• The sun bathed on a beautiful cityscape.
    The sun bathed on a beautiful cityscape.
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • เปิด 24 ตู้คอนเทนเนอร์ หาหลักฐานตึกสตง.ถล่ม : [THE MESSAGE]
    ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผย คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเอกสารภายในตู้คอนเทนเนอร์ในจุดเกิดเหตุ ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ซึ่งยึดอายัดไว้ 24 ตู้ เพื่อนำเอกสารมาประกอบสำนวน โดยแบ่งเจ้าหน้าที่ 4 ชุดปฏิบัติการ ตรวจสอบเอกสารทั้งหมด สิ่งที่อยากได้คือ เอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้าง Shop Drawing  เอกสารระหว่างผู้รับจ้างช่วง เอกสารการทำงานของวิศวกรจีน-วิศวกรไทย รายละเอียดการตรวจวัสดุ เช่น คอนกรีต เหล็ก ซึ่งเป็นเอกสารที่ไม่มีอยู่ที่สำนักงาน สตง. และหน่วยงานที่เคยเข้าตรวจค้นแล้วก่อนหน้านี้ โดยเอกสารที่ได้มาส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่เป็นการติดต่อกับทางราชการ ไม่กังวลเอกสารจะอยู่ไม่ครบ แม้ก่อนหน้านี้มีชาวจีนลักลอบขนออกไป เพราะเอกสารที่เคยขนออกไปได้กลับคืนมาครบแล้ว
    เปิด 24 ตู้คอนเทนเนอร์ หาหลักฐานตึกสตง.ถล่ม : [THE MESSAGE] ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เผย คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเอกสารภายในตู้คอนเทนเนอร์ในจุดเกิดเหตุ ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม ซึ่งยึดอายัดไว้ 24 ตู้ เพื่อนำเอกสารมาประกอบสำนวน โดยแบ่งเจ้าหน้าที่ 4 ชุดปฏิบัติการ ตรวจสอบเอกสารทั้งหมด สิ่งที่อยากได้คือ เอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้าง Shop Drawing  เอกสารระหว่างผู้รับจ้างช่วง เอกสารการทำงานของวิศวกรจีน-วิศวกรไทย รายละเอียดการตรวจวัสดุ เช่น คอนกรีต เหล็ก ซึ่งเป็นเอกสารที่ไม่มีอยู่ที่สำนักงาน สตง. และหน่วยงานที่เคยเข้าตรวจค้นแล้วก่อนหน้านี้ โดยเอกสารที่ได้มาส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่เป็นการติดต่อกับทางราชการ ไม่กังวลเอกสารจะอยู่ไม่ครบ แม้ก่อนหน้านี้มีชาวจีนลักลอบขนออกไป เพราะเอกสารที่เคยขนออกไปได้กลับคืนมาครบแล้ว
    Like
    Angry
    2
    0 Comments 1 Shares 174 Views 52 0 Reviews
  • The miniature paper house
    The miniature paper house
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่มีต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยการวิเคราะห์จาก TechInsights ระบุว่าหากอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ที่ระดับสูงถึง 40% ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกอาจหดตัวลงถึง 34% ในปี 2026 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์เดิม

    ในปัจจุบัน สหรัฐฯ และจีนต่างกำหนดอัตราภาษีที่สูงกว่า 100% ต่อสินค้านำเข้าจากกันและกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะในด้านการผลิตและการส่งออก นอกจากนี้ จีนยังได้ห้ามการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    TechInsights คาดการณ์ว่าหากอัตราภาษีทั่วโลกอยู่ที่ 10% ตลาดเซมิคอนดักเตอร์จะมีมูลค่า 844 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2026 แต่หากอัตราภาษีทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 40% ตลาดจะหดตัวลงเหลือเพียง 557 พันล้านดอลลาร์

    ✅ อัตราภาษีและผลกระทบต่อการเติบโต
    - อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สูงถึง 40% อาจทำให้ตลาดเซมิคอนดักเตอร์หดตัวลงถึง 34% ในปี 2026
    - หากอัตราภาษีทั่วโลกอยู่ที่ 10% ตลาดจะมีมูลค่า 844 พันล้านดอลลาร์

    ✅ การตอบโต้ของจีน
    - จีนกำหนดอัตราภาษี 125% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ
    - ห้ามการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐฯ

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - การผลิตและการส่งออกได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีที่สูง
    - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกอาจหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ

    ✅ การคาดการณ์ของ TechInsights
    - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์จะมีมูลค่า 557 พันล้านดอลลาร์ในปี 2026 หากอัตราภาษีทั่วโลกอยู่ที่ 40%

    https://wccftech.com/techinsights-if-the-average-us-import-tariff-rate-remains-sticky-at-40-percent-the-global-semiconductor-market-will-shrink-by-a-third-in-2026/
    บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่มีต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยการวิเคราะห์จาก TechInsights ระบุว่าหากอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ที่ระดับสูงถึง 40% ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกอาจหดตัวลงถึง 34% ในปี 2026 เมื่อเทียบกับการคาดการณ์เดิม ในปัจจุบัน สหรัฐฯ และจีนต่างกำหนดอัตราภาษีที่สูงกว่า 100% ต่อสินค้านำเข้าจากกันและกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะในด้านการผลิตและการส่งออก นอกจากนี้ จีนยังได้ห้ามการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ TechInsights คาดการณ์ว่าหากอัตราภาษีทั่วโลกอยู่ที่ 10% ตลาดเซมิคอนดักเตอร์จะมีมูลค่า 844 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2026 แต่หากอัตราภาษีทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 40% ตลาดจะหดตัวลงเหลือเพียง 557 พันล้านดอลลาร์ ✅ อัตราภาษีและผลกระทบต่อการเติบโต - อัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สูงถึง 40% อาจทำให้ตลาดเซมิคอนดักเตอร์หดตัวลงถึง 34% ในปี 2026 - หากอัตราภาษีทั่วโลกอยู่ที่ 10% ตลาดจะมีมูลค่า 844 พันล้านดอลลาร์ ✅ การตอบโต้ของจีน - จีนกำหนดอัตราภาษี 125% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ - ห้ามการส่งออกแร่หายากไปยังสหรัฐฯ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - การผลิตและการส่งออกได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีที่สูง - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกอาจหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ✅ การคาดการณ์ของ TechInsights - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์จะมีมูลค่า 557 พันล้านดอลลาร์ในปี 2026 หากอัตราภาษีทั่วโลกอยู่ที่ 40% https://wccftech.com/techinsights-if-the-average-us-import-tariff-rate-remains-sticky-at-40-percent-the-global-semiconductor-market-will-shrink-by-a-third-in-2026/
    WCCFTECH.COM
    TechInsights: If The Average US Import Tariff Rate Remains Sticky At 40 Percent, The Global Semiconductor Market Will Shrink By A Third In 2026
    TechInsights has now published its take on the tariff-related one-upmanship between the US and China, and its impact on semiconductors.
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • SK hynix ได้เปิดตัวเทคโนโลยีหน่วยความจำ HBM4 เป็นครั้งแรกในงาน TSMC's North America Technology Symposium โดยเทคโนโลยีนี้มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลสูงถึง 48 GB และมีแบนด์วิดท์ที่น่าทึ่งถึง 2.0 TB/s พร้อมความเร็ว I/O ที่ 8.0 Gbps ซึ่งถือว่าเป็นก้าวสำคัญในตลาดหน่วยความจำ HBM (High Bandwidth Memory)

    SK hynix ยังได้แสดงเทคโนโลยี HBM3E ที่มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลสูงสุด 16 ชั้น และแบนด์วิดท์ 1.2 TB/s ซึ่งจะถูกนำไปใช้ใน AI clusters ของ NVIDIA เช่น GB300 "Blackwell Ultra" นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวหน่วยความจำสำหรับเซิร์ฟเวอร์ เช่น RDIMMs และ MRDIMMs ที่มีความเร็วสูงสุดถึง 12.8 Gbps และความจุสูงสุด 256 GB

    เทคโนโลยี HBM4 ของ SK hynix ได้รับการพัฒนาโดยใช้เทคนิค Advanced MR-MUF และ TSV ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อชั้นหน่วยความจำ และคาดว่าจะเริ่มการผลิตในเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025

    ✅ การเปิดตัว HBM4
    - ความจุสูงสุด 48 GB และแบนด์วิดท์ 2.0 TB/s
    - ความเร็ว I/O สูงถึง 8.0 Gbps

    ✅ การพัฒนา HBM3E
    - ความจุสูงสุด 16 ชั้น และแบนด์วิดท์ 1.2 TB/s
    - ใช้ใน AI clusters ของ NVIDIA เช่น GB300 "Blackwell Ultra"

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์
    - RDIMMs และ MRDIMMs มีความเร็วสูงสุด 12.8 Gbps
    - ความจุสูงสุด 256 GB

    ✅ เป้าหมายของ SK hynix
    - เป็นผู้นำในตลาด HBM และ DRAM ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่

    https://wccftech.com/sk-hynix-showcases-world-first-hbm4-technology-to-the-public/
    SK hynix ได้เปิดตัวเทคโนโลยีหน่วยความจำ HBM4 เป็นครั้งแรกในงาน TSMC's North America Technology Symposium โดยเทคโนโลยีนี้มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลสูงถึง 48 GB และมีแบนด์วิดท์ที่น่าทึ่งถึง 2.0 TB/s พร้อมความเร็ว I/O ที่ 8.0 Gbps ซึ่งถือว่าเป็นก้าวสำคัญในตลาดหน่วยความจำ HBM (High Bandwidth Memory) SK hynix ยังได้แสดงเทคโนโลยี HBM3E ที่มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลสูงสุด 16 ชั้น และแบนด์วิดท์ 1.2 TB/s ซึ่งจะถูกนำไปใช้ใน AI clusters ของ NVIDIA เช่น GB300 "Blackwell Ultra" นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวหน่วยความจำสำหรับเซิร์ฟเวอร์ เช่น RDIMMs และ MRDIMMs ที่มีความเร็วสูงสุดถึง 12.8 Gbps และความจุสูงสุด 256 GB เทคโนโลยี HBM4 ของ SK hynix ได้รับการพัฒนาโดยใช้เทคนิค Advanced MR-MUF และ TSV ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อชั้นหน่วยความจำ และคาดว่าจะเริ่มการผลิตในเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ✅ การเปิดตัว HBM4 - ความจุสูงสุด 48 GB และแบนด์วิดท์ 2.0 TB/s - ความเร็ว I/O สูงถึง 8.0 Gbps ✅ การพัฒนา HBM3E - ความจุสูงสุด 16 ชั้น และแบนด์วิดท์ 1.2 TB/s - ใช้ใน AI clusters ของ NVIDIA เช่น GB300 "Blackwell Ultra" ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์ - RDIMMs และ MRDIMMs มีความเร็วสูงสุด 12.8 Gbps - ความจุสูงสุด 256 GB ✅ เป้าหมายของ SK hynix - เป็นผู้นำในตลาด HBM และ DRAM ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ https://wccftech.com/sk-hynix-showcases-world-first-hbm4-technology-to-the-public/
    WCCFTECH.COM
    SK Hynix Showcases World's First HBM4 Technology To The Public; Featuring 16-Hi Stacks, 2.0 TB/s Bandwidth & TSMC Logic Die
    SK Hynix decided to showcase its HBM4 implementation to the public at TSMC's NA Technology Symposium, alongside several memory products.
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงความกังวลของพนักงานเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ในที่ทำงาน โดยผลสำรวจจาก Beautiful.ai พบว่า 64% ของผู้จัดการ เชื่อว่าพนักงานกลัวว่า AI จะทำให้พวกเขามีคุณค่าน้อยลง และ 58% กังวลว่า AI อาจทำให้พวกเขาสูญเสียงาน แม้ว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในหลายด้าน เช่น การจัดการงานที่ซ้ำซาก แต่ผู้จัดการส่วนใหญ่ยังคงมองว่า AI ไม่สามารถแทนที่การตัดสินใจระดับสูงได้

    นอกจากนี้ ผู้จัดการยังระบุว่าความกลัวต่อ AI เกิดจาก "ความไม่รู้" และการต่อต้านของพนักงานเมื่อมีการนำ AI เข้ามาใช้ในองค์กร แม้ว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ก็อาจส่งผลต่อค่าจ้างและบทบาทของพนักงานในอนาคต

    ✅ ความกังวลของพนักงาน
    - 64% ของผู้จัดการเชื่อว่าพนักงานกลัวว่า AI จะทำให้พวกเขามีคุณค่าน้อยลง
    - 58% กังวลว่า AI อาจทำให้พวกเขาสูญเสียงาน

    ✅ การใช้งาน AI ในองค์กร
    - AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในงานที่ซ้ำซาก
    - ผู้จัดการส่วนใหญ่ยังมองว่า AI ไม่สามารถแทนที่การตัดสินใจระดับสูงได้

    ✅ ความท้าทายในการนำ AI มาใช้
    - ความกลัวต่อ AI เกิดจาก "ความไม่รู้" และการต่อต้านของพนักงาน
    - AI อาจส่งผลต่อค่าจ้างและบทบาทของพนักงานในอนาคต

    ✅ เป้าหมายของการใช้ AI
    - เพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการทำงาน

    https://www.techradar.com/pro/two-thirds-of-managers-think-employees-are-fearful-of-the-impact-of-ai-tools-heres-what-this-survey-says
    บทความนี้กล่าวถึงความกังวลของพนักงานเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ในที่ทำงาน โดยผลสำรวจจาก Beautiful.ai พบว่า 64% ของผู้จัดการ เชื่อว่าพนักงานกลัวว่า AI จะทำให้พวกเขามีคุณค่าน้อยลง และ 58% กังวลว่า AI อาจทำให้พวกเขาสูญเสียงาน แม้ว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในหลายด้าน เช่น การจัดการงานที่ซ้ำซาก แต่ผู้จัดการส่วนใหญ่ยังคงมองว่า AI ไม่สามารถแทนที่การตัดสินใจระดับสูงได้ นอกจากนี้ ผู้จัดการยังระบุว่าความกลัวต่อ AI เกิดจาก "ความไม่รู้" และการต่อต้านของพนักงานเมื่อมีการนำ AI เข้ามาใช้ในองค์กร แม้ว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ก็อาจส่งผลต่อค่าจ้างและบทบาทของพนักงานในอนาคต ✅ ความกังวลของพนักงาน - 64% ของผู้จัดการเชื่อว่าพนักงานกลัวว่า AI จะทำให้พวกเขามีคุณค่าน้อยลง - 58% กังวลว่า AI อาจทำให้พวกเขาสูญเสียงาน ✅ การใช้งาน AI ในองค์กร - AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในงานที่ซ้ำซาก - ผู้จัดการส่วนใหญ่ยังมองว่า AI ไม่สามารถแทนที่การตัดสินใจระดับสูงได้ ✅ ความท้าทายในการนำ AI มาใช้ - ความกลัวต่อ AI เกิดจาก "ความไม่รู้" และการต่อต้านของพนักงาน - AI อาจส่งผลต่อค่าจ้างและบทบาทของพนักงานในอนาคต ✅ เป้าหมายของการใช้ AI - เพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการทำงาน https://www.techradar.com/pro/two-thirds-of-managers-think-employees-are-fearful-of-the-impact-of-ai-tools-heres-what-this-survey-says
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงการทดสอบโมดูลหน่วยความจำ GDDR7 ของ SK hynix ที่ใช้ใน GPU รุ่น RTX 5070 Ti โดยพบว่ามีศักยภาพในการโอเวอร์คล็อกที่ใกล้เคียงกับโมดูลของ Samsung โดยสามารถเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 34 Gbps อย่างไรก็ตาม การทดสอบยังขาดข้อมูลด้านความร้อนและประสิทธิภาพพลังงาน

    การทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่า Nvidia ได้เพิ่ม SK hynix เป็นผู้จัดหาหน่วยความจำ GDDR7 สำหรับซีรีส์ RTX 50 นอกเหนือจาก Samsung เพื่อเพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์ แม้ว่าจะมีข้อสันนิษฐานว่า BIOS ของ RTX 50 อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตหน่วยความจำ ซึ่งอาจทำให้การใช้งาน BIOS ข้ามผู้ผลิตทำให้การ์ดจอเสียหายได้

    ✅ การทดสอบโมดูล GDDR7
    - SK Hynix GDDR7 สามารถโอเวอร์คล็อกได้ถึง 34 Gbps
    - มีศักยภาพใกล้เคียงกับโมดูลของ Samsung

    ✅ การเพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์
    - Nvidia เพิ่ม SK hynix เป็นผู้จัดหาหน่วยความจำ GDDR7 สำหรับซีรีส์ RTX 50

    ✅ ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับ BIOS
    - BIOS ของ RTX 50 อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตหน่วยความจำ
    - การใช้งาน BIOS ข้ามผู้ผลิตอาจทำให้การ์ดจอเสียหาย

    ✅ เป้าหมายของ Nvidia
    - เพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์เพื่อความมั่นคงของการผลิต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/sk-hynix-gddr7-modules-hit-34-gbps-on-the-rtx-5070-ti-similar-oc-performance-to-samsung
    บทความนี้กล่าวถึงการทดสอบโมดูลหน่วยความจำ GDDR7 ของ SK hynix ที่ใช้ใน GPU รุ่น RTX 5070 Ti โดยพบว่ามีศักยภาพในการโอเวอร์คล็อกที่ใกล้เคียงกับโมดูลของ Samsung โดยสามารถเพิ่มความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 34 Gbps อย่างไรก็ตาม การทดสอบยังขาดข้อมูลด้านความร้อนและประสิทธิภาพพลังงาน การทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่า Nvidia ได้เพิ่ม SK hynix เป็นผู้จัดหาหน่วยความจำ GDDR7 สำหรับซีรีส์ RTX 50 นอกเหนือจาก Samsung เพื่อเพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์ แม้ว่าจะมีข้อสันนิษฐานว่า BIOS ของ RTX 50 อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตหน่วยความจำ ซึ่งอาจทำให้การใช้งาน BIOS ข้ามผู้ผลิตทำให้การ์ดจอเสียหายได้ ✅ การทดสอบโมดูล GDDR7 - SK Hynix GDDR7 สามารถโอเวอร์คล็อกได้ถึง 34 Gbps - มีศักยภาพใกล้เคียงกับโมดูลของ Samsung ✅ การเพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์ - Nvidia เพิ่ม SK hynix เป็นผู้จัดหาหน่วยความจำ GDDR7 สำหรับซีรีส์ RTX 50 ✅ ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับ BIOS - BIOS ของ RTX 50 อาจขึ้นอยู่กับผู้ผลิตหน่วยความจำ - การใช้งาน BIOS ข้ามผู้ผลิตอาจทำให้การ์ดจอเสียหาย ✅ เป้าหมายของ Nvidia - เพิ่มความหลากหลายของซัพพลายเออร์เพื่อความมั่นคงของการผลิต https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/sk-hynix-gddr7-modules-hit-34-gbps-on-the-rtx-5070-ti-similar-oc-performance-to-samsung
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงการครบรอบ 25 ปีของ USB 2.0 ซึ่งเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อที่เปลี่ยนแปลงโลกของการถ่ายโอนข้อมูล USB 2.0 เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 27 เมษายน 2000 โดย USB Implementers Forum (USB-IF) และมีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 480 Mbps ซึ่งเร็วกว่า USB 1.1 ถึง 40 เท่า และยังมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า FireWire 400 ของ Apple ทำให้ USB 2.0 ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

    แม้จะเปิดตัวในปี 2000 แต่ USB 2.0 เริ่มถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในปี 2002 โดย VIA เป็นบริษัทแรกที่นำ USB 2.0 มาใช้ในชิปเซ็ตของตน และ Apple ตามมาในปี 2003 อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการ Windows XP ต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งปีในการรองรับ USB 2.0 ผ่าน Service Pack 1

    USB 2.0 ช่วยแทนที่พอร์ตแบบขนานและแบบอนุกรมที่มีขนาดใหญ่และช้า โดย USB 2.0 มีขนาดเล็กกว่าและรองรับการเชื่อมต่อแบบ hot-swappable นอกจากนี้ USB-IF ยังได้พัฒนาขั้วต่อขนาดเล็ก เช่น USB Mini และ USB Micro เพื่อรองรับอุปกรณ์พกพา

    ✅ การเปิดตัวและความเร็ว
    - เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 27 เมษายน 2000
    - มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 480 Mbps

    ✅ การใช้งานและการพัฒนา
    - VIA เป็นบริษัทแรกที่นำ USB 2.0 มาใช้ในปี 2002
    - Apple เริ่มใช้งาน USB 2.0 ในปี 2003

    ✅ การแทนที่พอร์ตแบบเดิม
    - แทนที่พอร์ตแบบขนานและแบบอนุกรมที่มีขนาดใหญ่และช้า
    - รองรับการเชื่อมต่อแบบ hot-swappable

    ✅ การพัฒนาขั้วต่อขนาดเล็ก
    - USB Mini และ USB Micro ถูกพัฒนาสำหรับอุปกรณ์พกพา

    https://www.tomshardware.com/peripherals/usb/usb-2-0-is-25-years-old-today-the-interface-standard-that-changed-the-world
    บทความนี้กล่าวถึงการครบรอบ 25 ปีของ USB 2.0 ซึ่งเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อที่เปลี่ยนแปลงโลกของการถ่ายโอนข้อมูล USB 2.0 เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 27 เมษายน 2000 โดย USB Implementers Forum (USB-IF) และมีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 480 Mbps ซึ่งเร็วกว่า USB 1.1 ถึง 40 เท่า และยังมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า FireWire 400 ของ Apple ทำให้ USB 2.0 ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แม้จะเปิดตัวในปี 2000 แต่ USB 2.0 เริ่มถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในปี 2002 โดย VIA เป็นบริษัทแรกที่นำ USB 2.0 มาใช้ในชิปเซ็ตของตน และ Apple ตามมาในปี 2003 อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการ Windows XP ต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งปีในการรองรับ USB 2.0 ผ่าน Service Pack 1 USB 2.0 ช่วยแทนที่พอร์ตแบบขนานและแบบอนุกรมที่มีขนาดใหญ่และช้า โดย USB 2.0 มีขนาดเล็กกว่าและรองรับการเชื่อมต่อแบบ hot-swappable นอกจากนี้ USB-IF ยังได้พัฒนาขั้วต่อขนาดเล็ก เช่น USB Mini และ USB Micro เพื่อรองรับอุปกรณ์พกพา ✅ การเปิดตัวและความเร็ว - เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 27 เมษายน 2000 - มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 480 Mbps ✅ การใช้งานและการพัฒนา - VIA เป็นบริษัทแรกที่นำ USB 2.0 มาใช้ในปี 2002 - Apple เริ่มใช้งาน USB 2.0 ในปี 2003 ✅ การแทนที่พอร์ตแบบเดิม - แทนที่พอร์ตแบบขนานและแบบอนุกรมที่มีขนาดใหญ่และช้า - รองรับการเชื่อมต่อแบบ hot-swappable ✅ การพัฒนาขั้วต่อขนาดเล็ก - USB Mini และ USB Micro ถูกพัฒนาสำหรับอุปกรณ์พกพา https://www.tomshardware.com/peripherals/usb/usb-2-0-is-25-years-old-today-the-interface-standard-that-changed-the-world
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    USB 2.0 is 25 years old today — the interface standard that changed the world
    USB 2.0 was the game-changer we needed to revolutionize data transfer between devices.
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • ลุงไม่คิดว่ามันจะต้องถึงขนาดนี้เลยนะ

    Asus ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน GPU รุ่น ROG Astral ที่ชื่อว่า Equipment Installation Check ซึ่งใช้เซ็นเซอร์ Bosch Sensortec BMI323 Inertial Measurement Unit (IMU) เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของการ์ดจอ ฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันปัญหา GPU sagging หรือการที่การ์ดจอหนักเกินไปจนทำให้เกิดความเสียหายต่อเมนบอร์ด

    การ์ดจอ ROG Astral มีน้ำหนักถึง 3 กิโลกรัม ซึ่งหนักกว่าก้อนอิฐมาตรฐาน และแม้จะมีการเสริมความแข็งแรงในช่อง PCIe หรือการใช้ขาตั้งรองรับ แต่ก็ยังมีโอกาสที่ขาตั้งจะหลุดหรือคลายตัวเมื่อเวลาผ่านไป ฟีเจอร์นี้จึงช่วยแจ้งเตือนผู้ใช้งานหากการ์ดจอมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งโดยไม่ได้ตั้งใจ

    นอกจากนี้ ROG Astral ยังมาพร้อมฟีเจอร์อื่นๆ เช่น Power Detector+ ที่ตรวจสอบการกระจายพลังงานในสายไฟ 12V และ Thermal Map ที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิรอบการ์ดจอเพื่อป้องกันจุดร้อน

    ✅ ฟีเจอร์ Equipment Installation Check
    - ใช้เซ็นเซอร์ IMU เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของการ์ดจอ
    - ช่วยป้องกันปัญหา GPU sagging ที่อาจทำให้เมนบอร์ดเสียหาย

    ✅ น้ำหนักและการออกแบบ
    - การ์ดจอมีน้ำหนักถึง 3 กิโลกรัม
    - มีการเสริมความแข็งแรงในช่อง PCIe และขาตั้งรองรับ

    ✅ ฟีเจอร์เสริมอื่นๆ
    - Power Detector+ ตรวจสอบการกระจายพลังงานในสายไฟ
    - Thermal Map ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิรอบการ์ดจอ

    ✅ เป้าหมายของฟีเจอร์
    - ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gpus-built-in-gyro-and-accelerometer-tell-you-if-the-card-isnt-level-rog-astral-gpu-battles-card-sag-with-software-monitored-feature
    ลุงไม่คิดว่ามันจะต้องถึงขนาดนี้เลยนะ Asus ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน GPU รุ่น ROG Astral ที่ชื่อว่า Equipment Installation Check ซึ่งใช้เซ็นเซอร์ Bosch Sensortec BMI323 Inertial Measurement Unit (IMU) เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของการ์ดจอ ฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันปัญหา GPU sagging หรือการที่การ์ดจอหนักเกินไปจนทำให้เกิดความเสียหายต่อเมนบอร์ด การ์ดจอ ROG Astral มีน้ำหนักถึง 3 กิโลกรัม ซึ่งหนักกว่าก้อนอิฐมาตรฐาน และแม้จะมีการเสริมความแข็งแรงในช่อง PCIe หรือการใช้ขาตั้งรองรับ แต่ก็ยังมีโอกาสที่ขาตั้งจะหลุดหรือคลายตัวเมื่อเวลาผ่านไป ฟีเจอร์นี้จึงช่วยแจ้งเตือนผู้ใช้งานหากการ์ดจอมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งโดยไม่ได้ตั้งใจ นอกจากนี้ ROG Astral ยังมาพร้อมฟีเจอร์อื่นๆ เช่น Power Detector+ ที่ตรวจสอบการกระจายพลังงานในสายไฟ 12V และ Thermal Map ที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิรอบการ์ดจอเพื่อป้องกันจุดร้อน ✅ ฟีเจอร์ Equipment Installation Check - ใช้เซ็นเซอร์ IMU เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของการ์ดจอ - ช่วยป้องกันปัญหา GPU sagging ที่อาจทำให้เมนบอร์ดเสียหาย ✅ น้ำหนักและการออกแบบ - การ์ดจอมีน้ำหนักถึง 3 กิโลกรัม - มีการเสริมความแข็งแรงในช่อง PCIe และขาตั้งรองรับ ✅ ฟีเจอร์เสริมอื่นๆ - Power Detector+ ตรวจสอบการกระจายพลังงานในสายไฟ - Thermal Map ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิรอบการ์ดจอ ✅ เป้าหมายของฟีเจอร์ - ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/gpus-built-in-gyro-and-accelerometer-tell-you-if-the-card-isnt-level-rog-astral-gpu-battles-card-sag-with-software-monitored-feature
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงข้อบกพร่องและความไม่สมบูรณ์ในระบบปฏิบัติการ Windows 11 ที่ยังคงสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้งาน แม้จะมีการปรับปรุงตั้งแต่เปิดตัวในปี 2021 โดยมีประเด็นสำคัญที่ถูกวิจารณ์ เช่น การสนับสนุน Dark Mode ที่ไม่ครอบคลุม การขาดฟีเจอร์การเปลี่ยนธีมอัตโนมัติ การรวม Control Panel เข้ากับ Settings app ที่ยังไม่สมบูรณ์ การออกแบบ Start Menu และ Taskbar ที่ไม่ยืดหยุ่น และปัญหาเกี่ยวกับแอนิเมชันที่ไม่ราบรื่น

    ผู้เขียนบทความยังเสนอแนะให้ Microsoft ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงฟีเจอร์พื้นฐานที่ผู้ใช้งานต้องการมากกว่าการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่อาจไม่จำเป็น

    ✅ การสนับสนุน Dark Mode
    - Dark Mode ไม่ครอบคลุมใน UI บางส่วน เช่น File Properties และ Control Panel
    - มีแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามที่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้

    ✅ การเปลี่ยนธีมอัตโนมัติ
    - Windows 11 ยังไม่มีฟีเจอร์การเปลี่ยนธีมอัตโนมัติตามเวลา

    ✅ การรวม Control Panel กับ Settings app
    - การรวมยังไม่สมบูรณ์ เช่น Disk Management และ Device Manager
    - UI บางส่วนยังไม่มีการสนับสนุน DPI สูงหรือ Dark Mode

    ✅ การออกแบบ Start Menu และ Taskbar
    - Start Menu ไม่สามารถปรับขนาดได้ตามต้องการ
    - Taskbar ไม่สามารถย้ายตำแหน่งได้

    ✅ ปัญหาเกี่ยวกับแอนิเมชัน
    - แอนิเมชันใน Task View และ Virtual Desktops ไม่ราบรื่น

    https://www.neowin.net/editorials/windows-11-still-grinds-my-gears-with-these-5-things/
    บทความนี้กล่าวถึงข้อบกพร่องและความไม่สมบูรณ์ในระบบปฏิบัติการ Windows 11 ที่ยังคงสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้งาน แม้จะมีการปรับปรุงตั้งแต่เปิดตัวในปี 2021 โดยมีประเด็นสำคัญที่ถูกวิจารณ์ เช่น การสนับสนุน Dark Mode ที่ไม่ครอบคลุม การขาดฟีเจอร์การเปลี่ยนธีมอัตโนมัติ การรวม Control Panel เข้ากับ Settings app ที่ยังไม่สมบูรณ์ การออกแบบ Start Menu และ Taskbar ที่ไม่ยืดหยุ่น และปัญหาเกี่ยวกับแอนิเมชันที่ไม่ราบรื่น ผู้เขียนบทความยังเสนอแนะให้ Microsoft ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงฟีเจอร์พื้นฐานที่ผู้ใช้งานต้องการมากกว่าการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่อาจไม่จำเป็น ✅ การสนับสนุน Dark Mode - Dark Mode ไม่ครอบคลุมใน UI บางส่วน เช่น File Properties และ Control Panel - มีแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามที่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ✅ การเปลี่ยนธีมอัตโนมัติ - Windows 11 ยังไม่มีฟีเจอร์การเปลี่ยนธีมอัตโนมัติตามเวลา ✅ การรวม Control Panel กับ Settings app - การรวมยังไม่สมบูรณ์ เช่น Disk Management และ Device Manager - UI บางส่วนยังไม่มีการสนับสนุน DPI สูงหรือ Dark Mode ✅ การออกแบบ Start Menu และ Taskbar - Start Menu ไม่สามารถปรับขนาดได้ตามต้องการ - Taskbar ไม่สามารถย้ายตำแหน่งได้ ✅ ปัญหาเกี่ยวกับแอนิเมชัน - แอนิเมชันใน Task View และ Virtual Desktops ไม่ราบรื่น https://www.neowin.net/editorials/windows-11-still-grinds-my-gears-with-these-5-things/
    WWW.NEOWIN.NET
    Windows 11 still grinds my gears with these 5 things
    In its fourth year, Windows 11 is in a much better state than it was in 2021. However, Microsoft still won't fix these five things that grind my gears.
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • The Last Equation of Elias Voltaire" encourages cognitive scientists, medical philosophers and especially for those grieving the death of a loved one.

    It highlights the importance of compassion and serves as a reminder of significant truths that may be overlooked.

    Book on Amazon : The Last Equation of Elias Voltaire https://www.amazon.com/dp/B0F1FH8LLG

    FashionFromPhilosophy : https://www.redbubble.com/shop/ap/170279088?ref=studio-promote

    Song - In the Beginning, There Was Stillness : https://open.spotify.com/playlist/0SDJzlDtAgZYdbTxfEGmCJ


    The Last Equation of Elias Voltaire: A New Cognitive and Medical Frontier
    https://www.facebook.com/groups/23980494804930838
    The Last Equation of Elias Voltaire" encourages cognitive scientists, medical philosophers and especially for those grieving the death of a loved one. It highlights the importance of compassion and serves as a reminder of significant truths that may be overlooked. Book on Amazon : The Last Equation of Elias Voltaire https://www.amazon.com/dp/B0F1FH8LLG FashionFromPhilosophy : https://www.redbubble.com/shop/ap/170279088?ref=studio-promote Song - In the Beginning, There Was Stillness : https://open.spotify.com/playlist/0SDJzlDtAgZYdbTxfEGmCJ The Last Equation of Elias Voltaire: A New Cognitive and Medical Frontier https://www.facebook.com/groups/23980494804930838
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • ผลการสำรวจล่าสุดจาก Malwarebytes เผยว่า เกือบสามในสี่ของผู้คน ไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลบนสมาร์ทโฟน และ เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ มองว่าบริษัทต่างๆ ก็ไม่น่าเชื่อถือเช่นกัน ความกังวลนี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การที่รัฐบาลอังกฤษเรียกร้องให้ Apple เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานที่เข้ารหัส การล้มละลายของบริษัทตรวจสอบพันธุกรรม 23andMe และการใช้ข้อมูลจำนวนมากใน AI chatbot

    ความไม่ไว้วางใจนี้สะท้อนถึงความกังวลของผู้คนเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวในยุคดิจิทัล ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับรัฐบาลและบริษัทต่างๆ

    ✅ ผลการสำรวจจาก Malwarebytes
    - เกือบสามในสี่ของผู้คนไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
    - เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์มองว่าบริษัทต่างๆ ไม่น่าเชื่อถือ

    ✅ เหตุการณ์ที่กระตุ้นความกังวล
    - รัฐบาลอังกฤษเรียกร้องให้ Apple เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานที่เข้ารหัส
    - การล้มละลายของบริษัทตรวจสอบพันธุกรรม 23andMe
    - การใช้ข้อมูลจำนวนมากใน AI chatbot

    ✅ ผลกระทบต่อความไว้วางใจ
    - ผู้คนกังวลเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลในยุคดิจิทัล
    - ข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับรัฐบาลและบริษัท

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/27/most-people-mistrust-governments-and-businesses-on-data-privacy
    ผลการสำรวจล่าสุดจาก Malwarebytes เผยว่า เกือบสามในสี่ของผู้คน ไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลบนสมาร์ทโฟน และ เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ มองว่าบริษัทต่างๆ ก็ไม่น่าเชื่อถือเช่นกัน ความกังวลนี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การที่รัฐบาลอังกฤษเรียกร้องให้ Apple เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานที่เข้ารหัส การล้มละลายของบริษัทตรวจสอบพันธุกรรม 23andMe และการใช้ข้อมูลจำนวนมากใน AI chatbot ความไม่ไว้วางใจนี้สะท้อนถึงความกังวลของผู้คนเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวในยุคดิจิทัล ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับรัฐบาลและบริษัทต่างๆ ✅ ผลการสำรวจจาก Malwarebytes - เกือบสามในสี่ของผู้คนไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล - เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์มองว่าบริษัทต่างๆ ไม่น่าเชื่อถือ ✅ เหตุการณ์ที่กระตุ้นความกังวล - รัฐบาลอังกฤษเรียกร้องให้ Apple เปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานที่เข้ารหัส - การล้มละลายของบริษัทตรวจสอบพันธุกรรม 23andMe - การใช้ข้อมูลจำนวนมากใน AI chatbot ✅ ผลกระทบต่อความไว้วางใจ - ผู้คนกังวลเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลในยุคดิจิทัล - ข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับรัฐบาลและบริษัท https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/27/most-people-mistrust-governments-and-businesses-on-data-privacy
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Most people mistrust governments and businesses on data privacy
    Almost three-quarters of people surveyed by Internet security software maker Malwarebytes do not trust governments with their data while almost nine in 10 view companies to be just as shady.
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงบทบาทของโซเชียลมีเดียที่กลายเป็นแหล่งข้อมูลด้านสุขภาพจิตสำหรับวัยรุ่นในสหรัฐฯ โดยผลการศึกษาจาก Pew Research Center พบว่า 34% ของวัยรุ่นอายุ 13-17 ปี ใช้โซเชียลมีเดีย เช่น Instagram, TikTok และ YouTube เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพจิต และ 9% ใช้บ่อยหรือค่อนข้างบ่อย

    โซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มสำหรับความบันเทิงอีกต่อไป แต่ยังกลายเป็นที่พึ่งทางจิตใจสำหรับวัยรุ่น อย่างไรก็ตาม การใช้งานโซเชียลมีเดียยังมีผลกระทบด้านลบ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่รายงานว่ามีประสบการณ์เชิงลบมากกว่าผู้ชาย

    ✅ การใช้งานเพื่อสุขภาพจิต
    - 34% ของวัยรุ่นใช้โซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาข้อมูลด้านสุขภาพจิต
    - 9% ใช้บ่อยหรือค่อนข้างบ่อย

    ✅ แพลตฟอร์มที่นิยม
    - Instagram, TikTok และ YouTube เป็นแพลตฟอร์มหลักที่วัยรุ่นใช้

    ✅ ผลกระทบต่อวัยรุ่น
    - โซเชียลมีเดียกลายเป็นที่พึ่งทางจิตใจสำหรับวัยรุ่น
    - ผู้หญิงรายงานว่ามีประสบการณ์เชิงลบมากกว่าผู้ชาย

    ✅ การเปลี่ยนแปลงบทบาทของโซเชียลมีเดีย
    - จากแพลตฟอร์มความบันเทิงสู่แหล่งข้อมูลด้านสุขภาพจิต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/27/social-media-is-a-mental-heath-resource-for-one-in-three-us-teens
    บทความนี้กล่าวถึงบทบาทของโซเชียลมีเดียที่กลายเป็นแหล่งข้อมูลด้านสุขภาพจิตสำหรับวัยรุ่นในสหรัฐฯ โดยผลการศึกษาจาก Pew Research Center พบว่า 34% ของวัยรุ่นอายุ 13-17 ปี ใช้โซเชียลมีเดีย เช่น Instagram, TikTok และ YouTube เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพจิต และ 9% ใช้บ่อยหรือค่อนข้างบ่อย โซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มสำหรับความบันเทิงอีกต่อไป แต่ยังกลายเป็นที่พึ่งทางจิตใจสำหรับวัยรุ่น อย่างไรก็ตาม การใช้งานโซเชียลมีเดียยังมีผลกระทบด้านลบ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่รายงานว่ามีประสบการณ์เชิงลบมากกว่าผู้ชาย ✅ การใช้งานเพื่อสุขภาพจิต - 34% ของวัยรุ่นใช้โซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาข้อมูลด้านสุขภาพจิต - 9% ใช้บ่อยหรือค่อนข้างบ่อย ✅ แพลตฟอร์มที่นิยม - Instagram, TikTok และ YouTube เป็นแพลตฟอร์มหลักที่วัยรุ่นใช้ ✅ ผลกระทบต่อวัยรุ่น - โซเชียลมีเดียกลายเป็นที่พึ่งทางจิตใจสำหรับวัยรุ่น - ผู้หญิงรายงานว่ามีประสบการณ์เชิงลบมากกว่าผู้ชาย ✅ การเปลี่ยนแปลงบทบาทของโซเชียลมีเดีย - จากแพลตฟอร์มความบันเทิงสู่แหล่งข้อมูลด้านสุขภาพจิต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/27/social-media-is-a-mental-heath-resource-for-one-in-three-us-teens
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Social media is a mental heath resource for one in three US teens
    From Instagram to TikTok to YouTube, social networks are no longer just for posting selfies or dance videos. For more than a third of American teenagers, they've also become the place to find information about mental health, according to a study by the Pew Research Center.
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • TikTok กำลังเตรียมเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศญี่ปุ่น โดยมีแผนเปิดตัว TikTok Shop ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า บริษัทกำลังเริ่มกระบวนการรับสมัครผู้ขายเพื่อเข้าร่วมแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งเป็นการขยายธุรกิจที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย

    การเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซในญี่ปุ่นของ TikTok เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเติบโตที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์ โดยใช้ความนิยมของแพลตฟอร์มในหมู่ผู้ใช้งานชาวญี่ปุ่นเป็นฐานสำคัญ

    ✅ การเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ
    - TikTok เตรียมเปิดตัว TikTok Shop ในญี่ปุ่นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
    - บริษัทเริ่มรับสมัครผู้ขายเพื่อเข้าร่วมแพลตฟอร์ม

    ✅ เป้าหมายของ TikTok
    - ขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย
    - สร้างรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์

    ✅ ความนิยมของแพลตฟอร์มในญี่ปุ่น
    - ใช้ฐานผู้ใช้งานชาวญี่ปุ่นเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายธุรกิจ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/27/tiktok-to-enter-japan-e-commerce-nikkei-reports
    TikTok กำลังเตรียมเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศญี่ปุ่น โดยมีแผนเปิดตัว TikTok Shop ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า บริษัทกำลังเริ่มกระบวนการรับสมัครผู้ขายเพื่อเข้าร่วมแพลตฟอร์มนี้ ซึ่งเป็นการขยายธุรกิจที่สำคัญในภูมิภาคเอเชีย การเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซในญี่ปุ่นของ TikTok เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเติบโตที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์ โดยใช้ความนิยมของแพลตฟอร์มในหมู่ผู้ใช้งานชาวญี่ปุ่นเป็นฐานสำคัญ ✅ การเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ - TikTok เตรียมเปิดตัว TikTok Shop ในญี่ปุ่นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า - บริษัทเริ่มรับสมัครผู้ขายเพื่อเข้าร่วมแพลตฟอร์ม ✅ เป้าหมายของ TikTok - ขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย - สร้างรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์ ✅ ความนิยมของแพลตฟอร์มในญี่ปุ่น - ใช้ฐานผู้ใช้งานชาวญี่ปุ่นเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายธุรกิจ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/27/tiktok-to-enter-japan-e-commerce-nikkei-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    TikTok to enter Japan e-commerce, Nikkei reports
    (Reuters) -Chinese social media platform TikTok will enter the online shopping industry in Japan within the next few months, Nikkei reported on Sunday.
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
  • Arm บริษัทออกแบบชิปที่มีชื่อเสียงระดับโลก ฉลองครบรอบ 40 ปีของการพัฒนาเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลก โดยเริ่มต้นจากชิป ARM1 ที่มีทรานซิสเตอร์เพียง 25,000 ตัว ในปี 1985 และปัจจุบันชิป Arm ถูกใช้งานในอุปกรณ์กว่า 300 พันล้านเครื่อง ทั่วโลก รวมถึง 99% ของสมาร์ทโฟน และยังมีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นใน IoT, คลาวด์ และ AI

    ชิป ARM1 ถูกพัฒนาขึ้นโดย Sophie Wilson และ Steve Furber ที่ Acorn Computers ในเมือง Cambridge ประเทศอังกฤษ โดยเน้นการออกแบบที่ใช้ชุดคำสั่งที่ลดลง (Reduced Instruction Set Computing หรือ RISC) เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการประมวลผล ชิปนี้ถูกใช้ในคอมพิวเตอร์ BBC Micro และต่อมา ARM2 ถูกนำไปใช้ใน Acorn Archimedes ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ RISC รุ่นแรก

    ในปี 1990 Arm Ltd. ถูกก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Acorn, Apple และ VLSI โดยชิป ARM7TDMI ได้รับความนิยมในโทรศัพท์มือถือ เช่น Nokia 6110 และในปี 2021 Armv9 ได้เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ที่เน้นการประมวลผล AI เช่น Scalable Vector Extension 2 (SVE2) และ Scalable Matrix Extension (SME)

    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีชิป
    - ชิป ARM1 มีทรานซิสเตอร์เพียง 25,000 ตัวในปี 1985
    - Armv9 เปิดตัวในปี 2021 พร้อมฟีเจอร์ที่เน้นการประมวลผล AI

    ✅ การใช้งานในอุปกรณ์ต่างๆ
    - ชิป Arm ถูกใช้งานในอุปกรณ์กว่า 300 พันล้านเครื่องทั่วโลก
    - 99% ของสมาร์ทโฟนใช้ชิป Arm

    ✅ การออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพ
    - ใช้ชุดคำสั่งที่ลดลง (RISC) เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ
    - ฟีเจอร์ใหม่ เช่น SVE2 และ SME ช่วยเพิ่มความสามารถในการประมวลผล AI

    ✅ การเติบโตในตลาดใหม่
    - Arm มีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นใน IoT, คลาวด์ และ AI workloads

    https://www.techradar.com/pro/300-billion-and-counting-most-popular-chip-designer-in-the-world-turns-40-and-it-all-started-in-a-wooden-barn
    Arm บริษัทออกแบบชิปที่มีชื่อเสียงระดับโลก ฉลองครบรอบ 40 ปีของการพัฒนาเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลก โดยเริ่มต้นจากชิป ARM1 ที่มีทรานซิสเตอร์เพียง 25,000 ตัว ในปี 1985 และปัจจุบันชิป Arm ถูกใช้งานในอุปกรณ์กว่า 300 พันล้านเครื่อง ทั่วโลก รวมถึง 99% ของสมาร์ทโฟน และยังมีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นใน IoT, คลาวด์ และ AI ชิป ARM1 ถูกพัฒนาขึ้นโดย Sophie Wilson และ Steve Furber ที่ Acorn Computers ในเมือง Cambridge ประเทศอังกฤษ โดยเน้นการออกแบบที่ใช้ชุดคำสั่งที่ลดลง (Reduced Instruction Set Computing หรือ RISC) เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการประมวลผล ชิปนี้ถูกใช้ในคอมพิวเตอร์ BBC Micro และต่อมา ARM2 ถูกนำไปใช้ใน Acorn Archimedes ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ RISC รุ่นแรก ในปี 1990 Arm Ltd. ถูกก่อตั้งขึ้นเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Acorn, Apple และ VLSI โดยชิป ARM7TDMI ได้รับความนิยมในโทรศัพท์มือถือ เช่น Nokia 6110 และในปี 2021 Armv9 ได้เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ที่เน้นการประมวลผล AI เช่น Scalable Vector Extension 2 (SVE2) และ Scalable Matrix Extension (SME) ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีชิป - ชิป ARM1 มีทรานซิสเตอร์เพียง 25,000 ตัวในปี 1985 - Armv9 เปิดตัวในปี 2021 พร้อมฟีเจอร์ที่เน้นการประมวลผล AI ✅ การใช้งานในอุปกรณ์ต่างๆ - ชิป Arm ถูกใช้งานในอุปกรณ์กว่า 300 พันล้านเครื่องทั่วโลก - 99% ของสมาร์ทโฟนใช้ชิป Arm ✅ การออกแบบที่เน้นประสิทธิภาพ - ใช้ชุดคำสั่งที่ลดลง (RISC) เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ - ฟีเจอร์ใหม่ เช่น SVE2 และ SME ช่วยเพิ่มความสามารถในการประมวลผล AI ✅ การเติบโตในตลาดใหม่ - Arm มีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นใน IoT, คลาวด์ และ AI workloads https://www.techradar.com/pro/300-billion-and-counting-most-popular-chip-designer-in-the-world-turns-40-and-it-all-started-in-a-wooden-barn
    WWW.TECHRADAR.COM
    It started in a wooden shed, now 40 years on Arm powers your entire digital life
    Arm’s minimalist chip design became the blueprint for modern computing
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • Elon Musk ได้เปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า Colossus ซึ่งใช้ GPU Nvidia H100 จำนวน 100,000 ตัว ในการประมวลผล AI อย่างไรก็ตาม ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้เผชิญกับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนที่ใช้ในไซต์งาน Memphis รัฐเทนเนสซี

    ในช่วงแรก Colossus ใช้พลังงานเพียง 7 MW ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งาน GPU เพียง 4% ของทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Musk ได้ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายตัวเพื่อรองรับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ไซต์งานยังคงใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนกว่า 30 ตัว ซึ่งปล่อยสารมลพิษที่เชื่อมโยงกับโรคหอบหืด โรคทางเดินหายใจ และมะเร็งบางชนิด

    Southern Environmental Law Center (SELC) ได้ร่วมมือกับ South Wings ในการถ่ายภาพไซต์งานด้วยกล้องถ่ายภาพความร้อน และพบว่ามีจุดร้อนกว่า 30 จุด ซึ่งบ่งชี้ถึงจำนวนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่

    แม้ว่า Colossus จะได้รับการอนุมัติให้ใช้พลังงาน 150 MW แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าต้องการพลังงานอย่างน้อย 155 MW เพื่อใช้งาน GPU ทั้งหมด และหาก Musk ขยายการใช้งาน GPU เป็น 200,000 ตัว จะต้องการพลังงานถึง 310 MW

    ✅ การออกแบบและการใช้งาน
    - ใช้ GPU Nvidia H100 จำนวน 100,000 ตัว
    - ต้องการพลังงานอย่างน้อย 155 MW เพื่อใช้งาน GPU ทั้งหมด

    ✅ การแก้ไขปัญหาพลังงาน
    - ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนกว่า 30 ตัวเพื่อรองรับความต้องการพลังงาน
    - เครื่องกำเนิดไฟฟ้าปล่อยสารมลพิษที่เชื่อมโยงกับโรคหอบหืดและมะเร็ง

    ✅ การตรวจสอบจาก SELC
    - พบจุดร้อนกว่า 30 จุดในไซต์งานด้วยกล้องถ่ายภาพความร้อน
    - SELC กำลังยื่นคำร้องต่อ Shelby County Health Department เพื่อปฏิเสธการใช้งานเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

    ✅ การขยายการใช้งาน GPU
    - หากขยายการใช้งาน GPU เป็น 200,000 ตัว จะต้องการพลังงานถึง 310 MW

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/elon-musks-nvidia-powered-colossus-supercomputer-faces-pollution-allegations-from-under-reported-power-generators
    Elon Musk ได้เปิดตัวซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า Colossus ซึ่งใช้ GPU Nvidia H100 จำนวน 100,000 ตัว ในการประมวลผล AI อย่างไรก็ตาม ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้เผชิญกับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนที่ใช้ในไซต์งาน Memphis รัฐเทนเนสซี ในช่วงแรก Colossus ใช้พลังงานเพียง 7 MW ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งาน GPU เพียง 4% ของทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Musk ได้ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายตัวเพื่อรองรับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ไซต์งานยังคงใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนกว่า 30 ตัว ซึ่งปล่อยสารมลพิษที่เชื่อมโยงกับโรคหอบหืด โรคทางเดินหายใจ และมะเร็งบางชนิด Southern Environmental Law Center (SELC) ได้ร่วมมือกับ South Wings ในการถ่ายภาพไซต์งานด้วยกล้องถ่ายภาพความร้อน และพบว่ามีจุดร้อนกว่า 30 จุด ซึ่งบ่งชี้ถึงจำนวนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่ แม้ว่า Colossus จะได้รับการอนุมัติให้ใช้พลังงาน 150 MW แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าต้องการพลังงานอย่างน้อย 155 MW เพื่อใช้งาน GPU ทั้งหมด และหาก Musk ขยายการใช้งาน GPU เป็น 200,000 ตัว จะต้องการพลังงานถึง 310 MW ✅ การออกแบบและการใช้งาน - ใช้ GPU Nvidia H100 จำนวน 100,000 ตัว - ต้องการพลังงานอย่างน้อย 155 MW เพื่อใช้งาน GPU ทั้งหมด ✅ การแก้ไขปัญหาพลังงาน - ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าก๊าซมีเทนกว่า 30 ตัวเพื่อรองรับความต้องการพลังงาน - เครื่องกำเนิดไฟฟ้าปล่อยสารมลพิษที่เชื่อมโยงกับโรคหอบหืดและมะเร็ง ✅ การตรวจสอบจาก SELC - พบจุดร้อนกว่า 30 จุดในไซต์งานด้วยกล้องถ่ายภาพความร้อน - SELC กำลังยื่นคำร้องต่อ Shelby County Health Department เพื่อปฏิเสธการใช้งานเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ✅ การขยายการใช้งาน GPU - หากขยายการใช้งาน GPU เป็น 200,000 ตัว จะต้องการพลังงานถึง 310 MW https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/elon-musks-nvidia-powered-colossus-supercomputer-faces-pollution-allegations-from-under-reported-power-generators
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • YKK บริษัทผู้ผลิตซิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดตัวต้นแบบซิปอัตโนมัติที่สามารถรูดขึ้นและลงได้เองด้วยมอเตอร์และรีโมตควบคุมแบบมีสาย โดยซิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการการเชื่อมต่อวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก เช่น การเชื่อมผ้าหรือวัสดุอื่นๆ ในระดับความสูงที่อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย

    ต้นแบบซิปอัตโนมัตินี้สามารถรูดซิปขึ้นไปได้สูงถึง 5 เมตร ภายในเวลาเพียง 40 วินาที และยังสามารถเชื่อมต่อเต็นท์ที่มีความสูง 2.5 เมตร และกว้าง 4 เมตร ได้ในเวลาเพียง 50 วินาที อย่างไรก็ตาม ซิปนี้ยังคงมีขนาดใหญ่และต้องใช้พลังงานจากตัวควบคุมที่มีสาย ทำให้ยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในตลาดผู้บริโภคทั่วไป

    YKK ยังได้พัฒนานวัตกรรมอื่นๆ เช่น ซิปแม่เหล็กที่สามารถเชื่อมต่อและถอดออกได้ง่าย รวมถึงคลิปแม่เหล็กที่ใช้แทนกระดุมในกางเกง ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม

    ✅ การออกแบบและการใช้งาน
    - ซิปอัตโนมัติสามารถรูดขึ้นไปได้สูงถึง 5 เมตรในเวลา 40 วินาที
    - ใช้รีโมตควบคุมแบบมีสายและมอเตอร์ในการทำงาน

    ✅ การใช้งานในอุตสาหกรรม
    - เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก
    - ช่วยลดความเสี่ยงในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง

    ✅ นวัตกรรมอื่นๆ ของ YKK
    - ซิปแม่เหล็กที่เชื่อมต่อและถอดออกได้ง่าย
    - คลิปแม่เหล็กที่ใช้แทนกระดุมในกางเกง

    ✅ เป้าหมายของ YKK
    - มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการในหลากหลายอุตสาหกรรม

    https://www.techspot.com/news/107692-self-propelled-zippers-have-arrived-but-theyre-not.html
    YKK บริษัทผู้ผลิตซิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดตัวต้นแบบซิปอัตโนมัติที่สามารถรูดขึ้นและลงได้เองด้วยมอเตอร์และรีโมตควบคุมแบบมีสาย โดยซิปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการการเชื่อมต่อวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก เช่น การเชื่อมผ้าหรือวัสดุอื่นๆ ในระดับความสูงที่อาจเสี่ยงต่อความปลอดภัย ต้นแบบซิปอัตโนมัตินี้สามารถรูดซิปขึ้นไปได้สูงถึง 5 เมตร ภายในเวลาเพียง 40 วินาที และยังสามารถเชื่อมต่อเต็นท์ที่มีความสูง 2.5 เมตร และกว้าง 4 เมตร ได้ในเวลาเพียง 50 วินาที อย่างไรก็ตาม ซิปนี้ยังคงมีขนาดใหญ่และต้องใช้พลังงานจากตัวควบคุมที่มีสาย ทำให้ยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในตลาดผู้บริโภคทั่วไป YKK ยังได้พัฒนานวัตกรรมอื่นๆ เช่น ซิปแม่เหล็กที่สามารถเชื่อมต่อและถอดออกได้ง่าย รวมถึงคลิปแม่เหล็กที่ใช้แทนกระดุมในกางเกง ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ✅ การออกแบบและการใช้งาน - ซิปอัตโนมัติสามารถรูดขึ้นไปได้สูงถึง 5 เมตรในเวลา 40 วินาที - ใช้รีโมตควบคุมแบบมีสายและมอเตอร์ในการทำงาน ✅ การใช้งานในอุตสาหกรรม - เหมาะสำหรับการเชื่อมต่อวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก - ช่วยลดความเสี่ยงในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง ✅ นวัตกรรมอื่นๆ ของ YKK - ซิปแม่เหล็กที่เชื่อมต่อและถอดออกได้ง่าย - คลิปแม่เหล็กที่ใช้แทนกระดุมในกางเกง ✅ เป้าหมายของ YKK - มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการในหลากหลายอุตสาหกรรม https://www.techspot.com/news/107692-self-propelled-zippers-have-arrived-but-theyre-not.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    World's largest zipper maker YKK shows off self-fastening zippers powered by motors and remote controls
    Japanese manufacturer YKK recently announced successful testing results for a prototype automatic zipper. The company suggests that it could help people fasten objects in difficult-to-reach areas.
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • ในยูเครน ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในสถานที่ต่างๆ เช่น ที่ทำการไปรษณีย์ ร้านอาหาร และระบบรถไฟใต้ดินในกรุงเคียฟ เกิดการขัดข้องในวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นปัญหาทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับธนาคารที่ดำเนินการระบบนี้ ไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์ แม้ว่าในอดีตยูเครนเคยตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีไซเบอร์จากรัสเซีย

    แอปพลิเคชัน Diya ซึ่งให้บริการออนไลน์แก่ประชาชนก็ไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลานั้น เช่นเดียวกับแอปธนาคารบางแห่งที่มีปัญหาในการทำงาน

    Oleksandr Fediyenko สมาชิกคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน ได้โพสต์วิดีโอใน Telegram โดยยืนยันว่าปัญหานี้เกิดขึ้นทั่วประเทศและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น
    - ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในสถานที่ต่างๆ เกิดการขัดข้อง
    - แอปพลิเคชัน Diya และแอปธนาคารบางแห่งไม่สามารถใช้งานได้

    ✅ สาเหตุของปัญหา
    - เจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นปัญหาทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร
    - ไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ การตอบสนองของเจ้าหน้าที่
    - Oleksandr Fediyenko ยืนยันว่าปัญหาเกิดขึ้นทั่วประเทศ
    - ไม่มีการเชื่อมโยงกับการโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ ผลกระทบต่อประชาชน
    - ประชาชนต้องใช้เงินสดแทนการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/some-electronic-payments-systems-in-ukraine-disrupted
    ในยูเครน ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในสถานที่ต่างๆ เช่น ที่ทำการไปรษณีย์ ร้านอาหาร และระบบรถไฟใต้ดินในกรุงเคียฟ เกิดการขัดข้องในวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นปัญหาทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับธนาคารที่ดำเนินการระบบนี้ ไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์ แม้ว่าในอดีตยูเครนเคยตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีไซเบอร์จากรัสเซีย แอปพลิเคชัน Diya ซึ่งให้บริการออนไลน์แก่ประชาชนก็ไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงเวลานั้น เช่นเดียวกับแอปธนาคารบางแห่งที่มีปัญหาในการทำงาน Oleksandr Fediyenko สมาชิกคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน ได้โพสต์วิดีโอใน Telegram โดยยืนยันว่าปัญหานี้เกิดขึ้นทั่วประเทศและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น - ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในสถานที่ต่างๆ เกิดการขัดข้อง - แอปพลิเคชัน Diya และแอปธนาคารบางแห่งไม่สามารถใช้งานได้ ✅ สาเหตุของปัญหา - เจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นปัญหาทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร - ไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์ ✅ การตอบสนองของเจ้าหน้าที่ - Oleksandr Fediyenko ยืนยันว่าปัญหาเกิดขึ้นทั่วประเทศ - ไม่มีการเชื่อมโยงกับการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ ผลกระทบต่อประชาชน - ประชาชนต้องใช้เงินสดแทนการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/some-electronic-payments-systems-in-ukraine-disrupted
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Some electronic payments systems in Ukraine disrupted
    KYIV (Reuters) -Electronic payments systems in post offices, restaurants and the metro system were out of action in Ukraine early on Saturday, according to officials and Reuters witnesses.
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงความสำคัญของการให้ความรู้ด้านความปลอดภัยไซเบอร์แก่เยาวชนก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยเฉพาะการรับมือกับภัยคุกคามจากแรนซัมแวร์ Matt Cooke ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Proofpoint เน้นว่าการโจมตีไซเบอร์มักเริ่มต้นจากการที่บุคคลในองค์กรถูกโจมตี และการให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับการสื่อสารที่ผิดปกติ เช่น การส่งข้อความในเวลาที่ไม่เหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงได้

    Cooke ยังชี้ให้เห็นว่าการจ่ายค่าไถ่ในกรณีแรนซัมแวร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การโจมตียังคงมีอยู่ และเรียกร้องให้รัฐบาลและองค์กรต่างๆ หยุดการจ่ายเงินเพื่อไม่ให้สนับสนุนเศรษฐกิจอาชญากรรม นอกจากนี้ เขาแนะนำให้ใช้ AI ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงของบุคคลในองค์กร เช่น การตรวจสอบพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย

    ✅ การให้ความรู้แก่เยาวชน
    - เน้นการให้ความรู้ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน
    - สอนให้พนักงานรู้จักการสื่อสารที่ผิดปกติ เช่น การส่งข้อความในเวลาที่ไม่เหมาะสม

    ✅ การหยุดการจ่ายค่าไถ่
    - การจ่ายค่าไถ่ในกรณีแรนซัมแวร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การโจมตียังคงมีอยู่
    - เรียกร้องให้รัฐบาลและองค์กรหยุดการจ่ายเงินเพื่อไม่ให้สนับสนุนเศรษฐกิจอาชญากรรม

    ✅ การใช้ AI ในการวิเคราะห์ความเสี่ยง
    - ใช้ AI ในการตรวจสอบพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย
    - AI ช่วยเพิ่มความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์

    ✅ การสนับสนุนจากรัฐบาล
    - รัฐบาลและหน่วยงานข่าวกรองพูดถึงภัยคุกคามไซเบอร์มากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/teach-young-people-about-ransomware-risks-before-they-enter-work
    บทความนี้กล่าวถึงความสำคัญของการให้ความรู้ด้านความปลอดภัยไซเบอร์แก่เยาวชนก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยเฉพาะการรับมือกับภัยคุกคามจากแรนซัมแวร์ Matt Cooke ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์จาก Proofpoint เน้นว่าการโจมตีไซเบอร์มักเริ่มต้นจากการที่บุคคลในองค์กรถูกโจมตี และการให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับการสื่อสารที่ผิดปกติ เช่น การส่งข้อความในเวลาที่ไม่เหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงได้ Cooke ยังชี้ให้เห็นว่าการจ่ายค่าไถ่ในกรณีแรนซัมแวร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การโจมตียังคงมีอยู่ และเรียกร้องให้รัฐบาลและองค์กรต่างๆ หยุดการจ่ายเงินเพื่อไม่ให้สนับสนุนเศรษฐกิจอาชญากรรม นอกจากนี้ เขาแนะนำให้ใช้ AI ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงของบุคคลในองค์กร เช่น การตรวจสอบพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย ✅ การให้ความรู้แก่เยาวชน - เน้นการให้ความรู้ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน - สอนให้พนักงานรู้จักการสื่อสารที่ผิดปกติ เช่น การส่งข้อความในเวลาที่ไม่เหมาะสม ✅ การหยุดการจ่ายค่าไถ่ - การจ่ายค่าไถ่ในกรณีแรนซัมแวร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การโจมตียังคงมีอยู่ - เรียกร้องให้รัฐบาลและองค์กรหยุดการจ่ายเงินเพื่อไม่ให้สนับสนุนเศรษฐกิจอาชญากรรม ✅ การใช้ AI ในการวิเคราะห์ความเสี่ยง - ใช้ AI ในการตรวจสอบพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การคลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย - AI ช่วยเพิ่มความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ ✅ การสนับสนุนจากรัฐบาล - รัฐบาลและหน่วยงานข่าวกรองพูดถึงภัยคุกคามไซเบอร์มากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/teach-young-people-about-ransomware-risks-before-they-enter-work
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Teach young people about ransomware risks before they enter work
    Organisations out there can do a much better job of defining what normal communications look like for their employees – for example, 'Is it normal for somebody to be sending me a Teams message at four o'clock in the morning?'
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • เกม The Darkest Files เป็นเกมที่สร้างจากเรื่องจริงในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยผู้เล่นจะรับบทเป็น Esther Katz อัยการที่ทำงานร่วมกับ Fritz Bauer อัยการสูงสุดในแฟรงก์เฟิร์ต ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่มุ่งมั่นในการสืบสวนคดีอาชญากรรมของนาซีในช่วงปี 1950 และ 1960 เกมนี้นำเสนอการสืบสวนคดีที่เกิดขึ้นจริง โดยผู้เล่นต้องค้นหาเอกสาร สัมภาษณ์พยาน และสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    เกมนี้มีจุดเด่นที่การนำเสนอเรื่องราวผ่านกราฟิกสไตล์ graphic novel ที่มีความมืดมนและเข้มข้น ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับความท้าทายในการแก้ปริศนาและการนำเสนอหลักฐานในศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง เกมยังสะท้อนถึงความยากลำบากในการทำงานของทีมอัยการในยุคนั้น รวมถึงการเผชิญกับการต่อต้านจากสังคม

    ✅ เนื้อเรื่องและตัวละคร
    - ผู้เล่นรับบทเป็น Esther Katz อัยการที่ทำงานร่วมกับ Fritz Bauer
    - สืบสวนคดีอาชญากรรมของนาซีที่เกิดขึ้นจริงในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

    ✅ รูปแบบการเล่น
    - ค้นหาเอกสาร สัมภาษณ์พยาน และสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับเหตุการณ์
    - นำเสนอหลักฐานในศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง

    ✅ กราฟิกและการนำเสนอ
    - ใช้กราฟิกสไตล์ graphic novel ที่มืดมนและเข้มข้น
    - สะท้อนถึงความยากลำบากในการทำงานของทีมอัยการ

    ✅ ข้อความสำคัญของเกม
    - เกมเน้นการเตือนถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากอดีตและการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นอีก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/039the-darkest-files039-investigate-true-crimes-from-the-nazi-era
    เกม The Darkest Files เป็นเกมที่สร้างจากเรื่องจริงในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยผู้เล่นจะรับบทเป็น Esther Katz อัยการที่ทำงานร่วมกับ Fritz Bauer อัยการสูงสุดในแฟรงก์เฟิร์ต ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่มุ่งมั่นในการสืบสวนคดีอาชญากรรมของนาซีในช่วงปี 1950 และ 1960 เกมนี้นำเสนอการสืบสวนคดีที่เกิดขึ้นจริง โดยผู้เล่นต้องค้นหาเอกสาร สัมภาษณ์พยาน และสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกมนี้มีจุดเด่นที่การนำเสนอเรื่องราวผ่านกราฟิกสไตล์ graphic novel ที่มีความมืดมนและเข้มข้น ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับความท้าทายในการแก้ปริศนาและการนำเสนอหลักฐานในศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง เกมยังสะท้อนถึงความยากลำบากในการทำงานของทีมอัยการในยุคนั้น รวมถึงการเผชิญกับการต่อต้านจากสังคม ✅ เนื้อเรื่องและตัวละคร - ผู้เล่นรับบทเป็น Esther Katz อัยการที่ทำงานร่วมกับ Fritz Bauer - สืบสวนคดีอาชญากรรมของนาซีที่เกิดขึ้นจริงในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ✅ รูปแบบการเล่น - ค้นหาเอกสาร สัมภาษณ์พยาน และสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับเหตุการณ์ - นำเสนอหลักฐานในศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง ✅ กราฟิกและการนำเสนอ - ใช้กราฟิกสไตล์ graphic novel ที่มืดมนและเข้มข้น - สะท้อนถึงความยากลำบากในการทำงานของทีมอัยการ ✅ ข้อความสำคัญของเกม - เกมเน้นการเตือนถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากอดีตและการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นอีก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/039the-darkest-files039-investigate-true-crimes-from-the-nazi-era
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'The Darkest Files': Investigate true crimes from the Nazi era
    Countless video games see players battling Nazis - but rarely are we doing the fighting not with guns, but with the law. "The Darkest Files" aims to turn the true stories of post-war legal investigations into Nazi crimes into entertaining gaming. Can it work?
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok กำลังพิจารณาลงทุนในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในประเทศบราซิล โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้พลังงานลมที่มีอยู่มากมายในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ การลงทุนนี้จะช่วยให้บราซิลกลายเป็นศูนย์กลางระดับโลกสำหรับอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    ByteDance อยู่ในระหว่างการเจรจากับ Casa dos Ventos ผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียน เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ท่าเรือ Pecem รัฐ Ceara โดยโครงการนี้มีแผนเริ่มต้นที่ 300 เมกะวัตต์ และอาจขยายเป็น 900 เมกะวัตต์ ในระยะที่สอง ซึ่งจะทำให้บราซิลเป็นฐานสำคัญสำหรับการดำเนินงานของ ByteDance ในซีกโลกตะวันตก

    Casa dos Ventos ได้ขอเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าสำหรับโครงการศูนย์ข้อมูลใน Pecem แต่ถูกปฏิเสธในเบื้องต้นเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของบราซิลกำลังพิจารณาเพิ่มความสามารถของโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อรองรับโครงการนี้

    ✅ การลงทุนในบราซิล
    - ByteDance พิจารณาลงทุนในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในบราซิล
    - ใช้พลังงานลมในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ

    ✅ การเจรจากับ Casa dos Ventos
    - ByteDance อยู่ในระหว่างการเจรจากับ Casa dos Ventos เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูล
    - โครงการเริ่มต้นที่ 300 เมกะวัตต์ และอาจขยายเป็น 900 เมกะวัตต์

    ✅ ความสำคัญของ Pecem
    - Pecem เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับศูนย์ข้อมูลเนื่องจากมีสถานีเชื่อมต่อสายเคเบิลใต้น้ำและพลังงานหมุนเวียน

    ✅ การตอบสนองของรัฐบาลบราซิล
    - กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานกำลังพิจารณาเพิ่มความสามารถของโครงข่ายไฟฟ้า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/exclusive-tiktok-owner-weighs-data-center-project-in-brazil-sources-say
    ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok กำลังพิจารณาลงทุนในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในประเทศบราซิล โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้พลังงานลมที่มีอยู่มากมายในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ การลงทุนนี้จะช่วยให้บราซิลกลายเป็นศูนย์กลางระดับโลกสำหรับอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ByteDance อยู่ในระหว่างการเจรจากับ Casa dos Ventos ผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียน เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ท่าเรือ Pecem รัฐ Ceara โดยโครงการนี้มีแผนเริ่มต้นที่ 300 เมกะวัตต์ และอาจขยายเป็น 900 เมกะวัตต์ ในระยะที่สอง ซึ่งจะทำให้บราซิลเป็นฐานสำคัญสำหรับการดำเนินงานของ ByteDance ในซีกโลกตะวันตก Casa dos Ventos ได้ขอเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าสำหรับโครงการศูนย์ข้อมูลใน Pecem แต่ถูกปฏิเสธในเบื้องต้นเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของบราซิลกำลังพิจารณาเพิ่มความสามารถของโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อรองรับโครงการนี้ ✅ การลงทุนในบราซิล - ByteDance พิจารณาลงทุนในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในบราซิล - ใช้พลังงานลมในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ✅ การเจรจากับ Casa dos Ventos - ByteDance อยู่ในระหว่างการเจรจากับ Casa dos Ventos เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูล - โครงการเริ่มต้นที่ 300 เมกะวัตต์ และอาจขยายเป็น 900 เมกะวัตต์ ✅ ความสำคัญของ Pecem - Pecem เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับศูนย์ข้อมูลเนื่องจากมีสถานีเชื่อมต่อสายเคเบิลใต้น้ำและพลังงานหมุนเวียน ✅ การตอบสนองของรัฐบาลบราซิล - กระทรวงเหมืองแร่และพลังงานกำลังพิจารณาเพิ่มความสามารถของโครงข่ายไฟฟ้า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/26/exclusive-tiktok-owner-weighs-data-center-project-in-brazil-sources-say
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Exclusive-TikTok owner weighs data center project in Brazil, sources say
    SAO PAULO/BRASILIA (Reuters) -ByteDance, the Chinese parent company of TikTok, is weighing a major investment in a data center in Brazil, three people familiar with the matter told Reuters, tapping abundant wind energy on the country's northeast coast.
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงการใช้เงินของบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ เพื่อการล็อบบี้รัฐบาลในปี 2024 โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์และสนับสนุนกฎหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ รายงานจาก OpenSecrets เผยให้เห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Apple, Meta, Microsoft, Amazon, OpenAI, Alphabet และ Samsung ได้ลงทุนเงินจำนวนมหาศาลในกิจกรรมล็อบบี้ โดย Meta เป็นบริษัทที่ใช้เงินมากที่สุดถึง 24.43 ล้านดอลลาร์

    กิจกรรมล็อบบี้ของบริษัทเหล่านี้ครอบคลุมกฎหมายที่หลากหลาย เช่น กฎหมายปกป้องเด็กออนไลน์ (Kids Online Safety Act) กฎหมายป้องกันการใช้ AI ในการหลอกลวง (Protect Elections from Deceptive AI Act) และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ

    การล็อบบี้ในสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและมีบริษัทที่ให้บริการล็อบบี้โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม การล็อบบี้ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงในหลายประเทศ เนื่องจากอาจถูกมองว่าเป็นการทุจริต

    ✅ การใช้เงินในกิจกรรมล็อบบี้
    - Meta ใช้เงินมากที่สุดถึง 24.43 ล้านดอลลาร์
    - Apple ใช้เงิน 7.82 ล้านดอลลาร์ และ Microsoft ใช้เงิน 10.35 ล้านดอลลาร์

    ✅ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
    - กฎหมายปกป้องเด็กออนไลน์ เช่น Kids Online Safety Act
    - กฎหมายป้องกันการใช้ AI ในการหลอกลวง เช่น Protect Elections from Deceptive AI Act

    ✅ เป้าหมายของกิจกรรมล็อบบี้
    - ปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท
    - สนับสนุนกฎหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ

    ✅ การล็อบบี้ในสหรัฐฯ
    - เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและมีบริษัทที่ให้บริการล็อบบี้โดยเฉพาะ

    https://www.neowin.net/news/here-is-how-much-us-tech-firms-spent-on-lobbying-the-us-government-in-2024/
    บทความนี้กล่าวถึงการใช้เงินของบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ เพื่อการล็อบบี้รัฐบาลในปี 2024 โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์และสนับสนุนกฎหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ รายงานจาก OpenSecrets เผยให้เห็นว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Apple, Meta, Microsoft, Amazon, OpenAI, Alphabet และ Samsung ได้ลงทุนเงินจำนวนมหาศาลในกิจกรรมล็อบบี้ โดย Meta เป็นบริษัทที่ใช้เงินมากที่สุดถึง 24.43 ล้านดอลลาร์ กิจกรรมล็อบบี้ของบริษัทเหล่านี้ครอบคลุมกฎหมายที่หลากหลาย เช่น กฎหมายปกป้องเด็กออนไลน์ (Kids Online Safety Act) กฎหมายป้องกันการใช้ AI ในการหลอกลวง (Protect Elections from Deceptive AI Act) และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ การล็อบบี้ในสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและมีบริษัทที่ให้บริการล็อบบี้โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม การล็อบบี้ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงในหลายประเทศ เนื่องจากอาจถูกมองว่าเป็นการทุจริต ✅ การใช้เงินในกิจกรรมล็อบบี้ - Meta ใช้เงินมากที่สุดถึง 24.43 ล้านดอลลาร์ - Apple ใช้เงิน 7.82 ล้านดอลลาร์ และ Microsoft ใช้เงิน 10.35 ล้านดอลลาร์ ✅ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง - กฎหมายปกป้องเด็กออนไลน์ เช่น Kids Online Safety Act - กฎหมายป้องกันการใช้ AI ในการหลอกลวง เช่น Protect Elections from Deceptive AI Act ✅ เป้าหมายของกิจกรรมล็อบบี้ - ปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท - สนับสนุนกฎหมายที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ ✅ การล็อบบี้ในสหรัฐฯ - เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายและมีบริษัทที่ให้บริการล็อบบี้โดยเฉพาะ https://www.neowin.net/news/here-is-how-much-us-tech-firms-spent-on-lobbying-the-us-government-in-2024/
    WWW.NEOWIN.NET
    Here is how much US tech firms spent on lobbying the US government in 2024
    Tech firms in the United States spend hundreds of millions of dollars per year on lobbying efforts to protect their interests. Here is how much.
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • ลุงนี่โกรธความดื้อดึงของ Microsoft ในเรื่องนี้จริงๆ

    Microsoft ได้เริ่มย้ายฟีเจอร์จาก Control Panel ไปยัง Settings app ใน Windows 11 อย่างต่อเนื่อง โดยในอัปเดตล่าสุดสำหรับ Dev และ Beta builds ได้เพิ่มตัวเลือกการปรับแต่งคีย์บอร์ด เช่น Character Repeat Delay (ระยะเวลาที่ต้องกดปุ่มก่อนเริ่มการพิมพ์ซ้ำ) และ Character Repeat Rate (ความเร็วในการพิมพ์ซ้ำ) ซึ่งสามารถปรับได้ผ่านแถบเลื่อนใน Settings > Accessibility > Keyboard

    อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ใหม่นี้ยังถูกซ่อนอยู่ในค่าตั้งต้น และยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจาก Microsoft เนื่องจากยังไม่สมบูรณ์ เช่น ตัวเลือก Cursor Blink Rate (ความเร็วในการกระพริบของเคอร์เซอร์) ยังไม่ถูกย้ายมาที่ Settings app

    การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Microsoft ในการทำให้ Settings app เป็นศูนย์กลางสำหรับการตั้งค่าทั้งหมดใน Windows 11

    ✅ การย้ายฟีเจอร์จาก Control Panel
    - เพิ่มตัวเลือกการปรับแต่งคีย์บอร์ดใน Settings app
    - ตัวเลือกใหม่ เช่น Character Repeat Delay และ Character Repeat Rate

    ✅ การปรับปรุง Settings app
    - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้งานปรับแต่งคีย์บอร์ดได้ง่ายขึ้น
    - การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการรวมศูนย์การตั้งค่า

    ✅ สถานะของฟีเจอร์ใหม่
    - ฟีเจอร์ยังถูกซ่อนในค่าตั้งต้นและยังไม่สมบูรณ์
    - Cursor Blink Rate ยังไม่ถูกย้ายมาที่ Settings app

    ✅ เป้าหมายของ Microsoft
    - ทำให้ Settings app เป็นศูนย์กลางสำหรับการตั้งค่าทั้งหมดใน Windows 11

    https://www.neowin.net/news/microsoft-moves-more-control-panel-elements-to-the-settings-app-in-windows-11/
    ลุงนี่โกรธความดื้อดึงของ Microsoft ในเรื่องนี้จริงๆ Microsoft ได้เริ่มย้ายฟีเจอร์จาก Control Panel ไปยัง Settings app ใน Windows 11 อย่างต่อเนื่อง โดยในอัปเดตล่าสุดสำหรับ Dev และ Beta builds ได้เพิ่มตัวเลือกการปรับแต่งคีย์บอร์ด เช่น Character Repeat Delay (ระยะเวลาที่ต้องกดปุ่มก่อนเริ่มการพิมพ์ซ้ำ) และ Character Repeat Rate (ความเร็วในการพิมพ์ซ้ำ) ซึ่งสามารถปรับได้ผ่านแถบเลื่อนใน Settings > Accessibility > Keyboard อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ใหม่นี้ยังถูกซ่อนอยู่ในค่าตั้งต้น และยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจาก Microsoft เนื่องจากยังไม่สมบูรณ์ เช่น ตัวเลือก Cursor Blink Rate (ความเร็วในการกระพริบของเคอร์เซอร์) ยังไม่ถูกย้ายมาที่ Settings app การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Microsoft ในการทำให้ Settings app เป็นศูนย์กลางสำหรับการตั้งค่าทั้งหมดใน Windows 11 ✅ การย้ายฟีเจอร์จาก Control Panel - เพิ่มตัวเลือกการปรับแต่งคีย์บอร์ดใน Settings app - ตัวเลือกใหม่ เช่น Character Repeat Delay และ Character Repeat Rate ✅ การปรับปรุง Settings app - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้งานปรับแต่งคีย์บอร์ดได้ง่ายขึ้น - การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการรวมศูนย์การตั้งค่า ✅ สถานะของฟีเจอร์ใหม่ - ฟีเจอร์ยังถูกซ่อนในค่าตั้งต้นและยังไม่สมบูรณ์ - Cursor Blink Rate ยังไม่ถูกย้ายมาที่ Settings app ✅ เป้าหมายของ Microsoft - ทำให้ Settings app เป็นศูนย์กลางสำหรับการตั้งค่าทั้งหมดใน Windows 11 https://www.neowin.net/news/microsoft-moves-more-control-panel-elements-to-the-settings-app-in-windows-11/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft moves more Control Panel elements to the Settings app in Windows 11
    Microsoft continues to slowly migrate Control Panel elements to the Settings app. Certain keyboard settings received a modern overhaul in the latest Windows 11 preview builds.
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • A weathered building stands as a testament to time
    A weathered building stands as a testament to time
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
  • Hay . . . la la la
    Beneath the burning golden skies
    Whispers rise, like desert sighs
    Spin and twirl, feel the fire
    Hearts collide with wild desire
    Come closer now, don't be shy
    Let the stars dance in your eyes
    Ooo yaa Ooo yaa Duniya roshan hai
    Hey hey Nachle Nachle saathiya
    Spinning lights, in the heart of the night
    Set the desert sparks on fire
    Mirrors flash on silken skin
    Hear the drums, let dreams begin
    Raise your hands, break the sky
    Ride the winds, we're born to fly
    Hay . . . la la la Beneath the burning golden skies Whispers rise, like desert sighs Spin and twirl, feel the fire Hearts collide with wild desire Come closer now, don't be shy Let the stars dance in your eyes Ooo yaa Ooo yaa Duniya roshan hai Hey hey Nachle Nachle saathiya Spinning lights, in the heart of the night Set the desert sparks on fire Mirrors flash on silken skin Hear the drums, let dreams begin Raise your hands, break the sky Ride the winds, we're born to fly
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
More Results