• Intel กำลังพัฒนา Bartlett Lake-S ซึ่งเป็น ซีพียูที่มีเฉพาะ P-core โดยล่าสุดมีการเพิ่มการรองรับใน Linux Kernel Patch ซึ่งช่วยให้ระบบสามารถระบุซีพียูนี้ได้อย่างถูกต้อง

    ✅ Intel เพิ่มการรองรับ Bartlett Lake-S ใน Linux Kernel Patch
    - แพตช์ใหม่ช่วยให้ระบบสามารถ ระบุซีพียูและปรับแต่งโค้ดให้เหมาะสม
    - ใช้ CPUID Family 6, Model 215 (0xD7) เพื่อให้ซอฟต์แวร์สามารถตรวจสอบคุณสมบัติของซีพียู

    ✅ Bartlett Lake-S มีเฉพาะ P-core และใช้สถาปัตยกรรม Raptor Cove
    - แตกต่างจากรุ่นปกติที่มี Hybrid Core (P-core + E-core)
    - อาจมี สูงสุด 12 P-core และ 24 threads

    ✅ รองรับแพลตฟอร์ม LGA 1700
    - สามารถใช้กับ เมนบอร์ด 600-series และ 700-series ได้
    - ต้องอัปเดต BIOS เพื่อรองรับซีพียูใหม่

    ✅ คาดการณ์การเปิดตัว
    - มีข่าวลือว่า Bartlett Lake-S อาจเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 2025
    - อาจมีการประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมใน Computex เดือนหน้า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-p-core-only-bartlett-lake-chip-inches-closer-to-reality-with-new-linux-patch
    Intel กำลังพัฒนา Bartlett Lake-S ซึ่งเป็น ซีพียูที่มีเฉพาะ P-core โดยล่าสุดมีการเพิ่มการรองรับใน Linux Kernel Patch ซึ่งช่วยให้ระบบสามารถระบุซีพียูนี้ได้อย่างถูกต้อง ✅ Intel เพิ่มการรองรับ Bartlett Lake-S ใน Linux Kernel Patch - แพตช์ใหม่ช่วยให้ระบบสามารถ ระบุซีพียูและปรับแต่งโค้ดให้เหมาะสม - ใช้ CPUID Family 6, Model 215 (0xD7) เพื่อให้ซอฟต์แวร์สามารถตรวจสอบคุณสมบัติของซีพียู ✅ Bartlett Lake-S มีเฉพาะ P-core และใช้สถาปัตยกรรม Raptor Cove - แตกต่างจากรุ่นปกติที่มี Hybrid Core (P-core + E-core) - อาจมี สูงสุด 12 P-core และ 24 threads ✅ รองรับแพลตฟอร์ม LGA 1700 - สามารถใช้กับ เมนบอร์ด 600-series และ 700-series ได้ - ต้องอัปเดต BIOS เพื่อรองรับซีพียูใหม่ ✅ คาดการณ์การเปิดตัว - มีข่าวลือว่า Bartlett Lake-S อาจเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 - อาจมีการประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมใน Computex เดือนหน้า https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-p-core-only-bartlett-lake-chip-inches-closer-to-reality-with-new-linux-patch
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google กำลังใช้ AI และโทรศัพท์ Pixel เพื่อพัฒนาโมเดลที่สามารถ เข้าใจและสื่อสารกับโลมา โดยโครงการนี้ใช้ DolphinGemma ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่สามารถวิเคราะห์เสียงของโลมา เช่น เสียงหวีด, คลิก และ squawk

    ✅ Google ใช้ AI เพื่อศึกษาภาษาของโลมา
    - โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Google, Georgia Tech และ Wild Dolphin Project (WDP)
    - WDP มีข้อมูลเสียงของโลมามากกว่า 40 ปี ซึ่งใช้ในการฝึกโมเดล DolphinGemma

    ✅ DolphinGemma วิเคราะห์เสียงโลมาเพื่อเข้าใจพฤติกรรม
    - โลมามี เสียงหวีดเฉพาะตัว ที่ใช้เรียกกันเหมือนชื่อ
    - ใช้ เสียงคลิก "buzzes" ในการเกี้ยวพาราสีหรือขับไล่ฉลาม
    - ใช้ เสียง burst-pulse "squarks" ในระหว่างการต่อสู้

    ✅ Pixel phones ถูกใช้ในการบันทึกเสียงโลมา
    - โทรศัพท์ Pixel ใช้ SoundStream tokenizer เพื่อแปลงเสียงโลมาเป็นข้อมูลที่ AI สามารถวิเคราะห์ได้
    - DolphinGemma มี 400 ล้านพารามิเตอร์ และสามารถทำงานบน Pixel ได้โดยตรง

    ✅ CHAT: ระบบสื่อสารสองทางกับโลมา
    - CHAT (Cetacean Hearing Augmentation Telemetry) ใช้ Pixel 6 เพื่อสร้าง เสียงหวีดสังเคราะห์
    - นักวิจัยหวังว่าโลมาจะเลียนแบบเสียงเหล่านี้เพื่อขอสิ่งที่ต้องการ เช่น สาหร่ายทะเลหรือผ้าพันคอ
    - Google เตรียมเปิดตัว CHAT รุ่นใหม่บน Pixel 9 สำหรับฤดูร้อนปี 2025

    https://www.techspot.com/news/107552-how-google-plans-use-ai-pixel-phones-talk.html
    Google กำลังใช้ AI และโทรศัพท์ Pixel เพื่อพัฒนาโมเดลที่สามารถ เข้าใจและสื่อสารกับโลมา โดยโครงการนี้ใช้ DolphinGemma ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่สามารถวิเคราะห์เสียงของโลมา เช่น เสียงหวีด, คลิก และ squawk ✅ Google ใช้ AI เพื่อศึกษาภาษาของโลมา - โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง Google, Georgia Tech และ Wild Dolphin Project (WDP) - WDP มีข้อมูลเสียงของโลมามากกว่า 40 ปี ซึ่งใช้ในการฝึกโมเดล DolphinGemma ✅ DolphinGemma วิเคราะห์เสียงโลมาเพื่อเข้าใจพฤติกรรม - โลมามี เสียงหวีดเฉพาะตัว ที่ใช้เรียกกันเหมือนชื่อ - ใช้ เสียงคลิก "buzzes" ในการเกี้ยวพาราสีหรือขับไล่ฉลาม - ใช้ เสียง burst-pulse "squarks" ในระหว่างการต่อสู้ ✅ Pixel phones ถูกใช้ในการบันทึกเสียงโลมา - โทรศัพท์ Pixel ใช้ SoundStream tokenizer เพื่อแปลงเสียงโลมาเป็นข้อมูลที่ AI สามารถวิเคราะห์ได้ - DolphinGemma มี 400 ล้านพารามิเตอร์ และสามารถทำงานบน Pixel ได้โดยตรง ✅ CHAT: ระบบสื่อสารสองทางกับโลมา - CHAT (Cetacean Hearing Augmentation Telemetry) ใช้ Pixel 6 เพื่อสร้าง เสียงหวีดสังเคราะห์ - นักวิจัยหวังว่าโลมาจะเลียนแบบเสียงเหล่านี้เพื่อขอสิ่งที่ต้องการ เช่น สาหร่ายทะเลหรือผ้าพันคอ - Google เตรียมเปิดตัว CHAT รุ่นใหม่บน Pixel 9 สำหรับฤดูร้อนปี 2025 https://www.techspot.com/news/107552-how-google-plans-use-ai-pixel-phones-talk.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google's AI is learning dolphin language - for real
    Google has announced a collaboration with researchers at Georgia Tech and the field research of the Wild Dolphin Project (WDP), the latter of which has been collecting...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้กำหนด ข้อกำหนดขั้นต่ำใหม่สำหรับการติดตั้ง Android 15 และ 16 ซึ่งอาจทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นเก่าหลายรุ่นไม่สามารถอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดได้

    ✅ Google เพิ่มข้อกำหนดขั้นต่ำสำหรับการติดตั้ง Android 15 และ 16
    - สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่ต้องการรับรอง Android 15 ต้องมี พื้นที่เก็บข้อมูลขั้นต่ำ 32GB
    - ข้อกำหนดเดิมอยู่ที่ 16GB ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์ที่มีพื้นที่น้อยกว่านี้จะไม่สามารถติดตั้ง Android 15 หรือ 16 ได้

    ✅ ข้อกำหนด RAM ขั้นต่ำสำหรับ Android 15
    - อุปกรณ์ที่ต้องการติดตั้ง Android 15 ต้องมี RAM อย่างน้อย 4GB
    - ข้อกำหนดนี้ใช้กับผู้ผลิตที่ต้องการรวม Google Play Store และบริการของ Google ในอุปกรณ์ของตน

    ✅ เหตุผลที่ Google เพิ่มข้อกำหนดขั้นต่ำ
    - เพื่อปรับปรุง ประสบการณ์การใช้งาน บนอุปกรณ์ระดับเริ่มต้น
    - อุปกรณ์ที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลน้อยมักมีปัญหา พื้นที่เต็มเร็วหลังติดตั้งระบบและแอปพลิเคชันที่มาพร้อมเครื่อง

    ✅ ผลกระทบต่อสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น
    - สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลต่ำกว่า 32GB จะไม่สามารถติดตั้ง Android 15 หรือ 16 ได้
    - อย่างไรก็ตาม สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในปี 2025 มีพื้นที่เก็บข้อมูล อย่างน้อย 64GB ทำให้ข้อกำหนดใหม่นี้ไม่ส่งผลกระทบมากนัก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/16/these-smartphones-will-not-be-able-to-run-the-new-versions-of-android
    Google ได้กำหนด ข้อกำหนดขั้นต่ำใหม่สำหรับการติดตั้ง Android 15 และ 16 ซึ่งอาจทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นเก่าหลายรุ่นไม่สามารถอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดได้ ✅ Google เพิ่มข้อกำหนดขั้นต่ำสำหรับการติดตั้ง Android 15 และ 16 - สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่ต้องการรับรอง Android 15 ต้องมี พื้นที่เก็บข้อมูลขั้นต่ำ 32GB - ข้อกำหนดเดิมอยู่ที่ 16GB ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์ที่มีพื้นที่น้อยกว่านี้จะไม่สามารถติดตั้ง Android 15 หรือ 16 ได้ ✅ ข้อกำหนด RAM ขั้นต่ำสำหรับ Android 15 - อุปกรณ์ที่ต้องการติดตั้ง Android 15 ต้องมี RAM อย่างน้อย 4GB - ข้อกำหนดนี้ใช้กับผู้ผลิตที่ต้องการรวม Google Play Store และบริการของ Google ในอุปกรณ์ของตน ✅ เหตุผลที่ Google เพิ่มข้อกำหนดขั้นต่ำ - เพื่อปรับปรุง ประสบการณ์การใช้งาน บนอุปกรณ์ระดับเริ่มต้น - อุปกรณ์ที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลน้อยมักมีปัญหา พื้นที่เต็มเร็วหลังติดตั้งระบบและแอปพลิเคชันที่มาพร้อมเครื่อง ✅ ผลกระทบต่อสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น - สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลต่ำกว่า 32GB จะไม่สามารถติดตั้ง Android 15 หรือ 16 ได้ - อย่างไรก็ตาม สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในปี 2025 มีพื้นที่เก็บข้อมูล อย่างน้อย 64GB ทำให้ข้อกำหนดใหม่นี้ไม่ส่งผลกระทบมากนัก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/16/these-smartphones-will-not-be-able-to-run-the-new-versions-of-android
    WWW.THESTAR.COM.MY
    These smartphones will not be able to run the new versions of Android
    Google has just set new storage space minimums for installing the latest versions of Android.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัว ฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยใหม่สำหรับ Android ซึ่งจะทำให้โทรศัพท์ของคุณ รีบูตอัตโนมัติ หากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน โดยฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Google Play Services update

    ✅ โทรศัพท์ Android จะรีบูตอัตโนมัติหากไม่ได้ใช้งาน 3 วัน
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยบังคับให้ผู้ใช้ต้อง ป้อน PIN หลังจากรีบูต
    - ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ การปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือหรือใบหน้า หลังจากรีบูต

    ✅ การทำงานของระบบล็อก BFU และ AFU
    - โทรศัพท์มี สองสถานะล็อก คือ Before First Unlock (BFU) และ After First Unlock (AFU)
    - ในสถานะ BFU ข้อมูลจะถูกเข้ารหัสอย่างแน่นหนา ทำให้ ไม่สามารถเข้าถึงได้แม้ใช้เครื่องมือแฮกขั้นสูง

    ✅ ผลกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมาย
    - ฟีเจอร์นี้อาจทำให้ ตำรวจหรือ FBI มีเวลาจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลบนโทรศัพท์ที่ถูกยึดเป็นหลักฐาน
    - Apple ได้เปิดตัวฟีเจอร์คล้ายกันสำหรับ iPhone เมื่อปีที่แล้ว

    ✅ การเปิดใช้งานและข้อจำกัด
    - ฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Google System release notes เดือนเมษายน 2025
    - ใช้ได้กับ โทรศัพท์และแท็บเล็ต Android แต่ ไม่รองรับ Pixel Watch, Android Auto และทีวี

    https://www.zdnet.com/article/your-android-phone-is-getting-a-new-security-secret-weapon-how-it-works/
    Google ได้เปิดตัว ฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยใหม่สำหรับ Android ซึ่งจะทำให้โทรศัพท์ของคุณ รีบูตอัตโนมัติ หากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน โดยฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Google Play Services update ✅ โทรศัพท์ Android จะรีบูตอัตโนมัติหากไม่ได้ใช้งาน 3 วัน - ฟีเจอร์นี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยบังคับให้ผู้ใช้ต้อง ป้อน PIN หลังจากรีบูต - ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ การปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือหรือใบหน้า หลังจากรีบูต ✅ การทำงานของระบบล็อก BFU และ AFU - โทรศัพท์มี สองสถานะล็อก คือ Before First Unlock (BFU) และ After First Unlock (AFU) - ในสถานะ BFU ข้อมูลจะถูกเข้ารหัสอย่างแน่นหนา ทำให้ ไม่สามารถเข้าถึงได้แม้ใช้เครื่องมือแฮกขั้นสูง ✅ ผลกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมาย - ฟีเจอร์นี้อาจทำให้ ตำรวจหรือ FBI มีเวลาจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลบนโทรศัพท์ที่ถูกยึดเป็นหลักฐาน - Apple ได้เปิดตัวฟีเจอร์คล้ายกันสำหรับ iPhone เมื่อปีที่แล้ว ✅ การเปิดใช้งานและข้อจำกัด - ฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Google System release notes เดือนเมษายน 2025 - ใช้ได้กับ โทรศัพท์และแท็บเล็ต Android แต่ ไม่รองรับ Pixel Watch, Android Auto และทีวี https://www.zdnet.com/article/your-android-phone-is-getting-a-new-security-secret-weapon-how-it-works/
    WWW.ZDNET.COM
    Your Android phone is getting a new security secret weapon - how it works
    This new security feature from Google will make your Android phone more difficult to access if you haven't used it in a while.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 38 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง วิดีโอ AI ผ่าน Gemini chatbot และ Whisk ซึ่งเป็นเครื่องมือทดลองที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้โมเดล Veo 2 ที่พัฒนาโดย Google DeepMind

    ✅ Google เปิดตัวฟีเจอร์สร้างวิดีโอ AI ผ่าน Gemini และ Whisk
    - ใช้โมเดล Veo 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของ Google DeepMind
    - สามารถสร้างวิดีโอ 8 วินาที ในความละเอียด 720p (16:9 aspect ratio)

    ✅ การใช้งานผ่าน Gemini Advanced
    - ผู้ใช้สามารถเลือก Veo 2 จากเมนูโมเดลใน Gemini
    - พิมพ์คำอธิบายฉากที่ต้องการ และ AI จะสร้างวิดีโอให้

    ✅ Whisk Animate: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการสร้างวิดีโอจากภาพ
    - ใช้ Veo 2 ในการแปลงภาพนิ่งเป็นวิดีโอ 8 วินาที
    - เปิดให้ใช้งานสำหรับ Google One AI Premium subscribers

    ✅ การแชร์วิดีโอไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ
    - Google มีตัวเลือกให้แชร์วิดีโอไปยัง YouTube Shorts และ TikTok ได้โดยตรง

    ✅ มาตรการป้องกันการใช้ AI ในทางที่ผิด
    - วิดีโอที่สร้างด้วย Veo 2 จะมี SynthID watermark ฝังอยู่ในทุกเฟรม เพื่อระบุว่าเป็นวิดีโอที่สร้างโดย AI

    ℹ️ ข้อจำกัดในการสร้างวิดีโอ
    - Google จำกัดจำนวนวิดีโอที่สามารถสร้างได้ต่อเดือน เพื่อป้องกันการใช้ทรัพยากร GPU มากเกินไป

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมวิดีโอและครีเอเตอร์
    - เทคโนโลยีนี้อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตวิดีโอและนักสร้างคอนเทนต์ ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับ AI

    ℹ️ แนวโน้มของ AI ในการสร้างวิดีโอ
    - Google อาจพัฒนา Veo 3 ในอนาคตเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างวิดีโอที่ซับซ้อนขึ้น

    https://www.neowin.net/news/you-can-now-generate-ai-videos-in-google-gemini-and-whisk/
    Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง วิดีโอ AI ผ่าน Gemini chatbot และ Whisk ซึ่งเป็นเครื่องมือทดลองที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยใช้โมเดล Veo 2 ที่พัฒนาโดย Google DeepMind ✅ Google เปิดตัวฟีเจอร์สร้างวิดีโอ AI ผ่าน Gemini และ Whisk - ใช้โมเดล Veo 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของ Google DeepMind - สามารถสร้างวิดีโอ 8 วินาที ในความละเอียด 720p (16:9 aspect ratio) ✅ การใช้งานผ่าน Gemini Advanced - ผู้ใช้สามารถเลือก Veo 2 จากเมนูโมเดลใน Gemini - พิมพ์คำอธิบายฉากที่ต้องการ และ AI จะสร้างวิดีโอให้ ✅ Whisk Animate: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการสร้างวิดีโอจากภาพ - ใช้ Veo 2 ในการแปลงภาพนิ่งเป็นวิดีโอ 8 วินาที - เปิดให้ใช้งานสำหรับ Google One AI Premium subscribers ✅ การแชร์วิดีโอไปยังแพลตฟอร์มต่างๆ - Google มีตัวเลือกให้แชร์วิดีโอไปยัง YouTube Shorts และ TikTok ได้โดยตรง ✅ มาตรการป้องกันการใช้ AI ในทางที่ผิด - วิดีโอที่สร้างด้วย Veo 2 จะมี SynthID watermark ฝังอยู่ในทุกเฟรม เพื่อระบุว่าเป็นวิดีโอที่สร้างโดย AI ℹ️ ข้อจำกัดในการสร้างวิดีโอ - Google จำกัดจำนวนวิดีโอที่สามารถสร้างได้ต่อเดือน เพื่อป้องกันการใช้ทรัพยากร GPU มากเกินไป ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมวิดีโอและครีเอเตอร์ - เทคโนโลยีนี้อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตวิดีโอและนักสร้างคอนเทนต์ ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับ AI ℹ️ แนวโน้มของ AI ในการสร้างวิดีโอ - Google อาจพัฒนา Veo 3 ในอนาคตเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างวิดีโอที่ซับซ้อนขึ้น https://www.neowin.net/news/you-can-now-generate-ai-videos-in-google-gemini-and-whisk/
    WWW.NEOWIN.NET
    You can now generate AI videos in Google Gemini and Whisk
    Google is rolling out new video generation capabilities to the Gemini chatbot and the Labs experiment Whisk.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่นได้ออกคำสั่ง "หยุดและยุติ" ต่อ Google โดยกล่าวหาว่าบริษัทละเมิดกฎหมาย ต่อต้านการผูกขาด ด้วยการบังคับให้ เครื่องมือค้นหาของ Google เป็นค่าเริ่มต้นในสมาร์ทโฟน Android

    ✅ ญี่ปุ่นกล่าวหา Google ว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด
    - คณะกรรมการการค้าแห่งญี่ปุ่น (JFTC) ระบุว่า Google ใช้อำนาจตลาดเพื่อให้ เครื่องมือค้นหาของตนเป็นค่าเริ่มต้นใน Android
    - คำสั่ง "หยุดและยุติ" เป็นมาตรการที่ใช้เพื่อบังคับให้บริษัทหยุดพฤติกรรมที่อาจเป็นการผูกขาด

    ✅ กรณีนี้คล้ายกับคดีในสหรัฐฯ และยุโรป
    - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังดำเนินคดีเกี่ยวกับ การครอบงำตลาดของ Google
    - ในยุโรป Google เคยถูกปรับ 4.34 พันล้านยูโร ในปี 2018 เนื่องจากข้อจำกัดเกี่ยวกับ Android

    ✅ การสอบสวนของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่ปี 2023
    - ญี่ปุ่นได้ปรึกษากับประเทศอื่นที่มีคดีเกี่ยวกับ Google ก่อนออกคำสั่งนี้
    - Google Japan แสดงความผิดหวังต่อคำสั่งดังกล่าว และอ้างว่าบริษัทมีส่วนช่วยพัฒนาเทคโนโลยีในญี่ปุ่น

    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีในญี่ปุ่น
    - หาก Google ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและนักพัฒนาแอป
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ การตั้งค่าเริ่มต้นของเครื่องมือค้นหาใน Android

    ℹ️ ความท้าทายในการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาด
    - คดีในสหรัฐฯ และยุโรปใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ
    - ญี่ปุ่นอาจต้องใช้เวลานานในการบังคับใช้คำสั่งนี้

    ℹ️ แนวโน้มของการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
    - หลายประเทศกำลังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ บริษัทเทคโนโลยีที่มีอำนาจตลาดสูง
    - อาจมีการออกกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมพฤติกรรมของบริษัทเหล่านี้

    https://www.neowin.net/news/japan-hits-google-with-anti-monopoly-accusations-over-android-phones/
    ญี่ปุ่นได้ออกคำสั่ง "หยุดและยุติ" ต่อ Google โดยกล่าวหาว่าบริษัทละเมิดกฎหมาย ต่อต้านการผูกขาด ด้วยการบังคับให้ เครื่องมือค้นหาของ Google เป็นค่าเริ่มต้นในสมาร์ทโฟน Android ✅ ญี่ปุ่นกล่าวหา Google ว่าละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด - คณะกรรมการการค้าแห่งญี่ปุ่น (JFTC) ระบุว่า Google ใช้อำนาจตลาดเพื่อให้ เครื่องมือค้นหาของตนเป็นค่าเริ่มต้นใน Android - คำสั่ง "หยุดและยุติ" เป็นมาตรการที่ใช้เพื่อบังคับให้บริษัทหยุดพฤติกรรมที่อาจเป็นการผูกขาด ✅ กรณีนี้คล้ายกับคดีในสหรัฐฯ และยุโรป - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังดำเนินคดีเกี่ยวกับ การครอบงำตลาดของ Google - ในยุโรป Google เคยถูกปรับ 4.34 พันล้านยูโร ในปี 2018 เนื่องจากข้อจำกัดเกี่ยวกับ Android ✅ การสอบสวนของญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่ปี 2023 - ญี่ปุ่นได้ปรึกษากับประเทศอื่นที่มีคดีเกี่ยวกับ Google ก่อนออกคำสั่งนี้ - Google Japan แสดงความผิดหวังต่อคำสั่งดังกล่าว และอ้างว่าบริษัทมีส่วนช่วยพัฒนาเทคโนโลยีในญี่ปุ่น ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีในญี่ปุ่น - หาก Google ต้องเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจส่งผลต่อ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและนักพัฒนาแอป - อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ การตั้งค่าเริ่มต้นของเครื่องมือค้นหาใน Android ℹ️ ความท้าทายในการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาด - คดีในสหรัฐฯ และยุโรปใช้เวลาหลายปีในการดำเนินการ - ญี่ปุ่นอาจต้องใช้เวลานานในการบังคับใช้คำสั่งนี้ ℹ️ แนวโน้มของการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ - หลายประเทศกำลังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ บริษัทเทคโนโลยีที่มีอำนาจตลาดสูง - อาจมีการออกกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมพฤติกรรมของบริษัทเหล่านี้ https://www.neowin.net/news/japan-hits-google-with-anti-monopoly-accusations-over-android-phones/
    WWW.NEOWIN.NET
    Japan hits Google with anti-monopoly accusations over Android phones
    Japan has slapped Google with an antitrust order over Android phones, accusing it of shutting out rivals in the search market.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Cloud ประสบปัญหา ไฟฟ้าขัดข้อง ส่งผลให้เกิด ระบบล่มนานกว่า 6 ชั่วโมง ในศูนย์ข้อมูล us-east5-c ที่ตั้งอยู่ใน Columbus, Ohio โดยสาเหตุหลักมาจาก ความล้มเหลวของระบบสำรองไฟ (UPS) ซึ่งควรจะช่วยรักษาการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ในกรณีที่ไฟฟ้าหลักดับ

    ✅ ไฟฟ้าขัดข้องทำให้ระบบล่มในศูนย์ข้อมูลของ Google Cloud
    - เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2025 และกินเวลานาน 6 ชั่วโมง 10 นาที
    - ศูนย์ข้อมูลที่ได้รับผลกระทบใช้ AMD EPYC และ Intel Xeon processors

    ✅ สาเหตุของปัญหา
    - ระบบสำรองไฟ UPS ควรจะช่วยรักษาการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ แต่เกิด ความล้มเหลวของแบตเตอรี่
    - ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ในโซน us-east5-c ดับลง และเกิด packet loss ในเครือข่าย

    ✅ ผลกระทบต่อบริการของ Google Cloud
    - ลูกค้าหลายรายพบว่า VM instances ในโซนนี้ไม่สามารถใช้งานได้
    - มี ดิสก์บางส่วน ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในช่วงที่เกิดเหตุ

    ✅ การแก้ไขปัญหา
    - วิศวกรของ Google เปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิก ไปยังโซนอื่นเพื่อลดผลกระทบ
    - ระบบถูกกู้คืนโดยใช้ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และกลับมาออนไลน์เมื่อเวลา 14:49 น. ตามเวลาสหรัฐฯ แปซิฟิก

    ✅ มาตรการป้องกันในอนาคต
    - Google จะ ปรับปรุงระบบสำรองไฟ เพื่อให้สามารถกู้คืนได้เร็วขึ้น
    - มีการตรวจสอบ ระบบ failover เพื่อปิดช่องโหว่ที่ทำให้เกิดปัญหา
    - Google จะทำงานร่วมกับ ผู้ผลิต UPS เพื่อแก้ไขปัญหาแบตเตอรี่

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่อธุรกิจที่ใช้ Google Cloud
    - บริษัทที่พึ่งพา Google Cloud อาจต้องพิจารณา กลยุทธ์สำรองข้อมูล เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ลักษณะนี้

    ℹ️ ความเสี่ยงของระบบสำรองไฟ
    - แม้ UPS จะถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไฟฟ้าดับ แต่ ความล้มเหลวของแบตเตอรี่ อาจทำให้ระบบล่มได้
    - ควรมี ระบบสำรองเพิ่มเติม เช่น การใช้ multi-zone redundancy

    ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์
    - บริษัทเทคโนโลยีอาจต้องลงทุนใน ระบบสำรองไฟที่มีความเสถียรสูงขึ้น
    - อาจมีการพัฒนา AI-based monitoring เพื่อช่วยตรวจจับปัญหาก่อนเกิดเหตุ

    https://www.neowin.net/news/googles-uninterruptible-power-supply-ironically-interrupted-cloud-with-a-six-hour-outage/
    Google Cloud ประสบปัญหา ไฟฟ้าขัดข้อง ส่งผลให้เกิด ระบบล่มนานกว่า 6 ชั่วโมง ในศูนย์ข้อมูล us-east5-c ที่ตั้งอยู่ใน Columbus, Ohio โดยสาเหตุหลักมาจาก ความล้มเหลวของระบบสำรองไฟ (UPS) ซึ่งควรจะช่วยรักษาการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ในกรณีที่ไฟฟ้าหลักดับ ✅ ไฟฟ้าขัดข้องทำให้ระบบล่มในศูนย์ข้อมูลของ Google Cloud - เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2025 และกินเวลานาน 6 ชั่วโมง 10 นาที - ศูนย์ข้อมูลที่ได้รับผลกระทบใช้ AMD EPYC และ Intel Xeon processors ✅ สาเหตุของปัญหา - ระบบสำรองไฟ UPS ควรจะช่วยรักษาการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ แต่เกิด ความล้มเหลวของแบตเตอรี่ - ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ในโซน us-east5-c ดับลง และเกิด packet loss ในเครือข่าย ✅ ผลกระทบต่อบริการของ Google Cloud - ลูกค้าหลายรายพบว่า VM instances ในโซนนี้ไม่สามารถใช้งานได้ - มี ดิสก์บางส่วน ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในช่วงที่เกิดเหตุ ✅ การแก้ไขปัญหา - วิศวกรของ Google เปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิก ไปยังโซนอื่นเพื่อลดผลกระทบ - ระบบถูกกู้คืนโดยใช้ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และกลับมาออนไลน์เมื่อเวลา 14:49 น. ตามเวลาสหรัฐฯ แปซิฟิก ✅ มาตรการป้องกันในอนาคต - Google จะ ปรับปรุงระบบสำรองไฟ เพื่อให้สามารถกู้คืนได้เร็วขึ้น - มีการตรวจสอบ ระบบ failover เพื่อปิดช่องโหว่ที่ทำให้เกิดปัญหา - Google จะทำงานร่วมกับ ผู้ผลิต UPS เพื่อแก้ไขปัญหาแบตเตอรี่ ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่อธุรกิจที่ใช้ Google Cloud - บริษัทที่พึ่งพา Google Cloud อาจต้องพิจารณา กลยุทธ์สำรองข้อมูล เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ ℹ️ ความเสี่ยงของระบบสำรองไฟ - แม้ UPS จะถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไฟฟ้าดับ แต่ ความล้มเหลวของแบตเตอรี่ อาจทำให้ระบบล่มได้ - ควรมี ระบบสำรองเพิ่มเติม เช่น การใช้ multi-zone redundancy ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ - บริษัทเทคโนโลยีอาจต้องลงทุนใน ระบบสำรองไฟที่มีความเสถียรสูงขึ้น - อาจมีการพัฒนา AI-based monitoring เพื่อช่วยตรวจจับปัญหาก่อนเกิดเหตุ https://www.neowin.net/news/googles-uninterruptible-power-supply-ironically-interrupted-cloud-with-a-six-hour-outage/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google's 'uninterruptible' power supply ironically interrupted Cloud with a six hour outage
    Google Cloud was hit with a six-hour-long outage at the end of the last month when its uninterruptible power supply system failed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ
    .
    ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน
    ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง
    รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน
    โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain
    ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย
    อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023
    นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน
    แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน
    แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด
    ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต
    อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan
    โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2%
    แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก
    Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา
    หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่
    1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน
    2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น
    3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์
    4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho
    5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์
    6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน
    7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ
    ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก
    ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก
    พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง
    ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย
    ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย
    แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด


    อ้างอิง :
    • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    https://www.bbc.com/thai/international-53264790
    • EarthRights International, Global Witness
    Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ . ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2% แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่ 1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน 2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น 3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์ 4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho 5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์ 6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน 7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด อ้างอิง : • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ • https://www.bbc.com/thai/international-53264790 • EarthRights International, Global Witness
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้เปิดตัว EPYC 'Venice' ซึ่งเป็น ชิป 2nm ตัวแรกของอุตสาหกรรม HPC โดยใช้กระบวนการผลิต TSMC N2 นอกจากนี้ AMD ยังประกาศว่าชิป EPYC รุ่นปัจจุบันบางส่วนจะถูกผลิตในสหรัฐฯ ที่โรงงาน TSMC Fab 21 ในรัฐแอริโซนา

    ✅ EPYC 'Venice': ชิป 2nm ตัวแรกของอุตสาหกรรม HPC
    - ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 และคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026
    - เป็นชิป HPC ตัวแรกที่ใช้ TSMC N2 ซึ่งเป็นกระบวนการผลิต 2nm-class
    - ผ่านการทดสอบเบื้องต้นแล้ว และสามารถเปิดใช้งานได้สำเร็จ

    ✅ เทคโนโลยี TSMC N2 และข้อดีของกระบวนการผลิต
    - ใช้ Gate-All-Around (GAA) nanosheet transistors ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานลง 24-35% หรือเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 15%
    - มีความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์เพิ่มขึ้น 1.15 เท่า เมื่อเทียบกับ N3 (3nm-class)

    ✅ การผลิตชิป EPYC ในสหรัฐฯ
    - AMD ประกาศว่าชิป EPYC รุ่นที่ 5 จะถูกผลิตที่ TSMC Fab 21 ในรัฐแอริโซนา
    - เป็นการกระจายการผลิตเพื่อเพิ่มความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด HPC
    - Intel กำลังพัฒนา Xeon 'Clearwater Forest' บนกระบวนการ Intel 18A ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงของ EPYC 'Venice'
    - ต้องติดตามว่า AMD จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาด HPC ได้หรือไม่

    ℹ️ ความท้าทายของกระบวนการผลิต 2nm
    - แม้ TSMC N2 จะมีข้อดีด้านประสิทธิภาพ แต่การผลิตชิปที่ขนาดเล็กลงอาจมีความท้าทายด้าน yield และต้นทุน
    - ต้องจับตาว่า AMD จะสามารถผลิตชิปในปริมาณมากได้ตามแผนหรือไม่

    ℹ️ แนวโน้มของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - การแข่งขันระหว่าง Intel, AMD และ TSMC อาจส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ
    - อาจมีการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทาน หากสหรัฐฯ ผลักดันให้มีการผลิตชิปภายในประเทศมากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-first-2nm-chip-is-out-of-the-fab-epyc-venice-fabbed-on-tsmc-n2-node
    AMD ได้เปิดตัว EPYC 'Venice' ซึ่งเป็น ชิป 2nm ตัวแรกของอุตสาหกรรม HPC โดยใช้กระบวนการผลิต TSMC N2 นอกจากนี้ AMD ยังประกาศว่าชิป EPYC รุ่นปัจจุบันบางส่วนจะถูกผลิตในสหรัฐฯ ที่โรงงาน TSMC Fab 21 ในรัฐแอริโซนา ✅ EPYC 'Venice': ชิป 2nm ตัวแรกของอุตสาหกรรม HPC - ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 และคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 - เป็นชิป HPC ตัวแรกที่ใช้ TSMC N2 ซึ่งเป็นกระบวนการผลิต 2nm-class - ผ่านการทดสอบเบื้องต้นแล้ว และสามารถเปิดใช้งานได้สำเร็จ ✅ เทคโนโลยี TSMC N2 และข้อดีของกระบวนการผลิต - ใช้ Gate-All-Around (GAA) nanosheet transistors ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานลง 24-35% หรือเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 15% - มีความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์เพิ่มขึ้น 1.15 เท่า เมื่อเทียบกับ N3 (3nm-class) ✅ การผลิตชิป EPYC ในสหรัฐฯ - AMD ประกาศว่าชิป EPYC รุ่นที่ 5 จะถูกผลิตที่ TSMC Fab 21 ในรัฐแอริโซนา - เป็นการกระจายการผลิตเพื่อเพิ่มความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาด HPC - Intel กำลังพัฒนา Xeon 'Clearwater Forest' บนกระบวนการ Intel 18A ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงของ EPYC 'Venice' - ต้องติดตามว่า AMD จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาด HPC ได้หรือไม่ ℹ️ ความท้าทายของกระบวนการผลิต 2nm - แม้ TSMC N2 จะมีข้อดีด้านประสิทธิภาพ แต่การผลิตชิปที่ขนาดเล็กลงอาจมีความท้าทายด้าน yield และต้นทุน - ต้องจับตาว่า AMD จะสามารถผลิตชิปในปริมาณมากได้ตามแผนหรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - การแข่งขันระหว่าง Intel, AMD และ TSMC อาจส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ - อาจมีการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทาน หากสหรัฐฯ ผลักดันให้มีการผลิตชิปภายในประเทศมากขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-first-2nm-chip-is-out-of-the-fab-epyc-venice-fabbed-on-tsmc-n2-node
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้ปรับโครงสร้าง ROCm toolkit โดยแยกส่วน ROCm AMDGPU drivers ออกมาเป็น Instinct driver ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน GPU สำหรับศูนย์ข้อมูล

    ✅ การแยก ROCm toolkit ออกเป็นสองส่วน
    - ROCm 6.4 แบ่งออกเป็น Instinct Driver และ ROCm Toolkit
    - Instinct Driver จะเป็นชุดไดรเวอร์ที่รองรับ GPU สำหรับศูนย์ข้อมูลโดยเฉพาะ
    - ROCm Toolkit จะดูแลทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับไดรเวอร์โดยตรง

    ✅ ข้อดีของการเปลี่ยนแปลงนี้
    - เพิ่มความยืดหยุ่นในการอัปเดตไดรเวอร์ โดยไม่ต้องเปลี่ยนเวอร์ชันของ ROCm Toolkit
    - ลดความซับซ้อนในการติดตั้งและจัดการสิทธิ์ของผู้ใช้
    - เพิ่มระยะเวลาการสนับสนุนไดรเวอร์จาก 6 เดือนเป็น 12 เดือน

    ✅ การพัฒนาในอนาคต
    - AMD วางแผนเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การติดตั้งแบบลดขนาด เพื่อลด footprint ของไดรเวอร์
    - อาจมีการพัฒนาไดรเวอร์ที่เน้นความเสถียรระยะยาวสำหรับศูนย์ข้อมูล

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป
    - ROCm Toolkit จะยังคงรองรับ GPU สำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่การแยกไดรเวอร์อาจทำให้การติดตั้งซับซ้อนขึ้น
    - ผู้ใช้ที่ต้องการใช้ amdgpu จาก Linux kernel อาจต้องปรับการตั้งค่าใหม่

    ℹ️ ความสับสนเรื่องเวอร์ชันไดรเวอร์
    - AMD ยืนยันว่า เวอร์ชันของ Instinct Driver จะไม่เปลี่ยนแปลง แม้ ROCm Toolkit จะอัปเดต
    - อาจเกิดความสับสนในการเลือกเวอร์ชันที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน

    ℹ️ แนวโน้มของ ROCm และการสนับสนุน GPU รุ่นใหม่
    - AMD ยังไม่ได้ประกาศการรองรับ RDNA 4 ใน ROCm Toolkit
    - ผู้ใช้ต้องติดตามการอัปเดตเพื่อดูว่า GPU รุ่นใหม่จะได้รับการสนับสนุนเมื่อใด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-splits-rocm-toolkit-into-two-parts-rocm-amdgpu-drivers-get-their-own-branch-under-instinct-datacenter-gpu-moniker
    AMD ได้ปรับโครงสร้าง ROCm toolkit โดยแยกส่วน ROCm AMDGPU drivers ออกมาเป็น Instinct driver ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน GPU สำหรับศูนย์ข้อมูล ✅ การแยก ROCm toolkit ออกเป็นสองส่วน - ROCm 6.4 แบ่งออกเป็น Instinct Driver และ ROCm Toolkit - Instinct Driver จะเป็นชุดไดรเวอร์ที่รองรับ GPU สำหรับศูนย์ข้อมูลโดยเฉพาะ - ROCm Toolkit จะดูแลทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับไดรเวอร์โดยตรง ✅ ข้อดีของการเปลี่ยนแปลงนี้ - เพิ่มความยืดหยุ่นในการอัปเดตไดรเวอร์ โดยไม่ต้องเปลี่ยนเวอร์ชันของ ROCm Toolkit - ลดความซับซ้อนในการติดตั้งและจัดการสิทธิ์ของผู้ใช้ - เพิ่มระยะเวลาการสนับสนุนไดรเวอร์จาก 6 เดือนเป็น 12 เดือน ✅ การพัฒนาในอนาคต - AMD วางแผนเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การติดตั้งแบบลดขนาด เพื่อลด footprint ของไดรเวอร์ - อาจมีการพัฒนาไดรเวอร์ที่เน้นความเสถียรระยะยาวสำหรับศูนย์ข้อมูล ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไป - ROCm Toolkit จะยังคงรองรับ GPU สำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่การแยกไดรเวอร์อาจทำให้การติดตั้งซับซ้อนขึ้น - ผู้ใช้ที่ต้องการใช้ amdgpu จาก Linux kernel อาจต้องปรับการตั้งค่าใหม่ ℹ️ ความสับสนเรื่องเวอร์ชันไดรเวอร์ - AMD ยืนยันว่า เวอร์ชันของ Instinct Driver จะไม่เปลี่ยนแปลง แม้ ROCm Toolkit จะอัปเดต - อาจเกิดความสับสนในการเลือกเวอร์ชันที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน ℹ️ แนวโน้มของ ROCm และการสนับสนุน GPU รุ่นใหม่ - AMD ยังไม่ได้ประกาศการรองรับ RDNA 4 ใน ROCm Toolkit - ผู้ใช้ต้องติดตามการอัปเดตเพื่อดูว่า GPU รุ่นใหม่จะได้รับการสนับสนุนเมื่อใด https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-splits-rocm-toolkit-into-two-parts-rocm-amdgpu-drivers-get-their-own-branch-under-instinct-datacenter-gpu-moniker
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD splits ROCm toolkit into two parts – ROCm AMDGPU drivers get their own branch under Instinct datacenter GPU moniker
    AMD's datacenter-focused Instinct GPUs get their own-branded Linux GPU drivers that support significantly more versions of the ROCm toolkit.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเข้าถึงง่าย”: กระจกบานใหญ่จาก Bundestag สู่สภาไทย

    ในขณะที่การเมืองไทยยังคงติดหล่มแห่งความไม่โปร่งใส การซื้อเสียง ความไม่รับผิดชอบ และการลอยตัวของผู้มีอำนาจเหนือประชาชน ประเทศเยอรมนีกลับสร้างต้นแบบของความซื่อสัตย์สุจริตไว้ตรงกลางกรุงเบอร์ลิน

    Bundestag หรือรัฐสภาเยอรมัน ที่สะท้อนหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

    ตัวอาคาร Reichstag ไม่ได้มีดีแค่ความอลังการทางสถาปัตยกรรม แต่คือคำประกาศเจตนารมณ์แห่งความโปร่งใส โดมแก้วเหนือห้องประชุมคือการบอกกับประชาชนว่า “พวกคุณมีสิทธิ์รู้ เห็น และตรวจสอบได้ทุกการเคลื่อนไหวของเรา” ผู้แทนราษฎรที่นั่งอยู่ภายใต้แสงธรรมชาติจากโดมแก้วนั้น จึงไม่มีที่ให้ซ่อน ไม่มีเงามืดให้แอบแฝง

    ขณะที่เมืองไทยกลับเต็มไปด้วย "โดมทึบ" ที่ประชาชนไม่มีวันมองผ่านได้ ห้องประชุมที่ถูกใช้เป็นเวทีลิเก ผลาญงบประมาณและโต้เถียงกันเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม มากกว่าจะออกกฎหมายที่ตอบสนองต่อเสียงของประชาชน

    นักการเมืองไทยบางคนกลัวความโปร่งใสเหมือนผีเห็นแสงแดด กลัวการตรวจสอบเหมือนขโมยกลัวกล้องวงจรปิด เพราะพวกเขาไม่ได้มองว่าตัวเองเป็น "ผู้รับใช้ประชาชน" แต่เป็นเจ้าของอำนาจ

    ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะสร้าง "Reichstag ทางจิตวิญญาณ" — ที่ไม่ต้องใช้กระจกจริงมาติด แต่ใช้หลักคิดแห่งความโปร่งใส เปิดเผย และเคารพประชาชนอย่างแท้จริง

    ความโปร่งใสไม่ใช่แค่เครื่องประดับของระบอบประชาธิปไตย แต่มันคือหัวใจของมัน ถ้าไม่มีหัวใจนี้ สภาก็ไม่ต่างอะไรจากโรงละครที่แสดงละครซ้ำซากเรื่องเดียว — “อำนาจเป็นของข้า ประชาชนจงเงียบ”

    #thawornboonyawan
    #คนไทยต้องรอด
    #คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง
    Credit image : Twontrot Boon

    “Transparency, Accountability, and Accessibility”: A Giant Mirror from the Bundestag to Thailand’s Parliament

    While Thai politics remains mired in a culture of opacity, vote-buying, irresponsibility, and the detachment of power from the people, Germany has built a powerful symbol of integrity in the heart of Berlin — the Bundestag, or German federal parliament, which embodies the true essence of democracy.

    The Reichstag building is more than an architectural marvel; it is a declaration of transparency. The glass dome above the parliamentary chamber sends a clear message to the public: “You have the right to see, know, and scrutinize every action we take.” Lawmakers sit beneath natural light, visible from above — there is nowhere to hide, no shadow to scheme in.

    In contrast, Thailand is shrouded in “opaque domes” through which the people can never see. Parliamentary halls have become theatrical stages — wasting public funds and bickering over special interests rather than legislating in the people's best interest.

    Some Thai politicians fear transparency like ghosts fear daylight. They fear scrutiny the way thieves fear surveillance cameras. Because deep down, they don't see themselves as public servants — but as power-holders.

    Isn’t it time for Thailand to build its own “spiritual Reichstag”? Not with physical glass, but with a mindset rooted in openness, honesty, and deep respect for the people.

    Transparency is not a decorative feature of democracy — it is its heart. Without that heart, the parliament is nothing more than a stage for a tired play, endlessly repeating the same act: “Power belongs to us; the people must stay silent.”
    “โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเข้าถึงง่าย”: กระจกบานใหญ่จาก Bundestag สู่สภาไทย ในขณะที่การเมืองไทยยังคงติดหล่มแห่งความไม่โปร่งใส การซื้อเสียง ความไม่รับผิดชอบ และการลอยตัวของผู้มีอำนาจเหนือประชาชน ประเทศเยอรมนีกลับสร้างต้นแบบของความซื่อสัตย์สุจริตไว้ตรงกลางกรุงเบอร์ลิน Bundestag หรือรัฐสภาเยอรมัน ที่สะท้อนหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตัวอาคาร Reichstag ไม่ได้มีดีแค่ความอลังการทางสถาปัตยกรรม แต่คือคำประกาศเจตนารมณ์แห่งความโปร่งใส โดมแก้วเหนือห้องประชุมคือการบอกกับประชาชนว่า “พวกคุณมีสิทธิ์รู้ เห็น และตรวจสอบได้ทุกการเคลื่อนไหวของเรา” ผู้แทนราษฎรที่นั่งอยู่ภายใต้แสงธรรมชาติจากโดมแก้วนั้น จึงไม่มีที่ให้ซ่อน ไม่มีเงามืดให้แอบแฝง ขณะที่เมืองไทยกลับเต็มไปด้วย "โดมทึบ" ที่ประชาชนไม่มีวันมองผ่านได้ ห้องประชุมที่ถูกใช้เป็นเวทีลิเก ผลาญงบประมาณและโต้เถียงกันเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม มากกว่าจะออกกฎหมายที่ตอบสนองต่อเสียงของประชาชน นักการเมืองไทยบางคนกลัวความโปร่งใสเหมือนผีเห็นแสงแดด กลัวการตรวจสอบเหมือนขโมยกลัวกล้องวงจรปิด เพราะพวกเขาไม่ได้มองว่าตัวเองเป็น "ผู้รับใช้ประชาชน" แต่เป็นเจ้าของอำนาจ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะสร้าง "Reichstag ทางจิตวิญญาณ" — ที่ไม่ต้องใช้กระจกจริงมาติด แต่ใช้หลักคิดแห่งความโปร่งใส เปิดเผย และเคารพประชาชนอย่างแท้จริง ความโปร่งใสไม่ใช่แค่เครื่องประดับของระบอบประชาธิปไตย แต่มันคือหัวใจของมัน ถ้าไม่มีหัวใจนี้ สภาก็ไม่ต่างอะไรจากโรงละครที่แสดงละครซ้ำซากเรื่องเดียว — “อำนาจเป็นของข้า ประชาชนจงเงียบ” #thawornboonyawan #คนไทยต้องรอด #คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Credit image : Twontrot Boon “Transparency, Accountability, and Accessibility”: A Giant Mirror from the Bundestag to Thailand’s Parliament While Thai politics remains mired in a culture of opacity, vote-buying, irresponsibility, and the detachment of power from the people, Germany has built a powerful symbol of integrity in the heart of Berlin — the Bundestag, or German federal parliament, which embodies the true essence of democracy. The Reichstag building is more than an architectural marvel; it is a declaration of transparency. The glass dome above the parliamentary chamber sends a clear message to the public: “You have the right to see, know, and scrutinize every action we take.” Lawmakers sit beneath natural light, visible from above — there is nowhere to hide, no shadow to scheme in. In contrast, Thailand is shrouded in “opaque domes” through which the people can never see. Parliamentary halls have become theatrical stages — wasting public funds and bickering over special interests rather than legislating in the people's best interest. Some Thai politicians fear transparency like ghosts fear daylight. They fear scrutiny the way thieves fear surveillance cameras. Because deep down, they don't see themselves as public servants — but as power-holders. Isn’t it time for Thailand to build its own “spiritual Reichstag”? Not with physical glass, but with a mindset rooted in openness, honesty, and deep respect for the people. Transparency is not a decorative feature of democracy — it is its heart. Without that heart, the parliament is nothing more than a stage for a tired play, endlessly repeating the same act: “Power belongs to us; the people must stay silent.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เปิดเผยว่า ChatGPT มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนมีนาคม 2025 มีการดาวน์โหลดแอป ChatGPT มากถึง 46 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นแอปที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในเดือนนั้น (ไม่รวมเกม) การอัปเดตฟีเจอร์การสร้างภาพในเดือนมีนาคมช่วยเพิ่มความนิยม โดยเฉพาะภาพในสไตล์ Studio Ghibli ที่สร้างกระแสในโซเชียลมีเดียจนทำให้ระบบของ OpenAI ต้องเผชิญกับความต้องการที่สูงมาก

    อย่างไรก็ตาม การเติบโตของ ChatGPT ยังนำมาซึ่งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของ AI ในที่ทำงาน เนื่องจากมีบริษัทหลายแห่งลดจำนวนพนักงานเนื่องจากงานบางส่วนถูกแทนที่ด้วย AI Altman ให้ความเห็นว่า AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงาน และแม้จะมีความคาดหวังที่สูงขึ้นในงาน แต่ AI จะช่วยให้ผู้คนสามารถปรับตัวและทำงานได้ดีขึ้น

    ✅ ความสำเร็จของ ChatGPT
    - มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์ใกล้ถึงหนึ่งพันล้านคน
    - การดาวน์โหลดแอป ChatGPT สูงสุดในเดือนมีนาคม 2025

    ✅ ฟีเจอร์การสร้างภาพที่ได้รับความนิยม
    - การสร้างภาพในสไตล์ Studio Ghibli ได้รับความนิยมอย่างมาก
    - ฟีเจอร์การสร้างภาพช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน

    ✅ ผลกระทบต่อการทำงาน
    - บริษัทบางแห่งลดจำนวนพนักงานเนื่องจากงานถูกแทนที่ด้วย AI
    - AI ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานและปรับตัวในงานที่มีความคาดหวังสูง

    ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้ AI ในที่ทำงาน
    - การลดจำนวนพนักงานอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาชีพ
    - การใช้ AI อาจเพิ่มความกดดันในงานที่ต้องการความสามารถสูง

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับการปรับตัว
    - ผู้คนควรเรียนรู้และปรับตัวกับการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
    - องค์กรควรสนับสนุนการฝึกอบรมและการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ

    https://www.techspot.com/news/107528-chatgpt-user-base-nears-one-billion-after-image.html
    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI เปิดเผยว่า ChatGPT มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนมีนาคม 2025 มีการดาวน์โหลดแอป ChatGPT มากถึง 46 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นแอปที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในเดือนนั้น (ไม่รวมเกม) การอัปเดตฟีเจอร์การสร้างภาพในเดือนมีนาคมช่วยเพิ่มความนิยม โดยเฉพาะภาพในสไตล์ Studio Ghibli ที่สร้างกระแสในโซเชียลมีเดียจนทำให้ระบบของ OpenAI ต้องเผชิญกับความต้องการที่สูงมาก อย่างไรก็ตาม การเติบโตของ ChatGPT ยังนำมาซึ่งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของ AI ในที่ทำงาน เนื่องจากมีบริษัทหลายแห่งลดจำนวนพนักงานเนื่องจากงานบางส่วนถูกแทนที่ด้วย AI Altman ให้ความเห็นว่า AI เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงาน และแม้จะมีความคาดหวังที่สูงขึ้นในงาน แต่ AI จะช่วยให้ผู้คนสามารถปรับตัวและทำงานได้ดีขึ้น ✅ ความสำเร็จของ ChatGPT - มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์ใกล้ถึงหนึ่งพันล้านคน - การดาวน์โหลดแอป ChatGPT สูงสุดในเดือนมีนาคม 2025 ✅ ฟีเจอร์การสร้างภาพที่ได้รับความนิยม - การสร้างภาพในสไตล์ Studio Ghibli ได้รับความนิยมอย่างมาก - ฟีเจอร์การสร้างภาพช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน ✅ ผลกระทบต่อการทำงาน - บริษัทบางแห่งลดจำนวนพนักงานเนื่องจากงานถูกแทนที่ด้วย AI - AI ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานและปรับตัวในงานที่มีความคาดหวังสูง ℹ️ ความเสี่ยงจากการใช้ AI ในที่ทำงาน - การลดจำนวนพนักงานอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในอาชีพ - การใช้ AI อาจเพิ่มความกดดันในงานที่ต้องการความสามารถสูง ℹ️ คำแนะนำสำหรับการปรับตัว - ผู้คนควรเรียนรู้และปรับตัวกับการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน - องค์กรควรสนับสนุนการฝึกอบรมและการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ https://www.techspot.com/news/107528-chatgpt-user-base-nears-one-billion-after-image.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    ChatGPT nears one billion users as Ghibli-style AI images double weekly actives
    Speaking onstage at TED on Friday, curator Chris Anderson asked Altman how many users ChatGPT had. "I think the last time we said was 500 million weekly...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • The genius behind Eternal Genesis lies in its seamless integration of several tracks into one cohesive whole. Each section flows effortlessly into the next, and together, they create a piece that’s much more than just music; it’s an experience. The production is rich, layering lush synths over gentle vocals that, when combined, feel like an atmospheric embrace.

    @kindlinemagazine.com

    https://kindlinemagazine.com/sweet-nation-shines-bright-with-new-single-eternal-genesis/

    Kindline Magazine highlights the "lush, immersive soundscape" and "emotional depth" of Sweet Nation's "Eternal Genesis." Want to explore the influences and artistic perspectives that contribute to such powerful music? Discover more about the author's insights on my Amazon Author Page: 📚— Ekarach Chandon

    https://www.amazon.com/stores/Ekarach-Chandon/author/B0C72VBBMZ?ccs_id=72a6ccc5-c11e-46af-a506-2c08e49d3e3a

    #EternalGenesis #SweetNation #NewMusic #AmazonBooks
    The genius behind Eternal Genesis lies in its seamless integration of several tracks into one cohesive whole. Each section flows effortlessly into the next, and together, they create a piece that’s much more than just music; it’s an experience. The production is rich, layering lush synths over gentle vocals that, when combined, feel like an atmospheric embrace. @kindlinemagazine.com https://kindlinemagazine.com/sweet-nation-shines-bright-with-new-single-eternal-genesis/ Kindline Magazine highlights the "lush, immersive soundscape" and "emotional depth" of Sweet Nation's "Eternal Genesis." Want to explore the influences and artistic perspectives that contribute to such powerful music? Discover more about the author's insights on my Amazon Author Page: 📚— Ekarach Chandon https://www.amazon.com/stores/Ekarach-Chandon/author/B0C72VBBMZ?ccs_id=72a6ccc5-c11e-46af-a506-2c08e49d3e3a #EternalGenesis #SweetNation #NewMusic #AmazonBooks
    KINDLINEMAGAZINE.COM
    Sweet Nation Shines Bright with New Single "Eternal Genesis" - Kindline Magazine
    Sweet Nation, the family-born collective made up of a father, mother, daughter, and son, has unveiled their latest single, "Eternal Genesis", a hauntingly
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ "Finfluencers" หรือผู้มีอิทธิพลด้านการเงินบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจในหมู่คนรุ่นใหม่ที่ต้องการคำแนะนำด้านการลงทุน

    ในโลกของ TikTok และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ มีผู้สร้างเนื้อหาที่เรียกว่า "Finfluencers" ซึ่งมักนำเสนอคำแนะนำด้านการเงินและการลงทุนผ่านวิดีโอสั้นๆ เช่น การแนะนำวิธีเป็นนักเทรดฟรี หรือการสร้างรายได้แบบ Passive Income อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (SC) ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากคำแนะนำเหล่านี้ โดยเฉพาะในกรณีที่คำแนะนำไม่ได้รับการตรวจสอบหรืออาจเป็นการหลอกลวง

    ในขณะเดียวกัน มีการเรียกร้องให้ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียเพิ่มความระมัดระวังในการติดตามคำแนะนำจาก Finfluencers และตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

    ✅ ความนิยมของ Finfluencers
    - Finfluencers นำเสนอคำแนะนำด้านการเงินและการลงทุนผ่านโซเชียลมีเดีย
    - เนื้อหามักเน้นการสร้างรายได้แบบ Passive Income และการเป็นนักเทรด

    ✅ คำเตือนจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (SC)
    - SC เตือนถึงความเสี่ยงจากคำแนะนำที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ
    - อาจมีกรณีของการหลอกลวงหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

    ✅ การเรียกร้องให้เพิ่มความระมัดระวัง
    - ผู้ใช้งานควรตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
    - การติดตามคำแนะนำจาก Finfluencers ควรทำอย่างมีวิจารณญาณ

    ℹ️ ความเสี่ยงจากคำแนะนำที่ไม่ถูกต้อง
    - คำแนะนำที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอาจนำไปสู่การสูญเสียทางการเงิน
    - การหลอกลวงผ่านโซเชียลมีเดียอาจเพิ่มขึ้น

    ℹ️ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้งาน
    - ควรศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนลงทุน
    - หลีกเลี่ยงการลงทุนที่ดูเหมือนจะให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/money-talks---but-should-you-listen-when-finfluencers-offer-investment-tips
    ข่าวนี้เล่าถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ "Finfluencers" หรือผู้มีอิทธิพลด้านการเงินบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจในหมู่คนรุ่นใหม่ที่ต้องการคำแนะนำด้านการลงทุน ในโลกของ TikTok และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ มีผู้สร้างเนื้อหาที่เรียกว่า "Finfluencers" ซึ่งมักนำเสนอคำแนะนำด้านการเงินและการลงทุนผ่านวิดีโอสั้นๆ เช่น การแนะนำวิธีเป็นนักเทรดฟรี หรือการสร้างรายได้แบบ Passive Income อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (SC) ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากคำแนะนำเหล่านี้ โดยเฉพาะในกรณีที่คำแนะนำไม่ได้รับการตรวจสอบหรืออาจเป็นการหลอกลวง ในขณะเดียวกัน มีการเรียกร้องให้ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียเพิ่มความระมัดระวังในการติดตามคำแนะนำจาก Finfluencers และตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน ✅ ความนิยมของ Finfluencers - Finfluencers นำเสนอคำแนะนำด้านการเงินและการลงทุนผ่านโซเชียลมีเดีย - เนื้อหามักเน้นการสร้างรายได้แบบ Passive Income และการเป็นนักเทรด ✅ คำเตือนจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (SC) - SC เตือนถึงความเสี่ยงจากคำแนะนำที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ - อาจมีกรณีของการหลอกลวงหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ✅ การเรียกร้องให้เพิ่มความระมัดระวัง - ผู้ใช้งานควรตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน - การติดตามคำแนะนำจาก Finfluencers ควรทำอย่างมีวิจารณญาณ ℹ️ ความเสี่ยงจากคำแนะนำที่ไม่ถูกต้อง - คำแนะนำที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอาจนำไปสู่การสูญเสียทางการเงิน - การหลอกลวงผ่านโซเชียลมีเดียอาจเพิ่มขึ้น ℹ️ คำแนะนำสำหรับผู้ใช้งาน - ควรศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนลงทุน - หลีกเลี่ยงการลงทุนที่ดูเหมือนจะให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/money-talks---but-should-you-listen-when-finfluencers-offer-investment-tips
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Money talks – but should you listen when ‘finfluencers’ offer investment tips?
    Why the Securities Commission is reminding the public to be wary of online financial advice that offer unrealistically huge returns on investment in the short term.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าโทรศัพท์มือถือของคุณอาจถูกแฮก และวิธีการรับมือกับการโจมตีไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้น

    โทรศัพท์มือถือเป็นแหล่งข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ ซึ่งทำให้ตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ที่ต้องการขโมยข้อมูลหรือควบคุมอุปกรณ์ของคุณผ่านแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย เว็บไซต์ฟิชชิง และภัยคุกคามอื่นๆ สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าโทรศัพท์ของคุณอาจถูกแฮก ได้แก่ แบตเตอรี่หมดเร็วผิดปกติ โทรศัพท์ทำงานช้าลง มีการเข้าสู่ระบบที่ไม่คุ้นเคย พื้นที่จัดเก็บข้อมูลลดลง และพบแอปพลิเคชันที่คุณไม่ได้ติดตั้ง

    วิธีการรับมือกับการแฮกโทรศัพท์ที่แนะนำในบทความนี้คือการใช้รหัส USSD ซึ่งเป็นรหัสที่สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนเส้นทางการโทรและปิดการเปลี่ยนเส้นทางได้ นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำในการรีเซ็ตโทรศัพท์กลับสู่สภาพโรงงานเพื่อกำจัดมัลแวร์

    ✅ สัญญาณเตือนว่าโทรศัพท์อาจถูกแฮก
    - แบตเตอรี่หมดเร็วผิดปกติ
    - โทรศัพท์ทำงานช้าลงหรือแอปพลิเคชันค้าง
    - มีการเข้าสู่ระบบที่ไม่คุ้นเคย
    - พื้นที่จัดเก็บข้อมูลลดลงโดยไม่มีเหตุผล
    - พบแอปพลิเคชันที่ไม่ได้ติดตั้ง

    ✅ วิธีการรับมือกับการแฮกโทรศัพท์
    - ใช้รหัส USSD เพื่อตรวจสอบและปิดการเปลี่ยนเส้นทางการโทร
    - รีเซ็ตโทรศัพท์กลับสู่สภาพโรงงานเพื่อกำจัดมัลแวร์

    ℹ️ ความเสี่ยงจากการแฮกโทรศัพท์
    - การแฮกโทรศัพท์อาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวตกอยู่ในความเสี่ยง
    - การเปลี่ยนเส้นทางการโทรอาจทำให้คุณสูญเสียการควบคุมอุปกรณ์

    ℹ️ คำแนะนำเพื่อป้องกันการแฮก
    - หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
    - ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำ
    - อัปเดตระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันอย่างสม่ำเสมอ

    https://www.zdnet.com/article/5-warning-signs-that-your-phones-been-hacked-and-how-to-fight-back/
    ข่าวนี้เล่าถึงสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าโทรศัพท์มือถือของคุณอาจถูกแฮก และวิธีการรับมือกับการโจมตีไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้น โทรศัพท์มือถือเป็นแหล่งข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ ซึ่งทำให้ตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ที่ต้องการขโมยข้อมูลหรือควบคุมอุปกรณ์ของคุณผ่านแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย เว็บไซต์ฟิชชิง และภัยคุกคามอื่นๆ สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าโทรศัพท์ของคุณอาจถูกแฮก ได้แก่ แบตเตอรี่หมดเร็วผิดปกติ โทรศัพท์ทำงานช้าลง มีการเข้าสู่ระบบที่ไม่คุ้นเคย พื้นที่จัดเก็บข้อมูลลดลง และพบแอปพลิเคชันที่คุณไม่ได้ติดตั้ง วิธีการรับมือกับการแฮกโทรศัพท์ที่แนะนำในบทความนี้คือการใช้รหัส USSD ซึ่งเป็นรหัสที่สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนเส้นทางการโทรและปิดการเปลี่ยนเส้นทางได้ นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำในการรีเซ็ตโทรศัพท์กลับสู่สภาพโรงงานเพื่อกำจัดมัลแวร์ ✅ สัญญาณเตือนว่าโทรศัพท์อาจถูกแฮก - แบตเตอรี่หมดเร็วผิดปกติ - โทรศัพท์ทำงานช้าลงหรือแอปพลิเคชันค้าง - มีการเข้าสู่ระบบที่ไม่คุ้นเคย - พื้นที่จัดเก็บข้อมูลลดลงโดยไม่มีเหตุผล - พบแอปพลิเคชันที่ไม่ได้ติดตั้ง ✅ วิธีการรับมือกับการแฮกโทรศัพท์ - ใช้รหัส USSD เพื่อตรวจสอบและปิดการเปลี่ยนเส้นทางการโทร - รีเซ็ตโทรศัพท์กลับสู่สภาพโรงงานเพื่อกำจัดมัลแวร์ ℹ️ ความเสี่ยงจากการแฮกโทรศัพท์ - การแฮกโทรศัพท์อาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวตกอยู่ในความเสี่ยง - การเปลี่ยนเส้นทางการโทรอาจทำให้คุณสูญเสียการควบคุมอุปกรณ์ ℹ️ คำแนะนำเพื่อป้องกันการแฮก - หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ - ใช้รหัสผ่านที่แข็งแรงและเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำ - อัปเดตระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันอย่างสม่ำเสมอ https://www.zdnet.com/article/5-warning-signs-that-your-phones-been-hacked-and-how-to-fight-back/
    WWW.ZDNET.COM
    5 warning signs that your phone's been hacked - and how to fight back
    Here are the biggest warning signs that your phone may be compromised and the secret codes that can tell you all about it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ways To Stop Saying “Sorry” All The Time

    How many times have you said the word sorry today? If you’re like most people, the answer is probably: a lot.

    Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity, etc.” The only problem is, we don’t always use it that way. Sorry has become a sort of anchor that people attach to all kinds of phrases, whether they’re asking a question, asking for help, or even just moving about in a crowded space. In those instances, we aren’t feeling regret or pity, so why are we apologizing?

    Research shows that women tend to over-apologize more often than men, but no matter your identity, psychologists caution that saying sorry all the time can undermine your authority and even impact your self-esteem. If you’re a chronic over-apologizer, it’s time to switch it up. Here are 10 ways to stop saying sorry and start saying what you really mean.

    1. Catch yourself in the act.
    Before you change your habit of over-apologizing, you have to become aware of when you apologize and why. Is it anytime you feel you’re in someone’s way? Or maybe whenever you want to ask a question during a meeting? Start to notice when sorry comes out of your mouth during times when you haven’t actually done anything wrong. Try asking a trusted friend or colleague to point it out to you or even having a day where you write down a tick mark every time you say it.

    2. Think about why you apologize.
    Has sorry become a filler word? Maybe it gives you something to say when you aren’t sure what else to say, or maybe it’s a way of dealing with anxiety or a lack of confidence in certain situations. Understanding why you apologize all the time will help you identify situations for which you could brainstorm some other words and phrases to have in your arsenal instead.

    3. Say “thank you,” not “sorry.”
    When you’re ready to start replacing the word sorry in your vocabulary, here’s an easy trick: say “thank you” instead. This is especially helpful at work or in other places where saying sorry might come off as less authoritative. Thank you turns an apologetic statement into one that exudes confidence. Here are some examples:

    - Instead of Sorry for being late, try Thanks for waiting.
    - Instead of Sorry for the late notice, try I’m so glad you could make it.
    - Instead of Sorry for complaining, try Thanks for listening.
    - Instead of Sorry for the mistake, try Thank you for catching that.

    4. Use a different word.
    Are you using sorry in place of a word or phrase that might work better? For example, when you need something at a restaurant or want to reach in front of someone at the grocery store to grab an item, do you automatically apologize? If so, you may be using sorry as a default, so try to choose some replacement words. Here are some ideas:

    - pardon
    - excuse me
    - after you
    - oops

    5. Focus on solutions.
    We all make mistakes, and apologizing when we really mess up is a good idea. But you don’t need to jump straight to sorry every time there is a minor mishap. In situations at work or even in conversations with friends and loved ones, it can be helpful and more proactive to lead with what you’re going to do to fix the problem. In these situations, try one of these alternatives:

    - I hear you, and I’m going to [list actions you plan to take].
    - Thank you for bringing this to my attention. I’m going to work on it.
    - This didn’t go as planned, but I’m going to make it right.
    - Can you give me feedback on how I can do this differently?

    6. Ask a question.
    Sometimes we use sorry as a way of getting someone’s attention, as in, “Sorry, but I have a question.” The only problem is that beginning your sentence with an apology has the potential to make you sound more passive or make others see you as less authoritative. Instead of defaulting to apologizing whenever you have something to say, try these alternatives:

    - Instead of Sorry to bother you, try Is now a good time to talk?
    - Instead of Sorry for interrupting, try Can I expand on that?
    - Instead of Sorry for getting in the way, try Can I squeeze past you?
    - Instead of Sorry, but I have a question, try Is now a good time for questions?

    7. Ban sorry from your emails.
    In person, the word sorry can slip out without notice. But over email you have the opportunity of more time to think about what you really want to say. Take advantage of that by banning the word sorry from all communications. After you write an email, read through it quickly and delete every instance of sorry or other passive language, and replace it with some of the words or phrases above. It’s a small step that can go a long way towards making you sound more self-assured.

    8. Practice empathy, not sympathy.
    Sorry is a go-to word when something bad happens to someone else, but it isn’t always the best word. Sorry conveys sympathy, and it focuses on how the speaker feels rather than the recipient. Plus, because the word is so overused, it can sometimes sound insincere. Instead of jumping right to sorry in these situations, practice empathy by acknowledging the other person’s feelings over yours. Some examples include:

    - That must have been really difficult.
    - I know you’re really hurting right now.
    - Thank you for trusting me with this.
    - What can I do to make this easier for you?

    9. Prep before important conversations.
    If you know ahead of time that you’re going into a tough conversation where you might be tempted to over-apologize, rehearse some other lines to use instead. For example, if you need to talk to a boss about a problem at work, think about how the conversation might go and choose a few sorry alternatives from earlier on this list. Practice what you’ll say ahead of time. When alternative words and phrases are fresh in your mind, they’ll be easier to remember and work into the conversation naturally.

    10. Get an accountability partner.
    It might be easier to change your habits if you have a little help. If you have a friend, partner, or colleague that you trust, let them know you’re trying to delete sorry from your vocabulary, and see if they’re willing to help by privately pointing out when they hear you over-apologizing. They may notice times when you apologize that you’ve overlooked, and knowing they’re on the lookout might motivate you to change your ways even more. After a while, your sorry habit will be a thing of the past. Sorry, not sorry.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Ways To Stop Saying “Sorry” All The Time How many times have you said the word sorry today? If you’re like most people, the answer is probably: a lot. Sorry means “feeling regret, compunction, sympathy, pity, etc.” The only problem is, we don’t always use it that way. Sorry has become a sort of anchor that people attach to all kinds of phrases, whether they’re asking a question, asking for help, or even just moving about in a crowded space. In those instances, we aren’t feeling regret or pity, so why are we apologizing? Research shows that women tend to over-apologize more often than men, but no matter your identity, psychologists caution that saying sorry all the time can undermine your authority and even impact your self-esteem. If you’re a chronic over-apologizer, it’s time to switch it up. Here are 10 ways to stop saying sorry and start saying what you really mean. 1. Catch yourself in the act. Before you change your habit of over-apologizing, you have to become aware of when you apologize and why. Is it anytime you feel you’re in someone’s way? Or maybe whenever you want to ask a question during a meeting? Start to notice when sorry comes out of your mouth during times when you haven’t actually done anything wrong. Try asking a trusted friend or colleague to point it out to you or even having a day where you write down a tick mark every time you say it. 2. Think about why you apologize. Has sorry become a filler word? Maybe it gives you something to say when you aren’t sure what else to say, or maybe it’s a way of dealing with anxiety or a lack of confidence in certain situations. Understanding why you apologize all the time will help you identify situations for which you could brainstorm some other words and phrases to have in your arsenal instead. 3. Say “thank you,” not “sorry.” When you’re ready to start replacing the word sorry in your vocabulary, here’s an easy trick: say “thank you” instead. This is especially helpful at work or in other places where saying sorry might come off as less authoritative. Thank you turns an apologetic statement into one that exudes confidence. Here are some examples: - Instead of Sorry for being late, try Thanks for waiting. - Instead of Sorry for the late notice, try I’m so glad you could make it. - Instead of Sorry for complaining, try Thanks for listening. - Instead of Sorry for the mistake, try Thank you for catching that. 4. Use a different word. Are you using sorry in place of a word or phrase that might work better? For example, when you need something at a restaurant or want to reach in front of someone at the grocery store to grab an item, do you automatically apologize? If so, you may be using sorry as a default, so try to choose some replacement words. Here are some ideas: - pardon - excuse me - after you - oops 5. Focus on solutions. We all make mistakes, and apologizing when we really mess up is a good idea. But you don’t need to jump straight to sorry every time there is a minor mishap. In situations at work or even in conversations with friends and loved ones, it can be helpful and more proactive to lead with what you’re going to do to fix the problem. In these situations, try one of these alternatives: - I hear you, and I’m going to [list actions you plan to take]. - Thank you for bringing this to my attention. I’m going to work on it. - This didn’t go as planned, but I’m going to make it right. - Can you give me feedback on how I can do this differently? 6. Ask a question. Sometimes we use sorry as a way of getting someone’s attention, as in, “Sorry, but I have a question.” The only problem is that beginning your sentence with an apology has the potential to make you sound more passive or make others see you as less authoritative. Instead of defaulting to apologizing whenever you have something to say, try these alternatives: - Instead of Sorry to bother you, try Is now a good time to talk? - Instead of Sorry for interrupting, try Can I expand on that? - Instead of Sorry for getting in the way, try Can I squeeze past you? - Instead of Sorry, but I have a question, try Is now a good time for questions? 7. Ban sorry from your emails. In person, the word sorry can slip out without notice. But over email you have the opportunity of more time to think about what you really want to say. Take advantage of that by banning the word sorry from all communications. After you write an email, read through it quickly and delete every instance of sorry or other passive language, and replace it with some of the words or phrases above. It’s a small step that can go a long way towards making you sound more self-assured. 8. Practice empathy, not sympathy. Sorry is a go-to word when something bad happens to someone else, but it isn’t always the best word. Sorry conveys sympathy, and it focuses on how the speaker feels rather than the recipient. Plus, because the word is so overused, it can sometimes sound insincere. Instead of jumping right to sorry in these situations, practice empathy by acknowledging the other person’s feelings over yours. Some examples include: - That must have been really difficult. - I know you’re really hurting right now. - Thank you for trusting me with this. - What can I do to make this easier for you? 9. Prep before important conversations. If you know ahead of time that you’re going into a tough conversation where you might be tempted to over-apologize, rehearse some other lines to use instead. For example, if you need to talk to a boss about a problem at work, think about how the conversation might go and choose a few sorry alternatives from earlier on this list. Practice what you’ll say ahead of time. When alternative words and phrases are fresh in your mind, they’ll be easier to remember and work into the conversation naturally. 10. Get an accountability partner. It might be easier to change your habits if you have a little help. If you have a friend, partner, or colleague that you trust, let them know you’re trying to delete sorry from your vocabulary, and see if they’re willing to help by privately pointing out when they hear you over-apologizing. They may notice times when you apologize that you’ve overlooked, and knowing they’re on the lookout might motivate you to change your ways even more. After a while, your sorry habit will be a thing of the past. Sorry, not sorry. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • เงินเฟียต (Fiat Money) คืออะไร ?
    เงินเฟียต (Fiat Money) คืออะไร ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ผลสำรวจออนไลน์โดย Talker Research พบว่าคนส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ เริ่มรู้สึกกังวลเมื่อแบตเตอรี่โทรศัพท์ลดลงเหลือ 38% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงกว่าการแจ้งเตือนของ iPhone ที่มักเกิดขึ้นเมื่อแบตเตอรี่ลดลงต่ำกว่า 20% นอกจากนี้ยังพบว่าคนรุ่น Millennials และ Generation Z มีความกังวลมากกว่าคนรุ่น Boomers โดยเริ่มรู้สึกกังวลเมื่อแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 43%

    การสำรวจยังชี้ให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ (61%) เลือกแสดงเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่บนหน้าจอ ขณะที่อีก 39% เลือกใช้ไอคอนรูปแบตเตอรี่แบบง่ายๆ

    ในด้านเทคโนโลยี ผู้ผลิตยังคงพยายามแก้ไขปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ เช่น Apple ที่มีโหมดการชาร์จแบบปรับแต่งเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ หรือ Google ที่ลดความจุแบตเตอรี่สูงสุดใน Pixel 9a หลังการชาร์จครบ 200 รอบ

    ✅ ผลสำรวจเกี่ยวกับความกังวลเรื่องแบตเตอรี่
    - คนส่วนใหญ่เริ่มกังวลเมื่อแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 38%
    - Millennials และ Generation Z กังวลมากกว่าคนรุ่น Boomers

    ✅ การแสดงผลแบตเตอรี่บนหน้าจอ
    - 61% เลือกแสดงเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่
    - 39% เลือกใช้ไอคอนรูปแบตเตอรี่แบบง่ายๆ

    ✅ การแก้ไขปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ
    - Apple มีโหมดการชาร์จแบบปรับแต่งเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่
    - Google ลดความจุแบตเตอรี่สูงสุดใน Pixel 9a หลังการชาร์จครบ 200 รอบ

    ℹ️ ความเสี่ยงจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ
    - แบตเตอรี่เสื่อมสภาพอาจลดประสิทธิภาพการใช้งานโทรศัพท์
    - การชาร์จแบตเตอรี่บ่อยครั้งอาจส่งผลต่ออายุการใช้งาน

    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้
    - ความกังวลเรื่องแบตเตอรี่อาจเพิ่มความเครียดในชีวิตประจำวัน
    - การเลือกใช้แบตเตอรี่สำรองหรือโทรศัพท์ที่มีความจุสูงอาจช่วยลดความกังวล

    https://www.techspot.com/news/107518-americans-panic-when-their-phone-battery-hits-38.html
    ผลสำรวจออนไลน์โดย Talker Research พบว่าคนส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ เริ่มรู้สึกกังวลเมื่อแบตเตอรี่โทรศัพท์ลดลงเหลือ 38% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงกว่าการแจ้งเตือนของ iPhone ที่มักเกิดขึ้นเมื่อแบตเตอรี่ลดลงต่ำกว่า 20% นอกจากนี้ยังพบว่าคนรุ่น Millennials และ Generation Z มีความกังวลมากกว่าคนรุ่น Boomers โดยเริ่มรู้สึกกังวลเมื่อแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 43% การสำรวจยังชี้ให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ (61%) เลือกแสดงเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่บนหน้าจอ ขณะที่อีก 39% เลือกใช้ไอคอนรูปแบตเตอรี่แบบง่ายๆ ในด้านเทคโนโลยี ผู้ผลิตยังคงพยายามแก้ไขปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ เช่น Apple ที่มีโหมดการชาร์จแบบปรับแต่งเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ หรือ Google ที่ลดความจุแบตเตอรี่สูงสุดใน Pixel 9a หลังการชาร์จครบ 200 รอบ ✅ ผลสำรวจเกี่ยวกับความกังวลเรื่องแบตเตอรี่ - คนส่วนใหญ่เริ่มกังวลเมื่อแบตเตอรี่ลดลงเหลือ 38% - Millennials และ Generation Z กังวลมากกว่าคนรุ่น Boomers ✅ การแสดงผลแบตเตอรี่บนหน้าจอ - 61% เลือกแสดงเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ - 39% เลือกใช้ไอคอนรูปแบตเตอรี่แบบง่ายๆ ✅ การแก้ไขปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ - Apple มีโหมดการชาร์จแบบปรับแต่งเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ - Google ลดความจุแบตเตอรี่สูงสุดใน Pixel 9a หลังการชาร์จครบ 200 รอบ ℹ️ ความเสี่ยงจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ - แบตเตอรี่เสื่อมสภาพอาจลดประสิทธิภาพการใช้งานโทรศัพท์ - การชาร์จแบตเตอรี่บ่อยครั้งอาจส่งผลต่ออายุการใช้งาน ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ - ความกังวลเรื่องแบตเตอรี่อาจเพิ่มความเครียดในชีวิตประจำวัน - การเลือกใช้แบตเตอรี่สำรองหรือโทรศัพท์ที่มีความจุสูงอาจช่วยลดความกังวล https://www.techspot.com/news/107518-americans-panic-when-their-phone-battery-hits-38.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Survey reveals most people panic when their phone battery drops to 38%
    An online survey by Talker Research found that Americans begin worrying about phone battery life when it hits 38 percent on average. Some might view that threshold...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Donald Trump ได้ออกคำแนะนำใหม่ที่ยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้สินค้ากลุ่มนี้ต้องเผชิญกับภาษีสูงถึง 145% การยกเว้นภาษีนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2025 และช่วยลดภาระให้กับผู้บริโภคและบริษัทที่พึ่งพาการผลิตจากจีน

    อย่างไรก็ตาม จีนได้ตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% โดยไม่มีการยกเว้นสำหรับสินค้ากลุ่มใดเลย นอกจากนี้ ประเทศผู้ผลิตอื่นๆ เช่น เวียดนามและอินเดีย ก็ได้รับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

    ✅ การยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี
    - สหรัฐฯ ยกเว้นภาษีสำหรับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์
    - การยกเว้นนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2025

    ✅ การตอบโต้จากจีน
    - จีนเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125%
    - ไม่มีการยกเว้นสำหรับสินค้ากลุ่มใด

    ✅ ผลกระทบต่อประเทศผู้ผลิตอื่นๆ
    - เวียดนามและอินเดียได้รับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้น
    - เวียดนามเผชิญภาษี 46% และอินเดีย 27%

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    - การตอบโต้ทางภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน
    - ความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและบริษัท
    - ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายราคาสินค้าที่สูงขึ้นหากไม่มีการยกเว้นภาษี
    - บริษัทเทคโนโลยีอาจต้องปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน

    https://www.neowin.net/news/tech-gets-a-pass-smartphones-computers-and-chips-exempted-from-trump-tariffs/
    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Donald Trump ได้ออกคำแนะนำใหม่ที่ยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้สินค้ากลุ่มนี้ต้องเผชิญกับภาษีสูงถึง 145% การยกเว้นภาษีนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2025 และช่วยลดภาระให้กับผู้บริโภคและบริษัทที่พึ่งพาการผลิตจากจีน อย่างไรก็ตาม จีนได้ตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% โดยไม่มีการยกเว้นสำหรับสินค้ากลุ่มใดเลย นอกจากนี้ ประเทศผู้ผลิตอื่นๆ เช่น เวียดนามและอินเดีย ก็ได้รับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ✅ การยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี - สหรัฐฯ ยกเว้นภาษีสำหรับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์ - การยกเว้นนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2025 ✅ การตอบโต้จากจีน - จีนเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% - ไม่มีการยกเว้นสำหรับสินค้ากลุ่มใด ✅ ผลกระทบต่อประเทศผู้ผลิตอื่นๆ - เวียดนามและอินเดียได้รับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้น - เวียดนามเผชิญภาษี 46% และอินเดีย 27% ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ - การตอบโต้ทางภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน - ความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ℹ️ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและบริษัท - ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายราคาสินค้าที่สูงขึ้นหากไม่มีการยกเว้นภาษี - บริษัทเทคโนโลยีอาจต้องปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน https://www.neowin.net/news/tech-gets-a-pass-smartphones-computers-and-chips-exempted-from-trump-tariffs/
    WWW.NEOWIN.NET
    Tech gets a pass; Smartphones, computers, and chips exempted from Trump tariffs
    Donald Trump has exempted some widely used electronic devices from paying hefty tariffs, temporarily relieving American consumers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันเกิดปีนี้ เชื่อว่าเกินครึ่งชีวิตแล้ว เห็นคำอวยพรมากมายจาก social net work ซึ่งก็ทำให้ประทับเสมอ ขอให้ทุกคนที่อวยพรก็ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงยิ่ง ๆ ขึ้นไปเช่นกัน แค่ส่งข้อความหากันเล็กน้อย ก็ทำให้รู้ว่ายังจำกันได้ เมื่อถึงจุดหนึ่งการที่อยู่ในความทรงจำของใครสักคน มันก็เพียงพอแล้ว

    ปล.ขอโทษ ที่รีช้า เมื่อคืนไฟดับทั้งคืน แบตหมดเลย 555

    ขอบคุณภาพจาก coco

    This birthday aniversary. I believe it passed half of my life already. I saw many people give me blessing in many platform of social network, it's always make me touch. Thank you for you all blessing, I wish all you guy more and more happy and healthy. This short massage revealed that we still remember each orther. At one point to realized that someone remember you is enough.

    PS1. Sorry for delayed response last night power down. I cannot even charge my phone. HA HA HA.
    PS2 . Sorry about wrong grammar. I will not check with AI. Because I would like you guy remember the way I speak wrong english. HA HA HA

    Thank you picture of mama Coco
    วันเกิดปีนี้ เชื่อว่าเกินครึ่งชีวิตแล้ว เห็นคำอวยพรมากมายจาก social net work ซึ่งก็ทำให้ประทับเสมอ ขอให้ทุกคนที่อวยพรก็ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงยิ่ง ๆ ขึ้นไปเช่นกัน แค่ส่งข้อความหากันเล็กน้อย ก็ทำให้รู้ว่ายังจำกันได้ เมื่อถึงจุดหนึ่งการที่อยู่ในความทรงจำของใครสักคน มันก็เพียงพอแล้ว ปล.ขอโทษ ที่รีช้า เมื่อคืนไฟดับทั้งคืน แบตหมดเลย 555 ขอบคุณภาพจาก coco This birthday aniversary. I believe it passed half of my life already. I saw many people give me blessing in many platform of social network, it's always make me touch. Thank you for you all blessing, I wish all you guy more and more happy and healthy. This short massage revealed that we still remember each orther. At one point to realized that someone remember you is enough. PS1. Sorry for delayed response last night power down. I cannot even charge my phone. HA HA HA. PS2 . Sorry about wrong grammar. I will not check with AI. Because I would like you guy remember the way I speak wrong english. HA HA HA Thank you picture of mama Coco
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • WhatsApp ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เช่น การซูมในวิดีโอคอล การเพิ่มผู้เข้าร่วมในสายสนทนาแบบ 1:1 จากหน้าต่างแชท และการตั้งค่า WhatsApp เป็นแอปเริ่มต้นบน iPhone นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสแกนและส่งเอกสารได้โดยตรงจากแอป รวมถึงการบันทึกวิดีโอสั้นในช่อง (Channels) และการจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนในกลุ่ม

    อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ที่สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้คือปุ่ม Meta AI ที่ไม่สามารถลบออกได้ และฟีเจอร์ที่แสดงสถานะออนไลน์ของสมาชิกในกลุ่มแบบเรียลไทม์ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้ผู้ใช้ตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว

    ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน WhatsApp
    - การซูมในวิดีโอคอล
    - เพิ่มผู้เข้าร่วมในสายสนทนาแบบ 1:1 จากหน้าต่างแชท
    - ตั้งค่า WhatsApp เป็นแอปเริ่มต้นบน iPhone
    - สแกนและส่งเอกสารได้โดยตรงจากแอป
    - บันทึกวิดีโอสั้นในช่อง (Channels)
    - จัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนในกลุ่ม

    ✅ ฟีเจอร์ที่สร้างความไม่พอใจ
    - ปุ่ม Meta AI ที่ไม่สามารถลบออกได้
    - การแสดงสถานะออนไลน์ของสมาชิกในกลุ่มแบบเรียลไทม์

    ℹ️ ความเสี่ยงและข้อกังวล
    - ปุ่ม Meta AI ที่ไม่สามารถลบออกอาจสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้
    - การแสดงสถานะออนไลน์อาจเพิ่มแรงกดดันให้ผู้ใช้ตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว

    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้
    - ผู้ใช้บางส่วนอาจรู้สึกว่าฟีเจอร์ใหม่ไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการ
    - การเปลี่ยนแปลงอาจส่งผลต่อความพึงพอใจและความไว้วางใจในแพลตฟอร์ม

    https://www.techradar.com/computing/software/whatsapp-has-just-dropped-these-9-new-features-including-2-that-im-not-happy-about
    WhatsApp ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เช่น การซูมในวิดีโอคอล การเพิ่มผู้เข้าร่วมในสายสนทนาแบบ 1:1 จากหน้าต่างแชท และการตั้งค่า WhatsApp เป็นแอปเริ่มต้นบน iPhone นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสแกนและส่งเอกสารได้โดยตรงจากแอป รวมถึงการบันทึกวิดีโอสั้นในช่อง (Channels) และการจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนในกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ที่สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้คือปุ่ม Meta AI ที่ไม่สามารถลบออกได้ และฟีเจอร์ที่แสดงสถานะออนไลน์ของสมาชิกในกลุ่มแบบเรียลไทม์ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้ผู้ใช้ตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน WhatsApp - การซูมในวิดีโอคอล - เพิ่มผู้เข้าร่วมในสายสนทนาแบบ 1:1 จากหน้าต่างแชท - ตั้งค่า WhatsApp เป็นแอปเริ่มต้นบน iPhone - สแกนและส่งเอกสารได้โดยตรงจากแอป - บันทึกวิดีโอสั้นในช่อง (Channels) - จัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือนในกลุ่ม ✅ ฟีเจอร์ที่สร้างความไม่พอใจ - ปุ่ม Meta AI ที่ไม่สามารถลบออกได้ - การแสดงสถานะออนไลน์ของสมาชิกในกลุ่มแบบเรียลไทม์ ℹ️ ความเสี่ยงและข้อกังวล - ปุ่ม Meta AI ที่ไม่สามารถลบออกอาจสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้ - การแสดงสถานะออนไลน์อาจเพิ่มแรงกดดันให้ผู้ใช้ตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ - ผู้ใช้บางส่วนอาจรู้สึกว่าฟีเจอร์ใหม่ไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการ - การเปลี่ยนแปลงอาจส่งผลต่อความพึงพอใจและความไว้วางใจในแพลตฟอร์ม https://www.techradar.com/computing/software/whatsapp-has-just-dropped-these-9-new-features-including-2-that-im-not-happy-about
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple Maps บนเว็บได้ออกจากสถานะเบต้าและเปิดให้ใช้งานสำหรับทุกคน โดยมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์มือถือ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการขยายการเข้าถึงบริการของ Apple

    ✅ การออกจากสถานะเบต้า:
    - Apple Maps บนเว็บเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2024 ในสถานะเบต้า และตอนนี้ได้ออกจากสถานะเบต้าแล้ว
    - ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง Apple Maps บนเว็บได้ที่ maps.apple.com

    ✅ การรองรับอุปกรณ์มือถือ:
    - Apple Maps บนเว็บสามารถใช้งานได้ทั้งบน Android และ iPhone ซึ่งก่อนหน้านี้รองรับเฉพาะเดสก์ท็อปและแท็บเล็ต

    ✅ ฟีเจอร์ Look Around:
    - ฟีเจอร์ Look Around ช่วยให้ผู้ใช้งานสำรวจพื้นที่ใกล้เคียงในมุมมองพาโนรามา 360 องศา โดยสามารถเข้าถึงได้ผ่านไอคอนกล้องส่องทางไกล

    ✅ ข้อจำกัดของฟีเจอร์:
    - ฟีเจอร์บางอย่าง เช่น แผนที่ขนส่งอัตโนมัติ อาคาร 3D และการลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Apple เพื่อเข้าถึงสถานที่ที่บันทึกไว้ ยังไม่พร้อมใช้งาน

    https://www.neowin.net/news/apple-maps-on-the-web-leaves-beta-and-launches-with-support-for-mobile-devices/
    Apple Maps บนเว็บได้ออกจากสถานะเบต้าและเปิดให้ใช้งานสำหรับทุกคน โดยมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์มือถือ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการขยายการเข้าถึงบริการของ Apple ✅ การออกจากสถานะเบต้า: - Apple Maps บนเว็บเปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2024 ในสถานะเบต้า และตอนนี้ได้ออกจากสถานะเบต้าแล้ว - ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง Apple Maps บนเว็บได้ที่ maps.apple.com ✅ การรองรับอุปกรณ์มือถือ: - Apple Maps บนเว็บสามารถใช้งานได้ทั้งบน Android และ iPhone ซึ่งก่อนหน้านี้รองรับเฉพาะเดสก์ท็อปและแท็บเล็ต ✅ ฟีเจอร์ Look Around: - ฟีเจอร์ Look Around ช่วยให้ผู้ใช้งานสำรวจพื้นที่ใกล้เคียงในมุมมองพาโนรามา 360 องศา โดยสามารถเข้าถึงได้ผ่านไอคอนกล้องส่องทางไกล ✅ ข้อจำกัดของฟีเจอร์: - ฟีเจอร์บางอย่าง เช่น แผนที่ขนส่งอัตโนมัติ อาคาร 3D และการลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Apple เพื่อเข้าถึงสถานที่ที่บันทึกไว้ ยังไม่พร้อมใช้งาน https://www.neowin.net/news/apple-maps-on-the-web-leaves-beta-and-launches-with-support-for-mobile-devices/
    WWW.NEOWIN.NET
    Apple Maps on the web leaves beta and launches with support for mobile devices
    While Apple Maps previously worked only on desktop and tablet web browsers in beta, it now supports mobile devices.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้เปิดตัวโปรแกรม Intel Performance Optimizations (IPO) ในประเทศจีน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU และ RAM ในพีซีสำหรับเล่นเกม โดยยังคงครอบคลุมการรับประกัน

    ✅ การเปิดตัว IPO:
    - IPO เป็นชุดการตั้งค่าที่ปรับแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU และ RAM โดยไม่ต้องปรับแต่งด้วยตนเอง
    - โปรแกรมนี้ช่วยเพิ่มความเสถียรและลดความเสี่ยงจากการโอเวอร์คล็อกแบบดั้งเดิม

    ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพ:
    - ตัวอย่างจาก Maxsun แสดงให้เห็นว่า IPO สามารถเพิ่มความเร็วของ CPU ได้ถึง 200 MHz และเพิ่มความเร็ว RAM จาก DDR5-8000 เป็น DDR5-8400
    - ผลลัพธ์คือการเพิ่ม FPS ในเกมได้ถึง 10%

    ✅ การรับประกัน:
    - การโอเวอร์คล็อกผ่าน IPO ยังคงได้รับการรับประกันจากผู้ขาย ซึ่งแตกต่างจากการโอเวอร์คล็อกแบบดั้งเดิมที่อาจทำให้การรับประกันเป็นโมฆะ

    ✅ การแข่งขันในตลาด:
    - IPO อาจเป็นจุดเด่นที่ช่วยให้ Intel แข่งขันกับ AMD Ryzen โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตพีซีสำเร็จรูป

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-performance-enhancing-ipo-program-debuts-in-gaming-pcs-across-china-overclocked-performance-with-full-warranty
    Intel ได้เปิดตัวโปรแกรม Intel Performance Optimizations (IPO) ในประเทศจีน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU และ RAM ในพีซีสำหรับเล่นเกม โดยยังคงครอบคลุมการรับประกัน ✅ การเปิดตัว IPO: - IPO เป็นชุดการตั้งค่าที่ปรับแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU และ RAM โดยไม่ต้องปรับแต่งด้วยตนเอง - โปรแกรมนี้ช่วยเพิ่มความเสถียรและลดความเสี่ยงจากการโอเวอร์คล็อกแบบดั้งเดิม ✅ การปรับปรุงประสิทธิภาพ: - ตัวอย่างจาก Maxsun แสดงให้เห็นว่า IPO สามารถเพิ่มความเร็วของ CPU ได้ถึง 200 MHz และเพิ่มความเร็ว RAM จาก DDR5-8000 เป็น DDR5-8400 - ผลลัพธ์คือการเพิ่ม FPS ในเกมได้ถึง 10% ✅ การรับประกัน: - การโอเวอร์คล็อกผ่าน IPO ยังคงได้รับการรับประกันจากผู้ขาย ซึ่งแตกต่างจากการโอเวอร์คล็อกแบบดั้งเดิมที่อาจทำให้การรับประกันเป็นโมฆะ ✅ การแข่งขันในตลาด: - IPO อาจเป็นจุดเด่นที่ช่วยให้ Intel แข่งขันกับ AMD Ryzen โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตพีซีสำเร็จรูป https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-performance-enhancing-ipo-program-debuts-in-gaming-pcs-across-china-overclocked-performance-with-full-warranty
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Intel's performance-enhancing IPO program debuts in gaming PCs across China — overclocked performance with full warranty
    IPO is Intel's way of balancing manual overclocking and reference settings with warranty protection.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • การแพร่กระจายข้อมูลเท็จหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการตรวจสอบข้อมูลและการสนับสนุนองค์กรช่วยเหลือในพื้นที่ การเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในช่วงวิกฤต

    ✅ การแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ:
    - หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2025 มีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ เช่น วิดีโอที่สร้างจาก AI หรือภาพจากเหตุการณ์ในประเทศอื่น
    - ข้อมูลเท็จเหล่านี้ถูกใช้เพื่อสร้างรายได้จากโฆษณา โดยผู้สร้างเนื้อหาได้รับเงินจากการแชร์และการดู

    ✅ ผลกระทบต่อการช่วยเหลือ:
    - การแพร่กระจายข้อมูลเท็จทำให้เกิดความตื่นตระหนกและขัดขวางการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
    - องค์กรช่วยเหลือและประชาชนในพื้นที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง

    ✅ การตอบสนองของแพลตฟอร์ม:
    - Meta และ TikTok ได้ดำเนินการลบโพสต์ที่มีข้อมูลเท็จและแนะนำแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
    - TikTok มีการฝึกอบรมผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในกว่า 50 ภาษาเพื่อจัดการกับข้อมูลเท็จ

    ✅ ความสำคัญของการเข้าถึงข้อมูล:
    - การเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องในช่วงวิกฤตเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากข้อมูลที่ผิดพลาดอาจส่งผลต่อชีวิตและความปลอดภัย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/11/making-money-out-of-a-disaster-fake-news-in-myanmar-quake
    การแพร่กระจายข้อมูลเท็จหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการตรวจสอบข้อมูลและการสนับสนุนองค์กรช่วยเหลือในพื้นที่ การเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในช่วงวิกฤต ✅ การแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ: - หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2025 มีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ เช่น วิดีโอที่สร้างจาก AI หรือภาพจากเหตุการณ์ในประเทศอื่น - ข้อมูลเท็จเหล่านี้ถูกใช้เพื่อสร้างรายได้จากโฆษณา โดยผู้สร้างเนื้อหาได้รับเงินจากการแชร์และการดู ✅ ผลกระทบต่อการช่วยเหลือ: - การแพร่กระจายข้อมูลเท็จทำให้เกิดความตื่นตระหนกและขัดขวางการช่วยเหลือผู้ประสบภัย - องค์กรช่วยเหลือและประชาชนในพื้นที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง ✅ การตอบสนองของแพลตฟอร์ม: - Meta และ TikTok ได้ดำเนินการลบโพสต์ที่มีข้อมูลเท็จและแนะนำแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ - TikTok มีการฝึกอบรมผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในกว่า 50 ภาษาเพื่อจัดการกับข้อมูลเท็จ ✅ ความสำคัญของการเข้าถึงข้อมูล: - การเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องในช่วงวิกฤตเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากข้อมูลที่ผิดพลาดอาจส่งผลต่อชีวิตและความปลอดภัย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/11/making-money-out-of-a-disaster-fake-news-in-myanmar-quake
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Making money out of a disaster: fake news in Myanmar quake
    Creators and social platforms cash in as misinformation floods newsfeeds after Myanmar quake.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างการใช้ Biometrics และ Passcodes ในการปกป้องข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ โดยมีข้อดีและข้อเสียที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายและสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ

    ✅ ความแตกต่างระหว่าง Biometrics และ Passcodes:
    - Biometrics เช่น ลายนิ้วมือและการสแกนใบหน้า อาจถูกบังคับให้ใช้เพื่อปลดล็อกโทรศัพท์โดยไม่ต้องมีหมายค้น
    - Passcodes เช่น รหัสผ่านและรูปแบบการวาดนิ้ว ถูกพิจารณาว่าเป็นข้อมูลในความคิดของบุคคล ซึ่งได้รับการคุ้มครองตาม Fifth Amendment ในสหรัฐฯ

    ✅ สถานการณ์ทางกฎหมาย:
    - ศาลในสหรัฐฯ ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับการบังคับใช้ Biometrics โดยบางรัฐอนุญาตให้ใช้ได้ ในขณะที่บางรัฐห้าม
    - ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ เขตที่ 9 ตัดสินในปี 2024 ว่า Biometrics ไม่ละเมิดสิทธิ์ตาม Fifth Amendment

    ✅ คำแนะนำจากทนายความ:
    - ทนายความแนะนำให้ใช้ Passcodes แทน Biometrics เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการถูกบังคับให้ปลดล็อกโทรศัพท์

    ✅ กรณีตัวอย่าง:
    - ทนายความในรัฐมิชิแกนปฏิเสธที่จะให้โทรศัพท์แก่เจ้าหน้าที่ที่สนามบินดีทรอยต์ แม้จะถูกกักตัวเป็นเวลา 90 นาที

    https://www.zdnet.com/article/worried-about-warrantless-phone-searches-heres-what-lawyers-says-about-biometrics-vs-passcodes/
    บทความนี้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างการใช้ Biometrics และ Passcodes ในการปกป้องข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ โดยมีข้อดีและข้อเสียที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายและสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ✅ ความแตกต่างระหว่าง Biometrics และ Passcodes: - Biometrics เช่น ลายนิ้วมือและการสแกนใบหน้า อาจถูกบังคับให้ใช้เพื่อปลดล็อกโทรศัพท์โดยไม่ต้องมีหมายค้น - Passcodes เช่น รหัสผ่านและรูปแบบการวาดนิ้ว ถูกพิจารณาว่าเป็นข้อมูลในความคิดของบุคคล ซึ่งได้รับการคุ้มครองตาม Fifth Amendment ในสหรัฐฯ ✅ สถานการณ์ทางกฎหมาย: - ศาลในสหรัฐฯ ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับการบังคับใช้ Biometrics โดยบางรัฐอนุญาตให้ใช้ได้ ในขณะที่บางรัฐห้าม - ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ เขตที่ 9 ตัดสินในปี 2024 ว่า Biometrics ไม่ละเมิดสิทธิ์ตาม Fifth Amendment ✅ คำแนะนำจากทนายความ: - ทนายความแนะนำให้ใช้ Passcodes แทน Biometrics เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการถูกบังคับให้ปลดล็อกโทรศัพท์ ✅ กรณีตัวอย่าง: - ทนายความในรัฐมิชิแกนปฏิเสธที่จะให้โทรศัพท์แก่เจ้าหน้าที่ที่สนามบินดีทรอยต์ แม้จะถูกกักตัวเป็นเวลา 90 นาที https://www.zdnet.com/article/worried-about-warrantless-phone-searches-heres-what-lawyers-says-about-biometrics-vs-passcodes/
    WWW.ZDNET.COM
    Biometrics vs. passcodes: What lawyers recommend if you're worried about warrantless phone searches
    Do passcodes really protect you more from warrantless phone searches than biometrics? It's complicated.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts