• AI ยังไม่ช่วยให้บริษัทประหยัดเวลาและเงินมากนัก ตามผลการศึกษาล่าสุด แม้ว่า AI จะถูกนำมาใช้ในองค์กรต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ ผลการศึกษาจาก University of Chicago’s Becker Friedman Institute for Economics พบว่า AI ยังไม่ได้ช่วยให้บริษัทประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญ

    แม้ว่า Google จะอ้างว่า AI สามารถช่วยลดงานที่น่าเบื่อได้ถึง 122 ชั่วโมงต่อปี และบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Mechanize กำลังพัฒนา AI เพื่อแทนที่พนักงาน แต่ ข้อมูลจากการศึกษาล่าสุดยังไม่พบหลักฐานที่ชัดเจนว่า AI สามารถลดต้นทุนหรือเพิ่มประสิทธิภาพได้จริง

    ✅ ผลการศึกษาจาก University of Chicago พบว่า AI ยังไม่ได้ช่วยให้บริษัทประหยัดเวลาและเงินมากนัก
    - แม้ว่า AI จะพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

    ✅ Google อ้างว่า AI สามารถช่วยลดงานที่น่าเบื่อได้ถึง 122 ชั่วโมงต่อปี
    - แต่ ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าการลดเวลานี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กร

    ✅ บริษัทสตาร์ทอัพ Mechanize กำลังพัฒนา AI เพื่อแทนที่พนักงาน
    - แต่ ยังไม่ทราบผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน

    ✅ AI ยังคงพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีเครื่องมือใหม่ ๆ ถูกเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง
    - อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษามี cutoff point ในปลายปี 2024

    ✅ องค์กรควรพิจารณาผลกระทบของ AI ก่อนนำมาใช้ในงานประจำวัน
    - ควร ทดลองใช้ AI ในบางส่วนของงานก่อนนำไปใช้เต็มรูปแบบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/09/not-so-fast-ai-isnt-saving-companies-much-time-or-money-study-says
    AI ยังไม่ช่วยให้บริษัทประหยัดเวลาและเงินมากนัก ตามผลการศึกษาล่าสุด แม้ว่า AI จะถูกนำมาใช้ในองค์กรต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ ผลการศึกษาจาก University of Chicago’s Becker Friedman Institute for Economics พบว่า AI ยังไม่ได้ช่วยให้บริษัทประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่า Google จะอ้างว่า AI สามารถช่วยลดงานที่น่าเบื่อได้ถึง 122 ชั่วโมงต่อปี และบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Mechanize กำลังพัฒนา AI เพื่อแทนที่พนักงาน แต่ ข้อมูลจากการศึกษาล่าสุดยังไม่พบหลักฐานที่ชัดเจนว่า AI สามารถลดต้นทุนหรือเพิ่มประสิทธิภาพได้จริง ✅ ผลการศึกษาจาก University of Chicago พบว่า AI ยังไม่ได้ช่วยให้บริษัทประหยัดเวลาและเงินมากนัก - แม้ว่า AI จะพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ✅ Google อ้างว่า AI สามารถช่วยลดงานที่น่าเบื่อได้ถึง 122 ชั่วโมงต่อปี - แต่ ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าการลดเวลานี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กร ✅ บริษัทสตาร์ทอัพ Mechanize กำลังพัฒนา AI เพื่อแทนที่พนักงาน - แต่ ยังไม่ทราบผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน ✅ AI ยังคงพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีเครื่องมือใหม่ ๆ ถูกเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง - อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษามี cutoff point ในปลายปี 2024 ✅ องค์กรควรพิจารณาผลกระทบของ AI ก่อนนำมาใช้ในงานประจำวัน - ควร ทดลองใช้ AI ในบางส่วนของงานก่อนนำไปใช้เต็มรูปแบบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/09/not-so-fast-ai-isnt-saving-companies-much-time-or-money-study-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Not so fast! AI isn't saving companies much time or money, study says
    University of Chicago economists say maybe managers shouldn't believe the current AI hype. At least for now.
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • Google Messages เปิดตัวฟีเจอร์ "Delete For Everyone" ช่วยลบข้อความที่ส่งผิด Google Messages ได้เริ่มเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ลบข้อความที่ส่งไปแล้วทั้งจากอุปกรณ์ของตนเองและของผู้รับ ฟีเจอร์นี้มีตัวเลือก "Delete for me" และ "Delete for Everyone" ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในการส่งข้อความได้

    อย่างไรก็ตาม Google เตือนว่าผู้ใช้ที่ใช้เวอร์ชันเก่าของแอปอาจยังคงเห็นข้อความที่ถูกลบ นอกจากนี้ ฟีเจอร์นี้ยังพบว่ามีการใช้งานใน กลุ่มที่มีสมาชิก 12 คน แต่ยังไม่สามารถใช้ได้ใน การสนทนาแบบตัวต่อตัวหรือกลุ่มเล็ก

    ✅ Google Messages เปิดตัวฟีเจอร์ "Delete For Everyone" เพื่อช่วยลบข้อความที่ส่งผิด
    - ผู้ใช้สามารถเลือก "Delete for me" หรือ "Delete for Everyone"

    ✅ ข้อความที่ถูกลบจะหายไปจากอุปกรณ์ของทั้งผู้ส่งและผู้รับ
    - แต่ ผู้ใช้ที่ใช้เวอร์ชันเก่าอาจยังคงเห็นข้อความที่ถูกลบ

    ✅ ฟีเจอร์นี้พบว่ามีการใช้งานในกลุ่มที่มีสมาชิก 12 คน
    - แต่ยัง ไม่สามารถใช้ได้ในการสนทนาแบบตัวต่อตัวหรือกลุ่มเล็ก

    ✅ Google Messages รองรับทั้ง SMS และ RCS (Rich Communication Services)
    - RCS เป็น โปรโตคอลใหม่ที่ช่วยให้ข้อความมีฟีเจอร์ทันสมัย เช่น การพิมพ์แบบเรียลไทม์และการส่งผ่าน Wi-Fi

    ✅ GSMA เปิดตัวมาตรฐาน Universal Profile 2.7 ในปี 2024 ซึ่งรองรับการแก้ไขและลบข้อความ RCS
    - ทำให้ Google Messages สามารถเพิ่มฟีเจอร์นี้ได้

    https://www.neowin.net/news/google-messages-finally-brings-delete-for-everyone-for-those-embarrassing-moments/
    Google Messages เปิดตัวฟีเจอร์ "Delete For Everyone" ช่วยลบข้อความที่ส่งผิด Google Messages ได้เริ่มเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ลบข้อความที่ส่งไปแล้วทั้งจากอุปกรณ์ของตนเองและของผู้รับ ฟีเจอร์นี้มีตัวเลือก "Delete for me" และ "Delete for Everyone" ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในการส่งข้อความได้ อย่างไรก็ตาม Google เตือนว่าผู้ใช้ที่ใช้เวอร์ชันเก่าของแอปอาจยังคงเห็นข้อความที่ถูกลบ นอกจากนี้ ฟีเจอร์นี้ยังพบว่ามีการใช้งานใน กลุ่มที่มีสมาชิก 12 คน แต่ยังไม่สามารถใช้ได้ใน การสนทนาแบบตัวต่อตัวหรือกลุ่มเล็ก ✅ Google Messages เปิดตัวฟีเจอร์ "Delete For Everyone" เพื่อช่วยลบข้อความที่ส่งผิด - ผู้ใช้สามารถเลือก "Delete for me" หรือ "Delete for Everyone" ✅ ข้อความที่ถูกลบจะหายไปจากอุปกรณ์ของทั้งผู้ส่งและผู้รับ - แต่ ผู้ใช้ที่ใช้เวอร์ชันเก่าอาจยังคงเห็นข้อความที่ถูกลบ ✅ ฟีเจอร์นี้พบว่ามีการใช้งานในกลุ่มที่มีสมาชิก 12 คน - แต่ยัง ไม่สามารถใช้ได้ในการสนทนาแบบตัวต่อตัวหรือกลุ่มเล็ก ✅ Google Messages รองรับทั้ง SMS และ RCS (Rich Communication Services) - RCS เป็น โปรโตคอลใหม่ที่ช่วยให้ข้อความมีฟีเจอร์ทันสมัย เช่น การพิมพ์แบบเรียลไทม์และการส่งผ่าน Wi-Fi ✅ GSMA เปิดตัวมาตรฐาน Universal Profile 2.7 ในปี 2024 ซึ่งรองรับการแก้ไขและลบข้อความ RCS - ทำให้ Google Messages สามารถเพิ่มฟีเจอร์นี้ได้ https://www.neowin.net/news/google-messages-finally-brings-delete-for-everyone-for-those-embarrassing-moments/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Messages finally brings "Delete For Everyone" for those embarrassing moments
    Google Messages is getting a handy feature that users of other messaging apps might take for granted by now.
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • Samsung The Frame Pro: ทีวีที่ยกระดับทั้งดีไซน์และคุณภาพภาพ Samsung เปิดตัว The Frame Pro ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดของ The Frame TV ที่ได้รับความนิยม โดยมีการปรับปรุง คุณภาพภาพด้วย NeoQLED และระบบเชื่อมต่อแบบไร้สาย ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการ ทีวีที่มีดีไซน์สวยงามและคุณภาพภาพที่ดีขึ้น

    The Frame Pro ใช้ Mini-LED backlighting ซึ่งช่วยให้ ภาพมีความสว่างสูงขึ้นและสีสันสดใสขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ Wireless One Connect Box ที่ช่วยให้สามารถ เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องใช้สาย HDMI หรือสายเชื่อมต่ออื่น ๆ

    ✅ The Frame Pro ใช้เทคโนโลยี NeoQLED แทน QLED รุ่นเดิม
    - ให้ ความสว่างสูงขึ้นถึง 1,000 nits และสีสันที่สดใสขึ้น

    ✅ มาพร้อมกับ Wireless One Connect Box
    - สามารถ วางกล่องเชื่อมต่อได้ไกลถึง 30 ฟุตจากทีวี

    ✅ ดีไซน์ยังคงความเป็นกรอบรูปที่สวยงาม
    - สามารถ แสดงภาพศิลปะได้อย่างสมจริงด้วยหน้าจอแบบด้าน

    ✅ มีให้เลือก 3 ขนาด: 65 นิ้ว, 75 นิ้ว และ 85 นิ้ว
    - ราคาเริ่มต้นที่ $2,199 สำหรับรุ่น 65 นิ้ว

    ✅ Samsung Art Store มีภาพศิลปะให้เลือกมากมาย
    - ค่าบริการ $4.99 ต่อเดือน หรือ $49.99 ต่อปี

    https://www.techradar.com/televisions/ive-used-a-samsung-the-frame-tv-for-years-and-heres-why-the-frame-pro-is-a-huge-upgrade
    Samsung The Frame Pro: ทีวีที่ยกระดับทั้งดีไซน์และคุณภาพภาพ Samsung เปิดตัว The Frame Pro ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดของ The Frame TV ที่ได้รับความนิยม โดยมีการปรับปรุง คุณภาพภาพด้วย NeoQLED และระบบเชื่อมต่อแบบไร้สาย ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการ ทีวีที่มีดีไซน์สวยงามและคุณภาพภาพที่ดีขึ้น The Frame Pro ใช้ Mini-LED backlighting ซึ่งช่วยให้ ภาพมีความสว่างสูงขึ้นและสีสันสดใสขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ Wireless One Connect Box ที่ช่วยให้สามารถ เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องใช้สาย HDMI หรือสายเชื่อมต่ออื่น ๆ ✅ The Frame Pro ใช้เทคโนโลยี NeoQLED แทน QLED รุ่นเดิม - ให้ ความสว่างสูงขึ้นถึง 1,000 nits และสีสันที่สดใสขึ้น ✅ มาพร้อมกับ Wireless One Connect Box - สามารถ วางกล่องเชื่อมต่อได้ไกลถึง 30 ฟุตจากทีวี ✅ ดีไซน์ยังคงความเป็นกรอบรูปที่สวยงาม - สามารถ แสดงภาพศิลปะได้อย่างสมจริงด้วยหน้าจอแบบด้าน ✅ มีให้เลือก 3 ขนาด: 65 นิ้ว, 75 นิ้ว และ 85 นิ้ว - ราคาเริ่มต้นที่ $2,199 สำหรับรุ่น 65 นิ้ว ✅ Samsung Art Store มีภาพศิลปะให้เลือกมากมาย - ค่าบริการ $4.99 ต่อเดือน หรือ $49.99 ต่อปี https://www.techradar.com/televisions/ive-used-a-samsung-the-frame-tv-for-years-and-heres-why-the-frame-pro-is-a-huge-upgrade
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • VSORA เปิดตัวชิป AI Jotunn8 หวังเป็นทางเลือกของยุโรปแทน Nvidia VSORA บริษัทออกแบบชิปจากฝรั่งเศส ได้รับเงินลงทุน 46 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนา Jotunn8 ซึ่งเป็น ชิป AI ที่เน้นการประมวลผลแบบ Inference โดยมีเป้าหมาย แข่งขันกับ Nvidia, AMD, Intel และ Google

    Jotunn8 ถูกออกแบบมาเพื่อ ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง โดยบริษัทอ้างว่า สามารถให้ประสิทธิภาพมากกว่าชิปปัจจุบันถึง 3 เท่า ขณะที่ใช้พลังงาน น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง

    ✅ VSORA ได้รับเงินลงทุน 46 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนา Jotunn8
    - เป็น ชิป AI ที่เน้นการประมวลผลแบบ Inference

    ✅ Jotunn8 ใช้กระบวนการผลิต 5nm ที่ TSMC และจะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2025
    - ใช้เทคโนโลยี ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพ

    ✅ ชิปนี้เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์, ความหน่วงต่ำ และต้นทุนต่อคำสั่งที่ต่ำ
    - ออกแบบมาเพื่อ งาน AI เช่น ChatGPT, ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และอุปกรณ์ Edge

    ✅ VSORA อ้างว่า Jotunn8 ให้ประสิทธิภาพมากกว่าชิปปัจจุบันถึง 3 เท่า
    - ขณะที่ใช้พลังงาน น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง

    ✅ ได้รับเงินลงทุนจาก Otium, Omnes Capital, Adélie Capital และ European Innovation Council Fund
    - เพื่อสนับสนุน การพัฒนาเทคโนโลยี AI ในยุโรป

    https://www.techradar.com/pro/security/like-arthur-and-excalibur-heres-yet-another-ai-startup-trying-its-luck-at-dislodging-nvidia-from-the-ai-stone
    VSORA เปิดตัวชิป AI Jotunn8 หวังเป็นทางเลือกของยุโรปแทน Nvidia VSORA บริษัทออกแบบชิปจากฝรั่งเศส ได้รับเงินลงทุน 46 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนา Jotunn8 ซึ่งเป็น ชิป AI ที่เน้นการประมวลผลแบบ Inference โดยมีเป้าหมาย แข่งขันกับ Nvidia, AMD, Intel และ Google Jotunn8 ถูกออกแบบมาเพื่อ ให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง โดยบริษัทอ้างว่า สามารถให้ประสิทธิภาพมากกว่าชิปปัจจุบันถึง 3 เท่า ขณะที่ใช้พลังงาน น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ✅ VSORA ได้รับเงินลงทุน 46 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนา Jotunn8 - เป็น ชิป AI ที่เน้นการประมวลผลแบบ Inference ✅ Jotunn8 ใช้กระบวนการผลิต 5nm ที่ TSMC และจะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2025 - ใช้เทคโนโลยี ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ ชิปนี้เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์, ความหน่วงต่ำ และต้นทุนต่อคำสั่งที่ต่ำ - ออกแบบมาเพื่อ งาน AI เช่น ChatGPT, ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และอุปกรณ์ Edge ✅ VSORA อ้างว่า Jotunn8 ให้ประสิทธิภาพมากกว่าชิปปัจจุบันถึง 3 เท่า - ขณะที่ใช้พลังงาน น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ✅ ได้รับเงินลงทุนจาก Otium, Omnes Capital, Adélie Capital และ European Innovation Council Fund - เพื่อสนับสนุน การพัฒนาเทคโนโลยี AI ในยุโรป https://www.techradar.com/pro/security/like-arthur-and-excalibur-heres-yet-another-ai-startup-trying-its-luck-at-dislodging-nvidia-from-the-ai-stone
    0 Comments 0 Shares 53 Views 0 Reviews
  • Imagination เปิดตัว E-Series GPU IP พร้อม Burst Processors และประสิทธิภาพ AI สูงสุด 200 TOPS Imagination Technologies ได้เปิดตัว E-Series GPU IP ซึ่งเป็น สถาปัตยกรรมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งกราฟิกและ AI โดยสามารถ ประมวลผล AI ได้สูงสุดถึง 200 TOPS (INT8/FP8) และมี Burst Processors ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานขึ้น 35%

    E-Series GPU IP ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ การใช้งานในอุปกรณ์ Edge AI เช่น สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์อุตสาหกรรม และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยมี Neural Cores ที่ช่วยเร่งการประมวลผล AI และรองรับการทำงานแบบโปรแกรมได้

    ✅ E-Series GPU IP รองรับการประมวลผล AI สูงสุด 200 TOPS (INT8/FP8)
    - ช่วยให้ สามารถทำงานกับ AI และกราฟิกได้พร้อมกัน

    ✅ Burst Processors ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานขึ้น 35%
    - ลดการใช้พลังงานโดย ลดความลึกของ pipeline และลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายใน GPU

    ✅ Neural Cores รองรับการประมวลผล AI ที่หลากหลาย
    - สามารถ ใช้ OpenCL, oneAPI และ Apache TVM เพื่อพัฒนาโมเดล AI

    ✅ รองรับการทำงานแบบมัลติทาสก์และการจัดลำดับความสำคัญของงาน
    - สามารถ จัดการกราฟิกและ AI หลายงานพร้อมกันได้

    ✅ E-Series GPU IP จะเปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 และมีการพัฒนาเวอร์ชันสำหรับรถยนต์, คอมพิวเตอร์ และมือถือ
    - มีการออกใบอนุญาตให้ผู้ผลิตแล้ว

    https://www.techpowerup.com/336545/imagination-announces-e-series-gpu-ip-with-burst-processors-and-up-to-200-tops
    Imagination เปิดตัว E-Series GPU IP พร้อม Burst Processors และประสิทธิภาพ AI สูงสุด 200 TOPS Imagination Technologies ได้เปิดตัว E-Series GPU IP ซึ่งเป็น สถาปัตยกรรมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งกราฟิกและ AI โดยสามารถ ประมวลผล AI ได้สูงสุดถึง 200 TOPS (INT8/FP8) และมี Burst Processors ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานขึ้น 35% E-Series GPU IP ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ การใช้งานในอุปกรณ์ Edge AI เช่น สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์อุตสาหกรรม และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยมี Neural Cores ที่ช่วยเร่งการประมวลผล AI และรองรับการทำงานแบบโปรแกรมได้ ✅ E-Series GPU IP รองรับการประมวลผล AI สูงสุด 200 TOPS (INT8/FP8) - ช่วยให้ สามารถทำงานกับ AI และกราฟิกได้พร้อมกัน ✅ Burst Processors ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานขึ้น 35% - ลดการใช้พลังงานโดย ลดความลึกของ pipeline และลดการเคลื่อนย้ายข้อมูลภายใน GPU ✅ Neural Cores รองรับการประมวลผล AI ที่หลากหลาย - สามารถ ใช้ OpenCL, oneAPI และ Apache TVM เพื่อพัฒนาโมเดล AI ✅ รองรับการทำงานแบบมัลติทาสก์และการจัดลำดับความสำคัญของงาน - สามารถ จัดการกราฟิกและ AI หลายงานพร้อมกันได้ ✅ E-Series GPU IP จะเปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 และมีการพัฒนาเวอร์ชันสำหรับรถยนต์, คอมพิวเตอร์ และมือถือ - มีการออกใบอนุญาตให้ผู้ผลิตแล้ว https://www.techpowerup.com/336545/imagination-announces-e-series-gpu-ip-with-burst-processors-and-up-to-200-tops
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Imagination Announces E-Series GPU IP with Burst Processors and up to 200 TOPS
    Imagination Technologies redefines edge AI and graphics system design with the launch of Imagination E-Series GPU IP. E-Series leverages its highly efficient parallel processing architecture to provide exceptional graphics performance while also scaling from 2 to 200 TOPS INT8/FP8 for AI workloads. ...
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • Hygon เปิดตัว CPU 128-Core 512-Thread พร้อมรองรับ AVX-512 และ DDR5-5600 Hygon ผู้ผลิตชิปจากจีนได้เปิดตัว C86-5G ซึ่งเป็น CPU สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มี 128 คอร์ และ 512 เธรด โดยใช้ SMT4 (Simultaneous Multithreading แบบ 4 ทาง) ซึ่งช่วยให้ แต่ละคอร์สามารถประมวลผลได้ 4 เธรดพร้อมกัน

    นอกจากนี้ C86-5G ยังรองรับ AVX-512 ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ และ รองรับหน่วยความจำ DDR5-5600 แบบ 16 ช่องสัญญาณ ทำให้สามารถ รองรับหน่วยความจำสูงสุดถึง 1TB

    ✅ C86-5G มี 128 คอร์ และ 512 เธรด โดยใช้ SMT4
    - ช่วยให้ แต่ละคอร์สามารถประมวลผลได้ 4 เธรดพร้อมกัน

    ✅ รองรับ AVX-512 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่
    - ช่วยให้ สามารถทำงานกับข้อมูลที่ต้องการการคำนวณแบบเข้มข้นได้ดีขึ้น

    ✅ รองรับหน่วยความจำ DDR5-5600 แบบ 16 ช่องสัญญาณ
    - สามารถ รองรับหน่วยความจำสูงสุดถึง 1TB

    ✅ ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ที่พัฒนาโดย Hygon เอง
    - ไม่ได้ใช้ สถาปัตยกรรม Zen ของ AMD เหมือนรุ่นก่อนหน้า

    ✅ รองรับ Compute Express Link 2.0 (CXL2.0) และ PCIe 5.0
    - ทำให้ สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงได้ดีขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinese-chipmaker-readies-128-core-512-thread-cpu-with-avx-512-and-16-channel-ddr5-5600-support
    Hygon เปิดตัว CPU 128-Core 512-Thread พร้อมรองรับ AVX-512 และ DDR5-5600 Hygon ผู้ผลิตชิปจากจีนได้เปิดตัว C86-5G ซึ่งเป็น CPU สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มี 128 คอร์ และ 512 เธรด โดยใช้ SMT4 (Simultaneous Multithreading แบบ 4 ทาง) ซึ่งช่วยให้ แต่ละคอร์สามารถประมวลผลได้ 4 เธรดพร้อมกัน นอกจากนี้ C86-5G ยังรองรับ AVX-512 ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ และ รองรับหน่วยความจำ DDR5-5600 แบบ 16 ช่องสัญญาณ ทำให้สามารถ รองรับหน่วยความจำสูงสุดถึง 1TB ✅ C86-5G มี 128 คอร์ และ 512 เธรด โดยใช้ SMT4 - ช่วยให้ แต่ละคอร์สามารถประมวลผลได้ 4 เธรดพร้อมกัน ✅ รองรับ AVX-512 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ - ช่วยให้ สามารถทำงานกับข้อมูลที่ต้องการการคำนวณแบบเข้มข้นได้ดีขึ้น ✅ รองรับหน่วยความจำ DDR5-5600 แบบ 16 ช่องสัญญาณ - สามารถ รองรับหน่วยความจำสูงสุดถึง 1TB ✅ ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ที่พัฒนาโดย Hygon เอง - ไม่ได้ใช้ สถาปัตยกรรม Zen ของ AMD เหมือนรุ่นก่อนหน้า ✅ รองรับ Compute Express Link 2.0 (CXL2.0) และ PCIe 5.0 - ทำให้ สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงได้ดีขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinese-chipmaker-readies-128-core-512-thread-cpu-with-avx-512-and-16-channel-ddr5-5600-support
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Chinese chipmaker readies 128-core, 512-thread CPU with AVX-512 and 16-channel DDR5-5600 support
    Hygon shares processor roadmap, detailing the Chinese chipmaker's plans to launch the Hygon C86-5G, a 128-core, 512-thread processor soon.
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • Apple ปรับปรุงแอป Move to iOS ให้โอนข้อมูลจาก Android ไป iPhone ได้ง่ายขึ้น Apple ได้อัปเดต แอป Move to iOS ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ โอนข้อมูลจากสมาร์ทโฟน Android ไปยัง iPhone ได้รวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่ม การรองรับประวัติการโทร, ไฟล์เสียง และป้ายกำกับ Dual SIM

    นอกจากนี้ แอปยัง รองรับการโอนข้อมูลผ่านสาย USB-C สำหรับ iPhone รุ่นใหม่ และ USB-C to Lightning สำหรับรุ่นเก่า ทำให้การโอนข้อมูล มีความเร็วสูงขึ้นและลดข้อผิดพลาดในการเชื่อมต่อ

    ✅ Move to iOS รองรับการโอนข้อมูลที่ครอบคลุมมากขึ้น
    - สามารถ โอนรายชื่อ, ประวัติข้อความ, รูปภาพ, วิดีโอ, บุ๊กมาร์กเว็บ, บัญชีอีเมล และปฏิทิน
    - รองรับ แอปที่เข้ากันได้ รวมถึงเนื้อหา WhatsApp

    ✅ เพิ่มการรองรับประวัติการโทรและไฟล์เสียง
    - สามารถ โอนข้อมูลไปยังแอป Voice Memos หรือ Files ได้โดยตรง

    ✅ รองรับการโอนป้ายกำกับ Dual SIM
    - ช่วยให้ ผู้ใช้ที่ใช้สองซิมสามารถรักษาชื่อที่ตั้งค่าไว้ได้

    ✅ รองรับการโอนข้อมูลผ่านสาย USB-C และ USB-C to Lightning
    - ทำให้ การโอนข้อมูลเร็วขึ้นและลดข้อผิดพลาดในการเชื่อมต่อ

    ✅ Google มีแอป Switch to Android สำหรับการโอนข้อมูลจาก iPhone ไป Android
    - ใช้ QR Code เพื่อโอนรายชื่อ, ปฏิทิน, รูปภาพ และวิดีโอ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/09/switching-from-an-android-handset-to-an-iphone-has-never-been-easier
    Apple ปรับปรุงแอป Move to iOS ให้โอนข้อมูลจาก Android ไป iPhone ได้ง่ายขึ้น Apple ได้อัปเดต แอป Move to iOS ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ โอนข้อมูลจากสมาร์ทโฟน Android ไปยัง iPhone ได้รวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่ม การรองรับประวัติการโทร, ไฟล์เสียง และป้ายกำกับ Dual SIM นอกจากนี้ แอปยัง รองรับการโอนข้อมูลผ่านสาย USB-C สำหรับ iPhone รุ่นใหม่ และ USB-C to Lightning สำหรับรุ่นเก่า ทำให้การโอนข้อมูล มีความเร็วสูงขึ้นและลดข้อผิดพลาดในการเชื่อมต่อ ✅ Move to iOS รองรับการโอนข้อมูลที่ครอบคลุมมากขึ้น - สามารถ โอนรายชื่อ, ประวัติข้อความ, รูปภาพ, วิดีโอ, บุ๊กมาร์กเว็บ, บัญชีอีเมล และปฏิทิน - รองรับ แอปที่เข้ากันได้ รวมถึงเนื้อหา WhatsApp ✅ เพิ่มการรองรับประวัติการโทรและไฟล์เสียง - สามารถ โอนข้อมูลไปยังแอป Voice Memos หรือ Files ได้โดยตรง ✅ รองรับการโอนป้ายกำกับ Dual SIM - ช่วยให้ ผู้ใช้ที่ใช้สองซิมสามารถรักษาชื่อที่ตั้งค่าไว้ได้ ✅ รองรับการโอนข้อมูลผ่านสาย USB-C และ USB-C to Lightning - ทำให้ การโอนข้อมูลเร็วขึ้นและลดข้อผิดพลาดในการเชื่อมต่อ ✅ Google มีแอป Switch to Android สำหรับการโอนข้อมูลจาก iPhone ไป Android - ใช้ QR Code เพื่อโอนรายชื่อ, ปฏิทิน, รูปภาพ และวิดีโอ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/09/switching-from-an-android-handset-to-an-iphone-has-never-been-easier
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Switching from an Android handset to an iPhone has never been easier
    Apple has announced a major update to its Move to iOS mobile application which, as the name suggests, lets you transfer your personal data from an old Android smartphone to a new iPhone. The manufacturer now promises a faster, more comprehensive switchover.
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • Microsoft ปรับปรุง OneNote ให้มีพื้นที่สำหรับจดบันทึกมากขึ้น Microsoft ได้อัปเดต OneNote สำหรับ Windows โดย ขยายพื้นที่จดบันทึก ด้วยการ กำจัดช่องว่างระหว่างริบบอนและพื้นที่จดบันทึก ทำให้ผู้ใช้สามารถ เพิ่มข้อความ, รูปภาพ และโน้ตที่เขียนด้วยมือได้มากขึ้น

    ก่อนหน้านี้ OneNote มี ช่องว่างแนวนอนที่ไม่ได้ใช้งานใต้ริบบอน ซึ่งทำให้ พื้นที่จดบันทึกมีขนาดเล็กลงโดยไม่จำเป็น Microsoft ได้แก้ไขปัญหานี้โดย ทำให้ช่องค้นหาลอยอยู่เหนือพื้นที่จดบันทึกแทน

    ✅ Microsoft ขยายพื้นที่จดบันทึกใน OneNote โดยกำจัดช่องว่างแนวนอนใต้ริบบอน
    - ทำให้ มีพื้นที่สำหรับข้อความ, รูปภาพ และโน้ตที่เขียนด้วยมือมากขึ้น

    ✅ ช่องค้นหาถูกปรับให้ลอยอยู่เหนือพื้นที่จดบันทึกแทน
    - ช่วยให้ ยังสามารถค้นหาได้โดยไม่เสียพื้นที่จดบันทึก

    ✅ มีพื้นที่แนวตั้งมากขึ้นสำหรับรายการหน้าใน OneNote
    - ทำให้ สามารถดูรายการหน้าได้มากขึ้นในคราวเดียว

    ✅ อัปเดตนี้เปิดให้ใช้งานใน OneNote เวอร์ชัน 2503 (Build 16.0.18730.20074 และใหม่กว่า)
    - ใช้ได้กับ OneNote เวอร์ชันเดสก์ท็อป ไม่ใช่เวอร์ชัน Windows 10

    ✅ OneNote เวอร์ชัน Windows 10 จะถูกยกเลิกในเดือนตุลาคม 2025
    - ผู้ใช้ควร เปลี่ยนไปใช้ OneNote เวอร์ชันเดสก์ท็อปแทน

    https://www.neowin.net/news/microsoft-gives-you-more-room-for-notes-in-onenote/
    Microsoft ปรับปรุง OneNote ให้มีพื้นที่สำหรับจดบันทึกมากขึ้น Microsoft ได้อัปเดต OneNote สำหรับ Windows โดย ขยายพื้นที่จดบันทึก ด้วยการ กำจัดช่องว่างระหว่างริบบอนและพื้นที่จดบันทึก ทำให้ผู้ใช้สามารถ เพิ่มข้อความ, รูปภาพ และโน้ตที่เขียนด้วยมือได้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ OneNote มี ช่องว่างแนวนอนที่ไม่ได้ใช้งานใต้ริบบอน ซึ่งทำให้ พื้นที่จดบันทึกมีขนาดเล็กลงโดยไม่จำเป็น Microsoft ได้แก้ไขปัญหานี้โดย ทำให้ช่องค้นหาลอยอยู่เหนือพื้นที่จดบันทึกแทน ✅ Microsoft ขยายพื้นที่จดบันทึกใน OneNote โดยกำจัดช่องว่างแนวนอนใต้ริบบอน - ทำให้ มีพื้นที่สำหรับข้อความ, รูปภาพ และโน้ตที่เขียนด้วยมือมากขึ้น ✅ ช่องค้นหาถูกปรับให้ลอยอยู่เหนือพื้นที่จดบันทึกแทน - ช่วยให้ ยังสามารถค้นหาได้โดยไม่เสียพื้นที่จดบันทึก ✅ มีพื้นที่แนวตั้งมากขึ้นสำหรับรายการหน้าใน OneNote - ทำให้ สามารถดูรายการหน้าได้มากขึ้นในคราวเดียว ✅ อัปเดตนี้เปิดให้ใช้งานใน OneNote เวอร์ชัน 2503 (Build 16.0.18730.20074 และใหม่กว่า) - ใช้ได้กับ OneNote เวอร์ชันเดสก์ท็อป ไม่ใช่เวอร์ชัน Windows 10 ✅ OneNote เวอร์ชัน Windows 10 จะถูกยกเลิกในเดือนตุลาคม 2025 - ผู้ใช้ควร เปลี่ยนไปใช้ OneNote เวอร์ชันเดสก์ท็อปแทน https://www.neowin.net/news/microsoft-gives-you-more-room-for-notes-in-onenote/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft gives you more room for notes in OneNote
    Microsoft announced a small but welcome change for OneNote users: they can now enjoy more room for their notes.
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • 🌌 Awakening Song Pt. 1 – Echoes from the Unwanted Image
    🎧 A Sweet Notice to Those Who Still Breathe Quietly
    📅 Official Album Launch: May 28, 2025

    🔗 Pre-listen the unofficial debut single:
    ▶️ No More Masks (Unofficial Preview)
    https://youtu.be/H-Og0cbfrJA

    🎶 Follow the full release here:
    Spotify Artist Profile https://open.spotify.com/artist/4lUbgHzsclX3utQs8ZQe9c
    YouTube Music Channel https://music.youtube.com/channel/UCU5BwquaVTJ2ZeKJRjShtew

    Emotional & Functional Trackmap

    A guided journey through six honest songs confronting the truths we usually hide.
    A Sweet Notice from the universe — softly reminding you that you’re still here.

    🌌 Concept Expansion: What is a “Sweet Notice”?
    In a world of noise, shame, and false strength, a Sweet Notice is not a command.
    It is not a scream.

    It is the soft whisper from your own soul —
    saying: “I see you, even when you’re hiding.”

    Each track in this album is a Sweet Notice
    sent from different corners of the inner landscape — from wounds, from regrets, from voices long silenced.
    And together, they form a path that begins in darkness, but does not end in despair.

    1. The True First Step
    Function: Awakening
    Emotion: Vulnerability, gentle courage
    This is not a song that performs — it breathes.
    It teaches that honesty doesn’t begin with clarity, but with movement.
    A soft notice that the first trembling step is sacred.
    “The first step is not clean. It is messy. It is breathing while scared.”
    Sweet Notice: You’re allowed to start before you're ready.

    2. No More Masks
    Function: Confrontation
    Emotion: Rage turned into truth
    This is the roar that breaks silence.
    It confronts the false peace we build with smiles and the roles we wear to be loved.
    Not bitter — just done.
    “This rap’s my truth. And my goodbye.”
    Sweet Notice: You don’t have to perform your pain anymore.

    3. Echoes of the Heart
    Function: Remembrance
    Emotion: Longing, warmth in absence
    A fusion of country and trap, this song returns you to a love that never left.
    It doesn’t mourn — it reminds. The heart’s echo is still playing.
    “In every beat, I hear — echoes of the heart.”
    Sweet Notice: Love does not vanish. It transforms.

    4. One More Lie
    Function: Realization
    Emotion: Quiet despair, recognition
    This is the silent war inside — between the truths we know and the lies we repeat.
    It is not an anthem. It is a mirror.
    “One more lie is one too many.”
    Sweet Notice: Stop lying to survive. Begin living to tell the truth.

    5. Still Worth It
    Function: Redemption
    Emotion: Silent strength, quiet dignity
    This is for those who don’t win — but still show up.
    It carries no pride, but dignity. No boast, but breath.
    “Still worth it. Even cracked. Still worth it. Even blacked.”
    Sweet Notice: You’re tired. Not finished.

    6. Bleed for Real
    Function: Cleansing
    Emotion: Raw honesty, uncompromised healing
    This is where grief becomes sacred.
    Where pain is no longer paraded, but purified.
    A space for healing that doesn’t demand applause.
    “That’s the only cut that’ll let you heal.”
    Sweet Notice: Bleed — not for likes, but for light.

    🌀 Album Summary: The Function of Echoes
    This is not an album that tells you what to believe.
    It is an album that notices you — where you are, how long you've been hiding, and how deeply you want to return to yourself.
    In every song, there’s a message:
    “Your mess is seen. Your silence is heard.
    You are still worth the song.”

    This album isn’t made to entertain.
    It’s made to tell the truth — the one we usually hide.
    💬 You’re not alone. You’re not broken beyond repair. You’re just waiting for your echo to come home.
    🌌 Awakening Song Pt. 1 – Echoes from the Unwanted Image 🎧 A Sweet Notice to Those Who Still Breathe Quietly 📅 Official Album Launch: May 28, 2025 🔗 Pre-listen the unofficial debut single: ▶️ No More Masks (Unofficial Preview) https://youtu.be/H-Og0cbfrJA 🎶 Follow the full release here: Spotify Artist Profile https://open.spotify.com/artist/4lUbgHzsclX3utQs8ZQe9c YouTube Music Channel https://music.youtube.com/channel/UCU5BwquaVTJ2ZeKJRjShtew Emotional & Functional Trackmap A guided journey through six honest songs confronting the truths we usually hide. A Sweet Notice from the universe — softly reminding you that you’re still here. 🌌 Concept Expansion: What is a “Sweet Notice”? In a world of noise, shame, and false strength, a Sweet Notice is not a command. It is not a scream. It is the soft whisper from your own soul — saying: “I see you, even when you’re hiding.” Each track in this album is a Sweet Notice sent from different corners of the inner landscape — from wounds, from regrets, from voices long silenced. And together, they form a path that begins in darkness, but does not end in despair. 1. The True First Step Function: Awakening Emotion: Vulnerability, gentle courage This is not a song that performs — it breathes. It teaches that honesty doesn’t begin with clarity, but with movement. A soft notice that the first trembling step is sacred. “The first step is not clean. It is messy. It is breathing while scared.” Sweet Notice: You’re allowed to start before you're ready. 2. No More Masks Function: Confrontation Emotion: Rage turned into truth This is the roar that breaks silence. It confronts the false peace we build with smiles and the roles we wear to be loved. Not bitter — just done. “This rap’s my truth. And my goodbye.” Sweet Notice: You don’t have to perform your pain anymore. 3. Echoes of the Heart Function: Remembrance Emotion: Longing, warmth in absence A fusion of country and trap, this song returns you to a love that never left. It doesn’t mourn — it reminds. The heart’s echo is still playing. “In every beat, I hear — echoes of the heart.” Sweet Notice: Love does not vanish. It transforms. 4. One More Lie Function: Realization Emotion: Quiet despair, recognition This is the silent war inside — between the truths we know and the lies we repeat. It is not an anthem. It is a mirror. “One more lie is one too many.” Sweet Notice: Stop lying to survive. Begin living to tell the truth. 5. Still Worth It Function: Redemption Emotion: Silent strength, quiet dignity This is for those who don’t win — but still show up. It carries no pride, but dignity. No boast, but breath. “Still worth it. Even cracked. Still worth it. Even blacked.” Sweet Notice: You’re tired. Not finished. 6. Bleed for Real Function: Cleansing Emotion: Raw honesty, uncompromised healing This is where grief becomes sacred. Where pain is no longer paraded, but purified. A space for healing that doesn’t demand applause. “That’s the only cut that’ll let you heal.” Sweet Notice: Bleed — not for likes, but for light. 🌀 Album Summary: The Function of Echoes This is not an album that tells you what to believe. It is an album that notices you — where you are, how long you've been hiding, and how deeply you want to return to yourself. In every song, there’s a message: “Your mess is seen. Your silence is heard. You are still worth the song.” This album isn’t made to entertain. It’s made to tell the truth — the one we usually hide. 💬 You’re not alone. You’re not broken beyond repair. You’re just waiting for your echo to come home.
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • Huawei เปิดตัวชิป AI Ascend 910D ท้าชน Nvidia H100 Huawei กำลังเตรียมทดสอบ Ascend 910D ซึ่งเป็น ชิป AI ที่ล้ำหน้าที่สุดของบริษัท โดยตั้งเป้าให้สามารถ แข่งขันกับ Nvidia H100 ในด้านประสิทธิภาพการประมวลผล AI

    แม้ว่าชิปนี้จะยังไม่วางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ แต่ Huawei ได้เริ่ม ทดสอบกับบริษัทเทคโนโลยีจีนหลายแห่ง และคาดว่าจะมี ตัวอย่างแรกออกมาในปลายเดือนพฤษภาคม 2025 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคง สงสัยว่าชิปของ Huawei จะสามารถลดช่องว่างด้านประสิทธิภาพและซอฟต์แวร์กับ Nvidia ได้หรือไม่

    ✅ Ascend 910D เป็นชิป AI ที่ล้ำหน้าที่สุดของ Huawei
    - ตั้งเป้าให้สามารถ แข่งขันกับ Nvidia H100
    - เป็นรุ่นต่อยอดจาก Ascend 910B และ 910C

    ✅ Huawei ได้เริ่มทดสอบชิปกับบริษัทเทคโนโลยีจีนหลายแห่ง
    - คาดว่าจะมี ตัวอย่างแรกออกมาในปลายเดือนพฤษภาคม 2025

    ✅ Huawei พยายามสร้างระบบ AI ที่พึ่งพาตนเองได้
    - ส่งชิป Ascend 910C ไปยังศูนย์ข้อมูลและห้องวิจัยในจีน

    ✅ Huawei เปิดตัว CloudMatrix 384 Supernode เพื่อแข่งขันกับ Nvidia NVL72
    - เป็น โครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลขนาดใหญ่

    https://www.techradar.com/pro/just-good-enough-huaweis-new-ai-chip-is-only-a-small-stepping-stone-towards-domestic-hegemony-and-an-nvidia-free-china
    Huawei เปิดตัวชิป AI Ascend 910D ท้าชน Nvidia H100 Huawei กำลังเตรียมทดสอบ Ascend 910D ซึ่งเป็น ชิป AI ที่ล้ำหน้าที่สุดของบริษัท โดยตั้งเป้าให้สามารถ แข่งขันกับ Nvidia H100 ในด้านประสิทธิภาพการประมวลผล AI แม้ว่าชิปนี้จะยังไม่วางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ แต่ Huawei ได้เริ่ม ทดสอบกับบริษัทเทคโนโลยีจีนหลายแห่ง และคาดว่าจะมี ตัวอย่างแรกออกมาในปลายเดือนพฤษภาคม 2025 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคง สงสัยว่าชิปของ Huawei จะสามารถลดช่องว่างด้านประสิทธิภาพและซอฟต์แวร์กับ Nvidia ได้หรือไม่ ✅ Ascend 910D เป็นชิป AI ที่ล้ำหน้าที่สุดของ Huawei - ตั้งเป้าให้สามารถ แข่งขันกับ Nvidia H100 - เป็นรุ่นต่อยอดจาก Ascend 910B และ 910C ✅ Huawei ได้เริ่มทดสอบชิปกับบริษัทเทคโนโลยีจีนหลายแห่ง - คาดว่าจะมี ตัวอย่างแรกออกมาในปลายเดือนพฤษภาคม 2025 ✅ Huawei พยายามสร้างระบบ AI ที่พึ่งพาตนเองได้ - ส่งชิป Ascend 910C ไปยังศูนย์ข้อมูลและห้องวิจัยในจีน ✅ Huawei เปิดตัว CloudMatrix 384 Supernode เพื่อแข่งขันกับ Nvidia NVL72 - เป็น โครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลขนาดใหญ่ https://www.techradar.com/pro/just-good-enough-huaweis-new-ai-chip-is-only-a-small-stepping-stone-towards-domestic-hegemony-and-an-nvidia-free-china
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • Google รีแบรนด์บริการ VPN เพื่อความเป็นเอกภาพ Google ได้เปลี่ยนชื่อ Google Fi VPN เป็น VPN by Google เพื่อให้สอดคล้องกับการรีแบรนด์บริการ VPN บน Pixel ที่เกิดขึ้นในปี 2024 โดย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคหรือฟังก์ชันการทำงาน

    VPN by Google เปิดตัวครั้งแรกในปี 2024 สำหรับ Pixel 7 และรุ่นใหม่กว่า หลังจากที่ Google One VPN ถูกยกเลิก โดยบริการนี้มีให้ใช้งานใน 25 ประเทศ รวมถึง สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และบางประเทศในยุโรป

    ✅ Google Fi VPN ถูกรีแบรนด์เป็น VPN by Google
    - เป็น ส่วนหนึ่งของการรีแบรนด์บริการ VPN ของ Google
    - ไม่มี การเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคหรือฟังก์ชันการทำงาน

    ✅ VPN by Google เปิดตัวครั้งแรกในปี 2024 สำหรับ Pixel 7 และรุ่นใหม่กว่า
    - เปิดตัวหลังจาก Google One VPN ถูกยกเลิก

    ✅ บริการนี้มีให้ใช้งานใน 25 ประเทศ
    - รวมถึง สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และบางประเทศในยุโรป

    ✅ Fi subscribers สามารถเปิดใช้งาน VPN ได้ผ่านแอป Fi
    - ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2025 การควบคุม VPN จะถูกย้ายไปที่ Settings

    ✅ VPN by Google อาจเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านข้อมูลขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่ใช้งาน
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบ รายละเอียดแพ็กเกจของตนก่อนเปิดใช้งาน

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/google-fi-vpn-has-been-replaced-by-vpn-by-google-but-has-anything-actually-changed
    Google รีแบรนด์บริการ VPN เพื่อความเป็นเอกภาพ Google ได้เปลี่ยนชื่อ Google Fi VPN เป็น VPN by Google เพื่อให้สอดคล้องกับการรีแบรนด์บริการ VPN บน Pixel ที่เกิดขึ้นในปี 2024 โดย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคหรือฟังก์ชันการทำงาน VPN by Google เปิดตัวครั้งแรกในปี 2024 สำหรับ Pixel 7 และรุ่นใหม่กว่า หลังจากที่ Google One VPN ถูกยกเลิก โดยบริการนี้มีให้ใช้งานใน 25 ประเทศ รวมถึง สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และบางประเทศในยุโรป ✅ Google Fi VPN ถูกรีแบรนด์เป็น VPN by Google - เป็น ส่วนหนึ่งของการรีแบรนด์บริการ VPN ของ Google - ไม่มี การเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคหรือฟังก์ชันการทำงาน ✅ VPN by Google เปิดตัวครั้งแรกในปี 2024 สำหรับ Pixel 7 และรุ่นใหม่กว่า - เปิดตัวหลังจาก Google One VPN ถูกยกเลิก ✅ บริการนี้มีให้ใช้งานใน 25 ประเทศ - รวมถึง สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และบางประเทศในยุโรป ✅ Fi subscribers สามารถเปิดใช้งาน VPN ได้ผ่านแอป Fi - ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2025 การควบคุม VPN จะถูกย้ายไปที่ Settings ✅ VPN by Google อาจเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านข้อมูลขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่ใช้งาน - ผู้ใช้ควรตรวจสอบ รายละเอียดแพ็กเกจของตนก่อนเปิดใช้งาน https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/google-fi-vpn-has-been-replaced-by-vpn-by-google-but-has-anything-actually-changed
    WWW.TECHRADAR.COM
    Google Fi VPN is the latest service to become VPN by Google – here's what you need to know
    VPN by Google is now the name of another Google VPN service, but what is new?
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • NEO Semiconductor เปิดตัว 3D X-DRAM ที่มีความจุสูงกว่าหน่วยความจำ DRAM ปัจจุบันถึง 10 เท่า NEO Semiconductor ได้เปิดตัว เทคโนโลยี 3D X-DRAM ซึ่งเป็น หน่วยความจำที่สามารถเพิ่มความจุได้สูงถึง 512 Gb ต่อโมดูล โดยใช้ กระบวนการผลิตแบบ 3D-NAND ที่ปรับแต่งใหม่

    เทคโนโลยีใหม่นี้ประกอบด้วย สองดีไซน์หลัก ได้แก่ 1T1C และ 3T0C ซึ่งใช้ วัสดุ Indium Gallium Zinc Oxide (IGZO) ที่ช่วยให้สามารถ สร้างโครงสร้างแบบ 3D ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ

    ✅ 3D X-DRAM มีความจุสูงกว่าหน่วยความจำ DRAM ปัจจุบันถึง 10 เท่า
    - สามารถ เก็บข้อมูลได้สูงถึง 512 Gb (64 GB) ต่อโมดูล
    - ใช้ กระบวนการผลิตแบบ 3D-NAND ที่ปรับแต่งใหม่

    ✅ มีสองดีไซน์หลัก ได้แก่ 1T1C และ 3T0C
    - 1T1C ใช้ ทรานซิสเตอร์หนึ่งตัวและตัวเก็บประจุหนึ่งตัว
    - 3T0C ใช้ ทรานซิสเตอร์สามตัวโดยไม่มีตัวเก็บประจุ

    ✅ ใช้วัสดุ Indium Gallium Zinc Oxide (IGZO) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    - IGZO เป็น วัสดุที่ใช้ในเทคโนโลยีจอแสดงผล
    - ช่วยให้ สามารถสร้างโครงสร้างแบบ 3D ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ

    ✅ NEO Semiconductor คาดว่าจะผลิตชิปต้นแบบในปี 2026
    - มีแผน นำเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมที่ IEEE IMW ในเดือนนี้

    ✅ เทคโนโลยีนี้อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา DRAM รุ่นใหม่
    - สามารถ แข่งขันกับเทคโนโลยี DRAM+ ที่ใช้ FeRAM และ DRAM แบบมาตรฐานที่พัฒนาโดย SK hynix

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/3d-x-dram-aims-for-10x-capacity-of-todays-memory-neo-semiconductors-memory-has-up-to-512-gb-per-module
    NEO Semiconductor เปิดตัว 3D X-DRAM ที่มีความจุสูงกว่าหน่วยความจำ DRAM ปัจจุบันถึง 10 เท่า NEO Semiconductor ได้เปิดตัว เทคโนโลยี 3D X-DRAM ซึ่งเป็น หน่วยความจำที่สามารถเพิ่มความจุได้สูงถึง 512 Gb ต่อโมดูล โดยใช้ กระบวนการผลิตแบบ 3D-NAND ที่ปรับแต่งใหม่ เทคโนโลยีใหม่นี้ประกอบด้วย สองดีไซน์หลัก ได้แก่ 1T1C และ 3T0C ซึ่งใช้ วัสดุ Indium Gallium Zinc Oxide (IGZO) ที่ช่วยให้สามารถ สร้างโครงสร้างแบบ 3D ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ ✅ 3D X-DRAM มีความจุสูงกว่าหน่วยความจำ DRAM ปัจจุบันถึง 10 เท่า - สามารถ เก็บข้อมูลได้สูงถึง 512 Gb (64 GB) ต่อโมดูล - ใช้ กระบวนการผลิตแบบ 3D-NAND ที่ปรับแต่งใหม่ ✅ มีสองดีไซน์หลัก ได้แก่ 1T1C และ 3T0C - 1T1C ใช้ ทรานซิสเตอร์หนึ่งตัวและตัวเก็บประจุหนึ่งตัว - 3T0C ใช้ ทรานซิสเตอร์สามตัวโดยไม่มีตัวเก็บประจุ ✅ ใช้วัสดุ Indium Gallium Zinc Oxide (IGZO) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ - IGZO เป็น วัสดุที่ใช้ในเทคโนโลยีจอแสดงผล - ช่วยให้ สามารถสร้างโครงสร้างแบบ 3D ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ ✅ NEO Semiconductor คาดว่าจะผลิตชิปต้นแบบในปี 2026 - มีแผน นำเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมที่ IEEE IMW ในเดือนนี้ ✅ เทคโนโลยีนี้อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา DRAM รุ่นใหม่ - สามารถ แข่งขันกับเทคโนโลยี DRAM+ ที่ใช้ FeRAM และ DRAM แบบมาตรฐานที่พัฒนาโดย SK hynix https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/3d-x-dram-aims-for-10x-capacity-of-todays-memory-neo-semiconductors-memory-has-up-to-512-gb-per-module
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • Intel ได้ออก อัปเดตไมโครโค้ด 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหา Vmin Shift instability ซึ่งเป็นปัญหาที่เคยคิดว่าได้รับการแก้ไขแล้วในอัปเดตก่อนหน้า แต่ยังคงเกิดขึ้นในบางกรณี

    ไมโครโค้ด 0x12F เป็น ส่วนขยายของอัปเดต 0x12B โดยเพิ่มการแก้ไขที่ไม่ได้ครอบคลุมในอัปเดตเดิม ซึ่งช่วยลดปัญหาความไม่เสถียรของ ซีพียู Raptor Lake รุ่นที่ 13 และ 14 ที่ทำงานต่อเนื่องหลายวันและใช้โหลดงานเบา

    ✅ Intel ออกอัปเดตไมโครโค้ด 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหา Vmin Shift instability
    - เป็น ส่วนขยายของอัปเดต 0x12B
    - ช่วยลด ปัญหาความไม่เสถียรของซีพียู Raptor Lake รุ่นที่ 13 และ 14

    ✅ อัปเดตนี้ไม่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพเพิ่มเติม
    - Intel ยืนยันว่า ไม่มีการลดประสิทธิภาพของซีพียูจากอัปเดตนี้

    ✅ ไมโครโค้ด 0x12F ไม่เกี่ยวข้องกับซีพียู Core Ultra 200S series
    - ซีพียูรุ่นใหม่ ไม่มีปัญหาความไม่เสถียรที่พบใน Raptor Lake

    ✅ ผู้ผลิตเมนบอร์ดเริ่มปล่อยอัปเดต BIOS ที่รวมไมโครโค้ด 0x12F แล้ว
    - ASRock เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ เริ่มปล่อยอัปเดต BIOS ให้ผู้ใช้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/raptor-lake-instability-saga-continues-as-intel-releases-0x12f-update-to-fix-vmin-instability
    Intel ได้ออก อัปเดตไมโครโค้ด 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหา Vmin Shift instability ซึ่งเป็นปัญหาที่เคยคิดว่าได้รับการแก้ไขแล้วในอัปเดตก่อนหน้า แต่ยังคงเกิดขึ้นในบางกรณี ไมโครโค้ด 0x12F เป็น ส่วนขยายของอัปเดต 0x12B โดยเพิ่มการแก้ไขที่ไม่ได้ครอบคลุมในอัปเดตเดิม ซึ่งช่วยลดปัญหาความไม่เสถียรของ ซีพียู Raptor Lake รุ่นที่ 13 และ 14 ที่ทำงานต่อเนื่องหลายวันและใช้โหลดงานเบา ✅ Intel ออกอัปเดตไมโครโค้ด 0x12F เพื่อแก้ไขปัญหา Vmin Shift instability - เป็น ส่วนขยายของอัปเดต 0x12B - ช่วยลด ปัญหาความไม่เสถียรของซีพียู Raptor Lake รุ่นที่ 13 และ 14 ✅ อัปเดตนี้ไม่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพเพิ่มเติม - Intel ยืนยันว่า ไม่มีการลดประสิทธิภาพของซีพียูจากอัปเดตนี้ ✅ ไมโครโค้ด 0x12F ไม่เกี่ยวข้องกับซีพียู Core Ultra 200S series - ซีพียูรุ่นใหม่ ไม่มีปัญหาความไม่เสถียรที่พบใน Raptor Lake ✅ ผู้ผลิตเมนบอร์ดเริ่มปล่อยอัปเดต BIOS ที่รวมไมโครโค้ด 0x12F แล้ว - ASRock เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ เริ่มปล่อยอัปเดต BIOS ให้ผู้ใช้ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/raptor-lake-instability-saga-continues-as-intel-releases-0x12f-update-to-fix-vmin-instability
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Raptor Lake instability saga continues as Intel releases 0x12F update to fix Vmin instability
    Microcode update 0x12F rectifies rare circumstances where Vmin shift can still occur
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • Ampere Computing ได้เปิดตัว AmpereOne M CPUs ซึ่งเป็น โปรเซสเซอร์ที่มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 192 คอร์ พร้อม ระบบหน่วยความจำ DDR5 แบบ 12 ช่องสัญญาณ เพื่อรองรับ งานด้าน AI และศูนย์ข้อมูลคลาวด์

    โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้ใช้ ซ็อกเก็ต FCLGA 7228-pin และมี 6 รุ่นที่แตกต่างกัน โดยมีจำนวนคอร์ตั้งแต่ 96 ถึง 192 คอร์ พร้อม ความเร็วสูงสุด 3.60 GHz และ แคชระดับระบบขนาด 64MB

    ✅ AmpereOne M CPUs มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 192 คอร์
    - ใช้ สถาปัตยกรรม Armv8.6+ แบบคัสตอม
    - รองรับ งานด้าน AI และศูนย์ข้อมูลคลาวด์

    ✅ มีระบบหน่วยความจำ DDR5 แบบ 12 ช่องสัญญาณ
    - รองรับ DIMM สูงสุด 1 ตัวต่อช่องสัญญาณ
    - มี ความจุหน่วยความจำสูงสุด 3TB DDR5-5600

    ✅ ใช้ซ็อกเก็ต FCLGA 7228-pin และมี 6 รุ่นที่แตกต่างกัน
    - จำนวนคอร์ตั้งแต่ 96 ถึง 192 คอร์
    - ความเร็วสูงสุด 3.60 GHz

    ✅ รองรับ PCIe 5.0 จำนวน 96 เลน
    - สามารถ เชื่อมต่อกับ SSDs, การ์ดเครือข่าย และอุปกรณ์เร่งความเร็ว AI

    ✅ ใช้กระบวนการผลิต TSMC N5 และมีแผนเปิดตัวรุ่น 256 คอร์ในอนาคต
    - รุ่นถัดไปจะใช้ กระบวนการผลิต TSMC N3

    ‼️ AmpereOne M CPUs ไม่มีการรองรับ Simultaneous Multi-Threading (SMT)
    - ทำให้ จำนวนเธรดต่ำกว่าคู่แข่ง เช่น AMD EPYC 9965

    ‼️ การใช้พลังงานสูงสุดถึง 348W อาจต้องมีระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ
    - ต้องใช้ ระบบควบคุมอุณหภูมิที่ดีเพื่อป้องกันความร้อนสะสม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/ampere-sneaks-out-a-192-core-cpu-with-12-channel-ddr5-memory
    Ampere Computing ได้เปิดตัว AmpereOne M CPUs ซึ่งเป็น โปรเซสเซอร์ที่มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 192 คอร์ พร้อม ระบบหน่วยความจำ DDR5 แบบ 12 ช่องสัญญาณ เพื่อรองรับ งานด้าน AI และศูนย์ข้อมูลคลาวด์ โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้ใช้ ซ็อกเก็ต FCLGA 7228-pin และมี 6 รุ่นที่แตกต่างกัน โดยมีจำนวนคอร์ตั้งแต่ 96 ถึง 192 คอร์ พร้อม ความเร็วสูงสุด 3.60 GHz และ แคชระดับระบบขนาด 64MB ✅ AmpereOne M CPUs มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 192 คอร์ - ใช้ สถาปัตยกรรม Armv8.6+ แบบคัสตอม - รองรับ งานด้าน AI และศูนย์ข้อมูลคลาวด์ ✅ มีระบบหน่วยความจำ DDR5 แบบ 12 ช่องสัญญาณ - รองรับ DIMM สูงสุด 1 ตัวต่อช่องสัญญาณ - มี ความจุหน่วยความจำสูงสุด 3TB DDR5-5600 ✅ ใช้ซ็อกเก็ต FCLGA 7228-pin และมี 6 รุ่นที่แตกต่างกัน - จำนวนคอร์ตั้งแต่ 96 ถึง 192 คอร์ - ความเร็วสูงสุด 3.60 GHz ✅ รองรับ PCIe 5.0 จำนวน 96 เลน - สามารถ เชื่อมต่อกับ SSDs, การ์ดเครือข่าย และอุปกรณ์เร่งความเร็ว AI ✅ ใช้กระบวนการผลิต TSMC N5 และมีแผนเปิดตัวรุ่น 256 คอร์ในอนาคต - รุ่นถัดไปจะใช้ กระบวนการผลิต TSMC N3 ‼️ AmpereOne M CPUs ไม่มีการรองรับ Simultaneous Multi-Threading (SMT) - ทำให้ จำนวนเธรดต่ำกว่าคู่แข่ง เช่น AMD EPYC 9965 ‼️ การใช้พลังงานสูงสุดถึง 348W อาจต้องมีระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ - ต้องใช้ ระบบควบคุมอุณหภูมิที่ดีเพื่อป้องกันความร้อนสะสม https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/ampere-sneaks-out-a-192-core-cpu-with-12-channel-ddr5-memory
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • ในปี 2025 ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยมีการใช้ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, ชุดเครื่องมือฟิชชิ่งแบบบริการ (Phishing-as-a-Service) และช่องโหว่ Zero-day ที่สามารถโจมตีได้ตั้งแต่บุคคลทั่วไปไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่

    ด้วยเหตุนี้ การเลือกใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่การตรวจจับไวรัส แต่ต้องเป็น ระบบป้องกันที่ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่ ไฟล์ส่วนตัวไปจนถึงข้อมูลทางการเงิน และสามารถทำงานได้บน หลายอุปกรณ์และแพลตฟอร์ม

    ✅ Bitdefender Total Security – ป้องกันรอบด้านสำหรับทุกอุปกรณ์
    - ใช้ AI ในการตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์
    - มี VPN ปลอดภัย พร้อมตัวจัดการรหัสผ่าน
    - รองรับ Windows, macOS, Android และ iOS

    ✅ Kaspersky Internet Security – ประสิทธิภาพสูง ใช้ทรัพยากรระบบน้อย
    - มี Safe Money browser สำหรับธุรกรรมออนไลน์
    - ป้องกัน การโจมตีเครือข่ายและฟิชชิ่ง
    - มี ระบบเข้ารหัสข้อมูลและการตรวจสอบแบบเรียลไทม์

    ✅ ESET Smart Security Premium – เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับสูง
    - มี LiveGuard sandboxing สำหรับตรวจจับภัยคุกคามใหม่
    - ป้องกัน การโจมตีระดับเฟิร์มแวร์ด้วย UEFI scanner
    - มี ระบบเข้ารหัสไฟล์และตัวจัดการรหัสผ่าน

    ✅ Norton 360 Deluxe – ป้องกันข้อมูลส่วนตัวและการโจมตีทางไซเบอร์
    - มี Dark Web Monitoring และการแจ้งเตือนข้อมูลรั่วไหล
    - รองรับ การสำรองข้อมูลบนคลาวด์ 50GB
    - มี VPN ไม่จำกัดแบนด์วิดท์

    ✅ Webroot SecureAnywhere – เหมาะสำหรับระบบที่มีทรัพยากรจำกัด
    - ใช้ การวิเคราะห์ภัยคุกคามบนคลาวด์
    - มี ระบบป้องกันฟิชชิ่งและการโจมตีแบบเรียลไทม์
    - ใช้ทรัพยากรระบบน้อยมาก

    ‼️ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนมากขึ้น
    - ระบบรักษาความปลอดภัยต้อง สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติได้

    ‼️ ช่องโหว่ Zero-day ยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง
    - ควรใช้ ซอฟต์แวร์ที่มีระบบอัปเดตและแพตช์ความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

    https://computercity.com/software/malware/best-network-security-software-for-protecting-your-digital-assets-2025
    ในปี 2025 ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยมีการใช้ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI, ชุดเครื่องมือฟิชชิ่งแบบบริการ (Phishing-as-a-Service) และช่องโหว่ Zero-day ที่สามารถโจมตีได้ตั้งแต่บุคคลทั่วไปไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยเหตุนี้ การเลือกใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่การตรวจจับไวรัส แต่ต้องเป็น ระบบป้องกันที่ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่ ไฟล์ส่วนตัวไปจนถึงข้อมูลทางการเงิน และสามารถทำงานได้บน หลายอุปกรณ์และแพลตฟอร์ม ✅ Bitdefender Total Security – ป้องกันรอบด้านสำหรับทุกอุปกรณ์ - ใช้ AI ในการตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ - มี VPN ปลอดภัย พร้อมตัวจัดการรหัสผ่าน - รองรับ Windows, macOS, Android และ iOS ✅ Kaspersky Internet Security – ประสิทธิภาพสูง ใช้ทรัพยากรระบบน้อย - มี Safe Money browser สำหรับธุรกรรมออนไลน์ - ป้องกัน การโจมตีเครือข่ายและฟิชชิ่ง - มี ระบบเข้ารหัสข้อมูลและการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ ✅ ESET Smart Security Premium – เหมาะสำหรับผู้ใช้ระดับสูง - มี LiveGuard sandboxing สำหรับตรวจจับภัยคุกคามใหม่ - ป้องกัน การโจมตีระดับเฟิร์มแวร์ด้วย UEFI scanner - มี ระบบเข้ารหัสไฟล์และตัวจัดการรหัสผ่าน ✅ Norton 360 Deluxe – ป้องกันข้อมูลส่วนตัวและการโจมตีทางไซเบอร์ - มี Dark Web Monitoring และการแจ้งเตือนข้อมูลรั่วไหล - รองรับ การสำรองข้อมูลบนคลาวด์ 50GB - มี VPN ไม่จำกัดแบนด์วิดท์ ✅ Webroot SecureAnywhere – เหมาะสำหรับระบบที่มีทรัพยากรจำกัด - ใช้ การวิเคราะห์ภัยคุกคามบนคลาวด์ - มี ระบบป้องกันฟิชชิ่งและการโจมตีแบบเรียลไทม์ - ใช้ทรัพยากรระบบน้อยมาก ‼️ มัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนมากขึ้น - ระบบรักษาความปลอดภัยต้อง สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติได้ ‼️ ช่องโหว่ Zero-day ยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง - ควรใช้ ซอฟต์แวร์ที่มีระบบอัปเดตและแพตช์ความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง https://computercity.com/software/malware/best-network-security-software-for-protecting-your-digital-assets-2025
    COMPUTERCITY.COM
    Best Network Security Software for Protecting Your Digital Assets (2025)
    In 2025, cyber threats have grown more advanced than ever, with AI-driven malware, phishing-as-a-service kits, and zero-day exploits targeting everyone from
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • NSO Group บริษัทผู้ผลิตสปายแวร์จากอิสราเอล ถูกปรับเป็นเงิน 167 ล้านดอลลาร์ หลังจากศาลตัดสินว่าบริษัทละเมิดกฎหมายไซเบอร์โดยใช้ Pegasus spyware โจมตีผู้ใช้ WhatsApp

    คดีนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2019 เมื่อ NSO Group ใช้ช่องโหว่ในระบบโทรศัพท์ของ WhatsApp เพื่อแอบติดตั้ง Pegasus บนอุปกรณ์ของเป้าหมายโดยไม่ต้องให้ผู้ใช้ดำเนินการใด ๆ ซึ่งเป็น การโจมตีแบบ zero-click

    ✅ NSO Group ถูกปรับ 167 ล้านดอลลาร์จากการใช้ Pegasus spyware โจมตีผู้ใช้ WhatsApp
    - คดีนี้เริ่มต้นในปี 2019 และสิ้นสุดในปี 2025
    - ศาลตัดสินว่า NSO Group ละเมิดกฎหมายไซเบอร์ของสหรัฐฯ

    ✅ Pegasus spyware สามารถติดตั้งบนอุปกรณ์โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้ดำเนินการใด ๆ
    - ใช้ช่องโหว่ใน ระบบโทรศัพท์ของ WhatsApp
    - เพียงแค่ โทรหาผู้ใช้ แม้ไม่ได้รับสาย Spyware ก็สามารถติดตั้งได้

    ✅ WhatsApp ได้แจ้งเตือนผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบและแก้ไขช่องโหว่ในปี 2019
    - อัปเดตระบบเพื่อป้องกันการโจมตี
    - แจ้งเตือน 1,400 ผู้ใช้ที่ตกเป็นเป้าหมาย

    ✅ Meta วางแผนบริจาคเงินค่าปรับให้กับองค์กรด้านสิทธิทางดิจิทัล
    - เพื่อช่วยเหลือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีสอดแนม

    ✅ NSO Group ยืนยันว่าบริษัทจะอุทธรณ์คำตัดสิน
    - ระบุว่า เทคโนโลยีของบริษัทมีบทบาทสำคัญในการป้องกันอาชญากรรมและก่อการร้าย

    ‼️ Pegasus spyware สามารถพัฒนาให้โจมตีผ่านข้อความได้โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้ดำเนินการใด ๆ
    - เทคโนโลยีของ NSO Group ยังคงมีความสามารถในการเจาะระบบที่ซับซ้อนขึ้น

    ‼️ NSO Group เคยถูกดำเนินคดีโดย Apple และถูกขึ้นบัญชีดำโดยรัฐบาลสหรัฐฯ
    - ในปี 2021 Apple ฟ้อง NSO Group ฐานเจาะระบบ iPhone
    - รัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ NSO Group เนื่องจากเป็นภัยต่อความมั่นคง

    https://www.neowin.net/news/israeli-spyware-maker-nso-group-fined-167m-for-whatsapp-spyware-attack/
    NSO Group บริษัทผู้ผลิตสปายแวร์จากอิสราเอล ถูกปรับเป็นเงิน 167 ล้านดอลลาร์ หลังจากศาลตัดสินว่าบริษัทละเมิดกฎหมายไซเบอร์โดยใช้ Pegasus spyware โจมตีผู้ใช้ WhatsApp คดีนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2019 เมื่อ NSO Group ใช้ช่องโหว่ในระบบโทรศัพท์ของ WhatsApp เพื่อแอบติดตั้ง Pegasus บนอุปกรณ์ของเป้าหมายโดยไม่ต้องให้ผู้ใช้ดำเนินการใด ๆ ซึ่งเป็น การโจมตีแบบ zero-click ✅ NSO Group ถูกปรับ 167 ล้านดอลลาร์จากการใช้ Pegasus spyware โจมตีผู้ใช้ WhatsApp - คดีนี้เริ่มต้นในปี 2019 และสิ้นสุดในปี 2025 - ศาลตัดสินว่า NSO Group ละเมิดกฎหมายไซเบอร์ของสหรัฐฯ ✅ Pegasus spyware สามารถติดตั้งบนอุปกรณ์โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้ดำเนินการใด ๆ - ใช้ช่องโหว่ใน ระบบโทรศัพท์ของ WhatsApp - เพียงแค่ โทรหาผู้ใช้ แม้ไม่ได้รับสาย Spyware ก็สามารถติดตั้งได้ ✅ WhatsApp ได้แจ้งเตือนผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบและแก้ไขช่องโหว่ในปี 2019 - อัปเดตระบบเพื่อป้องกันการโจมตี - แจ้งเตือน 1,400 ผู้ใช้ที่ตกเป็นเป้าหมาย ✅ Meta วางแผนบริจาคเงินค่าปรับให้กับองค์กรด้านสิทธิทางดิจิทัล - เพื่อช่วยเหลือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีสอดแนม ✅ NSO Group ยืนยันว่าบริษัทจะอุทธรณ์คำตัดสิน - ระบุว่า เทคโนโลยีของบริษัทมีบทบาทสำคัญในการป้องกันอาชญากรรมและก่อการร้าย ‼️ Pegasus spyware สามารถพัฒนาให้โจมตีผ่านข้อความได้โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้ดำเนินการใด ๆ - เทคโนโลยีของ NSO Group ยังคงมีความสามารถในการเจาะระบบที่ซับซ้อนขึ้น ‼️ NSO Group เคยถูกดำเนินคดีโดย Apple และถูกขึ้นบัญชีดำโดยรัฐบาลสหรัฐฯ - ในปี 2021 Apple ฟ้อง NSO Group ฐานเจาะระบบ iPhone - รัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ NSO Group เนื่องจากเป็นภัยต่อความมั่นคง https://www.neowin.net/news/israeli-spyware-maker-nso-group-fined-167m-for-whatsapp-spyware-attack/
    WWW.NEOWIN.NET
    Israeli spyware maker NSO Group fined $167M for WhatsApp spyware attack
    Meta has won over $167 million from NSO Group following a 6-year battle over the Israeli firm's Pegasus spyware.
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • Amazon เปิดเผยว่า ธุรกิจในสหราชอาณาจักรมีการนำ AI มาใช้ทุก ๆ 60 วินาที โดยอัตราการนำ AI มาใช้เพิ่มขึ้น 33% ในปีที่ผ่านมา ทำให้ 52% ของธุรกิจในสหราชอาณาจักรใช้ AI เทียบกับ 39% ในปีที่แล้ว

    แม้ว่าธุรกิจขนาดใหญ่และสตาร์ทอัพจะมีอัตราการนำ AI มาใช้ใกล้เคียงกันที่ 55% และ 59% ตามลำดับ แต่สตาร์ทอัพมีความพร้อมมากกว่า โดย 31% มีแผนกลยุทธ์ด้าน AI ที่ชัดเจน เทียบกับ 15% ของธุรกิจขนาดใหญ่

    ✅ ธุรกิจในสหราชอาณาจักรนำ AI มาใช้ทุก ๆ 60 วินาที
    - อัตราการนำ AI มาใช้เพิ่มขึ้น 33% ในปีที่ผ่านมา
    - 52% ของธุรกิจในสหราชอาณาจักรใช้ AI เทียบกับ 39% ในปีที่แล้ว

    ✅ สตาร์ทอัพมีความพร้อมด้าน AI มากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่
    - 31% ของสตาร์ทอัพมีแผนกลยุทธ์ด้าน AI เทียบกับ 15% ของธุรกิจขนาดใหญ่
    - ธุรกิจขนาดใหญ่ยังต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

    ✅ 92% ของธุรกิจที่ใช้ AI รายงานว่ารายได้เพิ่มขึ้น
    - เทียบกับ 64% ในปี 2024

    ✅ AWS เปิดตัวโครงการฝึกอบรม AI ในสหราชอาณาจักร
    - ตั้งเป้า ฝึกอบรมประชาชน 100,000 คนภายในปี 2030
    - ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Exeter และ Manchester

    ✅ AI literacy จะเป็นทักษะที่สำคัญในตลาดแรงงาน
    - 47% ของตำแหน่งงานใหม่ในอีก 3 ปีข้างหน้าจะต้องการทักษะด้าน AI

    https://www.techradar.com/pro/amazon-says-one-business-per-second-is-adopting-ai
    Amazon เปิดเผยว่า ธุรกิจในสหราชอาณาจักรมีการนำ AI มาใช้ทุก ๆ 60 วินาที โดยอัตราการนำ AI มาใช้เพิ่มขึ้น 33% ในปีที่ผ่านมา ทำให้ 52% ของธุรกิจในสหราชอาณาจักรใช้ AI เทียบกับ 39% ในปีที่แล้ว แม้ว่าธุรกิจขนาดใหญ่และสตาร์ทอัพจะมีอัตราการนำ AI มาใช้ใกล้เคียงกันที่ 55% และ 59% ตามลำดับ แต่สตาร์ทอัพมีความพร้อมมากกว่า โดย 31% มีแผนกลยุทธ์ด้าน AI ที่ชัดเจน เทียบกับ 15% ของธุรกิจขนาดใหญ่ ✅ ธุรกิจในสหราชอาณาจักรนำ AI มาใช้ทุก ๆ 60 วินาที - อัตราการนำ AI มาใช้เพิ่มขึ้น 33% ในปีที่ผ่านมา - 52% ของธุรกิจในสหราชอาณาจักรใช้ AI เทียบกับ 39% ในปีที่แล้ว ✅ สตาร์ทอัพมีความพร้อมด้าน AI มากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ - 31% ของสตาร์ทอัพมีแผนกลยุทธ์ด้าน AI เทียบกับ 15% ของธุรกิจขนาดใหญ่ - ธุรกิจขนาดใหญ่ยังต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ✅ 92% ของธุรกิจที่ใช้ AI รายงานว่ารายได้เพิ่มขึ้น - เทียบกับ 64% ในปี 2024 ✅ AWS เปิดตัวโครงการฝึกอบรม AI ในสหราชอาณาจักร - ตั้งเป้า ฝึกอบรมประชาชน 100,000 คนภายในปี 2030 - ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Exeter และ Manchester ✅ AI literacy จะเป็นทักษะที่สำคัญในตลาดแรงงาน - 47% ของตำแหน่งงานใหม่ในอีก 3 ปีข้างหน้าจะต้องการทักษะด้าน AI https://www.techradar.com/pro/amazon-says-one-business-per-second-is-adopting-ai
    WWW.TECHRADAR.COM
    Amazon says one business per second is adopting AI
    AI adoption is strong across the UK, AWS finds
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
  • OneChipBook-12 เป็น ชุดพัฒนา FPGA แบบพกพา ที่ออกแบบมาเพื่อ นักพัฒนาฮาร์ดแวร์และผู้ที่สนใจคอมพิวเตอร์ย้อนยุค โดยมี หน้าจอในตัวและคีย์บอร์ดแบบกลไก

    อุปกรณ์นี้ใช้ ชิป Altera Cyclone EP1C12Q240 ซึ่งมี 12,000 logic elements และ RAM 240kbits พร้อม SDRAM 32MB และช่องใส่ SD Card รองรับ FAT16 ทำให้เหมาะสำหรับ

    ✅ OneChipBook-12 เป็นชุดพัฒนา FPGA แบบพกพา
    - มี หน้าจอในตัวและคีย์บอร์ดแบบกลไก
    - ออกแบบมาเพื่อ นักพัฒนาฮาร์ดแวร์และผู้ที่สนใจคอมพิวเตอร์ย้อนยุค

    ✅ ใช้ชิป Altera Cyclone EP1C12Q240
    - มี 12,000 logic elements และ RAM 240kbits
    - รองรับ SDRAM 32MB และช่องใส่ SD Card (FAT16)

    ✅ มีพอร์ต I/O หลากหลาย
    - รองรับ PS/2, DB9 joystick, USB Type-A, VGA, S-Video และ composite video
    - มี ลำโพงสเตอริโอ, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และปุ่มปรับระดับเสียง

    ✅ สามารถซื้อได้ผ่าน Tindie, eBay และ AliExpress
    - ราคาอยู่ที่ $215–$235

    ✅ ไม่มีเฟิร์มแวร์ติดตั้งมาให้ แต่มี USB Blaster สำหรับโหลด FPGA cores
    - ผู้ใช้ต้อง แฟลชเฟิร์มแวร์เอง

    https://www.tomshardware.com/software/programming/the-onechipbook-12-is-a-retro-inspired-fpga-dev-kit-with-a-built-in-display-and-mechanical-keyboard
    OneChipBook-12 เป็น ชุดพัฒนา FPGA แบบพกพา ที่ออกแบบมาเพื่อ นักพัฒนาฮาร์ดแวร์และผู้ที่สนใจคอมพิวเตอร์ย้อนยุค โดยมี หน้าจอในตัวและคีย์บอร์ดแบบกลไก อุปกรณ์นี้ใช้ ชิป Altera Cyclone EP1C12Q240 ซึ่งมี 12,000 logic elements และ RAM 240kbits พร้อม SDRAM 32MB และช่องใส่ SD Card รองรับ FAT16 ทำให้เหมาะสำหรับ ✅ OneChipBook-12 เป็นชุดพัฒนา FPGA แบบพกพา - มี หน้าจอในตัวและคีย์บอร์ดแบบกลไก - ออกแบบมาเพื่อ นักพัฒนาฮาร์ดแวร์และผู้ที่สนใจคอมพิวเตอร์ย้อนยุค ✅ ใช้ชิป Altera Cyclone EP1C12Q240 - มี 12,000 logic elements และ RAM 240kbits - รองรับ SDRAM 32MB และช่องใส่ SD Card (FAT16) ✅ มีพอร์ต I/O หลากหลาย - รองรับ PS/2, DB9 joystick, USB Type-A, VGA, S-Video และ composite video - มี ลำโพงสเตอริโอ, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และปุ่มปรับระดับเสียง ✅ สามารถซื้อได้ผ่าน Tindie, eBay และ AliExpress - ราคาอยู่ที่ $215–$235 ✅ ไม่มีเฟิร์มแวร์ติดตั้งมาให้ แต่มี USB Blaster สำหรับโหลด FPGA cores - ผู้ใช้ต้อง แฟลชเฟิร์มแวร์เอง https://www.tomshardware.com/software/programming/the-onechipbook-12-is-a-retro-inspired-fpga-dev-kit-with-a-built-in-display-and-mechanical-keyboard
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • Arctic ได้อัปเดตระบบ MX Authenticity Check ซึ่งเป็น ระบบตรวจสอบความแท้ของสารนำความร้อน ผ่าน QR Code แบบขูด เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของตนได้อย่างรวดเร็ว

    บริษัทระบุว่า การปลอมแปลงสารนำความร้อนกำลังเพิ่มขึ้น และต้องการให้ลูกค้า มั่นใจว่าได้รับผลิตภัณฑ์ Arctic ของแท้ โดยกระบวนการตรวจสอบใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที

    ✅ Arctic อัปเดตระบบ MX Authenticity Check เพื่อป้องกันสารนำความร้อนปลอม
    - ใช้ QR Code แบบขูด เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของตนได้อย่างรวดเร็ว
    - กระบวนการตรวจสอบใช้เวลาเพียง ไม่กี่วินาที

    ✅ การปลอมแปลงสารนำความร้อนกำลังเพิ่มขึ้น
    - Arctic ต้องการให้ลูกค้า มั่นใจว่าได้รับผลิตภัณฑ์ของแท้
    - สารนำความร้อนมีบทบาทสำคัญในการ ถ่ายเทความร้อนจาก CPU ไปยังฮีตซิงก์

    ✅ กระบวนการตรวจสอบมี 4 ขั้นตอน
    - ตรวจสอบ ซีลของผลิตภัณฑ์
    - ขูดเพื่อเผย QR Code
    - สแกน QR Code ด้วยมือถือ
    - ตรวจสอบความแท้ผ่านเว็บไซต์ของ Arctic

    ✅ Arctic MX-4 และ MX-6 เป็นสารนำความร้อนที่ได้รับความนิยม
    - ใช้ในการทดสอบ CPU ของ Tom's Hardware
    - มีคุณสมบัติ ช่วยให้การถ่ายเทความร้อนมีประสิทธิภาพสูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/thermal-paste/to-combat-counterfeit-thermal-paste-arctic-rolls-out-scratch-off-qr-code-authentication
    Arctic ได้อัปเดตระบบ MX Authenticity Check ซึ่งเป็น ระบบตรวจสอบความแท้ของสารนำความร้อน ผ่าน QR Code แบบขูด เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของตนได้อย่างรวดเร็ว บริษัทระบุว่า การปลอมแปลงสารนำความร้อนกำลังเพิ่มขึ้น และต้องการให้ลูกค้า มั่นใจว่าได้รับผลิตภัณฑ์ Arctic ของแท้ โดยกระบวนการตรวจสอบใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ✅ Arctic อัปเดตระบบ MX Authenticity Check เพื่อป้องกันสารนำความร้อนปลอม - ใช้ QR Code แบบขูด เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของตนได้อย่างรวดเร็ว - กระบวนการตรวจสอบใช้เวลาเพียง ไม่กี่วินาที ✅ การปลอมแปลงสารนำความร้อนกำลังเพิ่มขึ้น - Arctic ต้องการให้ลูกค้า มั่นใจว่าได้รับผลิตภัณฑ์ของแท้ - สารนำความร้อนมีบทบาทสำคัญในการ ถ่ายเทความร้อนจาก CPU ไปยังฮีตซิงก์ ✅ กระบวนการตรวจสอบมี 4 ขั้นตอน - ตรวจสอบ ซีลของผลิตภัณฑ์ - ขูดเพื่อเผย QR Code - สแกน QR Code ด้วยมือถือ - ตรวจสอบความแท้ผ่านเว็บไซต์ของ Arctic ✅ Arctic MX-4 และ MX-6 เป็นสารนำความร้อนที่ได้รับความนิยม - ใช้ในการทดสอบ CPU ของ Tom's Hardware - มีคุณสมบัติ ช่วยให้การถ่ายเทความร้อนมีประสิทธิภาพสูง https://www.tomshardware.com/pc-components/thermal-paste/to-combat-counterfeit-thermal-paste-arctic-rolls-out-scratch-off-qr-code-authentication
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    To combat counterfeit thermal paste, Arctic updates scratch-off QR code authentication
    The MX Authenticity Check online QR-code-based system will confirm whether your Arctic-branded MX-4 or MX-6 thermal compound purchase is genuine.
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • Nvidia ได้ประกาศว่า CUDA Toolkit รุ่นถัดไปจะไม่รองรับสถาปัตยกรรม Maxwell, Pascal และ Volta ซึ่งหมายความว่า นักพัฒนาจะไม่สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่รองรับ GPU เหล่านี้ได้อีกต่อไป

    แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะ ไม่ส่งผลต่อไดรเวอร์ GeForce แต่จะมีผลต่อ การคอมไพล์โค้ดและการใช้ไลบรารี CUDA เช่น cuBLAS และ cuDNN ซึ่งจะไม่รองรับ GPU ที่ใช้สถาปัตยกรรมเหล่านี้อีกต่อไป

    ✅ CUDA Toolkit รุ่นถัดไปจะไม่รองรับสถาปัตยกรรม Maxwell, Pascal และ Volta
    - นักพัฒนาจะ ไม่สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่รองรับ GPU เหล่านี้ได้อีกต่อไป
    - การเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ส่งผลต่อไดรเวอร์ GeForce

    ✅ การคอมไพล์โค้ดและการใช้ไลบรารี CUDA จะได้รับผลกระทบ
    - ไลบรารีเช่น cuBLAS และ cuDNN จะไม่รองรับ GPU Maxwell, Pascal และ Volta
    - นักพัฒนาต้อง เปลี่ยนไปใช้สถาปัตยกรรมใหม่ เช่น Ampere หรือ Blackwell

    ✅ Maxwell, Pascal และ Volta เป็นสถาปัตยกรรมที่มีบทบาทสำคัญในอดีต
    - Maxwell (2014) ใช้ใน GTX 900 Series และ Nintendo Switch รุ่นแรก
    - Pascal (2016) เป็นพื้นฐานของ GTX 1080 Ti และ Tesla P4
    - Volta (2017) เปิดตัว Tensor Cores และเป็นรากฐานของ AI acceleration

    ✅ Nvidia ยังไม่ได้ระบุวันที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว CUDA Toolkit รุ่นใหม่
    - คาดว่าจะเป็น CUDA 13.x แต่ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนรุ่นย่อยใน 12.9.x

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-to-drop-cuda-support-for-maxwell-pascal-and-volta-gpus-with-the-next-major-toolkit-release
    Nvidia ได้ประกาศว่า CUDA Toolkit รุ่นถัดไปจะไม่รองรับสถาปัตยกรรม Maxwell, Pascal และ Volta ซึ่งหมายความว่า นักพัฒนาจะไม่สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่รองรับ GPU เหล่านี้ได้อีกต่อไป แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะ ไม่ส่งผลต่อไดรเวอร์ GeForce แต่จะมีผลต่อ การคอมไพล์โค้ดและการใช้ไลบรารี CUDA เช่น cuBLAS และ cuDNN ซึ่งจะไม่รองรับ GPU ที่ใช้สถาปัตยกรรมเหล่านี้อีกต่อไป ✅ CUDA Toolkit รุ่นถัดไปจะไม่รองรับสถาปัตยกรรม Maxwell, Pascal และ Volta - นักพัฒนาจะ ไม่สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่รองรับ GPU เหล่านี้ได้อีกต่อไป - การเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ส่งผลต่อไดรเวอร์ GeForce ✅ การคอมไพล์โค้ดและการใช้ไลบรารี CUDA จะได้รับผลกระทบ - ไลบรารีเช่น cuBLAS และ cuDNN จะไม่รองรับ GPU Maxwell, Pascal และ Volta - นักพัฒนาต้อง เปลี่ยนไปใช้สถาปัตยกรรมใหม่ เช่น Ampere หรือ Blackwell ✅ Maxwell, Pascal และ Volta เป็นสถาปัตยกรรมที่มีบทบาทสำคัญในอดีต - Maxwell (2014) ใช้ใน GTX 900 Series และ Nintendo Switch รุ่นแรก - Pascal (2016) เป็นพื้นฐานของ GTX 1080 Ti และ Tesla P4 - Volta (2017) เปิดตัว Tensor Cores และเป็นรากฐานของ AI acceleration ✅ Nvidia ยังไม่ได้ระบุวันที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว CUDA Toolkit รุ่นใหม่ - คาดว่าจะเป็น CUDA 13.x แต่ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนรุ่นย่อยใน 12.9.x https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-to-drop-cuda-support-for-maxwell-pascal-and-volta-gpus-with-the-next-major-toolkit-release
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • Google กำลังก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ด้วยโครงการ "100 Zeros" ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ Range Media Partners โดยมีเป้าหมายเพื่อ ส่งเสริมเทคโนโลยีและปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์

    โครงการนี้จะช่วยให้ Google มีบทบาทในวงการบันเทิง โดยสนับสนุนทั้ง ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี นอกจากนี้ Google ยังต้องการให้ ตัวละครในภาพยนตร์ใช้ Android แทน iPhone เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มผู้ชม

    ✅ Google เปิดตัวโครงการ "100 Zeros" เพื่อเข้าสู่วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์
    - เป็นความร่วมมือกับ Range Media Partners
    - มีเป้าหมายเพื่อ ส่งเสริมเทคโนโลยีและปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์

    ✅ สนับสนุนทั้งภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
    - Google หวังว่า โครงการนี้จะช่วยให้ผู้สร้างภาพยนตร์นำเทคโนโลยีของ Google ไปใช้
    - รวมถึง Immersive View ใน Maps และเครื่องมือ AI ต่าง ๆ

    ✅ Google ต้องการให้ตัวละครในภาพยนตร์ใช้ Android แทน iPhone
    - เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มผู้ชม
    - อย่างไรก็ตาม Google ระบุว่าไม่ต้องการบังคับให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์ของตนในภาพยนตร์

    ✅ YouTube จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้
    - Google ต้องการขายโครงการให้กับ สตูดิโอและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแบบดั้งเดิม

    ✅ โครงการ AI On Screen จะช่วยพัฒนาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ AI
    - Google และ Range จะใช้เวลา 18 เดือนในการพัฒนาและผลิตภาพยนตร์สั้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ AI

    https://www.techspot.com/news/107814-google-launches-100-zeros-movie-tv-venture-boost.html
    Google กำลังก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ด้วยโครงการ "100 Zeros" ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ Range Media Partners โดยมีเป้าหมายเพื่อ ส่งเสริมเทคโนโลยีและปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ โครงการนี้จะช่วยให้ Google มีบทบาทในวงการบันเทิง โดยสนับสนุนทั้ง ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี นอกจากนี้ Google ยังต้องการให้ ตัวละครในภาพยนตร์ใช้ Android แทน iPhone เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มผู้ชม ✅ Google เปิดตัวโครงการ "100 Zeros" เพื่อเข้าสู่วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ - เป็นความร่วมมือกับ Range Media Partners - มีเป้าหมายเพื่อ ส่งเสริมเทคโนโลยีและปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ✅ สนับสนุนทั้งภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี - Google หวังว่า โครงการนี้จะช่วยให้ผู้สร้างภาพยนตร์นำเทคโนโลยีของ Google ไปใช้ - รวมถึง Immersive View ใน Maps และเครื่องมือ AI ต่าง ๆ ✅ Google ต้องการให้ตัวละครในภาพยนตร์ใช้ Android แทน iPhone - เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มผู้ชม - อย่างไรก็ตาม Google ระบุว่าไม่ต้องการบังคับให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์ของตนในภาพยนตร์ ✅ YouTube จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ - Google ต้องการขายโครงการให้กับ สตูดิโอและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแบบดั้งเดิม ✅ โครงการ AI On Screen จะช่วยพัฒนาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ AI - Google และ Range จะใช้เวลา 18 เดือนในการพัฒนาและผลิตภาพยนตร์สั้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับ AI https://www.techspot.com/news/107814-google-launches-100-zeros-movie-tv-venture-boost.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google launches "100 Zeros" movie and TV venture to boost its brand image
    Range Media Partners, the talent firm and production company that produced Longlegs and A Complete Unknown, has been tasked with finding both scripted and unscripted projects that...
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • นักวิทยาศาสตร์จาก Oregon State University ได้ค้นพบ แบคทีเรียสายเคเบิลชนิดใหม่ ที่สามารถ นำไฟฟ้าได้ โดยใช้ เส้นใยที่มีส่วนประกอบของนิกเกิล ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่พบได้ยากในสิ่งมีชีวิต

    แบคทีเรียชนิดนี้มีชื่อว่า Candidatus Electrothrix yaqonensis ซึ่งถูกค้นพบใน พื้นที่โคลนของอ่าว Yaquina Bay รัฐโอเรกอน โดยมีโครงสร้างเป็น เส้นใยยาวที่เชื่อมต่อเซลล์รูปแท่งเข้าด้วยกัน และสามารถ ส่งผ่านอิเล็กตรอนได้ในระยะทางหลายเซนติเมตร

    ✅ Candidatus Electrothrix yaqonensis เป็นแบคทีเรียสายเคเบิลชนิดใหม่
    - ถูกค้นพบใน พื้นที่โคลนของอ่าว Yaquina Bay รัฐโอเรกอน
    - มีโครงสร้างเป็น เส้นใยยาวที่เชื่อมต่อเซลล์รูปแท่งเข้าด้วยกัน

    ✅ สามารถนำไฟฟ้าได้โดยใช้เส้นใยที่มีส่วนประกอบของนิกเกิล
    - เส้นใยมี ร่องผิวที่กว้างกว่าสายเคเบิลแบคทีเรียชนิดอื่นถึงสามเท่า
    - ช่วยให้สามารถ ส่งผ่านอิเล็กตรอนได้ในระยะทางหลายเซนติเมตร

    ✅ มีบทบาทสำคัญในการปรับสมดุลทางเคมีของตะกอน
    - สามารถ เชื่อมต่อออกซิเจนหรือนิเตรตที่อยู่บนพื้นผิวตะกอนกับซัลไฟด์ที่อยู่ลึกลงไป
    - ช่วยให้เกิด ปฏิกิริยารีดอกซ์ในระยะทางที่ไกลขึ้น

    ✅ มีศักยภาพในการนำไปใช้ในเทคโนโลยีชีวภาพและการบำบัดสิ่งแวดล้อม
    - สามารถ ใช้ในการกำจัดมลพิษจากตะกอน
    - อาจเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนา อุปกรณ์ชีวอิเล็กทรอนิกส์ใหม่

    https://www.techspot.com/news/107808-scientists-discover-new-electricity-conducting-bacterium-oregon-mudflats.html
    นักวิทยาศาสตร์จาก Oregon State University ได้ค้นพบ แบคทีเรียสายเคเบิลชนิดใหม่ ที่สามารถ นำไฟฟ้าได้ โดยใช้ เส้นใยที่มีส่วนประกอบของนิกเกิล ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่พบได้ยากในสิ่งมีชีวิต แบคทีเรียชนิดนี้มีชื่อว่า Candidatus Electrothrix yaqonensis ซึ่งถูกค้นพบใน พื้นที่โคลนของอ่าว Yaquina Bay รัฐโอเรกอน โดยมีโครงสร้างเป็น เส้นใยยาวที่เชื่อมต่อเซลล์รูปแท่งเข้าด้วยกัน และสามารถ ส่งผ่านอิเล็กตรอนได้ในระยะทางหลายเซนติเมตร ✅ Candidatus Electrothrix yaqonensis เป็นแบคทีเรียสายเคเบิลชนิดใหม่ - ถูกค้นพบใน พื้นที่โคลนของอ่าว Yaquina Bay รัฐโอเรกอน - มีโครงสร้างเป็น เส้นใยยาวที่เชื่อมต่อเซลล์รูปแท่งเข้าด้วยกัน ✅ สามารถนำไฟฟ้าได้โดยใช้เส้นใยที่มีส่วนประกอบของนิกเกิล - เส้นใยมี ร่องผิวที่กว้างกว่าสายเคเบิลแบคทีเรียชนิดอื่นถึงสามเท่า - ช่วยให้สามารถ ส่งผ่านอิเล็กตรอนได้ในระยะทางหลายเซนติเมตร ✅ มีบทบาทสำคัญในการปรับสมดุลทางเคมีของตะกอน - สามารถ เชื่อมต่อออกซิเจนหรือนิเตรตที่อยู่บนพื้นผิวตะกอนกับซัลไฟด์ที่อยู่ลึกลงไป - ช่วยให้เกิด ปฏิกิริยารีดอกซ์ในระยะทางที่ไกลขึ้น ✅ มีศักยภาพในการนำไปใช้ในเทคโนโลยีชีวภาพและการบำบัดสิ่งแวดล้อม - สามารถ ใช้ในการกำจัดมลพิษจากตะกอน - อาจเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนา อุปกรณ์ชีวอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ https://www.techspot.com/news/107808-scientists-discover-new-electricity-conducting-bacterium-oregon-mudflats.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Scientists discover electricity-conducting bacteria with nickel-based fibers
    Scientists have identified a new species of bacteria in the mudflats of Oregon's Yaquina Bay that is capable of conducting electricity, a property uncommon among living organisms.
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • ตามล่าหา 'ดาวเหนือ'
    ด๋องรู้สึกเหมือนกำลังพายเรืออยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไร้จุดหมาย
    แต่ละวันเริ่มต้นขึ้นด้วยแรงเฉื่อย เขาลุกไปทำงานเพียงเพราะ "ต้องทำ" ไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจน
    งานที่ทำก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความหมายหรือความรักที่จะทำ มันเป็นแค่การทำตามคำสั่งไปวันๆ
    เหมือนเป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ ในเครื่องจักรขนาดใหญ่ หมุนไปตามแรงขับเคลื่อนของคนอื่น โดยไม่รู้เลยว่าปลายทางคือที่ใด
    เขาเคยได้ยินคำว่า "ดาวเหนือ" มาบ้าง ในฐานะสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจและเข็มทิศชีวิต
    แต่สำหรับด๋อง คำนี้ดูห่างไกลเหลือเกิน มันเป็นเพียงถ้อยคำสวยหรูในโลกอุดมคติ ที่ไม่มีอยู่จริงในชีวิตการทำงานอันแสนธรรมดาของเขา
    .
    วันหนึ่ง จุดเปลี่ยนเล็กๆ ก็มาถึง เมื่อหัวหน้ามอบหมายโปรเจกต์หนึ่งให้
    มันเป็นงานที่หนัก ต้องใช้ความละเอียดสูง และดูเหมือนจะไม่มีใครอยากทำ เพราะมันทั้งน่าเบื่อและซ้ำซาก
    เพื่อนร่วมงานหลายคนแสดงท่าทีเหนื่อยหน่าย แต่ด๋องเลือกที่จะรับมันไว้โดยไม่ปริปากบ่น
    ในหัวคิดเพียงแค่ว่า "ก็ต้องทำ" ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็แค่ก้มหน้าก้มตาทำให้เสร็จไป
    ด๋องทุ่มเทเวลาหลายสัปดาห์ให้กับโปรเจกต์นี้ อาศัยเพียง "เครื่องมือ" ที่มี ความรู้พื้นฐานที่ร่ำเรียนมา และความอึดเข้าแลก
    เขาจมดิ่งอยู่กับตัวเลขและเอกสาร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละจุด แม้จะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่างานนี้จะนำไปสู่สิ่งใด
    .
    วันนำเสนอผลงานมาถึง
    ด๋องยืนอยู่หน้าห้องประชุม นำเสนอสิ่งที่เขาได้ทำลงไปอย่างละเอียด ทั้งขั้นตอน ปัญหาที่พบ และวิธีแก้ไขแบบตามตำรา
    หัวหน้าและผู้ใหญ่ในห้องพยักหน้าพอใจในความเรียบร้อยและครบถ้วนตามที่มอบหมาย
    โปรเจกต์นี้ "สำเร็จ" ในสายตาของทุกคน และด๋องก็ได้รับคำชมตามระเบียบ
    แต่เมื่อเดินออกจากห้องประชุม แสงแดดยามบ่ายกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจเลย
    ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาไม่ใช่ความภาคภูมิใจ แต่เป็นความว่างเปล่าที่กัดกินข้างใน
    เหมือนเพิ่งปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้สำเร็จ แต่กลับพบว่าตัวเองมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่ได้แหงนมองวิวทิวทัศน์ระหว่างทางเลย
    "นี่คือทั้งหมดแล้วเหรอ?" คำถามนี้ดังก้องอยู่ในใจ "ชีวิตการทำงานมีแค่นี้เองเหรอ? แค่ทำสิ่งที่ 'ต้องทำ' ให้ดีที่สุด แล้วก็รู้สึกว่างเปล่าแบบนี้?"
    .
    ความว่างเปล่าครั้งนั้นกลายเป็นแรงผลักดันเงียบๆ ให้ด๋องเริ่มมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป
    เขาเริ่มหยิบหนังสือพัฒนาตนเองที่เคยเมินเฉยขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แต่คราวนี้อ่านด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป
    ไม่ได้อ่านเพื่อหาสูตรสำเร็จ แต่เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกสับสนภายในใจของตัวเอง
    เขาได้อ่านเรื่องราวของผู้คนมากมายที่ดูเหมือนจะมี "ดาวเหนือ" เป็นของตัวเอง ส่องนำทางชีวิตและการทำงาน
    ด๋องเริ่ม "มองแบบอย่าง" จากคนเหล่านั้น ไม่ใช่การเลียนแบบภายนอก แต่พยายามทำความเข้าใจความคิด "เจตนา" และคุณค่าที่ขับเคลื่อนพวกเขา
    เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังว่า นอกจากการ "ต้องทำ" แล้ว มีอะไรที่เขา "อยากจะทำ" กันแน่? และต้อง "จำเป็นต้องทำ" อะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น?
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น ด๋องได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปของบริษัทเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายองค์กร
    เขาได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จ ฟังความฝันของผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานจากแผนกต่างๆ
    เหมือนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายค่อยๆ ประกอบกันเป็นภาพใหญ่ที่เขาไม่เคยมองเห็นมาก่อน
    ด๋องเริ่มเข้าใจว่างานเล็กๆ ที่เขาทำ อาจมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และเขาก็พบว่ามีบางประเด็นใน "วิสัยทัศน์ร่วม" นั้นที่สอดคล้องกับสิ่งที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจว่าเขา "อยากจะทำ"
    เขาตัดสินใจเริ่มต้นโปรเจกต์เล็กๆ นอกเหนือจากงานประจำ เป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความสนใจส่วนตัวและความตั้งใจที่อยากเห็นบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
    ครั้งนี้ ด๋องมี "เจตนา" ที่ชัดเจนในการลงมือทำ เขาพยายาม "จัดแนว" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับ "ดาวเหนือ" ที่เริ่มส่องแสงประกายอ่อนๆ ให้เห็น
    .
    เส้นทางของโปรเจกต์ใหม่นี้ไม่ได้ราบรื่นเลย
    เขาต้องเผชิญกับความไม่รู้ ต้องกล้าก้าวออกจาก comfort zone ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยด้วย
    อุปสรรคถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งปัญหาที่ไม่คาดคิด ความผิดพลาดจากการลองผิดลองถูก
    แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ใจกลับเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น
    เขาล้มเหลวหลายครั้ง แต่ทุกครั้งคือการเรียนรู้ เขาไม่ได้ทำเพราะ "ต้องทำ" แต่ทำเพราะ "อยากทำ" และเริ่มรู้สึก "ชอบ" กระบวนการเรียนรู้และสร้างสรรค์นี้จริงๆ
    ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนที่ทีมเล็กๆ ของเขา (ซึ่งรวมตัวกันด้วย "วิสัยทัศน์ร่วม") ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่มากจนเกือบต้องยอมแพ้
    .
    แทนที่จะท้อถอย ด๋องกลับรู้สึกถึงพลังที่มองไม่เห็น ที่ผลักดันให้สู้ต่อไป
    เขาไม่ได้สู้แค่คนเดียว แต่สู้ไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ด้วย "เจตนา" และ "วิสัยทัศน์ร่วม" ที่ชัดเจน
    พวกเขาช่วยกันระดมสมอง เรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ (Unconscious to Conscious Learning)
    ในที่สุด พวกเขาก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคครั้งใหญ่นั้นไปได้สำเร็จ ไม่ใช่ด้วยเครื่องมือวิเศษ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้ร่วมกัน
    ความรู้สึกหลังจากการฝ่าฟันครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งแรกราวฟ้ากับเหว
    มันไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นความอิ่มเอมใจที่ได้ทำในสิ่งที่เชื่อ ได้ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง และได้เติบโตผ่านความท้าทายร่วมกับทีม
    เมื่อมองย้อนกลับไปที่โปรเจกต์แรกที่เคยทำด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
    .
    วันนี้เขาเพิ่งได้เรียนรู้ว่า งาน "น่าเบื่อ" และ "ซ้ำซาก" ที่เขาทำไปเพราะ "ต้องทำ" ในวันนั้น
    ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จไปวันๆ
    แต่มันคือบททดสอบและบทฝึกฝนที่สำคัญยิ่งยวด
    งานนั้นได้สร้างและลับคม "เครื่องมือ" ที่จำเป็นที่สุดให้เขา นั่นคือ ความอดทน ความละเอียดรอบคอบ และทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
    ทักษะพื้นฐานเหล่านี้เองที่กลายเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง
    ที่ทำให้เขามีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนกว่ามากในโปรเจกต์ที่สอง
    โปรเจกต์ที่เป็นสิ่งที่เขา "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง
    เรื่องราวของด๋องสอนเราว่า เส้นทางสู่การค้นพบสิ่งที่ "รักที่จะทำ" นั้น
    มักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
    บางครั้งเราต้องผ่านช่วงเวลาของการ "ต้องทำ" ในสิ่งที่เราอาจยังไม่เห็นคุณค่าหรือความหมายในทันที
    แต่งานเหล่านั้น หากเรามี "เจตนา" ที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
    จะช่วยสร้าง "เครื่องมือ" และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่ง
    ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นจะกลายเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้เราคว้าโอกาสและเอาชนะอุปสรรคได้
    .
    การออกตามหา "ดาวเหนือ" ไม่ใช่แค่การมองหาแรงบันดาลใจจากภายนอก
    แต่คือกระบวนการภายในของการทำความเข้าใจตัวเอง การมองหาแบบอย่างที่ดี การตั้ง "เจตนา" ที่ชัดเจน
    และการ "จัดแนว (Align)" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับเป้าหมายและคุณค่าที่เรายึดมั่น
    และที่สำคัญที่สุด คือการค่อยๆ เปลี่ยนจาก mindset ที่ทำเพราะ "ต้องทำ"
    ไปสู่การได้ทำในสิ่งที่ "อยากทำ", "จำเป็นต้องทำ", "ชอบที่จะทำ"
    และท้ายที่สุดคือการได้ทำในสิ่งที่ "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง
    เพราะเมื่อใดที่เราได้ทำในสิ่งที่รักและมีความหมาย
    แม้ต้องเผชิญความยากลำบากใดๆ เราก็จะพบกับความอิ่มเอมใจที่แท้จริง
    และความหมายที่ลึกซึ้งในงานที่เราทำ เช่นเดียวกับที่ด๋องได้ค้นพบในที่สุด

    www.10x-consulting.com
    ตามล่าหา 'ดาวเหนือ' ด๋องรู้สึกเหมือนกำลังพายเรืออยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไร้จุดหมาย แต่ละวันเริ่มต้นขึ้นด้วยแรงเฉื่อย เขาลุกไปทำงานเพียงเพราะ "ต้องทำ" ไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจน งานที่ทำก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความหมายหรือความรักที่จะทำ มันเป็นแค่การทำตามคำสั่งไปวันๆ เหมือนเป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ ในเครื่องจักรขนาดใหญ่ หมุนไปตามแรงขับเคลื่อนของคนอื่น โดยไม่รู้เลยว่าปลายทางคือที่ใด เขาเคยได้ยินคำว่า "ดาวเหนือ" มาบ้าง ในฐานะสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจและเข็มทิศชีวิต แต่สำหรับด๋อง คำนี้ดูห่างไกลเหลือเกิน มันเป็นเพียงถ้อยคำสวยหรูในโลกอุดมคติ ที่ไม่มีอยู่จริงในชีวิตการทำงานอันแสนธรรมดาของเขา . วันหนึ่ง จุดเปลี่ยนเล็กๆ ก็มาถึง เมื่อหัวหน้ามอบหมายโปรเจกต์หนึ่งให้ มันเป็นงานที่หนัก ต้องใช้ความละเอียดสูง และดูเหมือนจะไม่มีใครอยากทำ เพราะมันทั้งน่าเบื่อและซ้ำซาก เพื่อนร่วมงานหลายคนแสดงท่าทีเหนื่อยหน่าย แต่ด๋องเลือกที่จะรับมันไว้โดยไม่ปริปากบ่น ในหัวคิดเพียงแค่ว่า "ก็ต้องทำ" ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็แค่ก้มหน้าก้มตาทำให้เสร็จไป ด๋องทุ่มเทเวลาหลายสัปดาห์ให้กับโปรเจกต์นี้ อาศัยเพียง "เครื่องมือ" ที่มี ความรู้พื้นฐานที่ร่ำเรียนมา และความอึดเข้าแลก เขาจมดิ่งอยู่กับตัวเลขและเอกสาร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละจุด แม้จะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่างานนี้จะนำไปสู่สิ่งใด . วันนำเสนอผลงานมาถึง ด๋องยืนอยู่หน้าห้องประชุม นำเสนอสิ่งที่เขาได้ทำลงไปอย่างละเอียด ทั้งขั้นตอน ปัญหาที่พบ และวิธีแก้ไขแบบตามตำรา หัวหน้าและผู้ใหญ่ในห้องพยักหน้าพอใจในความเรียบร้อยและครบถ้วนตามที่มอบหมาย โปรเจกต์นี้ "สำเร็จ" ในสายตาของทุกคน และด๋องก็ได้รับคำชมตามระเบียบ แต่เมื่อเดินออกจากห้องประชุม แสงแดดยามบ่ายกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจเลย ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาไม่ใช่ความภาคภูมิใจ แต่เป็นความว่างเปล่าที่กัดกินข้างใน เหมือนเพิ่งปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้สำเร็จ แต่กลับพบว่าตัวเองมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่ได้แหงนมองวิวทิวทัศน์ระหว่างทางเลย "นี่คือทั้งหมดแล้วเหรอ?" คำถามนี้ดังก้องอยู่ในใจ "ชีวิตการทำงานมีแค่นี้เองเหรอ? แค่ทำสิ่งที่ 'ต้องทำ' ให้ดีที่สุด แล้วก็รู้สึกว่างเปล่าแบบนี้?" . ความว่างเปล่าครั้งนั้นกลายเป็นแรงผลักดันเงียบๆ ให้ด๋องเริ่มมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป เขาเริ่มหยิบหนังสือพัฒนาตนเองที่เคยเมินเฉยขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แต่คราวนี้อ่านด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป ไม่ได้อ่านเพื่อหาสูตรสำเร็จ แต่เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกสับสนภายในใจของตัวเอง เขาได้อ่านเรื่องราวของผู้คนมากมายที่ดูเหมือนจะมี "ดาวเหนือ" เป็นของตัวเอง ส่องนำทางชีวิตและการทำงาน ด๋องเริ่ม "มองแบบอย่าง" จากคนเหล่านั้น ไม่ใช่การเลียนแบบภายนอก แต่พยายามทำความเข้าใจความคิด "เจตนา" และคุณค่าที่ขับเคลื่อนพวกเขา เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังว่า นอกจากการ "ต้องทำ" แล้ว มีอะไรที่เขา "อยากจะทำ" กันแน่? และต้อง "จำเป็นต้องทำ" อะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น? . ไม่นานหลังจากนั้น ด๋องได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปของบริษัทเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายองค์กร เขาได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จ ฟังความฝันของผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานจากแผนกต่างๆ เหมือนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายค่อยๆ ประกอบกันเป็นภาพใหญ่ที่เขาไม่เคยมองเห็นมาก่อน ด๋องเริ่มเข้าใจว่างานเล็กๆ ที่เขาทำ อาจมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และเขาก็พบว่ามีบางประเด็นใน "วิสัยทัศน์ร่วม" นั้นที่สอดคล้องกับสิ่งที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจว่าเขา "อยากจะทำ" เขาตัดสินใจเริ่มต้นโปรเจกต์เล็กๆ นอกเหนือจากงานประจำ เป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความสนใจส่วนตัวและความตั้งใจที่อยากเห็นบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ครั้งนี้ ด๋องมี "เจตนา" ที่ชัดเจนในการลงมือทำ เขาพยายาม "จัดแนว" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับ "ดาวเหนือ" ที่เริ่มส่องแสงประกายอ่อนๆ ให้เห็น . เส้นทางของโปรเจกต์ใหม่นี้ไม่ได้ราบรื่นเลย เขาต้องเผชิญกับความไม่รู้ ต้องกล้าก้าวออกจาก comfort zone ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยด้วย อุปสรรคถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งปัญหาที่ไม่คาดคิด ความผิดพลาดจากการลองผิดลองถูก แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ใจกลับเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น เขาล้มเหลวหลายครั้ง แต่ทุกครั้งคือการเรียนรู้ เขาไม่ได้ทำเพราะ "ต้องทำ" แต่ทำเพราะ "อยากทำ" และเริ่มรู้สึก "ชอบ" กระบวนการเรียนรู้และสร้างสรรค์นี้จริงๆ ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนที่ทีมเล็กๆ ของเขา (ซึ่งรวมตัวกันด้วย "วิสัยทัศน์ร่วม") ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่มากจนเกือบต้องยอมแพ้ . แทนที่จะท้อถอย ด๋องกลับรู้สึกถึงพลังที่มองไม่เห็น ที่ผลักดันให้สู้ต่อไป เขาไม่ได้สู้แค่คนเดียว แต่สู้ไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ด้วย "เจตนา" และ "วิสัยทัศน์ร่วม" ที่ชัดเจน พวกเขาช่วยกันระดมสมอง เรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ (Unconscious to Conscious Learning) ในที่สุด พวกเขาก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคครั้งใหญ่นั้นไปได้สำเร็จ ไม่ใช่ด้วยเครื่องมือวิเศษ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้ร่วมกัน ความรู้สึกหลังจากการฝ่าฟันครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งแรกราวฟ้ากับเหว มันไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นความอิ่มเอมใจที่ได้ทำในสิ่งที่เชื่อ ได้ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง และได้เติบโตผ่านความท้าทายร่วมกับทีม เมื่อมองย้อนกลับไปที่โปรเจกต์แรกที่เคยทำด้วยความรู้สึกว่างเปล่า . วันนี้เขาเพิ่งได้เรียนรู้ว่า งาน "น่าเบื่อ" และ "ซ้ำซาก" ที่เขาทำไปเพราะ "ต้องทำ" ในวันนั้น ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จไปวันๆ แต่มันคือบททดสอบและบทฝึกฝนที่สำคัญยิ่งยวด งานนั้นได้สร้างและลับคม "เครื่องมือ" ที่จำเป็นที่สุดให้เขา นั่นคือ ความอดทน ความละเอียดรอบคอบ และทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทักษะพื้นฐานเหล่านี้เองที่กลายเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง ที่ทำให้เขามีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนกว่ามากในโปรเจกต์ที่สอง โปรเจกต์ที่เป็นสิ่งที่เขา "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง เรื่องราวของด๋องสอนเราว่า เส้นทางสู่การค้นพบสิ่งที่ "รักที่จะทำ" นั้น มักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป บางครั้งเราต้องผ่านช่วงเวลาของการ "ต้องทำ" ในสิ่งที่เราอาจยังไม่เห็นคุณค่าหรือความหมายในทันที แต่งานเหล่านั้น หากเรามี "เจตนา" ที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง จะช่วยสร้าง "เครื่องมือ" และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นจะกลายเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้เราคว้าโอกาสและเอาชนะอุปสรรคได้ . การออกตามหา "ดาวเหนือ" ไม่ใช่แค่การมองหาแรงบันดาลใจจากภายนอก แต่คือกระบวนการภายในของการทำความเข้าใจตัวเอง การมองหาแบบอย่างที่ดี การตั้ง "เจตนา" ที่ชัดเจน และการ "จัดแนว (Align)" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับเป้าหมายและคุณค่าที่เรายึดมั่น และที่สำคัญที่สุด คือการค่อยๆ เปลี่ยนจาก mindset ที่ทำเพราะ "ต้องทำ" ไปสู่การได้ทำในสิ่งที่ "อยากทำ", "จำเป็นต้องทำ", "ชอบที่จะทำ" และท้ายที่สุดคือการได้ทำในสิ่งที่ "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง เพราะเมื่อใดที่เราได้ทำในสิ่งที่รักและมีความหมาย แม้ต้องเผชิญความยากลำบากใดๆ เราก็จะพบกับความอิ่มเอมใจที่แท้จริง และความหมายที่ลึกซึ้งในงานที่เราทำ เช่นเดียวกับที่ด๋องได้ค้นพบในที่สุด www.10x-consulting.com
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • รายงานจากเพจเฟซบุ๊กBlognone ระบุว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ของสหรัฐฯ เตือนว่าการที่รัฐบาล Trump ปราบปรามพลังงานหมุนเวียนอย่างเข้มงวด กำลังขัดขวางการเติบโตของกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงเสียตำแหน่งผู้นำ AI ระดับโลกให้กับจีนได้
    .
    จีนออกมาตรการเชิงรุกในการส่งเสริม และปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย และการจ่ายพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตรงข้ามกับสหรัฐฯ ที่ระงับการพัฒนาพลังงานสะอาดบนที่ดินของรัฐบาลกลาง หยุดการปล่อยเงินกู้สำหรับพลังงานสะอาด และยกเลิกโครงการสำคัญ เช่น โครงการพลังงานลมของ Equinor มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ฯ
    .
    ดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและมีราคาย่อมเยา ซึ่งพลังงานหมุนเวียนช่วยตอบโจทย์ได้ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากสหรัฐฯ เข้าถึงแหล่งพลังงานหมุนเวียนได้น้อยลง ดาต้าเซ็นเตอร์อาจเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพลังงาน ต้นทุนที่สูงขึ้น ความล่าช้าในการก่อสร้าง และต้องหันมาพึ่งพลังงานฟอสซิลมากขึ้น
    .
    แม้โครงการพลังงานก๊าซบางแห่งถูกเร่งดำเนินการ แต่ก็มีต้นทุนสูง และใช้เวลานานกว่าจะสร้างเสร็จ เช่นเดียวกับบิ๊กเทคฯ อย่าง Amazon, Google, และ Equinix ที่เจอปัญหาในการรักษาเป้าหมายด้านความยั่งยืน และควบคุมต้นทุนจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น
    .
    ตอนนี้ในรัฐเท็กซัส ซึ่งตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่อาจเพิ่มข้อจำกัดต่อโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม ซึ่งจะยิ่งทำให้การขยายโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ยากขึ้น
    .
    https://www.ft.com/content/6821ec83-3a33-4a20-a3c6-152135c8ad57
    รายงานจากเพจเฟซบุ๊กBlognone ระบุว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ของสหรัฐฯ เตือนว่าการที่รัฐบาล Trump ปราบปรามพลังงานหมุนเวียนอย่างเข้มงวด กำลังขัดขวางการเติบโตของกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงเสียตำแหน่งผู้นำ AI ระดับโลกให้กับจีนได้ . จีนออกมาตรการเชิงรุกในการส่งเสริม และปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย และการจ่ายพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตรงข้ามกับสหรัฐฯ ที่ระงับการพัฒนาพลังงานสะอาดบนที่ดินของรัฐบาลกลาง หยุดการปล่อยเงินกู้สำหรับพลังงานสะอาด และยกเลิกโครงการสำคัญ เช่น โครงการพลังงานลมของ Equinor มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ฯ . ดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและมีราคาย่อมเยา ซึ่งพลังงานหมุนเวียนช่วยตอบโจทย์ได้ดี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากสหรัฐฯ เข้าถึงแหล่งพลังงานหมุนเวียนได้น้อยลง ดาต้าเซ็นเตอร์อาจเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพลังงาน ต้นทุนที่สูงขึ้น ความล่าช้าในการก่อสร้าง และต้องหันมาพึ่งพลังงานฟอสซิลมากขึ้น . แม้โครงการพลังงานก๊าซบางแห่งถูกเร่งดำเนินการ แต่ก็มีต้นทุนสูง และใช้เวลานานกว่าจะสร้างเสร็จ เช่นเดียวกับบิ๊กเทคฯ อย่าง Amazon, Google, และ Equinix ที่เจอปัญหาในการรักษาเป้าหมายด้านความยั่งยืน และควบคุมต้นทุนจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น . ตอนนี้ในรัฐเท็กซัส ซึ่งตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่อาจเพิ่มข้อจำกัดต่อโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และลม ซึ่งจะยิ่งทำให้การขยายโครงสร้างพื้นฐานของดาต้าเซ็นเตอร์ยากขึ้น . https://www.ft.com/content/6821ec83-3a33-4a20-a3c6-152135c8ad57
    WWW.FT.COM
    Donald Trump’s attack on green energy could hurt US in AI race, data centres warn
    Industry needs renewables to meet surging power demand from artificial intelligence
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • Apple ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ที่บังคับให้บริษัท หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ดำเนินการผ่านระบบการชำระเงินของบุคคลที่สาม

    คำตัดสินนี้เป็นผลมาจากคดีที่ Epic Games ยื่นฟ้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อเปิดให้ iOS รองรับ ร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม และระบบการชำระเงินภายนอก โดยศาลระบุว่า Apple ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง และกล่าวหาว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง

    แม้ว่าคำตัดสินนี้จะทำให้ Epic Games ประกาศว่าจะกลับเข้าสู่ App Store และนักพัฒนาหลายรายอาจลดราคาสินค้าในแอป แต่ Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์

    ✅ Apple ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ
    - ศาลบังคับให้ หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ใช้ระบบชำระเงินของบุคคลที่สาม
    - Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์

    ✅ คดีนี้เริ่มต้นจากการฟ้องร้องของ Epic Games ในปี 2020
    - Epic ต้องการให้ iOS รองรับร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม
    - ต้องการให้ Apple อนุญาตให้ใช้ระบบการชำระเงินภายนอก

    ✅ ศาลกล่าวหา Apple ว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง
    - ระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง
    - มีการเปิดเผยว่า Tim Cook ไม่ทำตามคำแนะนำของ Phillip Schiller

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแอปพลิเคชัน
    - Epic Games ประกาศว่าจะ กลับเข้าสู่ App Store
    - นักพัฒนาหลายรายอาจ ลดราคาสินค้าในแอป เนื่องจากค่าคอมมิชชั่นลดลง

    https://www.techradar.com/phones/ios/is-the-app-store-about-to-undergo-a-big-change-not-so-fast-says-apple
    Apple ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ที่บังคับให้บริษัท หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ดำเนินการผ่านระบบการชำระเงินของบุคคลที่สาม คำตัดสินนี้เป็นผลมาจากคดีที่ Epic Games ยื่นฟ้อง Apple ตั้งแต่ปี 2020 เพื่อเปิดให้ iOS รองรับ ร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม และระบบการชำระเงินภายนอก โดยศาลระบุว่า Apple ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง และกล่าวหาว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง แม้ว่าคำตัดสินนี้จะทำให้ Epic Games ประกาศว่าจะกลับเข้าสู่ App Store และนักพัฒนาหลายรายอาจลดราคาสินค้าในแอป แต่ Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์ ✅ Apple ยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลสหรัฐฯ - ศาลบังคับให้ หยุดเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 27% จากการซื้อภายในแอปที่ใช้ระบบชำระเงินของบุคคลที่สาม - Apple ยืนยันว่าจะ ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและดำเนินการอุทธรณ์ ✅ คดีนี้เริ่มต้นจากการฟ้องร้องของ Epic Games ในปี 2020 - Epic ต้องการให้ iOS รองรับร้านค้าแอปของบุคคลที่สาม - ต้องการให้ Apple อนุญาตให้ใช้ระบบการชำระเงินภายนอก ✅ ศาลกล่าวหา Apple ว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมอย่างถูกต้อง - ระบุว่า ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง - มีการเปิดเผยว่า Tim Cook ไม่ทำตามคำแนะนำของ Phillip Schiller ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแอปพลิเคชัน - Epic Games ประกาศว่าจะ กลับเข้าสู่ App Store - นักพัฒนาหลายรายอาจ ลดราคาสินค้าในแอป เนื่องจากค่าคอมมิชชั่นลดลง https://www.techradar.com/phones/ios/is-the-app-store-about-to-undergo-a-big-change-not-so-fast-says-apple
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
More Results