• คู่มือเลือก Cloud Security Posture Management (CSPM) Tools

    ในยุคที่องค์กรใช้ Hybrid Multicloud กันมากขึ้น การจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์จึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความจาก CSO Online อธิบายว่า CSPM (Cloud Security Posture Management) คือเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาดในคลาวด์ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ โดย CSPM จะทำงานร่วมกับมาตรฐานความปลอดภัย เช่น PCI, SOC2 และช่วยให้องค์กรมั่นใจว่าการตั้งค่าคลาวด์สอดคล้องกับข้อกำหนด.

    สิ่งที่ควรมองหาใน CSPM Tools
    องค์กรควรเลือกเครื่องมือที่สามารถทำงานได้กับทุกแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ใช้งาน เช่น AWS, Azure และ Google Cloud รวมถึงต้องมีความสามารถในการ normalize risks เพื่อให้ทีมเข้าใจความเสี่ยงได้ชัดเจน ฟีเจอร์สำคัญที่ควรมี ได้แก่:
    การตรวจจับภัยคุกคามจากหลายแหล่ง
    การป้องกันข้อมูลเชิงลึก (Data Security Integration)
    ระบบแจ้งเตือนและแก้ไขอัตโนมัติ (Automated Remediation)
    การทำงานร่วมกับ DevOps เพื่อฝังความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนพัฒนา.

    ประโยชน์และข้อควรระวัง
    CSPM ช่วยให้องค์กรสามารถ ระบุและแก้ไขความเสี่ยงเชิงรุก ก่อนที่แฮกเกอร์จะโจมตี ลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา และทำให้การตรวจสอบตามมาตรฐานเป็นไปโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ การใช้งาน CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งการเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวอาจทำให้ขาดมุมมองรวมของระบบทั้งหมด.

    ผู้เล่นหลักในตลาด CSPM
    ปัจจุบัน CSPM ไม่ได้เป็นเครื่องมือแยกเดี่ยวอีกต่อไป แต่มักถูกรวมเข้ากับ CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) หรือ SSE (Secure Service Edge) โดยผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler และ Tenable ซึ่งช่วยให้การจัดการความปลอดภัยครอบคลุมทั้งแอปพลิเคชัน ข้อมูล และเครือข่าย.

    สรุปสาระสำคัญ
    CSPM คือเครื่องมือจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์
    ตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาด

    ควรเลือกเครื่องมือที่รองรับหลายแพลตฟอร์มคลาวด์
    AWS, Azure, Google Cloud

    ฟีเจอร์สำคัญ: Threat Detection, Data Security, Automated Remediation, DevOps Integration
    ช่วยให้ทีมเข้าใจและแก้ไขความเสี่ยงได้รวดเร็ว

    ประโยชน์: ลดความเสี่ยงเชิงรุก, ลดค่าใช้จ่าย, ตรวจสอบตามมาตรฐานอัตโนมัติ
    เพิ่มความมั่นใจด้าน Compliance

    ผู้เล่นหลัก: CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler, Tenable
    มักรวม CSPM เข้ากับ CNAPP หรือ SSE

    หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ
    ต้องมีการฝึกอบรมและความเข้าใจร่วมกันระหว่าง Dev และ Sec

    การเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวเป็นความเสี่ยง
    อาจขาดการมองภาพรวมของระบบทั้งหมด

    https://www.csoonline.com/article/657138/how-to-choose-the-best-cloud-security-posture-management-tools.html
    ☁️ คู่มือเลือก Cloud Security Posture Management (CSPM) Tools ในยุคที่องค์กรใช้ Hybrid Multicloud กันมากขึ้น การจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์จึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความจาก CSO Online อธิบายว่า CSPM (Cloud Security Posture Management) คือเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาดในคลาวด์ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ โดย CSPM จะทำงานร่วมกับมาตรฐานความปลอดภัย เช่น PCI, SOC2 และช่วยให้องค์กรมั่นใจว่าการตั้งค่าคลาวด์สอดคล้องกับข้อกำหนด. 🔎 สิ่งที่ควรมองหาใน CSPM Tools องค์กรควรเลือกเครื่องมือที่สามารถทำงานได้กับทุกแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ใช้งาน เช่น AWS, Azure และ Google Cloud รวมถึงต้องมีความสามารถในการ normalize risks เพื่อให้ทีมเข้าใจความเสี่ยงได้ชัดเจน ฟีเจอร์สำคัญที่ควรมี ได้แก่: 🎗️ การตรวจจับภัยคุกคามจากหลายแหล่ง 🎗️ การป้องกันข้อมูลเชิงลึก (Data Security Integration) 🎗️ ระบบแจ้งเตือนและแก้ไขอัตโนมัติ (Automated Remediation) 🎗️ การทำงานร่วมกับ DevOps เพื่อฝังความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนพัฒนา. 🛡️ ประโยชน์และข้อควรระวัง CSPM ช่วยให้องค์กรสามารถ ระบุและแก้ไขความเสี่ยงเชิงรุก ก่อนที่แฮกเกอร์จะโจมตี ลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา และทำให้การตรวจสอบตามมาตรฐานเป็นไปโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ การใช้งาน CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งการเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวอาจทำให้ขาดมุมมองรวมของระบบทั้งหมด. 🏢 ผู้เล่นหลักในตลาด CSPM ปัจจุบัน CSPM ไม่ได้เป็นเครื่องมือแยกเดี่ยวอีกต่อไป แต่มักถูกรวมเข้ากับ CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) หรือ SSE (Secure Service Edge) โดยผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler และ Tenable ซึ่งช่วยให้การจัดการความปลอดภัยครอบคลุมทั้งแอปพลิเคชัน ข้อมูล และเครือข่าย. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ CSPM คือเครื่องมือจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์ ➡️ ตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาด ✅ ควรเลือกเครื่องมือที่รองรับหลายแพลตฟอร์มคลาวด์ ➡️ AWS, Azure, Google Cloud ✅ ฟีเจอร์สำคัญ: Threat Detection, Data Security, Automated Remediation, DevOps Integration ➡️ ช่วยให้ทีมเข้าใจและแก้ไขความเสี่ยงได้รวดเร็ว ✅ ประโยชน์: ลดความเสี่ยงเชิงรุก, ลดค่าใช้จ่าย, ตรวจสอบตามมาตรฐานอัตโนมัติ ➡️ เพิ่มความมั่นใจด้าน Compliance ✅ ผู้เล่นหลัก: CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler, Tenable ➡️ มักรวม CSPM เข้ากับ CNAPP หรือ SSE ‼️ หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ ⛔ ต้องมีการฝึกอบรมและความเข้าใจร่วมกันระหว่าง Dev และ Sec ‼️ การเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวเป็นความเสี่ยง ⛔ อาจขาดการมองภาพรวมของระบบทั้งหมด https://www.csoonline.com/article/657138/how-to-choose-the-best-cloud-security-posture-management-tools.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CSPM buyer’s guide: How to choose the best cloud security posture management tools
    With hybrid multicloud environments becoming prevalent across all industries, it pays to invest in the right CSPM tools to minimize risk, protect cloud assets, and manage compliance.
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/27Ex35TPMRk?si=67nuC0xmNHPYWNJx
    https://youtube.com/shorts/27Ex35TPMRk?si=67nuC0xmNHPYWNJx
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • ค่าฝุ่น PM2.5 กรุงเทพฯ เช้าวันที่ 27 พ.ย. พุ่งเกินมาตรฐาน 5 พื้นที่ เขตลาดกระบังสูงสุด 47 มคก./ลบ.ม. อยู่ในระดับสีส้มเริ่มกระทบสุขภาพ , อุตุฯ ระบุอากาศเย็น-ลมแรง พร้อมอินเวอร์ชันใกล้ผิวพื้น ทำค่าฝุ่นยังมีแนวโน้มปานกลางถึงสูง กทม. ขอประชาชนสวมหน้ากากและเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000113526

    #PM25 #มลพิษอากาศ #กรุงเทพมหานคร #ฝุ่นวันนี้ #คุณภาพอากาศ #News1live #News1
    ค่าฝุ่น PM2.5 กรุงเทพฯ เช้าวันที่ 27 พ.ย. พุ่งเกินมาตรฐาน 5 พื้นที่ เขตลาดกระบังสูงสุด 47 มคก./ลบ.ม. อยู่ในระดับสีส้มเริ่มกระทบสุขภาพ , อุตุฯ ระบุอากาศเย็น-ลมแรง พร้อมอินเวอร์ชันใกล้ผิวพื้น ทำค่าฝุ่นยังมีแนวโน้มปานกลางถึงสูง กทม. ขอประชาชนสวมหน้ากากและเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000113526 • #PM25 #มลพิษอากาศ #กรุงเทพมหานคร #ฝุ่นวันนี้ #คุณภาพอากาศ #News1live #News1
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251127 #TechRadar

    รวมโน้ตบุ๊กสำหรับนักเรียนปี 2025
    ถ้าเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ตอนนี้ TechRadar เขาได้จัดอันดับโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับนักเรียนไว้หลายรุ่นเลย เริ่มจาก MacBook Air M3 ที่ยังคงเป็นตัวท็อปสำหรับการเรียน ใช้งานได้แรง แบตอึด และราคาก็ลดลงเพราะมีรุ่น M4 ออกมาแล้ว ต่อมาก็มี Acer Chromebook Plus 514 ที่เหมาะกับคนงบจำกัดแต่ยังได้เครื่องที่ทำงานลื่น ๆ สำหรับงานทั่วไป ส่วนใครชอบ ChromeOS รุ่น HP Chromebook Plus 15.6 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องและแบตทนดี สำหรับสายพกพา Microsoft Surface Laptop 13 น้ำหนักเบาและแบตยาวนานก็เป็นคำตอบ ส่วนสายครีเอทีฟที่ต้องใช้พลังมากขึ้น MacBook Air M4 รุ่นจอ 15 นิ้วก็ถูกยกให้เป็นเครื่องที่ตอบโจทย์งานกราฟิกและงานสร้างสรรค์ได้ดีมาก
    https://www.techradar.com/computing/laptops/best-student-laptops

    Google Messages เตรียมอัปเกรดใหม่
    ข่าวนี้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่มีประโยชน์ใน Google Messages ที่กำลังทดสอบอยู่ในโค้ดเบต้า อย่างแรกคือเวลาเซฟไฟล์รูปหรือวิดีโอจะมีปุ่ม “Open” ให้กดเปิดไฟล์ได้ทันที ต่อมาคือปุ่ม Gemini ที่จะใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนใช้งานง่ายขึ้น และสุดท้ายคือการเปลี่ยนข้อความจาก “Location” เป็น “One-time Location” เพื่อให้ชัดเจนว่ามันแชร์ตำแหน่งแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่แชร์ต่อเนื่อง แม้ยังไม่แน่ว่าจะเปิดใช้จริง แต่ถ้าออกมาก็น่าจะช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น
    https://www.techradar.com/phones/google-messages-could-be-getting-3-useful-upgrades-soon-including-a-gemini-change

    นักพัฒนาระวัง! เว็บจัดรูปแบบโค้ดเผยข้อมูลลับ
    เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวล เพราะมีการพบว่าเว็บยอดนิยมอย่าง JSONFormatter และ CodeBeautify มีฟีเจอร์ “Recent Links” ที่เปิดเผยข้อมูลที่ผู้ใช้เคยอัปโหลดไว้โดยไม่ป้องกัน ทำให้ข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่าน คีย์ API หรือข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมาได้ง่าย นักวิจัยถึงขั้นดึงข้อมูลย้อนหลังได้หลายปี และพบว่ามีทั้งข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไปจนถึงบริษัทใหญ่ ๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ไม่หวังดีเริ่มทดลองใช้ช่องโหว่นี้แล้วด้วย
    https://www.techradar.com/pro/security/top-code-formatting-sites-are-exposing-huge-amounts-of-user-data

    ธุรกิจยังติดขัดกับการทำ AI อย่างรับผิดชอบ
    รายงานจาก Experian ชี้ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า “Responsible AI” จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน แต่ปัญหาคือหลายบริษัทยังไม่พร้อมที่จะนำไปใช้จริง ทั้งเรื่องคุณภาพข้อมูล ความรู้ทางเทคนิค และการบาลานซ์ระหว่างนวัตกรรมกับการกำกับดูแล แม้จะมีหลักการชัดเจน เช่น ความน่าเชื่อถือ การปกป้องความเป็นส่วนตัว และการลดอคติ แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งที่บอกว่าทีมงานพร้อมจริง ๆ นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้เริ่มจากเล็ก ๆ ทดลองก่อน แล้วค่อยขยาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยง
    https://www.techradar.com/pro/businesses-are-struggling-to-implement-responsible-ai-but-it-could-make-all-the-difference

    Claude Opus 4.5 เปิดตัวแล้ว
    Anthropic ปล่อยโมเดลใหม่ Claude Opus 4.5 ที่บอกว่าดีขึ้นอย่าง “มีความหมาย” ทั้งเรื่องการทำงานทั่วไปและการเขียนโค้ด จุดเด่นคือมันจัดการงานจริงได้ดีขึ้น เช่น ทำอีเมล สไลด์ หรือเอกสารได้เนียนกว่าเดิม รวมถึงแก้โจทย์ที่ซับซ้อนและทำงานหลายขั้นตอนต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใช้พลังคำนวณน้อยลง ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรได้ประโยชน์มากขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาเร็วขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตลาด AI กำลังโตและแข่งขันกันเข้มข้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/claude-opus-4-5-is-now-live-and-meaningfully-better-at-everyday-tasks-and-coding-challenges

    Nothing Phone 3: สมาร์ทโฟนเรือธงที่แตกต่าง
    Nothing เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ Phone 3 ที่ตั้งใจจะก้าวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมเต็มตัว ดีไซน์ยังคงความแปลกตาแบบบล็อกเหลี่ยมที่หลายคนอาจมองว่าสวยไม่เหมือนใคร แต่บางคนก็อาจรู้สึกว่ามันเทอะทะเกินไป จุดเด่นคือกล้อง 50MP ทั้งหมด 4 ตัว รวมถึงเลนส์ periscope ที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้ดี แบตเตอรี่ใหญ่กว่า iPhone และ Samsung รุ่นใกล้เคียง พร้อมชาร์จเร็วกว่า จุดที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Glyph Matrix ที่ใช้ไฟด้านหลังมือถือแสดงข้อมูลหรือเล่นเกมเล็ก ๆ ได้ และปุ่ม Essential Key ที่ช่วยให้แคปหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอได้ทันที ถึงแม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้แฟน ๆ รุ่นก่อนลังเล อย่างไรก็ตาม มันคือการประกาศชัดว่า Nothing อยากเป็นผู้เล่นในตลาดเรือธงจริง ๆ
    https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/nothing-phone-3-review

    AWS มีดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าที่คิด
    ข้อมูลใหม่เผยว่า Amazon Web Services (AWS) อาจมีดาต้าเซ็นเตอร์มากถึง 900 แห่งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้หลายเท่า การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มสูงขึ้น AWS ไม่ได้เปิดเผยจำนวนจริง แต่ยืนยันว่ามี 38 regions และ 120 availability zones พร้อมแผนลงทุนมหาศาลในหลายประเทศ เช่น อินเดียและสหรัฐฯ จุดที่น่าสนใจคือ AWS พยายามรักษาประสิทธิภาพพลังงาน โดยอ้างว่ามีค่า Power Usage Effectiveness ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก และโครงสร้างพื้นฐานของตนใช้พลังงานได้คุ้มค่ากว่าการทำงานแบบ on-premises หลายเท่า
    https://www.techradar.com/pro/aws-says-it-has-around-900-data-centers-twice-as-many-as-previously-thought

    Android Desktop: ก้าวใหม่ของ Google OS
    Google กำลังพัฒนาโครงการ “Aluminium OS” ที่จะรวม Android เข้ากับ ChromeOS เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปใหม่ รองรับทั้ง PC, Laptop, Tablet และ 2-in-1 จุดเด่นคือการผสาน AI เข้ามาเป็นแกนหลัก และรองรับแอป Android แบบเนทีฟโดยไม่ต้องจำลอง ทำให้การใช้งานต่อเนื่องระหว่างมือถือและเดสก์ท็อปเป็นไปอย่างราบรื่น Aluminium จะค่อย ๆ เข้ามาแทน ChromeOS แต่ยังคงอยู่คู่กันในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายคือการยกระดับ Chromebook และอุปกรณ์ Android ให้แข่งขันกับ Windows และ macOS ได้ในบางตลาด โดยเฉพาะด้านการศึกษาและธุรกิจ
    https://www.techradar.com/computing/desktop-pcs/android-powered-desktop-pcs-are-coming-and-i-think-theyll-be-an-exciting-step-up-from-chromeos

    Ransomware โจมตีธุรกิจที่ถูกซื้อกิจการ
    รายงานใหม่จาก ReliaQuest เผยว่าแฮกเกอร์ที่ใช้ Akira ransomware มักเจาะเข้าธุรกิจขนาดเล็กที่ถูกซื้อกิจการ โดยใช้ช่องโหว่จากอุปกรณ์ที่ถูกละเลยหรือไม่ได้รับการแพตช์ โดยเฉพาะ SonicWall SSL VPN ที่มีบัฟเฟอร์โอเวอร์โฟลว์ร้ายแรง แม้จะมีการอัปเดตแล้ว แต่หลายองค์กรยังไม่ทันปรับปรุง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาเคลื่อนไหวในระบบและเข้ารหัสข้อมูลได้ ปัญหาคือบริษัทที่ซื้อกิจการมักไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์เสี่ยงอยู่ในเครือข่ายใหม่ ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นง่ายและกระจายไปหลายบริษัทพร้อมกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-hackers-attack-smbs-being-acquired-to-try-and-gain-access-to-multiple-companies

    Chat Control: EU เห็นชอบการสแกนแชทแบบสมัครใจ
    หลังจากถกเถียงกันมากว่า 3 ปี สภาสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงในกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation หรือที่ถูกเรียกว่า Chat Control โดยเปลี่ยนจากการบังคับสแกนข้อความส่วนตัวมาเป็นแบบสมัครใจ แต่ก็ยังสร้างความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว เพราะแม้จะไม่บังคับ แต่ก็เปิดช่องให้ผู้ให้บริการแชทต้องพิจารณามาตรการป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิด และอาจถูกบังคับให้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับเพิ่มเติม ขณะนี้ EU เตรียมเข้าสู่การเจรจากับรัฐสภาเพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นร้อนระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-lawmakers-finally-agree-on-the-voluntary-scanning-of-your-private-chats

    การเชื่อมต่อ AI รุ่นใหม่: ประสิทธิภาพและการติดตั้ง
    บทความนี้พูดถึง “Next frontier” ของการเชื่อมต่อที่พร้อมสำหรับ AI โดยเน้นการทำให้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการติดตั้งและการใช้งานจริง แนวคิดคือการสร้างระบบที่สามารถรองรับการประมวลผล AI ได้อย่างราบรื่น ลดความซับซ้อนในการขยายเครือข่าย และทำให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคุ้มค่ามากขึ้น ผู้เขียนชี้ว่าอนาคตของการสื่อสารจะไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดเพื่อรองรับการเติบโตของ AI
    https://www.techradar.com/pro/the-next-frontier-for-ai-ready-connectivity-efficiency-in-deployment

    ดีล Samsung Galaxy Tab ลดแรง
    TechRadar แนะนำดีลพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy Tab ที่ช่วยประหยัดเงินได้หลายร้อยดอลลาร์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Android มากกว่า iPadOS โดยบทความเน้นว่าตอนนี้เป็นช่วง Black Friday ที่มีโปรโมชั่นแรงที่สุดของปี ทำให้แท็บเล็ตตระกูล Galaxy Tab กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทั้งในด้านราคาและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย
    https://www.techradar.com/seasonal-sales/prefer-android-to-ipados-these-stellar-samsung-galaxy-tab-deals-will-save-you-hundreds-this-black-friday

    ChatGPT กับการพูดคุยเสียงที่สมจริง
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่เพิ่มการสนทนาด้วยเสียง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับคนจริง ๆ มากขึ้น ฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการใช้งาน AI เพราะทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติและสะดวกกว่าเดิม แม้จะยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ทำให้ AI ก้าวใกล้การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-voice-integration-feels-like-the-missing-piece-in-ai-chat-ive-tried-it-and-its-almost-perfect

    Notepad บน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่
    Microsoft เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับ Notepad ใน Windows 11 โดยรองรับการสร้างตารางและเสริมพลัง AI เข้าไป ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad ไม่ใช่แค่โปรแกรมจดบันทึกธรรมดาอีกต่อไป แต่สามารถใช้ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางส่วนไม่พอใจ เพราะมองว่า Notepad ควรเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย ไม่ควรซับซ้อนเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในชุมชนผู้ใช้ Windows
    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-notepad-gets-support-for-tables-and-bolstered-ai-powers-and-not-everyones-happy

    ChatGPT Voice Mode อัปเกรดครั้งใหญ่
    อีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับ ChatGPT ที่พูดถึงการอัปเกรดโหมดเสียงครั้งใหญ่ โดยสรุปว่ามี 5 สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรรู้ เช่น ความเป็นธรรมชาติของเสียงที่ดีขึ้น ความเร็วในการตอบสนอง และการรองรับหลายภาษา การพัฒนานี้ทำให้การใช้งาน AI ผ่านเสียงมีความสมจริงและสะดวกมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ AI ให้ใกล้เคียงการสนทนาจริงมากกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-voice-mode-just-got-a-major-upgrade-here-are-5-things-you-need-to-know

    อุปกรณ์ AI ของ Sam Altman ที่เหมือนกระท่อมริมทะเลสาบ แต่จริงๆ อาจเป็นการเฝ้าสอดส่อง
    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ออกมาเล่าว่ากำลังสร้างอุปกรณ์ AI แบบใหม่ ที่เขาเปรียบเหมือนการนั่งพักผ่อนในกระท่อมสวยๆ ริมทะเลสาบ ให้ความสงบและเรียบง่ายกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เมื่อมองลึกลงไป อุปกรณ์นี้คือการเฝ้าสังเกตชีวิตผู้ใช้ตลอดเวลา ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ และกิจวัตรประจำวัน ซึ่งอาจหมายถึงการแลกความเป็นส่วนตัวกับความสะดวกสบาย ความสงบที่ถูกขายให้เราอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะจริงๆ แล้วคือการเปิดให้ระบบเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/sam-altman-wants-his-ai-device-to-feel-like-sitting-in-the-most-beautiful-cabin-by-a-lake-but-it-sounds-more-like-endless-surveillance

    Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูล ชี้พลังเวิร์กสเตชันระดับมหึมา
    มีการรั่วไหลข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel ที่ชื่อ Granite Rapids-WS ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต E2 ขนาดใหญ่ รองรับพลังงานสูงถึง 350 วัตต์ และสามารถใส่แรม DDR5 ได้ถึง 2 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต จุดเด่นคือจำนวนคอร์มหาศาลถึง 86 คอร์ 172 เธรด พร้อมแคช L3 ขนาดใหญ่ และ PCIe lanes มากมายเพื่อรองรับ GPU และสตอเรจหลายตัว นี่คือการตอบโต้ AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง ที่เน้นงานเรนเดอร์ ซิมูเลชัน และการวิเคราะห์ข้อมูลหนักๆ
    https://www.techradar.com/pro/did-intels-next-big-thing-in-workstations-just-leak-ahead-of-granite-rapids-launch-report-claims-this-is-whats-next-from-troubled-chipmaker

    จีนจำลองการใช้โดรน 1,000 ตัวเพื่อบล็อก Starlink เหนือไต้หวัน
    งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในจีนเผยการจำลองสถานการณ์ที่ใช้โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณจำนวนมหาศาล เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink เหนือไต้หวัน การทดลองชี้ว่าหากใช้โดรนราว 935 ตัวที่ทำงานประสานกัน จะสามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แม้ในทางปฏิบัติจะมีความยากลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่น่ากังวล
    https://www.techradar.com/tech/can-starlink-be-blocked-scary-chinese-simulation-shows-1-000-drones-can-jam-satellite-internet-over-an-island-as-large-as-taiwan

    Tuxedo ยกเลิกโน้ตบุ๊ก Linux ที่ใช้ Snapdragon X Elite หลังเจอปัญหาหนัก
    บริษัท Tuxedo ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่อง Linux ตัดสินใจยกเลิกการพัฒนาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Snapdragon X Elite หลังจากพยายามแก้ไขปัญหามานานถึง 18 เดือน แต่ไม่สามารถทำให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์ ปัญหามีทั้งเรื่อง BIOS, การควบคุมพัดลม, การทำงานของ KVM virtualization และการถ่ายโอนข้อมูล USB4 ที่ไม่เสถียร ผลทดสอบยังชี้ว่าแบตเตอรี่ไม่ได้ยาวนานตามที่คาดไว้ ทำให้เครื่องไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ Linux จริงๆ บริษัทจึงเลือกหยุดโครงการและรอดูรุ่นใหม่ Snapdragon X2 Elite ว่าจะเข้ากับ Linux ได้ดีกว่าหรือไม่
    https://www.techradar.com/pro/top-linux-pc-maker-drops-plan-for-snapdragonx-elite-powered-notebook-says-hardware-was-less-suitable-than-expected

    รีวิว RedMagic 11 Pro มือถือเกมมิ่งสุดแรงในราคาคุ้มค่า
    RedMagic 11 Pro ยังคงรักษาตำแหน่งมือถือเกมมิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่เร็วสุดๆ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมที่ออกแบบใหม่ ทำให้เล่นเกมหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ใช้งานได้ยาวนานหลายวัน และรองรับชาร์จไว 80W แม้จะไม่มีชาร์จไร้สาย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล จุดอ่อนคือกล้องที่ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะการถ่ายเซลฟี่ แต่สำหรับคนที่ต้องการมือถือเล่นเกมแรงๆ ในราคาที่ไม่ถึงพันดอลลาร์ นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด
    https://www.techradar.com/phones/redmagic-11-pro-review

    มัลแวร์ใหม่บน macOS สร้างห่วงโซ่โจมตีที่น่าปวดหัว
    มีการค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่บน macOS ที่ทำงานเป็น “chain” หรือห่วงโซ่การโจมตี โดยเริ่มจากการเจาะเข้าระบบผ่านช่องโหว่เล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายสิทธิ์การเข้าถึงไปเรื่อยๆ จนสามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จุดน่ากังวลคือมันสามารถหลบเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ และอาจถูกใช้โจมตีองค์กรหรือผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างรุนแรง นักวิจัยเตือนว่าผู้ใช้ควรอัปเดตระบบและระวังการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-chain-could-cause-a-major-security-headache-heres-what-we-know

    กล้อง Leica ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสถูกประมูลได้ 7.5 ล้านดอลลาร์
    Leica รุ่นพิเศษที่เคยเป็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถูกนำออกประมูลและสร้างสถิติใหม่ด้วยราคาสูงถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดถูกนำไปใช้เพื่อการกุศล กล้องตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึง 7 อย่างที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบเฉพาะตัวและวัสดุที่หายาก ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในกล้องที่มีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก
    https://www.techradar.com/cameras/this-stunning-one-off-leica-belonging-to-the-late-pope-francis-just-raised-usd7-5-million-for-charity-here-are-its-7-unique-features

    รวมกล้องคอมแพ็กที่ดีที่สุดปี 2025 พกง่าย ใช้งานสะดวก
    TechRadar จัดอันดับกล้องคอมแพ็กที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 สำหรับคนที่อยากได้กล้องเล็กๆ พกพาสะดวก แต่ยังให้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยม รายการนี้รวมทั้งรุ่นที่เหมาะกับนักเดินทาง, คนที่ชอบถ่ายภาพสตรีท, ไปจนถึงผู้ใช้ที่ต้องการกล้องเสริมจากสมาร์ทโฟน โดยมีทั้งรุ่นราคาประหยัดและรุ่นพรีเมียมที่เน้นคุณภาพสูงสุด
    https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/the-best-compact-cameras

    บทความเตือนใจ: อย่าเดทกับ AI เพราะมันไม่มีวันรักคุณ
    บทความเชิงความคิดเห็นชี้ให้เห็นถึงกระแสที่บางคนเริ่มมีความสัมพันธ์เชิงอารมณ์กับ AI แต่ผู้เขียนเตือนว่า AI ไม่สามารถรักหรือมีความรู้สึกแท้จริงได้ การคาดหวังให้มันเป็นคู่ชีวิตอาจทำให้คนหลงทางและเสียสมดุลในชีวิตจริง ข้อความนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/please-dont-date-your-ai-because-it-will-never-love-you-or-pick-up-the-check

    Poco เปิดตัวมือถือเรือธงพร้อมซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดจิ๋ว
    Poco เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมแปลกตา คือการใส่ซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดเล็กเข้าไปในเครื่อง เพื่อให้เสียงแบบ 2.1-channel audio แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับคนรักเสียงเบส แต่ก็มีข้อกังวลว่าการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ เช่น บนรถบัส อาจสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Poco ในการสร้างความแตกต่างในตลาดมือถือที่แข่งขันสูง
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/phones/poco-phones/pocos-new-flagship-phone-has-a-mini-bose-subwoofer-for-2-1-channel-audio-and-i-hope-im-not-near-one-on-the-bus
    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251127 #TechRadar 💻 รวมโน้ตบุ๊กสำหรับนักเรียนปี 2025 ถ้าเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ตอนนี้ TechRadar เขาได้จัดอันดับโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับนักเรียนไว้หลายรุ่นเลย เริ่มจาก MacBook Air M3 ที่ยังคงเป็นตัวท็อปสำหรับการเรียน ใช้งานได้แรง แบตอึด และราคาก็ลดลงเพราะมีรุ่น M4 ออกมาแล้ว ต่อมาก็มี Acer Chromebook Plus 514 ที่เหมาะกับคนงบจำกัดแต่ยังได้เครื่องที่ทำงานลื่น ๆ สำหรับงานทั่วไป ส่วนใครชอบ ChromeOS รุ่น HP Chromebook Plus 15.6 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องและแบตทนดี สำหรับสายพกพา Microsoft Surface Laptop 13 น้ำหนักเบาและแบตยาวนานก็เป็นคำตอบ ส่วนสายครีเอทีฟที่ต้องใช้พลังมากขึ้น MacBook Air M4 รุ่นจอ 15 นิ้วก็ถูกยกให้เป็นเครื่องที่ตอบโจทย์งานกราฟิกและงานสร้างสรรค์ได้ดีมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/laptops/best-student-laptops 📱 Google Messages เตรียมอัปเกรดใหม่ ข่าวนี้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่มีประโยชน์ใน Google Messages ที่กำลังทดสอบอยู่ในโค้ดเบต้า อย่างแรกคือเวลาเซฟไฟล์รูปหรือวิดีโอจะมีปุ่ม “Open” ให้กดเปิดไฟล์ได้ทันที ต่อมาคือปุ่ม Gemini ที่จะใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนใช้งานง่ายขึ้น และสุดท้ายคือการเปลี่ยนข้อความจาก “Location” เป็น “One-time Location” เพื่อให้ชัดเจนว่ามันแชร์ตำแหน่งแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่แชร์ต่อเนื่อง แม้ยังไม่แน่ว่าจะเปิดใช้จริง แต่ถ้าออกมาก็น่าจะช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/google-messages-could-be-getting-3-useful-upgrades-soon-including-a-gemini-change 🔐 นักพัฒนาระวัง! เว็บจัดรูปแบบโค้ดเผยข้อมูลลับ เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวล เพราะมีการพบว่าเว็บยอดนิยมอย่าง JSONFormatter และ CodeBeautify มีฟีเจอร์ “Recent Links” ที่เปิดเผยข้อมูลที่ผู้ใช้เคยอัปโหลดไว้โดยไม่ป้องกัน ทำให้ข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่าน คีย์ API หรือข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมาได้ง่าย นักวิจัยถึงขั้นดึงข้อมูลย้อนหลังได้หลายปี และพบว่ามีทั้งข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไปจนถึงบริษัทใหญ่ ๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ไม่หวังดีเริ่มทดลองใช้ช่องโหว่นี้แล้วด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/top-code-formatting-sites-are-exposing-huge-amounts-of-user-data 🤖 ธุรกิจยังติดขัดกับการทำ AI อย่างรับผิดชอบ รายงานจาก Experian ชี้ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า “Responsible AI” จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน แต่ปัญหาคือหลายบริษัทยังไม่พร้อมที่จะนำไปใช้จริง ทั้งเรื่องคุณภาพข้อมูล ความรู้ทางเทคนิค และการบาลานซ์ระหว่างนวัตกรรมกับการกำกับดูแล แม้จะมีหลักการชัดเจน เช่น ความน่าเชื่อถือ การปกป้องความเป็นส่วนตัว และการลดอคติ แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งที่บอกว่าทีมงานพร้อมจริง ๆ นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้เริ่มจากเล็ก ๆ ทดลองก่อน แล้วค่อยขยาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยง 🔗 https://www.techradar.com/pro/businesses-are-struggling-to-implement-responsible-ai-but-it-could-make-all-the-difference ⚡ Claude Opus 4.5 เปิดตัวแล้ว Anthropic ปล่อยโมเดลใหม่ Claude Opus 4.5 ที่บอกว่าดีขึ้นอย่าง “มีความหมาย” ทั้งเรื่องการทำงานทั่วไปและการเขียนโค้ด จุดเด่นคือมันจัดการงานจริงได้ดีขึ้น เช่น ทำอีเมล สไลด์ หรือเอกสารได้เนียนกว่าเดิม รวมถึงแก้โจทย์ที่ซับซ้อนและทำงานหลายขั้นตอนต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใช้พลังคำนวณน้อยลง ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรได้ประโยชน์มากขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาเร็วขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตลาด AI กำลังโตและแข่งขันกันเข้มข้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/claude-opus-4-5-is-now-live-and-meaningfully-better-at-everyday-tasks-and-coding-challenges 📱 Nothing Phone 3: สมาร์ทโฟนเรือธงที่แตกต่าง Nothing เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ Phone 3 ที่ตั้งใจจะก้าวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมเต็มตัว ดีไซน์ยังคงความแปลกตาแบบบล็อกเหลี่ยมที่หลายคนอาจมองว่าสวยไม่เหมือนใคร แต่บางคนก็อาจรู้สึกว่ามันเทอะทะเกินไป จุดเด่นคือกล้อง 50MP ทั้งหมด 4 ตัว รวมถึงเลนส์ periscope ที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้ดี แบตเตอรี่ใหญ่กว่า iPhone และ Samsung รุ่นใกล้เคียง พร้อมชาร์จเร็วกว่า จุดที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Glyph Matrix ที่ใช้ไฟด้านหลังมือถือแสดงข้อมูลหรือเล่นเกมเล็ก ๆ ได้ และปุ่ม Essential Key ที่ช่วยให้แคปหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอได้ทันที ถึงแม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้แฟน ๆ รุ่นก่อนลังเล อย่างไรก็ตาม มันคือการประกาศชัดว่า Nothing อยากเป็นผู้เล่นในตลาดเรือธงจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/nothing-phone-3-review ☁️ AWS มีดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าที่คิด ข้อมูลใหม่เผยว่า Amazon Web Services (AWS) อาจมีดาต้าเซ็นเตอร์มากถึง 900 แห่งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้หลายเท่า การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มสูงขึ้น AWS ไม่ได้เปิดเผยจำนวนจริง แต่ยืนยันว่ามี 38 regions และ 120 availability zones พร้อมแผนลงทุนมหาศาลในหลายประเทศ เช่น อินเดียและสหรัฐฯ จุดที่น่าสนใจคือ AWS พยายามรักษาประสิทธิภาพพลังงาน โดยอ้างว่ามีค่า Power Usage Effectiveness ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก และโครงสร้างพื้นฐานของตนใช้พลังงานได้คุ้มค่ากว่าการทำงานแบบ on-premises หลายเท่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-says-it-has-around-900-data-centers-twice-as-many-as-previously-thought 💻 Android Desktop: ก้าวใหม่ของ Google OS Google กำลังพัฒนาโครงการ “Aluminium OS” ที่จะรวม Android เข้ากับ ChromeOS เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปใหม่ รองรับทั้ง PC, Laptop, Tablet และ 2-in-1 จุดเด่นคือการผสาน AI เข้ามาเป็นแกนหลัก และรองรับแอป Android แบบเนทีฟโดยไม่ต้องจำลอง ทำให้การใช้งานต่อเนื่องระหว่างมือถือและเดสก์ท็อปเป็นไปอย่างราบรื่น Aluminium จะค่อย ๆ เข้ามาแทน ChromeOS แต่ยังคงอยู่คู่กันในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายคือการยกระดับ Chromebook และอุปกรณ์ Android ให้แข่งขันกับ Windows และ macOS ได้ในบางตลาด โดยเฉพาะด้านการศึกษาและธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/computing/desktop-pcs/android-powered-desktop-pcs-are-coming-and-i-think-theyll-be-an-exciting-step-up-from-chromeos 🔒 Ransomware โจมตีธุรกิจที่ถูกซื้อกิจการ รายงานใหม่จาก ReliaQuest เผยว่าแฮกเกอร์ที่ใช้ Akira ransomware มักเจาะเข้าธุรกิจขนาดเล็กที่ถูกซื้อกิจการ โดยใช้ช่องโหว่จากอุปกรณ์ที่ถูกละเลยหรือไม่ได้รับการแพตช์ โดยเฉพาะ SonicWall SSL VPN ที่มีบัฟเฟอร์โอเวอร์โฟลว์ร้ายแรง แม้จะมีการอัปเดตแล้ว แต่หลายองค์กรยังไม่ทันปรับปรุง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาเคลื่อนไหวในระบบและเข้ารหัสข้อมูลได้ ปัญหาคือบริษัทที่ซื้อกิจการมักไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์เสี่ยงอยู่ในเครือข่ายใหม่ ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นง่ายและกระจายไปหลายบริษัทพร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-hackers-attack-smbs-being-acquired-to-try-and-gain-access-to-multiple-companies 🇪🇺 Chat Control: EU เห็นชอบการสแกนแชทแบบสมัครใจ หลังจากถกเถียงกันมากว่า 3 ปี สภาสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงในกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation หรือที่ถูกเรียกว่า Chat Control โดยเปลี่ยนจากการบังคับสแกนข้อความส่วนตัวมาเป็นแบบสมัครใจ แต่ก็ยังสร้างความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว เพราะแม้จะไม่บังคับ แต่ก็เปิดช่องให้ผู้ให้บริการแชทต้องพิจารณามาตรการป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิด และอาจถูกบังคับให้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับเพิ่มเติม ขณะนี้ EU เตรียมเข้าสู่การเจรจากับรัฐสภาเพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นร้อนระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-lawmakers-finally-agree-on-the-voluntary-scanning-of-your-private-chats 🌐 การเชื่อมต่อ AI รุ่นใหม่: ประสิทธิภาพและการติดตั้ง บทความนี้พูดถึง “Next frontier” ของการเชื่อมต่อที่พร้อมสำหรับ AI โดยเน้นการทำให้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการติดตั้งและการใช้งานจริง แนวคิดคือการสร้างระบบที่สามารถรองรับการประมวลผล AI ได้อย่างราบรื่น ลดความซับซ้อนในการขยายเครือข่าย และทำให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคุ้มค่ามากขึ้น ผู้เขียนชี้ว่าอนาคตของการสื่อสารจะไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดเพื่อรองรับการเติบโตของ AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-next-frontier-for-ai-ready-connectivity-efficiency-in-deployment 📱 ดีล Samsung Galaxy Tab ลดแรง TechRadar แนะนำดีลพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy Tab ที่ช่วยประหยัดเงินได้หลายร้อยดอลลาร์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Android มากกว่า iPadOS โดยบทความเน้นว่าตอนนี้เป็นช่วง Black Friday ที่มีโปรโมชั่นแรงที่สุดของปี ทำให้แท็บเล็ตตระกูล Galaxy Tab กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทั้งในด้านราคาและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย 🔗 https://www.techradar.com/seasonal-sales/prefer-android-to-ipados-these-stellar-samsung-galaxy-tab-deals-will-save-you-hundreds-this-black-friday 🎙️ ChatGPT กับการพูดคุยเสียงที่สมจริง ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่เพิ่มการสนทนาด้วยเสียง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับคนจริง ๆ มากขึ้น ฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการใช้งาน AI เพราะทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติและสะดวกกว่าเดิม แม้จะยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ทำให้ AI ก้าวใกล้การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-voice-integration-feels-like-the-missing-piece-in-ai-chat-ive-tried-it-and-its-almost-perfect 📝 Notepad บน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่ Microsoft เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับ Notepad ใน Windows 11 โดยรองรับการสร้างตารางและเสริมพลัง AI เข้าไป ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad ไม่ใช่แค่โปรแกรมจดบันทึกธรรมดาอีกต่อไป แต่สามารถใช้ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางส่วนไม่พอใจ เพราะมองว่า Notepad ควรเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย ไม่ควรซับซ้อนเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในชุมชนผู้ใช้ Windows 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-notepad-gets-support-for-tables-and-bolstered-ai-powers-and-not-everyones-happy 🔊 ChatGPT Voice Mode อัปเกรดครั้งใหญ่ อีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับ ChatGPT ที่พูดถึงการอัปเกรดโหมดเสียงครั้งใหญ่ โดยสรุปว่ามี 5 สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรรู้ เช่น ความเป็นธรรมชาติของเสียงที่ดีขึ้น ความเร็วในการตอบสนอง และการรองรับหลายภาษา การพัฒนานี้ทำให้การใช้งาน AI ผ่านเสียงมีความสมจริงและสะดวกมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ AI ให้ใกล้เคียงการสนทนาจริงมากกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-voice-mode-just-got-a-major-upgrade-here-are-5-things-you-need-to-know 🏞️ อุปกรณ์ AI ของ Sam Altman ที่เหมือนกระท่อมริมทะเลสาบ แต่จริงๆ อาจเป็นการเฝ้าสอดส่อง Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ออกมาเล่าว่ากำลังสร้างอุปกรณ์ AI แบบใหม่ ที่เขาเปรียบเหมือนการนั่งพักผ่อนในกระท่อมสวยๆ ริมทะเลสาบ ให้ความสงบและเรียบง่ายกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เมื่อมองลึกลงไป อุปกรณ์นี้คือการเฝ้าสังเกตชีวิตผู้ใช้ตลอดเวลา ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ และกิจวัตรประจำวัน ซึ่งอาจหมายถึงการแลกความเป็นส่วนตัวกับความสะดวกสบาย ความสงบที่ถูกขายให้เราอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะจริงๆ แล้วคือการเปิดให้ระบบเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/sam-altman-wants-his-ai-device-to-feel-like-sitting-in-the-most-beautiful-cabin-by-a-lake-but-it-sounds-more-like-endless-surveillance 💻 Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูล ชี้พลังเวิร์กสเตชันระดับมหึมา มีการรั่วไหลข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel ที่ชื่อ Granite Rapids-WS ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต E2 ขนาดใหญ่ รองรับพลังงานสูงถึง 350 วัตต์ และสามารถใส่แรม DDR5 ได้ถึง 2 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต จุดเด่นคือจำนวนคอร์มหาศาลถึง 86 คอร์ 172 เธรด พร้อมแคช L3 ขนาดใหญ่ และ PCIe lanes มากมายเพื่อรองรับ GPU และสตอเรจหลายตัว นี่คือการตอบโต้ AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง ที่เน้นงานเรนเดอร์ ซิมูเลชัน และการวิเคราะห์ข้อมูลหนักๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/did-intels-next-big-thing-in-workstations-just-leak-ahead-of-granite-rapids-launch-report-claims-this-is-whats-next-from-troubled-chipmaker 🚁 จีนจำลองการใช้โดรน 1,000 ตัวเพื่อบล็อก Starlink เหนือไต้หวัน งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในจีนเผยการจำลองสถานการณ์ที่ใช้โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณจำนวนมหาศาล เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink เหนือไต้หวัน การทดลองชี้ว่าหากใช้โดรนราว 935 ตัวที่ทำงานประสานกัน จะสามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แม้ในทางปฏิบัติจะมีความยากลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่น่ากังวล 🔗 https://www.techradar.com/tech/can-starlink-be-blocked-scary-chinese-simulation-shows-1-000-drones-can-jam-satellite-internet-over-an-island-as-large-as-taiwan 🖥️ Tuxedo ยกเลิกโน้ตบุ๊ก Linux ที่ใช้ Snapdragon X Elite หลังเจอปัญหาหนัก บริษัท Tuxedo ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่อง Linux ตัดสินใจยกเลิกการพัฒนาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Snapdragon X Elite หลังจากพยายามแก้ไขปัญหามานานถึง 18 เดือน แต่ไม่สามารถทำให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์ ปัญหามีทั้งเรื่อง BIOS, การควบคุมพัดลม, การทำงานของ KVM virtualization และการถ่ายโอนข้อมูล USB4 ที่ไม่เสถียร ผลทดสอบยังชี้ว่าแบตเตอรี่ไม่ได้ยาวนานตามที่คาดไว้ ทำให้เครื่องไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ Linux จริงๆ บริษัทจึงเลือกหยุดโครงการและรอดูรุ่นใหม่ Snapdragon X2 Elite ว่าจะเข้ากับ Linux ได้ดีกว่าหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/top-linux-pc-maker-drops-plan-for-snapdragonx-elite-powered-notebook-says-hardware-was-less-suitable-than-expected 📱 รีวิว RedMagic 11 Pro มือถือเกมมิ่งสุดแรงในราคาคุ้มค่า RedMagic 11 Pro ยังคงรักษาตำแหน่งมือถือเกมมิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่เร็วสุดๆ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมที่ออกแบบใหม่ ทำให้เล่นเกมหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ใช้งานได้ยาวนานหลายวัน และรองรับชาร์จไว 80W แม้จะไม่มีชาร์จไร้สาย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล จุดอ่อนคือกล้องที่ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะการถ่ายเซลฟี่ แต่สำหรับคนที่ต้องการมือถือเล่นเกมแรงๆ ในราคาที่ไม่ถึงพันดอลลาร์ นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด 🔗 https://www.techradar.com/phones/redmagic-11-pro-review 🔒 มัลแวร์ใหม่บน macOS สร้างห่วงโซ่โจมตีที่น่าปวดหัว มีการค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่บน macOS ที่ทำงานเป็น “chain” หรือห่วงโซ่การโจมตี โดยเริ่มจากการเจาะเข้าระบบผ่านช่องโหว่เล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายสิทธิ์การเข้าถึงไปเรื่อยๆ จนสามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จุดน่ากังวลคือมันสามารถหลบเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ และอาจถูกใช้โจมตีองค์กรหรือผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างรุนแรง นักวิจัยเตือนว่าผู้ใช้ควรอัปเดตระบบและระวังการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-chain-could-cause-a-major-security-headache-heres-what-we-know 📸 กล้อง Leica ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสถูกประมูลได้ 7.5 ล้านดอลลาร์ Leica รุ่นพิเศษที่เคยเป็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถูกนำออกประมูลและสร้างสถิติใหม่ด้วยราคาสูงถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดถูกนำไปใช้เพื่อการกุศล กล้องตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึง 7 อย่างที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบเฉพาะตัวและวัสดุที่หายาก ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในกล้องที่มีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก 🔗 https://www.techradar.com/cameras/this-stunning-one-off-leica-belonging-to-the-late-pope-francis-just-raised-usd7-5-million-for-charity-here-are-its-7-unique-features 📷 รวมกล้องคอมแพ็กที่ดีที่สุดปี 2025 พกง่าย ใช้งานสะดวก TechRadar จัดอันดับกล้องคอมแพ็กที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 สำหรับคนที่อยากได้กล้องเล็กๆ พกพาสะดวก แต่ยังให้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยม รายการนี้รวมทั้งรุ่นที่เหมาะกับนักเดินทาง, คนที่ชอบถ่ายภาพสตรีท, ไปจนถึงผู้ใช้ที่ต้องการกล้องเสริมจากสมาร์ทโฟน โดยมีทั้งรุ่นราคาประหยัดและรุ่นพรีเมียมที่เน้นคุณภาพสูงสุด 🔗 https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/the-best-compact-cameras 🤖 บทความเตือนใจ: อย่าเดทกับ AI เพราะมันไม่มีวันรักคุณ บทความเชิงความคิดเห็นชี้ให้เห็นถึงกระแสที่บางคนเริ่มมีความสัมพันธ์เชิงอารมณ์กับ AI แต่ผู้เขียนเตือนว่า AI ไม่สามารถรักหรือมีความรู้สึกแท้จริงได้ การคาดหวังให้มันเป็นคู่ชีวิตอาจทำให้คนหลงทางและเสียสมดุลในชีวิตจริง ข้อความนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/please-dont-date-your-ai-because-it-will-never-love-you-or-pick-up-the-check 🔊 Poco เปิดตัวมือถือเรือธงพร้อมซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดจิ๋ว Poco เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมแปลกตา คือการใส่ซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดเล็กเข้าไปในเครื่อง เพื่อให้เสียงแบบ 2.1-channel audio แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับคนรักเสียงเบส แต่ก็มีข้อกังวลว่าการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ เช่น บนรถบัส อาจสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Poco ในการสร้างความแตกต่างในตลาดมือถือที่แข่งขันสูง ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/phones/poco-phones/pocos-new-flagship-phone-has-a-mini-bose-subwoofer-for-2-1-channel-audio-and-i-hope-im-not-near-one-on-the-bus
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251127 #securityonline

    Meta ถูกกล่าวหาปกปิดข้อมูลภายในที่ชี้ว่า Facebook ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
    เรื่องนี้เริ่มจากเอกสารในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่โรงเรียนหลายแห่งในสหรัฐฯ ยื่นต่อบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยมีการเปิดเผยว่า Meta เคยทำการศึกษาในโครงการชื่อ Project Mercury ร่วมกับบริษัท Nielsen ตั้งแต่ปี 2020 ผลการวิจัยพบว่าการเลิกใช้ Facebook ช่วยลดความรู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล และความเหงา แต่ Meta กลับหยุดการศึกษาและไม่เผยแพร่ผลลัพธ์ โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่มีอคติและถูกกระทบจากกระแสสื่อ ขณะเดียวกันมีเสียงจากนักวิจัยภายในที่เปรียบเทียบการกระทำนี้เหมือนกับอุตสาหกรรมบุหรี่ที่เคยปกปิดผลวิจัยเรื่องอันตรายของการสูบบุหรี่ ปัจจุบันคดีนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาในศาล และสะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจที่รัฐบาลทั่วโลกมีต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี
    https://securityonline.info/meta-accused-of-hiding-internal-data-showing-facebook-causes-depression-anxiety

    Tor Project พัฒนาอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ CGO แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่
    เครือข่าย Tor ที่ใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้น แม้จะมีชื่อเสียงด้านการรักษาความลับ แต่ก็ไม่ปลอดภัยเสมอไป โดยโปรโตคอลเก่า Tor1 มีช่องโหว่สำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attack ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้ อีกทั้งยังมีการใช้คีย์ AES ซ้ำและตัวตรวจสอบที่อ่อนแอ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนาอัลกอริทึมใหม่ชื่อ Counter Galois Onion (CGO) ที่เมื่อมีการพยายามแก้ไขข้อมูล ข้อความทั้งหมดในเส้นทางนั้นจะเสียหายทันที ทำให้การโจมตีแทบเป็นไปไม่ได้ แม้จะยังไม่มีตารางเวลาชัดเจนในการนำมาใช้กับ Tor Browser แต่ทีมงานกำลังปรับปรุงให้เหมาะกับ CPU รุ่นใหม่
    https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol

    PoC Exploit สำหรับช่องโหว่ Windows NTLM Elevation of Privilege ถูกเผยแพร่แล้ว
    มีการเปิดเผยโค้ดตัวอย่างการโจมตี (PoC Exploit) ที่เจาะช่องโหว่ในระบบ NTLM ของ Windows ซึ่งสามารถนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ Channel Binding และ LDAPS โดยเนื้อหาละเอียดถูกจำกัดให้เฉพาะผู้สนับสนุนที่ลงทะเบียนเท่านั้น แต่การที่ PoC ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะถือเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้โจมตีอาจนำไปใช้จริงได้
    https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-windows-ntlm-elevation-of-privilege-vulnerability

    NVIDIA ออกแพตช์ด่วนแก้ช่องโหว่ร้ายแรงใน DGX Spark เสี่ยงถูกยึดระบบ
    AI NVIDIA ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับแพลตฟอร์ม DGX Spark ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ขนาดกะทัดรัดที่ใช้ในงานวิจัยและพัฒนา โดยมีช่องโหว่รวม 14 รายการ หนึ่งในนั้นคือ CVE-2025-33187 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ช่องโหว่นี้อยู่ในส่วน SROOT ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ปกป้องโดยชิป SoC และควบคุมระบบได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่อัปเดตทันที ข้อมูลวิจัยและโมเดล AI อาจถูกขโมยหรือแก้ไขโดยไม่รู้ตัว NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดต DGX Spark ไปยังเวอร์ชัน OTA0 โดยเร็วที่สุด
    https://securityonline.info/critical-patch-nvidia-dgx-spark-flaw-cve-2025-33187-cvss-9-3-exposes-ai-secrets-to-takeover

    WormGPT 4 และ KawaiiGPT: AI ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมืออาชญากรรมไซเบอร์
    รายงานจาก Unit 42 เปิดเผยว่าโมเดล AI ที่ควรใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ กลับถูกนำไปใช้สร้างภัยคุกคาม WormGPT 4 ถูกโฆษณาในฟอรั่มใต้ดินว่าเป็น “AI ที่ไร้ข้อจำกัด” สามารถสร้างมัลแวร์และสคริปต์เรียกค่าไถ่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเขียนโน้ตข่มขู่ที่ทำให้เหยื่อหวาดกลัว ส่วน KawaiiGPT ถูกนำเสนอในรูปแบบ “Waifu pentesting” ที่ดูน่ารักแต่จริง ๆ แล้วสามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งและสคริปต์โจมตีได้ง่ายมาก ทั้งสองโมเดลนี้ทำให้การโจมตีไซเบอร์เข้าถึงได้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีทักษะสูง สะท้อนถึงการ “ทำให้อาชญากรรมไซเบอร์เป็นประชาธิปไตย” ที่ใครก็สามารถโจมตีได้เพียงแค่พิมพ์คำสั่ง
    https://securityonline.info/silent-fast-brutal-how-wormgpt-4-and-kawaiigpt-democratize-cybercrime

    Anthropic เปิดตัว Opus 4.5: AI สำหรับองค์กรที่เชื่อม Excel และแชทได้ไม่สิ้นสุด
    Anthropic ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของโมเดล AI ชื่อ Opus 4.5 ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระดับองค์กร จุดเด่นคือสามารถเชื่อมต่อกับ Excel ได้โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงานได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ “Infinite Chat” ที่ช่วยให้การสนทนากับ AI ต่อเนื่องได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่หมด session ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน AI ให้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องและการจัดการข้อมูลจำนวนมาก
    https://securityonline.info/anthropic-unleashes-opus-4-5-excel-integration-infinite-chat-for-enterprise-ai

    Perplexity เปิดตัว AI Shopping พร้อม PayPal Instant Buy และค้นหาสินค้าแบบเฉพาะบุคคล
    Perplexity กำลังขยายขอบเขตการใช้งาน AI จากการค้นหาข้อมูลไปสู่การช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่าน PayPal ได้ทันที (Instant Buy) และยังมีระบบค้นหาสินค้าแบบ Personalized ที่ปรับตามความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ จุดนี้ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์สะดวกขึ้นและตรงใจมากขึ้น ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง AI และอีคอมเมิร์ซที่น่าจับตามอง
    https://securityonline.info/perplexity-launches-ai-shopping-with-paypal-instant-buy-personalized-product-search

    Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Gen 5: CPU เร็วขึ้น 36% และพลัง AI เพิ่มขึ้น 46%
    Qualcomm ได้เปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Snapdragon 8 Gen 5 ที่มาพร้อมกับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านความเร็วของ CPU ที่เพิ่มขึ้น 36% และพลังการประมวลผล AI ที่มากขึ้นถึง 46% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นอีกอย่างคือการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เหมาะกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่จะออกในปีหน้า ซึ่งจะรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงทั้งเกมและงานด้าน AI ได้อย่างลื่นไหล
    https://securityonline.info/qualcomm-unveils-snapdragon-8-gen-5-36-faster-cpu-46-more-ai-power

    INE ขยายการเรียนรู้แบบ Cross-Skilling เพื่อเพิ่มทักษะหลากหลายให้ผู้เรียน
    INE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นการ Cross-Skilling หรือการเรียนรู้ทักษะข้ามสาขา เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะที่หลากหลายและนำไปใช้ในงานจริงได้มากขึ้น แนวทางนี้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานที่ต้องการคนที่มีความสามารถหลายด้าน ไม่จำกัดอยู่แค่สายงานเดียว ถือเป็นการปรับตัวของแพลตฟอร์มการศึกษาให้เข้ากับโลกการทำงานยุคใหม่
    https://securityonline.info/ine-expands-cross-skilling-innovations

    GitLab ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง ทั้ง DoS และการขโมย Credential ใน CI/CD
    GitLab ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยล่าสุดที่แก้ไขช่องโหว่หลายรายการ ทั้งการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ที่ไม่ต้องล็อกอินก็ทำได้ และช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถขโมย Credential ของผู้ใช้ระดับสูงในระบบ CI/CD ได้ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านการ bypass authentication และการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรเข้าถึง GitLab แนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
    https://securityonline.info/gitlab-patch-fixes-ci-cd-credential-theft-unauthenticated-dos-attacks

    Hidden Theft: ส่วนขยาย Chrome “Crypto Copilot” ดูดเงินจากกระเป๋า Solana
    เรื่องนี้เริ่มจากนักเทรดคริปโตที่อยากได้ความสะดวกในการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม X จึงติดตั้งส่วนขยาย Chrome ที่ชื่อว่า Crypto Copilot ซึ่งโฆษณาว่าสามารถทำให้การเทรดรวดเร็วขึ้น แต่เบื้องหลังกลับเป็นกับดักที่ซ่อนการโอนเงินไปยังกระเป๋าของแฮกเกอร์โดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ผู้ใช้ทำการ swap เหรียญ ระบบจะเพิ่มคำสั่งลับที่โอนเงินส่วนหนึ่งไปยังที่อยู่กระเป๋าที่ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี โดยที่หน้าจอผู้ใช้ไม่แสดงให้เห็นเลย ทำให้หลายคนสูญเสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันส่วนขยายนี้ยังคงอยู่บน Chrome Web Store และนักวิจัยได้ส่งคำร้องให้ Google ลบออกแล้ว
    https://securityonline.info/hidden-theft-crypto-copilot-chrome-extension-drains-solana-wallets-on-x

    Critical Ray AI Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Ray Framework ผ่าน Safari และ Firefox
    Ray เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาใช้ในการทำงานด้าน Machine Learning แต่ล่าสุดพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดอันตรายบนเครื่องของนักพัฒนาได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบ User-Agent ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เทคนิค DNS Rebinding หลอกเบราว์เซอร์ Safari และ Firefox ให้ส่งคำสั่งไปยัง Ray Dashboard ที่รันอยู่ในเครื่องของเหยื่อ ผลลัพธ์คือโค้ดอันตรายสามารถถูกประมวลผลได้ทันที ทีมงาน Ray ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.52.0 และแนะนำให้อัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง
    https://securityonline.info/critical-ray-ai-flaw-exposes-devs-via-safari-firefox-cve-2025-62593

    Water Gamayun Weaponizes “MSC EvilTwin”: กลุ่ม APT รัสเซียใช้ช่องโหว่ Windows เจาะระบบ
    กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซียชื่อ Water Gamayun ถูกเปิดโปงว่ากำลังใช้ช่องโหว่ใหม่ใน Microsoft Management Console (MMC) ที่เรียกว่า “MSC EvilTwin” เพื่อเจาะระบบองค์กรที่มีมูลค่าสูง วิธีการคือหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็น payload ที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกใช้ช่องโหว่เพื่อรัน PowerShell ลับและติดตั้งมัลแวร์ต่อเนื่อง เป้าหมายของกลุ่มนี้คือการขโมยข้อมูลเชิงกลยุทธ์และสร้างช่องทางเข้าถึงระบบอย่างยาวนาน
    https://securityonline.info/water-gamayun-weaponizes-msc-eviltwin-zero-day-for-stealthy-backdoor-attacks

    Fragging Your Data: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Crack และ Trainer ของ Battlefield 6
    การเปิดตัวเกม Battlefield 6 กลายเป็นโอกาสทองของอาชญากรไซเบอร์ พวกเขาปล่อยไฟล์ “Crack” และ “Trainer” ปลอมบนเว็บแชร์ไฟล์และฟอรั่มใต้ดิน โดยอ้างว่าเป็นผลงานของกลุ่มแคร็กชื่อดัง แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้ เช่น กระเป๋าเงินคริปโต คุกกี้เบราว์เซอร์ และโทเคน Discord บางเวอร์ชันยังซ่อนตัวเก่ง ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนทำงาน และบางตัวทำหน้าที่เป็น backdoor ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยเตือนว่าผู้เล่นที่ดาวน์โหลดไฟล์เหล่านี้ควรรีบสแกนเครื่องและเปลี่ยนรหัสผ่านทันที
    https://securityonline.info/fragging-your-data-fake-battlefield-6-cracks-trainers-spread-infostealers

    Hidden Danger in 3D: ไฟล์ Blender ปลอมแพร่กระจาย StealC V2 Infostealer
    วงการนักออกแบบ 3D และเกมถูกโจมตีด้วยวิธีใหม่ แฮกเกอร์ปล่อยไฟล์โมเดล 3D ที่ดูเหมือนงานจริง เช่น โมเดลชุดอวกาศ Apollo 11 แต่ภายในฝังสคริปต์ Python อันตราย เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ใน Blender และเปิดใช้งาน Auto Run Python Scripts มัลแวร์จะทำงานทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจะดาวน์โหลด payload ต่อเนื่องและติดตั้ง StealC V2 ซึ่งเป็น infostealer ที่สามารถดูดข้อมูลจากเบราว์เซอร์ กระเป๋าเงินคริปโต และแอปต่าง ๆ เช่น Discord หรือ Telegram จุดอันตรายคือไฟล์เหล่านี้ตรวจจับได้ยากมากในระบบป้องกันทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ต้องระวังเป็นพิเศษ
    https://securityonline.info/hidden-danger-in-3d-malicious-blender-files-unleash-stealc-v2-infostealer

    Zero-Day Warning: ช่องโหว่ Twonky Server เปิดทางยึดระบบสื่อ
    มีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน Twonky Server ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับสตรีมสื่อในบ้านและองค์กร ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษ เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่ได้แพตช์ แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลเพื่อเข้าถึงไฟล์สื่อและแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและความเป็นส่วนตัวอย่างมาก
    https://securityonline.info/zero-day-warning-unpatched-twonky-server-flaws-expose-media-to-total-takeover

    UNMASKED: การรั่วไหลครั้งใหญ่เปิดโปงหน่วยไซเบอร์ “Department 40” ของอิหร่าน
    มีการเปิดเผยข้อมูลครั้งใหญ่ที่แสดงให้เห็นการทำงานของหน่วยไซเบอร์ลับในอิหร่านที่ชื่อว่า Department 40 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ระดับโลก เอกสารที่รั่วไหลออกมาเผยให้เห็นโครงสร้างการทำงาน วิธีการโจมตี และเป้าหมายที่พวกเขาใช้ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือที่ซับซ้อนเพื่อเจาะระบบขององค์กรและรัฐบาลต่างประเทศ การเปิดโปงครั้งนี้ทำให้หลายประเทศเริ่มตรวจสอบและเพิ่มมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด
    https://securityonline.info/unmasked-massive-leak-exposes-irans-department-40-cyber-terror-unit

    Angular Alert: ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ทำให้ XSRF Tokens รั่วไหล
    นักวิจัยพบว่าการใช้ URL แบบ protocol-relative ใน Angular สามารถทำให้โทเคน XSRF รั่วไหลไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัยได้ ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อขโมย session และเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปัญหานี้เกิดจากการที่เฟรมเวิร์กไม่ได้ตรวจสอบเส้นทาง URL อย่างเข้มงวดพอ ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างลิงก์ที่ดูเหมือนปลอดภัยแต่จริง ๆ แล้วส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์
    https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035

    Holiday Heist: ร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งโจมตี Black Friday
    ในช่วง Black Friday มีการตรวจพบร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งที่เลียนแบบ Amazon และแพลตฟอร์มช้อปปิ้งชื่อดังอื่น ๆ เว็บไซต์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้ผู้ซื้อกรอกข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว โดยใช้ดีไซน์และโลโก้ที่เหมือนจริงมาก ผู้ใช้ที่ไม่ทันระวังอาจสูญเสียเงินและข้อมูลไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่าควรตรวจสอบ URL และรีวิวร้านค้าให้ละเอียดก่อนทำการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคา
    https://securityonline.info/holiday-heist-200000-fake-shops-amazon-clones-target-black-friday

    Security Alert: ช่องโหว่ Stored XSS ใน Apache SkyWalking
    Apache SkyWalking ซึ่งเป็นระบบ APM ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการตรวจสอบและติดตามระบบแบบ distributed พบช่องโหว่ Stored XSS ที่อันตรายมาก เพราะโค้ดอันตรายจะถูกบันทึกถาวรในเซิร์ฟเวอร์และทำงานทุกครั้งที่ผู้ดูแลเปิดหน้า dashboard ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้เพื่อขโมย session cookies, redirect ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตราย หรือแม้กระทั่งแก้ไขข้อมูลการแสดงผลเพื่อปกปิดกิจกรรมที่ผิดปกติ ทีมงาน Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 10.3.0 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที
    https://securityonline.info/security-alert-apache-skywalking-stored-xss-vulnerability-cve-2025-54057

    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251127 #securityonline 📰 Meta ถูกกล่าวหาปกปิดข้อมูลภายในที่ชี้ว่า Facebook ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล เรื่องนี้เริ่มจากเอกสารในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่โรงเรียนหลายแห่งในสหรัฐฯ ยื่นต่อบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยมีการเปิดเผยว่า Meta เคยทำการศึกษาในโครงการชื่อ Project Mercury ร่วมกับบริษัท Nielsen ตั้งแต่ปี 2020 ผลการวิจัยพบว่าการเลิกใช้ Facebook ช่วยลดความรู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล และความเหงา แต่ Meta กลับหยุดการศึกษาและไม่เผยแพร่ผลลัพธ์ โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่มีอคติและถูกกระทบจากกระแสสื่อ ขณะเดียวกันมีเสียงจากนักวิจัยภายในที่เปรียบเทียบการกระทำนี้เหมือนกับอุตสาหกรรมบุหรี่ที่เคยปกปิดผลวิจัยเรื่องอันตรายของการสูบบุหรี่ ปัจจุบันคดีนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาในศาล และสะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจที่รัฐบาลทั่วโลกมีต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี 🔗 https://securityonline.info/meta-accused-of-hiding-internal-data-showing-facebook-causes-depression-anxiety 🔐 Tor Project พัฒนาอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ CGO แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่ เครือข่าย Tor ที่ใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้น แม้จะมีชื่อเสียงด้านการรักษาความลับ แต่ก็ไม่ปลอดภัยเสมอไป โดยโปรโตคอลเก่า Tor1 มีช่องโหว่สำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attack ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้ อีกทั้งยังมีการใช้คีย์ AES ซ้ำและตัวตรวจสอบที่อ่อนแอ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนาอัลกอริทึมใหม่ชื่อ Counter Galois Onion (CGO) ที่เมื่อมีการพยายามแก้ไขข้อมูล ข้อความทั้งหมดในเส้นทางนั้นจะเสียหายทันที ทำให้การโจมตีแทบเป็นไปไม่ได้ แม้จะยังไม่มีตารางเวลาชัดเจนในการนำมาใช้กับ Tor Browser แต่ทีมงานกำลังปรับปรุงให้เหมาะกับ CPU รุ่นใหม่ 🔗 https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol ⚠️ PoC Exploit สำหรับช่องโหว่ Windows NTLM Elevation of Privilege ถูกเผยแพร่แล้ว มีการเปิดเผยโค้ดตัวอย่างการโจมตี (PoC Exploit) ที่เจาะช่องโหว่ในระบบ NTLM ของ Windows ซึ่งสามารถนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ Channel Binding และ LDAPS โดยเนื้อหาละเอียดถูกจำกัดให้เฉพาะผู้สนับสนุนที่ลงทะเบียนเท่านั้น แต่การที่ PoC ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะถือเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้โจมตีอาจนำไปใช้จริงได้ 🔗 https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-windows-ntlm-elevation-of-privilege-vulnerability 💻 NVIDIA ออกแพตช์ด่วนแก้ช่องโหว่ร้ายแรงใน DGX Spark เสี่ยงถูกยึดระบบ AI NVIDIA ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับแพลตฟอร์ม DGX Spark ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ขนาดกะทัดรัดที่ใช้ในงานวิจัยและพัฒนา โดยมีช่องโหว่รวม 14 รายการ หนึ่งในนั้นคือ CVE-2025-33187 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ช่องโหว่นี้อยู่ในส่วน SROOT ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ปกป้องโดยชิป SoC และควบคุมระบบได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่อัปเดตทันที ข้อมูลวิจัยและโมเดล AI อาจถูกขโมยหรือแก้ไขโดยไม่รู้ตัว NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดต DGX Spark ไปยังเวอร์ชัน OTA0 โดยเร็วที่สุด 🔗 https://securityonline.info/critical-patch-nvidia-dgx-spark-flaw-cve-2025-33187-cvss-9-3-exposes-ai-secrets-to-takeover 🕵️‍♂️ WormGPT 4 และ KawaiiGPT: AI ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมืออาชญากรรมไซเบอร์ รายงานจาก Unit 42 เปิดเผยว่าโมเดล AI ที่ควรใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ กลับถูกนำไปใช้สร้างภัยคุกคาม WormGPT 4 ถูกโฆษณาในฟอรั่มใต้ดินว่าเป็น “AI ที่ไร้ข้อจำกัด” สามารถสร้างมัลแวร์และสคริปต์เรียกค่าไถ่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเขียนโน้ตข่มขู่ที่ทำให้เหยื่อหวาดกลัว ส่วน KawaiiGPT ถูกนำเสนอในรูปแบบ “Waifu pentesting” ที่ดูน่ารักแต่จริง ๆ แล้วสามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งและสคริปต์โจมตีได้ง่ายมาก ทั้งสองโมเดลนี้ทำให้การโจมตีไซเบอร์เข้าถึงได้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีทักษะสูง สะท้อนถึงการ “ทำให้อาชญากรรมไซเบอร์เป็นประชาธิปไตย” ที่ใครก็สามารถโจมตีได้เพียงแค่พิมพ์คำสั่ง 🔗 https://securityonline.info/silent-fast-brutal-how-wormgpt-4-and-kawaiigpt-democratize-cybercrime 📊 Anthropic เปิดตัว Opus 4.5: AI สำหรับองค์กรที่เชื่อม Excel และแชทได้ไม่สิ้นสุด Anthropic ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของโมเดล AI ชื่อ Opus 4.5 ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระดับองค์กร จุดเด่นคือสามารถเชื่อมต่อกับ Excel ได้โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงานได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ “Infinite Chat” ที่ช่วยให้การสนทนากับ AI ต่อเนื่องได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่หมด session ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน AI ให้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องและการจัดการข้อมูลจำนวนมาก 🔗 https://securityonline.info/anthropic-unleashes-opus-4-5-excel-integration-infinite-chat-for-enterprise-ai 🛒 Perplexity เปิดตัว AI Shopping พร้อม PayPal Instant Buy และค้นหาสินค้าแบบเฉพาะบุคคล Perplexity กำลังขยายขอบเขตการใช้งาน AI จากการค้นหาข้อมูลไปสู่การช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่าน PayPal ได้ทันที (Instant Buy) และยังมีระบบค้นหาสินค้าแบบ Personalized ที่ปรับตามความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ จุดนี้ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์สะดวกขึ้นและตรงใจมากขึ้น ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง AI และอีคอมเมิร์ซที่น่าจับตามอง 🔗 https://securityonline.info/perplexity-launches-ai-shopping-with-paypal-instant-buy-personalized-product-search ⚡ Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Gen 5: CPU เร็วขึ้น 36% และพลัง AI เพิ่มขึ้น 46% Qualcomm ได้เปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Snapdragon 8 Gen 5 ที่มาพร้อมกับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านความเร็วของ CPU ที่เพิ่มขึ้น 36% และพลังการประมวลผล AI ที่มากขึ้นถึง 46% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นอีกอย่างคือการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เหมาะกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่จะออกในปีหน้า ซึ่งจะรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงทั้งเกมและงานด้าน AI ได้อย่างลื่นไหล 🔗 https://securityonline.info/qualcomm-unveils-snapdragon-8-gen-5-36-faster-cpu-46-more-ai-power 🎓 INE ขยายการเรียนรู้แบบ Cross-Skilling เพื่อเพิ่มทักษะหลากหลายให้ผู้เรียน INE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นการ Cross-Skilling หรือการเรียนรู้ทักษะข้ามสาขา เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะที่หลากหลายและนำไปใช้ในงานจริงได้มากขึ้น แนวทางนี้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานที่ต้องการคนที่มีความสามารถหลายด้าน ไม่จำกัดอยู่แค่สายงานเดียว ถือเป็นการปรับตัวของแพลตฟอร์มการศึกษาให้เข้ากับโลกการทำงานยุคใหม่ 🔗 https://securityonline.info/ine-expands-cross-skilling-innovations 🛡️ GitLab ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง ทั้ง DoS และการขโมย Credential ใน CI/CD GitLab ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยล่าสุดที่แก้ไขช่องโหว่หลายรายการ ทั้งการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ที่ไม่ต้องล็อกอินก็ทำได้ และช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถขโมย Credential ของผู้ใช้ระดับสูงในระบบ CI/CD ได้ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านการ bypass authentication และการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรเข้าถึง GitLab แนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น 🔗 https://securityonline.info/gitlab-patch-fixes-ci-cd-credential-theft-unauthenticated-dos-attacks 🕵️‍♂️ Hidden Theft: ส่วนขยาย Chrome “Crypto Copilot” ดูดเงินจากกระเป๋า Solana เรื่องนี้เริ่มจากนักเทรดคริปโตที่อยากได้ความสะดวกในการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม X จึงติดตั้งส่วนขยาย Chrome ที่ชื่อว่า Crypto Copilot ซึ่งโฆษณาว่าสามารถทำให้การเทรดรวดเร็วขึ้น แต่เบื้องหลังกลับเป็นกับดักที่ซ่อนการโอนเงินไปยังกระเป๋าของแฮกเกอร์โดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ผู้ใช้ทำการ swap เหรียญ ระบบจะเพิ่มคำสั่งลับที่โอนเงินส่วนหนึ่งไปยังที่อยู่กระเป๋าที่ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี โดยที่หน้าจอผู้ใช้ไม่แสดงให้เห็นเลย ทำให้หลายคนสูญเสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันส่วนขยายนี้ยังคงอยู่บน Chrome Web Store และนักวิจัยได้ส่งคำร้องให้ Google ลบออกแล้ว 🔗 https://securityonline.info/hidden-theft-crypto-copilot-chrome-extension-drains-solana-wallets-on-x 💻 Critical Ray AI Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Ray Framework ผ่าน Safari และ Firefox Ray เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาใช้ในการทำงานด้าน Machine Learning แต่ล่าสุดพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดอันตรายบนเครื่องของนักพัฒนาได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบ User-Agent ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เทคนิค DNS Rebinding หลอกเบราว์เซอร์ Safari และ Firefox ให้ส่งคำสั่งไปยัง Ray Dashboard ที่รันอยู่ในเครื่องของเหยื่อ ผลลัพธ์คือโค้ดอันตรายสามารถถูกประมวลผลได้ทันที ทีมงาน Ray ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.52.0 และแนะนำให้อัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง 🔗 https://securityonline.info/critical-ray-ai-flaw-exposes-devs-via-safari-firefox-cve-2025-62593 🎯 Water Gamayun Weaponizes “MSC EvilTwin”: กลุ่ม APT รัสเซียใช้ช่องโหว่ Windows เจาะระบบ กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซียชื่อ Water Gamayun ถูกเปิดโปงว่ากำลังใช้ช่องโหว่ใหม่ใน Microsoft Management Console (MMC) ที่เรียกว่า “MSC EvilTwin” เพื่อเจาะระบบองค์กรที่มีมูลค่าสูง วิธีการคือหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็น payload ที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกใช้ช่องโหว่เพื่อรัน PowerShell ลับและติดตั้งมัลแวร์ต่อเนื่อง เป้าหมายของกลุ่มนี้คือการขโมยข้อมูลเชิงกลยุทธ์และสร้างช่องทางเข้าถึงระบบอย่างยาวนาน 🔗 https://securityonline.info/water-gamayun-weaponizes-msc-eviltwin-zero-day-for-stealthy-backdoor-attacks 🎮 Fragging Your Data: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Crack และ Trainer ของ Battlefield 6 การเปิดตัวเกม Battlefield 6 กลายเป็นโอกาสทองของอาชญากรไซเบอร์ พวกเขาปล่อยไฟล์ “Crack” และ “Trainer” ปลอมบนเว็บแชร์ไฟล์และฟอรั่มใต้ดิน โดยอ้างว่าเป็นผลงานของกลุ่มแคร็กชื่อดัง แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้ เช่น กระเป๋าเงินคริปโต คุกกี้เบราว์เซอร์ และโทเคน Discord บางเวอร์ชันยังซ่อนตัวเก่ง ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนทำงาน และบางตัวทำหน้าที่เป็น backdoor ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยเตือนว่าผู้เล่นที่ดาวน์โหลดไฟล์เหล่านี้ควรรีบสแกนเครื่องและเปลี่ยนรหัสผ่านทันที 🔗 https://securityonline.info/fragging-your-data-fake-battlefield-6-cracks-trainers-spread-infostealers 🎨 Hidden Danger in 3D: ไฟล์ Blender ปลอมแพร่กระจาย StealC V2 Infostealer วงการนักออกแบบ 3D และเกมถูกโจมตีด้วยวิธีใหม่ แฮกเกอร์ปล่อยไฟล์โมเดล 3D ที่ดูเหมือนงานจริง เช่น โมเดลชุดอวกาศ Apollo 11 แต่ภายในฝังสคริปต์ Python อันตราย เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ใน Blender และเปิดใช้งาน Auto Run Python Scripts มัลแวร์จะทำงานทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจะดาวน์โหลด payload ต่อเนื่องและติดตั้ง StealC V2 ซึ่งเป็น infostealer ที่สามารถดูดข้อมูลจากเบราว์เซอร์ กระเป๋าเงินคริปโต และแอปต่าง ๆ เช่น Discord หรือ Telegram จุดอันตรายคือไฟล์เหล่านี้ตรวจจับได้ยากมากในระบบป้องกันทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ต้องระวังเป็นพิเศษ 🔗 https://securityonline.info/hidden-danger-in-3d-malicious-blender-files-unleash-stealc-v2-infostealer 📺 Zero-Day Warning: ช่องโหว่ Twonky Server เปิดทางยึดระบบสื่อ มีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน Twonky Server ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับสตรีมสื่อในบ้านและองค์กร ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษ เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่ได้แพตช์ แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลเพื่อเข้าถึงไฟล์สื่อและแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและความเป็นส่วนตัวอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/zero-day-warning-unpatched-twonky-server-flaws-expose-media-to-total-takeover 🕶️ UNMASKED: การรั่วไหลครั้งใหญ่เปิดโปงหน่วยไซเบอร์ “Department 40” ของอิหร่าน มีการเปิดเผยข้อมูลครั้งใหญ่ที่แสดงให้เห็นการทำงานของหน่วยไซเบอร์ลับในอิหร่านที่ชื่อว่า Department 40 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ระดับโลก เอกสารที่รั่วไหลออกมาเผยให้เห็นโครงสร้างการทำงาน วิธีการโจมตี และเป้าหมายที่พวกเขาใช้ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือที่ซับซ้อนเพื่อเจาะระบบขององค์กรและรัฐบาลต่างประเทศ การเปิดโปงครั้งนี้ทำให้หลายประเทศเริ่มตรวจสอบและเพิ่มมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด 🔗 https://securityonline.info/unmasked-massive-leak-exposes-irans-department-40-cyber-terror-unit ⚠️ Angular Alert: ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ทำให้ XSRF Tokens รั่วไหล นักวิจัยพบว่าการใช้ URL แบบ protocol-relative ใน Angular สามารถทำให้โทเคน XSRF รั่วไหลไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัยได้ ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อขโมย session และเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปัญหานี้เกิดจากการที่เฟรมเวิร์กไม่ได้ตรวจสอบเส้นทาง URL อย่างเข้มงวดพอ ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างลิงก์ที่ดูเหมือนปลอดภัยแต่จริง ๆ แล้วส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์ 🔗 https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035 🛍️ Holiday Heist: ร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งโจมตี Black Friday ในช่วง Black Friday มีการตรวจพบร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งที่เลียนแบบ Amazon และแพลตฟอร์มช้อปปิ้งชื่อดังอื่น ๆ เว็บไซต์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้ผู้ซื้อกรอกข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว โดยใช้ดีไซน์และโลโก้ที่เหมือนจริงมาก ผู้ใช้ที่ไม่ทันระวังอาจสูญเสียเงินและข้อมูลไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่าควรตรวจสอบ URL และรีวิวร้านค้าให้ละเอียดก่อนทำการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคา 🔗 https://securityonline.info/holiday-heist-200000-fake-shops-amazon-clones-target-black-friday 🛡️ Security Alert: ช่องโหว่ Stored XSS ใน Apache SkyWalking Apache SkyWalking ซึ่งเป็นระบบ APM ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการตรวจสอบและติดตามระบบแบบ distributed พบช่องโหว่ Stored XSS ที่อันตรายมาก เพราะโค้ดอันตรายจะถูกบันทึกถาวรในเซิร์ฟเวอร์และทำงานทุกครั้งที่ผู้ดูแลเปิดหน้า dashboard ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้เพื่อขโมย session cookies, redirect ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตราย หรือแม้กระทั่งแก้ไขข้อมูลการแสดงผลเพื่อปกปิดกิจกรรมที่ผิดปกติ ทีมงาน Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 10.3.0 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/security-alert-apache-skywalking-stored-xss-vulnerability-cve-2025-54057
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • การลงทุนครั้งใหญ่ของ Foxconn

    ข่าวนี้เล่าถึงการที่ Foxconn ได้รับอนุมัติให้ลงทุนเพิ่มอีก 549 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายโรงงานในรัฐวิสคอนซิน สหรัฐฯ โดยเปลี่ยนจากการผลิตจอ LCD มาสู่การสร้าง AI Data Servers เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม AI และ Data Center

    Foxconn ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ (เช่น iPhone ให้ Apple) ได้รับการอนุมัติจาก Wisconsin Economic Development Corporation (WEDC) ให้ลงทุนเพิ่ม 549 ล้านดอลลาร์ในโรงงานที่ Racine County การลงทุนนี้จะช่วยสร้างงานใหม่กว่า 1,374 ตำแหน่ง และเพิ่มกำลังการผลิต AI Servers เพื่อตอบสนองตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

    ความต้องการ AI และ Data Center
    ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลและ AI กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Microsoft และ TSMC กำลังเร่งสร้าง Data Center และโรงงานผลิตชิปเพื่อรองรับการใช้งาน GPU และหน่วยความจำความเร็วสูง การลงทุนของ Foxconn จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระแสการขยายตัวครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้

    ผลกระทบต่อชุมชนและเศรษฐกิจ
    การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มกำลังการผลิต แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนในวิสคอนซิน โรงงานที่เคยถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการผลิต LCD มูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ กลับถูกปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการใหม่ในตลาด AI ซึ่งอาจทำให้โครงการนี้มีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว

    ความเสี่ยงและความท้าทาย
    แม้การลงทุนครั้งนี้จะเป็นข่าวดี แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าตลาด AI อาจกำลังอยู่ในภาวะ “ฟองสบู่” หากความต้องการลดลงในอนาคต Foxconn และผู้ผลิตรายอื่นอาจเผชิญกับปัญหาการลงทุนเกินความจำเป็น และความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนที่ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ

    สรุปสาระสำคัญ
    Foxconn ลงทุนเพิ่ม 549 ล้านดอลลาร์ในวิสคอนซิน
    ได้รับอนุมัติจาก WEDC
    สร้างงานใหม่กว่า 1,374 ตำแหน่ง

    ความต้องการ AI และ Data Center
    ตลาดโลกต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลเพิ่มขึ้น
    บริษัทเทคโนโลยีเร่งสร้างโรงงานและ Data Center

    ผลกระทบต่อชุมชน
    สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใน Racine County
    โรงงาน LCD เดิมถูกปรับเปลี่ยนเป็น AI Server

    ความหมายเชิงกลยุทธ์
    Foxconn ปรับตัวตามกระแส AI
    เพิ่มความมั่นคงของโครงการในระยะยาว

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรม AI
    ตลาด AI อาจอยู่ในภาวะฟองสบู่
    การลงทุนเกินความจำเป็นอาจสร้างความเสี่ยงในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/foxconn-to-expand-u-s-operations-at-wisconsin-site-with-usd549-million-investment-taiwanese-company-gets-approval-for-more-ai-data-center-industry-in-racine-county
    🏭 การลงทุนครั้งใหญ่ของ Foxconn ข่าวนี้เล่าถึงการที่ Foxconn ได้รับอนุมัติให้ลงทุนเพิ่มอีก 549 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายโรงงานในรัฐวิสคอนซิน สหรัฐฯ โดยเปลี่ยนจากการผลิตจอ LCD มาสู่การสร้าง AI Data Servers เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม AI และ Data Center Foxconn ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ (เช่น iPhone ให้ Apple) ได้รับการอนุมัติจาก Wisconsin Economic Development Corporation (WEDC) ให้ลงทุนเพิ่ม 549 ล้านดอลลาร์ในโรงงานที่ Racine County การลงทุนนี้จะช่วยสร้างงานใหม่กว่า 1,374 ตำแหน่ง และเพิ่มกำลังการผลิต AI Servers เพื่อตอบสนองตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ⚡ ความต้องการ AI และ Data Center ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลและ AI กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Microsoft และ TSMC กำลังเร่งสร้าง Data Center และโรงงานผลิตชิปเพื่อรองรับการใช้งาน GPU และหน่วยความจำความเร็วสูง การลงทุนของ Foxconn จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระแสการขยายตัวครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ 🌍 ผลกระทบต่อชุมชนและเศรษฐกิจ การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มกำลังการผลิต แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนในวิสคอนซิน โรงงานที่เคยถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการผลิต LCD มูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ กลับถูกปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการใหม่ในตลาด AI ซึ่งอาจทำให้โครงการนี้มีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว 🔒 ความเสี่ยงและความท้าทาย แม้การลงทุนครั้งนี้จะเป็นข่าวดี แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าตลาด AI อาจกำลังอยู่ในภาวะ “ฟองสบู่” หากความต้องการลดลงในอนาคต Foxconn และผู้ผลิตรายอื่นอาจเผชิญกับปัญหาการลงทุนเกินความจำเป็น และความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนที่ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Foxconn ลงทุนเพิ่ม 549 ล้านดอลลาร์ในวิสคอนซิน ➡️ ได้รับอนุมัติจาก WEDC ➡️ สร้างงานใหม่กว่า 1,374 ตำแหน่ง ✅ ความต้องการ AI และ Data Center ➡️ ตลาดโลกต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลเพิ่มขึ้น ➡️ บริษัทเทคโนโลยีเร่งสร้างโรงงานและ Data Center ✅ ผลกระทบต่อชุมชน ➡️ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใน Racine County ➡️ โรงงาน LCD เดิมถูกปรับเปลี่ยนเป็น AI Server ✅ ความหมายเชิงกลยุทธ์ ➡️ Foxconn ปรับตัวตามกระแส AI ➡️ เพิ่มความมั่นคงของโครงการในระยะยาว ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรม AI ⛔ ตลาด AI อาจอยู่ในภาวะฟองสบู่ ⛔ การลงทุนเกินความจำเป็นอาจสร้างความเสี่ยงในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/foxconn-to-expand-u-s-operations-at-wisconsin-site-with-usd549-million-investment-taiwanese-company-gets-approval-for-more-ai-data-center-industry-in-racine-county
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • ความก้าวหน้าของ CXMT

    CXMT เปิดตัวชิปหน่วยความจำ DDR5-8000 ที่มีความเร็วสูงถึง 8,000 MT/s และ LPDDR5X-10667 สำหรับอุปกรณ์พกพา แม้จะไม่มีเครื่องมือการผลิตระดับ sub-18nm ที่ทันสมัย แต่บริษัทสามารถสร้างชิปที่มีความจุ 16Gb และ 24Gb ได้ ซึ่งเพียงพอสำหรับการผลิตโมดูลหน่วยความจำทั้งแบบ binary (16GB, 32GB) และ non-binary (24GB, 48GB)

    ความท้าทายจากข้อจำกัดการส่งออก
    เนื่องจากถูกสหรัฐฯ จำกัดการเข้าถึงเครื่องจักรและเทคโนโลยีขั้นสูง CXMT ต้องพัฒนาโดยใช้เครื่องมือที่ล้าหลังกว่า แต่ยังสามารถผลิตชิปที่มีความเร็วและความจุสูงได้ ถือเป็นการพิสูจน์ว่าจีนยังคงเดินหน้าพัฒนาแม้ถูกกดดันทางการค้าและเทคโนโลยี

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก
    การที่ CXMT สามารถผลิต DRAM ความเร็วสูงได้ แสดงให้เห็นว่าจีนกำลังลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ และอาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ เช่น Samsung และ SK Hynix ในอนาคต หาก CXMT สามารถผลิตในปริมาณมากและรักษาคุณภาพได้ ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาดโลก

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องเทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามของจีนในการสร้าง ความมั่นคงทางเทคโนโลยี และลดผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ การพัฒนา DRAM รุ่นใหม่จึงเป็นทั้งสัญลักษณ์และกลยุทธ์ในสงครามเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ

    สรุปสาระสำคัญ
    ความก้าวหน้าของ CXMT
    เปิดตัว DDR5-8000 และ LPDDR5X-10667
    ความจุสูงสุด 24Gb รองรับโมดูลทั้ง binary และ non-binary

    ความท้าทายจากข้อจำกัด
    ไม่มีเครื่องมือ sub-18nm แต่ยังผลิตชิปความเร็วสูงได้
    แสดงถึงความสามารถในการพัฒนาแม้ถูกกดดัน

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก
    อาจแข่งขันกับ Samsung และ SK Hynix ได้ในอนาคต
    ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    เป็นสัญลักษณ์ของความพยายามสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี
    สะท้อนสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐฯ

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรม DRAM
    หาก CXMT ผลิตได้ในปริมาณมาก อาจเปลี่ยนโครงสร้างตลาดโลก
    การแข่งขันอาจนำไปสู่สงครามราคาที่กระทบผู้ผลิตรายอื่น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/chinas-banned-memory-maker-cxmt-unveils-surprising-new-chipmaking-capabilities-despite-crushing-us-export-restrictions-ddr5-8000-and-lpddr5x-10667-displayed
    ⚡ ความก้าวหน้าของ CXMT CXMT เปิดตัวชิปหน่วยความจำ DDR5-8000 ที่มีความเร็วสูงถึง 8,000 MT/s และ LPDDR5X-10667 สำหรับอุปกรณ์พกพา แม้จะไม่มีเครื่องมือการผลิตระดับ sub-18nm ที่ทันสมัย แต่บริษัทสามารถสร้างชิปที่มีความจุ 16Gb และ 24Gb ได้ ซึ่งเพียงพอสำหรับการผลิตโมดูลหน่วยความจำทั้งแบบ binary (16GB, 32GB) และ non-binary (24GB, 48GB) 🏭 ความท้าทายจากข้อจำกัดการส่งออก เนื่องจากถูกสหรัฐฯ จำกัดการเข้าถึงเครื่องจักรและเทคโนโลยีขั้นสูง CXMT ต้องพัฒนาโดยใช้เครื่องมือที่ล้าหลังกว่า แต่ยังสามารถผลิตชิปที่มีความเร็วและความจุสูงได้ ถือเป็นการพิสูจน์ว่าจีนยังคงเดินหน้าพัฒนาแม้ถูกกดดันทางการค้าและเทคโนโลยี 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก การที่ CXMT สามารถผลิต DRAM ความเร็วสูงได้ แสดงให้เห็นว่าจีนกำลังลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ และอาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ เช่น Samsung และ SK Hynix ในอนาคต หาก CXMT สามารถผลิตในปริมาณมากและรักษาคุณภาพได้ ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาดโลก 🔒 ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องเทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามของจีนในการสร้าง ความมั่นคงทางเทคโนโลยี และลดผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ การพัฒนา DRAM รุ่นใหม่จึงเป็นทั้งสัญลักษณ์และกลยุทธ์ในสงครามเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความก้าวหน้าของ CXMT ➡️ เปิดตัว DDR5-8000 และ LPDDR5X-10667 ➡️ ความจุสูงสุด 24Gb รองรับโมดูลทั้ง binary และ non-binary ✅ ความท้าทายจากข้อจำกัด ➡️ ไม่มีเครื่องมือ sub-18nm แต่ยังผลิตชิปความเร็วสูงได้ ➡️ แสดงถึงความสามารถในการพัฒนาแม้ถูกกดดัน ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลก ➡️ อาจแข่งขันกับ Samsung และ SK Hynix ได้ในอนาคต ➡️ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ ✅ ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ เป็นสัญลักษณ์ของความพยายามสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี ➡️ สะท้อนสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐฯ ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรม DRAM ⛔ หาก CXMT ผลิตได้ในปริมาณมาก อาจเปลี่ยนโครงสร้างตลาดโลก ⛔ การแข่งขันอาจนำไปสู่สงครามราคาที่กระทบผู้ผลิตรายอื่น https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/chinas-banned-memory-maker-cxmt-unveils-surprising-new-chipmaking-capabilities-despite-crushing-us-export-restrictions-ddr5-8000-and-lpddr5x-10667-displayed
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • Pichai มองอนาคต Quantum Computing

    Sundar Pichai กล่าวในพอดแคสต์ Google AI: Release Notes ว่าโลกจะรู้สึกถึง “ความตื่นเต้นหายใจไม่ทั่วท้อง” (breathless excitement) เกี่ยวกับ Quantum Computing ภายใน 5 ปีข้างหน้า เขาเปรียบเทียบกับกระแส AI ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมองว่า Quantum Computing จะเป็น Next Paradigm Shift ที่ต่อยอดจากความสำเร็จของ AI

    เขาย้อนเล่าถึงการวางกลยุทธ์ AI-first ตั้งแต่ปี 2016 ที่เริ่มจากงานวิจัย Google Brain และการเข้าซื้อกิจการ DeepMind ซึ่งนำไปสู่ชัยชนะของ AlphaGo และการเปิดตัว Tensor Processing Unit (TPU) รุ่นแรกในปีเดียวกัน

    Gemini 3 และ Nano Banana Pro
    Pichai กล่าวถึงการเปิดตัว Gemini 3 และ Nano Banana Pro ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์งานได้ตามจินตนาการ โดยเฉพาะ Nano Banana Pro ที่โดดเด่นในการสร้าง Infographics และงานภาพเชิงข้อมูล เขายังคาดหวังว่า Gemini 3.0 Flash จะเป็นโมเดลที่ดีที่สุดของ Google และช่วยให้บริการ AI เข้าถึงผู้ใช้ในวงกว้างมากขึ้น

    Project Suncatcher และ Data Center ในอวกาศ
    อีกหนึ่งไฮไลต์คือการพูดถึง Project Suncatcher ซึ่งเป็นแผนการสร้าง Data Center ในอวกาศภายในปี 2027 เพื่อรองรับความต้องการพลังประมวลผลมหาศาลในอนาคต Pichai มองว่าแนวคิดนี้แม้ดูเหนือจริง แต่ก็สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาถึงความต้องการด้านคอมพิวเตอร์ในอนาคต เขายังหยอกล้อว่า TPU ในอวกาศอาจเจอกับ Tesla Roadster ที่ลอยอยู่ในวงโคจร

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Pichai คาดการณ์ Quantum Computing จะสร้างความตื่นเต้นภายใน 5 ปี
    เปรียบเทียบกับกระแส AI ในปัจจุบัน
    มองว่าเป็น Paradigm Shift ถัดไป

    Google AI-first Strategy ตั้งแต่ปี 2016
    เริ่มจาก Google Brain และ DeepMind
    เปิดตัว TPU รุ่นแรกในปีเดียวกัน

    Gemini 3 และ Nano Banana Pro เปิดตัวแล้ว
    Nano Banana Pro เด่นด้าน Infographics
    Gemini 3.0 Flash อาจเป็นโมเดลที่ดีที่สุด

    Project Suncatcher: Data Center ในอวกาศปี 2027
    รองรับความต้องการพลังประมวลผลอนาคต
    แนวคิดแม้ดูเหนือจริงแต่มีเหตุผล

    คำเตือนสำหรับผู้ติดตามเทคโนโลยี
    Quantum Computing ยังอยู่ในระยะวิจัย ไม่พร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์ทันที
    Project Suncatcher ยังเป็นแผนการทดลอง อาจมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและเทคโนโลยี

    https://securityonline.info/pichai-forecast-quantum-computing-will-reach-breathless-excitement-in-five-years/
    🔮 Pichai มองอนาคต Quantum Computing Sundar Pichai กล่าวในพอดแคสต์ Google AI: Release Notes ว่าโลกจะรู้สึกถึง “ความตื่นเต้นหายใจไม่ทั่วท้อง” (breathless excitement) เกี่ยวกับ Quantum Computing ภายใน 5 ปีข้างหน้า เขาเปรียบเทียบกับกระแส AI ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยมองว่า Quantum Computing จะเป็น Next Paradigm Shift ที่ต่อยอดจากความสำเร็จของ AI เขาย้อนเล่าถึงการวางกลยุทธ์ AI-first ตั้งแต่ปี 2016 ที่เริ่มจากงานวิจัย Google Brain และการเข้าซื้อกิจการ DeepMind ซึ่งนำไปสู่ชัยชนะของ AlphaGo และการเปิดตัว Tensor Processing Unit (TPU) รุ่นแรกในปีเดียวกัน 🚀 Gemini 3 และ Nano Banana Pro Pichai กล่าวถึงการเปิดตัว Gemini 3 และ Nano Banana Pro ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์งานได้ตามจินตนาการ โดยเฉพาะ Nano Banana Pro ที่โดดเด่นในการสร้าง Infographics และงานภาพเชิงข้อมูล เขายังคาดหวังว่า Gemini 3.0 Flash จะเป็นโมเดลที่ดีที่สุดของ Google และช่วยให้บริการ AI เข้าถึงผู้ใช้ในวงกว้างมากขึ้น 🌌 Project Suncatcher และ Data Center ในอวกาศ อีกหนึ่งไฮไลต์คือการพูดถึง Project Suncatcher ซึ่งเป็นแผนการสร้าง Data Center ในอวกาศภายในปี 2027 เพื่อรองรับความต้องการพลังประมวลผลมหาศาลในอนาคต Pichai มองว่าแนวคิดนี้แม้ดูเหนือจริง แต่ก็สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาถึงความต้องการด้านคอมพิวเตอร์ในอนาคต เขายังหยอกล้อว่า TPU ในอวกาศอาจเจอกับ Tesla Roadster ที่ลอยอยู่ในวงโคจร 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Pichai คาดการณ์ Quantum Computing จะสร้างความตื่นเต้นภายใน 5 ปี ➡️ เปรียบเทียบกับกระแส AI ในปัจจุบัน ➡️ มองว่าเป็น Paradigm Shift ถัดไป ✅ Google AI-first Strategy ตั้งแต่ปี 2016 ➡️ เริ่มจาก Google Brain และ DeepMind ➡️ เปิดตัว TPU รุ่นแรกในปีเดียวกัน ✅ Gemini 3 และ Nano Banana Pro เปิดตัวแล้ว ➡️ Nano Banana Pro เด่นด้าน Infographics ➡️ Gemini 3.0 Flash อาจเป็นโมเดลที่ดีที่สุด ✅ Project Suncatcher: Data Center ในอวกาศปี 2027 ➡️ รองรับความต้องการพลังประมวลผลอนาคต ➡️ แนวคิดแม้ดูเหนือจริงแต่มีเหตุผล ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ติดตามเทคโนโลยี ⛔ Quantum Computing ยังอยู่ในระยะวิจัย ไม่พร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์ทันที ⛔ Project Suncatcher ยังเป็นแผนการทดลอง อาจมีความเสี่ยงด้านต้นทุนและเทคโนโลยี https://securityonline.info/pichai-forecast-quantum-computing-will-reach-breathless-excitement-in-five-years/
    SECURITYONLINE.INFO
    Pichai Forecast: Quantum Computing Will Reach 'Breathless Excitement' in Five Years
    Google CEO Sundar Pichai forecasts quantum computing will match today's AI excitement in 5 years. He also touched on Gemini 3's success and Project Suncatcher (space data centers).
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • Rapidus เตรียมสร้างโรงงานผลิตชิป 1.4nm ในปี 2027

    บริษัท Rapidus ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์จากญี่ปุ่นประกาศว่าจะเริ่มสร้างโรงงานผลิตชิปขนาด 1.4 นาโนเมตร ในปีงบประมาณ 2027 โดยตั้งเป้าเริ่มผลิตจริงที่ฮอกไกโดในปี 2029 ขณะเดียวกันจะเริ่มงานวิจัยและพัฒนาเต็มรูปแบบของเทคโนโลยีนี้ตั้งแต่ปีหน้า เพื่อไล่ตามคู่แข่งรายใหญ่ เช่น TSMC, Samsung และ Intel

    การสนับสนุนจากรัฐบาลและบริษัทยักษ์ใหญ่
    Rapidus ได้รับเงินสนับสนุนมหาศาลจากรัฐบาลญี่ปุ่น รวมถึงบริษัทรายใหญ่ เช่น Toyota และ Sony โดยมีการลงทุนแล้วกว่า 1.7 ล้านล้านเยน (มากกว่า 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และยังมีเงินทุนเพิ่มเติมอีกหลายแสนล้านเยนที่จะตามมา การสนับสนุนนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของญี่ปุ่นที่จะสร้างอุตสาหกรรมชิปที่แข่งขันได้ในระดับโลก

    ความท้าทายในการแข่งขัน
    แม้จะมีเงินทุนและการสนับสนุน แต่ Rapidus ยังต้องเผชิญกับความท้าทายใหญ่ เนื่องจากคู่แข่งอย่าง Intel ได้เริ่มผลิตชิป 18A (2nm class) แล้ว และ TSMC กำลังเร่งผลิตชิปขั้นสูงในสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองความต้องการจากศูนย์ข้อมูล AI นอกจากนี้ โรงงานใหม่ยังต้องแก้ปัญหาเรื่อง yield หรืออัตราการผลิตที่ใช้ได้จริง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทุกบริษัทต้องเจอเมื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่

    ความหมายต่ออนาคตอุตสาหกรรมชิป
    การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ญี่ปุ่นกลับมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ แต่ยังอาจเปิดทางไปสู่การผลิตชิป 1nm ในอนาคต หาก Rapidus สามารถแก้ปัญหาทางเทคนิคและสร้างความแตกต่างด้วยเทคนิคการแพ็กเกจขั้นสูงที่บริษัทอ้างว่าจะช่วยให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    แผนการสร้างโรงงาน Rapidus
    เริ่มสร้างโรงงาน 1.4nm ในปี 2027 และผลิตจริงปี 2029

    การสนับสนุนทางการเงิน
    ได้รับเงินลงทุนกว่า 1.7 ล้านล้านเยนจากรัฐบาลและบริษัทยักษ์ใหญ่

    ความท้าทาย
    ต้องแข่งขันกับ Intel และ TSMC ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่า

    เป้าหมายในอนาคต
    อาจพัฒนาไปสู่การผลิตชิป 1nm

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    Yield หรืออัตราการผลิตที่ใช้ได้จริงอาจเป็นอุปสรรคใหญ่

    ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน
    Rapidus ยังตามหลังคู่แข่งที่เริ่มผลิตชิปขั้นสูงแล้ว

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/rapidus-to-start-construction-on-1-4nm-fab-in-2027-research-and-development-on-node-to-begin-next-year
    🏭 Rapidus เตรียมสร้างโรงงานผลิตชิป 1.4nm ในปี 2027 บริษัท Rapidus ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์จากญี่ปุ่นประกาศว่าจะเริ่มสร้างโรงงานผลิตชิปขนาด 1.4 นาโนเมตร ในปีงบประมาณ 2027 โดยตั้งเป้าเริ่มผลิตจริงที่ฮอกไกโดในปี 2029 ขณะเดียวกันจะเริ่มงานวิจัยและพัฒนาเต็มรูปแบบของเทคโนโลยีนี้ตั้งแต่ปีหน้า เพื่อไล่ตามคู่แข่งรายใหญ่ เช่น TSMC, Samsung และ Intel 💰 การสนับสนุนจากรัฐบาลและบริษัทยักษ์ใหญ่ Rapidus ได้รับเงินสนับสนุนมหาศาลจากรัฐบาลญี่ปุ่น รวมถึงบริษัทรายใหญ่ เช่น Toyota และ Sony โดยมีการลงทุนแล้วกว่า 1.7 ล้านล้านเยน (มากกว่า 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และยังมีเงินทุนเพิ่มเติมอีกหลายแสนล้านเยนที่จะตามมา การสนับสนุนนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของญี่ปุ่นที่จะสร้างอุตสาหกรรมชิปที่แข่งขันได้ในระดับโลก ⚙️ ความท้าทายในการแข่งขัน แม้จะมีเงินทุนและการสนับสนุน แต่ Rapidus ยังต้องเผชิญกับความท้าทายใหญ่ เนื่องจากคู่แข่งอย่าง Intel ได้เริ่มผลิตชิป 18A (2nm class) แล้ว และ TSMC กำลังเร่งผลิตชิปขั้นสูงในสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองความต้องการจากศูนย์ข้อมูล AI นอกจากนี้ โรงงานใหม่ยังต้องแก้ปัญหาเรื่อง yield หรืออัตราการผลิตที่ใช้ได้จริง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทุกบริษัทต้องเจอเมื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ 🌍 ความหมายต่ออนาคตอุตสาหกรรมชิป การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ญี่ปุ่นกลับมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ แต่ยังอาจเปิดทางไปสู่การผลิตชิป 1nm ในอนาคต หาก Rapidus สามารถแก้ปัญหาทางเทคนิคและสร้างความแตกต่างด้วยเทคนิคการแพ็กเกจขั้นสูงที่บริษัทอ้างว่าจะช่วยให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แผนการสร้างโรงงาน Rapidus ➡️ เริ่มสร้างโรงงาน 1.4nm ในปี 2027 และผลิตจริงปี 2029 ✅ การสนับสนุนทางการเงิน ➡️ ได้รับเงินลงทุนกว่า 1.7 ล้านล้านเยนจากรัฐบาลและบริษัทยักษ์ใหญ่ ✅ ความท้าทาย ➡️ ต้องแข่งขันกับ Intel และ TSMC ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่า ✅ เป้าหมายในอนาคต ➡️ อาจพัฒนาไปสู่การผลิตชิป 1nm ‼️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ Yield หรืออัตราการผลิตที่ใช้ได้จริงอาจเป็นอุปสรรคใหญ่ ‼️ ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน ⛔ Rapidus ยังตามหลังคู่แข่งที่เริ่มผลิตชิปขั้นสูงแล้ว https://www.tomshardware.com/tech-industry/rapidus-to-start-construction-on-1-4nm-fab-in-2027-research-and-development-on-node-to-begin-next-year
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • Ultramarine Linux 43 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

    Ultramarine Linux 43 เป็นดิสโทรที่สร้างบน Fedora 43 โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสบการณ์ใช้งานที่ยืดหยุ่นและทันสมัย รุ่นนี้มาพร้อมกับ Pinebook Pro support และอิมเมจสำหรับ Raspberry Pi 4 ที่ได้รับการปรับปรุง นอกจากนี้ยังรองรับ CachyOS kernel เป็นตัวเลือกเสริมสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการปรับแต่งประสิทธิภาพ

    เดสก์ท็อปและธีมใหม่
    ในเวอร์ชันนี้มีการอัปเดตเดสก์ท็อปหลัก ได้แก่ KDE Plasma 6.5, GNOME 49, Xfce 4.20 และ Budgie โดย Xfce edition มาพร้อมธีมใหม่ชื่อ Orchis ที่ช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานให้ทันสมัยและสวยงามขึ้น ขณะเดียวกันทีมพัฒนาได้ประกาศว่า Plasma Edition จะเป็นรุ่นที่แนะนำสำหรับผู้ใช้ใหม่ แทนที่ Budgie ที่เคยเป็น "Flagship" มาก่อน

    ฟีเจอร์ใหม่ Readymade Installer
    Ultramarine 43 เป็นรุ่นแรกที่นำเสนอ Readymade installer ซึ่งเป็น frontend สำหรับ systemd-repart โดยออกแบบมาเพื่อการติดตั้งเต็มดิสก์เท่านั้น ถือเป็นทางเลือกใหม่แทน Anaconda installer ที่ใช้กันมายาวนาน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การติดตั้งระบบง่ายขึ้นและเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความรวดเร็ว

    การกลับมาของ RPM และการปรับปรุงอื่น ๆ
    นอกจาก Flatpak แล้ว Ultramarine 43 ยังนำตัวเลือก RPM packages กลับมาอีกครั้ง เพื่อให้ผู้ใช้มีทางเลือกในการติดตั้งซอฟต์แวร์มากขึ้น รุ่นนี้ยังรองรับสถาปัตยกรรม x86_64 และ ARM64 (AArch64) ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งบนเครื่อง PC และอุปกรณ์ ARM

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ultramarine Linux 43 เปิดตัวบน Fedora 43
    รองรับ Pinebook Pro และ Raspberry Pi 4

    อัปเดตเดสก์ท็อปหลัก
    KDE Plasma 6.5, GNOME 49, Xfce 4.20, Budgie พร้อมธีม Orchis

    Plasma Edition กลายเป็นรุ่นแนะนำ
    แทนที่ Budgie ที่เคยเป็น Flagship

    Readymade Installer เปิดตัวครั้งแรก
    ใช้ systemd-repart สำหรับการติดตั้งเต็มดิสก์

    การกลับมาของ RPM packages
    เพิ่มความยืดหยุ่นในการติดตั้งซอฟต์แวร์

    ข้อควรระวัง
    Readymade installer เหมาะสำหรับ full disk install เท่านั้น ไม่ควรใช้กับการติดตั้งแบบ dual-boot

    https://9to5linux.com/fedora-based-ultramarine-43-is-now-available-with-pinebook-pro-support
    🖥️ Ultramarine Linux 43 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ Ultramarine Linux 43 เป็นดิสโทรที่สร้างบน Fedora 43 โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสบการณ์ใช้งานที่ยืดหยุ่นและทันสมัย รุ่นนี้มาพร้อมกับ Pinebook Pro support และอิมเมจสำหรับ Raspberry Pi 4 ที่ได้รับการปรับปรุง นอกจากนี้ยังรองรับ CachyOS kernel เป็นตัวเลือกเสริมสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการปรับแต่งประสิทธิภาพ 🎨 เดสก์ท็อปและธีมใหม่ ในเวอร์ชันนี้มีการอัปเดตเดสก์ท็อปหลัก ได้แก่ KDE Plasma 6.5, GNOME 49, Xfce 4.20 และ Budgie โดย Xfce edition มาพร้อมธีมใหม่ชื่อ Orchis ที่ช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานให้ทันสมัยและสวยงามขึ้น ขณะเดียวกันทีมพัฒนาได้ประกาศว่า Plasma Edition จะเป็นรุ่นที่แนะนำสำหรับผู้ใช้ใหม่ แทนที่ Budgie ที่เคยเป็น "Flagship" มาก่อน ⚡ ฟีเจอร์ใหม่ Readymade Installer Ultramarine 43 เป็นรุ่นแรกที่นำเสนอ Readymade installer ซึ่งเป็น frontend สำหรับ systemd-repart โดยออกแบบมาเพื่อการติดตั้งเต็มดิสก์เท่านั้น ถือเป็นทางเลือกใหม่แทน Anaconda installer ที่ใช้กันมายาวนาน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การติดตั้งระบบง่ายขึ้นและเหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความรวดเร็ว 🔧 การกลับมาของ RPM และการปรับปรุงอื่น ๆ นอกจาก Flatpak แล้ว Ultramarine 43 ยังนำตัวเลือก RPM packages กลับมาอีกครั้ง เพื่อให้ผู้ใช้มีทางเลือกในการติดตั้งซอฟต์แวร์มากขึ้น รุ่นนี้ยังรองรับสถาปัตยกรรม x86_64 และ ARM64 (AArch64) ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งบนเครื่อง PC และอุปกรณ์ ARM 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ultramarine Linux 43 เปิดตัวบน Fedora 43 ➡️ รองรับ Pinebook Pro และ Raspberry Pi 4 ✅ อัปเดตเดสก์ท็อปหลัก ➡️ KDE Plasma 6.5, GNOME 49, Xfce 4.20, Budgie พร้อมธีม Orchis ✅ Plasma Edition กลายเป็นรุ่นแนะนำ ➡️ แทนที่ Budgie ที่เคยเป็น Flagship ✅ Readymade Installer เปิดตัวครั้งแรก ➡️ ใช้ systemd-repart สำหรับการติดตั้งเต็มดิสก์ ✅ การกลับมาของ RPM packages ➡️ เพิ่มความยืดหยุ่นในการติดตั้งซอฟต์แวร์ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ Readymade installer เหมาะสำหรับ full disk install เท่านั้น ไม่ควรใช้กับการติดตั้งแบบ dual-boot https://9to5linux.com/fedora-based-ultramarine-43-is-now-available-with-pinebook-pro-support
    9TO5LINUX.COM
    Fedora-Based Ultramarine 43 Is Now Available with Pinebook Pro Support - 9to5Linux
    Ultramarine 43 Linux distribution is now available for download based on Fedora Linux 43 and featuring Pinebook Pro support.
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 8

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 8
    ตั้งแต่ปี ค.ศ.1800 กว่าเป็นต้นมา อเมริกาเริ่มให้ความสนใจทะเลฝั่งแปซิฟิก ไม่ใช่มองเห็นแต่ฝั่งแอตแลนติกของลูกพี่ อังกฤษเท่านั้น แต่กว่าจะหันมาสนใจจริงจัง ก็ปาเข้า ปี ค.ศ.1853 ที่เอาเรือปืนไปเยี่ยมสวัสดีโชกุนนั่นแหละ ระหว่างเดินทางไปญี่ปุ่น โลกของอเมริกา ค่อยๆกว้างขึ้น อเมริกา คงเพิ่งเห็นจีนชัดขึ้น
    จีนเป็นตลาดที่กว้างใหญ่ พลเมืองประมาณ 450 ล้านคน ในตอนนั้น ในสายตาของนักธุรกิจอเมริกันบอก นั่นคือโอกาสขายสินค้า 450 ล้านชิ้น จะสร้างกำไรงามขนาดไหนให้แก่พวก เรา ส่วนพวกมิชชันนารีก็มอง 450 ล้านคนว่า เป็นโอกาสทองที่จะจับ 450 ล้านเข้ารีต ได้กี่ล้านคนนะ ตลาดใหญ่แบบนี้ ไม่เข้าไปบุกได้อย่างไร
    อเมริกา มัวแต่สร้างประเทศ และรบกันเอง กว่าจะมองเห็น (ราคาของ) จีน ก็ถูกฝรั่งชาติอื่นแซงหน้าไปแล้ว รัสเซีย อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรียและแม้แต่ญี่ปุ่น ต่างก็เล็งเป้า ตั้งเข็มทิศ มุ่งไปที่จีนกันหมดแล้ว และประมาณปี ค.ศ.1890 พวกฝรั่ง รวมทั้งญี่ปุ่น ต่างไปตั้งเขตปกครองของพวกตัวอยู่ไนจีน มีฐานทัพ ทำตัวตามสบาย เหมือนอยู่ในประเทศของตัวกันหมด อเมริกา ดูเหมือนจะตกรถไฟสาย (ไปยึด) จีน เที่ยวแรกไปเสียแล้ว
    อเมริกามีทางเลือกทางเดียว คือเข้าไปพ่วงกับอังกฤษ ที่ดูเหมือนจะพอพูดกันได้กว่านัก ล่ารายอื่น อังกฤษและอเมริกา ตกลงกันว่า จะใช้ญี่ปุ่นเป็นหัวรบ เจาะเข้าไปในจีน โดยทั้ง 2 ประเทศ ไม่ต้องเปิดตัว เปิดไต๋มากนัก แถมได้ไล่ตีทั้งรัสเซีย และเยอรมัน ที่อังกฤษไม่เคยรักด้วยเลย ให้กระเจิงไป อังกฤษตกลงบอก แกเอาละตินอเมรืกาไป ฉันไม่ยุ่ง แต่ที่ตะวันออกไกล โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น แกอย่าเสือกมาก เข้าใจไหม
    ปี ค.ศ.1895 การแข่งขันเรื่องสร้างทางรถไฟ ในจีน ชักเข้มข้น อเมริกา ตั้ง American China Development Company (ACDC) ขึ้นในจีน มีขาใหญ่จับมือร่วมกันหมด ทั้งค่าย Edward H Harriman เจ้าพ่อรถไฟต้วจริง ค่ายร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่เอี่ยวกับ Kuhn& Loeb และค่าย Morgan เพื่อจะขอสร้างทางรถไฟสาย Peking – Hankow เส้นหนี่ง อีกเส้นข้ามแมนจูเรีย ปรากฏว่า อเมริกา ไม่ได้กินสักเส้นทาง ได้แต่กินแห้ว แต่รัสเซียได้เส้นทางแมนจูเรียไป ส่วนกลุ่มเบลเยี่ยมได้เส้นปักกิ่งไป
    อังกฤษ อเมริกา บอก แบบนี้ก็ถึงเวลาต้องเล่นลูกหนักแล้ว
    เมื่ออเมริกา ยึดฟิลิปปีนส์ได้ ในปี ค.ศ.1898 ฟิลิปปินส์ห่างจีนแค่ 400 ไมล์ อเมริกาคิดว่า ตนเองน่าจะได้เปรียบกว่าอีกหลายชาติ ที่ต้องล่องเรือมาไกล อเมริกาจึงพยายามโหนตัวแทรกเข้าไปใหม่ ในรถไฟสายไปยึดจีน ที่แน่นขนัด
    ในปี ค.ศ.1899 อเมริกา เริ่มเดินสาย บอกฝรั่งที่ปักหลักอยู่ในจีนแล้วว่า เราพวกต่างชาติกำลังเอาเปรียบจีนนะ เราควรตกลงกับเขาอย่างตรงไปตรงมาให้ยุติธรรม ว่าเราต้องการอะไร และเขาจะได้อะไร และพวกเราก็ควรมาตกลงกันเอง อย่างเท่าเทียมกัน ฟังดูดี มีความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย สันดานด้านได้ ส่อแววมาร้อยกว่าปีเลยนะไอ้ใบตองแห้ง แล้วอเมริกาก็เสนอนโยบายเช่นว่านี้ ที่เรียกกันว่า Open Door Policy นโยบายเปิดประตู (จีน) ให้ทุกฝ่ายพิจารณา มันน่าจะเรียกว่า อุบายเปิดประตูจีน มากกว่านะ
    แต่ดูเหมือนอุบายนี้ จะขายไม่ออก ฝ่ายจีนบอกว่า ถ้าเรายอมให้มีการตกลงกันใหม่อีก ไม่รู้จะยิ่งเสียอะไรมากขึ้นไปอีก ส่วนพวกฝรั่งที่ได้สิทธิไปแล้ว ต่างก็กอดชามข้าวของตัวเองแน่น เรื่องอะไร จะตกลงใหม่ เพื่อเปิดทางให้ไอ้เจ๋อหน้าใหม่ เข้ามาแย่งชามข้าว
    แล้วปี ค.ศ.1900 ก็เกิดกบฏนักมวย ไล่ตีฝรั่งที่อยู่ในจีนเสียกระเจิง เมื่อกองทัพนานาชาติมาช่วยพวกฝรั่ง ที่ถูกนักมวยล้อมกรอบ อยู่ที่บริเวณสถานทูตอังกฤษที่ปักกิ่ง ก็มีกองกำลังทหารเรือของอเมริกา ที่บังเอิญอยู่ในจีน เข้าไปร่วมยิงพวกนักมวยด้วย ชาติอื่นมีกองกำลังอยู่ในจีน ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะไปตั้งบ้านเรือน สถานทูต ฐานทัพกันเรียบร้อยแล้ว แต่อเมริกา เพิ่งแค่โหนขึ้นรถ ยังไม่ทันแม้แต่จะมีที่ให้หย่อนก้นลงนั่งเสียด้วยซ้ำ แต่มีกองทหารไปช่วยรบได้แล้ว แน่จริงๆครับไอ้เจ๋อ แต่ที่แน่กว่านั้น กองทัพรัสเซีย ถูกกองทหารต่างชาติด้วยกัน แต่ไม่รู้จากชาติไหน ตีแตกออกไปจากแมนจูเรีย
    แต่บางคนอาจสงสัย เอะ…. แล้วทำไมเป้าแรก หวยถึงไปออกที่เยอรมัน ฝรั่งมีตั้ง 5,6 ชาติ ก็ไม่น่าต้องสงสัย ผู้ต้องสงสัย ก็น่าจะเป็นอังกฤษ เพราะนั่นมันปี ค.ศ.1900 เป็นช่วงที่อังกฤษกำลังเขม่นเยอรมัน แสดงออกมาทั้งหน้าทั้งอาการ รู้กันไปทั้งโลกแล้ว จากเรื่องทางรถไฟเบอร์ลินแบกแดด นี่มันยังมาสร้างทางรถไฟในจีนอีก ไม่หมั่นไส้ทนไหวหรือ (อ่านรายละเอียดเพิ่มได้จากนิทานเรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว และเรื่องต้มข้ามศตวรรษ นะครับ) ตกลงเรื่องทางรถไฟ นี่มันเรื่องใหญ่นะครับ ไม่ว่าสมัยไหน
    วิธีการเล่นกลแบบนี้ ทั้งอังกฤษ และอเมริกา เล่นเก่งทั้งคู่อยู่แล้ว แต่สุดท้ายแล้ว ใครจะกินใคร ต้องตามไปดู
    อเมริกาไม่ใช่เพิ่งเข้าไปในจีน ในปี ค.ศ.1900 นั่นหรอก ไอ้นั่นมันประวัติศาสตร์แบบ หลักสูตรสอนเด็กนักเรียน หรือศึกษาประวัติศาสตร์แบบคนซื่อ
    หวังว่าคงยังจำกันได้ พวกตระกูล Rockefeller เจ้าพ่อน้ำมันยี่ห้อ Standard oil ก่อนหน้าจะขายน้ำมันเหนียว เจ้าพ่อขายน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงก่อน ตั้งแต่ประมาณ ปี ค.ศ.1800 ต้นๆ ก็สมัยนั้น ไฟฟ้ามีที่ไหนล่ะ และจีนก็เป็นลูกค้าน้ำก๊าดของเจ้าพ่อร๊อกกี้ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1863 บอกแล้วว่าอเมริกา เพิ่งเห็นโลกกว้างตั้งแต่เอาเรือรบไปจ่อญี่ปุ่น
    บรรดาเจ้าพ่อทางธุรกิจของอเมริกา ที่มีอิทธิพล และบทบาทใหญ่ ทางด้านการเมือง และธุรกิจ ทั้งในอเมริกาเอง และในโลก ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1880 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 มาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คงไม่มีใครเกิน 2 ตระกูล ร้อกกี้เฟลเลอร์และมอร์แกน ทั้ง 2 ตระกูล เหมือนจะจับมือร่วมกัน แต่บางคราว ก็เหมือนจะหักกันเอง ไม่ต่างกับสัมพันธ์ของอังกฤษกับอเมริกา
    เรื่องของจีนกับญี่ปุ่นก็เช่นกัน ไม่ได้เป็นเรื่องระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องระหว่างอังกฤษกับอเมริกา และเป็นเรื่องระหว่าง ร้อกกี้เฟลเลอร์กับมอร์แกนอีกด้วย
    นี่มันไม่รู้กี่เส้า แล้วผมจะเขียนให้รู้เรื่องไหวไหมเนี่ย ชักสงสัยตัวเอง
    เมื่อปี ค.ศ.1904 ญี่ปุ่น เตรียมตัวไปรบรัสเซีย ตามที่อังกฤษ ทั้งวางแผน และจัดหาทุนให้ ถึงคนหาเงินจะเป็น Jacob Schiff ของ Kuhn Loeb แต่ Schiff ก็เป็นแนวร่วมกับ J P Morgan หลังจากญี่ปุ่นรบชนะรัสเซีย JP Morgan กับ Rockefeller ก็ร่วมมือกัน สร้างปฏิวัติบอลเชวิกให้รัสเซีย ระหว่างรัสเซียมีปฏิวัติ อังกฤษก็สร้างสงครามโลกคร้ังที่ 1 เพื่อถล่มเยอรมัน ระหว่างนั้น อเมริกา นั่งดูอังกฤษรบในยุโรปทางหนึ่ง อีกทางก็เข้ามาขุดสมบัติในรัสเซีย และเลยมาถึงจีน ที่อังกฤษให้ญี่ปุนตีตั๋วจอง และตีตั๋วรวน แทนมาตลอด เพราะอังกฤษอยากครองทั้งโลก แต่แบ่งภาคไปยึดเองไม่ได้ทั้งหมด และอังกฤษ กับอเมริกา ก็เลยทำท่าจะชนกันเอง ทั้งเรื่องของจีน และญี่ปุ่น มึนไหมครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    19 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 8 ตั้งแต่ปี ค.ศ.1800 กว่าเป็นต้นมา อเมริกาเริ่มให้ความสนใจทะเลฝั่งแปซิฟิก ไม่ใช่มองเห็นแต่ฝั่งแอตแลนติกของลูกพี่ อังกฤษเท่านั้น แต่กว่าจะหันมาสนใจจริงจัง ก็ปาเข้า ปี ค.ศ.1853 ที่เอาเรือปืนไปเยี่ยมสวัสดีโชกุนนั่นแหละ ระหว่างเดินทางไปญี่ปุ่น โลกของอเมริกา ค่อยๆกว้างขึ้น อเมริกา คงเพิ่งเห็นจีนชัดขึ้น จีนเป็นตลาดที่กว้างใหญ่ พลเมืองประมาณ 450 ล้านคน ในตอนนั้น ในสายตาของนักธุรกิจอเมริกันบอก นั่นคือโอกาสขายสินค้า 450 ล้านชิ้น จะสร้างกำไรงามขนาดไหนให้แก่พวก เรา ส่วนพวกมิชชันนารีก็มอง 450 ล้านคนว่า เป็นโอกาสทองที่จะจับ 450 ล้านเข้ารีต ได้กี่ล้านคนนะ ตลาดใหญ่แบบนี้ ไม่เข้าไปบุกได้อย่างไร อเมริกา มัวแต่สร้างประเทศ และรบกันเอง กว่าจะมองเห็น (ราคาของ) จีน ก็ถูกฝรั่งชาติอื่นแซงหน้าไปแล้ว รัสเซีย อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรียและแม้แต่ญี่ปุ่น ต่างก็เล็งเป้า ตั้งเข็มทิศ มุ่งไปที่จีนกันหมดแล้ว และประมาณปี ค.ศ.1890 พวกฝรั่ง รวมทั้งญี่ปุ่น ต่างไปตั้งเขตปกครองของพวกตัวอยู่ไนจีน มีฐานทัพ ทำตัวตามสบาย เหมือนอยู่ในประเทศของตัวกันหมด อเมริกา ดูเหมือนจะตกรถไฟสาย (ไปยึด) จีน เที่ยวแรกไปเสียแล้ว อเมริกามีทางเลือกทางเดียว คือเข้าไปพ่วงกับอังกฤษ ที่ดูเหมือนจะพอพูดกันได้กว่านัก ล่ารายอื่น อังกฤษและอเมริกา ตกลงกันว่า จะใช้ญี่ปุ่นเป็นหัวรบ เจาะเข้าไปในจีน โดยทั้ง 2 ประเทศ ไม่ต้องเปิดตัว เปิดไต๋มากนัก แถมได้ไล่ตีทั้งรัสเซีย และเยอรมัน ที่อังกฤษไม่เคยรักด้วยเลย ให้กระเจิงไป อังกฤษตกลงบอก แกเอาละตินอเมรืกาไป ฉันไม่ยุ่ง แต่ที่ตะวันออกไกล โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น แกอย่าเสือกมาก เข้าใจไหม ปี ค.ศ.1895 การแข่งขันเรื่องสร้างทางรถไฟ ในจีน ชักเข้มข้น อเมริกา ตั้ง American China Development Company (ACDC) ขึ้นในจีน มีขาใหญ่จับมือร่วมกันหมด ทั้งค่าย Edward H Harriman เจ้าพ่อรถไฟต้วจริง ค่ายร้อกกี้เฟลเลอร์ ที่เอี่ยวกับ Kuhn& Loeb และค่าย Morgan เพื่อจะขอสร้างทางรถไฟสาย Peking – Hankow เส้นหนี่ง อีกเส้นข้ามแมนจูเรีย ปรากฏว่า อเมริกา ไม่ได้กินสักเส้นทาง ได้แต่กินแห้ว แต่รัสเซียได้เส้นทางแมนจูเรียไป ส่วนกลุ่มเบลเยี่ยมได้เส้นปักกิ่งไป อังกฤษ อเมริกา บอก แบบนี้ก็ถึงเวลาต้องเล่นลูกหนักแล้ว เมื่ออเมริกา ยึดฟิลิปปีนส์ได้ ในปี ค.ศ.1898 ฟิลิปปินส์ห่างจีนแค่ 400 ไมล์ อเมริกาคิดว่า ตนเองน่าจะได้เปรียบกว่าอีกหลายชาติ ที่ต้องล่องเรือมาไกล อเมริกาจึงพยายามโหนตัวแทรกเข้าไปใหม่ ในรถไฟสายไปยึดจีน ที่แน่นขนัด ในปี ค.ศ.1899 อเมริกา เริ่มเดินสาย บอกฝรั่งที่ปักหลักอยู่ในจีนแล้วว่า เราพวกต่างชาติกำลังเอาเปรียบจีนนะ เราควรตกลงกับเขาอย่างตรงไปตรงมาให้ยุติธรรม ว่าเราต้องการอะไร และเขาจะได้อะไร และพวกเราก็ควรมาตกลงกันเอง อย่างเท่าเทียมกัน ฟังดูดี มีความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย สันดานด้านได้ ส่อแววมาร้อยกว่าปีเลยนะไอ้ใบตองแห้ง แล้วอเมริกาก็เสนอนโยบายเช่นว่านี้ ที่เรียกกันว่า Open Door Policy นโยบายเปิดประตู (จีน) ให้ทุกฝ่ายพิจารณา มันน่าจะเรียกว่า อุบายเปิดประตูจีน มากกว่านะ แต่ดูเหมือนอุบายนี้ จะขายไม่ออก ฝ่ายจีนบอกว่า ถ้าเรายอมให้มีการตกลงกันใหม่อีก ไม่รู้จะยิ่งเสียอะไรมากขึ้นไปอีก ส่วนพวกฝรั่งที่ได้สิทธิไปแล้ว ต่างก็กอดชามข้าวของตัวเองแน่น เรื่องอะไร จะตกลงใหม่ เพื่อเปิดทางให้ไอ้เจ๋อหน้าใหม่ เข้ามาแย่งชามข้าว แล้วปี ค.ศ.1900 ก็เกิดกบฏนักมวย ไล่ตีฝรั่งที่อยู่ในจีนเสียกระเจิง เมื่อกองทัพนานาชาติมาช่วยพวกฝรั่ง ที่ถูกนักมวยล้อมกรอบ อยู่ที่บริเวณสถานทูตอังกฤษที่ปักกิ่ง ก็มีกองกำลังทหารเรือของอเมริกา ที่บังเอิญอยู่ในจีน เข้าไปร่วมยิงพวกนักมวยด้วย ชาติอื่นมีกองกำลังอยู่ในจีน ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะไปตั้งบ้านเรือน สถานทูต ฐานทัพกันเรียบร้อยแล้ว แต่อเมริกา เพิ่งแค่โหนขึ้นรถ ยังไม่ทันแม้แต่จะมีที่ให้หย่อนก้นลงนั่งเสียด้วยซ้ำ แต่มีกองทหารไปช่วยรบได้แล้ว แน่จริงๆครับไอ้เจ๋อ แต่ที่แน่กว่านั้น กองทัพรัสเซีย ถูกกองทหารต่างชาติด้วยกัน แต่ไม่รู้จากชาติไหน ตีแตกออกไปจากแมนจูเรีย แต่บางคนอาจสงสัย เอะ…. แล้วทำไมเป้าแรก หวยถึงไปออกที่เยอรมัน ฝรั่งมีตั้ง 5,6 ชาติ ก็ไม่น่าต้องสงสัย ผู้ต้องสงสัย ก็น่าจะเป็นอังกฤษ เพราะนั่นมันปี ค.ศ.1900 เป็นช่วงที่อังกฤษกำลังเขม่นเยอรมัน แสดงออกมาทั้งหน้าทั้งอาการ รู้กันไปทั้งโลกแล้ว จากเรื่องทางรถไฟเบอร์ลินแบกแดด นี่มันยังมาสร้างทางรถไฟในจีนอีก ไม่หมั่นไส้ทนไหวหรือ (อ่านรายละเอียดเพิ่มได้จากนิทานเรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว และเรื่องต้มข้ามศตวรรษ นะครับ) ตกลงเรื่องทางรถไฟ นี่มันเรื่องใหญ่นะครับ ไม่ว่าสมัยไหน วิธีการเล่นกลแบบนี้ ทั้งอังกฤษ และอเมริกา เล่นเก่งทั้งคู่อยู่แล้ว แต่สุดท้ายแล้ว ใครจะกินใคร ต้องตามไปดู อเมริกาไม่ใช่เพิ่งเข้าไปในจีน ในปี ค.ศ.1900 นั่นหรอก ไอ้นั่นมันประวัติศาสตร์แบบ หลักสูตรสอนเด็กนักเรียน หรือศึกษาประวัติศาสตร์แบบคนซื่อ หวังว่าคงยังจำกันได้ พวกตระกูล Rockefeller เจ้าพ่อน้ำมันยี่ห้อ Standard oil ก่อนหน้าจะขายน้ำมันเหนียว เจ้าพ่อขายน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงก่อน ตั้งแต่ประมาณ ปี ค.ศ.1800 ต้นๆ ก็สมัยนั้น ไฟฟ้ามีที่ไหนล่ะ และจีนก็เป็นลูกค้าน้ำก๊าดของเจ้าพ่อร๊อกกี้ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1863 บอกแล้วว่าอเมริกา เพิ่งเห็นโลกกว้างตั้งแต่เอาเรือรบไปจ่อญี่ปุ่น บรรดาเจ้าพ่อทางธุรกิจของอเมริกา ที่มีอิทธิพล และบทบาทใหญ่ ทางด้านการเมือง และธุรกิจ ทั้งในอเมริกาเอง และในโลก ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1880 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 มาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คงไม่มีใครเกิน 2 ตระกูล ร้อกกี้เฟลเลอร์และมอร์แกน ทั้ง 2 ตระกูล เหมือนจะจับมือร่วมกัน แต่บางคราว ก็เหมือนจะหักกันเอง ไม่ต่างกับสัมพันธ์ของอังกฤษกับอเมริกา เรื่องของจีนกับญี่ปุ่นก็เช่นกัน ไม่ได้เป็นเรื่องระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องระหว่างอังกฤษกับอเมริกา และเป็นเรื่องระหว่าง ร้อกกี้เฟลเลอร์กับมอร์แกนอีกด้วย นี่มันไม่รู้กี่เส้า แล้วผมจะเขียนให้รู้เรื่องไหวไหมเนี่ย ชักสงสัยตัวเอง เมื่อปี ค.ศ.1904 ญี่ปุ่น เตรียมตัวไปรบรัสเซีย ตามที่อังกฤษ ทั้งวางแผน และจัดหาทุนให้ ถึงคนหาเงินจะเป็น Jacob Schiff ของ Kuhn Loeb แต่ Schiff ก็เป็นแนวร่วมกับ J P Morgan หลังจากญี่ปุ่นรบชนะรัสเซีย JP Morgan กับ Rockefeller ก็ร่วมมือกัน สร้างปฏิวัติบอลเชวิกให้รัสเซีย ระหว่างรัสเซียมีปฏิวัติ อังกฤษก็สร้างสงครามโลกคร้ังที่ 1 เพื่อถล่มเยอรมัน ระหว่างนั้น อเมริกา นั่งดูอังกฤษรบในยุโรปทางหนึ่ง อีกทางก็เข้ามาขุดสมบัติในรัสเซีย และเลยมาถึงจีน ที่อังกฤษให้ญี่ปุนตีตั๋วจอง และตีตั๋วรวน แทนมาตลอด เพราะอังกฤษอยากครองทั้งโลก แต่แบ่งภาคไปยึดเองไม่ได้ทั้งหมด และอังกฤษ กับอเมริกา ก็เลยทำท่าจะชนกันเอง ทั้งเรื่องของจีน และญี่ปุ่น มึนไหมครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 19 ส.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 Reviews
  • ช่องโหว่ Markdown to PDF: RCE ผ่าน Front-Matter

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยเปิดเผยช่องโหว่ CVE-2025-65108 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 ในแพ็กเกจ npm “Markdown to PDF” ซึ่งมีการใช้งานมากกว่า 47,000 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ไลบรารี gray-matter ซึ่งใช้ในการประมวลผล front-matter ของไฟล์ Markdown เปิดโหมดประเมินค่า JavaScript โดยอัตโนมัติหากพบตัวแบ่งพิเศษ เช่น ---js หรือ ---javascript

    วิธีการโจมตี
    ผู้โจมตีสามารถสร้างไฟล์ Markdown ที่มี front-matter ฝังโค้ด JavaScript เมื่อไฟล์ถูกนำไปแปลงเป็น PDF โดยเครื่องมือ md-to-pdf โค้ดดังกล่าวจะถูกประมวลผลและรันบนระบบทันที ตัวอย่าง PoC ที่เผยแพร่แสดงให้เห็นว่าเพียงแค่เปิดไฟล์ Markdown ที่มี payload ก็สามารถสั่งให้ระบบรันคำสั่ง OS เช่นเปิดโปรแกรม calc.exe ได้

    ผลกระทบต่อระบบ
    ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อทุกระบบที่ใช้ md-to-pdf ในการประมวลผลไฟล์ Markdown ไม่ว่าจะเป็น เซิร์ฟเวอร์, CI/CD pipeline, หรือเครื่อง desktop หากมีการนำไฟล์จากผู้ใช้ที่ไม่น่าเชื่อถือมาแปลงเป็น PDF ระบบอาจถูกยึดครองได้ทันที ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อซัพพลายเชนซอฟต์แวร์ที่ใช้แพ็กเกจนี้

    แนวทางแก้ไข
    ผู้ใช้ควรอัปเดตแพ็กเกจ md-to-pdf เป็นเวอร์ชัน 5.2.5 หรือใหม่กว่า โดยด่วน และหลีกเลี่ยงการประมวลผลไฟล์ Markdown ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบจากแหล่งที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้องค์กรควรเพิ่มการตรวจสอบความปลอดภัยใน pipeline เพื่อป้องกันการโจมตีลักษณะนี้

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รายละเอียดช่องโหว่
    CVE-2025-65108 ในแพ็กเกจ Markdown to PDF
    คะแนน CVSS 10.0 (สูงสุด)

    วิธีการโจมตี
    ใช้ front-matter ที่มี delimiter ---javascript
    โค้ด JS ถูกประมวลผลและรันทันที

    ผลกระทบ
    กระทบต่อเซิร์ฟเวอร์, CI/CD pipeline, desktop tools
    เสี่ยงต่อการยึดครองระบบจากไฟล์ Markdown ปลอม

    แนวทางแก้ไข
    อัปเดต md-to-pdf เป็นเวอร์ชัน 5.2.5 ขึ้นไป
    หลีกเลี่ยงการประมวลผลไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

    คำเตือน
    การเปิดไฟล์ Markdown ที่ไม่ปลอดภัยอาจทำให้ระบบถูกยึดครอง
    ซัพพลายเชนซอฟต์แวร์ที่ใช้แพ็กเกจนี้เสี่ยงต่อการโจมตี
    ต้องเพิ่มการตรวจสอบความปลอดภัยใน pipeline

    https://securityonline.info/critical-markdown-to-pdf-flaw-cve-2025-65108-cvss-10-0-allows-rce-via-js-injection-in-markdown-front-matter/
    ⚠️ ช่องโหว่ Markdown to PDF: RCE ผ่าน Front-Matter นักวิจัยด้านความปลอดภัยเปิดเผยช่องโหว่ CVE-2025-65108 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 ในแพ็กเกจ npm “Markdown to PDF” ซึ่งมีการใช้งานมากกว่า 47,000 ครั้งต่อสัปดาห์ ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่ไลบรารี gray-matter ซึ่งใช้ในการประมวลผล front-matter ของไฟล์ Markdown เปิดโหมดประเมินค่า JavaScript โดยอัตโนมัติหากพบตัวแบ่งพิเศษ เช่น ---js หรือ ---javascript 🧩 วิธีการโจมตี ผู้โจมตีสามารถสร้างไฟล์ Markdown ที่มี front-matter ฝังโค้ด JavaScript เมื่อไฟล์ถูกนำไปแปลงเป็น PDF โดยเครื่องมือ md-to-pdf โค้ดดังกล่าวจะถูกประมวลผลและรันบนระบบทันที ตัวอย่าง PoC ที่เผยแพร่แสดงให้เห็นว่าเพียงแค่เปิดไฟล์ Markdown ที่มี payload ก็สามารถสั่งให้ระบบรันคำสั่ง OS เช่นเปิดโปรแกรม calc.exe ได้ 🌐 ผลกระทบต่อระบบ ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อทุกระบบที่ใช้ md-to-pdf ในการประมวลผลไฟล์ Markdown ไม่ว่าจะเป็น เซิร์ฟเวอร์, CI/CD pipeline, หรือเครื่อง desktop หากมีการนำไฟล์จากผู้ใช้ที่ไม่น่าเชื่อถือมาแปลงเป็น PDF ระบบอาจถูกยึดครองได้ทันที ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อซัพพลายเชนซอฟต์แวร์ที่ใช้แพ็กเกจนี้ 🔒 แนวทางแก้ไข ผู้ใช้ควรอัปเดตแพ็กเกจ md-to-pdf เป็นเวอร์ชัน 5.2.5 หรือใหม่กว่า โดยด่วน และหลีกเลี่ยงการประมวลผลไฟล์ Markdown ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบจากแหล่งที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้องค์กรควรเพิ่มการตรวจสอบความปลอดภัยใน pipeline เพื่อป้องกันการโจมตีลักษณะนี้ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รายละเอียดช่องโหว่ ➡️ CVE-2025-65108 ในแพ็กเกจ Markdown to PDF ➡️ คะแนน CVSS 10.0 (สูงสุด) ✅ วิธีการโจมตี ➡️ ใช้ front-matter ที่มี delimiter ---javascript ➡️ โค้ด JS ถูกประมวลผลและรันทันที ✅ ผลกระทบ ➡️ กระทบต่อเซิร์ฟเวอร์, CI/CD pipeline, desktop tools ➡️ เสี่ยงต่อการยึดครองระบบจากไฟล์ Markdown ปลอม ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ อัปเดต md-to-pdf เป็นเวอร์ชัน 5.2.5 ขึ้นไป ➡️ หลีกเลี่ยงการประมวลผลไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ‼️ คำเตือน ⛔ การเปิดไฟล์ Markdown ที่ไม่ปลอดภัยอาจทำให้ระบบถูกยึดครอง ⛔ ซัพพลายเชนซอฟต์แวร์ที่ใช้แพ็กเกจนี้เสี่ยงต่อการโจมตี ⛔ ต้องเพิ่มการตรวจสอบความปลอดภัยใน pipeline https://securityonline.info/critical-markdown-to-pdf-flaw-cve-2025-65108-cvss-10-0-allows-rce-via-js-injection-in-markdown-front-matter/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical Markdown to PDF Flaw (CVE-2025-65108, CVSS 10.0) Allows RCE via JS Injection in Markdown Front-Matter
    A Critical (CVSS 10.0) RCE flaw (CVE-2025-65108) in md-to-pdf allows arbitrary JavaScript code execution via malicious front-matter. Over 47K weekly downloads are affected. Update to v5.2.5.
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/Vqpck0kvSMM?si=LMWPkxR_Vzpm-EdS
    https://youtu.be/Vqpck0kvSMM?si=LMWPkxR_Vzpm-EdS
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/41pmXphpOEM?si=6BAM-_ZVsEHR-Qbr
    https://youtu.be/41pmXphpOEM?si=6BAM-_ZVsEHR-Qbr
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: "Dependency Cooldowns – เกราะป้องกันซัพพลายเชนโอเพนซอร์ส"

    ซัพพลายเชนซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สกำลังเผชิญกับการโจมตีที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นการขโมย credential หรือการแทรกโค้ดอันตรายเข้าไปในแพ็กเกจยอดนิยมบน PyPI หรือ npm บทความชี้ว่าแม้บริษัทด้านความปลอดภัยจะพยายามตรวจจับและแจ้งเตือน แต่ช่องว่างระหว่างการโจมตีและการแก้ไขยังคงมีอยู่ ทำให้ผู้ใช้ที่อัปเดต dependency แบบอัตโนมัติกลายเป็นเป้าหมายทันที.

    แนวคิด Dependency Cooldowns คือการกำหนดระยะเวลารอ (เช่น 7 วัน) หลังจาก dependency ถูกเผยแพร่ ก่อนที่จะนำมาใช้จริง ระหว่างนั้นผู้ให้บริการความปลอดภัยสามารถตรวจสอบและรายงานปัญหาได้ทันเวลา ทำให้ผู้ใช้หลีกเลี่ยงการติดตั้งเวอร์ชันที่ถูกแฮก.

    ตัวอย่างการโจมตีที่ถูกยกมา เช่น Ultralytics ที่มีช่องโหว่เพียง 12 ชั่วโมง, rspack ที่ถูกโจมตีในเวลา 1 ชั่วโมง, และ chalk ที่ใช้เวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าการหน่วงเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์สามารถป้องกันได้ถึง 80–90% ของการโจมตีเหล่านี้.

    การนำไปใช้ก็ไม่ซับซ้อน เช่น Dependabot และ Renovate มีฟังก์ชันตั้งค่า cooldown อยู่แล้ว เพียงเพิ่มบรรทัด cooldown: default-days: 7 ลงในไฟล์คอนฟิก ก็สามารถลดความเสี่ยงได้ทันที โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม.

    สรุปสาระสำคัญ
    แนวคิด Dependency Cooldowns
    หน่วงเวลา 7–14 วันก่อนใช้ dependency ใหม่
    เปิดโอกาสให้ระบบตรวจจับภัยคุกคามทันเวลา

    ตัวอย่างการโจมตีซัพพลายเชน
    Ultralytics: 12 ชั่วโมง
    rspack: 1 ชั่วโมง
    chalk: < 12 ชั่วโมง
    xz-utils: 5 สัปดาห์ (กรณีใหญ่และซับซ้อน)

    การนำไปใช้จริง
    Dependabot และ Renovate รองรับการตั้งค่า cooldown
    ฟรีและง่ายต่อการใช้งาน

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    Cooldowns ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมดได้ โดยเฉพาะกรณีซับซ้อนเช่น xz-utils

    คำเตือนด้านการจัดการซัพพลายเชน
    ปัญหาซัพพลายเชนเป็นเรื่องของ “ความไว้วางใจทางสังคม” ไม่ใช่แค่เทคนิค

    https://blog.yossarian.net/2025/11/21/We-should-all-be-using-dependency-cooldowns
    🛡️ หัวข้อข่าว: "Dependency Cooldowns – เกราะป้องกันซัพพลายเชนโอเพนซอร์ส" ซัพพลายเชนซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สกำลังเผชิญกับการโจมตีที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นการขโมย credential หรือการแทรกโค้ดอันตรายเข้าไปในแพ็กเกจยอดนิยมบน PyPI หรือ npm บทความชี้ว่าแม้บริษัทด้านความปลอดภัยจะพยายามตรวจจับและแจ้งเตือน แต่ช่องว่างระหว่างการโจมตีและการแก้ไขยังคงมีอยู่ ทำให้ผู้ใช้ที่อัปเดต dependency แบบอัตโนมัติกลายเป็นเป้าหมายทันที. แนวคิด Dependency Cooldowns คือการกำหนดระยะเวลารอ (เช่น 7 วัน) หลังจาก dependency ถูกเผยแพร่ ก่อนที่จะนำมาใช้จริง ระหว่างนั้นผู้ให้บริการความปลอดภัยสามารถตรวจสอบและรายงานปัญหาได้ทันเวลา ทำให้ผู้ใช้หลีกเลี่ยงการติดตั้งเวอร์ชันที่ถูกแฮก. ตัวอย่างการโจมตีที่ถูกยกมา เช่น Ultralytics ที่มีช่องโหว่เพียง 12 ชั่วโมง, rspack ที่ถูกโจมตีในเวลา 1 ชั่วโมง, และ chalk ที่ใช้เวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าการหน่วงเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์สามารถป้องกันได้ถึง 80–90% ของการโจมตีเหล่านี้. การนำไปใช้ก็ไม่ซับซ้อน เช่น Dependabot และ Renovate มีฟังก์ชันตั้งค่า cooldown อยู่แล้ว เพียงเพิ่มบรรทัด cooldown: default-days: 7 ลงในไฟล์คอนฟิก ก็สามารถลดความเสี่ยงได้ทันที โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แนวคิด Dependency Cooldowns ➡️ หน่วงเวลา 7–14 วันก่อนใช้ dependency ใหม่ ➡️ เปิดโอกาสให้ระบบตรวจจับภัยคุกคามทันเวลา ✅ ตัวอย่างการโจมตีซัพพลายเชน ➡️ Ultralytics: 12 ชั่วโมง ➡️ rspack: 1 ชั่วโมง ➡️ chalk: < 12 ชั่วโมง ➡️ xz-utils: 5 สัปดาห์ (กรณีใหญ่และซับซ้อน) ✅ การนำไปใช้จริง ➡️ Dependabot และ Renovate รองรับการตั้งค่า cooldown ➡️ ฟรีและง่ายต่อการใช้งาน ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ Cooldowns ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมดได้ โดยเฉพาะกรณีซับซ้อนเช่น xz-utils ‼️ คำเตือนด้านการจัดการซัพพลายเชน ⛔ ปัญหาซัพพลายเชนเป็นเรื่องของ “ความไว้วางใจทางสังคม” ไม่ใช่แค่เทคนิค https://blog.yossarian.net/2025/11/21/We-should-all-be-using-dependency-cooldowns
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • "5 ซีพียูยอดนิยมที่หมดอายุในปี 2025"

    ในโลกคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ซีพียูที่เคยทรงพลังกลับกลายเป็น “ล้าสมัย” ภายในเวลาไม่กี่ปี บทความจาก SlashGear ระบุว่าในปี 2025 มีหลายรุ่นที่ถูกจัดว่าไม่เหมาะกับการใช้งานสมัยใหม่อีกต่อไป แม้ยังสามารถทำงานได้ แต่การขาดการสนับสนุนซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการใหม่ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อปัญหาความปลอดภัยและประสิทธิภาพ.

    หนึ่งในกรณีที่น่าสนใจคือ Intel Core รุ่นที่ 14 ที่เปิดตัวในปี 2023 แต่เพียงสองปีต่อมาก็ถูกลดการสนับสนุน GPU ในตัวลงเหลือเพียงการแก้ไขบั๊กและอัปเดตความปลอดภัยทุก 3 เดือน นอกจากนี้ยังไม่มีการรองรับเกมใหม่แบบ Day 0 อีกต่อไป ทำให้ผู้เล่นเกมอาจพบปัญหากับเกมรุ่นล่าสุด แม้ตัวซีพียูยังคงทำงานได้ดีหากใช้การ์ดจอแยก.

    Intel รุ่นที่ 7 และเก่ากว่า ก็ถูกจัดว่าเป็นซีพียูที่หมดอายุ เนื่องจากไม่รองรับ Windows 11 ที่ต้องการ TPM 2.0 และเมื่อ Windows 10 สิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2025 ผู้ใช้ที่ยังใช้ซีพียูเหล่านี้จะเสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัยที่ไม่ได้รับการแก้ไขอีกต่อไป.

    ฝั่ง AMD ก็มีปัญหาเช่นกัน โดย Ryzen รุ่นแรก (2017) และ Ryzen 2000 ไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ แม้ยังมีประสิทธิภาพดี แต่การหมดอายุของ Windows 10 ทำให้ผู้ใช้ต้องเลือกว่าจะอัปเกรดซีพียูหรือเปลี่ยนไปใช้ Linux แทน ขณะที่ Threadripper 1000 และ 2000 ก็ถูกตัดการสนับสนุนจากซอฟต์แวร์ Ryzen Master ทำให้ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้อีกต่อไป

    สรุปสาระสำคัญ
    Intel Core รุ่นที่ 14 (2023)
    GPU ในตัวถูกลดการสนับสนุนเหลือเฉพาะอัปเดตความปลอดภัย
    ไม่มีการรองรับเกมใหม่แบบ Day 0

    Intel Core รุ่นที่ 7 และเก่ากว่า
    ไม่รองรับ Windows 11 เนื่องจากขาด TPM 2.0
    Windows 10 หมดอายุในปี 2025 ทำให้เสี่ยงต่อช่องโหว่

    AMD Ryzen รุ่นแรก (2017)
    ไม่รองรับ Windows 11 แม้ยังมีประสิทธิภาพ
    ใช้งานต่อได้หากเปลี่ยนไปใช้ Linux

    AMD Ryzen 2000 และบางรุ่น Ryzen 3000
    ขาดคุณสมบัติที่ Windows 11 ต้องการ
    สามารถอัปเกรดเป็น Ryzen 3000 หรือ 5000 ได้หากเมนบอร์ดรองรับ

    AMD Threadripper 1000 และ 2000
    ไม่รองรับ Windows 11
    ถูกตัดการสนับสนุนจาก Ryzen Master

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    การใช้ซีพียูที่ไม่รองรับ Windows 11 เสี่ยงต่อช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไข

    คำเตือนด้านการลงทุน
    การซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ที่ใช้ซีพียูรุ่นเก่าอาจทำให้เสียเงินโดยไม่คุ้มค่า เพราะหมดอายุเร็ว

    https://www.slashgear.com/2032348/popular-cpu-too-old-2025/
    📰 "5 ซีพียูยอดนิยมที่หมดอายุในปี 2025" ในโลกคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ซีพียูที่เคยทรงพลังกลับกลายเป็น “ล้าสมัย” ภายในเวลาไม่กี่ปี บทความจาก SlashGear ระบุว่าในปี 2025 มีหลายรุ่นที่ถูกจัดว่าไม่เหมาะกับการใช้งานสมัยใหม่อีกต่อไป แม้ยังสามารถทำงานได้ แต่การขาดการสนับสนุนซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการใหม่ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อปัญหาความปลอดภัยและประสิทธิภาพ. หนึ่งในกรณีที่น่าสนใจคือ Intel Core รุ่นที่ 14 ที่เปิดตัวในปี 2023 แต่เพียงสองปีต่อมาก็ถูกลดการสนับสนุน GPU ในตัวลงเหลือเพียงการแก้ไขบั๊กและอัปเดตความปลอดภัยทุก 3 เดือน นอกจากนี้ยังไม่มีการรองรับเกมใหม่แบบ Day 0 อีกต่อไป ทำให้ผู้เล่นเกมอาจพบปัญหากับเกมรุ่นล่าสุด แม้ตัวซีพียูยังคงทำงานได้ดีหากใช้การ์ดจอแยก. Intel รุ่นที่ 7 และเก่ากว่า ก็ถูกจัดว่าเป็นซีพียูที่หมดอายุ เนื่องจากไม่รองรับ Windows 11 ที่ต้องการ TPM 2.0 และเมื่อ Windows 10 สิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2025 ผู้ใช้ที่ยังใช้ซีพียูเหล่านี้จะเสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัยที่ไม่ได้รับการแก้ไขอีกต่อไป. ฝั่ง AMD ก็มีปัญหาเช่นกัน โดย Ryzen รุ่นแรก (2017) และ Ryzen 2000 ไม่สามารถรองรับ Windows 11 ได้ แม้ยังมีประสิทธิภาพดี แต่การหมดอายุของ Windows 10 ทำให้ผู้ใช้ต้องเลือกว่าจะอัปเกรดซีพียูหรือเปลี่ยนไปใช้ Linux แทน ขณะที่ Threadripper 1000 และ 2000 ก็ถูกตัดการสนับสนุนจากซอฟต์แวร์ Ryzen Master ทำให้ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ได้อีกต่อไป 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Intel Core รุ่นที่ 14 (2023) ➡️ GPU ในตัวถูกลดการสนับสนุนเหลือเฉพาะอัปเดตความปลอดภัย ➡️ ไม่มีการรองรับเกมใหม่แบบ Day 0 ✅ Intel Core รุ่นที่ 7 และเก่ากว่า ➡️ ไม่รองรับ Windows 11 เนื่องจากขาด TPM 2.0 ➡️ Windows 10 หมดอายุในปี 2025 ทำให้เสี่ยงต่อช่องโหว่ ✅ AMD Ryzen รุ่นแรก (2017) ➡️ ไม่รองรับ Windows 11 แม้ยังมีประสิทธิภาพ ➡️ ใช้งานต่อได้หากเปลี่ยนไปใช้ Linux ✅ AMD Ryzen 2000 และบางรุ่น Ryzen 3000 ➡️ ขาดคุณสมบัติที่ Windows 11 ต้องการ ➡️ สามารถอัปเกรดเป็น Ryzen 3000 หรือ 5000 ได้หากเมนบอร์ดรองรับ ✅ AMD Threadripper 1000 และ 2000 ➡️ ไม่รองรับ Windows 11 ➡️ ถูกตัดการสนับสนุนจาก Ryzen Master ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ การใช้ซีพียูที่ไม่รองรับ Windows 11 เสี่ยงต่อช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไข ‼️ คำเตือนด้านการลงทุน ⛔ การซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ที่ใช้ซีพียูรุ่นเก่าอาจทำให้เสียเงินโดยไม่คุ้มค่า เพราะหมดอายุเร็ว https://www.slashgear.com/2032348/popular-cpu-too-old-2025/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Popular CPUs That Became Outdated In 2025 - SlashGear
    These popular CPUs were once cutting edge, but the pace of technology means that the latest-gen hardware can become obsolete faster than we'd like.
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/ePGrhEWm7Tw?si=0CJwDYPmnGl2EnAh
    https://youtu.be/ePGrhEWm7Tw?si=0CJwDYPmnGl2EnAh
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/ilZSIYb-C0c?si=RAcTmz5B58qV5Pm_
    https://youtu.be/ilZSIYb-C0c?si=RAcTmz5B58qV5Pm_
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • “Yttrium พุ่ง 1,500% เขย่าโลกชิปเซ็ต”

    ราคาของแร่หายาก Yttrium พุ่งขึ้นกว่า 1,500% ภายใน 12 เดือน จาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัม เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก

    ราคาพุ่งทะยาน
    Bloomberg รายงานว่า Yttrium ซึ่งเป็นแร่หายากที่ใช้ในกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เช่น thin-film deposition และ wafer polishing มีราคาพุ่งขึ้นจาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัมในเวลาไม่ถึงปี ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

    สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน
    ความตึงเครียดเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 145% และจีนตอบโต้ด้วยการจำกัดการส่งออกแร่หายาก รวมถึง Yttrium แม้จะมีการเจรจาและพักรบทางภาษี แต่จีนยังคงคุมเข้มการส่งออกบางรายการ ทำให้ซัพพลายยังคงตึงตัว

    ผลกระทบต่อซัพพลายเชนโลก
    มากกว่า 90% ของแร่หายากที่สหรัฐฯ ต้องใช้มาจากจีน ทำให้การควบคุมการส่งออกส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้ผลิตชิปทั่วโลก ขณะนี้สหรัฐฯ กำลังพยายามหาทางออก เช่น โครงการ Mountain Pass ในแคลิฟอร์เนีย รวมถึงการลงทุน $2 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างซัพพลายเชนที่ยั่งยืน ขณะที่ออสเตรเลียและแคนาดาก็เร่งหาทางผลิตแร่หายากจากเหมืองและของเสีย

    แนวโน้มในอนาคต
    แม้จะมีการหาทางออก แต่ราคาของ Yttrium ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง และอาจสร้างแรงกดดันต่อการผลิตชิปในระยะยาว หากประเทศตะวันตกไม่สามารถสร้างซัพพลายเชนใหม่ได้ทันเวลา อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อาจเผชิญความเสี่ยงด้านต้นทุนและการผลิตที่ไม่เสถียร

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาพุ่ง
    Yttrium เพิ่มจาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัมใน 12 เดือน

    สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน
    สหรัฐฯ เก็บภาษี 145%
    จีนจำกัดการส่งออกแร่หายาก

    ผลกระทบต่อซัพพลายเชน
    สหรัฐฯ พึ่งพาจีนกว่า 90%
    โครงการ Mountain Pass และ CHIPS Act ลงทุน $2 พันล้าน
    ออสเตรเลีย–แคนาดาเร่งผลิตแร่หายาก

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    ราคายังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง
    ความเสี่ยงต่อการผลิตชิปหากซัพพลายเชนใหม่ไม่ทันเวลา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/1-500-percent-price-increase-on-some-rare-earth-elements-squeezes-chipmaking-business-yttrium-surge-caused-by-trade-war-between-u-s-and-china
    💸 “Yttrium พุ่ง 1,500% เขย่าโลกชิปเซ็ต” ราคาของแร่หายาก Yttrium พุ่งขึ้นกว่า 1,500% ภายใน 12 เดือน จาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัม เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก 📈 ราคาพุ่งทะยาน Bloomberg รายงานว่า Yttrium ซึ่งเป็นแร่หายากที่ใช้ในกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เช่น thin-film deposition และ wafer polishing มีราคาพุ่งขึ้นจาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัมในเวลาไม่ถึงปี ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ⚖️ สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน ความตึงเครียดเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 145% และจีนตอบโต้ด้วยการจำกัดการส่งออกแร่หายาก รวมถึง Yttrium แม้จะมีการเจรจาและพักรบทางภาษี แต่จีนยังคงคุมเข้มการส่งออกบางรายการ ทำให้ซัพพลายยังคงตึงตัว 🌍 ผลกระทบต่อซัพพลายเชนโลก มากกว่า 90% ของแร่หายากที่สหรัฐฯ ต้องใช้มาจากจีน ทำให้การควบคุมการส่งออกส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้ผลิตชิปทั่วโลก ขณะนี้สหรัฐฯ กำลังพยายามหาทางออก เช่น โครงการ Mountain Pass ในแคลิฟอร์เนีย รวมถึงการลงทุน $2 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างซัพพลายเชนที่ยั่งยืน ขณะที่ออสเตรเลียและแคนาดาก็เร่งหาทางผลิตแร่หายากจากเหมืองและของเสีย 🔮 แนวโน้มในอนาคต แม้จะมีการหาทางออก แต่ราคาของ Yttrium ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง และอาจสร้างแรงกดดันต่อการผลิตชิปในระยะยาว หากประเทศตะวันตกไม่สามารถสร้างซัพพลายเชนใหม่ได้ทันเวลา อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อาจเผชิญความเสี่ยงด้านต้นทุนและการผลิตที่ไม่เสถียร 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาพุ่ง ➡️ Yttrium เพิ่มจาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัมใน 12 เดือน ✅ สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน ➡️ สหรัฐฯ เก็บภาษี 145% ➡️ จีนจำกัดการส่งออกแร่หายาก ✅ ผลกระทบต่อซัพพลายเชน ➡️ สหรัฐฯ พึ่งพาจีนกว่า 90% ➡️ โครงการ Mountain Pass และ CHIPS Act ลงทุน $2 พันล้าน ➡️ ออสเตรเลีย–แคนาดาเร่งผลิตแร่หายาก ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ ราคายังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง ⛔ ความเสี่ยงต่อการผลิตชิปหากซัพพลายเชนใหม่ไม่ทันเวลา https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/1-500-percent-price-increase-on-some-rare-earth-elements-squeezes-chipmaking-business-yttrium-surge-caused-by-trade-war-between-u-s-and-china
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • “DDR4 ยังไหว หรือถึงเวลาย้ายไป DDR5”

    DDR5 มอบแบนด์วิดท์สูงและความจุที่มากกว่า DDR4 แต่ยังมีข้อจำกัดด้านราคาและค่า Latency ทำให้การอัปเกรดเหมาะกับงานเฉพาะทางมากกว่าการเล่นเกมทั่วไป

    สเปกและความแตกต่างหลัก
    DDR5 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ ชิปที่มีจำนวนคอร์สูง โดยมีแบนด์วิดท์มากกว่า DDR4 ถึง 112% เมื่อเทียบกับ DDR4-2133 และยังสามารถขยายความจุได้สูงสุดถึง 128GB ต่อโมดูลในตลาดผู้ใช้ทั่วไป ขณะที่ DDR4 หยุดอยู่ที่ 16Gb ต่อชิป นอกจากนี้ DDR5 ยังมี สถาปัตยกรรมใหม่ เช่นการแบ่งช่องสัญญาณเป็น 2×32-bit, Burst Length 16 ไบต์ และการใช้ PMIC (Power Management IC) บนโมดูล ทำให้การจัดการพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็เพิ่มต้นทุนการผลิต

    ผลการทดสอบประสิทธิภาพ
    Bandwidth: DDR5-4800 C40 มีแบนด์วิดท์มากกว่า DDR4-4000 C16 ถึง 19% และ DDR5-6400 C36 สามารถเข้าใกล้ 100 GB/s
    Latency: DDR5 มีค่า Latency สูงกว่า DDR4 โดย DDR4-3200 C22 เร็วกว่า DDR5-4800 C40 ถึง 17%
    งานทั่วไป: Microsoft Office และงานเบา ๆ แทบไม่เห็นความแตกต่าง (เพียง 4%)
    งานเฉพาะทาง: Compression และการคำนวณเชิงวิทยาศาสตร์ (เช่น y-cruncher) ได้ประโยชน์ชัดเจนจาก DDR5 โดยเร็วกว่า DDR4 ถึง 25–46%
    เกม: ความแตกต่างน้อยมาก เช่น Assassin’s Creed Valhalla DDR5-6400 C36 เร็วกว่า DDR4-3200 C15 เพียง 3%

    ราคาและความคุ้มค่า
    DDR5 ยังมีราคาสูงกว่า DDR4 อย่างมาก เช่น DDR5-4800 32GB C40 ราคาเฉลี่ย 73 ดอลลาร์ ขณะที่ DDR4-3200 32GB C16 ราคาเพียง 50 ดอลลาร์ แม้ DDR5 จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่า 6% แต่ก็แพงกว่า 46% อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน DDR5 ถือเป็นการ Future-proof เพราะซีพียูรุ่นใหม่จาก Intel และ AMD ไม่รองรับ DDR4 อีกต่อไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สเปก DDR5
    แบนด์วิดท์สูงกว่า DDR4 ถึง 112%
    รองรับความจุสูงสุด 128GB ต่อโมดูล

    ผลการทดสอบ
    งาน Compression และคำนวณเร็วขึ้น 25–46%
    เกมต่างกันเพียง 1–3%

    ราคาและความคุ้มค่า
    DDR5 แพงกว่า DDR4 ถึง 46%
    แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากใช้เพื่อเล่นเกมทั่วไป DDR4 ยังคุ้มค่ากว่า
    DDR5 มีค่า Latency สูงกว่า DDR4 ในหลายกรณี

    https://www.tomshardware.com/features/ddr5-vs-ddr4-is-it-time-to-upgrade-your-ram
    💸 “DDR4 ยังไหว หรือถึงเวลาย้ายไป DDR5” DDR5 มอบแบนด์วิดท์สูงและความจุที่มากกว่า DDR4 แต่ยังมีข้อจำกัดด้านราคาและค่า Latency ทำให้การอัปเกรดเหมาะกับงานเฉพาะทางมากกว่าการเล่นเกมทั่วไป ⚙️ สเปกและความแตกต่างหลัก DDR5 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ ชิปที่มีจำนวนคอร์สูง โดยมีแบนด์วิดท์มากกว่า DDR4 ถึง 112% เมื่อเทียบกับ DDR4-2133 และยังสามารถขยายความจุได้สูงสุดถึง 128GB ต่อโมดูลในตลาดผู้ใช้ทั่วไป ขณะที่ DDR4 หยุดอยู่ที่ 16Gb ต่อชิป นอกจากนี้ DDR5 ยังมี สถาปัตยกรรมใหม่ เช่นการแบ่งช่องสัญญาณเป็น 2×32-bit, Burst Length 16 ไบต์ และการใช้ PMIC (Power Management IC) บนโมดูล ทำให้การจัดการพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็เพิ่มต้นทุนการผลิต 📊 ผลการทดสอบประสิทธิภาพ Bandwidth: DDR5-4800 C40 มีแบนด์วิดท์มากกว่า DDR4-4000 C16 ถึง 19% และ DDR5-6400 C36 สามารถเข้าใกล้ 100 GB/s 🟢 Latency: DDR5 มีค่า Latency สูงกว่า DDR4 โดย DDR4-3200 C22 เร็วกว่า DDR5-4800 C40 ถึง 17% 🟢 งานทั่วไป: Microsoft Office และงานเบา ๆ แทบไม่เห็นความแตกต่าง (เพียง 4%) 🟢 งานเฉพาะทาง: Compression และการคำนวณเชิงวิทยาศาสตร์ (เช่น y-cruncher) ได้ประโยชน์ชัดเจนจาก DDR5 โดยเร็วกว่า DDR4 ถึง 25–46% 🟢 เกม: ความแตกต่างน้อยมาก เช่น Assassin’s Creed Valhalla DDR5-6400 C36 เร็วกว่า DDR4-3200 C15 เพียง 3% 💰 ราคาและความคุ้มค่า DDR5 ยังมีราคาสูงกว่า DDR4 อย่างมาก เช่น DDR5-4800 32GB C40 ราคาเฉลี่ย 73 ดอลลาร์ ขณะที่ DDR4-3200 32GB C16 ราคาเพียง 50 ดอลลาร์ แม้ DDR5 จะให้ประสิทธิภาพสูงกว่า 6% แต่ก็แพงกว่า 46% อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน DDR5 ถือเป็นการ Future-proof เพราะซีพียูรุ่นใหม่จาก Intel และ AMD ไม่รองรับ DDR4 อีกต่อไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สเปก DDR5 ➡️ แบนด์วิดท์สูงกว่า DDR4 ถึง 112% ➡️ รองรับความจุสูงสุด 128GB ต่อโมดูล ✅ ผลการทดสอบ ➡️ งาน Compression และคำนวณเร็วขึ้น 25–46% ➡️ เกมต่างกันเพียง 1–3% ✅ ราคาและความคุ้มค่า ➡️ DDR5 แพงกว่า DDR4 ถึง 46% ➡️ แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากใช้เพื่อเล่นเกมทั่วไป DDR4 ยังคุ้มค่ากว่า ⛔ DDR5 มีค่า Latency สูงกว่า DDR4 ในหลายกรณี https://www.tomshardware.com/features/ddr5-vs-ddr4-is-it-time-to-upgrade-your-ram
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • เปิดตัว Nano Banana Pro: ก้าวใหม่ของการสร้างภาพด้วย AI

    Google DeepMind ได้เปิดตัว Nano Banana Pro ซึ่งเป็นโมเดลสร้างและแก้ไขภาพรุ่นล่าสุดที่ใช้ Gemini 3 Pro เป็นแกนหลัก จุดเด่นคือการสร้างภาพที่มีรายละเอียดสูง ความสามารถในการใส่ข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในหลายภาษา และการเชื่อมโยงกับข้อมูลจริง เช่น สภาพอากาศหรือสูตรอาหาร เพื่อสร้างอินโฟกราฟิกที่มีสาระครบถ้วนและสวยงาม

    Nano Banana Pro ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสร้างภาพ แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลงไอเดียเป็นภาพที่มีความหมาย เช่น การทำอินโฟกราฟิกการเรียนรู้ การออกแบบโปสเตอร์ หรือแม้แต่การสร้างสตอรีบอร์ดสำหรับภาพยนตร์ ด้วยความสามารถด้าน reasoning ที่ลึกซึ้งของ Gemini 3 Pro ทำให้ภาพที่สร้างขึ้นมีความสมจริงและสอดคล้องกับบริบทมากขึ้น

    ความสามารถใหม่: ข้อความหลายภาษาและการเชื่อมโยงข้อมูลจริง
    หนึ่งในจุดแข็งของ Nano Banana Pro คือการสร้างข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในภาพ ไม่ว่าจะเป็นสโลแกนสั้น ๆ หรือย่อหน้าที่ยาวขึ้น พร้อมรองรับหลายภาษาเพื่อการใช้งานระดับสากล ผู้ใช้สามารถสร้างโปสเตอร์ที่มีข้อความทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี หรือออกแบบโลโก้ที่ใช้ตัวอักษรเชิงศิลป์ได้อย่างแม่นยำ

    นอกจากนี้ Nano Banana Pro ยังสามารถเชื่อมโยงกับ Google Search เพื่อดึงข้อมูลจริงมาใช้ เช่น การสร้างอินโฟกราฟิกเกี่ยวกับพืช การทำชา หรือการแสดงข้อมูลสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ทำให้ภาพที่ได้ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังมีสาระและความถูกต้องทางข้อมูล

    ควบคุมการสร้างภาพระดับสตูดิโอ
    Nano Banana Pro มาพร้อมความสามารถในการควบคุมภาพอย่างละเอียด เช่น การปรับโฟกัส การเปลี่ยนแสงจากกลางวันเป็นกลางคืน การจัดองค์ประกอบหลายตัวละครในฉากเดียว และการสร้างภาพที่มีความละเอียดสูงถึง 4K สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างงานออกแบบที่มีความเป็นมืออาชีพ ตั้งแต่โฆษณาไปจนถึงงานศิลป์เชิงสร้างสรรค์

    Google ยังเพิ่มระบบ SynthID watermark เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ว่า ภาพที่สร้างขึ้นมาจาก AI ของ Google หรือไม่ ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการใช้งาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัว Nano Banana Pro
    พัฒนาบน Gemini 3 Pro เพื่อสร้างภาพที่แม่นยำและมีข้อมูลจริง
    รองรับการใช้งานใน Google Ads, Workspace, Gemini App และ AI Studio

    ความสามารถด้านข้อความและภาษา
    สร้างข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในหลายภาษา
    ใช้ตัวอักษรเชิงศิลป์และฟอนต์ที่หลากหลาย

    การเชื่อมโยงข้อมูลจริง
    ดึงข้อมูลจาก Google Search เช่น สภาพอากาศ สูตรอาหาร หรือข้อมูลพืช
    สร้างอินโฟกราฟิกที่มีสาระและความถูกต้อง

    การควบคุมภาพระดับมืออาชีพ
    ปรับแสง โฟกัส และองค์ประกอบภาพได้ละเอียด
    รองรับความละเอียดสูงสุด 4K และหลายอัตราส่วนภาพ

    คำเตือนด้านการใช้งาน AI
    แม้ภาพจะสวยงามและสมจริง แต่ยังคงเป็น Generative AI ที่อาจมีข้อผิดพลาด
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบข้อมูลที่ปรากฏในภาพก่อนนำไปใช้จริง

    https://blog.google/technology/ai/nano-banana-pro/
    🖼️ เปิดตัว Nano Banana Pro: ก้าวใหม่ของการสร้างภาพด้วย AI Google DeepMind ได้เปิดตัว Nano Banana Pro ซึ่งเป็นโมเดลสร้างและแก้ไขภาพรุ่นล่าสุดที่ใช้ Gemini 3 Pro เป็นแกนหลัก จุดเด่นคือการสร้างภาพที่มีรายละเอียดสูง ความสามารถในการใส่ข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในหลายภาษา และการเชื่อมโยงกับข้อมูลจริง เช่น สภาพอากาศหรือสูตรอาหาร เพื่อสร้างอินโฟกราฟิกที่มีสาระครบถ้วนและสวยงาม Nano Banana Pro ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสร้างภาพ แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลงไอเดียเป็นภาพที่มีความหมาย เช่น การทำอินโฟกราฟิกการเรียนรู้ การออกแบบโปสเตอร์ หรือแม้แต่การสร้างสตอรีบอร์ดสำหรับภาพยนตร์ ด้วยความสามารถด้าน reasoning ที่ลึกซึ้งของ Gemini 3 Pro ทำให้ภาพที่สร้างขึ้นมีความสมจริงและสอดคล้องกับบริบทมากขึ้น 🌍 ความสามารถใหม่: ข้อความหลายภาษาและการเชื่อมโยงข้อมูลจริง หนึ่งในจุดแข็งของ Nano Banana Pro คือการสร้างข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในภาพ ไม่ว่าจะเป็นสโลแกนสั้น ๆ หรือย่อหน้าที่ยาวขึ้น พร้อมรองรับหลายภาษาเพื่อการใช้งานระดับสากล ผู้ใช้สามารถสร้างโปสเตอร์ที่มีข้อความทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี หรือออกแบบโลโก้ที่ใช้ตัวอักษรเชิงศิลป์ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ Nano Banana Pro ยังสามารถเชื่อมโยงกับ Google Search เพื่อดึงข้อมูลจริงมาใช้ เช่น การสร้างอินโฟกราฟิกเกี่ยวกับพืช การทำชา หรือการแสดงข้อมูลสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ทำให้ภาพที่ได้ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังมีสาระและความถูกต้องทางข้อมูล 🎨 ควบคุมการสร้างภาพระดับสตูดิโอ Nano Banana Pro มาพร้อมความสามารถในการควบคุมภาพอย่างละเอียด เช่น การปรับโฟกัส การเปลี่ยนแสงจากกลางวันเป็นกลางคืน การจัดองค์ประกอบหลายตัวละครในฉากเดียว และการสร้างภาพที่มีความละเอียดสูงถึง 4K สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างงานออกแบบที่มีความเป็นมืออาชีพ ตั้งแต่โฆษณาไปจนถึงงานศิลป์เชิงสร้างสรรค์ Google ยังเพิ่มระบบ SynthID watermark เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ว่า ภาพที่สร้างขึ้นมาจาก AI ของ Google หรือไม่ ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการใช้งาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัว Nano Banana Pro ➡️ พัฒนาบน Gemini 3 Pro เพื่อสร้างภาพที่แม่นยำและมีข้อมูลจริง ➡️ รองรับการใช้งานใน Google Ads, Workspace, Gemini App และ AI Studio ✅ ความสามารถด้านข้อความและภาษา ➡️ สร้างข้อความที่อ่านได้ชัดเจนในหลายภาษา ➡️ ใช้ตัวอักษรเชิงศิลป์และฟอนต์ที่หลากหลาย ✅ การเชื่อมโยงข้อมูลจริง ➡️ ดึงข้อมูลจาก Google Search เช่น สภาพอากาศ สูตรอาหาร หรือข้อมูลพืช ➡️ สร้างอินโฟกราฟิกที่มีสาระและความถูกต้อง ✅ การควบคุมภาพระดับมืออาชีพ ➡️ ปรับแสง โฟกัส และองค์ประกอบภาพได้ละเอียด ➡️ รองรับความละเอียดสูงสุด 4K และหลายอัตราส่วนภาพ ‼️ คำเตือนด้านการใช้งาน AI ⛔ แม้ภาพจะสวยงามและสมจริง แต่ยังคงเป็น Generative AI ที่อาจมีข้อผิดพลาด ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบข้อมูลที่ปรากฏในภาพก่อนนำไปใช้จริง https://blog.google/technology/ai/nano-banana-pro/
    BLOG.GOOGLE
    Introducing Nano Banana Pro
    Nano Banana Pro is our new image generation and editing model from Google DeepMind.
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • ของดี ไม่พูดเยอะ…ฟังคลิปเองละกันค่ะ
    …………………………………………………

    จะขายของทั้งที ใช้ถุงอะไรก็ได้ใส่ให้ลูกค้าก็ได้…ไม่ด้ายยยยยยยย !!!!!!

    ถุง PP หนา หนาจริงหนาจัง… ถุงพลาสติกตราปู แน่น เหนียว … ใช้งานง่าย สบายกระเป๋า…

    ถุงไม่ขาด = สินค้าไม่เสียหาย
    ถุงดี = กำไรแฝง
    เลือกใช้ถุงให้ถูกประเภท เหมาะกับการใช้งาน

    ⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้า
    ถุง PP ร้อน หนา ตราปูใน TikTok
    https://vt.tiktok.com/ZSkKMNv5n/

    ถุง PP ร้อน หนา ตราปู ใน Shopee
    https://th.shp.ee/zRdVepM
    https://th.shp.ee/T8nPT9T

    เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง
    1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop
    2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_

    เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ

    #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก

    #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา

    #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ถุงเย็น #ถุงหูหิ้ว #ถุงร้อน #ถุงพีพีใบใหญ่
    ของดี ไม่พูดเยอะ…ฟังคลิปเองละกันค่ะ ………………………………………………… จะขายของทั้งที ใช้ถุงอะไรก็ได้ใส่ให้ลูกค้าก็ได้…ไม่ด้ายยยยยยยย !!!!!! ถุง PP หนา หนาจริงหนาจัง… ถุงพลาสติกตราปู แน่น เหนียว … ใช้งานง่าย สบายกระเป๋า… ถุงไม่ขาด = สินค้าไม่เสียหาย ถุงดี = กำไรแฝง เลือกใช้ถุงให้ถูกประเภท เหมาะกับการใช้งาน 🌶️♨️⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้า ถุง PP ร้อน หนา ตราปูใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSkKMNv5n/ ถุง PP ร้อน หนา ตราปู ใน Shopee https://th.shp.ee/zRdVepM https://th.shp.ee/T8nPT9T เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง 1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop 2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_ เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ถุงเย็น #ถุงหูหิ้ว #ถุงร้อน #ถุงพีพีใบใหญ่
    0 Comments 0 Shares 253 Views 0 0 Reviews
  • ทัพภาค 2 แฉยุทธวิธีกัมพูชา วางทุ่นระเบิด PMN-2 แบบดักซ้าย–ขวา–หน้า–หลัง สลับฟันปลาในเส้นทางลาดตระเวนของไทย พร้อมใช้กลลวงสารพัด ทั้งตะโกนยั่ว–ตัดลวดหนาม–วางก่อนถอย เพื่อให้ทหารไทยเดินเข้า “พื้นที่สังหาร (Killing Zone)”

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110895

    #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทุ่นระเบิด #ทภ2 #กัมพูชา #ความมั่นคง #News1live #News1
    ทัพภาค 2 แฉยุทธวิธีกัมพูชา วางทุ่นระเบิด PMN-2 แบบดักซ้าย–ขวา–หน้า–หลัง สลับฟันปลาในเส้นทางลาดตระเวนของไทย พร้อมใช้กลลวงสารพัด ทั้งตะโกนยั่ว–ตัดลวดหนาม–วางก่อนถอย เพื่อให้ทหารไทยเดินเข้า “พื้นที่สังหาร (Killing Zone)” • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110895 • #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทุ่นระเบิด #ทภ2 #กัมพูชา #ความมั่นคง #News1live #News1
    0 Comments 0 Shares 274 Views 0 Reviews
  • “ฟองสบู่ AI? Google เตือนการลงทุนอาจเกินจริง แต่ยังเดินหน้าลงทุนมหาศาลใน UK”

    ในบทสัมภาษณ์กับ BBC, Sundar Pichai CEO ของ Alphabet (Google) กล่าวว่าการลงทุนใน AI ที่กำลังพุ่งสูงนั้นมี “องค์ประกอบของความไร้เหตุผล” แม้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญทางเทคโนโลยี แต่ก็คล้ายกับการลงทุนเกินจริงในยุคดอทคอมที่เคยนำไปสู่การล่มสลายของตลาดเมื่อปี 2000 เขาย้ำว่า ไม่มีบริษัทใดที่จะรอดพ้นผลกระทบหากฟองสบู่ AI แตก แม้แต่ Google เองก็ตาม

    ขณะเดียวกัน Google กำลังขยายการลงทุนในสหราชอาณาจักร โดยประกาศทุ่มงบกว่า £5 พันล้าน (ราว 6.8 พันล้านดอลลาร์) เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและศูนย์วิจัย AI รวมถึงการพัฒนา DeepMind ในลอนดอน รัฐบาลอังกฤษมองว่านี่คือโอกาสที่จะทำให้ประเทศขึ้นเป็น “มหาอำนาจ AI อันดับ 3” รองจากสหรัฐฯ และจีน

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่คือ พลังงาน เนื่องจาก AI ใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยปี 2024 ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกใช้ไฟฟ้าราว 415 TWh หรือ 1.5% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งโลก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 620–1,050 TWh ภายในปี 2030 เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าของประเทศขนาดใหญ่ทั้งประเทศ เช่น ญี่ปุ่นหรือเยอรมนี สิ่งนี้ทำให้เป้าหมาย Net Zero ของ Google ภายในปี 2030 อาจล่าช้า

    นักวิเคราะห์บางรายมองว่าแม้การลงทุน AI จะสร้างโอกาสมหาศาล แต่ก็มีความเสี่ยงสูง หากผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาด ฟองสบู่ AI อาจแตกและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในยุคดอทคอม

    สรุปสาระสำคัญ
    การเตือนเรื่องฟองสบู่ AI
    Sundar Pichai ระบุว่ามี “องค์ประกอบของความไร้เหตุผล” ในการลงทุน AI
    ไม่มีบริษัทใดรอดพ้นผลกระทบหากฟองสบู่แตก

    การลงทุนในสหราชอาณาจักร
    Google ทุ่มงบ £5 พันล้านเพื่อโครงสร้างพื้นฐานและวิจัย AI
    รัฐบาลอังกฤษหวังขึ้นเป็นมหาอำนาจ AI อันดับ 3 ของโลก

    ความต้องการพลังงานมหาศาล
    AI ใช้ไฟฟ้า 1.5% ของโลกในปี 2024 และอาจเพิ่มขึ้นเท่าประเทศใหญ่ภายในปี 2030
    Google ยอมรับว่าเป้าหมาย Net Zero ปี 2030 อาจล่าช้า

    คำเตือนด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
    หากฟองสบู่ AI แตก อาจกระทบตลาดหุ้นและเงินออมประชาชน
    การใช้พลังงานมหาศาลอาจทำให้เกิดวิกฤติพลังงานและชะลอเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม

    https://www.bbc.com/news/articles/cwy7vrd8k4eo
    📰 “ฟองสบู่ AI? Google เตือนการลงทุนอาจเกินจริง แต่ยังเดินหน้าลงทุนมหาศาลใน UK” ในบทสัมภาษณ์กับ BBC, Sundar Pichai CEO ของ Alphabet (Google) กล่าวว่าการลงทุนใน AI ที่กำลังพุ่งสูงนั้นมี “องค์ประกอบของความไร้เหตุผล” แม้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญทางเทคโนโลยี แต่ก็คล้ายกับการลงทุนเกินจริงในยุคดอทคอมที่เคยนำไปสู่การล่มสลายของตลาดเมื่อปี 2000 เขาย้ำว่า ไม่มีบริษัทใดที่จะรอดพ้นผลกระทบหากฟองสบู่ AI แตก แม้แต่ Google เองก็ตาม ขณะเดียวกัน Google กำลังขยายการลงทุนในสหราชอาณาจักร โดยประกาศทุ่มงบกว่า £5 พันล้าน (ราว 6.8 พันล้านดอลลาร์) เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและศูนย์วิจัย AI รวมถึงการพัฒนา DeepMind ในลอนดอน รัฐบาลอังกฤษมองว่านี่คือโอกาสที่จะทำให้ประเทศขึ้นเป็น “มหาอำนาจ AI อันดับ 3” รองจากสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่คือ พลังงาน เนื่องจาก AI ใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ โดยปี 2024 ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกใช้ไฟฟ้าราว 415 TWh หรือ 1.5% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งโลก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 620–1,050 TWh ภายในปี 2030 เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าของประเทศขนาดใหญ่ทั้งประเทศ เช่น ญี่ปุ่นหรือเยอรมนี สิ่งนี้ทำให้เป้าหมาย Net Zero ของ Google ภายในปี 2030 อาจล่าช้า นักวิเคราะห์บางรายมองว่าแม้การลงทุน AI จะสร้างโอกาสมหาศาล แต่ก็มีความเสี่ยงสูง หากผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาด ฟองสบู่ AI อาจแตกและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในยุคดอทคอม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเตือนเรื่องฟองสบู่ AI ➡️ Sundar Pichai ระบุว่ามี “องค์ประกอบของความไร้เหตุผล” ในการลงทุน AI ➡️ ไม่มีบริษัทใดรอดพ้นผลกระทบหากฟองสบู่แตก ✅ การลงทุนในสหราชอาณาจักร ➡️ Google ทุ่มงบ £5 พันล้านเพื่อโครงสร้างพื้นฐานและวิจัย AI ➡️ รัฐบาลอังกฤษหวังขึ้นเป็นมหาอำนาจ AI อันดับ 3 ของโลก ✅ ความต้องการพลังงานมหาศาล ➡️ AI ใช้ไฟฟ้า 1.5% ของโลกในปี 2024 และอาจเพิ่มขึ้นเท่าประเทศใหญ่ภายในปี 2030 ➡️ Google ยอมรับว่าเป้าหมาย Net Zero ปี 2030 อาจล่าช้า ‼️ คำเตือนด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม ⛔ หากฟองสบู่ AI แตก อาจกระทบตลาดหุ้นและเงินออมประชาชน ⛔ การใช้พลังงานมหาศาลอาจทำให้เกิดวิกฤติพลังงานและชะลอเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม https://www.bbc.com/news/articles/cwy7vrd8k4eo
    WWW.BBC.COM
    Google boss says trillion-dollar AI investment boom has 'elements of irrationality'
    In an exclusive BBC interview, Sundar Pichai hailed artificial intelligence as an "extraordinary moment" but said no company would be immune if bubble burst.
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251120 #securityonline

    Lazarus Group เปิดตัว RAT ใหม่ชื่อ ScoringMathTea
    กลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกเปิดโปงว่าได้พัฒนาเครื่องมือสอดแนมใหม่ชื่อ ScoringMathTea RAT ซึ่งมีความสามารถซับซ้อนมาก ใช้เทคนิคการโหลดปลั๊กอินแบบสะท้อน (Reflective Plugin Loader) และเข้ารหัสด้วยวิธีเฉพาะที่ยากต่อการตรวจจับ เครื่องมือนี้สามารถควบคุมเครื่องเป้าหมายจากระยะไกลได้เต็มรูปแบบ ทั้งการรันคำสั่งและโหลดปลั๊กอินในหน่วยความจำ จุดเด่นคือการซ่อนร่องรอยการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ นักวิจัยพบว่า RAT นี้ถูกใช้ในปฏิบัติการโจมตีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี UAV ของยูเครน

    https://securityonline.info/lazarus-groups-new-scoringmathtea-rat-uses-reflective-plugin-loader-and-custom-polyalphabetic-crypto-for-espionage

    Akira Ransomware ใช้ CAPTCHA หลอกลวงจนบริษัทใหญ่ล่มใน 42 วัน
    มีรายงานว่าเพียงการคลิก CAPTCHA ปลอมครั้งเดียวของพนักงานบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้เกิดการโจมตีที่ยืดเยื้อถึง 42 วัน กลุ่มแฮกเกอร์ Howling Scorpius ใช้เทคนิคนี้เพื่อติดตั้ง SectopRAT และค่อย ๆ ยึดระบบทีละขั้น จนสามารถลบข้อมูลสำรองบนคลาวด์และปล่อย Akira ransomware ทำให้บริษัทหยุดทำงานเกือบทั้งหมด แม้บริษัทจะมีระบบ EDR แต่กลับไม่สามารถตรวจจับได้ทันเวลา

    https://securityonline.info/one-click-42-days-akira-ransomware-used-captcha-decoy-to-destroy-cloud-backups-and-cripple-storage-firm

    “The Gentlemen” Ransomware RaaS โผล่ใหม่ โจมตี 48 เหยื่อใน 3 เดือน
    กลุ่มใหม่ชื่อ The Gentlemen เปิดตัวแพลตฟอร์ม Ransomware-as-a-Service (RaaS) ที่มีความซับซ้อนสูง ใช้การเข้ารหัสแบบ XChaCha20 และกลยุทธ์ “สองชั้น” คือทั้งเข้ารหัสไฟล์และขู่เปิดเผยข้อมูลที่ขโมยมา ภายในเวลาเพียง 3 เดือน พวกเขามีเหยื่อถึง 48 ราย จุดเด่นคือการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รองรับทั้ง Windows, Linux และ ESXi พร้อมเทคนิคการแพร่กระจายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นภัยคุกคามระดับท็อปในวงการ https://securityonline.info/sophisticated-the-gentlemen-ransomware-raas-emerges-with-xchacha20-encryption-and-48-victims-in-3-months

    มัลแวร์ยุคใหม่ซ่อนการสื่อสารเป็น API ของ LLM บน Tencent Cloud
    นักวิจัยจาก Akamai พบมัลแวร์ที่มีวิธีพรางตัวแปลกใหม่ โดยมันซ่อนการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ให้ดูเหมือนการเรียกใช้งาน API ของ Large Language Model (LLM) บน Tencent Cloud ทำให้การตรวจจับยากขึ้นมาก เพราะทราฟฟิกดูเหมือนการใช้งาน AI ปกติจริง ๆ เมื่อถอดรหัสแล้วพบว่าเป็นคำสั่งควบคุมเครื่องแบบ RAT เต็มรูปแบบ พร้อมเครื่องมือ Proxy ที่ช่วยให้แฮกเกอร์ใช้เครื่องเหยื่อเป็นจุดผ่านในการโจมตีต่อ

    https://securityonline.info/next-gen-stealth-malware-hides-c2-traffic-as-fake-llm-api-requests-on-tencent-cloud

    Ransomware เจาะ AWS S3 ผ่านการตั้งค่าผิดพลาด ทำลบข้อมูลถาวร
    รายงานจาก Trend Research เตือนว่ามีการพัฒนา ransomware รุ่นใหม่ที่มุ่งเป้าไปยัง Amazon S3 โดยอาศัยการตั้งค่าที่ผิดพลาด เช่น ไม่มีการเปิด versioning หรือ object lock ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ารหัสหรือลบข้อมูลได้แบบถาวรโดยไม่สามารถกู้คืนได้ มีการระบุถึง 5 วิธีการโจมตีที่อันตราย เช่น การลบ KMS key ที่ใช้เข้ารหัสไฟล์ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลสูญหายไปตลอดกาล

    https://securityonline.info/next-gen-ransomware-targets-aws-s3-five-cloud-native-variants-exploit-misconfigurations-for-irreversible-data-destruction

    Windows 11 เตรียมซ่อนหน้าจอ BSOD บนจอสาธารณะ

    Microsoft ประกาศว่าจะปรับปรุง Windows 11 โดย ซ่อนหน้าจอ Blue Screen of Death (BSOD) บนจอที่ใช้ในที่สาธารณะ เช่นสนามบินหรือห้างสรรพสินค้า เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ทั่วไปเห็นภาพระบบล่มที่อาจสร้างความตื่นตระหนก การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น โดยยังคงบันทึกข้อมูลการ crash ไว้ให้ผู้ดูแลระบบตรวจสอบได้ตามปกติ

    https://securityonline.info/no-more-public-bsods-windows-11-will-hide-crash-screens-on-public-displays

    Microsoft เตรียมยกเลิกสิทธิ์ OEM Driver ระดับ Kernel
    หลังเหตุการณ์ CrowdStrike ที่ทำให้ระบบล่มทั่วโลก Microsoft วางแผนจะ ยกเลิกสิทธิ์พิเศษของ OEM driver ที่ทำงานในระดับ Kernel เพื่อลดความเสี่ยงจากการที่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ใช้สิทธิ์สูงเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของระบบ Windows โดยบังคับให้ผู้ผลิตใช้วิธีที่ปลอดภัยกว่าในการเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการ

    https://securityonline.info/post-crowdstrike-microsoft-to-phase-out-oem-kernel-level-driver-privileges

    Seraphic เปิดตัว Browser Security สำหรับแอป Electron
    บริษัท Seraphic เปิดตัวโซลูชันใหม่ที่เป็น Secure Enterprise Browser ตัวแรกที่สามารถปกป้องแอปพลิเคชันที่สร้างบน Electron ได้ จุดเด่นคือการเพิ่มชั้นความปลอดภัยให้กับแอปที่มักถูกใช้ในองค์กร เช่น Slack หรือ Teams ซึ่งเดิมที Electron มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอยู่บ่อยครั้ง การแก้ปัญหานี้ช่วยให้องค์กรมั่นใจมากขึ้นในการใช้งานแอป Electron

    https://securityonline.info/seraphic-becomes-the-first-and-only-secure-enterprise-browser-solution-to-protect-electron-based-applications

    Comet Browser ถูกวิจารณ์หนัก หลังพบ API ลับ MCP
    มีการค้นพบว่า Comet Browser มี API ที่ชื่อ MCP ซึ่งเปิดช่องให้ผู้พัฒนา AI browser สามารถเข้าถึงและควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้เต็มรูปแบบโดยไม่แจ้งเตือน ทำให้เกิดการละเมิดความเชื่อมั่นของผู้ใช้ นักวิจัยเตือนว่าช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกลโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://securityonline.info/obscure-mcp-api-in-comet-browser-breaches-user-trust-enabling-full-device-control-via-ai-browsers

    CredShields จับมือ Checkmarx เสริมความปลอดภัย Smart Contract
    บริษัท CredShields ประกาศความร่วมมือกับ Checkmarx เพื่อนำเทคโนโลยีตรวจสอบความปลอดภัยของ Smart Contract เข้าสู่โปรแกรม AppSec ขององค์กร จุดมุ่งหมายคือช่วยให้องค์กรที่ใช้ blockchain และ smart contract สามารถตรวจสอบช่องโหว่ได้อย่างเป็นระบบ ลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่อาจทำให้สูญเสียทรัพย์สินดิจิทัล

    https://securityonline.info/credshields-joins-forces-with-checkmarx-to-bring-smart-contract-security-to-enterprise-appsec-programs

    Windows 11 เพิ่มเครื่องมือใหม่ Point-in-Time Restore

    Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ได้แก่ Point-in-Time Restore และ Network-Enabled Recovery Environment เพื่อช่วยผู้ใช้กู้คืนระบบได้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์นี้ทำให้สามารถย้อนกลับไปยังสถานะก่อนหน้าที่กำหนดไว้ได้ทันที และยังรองรับการกู้คืนผ่านเครือข่าย ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถซ่อมแซมเครื่องจากระยะไกลได้สะดวกขึ้น

    https://securityonline.info/new-windows-11-tools-point-in-time-restore-network-enabled-recovery-environment

    ความกังวลฟองสบู่ AI: Microsoft & NVIDIA ลงทุนหนักใน Anthropic
    มีรายงานว่าทั้ง Microsoft และ NVIDIA ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในบริษัท AI อย่าง Anthropic จนเกิดความกังวลว่าการลงทุนแบบหมุนเวียนระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ อาจสร้าง “ฟองสบู่ AI” ที่ไม่ยั่งยืน การทุ่มเงินจำนวนมหาศาลนี้ถูกมองว่าอาจทำให้ตลาด AI เติบโตเกินจริงและเสี่ยงต่อการแตกในอนาคต

    https://securityonline.info/ai-bubble-fear-microsoft-nvidia-pour-billions-into-anthropic-fueling-circular-investment

    Google ทุ่ม 78 พันล้านดอลลาร์สร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ
    Google ประกาศโครงการ Investing in America 2025 ด้วยงบประมาณมหาศาลถึง 78 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI และโครงสร้างพื้นฐานทั่วสหรัฐฯ รวมถึงการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ 600 MW ที่ Arkansas โครงการนี้สะท้อนถึงการเร่งขยายกำลังการผลิต AI และการสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ https://securityonline.info/google-pledges-78-billion-for-investing-in-america-2025-ai-infrastructure

    Grok 4.1 แซง Google Gemini 2.5 Pro บน LMArena
    แพลตฟอร์มทดสอบ AI LMArena รายงานว่า Grok 4.1 Thinking ได้คะแนนสูงสุด แซงหน้า Google Gemini 2.5 Pro ในการจัดอันดับล่าสุด จุดเด่นของ Grok คือความสามารถในการใช้เหตุผลเชิงลึกและการตอบสนองที่แม่นยำ ทำให้มันถูกจับตามองว่าอาจเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดโมเดล AI ระดับสูง

    https://securityonline.info/grok-4-1-thinking-steals-1-spot-on-lmarena-surpassing-google-gemini-2-5-pro

    Google เปิดตัว Canvas และ Agentic Booking ใน AI Mode
    Google อัปเกรด AI Mode โดยเพิ่มฟีเจอร์ Canvas สำหรับการวางแผน และ Agentic Booking สำหรับการจองที่พักหรือร้านอาหารแบบอัตโนมัติ ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ AI ในการจัดการงานประจำวันได้สะดวกขึ้น เช่น วางแผนทริปหรือจองโต๊ะอาหารโดยไม่ต้องทำเอง

    https://securityonline.info/ai-mode-upgraded-google-launches-canvas-for-planning-and-agentic-booking-for-reservations

    เราเตอร์ D-Link DIR-878 หมดอายุการสนับสนุน พร้อมช่องโหว่ RCE ร้ายแรง

    D-Link ประกาศว่าเราเตอร์รุ่น DIR-878 เข้าสู่สถานะ End-of-Life (EOL) และจะไม่ได้รับการอัปเดตอีกต่อไป ทั้งที่ยังมีช่องโหว่ร้ายแรงถึง 3 จุดซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ทำให้ผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์รุ่นนี้เสี่ยงต่อการถูกยึดระบบอย่างมาก

    https://securityonline.info/d-link-dir-878-reaches-eol-3-unpatched-rce-flaws-allow-unauthenticated-remote-command-execution

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน METZ CONNECT Controller เปิดทาง RCE และยึดระบบ
    มีการค้นพบช่องโหว่ในอุปกรณ์ควบคุมอุตสาหกรรมของ METZ CONNECT ที่มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.8 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลและเข้ายึดสิทธิ์ผู้ดูแลระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ถือเป็นภัยคุกคามต่อระบบควบคุมอุตสาหกรรมที่ใช้กันในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

    https://securityonline.info/critical-metz-connect-flaws-cvss-9-8-allow-unauthenticated-rce-and-admin-takeover-on-industrial-controllers

    SolarWinds Serv-U พบช่องโหว่ใหม่ เปิดทาง RCE และ Path Bypass
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยรายงานช่องโหว่ร้ายแรงใน SolarWinds Serv-U ที่ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลและเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางไฟล์ได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS 9.1 และถูกจัดว่าเป็นภัยคุกคามระดับสูงต่อองค์กรที่ใช้ Serv-U ในการจัดการไฟล์และระบบเครือข่าย

    https://securityonline.info/critical-solarwinds-serv-u-flaws-cvss-9-1-allow-authenticated-admin-rce-and-path-bypass

    การโจมตีซัพพลายเชน npm ด้วย CAPTCHA ปลอมและ Adspect Cloaking
    มีการตรวจพบการโจมตีซัพพลายเชนใน npm โดยแฮกเกอร์ใช้เทคนิค Adspect Cloaking และ CAPTCHA ปลอมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเพื่อหลอกนักพัฒนาและผู้ใช้ให้ดาวน์โหลดแพ็กเกจอันตราย การโจมตีนี้ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและนักวิจัยด้านความปลอดภัยถูกหลอกได้ง่ายขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงในระบบซัพพลายเชนโอเพนซอร์ส

    https://securityonline.info/npm-supply-chain-attack-hackers-use-adspect-cloaking-and-fake-crypto-captcha-to-deceive-victims-and-researchers

    ASUSTOR พบช่องโหว่ DLL Hijacking ร้ายแรง (CVE-2025-13051)
    ASUSTOR ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ DLL hijacking ในซอฟต์แวร์ Backup Plan (ABP) และ EZSync (AES) บน Windows ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีในเครื่องสามารถแทนที่ DLL และรันโค้ดด้วยสิทธิ์ SYSTEM ได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS 9.3 และถูกจัดว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อทั้งผู้ใช้บ้านและองค์กร โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันใหม่

    https://securityonline.info/critical-asustor-flaw-cve-2025-13051-allows-local-dll-hijacking-for-system-privilege-escalation

    ช่องโหว่ joserfc (CVE-2025-65015) ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มด้วย JWT ขนาดใหญ่

    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในไลบรารี joserfc ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ JSON Web Token (JWT) โดยหากผู้โจมตีส่ง JWT ที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติ จะทำให้เซิร์ฟเวอร์ใช้ทรัพยากรมากเกินไปจนล่มได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่าเป็นการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) และมีผลกระทบต่อระบบที่ใช้ joserfc ในการตรวจสอบสิทธิ์หรือการเข้ารหัสข้อมูล

    https://securityonline.info/critical-cve-2025-65015-vulnerability-in-joserfc-could-let-attackers-exhaust-server-resources-via-oversized-jwt-tokens

    หน่วยงาน CISA/FBI/NSA ร่วมกันจัดการโครงสร้าง Bulletproof Hosting
    สามหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ได้แก่ CISA, FBI และ NSA ได้ร่วมมือกันออกคู่มือใหม่เพื่อจัดการกับโครงสร้าง Bulletproof Hosting ที่ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์ทั่วโลก Bulletproof Hosting คือบริการโฮสติ้งที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้โจมตีจากการถูกปิดกั้นหรือสืบสวน การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างแนวทางป้องกันภัยไซเบอร์ระดับโลก

    https://securityonline.info/cisa-fbi-nsa-unite-to-dismantle-bulletproof-hosting-ecosystem-with-new-global-defense-guide

    📌📰🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠📰📌 #รวมข่าวIT #20251120 #securityonline 🕵️‍♂️ Lazarus Group เปิดตัว RAT ใหม่ชื่อ ScoringMathTea กลุ่มแฮกเกอร์ Lazarus จากเกาหลีเหนือถูกเปิดโปงว่าได้พัฒนาเครื่องมือสอดแนมใหม่ชื่อ ScoringMathTea RAT ซึ่งมีความสามารถซับซ้อนมาก ใช้เทคนิคการโหลดปลั๊กอินแบบสะท้อน (Reflective Plugin Loader) และเข้ารหัสด้วยวิธีเฉพาะที่ยากต่อการตรวจจับ เครื่องมือนี้สามารถควบคุมเครื่องเป้าหมายจากระยะไกลได้เต็มรูปแบบ ทั้งการรันคำสั่งและโหลดปลั๊กอินในหน่วยความจำ จุดเด่นคือการซ่อนร่องรอยการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ นักวิจัยพบว่า RAT นี้ถูกใช้ในปฏิบัติการโจมตีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี UAV ของยูเครน 🔗 https://securityonline.info/lazarus-groups-new-scoringmathtea-rat-uses-reflective-plugin-loader-and-custom-polyalphabetic-crypto-for-espionage 💻 Akira Ransomware ใช้ CAPTCHA หลอกลวงจนบริษัทใหญ่ล่มใน 42 วัน มีรายงานว่าเพียงการคลิก CAPTCHA ปลอมครั้งเดียวของพนักงานบริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้เกิดการโจมตีที่ยืดเยื้อถึง 42 วัน กลุ่มแฮกเกอร์ Howling Scorpius ใช้เทคนิคนี้เพื่อติดตั้ง SectopRAT และค่อย ๆ ยึดระบบทีละขั้น จนสามารถลบข้อมูลสำรองบนคลาวด์และปล่อย Akira ransomware ทำให้บริษัทหยุดทำงานเกือบทั้งหมด แม้บริษัทจะมีระบบ EDR แต่กลับไม่สามารถตรวจจับได้ทันเวลา 🔗 https://securityonline.info/one-click-42-days-akira-ransomware-used-captcha-decoy-to-destroy-cloud-backups-and-cripple-storage-firm 🎩 “The Gentlemen” Ransomware RaaS โผล่ใหม่ โจมตี 48 เหยื่อใน 3 เดือน กลุ่มใหม่ชื่อ The Gentlemen เปิดตัวแพลตฟอร์ม Ransomware-as-a-Service (RaaS) ที่มีความซับซ้อนสูง ใช้การเข้ารหัสแบบ XChaCha20 และกลยุทธ์ “สองชั้น” คือทั้งเข้ารหัสไฟล์และขู่เปิดเผยข้อมูลที่ขโมยมา ภายในเวลาเพียง 3 เดือน พวกเขามีเหยื่อถึง 48 ราย จุดเด่นคือการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รองรับทั้ง Windows, Linux และ ESXi พร้อมเทคนิคการแพร่กระจายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นภัยคุกคามระดับท็อปในวงการ 🔗 https://securityonline.info/sophisticated-the-gentlemen-ransomware-raas-emerges-with-xchacha20-encryption-and-48-victims-in-3-months ☁️ มัลแวร์ยุคใหม่ซ่อนการสื่อสารเป็น API ของ LLM บน Tencent Cloud นักวิจัยจาก Akamai พบมัลแวร์ที่มีวิธีพรางตัวแปลกใหม่ โดยมันซ่อนการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุม (C2) ให้ดูเหมือนการเรียกใช้งาน API ของ Large Language Model (LLM) บน Tencent Cloud ทำให้การตรวจจับยากขึ้นมาก เพราะทราฟฟิกดูเหมือนการใช้งาน AI ปกติจริง ๆ เมื่อถอดรหัสแล้วพบว่าเป็นคำสั่งควบคุมเครื่องแบบ RAT เต็มรูปแบบ พร้อมเครื่องมือ Proxy ที่ช่วยให้แฮกเกอร์ใช้เครื่องเหยื่อเป็นจุดผ่านในการโจมตีต่อ 🔗 https://securityonline.info/next-gen-stealth-malware-hides-c2-traffic-as-fake-llm-api-requests-on-tencent-cloud 🗄️ Ransomware เจาะ AWS S3 ผ่านการตั้งค่าผิดพลาด ทำลบข้อมูลถาวร รายงานจาก Trend Research เตือนว่ามีการพัฒนา ransomware รุ่นใหม่ที่มุ่งเป้าไปยัง Amazon S3 โดยอาศัยการตั้งค่าที่ผิดพลาด เช่น ไม่มีการเปิด versioning หรือ object lock ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ารหัสหรือลบข้อมูลได้แบบถาวรโดยไม่สามารถกู้คืนได้ มีการระบุถึง 5 วิธีการโจมตีที่อันตราย เช่น การลบ KMS key ที่ใช้เข้ารหัสไฟล์ ซึ่งจะทำให้ข้อมูลสูญหายไปตลอดกาล 🔗 https://securityonline.info/next-gen-ransomware-targets-aws-s3-five-cloud-native-variants-exploit-misconfigurations-for-irreversible-data-destruction 💻 Windows 11 เตรียมซ่อนหน้าจอ BSOD บนจอสาธารณะ Microsoft ประกาศว่าจะปรับปรุง Windows 11 โดย ซ่อนหน้าจอ Blue Screen of Death (BSOD) บนจอที่ใช้ในที่สาธารณะ เช่นสนามบินหรือห้างสรรพสินค้า เพื่อไม่ให้ผู้ใช้ทั่วไปเห็นภาพระบบล่มที่อาจสร้างความตื่นตระหนก การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ประสบการณ์ใช้งานดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น โดยยังคงบันทึกข้อมูลการ crash ไว้ให้ผู้ดูแลระบบตรวจสอบได้ตามปกติ 🔗 https://securityonline.info/no-more-public-bsods-windows-11-will-hide-crash-screens-on-public-displays 🛡️ Microsoft เตรียมยกเลิกสิทธิ์ OEM Driver ระดับ Kernel หลังเหตุการณ์ CrowdStrike ที่ทำให้ระบบล่มทั่วโลก Microsoft วางแผนจะ ยกเลิกสิทธิ์พิเศษของ OEM driver ที่ทำงานในระดับ Kernel เพื่อลดความเสี่ยงจากการที่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ใช้สิทธิ์สูงเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของระบบ Windows โดยบังคับให้ผู้ผลิตใช้วิธีที่ปลอดภัยกว่าในการเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการ 🔗 https://securityonline.info/post-crowdstrike-microsoft-to-phase-out-oem-kernel-level-driver-privileges 🌐 Seraphic เปิดตัว Browser Security สำหรับแอป Electron บริษัท Seraphic เปิดตัวโซลูชันใหม่ที่เป็น Secure Enterprise Browser ตัวแรกที่สามารถปกป้องแอปพลิเคชันที่สร้างบน Electron ได้ จุดเด่นคือการเพิ่มชั้นความปลอดภัยให้กับแอปที่มักถูกใช้ในองค์กร เช่น Slack หรือ Teams ซึ่งเดิมที Electron มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอยู่บ่อยครั้ง การแก้ปัญหานี้ช่วยให้องค์กรมั่นใจมากขึ้นในการใช้งานแอป Electron 🔗 https://securityonline.info/seraphic-becomes-the-first-and-only-secure-enterprise-browser-solution-to-protect-electron-based-applications 🔒 Comet Browser ถูกวิจารณ์หนัก หลังพบ API ลับ MCP มีการค้นพบว่า Comet Browser มี API ที่ชื่อ MCP ซึ่งเปิดช่องให้ผู้พัฒนา AI browser สามารถเข้าถึงและควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้เต็มรูปแบบโดยไม่แจ้งเตือน ทำให้เกิดการละเมิดความเชื่อมั่นของผู้ใช้ นักวิจัยเตือนว่าช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกลโดยไม่ได้รับอนุญาต 🔗 https://securityonline.info/obscure-mcp-api-in-comet-browser-breaches-user-trust-enabling-full-device-control-via-ai-browsers 📜 CredShields จับมือ Checkmarx เสริมความปลอดภัย Smart Contract บริษัท CredShields ประกาศความร่วมมือกับ Checkmarx เพื่อนำเทคโนโลยีตรวจสอบความปลอดภัยของ Smart Contract เข้าสู่โปรแกรม AppSec ขององค์กร จุดมุ่งหมายคือช่วยให้องค์กรที่ใช้ blockchain และ smart contract สามารถตรวจสอบช่องโหว่ได้อย่างเป็นระบบ ลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่อาจทำให้สูญเสียทรัพย์สินดิจิทัล 🔗 https://securityonline.info/credshields-joins-forces-with-checkmarx-to-bring-smart-contract-security-to-enterprise-appsec-programs 🛠️ Windows 11 เพิ่มเครื่องมือใหม่ Point-in-Time Restore Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ได้แก่ Point-in-Time Restore และ Network-Enabled Recovery Environment เพื่อช่วยผู้ใช้กู้คืนระบบได้ง่ายขึ้น ฟีเจอร์นี้ทำให้สามารถย้อนกลับไปยังสถานะก่อนหน้าที่กำหนดไว้ได้ทันที และยังรองรับการกู้คืนผ่านเครือข่าย ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถซ่อมแซมเครื่องจากระยะไกลได้สะดวกขึ้น 🔗 https://securityonline.info/new-windows-11-tools-point-in-time-restore-network-enabled-recovery-environment 💰 ความกังวลฟองสบู่ AI: Microsoft & NVIDIA ลงทุนหนักใน Anthropic มีรายงานว่าทั้ง Microsoft และ NVIDIA ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในบริษัท AI อย่าง Anthropic จนเกิดความกังวลว่าการลงทุนแบบหมุนเวียนระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ อาจสร้าง “ฟองสบู่ AI” ที่ไม่ยั่งยืน การทุ่มเงินจำนวนมหาศาลนี้ถูกมองว่าอาจทำให้ตลาด AI เติบโตเกินจริงและเสี่ยงต่อการแตกในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/ai-bubble-fear-microsoft-nvidia-pour-billions-into-anthropic-fueling-circular-investment 🇺🇸 Google ทุ่ม 78 พันล้านดอลลาร์สร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ในสหรัฐฯ Google ประกาศโครงการ Investing in America 2025 ด้วยงบประมาณมหาศาลถึง 78 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI และโครงสร้างพื้นฐานทั่วสหรัฐฯ รวมถึงการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์ 600 MW ที่ Arkansas โครงการนี้สะท้อนถึงการเร่งขยายกำลังการผลิต AI และการสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ 🔗 https://securityonline.info/google-pledges-78-billion-for-investing-in-america-2025-ai-infrastructure 🧠 Grok 4.1 แซง Google Gemini 2.5 Pro บน LMArena แพลตฟอร์มทดสอบ AI LMArena รายงานว่า Grok 4.1 Thinking ได้คะแนนสูงสุด แซงหน้า Google Gemini 2.5 Pro ในการจัดอันดับล่าสุด จุดเด่นของ Grok คือความสามารถในการใช้เหตุผลเชิงลึกและการตอบสนองที่แม่นยำ ทำให้มันถูกจับตามองว่าอาจเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดโมเดล AI ระดับสูง 🔗 https://securityonline.info/grok-4-1-thinking-steals-1-spot-on-lmarena-surpassing-google-gemini-2-5-pro 🎨 Google เปิดตัว Canvas และ Agentic Booking ใน AI Mode Google อัปเกรด AI Mode โดยเพิ่มฟีเจอร์ Canvas สำหรับการวางแผน และ Agentic Booking สำหรับการจองที่พักหรือร้านอาหารแบบอัตโนมัติ ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ AI ในการจัดการงานประจำวันได้สะดวกขึ้น เช่น วางแผนทริปหรือจองโต๊ะอาหารโดยไม่ต้องทำเอง 🔗 https://securityonline.info/ai-mode-upgraded-google-launches-canvas-for-planning-and-agentic-booking-for-reservations 📡 เราเตอร์ D-Link DIR-878 หมดอายุการสนับสนุน พร้อมช่องโหว่ RCE ร้ายแรง D-Link ประกาศว่าเราเตอร์รุ่น DIR-878 เข้าสู่สถานะ End-of-Life (EOL) และจะไม่ได้รับการอัปเดตอีกต่อไป ทั้งที่ยังมีช่องโหว่ร้ายแรงถึง 3 จุดซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ทำให้ผู้ใช้ที่ยังใช้อุปกรณ์รุ่นนี้เสี่ยงต่อการถูกยึดระบบอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/d-link-dir-878-reaches-eol-3-unpatched-rce-flaws-allow-unauthenticated-remote-command-execution ⚙️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน METZ CONNECT Controller เปิดทาง RCE และยึดระบบ มีการค้นพบช่องโหว่ในอุปกรณ์ควบคุมอุตสาหกรรมของ METZ CONNECT ที่มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.8 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลและเข้ายึดสิทธิ์ผู้ดูแลระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ถือเป็นภัยคุกคามต่อระบบควบคุมอุตสาหกรรมที่ใช้กันในโรงงานและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 🔗 https://securityonline.info/critical-metz-connect-flaws-cvss-9-8-allow-unauthenticated-rce-and-admin-takeover-on-industrial-controllers 🖥️ SolarWinds Serv-U พบช่องโหว่ใหม่ เปิดทาง RCE และ Path Bypass นักวิจัยด้านความปลอดภัยรายงานช่องโหว่ร้ายแรงใน SolarWinds Serv-U ที่ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบสามารถรันคำสั่งจากระยะไกลและเลี่ยงการตรวจสอบเส้นทางไฟล์ได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS 9.1 และถูกจัดว่าเป็นภัยคุกคามระดับสูงต่อองค์กรที่ใช้ Serv-U ในการจัดการไฟล์และระบบเครือข่าย 🔗 https://securityonline.info/critical-solarwinds-serv-u-flaws-cvss-9-1-allow-authenticated-admin-rce-and-path-bypass 🪙 การโจมตีซัพพลายเชน npm ด้วย CAPTCHA ปลอมและ Adspect Cloaking มีการตรวจพบการโจมตีซัพพลายเชนใน npm โดยแฮกเกอร์ใช้เทคนิค Adspect Cloaking และ CAPTCHA ปลอมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเพื่อหลอกนักพัฒนาและผู้ใช้ให้ดาวน์โหลดแพ็กเกจอันตราย การโจมตีนี้ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและนักวิจัยด้านความปลอดภัยถูกหลอกได้ง่ายขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงในระบบซัพพลายเชนโอเพนซอร์ส 🔗 https://securityonline.info/npm-supply-chain-attack-hackers-use-adspect-cloaking-and-fake-crypto-captcha-to-deceive-victims-and-researchers 🖥️ ASUSTOR พบช่องโหว่ DLL Hijacking ร้ายแรง (CVE-2025-13051) ASUSTOR ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ DLL hijacking ในซอฟต์แวร์ Backup Plan (ABP) และ EZSync (AES) บน Windows ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีในเครื่องสามารถแทนที่ DLL และรันโค้ดด้วยสิทธิ์ SYSTEM ได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS 9.3 และถูกจัดว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อทั้งผู้ใช้บ้านและองค์กร โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันใหม่ 🔗 https://securityonline.info/critical-asustor-flaw-cve-2025-13051-allows-local-dll-hijacking-for-system-privilege-escalation ⚠️ ช่องโหว่ joserfc (CVE-2025-65015) ทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มด้วย JWT ขนาดใหญ่ มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในไลบรารี joserfc ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ JSON Web Token (JWT) โดยหากผู้โจมตีส่ง JWT ที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติ จะทำให้เซิร์ฟเวอร์ใช้ทรัพยากรมากเกินไปจนล่มได้ ช่องโหว่นี้ถูกจัดว่าเป็นการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) และมีผลกระทบต่อระบบที่ใช้ joserfc ในการตรวจสอบสิทธิ์หรือการเข้ารหัสข้อมูล 🔗 https://securityonline.info/critical-cve-2025-65015-vulnerability-in-joserfc-could-let-attackers-exhaust-server-resources-via-oversized-jwt-tokens 🌍 หน่วยงาน CISA/FBI/NSA ร่วมกันจัดการโครงสร้าง Bulletproof Hosting สามหน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ได้แก่ CISA, FBI และ NSA ได้ร่วมมือกันออกคู่มือใหม่เพื่อจัดการกับโครงสร้าง Bulletproof Hosting ที่ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์ทั่วโลก Bulletproof Hosting คือบริการโฮสติ้งที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้โจมตีจากการถูกปิดกั้นหรือสืบสวน การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างแนวทางป้องกันภัยไซเบอร์ระดับโลก 🔗 https://securityonline.info/cisa-fbi-nsa-unite-to-dismantle-bulletproof-hosting-ecosystem-with-new-global-defense-guide
    0 Comments 0 Shares 585 Views 0 Reviews
More Results