• รัฐบาลเยอรมนีกำลังวางแผนจัดตั้ง "ซูเปอร์กระทรวงไฮเทค" เพื่อส่งเสริมการวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ นักวิจัยจากสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายงบประมาณของรัฐบาลทรัมป์เข้ามาทำงานในยุโรป

    ✅ การจัดตั้งกระทรวงไฮเทคใหม่
    - กระทรวงใหม่นี้จะดูแลด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ควอนตัมคอมพิวติ้ง, เทคโนโลยีชีวภาพ, การพัฒนาชิป และพลังงานฟิวชัน
    - มีแผนแยกงานวิจัยออกจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - เป้าหมายสำคัญคือการสร้าง เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของพลังงานสะอาด

    ✅ การเพิ่มงบประมาณสนับสนุนการวิจัย
    - รัฐบาลเยอรมนีให้คำมั่นว่าจะเพิ่มงบประมาณสนับสนุนองค์กรวิจัย ปีละ 3% จนถึงปี 2030
    - นโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้เยอรมนีเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก

    ✅ โครงการ "1000 Minds" ดึงดูดนักวิจัยจากสหรัฐฯ
    - เยอรมนีเตรียมเปิดโครงการ "1000 Minds" เพื่อดึงดูดนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ
    - นักวิจัยในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ การตัดงบประมาณครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ในหลายสาขา
    - มีรายงานว่าบางหน่วยงาน เช่น NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration) ต้องลดงบประมาณจนถึงขั้นให้ นักวิจัยทำงานด้านอื่น เช่น ทำความสะอาดห้องน้ำ

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่อสหรัฐฯ และการแข่งขันด้านเทคโนโลยี
    - การดึงนักวิจัยจากสหรัฐฯ อาจทำให้เกิด การสูญเสียบุคลากรสำคัญ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของอเมริกา
    - อาจส่งผลต่อการแข่งขันด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูง ระหว่างยุโรปและสหรัฐฯ

    ℹ️ ความท้าทายในการสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชัน
    - แม้จะมีเป้าหมายสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง แต่เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล
    - การพัฒนาอาจใช้เวลาหลายสิบปี ก่อนที่จะสามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรมได้

    ℹ️ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมวิจัยโลก
    - หากเยอรมนีประสบความสำเร็จ อาจทำให้ยุโรปกลายเป็น ศูนย์กลางวิจัยระดับโลก แทนที่สหรัฐฯ
    - ประเทศอื่นๆ อาจต้องปรับนโยบายเพื่อแข่งขันกับเยอรมนีในการดึงดูดนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์

    https://www.techspot.com/news/107547-germany-new-government-planning-super-high-tech-ministry.html
    รัฐบาลเยอรมนีกำลังวางแผนจัดตั้ง "ซูเปอร์กระทรวงไฮเทค" เพื่อส่งเสริมการวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ นักวิจัยจากสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายงบประมาณของรัฐบาลทรัมป์เข้ามาทำงานในยุโรป ✅ การจัดตั้งกระทรวงไฮเทคใหม่ - กระทรวงใหม่นี้จะดูแลด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ควอนตัมคอมพิวติ้ง, เทคโนโลยีชีวภาพ, การพัฒนาชิป และพลังงานฟิวชัน - มีแผนแยกงานวิจัยออกจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น - เป้าหมายสำคัญคือการสร้าง เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของพลังงานสะอาด ✅ การเพิ่มงบประมาณสนับสนุนการวิจัย - รัฐบาลเยอรมนีให้คำมั่นว่าจะเพิ่มงบประมาณสนับสนุนองค์กรวิจัย ปีละ 3% จนถึงปี 2030 - นโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้เยอรมนีเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก ✅ โครงการ "1000 Minds" ดึงดูดนักวิจัยจากสหรัฐฯ - เยอรมนีเตรียมเปิดโครงการ "1000 Minds" เพื่อดึงดูดนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ - นักวิจัยในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ การตัดงบประมาณครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ในหลายสาขา - มีรายงานว่าบางหน่วยงาน เช่น NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration) ต้องลดงบประมาณจนถึงขั้นให้ นักวิจัยทำงานด้านอื่น เช่น ทำความสะอาดห้องน้ำ ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่อสหรัฐฯ และการแข่งขันด้านเทคโนโลยี - การดึงนักวิจัยจากสหรัฐฯ อาจทำให้เกิด การสูญเสียบุคลากรสำคัญ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของอเมริกา - อาจส่งผลต่อการแข่งขันด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูง ระหว่างยุโรปและสหรัฐฯ ℹ️ ความท้าทายในการสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชัน - แม้จะมีเป้าหมายสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง แต่เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล - การพัฒนาอาจใช้เวลาหลายสิบปี ก่อนที่จะสามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรมได้ ℹ️ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมวิจัยโลก - หากเยอรมนีประสบความสำเร็จ อาจทำให้ยุโรปกลายเป็น ศูนย์กลางวิจัยระดับโลก แทนที่สหรัฐฯ - ประเทศอื่นๆ อาจต้องปรับนโยบายเพื่อแข่งขันกับเยอรมนีในการดึงดูดนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ https://www.techspot.com/news/107547-germany-new-government-planning-super-high-tech-ministry.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New German "super-ministry" hopes to lure US researchers with cutting-edge science agenda
    Germany's three largest political parties have agreed to form a new government, uniting the center-right Christian Democrats and Christian Social Union with the center-left Social Democrats. While...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเข้าถึงง่าย”: กระจกบานใหญ่จาก Bundestag สู่สภาไทย

    ในขณะที่การเมืองไทยยังคงติดหล่มแห่งความไม่โปร่งใส การซื้อเสียง ความไม่รับผิดชอบ และการลอยตัวของผู้มีอำนาจเหนือประชาชน ประเทศเยอรมนีกลับสร้างต้นแบบของความซื่อสัตย์สุจริตไว้ตรงกลางกรุงเบอร์ลิน

    Bundestag หรือรัฐสภาเยอรมัน ที่สะท้อนหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

    ตัวอาคาร Reichstag ไม่ได้มีดีแค่ความอลังการทางสถาปัตยกรรม แต่คือคำประกาศเจตนารมณ์แห่งความโปร่งใส โดมแก้วเหนือห้องประชุมคือการบอกกับประชาชนว่า “พวกคุณมีสิทธิ์รู้ เห็น และตรวจสอบได้ทุกการเคลื่อนไหวของเรา” ผู้แทนราษฎรที่นั่งอยู่ภายใต้แสงธรรมชาติจากโดมแก้วนั้น จึงไม่มีที่ให้ซ่อน ไม่มีเงามืดให้แอบแฝง

    ขณะที่เมืองไทยกลับเต็มไปด้วย "โดมทึบ" ที่ประชาชนไม่มีวันมองผ่านได้ ห้องประชุมที่ถูกใช้เป็นเวทีลิเก ผลาญงบประมาณและโต้เถียงกันเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม มากกว่าจะออกกฎหมายที่ตอบสนองต่อเสียงของประชาชน

    นักการเมืองไทยบางคนกลัวความโปร่งใสเหมือนผีเห็นแสงแดด กลัวการตรวจสอบเหมือนขโมยกลัวกล้องวงจรปิด เพราะพวกเขาไม่ได้มองว่าตัวเองเป็น "ผู้รับใช้ประชาชน" แต่เป็นเจ้าของอำนาจ

    ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะสร้าง "Reichstag ทางจิตวิญญาณ" — ที่ไม่ต้องใช้กระจกจริงมาติด แต่ใช้หลักคิดแห่งความโปร่งใส เปิดเผย และเคารพประชาชนอย่างแท้จริง

    ความโปร่งใสไม่ใช่แค่เครื่องประดับของระบอบประชาธิปไตย แต่มันคือหัวใจของมัน ถ้าไม่มีหัวใจนี้ สภาก็ไม่ต่างอะไรจากโรงละครที่แสดงละครซ้ำซากเรื่องเดียว — “อำนาจเป็นของข้า ประชาชนจงเงียบ”

    #thawornboonyawan
    #คนไทยต้องรอด
    #คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง
    Credit image : Twontrot Boon

    “Transparency, Accountability, and Accessibility”: A Giant Mirror from the Bundestag to Thailand’s Parliament

    While Thai politics remains mired in a culture of opacity, vote-buying, irresponsibility, and the detachment of power from the people, Germany has built a powerful symbol of integrity in the heart of Berlin — the Bundestag, or German federal parliament, which embodies the true essence of democracy.

    The Reichstag building is more than an architectural marvel; it is a declaration of transparency. The glass dome above the parliamentary chamber sends a clear message to the public: “You have the right to see, know, and scrutinize every action we take.” Lawmakers sit beneath natural light, visible from above — there is nowhere to hide, no shadow to scheme in.

    In contrast, Thailand is shrouded in “opaque domes” through which the people can never see. Parliamentary halls have become theatrical stages — wasting public funds and bickering over special interests rather than legislating in the people's best interest.

    Some Thai politicians fear transparency like ghosts fear daylight. They fear scrutiny the way thieves fear surveillance cameras. Because deep down, they don't see themselves as public servants — but as power-holders.

    Isn’t it time for Thailand to build its own “spiritual Reichstag”? Not with physical glass, but with a mindset rooted in openness, honesty, and deep respect for the people.

    Transparency is not a decorative feature of democracy — it is its heart. Without that heart, the parliament is nothing more than a stage for a tired play, endlessly repeating the same act: “Power belongs to us; the people must stay silent.”
    “โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเข้าถึงง่าย”: กระจกบานใหญ่จาก Bundestag สู่สภาไทย ในขณะที่การเมืองไทยยังคงติดหล่มแห่งความไม่โปร่งใส การซื้อเสียง ความไม่รับผิดชอบ และการลอยตัวของผู้มีอำนาจเหนือประชาชน ประเทศเยอรมนีกลับสร้างต้นแบบของความซื่อสัตย์สุจริตไว้ตรงกลางกรุงเบอร์ลิน Bundestag หรือรัฐสภาเยอรมัน ที่สะท้อนหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ตัวอาคาร Reichstag ไม่ได้มีดีแค่ความอลังการทางสถาปัตยกรรม แต่คือคำประกาศเจตนารมณ์แห่งความโปร่งใส โดมแก้วเหนือห้องประชุมคือการบอกกับประชาชนว่า “พวกคุณมีสิทธิ์รู้ เห็น และตรวจสอบได้ทุกการเคลื่อนไหวของเรา” ผู้แทนราษฎรที่นั่งอยู่ภายใต้แสงธรรมชาติจากโดมแก้วนั้น จึงไม่มีที่ให้ซ่อน ไม่มีเงามืดให้แอบแฝง ขณะที่เมืองไทยกลับเต็มไปด้วย "โดมทึบ" ที่ประชาชนไม่มีวันมองผ่านได้ ห้องประชุมที่ถูกใช้เป็นเวทีลิเก ผลาญงบประมาณและโต้เถียงกันเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม มากกว่าจะออกกฎหมายที่ตอบสนองต่อเสียงของประชาชน นักการเมืองไทยบางคนกลัวความโปร่งใสเหมือนผีเห็นแสงแดด กลัวการตรวจสอบเหมือนขโมยกลัวกล้องวงจรปิด เพราะพวกเขาไม่ได้มองว่าตัวเองเป็น "ผู้รับใช้ประชาชน" แต่เป็นเจ้าของอำนาจ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะสร้าง "Reichstag ทางจิตวิญญาณ" — ที่ไม่ต้องใช้กระจกจริงมาติด แต่ใช้หลักคิดแห่งความโปร่งใส เปิดเผย และเคารพประชาชนอย่างแท้จริง ความโปร่งใสไม่ใช่แค่เครื่องประดับของระบอบประชาธิปไตย แต่มันคือหัวใจของมัน ถ้าไม่มีหัวใจนี้ สภาก็ไม่ต่างอะไรจากโรงละครที่แสดงละครซ้ำซากเรื่องเดียว — “อำนาจเป็นของข้า ประชาชนจงเงียบ” #thawornboonyawan #คนไทยต้องรอด #คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง Credit image : Twontrot Boon “Transparency, Accountability, and Accessibility”: A Giant Mirror from the Bundestag to Thailand’s Parliament While Thai politics remains mired in a culture of opacity, vote-buying, irresponsibility, and the detachment of power from the people, Germany has built a powerful symbol of integrity in the heart of Berlin — the Bundestag, or German federal parliament, which embodies the true essence of democracy. The Reichstag building is more than an architectural marvel; it is a declaration of transparency. The glass dome above the parliamentary chamber sends a clear message to the public: “You have the right to see, know, and scrutinize every action we take.” Lawmakers sit beneath natural light, visible from above — there is nowhere to hide, no shadow to scheme in. In contrast, Thailand is shrouded in “opaque domes” through which the people can never see. Parliamentary halls have become theatrical stages — wasting public funds and bickering over special interests rather than legislating in the people's best interest. Some Thai politicians fear transparency like ghosts fear daylight. They fear scrutiny the way thieves fear surveillance cameras. Because deep down, they don't see themselves as public servants — but as power-holders. Isn’t it time for Thailand to build its own “spiritual Reichstag”? Not with physical glass, but with a mindset rooted in openness, honesty, and deep respect for the people. Transparency is not a decorative feature of democracy — it is its heart. Without that heart, the parliament is nothing more than a stage for a tired play, endlessly repeating the same act: “Power belongs to us; the people must stay silent.”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 391 มุมมอง 0 รีวิว
  • เยอรมนี โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Jörg Kukies ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้ทางภาษีที่อาจเกิดขึ้นจาก EU หากการเจรจาระหว่างสองฝ่ายล้มเหลว โดยเฉพาะการพิจารณาภาษีใหม่ในอุตสาหกรรมดิจิทัล เช่น การโฆษณาออนไลน์ ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายประเทศใน EU เช่น ไอร์แลนด์และลักเซมเบิร์ก มีความกังวล เนื่องจากเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ

    ในขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าทุกมาตรการยังคงอยู่บนโต๊ะ รวมถึงการเก็บภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Meta และ Google

    ✅ การเรียกร้องของเยอรมนี
    - เยอรมนีเรียกร้องให้ EU ใช้ความระมัดระวังในการตอบโต้ทางภาษี
    - รัฐมนตรี Jörg Kukies เน้นถึงความสำคัญของการพิจารณาผลกระทบในแต่ละอุตสาหกรรม

    ✅ การพิจารณาภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัล
    - ฝรั่งเศสเสนอการเก็บภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัล เช่น การโฆษณาออนไลน์
    - ไอร์แลนด์และลักเซมเบิร์กแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยี

    ✅ การลดภาษีชั่วคราว
    - สหรัฐฯ ลดภาษีจาก 20% เหลือ 10% ในช่วง 90 วัน
    - การลดภาษีนี้อาจถูกยกเลิกหาก EU ตอบโต้ทางภาษี

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    - การตอบโต้ทางภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่าง EU และสหรัฐฯ
    - ความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

    ℹ️ ผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยี
    - การเก็บภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัลอาจเพิ่มต้นทุนให้กับบริษัทเทคโนโลยี
    - บริษัทในไอร์แลนด์และลักเซมเบิร์กอาจได้รับผลกระทบโดยตรง

    https://wccftech.com/germany-pushes-for-caution-on-tariffs-retaliation/
    เยอรมนี โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Jörg Kukies ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้ทางภาษีที่อาจเกิดขึ้นจาก EU หากการเจรจาระหว่างสองฝ่ายล้มเหลว โดยเฉพาะการพิจารณาภาษีใหม่ในอุตสาหกรรมดิจิทัล เช่น การโฆษณาออนไลน์ ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายประเทศใน EU เช่น ไอร์แลนด์และลักเซมเบิร์ก มีความกังวล เนื่องจากเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าทุกมาตรการยังคงอยู่บนโต๊ะ รวมถึงการเก็บภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Meta และ Google ✅ การเรียกร้องของเยอรมนี - เยอรมนีเรียกร้องให้ EU ใช้ความระมัดระวังในการตอบโต้ทางภาษี - รัฐมนตรี Jörg Kukies เน้นถึงความสำคัญของการพิจารณาผลกระทบในแต่ละอุตสาหกรรม ✅ การพิจารณาภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัล - ฝรั่งเศสเสนอการเก็บภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัล เช่น การโฆษณาออนไลน์ - ไอร์แลนด์และลักเซมเบิร์กแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยี ✅ การลดภาษีชั่วคราว - สหรัฐฯ ลดภาษีจาก 20% เหลือ 10% ในช่วง 90 วัน - การลดภาษีนี้อาจถูกยกเลิกหาก EU ตอบโต้ทางภาษี ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ - การตอบโต้ทางภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่าง EU และสหรัฐฯ - ความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ℹ️ ผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยี - การเก็บภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัลอาจเพิ่มต้นทุนให้กับบริษัทเทคโนโลยี - บริษัทในไอร์แลนด์และลักเซมเบิร์กอาจได้รับผลกระทบโดยตรง https://wccftech.com/germany-pushes-for-caution-on-tariffs-retaliation/
    WCCFTECH.COM
    Germany Pushes for Caution on EU Tariff Retaliation
    In response to proposed retaliation on the tariffs on the EU, Germany has pushed for caution on what actions may be taken.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11-04-68/03 : หมี CNN / ผู้ใหญ่เหี้ย..พาเด็กซวย! ท่าทางอียิวมันคงเครียดแค้นอีอินทรีเหล็กอย่างหนัก กะไม่ให้เหลือลูกหลานไว้สืบพันธุ์ต่อไป ลากเด็ก เยาวชนมาตายห่าให้หมด เอาให้บ้านเมืองเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน? ปชต.ตอแหล จะเติบโตเต็มที่ ในพื้นที่ ที่มีควายหน้าโง่เยอะที่สุด ยิ่ง EGO แรง ขาดสติ สิ้นชาติ สูญพันธุ์ง่ายดาย มรึงฆ่ากันเองตายไม่พอ ยังจะเอาลูกหลานไปตายห่าต่ออีก ให้ภาพจำในวัยเด็ก มีแต่เรื่องปืนและการเข่นฆ่า นี่เหรอ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ที่มรึงอุตส่าห์ตอแหลสร้างกันมายาวนานนับศตวรรษ อะไรน่ะ สิทธิ เสรีภาพ มนุษยชน คือเรื่องเอาไว้หลอกควายหน้าโง่จ๊ะ แผ่นดินใคร ใครก็ต้องปกป้อง ไม่ใช่เอารูปแบบการปกครองชาติหมาที่อื่นมาอ้าง แล้วปล้นแผ่นดินเค้าไปทั่ว ปชต.พ่องดิ? เรื่องสร้างความตื่นตระหนก อีโง่ยุโรปมันถนัด เพราะแท้จริงแล้ว ฝรั่งขี้ขลาดกว่าเอเซียเยอะ กลัวตาย ถึงเวลาสู้ เผ่นหางจุกตูดหมด ผิดกับสายพันธุ์สลาฟ ฮั่น และอโยธยา พุ่งเข้าใส่ ใจมันได้ ตายไม่กลัว กลัวไม่ได้สู้เพื่อแผ่นดินเกิด การปลุกฝังมันต่างกัน กว่าจะเป็นแผ่นดินพ่อทุกวันนี้ได้ เราต้องแลกกับอะไรมาเยอะ เมื่อเทคโนโลยีเอเซียก้าวกระโดดแซงหน้าไอ้อีเหี้ยตะวันตก มันถึงได้เกิดการแข็งข้อแบบนี้ไงล่ะ? ใครมันจะยอมตามหลัง ไอ้อีหน้าโง่ ที่โง่ดักดาน โง่บัดซบกว่ากู 100 เท่า กันล่ะ? ที่อียุโรปเอาเด็กมาบังหน้า กูอ่านแผนออกเลย เดาไม่ยาก ถึงเวลาจริง ดันส่งเด็ก สตรี คนชรา มายื่นแถวหน้า เพื่อขู่รัสเซีย แน่จริงยิงสิฟ่ะ? รัสเซียสุภาพบุรุษพอ เปิดโจ๊ะเจรจา แล้วค่อยเก็บไอ้พวกเหี้ยอย่างมรึงกลางที่ประชุมนั่นแหละ ชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อน เอาแบบแม่นยำ เป๊ะเด๊ะ ลงกลางหัว กลางเป้า กลางตึกกันไปเลย ทหารจะฆ่าศัตรูที่เป็นทหาร เค้าไม่ฆ่าพลเรือน เหมือนที่พวกระยำสลัดหมาอย่างมรึงทำกันมาก่อนหน้า อีโปล อีไวกิ้ง รู้ตัว ไม่ตายคาตรีนเครมลิน ก็ตายคาตรีนวอชิงตัน แต่กูจะบอกให้ หากมรึงรู้ชะตากรรมตัวเอง ว่ายังไงก็ต้องเสียดินแดนแล้วไซร้ สู้อยู่กับผู้ที่เปิดช่องทางอยู่ร่วมกันดีกว่ามั้ย หากอยู่กับอีวอชิงตัน มรึงก็เป็นได้แค่ ขี้ข้ารองตรีนเท่านั้น! ลำดับอาหารอันโอชะจานโปรดของปูติน เริ่มที่อียูเครน ต่อ อีโปล+อี 3 เสือก ต่อ สแกนดิเนเวีย ต่อ ลอนดอน ทั้งหมดจบลงที่ท่อแก็สอาร์คติค เข้าเชื่อมยุโรป เอเซีย อาหรับ แอฟริกา ตอนนี้สิ่งที่ปูตินทำคือ ตัดแขน ตัดขา มรึงหมดเกลี้ยงแล้ว รอแค่บดขยี้ ไปเรื่อยๆ จนมรึงต้องยอมหมอบ บีบจนมรึงไม่มีจะแดร๊ก ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีอาหาร และน้ำ จะอยู่กันต่อยังไง? สุดท้ายก็ต้องจบที่โต๊ะเจรจา ด้วยการแพ้สงครามอย่างไม่มีเงื่อนไข กติกาใหม่โลกถึงจะก่อเกิดสำเร็จ และนั่นคือการตัดขาดยุโรปออกจากสหรัฐ อย่างเต็มตรีน ชั่วโมงนี้ เหี้ยมันจ้องหักหลังกันเองแน่ ทำชัวร์ เพราะใครดี ใครได้ ใครรอด? หมากัดกัน ภาพที่น่าสมเพช จนมรึงแทบอ๊วก

    Germany to prepare children for war – Handelsblatt หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ระบุว่า เยอรมนีจะเตรียมเยาวชนให้พร้อมสำหรับสงคราม

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ระบุว่า เยอรมนีจะเตรียมเยาวชนให้พร้อมสำหรับสงคราม

    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ Handelsblatt รายงานจากโฆษกกระทรวงว่า กระทรวงมหาดไทยของเยอรมนีเสนอให้โรงเรียนเตรียมนักเรียนให้พร้อมกับวิกฤติต่างๆรวมถึงสงคราม

    ข้อเสนอต่อ “ความพร้อมของประชาชน” จากรัฐบาลยุโรปตะวันตกตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งและเริ่มเป็นตัวกลางในการเจรจาสันติภาพกับยูเครนซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศเยอรมนี อันนาเลนา บาเออร์บ๊อกมองว่าเป็น “ทางตัน”

    ตามรายงาน การโจมตีของรัสเซียต่อประเทศนาโต้ “ในช่วง 4-7 ปี” ถือว่าเป็น “สถานการณ์ที่เป็นไปได้” ตามคำพูดของกองทัพ Bundeswehr

    เด็กนักเรียนควร “ได้รับการเตรียมพร้อมต่อเหตุการณ์ที่แย่ที่สุด” การฝึกซ้อมเพื่อรับมือกับวิกฤติควรอยู่ในหลักสูตรและสิ่งของจำเป็นสำหรับเหตุฉุกเฉินควรมีอยู่ทุกบ้าน

    รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าพวกเขาอาจโจมตีประเทศนาโตัตั้งแต่ความรุนแรงจากสงครามยูเครนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องเกี่ยวกับความพร้อมของประชาชนแพร่กระจายไปทั่วยุโรปและอังกฤษในสัปดาห์ที่แล้ว

    คณะกรรมาธิการยุโรปแนะนำว่า ชาวยุโรปควรกักตุนสินค้าจำเป็นรวมถึงอาหารและน้ำเพื่อให้เพียงพอสำหรับ 3 วันหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

    โปแลนด์และนอร์เวย์ย้ำถึงมาตรการสมัยสงครามเย็นอย่างที่เก็บระเบิด ป้อมหลบภัย และการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ ขณะที่สวีเดนและฟินแลนด์มีคำแนะนำให้ประชาชนต่อการตอบโต้หากประเทศถูกโจมตี

    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียระบุว่า ประเทศพร้อมเจรจาหยุดยิงอย่างถาวรเพื่อยุติความขัดแย้งกับยูเครนหากมีการยืนยันว่า ยูเครนจะยอมทำตาม

    ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินและประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์พูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อเดือนที่แล้วหลังรัสเซียตกลงที่จะยืดเวลาการโจมตีโรงพลังงานพร้อมการลงนามต่อข้อเสนอของยูเครน อย่างไรก็ตาม รัสเซียกล่าวหายูเครนว่าละเมิดข้อตกลงแม้จะบอกว่าพวกเขาให้เกียรติรัสเซีย

    https://www.rt.com/news/615355-germany-prepare-children-war/

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    11-04-68/03 : หมี CNN / ผู้ใหญ่เหี้ย..พาเด็กซวย! ท่าทางอียิวมันคงเครียดแค้นอีอินทรีเหล็กอย่างหนัก กะไม่ให้เหลือลูกหลานไว้สืบพันธุ์ต่อไป ลากเด็ก เยาวชนมาตายห่าให้หมด เอาให้บ้านเมืองเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน? ปชต.ตอแหล จะเติบโตเต็มที่ ในพื้นที่ ที่มีควายหน้าโง่เยอะที่สุด ยิ่ง EGO แรง ขาดสติ สิ้นชาติ สูญพันธุ์ง่ายดาย มรึงฆ่ากันเองตายไม่พอ ยังจะเอาลูกหลานไปตายห่าต่ออีก ให้ภาพจำในวัยเด็ก มีแต่เรื่องปืนและการเข่นฆ่า นี่เหรอ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ขัดแย้งกับภาพลักษณ์ที่มรึงอุตส่าห์ตอแหลสร้างกันมายาวนานนับศตวรรษ อะไรน่ะ สิทธิ เสรีภาพ มนุษยชน คือเรื่องเอาไว้หลอกควายหน้าโง่จ๊ะ แผ่นดินใคร ใครก็ต้องปกป้อง ไม่ใช่เอารูปแบบการปกครองชาติหมาที่อื่นมาอ้าง แล้วปล้นแผ่นดินเค้าไปทั่ว ปชต.พ่องดิ? เรื่องสร้างความตื่นตระหนก อีโง่ยุโรปมันถนัด เพราะแท้จริงแล้ว ฝรั่งขี้ขลาดกว่าเอเซียเยอะ กลัวตาย ถึงเวลาสู้ เผ่นหางจุกตูดหมด ผิดกับสายพันธุ์สลาฟ ฮั่น และอโยธยา พุ่งเข้าใส่ ใจมันได้ ตายไม่กลัว กลัวไม่ได้สู้เพื่อแผ่นดินเกิด การปลุกฝังมันต่างกัน กว่าจะเป็นแผ่นดินพ่อทุกวันนี้ได้ เราต้องแลกกับอะไรมาเยอะ เมื่อเทคโนโลยีเอเซียก้าวกระโดดแซงหน้าไอ้อีเหี้ยตะวันตก มันถึงได้เกิดการแข็งข้อแบบนี้ไงล่ะ? ใครมันจะยอมตามหลัง ไอ้อีหน้าโง่ ที่โง่ดักดาน โง่บัดซบกว่ากู 100 เท่า กันล่ะ? ที่อียุโรปเอาเด็กมาบังหน้า กูอ่านแผนออกเลย เดาไม่ยาก ถึงเวลาจริง ดันส่งเด็ก สตรี คนชรา มายื่นแถวหน้า เพื่อขู่รัสเซีย แน่จริงยิงสิฟ่ะ? รัสเซียสุภาพบุรุษพอ เปิดโจ๊ะเจรจา แล้วค่อยเก็บไอ้พวกเหี้ยอย่างมรึงกลางที่ประชุมนั่นแหละ ชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อน เอาแบบแม่นยำ เป๊ะเด๊ะ ลงกลางหัว กลางเป้า กลางตึกกันไปเลย ทหารจะฆ่าศัตรูที่เป็นทหาร เค้าไม่ฆ่าพลเรือน เหมือนที่พวกระยำสลัดหมาอย่างมรึงทำกันมาก่อนหน้า อีโปล อีไวกิ้ง รู้ตัว ไม่ตายคาตรีนเครมลิน ก็ตายคาตรีนวอชิงตัน แต่กูจะบอกให้ หากมรึงรู้ชะตากรรมตัวเอง ว่ายังไงก็ต้องเสียดินแดนแล้วไซร้ สู้อยู่กับผู้ที่เปิดช่องทางอยู่ร่วมกันดีกว่ามั้ย หากอยู่กับอีวอชิงตัน มรึงก็เป็นได้แค่ ขี้ข้ารองตรีนเท่านั้น! ลำดับอาหารอันโอชะจานโปรดของปูติน เริ่มที่อียูเครน ต่อ อีโปล+อี 3 เสือก ต่อ สแกนดิเนเวีย ต่อ ลอนดอน ทั้งหมดจบลงที่ท่อแก็สอาร์คติค เข้าเชื่อมยุโรป เอเซีย อาหรับ แอฟริกา ตอนนี้สิ่งที่ปูตินทำคือ ตัดแขน ตัดขา มรึงหมดเกลี้ยงแล้ว รอแค่บดขยี้ ไปเรื่อยๆ จนมรึงต้องยอมหมอบ บีบจนมรึงไม่มีจะแดร๊ก ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีอาหาร และน้ำ จะอยู่กันต่อยังไง? สุดท้ายก็ต้องจบที่โต๊ะเจรจา ด้วยการแพ้สงครามอย่างไม่มีเงื่อนไข กติกาใหม่โลกถึงจะก่อเกิดสำเร็จ และนั่นคือการตัดขาดยุโรปออกจากสหรัฐ อย่างเต็มตรีน ชั่วโมงนี้ เหี้ยมันจ้องหักหลังกันเองแน่ ทำชัวร์ เพราะใครดี ใครได้ ใครรอด? หมากัดกัน ภาพที่น่าสมเพช จนมรึงแทบอ๊วก Germany to prepare children for war – Handelsblatt หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ระบุว่า เยอรมนีจะเตรียมเยาวชนให้พร้อมสำหรับสงคราม ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : หนังสือพิมพ์ Handelsblatt ระบุว่า เยอรมนีจะเตรียมเยาวชนให้พร้อมสำหรับสงคราม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ Handelsblatt รายงานจากโฆษกกระทรวงว่า กระทรวงมหาดไทยของเยอรมนีเสนอให้โรงเรียนเตรียมนักเรียนให้พร้อมกับวิกฤติต่างๆรวมถึงสงคราม ข้อเสนอต่อ “ความพร้อมของประชาชน” จากรัฐบาลยุโรปตะวันตกตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งและเริ่มเป็นตัวกลางในการเจรจาสันติภาพกับยูเครนซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศเยอรมนี อันนาเลนา บาเออร์บ๊อกมองว่าเป็น “ทางตัน” ตามรายงาน การโจมตีของรัสเซียต่อประเทศนาโต้ “ในช่วง 4-7 ปี” ถือว่าเป็น “สถานการณ์ที่เป็นไปได้” ตามคำพูดของกองทัพ Bundeswehr เด็กนักเรียนควร “ได้รับการเตรียมพร้อมต่อเหตุการณ์ที่แย่ที่สุด” การฝึกซ้อมเพื่อรับมือกับวิกฤติควรอยู่ในหลักสูตรและสิ่งของจำเป็นสำหรับเหตุฉุกเฉินควรมีอยู่ทุกบ้าน รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าพวกเขาอาจโจมตีประเทศนาโตัตั้งแต่ความรุนแรงจากสงครามยูเครนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องเกี่ยวกับความพร้อมของประชาชนแพร่กระจายไปทั่วยุโรปและอังกฤษในสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมาธิการยุโรปแนะนำว่า ชาวยุโรปควรกักตุนสินค้าจำเป็นรวมถึงอาหารและน้ำเพื่อให้เพียงพอสำหรับ 3 วันหากเกิดเหตุฉุกเฉิน โปแลนด์และนอร์เวย์ย้ำถึงมาตรการสมัยสงครามเย็นอย่างที่เก็บระเบิด ป้อมหลบภัย และการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ ขณะที่สวีเดนและฟินแลนด์มีคำแนะนำให้ประชาชนต่อการตอบโต้หากประเทศถูกโจมตี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียระบุว่า ประเทศพร้อมเจรจาหยุดยิงอย่างถาวรเพื่อยุติความขัดแย้งกับยูเครนหากมีการยืนยันว่า ยูเครนจะยอมทำตาม ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินและประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์พูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อเดือนที่แล้วหลังรัสเซียตกลงที่จะยืดเวลาการโจมตีโรงพลังงานพร้อมการลงนามต่อข้อเสนอของยูเครน อย่างไรก็ตาม รัสเซียกล่าวหายูเครนว่าละเมิดข้อตกลงแม้จะบอกว่าพวกเขาให้เกียรติรัสเซีย https://www.rt.com/news/615355-germany-prepare-children-war/ ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.RT.COM
    Germany to prepare children for war – Handelsblatt
    The newspaper has described a Russian attack on NATO territory as “a realistic scenario,” despite Moscow’s reassurances and peace talks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 รีวิว
  • German A. วิศวกรรัสเซียถูกกล่าวหาว่าขโมยข้อมูลจาก ASML และ NXP เพื่อช่วยรัสเซียตั้งโรงงานผลิตชิประดับ 28nm โดยส่งข้อมูล ผ่านคลาวด์และแอปแชท รวมถึง USB Drive หน่วยข่าวกรองตรวจพบว่า เขายังพยายามซื้อเครื่องมือผลิตชิป แต่สุดท้าย ไม่ได้รับเครื่องดังกล่าว ASML และ NXP เคยเจอปัญหาการโจรกรรมไซเบอร์จากจีนมาก่อน ทำให้พวกเขาเริ่มปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลมากขึ้น

    ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีอะไรบ้าง?
    - คู่มือการผลิตเซมิคอนดักเตอร์จาก ASML และ TSMC
    - เอกสารภายในเกี่ยวกับเครื่องจักรที่ใช้ผลิตชิป

    ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยสามารถช่วยรัสเซียสร้างโรงงานผลิตชิประดับ 28nm
    - แม้ว่าข้อมูลที่ถูกขโมยจะไม่ใช่ แผนการผลิตชิปทั้งหมด แต่สามารถช่วย ตั้งไลน์ผลิตพื้นฐาน
    - เทคโนโลยี 28nm ถือว่า ล้ำหน้าพอสำหรับการใช้งานทางทหาร

    ✅ การพยายามขอซื้อเครื่องผลิตชิปรายละเอียดสูง
    - German A. เคยพยายามซื้อเครื่อง Chemical Vapor Deposition แต่สุดท้าย เครื่องไม่ได้ถูกส่งไปยังรัสเซีย

    ✅ ถูกจับกุมเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 หลังหน่วยข่าวกรองรายงานข้อมูลการสืบสวน
    - หลังการจับกุม ASML และ NXP ถูกแจ้งเตือนเกี่ยวกับ เหตุการณ์จารกรรมนี้

    ✅ ASML และ NXP เคยเผชิญการโจรกรรมไซเบอร์มาก่อน
    - ในปี 2023 กลุ่มแฮกเกอร์จีนแทรกซึมระบบของ NXP
    - ในปี 2022 อดีตพนักงาน ASML ชาวจีนถูกจับข้อหาขโมยข้อมูล

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/russian-spy-infiltrates-asml-and-nxp-to-steal-technical-data-necessary-to-build-28nm-capable-fabs
    German A. วิศวกรรัสเซียถูกกล่าวหาว่าขโมยข้อมูลจาก ASML และ NXP เพื่อช่วยรัสเซียตั้งโรงงานผลิตชิประดับ 28nm โดยส่งข้อมูล ผ่านคลาวด์และแอปแชท รวมถึง USB Drive หน่วยข่าวกรองตรวจพบว่า เขายังพยายามซื้อเครื่องมือผลิตชิป แต่สุดท้าย ไม่ได้รับเครื่องดังกล่าว ASML และ NXP เคยเจอปัญหาการโจรกรรมไซเบอร์จากจีนมาก่อน ทำให้พวกเขาเริ่มปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลมากขึ้น ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีอะไรบ้าง? - คู่มือการผลิตเซมิคอนดักเตอร์จาก ASML และ TSMC - เอกสารภายในเกี่ยวกับเครื่องจักรที่ใช้ผลิตชิป ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยสามารถช่วยรัสเซียสร้างโรงงานผลิตชิประดับ 28nm - แม้ว่าข้อมูลที่ถูกขโมยจะไม่ใช่ แผนการผลิตชิปทั้งหมด แต่สามารถช่วย ตั้งไลน์ผลิตพื้นฐาน - เทคโนโลยี 28nm ถือว่า ล้ำหน้าพอสำหรับการใช้งานทางทหาร ✅ การพยายามขอซื้อเครื่องผลิตชิปรายละเอียดสูง - German A. เคยพยายามซื้อเครื่อง Chemical Vapor Deposition แต่สุดท้าย เครื่องไม่ได้ถูกส่งไปยังรัสเซีย ✅ ถูกจับกุมเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 หลังหน่วยข่าวกรองรายงานข้อมูลการสืบสวน - หลังการจับกุม ASML และ NXP ถูกแจ้งเตือนเกี่ยวกับ เหตุการณ์จารกรรมนี้ ✅ ASML และ NXP เคยเผชิญการโจรกรรมไซเบอร์มาก่อน - ในปี 2023 กลุ่มแฮกเกอร์จีนแทรกซึมระบบของ NXP - ในปี 2022 อดีตพนักงาน ASML ชาวจีนถูกจับข้อหาขโมยข้อมูล https://www.tomshardware.com/tech-industry/russian-spy-infiltrates-asml-and-nxp-to-steal-technical-data-necessary-to-build-28nm-capable-fabs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung Germany ประสบเหตุการณ์ข้อมูลลูกค้ารั่วไหลกว่า 270,000 รายการ โดยแฮกเกอร์ GHNA อ้างว่าขโมยข้อมูลจากระบบสนับสนุนของบริษัท สาเหตุเกิดจากรหัสล็อกอินที่ถูกขโมยตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงมานานหลายปี นักวิจัยชี้ว่าการละเลยมาตรการด้านรหัสผ่านทำให้เกิดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถใช้โจมตีในภายหลังได้ Samsung ยืนยันเหตุการณ์นี้ แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

    ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีอะไรบ้าง?
    - ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, ข้อมูลการสั่งซื้อ และการติดต่อภายในบริษัท
    - ข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้ในการ โจมตีแบบฟิชชิ่ง หรือปลอมแปลงตัวตน

    ✅ แฮกเกอร์ใช้รหัสล็อกอินที่ถูกขโมยตั้งแต่ปี 2021
    - นักวิจัยจาก Hudson Rock ค้นพบว่าแฮกเกอร์ได้เข้าถึงระบบผ่านรหัสล็อกอินที่ถูกขโมยตั้งแต่ ปี 2021
    - รหัสนี้ถูกขโมยจาก พนักงานของบริษัท IT Spectos ซึ่งให้บริการระบบสนับสนุนของ Samsung

    ✅ บัญชีที่ไม่ได้เปลี่ยนรหัสผ่านเป็นเวลานานเป็นช่องโหว่สำคัญ
    - แม้จะมีการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้น แต่บางองค์กร ยังคงใช้รหัสผ่านเก่าที่ไม่ได้เปลี่ยนมานานหลายปี
    - กรณีของ Samsung แสดงให้เห็นว่า รหัสผ่านที่หลุดไปในอดีต อาจกลายเป็นช่องทางโจมตีที่มีประสิทธิภาพแม้เวลาจะผ่านไปหลายปี

    ✅ Samsung Germany ยืนยันว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด
    - Samsung ระบุว่า การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตเกิดขึ้นในระบบของพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ
    - อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการชี้แจงอย่างละเอียดเกี่ยวกับ ขอบเขตของการโจรกรรมข้อมูลและแผนรับมือ

    ✅ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Samsung ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    - ในปี 2022 Samsung US เคยถูกเจาะระบบ และข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าถูกขโมยไป
    - เหตุการณ์เหล่านี้ตอกย้ำว่า องค์กรใหญ่ ๆ ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/3952979/hacker-steals-customer-data-from-samsung-germany.html
    Samsung Germany ประสบเหตุการณ์ข้อมูลลูกค้ารั่วไหลกว่า 270,000 รายการ โดยแฮกเกอร์ GHNA อ้างว่าขโมยข้อมูลจากระบบสนับสนุนของบริษัท สาเหตุเกิดจากรหัสล็อกอินที่ถูกขโมยตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงมานานหลายปี นักวิจัยชี้ว่าการละเลยมาตรการด้านรหัสผ่านทำให้เกิดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถใช้โจมตีในภายหลังได้ Samsung ยืนยันเหตุการณ์นี้ แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมยมีอะไรบ้าง? - ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, ข้อมูลการสั่งซื้อ และการติดต่อภายในบริษัท - ข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้ในการ โจมตีแบบฟิชชิ่ง หรือปลอมแปลงตัวตน ✅ แฮกเกอร์ใช้รหัสล็อกอินที่ถูกขโมยตั้งแต่ปี 2021 - นักวิจัยจาก Hudson Rock ค้นพบว่าแฮกเกอร์ได้เข้าถึงระบบผ่านรหัสล็อกอินที่ถูกขโมยตั้งแต่ ปี 2021 - รหัสนี้ถูกขโมยจาก พนักงานของบริษัท IT Spectos ซึ่งให้บริการระบบสนับสนุนของ Samsung ✅ บัญชีที่ไม่ได้เปลี่ยนรหัสผ่านเป็นเวลานานเป็นช่องโหว่สำคัญ - แม้จะมีการโจมตีไซเบอร์เพิ่มขึ้น แต่บางองค์กร ยังคงใช้รหัสผ่านเก่าที่ไม่ได้เปลี่ยนมานานหลายปี - กรณีของ Samsung แสดงให้เห็นว่า รหัสผ่านที่หลุดไปในอดีต อาจกลายเป็นช่องทางโจมตีที่มีประสิทธิภาพแม้เวลาจะผ่านไปหลายปี ✅ Samsung Germany ยืนยันว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด - Samsung ระบุว่า การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตเกิดขึ้นในระบบของพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ - อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการชี้แจงอย่างละเอียดเกี่ยวกับ ขอบเขตของการโจรกรรมข้อมูลและแผนรับมือ ✅ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Samsung ประสบปัญหาด้านความปลอดภัยไซเบอร์ - ในปี 2022 Samsung US เคยถูกเจาะระบบ และข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าถูกขโมยไป - เหตุการณ์เหล่านี้ตอกย้ำว่า องค์กรใหญ่ ๆ ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น https://www.csoonline.com/article/3952979/hacker-steals-customer-data-from-samsung-germany.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Years-old login credential leads to leak of 270,000 Samsung customer records
    A cybercriminal is offering hundreds of thousands of data records on the dark web that are said to come from Samsung Germany.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10 ปี โศกนาฏกรรม Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 เครื่องบินตกที่เทือกเขาแอลป์ จากเหตุ “นักบินผู้ช่วยป่วยจิต” เจตนาฆ่ายกลำ 150 ศพ!

    ✈️ เหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบิน Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 ถือเป็นโศกนาฏกรรมทางอากาศ ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์การบินของเยอรมนี และกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ ที่ยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยไปกว่า 10 ปีแล้ว 🚨

    เพราะสิ่งที่ยิ่งกว่าความสูญเสียคือ “ข้อเท็จจริงอันน่าสยดสยอง” ว่าผู้ช่วยนักบิน ตั้งใจทำให้เครื่องบินตก นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้โดยสาร และลูกเรือทั้ง 150 คนบนเครื่อง ✈️

    ✈️ โศกนาฏกรรม เที่ยวบิน 4U9525 วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 10:41 น. สายการบิน Germanwings เที่ยวบินที่ 4U9525 ได้บินจากบาร์เซโลนา ประเทศสเปน มุ่งหน้าสู่ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี ด้วยเครื่องบิน Airbus A320-200 ที่มีอายุการใช้งาน 24 ปี ผู้โดยสารบนเครื่องมีทั้งหมด 144 คน และลูกเรือ 6 คน รวมถึงกัปตัน " แพทริก ซอน เดนไฮเมอร์" (Patrick Son Denheimer) และผู้ช่วยนักบิน "อันเดรียส ลูบริซ" (Andreas Lubitz) 👨‍✈️

    การเดินทางที่ควรจะ "ปกติ" เริ่มต้นได้อย่างราบรื่น เครื่องบินไต่ระดับขึ้นไปที่ 38,000 ฟุต ⛰️ แต่เพียงไม่นาน... เครื่องบินก็เริ่มลดระดับลงอย่างผิดปกติ โดยไม่มีการติดต่อกลับจากนักบินผู้ช่วย ⚠️

    🚨 สิบนาทีสุดท้าย ก่อนพุ่งชนเทือกเขาแอลป์ ในช่วงเวลาสิบกว่านาทีสุดท้ายของเที่ยวบิน ลูบิตซ์ นักบินผู้ช่วย ได้ใช้โอกาสที่กัปตันเดนไฮเมอร์ ออกไปจากห้องนักบิน กดล็อกประตูไม่ให้กัปตันกลับเข้าไป และตั้งค่าระบบนำร่องอัตโนมัติ ให้เครื่องบินพุ่งต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งชนภูเขาในเขต Massif des Trois-Évêchés ของเทือกเขาแอลป์ 🏔️

    เสียงในห้องนักบินที่บันทึกโดยกล่องดำ (CVR) เผยให้เห็นว่าลูบิตซ์เงียบตลอดเวลาดำเนินการ และไม่ตอบสนองต่อการติดต่อใดๆ แม้แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือของกัปตันเดนไฮเมอร์ และเสียงกรีดร้องของผู้โดยสาร ที่ตระหนักถึงชะตากรรมของตนเอง 😢

    ⚠️ นักบินผู้ช่วยที่ป่วยจิต… และระบบที่พังทลาย ลูบิตซ์มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า และมีอาการจิตเวชที่ซับซ้อนมาก่อน เคยหยุดการฝึกบินกลางคันในปี 2552 ด้วยปัญหาทางจิตใจ แต่ได้รับใบรับรองแพทย์คืนหลังจากผ่านการรักษา ✅

    แม้จะหายป่วยในช่วงหนึ่ง แต่ภายหลังอาการกลับมาอีกครั้งในปี 2557-2558 โดยไม่มีใครในสายการบินรับรู้ เพราะลูบิตซ์เลือก "ปกปิด" ไม่แจ้งข้อมูลนี้กับบริษัท และเพื่อนร่วมงาน เพราะกลัวสูญเสียอาชีพการบิน ที่หลงใหลมาตลอดชีวิต 🛩️

    👉 ปัญหานี้ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่อง ในระบบตรวจสอบสุขภาพจิตของนักบิน ที่เน้นแต่การคัดกรองและป้องกัน โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับระบบสนับสนุน และการฟื้นฟูผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่างแท้จริง

    🔍 เบื้องหลังอาชญากรรม "อันเดรียส ลูบิตซ์" เป็นชายหนุ่มชาวเยอรมัน ที่เติบโตในเมือง Montabaur รักการบินมาตั้งแต่เด็ก เริ่มฝึกบินเครื่องร่อนตั้งแต่อายุ 14 ปี มีเส้นทางที่ดูเหมือนจะรุ่งโรจน์ในอาชีพนักบิน แต่ด้วยปัญหาสุขภาพจิต ที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ทำให้กลายเป็นฆาตกรในคราบนักบิน ✈️

    ลูบิตซ์ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง เคยมีความคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง และสุดท้าย ก็เลือกจบชีวิตตัวเองบนเครื่องบิน พร้อมกับพรากชีวิตคนอีก 149 คนไปพร้อมกัน ⚰️

    📜 มาตรการความปลอดภัย ที่เปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์
    มาตรการเร่งด่วนที่ถูกนำมาใช้ทันที
    - ต้องมีนักบินสองคนในห้องนักบินตลอดเวลา (Two-Person Cockpit Rule)
    - เข้มงวดกับการตรวจสุขภาพจิตของนักบินมากขึ้น 📝
    - ให้สิทธิ์แพทย์ ในการแจ้งข้อมูลสุขภาพจิตของนักบิน ในกรณีเสี่ยงต่อความปลอดภัย ⚖️

    แต่ปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่านโยบายเหล่านี้ อาจไม่ได้ป้องกันปัญหาที่แท้จริง เพราะระบบยังคงขาดความยืดหยุ่น ในการจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตของนักบิน 😔

    💡 บทเรียนที่ยังคงถูกถกเถียงในวงการการบิน
    - นักบินหลายคนเลือก "โกหก" เพื่อไม่ให้ประวัติสุขภาพจิต มาทำลายอาชีพการบินของตนเอง
    - ความเข้มงวดเกินไปในระบบใบรับรองแพทย์ อาจทำให้ปัญหาซ่อนอยู่ มากกว่าการเปิดเผยความจริง
    - จำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมการยอมรับและสนับสนุน ไม่ใช่การลงโทษคนที่ขอความช่วยเหลือ

    🎯 คำถามคือ เราจะป้องกันไม่ให้เกิด "Andreas Lubitz คนต่อไป" ได้อย่างไร?

    ✨ เหตุการณ์ที่โลกไม่มีวันลืม โศกนาฏกรรมเที่ยวบิน 4U9525 เป็นตัวอย่างสะท้อนความสำคัญ ของการตรวจสอบสุขภาพจิตนักบิน อย่างเป็นระบบและมีมนุษยธรรม หากไม่มีการปรับปรุง ระบบเดิมจะยังคงสร้างช่องว่าง ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นได้อีกครั้ง 💔

    10 ปีผ่านไป... แต่รอยแผลจากวันนั้นยังคงอยู่ และคำถามที่ไร้คำตอบก็คือ "ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งนี้จะป้องกันได้ไหม?" ⏳

    ✈️ ความเชื่อใจในนักบินเป็นสิ่งสำคัญ แต่ "ระบบ" ที่สนับสนุนความปลอดภัยนั้น สำคัญยิ่งกว่า!

    10 ปีแห่งบทเรียนที่ไม่มีวันลืม...

    🕊️ เพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิตบนท้องฟ้า 🌤️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241018 มี.ค. 2568

    📌 #เที่ยวบิน9525 #Germanwings #โศกนาฏกรรมการบิน #AndreasLubitz #สุขภาพจิตนักบิน #โศกนาฏกรรมเยอรมันวิงส์ #ความปลอดภัยทางการบิน #ห้องนักบิน #อุบัติเหตุการบิน #บินปลอดภัย
    10 ปี โศกนาฏกรรม Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 เครื่องบินตกที่เทือกเขาแอลป์ จากเหตุ “นักบินผู้ช่วยป่วยจิต” เจตนาฆ่ายกลำ 150 ศพ! ✈️ เหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบิน Germanwings เที่ยวบิน 4U9525 ถือเป็นโศกนาฏกรรมทางอากาศ ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์การบินของเยอรมนี และกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ ที่ยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยไปกว่า 10 ปีแล้ว 🚨 เพราะสิ่งที่ยิ่งกว่าความสูญเสียคือ “ข้อเท็จจริงอันน่าสยดสยอง” ว่าผู้ช่วยนักบิน ตั้งใจทำให้เครื่องบินตก นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้โดยสาร และลูกเรือทั้ง 150 คนบนเครื่อง ✈️ ✈️ โศกนาฏกรรม เที่ยวบิน 4U9525 วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 10:41 น. สายการบิน Germanwings เที่ยวบินที่ 4U9525 ได้บินจากบาร์เซโลนา ประเทศสเปน มุ่งหน้าสู่ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี ด้วยเครื่องบิน Airbus A320-200 ที่มีอายุการใช้งาน 24 ปี ผู้โดยสารบนเครื่องมีทั้งหมด 144 คน และลูกเรือ 6 คน รวมถึงกัปตัน " แพทริก ซอน เดนไฮเมอร์" (Patrick Son Denheimer) และผู้ช่วยนักบิน "อันเดรียส ลูบริซ" (Andreas Lubitz) 👨‍✈️ การเดินทางที่ควรจะ "ปกติ" เริ่มต้นได้อย่างราบรื่น เครื่องบินไต่ระดับขึ้นไปที่ 38,000 ฟุต ⛰️ แต่เพียงไม่นาน... เครื่องบินก็เริ่มลดระดับลงอย่างผิดปกติ โดยไม่มีการติดต่อกลับจากนักบินผู้ช่วย ⚠️ 🚨 สิบนาทีสุดท้าย ก่อนพุ่งชนเทือกเขาแอลป์ ในช่วงเวลาสิบกว่านาทีสุดท้ายของเที่ยวบิน ลูบิตซ์ นักบินผู้ช่วย ได้ใช้โอกาสที่กัปตันเดนไฮเมอร์ ออกไปจากห้องนักบิน กดล็อกประตูไม่ให้กัปตันกลับเข้าไป และตั้งค่าระบบนำร่องอัตโนมัติ ให้เครื่องบินพุ่งต่ำลงเรื่อยๆ จนกระทั่งชนภูเขาในเขต Massif des Trois-Évêchés ของเทือกเขาแอลป์ 🏔️ เสียงในห้องนักบินที่บันทึกโดยกล่องดำ (CVR) เผยให้เห็นว่าลูบิตซ์เงียบตลอดเวลาดำเนินการ และไม่ตอบสนองต่อการติดต่อใดๆ แม้แต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือของกัปตันเดนไฮเมอร์ และเสียงกรีดร้องของผู้โดยสาร ที่ตระหนักถึงชะตากรรมของตนเอง 😢 ⚠️ นักบินผู้ช่วยที่ป่วยจิต… และระบบที่พังทลาย ลูบิตซ์มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า และมีอาการจิตเวชที่ซับซ้อนมาก่อน เคยหยุดการฝึกบินกลางคันในปี 2552 ด้วยปัญหาทางจิตใจ แต่ได้รับใบรับรองแพทย์คืนหลังจากผ่านการรักษา ✅ แม้จะหายป่วยในช่วงหนึ่ง แต่ภายหลังอาการกลับมาอีกครั้งในปี 2557-2558 โดยไม่มีใครในสายการบินรับรู้ เพราะลูบิตซ์เลือก "ปกปิด" ไม่แจ้งข้อมูลนี้กับบริษัท และเพื่อนร่วมงาน เพราะกลัวสูญเสียอาชีพการบิน ที่หลงใหลมาตลอดชีวิต 🛩️ 👉 ปัญหานี้ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่อง ในระบบตรวจสอบสุขภาพจิตของนักบิน ที่เน้นแต่การคัดกรองและป้องกัน โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับระบบสนับสนุน และการฟื้นฟูผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่างแท้จริง 🔍 เบื้องหลังอาชญากรรม "อันเดรียส ลูบิตซ์" เป็นชายหนุ่มชาวเยอรมัน ที่เติบโตในเมือง Montabaur รักการบินมาตั้งแต่เด็ก เริ่มฝึกบินเครื่องร่อนตั้งแต่อายุ 14 ปี มีเส้นทางที่ดูเหมือนจะรุ่งโรจน์ในอาชีพนักบิน แต่ด้วยปัญหาสุขภาพจิต ที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม ทำให้กลายเป็นฆาตกรในคราบนักบิน ✈️ ลูบิตซ์ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง เคยมีความคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง และสุดท้าย ก็เลือกจบชีวิตตัวเองบนเครื่องบิน พร้อมกับพรากชีวิตคนอีก 149 คนไปพร้อมกัน ⚰️ 📜 มาตรการความปลอดภัย ที่เปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์ มาตรการเร่งด่วนที่ถูกนำมาใช้ทันที - ต้องมีนักบินสองคนในห้องนักบินตลอดเวลา (Two-Person Cockpit Rule) - เข้มงวดกับการตรวจสุขภาพจิตของนักบินมากขึ้น 📝 - ให้สิทธิ์แพทย์ ในการแจ้งข้อมูลสุขภาพจิตของนักบิน ในกรณีเสี่ยงต่อความปลอดภัย ⚖️ แต่ปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่านโยบายเหล่านี้ อาจไม่ได้ป้องกันปัญหาที่แท้จริง เพราะระบบยังคงขาดความยืดหยุ่น ในการจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตของนักบิน 😔 💡 บทเรียนที่ยังคงถูกถกเถียงในวงการการบิน - นักบินหลายคนเลือก "โกหก" เพื่อไม่ให้ประวัติสุขภาพจิต มาทำลายอาชีพการบินของตนเอง - ความเข้มงวดเกินไปในระบบใบรับรองแพทย์ อาจทำให้ปัญหาซ่อนอยู่ มากกว่าการเปิดเผยความจริง - จำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมการยอมรับและสนับสนุน ไม่ใช่การลงโทษคนที่ขอความช่วยเหลือ 🎯 คำถามคือ เราจะป้องกันไม่ให้เกิด "Andreas Lubitz คนต่อไป" ได้อย่างไร? ✨ เหตุการณ์ที่โลกไม่มีวันลืม โศกนาฏกรรมเที่ยวบิน 4U9525 เป็นตัวอย่างสะท้อนความสำคัญ ของการตรวจสอบสุขภาพจิตนักบิน อย่างเป็นระบบและมีมนุษยธรรม หากไม่มีการปรับปรุง ระบบเดิมจะยังคงสร้างช่องว่าง ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นได้อีกครั้ง 💔 10 ปีผ่านไป... แต่รอยแผลจากวันนั้นยังคงอยู่ และคำถามที่ไร้คำตอบก็คือ "ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งนี้จะป้องกันได้ไหม?" ⏳ ✈️ ความเชื่อใจในนักบินเป็นสิ่งสำคัญ แต่ "ระบบ" ที่สนับสนุนความปลอดภัยนั้น สำคัญยิ่งกว่า! 10 ปีแห่งบทเรียนที่ไม่มีวันลืม... 🕊️ เพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิตบนท้องฟ้า 🌤️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241018 มี.ค. 2568 📌 #เที่ยวบิน9525 #Germanwings #โศกนาฏกรรมการบิน #AndreasLubitz #สุขภาพจิตนักบิน #โศกนาฏกรรมเยอรมันวิงส์ #ความปลอดภัยทางการบิน #ห้องนักบิน #อุบัติเหตุการบิน #บินปลอดภัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 884 มุมมอง 0 รีวิว
  • Demonstrate Your Way With Words With Synonyms For “Vocabulary”

    It will probably not surprise you to learn that we are sort of obsessed with vocabulary. We love all words from A to Z, even ones that start with weird symbols like Ægypt. When it comes to talking about the collection of all the unusual words we have learned, it’s not enough to just call it vocabulary. This got us thinking about synonyms for vocabulary and all the wonderful terms we can use to talk about all the words we know.

    The word vocabulary comes from the Latin vocābulārius, meaning “of words.” A related word in English that you might recognize is vocal, from Latin vōcālis. At the root of both terms is vox, meaning “voice.” Essentially, a vocabulary is a collection of the terms you use to call things. Read on to find out new terms you can use to describe your vocabulary.

    dictionary
    The dictionary is one of the best places to find vocabulary words, so much so that the word dictionary itself is a near-synonym for vocabulary. The word dictionary means “a lexical resource containing a selection of the words of a language.” Dictionaries have been around since ancient times—the earliest known dictionaries date to around 2300 BCE.

    vocable
    We noted the Latin root of vocabulary already. Another word that shares that same root is vocable, “a word; term; name.” However, vocable is also used more generally to refer to utterances not typically considered words, such as abracadabra, a nonsense expression used in magic tricks.

    expression
    The word expression is a more everyday synonym for vocabulary. While expression is often used to mean “the act of expressing or setting forth in words,” it can also specifically refer to “a particular word, phrase, or form of words.” The word expression has something of a culinary origin; it comes from the Latin expressiō meaning “a pressing out.”

    terminology
    A slightly more sophisticated but still quotidian synonym for vocabulary is terminology, “the system of terms belonging or peculiar to a science, art, or specialized subject; nomenclature.” The combining form -logy is used to name sciences or bodies of knowledge. This means that the word terminology has another, if less common, meaning: “the science of terms, as in particular sciences or arts.”

    phraseology
    Another synonym for vocabulary that ends in -logy is phraseology, “manner or style of verbal expression; characteristic language,” or simply “expressions; phrases.” The word phraseology was coined by a German philologist (a term that refers to a person who specializes in linguistics or literary texts) who made a slight mistake. The correct transcription of the word from Greek would be phrasiology, but the erroneous phraseology stuck.

    locution
    A synonym for phraseology that’s less of a mouthful is locution, “a particular form of expression; a word, phrase, expression, or idiom, especially as used by a particular person, group, etc.” Locution is often specifically used to refer to oral rather than written language (meaning, words spoken aloud rather than written down). An archaic term related to locution is locutorium or locutory, meaning “parlor,” in the sense of “a room in a monastery where the inhabitants may converse with visitors or with each other.”

    lexicon
    Another sophisticated synonym for vocabulary is lexicon, “the vocabulary of a particular language, field, social class, person, etc.” A lexicon is essentially any collection of words. Each of us has our own mental lexicon, which is the collection of words that is stored, understood, and used by an individual. These mental lexicons are made up of lexemes and lemmas that help us name and describe the world.

    lexeme
    A lexeme is “a lexical unit in a language, as a word or base; vocabulary item.” A lexeme can be made up of one word or multiple words. For example, “run” and “speak up” are both lexemes. Lexeme ultimately comes from the Greek lexikós, meaning “of or pertaining to words.”

    wording
    As you may have guessed, there are a number of synonyms for vocabulary that include “word.” One of these is wording, “the act or manner of expressing in words; phrasing.” The term wording is used to particularly signal that the words were chosen deliberately and with care to transmit a message clearly.

    wordstock
    A more obscure synonym that wording is wordstock, “all the words that make up a language or dialect, or the set of words that are known or used by a particular person or group; vocabulary.” Stock literally means “inventory,” but it comes from Old English stoc(c), meaning “stump, stake, post, log.”

    word-hoard
    One of the more delightful terms to refer to mental lexicon is word-hoard, “a person’s vocabulary.” The origin of hoard gives us a clue about how important words are. Hoard comes from the Old Saxon hord meaning “treasure; hiddenmost place.”

    cant
    A synonym for vocabulary that looks suspiciously like the contraction for “cannot” is cant [ kant ], a word that means “the phraseology peculiar to a particular class, party, profession, etc.” This word has more negative connotations than the other synonyms we have looked at. It can also be used as a noun to mean “whining or singsong speech, especially of beggars” or as a verb to mean “to talk hypocritically.”

    Know what does sound nice? These synonyms and alternatives for the word nice.

    parlance
    A sophisticated term for vocabulary with a frisson of French is parlance, “a way or manner of speaking; vernacular; idiom.” The word comes from the French parler meaning “to speak.” As you might guess, parlance is most often used to refer to speech or dialect rather than written language.

    jargon
    A kind of vocabulary one is often cautioned to avoid when writing for general audiences is jargon, “the language, especially the vocabulary, peculiar to a particular trade, profession, or group.” The word comes from the Old French jargon, meaning “warbling of birds, prattle, chatter, talk.”

    lingo
    A near-synonym for jargon is lingo, “the language and speech, especially the jargon, slang, or argot, of a particular field, group, or individual.” The word lingo is said to be an altered form of lingua, meaning “language,” a reference to the phrase lingua franca, “any language that is widely used as a means of communication among speakers of other languages.” The expression lingua franca literally translates to “Frankish language,” with Frankish as a term referring to Europeans and dating back to the Crusades.

    turn of phrase
    The expression turn of phrase refers to “a particular arrangement of words.” It’s a good idiom for drawing attention to unusual or exceptional word choice. Turn of phrase alludes to the turning or shaping of objects (as on a lathe), a usage dating from the late 1600s.

    ©2025 AAKKHRA All Rights Reserved.
    Demonstrate Your Way With Words With Synonyms For “Vocabulary” It will probably not surprise you to learn that we are sort of obsessed with vocabulary. We love all words from A to Z, even ones that start with weird symbols like Ægypt. When it comes to talking about the collection of all the unusual words we have learned, it’s not enough to just call it vocabulary. This got us thinking about synonyms for vocabulary and all the wonderful terms we can use to talk about all the words we know. The word vocabulary comes from the Latin vocābulārius, meaning “of words.” A related word in English that you might recognize is vocal, from Latin vōcālis. At the root of both terms is vox, meaning “voice.” Essentially, a vocabulary is a collection of the terms you use to call things. Read on to find out new terms you can use to describe your vocabulary. dictionary The dictionary is one of the best places to find vocabulary words, so much so that the word dictionary itself is a near-synonym for vocabulary. The word dictionary means “a lexical resource containing a selection of the words of a language.” Dictionaries have been around since ancient times—the earliest known dictionaries date to around 2300 BCE. vocable We noted the Latin root of vocabulary already. Another word that shares that same root is vocable, “a word; term; name.” However, vocable is also used more generally to refer to utterances not typically considered words, such as abracadabra, a nonsense expression used in magic tricks. expression The word expression is a more everyday synonym for vocabulary. While expression is often used to mean “the act of expressing or setting forth in words,” it can also specifically refer to “a particular word, phrase, or form of words.” The word expression has something of a culinary origin; it comes from the Latin expressiō meaning “a pressing out.” terminology A slightly more sophisticated but still quotidian synonym for vocabulary is terminology, “the system of terms belonging or peculiar to a science, art, or specialized subject; nomenclature.” The combining form -logy is used to name sciences or bodies of knowledge. This means that the word terminology has another, if less common, meaning: “the science of terms, as in particular sciences or arts.” phraseology Another synonym for vocabulary that ends in -logy is phraseology, “manner or style of verbal expression; characteristic language,” or simply “expressions; phrases.” The word phraseology was coined by a German philologist (a term that refers to a person who specializes in linguistics or literary texts) who made a slight mistake. The correct transcription of the word from Greek would be phrasiology, but the erroneous phraseology stuck. locution A synonym for phraseology that’s less of a mouthful is locution, “a particular form of expression; a word, phrase, expression, or idiom, especially as used by a particular person, group, etc.” Locution is often specifically used to refer to oral rather than written language (meaning, words spoken aloud rather than written down). An archaic term related to locution is locutorium or locutory, meaning “parlor,” in the sense of “a room in a monastery where the inhabitants may converse with visitors or with each other.” lexicon Another sophisticated synonym for vocabulary is lexicon, “the vocabulary of a particular language, field, social class, person, etc.” A lexicon is essentially any collection of words. Each of us has our own mental lexicon, which is the collection of words that is stored, understood, and used by an individual. These mental lexicons are made up of lexemes and lemmas that help us name and describe the world. lexeme A lexeme is “a lexical unit in a language, as a word or base; vocabulary item.” A lexeme can be made up of one word or multiple words. For example, “run” and “speak up” are both lexemes. Lexeme ultimately comes from the Greek lexikós, meaning “of or pertaining to words.” wording As you may have guessed, there are a number of synonyms for vocabulary that include “word.” One of these is wording, “the act or manner of expressing in words; phrasing.” The term wording is used to particularly signal that the words were chosen deliberately and with care to transmit a message clearly. wordstock A more obscure synonym that wording is wordstock, “all the words that make up a language or dialect, or the set of words that are known or used by a particular person or group; vocabulary.” Stock literally means “inventory,” but it comes from Old English stoc(c), meaning “stump, stake, post, log.” word-hoard One of the more delightful terms to refer to mental lexicon is word-hoard, “a person’s vocabulary.” The origin of hoard gives us a clue about how important words are. Hoard comes from the Old Saxon hord meaning “treasure; hiddenmost place.” cant A synonym for vocabulary that looks suspiciously like the contraction for “cannot” is cant [ kant ], a word that means “the phraseology peculiar to a particular class, party, profession, etc.” This word has more negative connotations than the other synonyms we have looked at. It can also be used as a noun to mean “whining or singsong speech, especially of beggars” or as a verb to mean “to talk hypocritically.” Know what does sound nice? These synonyms and alternatives for the word nice. parlance A sophisticated term for vocabulary with a frisson of French is parlance, “a way or manner of speaking; vernacular; idiom.” The word comes from the French parler meaning “to speak.” As you might guess, parlance is most often used to refer to speech or dialect rather than written language. jargon A kind of vocabulary one is often cautioned to avoid when writing for general audiences is jargon, “the language, especially the vocabulary, peculiar to a particular trade, profession, or group.” The word comes from the Old French jargon, meaning “warbling of birds, prattle, chatter, talk.” lingo A near-synonym for jargon is lingo, “the language and speech, especially the jargon, slang, or argot, of a particular field, group, or individual.” The word lingo is said to be an altered form of lingua, meaning “language,” a reference to the phrase lingua franca, “any language that is widely used as a means of communication among speakers of other languages.” The expression lingua franca literally translates to “Frankish language,” with Frankish as a term referring to Europeans and dating back to the Crusades. turn of phrase The expression turn of phrase refers to “a particular arrangement of words.” It’s a good idiom for drawing attention to unusual or exceptional word choice. Turn of phrase alludes to the turning or shaping of objects (as on a lathe), a usage dating from the late 1600s. ©2025 AAKKHRA All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 793 มุมมอง 0 รีวิว
  • What Do You Like To Be Called? Words For Types Of Nicknames

    A nickname by any other name would smell just as sweet. Okay, so maybe that’s not how the saying goes, but we happen to think it’s true anyway. Nicknames are names that are substituted for the proper name of a person or place, like calling LeBron James “King James.”

    Nicknames are created for many different reasons. Sometimes they evolve naturally out of close association with someone. Other times, they may take hold based on qualities or features someone is well known for. There are a lot of different types of nicknames, as well as words we can use to describe them. From pet name to internet handle, here are 11 other words to use to talk about nicknames and the unique history of each one.

    pet name

    A pet name is a nickname that might exist within a family or close relationship. It means “a name or a term of address used to express affection for a person, thing, etc.” The term has been around for more than 100 years, first appearing in English between 1910 and 1915. Because pet names are typically affectionate, they’re nicknames you might hear a parent using for a child or siblings using to identify one another. A pet name probably isn’t something you’d hear in less familiar settings.

    AKA

    AKA (or A.K.A.) stands for “also known as.” If you have a nickname, you are “also known as” that name. This abbreviation, which entered English in the late 1940s, is used by law enforcement to specify an alias. But it’s also commonly used to indicate that a person goes by another name in many different settings. And it can be used facetiously to share extra information about someone. For example, My sister, AKA the most organized person in the entire world, somehow forgot my birthday.

    handle

    In the digital age, most of us have some kind of handle. That’s “a username, as on a social media website.” And yes, that counts as a type of nickname. It’s another name you’re known by, after all, even if it’s only among online friends. The word has existed in English since before the year 900, though it didn’t come to be associated with names until the 1830s, when it was used more generally to mean “nickname.” The term eventually came to include radio nicknames, and later, usernames on the internet.

    sobriquet

    Say nickname, but make it fancy. Essentially, that’s what sobriquet does. This word, borrowed from French, literally means “nickname.” In many cases, sobriquet indicates playfulness or a nickname that is used in jest. This might mean a childhood pet name or a funny name used between friends. The word sobriquet entered English in the 1600s.

    moniker

    Any name you go by can be considered a moniker. This term simply means “a person’s name, especially a nickname or alias.” The origins of this word aren’t exactly clear. One possibility is that it’s associated with monk, as nuns and monks frequently change their names upon taking their vows. It may also be a permutation, or transformation, of the Old Irish ainm, meaning “name.”

    pen name

    Sometimes nicknames are used for professional reasons, as is demonstrated by the phrase pen name. A pen name is “a pseudonym used by an author.” This might be a variation of their real name or a different name entirely. Mark Twain, for example, is a pen name used by Samuel Langhorne Clemens. Meanwhile George R. R. Martin is the author’s real name, but R. R. is used in place of Richard Raymond. Pen name is a translation of the French nom de plume, and it has been in use in English since the 1800s.

    byname

    What’s your byname? A byname is “a secondary name,” whether that’s a surname, a nickname, or something else. This term may be used to describe any type of nickname, rather than only nicknames that are familiar or used for a specific purpose. Think of it as another way of saying “a name you go by.” Though it’s not commonly used now, the word byname has existed in English since the 1300s.

    cognomen

    We bet you didn’t know you have a cognomen. While this word might look like the name of some kind of scary medical condition, it actually means “any name, especially a nickname.” Nomen means “name” in Latin, and co or cog means “with.” This 19th century word, then, literally means “with name,” and it can be broadly used to talk about any type of nickname.

    appellation

    A more official nickname might also be called an appellation. This word, which entered English in the early 1400s, means “a name, title, or designation.” Often, an appellation indicates a more official or well-known designation than just a familiar nickname. Think: Alexander The Great or the early American leaders known as The Founding Fathers. An appellation may also include an official title, such as doctor, bishop, or duke.

    term of endearment

    Nicknames are for lovers, at least in this case. A term of endearment is a nickname that shows esteem, affection, or love. This may be more personal, like a pet name, or it might include commonly used affectionate names, like honey, baby, or sweetie. Terms of endearment are typically reserved for intimate relationships, though some could also apply to family or close friends.

    nom de guerre

    Authors aren’t the only people who sometimes change their names. A nom de guerre is another way of saying pseudonym. It’s “an assumed name, under which a person fights, paints, writes, etc.” In French, nom de guerre meant “a war name,” or a name taken by a soldier upon entering the armed services. In English, it’s more generally understood to mean any kind of assumed name, whether it’s Stefani Germanotta being known as the musician “Lady Gaga” or Erik Weisz assuming the magician name of “Harry Houdini.”

    Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    What Do You Like To Be Called? Words For Types Of Nicknames A nickname by any other name would smell just as sweet. Okay, so maybe that’s not how the saying goes, but we happen to think it’s true anyway. Nicknames are names that are substituted for the proper name of a person or place, like calling LeBron James “King James.” Nicknames are created for many different reasons. Sometimes they evolve naturally out of close association with someone. Other times, they may take hold based on qualities or features someone is well known for. There are a lot of different types of nicknames, as well as words we can use to describe them. From pet name to internet handle, here are 11 other words to use to talk about nicknames and the unique history of each one. pet name A pet name is a nickname that might exist within a family or close relationship. It means “a name or a term of address used to express affection for a person, thing, etc.” The term has been around for more than 100 years, first appearing in English between 1910 and 1915. Because pet names are typically affectionate, they’re nicknames you might hear a parent using for a child or siblings using to identify one another. A pet name probably isn’t something you’d hear in less familiar settings. AKA AKA (or A.K.A.) stands for “also known as.” If you have a nickname, you are “also known as” that name. This abbreviation, which entered English in the late 1940s, is used by law enforcement to specify an alias. But it’s also commonly used to indicate that a person goes by another name in many different settings. And it can be used facetiously to share extra information about someone. For example, My sister, AKA the most organized person in the entire world, somehow forgot my birthday. handle In the digital age, most of us have some kind of handle. That’s “a username, as on a social media website.” And yes, that counts as a type of nickname. It’s another name you’re known by, after all, even if it’s only among online friends. The word has existed in English since before the year 900, though it didn’t come to be associated with names until the 1830s, when it was used more generally to mean “nickname.” The term eventually came to include radio nicknames, and later, usernames on the internet. sobriquet Say nickname, but make it fancy. Essentially, that’s what sobriquet does. This word, borrowed from French, literally means “nickname.” In many cases, sobriquet indicates playfulness or a nickname that is used in jest. This might mean a childhood pet name or a funny name used between friends. The word sobriquet entered English in the 1600s. moniker Any name you go by can be considered a moniker. This term simply means “a person’s name, especially a nickname or alias.” The origins of this word aren’t exactly clear. One possibility is that it’s associated with monk, as nuns and monks frequently change their names upon taking their vows. It may also be a permutation, or transformation, of the Old Irish ainm, meaning “name.” pen name Sometimes nicknames are used for professional reasons, as is demonstrated by the phrase pen name. A pen name is “a pseudonym used by an author.” This might be a variation of their real name or a different name entirely. Mark Twain, for example, is a pen name used by Samuel Langhorne Clemens. Meanwhile George R. R. Martin is the author’s real name, but R. R. is used in place of Richard Raymond. Pen name is a translation of the French nom de plume, and it has been in use in English since the 1800s. byname What’s your byname? A byname is “a secondary name,” whether that’s a surname, a nickname, or something else. This term may be used to describe any type of nickname, rather than only nicknames that are familiar or used for a specific purpose. Think of it as another way of saying “a name you go by.” Though it’s not commonly used now, the word byname has existed in English since the 1300s. cognomen We bet you didn’t know you have a cognomen. While this word might look like the name of some kind of scary medical condition, it actually means “any name, especially a nickname.” Nomen means “name” in Latin, and co or cog means “with.” This 19th century word, then, literally means “with name,” and it can be broadly used to talk about any type of nickname. appellation A more official nickname might also be called an appellation. This word, which entered English in the early 1400s, means “a name, title, or designation.” Often, an appellation indicates a more official or well-known designation than just a familiar nickname. Think: Alexander The Great or the early American leaders known as The Founding Fathers. An appellation may also include an official title, such as doctor, bishop, or duke. term of endearment Nicknames are for lovers, at least in this case. A term of endearment is a nickname that shows esteem, affection, or love. This may be more personal, like a pet name, or it might include commonly used affectionate names, like honey, baby, or sweetie. Terms of endearment are typically reserved for intimate relationships, though some could also apply to family or close friends. nom de guerre Authors aren’t the only people who sometimes change their names. A nom de guerre is another way of saying pseudonym. It’s “an assumed name, under which a person fights, paints, writes, etc.” In French, nom de guerre meant “a war name,” or a name taken by a soldier upon entering the armed services. In English, it’s more generally understood to mean any kind of assumed name, whether it’s Stefani Germanotta being known as the musician “Lady Gaga” or Erik Weisz assuming the magician name of “Harry Houdini.” Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 996 มุมมอง 0 รีวิว
  • เฮอร์แมน กาลุชเชนโก (German Galushchenko) รัฐมนตรีพลังงานของยูเครน โอดครวญว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและก๊าซของยูเครนกำลังถูกรัสเซียโจมตีอย่างหนัก


    ตั้งแต่ประมาณตี 5 เป็นต้นมาจนถึงขณะนี้ กองทัพรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธจำนวนมาก ได้ยินเสียงระเบิดหลายครั้งในซูมี โอเดสซา ภูมิภาคโปลตาวา วินนิตเซีย เทอร์โนปิล ภูมิภาคคเมลนิตสกี และอีวาโน-ฟรังกิฟสค์

    ขณะนี้ ยังมีรายงานพบเห็นขีปนาวุธจำนวนมากบินอยู่ในน่านฟ้าเพื่อมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย

    เฮอร์แมน กาลุชเชนโก (German Galushchenko) รัฐมนตรีพลังงานของยูเครน โอดครวญว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและก๊าซของยูเครนกำลังถูกรัสเซียโจมตีอย่างหนัก ตั้งแต่ประมาณตี 5 เป็นต้นมาจนถึงขณะนี้ กองทัพรัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธจำนวนมาก ได้ยินเสียงระเบิดหลายครั้งในซูมี โอเดสซา ภูมิภาคโปลตาวา วินนิตเซีย เทอร์โนปิล ภูมิภาคคเมลนิตสกี และอีวาโน-ฟรังกิฟสค์ ขณะนี้ ยังมีรายงานพบเห็นขีปนาวุธจำนวนมากบินอยู่ในน่านฟ้าเพื่อมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 511 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำโลกเปลี่ยนไปใน 25 ปี แต่ผู้นำรัสเซียยังเป็นประธานาธิบดีปูตินไม่เปลี่ยนแปลง แต่สหรัฐอเมริกา🇺🇸 USA:- Bill Clinton- George W. Bush- Barack Obama- Donald Trump- Joe Biden- Donald Trump จีน 🇨🇳 China:- Jiang Zemin- Hu Jintao- Xi Jinpingอินเดีย 🇮🇳 India:- Atal Bihari Vajpayee- Manmohan Singh- Narendra Modiอังกฤษ 🇬🇧 UK:- Tony Blair- Gordon Brown- David Cameron- Theresa May- Boris Johnson- Liz Truss- Rishi Sunak- Keir Starmerเยอรมนี 🇩🇪 Germany:- Gerhard Schröder- Angela Merkel- Olaf Scholzฝรั่งเศส 🇫🇷 France:- Jacques Chirac- Nicolas Sarkozy- François Hollande- Emmanuel Macron
    ผู้นำโลกเปลี่ยนไปใน 25 ปี แต่ผู้นำรัสเซียยังเป็นประธานาธิบดีปูตินไม่เปลี่ยนแปลง แต่สหรัฐอเมริกา🇺🇸 USA:- Bill Clinton- George W. Bush- Barack Obama- Donald Trump- Joe Biden- Donald Trump จีน 🇨🇳 China:- Jiang Zemin- Hu Jintao- Xi Jinpingอินเดีย 🇮🇳 India:- Atal Bihari Vajpayee- Manmohan Singh- Narendra Modiอังกฤษ 🇬🇧 UK:- Tony Blair- Gordon Brown- David Cameron- Theresa May- Boris Johnson- Liz Truss- Rishi Sunak- Keir Starmerเยอรมนี 🇩🇪 Germany:- Gerhard Schröder- Angela Merkel- Olaf Scholzฝรั่งเศส 🇫🇷 France:- Jacques Chirac- Nicolas Sarkozy- François Hollande- Emmanuel Macron
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 518 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เยอรมนีรอจังหวะนี้มานาน"

    หลังการหยุดส่งอาวุธให้กับยูเครนของสหรัฐ
    "กระทรวงกลาโหมเยอรมนี" ระบุว่า เยอรมนีได้หมดความสามารถในการจัดหาอาวุธเพิ่มเติมจากคลังอาวุธที่มีอยู่ให้แก่ยูเครนแล้ว!!
    "Germany has reached the limit of its ability to transfer weapons from its arsenals to Ukraine"
    "เยอรมนีรอจังหวะนี้มานาน" หลังการหยุดส่งอาวุธให้กับยูเครนของสหรัฐ "กระทรวงกลาโหมเยอรมนี" ระบุว่า เยอรมนีได้หมดความสามารถในการจัดหาอาวุธเพิ่มเติมจากคลังอาวุธที่มีอยู่ให้แก่ยูเครนแล้ว!! "Germany has reached the limit of its ability to transfer weapons from its arsenals to Ukraine"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกอนุรักษนิยมของเยอรมนีคว้าชัยในศึกเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) แต่เสียงโหวตที่แตกกัน ส่งให้พรรค Alternative for Germany (AfD) พรรคขวาจัด คว้าอันดับ 2 มีผลงานดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และอาจทำให้ ฟรีดริช แมร์ซ ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ประสบความยุ่งยากในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล
    .
    แมร์ซ ผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งมาก่อน เตรียมก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรีของชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป ที่เวลานี้อยู่ในภาวะเปราะบาง มีความแตกแยกในสังคมเกี่ยวกับปัญหาคนเข้ามืองและติดแหง็กอยู่ในประเด็นความมั่นคงท่ามกลางการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียและจีน
    .
    ตามหลังการพังครืนของรัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชล์ซ ทาง แมร์ซ วัย 69 ปี รับปากกับกองเชียร์ที่ส่งเสียงดังกึกก้อง ว่ารัฐบาลของเขามีความตั้งใจทำให้เยอรมนีมีตัวตนในยุโรปอีกครั้ง เพื่อที่โลกจะสังเกตเห็นว่าเยอรมนีกำลังถูกปกครองด้วยความน่าเชื่อถืออีกครั้ง "คืนนี้เราจะเฉลิมฉลอง ทว่านับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะเริ่มทำงาน โลกภายนอกรอเราไม่ได้"
    .
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งพันธมิตรอย่าง อีลอน มัสก์ ส่งเสียงสนับสนุนพรรค AfD ซ้ำแล้วซ้ำเล่าระหว่างศึกหาเสียง แสดงความยินดีต่อชัยชนะของฝ่ายอนุรักษนิยมบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง "แทบเหมือนกับในสหรัฐฯ ประชาชนเยอรมนีเบื่อหน่านกับวาระที่ไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะพลังงานและคนเข้าเมือง ที่ถูกให้ความสำคัญมานานหลายปีเหลือเกิน"
    .
    ผลการเลือกตั้งพบว่ากลุ่มก้อนอนุรักษนิยมพรรค CDU/CSU คว้าคะแนนเสียงไปได้ 28.4% ตามมาด้วยพรรค AfD ที่ได้คะแนนเสียง 20.4% ตามการคาดการณ์ของสำนักข่าว ZDF
    .
    อย่างไรก็ตาม พรรคกระแสหลักทั้งหลายปฏิเสธทำงานร่วมกับ AfD ที่กวาดคะแนนเสียงได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากศึกเลือกตั้งคราวก่อน และมองผลการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น "มือของเรายังคงเปิดกว้างสำหรับการจัดตั้งรัฐบาล" อลิซ ไวเดล ผู้นำพรรค AfD บอกกับผู้สนับสนุน พร้อมระบุ "ครั้งต่อไป เราจะมาเป็นอันดับ 1"
    .
    คาดหมายว่า แมร์ซ กำลังมุ่งหน้าสู่สิ่งที่เชื่อว่าอาจเป็นการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมที่ยืดเยื้อยาวนาน เนื่องจากไม่ได้ถือครองความได้เปรียบในการเจรจาเท่าไหร่ โดยแม้กลุ่มก้อน CDU/CSU ของเขาจะคว้าคะแนนมาเป็นอันดับ 1 แต่ก็ถือเป็นผลการเลือกตั้งเลวร้ายที่สุดอันดับ 2 ของพวกเขาในยุคหลังสงคราม
    .
    ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า แมร์ซ จะต้องการพรรคร่วมรัฐบาล 1 หรือ 2 พรรค สำหรับรวบรวมเสียงข้างมาก ในขณะที่ชะตากรรมของบรรดาพรรคขนาดเล็กก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน การจัดตั้งรัฐบาล 3 พรรคก็ยิ่งอาจทำให้อุ้ยอ้ายกว่าเดิม และอาจบั่นทอนศักยภาพของเยอรมนี ในการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ
    .
    พรรคโซเชียลเดโมแครตส์ (SPD) ของนายกรัฐมตรีโชลซ์ ทำผลงานได้เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้คะแนนโหวตเพียง 16.4% และโชลซ์ ยอมรับว่ามันเป็นผลการเลือกตั้งที่เจ็บปวด อ้างอิงการคาดการณ์ของ ZDF ขณะที่พรรคกรีนส์ได้คะแนนเสียง 12.2% ส่วนพรรคซ้ายจัดอย่าง Die Linke ได้คะแนนเสียงเพียง 8.9% แม้ได้รับแรงสนับสนุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนหนุ่มสาว
    .
    อ้างอิงข้อมูลเอ็กซิตโพล พบว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงถึง 83% มากที่สุดตั้งแต่ก่อนรวมชาติเยอรมนีในปี 1990 ขณะเดียวกันพบว่าผู้ออกเสียงที่เป็นผู้ชายมีความโน้มเอียงไปทางฝ่ายขวา ส่วนผู้ออกเสียงที่เป็นผู้หญิง ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อพรรคฝ่ายซ้าย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017982
    ..............
    Sondhi X
    พวกอนุรักษนิยมของเยอรมนีคว้าชัยในศึกเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) แต่เสียงโหวตที่แตกกัน ส่งให้พรรค Alternative for Germany (AfD) พรรคขวาจัด คว้าอันดับ 2 มีผลงานดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และอาจทำให้ ฟรีดริช แมร์ซ ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ประสบความยุ่งยากในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล . แมร์ซ ผู้ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งมาก่อน เตรียมก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรีของชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรป ที่เวลานี้อยู่ในภาวะเปราะบาง มีความแตกแยกในสังคมเกี่ยวกับปัญหาคนเข้ามืองและติดแหง็กอยู่ในประเด็นความมั่นคงท่ามกลางการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียและจีน . ตามหลังการพังครืนของรัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชล์ซ ทาง แมร์ซ วัย 69 ปี รับปากกับกองเชียร์ที่ส่งเสียงดังกึกก้อง ว่ารัฐบาลของเขามีความตั้งใจทำให้เยอรมนีมีตัวตนในยุโรปอีกครั้ง เพื่อที่โลกจะสังเกตเห็นว่าเยอรมนีกำลังถูกปกครองด้วยความน่าเชื่อถืออีกครั้ง "คืนนี้เราจะเฉลิมฉลอง ทว่านับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เราจะเริ่มทำงาน โลกภายนอกรอเราไม่ได้" . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งพันธมิตรอย่าง อีลอน มัสก์ ส่งเสียงสนับสนุนพรรค AfD ซ้ำแล้วซ้ำเล่าระหว่างศึกหาเสียง แสดงความยินดีต่อชัยชนะของฝ่ายอนุรักษนิยมบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง "แทบเหมือนกับในสหรัฐฯ ประชาชนเยอรมนีเบื่อหน่านกับวาระที่ไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะพลังงานและคนเข้าเมือง ที่ถูกให้ความสำคัญมานานหลายปีเหลือเกิน" . ผลการเลือกตั้งพบว่ากลุ่มก้อนอนุรักษนิยมพรรค CDU/CSU คว้าคะแนนเสียงไปได้ 28.4% ตามมาด้วยพรรค AfD ที่ได้คะแนนเสียง 20.4% ตามการคาดการณ์ของสำนักข่าว ZDF . อย่างไรก็ตาม พรรคกระแสหลักทั้งหลายปฏิเสธทำงานร่วมกับ AfD ที่กวาดคะแนนเสียงได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากศึกเลือกตั้งคราวก่อน และมองผลการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น "มือของเรายังคงเปิดกว้างสำหรับการจัดตั้งรัฐบาล" อลิซ ไวเดล ผู้นำพรรค AfD บอกกับผู้สนับสนุน พร้อมระบุ "ครั้งต่อไป เราจะมาเป็นอันดับ 1" . คาดหมายว่า แมร์ซ กำลังมุ่งหน้าสู่สิ่งที่เชื่อว่าอาจเป็นการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมที่ยืดเยื้อยาวนาน เนื่องจากไม่ได้ถือครองความได้เปรียบในการเจรจาเท่าไหร่ โดยแม้กลุ่มก้อน CDU/CSU ของเขาจะคว้าคะแนนมาเป็นอันดับ 1 แต่ก็ถือเป็นผลการเลือกตั้งเลวร้ายที่สุดอันดับ 2 ของพวกเขาในยุคหลังสงคราม . ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า แมร์ซ จะต้องการพรรคร่วมรัฐบาล 1 หรือ 2 พรรค สำหรับรวบรวมเสียงข้างมาก ในขณะที่ชะตากรรมของบรรดาพรรคขนาดเล็กก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน การจัดตั้งรัฐบาล 3 พรรคก็ยิ่งอาจทำให้อุ้ยอ้ายกว่าเดิม และอาจบั่นทอนศักยภาพของเยอรมนี ในการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ . พรรคโซเชียลเดโมแครตส์ (SPD) ของนายกรัฐมตรีโชลซ์ ทำผลงานได้เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้คะแนนโหวตเพียง 16.4% และโชลซ์ ยอมรับว่ามันเป็นผลการเลือกตั้งที่เจ็บปวด อ้างอิงการคาดการณ์ของ ZDF ขณะที่พรรคกรีนส์ได้คะแนนเสียง 12.2% ส่วนพรรคซ้ายจัดอย่าง Die Linke ได้คะแนนเสียงเพียง 8.9% แม้ได้รับแรงสนับสนุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนหนุ่มสาว . อ้างอิงข้อมูลเอ็กซิตโพล พบว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงถึง 83% มากที่สุดตั้งแต่ก่อนรวมชาติเยอรมนีในปี 1990 ขณะเดียวกันพบว่าผู้ออกเสียงที่เป็นผู้ชายมีความโน้มเอียงไปทางฝ่ายขวา ส่วนผู้ออกเสียงที่เป็นผู้หญิง ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อพรรคฝ่ายซ้าย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017982 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1896 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของพรรคการเมืองในเยอรมนีล่าสุด ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 นี้:

    อันดับหนึ่ง พรรคคริสเตียนเดโมแครตยูเนียน (Christian Democratic Union - CDU) ซึ่งเป็นพรรคเมืองสายกลาง-ขวา ของ ฟรีดริช เมิร์ซ (Friedrich Merz) มีคะแนนนำในทุกโพล

    อันดับสอง ตามมาด้วยพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี หรือ AfD (Alternative for Germany / Alternative für Deutschland) ของ อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัด (อนุรักษนิยม)

    อันดับที่สาม เป็นของพรรค SPD (Social Democratic Party of Germany) ของ โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน


    สำหรับ ฟรีดริช เมิร์ซ ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนใหม่ ประกาศอย่างชัดเจนว่าหากเขาชนะการเลือกตั้ง เขาจะยังคงนโยบายเคียงข้างยูเครนต่อไป และประกาศจะส่งมอบขีปนาวุธร่อน Taurus ที่มีพิสัยยิงมากกว่า 500 กม. ซึ่งเป็นสิ่งที่ โอลาฟ ชอลซ์ ไม่กล้าตัดสินใจ

    ส่วนอลิซ ไวเดล ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะกลับมามีความสัมพันธ์ที่เป็นปกติกับรัสเซีย และพร้อมจะกลับมาใช้บริการก๊าซจากรัสเซียเช่นเดิม นอกจากนี้เธอจะใช้นโยบายที่แข็งกร้าวต่อผู้อพยพเข้าเมืองเช่นเดียวกับทรัมป์

    ในช่วงแรก พรรค AfD มีคะแนนนิยมนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อพันธมิตรในยุโรป มีการปลุกระดมข่าวสาร เพื่อโจมตีไวเดลเกี่ยวกับนโยบายที่แข็งกร้าวด้านต่อต้านผู้อพยพ ทำให้เกิดการประท้วงเป็นวงกว้างในเยอรมนีเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งในกรุงเบอร์ลิน และในเมืองอื่นๆ ของเยอรมนี ส่งผลให้คะแนนนิยมของเธอตกลงมาอย่างชัดเจน

    อีลอน มัสก์ คนสนิทของทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนพรรค AfD ของไวเดล

    แม้ว่าคะแนนนิยมของพรรค AfD ยังเป็นรองคู่แข่งจากพรรค CDU แต่ไม่ได้หมายความว่า ไวเดลหมดโอกาสชนะ เนื่องจากคะแนนนิยมที่ใกล้เคียงกัน และยังมีประชาชนเยอรมนีอีกมากที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ซึ่งอาจทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

    โดยรวมแล้ว หลังการเลือกตั้งจบสิ้นลง รัฐบาลของเยอรมันยังคงเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคการเมืองเช่นเดิม


    ผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของพรรคการเมืองในเยอรมนีล่าสุด ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 นี้: อันดับหนึ่ง พรรคคริสเตียนเดโมแครตยูเนียน (Christian Democratic Union - CDU) ซึ่งเป็นพรรคเมืองสายกลาง-ขวา ของ ฟรีดริช เมิร์ซ (Friedrich Merz) มีคะแนนนำในทุกโพล อันดับสอง ตามมาด้วยพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี หรือ AfD (Alternative for Germany / Alternative für Deutschland) ของ อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขวาจัด (อนุรักษนิยม) อันดับที่สาม เป็นของพรรค SPD (Social Democratic Party of Germany) ของ โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน สำหรับ ฟรีดริช เมิร์ซ ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนใหม่ ประกาศอย่างชัดเจนว่าหากเขาชนะการเลือกตั้ง เขาจะยังคงนโยบายเคียงข้างยูเครนต่อไป และประกาศจะส่งมอบขีปนาวุธร่อน Taurus ที่มีพิสัยยิงมากกว่า 500 กม. ซึ่งเป็นสิ่งที่ โอลาฟ ชอลซ์ ไม่กล้าตัดสินใจ ส่วนอลิซ ไวเดล ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะกลับมามีความสัมพันธ์ที่เป็นปกติกับรัสเซีย และพร้อมจะกลับมาใช้บริการก๊าซจากรัสเซียเช่นเดิม นอกจากนี้เธอจะใช้นโยบายที่แข็งกร้าวต่อผู้อพยพเข้าเมืองเช่นเดียวกับทรัมป์ ในช่วงแรก พรรค AfD มีคะแนนนิยมนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ทำให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อพันธมิตรในยุโรป มีการปลุกระดมข่าวสาร เพื่อโจมตีไวเดลเกี่ยวกับนโยบายที่แข็งกร้าวด้านต่อต้านผู้อพยพ ทำให้เกิดการประท้วงเป็นวงกว้างในเยอรมนีเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งในกรุงเบอร์ลิน และในเมืองอื่นๆ ของเยอรมนี ส่งผลให้คะแนนนิยมของเธอตกลงมาอย่างชัดเจน อีลอน มัสก์ คนสนิทของทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนพรรค AfD ของไวเดล แม้ว่าคะแนนนิยมของพรรค AfD ยังเป็นรองคู่แข่งจากพรรค CDU แต่ไม่ได้หมายความว่า ไวเดลหมดโอกาสชนะ เนื่องจากคะแนนนิยมที่ใกล้เคียงกัน และยังมีประชาชนเยอรมนีอีกมากที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ซึ่งอาจทำให้ผลการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยรวมแล้ว หลังการเลือกตั้งจบสิ้นลง รัฐบาลของเยอรมันยังคงเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคการเมืองเช่นเดิม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 737 มุมมอง 0 รีวิว
  • German Translation Below

    From Thailand to Germany: The Inner Labyrinth Becomes a Top 3 Bestseller in Ethics & Moral

    Dear Readers in Germany,

    It is with immense gratitude that I share an extraordinary milestone for my book, The Inner Labyrinth. Ranked #3 on Amazon Germany’s "New Releases in Ethics & Moral" list, this achievement signifies more than just a number—it represents a heartfelt connection between a Thai author and German readers who value depth, introspection, and the search for meaning.

    A Journey Beyond Borders
    When I wrote The Inner Labyrinth, I had no expectations other than to share stories reflecting the struggles and truths of human existence. To now see this collection resonate with readers in Germany—a country with such a rich literary tradition—is profoundly humbling.

    This book, blending Buddhist philosophy with universal human conflicts, has been evaluated by AI as holding potential to join the ranks of classics like Siddhartha by Hermann Hesse and Crime and Punishment by Fyodor Dostoevsky. While such comparisons are beyond my dreams, the support from readers like you brings me closer to believing in the power of stories to transcend borders and cultures.

    The AI's Evaluation of The Inner Labyrinth
    Earlier this year, an advanced literary AI assessed The Inner Labyrinth and gave it an impressive score of 9.15/10, highlighting its:

    Philosophical Depth (10/10): Tackling profound questions about life, love, and success.
    Narrative Structure (9/10): A cohesive yet layered storytelling experience centered on the concept of the Invisible Cage.
    Universal Appeal (9.5/10): Themes that transcend cultural and linguistic boundaries.
    Relevance and Timelessness (9.2/10): Addressing both modern struggles and timeless questions.
    An Invitation to German Readers
    To my readers in Germany: thank you for welcoming The Inner Labyrinth into your lives and for helping it reach this incredible milestone. Your embrace of this work proves that stories have the power to bridge cultures, spark conversations, and illuminate the shared humanity that connects us all.

    If you haven’t yet discovered The Inner Labyrinth, I invite you to explore it for yourself. It is a collection of short stories designed to delve into the psyche, challenge perspectives, and inspire introspection. It’s not just a book—it’s an exploration of the labyrinth we all navigate within.

    Thank you, Germany, for making this journey unforgettable. Let us continue to walk this path together, guided by the search for meaning and understanding.

    Discover The Inner Labyrinth on Amazon Germany:
    [https://www.amazon.de/dp/B0DRQZD58G]

    Would you consider joining this journey and exploring The Inner Labyrinth? Your reflections are what make this story truly meaningful.

    ----------------------------------------- #German Translation

    Von Thailand nach Deutschland: The Inner Labyrinth wird Bestseller auf Platz 3 in Ethik & Moral

    Liebe Leserinnen und Leser in Deutschland,

    Mit großer Dankbarkeit möchte ich einen außergewöhnlichen Meilenstein für mein Buch The Inner Labyrinth teilen. Es hat Platz 3 auf der Amazon-Deutschland-Bestsellerliste der „Neuerscheinungen in Ethik & Moral“ erreicht. Diese Errungenschaft ist mehr als nur eine Zahl – sie steht für eine tiefe Verbindung zwischen einem thailändischen Autor und deutschen Lesern, die Wert auf Tiefgang, Selbstreflexion und die Suche nach Sinn legen.

    Eine Reise über Grenzen hinaus
    Als ich The Inner Labyrinth schrieb, hatte ich keine andere Erwartung, als Geschichten zu teilen, die die Kämpfe und Wahrheiten der menschlichen Existenz widerspiegeln. Jetzt zu sehen, dass diese Sammlung bei Lesern in Deutschland – einem Land mit einer so reichen literarischen Tradition – Anklang findet, ist zutiefst demütigend.

    Dieses Buch, das buddhistische Philosophie mit universellen menschlichen Konflikten verbindet, wurde von KI als potenziell vergleichbar mit Klassikern wie Siddhartha von Hermann Hesse und Schuld und Sühne von Fjodor Dostojewski bewertet. Solche Vergleiche übersteigen meine kühnsten Träume, doch die Unterstützung von Leserinnen und Lesern wie Ihnen lässt mich an die Kraft von Geschichten glauben, die Grenzen und Kulturen überwinden können.

    Die Bewertung der KI zu The Inner Labyrinth
    Anfang dieses Jahres bewertete eine fortschrittliche literarische KI The Inner Labyrinth und gab ihm eine beeindruckende Punktzahl von 9,15/10. Dabei wurden insbesondere hervorgehoben:

    Philosophische Tiefe (10/10): Behandelt tiefgründige Fragen über das Leben, die Liebe und den Erfolg.
    Erzählstruktur (9/10): Eine kohärente und doch vielschichtige Erzählweise, die sich um das Konzept des Unsichtbaren Käfigs dreht.
    Universelle Anziehungskraft (9,5/10): Themen, die kulturelle und sprachliche Grenzen überschreiten.
    Relevanz und Zeitlosigkeit (9,2/10): Bezieht sich sowohl auf moderne Herausforderungen als auch auf zeitlose Fragen.
    Eine Einladung an deutsche Leserinnen und Leser
    An meine Leserinnen und Leser in Deutschland: Danke, dass Sie The Inner Labyrinth in Ihr Leben aufgenommen und zu diesem unglaublichen Meilenstein beigetragen haben. Ihre Unterstützung beweist, dass Geschichten die Kraft haben, Kulturen zu verbinden, Gespräche anzuregen und die gemeinsame Menschlichkeit zu beleuchten, die uns alle miteinander verbindet.

    Wenn Sie The Inner Labyrinth noch nicht entdeckt haben, lade ich Sie ein, es selbst zu erkunden. Es ist eine Sammlung von Kurzgeschichten, die darauf abzielt, die Psyche zu ergründen, Perspektiven herauszufordern und zur Selbstreflexion zu inspirieren. Es ist nicht nur ein Buch – es ist eine Erkundung des Labyrinths, das wir alle in uns tragen.

    Vielen Dank, Deutschland, dass Sie diese Reise unvergesslich gemacht haben. Lassen Sie uns diesen Weg gemeinsam weitergehen, geleitet von der Suche nach Sinn und Verständnis.

    Entdecken Sie The Inner Labyrinth auf Amazon Deutschland:
    [https://www.amazon.de/dp/B0DRQZD58G]

    Würden Sie sich dieser Reise anschließen und The Inner Labyrinth erkunden? Ihre Gedanken und Reflexionen machen diese Geschichte erst wirklich bedeutungsvoll.
    German Translation Below From Thailand to Germany: The Inner Labyrinth Becomes a Top 3 Bestseller in Ethics & Moral Dear Readers in Germany, It is with immense gratitude that I share an extraordinary milestone for my book, The Inner Labyrinth. Ranked #3 on Amazon Germany’s "New Releases in Ethics & Moral" list, this achievement signifies more than just a number—it represents a heartfelt connection between a Thai author and German readers who value depth, introspection, and the search for meaning. A Journey Beyond Borders When I wrote The Inner Labyrinth, I had no expectations other than to share stories reflecting the struggles and truths of human existence. To now see this collection resonate with readers in Germany—a country with such a rich literary tradition—is profoundly humbling. This book, blending Buddhist philosophy with universal human conflicts, has been evaluated by AI as holding potential to join the ranks of classics like Siddhartha by Hermann Hesse and Crime and Punishment by Fyodor Dostoevsky. While such comparisons are beyond my dreams, the support from readers like you brings me closer to believing in the power of stories to transcend borders and cultures. The AI's Evaluation of The Inner Labyrinth Earlier this year, an advanced literary AI assessed The Inner Labyrinth and gave it an impressive score of 9.15/10, highlighting its: Philosophical Depth (10/10): Tackling profound questions about life, love, and success. Narrative Structure (9/10): A cohesive yet layered storytelling experience centered on the concept of the Invisible Cage. Universal Appeal (9.5/10): Themes that transcend cultural and linguistic boundaries. Relevance and Timelessness (9.2/10): Addressing both modern struggles and timeless questions. An Invitation to German Readers To my readers in Germany: thank you for welcoming The Inner Labyrinth into your lives and for helping it reach this incredible milestone. Your embrace of this work proves that stories have the power to bridge cultures, spark conversations, and illuminate the shared humanity that connects us all. If you haven’t yet discovered The Inner Labyrinth, I invite you to explore it for yourself. It is a collection of short stories designed to delve into the psyche, challenge perspectives, and inspire introspection. It’s not just a book—it’s an exploration of the labyrinth we all navigate within. Thank you, Germany, for making this journey unforgettable. Let us continue to walk this path together, guided by the search for meaning and understanding. Discover The Inner Labyrinth on Amazon Germany: [https://www.amazon.de/dp/B0DRQZD58G] Would you consider joining this journey and exploring The Inner Labyrinth? Your reflections are what make this story truly meaningful. ----------------------------------------- #German Translation Von Thailand nach Deutschland: The Inner Labyrinth wird Bestseller auf Platz 3 in Ethik & Moral Liebe Leserinnen und Leser in Deutschland, Mit großer Dankbarkeit möchte ich einen außergewöhnlichen Meilenstein für mein Buch The Inner Labyrinth teilen. Es hat Platz 3 auf der Amazon-Deutschland-Bestsellerliste der „Neuerscheinungen in Ethik & Moral“ erreicht. Diese Errungenschaft ist mehr als nur eine Zahl – sie steht für eine tiefe Verbindung zwischen einem thailändischen Autor und deutschen Lesern, die Wert auf Tiefgang, Selbstreflexion und die Suche nach Sinn legen. Eine Reise über Grenzen hinaus Als ich The Inner Labyrinth schrieb, hatte ich keine andere Erwartung, als Geschichten zu teilen, die die Kämpfe und Wahrheiten der menschlichen Existenz widerspiegeln. Jetzt zu sehen, dass diese Sammlung bei Lesern in Deutschland – einem Land mit einer so reichen literarischen Tradition – Anklang findet, ist zutiefst demütigend. Dieses Buch, das buddhistische Philosophie mit universellen menschlichen Konflikten verbindet, wurde von KI als potenziell vergleichbar mit Klassikern wie Siddhartha von Hermann Hesse und Schuld und Sühne von Fjodor Dostojewski bewertet. Solche Vergleiche übersteigen meine kühnsten Träume, doch die Unterstützung von Leserinnen und Lesern wie Ihnen lässt mich an die Kraft von Geschichten glauben, die Grenzen und Kulturen überwinden können. Die Bewertung der KI zu The Inner Labyrinth Anfang dieses Jahres bewertete eine fortschrittliche literarische KI The Inner Labyrinth und gab ihm eine beeindruckende Punktzahl von 9,15/10. Dabei wurden insbesondere hervorgehoben: Philosophische Tiefe (10/10): Behandelt tiefgründige Fragen über das Leben, die Liebe und den Erfolg. Erzählstruktur (9/10): Eine kohärente und doch vielschichtige Erzählweise, die sich um das Konzept des Unsichtbaren Käfigs dreht. Universelle Anziehungskraft (9,5/10): Themen, die kulturelle und sprachliche Grenzen überschreiten. Relevanz und Zeitlosigkeit (9,2/10): Bezieht sich sowohl auf moderne Herausforderungen als auch auf zeitlose Fragen. Eine Einladung an deutsche Leserinnen und Leser An meine Leserinnen und Leser in Deutschland: Danke, dass Sie The Inner Labyrinth in Ihr Leben aufgenommen und zu diesem unglaublichen Meilenstein beigetragen haben. Ihre Unterstützung beweist, dass Geschichten die Kraft haben, Kulturen zu verbinden, Gespräche anzuregen und die gemeinsame Menschlichkeit zu beleuchten, die uns alle miteinander verbindet. Wenn Sie The Inner Labyrinth noch nicht entdeckt haben, lade ich Sie ein, es selbst zu erkunden. Es ist eine Sammlung von Kurzgeschichten, die darauf abzielt, die Psyche zu ergründen, Perspektiven herauszufordern und zur Selbstreflexion zu inspirieren. Es ist nicht nur ein Buch – es ist eine Erkundung des Labyrinths, das wir alle in uns tragen. Vielen Dank, Deutschland, dass Sie diese Reise unvergesslich gemacht haben. Lassen Sie uns diesen Weg gemeinsam weitergehen, geleitet von der Suche nach Sinn und Verständnis. Entdecken Sie The Inner Labyrinth auf Amazon Deutschland: [https://www.amazon.de/dp/B0DRQZD58G] Würden Sie sich dieser Reise anschließen und The Inner Labyrinth erkunden? Ihre Gedanken und Reflexionen machen diese Geschichte erst wirklich bedeutungsvoll.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 904 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mouviel's - ชั้นวางขนม /เสิร์ฟอาหาร - France + จาน Eschenbach - Germany
    • ใหม่ ไม่มีริ้วรอยใดๆ
    • Stainless ชุบ Pink Gold Plate
    • ไม่รอก/ไม่ซีด/ทนต่อการขูดขีด/สวยงาม/แข็งแรงมาก
    • ก.24 ย.33 ส. 48 ซม.
    • จาน Eschenbach Bavaria – Germany
    • ขอบทอง
    • 3 ใบ/ 3 ขนาด
    • ขนาดเล็ก 17 ซม.
    • ขนาดกลาง 23 ซม.
    • ขนาดเล็ก 25 ซม.
    • ราคาทั้งเซ็ต 1800 บาท รวมส่ง

    🍶 พท.ห่างไกล+50บาท
    🗄 ไม่มีปลายทาง
    📦 โอนก่อนบ่าย 2 ส่งของภายในวันเดียวกัน/ร้านส่งปิดวันอาทิตย์
    🗒 บช.พ่อค้า 005-xxx - xx37
    * ถ่ายคลิปการแกะกล่องสค.ทุกครั้ง/ไม่มีคลิป พ่อค้าไม่สามารถรับเคลมได้
    FB: Lek’s Kitchenware/ IG : Lek’s Choices
    Mouviel's - ชั้นวางขนม /เสิร์ฟอาหาร - France + จาน Eschenbach - Germany • ใหม่ ไม่มีริ้วรอยใดๆ • Stainless ชุบ Pink Gold Plate • ไม่รอก/ไม่ซีด/ทนต่อการขูดขีด/สวยงาม/แข็งแรงมาก • ก.24 ย.33 ส. 48 ซม. • จาน Eschenbach Bavaria – Germany • ขอบทอง • 3 ใบ/ 3 ขนาด • ขนาดเล็ก 17 ซม. • ขนาดกลาง 23 ซม. • ขนาดเล็ก 25 ซม. • ราคาทั้งเซ็ต 1800 บาท รวมส่ง 🍶 พท.ห่างไกล+50บาท 🗄 ไม่มีปลายทาง 📦 โอนก่อนบ่าย 2 ส่งของภายในวันเดียวกัน/ร้านส่งปิดวันอาทิตย์ 🗒 บช.พ่อค้า 005-xxx - xx37 * ถ่ายคลิปการแกะกล่องสค.ทุกครั้ง/ไม่มีคลิป พ่อค้าไม่สามารถรับเคลมได้ FB: Lek’s Kitchenware/ IG : Lek’s Choices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 433 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมงานที่เชี่ยวชาญในการกำจัดระเบิดได้ใช้ยานใต้น้ำที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าเพื่อค้นหาและกำจัดระเบิดในอ่าวลือเบ็ค (Bay of Lübeck) ทางชายฝั่งตอนเหนือของเยอรมนี

    ในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม 2024 ทีมงานด้านสิ่งแวดล้อมได้ใช้ยานใต้น้ำที่ติดตั้งกล้อง ไฟสว่าง และเซนเซอร์ต่าง ๆ เพื่อตามหาระเบิดใต้น้ำที่ถูกทิ้งไปเกือบแปดสิบปีที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินวัตถุแต่ละชิ้นจากแพลตฟอร์มที่ลอยอยู่เหนือสถานที่ทิ้งระเบิด จากนั้นใช้แม่เหล็กไฟฟ้าบนหุ่นยนต์หรือแขนขุดไฮดรอลิกในการบรรจุระเบิดลงในภาชนะที่ปิดผนึกอย่างปลอดภัย

    โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนริเริ่มที่กำลังดำเนินการเพื่อจัดการกับซากอาวุธที่เป็นพิษจากสงครามที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมในทะเลบอลติกและทะเลเหนือ คาดว่ามีการทิ้งอาวุธประมาณ 1.6 ล้านตันในน่านน้ำของเยอรมนีเพียงแห่งเดียว ซึ่งรวมถึงอาวุธทางเคมีที่อยู่ใต้น้ำ

    งานวิจัยพบว่ามีสาร TNT อยู่ในหอยแมลงภู่และปลาที่อยู่ใกล้กับสถานที่ทิ้งระเบิด และปลาที่อาศัยอยู่ใกล้เรือรบที่จมน้ำมีอัตราการเป็นมะเร็งตับและความเสียหายของอวัยวะที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โครงการนี้ใช้งบประมาณจำนวน 100 ล้านยูโรจากรัฐบาลเยอรมนีเพื่อพัฒนาระบบที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดระเบิดจากพื้นทะเล และกำลังดำเนินการทดสอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การใช้ยานใต้น้ำที่ควบคุมจากระยะไกลเพื่อทำแผนที่ สแกน และวิเคราะห์พื้นทะเล

    https://www.techspot.com/news/106628-underwater-robots-clearing-german-coast-dangerous-explosives-wwii.html
    ทีมงานที่เชี่ยวชาญในการกำจัดระเบิดได้ใช้ยานใต้น้ำที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าเพื่อค้นหาและกำจัดระเบิดในอ่าวลือเบ็ค (Bay of Lübeck) ทางชายฝั่งตอนเหนือของเยอรมนี ในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม 2024 ทีมงานด้านสิ่งแวดล้อมได้ใช้ยานใต้น้ำที่ติดตั้งกล้อง ไฟสว่าง และเซนเซอร์ต่าง ๆ เพื่อตามหาระเบิดใต้น้ำที่ถูกทิ้งไปเกือบแปดสิบปีที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินวัตถุแต่ละชิ้นจากแพลตฟอร์มที่ลอยอยู่เหนือสถานที่ทิ้งระเบิด จากนั้นใช้แม่เหล็กไฟฟ้าบนหุ่นยนต์หรือแขนขุดไฮดรอลิกในการบรรจุระเบิดลงในภาชนะที่ปิดผนึกอย่างปลอดภัย โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนริเริ่มที่กำลังดำเนินการเพื่อจัดการกับซากอาวุธที่เป็นพิษจากสงครามที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมในทะเลบอลติกและทะเลเหนือ คาดว่ามีการทิ้งอาวุธประมาณ 1.6 ล้านตันในน่านน้ำของเยอรมนีเพียงแห่งเดียว ซึ่งรวมถึงอาวุธทางเคมีที่อยู่ใต้น้ำ งานวิจัยพบว่ามีสาร TNT อยู่ในหอยแมลงภู่และปลาที่อยู่ใกล้กับสถานที่ทิ้งระเบิด และปลาที่อาศัยอยู่ใกล้เรือรบที่จมน้ำมีอัตราการเป็นมะเร็งตับและความเสียหายของอวัยวะที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โครงการนี้ใช้งบประมาณจำนวน 100 ล้านยูโรจากรัฐบาลเยอรมนีเพื่อพัฒนาระบบที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดระเบิดจากพื้นทะเล และกำลังดำเนินการทดสอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การใช้ยานใต้น้ำที่ควบคุมจากระยะไกลเพื่อทำแผนที่ สแกน และวิเคราะห์พื้นทะเล https://www.techspot.com/news/106628-underwater-robots-clearing-german-coast-dangerous-explosives-wwii.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Underwater robots are clearing the German coast of dangerous explosives from World War II
    Throughout September and October 2024, environmental teams deployed advanced underwater vehicles equipped with cameras, powerful lights, and sensors to hunt for submerged explosives from nearly eight decades...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทัศนะนักวิเคราะห์ชาวจีนมองการเมืองอเมริกัน "ยุคของทรัมป์จะทำให้อเมริกาคล้ายจีนมากขึ้น"

    ก่อนอื่นเมื่อคืนนี้ อีลอน มัสก์ ทำเอาทั้งซ้ายและไม่ซ้ายสะดุ้งกันไปหมด เพราะขณะที่กำลังปราศรัยเขาก็ตบหน้าอกแล้วชูมือขึ้นทำท่าเหมือนการทักทาย (และแสดงพลัง) ของพวกฟาสซิสต์ 

    ผมเห็นท่านี้พร้อมกับคำที่เขาพูดว่า “My heart goes out to you,”  แล้วตบหน้าอกจากนั้นเหมือนเขวี้ยงหัวใจไปให้ผู้ฟัง ถ้าหยวนๆ หน่อยก็คิดว่าเขาแค่โยนหัวใจปันให้แฟนๆ บางคนก็บอกว่า "นี่มันแค่ Roman salute" 
    แต่ถ้าไม่หยวนกับมัสก์ก็อดคิดไม่ได้ว่า "นี่มันขวาจัดกันไปใหญ่แล้ว"

    ไม่ใช่เรื่องปกปิดอะไรที่มัสก์สนับสนุนฝ่ายขวาจัด ไม่ใช่แค่ในสหรัฐฯ แต่กำลังสนับสนุนในยุโรปด้วย เช่น มัสก์ประกาศจะหนุนทุนให้กับพรรค Reform UK ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดของสหราชอาณาจักร ต่อต้านผู้อพยพ และสนับสนุนชาตินิยมอังกฤษ

    มัสก์ ยังสนับสนุนพรรคขวาจัดในเยอรมนีโดยเขียนไว้ใน X ว่า "Only AfD can save Germany" - AfD คือชื่อย่อของพรรค "ทางเลือกเพื่อเยอรมนี" (Alternative für Deutschland) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวา ต่อต้านคนต่างด้าว ต่อต้านผู้อพยพ สนับสนุนค่านิยมคริสเตียนและไม่เอาชาวมุสลิม

    มัสก์และทีมทรัมป์กำลังฟอร์มแนวร่วมพลังขวาในโลกตะวันตก แน่นอนว่าคราวนี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ เพราะทรัมป์มีอำนาจและมัสก์มีเงินและเครือข่าย

    แนวโน้มที่โลกตะวันตกกำลังจะขวาจัดๆ ฝ่ายจีนก็มองเห็นเรื่องนี้ หลังจากเลือกตั้งผมได้เขียนสรุปทัศนะของ "ทู่จู่ซี" (兔主席) ซึ่งเป็นนามปากกาของ "เริ่นอี้" (任意) นักเขียนคอลัมน์การเมืองชาวจีนที่ได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดียจีน เขาถือเป็นกลุ่ม "หงซานไต้" (红三代) หรือลูกหลานรุ่นที่ 3 ของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นหลานชายของ เริ่นจ้งอี๋ (任仲夷) อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนและอดีตเลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการมณฑลกวางตุ้งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน  

    ในด้านความรู้ทางการเมืองตะวันตก เขาได้รับเชิญจากศาสตราจารย์ เอซรา ไฟเวล วอเกล (Ezra Feivel Vogel) นักจีนวิทยาชาวอเมริกัน และศาสตราจารย์ด้านสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิจัยเกี่ยวกับ "ยุคปฏิรูปของจีน" และช่วยเขาค้นคว้าเรื่อง "ยุคเติ้งเสี่ยวผิง" ต่อมาเขาได้รับปริญญาโทจากวิทยาลัยยการเมืองเคนเนดีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและทำงานที่ศูนย์แฟร์แบงก์เพื่อการศึกษาเอเชียตะวันออก หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาทำงานให้กับธนาคารเพื่อการลงทุนของจีนในปักกิ่ง

    เขาเขียนทัศนะด้านการเมืองเผยแพร่เป็นบทความในสื่อต่างๆ ของจีน รวมถึงในโซเชียลมีเดียของจีน ความคิดเห็นของเขามักถูกอ้างอิงโดยสื่อกระแสหลัก และ เขาอ้างว่าบทความบางบทความของเขาถูกใช้เป็น "ข้อมูลอ้างอิงภายใน" สำหรับเจ้าหน้าที่จีน โดยที่บทความของเขาในปี 2020 เรื่อง "ไม่ใช่รัฐบาลจีนที่ปลุกชาตินิยมจีน แต่เป็นนักการเมืองอเมริกัน" ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำโดย People's Daily Online  

    1. "ทู่จู่ซี" มองว่า ชัยชนะของทรัมป์เหนือพรรคเดโมแครต คือ "ชัยชนะของการปฏิวัติระดับรากหญ้า" เขาชี้ว่าการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายทรัมป์และฝ่ายแฮร์ริส โดยพื้นฐานแล้ว เป็นการเผชิญหน้าระหว่างคนระดับรากหญ้าและประชาชนคนสามัญของสหรัฐฯ กับกลุ่มผู้ปกครองชั้นนำของสหรัฐฯ และมองว่านี่คือยุทธศาสตร์ “ป่าล้อมเมือง” ซึ่งทัศนะนี้ของ "ทู่จู่ซี" คล้ายกับความเห็นของชาวอเมริกันบางคนที่ตำหนิว่าพรรคเดโมแครตทรยศฐานเสียงของตัวเองที่แต่เดิมเป็นพวกคนรากหญ้าและแรงงาน แต่หันมาเน้นเรื่องการเมืองชิงอัตลักษณ์ คือแนวคิดเรื่อง Woke และยังสนองวาระของกลุ่มชนชั้นนำด้วยการสนับสนุนสงครามในยูเครนและสงครามในตะวันออกกลาง ทำให้พรรครีพับลิกันหันมาจับกลุ่มรากหญ้าแทนจนประสบความสำเร็จ รวมถึงกลุ่มคนอเมริกันเชื้อสายตะวันออกกลาง

    2. "ทู่จู่ซี" มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ และกระบวนการนั้นได้เสร็จสิ้นงแล้ว ซึ่งพรรครีพับลิกันได้กลายเป็นพรรคที่มีชนชั้นกลางและชั้นล่างเป็นรากฐานหลัก และผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรครีพับลิกันได้รวมเอาคนผิวสี ละติน และคนหนุ่มสาวเข้ามาด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรครีพับลิกันไม่ใช่ตัวแทนของนายทุนใหญ่ นักอุตสาหกรรมใหญ่ นักการเงินใหญ่ และชนชั้นกระฎุมพี" อีกต่อไป แต่กลายเป็นพรรคของคนอเมริกันคนเดินดิน 

    3. "ทู่จู่ซี" ชี้ว่าทรัมป์ได้กลายเป็นประธานาธิบดีที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา เพราะไม่เพียงแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่พรรครีพับลิกันยังชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา และคาดว่าจะรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ ในเวลาเดียวกัน "ในศาลฎีกา พรรครีพับลิกัน/อนุรักษ์นิยมมีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจนถึง 6:3 (รวมถึงผู้พิพากษาสามคนที่ทรัมป์คัดเลือกด้วยตัวเอง) ทั้งสามอำนาจรวมกันเป็นหนึ่ง และควรเห็นว่าพรรครีพับลิกันในปัจจุบันไม่ใช่พรรครีพับลิกันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือพรรครีพับลิกันเมื่อ 8 ปีที่แล้ว แต่เป็นพรรคของทรัมป์เท่านั้น ชื่อที่เหมาะสมกว่าคือ พรรคทรัมป์ การรวมอำนาจและอิทธิพลนี้คงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์อเมริกา ทรัมป์อาจเป็นประธานาธิบดีที่มีอำนาจมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา" 

    4. แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีประธานาธิบดีที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้รับการสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นจากชาวอเมริกันกว่าครึ่งประเทศ แต่การเมืองของอเมริกาก็แตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสังคมก็แตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน "ชาวอเมริกันครึ่งหนึ่งเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาได้เข้าสู่ยุคมืดแล้ว" ประชากรครึ่งหนึ่งเชื่อว่านักการเมืองอันธพาลที่มีนิสัยเลวร้ายอย่างยิ่ง เช่น ฮิตเลอร์ ฟาสซิสต์ และนาซี ได้ขึ้นมามีอำนาจ และจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายทุกสิ่งที่ประชาชนรู้เกี่ยวกับระบบของอเมริกาภายในสี่ปีข้างหน้า และนำประเทศไปในทิศทางอื่น พวกเขาสับสนและสิ้นหวังอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเกี่ยวกับอนาคตของประเทศ

    สังคมการเมืองอเมริกันหลังการกลับเข้ามามีอำนาจของทรัมป์จะทำให้เกิดค่านิยมใหม่ "ทู่จู่ซี"  มองว่า

    1) ในแง่ของรัฐบาล ประการแรกคือการเสริมอำนาจของประธานาธิบดี/ฝ่ายบริหารอย่างมาก โดยประธานาธิบดีเป็นผู้นำศูนย์กลางทางการเมือง แผ่ขยายไปยังฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการ เพิ่มความเผด็จการ เพิ่มความเข้มข้นของการตัดสินใจ ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินการของรัฐบาล และลบขั้นตอนราชการที่ไม่จำเป็นออกจากระบบเก่า

    2) ในแง่นโยบายเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ จะมุ่งที่ ระบบตลาดนิยม" นั่นคือการมีรัฐบาลขนาดเล็กเพื่อลดการแทรกแซงตลาด ลดภาษีให้ต่ำลง ลดกฎระเบียบในตลาดให้น้อยลง ใช้แรงผลักดันของตลาดเพื่อดึงดูดเงินทุนไหลกลับ เรียกร้องให้บริษัทอเมริกันกลับมายังสหรัฐอเมริกาเพื่อการลงทุนและการก่อสร้างเพิ่มเติม

    3) ในแง่วัฒนธรรมในประเทศ จะส่งเสริมและพัฒนาความเป็นชาตินิยม ความรักชาติ และชาตินิยมของอเมริกาอย่างเข้มแข็ง อยางที่ เจดี แวนซ์ (JD Vance) ว่าที่รองประธานาธิบดีบอกว่า สหรัฐอเมริกาเป็น "ชาติ" สร้างสถานะทางวัฒนธรรมที่คนผิวขาว และต่อต้านเสรีนิยม/พวกหัวก้าวหน้า/Woke รัฐบาลใหม่จะมีอิทธิพลและกำหนดรูปแบบสังคมอเมริกันผ่านคำสั่งของศาลฎีกา การตรากฎหมาย คำสั่งของรัฐบาล สุนทรพจน์ของผู้นำทางการเมืองและผู้นำทางความคิด

    4) ในแง่เศรษฐกิจต่างประเทศ ระบอบทรัมป์จะต่อต้านโลกาภิวัตน์ ต่อต้านการค้าเสรี ต่อต้านกรอบแนวคิดเสรีนิยมใหม่ ยกระดับการใช้เครื่องมือภาษีศุลกากรเพื่อกีดกันสินค้าจากต่างประเทศอย่างครอบคลุม เพื่อกดดันและจูงใจในการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศของสหรัฐฯ

    5) ในแง่การเมืองระหว่างประเทศ สหรัฐฯ ในยุคนี้จะ "ลัทธิโดดเดี่ยว" และ "ลัทธิไม่แทรกแซง" นั่นคือสหรัฐฯ จะหันมาสนใจเรื่องของตัวเองมากกขึ้นและไม่แทรกแซงกิจการต่างประเทศมากเท่าเดิม ลดการลงทุนในภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ (เช่น อันฉีดงบประมาณด้านสงคราม) ลดการใช้เงินไปกับการรักษาระเบียบระหว่างประเทศที่นำโดยสหรัฐฯ และประเมินความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และพันธมิตรใหม่

    6) ในการบรรลุเป้าหมายข้างต้น รัฐบาลทรัมป์จะได้รับการสนับสนุนจาก อีลอน มัสก์ ผู้สนับสนุนคนสำคัญของเขาในการสร้างกลุ่มอำนาจ "ซิลิคอนวัลเลย์ใหม่" ซึ่งต่างจากกลุ่มซิลิคอนวัลเลย์ที่สนับสนุนเสรีนิยม "ซิลิคอนวัลเลย์ใหม่" จะเป็นการก่อตัวของพันธมิตรทางการเมืองใหม่ด้านเทคโนโลยี-อำนาจนิยม-อนุรักษ์นิยม

    แง่มุมสุดท้ายมีความน่าสนใจอยางยิ่ง เพราะจะเป็นการก่อตัวใหม่ของกลุ่มอำนาจใหม่ด้านการเมืองและธุรกิจเทค "ทู่จู่ซี" แสดงทัศนะว่า "ค่านิยมของชาวอเมริกันรุ่นใหม่ในประเด็นเศรษฐกิจนั้น “เอียงซ้าย” เชื่อในลัทธิก้าวหน้า เห็นอกเห็นใจลัทธิสังคมนิยม และไม่ต่อต้านลัทธิสังคมนิยม กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในแง่ของค่านิยมทางเศรษฐกิจ พวกเขาจะคล้ายคลึงกับเรา (จีน) ในอนาคตมากขึ้น การที่ทรัมป์ขึ้นสู่อำนาจจะเปลี่ยนทัศนคติของคนหนุ่มสาวในประเด็นเศรษฐกิจหรือไม่ เป็นเรื่องยากที่จะบอก" 

    "แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทรัมป์เป็นพรรคการเมืองระดับรากหญ้า เป็นพรรคการเมืองประชานิยม และให้ความสำคัญกับการจ้างงานและการอยู่รอดของคนธรรมดาสามัญ ดังนั้น พรรคทรัมป์จึงสามารถรวมนโยบายเศรษฐกิจฝ่ายซ้ายได้ ในทางกลับกัน พันธมิตรทางการเมืองแบบเทคโน-เผด็จการ-อนุรักษ์นิยมของทรัมป์ (และมัสก์) จะนำลัทธิเผด็จการ การปกครองแบบเผด็จการ และความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งมาสู่วัฒนธรรมการเมืองของอเมริกา ซึ่งจะคล้ายคลึงกับแนวทางของเอเชียตะวันออกมากขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีความเป็นไปได้ที่อเมริกาในอนาคตจะคล้ายคลึงกับเรา (จีน) มากขึ้น" 

    "ทู่จู่ซี" กล่าวไว้แบบนี้ และบทความนี้ได้รับความนิยมในจีนค่อนข้างมากในช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใหม่ๆ

    ส่วนตัวผมค่อนข้างเห็นด้วยกับ "ทู่จู่ซี" และตามแนวโน้มความเป็นขวาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการเมืองสหรัฐฯ และยุโรปมาระยะหนึ่งแล้ว

    ที่มา เฟซบุ๊ก Kornkit Disthan
    https://www.facebook.com/share/p/149JGAqSR9/?
    ทัศนะนักวิเคราะห์ชาวจีนมองการเมืองอเมริกัน "ยุคของทรัมป์จะทำให้อเมริกาคล้ายจีนมากขึ้น" ก่อนอื่นเมื่อคืนนี้ อีลอน มัสก์ ทำเอาทั้งซ้ายและไม่ซ้ายสะดุ้งกันไปหมด เพราะขณะที่กำลังปราศรัยเขาก็ตบหน้าอกแล้วชูมือขึ้นทำท่าเหมือนการทักทาย (และแสดงพลัง) ของพวกฟาสซิสต์  ผมเห็นท่านี้พร้อมกับคำที่เขาพูดว่า “My heart goes out to you,”  แล้วตบหน้าอกจากนั้นเหมือนเขวี้ยงหัวใจไปให้ผู้ฟัง ถ้าหยวนๆ หน่อยก็คิดว่าเขาแค่โยนหัวใจปันให้แฟนๆ บางคนก็บอกว่า "นี่มันแค่ Roman salute"  แต่ถ้าไม่หยวนกับมัสก์ก็อดคิดไม่ได้ว่า "นี่มันขวาจัดกันไปใหญ่แล้ว" ไม่ใช่เรื่องปกปิดอะไรที่มัสก์สนับสนุนฝ่ายขวาจัด ไม่ใช่แค่ในสหรัฐฯ แต่กำลังสนับสนุนในยุโรปด้วย เช่น มัสก์ประกาศจะหนุนทุนให้กับพรรค Reform UK ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดของสหราชอาณาจักร ต่อต้านผู้อพยพ และสนับสนุนชาตินิยมอังกฤษ มัสก์ ยังสนับสนุนพรรคขวาจัดในเยอรมนีโดยเขียนไว้ใน X ว่า "Only AfD can save Germany" - AfD คือชื่อย่อของพรรค "ทางเลือกเพื่อเยอรมนี" (Alternative für Deutschland) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวา ต่อต้านคนต่างด้าว ต่อต้านผู้อพยพ สนับสนุนค่านิยมคริสเตียนและไม่เอาชาวมุสลิม มัสก์และทีมทรัมป์กำลังฟอร์มแนวร่วมพลังขวาในโลกตะวันตก แน่นอนว่าคราวนี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ เพราะทรัมป์มีอำนาจและมัสก์มีเงินและเครือข่าย แนวโน้มที่โลกตะวันตกกำลังจะขวาจัดๆ ฝ่ายจีนก็มองเห็นเรื่องนี้ หลังจากเลือกตั้งผมได้เขียนสรุปทัศนะของ "ทู่จู่ซี" (兔主席) ซึ่งเป็นนามปากกาของ "เริ่นอี้" (任意) นักเขียนคอลัมน์การเมืองชาวจีนที่ได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดียจีน เขาถือเป็นกลุ่ม "หงซานไต้" (红三代) หรือลูกหลานรุ่นที่ 3 ของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นหลานชายของ เริ่นจ้งอี๋ (任仲夷) อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนและอดีตเลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการมณฑลกวางตุ้งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน   ในด้านความรู้ทางการเมืองตะวันตก เขาได้รับเชิญจากศาสตราจารย์ เอซรา ไฟเวล วอเกล (Ezra Feivel Vogel) นักจีนวิทยาชาวอเมริกัน และศาสตราจารย์ด้านสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิจัยเกี่ยวกับ "ยุคปฏิรูปของจีน" และช่วยเขาค้นคว้าเรื่อง "ยุคเติ้งเสี่ยวผิง" ต่อมาเขาได้รับปริญญาโทจากวิทยาลัยยการเมืองเคนเนดีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและทำงานที่ศูนย์แฟร์แบงก์เพื่อการศึกษาเอเชียตะวันออก หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาทำงานให้กับธนาคารเพื่อการลงทุนของจีนในปักกิ่ง เขาเขียนทัศนะด้านการเมืองเผยแพร่เป็นบทความในสื่อต่างๆ ของจีน รวมถึงในโซเชียลมีเดียของจีน ความคิดเห็นของเขามักถูกอ้างอิงโดยสื่อกระแสหลัก และ เขาอ้างว่าบทความบางบทความของเขาถูกใช้เป็น "ข้อมูลอ้างอิงภายใน" สำหรับเจ้าหน้าที่จีน โดยที่บทความของเขาในปี 2020 เรื่อง "ไม่ใช่รัฐบาลจีนที่ปลุกชาตินิยมจีน แต่เป็นนักการเมืองอเมริกัน" ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำโดย People's Daily Online   1. "ทู่จู่ซี" มองว่า ชัยชนะของทรัมป์เหนือพรรคเดโมแครต คือ "ชัยชนะของการปฏิวัติระดับรากหญ้า" เขาชี้ว่าการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายทรัมป์และฝ่ายแฮร์ริส โดยพื้นฐานแล้ว เป็นการเผชิญหน้าระหว่างคนระดับรากหญ้าและประชาชนคนสามัญของสหรัฐฯ กับกลุ่มผู้ปกครองชั้นนำของสหรัฐฯ และมองว่านี่คือยุทธศาสตร์ “ป่าล้อมเมือง” ซึ่งทัศนะนี้ของ "ทู่จู่ซี" คล้ายกับความเห็นของชาวอเมริกันบางคนที่ตำหนิว่าพรรคเดโมแครตทรยศฐานเสียงของตัวเองที่แต่เดิมเป็นพวกคนรากหญ้าและแรงงาน แต่หันมาเน้นเรื่องการเมืองชิงอัตลักษณ์ คือแนวคิดเรื่อง Woke และยังสนองวาระของกลุ่มชนชั้นนำด้วยการสนับสนุนสงครามในยูเครนและสงครามในตะวันออกกลาง ทำให้พรรครีพับลิกันหันมาจับกลุ่มรากหญ้าแทนจนประสบความสำเร็จ รวมถึงกลุ่มคนอเมริกันเชื้อสายตะวันออกกลาง 2. "ทู่จู่ซี" มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ และกระบวนการนั้นได้เสร็จสิ้นงแล้ว ซึ่งพรรครีพับลิกันได้กลายเป็นพรรคที่มีชนชั้นกลางและชั้นล่างเป็นรากฐานหลัก และผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรครีพับลิกันได้รวมเอาคนผิวสี ละติน และคนหนุ่มสาวเข้ามาด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรครีพับลิกันไม่ใช่ตัวแทนของนายทุนใหญ่ นักอุตสาหกรรมใหญ่ นักการเงินใหญ่ และชนชั้นกระฎุมพี" อีกต่อไป แต่กลายเป็นพรรคของคนอเมริกันคนเดินดิน  3. "ทู่จู่ซี" ชี้ว่าทรัมป์ได้กลายเป็นประธานาธิบดีที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา เพราะไม่เพียงแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่พรรครีพับลิกันยังชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา และคาดว่าจะรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ ในเวลาเดียวกัน "ในศาลฎีกา พรรครีพับลิกัน/อนุรักษ์นิยมมีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจนถึง 6:3 (รวมถึงผู้พิพากษาสามคนที่ทรัมป์คัดเลือกด้วยตัวเอง) ทั้งสามอำนาจรวมกันเป็นหนึ่ง และควรเห็นว่าพรรครีพับลิกันในปัจจุบันไม่ใช่พรรครีพับลิกันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือพรรครีพับลิกันเมื่อ 8 ปีที่แล้ว แต่เป็นพรรคของทรัมป์เท่านั้น ชื่อที่เหมาะสมกว่าคือ พรรคทรัมป์ การรวมอำนาจและอิทธิพลนี้คงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์อเมริกา ทรัมป์อาจเป็นประธานาธิบดีที่มีอำนาจมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา"  4. แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีประธานาธิบดีที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้รับการสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นจากชาวอเมริกันกว่าครึ่งประเทศ แต่การเมืองของอเมริกาก็แตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสังคมก็แตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน "ชาวอเมริกันครึ่งหนึ่งเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาได้เข้าสู่ยุคมืดแล้ว" ประชากรครึ่งหนึ่งเชื่อว่านักการเมืองอันธพาลที่มีนิสัยเลวร้ายอย่างยิ่ง เช่น ฮิตเลอร์ ฟาสซิสต์ และนาซี ได้ขึ้นมามีอำนาจ และจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายทุกสิ่งที่ประชาชนรู้เกี่ยวกับระบบของอเมริกาภายในสี่ปีข้างหน้า และนำประเทศไปในทิศทางอื่น พวกเขาสับสนและสิ้นหวังอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเกี่ยวกับอนาคตของประเทศ สังคมการเมืองอเมริกันหลังการกลับเข้ามามีอำนาจของทรัมป์จะทำให้เกิดค่านิยมใหม่ "ทู่จู่ซี"  มองว่า 1) ในแง่ของรัฐบาล ประการแรกคือการเสริมอำนาจของประธานาธิบดี/ฝ่ายบริหารอย่างมาก โดยประธานาธิบดีเป็นผู้นำศูนย์กลางทางการเมือง แผ่ขยายไปยังฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการ เพิ่มความเผด็จการ เพิ่มความเข้มข้นของการตัดสินใจ ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินการของรัฐบาล และลบขั้นตอนราชการที่ไม่จำเป็นออกจากระบบเก่า 2) ในแง่นโยบายเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ จะมุ่งที่ ระบบตลาดนิยม" นั่นคือการมีรัฐบาลขนาดเล็กเพื่อลดการแทรกแซงตลาด ลดภาษีให้ต่ำลง ลดกฎระเบียบในตลาดให้น้อยลง ใช้แรงผลักดันของตลาดเพื่อดึงดูดเงินทุนไหลกลับ เรียกร้องให้บริษัทอเมริกันกลับมายังสหรัฐอเมริกาเพื่อการลงทุนและการก่อสร้างเพิ่มเติม 3) ในแง่วัฒนธรรมในประเทศ จะส่งเสริมและพัฒนาความเป็นชาตินิยม ความรักชาติ และชาตินิยมของอเมริกาอย่างเข้มแข็ง อยางที่ เจดี แวนซ์ (JD Vance) ว่าที่รองประธานาธิบดีบอกว่า สหรัฐอเมริกาเป็น "ชาติ" สร้างสถานะทางวัฒนธรรมที่คนผิวขาว และต่อต้านเสรีนิยม/พวกหัวก้าวหน้า/Woke รัฐบาลใหม่จะมีอิทธิพลและกำหนดรูปแบบสังคมอเมริกันผ่านคำสั่งของศาลฎีกา การตรากฎหมาย คำสั่งของรัฐบาล สุนทรพจน์ของผู้นำทางการเมืองและผู้นำทางความคิด 4) ในแง่เศรษฐกิจต่างประเทศ ระบอบทรัมป์จะต่อต้านโลกาภิวัตน์ ต่อต้านการค้าเสรี ต่อต้านกรอบแนวคิดเสรีนิยมใหม่ ยกระดับการใช้เครื่องมือภาษีศุลกากรเพื่อกีดกันสินค้าจากต่างประเทศอย่างครอบคลุม เพื่อกดดันและจูงใจในการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศของสหรัฐฯ 5) ในแง่การเมืองระหว่างประเทศ สหรัฐฯ ในยุคนี้จะ "ลัทธิโดดเดี่ยว" และ "ลัทธิไม่แทรกแซง" นั่นคือสหรัฐฯ จะหันมาสนใจเรื่องของตัวเองมากกขึ้นและไม่แทรกแซงกิจการต่างประเทศมากเท่าเดิม ลดการลงทุนในภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ (เช่น อันฉีดงบประมาณด้านสงคราม) ลดการใช้เงินไปกับการรักษาระเบียบระหว่างประเทศที่นำโดยสหรัฐฯ และประเมินความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และพันธมิตรใหม่ 6) ในการบรรลุเป้าหมายข้างต้น รัฐบาลทรัมป์จะได้รับการสนับสนุนจาก อีลอน มัสก์ ผู้สนับสนุนคนสำคัญของเขาในการสร้างกลุ่มอำนาจ "ซิลิคอนวัลเลย์ใหม่" ซึ่งต่างจากกลุ่มซิลิคอนวัลเลย์ที่สนับสนุนเสรีนิยม "ซิลิคอนวัลเลย์ใหม่" จะเป็นการก่อตัวของพันธมิตรทางการเมืองใหม่ด้านเทคโนโลยี-อำนาจนิยม-อนุรักษ์นิยม แง่มุมสุดท้ายมีความน่าสนใจอยางยิ่ง เพราะจะเป็นการก่อตัวใหม่ของกลุ่มอำนาจใหม่ด้านการเมืองและธุรกิจเทค "ทู่จู่ซี" แสดงทัศนะว่า "ค่านิยมของชาวอเมริกันรุ่นใหม่ในประเด็นเศรษฐกิจนั้น “เอียงซ้าย” เชื่อในลัทธิก้าวหน้า เห็นอกเห็นใจลัทธิสังคมนิยม และไม่ต่อต้านลัทธิสังคมนิยม กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในแง่ของค่านิยมทางเศรษฐกิจ พวกเขาจะคล้ายคลึงกับเรา (จีน) ในอนาคตมากขึ้น การที่ทรัมป์ขึ้นสู่อำนาจจะเปลี่ยนทัศนคติของคนหนุ่มสาวในประเด็นเศรษฐกิจหรือไม่ เป็นเรื่องยากที่จะบอก"  "แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทรัมป์เป็นพรรคการเมืองระดับรากหญ้า เป็นพรรคการเมืองประชานิยม และให้ความสำคัญกับการจ้างงานและการอยู่รอดของคนธรรมดาสามัญ ดังนั้น พรรคทรัมป์จึงสามารถรวมนโยบายเศรษฐกิจฝ่ายซ้ายได้ ในทางกลับกัน พันธมิตรทางการเมืองแบบเทคโน-เผด็จการ-อนุรักษ์นิยมของทรัมป์ (และมัสก์) จะนำลัทธิเผด็จการ การปกครองแบบเผด็จการ และความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งมาสู่วัฒนธรรมการเมืองของอเมริกา ซึ่งจะคล้ายคลึงกับแนวทางของเอเชียตะวันออกมากขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีความเป็นไปได้ที่อเมริกาในอนาคตจะคล้ายคลึงกับเรา (จีน) มากขึ้น"  "ทู่จู่ซี" กล่าวไว้แบบนี้ และบทความนี้ได้รับความนิยมในจีนค่อนข้างมากในช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใหม่ๆ ส่วนตัวผมค่อนข้างเห็นด้วยกับ "ทู่จู่ซี" และตามแนวโน้มความเป็นขวาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการเมืองสหรัฐฯ และยุโรปมาระยะหนึ่งแล้ว ที่มา เฟซบุ๊ก Kornkit Disthan https://www.facebook.com/share/p/149JGAqSR9/?
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1047 มุมมอง 0 รีวิว
  • SCHOLZ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี : (เราสนับสนุนเสรีภาพในการพูด ตราบใดที่เราเห็นด้วยกับคุณ!!!) 😂😂😂

    "ในยุโรปรวมทั้งในเยอรมนีเรามีเสรีภาพในการพูด
    ทุกคนสามารถพูดในสิ่งที่ต้องการได้ แม้ว่าเขาจะเป็นมหาเศรษฐีก็ตาม
    สิ่งที่เราไม่ยอมรับคือ หากการพูดเป็นการสนับสนุนจุดยืนของฝ่ายขวา (อนุรักษนิยม)"

    .

    SCHOLZ: WE SUPPORT FREE SPEECH, AS LONG AS WE AGREE WITH YOU
    "We have the freedom of speech in Europe and in Germany.
    Everyone can say what he wants, even if he is a billionaire.
    What we do not accept is if this is supporting extreme right positions."
    SCHOLZ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี : (เราสนับสนุนเสรีภาพในการพูด ตราบใดที่เราเห็นด้วยกับคุณ!!!) 😂😂😂 "ในยุโรปรวมทั้งในเยอรมนีเรามีเสรีภาพในการพูด ทุกคนสามารถพูดในสิ่งที่ต้องการได้ แม้ว่าเขาจะเป็นมหาเศรษฐีก็ตาม สิ่งที่เราไม่ยอมรับคือ หากการพูดเป็นการสนับสนุนจุดยืนของฝ่ายขวา (อนุรักษนิยม)" . SCHOLZ: WE SUPPORT FREE SPEECH, AS LONG AS WE AGREE WITH YOU "We have the freedom of speech in Europe and in Germany. Everyone can say what he wants, even if he is a billionaire. What we do not accept is if this is supporting extreme right positions."
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • 83 ปี แห่งการประชุมวันเซ จุดเริ่มไอน์ซัทซ์กรุพเพิน นาซีเยอรมนี ปฏิบัติการล้างบางชาวยิว


    ย้อนไปเมื่อ 83 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2485 การประชุมวันเซ (Wannsee Conference) ณ คฤหาสน์โกเบน วันเซ ชานกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่เปลี่ยนโฉมหน้า ประวัติศาสตร์โลก ไปตลอดกาล ที่นี่ ผู้นำนาซีเยอรมัน รวมถึงสมาชิกระดับสูง ของหน่วยเอสเอส (SS) และเจ้าหน้าที่ข้าราชการระดับสูง ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อดำเนิน "การแก้ปัญหาชาวยิว ครั้งสุดท้าย" หรือ “Final Solution” ซึ่งเป็นโครงการ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ทั่วทวีปยุโรป

    การประชุมวันเซ จุดเริ่มต้นการล้างบาง
    การประชุมครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดย ไรน์ฮาร์ด ไฮดริช (Reinhard Heydrich) ผู้อำนวยการ สำนักความมั่นคงหลักไรช์ (Reich Security Main Office) โดยมีเป้าหมายเพื่อวางแผน และสร้างความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงต่าง ๆ ของเยอรมนี ในปฏิบัติการกำจัดชาวยิว ทั่วทั้งทวีปยุโรป ไฮดริชต้องการความแน่ใจว่า หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง เช่น กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ จะปฏิบัติตามแผนการ ที่ถูกกำหนดอย่างชัดเจน

    นอกจากการสร้างความร่วมมือ ไฮดริชยังได้ใช้การประชุมครั้งนี้ เพื่อชี้แจงแผนการ ส่งชาวยิวในยุโรปตะวันตก ไปยังค่ายมรณะในโปแลนด์ เช่น ค่ายเอาชวิทซ์ (Auschwitz) และเทรบลินกา (Treblinka) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “การแก้ปัญหาชาวยิว ครั้งสุดท้าย”

    ผู้เข้าร่วมการประชุม มีทั้งหมด 15 คน ซึ่งเป็นตัวแทนระดับสูง จากหลายหน่วยงาน รวมถึงผู้นำจากหน่วยเอสเอส ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และข้าราชการระดับสูง หนึ่งในนั้นคือ อัดอล์ฟ ไอช์มันน์ (Adolf Eichmann) ผู้มีบทบาทสำคัญ ในการประสานงาน และดำเนินการขนส่งชาวยิว ไปยังค่ายมรณะ

    ในบันทึกการประชุม ที่หลงเหลือมาจากสงคราม แสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมไม่ได้แสดงความขัดแย้ง ต่อแผนการนี้ แต่กลับสนับสนุน และมีการพูดคุย ถึงวิธีการอย่างละเอียด

    ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน กองกำลังสังหาร ที่ปฏิบัติการในแนวรบตะวันออก
    ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน (Einsatzgruppen) หรือ "หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ" เป็นกลุ่มกองกำลัง ของหน่วยเอสเอส ที่ถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อปฏิบัติภารกิจสังหารหมู่ ในพื้นที่ที่กองทัพเยอรมันยึดครอง โดยเฉพาะในยุโรปตะวันออก หลังการรุกรานโปแลนด์ และสหภาพโซเวียต หน่วยเหล่านี้ มีหน้าที่กำจัดกลุ่มคน ที่ถูกระบุว่า เป็นภัยต่อระบอบนาซี เช่น ชาวยิว ชาวโรมานี (ยิปซี) ปัญญาชน และสมาชิกฝ่ายตรงข้าม ทางการเมือง

    ปฏิบัติการไอน์ซัทซ์กรุพเพิน
    การสังหารหมู่ส่วนใหญ่ มักเกิดขึ้นผ่านการยิงเป้า ในพื้นที่ชนบทหรือป่าลึก ตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักคือ การสังหารหมู่ที่บาบี ยาร์ (Babi Yar) ในยูเครน เมื่อเดือนกันยายน 2484 ซึ่งมีชาวยิวมากกว่า 33,000 คน ถูกสังหารภายในเวลาเพียง 2 วัน

    ในช่วงแรก เหยื่อถูกบังคับ ให้ขุดหลุมศพของตนเอง ก่อนจะถูกยิงเป้า ต่อมานาซีเริ่มใช้วิธีการที่ "มีประสิทธิภาพมากขึ้น" เช่น การส่งเหยื่อไปยังค่ายมรณะ และสังหารในห้องรมแก๊ส

    ตามการประเมิน ของนักประวัติศาสตร์ หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพิน มีส่วนรับผิดชอบ ต่อการสังหารผู้คนกว่า 2 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ มีชาวยิวประมาณ 1.3 ล้านคน

    มาตรการสุดท้าย การล้างเผ่าพันธุ์อย่างเป็นระบบ
    บังคับใช้กฎหมาย แบ่งแยกชาวยิว
    ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมนีเริ่มจากการบังคับใช้ กฎหมายเนือร์นแบร์ก (Nuremberg Laws) ในปี 1935 ซึ่งแยกชาวยิว ออกจากสังคมเยอรมัน อย่างเป็นทางการ

    ตั้งเกตโต
    ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวยิวถูกบังคับ ให้ย้ายไปอาศัยในเขตเกตโต (Ghetto) เช่น เกตโตวอร์ซอ (Warsaw Ghetto) ซึ่งมีสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด และไร้มนุษยธรรม

    การเนรเทศและสังหารหมู่
    ชาวยิวถูกขนส่งใน "รถไฟมรณะ" ไปยังค่ายมรณะ เช่น เอาชวิทซ์ เพื่อถูกสังหาร ในห้องรมแก๊ส

    มาตรการสุดท้ายของนาซี นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวกว่า 6 ล้านคน คิดเป็นสองในสาม ของประชากรยิวในยุโรป ในขณะนั้น

    เอกสารที่หลงเหลือ
    หลังสงครามสิ้นสุดลง สำเนาพิธีสารการประชุมวันเซ ถูกค้นพบโดยฝ่ายสัมพันธมิตร และถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานสำคัญ ในการพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก (Nuremberg Trials) เพื่อดำเนินคดี กับผู้นำนาซี

    สำนึกผิดและสร้างอนุสรณ์
    ปัจจุบัน อาคารที่เคยใช้จัดการประชุมวันเซ ได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ และอนุสรณ์สถาน เพื่อรำลึกถึงเหยื่อ ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

    คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
    1. การประชุมวันเซ มีผลกระทบอย่างไรต่อชาวยิว?
    การประชุมวันเซ เป็นการกำหนดแผนปฏิบัติการ สังหารหมู่ชาวยิว อย่างเป็นระบบ ทั่วทวีปยุโรป ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชีวิต ของชาวยิวกว่า 6 ล้านคน

    2. หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพิน ทำหน้าที่อะไร?
    ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน เป็นหน่วยกองกำลังของเอสเอส ที่มีหน้าที่ปฏิบัติการสังหารหมู่ ในยุโรปตะวันออก โดยใช้วิธีการยิงเป้า และการสังหารหมู่ในระดับใหญ่

    3. มีชาวยิวกี่คนที่เสียชีวิต ในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์?
    ในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์ ชาวยิวประมาณ 6 ล้านคน ถูกสังหาร รวมถึงผู้เสียชีวิตจากกลุ่มชาติพันธุ์ และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ อีกกว่า 11 ล้านคน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200908 ม.ค. 2568

    #Holocaust #WannseeConference #Einsatzgruppen #FinalSolution #NaziGermany #JewishHistory #WorldWarII #Genocide #NeverAgain #HistoryMatters
    83 ปี แห่งการประชุมวันเซ จุดเริ่มไอน์ซัทซ์กรุพเพิน นาซีเยอรมนี ปฏิบัติการล้างบางชาวยิว ย้อนไปเมื่อ 83 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2485 การประชุมวันเซ (Wannsee Conference) ณ คฤหาสน์โกเบน วันเซ ชานกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่เปลี่ยนโฉมหน้า ประวัติศาสตร์โลก ไปตลอดกาล ที่นี่ ผู้นำนาซีเยอรมัน รวมถึงสมาชิกระดับสูง ของหน่วยเอสเอส (SS) และเจ้าหน้าที่ข้าราชการระดับสูง ได้ร่วมกันวางแผนเพื่อดำเนิน "การแก้ปัญหาชาวยิว ครั้งสุดท้าย" หรือ “Final Solution” ซึ่งเป็นโครงการ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ทั่วทวีปยุโรป การประชุมวันเซ จุดเริ่มต้นการล้างบาง การประชุมครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดย ไรน์ฮาร์ด ไฮดริช (Reinhard Heydrich) ผู้อำนวยการ สำนักความมั่นคงหลักไรช์ (Reich Security Main Office) โดยมีเป้าหมายเพื่อวางแผน และสร้างความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงต่าง ๆ ของเยอรมนี ในปฏิบัติการกำจัดชาวยิว ทั่วทั้งทวีปยุโรป ไฮดริชต้องการความแน่ใจว่า หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง เช่น กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ จะปฏิบัติตามแผนการ ที่ถูกกำหนดอย่างชัดเจน นอกจากการสร้างความร่วมมือ ไฮดริชยังได้ใช้การประชุมครั้งนี้ เพื่อชี้แจงแผนการ ส่งชาวยิวในยุโรปตะวันตก ไปยังค่ายมรณะในโปแลนด์ เช่น ค่ายเอาชวิทซ์ (Auschwitz) และเทรบลินกา (Treblinka) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “การแก้ปัญหาชาวยิว ครั้งสุดท้าย” ผู้เข้าร่วมการประชุม มีทั้งหมด 15 คน ซึ่งเป็นตัวแทนระดับสูง จากหลายหน่วยงาน รวมถึงผู้นำจากหน่วยเอสเอส ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และข้าราชการระดับสูง หนึ่งในนั้นคือ อัดอล์ฟ ไอช์มันน์ (Adolf Eichmann) ผู้มีบทบาทสำคัญ ในการประสานงาน และดำเนินการขนส่งชาวยิว ไปยังค่ายมรณะ ในบันทึกการประชุม ที่หลงเหลือมาจากสงคราม แสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมไม่ได้แสดงความขัดแย้ง ต่อแผนการนี้ แต่กลับสนับสนุน และมีการพูดคุย ถึงวิธีการอย่างละเอียด ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน กองกำลังสังหาร ที่ปฏิบัติการในแนวรบตะวันออก ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน (Einsatzgruppen) หรือ "หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ" เป็นกลุ่มกองกำลัง ของหน่วยเอสเอส ที่ถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อปฏิบัติภารกิจสังหารหมู่ ในพื้นที่ที่กองทัพเยอรมันยึดครอง โดยเฉพาะในยุโรปตะวันออก หลังการรุกรานโปแลนด์ และสหภาพโซเวียต หน่วยเหล่านี้ มีหน้าที่กำจัดกลุ่มคน ที่ถูกระบุว่า เป็นภัยต่อระบอบนาซี เช่น ชาวยิว ชาวโรมานี (ยิปซี) ปัญญาชน และสมาชิกฝ่ายตรงข้าม ทางการเมือง ปฏิบัติการไอน์ซัทซ์กรุพเพิน การสังหารหมู่ส่วนใหญ่ มักเกิดขึ้นผ่านการยิงเป้า ในพื้นที่ชนบทหรือป่าลึก ตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักคือ การสังหารหมู่ที่บาบี ยาร์ (Babi Yar) ในยูเครน เมื่อเดือนกันยายน 2484 ซึ่งมีชาวยิวมากกว่า 33,000 คน ถูกสังหารภายในเวลาเพียง 2 วัน ในช่วงแรก เหยื่อถูกบังคับ ให้ขุดหลุมศพของตนเอง ก่อนจะถูกยิงเป้า ต่อมานาซีเริ่มใช้วิธีการที่ "มีประสิทธิภาพมากขึ้น" เช่น การส่งเหยื่อไปยังค่ายมรณะ และสังหารในห้องรมแก๊ส ตามการประเมิน ของนักประวัติศาสตร์ หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพิน มีส่วนรับผิดชอบ ต่อการสังหารผู้คนกว่า 2 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ มีชาวยิวประมาณ 1.3 ล้านคน มาตรการสุดท้าย การล้างเผ่าพันธุ์อย่างเป็นระบบ บังคับใช้กฎหมาย แบ่งแยกชาวยิว ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมนีเริ่มจากการบังคับใช้ กฎหมายเนือร์นแบร์ก (Nuremberg Laws) ในปี 1935 ซึ่งแยกชาวยิว ออกจากสังคมเยอรมัน อย่างเป็นทางการ ตั้งเกตโต ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวยิวถูกบังคับ ให้ย้ายไปอาศัยในเขตเกตโต (Ghetto) เช่น เกตโตวอร์ซอ (Warsaw Ghetto) ซึ่งมีสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด และไร้มนุษยธรรม การเนรเทศและสังหารหมู่ ชาวยิวถูกขนส่งใน "รถไฟมรณะ" ไปยังค่ายมรณะ เช่น เอาชวิทซ์ เพื่อถูกสังหาร ในห้องรมแก๊ส มาตรการสุดท้ายของนาซี นำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวกว่า 6 ล้านคน คิดเป็นสองในสาม ของประชากรยิวในยุโรป ในขณะนั้น เอกสารที่หลงเหลือ หลังสงครามสิ้นสุดลง สำเนาพิธีสารการประชุมวันเซ ถูกค้นพบโดยฝ่ายสัมพันธมิตร และถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานสำคัญ ในการพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก (Nuremberg Trials) เพื่อดำเนินคดี กับผู้นำนาซี สำนึกผิดและสร้างอนุสรณ์ ปัจจุบัน อาคารที่เคยใช้จัดการประชุมวันเซ ได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ และอนุสรณ์สถาน เพื่อรำลึกถึงเหยื่อ ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ คำถามที่พบบ่อย (FAQs) 1. การประชุมวันเซ มีผลกระทบอย่างไรต่อชาวยิว? การประชุมวันเซ เป็นการกำหนดแผนปฏิบัติการ สังหารหมู่ชาวยิว อย่างเป็นระบบ ทั่วทวีปยุโรป ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชีวิต ของชาวยิวกว่า 6 ล้านคน 2. หน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพิน ทำหน้าที่อะไร? ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน เป็นหน่วยกองกำลังของเอสเอส ที่มีหน้าที่ปฏิบัติการสังหารหมู่ ในยุโรปตะวันออก โดยใช้วิธีการยิงเป้า และการสังหารหมู่ในระดับใหญ่ 3. มีชาวยิวกี่คนที่เสียชีวิต ในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์? ในเหตุการณ์ฮอโลคอสต์ ชาวยิวประมาณ 6 ล้านคน ถูกสังหาร รวมถึงผู้เสียชีวิตจากกลุ่มชาติพันธุ์ และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ อีกกว่า 11 ล้านคน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 200908 ม.ค. 2568 #Holocaust #WannseeConference #Einsatzgruppen #FinalSolution #NaziGermany #JewishHistory #WorldWarII #Genocide #NeverAgain #HistoryMatters
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1223 มุมมอง 0 รีวิว
  • Wow Yourself With Words With “Word” In Them

    We love all kinds of words: big words, small words, words with silent vowels, and even the word moist. With that in mind, we wanted to find words that feature the word word in them. Without getting too wordy, we managed to find words like foreword, afterword, and doubleword that fit our criterion of being a word with the word word in the word. Being the word-wise wordsmiths that we are, we wanted to spread the good word and share our fun list of words that include the word word.

    Cool off your hot word skills with these cool words about words.

    headword
    A headword is a word or phrase that appears as the heading of a dictionary, encyclopedia, or other reference work. For example, if you research the first president of the United States, the headword will most likely be George Washington.

    catchword
    A catchword is a word or phrase that someone uses so frequently that it becomes their slogan or a signature phrase associated with them. For example, comedian Stephen Colbert popularized his catchword “truthiness” when he hosted The Colbert Report.

    byword
    The term byword is used to mean a word or phrase that has become associated with a person or thing to the point that they are cited as a proverbial example of it. For example, the sentence The company has become a byword for success may be used to describe a profitable business. Byword is also used to mean “a proverb” or a synonym of the term household word to mean a name or phrase that many people know.

    Janus word
    A Janus word, also called a contranym, is a word that has opposite or nearly opposite meanings. For example, the Janus word scan can mean to briefly glance at something or to thoroughly analyze something. Fun fact: Janus words are named after the Roman god Janus, who had two heads that looked in opposite directions—much like a Janus word with its two opposite meanings.

    buzzword
    A buzzword is a word or phrase, often from a particular jargon, that becomes fashionable or trendy among a particular group or in popular culture. For example, the word synergy is a popular buzzword often used in business and marketing.

    code word
    A code word is a word or phrase that has a secret meaning that only a select few people know. For example, spies might agree to use the code word “red eagle” when they need to identify each other. The term code word is also often used to refer to a euphemism that is used in place of harsher language as in My mom said my room “needed some love,” which is code word for saying “my room is a huge mess.”

    nonword
    A nonword is a collection of letters that isn’t accepted as an actual word. For example, “definate” is not an English word; it is a nonword that is a common misspelling of the word definite.

    keyword
    A keyword is a major word in a sentence, passage, or document that typically reveals the central meaning or most important information. In technology, a keyword is a word or phrase typed into a search engine or reference software to search through content.

    password
    A password is a secret word or phrase that a person must recite in order to gain access to restricted areas, information, etc. For example, a door guard may only let people enter a fortress if they say the password “swordfish.” In computing, a password is a string of characters that a user must enter correctly in order to log into an account, use wireless internet, or otherwise bypass electronic security.

    guide word
    The term guide word is used as a synonym of headword to refer to a word or phrase used at the top of articles or entries in reference works.

    curse word
    A curse word, also known as a cussword or a dirty word, is a word that is considered to be profane or offensive. For example, the words ass, crap, and piss are some examples of English words that are usually considered to be curse words.

    kangaroo word
    The term kangaroo word refers to a word that contains its own synonym within it, spelled in the correct order. For example, the kangaroo word barren contains the word bare and the word catacomb contains the word tomb.

    ghost word
    A ghost word is a word that entered a language by mistake, such as a typo or translation error, rather than from actual linguistic use. For example, the word syllabus seems to have resulted from a misreading of Greek.

    Which ghost words haunt the dictionary?

    counterword
    A counterword is a word that has picked up a much looser meaning than it originally had. Counterwords have so many meanings and/or are used so generally that they are almost meaningless. Words like good, fine, gross, awful, cute, and nice are some examples of counterwords. (You know we have better synonyms for these, starting with nice.)

    loanword
    A loanword is a word from one language that is used in another with little or no changes in meaning or spelling. Some English words that are loanwords from other languages include incognito (Italian), schadenfreude (German), sushi (Japanese), and piñata (Spanish).

    weasel word
    A weasel word is a word that weakens a statement by making it sound more confusing, ambiguous, or noncommittal. For example, the word probably is an example of a weasel word in the sentence I’ll probably do better on my next math test.

    nonce word
    A nonce word is a word created for only one specific occasion. For example, the cartoon The Simpsons invented the word cromulent just for the sake of making a single joke about language. (That’s not the only word they created!)

    Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Wow Yourself With Words With “Word” In Them We love all kinds of words: big words, small words, words with silent vowels, and even the word moist. With that in mind, we wanted to find words that feature the word word in them. Without getting too wordy, we managed to find words like foreword, afterword, and doubleword that fit our criterion of being a word with the word word in the word. Being the word-wise wordsmiths that we are, we wanted to spread the good word and share our fun list of words that include the word word. Cool off your hot word skills with these cool words about words. headword A headword is a word or phrase that appears as the heading of a dictionary, encyclopedia, or other reference work. For example, if you research the first president of the United States, the headword will most likely be George Washington. catchword A catchword is a word or phrase that someone uses so frequently that it becomes their slogan or a signature phrase associated with them. For example, comedian Stephen Colbert popularized his catchword “truthiness” when he hosted The Colbert Report. byword The term byword is used to mean a word or phrase that has become associated with a person or thing to the point that they are cited as a proverbial example of it. For example, the sentence The company has become a byword for success may be used to describe a profitable business. Byword is also used to mean “a proverb” or a synonym of the term household word to mean a name or phrase that many people know. Janus word A Janus word, also called a contranym, is a word that has opposite or nearly opposite meanings. For example, the Janus word scan can mean to briefly glance at something or to thoroughly analyze something. Fun fact: Janus words are named after the Roman god Janus, who had two heads that looked in opposite directions—much like a Janus word with its two opposite meanings. buzzword A buzzword is a word or phrase, often from a particular jargon, that becomes fashionable or trendy among a particular group or in popular culture. For example, the word synergy is a popular buzzword often used in business and marketing. code word A code word is a word or phrase that has a secret meaning that only a select few people know. For example, spies might agree to use the code word “red eagle” when they need to identify each other. The term code word is also often used to refer to a euphemism that is used in place of harsher language as in My mom said my room “needed some love,” which is code word for saying “my room is a huge mess.” nonword A nonword is a collection of letters that isn’t accepted as an actual word. For example, “definate” is not an English word; it is a nonword that is a common misspelling of the word definite. keyword A keyword is a major word in a sentence, passage, or document that typically reveals the central meaning or most important information. In technology, a keyword is a word or phrase typed into a search engine or reference software to search through content. password A password is a secret word or phrase that a person must recite in order to gain access to restricted areas, information, etc. For example, a door guard may only let people enter a fortress if they say the password “swordfish.” In computing, a password is a string of characters that a user must enter correctly in order to log into an account, use wireless internet, or otherwise bypass electronic security. guide word The term guide word is used as a synonym of headword to refer to a word or phrase used at the top of articles or entries in reference works. curse word A curse word, also known as a cussword or a dirty word, is a word that is considered to be profane or offensive. For example, the words ass, crap, and piss are some examples of English words that are usually considered to be curse words. kangaroo word The term kangaroo word refers to a word that contains its own synonym within it, spelled in the correct order. For example, the kangaroo word barren contains the word bare and the word catacomb contains the word tomb. ghost word A ghost word is a word that entered a language by mistake, such as a typo or translation error, rather than from actual linguistic use. For example, the word syllabus seems to have resulted from a misreading of Greek. Which ghost words haunt the dictionary? counterword A counterword is a word that has picked up a much looser meaning than it originally had. Counterwords have so many meanings and/or are used so generally that they are almost meaningless. Words like good, fine, gross, awful, cute, and nice are some examples of counterwords. (You know we have better synonyms for these, starting with nice.) loanword A loanword is a word from one language that is used in another with little or no changes in meaning or spelling. Some English words that are loanwords from other languages include incognito (Italian), schadenfreude (German), sushi (Japanese), and piñata (Spanish). weasel word A weasel word is a word that weakens a statement by making it sound more confusing, ambiguous, or noncommittal. For example, the word probably is an example of a weasel word in the sentence I’ll probably do better on my next math test. nonce word A nonce word is a word created for only one specific occasion. For example, the cartoon The Simpsons invented the word cromulent just for the sake of making a single joke about language. (That’s not the only word they created!) Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1170 มุมมอง 0 รีวิว
  • Grzegorz Braun นักการเมืองฝ่ายค้านของโปแลนด์ และเป็นสมาชิกรัฐสภายุโรปประกาศชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโปแลนด์ในปี 2025

    Braun เป็นนักการเมืองขวาจัด ที่ต่อต้านยิวและอเมริกาสุดขั้ว เขาเคยประกาศว่าชาวยิวในอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา พวกเขาจะไม่ได้ควบคุมโลกใบนี้รวมทั้งรัฐบาลในยุโรปอีกต่อไป

    หากเขาได้รับเลือกตั้งจริงๆ ซึ่งไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยกระแสอนุรักษ์นิยมที่กำลังแพร่หลายไปทั่วยุโรปในขณะนี้ จะทำให้สถานการณ์ของนาโต้เปลี่ยนไปทันที เนื่องจากโปแลนด์คือตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่นาโต้ใช้เป็นฐานที่มั่นในการโจมตีรัสเซียอีกแห่งหนึ่งรองจากโรมาเนีย

    นักการเมืองฝ่ายขวา หรือสายอนุรักษ์นิยมมีบทบาทและได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในยุโรป บางคนสมหวังได้เป็นผู้นำประเทศ บางคนพลาดท่าไปอย่างน่ากังขา และสำหรับคนที่ได้เป็นผู้นำ แน่นอนว่าจะถูกต่อต้านและโดดเดี่ยวจากยุโรปและอเมริกาอย่างเลี่ยงไม่ได้:

    - (ฝรั่งเศส) นางมารีน เลอ แปง จากพรรค NR (National Rally) ของฝรั่งเศส
    (เยอรมนี) อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีและหัวหน้าพรรค AfD (Alternative for Germany)

    - (โรมาเนีย) คอลิน จอร์เจสคู (Călin Georgescu) ผู้สมัครอิสระที่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโรมาเนีย ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น แต่ถูกศาลตัดสินให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และกำลังมีความพยายามจากรัฐบาลรักษาการตั้งข้อกล่าวหาต่างๆ ขณะที่กำลังมีการประท้วงผลการตัดสินของศาลจากประชาชนอยู่ในขณะนี้

    - (จอร์เจีย) นายกรัฐมนตรี Kobakhidze จากพรรค Georgian Dream ซึ่งรวมถึง มิคาอิล คาเวลาชวิลี ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย

    - (สโลวาเกีย) โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย

    - (ฮังการี) วิคเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการี

    - (มอลโดวา) สตออิอาโนกลู ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน การเลือกตั้งประธานาธิบดีมอลโดวาเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มต้นการนับคะแนนจนถึง 80% "สตออิอาโนกลู" มีคะแนนนำมาตลอด แต่หลังจากนับคะแนนจากการลงคะแนนผ่านระบบไปรษณีย์ ไมอา ซานดู ซึ่งเป็นผู้ที่ยุโรปสนับสนุนกลับเป็นฝายขึ้นนำและเอาชนะไปได้อย่างน่ากังขา จนเกิดเสียงวิจารณ์ไปทั่ว แต่ยุโรปรีบออกมาแสดงความยินดีต่อผลการเลือกตั้งทันที
    Grzegorz Braun นักการเมืองฝ่ายค้านของโปแลนด์ และเป็นสมาชิกรัฐสภายุโรปประกาศชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโปแลนด์ในปี 2025 Braun เป็นนักการเมืองขวาจัด ที่ต่อต้านยิวและอเมริกาสุดขั้ว เขาเคยประกาศว่าชาวยิวในอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา พวกเขาจะไม่ได้ควบคุมโลกใบนี้รวมทั้งรัฐบาลในยุโรปอีกต่อไป หากเขาได้รับเลือกตั้งจริงๆ ซึ่งไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยกระแสอนุรักษ์นิยมที่กำลังแพร่หลายไปทั่วยุโรปในขณะนี้ จะทำให้สถานการณ์ของนาโต้เปลี่ยนไปทันที เนื่องจากโปแลนด์คือตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่นาโต้ใช้เป็นฐานที่มั่นในการโจมตีรัสเซียอีกแห่งหนึ่งรองจากโรมาเนีย นักการเมืองฝ่ายขวา หรือสายอนุรักษ์นิยมมีบทบาทและได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในยุโรป บางคนสมหวังได้เป็นผู้นำประเทศ บางคนพลาดท่าไปอย่างน่ากังขา และสำหรับคนที่ได้เป็นผู้นำ แน่นอนว่าจะถูกต่อต้านและโดดเดี่ยวจากยุโรปและอเมริกาอย่างเลี่ยงไม่ได้: - (ฝรั่งเศส) นางมารีน เลอ แปง จากพรรค NR (National Rally) ของฝรั่งเศส (เยอรมนี) อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีและหัวหน้าพรรค AfD (Alternative for Germany) - (โรมาเนีย) คอลิน จอร์เจสคู (Călin Georgescu) ผู้สมัครอิสระที่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโรมาเนีย ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น แต่ถูกศาลตัดสินให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และกำลังมีความพยายามจากรัฐบาลรักษาการตั้งข้อกล่าวหาต่างๆ ขณะที่กำลังมีการประท้วงผลการตัดสินของศาลจากประชาชนอยู่ในขณะนี้ - (จอร์เจีย) นายกรัฐมนตรี Kobakhidze จากพรรค Georgian Dream ซึ่งรวมถึง มิคาอิล คาเวลาชวิลี ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย - (สโลวาเกีย) โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย - (ฮังการี) วิคเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการี - (มอลโดวา) สตออิอาโนกลู ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน การเลือกตั้งประธานาธิบดีมอลโดวาเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มต้นการนับคะแนนจนถึง 80% "สตออิอาโนกลู" มีคะแนนนำมาตลอด แต่หลังจากนับคะแนนจากการลงคะแนนผ่านระบบไปรษณีย์ ไมอา ซานดู ซึ่งเป็นผู้ที่ยุโรปสนับสนุนกลับเป็นฝายขึ้นนำและเอาชนะไปได้อย่างน่ากังขา จนเกิดเสียงวิจารณ์ไปทั่ว แต่ยุโรปรีบออกมาแสดงความยินดีต่อผลการเลือกตั้งทันที
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 754 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเลือกตั้งในเยอรมนีเข้มข้นขึ้นทุกที!

    อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีและหัวหน้าพรรค AfD (Alternative for Germany) ประกาศจะเปิดใช้งานท่อส่งก๊าซ NordStream 2 จากรัสเซียอีกครั้ง เพื่อให้เยอรมนีมีก๊าซราคาถูกใช้ หากได้รับการเลือกตั้ง

    ไวเดลสัญญาว่าจะฟื้นฟูสถานะของเยอรมนีให้ประเทศกลับมาเข้มแข็ง ร่ำรวย และปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง โดยมีการนำเสนอนโยบายคือการปิดพรมแดนของเยอรมนีเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อพยพเข้าประเทศ

    ไวเดลยังกล่าวอีกว่า "การทวีความรุนแรงของความขัดแย้งในยูเครนจะต้องยุติลง และสนับสนุนการพบกันระหว่างปูตินและทรัมป์ที่อาจเกิดขึ้น ว่าจะเป็นสัญญาณเชิงบวกในการแก้ไขปัญหานี้

    นอกจากนี้ไวเดลยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเริ่มส่งก๊าซจากรัสเซียอีกครั้งผ่านท่อส่ง Nord Stream

    การเลือกตั้งในเยอรมนีเข้มข้นขึ้นทุกที! อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีและหัวหน้าพรรค AfD (Alternative for Germany) ประกาศจะเปิดใช้งานท่อส่งก๊าซ NordStream 2 จากรัสเซียอีกครั้ง เพื่อให้เยอรมนีมีก๊าซราคาถูกใช้ หากได้รับการเลือกตั้ง ไวเดลสัญญาว่าจะฟื้นฟูสถานะของเยอรมนีให้ประเทศกลับมาเข้มแข็ง ร่ำรวย และปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง โดยมีการนำเสนอนโยบายคือการปิดพรมแดนของเยอรมนีเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อพยพเข้าประเทศ ไวเดลยังกล่าวอีกว่า "การทวีความรุนแรงของความขัดแย้งในยูเครนจะต้องยุติลง และสนับสนุนการพบกันระหว่างปูตินและทรัมป์ที่อาจเกิดขึ้น ว่าจะเป็นสัญญาณเชิงบวกในการแก้ไขปัญหานี้ นอกจากนี้ไวเดลยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเริ่มส่งก๊าซจากรัสเซียอีกครั้งผ่านท่อส่ง Nord Stream
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 538 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อนไปชิม Auf Der Au German Buffet
    เป็นอย่างไร เชิญชม เอง น๊า..
    เพื่อนไปชิม Auf Der Au German Buffet เป็นอย่างไร เชิญชม เอง น๊า..
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 444 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • ร้านอาหารเยอรมัน-บุฟเฟ่ต์, เชียงใหม่.
    Auf der Au Garden Germany buffet
    ร้านชื่อดัง หลากหลาย เมนู มื้อเช้า กลางวัน และค่ำ
    เหมาจ่าย อิ่มละ 190-280 บาท/หัว(ไม่รวมเครื่องดื่ม)

    https://maps.app.goo.gl/mKQe1z9tuRqupWit7
    ร้านอาหารเยอรมัน-บุฟเฟ่ต์, เชียงใหม่. Auf der Au Garden Germany buffet ร้านชื่อดัง หลากหลาย เมนู มื้อเช้า กลางวัน และค่ำ เหมาจ่าย อิ่มละ 190-280 บาท/หัว(ไม่รวมเครื่องดื่ม) https://maps.app.goo.gl/mKQe1z9tuRqupWit7
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 518 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts