• ธรรม กับ ทำ
    ผู้มีปัญญาจะเลือก
    ธรรม กับ ทำ
    เหตุเพราะ มันคือ ธรรมสอง
    ตามคำสอนของพ่อครูโพธิรักษ์
    แห่ง บวร สันติอโศก

    สุดแต่ผู้ใดจะเลือกเอา ว่าจะเอาชั่ว หรือเอาดี

    https://www.facebook.com/share/p/mLmiPP3BJA5EiGhd/
    ธรรม กับ ทำ ผู้มีปัญญาจะเลือก ธรรม กับ ทำ เหตุเพราะ มันคือ ธรรมสอง ตามคำสอนของพ่อครูโพธิรักษ์ แห่ง บวร สันติอโศก สุดแต่ผู้ใดจะเลือกเอา ว่าจะเอาชั่ว หรือเอาดี https://www.facebook.com/share/p/mLmiPP3BJA5EiGhd/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถอดหน้ากาก "ดิ ไอคอน" อภิมหาแชร์ลูกโซ่
    .
    ตลอดระยะเวลาห้าสิบกว่าปีที่ผมเป็นสื่อมวลชนมา แม้ว่าผมทำข่าวแชร์พวกนี้มาก็มาก ไม่ว่าจะเป็นแชร์แม่ชม้อย 2520-2528 หรือแชร์ชาร์เตอร์ 2526-2528 คนไทยไม่เข็ด คดี "เมจิกสกิน" แชร์ลูกโซ่รูปแบบใหม่ หลังสุดเป็นเรื่องคดีอื้อฉาวโด่งดังมาก คือคดี Forex-3D
    .
    แต่ผมไม่เคยเห็นจำนวนเหยื่อ ตัวเลขเหยื่อ ผู้เสียหายมากมายเท่ากรณี "ดิ ไอคอน"ซึ่งนายพอล วรัตน์พล เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เครือข่าย "ดิ ไอคอน" สามารถดึงดูดผู้คนให้หลงเข้ามาเป็นสมาชิกได้มากถึง 368,257 ราย นั่นหมายความว่า "ดิ ไอคอน" ได้กลายเป็นแชร์ลูกโซ่ขนาดมหึมา ถ้าเราคิดแค่จำนวนเงินชั้นต้น เฉพาะการเปิดบิล เป็นเงินความเสียหายกว่า 10,130 ล้านบาท
    .
    นั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะว่าเขาไม่ได้ซื้อของมาให้คุณขาย เขาซื้อเป็นสต๊อกลม ให้คุณจ่ายเงินค่าสต๊อกลมไป ที่ ดิ ไอคอน อ้างว่าปกติจะบอกว่าจ่ายเงินก่อน เบิกเมื่อไรค่อยเอาของไปและนี่คือ "แชร์ลูกโซ่" โดยรับเงินจากค่าสมาชิก เอาเงินใหม่ที่หลงเชื่อเข้ามาเอามาโปะแทนเงินเก่า ได้เงินหมุนมาเป็นพันๆ ล้าน ไปปั่นสร้างภาพตัวเองซื้อทรัพย์สิน ซื้อโฆษณาจ่ายพรีเซนเตอร์ รถหรู ที่ดิน สร้างภาพว่ารวยสุดๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่เข้ามาซื้อสต๊อกลมกันให้มากๆ ถ้าดูออกก็เข้าใจเกมนี้
    .
    ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า หลักการตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ ของทุกๆ แชร์เลยนะ อ้างเรื่อง MLM (Multi Level Marketing) ทุกคนเลย ตั้งแต่แชร์แม่ชม้อย ,แชร์ชาร์เตอร์, แชร์ทองคำแม่ตั้ก, แชร์ FOREX อภิรักษ์ โกฎฐิ มาจนถึง "ดิ ไอคอน" ทั้งหมดอ้างเป็นรูปแบบการขายตรงแบบ MLM ซึ่งแอมเวย์ก็ทำ กิฟฟารีนก็ทำ แต่จุดที่ต่างคือ เขามีของ มีคุณภาพ มีชื่อเสียงมายาวนาน คนไม่ได้เป็นสมาชิกก็ใช้สินค้าเขา แต่ "ดิ ไอคอน" ไม่ใช่เช่นนั้น
    ถอดหน้ากาก "ดิ ไอคอน" อภิมหาแชร์ลูกโซ่ . ตลอดระยะเวลาห้าสิบกว่าปีที่ผมเป็นสื่อมวลชนมา แม้ว่าผมทำข่าวแชร์พวกนี้มาก็มาก ไม่ว่าจะเป็นแชร์แม่ชม้อย 2520-2528 หรือแชร์ชาร์เตอร์ 2526-2528 คนไทยไม่เข็ด คดี "เมจิกสกิน" แชร์ลูกโซ่รูปแบบใหม่ หลังสุดเป็นเรื่องคดีอื้อฉาวโด่งดังมาก คือคดี Forex-3D . แต่ผมไม่เคยเห็นจำนวนเหยื่อ ตัวเลขเหยื่อ ผู้เสียหายมากมายเท่ากรณี "ดิ ไอคอน"ซึ่งนายพอล วรัตน์พล เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เครือข่าย "ดิ ไอคอน" สามารถดึงดูดผู้คนให้หลงเข้ามาเป็นสมาชิกได้มากถึง 368,257 ราย นั่นหมายความว่า "ดิ ไอคอน" ได้กลายเป็นแชร์ลูกโซ่ขนาดมหึมา ถ้าเราคิดแค่จำนวนเงินชั้นต้น เฉพาะการเปิดบิล เป็นเงินความเสียหายกว่า 10,130 ล้านบาท . นั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะว่าเขาไม่ได้ซื้อของมาให้คุณขาย เขาซื้อเป็นสต๊อกลม ให้คุณจ่ายเงินค่าสต๊อกลมไป ที่ ดิ ไอคอน อ้างว่าปกติจะบอกว่าจ่ายเงินก่อน เบิกเมื่อไรค่อยเอาของไปและนี่คือ "แชร์ลูกโซ่" โดยรับเงินจากค่าสมาชิก เอาเงินใหม่ที่หลงเชื่อเข้ามาเอามาโปะแทนเงินเก่า ได้เงินหมุนมาเป็นพันๆ ล้าน ไปปั่นสร้างภาพตัวเองซื้อทรัพย์สิน ซื้อโฆษณาจ่ายพรีเซนเตอร์ รถหรู ที่ดิน สร้างภาพว่ารวยสุดๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่เข้ามาซื้อสต๊อกลมกันให้มากๆ ถ้าดูออกก็เข้าใจเกมนี้ . ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า หลักการตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ ของทุกๆ แชร์เลยนะ อ้างเรื่อง MLM (Multi Level Marketing) ทุกคนเลย ตั้งแต่แชร์แม่ชม้อย ,แชร์ชาร์เตอร์, แชร์ทองคำแม่ตั้ก, แชร์ FOREX อภิรักษ์ โกฎฐิ มาจนถึง "ดิ ไอคอน" ทั้งหมดอ้างเป็นรูปแบบการขายตรงแบบ MLM ซึ่งแอมเวย์ก็ทำ กิฟฟารีนก็ทำ แต่จุดที่ต่างคือ เขามีของ มีคุณภาพ มีชื่อเสียงมายาวนาน คนไม่ได้เป็นสมาชิกก็ใช้สินค้าเขา แต่ "ดิ ไอคอน" ไม่ใช่เช่นนั้น
    Like
    Angry
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 640 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..แปลกนะ,ถ้ากรณีซื้อกินซื้อใช้เบื้องต้นแบบนี้,เครือข่ายขายตรงมีมากมายเลยล่ะ,คนไปสมัครสมาชิกเสียตังหลักร้อยหลักพันหลักหมื่นหรือหลักแสนหลักล้านเนียนๆเลยล่ะ,อาทิขายตรงที่เห็นชัดจากฝรั่งตะวันตกโซนท่านลอร์ดเหมือนกันก็แอมเวย์นี้ล่ะตรึม,นักศึกษา&ชาวบ้านเสียตังเสียเงินเสียทองเสียเวลากันมากมาย,สิ้นอายุสมาชิกก็ตัดออกจากระบบแล้ว,หัวได้เต็มๆแน่ๆไม่ได้ต่างจากพวกนี้หรอก,mlmควรไม่มีในประเทศไทยจริงๆ ขายฝันบวกรักษายอดในตัวแบบสไตล์ทาสกิจการพื้นๆอยู่แล้ว ไม่ทำงาน หยุดก็หลุดออกจากระบบ,คนมาก่อนได้เต็มยึดทั้งทางตรงทางอ้อม ติดสายบ้าง ต่อตรงระดับบนบ้าง พวกเหี้ยนี้ออกแบบระบบโง่ๆที่ไหน เนียนๆแบบอ้างกฎหมายว่าถูกกฎหมายโน้น,ถ้ายึดอำนาจแล้วเขียนกฎหมายใหม่ว่า ขายตรงยกเลิกในประเทศไทยทุกๆกิจการเครือข่ายจะเป็นแบบไหนนะ,ท่านลอร์ดคงไม่ปลื้มด้วยแน่ๆ,ในไทยมีกิจการขายตรงเยอะจริงๆ.ไม่รวมสไตล์เงินบุญด้วยนะ.,ขัดแข้งขัดขาธุรกิจท่านลอร์ดก็สามารถไปวัดได้เหมือนกันนะ.ร่ำรวยมืด ร่ำรวยใต้ดินไม่เป็นข่าว ร่ำรวยแปลก หลอกสายตรงหน้าบ้านก็กิจการเครือข่ายขายตรงนี้ล่ะ,มีทั้งอ้างตนว่าจดทะเบียนถูกกฎหมายก็เพราะไปเปิดช่องให้มันนั้นล่ะ,ส่วนไม่ถูกกฎหมายยิ่งอนาถก็ยังสามารถหลอกลวงได้เสรีปกติ,ตังแบงค์ชาติสามารถเห็นกระแสการเคลื่อนไหวผิดปกติเข้าบัญชีใครถึงคนไหนบ้าง ดูได้หมดล่ะ,ประเทศไทยเราส่วนมากจะเขียนกฎหมายให้โจรมาปล้นอย่างสนุกสนานแบบชอบธรรม&ถูกกฎหมายได้ด้วยโน้น บทพิสูจน์ว่ามีจริงชัดเจนคือกฎหมายพรบ.ปิโตรเลียมบ่อน้ำมันไทยเรานี้ล่ะ,เขียนโคตรชั่วและสุดยอดของความสาระเลวในบรรดานักกฎหมายที่โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลที่เลวทรยศแผ่นดินไทยช่วงสมัยเขียนกฎหมายปิโตรเลียนปฐมบทนั้น,ยกบ่อน้ำมันบนแผ่นดินไทยตนแท้ๆให้ต่างชาติทำแดกเต็มที่โดยเฉพาะฝรั่งตะวันตกชัดเจนและของจริง ย่อชัดๆคือยิวอเมริกาท่านลอร์ดมัน,ยึดบ่อน้ำมันไทยไปหมดสิ้น คนไทยใช้น้ำมันราคาโคตรแพงไง ส่งผลกระทบค่าครองชีพเสาหลักทั้งแผ่นดินหรือแพงทัังประเทศนั้นเอง,อิหร่านขายลิตรละ1-2บาทแบบเพียวๆไม่เติมเอทานอลอะไร,จะดีเชลหรือจะเบนชินลิตรละ1-2บาทแค่นั้นในปัจจุบัน ไทย4ลิตร100 ยุคเหี้ยๆ2ลิตร100กันเลยแถวบ้านนอก,ราคาอ้างอิงสิงคโปร์โคตรพ่อมัน,ขี้ข้าสิงคโปร์ตามท่านลอร์ดสั่งอีก,ภาคใต้คงเร็วๆนี้จะยึดเอาละมั้ง พม่า&โรฮิงญาตรึม แขกมุสลิมcia&unจัดตั้งอีกเพรียบจะยึดภาคใต้เราก็ว่าทั้งทองคำทั้งบ่อน้ำมันทัังแลนด์บริดจ์ท่านลอร์ดจะยึดครองเองเบ็ดเสร็จจริงจังในยุคสมัยนี้พะนะ,unรับรองเองอนุมัติให้ประเทศไทยต้องเลี้ยงดูคนพม่าโน้น,แทรกแซงคดียุบพรรคก้าวไกลแบบออกหน้าออกตาอีก,สมควรที่จีนบวกรัสเชียบวกอาหรับบวกเกาหลีเหนือถล่มฝรั่งตะวันตกจริงๆโลกไม่มียักษ์ฝรั่งเหล่านี้ก็อยู่กันได้สบาย,ไปแทรกแซงปั่นป่วนทุกๆชาติ&แย่งชิงทรัพยากรชาติคนอื่นไปทั่ว,สันดานและนิสัยเลวลงถึงdnaจริง,การกำจัดสายพันธุ์หนักโลกนี้ผสมแรปทีเลี่ยนไฮบริดจ์อีกอนาถจริงๆฝรั่งพวกสาระเลวนี้.
    ..สรุปเครือข่ายขายตรงทั้งหมดที่มีบนแผ่นดินไทยสมควรยุบพรบ.ขายตรงเสีย,ให้พวกมันขายคืนทรัพย์สินแล้วจ่ายชดเชยสมาชิกมันในคนไทยทั้งหมดไปแล้วถีบออกจากแผ่นดินไทยเสีย,เราอยู่แบบพอเพียงตามพ่อร.9ได้สบาย,ถ้าเกิดสงครามโลกที่3จริงเร็วๆนี้ยอดขายจะทำไม่ได้ต่อเดือนหรือต่อปี ความซวยที่ไร้ยอดขายคือดาวน์ไลน์ตัวเล็กที่สมัครเข้าไปฝหม่เหยื่อตัวใหม่ช่วงทดลองงานมันหรือคนไทยเก่าๆก็เถอะไร้ยอดขายช่วงสงครามจบแน่ หลุดจากเป็นคนเครือข่ายมัน ตังเงินพวกมันก็ยึดครองเข้าระบบมันอีกเพราะดาวน์ไลน์พวกนี้ทำได้ไม่ตามเงื่อนไข อ้างข้อกฎหมายและกฎกติกาในกิจการมันเขียนเองนั้นล่ะ,สินค้าซื้อมาตุนหรือรอขาย ขายไม่ออกเพราะทุกๆคนเก็บตังไว้ใช้ในความจำเป็นช่วงภัยพิบัติโลก,หัวสายขายโปร แม่สายพ่อสายมันหอบตังหอบเงินร่ำรวยไปอย่างสบายล่ะ,เนียนๆไม่เถื่อนๆแบบพวกนี้หรอก,มีกฎหมายรองรับโว้ย,ดังนั้นยุบ&ฉีกพรบ.ขายตรง แล้วให้ทุกๆกิจการขายตรงในไทยคืนตังแก่สมาชิกมันไปทั้งหมด,กอบโกยกำไรร่ำรวยมหาศาลหลายสิบปีแล้วในไทยเรานี้,ฉีกรัฐธรรมนูญยังฉีกยังกับเศษกระดาษ ปี57ล่าสุดฉีกให้เห็นชัดเจนแล้ว,ไม่ฉีกพรบ.ปิโตรเลียมกฎหมายลูกด้วยเลยตัวทาสชัดๆ,ฉีกตอนนั้นแผ่นดินไทยจะสุดยอดแห่งความเป็นไทและได้อิสระภาพอธิปไตยด้านความมั่นคงทางพลังงานกลับมาด้วยโน้น,ยึดอำนาจเสียของมากๆ.
    ..แปลกนะ,ถ้ากรณีซื้อกินซื้อใช้เบื้องต้นแบบนี้,เครือข่ายขายตรงมีมากมายเลยล่ะ,คนไปสมัครสมาชิกเสียตังหลักร้อยหลักพันหลักหมื่นหรือหลักแสนหลักล้านเนียนๆเลยล่ะ,อาทิขายตรงที่เห็นชัดจากฝรั่งตะวันตกโซนท่านลอร์ดเหมือนกันก็แอมเวย์นี้ล่ะตรึม,นักศึกษา&ชาวบ้านเสียตังเสียเงินเสียทองเสียเวลากันมากมาย,สิ้นอายุสมาชิกก็ตัดออกจากระบบแล้ว,หัวได้เต็มๆแน่ๆไม่ได้ต่างจากพวกนี้หรอก,mlmควรไม่มีในประเทศไทยจริงๆ ขายฝันบวกรักษายอดในตัวแบบสไตล์ทาสกิจการพื้นๆอยู่แล้ว ไม่ทำงาน หยุดก็หลุดออกจากระบบ,คนมาก่อนได้เต็มยึดทั้งทางตรงทางอ้อม ติดสายบ้าง ต่อตรงระดับบนบ้าง พวกเหี้ยนี้ออกแบบระบบโง่ๆที่ไหน เนียนๆแบบอ้างกฎหมายว่าถูกกฎหมายโน้น,ถ้ายึดอำนาจแล้วเขียนกฎหมายใหม่ว่า ขายตรงยกเลิกในประเทศไทยทุกๆกิจการเครือข่ายจะเป็นแบบไหนนะ,ท่านลอร์ดคงไม่ปลื้มด้วยแน่ๆ,ในไทยมีกิจการขายตรงเยอะจริงๆ.ไม่รวมสไตล์เงินบุญด้วยนะ.,ขัดแข้งขัดขาธุรกิจท่านลอร์ดก็สามารถไปวัดได้เหมือนกันนะ.ร่ำรวยมืด ร่ำรวยใต้ดินไม่เป็นข่าว ร่ำรวยแปลก หลอกสายตรงหน้าบ้านก็กิจการเครือข่ายขายตรงนี้ล่ะ,มีทั้งอ้างตนว่าจดทะเบียนถูกกฎหมายก็เพราะไปเปิดช่องให้มันนั้นล่ะ,ส่วนไม่ถูกกฎหมายยิ่งอนาถก็ยังสามารถหลอกลวงได้เสรีปกติ,ตังแบงค์ชาติสามารถเห็นกระแสการเคลื่อนไหวผิดปกติเข้าบัญชีใครถึงคนไหนบ้าง ดูได้หมดล่ะ,ประเทศไทยเราส่วนมากจะเขียนกฎหมายให้โจรมาปล้นอย่างสนุกสนานแบบชอบธรรม&ถูกกฎหมายได้ด้วยโน้น บทพิสูจน์ว่ามีจริงชัดเจนคือกฎหมายพรบ.ปิโตรเลียมบ่อน้ำมันไทยเรานี้ล่ะ,เขียนโคตรชั่วและสุดยอดของความสาระเลวในบรรดานักกฎหมายที่โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลที่เลวทรยศแผ่นดินไทยช่วงสมัยเขียนกฎหมายปิโตรเลียนปฐมบทนั้น,ยกบ่อน้ำมันบนแผ่นดินไทยตนแท้ๆให้ต่างชาติทำแดกเต็มที่โดยเฉพาะฝรั่งตะวันตกชัดเจนและของจริง ย่อชัดๆคือยิวอเมริกาท่านลอร์ดมัน,ยึดบ่อน้ำมันไทยไปหมดสิ้น คนไทยใช้น้ำมันราคาโคตรแพงไง ส่งผลกระทบค่าครองชีพเสาหลักทั้งแผ่นดินหรือแพงทัังประเทศนั้นเอง,อิหร่านขายลิตรละ1-2บาทแบบเพียวๆไม่เติมเอทานอลอะไร,จะดีเชลหรือจะเบนชินลิตรละ1-2บาทแค่นั้นในปัจจุบัน ไทย4ลิตร100 ยุคเหี้ยๆ2ลิตร100กันเลยแถวบ้านนอก,ราคาอ้างอิงสิงคโปร์โคตรพ่อมัน,ขี้ข้าสิงคโปร์ตามท่านลอร์ดสั่งอีก,ภาคใต้คงเร็วๆนี้จะยึดเอาละมั้ง พม่า&โรฮิงญาตรึม แขกมุสลิมcia&unจัดตั้งอีกเพรียบจะยึดภาคใต้เราก็ว่าทั้งทองคำทั้งบ่อน้ำมันทัังแลนด์บริดจ์ท่านลอร์ดจะยึดครองเองเบ็ดเสร็จจริงจังในยุคสมัยนี้พะนะ,unรับรองเองอนุมัติให้ประเทศไทยต้องเลี้ยงดูคนพม่าโน้น,แทรกแซงคดียุบพรรคก้าวไกลแบบออกหน้าออกตาอีก,สมควรที่จีนบวกรัสเชียบวกอาหรับบวกเกาหลีเหนือถล่มฝรั่งตะวันตกจริงๆโลกไม่มียักษ์ฝรั่งเหล่านี้ก็อยู่กันได้สบาย,ไปแทรกแซงปั่นป่วนทุกๆชาติ&แย่งชิงทรัพยากรชาติคนอื่นไปทั่ว,สันดานและนิสัยเลวลงถึงdnaจริง,การกำจัดสายพันธุ์หนักโลกนี้ผสมแรปทีเลี่ยนไฮบริดจ์อีกอนาถจริงๆฝรั่งพวกสาระเลวนี้. ..สรุปเครือข่ายขายตรงทั้งหมดที่มีบนแผ่นดินไทยสมควรยุบพรบ.ขายตรงเสีย,ให้พวกมันขายคืนทรัพย์สินแล้วจ่ายชดเชยสมาชิกมันในคนไทยทั้งหมดไปแล้วถีบออกจากแผ่นดินไทยเสีย,เราอยู่แบบพอเพียงตามพ่อร.9ได้สบาย,ถ้าเกิดสงครามโลกที่3จริงเร็วๆนี้ยอดขายจะทำไม่ได้ต่อเดือนหรือต่อปี ความซวยที่ไร้ยอดขายคือดาวน์ไลน์ตัวเล็กที่สมัครเข้าไปฝหม่เหยื่อตัวใหม่ช่วงทดลองงานมันหรือคนไทยเก่าๆก็เถอะไร้ยอดขายช่วงสงครามจบแน่ หลุดจากเป็นคนเครือข่ายมัน ตังเงินพวกมันก็ยึดครองเข้าระบบมันอีกเพราะดาวน์ไลน์พวกนี้ทำได้ไม่ตามเงื่อนไข อ้างข้อกฎหมายและกฎกติกาในกิจการมันเขียนเองนั้นล่ะ,สินค้าซื้อมาตุนหรือรอขาย ขายไม่ออกเพราะทุกๆคนเก็บตังไว้ใช้ในความจำเป็นช่วงภัยพิบัติโลก,หัวสายขายโปร แม่สายพ่อสายมันหอบตังหอบเงินร่ำรวยไปอย่างสบายล่ะ,เนียนๆไม่เถื่อนๆแบบพวกนี้หรอก,มีกฎหมายรองรับโว้ย,ดังนั้นยุบ&ฉีกพรบ.ขายตรง แล้วให้ทุกๆกิจการขายตรงในไทยคืนตังแก่สมาชิกมันไปทั้งหมด,กอบโกยกำไรร่ำรวยมหาศาลหลายสิบปีแล้วในไทยเรานี้,ฉีกรัฐธรรมนูญยังฉีกยังกับเศษกระดาษ ปี57ล่าสุดฉีกให้เห็นชัดเจนแล้ว,ไม่ฉีกพรบ.ปิโตรเลียมกฎหมายลูกด้วยเลยตัวทาสชัดๆ,ฉีกตอนนั้นแผ่นดินไทยจะสุดยอดแห่งความเป็นไทและได้อิสระภาพอธิปไตยด้านความมั่นคงทางพลังงานกลับมาด้วยโน้น,ยึดอำนาจเสียของมากๆ.
    อวสานดิไอคอนกรุ๊ป

    การจับกุมผู้ต้องหา 18 ราย ที่มีส่วนพัวพันกับ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด นำโดย นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล รวมทั้งดารานักแสดงอย่าง นายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือบอสแซม น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน และนายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกัน ตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ แม้จะยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแชร์ลูกโซ่ ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ปี 2527 แต่เมื่อมีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ตำรวจจึงเตรียมคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาล

    ก่อนหน้านี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ประกาศอายัดทรัพย์สินของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล นายณิชพน ทองมี น.ส.ฐิตตญา หงษ์อุปถุมภ์ไชย และนายกันต์ กันตถาวร ได้แก่ เงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ (พอร์ตหุ้น) บัญชีกระแสรายวัน บัญชีออมทรัพย์ และบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล 11 รายการ รวม 125.54 ล้านบาท ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าอายัดที่ดิน 63 ไร่ ริมถนนเลียบมอเตอร์เวย์กาญจนาภิเษก ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่จะก่อสร้างดิไอคอนซิตี้ หอประชุม บ้านของผู้บริหาร และอาคารศูนย์การเรียนรู้ออนไลน์

    การจับกุมผู้บริหาร รวมทั้งการอายัดทรัพย์สินเบื้องต้นเหล่านี้ แม้กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา และตามหลักกฎหมายทุกคนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา จะต้องได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าผิดจริง แต่ชื่อเสียงของดิไอคอนกรุ๊ป ล่มสลายมาตั้งแต่วันที่สื่อมวลชนอย่างนายกรรชัย กำเนิดพลอย เปิดประเด็น ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายเกิดขึ้นจริง เพราะหลงเชื่อวิธีการของแม่ทีมที่ใช้การสอนการตลาดออนไลน์บังหน้า แต่เบื้องหลังชักชวนให้เปิดบิล ตั้งแต่หลักพันถึงหลักล้านบาท ทำให้สิ้นเนื้อประดาตัว บางคนต้องจบชีวิตตัวเองไปเลยก็มี

    ในวันนี้บิลบอร์ดดิไอคอนกรุ๊ปที่ทุ่มซื้อโฆษณากว่า 500 ล้านบาท ทั้งอาคารสูง ป้ายโฆษณาทั่วประเทศ และโฆษณาบนรถเมล์กรุงเทพฯ ถูกถอดออกหมดแล้ว เหลือแม่ข่ายและลูกข่ายรวมแล้วกว่า 368,257 คน ตั้งแต่ระดับดิสทริบิวเตอร์ 285,833 คน ซึ่งเน้นซื้อกินซื้อใช้ ซูเปอร์ไวเซอร์ 43,976 คน มินิดีลเลอร์ 6,476 คน ที่เปิดบิลประมาณ 50,000 บาท และดีลเลอร์ที่เปิดบิล 250,000 บาท จำนวน 31,972 คน เหลือไว้เพียงแค่สินค้าที่ยังเหลืออยู่ และอนาคตบรรดาแม่ข่ายที่อาจต้องแยกย้ายกันไป ปิดตำนานความยิ่งใหญ่ที่ขายฝันคนไทยมานานถึง 7 ปี

    #Newskit #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheIconGroup
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊ก ‘ปราย พันแสง

    เมื่อคืนดูคลิปบอสเล่านิทานเรื่อง“มดไต่แก้ว”แล้วนอนไม่หลับเอาเลย ยอมรับว่าเล่าเก่งโคตร

    ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม
    จึงมีเหยื่อมากมายนัก
    ก็มันชวนเคลิ้มซะขนาดนี้

    🌻

    นานมาแล้ว สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลเคยบอกว่า "The most powerful person in the world is the storyteller.“ คนที่ทรงพลังที่สุดในโลกคือนักเล่าเรื่อง จอบส์ฟันธงไว้อย่างนั้น

    เขาบอกว่า“นักเล่าเรื่อง” หรือคนที่เล่าเรื่องเป็น(storyteller) จะเป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ ค่านิยม และระเบียบวาระต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นให้กับผู้คนทั้งเจเนอเรชั่น อาจจะกล่าวได้ว่า นักเล่าเรื่องเก่งๆ นั้นสามารถกำหนดเทรนด์หรือทิศทางของสังคมได้

    ส่วนที่จอบส์ไม่ได้บอกไว้ก็คือ นักเล่าเรื่องเก่งๆ หลายคน สามารถทำให้คนคิดฆ่าตัวตาย ทำให้เกิดความฉิบหายระดับหมื่นล้านแสนล้านได้ด้วย

    สิ่งที่ปรากฏต่อสังคมไทยในวันนี้
    มันอาจเป็นประจักษ์พยานด้านมืด
    ของ storyteller อย่างชัดๆ

    🌻

    “มดไต่แก้ว” เป็นเรื่องเล่าง่ายๆ เกี่ยวกับมดที่พยายามป่ายปีนออกไปให้พ้นแก้ว มดบางตัวปีนไปจนอยู่ในจุดสูงที่สุดของปากแก้ว แต่แล้วก็ตกลงมา

    บอสบอกไว้คมเฉียบว่า ”การตกลงมาจากจุดสูงสุดอย่างนั้น มันทำให้เจ็บที่สุด ทำให้มีมดบางตัวยอมแพั แต่ก็ยังมีมดบางตัวสู้ต่อ จนได้รับอิสรภาพในที่สุด“

    เคลิ้มมั้ยล่ะ ^__^

    🌻

    เอาจริง จากอาชีพอ่านๆ เขียนๆ เรื่องเล่าประเภทนี้ไม่ได้กินเราหรอก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลี อีกทั้งยังต้องอยู่ในสถานะลูกข่ายที่ต้องไล่ล่าทำยอดขาย พลังของเรื่องเล่าแบบนี้มันพุ่งปรี๊ดทะลุปม กระแทกต่อมได้ตรงจุด จึงไม่น่าแปลกใจถ้ามันจะทำให้ใครๆ ที่ได้ฟังครั้งแรกถึงกับน้ำตาไหลพราก ซาบซึ้งตรึงใจ

    เราเองฟังเรื่องมดไต่แก้วนี้กลับไปคิดถึงอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้มีใครเคยฟังมั้ย เป็นนิทานเรื่องกบกระโดด เรื่องมีอยู่ว่า มีกบตัวหนึ่งพยายามปีนออกจากบ่อลึก ทุกครั้งที่มันพยายามกระโดด เพื่อนๆ กบจะพากันตะโกนห้ามว่า "เลิกเถอะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก!"

    ทว่ากบตัวนั้นไม่ยอมแพ้ สุดท้ายในการกระโดดครั้งที่ 99 มันก็กระโดดออกจากบ่อได้สำเร็จ แต่ความจริงของเรื่องนี้คือ กบตัวนี้หูหนวก มันเลยไม่ได้ยินเสียงร้องห้ามจากเพื่อนๆ เลยสักนิดเดียว

    ช่างไม่ต่างอะไรเลยกับผู้เสียหายมากมาย
    ที่ไม่ยอมฟังคำทัดทานจากใครเลย
    เหมือนกบหูหนวก

    🌻

    คดีบอสๆ นี้ เราว่านิทานเรื่องมดไต่แก้วนี้ไม่เท่าไหร่ แต่ที่เรารู้สึกเองว่ามันทรงพลังแห่ง storytelling จริงๆ น่าจะเป็นนิทานเรื่องจริงที่แชร์กันเยอะๆ วันนี้ ที่เป็นคลิปเล่าเรื่องบอสพอลพาผู้ชมกลับไปทัวร์สลัมคลองเตยบ้านเกิด พาไปชมแฟลตเก่าชั้นสองห้อง 16 ที่เคยเติบโตมา

    แคปชั่นตรึงใจ “ผมไม่เคยลืม...ว่าผมเติบโตมาจากที่ไหน ชุมชนแออัด หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า "สลัม"ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในตอนที่ยังเริ่มต้นสร้างชีวิต”

    “20 ปีที่แล้ว กับภาพในวันนี้ ทุกอย่างมันยังคงอยู่เหมือนเดิม ราวกับว่ามันหยุดเวลาไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจอะไรบางอย่าง มันคือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผมไม่เคยคิดดูถูกความฝันหรือความพยายามของใคร เพราะผมก็เคยเป็นหนึ่งคน ที่ชีวิตไม่พร้อม แต่มีความฝัน ขอเป็นกำลังใจให้กับนักสู้ชีวิตทุก ๆ ท่านครับ“

    คลิปถ่ายสวย ไม่เวอร์
    ภาพดี เสียงดี เล่าเรื่องดี
    นักแสดง(บอสพอล)แอ๊คติ้งเป็นธรรมชาติ
    ไม่มีตรงไหนชวนแหวะ
    หรือชวนเอ๊ะเลย

    ยิ่งตอนโทรคุยกับแม่หน้าแฟลตเก่า พูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าอร่อยที่ยังขายอยู่นั่นก็ดูจะเป็นซีนที่น่าจดจำมากทีเดียว คือถ้าไม่ติดเรื่องข้อสงสัยว่าเป็นธุรกิจผิดกฎหมายเนี่ย อยากเชิญคนทำคลิปนี้ไปสร้างหนังไทยเลย อยากดู

    ในคลิปนี้ บอสยืนพูดหน้าแฟลตที่สกปรกรุงรังว่า ตอนที่เขายังใช้ชีวิตอยู่ในสลัมแห่งนี้ ชีวิตวัยนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าอยากดูแลแม่ให้มีความสุขเท่านั้น ตรงนี้เชื่อว่าเอฟซีอาจน้ำตาร่วง

    อีกทั้งน้ำเสียงของแม่ปลายสาย ก็ร่าเริงมีความสุข กับการพูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำที่เคยกินสมัยอยู่สลัม สื่อให้เห็นว่าเมื่อก้าวพ้นความยากจนไปแล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ในสลัมธรรมดาก็ยังงดงามขึ้นมาได้

    ทุกอย่างสอดคล้องกลมกลืนลื่นไหล เป็นคลิปฟิลลิ่ง Nostalgia การรำลึกความหลังยากแค้นของเศรษฐีหมื่นล้านที่สุดละเมียดจริงแท้

    ใครไม่เคลิ้มให้มันรูัไป

    ยอดขายระเบิดเถิดเทิงหมื่นล้านแสนล้าน ไม่ใช่ได้มาแบบฟลุคๆ แน่นอน มันผ่านการเล่าเรื่องที่คัดเค้นมาแล้วอย่างประณีต เพื่อพิชิตใจมหาชนคนสามัญที่คุ้นเคยชมชอบกับเรื่องดรามาชนิดซึมเข้ากระดูกดำแบบไทยๆ เราอย่างเหมาะเหม็ง

    ดูคลิปนี้แล้วยิ่งไม่แปลกใจเลยสักนิด
    ว่าทำไมลูกข่ายหอบเงินมาประเคนให้
    เป็นหลักหมื่นแสนล้าน

    🌻

    เอาจริง เรื่องเล่าตรึงใจระคายต่อมพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่หรอก มันเป็นเครื่องมือสำเร็จรูปที่มีใช้กันนานแล้วในวงการต่างๆ โดยเฉพาะในแวดวงหลอกลวงต้มตุ๋น ดูเหมือนจะสร้างเม็ดเงินมหาศาลทำลายสถิติได้ทุกยุคสมัย

    เรื่องเล่ากระตุ้นต่อมที่ชาวโลกรู้จักกันแพร่หลาย ก็คงจะเป็นนิทานเรื่อง“ปลาทอง" ในคดีฉ้อฉลของเบอร์นี แมดอฟฟ์ในอเมริกา ที่น่าจะอื้อฉาวพอๆ กับคดีดิ ไอคอน ในเมืองไทยตอนนี้ก็ว่าได้

    สมัยนั้น เบอร์นี แมดอฟฟ์ ก็มักจะชอบเล่าเรื่องเปรียบเทียบการลงทุนกับการให้อาหารปลาทอง โดยบอกว่าต้องให้อาหารสม่ำเสมอ ไม่มากไม่น้อยเกินไป เพื่อให้ปลาเติบโตอย่างแข็งแรง

    เขาใช้เรื่องนี้อธิบายกลยุทธ์การลงทุนที่ "สม่ำเสมอ" ของเขา ซึ่งในความเป็นจริงคือแผนการณ์หลอกลวงแบบพอนซี (Ponzi scheme- คล้ายแชร์ลูกโซ่ แต่ไม่มีสินค้า ใช้วิธีเอาเงินคนใหม่ไปจ่ายให้คนเก่าวนไปเรื่อยๆ )

    พอนซีของแมดอล์ฟฟ์มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 64.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    แมดอล์ฟฟ์ใช้เรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาทองเพื่อสื่อว่ากลยุทธ์การลงทุนของเขานั้น "สม่ำเสมอ" และ "ปลอดภัย" เขาอ้างว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่คงที่และน่าเชื่อถือได้ ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร เรื่องเล่านี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและทำให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังลงทุนกับผู้เชี่ยวชาญที่มีกลยุทธ์ที่มั่นคง

    ในความเป็นจริง แมดอล์ฟฟ์ไม่ได้นำเงินของลูกค้าไปลงทุนเลยสักนิด เขาใช้เงินจากนักลงทุนรายใหม่เพื่อจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนรายเก่า ซึ่งเป็นลักษณะของแผนพอนซี ผลตอบแทน "สม่ำเสมอ" ที่เขาอ้างถึงนั้นเป็นเพียงตัวเลขที่เขาสร้างขึ้นมาเอง

    แผนฉ้อโกงนี้ดำเนินมานานหลายทศวรรษก่อนจะถูกเปิดโปงในปี 2008 มีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมถึงบุคคลทั่วไป องค์กรการกุศล และสถาบันการเงิน

    ปัจจุบันแมดอล์ฟฟ์ถูกจับกุม
    และถูกตัดสินจำคุก 150 ปี

    🌻

    นอกจากนิทานปลาทองของแมดอล์ฟฟ์ ยังมีนิทานอีกเรื่องที่โด่งดังไม่แพ้กัน นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า “ช้างล่ามโซ่” ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงของบริษัท One Coin

    One Coin เป็นโครงการที่อ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) แต่ในความเป็นจริงเป็นแผนหลอกลวงแบบพีระมิด (pyramid scheme) ที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ต้มตุ๋น

    รูจา อิกนาโตวา (Ruja Ignatova) ผู้ก่อตั้ง One Coin
    เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1980 ที่เมืองรูส ประเทศบัลแกเรีย ย้ายไปเยอรมนีตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จบปริญญาเอกด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยคอนสแตนซ์ ประเทศเยอรมนี เคยทำงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา McKinsey & Company ในปี 2014 เธอก่อตั้งบริษัท One Coin ซึ่งอ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลใหม่

    บริษัท One Coin เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสมาชิกกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก จนกระทั่งในปี 2016 เริ่มมีการสงสัยและตรวจสอบ One Coin ว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่

    วันที่ 25 ตุลาคม 2017 รูจาหายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากบินจากโซเฟียไปยังเอเธนส์ ในปี 2019 เธอถูกฟ้องในสหรัฐอเมริกาในข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน

    🌻

    ในการหลอกล่อเหยื่อมาลงทุน รูจา อิกนาโตวา มักใช้นิทานเรื่องช้างล่ามโซ่ในการปราศรัยบ่อยครั้ง

    เธอเปรียบเทียบว่าคนทั่วไปเหมือนช้างที่ถูกล่ามด้วยโซ่ทางการเงิน ไม่กล้าที่จะหลุดพ้น เธอชี้ให้เห็นว่า One Coin คือโอกาสที่ทุกคนจะได้ "ตัดโซ่" และเป็นอิสระทางการเงิน

    นิทานเรื่องนี้นำมาใช้เพื่อกระตุ้นให้คนรู้สึกว่าตนกำลัง "ติดกับดัก" ทางการเงิน สร้างความรู้สึกว่า One Coin เป็นทางออกเดียวที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากข้อจำกัดทางการเงิน สร้างแรงจูงใจให้คนกล้าที่จะ "ทำลายกรอบความคิดเดิมๆ" และเข้าร่วมโครงการ

    ในความเป็นจริง One Coin ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลจริง ไม่มีบล็อกเชนที่ใช้งานได้จริง เป็นระบบพีระมิดที่สร้างรายได้จากการรับสมาชิกใหม่เท่านั้น ผู้ลงทุนไม่สามารถถอนเงินหรือแลกเปลี่ยน One Coin เป็นเงินจริงได้

    One Coin มีผู้เสียหายทั่วโลกมากกว่า 3 ล้านคน ความเสียหายทางการเงินประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รูจา อิกนาโตวา ได้รับฉายาว่า “ราชินีคริปโต” หรือ Cryptoqueen เธอหายตัวไปในปี 2017 ทุกวันนี้ยังคงเป็นที่ต้องการตัวของ FBI

    ปัจจุบัน เธอกลายเป็นหนึ่งในอาชญากรทางการเงินที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย​​​​​​​​​​​​​​​​จนทุกวันนี้

    🌻

    จะเห็นได้ว่า เรื่องเล่าอย่าง "ช้างล่ามโซ่" ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมและกระตุ้นการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผล จึงควรระวังโครงการที่สัญญาว่าจะทำให้รวยอย่างรวดเร็วหรือหลุดพ้นจากปัญหาทางการเงินอย่างง่ายดาย

    คดีนี้แสดงให้เห็นว่าเรื่องเล่าที่สร้างแรงบันดาลใจสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและไม่เป็นที่เข้าใจกันดีนักเช่น cryptocurrency

    🌻

    ยังมีนิทานประเภทสร้างแรงบันดาลใจอีกมากมายหลายเรื่อง ที่มักนำมาใช้ในบริบทการฉ้อโกงลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นนิทานเรื่อง“มีดเหลาดินสอ”ที่หลายคนอาจจะคุ้น พวกคอร์สอบรมต่างๆ จะเอามาเล่าบ่อย

    เรื่องราวมีอยู่ว่า ดินสอบ่นว่าเจ็บเมื่อถูกเหลา แต่มีดเหลาบอกว่า "การเจ็บนี้จะทำให้เธอแหลมคมและเขียนได้ดีขึ้น“ นิทานเรื่องนี้ถูกนำมาใช้เพื่อให้แง่คิดเรื่องความอดทนต่อความยากลำบากที่อาจทำให้เราได้เติบโตและพัฒนา

    🌻

    "นิทานเรื่องช้างและเชือกเส้นเล็ก"

    เรื่องมีอยู่ว่าในคณะละครสัตว์ มีช้างตัวใหญ่ถูกล่ามด้วยเชือกเส้นเล็กๆ เด็กน้อยสงสัยว่าทำไมช้างไม่ดึงเชือกให้ขาด คนเลี้ยงช้างอธิบายว่า ตั้งแต่ช้างยังเล็ก มันถูกล่ามด้วยโซ่ใหญ่ที่ไม่สามารถหลุดได้ ช้างจึงเชื่อว่าตัวเองไม่มีทางหลุดจากการล่าม แม้โตแล้วก็ยังคิดเช่นนั้น

    🌻

    "นิทานเรื่องหินสลักและค้อน"

    เรื่องราวของช่างแกะสลักกำลังทำงานบนหินก้อนใหญ่ เขาตีค้อนลงบนหินครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่เห็นผล คนผ่านไปมาสงสัยว่าทำไมเขาไม่ยอมแพ้ ในที่สุด หลังจากตีค้อนครั้งที่ 101 หินก็แตกออกตามที่เขาต้องการ ช่างแกะสลักอธิบายว่า "ไม่ใช่การตีครั้งสุดท้ายที่ทำให้หินแตก แต่มันเป็นผลรวมของการตีทุกครั้งที่ผ่านมา"

    🌻

    นิทานเหล่านี้มักถูกใช้เพื่อสื่อถึงความอดทน การไม่ยอมแพ้ และการเอาชนะข้อจำกัดทางความคิด

    นิทานไม่ได้มีพิษภัยในตัวมันเอง มันเป็นเรื่องเล่าแสนวิเศษ สร้างแรงบันดาลใจได้จริง แต่เมื่อมีการนำมาใช้ในบริบทของการลงทุนหรือธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง การตีความและการนำไปใช้ กลับเป็นสิ่งที่ต้องระวัง

    บางครั้งนิทานเหล่านี้
    มักถูกใช้เพื่อกระตุ้นอารมณ์มากกว่าเหตุผล
    อาจไม่สะท้อนความเป็นจริงของสถานการณ์
    ในบริบทของธุรกิจที่น่าสงสัย
    อาจใช้เพื่อกดดัน
    ให้คนทำในสิ่งที่ไม่ควร

    การยอมรับความจริง
    เลิกทนและถอยออกมา
    ก็อาจเป็นการตัดสินใจ
    ที่ชาญฉลาดได้เช่นกัน

    🌻

    “ในยุคข้อมูลข่าวสาร ความจริงกำลังถูกบดบังด้วยเรื่องเล่าหรือเรื่องราวที่สร้างขึ้น (narratives)”

    ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ เขียนไว้ในหนังสือ"21 Lessons for the 21st Century"เมื่อหลายปีมาแล้ว (21 บทเรียน สำหรับศตวรรษที่ 21 : ผู้แปล ธิดา จงนิรามัยสถิต, ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์ , สำนักพิมพ์ยิปซี)

    ฮาราริอธิบายว่าผู้คนมักเชื่อในเรื่องราวที่สอดคล้องกับความเชื่อและอัตลักษณ์ของตน มากกว่าข้อเท็จจริงที่อาจขัดแย้งกับความเชื่อนั้น และชี้ให้เห็นว่ามนุษย์มีแนวโน้มที่จะเชื่อในเรื่องเล่าที่ให้ความหมายและอธิบายโลกรอบตัว เขาบอกว่า“เรื่องเล่าเหล่านี้มีพลังมากกว่าข้อเท็จจริงเพราะมันตอบสนองต่อความต้องการทางอารมณ์และจิตวิญญาณของมนุษย์”

    ฮาราริเตือนว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะ AI และ Big Data สามารถใช้ในการสร้างและเผยแพร่เรื่องราวที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อย่างคลิปเรื่องเล่าสารพัดที่ผลิตออกมาชักจูงใจคน) เขาชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถเข้าใจและจัดการกับอารมณ์มนุษย์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

    การให้ความสำคัญกับ“อารมณ์”มากกว่า“ความจริง”อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการประชาธิปไตยและการตัดสินใจที่สำคัญ เขาเตือนว่าสังคมอาจถูกชี้นำด้วยการปลุกเร้าอารมณ์มากกว่าการใช้เหตุผลและข้อมูล

    ในอนาคต ทักษะทางอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์อาจมีความสำคัญมากกว่าความรู้ทางเทคนิค เขาแนะนำว่าระบบการศึกษาควรปรับตัวเพื่อเตรียมคนให้พร้อมสำหรับโลกที่อารมณ์และความคิดสร้างสรรค์มีบทบาทสำคัญ

    ฮาราริเน้นย้ำความสำคัญของการรู้จักและเข้าใจตนเอง รวมถึงอารมณ์และความรู้สึกของเราให้ได้อย่างถ่องแท้ เขาบอกว่า“การเข้าใจตนเองจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับโลกที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยการกระตุ้นทางอารมณ์ได้ดีขึ้น”

    ผู้เขียน "21 Lessons for the 21st Century" ไม่ได้บอกว่า แนวโน้มนี้เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี แต่ชี้ให้เห็นว่ามันเป็นความท้าทายที่สำคัญที่เราต้องเตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา การเมือง และการพัฒนาตนเอง

    เพื่อรักษาสมดุล
    ระหว่างอารมณ์และเหตุผล
    ในยุคสมัยปัจจุบัน
    ที่“อารมณ์”อาจมีอิทธิพล
    มากขึ้นเรื่อยๆ​​​​​​​​​​​​​​​​

    🌻

    จากข่าวสารประเด็นร้อนแรงในประเทศไทยวันนี้ เราก็ได้เห็นการใช้ Storytelling ในทางที่ผิดหลายเรื่อง

    เรื่องเล่าถูกใช้เพื่อบิดเบือนความจริงและสร้างภาพลวงตา มุ่งเน้นการกระตุ้นอารมณ์มากกว่าการให้ข้อมูลที่เป็นจริง

    นิทานเหล่านี้สร้างความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความสำเร็จและความมั่งคั่ง ทำให้คนมองข้ามความเสี่ยงและความเป็นจริงของสถานการณ์

    เรื่องเล่าที่น่าประทับใจอาจทำให้ผู้ฟังลดการใช้เหตุผลและการคิดวิเคราะห์ ผู้คนอาจตัดสินใจบนพื้นฐานของ“อารมณ์” มากกว่า“ความจริง” อย่างที่ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ กล่าวไว้ไม่มีผิด

    Storytelling : นิทานหรือเรื่องเล่าที่มีประสิทธิภาพสามารถสร้างความไว้วางใจได้อย่างรวดเร็ว แม้กับคนแปลกหน้า ในกรณีของการหลอกลวง Storytelling ถูกใช้เพื่อลดความระแวดระวังของเหยื่อ เรื่องเล่าที่สวยงามอาจถูกใช้เพื่อปิดบังความจริงที่น่าเป็นห่วงหรือรายละเอียดที่สำคัญ

    ในกรณีของแชร์ลูกโซ่หรือ MLM นิทาน เรื่องเล่า หรือ Storytelling ทั้งหลาย อาจถูกใช้เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่กดดันให้สมาชิกไม่ยอมแพ้ แม้จะเผชิญกับความล้มเหลว

    เรื่องเล่าเหล่านี้
    มักเล็งเป้าไปที่ความฝัน
    และความหวังของผู้คน
    ทำให้เหยื่ออ่อนไหวและเปราะบาง
    ทำให้ง่ายที่จะหลอกลวง

    🌻

    นิทาน เรื่องเล่า Storytelling ทั้งหลาย มันไม่ได้เลวร้ายในตัวมันเอง แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง สามารถใช้ในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้

    ในด้านบวก Storytelling สามารถใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ สอน และสื่อสารความคิดที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    สิ่งสำคัญที่คนเรายุคนี้ต้องรับมือ
    คือต้องพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
    และการรู้เท่าทันสื่อของตัวเอง
    เพื่อแยกแยะให้ออก
    ระหว่างการใช้ Storytelling
    ในทางที่สร้างสรรค์
    หรือการใช้เพื่อหลอกลวง

    🌻

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/sg5pYj1hseTp1QGK/?mibextid=CTbP7

    #Thaitimes
    รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊ก ‘ปราย พันแสง เมื่อคืนดูคลิปบอสเล่านิทานเรื่อง“มดไต่แก้ว”แล้วนอนไม่หลับเอาเลย ยอมรับว่าเล่าเก่งโคตร ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม จึงมีเหยื่อมากมายนัก ก็มันชวนเคลิ้มซะขนาดนี้ 🌻 นานมาแล้ว สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลเคยบอกว่า "The most powerful person in the world is the storyteller.“ คนที่ทรงพลังที่สุดในโลกคือนักเล่าเรื่อง จอบส์ฟันธงไว้อย่างนั้น เขาบอกว่า“นักเล่าเรื่อง” หรือคนที่เล่าเรื่องเป็น(storyteller) จะเป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ ค่านิยม และระเบียบวาระต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นให้กับผู้คนทั้งเจเนอเรชั่น อาจจะกล่าวได้ว่า นักเล่าเรื่องเก่งๆ นั้นสามารถกำหนดเทรนด์หรือทิศทางของสังคมได้ ส่วนที่จอบส์ไม่ได้บอกไว้ก็คือ นักเล่าเรื่องเก่งๆ หลายคน สามารถทำให้คนคิดฆ่าตัวตาย ทำให้เกิดความฉิบหายระดับหมื่นล้านแสนล้านได้ด้วย สิ่งที่ปรากฏต่อสังคมไทยในวันนี้ มันอาจเป็นประจักษ์พยานด้านมืด ของ storyteller อย่างชัดๆ 🌻 “มดไต่แก้ว” เป็นเรื่องเล่าง่ายๆ เกี่ยวกับมดที่พยายามป่ายปีนออกไปให้พ้นแก้ว มดบางตัวปีนไปจนอยู่ในจุดสูงที่สุดของปากแก้ว แต่แล้วก็ตกลงมา บอสบอกไว้คมเฉียบว่า ”การตกลงมาจากจุดสูงสุดอย่างนั้น มันทำให้เจ็บที่สุด ทำให้มีมดบางตัวยอมแพั แต่ก็ยังมีมดบางตัวสู้ต่อ จนได้รับอิสรภาพในที่สุด“ เคลิ้มมั้ยล่ะ ^__^ 🌻 เอาจริง จากอาชีพอ่านๆ เขียนๆ เรื่องเล่าประเภทนี้ไม่ได้กินเราหรอก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลี อีกทั้งยังต้องอยู่ในสถานะลูกข่ายที่ต้องไล่ล่าทำยอดขาย พลังของเรื่องเล่าแบบนี้มันพุ่งปรี๊ดทะลุปม กระแทกต่อมได้ตรงจุด จึงไม่น่าแปลกใจถ้ามันจะทำให้ใครๆ ที่ได้ฟังครั้งแรกถึงกับน้ำตาไหลพราก ซาบซึ้งตรึงใจ เราเองฟังเรื่องมดไต่แก้วนี้กลับไปคิดถึงอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้มีใครเคยฟังมั้ย เป็นนิทานเรื่องกบกระโดด เรื่องมีอยู่ว่า มีกบตัวหนึ่งพยายามปีนออกจากบ่อลึก ทุกครั้งที่มันพยายามกระโดด เพื่อนๆ กบจะพากันตะโกนห้ามว่า "เลิกเถอะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก!" ทว่ากบตัวนั้นไม่ยอมแพ้ สุดท้ายในการกระโดดครั้งที่ 99 มันก็กระโดดออกจากบ่อได้สำเร็จ แต่ความจริงของเรื่องนี้คือ กบตัวนี้หูหนวก มันเลยไม่ได้ยินเสียงร้องห้ามจากเพื่อนๆ เลยสักนิดเดียว ช่างไม่ต่างอะไรเลยกับผู้เสียหายมากมาย ที่ไม่ยอมฟังคำทัดทานจากใครเลย เหมือนกบหูหนวก 🌻 คดีบอสๆ นี้ เราว่านิทานเรื่องมดไต่แก้วนี้ไม่เท่าไหร่ แต่ที่เรารู้สึกเองว่ามันทรงพลังแห่ง storytelling จริงๆ น่าจะเป็นนิทานเรื่องจริงที่แชร์กันเยอะๆ วันนี้ ที่เป็นคลิปเล่าเรื่องบอสพอลพาผู้ชมกลับไปทัวร์สลัมคลองเตยบ้านเกิด พาไปชมแฟลตเก่าชั้นสองห้อง 16 ที่เคยเติบโตมา แคปชั่นตรึงใจ “ผมไม่เคยลืม...ว่าผมเติบโตมาจากที่ไหน ชุมชนแออัด หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า "สลัม"ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในตอนที่ยังเริ่มต้นสร้างชีวิต” “20 ปีที่แล้ว กับภาพในวันนี้ ทุกอย่างมันยังคงอยู่เหมือนเดิม ราวกับว่ามันหยุดเวลาไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจอะไรบางอย่าง มันคือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผมไม่เคยคิดดูถูกความฝันหรือความพยายามของใคร เพราะผมก็เคยเป็นหนึ่งคน ที่ชีวิตไม่พร้อม แต่มีความฝัน ขอเป็นกำลังใจให้กับนักสู้ชีวิตทุก ๆ ท่านครับ“ คลิปถ่ายสวย ไม่เวอร์ ภาพดี เสียงดี เล่าเรื่องดี นักแสดง(บอสพอล)แอ๊คติ้งเป็นธรรมชาติ ไม่มีตรงไหนชวนแหวะ หรือชวนเอ๊ะเลย ยิ่งตอนโทรคุยกับแม่หน้าแฟลตเก่า พูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าอร่อยที่ยังขายอยู่นั่นก็ดูจะเป็นซีนที่น่าจดจำมากทีเดียว คือถ้าไม่ติดเรื่องข้อสงสัยว่าเป็นธุรกิจผิดกฎหมายเนี่ย อยากเชิญคนทำคลิปนี้ไปสร้างหนังไทยเลย อยากดู ในคลิปนี้ บอสยืนพูดหน้าแฟลตที่สกปรกรุงรังว่า ตอนที่เขายังใช้ชีวิตอยู่ในสลัมแห่งนี้ ชีวิตวัยนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าอยากดูแลแม่ให้มีความสุขเท่านั้น ตรงนี้เชื่อว่าเอฟซีอาจน้ำตาร่วง อีกทั้งน้ำเสียงของแม่ปลายสาย ก็ร่าเริงมีความสุข กับการพูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำที่เคยกินสมัยอยู่สลัม สื่อให้เห็นว่าเมื่อก้าวพ้นความยากจนไปแล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ในสลัมธรรมดาก็ยังงดงามขึ้นมาได้ ทุกอย่างสอดคล้องกลมกลืนลื่นไหล เป็นคลิปฟิลลิ่ง Nostalgia การรำลึกความหลังยากแค้นของเศรษฐีหมื่นล้านที่สุดละเมียดจริงแท้ ใครไม่เคลิ้มให้มันรูัไป ยอดขายระเบิดเถิดเทิงหมื่นล้านแสนล้าน ไม่ใช่ได้มาแบบฟลุคๆ แน่นอน มันผ่านการเล่าเรื่องที่คัดเค้นมาแล้วอย่างประณีต เพื่อพิชิตใจมหาชนคนสามัญที่คุ้นเคยชมชอบกับเรื่องดรามาชนิดซึมเข้ากระดูกดำแบบไทยๆ เราอย่างเหมาะเหม็ง ดูคลิปนี้แล้วยิ่งไม่แปลกใจเลยสักนิด ว่าทำไมลูกข่ายหอบเงินมาประเคนให้ เป็นหลักหมื่นแสนล้าน 🌻 เอาจริง เรื่องเล่าตรึงใจระคายต่อมพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่หรอก มันเป็นเครื่องมือสำเร็จรูปที่มีใช้กันนานแล้วในวงการต่างๆ โดยเฉพาะในแวดวงหลอกลวงต้มตุ๋น ดูเหมือนจะสร้างเม็ดเงินมหาศาลทำลายสถิติได้ทุกยุคสมัย เรื่องเล่ากระตุ้นต่อมที่ชาวโลกรู้จักกันแพร่หลาย ก็คงจะเป็นนิทานเรื่อง“ปลาทอง" ในคดีฉ้อฉลของเบอร์นี แมดอฟฟ์ในอเมริกา ที่น่าจะอื้อฉาวพอๆ กับคดีดิ ไอคอน ในเมืองไทยตอนนี้ก็ว่าได้ สมัยนั้น เบอร์นี แมดอฟฟ์ ก็มักจะชอบเล่าเรื่องเปรียบเทียบการลงทุนกับการให้อาหารปลาทอง โดยบอกว่าต้องให้อาหารสม่ำเสมอ ไม่มากไม่น้อยเกินไป เพื่อให้ปลาเติบโตอย่างแข็งแรง เขาใช้เรื่องนี้อธิบายกลยุทธ์การลงทุนที่ "สม่ำเสมอ" ของเขา ซึ่งในความเป็นจริงคือแผนการณ์หลอกลวงแบบพอนซี (Ponzi scheme- คล้ายแชร์ลูกโซ่ แต่ไม่มีสินค้า ใช้วิธีเอาเงินคนใหม่ไปจ่ายให้คนเก่าวนไปเรื่อยๆ ) พอนซีของแมดอล์ฟฟ์มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 64.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แมดอล์ฟฟ์ใช้เรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาทองเพื่อสื่อว่ากลยุทธ์การลงทุนของเขานั้น "สม่ำเสมอ" และ "ปลอดภัย" เขาอ้างว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่คงที่และน่าเชื่อถือได้ ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร เรื่องเล่านี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและทำให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังลงทุนกับผู้เชี่ยวชาญที่มีกลยุทธ์ที่มั่นคง ในความเป็นจริง แมดอล์ฟฟ์ไม่ได้นำเงินของลูกค้าไปลงทุนเลยสักนิด เขาใช้เงินจากนักลงทุนรายใหม่เพื่อจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนรายเก่า ซึ่งเป็นลักษณะของแผนพอนซี ผลตอบแทน "สม่ำเสมอ" ที่เขาอ้างถึงนั้นเป็นเพียงตัวเลขที่เขาสร้างขึ้นมาเอง แผนฉ้อโกงนี้ดำเนินมานานหลายทศวรรษก่อนจะถูกเปิดโปงในปี 2008 มีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมถึงบุคคลทั่วไป องค์กรการกุศล และสถาบันการเงิน ปัจจุบันแมดอล์ฟฟ์ถูกจับกุม และถูกตัดสินจำคุก 150 ปี 🌻 นอกจากนิทานปลาทองของแมดอล์ฟฟ์ ยังมีนิทานอีกเรื่องที่โด่งดังไม่แพ้กัน นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า “ช้างล่ามโซ่” ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงของบริษัท One Coin One Coin เป็นโครงการที่อ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) แต่ในความเป็นจริงเป็นแผนหลอกลวงแบบพีระมิด (pyramid scheme) ที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ต้มตุ๋น รูจา อิกนาโตวา (Ruja Ignatova) ผู้ก่อตั้ง One Coin เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1980 ที่เมืองรูส ประเทศบัลแกเรีย ย้ายไปเยอรมนีตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จบปริญญาเอกด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยคอนสแตนซ์ ประเทศเยอรมนี เคยทำงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา McKinsey & Company ในปี 2014 เธอก่อตั้งบริษัท One Coin ซึ่งอ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลใหม่ บริษัท One Coin เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสมาชิกกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก จนกระทั่งในปี 2016 เริ่มมีการสงสัยและตรวจสอบ One Coin ว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่ วันที่ 25 ตุลาคม 2017 รูจาหายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากบินจากโซเฟียไปยังเอเธนส์ ในปี 2019 เธอถูกฟ้องในสหรัฐอเมริกาในข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน 🌻 ในการหลอกล่อเหยื่อมาลงทุน รูจา อิกนาโตวา มักใช้นิทานเรื่องช้างล่ามโซ่ในการปราศรัยบ่อยครั้ง เธอเปรียบเทียบว่าคนทั่วไปเหมือนช้างที่ถูกล่ามด้วยโซ่ทางการเงิน ไม่กล้าที่จะหลุดพ้น เธอชี้ให้เห็นว่า One Coin คือโอกาสที่ทุกคนจะได้ "ตัดโซ่" และเป็นอิสระทางการเงิน นิทานเรื่องนี้นำมาใช้เพื่อกระตุ้นให้คนรู้สึกว่าตนกำลัง "ติดกับดัก" ทางการเงิน สร้างความรู้สึกว่า One Coin เป็นทางออกเดียวที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากข้อจำกัดทางการเงิน สร้างแรงจูงใจให้คนกล้าที่จะ "ทำลายกรอบความคิดเดิมๆ" และเข้าร่วมโครงการ ในความเป็นจริง One Coin ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลจริง ไม่มีบล็อกเชนที่ใช้งานได้จริง เป็นระบบพีระมิดที่สร้างรายได้จากการรับสมาชิกใหม่เท่านั้น ผู้ลงทุนไม่สามารถถอนเงินหรือแลกเปลี่ยน One Coin เป็นเงินจริงได้ One Coin มีผู้เสียหายทั่วโลกมากกว่า 3 ล้านคน ความเสียหายทางการเงินประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รูจา อิกนาโตวา ได้รับฉายาว่า “ราชินีคริปโต” หรือ Cryptoqueen เธอหายตัวไปในปี 2017 ทุกวันนี้ยังคงเป็นที่ต้องการตัวของ FBI ปัจจุบัน เธอกลายเป็นหนึ่งในอาชญากรทางการเงินที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย​​​​​​​​​​​​​​​​จนทุกวันนี้ 🌻 จะเห็นได้ว่า เรื่องเล่าอย่าง "ช้างล่ามโซ่" ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมและกระตุ้นการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผล จึงควรระวังโครงการที่สัญญาว่าจะทำให้รวยอย่างรวดเร็วหรือหลุดพ้นจากปัญหาทางการเงินอย่างง่ายดาย คดีนี้แสดงให้เห็นว่าเรื่องเล่าที่สร้างแรงบันดาลใจสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและไม่เป็นที่เข้าใจกันดีนักเช่น cryptocurrency 🌻 ยังมีนิทานประเภทสร้างแรงบันดาลใจอีกมากมายหลายเรื่อง ที่มักนำมาใช้ในบริบทการฉ้อโกงลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นนิทานเรื่อง“มีดเหลาดินสอ”ที่หลายคนอาจจะคุ้น พวกคอร์สอบรมต่างๆ จะเอามาเล่าบ่อย เรื่องราวมีอยู่ว่า ดินสอบ่นว่าเจ็บเมื่อถูกเหลา แต่มีดเหลาบอกว่า "การเจ็บนี้จะทำให้เธอแหลมคมและเขียนได้ดีขึ้น“ นิทานเรื่องนี้ถูกนำมาใช้เพื่อให้แง่คิดเรื่องความอดทนต่อความยากลำบากที่อาจทำให้เราได้เติบโตและพัฒนา 🌻 "นิทานเรื่องช้างและเชือกเส้นเล็ก" เรื่องมีอยู่ว่าในคณะละครสัตว์ มีช้างตัวใหญ่ถูกล่ามด้วยเชือกเส้นเล็กๆ เด็กน้อยสงสัยว่าทำไมช้างไม่ดึงเชือกให้ขาด คนเลี้ยงช้างอธิบายว่า ตั้งแต่ช้างยังเล็ก มันถูกล่ามด้วยโซ่ใหญ่ที่ไม่สามารถหลุดได้ ช้างจึงเชื่อว่าตัวเองไม่มีทางหลุดจากการล่าม แม้โตแล้วก็ยังคิดเช่นนั้น 🌻 "นิทานเรื่องหินสลักและค้อน" เรื่องราวของช่างแกะสลักกำลังทำงานบนหินก้อนใหญ่ เขาตีค้อนลงบนหินครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่เห็นผล คนผ่านไปมาสงสัยว่าทำไมเขาไม่ยอมแพ้ ในที่สุด หลังจากตีค้อนครั้งที่ 101 หินก็แตกออกตามที่เขาต้องการ ช่างแกะสลักอธิบายว่า "ไม่ใช่การตีครั้งสุดท้ายที่ทำให้หินแตก แต่มันเป็นผลรวมของการตีทุกครั้งที่ผ่านมา" 🌻 นิทานเหล่านี้มักถูกใช้เพื่อสื่อถึงความอดทน การไม่ยอมแพ้ และการเอาชนะข้อจำกัดทางความคิด นิทานไม่ได้มีพิษภัยในตัวมันเอง มันเป็นเรื่องเล่าแสนวิเศษ สร้างแรงบันดาลใจได้จริง แต่เมื่อมีการนำมาใช้ในบริบทของการลงทุนหรือธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง การตีความและการนำไปใช้ กลับเป็นสิ่งที่ต้องระวัง บางครั้งนิทานเหล่านี้ มักถูกใช้เพื่อกระตุ้นอารมณ์มากกว่าเหตุผล อาจไม่สะท้อนความเป็นจริงของสถานการณ์ ในบริบทของธุรกิจที่น่าสงสัย อาจใช้เพื่อกดดัน ให้คนทำในสิ่งที่ไม่ควร การยอมรับความจริง เลิกทนและถอยออกมา ก็อาจเป็นการตัดสินใจ ที่ชาญฉลาดได้เช่นกัน 🌻 “ในยุคข้อมูลข่าวสาร ความจริงกำลังถูกบดบังด้วยเรื่องเล่าหรือเรื่องราวที่สร้างขึ้น (narratives)” ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ เขียนไว้ในหนังสือ"21 Lessons for the 21st Century"เมื่อหลายปีมาแล้ว (21 บทเรียน สำหรับศตวรรษที่ 21 : ผู้แปล ธิดา จงนิรามัยสถิต, ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์ , สำนักพิมพ์ยิปซี) ฮาราริอธิบายว่าผู้คนมักเชื่อในเรื่องราวที่สอดคล้องกับความเชื่อและอัตลักษณ์ของตน มากกว่าข้อเท็จจริงที่อาจขัดแย้งกับความเชื่อนั้น และชี้ให้เห็นว่ามนุษย์มีแนวโน้มที่จะเชื่อในเรื่องเล่าที่ให้ความหมายและอธิบายโลกรอบตัว เขาบอกว่า“เรื่องเล่าเหล่านี้มีพลังมากกว่าข้อเท็จจริงเพราะมันตอบสนองต่อความต้องการทางอารมณ์และจิตวิญญาณของมนุษย์” ฮาราริเตือนว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะ AI และ Big Data สามารถใช้ในการสร้างและเผยแพร่เรื่องราวที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อย่างคลิปเรื่องเล่าสารพัดที่ผลิตออกมาชักจูงใจคน) เขาชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถเข้าใจและจัดการกับอารมณ์มนุษย์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ การให้ความสำคัญกับ“อารมณ์”มากกว่า“ความจริง”อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการประชาธิปไตยและการตัดสินใจที่สำคัญ เขาเตือนว่าสังคมอาจถูกชี้นำด้วยการปลุกเร้าอารมณ์มากกว่าการใช้เหตุผลและข้อมูล ในอนาคต ทักษะทางอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์อาจมีความสำคัญมากกว่าความรู้ทางเทคนิค เขาแนะนำว่าระบบการศึกษาควรปรับตัวเพื่อเตรียมคนให้พร้อมสำหรับโลกที่อารมณ์และความคิดสร้างสรรค์มีบทบาทสำคัญ ฮาราริเน้นย้ำความสำคัญของการรู้จักและเข้าใจตนเอง รวมถึงอารมณ์และความรู้สึกของเราให้ได้อย่างถ่องแท้ เขาบอกว่า“การเข้าใจตนเองจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับโลกที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยการกระตุ้นทางอารมณ์ได้ดีขึ้น” ผู้เขียน "21 Lessons for the 21st Century" ไม่ได้บอกว่า แนวโน้มนี้เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี แต่ชี้ให้เห็นว่ามันเป็นความท้าทายที่สำคัญที่เราต้องเตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา การเมือง และการพัฒนาตนเอง เพื่อรักษาสมดุล ระหว่างอารมณ์และเหตุผล ในยุคสมัยปัจจุบัน ที่“อารมณ์”อาจมีอิทธิพล มากขึ้นเรื่อยๆ​​​​​​​​​​​​​​​​ 🌻 จากข่าวสารประเด็นร้อนแรงในประเทศไทยวันนี้ เราก็ได้เห็นการใช้ Storytelling ในทางที่ผิดหลายเรื่อง เรื่องเล่าถูกใช้เพื่อบิดเบือนความจริงและสร้างภาพลวงตา มุ่งเน้นการกระตุ้นอารมณ์มากกว่าการให้ข้อมูลที่เป็นจริง นิทานเหล่านี้สร้างความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความสำเร็จและความมั่งคั่ง ทำให้คนมองข้ามความเสี่ยงและความเป็นจริงของสถานการณ์ เรื่องเล่าที่น่าประทับใจอาจทำให้ผู้ฟังลดการใช้เหตุผลและการคิดวิเคราะห์ ผู้คนอาจตัดสินใจบนพื้นฐานของ“อารมณ์” มากกว่า“ความจริง” อย่างที่ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ กล่าวไว้ไม่มีผิด Storytelling : นิทานหรือเรื่องเล่าที่มีประสิทธิภาพสามารถสร้างความไว้วางใจได้อย่างรวดเร็ว แม้กับคนแปลกหน้า ในกรณีของการหลอกลวง Storytelling ถูกใช้เพื่อลดความระแวดระวังของเหยื่อ เรื่องเล่าที่สวยงามอาจถูกใช้เพื่อปิดบังความจริงที่น่าเป็นห่วงหรือรายละเอียดที่สำคัญ ในกรณีของแชร์ลูกโซ่หรือ MLM นิทาน เรื่องเล่า หรือ Storytelling ทั้งหลาย อาจถูกใช้เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่กดดันให้สมาชิกไม่ยอมแพ้ แม้จะเผชิญกับความล้มเหลว เรื่องเล่าเหล่านี้ มักเล็งเป้าไปที่ความฝัน และความหวังของผู้คน ทำให้เหยื่ออ่อนไหวและเปราะบาง ทำให้ง่ายที่จะหลอกลวง 🌻 นิทาน เรื่องเล่า Storytelling ทั้งหลาย มันไม่ได้เลวร้ายในตัวมันเอง แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง สามารถใช้ในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ ในด้านบวก Storytelling สามารถใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ สอน และสื่อสารความคิดที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญที่คนเรายุคนี้ต้องรับมือ คือต้องพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และการรู้เท่าทันสื่อของตัวเอง เพื่อแยกแยะให้ออก ระหว่างการใช้ Storytelling ในทางที่สร้างสรรค์ หรือการใช้เพื่อหลอกลวง 🌻 ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/sg5pYj1hseTp1QGK/?mibextid=CTbP7 #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 755 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่ทีมสายดำ..อายุน้อยร้อยล้าน

    เห็นน้องตอ อดีตกระเป๋าเครื่องบินเขามาคอมเมนต์ในเพจเหยื่อว่าเขาเลิกทำนานแล้ว ไม่ใช่พึ่งเลิกทำจ้าาา = เถียง

    พรีสสสส สงสัยมาพิมพ์เถียงโดยไม่ได้ไถหน้าเพจดูสกิลการขุดของเพจนี้เลยล่ะสิ่ท่า.?

    เราน่ะรู้ว่าหนูอ่ะเป็นดาวดังของบริษัทขึ้นเวทีไปเป็นพิธีกรของบริษัทเป็นประจำ และหนูทำจนได้หลัวคนที่ทำ The Icon อีกตางหาก ปั่ดโธ่

    มาเถียงเราคอมเมนต์หนึ่ง เราก็จัดให้อีกโพสต์หนึ่ง แต่ถ้าทำผิดแล้วสงบปากเราจะก้าวข้ามไปเล่นแก๊งอื่นต่อ

    ตามมาดูว่าแม่ทีมสายดำมันทำงานกันอย่างไร

    จุดเริ่มต้น..ทุกคนที่หลงเข้าไปในวงจรนี้ ก็จะเริ่มต้นจากเปิดบิล 2,500 บาท (Distributor)

    และถ้าจะสร้างทีมได้ ก็ต้องเปิด 25,000 บาท (Supervisor)

    เรต 2,500 บาท กับ 25,000 บาท จะต้องจ่ายตรงกับ Dealer เพราะ Dealer ต้องกระจายของตัวเองออก

    และถ้าต้องการเข้าทีมแม่ๆทั้งหลาย ต้องเปิด 250,000 บาท (Dealer)

    ทีนี้ตำแหน่งมันยังมีอีก 10 อันดับข้างบน แล้วทำไมมันถึงมีลำดับขั้นเยอะแยะขนาดนั้น.?

    ตามมา..

    ระบบแผนการจ่ายของ the icon จะมีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นทริปท่องเที่ยว เพื่อเลี่ยงกฎหมาย

    เพราะการจ่ายเงินมันจะผิดกฎหมายเข้าข่ายลูกโซ่ จึงแจกค่าคอมกลับเป็นการทัวร์ทริปเที่ยว ซึ่งระบุเอาไว้ว่า

    ถ้าใครไม่อยากเที่ยว..“ก็ขายทริปคืนเป็นเงินได้” ตรงจุดนี้แหละที่บอสพอลติ่งเอาไว้เลี่ยงกฎหมาย

    เพราะถ้ามีใครขายทริป บริษัทก็จะจ่ายเป็นเงินสดแทนการเที่ยวให้ มันก็จะเท่ากับการชวนคนร่วมลงทุนแล้วได้เงินตอบแทน(โดยอ้อม)เหมือนแชร์ลูกโซ่ยังไงยังงั้นเลย

    the icon เลี่ยงไปใช้คำว่า Re Dealer หรือการเปิดสาขาสอง คือการจ่าย 250,000 บาท อีกรอบ เพื่อขยับตัวเองขึ้นไปเป็น Gold , Platinum และสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

    ตำแหน่งพวกนี้สำคัญแค่ไหน ?

    หลักการจ่ายของ the icon จะจ่ายให้กับ Direct Referral (การชวนตรงผ่านรหัสตัวเอง) 10%

    ดังนั้นหากคุณจ่าย 250,000 บาทไปแล้ว และอยากได้เงินคืน คุณต้องทำ Direct Referral ตามรหัสตัวเองให้ได้ 10 ราย ถึงจะได้เงิน 10% กลับคืน

    ตรงนี้เรียกว่า "Fast start bonus" เป็นศัพท์ของ MLM เขาใช้เรียกกัน โดยปกติ MLM จะมีระบบซับซ้อนในการคำนวณยอดให้

    เช่น Stair Step, Uni-Level , Binary , Trinary ฯลฯ

    แต่ที่ The Icon นั้นไม่ซับซ้อน เป็นแค่ Stair Step หรือขั้นบันไดใช้การจ่ายที่ระดับขั้น แยกออกเป็น "ส่วนลด" เพื่อเอาส่วนลดนั้นไปจ่ายตามระดับ 10 อันดับด้านบนทั้งหมด

    และพอลยังแก้ให้มีระบบ Binary โยน Dealer ซ้าย-ขวา คะแนนข้างอ่อนผันเป็นโบนัส

    ดังนั้นยิ่งใครเปิด "สาขา" เยอะ ก็จะยิ่งได้รับ "ส่วนแบ่งสาขา" เยอะขึ้น ทีนี้หลักการจ่ายมันจะมีหลักง่ายๆคือ..จ่ายจากล่างสุดขึ้นไปบนสุด

    เวลาพี่ๆตำรวจเขา สืบ-สอบ ก็จะเริ่มจากด้านล่างสุดเช่นกัน แต่ด้านล่างสุดในมุมของตำรวจคือคนที่เป็นเหยื่อ ไล่เส้นเงินของเหยื่อ..ว่าวิ่งไปถึงใครบ้าง
    -----------

    สมมติว่าน้องตอ เขาเป็นระดับ Platinum Dealer แต่ลูกทีมของน้องตอดันไปเปิดสาขาเยอะกว่า ก็จะได้เป็น Crown Dealer ลักษณะแบบนี้จะเรียกว่า อันดับสูงกว่าผู้แนะนำ

    เวลาทำจ่าย "ส่วนแบ่งสาขา" มันจะข้ามน้องตอขึ้นไปข้างบนตามตำแหน่ง แม้ว่าคนนั้นจะเป็น Downline ของน้องตอก็ตาม

    และคนที่เปิดสูงกว่าน้องตอก็จะได้รับเงิน "ส่วนแบ่งสาขา" ไปแทน นี่เป็นหลักการที่จูงใจให้คนที่หลงเข้ามาทำธุรกิจนี้แล้วอยาก "ขยายสาขา"

    เพื่อที่ตัวเองจะได้ไประดับบนสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็คือ "BOSS" (ไม่ใช่ Big Boss นะ)

    วิธีของ the icon คือตั้งกลุ่มแม่ทีม และลูกทีมจะต้องมาซื้อข้อมูลผู้สนใจธุรกิจ โดยมีค่าใช้จ่าย 1,000 - 5,000 บาท และถ้าเป็นเบอร์ที่หวังผลได้ชัวร์ ขาย 10,000 บาท

    คำถามคือ..เงินตรงนี้เข้าบริษัทหรือเข้ากระเป๋าแม่ทีม.?

    ถ้าคำนวณจากยอดของน้องตอที่ทำยอด 1,000,000 บาทได้ และได้แหวนเพชรจากบิ๊กบอสเป็นรางวัล

    ก็อนุมานได้ว่าน้องตอต้องได้ค่าคอม 25,000 บาท (จาก 250,000) 1,000,000 / 25,000 = 40 คน จุกๆ

    ระยะเวลาแค่ 6 เดือนน้องตอของเราได้ขึ้นไปรับเงิน 1 ล้านบาท พร้อมสวมแหวนเพชรบนเวที

    แล้วน้องตอก็พูดว่า.."ผู้ชายคนแรกที่สวมแหวนให้หนูคือบอสพอล" งู้ยยยยย ถุย
    -------------

    the icon ได้ทำการแก้ไขระบบตัวแทนจากตลาดตรง มาเพิ่ม "Binary" ทำให้มีการโยน Dealer ไปซ้าย-ขวา

    ทีนี้มันก็เลยต้องแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้นเพราะหลักการของระบบ Binary มันเข้าข่าย MLM และหลักการจ่ายค่าโบนัสมันจะจ่ายวิ่งขึ้นบน

    แปลว่าถ้าน้องตอตำแหน่งต่ำกว่า Downline ตัวเอง คะแนน Bonus จะวิ่งไปหาตำแหน่งที่สูงกว่าตัวเองทันที

    ข้อนี้มันคือการหักล้างทุกๆบริษัทที่เคยพูดว่า "Passive Income" มีจริง บอกเลยมันไม่มีอยู่จริงหรอก

    เพราะระบบ MLM มันมีกฎที่สามารถขโมย Bonus ได้ถ้าตำแหน่งสูงกว่า ระบบจะจ่ายโบนัสไปที่ "ตำแหน่งสูงสุด" ที่อยู่ในสายนั้น

    นี่คือสาเหตุให้ตำแหน่ง "BOSS" ด้านบน เปิดสาขาถึงระดับสูงสุด เพื่อรองรับโบนัสการคำนวณ ซ้าย-ขวา

    เพราะถ้าซ้าย-ขวา ไม่ balance ระบบจะคำนวณยอดที่จะได้แค่ส่วนต่างข้างน้อย และส่วนที่เหลือข้างมากจะไหลขึ้นบนตามหลัก MLM

    จุดนี้แหละจึงเป็นความจริงที่ทุกคนพยายาม "ขยายสาขา" เพื่อให้ตัวเองได้รับ "ส่วนแบ่งสาขา" นั่นเอง

    และทุกคนที่เป็นแม่ทีมจะสู้เพื่อสิ่งนี้แหละ คือตำแหน่งสูงสุด เพราะจะได้รับค่าคอมจากด้านล่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

    นั่นคือเหตุผลที่ระดับ "BOSS" ได้รับค่าคอมหลักล้าน แม้จะนอนนิ่งๆไม่ได้ทำอะไรก็ตาม

    แต่คนที่ยังทำงานอยู่ในการ Direct Referral จะได้ 10% เรียกว่าได้เงินเร็ว แล้วก็เอาเงินต่อเงินไปเปิดสาขาเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นตามนี้

    Boss
    Emperor
    Royal Crown
    Crown Dealer
    Wisdom Dealer
    Presidential Dealer
    Grand Dealer

    7 ตำแหน่งนี้👆ต้องไต่เต้าด้วยการ..ขยายสาขา

    นั่นคือมูลเหตุให้ระบบของบริษัท the icon แผนธุรกิจมุ่งเน้นชวนคนใหม่อย่างเดียว เพราะผลตอบแทน 10% จาก Dealer ได้ตรง และได้โบนัสคำนวณตามตำแหน่ง

    ทีนี้มาดูกลโกงของแม่ทีมสายดำกัน

    มันมีคนเข้ามาเป็น Dealer 367,943 คน และทุกคนเปิดบิล 250,000 บาทเหมือนกันหมด

    แต่ไม่ใช่ว่าคนทั้ง 367,943 คนจะยิงแอดเป็น หรือทำการตลาดเป็น จึงตกเป็นเหยื่อแม่ทีมในกลุ่มของตัวเอง

    โดยทุกคนจะโดนแม่ทีมเรียกรับ "ค่าโฆษณา" คนละ 10,000 / เดือน

    สมมติว่า..กลุ่มน้องตอมี 2,000 คน น้องตอก็จะเรียกเก็บค่าโฆษณาได้ 20,000,000 บาทต่อเดือนทันที

    คำถามคือ..แล้วลูกข่ายทั้งหมดที่มาเปิดบิลผ่านน้องตออ่ะ พวกเขาเหล่านั้นได้ยิงแอดเองไหม.?

    น้องตอ..บอกจะสอนให้เขาขายออนไลน์ได้เอง ก็แปลว่าลูกทีมเขาต้องมีความสามารถ "ตั้งโฆษณาได้เอง" ถูกไหม.?

    แต่น้องตอ กลับบอกให้ทุกคนเข้ากลุ่มแม่ทีมแล้วน้องตอก็เรียกเก็บเงินค่ารายชื่อ หัวละ 1000 - 5000 อันนี้มันยิงแอดตรงไหนอ่ะ.?

    น้องตอมีหลักฐานไหมว่ารายชื่อที่เอามาขายลูกข่ายน่ะมันดึงมาจาก Ads ทุกรายชื่อ.?

    คือ..แม่ทีมมีหน้าที่ไปยิงโฆษณาหาตัวแทนมาโปรยให้ลูกทีมนั่นแปลว่า "แม่ทีมก็ต้องโทรหาลูกค้าก่อนแล้ว"

    ลองคิดถึงหลักความเป็นจริง หากโทรไปแล้วเขาสนใจ พวกคุณคิดว่าแม่ทีมจะใจดีโยนมาให้ลูกทีมไหม.?

    แม่ทีมที่มีลูกทีม 2,000 คน ก็จะเรียกเก็บเงินจากลูกทีมได้ 20 ล้านบาท แล้วมีแม่ทีมคนไหนเอารายงานการยิงแอดมาโชว์ให้ลูกข่ายดูบ้างไหมครับ.?

    ถ้าไม่โชว์หลักฐาน ถ้างั้นก็เอาเงิน 20 ล้านบาทเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วบอกว่ายิงแอดให้แล้ว..ก็ทำได้สิ่.?

    พอมีคนคิดลบ เตะออก พอใครไม่อยากยิงแอด เตะออก ทำแบบนี้นี่น้องตอสอนคนยิงแอดหรือว่าบีบบังคับให้เค้าจ่ายไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดตัว.?

    เกมนี้ที่แม่ทีมอย่างพวกคุณออกแบบมันโหดร้ายมากๆนะ เพราะว่าจะมีแต่แม่ทีมอย่างพวกคุณรวยกันอยู่กระจุกเดียว

    แต่ลูกข่ายนี่เป็นตู้ ATM ให้แม่ทีมกดเงินอย่างเดียว แล้วบิ๊กบอสพอลเขารู้เรื่องไหมว่า มีแม่ทีมสายดำใช้แผนประทุษกรรมเหยื่อแบบนี้.?

    --------

    การทำธุรกิจแบบนี้มันไม่มีหรอก win/win น่ะ

    เงินหมื่นที่จ่ายให้แม่ทีม แม่ทีมหักหัวคิว 80-90% เอาไปลงในโฆษณา "ของตัวแม่ทีมเอง"

    และเหลือ 20-10% มาลงให้กับ "ลูกข่าย" จากนั้นก็ส่งหน้าม้าปลอมเข้าไปปลอบประโลมให้ลูกข่ายเห็นว่าโฆษณาทำงาน

    แต่อย่างที่เขาร้องกันทั้งหมดแหละ "ไม่มีใครขายได้สักคน" ก็เพราะมันเป็น Seeding Comment จากระบบ Auto Comment ไงฮะ

    น้องตอ..หัดยอมรับบ้างเหอะ ว่าเราก็หลอกเขามาเปิดบิล หลอกเอาเงินเขามายิงแอด ไหนหนูถึงทำธุรกิจโดยไม่ใช้เงินตัวเองเลยสักบาท.?

    ขออนุญาตอุทานนะครับ..พวกมึงนี่เควี้ยจริงๆเลย อีฝัด

    รบกวนพี่ตำรวจด้วยนะ เวลาสอบปากคำคนระดับแม่ทีม ช่วยถามหาหลักฐานที่พวกมันเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายต่างๆไปจากลูกข่ายด้วยนะครับ

    ท่านเรียก export excel .csv ของยอดยิงแอดมา compare เลย ว่าตรงกับยอดที่รับมาจาก "เหยื่อ" ที่เป็นลูกทีมหรือเปล่า

    แม่ทีมทุกคนได้ "Direct Referral" 10% ลองคิดดูว่าถ้าวันนึงปิดได้ 10 คน เงิน Fast Start Bonus แม่ทีมได้วันละ 250,000 บาท

    ยังไม่รวมคำนวณโบนัส ส่วนไหนที่ไม่สามารถปิดได้ในการโทรครั้งแรก แม่ทีมก็เอามาขายต่อ 5,000 บาท 2 รายชื่อ 1,000 - 5,000 บาท

    เงินส่วนนี้เข้ากระเป๋าแม่ทีม มันคือวงจรอุบาทว์ที่บอสพอลจะปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ด้วยนะเพราะบอสพอลเป็นคนแก้ระบบให้มีระบบ Binary

    เพิ่มตำแหน่งออกมาถึง 13 ขั้นตรงนี้แหละที่บอสพอลจะผิดเต็มๆ ก็คุณจดทำการตลาดขายตรง แต่คุณกลับทำ MLM โดยไม่มีใบอนุญาตซะงั้น

    เกมนี้..บอสสวย ผู้อยู่เหนือหวงโซ่ของแม่ทีม คนที่เป็นทุกอย่างให้บอสพอล ถ้าตำรวจไม่เฝ้าไว้ อาจจะหลบหนีไป..ตามใบสั่ง

    บทความนี้เขียนขึ้นจากการสอบข้อเท็จจริงจากปากผู้เสียหาย หลายๆคน ข้อมูลไม่นิ่งตัดออก

    แล้วคัดเอาที่หลายคนพูดตรงกันมาวิเคราะห์แล้วหาข้อมูล แล้วเรียบเรียงเขียนเป็นบทความมาเผยแพร่

    ถ้าใครมีข้อมูลที่แท้ แล้วมันไม่ตรงกับบทความนี้ก็คอมเมนต์แจ้งมาได้นะ ถ้ามันเชื่อถือได้ เราจะแก้ไขให้ทันที

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    แม่ทีมสายดำ..อายุน้อยร้อยล้าน เห็นน้องตอ อดีตกระเป๋าเครื่องบินเขามาคอมเมนต์ในเพจเหยื่อว่าเขาเลิกทำนานแล้ว ไม่ใช่พึ่งเลิกทำจ้าาา = เถียง พรีสสสส สงสัยมาพิมพ์เถียงโดยไม่ได้ไถหน้าเพจดูสกิลการขุดของเพจนี้เลยล่ะสิ่ท่า.? เราน่ะรู้ว่าหนูอ่ะเป็นดาวดังของบริษัทขึ้นเวทีไปเป็นพิธีกรของบริษัทเป็นประจำ และหนูทำจนได้หลัวคนที่ทำ The Icon อีกตางหาก ปั่ดโธ่ มาเถียงเราคอมเมนต์หนึ่ง เราก็จัดให้อีกโพสต์หนึ่ง แต่ถ้าทำผิดแล้วสงบปากเราจะก้าวข้ามไปเล่นแก๊งอื่นต่อ ตามมาดูว่าแม่ทีมสายดำมันทำงานกันอย่างไร จุดเริ่มต้น..ทุกคนที่หลงเข้าไปในวงจรนี้ ก็จะเริ่มต้นจากเปิดบิล 2,500 บาท (Distributor) และถ้าจะสร้างทีมได้ ก็ต้องเปิด 25,000 บาท (Supervisor) เรต 2,500 บาท กับ 25,000 บาท จะต้องจ่ายตรงกับ Dealer เพราะ Dealer ต้องกระจายของตัวเองออก และถ้าต้องการเข้าทีมแม่ๆทั้งหลาย ต้องเปิด 250,000 บาท (Dealer) ทีนี้ตำแหน่งมันยังมีอีก 10 อันดับข้างบน แล้วทำไมมันถึงมีลำดับขั้นเยอะแยะขนาดนั้น.? ตามมา.. ระบบแผนการจ่ายของ the icon จะมีการจ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นทริปท่องเที่ยว เพื่อเลี่ยงกฎหมาย เพราะการจ่ายเงินมันจะผิดกฎหมายเข้าข่ายลูกโซ่ จึงแจกค่าคอมกลับเป็นการทัวร์ทริปเที่ยว ซึ่งระบุเอาไว้ว่า ถ้าใครไม่อยากเที่ยว..“ก็ขายทริปคืนเป็นเงินได้” ตรงจุดนี้แหละที่บอสพอลติ่งเอาไว้เลี่ยงกฎหมาย เพราะถ้ามีใครขายทริป บริษัทก็จะจ่ายเป็นเงินสดแทนการเที่ยวให้ มันก็จะเท่ากับการชวนคนร่วมลงทุนแล้วได้เงินตอบแทน(โดยอ้อม)เหมือนแชร์ลูกโซ่ยังไงยังงั้นเลย the icon เลี่ยงไปใช้คำว่า Re Dealer หรือการเปิดสาขาสอง คือการจ่าย 250,000 บาท อีกรอบ เพื่อขยับตัวเองขึ้นไปเป็น Gold , Platinum และสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตำแหน่งพวกนี้สำคัญแค่ไหน ? หลักการจ่ายของ the icon จะจ่ายให้กับ Direct Referral (การชวนตรงผ่านรหัสตัวเอง) 10% ดังนั้นหากคุณจ่าย 250,000 บาทไปแล้ว และอยากได้เงินคืน คุณต้องทำ Direct Referral ตามรหัสตัวเองให้ได้ 10 ราย ถึงจะได้เงิน 10% กลับคืน ตรงนี้เรียกว่า "Fast start bonus" เป็นศัพท์ของ MLM เขาใช้เรียกกัน โดยปกติ MLM จะมีระบบซับซ้อนในการคำนวณยอดให้ เช่น Stair Step, Uni-Level , Binary , Trinary ฯลฯ แต่ที่ The Icon นั้นไม่ซับซ้อน เป็นแค่ Stair Step หรือขั้นบันไดใช้การจ่ายที่ระดับขั้น แยกออกเป็น "ส่วนลด" เพื่อเอาส่วนลดนั้นไปจ่ายตามระดับ 10 อันดับด้านบนทั้งหมด และพอลยังแก้ให้มีระบบ Binary โยน Dealer ซ้าย-ขวา คะแนนข้างอ่อนผันเป็นโบนัส ดังนั้นยิ่งใครเปิด "สาขา" เยอะ ก็จะยิ่งได้รับ "ส่วนแบ่งสาขา" เยอะขึ้น ทีนี้หลักการจ่ายมันจะมีหลักง่ายๆคือ..จ่ายจากล่างสุดขึ้นไปบนสุด เวลาพี่ๆตำรวจเขา สืบ-สอบ ก็จะเริ่มจากด้านล่างสุดเช่นกัน แต่ด้านล่างสุดในมุมของตำรวจคือคนที่เป็นเหยื่อ ไล่เส้นเงินของเหยื่อ..ว่าวิ่งไปถึงใครบ้าง ----------- สมมติว่าน้องตอ เขาเป็นระดับ Platinum Dealer แต่ลูกทีมของน้องตอดันไปเปิดสาขาเยอะกว่า ก็จะได้เป็น Crown Dealer ลักษณะแบบนี้จะเรียกว่า อันดับสูงกว่าผู้แนะนำ เวลาทำจ่าย "ส่วนแบ่งสาขา" มันจะข้ามน้องตอขึ้นไปข้างบนตามตำแหน่ง แม้ว่าคนนั้นจะเป็น Downline ของน้องตอก็ตาม และคนที่เปิดสูงกว่าน้องตอก็จะได้รับเงิน "ส่วนแบ่งสาขา" ไปแทน นี่เป็นหลักการที่จูงใจให้คนที่หลงเข้ามาทำธุรกิจนี้แล้วอยาก "ขยายสาขา" เพื่อที่ตัวเองจะได้ไประดับบนสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็คือ "BOSS" (ไม่ใช่ Big Boss นะ) วิธีของ the icon คือตั้งกลุ่มแม่ทีม และลูกทีมจะต้องมาซื้อข้อมูลผู้สนใจธุรกิจ โดยมีค่าใช้จ่าย 1,000 - 5,000 บาท และถ้าเป็นเบอร์ที่หวังผลได้ชัวร์ ขาย 10,000 บาท คำถามคือ..เงินตรงนี้เข้าบริษัทหรือเข้ากระเป๋าแม่ทีม.? ถ้าคำนวณจากยอดของน้องตอที่ทำยอด 1,000,000 บาทได้ และได้แหวนเพชรจากบิ๊กบอสเป็นรางวัล ก็อนุมานได้ว่าน้องตอต้องได้ค่าคอม 25,000 บาท (จาก 250,000) 1,000,000 / 25,000 = 40 คน จุกๆ ระยะเวลาแค่ 6 เดือนน้องตอของเราได้ขึ้นไปรับเงิน 1 ล้านบาท พร้อมสวมแหวนเพชรบนเวที แล้วน้องตอก็พูดว่า.."ผู้ชายคนแรกที่สวมแหวนให้หนูคือบอสพอล" งู้ยยยยย ถุย ------------- the icon ได้ทำการแก้ไขระบบตัวแทนจากตลาดตรง มาเพิ่ม "Binary" ทำให้มีการโยน Dealer ไปซ้าย-ขวา ทีนี้มันก็เลยต้องแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้นเพราะหลักการของระบบ Binary มันเข้าข่าย MLM และหลักการจ่ายค่าโบนัสมันจะจ่ายวิ่งขึ้นบน แปลว่าถ้าน้องตอตำแหน่งต่ำกว่า Downline ตัวเอง คะแนน Bonus จะวิ่งไปหาตำแหน่งที่สูงกว่าตัวเองทันที ข้อนี้มันคือการหักล้างทุกๆบริษัทที่เคยพูดว่า "Passive Income" มีจริง บอกเลยมันไม่มีอยู่จริงหรอก เพราะระบบ MLM มันมีกฎที่สามารถขโมย Bonus ได้ถ้าตำแหน่งสูงกว่า ระบบจะจ่ายโบนัสไปที่ "ตำแหน่งสูงสุด" ที่อยู่ในสายนั้น นี่คือสาเหตุให้ตำแหน่ง "BOSS" ด้านบน เปิดสาขาถึงระดับสูงสุด เพื่อรองรับโบนัสการคำนวณ ซ้าย-ขวา เพราะถ้าซ้าย-ขวา ไม่ balance ระบบจะคำนวณยอดที่จะได้แค่ส่วนต่างข้างน้อย และส่วนที่เหลือข้างมากจะไหลขึ้นบนตามหลัก MLM จุดนี้แหละจึงเป็นความจริงที่ทุกคนพยายาม "ขยายสาขา" เพื่อให้ตัวเองได้รับ "ส่วนแบ่งสาขา" นั่นเอง และทุกคนที่เป็นแม่ทีมจะสู้เพื่อสิ่งนี้แหละ คือตำแหน่งสูงสุด เพราะจะได้รับค่าคอมจากด้านล่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย นั่นคือเหตุผลที่ระดับ "BOSS" ได้รับค่าคอมหลักล้าน แม้จะนอนนิ่งๆไม่ได้ทำอะไรก็ตาม แต่คนที่ยังทำงานอยู่ในการ Direct Referral จะได้ 10% เรียกว่าได้เงินเร็ว แล้วก็เอาเงินต่อเงินไปเปิดสาขาเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นตามนี้ Boss Emperor Royal Crown Crown Dealer Wisdom Dealer Presidential Dealer Grand Dealer 7 ตำแหน่งนี้👆ต้องไต่เต้าด้วยการ..ขยายสาขา นั่นคือมูลเหตุให้ระบบของบริษัท the icon แผนธุรกิจมุ่งเน้นชวนคนใหม่อย่างเดียว เพราะผลตอบแทน 10% จาก Dealer ได้ตรง และได้โบนัสคำนวณตามตำแหน่ง ทีนี้มาดูกลโกงของแม่ทีมสายดำกัน มันมีคนเข้ามาเป็น Dealer 367,943 คน และทุกคนเปิดบิล 250,000 บาทเหมือนกันหมด แต่ไม่ใช่ว่าคนทั้ง 367,943 คนจะยิงแอดเป็น หรือทำการตลาดเป็น จึงตกเป็นเหยื่อแม่ทีมในกลุ่มของตัวเอง โดยทุกคนจะโดนแม่ทีมเรียกรับ "ค่าโฆษณา" คนละ 10,000 / เดือน สมมติว่า..กลุ่มน้องตอมี 2,000 คน น้องตอก็จะเรียกเก็บค่าโฆษณาได้ 20,000,000 บาทต่อเดือนทันที คำถามคือ..แล้วลูกข่ายทั้งหมดที่มาเปิดบิลผ่านน้องตออ่ะ พวกเขาเหล่านั้นได้ยิงแอดเองไหม.? น้องตอ..บอกจะสอนให้เขาขายออนไลน์ได้เอง ก็แปลว่าลูกทีมเขาต้องมีความสามารถ "ตั้งโฆษณาได้เอง" ถูกไหม.? แต่น้องตอ กลับบอกให้ทุกคนเข้ากลุ่มแม่ทีมแล้วน้องตอก็เรียกเก็บเงินค่ารายชื่อ หัวละ 1000 - 5000 อันนี้มันยิงแอดตรงไหนอ่ะ.? น้องตอมีหลักฐานไหมว่ารายชื่อที่เอามาขายลูกข่ายน่ะมันดึงมาจาก Ads ทุกรายชื่อ.? คือ..แม่ทีมมีหน้าที่ไปยิงโฆษณาหาตัวแทนมาโปรยให้ลูกทีมนั่นแปลว่า "แม่ทีมก็ต้องโทรหาลูกค้าก่อนแล้ว" ลองคิดถึงหลักความเป็นจริง หากโทรไปแล้วเขาสนใจ พวกคุณคิดว่าแม่ทีมจะใจดีโยนมาให้ลูกทีมไหม.? แม่ทีมที่มีลูกทีม 2,000 คน ก็จะเรียกเก็บเงินจากลูกทีมได้ 20 ล้านบาท แล้วมีแม่ทีมคนไหนเอารายงานการยิงแอดมาโชว์ให้ลูกข่ายดูบ้างไหมครับ.? ถ้าไม่โชว์หลักฐาน ถ้างั้นก็เอาเงิน 20 ล้านบาทเข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วบอกว่ายิงแอดให้แล้ว..ก็ทำได้สิ่.? พอมีคนคิดลบ เตะออก พอใครไม่อยากยิงแอด เตะออก ทำแบบนี้นี่น้องตอสอนคนยิงแอดหรือว่าบีบบังคับให้เค้าจ่ายไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดตัว.? เกมนี้ที่แม่ทีมอย่างพวกคุณออกแบบมันโหดร้ายมากๆนะ เพราะว่าจะมีแต่แม่ทีมอย่างพวกคุณรวยกันอยู่กระจุกเดียว แต่ลูกข่ายนี่เป็นตู้ ATM ให้แม่ทีมกดเงินอย่างเดียว แล้วบิ๊กบอสพอลเขารู้เรื่องไหมว่า มีแม่ทีมสายดำใช้แผนประทุษกรรมเหยื่อแบบนี้.? -------- การทำธุรกิจแบบนี้มันไม่มีหรอก win/win น่ะ เงินหมื่นที่จ่ายให้แม่ทีม แม่ทีมหักหัวคิว 80-90% เอาไปลงในโฆษณา "ของตัวแม่ทีมเอง" และเหลือ 20-10% มาลงให้กับ "ลูกข่าย" จากนั้นก็ส่งหน้าม้าปลอมเข้าไปปลอบประโลมให้ลูกข่ายเห็นว่าโฆษณาทำงาน แต่อย่างที่เขาร้องกันทั้งหมดแหละ "ไม่มีใครขายได้สักคน" ก็เพราะมันเป็น Seeding Comment จากระบบ Auto Comment ไงฮะ น้องตอ..หัดยอมรับบ้างเหอะ ว่าเราก็หลอกเขามาเปิดบิล หลอกเอาเงินเขามายิงแอด ไหนหนูถึงทำธุรกิจโดยไม่ใช้เงินตัวเองเลยสักบาท.? ขออนุญาตอุทานนะครับ..พวกมึงนี่เควี้ยจริงๆเลย อีฝัด รบกวนพี่ตำรวจด้วยนะ เวลาสอบปากคำคนระดับแม่ทีม ช่วยถามหาหลักฐานที่พวกมันเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายต่างๆไปจากลูกข่ายด้วยนะครับ ท่านเรียก export excel .csv ของยอดยิงแอดมา compare เลย ว่าตรงกับยอดที่รับมาจาก "เหยื่อ" ที่เป็นลูกทีมหรือเปล่า แม่ทีมทุกคนได้ "Direct Referral" 10% ลองคิดดูว่าถ้าวันนึงปิดได้ 10 คน เงิน Fast Start Bonus แม่ทีมได้วันละ 250,000 บาท ยังไม่รวมคำนวณโบนัส ส่วนไหนที่ไม่สามารถปิดได้ในการโทรครั้งแรก แม่ทีมก็เอามาขายต่อ 5,000 บาท 2 รายชื่อ 1,000 - 5,000 บาท เงินส่วนนี้เข้ากระเป๋าแม่ทีม มันคือวงจรอุบาทว์ที่บอสพอลจะปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ด้วยนะเพราะบอสพอลเป็นคนแก้ระบบให้มีระบบ Binary เพิ่มตำแหน่งออกมาถึง 13 ขั้นตรงนี้แหละที่บอสพอลจะผิดเต็มๆ ก็คุณจดทำการตลาดขายตรง แต่คุณกลับทำ MLM โดยไม่มีใบอนุญาตซะงั้น เกมนี้..บอสสวย ผู้อยู่เหนือหวงโซ่ของแม่ทีม คนที่เป็นทุกอย่างให้บอสพอล ถ้าตำรวจไม่เฝ้าไว้ อาจจะหลบหนีไป..ตามใบสั่ง บทความนี้เขียนขึ้นจากการสอบข้อเท็จจริงจากปากผู้เสียหาย หลายๆคน ข้อมูลไม่นิ่งตัดออก แล้วคัดเอาที่หลายคนพูดตรงกันมาวิเคราะห์แล้วหาข้อมูล แล้วเรียบเรียงเขียนเป็นบทความมาเผยแพร่ ถ้าใครมีข้อมูลที่แท้ แล้วมันไม่ตรงกับบทความนี้ก็คอมเมนต์แจ้งมาได้นะ ถ้ามันเชื่อถือได้ เราจะแก้ไขให้ทันที สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/bTpFg44VYH4?si=gSvcHUcT97LMlmo4
    https://youtu.be/bTpFg44VYH4?si=gSvcHUcT97LMlmo4
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ปฐมบท DNW

    สาคร..เจ้าของสโลแกน รวยไม่รวย ดีไม่ดี DNetwork ต้นฉบับคอร์สยิงแอดออนไลน์

    ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปลายปี 2552 นักธุรกิจเครือข่ายท่านหนึ่ง ยอดขายก็พออยู่ได้ นามว่านาย สาคร

    นายสาครโดนเหตุการณ์ผลกระทบกับตัวเองคือโดนตัดรหัสจากค่ายเดิมในขณะนั้น ซึ่งสาครอ้างว่าเจ้าของเข้าใจว่าจะมีการทำสินค้าและเปิดบริษัทขายตรงเข้ามาแข่งขัน

    แต่ข้อมูลอีกกระแสกล่าวว่า มีปัญหาเรื่องเชิงชู้สาวในองค์กร โดยนาย สาคร จับดาวน์ไลน์สาวรุ่นในขณะนั้น ชื่อว่า แซน ภรัณธรณ์ เป็นเมียน้อย

    และเรื่องราวเกิดแดงขึ้นที่บริษัทฯ ทางบริษัทฯ จึงเห็นว่าเป็นความเสื่อมเสียและเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในองค์กร เพราะนักธุรกิจท่านนี้ในขณะนั้น เป็นถึงหัวหน้าทีมในการจัดฝึกอบรมคอร์สต่างๆ ให้กับบริษัทฯ

    ทั้งคู่เลยโดนตัดรหัสและไล่ออกจากบริษัท

    หลังจากนาย สาคร โดนตัดรหัสจากบริษัทเดิม ก็ได้หอบดาวน์ไลน์สาวน้อย แซน ภรัณธรณ์ ไปด้วย

    แซนไหนอีกวะ แอดไร้เงา.?
    -แซน ที่เขาเซฟธุรกิจขายตรงที่กูลงไว้โพสต์ก่อนไง ปั่ดโธ่ว์
    👉 https://www.facebook.com/share/p/xBBBPDtPqjgrmM22/?mibextid=WC7FNe

    ภาพในโพสต์👆เฟซบนอ่ะแซน เฟซล่างอ่ะอวตารของ สาคร ถถถ

    สาคร..ไปร่วมกับเพื่อนนักธุรกิจเครือข่ายที่เคยร่วมงานกันในธุรกิจเครือข่ายในอดีตอีก 2 ท่าน ชื่อว่านาย ภูมิสนอง และนาย อุทัย

    ทำให้ข่าวลือเรื่องชู้สาวที่เกิดขึ้นที่บริษัทเก่าดูเป็นความจริงขึ้นมาทันที

    สาคร..ได้ไปจัดตั้งบริษัทธุรกิจเครือข่ายของตัวเองแถวสุวินทวงศ์ โดยเริ่มจากการเช่าอาคารพาณิชย์ 1 คูหา ในการเริ่มต้นธุรกิจในขณะนั้น เมื่อต้นปี 2553

    โดยตั้งชื่อบริษัทว่า DNetwork Worldwide เรียกสั้นๆว่า DNW ผลิตสินค้าออกมาชื่อว่า KOREGINS (โกเรจินส์)

    MLM ที่ดีต้องมีเรื่องราวความสำเร็จ ต้นเหตุของปลอมที่ทำเหมือน ต้นแบบของมี 10 พูด 100

    ในช่วงเริ่มต้นของธุรกิจของ DNW ก็เหมือนกับธุรกิจเครือข่ายอื่นๆ โดยทั่วไป ทั้งสามคนสถาปณาตัวเองขึ้นเป็นอาจารย์

    ทุกคนต้องเรียกว่า อ.สาคร อ.ภูมิสนอง อ.อุทัย และทั้งสามคนก็เริ่มไปรวบรวมรายชื่อเพื่อสปอนเซอร์ทีมงานจากธุรกิจเดิมก่อนหน้า และผู้มุ่งหวังใหม่ๆ เข้าสู่องค์กร

    โดยดึงหัวกะทิแห่งวงการเข้ามาทำงาน ซึ่งในขณะนั้นธุรกิจ MLM ที่เติบโตเป็นอย่างมากในช่วงเวลาขณะนั้น คือ ธุรกิจ AimStar

    จึงเป็นเรื่องไม่แปลกที่ DNW จะนำแผนการจ่ายผลตอบแทนของบริษัทที่ประสบความสำเร็จในขณะนั้น และใช้วิธีให้โปรแกรมเมอร์เขียนระบบลอกมาทั้งดุ้น

    เท่าที่ดูหลังบ้านไอ้โปรแกรมตัวนี้ค่าจ้างเขียนราคาไม่กี่แสนบาท แต่สาครโม้กับนักเรียนบอกว่าระบบเขียนมาหลายสิบล้านบาท บ้งแล้ว 1.

    สำหรับธุรกิจชวนคนที่เพิ่งเริ่มต้นสิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้เลยคือตัวละครที่เรียกว่า“ผู้สำเร็จ”มาเป็นตัวล่อเหยื่อถ้าไม่มีผู้สำเร็จจะไปชวนคนมาเป็นเหยื่อได้อย่างไรล่ะ

    ถูกไหม.?

    นายสาครมองว่าผู้สำเร็จในธุรกิจชวนคนนั้นต้องมีระดับสูงๆในบริษัท ก็คือระดับ Blue Diamond ซึ่งเป็นระดับตำแหน่งสูงสุดของบริษัท

    ดังนั้นเมื่อมันไม่มีก็ต้องปั้น Blue Diamond ปลอมขึ้นมา 1 คน และคนนั้นต้องเป็นคนของตัวเองเพราะควบคุมได้ง่ายกว่า

    ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการสร้างตัวละครผู้สำเร็จที่ขาดหายไปโดยใช้วิธีปั้น แซน ภรัณธรณ์ ที่เป็นเมียน้อยของตัวเอง ให้ขึ้นเป็น Blue Diamond (เทียม)

    *นั่นเท่ากับว่านายสาครเริ่มต้นธุรกิจด้วยการลวงโลกตั้งแต่ก้าวแรก**
    ----------

    ซึ่งการสร้างผู้สำเร็จไม่ใช่เรื่องยาก สำหรับคนที่นอนคุยกันบนเตียง การดีลและความลับจึงรู้กันแค่สี่คน อ.ทั้งสาม และ เมียน้อย ที่รับรู้แผนการอันโสมม

    วิธีการที่นายสาคร ใช้คือการยืมคะแนนบริษัทมาใส่ในชื่อของ แซน เมียน้อยที่เป็นคนในองค์กรของตัวเองที่ต้องการทำคุณสมบัติให้ครบตามเงื่อนไขในการขี้นตำแหน่ง

    จึงเป็นเหตุให้มีการกระทำเพื่อทำให้เป็นการขึ้นตำแหน่งสูงสุดของบริษัทในขณะนั้น โดยใช้เวลาสั้นที่สุดเรียกว่าเป็นสถิติโลกเลยคือใช้เวลาแค่.."คืนเดียว"

    หลังจากสาครปั้นตำแหน่ง Blue Diamond ให้กับเมียน้อยได้ขึ้นตำแหน่งได้แล้วนั้น แซนก็ดึงค่าคอมมิชชั่นกลับหลังจากขึ้นตำแหน่งสูงสุด โดยการไปดึงค่าคอมจากสมาชิกที่สามีลงตังลงไป (ก็ตังสามีนี่หว่าต้องดึงคืน)

    ตำแหน่งสูงสุดในบริษัท (Blue Diamond) ถูกนำมาใช้ในการโปรโมทในการชวนคนใหม่ๆ เข้าร่วมธุรกิจกับบริษัท

    หลายคนเข้ามาในช่วงแรกๆก็คิดว่า แซน ภรัณธรณ์ ดาวน์ไลน์สาวน้อยท่านนี้เก่งมาก ระดับหัวกะทิของวงการ MLM เลยใช้เวลาปีเดียวขึ้น Blue Diamond ได้

    การขยายเครือข่ายแบบแยบยลและต้มตุ๋น

    เมื่อภาพของผู้ประสบความสำเร็จ Blue Diamond ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว กระบวนการขับเคลื่อนธุรกิจ MLM แบบต้มตุ๋นจึงเริ่มขยับทำการสร้างเครือข่ายหาผู้บริโภค

    ประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงเฟื่องฟูของวิทยุชุมชนและการขายสินค้าในช่องจานดาวเทียม นาย สาคร จึงขายแนวคิดให้ทีมงานไปใช้เงินส่วนตัวของแต่ละคนไปจ้างสถานีวิทยุชุมชนและช่องทีวีจานดาวเทียมเพื่อทำการตลาด.?

    สาคร..ได้ใช้หลักการ OPM (Other People Money) ง่ายๆก็คือ กูไม่จ่ายเองหรอกค่าโฆษณา กูให้ Downline เป็นคนจ่ายทำให้ยอดขายเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่บริษัท

    จากเครือข่ายผู้บริโภคที่ควรจะเป็นกลายไปเป็นเครือข่ายสถานีวิทยุ เครือขายช่องทีวีในจานดาวเทียม และสุดท้ายเครือข่ายร้านค้า

    เหตุนี้ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว จากเช่า 1 คูหา กลายเป็นเช่า 2 คูหา จนนาย สาคร พูดว่ามียอดธุรกิจถึง 2,000 ล้านบาทเพื่อล่อเม่า (ความจริง 500 กว่าล้านบาทเศษ)

    ซึ่งความสำเร็จนั้นไม่ว่ามันจะมากน้อยเท่าไหร่ก็ตามล้วนแล้วแต่เป็นเงินในกระเป๋าของชาวบ้านทุกบาท ทุกสตางค์..ดังนั้นต้องแหก

    รอติดตามความแหกตอนที่ 2

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน

    #ปฐมบท DNW สาคร..เจ้าของสโลแกน รวยไม่รวย ดีไม่ดี DNetwork ต้นฉบับคอร์สยิงแอดออนไลน์ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปลายปี 2552 นักธุรกิจเครือข่ายท่านหนึ่ง ยอดขายก็พออยู่ได้ นามว่านาย สาคร นายสาครโดนเหตุการณ์ผลกระทบกับตัวเองคือโดนตัดรหัสจากค่ายเดิมในขณะนั้น ซึ่งสาครอ้างว่าเจ้าของเข้าใจว่าจะมีการทำสินค้าและเปิดบริษัทขายตรงเข้ามาแข่งขัน แต่ข้อมูลอีกกระแสกล่าวว่า มีปัญหาเรื่องเชิงชู้สาวในองค์กร โดยนาย สาคร จับดาวน์ไลน์สาวรุ่นในขณะนั้น ชื่อว่า แซน ภรัณธรณ์ เป็นเมียน้อย และเรื่องราวเกิดแดงขึ้นที่บริษัทฯ ทางบริษัทฯ จึงเห็นว่าเป็นความเสื่อมเสียและเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในองค์กร เพราะนักธุรกิจท่านนี้ในขณะนั้น เป็นถึงหัวหน้าทีมในการจัดฝึกอบรมคอร์สต่างๆ ให้กับบริษัทฯ ทั้งคู่เลยโดนตัดรหัสและไล่ออกจากบริษัท หลังจากนาย สาคร โดนตัดรหัสจากบริษัทเดิม ก็ได้หอบดาวน์ไลน์สาวน้อย แซน ภรัณธรณ์ ไปด้วย แซนไหนอีกวะ แอดไร้เงา.? -แซน ที่เขาเซฟธุรกิจขายตรงที่กูลงไว้โพสต์ก่อนไง ปั่ดโธ่ว์ 👉 https://www.facebook.com/share/p/xBBBPDtPqjgrmM22/?mibextid=WC7FNe ภาพในโพสต์👆เฟซบนอ่ะแซน เฟซล่างอ่ะอวตารของ สาคร ถถถ สาคร..ไปร่วมกับเพื่อนนักธุรกิจเครือข่ายที่เคยร่วมงานกันในธุรกิจเครือข่ายในอดีตอีก 2 ท่าน ชื่อว่านาย ภูมิสนอง และนาย อุทัย ทำให้ข่าวลือเรื่องชู้สาวที่เกิดขึ้นที่บริษัทเก่าดูเป็นความจริงขึ้นมาทันที สาคร..ได้ไปจัดตั้งบริษัทธุรกิจเครือข่ายของตัวเองแถวสุวินทวงศ์ โดยเริ่มจากการเช่าอาคารพาณิชย์ 1 คูหา ในการเริ่มต้นธุรกิจในขณะนั้น เมื่อต้นปี 2553 โดยตั้งชื่อบริษัทว่า DNetwork Worldwide เรียกสั้นๆว่า DNW ผลิตสินค้าออกมาชื่อว่า KOREGINS (โกเรจินส์) MLM ที่ดีต้องมีเรื่องราวความสำเร็จ ต้นเหตุของปลอมที่ทำเหมือน ต้นแบบของมี 10 พูด 100 ในช่วงเริ่มต้นของธุรกิจของ DNW ก็เหมือนกับธุรกิจเครือข่ายอื่นๆ โดยทั่วไป ทั้งสามคนสถาปณาตัวเองขึ้นเป็นอาจารย์ ทุกคนต้องเรียกว่า อ.สาคร อ.ภูมิสนอง อ.อุทัย และทั้งสามคนก็เริ่มไปรวบรวมรายชื่อเพื่อสปอนเซอร์ทีมงานจากธุรกิจเดิมก่อนหน้า และผู้มุ่งหวังใหม่ๆ เข้าสู่องค์กร โดยดึงหัวกะทิแห่งวงการเข้ามาทำงาน ซึ่งในขณะนั้นธุรกิจ MLM ที่เติบโตเป็นอย่างมากในช่วงเวลาขณะนั้น คือ ธุรกิจ AimStar จึงเป็นเรื่องไม่แปลกที่ DNW จะนำแผนการจ่ายผลตอบแทนของบริษัทที่ประสบความสำเร็จในขณะนั้น และใช้วิธีให้โปรแกรมเมอร์เขียนระบบลอกมาทั้งดุ้น เท่าที่ดูหลังบ้านไอ้โปรแกรมตัวนี้ค่าจ้างเขียนราคาไม่กี่แสนบาท แต่สาครโม้กับนักเรียนบอกว่าระบบเขียนมาหลายสิบล้านบาท บ้งแล้ว 1. สำหรับธุรกิจชวนคนที่เพิ่งเริ่มต้นสิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้เลยคือตัวละครที่เรียกว่า“ผู้สำเร็จ”มาเป็นตัวล่อเหยื่อถ้าไม่มีผู้สำเร็จจะไปชวนคนมาเป็นเหยื่อได้อย่างไรล่ะ ถูกไหม.? นายสาครมองว่าผู้สำเร็จในธุรกิจชวนคนนั้นต้องมีระดับสูงๆในบริษัท ก็คือระดับ Blue Diamond ซึ่งเป็นระดับตำแหน่งสูงสุดของบริษัท ดังนั้นเมื่อมันไม่มีก็ต้องปั้น Blue Diamond ปลอมขึ้นมา 1 คน และคนนั้นต้องเป็นคนของตัวเองเพราะควบคุมได้ง่ายกว่า ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการสร้างตัวละครผู้สำเร็จที่ขาดหายไปโดยใช้วิธีปั้น แซน ภรัณธรณ์ ที่เป็นเมียน้อยของตัวเอง ให้ขึ้นเป็น Blue Diamond (เทียม) *นั่นเท่ากับว่านายสาครเริ่มต้นธุรกิจด้วยการลวงโลกตั้งแต่ก้าวแรก** ---------- ซึ่งการสร้างผู้สำเร็จไม่ใช่เรื่องยาก สำหรับคนที่นอนคุยกันบนเตียง การดีลและความลับจึงรู้กันแค่สี่คน อ.ทั้งสาม และ เมียน้อย ที่รับรู้แผนการอันโสมม วิธีการที่นายสาคร ใช้คือการยืมคะแนนบริษัทมาใส่ในชื่อของ แซน เมียน้อยที่เป็นคนในองค์กรของตัวเองที่ต้องการทำคุณสมบัติให้ครบตามเงื่อนไขในการขี้นตำแหน่ง จึงเป็นเหตุให้มีการกระทำเพื่อทำให้เป็นการขึ้นตำแหน่งสูงสุดของบริษัทในขณะนั้น โดยใช้เวลาสั้นที่สุดเรียกว่าเป็นสถิติโลกเลยคือใช้เวลาแค่.."คืนเดียว" หลังจากสาครปั้นตำแหน่ง Blue Diamond ให้กับเมียน้อยได้ขึ้นตำแหน่งได้แล้วนั้น แซนก็ดึงค่าคอมมิชชั่นกลับหลังจากขึ้นตำแหน่งสูงสุด โดยการไปดึงค่าคอมจากสมาชิกที่สามีลงตังลงไป (ก็ตังสามีนี่หว่าต้องดึงคืน) ตำแหน่งสูงสุดในบริษัท (Blue Diamond) ถูกนำมาใช้ในการโปรโมทในการชวนคนใหม่ๆ เข้าร่วมธุรกิจกับบริษัท หลายคนเข้ามาในช่วงแรกๆก็คิดว่า แซน ภรัณธรณ์ ดาวน์ไลน์สาวน้อยท่านนี้เก่งมาก ระดับหัวกะทิของวงการ MLM เลยใช้เวลาปีเดียวขึ้น Blue Diamond ได้ การขยายเครือข่ายแบบแยบยลและต้มตุ๋น เมื่อภาพของผู้ประสบความสำเร็จ Blue Diamond ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว กระบวนการขับเคลื่อนธุรกิจ MLM แบบต้มตุ๋นจึงเริ่มขยับทำการสร้างเครือข่ายหาผู้บริโภค ประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงเฟื่องฟูของวิทยุชุมชนและการขายสินค้าในช่องจานดาวเทียม นาย สาคร จึงขายแนวคิดให้ทีมงานไปใช้เงินส่วนตัวของแต่ละคนไปจ้างสถานีวิทยุชุมชนและช่องทีวีจานดาวเทียมเพื่อทำการตลาด.? สาคร..ได้ใช้หลักการ OPM (Other People Money) ง่ายๆก็คือ กูไม่จ่ายเองหรอกค่าโฆษณา กูให้ Downline เป็นคนจ่ายทำให้ยอดขายเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่บริษัท จากเครือข่ายผู้บริโภคที่ควรจะเป็นกลายไปเป็นเครือข่ายสถานีวิทยุ เครือขายช่องทีวีในจานดาวเทียม และสุดท้ายเครือข่ายร้านค้า เหตุนี้ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว จากเช่า 1 คูหา กลายเป็นเช่า 2 คูหา จนนาย สาคร พูดว่ามียอดธุรกิจถึง 2,000 ล้านบาทเพื่อล่อเม่า (ความจริง 500 กว่าล้านบาทเศษ) ซึ่งความสำเร็จนั้นไม่ว่ามันจะมากน้อยเท่าไหร่ก็ตามล้วนแล้วแต่เป็นเงินในกระเป๋าของชาวบ้านทุกบาท ทุกสตางค์..ดังนั้นต้องแหก รอติดตามความแหกตอนที่ 2 สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น ตอนจบ

    ตอนแรก
    👉 https://www.facebook.com/share/p/dDS4EFEURbQNNsQk/?mibextid=WC7FNe

    ยุคนั้นไม่มีใครต่อกรหรือสู้ได้ทัดเทียมกับไมเคิล เขามีแผนการโปรโมทที่พัฒนาไม่เหมือนใคร ฉลาดเป็นกรด

    เน้นปิดการขายด้วยตัวเอง แค่ให้คนอื่นลากคนมาห้องเชือดก็พอ

    ปี 2007 iPhone ออกขาย ไมเคิลก็ย้ายจาก Black Berry มาปา iPhone ให้แตกแทน และการตลาดนี้ใช้ได้มาตลอด

    ประจวบกับ Herbalife มันเป็นธรรมชาติของ MLM อยู่แล้วที่รหัสจะชนกัน คือ Herbalife มันบวมแล้ว ไมเคิลก็เลยย้ายมาทำ BHip ที่เปิดตัวปี 2007 แทน

    ไมเคิล..รวยแล้วเลยแยกทางกับสาวไทยผู้ร่ำรวยมาคบกับดาราสาวคนหนึ่งจนมาถึงปี 2012 มันก็มีข่าวออกมาว่าไมเคิลเป็นนักต้มตุ๋น ออกข่าวดังเลย ดาราก็เลยบอกเลิก

    ไมเคิล..เริ่มเล่นใหญ่ขึ้น โดยเช่า Hall ที่เมืองทอง จัด Event หลอกคุณตัน โออิชืไปบรรยายจนต้องมาแก้ข่าวเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนหลอกให้มาโปรโมทแชร์ลูกโซ่

    ไมเคิล..ถึงจะมาก่อนกาลเวลา แต่วิธีการก็เหมือนเดิม บังคับล่อลวงสารพัดเพื่อให้คนไปยืมเงิน ไปขายทรัพย์ มาลงทุน เปิดบิลทีละ 40,000 บาทขั้นต่ำ

    และต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเก็บค่าสมัครสมาชิก 1,500 บาท เอาเงินมาหมุนจัด Event ดึงดารามาเป็นลมใต้ปีกล่อเหยื่อ แล้วก็เริ่ม..สร้างแม่ข่าย

    ไมเคิล..โตเร็วมากในทุกบริษัทที่มันเข้าไปทำ มียอดขายสูงสุดจนเป็น Blue Diamond และหลังๆก็ไปทำงานร่วมกับ..ฟลุ๊ค

    ไมเคิล..ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารสำคัญของ BHip ได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์นี้โดยมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของเน็ตเวิร์คอย่างเดียว

    โดยพูดสร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากลงทุนด้วยคำพูดง่ายๆว่า..ทุกคนมี ศักยภาพของตนเอง และ Motivate ด้วยการให้ความรูั

    พร้อมกับการปรับ Concept การโปรโมทมาเป็นการบอกสนับสนุนให้ผู้คนออกจาก "วงจรชีวิตการทำงาน" แบบเดิมๆ

    ไมเคิลใช้วาทะสวยหรูพูดให้ผู้คนใช้ชีวิตที่มีคุณค่าและเต็มไปด้วยเป้าหมายที่สำคัญกว่าความสำเร็จทางวัตถุ

    เพียงไม่นานไมเคิลก็รวยพันล้านแบบเงียบๆ
    ----------

    ปัจจุบัน..

    เปลี่ยนแผนการตลาดมาเป็นการฟอกขาวมากขึ้นสินค้าจะเน้นไปเรื่องสุขภาพ เน้นชวนคนมาลดน้ำหนัก จะได้เปิดคอร์สแพงๆ

    แต่..ก็ยังใช้หลักการเดิมๆของการชวนคนมาลงทุนคือ..ให้ไปกู้ยืม ให้ไปขายทรัพย์ พอได้เงินมาเปิดบิลเรียบร้อย..ก็ฉิบหายเหมือนเดิม

    BHip จะเน้นไปที่คนอยากรวย คนอยากลงทุน เน้นคนรุ่นใหม่ มีทีมงานในการ Motivate แทนด้วยแผนการตลาดอันแยบยลและซับซ้อนเหมือนเดิม

    ไมเคิล..คือตำนานของ MLM ถึงจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำคอร์สสอนออนไลน์ แต่นี่คือต้นแบบของคนที่ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น

    และไม่ค่อยมีใครรู้ว่าไมเคิลอยู่เบื้องหลังธุรกิจต้มตุ๋นอีกหลายบริษัท เนื่องจากหลังที่โดนกระหน่ำคดีปี 2012 ก็เก็บตัวทำเงียบๆ

    ปัจจุบันมีทรัพย์สินหลายพันล้านบาท จัดเป็นเศรษฐีย่อมๆคนนึง แต่เป็นต้นแบบของการทำ MLM แบบสร้างความฉิบหายให้คนอื่น

    นั่นคือภาพจำของทุกคนที่โดนไมเคิลต้มตุ๋น

    ตอนนี้ไมเคิลทำตามความฝันที่เคยประกาศเอาไว้ว่าจะซื้อเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวไว้บินไปพัทยา ผันตัวเองไปเล่น Extreme Sport มี IG ไว้โพสต์โชว์ความร่ำรวย (ก็แม่งรวยคนเดียว ถถถ )

    คนนี้เป็นตำนานจริงๆ ชื่อเสียงไม่มีใครขุดคุ้ยแล้ว เพราะเริ่มอยู่เป็นเก็บตัวเงียบๆ

    เราอยากให้ทุกคนรู้ว่าการทำ MLM ถ้าไม่เหยียบหัวคนอื่นไปเพื่อความรวย..ไม่มีวันรวย

    วันนี้..ที่เราขุดคุ้ยอดีตของไมเคิลขึ้นมาเพราะแฟนเพจขอมา แล้วเราเห็นว่ามันพอนำมาเตือนสติคนได้ จึงจัดให้ตามคำขอ

    เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว หวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าโลกแห่ง MLM มันโหดร้าย และมีแต่คนที่ฉลาดเป็นกรดเท่านั้นที่จะอยู่รอด

    มันคือธุรกิจที่มีแต่ผู้ล่ากับเหยื่อ ต้องทำให้คนอื่นฉิบหายอย่างเดียวเท่านั้น แล้วตัวเองถึงจะรวยเพราะเป็นต้นธารของบริษัท

    ถ้าใครสนใจ ลองไปสืบเรื่องราวของไมเคิลดูก็ได้ ถือว่ารู้จักเทพในตำนาน
    👉 https://www.instagram.com/themikebhip/

    คนเราผิดพลาดกันได้ แต่อย่าบ่อย #โง่ได้แต่อย่านาน

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    ไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น ตอนจบ ตอนแรก 👉 https://www.facebook.com/share/p/dDS4EFEURbQNNsQk/?mibextid=WC7FNe ยุคนั้นไม่มีใครต่อกรหรือสู้ได้ทัดเทียมกับไมเคิล เขามีแผนการโปรโมทที่พัฒนาไม่เหมือนใคร ฉลาดเป็นกรด เน้นปิดการขายด้วยตัวเอง แค่ให้คนอื่นลากคนมาห้องเชือดก็พอ ปี 2007 iPhone ออกขาย ไมเคิลก็ย้ายจาก Black Berry มาปา iPhone ให้แตกแทน และการตลาดนี้ใช้ได้มาตลอด ประจวบกับ Herbalife มันเป็นธรรมชาติของ MLM อยู่แล้วที่รหัสจะชนกัน คือ Herbalife มันบวมแล้ว ไมเคิลก็เลยย้ายมาทำ BHip ที่เปิดตัวปี 2007 แทน ไมเคิล..รวยแล้วเลยแยกทางกับสาวไทยผู้ร่ำรวยมาคบกับดาราสาวคนหนึ่งจนมาถึงปี 2012 มันก็มีข่าวออกมาว่าไมเคิลเป็นนักต้มตุ๋น ออกข่าวดังเลย ดาราก็เลยบอกเลิก ไมเคิล..เริ่มเล่นใหญ่ขึ้น โดยเช่า Hall ที่เมืองทอง จัด Event หลอกคุณตัน โออิชืไปบรรยายจนต้องมาแก้ข่าวเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนหลอกให้มาโปรโมทแชร์ลูกโซ่ ไมเคิล..ถึงจะมาก่อนกาลเวลา แต่วิธีการก็เหมือนเดิม บังคับล่อลวงสารพัดเพื่อให้คนไปยืมเงิน ไปขายทรัพย์ มาลงทุน เปิดบิลทีละ 40,000 บาทขั้นต่ำ และต่อมาก็เปลี่ยนเป็นเก็บค่าสมัครสมาชิก 1,500 บาท เอาเงินมาหมุนจัด Event ดึงดารามาเป็นลมใต้ปีกล่อเหยื่อ แล้วก็เริ่ม..สร้างแม่ข่าย ไมเคิล..โตเร็วมากในทุกบริษัทที่มันเข้าไปทำ มียอดขายสูงสุดจนเป็น Blue Diamond และหลังๆก็ไปทำงานร่วมกับ..ฟลุ๊ค ไมเคิล..ก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารสำคัญของ BHip ได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์นี้โดยมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของเน็ตเวิร์คอย่างเดียว โดยพูดสร้างแรงบันดาลใจให้คนอยากลงทุนด้วยคำพูดง่ายๆว่า..ทุกคนมี ศักยภาพของตนเอง และ Motivate ด้วยการให้ความรูั พร้อมกับการปรับ Concept การโปรโมทมาเป็นการบอกสนับสนุนให้ผู้คนออกจาก "วงจรชีวิตการทำงาน" แบบเดิมๆ ไมเคิลใช้วาทะสวยหรูพูดให้ผู้คนใช้ชีวิตที่มีคุณค่าและเต็มไปด้วยเป้าหมายที่สำคัญกว่าความสำเร็จทางวัตถุ เพียงไม่นานไมเคิลก็รวยพันล้านแบบเงียบๆ ---------- ปัจจุบัน.. เปลี่ยนแผนการตลาดมาเป็นการฟอกขาวมากขึ้นสินค้าจะเน้นไปเรื่องสุขภาพ เน้นชวนคนมาลดน้ำหนัก จะได้เปิดคอร์สแพงๆ แต่..ก็ยังใช้หลักการเดิมๆของการชวนคนมาลงทุนคือ..ให้ไปกู้ยืม ให้ไปขายทรัพย์ พอได้เงินมาเปิดบิลเรียบร้อย..ก็ฉิบหายเหมือนเดิม BHip จะเน้นไปที่คนอยากรวย คนอยากลงทุน เน้นคนรุ่นใหม่ มีทีมงานในการ Motivate แทนด้วยแผนการตลาดอันแยบยลและซับซ้อนเหมือนเดิม ไมเคิล..คือตำนานของ MLM ถึงจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำคอร์สสอนออนไลน์ แต่นี่คือต้นแบบของคนที่ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น และไม่ค่อยมีใครรู้ว่าไมเคิลอยู่เบื้องหลังธุรกิจต้มตุ๋นอีกหลายบริษัท เนื่องจากหลังที่โดนกระหน่ำคดีปี 2012 ก็เก็บตัวทำเงียบๆ ปัจจุบันมีทรัพย์สินหลายพันล้านบาท จัดเป็นเศรษฐีย่อมๆคนนึง แต่เป็นต้นแบบของการทำ MLM แบบสร้างความฉิบหายให้คนอื่น นั่นคือภาพจำของทุกคนที่โดนไมเคิลต้มตุ๋น ตอนนี้ไมเคิลทำตามความฝันที่เคยประกาศเอาไว้ว่าจะซื้อเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวไว้บินไปพัทยา ผันตัวเองไปเล่น Extreme Sport มี IG ไว้โพสต์โชว์ความร่ำรวย (ก็แม่งรวยคนเดียว ถถถ ) คนนี้เป็นตำนานจริงๆ ชื่อเสียงไม่มีใครขุดคุ้ยแล้ว เพราะเริ่มอยู่เป็นเก็บตัวเงียบๆ เราอยากให้ทุกคนรู้ว่าการทำ MLM ถ้าไม่เหยียบหัวคนอื่นไปเพื่อความรวย..ไม่มีวันรวย วันนี้..ที่เราขุดคุ้ยอดีตของไมเคิลขึ้นมาเพราะแฟนเพจขอมา แล้วเราเห็นว่ามันพอนำมาเตือนสติคนได้ จึงจัดให้ตามคำขอ เมื่ออ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว หวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าโลกแห่ง MLM มันโหดร้าย และมีแต่คนที่ฉลาดเป็นกรดเท่านั้นที่จะอยู่รอด มันคือธุรกิจที่มีแต่ผู้ล่ากับเหยื่อ ต้องทำให้คนอื่นฉิบหายอย่างเดียวเท่านั้น แล้วตัวเองถึงจะรวยเพราะเป็นต้นธารของบริษัท ถ้าใครสนใจ ลองไปสืบเรื่องราวของไมเคิลดูก็ได้ ถือว่ารู้จักเทพในตำนาน 👉 https://www.instagram.com/themikebhip/ คนเราผิดพลาดกันได้ แต่อย่าบ่อย #โง่ได้แต่อย่านาน สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น

    ท้าวความ..สมัยไมเคิลอายุได้ 16 ปี เรียนอยู่เอแบค ไมเคิลได้ไปรู้จักกับ Herbalife ในปี 2546

    ยุคนั้นคนยังไม่ค่อยรู้จัก Facebook (Facebook เปิดให้บริการครั้งแรก 2547) ยังไม่มีการยิงโฆษณา

    ไมเคิล..คือผู้มาก่อนกาลเวลาเหนือผู้ใด เรียกว่ายุคที่ยังไม่มีการขายของออนไลน์เลย Herbalife ก็คือสินค้า MLM ธรรมดา

    แต่..ไมเคิล มองออกว่าโลกออนไลน์มีพลังมากกว่าการชวนคนแบบเจอหน้าในออฟไลน์ จึงคิดแผนการตลาดขึ้นมาด้วยการที่ให้คนชวนคนบน FB.

    ต้องเข้าใจนะว่าไม่มีการยิงโฆษณาใดๆ เพราะมันเป็นยุคแรกของโลก Social แทนที่คนจะได้คุยกัน แบ่งปันเรื่องราวตามที่ Mark มันออกแบบมาต้องการให้ FB.เป็นเหมือนชุมชนเพื่อน

    แต่..ไมเคิลมันรู้ว่าสามารถเอา FB.มาเป็นร้านค้าได้ด้วยการโพสต์และแชร์ไปเรื่อยๆ ยุคนั้น Algorithm ของ FB.ยังไม่ได้ฉลาดเหมือนทุกวันนี้เลย

    ตอนนั้น FB.เพิ่งเริ่มต้นตั้งไข่ มีแต่แผนจะร่ำรวยดันตัวเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ เลยไม่ได้สนใจในการพัฒนา AI.ตรวจจับการทำ Content ซ้ำๆ

    ถ้าพูดกันถึงยุคนี้ถ้าเราโพสต์ Content ซ้ำๆ จะโดน Algorithm ของ FB.แบนทันที เหมือนที่เราเคยเห็นตอนที่คนแชร์คลิปเพลงของ Lisa แล้ว FB.แบนนั่นแหละ

    AI มันทำหน้าที่ของมัน เพราะมันคิดว่าเป็นการกระหน่ำ Spam ระบบ หรือระบบกำลังโดนโจมตี

    แต่ยุคของไมเคิลนั้นโล่งสบาย เพราะทุกคนทำอะไรก็ได้ จะสแปมยังไงก็ได้ดังนั้นมันจึงตั้ง Herbalife Thailand ขึ้นมา

    แล้วจัดสัมมนา โดยมีหลักในการ Motivate ที่ไม่เหมือนใคร ฉีกกฎทุกกฎของคนทำ MLM ในประเทศไทย

    ไมเคิล..เก่งเรื่อง NLP ล้างสมองคนได้ ไม่ต้องมีอะไร แค่บอกว่าทำกับมันแล้วรวย วิธี Sponsor ของมันสุดติ่งมาก

    ยุคนั้น..เป็นการชวนคนแบบโพสต์ออนไลน์แล้วให้สมาชิกลากคนมาฟัง นั่งรถไฟฟ้าไปที่ศูนย์อบรมของมัน แล้วมันก็เข้าปิดการขายได้แบบ Conversion กระหน่ำจุกๆเลย
    ---------

    แผนประทุษกรรมของ..ไมเคิล

    เปิดตัวด้วยความเร้าใจ เดินเข้ามาในห้องแล้วโชว์ Black Berry แล้วถามคนในห้องว่าโทรศัพท์นี้แพงไหม ทุกคนตอบว่าแพง

    จากนั้นมันก็เขวี้ยงโทรศัพท์ Black Berry ไปที่กำแพงให้แตกแล้วพูดด้วยเสียงนิ่มๆว่า "ถ้าคุณทำธุรกิจกับผม คุณจะซื้อ Black Berry อีกกี่รอบก็ได้" ถถถ🤣

    แค่นี้ก็ทำ First Impression ให้คนในห้องแม่งตะลึงได้แล้ว จากนั้นมันก็จะใช้กลยุทธการปิดการขายโดยใช้หลักการที่เรียกว่า..ทฤษฏีห้องเปล่า

    คือทุกคนย่อมไม่มีเงินลงทุน มันบอกว่าก็ลองมองไปยังของในห้องที่คุณอยู่หรือบ้านที่คุณอยู่สิ

    คุณมีอะไรขายได้เอามาลงทุนกับผมแล้วจะรวย ขายได้ ขายให้หมด เอาเงินสดมาลงทุนกับผม แล้วผมจะพาคุณรวยไปด้วยกัน.?

    ได้ผล..คนแห่ซื้อของแม่งอย่างกับลดแลกแจกแถม เพราะอยากได้ Black Berry กี่รอบก็ได้ตามที่มันแสดง Action ให้ดู ว่าคนรวย เงินแค่นี้จิ๊บๆ

    ไมเคิล..สอนให้คนทำการตลาดด้วยการแนะนำสินค้าบน FB.ด้วยการโพสต์ และแชร์ และให้ทุกคนเริ่มต้นซื้อสินค้าของมัน

    เปิดบิลขั้นต่ำ 25,000 บาท สูงๆก็หลักแสน หลังเปิดบิลแล้วก็จะได้สต็อกของเต็มห้องหลังจากเข้าสู่วังวน“ทฤษฏีห้องเปล่า”เรียบร้อยแล้ว

    เปลี่ยนจากทรัพย์ที่มีเป็นสินค้า Herbalife เพราะคุณจะรวยไปด้วยกันกับไมเคิล ยุคนั้นเป็นยุคตื่นทอง คนไม่เคยเจออะไรแบบนี้

    เลยคิดเอาเองว่า..นี่แหละวะคือทางออกของ Passive Income และนั่นคือจุดเริ่มต้นความรวยของ..ไมเคิล ชาเฟล

    ไมเคิล..มีรถ Super Car ขับหลังจากนั้นไม่นาน รวยเร็ว รวยไว อายุน้อยร้อยล้านของแท้ แต่คนอื่นฉิบหายช่างมัน

    ใครอยากรอดตายให้ชวนคนมาต่อตูดถึงจะได้ค่าหัวคิวเปิดบิล..แชร์ลูกโซ่ชัดๆ

    ไมเคิล..เริ่มรวยหลักร้อยล้าน มันก็เริ่มคิดอยากจะมีในสิ่งที่เศรษฐีทั่วไปเขามีกันบางคนอยากได้นาฬิกาแพงๆ มันมีแล้ว

    บางคนอยากได้รถหรู มันมีแล้ว บ้านหลังใหญ่ มันมีแล้ว สิ่งที่ไมเคิลฝันนั้นสุดโต่งขึ้นตามลำดับ

    ไมเคิล..ฝันอยากได้เฮลิคอปเตอร์มันบอกเพื่อนๆว่า รถมันกระจอก กูจะมีเฮลิคอปเตอร์เอาไว้บินจากกรุงเทพไปพัทยาและ..กูจะทำให้ได้

    รอติดตาม ep.2

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    ไมเคิล ชาเฟล..มหาเทพในตำนาน ผู้ร่ำรวยบนความฉิบหายของคนอื่น ท้าวความ..สมัยไมเคิลอายุได้ 16 ปี เรียนอยู่เอแบค ไมเคิลได้ไปรู้จักกับ Herbalife ในปี 2546 ยุคนั้นคนยังไม่ค่อยรู้จัก Facebook (Facebook เปิดให้บริการครั้งแรก 2547) ยังไม่มีการยิงโฆษณา ไมเคิล..คือผู้มาก่อนกาลเวลาเหนือผู้ใด เรียกว่ายุคที่ยังไม่มีการขายของออนไลน์เลย Herbalife ก็คือสินค้า MLM ธรรมดา แต่..ไมเคิล มองออกว่าโลกออนไลน์มีพลังมากกว่าการชวนคนแบบเจอหน้าในออฟไลน์ จึงคิดแผนการตลาดขึ้นมาด้วยการที่ให้คนชวนคนบน FB. ต้องเข้าใจนะว่าไม่มีการยิงโฆษณาใดๆ เพราะมันเป็นยุคแรกของโลก Social แทนที่คนจะได้คุยกัน แบ่งปันเรื่องราวตามที่ Mark มันออกแบบมาต้องการให้ FB.เป็นเหมือนชุมชนเพื่อน แต่..ไมเคิลมันรู้ว่าสามารถเอา FB.มาเป็นร้านค้าได้ด้วยการโพสต์และแชร์ไปเรื่อยๆ ยุคนั้น Algorithm ของ FB.ยังไม่ได้ฉลาดเหมือนทุกวันนี้เลย ตอนนั้น FB.เพิ่งเริ่มต้นตั้งไข่ มีแต่แผนจะร่ำรวยดันตัวเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ เลยไม่ได้สนใจในการพัฒนา AI.ตรวจจับการทำ Content ซ้ำๆ ถ้าพูดกันถึงยุคนี้ถ้าเราโพสต์ Content ซ้ำๆ จะโดน Algorithm ของ FB.แบนทันที เหมือนที่เราเคยเห็นตอนที่คนแชร์คลิปเพลงของ Lisa แล้ว FB.แบนนั่นแหละ AI มันทำหน้าที่ของมัน เพราะมันคิดว่าเป็นการกระหน่ำ Spam ระบบ หรือระบบกำลังโดนโจมตี แต่ยุคของไมเคิลนั้นโล่งสบาย เพราะทุกคนทำอะไรก็ได้ จะสแปมยังไงก็ได้ดังนั้นมันจึงตั้ง Herbalife Thailand ขึ้นมา แล้วจัดสัมมนา โดยมีหลักในการ Motivate ที่ไม่เหมือนใคร ฉีกกฎทุกกฎของคนทำ MLM ในประเทศไทย ไมเคิล..เก่งเรื่อง NLP ล้างสมองคนได้ ไม่ต้องมีอะไร แค่บอกว่าทำกับมันแล้วรวย วิธี Sponsor ของมันสุดติ่งมาก ยุคนั้น..เป็นการชวนคนแบบโพสต์ออนไลน์แล้วให้สมาชิกลากคนมาฟัง นั่งรถไฟฟ้าไปที่ศูนย์อบรมของมัน แล้วมันก็เข้าปิดการขายได้แบบ Conversion กระหน่ำจุกๆเลย --------- แผนประทุษกรรมของ..ไมเคิล เปิดตัวด้วยความเร้าใจ เดินเข้ามาในห้องแล้วโชว์ Black Berry แล้วถามคนในห้องว่าโทรศัพท์นี้แพงไหม ทุกคนตอบว่าแพง จากนั้นมันก็เขวี้ยงโทรศัพท์ Black Berry ไปที่กำแพงให้แตกแล้วพูดด้วยเสียงนิ่มๆว่า "ถ้าคุณทำธุรกิจกับผม คุณจะซื้อ Black Berry อีกกี่รอบก็ได้" ถถถ🤣 แค่นี้ก็ทำ First Impression ให้คนในห้องแม่งตะลึงได้แล้ว จากนั้นมันก็จะใช้กลยุทธการปิดการขายโดยใช้หลักการที่เรียกว่า..ทฤษฏีห้องเปล่า คือทุกคนย่อมไม่มีเงินลงทุน มันบอกว่าก็ลองมองไปยังของในห้องที่คุณอยู่หรือบ้านที่คุณอยู่สิ คุณมีอะไรขายได้เอามาลงทุนกับผมแล้วจะรวย ขายได้ ขายให้หมด เอาเงินสดมาลงทุนกับผม แล้วผมจะพาคุณรวยไปด้วยกัน.? ได้ผล..คนแห่ซื้อของแม่งอย่างกับลดแลกแจกแถม เพราะอยากได้ Black Berry กี่รอบก็ได้ตามที่มันแสดง Action ให้ดู ว่าคนรวย เงินแค่นี้จิ๊บๆ ไมเคิล..สอนให้คนทำการตลาดด้วยการแนะนำสินค้าบน FB.ด้วยการโพสต์ และแชร์ และให้ทุกคนเริ่มต้นซื้อสินค้าของมัน เปิดบิลขั้นต่ำ 25,000 บาท สูงๆก็หลักแสน หลังเปิดบิลแล้วก็จะได้สต็อกของเต็มห้องหลังจากเข้าสู่วังวน“ทฤษฏีห้องเปล่า”เรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนจากทรัพย์ที่มีเป็นสินค้า Herbalife เพราะคุณจะรวยไปด้วยกันกับไมเคิล ยุคนั้นเป็นยุคตื่นทอง คนไม่เคยเจออะไรแบบนี้ เลยคิดเอาเองว่า..นี่แหละวะคือทางออกของ Passive Income และนั่นคือจุดเริ่มต้นความรวยของ..ไมเคิล ชาเฟล ไมเคิล..มีรถ Super Car ขับหลังจากนั้นไม่นาน รวยเร็ว รวยไว อายุน้อยร้อยล้านของแท้ แต่คนอื่นฉิบหายช่างมัน ใครอยากรอดตายให้ชวนคนมาต่อตูดถึงจะได้ค่าหัวคิวเปิดบิล..แชร์ลูกโซ่ชัดๆ ไมเคิล..เริ่มรวยหลักร้อยล้าน มันก็เริ่มคิดอยากจะมีในสิ่งที่เศรษฐีทั่วไปเขามีกันบางคนอยากได้นาฬิกาแพงๆ มันมีแล้ว บางคนอยากได้รถหรู มันมีแล้ว บ้านหลังใหญ่ มันมีแล้ว สิ่งที่ไมเคิลฝันนั้นสุดโต่งขึ้นตามลำดับ ไมเคิล..ฝันอยากได้เฮลิคอปเตอร์มันบอกเพื่อนๆว่า รถมันกระจอก กูจะมีเฮลิคอปเตอร์เอาไว้บินจากกรุงเทพไปพัทยาและ..กูจะทำให้ได้ รอติดตาม ep.2 สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฐมบท..บอสพอล The Icon

    พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ

    ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์

    หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท

    ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ

    พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย

    พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก)

    จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน..

    ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ

    คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global
    👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal

    ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ

    ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง

    เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท

    แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan
    👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/

    ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้

    เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้

    จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน

    และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558
    👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/

    เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน

    เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด

    เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ

    พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse

    และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค

    เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“

    ---------

    โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย

    โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี"

    โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา

    -----------

    ลูกค้าของพอล..

    ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง

    เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง)

    โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ

    และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี

    และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี

    การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV

    นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว

    รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก

    โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า

    ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที

    พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น

    พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น

    คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง

    พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่

    เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

    แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท

    89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน)

    มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ

    เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว

    ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว

    คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย

    เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon

    และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM

    เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ

    และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
    ---------

    ยุคทองของ..บอสพอล The Icon

    เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง

    เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

    แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป

    เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้

    The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล

    ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น

    แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด

    ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto

    ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ

    หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ

    คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม

    เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน

    พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ

    และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา

    และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร

    กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย

    เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย

    กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย

    แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ
    -----------

    ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย

    จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู

    เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า

    การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“

    หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ

    จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้

    เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย

    ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก

    พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง

    เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ

    แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั

    ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป

    โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ

    หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้..

    พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน

    ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.?

    ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที

    เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย

    บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง

    พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ

    สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ..

    การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง

    ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร

    ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว

    คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว

    หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ

    เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว

    แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่

    บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

    พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

    บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้

    จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว

    อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ

    สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship

    คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป

    กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต

    มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย
    ----------

    ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้

    1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ

    2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer

    3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20%

    เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง

    พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้

    4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย

    ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด"

    ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด

    ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส.

    น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣

    เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง

    สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง

    ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100%

    ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.?

    นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก

    #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊

    ep.1
    👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน

    ปฐมบท..บอสพอล The Icon พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์ หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก) จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน.. ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global 👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan 👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/ ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้ เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้ จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558 👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/ เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“ --------- โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี" โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา ----------- ลูกค้าของพอล.. ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง) โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่ เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท 89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน) มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย --------- ยุคทองของ..บอสพอล The Icon เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้ The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ ----------- ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลในฐานแชร์ลูกโซ่ได้เลย จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยากเพราะไปผิดทางไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู เพราะเคสแบบนี้มันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”และตัวแทนไม่ใช่ผู้บริโภค สคบ.จึงไม่มีอำนาจ“ หรือเคยมีผู้บริโภคได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง #และสินค้ามีคุณภาพ ตรงจุดนี้คือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าไปถึงตัวพอลได้นั่นคือ..สินค้าไม่ตรงปรก พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้.. พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.? ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ.. การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่ บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้ จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย ---------- ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้ 1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ 2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer 3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20% เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้ 4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด" ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส. น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣 เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100% ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.? นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊ ep.1 👉 https://www.facebook.com/share/p/YgaYdxzS5FirmYa2/?mibextid=WC7FNe สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • FB Page เหยื่อ V.2 เขียนดีมาก ครบถ้วน จึงขอยกมานำเสนอแบบเต็มๆ
    ...............
    ปฐมบท..บอสพอล The Icon

    พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ

    ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์

    หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท

    ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ

    พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย

    พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก)

    จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน..

    ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ

    คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global
    👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal

    ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ

    ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง

    เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท

    แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan
    👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/

    ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้

    เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้

    จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน

    และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558
    👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/

    เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน

    เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด

    เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ

    พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse

    และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค

    เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“

    ---------

    โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย

    โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี"

    โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา

    -----------

    ลูกค้าของพอล..

    ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง

    เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง)

    โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ

    และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี

    และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี

    การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV

    นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว

    รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก

    โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า

    ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที

    พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น

    พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น

    คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง

    พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่

    เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

    แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท

    89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน)

    มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ

    เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว

    ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว

    คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย

    เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon

    และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM

    เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ

    และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย
    ---------

    ยุคทองของ..บอสพอล The Icon

    เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง

    เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว

    แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป

    เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้

    The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล

    ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น

    แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด

    ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto

    ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ

    หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ

    คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม

    เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน

    พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ

    และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา

    และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร

    กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย

    เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย

    กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย

    แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ
    -----------

    ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลได้เลย

    จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยาก ไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู

    เพราะเคสแบบนีัมันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน”

    หรือเคยมีใครได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ

    จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้

    เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง

    พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง

    เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ

    แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั

    ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป

    โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ

    หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้..

    พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน

    ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.?

    ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที

    เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย

    บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง

    พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ

    สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ..

    การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง

    ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร

    ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว

    คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว

    หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ

    เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว

    แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่

    บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ

    พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

    บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้

    จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว

    อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ

    สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship

    คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป

    กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต

    มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย
    ----------

    ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้

    1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ

    2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer

    3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20%

    เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง

    พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้

    4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย

    ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด"

    ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด

    ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส.

    น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣

    เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง

    สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง

    ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100%

    ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.?

    นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก

    #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    .
    Cr : FB เหยื่อ V.2
    FB Page เหยื่อ V.2 เขียนดีมาก ครบถ้วน จึงขอยกมานำเสนอแบบเต็มๆ ............... ปฐมบท..บอสพอล The Icon พอล..คือชื่อของเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นก็ค้าขายของที่บ้าน จนกระทั่งยุคที่ Facebook Ads เริ่มให้บริการ ตอนนั้นคนยังไม่สนใจการยิงแอด ค่าแอดในการทำโฆษณาเรียกว่าเอาคนได้ที่โหล่มาทำแอดก็ยังกำไร เพราะต้นทุนต่อค่าโฆษณาอยู่ที่คลิกละ 5 สตางค์ หรือพูดง่ายๆ จ่ายเงินให้เกิดการคลิกเข้ามา 20 ครั้ง เสียเงินแค่ 1 บาท ดังนั้นถ้าใครอยู่ในยุคตื่นแอดช่วงแรกเรียกว่ากอบโกยชนิดที่ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อที่ดิน กันได้เลยจริงๆนั่นแหละ พ.ศ. 2556 คือยุคเริ่มต้นเมื่อ Facebook ประกาศให้มีการแสดงโฆษณาได้บนประเทศไทย พอล..จึงหัดยิงแอดออนไลน์ขายสินค้าของตัวเองจนชำนาญจึงเกิดเป็นพอลผู้ทำการตลาดออนไลน์เก่งมาก (ไม่เก่งได้ไงก็ค่าโฆษณามันยังถูกมาก) จะท้าวความให้อ่าน จะได้รู้ว่าทำไมพอลถึงเก่งและหัวใสแยบยลได้อย่างที่เห็นทุกวันนี้ เราจะพาเพื่อนๆแฟนเพจ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องราวของเขากัน.. ผู้ที่ปั้นพอลให้เก่งอย่างทุกวันนี้ เขามีชื่อว่าคุณ ธเนตรการกล่าวถึงคนนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำผิดบาปอะไรนะ เขาเป็นนักการตลาด MLM ที่เก่งที่สุดในไทยระดับต้นๆ คุณ ธเนตร ได้สมัครเข้าไปทำการตลาดกับ Jeunesse Global 👉 https://www.facebook.com/JeunesseGlobal ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงทั่วๆไปเหมือนแอมเวย์ กิฟฟารีนซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่มันมีจุดหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือการตลาดยุคนั้นมีกฎห้ามนำสินค้ามาโพสต์ขายออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการตัดราคาและเลี่ยงการที่สมาชิกไม่ซื้อสินค้าผ่านบริษัทโดยตรง เรียกว่าใครโพสต์ขายหรือชวนคนออนไลน์ จะโดนตัดรหัสทิ้งทันทีเพราะเป็นการทำผิดกฏบริษัท แต่..มีนักการตลาดชาวมาเลเซียคนหนึ่ง ชื่อว่า Patric Chan 👉 https://www.facebook.com/patricchanlive/ ได้ไปดีลกับ Jeunesse ว่า จะขอพัฒนาระบบชวนคนออนไลน์ได้ไหม โดยให้เหตุผลว่า..จะสามารถทำสปอนเซอร์ข้ามประเทศได้ จะทำให้ Jeunesse มีสมาชิกทั่วโลกได้ เช่น.เราทำอยู่ที่ไทย เราอาจจะมี Down line อยู่ที่เคนย่า ลาว ไต้หวัน ได้หมด นั่นเป็นไอเดียที่ Jeunesse ตอบตกลงให้ Patric Chan ทำได้ จึงเกิดเป็นระบบชวนคนออนไลน์ ตอนนั้นแค่ชวนสมัครสมาชิกนะ การสั่งซื้อสินค้าก็ยังคงสั่งผ่านหน้าเวบไซต์ Jeunesse อยู่ดีไม่มีอะไรซับซ้อน และคุณ ธเนตร ก็ได้ไปเรียนกับ Patric Chan ตอนที่เขามาเปิดสัมมนาที่ไทยในปี 2558 👉 https://www.facebook.com/passivewealthTH/ เมื่อคุณ ธเนตร ได้เรียนรู้ระบบชวนคนออนไลน์แล้วประจวบกับการที่พอลมาสมัครเป็น Downline ของธเนตร ก็เหมือนจับเอาเสือสองตัวมาตีคู่กัน เกิดเป็นพลังต่อสู้มหาศาล คนหนึ่งเก่งเรื่องสคริปต์ชวนคน คนหนึ่งเก่งเรื่องยิงแอด ทีนี้แหละความรวยจึงบังเกิด เกิดเป็นยอดขายพันล้านของ ธเนตร เกิดยอดขายร้อยล้านของพอล จนทั้งสองคนได้ไปออกรายการต่างๆ พอลได้ไปออกรายการตีสิบ จนได้นามสกุลมาต่อท้ายชื่อว่า“พอล ตีสิบ” ใครๆก็เรียกเขาแบบนั้นระหว่างที่เขายังคงทำ Jeunesse และตลอดเวลา พอลก็ได้เรียนรู้กลยุทธการทำการตลาดแบบ MLM จากธเนตร จนแตกฉานยิ่งกว่าจบเปรียญธรรม 9 ประโยค เมื่อพอลรู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว ก็กางปีกโบยบินแยกตัวออกมาจาก ธเนตร มาตั้งบริษัท และทำแบรนด์ชื่อว่า“ The Icon“ --------- โดยช่วงแรกทำสินค้าพวกกาแฟ และ คอลลาเจน เพราะสองอย่างนี้พอลศึกษาแล้วว่าจะทำการตลาดชวนคนได้ง่าย เพราะเป็นสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย โดยพอลได้วางระบบชวนคนไว้โดยให้ผลตอบแทนเป็นการ "เที่ยวฟรี" และทำโปรโมชั่นเปิดบิลสมัครสมาชิก "เที่ยวฟรี" โดยจัดการเที่ยวเน้นไปที่ทะเล พัทยา เพราะดีลค่าโรงแรมได้ถูก พอลฉลาดโดยไม่ได้ดีลโรงแรมห้าดาวอะไร เน้นโรงแรม 3 ดาวก็พอแล้ว โดยมีการจองห้องประชุมไว้ทำสัมมนา ----------- ลูกค้าของพอล.. ช่วงแรกเขามุ่งเน้นไปที่คนอยากเที่ยวและอยากมีเพื่อนฝูงไปด้วย นั่นก็คือ คนที่เกษียณแล้ว หรือคนแก่นั่นเอง เค้ารู้ดีว่ากลุ่มเป้าหมายนี้แหละจะผลักดันให้บริษัทเขาอยู่รอดได้ในช่วงแรก ด้วยการจัดทัวร์เที่ยวกินฟรี (ค่าเดินทางออกเอง) โดยการเปิดบิลซื้อสินค้า ช่วงแรกจะมีระดับไม่เยอะ จะมีแบบเปิดคนเดียว เที่ยวคนเดียว และเปิดมากหน่อย ชวนเพื่อนมาเที่ยวได้ฟรี 1 คน 2 คน 3 คน ไล่ไปเรื่อยๆ และด้วยหลักการนี้เอง คนแก่จึงตอบรับข้อเสนอของเขาง่าย เพราะนอกจากจะได้สินค้ามากินและใช้แล้วก็ยังได้เที่ยวฟรี และคนแก่ส่วนมากมักจะไม่อยากไปเที่ยวคนเดียว จึงเปิดบิลที่ชวนเพื่อนได้ 2 คนขึ้นไป และก็เป็นการชวนเพื่อนมาเที่ยวฟรี การเที่ยวก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ก็คือชวนเพื่อนไปเที่ยวทะเล หลังกินอาหารเช้าแล้ว วันถัดมาก็จะเป็น Event กลางคืน ได้พบกับคนดังที่ออก TV นั่นคือบอสพอล ตีสิบ โดยพอลจะมาหลังจากทุกคนถึงแล้ว 1 วันเสมอ เพื่อมาปรากฎตัวบนเวที แล้วก็จะขอบคุณสมาชิกทุกคนที่มาเที่ยว รวมไปถึงชักชวนให้คนที่มาเที่ยวกับเพื่อน สมัครสมาชิกเพื่อซื้อสินค้าและสามารถชวนเพื่อนในทริปหน้ากันได้อีก โดยคนชวนก็ไม่ใช่ใคร ก็ใช้เพื่อนชวนเพื่อนมันก็ง่ายสิ่คนแก่ขี้เหงายังไงก็ดีกว่ารอลูกหลานพาเที่ยว ฉันไปเที่ยวกับเพื่อนสนุกกว่า ทำให้การเปิดบิลซ้ำ การเปิดบิลใหม่ จึงเกิดขึ้นตามแผนการตลาดอันแยบยลของพอลและด้วยวิธีนี้ทำให้ปีแรก บริษัทของพอลมีกำไรเติบโตทันที พอล..เริ่มซื้อรถ Super Car ก่อนเลยเพื่อเริ่มเข้าสู่“โหมดความรวย”เพื่อวางแผนกระเถิ่บไปหาลูกค้าที่มีความฝัน..อยากรวยตามแบบคนอื่น พอล..เปลี่ยนการตลาดจากคนแก่ มาเจาะคนที่อยากเกษียณก่อนกำหนด คือ เป้าหมายพวกอายุ 35 ขึ้นไปที่ฝันอยากมีรถหรู กระเป๋าแบรนด์เนม..เหมือนคนอื่น คนเรามีความฝันนั้นดี “แต่ต้องไม่ลืมนึกถึงความจริง”ที่ว่า บางครั้งความฝันมันก็เป็นได้แค่ความฝัน..ที่ไม่มีวันเป็นความจริง พอล..ใช้คอร์สสอนออนไลน์สอนการทำตลาดขายของซึ่งยุคนั้นค่าโฆษณายังไม่แพง แต่ก็เริ่มขยับจากระดับ 10 สตางค์ มาเป็นคลิกละ 50 สตางค์แล้ว แต่มันก็ยังได้ผลอยู่ เพราะจ่ายค่าโฆษณาไป 1,000 บาท ก็สามารถชวนคนได้ถึง 2000 คลิก ตีไปว่าสนใจ 1% ก็ยังมีคนทักมา 20 คน คอร์สก็เป็นการเตรียม Material ต่างๆเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แค่ทุกคนแบกโน้ตบุ๊กของตัวเองมาก็สามารถตั้งโฆษณาได้เลย ทุกคนจะตั้งโฆษณาขายสินค้าและชวนคนเข้าทีม ซึ่งตั้งไว้ที่ 89 บาท 89 บาท นั่นคือค่าเฉลี่ยที่พอลคำนวณแล้วว่าใช้เทคนิค OPM (Other People Money) แบบนี้ตัวเองก็ไม่ต้องยิงแอดเองแล้ว (จากเดิมตอนชวนคนแก่ต้องยิงแอดเอง และสอนทีมงาน) มาคราวนี้พอลได้พัฒนา ระบบการสอน เริ่มมีการตั้งแม่ทีมเพื่อศึกษาวิธีการสอนให้เป็นครู โดยทุกคนก็เอา 89 บาทค่าเรียน ใส่เข้าไปในโฆษณานั่นแหละ เท่ากับพอลก็จะได้ Facebook Ads Account มหาศาลโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสียเวลาสมัครและไม่ต้องกลัวโดนแบนโฆษณาเพราะถึงโดนก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองต้องเหนื่อยลงไปควบคุมเองแล้ว ด้วยแผนการตลาดแบบใหม่ ทำให้พอลเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายพุ่งไปหลายร้อยล้านทันที เพราะมีการวางเกมเรื่องเปิดบิลไว้แล้ว อย่างที่เห็นในข่าว คนมาอย่างน้อยก็ต้องเสียค่าสมัคร member หลัก 2-5 พัน และถ้าแม่ทีมเก่งก็จะต้อนให้ไปเปิดบิลดีลเลอร์ได้เลย 250,000 เพื่อให้เที่ยวฟรีได้เกือบ 10 ครั้ง แถมยังได้โควต้าชวนคนมาเที่ยวด้วย เรียกว่าอัดโปรโมชั่นกันแบบจุกๆ เพื่อทำให้คนได้เห็นว่ามาเรียนที่นี่นอกจากจะขายได้แล้ว ยังได้เที่ยวด้วย ทำให้เกิดกระแสบูมไปที่ The Icon และด้วยการที่พอลศึกษาข้อกฏหมายกับทนายส่วนตัวมาเป็นอย่างดี รวมถึงได้ความรู้จากอาจารย์ตัวเองมา เขาจึงเลี่ยงวลี..ไม่ได้ทำ MLM เพราะรู้ว่าถ้าชวนทำ MLM คนจะไม่มา เขาจึงเรียกระบบของบริษัทตัวเองว่าระบบตัวแทน เพื่อให้คนไม่รู้สึกต่อต้านกับสิ่งที่เขาทำ และพอลได้ขออนุญาตการทำการตลาด ที่เรียกว่าตลาดขายตรง ไว้แล้ว บริษัทจึงสามารถดำเนินการได้ โดยไม่มีความผิด และด้วยเทคนิคนี้ทำให้พอล ก้าวเข้าสู่ยอดขายหลายร้อยล้านได้อย่างง่ายดาย --------- ยุคทองของ..บอสพอล The Icon เมื่อโควิดหมดไปประเทศเปิด คนก็เริ่มหางานทำ นั่นจึงเกิดเป็นยอดขาย 4,949,496,994 มีกำไรสุทธิ 813 ล้านบาทเศษ ในปี 2564 นั่นเอง เพราะคนแห่มาทำออนไลน์กันเนื่องจากยังคงกลัวโควิดอยู่แต่ก็ต้องทำมาหากินแล้ว ทีนี้ก็แบกตัวเองมาเรียนเพราะอยากมีอาชีพมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แต่..พอมาเรียนแล้วได้เจอกับนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ เจอคนขับรถสปอร์ต ใส่แบรนด์เนม ความคิดที่อยากจะมีอาชีพที่มีแค่รายได้มาจุนเจือครอบครัวมันเปลี่ยนไป เริ่มมีความฝัน อยากสำเร็จ อยากรวย เพราะเห็นจากภาพความสำเร็จของระบบที่พอลได้ออกแบบเอาไว้ The Icon บูมสุดๆก่อให้เกิดกระแสหลั่งไหลเข้ามาเรียนมากขึ้น ชวนกันมากขึ้น เปิดบิลกันมากขึ้น เที่ยวกันให้สะใจ ทีมงานบอสพอลโพสต์ภาพการกินเที่ยวเต็มโซเชียล ภาพถ่ายเหล่านั้นมันดูเหมือนเป็นอนาคตที่สดใสสำหรับทุกคนจริงๆ ดึงดูดคนให้เข้าเรียนเพิ่มขึ้น แต่พอคนมาเยอะ มันก็ตรงกับหลัก Supply/Demand เมื่อคนขายมากกว่าคนซื้อและทุกคนแห่กันไปโฆษณาบน Facebook ความฉิบหายจึงบังเกิด ค่าโฆษณาพุ่งกระฉูดเพราะทุกคนก็ต้องการ Placement บน Platform ไม่ว่าจะจุดไหนก็จะ Bid ราคากันแบบ Auto ทีนี้ AI ของ Facebook ก็ลากราคาต่อคลิกไปสูงถึง 10 บาท ทีนี้เริ่มไม่มีกำไรละ หลายคนเริ่มเจ๊ง หลายคนสต็อกเริ่มล้น..สินค้าติดมือ หลายคนเริ่มสู้กับค่าโฆษณาไม่ไหว เพราะยิงแอดไปซ้ำกับคนเดิม ระบบชวนคนทุกบริษัทมันมีข้อเสียตรงนี้แหละคือทำไปสักพักจะมีรหัสซ้ำ คำว่ารหัสซ้ำ แปลง่ายๆก็คือทักไปหาคนที่เป็นสมาชิกของ The Icon อยู่แล้ว ดังนั้นการชวนคนจึงไม่ง่ายเหมือนเดิม เริ่มเจอหน้าซ้ำ เริ่มเจอคนระดับรากหญ้า เป็นแม่ค้าผักบ้างล่ะ เป็น รปภ.บ้างล่ะ ทำให้ยอดขายปีถัดมาตกลงเหลือ 3 พันกว่าล้าน พอล..ต้องการต่ออายุธุรกิจของตัวเองให้เดินหน้าต่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าจึงเริ่มหา #ลมใต้ปีก มาช่วยพยุงธุรกิจ และรู้ๆกันอยู่ว่าลมใต้ปีกชั้นดีก็คือ..ดารา และดาราคนแรกๆเลยก็คือ กันต์ ซึ่งแรกๆกันต์ไม่ได้เข้ามาในฐานะพรีเซ็นเตอร์อีกตางหาก ลองไปสืบค้นกันเอาเองว่าตอนแรกเข้ามาในฐานะอะไร กันต์ เข้ามาก่อนแต่มายืนถือสินค้าชิ้นแรกหลังพวกดาราคนอื่น เพราะเพื่อส่งเสริมให้บริษัทมันดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พอลจึงแต่งตั้งกันต์ให้เป็น CMO ซะเลย เพราะจะได้การันตีว่าบริษัทฉันน่ะมันสะอาดโปร่งใสนะฉันไม่โกงหรอก เห็นไหมว่า..พิธีกรระดับประเทศยังมาทำงานร่วมกับฉันเลย กันต์ และดาราอีกขโยงหนึ่งทำให้ใครๆก็เชื่อมั่นใน The Icon ชวนเปิดบิลหลักแสนก็ใจอ่อนไม่ต้องหวั่นไหวเพราะมีดาราการันตรี มีดาราพารวย แน่นอนว่าช่วงนี้ค่าโฆษณาแพงแล้วนะ แต่มีดารามาการันตี แล้วกำไรมีไหม ก็มีระดับปริ่มๆ แต่บางคนก็เริ่มเจ๊งตั้งแต่เริ่มทำ ----------- ดังที่กล่าวมาข้างบน👆จะเห็นได้ว่าไม่มีเหลี่ยมไหนที่จะตั้งข้อกล่าวหาให้เอาผิดพอลในชั้นศาลได้เลย จะตั้งข้อกล่าวหาพอลยังยาก ไอ้ที่เย้วๆตั้งธงว่าแชร์ลูกโซ่นี่พอลยิ้มอ่อนเอามือลูบปากคิดในใจ..เสร็จกู เพราะเคสแบบนีัมันต้องเริ่มที่ สคบ.ก่อนเลย แต่ด้วยเหตุผลของกฎหมาย สคบ.ก็จะตีความว่า การขายสินค้าของพอล..“ไม่ได้ขายต่อไปยังมือผู้บริโภคโดยตรง แต่จำหน่ายไปที่ตัวแทน” หรือเคยมีใครได้รับสินค้าจากมือบอสพอลโดยตรงบ้างไหมล่ะ.? ถ้าไม่มีก็ตรงตามที่ สคบ.ตีความเอาไว้นั่นแหละ จึงทำให้ทุกคนที่เคยร้องเรียนไปยัง สคบ.ได้รับคำตอบกลับมาเหมือนกันหมดคือ สคบ.ทำอะไรไม่ได้ เพราะพอลได้ศึกษาข้อกฏหมายเอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ยกเว้นการการันตีว่าแอดต้องปัง พอล..เริ่มปรับแผนการตลาด ตั้งสำนักงานใหม่ที่รามอินทรา มีรถหรูจอดที่ด้านหน้าเพื่อให้คนมาถ่ายกับรถแล้วก็ไปโพสต์และยิงโฆษณาแทนตนเอง เริ่มให้คนสร้างภาพว่าทำแล้วรวย แทนที่จะกลายเป็นเที่ยว ไม่เอาแล้วล่ะ กูเน้นทำแล้วรวย แล้วก็คงคอนเซ็ปต์ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย อยากรวยต้องมาทำกับกูนี่มา ถถถ แต่เมื่อคนเริ่มตื่นรู้ ค่าโฆษณาแพง การจะชวนไปต่อในระดับลึกๆทำได้ยาก หลายคนจึงยอมเจ็บแค่นี้แล้วถอยออกมาหาเงินทางอื่นมาใช้หนีั ทำให้ปีถัดมา ยอดขายตกเหลือ พันแปดร้อยล้าน หายไปเกือบ 40% ทีนี้บอสพอลก็คงทำได้แค่ยื้อเวลาของธุรกิจตัวเองต่อไป โดยการจ้างดารามามากขึ้น ผลิตสินค้าออกมามากขึ้น เพื่อให้การเปิดบิลมัน rotate ไปยังสินค้า SKU ใหม่ๆ หลังจากนั้นจึงเป็นความวิบัติที่แท้.. พอล..ไม่ได้ควบคุมทิศทางบริษัทตัวเองให้ดี รู้ทั้งรู้แต่ยังปล่อยให้ทำ ก็คือแม่ทีม เริ่มกลายร่างสถาปนาตัวเองเป็นโค้ช เก่งระดับประเทศกันทุกคน ทุกคนขับรถสปอร์ตกันหมดเลย แล้วรถของใครล่ะ.? ก็รถของบอสพอลแทบทุกคันเลยแหละ การตลาดมันจึงกลายเป็นการหลอกลวงผู้คนด้วยโพรไฟล์จอมปลอมทันที เพราะรถก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่มาโม้ว่าเป็นของตัวเองเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าทำธุรกิจร่วมกับ The Icon แล้วรวย บอสพอลก็ทราบดีเลยนะว่าทำแบบนี้มันคือการหลอกลวง แต่พอลก็รู้ว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะเกิดอะไรขึ้นคนที่จะรับกรรมก็แม่ทีมไง ไม่ใช่ตัวเอง พอล..ก็หลับตาข้างเดียวปล่อยให้แม่ทีมทำไปตามอำเภอใจ จนมาถึงปัจจุบันที่ทุกคนโหวกเหวกโวยวายนั่นแหละ สิ่งที่ควรตระหนักคิด ตื่นให้รู้เอาไว้เลยคือ.. การยิงแอดขายของออนไลน์มันตายไป 3 ปีแล้วคือหลังปี 2564 ไม่มีใครยิงแอดในระบบตัวแทนไม่ว่าบริษัทใหนแล้วอยู่รอดสักราย นี่คือความจริง ไม่ได้พูดถึงแค่ The Icon นะ เราขอพูดถึงทุกๆบริษัท ทุกๆสินค้าเลย เหตุผลก็คือค่าโฆษณามันแพงกว่า Margin ของกำไร ดังนั้นคนที่จะอยู่ได้คือ“เจ้าของสินค้าเท่านั้น” ผลิตเอง ยิงเอง โปรโมทเอง ถึงจะอยู่รอด ระบบตัวแทน ระบบออนไลน์มันตายไปตั้งแต่ปี 2564 แล้ว คนมันถึงหนีตายไปยิงแอด shopee , lazada กันไงล่ะ เพราะ Facebook มันอยู่ไม่ได้แล้ว แล้วปีนี้ 2567 shopee , lazada ก็เริ่มจะอยู่ไม่ได้แล้ว หลายคนจึงไปยิง Tiktok แล้วอีกไม่นานพวกคุณก็จะอยู่ไม่ได้อีกนั่นแหละเพราะมันจะลูปเดิม เหมือนกับ Platform อื่นๆ เพราะค่าโฆษณาบน Platform เมื่อแพงแล้วมันจะไม่มีวันลดลง นี่คือกฎแห่งการตลาดง่ายๆ คุณลองไปท่อง Supply/Demand ก็จบแล้ว แต่บอสพอลมันพยายามยืดชีวิตด้วยการ rotate บอสจำแลงที่จ้างดาราไปเรื่อยๆ เพื่อให้ FC ทุกระดับทุกวัยยังคงกรี๊ดกับธุรกิจของบอสอยู่ บอสพอล ถึงไปเลือกพี่โดมยุค 90 มาหาลูกค้าระดับแก่ เลือกมีน มาหาลูกค้าระดับ 30+ ทุกคนก็มีภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ พี่แซมก็เช่นกัน เป็นถึงดารานักการเมืองยังลงมาทำธุรกิจนี้เลย ความน่าเชื่อถือแบบนี้พอลซื้อและยื้อมันไปเรื่อยๆตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท the icon ใช้วิธีไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นทริปท่องเที่ยวแทน แล้วถ้าใครไม่อยากไปเที่ยว สามารถขายสิทธิ์ไปเที่ยว แลกเป็นเงินกลับไปได้ จึงเลี่ยงการจ่ายค่าคอมไปได้เยอะ เพราะไปฟันกำไรตอนจัดทริปทัวร์ปุ๊บปั๊บอีก เรียกว่าไปปารีสแต่ได้นั่งรถโฉบหอไอเฟล หรือได้พักตากอากาศที่โรงแรมสามสี่ดาว อย่างน้อยก็ได้เที่ยวโว๊ยยยยยยย ส่วนสินค้าขายไม่ออกแกะแดกแม่งให้หมด อส. ถถถ สินค้าที่บอกว่าสต็อกไว้ในโกดัง 100% น่ะ เวลาพวกคุณไปเบิกจริงๆ จะเบิกไม่ได้ 100% นะ เพราะมันจะเป็น Dropship คือต้องขายได้ บริษัทถึงจะส่งให้ ไม่เน้นให้เบิกกลับไปเก็บที่บ้าน เพราะเปิดบิลดีลเลอร์ต้องรอรอบผลิตของ 2 เดือนเป็นต้นไป กว่าจะได้ของครบต้องรอไปเรื่อยๆจนกว่าของจะเข้า ธุรกิจนี้ไ่ม่มีใครโง่ผลิตของมากองไว้ให้หมดอายุหรอก ได้ออเดอร์ค่อยสั่งผลิต มันเลยมีช่องว่างให้บอสพอลเอาเงินไปหมุนได้ ได้ข่าวแว่วๆว่าบอสพอลเอาเงินไปลงเทรดด้วย กำไรอู้ฟู่ รวยคนเดียวอีกตามเคย ---------- ดังนั้นบทสรุปของธุรกิจ The Icon เราจะขอบอกให้ชื่นใจดังนี้ 1. พอลคนเดียวที่รวยและรอด เพราะว่าพอลส่งภาษีเที่ยงตรง 100% เป็นลูกรักสรรพากรเลยแหละ นั่นเพราะพอลเรียนรู้จากคุณ ธเนตร ว่าเรื่องนี้ห้่ามพลาด สรรพากรไม่ใช่เพื่อนเล่นมึงนะพอลนะ 2. คอร์สขายออนไลน์เรียนราคาถูก ไม่มีอยู่จริง เพราะสุดท้ายพวกคุณจะโดน up sale จะไปเรียนคอร์สระดับ Advance ต้องเป็น Member จะร่ำรวยเงินล้านต้องทุ่ม Dealer 3. โฆษณาของทุกคนปังหมด เพราะมันมีแม่ทีมที่มี Facebook Account อวตารคอยไปคอมเมนต์สั่งซื้อ แต่มีการซื้อจริงไม่ถีง 20% เพราะตอนการันตี การันตีว่าแอดจะปัง แต่คุณปิดการขายไม่ได้เพราะคุณสนทนาขายให้กับแอคผี มันจะไปมียอดซื้อได้ไง พอคุณปิดไม่ได้ทีนี้ความซวยก็เกิดที่ตัวคุณเอง พวก Downline ทั้งหลายก็รับกรรมไป หลายคนโดนหลอกว่าจะทำทั้งทีต้องทำแบบ 7-11 เปิดแม่งหลายสาขาเลย ลงเป็นล้านไรงี้ 4. ไม่อยากตุยอย่าเข้าไปทำ หนีได้หนีไป หนีให้สุดชีวิต เพราะมันคือยุคบรรลัยของธุรกิจ The I con ที่ตัวพอลเองเห็นอยู่แท้ๆว่ามันบรรลัย ที่ยังหลับหูหลับตาปล่อยให้มันเป็นดั่งระเบิดเวลาที่มันใกล้จะระเบิดแล้ว ก็เพราะความมั่นใจอย่างเดียวเลยที่พอลคิดในใจก็คือ "กูจะไม่โดนคดีอะไรเลย กูขาวสะอาด" ทีนี้พวกคุณเข้าใจหรือยังว่าการจะไปด่าพอลมันก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะมันดูใสสะอาด ขาวจั๊วะเลยแหละยิ่งกว่าบรีส จะเห็นแต่แม่ทีมนั่นแหละที่เป็นคนผิด ดังนั้นบทจบของละครเรื่องนี้ก็จะไปลงกับแม่ทีมทั้งหลายที่ออกมาเซฟบอสพอลกันให้ลึ่ม ถ้าเรารู้จักจะถามว่า..มึงเซฟตัวเองก่อนไหม มึงไปเซฟ Downline มึงโน่น🤣 อส. น้ำกำลังจะท่วมถีงหลังคาบริษัทแล้ว แม่ทีมกำลังอลหม่าน แต่บอสพอลแม่งนอนดูละครคุณธรรมชิลล์ๆ🤣 เพราะพอลนั้นได้ต่อเรือโนอาร์เตรียมรับสถานการณ์รอไว้ตั้งแต่วันที่ก่อตั้งบริษัทแล้ว ใสสะอาดจนกฏหมายยากที่จะเอื้อมถึง สุดท้าย..พอลกับวงศ์วานคนสนิทเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเรือโนอาร์รอดตุยจากการถูกน้ำท่วม รอให้น้ำลดก็กลับมาในฐานะคนที่กฏหมายเอื้อมไม่ถีง ว่างๆจะเขียนลงลึกให้อ่านว่าทำไมกฏหมายถีงจะเอื้อมไปไม่ถึงบอสพอล เดี๋ยวคอยดูดาราที่เคยไปร่วมวงต่างก็จะออกมายืนยันว่าบริษัทถูกกฏหมาย 100% ซึ่งมันก็เป็นความจริงนะ แต่มันเป็นความจริงตามที่กฏหมายตราเอาไว้ว่าทำแบบพอลนั้นไม่ผิด แต่ทางธรรมพอลจะผิดในผิดซ้อนผิดเจตนาทำผิด..ไม่งงนะ.? นี่แค่บริษัทแรกนะ ยังมีต่อคิวอีก 4 บริษัท ที่อ่านเรื่องราวแล้วพวกคุณจะอึ้งและมันส์ยิ่งกว่าซีรีย์ เสียอีก #พี่ติ่งกระบือบิน ก็อย่าขึ้นทัวร์มาเซฟบอสพอลที่นี่นะครับนะ ผมนี่เขียนช่วยยืนยันเลยนะว่าบอสพอลจะรอดคุก..โอเค๊ สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน . Cr : FB เหยื่อ V.2
    Like
    12
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 846 มุมมอง 1 รีวิว
  • ดารามีแต่ได้ เจ้าของบริษัทมีแต่รวย คนซวยคือชาวบ้านกว่า 15 ล้านคน

    กรณีศึกษาความเลวของการใช้คอร์สการตลาดออนไลน์กับกลลวงที่มองไม่เห็น ซึ่งปรากฏบทความที่น่าสนใจเป็นวิทยาทานจากโซเชียลออนไลน์ เนื้อหาระบุว่า

    “ถ้าจะเริ่มเล่นเรื่องที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่ได้มีแค่บริษัทเดียวที่ใช้หลักการเดียวกัน

    แต่ยังมีรายใหญ่ๆอีก 5 บริษัท เพียงแต่มีบริษัทหนึ่งที่ใช้บริการ“ลมใต้ปีก”คนที่เป็นดารามากที่สุด

    1 ใน 5 บริษัท มีเพียง 1 บริษัทที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ไม่ได้ทำแบบ MLM แต่ใช้วิธีทำแบบเปิดตัวแทน เหมือนธุรกิจตัวแทนทั่วๆไป ส่วนอีก 4 บริษัทนั้นทำแบบ MLM

    เพราะการทำ MLM จะต้องซื้อ license ต่อจากบริษัทคนอื่นมา ซึ่ง สคบ.จะอนุมัติยาก แต่ทั้ง 5 บริษัทนั้นก็ทำหลักการเดียวกัน

    คือ..ยิงแอด-สอนทำการตลาดออนไลน์ ราคาค่าเรียน 98 , 99 , 199 บาท

    #คิดค่าเรียนให้ถูกๆ เพื่อล่อคนให้หลงคิดเอาเองว่า “ทดลองสมัครเรียนดูก็ไม่เสียหายนี่นา เงินแค่นี้เอง“

    เมื่อเราไปสมัครเรียนแล้วบทเรียนแรกที่จะได้รับคำสอนมาคือให้เราตั้งโฆษณาชวนคน โดยให้เราไปถ่ายภาพถือสินค้าแล้วยิ้มอ่อน (คนที่ชวนเราว่ายังไงก็ทำตามเขาเพราะเราทำไม่เป็นนี่)

    แล้วมาตั้งแอดชวนคนเพื่อขายของ เท่ากับงบการตลาดถูกดึงจากบัตรเครดิต/เดบิต ของผู้เรียนเอง ใช้ FB Ads Account ของผู้เรียน

    การทำให้ด้วยเทคนิคนี้ บริษัทสามารถขึ้นแอดได้ ด้วยจำนวน Account มหาศาล แต่ไม่ได้ใช้เงินบริษัทเลย

    เมื่อมีคนทักมา เราจะไม่มีสินค้า ต้นสายคนชวนจะเอาสินค้ามาขายให้เรา 1 ชิ้น เพราะเราต้องมีสินค้าไปคุยกับคนที่ทักมาไง

    ซึ่งคนที่ทักมาหาเราเนี่ย ก็จะมีทั้งลูกค้าจริงๆและ”อวตารเสมือนจริง“ของบริษัททักมาหาเรา ซึ่งเราก็จะคิดเอาเองว่าสินค้ามันขายได้ มันขายง่าย

    บางรายจะโดนล่อให้เปิด member เลย เพราะบริษัทจะตั้งเรตค่าคอมให้เลยที่ 2,500 - 5,000 ถ้าใครมีเงินเยอะก็จะเปิดดีลเลอร์เลย 250,0000 บาท

    ทุกรายที่มาขายสินค้าจะไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องจดทะเบียนกับ สคบ. เป็นธุรกิจตลาดขายตรง #อันนี้มันจึงเป็นความผิดข้อแรก

    การเปิด 250,000 บาทมันจะได้ refund 50% เท่ากับเปิดราคานี้เราจะต้องมีกำไร 50% ที่ยังไม่รวมค่าแอด

    เช่น.สินค้าราคา 2,500 บาท เราเปิดดีลเลอร์แล้วจะได้สินค้ามา 100 ชิ้น ราคารวม 250,000 บาทแล้วบริษัทจะต้องจ่ายคืนเปนค่าคอมให้เรา 50% = 125,000 บาท

    ราคาที่เราต้องจ่ายจริงมันควรจะอยู่ที่ 125,000 บาทแต่บริษัทมันให้เราจ่าย 250,000 บาท งงกันไหม.?

    จะอธิบายให้พอเข้าใจแบบคร่าวๆก่อนนะ พวกคุณจะได้รู้ว่าทำไมเจ้าของรวยเวอร์แต่คนอื่นไม่มีใครรวยแถมเป็นหนี้

    สมมติว่า..

    สินค้าราคา 2000 บาท เวลาเราเข้าไปซื้อ จะโดนผลัก vat 7% มาให้ในราคาซื้อเต็ม เท่ากับโดนแล้ว 140 บาทที่เราต้องจ่ายค่า vat

    หลังจากนั้น บริษัทจะต้องจ่ายคืนให้ 50% ก็คือจะจ่าย 1,000 บาท แต่ทีนี้ บริษัทก็จะหักภาษีอีก 3% เป็นค่าภาษีที่บริษัทต้องส่ง

    สรุปได้เงินจริง 970 บาท ตอนที่คืนมา แล้วตัวเองยังถูกไปคำนวณภาษีรายได้อีก เพราะถือเป็นรายได้เข้ามา

    กลายเป็นไปซื้อของเขา มีรายได้ 50% ผลักภาษีกลับเข้าตัวโดนหัก 7% โดน 3% จากค่าคอมครึ่งนึง = 1.5%

    7+1.5+50%(ค่าของ) margin หน้าตักโดนไปแล้ว 58.5% ยังไม่รวมค่ายิงแอดที่ต้องเสียเอง สมมติเสีย 20% ของสินค้า เท่ากับ 78.5% แล้วกำไรเหลือ 12.5%

    แล้วก็ไปตายตรงที่ต้องเสียภาษีค่าคอมมิชชั่น และ ภาษีที่ได้จากการขายของราคาเต็ม 2,000 คือโดนสองต่อแบบจุกๆ

    นี่ยังไม่รวมตอนที่ไปขายของ ถ้าขายในนาม บริษัทก็ต้องขายในราคา 2,000 บาท จะไปบวก vat 7% ก็ไม่ได้ แปลว่าผลัก vat 7% เข้าตัวเองอีก

    ของที่เอามาขายก็แนวเดิมๆ คอลลาเจน กาแฟ ของทั่วๆไป ที่ต้นทุนราคาถูกๆ

    เกมนี้มันเป็นเกมที่ลูกข่ายไม่มีวันรวย ไม่มีวันชนะ มีแต่ความหวังว่าจะรวย และตอนนี้ยิงแอด โดนบวก 7% อีกนะ

    แล้วก็อีกกลยยุทธของบริษัทคือขอการันตรีว่า..“สินค้าต้องขายดีต้องมีคนทัก”

    แต่ความจริงคือบริษัทเขาได้เตรียมหน้าม้า Facebook Account ปลอมไว้แล้ว นักเรียนส่งการบ้านเป็นแอดที่ทำ เขาจะส่งหน้าม้าไปคอมเมนต์ สนใจค่ะ สนใจครับ

    แต่ทักไปแล้วเงียบเป็นป่าช้า

    ทีนี้บริษัทเขาก็จะรอดตัวจากการสอนยิงแอดเพราะว่ามันดูปังไง เพราะมีหน้าม้าทักเยอะ แต่ตัวแทนปิดการขายไม่ได้เอง บริษัทจึงไม่ต้องรับผิดชอบตรงนี้

    นั่นคือ 1 ในหลายๆเหตุผลที่คนนั่งจมกับสินค้า เพราะมันเป็นกลลวงแบบครบวงจร ดิ้นหนีตายได้ทางเดียวคือ "หาเหยื่อคนใหม่" มารับสินค้าจากตัวเองไป

    หาได้ 100 คนถึงจะรอดจากหนี้ 250,000 บาท ไม่มีใครรวยหรอก เพราะเสีย vat 7% 2 รอบ Margin 14% เข้าไปแล้ว มันเป็นกลลวงที่คนส่วนหนึ่งมองไม่เห็น

    เจ้าของบริษัทสบาย เป็นเสือนอนกิน ต้นทุนขายสินค้าก็ไม่มี มีแค่งบสร้างแบรนด์ซึ่งตัวเองได้กำไรคนเดียว

    และตัวเองก็ไม่ต้องทำอะไรปล่อยให้ระบบทำงาน เอาเงินที่ได้มาจากเหยื่อจ่ายภาษีให้ถูกต้อง ทำตัวบริษัทให้ใสสะอาดจนกฏหมายเอื้อมมาไม่ถึง

    ถ้าถามว่าบริษัทได้กำไรปีละเท่าไหร่..บริษัทนี้จ่ายภาษีปีละ 200 กว่าล้านบาท กำไรปีละเท่าไหร่คงคิดเองได้นะ เพราะต้นทุนสินค้า 5%

    และที่มันน่าเศร้าจริงๆคือ เงินกำไรรวมกับเงินที่เสียภาษี มันเป็นเงินของชาวบ้าน ทุกบาท ทุกสตางค์

    เกมนี้จะมีคนถูกฟ้องกันไม่น้อย เพราะจะเอาผิดเจ้าของบริษัทไม่ง่าย เพราะฉลาดสุดๆทำชีวิตตัวเองได้ใสสะอาดสัสๆ ทั้งๆที่โคตรสกปรก

    แล้วคนที่ไปเป็นพยาน คนที่ไปร้องที่นั่นที่นี่ เท่าที่เห็นในข่าว ไม่มีคนที่รู้ข้อมูลเชิงลึกของบริษัทแบบจริงๆแม้แต่คนเดียว

    แค่ลองถามผู้กล้าที่ออกมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเองเหล่านั้นว่า มีใครรู้จักตัวการร่วมของบริษัทสักคนไหม ขอเดาว่าไม่มีใครรู้จักผู้ร่วมขบวนการหรอก

    เพราะทุกคนที่เป็นเหยื่อจะนึกถึงแต่หน้าดารากับเจ้าของบริษัทแล้วก็สมัครเข้าร่วมเลย ดังนั้นก็จะเล่นได้แค่แม่ข่ายในข้อหา..ไม่มีใบอนุญาต

    จากการตรวจสอบ ณ ปัจจุบันนี้ ณ นาทีนี้มีคนตกเป็นเหยื่อกลลวงที่มองไม่เห็นแบบนี้มีมากกว่า 15 ล้านคน

    ดารามีแต่ได้ เจ้าของบริษัทมีแต่รวย คนซวยคือชาวบ้านกว่า 15 ล้านคน

    และถ้ามีผู้กล้าออกมาเล่นเรื่องนี้แบบสุดซอย จะช่วยผู้คนให้ตื่นรู้ได้อย่างน้อยๆ 5 ล้านคน ดังนั้นเราขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนเลยที่ออกมาเล่นเรื่องนี้
    ---------

    เอาจริงๆตอนแรกเขียนระบุชื่อบุคคล ชื่อบริษัททั้ง 5 เขียนอธิบายเจาะลึกเอาไว้ละเอียดยิบตามสไตล์เพจเรา

    เรื่องนี้แหล่งข่าวเราเก็บข้อมูลมา 10 กว่าปีแล้ว และเราแอบมั่นใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้ลึกเท่าแหล่งข่าวเราก็แล้วกันล่ะ

    แต่เราตัดรายละเอียดออกไป เพราะเบื่อมากๆที่จะรบกับพวก #ติ่งกระบือบิน ทึ่พ่ะโง่ชนิดวัวตุยทุยล้มเลย อส.🤣 ปล่อยให้มันเป็นเหยื่อต่อไปสักพัก

    ไอ้ฉิบหาย 😆 แล้วยังไม่ต้องมาดิ้นนะ เพราะยังไม่ได้เอ่ยชื่อบริษัท ถถถ

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน”
    ภาพจากออนไลน์

    #Thaitimes
    ดารามีแต่ได้ เจ้าของบริษัทมีแต่รวย คนซวยคือชาวบ้านกว่า 15 ล้านคน กรณีศึกษาความเลวของการใช้คอร์สการตลาดออนไลน์กับกลลวงที่มองไม่เห็น ซึ่งปรากฏบทความที่น่าสนใจเป็นวิทยาทานจากโซเชียลออนไลน์ เนื้อหาระบุว่า “ถ้าจะเริ่มเล่นเรื่องที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่ได้มีแค่บริษัทเดียวที่ใช้หลักการเดียวกัน แต่ยังมีรายใหญ่ๆอีก 5 บริษัท เพียงแต่มีบริษัทหนึ่งที่ใช้บริการ“ลมใต้ปีก”คนที่เป็นดารามากที่สุด 1 ใน 5 บริษัท มีเพียง 1 บริษัทที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ไม่ได้ทำแบบ MLM แต่ใช้วิธีทำแบบเปิดตัวแทน เหมือนธุรกิจตัวแทนทั่วๆไป ส่วนอีก 4 บริษัทนั้นทำแบบ MLM เพราะการทำ MLM จะต้องซื้อ license ต่อจากบริษัทคนอื่นมา ซึ่ง สคบ.จะอนุมัติยาก แต่ทั้ง 5 บริษัทนั้นก็ทำหลักการเดียวกัน คือ..ยิงแอด-สอนทำการตลาดออนไลน์ ราคาค่าเรียน 98 , 99 , 199 บาท #คิดค่าเรียนให้ถูกๆ เพื่อล่อคนให้หลงคิดเอาเองว่า “ทดลองสมัครเรียนดูก็ไม่เสียหายนี่นา เงินแค่นี้เอง“ เมื่อเราไปสมัครเรียนแล้วบทเรียนแรกที่จะได้รับคำสอนมาคือให้เราตั้งโฆษณาชวนคน โดยให้เราไปถ่ายภาพถือสินค้าแล้วยิ้มอ่อน (คนที่ชวนเราว่ายังไงก็ทำตามเขาเพราะเราทำไม่เป็นนี่) แล้วมาตั้งแอดชวนคนเพื่อขายของ เท่ากับงบการตลาดถูกดึงจากบัตรเครดิต/เดบิต ของผู้เรียนเอง ใช้ FB Ads Account ของผู้เรียน การทำให้ด้วยเทคนิคนี้ บริษัทสามารถขึ้นแอดได้ ด้วยจำนวน Account มหาศาล แต่ไม่ได้ใช้เงินบริษัทเลย เมื่อมีคนทักมา เราจะไม่มีสินค้า ต้นสายคนชวนจะเอาสินค้ามาขายให้เรา 1 ชิ้น เพราะเราต้องมีสินค้าไปคุยกับคนที่ทักมาไง ซึ่งคนที่ทักมาหาเราเนี่ย ก็จะมีทั้งลูกค้าจริงๆและ”อวตารเสมือนจริง“ของบริษัททักมาหาเรา ซึ่งเราก็จะคิดเอาเองว่าสินค้ามันขายได้ มันขายง่าย บางรายจะโดนล่อให้เปิด member เลย เพราะบริษัทจะตั้งเรตค่าคอมให้เลยที่ 2,500 - 5,000 ถ้าใครมีเงินเยอะก็จะเปิดดีลเลอร์เลย 250,0000 บาท ทุกรายที่มาขายสินค้าจะไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องจดทะเบียนกับ สคบ. เป็นธุรกิจตลาดขายตรง #อันนี้มันจึงเป็นความผิดข้อแรก การเปิด 250,000 บาทมันจะได้ refund 50% เท่ากับเปิดราคานี้เราจะต้องมีกำไร 50% ที่ยังไม่รวมค่าแอด เช่น.สินค้าราคา 2,500 บาท เราเปิดดีลเลอร์แล้วจะได้สินค้ามา 100 ชิ้น ราคารวม 250,000 บาทแล้วบริษัทจะต้องจ่ายคืนเปนค่าคอมให้เรา 50% = 125,000 บาท ราคาที่เราต้องจ่ายจริงมันควรจะอยู่ที่ 125,000 บาทแต่บริษัทมันให้เราจ่าย 250,000 บาท งงกันไหม.? จะอธิบายให้พอเข้าใจแบบคร่าวๆก่อนนะ พวกคุณจะได้รู้ว่าทำไมเจ้าของรวยเวอร์แต่คนอื่นไม่มีใครรวยแถมเป็นหนี้ สมมติว่า.. สินค้าราคา 2000 บาท เวลาเราเข้าไปซื้อ จะโดนผลัก vat 7% มาให้ในราคาซื้อเต็ม เท่ากับโดนแล้ว 140 บาทที่เราต้องจ่ายค่า vat หลังจากนั้น บริษัทจะต้องจ่ายคืนให้ 50% ก็คือจะจ่าย 1,000 บาท แต่ทีนี้ บริษัทก็จะหักภาษีอีก 3% เป็นค่าภาษีที่บริษัทต้องส่ง สรุปได้เงินจริง 970 บาท ตอนที่คืนมา แล้วตัวเองยังถูกไปคำนวณภาษีรายได้อีก เพราะถือเป็นรายได้เข้ามา กลายเป็นไปซื้อของเขา มีรายได้ 50% ผลักภาษีกลับเข้าตัวโดนหัก 7% โดน 3% จากค่าคอมครึ่งนึง = 1.5% 7+1.5+50%(ค่าของ) margin หน้าตักโดนไปแล้ว 58.5% ยังไม่รวมค่ายิงแอดที่ต้องเสียเอง สมมติเสีย 20% ของสินค้า เท่ากับ 78.5% แล้วกำไรเหลือ 12.5% แล้วก็ไปตายตรงที่ต้องเสียภาษีค่าคอมมิชชั่น และ ภาษีที่ได้จากการขายของราคาเต็ม 2,000 คือโดนสองต่อแบบจุกๆ นี่ยังไม่รวมตอนที่ไปขายของ ถ้าขายในนาม บริษัทก็ต้องขายในราคา 2,000 บาท จะไปบวก vat 7% ก็ไม่ได้ แปลว่าผลัก vat 7% เข้าตัวเองอีก ของที่เอามาขายก็แนวเดิมๆ คอลลาเจน กาแฟ ของทั่วๆไป ที่ต้นทุนราคาถูกๆ เกมนี้มันเป็นเกมที่ลูกข่ายไม่มีวันรวย ไม่มีวันชนะ มีแต่ความหวังว่าจะรวย และตอนนี้ยิงแอด โดนบวก 7% อีกนะ แล้วก็อีกกลยยุทธของบริษัทคือขอการันตรีว่า..“สินค้าต้องขายดีต้องมีคนทัก” แต่ความจริงคือบริษัทเขาได้เตรียมหน้าม้า Facebook Account ปลอมไว้แล้ว นักเรียนส่งการบ้านเป็นแอดที่ทำ เขาจะส่งหน้าม้าไปคอมเมนต์ สนใจค่ะ สนใจครับ แต่ทักไปแล้วเงียบเป็นป่าช้า ทีนี้บริษัทเขาก็จะรอดตัวจากการสอนยิงแอดเพราะว่ามันดูปังไง เพราะมีหน้าม้าทักเยอะ แต่ตัวแทนปิดการขายไม่ได้เอง บริษัทจึงไม่ต้องรับผิดชอบตรงนี้ นั่นคือ 1 ในหลายๆเหตุผลที่คนนั่งจมกับสินค้า เพราะมันเป็นกลลวงแบบครบวงจร ดิ้นหนีตายได้ทางเดียวคือ "หาเหยื่อคนใหม่" มารับสินค้าจากตัวเองไป หาได้ 100 คนถึงจะรอดจากหนี้ 250,000 บาท ไม่มีใครรวยหรอก เพราะเสีย vat 7% 2 รอบ Margin 14% เข้าไปแล้ว มันเป็นกลลวงที่คนส่วนหนึ่งมองไม่เห็น เจ้าของบริษัทสบาย เป็นเสือนอนกิน ต้นทุนขายสินค้าก็ไม่มี มีแค่งบสร้างแบรนด์ซึ่งตัวเองได้กำไรคนเดียว และตัวเองก็ไม่ต้องทำอะไรปล่อยให้ระบบทำงาน เอาเงินที่ได้มาจากเหยื่อจ่ายภาษีให้ถูกต้อง ทำตัวบริษัทให้ใสสะอาดจนกฏหมายเอื้อมมาไม่ถึง ถ้าถามว่าบริษัทได้กำไรปีละเท่าไหร่..บริษัทนี้จ่ายภาษีปีละ 200 กว่าล้านบาท กำไรปีละเท่าไหร่คงคิดเองได้นะ เพราะต้นทุนสินค้า 5% และที่มันน่าเศร้าจริงๆคือ เงินกำไรรวมกับเงินที่เสียภาษี มันเป็นเงินของชาวบ้าน ทุกบาท ทุกสตางค์ เกมนี้จะมีคนถูกฟ้องกันไม่น้อย เพราะจะเอาผิดเจ้าของบริษัทไม่ง่าย เพราะฉลาดสุดๆทำชีวิตตัวเองได้ใสสะอาดสัสๆ ทั้งๆที่โคตรสกปรก แล้วคนที่ไปเป็นพยาน คนที่ไปร้องที่นั่นที่นี่ เท่าที่เห็นในข่าว ไม่มีคนที่รู้ข้อมูลเชิงลึกของบริษัทแบบจริงๆแม้แต่คนเดียว แค่ลองถามผู้กล้าที่ออกมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเองเหล่านั้นว่า มีใครรู้จักตัวการร่วมของบริษัทสักคนไหม ขอเดาว่าไม่มีใครรู้จักผู้ร่วมขบวนการหรอก เพราะทุกคนที่เป็นเหยื่อจะนึกถึงแต่หน้าดารากับเจ้าของบริษัทแล้วก็สมัครเข้าร่วมเลย ดังนั้นก็จะเล่นได้แค่แม่ข่ายในข้อหา..ไม่มีใบอนุญาต จากการตรวจสอบ ณ ปัจจุบันนี้ ณ นาทีนี้มีคนตกเป็นเหยื่อกลลวงที่มองไม่เห็นแบบนี้มีมากกว่า 15 ล้านคน ดารามีแต่ได้ เจ้าของบริษัทมีแต่รวย คนซวยคือชาวบ้านกว่า 15 ล้านคน และถ้ามีผู้กล้าออกมาเล่นเรื่องนี้แบบสุดซอย จะช่วยผู้คนให้ตื่นรู้ได้อย่างน้อยๆ 5 ล้านคน ดังนั้นเราขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนเลยที่ออกมาเล่นเรื่องนี้ --------- เอาจริงๆตอนแรกเขียนระบุชื่อบุคคล ชื่อบริษัททั้ง 5 เขียนอธิบายเจาะลึกเอาไว้ละเอียดยิบตามสไตล์เพจเรา เรื่องนี้แหล่งข่าวเราเก็บข้อมูลมา 10 กว่าปีแล้ว และเราแอบมั่นใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้ลึกเท่าแหล่งข่าวเราก็แล้วกันล่ะ แต่เราตัดรายละเอียดออกไป เพราะเบื่อมากๆที่จะรบกับพวก #ติ่งกระบือบิน ทึ่พ่ะโง่ชนิดวัวตุยทุยล้มเลย อส.🤣 ปล่อยให้มันเป็นเหยื่อต่อไปสักพัก ไอ้ฉิบหาย 😆 แล้วยังไม่ต้องมาดิ้นนะ เพราะยังไม่ได้เอ่ยชื่อบริษัท ถถถ สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน” ภาพจากออนไลน์ #Thaitimes
    Like
    Love
    Sad
    6
    1 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 658 มุมมอง 0 รีวิว
  • คอร์สการตลาดออนไลน์...กลลวงที่มองไม่เห็น

    ถ้าจะเริ่มเล่นเรื่องที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่ได้มีแค่บริษัทเดียวที่ใช้หลักการเดียวกัน

    แต่ยังมีรายใหญ่ๆอีก 5 บริษัท เพียงแต่มีบริษัทหนึ่งที่ใช้บริการ“ลมใต้ปีก”คนที่เป็นดารามากที่สุด

    1 ใน 5 บริษัท มีเพียง 1 บริษัทที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ไม่ได้ทำแบบ MLM แต่ใช้วิธีทำแบบเปิดตัวแทน เหมือนธุรกิจตัวแทนทั่วๆไป ส่วนอีก 4 บริษัทนั้นทำแบบ MLM

    เพราะการทำ MLM จะต้องซื้อ license ต่อจากบริษัทคนอื่นมา ซึ่ง สคบ.จะอนุมัติยาก แต่ทั้ง 5 บริษัทนั้นก็ทำหลักการเดียวกัน

    คือ..ยิงแอด-สอนทำการตลาดออนไลน์ ราคาค่าเรียน 98 , 99 , 199 บาท

    #คิดค่าเรียนให้ถูกๆ เพื่อล่อคนให้หลงคิดเอาเองว่า “ทดลองสมัครเรียนดูก็ไม่เสียหายนี่นา เงินแค่นี้เอง“

    เมื่อเราไปสมัครเรียนแล้วบทเรียนแรกที่จะได้รับคำสอนมาคือให้เราตั้งโฆษณาชวนคน โดยให้เราไปถ่ายภาพถือสินค้าแล้วยิ้มอ่อน (คนที่ชวนเราว่ายังไงก็ทำตามเขาเพราะเราทำไม่เป็นนี่)

    แล้วมาตั้งแอดชวนคนเพื่อขายของ เท่ากับงบการตลาดถูกดึงจากบัตรเครดิต/เดบิต ของผู้เรียนเอง ใช้ FB Ads Account ของผู้เรียน

    การทำให้ด้วยเทคนี้ บริษัทสามารถขึ้นแอดได้ ด้วยจำนวน Account มหาศาล แต่ไม่ได้ใช้เงินบริษัทเลย

    เมื่อมีคนทักมา เราจะไม่มีสินค้า ต้นสายคนชวนจะเอาสินค้ามาขายให้เรา 1 ชิ้น เพราะเราต้องมีสินค้าไปคุยกับคนที่ทักมาไง

    ซึ่งคนที่ทักมาหาเราเนี่ย ก็จะมีทั้งลูกค้าจริงๆและ”อวตารเสมือนจริง“ของบริษัททักมาหาเรา ซึ่งเราก็จะคิดเอาเองว่าสินค้ามันขายได้ มันขายง่าย

    บางรายจะโดนล่อให้เปิด member เลย เพราะบริษัทจะตั้งเรตค่าคอมให้เลยที่ 2,500 - 5,000 ถ้าใครมีเงินเยอะก็จะเปิดดีลเลอร์เลย 250,0000 บาท

    ทุกรายที่มาขายสินค้าจะไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องจดทะเบียนกับ สคบ. เป็นธุรกิจตลาดขายตรง #อันนี้มันจึงเป็นความผิดข้อแรก

    การเปิด 250,000 บาทมันจะได้ refund 50% เท่ากับเปิดราคานี้เราจะต้องมีกำไร 50% ที่ยังไม่รวมค่าแอด

    เช่น.สินค้าราคา 2,500 บาท เราเปิดดีลเลอร์แล้วจะได้สินค้ามา 100 ชิ้น ราคารวม 250,000 บาทแล้วบริษัทจะต้องจ่ายคืนเปนค่าคอมให้เรา 50% = 125,000 บาท

    ราคาที่เราต้องจ่ายจริงมันควรจะอยู่ที่ 125,000 บาทแต่บริษัทมันให้เราจ่าย 250,000 บาท งงกันไหม.?

    จะอธิบายให้พอเข้าใจแบบคร่าวๆก่อนนะ พวกคุณจะได้รู้ว่าทำไมเจ้าของรวยเวอร์แต่คนอื่นไม่มีใครรวยแถมเป็นหนี้

    สมมติว่า..

    สินค้าราคา 2000 บาท เวลาเราเข้าไปซื้อ จะโดนผลัก vat 7% มาให้ในราคาซื้อเต็ม เท่ากับโดนแล้ว 140 บาทที่เราต้องจ่ายค่า vat

    หลังจากนั้น บริษัทจะต้องจ่ายคืนให้ 50% ก็คือจะจ่าย 1,000 บาท แต่ทีนี้ บริษัทก็จะหักภาษีอีก 3% เป็นค่าภาษีที่บริษัทต้องส่ง

    สรุปได้เงินจริง 970 บาท ตอนที่คืนมา แล้วตัวเองยังถูกไปคำนวณภาษีรายได้อีก เพราะถือเป็นรายได้เข้ามา

    กลายเป็นไปซื้อของเขา มีรายได้ 50% ผลักภาษีกลับเข้าตัวโดนหัก 7% โดน 3% จากค่าคอมครึ่งนึง = 1.5%

    7+1.5+50%(ค่าของ) margin หน้าตักโดนไปแล้ว 58.5% ยังไม่รวมค่ายิงแอดที่ต้องเสียเอง สมมติเสีย 20% ของสินค้า เท่ากับ 78.5% แล้วกำไรเหลือ 12.5%

    แล้วก็ไปตายตรงที่ต้องเสียภาษีค่าคอมมิชชั่น และ ภาษีที่ได้จากการขายของราคาเต็ม 2,000 คือโดนสองต่อแบบจุกๆ

    นี่ยังไม่รวมตอนที่ไปขายของ ถ้าขายในนาม บริษัทก็ต้องขายในราคา 2,000 บาท จะไปบวก vat 7% ก็ไม่ได้ แปลว่าผลัก vat 7% เข้าตัวเองอีก

    ของที่เอามาขายก็แนวเดิมๆ คอลลาเจน กาแฟ ของทั่วๆไป ที่ต้นทุนราคาถูกๆ

    เกมนี้มันเป็นเกมที่ลูกข่ายไม่มีวันรวย ไม่มีวันชนะ มีแต่ความหวังว่าจะรวย และตอนนี้ยิงแอด โดนบวก 7% อีกนะ เพราะต้นทุนสินค้า 5%

    แล้วก็อีกกลยยุทธของบริษัทคือขอการันตรีว่า..“สินค้าต้องขายดีต้องมีคนทัก”

    แต่ความจริงคือบริษัทเขาได้เตรียมหน้าม้า Facebook Account ปลอมไว้แล้ว นักเรียนส่งการบ้านเป็นแอดที่ทำ เขาจะส่งหน้าม้าไปคอมเมนต์ สนใจค่ะ สนใจครับ

    แต่ทักไปแล้วเงียบเป็นป่าช้า

    ทีนี้บริษัทเขาก็จะรอดตัวจากการสอนยิงแอดเพราะว่ามันดูปังไง เพราะมีหน้าม้าทักเยอะ แต่ตัวแทนปิดการขายไม่ได้เอง บริษัทจึงไม่ต้องรับผิดชอบตรงนี้

    นั่นคือ 1 ในหลายๆเหตุผลที่คนนั่งจมกับสินค้า เพราะมันเป็นกลลวงแบบครบวงจร ดิ้นหนีตายได้ทางเดียวคือ "หาเหยื่อคนใหม่" มารับสินค้าจากตัวเองไป

    หาได้ 100 คนถึงจะรอดจากหนี้ 250,000 บาท ไม่มีใครรวยหรอก เพราะเสีย vat 7% 2 รอบ Margin 14% เข้าไปแล้ว มันเป็นกลลวงที่คนส่วนหนึ่งมองไม่เห็น

    เจ้าของบริษัทสบาย เป็นเสือนอนกิน ต้นทุนขายสินค้าก็ไม่มี มีแค่งบสร้างแบรนด์ซึ่งตัวเองได้กำไรคนเดียว

    และตัวเองก็ไม่ต้องทำอะไรปล่อยให้ระบบทำงาน เอาเงินที่ได้มาจากเหยื่อจ่ายภาษีให้ถูกต้อง ทำตัวบริษัทให้ใสสะอาดจนกฏหมายเอื้อมมาไม่ถึง

    ถ้าถามว่าบริษัทได้กำไรปีละเท่าไหร่..บริษัทนี้จ่ายภาษีปีละ 200 กว่าล้านบาท กำไรปีละเท่าไหร่คงคิดเองได้นะ เพราะต้นทุนสินค้า 5%

    และที่มันน่าเศร้าจริงๆคือ เงินกำไรรวมกับเงินที่เสียภาษี มันเป็นเงินของชาวบ้าน ทุกบาท ทุกสตางค์

    เกมนี้จะมีคนถูกฟ้องกันไม่น้อย เพราะจะเอาผิดเจ้าของบริษัทไม่ง่าย เพราะฉลาดสุดๆทำชีวิตตัวเองได้ใสสะอาดสัสๆ ทั้งๆที่โคตรสกปรก

    แล้วคนที่ไปเป็นพยาน คนที่ไปร้องที่นั่นที่นี่ เท่าที่เห็นในข่าว ไม่มีคนที่รู้ข้อมูลเชิงลึกของบริษัทแบบจริงๆแม้แต่คนเดียว

    แค่ลองถามผู้กล้าที่ออกมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเองเหล่านั้นว่า มีใครรู้จักตัวการร่วมของบริษัทสักคนไหม ขอเดาว่าไม่มีใครรู้จักผู้ร่วมขบวนการหรอก

    เพราะทุกคนที่เป็นเหยื่อจะนึกถึงแต่หน้าดารากับเจ้าของบริษัทแล้วก็สมัครเข้าร่วมเลย ดังนั้นก็จะเล่นได้แค่แม่ข่ายในข้อหา..ไม่มีใบอนุญาต

    จากการตรวจสอบ ณ ปัจจุบันนี้ ณ นาทีนี้มีคนตกเป็นเหยื่อกลลวงที่มองไม่เห็นแบบนี้มีมากกว่า 15 ล้านคน

    ดารามีแต่ได้ เจ้าของบริษัทมีแต่รวย คนซวยคือชาวบ้านกว่า 15 ล้านคน

    และถ้ามีผู้กล้าออกมาเล่นเรื่องนี้แบบสุดซอย จะช่วยผู้คนให้ตื่นรู้ได้อย่างน้อยๆ 5 ล้านคน ดังนั้นเราขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนเลยที่ออกมาเล่นเรื่องนี้
    ---------

    เอาจริงๆตอนแรกเขียนระบุชื่อบุคคล ชื่อบริษัททั้ง 5 เขียนอธิบายเจาะลึกเอาไว้ละเอียดยิบตามสไตล์เพจเรา

    เรื่องนี้แหล่งข่าวเราเก็บข้อมูลมา 10 กว่าปีแล้ว และเราแอบมั่นใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้ลึกเท่าแหล่งข่าวเราก็แล้วกันล่ะ

    แต่เราตัดรายละเอียดออกไป เพราะเบื่อมากๆที่จะรบกับพวก #ติ่งกระบือบิน ทึ่พ่ะโง่ชนิดวัวตุยทุยล้มเลย อส.🤣 ปล่อยให้มันเป็นเหยื่อต่อไปสักพัก

    ไอ้ฉิบหาย 😆 แล้วยังไม่ต้องมาดิ้นนะ เพราะยังไม่ได้เอ่ยชื่อบริษัท ถถถ

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    คอร์สการตลาดออนไลน์...กลลวงที่มองไม่เห็น ถ้าจะเริ่มเล่นเรื่องที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ เราต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่ได้มีแค่บริษัทเดียวที่ใช้หลักการเดียวกัน แต่ยังมีรายใหญ่ๆอีก 5 บริษัท เพียงแต่มีบริษัทหนึ่งที่ใช้บริการ“ลมใต้ปีก”คนที่เป็นดารามากที่สุด 1 ใน 5 บริษัท มีเพียง 1 บริษัทที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ไม่ได้ทำแบบ MLM แต่ใช้วิธีทำแบบเปิดตัวแทน เหมือนธุรกิจตัวแทนทั่วๆไป ส่วนอีก 4 บริษัทนั้นทำแบบ MLM เพราะการทำ MLM จะต้องซื้อ license ต่อจากบริษัทคนอื่นมา ซึ่ง สคบ.จะอนุมัติยาก แต่ทั้ง 5 บริษัทนั้นก็ทำหลักการเดียวกัน คือ..ยิงแอด-สอนทำการตลาดออนไลน์ ราคาค่าเรียน 98 , 99 , 199 บาท #คิดค่าเรียนให้ถูกๆ เพื่อล่อคนให้หลงคิดเอาเองว่า “ทดลองสมัครเรียนดูก็ไม่เสียหายนี่นา เงินแค่นี้เอง“ เมื่อเราไปสมัครเรียนแล้วบทเรียนแรกที่จะได้รับคำสอนมาคือให้เราตั้งโฆษณาชวนคน โดยให้เราไปถ่ายภาพถือสินค้าแล้วยิ้มอ่อน (คนที่ชวนเราว่ายังไงก็ทำตามเขาเพราะเราทำไม่เป็นนี่) แล้วมาตั้งแอดชวนคนเพื่อขายของ เท่ากับงบการตลาดถูกดึงจากบัตรเครดิต/เดบิต ของผู้เรียนเอง ใช้ FB Ads Account ของผู้เรียน การทำให้ด้วยเทคนี้ บริษัทสามารถขึ้นแอดได้ ด้วยจำนวน Account มหาศาล แต่ไม่ได้ใช้เงินบริษัทเลย เมื่อมีคนทักมา เราจะไม่มีสินค้า ต้นสายคนชวนจะเอาสินค้ามาขายให้เรา 1 ชิ้น เพราะเราต้องมีสินค้าไปคุยกับคนที่ทักมาไง ซึ่งคนที่ทักมาหาเราเนี่ย ก็จะมีทั้งลูกค้าจริงๆและ”อวตารเสมือนจริง“ของบริษัททักมาหาเรา ซึ่งเราก็จะคิดเอาเองว่าสินค้ามันขายได้ มันขายง่าย บางรายจะโดนล่อให้เปิด member เลย เพราะบริษัทจะตั้งเรตค่าคอมให้เลยที่ 2,500 - 5,000 ถ้าใครมีเงินเยอะก็จะเปิดดีลเลอร์เลย 250,0000 บาท ทุกรายที่มาขายสินค้าจะไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องจดทะเบียนกับ สคบ. เป็นธุรกิจตลาดขายตรง #อันนี้มันจึงเป็นความผิดข้อแรก การเปิด 250,000 บาทมันจะได้ refund 50% เท่ากับเปิดราคานี้เราจะต้องมีกำไร 50% ที่ยังไม่รวมค่าแอด เช่น.สินค้าราคา 2,500 บาท เราเปิดดีลเลอร์แล้วจะได้สินค้ามา 100 ชิ้น ราคารวม 250,000 บาทแล้วบริษัทจะต้องจ่ายคืนเปนค่าคอมให้เรา 50% = 125,000 บาท ราคาที่เราต้องจ่ายจริงมันควรจะอยู่ที่ 125,000 บาทแต่บริษัทมันให้เราจ่าย 250,000 บาท งงกันไหม.? จะอธิบายให้พอเข้าใจแบบคร่าวๆก่อนนะ พวกคุณจะได้รู้ว่าทำไมเจ้าของรวยเวอร์แต่คนอื่นไม่มีใครรวยแถมเป็นหนี้ สมมติว่า.. สินค้าราคา 2000 บาท เวลาเราเข้าไปซื้อ จะโดนผลัก vat 7% มาให้ในราคาซื้อเต็ม เท่ากับโดนแล้ว 140 บาทที่เราต้องจ่ายค่า vat หลังจากนั้น บริษัทจะต้องจ่ายคืนให้ 50% ก็คือจะจ่าย 1,000 บาท แต่ทีนี้ บริษัทก็จะหักภาษีอีก 3% เป็นค่าภาษีที่บริษัทต้องส่ง สรุปได้เงินจริง 970 บาท ตอนที่คืนมา แล้วตัวเองยังถูกไปคำนวณภาษีรายได้อีก เพราะถือเป็นรายได้เข้ามา กลายเป็นไปซื้อของเขา มีรายได้ 50% ผลักภาษีกลับเข้าตัวโดนหัก 7% โดน 3% จากค่าคอมครึ่งนึง = 1.5% 7+1.5+50%(ค่าของ) margin หน้าตักโดนไปแล้ว 58.5% ยังไม่รวมค่ายิงแอดที่ต้องเสียเอง สมมติเสีย 20% ของสินค้า เท่ากับ 78.5% แล้วกำไรเหลือ 12.5% แล้วก็ไปตายตรงที่ต้องเสียภาษีค่าคอมมิชชั่น และ ภาษีที่ได้จากการขายของราคาเต็ม 2,000 คือโดนสองต่อแบบจุกๆ นี่ยังไม่รวมตอนที่ไปขายของ ถ้าขายในนาม บริษัทก็ต้องขายในราคา 2,000 บาท จะไปบวก vat 7% ก็ไม่ได้ แปลว่าผลัก vat 7% เข้าตัวเองอีก ของที่เอามาขายก็แนวเดิมๆ คอลลาเจน กาแฟ ของทั่วๆไป ที่ต้นทุนราคาถูกๆ เกมนี้มันเป็นเกมที่ลูกข่ายไม่มีวันรวย ไม่มีวันชนะ มีแต่ความหวังว่าจะรวย และตอนนี้ยิงแอด โดนบวก 7% อีกนะ เพราะต้นทุนสินค้า 5% แล้วก็อีกกลยยุทธของบริษัทคือขอการันตรีว่า..“สินค้าต้องขายดีต้องมีคนทัก” แต่ความจริงคือบริษัทเขาได้เตรียมหน้าม้า Facebook Account ปลอมไว้แล้ว นักเรียนส่งการบ้านเป็นแอดที่ทำ เขาจะส่งหน้าม้าไปคอมเมนต์ สนใจค่ะ สนใจครับ แต่ทักไปแล้วเงียบเป็นป่าช้า ทีนี้บริษัทเขาก็จะรอดตัวจากการสอนยิงแอดเพราะว่ามันดูปังไง เพราะมีหน้าม้าทักเยอะ แต่ตัวแทนปิดการขายไม่ได้เอง บริษัทจึงไม่ต้องรับผิดชอบตรงนี้ นั่นคือ 1 ในหลายๆเหตุผลที่คนนั่งจมกับสินค้า เพราะมันเป็นกลลวงแบบครบวงจร ดิ้นหนีตายได้ทางเดียวคือ "หาเหยื่อคนใหม่" มารับสินค้าจากตัวเองไป หาได้ 100 คนถึงจะรอดจากหนี้ 250,000 บาท ไม่มีใครรวยหรอก เพราะเสีย vat 7% 2 รอบ Margin 14% เข้าไปแล้ว มันเป็นกลลวงที่คนส่วนหนึ่งมองไม่เห็น เจ้าของบริษัทสบาย เป็นเสือนอนกิน ต้นทุนขายสินค้าก็ไม่มี มีแค่งบสร้างแบรนด์ซึ่งตัวเองได้กำไรคนเดียว และตัวเองก็ไม่ต้องทำอะไรปล่อยให้ระบบทำงาน เอาเงินที่ได้มาจากเหยื่อจ่ายภาษีให้ถูกต้อง ทำตัวบริษัทให้ใสสะอาดจนกฏหมายเอื้อมมาไม่ถึง ถ้าถามว่าบริษัทได้กำไรปีละเท่าไหร่..บริษัทนี้จ่ายภาษีปีละ 200 กว่าล้านบาท กำไรปีละเท่าไหร่คงคิดเองได้นะ เพราะต้นทุนสินค้า 5% และที่มันน่าเศร้าจริงๆคือ เงินกำไรรวมกับเงินที่เสียภาษี มันเป็นเงินของชาวบ้าน ทุกบาท ทุกสตางค์ เกมนี้จะมีคนถูกฟ้องกันไม่น้อย เพราะจะเอาผิดเจ้าของบริษัทไม่ง่าย เพราะฉลาดสุดๆทำชีวิตตัวเองได้ใสสะอาดสัสๆ ทั้งๆที่โคตรสกปรก แล้วคนที่ไปเป็นพยาน คนที่ไปร้องที่นั่นที่นี่ เท่าที่เห็นในข่าว ไม่มีคนที่รู้ข้อมูลเชิงลึกของบริษัทแบบจริงๆแม้แต่คนเดียว แค่ลองถามผู้กล้าที่ออกมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเองเหล่านั้นว่า มีใครรู้จักตัวการร่วมของบริษัทสักคนไหม ขอเดาว่าไม่มีใครรู้จักผู้ร่วมขบวนการหรอก เพราะทุกคนที่เป็นเหยื่อจะนึกถึงแต่หน้าดารากับเจ้าของบริษัทแล้วก็สมัครเข้าร่วมเลย ดังนั้นก็จะเล่นได้แค่แม่ข่ายในข้อหา..ไม่มีใบอนุญาต จากการตรวจสอบ ณ ปัจจุบันนี้ ณ นาทีนี้มีคนตกเป็นเหยื่อกลลวงที่มองไม่เห็นแบบนี้มีมากกว่า 15 ล้านคน ดารามีแต่ได้ เจ้าของบริษัทมีแต่รวย คนซวยคือชาวบ้านกว่า 15 ล้านคน และถ้ามีผู้กล้าออกมาเล่นเรื่องนี้แบบสุดซอย จะช่วยผู้คนให้ตื่นรู้ได้อย่างน้อยๆ 5 ล้านคน ดังนั้นเราขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนเลยที่ออกมาเล่นเรื่องนี้ --------- เอาจริงๆตอนแรกเขียนระบุชื่อบุคคล ชื่อบริษัททั้ง 5 เขียนอธิบายเจาะลึกเอาไว้ละเอียดยิบตามสไตล์เพจเรา เรื่องนี้แหล่งข่าวเราเก็บข้อมูลมา 10 กว่าปีแล้ว และเราแอบมั่นใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้ลึกเท่าแหล่งข่าวเราก็แล้วกันล่ะ แต่เราตัดรายละเอียดออกไป เพราะเบื่อมากๆที่จะรบกับพวก #ติ่งกระบือบิน ทึ่พ่ะโง่ชนิดวัวตุยทุยล้มเลย อส.🤣 ปล่อยให้มันเป็นเหยื่อต่อไปสักพัก ไอ้ฉิบหาย 😆 แล้วยังไม่ต้องมาดิ้นนะ เพราะยังไม่ได้เอ่ยชื่อบริษัท ถถถ สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/URrluIKY70E?si=398nxwyMLmFLyDYR
    https://youtu.be/URrluIKY70E?si=398nxwyMLmFLyDYR
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)

    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน
    ความสูง: 1.57 ม.
    ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME)
    พี่น้อง: อีเลน แทง

    เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง
    ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
    เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008
    หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง
    และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014

    ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว...
    เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey

    ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》
    https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU



    ----------------------------------------------
    รวมเพลงจีน-กวางตุ้ง
    1. เพลงจีนกวางตุ้ง 光辉岁月 อ่านว่า Gwong Fai Seui Yut
    แปลว่า "วันแห่งความรุ่งโรจน์" เป็นเพลงของวง Beyond ในยุค '90
    ที่มีความหมายดีๆ.. นำมาขับร้องใหม่ ไฉไล..,มันส์ มากกว่า-เดิม ค่ะ
    https://www.youtube.com/watch?v=Y98BJoztFwM
    เพลงแนว Canto-Pop 光辉岁月 Gwong Fai Seui Yuet
    ของ วง Beyond ต้นฉบับ(เดิม) พร้อมอักษรจีน-กวางตุ้ง
    ค่อยๆอ่าน+ร้องตาม สักวันหนึ่งที่มี "วันแห่งความรุ่งโรจน์"
    https://www.youtube.com/watch?v=PrGsAMbgUh4
    เพลง Glorious Years (光辉岁月)
    https://www.youtube.com/watch?v=4Sjqt37ipcU

    2. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ ศิลปิน BEYOND
    ขับร้องโดย สุดยอดนักร้องยอดนิยมของฮ่องกง
    ในเพลง 不再猶豫 อ่านว่า Bat joi yau yu แปลว่า ไม่ลังเล
    https://www.youtube.com/watch?v=RvDjCTqoLuw
    3. เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง 一生中最爱 อ่านว่า (Yi Sheng Zhong Zui Ai)
    เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 และใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง
    "A Tale of Two Cities" ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ
    เพื่อนรักสองคนที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน
    แต่ให้กันและกันด้วยความเป็นพี่น้อง และทั้งสามคนต้องพบกับ
    บททดสอบมิตรภาพและความรัก เพลงนี้เลยดูเหมือนร้อง
    เกี่ยวกับระยะห่างระหว่างเพื่อนกับคนรัก
    https://www.youtube.com/watch?v=KbZLN2X_lFU
    สุดยอด..เพลงจีนกวางตุ้ง(ชาย) ต้องยกให้ ALAN TAM
    ในบทเพลง一生中最愛. Yat Saang Jung Jeui Ngoi
    คือ เพลงที่ดีที่สุด ครองตำแหน่งมาตั้งแต่ 1991- ปัจจุบัน
    https://www.youtube.com/watch?v=62ejBUq1J5o

    4. เพลงจีนกวางตุ้ง 明日話今天 หมายถึง คุยกันวันนี้..ไม่ต้องรอในวันพรุ่งนี้
    และเพลงที่ 2 奮鬥 หมายความถึง การต่อสู้
    ขับร้องโดย Jenny Tseng และ CoCo Lee จำกันได้ไหม..ล่ะ?
    https://www.youtube.com/watch?v=ZXAguTHqYnc

    5. 7 เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ 容祖兒 - Joey Yung
    นำเสนอในแบบ Medley รวดเดียวในเพลง
    อ่านออกเสียงสำเนียงกวางตุ้ง 粤拼 ➔ jyut6ping3 ได้ว่า.....
    mat6jau5 / syun2jau5 / sam1gam1ming6dai2 / zou2jau5jyu6mau4 / zeoi6fui1 / ze3gwo3 / ngo5jaa5bat1
    密友 / 損友 / 心甘命抵 / 早有預謀 / 罪魁 / 借過 / 我也不想這樣
    https://www.youtube.com/watch?v=NpC07u2NMj0
    6. เพลงรัก..ภาษากวางตุ้ง ทั้ง 20 เพลง
    สรุปเป็นการขับร้องแนวเศร้าๆของหนุ่มมองเครื่องบิน
    ที่ไม่สามารถเด็ดดอกฟ้าลงมาเชยชมได้
    ถ้าได้..จะร้องแนวมันส์ๆ สนุกสนาน กระดี๊ กระด๊า รื่นเริง หลุดโลก..
    ช่าย หมาย..ล่ะ
    https://www.youtube.com/watch?v=x1z6as3uwMY
    7. ชาวกวางตุ้ง..เป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ติดทะเลทางตอนใต้ของจีน
    ตื่นเช้าขึ้นมา..จะพบกับ "ท้องฟ้า และ ทะเล"
    มักจะแหกปากขับร้องเพลง Hoi fut tin hung ของ Beyond
    海闊天空 ให้ดัง..ไกล ถึง ดาวพระอังคาร..ไปเลย
    ช่วยกัน "แหกปาก" ร้องดังๆ..นะ คะ
    https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ
    8. เพลงอมตะ..นิรันดร์กาล และ อยู่ในใจของชาวจีนกวางตุ้ง
    คือ เพลง Naan Dak Yau Ching Yan ( 难得有情人 )
    แปลเป็นภาษาอังกฤษ Happy Are Those in Love
    ขับร้องโดย Shirley Kwan (關淑怡)
    ฉันมีความสุขมากที่ได้ฟัง และร้องคลอเคลียตามไปด้วย
    ชาวกวางตุ้ง..ทุกคนสัมผัสความสุขนี้ได้ นะคะ
    https://www.youtube.com/watch?v=lhB9uMNveXI
    9. หนึ่งใน..เพลงที่ดีที่สุดของ Joey Yung 容祖兒
    มีหลายประเทศนำไปเลียนแบบใส่เนื้อร้องใหม่
    ในเพลง 習慣失戀 แปลไทย ว่า " อกหักจนเคยชิน"
    ไพเราะ..มาก ค่ะ " Always Heartbroken "
    https://www.youtube.com/watch?v=aQmieaqmLmU
    10. เพลง..ล้านคิวเพลง《千千阙歌》ในภาษาจีนกวางตุ้ง
    ที่ทำให้ 陈慧娴 Priscilla Chan ที่กำลังจะเกษียณอำลาวงการ
    กลับทำให้เธอ..ดังระเบิดแรงกว่า..ระเบิดปรมาณู ในปี 1983
    11. 朋友 ผั่งเหย่า..ภาษาจีน(กวางตุ้ง) แปลว่า เพื่อน
    เป็นเพลงที่ใช้ภาษาพูด ฟังได้ใจความอย่างง่ายๆ
    คิดถึงความสุข..สมัยที่ได้เรียนที่นี่ในวัยเด็ก

    12. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)
    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน
    ความสูง: 1.57 ม.
    ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME)
    พี่น้อง: อีเลน แทง
    เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง
    ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน
    เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008
    หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง
    และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014
    ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว...
    เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey
    ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》
    https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU
    13. สุดยอดมหากาพย์ของเพลงจีนกวางตุ้ง..ต้องเพลงนี้
    《千千阙歌》หรือ แปลว่า "เพลงล้านคิว"
    "Song of a Thousand Thousand Que"
    ต้นฉบับของเพลงนี้คือ "Yuyakiけの歌" แต่งโดย Makaiye Yasuji
    โดยนักร้องชาวญี่ปุ่นMasahiko Kondo ในปี 1988
    หลังจากที่ Priscilla Chan ประกาศว่าจะเกษียณจากวงการเพลง
    PolyGram ได้ผลิตเพลง "อำลา" เพลงนี้แหละที่ประพันธ์เพลง
    ในภาษาจีนกวางตุ้ง โดย Lin Zhenqiang
    กลับทำให้ Priscilla Chan ยิ่งโด่งดังมากยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของ
    Anita Mui, Blue Jeans, Polygram, Huaxing Records,
    CBS/SonyและWingo Creative
    ด้วยเพลงนี้ พริสซิลลา ชาน ได้รับรางวัล
    " My Favorite Song Award in the Music World "
    ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 2,715 เสียง
    ใน พิธีมอบรางวัล Top Music Pop Awards ในปี 1989
    https://www.youtube.com/watch?v=P9kcwRnGk5w

    14. อัลบั๊มรวมเพลงจากสวรรค์ ของ 4 ราชาเพลงดังแห่งฮ่องกง
    ♛ Andy Lau ♛Jacky Cheung ♛Li Mingi ♛Aaron Kwok
    https://www.youtube.com/watch?v=a55w198tsLo

    15. Album รวม-เพลงกวางตุ้งที่ดีที่สุด ของ Alan Tam
    https://www.youtube.com/watch?v=w5QIjqHiSp4

    16. เธอ คือ 伍珂玥 หรือ Karrie Ng เป็นชาวเมืองไท่ซาน มณฑลกวางตุ้ง. เป็นนักร้องเพลงป๊อปชาวจีน
    เป็นนักศึกษาปี 2021 ของ Jinzhong Conservatory of Music of Shenzhen University
    และเป็นแชมป์รวมของ " The Voice of China 2021 "
    เธอ คือ สุดยอด..ความภาคภูมิใจ ของ ชาวกวางตุ้งทั่วโลก
    นี่คือ อัลบั๊ม เพลงอันแสนไพเราะ จากน้ำเสียงระดับโลกของเธอ
    https://www.youtube.com/watch?v=usKqLgvf6pI

    17. เพลงจีนกวางตุ้ง ชื่อเพลง《最爱》แปลว่า.. " รักที่ซู๊ดด ด.. "
    เรียบเรียงจากบทกวี เปรียบ ท้องฟ้า สายลม ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
    น้ำขึ้น-น้ำลง เงา สายน้ำ จินตนาการกับความรักในฝัน.
    https://www.youtube.com/watch?v=IEwzbPWB3zg

    18. ชื่อภาษาจีน(ต้วย่อ) 刘德华 คนไทย รู้จักในชื่อ “หลิว เต๋อ หัว”
    สาวๆชาวจีนกวางตุ้ง...กรี๊ด สนั่น ในนาม “เหล่า ตั๊ก หวา” (Andy Lau)
    นี่แหละจักรพรรดิแห่ง..ดาราฮ่องกง เจ้าของผลงานภาพยนตร์ฮ่องกงแนวบู๊ ตีรันฟันแทง มากกว่าครึ่ง
    สูง ยาว หล่อ ล่ำ+เสียงดี ร้องเพลงยอดนิยมเพลงเดียว นานถึง 30 ปี คือ เพลง Yat Hei Jau Gwoh Dik Yat Ji
    《一起走过的日子》แปลเป็นอังกฤษ ว่าThe Days We Spent Together
    สาวกวางตุ้ง ต้องแหกปาก ร้องคลอ..ตามไปได้(ทุกคน)
    โดยเฉพาะท่อนแรก (ร้องดังๆ..นะ)
    如何面对 曾一起走过的日子
    jyu4 ho4 min6 deoi3 cang4 jat1 hei2 zau2 gwo3 dik1 jat6 zi2
    现在剩下我独行
    jin6 zoi6 sing6 haa6 ngo5 duk6 hang4
    如何用心声一一讲你知
    jyu4 ho4 jung6 sam1 sing1/seng1 jat1 jat1 gong2 nei5 zi1
    从来没人明白我
    cung4 loi4 mut6 jan4 ming4 baak6 ngo5
    唯一你给我好日子
    wai4 jat1 nei5 kap1 ngo5 hou2 jat6 zi2
    有你有我有情有生有死有义
    jau5 nei5 jau5 ngo5 jau5 cing4 jau5 sang1/saang1 jau5 sei2 jau5 ji6
    https://www.youtube.com/watch?v=VUZ4w2NN5fQ
    19. เพลงจีนกวางตุ้งคลาสสิก ขับร้องโดย : 張學友 / Jacky Cheung
    ชื่อเพลง : 『我留著你在身邊心仍然很遠』
    แปลไทย ได้ว่า "ฉันคอยเธอเคียงข้างใจยังห่างไกล"
    หรือ แปลเป็นอังกฤษ = Let me stay by your side
    https://www.youtube.com/watch?v=WHTfF5kIz80

    20. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) Yue Ban Xiao Ye Qu
    คืนพระจันทร์เสี้ยว《月半小夜曲》
    ฝาหรั่งเรียกว่า "Half Moon Serenade"
    นักร้อง : Li Keqin, Wu Keyue และ He San
    นำมาขับร้อง แบบ Trio ในปลายปี 2021 ได้ไพเราะจับใจ(มาก)
    ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…”
    https://www.youtube.com/watch?v=MfDa59mTHes

    21. เพลงจีนกวางตุ้ง เศร้าๆ.. ขับร้องโดย 容祖兒 - Joey Yung
    ชื่อเพลง : 天窗 แปลว่า แสงจากท้องฟ้า
    ความหมายของเพลง : หญิง-ชาย ดื่มน้ำชา หลังจากอาหารมื่อหนึ่ง
    ซึ่ง ทั้งคู่นัดกันมาพบกันเพื่อบอกเลิกกัน
    ทั้งคู่ไม่ยอมเปิดเผยความจริง
    หรือ ไม่ยอม..เปิดแสงจากฟ้าให้เข้าใจกัน นั่นเอง.
    https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU

    22. เพลงเก่า..ยอดนิยม ประมาณ 30 ปี
    ภาษาจีนกวางตุ้ง ของ Jacky Cheung (張學友 / Cheung Hok-yau)
    ชื่อเพลง : 只想一生跟你走 (Ji seung yat sang gan nie jau)
    แปลว่า : ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ
    ความหมายของเพลง....พระเอกของเราได้พบกับคนที่หลงรัก
    และค้นพบว่าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเธอคนนั้น
    สองคนนี้เลิกกัน โดยฝ่ายหญิงสะบัดกันหนีไป
    ปล่อยให้พระเอกของเรา นั่งร้องไห้เศร้าเสียใจ
    มโนว่า เธอคนนั้น..ไม่ได้จากไป
    และทุกอย่างเหมือนอยู่ในความฝัน
    (ยังเสือกถามว่า ฝ่ายหญิงทำไมไม่ฝันถึงเค้าบ้าง)
    ร้องไหัและขอให้เธออย่าลืมรักเก่าๆเงียบๆ
    เพียงลำพัง คิดว่าในชีวิตนี้ ไม่สามารถอยู่ได้
    โดยปราศจากเธอ
    ตรงกับชื่อเพลง
    "ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ 只想一生跟你走
    Only Want to Go with You in this Life
    https://www.youtube.com/watch?v=Ou3NHHS6f4c
    23. เพลงแนว Soft-Rock
    อมตะนิรันด์กาล ของ Beyond
    บทเพลงภาษาจีนกวางตุ้ง Hoi Fut Tin Hung - 海闊天空
    https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ
    24. เพลงในแนวศิลปินคู่ Duo ชาย-หญิง
    บนเวที่ Voice of China เพลงในภาษากวางตุ้ง
    ได้รับการยอมรับ จากชาวจีนทั่วทั้งประเทศ
    เพลง : คืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
    Yue Ban Xiao Ye Qu (月半小夜曲)
    ศิลปิน : 李克勤 และ 周深
    ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…”

    25. เพลงเศร้าๆ..ภาษากวางตุ้ง ชื่อเพลง 天窗 แปลว่า แสงปลายอุโมงค์
    เป็นการเล่าเรื่องราวของหนุ่มน้อยอกหัก นั่งในห้องมืดๆเพียงลำพัง
    โดยมีลำแสงเล็กๆลอดช่องหน้าต่างลงมาที่เขานั่ง คิดปลงตัวเอง
    รำพึง รำพัน อย่างน่าฉงฉาน..จุงเบย
    https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU

    26. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋)
    นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving)
    https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121627308556329&set=a.108283646557372

    -《暗裡著迷》
    - Cantonese LOVE Song "Yat Saang Jung Jeui Ngoi" 一生中最愛 [Love Of A Lifetime] - Alan Tam 譚詠麟
    - เมโลดี้..หวานๆ ในเพลง 光輝歲月 -Gwong Fai Seui Yuet
    ของวง Beyond แน่นอน
    https://www.youtube.com/watch?v=SVBC35ByZUY
    - เมโลดี้..อันแสนไพเราะ ในเพลงจีนกวางตุ้ง(อมตะ)
    天若有情. tin yeuk yau ching ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ
    - เพลงจีนกวางตุ้งยอดนิยม(ตลอดกาล)ของ Beyond ทั้ง 2 เพลง
    1) "วันแห่งความรุ่งโรจน์" [ Gwong Fai Seui Yuet ] 光輝歲月
    2) "ทะเลและท้องฟ้า" [ Hoi Fut Tin Hung ] 海闊天空
    - เพลงสำหรับเทศกาลปีใหม่ Auld Lang Syne
    ใส่เนื้อร้องเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง
    กลายเป็นเพลง (เหย่ายี่หมานโส๋ย) 友誼萬歲 = มิตรภาพที่ยืนยาว
    ขับร้องโดย "หลีหลี่รุ่ย" 李麗蕊 Sara Lee
    ฟังง่าย -ชัดถ้อย-ชัดคำ(มาก) ค่ะ
    - ศิลป และ เทคนิคในการเขียนอักษรจีน โดยใช้ "แกนร่วม"
    เขียนว่า 身体健康 แปลว่า -ร่างกาย-สุขภาพดี
    ต้องหัดเขียน เพื่อนำไปอวยพรญาติผู้ใหญ่
    (ซึ่ง..เหลือน้อย แล้ว)
    https://www.youtube.com/shorts/th4bgNYZrsI
    - เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง ประมาณว่า อกหัก..รักคุด
    ของ Joey Yuong 容祖兒
    แสนรันทดใจ ฟัง..ไป ร้องไห้..ไป
    สังเกตไหม คะ ว่า..คล้ายกับเพลงในละคอนไทย "สามีตีลังกา"
    ไม่ทราบว่า จีนลอกไทย หรือ ไทยลอกจีน
    - เพลงจีนกวางตุ้ง สำเนียง..ซ๊าม-ยับ-หวา
    แสนไพเราะ..เย็นๆ จาก #ฮัคเคน_ลี (李克勤) Hacken Lee
    เค้า..เป็นนักร้อง พิธีกรรายการโทรทัศน์ และนักแสดงชาวฮ่องกง มีผลงานตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปี 2013 เพลง "House of Cards" ของ Lee กวาดหลายรางวัลในงานประกาศรางวัลของฮ่องกง รวมถึง "เพลงที่ดีที่สุดในโลก" และ "Broadcasting Index"
    ใน Metro's Awards ในปี 2013 เขาได้รับรางวัล "Outstanding Pop Singer Award" ในงาน "Top Ten Chinese Gold Songs Awards" ของ RTHK ถึง 14 ครั้ง และสร้างสถานะที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ในอุตสาหกรรมเพลงของฮ่องกงและเอเชีย.
    https://www.youtube.com/watch?v=RMH8Xv2siYM
    - สุดยอด..การประกวด 中国好声音 (Voice of China)
    เพลง(จีนกวางตุ้ง)Manjusaka= 蔓珠莎華 ของ Wu Keyue
    ไม่เพียงรักษาจิตวิญญาณแห่งการครอบงำของ Anita Mui
    แต่...ยังมีเสียงตอนจบที่คล้ายกับ Priscilla Chan มาก
    เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน ความสูง: 1.57 ม. ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME) พี่น้อง: อีเลน แทง เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008 หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014 ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว... เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》 https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU ---------------------------------------------- รวมเพลงจีน-กวางตุ้ง 1. เพลงจีนกวางตุ้ง 光辉岁月 อ่านว่า Gwong Fai Seui Yut แปลว่า "วันแห่งความรุ่งโรจน์" เป็นเพลงของวง Beyond ในยุค '90 ที่มีความหมายดีๆ.. นำมาขับร้องใหม่ ไฉไล..,มันส์ มากกว่า-เดิม ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=Y98BJoztFwM เพลงแนว Canto-Pop 光辉岁月 Gwong Fai Seui Yuet ของ วง Beyond ต้นฉบับ(เดิม) พร้อมอักษรจีน-กวางตุ้ง ค่อยๆอ่าน+ร้องตาม สักวันหนึ่งที่มี "วันแห่งความรุ่งโรจน์" https://www.youtube.com/watch?v=PrGsAMbgUh4 เพลง Glorious Years (光辉岁月) https://www.youtube.com/watch?v=4Sjqt37ipcU 2. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ ศิลปิน BEYOND ขับร้องโดย สุดยอดนักร้องยอดนิยมของฮ่องกง ในเพลง 不再猶豫 อ่านว่า Bat joi yau yu แปลว่า ไม่ลังเล https://www.youtube.com/watch?v=RvDjCTqoLuw 3. เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง 一生中最爱 อ่านว่า (Yi Sheng Zhong Zui Ai) เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 และใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง "A Tale of Two Cities" ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ เพื่อนรักสองคนที่ตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งในเวลาเดียวกัน แต่ให้กันและกันด้วยความเป็นพี่น้อง และทั้งสามคนต้องพบกับ บททดสอบมิตรภาพและความรัก เพลงนี้เลยดูเหมือนร้อง เกี่ยวกับระยะห่างระหว่างเพื่อนกับคนรัก https://www.youtube.com/watch?v=KbZLN2X_lFU สุดยอด..เพลงจีนกวางตุ้ง(ชาย) ต้องยกให้ ALAN TAM ในบทเพลง一生中最愛. Yat Saang Jung Jeui Ngoi คือ เพลงที่ดีที่สุด ครองตำแหน่งมาตั้งแต่ 1991- ปัจจุบัน https://www.youtube.com/watch?v=62ejBUq1J5o 4. เพลงจีนกวางตุ้ง 明日話今天 หมายถึง คุยกันวันนี้..ไม่ต้องรอในวันพรุ่งนี้ และเพลงที่ 2 奮鬥 หมายความถึง การต่อสู้ ขับร้องโดย Jenny Tseng และ CoCo Lee จำกันได้ไหม..ล่ะ? https://www.youtube.com/watch?v=ZXAguTHqYnc 5. 7 เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) ของ 容祖兒 - Joey Yung นำเสนอในแบบ Medley รวดเดียวในเพลง อ่านออกเสียงสำเนียงกวางตุ้ง 粤拼 ➔ jyut6ping3 ได้ว่า..... mat6jau5 / syun2jau5 / sam1gam1ming6dai2 / zou2jau5jyu6mau4 / zeoi6fui1 / ze3gwo3 / ngo5jaa5bat1 密友 / 損友 / 心甘命抵 / 早有預謀 / 罪魁 / 借過 / 我也不想這樣 https://www.youtube.com/watch?v=NpC07u2NMj0 6. เพลงรัก..ภาษากวางตุ้ง ทั้ง 20 เพลง สรุปเป็นการขับร้องแนวเศร้าๆของหนุ่มมองเครื่องบิน ที่ไม่สามารถเด็ดดอกฟ้าลงมาเชยชมได้ ถ้าได้..จะร้องแนวมันส์ๆ สนุกสนาน กระดี๊ กระด๊า รื่นเริง หลุดโลก.. ช่าย หมาย..ล่ะ https://www.youtube.com/watch?v=x1z6as3uwMY 7. ชาวกวางตุ้ง..เป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ติดทะเลทางตอนใต้ของจีน ตื่นเช้าขึ้นมา..จะพบกับ "ท้องฟ้า และ ทะเล" มักจะแหกปากขับร้องเพลง Hoi fut tin hung ของ Beyond 海闊天空 ให้ดัง..ไกล ถึง ดาวพระอังคาร..ไปเลย ช่วยกัน "แหกปาก" ร้องดังๆ..นะ คะ https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ 8. เพลงอมตะ..นิรันดร์กาล และ อยู่ในใจของชาวจีนกวางตุ้ง คือ เพลง Naan Dak Yau Ching Yan ( 难得有情人 ) แปลเป็นภาษาอังกฤษ Happy Are Those in Love ขับร้องโดย Shirley Kwan (關淑怡) ฉันมีความสุขมากที่ได้ฟัง และร้องคลอเคลียตามไปด้วย ชาวกวางตุ้ง..ทุกคนสัมผัสความสุขนี้ได้ นะคะ https://www.youtube.com/watch?v=lhB9uMNveXI 9. หนึ่งใน..เพลงที่ดีที่สุดของ Joey Yung 容祖兒 มีหลายประเทศนำไปเลียนแบบใส่เนื้อร้องใหม่ ในเพลง 習慣失戀 แปลไทย ว่า " อกหักจนเคยชิน" ไพเราะ..มาก ค่ะ " Always Heartbroken " https://www.youtube.com/watch?v=aQmieaqmLmU 10. เพลง..ล้านคิวเพลง《千千阙歌》ในภาษาจีนกวางตุ้ง ที่ทำให้ 陈慧娴 Priscilla Chan ที่กำลังจะเกษียณอำลาวงการ กลับทำให้เธอ..ดังระเบิดแรงกว่า..ระเบิดปรมาณู ในปี 1983 11. 朋友 ผั่งเหย่า..ภาษาจีน(กวางตุ้ง) แปลว่า เพื่อน เป็นเพลงที่ใช้ภาษาพูด ฟังได้ใจความอย่างง่ายๆ คิดถึงความสุข..สมัยที่ได้เรียนที่นี่ในวัยเด็ก 12. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) เกิด: 16 สิงหาคม 2534 (อายุ 31 ปี), เซี่ยงไฮ, จีน ความสูง: 1.57 ม. ค่ายเพลง: Sony Music Entertainment (SME) พี่น้อง: อีเลน แทง เธอ เป็น นักร้องนักแต่งเพลงชาวฮ่องกง ที่ อพยพมาจากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เธอ..เดบิวต์ในวงการเพลงฮ่องกง ในปี 2008 หลังจากออกอัลบั้ม 3 อัลบั้มในฮ่องกง และการปรากฏตัวของเธอ(ชัดเจน)ในรายการแข่งขันร้องเพลงจีน I Am a Singer รุ่นปี 2014 ดิฉัน..สะดุด เทหัวใจ(หมดทั้งหัวใจ) ให้เธอ ไปแล้ว... เพราะเธอมี DNA ของนักร้องในดวงใจทั้งสาม คือ Christina Aguilera, Beyoncé, และ Mariah Carey ตัวอย่าง ในเพลง hei fun nei 《喜欢你》 https://www.youtube.com/watch?v=IQ1g8ShGaVU 13. สุดยอดมหากาพย์ของเพลงจีนกวางตุ้ง..ต้องเพลงนี้ 《千千阙歌》หรือ แปลว่า "เพลงล้านคิว" "Song of a Thousand Thousand Que" ต้นฉบับของเพลงนี้คือ "Yuyakiけの歌" แต่งโดย Makaiye Yasuji โดยนักร้องชาวญี่ปุ่นMasahiko Kondo ในปี 1988 หลังจากที่ Priscilla Chan ประกาศว่าจะเกษียณจากวงการเพลง PolyGram ได้ผลิตเพลง "อำลา" เพลงนี้แหละที่ประพันธ์เพลง ในภาษาจีนกวางตุ้ง โดย Lin Zhenqiang กลับทำให้ Priscilla Chan ยิ่งโด่งดังมากยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของ Anita Mui, Blue Jeans, Polygram, Huaxing Records, CBS/SonyและWingo Creative ด้วยเพลงนี้ พริสซิลลา ชาน ได้รับรางวัล " My Favorite Song Award in the Music World " ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 2,715 เสียง ใน พิธีมอบรางวัล Top Music Pop Awards ในปี 1989 https://www.youtube.com/watch?v=P9kcwRnGk5w 14. อัลบั๊มรวมเพลงจากสวรรค์ ของ 4 ราชาเพลงดังแห่งฮ่องกง ♛ Andy Lau ♛Jacky Cheung ♛Li Mingi ♛Aaron Kwok https://www.youtube.com/watch?v=a55w198tsLo 15. Album รวม-เพลงกวางตุ้งที่ดีที่สุด ของ Alan Tam https://www.youtube.com/watch?v=w5QIjqHiSp4 16. เธอ คือ 伍珂玥 หรือ Karrie Ng เป็นชาวเมืองไท่ซาน มณฑลกวางตุ้ง. เป็นนักร้องเพลงป๊อปชาวจีน เป็นนักศึกษาปี 2021 ของ Jinzhong Conservatory of Music of Shenzhen University และเป็นแชมป์รวมของ " The Voice of China 2021 " เธอ คือ สุดยอด..ความภาคภูมิใจ ของ ชาวกวางตุ้งทั่วโลก นี่คือ อัลบั๊ม เพลงอันแสนไพเราะ จากน้ำเสียงระดับโลกของเธอ https://www.youtube.com/watch?v=usKqLgvf6pI 17. เพลงจีนกวางตุ้ง ชื่อเพลง《最爱》แปลว่า.. " รักที่ซู๊ดด ด.. " เรียบเรียงจากบทกวี เปรียบ ท้องฟ้า สายลม ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ น้ำขึ้น-น้ำลง เงา สายน้ำ จินตนาการกับความรักในฝัน. https://www.youtube.com/watch?v=IEwzbPWB3zg 18. ชื่อภาษาจีน(ต้วย่อ) 刘德华 คนไทย รู้จักในชื่อ “หลิว เต๋อ หัว” สาวๆชาวจีนกวางตุ้ง...กรี๊ด สนั่น ในนาม “เหล่า ตั๊ก หวา” (Andy Lau) นี่แหละจักรพรรดิแห่ง..ดาราฮ่องกง เจ้าของผลงานภาพยนตร์ฮ่องกงแนวบู๊ ตีรันฟันแทง มากกว่าครึ่ง สูง ยาว หล่อ ล่ำ+เสียงดี ร้องเพลงยอดนิยมเพลงเดียว นานถึง 30 ปี คือ เพลง Yat Hei Jau Gwoh Dik Yat Ji 《一起走过的日子》แปลเป็นอังกฤษ ว่าThe Days We Spent Together สาวกวางตุ้ง ต้องแหกปาก ร้องคลอ..ตามไปได้(ทุกคน) โดยเฉพาะท่อนแรก (ร้องดังๆ..นะ) 如何面对 曾一起走过的日子 jyu4 ho4 min6 deoi3 cang4 jat1 hei2 zau2 gwo3 dik1 jat6 zi2 现在剩下我独行 jin6 zoi6 sing6 haa6 ngo5 duk6 hang4 如何用心声一一讲你知 jyu4 ho4 jung6 sam1 sing1/seng1 jat1 jat1 gong2 nei5 zi1 从来没人明白我 cung4 loi4 mut6 jan4 ming4 baak6 ngo5 唯一你给我好日子 wai4 jat1 nei5 kap1 ngo5 hou2 jat6 zi2 有你有我有情有生有死有义 jau5 nei5 jau5 ngo5 jau5 cing4 jau5 sang1/saang1 jau5 sei2 jau5 ji6 https://www.youtube.com/watch?v=VUZ4w2NN5fQ 19. เพลงจีนกวางตุ้งคลาสสิก ขับร้องโดย : 張學友 / Jacky Cheung ชื่อเพลง : 『我留著你在身邊心仍然很遠』 แปลไทย ได้ว่า "ฉันคอยเธอเคียงข้างใจยังห่างไกล" หรือ แปลเป็นอังกฤษ = Let me stay by your side https://www.youtube.com/watch?v=WHTfF5kIz80 20. เพลงจีนกวางตุ้ง(ยอดนิยม) Yue Ban Xiao Ye Qu คืนพระจันทร์เสี้ยว《月半小夜曲》 ฝาหรั่งเรียกว่า "Half Moon Serenade" นักร้อง : Li Keqin, Wu Keyue และ He San นำมาขับร้อง แบบ Trio ในปลายปี 2021 ได้ไพเราะจับใจ(มาก) ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…” https://www.youtube.com/watch?v=MfDa59mTHes 21. เพลงจีนกวางตุ้ง เศร้าๆ.. ขับร้องโดย 容祖兒 - Joey Yung ชื่อเพลง : 天窗 แปลว่า แสงจากท้องฟ้า ความหมายของเพลง : หญิง-ชาย ดื่มน้ำชา หลังจากอาหารมื่อหนึ่ง ซึ่ง ทั้งคู่นัดกันมาพบกันเพื่อบอกเลิกกัน ทั้งคู่ไม่ยอมเปิดเผยความจริง หรือ ไม่ยอม..เปิดแสงจากฟ้าให้เข้าใจกัน นั่นเอง. https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU 22. เพลงเก่า..ยอดนิยม ประมาณ 30 ปี ภาษาจีนกวางตุ้ง ของ Jacky Cheung (張學友 / Cheung Hok-yau) ชื่อเพลง : 只想一生跟你走 (Ji seung yat sang gan nie jau) แปลว่า : ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ ความหมายของเพลง....พระเอกของเราได้พบกับคนที่หลงรัก และค้นพบว่าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเธอคนนั้น สองคนนี้เลิกกัน โดยฝ่ายหญิงสะบัดกันหนีไป ปล่อยให้พระเอกของเรา นั่งร้องไห้เศร้าเสียใจ มโนว่า เธอคนนั้น..ไม่ได้จากไป และทุกอย่างเหมือนอยู่ในความฝัน (ยังเสือกถามว่า ฝ่ายหญิงทำไมไม่ฝันถึงเค้าบ้าง) ร้องไหัและขอให้เธออย่าลืมรักเก่าๆเงียบๆ เพียงลำพัง คิดว่าในชีวิตนี้ ไม่สามารถอยู่ได้ โดยปราศจากเธอ ตรงกับชื่อเพลง "ชีวิตนี้ฉันต้องการไปกับเธอ 只想一生跟你走 Only Want to Go with You in this Life https://www.youtube.com/watch?v=Ou3NHHS6f4c 23. เพลงแนว Soft-Rock อมตะนิรันด์กาล ของ Beyond บทเพลงภาษาจีนกวางตุ้ง Hoi Fut Tin Hung - 海闊天空 https://www.youtube.com/watch?v=wk9TMnbx7fQ 24. เพลงในแนวศิลปินคู่ Duo ชาย-หญิง บนเวที่ Voice of China เพลงในภาษากวางตุ้ง ได้รับการยอมรับ จากชาวจีนทั่วทั้งประเทศ เพลง : คืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว Yue Ban Xiao Ye Qu (月半小夜曲) ศิลปิน : 李克勤 และ 周深 ความหมายของเพลง บรรยายถึง ความในใจทุกจุดของ..ชายหนุ่มที่นอนไม่หลับมองท้องฟ้าในค่ำคืนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว รำพันถึงสาวในฝัน ที่น่าจะเป็นดวงดาวที่อยู่ไกลๆ เค้าเผชิญกับความจริงที่ยอมรับไม่ได้ ความรักของเค้าจะไม่เปลี่ยนไปตามลำดับ แต่ยิ่งกระตือรือร้น ยิ่งห่วงใยกันตลอดไป…” 25. เพลงเศร้าๆ..ภาษากวางตุ้ง ชื่อเพลง 天窗 แปลว่า แสงปลายอุโมงค์ เป็นการเล่าเรื่องราวของหนุ่มน้อยอกหัก นั่งในห้องมืดๆเพียงลำพัง โดยมีลำแสงเล็กๆลอดช่องหน้าต่างลงมาที่เขานั่ง คิดปลงตัวเอง รำพึง รำพัน อย่างน่าฉงฉาน..จุงเบย https://www.youtube.com/watch?v=YnW545U1KgU 26. เติ้ง จื่อ ฉี Tang Tsz-kei (鄧紫棋) นักร้อง-นักแต่งเพลง ในชื่อ G.E.M. ( Get Everybody Moving) https://www.facebook.com/photo/?fbid=1121627308556329&set=a.108283646557372 -《暗裡著迷》 - Cantonese LOVE Song "Yat Saang Jung Jeui Ngoi" 一生中最愛 [Love Of A Lifetime] - Alan Tam 譚詠麟 - เมโลดี้..หวานๆ ในเพลง 光輝歲月 -Gwong Fai Seui Yuet ของวง Beyond แน่นอน https://www.youtube.com/watch?v=SVBC35ByZUY - เมโลดี้..อันแสนไพเราะ ในเพลงจีนกวางตุ้ง(อมตะ) 天若有情. tin yeuk yau ching ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ - เพลงจีนกวางตุ้งยอดนิยม(ตลอดกาล)ของ Beyond ทั้ง 2 เพลง 1) "วันแห่งความรุ่งโรจน์" [ Gwong Fai Seui Yuet ] 光輝歲月 2) "ทะเลและท้องฟ้า" [ Hoi Fut Tin Hung ] 海闊天空 - เพลงสำหรับเทศกาลปีใหม่ Auld Lang Syne ใส่เนื้อร้องเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง กลายเป็นเพลง (เหย่ายี่หมานโส๋ย) 友誼萬歲 = มิตรภาพที่ยืนยาว ขับร้องโดย "หลีหลี่รุ่ย" 李麗蕊 Sara Lee ฟังง่าย -ชัดถ้อย-ชัดคำ(มาก) ค่ะ - ศิลป และ เทคนิคในการเขียนอักษรจีน โดยใช้ "แกนร่วม" เขียนว่า 身体健康 แปลว่า -ร่างกาย-สุขภาพดี ต้องหัดเขียน เพื่อนำไปอวยพรญาติผู้ใหญ่ (ซึ่ง..เหลือน้อย แล้ว) https://www.youtube.com/shorts/th4bgNYZrsI - เพลงภาษาจีนกวางตุ้ง ประมาณว่า อกหัก..รักคุด ของ Joey Yuong 容祖兒 แสนรันทดใจ ฟัง..ไป ร้องไห้..ไป สังเกตไหม คะ ว่า..คล้ายกับเพลงในละคอนไทย "สามีตีลังกา" ไม่ทราบว่า จีนลอกไทย หรือ ไทยลอกจีน - เพลงจีนกวางตุ้ง สำเนียง..ซ๊าม-ยับ-หวา แสนไพเราะ..เย็นๆ จาก #ฮัคเคน_ลี (李克勤) Hacken Lee เค้า..เป็นนักร้อง พิธีกรรายการโทรทัศน์ และนักแสดงชาวฮ่องกง มีผลงานตั้งแต่ปี 1980 จนถึงปี 2013 เพลง "House of Cards" ของ Lee กวาดหลายรางวัลในงานประกาศรางวัลของฮ่องกง รวมถึง "เพลงที่ดีที่สุดในโลก" และ "Broadcasting Index" ใน Metro's Awards ในปี 2013 เขาได้รับรางวัล "Outstanding Pop Singer Award" ในงาน "Top Ten Chinese Gold Songs Awards" ของ RTHK ถึง 14 ครั้ง และสร้างสถานะที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ในอุตสาหกรรมเพลงของฮ่องกงและเอเชีย. https://www.youtube.com/watch?v=RMH8Xv2siYM - สุดยอด..การประกวด 中国好声音 (Voice of China) เพลง(จีนกวางตุ้ง)Manjusaka= 蔓珠莎華 ของ Wu Keyue ไม่เพียงรักษาจิตวิญญาณแห่งการครอบงำของ Anita Mui แต่...ยังมีเสียงตอนจบที่คล้ายกับ Priscilla Chan มาก
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ตามหาแม่ทีม แบบยกมาทั้งทีม
    โรงงานผลิตสมุนไพร ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ
    พร้อมเติบโตไปด้วยกัน เราลงทุนคุณลงแรง
    ทำการตลาดสินค้าอาหารเสริม
    โรงงานผลิตมาเอง ไม่ต้องเกรงใจใคร
    กำไรขายปลีก 400฿/กล่อง ค่าคอมฯตามแผนสูงถึง 5 เท่าของพีวี.
    ทำที่อื่นได้น้อย ไม่ค่อยได้เงิน ต้องมาเลย
    มีโรงงานเป็นของตัวเอง มีสำนักงานใหญ่ให้ใช้ฟรีๆ
    รีบมาด่วน กระแสน้ำไม่คอยท่า เวลาไม่คอยใคร

    สนใจแอดไลน์ :@kingherb พิมพ์”แม่ทีม”

    #แม่ทีม #mlm
    #ตามหาแม่ทีม แบบยกมาทั้งทีม โรงงานผลิตสมุนไพร ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ พร้อมเติบโตไปด้วยกัน เราลงทุนคุณลงแรง ทำการตลาดสินค้าอาหารเสริม โรงงานผลิตมาเอง ไม่ต้องเกรงใจใคร กำไรขายปลีก 400฿/กล่อง ค่าคอมฯตามแผนสูงถึง 5 เท่าของพีวี. ทำที่อื่นได้น้อย ไม่ค่อยได้เงิน ต้องมาเลย มีโรงงานเป็นของตัวเอง มีสำนักงานใหญ่ให้ใช้ฟรีๆ รีบมาด่วน กระแสน้ำไม่คอยท่า เวลาไม่คอยใคร สนใจแอดไลน์ :@kingherb พิมพ์”แม่ทีม” #แม่ทีม #mlm
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 340 มุมมอง 47 0 รีวิว
  • "ฌอน บูรณะหิรัญ" โพสต์ ศาลยกฟ้องปมเงินบริจาคช่วยดับไฟป่า บอก 4 ปีที่ผ่านมาท้าทายมากๆ ขอบคุณทุกกำลังใจ ครอบครัว เพื่อน แฟนๆ ที่ไม่แม้แต่สงสัยในตัวผม

    (26 ก.ค. 67) ฌอน บูรณะหิรัญ โพสต์ข้อความระบุว่า วันนี้ที่ผมอดทนรอคอยมาตลอด4ปี ศาลนนทบุรีพิพากษายกฟ้อง จากความเป็นจริง คือ ผมได้นำเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับมาจากการบริจาคของทุกท่านไปช่วยเรื่องไฟป่าแล้วอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ด้วยความเคารพต่อศาล 4 ปีที่ผ่านมาท้าทายมากๆสำหรับผม และ ครอบครัว

    ขอบคุณทุกกำลังใจ ครอบครัว เพื่อน แฟนๆ ที่ไม่แม้แต่สงสัยในตัวผม ทุกคนเชื่อมั่นในตัวผม อยู่เคียงข้างผมมาตลอด ขอบคุณทนาย และ ที่ปรึกษาทุกท่านที่เมตตาเอ็นดูผม ที่สุดคือคำพิพากษาของศาลว่า ผมไม่มีความผิด

    ตื่นเต้นและรอคอยที่จะได้แชร์เรื่องราวให้ทุกคนฟังนะครับ

    I’ve been fighting a silent battle for the last 4 years… today the court dismissed all charges and ruled “not guilty”.

    All the allegations and rumors have been proven wrong. The truth is, I did help with forest fire prevention in northern Thailand and I did help hospitals during covid 19.

    The last 4 years have been tough but as the saying goes “tough times don’t last, tough people do.” I can’t wait to tell you guys all about it.

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/r/JyE5Un2vN8MLM5hP/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    "ฌอน บูรณะหิรัญ" โพสต์ ศาลยกฟ้องปมเงินบริจาคช่วยดับไฟป่า บอก 4 ปีที่ผ่านมาท้าทายมากๆ ขอบคุณทุกกำลังใจ ครอบครัว เพื่อน แฟนๆ ที่ไม่แม้แต่สงสัยในตัวผม (26 ก.ค. 67) ฌอน บูรณะหิรัญ โพสต์ข้อความระบุว่า วันนี้ที่ผมอดทนรอคอยมาตลอด4ปี ศาลนนทบุรีพิพากษายกฟ้อง จากความเป็นจริง คือ ผมได้นำเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับมาจากการบริจาคของทุกท่านไปช่วยเรื่องไฟป่าแล้วอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ด้วยความเคารพต่อศาล 4 ปีที่ผ่านมาท้าทายมากๆสำหรับผม และ ครอบครัว ขอบคุณทุกกำลังใจ ครอบครัว เพื่อน แฟนๆ ที่ไม่แม้แต่สงสัยในตัวผม ทุกคนเชื่อมั่นในตัวผม อยู่เคียงข้างผมมาตลอด ขอบคุณทนาย และ ที่ปรึกษาทุกท่านที่เมตตาเอ็นดูผม ที่สุดคือคำพิพากษาของศาลว่า ผมไม่มีความผิด ตื่นเต้นและรอคอยที่จะได้แชร์เรื่องราวให้ทุกคนฟังนะครับ I’ve been fighting a silent battle for the last 4 years… today the court dismissed all charges and ruled “not guilty”. All the allegations and rumors have been proven wrong. The truth is, I did help with forest fire prevention in northern Thailand and I did help hospitals during covid 19. The last 4 years have been tough but as the saying goes “tough times don’t last, tough people do.” I can’t wait to tell you guys all about it. ที่มา : https://www.facebook.com/share/r/JyE5Un2vN8MLM5hP/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว