมื่อญี่ปุ่นคิดจะยึดแมนจูเรียในปี ค.ศ.1931 เขาจึงถูกส่งตัวไปให้ไปทำการสำรวจล่วงหน้าถึง “โอกาส” ของญี่ปุ่นในแมนจูเรีย คิชิ บอกกับนายพลโตโจ ว่า นู่น บ่อเงินบ่อทองของเรา อยู่ที่ทางรถไฟสายแมนจูเรียใต้ South Manchuria Railroad Company (SMRC) ของรัฐบาลจีน บริษัทนี้ เป็นเจ้าของท่าเรือ โรงแรม เหมืองแร่ แหล่งน้ำมัน การขนส่ง สิทธิในการสำรวจ ฯลฯ มันเยอะแยะจนบรรยายไม่หมด เข้าใจไหมท่านนายพล วิธีที่จะเป็นเจ้าของ SMRC ก็ไม่น่าจะยากอะไร ท่านก็ยกทัพไปตีแมนจูเรีย แล้วก็ยึดบริษัทมา ก็เท่านั้น บังเอิญ ประธาน SMRC ดันเป็นลุงเขยของคิชิ ไอ้คนหัวแหลม เลยไปกล่อมลุงเขยอีกทีว่า เรามาจับมือกัน แล้วช่วยกันรวยดีกว่านะลุง แล้วกองทัพญี่ปุ่น ก็ยกทัพไปตีแมนจูเรียของจีน หลังจากนั้น นายคิชิ ก็ทำทุกอย่างทั้งบนดิน ใต้ดิน และกองทัพญี่ปุ่นก็เลยเริ่มรวย คิชิ เสนอให้กองทัพชวนพวก นิสสัน Nissan zaibutsu บริษัทใหญ่ของญี่ปุ่น ที่เพิ่งตั้งขึ้น แต่มีอนาคตไกล และก็เป็นของลุงอีกคนของนายคิชิ เข้ามาช่วยบริหารทรัพย์สมบัติ (คนอื่น) ที่กองทัพญี่ปุ่น ไปปล้นมาได้ ไม่รู้ นายคิชิ นี่ มีลุงกี่คน กองทัพญี่ปุ่นที่แมนจูเรีย จึงยิ่งรวยใหญ่ จนในที่สุดไม่ต้องพึ่งงบรัฐบาลที่โตเกียว แถมเริ่มมีเสียงดังกว่ารัฐบาลที่โตเกียวเสียด้วยซ้ำ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 คิชิ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมที่โตเกียว ขณะเดียวกัน ก็ทำหน้าที่ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ในการจัดหาสรรพาวุธ ให้แก่นายพลโตโจ ที่ในที่สุด ก็มาทำหน้าที่เป็นผู้นำกองทัพของญี่ปุ่น ในการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 หลังสงครามโลก เมื่อญี่ปุ่นยอมแพ้ อเมริกาเข้ามาใช้อำนาจควบคุมญี่ปุ่นและเอเซียแต่ผู้เดียว ต่างกับยุโรป ที่มีทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และชาติอื่นๆ แบ่งกันควบคุมเยอรมันและอิตาลีผู้แพ้สงคราม เมื่อนายพลแมคอาเธอร์ เข้ามาถึงญี่ปุ่น ในฐานะเป็น Supreme Commander Asia and Pacific (SACP) เขาสั่งให้มีการสอบสวนผู้ที่ทำผิดในการก่อสงคราม และความผิดที่เกี่ยวเนื่องจากสงคราม มีรายชื่อผู้ที่เข้าข่ายต้องถูก จับ และไต่สวน ไม่น้อยกว่า 2 แสน 2 หมื่นคน คิชิ เป็นหนึ่งใน 2 แสน 2 หมื่นคน เขาเป็นนักโทษระดับเอ class A ข้อหาแรงสุด เขาถูกจับใส่คุก ซุกาโม Sugamo ในข้อหา ปล้นจีนและแมนจูเรีย ขโมยทรัพย์สินส่วนบุคคล และ ใช้คนเป็นทาสแรงงานในการทำเหมืองและโรงงาน หนึ่งวัน ก่อนถูกนำไปเข้าคุก เขาได้รับโทรเลขบอกว่า “เป็นไปได้ว่า อเมริกา จะไม่ดำเนินคดี และลงโทษคุณ ดังนั้น อย่าได้ใจร้อนทำอะไร ( อย่ายอมรับ ไม่ว่าข้อหาใด)” ระหว่างที่อยู่ในคุก ซุกาโม คิชิ ไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เขาคลุกคลีกับบรรดานักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ รวมทั้งพวกนอกกฏหมายที่ถูกจับ บังเอิญเขาอยู่ห้องขังร่วมกับ โคดามะ โยชิโอะ Kodama Yoshio เจ้าพ่อใหญ่ หัวหน้ายากูซ่า แก็งมังกรดำ ในขณะนั้น (ที่ในปี ค.ศ.1945 ด้วยการปล้นสาระพัดที่ในช่วงสงคราม โคดามะ น่าจะเป็นคนรวยที่สุดในญี่ปุ่น เป็นรองแค่จักรพรรดิเท่านั้น) และ ฮาโตยาม่า Hatoyama Ichiro ซึ่งต่อไปจะเป็นผู้ก่อตั้ง LDP พรรคสุดยอดอิทธิพลของญี่ปุ่น หรือที่คนส่วนใหญ่บอกว่า เป็นเจ้าของญี่ปุ่น เสียด้วยซ้ำ ดูเหมือน คุกซุกาโม จะเป็นแหล่งรวมพวกนรกแตก และพวกเขากำลังจะเป็นผู้สร้างอนาคตของญี่ปุ่น โคดามะ เจ้าพ่อยากูซ่า นั้น เป็นกระเป๋าเงินตัวจริง ของพรรคเสรีนิยม Liberal Party อยู่แล้ว แต่หลังจากนั่งวาดอนาคตญี่ปุ่นกันในคุก โคดามะ ก็บอกว่า จะลงทุนตั้งพรรคการเมืองอีกพรรคให้ ฮาโตยาม่าเป็นหัวหน้าพรรค ถ้า ฮาโตยาม่ายอมให้ คิชิ เป็นผู้ดูแลด้านการเงิน และเป็นคนดูแลกิจการหลังบ้านของ พรรค ฮาโตยาม่าตกลง โคดามะ ก็เลยลงเงินหลายล้านเหรียญ ตั้งพรรคประชาธิปไตย Democratic Party ให้ ฮาโตยาม่า ง่ายดีจัง ประชาธิปไตยยี่ห้อ ยากูซ่า ข่าวว่า โคดามะ ซึ่งขณะนั้น มีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 13 .5 พันล้านเหรียญ รับกับสื่อว่า เขาได้จ่ายเงินให้แก่ SCAP ไป 200 ล้านเหรียญ ให้แบ่งกันระหว่าง เจียงไคเช็ค กับ Counter-Intelligence Corp (CIC) หน่วยงานบังหน้า ของซีไอเอ หลังจากจ่ายเงินไปไม่นาน โคดามะ กับ คิชิ ก็ได้เดินออกมาจากคุกซุกาโม อย่างเงียบๆ สบายๆ ส่วน ซีไอเอ คงถูกใจ โคดามะมาก เมื่อพ้นออกมาจากคุก ซีไอเอ จึงจ้างเขาเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ดูแลไปทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่อง ฝิ่น เฮโรอีน ทอง เพชร ที่อยู่ตามประเทศต่างๆ แต่ ที่อเมริกาปลื้มมากคือ ฝีมือการ “ดูแล” ของโคดามะ โดยเฉพาะการไปดูแล แร่ทังสเต็น ซึ่งเหมาะสำหรับการทำหัวจรวด และหัวเครื่องบินรบ ซึ่งข่าวว่าจีนมีแร่นี้อยู่แยะ เมื่อโคดามะ ไปขนแร่นี้มาจากจีน มาถีงญี่ปุ่น ซีไอเอ ก็ขนแร่นี้ต่อไปที่อเมริกา ส่วนคิชิ เมื่อออกมาจากคุก ด้วยเงินของโคดามะ และใช้เครือข่ายการเมือง ของฮาโตยาม่า เขาก็เดินสาย ตะล่อมเอานักการเมืองมาเข้าพวก และเริ่มบทบาทเจ้าพ่อทางการเมือง ขณะเดียวกัน พี่ชายของเขา นายซาโตะ ไอซากุ Sato Eisaku ก็ได้ขึ้นมาเป็นเลขาธิการ ของนายกรัฐมนตรีโยชิดะ Yoshida เมื่อพรรค LDP ตั้งสำเร็จ ก็ได้เสียงข้างมากในสภาอย่างไม่ยาก หลังจากนั้น LDP ก็ครองเสียงข้างมากในสภามาตลอด ขนาดมีคำพูดว่า อำนาจของ LDP ในญี่ปุ่นนั้น เป็นรองแค่จักรพรรดิ เท่านั้นเอง คิชิ โนบูซูเกะ มีความสำคัญอย่างไร เขาเป็นคนเปิดประตูเมืองญี่ปุ่น ให้อเมริกาเข้าไปกินญี่ปุ่น ต่อ หรือแทน อังกฤษ คิชิ ทำหน้าที่ไม่ต่างกับ ชาลี ซ่ง ช่วยเปิดประตูเมืองจีน ให้อเมริกาเข้าไปแทนอังกฤษ เรื่องราวอาจจะไม่เหมือน แต่ก็ทำหน้าที่เป็นคนเปิดประตูบ้านตัวเอง ให้โจร (อีกราย) เข้ามาในบ้านเหมือนกัน อเมริกา น่าจะวางแผนเข้ามาในญี่ปุ่น และ “ใช้” ญี่ปุ่น ไม่ต่างกับที่อังกฤษคิด อิทธิพลของอังกฤษในญี่ปุ่น สูงตั้งแต่ปลาย ค.ศ.1800 แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว อิทธิพลของอังกฤษในญี่ปุ่น ก็เริ่มลดลง แต่ยังไม่หายไป ทั้ง Morgan และ Rockefeller ต่างเข้ามาเปิดตัว เปิดตลาดในญี่ปุ่น ในเวลาใกล้เคียงกัน Morgan เน้นเรื่องธุรกิจการเงิน Rockefeller เน้น เรื่องน้ำมัน และอุตสาหกรรม ทั้ง 2 กลุ่ม มีทั้งร่วมมือกันกิน และก็แย่งกันกิน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 583 Views 0 Reviews
  • SSSTC ER4 SATA SSD Series สำหรับตลาดองค์กร

    ข่าวนี้รายงานการเปิดตัว SSSTC ER4 SATA SSD Series สำหรับตลาดองค์กร ที่มาพร้อมความจุสูงสุด 16TB และประสิทธิภาพการอ่านแบบสุ่มสูงถึง 98K IOPS ถือเป็นหนึ่งใน SSD แบบ SATA ที่มีความหนาแน่นสูงที่สุดในตลาด

    คุณสมบัติหลักของ ER4 Series
    ความจุสูงสุด 16TB (15.36TB) และรุ่น 8TB (7.68TB)
    อินเทอร์เฟซ SATA 6Gb/s ขนาด 2.5 นิ้ว รองรับการ hot-swap
    ความเร็วอ่าน/เขียนตามลำดับสูงสุด 550MB/s / 530MB/s
    ประสิทธิภาพการอ่านสุ่ม 98K IOPS และเขียนสุ่มสูงสุด 55K IOPS

    ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความทนทาน
    รองรับ End-to-End Data Protection
    มีระบบ TruePLP Power-Loss Protection
    การเข้ารหัส AES 256-bit พร้อมตัวเลือก TCG Enterprise
    ความทนทานสูงด้วยค่า MTBF 3 ล้านชั่วโมง และ UBER 10⁻¹⁷
    รับประกันการใช้งาน 5 ปี

    การใช้งานที่เหมาะสม
    SSSTC ชี้ว่า ER4 Series เหมาะสำหรับงานที่ต้องการ I/O สูงและความหน่วงต่ำ เช่น
    ระบบ OLTP (Online Transaction Processing)
    งาน AI inference และ real-time analytics
    ระบบ Cloud, Virtualization, Big Data, NAS และ Backup
    การใช้งานใน Video Surveillance ที่ต้องการความเสถียรต่อเนื่อง

    ความหมายต่ออุตสาหกรรม
    แม้จะยังใช้มาตรฐาน SATA ซึ่งมีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์เมื่อเทียบกับ NVMe SSDs แต่ ER4 Series เน้นไปที่ ความเข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐานเดิม และ ความคุ้มค่าในการอัปเกรด ทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องลงทุนเปลี่ยนระบบครั้งใหญ่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เปิดตัว SSSTC ER4 SATA SSD Series
    ความจุสูงสุด 16TB และประสิทธิภาพ 98K IOPS

    ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย
    End-to-End Protection, Power-Loss Protection, AES 256-bit

    ความทนทานและการรับประกัน
    MTBF 3 ล้านชั่วโมง และรับประกัน 5 ปี

    การใช้งานที่เหมาะสม
    OLTP, AI inference, Cloud, Big Data, NAS, Backup, Surveillance

    ข้อจำกัดของ SATA เมื่อเทียบกับ NVMe
    แบนด์วิดท์ต่ำกว่า อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูงสุด

    ความเสี่ยงด้านต้นทุนการอัปเกรด
    หากองค์กรต้องการประสิทธิภาพสูงสุด อาจต้องเลือก NVMe แทน SATA

    https://wccftech.com/ssstc-er4-sata-ssds-up-to-16-tb-capacities-98k-iops/
    💾 SSSTC ER4 SATA SSD Series สำหรับตลาดองค์กร ข่าวนี้รายงานการเปิดตัว SSSTC ER4 SATA SSD Series สำหรับตลาดองค์กร ที่มาพร้อมความจุสูงสุด 16TB และประสิทธิภาพการอ่านแบบสุ่มสูงถึง 98K IOPS ถือเป็นหนึ่งใน SSD แบบ SATA ที่มีความหนาแน่นสูงที่สุดในตลาด ⚙️ คุณสมบัติหลักของ ER4 Series 🎗️ ความจุสูงสุด 16TB (15.36TB) และรุ่น 8TB (7.68TB) 🎗️ อินเทอร์เฟซ SATA 6Gb/s ขนาด 2.5 นิ้ว รองรับการ hot-swap 🎗️ ความเร็วอ่าน/เขียนตามลำดับสูงสุด 550MB/s / 530MB/s 🎗️ ประสิทธิภาพการอ่านสุ่ม 98K IOPS และเขียนสุ่มสูงสุด 55K IOPS 🔐 ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความทนทาน 🎗️ รองรับ End-to-End Data Protection 🎗️ มีระบบ TruePLP Power-Loss Protection 🎗️ การเข้ารหัส AES 256-bit พร้อมตัวเลือก TCG Enterprise 🎗️ ความทนทานสูงด้วยค่า MTBF 3 ล้านชั่วโมง และ UBER 10⁻¹⁷ 🎗️ รับประกันการใช้งาน 5 ปี ⚡ การใช้งานที่เหมาะสม SSSTC ชี้ว่า ER4 Series เหมาะสำหรับงานที่ต้องการ I/O สูงและความหน่วงต่ำ เช่น 🔷 ระบบ OLTP (Online Transaction Processing) 🔷 งาน AI inference และ real-time analytics 🔷 ระบบ Cloud, Virtualization, Big Data, NAS และ Backup 🔷 การใช้งานใน Video Surveillance ที่ต้องการความเสถียรต่อเนื่อง 🌍 ความหมายต่ออุตสาหกรรม แม้จะยังใช้มาตรฐาน SATA ซึ่งมีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์เมื่อเทียบกับ NVMe SSDs แต่ ER4 Series เน้นไปที่ ความเข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐานเดิม และ ความคุ้มค่าในการอัปเกรด ทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องลงทุนเปลี่ยนระบบครั้งใหญ่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เปิดตัว SSSTC ER4 SATA SSD Series ➡️ ความจุสูงสุด 16TB และประสิทธิภาพ 98K IOPS ✅ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ➡️ End-to-End Protection, Power-Loss Protection, AES 256-bit ✅ ความทนทานและการรับประกัน ➡️ MTBF 3 ล้านชั่วโมง และรับประกัน 5 ปี ✅ การใช้งานที่เหมาะสม ➡️ OLTP, AI inference, Cloud, Big Data, NAS, Backup, Surveillance ‼️ ข้อจำกัดของ SATA เมื่อเทียบกับ NVMe ⛔ แบนด์วิดท์ต่ำกว่า อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูงสุด ‼️ ความเสี่ยงด้านต้นทุนการอัปเกรด ⛔ หากองค์กรต้องการประสิทธิภาพสูงสุด อาจต้องเลือก NVMe แทน SATA https://wccftech.com/ssstc-er4-sata-ssds-up-to-16-tb-capacities-98k-iops/
    WCCFTECH.COM
    SSSTC Launches ER4 SATA SSDs With Up To 16 TB Capacities, 98K IOPS & 3 Million Hours MTBF
    SSSTC has unveiled its next-gen ER4 Series SATA SSD lineup for the enterprise segment, offering up to 16 TB capacities & 98K IOPS.
    0 Comments 0 Shares 206 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251127 #TechRadar

    รวมโน้ตบุ๊กสำหรับนักเรียนปี 2025
    ถ้าเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ตอนนี้ TechRadar เขาได้จัดอันดับโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับนักเรียนไว้หลายรุ่นเลย เริ่มจาก MacBook Air M3 ที่ยังคงเป็นตัวท็อปสำหรับการเรียน ใช้งานได้แรง แบตอึด และราคาก็ลดลงเพราะมีรุ่น M4 ออกมาแล้ว ต่อมาก็มี Acer Chromebook Plus 514 ที่เหมาะกับคนงบจำกัดแต่ยังได้เครื่องที่ทำงานลื่น ๆ สำหรับงานทั่วไป ส่วนใครชอบ ChromeOS รุ่น HP Chromebook Plus 15.6 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องและแบตทนดี สำหรับสายพกพา Microsoft Surface Laptop 13 น้ำหนักเบาและแบตยาวนานก็เป็นคำตอบ ส่วนสายครีเอทีฟที่ต้องใช้พลังมากขึ้น MacBook Air M4 รุ่นจอ 15 นิ้วก็ถูกยกให้เป็นเครื่องที่ตอบโจทย์งานกราฟิกและงานสร้างสรรค์ได้ดีมาก
    https://www.techradar.com/computing/laptops/best-student-laptops

    Google Messages เตรียมอัปเกรดใหม่
    ข่าวนี้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่มีประโยชน์ใน Google Messages ที่กำลังทดสอบอยู่ในโค้ดเบต้า อย่างแรกคือเวลาเซฟไฟล์รูปหรือวิดีโอจะมีปุ่ม “Open” ให้กดเปิดไฟล์ได้ทันที ต่อมาคือปุ่ม Gemini ที่จะใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนใช้งานง่ายขึ้น และสุดท้ายคือการเปลี่ยนข้อความจาก “Location” เป็น “One-time Location” เพื่อให้ชัดเจนว่ามันแชร์ตำแหน่งแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่แชร์ต่อเนื่อง แม้ยังไม่แน่ว่าจะเปิดใช้จริง แต่ถ้าออกมาก็น่าจะช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น
    https://www.techradar.com/phones/google-messages-could-be-getting-3-useful-upgrades-soon-including-a-gemini-change

    นักพัฒนาระวัง! เว็บจัดรูปแบบโค้ดเผยข้อมูลลับ
    เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวล เพราะมีการพบว่าเว็บยอดนิยมอย่าง JSONFormatter และ CodeBeautify มีฟีเจอร์ “Recent Links” ที่เปิดเผยข้อมูลที่ผู้ใช้เคยอัปโหลดไว้โดยไม่ป้องกัน ทำให้ข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่าน คีย์ API หรือข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมาได้ง่าย นักวิจัยถึงขั้นดึงข้อมูลย้อนหลังได้หลายปี และพบว่ามีทั้งข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไปจนถึงบริษัทใหญ่ ๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ไม่หวังดีเริ่มทดลองใช้ช่องโหว่นี้แล้วด้วย
    https://www.techradar.com/pro/security/top-code-formatting-sites-are-exposing-huge-amounts-of-user-data

    ธุรกิจยังติดขัดกับการทำ AI อย่างรับผิดชอบ
    รายงานจาก Experian ชี้ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า “Responsible AI” จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน แต่ปัญหาคือหลายบริษัทยังไม่พร้อมที่จะนำไปใช้จริง ทั้งเรื่องคุณภาพข้อมูล ความรู้ทางเทคนิค และการบาลานซ์ระหว่างนวัตกรรมกับการกำกับดูแล แม้จะมีหลักการชัดเจน เช่น ความน่าเชื่อถือ การปกป้องความเป็นส่วนตัว และการลดอคติ แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งที่บอกว่าทีมงานพร้อมจริง ๆ นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้เริ่มจากเล็ก ๆ ทดลองก่อน แล้วค่อยขยาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยง
    https://www.techradar.com/pro/businesses-are-struggling-to-implement-responsible-ai-but-it-could-make-all-the-difference

    Claude Opus 4.5 เปิดตัวแล้ว
    Anthropic ปล่อยโมเดลใหม่ Claude Opus 4.5 ที่บอกว่าดีขึ้นอย่าง “มีความหมาย” ทั้งเรื่องการทำงานทั่วไปและการเขียนโค้ด จุดเด่นคือมันจัดการงานจริงได้ดีขึ้น เช่น ทำอีเมล สไลด์ หรือเอกสารได้เนียนกว่าเดิม รวมถึงแก้โจทย์ที่ซับซ้อนและทำงานหลายขั้นตอนต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใช้พลังคำนวณน้อยลง ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรได้ประโยชน์มากขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาเร็วขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตลาด AI กำลังโตและแข่งขันกันเข้มข้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/claude-opus-4-5-is-now-live-and-meaningfully-better-at-everyday-tasks-and-coding-challenges

    Nothing Phone 3: สมาร์ทโฟนเรือธงที่แตกต่าง
    Nothing เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ Phone 3 ที่ตั้งใจจะก้าวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมเต็มตัว ดีไซน์ยังคงความแปลกตาแบบบล็อกเหลี่ยมที่หลายคนอาจมองว่าสวยไม่เหมือนใคร แต่บางคนก็อาจรู้สึกว่ามันเทอะทะเกินไป จุดเด่นคือกล้อง 50MP ทั้งหมด 4 ตัว รวมถึงเลนส์ periscope ที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้ดี แบตเตอรี่ใหญ่กว่า iPhone และ Samsung รุ่นใกล้เคียง พร้อมชาร์จเร็วกว่า จุดที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Glyph Matrix ที่ใช้ไฟด้านหลังมือถือแสดงข้อมูลหรือเล่นเกมเล็ก ๆ ได้ และปุ่ม Essential Key ที่ช่วยให้แคปหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอได้ทันที ถึงแม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้แฟน ๆ รุ่นก่อนลังเล อย่างไรก็ตาม มันคือการประกาศชัดว่า Nothing อยากเป็นผู้เล่นในตลาดเรือธงจริง ๆ
    https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/nothing-phone-3-review

    AWS มีดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าที่คิด
    ข้อมูลใหม่เผยว่า Amazon Web Services (AWS) อาจมีดาต้าเซ็นเตอร์มากถึง 900 แห่งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้หลายเท่า การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มสูงขึ้น AWS ไม่ได้เปิดเผยจำนวนจริง แต่ยืนยันว่ามี 38 regions และ 120 availability zones พร้อมแผนลงทุนมหาศาลในหลายประเทศ เช่น อินเดียและสหรัฐฯ จุดที่น่าสนใจคือ AWS พยายามรักษาประสิทธิภาพพลังงาน โดยอ้างว่ามีค่า Power Usage Effectiveness ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก และโครงสร้างพื้นฐานของตนใช้พลังงานได้คุ้มค่ากว่าการทำงานแบบ on-premises หลายเท่า
    https://www.techradar.com/pro/aws-says-it-has-around-900-data-centers-twice-as-many-as-previously-thought

    Android Desktop: ก้าวใหม่ของ Google OS
    Google กำลังพัฒนาโครงการ “Aluminium OS” ที่จะรวม Android เข้ากับ ChromeOS เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปใหม่ รองรับทั้ง PC, Laptop, Tablet และ 2-in-1 จุดเด่นคือการผสาน AI เข้ามาเป็นแกนหลัก และรองรับแอป Android แบบเนทีฟโดยไม่ต้องจำลอง ทำให้การใช้งานต่อเนื่องระหว่างมือถือและเดสก์ท็อปเป็นไปอย่างราบรื่น Aluminium จะค่อย ๆ เข้ามาแทน ChromeOS แต่ยังคงอยู่คู่กันในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายคือการยกระดับ Chromebook และอุปกรณ์ Android ให้แข่งขันกับ Windows และ macOS ได้ในบางตลาด โดยเฉพาะด้านการศึกษาและธุรกิจ
    https://www.techradar.com/computing/desktop-pcs/android-powered-desktop-pcs-are-coming-and-i-think-theyll-be-an-exciting-step-up-from-chromeos

    Ransomware โจมตีธุรกิจที่ถูกซื้อกิจการ
    รายงานใหม่จาก ReliaQuest เผยว่าแฮกเกอร์ที่ใช้ Akira ransomware มักเจาะเข้าธุรกิจขนาดเล็กที่ถูกซื้อกิจการ โดยใช้ช่องโหว่จากอุปกรณ์ที่ถูกละเลยหรือไม่ได้รับการแพตช์ โดยเฉพาะ SonicWall SSL VPN ที่มีบัฟเฟอร์โอเวอร์โฟลว์ร้ายแรง แม้จะมีการอัปเดตแล้ว แต่หลายองค์กรยังไม่ทันปรับปรุง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาเคลื่อนไหวในระบบและเข้ารหัสข้อมูลได้ ปัญหาคือบริษัทที่ซื้อกิจการมักไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์เสี่ยงอยู่ในเครือข่ายใหม่ ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นง่ายและกระจายไปหลายบริษัทพร้อมกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-hackers-attack-smbs-being-acquired-to-try-and-gain-access-to-multiple-companies

    Chat Control: EU เห็นชอบการสแกนแชทแบบสมัครใจ
    หลังจากถกเถียงกันมากว่า 3 ปี สภาสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงในกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation หรือที่ถูกเรียกว่า Chat Control โดยเปลี่ยนจากการบังคับสแกนข้อความส่วนตัวมาเป็นแบบสมัครใจ แต่ก็ยังสร้างความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว เพราะแม้จะไม่บังคับ แต่ก็เปิดช่องให้ผู้ให้บริการแชทต้องพิจารณามาตรการป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิด และอาจถูกบังคับให้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับเพิ่มเติม ขณะนี้ EU เตรียมเข้าสู่การเจรจากับรัฐสภาเพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นร้อนระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-lawmakers-finally-agree-on-the-voluntary-scanning-of-your-private-chats

    การเชื่อมต่อ AI รุ่นใหม่: ประสิทธิภาพและการติดตั้ง
    บทความนี้พูดถึง “Next frontier” ของการเชื่อมต่อที่พร้อมสำหรับ AI โดยเน้นการทำให้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการติดตั้งและการใช้งานจริง แนวคิดคือการสร้างระบบที่สามารถรองรับการประมวลผล AI ได้อย่างราบรื่น ลดความซับซ้อนในการขยายเครือข่าย และทำให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคุ้มค่ามากขึ้น ผู้เขียนชี้ว่าอนาคตของการสื่อสารจะไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดเพื่อรองรับการเติบโตของ AI
    https://www.techradar.com/pro/the-next-frontier-for-ai-ready-connectivity-efficiency-in-deployment

    ดีล Samsung Galaxy Tab ลดแรง
    TechRadar แนะนำดีลพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy Tab ที่ช่วยประหยัดเงินได้หลายร้อยดอลลาร์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Android มากกว่า iPadOS โดยบทความเน้นว่าตอนนี้เป็นช่วง Black Friday ที่มีโปรโมชั่นแรงที่สุดของปี ทำให้แท็บเล็ตตระกูล Galaxy Tab กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทั้งในด้านราคาและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย
    https://www.techradar.com/seasonal-sales/prefer-android-to-ipados-these-stellar-samsung-galaxy-tab-deals-will-save-you-hundreds-this-black-friday

    ChatGPT กับการพูดคุยเสียงที่สมจริง
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่เพิ่มการสนทนาด้วยเสียง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับคนจริง ๆ มากขึ้น ฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการใช้งาน AI เพราะทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติและสะดวกกว่าเดิม แม้จะยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ทำให้ AI ก้าวใกล้การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-voice-integration-feels-like-the-missing-piece-in-ai-chat-ive-tried-it-and-its-almost-perfect

    Notepad บน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่
    Microsoft เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับ Notepad ใน Windows 11 โดยรองรับการสร้างตารางและเสริมพลัง AI เข้าไป ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad ไม่ใช่แค่โปรแกรมจดบันทึกธรรมดาอีกต่อไป แต่สามารถใช้ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางส่วนไม่พอใจ เพราะมองว่า Notepad ควรเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย ไม่ควรซับซ้อนเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในชุมชนผู้ใช้ Windows
    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-notepad-gets-support-for-tables-and-bolstered-ai-powers-and-not-everyones-happy

    ChatGPT Voice Mode อัปเกรดครั้งใหญ่
    อีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับ ChatGPT ที่พูดถึงการอัปเกรดโหมดเสียงครั้งใหญ่ โดยสรุปว่ามี 5 สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรรู้ เช่น ความเป็นธรรมชาติของเสียงที่ดีขึ้น ความเร็วในการตอบสนอง และการรองรับหลายภาษา การพัฒนานี้ทำให้การใช้งาน AI ผ่านเสียงมีความสมจริงและสะดวกมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ AI ให้ใกล้เคียงการสนทนาจริงมากกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-voice-mode-just-got-a-major-upgrade-here-are-5-things-you-need-to-know

    อุปกรณ์ AI ของ Sam Altman ที่เหมือนกระท่อมริมทะเลสาบ แต่จริงๆ อาจเป็นการเฝ้าสอดส่อง
    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ออกมาเล่าว่ากำลังสร้างอุปกรณ์ AI แบบใหม่ ที่เขาเปรียบเหมือนการนั่งพักผ่อนในกระท่อมสวยๆ ริมทะเลสาบ ให้ความสงบและเรียบง่ายกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เมื่อมองลึกลงไป อุปกรณ์นี้คือการเฝ้าสังเกตชีวิตผู้ใช้ตลอดเวลา ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ และกิจวัตรประจำวัน ซึ่งอาจหมายถึงการแลกความเป็นส่วนตัวกับความสะดวกสบาย ความสงบที่ถูกขายให้เราอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะจริงๆ แล้วคือการเปิดให้ระบบเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/sam-altman-wants-his-ai-device-to-feel-like-sitting-in-the-most-beautiful-cabin-by-a-lake-but-it-sounds-more-like-endless-surveillance

    Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูล ชี้พลังเวิร์กสเตชันระดับมหึมา
    มีการรั่วไหลข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel ที่ชื่อ Granite Rapids-WS ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต E2 ขนาดใหญ่ รองรับพลังงานสูงถึง 350 วัตต์ และสามารถใส่แรม DDR5 ได้ถึง 2 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต จุดเด่นคือจำนวนคอร์มหาศาลถึง 86 คอร์ 172 เธรด พร้อมแคช L3 ขนาดใหญ่ และ PCIe lanes มากมายเพื่อรองรับ GPU และสตอเรจหลายตัว นี่คือการตอบโต้ AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง ที่เน้นงานเรนเดอร์ ซิมูเลชัน และการวิเคราะห์ข้อมูลหนักๆ
    https://www.techradar.com/pro/did-intels-next-big-thing-in-workstations-just-leak-ahead-of-granite-rapids-launch-report-claims-this-is-whats-next-from-troubled-chipmaker

    จีนจำลองการใช้โดรน 1,000 ตัวเพื่อบล็อก Starlink เหนือไต้หวัน
    งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในจีนเผยการจำลองสถานการณ์ที่ใช้โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณจำนวนมหาศาล เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink เหนือไต้หวัน การทดลองชี้ว่าหากใช้โดรนราว 935 ตัวที่ทำงานประสานกัน จะสามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แม้ในทางปฏิบัติจะมีความยากลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่น่ากังวล
    https://www.techradar.com/tech/can-starlink-be-blocked-scary-chinese-simulation-shows-1-000-drones-can-jam-satellite-internet-over-an-island-as-large-as-taiwan

    Tuxedo ยกเลิกโน้ตบุ๊ก Linux ที่ใช้ Snapdragon X Elite หลังเจอปัญหาหนัก
    บริษัท Tuxedo ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่อง Linux ตัดสินใจยกเลิกการพัฒนาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Snapdragon X Elite หลังจากพยายามแก้ไขปัญหามานานถึง 18 เดือน แต่ไม่สามารถทำให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์ ปัญหามีทั้งเรื่อง BIOS, การควบคุมพัดลม, การทำงานของ KVM virtualization และการถ่ายโอนข้อมูล USB4 ที่ไม่เสถียร ผลทดสอบยังชี้ว่าแบตเตอรี่ไม่ได้ยาวนานตามที่คาดไว้ ทำให้เครื่องไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ Linux จริงๆ บริษัทจึงเลือกหยุดโครงการและรอดูรุ่นใหม่ Snapdragon X2 Elite ว่าจะเข้ากับ Linux ได้ดีกว่าหรือไม่
    https://www.techradar.com/pro/top-linux-pc-maker-drops-plan-for-snapdragonx-elite-powered-notebook-says-hardware-was-less-suitable-than-expected

    รีวิว RedMagic 11 Pro มือถือเกมมิ่งสุดแรงในราคาคุ้มค่า
    RedMagic 11 Pro ยังคงรักษาตำแหน่งมือถือเกมมิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่เร็วสุดๆ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมที่ออกแบบใหม่ ทำให้เล่นเกมหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ใช้งานได้ยาวนานหลายวัน และรองรับชาร์จไว 80W แม้จะไม่มีชาร์จไร้สาย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล จุดอ่อนคือกล้องที่ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะการถ่ายเซลฟี่ แต่สำหรับคนที่ต้องการมือถือเล่นเกมแรงๆ ในราคาที่ไม่ถึงพันดอลลาร์ นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด
    https://www.techradar.com/phones/redmagic-11-pro-review

    มัลแวร์ใหม่บน macOS สร้างห่วงโซ่โจมตีที่น่าปวดหัว
    มีการค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่บน macOS ที่ทำงานเป็น “chain” หรือห่วงโซ่การโจมตี โดยเริ่มจากการเจาะเข้าระบบผ่านช่องโหว่เล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายสิทธิ์การเข้าถึงไปเรื่อยๆ จนสามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จุดน่ากังวลคือมันสามารถหลบเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ และอาจถูกใช้โจมตีองค์กรหรือผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างรุนแรง นักวิจัยเตือนว่าผู้ใช้ควรอัปเดตระบบและระวังการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-chain-could-cause-a-major-security-headache-heres-what-we-know

    กล้อง Leica ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสถูกประมูลได้ 7.5 ล้านดอลลาร์
    Leica รุ่นพิเศษที่เคยเป็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถูกนำออกประมูลและสร้างสถิติใหม่ด้วยราคาสูงถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดถูกนำไปใช้เพื่อการกุศล กล้องตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึง 7 อย่างที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบเฉพาะตัวและวัสดุที่หายาก ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในกล้องที่มีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก
    https://www.techradar.com/cameras/this-stunning-one-off-leica-belonging-to-the-late-pope-francis-just-raised-usd7-5-million-for-charity-here-are-its-7-unique-features

    รวมกล้องคอมแพ็กที่ดีที่สุดปี 2025 พกง่าย ใช้งานสะดวก
    TechRadar จัดอันดับกล้องคอมแพ็กที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 สำหรับคนที่อยากได้กล้องเล็กๆ พกพาสะดวก แต่ยังให้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยม รายการนี้รวมทั้งรุ่นที่เหมาะกับนักเดินทาง, คนที่ชอบถ่ายภาพสตรีท, ไปจนถึงผู้ใช้ที่ต้องการกล้องเสริมจากสมาร์ทโฟน โดยมีทั้งรุ่นราคาประหยัดและรุ่นพรีเมียมที่เน้นคุณภาพสูงสุด
    https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/the-best-compact-cameras

    บทความเตือนใจ: อย่าเดทกับ AI เพราะมันไม่มีวันรักคุณ
    บทความเชิงความคิดเห็นชี้ให้เห็นถึงกระแสที่บางคนเริ่มมีความสัมพันธ์เชิงอารมณ์กับ AI แต่ผู้เขียนเตือนว่า AI ไม่สามารถรักหรือมีความรู้สึกแท้จริงได้ การคาดหวังให้มันเป็นคู่ชีวิตอาจทำให้คนหลงทางและเสียสมดุลในชีวิตจริง ข้อความนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/please-dont-date-your-ai-because-it-will-never-love-you-or-pick-up-the-check

    Poco เปิดตัวมือถือเรือธงพร้อมซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดจิ๋ว
    Poco เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมแปลกตา คือการใส่ซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดเล็กเข้าไปในเครื่อง เพื่อให้เสียงแบบ 2.1-channel audio แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับคนรักเสียงเบส แต่ก็มีข้อกังวลว่าการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ เช่น บนรถบัส อาจสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Poco ในการสร้างความแตกต่างในตลาดมือถือที่แข่งขันสูง
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/phones/poco-phones/pocos-new-flagship-phone-has-a-mini-bose-subwoofer-for-2-1-channel-audio-and-i-hope-im-not-near-one-on-the-bus
    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251127 #TechRadar 💻 รวมโน้ตบุ๊กสำหรับนักเรียนปี 2025 ถ้าเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ตอนนี้ TechRadar เขาได้จัดอันดับโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับนักเรียนไว้หลายรุ่นเลย เริ่มจาก MacBook Air M3 ที่ยังคงเป็นตัวท็อปสำหรับการเรียน ใช้งานได้แรง แบตอึด และราคาก็ลดลงเพราะมีรุ่น M4 ออกมาแล้ว ต่อมาก็มี Acer Chromebook Plus 514 ที่เหมาะกับคนงบจำกัดแต่ยังได้เครื่องที่ทำงานลื่น ๆ สำหรับงานทั่วไป ส่วนใครชอบ ChromeOS รุ่น HP Chromebook Plus 15.6 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องและแบตทนดี สำหรับสายพกพา Microsoft Surface Laptop 13 น้ำหนักเบาและแบตยาวนานก็เป็นคำตอบ ส่วนสายครีเอทีฟที่ต้องใช้พลังมากขึ้น MacBook Air M4 รุ่นจอ 15 นิ้วก็ถูกยกให้เป็นเครื่องที่ตอบโจทย์งานกราฟิกและงานสร้างสรรค์ได้ดีมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/laptops/best-student-laptops 📱 Google Messages เตรียมอัปเกรดใหม่ ข่าวนี้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่มีประโยชน์ใน Google Messages ที่กำลังทดสอบอยู่ในโค้ดเบต้า อย่างแรกคือเวลาเซฟไฟล์รูปหรือวิดีโอจะมีปุ่ม “Open” ให้กดเปิดไฟล์ได้ทันที ต่อมาคือปุ่ม Gemini ที่จะใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนใช้งานง่ายขึ้น และสุดท้ายคือการเปลี่ยนข้อความจาก “Location” เป็น “One-time Location” เพื่อให้ชัดเจนว่ามันแชร์ตำแหน่งแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่แชร์ต่อเนื่อง แม้ยังไม่แน่ว่าจะเปิดใช้จริง แต่ถ้าออกมาก็น่าจะช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/google-messages-could-be-getting-3-useful-upgrades-soon-including-a-gemini-change 🔐 นักพัฒนาระวัง! เว็บจัดรูปแบบโค้ดเผยข้อมูลลับ เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวล เพราะมีการพบว่าเว็บยอดนิยมอย่าง JSONFormatter และ CodeBeautify มีฟีเจอร์ “Recent Links” ที่เปิดเผยข้อมูลที่ผู้ใช้เคยอัปโหลดไว้โดยไม่ป้องกัน ทำให้ข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่าน คีย์ API หรือข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมาได้ง่าย นักวิจัยถึงขั้นดึงข้อมูลย้อนหลังได้หลายปี และพบว่ามีทั้งข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไปจนถึงบริษัทใหญ่ ๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ไม่หวังดีเริ่มทดลองใช้ช่องโหว่นี้แล้วด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/top-code-formatting-sites-are-exposing-huge-amounts-of-user-data 🤖 ธุรกิจยังติดขัดกับการทำ AI อย่างรับผิดชอบ รายงานจาก Experian ชี้ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า “Responsible AI” จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน แต่ปัญหาคือหลายบริษัทยังไม่พร้อมที่จะนำไปใช้จริง ทั้งเรื่องคุณภาพข้อมูล ความรู้ทางเทคนิค และการบาลานซ์ระหว่างนวัตกรรมกับการกำกับดูแล แม้จะมีหลักการชัดเจน เช่น ความน่าเชื่อถือ การปกป้องความเป็นส่วนตัว และการลดอคติ แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งที่บอกว่าทีมงานพร้อมจริง ๆ นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้เริ่มจากเล็ก ๆ ทดลองก่อน แล้วค่อยขยาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยง 🔗 https://www.techradar.com/pro/businesses-are-struggling-to-implement-responsible-ai-but-it-could-make-all-the-difference ⚡ Claude Opus 4.5 เปิดตัวแล้ว Anthropic ปล่อยโมเดลใหม่ Claude Opus 4.5 ที่บอกว่าดีขึ้นอย่าง “มีความหมาย” ทั้งเรื่องการทำงานทั่วไปและการเขียนโค้ด จุดเด่นคือมันจัดการงานจริงได้ดีขึ้น เช่น ทำอีเมล สไลด์ หรือเอกสารได้เนียนกว่าเดิม รวมถึงแก้โจทย์ที่ซับซ้อนและทำงานหลายขั้นตอนต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใช้พลังคำนวณน้อยลง ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรได้ประโยชน์มากขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาเร็วขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตลาด AI กำลังโตและแข่งขันกันเข้มข้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/claude-opus-4-5-is-now-live-and-meaningfully-better-at-everyday-tasks-and-coding-challenges 📱 Nothing Phone 3: สมาร์ทโฟนเรือธงที่แตกต่าง Nothing เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ Phone 3 ที่ตั้งใจจะก้าวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมเต็มตัว ดีไซน์ยังคงความแปลกตาแบบบล็อกเหลี่ยมที่หลายคนอาจมองว่าสวยไม่เหมือนใคร แต่บางคนก็อาจรู้สึกว่ามันเทอะทะเกินไป จุดเด่นคือกล้อง 50MP ทั้งหมด 4 ตัว รวมถึงเลนส์ periscope ที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้ดี แบตเตอรี่ใหญ่กว่า iPhone และ Samsung รุ่นใกล้เคียง พร้อมชาร์จเร็วกว่า จุดที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Glyph Matrix ที่ใช้ไฟด้านหลังมือถือแสดงข้อมูลหรือเล่นเกมเล็ก ๆ ได้ และปุ่ม Essential Key ที่ช่วยให้แคปหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอได้ทันที ถึงแม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้แฟน ๆ รุ่นก่อนลังเล อย่างไรก็ตาม มันคือการประกาศชัดว่า Nothing อยากเป็นผู้เล่นในตลาดเรือธงจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/nothing-phone-3-review ☁️ AWS มีดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าที่คิด ข้อมูลใหม่เผยว่า Amazon Web Services (AWS) อาจมีดาต้าเซ็นเตอร์มากถึง 900 แห่งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้หลายเท่า การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มสูงขึ้น AWS ไม่ได้เปิดเผยจำนวนจริง แต่ยืนยันว่ามี 38 regions และ 120 availability zones พร้อมแผนลงทุนมหาศาลในหลายประเทศ เช่น อินเดียและสหรัฐฯ จุดที่น่าสนใจคือ AWS พยายามรักษาประสิทธิภาพพลังงาน โดยอ้างว่ามีค่า Power Usage Effectiveness ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก และโครงสร้างพื้นฐานของตนใช้พลังงานได้คุ้มค่ากว่าการทำงานแบบ on-premises หลายเท่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-says-it-has-around-900-data-centers-twice-as-many-as-previously-thought 💻 Android Desktop: ก้าวใหม่ของ Google OS Google กำลังพัฒนาโครงการ “Aluminium OS” ที่จะรวม Android เข้ากับ ChromeOS เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปใหม่ รองรับทั้ง PC, Laptop, Tablet และ 2-in-1 จุดเด่นคือการผสาน AI เข้ามาเป็นแกนหลัก และรองรับแอป Android แบบเนทีฟโดยไม่ต้องจำลอง ทำให้การใช้งานต่อเนื่องระหว่างมือถือและเดสก์ท็อปเป็นไปอย่างราบรื่น Aluminium จะค่อย ๆ เข้ามาแทน ChromeOS แต่ยังคงอยู่คู่กันในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายคือการยกระดับ Chromebook และอุปกรณ์ Android ให้แข่งขันกับ Windows และ macOS ได้ในบางตลาด โดยเฉพาะด้านการศึกษาและธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/computing/desktop-pcs/android-powered-desktop-pcs-are-coming-and-i-think-theyll-be-an-exciting-step-up-from-chromeos 🔒 Ransomware โจมตีธุรกิจที่ถูกซื้อกิจการ รายงานใหม่จาก ReliaQuest เผยว่าแฮกเกอร์ที่ใช้ Akira ransomware มักเจาะเข้าธุรกิจขนาดเล็กที่ถูกซื้อกิจการ โดยใช้ช่องโหว่จากอุปกรณ์ที่ถูกละเลยหรือไม่ได้รับการแพตช์ โดยเฉพาะ SonicWall SSL VPN ที่มีบัฟเฟอร์โอเวอร์โฟลว์ร้ายแรง แม้จะมีการอัปเดตแล้ว แต่หลายองค์กรยังไม่ทันปรับปรุง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาเคลื่อนไหวในระบบและเข้ารหัสข้อมูลได้ ปัญหาคือบริษัทที่ซื้อกิจการมักไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์เสี่ยงอยู่ในเครือข่ายใหม่ ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นง่ายและกระจายไปหลายบริษัทพร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-hackers-attack-smbs-being-acquired-to-try-and-gain-access-to-multiple-companies 🇪🇺 Chat Control: EU เห็นชอบการสแกนแชทแบบสมัครใจ หลังจากถกเถียงกันมากว่า 3 ปี สภาสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงในกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation หรือที่ถูกเรียกว่า Chat Control โดยเปลี่ยนจากการบังคับสแกนข้อความส่วนตัวมาเป็นแบบสมัครใจ แต่ก็ยังสร้างความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว เพราะแม้จะไม่บังคับ แต่ก็เปิดช่องให้ผู้ให้บริการแชทต้องพิจารณามาตรการป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิด และอาจถูกบังคับให้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับเพิ่มเติม ขณะนี้ EU เตรียมเข้าสู่การเจรจากับรัฐสภาเพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นร้อนระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-lawmakers-finally-agree-on-the-voluntary-scanning-of-your-private-chats 🌐 การเชื่อมต่อ AI รุ่นใหม่: ประสิทธิภาพและการติดตั้ง บทความนี้พูดถึง “Next frontier” ของการเชื่อมต่อที่พร้อมสำหรับ AI โดยเน้นการทำให้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการติดตั้งและการใช้งานจริง แนวคิดคือการสร้างระบบที่สามารถรองรับการประมวลผล AI ได้อย่างราบรื่น ลดความซับซ้อนในการขยายเครือข่าย และทำให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคุ้มค่ามากขึ้น ผู้เขียนชี้ว่าอนาคตของการสื่อสารจะไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดเพื่อรองรับการเติบโตของ AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-next-frontier-for-ai-ready-connectivity-efficiency-in-deployment 📱 ดีล Samsung Galaxy Tab ลดแรง TechRadar แนะนำดีลพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy Tab ที่ช่วยประหยัดเงินได้หลายร้อยดอลลาร์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Android มากกว่า iPadOS โดยบทความเน้นว่าตอนนี้เป็นช่วง Black Friday ที่มีโปรโมชั่นแรงที่สุดของปี ทำให้แท็บเล็ตตระกูล Galaxy Tab กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทั้งในด้านราคาและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย 🔗 https://www.techradar.com/seasonal-sales/prefer-android-to-ipados-these-stellar-samsung-galaxy-tab-deals-will-save-you-hundreds-this-black-friday 🎙️ ChatGPT กับการพูดคุยเสียงที่สมจริง ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่เพิ่มการสนทนาด้วยเสียง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับคนจริง ๆ มากขึ้น ฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการใช้งาน AI เพราะทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติและสะดวกกว่าเดิม แม้จะยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ทำให้ AI ก้าวใกล้การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-voice-integration-feels-like-the-missing-piece-in-ai-chat-ive-tried-it-and-its-almost-perfect 📝 Notepad บน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่ Microsoft เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับ Notepad ใน Windows 11 โดยรองรับการสร้างตารางและเสริมพลัง AI เข้าไป ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad ไม่ใช่แค่โปรแกรมจดบันทึกธรรมดาอีกต่อไป แต่สามารถใช้ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางส่วนไม่พอใจ เพราะมองว่า Notepad ควรเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย ไม่ควรซับซ้อนเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในชุมชนผู้ใช้ Windows 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-notepad-gets-support-for-tables-and-bolstered-ai-powers-and-not-everyones-happy 🔊 ChatGPT Voice Mode อัปเกรดครั้งใหญ่ อีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับ ChatGPT ที่พูดถึงการอัปเกรดโหมดเสียงครั้งใหญ่ โดยสรุปว่ามี 5 สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรรู้ เช่น ความเป็นธรรมชาติของเสียงที่ดีขึ้น ความเร็วในการตอบสนอง และการรองรับหลายภาษา การพัฒนานี้ทำให้การใช้งาน AI ผ่านเสียงมีความสมจริงและสะดวกมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ AI ให้ใกล้เคียงการสนทนาจริงมากกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-voice-mode-just-got-a-major-upgrade-here-are-5-things-you-need-to-know 🏞️ อุปกรณ์ AI ของ Sam Altman ที่เหมือนกระท่อมริมทะเลสาบ แต่จริงๆ อาจเป็นการเฝ้าสอดส่อง Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ออกมาเล่าว่ากำลังสร้างอุปกรณ์ AI แบบใหม่ ที่เขาเปรียบเหมือนการนั่งพักผ่อนในกระท่อมสวยๆ ริมทะเลสาบ ให้ความสงบและเรียบง่ายกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เมื่อมองลึกลงไป อุปกรณ์นี้คือการเฝ้าสังเกตชีวิตผู้ใช้ตลอดเวลา ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ และกิจวัตรประจำวัน ซึ่งอาจหมายถึงการแลกความเป็นส่วนตัวกับความสะดวกสบาย ความสงบที่ถูกขายให้เราอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะจริงๆ แล้วคือการเปิดให้ระบบเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/sam-altman-wants-his-ai-device-to-feel-like-sitting-in-the-most-beautiful-cabin-by-a-lake-but-it-sounds-more-like-endless-surveillance 💻 Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูล ชี้พลังเวิร์กสเตชันระดับมหึมา มีการรั่วไหลข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel ที่ชื่อ Granite Rapids-WS ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต E2 ขนาดใหญ่ รองรับพลังงานสูงถึง 350 วัตต์ และสามารถใส่แรม DDR5 ได้ถึง 2 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต จุดเด่นคือจำนวนคอร์มหาศาลถึง 86 คอร์ 172 เธรด พร้อมแคช L3 ขนาดใหญ่ และ PCIe lanes มากมายเพื่อรองรับ GPU และสตอเรจหลายตัว นี่คือการตอบโต้ AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง ที่เน้นงานเรนเดอร์ ซิมูเลชัน และการวิเคราะห์ข้อมูลหนักๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/did-intels-next-big-thing-in-workstations-just-leak-ahead-of-granite-rapids-launch-report-claims-this-is-whats-next-from-troubled-chipmaker 🚁 จีนจำลองการใช้โดรน 1,000 ตัวเพื่อบล็อก Starlink เหนือไต้หวัน งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในจีนเผยการจำลองสถานการณ์ที่ใช้โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณจำนวนมหาศาล เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink เหนือไต้หวัน การทดลองชี้ว่าหากใช้โดรนราว 935 ตัวที่ทำงานประสานกัน จะสามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แม้ในทางปฏิบัติจะมีความยากลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่น่ากังวล 🔗 https://www.techradar.com/tech/can-starlink-be-blocked-scary-chinese-simulation-shows-1-000-drones-can-jam-satellite-internet-over-an-island-as-large-as-taiwan 🖥️ Tuxedo ยกเลิกโน้ตบุ๊ก Linux ที่ใช้ Snapdragon X Elite หลังเจอปัญหาหนัก บริษัท Tuxedo ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่อง Linux ตัดสินใจยกเลิกการพัฒนาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Snapdragon X Elite หลังจากพยายามแก้ไขปัญหามานานถึง 18 เดือน แต่ไม่สามารถทำให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์ ปัญหามีทั้งเรื่อง BIOS, การควบคุมพัดลม, การทำงานของ KVM virtualization และการถ่ายโอนข้อมูล USB4 ที่ไม่เสถียร ผลทดสอบยังชี้ว่าแบตเตอรี่ไม่ได้ยาวนานตามที่คาดไว้ ทำให้เครื่องไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ Linux จริงๆ บริษัทจึงเลือกหยุดโครงการและรอดูรุ่นใหม่ Snapdragon X2 Elite ว่าจะเข้ากับ Linux ได้ดีกว่าหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/top-linux-pc-maker-drops-plan-for-snapdragonx-elite-powered-notebook-says-hardware-was-less-suitable-than-expected 📱 รีวิว RedMagic 11 Pro มือถือเกมมิ่งสุดแรงในราคาคุ้มค่า RedMagic 11 Pro ยังคงรักษาตำแหน่งมือถือเกมมิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่เร็วสุดๆ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมที่ออกแบบใหม่ ทำให้เล่นเกมหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ใช้งานได้ยาวนานหลายวัน และรองรับชาร์จไว 80W แม้จะไม่มีชาร์จไร้สาย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล จุดอ่อนคือกล้องที่ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะการถ่ายเซลฟี่ แต่สำหรับคนที่ต้องการมือถือเล่นเกมแรงๆ ในราคาที่ไม่ถึงพันดอลลาร์ นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด 🔗 https://www.techradar.com/phones/redmagic-11-pro-review 🔒 มัลแวร์ใหม่บน macOS สร้างห่วงโซ่โจมตีที่น่าปวดหัว มีการค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่บน macOS ที่ทำงานเป็น “chain” หรือห่วงโซ่การโจมตี โดยเริ่มจากการเจาะเข้าระบบผ่านช่องโหว่เล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายสิทธิ์การเข้าถึงไปเรื่อยๆ จนสามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จุดน่ากังวลคือมันสามารถหลบเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ และอาจถูกใช้โจมตีองค์กรหรือผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างรุนแรง นักวิจัยเตือนว่าผู้ใช้ควรอัปเดตระบบและระวังการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-chain-could-cause-a-major-security-headache-heres-what-we-know 📸 กล้อง Leica ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสถูกประมูลได้ 7.5 ล้านดอลลาร์ Leica รุ่นพิเศษที่เคยเป็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถูกนำออกประมูลและสร้างสถิติใหม่ด้วยราคาสูงถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดถูกนำไปใช้เพื่อการกุศล กล้องตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึง 7 อย่างที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบเฉพาะตัวและวัสดุที่หายาก ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในกล้องที่มีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก 🔗 https://www.techradar.com/cameras/this-stunning-one-off-leica-belonging-to-the-late-pope-francis-just-raised-usd7-5-million-for-charity-here-are-its-7-unique-features 📷 รวมกล้องคอมแพ็กที่ดีที่สุดปี 2025 พกง่าย ใช้งานสะดวก TechRadar จัดอันดับกล้องคอมแพ็กที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 สำหรับคนที่อยากได้กล้องเล็กๆ พกพาสะดวก แต่ยังให้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยม รายการนี้รวมทั้งรุ่นที่เหมาะกับนักเดินทาง, คนที่ชอบถ่ายภาพสตรีท, ไปจนถึงผู้ใช้ที่ต้องการกล้องเสริมจากสมาร์ทโฟน โดยมีทั้งรุ่นราคาประหยัดและรุ่นพรีเมียมที่เน้นคุณภาพสูงสุด 🔗 https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/the-best-compact-cameras 🤖 บทความเตือนใจ: อย่าเดทกับ AI เพราะมันไม่มีวันรักคุณ บทความเชิงความคิดเห็นชี้ให้เห็นถึงกระแสที่บางคนเริ่มมีความสัมพันธ์เชิงอารมณ์กับ AI แต่ผู้เขียนเตือนว่า AI ไม่สามารถรักหรือมีความรู้สึกแท้จริงได้ การคาดหวังให้มันเป็นคู่ชีวิตอาจทำให้คนหลงทางและเสียสมดุลในชีวิตจริง ข้อความนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/please-dont-date-your-ai-because-it-will-never-love-you-or-pick-up-the-check 🔊 Poco เปิดตัวมือถือเรือธงพร้อมซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดจิ๋ว Poco เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมแปลกตา คือการใส่ซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดเล็กเข้าไปในเครื่อง เพื่อให้เสียงแบบ 2.1-channel audio แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับคนรักเสียงเบส แต่ก็มีข้อกังวลว่าการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ เช่น บนรถบัส อาจสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Poco ในการสร้างความแตกต่างในตลาดมือถือที่แข่งขันสูง ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/phones/poco-phones/pocos-new-flagship-phone-has-a-mini-bose-subwoofer-for-2-1-channel-audio-and-i-hope-im-not-near-one-on-the-bus
    0 Comments 0 Shares 894 Views 0 Reviews
  • การจำลองการปิดกั้น Starlink

    ข่าวนี้เล่าถึงการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์จีนที่จำลองการใช้ โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณ (jammers) เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นการเข้าถึง Starlink โดยคาดว่าใช้โดรนประมาณ 1,000–2,000 ลำก็สามารถตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตดาวเทียมได้ ถือเป็นการจำลองเชิงยุทธศาสตร์ที่สะท้อนความตึงเครียดในภูมิภาค

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Zhejiang และ Beijing Institute of Technology ได้ใช้ข้อมูลจริงของเครือข่ายดาวเทียม Starlink มาจำลองการสร้าง mesh network ของโดรนติด jammer ครอบคลุมพื้นที่ขนาดไต้หวันในระยะเวลา 12 ชั่วโมง ผลการทดลองชี้ว่า หากใช้โดรนประมาณ 935–2,000 ลำ ที่บินห่างกัน 3–6 ไมล์ สามารถสร้าง “ม่านรบกวนสัญญาณ” สูง 12 ไมล์เพื่อปิดกั้นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    Starlink ถูกมองว่าเป็นจุดแข็งของยูเครนในการต้านทานรัสเซีย ทำให้จีนกังวลว่าไต้หวันอาจใช้เทคโนโลยีเดียวกันหากเกิดความขัดแย้ง การจำลองนี้จึงเป็นการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์เพื่อหาวิธีรับมือกับระบบสื่อสารดาวเทียมที่ยืดหยุ่นและยากต่อการปิดกั้น

    การตอบสนองของไต้หวัน
    ไต้หวันเองกำลังลงทุนในระบบป้องกันโดรนและพิจารณาโครงสร้างป้องกันคล้าย Iron Dome เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศ รวมถึงการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์และการสื่อสาร ซึ่งสะท้อนถึงการเตรียมพร้อมของประเทศที่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและภูมิรัฐศาสตร์
    การศึกษานี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการทหาร แต่ยังส่งผลต่อ ห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีโลก เนื่องจากไต้หวันเป็นผู้ผลิตชิปหลัก หากการสื่อสารถูกตัดขาด อาจกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง เหตุการณ์นี้จึงเป็นสัญญาณเตือนว่าความมั่นคงทางดิจิทัลและการสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญในยุค AI และเศรษฐกิจดิจิทัล

    สรุปสาระสำคัญ
    การจำลองของนักวิทยาศาสตร์จีน
    ใช้โดรนติด jammer ประมาณ 935–2,000 ลำ
    สามารถสร้างม่านรบกวนสัญญาณสูง 12 ไมล์

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    Starlink ถูกมองว่าเป็นจุดแข็งของยูเครน
    จีนกังวลว่าไต้หวันอาจใช้เทคโนโลยีเดียวกัน

    การตอบสนองของไต้หวัน
    ลงทุนในระบบป้องกันโดรนและโครงสร้างคล้าย Iron Dome
    เตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์และการสื่อสาร

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก
    ไต้หวันเป็นศูนย์กลางการผลิตชิป
    การตัดการสื่อสารอาจกระทบเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง

    คำเตือนต่อภูมิรัฐศาสตร์
    ความตึงเครียดในภูมิภาคอาจกระทบห่วงโซ่อุปทานโลก
    การใช้โดรนรบกวนสัญญาณอาจนำไปสู่สงครามเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ

    https://www.tomshardware.com/networking/china-simulated-a-starlink-blockade-over-taiwan-ccp-scientists-say-around-1-000-drones-would-be-enough-to-cut-satellite-internet-to-the-island
    ⚡ การจำลองการปิดกั้น Starlink ข่าวนี้เล่าถึงการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์จีนที่จำลองการใช้ โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณ (jammers) เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นการเข้าถึง Starlink โดยคาดว่าใช้โดรนประมาณ 1,000–2,000 ลำก็สามารถตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตดาวเทียมได้ ถือเป็นการจำลองเชิงยุทธศาสตร์ที่สะท้อนความตึงเครียดในภูมิภาค นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Zhejiang และ Beijing Institute of Technology ได้ใช้ข้อมูลจริงของเครือข่ายดาวเทียม Starlink มาจำลองการสร้าง mesh network ของโดรนติด jammer ครอบคลุมพื้นที่ขนาดไต้หวันในระยะเวลา 12 ชั่วโมง ผลการทดลองชี้ว่า หากใช้โดรนประมาณ 935–2,000 ลำ ที่บินห่างกัน 3–6 ไมล์ สามารถสร้าง “ม่านรบกวนสัญญาณ” สูง 12 ไมล์เพื่อปิดกั้นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ 🏭 ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ Starlink ถูกมองว่าเป็นจุดแข็งของยูเครนในการต้านทานรัสเซีย ทำให้จีนกังวลว่าไต้หวันอาจใช้เทคโนโลยีเดียวกันหากเกิดความขัดแย้ง การจำลองนี้จึงเป็นการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์เพื่อหาวิธีรับมือกับระบบสื่อสารดาวเทียมที่ยืดหยุ่นและยากต่อการปิดกั้น 🌍 การตอบสนองของไต้หวัน ไต้หวันเองกำลังลงทุนในระบบป้องกันโดรนและพิจารณาโครงสร้างป้องกันคล้าย Iron Dome เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศ รวมถึงการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์และการสื่อสาร ซึ่งสะท้อนถึงการเตรียมพร้อมของประเทศที่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก 🔒 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและภูมิรัฐศาสตร์ การศึกษานี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการทหาร แต่ยังส่งผลต่อ ห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีโลก เนื่องจากไต้หวันเป็นผู้ผลิตชิปหลัก หากการสื่อสารถูกตัดขาด อาจกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง เหตุการณ์นี้จึงเป็นสัญญาณเตือนว่าความมั่นคงทางดิจิทัลและการสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญในยุค AI และเศรษฐกิจดิจิทัล 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การจำลองของนักวิทยาศาสตร์จีน ➡️ ใช้โดรนติด jammer ประมาณ 935–2,000 ลำ ➡️ สามารถสร้างม่านรบกวนสัญญาณสูง 12 ไมล์ ✅ ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ Starlink ถูกมองว่าเป็นจุดแข็งของยูเครน ➡️ จีนกังวลว่าไต้หวันอาจใช้เทคโนโลยีเดียวกัน ✅ การตอบสนองของไต้หวัน ➡️ ลงทุนในระบบป้องกันโดรนและโครงสร้างคล้าย Iron Dome ➡️ เตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์และการสื่อสาร ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก ➡️ ไต้หวันเป็นศูนย์กลางการผลิตชิป ➡️ การตัดการสื่อสารอาจกระทบเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง ‼️ คำเตือนต่อภูมิรัฐศาสตร์ ⛔ ความตึงเครียดในภูมิภาคอาจกระทบห่วงโซ่อุปทานโลก ⛔ การใช้โดรนรบกวนสัญญาณอาจนำไปสู่สงครามเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ https://www.tomshardware.com/networking/china-simulated-a-starlink-blockade-over-taiwan-ccp-scientists-say-around-1-000-drones-would-be-enough-to-cut-satellite-internet-to-the-island
    0 Comments 0 Shares 370 Views 0 Reviews
  • Amazon เปิดตัว Leo Ultra: ดาวเทียมอินเทอร์เน็ตแรงสุด 1Gbps

    Amazon ประกาศเปิดตัว Leo Ultra ซึ่งเป็นเทอร์มินัลดาวเทียมอินเทอร์เน็ตระดับองค์กรที่สามารถให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps โดยอุปกรณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Amazon Leo (ชื่อใหม่ของ Project Kuiper) ที่ตั้งเป้าให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมทั่วโลกภายในปี 2026

    คุณสมบัติและการออกแบบ
    Leo Ultra มีขนาดประมาณ 20x30 นิ้ว หนา 1.9 นิ้ว ออกแบบให้ติดตั้งกลางแจ้งบนเสา โดยใช้เทคโนโลยี full-duplex phased-array ที่สามารถรับ–ส่งข้อมูลพร้อมกันได้ ตัวเครื่องยังมีระบบระบายความร้อนในตัวและทนต่อสภาพอากาศ ทำให้เหมาะกับการใช้งานในองค์กรที่ต้องการความเสถียรสูง

    การแข่งขันกับ Starlink และตลาดโลก
    Amazon ได้ปล่อยดาวเทียมกว่า 150 ดวงแล้ว และตั้งเป้าจะปล่อยหลายพันดวงเพื่อครอบคลุมทั่วโลก Leo Ultra ถูกวางตัวเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink ของ SpaceX แต่เน้นตลาดองค์กรและการเชื่อมต่อกับ AWS Cloud โดยตรง (Direct-to-AWS) ซึ่งช่วยให้ข้อมูลจากดาวเทียมเข้าสู่ระบบคลาวด์ได้ทันทีโดยไม่ผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะ

    ความหมายต่ออนาคตการเชื่อมต่อ
    การเปิดตัว Leo Ultra แสดงให้เห็นว่า Amazon ต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารที่ผสานกับบริการคลาวด์ของตนเอง ซึ่งอาจเปลี่ยนวิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในองค์กรและศูนย์ข้อมูลทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ราคาของบริการและอุปกรณ์ยังไม่ถูกเปิดเผย ทำให้ตลาดยังคงจับตาดูว่า Amazon จะสามารถแข่งขันกับ Starlink ได้จริงหรือไม่

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัว Leo Ultra
    ความเร็วดาวน์โหลด 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps

    คุณสมบัติหลัก
    ใช้ full-duplex phased-array, ทนสภาพอากาศ, ติดตั้งกลางแจ้ง

    การแข่งขันในตลาด
    แข่งกับ Starlink โดยเน้นตลาดองค์กรและเชื่อมต่อ AWS Cloud

    แผนการปล่อยดาวเทียม
    ปล่อยแล้วกว่า 150 ดวง ตั้งเป้าหลายพันดวงเพื่อครอบคลุมทั่วโลก

    คำเตือนจากนักวิเคราะห์
    ราคายังไม่ถูกเปิดเผย อาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึง

    ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน
    ต้องเผชิญกับ Starlink ที่ครองตลาดผู้ใช้ทั่วไปอยู่แล้ว

    https://www.tomshardware.com/networking/amazon-leo-ultra-enterprise-grade-terminal-targets-up-to-1gbps-satellite-internet
    🛰️ Amazon เปิดตัว Leo Ultra: ดาวเทียมอินเทอร์เน็ตแรงสุด 1Gbps Amazon ประกาศเปิดตัว Leo Ultra ซึ่งเป็นเทอร์มินัลดาวเทียมอินเทอร์เน็ตระดับองค์กรที่สามารถให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps โดยอุปกรณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Amazon Leo (ชื่อใหม่ของ Project Kuiper) ที่ตั้งเป้าให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมทั่วโลกภายในปี 2026 ⚙️ คุณสมบัติและการออกแบบ Leo Ultra มีขนาดประมาณ 20x30 นิ้ว หนา 1.9 นิ้ว ออกแบบให้ติดตั้งกลางแจ้งบนเสา โดยใช้เทคโนโลยี full-duplex phased-array ที่สามารถรับ–ส่งข้อมูลพร้อมกันได้ ตัวเครื่องยังมีระบบระบายความร้อนในตัวและทนต่อสภาพอากาศ ทำให้เหมาะกับการใช้งานในองค์กรที่ต้องการความเสถียรสูง 🌍 การแข่งขันกับ Starlink และตลาดโลก Amazon ได้ปล่อยดาวเทียมกว่า 150 ดวงแล้ว และตั้งเป้าจะปล่อยหลายพันดวงเพื่อครอบคลุมทั่วโลก Leo Ultra ถูกวางตัวเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink ของ SpaceX แต่เน้นตลาดองค์กรและการเชื่อมต่อกับ AWS Cloud โดยตรง (Direct-to-AWS) ซึ่งช่วยให้ข้อมูลจากดาวเทียมเข้าสู่ระบบคลาวด์ได้ทันทีโดยไม่ผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะ 🛡️ ความหมายต่ออนาคตการเชื่อมต่อ การเปิดตัว Leo Ultra แสดงให้เห็นว่า Amazon ต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารที่ผสานกับบริการคลาวด์ของตนเอง ซึ่งอาจเปลี่ยนวิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในองค์กรและศูนย์ข้อมูลทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ราคาของบริการและอุปกรณ์ยังไม่ถูกเปิดเผย ทำให้ตลาดยังคงจับตาดูว่า Amazon จะสามารถแข่งขันกับ Starlink ได้จริงหรือไม่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัว Leo Ultra ➡️ ความเร็วดาวน์โหลด 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ✅ คุณสมบัติหลัก ➡️ ใช้ full-duplex phased-array, ทนสภาพอากาศ, ติดตั้งกลางแจ้ง ✅ การแข่งขันในตลาด ➡️ แข่งกับ Starlink โดยเน้นตลาดองค์กรและเชื่อมต่อ AWS Cloud ✅ แผนการปล่อยดาวเทียม ➡️ ปล่อยแล้วกว่า 150 ดวง ตั้งเป้าหลายพันดวงเพื่อครอบคลุมทั่วโลก ‼️ คำเตือนจากนักวิเคราะห์ ⛔ ราคายังไม่ถูกเปิดเผย อาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึง ‼️ ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน ⛔ ต้องเผชิญกับ Starlink ที่ครองตลาดผู้ใช้ทั่วไปอยู่แล้ว https://www.tomshardware.com/networking/amazon-leo-ultra-enterprise-grade-terminal-targets-up-to-1gbps-satellite-internet
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Amazon unveils Starlink rival capable of up to 1 Gbps satellite internet — Leo Ultra is an enterprise-grade terminal with 400 Mbps upload speeds
    Amazon’s rebranded satellite internet service launches the Leo Ultra phased‑array antenna and begins enterprise preview ahead of 2026 rollout.
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 9

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 9
    นักประวัติศาสตร์บอก ญี่ปุ่นเปลี่ยนนิสัยจากการชอบอยู่สันโดษ เป็นการชอบออกล่าเหยื่อ ตั้งแต่อเมริกาเอาเรือรบมาขู่เอา ไมตรี ในปี ค.ศ.1856 และทำให้ญี่ปุ่น เริ่มขบวนการปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration นักประวัติศาสตร์บอก เรื่องนี้ก็ไม่แปลกอะไร ในเมื่อช่วงนั้น ใครที่แข็งแรง ก็อยากเป็นนักล่ากันทั้งนั้น แต่นิสัยก้าวร้าวที่เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1931 และกลายมาเป็นรุกรานอย่างโหดเหี้ยมเมื่อปี ค.ศ.1937 นี่ล่ะ มันมาจากไหนกันแน่
    เมื่อญี่ปุ่นเริ่มปฏิรูปประเทศ บรรดามือที่ปั้นญี่ปุ่นขึ้นมาใหม่ แม้จะเห็นพ้องว่า ญี่ปุ่นต้องพัฒนาประเทศให้ก้าวทันตะวันตก เพื่อไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างตะวันตกอีกนั้น แต่ก็มีรายละเอียดบางอย่างต่างกัน และในที่สุดก็แบ่งความเห็นเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน
    ฝ่ายหนึ่งบอก เราต้องเป็นญี่ปุ่นแบบ ” rich country, prosperous people” ประเทศมั่งคั่ง ประชาชนร่ำรวย
    อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่า ไม่ใช่ เราต้องเป็นญี่ปุ่น แบบ ” rich country, strong army” ประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง”
    ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างโต้แย้ง คัดค้าน และชิงอำนาจการปกครองประเทศกันมาตลอด ในช่วงแรก ฝ่ายแรกดูเหมือนจะมีคะแนนนำ และดูเหมือนเป็นช่วงที่ ญี่ปุ่นมีพี่เลี้ยง หรือมือที่ชักใยชื่อ อังกฤษ เกือบทุกเส้นรุ้งเส้นแวงในญี่ปุ่น เห็นอังกฤษ เป็นยิ่งกว่าเทพเจ้า ไม่เวันแม้แต่ในวังจักรพรรดิ ที่รัศมีของนักล่าจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็แผดแสงแรงนัก ในสายตาของญี่ปุ่น อังกฤษเป็นผมทองตาน้ำข้าว ที่ไม่ว่าจะกระดิกอะไร มันแสดงถึงความเป็นศิวิไลย์ของมนุษยชาติไปเสียทุกเรื่อง ญี่ปุ่นที่กำลังอยากเท่าเทียมตะวันตก ก็มีแต่จะตามลอกเลียนแบบ ด้วยความเคารพเท่านั้นเอง
    เมื่อโชกุนแห่งโตกุกาวา Tokugawa คนสุดท้าย (ถูกซามูไรพาดคอให้) ลาออกจากตำแหน่ง ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1867 บรรดานายพล และกองทัพ ของโชกุนก็สิ้นสภาพ แล้ววันที่ 2 มกราคม ค.ศ.1868 กองทัพจาก 5 แคว้นของญี่ปุ่น สะสุมะ Satsuma, โตซะ Tosa, ฮิโรชิมา Hiroshima, อิชิเซ็น Echizen และ โอวาริ Owari ที่นำโดยกลุ่มบุคคล ที่ต้องการปฏิรูปญี่ปุ่น ก็เข้ามาล้อมวังของจักรพรรดิ และให้แต่พวกที่ต่อต้านโชกุน แต่สนับสนุนจักรพรรดิ ผ่านเข้าไปในวังได้เท่านั้น และพวกเขาก็เริ่มศักราชแห่งการปฏิรูป Meiji Restoration โดยการตั้งหนุ่มน้อยอายุเพียง 14 ปี ขึ้นเป็นจักรพรรดิมัตสุฮิโต Matsuhito
    2 เดือนต่อมา เซอร์ Harry Parke ที่อังกฤษส่งมาเป็นตัวแทน นั่งเรือด่วนใช้เวลาเดินทางมา 2 เดือน เพื่อมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิใหม่เอี่ยม ที่เพิ่งแกะออกจากกล่อง อังกฤษนับเป็นชาวต่างชาติประเทศแรก ที่สายตายาวไกล ลงทุนลงแรง เดินทางมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิคนใหม่ หลังจากนั้นฝรั่งเศสและดัชท์ก็ตามมาติดๆ ก่อนที่จะเสียเปรียบอังกฤษมากเกินไป
    หนึ่งปีต่อมาในปี ค.ศ.1869 อังกฤษ ก็ส่งเจ้าชาย Alfred, Duke of Edinburgh ในฐานะเป็นกัปตันเรือรบหลวงของ อังกฤษ Galatea มาเยี่ยมญี่ปุ่นอีก และในปี ค.ศ.1881 อังกฤษก็ส่งเจ้าชาย มาอีกชุด คราวนี่เจ้าชาย Albert Victor และ George มาพักที่วังของจักรพรรดิเองเลย อังกฤษเล่นโอ๋ญี่ปุ่นถึงขนาดนี้ จะไม่ให้ญี่ปุ่นอ่อนเปียกอยู่ในมืออังกฤษได้อย่างไร ให้ทำอะไร ก็ต้องพร้อม
    อังกฤษไม่ได้มองเห็นหมากตัวสำคัญชื่อญี่ปุ่นแต่เพียงรายเดียวเท่านั้น รัสเซียก็มองเห็น และยังเห็นความหวานผิดปรกติของอังกฤษต่อญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1891 มงกุฏราชกุมารรัสเซีย เจ้าชายนิโคลัส เลยต้องแวะมาเยี่ยมญี่ปุ่นเหมือนกัน เป็นประเทศสุดท้าย ของการท่องเอเซียของเจ้าชายครั้งนั้น ระหว่างเจ้าชายนั่งรถลากชมเมืองเกียวโต มีตำรวจญี่ปุ่นชักดาบขึ้นมาคารวะเจ้าชาย หลังจากนั้นก็เอาจ้วงแทง เฉียดคอมงกุฏราชกุมารรัสเซียอย่างฉิวเฉียด สงครามญี่ปุ่นกับรัสเซีย เกือบจะเริ่มเร็วกว่าที่วางแผนไว้ หลังจากนั้น เจ้าชายนิโคลัสก็เชิญจักรพรรดิมัตสุฮิโตไปเสวยกลางวันด้วยกัน บนเรือรบของรัสเซีย ท่ามกลางเสียงคัดค้านรอบตัว ญี่ปุ่นไม่มีทางเลือก ต้องไป แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รายการวัดใจรุ่นใหญ่ เล่นกันได้สมกับตำแหน่ง
    แต่ดูเหมือนรัสเซียจะไม่ได้ใจญี่ปุ่น อย่างที่อังกฤษได้ น้ำตาลรัสเซียถ้าจะหวานไม่พอ
    หลังจากนั้น ก็มีข่าวว่า รัสเซียตัดสินใจจะสร้างทางรถไฟ สายทรานส์ไซบีเรีย ญี่ปุ่นกลัวว่ารัสเซียกำลังมุ่งลงใต้มาเอาแหล่งน้ำจืดที่แมนจูเรียและเกาหลี ส่วนอังกฤษก็มองว่ารัสเซียกำลังขยายอำนาจลงมาทางใต้ ผ่านเกาหลี เพื่อจะมาแซะจีน แบบนี้ ทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นจะปล่อยให้ทางรถไฟของรัสเซียเกิดขึ้นไม่ได้ ญี่ปุ่นจะต้องยึดเกาหลีมาให้ได้เสียก่อน แล้วญี่ปุ่นก็บุกเกาหลีในปี ค.ศ.1895
    ผลการยึดเกาหลี ได้ทำให้พวกฝรั่งต่างมองญี่ปุ่นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป รัสเซีย เยอรมัน และฝรั่งเศส พากันประท้วงให้ญี่ปุ่นคืนแมนจูเรีย ญี่ปุ่นยังไม่แน่ใจในแรงหมัดของตัว เลยตกลงปล่อยมือ ที่คว้าแมนจูเรียออกไปก่อน
    เรื่องนี้ ทำให้อังกฤษหงุดหงิด เสียแผนที่วางไว้ จึงจับญี่ปุ่นมาทำสัญญาในปี ค.ศ.1902
    ทั้งเรื่องการรบชนะเกาหลี ตีจีนกระเจิง และทำให้อังกฤษมาทำสัญญากับญี่ปุ่น ทำให้ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง เริ่มมีคะแนนแซงหน้า ฝ่ายที่ไม่เอากองทัพ และนโยบายของญี่ปุ่นก็ยิ่งเปลี่ยนจากเป็นผู้รักสันโดษไกลออกไปทุกที
    อันที่จริงในญี่ปุ่น ผู้ที่ไม่สนับสนุนให้ญี่ปุนสร้างกองทัพอย่างออกนอกหน้า คือ นายทากาฮาชิ โกเรกิโยะ Takahashi Korekiyo ถ้ายังจำกันได้ จากนิทานเรื่องต้มข้ามศตวรรษ เขานั่นแหละ เป็นคนที่ต้องไปทำหน้าที่หาเงินกู้มาให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย และเป็นคนที่ “บังเอิญ” ไปนั่งข้าง Jacob Shiff คนจัดการหาเงินกู้ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย โลกก็แสนจะกว้างใหญ่ แต่ทำไม หลายเรื่อง หลายคน มันมาชนกันอย่างไม่น่าเชื่อ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    20 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 9 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 9 นักประวัติศาสตร์บอก ญี่ปุ่นเปลี่ยนนิสัยจากการชอบอยู่สันโดษ เป็นการชอบออกล่าเหยื่อ ตั้งแต่อเมริกาเอาเรือรบมาขู่เอา ไมตรี ในปี ค.ศ.1856 และทำให้ญี่ปุ่น เริ่มขบวนการปฏิรูปประเทศ Meiji Restoration นักประวัติศาสตร์บอก เรื่องนี้ก็ไม่แปลกอะไร ในเมื่อช่วงนั้น ใครที่แข็งแรง ก็อยากเป็นนักล่ากันทั้งนั้น แต่นิสัยก้าวร้าวที่เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1931 และกลายมาเป็นรุกรานอย่างโหดเหี้ยมเมื่อปี ค.ศ.1937 นี่ล่ะ มันมาจากไหนกันแน่ เมื่อญี่ปุ่นเริ่มปฏิรูปประเทศ บรรดามือที่ปั้นญี่ปุ่นขึ้นมาใหม่ แม้จะเห็นพ้องว่า ญี่ปุ่นต้องพัฒนาประเทศให้ก้าวทันตะวันตก เพื่อไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างตะวันตกอีกนั้น แต่ก็มีรายละเอียดบางอย่างต่างกัน และในที่สุดก็แบ่งความเห็นเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน ฝ่ายหนึ่งบอก เราต้องเป็นญี่ปุ่นแบบ ” rich country, prosperous people” ประเทศมั่งคั่ง ประชาชนร่ำรวย อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่า ไม่ใช่ เราต้องเป็นญี่ปุ่น แบบ ” rich country, strong army” ประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง” ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างโต้แย้ง คัดค้าน และชิงอำนาจการปกครองประเทศกันมาตลอด ในช่วงแรก ฝ่ายแรกดูเหมือนจะมีคะแนนนำ และดูเหมือนเป็นช่วงที่ ญี่ปุ่นมีพี่เลี้ยง หรือมือที่ชักใยชื่อ อังกฤษ เกือบทุกเส้นรุ้งเส้นแวงในญี่ปุ่น เห็นอังกฤษ เป็นยิ่งกว่าเทพเจ้า ไม่เวันแม้แต่ในวังจักรพรรดิ ที่รัศมีของนักล่าจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็แผดแสงแรงนัก ในสายตาของญี่ปุ่น อังกฤษเป็นผมทองตาน้ำข้าว ที่ไม่ว่าจะกระดิกอะไร มันแสดงถึงความเป็นศิวิไลย์ของมนุษยชาติไปเสียทุกเรื่อง ญี่ปุ่นที่กำลังอยากเท่าเทียมตะวันตก ก็มีแต่จะตามลอกเลียนแบบ ด้วยความเคารพเท่านั้นเอง เมื่อโชกุนแห่งโตกุกาวา Tokugawa คนสุดท้าย (ถูกซามูไรพาดคอให้) ลาออกจากตำแหน่ง ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1867 บรรดานายพล และกองทัพ ของโชกุนก็สิ้นสภาพ แล้ววันที่ 2 มกราคม ค.ศ.1868 กองทัพจาก 5 แคว้นของญี่ปุ่น สะสุมะ Satsuma, โตซะ Tosa, ฮิโรชิมา Hiroshima, อิชิเซ็น Echizen และ โอวาริ Owari ที่นำโดยกลุ่มบุคคล ที่ต้องการปฏิรูปญี่ปุ่น ก็เข้ามาล้อมวังของจักรพรรดิ และให้แต่พวกที่ต่อต้านโชกุน แต่สนับสนุนจักรพรรดิ ผ่านเข้าไปในวังได้เท่านั้น และพวกเขาก็เริ่มศักราชแห่งการปฏิรูป Meiji Restoration โดยการตั้งหนุ่มน้อยอายุเพียง 14 ปี ขึ้นเป็นจักรพรรดิมัตสุฮิโต Matsuhito 2 เดือนต่อมา เซอร์ Harry Parke ที่อังกฤษส่งมาเป็นตัวแทน นั่งเรือด่วนใช้เวลาเดินทางมา 2 เดือน เพื่อมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิใหม่เอี่ยม ที่เพิ่งแกะออกจากกล่อง อังกฤษนับเป็นชาวต่างชาติประเทศแรก ที่สายตายาวไกล ลงทุนลงแรง เดินทางมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิคนใหม่ หลังจากนั้นฝรั่งเศสและดัชท์ก็ตามมาติดๆ ก่อนที่จะเสียเปรียบอังกฤษมากเกินไป หนึ่งปีต่อมาในปี ค.ศ.1869 อังกฤษ ก็ส่งเจ้าชาย Alfred, Duke of Edinburgh ในฐานะเป็นกัปตันเรือรบหลวงของ อังกฤษ Galatea มาเยี่ยมญี่ปุ่นอีก และในปี ค.ศ.1881 อังกฤษก็ส่งเจ้าชาย มาอีกชุด คราวนี่เจ้าชาย Albert Victor และ George มาพักที่วังของจักรพรรดิเองเลย อังกฤษเล่นโอ๋ญี่ปุ่นถึงขนาดนี้ จะไม่ให้ญี่ปุ่นอ่อนเปียกอยู่ในมืออังกฤษได้อย่างไร ให้ทำอะไร ก็ต้องพร้อม อังกฤษไม่ได้มองเห็นหมากตัวสำคัญชื่อญี่ปุ่นแต่เพียงรายเดียวเท่านั้น รัสเซียก็มองเห็น และยังเห็นความหวานผิดปรกติของอังกฤษต่อญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1891 มงกุฏราชกุมารรัสเซีย เจ้าชายนิโคลัส เลยต้องแวะมาเยี่ยมญี่ปุ่นเหมือนกัน เป็นประเทศสุดท้าย ของการท่องเอเซียของเจ้าชายครั้งนั้น ระหว่างเจ้าชายนั่งรถลากชมเมืองเกียวโต มีตำรวจญี่ปุ่นชักดาบขึ้นมาคารวะเจ้าชาย หลังจากนั้นก็เอาจ้วงแทง เฉียดคอมงกุฏราชกุมารรัสเซียอย่างฉิวเฉียด สงครามญี่ปุ่นกับรัสเซีย เกือบจะเริ่มเร็วกว่าที่วางแผนไว้ หลังจากนั้น เจ้าชายนิโคลัสก็เชิญจักรพรรดิมัตสุฮิโตไปเสวยกลางวันด้วยกัน บนเรือรบของรัสเซีย ท่ามกลางเสียงคัดค้านรอบตัว ญี่ปุ่นไม่มีทางเลือก ต้องไป แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รายการวัดใจรุ่นใหญ่ เล่นกันได้สมกับตำแหน่ง แต่ดูเหมือนรัสเซียจะไม่ได้ใจญี่ปุ่น อย่างที่อังกฤษได้ น้ำตาลรัสเซียถ้าจะหวานไม่พอ หลังจากนั้น ก็มีข่าวว่า รัสเซียตัดสินใจจะสร้างทางรถไฟ สายทรานส์ไซบีเรีย ญี่ปุ่นกลัวว่ารัสเซียกำลังมุ่งลงใต้มาเอาแหล่งน้ำจืดที่แมนจูเรียและเกาหลี ส่วนอังกฤษก็มองว่ารัสเซียกำลังขยายอำนาจลงมาทางใต้ ผ่านเกาหลี เพื่อจะมาแซะจีน แบบนี้ ทั้งอังกฤษและญี่ปุ่นจะปล่อยให้ทางรถไฟของรัสเซียเกิดขึ้นไม่ได้ ญี่ปุ่นจะต้องยึดเกาหลีมาให้ได้เสียก่อน แล้วญี่ปุ่นก็บุกเกาหลีในปี ค.ศ.1895 ผลการยึดเกาหลี ได้ทำให้พวกฝรั่งต่างมองญี่ปุ่นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป รัสเซีย เยอรมัน และฝรั่งเศส พากันประท้วงให้ญี่ปุ่นคืนแมนจูเรีย ญี่ปุ่นยังไม่แน่ใจในแรงหมัดของตัว เลยตกลงปล่อยมือ ที่คว้าแมนจูเรียออกไปก่อน เรื่องนี้ ทำให้อังกฤษหงุดหงิด เสียแผนที่วางไว้ จึงจับญี่ปุ่นมาทำสัญญาในปี ค.ศ.1902 ทั้งเรื่องการรบชนะเกาหลี ตีจีนกระเจิง และทำให้อังกฤษมาทำสัญญากับญี่ปุ่น ทำให้ฝ่ายที่ต้องการสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง เริ่มมีคะแนนแซงหน้า ฝ่ายที่ไม่เอากองทัพ และนโยบายของญี่ปุ่นก็ยิ่งเปลี่ยนจากเป็นผู้รักสันโดษไกลออกไปทุกที อันที่จริงในญี่ปุ่น ผู้ที่ไม่สนับสนุนให้ญี่ปุนสร้างกองทัพอย่างออกนอกหน้า คือ นายทากาฮาชิ โกเรกิโยะ Takahashi Korekiyo ถ้ายังจำกันได้ จากนิทานเรื่องต้มข้ามศตวรรษ เขานั่นแหละ เป็นคนที่ต้องไปทำหน้าที่หาเงินกู้มาให้ญี่ปุ่นรบรัสเซีย และเป็นคนที่ “บังเอิญ” ไปนั่งข้าง Jacob Shiff คนจัดการหาเงินกู้ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย โลกก็แสนจะกว้างใหญ่ แต่ทำไม หลายเรื่อง หลายคน มันมาชนกันอย่างไม่น่าเชื่อ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 20 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 481 Views 0 Reviews
  • “Amazon เผชิญศึกกฎหมายในฝรั่งเศส: ใบอนุญาตดาวเทียมอินเทอร์เน็ตถูกท้าทาย”

    Amazon ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลโทรคมนาคมของฝรั่งเศส (Arcep) ให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับโครงการดาวเทียมอินเทอร์เน็ตเป็นเวลา 10 ปี เพื่อสร้างเครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) แข่งกับผู้เล่นรายใหญ่อย่าง SpaceX และ OneWeb อย่างไรก็ตาม สหภาพแรงงาน CFE-CGC Telecoms ได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุดของฝรั่งเศสเพื่อขอให้ยกเลิกการอนุญาตดังกล่าว

    แรงงานมองว่าการให้สิทธิ์ Amazon อาจสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากข้อมูลการสื่อสารอาจถูกควบคุมโดยบริษัทต่างชาติ อีกทั้งยังตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการอนุมัติและผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดโทรคมนาคมฝรั่งเศส

    กรณีนี้ถือเป็นการทดสอบครั้งใหญ่สำหรับความทะเยอทะยานของ Amazon ในการเข้าสู่ธุรกิจอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือภูมิภาคที่โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตยังไม่ครอบคลุม

    แม้จะมีความท้าทายทางกฎหมาย แต่ Amazon ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการดาวเทียม Kuiper ที่ตั้งเป้าจะให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก และมองว่าการแข่งขันกับ SpaceX จะเป็นแรงผลักดันให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงผู้ใช้ได้เร็วขึ้น

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การอนุญาตจาก Arcep
    Amazon ได้สิทธิ์ใช้คลื่นความถี่ดาวเทียม 10 ปี
    โครงการ Kuiper ตั้งเป้าให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก

    การฟ้องร้องโดยสหภาพแรงงานฝรั่งเศส
    ยื่นต่อศาลสูงสุดเพื่อยกเลิกใบอนุญาต
    ตั้งข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใสและผลกระทบต่อการแข่งขัน

    เป้าหมายของ Amazon
    แข่งขันกับ SpaceX และ OneWeb ในตลาดดาวเทียมอินเทอร์เน็ต
    เน้นพื้นที่ชนบทและภูมิภาคที่ขาดโครงสร้างพื้นฐาน

    ข้อกังวลด้านความมั่นคงและข้อมูล
    การควบคุมข้อมูลโดยบริษัทต่างชาติอาจเสี่ยงต่อความมั่นคง
    อาจกระทบต่อผู้ให้บริการโทรคมนาคมท้องถิ่น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/25/amazon039s-satellite-internet-licence-faces-legal-challenge-in-france
    🚀 “Amazon เผชิญศึกกฎหมายในฝรั่งเศส: ใบอนุญาตดาวเทียมอินเทอร์เน็ตถูกท้าทาย” Amazon ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลโทรคมนาคมของฝรั่งเศส (Arcep) ให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับโครงการดาวเทียมอินเทอร์เน็ตเป็นเวลา 10 ปี เพื่อสร้างเครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) แข่งกับผู้เล่นรายใหญ่อย่าง SpaceX และ OneWeb อย่างไรก็ตาม สหภาพแรงงาน CFE-CGC Telecoms ได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุดของฝรั่งเศสเพื่อขอให้ยกเลิกการอนุญาตดังกล่าว แรงงานมองว่าการให้สิทธิ์ Amazon อาจสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากข้อมูลการสื่อสารอาจถูกควบคุมโดยบริษัทต่างชาติ อีกทั้งยังตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการอนุมัติและผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดโทรคมนาคมฝรั่งเศส กรณีนี้ถือเป็นการทดสอบครั้งใหญ่สำหรับความทะเยอทะยานของ Amazon ในการเข้าสู่ธุรกิจอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือภูมิภาคที่โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตยังไม่ครอบคลุม แม้จะมีความท้าทายทางกฎหมาย แต่ Amazon ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการดาวเทียม Kuiper ที่ตั้งเป้าจะให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก และมองว่าการแข่งขันกับ SpaceX จะเป็นแรงผลักดันให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงผู้ใช้ได้เร็วขึ้น 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การอนุญาตจาก Arcep ➡️ Amazon ได้สิทธิ์ใช้คลื่นความถี่ดาวเทียม 10 ปี ➡️ โครงการ Kuiper ตั้งเป้าให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ✅ การฟ้องร้องโดยสหภาพแรงงานฝรั่งเศส ➡️ ยื่นต่อศาลสูงสุดเพื่อยกเลิกใบอนุญาต ➡️ ตั้งข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใสและผลกระทบต่อการแข่งขัน ✅ เป้าหมายของ Amazon ➡️ แข่งขันกับ SpaceX และ OneWeb ในตลาดดาวเทียมอินเทอร์เน็ต ➡️ เน้นพื้นที่ชนบทและภูมิภาคที่ขาดโครงสร้างพื้นฐาน ‼️ ข้อกังวลด้านความมั่นคงและข้อมูล ⛔ การควบคุมข้อมูลโดยบริษัทต่างชาติอาจเสี่ยงต่อความมั่นคง ⛔ อาจกระทบต่อผู้ให้บริการโทรคมนาคมท้องถิ่น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/25/amazon039s-satellite-internet-licence-faces-legal-challenge-in-france
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Amazon's satellite internet licence faces legal challenge in France
    (Reuters) -A French union filed a legal challenge on Monday against a decision by the country's telecoms regulator to grant radio spectrum to Amazon's satellite internet service, the biggest test yet of the U.S. tech giant's broadband ambitions.
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
  • "Intel W890 Platform หลุดข้อมูล รองรับ Granite Rapids Workstation CPUs"

    แพลตฟอร์ม W890 ถูกออกแบบสำหรับซีพียู Xeon-WS Granite Rapids รุ่นใหม่ โดยใช้ซ็อกเก็ต E2 (LGA 4710) รองรับซีพียูที่มี สูงสุด 16 P-Cores และค่า TDP สูงถึง 350W ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่เพื่อแข่งขันกับ AMD Threadripper 9000 ที่มีจำนวนคอร์มากกว่าเล็กน้อย แต่ Intel หวังชดเชยด้วยสถาปัตยกรรมและฟีเจอร์ที่ครบครัน

    สเปกหลักที่น่าสนใจ
    หน่วยความจำ: รองรับ DDR5 DIMMs และ RDIMMs ความเร็วสูงสุด 5200 MT/s ความจุสูงสุด 2TB แบบ Quad-channel
    PCIe lanes: รุ่น Expert มีทั้งหมด 112 เลน (96 Gen5 + 16 Gen4), รุ่น Mainstream มี 80 เลน Gen5
    การเชื่อมต่อ: DMI Gen4 x8, Ethernet 2.5GbE, USB 3.2 จำนวน 10 พอร์ต, SATA III 8 พอร์ต, SlimSAS 2 ช่อง
    พลังงาน: ใช้หัวต่อ 24-pin ATX + สูงสุด 4 หัวต่อ 8-pin ATX เพื่อรองรับ TDP 350W

    การแข่งขันกับ AMD Threadripper 9000
    AMD Threadripper 9000 มีจำนวนคอร์สูงสุด 96 คอร์ เทียบกับ Granite Rapids ที่ 86 คอร์ แต่ Intel พยายามชูจุดเด่นด้าน ประสิทธิภาพต่อวัตต์ และการรองรับหน่วยความจำความจุสูง รวมถึงการเชื่อมต่อ PCIe ที่หลากหลาย ทำให้การแข่งขันในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูงยังคงสูสี

    การเปิดตัวและอนาคต
    Intel คาดว่าจะเปิดตัว W890 และ Granite Rapids Workstation CPUs ในปี 2026 โดยอาจมีการเผยโฉมครั้งแรกที่งาน CES 2026 หากเป็นจริง นี่จะเป็นการกลับมาสู้ตลาด HEDT/Workstation ที่ Intel เคยครองมาก่อน แต่ถูก AMD แย่งชิงไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

    สรุปสาระสำคัญ
    แพลตฟอร์ม W890
    ใช้ซ็อกเก็ต LGA 4710 รองรับซีพียู Granite Rapids
    TDP สูงสุด 350W และ 16 P-Cores

    สเปกเด่น
    หน่วยความจำ DDR5 RDIMM สูงสุด 2TB
    PCIe lanes สูงสุด 112 (96 Gen5 + 16 Gen4)

    การเชื่อมต่อ
    Ethernet 2.5GbE, USB 3.2 จำนวน 10 พอร์ต
    SATA III 8 พอร์ต และ SlimSAS 2 ช่อง

    การแข่งขัน
    AMD Threadripper 9000 มีคอร์มากกว่า (96 vs 86)
    Intel เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และการรองรับหน่วยความจำ

    คำเตือน
    ค่า TDP สูงถึง 350W ต้องการระบบระบายความร้อนที่ทรงพลัง
    การแข่งขันกับ AMD อาจทำให้ราคาสูงและเข้าถึงยากสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

    https://wccftech.com/intel-w890-platform-details-leak-granite-rapids-workstation-cpus-350w-tdp-2-tb-quad-channel-ddr5-rdimm-memory/
    📰 "Intel W890 Platform หลุดข้อมูล รองรับ Granite Rapids Workstation CPUs" แพลตฟอร์ม W890 ถูกออกแบบสำหรับซีพียู Xeon-WS Granite Rapids รุ่นใหม่ โดยใช้ซ็อกเก็ต E2 (LGA 4710) รองรับซีพียูที่มี สูงสุด 16 P-Cores และค่า TDP สูงถึง 350W ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่เพื่อแข่งขันกับ AMD Threadripper 9000 ที่มีจำนวนคอร์มากกว่าเล็กน้อย แต่ Intel หวังชดเชยด้วยสถาปัตยกรรมและฟีเจอร์ที่ครบครัน ⚙️ สเปกหลักที่น่าสนใจ ⭐ หน่วยความจำ: รองรับ DDR5 DIMMs และ RDIMMs ความเร็วสูงสุด 5200 MT/s ความจุสูงสุด 2TB แบบ Quad-channel ⭐ PCIe lanes: รุ่น Expert มีทั้งหมด 112 เลน (96 Gen5 + 16 Gen4), รุ่น Mainstream มี 80 เลน Gen5 ⭐ การเชื่อมต่อ: DMI Gen4 x8, Ethernet 2.5GbE, USB 3.2 จำนวน 10 พอร์ต, SATA III 8 พอร์ต, SlimSAS 2 ช่อง ⭐ พลังงาน: ใช้หัวต่อ 24-pin ATX + สูงสุด 4 หัวต่อ 8-pin ATX เพื่อรองรับ TDP 350W 🆚 การแข่งขันกับ AMD Threadripper 9000 AMD Threadripper 9000 มีจำนวนคอร์สูงสุด 96 คอร์ เทียบกับ Granite Rapids ที่ 86 คอร์ แต่ Intel พยายามชูจุดเด่นด้าน ประสิทธิภาพต่อวัตต์ และการรองรับหน่วยความจำความจุสูง รวมถึงการเชื่อมต่อ PCIe ที่หลากหลาย ทำให้การแข่งขันในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูงยังคงสูสี 📅 การเปิดตัวและอนาคต Intel คาดว่าจะเปิดตัว W890 และ Granite Rapids Workstation CPUs ในปี 2026 โดยอาจมีการเผยโฉมครั้งแรกที่งาน CES 2026 หากเป็นจริง นี่จะเป็นการกลับมาสู้ตลาด HEDT/Workstation ที่ Intel เคยครองมาก่อน แต่ถูก AMD แย่งชิงไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แพลตฟอร์ม W890 ➡️ ใช้ซ็อกเก็ต LGA 4710 รองรับซีพียู Granite Rapids ➡️ TDP สูงสุด 350W และ 16 P-Cores ✅ สเปกเด่น ➡️ หน่วยความจำ DDR5 RDIMM สูงสุด 2TB ➡️ PCIe lanes สูงสุด 112 (96 Gen5 + 16 Gen4) ✅ การเชื่อมต่อ ➡️ Ethernet 2.5GbE, USB 3.2 จำนวน 10 พอร์ต ➡️ SATA III 8 พอร์ต และ SlimSAS 2 ช่อง ✅ การแข่งขัน ➡️ AMD Threadripper 9000 มีคอร์มากกว่า (96 vs 86) ➡️ Intel เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และการรองรับหน่วยความจำ ‼️ คำเตือน ⛔ ค่า TDP สูงถึง 350W ต้องการระบบระบายความร้อนที่ทรงพลัง ⛔ การแข่งขันกับ AMD อาจทำให้ราคาสูงและเข้าถึงยากสำหรับผู้ใช้ทั่วไป https://wccftech.com/intel-w890-platform-details-leak-granite-rapids-workstation-cpus-350w-tdp-2-tb-quad-channel-ddr5-rdimm-memory/
    WCCFTECH.COM
    Intel W890 Platform Details: Granite Rapids Workstation 350W TDP, 2TB DDR5
    Full details of Intel's W890 platform, designed for the upcoming Granite Rapids Workstation CPUs, have leaked out.
    0 Comments 0 Shares 247 Views 0 Reviews
  • วิธีหยุดพฤติกรรม “glazing” ของแชตบอท AI

    ทความจาก SlashGear อธิบายวิธีหยุดพฤติกรรม “glazing” ของแชตบอท AI อย่าง ChatGPT ที่ชอบใส่คำพูดฟุ่มเฟือยหรือย้ำคำถาม โดยแนะนำให้ใช้ instruction prompts และการปรับแต่ง custom personality settings เพื่อให้บอทตอบตรงประเด็นและแม่นยำมากขึ้น.

    ผู้ใช้หลายคนพบว่า ChatGPT และบอท AI อื่น ๆ เช่น Gemini หรือ Grok มักจะตอบแบบ “glazing” คือการ ย้ำคำถาม, ใส่คำพูดปลอบใจ, หรือใช้ภาษาฟุ่มเฟือย ก่อนจะเข้าสู่คำตอบจริง ซึ่งทำให้เสียเวลาและบางครั้งทำให้ข้อมูลไม่ชัดเจน.

    วิธีแก้ไขด้วย Instruction Prompts
    วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้ instruction prompts เพื่อกำหนดแนวทางการตอบ เช่น ตัวอย่างที่ผู้เขียนใช้คือ:


    Do not restate my question, add filler, or soften your responses.
    Answer directly, concisely, and factually.
    Prioritize accuracy over politeness.
    If information is uncertain, say so explicitly instead of guessing.
    Focus only on the specific details I ask for.

    แปลเป็นไทยคือ

    อย่ากล่าวซ้ำคำถามของฉัน เพิ่มคำเติม หรือทำให้คำตอบของคุณไม่ตรงไปตรงมา
    ตอบตรงประเด็น กระชับ และตรงตามข้อเท็จจริง
    ให้ความสำคัญกับความถูกต้องมากกว่าความสุภาพ
    หากข้อมูลไม่ชัดเจน ให้พูดอย่างชัดเจนแทนที่จะเดา
    เน้นเฉพาะรายละเอียดเฉพาะที่ฉันถามเท่านั้น

    เมื่อใส่ prompt นี้ ChatGPT จะหยุดพฤติกรรม glazing และตอบตรงประเด็นมากขึ้น แม้บางครั้งยังมีการ “หลุด” กลับไปใช้สำนวนเดิม แต่โดยรวมถือว่าช่วยได้มาก.

    การปรับแต่ง Personality Settings
    นอกจาก instruction prompts แบบรายครั้งแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่ง custom personality ในการตั้งค่าของ ChatGPT หรือ Grok ได้ เช่น การเลือกบุคลิกที่ตรงไปตรงมา หรือใส่ custom instructions ให้บอทจดจำตลอดการสนทนา วิธีนี้ช่วยลดการต้องใส่ prompt ซ้ำ ๆ และทำให้บอทตอบตรงประเด็นในทุกการใช้งาน.

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    ปัญหาที่พบ
    ChatGPT และบอท AI มักตอบแบบ glazing (ย้ำคำถาม, ใช้คำปลอบใจ, ฟุ่มเฟือย)

    วิธีแก้ไข
    ใช้ instruction prompts เพื่อบังคับให้ตอบตรงประเด็น
    ปรับแต่ง personality settings ให้ตอบแบบ concise และ factual

    คำเตือน
    แม้ใช้ instruction prompts แล้ว บอทยังอาจ “หลุด” กลับไปใช้สำนวนเดิม
    ต้องทดสอบและปรับแต่งหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ

    https://www.slashgear.com/2030799/how-to-stop-chatgpt-and-other-ai-chatbots-from-glazing-over-your-conversations/
    🤖 วิธีหยุดพฤติกรรม “glazing” ของแชตบอท AI ทความจาก SlashGear อธิบายวิธีหยุดพฤติกรรม “glazing” ของแชตบอท AI อย่าง ChatGPT ที่ชอบใส่คำพูดฟุ่มเฟือยหรือย้ำคำถาม โดยแนะนำให้ใช้ instruction prompts และการปรับแต่ง custom personality settings เพื่อให้บอทตอบตรงประเด็นและแม่นยำมากขึ้น. ผู้ใช้หลายคนพบว่า ChatGPT และบอท AI อื่น ๆ เช่น Gemini หรือ Grok มักจะตอบแบบ “glazing” คือการ ย้ำคำถาม, ใส่คำพูดปลอบใจ, หรือใช้ภาษาฟุ่มเฟือย ก่อนจะเข้าสู่คำตอบจริง ซึ่งทำให้เสียเวลาและบางครั้งทำให้ข้อมูลไม่ชัดเจน. 🛠️ วิธีแก้ไขด้วย Instruction Prompts วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้ instruction prompts เพื่อกำหนดแนวทางการตอบ เช่น ตัวอย่างที่ผู้เขียนใช้คือ: 👉 Do not restate my question, add filler, or soften your responses. Answer directly, concisely, and factually. Prioritize accuracy over politeness. If information is uncertain, say so explicitly instead of guessing. Focus only on the specific details I ask for. แปลเป็นไทยคือ 👉 อย่ากล่าวซ้ำคำถามของฉัน เพิ่มคำเติม หรือทำให้คำตอบของคุณไม่ตรงไปตรงมา ตอบตรงประเด็น กระชับ และตรงตามข้อเท็จจริง ให้ความสำคัญกับความถูกต้องมากกว่าความสุภาพ หากข้อมูลไม่ชัดเจน ให้พูดอย่างชัดเจนแทนที่จะเดา เน้นเฉพาะรายละเอียดเฉพาะที่ฉันถามเท่านั้น เมื่อใส่ prompt นี้ ChatGPT จะหยุดพฤติกรรม glazing และตอบตรงประเด็นมากขึ้น แม้บางครั้งยังมีการ “หลุด” กลับไปใช้สำนวนเดิม แต่โดยรวมถือว่าช่วยได้มาก. ⚙️ การปรับแต่ง Personality Settings นอกจาก instruction prompts แบบรายครั้งแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่ง custom personality ในการตั้งค่าของ ChatGPT หรือ Grok ได้ เช่น การเลือกบุคลิกที่ตรงไปตรงมา หรือใส่ custom instructions ให้บอทจดจำตลอดการสนทนา วิธีนี้ช่วยลดการต้องใส่ prompt ซ้ำ ๆ และทำให้บอทตอบตรงประเด็นในทุกการใช้งาน. 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ ปัญหาที่พบ ➡️ ChatGPT และบอท AI มักตอบแบบ glazing (ย้ำคำถาม, ใช้คำปลอบใจ, ฟุ่มเฟือย) ✅ วิธีแก้ไข ➡️ ใช้ instruction prompts เพื่อบังคับให้ตอบตรงประเด็น ➡️ ปรับแต่ง personality settings ให้ตอบแบบ concise และ factual ‼️ คำเตือน ⛔ แม้ใช้ instruction prompts แล้ว บอทยังอาจ “หลุด” กลับไปใช้สำนวนเดิม ⛔ ต้องทดสอบและปรับแต่งหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ https://www.slashgear.com/2030799/how-to-stop-chatgpt-and-other-ai-chatbots-from-glazing-over-your-conversations/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    You Can Stop ChatGPT (And Other AI Chatbots) From Glazing Over Your Conversations — Here's How - SlashGear
    Stop ChatGPT glazing by using clear instruction prompts and adjusting its personality so it replies concisely and accurately without restating your questions.
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 Reviews
  • เรนโบว์ (Rainbow) – วงดนตรีป๊อปร็อกแห่งตำนาน กับความลับของเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)"

    วงเรนโบว์ ถือกำเนิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1980s โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี พ.ศ. 2528 ในฐานะวงดนตรีป๊อปร็อกที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับวงการเพลงไทย ภายใต้สังกัด อาร์.เอส. โปรโมชั่น (RS Promotion) ซึ่งเป็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในยุคนั้น วงนี้เกิดขึ้นจากการแยกตัวของสมาชิกบางส่วนจากวงอินทนิล (Inthanin) ซึ่งเป็นวงดนตรีวงแรกของค่าย RS ที่ยุบวงไปก่อนหน้านี้ สมาชิกผู้ก่อตั้งหลัก ได้แก่ พีระพงษ์ พลชนะ (ต้อม), เรวัติ สระแก้ว (ป๋อง) และธีระศักดิ์ วดีศิริศักดิ์ (อุ๋น) ที่ตัดสินใจรวมตัวกันเพื่อสร้างสรรค์ดนตรีในสไตล์ใหม่ โดยผสมผสานองค์ประกอบจากดนตรีสตริงคอมโบแบบเก่ากับป๊อปร็อกที่ทันสมัย ทำให้เพลงของพวกเขาสามารถเข้าถึงผู้ฟังได้ทุกวัยและทุกกลุ่มสังคม

    สมาชิกหลักของวงเรนโบว์มีความสามารถรอบด้าน ทั้งด้านการร้อง การเล่นดนตรี และการแต่งเพลง โดยประกอบด้วย:
    ต้อม (พีระพงษ์ พลชนะ): นักร้องนำและมือกีตาร์ ผู้มีเสียงร้องหวานซึ้ง แหบเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ และได้รับฉายา "นักร้องเขี้ยวเสน่ห์" จากรูปลักษณ์และสไตล์การร้องที่ดึงดูดแฟนเพลง เขาเกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2507 และเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนวงมาตลอด
    อุ๋น (ธีระศักดิ์ วดีศิริศักดิ์): มือคีย์บอร์ดและร้องนำ สนับสนุนการร้องหลักและช่วยสร้างซาวด์ดนตรีที่หลากหลาย
    อ๊อด (ทวี ศรีประดิษฐ์): หัวหน้าวงและมือกลอง ผู้ล่วงลับไปแล้วในปี พ.ศ. 2548 ด้วยวัย 42 ปี เขาเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2505 และมีบทบาทสำคัญในการแต่งเพลงและผลิตอัลบั้ม

    นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกอื่นๆ ที่เข้าร่วมในภายหลัง เช่น สุชาติ จันทร์ต้น (อี๊ด) มือเบส และ อัมพร ชาวเวียง (พร) มือกีตาร์ ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับวง ส่วนสมาชิกอดีตอย่าง เรวัติ สระแก้ว (ป๋อง) ก็มีส่วนในการก่อตั้งแต่แรกเริ่ม วงเรนโบว์ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยการผสมผสานแนวเพลงที่ลงตัวระหว่างซาวด์แบบสตริงคอมโบยุคเก่ากับดนตรีป๊อปร็อกที่ทันสมัย ทำให้เพลงของพวกเขาสามารถเข้าถึงผู้ฟังได้ทุกกลุ่ม และกลายเป็นหนึ่งในวงดนตรีสตริงชื่อดังที่สร้างความสุขให้กับแฟนเพลงชาวไทยในยุค 80-90

    จากข้อมูลประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย วงเรนโบว์เริ่มต้นจากการเป็นวงเล็กๆ ที่เล่นในคลับและงานแสดง แต่ด้วยพรสวรรค์และการสนับสนุนจาก RS ทำให้พวกเขาก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว โดยอัลบั้มแรกของพวกเขาออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2528 และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม.

    ยุคทองของเพลง Original และ Cover
    ผลงานของเรนโบว์โดดเด่นอย่างมากด้วยเพลงฮิตที่ขับร้องโดยต้อม พีระพงษ์ โดยเฉพาะเพลงในอัลบั้มแรกๆ ซึ่งถือเป็นเพลงต้นฉบับ (Original) ที่กลายเป็นลายเซ็นของวง เช่น "ความในใจ" และ "ยังหวัง" คือเพลงบัลลาดสุดคลาสสิกที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีเพลงฮิตอื่นๆ ที่ยังคงถูกเปิดฟังจนถึงปัจจุบัน เช่น "อยากให้รู้ใจ", "อย่าหวั่นใจ", "ด้วยดวงใจ", และ "ข้ามเวลา" ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการแต่งเพลงที่เข้าถึงอารมณ์ผู้ฟัง

    กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้เรนโบว์ยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งคือการนำเพลงเก่าของไทยและเพลงต่างประเทศมาเรียบเรียงและขับร้องใหม่ได้อย่างไพเราะและร่วมสมัย โดยเฉพาะอัลบั้มชุด "ข้ามเวลา" และเพลงในอัลบั้มหลักที่นำทำนองจากญี่ปุ่นมาใช้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น วงเรนโบว์ออกอัลบั้มรวมกว่า 10 ชุดตลอดช่วงยุคทอง โดย discography หลักๆ ได้แก่:

    ความในใจ (พ.ศ. 2529): อัลบั้มสร้างชื่อที่รวมเพลงฮิตอย่าง "ความในใจ" และ "เลิกง้อ (พอกันที)"
    ข้ามเวลา (พ.ศ. 2530): อัลบั้มที่นำเพลงเก่ามาเรียบเรียงใหม่
    ยังหวัง (พ.ศ. 2531): รวมเพลงบัลลาดที่ได้รับความนิยมสูง
    RS Classic - เรนโบว์ (รีมาสเตอร์ในปี พ.ศ. 2556): รวมเพลงฮิตตลอดกาล

    ยุคทองของวงยังรวมถึงการแสดงคอนเสิร์ตและรายการทีวีมากมาย เช่น การปรากฏตัวในรายการ "Song of Fame เพลงคู่สยาม" ของ Thai PBS ในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งพวกเขาได้ถ่ายทอดเพลงดังผ่านเสียงร้องร่วมกับศิลปินรุ่นใหม่ ทำให้เพลงเก่ากลับมาฮิตอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีคอนเสิร์ตการกุศลอย่าง "Rainbow The Concert" ที่จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงสมาชิกผู้ล่วงลับและช่วยเหลือสังคม.

    เจาะลึกเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" – เพลงดังจากอัลบั้ม "ความในใจ"
    เพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" คือหนึ่งในเพลงที่ถูกบรรจุในอัลบั้มสร้างชื่อ "ความในใจ" (พ.ศ. 2529) เพลงนี้โดดเด่นด้วยเนื้อหาที่บาดใจเกี่ยวกับการตัดใจอย่างเด็ดเดี่ยวจากความรักที่เจ็บปวด โดยมี ชมพู ฟรุตตี้ (สุทธิพงษ์ วัฒนจัง) เป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้องภาษาไทย แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือที่มาของทำนองเพลงนี้ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงและเข้าใจผิดกันมานานหลายสิบปี

    ไขปริศนาทำนองเพลงญี่ปุ่น
    คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าทำนองเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" มาจากเพลงเปิดของอนิเมะดัง "Touch (ทัช ยอดรักนักกีฬา)" เนื่องจากความดังของอนิเมะในไทยและสไตล์ดนตรีที่ใกล้เคียงกัน ความจริงคือ พลงนี้มีที่มาจากเพลงญี่ปุ่นชื่อ "背中ごしにセンチメンタル (Senaka Goshi ni Sentimental)" ( https://www.youtube.com/watch?v=KejzDx1EjKA ) ซึ่งแปลว่า "Sentimental Over the Shoulder" หรือความรู้สึกเศร้าที่มองจากด้านหลัง เป็นเพลงเปิด (Opening Theme) ของแอนิเมชันแนวไซไฟเรื่อง Megazone 23 (พ.ศ. 2528) ขับร้องโดย มิยาซาโตะ คุมิ (Kumi Miyasato) นักร้องสาวชาวญี่ปุ่นที่อายุเพียง 14 ปีตอนบันทึกเสียงเพลงนี้ ทำให้เพลงมีเอกลักษณ์เสียงใสและสดใส

    🟰 สาเหตุของความเข้าใจผิด: ผู้สร้างสรรค์คนเดียวกัน
    ความสับสนที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากการที่ทั้งเพลง "Senaka Goshi ni Sentimental" (ต้นฉบับของ "เลิกง้อ") และเพลง "Touch" (เพลงเปิดของอนิเมะ Touch) ถูกแต่งทำนองโดยนักแต่งเพลงคนเดียวกัน คือ คุณฮิโรอากิ เซริซาว่า (Hiroaki Serizawa) ทำให้สไตล์การสร้างทำนองเพลงมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก จนแฟนเพลงในไทยมักจำสลับกัน นอกจากนี้ เพลงต้นฉบับยังมีเวอร์ชันรีมาสเตอร์และถูกนำไปใช้ในสื่ออื่นๆ เช่น YouTube และ Music Platforms ซึ่งยืนยันความนิยมที่ยาวนานของเพลงนี้ในญี่ปุ่นและไทย เพลง "เลิกง้อ" เองก็ถูกรีมาสเตอร์ในอัลบั้ม RS Classic ในปี พ.ศ. 2556 เพื่อให้แฟนเพลงรุ่นใหม่ได้ฟังในคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น.

    มรดกที่ยังคงอยู่และอิทธิพลต่อวงการเพลงไทย
    แม้เวลาจะผ่านไปหลายทศวรรษ วงเรนโบว์ก็ยังคงเป็นหนึ่งในวงดนตรีสำคัญที่สร้างมาตรฐานให้กับวงการเพลงไทย เพลงของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น Original หรือ Cover ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเลือกสรรและสร้างสรรค์ดนตรีที่เข้าถึงอารมณ์ผู้ฟังได้อย่างลึกซึ้ง และเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" ก็ยังคงเป็นเครื่องยืนยันความอมตะของวงดนตรีแห่งตำนานวงนี้

    หลังจากยุคทอง วงเรนโบว์เคยหยุดพักไปช่วงหนึ่ง แต่มีการ reunion ในช่วงปี 2000s โดยสมาชิกหลักอย่างต้อมและอุ๋นยังคงอยู่ เช่น การแสดงในคอนเสิร์ตและรายการทีวีล่าสุดในปี พ.ศ. 2568 การเสียชีวิตของอ๊อดในปี 2548 ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่สมาชิกที่เหลือยังคงสานต่อมรดกด้วยการออกอัลบั้มรวมฮิตและคอนเสิร์ตระลึกถึง อิทธิพลของวงยังเห็นได้จากศิลปินรุ่นใหม่ที่นำเพลงไป cover เช่น ในรายการ Song of Fame ซึ่งผสมผสานเพลงเก่ากับเสียงร้องสมัยใหม่

    นอกจากนี้ วงเรนโบว์ยังมีบทบาทในการเชื่อมโยงวัฒนธรรมดนตรีไทย-ญี่ปุ่น โดยการนำเพลงญี่ปุ่นมาปรับให้เข้ากับตลาดไทย ซึ่งเป็นแนวทางที่วงอื่นๆ นำไปใช้ตาม จนถึงปัจจุบัน เพลงของพวกเขายังถูกเปิดในสถานีวิทยุ สตรีมมิงแพลตฟอร์ม และงานสังสรรค์ต่างๆ สะท้อนถึงความอมตะที่แท้จริง.

    วงเรนโบว์ไม่เพียงแต่เป็นตำนาน แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักดนตรีรุ่นหลังในการผสมผสานดนตรีข้ามวัฒนธรรม ทำให้วงการเพลงไทยมีความหลากหลายมากขึ้นจนถึงทุกวันนี้.

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=9GBRiUhpT2E
    🌈 เรนโบว์ (Rainbow) – วงดนตรีป๊อปร็อกแห่งตำนาน กับความลับของเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" วงเรนโบว์ 🌈 ถือกำเนิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1980s โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี พ.ศ. 2528 ในฐานะวงดนตรีป๊อปร็อกที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับวงการเพลงไทย ภายใต้สังกัด อาร์.เอส. โปรโมชั่น (RS Promotion) ซึ่งเป็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในยุคนั้น วงนี้เกิดขึ้นจากการแยกตัวของสมาชิกบางส่วนจากวงอินทนิล (Inthanin) ซึ่งเป็นวงดนตรีวงแรกของค่าย RS ที่ยุบวงไปก่อนหน้านี้ สมาชิกผู้ก่อตั้งหลัก ได้แก่ พีระพงษ์ พลชนะ (ต้อม), เรวัติ สระแก้ว (ป๋อง) และธีระศักดิ์ วดีศิริศักดิ์ (อุ๋น) ที่ตัดสินใจรวมตัวกันเพื่อสร้างสรรค์ดนตรีในสไตล์ใหม่ โดยผสมผสานองค์ประกอบจากดนตรีสตริงคอมโบแบบเก่ากับป๊อปร็อกที่ทันสมัย ทำให้เพลงของพวกเขาสามารถเข้าถึงผู้ฟังได้ทุกวัยและทุกกลุ่มสังคม 👥 สมาชิกหลักของวงเรนโบว์มีความสามารถรอบด้าน ทั้งด้านการร้อง การเล่นดนตรี และการแต่งเพลง โดยประกอบด้วย: 💠 ต้อม (พีระพงษ์ พลชนะ): นักร้องนำและมือกีตาร์ ผู้มีเสียงร้องหวานซึ้ง แหบเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ และได้รับฉายา "นักร้องเขี้ยวเสน่ห์" จากรูปลักษณ์และสไตล์การร้องที่ดึงดูดแฟนเพลง เขาเกิดเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2507 และเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนวงมาตลอด 💠 อุ๋น (ธีระศักดิ์ วดีศิริศักดิ์): มือคีย์บอร์ดและร้องนำ สนับสนุนการร้องหลักและช่วยสร้างซาวด์ดนตรีที่หลากหลาย 💠 อ๊อด (ทวี ศรีประดิษฐ์): หัวหน้าวงและมือกลอง ผู้ล่วงลับไปแล้วในปี พ.ศ. 2548 ด้วยวัย 42 ปี เขาเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2505 และมีบทบาทสำคัญในการแต่งเพลงและผลิตอัลบั้ม นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกอื่นๆ ที่เข้าร่วมในภายหลัง เช่น สุชาติ จันทร์ต้น (อี๊ด) มือเบส และ อัมพร ชาวเวียง (พร) มือกีตาร์ ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับวง ส่วนสมาชิกอดีตอย่าง เรวัติ สระแก้ว (ป๋อง) ก็มีส่วนในการก่อตั้งแต่แรกเริ่ม วงเรนโบว์ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยการผสมผสานแนวเพลงที่ลงตัวระหว่างซาวด์แบบสตริงคอมโบยุคเก่ากับดนตรีป๊อปร็อกที่ทันสมัย ทำให้เพลงของพวกเขาสามารถเข้าถึงผู้ฟังได้ทุกกลุ่ม และกลายเป็นหนึ่งในวงดนตรีสตริงชื่อดังที่สร้างความสุขให้กับแฟนเพลงชาวไทยในยุค 80-90 จากข้อมูลประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย วงเรนโบว์เริ่มต้นจากการเป็นวงเล็กๆ ที่เล่นในคลับและงานแสดง แต่ด้วยพรสวรรค์และการสนับสนุนจาก RS ทำให้พวกเขาก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว โดยอัลบั้มแรกของพวกเขาออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2528 และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม. 🎵 ยุคทองของเพลง Original และ Cover ผลงานของเรนโบว์โดดเด่นอย่างมากด้วยเพลงฮิตที่ขับร้องโดยต้อม พีระพงษ์ โดยเฉพาะเพลงในอัลบั้มแรกๆ ซึ่งถือเป็นเพลงต้นฉบับ (Original) ที่กลายเป็นลายเซ็นของวง เช่น "ความในใจ" และ "ยังหวัง" คือเพลงบัลลาดสุดคลาสสิกที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีเพลงฮิตอื่นๆ ที่ยังคงถูกเปิดฟังจนถึงปัจจุบัน เช่น "อยากให้รู้ใจ", "อย่าหวั่นใจ", "ด้วยดวงใจ", และ "ข้ามเวลา" ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการแต่งเพลงที่เข้าถึงอารมณ์ผู้ฟัง กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้เรนโบว์ยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งคือการนำเพลงเก่าของไทยและเพลงต่างประเทศมาเรียบเรียงและขับร้องใหม่ได้อย่างไพเราะและร่วมสมัย โดยเฉพาะอัลบั้มชุด "ข้ามเวลา" และเพลงในอัลบั้มหลักที่นำทำนองจากญี่ปุ่นมาใช้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น วงเรนโบว์ออกอัลบั้มรวมกว่า 10 ชุดตลอดช่วงยุคทอง โดย discography หลักๆ ได้แก่: 🎤 ความในใจ (พ.ศ. 2529): อัลบั้มสร้างชื่อที่รวมเพลงฮิตอย่าง "ความในใจ" และ "เลิกง้อ (พอกันที)" 🎤 ข้ามเวลา (พ.ศ. 2530): อัลบั้มที่นำเพลงเก่ามาเรียบเรียงใหม่ 🎤 ยังหวัง (พ.ศ. 2531): รวมเพลงบัลลาดที่ได้รับความนิยมสูง 🎤 RS Classic - เรนโบว์ (รีมาสเตอร์ในปี พ.ศ. 2556): รวมเพลงฮิตตลอดกาล ยุคทองของวงยังรวมถึงการแสดงคอนเสิร์ตและรายการทีวีมากมาย เช่น การปรากฏตัวในรายการ "Song of Fame เพลงคู่สยาม" ของ Thai PBS ในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งพวกเขาได้ถ่ายทอดเพลงดังผ่านเสียงร้องร่วมกับศิลปินรุ่นใหม่ ทำให้เพลงเก่ากลับมาฮิตอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีคอนเสิร์ตการกุศลอย่าง "Rainbow The Concert" ที่จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงสมาชิกผู้ล่วงลับและช่วยเหลือสังคม. 💖 เจาะลึกเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" – เพลงดังจากอัลบั้ม "ความในใจ" เพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" คือหนึ่งในเพลงที่ถูกบรรจุในอัลบั้มสร้างชื่อ "ความในใจ" (พ.ศ. 2529) เพลงนี้โดดเด่นด้วยเนื้อหาที่บาดใจเกี่ยวกับการตัดใจอย่างเด็ดเดี่ยวจากความรักที่เจ็บปวด โดยมี ชมพู ฟรุตตี้ (สุทธิพงษ์ วัฒนจัง) เป็นผู้ประพันธ์เนื้อร้องภาษาไทย แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือที่มาของทำนองเพลงนี้ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงและเข้าใจผิดกันมานานหลายสิบปี 🔎 ไขปริศนาทำนองเพลงญี่ปุ่น คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าทำนองเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" มาจากเพลงเปิดของอนิเมะดัง "Touch (ทัช ยอดรักนักกีฬา)" เนื่องจากความดังของอนิเมะในไทยและสไตล์ดนตรีที่ใกล้เคียงกัน ความจริงคือ พลงนี้มีที่มาจากเพลงญี่ปุ่นชื่อ "背中ごしにセンチメンタル (Senaka Goshi ni Sentimental)" ( https://www.youtube.com/watch?v=KejzDx1EjKA ) ซึ่งแปลว่า "Sentimental Over the Shoulder" หรือความรู้สึกเศร้าที่มองจากด้านหลัง เป็นเพลงเปิด (Opening Theme) ของแอนิเมชันแนวไซไฟเรื่อง Megazone 23 (พ.ศ. 2528) ขับร้องโดย มิยาซาโตะ คุมิ (Kumi Miyasato) นักร้องสาวชาวญี่ปุ่นที่อายุเพียง 14 ปีตอนบันทึกเสียงเพลงนี้ ทำให้เพลงมีเอกลักษณ์เสียงใสและสดใส 🟰 สาเหตุของความเข้าใจผิด: ผู้สร้างสรรค์คนเดียวกัน ความสับสนที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากการที่ทั้งเพลง "Senaka Goshi ni Sentimental" (ต้นฉบับของ "เลิกง้อ") และเพลง "Touch" (เพลงเปิดของอนิเมะ Touch) ถูกแต่งทำนองโดยนักแต่งเพลงคนเดียวกัน คือ คุณฮิโรอากิ เซริซาว่า (Hiroaki Serizawa) ทำให้สไตล์การสร้างทำนองเพลงมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก จนแฟนเพลงในไทยมักจำสลับกัน นอกจากนี้ เพลงต้นฉบับยังมีเวอร์ชันรีมาสเตอร์และถูกนำไปใช้ในสื่ออื่นๆ เช่น YouTube และ Music Platforms ซึ่งยืนยันความนิยมที่ยาวนานของเพลงนี้ในญี่ปุ่นและไทย เพลง "เลิกง้อ" เองก็ถูกรีมาสเตอร์ในอัลบั้ม RS Classic ในปี พ.ศ. 2556 เพื่อให้แฟนเพลงรุ่นใหม่ได้ฟังในคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น. 🌟 มรดกที่ยังคงอยู่และอิทธิพลต่อวงการเพลงไทย แม้เวลาจะผ่านไปหลายทศวรรษ วงเรนโบว์ก็ยังคงเป็นหนึ่งในวงดนตรีสำคัญที่สร้างมาตรฐานให้กับวงการเพลงไทย เพลงของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น Original หรือ Cover ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเลือกสรรและสร้างสรรค์ดนตรีที่เข้าถึงอารมณ์ผู้ฟังได้อย่างลึกซึ้ง และเพลง "เลิกง้อ (พอกันที)" ก็ยังคงเป็นเครื่องยืนยันความอมตะของวงดนตรีแห่งตำนานวงนี้ หลังจากยุคทอง วงเรนโบว์เคยหยุดพักไปช่วงหนึ่ง แต่มีการ reunion ในช่วงปี 2000s โดยสมาชิกหลักอย่างต้อมและอุ๋นยังคงอยู่ เช่น การแสดงในคอนเสิร์ตและรายการทีวีล่าสุดในปี พ.ศ. 2568 การเสียชีวิตของอ๊อดในปี 2548 ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ แต่สมาชิกที่เหลือยังคงสานต่อมรดกด้วยการออกอัลบั้มรวมฮิตและคอนเสิร์ตระลึกถึง อิทธิพลของวงยังเห็นได้จากศิลปินรุ่นใหม่ที่นำเพลงไป cover เช่น ในรายการ Song of Fame ซึ่งผสมผสานเพลงเก่ากับเสียงร้องสมัยใหม่ นอกจากนี้ วงเรนโบว์ยังมีบทบาทในการเชื่อมโยงวัฒนธรรมดนตรีไทย-ญี่ปุ่น โดยการนำเพลงญี่ปุ่นมาปรับให้เข้ากับตลาดไทย ซึ่งเป็นแนวทางที่วงอื่นๆ นำไปใช้ตาม จนถึงปัจจุบัน เพลงของพวกเขายังถูกเปิดในสถานีวิทยุ สตรีมมิงแพลตฟอร์ม และงานสังสรรค์ต่างๆ สะท้อนถึงความอมตะที่แท้จริง. วงเรนโบว์ไม่เพียงแต่เป็นตำนาน แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักดนตรีรุ่นหลังในการผสมผสานดนตรีข้ามวัฒนธรรม ทำให้วงการเพลงไทยมีความหลากหลายมากขึ้นจนถึงทุกวันนี้. #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=9GBRiUhpT2E
    0 Comments 0 Shares 597 Views 0 Reviews
  • HughesNet สูญเสียลูกค้าให้ Starlink จนเสี่ยงล้มละลาย

    Starlink กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ กว่า 2 ล้านรายในปี 2025 และทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านราย ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 4.6 ล้านรายในปี 2024 ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมของเครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำที่ให้ความเร็วสูงและความหน่วงต่ำ เหมาะกับผู้ใช้งานในพื้นที่ชนบทที่เคยพึ่งพา HughesNet

    HughesNet ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่แข่งหลัก ไม่สามารถตามทันความต้องการของตลาดได้ ทั้งในด้านความเร็ว ความเสถียร และข้อจำกัดของดาวเทียมที่มีอยู่ เช่น ปัญหาสัญญาณขาดหายเมื่อฝนตกหนัก และ การจำกัดปริมาณข้อมูลรายเดือน ที่ทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจ แม้จะมีการลงทุนในดาวเทียมใหม่อย่าง Jupiter 3 เพื่อเพิ่มความเร็ว แต่ก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับเครือข่ายที่หนาแน่นและทันสมัยของ Starlink ได้

    แทนที่จะสู้ตรง ๆ HughesNet และบริษัทแม่ EchoStar เลือกทำข้อตกลงกับ SpaceX โดยเปิด โปรแกรมแนะนำลูกค้าไปใช้ Starlink เพื่อรักษารายได้บางส่วน แม้จะเป็นการยอมรับการสูญเสียลูกค้า แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้รายได้หายไปทั้งหมด อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่ากลยุทธ์นี้อาจไม่เพียงพอ และ HughesNet อาจต้องถอนตัวจากตลาดผู้บริโภคในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเติบโตของ Starlink
    ผู้ใช้ในสหรัฐฯ กว่า 2 ล้านรายในปี 2025
    ผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านราย

    ปัญหาของ HughesNet
    ความเร็วและความเสถียรต่ำกว่า Starlink
    สัญญาณขาดหายเมื่อฝนตกหนัก
    การจำกัดปริมาณข้อมูลรายเดือน

    การลงทุนและกลยุทธ์ใหม่
    เปิดตัวดาวเทียม Jupiter 3 เพื่อเพิ่มความเร็ว
    ทำข้อตกลงกับ SpaceX เปิดโปรแกรมแนะนำลูกค้าไปใช้ Starlink

    คำเตือนและความเสี่ยง
    HughesNet อาจต้องยื่นล้มละลายหากสูญเสียลูกค้าเพิ่มขึ้น
    การพึ่งพาโปรแกรมแนะนำลูกค้าอาจไม่ยั่งยืน
    ตลาดผู้บริโภคอาจถูกครอบครองโดย Starlink อย่างสมบูรณ์

    https://www.slashgear.com/2030563/hughesnet-satellite-internet-provider-struggling-after-starlink-steals-customers/
    🚀 HughesNet สูญเสียลูกค้าให้ Starlink จนเสี่ยงล้มละลาย Starlink กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ กว่า 2 ล้านรายในปี 2025 และทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านราย ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 4.6 ล้านรายในปี 2024 ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมของเครือข่ายดาวเทียมวงโคจรต่ำที่ให้ความเร็วสูงและความหน่วงต่ำ เหมาะกับผู้ใช้งานในพื้นที่ชนบทที่เคยพึ่งพา HughesNet HughesNet ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่แข่งหลัก ไม่สามารถตามทันความต้องการของตลาดได้ ทั้งในด้านความเร็ว ความเสถียร และข้อจำกัดของดาวเทียมที่มีอยู่ เช่น ปัญหาสัญญาณขาดหายเมื่อฝนตกหนัก และ การจำกัดปริมาณข้อมูลรายเดือน ที่ทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจ แม้จะมีการลงทุนในดาวเทียมใหม่อย่าง Jupiter 3 เพื่อเพิ่มความเร็ว แต่ก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับเครือข่ายที่หนาแน่นและทันสมัยของ Starlink ได้ แทนที่จะสู้ตรง ๆ HughesNet และบริษัทแม่ EchoStar เลือกทำข้อตกลงกับ SpaceX โดยเปิด โปรแกรมแนะนำลูกค้าไปใช้ Starlink เพื่อรักษารายได้บางส่วน แม้จะเป็นการยอมรับการสูญเสียลูกค้า แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้รายได้หายไปทั้งหมด อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่ากลยุทธ์นี้อาจไม่เพียงพอ และ HughesNet อาจต้องถอนตัวจากตลาดผู้บริโภคในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเติบโตของ Starlink ➡️ ผู้ใช้ในสหรัฐฯ กว่า 2 ล้านรายในปี 2025 ➡️ ผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านราย ✅ ปัญหาของ HughesNet ➡️ ความเร็วและความเสถียรต่ำกว่า Starlink ➡️ สัญญาณขาดหายเมื่อฝนตกหนัก ➡️ การจำกัดปริมาณข้อมูลรายเดือน ✅ การลงทุนและกลยุทธ์ใหม่ ➡️ เปิดตัวดาวเทียม Jupiter 3 เพื่อเพิ่มความเร็ว ➡️ ทำข้อตกลงกับ SpaceX เปิดโปรแกรมแนะนำลูกค้าไปใช้ Starlink ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ HughesNet อาจต้องยื่นล้มละลายหากสูญเสียลูกค้าเพิ่มขึ้น ⛔ การพึ่งพาโปรแกรมแนะนำลูกค้าอาจไม่ยั่งยืน ⛔ ตลาดผู้บริโภคอาจถูกครอบครองโดย Starlink อย่างสมบูรณ์ https://www.slashgear.com/2030563/hughesnet-satellite-internet-provider-struggling-after-starlink-steals-customers/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Major Internet Provider Is Struggling Because Starlink Stole Its Customers - SlashGear
    Starlink's rise to stardom (no pun intended) has had a major impact on HughesNet, which has been one of the best and only Starlink alternatives out there.
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
More Results