• https://youtu.be/P4k0QlRSats?si=08Fw0DpKTrO2HdNO
    https://youtu.be/P4k0QlRSats?si=08Fw0DpKTrO2HdNO
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักดาราศาสตร์อาจค้นพบหลักฐานที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับ Planet Nine ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สมมุติที่อาจอยู่ในระบบสุริยะของเรา โดยใช้ข้อมูลจาก ดาวเทียมอินฟราเรดสองดวง ที่เก็บรวบรวมมานานกว่า 23 ปี

    การศึกษานี้นำโดย Terry Long Phan จาก National Tsing Hua University ในไต้หวัน ซึ่งใช้ข้อมูลจาก NASA's Infrared Astronomical Satellite (IRAS) ในปี 1983 และ ดาวเทียม AKARI ของญี่ปุ่น (2006-2011) เพื่อค้นหาวัตถุที่อาจเคลื่อนที่ไปตามวงโคจรที่คาดการณ์ไว้ของ Planet Nine

    ✅ Planet Nine อาจเป็นดาวเคราะห์ขนาดเท่า Neptune ที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์หลายร้อยเท่า
    - มีมวลมากกว่าโลกและอาจมีวงโคจรที่ยาวมาก
    - อาจเป็นสาเหตุของการจัดเรียงตัวผิดปกติของวัตถุใน Kuiper Belt

    ✅ การค้นพบนี้ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมอินฟราเรดสองดวงที่เก็บรวบรวมมานานกว่า 23 ปี
    - IRAS (1983) และ AKARI (2006-2011)
    - นักวิจัยพบวัตถุที่เคลื่อนที่ไป 47.4 arcminutes ในช่วงเวลานี้

    ✅ การตรวจสอบเพิ่มเติมจำเป็นต้องใช้กล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลัง
    - กล้อง Dark Energy Camera ในชิลีอาจช่วยยืนยันตำแหน่งของวัตถุ
    - หากได้รับการยืนยัน อาจเป็นการค้นพบดาวเคราะห์ใหม่ในระบบสุริยะ

    ✅ ทฤษฎีเกี่ยวกับที่มาของ Planet Nine
    - อาจถูกผลักออกจากระบบสุริยะชั้นในโดยแรงโน้มถ่วงของ Jupiter หรือ Saturn
    - หรืออาจเป็น ดาวเคราะห์เร่ร่อนที่ถูกจับเข้ามาในระบบสุริยะ

    https://www.techspot.com/news/107802-astronomers-spot-possible-planet-nine-data-spanning-23.html
    นักดาราศาสตร์อาจค้นพบหลักฐานที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับ Planet Nine ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สมมุติที่อาจอยู่ในระบบสุริยะของเรา โดยใช้ข้อมูลจาก ดาวเทียมอินฟราเรดสองดวง ที่เก็บรวบรวมมานานกว่า 23 ปี การศึกษานี้นำโดย Terry Long Phan จาก National Tsing Hua University ในไต้หวัน ซึ่งใช้ข้อมูลจาก NASA's Infrared Astronomical Satellite (IRAS) ในปี 1983 และ ดาวเทียม AKARI ของญี่ปุ่น (2006-2011) เพื่อค้นหาวัตถุที่อาจเคลื่อนที่ไปตามวงโคจรที่คาดการณ์ไว้ของ Planet Nine ✅ Planet Nine อาจเป็นดาวเคราะห์ขนาดเท่า Neptune ที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์หลายร้อยเท่า - มีมวลมากกว่าโลกและอาจมีวงโคจรที่ยาวมาก - อาจเป็นสาเหตุของการจัดเรียงตัวผิดปกติของวัตถุใน Kuiper Belt ✅ การค้นพบนี้ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมอินฟราเรดสองดวงที่เก็บรวบรวมมานานกว่า 23 ปี - IRAS (1983) และ AKARI (2006-2011) - นักวิจัยพบวัตถุที่เคลื่อนที่ไป 47.4 arcminutes ในช่วงเวลานี้ ✅ การตรวจสอบเพิ่มเติมจำเป็นต้องใช้กล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลัง - กล้อง Dark Energy Camera ในชิลีอาจช่วยยืนยันตำแหน่งของวัตถุ - หากได้รับการยืนยัน อาจเป็นการค้นพบดาวเคราะห์ใหม่ในระบบสุริยะ ✅ ทฤษฎีเกี่ยวกับที่มาของ Planet Nine - อาจถูกผลักออกจากระบบสุริยะชั้นในโดยแรงโน้มถ่วงของ Jupiter หรือ Saturn - หรืออาจเป็น ดาวเคราะห์เร่ร่อนที่ถูกจับเข้ามาในระบบสุริยะ https://www.techspot.com/news/107802-astronomers-spot-possible-planet-nine-data-spanning-23.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Astronomers spot possible Planet Nine in data spanning 23 years
    Astronomers have long speculated about an unseen planet lurking in the solar system's outer edge. This hypothetical world, dubbed Planet Nine, could explain the unusual clustering of...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 250 คน กำลังผลักดันให้ วิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และ AI กลายเป็น หลักสูตรบังคับในโรงเรียน K-12 ทั่วสหรัฐฯ ผ่านแคมเปญ "Unlock8" ที่นำโดย Code.org และ CSforALL

    แคมเปญนี้เน้นย้ำถึง งานวิจัยใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า การเรียน วิทยาการคอมพิวเตอร์ในระดับมัธยมปลาย สามารถช่วยเพิ่ม รายได้ในช่วงต้นอาชีพได้ถึง 8% โดยไม่ขึ้นอยู่กับสายงานที่นักเรียนเลือก นอกจากนี้ รายงานของ World Economic Forum ยังระบุว่า ทักษะด้าน AI และข้อมูลเป็นที่ต้องการมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า

    แม้ว่ารัฐต่าง ๆ ในสหรัฐฯ จะพยายามขยายการเข้าถึงการศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่ปัจจุบันมีเพียง 12 รัฐเท่านั้นที่กำหนดให้เป็นวิชาบังคับสำหรับการจบการศึกษา ส่งผลให้ มีนักเรียนเพียง 6.4% ที่ลงเรียนวิชานี้ในปีที่ผ่านมา

    ✅ กลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 250 คนสนับสนุนให้ CS และ AI เป็นหลักสูตรบังคับ
    - นำโดย Code.org และ CSforALL
    - เน้นให้ นักเรียนทุกคนมีทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI

    ✅ งานวิจัยใหม่ชี้ว่าการเรียน CS ในมัธยมปลายช่วยเพิ่มรายได้ในช่วงต้นอาชีพ
    - เพิ่มรายได้ได้ถึง 8% โดยไม่ขึ้นอยู่กับสายงานที่เลือก
    - World Economic Forum ระบุว่า AI และข้อมูลเป็นทักษะที่ต้องการมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า

    ✅ สถานะของการศึกษาด้าน CS ในสหรัฐฯ
    - 39 รัฐมีงบประมาณสนับสนุนการศึกษาด้าน CS (เพิ่มขึ้นจาก 9 รัฐในปี 2017)
    - แต่มีเพียง 12 รัฐที่กำหนดให้ CS เป็นวิชาบังคับสำหรับการจบการศึกษา

    ✅ การสนับสนุนจากผู้นำด้านเทคโนโลยี
    - Satya Nadella (Microsoft), Brian Chesky (Airbnb), Dara Khosrowshahi (Uber) และ Steve Ballmer (อดีต CEO Microsoft) ลงนามในจดหมายเปิดผนึกสนับสนุนแคมเปญนี้

    https://www.techspot.com/news/107800-over-250-tech-leaders-push-computer-science-ai.html
    กลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 250 คน กำลังผลักดันให้ วิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และ AI กลายเป็น หลักสูตรบังคับในโรงเรียน K-12 ทั่วสหรัฐฯ ผ่านแคมเปญ "Unlock8" ที่นำโดย Code.org และ CSforALL แคมเปญนี้เน้นย้ำถึง งานวิจัยใหม่ที่แสดงให้เห็นว่า การเรียน วิทยาการคอมพิวเตอร์ในระดับมัธยมปลาย สามารถช่วยเพิ่ม รายได้ในช่วงต้นอาชีพได้ถึง 8% โดยไม่ขึ้นอยู่กับสายงานที่นักเรียนเลือก นอกจากนี้ รายงานของ World Economic Forum ยังระบุว่า ทักษะด้าน AI และข้อมูลเป็นที่ต้องการมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า แม้ว่ารัฐต่าง ๆ ในสหรัฐฯ จะพยายามขยายการเข้าถึงการศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่ปัจจุบันมีเพียง 12 รัฐเท่านั้นที่กำหนดให้เป็นวิชาบังคับสำหรับการจบการศึกษา ส่งผลให้ มีนักเรียนเพียง 6.4% ที่ลงเรียนวิชานี้ในปีที่ผ่านมา ✅ กลุ่มผู้นำด้านเทคโนโลยีกว่า 250 คนสนับสนุนให้ CS และ AI เป็นหลักสูตรบังคับ - นำโดย Code.org และ CSforALL - เน้นให้ นักเรียนทุกคนมีทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ✅ งานวิจัยใหม่ชี้ว่าการเรียน CS ในมัธยมปลายช่วยเพิ่มรายได้ในช่วงต้นอาชีพ - เพิ่มรายได้ได้ถึง 8% โดยไม่ขึ้นอยู่กับสายงานที่เลือก - World Economic Forum ระบุว่า AI และข้อมูลเป็นทักษะที่ต้องการมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า ✅ สถานะของการศึกษาด้าน CS ในสหรัฐฯ - 39 รัฐมีงบประมาณสนับสนุนการศึกษาด้าน CS (เพิ่มขึ้นจาก 9 รัฐในปี 2017) - แต่มีเพียง 12 รัฐที่กำหนดให้ CS เป็นวิชาบังคับสำหรับการจบการศึกษา ✅ การสนับสนุนจากผู้นำด้านเทคโนโลยี - Satya Nadella (Microsoft), Brian Chesky (Airbnb), Dara Khosrowshahi (Uber) และ Steve Ballmer (อดีต CEO Microsoft) ลงนามในจดหมายเปิดผนึกสนับสนุนแคมเปญนี้ https://www.techspot.com/news/107800-over-250-tech-leaders-push-computer-science-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Over 250 tech leaders push for computer science and AI course requirements in US schools
    The campaign emphasizes new research showing that taking just one high school computer science course can boost early career earnings by eight percent, regardless of a graduate's...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • Eutelsat ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดาวเทียม Franco-British ได้ประกาศเปลี่ยน CEO โดยแต่งตั้ง Jean-Francois Fallacher ซึ่งปัจจุบันเป็น CEO ของ Orange France ให้เข้ารับตำแหน่งแทน Eva Berneke ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2025

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ Eutelsat ต้องการเงินทุนเพิ่มเติม และมีบทบาทสำคัญใน การสื่อสารด้านกลาโหมของยุโรป ทำให้การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารครั้งนี้ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

    ✅ Eutelsat แต่งตั้ง Jean-Francois Fallacher เป็น CEO คนใหม่
    - ปัจจุบันเป็น CEO ของ Orange France
    - จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 มิถุนายน 2025

    ✅ Eva Berneke ลงจากตำแหน่งหลังจากดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2022
    - เป็นผู้นำที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านดาวเทียม

    ✅ Eutelsat ต้องการเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจ
    - มีบทบาทสำคัญใน การสื่อสารด้านกลาโหมของยุโรป
    - อาจมีการปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดนักลงทุน

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมดาวเทียมและการสื่อสาร
    - อาจส่งผลต่อ การแข่งขันในตลาดดาวเทียมระดับโลก
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินธุรกิจของ Eutelsat

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/05/eutelsat-appointed-jean-franois-fallacher-as-new-ceo
    Eutelsat ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดาวเทียม Franco-British ได้ประกาศเปลี่ยน CEO โดยแต่งตั้ง Jean-Francois Fallacher ซึ่งปัจจุบันเป็น CEO ของ Orange France ให้เข้ารับตำแหน่งแทน Eva Berneke ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2025 การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ Eutelsat ต้องการเงินทุนเพิ่มเติม และมีบทบาทสำคัญใน การสื่อสารด้านกลาโหมของยุโรป ทำให้การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารครั้งนี้ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ✅ Eutelsat แต่งตั้ง Jean-Francois Fallacher เป็น CEO คนใหม่ - ปัจจุบันเป็น CEO ของ Orange France - จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 มิถุนายน 2025 ✅ Eva Berneke ลงจากตำแหน่งหลังจากดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2022 - เป็นผู้นำที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านดาวเทียม ✅ Eutelsat ต้องการเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจ - มีบทบาทสำคัญใน การสื่อสารด้านกลาโหมของยุโรป - อาจมีการปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดนักลงทุน ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมดาวเทียมและการสื่อสาร - อาจส่งผลต่อ การแข่งขันในตลาดดาวเทียมระดับโลก - อาจมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินธุรกิจของ Eutelsat https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/05/eutelsat-appointed-jean-franois-fallacher-as-new-ceo
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Eutelsat replaces CEO with Orange executive in surprise move
    PARIS (Reuters) - Franco-British satellite operator Eutelsat will replace its CEO with Orange executive Jean-Francois Fallacher, it said on Monday, in a surprise move by a company in the spotlight for its role in European defence communications.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง ความท้าทายในการสื่อสารระหว่าง CISO (Chief Information Security Officer) และ CFO (Chief Financial Officer) ซึ่งมักจะมีความเข้าใจที่แตกต่างกันเกี่ยวกับ ความสำคัญของการลงทุนด้านความปลอดภัยไซเบอร์

    CISO มักจะต้องการงบประมาณเพื่อป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น เช่น การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์หรือการรั่วไหลของข้อมูล ขณะที่ CFO ต้องการเห็น ผลตอบแทนที่ชัดเจนจากการลงทุน ทำให้การสนทนาเกี่ยวกับงบประมาณด้านความปลอดภัยไซเบอร์มักเต็มไปด้วยความขัดแย้ง

    ✅ CISO ควรนำเสนอความเสี่ยงในรูปแบบที่ CFO เข้าใจได้
    - ใช้ ตัวอย่างทางการเงิน เช่น ผลกระทบจากการหยุดทำงานของระบบ
    - เปรียบเทียบ ค่าใช้จ่ายในการป้องกันกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

    ✅ CFO ควรเปิดรับแนวคิดว่าความปลอดภัยไซเบอร์เป็นการลงทุน ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย
    - มองว่า การป้องกันภัยไซเบอร์เป็นเหมือนประกันธุรกิจ
    - เข้าใจว่า ROI ของการรักษาความปลอดภัยคือการลดความเสี่ยง

    ✅ การใช้สถานการณ์จำลองเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน
    - CISO ควรนำ CFO เข้าร่วม การจำลองเหตุการณ์โจมตีไซเบอร์
    - แสดงให้เห็นว่า ผลกระทบของการโจมตีสามารถส่งผลต่อรายได้และชื่อเสียงขององค์กร

    ✅ การเปลี่ยนแปลงแนวทางการสื่อสาร
    - หลีกเลี่ยง ศัพท์เทคนิคที่ซับซ้อน และใช้ ภาษาทางธุรกิจ
    - เน้น ผลกระทบต่อองค์กรแทนที่จะพูดถึงเทคโนโลยี

    https://www.csoonline.com/article/3974407/ciso-vs-cfo-why-are-the-conversations-difficult.html
    บทความนี้กล่าวถึง ความท้าทายในการสื่อสารระหว่าง CISO (Chief Information Security Officer) และ CFO (Chief Financial Officer) ซึ่งมักจะมีความเข้าใจที่แตกต่างกันเกี่ยวกับ ความสำคัญของการลงทุนด้านความปลอดภัยไซเบอร์ CISO มักจะต้องการงบประมาณเพื่อป้องกันภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น เช่น การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์หรือการรั่วไหลของข้อมูล ขณะที่ CFO ต้องการเห็น ผลตอบแทนที่ชัดเจนจากการลงทุน ทำให้การสนทนาเกี่ยวกับงบประมาณด้านความปลอดภัยไซเบอร์มักเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ✅ CISO ควรนำเสนอความเสี่ยงในรูปแบบที่ CFO เข้าใจได้ - ใช้ ตัวอย่างทางการเงิน เช่น ผลกระทบจากการหยุดทำงานของระบบ - เปรียบเทียบ ค่าใช้จ่ายในการป้องกันกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ✅ CFO ควรเปิดรับแนวคิดว่าความปลอดภัยไซเบอร์เป็นการลงทุน ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย - มองว่า การป้องกันภัยไซเบอร์เป็นเหมือนประกันธุรกิจ - เข้าใจว่า ROI ของการรักษาความปลอดภัยคือการลดความเสี่ยง ✅ การใช้สถานการณ์จำลองเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน - CISO ควรนำ CFO เข้าร่วม การจำลองเหตุการณ์โจมตีไซเบอร์ - แสดงให้เห็นว่า ผลกระทบของการโจมตีสามารถส่งผลต่อรายได้และชื่อเสียงขององค์กร ✅ การเปลี่ยนแปลงแนวทางการสื่อสาร - หลีกเลี่ยง ศัพท์เทคนิคที่ซับซ้อน และใช้ ภาษาทางธุรกิจ - เน้น ผลกระทบต่อองค์กรแทนที่จะพูดถึงเทคโนโลยี https://www.csoonline.com/article/3974407/ciso-vs-cfo-why-are-the-conversations-difficult.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CISO vs CFO: why are the conversations difficult?
    Bridging the gap between CISOs and CFOs means ditching old stereotypes, speaking the same language, and turning cybersecurity from a budget battle into a blueprint for business growth.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิดฉากการแข่งขันว่ายน้ำ “28th THE MALL KORAT SWIMMING CUP 2025” สานฝันอนาคตนักกีฬาเยาวชนไทย ก้าวไกลสู่การแข่งขันใหญ่ระดับประเทศ
     
    บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย จัดการแข่งขันว่ายน้ำครั้งยิ่งใหญ่ ในงาน “28th THE MALL KORAT SWIMMING CUP 2025” การแข่งขันว่ายน้ำเยาวชนระดับประเทศ ตามหลักกฏกติกามาตรฐาน ของสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ (FINA)                 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี งานจัดขึ้นระหว่างวันที่  3-4 พฤษภาคม 2568 ณ สระว่ายน้ำ Champions Pool สวนน้ำ แฟนตาเซีย ลากูน ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช

    วันที่ 3 พ.ค.2568 เวลา 09.00น. นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมาให้เกียรติร่วมงานและให้กำลังใจนักกีฬาว่ายน้ำ พร้อมด้วย น.ส.ธีรารัตน์ ร่มรื่น ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดนครราชสีมา ดร.สิทธิชัย เป้งคำภา ผู้ช่วยผู้แทนฝ่ายเทคนิคสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย และกรรมการบริหารสโมสรกีฬาทางน้ำภาค และผู้ฝึกสอน นักกีฬาเข้าร่วมงาน โดยมีนายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ให้การต้อนรับ

    วันที่ 4 พ.ค.2568 เวลา 17.00น. นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีปิดพร้อมด้วย นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา นายจุมภฏ อินทรนัฏ กรรมการบริหารสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย และประธานสโมสรกีฬาทางน้ำภาค 3 ร่วมมอบรางวัลให้สโมสรและนักกีฬาว่ายน้ำที่เข้าแข่งขัน โดยมีนายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ให้การต้อนรับ

    การแข่งขันว่ายน้ำรายการ “28th THE MALL KORAT SWIMMING CUP 2025” ใช้กติกาการแข่งขันของ FINA ฉบับล่าสุด โดยมีสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทยรับรองผลการแข่งขัน มีวัตถุประสงค์การแข่งขัน ดังนี้ 1.เพื่อพิจารณาคัดเลือกนักกีฬาว่ายน้ำเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำเยาวชนชิงชนะเลิศ แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2.เพื่อส่งเสริมสนับสนุนกีฬาว่ายน้ำ ระดับยุวชน เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ให้เป็นที่นิยมแพร่หลายรวมถึงการฝึกซ้อมและว่ายน้ำอย่างถูกวิธี 3.เพื่อปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกให้แก่ เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ประชาชน ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในการสร้างเสริมสุขภาพด้วยการเล่นกีฬาว่ายน้ำ รวมถึงการเลือกบริโภคอาหารที่ปลอดจากสารพิษไม่หันไปพึ่งพาสารเสพติด 4.เพื่อช่วยพัฒนาและร่วมผลักดัน วงการกีฬาว่ายน้ำให้ก้าวหน้าและเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ในระดับจังหวัด ระดับภาคและระดับประเทศ 5.เพื่อร่วมส่งเสริมนโยบายและวัตถุประสงค์ของสโมสรกีฬาว่ายน้ำจังหวัดนครราชสีมา และ สมาคมกีฬาจังหวัดนครราชสีมา

    โดยมีรูปแแบบการแข่งขันเป็นการแข่งขันว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ Champions Pool ขนาด 50 เมตร จำนวนแข่ง 8 ลู่ เป็นการแข่งขันรอบเดียว ไม่มีรอบคัดเลือก โดยแบ่งประเภทเยาวชนชาย – หญิง อายุระหว่าง 7-14 ปี และบุคคลทั่วไป ในระยะทาง 50 เมตร, 100 เมตร และ 200 เมตร  โดยใช้ 4 ท่าว่ายสากลตามกติกาของสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ (FINA) และสมาคมว่ายน้ำแห่งประเทศไทย
    ซึ่งแบ่งประเภทรางวัล ดังนี้ 1.รางวัลประเภทบุคคล 2.รางวัลประเภทสโมสร

    บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ต้องขอแสดงความยินดีสำหรับ 
    🏆สโมสร ชูสวิมคลับ ได้รางวัลคะแนนรวมสโมสรยอดเยี่ยม คว้าถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปครอง
    รองชนะเลิศอับดับ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
    รองชนะเลิศอันดับ 2 มารีย์รักษ์ นครราชสีมา 
    รองชนะเลิศอันดับ 3 SAT 3 Swimming
    รองชนะเลิศอันดับ 4 ที เอส สวิมมิ่ง
    รองชนะเลิศอันดับ 5 โรงเรียนเทพสัมฤทธิ์วิทยา
    รองชนะเลิศอันดับ 6 Phuket Country Home Swimming

    ขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจทุกๆ ท่านที่ร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ แล้วพบกันในรอบถัดไป ที่สวนน้ำแฟนตาเซียลากูน
    ปิดฉากการแข่งขันว่ายน้ำ “28th THE MALL KORAT SWIMMING CUP 2025” สานฝันอนาคตนักกีฬาเยาวชนไทย ก้าวไกลสู่การแข่งขันใหญ่ระดับประเทศ   บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย, สมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย จัดการแข่งขันว่ายน้ำครั้งยิ่งใหญ่ ในงาน “28th THE MALL KORAT SWIMMING CUP 2025” การแข่งขันว่ายน้ำเยาวชนระดับประเทศ ตามหลักกฏกติกามาตรฐาน ของสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ (FINA)                 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี งานจัดขึ้นระหว่างวันที่  3-4 พฤษภาคม 2568 ณ สระว่ายน้ำ Champions Pool สวนน้ำ แฟนตาเซีย ลากูน ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช วันที่ 3 พ.ค.2568 เวลา 09.00น. นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมาให้เกียรติร่วมงานและให้กำลังใจนักกีฬาว่ายน้ำ พร้อมด้วย น.ส.ธีรารัตน์ ร่มรื่น ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดนครราชสีมา ดร.สิทธิชัย เป้งคำภา ผู้ช่วยผู้แทนฝ่ายเทคนิคสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย และกรรมการบริหารสโมสรกีฬาทางน้ำภาค และผู้ฝึกสอน นักกีฬาเข้าร่วมงาน โดยมีนายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ให้การต้อนรับ วันที่ 4 พ.ค.2568 เวลา 17.00น. นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีปิดพร้อมด้วย นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา นายจุมภฏ อินทรนัฏ กรรมการบริหารสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย และประธานสโมสรกีฬาทางน้ำภาค 3 ร่วมมอบรางวัลให้สโมสรและนักกีฬาว่ายน้ำที่เข้าแข่งขัน โดยมีนายปรีชา ลิ้มอั่ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด ให้การต้อนรับ การแข่งขันว่ายน้ำรายการ “28th THE MALL KORAT SWIMMING CUP 2025” ใช้กติกาการแข่งขันของ FINA ฉบับล่าสุด โดยมีสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทยรับรองผลการแข่งขัน มีวัตถุประสงค์การแข่งขัน ดังนี้ 1.เพื่อพิจารณาคัดเลือกนักกีฬาว่ายน้ำเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำเยาวชนชิงชนะเลิศ แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2.เพื่อส่งเสริมสนับสนุนกีฬาว่ายน้ำ ระดับยุวชน เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป ให้เป็นที่นิยมแพร่หลายรวมถึงการฝึกซ้อมและว่ายน้ำอย่างถูกวิธี 3.เพื่อปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกให้แก่ เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ประชาชน ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในการสร้างเสริมสุขภาพด้วยการเล่นกีฬาว่ายน้ำ รวมถึงการเลือกบริโภคอาหารที่ปลอดจากสารพิษไม่หันไปพึ่งพาสารเสพติด 4.เพื่อช่วยพัฒนาและร่วมผลักดัน วงการกีฬาว่ายน้ำให้ก้าวหน้าและเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ในระดับจังหวัด ระดับภาคและระดับประเทศ 5.เพื่อร่วมส่งเสริมนโยบายและวัตถุประสงค์ของสโมสรกีฬาว่ายน้ำจังหวัดนครราชสีมา และ สมาคมกีฬาจังหวัดนครราชสีมา โดยมีรูปแแบบการแข่งขันเป็นการแข่งขันว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ Champions Pool ขนาด 50 เมตร จำนวนแข่ง 8 ลู่ เป็นการแข่งขันรอบเดียว ไม่มีรอบคัดเลือก โดยแบ่งประเภทเยาวชนชาย – หญิง อายุระหว่าง 7-14 ปี และบุคคลทั่วไป ในระยะทาง 50 เมตร, 100 เมตร และ 200 เมตร  โดยใช้ 4 ท่าว่ายสากลตามกติกาของสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ (FINA) และสมาคมว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ซึ่งแบ่งประเภทรางวัล ดังนี้ 1.รางวัลประเภทบุคคล 2.รางวัลประเภทสโมสร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป ต้องขอแสดงความยินดีสำหรับ  🏆สโมสร ชูสวิมคลับ ได้รางวัลคะแนนรวมสโมสรยอดเยี่ยม คว้าถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปครอง รองชนะเลิศอับดับ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน รองชนะเลิศอันดับ 2 มารีย์รักษ์ นครราชสีมา  รองชนะเลิศอันดับ 3 SAT 3 Swimming รองชนะเลิศอันดับ 4 ที เอส สวิมมิ่ง รองชนะเลิศอันดับ 5 โรงเรียนเทพสัมฤทธิ์วิทยา รองชนะเลิศอันดับ 6 Phuket Country Home Swimming ขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจทุกๆ ท่านที่ร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ แล้วพบกันในรอบถัดไป ที่สวนน้ำแฟนตาเซียลากูน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • 9 Skillful Ways To Answer: “What Are You Doing With Your Future?”

    “What do you plan to do with your life?” It’s one of those big, intimidating questions that people tend to ask all the time when they find out you’re graduating high school or college. One minute you’re eating a piece of graduation cake and enjoying the relief of having no homework, and then suddenly all of your relatives are staring at you, waiting for you to walk them point-by-point through a map of the next five years.

    When you’re in this situation, it might be tempting to scream and run away as soon as they ask the question. Unfortunately, that kind of behavior is generally frowned upon. But there are ways to answer the question that take some of the pressure off of you, make the situation less awkward, and help you navigate the conversation with ease. Here are nine different approaches you can take when someone asks what you’re doing with your future.

    1. Shorten the time frame.
    You may not have your long-term future mapped out (you aren’t alone!), but you might have plans coming up this summer or even just for the next semester. Talk about those more immediate plans instead. When people ask what you’re up to after graduation, they generally just want to know what the next step is. It’s totally okay to limit your answer to the next few months. Try an answer like:

    - I’m going camping with some friends this summer before I start my job search.
    - I’m finishing up my prerequisites at the community college while I decide on a university.

    2. Talk about your passions.
    You don’t have to focus solely on accomplishments, job offers, or acceptance letters when someone asks about the future. Instead, talk about what you’re passionate about and the kinds of work or study you’d like to do in the following years. Try a phrase like:

    - I’m really interested in [subject], so I’m considering options related to that.
    - I know someone who works in [career field], and I really want to learn more about it.

    3. Share the one thing you’re most excited about.
    If you got an exciting new job or acceptance into a dream school, that’s a great thing to share. If you’re still working towards your big goals, talk about something coming up on the horizon of your life that makes you really excited. Maybe it’s a trip you’re taking, a summer internship, tours of different schools, or even some interviews with various companies that you’re really interested in. Allow others to share in the excitement!

    4. Ask for advice.
    Graduation is the start of a new chapter in life, and everyone who’s gone through that transition had to make important decisions about the future. When someone asks about your future, try asking them how they handled some of those big decisions. People love to talk about their own lives and offer advice. They might even have good suggestions on different steps to take that you hadn’t thought about yet. Say:

    - I’m still deciding on my next step. What did you do when you were my age?
    - I have two options I’m really excited about. Which one would you pick?

    5. Use humor.
    Let’s be honest: this is a tricky question to answer, and it can make you feel like you’re being put on the spot. If it makes you more comfortable, lighten the mood by injecting some humor into the conversation. Humor can be a great way to deflect when you feel like someone is judging your responses, and it’s also an easy way to change the subject if you’d rather avoid the topic entirely. Try something like:

    - Well, my first commitment is catching up on all the TV shows I missed this semester. What about you?
    - You mean to tell me there’s more work after graduation?

    6. Focus on mental health.
    It’s normal to need some breathing room between big life changes, especially when a part of your academic life took place during a pandemic! If you’re taking some time off, using the next few months to relax and regroup, or just taking your time while you consider different options, it’s OK to say that. It can be as simple as:

    - Finishing school took a lot of work, so I’m taking some time to consider my next steps.
    - I’m taking some time off to reset, so I’m fresh for my next opportunities.

    7. Turn the question around.
    If being asked about your future feels like an interrogation, invite the other person to share their future plans as well. Making the question more conversational can help ease any tension you might feel or even change the subject if that’s what you’re aiming for. When there’s more of a back-and-forth happening, it won’t feel so much like you’re sitting in the hot seat. You could say:

    - I have a few trips lined up and then I’m thinking about doing [x]. What do you have coming up this year?
    - I’m thinking about [X], but haven’t decided. What have you been up to?

    8. Talk about the big picture.
    You may not know exactly what you want to do next, but you likely have some ideas about what you want your life to look like in the future. Go big! Talk about your overarching goals and what really makes you tick. You’re working towards something, even if you don’t know every single step along the path yet. You might say something like:

    - I’d like to work towards a career in publishing.
    - I want to open my own business one day, so I’m hoping to major in business management or economics.
    - I’m really focused on trying new things and honing in on the right career for myself.

    9. Challenge expectations.
    When people ask you about the future, they’re often expecting you to brag about a new job or school you’ll be attending, but jobs and school aren’t the only things you’re allowed to be proud of. Maybe you’re prioritizing volunteer opportunities, personal enrichment, time with family and friends, or even just the freedom of having finally graduated. You get to decide what to focus on when you answer this question, even if it doesn’t follow the typical script. Take advantage of that and steer the conversation towards what makes you tick.

    - School kept me so busy that I’m really looking forward to spending time with my friends and family over the next few months.
    - I’m planning on grad school later on, but in the meantime I’m spending a lot of time volunteering with [organization].
    - I haven’t made a final decision about work yet, but I’m really excited to figure out what’s next.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    9 Skillful Ways To Answer: “What Are You Doing With Your Future?” “What do you plan to do with your life?” It’s one of those big, intimidating questions that people tend to ask all the time when they find out you’re graduating high school or college. One minute you’re eating a piece of graduation cake and enjoying the relief of having no homework, and then suddenly all of your relatives are staring at you, waiting for you to walk them point-by-point through a map of the next five years. When you’re in this situation, it might be tempting to scream and run away as soon as they ask the question. Unfortunately, that kind of behavior is generally frowned upon. But there are ways to answer the question that take some of the pressure off of you, make the situation less awkward, and help you navigate the conversation with ease. Here are nine different approaches you can take when someone asks what you’re doing with your future. 1. Shorten the time frame. You may not have your long-term future mapped out (you aren’t alone!), but you might have plans coming up this summer or even just for the next semester. Talk about those more immediate plans instead. When people ask what you’re up to after graduation, they generally just want to know what the next step is. It’s totally okay to limit your answer to the next few months. Try an answer like: - I’m going camping with some friends this summer before I start my job search. - I’m finishing up my prerequisites at the community college while I decide on a university. 2. Talk about your passions. You don’t have to focus solely on accomplishments, job offers, or acceptance letters when someone asks about the future. Instead, talk about what you’re passionate about and the kinds of work or study you’d like to do in the following years. Try a phrase like: - I’m really interested in [subject], so I’m considering options related to that. - I know someone who works in [career field], and I really want to learn more about it. 3. Share the one thing you’re most excited about. If you got an exciting new job or acceptance into a dream school, that’s a great thing to share. If you’re still working towards your big goals, talk about something coming up on the horizon of your life that makes you really excited. Maybe it’s a trip you’re taking, a summer internship, tours of different schools, or even some interviews with various companies that you’re really interested in. Allow others to share in the excitement! 4. Ask for advice. Graduation is the start of a new chapter in life, and everyone who’s gone through that transition had to make important decisions about the future. When someone asks about your future, try asking them how they handled some of those big decisions. People love to talk about their own lives and offer advice. They might even have good suggestions on different steps to take that you hadn’t thought about yet. Say: - I’m still deciding on my next step. What did you do when you were my age? - I have two options I’m really excited about. Which one would you pick? 5. Use humor. Let’s be honest: this is a tricky question to answer, and it can make you feel like you’re being put on the spot. If it makes you more comfortable, lighten the mood by injecting some humor into the conversation. Humor can be a great way to deflect when you feel like someone is judging your responses, and it’s also an easy way to change the subject if you’d rather avoid the topic entirely. Try something like: - Well, my first commitment is catching up on all the TV shows I missed this semester. What about you? - You mean to tell me there’s more work after graduation? 6. Focus on mental health. It’s normal to need some breathing room between big life changes, especially when a part of your academic life took place during a pandemic! If you’re taking some time off, using the next few months to relax and regroup, or just taking your time while you consider different options, it’s OK to say that. It can be as simple as: - Finishing school took a lot of work, so I’m taking some time to consider my next steps. - I’m taking some time off to reset, so I’m fresh for my next opportunities. 7. Turn the question around. If being asked about your future feels like an interrogation, invite the other person to share their future plans as well. Making the question more conversational can help ease any tension you might feel or even change the subject if that’s what you’re aiming for. When there’s more of a back-and-forth happening, it won’t feel so much like you’re sitting in the hot seat. You could say: - I have a few trips lined up and then I’m thinking about doing [x]. What do you have coming up this year? - I’m thinking about [X], but haven’t decided. What have you been up to? 8. Talk about the big picture. You may not know exactly what you want to do next, but you likely have some ideas about what you want your life to look like in the future. Go big! Talk about your overarching goals and what really makes you tick. You’re working towards something, even if you don’t know every single step along the path yet. You might say something like: - I’d like to work towards a career in publishing. - I want to open my own business one day, so I’m hoping to major in business management or economics. - I’m really focused on trying new things and honing in on the right career for myself. 9. Challenge expectations. When people ask you about the future, they’re often expecting you to brag about a new job or school you’ll be attending, but jobs and school aren’t the only things you’re allowed to be proud of. Maybe you’re prioritizing volunteer opportunities, personal enrichment, time with family and friends, or even just the freedom of having finally graduated. You get to decide what to focus on when you answer this question, even if it doesn’t follow the typical script. Take advantage of that and steer the conversation towards what makes you tick. - School kept me so busy that I’m really looking forward to spending time with my friends and family over the next few months. - I’m planning on grad school later on, but in the meantime I’m spending a lot of time volunteering with [organization]. - I haven’t made a final decision about work yet, but I’m really excited to figure out what’s next. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging Choawalit Chotwattanaphong หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ Choawalit Chotwattanaphong https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging [1] หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ [1] https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะกรรมาธิการยุโรปกำลังพิจารณา การเข้าซื้อกิจการของ Intelsat โดย SES ซึ่งมีมูลค่า 3.1 พันล้านยูโร และจะตัดสินใจภายในวันที่ 10 มิถุนายน 2025 ว่าจะอนุมัติหรือไม่

    SES เป็นบริษัทดาวเทียมที่มี กองดาวเทียมหลายวงโคจรประมาณ 70 ดวง ให้บริการด้าน การออกอากาศวิดีโอ, การสื่อสารภาครัฐ และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ โดยถูกมองว่าเป็น ทางเลือกของ Starlink ของ SpaceX

    หากดีลนี้ได้รับการอนุมัติ จะทำให้ SES กลายเป็น ผู้เล่นรายใหญ่ในยุโรป ที่สามารถแข่งขันกับ Starlink ของ SpaceX และ Project Kuiper ของ Amazon ได้ดีขึ้น

    ✅ มูลค่าการเข้าซื้อกิจการ
    - SES เสนอซื้อ Intelsat ด้วยมูลค่า 3.1 พันล้านยูโร
    - คณะกรรมาธิการยุโรปจะตัดสินใจภายในวันที่ 10 มิถุนายน 2025

    ✅ บทบาทของ SES ในตลาดดาวเทียม
    - มี กองดาวเทียมหลายวงโคจรประมาณ 70 ดวง
    - ให้บริการ การออกอากาศวิดีโอ, การสื่อสารภาครัฐ และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์

    ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด
    - SES จะกลายเป็น ผู้เล่นรายใหญ่ในยุโรป
    - สามารถแข่งขันกับ Starlink ของ SpaceX และ Project Kuiper ของ Amazon

    ✅ กระบวนการตรวจสอบของ EU
    - คณะกรรมาธิการยุโรปสามารถ อนุมัติแบบมีเงื่อนไขหรือเปิดการสอบสวนเต็มรูปแบบ
    - หากพบข้อกังวล อาจต้องใช้เวลา 4 เดือน ในการตรวจสอบเพิ่มเติม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/eu-antitrust-regulators-to-decide-on-ses-intelsat-deal-by-june-10
    คณะกรรมาธิการยุโรปกำลังพิจารณา การเข้าซื้อกิจการของ Intelsat โดย SES ซึ่งมีมูลค่า 3.1 พันล้านยูโร และจะตัดสินใจภายในวันที่ 10 มิถุนายน 2025 ว่าจะอนุมัติหรือไม่ SES เป็นบริษัทดาวเทียมที่มี กองดาวเทียมหลายวงโคจรประมาณ 70 ดวง ให้บริการด้าน การออกอากาศวิดีโอ, การสื่อสารภาครัฐ และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ โดยถูกมองว่าเป็น ทางเลือกของ Starlink ของ SpaceX หากดีลนี้ได้รับการอนุมัติ จะทำให้ SES กลายเป็น ผู้เล่นรายใหญ่ในยุโรป ที่สามารถแข่งขันกับ Starlink ของ SpaceX และ Project Kuiper ของ Amazon ได้ดีขึ้น ✅ มูลค่าการเข้าซื้อกิจการ - SES เสนอซื้อ Intelsat ด้วยมูลค่า 3.1 พันล้านยูโร - คณะกรรมาธิการยุโรปจะตัดสินใจภายในวันที่ 10 มิถุนายน 2025 ✅ บทบาทของ SES ในตลาดดาวเทียม - มี กองดาวเทียมหลายวงโคจรประมาณ 70 ดวง - ให้บริการ การออกอากาศวิดีโอ, การสื่อสารภาครัฐ และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด - SES จะกลายเป็น ผู้เล่นรายใหญ่ในยุโรป - สามารถแข่งขันกับ Starlink ของ SpaceX และ Project Kuiper ของ Amazon ✅ กระบวนการตรวจสอบของ EU - คณะกรรมาธิการยุโรปสามารถ อนุมัติแบบมีเงื่อนไขหรือเปิดการสอบสวนเต็มรูปแบบ - หากพบข้อกังวล อาจต้องใช้เวลา 4 เดือน ในการตรวจสอบเพิ่มเติม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/eu-antitrust-regulators-to-decide-on-ses-intelsat-deal-by-june-10
    WWW.THESTAR.COM.MY
    EU antitrust regulators to decide on SES, Intelsat deal by June 10
    BRUSSELS (Reuters) -EU antitrust regulators will decide by June 10 whether to clear European satellite company SES's 3.1 billion euro acquisition of Intelsat, according to a filing on the European Commission website.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • Good morning Saturday 💜🥰
    Hope you have a great weekend 👍💯🤩
    Good morning Saturday 💜🥰 Hope you have a great weekend 👍💯🤩
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft กำลังใช้ AI ในการเขียนโค้ดมากขึ้น โดย Satya Nadella ซีอีโอของบริษัทเปิดเผยว่า 20-30% ของโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft ถูกเขียนโดย AI และบางโปรเจ็กต์อาจใช้ AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมด

    Nadella ได้เข้าร่วมงาน LlamaCon ร่วมกับ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนา AI และการมีส่วนร่วมในระบบโอเพ่นซอร์ส โดยเขาระบุว่า AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากและมีรูปแบบที่คาดเดาได้

    แม้ว่า AI จะช่วยให้การพัฒนาโค้ดมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับ ผลกระทบต่อโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่ เนื่องจาก AI สามารถลดจำนวนงานระดับเริ่มต้นลง อย่างไรก็ตาม Nadella ย้ำว่า AI ยังต้องการการตรวจสอบจากนักพัฒนาที่มีประสบการณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่สร้างขึ้นสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง

    Microsoft พบว่า AI สามารถสร้างโค้ด Python ได้ดีกว่า C++ เนื่องจาก Python มีโครงสร้างที่ง่ายกว่า, รองรับ dynamic typing และมีระบบจัดการหน่วยความจำที่ดีกว่า ขณะที่ C++ เป็นภาษาที่เกี่ยวข้องกับโค้ดระดับต่ำ ซึ่งยากต่อการทำให้เป็นอัตโนมัติ

    ✅ AI เขียนโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft
    - 20-30% ของโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft ถูกเขียนโดย AI
    - บางโปรเจ็กต์อาจใช้ AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมด

    ✅ การพัฒนา AI ในระบบโอเพ่นซอร์ส
    - Nadella และ Zuckerberg พูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนา AI ในงาน LlamaCon
    - AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด โดยเฉพาะงานที่มีรูปแบบที่คาดเดาได้

    ✅ ผลกระทบต่อโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่
    - AI อาจลดจำนวนงานระดับเริ่มต้นลง
    - นักพัฒนาที่มีประสบการณ์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบโค้ด

    ✅ ความแตกต่างระหว่าง Python และ C++ ในการใช้ AI
    - AI สามารถสร้างโค้ด Python ได้ดีกว่า C++
    - Python มีโครงสร้างที่ง่ายกว่าและมีระบบจัดการหน่วยความจำที่ดีกว่า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsofts-ceo-reveals-that-ai-writes-up-to-30-percent-of-its-code-some-projects-may-have-all-of-its-code-written-by-ai
    Microsoft กำลังใช้ AI ในการเขียนโค้ดมากขึ้น โดย Satya Nadella ซีอีโอของบริษัทเปิดเผยว่า 20-30% ของโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft ถูกเขียนโดย AI และบางโปรเจ็กต์อาจใช้ AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมด Nadella ได้เข้าร่วมงาน LlamaCon ร่วมกับ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนา AI และการมีส่วนร่วมในระบบโอเพ่นซอร์ส โดยเขาระบุว่า AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากและมีรูปแบบที่คาดเดาได้ แม้ว่า AI จะช่วยให้การพัฒนาโค้ดมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับ ผลกระทบต่อโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่ เนื่องจาก AI สามารถลดจำนวนงานระดับเริ่มต้นลง อย่างไรก็ตาม Nadella ย้ำว่า AI ยังต้องการการตรวจสอบจากนักพัฒนาที่มีประสบการณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่สร้างขึ้นสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง Microsoft พบว่า AI สามารถสร้างโค้ด Python ได้ดีกว่า C++ เนื่องจาก Python มีโครงสร้างที่ง่ายกว่า, รองรับ dynamic typing และมีระบบจัดการหน่วยความจำที่ดีกว่า ขณะที่ C++ เป็นภาษาที่เกี่ยวข้องกับโค้ดระดับต่ำ ซึ่งยากต่อการทำให้เป็นอัตโนมัติ ✅ AI เขียนโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft - 20-30% ของโค้ดในโปรเจ็กต์ของ Microsoft ถูกเขียนโดย AI - บางโปรเจ็กต์อาจใช้ AI ในการเขียนโค้ดทั้งหมด ✅ การพัฒนา AI ในระบบโอเพ่นซอร์ส - Nadella และ Zuckerberg พูดคุยเกี่ยวกับการพัฒนา AI ในงาน LlamaCon - AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนโค้ด โดยเฉพาะงานที่มีรูปแบบที่คาดเดาได้ ✅ ผลกระทบต่อโปรแกรมเมอร์รุ่นใหม่ - AI อาจลดจำนวนงานระดับเริ่มต้นลง - นักพัฒนาที่มีประสบการณ์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบโค้ด ✅ ความแตกต่างระหว่าง Python และ C++ ในการใช้ AI - AI สามารถสร้างโค้ด Python ได้ดีกว่า C++ - Python มีโครงสร้างที่ง่ายกว่าและมีระบบจัดการหน่วยความจำที่ดีกว่า https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsofts-ceo-reveals-that-ai-writes-up-to-30-percent-of-its-code-some-projects-may-have-all-of-its-code-written-by-ai
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • Reddit คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยอาศัยการเติบโตของ โฆษณาดิจิทัล แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับงบประมาณด้านการตลาด

    หุ้นของ Reddit พุ่งขึ้น 20% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด ก่อนลดลงมาอยู่ที่ 7% หลังจาก Steve Huffman ซีอีโอของบริษัทกล่าวว่า Google Search อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้ใช้รายวัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Google ทำให้ Reddit มีความผันผวนด้านปริมาณการเข้าชม

    Reddit ได้ลงทุนใน เทคโนโลยีโฆษณา เพื่อดึงดูดนักโฆษณาในช่วงที่แพลตฟอร์มอื่น เช่น Facebook และ Instagram เผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณโฆษณา โดย Reddit ใช้ Conversation Placement Ads ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถโฆษณาโดยตรงในกระทู้สนทนา

    Jen Wong ซีโอโอของ Reddit เปิดเผยว่า จำนวนผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในไตรมาสแรกของปี 2025 และบริษัทคาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 410-430 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าค่าประมาณของนักวิเคราะห์ที่ 395.5 ล้านดอลลาร์

    แม้ว่า Reddit จะเติบโตในด้านโฆษณา แต่หุ้นของบริษัทลดลง 27% ตั้งแต่ต้นปี 2025 อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 61% ในไตรมาสแรกเป็น 392.4 ล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 13 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

    ✅ การเติบโตของรายได้และโฆษณา
    - คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 410-430 ล้านดอลลาร์
    - จำนวนผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในไตรมาสแรก

    ✅ ผลกระทบจาก Google Search
    - การเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Google อาจส่งผลต่อจำนวนผู้ใช้รายวันของ Reddit
    - Reddit เคยเผชิญกับความผันผวนด้านปริมาณการเข้าชมจากการเปลี่ยนแปลงของ Google

    ✅ กลยุทธ์ด้านโฆษณาของ Reddit
    - ใช้ Conversation Placement Ads เพื่อให้แบรนด์สามารถโฆษณาโดยตรงในกระทู้สนทนา
    - ดึงดูดนักโฆษณาในช่วงที่แพลตฟอร์มอื่นเผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณ

    ✅ สถานะของหุ้น Reddit
    - หุ้นลดลง 27% ตั้งแต่ต้นปี 2025
    - รายได้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 61% เป็น 392.4 ล้านดอลลาร์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/reddit-forecasts-revenue-above-estimates-as-digital-ad-spend-grows-shares-surge
    Reddit คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยอาศัยการเติบโตของ โฆษณาดิจิทัล แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับงบประมาณด้านการตลาด หุ้นของ Reddit พุ่งขึ้น 20% ในการซื้อขายหลังตลาดปิด ก่อนลดลงมาอยู่ที่ 7% หลังจาก Steve Huffman ซีอีโอของบริษัทกล่าวว่า Google Search อาจส่งผลกระทบต่อจำนวนผู้ใช้รายวัน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Google ทำให้ Reddit มีความผันผวนด้านปริมาณการเข้าชม Reddit ได้ลงทุนใน เทคโนโลยีโฆษณา เพื่อดึงดูดนักโฆษณาในช่วงที่แพลตฟอร์มอื่น เช่น Facebook และ Instagram เผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณโฆษณา โดย Reddit ใช้ Conversation Placement Ads ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถโฆษณาโดยตรงในกระทู้สนทนา Jen Wong ซีโอโอของ Reddit เปิดเผยว่า จำนวนผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในไตรมาสแรกของปี 2025 และบริษัทคาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 410-430 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าค่าประมาณของนักวิเคราะห์ที่ 395.5 ล้านดอลลาร์ แม้ว่า Reddit จะเติบโตในด้านโฆษณา แต่หุ้นของบริษัทลดลง 27% ตั้งแต่ต้นปี 2025 อย่างไรก็ตาม รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 61% ในไตรมาสแรกเป็น 392.4 ล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 13 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ✅ การเติบโตของรายได้และโฆษณา - คาดการณ์รายได้ไตรมาสที่สองอยู่ที่ 410-430 ล้านดอลลาร์ - จำนวนผู้ลงโฆษณาเพิ่มขึ้นกว่า 50% ในไตรมาสแรก ✅ ผลกระทบจาก Google Search - การเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของ Google อาจส่งผลต่อจำนวนผู้ใช้รายวันของ Reddit - Reddit เคยเผชิญกับความผันผวนด้านปริมาณการเข้าชมจากการเปลี่ยนแปลงของ Google ✅ กลยุทธ์ด้านโฆษณาของ Reddit - ใช้ Conversation Placement Ads เพื่อให้แบรนด์สามารถโฆษณาโดยตรงในกระทู้สนทนา - ดึงดูดนักโฆษณาในช่วงที่แพลตฟอร์มอื่นเผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณ ✅ สถานะของหุ้น Reddit - หุ้นลดลง 27% ตั้งแต่ต้นปี 2025 - รายได้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 61% เป็น 392.4 ล้านดอลลาร์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/reddit-forecasts-revenue-above-estimates-as-digital-ad-spend-grows-shares-surge
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Reddit's strong revenue forecast signals advertising strength
    (Reuters) -Reddit forecast second-quarter revenue above Wall Street estimates on Thursday, betting on growing digital advertising spend on the social media platform despite uncertainty over marketing budgets.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้เล่าถึงความสำเร็จของนักพัฒนาที่สามารถนำโมเดล Llama 2 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) มาทำงานบนระบบปฏิบัติการ DOS ซึ่งเป็นระบบที่เก่าแก่ โดยใช้เวลาเพียงสุดสัปดาห์เดียวในการพัฒนา แม้จะเป็นความท้าทายที่ยากลำบาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเทคโนโลยี AI ในการปรับตัวเข้ากับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย

    นักพัฒนาชื่อ Yeo Kheng Meng ได้ใช้โค้ดโอเพ่นซอร์สจากโปรเจกต์ llama2.c เพื่อปรับแต่งให้โมเดล Llama 2 สามารถทำงานบน DOS ได้ โดยเขาต้องปรับปรุงกระบวนการคอมไพล์และเลือก DOS extender ที่เหมาะสมเพื่อเข้าถึงหน่วยความจำที่ใหญ่ขึ้น

    Meng ได้ทดสอบระบบบนคอมพิวเตอร์หลากหลายรุ่น ตั้งแต่เครื่องเก่าอย่าง Toshiba Satellite 315CDT (1996) ไปจนถึงเครื่องใหม่ที่ใช้ซีพียู Ryzen โดยผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเครื่องใหม่สามารถประมวลผลได้เร็วกว่าอย่างชัดเจน

    ✅ การใช้โค้ดโอเพ่นซอร์ส
    - ใช้โค้ดจากโปรเจกต์ llama2.c เพื่อปรับแต่งให้ทำงานบน DOS
    - ต้องปรับปรุงกระบวนการคอมไพล์และเลือก DOS extender ที่เหมาะสม

    ✅ การทดสอบบนคอมพิวเตอร์หลากหลายรุ่น
    - ทดสอบบนเครื่องเก่า เช่น Toshiba Satellite 315CDT (1996)
    - ทดสอบบนเครื่องใหม่ที่ใช้ซีพียู Ryzen

    ✅ ผลลัพธ์ที่ได้
    - เครื่องใหม่สามารถประมวลผลได้เร็วกว่าเครื่องเก่าอย่างชัดเจน
    - แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ AI ในการปรับตัวเข้ากับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย

    ✅ การสนับสนุนจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    - Meng ขอบคุณ Andrej Karpathy ที่เปิดโค้ด llama2.c ให้ใช้งาน

    https://www.techspot.com/news/107718-programmer-develops-method-run-llama-2-locally-dos.html
    บทความนี้เล่าถึงความสำเร็จของนักพัฒนาที่สามารถนำโมเดล Llama 2 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) มาทำงานบนระบบปฏิบัติการ DOS ซึ่งเป็นระบบที่เก่าแก่ โดยใช้เวลาเพียงสุดสัปดาห์เดียวในการพัฒนา แม้จะเป็นความท้าทายที่ยากลำบาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเทคโนโลยี AI ในการปรับตัวเข้ากับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย นักพัฒนาชื่อ Yeo Kheng Meng ได้ใช้โค้ดโอเพ่นซอร์สจากโปรเจกต์ llama2.c เพื่อปรับแต่งให้โมเดล Llama 2 สามารถทำงานบน DOS ได้ โดยเขาต้องปรับปรุงกระบวนการคอมไพล์และเลือก DOS extender ที่เหมาะสมเพื่อเข้าถึงหน่วยความจำที่ใหญ่ขึ้น Meng ได้ทดสอบระบบบนคอมพิวเตอร์หลากหลายรุ่น ตั้งแต่เครื่องเก่าอย่าง Toshiba Satellite 315CDT (1996) ไปจนถึงเครื่องใหม่ที่ใช้ซีพียู Ryzen โดยผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเครื่องใหม่สามารถประมวลผลได้เร็วกว่าอย่างชัดเจน ✅ การใช้โค้ดโอเพ่นซอร์ส - ใช้โค้ดจากโปรเจกต์ llama2.c เพื่อปรับแต่งให้ทำงานบน DOS - ต้องปรับปรุงกระบวนการคอมไพล์และเลือก DOS extender ที่เหมาะสม ✅ การทดสอบบนคอมพิวเตอร์หลากหลายรุ่น - ทดสอบบนเครื่องเก่า เช่น Toshiba Satellite 315CDT (1996) - ทดสอบบนเครื่องใหม่ที่ใช้ซีพียู Ryzen ✅ ผลลัพธ์ที่ได้ - เครื่องใหม่สามารถประมวลผลได้เร็วกว่าเครื่องเก่าอย่างชัดเจน - แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ AI ในการปรับตัวเข้ากับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ✅ การสนับสนุนจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส - Meng ขอบคุณ Andrej Karpathy ที่เปิดโค้ด llama2.c ให้ใช้งาน https://www.techspot.com/news/107718-programmer-develops-method-run-llama-2-locally-dos.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Developer ports compact Llama 2 LLM to DOS in weekend hackathon
    Yeo Kheng Meng, a programmer previously known for creating a DOS client for ChatGPT, has recently embarked on a new AI-related project focused on the prompt-based computing...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon ได้เริ่มต้นการปล่อยดาวเทียมชุดแรกของ Project Kuiper ซึ่งเป็นโครงการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมที่ตั้งเป้าแข่งขันกับ Starlink ของ SpaceX โดย Andy Jassy CEO ของ Amazon ได้ยืนยันว่าดาวเทียม 27 ดวงแรก ได้เข้าสู่วงโคจรต่ำของโลกและทำงานได้ตามที่คาดหมาย

    โครงการนี้เป็นก้าวแรกของแผนการปล่อยดาวเทียมทั้งหมด 3,236 ดวง เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก โดยใช้เวลาถึง 6 ปี ตั้งแต่การขออนุญาตจาก FCC จนถึงการปล่อยดาวเทียมชุดแรก คาดว่า Amazon จะใช้เวลาอีกหลายเดือนก่อนที่จะเริ่มให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม

    แม้ว่า Amazon จะเข้าสู่ตลาดช้ากว่า SpaceX ซึ่งมีดาวเทียม 7,000 ดวง ในวงโคจรแล้ว และมีแผนเพิ่มอีก 35,000 ดวง แต่การแข่งขันนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น และอาจทำให้ราคาบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมลดลง

    นอกจากนี้ SpaceSail บริษัทจากจีนก็เข้าสู่ตลาดนี้ด้วย โดยมีดาวเทียม 648 ดวง ในวงโคจร และมีแผนขยายเป็น 15,000 ดวง ภายในปี 2030

    ✅ การปล่อยดาวเทียมชุดแรก
    - Amazon ปล่อยดาวเทียม 27 ดวงแรกเข้าสู่วงโคจรต่ำของโลก
    - ดาวเทียมทำงานได้ตามที่คาดหมาย

    ✅ แผนการขยายโครงการ
    - มีแผนปล่อยดาวเทียมทั้งหมด 3,236 ดวง
    - ใช้เวลา 6 ปีตั้งแต่การขออนุญาตจนถึงการปล่อยดาวเทียมชุดแรก

    ✅ การแข่งขันกับ Starlink
    - SpaceX มีดาวเทียม 7,000 ดวงในวงโคจร และมีแผนเพิ่มอีก 35,000 ดวง
    - การแข่งขันอาจช่วยลดราคาบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม

    ✅ ผู้เล่นรายใหม่ในตลาด
    - SpaceSail จากจีนมีดาวเทียม 648 ดวง และมีแผนขยายเป็น 15,000 ดวงภายในปี 2030

    https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/amazons-starlink-rival-sees-the-first-27-satellites-successfully-reach-low-earth-orbit-project-kuiper-satellites-operating-as-expected
    Amazon ได้เริ่มต้นการปล่อยดาวเทียมชุดแรกของ Project Kuiper ซึ่งเป็นโครงการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมที่ตั้งเป้าแข่งขันกับ Starlink ของ SpaceX โดย Andy Jassy CEO ของ Amazon ได้ยืนยันว่าดาวเทียม 27 ดวงแรก ได้เข้าสู่วงโคจรต่ำของโลกและทำงานได้ตามที่คาดหมาย โครงการนี้เป็นก้าวแรกของแผนการปล่อยดาวเทียมทั้งหมด 3,236 ดวง เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก โดยใช้เวลาถึง 6 ปี ตั้งแต่การขออนุญาตจาก FCC จนถึงการปล่อยดาวเทียมชุดแรก คาดว่า Amazon จะใช้เวลาอีกหลายเดือนก่อนที่จะเริ่มให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม แม้ว่า Amazon จะเข้าสู่ตลาดช้ากว่า SpaceX ซึ่งมีดาวเทียม 7,000 ดวง ในวงโคจรแล้ว และมีแผนเพิ่มอีก 35,000 ดวง แต่การแข่งขันนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น และอาจทำให้ราคาบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมลดลง นอกจากนี้ SpaceSail บริษัทจากจีนก็เข้าสู่ตลาดนี้ด้วย โดยมีดาวเทียม 648 ดวง ในวงโคจร และมีแผนขยายเป็น 15,000 ดวง ภายในปี 2030 ✅ การปล่อยดาวเทียมชุดแรก - Amazon ปล่อยดาวเทียม 27 ดวงแรกเข้าสู่วงโคจรต่ำของโลก - ดาวเทียมทำงานได้ตามที่คาดหมาย ✅ แผนการขยายโครงการ - มีแผนปล่อยดาวเทียมทั้งหมด 3,236 ดวง - ใช้เวลา 6 ปีตั้งแต่การขออนุญาตจนถึงการปล่อยดาวเทียมชุดแรก ✅ การแข่งขันกับ Starlink - SpaceX มีดาวเทียม 7,000 ดวงในวงโคจร และมีแผนเพิ่มอีก 35,000 ดวง - การแข่งขันอาจช่วยลดราคาบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ✅ ผู้เล่นรายใหม่ในตลาด - SpaceSail จากจีนมีดาวเทียม 648 ดวง และมีแผนขยายเป็น 15,000 ดวงภายในปี 2030 https://www.tomshardware.com/service-providers/network-providers/amazons-starlink-rival-sees-the-first-27-satellites-successfully-reach-low-earth-orbit-project-kuiper-satellites-operating-as-expected
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่าง Sam Altman CEO ของ OpenAI และ Satya Nadella CEO ของ Microsoft ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างสองบริษัท โดย Microsoft ได้ลงทุน $13 พันล้าน ใน OpenAI ตั้งแต่ปี 2019 และช่วยผลักดันให้ ChatGPT มีผู้ใช้งานเกือบ หนึ่งพันล้านคน

    อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งเริ่มปรากฏชัดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่อง ทรัพยากรการประมวลผล ที่ Microsoft จัดหาให้ OpenAI และการเข้าถึงโมเดล AI ของ OpenAI ที่ Microsoft ต้องการใช้สำหรับ Copilot นอกจากนี้ Altman ยังคงยืนยันว่า AGI (Artificial General Intelligence) กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่ง Nadella ไม่เห็นด้วย

    อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ แผนการปรับโครงสร้างของ OpenAI ให้เป็นบริษัท for-profit ที่เป็นอิสระ ซึ่ง Microsoft อาจใช้สิทธิ์ในการ ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งอาจทำให้ OpenAI สูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์

    ✅ การลงทุนของ Microsoft ใน OpenAI
    - Microsoft ลงทุน $13 พันล้านใน OpenAI ตั้งแต่ปี 2019
    - ช่วยให้ ChatGPT มีผู้ใช้งานเกือบหนึ่งพันล้านคน

    ✅ ความขัดแย้งเรื่องทรัพยากรการประมวลผล
    - Microsoft จัดหาเซิร์ฟเวอร์ให้ OpenAI แต่มีข้อจำกัดในการเข้าถึง
    - OpenAI ต้องการทรัพยากรเพิ่มขึ้นเพื่อพัฒนาโมเดล AI

    ✅ ความเห็นต่างเกี่ยวกับ AGI
    - Altman เชื่อว่า AGI กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
    - Nadella ไม่เห็นด้วยและไม่พอใจที่ Altman ยืนยันเรื่องนี้ต่อสาธารณะ

    ✅ แผนการปรับโครงสร้างของ OpenAI
    - OpenAI ต้องการเปลี่ยนเป็นบริษัท for-profit ที่เป็นอิสระ
    - Microsoft อาจใช้สิทธิ์ในการขัดขวางการเปลี่ยนแปลงนี้

    https://www.techspot.com/news/107724-sources-detail-growing-rift-between-sam-altman-satya.html
    บทความนี้กล่าวถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่าง Sam Altman CEO ของ OpenAI และ Satya Nadella CEO ของ Microsoft ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างสองบริษัท โดย Microsoft ได้ลงทุน $13 พันล้าน ใน OpenAI ตั้งแต่ปี 2019 และช่วยผลักดันให้ ChatGPT มีผู้ใช้งานเกือบ หนึ่งพันล้านคน อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งเริ่มปรากฏชัดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่อง ทรัพยากรการประมวลผล ที่ Microsoft จัดหาให้ OpenAI และการเข้าถึงโมเดล AI ของ OpenAI ที่ Microsoft ต้องการใช้สำหรับ Copilot นอกจากนี้ Altman ยังคงยืนยันว่า AGI (Artificial General Intelligence) กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่ง Nadella ไม่เห็นด้วย อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ แผนการปรับโครงสร้างของ OpenAI ให้เป็นบริษัท for-profit ที่เป็นอิสระ ซึ่ง Microsoft อาจใช้สิทธิ์ในการ ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งอาจทำให้ OpenAI สูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ ✅ การลงทุนของ Microsoft ใน OpenAI - Microsoft ลงทุน $13 พันล้านใน OpenAI ตั้งแต่ปี 2019 - ช่วยให้ ChatGPT มีผู้ใช้งานเกือบหนึ่งพันล้านคน ✅ ความขัดแย้งเรื่องทรัพยากรการประมวลผล - Microsoft จัดหาเซิร์ฟเวอร์ให้ OpenAI แต่มีข้อจำกัดในการเข้าถึง - OpenAI ต้องการทรัพยากรเพิ่มขึ้นเพื่อพัฒนาโมเดล AI ✅ ความเห็นต่างเกี่ยวกับ AGI - Altman เชื่อว่า AGI กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ - Nadella ไม่เห็นด้วยและไม่พอใจที่ Altman ยืนยันเรื่องนี้ต่อสาธารณะ ✅ แผนการปรับโครงสร้างของ OpenAI - OpenAI ต้องการเปลี่ยนเป็นบริษัท for-profit ที่เป็นอิสระ - Microsoft อาจใช้สิทธิ์ในการขัดขวางการเปลี่ยนแปลงนี้ https://www.techspot.com/news/107724-sources-detail-growing-rift-between-sam-altman-satya.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    There's a growing rift between Sam Altman and Satya Nadella – Microsoft could block OpenAI's for-profit restructuring
    Microsoft helped push OpenAI to the top of the multi-billion-dollar AI industry by investing $13 billion into the firm since 2019. ChatGPT is closing in on one...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • Good morning Saturday 💜🥰
    Hope you have a good weekend 👍💯☺️
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Good morning Saturday 💜🥰 Hope you have a good weekend 👍💯☺️ #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานล่าสุดเผยว่า นักวิจัยชาวอเมริกันจำนวนมากกำลังพิจารณาย้ายไปทำงานในต่างประเทศ เนื่องจากการลดงบประมาณสนับสนุนงานวิจัยและการแทรกแซงทางการเมืองในสหรัฐฯ ตัวเลขจากแพลตฟอร์ม Nature Careers ระบุว่าในไตรมาสแรกของปี 2025 การสมัครงานในต่างประเทศจากนักวิจัยในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 32% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชียที่มีความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    การลดงบประมาณสนับสนุนงานวิจัย เช่น การยกเลิกทุนวิจัย HIV และ AIDS กว่า 200 โครงการ และการตัดงบประมาณ 400 ล้านดอลลาร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาชีพของนักวิจัย นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยในยุโรป เช่น Aix-Marseille University ในฝรั่งเศส ได้เปิดตัวโครงการ Safe Place for Science เพื่อรองรับนักวิจัยที่ได้รับผลกระทบ

    ✅ การเพิ่มขึ้นของการย้ายถิ่น
    - การสมัครงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 32% ในไตรมาสแรกของปี 2025
    - ความสนใจในงานวิจัยในยุโรปและเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    ✅ ผลกระทบจากการลดงบประมาณ
    - การยกเลิกทุนวิจัย HIV และ AIDS กว่า 200 โครงการ
    - การตัดงบประมาณ 400 ล้านดอลลาร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

    ✅ การตอบสนองของยุโรป
    - Aix-Marseille University เปิดตัวโครงการ Safe Place for Science ด้วยงบประมาณ 15 ล้านยูโร
    - Max Planck Society ในเยอรมนีเปิดตัว Transatlantic Program เพื่อรองรับนักวิจัย

    ✅ ความสนใจในเอเชีย
    - ความสนใจในงานวิจัยในจีนเพิ่มขึ้น 30% ในการดูประกาศงาน

    https://www.techspot.com/news/107679-us-researchers-flee-overseas-funding-cuts-bite-politics.html
    รายงานล่าสุดเผยว่า นักวิจัยชาวอเมริกันจำนวนมากกำลังพิจารณาย้ายไปทำงานในต่างประเทศ เนื่องจากการลดงบประมาณสนับสนุนงานวิจัยและการแทรกแซงทางการเมืองในสหรัฐฯ ตัวเลขจากแพลตฟอร์ม Nature Careers ระบุว่าในไตรมาสแรกของปี 2025 การสมัครงานในต่างประเทศจากนักวิจัยในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 32% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชียที่มีความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก การลดงบประมาณสนับสนุนงานวิจัย เช่น การยกเลิกทุนวิจัย HIV และ AIDS กว่า 200 โครงการ และการตัดงบประมาณ 400 ล้านดอลลาร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาชีพของนักวิจัย นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยในยุโรป เช่น Aix-Marseille University ในฝรั่งเศส ได้เปิดตัวโครงการ Safe Place for Science เพื่อรองรับนักวิจัยที่ได้รับผลกระทบ ✅ การเพิ่มขึ้นของการย้ายถิ่น - การสมัครงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 32% ในไตรมาสแรกของปี 2025 - ความสนใจในงานวิจัยในยุโรปและเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างมาก ✅ ผลกระทบจากการลดงบประมาณ - การยกเลิกทุนวิจัย HIV และ AIDS กว่า 200 โครงการ - การตัดงบประมาณ 400 ล้านดอลลาร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ✅ การตอบสนองของยุโรป - Aix-Marseille University เปิดตัวโครงการ Safe Place for Science ด้วยงบประมาณ 15 ล้านยูโร - Max Planck Society ในเยอรมนีเปิดตัว Transatlantic Program เพื่อรองรับนักวิจัย ✅ ความสนใจในเอเชีย - ความสนใจในงานวิจัยในจีนเพิ่มขึ้น 30% ในการดูประกาศงาน https://www.techspot.com/news/107679-us-researchers-flee-overseas-funding-cuts-bite-politics.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    US researchers flee overseas as funding cuts bite and politics intrudes
    The exodus is largely driven by abrupt federal funding withdrawals and project cancellations. Last month, over 200 grants supporting HIV and AIDS research were terminated. The National...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีทนไม่ไหว ขอเรียกร้องหยุดยิงอีกครั้ง!!

    เซเลนสกีโพสต์วิดีโอความเสียหายจากการโจมตีจากรัสเซีย พร้อมเรียกร้องให้มีการขยายเวลาหยุดยิงต่อจากวันอิสเตอร์ออกไปอีก


    ยูเครนเสนอให้ขยายเวลาหยุดยิงหลังอีสเตอร์และทำให้ครอบคลุมทุกด้าน ข้อเสนอของเราในการหยุดการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนยังคงอยู่บนโต๊ะเจรจาเช่นกัน สิ่งที่จำเป็นคือความพร้อมอย่างแท้จริงจากรัสเซียในการเข้าร่วมการสนทนานี้ ไม่มีและจะไม่มีทางตันใดๆ ในฝั่งยูเครน

    Ukraine proposed to extend the ceasefire after Easter and make it comprehensive. Our proposal to halt strikes on civilian infrastructure remains on the table as well. What’s needed is genuine readiness from Russia to engage in this conversation. There are and will be no impasses on the Ukrainian side.
    เซเลนสกีทนไม่ไหว ขอเรียกร้องหยุดยิงอีกครั้ง!! เซเลนสกีโพสต์วิดีโอความเสียหายจากการโจมตีจากรัสเซีย พร้อมเรียกร้องให้มีการขยายเวลาหยุดยิงต่อจากวันอิสเตอร์ออกไปอีก ยูเครนเสนอให้ขยายเวลาหยุดยิงหลังอีสเตอร์และทำให้ครอบคลุมทุกด้าน ข้อเสนอของเราในการหยุดการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนยังคงอยู่บนโต๊ะเจรจาเช่นกัน สิ่งที่จำเป็นคือความพร้อมอย่างแท้จริงจากรัสเซียในการเข้าร่วมการสนทนานี้ ไม่มีและจะไม่มีทางตันใดๆ ในฝั่งยูเครน Ukraine proposed to extend the ceasefire after Easter and make it comprehensive. Our proposal to halt strikes on civilian infrastructure remains on the table as well. What’s needed is genuine readiness from Russia to engage in this conversation. There are and will be no impasses on the Ukrainian side.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 258 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • Good morning Saturday 💜🌻
    Hope you have a great weekend 👍💯🤩
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Good morning Saturday 💜🌻 Hope you have a great weekend 👍💯🤩 #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่นต้องการเข้าร่วมกองบัญชาการ NATO ในภารกิจยูเครนเพื่อช่วยเหลือยูเครนและเรียนรู้จากประสบการณ์ของยูเครนในสงครามสมัยใหม่ด้วย

    นายเก็น นากาทานิ (Gen Nakatani) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นได้แจ้งต่อนายมาร์ก รุตเต้ เลขาธิการ NATO เกี่ยวกับความปรารถนาของญี่ปุ่นที่จะเข้าร่วม NATO Security Assistance and Training for Ukraine หรือ NSATU ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ฐานทัพของสหรัฐฯ ในเมืองวิสบาเดินของเยอรมนี

    ขณะนี้กำลังมีการหารือถึงรายละเอียดของภารกิจนี้ รวมถึงความเป็นไปได้ในการส่งสมาชิกกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นไปยังวิสบาเดิน

    นายนากาทานิกล่าวว่า ญี่ปุ่นต้องการกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงกับ NATO ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และการเข้าร่วมภารกิจของ NSATU จะช่วยให้โตเกียวเรียนรู้บทเรียนจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
    ญี่ปุ่นต้องการเข้าร่วมกองบัญชาการ NATO ในภารกิจยูเครนเพื่อช่วยเหลือยูเครนและเรียนรู้จากประสบการณ์ของยูเครนในสงครามสมัยใหม่ด้วย นายเก็น นากาทานิ (Gen Nakatani) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นได้แจ้งต่อนายมาร์ก รุตเต้ เลขาธิการ NATO เกี่ยวกับความปรารถนาของญี่ปุ่นที่จะเข้าร่วม NATO Security Assistance and Training for Ukraine หรือ NSATU ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ฐานทัพของสหรัฐฯ ในเมืองวิสบาเดินของเยอรมนี ขณะนี้กำลังมีการหารือถึงรายละเอียดของภารกิจนี้ รวมถึงความเป็นไปได้ในการส่งสมาชิกกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นไปยังวิสบาเดิน นายนากาทานิกล่าวว่า ญี่ปุ่นต้องการกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงกับ NATO ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และการเข้าร่วมภารกิจของ NSATU จะช่วยให้โตเกียวเรียนรู้บทเรียนจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
    Haha
    Angry
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่นได้ออกคำสั่ง "หยุดและยุติ" ต่อ Google โดยกล่าวหาว่าบริษัทละเมิดกฎหมาย ต่อต้านการผูกขาด ด้วยการบังคับให้ เครื่องมือค้นหาของ Google เป็นค่าเริ่มต้นในสมาร์ทโฟน Android

    ✅ ญี่ปุ่นกล่าวหา Google ว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด
    - คณะกรรมการการค้าแห่งญี่ปุ่น (JFTC) ระบุว่า Google ใช้อำนาจตลาดเพื่อให้ เครื่องมือค้นหาของตนเป็นค่าเริ่มต้นใน Android
    - คำสั่ง "หยุดและยุติ" เป็นมาตรการที่ใช้เพื่อบังคับให้บริษัทหยุดพฤติกรรมที่อาจเป็นการผูกขาด

    ✅ กรณีนี้คล้ายกับคดีในสหรัฐฯ และยุโรป
    - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังดำเนินคดีเกี่ยวกับ การครอบงำตลาดของ Google
    - ในยุโรป Google เคยถูกปรับ 4.34 พันล้านยูโร ในปี 2018 เนื่องจากข้อจำกัดเกี่ยวกับ Android

    ✅ การสอบสวนของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่ปี 2023
    - ญี่ปุ่นได้ปรึกษากับประเทศอื่นที่มีคดีเกี่ยวกับ Google ก่อนออกคำสั่งนี้
    - Google Japan แสดงความผิดหวังต่อคำสั่งดังกล่าว และอ้างว่าบริษัทมีส่วนช่วยพัฒนาเทคโนโลยีในญี่ปุ่น

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีในญี่ปุ่น
    - หาก Google ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและนักพัฒนาแอป
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ การตั้งค่าเริ่มต้นของเครื่องมือค้นหาใน Android

    ℹ️ ความท้าทายในการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาด
    - คดีในสหรัฐฯ และยุโรปใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ
    - ญี่ปุ่นอาจต้องใช้เวลานานในการบังคับใช้คำสั่งนี้

    ℹ️ แนวโน้มของการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
    - หลายประเทศกำลังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ บริษัทเทคโนโลยีที่มีอำนาจตลาดสูง
    - อาจมีการออกกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมพฤติกรรมของบริษัทเหล่านี้

    https://www.neowin.net/news/japan-hits-google-with-anti-monopoly-accusations-over-android-phones/
    ญี่ปุ่นได้ออกคำสั่ง "หยุดและยุติ" ต่อ Google โดยกล่าวหาว่าบริษัทละเมิดกฎหมาย ต่อต้านการผูกขาด ด้วยการบังคับให้ เครื่องมือค้นหาของ Google เป็นค่าเริ่มต้นในสมาร์ทโฟน Android ✅ ญี่ปุ่นกล่าวหา Google ว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด - คณะกรรมการการค้าแห่งญี่ปุ่น (JFTC) ระบุว่า Google ใช้อำนาจตลาดเพื่อให้ เครื่องมือค้นหาของตนเป็นค่าเริ่มต้นใน Android - คำสั่ง "หยุดและยุติ" เป็นมาตรการที่ใช้เพื่อบังคับให้บริษัทหยุดพฤติกรรมที่อาจเป็นการผูกขาด ✅ กรณีนี้คล้ายกับคดีในสหรัฐฯ และยุโรป - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังดำเนินคดีเกี่ยวกับ การครอบงำตลาดของ Google - ในยุโรป Google เคยถูกปรับ 4.34 พันล้านยูโร ในปี 2018 เนื่องจากข้อจำกัดเกี่ยวกับ Android ✅ การสอบสวนของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่ปี 2023 - ญี่ปุ่นได้ปรึกษากับประเทศอื่นที่มีคดีเกี่ยวกับ Google ก่อนออกคำสั่งนี้ - Google Japan แสดงความผิดหวังต่อคำสั่งดังกล่าว และอ้างว่าบริษัทมีส่วนช่วยพัฒนาเทคโนโลยีในญี่ปุ่น ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีในญี่ปุ่น - หาก Google ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและนักพัฒนาแอป - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ การตั้งค่าเริ่มต้นของเครื่องมือค้นหาใน Android ℹ️ ความท้าทายในการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาด - คดีในสหรัฐฯ และยุโรปใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ - ญี่ปุ่นอาจต้องใช้เวลานานในการบังคับใช้คำสั่งนี้ ℹ️ แนวโน้มของการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ - หลายประเทศกำลังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ บริษัทเทคโนโลยีที่มีอำนาจตลาดสูง - อาจมีการออกกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมพฤติกรรมของบริษัทเหล่านี้ https://www.neowin.net/news/japan-hits-google-with-anti-monopoly-accusations-over-android-phones/
    WWW.NEOWIN.NET
    Japan hits Google with anti-monopoly accusations over Android phones
    Japan has slapped Google with an antitrust order over Android phones, accusing it of shutting out rivals in the search market.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าสนใจใน Silicon Valley ซึ่งมีการแฮกระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ เช่น Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto โดยเสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg

    เสียงที่ถูกแฮกนี้ไม่ได้ให้คำเตือนเกี่ยวกับการจราจรตามปกติ แต่กลับเป็นข้อความเสียดสี เช่น เสียงที่เลียนแบบ Zuckerberg กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน หรือเสียงที่เลียนแบบ Musk ที่พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย แม้ว่าการแฮกครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบสัญญาณไฟจราจร แต่เจ้าหน้าที่ได้ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย

    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT (Internet of Things) ที่อาจถูกโจมตีได้ง่าย และยังเป็นการเตือนถึงความสำคัญของการป้องกันระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะ

    ✅ เหตุการณ์แฮกปุ่มข้ามถนนใน Silicon Valley
    - ระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto ถูกแฮก
    - เสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg

    ✅ ผลกระทบของการแฮก
    - ระบบสัญญาณไฟจราจรไม่ได้รับผลกระทบ
    - เจ้าหน้าที่ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย

    ✅ ข้อความเสียดสีที่ถูกแฮก
    - Zuckerberg: กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน
    - Musk: พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT
    - ระบบ IoT ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะอาจถูกโจมตีได้ง่าย
    - การแฮกอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบสาธารณะ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/crosswalks-in-silicon-valley-hacked-to-play-satirical-messages-from-musk-and-zuckerberg-sound-a-likes
    ข่าวนี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่น่าสนใจใน Silicon Valley ซึ่งมีการแฮกระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ เช่น Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto โดยเสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg เสียงที่ถูกแฮกนี้ไม่ได้ให้คำเตือนเกี่ยวกับการจราจรตามปกติ แต่กลับเป็นข้อความเสียดสี เช่น เสียงที่เลียนแบบ Zuckerberg กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน หรือเสียงที่เลียนแบบ Musk ที่พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย แม้ว่าการแฮกครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบสัญญาณไฟจราจร แต่เจ้าหน้าที่ได้ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT (Internet of Things) ที่อาจถูกโจมตีได้ง่าย และยังเป็นการเตือนถึงความสำคัญของการป้องกันระบบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะ ✅ เหตุการณ์แฮกปุ่มข้ามถนนใน Silicon Valley - ระบบเสียงของปุ่มข้ามถนนในพื้นที่ Redwood City, Menlo Park และ Palo Alto ถูกแฮก - เสียงที่ถูกเปลี่ยนเป็นข้อความเสียดสีที่เลียนแบบเสียงของ Elon Musk และ Mark Zuckerberg ✅ ผลกระทบของการแฮก - ระบบสัญญาณไฟจราจรไม่ได้รับผลกระทบ - เจ้าหน้าที่ปิดการใช้งานระบบเสียงเพื่อความปลอดภัย ✅ ข้อความเสียดสีที่ถูกแฮก - Zuckerberg: กล่าวถึงการนำ AI เข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างประชดประชัน - Musk: พูดถึงเรื่องต่างๆ ในลักษณะตลกร้าย ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระบบ IoT - ระบบ IoT ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะอาจถูกโจมตีได้ง่าย - การแฮกอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบสาธารณะ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/crosswalks-in-silicon-valley-hacked-to-play-satirical-messages-from-musk-and-zuckerberg-sound-a-likes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ways To Stop Saying “Sorry” All The Time

    How many times have you said the word sorry today? If you’re like most people, the answer is probably: a lot.

    Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity, etc.” The only problem is, we don’t always use it that way. Sorry has become a sort of anchor that people attach to all kinds of phrases, whether they’re asking a question, asking for help, or even just moving about in a crowded space. In those instances, we aren’t feeling regret or pity, so why are we apologizing?

    Research shows that women tend to over-apologize more often than men, but no matter your identity, psychologists caution that saying sorry all the time can undermine your authority and even impact your self-esteem. If you’re a chronic over-apologizer, it’s time to switch it up. Here are 10 ways to stop saying sorry and start saying what you really mean.

    1. Catch yourself in the act.
    Before you change your habit of over-apologizing, you have to become aware of when you apologize and why. Is it anytime you feel you’re in someone’s way? Or maybe whenever you want to ask a question during a meeting? Start to notice when sorry comes out of your mouth during times when you haven’t actually done anything wrong. Try asking a trusted friend or colleague to point it out to you or even having a day where you write down a tick mark every time you say it.

    2. Think about why you apologize.
    Has sorry become a filler word? Maybe it gives you something to say when you aren’t sure what else to say, or maybe it’s a way of dealing with anxiety or a lack of confidence in certain situations. Understanding why you apologize all the time will help you identify situations for which you could brainstorm some other words and phrases to have in your arsenal instead.

    3. Say “thank you,” not “sorry.”
    When you’re ready to start replacing the word sorry in your vocabulary, here’s an easy trick: say “thank you” instead. This is especially helpful at work or in other places where saying sorry might come off as less authoritative. Thank you turns an apologetic statement into one that exudes confidence. Here are some examples:

    - Instead of Sorry for being late, try Thanks for waiting.
    - Instead of Sorry for the late notice, try I’m so glad you could make it.
    - Instead of Sorry for complaining, try Thanks for listening.
    - Instead of Sorry for the mistake, try Thank you for catching that.

    4. Use a different word.
    Are you using sorry in place of a word or phrase that might work better? For example, when you need something at a restaurant or want to reach in front of someone at the grocery store to grab an item, do you automatically apologize? If so, you may be using sorry as a default, so try to choose some replacement words. Here are some ideas:

    - pardon
    - excuse me
    - after you
    - oops

    5. Focus on solutions.
    We all make mistakes, and apologizing when we really mess up is a good idea. But you don’t need to jump straight to sorry every time there is a minor mishap. In situations at work or even in conversations with friends and loved ones, it can be helpful and more proactive to lead with what you’re going to do to fix the problem. In these situations, try one of these alternatives:

    - I hear you, and I’m going to [list actions you plan to take].
    - Thank you for bringing this to my attention. I’m going to work on it.
    - This didn’t go as planned, but I’m going to make it right.
    - Can you give me feedback on how I can do this differently?

    6. Ask a question.
    Sometimes we use sorry as a way of getting someone’s attention, as in, “Sorry, but I have a question.” The only problem is that beginning your sentence with an apology has the potential to make you sound more passive or make others see you as less authoritative. Instead of defaulting to apologizing whenever you have something to say, try these alternatives:

    - Instead of Sorry to bother you, try Is now a good time to talk?
    - Instead of Sorry for interrupting, try Can I expand on that?
    - Instead of Sorry for getting in the way, try Can I squeeze past you?
    - Instead of Sorry, but I have a question, try Is now a good time for questions?

    7. Ban sorry from your emails.
    In person, the word sorry can slip out without notice. But over email you have the opportunity of more time to think about what you really want to say. Take advantage of that by banning the word sorry from all communications. After you write an email, read through it quickly and delete every instance of sorry or other passive language, and replace it with some of the words or phrases above. It’s a small step that can go a long way towards making you sound more self-assured.

    8. Practice empathy, not sympathy.
    Sorry is a go-to word when something bad happens to someone else, but it isn’t always the best word. Sorry conveys sympathy, and it focuses on how the speaker feels rather than the recipient. Plus, because the word is so overused, it can sometimes sound insincere. Instead of jumping right to sorry in these situations, practice empathy by acknowledging the other person’s feelings over yours. Some examples include:

    - That must have been really difficult.
    - I know you’re really hurting right now.
    - Thank you for trusting me with this.
    - What can I do to make this easier for you?

    9. Prep before important conversations.
    If you know ahead of time that you’re going into a tough conversation where you might be tempted to over-apologize, rehearse some other lines to use instead. For example, if you need to talk to a boss about a problem at work, think about how the conversation might go and choose a few sorry alternatives from earlier on this list. Practice what you’ll say ahead of time. When alternative words and phrases are fresh in your mind, they’ll be easier to remember and work into the conversation naturally.

    10. Get an accountability partner.
    It might be easier to change your habits if you have a little help. If you have a friend, partner, or colleague that you trust, let them know you’re trying to delete sorry from your vocabulary, and see if they’re willing to help by privately pointing out when they hear you over-apologizing. They may notice times when you apologize that you’ve overlooked, and knowing they’re on the lookout might motivate you to change your ways even more. After a while, your sorry habit will be a thing of the past. Sorry, not sorry.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Ways To Stop Saying “Sorry” All The Time How many times have you said the word sorry today? If you’re like most people, the answer is probably: a lot. Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity, etc.” The only problem is, we don’t always use it that way. Sorry has become a sort of anchor that people attach to all kinds of phrases, whether they’re asking a question, asking for help, or even just moving about in a crowded space. In those instances, we aren’t feeling regret or pity, so why are we apologizing? Research shows that women tend to over-apologize more often than men, but no matter your identity, psychologists caution that saying sorry all the time can undermine your authority and even impact your self-esteem. If you’re a chronic over-apologizer, it’s time to switch it up. Here are 10 ways to stop saying sorry and start saying what you really mean. 1. Catch yourself in the act. Before you change your habit of over-apologizing, you have to become aware of when you apologize and why. Is it anytime you feel you’re in someone’s way? Or maybe whenever you want to ask a question during a meeting? Start to notice when sorry comes out of your mouth during times when you haven’t actually done anything wrong. Try asking a trusted friend or colleague to point it out to you or even having a day where you write down a tick mark every time you say it. 2. Think about why you apologize. Has sorry become a filler word? Maybe it gives you something to say when you aren’t sure what else to say, or maybe it’s a way of dealing with anxiety or a lack of confidence in certain situations. Understanding why you apologize all the time will help you identify situations for which you could brainstorm some other words and phrases to have in your arsenal instead. 3. Say “thank you,” not “sorry.” When you’re ready to start replacing the word sorry in your vocabulary, here’s an easy trick: say “thank you” instead. This is especially helpful at work or in other places where saying sorry might come off as less authoritative. Thank you turns an apologetic statement into one that exudes confidence. Here are some examples: - Instead of Sorry for being late, try Thanks for waiting. - Instead of Sorry for the late notice, try I’m so glad you could make it. - Instead of Sorry for complaining, try Thanks for listening. - Instead of Sorry for the mistake, try Thank you for catching that. 4. Use a different word. Are you using sorry in place of a word or phrase that might work better? For example, when you need something at a restaurant or want to reach in front of someone at the grocery store to grab an item, do you automatically apologize? If so, you may be using sorry as a default, so try to choose some replacement words. Here are some ideas: - pardon - excuse me - after you - oops 5. Focus on solutions. We all make mistakes, and apologizing when we really mess up is a good idea. But you don’t need to jump straight to sorry every time there is a minor mishap. In situations at work or even in conversations with friends and loved ones, it can be helpful and more proactive to lead with what you’re going to do to fix the problem. In these situations, try one of these alternatives: - I hear you, and I’m going to [list actions you plan to take]. - Thank you for bringing this to my attention. I’m going to work on it. - This didn’t go as planned, but I’m going to make it right. - Can you give me feedback on how I can do this differently? 6. Ask a question. Sometimes we use sorry as a way of getting someone’s attention, as in, “Sorry, but I have a question.” The only problem is that beginning your sentence with an apology has the potential to make you sound more passive or make others see you as less authoritative. Instead of defaulting to apologizing whenever you have something to say, try these alternatives: - Instead of Sorry to bother you, try Is now a good time to talk? - Instead of Sorry for interrupting, try Can I expand on that? - Instead of Sorry for getting in the way, try Can I squeeze past you? - Instead of Sorry, but I have a question, try Is now a good time for questions? 7. Ban sorry from your emails. In person, the word sorry can slip out without notice. But over email you have the opportunity of more time to think about what you really want to say. Take advantage of that by banning the word sorry from all communications. After you write an email, read through it quickly and delete every instance of sorry or other passive language, and replace it with some of the words or phrases above. It’s a small step that can go a long way towards making you sound more self-assured. 8. Practice empathy, not sympathy. Sorry is a go-to word when something bad happens to someone else, but it isn’t always the best word. Sorry conveys sympathy, and it focuses on how the speaker feels rather than the recipient. Plus, because the word is so overused, it can sometimes sound insincere. Instead of jumping right to sorry in these situations, practice empathy by acknowledging the other person’s feelings over yours. Some examples include: - That must have been really difficult. - I know you’re really hurting right now. - Thank you for trusting me with this. - What can I do to make this easier for you? 9. Prep before important conversations. If you know ahead of time that you’re going into a tough conversation where you might be tempted to over-apologize, rehearse some other lines to use instead. For example, if you need to talk to a boss about a problem at work, think about how the conversation might go and choose a few sorry alternatives from earlier on this list. Practice what you’ll say ahead of time. When alternative words and phrases are fresh in your mind, they’ll be easier to remember and work into the conversation naturally. 10. Get an accountability partner. It might be easier to change your habits if you have a little help. If you have a friend, partner, or colleague that you trust, let them know you’re trying to delete sorry from your vocabulary, and see if they’re willing to help by privately pointing out when they hear you over-apologizing. They may notice times when you apologize that you’ve overlooked, and knowing they’re on the lookout might motivate you to change your ways even more. After a while, your sorry habit will be a thing of the past. Sorry, not sorry. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 510 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงการพัฒนาเทคโนโลยี Broadcast Positioning System (BPS) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้สัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัล ATSC 3.0 แทนดาวเทียม GPS เพื่อเป็นระบบสำรองในกรณีที่ GPS ถูกโจมตีหรือขัดข้อง

    Broadcast Positioning System (BPS) ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัลในการให้ข้อมูลตำแหน่งและเวลา โดยมีความแม่นยำในระดับ 100 นาโนวินาที ซึ่งแม้จะน้อยกว่า GPS ที่มีความแม่นยำ 10 นาโนวินาที แต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในบางกรณี อย่างไรก็ตาม การใช้งาน BPS ต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณจากสถานีส่งอย่างน้อย 4 แห่ง และมีความแม่นยำในรัศมีประมาณ 100 เมตร

    เทคโนโลยีนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา โดยคาดว่าจะพร้อมใช้งานในปี 2027 และจะมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในปี 2029 นอกจากนี้ BPS ยังสามารถใช้เป็นระบบยืนยันข้อมูลของ GPS ได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในกรณีที่ GPS ถูกโจมตี

    ✅ การพัฒนา Broadcast Positioning System (BPS)
    - ใช้สัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัล ATSC 3.0 แทนดาวเทียม GPS
    - มีความแม่นยำในระดับ 100 นาโนวินาที

    ✅ การใช้งานและความพร้อม
    - ต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณจากสถานีส่งอย่างน้อย 4 แห่ง
    - คาดว่าจะพร้อมใช้งานในปี 2027 และเพิ่มฟีเจอร์ในปี 2029

    ✅ การยืนยันข้อมูล GPS
    - BPS สามารถใช้เป็นระบบยืนยันข้อมูลของ GPS
    - ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในกรณีที่ GPS ถูกโจมตี

    ℹ️ ข้อจำกัดของ BPS
    - ความแม่นยำต่ำกว่า GPS และต้องการสถานีส่งสัญญาณหลายแห่ง
    - การใช้งานอาจจำกัดในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ ATSC 3.0

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    - หากระบบ BPS ถูกโจมตี อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานที่พึ่งพาเทคโนโลยีนี้
    - การพัฒนาระบบสำรองที่มีความปลอดภัยสูงเป็นสิ่งสำคัญ

    https://www.tomshardware.com/service-providers/tv-signal-based-bps-tested-as-fallback-for-gps-digital-tv-infrastructure-could-come-to-the-rescue-if-satellites-are-compromised
    ข่าวนี้เล่าถึงการพัฒนาเทคโนโลยี Broadcast Positioning System (BPS) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้สัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัล ATSC 3.0 แทนดาวเทียม GPS เพื่อเป็นระบบสำรองในกรณีที่ GPS ถูกโจมตีหรือขัดข้อง Broadcast Positioning System (BPS) ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัลในการให้ข้อมูลตำแหน่งและเวลา โดยมีความแม่นยำในระดับ 100 นาโนวินาที ซึ่งแม้จะน้อยกว่า GPS ที่มีความแม่นยำ 10 นาโนวินาที แต่ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานในบางกรณี อย่างไรก็ตาม การใช้งาน BPS ต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณจากสถานีส่งอย่างน้อย 4 แห่ง และมีความแม่นยำในรัศมีประมาณ 100 เมตร เทคโนโลยีนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา โดยคาดว่าจะพร้อมใช้งานในปี 2027 และจะมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ในปี 2029 นอกจากนี้ BPS ยังสามารถใช้เป็นระบบยืนยันข้อมูลของ GPS ได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในกรณีที่ GPS ถูกโจมตี ✅ การพัฒนา Broadcast Positioning System (BPS) - ใช้สัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัล ATSC 3.0 แทนดาวเทียม GPS - มีความแม่นยำในระดับ 100 นาโนวินาที ✅ การใช้งานและความพร้อม - ต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณจากสถานีส่งอย่างน้อย 4 แห่ง - คาดว่าจะพร้อมใช้งานในปี 2027 และเพิ่มฟีเจอร์ในปี 2029 ✅ การยืนยันข้อมูล GPS - BPS สามารถใช้เป็นระบบยืนยันข้อมูลของ GPS - ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในกรณีที่ GPS ถูกโจมตี ℹ️ ข้อจำกัดของ BPS - ความแม่นยำต่ำกว่า GPS และต้องการสถานีส่งสัญญาณหลายแห่ง - การใช้งานอาจจำกัดในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ ATSC 3.0 ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย - หากระบบ BPS ถูกโจมตี อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานที่พึ่งพาเทคโนโลยีนี้ - การพัฒนาระบบสำรองที่มีความปลอดภัยสูงเป็นสิ่งสำคัญ https://www.tomshardware.com/service-providers/tv-signal-based-bps-tested-as-fallback-for-gps-digital-tv-infrastructure-could-come-to-the-rescue-if-satellites-are-compromised
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sensata Technologies ได้รายงานเหตุการณ์แรนซัมแวร์ที่เข้ารหัสอุปกรณ์บางส่วนในเครือข่ายของบริษัท การโจมตีนี้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน เช่น การจัดส่ง การรับสินค้า การผลิต และการสนับสนุนอื่นๆ บริษัทได้ดำเนินการตอบสนองทันทีโดยปิดเครือข่ายบางส่วน นำผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    Sensata ยังระบุว่ามีการสูญเสียไฟล์บางส่วน แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับไฟล์เหล่านั้น ขณะนี้บริษัทกำลังตรวจสอบไฟล์ที่ได้รับผลกระทบและจะดำเนินการเพิ่มเติมตามความเหมาะสม

    แม้ว่าบริษัทจะคาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสที่สองของปี 2025 แต่ก็ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบทั้งหมดได้

    ✅ เหตุการณ์แรนซัมแวร์ที่ Sensata Technologies
    - Sensata ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่เข้ารหัสอุปกรณ์บางส่วนในเครือข่าย
    - ส่งผลกระทบต่อการจัดส่ง การรับสินค้า การผลิต และการสนับสนุนอื่นๆ

    ✅ การตอบสนองของบริษัท
    - ปิดเครือข่ายบางส่วนและนำผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วย
    - แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเริ่มการตรวจสอบ

    ✅ การสูญเสียไฟล์และการตรวจสอบ
    - บริษัทสูญเสียไฟล์บางส่วนและกำลังตรวจสอบไฟล์ที่ได้รับผลกระทบ
    - จะดำเนินการเพิ่มเติมตามความเหมาะสม

    ✅ ผลกระทบต่อผลประกอบการ
    - Sensata คาดว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสที่สองของปี 2025

    ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    - การโจมตีแรนซัมแวร์อาจทำให้ข้อมูลสำคัญของบริษัทตกอยู่ในความเสี่ยง
    - การสูญเสียไฟล์อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในระยะยาว

    ℹ️ ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า
    - เหตุการณ์นี้อาจลดความเชื่อมั่นของลูกค้าและคู่ค้าในระบบความปลอดภัยของบริษัท
    - การจัดการเหตุการณ์อย่างโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่น

    https://www.techradar.com/pro/security/top-us-sensor-maker-sensata-hit-by-worrying-ransomware-attack
    Sensata Technologies ได้รายงานเหตุการณ์แรนซัมแวร์ที่เข้ารหัสอุปกรณ์บางส่วนในเครือข่ายของบริษัท การโจมตีนี้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน เช่น การจัดส่ง การรับสินค้า การผลิต และการสนับสนุนอื่นๆ บริษัทได้ดำเนินการตอบสนองทันทีโดยปิดเครือข่ายบางส่วน นำผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง Sensata ยังระบุว่ามีการสูญเสียไฟล์บางส่วน แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับไฟล์เหล่านั้น ขณะนี้บริษัทกำลังตรวจสอบไฟล์ที่ได้รับผลกระทบและจะดำเนินการเพิ่มเติมตามความเหมาะสม แม้ว่าบริษัทจะคาดการณ์ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสที่สองของปี 2025 แต่ก็ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบทั้งหมดได้ ✅ เหตุการณ์แรนซัมแวร์ที่ Sensata Technologies - Sensata ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ที่เข้ารหัสอุปกรณ์บางส่วนในเครือข่าย - ส่งผลกระทบต่อการจัดส่ง การรับสินค้า การผลิต และการสนับสนุนอื่นๆ ✅ การตอบสนองของบริษัท - ปิดเครือข่ายบางส่วนและนำผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วย - แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเริ่มการตรวจสอบ ✅ การสูญเสียไฟล์และการตรวจสอบ - บริษัทสูญเสียไฟล์บางส่วนและกำลังตรวจสอบไฟล์ที่ได้รับผลกระทบ - จะดำเนินการเพิ่มเติมตามความเหมาะสม ✅ ผลกระทบต่อผลประกอบการ - Sensata คาดว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสที่สองของปี 2025 ℹ️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไซเบอร์ - การโจมตีแรนซัมแวร์อาจทำให้ข้อมูลสำคัญของบริษัทตกอยู่ในความเสี่ยง - การสูญเสียไฟล์อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในระยะยาว ℹ️ ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า - เหตุการณ์นี้อาจลดความเชื่อมั่นของลูกค้าและคู่ค้าในระบบความปลอดภัยของบริษัท - การจัดการเหตุการณ์อย่างโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่น https://www.techradar.com/pro/security/top-us-sensor-maker-sensata-hit-by-worrying-ransomware-attack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts