• รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251204 #securityonline

    React พบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182
    ทีมพัฒนา React ออกประกาศฉุกเฉินหลังพบช่องโหว่ที่มีความรุนแรงสูงสุด (CVSS 10.0) ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้เกิดจากกระบวนการถอดรหัสข้อมูลที่ส่งจาก client ไปยัง server ใน React Server Components (RSC) ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งแฝงเข้ามาและเข้าควบคุมระบบได้ทันที ปัญหานี้กระทบไปถึงเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Next.js, React Router, Waku และอื่น ๆ โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในหลายเวอร์ชัน นักพัฒนาจำเป็นต้องอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/catastrophic-react-flaw-cve-2025-55182-cvss-10-0-allows-unauthenticated-rce-on-next-js-and-server-components

    WordPress เจอช่องโหว่ CVE-2025-6389 ถูกโจมตีจริงแล้ว
    WordPress ที่ใช้ Sneeit Framework กำลังเผชิญการโจมตีครั้งใหญ่ หลังมีการเปิดเผยช่องโหว่ Remote Code Execution (RCE) ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้เกิดจากฟังก์ชัน sneeit_articles_pagination_callback() ที่เปิดให้ผู้ใช้ส่งข้อมูลเข้ามาโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน PHP ใด ๆ ได้ตามใจ ผลคือมีการสร้างบัญชีแอดมินปลอมและฝัง backdoor ลงในระบบทันที มีรายงานว่ามีการพยายามโจมตีมากกว่า 131,000 ครั้งแล้ว หากใครยังใช้เวอร์ชัน 8.3 หรือต่ำกว่า ต้องรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.4 โดยด่วน
    https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce

    Next.js เจอช่องโหว่ CVE-2025-66478 ระดับสูงสุด นักพัฒนา
    Next.js กำลังเจอวิกฤติครั้งใหญ่ เมื่อพบช่องโหว่ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้ ช่องโหว่นี้เชื่อมโยงกับ React Server Components (CVE-2025-55182) และส่งผลกระทบต่อ Next.js รุ่นใหม่ที่ใช้ App Router โดยตรง เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบคือ Next.js 15.x และ 16.x รวมถึง canary release ของ 14.3.0 ขึ้นไป ทางแก้เดียวคือการอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่มีแพตช์ เช่น 15.0.5, 15.1.9 หรือ 16.0.7 หากยังใช้เวอร์ชันที่เสี่ยงอยู่ถือว่าเปิดช่องให้ถูกยึดระบบได้ทันที
    https://securityonline.info/maximum-severity-alert-critical-rce-flaw-hits-next-js-cve-2025-66478-cvss-10-0

    AWS เปิดตัว Frontier Agents: ทีมงาน AI อัตโนมัติ
    ที่งาน re:Invent 2025 AWS สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว “Frontier Agents” ซึ่งเป็น AI ที่ทำงานได้เหมือนทีมงานจริง ๆ สามารถรับภารกิจและทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องมีคนคอยกำกับตลอดเวลา มีทั้งหมด 3 ตัวหลักคือ Kiro สำหรับงานพัฒนา, Security Agent สำหรับตรวจสอบความปลอดภัย และ DevOps Agent สำหรับแก้ปัญหาระบบที่ล่ม ตัวอย่างเช่น Kiro สามารถรับงานจาก GitHub แล้วแก้บั๊กหรือเพิ่ม test coverage ได้เอง ส่วน Security Agent ก็ช่วยตรวจสอบช่องโหว่ที่เครื่องมือทั่วไปมองไม่เห็น และ DevOps Agent สามารถหาสาเหตุระบบล่มได้ภายใน 15 นาที ซึ่งปกติวิศวกรอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง จุดสำคัญคือ AWS ต้องการให้คนทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปล่อยเวลาไปทำงานเชิงกลยุทธ์แทน
    https://securityonline.info/aws-frontier-agents-autonomous-ai-team-members-take-over-dev-security-and-ops

    AWS S3 Unleashed: ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล AI และ Big Data
    AWS ประกาศอัปเกรดครั้งใหญ่ให้กับ Amazon S3 โดยเพิ่มความสามารถในการเก็บและค้นหาข้อมูลแบบเวกเตอร์ (S3 Vectors) ที่รองรับได้ถึง 20 ล้านล้านเวกเตอร์ และเพิ่มขนาดไฟล์สูงสุดจาก 5 TB เป็น 50 TB ทำให้สามารถเก็บไฟล์ขนาดมหึมา เช่น วิดีโอความละเอียดสูงหรือ dataset สำหรับ AI ได้โดยไม่ต้องแบ่งไฟล์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง batch operations ให้เร็วขึ้น 10 เท่า และเพิ่มฟีเจอร์ replication ข้าม region สำหรับ S3 Tables จุดเด่นคือช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 90% และทำให้การสร้างระบบ AI หรือ RAG ง่ายขึ้นมาก หลายองค์กรใหญ่ เช่น BMW และ Twilio ได้เริ่มใช้งานแล้ว
    https://securityonline.info/aws-s3-unleashed-native-vector-storage-50-tb-max-object-size-for-ai-big-data

    Raspberry Pi ขึ้นราคาเพราะกระแส AI
    Raspberry Pi ประกาศขึ้นราคาทันทีสำหรับบางรุ่นของ Pi 4 และ Pi 5 เนื่องจากความต้องการหน่วยความจำทั่วโลกที่พุ่งสูงจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น รุ่นที่มีหน่วยความจำมากขึ้นจะขึ้นราคาหนักที่สุด เช่น Pi 5 (16GB) จาก 120 ดอลลาร์เป็น 145 ดอลลาร์ และ Pi 5 (8GB) จาก 80 ดอลลาร์เป็น 95 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Raspberry Pi ก็เปิดตัวรุ่นใหม่ราคาประหยัดคือ Pi 5 (1GB) ที่ 45 ดอลลาร์ เพื่อให้คนทั่วไปยังเข้าถึงได้ CEO Eben Upton ย้ำว่านี่เป็นการปรับราคาชั่วคราว และเมื่อสถานการณ์หน่วยความจำกลับมาปกติ ราคาจะลดลงอีกครั้ง
    https://securityonline.info/raspberry-pi-price-hike-ai-boom-forces-price-increases-on-pi-4-and-pi-5-models

    Android 16 อัปเดตใหม่: AI สรุปแจ้งเตือนและฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้พิการ
    Google ปล่อยอัปเดตใหญ่ครั้งที่สองของ Android 16 โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสรุปข้อความแจ้งเตือนยาว ๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น และมี Notification Organizer ที่ช่วยจัดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญให้อัตโนมัติ ด้านความปลอดภัยก็มีการกรองข้อความเชิญเข้ากลุ่มจากเบอร์แปลก และ Circle to Search สามารถตรวจสอบข้อความหลอกลวงได้ ฟีเจอร์ใหม่ยังรวมถึงการปรับแต่งไอคอน, Dark Theme ที่ครอบคลุมทุกแอป และ parental control ที่ใช้งานง่ายขึ้น ที่สำคัญคือการปรับปรุงด้าน accessibility เช่น TalkBack ที่ใช้ Gemini ช่วยแก้ไขข้อความด้วยเสียง, กล้องที่ให้คำแนะนำเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา, AutoClick สำหรับผู้ใช้เมาส์ และ Expressive Captions ที่บอกอารมณ์ของผู้พูดในวิดีโอ ฟีเจอร์เหล่านี้เริ่มปล่อยให้ Pixel ก่อนและจะขยายไปยังอุปกรณ์อื่นในอนาคต
    https://securityonline.info/android-16-update-ai-notification-summaries-gemini-powered-accessibility-suite

    AWS Nova Forge: แพลตฟอร์มเปิดให้ปรับแต่งโมเดล Nova 2
    AWS เปิดตัว Nova Forge ที่งาน re:Invent 2025 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล Nova 2 ได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ขั้น pre-training ไปจนถึง post-training ทำให้สามารถใส่ความรู้เฉพาะองค์กรเข้าไปในโมเดลโดยตรง ไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อภายนอกที่อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เสถียร จุดเด่นคือความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามกฎและความรู้ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา AWS ยังเสริมระบบ guardrails เพื่อให้ลูกค้ากำหนดขอบเขตพฤติกรรมของโมเดลได้เอง นอกจากนี้ Nova Forge ยังสามารถใช้ปรับแต่ง Alexa+ ได้โดยตรง ทำให้บริการสำหรับองค์กรมีความเฉพาะตัวมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการสร้างโมเดล AI ให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้จริง
    https://securityonline.info/aws-nova-forge-open-training-platform-enables-deep-customization-of-nova-2-models

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Vim for Windows (CVE-2025-66476)
    มีการค้นพบช่องโหว่ระดับสูงใน Vim เวอร์ชัน Windows ที่อาจเปิดทางให้ผู้โจมตีรันโค้ดอันตรายได้หากผู้ใช้เปิดไฟล์จากโฟลเดอร์ที่ถูกเจาะแล้ว ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ path ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังสคริปต์ไว้ในไฟล์ที่ดูเหมือนปกติได้ ผลคือผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกควบคุมเครื่องโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/high-severity-vim-for-windows-flaw-cve-2025-66476-risks-arbitrary-code-execution-from-compromised-folders

    แคมเปญ Water Saci ใช้ LLM แปลงมัลแวร์เป็น Python
    นักวิจัยพบการโจมตีใหม่ชื่อ Water Saci ที่ใช้โมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ช่วยแปลงโค้ดมัลแวร์เป็น Python เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ จากนั้นแพร่กระจายผ่าน WhatsApp worm โดยส่งลิงก์ปลอมไปยังผู้ใช้ เมื่อเหยื่อคลิกก็จะติด Banking Trojan ที่ขโมยข้อมูลการเงิน จุดน่าสนใจคือการใช้ AI ในการปรับโค้ดให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ทำให้การโจมตียากต่อการตรวจจับมากขึ้น
    https://securityonline.info/water-saci-campaign-uses-llms-to-convert-malware-to-python-spreads-banking-trojan-via-whatsapp-worm

    Synology BeeStation พบช่องโหว่ SQL Injection แบบใหม่
    มีการเปิดเผยช่องโหว่ใน Synology BeeStation ที่สามารถนำไปสู่การเข้าถึงสิทธิ์ root ได้ผ่านเทคนิค “Dirty File Write” ซึ่งเป็นการโจมตี SQL Injection รูปแบบใหม่ นักวิจัยได้เผยแพร่ PoC แล้ว ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันทีหากผู้ใช้ยังไม่อัปเดตแพตช์ ความร้ายแรงคือสามารถควบคุมระบบทั้งหมดได้โดยตรง Synology แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/synology-beestation-flaw-chain-leads-to-root-rce-via-novel-dirty-file-write-sql-injection-poc-available

    Matanbuchus 3.0 เปลี่ยนจาก Downloader ไปสู่ Ransomware
    มัลแวร์ Matanbuchus ได้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 3.0 โดยเปลี่ยนบทบาทจากการเป็น downloader ไปสู่การทำงานเป็น ransomware เต็มรูปแบบ ใช้เทคนิคใหม่อย่าง Protobufs และ Intel QuickAssist เพื่อซ่อนการเข้าถึงและทำงานได้อย่างลับ ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น เพราะสามารถเข้ารหัสไฟล์และเรียกค่าไถ่ได้โดยตรง
    https://securityonline.info/matanbuchus-3-0-downloader-pivots-to-ransomware-using-protobufs-and-quickassist-for-stealth-access

    ShadyPanda Spyware แฮ็กผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านราย
    มีรายงานว่า ShadyPanda Spyware ใช้ประโยชน์จากการอัปเดตอัตโนมัติของส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่เชื่อถือได้ เพื่อฝังโค้ดอันตรายและเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยตรง ส่งผลให้มีผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านรายถูกเจาะข้อมูล การโจมตีนี้อันตรายมากเพราะเกิดขึ้นผ่านช่องทางที่ผู้ใช้เชื่อถืออยู่แล้ว ทำให้ยากต่อการสังเกตหรือป้องกัน
    https://securityonline.info/shadypanda-spyware-hacked-4-3-million-users-by-weaponizing-trusted-browser-extensions-via-auto-updates

    ช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน WordPress ACF Extended
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน Advanced Custom Fields: Extended ที่ถูกใช้งานบนเว็บไซต์กว่าแสนแห่งทั่วโลก ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องล็อกอินเข้าระบบ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยด้านความปลอดภัยที่ค้นพบได้รับเงินรางวัลจากการแจ้งเตือน เนื่องจากความเสี่ยงสูงสุดที่ช่องโหว่นี้สร้างขึ้น ทีมพัฒนาจึงรีบออกแพตช์แก้ไขและแนะนำให้ผู้ดูแลเว็บไซต์รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/critical-acf-extended-flaw-cve-2025-13486-cvss-9-8-allows-unauthenticated-rce-on-100k-wordpress-sites

    อินเดียบังคับใช้กฎ SIM-Binding บน WhatsApp และ Telegram
    รัฐบาลอินเดียออกข้อบังคับใหม่ที่เข้มงวดกับแอปแชทชื่อดังอย่าง WhatsApp, Telegram และอีกหลายแพลตฟอร์ม โดยกำหนดให้ผู้ใช้ต้องผูกบัญชีเข้ากับซิมการ์ดที่ออกในอินเดีย และต้องยืนยันตัวตนใหม่ทุก ๆ 6 ชั่วโมง หากไม่มีซิมที่เชื่อมโยงอยู่ บัญชีจะถูกล็อกทันที กฎนี้ถูกออกมาเพื่อป้องกันการใช้เบอร์โทรศัพท์อินเดียไปทำการหลอกลวงหรือฟิชชิ่งจากต่างประเทศ แม้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็สร้างคำถามว่าแพลตฟอร์มต่างชาติที่เน้นความเป็นส่วนตัวจะยอมทำตามหรือไม่
    https://securityonline.info/india-mandates-sim-binding-whatsapp-and-telegram-users-must-re-verify-every-6-hours

    OpenAI ยกเลิกแผนโฆษณา หันมาโฟกัสคุณภาพ ChatGPT รับมือ Gemini
    OpenAI เคยทดลองเพิ่มโฆษณาใน ChatGPT เพื่อหารายได้ แต่ล่าสุดบริษัทตัดสินใจหยุดแผนนี้และหันมาเน้นพัฒนาคุณภาพของ ChatGPT ให้ดียิ่งขึ้น เหตุผลสำคัญคือการมาของ Google Gemini ที่กำลังดึงผู้ใช้จำนวนมากไป ทำให้ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ประกาศ “red alert” ภายในบริษัท พร้อมสั่งทีมงานเร่งพัฒนาโมเดล reasoning ใหม่ที่คาดว่าจะเหนือกว่า Gemini 3 รวมถึงปรับปรุงด้าน personalization และความเร็วในการใช้งาน เพื่อรักษาฐานผู้ใช้และความสามารถในการแข่งขัน
    https://securityonline.info/red-alert-at-openai-ad-plans-dropped-to-focus-on-chatgpt-quality-amid-gemini-threat

    Let’s Encrypt เตรียมลดอายุใบรับรองเหลือ 45 วันภายในปี 2028
    เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบอินเทอร์เน็ต องค์กร CA/Browser Forum ได้ตกลงให้ลดอายุการใช้งานของใบรับรอง SSL/TLS จากเดิมเกือบ 400 วัน เหลือเพียง 45 วันเท่านั้น โดย Let’s Encrypt ประกาศว่าจะทยอยปรับตามข้อกำหนดนี้จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 2028 การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าผู้ดูแลระบบต้องมีการต่ออายุใบรับรองบ่อยขึ้น และต้องพึ่งพาการทำงานแบบอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจทำให้เว็บไซต์ล่ม
    https://securityonline.info/security-tightens-lets-encrypt-will-cap-certificate-validity-at-45-days-by-2028

    อัปเดต Windows ทำ Dark Mode พัง ไฟล์ Explorer กระพริบขาว
    ผู้ใช้ Windows 11 ที่ติดตั้งอัปเดต KB5070311 พบปัญหาน่ารำคาญ เมื่อเปิด File Explorer ในโหมดมืด หน้าต่างจะกระพริบเป็นสีขาวสว่างก่อนโหลดข้อมูล ซึ่งสร้างความไม่สบายตาและทำให้ประสบการณ์ใช้งานสะดุด แม้ Microsoft จะระบุว่านี่เป็นเพียงอัปเดตตัวทดลอง แต่ก็ทำให้ผู้ใช้หลายคนผิดหวัง เพราะฟีเจอร์ที่ควรทำให้ใช้งานราบรื่นกลับสร้างปัญหาแทน ตอนนี้ Microsoft กำลังเร่งแก้ไขเพื่อไม่ให้บั๊กนี้หลุดไปถึงเวอร์ชันเสถียร
    https://securityonline.info/microsoft-update-breaks-dark-mode-file-explorer-now-flashes-white-on-launch

    Google Phone App เพิ่มฟีเจอร์ “Call Reason” ให้โทรศัพท์ดูสำคัญขึ้น
    Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Phone ที่ชื่อว่า “Call Reason” ผู้โทรสามารถใส่เหตุผลประกอบการโทร เช่น “ด่วนมาก” หรือ “ประชุมสำคัญ” เพื่อให้ผู้รับรู้ทันทีว่าโทรศัพท์นั้นมีความสำคัญแค่ไหน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่หลายคนไม่รับสายจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก หรือสายที่ไม่ระบุรายละเอียด การเพิ่มข้อความสั้น ๆ ก่อนโทรช่วยให้ผู้รับตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะรับสายทันทีหรือไม่
    https://securityonline.info/google-phone-app-gets-call-reason-mark-calls-as-urgent-to-ensure-a-pick-up

    AWS Bedrock เปิดตัวครั้งใหญ่ เพิ่ม 18 โมเดล AI และระบบ AgentCore ใหม่
    Amazon Web Services (AWS) ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่ให้กับ Bedrock โดยเพิ่มโมเดล AI ใหม่ถึง 18 โมเดลจากหลายบริษัท พร้อมปรับปรุงระบบ AgentCore ที่ช่วยให้การทำงานของ AI มีความปลอดภัยและยืดหยุ่นมากขึ้น จุดเด่นคือการรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก รวมถึงการเพิ่มระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่
    https://securityonline.info/aws-bedrock-unleashed-18-new-ai-models-agentcore-upgrades-and-enhanced-security

    AWS เปิดตัวชิป Trainium3 เร็วขึ้น 4.4 เท่า สำหรับงาน AI
    AWS เปิดตัวชิปใหม่ Trainium3 ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI โดยเฉพาะ ชิปนี้ให้ประสิทธิภาพเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 4.4 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และถูกนำไปใช้ในเซิร์ฟเวอร์ EC2 UltraServers จุดเด่นคือการรองรับงาน AI ที่ซับซ้อน เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ และการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของ AWS ให้แข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นได้อย่างแข็งแกร่ง
    https://securityonline.info/aws-unleashes-trainium3-chip-4-4x-faster-ai-performance-for-ec2-ultraservers

    AWS AI Factories นำโครงสร้างพื้นฐาน AI ลงสู่ On-Premises
    AWS เปิดตัวแนวคิด “AI Factories” ที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่สมบูรณ์แบบจากระบบคลาวด์มาติดตั้งใช้งานในสถานที่ของตัวเอง (On-Premises) เพื่อรองรับความต้องการด้าน Data Sovereignty หรือการควบคุมข้อมูลให้อยู่ในประเทศหรือองค์กรโดยตรง แนวทางนี้ตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการใช้ AI แต่มีข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยของข้อมูล
    https://securityonline.info/aws-ai-factories-bringing-full-cloud-ai-infrastructure-on-prem-for-data-sovereignty

    AWS เปิดตัวตระกูลโมเดล Nova 2 รองรับ Multimodal และ Agentic AI
    AWS ประกาศเปิดตัวโมเดลใหม่ในตระกูล Nova 2 ที่สามารถทำงานแบบ Multimodal คือรองรับทั้งข้อความ ภาพ และเสียง พร้อมฟีเจอร์ Agentic Nova Act ที่ช่วยให้ AI สามารถทำงานเชิงรุกได้มากขึ้น เช่น การตัดสินใจอัตโนมัติและการทำงานแทนมนุษย์ในบางกระบวนการ ถือเป็นการยกระดับความสามารถของ AWS ในการแข่งขันกับผู้ให้บริการ AI รายใหญ่ทั่วโลก
    https://securityonline.info/aws-unveils-nova-2-ai-model-family-with-multimodal-omni-agentic-nova-act

    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251204 #securityonline 🛡️ React พบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ทีมพัฒนา React ออกประกาศฉุกเฉินหลังพบช่องโหว่ที่มีความรุนแรงสูงสุด (CVSS 10.0) ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้เกิดจากกระบวนการถอดรหัสข้อมูลที่ส่งจาก client ไปยัง server ใน React Server Components (RSC) ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งแฝงเข้ามาและเข้าควบคุมระบบได้ทันที ปัญหานี้กระทบไปถึงเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Next.js, React Router, Waku และอื่น ๆ โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในหลายเวอร์ชัน นักพัฒนาจำเป็นต้องอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/catastrophic-react-flaw-cve-2025-55182-cvss-10-0-allows-unauthenticated-rce-on-next-js-and-server-components ⚠️ WordPress เจอช่องโหว่ CVE-2025-6389 ถูกโจมตีจริงแล้ว WordPress ที่ใช้ Sneeit Framework กำลังเผชิญการโจมตีครั้งใหญ่ หลังมีการเปิดเผยช่องโหว่ Remote Code Execution (RCE) ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้เกิดจากฟังก์ชัน sneeit_articles_pagination_callback() ที่เปิดให้ผู้ใช้ส่งข้อมูลเข้ามาโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน PHP ใด ๆ ได้ตามใจ ผลคือมีการสร้างบัญชีแอดมินปลอมและฝัง backdoor ลงในระบบทันที มีรายงานว่ามีการพยายามโจมตีมากกว่า 131,000 ครั้งแล้ว หากใครยังใช้เวอร์ชัน 8.3 หรือต่ำกว่า ต้องรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.4 โดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce 🚨 Next.js เจอช่องโหว่ CVE-2025-66478 ระดับสูงสุด นักพัฒนา Next.js กำลังเจอวิกฤติครั้งใหญ่ เมื่อพบช่องโหว่ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้ ช่องโหว่นี้เชื่อมโยงกับ React Server Components (CVE-2025-55182) และส่งผลกระทบต่อ Next.js รุ่นใหม่ที่ใช้ App Router โดยตรง เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบคือ Next.js 15.x และ 16.x รวมถึง canary release ของ 14.3.0 ขึ้นไป ทางแก้เดียวคือการอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่มีแพตช์ เช่น 15.0.5, 15.1.9 หรือ 16.0.7 หากยังใช้เวอร์ชันที่เสี่ยงอยู่ถือว่าเปิดช่องให้ถูกยึดระบบได้ทันที 🔗 https://securityonline.info/maximum-severity-alert-critical-rce-flaw-hits-next-js-cve-2025-66478-cvss-10-0 🧑‍💻 AWS เปิดตัว Frontier Agents: ทีมงาน AI อัตโนมัติ ที่งาน re:Invent 2025 AWS สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว “Frontier Agents” ซึ่งเป็น AI ที่ทำงานได้เหมือนทีมงานจริง ๆ สามารถรับภารกิจและทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องมีคนคอยกำกับตลอดเวลา มีทั้งหมด 3 ตัวหลักคือ Kiro สำหรับงานพัฒนา, Security Agent สำหรับตรวจสอบความปลอดภัย และ DevOps Agent สำหรับแก้ปัญหาระบบที่ล่ม ตัวอย่างเช่น Kiro สามารถรับงานจาก GitHub แล้วแก้บั๊กหรือเพิ่ม test coverage ได้เอง ส่วน Security Agent ก็ช่วยตรวจสอบช่องโหว่ที่เครื่องมือทั่วไปมองไม่เห็น และ DevOps Agent สามารถหาสาเหตุระบบล่มได้ภายใน 15 นาที ซึ่งปกติวิศวกรอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง จุดสำคัญคือ AWS ต้องการให้คนทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปล่อยเวลาไปทำงานเชิงกลยุทธ์แทน 🔗 https://securityonline.info/aws-frontier-agents-autonomous-ai-team-members-take-over-dev-security-and-ops 📦 AWS S3 Unleashed: ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล AI และ Big Data AWS ประกาศอัปเกรดครั้งใหญ่ให้กับ Amazon S3 โดยเพิ่มความสามารถในการเก็บและค้นหาข้อมูลแบบเวกเตอร์ (S3 Vectors) ที่รองรับได้ถึง 20 ล้านล้านเวกเตอร์ และเพิ่มขนาดไฟล์สูงสุดจาก 5 TB เป็น 50 TB ทำให้สามารถเก็บไฟล์ขนาดมหึมา เช่น วิดีโอความละเอียดสูงหรือ dataset สำหรับ AI ได้โดยไม่ต้องแบ่งไฟล์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง batch operations ให้เร็วขึ้น 10 เท่า และเพิ่มฟีเจอร์ replication ข้าม region สำหรับ S3 Tables จุดเด่นคือช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 90% และทำให้การสร้างระบบ AI หรือ RAG ง่ายขึ้นมาก หลายองค์กรใหญ่ เช่น BMW และ Twilio ได้เริ่มใช้งานแล้ว 🔗 https://securityonline.info/aws-s3-unleashed-native-vector-storage-50-tb-max-object-size-for-ai-big-data 💾 Raspberry Pi ขึ้นราคาเพราะกระแส AI Raspberry Pi ประกาศขึ้นราคาทันทีสำหรับบางรุ่นของ Pi 4 และ Pi 5 เนื่องจากความต้องการหน่วยความจำทั่วโลกที่พุ่งสูงจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น รุ่นที่มีหน่วยความจำมากขึ้นจะขึ้นราคาหนักที่สุด เช่น Pi 5 (16GB) จาก 120 ดอลลาร์เป็น 145 ดอลลาร์ และ Pi 5 (8GB) จาก 80 ดอลลาร์เป็น 95 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Raspberry Pi ก็เปิดตัวรุ่นใหม่ราคาประหยัดคือ Pi 5 (1GB) ที่ 45 ดอลลาร์ เพื่อให้คนทั่วไปยังเข้าถึงได้ CEO Eben Upton ย้ำว่านี่เป็นการปรับราคาชั่วคราว และเมื่อสถานการณ์หน่วยความจำกลับมาปกติ ราคาจะลดลงอีกครั้ง 🔗 https://securityonline.info/raspberry-pi-price-hike-ai-boom-forces-price-increases-on-pi-4-and-pi-5-models 📱 Android 16 อัปเดตใหม่: AI สรุปแจ้งเตือนและฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้พิการ Google ปล่อยอัปเดตใหญ่ครั้งที่สองของ Android 16 โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสรุปข้อความแจ้งเตือนยาว ๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น และมี Notification Organizer ที่ช่วยจัดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญให้อัตโนมัติ ด้านความปลอดภัยก็มีการกรองข้อความเชิญเข้ากลุ่มจากเบอร์แปลก และ Circle to Search สามารถตรวจสอบข้อความหลอกลวงได้ ฟีเจอร์ใหม่ยังรวมถึงการปรับแต่งไอคอน, Dark Theme ที่ครอบคลุมทุกแอป และ parental control ที่ใช้งานง่ายขึ้น ที่สำคัญคือการปรับปรุงด้าน accessibility เช่น TalkBack ที่ใช้ Gemini ช่วยแก้ไขข้อความด้วยเสียง, กล้องที่ให้คำแนะนำเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา, AutoClick สำหรับผู้ใช้เมาส์ และ Expressive Captions ที่บอกอารมณ์ของผู้พูดในวิดีโอ ฟีเจอร์เหล่านี้เริ่มปล่อยให้ Pixel ก่อนและจะขยายไปยังอุปกรณ์อื่นในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/android-16-update-ai-notification-summaries-gemini-powered-accessibility-suite ⚙️ AWS Nova Forge: แพลตฟอร์มเปิดให้ปรับแต่งโมเดล Nova 2 AWS เปิดตัว Nova Forge ที่งาน re:Invent 2025 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล Nova 2 ได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ขั้น pre-training ไปจนถึง post-training ทำให้สามารถใส่ความรู้เฉพาะองค์กรเข้าไปในโมเดลโดยตรง ไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อภายนอกที่อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เสถียร จุดเด่นคือความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามกฎและความรู้ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา AWS ยังเสริมระบบ guardrails เพื่อให้ลูกค้ากำหนดขอบเขตพฤติกรรมของโมเดลได้เอง นอกจากนี้ Nova Forge ยังสามารถใช้ปรับแต่ง Alexa+ ได้โดยตรง ทำให้บริการสำหรับองค์กรมีความเฉพาะตัวมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการสร้างโมเดล AI ให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้จริง 🔗 https://securityonline.info/aws-nova-forge-open-training-platform-enables-deep-customization-of-nova-2-models 🛠️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Vim for Windows (CVE-2025-66476) มีการค้นพบช่องโหว่ระดับสูงใน Vim เวอร์ชัน Windows ที่อาจเปิดทางให้ผู้โจมตีรันโค้ดอันตรายได้หากผู้ใช้เปิดไฟล์จากโฟลเดอร์ที่ถูกเจาะแล้ว ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ path ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังสคริปต์ไว้ในไฟล์ที่ดูเหมือนปกติได้ ผลคือผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกควบคุมเครื่องโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/high-severity-vim-for-windows-flaw-cve-2025-66476-risks-arbitrary-code-execution-from-compromised-folders 🐍 แคมเปญ Water Saci ใช้ LLM แปลงมัลแวร์เป็น Python นักวิจัยพบการโจมตีใหม่ชื่อ Water Saci ที่ใช้โมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ช่วยแปลงโค้ดมัลแวร์เป็น Python เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ จากนั้นแพร่กระจายผ่าน WhatsApp worm โดยส่งลิงก์ปลอมไปยังผู้ใช้ เมื่อเหยื่อคลิกก็จะติด Banking Trojan ที่ขโมยข้อมูลการเงิน จุดน่าสนใจคือการใช้ AI ในการปรับโค้ดให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ทำให้การโจมตียากต่อการตรวจจับมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/water-saci-campaign-uses-llms-to-convert-malware-to-python-spreads-banking-trojan-via-whatsapp-worm 🐝 Synology BeeStation พบช่องโหว่ SQL Injection แบบใหม่ มีการเปิดเผยช่องโหว่ใน Synology BeeStation ที่สามารถนำไปสู่การเข้าถึงสิทธิ์ root ได้ผ่านเทคนิค “Dirty File Write” ซึ่งเป็นการโจมตี SQL Injection รูปแบบใหม่ นักวิจัยได้เผยแพร่ PoC แล้ว ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันทีหากผู้ใช้ยังไม่อัปเดตแพตช์ ความร้ายแรงคือสามารถควบคุมระบบทั้งหมดได้โดยตรง Synology แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/synology-beestation-flaw-chain-leads-to-root-rce-via-novel-dirty-file-write-sql-injection-poc-available 🔒 Matanbuchus 3.0 เปลี่ยนจาก Downloader ไปสู่ Ransomware มัลแวร์ Matanbuchus ได้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 3.0 โดยเปลี่ยนบทบาทจากการเป็น downloader ไปสู่การทำงานเป็น ransomware เต็มรูปแบบ ใช้เทคนิคใหม่อย่าง Protobufs และ Intel QuickAssist เพื่อซ่อนการเข้าถึงและทำงานได้อย่างลับ ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น เพราะสามารถเข้ารหัสไฟล์และเรียกค่าไถ่ได้โดยตรง 🔗 https://securityonline.info/matanbuchus-3-0-downloader-pivots-to-ransomware-using-protobufs-and-quickassist-for-stealth-access 🕵️ ShadyPanda Spyware แฮ็กผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านราย มีรายงานว่า ShadyPanda Spyware ใช้ประโยชน์จากการอัปเดตอัตโนมัติของส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่เชื่อถือได้ เพื่อฝังโค้ดอันตรายและเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยตรง ส่งผลให้มีผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านรายถูกเจาะข้อมูล การโจมตีนี้อันตรายมากเพราะเกิดขึ้นผ่านช่องทางที่ผู้ใช้เชื่อถืออยู่แล้ว ทำให้ยากต่อการสังเกตหรือป้องกัน 🔗 https://securityonline.info/shadypanda-spyware-hacked-4-3-million-users-by-weaponizing-trusted-browser-extensions-via-auto-updates 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน WordPress ACF Extended มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน Advanced Custom Fields: Extended ที่ถูกใช้งานบนเว็บไซต์กว่าแสนแห่งทั่วโลก ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องล็อกอินเข้าระบบ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยด้านความปลอดภัยที่ค้นพบได้รับเงินรางวัลจากการแจ้งเตือน เนื่องจากความเสี่ยงสูงสุดที่ช่องโหว่นี้สร้างขึ้น ทีมพัฒนาจึงรีบออกแพตช์แก้ไขและแนะนำให้ผู้ดูแลเว็บไซต์รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/critical-acf-extended-flaw-cve-2025-13486-cvss-9-8-allows-unauthenticated-rce-on-100k-wordpress-sites 📱 อินเดียบังคับใช้กฎ SIM-Binding บน WhatsApp และ Telegram รัฐบาลอินเดียออกข้อบังคับใหม่ที่เข้มงวดกับแอปแชทชื่อดังอย่าง WhatsApp, Telegram และอีกหลายแพลตฟอร์ม โดยกำหนดให้ผู้ใช้ต้องผูกบัญชีเข้ากับซิมการ์ดที่ออกในอินเดีย และต้องยืนยันตัวตนใหม่ทุก ๆ 6 ชั่วโมง หากไม่มีซิมที่เชื่อมโยงอยู่ บัญชีจะถูกล็อกทันที กฎนี้ถูกออกมาเพื่อป้องกันการใช้เบอร์โทรศัพท์อินเดียไปทำการหลอกลวงหรือฟิชชิ่งจากต่างประเทศ แม้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็สร้างคำถามว่าแพลตฟอร์มต่างชาติที่เน้นความเป็นส่วนตัวจะยอมทำตามหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/india-mandates-sim-binding-whatsapp-and-telegram-users-must-re-verify-every-6-hours 🚨 OpenAI ยกเลิกแผนโฆษณา หันมาโฟกัสคุณภาพ ChatGPT รับมือ Gemini OpenAI เคยทดลองเพิ่มโฆษณาใน ChatGPT เพื่อหารายได้ แต่ล่าสุดบริษัทตัดสินใจหยุดแผนนี้และหันมาเน้นพัฒนาคุณภาพของ ChatGPT ให้ดียิ่งขึ้น เหตุผลสำคัญคือการมาของ Google Gemini ที่กำลังดึงผู้ใช้จำนวนมากไป ทำให้ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ประกาศ “red alert” ภายในบริษัท พร้อมสั่งทีมงานเร่งพัฒนาโมเดล reasoning ใหม่ที่คาดว่าจะเหนือกว่า Gemini 3 รวมถึงปรับปรุงด้าน personalization และความเร็วในการใช้งาน เพื่อรักษาฐานผู้ใช้และความสามารถในการแข่งขัน 🔗 https://securityonline.info/red-alert-at-openai-ad-plans-dropped-to-focus-on-chatgpt-quality-amid-gemini-threat 🔒 Let’s Encrypt เตรียมลดอายุใบรับรองเหลือ 45 วันภายในปี 2028 เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบอินเทอร์เน็ต องค์กร CA/Browser Forum ได้ตกลงให้ลดอายุการใช้งานของใบรับรอง SSL/TLS จากเดิมเกือบ 400 วัน เหลือเพียง 45 วันเท่านั้น โดย Let’s Encrypt ประกาศว่าจะทยอยปรับตามข้อกำหนดนี้จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 2028 การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าผู้ดูแลระบบต้องมีการต่ออายุใบรับรองบ่อยขึ้น และต้องพึ่งพาการทำงานแบบอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจทำให้เว็บไซต์ล่ม 🔗 https://securityonline.info/security-tightens-lets-encrypt-will-cap-certificate-validity-at-45-days-by-2028 💻 อัปเดต Windows ทำ Dark Mode พัง ไฟล์ Explorer กระพริบขาว ผู้ใช้ Windows 11 ที่ติดตั้งอัปเดต KB5070311 พบปัญหาน่ารำคาญ เมื่อเปิด File Explorer ในโหมดมืด หน้าต่างจะกระพริบเป็นสีขาวสว่างก่อนโหลดข้อมูล ซึ่งสร้างความไม่สบายตาและทำให้ประสบการณ์ใช้งานสะดุด แม้ Microsoft จะระบุว่านี่เป็นเพียงอัปเดตตัวทดลอง แต่ก็ทำให้ผู้ใช้หลายคนผิดหวัง เพราะฟีเจอร์ที่ควรทำให้ใช้งานราบรื่นกลับสร้างปัญหาแทน ตอนนี้ Microsoft กำลังเร่งแก้ไขเพื่อไม่ให้บั๊กนี้หลุดไปถึงเวอร์ชันเสถียร 🔗 https://securityonline.info/microsoft-update-breaks-dark-mode-file-explorer-now-flashes-white-on-launch 📞 Google Phone App เพิ่มฟีเจอร์ “Call Reason” ให้โทรศัพท์ดูสำคัญขึ้น Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Phone ที่ชื่อว่า “Call Reason” ผู้โทรสามารถใส่เหตุผลประกอบการโทร เช่น “ด่วนมาก” หรือ “ประชุมสำคัญ” เพื่อให้ผู้รับรู้ทันทีว่าโทรศัพท์นั้นมีความสำคัญแค่ไหน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่หลายคนไม่รับสายจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก หรือสายที่ไม่ระบุรายละเอียด การเพิ่มข้อความสั้น ๆ ก่อนโทรช่วยให้ผู้รับตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะรับสายทันทีหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/google-phone-app-gets-call-reason-mark-calls-as-urgent-to-ensure-a-pick-up ☁️ AWS Bedrock เปิดตัวครั้งใหญ่ เพิ่ม 18 โมเดล AI และระบบ AgentCore ใหม่ Amazon Web Services (AWS) ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่ให้กับ Bedrock โดยเพิ่มโมเดล AI ใหม่ถึง 18 โมเดลจากหลายบริษัท พร้อมปรับปรุงระบบ AgentCore ที่ช่วยให้การทำงานของ AI มีความปลอดภัยและยืดหยุ่นมากขึ้น จุดเด่นคือการรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก รวมถึงการเพิ่มระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่ 🔗 https://securityonline.info/aws-bedrock-unleashed-18-new-ai-models-agentcore-upgrades-and-enhanced-security ⚡ AWS เปิดตัวชิป Trainium3 เร็วขึ้น 4.4 เท่า สำหรับงาน AI AWS เปิดตัวชิปใหม่ Trainium3 ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI โดยเฉพาะ ชิปนี้ให้ประสิทธิภาพเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 4.4 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และถูกนำไปใช้ในเซิร์ฟเวอร์ EC2 UltraServers จุดเด่นคือการรองรับงาน AI ที่ซับซ้อน เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ และการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของ AWS ให้แข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นได้อย่างแข็งแกร่ง 🔗 https://securityonline.info/aws-unleashes-trainium3-chip-4-4x-faster-ai-performance-for-ec2-ultraservers 🏭 AWS AI Factories นำโครงสร้างพื้นฐาน AI ลงสู่ On-Premises AWS เปิดตัวแนวคิด “AI Factories” ที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่สมบูรณ์แบบจากระบบคลาวด์มาติดตั้งใช้งานในสถานที่ของตัวเอง (On-Premises) เพื่อรองรับความต้องการด้าน Data Sovereignty หรือการควบคุมข้อมูลให้อยู่ในประเทศหรือองค์กรโดยตรง แนวทางนี้ตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการใช้ AI แต่มีข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยของข้อมูล 🔗 https://securityonline.info/aws-ai-factories-bringing-full-cloud-ai-infrastructure-on-prem-for-data-sovereignty 🤖 AWS เปิดตัวตระกูลโมเดล Nova 2 รองรับ Multimodal และ Agentic AI AWS ประกาศเปิดตัวโมเดลใหม่ในตระกูล Nova 2 ที่สามารถทำงานแบบ Multimodal คือรองรับทั้งข้อความ ภาพ และเสียง พร้อมฟีเจอร์ Agentic Nova Act ที่ช่วยให้ AI สามารถทำงานเชิงรุกได้มากขึ้น เช่น การตัดสินใจอัตโนมัติและการทำงานแทนมนุษย์ในบางกระบวนการ ถือเป็นการยกระดับความสามารถของ AWS ในการแข่งขันกับผู้ให้บริการ AI รายใหญ่ทั่วโลก 🔗 https://securityonline.info/aws-unveils-nova-2-ai-model-family-with-multimodal-omni-agentic-nova-act
    0 Comments 0 Shares 0 Views 0 Reviews
  • ปรับตั้งค่า Wifi Router ก่อนซื้อใหม่

    บทความจาก SlashGear แนะนำว่า ก่อนจะรีบซื้อเราเตอร์ใหม่เพื่อแก้ปัญหา Wi-Fi ช้า ควรลองปรับตั้งค่าบนอุปกรณ์เดิม เช่น การเปลี่ยนช่องสัญญาณ, เลือกย่านความถี่ที่เหมาะสม, อัปเดตเฟิร์มแวร์ และจัดตำแหน่งเราเตอร์ใหม่ ซึ่งอาจช่วยให้การเชื่อมต่อดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม

    หลายคนเมื่อเจอ Wi-Fi สัญญาณอ่อนหรือหลุดบ่อย มักคิดว่าต้องซื้อเราเตอร์ใหม่ แต่จริง ๆ แล้วการ รีเซ็ตเป็นค่าโรงงาน หรือการเข้าไปปรับตั้งค่าผ่านหน้าเว็บของเราเตอร์ เช่น 192.168.0.1 อาจช่วยแก้ปัญหาได้ทันที โดยเฉพาะหากไม่ได้เปลี่ยนการตั้งค่ามาก่อน

    เปลี่ยนช่องสัญญาณและย่านความถี่
    Wi-Fi มักถูกตั้งค่าให้เลือกช่องสัญญาณอัตโนมัติ แต่บางครั้งระบบเลือกช่องที่มี “สัญญาณรบกวน” จากอุปกรณ์อื่น เช่นไมโครเวฟหรือเบบี้มอนิเตอร์ การเปลี่ยนไปใช้ช่องอื่นแบบ Manual อาจช่วยให้สัญญาณเสถียรกว่า นอกจากนี้การเลือกใช้ ย่าน 5 GHz จะได้ความเร็วสูงและรบกวนน้อยกว่า 2.4 GHz ส่วนใครที่มีเราเตอร์ Wi-Fi 6E ก็สามารถใช้ย่าน 6 GHz เพื่อความเร็วสูงสุดในระยะใกล้

    อัปเดตเฟิร์มแวร์และจัดตำแหน่งใหม่
    เฟิร์มแวร์ของเราเตอร์มักมีการอัปเดตเพื่อแก้บั๊กและเพิ่มประสิทธิภาพ หากไม่ได้อัปเดตอาจทำให้การเชื่อมต่อช้าลงหรือไม่ปลอดภัย การดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์ล่าสุดจากเว็บไซต์ผู้ผลิตและติดตั้งด้วยสาย LAN จะช่วยให้ระบบเสถียรขึ้น อีกทั้ง ตำแหน่งการวางเราเตอร์ ก็สำคัญ ควรวางในจุดกลางบ้านและสูงขึ้น เช่นบนชั้น เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางอย่างผนังหรือแม้แต่ตู้ปลา

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การปรับตั้งค่าพื้นฐาน
    รีเซ็ตเป็นค่าโรงงานหากไม่เคยปรับแต่ง
    เข้าหน้าเว็บเราเตอร์เพื่อปรับค่าต่าง ๆ

    การเปลี่ยนช่องสัญญาณและย่านความถี่
    เลือกช่องสัญญาณแบบ Manual เพื่อลดการรบกวน
    ใช้ 5 GHz เพื่อความเร็วสูง หรือ 6 GHz สำหรับ Wi-Fi 6E

    การอัปเดตและจัดตำแหน่ง
    อัปเดตเฟิร์มแวร์จากเว็บไซต์ผู้ผลิต
    วางเราเตอร์ในตำแหน่งสูงและกลางบ้าน

    คำเตือนด้านการใช้งาน
    หากไม่อัปเดตเฟิร์มแวร์ อาจเสี่ยงต่อบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัย
    การวางเราเตอร์ในตำแหน่งที่มีสิ่งกีดขวาง อาจทำให้สัญญาณอ่อนลง
    การซื้อเราเตอร์ใหม่โดยไม่ลองปรับตั้งค่า อาจเสียเงินโดยไม่จำเป็น

    https://www.slashgear.com/2040501/wifi-router-problems-change-settings-before-buy-new/
    📡 ปรับตั้งค่า Wifi Router ก่อนซื้อใหม่ บทความจาก SlashGear แนะนำว่า ก่อนจะรีบซื้อเราเตอร์ใหม่เพื่อแก้ปัญหา Wi-Fi ช้า ควรลองปรับตั้งค่าบนอุปกรณ์เดิม เช่น การเปลี่ยนช่องสัญญาณ, เลือกย่านความถี่ที่เหมาะสม, อัปเดตเฟิร์มแวร์ และจัดตำแหน่งเราเตอร์ใหม่ ซึ่งอาจช่วยให้การเชื่อมต่อดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม หลายคนเมื่อเจอ Wi-Fi สัญญาณอ่อนหรือหลุดบ่อย มักคิดว่าต้องซื้อเราเตอร์ใหม่ แต่จริง ๆ แล้วการ รีเซ็ตเป็นค่าโรงงาน หรือการเข้าไปปรับตั้งค่าผ่านหน้าเว็บของเราเตอร์ เช่น 192.168.0.1 อาจช่วยแก้ปัญหาได้ทันที โดยเฉพาะหากไม่ได้เปลี่ยนการตั้งค่ามาก่อน 🔄 เปลี่ยนช่องสัญญาณและย่านความถี่ Wi-Fi มักถูกตั้งค่าให้เลือกช่องสัญญาณอัตโนมัติ แต่บางครั้งระบบเลือกช่องที่มี “สัญญาณรบกวน” จากอุปกรณ์อื่น เช่นไมโครเวฟหรือเบบี้มอนิเตอร์ การเปลี่ยนไปใช้ช่องอื่นแบบ Manual อาจช่วยให้สัญญาณเสถียรกว่า นอกจากนี้การเลือกใช้ ย่าน 5 GHz จะได้ความเร็วสูงและรบกวนน้อยกว่า 2.4 GHz ส่วนใครที่มีเราเตอร์ Wi-Fi 6E ก็สามารถใช้ย่าน 6 GHz เพื่อความเร็วสูงสุดในระยะใกล้ 🛠️ อัปเดตเฟิร์มแวร์และจัดตำแหน่งใหม่ เฟิร์มแวร์ของเราเตอร์มักมีการอัปเดตเพื่อแก้บั๊กและเพิ่มประสิทธิภาพ หากไม่ได้อัปเดตอาจทำให้การเชื่อมต่อช้าลงหรือไม่ปลอดภัย การดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์ล่าสุดจากเว็บไซต์ผู้ผลิตและติดตั้งด้วยสาย LAN จะช่วยให้ระบบเสถียรขึ้น อีกทั้ง ตำแหน่งการวางเราเตอร์ ก็สำคัญ ควรวางในจุดกลางบ้านและสูงขึ้น เช่นบนชั้น เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางอย่างผนังหรือแม้แต่ตู้ปลา 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การปรับตั้งค่าพื้นฐาน ➡️ รีเซ็ตเป็นค่าโรงงานหากไม่เคยปรับแต่ง ➡️ เข้าหน้าเว็บเราเตอร์เพื่อปรับค่าต่าง ๆ ✅ การเปลี่ยนช่องสัญญาณและย่านความถี่ ➡️ เลือกช่องสัญญาณแบบ Manual เพื่อลดการรบกวน ➡️ ใช้ 5 GHz เพื่อความเร็วสูง หรือ 6 GHz สำหรับ Wi-Fi 6E ✅ การอัปเดตและจัดตำแหน่ง ➡️ อัปเดตเฟิร์มแวร์จากเว็บไซต์ผู้ผลิต ➡️ วางเราเตอร์ในตำแหน่งสูงและกลางบ้าน ‼️ คำเตือนด้านการใช้งาน ⛔ หากไม่อัปเดตเฟิร์มแวร์ อาจเสี่ยงต่อบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัย ⛔ การวางเราเตอร์ในตำแหน่งที่มีสิ่งกีดขวาง อาจทำให้สัญญาณอ่อนลง ⛔ การซื้อเราเตอร์ใหม่โดยไม่ลองปรับตั้งค่า อาจเสียเงินโดยไม่จำเป็น https://www.slashgear.com/2040501/wifi-router-problems-change-settings-before-buy-new/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Don't Waste Money On A New Wi-Fi Router Just Yet: Try Changing These Settings First - SlashGear
    Your wi-fi router not allowing you to connect to the Internet can be a very stressful occasion, but try these quick tips before you buy a new device.
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • NVIDIA 590 Beta: ก้าวใหม่ของการรองรับ Wayland

    ไดรเวอร์ NVIDIA 590 ได้ยกระดับการรองรับ Wayland โดยกำหนดให้ Wayland เวอร์ชันขั้นต่ำเป็น 1.20 และแก้ไขบั๊กที่ทำให้เมนู PowerMizer ใน nvidia-settings ไม่ทำงานบน Wayland สิ่งนี้ถือเป็นการปรับปรุงสำคัญ เนื่องจาก Wayland กำลังถูกผลักดันให้เป็นมาตรฐานใหม่แทน X11 ในหลายดิสโทร

    Vulkan Performance ดีขึ้น
    อีกหนึ่งจุดเด่นคือการปรับปรุงการจัดการ Vulkan swapchains ซึ่งช่วยลดอาการกระตุกเมื่อผู้ใช้ปรับขนาดหน้าต่างแอปพลิเคชันที่ใช้ Vulkan รวมถึงแก้ไขปัญหาที่ทำให้ Vulkan ไม่ทำงานบน Venus VirtIO virtual GPU สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้ที่ทำงานด้านเกมและกราฟิกได้ประสบการณ์ที่ลื่นไหลมากขึ้น

    การแก้บั๊กที่สำคัญ
    แก้บั๊กที่ทำให้ระบบ ค้างบน PREEMPT_RT kernels
    แก้บั๊กการรายงาน DPI ที่ผิดพลาดบนบางจอ เช่น Samsung Odyssey Neo G9
    ยกระดับการรองรับ Xorg Server (ขั้นต่ำ 1.17) และ GNU C Library (glibc 2.27)

    ความหมายต่อผู้ใช้
    แม้จะเป็นเวอร์ชันเบต้าและยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อม Production แต่การปรับปรุงเหล่านี้สะท้อนว่า NVIDIA กำลังเดินหน้าสนับสนุน Wayland และ Vulkan อย่างจริงจัง ผู้ใช้ที่ชอบทดสอบฟีเจอร์ใหม่จะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีขึ้นทั้งในด้านเสถียรภาพและการทำงานกับจอภาพรุ่นใหม่ ๆ

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การปรับปรุง Wayland
    กำหนด Wayland ขั้นต่ำเป็น 1.20
    แก้บั๊ก PowerMizer บน Wayland

    การปรับปรุง Vulkan
    Swapchains ทำงานได้ลื่นขึ้น ลดการกระตุก
    รองรับ Venus VirtIO virtual GPU

    การแก้บั๊กสำคัญ
    แก้ปัญหาค้างบน PREEMPT_RT kernels
    แก้การรายงาน DPI ผิดพลาดบนบางจอ
    ยกระดับการรองรับ Xorg และ glibc

    ผลต่อผู้ใช้
    ประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับเกมและงานกราฟิก
    รองรับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ใหม่มากขึ้น

    คำเตือนด้านการใช้งาน
    เป็นเวอร์ชันเบต้า ไม่เหมาะกับ Production
    อาจยังมีบั๊กที่ไม่ถูกค้นพบ
    ผู้ใช้ทั่วไปควรรอเวอร์ชัน Stable ก่อนอัปเดต

    https://9to5linux.com/nvidia-590-linux-graphics-driver-enters-public-beta-with-better-wayland-support
    🖥️ NVIDIA 590 Beta: ก้าวใหม่ของการรองรับ Wayland ไดรเวอร์ NVIDIA 590 ได้ยกระดับการรองรับ Wayland โดยกำหนดให้ Wayland เวอร์ชันขั้นต่ำเป็น 1.20 และแก้ไขบั๊กที่ทำให้เมนู PowerMizer ใน nvidia-settings ไม่ทำงานบน Wayland สิ่งนี้ถือเป็นการปรับปรุงสำคัญ เนื่องจาก Wayland กำลังถูกผลักดันให้เป็นมาตรฐานใหม่แทน X11 ในหลายดิสโทร 🎮 Vulkan Performance ดีขึ้น อีกหนึ่งจุดเด่นคือการปรับปรุงการจัดการ Vulkan swapchains ซึ่งช่วยลดอาการกระตุกเมื่อผู้ใช้ปรับขนาดหน้าต่างแอปพลิเคชันที่ใช้ Vulkan รวมถึงแก้ไขปัญหาที่ทำให้ Vulkan ไม่ทำงานบน Venus VirtIO virtual GPU สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้ที่ทำงานด้านเกมและกราฟิกได้ประสบการณ์ที่ลื่นไหลมากขึ้น 🛠️ การแก้บั๊กที่สำคัญ 🪛 แก้บั๊กที่ทำให้ระบบ ค้างบน PREEMPT_RT kernels 🪛 แก้บั๊กการรายงาน DPI ที่ผิดพลาดบนบางจอ เช่น Samsung Odyssey Neo G9 🪛 ยกระดับการรองรับ Xorg Server (ขั้นต่ำ 1.17) และ GNU C Library (glibc 2.27) 🔮 ความหมายต่อผู้ใช้ แม้จะเป็นเวอร์ชันเบต้าและยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อม Production แต่การปรับปรุงเหล่านี้สะท้อนว่า NVIDIA กำลังเดินหน้าสนับสนุน Wayland และ Vulkan อย่างจริงจัง ผู้ใช้ที่ชอบทดสอบฟีเจอร์ใหม่จะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีขึ้นทั้งในด้านเสถียรภาพและการทำงานกับจอภาพรุ่นใหม่ ๆ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การปรับปรุง Wayland ➡️ กำหนด Wayland ขั้นต่ำเป็น 1.20 ➡️ แก้บั๊ก PowerMizer บน Wayland ✅ การปรับปรุง Vulkan ➡️ Swapchains ทำงานได้ลื่นขึ้น ลดการกระตุก ➡️ รองรับ Venus VirtIO virtual GPU ✅ การแก้บั๊กสำคัญ ➡️ แก้ปัญหาค้างบน PREEMPT_RT kernels ➡️ แก้การรายงาน DPI ผิดพลาดบนบางจอ ➡️ ยกระดับการรองรับ Xorg และ glibc ✅ ผลต่อผู้ใช้ ➡️ ประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับเกมและงานกราฟิก ➡️ รองรับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ใหม่มากขึ้น ‼️ คำเตือนด้านการใช้งาน ⛔ เป็นเวอร์ชันเบต้า ไม่เหมาะกับ Production ⛔ อาจยังมีบั๊กที่ไม่ถูกค้นพบ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปควรรอเวอร์ชัน Stable ก่อนอัปเดต https://9to5linux.com/nvidia-590-linux-graphics-driver-enters-public-beta-with-better-wayland-support
    9TO5LINUX.COM
    NVIDIA 590 Linux Graphics Driver Enters Public Beta with Better Wayland Support - 9to5Linux
    NVIDIA 590 graphics driver series is now available for public beta testing with improved Wayland support and other changes.
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน Angular: CVE-2025-66412

    ทีมพัฒนา Angular ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ระดับสูงใน Angular Template Compiler โดยช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรง CVSS 8.5 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับ High Severity ช่องโหว่เกิดจากการที่ระบบ Sanitization ของ Angular ไม่สามารถตรวจสอบบาง Attribute ที่เกี่ยวข้องกับ URL ได้อย่างเข้มงวด เช่น xlink:href ใน SVG และ href ใน MathML ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ด JavaScript อันตรายลงไปได้

    วิธีการโจมตีผ่าน SVG และ MathML
    ผู้โจมตีสามารถใช้ SVG Animation Elements เช่น <animate>, <set>, <animateMotion> โดยอาศัย Attribute attributeName ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างถูกต้อง เพื่อเปลี่ยนค่าไปยัง Attribute ที่มีความอ่อนไหว เช่น href หรือ xlink:href เมื่อผู้ใช้คลิกหรือเมื่อ Animation ทำงาน โค้ด JavaScript ที่ฝังไว้ก็จะถูกเรียกใช้งานทันที ส่งผลให้เกิดการโจมตีแบบ Stored XSS ซึ่ง Payload จะถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์และส่งต่อไปยังผู้ใช้รายอื่น

    ผลกระทบและความเสียหาย
    หากช่องโหว่นี้ถูกโจมตีสำเร็จ ผู้ไม่หวังดีสามารถทำได้หลายอย่าง เช่น
    Session Hijacking: ขโมย Cookies และ Token การยืนยันตัวตน
    Data Exfiltration: ดึงข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี
    Unauthorized Actions: สั่งการหรือทำงานแทนผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

    นี่ถือเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงต่อทั้งผู้ใช้และองค์กรที่ใช้ Angular ในการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน

    แนวทางแก้ไขและป้องกัน
    ทีม Angular ได้ออก Patch แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.2.17, 20.3.15 และ 21.0.2 ผู้พัฒนาควรอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ ควรใช้มาตรการเสริม เช่น
    หลีกเลี่ยงการ Bind ข้อมูลจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือไปยัง Attribute ที่เสี่ยง
    ใช้ Content Security Policy (CSP) เพื่อบล็อก javascript: URLs
    ตรวจสอบ Input Hygiene อย่างเข้มงวด

    สรุปเป็นหัวข้อ
    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-66412
    เกิดจากการ Sanitization ไม่สมบูรณ์ใน Angular Template Compiler
    มีผลกระทบต่อ Attribute ที่เกี่ยวข้องกับ URL เช่น xlink:href และ math|href

    วิธีการโจมตี
    ใช้ SVG Animation Elements เช่น <animate> และ Attribute attributeName
    โค้ดอันตรายถูกฝังและทำงานเมื่อผู้ใช้โต้ตอบหรือเมื่อ Animation ทำงาน

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น
    ขโมย Session Cookies และ Token
    ดึงข้อมูลผู้ใช้ (Data Exfiltration)
    ทำงานแทนผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

    แนวทางแก้ไข
    อัปเดต Angular เป็นเวอร์ชัน 19.2.17, 20.3.15 หรือ 21.0.2
    ใช้ CSP เพื่อบล็อก javascript: URLs
    หลีกเลี่ยงการ Bind ข้อมูลจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีแบบ Stored XSS ได้ง่าย
    การละเลย Input Hygiene อาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลสำคัญ
    การใช้ Angular เวอร์ชันเก่าโดยไม่ Patch เสี่ยงต่อการถูก Hijack และ Data Breach

    https://securityonline.info/high-severity-angular-flaw-cve-2025-66412-allows-stored-xss-via-svg-and-mathml-bypass/
    🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Angular: CVE-2025-66412 ทีมพัฒนา Angular ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ระดับสูงใน Angular Template Compiler โดยช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรง CVSS 8.5 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับ High Severity ช่องโหว่เกิดจากการที่ระบบ Sanitization ของ Angular ไม่สามารถตรวจสอบบาง Attribute ที่เกี่ยวข้องกับ URL ได้อย่างเข้มงวด เช่น xlink:href ใน SVG และ href ใน MathML ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ด JavaScript อันตรายลงไปได้ ⚙️ วิธีการโจมตีผ่าน SVG และ MathML ผู้โจมตีสามารถใช้ SVG Animation Elements เช่น <animate>, <set>, <animateMotion> โดยอาศัย Attribute attributeName ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างถูกต้อง เพื่อเปลี่ยนค่าไปยัง Attribute ที่มีความอ่อนไหว เช่น href หรือ xlink:href เมื่อผู้ใช้คลิกหรือเมื่อ Animation ทำงาน โค้ด JavaScript ที่ฝังไว้ก็จะถูกเรียกใช้งานทันที ส่งผลให้เกิดการโจมตีแบบ Stored XSS ซึ่ง Payload จะถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์และส่งต่อไปยังผู้ใช้รายอื่น 🔐 ผลกระทบและความเสียหาย หากช่องโหว่นี้ถูกโจมตีสำเร็จ ผู้ไม่หวังดีสามารถทำได้หลายอย่าง เช่น 🪲 Session Hijacking: ขโมย Cookies และ Token การยืนยันตัวตน 🪲 Data Exfiltration: ดึงข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี 🪲 Unauthorized Actions: สั่งการหรือทำงานแทนผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต นี่ถือเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงต่อทั้งผู้ใช้และองค์กรที่ใช้ Angular ในการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน 🛠️ แนวทางแก้ไขและป้องกัน ทีม Angular ได้ออก Patch แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.2.17, 20.3.15 และ 21.0.2 ผู้พัฒนาควรอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ ควรใช้มาตรการเสริม เช่น 🪛 หลีกเลี่ยงการ Bind ข้อมูลจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือไปยัง Attribute ที่เสี่ยง 🪛 ใช้ Content Security Policy (CSP) เพื่อบล็อก javascript: URLs 🪛 ตรวจสอบ Input Hygiene อย่างเข้มงวด 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-66412 ➡️ เกิดจากการ Sanitization ไม่สมบูรณ์ใน Angular Template Compiler ➡️ มีผลกระทบต่อ Attribute ที่เกี่ยวข้องกับ URL เช่น xlink:href และ math|href ✅ วิธีการโจมตี ➡️ ใช้ SVG Animation Elements เช่น <animate> และ Attribute attributeName ➡️ โค้ดอันตรายถูกฝังและทำงานเมื่อผู้ใช้โต้ตอบหรือเมื่อ Animation ทำงาน ✅ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ➡️ ขโมย Session Cookies และ Token ➡️ ดึงข้อมูลผู้ใช้ (Data Exfiltration) ➡️ ทำงานแทนผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ อัปเดต Angular เป็นเวอร์ชัน 19.2.17, 20.3.15 หรือ 21.0.2 ➡️ ใช้ CSP เพื่อบล็อก javascript: URLs ➡️ หลีกเลี่ยงการ Bind ข้อมูลจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หากไม่อัปเดต อาจถูกโจมตีแบบ Stored XSS ได้ง่าย ⛔ การละเลย Input Hygiene อาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ⛔ การใช้ Angular เวอร์ชันเก่าโดยไม่ Patch เสี่ยงต่อการถูก Hijack และ Data Breach https://securityonline.info/high-severity-angular-flaw-cve-2025-66412-allows-stored-xss-via-svg-and-mathml-bypass/
    SECURITYONLINE.INFO
    High-Severity Angular Flaw (CVE-2025-66412) Allows Stored XSS via SVG and MathML Bypass
    A High-severity XSS flaw (CVE-2025-66412, CVSS 8.5) in Angular allows attackers to bypass sanitization and execute scripts via vulnerable SVG/MathML attributes. Update to v21.0.2 immediately.
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • EP 102
    วิเคราะห์ SET + DELTA วันนี้
    BY.
    EP 102 วิเคราะห์ SET + DELTA วันนี้ BY.
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 0 Reviews
  • Amazon เร่งเครื่องในสนาม ASIC

    Amazon ประกาศเปิดตัว Trainium3 UltraServers ที่สามารถรวมชิปได้สูงสุดถึง 144 ตัวในคลัสเตอร์เดียว ทำให้ได้ ประสิทธิภาพสูงขึ้น 4.4 เท่า และ ประสิทธิภาพพลังงานมากขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมทั้งเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำเกือบ 4 เท่า ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาดชิป AI

    เทคโนโลยีใหม่ใน Trainium3 และ Trainium4
    Trainium3 UltraServers มาพร้อม NeuronSwitch-v1 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อใหม่ที่คล้ายกับ NVLink ของ NVIDIA แต่พัฒนาโดย Amazon เอง โดยสามารถขยายการเชื่อมต่อไปถึง 1 ล้านชิปในคลัสเตอร์เดียว เพื่อรองรับการฝึกโมเดลขนาด “trillion-token datasets” ในขณะเดียวกัน Amazon ยังเผยข้อมูลของ Trainium4 ASICs ที่มี ประสิทธิภาพ FP4 สูงขึ้น 6 เท่า และเพิ่มสเปกหน่วยความจำอย่างมหาศาล อีกทั้งยังรองรับ NVIDIA NVLink เพื่อให้ลูกค้าสามารถผสมผสานการใช้งานกับระบบของ NVIDIA ได้ง่ายขึ้น

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การเปิดตัวนี้ทำให้ Amazon กลายเป็นคู่แข่งที่จริงจังในตลาดชิป AI ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกครองโดย NVIDIA และ Google TPU การที่ Amazonสามารถเชื่อมต่อระบบเข้ากับ NVLink ได้ ทำให้ลูกค้าที่มีโครงสร้างพื้นฐานเดิมสามารถขยายระบบโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทอย่าง Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลงอย่างมากเมื่อใช้ Trainium

    มุมมองในอนาคต
    Amazon แสดงให้เห็นว่า “all in” กับการพัฒนา ASIC เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หาก Trainium4 สามารถพิสูจน์ประสิทธิภาพได้จริง อาจทำให้ตลาดชิป AI มีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น และลดการพึ่งพา NVIDIA ในระยะยาว

    สรุปสาระสำคัญ
    Trainium3 UltraServers เปิดตัวพร้อมประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม 4.4 เท่า
    รวมได้สูงสุด 144 ชิปในคลัสเตอร์เดียว

    NeuronSwitch-v1 เชื่อมต่อได้ถึง 1 ล้านชิป
    รองรับการฝึกโมเดล trillion-token datasets

    Trainium4 ASICs มี FP4 performance สูงขึ้น 6 เท่า
    เพิ่มสเปกหน่วยความจำและรองรับ NVIDIA NVLink

    Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลง
    แสดงถึงความคุ้มค่าของ Trainium

    การแข่งขันในตลาดชิป AI รุนแรงขึ้น
    NVIDIA และ Google TPU ต้องเผชิญแรงกดดันจาก Amazon

    ลูกค้าที่ไม่ปรับตัวอาจเสียโอกาสในการลดต้นทุน
    การไม่ใช้ระบบที่รองรับ NVLink อาจทำให้ขยายโครงสร้างยากขึ้น

    https://wccftech.com/amazon-is-all-in-in-the-race-for-a-competitive-asic-portfolio/
    ⚡ Amazon เร่งเครื่องในสนาม ASIC Amazon ประกาศเปิดตัว Trainium3 UltraServers ที่สามารถรวมชิปได้สูงสุดถึง 144 ตัวในคลัสเตอร์เดียว ทำให้ได้ ประสิทธิภาพสูงขึ้น 4.4 เท่า และ ประสิทธิภาพพลังงานมากขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมทั้งเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำเกือบ 4 เท่า ถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาดชิป AI 🔧 เทคโนโลยีใหม่ใน Trainium3 และ Trainium4 Trainium3 UltraServers มาพร้อม NeuronSwitch-v1 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเชื่อมต่อใหม่ที่คล้ายกับ NVLink ของ NVIDIA แต่พัฒนาโดย Amazon เอง โดยสามารถขยายการเชื่อมต่อไปถึง 1 ล้านชิปในคลัสเตอร์เดียว เพื่อรองรับการฝึกโมเดลขนาด “trillion-token datasets” ในขณะเดียวกัน Amazon ยังเผยข้อมูลของ Trainium4 ASICs ที่มี ประสิทธิภาพ FP4 สูงขึ้น 6 เท่า และเพิ่มสเปกหน่วยความจำอย่างมหาศาล อีกทั้งยังรองรับ NVIDIA NVLink เพื่อให้ลูกค้าสามารถผสมผสานการใช้งานกับระบบของ NVIDIA ได้ง่ายขึ้น 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การเปิดตัวนี้ทำให้ Amazon กลายเป็นคู่แข่งที่จริงจังในตลาดชิป AI ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกครองโดย NVIDIA และ Google TPU การที่ Amazonสามารถเชื่อมต่อระบบเข้ากับ NVLink ได้ ทำให้ลูกค้าที่มีโครงสร้างพื้นฐานเดิมสามารถขยายระบบโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทอย่าง Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลงอย่างมากเมื่อใช้ Trainium 📊 มุมมองในอนาคต Amazon แสดงให้เห็นว่า “all in” กับการพัฒนา ASIC เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หาก Trainium4 สามารถพิสูจน์ประสิทธิภาพได้จริง อาจทำให้ตลาดชิป AI มีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น และลดการพึ่งพา NVIDIA ในระยะยาว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Trainium3 UltraServers เปิดตัวพร้อมประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม 4.4 เท่า ➡️ รวมได้สูงสุด 144 ชิปในคลัสเตอร์เดียว ✅ NeuronSwitch-v1 เชื่อมต่อได้ถึง 1 ล้านชิป ➡️ รองรับการฝึกโมเดล trillion-token datasets ✅ Trainium4 ASICs มี FP4 performance สูงขึ้น 6 เท่า ➡️ เพิ่มสเปกหน่วยความจำและรองรับ NVIDIA NVLink ✅ Anthropic รายงานว่าต้นทุนการฝึกโมเดลลดลง ➡️ แสดงถึงความคุ้มค่าของ Trainium ‼️ การแข่งขันในตลาดชิป AI รุนแรงขึ้น ⛔ NVIDIA และ Google TPU ต้องเผชิญแรงกดดันจาก Amazon ‼️ ลูกค้าที่ไม่ปรับตัวอาจเสียโอกาสในการลดต้นทุน ⛔ การไม่ใช้ระบบที่รองรับ NVLink อาจทำให้ขยายโครงสร้างยากขึ้น https://wccftech.com/amazon-is-all-in-in-the-race-for-a-competitive-asic-portfolio/
    WCCFTECH.COM
    Amazon Is ‘All-In’ in the Race for a Competitive ASIC Portfolio, Showcasing New Trainium3 Servers and Next-Gen Trainium4 Chips
    Amazon has ramped up the ASIC race by showcasing Trainium3 server configurations and next-generation Trainium4 chips.
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • OpenAI เข้าสู่โหมด “Code Red”

    ตามรายงานจาก The Wall Street Journal และ Tom’s Hardware, Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ได้ส่งบันทึกภายในประกาศว่าองค์กรอยู่ในสถานะ “Code Red” หลังจาก Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ถูกฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์หลักของ Google และทำคะแนน benchmark ได้เหนือกว่า ChatGPT การตัดสินใจนี้ทำให้ OpenAI ต้องหยุดโครงการอื่น ๆ เพื่อทุ่มทรัพยากรไปที่การพัฒนาโมเดลหลัก

    จุดอ่อนที่ต้องแก้ไข
    Altman ระบุว่าทีมต้องเร่งปรับปรุง ความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการปรับแต่ง (personalization) ของ ChatGPT รวมถึงขยายขอบเขตความรู้ให้ครอบคลุมมากขึ้น หลังจากที่ GPT-5 ซึ่งเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2025 ถูกวิจารณ์ว่ามีความ “เชิงวิชาการเกินไป” และด้อยกว่าในด้านคณิตศาสตร์และภูมิศาสตร์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    การแข่งขันที่ดุเดือด
    นอกจาก Google แล้ว ยังมีคู่แข่งรายอื่น เช่น Anthropic ที่เพิ่งเปิดตัว Claude Opus 4.5 และ Meta ที่ผลักดันโมเดลโอเพ่นซอร์ส LLaMA รวมถึง DeepSeek จากจีน ทำให้ตลาด LLM มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ OpenAI จึงต้องเร่งรักษาความได้เปรียบเพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ในตลาดที่กำลังเติบโต

    มิติทางธุรกิจ
    Microsoft ซึ่งถือหุ้นราว 27% ใน OpenAI ได้ลงทุนไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็รายงานขาดทุนกว่า 3.1 พันล้านในไตรมาสล่าสุด การแข่งขันที่รุนแรงนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเป็นแรงกดดันทางการเงินที่ทำให้ OpenAI ต้องเร่งสร้างความแตกต่างและหาทางคืนทุน

    สรุปสาระสำคัญ
    OpenAI ประกาศ “Code Red” หลัง Gemini 3 แซง ChatGPT
    หยุดโครงการอื่นเพื่อทุ่มไปที่โมเดลหลัก

    Sam Altman สั่งเร่งปรับปรุง GPT
    เน้นความเร็ว ความเสถียร และการปรับแต่ง

    คู่แข่งรายอื่นกำลังไล่บี้
    Anthropic, Meta และ DeepSeek กำลังขยายตลาด

    Microsoft ลงทุนมหาศาลแต่ยังขาดทุน
    กดดันให้ OpenAI ต้องสร้างผลลัพธ์เชิงธุรกิจ

    GPT-5 ถูกวิจารณ์ว่าด้อยกว่าในบางด้าน
    อาจทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่น

    การแข่งขัน LLM รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
    หากไม่เร่งพัฒนา OpenAI อาจเสียความเป็นผู้นำ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-declares-code-red-as-googles-gemini-ai-outpaces-chatgpt-in-industry-benchmarks-report-claims-sam-altman-sets-all-hands-to-the-pump-on-flagship-llm-parks-other-projects
    🚨 OpenAI เข้าสู่โหมด “Code Red” ตามรายงานจาก The Wall Street Journal และ Tom’s Hardware, Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ได้ส่งบันทึกภายในประกาศว่าองค์กรอยู่ในสถานะ “Code Red” หลังจาก Google เปิดตัว Gemini 3 ที่ถูกฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์หลักของ Google และทำคะแนน benchmark ได้เหนือกว่า ChatGPT การตัดสินใจนี้ทำให้ OpenAI ต้องหยุดโครงการอื่น ๆ เพื่อทุ่มทรัพยากรไปที่การพัฒนาโมเดลหลัก ⚙️ จุดอ่อนที่ต้องแก้ไข Altman ระบุว่าทีมต้องเร่งปรับปรุง ความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการปรับแต่ง (personalization) ของ ChatGPT รวมถึงขยายขอบเขตความรู้ให้ครอบคลุมมากขึ้น หลังจากที่ GPT-5 ซึ่งเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2025 ถูกวิจารณ์ว่ามีความ “เชิงวิชาการเกินไป” และด้อยกว่าในด้านคณิตศาสตร์และภูมิศาสตร์เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า 🌍 การแข่งขันที่ดุเดือด นอกจาก Google แล้ว ยังมีคู่แข่งรายอื่น เช่น Anthropic ที่เพิ่งเปิดตัว Claude Opus 4.5 และ Meta ที่ผลักดันโมเดลโอเพ่นซอร์ส LLaMA รวมถึง DeepSeek จากจีน ทำให้ตลาด LLM มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อย ๆ OpenAI จึงต้องเร่งรักษาความได้เปรียบเพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ในตลาดที่กำลังเติบโต 💰 มิติทางธุรกิจ Microsoft ซึ่งถือหุ้นราว 27% ใน OpenAI ได้ลงทุนไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็รายงานขาดทุนกว่า 3.1 พันล้านในไตรมาสล่าสุด การแข่งขันที่รุนแรงนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่ยังเป็นแรงกดดันทางการเงินที่ทำให้ OpenAI ต้องเร่งสร้างความแตกต่างและหาทางคืนทุน 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ OpenAI ประกาศ “Code Red” หลัง Gemini 3 แซง ChatGPT ➡️ หยุดโครงการอื่นเพื่อทุ่มไปที่โมเดลหลัก ✅ Sam Altman สั่งเร่งปรับปรุง GPT ➡️ เน้นความเร็ว ความเสถียร และการปรับแต่ง ✅ คู่แข่งรายอื่นกำลังไล่บี้ ➡️ Anthropic, Meta และ DeepSeek กำลังขยายตลาด ✅ Microsoft ลงทุนมหาศาลแต่ยังขาดทุน ➡️ กดดันให้ OpenAI ต้องสร้างผลลัพธ์เชิงธุรกิจ ‼️ GPT-5 ถูกวิจารณ์ว่าด้อยกว่าในบางด้าน ⛔ อาจทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเชื่อมั่น ‼️ การแข่งขัน LLM รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ⛔ หากไม่เร่งพัฒนา OpenAI อาจเสียความเป็นผู้นำ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-declares-code-red-as-googles-gemini-ai-outpaces-chatgpt-in-industry-benchmarks-report-claims-sam-altman-sets-all-hands-to-the-pump-on-flagship-llm-parks-other-projects
    0 Comments 0 Shares 108 Views 0 Reviews
  • SET มีโอกาสดีขึ้นต่อเนื่อง 02/12/68 #SET #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #การลงทุน
    SET มีโอกาสดีขึ้นต่อเนื่อง 02/12/68 #SET #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #การลงทุน
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷

    #รวมข่าวIT #20251202 #TechRadar

    กลยุทธ์ AI ที่ทรงพลังยังคงเริ่มต้นและจบลงที่ “คน”
    เรื่องราวนี้เล่าถึงความจริงที่ว่าแม้ AI จะเข้ามาช่วยทำงานซับซ้อนและสร้างประสิทธิภาพ แต่หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงยังคงอยู่ที่มนุษย์ ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่า AI เป็นตัวเร่ง แต่ไม่ใช่ผู้เล่นหลักที่จะเปลี่ยนธุรกิจได้เอง หากไม่มีความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจ และการนำทีมของคนจริง ๆ องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่ลงทุนในศักยภาพมนุษย์ และใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ตัวแทน การแข่งขันหาคนเก่งด้าน AI กำลังดุเดือด และนั่นสะท้อนว่าคนยังคงเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ที่แท้จริง
    https://www.techradar.com/pro/why-the-most-impactful-ai-strategies-still-start-and-end-with-people

    สร้างออฟฟิศโทนขาวมินิมอลด้วยไอเท็ม Cyber Monday
    บทความนี้เล่าถึงการจัดออฟฟิศบ้านให้เป็นโทนขาวมินิมอลที่ช่วยสร้างบรรยากาศสงบและเพิ่มสมาธิ ผู้เขียนซึ่งทำงานจากบ้านมานานกว่า 10 ปี ได้คัดสรรไอเท็มตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงของตกแต่งเล็ก ๆ อย่างเทียนหอมและต้นไม้เล็ก ๆ ที่ช่วยเติมบรรยากาศให้สดชื่น ที่น่าสนใจคือหลายชิ้นกำลังลดราคาพิเศษในช่วง Cyber Monday ทำให้การเปลี่ยนโฉมออฟฟิศไม่ใช่เรื่องแพงอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/pro/website-building/19-carefully-curated-items-for-a-white-minimalist-home-office

    นักวิจัยพบความลับกว่า 17,000 รายการใน GitLab สาธารณะ
    นี่คือการค้นพบที่สะเทือนวงการนักพัฒนา เมื่อ Luke Marshall นักวิจัยด้านความปลอดภัยสแกน GitLab Cloud และพบว่ามีข้อมูลลับกว่า 17,000 รายการถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น API keys, รหัสผ่าน หรือ token ที่สามารถนำไปใช้โจมตีได้ เขาใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมงและงบประมาณไม่ถึง 800 ดอลลาร์ในการสแกน แต่กลับพบข้อมูลที่อาจทำให้ระบบองค์กรเสี่ยงต่อการถูกเจาะลึก ผลงานนี้ยังทำให้เขาได้รับเงินรางวัลกว่า 9,000 ดอลลาร์จากการแจ้งเตือนผู้พัฒนา แม้หลายคนจะรีบแก้ไข แต่ก็ยังมีบางโปรเจกต์ที่ยังเปิดเผยอยู่จนถึงตอนนี้
    https://www.techradar.com/pro/security/security-researcher-uncovers-17-000-secrets-in-public-gitlab-repositories

    OnePlus 15R เผยสเปกแรง จอ 165Hz พร้อม Snapdragon 8 Gen 5
    OnePlus กำลังจะเปิดตัว 15R ในวันที่ 17 ธันวาคม แต่ก่อนถึงวันนั้นก็มีการเปิดเผยสเปกสำคัญออกมาแล้ว รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอ AMOLED รีเฟรชเรตสูงถึง 165Hz ซึ่งเหนือกว่าหลายรุ่นเรือธงในตลาด ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 ที่แม้จะไม่ใช่รุ่น Elite แต่ก็ยังทรงพลัง พร้อมระบบกล้องที่ใช้ซอฟต์แวร์ Detailmax Engine ทำให้ภาพถ่ายคมชัดและมีโหมดพิเศษอย่าง Ultra Clear และ Clear Night จุดเด่นอีกอย่างคือการตอบสนองสัมผัสที่เร็วขึ้นด้วยชิปเฉพาะด้านการสัมผัส ถือเป็นการอัปเกรดที่น่าสนใจสำหรับสายเกมและคนที่ชอบมือถือแรง ๆ
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/oneplus-15r-screen-chipset-and-camera-specs-confirmed

    Windows 11 แก้ปัญหา File Explorer ช้า แต่ยังสะท้อนปัญหาใหญ่ของระบบ
    Microsoft ได้ออกแพตช์แก้ไข File Explorer ที่เปิดโฟลเดอร์ช้า โดยใช้วิธี “preload” ให้ระบบโหลดตัวโปรแกรมไว้ตั้งแต่เริ่มบูตเครื่อง ผลคือการเปิดโฟลเดอร์เร็วขึ้นเกือบหนึ่งวินาที แต่ก็ต้องแลกกับการใช้ RAM เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้หลายคนจะบอกว่าการแก้ไขนี้ช่วยได้ แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบ “ชั่วคราว” เพราะจริง ๆ แล้ว Windows 11 ยังมีปัญหาด้านประสิทธิภาพโดยรวม การแก้ด้วยการโหลดล่วงหน้าอาจไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืน และสะท้อนว่าระบบยังขาดการวางแผนที่ชัดเจนในการปรับปรุงประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/computing/windows/complaints-about-windows-11s-fix-for-file-explorer-sluggishness-are-overblown-but-they-underline-a-fundamental-problem-with-the-os

    Apple Watch Series 10 บางรุ่นได้เปลี่ยนเครื่องฟรีเพราะปัญหาสีหลุด
    มีรายงานว่าผู้ใช้ Apple Watch Series 10 บางคนพบปัญหาสีเคลือบตัวเรือนหลุดลอกออกมา ซึ่งถือเป็นข้อบกพร่องด้านการผลิตที่ไม่ควรเกิดขึ้น ล่าสุด Apple จึงตัดสินใจให้ผู้ใช้บางรายได้รับการเปลี่ยนเครื่องใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แม้จะไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีผู้ใช้หลายคนยืนยันว่าพวกเขาได้รับสิทธิ์นี้แล้ว เรื่องนี้สะท้อนถึงมาตรฐานการควบคุมคุณภาพที่ Apple ต้องรักษาไว้ และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในระยะยาว
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/some-apple-watch-series-10-owners-are-reportedly-getting-free-replacements-due-to-a-paint-flaw

    AWS เสริมพลังให้ AI Agents ฉลาดและเป็นมนุษย์มากขึ้น
    AWS เปิดตัวการอัปเกรดใหม่ในงาน re:Invent 2025 สำหรับ Amazon Connect ที่จะทำให้ AI agents สามารถเข้าใจ วิเคราะห์ และตอบสนองได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น ทั้งในด้านน้ำเสียง จังหวะ และการสื่อสารหลายภาษา จุดมุ่งหมายคือการสร้าง “การทำงานร่วมกันจริง” ระหว่างคนกับ AI โดยให้ AI จัดการงานเบื้องหลัง เช่น วิเคราะห์บริบท สนับสนุนการตัดสินใจ และทำงานซ้ำ ๆ เพื่อให้มนุษย์มีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การพัฒนาใหม่นี้ยังมาพร้อมระบบตรวจสอบการทำงานของ AI ที่โปร่งใส ทำให้ผู้ใช้เห็นชัดว่า AI เข้าใจอะไร ใช้เครื่องมือไหน และตัดสินใจอย่างไร
    https://www.techradar.com/pro/aws-wants-to-make-your-ai-agents-more-intelligent-and-more-human

    AWS แก้ปัญหา Multicloud เชื่อมต่อกับ Google Cloud ได้ง่ายขึ้น
    การใช้หลายระบบคลาวด์พร้อมกันมักสร้างความยุ่งยาก โดยเฉพาะเรื่องการเชื่อมต่อ AWS จึงเปิดตัวบริการใหม่ชื่อ AWS Interconnect - multicloud ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อกับ Google Cloud เป็นไปอย่างราบรื่นและมีมาตรฐานเดียวกัน ลูกค้าสามารถสร้างการเชื่อมต่อแบบส่วนตัวที่มีแบนด์วิดท์สูงได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องจัดการอุปกรณ์หรือระบบซับซ้อนเอง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้การทำงานแบบ multicloud มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/aws-thinks-it-has-the-answer-to-your-multi-cloud-interoperability-issues

    James Cameron ไม่เอาด้วยกับนักแสดง AI
    ผู้กำกับชื่อดัง James Cameron ออกมาแสดงความกังวลต่อการเกิดขึ้นของนักแสดงที่สร้างด้วย AI อย่าง Tilly Norwood เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “น่าขนลุก” เพราะมันแทนที่การแสดงจริงของมนุษย์ และทำให้ศิลปะการแสดงสูญเสียแก่นแท้ Cameron ย้ำว่าการใช้ CGI หรือ motion capture ยังมีมนุษย์เป็นแกนกลาง แต่การสร้างนักแสดงจากข้อความเพียงอย่างเดียวคือการลบตัวตนของมนุษย์ออกไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกเชื่อมโยงกับการแสดงอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/ai-actors-horrify-james-cameron-and-he-wants-no-part-of-it

    IDE ใหม่จาก Google เจอปัญหาความปลอดภัยทันที
    Google เปิดตัว Antigravity IDE ที่ออกแบบมาให้ AI agents ทำงานอัตโนมัติ แต่กลับถูกนักวิจัยพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอย่างร้ายแรง เช่น การโจมตีแบบ prompt injection ที่ทำให้รันคำสั่งโดยไม่ได้ตั้งใจ และการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญอย่าง credentials ผ่าน Markdown หรือคำสั่งที่ซ่อนอยู่ แม้จะมีระบบป้องกัน แต่ยังมีช่องว่างที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถดึงข้อมูลออกไปได้อย่างรวดเร็ว ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงเมื่อให้ AI มีอิสระมากเกินไปโดยไม่มีโครงสร้างป้องกันที่แข็งแรง
    https://www.techradar.com/pro/googles-ai-powered-antigravity-ide-already-has-some-worrying-security-issues

    UX แบบเรียบง่ายคือกุญแจสู่ยอดขายช่วงพีค
    ในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ หลายร้านมักใส่ป้ายลดราคา ป๊อปอัพ และฟีเจอร์มากมายเพื่อดึงลูกค้า แต่ผลลัพธ์กลับทำให้ผู้ใช้สับสนและละทิ้งการซื้อ งานวิจัยชี้ว่าการออกแบบ UX ที่เรียบง่ายและชัดเจนช่วยเพิ่มอัตราการซื้อสำเร็จได้ถึง 35% เพราะลูกค้าต้องการประสบการณ์ที่เร็วและไม่ซับซ้อน โดยเฉพาะบนมือถือที่การใช้งานต้องลื่นไหล Minimal UX จึงไม่ใช่การทำให้น้อย แต่คือการตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อสร้างเส้นทางการซื้อที่สั้นและน่าเชื่อถือมากที่สุด
    https://www.techradar.com/pro/why-a-minimal-ux-philosophy-outperforms-during-peak-season

    ระวัง! แจ้งเตือนปฏิทินอาจแฝงมัลแวร์
    มีการค้นพบว่าการแจ้งเตือนจากปฏิทิน เช่นการนัดหมายหรือ reminder อาจถูกใช้เป็นช่องทางแพร่มัลแวร์ได้ ผู้โจมตีสามารถฝังลิงก์อันตรายหรือไฟล์แนบที่ดูเหมือนปกติไว้ใน notification ทำให้ผู้ใช้เผลอกดโดยไม่ทันระวัง วิธีป้องกันคืออย่ากดลิงก์ที่ไม่แน่ใจ ตรวจสอบแหล่งที่มา และใช้ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยเพื่อกรองภัยคุกคามก่อนถึงผู้ใช้
    https://www.techradar.com/pro/security/careful-that-calendar-notification-could-be-loaded-with-malware-heres-how-to-stay-safe

    กฎใหม่ Missouri กำลังกลายเป็นการเซ็นเซอร์มากกว่าการยืนยันอายุ
    รัฐ Missouri ออกกฎใหม่ที่บังคับให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งาน แต่ผลลัพธ์กลับไปไกลกว่าการป้องกันเว็บสำหรับผู้ใหญ่ เพราะมันยังบังคับใช้กับเว็บที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลหรือเว็บข่าว ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่ากฎนี้คือการปกป้องเยาวชน หรือจริง ๆ แล้วคือการจำกัดเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/age-verification-or-censorship-missouris-new-rules-are-age-gating-way-more-than-adult-sites

    Yahoo และ AOL Mail ล่มครั้งใหญ่
    ผู้ใช้จำนวนมากประสบปัญหาเข้าใช้งาน Yahoo และ AOL Mail ไม่ได้ในช่วง outage ล่าสุด เหตุการณ์นี้ทำให้การสื่อสารและการทำงานสะดุด โดยเฉพาะผู้ใช้ที่ยังพึ่งพาอีเมลเหล่านี้เป็นหลัก แม้ทีมงานจะเร่งแก้ไข แต่ความเสียหายด้านความเชื่อมั่นก็เกิดขึ้นแล้ว และสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบอีเมลที่มีผู้ใช้จำนวนมหาศาล
    https://www.techradar.com/news/live/yahoo-aol-email-outage-december-2025

    Coupang เกาหลีใต้โดนเจาะข้อมูลครั้งใหญ่
    Coupang ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของเกาหลีใต้ถูกโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ ส่งผลให้ข้อมูลบัญชีผู้ใช้กว่า 33 ล้านรายรั่วไหล เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อผู้บริโภคและทำให้บริษัทต้องเร่งหามาตรการป้องกันเพิ่มเติม การรั่วไหลครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
    https://www.techradar.com/pro/security/south-korean-ecommerce-giant-coupang-suffers-huge-data-breach-over-33-million-accounts-affected-heres-what-we-know

    Samsung เปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับสามทบ
    Samsung สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว Galaxy Z Trifold สมาร์ทโฟนที่สามารถพับได้สามทบจริง ๆ ดีไซน์นี้ช่วยให้ผู้ใช้มีหน้าจอใหญ่ขึ้นในขนาดที่พกพาได้สะดวก และยังคงความทนทานของบานพับที่พัฒนาใหม่ ถือเป็นการยกระดับเทคโนโลยี foldable ไปอีกขั้น และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดสมาร์ทโฟน
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsung-unveils-the-galaxy-z-trifold-a-foldable-that-lives-up-to-its-name
    📌📡🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷📡📌 #รวมข่าวIT #20251202 #TechRadar 🧑‍🤝‍🧑 กลยุทธ์ AI ที่ทรงพลังยังคงเริ่มต้นและจบลงที่ “คน” เรื่องราวนี้เล่าถึงความจริงที่ว่าแม้ AI จะเข้ามาช่วยทำงานซับซ้อนและสร้างประสิทธิภาพ แต่หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงยังคงอยู่ที่มนุษย์ ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่า AI เป็นตัวเร่ง แต่ไม่ใช่ผู้เล่นหลักที่จะเปลี่ยนธุรกิจได้เอง หากไม่มีความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจ และการนำทีมของคนจริง ๆ องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่ลงทุนในศักยภาพมนุษย์ และใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ตัวแทน การแข่งขันหาคนเก่งด้าน AI กำลังดุเดือด และนั่นสะท้อนว่าคนยังคงเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ที่แท้จริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-the-most-impactful-ai-strategies-still-start-and-end-with-people 🪑 สร้างออฟฟิศโทนขาวมินิมอลด้วยไอเท็ม Cyber Monday บทความนี้เล่าถึงการจัดออฟฟิศบ้านให้เป็นโทนขาวมินิมอลที่ช่วยสร้างบรรยากาศสงบและเพิ่มสมาธิ ผู้เขียนซึ่งทำงานจากบ้านมานานกว่า 10 ปี ได้คัดสรรไอเท็มตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงของตกแต่งเล็ก ๆ อย่างเทียนหอมและต้นไม้เล็ก ๆ ที่ช่วยเติมบรรยากาศให้สดชื่น ที่น่าสนใจคือหลายชิ้นกำลังลดราคาพิเศษในช่วง Cyber Monday ทำให้การเปลี่ยนโฉมออฟฟิศไม่ใช่เรื่องแพงอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/website-building/19-carefully-curated-items-for-a-white-minimalist-home-office 🔐 นักวิจัยพบความลับกว่า 17,000 รายการใน GitLab สาธารณะ นี่คือการค้นพบที่สะเทือนวงการนักพัฒนา เมื่อ Luke Marshall นักวิจัยด้านความปลอดภัยสแกน GitLab Cloud และพบว่ามีข้อมูลลับกว่า 17,000 รายการถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น API keys, รหัสผ่าน หรือ token ที่สามารถนำไปใช้โจมตีได้ เขาใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมงและงบประมาณไม่ถึง 800 ดอลลาร์ในการสแกน แต่กลับพบข้อมูลที่อาจทำให้ระบบองค์กรเสี่ยงต่อการถูกเจาะลึก ผลงานนี้ยังทำให้เขาได้รับเงินรางวัลกว่า 9,000 ดอลลาร์จากการแจ้งเตือนผู้พัฒนา แม้หลายคนจะรีบแก้ไข แต่ก็ยังมีบางโปรเจกต์ที่ยังเปิดเผยอยู่จนถึงตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/security-researcher-uncovers-17-000-secrets-in-public-gitlab-repositories 📱 OnePlus 15R เผยสเปกแรง จอ 165Hz พร้อม Snapdragon 8 Gen 5 OnePlus กำลังจะเปิดตัว 15R ในวันที่ 17 ธันวาคม แต่ก่อนถึงวันนั้นก็มีการเปิดเผยสเปกสำคัญออกมาแล้ว รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอ AMOLED รีเฟรชเรตสูงถึง 165Hz ซึ่งเหนือกว่าหลายรุ่นเรือธงในตลาด ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 ที่แม้จะไม่ใช่รุ่น Elite แต่ก็ยังทรงพลัง พร้อมระบบกล้องที่ใช้ซอฟต์แวร์ Detailmax Engine ทำให้ภาพถ่ายคมชัดและมีโหมดพิเศษอย่าง Ultra Clear และ Clear Night จุดเด่นอีกอย่างคือการตอบสนองสัมผัสที่เร็วขึ้นด้วยชิปเฉพาะด้านการสัมผัส ถือเป็นการอัปเกรดที่น่าสนใจสำหรับสายเกมและคนที่ชอบมือถือแรง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/oneplus-15r-screen-chipset-and-camera-specs-confirmed 💻 Windows 11 แก้ปัญหา File Explorer ช้า แต่ยังสะท้อนปัญหาใหญ่ของระบบ Microsoft ได้ออกแพตช์แก้ไข File Explorer ที่เปิดโฟลเดอร์ช้า โดยใช้วิธี “preload” ให้ระบบโหลดตัวโปรแกรมไว้ตั้งแต่เริ่มบูตเครื่อง ผลคือการเปิดโฟลเดอร์เร็วขึ้นเกือบหนึ่งวินาที แต่ก็ต้องแลกกับการใช้ RAM เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้หลายคนจะบอกว่าการแก้ไขนี้ช่วยได้ แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบ “ชั่วคราว” เพราะจริง ๆ แล้ว Windows 11 ยังมีปัญหาด้านประสิทธิภาพโดยรวม การแก้ด้วยการโหลดล่วงหน้าอาจไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืน และสะท้อนว่าระบบยังขาดการวางแผนที่ชัดเจนในการปรับปรุงประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/complaints-about-windows-11s-fix-for-file-explorer-sluggishness-are-overblown-but-they-underline-a-fundamental-problem-with-the-os ⌚ Apple Watch Series 10 บางรุ่นได้เปลี่ยนเครื่องฟรีเพราะปัญหาสีหลุด มีรายงานว่าผู้ใช้ Apple Watch Series 10 บางคนพบปัญหาสีเคลือบตัวเรือนหลุดลอกออกมา ซึ่งถือเป็นข้อบกพร่องด้านการผลิตที่ไม่ควรเกิดขึ้น ล่าสุด Apple จึงตัดสินใจให้ผู้ใช้บางรายได้รับการเปลี่ยนเครื่องใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แม้จะไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีผู้ใช้หลายคนยืนยันว่าพวกเขาได้รับสิทธิ์นี้แล้ว เรื่องนี้สะท้อนถึงมาตรฐานการควบคุมคุณภาพที่ Apple ต้องรักษาไว้ และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในระยะยาว 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/some-apple-watch-series-10-owners-are-reportedly-getting-free-replacements-due-to-a-paint-flaw 🧠🤖 AWS เสริมพลังให้ AI Agents ฉลาดและเป็นมนุษย์มากขึ้น AWS เปิดตัวการอัปเกรดใหม่ในงาน re:Invent 2025 สำหรับ Amazon Connect ที่จะทำให้ AI agents สามารถเข้าใจ วิเคราะห์ และตอบสนองได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น ทั้งในด้านน้ำเสียง จังหวะ และการสื่อสารหลายภาษา จุดมุ่งหมายคือการสร้าง “การทำงานร่วมกันจริง” ระหว่างคนกับ AI โดยให้ AI จัดการงานเบื้องหลัง เช่น วิเคราะห์บริบท สนับสนุนการตัดสินใจ และทำงานซ้ำ ๆ เพื่อให้มนุษย์มีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การพัฒนาใหม่นี้ยังมาพร้อมระบบตรวจสอบการทำงานของ AI ที่โปร่งใส ทำให้ผู้ใช้เห็นชัดว่า AI เข้าใจอะไร ใช้เครื่องมือไหน และตัดสินใจอย่างไร 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-wants-to-make-your-ai-agents-more-intelligent-and-more-human ☁️🔗 AWS แก้ปัญหา Multicloud เชื่อมต่อกับ Google Cloud ได้ง่ายขึ้น การใช้หลายระบบคลาวด์พร้อมกันมักสร้างความยุ่งยาก โดยเฉพาะเรื่องการเชื่อมต่อ AWS จึงเปิดตัวบริการใหม่ชื่อ AWS Interconnect - multicloud ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อกับ Google Cloud เป็นไปอย่างราบรื่นและมีมาตรฐานเดียวกัน ลูกค้าสามารถสร้างการเชื่อมต่อแบบส่วนตัวที่มีแบนด์วิดท์สูงได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องจัดการอุปกรณ์หรือระบบซับซ้อนเอง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้การทำงานแบบ multicloud มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-thinks-it-has-the-answer-to-your-multi-cloud-interoperability-issues 🎬😨 James Cameron ไม่เอาด้วยกับนักแสดง AI ผู้กำกับชื่อดัง James Cameron ออกมาแสดงความกังวลต่อการเกิดขึ้นของนักแสดงที่สร้างด้วย AI อย่าง Tilly Norwood เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “น่าขนลุก” เพราะมันแทนที่การแสดงจริงของมนุษย์ และทำให้ศิลปะการแสดงสูญเสียแก่นแท้ Cameron ย้ำว่าการใช้ CGI หรือ motion capture ยังมีมนุษย์เป็นแกนกลาง แต่การสร้างนักแสดงจากข้อความเพียงอย่างเดียวคือการลบตัวตนของมนุษย์ออกไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกเชื่อมโยงกับการแสดงอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/ai-actors-horrify-james-cameron-and-he-wants-no-part-of-it ⚠️🔐 IDE ใหม่จาก Google เจอปัญหาความปลอดภัยทันที Google เปิดตัว Antigravity IDE ที่ออกแบบมาให้ AI agents ทำงานอัตโนมัติ แต่กลับถูกนักวิจัยพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอย่างร้ายแรง เช่น การโจมตีแบบ prompt injection ที่ทำให้รันคำสั่งโดยไม่ได้ตั้งใจ และการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญอย่าง credentials ผ่าน Markdown หรือคำสั่งที่ซ่อนอยู่ แม้จะมีระบบป้องกัน แต่ยังมีช่องว่างที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถดึงข้อมูลออกไปได้อย่างรวดเร็ว ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงเมื่อให้ AI มีอิสระมากเกินไปโดยไม่มีโครงสร้างป้องกันที่แข็งแรง 🔗 https://www.techradar.com/pro/googles-ai-powered-antigravity-ide-already-has-some-worrying-security-issues 🛍️📱 UX แบบเรียบง่ายคือกุญแจสู่ยอดขายช่วงพีค ในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ หลายร้านมักใส่ป้ายลดราคา ป๊อปอัพ และฟีเจอร์มากมายเพื่อดึงลูกค้า แต่ผลลัพธ์กลับทำให้ผู้ใช้สับสนและละทิ้งการซื้อ งานวิจัยชี้ว่าการออกแบบ UX ที่เรียบง่ายและชัดเจนช่วยเพิ่มอัตราการซื้อสำเร็จได้ถึง 35% เพราะลูกค้าต้องการประสบการณ์ที่เร็วและไม่ซับซ้อน โดยเฉพาะบนมือถือที่การใช้งานต้องลื่นไหล Minimal UX จึงไม่ใช่การทำให้น้อย แต่คือการตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อสร้างเส้นทางการซื้อที่สั้นและน่าเชื่อถือมากที่สุด 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-a-minimal-ux-philosophy-outperforms-during-peak-season 🛡️📅 ระวัง! แจ้งเตือนปฏิทินอาจแฝงมัลแวร์ มีการค้นพบว่าการแจ้งเตือนจากปฏิทิน เช่นการนัดหมายหรือ reminder อาจถูกใช้เป็นช่องทางแพร่มัลแวร์ได้ ผู้โจมตีสามารถฝังลิงก์อันตรายหรือไฟล์แนบที่ดูเหมือนปกติไว้ใน notification ทำให้ผู้ใช้เผลอกดโดยไม่ทันระวัง วิธีป้องกันคืออย่ากดลิงก์ที่ไม่แน่ใจ ตรวจสอบแหล่งที่มา และใช้ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยเพื่อกรองภัยคุกคามก่อนถึงผู้ใช้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/careful-that-calendar-notification-could-be-loaded-with-malware-heres-how-to-stay-safe 🔞⚖️ กฎใหม่ Missouri กำลังกลายเป็นการเซ็นเซอร์มากกว่าการยืนยันอายุ รัฐ Missouri ออกกฎใหม่ที่บังคับให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งาน แต่ผลลัพธ์กลับไปไกลกว่าการป้องกันเว็บสำหรับผู้ใหญ่ เพราะมันยังบังคับใช้กับเว็บที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลหรือเว็บข่าว ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่ากฎนี้คือการปกป้องเยาวชน หรือจริง ๆ แล้วคือการจำกัดเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/age-verification-or-censorship-missouris-new-rules-are-age-gating-way-more-than-adult-sites 📧🚨 Yahoo และ AOL Mail ล่มครั้งใหญ่ ผู้ใช้จำนวนมากประสบปัญหาเข้าใช้งาน Yahoo และ AOL Mail ไม่ได้ในช่วง outage ล่าสุด เหตุการณ์นี้ทำให้การสื่อสารและการทำงานสะดุด โดยเฉพาะผู้ใช้ที่ยังพึ่งพาอีเมลเหล่านี้เป็นหลัก แม้ทีมงานจะเร่งแก้ไข แต่ความเสียหายด้านความเชื่อมั่นก็เกิดขึ้นแล้ว และสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบอีเมลที่มีผู้ใช้จำนวนมหาศาล 🔗 https://www.techradar.com/news/live/yahoo-aol-email-outage-december-2025 🛒🇰🇷 Coupang เกาหลีใต้โดนเจาะข้อมูลครั้งใหญ่ Coupang ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของเกาหลีใต้ถูกโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ ส่งผลให้ข้อมูลบัญชีผู้ใช้กว่า 33 ล้านรายรั่วไหล เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อผู้บริโภคและทำให้บริษัทต้องเร่งหามาตรการป้องกันเพิ่มเติม การรั่วไหลครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/south-korean-ecommerce-giant-coupang-suffers-huge-data-breach-over-33-million-accounts-affected-heres-what-we-know 📱📖 Samsung เปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับสามทบ Samsung สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว Galaxy Z Trifold สมาร์ทโฟนที่สามารถพับได้สามทบจริง ๆ ดีไซน์นี้ช่วยให้ผู้ใช้มีหน้าจอใหญ่ขึ้นในขนาดที่พกพาได้สะดวก และยังคงความทนทานของบานพับที่พัฒนาใหม่ ถือเป็นการยกระดับเทคโนโลยี foldable ไปอีกขั้น และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดสมาร์ทโฟน 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsung-unveils-the-galaxy-z-trifold-a-foldable-that-lives-up-to-its-name
    0 Comments 0 Shares 271 Views 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷
    #รวมข่าวIT #20251202 #securityonline

    Android เจอช่องโหว่ร้ายแรง ต้องรีบอัปเดต
    Google ออก Android Security Bulletin เดือนธันวาคม 2025 ที่ทำให้หลายคนต้องรีบอัปเดตเครื่องทันที เพราะมีการยืนยันว่ามีการโจมตีจริงในโลกออนไลน์แล้ว โดยมีช่องโหว่สำคัญใน Android Framework ที่อาจทำให้เครื่องถูกสั่งให้หยุดทำงานจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษใด ๆ นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือยกระดับสิทธิ์ในเครื่องได้ โดยเฉพาะ CVE-2025-48631 ที่ถูกจัดว่าเป็น Critical DoS flaw ซึ่งสามารถทำให้เครื่องค้างหรือใช้งานไม่ได้ทันที รวมถึงยังมีปัญหาใน Kernel อย่าง PKVM และ IOMMU ที่ถ้าโดนเจาะก็อาจทะลุผ่านระบบป้องกันข้อมูลสำคัญได้ ผู้ใช้ Android จึงถูกแนะนำให้ตรวจสอบว่าเครื่องได้รับแพตช์ระดับ 2025-12-05 แล้ว เพื่อความปลอดภัยทั้งจากซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์
    https://securityonline.info/android-emergency-critical-dos-flaw-and-2-exploited-zero-days-in-framework-require-immediate-patch

    nopCommerce มีช่องโหว่ยึดระบบแอดมินได้
    แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง nopCommerce ถูกพบช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-11699 ที่อันตรายมาก เพราะผู้โจมตีสามารถใช้ session cookie ที่หมดอายุแล้วกลับมาใช้งานอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ระบบในสิทธิ์แอดมินได้ เท่ากับว่าผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมระบบหลังบ้านได้เต็มที่ แม้ผู้ใช้จะออกจากระบบไปแล้วก็ตาม ช่องโหว่นี้ทำให้ข้อมูลลูกค้าและธุรกรรมเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงหรือแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ดูแลระบบจึงควรรีบอัปเดตแพตช์และตรวจสอบการจัดการ session อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/nopcommerce-flaw-cve-2025-11699-allows-admin-takeover-by-reusing-session-cookies-after-logout

    มัลแวร์รุ่นใหม่ Arkanix หลบการเข้ารหัส Chrome ได้
    มีการค้นพบมัลแวร์สายขโมยข้อมูลรุ่นใหม่ชื่อ Arkanix ที่พัฒนาให้ฉลาดขึ้นกว่าเดิม โดยมันสามารถเลี่ยงการป้องกันของ Chrome ที่ใช้ App-Bound Encryption ได้ ด้วยเทคนิคการฉีดโค้ดเข้าไปใน process ของ C++ ทำให้สามารถดึงข้อมูลที่ควรถูกเข้ารหัสออกมาได้อย่างง่ายดาย จุดนี้ถือว่าอันตรายมากเพราะ Chrome เป็นเบราว์เซอร์ที่มีผู้ใช้มหาศาล และการหลบเลี่ยงระบบเข้ารหัสได้หมายถึงข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ session อาจถูกขโมยไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่ามัลแวร์นี้เป็น “next-gen stealer” ที่อาจถูกใช้ในแคมเปญโจมตีครั้งใหญ่ในอนาคต
    https://securityonline.info/next-gen-stealer-arkanix-bypasses-chrome-app-bound-encryption-using-c-process-injection

    ช่องโหว่ Apache Struts ทำเซิร์ฟเวอร์ล่มด้วยไฟล์ชั่วคราว
    เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่จาก Apache Software Foundation เกี่ยวกับช่องโหว่ที่ชื่อว่า CVE-2025-64775 ซึ่งเกิดขึ้นจากการจัดการไฟล์ชั่วคราวที่ผิดพลาดในกระบวนการอัปโหลดไฟล์ของ Struts framework เมื่อผู้โจมตีส่งคำขอแบบ multipart จำนวนมาก ไฟล์ชั่วคราวที่ควรถูกลบกลับถูกทิ้งไว้ ทำให้พื้นที่ดิสก์เต็มไปเรื่อย ๆ จนระบบไม่สามารถทำงานต่อได้ กลายเป็นการโจมตีแบบ Denial of Service ถึงแม้จะไม่ใช่การรันโค้ดจากระยะไกล แต่ก็สามารถทำให้บริการสำคัญหยุดชะงักได้ง่ายมาก ทางออกคือผู้ใช้ต้องรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่ถูกแก้ไขแล้วคือ Struts 6.8.0 และ 7.1.1
    https://securityonline.info/cve-2025-64775-apache-struts-file-leak-vulnerability-threatens-disk-exhaustion

    APT36 หันเป้าโจมตี Linux ด้วยทางลัดเงียบ
    กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียง APT36 หรือ Transparent Tribe ซึ่งเคยโจมตีระบบ Windows มานาน ตอนนี้ได้พัฒนาเครื่องมือใหม่เพื่อเจาะระบบ Linux โดยเฉพาะ BOSS Linux ที่ใช้ในหน่วยงานรัฐบาลอินเดีย พวกเขาส่งอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ .desktop ปลอมให้ดูเหมือนเอกสารจริง แต่เมื่อเปิดขึ้นมา มัลแวร์จะถูกติดตั้งอย่างเงียบ ๆ พร้อมสร้างความคงอยู่ในระบบโดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ root จุดเด่นคือเป็น Remote Administration Tool ที่ทำงานได้ทั้ง Windows และ Linux สามารถสั่งรันคำสั่ง ดูดข้อมูล และจับภาพหน้าจอได้ การขยายเป้าหมายไปยัง Linux ถือเป็นการยกระดับครั้งสำคัญของกลุ่มนี้
    https://securityonline.info/the-boss-breach-apt36-pivots-to-linux-espionage-with-silent-shortcuts

    Albiriox มัลแวร์ Android แบบบริการเช่า
    นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Albiriox ที่ถูกพัฒนาเป็น Malware-as-a-Service โดยกลุ่มผู้พูดภาษารัสเซีย เปิดให้เช่าใช้เดือนละราว 650–720 ดอลลาร์ จุดแข็งคือสามารถทำ On-Device Fraud ได้ หมายถึงการทำธุรกรรมหลอกลวงจากเครื่องของเหยื่อเองเพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจสอบของธนาคาร ฟีเจอร์เด่นคือ AcVNC ที่สามารถควบคุมหน้าจอแม้แอปธนาคารจะพยายามบล็อกการบันทึกหน้าจอ แคมเปญแรกเริ่มโจมตีผู้ใช้ในออสเตรียผ่านแอป Penny Market ปลอม แต่จริง ๆ แล้วมีรายชื่อเป้าหมายกว่า 400 แอปธนาคารและคริปโตทั่วโลก ถือเป็นการยกระดับภัยคุกคามบนมือถืออย่างชัดเจน
    https://securityonline.info/albiriox-the-russian-maas-android-trojan-redefining-mobile-fraud

    ศึกชิปขั้นสูง Apple ปะทะ NVIDIA
    ในโลกเซมิคอนดักเตอร์ตอนนี้ Apple และ NVIDIA กำลังแย่งชิงกำลังการผลิตขั้นสูงของ TSMC โดยเฉพาะกระบวนการ A16 และ A14 ที่ถือเป็นระดับ angstrom-class ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตชิปประสิทธิภาพสูง ทั้งสองบริษัทต่างต้องการพื้นที่ผลิตที่จำกัดนี้เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่พุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกัน Apple ยังมองหาทางเลือกใหม่โดยอาจร่วมมือกับ Intel ในกระบวนการ 18AP สำหรับชิประดับเริ่มต้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มอำนาจต่อรองกับ TSMC การแข่งขันนี้สะท้อนให้เห็นว่าชิปขั้นสูงได้กลายเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดระหว่างยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี
    https://securityonline.info/semiconductor-showdown-apple-and-nvidia-battle-for-tsmcs-a16-capacity

    OpenAI เริ่มทดลองโฆษณาใน ChatGPT
    แม้ ChatGPT จะมีผู้ใช้มหาศาล แต่ OpenAI ก็ยังขาดทุนหนัก โดยคาดว่าจะสะสมการขาดทุนถึง 115 พันล้านดอลลาร์ก่อนจะเริ่มมีกำไร นักพัฒนาพบโค้ดที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาในแอป ChatGPT บน Android ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทกำลังทดลองโมเดลรายได้ใหม่ผ่านการแสดงโฆษณาในคำตอบ โดยเฉพาะโฆษณาแบบค้นหา (Search Ads) ที่ฝังลิงก์สปอนเซอร์ในผลลัพธ์ หากเปิดใช้งานจริงจะเป็นแหล่งรายได้มหาศาลเสริมจากค่าสมาชิกและ API การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของ OpenAI ที่จะหาทางออกจากภาระขาดทุนมหาศาล
    https://securityonline.info/chatgpt-ads-spotted-monetization-push-underway-to-offset-115-billion-in-openai-losses

    BreachLock ครองแชมป์ PTaaS ต่อเนื่อง
    BreachLock ได้รับการจัดอันดับจากรายงาน GigaOm Radar ปี 2025 ให้เป็นผู้นำด้านบริการ Penetration Testing as a Service (PTaaS) ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม จุดเด่นของบริษัทคือการผสมผสานการทดสอบเจาะระบบแบบอัตโนมัติและการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ลูกค้าได้รับผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมทั้งสามารถปรับขนาดการทดสอบให้เหมาะสมกับองค์กรทุกระดับ การได้รับการยอมรับซ้ำ ๆ แสดงถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
    https://securityonline.info/breachlock-named-a-leader-in-2025-gigaom-radar-report-for-penetration-testing-as-a-service-ptaas-for-third-consecutive-year

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Snapdragon และโมเด็ม 5G
    พบช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-47372 ที่กระทบ Snapdragon 8 Gen 3 และโมเด็ม 5G โดยปัญหานี้เกิดขึ้นในกระบวนการบูต ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับสูงตั้งแต่เริ่มต้นระบบ ผลกระทบคืออุปกรณ์อาจถูกควบคุมหรือทำงานผิดพลาดตั้งแต่เปิดเครื่อง ถือเป็นภัยร้ายแรงเพราะเกี่ยวข้องกับชิปที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เครือข่าย การแก้ไขคือผู้ผลิตต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่ออุดช่องโหว่ก่อนที่จะถูกนำไปใช้โจมตีจริง
    https://securityonline.info/boot-process-compromised-critical-flaw-cve-2025-47372-hits-snapdragon-8-gen-3-5g-modems

    Kevin Lancaster เข้าร่วมบอร์ด usecure Kevin Lancaster
    ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาช่องทางธุรกิจ ได้เข้าร่วมบอร์ดของบริษัท usecure เพื่อช่วยเร่งการเติบโตในตลาดอเมริกาเหนือ Lancaster มีประสบการณ์ยาวนานในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรและการขยายธุรกิจด้านความปลอดภัยไซเบอร์ การเข้ามาของเขาถือเป็นการเสริมกำลังสำคัญให้ usecure สามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันในภูมิภาคนี้
    https://securityonline.info/kevin-lancaster-joins-the-usecure-board-to-accelerate-north-american-channel-growth

    ช่องโหว่ Windows EoP พร้อม PoC
    มีการเผยแพร่โค้ดทดสอบการโจมตี (PoC) สำหรับช่องโหว่ CVE-2025-60718 ที่เกี่ยวข้องกับ Windows Administrator Protection ซึ่งเป็นช่องโหว่ Elevation of Privilege ทำให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์ในระบบได้ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายเพราะสามารถใช้เป็นขั้นตอนหนึ่งในการเข้าควบคุมระบบทั้งหมดได้ การที่ PoC ถูกปล่อยออกมาแล้วทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้ใช้และผู้ดูแลระบบควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันที
    https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-cve-2025-60718-windows-administrator-protection-elevation-of-privilege-vulnerability

    OpenVPN อุดช่องโหว่ร้ายแรง
    OpenVPN ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่สำคัญสองรายการ ได้แก่ Heap Over-Read ที่มีคะแนน CVSS 9.1 และช่องโหว่ HMAC Bypass ซึ่งสามารถทำให้เกิดการโจมตีแบบ DoS ได้ ช่องโหว่เหล่านี้หากถูกนำไปใช้จะทำให้การเชื่อมต่อ VPN ไม่ปลอดภัยและอาจถูกโจมตีจนระบบล่ม การอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้งานทุกคนเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น
    https://securityonline.info/critical-openvpn-flaws-fix-heap-over-read-cvss-9-1-and-hmac-bypass-allow-dos-attacks
    📌🔐🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷🔐📌 #รวมข่าวIT #20251202 #securityonline 🛡️ Android เจอช่องโหว่ร้ายแรง ต้องรีบอัปเดต Google ออก Android Security Bulletin เดือนธันวาคม 2025 ที่ทำให้หลายคนต้องรีบอัปเดตเครื่องทันที เพราะมีการยืนยันว่ามีการโจมตีจริงในโลกออนไลน์แล้ว โดยมีช่องโหว่สำคัญใน Android Framework ที่อาจทำให้เครื่องถูกสั่งให้หยุดทำงานจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษใด ๆ นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือยกระดับสิทธิ์ในเครื่องได้ โดยเฉพาะ CVE-2025-48631 ที่ถูกจัดว่าเป็น Critical DoS flaw ซึ่งสามารถทำให้เครื่องค้างหรือใช้งานไม่ได้ทันที รวมถึงยังมีปัญหาใน Kernel อย่าง PKVM และ IOMMU ที่ถ้าโดนเจาะก็อาจทะลุผ่านระบบป้องกันข้อมูลสำคัญได้ ผู้ใช้ Android จึงถูกแนะนำให้ตรวจสอบว่าเครื่องได้รับแพตช์ระดับ 2025-12-05 แล้ว เพื่อความปลอดภัยทั้งจากซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ 🔗 https://securityonline.info/android-emergency-critical-dos-flaw-and-2-exploited-zero-days-in-framework-require-immediate-patch ⚠️ nopCommerce มีช่องโหว่ยึดระบบแอดมินได้ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง nopCommerce ถูกพบช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-11699 ที่อันตรายมาก เพราะผู้โจมตีสามารถใช้ session cookie ที่หมดอายุแล้วกลับมาใช้งานอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ระบบในสิทธิ์แอดมินได้ เท่ากับว่าผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมระบบหลังบ้านได้เต็มที่ แม้ผู้ใช้จะออกจากระบบไปแล้วก็ตาม ช่องโหว่นี้ทำให้ข้อมูลลูกค้าและธุรกรรมเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงหรือแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ดูแลระบบจึงควรรีบอัปเดตแพตช์และตรวจสอบการจัดการ session อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/nopcommerce-flaw-cve-2025-11699-allows-admin-takeover-by-reusing-session-cookies-after-logout 🕵️‍♂️ มัลแวร์รุ่นใหม่ Arkanix หลบการเข้ารหัส Chrome ได้ มีการค้นพบมัลแวร์สายขโมยข้อมูลรุ่นใหม่ชื่อ Arkanix ที่พัฒนาให้ฉลาดขึ้นกว่าเดิม โดยมันสามารถเลี่ยงการป้องกันของ Chrome ที่ใช้ App-Bound Encryption ได้ ด้วยเทคนิคการฉีดโค้ดเข้าไปใน process ของ C++ ทำให้สามารถดึงข้อมูลที่ควรถูกเข้ารหัสออกมาได้อย่างง่ายดาย จุดนี้ถือว่าอันตรายมากเพราะ Chrome เป็นเบราว์เซอร์ที่มีผู้ใช้มหาศาล และการหลบเลี่ยงระบบเข้ารหัสได้หมายถึงข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ session อาจถูกขโมยไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่ามัลแวร์นี้เป็น “next-gen stealer” ที่อาจถูกใช้ในแคมเปญโจมตีครั้งใหญ่ในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/next-gen-stealer-arkanix-bypasses-chrome-app-bound-encryption-using-c-process-injection 🖥️ ช่องโหว่ Apache Struts ทำเซิร์ฟเวอร์ล่มด้วยไฟล์ชั่วคราว เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่จาก Apache Software Foundation เกี่ยวกับช่องโหว่ที่ชื่อว่า CVE-2025-64775 ซึ่งเกิดขึ้นจากการจัดการไฟล์ชั่วคราวที่ผิดพลาดในกระบวนการอัปโหลดไฟล์ของ Struts framework เมื่อผู้โจมตีส่งคำขอแบบ multipart จำนวนมาก ไฟล์ชั่วคราวที่ควรถูกลบกลับถูกทิ้งไว้ ทำให้พื้นที่ดิสก์เต็มไปเรื่อย ๆ จนระบบไม่สามารถทำงานต่อได้ กลายเป็นการโจมตีแบบ Denial of Service ถึงแม้จะไม่ใช่การรันโค้ดจากระยะไกล แต่ก็สามารถทำให้บริการสำคัญหยุดชะงักได้ง่ายมาก ทางออกคือผู้ใช้ต้องรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่ถูกแก้ไขแล้วคือ Struts 6.8.0 และ 7.1.1 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-64775-apache-struts-file-leak-vulnerability-threatens-disk-exhaustion 🐧 APT36 หันเป้าโจมตี Linux ด้วยทางลัดเงียบ กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียง APT36 หรือ Transparent Tribe ซึ่งเคยโจมตีระบบ Windows มานาน ตอนนี้ได้พัฒนาเครื่องมือใหม่เพื่อเจาะระบบ Linux โดยเฉพาะ BOSS Linux ที่ใช้ในหน่วยงานรัฐบาลอินเดีย พวกเขาส่งอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ .desktop ปลอมให้ดูเหมือนเอกสารจริง แต่เมื่อเปิดขึ้นมา มัลแวร์จะถูกติดตั้งอย่างเงียบ ๆ พร้อมสร้างความคงอยู่ในระบบโดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ root จุดเด่นคือเป็น Remote Administration Tool ที่ทำงานได้ทั้ง Windows และ Linux สามารถสั่งรันคำสั่ง ดูดข้อมูล และจับภาพหน้าจอได้ การขยายเป้าหมายไปยัง Linux ถือเป็นการยกระดับครั้งสำคัญของกลุ่มนี้ 🔗 https://securityonline.info/the-boss-breach-apt36-pivots-to-linux-espionage-with-silent-shortcuts 📱 Albiriox มัลแวร์ Android แบบบริการเช่า นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Albiriox ที่ถูกพัฒนาเป็น Malware-as-a-Service โดยกลุ่มผู้พูดภาษารัสเซีย เปิดให้เช่าใช้เดือนละราว 650–720 ดอลลาร์ จุดแข็งคือสามารถทำ On-Device Fraud ได้ หมายถึงการทำธุรกรรมหลอกลวงจากเครื่องของเหยื่อเองเพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจสอบของธนาคาร ฟีเจอร์เด่นคือ AcVNC ที่สามารถควบคุมหน้าจอแม้แอปธนาคารจะพยายามบล็อกการบันทึกหน้าจอ แคมเปญแรกเริ่มโจมตีผู้ใช้ในออสเตรียผ่านแอป Penny Market ปลอม แต่จริง ๆ แล้วมีรายชื่อเป้าหมายกว่า 400 แอปธนาคารและคริปโตทั่วโลก ถือเป็นการยกระดับภัยคุกคามบนมือถืออย่างชัดเจน 🔗 https://securityonline.info/albiriox-the-russian-maas-android-trojan-redefining-mobile-fraud ⚙️ ศึกชิปขั้นสูง Apple ปะทะ NVIDIA ในโลกเซมิคอนดักเตอร์ตอนนี้ Apple และ NVIDIA กำลังแย่งชิงกำลังการผลิตขั้นสูงของ TSMC โดยเฉพาะกระบวนการ A16 และ A14 ที่ถือเป็นระดับ angstrom-class ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตชิปประสิทธิภาพสูง ทั้งสองบริษัทต่างต้องการพื้นที่ผลิตที่จำกัดนี้เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่พุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกัน Apple ยังมองหาทางเลือกใหม่โดยอาจร่วมมือกับ Intel ในกระบวนการ 18AP สำหรับชิประดับเริ่มต้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มอำนาจต่อรองกับ TSMC การแข่งขันนี้สะท้อนให้เห็นว่าชิปขั้นสูงได้กลายเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดระหว่างยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี 🔗 https://securityonline.info/semiconductor-showdown-apple-and-nvidia-battle-for-tsmcs-a16-capacity 💰 OpenAI เริ่มทดลองโฆษณาใน ChatGPT แม้ ChatGPT จะมีผู้ใช้มหาศาล แต่ OpenAI ก็ยังขาดทุนหนัก โดยคาดว่าจะสะสมการขาดทุนถึง 115 พันล้านดอลลาร์ก่อนจะเริ่มมีกำไร นักพัฒนาพบโค้ดที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาในแอป ChatGPT บน Android ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทกำลังทดลองโมเดลรายได้ใหม่ผ่านการแสดงโฆษณาในคำตอบ โดยเฉพาะโฆษณาแบบค้นหา (Search Ads) ที่ฝังลิงก์สปอนเซอร์ในผลลัพธ์ หากเปิดใช้งานจริงจะเป็นแหล่งรายได้มหาศาลเสริมจากค่าสมาชิกและ API การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของ OpenAI ที่จะหาทางออกจากภาระขาดทุนมหาศาล 🔗 https://securityonline.info/chatgpt-ads-spotted-monetization-push-underway-to-offset-115-billion-in-openai-losses 🛡️ BreachLock ครองแชมป์ PTaaS ต่อเนื่อง BreachLock ได้รับการจัดอันดับจากรายงาน GigaOm Radar ปี 2025 ให้เป็นผู้นำด้านบริการ Penetration Testing as a Service (PTaaS) ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม จุดเด่นของบริษัทคือการผสมผสานการทดสอบเจาะระบบแบบอัตโนมัติและการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ลูกค้าได้รับผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมทั้งสามารถปรับขนาดการทดสอบให้เหมาะสมกับองค์กรทุกระดับ การได้รับการยอมรับซ้ำ ๆ แสดงถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 🔗 https://securityonline.info/breachlock-named-a-leader-in-2025-gigaom-radar-report-for-penetration-testing-as-a-service-ptaas-for-third-consecutive-year 📶 ช่องโหว่ร้ายแรงใน Snapdragon และโมเด็ม 5G พบช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-47372 ที่กระทบ Snapdragon 8 Gen 3 และโมเด็ม 5G โดยปัญหานี้เกิดขึ้นในกระบวนการบูต ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับสูงตั้งแต่เริ่มต้นระบบ ผลกระทบคืออุปกรณ์อาจถูกควบคุมหรือทำงานผิดพลาดตั้งแต่เปิดเครื่อง ถือเป็นภัยร้ายแรงเพราะเกี่ยวข้องกับชิปที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เครือข่าย การแก้ไขคือผู้ผลิตต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่ออุดช่องโหว่ก่อนที่จะถูกนำไปใช้โจมตีจริง 🔗 https://securityonline.info/boot-process-compromised-critical-flaw-cve-2025-47372-hits-snapdragon-8-gen-3-5g-modems 🤝 Kevin Lancaster เข้าร่วมบอร์ด usecure Kevin Lancaster ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาช่องทางธุรกิจ ได้เข้าร่วมบอร์ดของบริษัท usecure เพื่อช่วยเร่งการเติบโตในตลาดอเมริกาเหนือ Lancaster มีประสบการณ์ยาวนานในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรและการขยายธุรกิจด้านความปลอดภัยไซเบอร์ การเข้ามาของเขาถือเป็นการเสริมกำลังสำคัญให้ usecure สามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันในภูมิภาคนี้ 🔗 https://securityonline.info/kevin-lancaster-joins-the-usecure-board-to-accelerate-north-american-channel-growth 🪟 ช่องโหว่ Windows EoP พร้อม PoC มีการเผยแพร่โค้ดทดสอบการโจมตี (PoC) สำหรับช่องโหว่ CVE-2025-60718 ที่เกี่ยวข้องกับ Windows Administrator Protection ซึ่งเป็นช่องโหว่ Elevation of Privilege ทำให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์ในระบบได้ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายเพราะสามารถใช้เป็นขั้นตอนหนึ่งในการเข้าควบคุมระบบทั้งหมดได้ การที่ PoC ถูกปล่อยออกมาแล้วทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้ใช้และผู้ดูแลระบบควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันที 🔗 https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-cve-2025-60718-windows-administrator-protection-elevation-of-privilege-vulnerability 🔐 OpenVPN อุดช่องโหว่ร้ายแรง OpenVPN ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่สำคัญสองรายการ ได้แก่ Heap Over-Read ที่มีคะแนน CVSS 9.1 และช่องโหว่ HMAC Bypass ซึ่งสามารถทำให้เกิดการโจมตีแบบ DoS ได้ ช่องโหว่เหล่านี้หากถูกนำไปใช้จะทำให้การเชื่อมต่อ VPN ไม่ปลอดภัยและอาจถูกโจมตีจนระบบล่ม การอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้งานทุกคนเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น 🔗 https://securityonline.info/critical-openvpn-flaws-fix-heap-over-read-cvss-9-1-and-hmac-bypass-allow-dos-attacks
    0 Comments 0 Shares 247 Views 0 Reviews
  • ปีที่หนักหน่วงของธุรกิจสร้างสรรค์

    Andy Bell ผู้ก่อตั้ง Set Studio และ Piccalilli เล่าถึงปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อ และความไม่มั่นคงทางการเมือง ทำให้การหาลูกค้าใหม่ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสตูดิโอเลือกที่จะไม่ทำงานด้านการตลาดที่เกี่ยวข้องกับ AI แม้จะเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการมากที่สุด เขาย้ำว่าการรักษาชื่อเสียงและจริยธรรมสำคัญกว่าการตามกระแส

    เศรษฐกิจโลกในปี 2025
    รายงานจาก World Economic Forum และ ACCA ชี้ว่าโลกกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งการเพิ่มขึ้นของภาษีการค้า ความเสี่ยงจากสงคราม และการเร่งตัวของ AI ที่เข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างแรงงานและการผลิต หลายประเทศ เช่น อินเดีย กลับสามารถเติบโตสวนกระแสด้วยการบริโภคภายในและการผลิตที่แข็งแกร่ง แต่โดยรวมแล้วธุรกิจขนาดเล็กทั่วโลกยังคงเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนและความไม่แน่นอน

    AI กับวงการครีเอทีฟ
    ในขณะที่บางสตูดิโอเลือกปฏิเสธ AI หลายแห่งกลับนำมาใช้เป็นเครื่องมือเสริม เช่น การสร้างไอเดียเบื้องต้น การออกแบบภาพตัวอย่าง หรือการช่วยกำหนดทิศทางงานศิลป์ ข้อมูลล่าสุดเผยว่า 78% ของเอเจนซี่ครีเอทีฟทั่วโลกใช้ AI ในบางขั้นตอนแล้ว แม้จะทำให้ราคางานบางประเภทถูกลง แต่ก็เพิ่มปริมาณงานและรายได้โดยรวม อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องการแทนที่แรงงานและความเสื่อมของคุณค่ามนุษย์ยังคงเป็นประเด็นใหญ่

    ทางรอดและความหวัง
    Andy เสนอให้ผู้สนับสนุนช่วยซื้อคอร์สออนไลน์ แชร์ผลงาน หรือจ้างสตูดิโอเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไป เขาเชื่อว่าการสร้างงานที่มีคุณภาพจริงและไม่เอาเปรียบผู้ใช้คือหนทางที่จะทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ อยู่รอดในยุคที่ AI และเศรษฐกิจโลกกำลังเขย่าโครงสร้างเดิม

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ความท้าทายของ Set Studio และ Piccalilli
    เศรษฐกิจชะลอตัวและต้นทุนสูง
    ปฏิเสธงานการตลาดที่เกี่ยวข้องกับ AI เพื่อรักษาจริยธรรม

    แนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2025
    ภาษีการค้าและความไม่แน่นอนทางการเมือง
    อินเดียเติบโตสวนกระแสด้วยการผลิตและการบริโภค

    ผลกระทบของ AI ต่อวงการครีเอทีฟ
    78% ของเอเจนซี่ใช้ AI ในบางขั้นตอน
    ราคางานลดลงแต่ปริมาณงานเพิ่มขึ้น

    ทางรอดของธุรกิจเล็ก
    การขายคอร์สออนไลน์และการสนับสนุนจากชุมชน
    การสร้างงานคุณภาพที่ไม่เอาเปรียบผู้ใช้

    คำเตือนจากแนวโน้มโลก
    ความเสี่ยงจากการพึ่งพา AI มากเกินไป อาจนำไปสู่การตกงาน
    ความไม่แน่นอนทางการเมืองและสงครามอาจกระทบเศรษฐกิจหนักขึ้น
    การแข่งขันด้านราคาอาจบีบให้ธุรกิจเล็กอยู่รอดยากขึ้น

    https://bell.bz/its-been-a-very-hard-year/
    📰 ปีที่หนักหน่วงของธุรกิจสร้างสรรค์ Andy Bell ผู้ก่อตั้ง Set Studio และ Piccalilli เล่าถึงปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อ และความไม่มั่นคงทางการเมือง ทำให้การหาลูกค้าใหม่ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสตูดิโอเลือกที่จะไม่ทำงานด้านการตลาดที่เกี่ยวข้องกับ AI แม้จะเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการมากที่สุด เขาย้ำว่าการรักษาชื่อเสียงและจริยธรรมสำคัญกว่าการตามกระแส 🌍 เศรษฐกิจโลกในปี 2025 รายงานจาก World Economic Forum และ ACCA ชี้ว่าโลกกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งการเพิ่มขึ้นของภาษีการค้า ความเสี่ยงจากสงคราม และการเร่งตัวของ AI ที่เข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างแรงงานและการผลิต หลายประเทศ เช่น อินเดีย กลับสามารถเติบโตสวนกระแสด้วยการบริโภคภายในและการผลิตที่แข็งแกร่ง แต่โดยรวมแล้วธุรกิจขนาดเล็กทั่วโลกยังคงเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนและความไม่แน่นอน 🎨 AI กับวงการครีเอทีฟ ในขณะที่บางสตูดิโอเลือกปฏิเสธ AI หลายแห่งกลับนำมาใช้เป็นเครื่องมือเสริม เช่น การสร้างไอเดียเบื้องต้น การออกแบบภาพตัวอย่าง หรือการช่วยกำหนดทิศทางงานศิลป์ ข้อมูลล่าสุดเผยว่า 78% ของเอเจนซี่ครีเอทีฟทั่วโลกใช้ AI ในบางขั้นตอนแล้ว แม้จะทำให้ราคางานบางประเภทถูกลง แต่ก็เพิ่มปริมาณงานและรายได้โดยรวม อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องการแทนที่แรงงานและความเสื่อมของคุณค่ามนุษย์ยังคงเป็นประเด็นใหญ่ 💡 ทางรอดและความหวัง Andy เสนอให้ผู้สนับสนุนช่วยซื้อคอร์สออนไลน์ แชร์ผลงาน หรือจ้างสตูดิโอเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไป เขาเชื่อว่าการสร้างงานที่มีคุณภาพจริงและไม่เอาเปรียบผู้ใช้คือหนทางที่จะทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ อยู่รอดในยุคที่ AI และเศรษฐกิจโลกกำลังเขย่าโครงสร้างเดิม 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ความท้าทายของ Set Studio และ Piccalilli ➡️ เศรษฐกิจชะลอตัวและต้นทุนสูง ➡️ ปฏิเสธงานการตลาดที่เกี่ยวข้องกับ AI เพื่อรักษาจริยธรรม ✅ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2025 ➡️ ภาษีการค้าและความไม่แน่นอนทางการเมือง ➡️ อินเดียเติบโตสวนกระแสด้วยการผลิตและการบริโภค ✅ ผลกระทบของ AI ต่อวงการครีเอทีฟ ➡️ 78% ของเอเจนซี่ใช้ AI ในบางขั้นตอน ➡️ ราคางานลดลงแต่ปริมาณงานเพิ่มขึ้น ✅ ทางรอดของธุรกิจเล็ก ➡️ การขายคอร์สออนไลน์และการสนับสนุนจากชุมชน ➡️ การสร้างงานคุณภาพที่ไม่เอาเปรียบผู้ใช้ ‼️ คำเตือนจากแนวโน้มโลก ⛔ ความเสี่ยงจากการพึ่งพา AI มากเกินไป อาจนำไปสู่การตกงาน ⛔ ความไม่แน่นอนทางการเมืองและสงครามอาจกระทบเศรษฐกิจหนักขึ้น ⛔ การแข่งขันด้านราคาอาจบีบให้ธุรกิจเล็กอยู่รอดยากขึ้น https://bell.bz/its-been-a-very-hard-year/
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • วิธีตั้งค่าที่ปลอดภัยในการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล

    บทความจาก Hackread ได้อธิบายแนวทางการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัย โดยเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่มั่นคง การเลือกกระเป๋าเงินที่เหมาะสม และการปฏิบัติที่รอบคอบในการทำธุรกรรม เพื่อป้องกันการสูญเสียจากการโจมตีหรือความผิดพลาดที่เกิดจากความประมาท

    เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบ อุปกรณ์ที่ใช้เข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ ต้องมั่นใจว่าไม่มีมัลแวร์หรือ keylogger แฝงอยู่ และควรอัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้งานบน Wi-Fi สาธารณะ ที่อาจถูกดักจับข้อมูลได้ง่าย

    ในด้านกระเป๋าเงินดิจิทัล บทความแนะนำให้ใช้ กลยุทธ์ผสมผสานระหว่าง Hot Wallet และ Cold Wallet โดยเก็บจำนวนเล็ก ๆ ไว้ใน Hot Wallet เพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรม แต่เก็บสินทรัพย์หลักไว้ใน Cold Wallet ที่ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อความปลอดภัยสูงสุด พร้อมทั้งปกป้อง Recovery Phrase ด้วยการเขียนเก็บไว้บนกระดาษหรือแผ่นโลหะ และเก็บในที่ปลอดภัย เช่น ตู้เซฟหรือกล่องฝากธนาคาร

    นอกจากนี้ยังเน้นการสร้าง นิสัยที่ปลอดภัยในการทำธุรกรรม เช่น ตรวจสอบที่อยู่ปลายทางทุกครั้งก่อนยืนยัน ใช้เว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ และหยุดชั่วคราวหากพบสิ่งผิดปกติ รวมถึงการทบทวนระบบความปลอดภัยเป็นประจำ เพื่อปรับปรุงให้ทันกับภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก Web3

    สรุปสาระสำคัญ
    สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
    อัปเดตระบบและซอฟต์แวร์ให้ทันสมัย
    หลีกเลี่ยงการใช้งานบน Wi-Fi สาธารณะ

    การเลือกกระเป๋าเงินดิจิทัล
    ใช้ Hot Wallet สำหรับธุรกรรมเล็ก ๆ
    เก็บสินทรัพย์หลักใน Cold Wallet

    การปกป้อง Recovery Phrase
    เขียนเก็บไว้บนกระดาษหรือแผ่นโลหะ
    เก็บในตู้เซฟหรือกล่องฝากธนาคาร

    นิสัยที่ปลอดภัยในการทำธุรกรรม
    ตรวจสอบที่อยู่ปลายทางทุกครั้ง
    ใช้เว็บไซต์ที่เชื่อถือได้และหยุดหากพบสิ่งผิดปกติ

    ข้อควรระวัง
    หากอุปกรณ์ติดมัลแวร์ กระเป๋าเงินจะถูกเจาะได้ทันที
    การละเลยการทบทวนระบบความปลอดภัยทำให้เสี่ยงต่อภัยคุกคามใหม่ ๆ

    https://hackread.com/what-secure-setup-looks-storing-digital-assets/
    🔐 วิธีตั้งค่าที่ปลอดภัยในการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล บทความจาก Hackread ได้อธิบายแนวทางการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัย โดยเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่มั่นคง การเลือกกระเป๋าเงินที่เหมาะสม และการปฏิบัติที่รอบคอบในการทำธุรกรรม เพื่อป้องกันการสูญเสียจากการโจมตีหรือความผิดพลาดที่เกิดจากความประมาท เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบ อุปกรณ์ที่ใช้เข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ ต้องมั่นใจว่าไม่มีมัลแวร์หรือ keylogger แฝงอยู่ และควรอัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้งานบน Wi-Fi สาธารณะ ที่อาจถูกดักจับข้อมูลได้ง่าย ในด้านกระเป๋าเงินดิจิทัล บทความแนะนำให้ใช้ กลยุทธ์ผสมผสานระหว่าง Hot Wallet และ Cold Wallet โดยเก็บจำนวนเล็ก ๆ ไว้ใน Hot Wallet เพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรม แต่เก็บสินทรัพย์หลักไว้ใน Cold Wallet ที่ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อความปลอดภัยสูงสุด พร้อมทั้งปกป้อง Recovery Phrase ด้วยการเขียนเก็บไว้บนกระดาษหรือแผ่นโลหะ และเก็บในที่ปลอดภัย เช่น ตู้เซฟหรือกล่องฝากธนาคาร นอกจากนี้ยังเน้นการสร้าง นิสัยที่ปลอดภัยในการทำธุรกรรม เช่น ตรวจสอบที่อยู่ปลายทางทุกครั้งก่อนยืนยัน ใช้เว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ และหยุดชั่วคราวหากพบสิ่งผิดปกติ รวมถึงการทบทวนระบบความปลอดภัยเป็นประจำ เพื่อปรับปรุงให้ทันกับภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก Web3 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ➡️ อัปเดตระบบและซอฟต์แวร์ให้ทันสมัย ➡️ หลีกเลี่ยงการใช้งานบน Wi-Fi สาธารณะ ✅ การเลือกกระเป๋าเงินดิจิทัล ➡️ ใช้ Hot Wallet สำหรับธุรกรรมเล็ก ๆ ➡️ เก็บสินทรัพย์หลักใน Cold Wallet ✅ การปกป้อง Recovery Phrase ➡️ เขียนเก็บไว้บนกระดาษหรือแผ่นโลหะ ➡️ เก็บในตู้เซฟหรือกล่องฝากธนาคาร ✅ นิสัยที่ปลอดภัยในการทำธุรกรรม ➡️ ตรวจสอบที่อยู่ปลายทางทุกครั้ง ➡️ ใช้เว็บไซต์ที่เชื่อถือได้และหยุดหากพบสิ่งผิดปกติ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ หากอุปกรณ์ติดมัลแวร์ กระเป๋าเงินจะถูกเจาะได้ทันที ⛔ การละเลยการทบทวนระบบความปลอดภัยทำให้เสี่ยงต่อภัยคุกคามใหม่ ๆ https://hackread.com/what-secure-setup-looks-storing-digital-assets/
    HACKREAD.COM
    What a Secure Setup Really Looks Like for Storing Digital Assets
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • Ubuntu Touch OTA-1.1 มอบ VoLTE ให้ Fairphone 4 และ Volla Phone 22

    UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดต Ubuntu Touch OTA-1.1 สำหรับผู้ใช้บนฐาน Ubuntu 24.04 LTS และ OTA-11 สำหรับผู้ใช้บนฐาน Ubuntu 20.04 LTS โดยมีการปรับปรุงสำคัญทั้งด้านฟีเจอร์และความปลอดภัย ไฮไลต์หลักคือการเพิ่ม VoLTE (Voice over LTE) ให้กับ Fairphone 4 และ Volla Phone 22 ซึ่งช่วยให้การโทรศัพท์มีคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นและรองรับเครือข่าย 4G อย่างเต็มรูปแบบ

    นอกจาก VoLTE แล้ว OTA-1.1 ยังปรับปรุง เวลาเริ่มต้นระบบหลังการอัปเกรด, การจัดการ Wi-Fi และ VPN ที่ถูกลบแล้วจะไม่กลับมาอีกหลังรีบูต, รวมถึงการปรับปรุง Wi-Fi hotspot บนอุปกรณ์บางรุ่น อีกทั้งยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น การ crash ของแอป Messaging เมื่อเปิดไฟล์แนบวิดีโอ/เสียง, ปัญหาปฏิทินผิดพลาดในเมนู pull-down, และการไม่แสดง notification badges บน launcher สำหรับ Phone และ Messaging apps

    ด้านความปลอดภัย OTA-1.1 และ OTA-11 ได้แก้ไขช่องโหว่ใน GStreamer multimedia framework ที่อาจถูกใช้โจมตีระบบ จึงแนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ OTA-11 ยังเพิ่มการรองรับ USB-C headset และแก้ไขปัญหาเสียงไม่หยุดเล่นเมื่อถอดหูฟัง Bluetooth ออก

    การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ UBports ในการทำให้ Ubuntu Touch เป็นระบบปฏิบัติการมือถือที่มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น พร้อมรองรับอุปกรณ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันระบบปฏิบัติการโอเพนซอร์สสำหรับมือถือให้แข่งขันได้ในตลาดที่ถูกครองโดย Android และ iOS

    สรุปสาระสำคัญ
    ฟีเจอร์ใหม่ใน OTA-1.1
    เพิ่ม VoLTE ให้ Fairphone 4 และ Volla Phone 22
    ปรับปรุงเวลาเริ่มต้นระบบหลังอัปเกรด
    แก้ไขการจัดการ Wi-Fi/VPN และ Wi-Fi hotspot

    การแก้ไขบั๊ก
    แก้ crash ของ Messaging app เมื่อเปิดไฟล์แนบ
    แก้ปัญหาปฏิทินผิดพลาดในเมนู pull-down
    แก้ notification badges ไม่แสดงใน launcher

    การปรับปรุงด้านความปลอดภัย
    แก้ช่องโหว่ใน GStreamer multimedia framework
    OTA-11 เพิ่มการรองรับ USB-C headset และแก้ไขเสียง Bluetooth

    ข้อควรระวัง
    การ rollout OTA อาจใช้เวลาหลายวัน ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับอัปเดตพร้อมกัน
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบการตั้งค่าและสำรองข้อมูลก่อนอัปเดตเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

    https://9to5linux.com/ubuntu-touch-ota-1-1-rolls-out-with-volte-support-for-fairphone-4-volla-phone-22
    📱 Ubuntu Touch OTA-1.1 มอบ VoLTE ให้ Fairphone 4 และ Volla Phone 22 UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดต Ubuntu Touch OTA-1.1 สำหรับผู้ใช้บนฐาน Ubuntu 24.04 LTS และ OTA-11 สำหรับผู้ใช้บนฐาน Ubuntu 20.04 LTS โดยมีการปรับปรุงสำคัญทั้งด้านฟีเจอร์และความปลอดภัย ไฮไลต์หลักคือการเพิ่ม VoLTE (Voice over LTE) ให้กับ Fairphone 4 และ Volla Phone 22 ซึ่งช่วยให้การโทรศัพท์มีคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นและรองรับเครือข่าย 4G อย่างเต็มรูปแบบ นอกจาก VoLTE แล้ว OTA-1.1 ยังปรับปรุง เวลาเริ่มต้นระบบหลังการอัปเกรด, การจัดการ Wi-Fi และ VPN ที่ถูกลบแล้วจะไม่กลับมาอีกหลังรีบูต, รวมถึงการปรับปรุง Wi-Fi hotspot บนอุปกรณ์บางรุ่น อีกทั้งยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น การ crash ของแอป Messaging เมื่อเปิดไฟล์แนบวิดีโอ/เสียง, ปัญหาปฏิทินผิดพลาดในเมนู pull-down, และการไม่แสดง notification badges บน launcher สำหรับ Phone และ Messaging apps ด้านความปลอดภัย OTA-1.1 และ OTA-11 ได้แก้ไขช่องโหว่ใน GStreamer multimedia framework ที่อาจถูกใช้โจมตีระบบ จึงแนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ OTA-11 ยังเพิ่มการรองรับ USB-C headset และแก้ไขปัญหาเสียงไม่หยุดเล่นเมื่อถอดหูฟัง Bluetooth ออก การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ UBports ในการทำให้ Ubuntu Touch เป็นระบบปฏิบัติการมือถือที่มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น พร้อมรองรับอุปกรณ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันระบบปฏิบัติการโอเพนซอร์สสำหรับมือถือให้แข่งขันได้ในตลาดที่ถูกครองโดย Android และ iOS 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน OTA-1.1 ➡️ เพิ่ม VoLTE ให้ Fairphone 4 และ Volla Phone 22 ➡️ ปรับปรุงเวลาเริ่มต้นระบบหลังอัปเกรด ➡️ แก้ไขการจัดการ Wi-Fi/VPN และ Wi-Fi hotspot ✅ การแก้ไขบั๊ก ➡️ แก้ crash ของ Messaging app เมื่อเปิดไฟล์แนบ ➡️ แก้ปัญหาปฏิทินผิดพลาดในเมนู pull-down ➡️ แก้ notification badges ไม่แสดงใน launcher ✅ การปรับปรุงด้านความปลอดภัย ➡️ แก้ช่องโหว่ใน GStreamer multimedia framework ➡️ OTA-11 เพิ่มการรองรับ USB-C headset และแก้ไขเสียง Bluetooth ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การ rollout OTA อาจใช้เวลาหลายวัน ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับอัปเดตพร้อมกัน ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบการตั้งค่าและสำรองข้อมูลก่อนอัปเดตเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา https://9to5linux.com/ubuntu-touch-ota-1-1-rolls-out-with-volte-support-for-fairphone-4-volla-phone-22
    9TO5LINUX.COM
    Ubuntu Touch OTA-1.1 Rolls Out with VoLTE Support for Fairphone 4, Volla Phone 22 - 9to5Linux
    Ubuntu Touch OTA 1.1 update is now rolling out with VoLTE support for Fairphone 4 and Volla Phone 22 devices.
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • ดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศ: ไอเดียที่แย่ที่สุดของยุค AI

    บทความนี้เขียนโดยอดีตวิศวกร/นักวิทยาศาสตร์ NASA ที่มีปริญญาเอกด้านอิเล็กทรอนิกส์อวกาศ และเคยทำงานที่ Google มา 10 ปี รวมถึงส่วนของ Cloud ที่รับผิดชอบการติดตั้ง AI capacity ท่านได้ออกมาเตือนว่าแนวคิดการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศที่บริษัท AI หลายแห่งกำลังพิจารณาร่วมกับบริษัทดาวเทียม เป็นไอเดียที่แย่มากๆ และไม่สมเหตุสมผลเลย

    สาเหตุหลักมาจากข้อจำกัดพื้นฐานหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงาน การระบายความร้อน ความทนทานต่อรังสี และการสื่อสาร ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะ GPU และ TPU สำหรับ AI นั้นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ทำงานได้ดีในอวกาศโดยสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น แผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ที่สุดในอวกาศ (ของสถานีอวกาศนานาชาติ ISS) ที่มีขนาดครึ่งสนามฟุตบอลอเมริกัน สามารถจ่ายไฟได้เพียง 200kW ซึ่งเพียงพอสำหรับ GPU ประมาณ 200 ตัวเท่านั้น ในขณะที่ดาต้าเซ็นเตอร์ของ OpenAI ในนอร์เวย์วางแผนจะติดตั้ง GPU ถึง 100,000 ตัว

    นอกจากนี้ การระบายความร้อนในอวกาศเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริง เพราะไม่มีอากาศให้ระบายความร้อนแบบ convection ได้ ต้องใช้ระบบ radiator panel ขนาดมหึมา ซึ่งระบบระบายความร้อนของ ISS ที่สามารถระบายความร้อนได้ 16kW (เพียงพอสำหรับ GPU 16 ตัว) ต้องใช้แผง radiator ขนาดถึง 42.5 ตารางเมตร ปัญหารังสีในอวกาศยังทำให้ชิปอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปเสียหายได้ง่าย โดย GPU และ TPU ที่ใช้ transistor ขนาดเล็กเป็นพิเศษนั้นเสี่ยงต่อความเสียหายจากรังสีมากที่สุด ชิปที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในอวกาศจริงๆ มีประสิทธิภาพเทียบเท่า PowerPC จากปี 2005 เท่านั้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อจำกัดด้านพลังงาน
    แผงโซลาร์เซลล์ขนาดเท่า ISS (2,500 ตร.ม.) ให้พลังงานเพียง 200kW หรือพอสำหรับ GPU 200 ตัว
    ต้องใช้ดาวเทียมขนาด ISS ถึง 500 ดวง เพื่อเทียบเท่าดาต้าเซ็นเตอร์ 100,000 GPU ของ OpenAI
    เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากกัมมันตรังสี (RTG) ให้พลังงานเพียง 50-150W ไม่พอสำหรับ GPU แม้แต่ตัวเดียว

    ปัญหาการระบายความร้อน
    ไม่มีอากาศในอวกาศ ทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนแบบ convection ได้
    ต้องใช้ระบบ radiator panel ขนาดใหญ่มาก - ระบบของ ISS ที่ระบายได้ 16kW ต้องใช้พื้นที่ 42.5 ตร.ม.
    สำหรับ GPU 200 ตัว (200kW) ต้องใช้แผง radiator ประมาณ 531 ตร.ม. หรือใหญ่กว่าแผงโซลาร์เซลล์ถึง 2.6 เท่า

    ความเสี่ยงจากรังสีอวกาศ
    GPU/TPU ใช้ transistor ขนาดเล็กมาก ทำให้เสี่ยงต่อ Single-Event Upset (SEU) และ latch-up สูงมาก
    รังสีสามารถทำให้บิตข้อมูลเปลี่ยนแปลง หรือทำให้ชิปเสียหายถาวรได้
    ชิปที่ออกแบบสำหรับอวกาศจริงๆ มีประสิทธิภาพเทียบเท่า PowerPC จาก 20 ปีก่อนเท่านั้น
    Total dose effects ทำให้ประสิทธิภาพชิปลดลงเรื่อยๆ ตลอดอายุการใช้งาน

    ข้อจำกัดด้านการสื่อสาร
    ดาวเทียมส่วนใหญ่สื่อสารผ่านคลื่นวิทยุได้ไม่เกิน 1Gbps
    เทียบกับ server rack บนโลกที่ใช้ interconnect 100Gbps ขึ้นไป ช้ากว่ามาก
    การใช้เลเซอร์สื่อสารต้องพึ่งพาสภาพอากาศที่ดี

    ข้อสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ
    ดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศขนาดเท่าดาวเทียม ISS จะเทียบเท่า server rack เพียง 3 ชุดบนโลกเท่านั้น
    ต้นทุนสูงมหาศาล ประสิทธิภาพต่ำ และยากต่อการดำเนินการอย่างยิ่ง
    เป็นไอเดียที่แย่มากในทางเศรษฐศาสตร์และเทคนิค

    https://taranis.ie/datacenters-in-space-are-a-terrible-horrible-no-good-idea/
    🚀 ดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศ: ไอเดียที่แย่ที่สุดของยุค AI บทความนี้เขียนโดยอดีตวิศวกร/นักวิทยาศาสตร์ NASA ที่มีปริญญาเอกด้านอิเล็กทรอนิกส์อวกาศ และเคยทำงานที่ Google มา 10 ปี รวมถึงส่วนของ Cloud ที่รับผิดชอบการติดตั้ง AI capacity ท่านได้ออกมาเตือนว่าแนวคิดการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศที่บริษัท AI หลายแห่งกำลังพิจารณาร่วมกับบริษัทดาวเทียม เป็นไอเดียที่แย่มากๆ และไม่สมเหตุสมผลเลย สาเหตุหลักมาจากข้อจำกัดพื้นฐานหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงาน การระบายความร้อน ความทนทานต่อรังสี และการสื่อสาร ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะ GPU และ TPU สำหรับ AI นั้นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ทำงานได้ดีในอวกาศโดยสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น แผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ที่สุดในอวกาศ (ของสถานีอวกาศนานาชาติ ISS) ที่มีขนาดครึ่งสนามฟุตบอลอเมริกัน สามารถจ่ายไฟได้เพียง 200kW ซึ่งเพียงพอสำหรับ GPU ประมาณ 200 ตัวเท่านั้น ในขณะที่ดาต้าเซ็นเตอร์ของ OpenAI ในนอร์เวย์วางแผนจะติดตั้ง GPU ถึง 100,000 ตัว นอกจากนี้ การระบายความร้อนในอวกาศเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริง เพราะไม่มีอากาศให้ระบายความร้อนแบบ convection ได้ ต้องใช้ระบบ radiator panel ขนาดมหึมา ซึ่งระบบระบายความร้อนของ ISS ที่สามารถระบายความร้อนได้ 16kW (เพียงพอสำหรับ GPU 16 ตัว) ต้องใช้แผง radiator ขนาดถึง 42.5 ตารางเมตร ปัญหารังสีในอวกาศยังทำให้ชิปอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปเสียหายได้ง่าย โดย GPU และ TPU ที่ใช้ transistor ขนาดเล็กเป็นพิเศษนั้นเสี่ยงต่อความเสียหายจากรังสีมากที่สุด ชิปที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในอวกาศจริงๆ มีประสิทธิภาพเทียบเท่า PowerPC จากปี 2005 เท่านั้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อจำกัดด้านพลังงาน ➡️ แผงโซลาร์เซลล์ขนาดเท่า ISS (2,500 ตร.ม.) ให้พลังงานเพียง 200kW หรือพอสำหรับ GPU 200 ตัว ➡️ ต้องใช้ดาวเทียมขนาด ISS ถึง 500 ดวง เพื่อเทียบเท่าดาต้าเซ็นเตอร์ 100,000 GPU ของ OpenAI ➡️ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากกัมมันตรังสี (RTG) ให้พลังงานเพียง 50-150W ไม่พอสำหรับ GPU แม้แต่ตัวเดียว ✅ ปัญหาการระบายความร้อน ➡️ ไม่มีอากาศในอวกาศ ทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนแบบ convection ได้ ➡️ ต้องใช้ระบบ radiator panel ขนาดใหญ่มาก - ระบบของ ISS ที่ระบายได้ 16kW ต้องใช้พื้นที่ 42.5 ตร.ม. ➡️ สำหรับ GPU 200 ตัว (200kW) ต้องใช้แผง radiator ประมาณ 531 ตร.ม. หรือใหญ่กว่าแผงโซลาร์เซลล์ถึง 2.6 เท่า ‼️ ความเสี่ยงจากรังสีอวกาศ ⛔ GPU/TPU ใช้ transistor ขนาดเล็กมาก ทำให้เสี่ยงต่อ Single-Event Upset (SEU) และ latch-up สูงมาก ⛔ รังสีสามารถทำให้บิตข้อมูลเปลี่ยนแปลง หรือทำให้ชิปเสียหายถาวรได้ ⛔ ชิปที่ออกแบบสำหรับอวกาศจริงๆ มีประสิทธิภาพเทียบเท่า PowerPC จาก 20 ปีก่อนเท่านั้น ⛔ Total dose effects ทำให้ประสิทธิภาพชิปลดลงเรื่อยๆ ตลอดอายุการใช้งาน ‼️ ข้อจำกัดด้านการสื่อสาร ⛔ ดาวเทียมส่วนใหญ่สื่อสารผ่านคลื่นวิทยุได้ไม่เกิน 1Gbps ⛔ เทียบกับ server rack บนโลกที่ใช้ interconnect 100Gbps ขึ้นไป ช้ากว่ามาก ⛔ การใช้เลเซอร์สื่อสารต้องพึ่งพาสภาพอากาศที่ดี ✅ ข้อสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศขนาดเท่าดาวเทียม ISS จะเทียบเท่า server rack เพียง 3 ชุดบนโลกเท่านั้น ➡️ ต้นทุนสูงมหาศาล ประสิทธิภาพต่ำ และยากต่อการดำเนินการอย่างยิ่ง ➡️ เป็นไอเดียที่แย่มากในทางเศรษฐศาสตร์และเทคนิค https://taranis.ie/datacenters-in-space-are-a-terrible-horrible-no-good-idea/
    TARANIS.IE
    Datacenters in space are a terrible, horrible, no good idea.
    There is a rush for AI companies to team up with space launch/satellite companies to build datacenters in space. TL;DR: It's not going to work.
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • ข่าววิทยาศาสตร์: “ปลาหมึกแวมไพร์เผยรากเหง้าโบราณของหมึกและปลาหมึกยักษ์”

    นักวิทยาศาสตร์เพิ่งเปิดเผยความลับจาก Vampyroteuthis infernalis หรือที่รู้จักกันว่า “ปลาหมึกแวมไพร์จากนรก” สิ่งมีชีวิตหายากในทะเลลึกที่ไม่ใช่ทั้งปลาหมึกหรือหมึกยักษ์ แต่เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ การวิเคราะห์จีโนมของมันพบว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์กลุ่มเซฟาโลพอดที่เคยถูกถอดรหัส โดยมีมากกว่า 11 พันล้านเบสเพียร์ ซึ่งใหญ่กว่าหมึกและหมึกยักษ์หลายเท่า

    สิ่งที่น่าทึ่งคือแม้ปลาหมึกแวมไพร์จะเป็นสัตว์แปดหนวด แต่ยังคงรักษาโครงสร้างโครโมโซมที่คล้ายกับสัตว์สิบหนวดอย่างปลาหมึกและหมึกกระดองไว้ได้ นักวิจัยเชื่อว่านี่คือหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่า หมึกและหมึกยักษ์มีบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อราว 300 ล้านปีก่อน และการเปลี่ยนแปลงโครโมโซมในหมึกยักษ์อาจช่วยให้พวกมันพัฒนาความสามารถพิเศษเฉพาะตัว เช่น ความฉลาดและการปรับตัวที่ซับซ้อน

    ปลาหมึกแวมไพร์ถูกจัดว่าเป็น “ฟอสซิลมีชีวิต” เพราะยังคงรักษาลักษณะดั้งเดิมจากบรรพบุรุษเมื่อกว่า 183 ล้านปีก่อน พร้อมทั้งปรับตัวให้สามารถอยู่รอดในทะเลลึกที่มืดและขาดออกซิเจนได้ การค้นพบนี้จึงเปรียบเสมือน “Rosetta Stone” ที่ช่วยไขความลับวิวัฒนาการของสัตว์กลุ่มเซฟาโลพอดทั้งหมด

    นักวิจัยยังพบว่า 62% ของจีโนมปลาหมึกแวมไพร์เป็นดีเอ็นเอซ้ำๆ ที่ไม่ได้สร้างโปรตีนใหม่ แต่ทำให้จีโนมมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมหาศาล การศึกษาเปรียบเทียบกับหมึกและหมึกยักษ์ชนิดอื่นๆ ยืนยันว่าโครงสร้างโครโมโซมของปลาหมึกแวมไพร์ยังคงใกล้เคียงกับบรรพบุรุษดั้งเดิมมากที่สุด ทำให้มันเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจวิวัฒนาการของสัตว์ทะเลลึกลับเหล่านี้

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบจีโนมปลาหมึกแวมไพร์
    มีจีโนมใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์เซฟาโลพอดกว่า 11 พันล้านเบสเพียร์
    62% ของจีโนมเป็นดีเอ็นเอซ้ำๆ

    ความสำคัญทางวิวัฒนาการ
    รักษาโครงสร้างโครโมโซมคล้ายสัตว์สิบหนวด
    บ่งชี้ว่าหมึกและหมึกยักษ์มีบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อ 300 ล้านปีก่อน

    สถานะฟอสซิลมีชีวิต
    มีอายุทางสายวิวัฒนาการกว่า 183 ล้านปี
    ปรับตัวให้อยู่รอดในทะเลลึกที่มืดและขาดออกซิเจน

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    การศึกษาอาศัยตัวอย่างที่หายากและได้จากการจับโดยบังเอิญ
    ยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันบทบาทของโครโมโซมต่อการปรับตัวของหมึกยักษ์

    https://www.sciencealert.com/vampire-squid-from-hell-reveals-the-ancient-origins-of-octopuses
    🦑 ข่าววิทยาศาสตร์: “ปลาหมึกแวมไพร์เผยรากเหง้าโบราณของหมึกและปลาหมึกยักษ์” นักวิทยาศาสตร์เพิ่งเปิดเผยความลับจาก Vampyroteuthis infernalis หรือที่รู้จักกันว่า “ปลาหมึกแวมไพร์จากนรก” สิ่งมีชีวิตหายากในทะเลลึกที่ไม่ใช่ทั้งปลาหมึกหรือหมึกยักษ์ แต่เป็นซากดึกดำบรรพ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ การวิเคราะห์จีโนมของมันพบว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์กลุ่มเซฟาโลพอดที่เคยถูกถอดรหัส โดยมีมากกว่า 11 พันล้านเบสเพียร์ ซึ่งใหญ่กว่าหมึกและหมึกยักษ์หลายเท่า สิ่งที่น่าทึ่งคือแม้ปลาหมึกแวมไพร์จะเป็นสัตว์แปดหนวด แต่ยังคงรักษาโครงสร้างโครโมโซมที่คล้ายกับสัตว์สิบหนวดอย่างปลาหมึกและหมึกกระดองไว้ได้ นักวิจัยเชื่อว่านี่คือหลักฐานสำคัญที่บ่งชี้ว่า หมึกและหมึกยักษ์มีบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อราว 300 ล้านปีก่อน และการเปลี่ยนแปลงโครโมโซมในหมึกยักษ์อาจช่วยให้พวกมันพัฒนาความสามารถพิเศษเฉพาะตัว เช่น ความฉลาดและการปรับตัวที่ซับซ้อน ปลาหมึกแวมไพร์ถูกจัดว่าเป็น “ฟอสซิลมีชีวิต” เพราะยังคงรักษาลักษณะดั้งเดิมจากบรรพบุรุษเมื่อกว่า 183 ล้านปีก่อน พร้อมทั้งปรับตัวให้สามารถอยู่รอดในทะเลลึกที่มืดและขาดออกซิเจนได้ การค้นพบนี้จึงเปรียบเสมือน “Rosetta Stone” ที่ช่วยไขความลับวิวัฒนาการของสัตว์กลุ่มเซฟาโลพอดทั้งหมด นักวิจัยยังพบว่า 62% ของจีโนมปลาหมึกแวมไพร์เป็นดีเอ็นเอซ้ำๆ ที่ไม่ได้สร้างโปรตีนใหม่ แต่ทำให้จีโนมมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมหาศาล การศึกษาเปรียบเทียบกับหมึกและหมึกยักษ์ชนิดอื่นๆ ยืนยันว่าโครงสร้างโครโมโซมของปลาหมึกแวมไพร์ยังคงใกล้เคียงกับบรรพบุรุษดั้งเดิมมากที่สุด ทำให้มันเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจวิวัฒนาการของสัตว์ทะเลลึกลับเหล่านี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบจีโนมปลาหมึกแวมไพร์ ➡️ มีจีโนมใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์เซฟาโลพอดกว่า 11 พันล้านเบสเพียร์ ➡️ 62% ของจีโนมเป็นดีเอ็นเอซ้ำๆ ✅ ความสำคัญทางวิวัฒนาการ ➡️ รักษาโครงสร้างโครโมโซมคล้ายสัตว์สิบหนวด ➡️ บ่งชี้ว่าหมึกและหมึกยักษ์มีบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อ 300 ล้านปีก่อน ✅ สถานะฟอสซิลมีชีวิต ➡️ มีอายุทางสายวิวัฒนาการกว่า 183 ล้านปี ➡️ ปรับตัวให้อยู่รอดในทะเลลึกที่มืดและขาดออกซิเจน ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ การศึกษาอาศัยตัวอย่างที่หายากและได้จากการจับโดยบังเอิญ ⛔ ยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันบทบาทของโครโมโซมต่อการปรับตัวของหมึกยักษ์ https://www.sciencealert.com/vampire-squid-from-hell-reveals-the-ancient-origins-of-octopuses
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    'Vampire Squid From Hell' Reveals The Ancient Origins of Octopuses
    The elusive 'vampire squid from hell' has just yielded the largest cephalopod genome ever sequenced, a monster clocking in at more than 11 billion base pairs – more than twice as large as the biggest squid genomes.
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251201 #TechRadar

    Dell ชี้การเปลี่ยนผ่านสู่ Windows 11 ยังช้า
    เรื่องราวนี้เล่าถึงการที่องค์กรจำนวนมากยังคงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าและไม่รีบอัปเกรดไป Windows 11 เพราะเครื่องที่มีอยู่ยังทำงานได้ดี ส่งผลให้ยอดขาย PC ของ Dell คาดว่าจะทรงตัว แม้จะมีเครื่องกว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ก็ตาม ขณะเดียวกัน Dell กลับเห็นการเติบโตในตลาดเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย โดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับงานด้าน AI ที่มียอดสั่งซื้อสูงถึง 12 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด สะท้อนว่าธุรกิจให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในตอนนี้
    https://www.techradar.com/pro/security/dell-says-businesses-still-arent-moving-to-windows-11-fast-enough-pc-maker-says-sales-will-be-flat-as-many-stick-with-windows-10

    เปลี่ยนมุมมองเพื่อสร้างนวัตกรรมด้าน Cybersecurity
    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการสร้างนวัตกรรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่สำคัญที่ “วิธีคิด” องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่เรียนรู้ที่จะจัดการความเสี่ยง ไม่ใช่แค่หลีกเลี่ยงมัน การเปิดใจรับฟังและหาทางทำให้ไอเดียใหม่ ๆ ปลอดภัย จะช่วยสร้างความร่วมมือและความเชื่อมั่นภายในทีม ทำให้ความปลอดภัยกลายเป็นตัวช่วยในการแข่งขัน ไม่ใช่แค่กำแพงกีดกัน
    https://www.techradar.com/pro/mindset-change-is-key-to-nurturing-cybersecurity-innovation

    Kia EV4 รถไฟฟ้าที่ทำให้ Hatchback กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การขับ Kia EV4 รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาให้แตกต่างจาก SUV ทั่วไป ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวและการขับขี่ที่สนุกสนาน แม้จะไม่แรงสุดขั้ว แต่ก็ให้ความสบายและความคล่องตัวที่เหนือกว่า Hatchback ทั่วไป จุดเด่นคือแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกสองขนาด พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 388 ไมล์ และระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 29 นาที นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ เช่น ผู้ช่วยเสียงที่ใช้ ChatGPT และระบบความบันเทิงในรถที่รองรับ Netflix และ Disney+ ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/ive-driven-the-new-electric-kia-ev4-and-it-finally-makes-hatchbacks-exciting-again-for-three-key-reasons

    5 แอปที่จะทำให้ภาพถ่ายมือถือของคุณดียิ่งขึ้น
    แม้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะมีกล้องที่ดีมาก แต่การใช้แอปเสริมสามารถยกระดับภาพถ่ายได้อีกขั้น บทความนี้แนะนำ 5 แอป ได้แก่ Lightroom ที่ครบเครื่องด้านการแก้ไข Snapseed ที่ใช้ง่ายและมีฟิลเตอร์หลากหลาย Halide Mark II สำหรับ iPhone ที่ให้ควบคุมการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ Open Camera สำหรับ Android ที่เพิ่มฟีเจอร์การถ่ายภาพ และ VSCO ที่มีพรีเซ็ตกว่า 200 แบบพร้อมชุมชนให้แชร์ผลงาน แอปเหล่านี้ช่วยให้ทั้งการถ่ายและการแต่งภาพสนุกและมีคุณภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/phones/want-to-take-better-phone-pictures-these-5-apps-will-vastly-improve-your-photos

    วิศวกรแห่งอนาคต: นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยคนและความยั่งยืน
    บทความนี้สะท้อนว่าคำว่า “นวัตกรรม” ในสายงานวิศวกรรมไม่ได้หมายถึงเทคโนโลยีใหม่เพียงอย่างเดียว แต่คือการผสมผสานคน ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างความก้าวหน้า วิศวกรยุคใหม่ใช้ข้อมูลและ AI เพื่อคาดการณ์ปัญหาก่อนเกิด ลดการเดินทางและการปล่อยคาร์บอน พร้อมทั้งผลักดันการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเน้นความหลากหลายและการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาในสายงาน เพื่อสร้างทีมที่มีมุมมองหลากหลายและพร้อมแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/engineers-for-the-future-championing-innovation-through-people-purpose-and-progress

    OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือที่แบตใหญ่ที่สุด
    ข่าวนี้พูดถึงมือถือรุ่นใหม่จาก OnePlus ที่คาดว่าจะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่บริษัทเคยใส่ในสมาร์ทโฟน จุดเด่นคือการยืดอายุการใช้งานให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความทนทานและใช้งานได้ยาวนานขึ้น โดยยังคงรักษาดีไซน์และประสิทธิภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ OnePlus ทำให้แฟน ๆ รอติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าจะสร้างความแตกต่างได้มากแค่ไหน
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-next-oneplus-phone-could-have-the-biggest-battery-the-company-has-ever-put-into-a-handset

    Missouri เริ่มบังคับใช้การยืนยันอายุออนไลน์
    รัฐ Missouri ของสหรัฐฯ ได้เริ่มต้นวันแรกของการบังคับใช้กฎหมายการยืนยันอายุสำหรับการเข้าถึงเว็บไซต์บางประเภท ทำให้ประชาชนจำนวนมากเริ่มค้นหา VPN เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดนี้ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายระหว่างการคุ้มครองเยาวชนกับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ และยังทำให้ตลาด VPN ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทันที
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouris-search-for-vpns-lifts-off-as-the-first-day-of-age-verification-arrives
    📌📡🟡 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟡📡📌 #รวมข่าวIT #20251201 #TechRadar 🖥️ Dell ชี้การเปลี่ยนผ่านสู่ Windows 11 ยังช้า เรื่องราวนี้เล่าถึงการที่องค์กรจำนวนมากยังคงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าและไม่รีบอัปเกรดไป Windows 11 เพราะเครื่องที่มีอยู่ยังทำงานได้ดี ส่งผลให้ยอดขาย PC ของ Dell คาดว่าจะทรงตัว แม้จะมีเครื่องกว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ก็ตาม ขณะเดียวกัน Dell กลับเห็นการเติบโตในตลาดเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย โดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับงานด้าน AI ที่มียอดสั่งซื้อสูงถึง 12 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสล่าสุด สะท้อนว่าธุรกิจให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าการเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/dell-says-businesses-still-arent-moving-to-windows-11-fast-enough-pc-maker-says-sales-will-be-flat-as-many-stick-with-windows-10 🔒 เปลี่ยนมุมมองเพื่อสร้างนวัตกรรมด้าน Cybersecurity บทความนี้ชี้ให้เห็นว่าการสร้างนวัตกรรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่สำคัญที่ “วิธีคิด” องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่เรียนรู้ที่จะจัดการความเสี่ยง ไม่ใช่แค่หลีกเลี่ยงมัน การเปิดใจรับฟังและหาทางทำให้ไอเดียใหม่ ๆ ปลอดภัย จะช่วยสร้างความร่วมมือและความเชื่อมั่นภายในทีม ทำให้ความปลอดภัยกลายเป็นตัวช่วยในการแข่งขัน ไม่ใช่แค่กำแพงกีดกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/mindset-change-is-key-to-nurturing-cybersecurity-innovation 🚗 Kia EV4 รถไฟฟ้าที่ทำให้ Hatchback กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การขับ Kia EV4 รถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาให้แตกต่างจาก SUV ทั่วไป ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวและการขับขี่ที่สนุกสนาน แม้จะไม่แรงสุดขั้ว แต่ก็ให้ความสบายและความคล่องตัวที่เหนือกว่า Hatchback ทั่วไป จุดเด่นคือแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกสองขนาด พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 388 ไมล์ และระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลาเพียง 29 นาที นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ เช่น ผู้ช่วยเสียงที่ใช้ ChatGPT และระบบความบันเทิงในรถที่รองรับ Netflix และ Disney+ ทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่ออีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/ive-driven-the-new-electric-kia-ev4-and-it-finally-makes-hatchbacks-exciting-again-for-three-key-reasons 📸 5 แอปที่จะทำให้ภาพถ่ายมือถือของคุณดียิ่งขึ้น แม้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะมีกล้องที่ดีมาก แต่การใช้แอปเสริมสามารถยกระดับภาพถ่ายได้อีกขั้น บทความนี้แนะนำ 5 แอป ได้แก่ Lightroom ที่ครบเครื่องด้านการแก้ไข Snapseed ที่ใช้ง่ายและมีฟิลเตอร์หลากหลาย Halide Mark II สำหรับ iPhone ที่ให้ควบคุมการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ Open Camera สำหรับ Android ที่เพิ่มฟีเจอร์การถ่ายภาพ และ VSCO ที่มีพรีเซ็ตกว่า 200 แบบพร้อมชุมชนให้แชร์ผลงาน แอปเหล่านี้ช่วยให้ทั้งการถ่ายและการแต่งภาพสนุกและมีคุณภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/want-to-take-better-phone-pictures-these-5-apps-will-vastly-improve-your-photos ⚙️ วิศวกรแห่งอนาคต: นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยคนและความยั่งยืน บทความนี้สะท้อนว่าคำว่า “นวัตกรรม” ในสายงานวิศวกรรมไม่ได้หมายถึงเทคโนโลยีใหม่เพียงอย่างเดียว แต่คือการผสมผสานคน ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างความก้าวหน้า วิศวกรยุคใหม่ใช้ข้อมูลและ AI เพื่อคาดการณ์ปัญหาก่อนเกิด ลดการเดินทางและการปล่อยคาร์บอน พร้อมทั้งผลักดันการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเน้นความหลากหลายและการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาในสายงาน เพื่อสร้างทีมที่มีมุมมองหลากหลายและพร้อมแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/engineers-for-the-future-championing-innovation-through-people-purpose-and-progress 📱 OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือที่แบตใหญ่ที่สุด ข่าวนี้พูดถึงมือถือรุ่นใหม่จาก OnePlus ที่คาดว่าจะมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่บริษัทเคยใส่ในสมาร์ทโฟน จุดเด่นคือการยืดอายุการใช้งานให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการความทนทานและใช้งานได้ยาวนานขึ้น โดยยังคงรักษาดีไซน์และประสิทธิภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ OnePlus ทำให้แฟน ๆ รอติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าจะสร้างความแตกต่างได้มากแค่ไหน 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-next-oneplus-phone-could-have-the-biggest-battery-the-company-has-ever-put-into-a-handset 🌐 Missouri เริ่มบังคับใช้การยืนยันอายุออนไลน์ รัฐ Missouri ของสหรัฐฯ ได้เริ่มต้นวันแรกของการบังคับใช้กฎหมายการยืนยันอายุสำหรับการเข้าถึงเว็บไซต์บางประเภท ทำให้ประชาชนจำนวนมากเริ่มค้นหา VPN เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดนี้ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความท้าทายระหว่างการคุ้มครองเยาวชนกับสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์ และยังทำให้ตลาด VPN ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทันที 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouris-search-for-vpns-lifts-off-as-the-first-day-of-age-verification-arrives
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • WhatsApp เพิ่มฟีเจอร์ Speech Bubble ตอบกลับได้ในโปรไฟล์

    WhatsApp กำลังปรับโฉมหน้าโปรไฟล์ครั้งใหญ่ โดยเพิ่ม กล่องคำพูด (speech bubble) ที่ผู้ใช้สามารถใส่อีโมจิและข้อความสั้น ๆ เพื่อบอกสถานะหรือความรู้สึก ณ ขณะนั้น ข้อความนี้จะปรากฏบนรูปโปรไฟล์ทั้งในหน้าโปรไฟล์และในแชทส่วนตัว และที่สำคัญคือ เพื่อนสามารถแตะเพื่อตอบกลับได้ทันที ทำให้การสื่อสารดูเป็นธรรมชาติและสนุกมากขึ้น.

    ผู้ใช้สามารถแก้ไขข้อความได้ในเมนู Settings → “What’s happening?” ใต้ชื่อโปรไฟล์ พร้อมเลือกอีโมจิประกอบ เช่น หากใส่คำว่า “Busy” พร้อมอีโมจิเหงื่อ เพื่อนที่เริ่มแชทจะเห็นสถานะนี้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่า Duration เพื่อกำหนดระยะเวลาที่ข้อความจะแสดง ตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึงหลายวัน โดยค่าเริ่มต้นคือ 1 วัน.

    ฟีเจอร์นี้ยังมีการควบคุมความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าใครจะเห็นข้อความ About ของตน เช่น ทุกคน, เฉพาะรายชื่อใน Contacts, ยกเว้นบางคน หรือไม่มีใครเลย ทำให้ Speech Bubble กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ยืดหยุ่นแทนการใช้ Status แบบเดิม.

    หากฟีเจอร์นี้ยังไม่ปรากฏในแอปของคุณ อาจต้องทำการ อัปเดต WhatsApp เป็นเวอร์ชันล่าสุด เพื่อใช้งานได้ทันที ถือเป็นการเพิ่มสีสันใหม่ให้การสื่อสารในชีวิตประจำวัน และอาจกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้ใช้ใช้บอกเล่าเรื่องราวสั้น ๆ แบบโต้ตอบได้.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ฟีเจอร์ใหม่ Speech Bubble
    ใส่อีโมจิและข้อความสั้น ๆ บนโปรไฟล์
    เพื่อนสามารถตอบกลับได้โดยตรงในแชท

    วิธีใช้งาน
    แก้ไขได้ใน Settings → “What’s happening?”
    ตั้งค่า Duration ได้ตั้งแต่ชั่วโมงจนถึงหลายวัน

    ความเป็นส่วนตัว
    เลือกได้ว่าใครจะเห็นข้อความ About
    ตัวเลือก: ทุกคน, My contacts, My contacts except…, Nobody

    ข้อควรระวัง
    หากยังไม่เห็นฟีเจอร์ ต้องอัปเดต WhatsApp
    อาจถูกใช้แทน Status แต่มีข้อจำกัดด้านรูปแบบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/30/whatsapp039s-new-profile-page-adds-a-replyable-speech-bubble
    💬 WhatsApp เพิ่มฟีเจอร์ Speech Bubble ตอบกลับได้ในโปรไฟล์ WhatsApp กำลังปรับโฉมหน้าโปรไฟล์ครั้งใหญ่ โดยเพิ่ม กล่องคำพูด (speech bubble) ที่ผู้ใช้สามารถใส่อีโมจิและข้อความสั้น ๆ เพื่อบอกสถานะหรือความรู้สึก ณ ขณะนั้น ข้อความนี้จะปรากฏบนรูปโปรไฟล์ทั้งในหน้าโปรไฟล์และในแชทส่วนตัว และที่สำคัญคือ เพื่อนสามารถแตะเพื่อตอบกลับได้ทันที ทำให้การสื่อสารดูเป็นธรรมชาติและสนุกมากขึ้น. ผู้ใช้สามารถแก้ไขข้อความได้ในเมนู Settings → “What’s happening?” ใต้ชื่อโปรไฟล์ พร้อมเลือกอีโมจิประกอบ เช่น หากใส่คำว่า “Busy” พร้อมอีโมจิเหงื่อ เพื่อนที่เริ่มแชทจะเห็นสถานะนี้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่า Duration เพื่อกำหนดระยะเวลาที่ข้อความจะแสดง ตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึงหลายวัน โดยค่าเริ่มต้นคือ 1 วัน. ฟีเจอร์นี้ยังมีการควบคุมความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าใครจะเห็นข้อความ About ของตน เช่น ทุกคน, เฉพาะรายชื่อใน Contacts, ยกเว้นบางคน หรือไม่มีใครเลย ทำให้ Speech Bubble กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ยืดหยุ่นแทนการใช้ Status แบบเดิม. หากฟีเจอร์นี้ยังไม่ปรากฏในแอปของคุณ อาจต้องทำการ อัปเดต WhatsApp เป็นเวอร์ชันล่าสุด เพื่อใช้งานได้ทันที ถือเป็นการเพิ่มสีสันใหม่ให้การสื่อสารในชีวิตประจำวัน และอาจกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้ใช้ใช้บอกเล่าเรื่องราวสั้น ๆ แบบโต้ตอบได้. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ Speech Bubble ➡️ ใส่อีโมจิและข้อความสั้น ๆ บนโปรไฟล์ ➡️ เพื่อนสามารถตอบกลับได้โดยตรงในแชท ✅ วิธีใช้งาน ➡️ แก้ไขได้ใน Settings → “What’s happening?” ➡️ ตั้งค่า Duration ได้ตั้งแต่ชั่วโมงจนถึงหลายวัน ✅ ความเป็นส่วนตัว ➡️ เลือกได้ว่าใครจะเห็นข้อความ About ➡️ ตัวเลือก: ทุกคน, My contacts, My contacts except…, Nobody ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ หากยังไม่เห็นฟีเจอร์ ต้องอัปเดต WhatsApp ⛔ อาจถูกใช้แทน Status แต่มีข้อจำกัดด้านรูปแบบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/30/whatsapp039s-new-profile-page-adds-a-replyable-speech-bubble
    WWW.THESTAR.COM.MY
    WhatsApp's new profile page adds a replyable speech bubble
    WhatsApp has overhauled its profile page, letting users add an emoji and a few words to the picture shown in their profile and in one-to-one chats.
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • สร้าง RAG แบบ Local ได้จริง: ประสบการณ์จาก Skald

    ทีมพัฒนา Skald ได้ทดลองสร้างระบบ RAG (Retrieval-Augmented Generation) แบบ self-hosted ที่ไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังบริการของบุคคลที่สาม โดยใช้เทคโนโลยี open-source ทั้งหมด เพื่อตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความเป็นส่วนตัวของข้อมูลแต่ยังต้องการใช้ประโยชน์จาก AI สมัยใหม่

    การทดสอบใช้เนื้อหาจากเว็บไซต์ PostHog ประมาณ 2,000 เอกสาร โดยเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่าง 3 รูปแบบ: Cloud APIs (Voyage + Claude), Hybrid (Voyage + GPT-OSS 20B), และ Fully Local (Sentence Transformers + GPT-OSS 20B) ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าระบบ local สามารถทำงานได้จริงและให้ผลลัพธ์ที่ดีในหลายกรณี

    สิ่งที่น่าสนใจคือการ deploy ระบบทั้งหมดใช้เวลาเพียง 8 นาที รวมถึง vector database, reranking, embedding service และ document parser โดยใช้ Postgres + pgvector, Sentence Transformers, และ Docling ตามลำดับ ทำให้เห็นว่าการสร้าง RAG แบบ local ไม่ได้ยากอย่างที่คิด

    ผลการทดสอบพบว่า Cloud setup ได้คะแนน 9.45/10, Hybrid setup ได้ 9.18/10, ส่วน Local setup แบบพื้นฐานได้ 7.10/10 และเมื่อใช้โมเดล multi-lingual ที่ดีกว่าสามารถยกระดับเป็น 8.63/10 ได้ โดยจุดอ่อนหลักคือการตอบคำถามที่ต้องรวบรวมข้อมูลจากหลายเอกสาร แต่สำหรับคำถามแบบ point query ระบบ local ทำงานได้ดีมาก

    สรุปสาระสำคัญ
    องค์ประกอบของ RAG และทางเลือก Open-Source
    Vector Database: Postgres + pgvector (แทน Pinecone, Weaviate)
    Embeddings: Sentence Transformers all-MiniLM-L6-v2 (แทน OpenAI, Voyage)
    LLM: GPT-OSS 20B ผ่าน llama.cpp (แทน GPT-4, Claude)
    Reranker: Sentence Transformers cross-encoder (แทน Cohere, Voyage)
    Document Parser: Docling ผ่าน docling-serve

    ผลการทดสอบประสิทธิภาพ
    Voyage + Claude (Cloud): คะแนนเฉลี่ย 9.45/10 - ผ่านทุกคำถาม
    Voyage + GPT-OSS 20B (Hybrid): คะแนนเฉลี่ย 9.18/10 - ผลลัพธ์ดีมาก
    Local + โมเดลพื้นฐาน: คะแนนเฉลี่ย 7.10/10 - ดีสำหรับ point queries
    Local + โมเดล multi-lingual: คะแนนเฉลี่ย 8.63/10 - ปรับปรุงได้มาก

    ข้อดีของ Local Setup
    Deploy ได้ภายใน 8 นาที รวมทุก component
    ไม่ต้องส่งข้อมูลออกนอกองค์กร - เหมาะกับข้อมูลที่ sensitive
    ใช้เทคโนโลยี open-source ทั้งหมด (MIT-licensed)
    รองรับการทำงานใน air-gapped infrastructure

    จุดแข็งของโมเดล Local
    ตอบคำถามแบบ point query (หาคำตอบจากที่เดียว) ได้ดีมาก
    โมเดลพื้นฐานทำงานเร็วและเหมาะกับภาษาอังกฤษ
    โมเดล multi-lingual (bge-m3) รองรับหลายภาษารวมถึงไทย
    แนวโน้มจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อโมเดล open-source พัฒนา

    ข้อจำกัดที่ควรระวัง
    โมเดลพื้นฐานมีปัญหากับคำถามที่คลุมเครือ (ambiguous questions)
    ยังไม่เก่งในการรวบรวมข้อมูลจากหลายเอกสาร (multi-document context)
    โมเดลพื้นฐานรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ - ต้องใช้โมเดล multi-lingual สำหรับภาษาอื่น
    pgvector อาจไม่เหมาะกับ dataset ขนาดใหญ่มากๆ - ต้องพิจารณา vector DB อื่น

    สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม
    ต้องรัน service หลายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการเรียก API
    ต้องมีความรู้ในการ deploy และ manage infrastructure
    อาจต้องปรับแต่ง topK values และเทคนิคอื่นๆ ตาม use case
    ต้องมี hardware เพียงพอ (ทดสอบใช้ g5.2xlarge EC2 สำหรับ LLM)

    https://blog.yakkomajuri.com/blog/local-rag
    🚀 สร้าง RAG แบบ Local ได้จริง: ประสบการณ์จาก Skald ทีมพัฒนา Skald ได้ทดลองสร้างระบบ RAG (Retrieval-Augmented Generation) แบบ self-hosted ที่ไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังบริการของบุคคลที่สาม โดยใช้เทคโนโลยี open-source ทั้งหมด เพื่อตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความเป็นส่วนตัวของข้อมูลแต่ยังต้องการใช้ประโยชน์จาก AI สมัยใหม่ การทดสอบใช้เนื้อหาจากเว็บไซต์ PostHog ประมาณ 2,000 เอกสาร โดยเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่าง 3 รูปแบบ: Cloud APIs (Voyage + Claude), Hybrid (Voyage + GPT-OSS 20B), และ Fully Local (Sentence Transformers + GPT-OSS 20B) ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าระบบ local สามารถทำงานได้จริงและให้ผลลัพธ์ที่ดีในหลายกรณี สิ่งที่น่าสนใจคือการ deploy ระบบทั้งหมดใช้เวลาเพียง 8 นาที รวมถึง vector database, reranking, embedding service และ document parser โดยใช้ Postgres + pgvector, Sentence Transformers, และ Docling ตามลำดับ ทำให้เห็นว่าการสร้าง RAG แบบ local ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ผลการทดสอบพบว่า Cloud setup ได้คะแนน 9.45/10, Hybrid setup ได้ 9.18/10, ส่วน Local setup แบบพื้นฐานได้ 7.10/10 และเมื่อใช้โมเดล multi-lingual ที่ดีกว่าสามารถยกระดับเป็น 8.63/10 ได้ โดยจุดอ่อนหลักคือการตอบคำถามที่ต้องรวบรวมข้อมูลจากหลายเอกสาร แต่สำหรับคำถามแบบ point query ระบบ local ทำงานได้ดีมาก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ องค์ประกอบของ RAG และทางเลือก Open-Source ➡️ Vector Database: Postgres + pgvector (แทน Pinecone, Weaviate) ➡️ Embeddings: Sentence Transformers all-MiniLM-L6-v2 (แทน OpenAI, Voyage) ➡️ LLM: GPT-OSS 20B ผ่าน llama.cpp (แทน GPT-4, Claude) ➡️ Reranker: Sentence Transformers cross-encoder (แทน Cohere, Voyage) ➡️ Document Parser: Docling ผ่าน docling-serve ✅ ผลการทดสอบประสิทธิภาพ ➡️ Voyage + Claude (Cloud): คะแนนเฉลี่ย 9.45/10 - ผ่านทุกคำถาม ➡️ Voyage + GPT-OSS 20B (Hybrid): คะแนนเฉลี่ย 9.18/10 - ผลลัพธ์ดีมาก ➡️ Local + โมเดลพื้นฐาน: คะแนนเฉลี่ย 7.10/10 - ดีสำหรับ point queries ➡️ Local + โมเดล multi-lingual: คะแนนเฉลี่ย 8.63/10 - ปรับปรุงได้มาก ✅ ข้อดีของ Local Setup ➡️ Deploy ได้ภายใน 8 นาที รวมทุก component ➡️ ไม่ต้องส่งข้อมูลออกนอกองค์กร - เหมาะกับข้อมูลที่ sensitive ➡️ ใช้เทคโนโลยี open-source ทั้งหมด (MIT-licensed) ➡️ รองรับการทำงานใน air-gapped infrastructure ✅ จุดแข็งของโมเดล Local ➡️ ตอบคำถามแบบ point query (หาคำตอบจากที่เดียว) ได้ดีมาก ➡️ โมเดลพื้นฐานทำงานเร็วและเหมาะกับภาษาอังกฤษ ➡️ โมเดล multi-lingual (bge-m3) รองรับหลายภาษารวมถึงไทย ➡️ แนวโน้มจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อโมเดล open-source พัฒนา ‼️ ข้อจำกัดที่ควรระวัง ⛔ โมเดลพื้นฐานมีปัญหากับคำถามที่คลุมเครือ (ambiguous questions) ⛔ ยังไม่เก่งในการรวบรวมข้อมูลจากหลายเอกสาร (multi-document context) ⛔ โมเดลพื้นฐานรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ - ต้องใช้โมเดล multi-lingual สำหรับภาษาอื่น ⛔ pgvector อาจไม่เหมาะกับ dataset ขนาดใหญ่มากๆ - ต้องพิจารณา vector DB อื่น ‼️ สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม ⛔ ต้องรัน service หลายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการเรียก API ⛔ ต้องมีความรู้ในการ deploy และ manage infrastructure ⛔ อาจต้องปรับแต่ง topK values และเทคนิคอื่นๆ ตาม use case ⛔ ต้องมี hardware เพียงพอ (ทดสอบใช้ g5.2xlarge EC2 สำหรับ LLM) https://blog.yakkomajuri.com/blog/local-rag
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • ชุดข้อมูล Hacker News Vector Search

    ClickHouse ที่แนะนำ Hacker News Vector Search Dataset ซึ่งเป็นชุดข้อมูลตัวอย่างที่ใช้สำหรับการทดลองการค้นหาแบบเวกเตอร์ (Vector Search) โดยมีข้อมูลโพสต์จาก Hacker News ที่สามารถนำไปใช้ฝึกฝนและทดสอบระบบค้นหาขั้นสูงได้

    ClickHouse จัดเตรียมชุดข้อมูลจาก Hacker News ที่มีโพสต์จำนวนมาก พร้อมข้อมูลประกอบ เช่น ชื่อเรื่อง, เนื้อหา, คะแนน, และเวลาโพสต์ ข้อมูลเหล่านี้ถูกแปลงเป็นเวกเตอร์เพื่อใช้ในการค้นหาเชิงความหมาย (Semantic Search) ทำให้สามารถค้นหาข้อมูลที่ “ใกล้เคียง” กันในเชิงความหมาย ไม่ใช่แค่ตรงกับคำค้น

    การใช้งานกับ ClickHouse
    ผู้ใช้สามารถโหลดชุดข้อมูลนี้เข้าสู่ ClickHouse ได้โดยตรงผ่านคำสั่ง SQL ที่มีให้ในเอกสาร ตัวอย่างเช่น การสร้างตารางที่รองรับเวกเตอร์ และการนำข้อมูลเข้าไปเพื่อทดสอบการค้นหาแบบ ANN (Approximate Nearest Neighbor) ซึ่งช่วยให้การค้นหามีประสิทธิภาพสูงแม้กับข้อมูลจำนวนมหาศาล

    ประโยชน์สำหรับนักพัฒนา
    ชุดข้อมูลนี้เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการทดลองการค้นหาเชิงความหมาย, การสร้างระบบแนะนำ (Recommendation System), หรือการทำงานกับ AI/ML ที่เกี่ยวข้องกับข้อความ โดยไม่ต้องสร้างชุดข้อมูลเองจากศูนย์

    ความสำคัญของ Vector Search
    Vector Search กำลังเป็นเทคโนโลยีสำคัญในยุค AI เพราะช่วยให้ระบบเข้าใจความหมายของข้อความได้ดีกว่าการค้นหาแบบดั้งเดิม เช่น การค้นหาคำว่า “AI assistant” อาจคืนผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับ “chatbot” หรือ “Copilot” แม้จะไม่ได้ใช้คำเดียวกัน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ชุดข้อมูล Hacker News Vector Search
    รวมโพสต์จาก Hacker News พร้อมข้อมูลประกอบ
    ถูกแปลงเป็นเวกเตอร์เพื่อใช้ค้นหาเชิงความหมาย

    การใช้งานกับ ClickHouse
    มีตัวอย่าง SQL สำหรับสร้างตารางและโหลดข้อมูล
    รองรับการค้นหาแบบ ANN เพื่อความเร็วและประสิทธิภาพ

    ประโยชน์สำหรับนักพัฒนา
    ใช้ทดลอง Semantic Search และ Recommendation System
    เหมาะสำหรับงาน AI/ML ที่เกี่ยวข้องกับข้อความ

    ความสำคัญของ Vector Search
    เข้าใจความหมายของข้อความได้ดีกว่าการค้นหาแบบดั้งเดิม
    ช่วยให้ผลลัพธ์ครอบคลุมและตรงกับความตั้งใจของผู้ใช้มากขึ้น

    คำเตือน/ข้อสังเกต
    ชุดข้อมูลเป็นตัวอย่าง อาจไม่ครอบคลุมทุกโพสต์จริงของ Hacker News
    การใช้งานกับข้อมูลจริงต้องพิจารณาด้านสิทธิ์และความเป็นส่วนตัว

    https://clickhouse.com/docs/getting-started/example-datasets/hackernews-vector-search-dataset
    📊 ชุดข้อมูล Hacker News Vector Search ClickHouse ที่แนะนำ Hacker News Vector Search Dataset ซึ่งเป็นชุดข้อมูลตัวอย่างที่ใช้สำหรับการทดลองการค้นหาแบบเวกเตอร์ (Vector Search) โดยมีข้อมูลโพสต์จาก Hacker News ที่สามารถนำไปใช้ฝึกฝนและทดสอบระบบค้นหาขั้นสูงได้ ClickHouse จัดเตรียมชุดข้อมูลจาก Hacker News ที่มีโพสต์จำนวนมาก พร้อมข้อมูลประกอบ เช่น ชื่อเรื่อง, เนื้อหา, คะแนน, และเวลาโพสต์ ข้อมูลเหล่านี้ถูกแปลงเป็นเวกเตอร์เพื่อใช้ในการค้นหาเชิงความหมาย (Semantic Search) ทำให้สามารถค้นหาข้อมูลที่ “ใกล้เคียง” กันในเชิงความหมาย ไม่ใช่แค่ตรงกับคำค้น ⚙️ การใช้งานกับ ClickHouse ผู้ใช้สามารถโหลดชุดข้อมูลนี้เข้าสู่ ClickHouse ได้โดยตรงผ่านคำสั่ง SQL ที่มีให้ในเอกสาร ตัวอย่างเช่น การสร้างตารางที่รองรับเวกเตอร์ และการนำข้อมูลเข้าไปเพื่อทดสอบการค้นหาแบบ ANN (Approximate Nearest Neighbor) ซึ่งช่วยให้การค้นหามีประสิทธิภาพสูงแม้กับข้อมูลจำนวนมหาศาล 🌐 ประโยชน์สำหรับนักพัฒนา ชุดข้อมูลนี้เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการทดลองการค้นหาเชิงความหมาย, การสร้างระบบแนะนำ (Recommendation System), หรือการทำงานกับ AI/ML ที่เกี่ยวข้องกับข้อความ โดยไม่ต้องสร้างชุดข้อมูลเองจากศูนย์ 🔍 ความสำคัญของ Vector Search Vector Search กำลังเป็นเทคโนโลยีสำคัญในยุค AI เพราะช่วยให้ระบบเข้าใจความหมายของข้อความได้ดีกว่าการค้นหาแบบดั้งเดิม เช่น การค้นหาคำว่า “AI assistant” อาจคืนผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับ “chatbot” หรือ “Copilot” แม้จะไม่ได้ใช้คำเดียวกัน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ชุดข้อมูล Hacker News Vector Search ➡️ รวมโพสต์จาก Hacker News พร้อมข้อมูลประกอบ ➡️ ถูกแปลงเป็นเวกเตอร์เพื่อใช้ค้นหาเชิงความหมาย ✅ การใช้งานกับ ClickHouse ➡️ มีตัวอย่าง SQL สำหรับสร้างตารางและโหลดข้อมูล ➡️ รองรับการค้นหาแบบ ANN เพื่อความเร็วและประสิทธิภาพ ✅ ประโยชน์สำหรับนักพัฒนา ➡️ ใช้ทดลอง Semantic Search และ Recommendation System ➡️ เหมาะสำหรับงาน AI/ML ที่เกี่ยวข้องกับข้อความ ✅ ความสำคัญของ Vector Search ➡️ เข้าใจความหมายของข้อความได้ดีกว่าการค้นหาแบบดั้งเดิม ➡️ ช่วยให้ผลลัพธ์ครอบคลุมและตรงกับความตั้งใจของผู้ใช้มากขึ้น ‼️ คำเตือน/ข้อสังเกต ⛔ ชุดข้อมูลเป็นตัวอย่าง อาจไม่ครอบคลุมทุกโพสต์จริงของ Hacker News ⛔ การใช้งานกับข้อมูลจริงต้องพิจารณาด้านสิทธิ์และความเป็นส่วนตัว https://clickhouse.com/docs/getting-started/example-datasets/hackernews-vector-search-dataset
    CLICKHOUSE.COM
    Hacker News vector search dataset | ClickHouse Docs
    Dataset containing 28+ million Hacker News postings & their vector embeddings
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline
    #รวมข่าวIT #20251129 #securityonline

    Google เร่งพัฒนาแว่นตา AI เตรียมเปิดตัวปลายปี 2026
    Google กำลังกลับมาลุยตลาดแว่นตาอัจฉริยะอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้จับมือกับ Foxconn ในการผลิตฮาร์ดแวร์ และใช้การออกแบบจาก Samsung พร้อมชิป Qualcomm เป็นหัวใจหลักของอุปกรณ์ รุ่นใหม่นี้จะใช้ระบบเลนส์ waveguide และมีกล้องในตัวเพื่อรองรับการทำงานด้าน AI ขั้นสูง โครงการนี้ไม่ใช่การต่อยอดจาก Project Aura ที่เคยเปิดตัว แต่เป็นอีกเส้นทางที่เดินคู่ขนานกันไป ขณะนี้อยู่ในขั้นทดสอบการผลิตจำนวนเล็ก และหากทุกอย่างราบรื่น คาดว่าจะเปิดตัวได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2026 จุดแข็งของ Google คือการผสาน Gemini AI เข้ากับ Android XR ทำให้ ecosystem สมบูรณ์และพร้อมแข่งขันกับ Meta, Apple และค่ายอื่น ๆ ที่กำลังเตรียมแว่นตา AI เช่นกัน
    https://securityonline.info/google-assembles-foxconn-samsung-supply-chain-for-q4-2026-ai-glasses-launch

    EU เปิดสอบ Apple Maps และ Apple Ads อาจเข้าข่าย Gatekeeper
    หลังจากที่ Safari, iOS, iPadOS และ App Store ถูกจัดอยู่ในสถานะ Gatekeeper ภายใต้กฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ของสหภาพยุโรป ตอนนี้ Apple Maps และ Apple Ads กำลังถูกตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีผู้ใช้งานถึงเกณฑ์หรือไม่ หากถูกจัดเป็น Gatekeeper จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเข้มงวด เช่น ห้ามเอื้อประโยชน์ให้บริการตัวเอง และห้ามผูกขาดผู้ใช้ใน ecosystem ของ Apple อย่างไรก็ตาม Apple ไม่เห็นด้วย โดยยืนยันว่า Apple Maps มีผู้ใช้น้อยมากในยุโรป และ Apple Ads ก็ไม่ได้มีอิทธิพลในตลาดเทียบกับ Google หรือ Meta การสอบสวนนี้จะใช้เวลา 45 วันก่อนจะมีการตัดสินใจ
    https://securityonline.info/eu-launches-probe-are-apple-maps-apple-ads-next-for-dma-gatekeeper-status

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Kvrocks เสี่ยงถูกยึดสิทธิ์ Admin
    Apache ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ในฐานข้อมูล Kvrocks ซึ่งเป็น NoSQL ที่ทำงานคล้าย Redis โดยมีช่องโหว่สำคัญ CVE-2025-59790 ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้คำสั่ง RESET เพื่อยกระดับสิทธิ์ขึ้นเป็น Admin ได้ทันที นอกจากนี้ยังมี CVE-2025-59792 ที่ทำให้คำสั่ง MONITOR เผยข้อมูลรหัสผ่านแบบ plaintext ของผู้ใช้รายอื่น ช่องโหว่นี้กระทบตั้งแต่เวอร์ชัน 1.0.0 ถึง 2.13.0 และได้รับการแก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.14.0 ความเสี่ยงนี้ถือว่าร้ายแรงเพราะอาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลและระบบถูกควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต
    https://securityonline.info/critical-alert-apache-kvrocks-reset-command-flaw-grants-admin-privileges

    CISA เตือนช่องโหว่ OpenPLC ถูกโจมตีจริงในระบบอุตสาหกรรม
    หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ได้เพิ่มช่องโหว่ CVE-2021-26829 เข้าไปในรายการ Known Exploited Vulnerabilities หลังพบว่ามีการโจมตีจริงในระบบควบคุมอุตสาหกรรม ช่องโหว่นี้เป็น Stored XSS ที่อยู่ใน OpenPLC ScadaBR ทำให้แฮกเกอร์สามารถฝังโค้ดอันตรายไว้ในระบบ และเมื่อผู้ดูแลเปิดหน้าการตั้งค่า โค้ดจะทำงานทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุม session ของผู้ดูแลและอาจแทรกแซงกระบวนการอุตสาหกรรมได้ CISA กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องแก้ไขภายใน 19 ธันวาคม 2025 และแนะนำให้ทุกองค์กรที่ใช้ระบบ SCADA รีบอัปเดตเพื่อป้องกันความเสียหาย
    https://securityonline.info/cisa-flags-actively-exploited-openplc-flaw-cve-2021-26829

    ข้อมูลผู้ใช้ OpenAI API รั่วจากเหตุ Mixpanel ถูกแฮก
    OpenAI ยืนยันว่ามีข้อมูลผู้ใช้ API รั่วไหล แต่ไม่ใช่จากระบบของตนเองโดยตรง ต้นเหตุเกิดจาก Mixpanel บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลที่ OpenAI ใช้สำหรับติดตามการใช้งาน API โดยแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงและดึงข้อมูลออกไปได้ ข้อมูลที่รั่วประกอบด้วยชื่อ อีเมล ข้อมูลตำแหน่งโดยประมาณ และรายละเอียดเบราว์เซอร์ แต่ไม่มีรหัสผ่าน API key หรือข้อมูลการชำระเงินรั่วไหล OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel ทันที และเตือนผู้ใช้ให้ระวังการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่อาจตามมา เนื่องจากข้อมูลที่รั่วสามารถถูกนำไปใช้สร้างอีเมลปลอมที่ดูน่าเชื่อถือได้
    https://securityonline.info/openai-api-users-exposed-in-mixpanel-security-breach

    Google ลดโควตาฟรีรายวันสำหรับโมเดล Gemini 3 Pro และ Nano Banana Pro
    Google ประกาศปรับนโยบายการใช้งาน API ของโมเดล AI โดยลดโควตาฟรีรายวันลง ทำให้ผู้ใช้งานต้องพิจารณาเลือกแพ็กเกจที่เหมาะสมมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงต้นทุนการให้บริการที่สูงขึ้นและความต้องการจัดการทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน Google ยังคงผลักดัน Gemini ให้เป็นแกนหลักของ ecosystem AI ที่เชื่อมโยงกับบริการต่าง ๆ ของบริษัท
    https://securityonline.info/google-cuts-free-daily-quota-for-gemini-3-pro-and-nano-banana-pro-ai-models

    Pixel 10 เปิดโหมดนำทางประหยัดพลังงานใน Google Maps
    Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Pixel 10 โดยเพิ่มโหมดนำทางแบบประหยัดพลังงานใน Google Maps ที่ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ถึง 4 ชั่วโมง ฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องเดินทางไกลและไม่สะดวกชาร์จมือถือบ่อย ๆ ถือเป็นการพัฒนาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้สมาร์ทโฟนยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความสะดวกและความทนทานของแบตเตอรี่
    https://securityonline.info/pixel-10-exclusive-google-maps-launches-power-saving-navigation-mode-for-4-hour-battery-boost

    AWS เปิดตัว Route 53 Accelerated Recovery รับประกันกู้คืนภายใน 60 นาที
    Amazon Web Services (AWS) เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Route 53 ที่ชื่อ Accelerated Recovery โดยรับประกันการกู้คืนระบบ DNS ภายในเวลาไม่เกิน 60 นาที ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับองค์กรที่ต้องพึ่งพาบริการออนไลน์ตลอดเวลา ลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของระบบ และเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการของ AWS ในตลาดคลาวด์
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/aws-guarantees-60-minute-recovery-time-with-new-route-53-accelerated-recovery
    📌🔐🟣 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟣🔐📌 #รวมข่าวIT #20251129 #securityonline 🕶️ Google เร่งพัฒนาแว่นตา AI เตรียมเปิดตัวปลายปี 2026 Google กำลังกลับมาลุยตลาดแว่นตาอัจฉริยะอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้จับมือกับ Foxconn ในการผลิตฮาร์ดแวร์ และใช้การออกแบบจาก Samsung พร้อมชิป Qualcomm เป็นหัวใจหลักของอุปกรณ์ รุ่นใหม่นี้จะใช้ระบบเลนส์ waveguide และมีกล้องในตัวเพื่อรองรับการทำงานด้าน AI ขั้นสูง โครงการนี้ไม่ใช่การต่อยอดจาก Project Aura ที่เคยเปิดตัว แต่เป็นอีกเส้นทางที่เดินคู่ขนานกันไป ขณะนี้อยู่ในขั้นทดสอบการผลิตจำนวนเล็ก และหากทุกอย่างราบรื่น คาดว่าจะเปิดตัวได้ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2026 จุดแข็งของ Google คือการผสาน Gemini AI เข้ากับ Android XR ทำให้ ecosystem สมบูรณ์และพร้อมแข่งขันกับ Meta, Apple และค่ายอื่น ๆ ที่กำลังเตรียมแว่นตา AI เช่นกัน 🔗 https://securityonline.info/google-assembles-foxconn-samsung-supply-chain-for-q4-2026-ai-glasses-launch 🇪🇺 EU เปิดสอบ Apple Maps และ Apple Ads อาจเข้าข่าย Gatekeeper หลังจากที่ Safari, iOS, iPadOS และ App Store ถูกจัดอยู่ในสถานะ Gatekeeper ภายใต้กฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ของสหภาพยุโรป ตอนนี้ Apple Maps และ Apple Ads กำลังถูกตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีผู้ใช้งานถึงเกณฑ์หรือไม่ หากถูกจัดเป็น Gatekeeper จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเข้มงวด เช่น ห้ามเอื้อประโยชน์ให้บริการตัวเอง และห้ามผูกขาดผู้ใช้ใน ecosystem ของ Apple อย่างไรก็ตาม Apple ไม่เห็นด้วย โดยยืนยันว่า Apple Maps มีผู้ใช้น้อยมากในยุโรป และ Apple Ads ก็ไม่ได้มีอิทธิพลในตลาดเทียบกับ Google หรือ Meta การสอบสวนนี้จะใช้เวลา 45 วันก่อนจะมีการตัดสินใจ 🔗 https://securityonline.info/eu-launches-probe-are-apple-maps-apple-ads-next-for-dma-gatekeeper-status ⚠️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Kvrocks เสี่ยงถูกยึดสิทธิ์ Admin Apache ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ในฐานข้อมูล Kvrocks ซึ่งเป็น NoSQL ที่ทำงานคล้าย Redis โดยมีช่องโหว่สำคัญ CVE-2025-59790 ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้คำสั่ง RESET เพื่อยกระดับสิทธิ์ขึ้นเป็น Admin ได้ทันที นอกจากนี้ยังมี CVE-2025-59792 ที่ทำให้คำสั่ง MONITOR เผยข้อมูลรหัสผ่านแบบ plaintext ของผู้ใช้รายอื่น ช่องโหว่นี้กระทบตั้งแต่เวอร์ชัน 1.0.0 ถึง 2.13.0 และได้รับการแก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.14.0 ความเสี่ยงนี้ถือว่าร้ายแรงเพราะอาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลและระบบถูกควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต 🔗 https://securityonline.info/critical-alert-apache-kvrocks-reset-command-flaw-grants-admin-privileges 🏭 CISA เตือนช่องโหว่ OpenPLC ถูกโจมตีจริงในระบบอุตสาหกรรม หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ได้เพิ่มช่องโหว่ CVE-2021-26829 เข้าไปในรายการ Known Exploited Vulnerabilities หลังพบว่ามีการโจมตีจริงในระบบควบคุมอุตสาหกรรม ช่องโหว่นี้เป็น Stored XSS ที่อยู่ใน OpenPLC ScadaBR ทำให้แฮกเกอร์สามารถฝังโค้ดอันตรายไว้ในระบบ และเมื่อผู้ดูแลเปิดหน้าการตั้งค่า โค้ดจะทำงานทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุม session ของผู้ดูแลและอาจแทรกแซงกระบวนการอุตสาหกรรมได้ CISA กำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องแก้ไขภายใน 19 ธันวาคม 2025 และแนะนำให้ทุกองค์กรที่ใช้ระบบ SCADA รีบอัปเดตเพื่อป้องกันความเสียหาย 🔗 https://securityonline.info/cisa-flags-actively-exploited-openplc-flaw-cve-2021-26829 🔐 ข้อมูลผู้ใช้ OpenAI API รั่วจากเหตุ Mixpanel ถูกแฮก OpenAI ยืนยันว่ามีข้อมูลผู้ใช้ API รั่วไหล แต่ไม่ใช่จากระบบของตนเองโดยตรง ต้นเหตุเกิดจาก Mixpanel บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลที่ OpenAI ใช้สำหรับติดตามการใช้งาน API โดยแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงและดึงข้อมูลออกไปได้ ข้อมูลที่รั่วประกอบด้วยชื่อ อีเมล ข้อมูลตำแหน่งโดยประมาณ และรายละเอียดเบราว์เซอร์ แต่ไม่มีรหัสผ่าน API key หรือข้อมูลการชำระเงินรั่วไหล OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel ทันที และเตือนผู้ใช้ให้ระวังการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่อาจตามมา เนื่องจากข้อมูลที่รั่วสามารถถูกนำไปใช้สร้างอีเมลปลอมที่ดูน่าเชื่อถือได้ 🔗 https://securityonline.info/openai-api-users-exposed-in-mixpanel-security-breach 🤖 Google ลดโควตาฟรีรายวันสำหรับโมเดล Gemini 3 Pro และ Nano Banana Pro Google ประกาศปรับนโยบายการใช้งาน API ของโมเดล AI โดยลดโควตาฟรีรายวันลง ทำให้ผู้ใช้งานต้องพิจารณาเลือกแพ็กเกจที่เหมาะสมมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงต้นทุนการให้บริการที่สูงขึ้นและความต้องการจัดการทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน Google ยังคงผลักดัน Gemini ให้เป็นแกนหลักของ ecosystem AI ที่เชื่อมโยงกับบริการต่าง ๆ ของบริษัท 🔗 https://securityonline.info/google-cuts-free-daily-quota-for-gemini-3-pro-and-nano-banana-pro-ai-models 🗺️ Pixel 10 เปิดโหมดนำทางประหยัดพลังงานใน Google Maps Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Pixel 10 โดยเพิ่มโหมดนำทางแบบประหยัดพลังงานใน Google Maps ที่ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ถึง 4 ชั่วโมง ฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องเดินทางไกลและไม่สะดวกชาร์จมือถือบ่อย ๆ ถือเป็นการพัฒนาที่ตอบโจทย์ผู้ใช้สมาร์ทโฟนยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความสะดวกและความทนทานของแบตเตอรี่ 🔗 https://securityonline.info/pixel-10-exclusive-google-maps-launches-power-saving-navigation-mode-for-4-hour-battery-boost ☁️ AWS เปิดตัว Route 53 Accelerated Recovery รับประกันกู้คืนภายใน 60 นาที Amazon Web Services (AWS) เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Route 53 ที่ชื่อ Accelerated Recovery โดยรับประกันการกู้คืนระบบ DNS ภายในเวลาไม่เกิน 60 นาที ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับองค์กรที่ต้องพึ่งพาบริการออนไลน์ตลอดเวลา ลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของระบบ และเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการของ AWS ในตลาดคลาวด์ ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/aws-guarantees-60-minute-recovery-time-with-new-route-53-accelerated-recovery
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • “GitLab พบการโจมตีซัพพลายเชน npm ครั้งใหญ่ พร้อมมัลแวร์ทำลายข้อมูล”

    ทีมวิจัยด้านความปลอดภัยของ GitLab ได้ค้นพบการโจมตีซัพพลายเชนที่แพร่กระจายผ่านแพ็กเกจ npm โดยมัลแวร์ที่ถูกใช้คือเวอร์ชันใหม่ของ Shai-Hulud ซึ่งมีความสามารถในการแพร่กระจายไปยังแพ็กเกจอื่น ๆ โดยอัตโนมัติ ทำให้การติดเชื้อขยายตัวอย่างรวดเร็วในระบบนิเวศของนักพัฒนา

    มัลแวร์นี้เริ่มต้นด้วยการแทรกสคริปต์ setup_bun.js ลงในไฟล์ package.json โดยอ้างว่าเป็นการติดตั้ง Bun runtime แต่แท้จริงแล้วเป็นตัวโหลดที่เรียกใช้ไฟล์ bun_environment.js ซึ่งถูกเข้ารหัสและมีขนาดใหญ่เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบทั่วไป

    เมื่อทำงาน มัลแวร์จะ เก็บข้อมูล credential จากหลายแหล่ง เช่น GitHub, npm, AWS, GCP และ Azure รวมถึงใช้เครื่องมือ Trufflehog เพื่อค้นหาคีย์และรหัสผ่านที่ซ่อนอยู่ในระบบไฟล์ จากนั้นจะส่งข้อมูลไปยัง repository ที่ผู้โจมตีควบคุม โดยใช้คำอธิบายพิเศษ “Sha1-Hulud: The Second Coming” เพื่อระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายที่ติดเชื้อ

    สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ dead man’s switch ที่ถูกฝังไว้ หากระบบที่ติดเชื้อสูญเสียการเข้าถึงทั้ง GitHub และ npm พร้อมกัน มัลแวร์จะทำลายข้อมูลทันที โดยใน Windows จะลบไฟล์และเขียนทับดิสก์ ส่วนใน Unix จะใช้คำสั่ง shred เพื่อลบไฟล์อย่างถาวร ทำให้การกู้คืนแทบเป็นไปไม่ได้

    สรุปสาระสำคัญ
    ลักษณะการโจมตี
    ใช้มัลแวร์ Shai-Hulud v2 แพร่กระจายผ่าน npm
    มีพฤติกรรม worm-like ติดเชื้อแพ็กเกจอื่นโดยอัตโนมัติ

    วิธีการทำงาน
    แทรกสคริปต์ setup_bun.js ใน package.json
    เรียกใช้ payload bun_environment.js ที่ถูกเข้ารหัส

    การเก็บข้อมูล
    ดึง credential จาก GitHub, npm, AWS, GCP, Azure
    ใช้ Trufflehog สแกนระบบไฟล์หาคีย์และรหัสผ่าน

    ความเสี่ยงร้ายแรง
    มี dead man’s switch ที่ทำลายข้อมูลหากถูกตัดการเชื่อมต่อ
    อาจทำให้ผู้ใช้จำนวนมากสูญเสียข้อมูลพร้อมกัน

    ผลกระทบต่อระบบนิเวศ
    การแพร่กระจายอัตโนมัติทำให้หลายแพ็กเกจอาจถูกติดเชื้อ
    สร้างเครือข่าย botnet-like ที่แชร์ token ระหว่างระบบที่ติดเชื้อ

    https://about.gitlab.com/blog/gitlab-discovers-widespread-npm-supply-chain-attack/
    🛡️ “GitLab พบการโจมตีซัพพลายเชน npm ครั้งใหญ่ พร้อมมัลแวร์ทำลายข้อมูล” ทีมวิจัยด้านความปลอดภัยของ GitLab ได้ค้นพบการโจมตีซัพพลายเชนที่แพร่กระจายผ่านแพ็กเกจ npm โดยมัลแวร์ที่ถูกใช้คือเวอร์ชันใหม่ของ Shai-Hulud ซึ่งมีความสามารถในการแพร่กระจายไปยังแพ็กเกจอื่น ๆ โดยอัตโนมัติ ทำให้การติดเชื้อขยายตัวอย่างรวดเร็วในระบบนิเวศของนักพัฒนา มัลแวร์นี้เริ่มต้นด้วยการแทรกสคริปต์ setup_bun.js ลงในไฟล์ package.json โดยอ้างว่าเป็นการติดตั้ง Bun runtime แต่แท้จริงแล้วเป็นตัวโหลดที่เรียกใช้ไฟล์ bun_environment.js ซึ่งถูกเข้ารหัสและมีขนาดใหญ่เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบทั่วไป เมื่อทำงาน มัลแวร์จะ เก็บข้อมูล credential จากหลายแหล่ง เช่น GitHub, npm, AWS, GCP และ Azure รวมถึงใช้เครื่องมือ Trufflehog เพื่อค้นหาคีย์และรหัสผ่านที่ซ่อนอยู่ในระบบไฟล์ จากนั้นจะส่งข้อมูลไปยัง repository ที่ผู้โจมตีควบคุม โดยใช้คำอธิบายพิเศษ “Sha1-Hulud: The Second Coming” เพื่อระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายที่ติดเชื้อ สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ dead man’s switch ที่ถูกฝังไว้ หากระบบที่ติดเชื้อสูญเสียการเข้าถึงทั้ง GitHub และ npm พร้อมกัน มัลแวร์จะทำลายข้อมูลทันที โดยใน Windows จะลบไฟล์และเขียนทับดิสก์ ส่วนใน Unix จะใช้คำสั่ง shred เพื่อลบไฟล์อย่างถาวร ทำให้การกู้คืนแทบเป็นไปไม่ได้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ลักษณะการโจมตี ➡️ ใช้มัลแวร์ Shai-Hulud v2 แพร่กระจายผ่าน npm ➡️ มีพฤติกรรม worm-like ติดเชื้อแพ็กเกจอื่นโดยอัตโนมัติ ✅ วิธีการทำงาน ➡️ แทรกสคริปต์ setup_bun.js ใน package.json ➡️ เรียกใช้ payload bun_environment.js ที่ถูกเข้ารหัส ✅ การเก็บข้อมูล ➡️ ดึง credential จาก GitHub, npm, AWS, GCP, Azure ➡️ ใช้ Trufflehog สแกนระบบไฟล์หาคีย์และรหัสผ่าน ‼️ ความเสี่ยงร้ายแรง ⛔ มี dead man’s switch ที่ทำลายข้อมูลหากถูกตัดการเชื่อมต่อ ⛔ อาจทำให้ผู้ใช้จำนวนมากสูญเสียข้อมูลพร้อมกัน ‼️ ผลกระทบต่อระบบนิเวศ ⛔ การแพร่กระจายอัตโนมัติทำให้หลายแพ็กเกจอาจถูกติดเชื้อ ⛔ สร้างเครือข่าย botnet-like ที่แชร์ token ระหว่างระบบที่ติดเชื้อ https://about.gitlab.com/blog/gitlab-discovers-widespread-npm-supply-chain-attack/
    ABOUT.GITLAB.COM
    GitLab discovers widespread npm supply chain attack
    Malware driving attack includes "dead man's switch" that can harm user data.
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • Critical Alert: ช่องโหว่ Apache Kvrocks เปิดสิทธิ์แอดมิน

    Apache Software Foundation ได้ออกประกาศเตือนเร่งด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ใน Kvrocks ซึ่งเป็นฐานข้อมูล NoSQL ที่รองรับโปรโตคอล Redis โดยพบว่ามี สองช่องโหว่สำคัญ ที่อาจทำให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลและสิทธิ์ระดับสูงได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนที่ถูกต้อง

    CVE-2025-59790 – RESET Command Flaw
    ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับ Critical เนื่องจากคำสั่ง RESET สามารถถูกใช้เพื่อยกระดับสิทธิ์จากผู้ใช้ทั่วไปไปเป็นผู้ดูแลระบบได้ทันที โดยกระทบกับเวอร์ชัน 2.9.0 ถึง 2.13.0 หากถูกโจมตี ผู้ไม่หวังดีสามารถแก้ไขการตั้งค่า, เข้าถึงข้อมูลสำคัญ หรือหยุดการทำงานของบริการได้

    CVE-2025-59792 – MONITOR Command Leak
    ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับ Important และกระทบตั้งแต่เวอร์ชัน 1.0.0 ถึง 2.13.0 โดยคำสั่ง MONITOR ที่ใช้สำหรับ debug จะส่งคืนทุกคำสั่งที่เซิร์ฟเวอร์ประมวลผล แต่กลับเผยให้เห็น รหัสผ่านแบบ plaintext ที่ผู้ใช้รายอื่นส่งเข้ามา ทำให้ผู้โจมตีสามารถดักจับและนำไปใช้เพื่อเข้าถึงระบบได้

    ผลกระทบและการแก้ไข
    เนื่องจาก Kvrocks ถูกใช้ในระบบ cloud-native และงานที่ต้องจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ ช่องโหว่นี้จึงมีผลกระทบต่อ data integrity และ confidentiality อย่างรุนแรง Apache ได้ออกเวอร์ชัน 2.14.0 เพื่อแก้ไขทั้งสองช่องโหว่ และแนะนำให้องค์กรเร่งอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี

    สรุปสาระสำคัญ
    CVE-2025-59790 (RESET Command)
    ยกระดับสิทธิ์ผู้ใช้ทั่วไปเป็นแอดมินได้ทันที

    CVE-2025-59792 (MONITOR Command)
    เผยรหัสผ่าน plaintext ของผู้ใช้รายอื่น

    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ
    2.9.0–2.13.0 (RESET) และ 1.0.0–2.13.0 (MONITOR)

    การแก้ไข
    อัปเดตเป็น Kvrocks 2.14.0 เพื่อปิดช่องโหว่

    ความเสี่ยงต่อระบบ cloud-native
    อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลและบริการหยุดชะงัก

    การใช้ MONITOR โดยไม่ระวัง
    เพิ่มโอกาสให้ผู้โจมตีดักจับรหัสผ่านได้ง่ายขึ้น

    https://securityonline.info/critical-alert-apache-kvrocks-reset-command-flaw-grants-admin-privileges/
    🚨 Critical Alert: ช่องโหว่ Apache Kvrocks เปิดสิทธิ์แอดมิน Apache Software Foundation ได้ออกประกาศเตือนเร่งด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ใน Kvrocks ซึ่งเป็นฐานข้อมูล NoSQL ที่รองรับโปรโตคอล Redis โดยพบว่ามี สองช่องโหว่สำคัญ ที่อาจทำให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลและสิทธิ์ระดับสูงได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนที่ถูกต้อง 🛠️ CVE-2025-59790 – RESET Command Flaw ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับ Critical เนื่องจากคำสั่ง RESET สามารถถูกใช้เพื่อยกระดับสิทธิ์จากผู้ใช้ทั่วไปไปเป็นผู้ดูแลระบบได้ทันที โดยกระทบกับเวอร์ชัน 2.9.0 ถึง 2.13.0 หากถูกโจมตี ผู้ไม่หวังดีสามารถแก้ไขการตั้งค่า, เข้าถึงข้อมูลสำคัญ หรือหยุดการทำงานของบริการได้ 🔑 CVE-2025-59792 – MONITOR Command Leak ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับ Important และกระทบตั้งแต่เวอร์ชัน 1.0.0 ถึง 2.13.0 โดยคำสั่ง MONITOR ที่ใช้สำหรับ debug จะส่งคืนทุกคำสั่งที่เซิร์ฟเวอร์ประมวลผล แต่กลับเผยให้เห็น รหัสผ่านแบบ plaintext ที่ผู้ใช้รายอื่นส่งเข้ามา ทำให้ผู้โจมตีสามารถดักจับและนำไปใช้เพื่อเข้าถึงระบบได้ 🌐 ผลกระทบและการแก้ไข เนื่องจาก Kvrocks ถูกใช้ในระบบ cloud-native และงานที่ต้องจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ ช่องโหว่นี้จึงมีผลกระทบต่อ data integrity และ confidentiality อย่างรุนแรง Apache ได้ออกเวอร์ชัน 2.14.0 เพื่อแก้ไขทั้งสองช่องโหว่ และแนะนำให้องค์กรเร่งอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ CVE-2025-59790 (RESET Command) ➡️ ยกระดับสิทธิ์ผู้ใช้ทั่วไปเป็นแอดมินได้ทันที ✅ CVE-2025-59792 (MONITOR Command) ➡️ เผยรหัสผ่าน plaintext ของผู้ใช้รายอื่น ✅ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ➡️ 2.9.0–2.13.0 (RESET) และ 1.0.0–2.13.0 (MONITOR) ✅ การแก้ไข ➡️ อัปเดตเป็น Kvrocks 2.14.0 เพื่อปิดช่องโหว่ ‼️ ความเสี่ยงต่อระบบ cloud-native ⛔ อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลและบริการหยุดชะงัก ‼️ การใช้ MONITOR โดยไม่ระวัง ⛔ เพิ่มโอกาสให้ผู้โจมตีดักจับรหัสผ่านได้ง่ายขึ้น https://securityonline.info/critical-alert-apache-kvrocks-reset-command-flaw-grants-admin-privileges/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical Alert: Apache Kvrocks 'RESET' Command Flaw Grants Admin Privileges
    Critical Apache Kvrocks flaw (CVE-2025-59790) grants admin privileges via RESET command. Update to v2.14.0 now to prevent unauthorized access and leaks.
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ OpenPLC ScadaBR ถูกโจมตีจริง – CISA ออกคำสั่งเร่งด่วน

    หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐฯ (CISA) ได้ออกประกาศเตือนและบังคับใช้มาตรการเร่งด่วน หลังพบการโจมตีช่องโหว่ CVE-2021-26829 ในระบบ OpenPLC ScadaBR ที่ใช้ควบคุมอุตสาหกรรม (ICS/OT) โดยช่องโหว่นี้เป็น Stored Cross-Site Scripting (XSS) ซึ่งอันตรายกว่าการโจมตีแบบ Reflected XSS เพราะโค้ดอันตรายถูกฝังถาวรในระบบ เมื่อผู้ดูแลเข้าหน้า Settings โค้ดจะทำงานทันที ทำให้ผู้โจมตีสามารถยึดสิทธิ์ผู้ดูแลและเข้าถึงระบบควบคุมอุตสาหกรรมได้โดยตรง

    รายละเอียดช่องโหว่และผลกระทบ
    ช่องโหว่นี้กระทบกับ OpenPLC ScadaBR เวอร์ชัน 0.9.1 บน Linux และ 1.12.4 บน Windows โดยผู้โจมตีสามารถใช้ช่องโหว่เพื่อแทรกสคริปต์อันตรายเข้าสู่ระบบ และเมื่อผู้ดูแลเปิดหน้าเว็บที่มีโค้ดฝังไว้ ระบบจะถูกควบคุมทันที ความเสี่ยงคือการถูกเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต, การหยุดชะงักของระบบ SCADA และการเจาะลึกเข้าสู่เครือข่าย OT ที่สำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐาน

    ความเร่งด่วนและการเผยแพร่สาธารณะ
    นักวิจัย Fellipe Oliveira ได้เผยแพร่วิดีโอสาธิตการโจมตีช่องโหว่นี้บน YouTube ทำให้ความรู้ในการโจมตีเข้าถึงผู้ไม่เชี่ยวชาญได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมาก CISA จึงกำหนดเส้นตายให้หน่วยงานรัฐบาลกลางแก้ไขภายใน 19 ธันวาคม 2025 และแนะนำให้ทุกองค์กรที่ใช้ระบบ SCADA เร่งอัปเดตเพื่อป้องกันการโจมตี

    สาระเพิ่มเติมจาก Internet
    ช่องโหว่ประเภท Stored XSS ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในระบบ ICS/SCADA ถือว่าอันตรายมาก เพราะระบบเหล่านี้มักเชื่อมโยงกับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น พลังงาน น้ำ และการผลิต หากถูกโจมตี อาจนำไปสู่การหยุดชะงักระดับประเทศ ตัวอย่างเช่น การโจมตี Stuxnet ในอดีตที่ทำลายเครื่องจักรในโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน แสดงให้เห็นว่าช่องโหว่เล็ก ๆ ในระบบควบคุมอุตสาหกรรมสามารถสร้างผลกระทบมหาศาลได้

    สรุปสาระสำคัญ
    ช่องโหว่ CVE-2021-26829 ถูกโจมตีจริง
    เป็น Stored XSS ใน OpenPLC ScadaBR บน Linux และ Windows

    CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ใน KEV Catalog
    บังคับให้หน่วยงานรัฐบาลกลางแก้ไขภายใน 19 ธันวาคม 2025

    นักวิจัยเผยแพร่วิดีโอสาธิตการโจมตี
    ทำให้ผู้โจมตีทั่วไปสามารถนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น

    ผลกระทบต่อระบบ SCADA และโครงสร้างพื้นฐาน
    เสี่ยงต่อการหยุดชะงักและการควบคุมกระบวนการผลิต

    ความเสี่ยงจากการเผยแพร่สาธารณะ
    เพิ่มโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่เชี่ยวชาญสามารถโจมตีได้

    หากไม่แก้ไขทันเวลา
    อาจนำไปสู่การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น พลังงานและน้ำ

    https://securityonline.info/cisa-flags-actively-exploited-openplc-flaw-cve-2021-26829/
    🛡️ ช่องโหว่ OpenPLC ScadaBR ถูกโจมตีจริง – CISA ออกคำสั่งเร่งด่วน หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐฯ (CISA) ได้ออกประกาศเตือนและบังคับใช้มาตรการเร่งด่วน หลังพบการโจมตีช่องโหว่ CVE-2021-26829 ในระบบ OpenPLC ScadaBR ที่ใช้ควบคุมอุตสาหกรรม (ICS/OT) โดยช่องโหว่นี้เป็น Stored Cross-Site Scripting (XSS) ซึ่งอันตรายกว่าการโจมตีแบบ Reflected XSS เพราะโค้ดอันตรายถูกฝังถาวรในระบบ เมื่อผู้ดูแลเข้าหน้า Settings โค้ดจะทำงานทันที ทำให้ผู้โจมตีสามารถยึดสิทธิ์ผู้ดูแลและเข้าถึงระบบควบคุมอุตสาหกรรมได้โดยตรง ⚙️ รายละเอียดช่องโหว่และผลกระทบ ช่องโหว่นี้กระทบกับ OpenPLC ScadaBR เวอร์ชัน 0.9.1 บน Linux และ 1.12.4 บน Windows โดยผู้โจมตีสามารถใช้ช่องโหว่เพื่อแทรกสคริปต์อันตรายเข้าสู่ระบบ และเมื่อผู้ดูแลเปิดหน้าเว็บที่มีโค้ดฝังไว้ ระบบจะถูกควบคุมทันที ความเสี่ยงคือการถูกเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต, การหยุดชะงักของระบบ SCADA และการเจาะลึกเข้าสู่เครือข่าย OT ที่สำคัญต่อโครงสร้างพื้นฐาน 🌐 ความเร่งด่วนและการเผยแพร่สาธารณะ นักวิจัย Fellipe Oliveira ได้เผยแพร่วิดีโอสาธิตการโจมตีช่องโหว่นี้บน YouTube ทำให้ความรู้ในการโจมตีเข้าถึงผู้ไม่เชี่ยวชาญได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมาก CISA จึงกำหนดเส้นตายให้หน่วยงานรัฐบาลกลางแก้ไขภายใน 19 ธันวาคม 2025 และแนะนำให้ทุกองค์กรที่ใช้ระบบ SCADA เร่งอัปเดตเพื่อป้องกันการโจมตี 🔍 สาระเพิ่มเติมจาก Internet ช่องโหว่ประเภท Stored XSS ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในระบบ ICS/SCADA ถือว่าอันตรายมาก เพราะระบบเหล่านี้มักเชื่อมโยงกับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น พลังงาน น้ำ และการผลิต หากถูกโจมตี อาจนำไปสู่การหยุดชะงักระดับประเทศ ตัวอย่างเช่น การโจมตี Stuxnet ในอดีตที่ทำลายเครื่องจักรในโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน แสดงให้เห็นว่าช่องโหว่เล็ก ๆ ในระบบควบคุมอุตสาหกรรมสามารถสร้างผลกระทบมหาศาลได้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ช่องโหว่ CVE-2021-26829 ถูกโจมตีจริง ➡️ เป็น Stored XSS ใน OpenPLC ScadaBR บน Linux และ Windows ✅ CISA เพิ่มช่องโหว่นี้ใน KEV Catalog ➡️ บังคับให้หน่วยงานรัฐบาลกลางแก้ไขภายใน 19 ธันวาคม 2025 ✅ นักวิจัยเผยแพร่วิดีโอสาธิตการโจมตี ➡️ ทำให้ผู้โจมตีทั่วไปสามารถนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น ✅ ผลกระทบต่อระบบ SCADA และโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ เสี่ยงต่อการหยุดชะงักและการควบคุมกระบวนการผลิต ‼️ ความเสี่ยงจากการเผยแพร่สาธารณะ ⛔ เพิ่มโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่เชี่ยวชาญสามารถโจมตีได้ ‼️ หากไม่แก้ไขทันเวลา ⛔ อาจนำไปสู่การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น พลังงานและน้ำ https://securityonline.info/cisa-flags-actively-exploited-openplc-flaw-cve-2021-26829/
    SECURITYONLINE.INFO
    CISA Flags Actively Exploited OpenPLC Flaw (CVE-2021-26829)
    CISA warns of active exploitation of OpenPLC ScadaBR (CVE-2021-26829). This critical Stored XSS flaw puts SCADA systems at risk. Update now.
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • Cronos เปิดตัว Hackathon มูลค่า $42,000 ขับเคลื่อนการชำระเงินบนบล็อกเชนด้วย AI

    เครือข่าย Cronos ได้ประกาศจัดงาน x402 PayTech Hackathon โดยมีเงินรางวัลรวมกว่า 42,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อผลักดันการพัฒนาเครื่องมือและแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน งานนี้เปิดให้เหล่านักพัฒนาทั่วโลกเข้าร่วม โดยใช้ Crypto.com AI Agent SDK และโครงสร้างพื้นฐานล่าสุดของ Cronos และ Crypto.com..

    การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพของ Cronos
    ในช่วงที่ผ่านมา Cronos ได้ปรับปรุงระบบครั้งใหญ่ เช่น ลดค่า gas ลงถึง 10 เท่า, เพิ่มปริมาณธุรกรรมรายวันกว่า 400%, และลดเวลาในการสร้างบล็อกเหลือไม่ถึง 1 วินาที สิ่งเหล่านี้ทำให้ Cronos กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันที่ต้องการความเร็วสูงและรองรับ AI-native ได้อย่างเต็มรูปแบบ.

    สิ่งที่นักพัฒนาจะได้ทดลอง
    ผู้เข้าร่วม Hackathon จะได้ทดลองสร้างโซลูชันที่หลากหลาย เช่น การทำธุรกรรมอัตโนมัติ, smart wallet ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, การเชื่อมโยงสินทรัพย์จริงเข้ากับบล็อกเชน, และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา โดยมีการสนับสนุนเต็มรูปแบบจาก Cronos และ Crypto.com ทั้ง workshop, office hours, และเอกสารทางเทคนิค.

    เป้าหมายระยะยาวและโอกาสต่อยอด
    Hackathon ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่ยังเป็นการทดสอบว่า AI agents สามารถจัดการและเคลื่อนย้ายมูลค่าได้จริง ทีมที่โดดเด่นอาจได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น เงินทุน, การบ่มเพาะโครงการ และการร่วมมือกับระบบนิเวศของ Cronos ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 150 ล้านคน และมีสินทรัพย์รวมกว่า 6 พันล้านดอลลาร์.

    สรุปสาระสำคัญ
    Cronos จัด x402 PayTech Hackathon มูลค่า $42,000
    เปิดให้นักพัฒนาทั่วโลกเข้าร่วม

    ใช้ Crypto.com AI Agent SDK และโครงสร้างพื้นฐานใหม่
    รองรับการสร้าง AI-native applications

    Cronos ปรับปรุงระบบครั้งใหญ่
    ลดค่า gas 10 เท่า, เพิ่มธุรกรรม 400%, block time < 1 วินาที

    ผู้เข้าร่วมจะได้ทดลองสร้าง smart wallet, automated flows และ asset integration
    มี workshop และ office hours สนับสนุน

    การแข่งขันเน้นการทดสอบความสามารถของ AI agents
    ทีมที่ไม่สามารถสร้างโซลูชันที่ใช้งานจริงอาจไม่ผ่านการคัดเลือก

    การพัฒนา AI-native บนบล็อกเชนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
    อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการปรับใช้ในตลาดจริง

    https://hackread.com/cronos-hackathon-ai-powered-chain-payments/
    🌍 Cronos เปิดตัว Hackathon มูลค่า $42,000 ขับเคลื่อนการชำระเงินบนบล็อกเชนด้วย AI เครือข่าย Cronos ได้ประกาศจัดงาน x402 PayTech Hackathon โดยมีเงินรางวัลรวมกว่า 42,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อผลักดันการพัฒนาเครื่องมือและแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน งานนี้เปิดให้เหล่านักพัฒนาทั่วโลกเข้าร่วม โดยใช้ Crypto.com AI Agent SDK และโครงสร้างพื้นฐานล่าสุดของ Cronos และ Crypto.com.. ⚡ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพของ Cronos ในช่วงที่ผ่านมา Cronos ได้ปรับปรุงระบบครั้งใหญ่ เช่น ลดค่า gas ลงถึง 10 เท่า, เพิ่มปริมาณธุรกรรมรายวันกว่า 400%, และลดเวลาในการสร้างบล็อกเหลือไม่ถึง 1 วินาที สิ่งเหล่านี้ทำให้ Cronos กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันที่ต้องการความเร็วสูงและรองรับ AI-native ได้อย่างเต็มรูปแบบ. 🛠️ สิ่งที่นักพัฒนาจะได้ทดลอง ผู้เข้าร่วม Hackathon จะได้ทดลองสร้างโซลูชันที่หลากหลาย เช่น การทำธุรกรรมอัตโนมัติ, smart wallet ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, การเชื่อมโยงสินทรัพย์จริงเข้ากับบล็อกเชน, และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา โดยมีการสนับสนุนเต็มรูปแบบจาก Cronos และ Crypto.com ทั้ง workshop, office hours, และเอกสารทางเทคนิค. 🚀 เป้าหมายระยะยาวและโอกาสต่อยอด Hackathon ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่ยังเป็นการทดสอบว่า AI agents สามารถจัดการและเคลื่อนย้ายมูลค่าได้จริง ทีมที่โดดเด่นอาจได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น เงินทุน, การบ่มเพาะโครงการ และการร่วมมือกับระบบนิเวศของ Cronos ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 150 ล้านคน และมีสินทรัพย์รวมกว่า 6 พันล้านดอลลาร์. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Cronos จัด x402 PayTech Hackathon มูลค่า $42,000 ➡️ เปิดให้นักพัฒนาทั่วโลกเข้าร่วม ✅ ใช้ Crypto.com AI Agent SDK และโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ➡️ รองรับการสร้าง AI-native applications ✅ Cronos ปรับปรุงระบบครั้งใหญ่ ➡️ ลดค่า gas 10 เท่า, เพิ่มธุรกรรม 400%, block time < 1 วินาที ✅ ผู้เข้าร่วมจะได้ทดลองสร้าง smart wallet, automated flows และ asset integration ➡️ มี workshop และ office hours สนับสนุน ‼️ การแข่งขันเน้นการทดสอบความสามารถของ AI agents ⛔ ทีมที่ไม่สามารถสร้างโซลูชันที่ใช้งานจริงอาจไม่ผ่านการคัดเลือก ‼️ การพัฒนา AI-native บนบล็อกเชนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ⛔ อาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการปรับใช้ในตลาดจริง https://hackread.com/cronos-hackathon-ai-powered-chain-payments/
    HACKREAD.COM
    Cronos Kicks Off $42K Global Hackathon Focused on AI-Powered On-Chain Payments
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • โทรศัพท์ถูกแฮ็ก: สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

    สมาร์ทโฟนในปัจจุบันถูกใช้ทั้งการสื่อสาร การเงิน และข้อมูลส่วนตัว ทำให้เป็นเป้าหมายสำคัญของแฮกเกอร์ แม้ระบบ Android และ iOS จะมีการพัฒนาเรื่องความปลอดภัย แต่การโจมตีผ่าน social engineering เช่น phishing ยังคงเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด ผู้ใช้จึงควรระวังพฤติกรรมผิดปกติที่อาจบ่งบอกว่าเครื่องถูกเจาะระบบแล้ว.

    อาการที่บ่งบอกว่าเครื่องอาจถูกเจาะ
    หนึ่งในสัญญาณที่พบบ่อยคือ แอปที่ไม่รู้จักโผล่มาเอง หรือโฆษณาป๊อปอัพที่น่ารำคาญ ซึ่งอาจเป็น adware หรือ trojan ที่ขโมยข้อมูลส่วนตัว นอกจากนี้ แบตหมดเร็วและเครื่องทำงานช้า อาจเกิดจาก malware ที่แอบใช้พลังประมวลผลเพื่อขุดคริปโต (cryptojacking) หรือ spyware ที่ทำงานเบื้องหลังโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว.

    ข้อความและการเข้าสู่ระบบที่น่าสงสัย
    อีกสัญญาณที่ควรจับตาคือ ข้อความหรืออีเมลที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะที่มีลิงก์ให้กด ซึ่งเป็นวิธี phishing ที่ทำให้ผู้ใช้หลงกรอกข้อมูลส่วนตัว รวมถึงการแจ้งเตือนเข้าสู่ระบบที่ไม่ได้ร้องขอ หากผู้ใช้เผลอกด “Allow” อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงบัญชีได้ทันที.

    วิธีรับมือและป้องกัน
    หากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรรีบ ลบแอปต้องสงสัย เปลี่ยนรหัสผ่าน และตรวจสอบการตั้งค่าเครื่อง Android มี Google Play Protect ที่ช่วยสแกนแอป ส่วน iOS แม้จะปลอดภัยกว่า แต่ก็ยังต้องอัปเดตระบบให้ทันสมัยเสมอ หากยังสงสัยว่ามีมัลแวร์ ควรทำ factory reset เพื่อคืนค่าเครื่องให้สะอาดและปลอดภัย.

    สรุปสาระสำคัญ
    สัญญาณที่บ่งบอกว่าเครื่องถูกเจาะ
    แอปไม่รู้จัก, โฆษณาป๊อปอัพ, เครื่องช้า, แบตหมดเร็ว, ข้อความน่าสงสัย

    วิธีตรวจสอบเบื้องต้น
    ใช้ Google Play Protect, ตรวจสอบการใช้แบต, สังเกตการแจ้งเตือนเข้าสู่ระบบ

    การป้องกันที่ควรทำ
    อัปเดตระบบ, ใช้แอนติไวรัส, หลีกเลี่ยงการกดลิงก์จากแหล่งไม่รู้จัก

    ความเสี่ยงจากมัลแวร์
    Cryptojacking ใช้พลังเครื่องขุดคริปโต, Spyware และ Keylogger แอบเก็บข้อมูล

    ความเสี่ยงจาก phishing
    ข้อความหลอกลวงอาจทำให้ผู้ใช้เสียรหัสผ่านและข้อมูลการเงิน

    https://www.slashgear.com/2034632/signs-your-phone-hacked/
    📱 โทรศัพท์ถูกแฮ็ก: สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม สมาร์ทโฟนในปัจจุบันถูกใช้ทั้งการสื่อสาร การเงิน และข้อมูลส่วนตัว ทำให้เป็นเป้าหมายสำคัญของแฮกเกอร์ แม้ระบบ Android และ iOS จะมีการพัฒนาเรื่องความปลอดภัย แต่การโจมตีผ่าน social engineering เช่น phishing ยังคงเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด ผู้ใช้จึงควรระวังพฤติกรรมผิดปกติที่อาจบ่งบอกว่าเครื่องถูกเจาะระบบแล้ว. ⚡ อาการที่บ่งบอกว่าเครื่องอาจถูกเจาะ หนึ่งในสัญญาณที่พบบ่อยคือ แอปที่ไม่รู้จักโผล่มาเอง หรือโฆษณาป๊อปอัพที่น่ารำคาญ ซึ่งอาจเป็น adware หรือ trojan ที่ขโมยข้อมูลส่วนตัว นอกจากนี้ แบตหมดเร็วและเครื่องทำงานช้า อาจเกิดจาก malware ที่แอบใช้พลังประมวลผลเพื่อขุดคริปโต (cryptojacking) หรือ spyware ที่ทำงานเบื้องหลังโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว. 📩 ข้อความและการเข้าสู่ระบบที่น่าสงสัย อีกสัญญาณที่ควรจับตาคือ ข้อความหรืออีเมลที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะที่มีลิงก์ให้กด ซึ่งเป็นวิธี phishing ที่ทำให้ผู้ใช้หลงกรอกข้อมูลส่วนตัว รวมถึงการแจ้งเตือนเข้าสู่ระบบที่ไม่ได้ร้องขอ หากผู้ใช้เผลอกด “Allow” อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าถึงบัญชีได้ทันที. 🛡️ วิธีรับมือและป้องกัน หากพบสัญญาณเหล่านี้ ควรรีบ ลบแอปต้องสงสัย เปลี่ยนรหัสผ่าน และตรวจสอบการตั้งค่าเครื่อง Android มี Google Play Protect ที่ช่วยสแกนแอป ส่วน iOS แม้จะปลอดภัยกว่า แต่ก็ยังต้องอัปเดตระบบให้ทันสมัยเสมอ หากยังสงสัยว่ามีมัลแวร์ ควรทำ factory reset เพื่อคืนค่าเครื่องให้สะอาดและปลอดภัย. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ สัญญาณที่บ่งบอกว่าเครื่องถูกเจาะ ➡️ แอปไม่รู้จัก, โฆษณาป๊อปอัพ, เครื่องช้า, แบตหมดเร็ว, ข้อความน่าสงสัย ✅ วิธีตรวจสอบเบื้องต้น ➡️ ใช้ Google Play Protect, ตรวจสอบการใช้แบต, สังเกตการแจ้งเตือนเข้าสู่ระบบ ✅ การป้องกันที่ควรทำ ➡️ อัปเดตระบบ, ใช้แอนติไวรัส, หลีกเลี่ยงการกดลิงก์จากแหล่งไม่รู้จัก ‼️ ความเสี่ยงจากมัลแวร์ ⛔ Cryptojacking ใช้พลังเครื่องขุดคริปโต, Spyware และ Keylogger แอบเก็บข้อมูล ‼️ ความเสี่ยงจาก phishing ⛔ ข้อความหลอกลวงอาจทำให้ผู้ใช้เสียรหัสผ่านและข้อมูลการเงิน https://www.slashgear.com/2034632/signs-your-phone-hacked/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    6 Signs Your Phone Was Hacked - SlashGear
    If your'e worried about the prospect of someone gaining access to your phone without your authorization, look for these tell-tale signs of a hack.
    0 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
More Results