• 🚀 ชิป SM2324 ของ Silicon Motion: ก้าวใหม่ของ SSD ความจุสูง
    Silicon Motion เปิดตัว SM2324 ซึ่งเป็น ชิปควบคุม SSD แบบ USB4 ที่สามารถรองรับความจุสูงสุด 32TB และมีความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 4,000MB/s

    SM2324 ถูกออกแบบมาเพื่อ ลดจำนวนชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิต SSD ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตลดลง และช่วยให้สามารถสร้าง SSD ที่มีขนาดกะทัดรัดขึ้น

    นอกจากนี้ ชิปนี้ยังรองรับ 3D TLC และ QLC NAND รวมถึง Power Delivery 3.1 ซึ่งช่วยให้สามารถจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - SM2324 เป็นชิปควบคุม SSD แบบ USB4 ที่รองรับความจุสูงสุด 32TB
    - มีความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 4,000MB/s และเขียนข้อมูลสูงสุด 3,809MB/s
    - รองรับ 3D TLC และ QLC NAND รวมถึง Power Delivery 3.1
    - ใช้กระบวนการผลิต 12nm ของ TSMC เพื่อประหยัดพลังงาน
    - รองรับ Windows, macOS, Linux และ Apple ProRes workflows บน iPhone

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะลดต้นทุนการผลิต แต่ SSD ที่ใช้ SM2324 อาจยังมีราคาสูงสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    - ต้องมีระบบระบายความร้อนที่ดีเพื่อให้ SSD ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
    - ข้อจำกัดด้านพลังงานและการจัดการความร้อนอาจทำให้ SSD ขนาด 32TB ไม่เหมาะกับทุกการใช้งาน
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิต SSD รายใดจะนำ SM2324 ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตน

    SM2324 อาจช่วยให้ตลาด SSD ความจุสูงแบบพกพา เติบโตขึ้น โดยเฉพาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับมืออาชีพ เช่น นักสร้างภาพยนตร์และผู้ที่ต้องการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะสามารถทำให้ SSD ที่ใช้ชิปนี้มีราคาที่เข้าถึงได้หรือไม่

    📢📢 ไม่ต้องพูดมาก ลุงสู้ทุกราคา !! 😅😅

    https://www.techradar.com/pro/superfast-32tb-usb4-external-ssds-are-coming-thanks-to-a-new-chip-but-i-bet-they-wont-be-cheap
    🚀 ชิป SM2324 ของ Silicon Motion: ก้าวใหม่ของ SSD ความจุสูง Silicon Motion เปิดตัว SM2324 ซึ่งเป็น ชิปควบคุม SSD แบบ USB4 ที่สามารถรองรับความจุสูงสุด 32TB และมีความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 4,000MB/s SM2324 ถูกออกแบบมาเพื่อ ลดจำนวนชิ้นส่วนที่ใช้ในการผลิต SSD ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตลดลง และช่วยให้สามารถสร้าง SSD ที่มีขนาดกะทัดรัดขึ้น นอกจากนี้ ชิปนี้ยังรองรับ 3D TLC และ QLC NAND รวมถึง Power Delivery 3.1 ซึ่งช่วยให้สามารถจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - SM2324 เป็นชิปควบคุม SSD แบบ USB4 ที่รองรับความจุสูงสุด 32TB - มีความเร็วในการอ่านข้อมูลถึง 4,000MB/s และเขียนข้อมูลสูงสุด 3,809MB/s - รองรับ 3D TLC และ QLC NAND รวมถึง Power Delivery 3.1 - ใช้กระบวนการผลิต 12nm ของ TSMC เพื่อประหยัดพลังงาน - รองรับ Windows, macOS, Linux และ Apple ProRes workflows บน iPhone ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะลดต้นทุนการผลิต แต่ SSD ที่ใช้ SM2324 อาจยังมีราคาสูงสำหรับผู้ใช้ทั่วไป - ต้องมีระบบระบายความร้อนที่ดีเพื่อให้ SSD ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ - ข้อจำกัดด้านพลังงานและการจัดการความร้อนอาจทำให้ SSD ขนาด 32TB ไม่เหมาะกับทุกการใช้งาน - ต้องติดตามว่าผู้ผลิต SSD รายใดจะนำ SM2324 ไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตน SM2324 อาจช่วยให้ตลาด SSD ความจุสูงแบบพกพา เติบโตขึ้น โดยเฉพาะสำหรับ ผู้ใช้ระดับมืออาชีพ เช่น นักสร้างภาพยนตร์และผู้ที่ต้องการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะสามารถทำให้ SSD ที่ใช้ชิปนี้มีราคาที่เข้าถึงได้หรือไม่ 📢📢 ไม่ต้องพูดมาก ลุงสู้ทุกราคา !! 😅😅 https://www.techradar.com/pro/superfast-32tb-usb4-external-ssds-are-coming-thanks-to-a-new-chip-but-i-bet-they-wont-be-cheap
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💾 ราคาชิป DRAM พุ่งขึ้น 20% ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง

    ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่ราคาขยับจาก $1.65 ในเดือนเมษายน เป็น $2.10 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27%

    การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM ส่วนหนึ่งเกิดจาก การกักตุนสินค้าของบริษัทต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจาก ภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้ ระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้

    นอกจากนี้ Samsung, Micron และ SK hynix ได้ประกาศ ยุติการผลิต DDR4 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงจาก ผู้ผลิตจีน เช่น CXMT และ Fujian Jinhua ที่สามารถขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าหน่วยความจำที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากผู้ผลิตรายใหญ่

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่เพิ่มขึ้น 27% ในเดือนพฤษภาคม
    - บริษัทต่าง ๆ กักตุนสินค้าก่อนที่ภาษีนำเข้าจะมีผลบังคับใช้
    - Samsung, Micron และ SK hynix ประกาศยุติการผลิต DDR4
    - CXMT และ Fujian Jinhua ขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าผู้ผลิตรายใหญ่
    - การลดลงของอุปทาน DDR4 อาจทำให้ราคาชิปเพิ่มขึ้นต่อไป

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หากภาษีนำเข้ามีผลบังคับใช้ ราคาชิปอาจเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสถัดไป
    - การยุติการผลิต DDR4 อาจทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนไปใช้ DDR5 ซึ่งมีราคาสูงกว่า
    - ตลาดหน่วยความจำยังคงมีความไม่แน่นอน และอาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจีนจะสามารถรักษาราคาที่ต่ำได้หรือไม่ในระยะยาว

    การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM อาจส่งผลต่อ ราคาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายใหญ่จะปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อรับมือกับการแข่งขันจากจีน

    ℹ️ℹ️ ลุงแนะนำว่าใครอยาก Upgrade RAM DDR4 ให้รีบทำในช่วงนี้เลยครับ เพราะข่าวนี้ และยังมีข่าว บ.จีน จะเลิกผลิต DDR4 ในกลางปีหน้าอีกด้วย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-have-jumped-by-20-percent-for-the-second-month-in-a-row-surging-demand-is-likely-due-to-stockpiling
    💾 ราคาชิป DRAM พุ่งขึ้น 20% ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่ราคาขยับจาก $1.65 ในเดือนเมษายน เป็น $2.10 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27% การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM ส่วนหนึ่งเกิดจาก การกักตุนสินค้าของบริษัทต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจาก ภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้ ระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ Samsung, Micron และ SK hynix ได้ประกาศ ยุติการผลิต DDR4 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงจาก ผู้ผลิตจีน เช่น CXMT และ Fujian Jinhua ที่สามารถขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าหน่วยความจำที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากผู้ผลิตรายใหญ่ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่เพิ่มขึ้น 27% ในเดือนพฤษภาคม - บริษัทต่าง ๆ กักตุนสินค้าก่อนที่ภาษีนำเข้าจะมีผลบังคับใช้ - Samsung, Micron และ SK hynix ประกาศยุติการผลิต DDR4 - CXMT และ Fujian Jinhua ขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าผู้ผลิตรายใหญ่ - การลดลงของอุปทาน DDR4 อาจทำให้ราคาชิปเพิ่มขึ้นต่อไป ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หากภาษีนำเข้ามีผลบังคับใช้ ราคาชิปอาจเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสถัดไป - การยุติการผลิต DDR4 อาจทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนไปใช้ DDR5 ซึ่งมีราคาสูงกว่า - ตลาดหน่วยความจำยังคงมีความไม่แน่นอน และอาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจีนจะสามารถรักษาราคาที่ต่ำได้หรือไม่ในระยะยาว การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM อาจส่งผลต่อ ราคาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายใหญ่จะปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อรับมือกับการแข่งขันจากจีน ℹ️ℹ️ ลุงแนะนำว่าใครอยาก Upgrade RAM DDR4 ให้รีบทำในช่วงนี้เลยครับ เพราะข่าวนี้ และยังมีข่าว บ.จีน จะเลิกผลิต DDR4 ในกลางปีหน้าอีกด้วย https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-have-jumped-by-20-percent-for-the-second-month-in-a-row-surging-demand-is-likely-due-to-stockpiling
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💾 SSD รูปแบบใหม่ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 1,000,000 GB

    อุตสาหกรรมจัดเก็บข้อมูลกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ด้วย E2 SSD ซึ่งเป็นรูปแบบ SSD ที่สามารถรองรับความจุสูงสุดถึง 1 เพตะไบต์ (1,000,000 GB) โดยถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่าง HDD ความจุสูง และ SSD ประสิทธิภาพสูง

    E2 SSD ได้รับการพัฒนาโดย Storage Networking Industry Association (SNIA) และ Open Compute Project (OCP) โดยมีเป้าหมายเพื่อรองรับ "warm data" ซึ่งเป็นข้อมูลที่ต้องการความหนาแน่นสูงและต้นทุนต่ำ

    อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบมาสำหรับ เซิร์ฟเวอร์ขนาด 2U และสามารถรองรับ 40 ไดรฟ์ในหนึ่งเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เซิร์ฟเวอร์เดียวสามารถมีความจุสูงถึง 40 เพตะไบต์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - E2 SSD สามารถรองรับความจุสูงสุดถึง 1 เพตะไบต์ (1,000,000 GB)
    - พัฒนาโดย SNIA และ OCP เพื่อรองรับ "warm data"
    - ออกแบบมาสำหรับเซิร์ฟเวอร์ขนาด 2U และสามารถรองรับ 40 ไดรฟ์ในหนึ่งเซิร์ฟเวอร์
    - ใช้มาตรฐาน EDSFF และเชื่อมต่อผ่าน PCIe 6.0 x4 หรือดีกว่า
    - Micron เป็นหนึ่งในผู้ผลิตหลักของ E2 SSD

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - E2 SSD มีการใช้พลังงานสูงถึง 80 วัตต์ต่อไดรฟ์ ซึ่งอาจเป็นปัญหาด้านความร้อน
    - ต้องมีการพัฒนาโซลูชันระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากอาจไม่สามารถใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศได้
    - ความเร็วของ E2 SSD อยู่ที่ 8-10 MB/s ต่อเทราไบต์ ซึ่งเน้นความจุมากกว่าประสิทธิภาพ
    - ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมก่อนที่จะนำไปใช้งานในเซิร์ฟเวอร์จริง

    E2 SSD อาจเป็นทางออกสำหรับ ศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความจุสูงในราคาที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม ต้องมีการพัฒนาโซลูชันระบายความร้อนที่เหมาะสม และ ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/a-new-ssd-form-factor-can-house-a-staggering-1-000-000-gb-of-storage-e2-drives-could-store-11-000-4k-movies-with-80w-power-draw
    💾 SSD รูปแบบใหม่ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 1,000,000 GB อุตสาหกรรมจัดเก็บข้อมูลกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ด้วย E2 SSD ซึ่งเป็นรูปแบบ SSD ที่สามารถรองรับความจุสูงสุดถึง 1 เพตะไบต์ (1,000,000 GB) โดยถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่าง HDD ความจุสูง และ SSD ประสิทธิภาพสูง E2 SSD ได้รับการพัฒนาโดย Storage Networking Industry Association (SNIA) และ Open Compute Project (OCP) โดยมีเป้าหมายเพื่อรองรับ "warm data" ซึ่งเป็นข้อมูลที่ต้องการความหนาแน่นสูงและต้นทุนต่ำ อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบมาสำหรับ เซิร์ฟเวอร์ขนาด 2U และสามารถรองรับ 40 ไดรฟ์ในหนึ่งเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เซิร์ฟเวอร์เดียวสามารถมีความจุสูงถึง 40 เพตะไบต์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - E2 SSD สามารถรองรับความจุสูงสุดถึง 1 เพตะไบต์ (1,000,000 GB) - พัฒนาโดย SNIA และ OCP เพื่อรองรับ "warm data" - ออกแบบมาสำหรับเซิร์ฟเวอร์ขนาด 2U และสามารถรองรับ 40 ไดรฟ์ในหนึ่งเซิร์ฟเวอร์ - ใช้มาตรฐาน EDSFF และเชื่อมต่อผ่าน PCIe 6.0 x4 หรือดีกว่า - Micron เป็นหนึ่งในผู้ผลิตหลักของ E2 SSD ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - E2 SSD มีการใช้พลังงานสูงถึง 80 วัตต์ต่อไดรฟ์ ซึ่งอาจเป็นปัญหาด้านความร้อน - ต้องมีการพัฒนาโซลูชันระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากอาจไม่สามารถใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศได้ - ความเร็วของ E2 SSD อยู่ที่ 8-10 MB/s ต่อเทราไบต์ ซึ่งเน้นความจุมากกว่าประสิทธิภาพ - ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมก่อนที่จะนำไปใช้งานในเซิร์ฟเวอร์จริง E2 SSD อาจเป็นทางออกสำหรับ ศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความจุสูงในราคาที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม ต้องมีการพัฒนาโซลูชันระบายความร้อนที่เหมาะสม และ ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/a-new-ssd-form-factor-can-house-a-staggering-1-000-000-gb-of-storage-e2-drives-could-store-11-000-4k-movies-with-80w-power-draw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🖥️ Mozilla ออกแพตช์ฉุกเฉินแก้ไขปัญหากราฟิกบน Nvidia GPU ใน Firefox
    Mozilla ได้ปล่อย Firefox 139.0.1 เพื่อแก้ไขปัญหากราฟิกที่เกิดขึ้นกับ Nvidia GPU โดยเฉพาะใน ระบบที่ใช้หลายหน้าจอที่มีอัตราการรีเฟรชแตกต่างกัน

    ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจาก Mozilla ปลดบล็อก DirectComposition ซึ่งเคยถูกจำกัดการใช้งานบน Nvidia GPU ที่ใช้หลายหน้าจอ ส่งผลให้เกิด อาการภาพแตก, glitch และ screen corruption เมื่อมีการเล่นวิดีโอ 60 FPS บนหน้าจอรอง

    ผู้ใช้บางรายพบวิธีแก้ไขชั่วคราวโดย ปิดการใช้งาน gfx.webrender.dcomp-video-hw-overlay-win ใน Bugzilla แต่ Mozilla ตัดสินใจออกแพตช์เพื่อแก้ไขปัญหาโดยตรง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Mozilla ออก Firefox 139.0.1 เพื่อแก้ไขปัญหากราฟิกบน Nvidia GPU
    - ปัญหานี้เกิดขึ้นกับระบบที่ใช้หลายหน้าจอที่มีอัตราการรีเฟรชแตกต่างกัน
    - เกิดอาการภาพแตก, glitch และ screen corruption เมื่อเล่นวิดีโอ 60 FPS บนหน้าจอรอง
    - Mozilla ปลดบล็อก DirectComposition ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหา
    - สามารถอัปเดต Firefox ได้โดยไปที่เมนู Help > About Firefox

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนว่าทำไม Mozilla จึงปลดบล็อก DirectComposition
    - ปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ใช้ Intel หรือ AMD GPU หรือระบบที่มีหน้าจอเดียว
    - ต้องติดตามว่าแพตช์นี้จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่
    - ผู้ใช้ที่ยังพบปัญหาอาจต้องปิดการใช้งาน gfx.webrender.dcomp-video-hw-overlay-win ด้วยตนเอง

    การอัปเดตนี้ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ใช้ Nvidia GPU ที่ใช้หลายหน้าจอ อย่างไรก็ตาม Mozilla ยังต้องตรวจสอบว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของ Firefox ในระยะยาวหรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/mozilla-fires-off-emergency-patch-to-fix-nvidia-gpu-artifacting-bugs-in-firefox
    🖥️ Mozilla ออกแพตช์ฉุกเฉินแก้ไขปัญหากราฟิกบน Nvidia GPU ใน Firefox Mozilla ได้ปล่อย Firefox 139.0.1 เพื่อแก้ไขปัญหากราฟิกที่เกิดขึ้นกับ Nvidia GPU โดยเฉพาะใน ระบบที่ใช้หลายหน้าจอที่มีอัตราการรีเฟรชแตกต่างกัน ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจาก Mozilla ปลดบล็อก DirectComposition ซึ่งเคยถูกจำกัดการใช้งานบน Nvidia GPU ที่ใช้หลายหน้าจอ ส่งผลให้เกิด อาการภาพแตก, glitch และ screen corruption เมื่อมีการเล่นวิดีโอ 60 FPS บนหน้าจอรอง ผู้ใช้บางรายพบวิธีแก้ไขชั่วคราวโดย ปิดการใช้งาน gfx.webrender.dcomp-video-hw-overlay-win ใน Bugzilla แต่ Mozilla ตัดสินใจออกแพตช์เพื่อแก้ไขปัญหาโดยตรง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Mozilla ออก Firefox 139.0.1 เพื่อแก้ไขปัญหากราฟิกบน Nvidia GPU - ปัญหานี้เกิดขึ้นกับระบบที่ใช้หลายหน้าจอที่มีอัตราการรีเฟรชแตกต่างกัน - เกิดอาการภาพแตก, glitch และ screen corruption เมื่อเล่นวิดีโอ 60 FPS บนหน้าจอรอง - Mozilla ปลดบล็อก DirectComposition ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหา - สามารถอัปเดต Firefox ได้โดยไปที่เมนู Help > About Firefox ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนว่าทำไม Mozilla จึงปลดบล็อก DirectComposition - ปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ใช้ Intel หรือ AMD GPU หรือระบบที่มีหน้าจอเดียว - ต้องติดตามว่าแพตช์นี้จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่ - ผู้ใช้ที่ยังพบปัญหาอาจต้องปิดการใช้งาน gfx.webrender.dcomp-video-hw-overlay-win ด้วยตนเอง การอัปเดตนี้ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ใช้ Nvidia GPU ที่ใช้หลายหน้าจอ อย่างไรก็ตาม Mozilla ยังต้องตรวจสอบว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของ Firefox ในระยะยาวหรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/mozilla-fires-off-emergency-patch-to-fix-nvidia-gpu-artifacting-bugs-in-firefox
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Mozilla fires off emergency patch to fix Nvidia GPU artifacting bugs in Firefox
    Only affects multi-monitor setups with different refresh rates and Nvidia GPUs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง
    ----------------------------
    สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า
    นี่เป็นคำพยากรณ์...
    .
    อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น
    .
    แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น..
    .
    ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน.
    .
    เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
    และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง
    .
    คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง.
    .
    วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า
    .
    สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง..
    .
    ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ
    .
    ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป"..
    .
    งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ.
    .
    กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย.
    .
    ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้..
    .
    แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง
    .
    แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง.
    .
    นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป!
    .
    หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง
    .
    ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค.
    .
    นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต
    นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร?
    .
    ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น..
    .
    หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้.
    .
    แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา
    .
    พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย
    มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
    จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด
    .
    ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา -
    .
    อัพเดทข้อมูลในปี 2566
    --------------------------
    - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ
    - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่
    - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก
    --------------------------
    บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง ---------------------------- สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า นี่เป็นคำพยากรณ์... . อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น . แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น.. . ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน. . เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง . คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง. . วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า . สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง.. . ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ . ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป".. . งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ. . กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย. . ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้.. . แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง . แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง. . นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป! . หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง . ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค. . นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร? . ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น.. . หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้. . แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา . พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด . ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - . อัพเดทข้อมูลในปี 2566 -------------------------- - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่ - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก --------------------------
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Worse” vs. “Worst”: Get A Better Understanding Of The Difference

    The words worse and worst are extremely useful. They are the main and often best way we can indicate that something is, well, more bad or most bad. But because they look and sound so similar, it can be easy to mix them up, especially in certain expressions.

    In this article, we’ll break down the difference between worse and worst, explain how they relate to comparative and superlative adjectives (and what those are), and clear up confusion around which word is the correct one to use in some common expressions.

    Quick summary

    Worse and worst are both forms of the word bad. Worse is what’s called the comparative form, basically meaning “more bad.” Worst is the superlative form, basically meaning “most bad.” Worse is used when making a comparison to only one other thing: Your breath is bad, but mine is worse or The situation was bad and it just got worse. Worst is used in comparisons of more than two things: Yours is bad, mine is worse, but his is the worst or That was the worst meal I’ve ever eaten.

    worse vs. worst

    Worse and worst are different words, but both are forms of the adjective bad. Worse is the comparative form and worst is the superlative form.

    A comparative adjective is typically used to compare two things. For example, My brother is bad at basketball, but honestly I’m worse.

    A superlative adjective is used to compare more than two things (as in Out of the five exam I have today, this one is going to be the worst) or state that something is the most extreme out of every possible option (as in That was the worst idea I have ever heard).

    Worse and worst are just like the words better and best, which are the comparative and superlative forms of the word good.

    In most cases, the comparative form of an adjective is made by either adding -er to the end (faster, smarter, bigger, etc.) or adding the word more or less before it (more impressive, less powerful, etc.).

    To form superlatives, it’s most common to add -est to the end of the word (fastest, smartest, biggest, etc.) or add most or least before it (most impressive, least powerful, etc.).

    Worse and worst don’t follow these rules, but you can see a remnant of the superlative ending -est at the end of worst and best, which can help you remember that they are superlatives.

    Worse is used in the expression from bad to worse, which means that something started bad and has only deteriorated in quality or condition, as in My handwriting has gone from bad to worse since I graduated high school.

    Let’s look at some other common questions people have about expressions that use worse or worst.

    Is it worse case or worst case?

    The phrase worst case is used in the two idiomatic expressions: in the worst case and worst-case scenario. Both of these phrases refer to a situation that is as bad as possible compared to any other possible situation, which is why it uses the superlative form worst.

    For example:

    - In the worst case, the beams will collapse instantly.
    - This isn’t what we expect to happen—it’s just the worst-case scenario.

    While it’s possible for the words worse and case to be paired together in a sentence (as in Jacob had a worse case of bronchitis than Melanie did), it’s not a set expression like worst case is.

    Is it if worse comes to worst or if worst comes to worst?

    There are actually two very similar versions of the expression that means “if the worst possible outcome happens”: if worse comes to worst or if worst comes to worst. However, if worst comes to worst is much more commonly used (even though it arguably makes less sense).

    Whatever form is used, the expression is usually accompanied by a proposed solution to the problem. For example:

    - If worse comes to worst and every door is locked, we’ll get in by opening a window.
    - I’m going to try to make it to the store before the storm starts, but if worst comes to worst, I’ll at least have my umbrella with me.

    Examples of worse and worst used in a sentence

    Let’s wrap things up by looking at some of the many different ways we can use worse and worst in a sentence.

    - I think the pink paint looks worse on the wall than the red paint did.
    - Out of all of us, Tom had the worst case of poison ivy.
    - Debra Deer had a worse finishing time than Charlie Cheetah, but Sam Sloth had the worst time by far.
    - My grades went from bad to worse after I missed a few classes.
    - If worst comes to worst and we miss the bus, we’ll just hail a cab.
    - It’s possible that the losses could lead to bankruptcy, but the company is doing everything it can to avoid this worst-case scenario.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    “Worse” vs. “Worst”: Get A Better Understanding Of The Difference The words worse and worst are extremely useful. They are the main and often best way we can indicate that something is, well, more bad or most bad. But because they look and sound so similar, it can be easy to mix them up, especially in certain expressions. In this article, we’ll break down the difference between worse and worst, explain how they relate to comparative and superlative adjectives (and what those are), and clear up confusion around which word is the correct one to use in some common expressions. Quick summary Worse and worst are both forms of the word bad. Worse is what’s called the comparative form, basically meaning “more bad.” Worst is the superlative form, basically meaning “most bad.” Worse is used when making a comparison to only one other thing: Your breath is bad, but mine is worse or The situation was bad and it just got worse. Worst is used in comparisons of more than two things: Yours is bad, mine is worse, but his is the worst or That was the worst meal I’ve ever eaten. worse vs. worst Worse and worst are different words, but both are forms of the adjective bad. Worse is the comparative form and worst is the superlative form. A comparative adjective is typically used to compare two things. For example, My brother is bad at basketball, but honestly I’m worse. A superlative adjective is used to compare more than two things (as in Out of the five exam I have today, this one is going to be the worst) or state that something is the most extreme out of every possible option (as in That was the worst idea I have ever heard). Worse and worst are just like the words better and best, which are the comparative and superlative forms of the word good. In most cases, the comparative form of an adjective is made by either adding -er to the end (faster, smarter, bigger, etc.) or adding the word more or less before it (more impressive, less powerful, etc.). To form superlatives, it’s most common to add -est to the end of the word (fastest, smartest, biggest, etc.) or add most or least before it (most impressive, least powerful, etc.). Worse and worst don’t follow these rules, but you can see a remnant of the superlative ending -est at the end of worst and best, which can help you remember that they are superlatives. Worse is used in the expression from bad to worse, which means that something started bad and has only deteriorated in quality or condition, as in My handwriting has gone from bad to worse since I graduated high school. Let’s look at some other common questions people have about expressions that use worse or worst. Is it worse case or worst case? The phrase worst case is used in the two idiomatic expressions: in the worst case and worst-case scenario. Both of these phrases refer to a situation that is as bad as possible compared to any other possible situation, which is why it uses the superlative form worst. For example: - In the worst case, the beams will collapse instantly. - This isn’t what we expect to happen—it’s just the worst-case scenario. While it’s possible for the words worse and case to be paired together in a sentence (as in Jacob had a worse case of bronchitis than Melanie did), it’s not a set expression like worst case is. Is it if worse comes to worst or if worst comes to worst? There are actually two very similar versions of the expression that means “if the worst possible outcome happens”: if worse comes to worst or if worst comes to worst. However, if worst comes to worst is much more commonly used (even though it arguably makes less sense). Whatever form is used, the expression is usually accompanied by a proposed solution to the problem. For example: - If worse comes to worst and every door is locked, we’ll get in by opening a window. - I’m going to try to make it to the store before the storm starts, but if worst comes to worst, I’ll at least have my umbrella with me. Examples of worse and worst used in a sentence Let’s wrap things up by looking at some of the many different ways we can use worse and worst in a sentence. - I think the pink paint looks worse on the wall than the red paint did. - Out of all of us, Tom had the worst case of poison ivy. - Debra Deer had a worse finishing time than Charlie Cheetah, but Sam Sloth had the worst time by far. - My grades went from bad to worse after I missed a few classes. - If worst comes to worst and we miss the bus, we’ll just hail a cab. - It’s possible that the losses could lead to bankruptcy, but the company is doing everything it can to avoid this worst-case scenario. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถบัสพม่า ข้ามน้ำ ไม่รอด ผู้โดยสาร รอด

    In Myanmar’s Mandalay Region, a passenger bus carrying over 40 people was swept away by strong currents while crossing the flooded Sintewa Creek near Nat Saunt Village on May 26.

    Thankfully, local villagers quickly stepped in and rescued everyone on board, including children and elderly passengers, with no injuries reported.
    รถบัสพม่า ข้ามน้ำ ไม่รอด ผู้โดยสาร รอด In Myanmar’s Mandalay Region, a passenger bus carrying over 40 people was swept away by strong currents while crossing the flooded Sintewa Creek near Nat Saunt Village on May 26. Thankfully, local villagers quickly stepped in and rescued everyone on board, including children and elderly passengers, with no injuries reported.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • 🛡️ McAfee เพิ่มฟีเจอร์ Scam Detector ในแผนป้องกันไวรัส
    McAfee ได้รวม Scam Detector ซึ่งเป็นเครื่องมือป้องกันการหลอกลวงเข้าไปในแผนป้องกันไวรัสทั้งหมด โดยฟีเจอร์นี้สามารถตรวจจับ ข้อความ, อีเมล และวิดีโอที่เป็นภัย ได้แบบเรียลไทม์

    Scam Detector อ้างว่ามี ความแม่นยำ 99% ในการตรวจจับภัยคุกคามจากข้อความ และสามารถตรวจจับ deepfake บน YouTube และ TikTok ได้ 96%

    อย่างไรก็ตาม McAfee Scam Detector ต้องสมัครสมาชิก เพื่อใช้งาน ซึ่งแตกต่างจากเครื่องมือฟรี เช่น Bitdefender Scamio ที่สามารถตรวจสอบลิงก์, ข้อความ และ QR codes ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

    Google ก็มีระบบตรวจจับการหลอกลวงด้วย AI แต่ยังอยู่ใน เวอร์ชันเบต้าสำหรับ Pixel phones เท่านั้น

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - McAfee รวม Scam Detector เข้าไปในแผนป้องกันไวรัสทั้งหมด
    - สามารถตรวจจับข้อความ, อีเมล และวิดีโอที่เป็นภัยได้แบบเรียลไทม์
    - มีความแม่นยำ 99% ในการตรวจจับภัยคุกคามจากข้อความ
    - สามารถตรวจจับ deepfake บน YouTube และ TikTok ได้ 96%
    - รองรับ WhatsApp, Messenger, Gmail และ Android SMS

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ต้องสมัครสมาชิก McAfee เพื่อใช้งาน Scam Detector
    - Bitdefender Scamio เป็นเครื่องมือฟรีที่สามารถตรวจสอบลิงก์และข้อความได้
    - Google มีระบบตรวจจับการหลอกลวงด้วย AI แต่ยังอยู่ในเวอร์ชันเบต้าสำหรับ Pixel phones
    - Norton Genie Scam Protection ก็ต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานเต็มรูปแบบ

    🔎 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์
    McAfee Scam Detector อาจช่วยให้ผู้ใช้มีเครื่องมือป้องกันภัยคุกคามที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การที่ต้องสมัครสมาชิกอาจทำให้ผู้ใช้เลือกใช้ เครื่องมือฟรีที่มีฟีเจอร์ใกล้เคียงกัน แทน

    https://www.techradar.com/pro/mcafee-is-now-bundling-its-scam-detector-with-all-its-antivirus-plans-here-are-others-that-are-actually-totally-free
    🛡️ McAfee เพิ่มฟีเจอร์ Scam Detector ในแผนป้องกันไวรัส McAfee ได้รวม Scam Detector ซึ่งเป็นเครื่องมือป้องกันการหลอกลวงเข้าไปในแผนป้องกันไวรัสทั้งหมด โดยฟีเจอร์นี้สามารถตรวจจับ ข้อความ, อีเมล และวิดีโอที่เป็นภัย ได้แบบเรียลไทม์ Scam Detector อ้างว่ามี ความแม่นยำ 99% ในการตรวจจับภัยคุกคามจากข้อความ และสามารถตรวจจับ deepfake บน YouTube และ TikTok ได้ 96% อย่างไรก็ตาม McAfee Scam Detector ต้องสมัครสมาชิก เพื่อใช้งาน ซึ่งแตกต่างจากเครื่องมือฟรี เช่น Bitdefender Scamio ที่สามารถตรวจสอบลิงก์, ข้อความ และ QR codes ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย Google ก็มีระบบตรวจจับการหลอกลวงด้วย AI แต่ยังอยู่ใน เวอร์ชันเบต้าสำหรับ Pixel phones เท่านั้น ✅ ข้อมูลจากข่าว - McAfee รวม Scam Detector เข้าไปในแผนป้องกันไวรัสทั้งหมด - สามารถตรวจจับข้อความ, อีเมล และวิดีโอที่เป็นภัยได้แบบเรียลไทม์ - มีความแม่นยำ 99% ในการตรวจจับภัยคุกคามจากข้อความ - สามารถตรวจจับ deepfake บน YouTube และ TikTok ได้ 96% - รองรับ WhatsApp, Messenger, Gmail และ Android SMS ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ต้องสมัครสมาชิก McAfee เพื่อใช้งาน Scam Detector - Bitdefender Scamio เป็นเครื่องมือฟรีที่สามารถตรวจสอบลิงก์และข้อความได้ - Google มีระบบตรวจจับการหลอกลวงด้วย AI แต่ยังอยู่ในเวอร์ชันเบต้าสำหรับ Pixel phones - Norton Genie Scam Protection ก็ต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานเต็มรูปแบบ 🔎 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ McAfee Scam Detector อาจช่วยให้ผู้ใช้มีเครื่องมือป้องกันภัยคุกคามที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การที่ต้องสมัครสมาชิกอาจทำให้ผู้ใช้เลือกใช้ เครื่องมือฟรีที่มีฟีเจอร์ใกล้เคียงกัน แทน https://www.techradar.com/pro/mcafee-is-now-bundling-its-scam-detector-with-all-its-antivirus-plans-here-are-others-that-are-actually-totally-free
    WWW.TECHRADAR.COM
    Don’t get scammed! McAfee’s new AI tool sounds great, but you will need to pay for it
    McAfee Scam Detector tool is price-locked - here are some other options
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔧 ASRock ยืนยันปัญหา BIOS ทำให้ Ryzen 9000 เสียหาย
    ASRock ได้ออกมายอมรับว่า BIOS เวอร์ชันก่อนหน้ามีการตั้งค่าที่ผิดพลาด ซึ่งทำให้ Ryzen 9000 CPUs บางตัวเสียหาย โดยบริษัทได้ออก BIOS เวอร์ชัน 3.25 เพื่อแก้ไขปัญหานี้

    ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับ Precision Boost Overdrive (PBO) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU โดย ASRock ตั้งค่า Electric Design Current (EDC), Thermal Design Current (TDC) และ shadow voltages สูงเกินไปใน BIOS เวอร์ชันก่อนหน้า ทำให้ CPU บางตัวเสียหาย

    ASRock ยืนยันว่า AMD ไม่ได้เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ และบริษัทจะรับผิดชอบค่าขนส่งสำหรับการ RMA (Return Merchandise Authorization) ของเมนบอร์ดที่ได้รับผลกระทบ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - ASRock ยืนยันว่า BIOS เวอร์ชันก่อนหน้ามีการตั้งค่าที่ผิดพลาด ทำให้ Ryzen 9000 CPUs บางตัวเสียหาย
    - BIOS เวอร์ชัน 3.25 ได้รับการปรับปรุง เพื่อลดค่าของ EDC, TDC และ shadow voltages
    - AMD ไม่ได้เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ ASRock รับผิดชอบทั้งหมด
    - ASRock จะรับผิดชอบค่าขนส่งสำหรับการ RMA ของเมนบอร์ด
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบว่า BIOS เวอร์ชัน 3.25 ถูกติดตั้งบนเมนบอร์ดใหม่

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมี BIOS เวอร์ชันใหม่ แต่ยังมีรายงานว่า Ryzen 7 9800X3D บางตัวเสียหาย
    - ASRock เคยแก้ไขปัญหานี้มาก่อน แต่ยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบการตั้งค่า PBO ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม
    - ต้องจับตาดูว่า BIOS เวอร์ชัน 3.25 จะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่

    🔎 ผลกระทบต่อผู้ใช้และอุตสาหกรรม
    การตั้งค่า BIOS ที่ผิดพลาดของ ASRock ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ Ryzen 9000 และอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ ความน่าเชื่อถือของเมนบอร์ด ASRock ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทออกมายอมรับและเสนอการแก้ไขปัญหาแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค

    หากคุณใช้ AM5 ASRock motherboard ควรตรวจสอบว่า BIOS เวอร์ชันล่าสุดถูกติดตั้งแล้ว และหากพบปัญหา ควรติดต่อ ASRock เพื่อดำเนินการ RMA

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/asrock-confirms-its-bios-settings-are-killing-ryzen-cpus-is-fully-committed-to-fixing-any-damaged-motherboards
    🔧 ASRock ยืนยันปัญหา BIOS ทำให้ Ryzen 9000 เสียหาย ASRock ได้ออกมายอมรับว่า BIOS เวอร์ชันก่อนหน้ามีการตั้งค่าที่ผิดพลาด ซึ่งทำให้ Ryzen 9000 CPUs บางตัวเสียหาย โดยบริษัทได้ออก BIOS เวอร์ชัน 3.25 เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับ Precision Boost Overdrive (PBO) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU โดย ASRock ตั้งค่า Electric Design Current (EDC), Thermal Design Current (TDC) และ shadow voltages สูงเกินไปใน BIOS เวอร์ชันก่อนหน้า ทำให้ CPU บางตัวเสียหาย ASRock ยืนยันว่า AMD ไม่ได้เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ และบริษัทจะรับผิดชอบค่าขนส่งสำหรับการ RMA (Return Merchandise Authorization) ของเมนบอร์ดที่ได้รับผลกระทบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ASRock ยืนยันว่า BIOS เวอร์ชันก่อนหน้ามีการตั้งค่าที่ผิดพลาด ทำให้ Ryzen 9000 CPUs บางตัวเสียหาย - BIOS เวอร์ชัน 3.25 ได้รับการปรับปรุง เพื่อลดค่าของ EDC, TDC และ shadow voltages - AMD ไม่ได้เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ ASRock รับผิดชอบทั้งหมด - ASRock จะรับผิดชอบค่าขนส่งสำหรับการ RMA ของเมนบอร์ด - ผู้ใช้ควรตรวจสอบว่า BIOS เวอร์ชัน 3.25 ถูกติดตั้งบนเมนบอร์ดใหม่ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมี BIOS เวอร์ชันใหม่ แต่ยังมีรายงานว่า Ryzen 7 9800X3D บางตัวเสียหาย - ASRock เคยแก้ไขปัญหานี้มาก่อน แต่ยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างสมบูรณ์ - ผู้ใช้ควรตรวจสอบการตั้งค่า PBO ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม - ต้องจับตาดูว่า BIOS เวอร์ชัน 3.25 จะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่ 🔎 ผลกระทบต่อผู้ใช้และอุตสาหกรรม การตั้งค่า BIOS ที่ผิดพลาดของ ASRock ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ Ryzen 9000 และอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ ความน่าเชื่อถือของเมนบอร์ด ASRock ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทออกมายอมรับและเสนอการแก้ไขปัญหาแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค หากคุณใช้ AM5 ASRock motherboard ควรตรวจสอบว่า BIOS เวอร์ชันล่าสุดถูกติดตั้งแล้ว และหากพบปัญหา ควรติดต่อ ASRock เพื่อดำเนินการ RMA https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/asrock-confirms-its-bios-settings-are-killing-ryzen-cpus-is-fully-committed-to-fixing-any-damaged-motherboards
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🎮 GPU รุ่นใหม่ของจีน: ก้าวสำคัญสู่ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี
    Lisuan Technology บริษัทสตาร์ทอัพด้านกราฟิกการ์ดของจีน ประกาศว่า G100 GPU ซึ่งเป็น กราฟิกการ์ด 6nm ตัวแรกที่ผลิตในประเทศ ได้เปิดใช้งานสำเร็จ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ

    🔍 เรื่องน่าสนใจที่เสริมเพิ่มเติม
    Lisuan Technology ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน Silicon Valley และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Dongxin Semiconductor ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนา G100 ต่อไปได้แม้จะเผชิญกับปัญหาทางการเงิน

    G100 ใช้ TrueGPU architecture ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนาเอง แตกต่างจากบริษัทจีนอื่น ๆ ที่มักใช้ IP จาก Imagination Technologies นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า G100 อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GeForce RTX 4060

    📌 สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน
    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - G100 เป็นกราฟิกการ์ด 6nm ตัวแรกที่ผลิตในจีน
    - Lisuan Technology ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน Silicon Valley
    - G100 ใช้ TrueGPU architecture ซึ่งพัฒนาเองโดยไม่ใช้ IP จากบริษัทอื่น
    - Dongxin Semiconductor สนับสนุนเงินทุน 27.7 ล้านเหรียญ เพื่อช่วยให้บริษัทดำเนินการต่อไป
    - G100 อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GeForce RTX 4060

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - จีนไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 6nm จาก Samsung หรือ TSMC เนื่องจากข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ
    - G100 อาจผลิตโดย SMIC ซึ่งมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี เมื่อเทียบกับโรงงานผลิตชิประดับโลก
    - ยังไม่มีข้อมูลทางเทคนิคที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ G100
    - การพัฒนาไดรเวอร์และซอฟต์แวร์เป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะกำหนดความสามารถของ G100 ในตลาด

    🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม GPU
    การเปิดตัว G100 แสดงให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านการผลิตและซอฟต์แวร์ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไขก่อนที่ G100 จะสามารถแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลกได้

    จีนกำลังเดินหน้าสู่ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี แต่ต้องจับตาดูว่า G100 จะสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม GPU ได้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-first-6nm-domestic-gpu-with-purported-rtx-4060-like-performance-has-powered-on
    🎮 GPU รุ่นใหม่ของจีน: ก้าวสำคัญสู่ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี Lisuan Technology บริษัทสตาร์ทอัพด้านกราฟิกการ์ดของจีน ประกาศว่า G100 GPU ซึ่งเป็น กราฟิกการ์ด 6nm ตัวแรกที่ผลิตในประเทศ ได้เปิดใช้งานสำเร็จ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ 🔍 เรื่องน่าสนใจที่เสริมเพิ่มเติม Lisuan Technology ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน Silicon Valley และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Dongxin Semiconductor ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนา G100 ต่อไปได้แม้จะเผชิญกับปัญหาทางการเงิน G100 ใช้ TrueGPU architecture ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนาเอง แตกต่างจากบริษัทจีนอื่น ๆ ที่มักใช้ IP จาก Imagination Technologies นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า G100 อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GeForce RTX 4060 📌 สรุปข้อมูลหลักและคำเตือน ✅ ข้อมูลจากข่าว - G100 เป็นกราฟิกการ์ด 6nm ตัวแรกที่ผลิตในจีน - Lisuan Technology ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน Silicon Valley - G100 ใช้ TrueGPU architecture ซึ่งพัฒนาเองโดยไม่ใช้ IP จากบริษัทอื่น - Dongxin Semiconductor สนับสนุนเงินทุน 27.7 ล้านเหรียญ เพื่อช่วยให้บริษัทดำเนินการต่อไป - G100 อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GeForce RTX 4060 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - จีนไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 6nm จาก Samsung หรือ TSMC เนื่องจากข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ - G100 อาจผลิตโดย SMIC ซึ่งมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี เมื่อเทียบกับโรงงานผลิตชิประดับโลก - ยังไม่มีข้อมูลทางเทคนิคที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ G100 - การพัฒนาไดรเวอร์และซอฟต์แวร์เป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะกำหนดความสามารถของ G100 ในตลาด 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม GPU การเปิดตัว G100 แสดงให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านการผลิตและซอฟต์แวร์ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไขก่อนที่ G100 จะสามารถแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลกได้ จีนกำลังเดินหน้าสู่ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี แต่ต้องจับตาดูว่า G100 จะสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม GPU ได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinas-first-6nm-domestic-gpu-with-purported-rtx-4060-like-performance-has-powered-on
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❄️ เทคโนโลยีระบายความร้อนใหม่สำหรับ SSD
    xMEMS ได้เปิดตัว µCooling fan-on-a-chip ซึ่งเป็นโซลูชันระบายความร้อนแบบแอคทีฟที่สามารถลดอุณหภูมิของ SSD ได้ถึง 20% โดยเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดปัญหา thermal throttling และเพิ่มประสิทธิภาพของ SSD ให้ทำงานได้เร็วขึ้นเป็นระยะเวลานานขึ้น

    SSD เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีความเร็วสูง แต่เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น NAND flash และ controller ICs อาจเกิดการ thermal throttling ทำให้ความเร็วลดลง เทคโนโลยี µCooling ของ xMEMS จะช่วยแก้ปัญหานี้โดยติดตั้ง ระบบระบายความร้อนขนาดเล็ก ลงบน SSD โดยตรง

    นอกจากนี้ xMEMS ยังขยายการใช้งาน µCooling ไปยัง AI data servers และ optical transceivers ที่ต้องการการระบายความร้อนในพื้นที่จำกัด

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - xMEMS เปิดตัว µCooling fan-on-a-chip สำหรับ SSD
    - ลดอุณหภูมิ SSD ได้ถึง 20% และลด thermal resistance ลง 25-30%
    - ช่วยลดปัญหา thermal throttling ทำให้ SSD ทำงานได้เร็วขึ้นเป็นระยะเวลานานขึ้น
    - สามารถนำไปใช้กับ E3.S SSDs และ NVMe M.2 SSDs
    - ขยายการใช้งานไปยัง AI data servers และ optical transceivers

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องรอดูผลการใช้งานจริง
    - การติดตั้งระบบระบายความร้อนบน SSD อาจเพิ่มต้นทุนการผลิต
    - ต้องรอดูว่าผู้ผลิต SSD รายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่
    - การระบายความร้อนแบบแอคทีฟอาจมีข้อจำกัดด้านพลังงานและความทนทาน

    🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม SSD
    หากเทคโนโลยี µCooling สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจช่วยให้ SSD ในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์พกพามีประสิทธิภาพสูงขึ้น และลดปัญหาความร้อนที่ส่งผลต่อความเร็วในการทำงาน อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่ และผลกระทบต่อราคาของ SSD ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/air-cooling/xmems-fan-on-a-chip-cooling-can-reduce-ssd-temperatures-by-up-to-20-percent
    ❄️ เทคโนโลยีระบายความร้อนใหม่สำหรับ SSD xMEMS ได้เปิดตัว µCooling fan-on-a-chip ซึ่งเป็นโซลูชันระบายความร้อนแบบแอคทีฟที่สามารถลดอุณหภูมิของ SSD ได้ถึง 20% โดยเทคโนโลยีนี้จะช่วยลดปัญหา thermal throttling และเพิ่มประสิทธิภาพของ SSD ให้ทำงานได้เร็วขึ้นเป็นระยะเวลานานขึ้น SSD เป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีความเร็วสูง แต่เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น NAND flash และ controller ICs อาจเกิดการ thermal throttling ทำให้ความเร็วลดลง เทคโนโลยี µCooling ของ xMEMS จะช่วยแก้ปัญหานี้โดยติดตั้ง ระบบระบายความร้อนขนาดเล็ก ลงบน SSD โดยตรง นอกจากนี้ xMEMS ยังขยายการใช้งาน µCooling ไปยัง AI data servers และ optical transceivers ที่ต้องการการระบายความร้อนในพื้นที่จำกัด ✅ ข้อมูลจากข่าว - xMEMS เปิดตัว µCooling fan-on-a-chip สำหรับ SSD - ลดอุณหภูมิ SSD ได้ถึง 20% และลด thermal resistance ลง 25-30% - ช่วยลดปัญหา thermal throttling ทำให้ SSD ทำงานได้เร็วขึ้นเป็นระยะเวลานานขึ้น - สามารถนำไปใช้กับ E3.S SSDs และ NVMe M.2 SSDs - ขยายการใช้งานไปยัง AI data servers และ optical transceivers ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องรอดูผลการใช้งานจริง - การติดตั้งระบบระบายความร้อนบน SSD อาจเพิ่มต้นทุนการผลิต - ต้องรอดูว่าผู้ผลิต SSD รายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่ - การระบายความร้อนแบบแอคทีฟอาจมีข้อจำกัดด้านพลังงานและความทนทาน 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม SSD หากเทคโนโลยี µCooling สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจช่วยให้ SSD ในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์พกพามีประสิทธิภาพสูงขึ้น และลดปัญหาความร้อนที่ส่งผลต่อความเร็วในการทำงาน อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่ และผลกระทบต่อราคาของ SSD ในอนาคต https://www.tomshardware.com/pc-components/air-cooling/xmems-fan-on-a-chip-cooling-can-reduce-ssd-temperatures-by-up-to-20-percent
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    xMEMS' fan-on-a-chip cooling can reduce SSD temperatures by up to 20%
    This cooling solution will reduce the temperatures of your SSDs and make them run faster for longer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☀️ ดวงอาทิตย์กับผลกระทบต่อดาวเทียม
    การปะทุของดวงอาทิตย์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้กำลังส่งผลให้ดาวเทียมกลับเข้าสู่โลกเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในช่วง Solar Maximum ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัฏจักรพลังงานดวงอาทิตย์ที่เกิดขึ้นทุก 11 ปี

    เมื่อดวงอาทิตย์เกิด geomagnetic storms หรือพายุแม่เหล็กโลก จะทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกขยายตัว ส่งผลให้แรงต้านอากาศเพิ่มขึ้นและทำให้ดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit - LEO) มีอายุการใช้งานสั้นลง

    นักวิจัยจาก NASA Goddard Space Flight Center พบว่า Starlink satellites ที่อยู่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร อาจกลับเข้าสู่โลกภายใน 5 วัน แทนที่จะเป็น 15 วัน ภายใต้สภาวะปกติ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Solar Maximum ทำให้ดาวเทียมกลับเข้าสู่โลกเร็วกว่าปกติ
    - แรงต้านอากาศเพิ่มขึ้น เนื่องจากชั้นบรรยากาศขยายตัวจากพายุแม่เหล็กโลก
    - Starlink satellites ที่อยู่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร อาจกลับเข้าสู่โลกภายใน 5 วัน
    - 523 Starlink satellites ถูกติดตามการกลับเข้าสู่โลกระหว่างปี 2020-2024
    - SpaceX มีแผนปล่อยดาวเทียมเพิ่มอีกหลายหมื่นดวง

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ดาวเทียมที่กลับเข้าสู่โลกเร็วขึ้น อาจเพิ่มความเสี่ยงของเศษซากที่ตกลงสู่พื้นดิน
    - เศษซากจากดาวเทียมอาจไม่เผาไหม้หมดในชั้นบรรยากาศ ทำให้มีโอกาสตกลงสู่พื้นโลก
    - พื้นที่ที่มีดาวเทียมโคจรหนาแน่น เช่น แคนาดา อาจพบเศษซากมากขึ้น
    - การดำเนินงานของดาวเทียมในวงโคจรต่ำกว่า 400 กิโลเมตร อาจมีความท้าทายมากขึ้น

    🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของอุตสาหกรรมอวกาศ
    การเพิ่มขึ้นของ mega-constellations เช่น Starlink ทำให้วงโคจรของโลกกลายเป็นพื้นที่ที่มีดาวเทียมจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของอวกาศและการจัดการเศษซากดาวเทียมในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/108090-sun-unpredictable-outbursts-forcing-satellites-back-earth-sooner.html
    ☀️ ดวงอาทิตย์กับผลกระทบต่อดาวเทียม การปะทุของดวงอาทิตย์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้กำลังส่งผลให้ดาวเทียมกลับเข้าสู่โลกเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในช่วง Solar Maximum ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัฏจักรพลังงานดวงอาทิตย์ที่เกิดขึ้นทุก 11 ปี เมื่อดวงอาทิตย์เกิด geomagnetic storms หรือพายุแม่เหล็กโลก จะทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกขยายตัว ส่งผลให้แรงต้านอากาศเพิ่มขึ้นและทำให้ดาวเทียมที่อยู่ในวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit - LEO) มีอายุการใช้งานสั้นลง นักวิจัยจาก NASA Goddard Space Flight Center พบว่า Starlink satellites ที่อยู่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร อาจกลับเข้าสู่โลกภายใน 5 วัน แทนที่จะเป็น 15 วัน ภายใต้สภาวะปกติ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Solar Maximum ทำให้ดาวเทียมกลับเข้าสู่โลกเร็วกว่าปกติ - แรงต้านอากาศเพิ่มขึ้น เนื่องจากชั้นบรรยากาศขยายตัวจากพายุแม่เหล็กโลก - Starlink satellites ที่อยู่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร อาจกลับเข้าสู่โลกภายใน 5 วัน - 523 Starlink satellites ถูกติดตามการกลับเข้าสู่โลกระหว่างปี 2020-2024 - SpaceX มีแผนปล่อยดาวเทียมเพิ่มอีกหลายหมื่นดวง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ดาวเทียมที่กลับเข้าสู่โลกเร็วขึ้น อาจเพิ่มความเสี่ยงของเศษซากที่ตกลงสู่พื้นดิน - เศษซากจากดาวเทียมอาจไม่เผาไหม้หมดในชั้นบรรยากาศ ทำให้มีโอกาสตกลงสู่พื้นโลก - พื้นที่ที่มีดาวเทียมโคจรหนาแน่น เช่น แคนาดา อาจพบเศษซากมากขึ้น - การดำเนินงานของดาวเทียมในวงโคจรต่ำกว่า 400 กิโลเมตร อาจมีความท้าทายมากขึ้น 🌍 ผลกระทบต่ออนาคตของอุตสาหกรรมอวกาศ การเพิ่มขึ้นของ mega-constellations เช่น Starlink ทำให้วงโคจรของโลกกลายเป็นพื้นที่ที่มีดาวเทียมจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของอวกาศและการจัดการเศษซากดาวเทียมในอนาคต https://www.techspot.com/news/108090-sun-unpredictable-outbursts-forcing-satellites-back-earth-sooner.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Sun's unpredictable outbursts are forcing satellites back to Earth sooner
    A 2.5-kilogram chunk of metal found on a Canadian farm in August 2024 has become a symbol of a growing dilemma in space exploration. The fragment –...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta ได้เปิดเผยว่า Meta AI ซึ่งเป็นผู้ช่วย AI เชิงสร้างสรรค์ของบริษัท มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน โดย AI นี้ถูกฝังอยู่ในแอปต่าง ๆ ของ Meta เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องค้นหาแยกต่างหาก

    Meta กำลังแข่งขันกับ Google, Microsoft และ OpenAI ในตลาด AI โดยเฉพาะหลังจากที่ Google เปิดตัว AI Overviews ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้สรุปผลการค้นหาแบบอัตโนมัติ และมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคน

    นอกจากนี้ Meta ยังเปิดตัว แอป Meta AI แบบ standalone เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง AI ได้โดยตรง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Meta AI มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน
    - AI ถูกฝังอยู่ในแอปของ Meta เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp
    - Meta เปิดตัวแอป Meta AI แบบ standalone เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025
    - Google เปิดตัว AI Overviews ซึ่งมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคน
    - Google Gemini AI มีผู้ใช้มากกว่า 400 ล้านคนต่อเดือน

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าผู้ใช้ Meta AI ใช้งานโดยตั้งใจหรือเป็นการใช้งานแบบอัตโนมัติ
    - การแข่งขันในตลาด AI กำลังรุนแรงขึ้น โดย Meta ต้องแข่งกับ Google, Microsoft และ OpenAI
    - AI ยังมีความท้าทายด้านการป้องกันข้อมูลผิดพลาดและโมเดลธุรกิจ
    - ต้องรอติดตามว่า Meta AI จะสามารถเป็นผู้นำในตลาด AI ส่วนบุคคลได้หรือไม่

    Meta กำลังผลักดัน Meta AI ให้เป็นผู้ช่วย AI ส่วนบุคคลที่มีผู้ใช้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดนี้ยังคงเข้มข้น และต้องจับตาดูว่า Meta จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำได้หรือไม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/zuckerberg-meta-ai-bot-used-a-billion-times-monthly
    Meta ได้เปิดเผยว่า Meta AI ซึ่งเป็นผู้ช่วย AI เชิงสร้างสรรค์ของบริษัท มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน โดย AI นี้ถูกฝังอยู่ในแอปต่าง ๆ ของ Meta เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องค้นหาแยกต่างหาก Meta กำลังแข่งขันกับ Google, Microsoft และ OpenAI ในตลาด AI โดยเฉพาะหลังจากที่ Google เปิดตัว AI Overviews ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้สรุปผลการค้นหาแบบอัตโนมัติ และมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคน นอกจากนี้ Meta ยังเปิดตัว แอป Meta AI แบบ standalone เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง AI ได้โดยตรง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Meta AI มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือน - AI ถูกฝังอยู่ในแอปของ Meta เช่น Facebook, Instagram และ WhatsApp - Meta เปิดตัวแอป Meta AI แบบ standalone เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2025 - Google เปิดตัว AI Overviews ซึ่งมีผู้ใช้มากกว่า 1.5 พันล้านคน - Google Gemini AI มีผู้ใช้มากกว่า 400 ล้านคนต่อเดือน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าผู้ใช้ Meta AI ใช้งานโดยตั้งใจหรือเป็นการใช้งานแบบอัตโนมัติ - การแข่งขันในตลาด AI กำลังรุนแรงขึ้น โดย Meta ต้องแข่งกับ Google, Microsoft และ OpenAI - AI ยังมีความท้าทายด้านการป้องกันข้อมูลผิดพลาดและโมเดลธุรกิจ - ต้องรอติดตามว่า Meta AI จะสามารถเป็นผู้นำในตลาด AI ส่วนบุคคลได้หรือไม่ Meta กำลังผลักดัน Meta AI ให้เป็นผู้ช่วย AI ส่วนบุคคลที่มีผู้ใช้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดนี้ยังคงเข้มข้น และต้องจับตาดูว่า Meta จะสามารถรักษาความเป็นผู้นำได้หรือไม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/29/zuckerberg-meta-ai-bot-used-a-billion-times-monthly
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Zuckerberg: Meta AI bot used a billion times monthly
    Meta chief Mark Zuckerberg touted the tech firm's generative artificial intelligence (Gen AI) assistant on May 28, telling shareholders it is used by a billion people each month across its platforms.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องเลื่อยกระดูก (BONE SAW) #ทดลองหั่นสับปะรด โดยใช้เครื่องเลื่อยตัดกระดูก รุ่นตั้งโต๊ะ ซึ่งผลลัพท์ที่ได้ คือถูกใจผู้มาทดลองเลยทีเดียว
    เครื่องนี้สามารถตัดสับปะรดได้ดี ปรับขนาดการตัดชิ้นงานได้ตามต้องการ
    เครื่องเลื่อยกระดูก นี้ สามารถใช้เลื่อย/ตัด/หั่น ซี่โครง หมู วัว ไก่ ปลา
    ที่ผ่านการแช่แข็ง ตัวนี้ทนทานมาก งานสวย งานดี ความปลอดภัยจัดเต็ม
    ไม่ผิดหวังแน่นอนถ้าเลือกเครื่องนี้

    รายละเอียดตัวเครื่อง
    - มอเตอร์ 1.5 แรงม้า
    - ใช้ใบเลื่อย ขนาด 1650 mm
    - ไฟ 220V
    - ปรับขนาดความหนาของการเลื่อยได้ 1-15 ซม.
    - ส่วนที่สัมผัสอาหารเป็นสแตนเลส
    - มีปุ่มหยุดฉุกเฉิน
    - มีถาดเลื่อนสไลด์วัตถุดิบ
    - รับประกันสินค้า 1 ปี

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY !!!!
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย
    สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng👈👈 แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/5H812n9
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องเลื่อย #เลื่อยกระดูก #ตัดซี่โครง #ก้านไม้หอม #เครื่องเลื่อยกระดูกซี่โครง #เครื่องตัดสามชั้น #หั่นสับปะรด
    เครื่องเลื่อยกระดูก (BONE SAW) #ทดลองหั่นสับปะรด โดยใช้เครื่องเลื่อยตัดกระดูก รุ่นตั้งโต๊ะ ซึ่งผลลัพท์ที่ได้ คือถูกใจผู้มาทดลองเลยทีเดียว เครื่องนี้สามารถตัดสับปะรดได้ดี ปรับขนาดการตัดชิ้นงานได้ตามต้องการ เครื่องเลื่อยกระดูก นี้ สามารถใช้เลื่อย/ตัด/หั่น ซี่โครง หมู วัว ไก่ ปลา ที่ผ่านการแช่แข็ง ตัวนี้ทนทานมาก งานสวย งานดี ความปลอดภัยจัดเต็ม ไม่ผิดหวังแน่นอนถ้าเลือกเครื่องนี้ รายละเอียดตัวเครื่อง - มอเตอร์ 1.5 แรงม้า - ใช้ใบเลื่อย ขนาด 1650 mm - ไฟ 220V - ปรับขนาดความหนาของการเลื่อยได้ 1-15 ซม. - ส่วนที่สัมผัสอาหารเป็นสแตนเลส - มีปุ่มหยุดฉุกเฉิน - มีถาดเลื่อนสไลด์วัตถุดิบ - รับประกันสินค้า 1 ปี #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY !!!! ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/5H812n9 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #เครื่องเลื่อย #เลื่อยกระดูก #ตัดซี่โครง #ก้านไม้หอม #เครื่องเลื่อยกระดูกซี่โครง #เครื่องตัดสามชั้น #หั่นสับปะรด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/UonevmfayWg?si=gdvEeBmGgXgqDswt
    https://youtube.com/shorts/UonevmfayWg?si=gdvEeBmGgXgqDswt
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple กำลังวางแผน เปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อระบบปฏิบัติการ โดยแทนที่จะใช้เลขเวอร์ชันแบบเดิม เช่น iOS 19 บริษัทอาจเปลี่ยนไปใช้ iOS 26 เพื่อให้สอดคล้องกับปีที่เปิดตัว ซึ่งจะมีผลกับ iPadOS, macOS, watchOS, tvOS และ visionOS

    Apple ไม่ใช่บริษัทแรกที่เปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อซอฟต์แวร์ Samsung เคยเปลี่ยนจาก Galaxy S10 เป็น Galaxy S20 และ Microsoft ก็เคยทดลองใช้แนวทางนี้ก่อนจะกลับไปใช้เลขเวอร์ชันแบบเดิม

    นอกจากนี้ Apple ยังเตรียมเปิดตัว ดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า "Solarium" ซึ่งจะส่งผลต่อทุกแพลตฟอร์มของบริษัท รวมถึงการปรับปรุง Apple Intelligence และอาจมีแอปเกมใหม่สำหรับ iPhone, iPad และ Mac

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Apple อาจเปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อระบบปฏิบัติการเป็น iOS 26, macOS 26, iPadOS 26, watchOS 26, tvOS 26 และ visionOS 26
    - การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อ ลดความสับสนและสร้างความเป็นเอกภาพในแบรนด์
    - Apple เตรียมเปิดตัว ดีไซน์ใหม่ "Solarium" ที่จะส่งผลต่อทุกแพลตฟอร์ม
    - อาจมีการเปิดตัว แอปเกมใหม่ สำหรับ iPhone, iPad และ Mac
    - Apple Intelligence อาจถูกเลื่อนเปิดตัวไปปี 2026

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การเปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อ อาจทำให้ผู้ใช้สับสนในช่วงแรก
    - Apple Intelligence อาจเปิดตัวล่าช้ากว่าที่คาด ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนา AI ของบริษัท
    - การเปลี่ยนแปลงดีไซน์ครั้งใหญ่ อาจทำให้บางฟีเจอร์ถูกปรับเปลี่ยนหรือถูกตัดออก
    - ต้องรอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมในงาน WWDC 2025 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 มิถุนายน 2025

    Apple กำลังเตรียมปรับโฉมครั้งใหญ่ให้กับระบบปฏิบัติการของตน ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานและการรับรู้แบรนด์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังต้องรอดูว่าผู้ใช้จะตอบรับอย่างไร

    https://www.techradar.com/computing/software/apple-might-be-about-to-make-a-major-change-to-how-it-names-its-operating-systems
    Apple กำลังวางแผน เปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อระบบปฏิบัติการ โดยแทนที่จะใช้เลขเวอร์ชันแบบเดิม เช่น iOS 19 บริษัทอาจเปลี่ยนไปใช้ iOS 26 เพื่อให้สอดคล้องกับปีที่เปิดตัว ซึ่งจะมีผลกับ iPadOS, macOS, watchOS, tvOS และ visionOS Apple ไม่ใช่บริษัทแรกที่เปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อซอฟต์แวร์ Samsung เคยเปลี่ยนจาก Galaxy S10 เป็น Galaxy S20 และ Microsoft ก็เคยทดลองใช้แนวทางนี้ก่อนจะกลับไปใช้เลขเวอร์ชันแบบเดิม นอกจากนี้ Apple ยังเตรียมเปิดตัว ดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า "Solarium" ซึ่งจะส่งผลต่อทุกแพลตฟอร์มของบริษัท รวมถึงการปรับปรุง Apple Intelligence และอาจมีแอปเกมใหม่สำหรับ iPhone, iPad และ Mac ✅ ข้อมูลจากข่าว - Apple อาจเปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อระบบปฏิบัติการเป็น iOS 26, macOS 26, iPadOS 26, watchOS 26, tvOS 26 และ visionOS 26 - การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อ ลดความสับสนและสร้างความเป็นเอกภาพในแบรนด์ - Apple เตรียมเปิดตัว ดีไซน์ใหม่ "Solarium" ที่จะส่งผลต่อทุกแพลตฟอร์ม - อาจมีการเปิดตัว แอปเกมใหม่ สำหรับ iPhone, iPad และ Mac - Apple Intelligence อาจถูกเลื่อนเปิดตัวไปปี 2026 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การเปลี่ยนรูปแบบการตั้งชื่อ อาจทำให้ผู้ใช้สับสนในช่วงแรก - Apple Intelligence อาจเปิดตัวล่าช้ากว่าที่คาด ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนา AI ของบริษัท - การเปลี่ยนแปลงดีไซน์ครั้งใหญ่ อาจทำให้บางฟีเจอร์ถูกปรับเปลี่ยนหรือถูกตัดออก - ต้องรอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมในงาน WWDC 2025 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 มิถุนายน 2025 Apple กำลังเตรียมปรับโฉมครั้งใหญ่ให้กับระบบปฏิบัติการของตน ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานและการรับรู้แบรนด์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ยังต้องรอดูว่าผู้ใช้จะตอบรับอย่างไร https://www.techradar.com/computing/software/apple-might-be-about-to-make-a-major-change-to-how-it-names-its-operating-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการสร้าง Mac ที่เล็กที่สุดในโลก โดยบริษัท 1-bit Rainbow ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่มีหน้าจอเพียง 2 นิ้ว และใช้ Pico Zero Raspberry Pi เป็นหน่วยประมวลผล

    Pico-Mac-Nano ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์คล้ายกับ Macintosh รุ่นคลาสสิก จากยุค 1980s โดยใช้ 3D printed chassis และรันระบบ MicroMac 128K emulator ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการแบบวินเทจได้

    นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อเครื่องที่ประกอบเสร็จแล้วในราคา $59 หรือดาวน์โหลดไฟล์ 3D printing เพื่อพิมพ์ตัวเครื่องเองและติดตั้ง Raspberry Pi ด้วยตนเอง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Pico-Mac-Nano เป็น Mac ที่เล็กที่สุดในโลก
    - ใช้ Pico Zero Raspberry Pi เป็นหน่วยประมวลผล
    - มี หน้าจอ 2 นิ้ว ความละเอียด 480p
    - ใช้ MicroMac 128K emulator เพื่อรันระบบปฏิบัติการแบบวินเทจ
    - มี 512MB RAM, microSD card slot และแบตเตอรี่ CR2
    - ราคาเริ่มต้นที่ $59 และมีรุ่น Collectors Edition ที่มาพร้อมกล่องจำลองของ Macintosh รุ่นแรก

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หน้าจอขนาดเล็กมาก อาจทำให้การใช้งานไม่สะดวก
    - ประสิทธิภาพของ Raspberry Pi Zero อาจไม่รองรับการใช้งานที่ซับซ้อน
    - ไม่สามารถรันแอปพลิเคชันสมัยใหม่ เช่น เกมหรือโปรแกรมที่ต้องใช้ทรัพยากรสูง
    - เป็นสินค้าสำหรับนักสะสม มากกว่าการใช้งานจริง

    Pico-Mac-Nano เป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบคอมพิวเตอร์คลาสสิกและต้องการสะสมอุปกรณ์ที่มีเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม การใช้งานจริงอาจมีข้อจำกัดเนื่องจากขนาดและประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์

    https://www.techradar.com/computing/someone-just-built-the-worlds-smallest-working-mac-and-at-this-price-i-desperately-want-one
    มีการสร้าง Mac ที่เล็กที่สุดในโลก โดยบริษัท 1-bit Rainbow ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่มีหน้าจอเพียง 2 นิ้ว และใช้ Pico Zero Raspberry Pi เป็นหน่วยประมวลผล Pico-Mac-Nano ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์คล้ายกับ Macintosh รุ่นคลาสสิก จากยุค 1980s โดยใช้ 3D printed chassis และรันระบบ MicroMac 128K emulator ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการแบบวินเทจได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อเครื่องที่ประกอบเสร็จแล้วในราคา $59 หรือดาวน์โหลดไฟล์ 3D printing เพื่อพิมพ์ตัวเครื่องเองและติดตั้ง Raspberry Pi ด้วยตนเอง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Pico-Mac-Nano เป็น Mac ที่เล็กที่สุดในโลก - ใช้ Pico Zero Raspberry Pi เป็นหน่วยประมวลผล - มี หน้าจอ 2 นิ้ว ความละเอียด 480p - ใช้ MicroMac 128K emulator เพื่อรันระบบปฏิบัติการแบบวินเทจ - มี 512MB RAM, microSD card slot และแบตเตอรี่ CR2 - ราคาเริ่มต้นที่ $59 และมีรุ่น Collectors Edition ที่มาพร้อมกล่องจำลองของ Macintosh รุ่นแรก ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หน้าจอขนาดเล็กมาก อาจทำให้การใช้งานไม่สะดวก - ประสิทธิภาพของ Raspberry Pi Zero อาจไม่รองรับการใช้งานที่ซับซ้อน - ไม่สามารถรันแอปพลิเคชันสมัยใหม่ เช่น เกมหรือโปรแกรมที่ต้องใช้ทรัพยากรสูง - เป็นสินค้าสำหรับนักสะสม มากกว่าการใช้งานจริง Pico-Mac-Nano เป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบคอมพิวเตอร์คลาสสิกและต้องการสะสมอุปกรณ์ที่มีเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม การใช้งานจริงอาจมีข้อจำกัดเนื่องจากขนาดและประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ https://www.techradar.com/computing/someone-just-built-the-worlds-smallest-working-mac-and-at-this-price-i-desperately-want-one
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่ามีการโจมตี Docker instances ที่ตั้งค่าผิดพลาด โดยแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ของ Docker API ที่เปิดให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้าง botnet สำหรับขุดเหรียญ Dero cryptocurrency

    Docker เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรันแอปพลิเคชันใน containers ซึ่งช่วยให้การจัดการซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากตั้งค่า API ผิดพลาด อาจทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงและควบคุมระบบได้

    Dero เป็น privacy-focused blockchain ที่คล้ายกับ Monero โดยเน้นการทำธุรกรรมที่ไม่สามารถติดตามได้ ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมในหมู่แฮกเกอร์ที่ต้องการขุดเหรียญโดยไม่ถูกตรวจสอบ

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Docker instances ที่ตั้งค่าผิดพลาด ถูกใช้เป็น botnet ขุดเหรียญ Dero
    - แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ของ Docker API ที่เปิดให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต
    - มัลแวร์ที่ใช้มีสองส่วน ได้แก่ ตัวแพร่กระจาย (nginx) และ ตัวขุดเหรียญ
    - มัลแวร์ถูกเขียนด้วย Golang ทำให้ตรวจจับได้ยาก
    - แคมเปญนี้ไม่ใช้ command & control (C2) server แต่แพร่กระจายแบบ worm

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ผู้ใช้ Docker ควรตรวจสอบการตั้งค่า API และปิดการเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต
    - ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง และเปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายขั้นตอน
    - ควรทำการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยง
    - แฮกเกอร์อาจใช้เทคนิคใหม่ในการโจมตี ดังนั้นผู้ดูแลระบบควรติดตามข่าวสารด้านความปลอดภัย

    การโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการตั้งค่าความปลอดภัยใน Docker instances และการป้องกันช่องโหว่ที่อาจถูกใช้โดยแฮกเกอร์

    https://www.techradar.com/pro/security/misconfigured-docker-instances-are-being-hacked-to-mine-cryptocurrency
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่ามีการโจมตี Docker instances ที่ตั้งค่าผิดพลาด โดยแฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ของ Docker API ที่เปิดให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้าง botnet สำหรับขุดเหรียญ Dero cryptocurrency Docker เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรันแอปพลิเคชันใน containers ซึ่งช่วยให้การจัดการซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากตั้งค่า API ผิดพลาด อาจทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงและควบคุมระบบได้ Dero เป็น privacy-focused blockchain ที่คล้ายกับ Monero โดยเน้นการทำธุรกรรมที่ไม่สามารถติดตามได้ ซึ่งทำให้เป็นที่นิยมในหมู่แฮกเกอร์ที่ต้องการขุดเหรียญโดยไม่ถูกตรวจสอบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Docker instances ที่ตั้งค่าผิดพลาด ถูกใช้เป็น botnet ขุดเหรียญ Dero - แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ของ Docker API ที่เปิดให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต - มัลแวร์ที่ใช้มีสองส่วน ได้แก่ ตัวแพร่กระจาย (nginx) และ ตัวขุดเหรียญ - มัลแวร์ถูกเขียนด้วย Golang ทำให้ตรวจจับได้ยาก - แคมเปญนี้ไม่ใช้ command & control (C2) server แต่แพร่กระจายแบบ worm ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ผู้ใช้ Docker ควรตรวจสอบการตั้งค่า API และปิดการเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ต - ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง และเปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายขั้นตอน - ควรทำการตรวจสอบความปลอดภัยของระบบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยง - แฮกเกอร์อาจใช้เทคนิคใหม่ในการโจมตี ดังนั้นผู้ดูแลระบบควรติดตามข่าวสารด้านความปลอดภัย การโจมตีครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการตั้งค่าความปลอดภัยใน Docker instances และการป้องกันช่องโหว่ที่อาจถูกใช้โดยแฮกเกอร์ https://www.techradar.com/pro/security/misconfigured-docker-instances-are-being-hacked-to-mine-cryptocurrency
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • มุสลิมอินโดฯ ช็อก! ร้านไก่ทอดดังเพิ่งเผยเมนูไม่ฮาลาล

    ร้านไก่ทอดชื่อดังในอินโดนีเซีย กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลฯ ในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากกว่า 80% เมื่อร้านไก่ทอดชื่อดัง อะยัม โกเรง วิดูรัน (AYAM GORENG WIDURAN) ในเมืองซูราการ์ตา (โซโล) จังหวัดชวาเตงกะห์ กำลังถูกชาวมุสลิมแสดงความไม่พอใจ หลังบัญชีผู้ใช้เธรด (Thread) ที่ชื่อ @pedalranger สงสัยว่าเกล็ดกรุบกรอบ หรือเกรอเมอร์ส (Kremes) ที่โรยบนไก่ทอด ทอดด้วยไขมันหมู ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามปรุงอาหาร ทั้งที่นับตั้งแต่เปิดกิจการในปี 2516 หรือกว่า 50 ปีก่อน ไม่เคยบอกให้สาธารณชนรับรู้ ภายหลังทางร้านจึงใช้วิธีติดป้ายว่า "KREMES NON HALAL" แทน

    เรื่องนี้ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นชาวมุสลิมรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก เพราะร้านอาหารไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าเมนูภายในร้านไม่ใช่ฮาลาล นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตบางคนไปขุดภาพร้านใน Google Street View แล้วพบว่าเคยขึ้นเครื่องหมายฮาลาลบนป้ายแบนเนอร์ในอดีตอีกด้วย ร้อนถึงฝ่ายบริหารของร้านออกมาขอโทษผ่านอินสตาแกรม @ayamgorengwiduransolo เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ว่า ได้แจ้งข้อมูลที่ไม่ใช่ฮาลาลอย่างชัดเจนในร้านค้าและโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของร้านทุกแห่ง หวังว่าสาธารณชนจะให้พื้นที่แก่ทางร้านในการแก้ไขและปรับปรุงทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ขณะที่พนักงานร้านยืนยันว่าเมนูที่มีปัญหามีเพียงไก่ทอดเกรอเมอร์สเท่านั้น เมนูอื่นใช้น้ำมันพืชปกติ

    ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองโซโล เรสปาตี อาร์ดี สั่งปิดร้านอาหารชั่วคราว ยอมรับว่าผิดหวังที่ร้านอาหารในตำนานแห่งนี้ไม่ได้ติดป้าย NON HALAL มานาน ทั้งที่มีผู้บริโภคชาวมุสลิมจำนวนมากซื้อไก่ทอดที่ร้านแห่งนี้ และย้ำว่าการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนแกนนำกลุ่มด้านสิทธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย Forum Konsumen Berdaya Indonesia (FKBI) ตูลุส อาบาดี ระบุว่า คำขอโทษดังกล่าวไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่ทางร้านทำมานานเป็นสิบปี เป็นการกระทำโดยจงใจ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย อีกทั้งทางร้านละเมิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายอาหาร และกฎหมายการรับประกันผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทการฉ้อโกง โดยเรียกร้องให้ดำเนินคดีและลงโทษทางปกครอง

    สำหรับเกรอเมอร์ส ภาษาอินโดนีเซีย ตรงกับคำว่า Crunch (ครันช์) เป็นเกล็ดที่ใช้โรยบนไก่ทอด ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ผสมแป้งข้าวเจ้า ไข่แดง และซอสที่ใช้หมักไก่ทอดแบบอินโดนีเซีย เติมผงฟูลงไปเล็กน้อย แล้วค่อยใช้มือวักส่วนผสมโรยลงบนน้ำมันให้กลายเป็นเกล็ด ก่อนซับน้ำมันแล้วนำไปโรยหน้าบนจานไก่ทอด ข้าว และแตงกวาหั่น

    #Newskit
    มุสลิมอินโดฯ ช็อก! ร้านไก่ทอดดังเพิ่งเผยเมนูไม่ฮาลาล ร้านไก่ทอดชื่อดังในอินโดนีเซีย กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลฯ ในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากกว่า 80% เมื่อร้านไก่ทอดชื่อดัง อะยัม โกเรง วิดูรัน (AYAM GORENG WIDURAN) ในเมืองซูราการ์ตา (โซโล) จังหวัดชวาเตงกะห์ กำลังถูกชาวมุสลิมแสดงความไม่พอใจ หลังบัญชีผู้ใช้เธรด (Thread) ที่ชื่อ @pedalranger สงสัยว่าเกล็ดกรุบกรอบ หรือเกรอเมอร์ส (Kremes) ที่โรยบนไก่ทอด ทอดด้วยไขมันหมู ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามปรุงอาหาร ทั้งที่นับตั้งแต่เปิดกิจการในปี 2516 หรือกว่า 50 ปีก่อน ไม่เคยบอกให้สาธารณชนรับรู้ ภายหลังทางร้านจึงใช้วิธีติดป้ายว่า "KREMES NON HALAL" แทน เรื่องนี้ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นชาวมุสลิมรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก เพราะร้านอาหารไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าเมนูภายในร้านไม่ใช่ฮาลาล นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตบางคนไปขุดภาพร้านใน Google Street View แล้วพบว่าเคยขึ้นเครื่องหมายฮาลาลบนป้ายแบนเนอร์ในอดีตอีกด้วย ร้อนถึงฝ่ายบริหารของร้านออกมาขอโทษผ่านอินสตาแกรม @ayamgorengwiduransolo เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ว่า ได้แจ้งข้อมูลที่ไม่ใช่ฮาลาลอย่างชัดเจนในร้านค้าและโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของร้านทุกแห่ง หวังว่าสาธารณชนจะให้พื้นที่แก่ทางร้านในการแก้ไขและปรับปรุงทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ขณะที่พนักงานร้านยืนยันว่าเมนูที่มีปัญหามีเพียงไก่ทอดเกรอเมอร์สเท่านั้น เมนูอื่นใช้น้ำมันพืชปกติ ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองโซโล เรสปาตี อาร์ดี สั่งปิดร้านอาหารชั่วคราว ยอมรับว่าผิดหวังที่ร้านอาหารในตำนานแห่งนี้ไม่ได้ติดป้าย NON HALAL มานาน ทั้งที่มีผู้บริโภคชาวมุสลิมจำนวนมากซื้อไก่ทอดที่ร้านแห่งนี้ และย้ำว่าการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนแกนนำกลุ่มด้านสิทธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย Forum Konsumen Berdaya Indonesia (FKBI) ตูลุส อาบาดี ระบุว่า คำขอโทษดังกล่าวไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่ทางร้านทำมานานเป็นสิบปี เป็นการกระทำโดยจงใจ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย อีกทั้งทางร้านละเมิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายอาหาร และกฎหมายการรับประกันผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทการฉ้อโกง โดยเรียกร้องให้ดำเนินคดีและลงโทษทางปกครอง สำหรับเกรอเมอร์ส ภาษาอินโดนีเซีย ตรงกับคำว่า Crunch (ครันช์) เป็นเกล็ดที่ใช้โรยบนไก่ทอด ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ผสมแป้งข้าวเจ้า ไข่แดง และซอสที่ใช้หมักไก่ทอดแบบอินโดนีเซีย เติมผงฟูลงไปเล็กน้อย แล้วค่อยใช้มือวักส่วนผสมโรยลงบนน้ำมันให้กลายเป็นเกล็ด ก่อนซับน้ำมันแล้วนำไปโรยหน้าบนจานไก่ทอด ข้าว และแตงกวาหั่น #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • Xiaomi เตรียมขยายการใช้ชิปเซ็ต XRING 01 ไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลาง พร้อมพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง

    Xiaomi กำลังวางแผนขยายการใช้ชิปเซ็ต XRING 01 ไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลาง หลังจากเปิดตัวใน Xiaomi 15S Pro และ Pad 7 Ultra ซึ่งเป็นอุปกรณ์ระดับเรือธง โดยบริษัท ต้องการเดินตามแนวทางของ Apple ในการพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง แต่ยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผนของ Xiaomi
    ✅ XRING 01 เป็นชิปเซ็ต 3nm ตัวแรกที่ผลิตโดยบริษัทจีน
    - แสดงให้เห็นว่า Xiaomi กำลังแข่งขันกับ Qualcomm, MediaTek และ Apple

    ✅ ปัจจุบัน XRING 01 ถูกใช้ในอุปกรณ์ระดับเรือธงเท่านั้น
    - Xiaomi มีแผนขยายไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลางในอนาคต

    ✅ Xiaomi ต้องการพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง เช่นเดียวกับ Apple C1
    - แต่ยังไม่มี กรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว

    ✅ บริษัทให้เวลา 5-10 ปีในการสร้างโมเดลทางการเงินที่เหมาะสมสำหรับชิปเซ็ตของตนเอง
    - แสดงให้เห็นว่า Xiaomi มองการพัฒนาเทคโนโลยีนี้เป็นแผนระยะยาว

    ✅ Xiaomi อาจใช้เทคโนโลยี XRING 01 ในสมาร์ทโฟนระดับกลางเมื่อมีรุ่นใหม่ออกมา
    - อาจช่วยให้ สมาร์ทโฟนราคาประหยัดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

    https://wccftech.com/xiaomi-to-bring-in-house-chipsets-to-non-flagship-phones-and-a-custom-5g-solution/
    Xiaomi เตรียมขยายการใช้ชิปเซ็ต XRING 01 ไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลาง พร้อมพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง Xiaomi กำลังวางแผนขยายการใช้ชิปเซ็ต XRING 01 ไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลาง หลังจากเปิดตัวใน Xiaomi 15S Pro และ Pad 7 Ultra ซึ่งเป็นอุปกรณ์ระดับเรือธง โดยบริษัท ต้องการเดินตามแนวทางของ Apple ในการพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง แต่ยังไม่มีกรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผนของ Xiaomi ✅ XRING 01 เป็นชิปเซ็ต 3nm ตัวแรกที่ผลิตโดยบริษัทจีน - แสดงให้เห็นว่า Xiaomi กำลังแข่งขันกับ Qualcomm, MediaTek และ Apple ✅ ปัจจุบัน XRING 01 ถูกใช้ในอุปกรณ์ระดับเรือธงเท่านั้น - Xiaomi มีแผนขยายไปยังสมาร์ทโฟนระดับกลางในอนาคต ✅ Xiaomi ต้องการพัฒนาโมเด็ม 5G ของตนเอง เช่นเดียวกับ Apple C1 - แต่ยังไม่มี กรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว ✅ บริษัทให้เวลา 5-10 ปีในการสร้างโมเดลทางการเงินที่เหมาะสมสำหรับชิปเซ็ตของตนเอง - แสดงให้เห็นว่า Xiaomi มองการพัฒนาเทคโนโลยีนี้เป็นแผนระยะยาว ✅ Xiaomi อาจใช้เทคโนโลยี XRING 01 ในสมาร์ทโฟนระดับกลางเมื่อมีรุ่นใหม่ออกมา - อาจช่วยให้ สมาร์ทโฟนราคาประหยัดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น https://wccftech.com/xiaomi-to-bring-in-house-chipsets-to-non-flagship-phones-and-a-custom-5g-solution/
    WCCFTECH.COM
    Xiaomi Will Eventually Branch Out Its Custom Chipsets For Non-Flagship Smartphones, And Intends To Go Down Apple’s Path By Launching A 5G Solution
    The XRING 01 means that Xiaomi will introduce custom SoCs for mid-range smartphones, along with introducing a 5G silicon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • InWin เปิดตัว IW-1650W – พาวเวอร์ซัพพลาย 1650W สำหรับ GPU โดยเฉพาะ

    InWin เปิดตัว IW-1650W ซึ่งเป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการ์ดจอโดยเฉพาะ โดยมี กำลังไฟ 1650W และรองรับการ์ดจอสูงสุด 4 ตัวผ่านขั้วต่อ 16-pin ซึ่งเป็นแนวคิดที่คล้ายกับระบบที่ใช้ใน เซิร์ฟเวอร์และเครื่องขุดคริปโต

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ IW-1650W
    ✅ IW-1650W เป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ออกแบบมาเพื่อจ่ายไฟให้กับ GPU เท่านั้น
    - ไม่สามารถ ทำงานได้โดยลำพัง ต้องใช้ร่วมกับพาวเวอร์ซัพพลายหลัก

    ✅ รองรับมาตรฐาน PCIe 5.1 CEM และมีขั้วต่อ 12V-2x6 จำนวน 4 ช่อง
    - สามารถ รองรับการ์ดจอสูงสุด 4 ตัว เช่น RTX 5080

    ✅ มีพัดลมระบายความร้อนขนาด 13.5 ซม. และมี Active PFC ที่ 0.99
    - ช่วยให้ ประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงถึง 90%

    ✅ ออกแบบให้เป็นระบบโมดูลาร์ สามารถถอดสายไฟที่ไม่จำเป็นออกได้
    - ช่วยให้ การจัดสายภายในเคสเป็นระเบียบมากขึ้น

    ✅ InWin เปิดตัว IW-1650W ที่งาน Computex 2025 แต่ยังไม่ประกาศราคาและวันวางจำหน่าย
    - คาดว่า จะมีข้อมูลเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/power-supplies/inwin-preps-1650w-gpu-power-supply-with-four-16-pin-power-connectors
    InWin เปิดตัว IW-1650W – พาวเวอร์ซัพพลาย 1650W สำหรับ GPU โดยเฉพาะ InWin เปิดตัว IW-1650W ซึ่งเป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการ์ดจอโดยเฉพาะ โดยมี กำลังไฟ 1650W และรองรับการ์ดจอสูงสุด 4 ตัวผ่านขั้วต่อ 16-pin ซึ่งเป็นแนวคิดที่คล้ายกับระบบที่ใช้ใน เซิร์ฟเวอร์และเครื่องขุดคริปโต 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ IW-1650W ✅ IW-1650W เป็นพาวเวอร์ซัพพลายที่ออกแบบมาเพื่อจ่ายไฟให้กับ GPU เท่านั้น - ไม่สามารถ ทำงานได้โดยลำพัง ต้องใช้ร่วมกับพาวเวอร์ซัพพลายหลัก ✅ รองรับมาตรฐาน PCIe 5.1 CEM และมีขั้วต่อ 12V-2x6 จำนวน 4 ช่อง - สามารถ รองรับการ์ดจอสูงสุด 4 ตัว เช่น RTX 5080 ✅ มีพัดลมระบายความร้อนขนาด 13.5 ซม. และมี Active PFC ที่ 0.99 - ช่วยให้ ประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงถึง 90% ✅ ออกแบบให้เป็นระบบโมดูลาร์ สามารถถอดสายไฟที่ไม่จำเป็นออกได้ - ช่วยให้ การจัดสายภายในเคสเป็นระเบียบมากขึ้น ✅ InWin เปิดตัว IW-1650W ที่งาน Computex 2025 แต่ยังไม่ประกาศราคาและวันวางจำหน่าย - คาดว่า จะมีข้อมูลเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ https://www.tomshardware.com/pc-components/power-supplies/inwin-preps-1650w-gpu-power-supply-with-four-16-pin-power-connectors
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    InWin preps 1650W GPU power supply with four 16-pin power connectors
    A secondary power supply designed for the latest AMD and Nvidia graphics cards
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพ PCB ของ AMD RX 9060 XT หลุดจากโรงงาน Gigabyte

    เว็บไซต์ HW Cooling เผยแพร่ภาพ PCB ของการ์ดจอ AMD Radeon RX 9060 XT จากโรงงาน Gigabyte ซึ่งแสดงให้เห็น การจัดวางชิ้นส่วน, หน่วยความจำ GDDR6 จาก SK Hynix และรายละเอียดอื่น ๆ โดยการ์ดจอรุ่นนี้ คาดว่าจะวางจำหน่ายในวันที่ 5 มิถุนายน

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ AMD RX 9060 XT
    ✅ ภาพ PCB แสดงให้เห็นชิป Navi 44 และหน่วยความจำ GDDR6 จาก SK Hynix
    - แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นรุ่น 8GB หรือ 16GB

    ✅ Gigabyte มีแผนเปิดตัว RX 9060 XT ทั้งหมด 4 รุ่น
    - ทุกโมเดล เป็นการ์ดจอแบบสองสล็อตและใช้พัดลมสามตัว

    ✅ การ์ดจอใช้พอร์ต PCIe 5.0 x16 และมีช่องเสียบไฟ 8-pin เพียงช่องเดียว
    - อาจช่วยให้ การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ✅ AMD ตัดสินใจให้ RX 9060 XT มีเพียง 3 พอร์ตแสดงผล
    - ซึ่ง ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้บางกลุ่ม

    ✅ ราคาของ RX 9060 XT รุ่น 8GB อยู่ที่ 299 ดอลลาร์ และรุ่น 16GB อยู่ที่ 349 ดอลลาร์
    - คาดว่า จะมีวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายในวันที่ 5 มิถุนายน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/stray-amd-rx-9060-xt-pcb-photo-emerges-from-gigabyte-factory-tour
    ภาพ PCB ของ AMD RX 9060 XT หลุดจากโรงงาน Gigabyte เว็บไซต์ HW Cooling เผยแพร่ภาพ PCB ของการ์ดจอ AMD Radeon RX 9060 XT จากโรงงาน Gigabyte ซึ่งแสดงให้เห็น การจัดวางชิ้นส่วน, หน่วยความจำ GDDR6 จาก SK Hynix และรายละเอียดอื่น ๆ โดยการ์ดจอรุ่นนี้ คาดว่าจะวางจำหน่ายในวันที่ 5 มิถุนายน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ AMD RX 9060 XT ✅ ภาพ PCB แสดงให้เห็นชิป Navi 44 และหน่วยความจำ GDDR6 จาก SK Hynix - แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นรุ่น 8GB หรือ 16GB ✅ Gigabyte มีแผนเปิดตัว RX 9060 XT ทั้งหมด 4 รุ่น - ทุกโมเดล เป็นการ์ดจอแบบสองสล็อตและใช้พัดลมสามตัว ✅ การ์ดจอใช้พอร์ต PCIe 5.0 x16 และมีช่องเสียบไฟ 8-pin เพียงช่องเดียว - อาจช่วยให้ การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ AMD ตัดสินใจให้ RX 9060 XT มีเพียง 3 พอร์ตแสดงผล - ซึ่ง ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้บางกลุ่ม ✅ ราคาของ RX 9060 XT รุ่น 8GB อยู่ที่ 299 ดอลลาร์ และรุ่น 16GB อยู่ที่ 349 ดอลลาร์ - คาดว่า จะมีวางจำหน่ายอย่างแพร่หลายในวันที่ 5 มิถุนายน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/stray-amd-rx-9060-xt-pcb-photo-emerges-from-gigabyte-factory-tour
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Stray AMD RX 9060 XT PCB photo emerges from Gigabyte factory tour
    The photo clearly shows the board layout, SK Hynix GDDR6, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนเตรียมยุติการผลิต DDR4 เพื่อมุ่งสู่เทคโนโลยี DDR5 และ HBM

    ChangXin Memory Technologies (CXMT) ผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของจีน เตรียมยุติการผลิต DDR4 สำหรับเซิร์ฟเวอร์และพีซีภายในกลางปีหน้า ตามนโยบายของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้ประเทศ เป็นผู้นำด้าน AI และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ CXMT
    ✅ CXMT เพิ่งเริ่มผลิต DDR4 ในช่วงปลายปี 2024 แต่ต้องเปลี่ยนไปเน้น DDR5 และ HBM ตามนโยบายของรัฐบาล
    - แสดงให้เห็นว่า จีนต้องการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำให้ทันกับสหรัฐฯ

    ✅ บริษัทกำลังเร่งพัฒนา HBM3 และคาดว่าจะผ่านการทดสอบภายในสิ้นปีนี้
    - HBM เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับ AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่

    ✅ Micron, Samsung และ SK hynix เตรียมยุติการผลิต DDR3 และ DDR4 ภายในปี 2025
    - ตลาดหน่วยความจำ กำลังเปลี่ยนไปสู่ DDR5 และ LPDDR5 อย่างรวดเร็ว

    ✅ แม้ว่า CXMT จะประสบความสำเร็จในการผลิต DDR4 แต่ DDR5 ของบริษัทยังมีปัญหาด้านความเสถียร
    - พบว่า ชิป DDR5 ของ CXMT อาจไม่สามารถทำงานได้ดีในอุณหภูมิสูงกว่า 60°C

    ✅ Samsung และ SK hynix จะยังคงผลิต DDR4 สำหรับตลาดเฉพาะ เช่น GigaDevice
    - ใช้กระบวนการผลิต 1z-nm ที่ไม่ต้องใช้ EUV

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/top-chinese-memory-maker-expected-to-abandon-ddr4-manufacturing-at-the-behest-of-beijing
    จีนเตรียมยุติการผลิต DDR4 เพื่อมุ่งสู่เทคโนโลยี DDR5 และ HBM ChangXin Memory Technologies (CXMT) ผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของจีน เตรียมยุติการผลิต DDR4 สำหรับเซิร์ฟเวอร์และพีซีภายในกลางปีหน้า ตามนโยบายของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้ประเทศ เป็นผู้นำด้าน AI และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ CXMT ✅ CXMT เพิ่งเริ่มผลิต DDR4 ในช่วงปลายปี 2024 แต่ต้องเปลี่ยนไปเน้น DDR5 และ HBM ตามนโยบายของรัฐบาล - แสดงให้เห็นว่า จีนต้องการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำให้ทันกับสหรัฐฯ ✅ บริษัทกำลังเร่งพัฒนา HBM3 และคาดว่าจะผ่านการทดสอบภายในสิ้นปีนี้ - HBM เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับ AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ Micron, Samsung และ SK hynix เตรียมยุติการผลิต DDR3 และ DDR4 ภายในปี 2025 - ตลาดหน่วยความจำ กำลังเปลี่ยนไปสู่ DDR5 และ LPDDR5 อย่างรวดเร็ว ✅ แม้ว่า CXMT จะประสบความสำเร็จในการผลิต DDR4 แต่ DDR5 ของบริษัทยังมีปัญหาด้านความเสถียร - พบว่า ชิป DDR5 ของ CXMT อาจไม่สามารถทำงานได้ดีในอุณหภูมิสูงกว่า 60°C ✅ Samsung และ SK hynix จะยังคงผลิต DDR4 สำหรับตลาดเฉพาะ เช่น GigaDevice - ใช้กระบวนการผลิต 1z-nm ที่ไม่ต้องใช้ EUV https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/top-chinese-memory-maker-expected-to-abandon-ddr4-manufacturing-at-the-behest-of-beijing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครั้งแรกที่ทดลองเขียนบทความโดยใช้ ChatGPT หาข้อมูล ช่วยตรวจ และทำภาพประกอบ แต่ยังคงสำนวนของเราเอง

    ลองแปลภาษาอังกฤษ อันนี้โคตรตื่นเต้น ใช้ ChatGPT แปล

    ChatGPT in the ASEAN Market

    Artificial intelligence (AI) is playing an increasingly significant role in everyday life—especially through platforms like ChatGPT, an interactive assistant capable of understanding and responding to human language in a wide variety of contexts. From planning and problem-solving to providing daily advice, ChatGPT has become a go-to tool for many. Currently, it boasts around 800 million users worldwide, with approximately 122 million daily active users. It operates in a competitive field alongside major technology platforms such as Google, Microsoft, and Meta, as well as rising competitors from Asia like DeepSeek, Baidu, Alibaba, and Tencent.

    In Thailand, while the core user base consists of coders, programmers, and those generating AI visuals, ChatGPT is gradually gaining broader recognition for its role in content creation and ideation. About 14% of Thailand's population of 65.89 million are estimated to be users.

    Looking across the ASEAN region, which has a combined population of roughly 600 million, Indonesia leads in user share with around 32% of its 283.48 million citizens using the platform. The Philippines follows with an estimated 28% of its population (roughly 119 million) engaging with ChatGPT. In Singapore, usage is widespread among high-income, well-educated groups, while Malaysia is seeing steady growth, particularly among tech-savvy users. However, the region still faces significant challenges, including disparities in access to high-speed internet, AI-compatible devices, and the relatively high cost of AI services for certain demographics.

    To address these barriers, OpenAI, the US-based AI company behind ChatGPT, has begun collaborating with telecom providers across Southeast Asia. For example, in Laos, ChatGPT is accessible via the Unitel network; in Malaysia, CelcomDigi is planning to introduce AI-powered add-on services; and in Singapore, Singtel has started bundling AI services into consumer packages. In the Philippines, usage remains limited, while Indonesia is piloting AI services with select customer groups.

    Although Thailand has not yet officially launched ChatGPT service packages, interest is high and discussions with major telecom providers are reportedly underway. Meanwhile, Vietnam, Cambodia, Myanmar, and Brunei remain in the early or pilot phases of deployment.

    Overall, ASEAN markets are showing increased interest and activity around AI services, even though adoption rates have yet to match those in Europe or the United States. Partnerships between OpenAI and regional telecom providers are expected to be key in expanding ChatGPT’s accessibility and integration across broader segments of the population.
    ครั้งแรกที่ทดลองเขียนบทความโดยใช้ ChatGPT หาข้อมูล ช่วยตรวจ และทำภาพประกอบ แต่ยังคงสำนวนของเราเอง ลองแปลภาษาอังกฤษ อันนี้โคตรตื่นเต้น ใช้ ChatGPT แปล ChatGPT in the ASEAN Market Artificial intelligence (AI) is playing an increasingly significant role in everyday life—especially through platforms like ChatGPT, an interactive assistant capable of understanding and responding to human language in a wide variety of contexts. From planning and problem-solving to providing daily advice, ChatGPT has become a go-to tool for many. Currently, it boasts around 800 million users worldwide, with approximately 122 million daily active users. It operates in a competitive field alongside major technology platforms such as Google, Microsoft, and Meta, as well as rising competitors from Asia like DeepSeek, Baidu, Alibaba, and Tencent. In Thailand, while the core user base consists of coders, programmers, and those generating AI visuals, ChatGPT is gradually gaining broader recognition for its role in content creation and ideation. About 14% of Thailand's population of 65.89 million are estimated to be users. Looking across the ASEAN region, which has a combined population of roughly 600 million, Indonesia leads in user share with around 32% of its 283.48 million citizens using the platform. The Philippines follows with an estimated 28% of its population (roughly 119 million) engaging with ChatGPT. In Singapore, usage is widespread among high-income, well-educated groups, while Malaysia is seeing steady growth, particularly among tech-savvy users. However, the region still faces significant challenges, including disparities in access to high-speed internet, AI-compatible devices, and the relatively high cost of AI services for certain demographics. To address these barriers, OpenAI, the US-based AI company behind ChatGPT, has begun collaborating with telecom providers across Southeast Asia. For example, in Laos, ChatGPT is accessible via the Unitel network; in Malaysia, CelcomDigi is planning to introduce AI-powered add-on services; and in Singapore, Singtel has started bundling AI services into consumer packages. In the Philippines, usage remains limited, while Indonesia is piloting AI services with select customer groups. Although Thailand has not yet officially launched ChatGPT service packages, interest is high and discussions with major telecom providers are reportedly underway. Meanwhile, Vietnam, Cambodia, Myanmar, and Brunei remain in the early or pilot phases of deployment. Overall, ASEAN markets are showing increased interest and activity around AI services, even though adoption rates have yet to match those in Europe or the United States. Partnerships between OpenAI and regional telecom providers are expected to be key in expanding ChatGPT’s accessibility and integration across broader segments of the population.
    ChatGPT ในตลาดอาเซียน

    เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม ChatGPT ซึ่งเป็นผู้ช่วยโต้ตอบที่สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษามนุษย์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการวางแผน แก้ปัญหา และให้คำแนะนำในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 800 ล้านคน โดยมีผู้ใช้งานประจำวันราว 122 ล้านคน ท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มจากค่ายเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google, Microsoft, Meta ตลอดจนคู่แข่งจากฝั่งเอเชีย เช่น DeepSeek, Baidu, Alibaba และ Tencent

    สำหรับประเทศไทย แม้กลุ่มผู้ใช้งานหลักจะอยู่ในสายโค้ดดิ้ง โปรแกรมมิ่ง หรือการสร้างภาพ AI แต่ ChatGPT ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้านการใช้สร้างสรรค์เนื้อหาและแนวคิดใหม่ๆ โดยมีสัดส่วนผู้ใช้งานประมาณ 14% จากประชากร 65.89 ล้านคน

    หากพิจารณาภาพรวมของตลาดอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมราว 600 ล้านคน พบว่า อินโดนีเซียมีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด ประมาณ 32% ของประชากร 283.48 ล้านคน รองลงมาคือฟิลิปปินส์ ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 28% จากประชากรราว 119 ล้านคน ส่วนสิงคโปร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มที่มีรายได้สูงและการศึกษาดี ขณะที่มาเลเซียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้สนใจเทคโนโลยีใหม่ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญของภูมิภาคนี้ยังอยู่ที่ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ที่รองรับ AI และต้นทุนบริการที่ยังถือว่าสูงสำหรับประชากรบางส่วน

    ที่ผ่านมา OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทด้าน AI จากสหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัวโครงการ “OpenAI for Countries” ซึ่งเป็นความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และการเข้าถึง ChatGPT ในระดับประเทศ ขณะที่สิงคโปร์ OpenAI ได้ประกาศความร่วมมือกับโครงการ AI Singapore ซึ่งเป็นโครงการร่วมระหว่างรัฐบาลและสถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมการนำ AI มาใช้ในประเทศ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และผ่านเว็บไซต์

    โดยรวมแล้ว ตลาดอาเซียนกำลังตื่นตัวต่อบริการ AI มากขึ้น แม้ยังไม่เทียบเท่าตลาดยุโรปหรือสหรัฐฯ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในภูมิภาค จึงเป็นกุญแจสำคัญในการขยายการเข้าถึง ChatGPT ให้ครอบคลุมประชากรในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

    #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมโรงงานฯ ตรวจสุดซอย รวบบริษัททุนจีนผิดกฎหมายกลางเขต Free Zone ชลบุรี ผนึกกำลังตำรวจ บก.ปทส. และหน่วยงานภาคี สกัดขบวนการอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ
    https://www.thai-tai.tv/news/18981/
    กรมโรงงานฯ ตรวจสุดซอย รวบบริษัททุนจีนผิดกฎหมายกลางเขต Free Zone ชลบุรี ผนึกกำลังตำรวจ บก.ปทส. และหน่วยงานภาคี สกัดขบวนการอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ https://www.thai-tai.tv/news/18981/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts