• เขมร “ถ่อย” ก่อกวนคนไทยและธุรกิจไทยในเกาหลี (2/8/68)
    Cambodians harass Thai citizens and businesses in South Korea.

    #TruthFromThailand
    #CambodiaNoCeasefire
    #CambodianDeception
    #Hunsenfiredfirst
    #กัมพูชายิงก่อน
    #캄보디아인
    #한국내태국인위협
    #ThaiInKorea
    #ProtectThaiCitizens
    #News1 #Shorts
    เขมร “ถ่อย” ก่อกวนคนไทยและธุรกิจไทยในเกาหลี (2/8/68) Cambodians harass Thai citizens and businesses in South Korea. #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #CambodianDeception #Hunsenfiredfirst #กัมพูชายิงก่อน #캄보디아인 #한국내태국인위협 #ThaiInKorea #ProtectThaiCitizens #News1 #Shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Samsung กับวิกฤติชิป—กำไรหายไป 94% แต่ยังมีความหวังจาก AI และ Tesla

    Samsung Electronics รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 โดยมีรายได้รวม 74.6 ล้านล้านวอน (ประมาณ 53.7 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ “กำไรจากธุรกิจชิป” ลดลงถึง 93.8% เหลือเพียง 400 พันล้านวอน จากเดิม 6.45 ล้านล้านวอนในปี 2024

    สาเหตุหลักมาจากการส่งออกที่ชะลอตัว, การปรับมูลค่าสินค้าคงคลัง และข้อจำกัดจากมาตรการของสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งออกชิปขั้นสูงไปยังจีน

    แม้สถานการณ์จะดูเลวร้าย แต่ Samsung ยังมีความหวังจากการผลิตชิป AI รุ่นใหม่ให้ Tesla มูลค่าสัญญา 16.5 พันล้านดอลลาร์ และการเตรียมผลิตชิป 2nm สำหรับมือถือในครึ่งปีหลัง ซึ่งอาจช่วยพลิกสถานการณ์ได้

    Samsung รายงานกำไรจากธุรกิจชิปลดลง 93.8% ในไตรมาส 2 ปี 2025
    เหลือเพียง 400 พันล้านวอน จาก 6.45 ล้านล้านวอนในปีก่อน
    เป็นผลประกอบการที่แย่ที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส

    รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 74.6 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน
    แต่กำไรจากการดำเนินงานลดลงเหลือ 4.7 ล้านล้านวอน
    ธุรกิจมือถือยังทำกำไรได้ดี โดยเฉพาะ Galaxy S25 และ A series

    สาเหตุหลักของการตกต่ำคือการส่งออกชิปไปจีนถูกจำกัด และต้นทุนสูงจากโรงงานในสหรัฐฯ
    โรงงานในเท็กซัสมีต้นทุนสูงกว่าที่เกาหลี
    ยังไม่สามารถหาลูกค้าหลักได้สำหรับโรงงานใหม่

    Samsung ได้สัญญาผลิตชิป AI6 ให้ Tesla มูลค่า 16.5 พันล้านดอลลาร์
    เป็นความหวังใหม่ของธุรกิจ foundry
    หุ้น Samsung พุ่งขึ้นกว่า 20% ในเดือนกรกฎาคมหลังข่าวนี้

    บริษัทเตรียมผลิตชิป 2nm สำหรับมือถือในครึ่งปีหลัง
    คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ของธุรกิจ foundry
    แข่งขันกับ TSMC และ SK Hynix อย่างเข้มข้น

    Samsung คาดการณ์ว่าธุรกิจจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง โดยมีแรงหนุนจาก AI และหุ่นยนต์
    CFO ระบุว่าอุตสาหกรรม IT เริ่มฟื้นตัวจากแรงผลักดันของเทคโนโลยีใหม่
    คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องถึงปี 2025

    https://www.techspot.com/news/108897-samsung-posts-brutal-financials-chip-business-profits-plunge.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Samsung กับวิกฤติชิป—กำไรหายไป 94% แต่ยังมีความหวังจาก AI และ Tesla Samsung Electronics รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025 โดยมีรายได้รวม 74.6 ล้านล้านวอน (ประมาณ 53.7 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ “กำไรจากธุรกิจชิป” ลดลงถึง 93.8% เหลือเพียง 400 พันล้านวอน จากเดิม 6.45 ล้านล้านวอนในปี 2024 สาเหตุหลักมาจากการส่งออกที่ชะลอตัว, การปรับมูลค่าสินค้าคงคลัง และข้อจำกัดจากมาตรการของสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งออกชิปขั้นสูงไปยังจีน แม้สถานการณ์จะดูเลวร้าย แต่ Samsung ยังมีความหวังจากการผลิตชิป AI รุ่นใหม่ให้ Tesla มูลค่าสัญญา 16.5 พันล้านดอลลาร์ และการเตรียมผลิตชิป 2nm สำหรับมือถือในครึ่งปีหลัง ซึ่งอาจช่วยพลิกสถานการณ์ได้ ✅ Samsung รายงานกำไรจากธุรกิจชิปลดลง 93.8% ในไตรมาส 2 ปี 2025 ➡️ เหลือเพียง 400 พันล้านวอน จาก 6.45 ล้านล้านวอนในปีก่อน ➡️ เป็นผลประกอบการที่แย่ที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส ✅ รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 74.6 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน ➡️ แต่กำไรจากการดำเนินงานลดลงเหลือ 4.7 ล้านล้านวอน ➡️ ธุรกิจมือถือยังทำกำไรได้ดี โดยเฉพาะ Galaxy S25 และ A series ✅ สาเหตุหลักของการตกต่ำคือการส่งออกชิปไปจีนถูกจำกัด และต้นทุนสูงจากโรงงานในสหรัฐฯ ➡️ โรงงานในเท็กซัสมีต้นทุนสูงกว่าที่เกาหลี ➡️ ยังไม่สามารถหาลูกค้าหลักได้สำหรับโรงงานใหม่ ✅ Samsung ได้สัญญาผลิตชิป AI6 ให้ Tesla มูลค่า 16.5 พันล้านดอลลาร์ ➡️ เป็นความหวังใหม่ของธุรกิจ foundry ➡️ หุ้น Samsung พุ่งขึ้นกว่า 20% ในเดือนกรกฎาคมหลังข่าวนี้ ✅ บริษัทเตรียมผลิตชิป 2nm สำหรับมือถือในครึ่งปีหลัง ➡️ คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ของธุรกิจ foundry ➡️ แข่งขันกับ TSMC และ SK Hynix อย่างเข้มข้น ✅ Samsung คาดการณ์ว่าธุรกิจจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง โดยมีแรงหนุนจาก AI และหุ่นยนต์ ➡️ CFO ระบุว่าอุตสาหกรรม IT เริ่มฟื้นตัวจากแรงผลักดันของเทคโนโลยีใหม่ ➡️ คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องถึงปี 2025 https://www.techspot.com/news/108897-samsung-posts-brutal-financials-chip-business-profits-plunge.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Samsung posts brutal financials as chip business profits plunge by 94%
    Samsung Electronics recently posted its second-quarter financial results, and they're worse than expected. According to CBNC, the Korean tech giant reported revenue of 74.6 trillion won ($53.7...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเพชร: เมื่อ “เพชรในห้องแล็บ” เขย่าอุตสาหกรรมที่เคยมั่นคง

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเลือกแหวนหมั้น แล้วพบว่าเพชรที่สวยงามขนาด 2 กะรัต ราคาเพียง 3,500 ดอลลาร์—แทนที่จะเป็น 35,000 ดอลลาร์แบบเดิม นี่คือผลพวงจากการเติบโตของ “เพชรที่ผลิตในห้องแล็บ” ที่กำลังเปลี่ยนวิธีคิดของผู้บริโภคทั่วโลก

    จากเดิมที่เพชรธรรมชาติเป็นสัญลักษณ์ของความรักและสถานะ วันนี้ผู้บริโภคหันมาเลือกเพชรแล็บเพราะราคาถูกกว่า ผลิตได้อย่างมีจริยธรรม และไม่มีประวัติ “เพชรเลือด” ที่เกี่ยวข้องกับแรงงานเด็กหรือการสนับสนุนสงคราม

    ผลกระทบเริ่มชัดเจนในแคนาดา—ประเทศผู้ผลิตเพชรอันดับ 3 ของโลก—เมื่อบริษัท Burgundy Diamond Mines ต้องปิดเหมือง Point Lake และปลดพนักงานหลายร้อยคน เพราะราคาตลาดตกต่ำและต้นทุนสูงเกินไป

    Lab-Grown Diamonds กำลังแย่งส่วนแบ่งตลาดจากเพชรธรรมชาติ
    เพชรแล็บมีราคาถูกกว่า 85% และผลิตได้รวดเร็วในห้องแล็บ
    ผู้บริโภคสามารถซื้อเพชรขนาดใหญ่ขึ้นในราคาที่เข้าถึงได้

    ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับจริยธรรมและสิ่งแวดล้อม
    หลีกเลี่ยง “เพชรเลือด” ที่เกี่ยวข้องกับแรงงานเด็กและสงคราม
    เพชรแล็บไม่มีการทำลายสิ่งแวดล้อมจากการขุดเหมือง

    อุตสาหกรรมเหมืองเพชรในแคนาดาได้รับผลกระทบหนัก
    บริษัท Burgundy Diamond Mines ปิดเหมือง Point Lake และปลดพนักงาน
    ราคาขายปลีกของเพชรธรรมชาติลดลง 26% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

    เทคโนโลยีการผลิตเพชรแล็บพัฒนาอย่างรวดเร็ว
    สามารถปรับแต่งรูปทรง สี และคุณสมบัติได้ตามต้องการ
    ทำให้เพชรแล็บมีความหลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น

    ผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น Millennials และ Gen Z นิยมเพชรแล็บมากขึ้น
    ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและความโปร่งใส
    ไม่ยึดติดกับแนวคิดว่า “เพชรธรรมชาติเท่านั้นที่แท้จริง”

    การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อแรงงานในอุตสาหกรรมเหมืองเพชร
    การปิดเหมืองทำให้เกิดการว่างงานจำนวนมากในพื้นที่ห่างไกล
    ชุมชนที่พึ่งพาอุตสาหกรรมเพชรอาจเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ

    เพชรแล็บยังมีข้อถกเถียงเรื่องการใช้พลังงานสูงในการผลิต
    แม้จะไม่ขุดเหมือง แต่การผลิตต้องใช้พลังงานจำนวนมาก
    หากใช้พลังงานจากฟอสซิล อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน

    ความแตกต่างด้าน “ความรู้สึก” และ “คุณค่า” ยังมีอยู่
    ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าเพชรธรรมชาติมี “ความซับซ้อน” ที่เพชรแล็บไม่มี
    เพชรธรรมชาติเป็น “เศษส่วนของโลกใต้พิภพ” ที่มีความเป็นเอกลักษณ์

    การลดราคาของเพชรธรรมชาติอาจทำให้สูญเสียความเป็นสินทรัพย์ลงทุน
    ราคาตกต่อเนื่องทำให้เพชรธรรมชาติไม่เป็นที่นิยมในฐานะการลงทุน
    อาจส่งผลต่อแบรนด์หรูที่เคยใช้เพชรธรรมชาติเป็นจุดขาย

    https://www.cbc.ca/news/business/lab-grown-diamonds-1.7592336
    💎 เรื่องเล่าจากโลกเพชร: เมื่อ “เพชรในห้องแล็บ” เขย่าอุตสาหกรรมที่เคยมั่นคง ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเลือกแหวนหมั้น แล้วพบว่าเพชรที่สวยงามขนาด 2 กะรัต ราคาเพียง 3,500 ดอลลาร์—แทนที่จะเป็น 35,000 ดอลลาร์แบบเดิม นี่คือผลพวงจากการเติบโตของ “เพชรที่ผลิตในห้องแล็บ” ที่กำลังเปลี่ยนวิธีคิดของผู้บริโภคทั่วโลก จากเดิมที่เพชรธรรมชาติเป็นสัญลักษณ์ของความรักและสถานะ วันนี้ผู้บริโภคหันมาเลือกเพชรแล็บเพราะราคาถูกกว่า ผลิตได้อย่างมีจริยธรรม และไม่มีประวัติ “เพชรเลือด” ที่เกี่ยวข้องกับแรงงานเด็กหรือการสนับสนุนสงคราม ผลกระทบเริ่มชัดเจนในแคนาดา—ประเทศผู้ผลิตเพชรอันดับ 3 ของโลก—เมื่อบริษัท Burgundy Diamond Mines ต้องปิดเหมือง Point Lake และปลดพนักงานหลายร้อยคน เพราะราคาตลาดตกต่ำและต้นทุนสูงเกินไป ✅ Lab-Grown Diamonds กำลังแย่งส่วนแบ่งตลาดจากเพชรธรรมชาติ ➡️ เพชรแล็บมีราคาถูกกว่า 85% และผลิตได้รวดเร็วในห้องแล็บ ➡️ ผู้บริโภคสามารถซื้อเพชรขนาดใหญ่ขึ้นในราคาที่เข้าถึงได้ ✅ ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับจริยธรรมและสิ่งแวดล้อม ➡️ หลีกเลี่ยง “เพชรเลือด” ที่เกี่ยวข้องกับแรงงานเด็กและสงคราม ➡️ เพชรแล็บไม่มีการทำลายสิ่งแวดล้อมจากการขุดเหมือง ✅ อุตสาหกรรมเหมืองเพชรในแคนาดาได้รับผลกระทบหนัก ➡️ บริษัท Burgundy Diamond Mines ปิดเหมือง Point Lake และปลดพนักงาน ➡️ ราคาขายปลีกของเพชรธรรมชาติลดลง 26% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ✅ เทคโนโลยีการผลิตเพชรแล็บพัฒนาอย่างรวดเร็ว ➡️ สามารถปรับแต่งรูปทรง สี และคุณสมบัติได้ตามต้องการ ➡️ ทำให้เพชรแล็บมีความหลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น ✅ ผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น Millennials และ Gen Z นิยมเพชรแล็บมากขึ้น ➡️ ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและความโปร่งใส ➡️ ไม่ยึดติดกับแนวคิดว่า “เพชรธรรมชาติเท่านั้นที่แท้จริง” ‼️ การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อแรงงานในอุตสาหกรรมเหมืองเพชร ⛔ การปิดเหมืองทำให้เกิดการว่างงานจำนวนมากในพื้นที่ห่างไกล ⛔ ชุมชนที่พึ่งพาอุตสาหกรรมเพชรอาจเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ‼️ เพชรแล็บยังมีข้อถกเถียงเรื่องการใช้พลังงานสูงในการผลิต ⛔ แม้จะไม่ขุดเหมือง แต่การผลิตต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ⛔ หากใช้พลังงานจากฟอสซิล อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน ‼️ ความแตกต่างด้าน “ความรู้สึก” และ “คุณค่า” ยังมีอยู่ ⛔ ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าเพชรธรรมชาติมี “ความซับซ้อน” ที่เพชรแล็บไม่มี ⛔ เพชรธรรมชาติเป็น “เศษส่วนของโลกใต้พิภพ” ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ‼️ การลดราคาของเพชรธรรมชาติอาจทำให้สูญเสียความเป็นสินทรัพย์ลงทุน ⛔ ราคาตกต่อเนื่องทำให้เพชรธรรมชาติไม่เป็นที่นิยมในฐานะการลงทุน ⛔ อาจส่งผลต่อแบรนด์หรูที่เคยใช้เพชรธรรมชาติเป็นจุดขาย https://www.cbc.ca/news/business/lab-grown-diamonds-1.7592336
    WWW.CBC.CA
    The natural diamond industry is getting rocked. You can thank the lab-grown variety for that | CBC News
    As consumers have grown less worried about whether their diamonds are mined or made, many have turned to cost-friendly lab grown diamonds. And that’s having a big impact on the diamond mining industry — including for Canada.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมดปัญหาน้องหมาน้องแมวกินยาก!
    อยากเพิ่มคุณค่า เพิ่มความอร่อย ให้น้องๆ ได้ทานอาหารเสริมโปรตีนสูงอย่าง #อกไก่ฟรีซดราย ได้ง่ายขึ้นไหมคะ?

    ขอแนะนำ เครื่องบดผง/เครื่องบดแป้ง ย.ยงฮะเฮง รุ่น YHRBM-DF20-SUS-DA ตัวช่วยสุดล้ำสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง หรือธุรกิจอาหารสัตว์!

    ทำไมเครื่องนี้ถึงใช่ สำหรับน้องหมาน้องแมว?
    บดอกไก่ฟรีซดราย หรือ #ขนมสัตว์เลี้ยง อื่นๆ ให้เป็น ผงละเอียดเนียน ได้อย่างง่ายดาย!
    #ผงโรยอาหารสัตว์ ที่ได้ ช่วยให้น้องๆ ทานง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเคี้ยวอีกต่อไป
    เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้มื้ออาหารโปรดได้ทันที!
    เหมาะทั้งสำหรับใช้เองในบ้าน หรือสำหรับผู้ประกอบการ #ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง

    ประสิทธิภาพเครื่อง (คุณสมบัติที่เราภูมิใจ):

    บดละเอียดสม่ำเสมอ: ด้วยระบบเหวี่ยงผนังฟันปลา 2,840 รอบ/นาที

    ทนทาน ใช้งานง่าย: ออกแบบมาเพื่อการทำงานที่ต่อเนื่อง

    มีอะไหล่รองรับ: มั่นใจเรื่องบริการหลังการขาย

    พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ!

    ลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีของน้องๆ หรือต่อยอดธุรกิจอาหารสัตว์ของคุณ ในราคาที่คุ้มค่ากับการลงทุนหลักสี่หมื่นบาทต้นๆ เท่านั้น!

    สนใจเครื่องบดประสิทธิภาพสูงรุ่นนี้ ทักมาเลยค่ะ!
    อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม หรือขอใบเสนอราคาพิเศษ คลิกเลย!
    LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือกดลิงก์ https://lin.ee/HV4lSKp
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบด #เครื่องบดผง #เครื่องบดแป้ง #ย.ยงฮะเฮง #อาหารสัตว์ #ผลิตอาหารสัตว์ #ขนมสัตว์ #ฟรีซดราย #อกไก่ฟรีซดราย #ผงโรยอาหาร #หมา #แมว #สัตว์เลี้ยง #อาหารสุนัข #อาหารแมวพรีเมียม #DIYอาหารสัตว์ #รักสัตว์ #สุขภาพสัตว์เลี้ยง #ย่งฮะเฮง
    🐾 หมดปัญหาน้องหมาน้องแมวกินยาก! 🐾 อยากเพิ่มคุณค่า เพิ่มความอร่อย ให้น้องๆ ได้ทานอาหารเสริมโปรตีนสูงอย่าง #อกไก่ฟรีซดราย ได้ง่ายขึ้นไหมคะ? ขอแนะนำ เครื่องบดผง/เครื่องบดแป้ง ย.ยงฮะเฮง รุ่น YHRBM-DF20-SUS-DA ตัวช่วยสุดล้ำสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง หรือธุรกิจอาหารสัตว์! ✨ ทำไมเครื่องนี้ถึงใช่ สำหรับน้องหมาน้องแมว? ✨ ✅ บดอกไก่ฟรีซดราย หรือ #ขนมสัตว์เลี้ยง อื่นๆ ให้เป็น ผงละเอียดเนียน ได้อย่างง่ายดาย! ✅ #ผงโรยอาหารสัตว์ ที่ได้ ช่วยให้น้องๆ ทานง่ายขึ้นเยอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเคี้ยวอีกต่อไป ✅ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้มื้ออาหารโปรดได้ทันที! ✅ เหมาะทั้งสำหรับใช้เองในบ้าน หรือสำหรับผู้ประกอบการ #ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ประสิทธิภาพเครื่อง (คุณสมบัติที่เราภูมิใจ): บดละเอียดสม่ำเสมอ: ด้วยระบบเหวี่ยงผนังฟันปลา 2,840 รอบ/นาที ทนทาน ใช้งานง่าย: ออกแบบมาเพื่อการทำงานที่ต่อเนื่อง มีอะไหล่รองรับ: มั่นใจเรื่องบริการหลังการขาย พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ! ลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีของน้องๆ หรือต่อยอดธุรกิจอาหารสัตว์ของคุณ ในราคาที่คุ้มค่ากับการลงทุนหลักสี่หมื่นบาทต้นๆ เท่านั้น! สนใจเครื่องบดประสิทธิภาพสูงรุ่นนี้ ทักมาเลยค่ะ! อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม หรือขอใบเสนอราคาพิเศษ คลิกเลย! 💚 LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือกดลิงก์ https://lin.ee/HV4lSKp 📞 โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบด #เครื่องบดผง #เครื่องบดแป้ง #ย.ยงฮะเฮง #อาหารสัตว์ #ผลิตอาหารสัตว์ #ขนมสัตว์ #ฟรีซดราย #อกไก่ฟรีซดราย #ผงโรยอาหาร #หมา #แมว #สัตว์เลี้ยง #อาหารสุนัข #อาหารแมวพรีเมียม #DIYอาหารสัตว์ #รักสัตว์ #สุขภาพสัตว์เลี้ยง #ย่งฮะเฮง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ Intel ตัดสินใจ “ตัดแขน” เพื่อรักษาหัวใจ

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นบริษัทที่เคยครองโลกด้านชิป PC แต่วันนี้ยอดขายตกต่ำ กำไรหาย และคู่แข่งอย่าง NVIDIA กับ AMD กำลังแซงหน้า — คุณจะทำยังไง?

    Intel ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan เลือกใช้วิธี “ตัดส่วนที่ไม่ใช่หัวใจ” เพื่อรักษาแกนหลักของธุรกิจ โดยล่าสุดประกาศแยกธุรกิจเครือข่ายและการสื่อสาร (Network & Edge Group หรือ NEX) ออกเป็นบริษัทอิสระ พร้อมเปิดรับนักลงทุนภายนอก

    NEX เคยสร้างรายได้ถึง $5.8 พันล้านในปี 2024 หรือประมาณ 11% ของรายได้รวมของ Intel แต่ถูกมองว่าไม่ใช่ “แกนหลัก” ในยุคที่ AI และชิป PC กลับมาเป็นจุดแข็งที่ต้องเร่งฟื้นฟู

    Intel จะยังคงถือหุ้นบางส่วนในบริษัทใหม่ เพื่อเก็บเกี่ยวผลตอบแทนในอนาคต แต่จะไม่บริหารโดยตรงอีกต่อไป

    Intel เตรียมแยกธุรกิจเครือข่ายและการสื่อสารออกเป็นบริษัทอิสระ
    หน่วยงาน NEX เคยสร้างรายได้ $5.8 พันล้านในปี 2024
    คิดเป็น 11% ของรายได้รวมของ Intel

    CEO Lip-Bu Tan ใช้กลยุทธ์ “Back to Core”
    เน้นธุรกิจหลักคือชิป PC และศูนย์ข้อมูล
    ลดการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่แกนหลัก เช่น telecom infrastructure

    Intel จะยังคงเป็น “ผู้ลงทุนหลัก” ในบริษัทใหม่
    คล้ายกับกรณีขายหุ้น Altera ให้ Silver Lake
    เปิดรับนักลงทุนภายนอกเพื่อเร่งการเติบโต

    เป้าหมายคือการฟื้นฟูกำไรและลดต้นทุน
    Intel ขาดทุนต่อเนื่อง 6 ไตรมาส รวม $1.25 พันล้านในไตรมาสล่าสุด
    มีแผนลดค่าใช้จ่าย $10 พันล้าน และปลดพนักงาน 20,000 คน

    การแยก NEX จะช่วยให้ Intel โฟกัสกับ AI และโรงงานผลิตชิป
    เงินที่ได้จะนำไปลงทุนในโรงงานที่โอไฮโอและ R&D ด้าน AI
    ตั้งเป้าให้ธุรกิจ foundry มีกำไรภายในปี 2030

    บริษัทใหม่จะเน้น Ethernet, edge security และ AI networking
    แข่งกับ Broadcom, Marvell, AMD และ NVIDIA
    มีอิสระในการตัดสินใจและนวัตกรรมเร็วขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/26/intel-to-separate-networking-unit-as-new-ceo-tan-overhauls-business
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ Intel ตัดสินใจ “ตัดแขน” เพื่อรักษาหัวใจ ลองจินตนาการว่าคุณเป็นบริษัทที่เคยครองโลกด้านชิป PC แต่วันนี้ยอดขายตกต่ำ กำไรหาย และคู่แข่งอย่าง NVIDIA กับ AMD กำลังแซงหน้า — คุณจะทำยังไง? Intel ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan เลือกใช้วิธี “ตัดส่วนที่ไม่ใช่หัวใจ” เพื่อรักษาแกนหลักของธุรกิจ โดยล่าสุดประกาศแยกธุรกิจเครือข่ายและการสื่อสาร (Network & Edge Group หรือ NEX) ออกเป็นบริษัทอิสระ พร้อมเปิดรับนักลงทุนภายนอก NEX เคยสร้างรายได้ถึง $5.8 พันล้านในปี 2024 หรือประมาณ 11% ของรายได้รวมของ Intel แต่ถูกมองว่าไม่ใช่ “แกนหลัก” ในยุคที่ AI และชิป PC กลับมาเป็นจุดแข็งที่ต้องเร่งฟื้นฟู Intel จะยังคงถือหุ้นบางส่วนในบริษัทใหม่ เพื่อเก็บเกี่ยวผลตอบแทนในอนาคต แต่จะไม่บริหารโดยตรงอีกต่อไป ✅ Intel เตรียมแยกธุรกิจเครือข่ายและการสื่อสารออกเป็นบริษัทอิสระ ➡️ หน่วยงาน NEX เคยสร้างรายได้ $5.8 พันล้านในปี 2024 ➡️ คิดเป็น 11% ของรายได้รวมของ Intel ✅ CEO Lip-Bu Tan ใช้กลยุทธ์ “Back to Core” ➡️ เน้นธุรกิจหลักคือชิป PC และศูนย์ข้อมูล ➡️ ลดการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่แกนหลัก เช่น telecom infrastructure ✅ Intel จะยังคงเป็น “ผู้ลงทุนหลัก” ในบริษัทใหม่ ➡️ คล้ายกับกรณีขายหุ้น Altera ให้ Silver Lake ➡️ เปิดรับนักลงทุนภายนอกเพื่อเร่งการเติบโต ✅ เป้าหมายคือการฟื้นฟูกำไรและลดต้นทุน ➡️ Intel ขาดทุนต่อเนื่อง 6 ไตรมาส รวม $1.25 พันล้านในไตรมาสล่าสุด ➡️ มีแผนลดค่าใช้จ่าย $10 พันล้าน และปลดพนักงาน 20,000 คน ✅ การแยก NEX จะช่วยให้ Intel โฟกัสกับ AI และโรงงานผลิตชิป ➡️ เงินที่ได้จะนำไปลงทุนในโรงงานที่โอไฮโอและ R&D ด้าน AI ➡️ ตั้งเป้าให้ธุรกิจ foundry มีกำไรภายในปี 2030 ✅ บริษัทใหม่จะเน้น Ethernet, edge security และ AI networking ➡️ แข่งกับ Broadcom, Marvell, AMD และ NVIDIA ➡️ มีอิสระในการตัดสินใจและนวัตกรรมเร็วขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/26/intel-to-separate-networking-unit-as-new-ceo-tan-overhauls-business
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel to separate networking unit as new CEO Tan overhauls business
    (Reuters) -Intel is planning to separate its networking and communications unit into a stand-alone company and has begun the process of identifying investors, the chipmaker said on Friday, as new CEO Lip-Bu Tan looks to streamline its operations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ “ซ่อมชิป” กลายเป็นธุรกิจทองคำในจีน

    ลองจินตนาการว่าคุณมีชิป AI ระดับเทพอย่าง NVIDIA H100 หรือ A100 ที่ถูกใช้งานหนักมาหลายปีในศูนย์ข้อมูล แต่ไม่สามารถส่งซ่อมกับผู้ผลิตได้ เพราะมันเป็น “สินค้าต้องห้าม” จากการแบนของสหรัฐฯ แล้วจะทำยังไง?

    คำตอบคือ: ส่งไปซ่อมใน “อู่ลับ” ที่จีน!

    แม้ชิปเหล่านี้จะถูกแบนไม่ให้ขายในจีนตั้งแต่ปี 2022 แต่กลับมีธุรกิจซ่อมชิป AI เกิดขึ้นอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในเมืองเซินเจิ้น มีบริษัทเล็ก ๆ กว่า 12 แห่งที่รับซ่อมชิป H100 และ A100 แบบเต็มรูปแบบ ทั้งตรวจสอบ ซ่อมพัดลม เปลี่ยนแผงวงจร และทดสอบในสภาพแวดล้อมจำลองศูนย์ข้อมูล

    บางแห่งซ่อมได้ถึง 500 ชิปต่อเดือน และคิดค่าบริการสูงถึง $2,800 ต่อชิ้น ซึ่งยังถูกกว่าการซื้อชิปใหม่ที่ราคาสูงถึง $50,000 ต่อชิ้นในตลาดมืด

    แม้ NVIDIA จะออกชิป H20 รุ่นลดสเปกเพื่อขายในจีน แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ ทำให้หลายบริษัทเลือกใช้ชิปเก่าแบบ “ซ่อมแล้วใช้ต่อ” แทน

    ธุรกิจซ่อมชิป AI NVIDIA ในจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว
    มีบริษัทกว่า 12 แห่งในเซินเจิ้นรับซ่อมชิป H100 และ A100
    บางแห่งซ่อมได้ถึง 500 ชิ้นต่อเดือน

    บริการซ่อมครอบคลุมหลายด้าน
    ตรวจสอบซอฟต์แวร์ ซ่อมพัดลม แก้ไขแผงวงจร
    ทดสอบในห้องที่จำลองศูนย์ข้อมูลจริง

    ราคาซ่อมอยู่ที่ $1,400–$2,800 ต่อชิ้น
    ถูกกว่าการซื้อใหม่ที่อาจสูงถึง $50,000 ต่อชิ้น
    บางบริษัทคิดค่าซ่อมประมาณ 10% ของราคาชิปเดิม

    ชิป H100 และ A100 ยังเป็นที่ต้องการสูง
    ใช้ในการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่
    แม้จะมีรุ่น H20 ที่ถูกกว่า แต่ยังไม่ตอบโจทย์ด้านประสิทธิภาพ

    อายุการใช้งานชิปอยู่ที่ 2–5 ปี
    การใช้งานหนักตลอด 24/7 ทำให้ชิปเสื่อมเร็ว
    การซ่อมช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกหลายเดือนหรือปี

    https://wccftech.com/chinas-gpu-repair-business-is-booming-right-now-as-the-illegally-acquired-nvidia-chips-are-being-repaired-in-shocking-numbers/
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ “ซ่อมชิป” กลายเป็นธุรกิจทองคำในจีน ลองจินตนาการว่าคุณมีชิป AI ระดับเทพอย่าง NVIDIA H100 หรือ A100 ที่ถูกใช้งานหนักมาหลายปีในศูนย์ข้อมูล แต่ไม่สามารถส่งซ่อมกับผู้ผลิตได้ เพราะมันเป็น “สินค้าต้องห้าม” จากการแบนของสหรัฐฯ แล้วจะทำยังไง? คำตอบคือ: ส่งไปซ่อมใน “อู่ลับ” ที่จีน! แม้ชิปเหล่านี้จะถูกแบนไม่ให้ขายในจีนตั้งแต่ปี 2022 แต่กลับมีธุรกิจซ่อมชิป AI เกิดขึ้นอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในเมืองเซินเจิ้น มีบริษัทเล็ก ๆ กว่า 12 แห่งที่รับซ่อมชิป H100 และ A100 แบบเต็มรูปแบบ ทั้งตรวจสอบ ซ่อมพัดลม เปลี่ยนแผงวงจร และทดสอบในสภาพแวดล้อมจำลองศูนย์ข้อมูล บางแห่งซ่อมได้ถึง 500 ชิปต่อเดือน และคิดค่าบริการสูงถึง $2,800 ต่อชิ้น ซึ่งยังถูกกว่าการซื้อชิปใหม่ที่ราคาสูงถึง $50,000 ต่อชิ้นในตลาดมืด แม้ NVIDIA จะออกชิป H20 รุ่นลดสเปกเพื่อขายในจีน แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ ทำให้หลายบริษัทเลือกใช้ชิปเก่าแบบ “ซ่อมแล้วใช้ต่อ” แทน ✅ ธุรกิจซ่อมชิป AI NVIDIA ในจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว ➡️ มีบริษัทกว่า 12 แห่งในเซินเจิ้นรับซ่อมชิป H100 และ A100 ➡️ บางแห่งซ่อมได้ถึง 500 ชิ้นต่อเดือน ✅ บริการซ่อมครอบคลุมหลายด้าน ➡️ ตรวจสอบซอฟต์แวร์ ซ่อมพัดลม แก้ไขแผงวงจร ➡️ ทดสอบในห้องที่จำลองศูนย์ข้อมูลจริง ✅ ราคาซ่อมอยู่ที่ $1,400–$2,800 ต่อชิ้น ➡️ ถูกกว่าการซื้อใหม่ที่อาจสูงถึง $50,000 ต่อชิ้น ➡️ บางบริษัทคิดค่าซ่อมประมาณ 10% ของราคาชิปเดิม ✅ ชิป H100 และ A100 ยังเป็นที่ต้องการสูง ➡️ ใช้ในการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ ➡️ แม้จะมีรุ่น H20 ที่ถูกกว่า แต่ยังไม่ตอบโจทย์ด้านประสิทธิภาพ ✅ อายุการใช้งานชิปอยู่ที่ 2–5 ปี ➡️ การใช้งานหนักตลอด 24/7 ทำให้ชิปเสื่อมเร็ว ➡️ การซ่อมช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกหลายเดือนหรือปี https://wccftech.com/chinas-gpu-repair-business-is-booming-right-now-as-the-illegally-acquired-nvidia-chips-are-being-repaired-in-shocking-numbers/
    WCCFTECH.COM
    China's "GPU Repair" Business Is Booming Right Now As The Illegally Acquired NVIDIA H100 & A100 AI Chips Are Being Repaired In Shocking Numbers
    Apart from the "smuggling business" in China, repairers seem to be earning hefty sums of money by providing services for NVIDIA's AI chips.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเซมิคอนดักเตอร์: เมื่อ STMicro ขยายอาณาจักรด้วยเซนเซอร์จาก NXP

    ในยุคที่ตลาดชิปสำหรับยานยนต์และอุตสาหกรรมกำลังชะลอตัว STMicroelectronics กลับเดินเกมรุกด้วยการเข้าซื้อกิจการบางส่วนของ NXP Semiconductors ซึ่งเน้นด้าน MEMS-based electromechanical sensors เช่น:
    - เซนเซอร์ความปลอดภัยและการตรวจสอบสำหรับรถยนต์
    - เซนเซอร์วัดแรงดันสำหรับระบบอุตสาหกรรม

    ดีลนี้มีรายละเอียดดังนี้:
    - จ่ายเงินสดล่วงหน้า 900 ล้านดอลลาร์
    - จ่ายเพิ่มอีก 50 ล้านดอลลาร์ เมื่อบรรลุเป้าหมายทางเทคนิคบางประการ
    - ธุรกิจเซนเซอร์ของ NXP ที่ขายให้ STMicro มีรายได้ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
    - คาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสิ้นในครึ่งแรกของปี 2026

    อย่างไรก็ตาม STMicro เพิ่งรายงานผลประกอบการขาดทุนไตรมาสแรกในรอบกว่า 10 ปี โดยมีค่าใช้จ่ายจากการปรับโครงสร้างและการด้อยค่าทรัพย์สินถึง 190 ล้านดอลลาร์

    STMicroelectronics จะซื้อกิจการบางส่วนของธุรกิจเซนเซอร์จาก NXP
    มูลค่ารวมสูงสุดถึง 950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    ดีลนี้เน้นเซนเซอร์แบบ MEMS สำหรับยานยนต์และอุตสาหกรรม
    เช่น เซนเซอร์ความปลอดภัยและเซนเซอร์วัดแรงดัน

    STMicro จะจ่ายเงินสดล่วงหน้า 900 ล้านดอลลาร์
    และอีก 50 ล้านดอลลาร์เมื่อบรรลุเป้าหมายทางเทคนิค

    ธุรกิจเซนเซอร์ของ NXP มีรายได้ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
    เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพแม้ตลาดชิปโดยรวมจะชะลอตัว

    การซื้อกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นในครึ่งแรกของปี 2026
    อยู่ระหว่างการดำเนินการและตรวจสอบ

    STMicro รายงานผลขาดทุนไตรมาสแรกในรอบกว่า 10 ปี
    ขาดทุนจากการปรับโครงสร้างและการด้อยค่าทรัพย์สิน 190 ล้านดอลลาร์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/25/stmicro-to-buy-part-of-nxp-semiconductors039-sensor-business-for-up-to-950-million
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเซมิคอนดักเตอร์: เมื่อ STMicro ขยายอาณาจักรด้วยเซนเซอร์จาก NXP ในยุคที่ตลาดชิปสำหรับยานยนต์และอุตสาหกรรมกำลังชะลอตัว STMicroelectronics กลับเดินเกมรุกด้วยการเข้าซื้อกิจการบางส่วนของ NXP Semiconductors ซึ่งเน้นด้าน MEMS-based electromechanical sensors เช่น: - เซนเซอร์ความปลอดภัยและการตรวจสอบสำหรับรถยนต์ - เซนเซอร์วัดแรงดันสำหรับระบบอุตสาหกรรม ดีลนี้มีรายละเอียดดังนี้: - จ่ายเงินสดล่วงหน้า 900 ล้านดอลลาร์ - จ่ายเพิ่มอีก 50 ล้านดอลลาร์ เมื่อบรรลุเป้าหมายทางเทคนิคบางประการ - ธุรกิจเซนเซอร์ของ NXP ที่ขายให้ STMicro มีรายได้ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา - คาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสิ้นในครึ่งแรกของปี 2026 อย่างไรก็ตาม STMicro เพิ่งรายงานผลประกอบการขาดทุนไตรมาสแรกในรอบกว่า 10 ปี โดยมีค่าใช้จ่ายจากการปรับโครงสร้างและการด้อยค่าทรัพย์สินถึง 190 ล้านดอลลาร์ ✅ STMicroelectronics จะซื้อกิจการบางส่วนของธุรกิจเซนเซอร์จาก NXP ➡️ มูลค่ารวมสูงสุดถึง 950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ✅ ดีลนี้เน้นเซนเซอร์แบบ MEMS สำหรับยานยนต์และอุตสาหกรรม ➡️ เช่น เซนเซอร์ความปลอดภัยและเซนเซอร์วัดแรงดัน ✅ STMicro จะจ่ายเงินสดล่วงหน้า 900 ล้านดอลลาร์ ➡️ และอีก 50 ล้านดอลลาร์เมื่อบรรลุเป้าหมายทางเทคนิค ✅ ธุรกิจเซนเซอร์ของ NXP มีรายได้ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ➡️ เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพแม้ตลาดชิปโดยรวมจะชะลอตัว ✅ การซื้อกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นในครึ่งแรกของปี 2026 ➡️ อยู่ระหว่างการดำเนินการและตรวจสอบ ✅ STMicro รายงานผลขาดทุนไตรมาสแรกในรอบกว่า 10 ปี ➡️ ขาดทุนจากการปรับโครงสร้างและการด้อยค่าทรัพย์สิน 190 ล้านดอลลาร์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/25/stmicro-to-buy-part-of-nxp-semiconductors039-sensor-business-for-up-to-950-million
    WWW.THESTAR.COM.MY
    STMicro to buy part of NXP Semiconductors' sensor business for up to $950 million
    (Reuters) -French-Italian chipmaker STMicroelectronics said on Thursday it would acquire part of NXP Semiconductors' sensor unit for up to $950 million in cash.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบื่อไหมกับกองสายไฟ สายเคเบิลที่รกพื้นที่และกำจัดยาก?
    มาถึงจุดเปลี่ยนที่ธุรกิจของคุณต้องมี! ขอแนะนำ เครื่องบดย่อยวัสดุเหลือใช้ Two Shafts Shredder นวัตกรรมล้ำหน้าที่จะช่วยให้การจัดการขยะสายไฟกลายเป็นเรื่องง่าย และสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ!
    ทำไม Two Shafts Shredder ของเราถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด?
    บดได้ทุกอย่าง... โดยเฉพาะสายไฟและสายเคเบิลทุกชนิด!
    ไม่ว่าจะเป็นสายทองแดง สายอลูมิเนียม สายเคเบิลใยแก้วนำแสง หรือสายโทรศัพท์ที่มีฉนวนหนาขนาดไหน เครื่องของเราก็เอาอยู่! ด้วยระบบใบมีดคู่ที่ทรงพลังและแม่นยำ ทำให้สายไฟและเคเบิลถูกบดย่อยเป็นชิ้นเล็กๆ อย่างสม่ำเสมอพร้อมสำหรับการแยกส่วนหรือรีไซเคิลต่อยอดทันที!
    สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจคุณ!
    การบดย่อยสายไฟอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณสามารถแยกทองแดง อลูมิเนียม หรือวัสดุมีค่าอื่นๆ ออกมาได้อย่างง่ายดาย เพิ่มโอกาสในการขายเศษวัสดุรีไซเคิล สร้างรายได้เสริมให้ธุรกิจของคุณได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ!
    ทนทาน แกร่งทุกงานหนัก!
    ด้วยการออกแบบวิศวกรรมที่แข็งแกร่ง ใบมีดผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทนทานต่อการสึกหรอ และมอเตอร์คู่กำลังสูง 10 HP (380V x 2 Motors) ทำให้เครื่องของเราพร้อมลุยงานหนักได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัด!
    ปลอดภัย ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก!
    มีระบบ Emergency Switch เพื่อหยุดการทำงานฉุกเฉิน, Meter แสดงสถานะการทำงาน และฟังก์ชัน Reverse ที่ช่วยแก้ปัญหาวัสดุติดขัดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การทำงานของคุณราบรื่นและปลอดภัยไร้กังวล!
    นี่คือโอกาสทองที่จะยกระดับธุรกิจของคุณให้เหนือกว่า!
    ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการจัดการขยะที่ไร้ประสิทธิภาพอีกต่อไป! ลงทุนกับ Two Shafts Shredder วันนี้ เพื่อประสิทธิภาพที่ยั่งยืนและผลกำไรที่เพิ่มขึ้น!
    ไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ?
    แวะมาชมเครื่องจริงและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ ย.ย่งฮะเฮง!
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.
    คลิกดูแผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    รีบติดต่อเราเพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษ ก่อนใคร!
    แชทกับเราได้เลย: m.me/yonghahheng หรือ LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) / https://lin.ee/5H812n9
    โทรสายด่วน: 02-215-3515-9 | 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com | yonghahheng@gmail.com
    #เครื่องบดสายไฟ #เครื่องบดเคเบิล #TwoShaftsShredder #เครื่องบดย่อย #จัดการสายไฟ #รีไซเคิลสายไฟ #เศษสายไฟ #ขยะอิเล็กทรอนิกส์ #eWaste #ยย่งฮะเฮง #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #ลดต้นทุน #เพิ่มพื้นที่ #โซลูชั่นขยะ #ธุรกิจรีไซเคิล #โรงงาน #อุตสาหกรรมไฟฟ้า #สายไฟ #สายเคเบิล #บดละเอียด #เครื่องจักรคุณภาพสูง #สร้างรายได้ #สิ่งแวดล้อม #จัดการของเสียอย่างมืออาชีพ #นวัตกรรมเครื่องจักร
    💥 เบื่อไหมกับกองสายไฟ สายเคเบิลที่รกพื้นที่และกำจัดยาก? 💥 มาถึงจุดเปลี่ยนที่ธุรกิจของคุณต้องมี! ขอแนะนำ เครื่องบดย่อยวัสดุเหลือใช้ Two Shafts Shredder นวัตกรรมล้ำหน้าที่จะช่วยให้การจัดการขยะสายไฟกลายเป็นเรื่องง่าย และสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ! ✨ ทำไม Two Shafts Shredder ของเราถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด? ✨ ✅ บดได้ทุกอย่าง... โดยเฉพาะสายไฟและสายเคเบิลทุกชนิด! ไม่ว่าจะเป็นสายทองแดง สายอลูมิเนียม สายเคเบิลใยแก้วนำแสง หรือสายโทรศัพท์ที่มีฉนวนหนาขนาดไหน เครื่องของเราก็เอาอยู่! ด้วยระบบใบมีดคู่ที่ทรงพลังและแม่นยำ ทำให้สายไฟและเคเบิลถูกบดย่อยเป็นชิ้นเล็กๆ อย่างสม่ำเสมอพร้อมสำหรับการแยกส่วนหรือรีไซเคิลต่อยอดทันที! ✅ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจคุณ! การบดย่อยสายไฟอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณสามารถแยกทองแดง อลูมิเนียม หรือวัสดุมีค่าอื่นๆ ออกมาได้อย่างง่ายดาย เพิ่มโอกาสในการขายเศษวัสดุรีไซเคิล สร้างรายได้เสริมให้ธุรกิจของคุณได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ! ✅ ทนทาน แกร่งทุกงานหนัก! ด้วยการออกแบบวิศวกรรมที่แข็งแกร่ง ใบมีดผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทนทานต่อการสึกหรอ และมอเตอร์คู่กำลังสูง 10 HP (380V x 2 Motors) ทำให้เครื่องของเราพร้อมลุยงานหนักได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัด! ✅ ปลอดภัย ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก! มีระบบ Emergency Switch เพื่อหยุดการทำงานฉุกเฉิน, Meter แสดงสถานะการทำงาน และฟังก์ชัน Reverse ที่ช่วยแก้ปัญหาวัสดุติดขัดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การทำงานของคุณราบรื่นและปลอดภัยไร้กังวล! นี่คือโอกาสทองที่จะยกระดับธุรกิจของคุณให้เหนือกว่า! ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการจัดการขยะที่ไร้ประสิทธิภาพอีกต่อไป! ลงทุนกับ Two Shafts Shredder วันนี้ เพื่อประสิทธิภาพที่ยั่งยืนและผลกำไรที่เพิ่มขึ้น! 📍 ไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ? แวะมาชมเครื่องจริงและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ ย.ย่งฮะเฮง! เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น. 🗺️ คลิกดูแผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 รีบติดต่อเราเพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษ ก่อนใคร! 💬 แชทกับเราได้เลย: m.me/yonghahheng หรือ LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) / https://lin.ee/5H812n9 📞 โทรสายด่วน: 02-215-3515-9 | 081-3189098 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com | yonghahheng@gmail.com #เครื่องบดสายไฟ #เครื่องบดเคเบิล #TwoShaftsShredder #เครื่องบดย่อย #จัดการสายไฟ #รีไซเคิลสายไฟ #เศษสายไฟ #ขยะอิเล็กทรอนิกส์ #eWaste #ยย่งฮะเฮง #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #ลดต้นทุน #เพิ่มพื้นที่ #โซลูชั่นขยะ #ธุรกิจรีไซเคิล #โรงงาน #อุตสาหกรรมไฟฟ้า #สายไฟ #สายเคเบิล #บดละเอียด #เครื่องจักรคุณภาพสูง #สร้างรายได้ #สิ่งแวดล้อม #จัดการของเสียอย่างมืออาชีพ #นวัตกรรมเครื่องจักร
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากช่องโหว่ที่ไม่มีใครรู้: เมื่อ SharePoint กลายเป็นประตูหลังของการจารกรรมไซเบอร์

    Microsoft ระบุว่า:
    - ช่องโหว่นี้เกิดใน SharePoint เวอร์ชัน on-premises (ที่องค์กรติดตั้งเอง) ไม่ใช่เวอร์ชัน cloud
    - กลุ่มแฮกเกอร์จีนที่ถูกกล่าวหาคือ Linen Typhoon, Violent Typhoon และ Storm-2603
    - ช่องโหว่ถูกใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2025 ก่อนที่ Microsoft จะเปิดเผยต่อสาธารณะ
    - แฮกเกอร์สามารถ bypass authentication และปลอมตัวเป็นผู้ใช้ที่ได้รับสิทธิ์

    Google CTO ก็ออกมายืนยันว่าอย่างน้อยหนึ่งกลุ่มมีความเชื่อมโยงกับจีน และ Microsoft ประเมินว่า “กลุ่มอื่น ๆ จะเร่งนำช่องโหว่นี้ไปใช้ต่อ”

    แม้สถานทูตจีนจะออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างหนักแน่นว่า “ไม่มีหลักฐาน” และ “จีนต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ทุกรูปแบบ” แต่ Microsoft ยังคงเดินหน้าปล่อยแพตช์ฉุกเฉินเพื่ออุดช่องโหว่ และเตือนผู้ใช้ให้ตรวจสอบระบบอย่างเร่งด่วน

    Microsoft พบช่องโหว่ zero-day ใน SharePoint เวอร์ชัน on-premises ที่ถูกใช้โจมตีองค์กรทั่วโลก
    กลุ่มแฮกเกอร์สามารถปลอมตัวเป็นผู้ใช้ที่ได้รับสิทธิ์โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    กลุ่มที่ถูกกล่าวหาคือ Linen Typhoon, Violent Typhoon และ Storm-2603
    มีประวัติเกี่ยวข้องกับ ransomware และการจารกรรมไซเบอร์

    ช่องโหว่ถูกใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม ก่อนที่ Microsoft จะเปิดเผยต่อสาธารณะ
    แสดงถึงการโจมตีแบบ targeted และมีการเตรียมการล่วงหน้า

    SharePoint เวอร์ชัน cloud-hosted ไม่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้
    ปัญหาเกิดเฉพาะในระบบที่องค์กรติดตั้งและดูแลเอง

    Microsoft ปล่อยแพตช์ฉุกเฉินและเตือนผู้ใช้ให้ตรวจสอบระบบทันที
    พร้อมประเมินว่ากลุ่มแฮกเกอร์อื่นจะนำช่องโหว่นี้ไปใช้ต่อ

    Google CTO ยืนยันว่ามีความเชื่อมโยงกับจีนในอย่างน้อยหนึ่งกลุ่ม
    เพิ่มน้ำหนักให้กับข้อกล่าวหาของ Microsoft

    https://wccftech.com/microsoft-accuses-chinese-hackers-of-exploiting-critical-sharepoint-zero-day-vulnerability-in-massive-global-cyberattack-targeting-government-agencies-businesses-and-sensitive-infrastructure/
    🎙️ เรื่องเล่าจากช่องโหว่ที่ไม่มีใครรู้: เมื่อ SharePoint กลายเป็นประตูหลังของการจารกรรมไซเบอร์ Microsoft ระบุว่า: - ช่องโหว่นี้เกิดใน SharePoint เวอร์ชัน on-premises (ที่องค์กรติดตั้งเอง) ไม่ใช่เวอร์ชัน cloud - กลุ่มแฮกเกอร์จีนที่ถูกกล่าวหาคือ Linen Typhoon, Violent Typhoon และ Storm-2603 - ช่องโหว่ถูกใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2025 ก่อนที่ Microsoft จะเปิดเผยต่อสาธารณะ - แฮกเกอร์สามารถ bypass authentication และปลอมตัวเป็นผู้ใช้ที่ได้รับสิทธิ์ Google CTO ก็ออกมายืนยันว่าอย่างน้อยหนึ่งกลุ่มมีความเชื่อมโยงกับจีน และ Microsoft ประเมินว่า “กลุ่มอื่น ๆ จะเร่งนำช่องโหว่นี้ไปใช้ต่อ” แม้สถานทูตจีนจะออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างหนักแน่นว่า “ไม่มีหลักฐาน” และ “จีนต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ทุกรูปแบบ” แต่ Microsoft ยังคงเดินหน้าปล่อยแพตช์ฉุกเฉินเพื่ออุดช่องโหว่ และเตือนผู้ใช้ให้ตรวจสอบระบบอย่างเร่งด่วน ✅ Microsoft พบช่องโหว่ zero-day ใน SharePoint เวอร์ชัน on-premises ที่ถูกใช้โจมตีองค์กรทั่วโลก ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์สามารถปลอมตัวเป็นผู้ใช้ที่ได้รับสิทธิ์โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ✅ กลุ่มที่ถูกกล่าวหาคือ Linen Typhoon, Violent Typhoon และ Storm-2603 ➡️ มีประวัติเกี่ยวข้องกับ ransomware และการจารกรรมไซเบอร์ ✅ ช่องโหว่ถูกใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม ก่อนที่ Microsoft จะเปิดเผยต่อสาธารณะ ➡️ แสดงถึงการโจมตีแบบ targeted และมีการเตรียมการล่วงหน้า ✅ SharePoint เวอร์ชัน cloud-hosted ไม่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้ ➡️ ปัญหาเกิดเฉพาะในระบบที่องค์กรติดตั้งและดูแลเอง ✅ Microsoft ปล่อยแพตช์ฉุกเฉินและเตือนผู้ใช้ให้ตรวจสอบระบบทันที ➡️ พร้อมประเมินว่ากลุ่มแฮกเกอร์อื่นจะนำช่องโหว่นี้ไปใช้ต่อ ✅ Google CTO ยืนยันว่ามีความเชื่อมโยงกับจีนในอย่างน้อยหนึ่งกลุ่ม ➡️ เพิ่มน้ำหนักให้กับข้อกล่าวหาของ Microsoft https://wccftech.com/microsoft-accuses-chinese-hackers-of-exploiting-critical-sharepoint-zero-day-vulnerability-in-massive-global-cyberattack-targeting-government-agencies-businesses-and-sensitive-infrastructure/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเบื้องหลังคลาวด์: เมื่อเซิร์ฟเวอร์เก่ากลับมาเพราะคลาวด์ไม่ตอบโจทย์

    จากผลสำรวจโดย Liquid Web:
    - 42% ของทีม IT ย้าย workload กลับจากคลาวด์มาใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated ภายใน 1 ปี
    - 86% ขององค์กรยังใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated อยู่ แม้จะอยู่ในยุคที่คลาวด์ครองตลาด
    - เหตุผลหลักคือ: ค่าคลาวด์ที่พุ่งสูง, ความไม่แน่นอนของราคา, และการขาดการควบคุม

    ภาคส่วนที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated มากที่สุด:
    - ภาครัฐ: 93%
    - IT: 91%
    - การเงิน: 90%
    - แม้แต่ธุรกิจขนาดเล็กก็ใช้ถึง 68%

    หลายองค์กรเจอ “ค่าใช้จ่ายคลาวด์ที่ไม่คาดคิด” ระหว่าง $5,000–$25,000 และ 32% เชื่อว่า “งบประมาณคลาวด์ถูกใช้ไปกับฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น”

    Ryan MacDonald, CTO ของ Liquid Web กล่าวว่า “การย้ายกลับมาใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated เป็นกลยุทธ์เพื่อควบคุมต้นทุนและสร้างระบบที่มั่นคงในระยะยาว”

    42% ของทีม IT ย้าย workload กลับจากคลาวด์มาใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated ในปีที่ผ่านมา
    เหตุผลหลักคือความต้องการควบคุม, ความปลอดภัย, และต้นทุนที่คาดการณ์ได้

    86% ขององค์กรยังใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated อยู่ แม้จะอยู่ในยุคคลาวด์
    แสดงว่า dedicated ยังมีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐาน

    ภาครัฐ, IT, และการเงินเป็นกลุ่มที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated มากที่สุด
    เพราะต้องการ uptime สูงและการปฏิบัติตามข้อกำกับด้านข้อมูล

    55% ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือก dedicated เพราะต้องการการปรับแต่งและควบคุมเต็มรูปแบบ
    รวมถึงความปลอดภัยทางกายภาพและประสิทธิภาพของเครือข่าย

    32% เชื่อว่างบประมาณคลาวด์ถูกใช้ไปกับฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น
    เช่นการจ่ายค่าความจุหรือฟังก์ชันที่ไม่เคยถูกใช้งานจริง

    45% คาดว่าเซิร์ฟเวอร์ dedicated จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นภายในปี 2030
    53% มองว่าเป็น “สิ่งจำเป็น” ในโครงสร้างพื้นฐานองค์กร

    https://www.techradar.com/pro/in-the-shadow-of-ai-has-cloud-peaked-a-survey-shows-that-more-businesses-are-moving-away-from-cloud-computing-to-dedicated-servers
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบื้องหลังคลาวด์: เมื่อเซิร์ฟเวอร์เก่ากลับมาเพราะคลาวด์ไม่ตอบโจทย์ จากผลสำรวจโดย Liquid Web: - 42% ของทีม IT ย้าย workload กลับจากคลาวด์มาใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated ภายใน 1 ปี - 86% ขององค์กรยังใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated อยู่ แม้จะอยู่ในยุคที่คลาวด์ครองตลาด - เหตุผลหลักคือ: ค่าคลาวด์ที่พุ่งสูง, ความไม่แน่นอนของราคา, และการขาดการควบคุม ภาคส่วนที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated มากที่สุด: - ภาครัฐ: 93% - IT: 91% - การเงิน: 90% - แม้แต่ธุรกิจขนาดเล็กก็ใช้ถึง 68% หลายองค์กรเจอ “ค่าใช้จ่ายคลาวด์ที่ไม่คาดคิด” ระหว่าง $5,000–$25,000 และ 32% เชื่อว่า “งบประมาณคลาวด์ถูกใช้ไปกับฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น” Ryan MacDonald, CTO ของ Liquid Web กล่าวว่า “การย้ายกลับมาใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated เป็นกลยุทธ์เพื่อควบคุมต้นทุนและสร้างระบบที่มั่นคงในระยะยาว” ✅ 42% ของทีม IT ย้าย workload กลับจากคลาวด์มาใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated ในปีที่ผ่านมา ➡️ เหตุผลหลักคือความต้องการควบคุม, ความปลอดภัย, และต้นทุนที่คาดการณ์ได้ ✅ 86% ขององค์กรยังใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated อยู่ แม้จะอยู่ในยุคคลาวด์ ➡️ แสดงว่า dedicated ยังมีบทบาทสำคัญในโครงสร้างพื้นฐาน ✅ ภาครัฐ, IT, และการเงินเป็นกลุ่มที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ dedicated มากที่สุด ➡️ เพราะต้องการ uptime สูงและการปฏิบัติตามข้อกำกับด้านข้อมูล ✅ 55% ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือก dedicated เพราะต้องการการปรับแต่งและควบคุมเต็มรูปแบบ ➡️ รวมถึงความปลอดภัยทางกายภาพและประสิทธิภาพของเครือข่าย ✅ 32% เชื่อว่างบประมาณคลาวด์ถูกใช้ไปกับฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น ➡️ เช่นการจ่ายค่าความจุหรือฟังก์ชันที่ไม่เคยถูกใช้งานจริง ✅ 45% คาดว่าเซิร์ฟเวอร์ dedicated จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นภายในปี 2030 ➡️ 53% มองว่าเป็น “สิ่งจำเป็น” ในโครงสร้างพื้นฐานองค์กร https://www.techradar.com/pro/in-the-shadow-of-ai-has-cloud-peaked-a-survey-shows-that-more-businesses-are-moving-away-from-cloud-computing-to-dedicated-servers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมดปัญหาเรื่องการบดวัตถุดิบให้ละเอียด!

    ขอแนะนำ เครื่องบดผง/เครื่องบดแป้ง ย.ยงฮะเฮง รุ่น DF20
    ตัวช่วยสุดเจ๋งที่จะทำให้งานของคุณง่ายขึ้นเยอะ!

    ไม่ว่าจะเป็น:
    #สมุนไพรแห้ง ให้เป็นผงละเอียด
    #รากไม้ หรือ #พริกไทย
    #พริกแห้ง #กัญชาแห้ง สำหรับทำเครื่องเทศ
    #ข้าวโพด #ถั่วเขียว หรือ #ลูกเดือย
    เหมาะสำหรับบด #อกไก่ฟรีซดราย #อาหารแมว หรือทำ #ผงโรยอาหารสัตว์ ก็ทำได้ละเอียด!

    เครื่องนี้เอาอยู่ทุกงาน! ด้วยกำลังการผลิต 5-15 กก./ชม. และระบบเหวี่ยงผนังฟันปลา 2,840 รอบ/นาที ทำให้ได้ผงที่ละเอียดสม่ำเสมอ คุณภาพดีเยี่ยม!

    พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ!
    รับประกันสินค้า มีอะไหล่รองรับครบครัน หมดห่วงเรื่องบริการหลังการขาย!

    ลงทุนกับเครื่องบดคุณภาพดี ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อีกเยอะ!

    สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม/ขอใบเสนอราคาได้เลย:
    LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    E-mail: sales@yoryonghahheng.com / yonghahheng@gmail.com
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com

    หรือสามารถเข้ามาเลือกชมสินค้าจริงได้ที่:
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/f1NtpAHETx6P3KU2A
    เวลาเปิดทำการ:
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 น.
    วันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 น.

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบด #เครื่องบดผง #เครื่องบดแป้ง #อาหารแปรรูป #สมุนไพร #เกษตรแปรรูป #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดยา #อาหารสัตว์ #ผลิตอาหารสัตว์ #ขนมสัตว์ #ฟรีซดราย
    ✨ หมดปัญหาเรื่องการบดวัตถุดิบให้ละเอียด! ✨ ขอแนะนำ เครื่องบดผง/เครื่องบดแป้ง ย.ยงฮะเฮง รุ่น DF20 ตัวช่วยสุดเจ๋งที่จะทำให้งานของคุณง่ายขึ้นเยอะ! ไม่ว่าจะเป็น: ✅ #สมุนไพรแห้ง ให้เป็นผงละเอียด ✅ #รากไม้ หรือ #พริกไทย ✅ #พริกแห้ง #กัญชาแห้ง สำหรับทำเครื่องเทศ ✅ #ข้าวโพด #ถั่วเขียว หรือ #ลูกเดือย ✅ เหมาะสำหรับบด #อกไก่ฟรีซดราย #อาหารแมว หรือทำ #ผงโรยอาหารสัตว์ ก็ทำได้ละเอียด! เครื่องนี้เอาอยู่ทุกงาน! ด้วยกำลังการผลิต 5-15 กก./ชม. และระบบเหวี่ยงผนังฟันปลา 2,840 รอบ/นาที ทำให้ได้ผงที่ละเอียดสม่ำเสมอ คุณภาพดีเยี่ยม! 📦 พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ! 🛠️ รับประกันสินค้า มีอะไหล่รองรับครบครัน หมดห่วงเรื่องบริการหลังการขาย! ลงทุนกับเครื่องบดคุณภาพดี ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อีกเยอะ! สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม/ขอใบเสนอราคาได้เลย: 💚 LINE Business ID: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp 📞 โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 📧 E-mail: sales@yoryonghahheng.com / yonghahheng@gmail.com 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com หรือสามารถเข้ามาเลือกชมสินค้าจริงได้ที่: 📍 แผนที่: https://maps.app.goo.gl/f1NtpAHETx6P3KU2A ⏰ เวลาเปิดทำการ: จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 น. วันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 น. #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY #เครื่องบด #เครื่องบดผง #เครื่องบดแป้ง #อาหารแปรรูป #สมุนไพร #เกษตรแปรรูป #เครื่องจักรแปรรูป #ย่งฮะเฮง #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดยา #อาหารสัตว์ #ผลิตอาหารสัตว์ #ขนมสัตว์ #ฟรีซดราย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Evidence shows Jeju Air pilots shut off less-damaged engine before crash, source says อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่รู้ข้อมูลการสอบสวน ซึ่งระบุว่า การสอบสวนที่นำโดยเกาหลีใต้เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบินเจจูแอร์เมื่อเดือน ธ.ค. 2567 มีหลักฐานชัดเจนว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ที่ได้รับความเสียหายน้อยกว่าหลังจากถูกนกชน

    “หลักฐานต่างๆ ซึ่งรวมถึงเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และสวิตช์เครื่องยนต์ที่พบในซากเครื่องบิน แสดงให้เห็นว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ด้านซ้ายแทนที่จะเป็นด้านขวาขณะกำลังดำเนินการฉุกเฉินหลังจากถูกนกชนก่อนกำหนดลงจอด ทีมสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนและข้อมูลสำรอง ดังนั้นผลการตรวจสอบจะไม่เปลี่ยนแปลง” แหล่งข่าวกล่าว ซึ่งขอให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากคณะทำงานสอบสวนยังไม่ได้เผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการซึ่งรวมถึงหลักฐานนี้

    เหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ตกที่สนามบินมูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2567 คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเกือบทั้งหมด โดยเหลือผู้รอดชีวิตเพียง 2 ราย ถือเป็นภัยพิบัติทางอากาศที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ซึ่งแหล่งข่าวจากรัฐบาลกล่าวว่า จากการตรวจสอบเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่กู้คืนมา พบว่าไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุนกชนและตก

    ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งที่เข้าร่วมการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 เจ้าหน้าที่สอบสวนได้แจ้งต่อสมาชิกในครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่า เครื่องยนต์ด้านขวาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการถูกนกชนมากกว่าเครื่องยนต์ด้านซ้าย แต่กลับมีหลักฐานแวดล้อมที่บ่งชี้ว่านักบินได้ปิดเครื่องยนต์ด้านซ้ายซึ่งได้รับความเสียหายน้อยกว่า ซึ่งช่วงวันที่ 19 – 20 ก.ค. 2568 สื่อเกาหลีใต้หลายสำนัก รวมถึง MBN และยอนฮัป รายงานข้อมูลดังกล่าว

    คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินและทางรถไฟของเกาหลีใต้ (ARAIB) ซึ่งเป็นผู้นำการสอบสวน ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ขณะที่โบอิ้งได้ส่งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกไปยัง ARAIB ส่วน CFM International ผู้ผลิตเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GE และ Safran ของฝรั่งเศส ก็ยังไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ด้านสายการบินเจจูแอร์ระบุว่ากำลังให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันกับการสอบสวนของ ARAIB และกำลังรอการประกาศผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ

    รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า อุบัติเหตุทางอากาศส่วนใหญ่เกิดจากหลายปัจจัย และภายใต้กฎระเบียบระหว่างประเทศ คาดว่าจะมีรายงานสรุปภายใน 1 ปีนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายงานเบื้องต้นที่เผยแพร่ในเดือน ม.ค. 2568 ระบุว่าพบซากเป็ดในเครื่องยนต์ทั้งสองข้างของเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์หลังจากเที่ยวบินที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ตกที่สนามบินมวน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตของซากเป็ดหรือความเสียหายที่พบในเครื่องยนต์แต่ละเครื่อง

    อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 หน่วยงานสอบสวนของเกาหลีใต้ได้ยกเลิกแผนการเผยแพร่รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องยนต์เท่าที่ทราบมาจนถึงปัจจุบันต่อสื่อมวลชน ขณะที่ทนายความของกลุ่มญาติเหยื่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ให้ข้อมูลว่า ญาติของเหยื่อได้รับแจ้งเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวก่อนที่จะเผยแพร่ตามแผน แต่คัดค้านการเผยแพร่ โดยระบุว่ารายงานดูเหมือนจะโยนความผิดให้กับนักบินโดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

    เที่ยวบินของสายการบินเจจูแอร์ได้พุ่งออกนอกรันเวย์ของสนามบินมูอันขณะลงจอดฉุกเฉินและชนเข้ากับคันดินที่ติดตั้งอุปกรณ์นำทาง ทำให้เกิดเพลิงไหม้และระเบิดบางส่วน ซึ่งตัวแทนของครอบครัวเหยื่อและสหภาพนักบินของสายการบินเจจูแอร์กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การสอบสวนจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่คันดินดังกล่าวด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบินระบุว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจำนวนมาก

    สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าวว่า ARAIB กำลังทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด โดยระบุว่าเครื่องยนต์ด้านซ้ายไม่มีปัญหา เนื่องจากพบร่องรอยซากนกในเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่อง อีกทั้ง พยายามทำให้นักบินกลายเป็นแพะรับบาปด้วยการไม่ให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ระบุว่าเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยหากติดเครื่องยนต์ด้านซ้ายเพียงอย่างเดียว

    “อุบัติเหตุทางอากาศเป็นเหตุการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยหลายประการ และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังไม่ได้นำเสนอหลักฐานที่สนับสนุนนัยที่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นผลมาจากความผิดพลาดของนักบิน และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังคงนิ่งเฉยต่อความรับผิดชอบขององค์กร” สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าว

    รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า หน่วยงานที่เป็นตัวแทนของครอบครัวผู้สูญเสียกล่าวในแถลงการณ์ว่ามีข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของอุบัติเหตุในข่าวประชาสัมพันธ์ที่วางแผนไว้ ซึ่งอาจตีความได้ว่าได้ข้อสรุปขั้นสุดท้ายแล้ว และข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ต้องได้รับการชี้แจงให้ชัดเจน

    ที่มา :
    https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/evidence-shows-jeju-air-pilots-shut-off-less-damaged-engine-before-crash-source-2025-07-21/
    สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Evidence shows Jeju Air pilots shut off less-damaged engine before crash, source says อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่รู้ข้อมูลการสอบสวน ซึ่งระบุว่า การสอบสวนที่นำโดยเกาหลีใต้เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบินเจจูแอร์เมื่อเดือน ธ.ค. 2567 มีหลักฐานชัดเจนว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ที่ได้รับความเสียหายน้อยกว่าหลังจากถูกนกชน “หลักฐานต่างๆ ซึ่งรวมถึงเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และสวิตช์เครื่องยนต์ที่พบในซากเครื่องบิน แสดงให้เห็นว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ด้านซ้ายแทนที่จะเป็นด้านขวาขณะกำลังดำเนินการฉุกเฉินหลังจากถูกนกชนก่อนกำหนดลงจอด ทีมสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนและข้อมูลสำรอง ดังนั้นผลการตรวจสอบจะไม่เปลี่ยนแปลง” แหล่งข่าวกล่าว ซึ่งขอให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากคณะทำงานสอบสวนยังไม่ได้เผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการซึ่งรวมถึงหลักฐานนี้ เหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ตกที่สนามบินมูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2567 คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเกือบทั้งหมด โดยเหลือผู้รอดชีวิตเพียง 2 ราย ถือเป็นภัยพิบัติทางอากาศที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ซึ่งแหล่งข่าวจากรัฐบาลกล่าวว่า จากการตรวจสอบเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่กู้คืนมา พบว่าไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุนกชนและตก ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งที่เข้าร่วมการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 เจ้าหน้าที่สอบสวนได้แจ้งต่อสมาชิกในครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่า เครื่องยนต์ด้านขวาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการถูกนกชนมากกว่าเครื่องยนต์ด้านซ้าย แต่กลับมีหลักฐานแวดล้อมที่บ่งชี้ว่านักบินได้ปิดเครื่องยนต์ด้านซ้ายซึ่งได้รับความเสียหายน้อยกว่า ซึ่งช่วงวันที่ 19 – 20 ก.ค. 2568 สื่อเกาหลีใต้หลายสำนัก รวมถึง MBN และยอนฮัป รายงานข้อมูลดังกล่าว คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินและทางรถไฟของเกาหลีใต้ (ARAIB) ซึ่งเป็นผู้นำการสอบสวน ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ขณะที่โบอิ้งได้ส่งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกไปยัง ARAIB ส่วน CFM International ผู้ผลิตเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GE และ Safran ของฝรั่งเศส ก็ยังไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ด้านสายการบินเจจูแอร์ระบุว่ากำลังให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันกับการสอบสวนของ ARAIB และกำลังรอการประกาศผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า อุบัติเหตุทางอากาศส่วนใหญ่เกิดจากหลายปัจจัย และภายใต้กฎระเบียบระหว่างประเทศ คาดว่าจะมีรายงานสรุปภายใน 1 ปีนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายงานเบื้องต้นที่เผยแพร่ในเดือน ม.ค. 2568 ระบุว่าพบซากเป็ดในเครื่องยนต์ทั้งสองข้างของเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์หลังจากเที่ยวบินที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ตกที่สนามบินมวน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตของซากเป็ดหรือความเสียหายที่พบในเครื่องยนต์แต่ละเครื่อง อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 หน่วยงานสอบสวนของเกาหลีใต้ได้ยกเลิกแผนการเผยแพร่รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องยนต์เท่าที่ทราบมาจนถึงปัจจุบันต่อสื่อมวลชน ขณะที่ทนายความของกลุ่มญาติเหยื่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ให้ข้อมูลว่า ญาติของเหยื่อได้รับแจ้งเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวก่อนที่จะเผยแพร่ตามแผน แต่คัดค้านการเผยแพร่ โดยระบุว่ารายงานดูเหมือนจะโยนความผิดให้กับนักบินโดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เที่ยวบินของสายการบินเจจูแอร์ได้พุ่งออกนอกรันเวย์ของสนามบินมูอันขณะลงจอดฉุกเฉินและชนเข้ากับคันดินที่ติดตั้งอุปกรณ์นำทาง ทำให้เกิดเพลิงไหม้และระเบิดบางส่วน ซึ่งตัวแทนของครอบครัวเหยื่อและสหภาพนักบินของสายการบินเจจูแอร์กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การสอบสวนจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่คันดินดังกล่าวด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบินระบุว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจำนวนมาก สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าวว่า ARAIB กำลังทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด โดยระบุว่าเครื่องยนต์ด้านซ้ายไม่มีปัญหา เนื่องจากพบร่องรอยซากนกในเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่อง อีกทั้ง พยายามทำให้นักบินกลายเป็นแพะรับบาปด้วยการไม่ให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ระบุว่าเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยหากติดเครื่องยนต์ด้านซ้ายเพียงอย่างเดียว “อุบัติเหตุทางอากาศเป็นเหตุการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยหลายประการ และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังไม่ได้นำเสนอหลักฐานที่สนับสนุนนัยที่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นผลมาจากความผิดพลาดของนักบิน และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังคงนิ่งเฉยต่อความรับผิดชอบขององค์กร” สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าว รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า หน่วยงานที่เป็นตัวแทนของครอบครัวผู้สูญเสียกล่าวในแถลงการณ์ว่ามีข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของอุบัติเหตุในข่าวประชาสัมพันธ์ที่วางแผนไว้ ซึ่งอาจตีความได้ว่าได้ข้อสรุปขั้นสุดท้ายแล้ว และข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ต้องได้รับการชี้แจงให้ชัดเจน ที่มา : https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/evidence-shows-jeju-air-pilots-shut-off-less-damaged-engine-before-crash-source-2025-07-21/
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวดี⭐️⭐️
    HHS และกระทรวงการต่างประเทศ: สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการแก้ไขกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ

    วอชิงตัน—18 กรกฎาคม 2568—
    วันนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา และ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ปี 2567 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการกฎหมายสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขนี้จะทำให้ WHO สามารถสั่งปิดประเทศทั่วโลก จำกัดการเดินทาง หรือมาตรการอื่นใดที่ WHO เห็นสมควร เพื่อรับมือกับ “ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้น” ที่คลุมเครือ กฎระเบียบเหล่านี้จะมีผลผูกพันหากไม่ได้รับการปฏิเสธภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 โดยไม่คำนึงถึงการถอนตัวของสหรัฐอเมริกาจาก WHO-
    “การแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศที่เสนอขึ้นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการจัดการเรื่องเล่า การโฆษณาชวนเชื่อ และการเซ็นเซอร์แบบที่เราพบเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19” รัฐมนตรีเคนเนดีกล่าว

    “สหรัฐอเมริกาสามารถร่วมมือกับประเทศอื่นๆ โดยไม่กระทบต่อเสรีภาพพลเมืองของเรา โดยไม่บ่อนทำลายรัฐธรรมนูญของเรา และโดยไม่สูญเสียอำนาจอธิปไตยอันล้ำค่าของอเมริกาไป”
    รัฐมนตรีเคนเนดียังเผยแพร่วิดีโอ ด้วยอธิบายการกระทำดังกล่าวให้ชาวอเมริกันทราบ“
    คำศัพท์ที่ใช้ตลอดทั้งฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2567 นั้นคลุมเครือและกว้างเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตอบสนองระหว่างประเทศที่ประสานงานโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง เช่น ความสามัคคี มากกว่าการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” รัฐมนตรีรูบิโอกล่าว

    “หน่วยงานของเราได้ดำเนินการอย่างชัดเจนมาโดยตลอดและจะยังคงดำเนินการต่อไป นั่นคือ เราจะให้ความสำคัญกับชาวอเมริกันเป็นอันดับแรกในทุกการกระทำของเรา และเราจะไม่ยอมให้มีนโยบายระหว่างประเทศที่ละเมิดสิทธิในการพูด ความเป็นส่วนตัว หรือเสรีภาพส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน”เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สมัชชาอนามัยโลก (WHA) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของ WHO ได้นำข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขมาใช้โดยผ่านกระบวนการเร่งรีบ ขาดการอภิปรายและการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะอย่างเพียงพอคำชื่นชมต่อการกระทำในวันนี้จากสมาชิกรัฐสภา:การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เผยให้เห็นว่าความไร้ประสิทธิภาพและการคอร์รัปชันขององค์การอนามัยโลก
    เรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างครอบคลุม แทนที่จะจัดการกับนโยบายสาธารณสุขที่ย่ำแย่ในช่วงโควิด องค์การอนามัยโลกกลับต้องการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศและสนธิสัญญาโรคระบาดเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศสมาชิก ซึ่งอาจรวมถึงการตอบสนองที่เข้มงวดแต่ล้มเหลว เช่น การปิดธุรกิจและโรงเรียน และคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ปี 2565 ผมได้นำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการไม่เตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดขององค์การอนามัยโลกโดยปราศจากการอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างไปเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาจะไม่อนุญาตให้องค์การอนามัยโลกใช้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อทำลายล้างประเทศชาติ ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์ที่จะปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมของกฎหมายอนามัยระหว่างประเทศ (IHR)”
    วุฒิสมาชิกรอน จอห์นสันกล่าว

    “นโยบายสาธารณสุขของอเมริกาเป็นของชาวอเมริกัน และไม่ควรถูกกำหนดโดยนักโลกาภิวัตน์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในองค์การอนามัยโลกหรือสหประชาชาติ WHO ได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า WHO ไม่สามารถไว้วางใจได้ และผมรู้สึกขอบคุณที่รัฐบาลทรัมป์ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของอเมริกา” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทอม ทิฟฟานี กล่าว

    “สหรัฐอเมริกาต้องไม่สละอำนาจอธิปไตยของเราให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานระหว่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอชื่นชมรัฐมนตรีเคนเนดีและรัฐมนตรีรูบิโอที่ปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ไม่รอบคอบ ผมสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอนตัวจาก WHO และตัดงบประมาณองค์กรที่กระหายอำนาจของตนมานานแล้ว กฎหมายของผม HR 401 ซึ่งนำเสนอครั้งแรกในรัฐสภาชุดที่ 117 ถือเป็นการกระทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมพันธกิจของอเมริกาต้องมาก่อนและเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพ WHO ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และเราต้องมั่นใจว่าจะไม่มีรัฐบาลชุดใดในอนาคตที่จะมอบความชอบธรรมหรืออำนาจใดๆ ให้แก่พวกเขาเหนือสุขภาพของชาวอเมริกัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชิป รอยกล่าว

    “รัฐมนตรีเคนเนดีและประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก WHO เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ปราศจากความรับผิดชอบ ซึ่งมอบสิทธิเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนให้กับข้าราชการที่ทุจริต ผมรู้สึกขอบคุณรัฐมนตรีเคนเนดีที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงโรคระบาดของ WHO ซึ่งจะปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพและความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เรามาทำให้อเมริกายิ่งใหญ่และมีสุขภาพดีอีกครั้งกันเถอะ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแอนดี บิ๊กส์ กล่าว

    การประกาศในวันนี้ถือเป็นการดำเนินการล่าสุดของรัฐมนตรีเคนเนดีและ HHS ในการให้ WHOรับผิดชอบ

    HHS & State Department: The United States Rejects Amendments to International Health Regulations

    WASHINGTON—JULY 18, 2025—U.S. Health and Human Services Secretary Robert F. Kennedy, Jr. and Secretary of State Marco Rubio today issued a Joint Statement of formal rejection by the United States of the 2024 International Heath Regulations (IHR) Amendments by the World Health Organization (WHO).The amended IHR would give the WHO the ability to order global lockdowns, travel restrictions, or any other measures it sees fit to respond to nebulous “potential public health risks.” These regulations are set to become binding if not rejected by July 19, 2025, regardless of the United States’ withdrawal from the WHO.“The proposed amendments to the International Health Regulations open the door to the kind of narrative management, propaganda, and censorship that we saw during the COVID pandemic,” Secretary Kennedy said. “The United States can cooperate with other nations without jeopardizing our civil liberties, without undermining our Constitution, and without ceding away America’s treasured sovereignty.”Secretary Kennedy also released a video explaining the action to the American people.“Terminology throughout the amendments to the 2024 International Health Regulations is vague and broad, risking WHO-coordinated international responses that focus on political issues like solidarity, rather than rapid and effective actions,” Secretary Rubio said. “Our Agencies have been and will continue to be clear: we will put Americans first in all our actions and we will not tolerate international policies that infringe on Americans’ speech, privacy, or personal liberties.”On June 1, 2024, the World Health Assembly (WHA), the highest decision-making body of the WHO, adopted a revised version of the International Health Regulations through a rushed process lacking sufficient debate and public input.Praise for today’s action from members of Congress:“The COVID-19 pandemic exposed how the incompetency and corruption at the WHO demands comprehensive reforms. Instead of addressing its disastrous public health policies during COVID, the WHO wants International Health Regulation amendments and a pandemic treaty to declare public health emergencies in member states, which could include failed draconian responses like business and school closures and vaccine mandates. Since 2022, I have led the No WHO Pandemic Preparedness Treaty Without Senate Approval Act, which the House passed last year. The United States will not allow the WHO to use public health emergencies to devastate our nation. I fully support the Trump administration’s decision to reject the IHR amendments,” said Senator Ron Johnson.“America’s public health policy belongs to the American people and should never be dictated by unelected globalists at the WHO or the UN. Time and time again, the WHO has demonstrated it cannot be trusted, and I am grateful that the Trump administration is standing strong to protect American sovereignty,” said Congressman Tom Tiffany.“The United States must never cede our sovereignty to any international entity or organization. I applaud Secretary Kennedy and Secretary Rubio for rejecting the World Health Organization’s (WHO) ill-advised International Health Regulations (IHR) amendments. I have long supported the U.S. withdrawing from the WHO and defunding their power-hungry organization. My legislation, H.R. 401, first introduced in the 117th Congress, does just that while advancing the mission statements of America First and Healthcare Freedom. The WHO, a widely discredited international organization, lost any potential credibility during the COVID-19 pandemic, and we must ensure no future administration grants them any legitimacy or further power over the health of Americans," said Congressman Chip Roy.“Secretary Kennedy and President Trump have proven their commitment to putting America First. WHO is an unaccountable international organization that hands individuals’ healthcare freedoms to corrupt bureaucrats. I’m thankful for Secretary Kennedy’s firm stance against WHO’s Pandemic Agreement that will protect Americans’ health freedom and privacy. Let’s Make America Great and Healthy Again,” said Congressman Andy Biggs.Today’s announcement is the latest action by Secretary Kennedy and HHS to hold the WHO accountable.
    https://www.hhs.gov/press-room/state-department-hhs-rejects-amendments-to-international-health-regulations.html
    July 18, 2025
    ☘️🌿 ข่าวดี⭐️⭐️ HHS และกระทรวงการต่างประเทศ: สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการแก้ไขกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ วอชิงตัน—18 กรกฎาคม 2568— วันนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์แห่งสหรัฐอเมริกา และ นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับการแก้ไขข้อบังคับด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ปี 2567 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) อย่างเป็นทางการกฎหมายสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขนี้จะทำให้ WHO สามารถสั่งปิดประเทศทั่วโลก จำกัดการเดินทาง หรือมาตรการอื่นใดที่ WHO เห็นสมควร เพื่อรับมือกับ “ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้น” ที่คลุมเครือ กฎระเบียบเหล่านี้จะมีผลผูกพันหากไม่ได้รับการปฏิเสธภายในวันที่ 19 กรกฎาคม 2568 โดยไม่คำนึงถึงการถอนตัวของสหรัฐอเมริกาจาก WHO- “การแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศที่เสนอขึ้นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการจัดการเรื่องเล่า การโฆษณาชวนเชื่อ และการเซ็นเซอร์แบบที่เราพบเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19” รัฐมนตรีเคนเนดีกล่าว “สหรัฐอเมริกาสามารถร่วมมือกับประเทศอื่นๆ โดยไม่กระทบต่อเสรีภาพพลเมืองของเรา โดยไม่บ่อนทำลายรัฐธรรมนูญของเรา และโดยไม่สูญเสียอำนาจอธิปไตยอันล้ำค่าของอเมริกาไป” รัฐมนตรีเคนเนดียังเผยแพร่วิดีโอ ด้วยอธิบายการกระทำดังกล่าวให้ชาวอเมริกันทราบ“ คำศัพท์ที่ใช้ตลอดทั้งฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2567 นั้นคลุมเครือและกว้างเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตอบสนองระหว่างประเทศที่ประสานงานโดยองค์การอนามัยโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางการเมือง เช่น ความสามัคคี มากกว่าการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ” รัฐมนตรีรูบิโอกล่าว “หน่วยงานของเราได้ดำเนินการอย่างชัดเจนมาโดยตลอดและจะยังคงดำเนินการต่อไป นั่นคือ เราจะให้ความสำคัญกับชาวอเมริกันเป็นอันดับแรกในทุกการกระทำของเรา และเราจะไม่ยอมให้มีนโยบายระหว่างประเทศที่ละเมิดสิทธิในการพูด ความเป็นส่วนตัว หรือเสรีภาพส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน”เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2567 สมัชชาอนามัยโลก (WHA) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของ WHO ได้นำข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศฉบับแก้ไขมาใช้โดยผ่านกระบวนการเร่งรีบ ขาดการอภิปรายและการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะอย่างเพียงพอคำชื่นชมต่อการกระทำในวันนี้จากสมาชิกรัฐสภา:การระบาดใหญ่ของโควิด-19 เผยให้เห็นว่าความไร้ประสิทธิภาพและการคอร์รัปชันขององค์การอนามัยโลก เรียกร้องให้มีการปฏิรูปอย่างครอบคลุม แทนที่จะจัดการกับนโยบายสาธารณสุขที่ย่ำแย่ในช่วงโควิด องค์การอนามัยโลกกลับต้องการให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศและสนธิสัญญาโรคระบาดเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในประเทศสมาชิก ซึ่งอาจรวมถึงการตอบสนองที่เข้มงวดแต่ล้มเหลว เช่น การปิดธุรกิจและโรงเรียน และคำสั่งให้ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ปี 2565 ผมได้นำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการไม่เตรียมความพร้อมรับมือโรคระบาดขององค์การอนามัยโลกโดยปราศจากการอนุมัติจากวุฒิสภาซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างไปเมื่อปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาจะไม่อนุญาตให้องค์การอนามัยโลกใช้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเพื่อทำลายล้างประเทศชาติ ผมสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์ที่จะปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมของกฎหมายอนามัยระหว่างประเทศ (IHR)” วุฒิสมาชิกรอน จอห์นสันกล่าว “นโยบายสาธารณสุขของอเมริกาเป็นของชาวอเมริกัน และไม่ควรถูกกำหนดโดยนักโลกาภิวัตน์ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในองค์การอนามัยโลกหรือสหประชาชาติ WHO ได้แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า WHO ไม่สามารถไว้วางใจได้ และผมรู้สึกขอบคุณที่รัฐบาลทรัมป์ยังคงยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อปกป้องอธิปไตยของอเมริกา” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทอม ทิฟฟานี กล่าว “สหรัฐอเมริกาต้องไม่สละอำนาจอธิปไตยของเราให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานระหว่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้น ผมขอชื่นชมรัฐมนตรีเคนเนดีและรัฐมนตรีรูบิโอที่ปฏิเสธการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสุขภาพระหว่างประเทศ (IHR) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ไม่รอบคอบ ผมสนับสนุนให้สหรัฐฯ ถอนตัวจาก WHO และตัดงบประมาณองค์กรที่กระหายอำนาจของตนมานานแล้ว กฎหมายของผม HR 401 ซึ่งนำเสนอครั้งแรกในรัฐสภาชุดที่ 117 ถือเป็นการกระทำเช่นนั้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมพันธกิจของอเมริกาต้องมาก่อนและเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพ WHO ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 และเราต้องมั่นใจว่าจะไม่มีรัฐบาลชุดใดในอนาคตที่จะมอบความชอบธรรมหรืออำนาจใดๆ ให้แก่พวกเขาเหนือสุขภาพของชาวอเมริกัน” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชิป รอยกล่าว “รัฐมนตรีเคนเนดีและประธานาธิบดีทรัมป์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก WHO เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ปราศจากความรับผิดชอบ ซึ่งมอบสิทธิเสรีภาพด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนให้กับข้าราชการที่ทุจริต ผมรู้สึกขอบคุณรัฐมนตรีเคนเนดีที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงโรคระบาดของ WHO ซึ่งจะปกป้องเสรีภาพด้านสุขภาพและความเป็นส่วนตัวของชาวอเมริกัน เรามาทำให้อเมริกายิ่งใหญ่และมีสุขภาพดีอีกครั้งกันเถอะ” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแอนดี บิ๊กส์ กล่าว การประกาศในวันนี้ถือเป็นการดำเนินการล่าสุดของรัฐมนตรีเคนเนดีและ HHS ในการให้ WHOรับผิดชอบ HHS & State Department: The United States Rejects Amendments to International Health Regulations WASHINGTON—JULY 18, 2025—U.S. Health and Human Services Secretary Robert F. Kennedy, Jr. and Secretary of State Marco Rubio today issued a Joint Statement of formal rejection by the United States of the 2024 International Heath Regulations (IHR) Amendments by the World Health Organization (WHO).The amended IHR would give the WHO the ability to order global lockdowns, travel restrictions, or any other measures it sees fit to respond to nebulous “potential public health risks.” These regulations are set to become binding if not rejected by July 19, 2025, regardless of the United States’ withdrawal from the WHO.“The proposed amendments to the International Health Regulations open the door to the kind of narrative management, propaganda, and censorship that we saw during the COVID pandemic,” Secretary Kennedy said. “The United States can cooperate with other nations without jeopardizing our civil liberties, without undermining our Constitution, and without ceding away America’s treasured sovereignty.”Secretary Kennedy also released a video explaining the action to the American people.“Terminology throughout the amendments to the 2024 International Health Regulations is vague and broad, risking WHO-coordinated international responses that focus on political issues like solidarity, rather than rapid and effective actions,” Secretary Rubio said. “Our Agencies have been and will continue to be clear: we will put Americans first in all our actions and we will not tolerate international policies that infringe on Americans’ speech, privacy, or personal liberties.”On June 1, 2024, the World Health Assembly (WHA), the highest decision-making body of the WHO, adopted a revised version of the International Health Regulations through a rushed process lacking sufficient debate and public input.Praise for today’s action from members of Congress:“The COVID-19 pandemic exposed how the incompetency and corruption at the WHO demands comprehensive reforms. Instead of addressing its disastrous public health policies during COVID, the WHO wants International Health Regulation amendments and a pandemic treaty to declare public health emergencies in member states, which could include failed draconian responses like business and school closures and vaccine mandates. Since 2022, I have led the No WHO Pandemic Preparedness Treaty Without Senate Approval Act, which the House passed last year. The United States will not allow the WHO to use public health emergencies to devastate our nation. I fully support the Trump administration’s decision to reject the IHR amendments,” said Senator Ron Johnson.“America’s public health policy belongs to the American people and should never be dictated by unelected globalists at the WHO or the UN. Time and time again, the WHO has demonstrated it cannot be trusted, and I am grateful that the Trump administration is standing strong to protect American sovereignty,” said Congressman Tom Tiffany.“The United States must never cede our sovereignty to any international entity or organization. I applaud Secretary Kennedy and Secretary Rubio for rejecting the World Health Organization’s (WHO) ill-advised International Health Regulations (IHR) amendments. I have long supported the U.S. withdrawing from the WHO and defunding their power-hungry organization. My legislation, H.R. 401, first introduced in the 117th Congress, does just that while advancing the mission statements of America First and Healthcare Freedom. The WHO, a widely discredited international organization, lost any potential credibility during the COVID-19 pandemic, and we must ensure no future administration grants them any legitimacy or further power over the health of Americans," said Congressman Chip Roy.“Secretary Kennedy and President Trump have proven their commitment to putting America First. WHO is an unaccountable international organization that hands individuals’ healthcare freedoms to corrupt bureaucrats. I’m thankful for Secretary Kennedy’s firm stance against WHO’s Pandemic Agreement that will protect Americans’ health freedom and privacy. Let’s Make America Great and Healthy Again,” said Congressman Andy Biggs.Today’s announcement is the latest action by Secretary Kennedy and HHS to hold the WHO accountable. https://www.hhs.gov/press-room/state-department-hhs-rejects-amendments-to-international-health-regulations.html July 18, 2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 510 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยกระดับการผลิตของคุณด้วยเครื่องจักรระดับมืออาชีพ!
    สำหรับผู้ประกอบการที่มองหาเครื่องจักรคุณภาพสูงเพื่อยกระดับการผลิตซอส เนยถั่ว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีความละเอียดสูงอื่นๆ เครื่อง Colloid Mill 100 จาก BONNY คือคำตอบที่คุณตามหา! เครื่องจักรนี้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในระดับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอและมีคุณภาพสูงสุด
    ทำไมต้องเลือก Colloid Mill 100 สำหรับธุรกิจของคุณ?
    ประสิทธิภาพการบดเหนือกว่า: ทำงานด้วยระบบเฟืองบดคู่ที่ทรงพลัง ให้ความละเอียดของอนุภาคที่สม่ำเสมอและเนียนกริบ เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเนื้อสัมผัสพิเศษ
    สร้างจากวัสดุคุณภาพสูง: ตัวเครื่องผลิตจากสเตนเลสเกรด 304 แข็งแรงทนทาน ทนต่อการกัดกร่อน และเป็นไปตามมาตรฐานสุขอนามัยสำหรับการผลิตอาหาร
    ระบบที่ออกแบบมาเพื่อการผลิตต่อเนื่อง:
    ระบบไหลวน: ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความละเอียดที่ยอดเยี่ยม ลดความจำเป็นในการผ่านกระบวนการซ้ำหลายรอบ
    ระบบหล่อเย็น: ควบคุมอุณหภูมิระหว่างการบดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันความร้อนทำลายคุณภาพของวัตถุดิบ
    กำลังการผลิตที่ตอบโจทย์: ด้วยมอเตอร์ขนาด 10 HP. (ไฟ 380 V.) และความเร็วรอบฟันตี 2,800 rpm. สามารถผลิตได้มากถึง 50-100 กก./ชม. พร้อมรองรับการผลิตในปริมาณมาก
    ลงทุนอย่างคุ้มค่า: ขนาดเครื่องกะทัดรัด (88x49x88 ซม.) ประหยัดพื้นที่ในโรงงาน พร้อมรับประกันสินค้านานถึง 1 ปี ให้คุณมั่นใจในทุกการใช้งาน
    อย่ารอช้า! ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของคุณ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดด้วยเครื่องจักรคุณภาพจาก BONNY
    #ColloidMill #เครื่องจักรโรงงาน #ระดับอุตสาหกรรม #เนยถั่ว #ทำซอส #BONNY #ย่งฮะเฮง #เครื่องแปรรูปอาหาร #เครื่องบด #เครื่องบดละเอียด #โรงงานอาหาร #อุตสาหกรรมอาหาร #ผลิตซอส #ผลิตเนยถั่ว #เครื่องจักรแปรรูป #สแตนเลส304 #เครื่องบดอเนกประสงค์ #เครื่องผลิตอาหาร #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #เทคโนโลยีอาหาร #คุณภาพสูง #ประสิทธิภาพสูง #ราคาพิเศษ
    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่:
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    LINE Business ID: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com
    📢 ยกระดับการผลิตของคุณด้วยเครื่องจักรระดับมืออาชีพ! 🚀 สำหรับผู้ประกอบการที่มองหาเครื่องจักรคุณภาพสูงเพื่อยกระดับการผลิตซอส เนยถั่ว หรือผลิตภัณฑ์ที่มีความละเอียดสูงอื่นๆ เครื่อง Colloid Mill 100 จาก BONNY คือคำตอบที่คุณตามหา! เครื่องจักรนี้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในระดับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอและมีคุณภาพสูงสุด ✨ ทำไมต้องเลือก Colloid Mill 100 สำหรับธุรกิจของคุณ? ✨ ประสิทธิภาพการบดเหนือกว่า: ทำงานด้วยระบบเฟืองบดคู่ที่ทรงพลัง ให้ความละเอียดของอนุภาคที่สม่ำเสมอและเนียนกริบ เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเนื้อสัมผัสพิเศษ สร้างจากวัสดุคุณภาพสูง: ตัวเครื่องผลิตจากสเตนเลสเกรด 304 แข็งแรงทนทาน ทนต่อการกัดกร่อน และเป็นไปตามมาตรฐานสุขอนามัยสำหรับการผลิตอาหาร ระบบที่ออกแบบมาเพื่อการผลิตต่อเนื่อง: ระบบไหลวน: ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความละเอียดที่ยอดเยี่ยม ลดความจำเป็นในการผ่านกระบวนการซ้ำหลายรอบ ระบบหล่อเย็น: ควบคุมอุณหภูมิระหว่างการบดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันความร้อนทำลายคุณภาพของวัตถุดิบ กำลังการผลิตที่ตอบโจทย์: ด้วยมอเตอร์ขนาด 10 HP. (ไฟ 380 V.) และความเร็วรอบฟันตี 2,800 rpm. สามารถผลิตได้มากถึง 50-100 กก./ชม. พร้อมรองรับการผลิตในปริมาณมาก ลงทุนอย่างคุ้มค่า: ขนาดเครื่องกะทัดรัด (88x49x88 ซม.) ประหยัดพื้นที่ในโรงงาน พร้อมรับประกันสินค้านานถึง 1 ปี ให้คุณมั่นใจในทุกการใช้งาน อย่ารอช้า! ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของคุณ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดด้วยเครื่องจักรคุณภาพจาก BONNY #ColloidMill #เครื่องจักรโรงงาน #ระดับอุตสาหกรรม #เนยถั่ว #ทำซอส #BONNY #ย่งฮะเฮง #เครื่องแปรรูปอาหาร #เครื่องบด #เครื่องบดละเอียด #โรงงานอาหาร #อุตสาหกรรมอาหาร #ผลิตซอส #ผลิตเนยถั่ว #เครื่องจักรแปรรูป #สแตนเลส304 #เครื่องบดอเนกประสงค์ #เครื่องผลิตอาหาร #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #เทคโนโลยีอาหาร #คุณภาพสูง #ประสิทธิภาพสูง #ราคาพิเศษ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่: 📍 ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน 📱 LINE Business ID: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp 📞 โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 0 รีวิว
  • โทรศัพท์ตั้งโต๊ะยังไม่ตาย – เพราะธุรกิจยังต้องการความมั่นคงและความชัดเจน

    นยุคที่ทุกคนมีสมาร์ตโฟนติดตัว โทรศัพท์พื้นฐานอาจดูเหมือนล้าสมัย แต่ในโลกธุรกิจ โทรศัพท์ตั้งโต๊ะยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในสถานที่ที่ต้องการความมั่นคง ความชัดเจน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ธนาคาร และสำนักงานกฎหมาย

    แม้ระบบโทรศัพท์จะเปลี่ยนจากสายทองแดงแบบเดิมไปสู่ระบบ IP (VoIP) ที่ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต แต่ฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น การโอนสาย การบันทึกเสียง และการแยกสายงาน ยังคงทำได้ดีที่สุดผ่านโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ

    ในโรงแรมขนาด 250 ห้อง อาจมีโทรศัพท์มากกว่า 300 เครื่อง โดยติดตั้งในทุกห้องพักและพื้นที่สาธารณะ เพื่อรองรับการติดต่อ reception หรือโทรฉุกเฉินในกรณีที่สัญญาณมือถือไม่ดี

    บริษัทอย่าง AT&T และ Cisco ยังคงลงทุนในระบบโทรศัพท์ธุรกิจ โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การลดเสียงรบกวนด้วย AI และการเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ เพื่อให้ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่

    แม้บางองค์กรจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบโทรผ่านซอฟต์แวร์ แต่หลายแห่งยังคงรักษาโทรศัพท์ตั้งโต๊ะไว้ เพราะพนักงานบางคนยังรู้สึกสะดวกและปลอดภัยกว่า

    https://www.techspot.com/news/108653-why-business-landlines-essential-wireless-world.html
    โทรศัพท์ตั้งโต๊ะยังไม่ตาย – เพราะธุรกิจยังต้องการความมั่นคงและความชัดเจน นยุคที่ทุกคนมีสมาร์ตโฟนติดตัว โทรศัพท์พื้นฐานอาจดูเหมือนล้าสมัย แต่ในโลกธุรกิจ โทรศัพท์ตั้งโต๊ะยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะในสถานที่ที่ต้องการความมั่นคง ความชัดเจน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล ธนาคาร และสำนักงานกฎหมาย แม้ระบบโทรศัพท์จะเปลี่ยนจากสายทองแดงแบบเดิมไปสู่ระบบ IP (VoIP) ที่ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต แต่ฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น การโอนสาย การบันทึกเสียง และการแยกสายงาน ยังคงทำได้ดีที่สุดผ่านโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ในโรงแรมขนาด 250 ห้อง อาจมีโทรศัพท์มากกว่า 300 เครื่อง โดยติดตั้งในทุกห้องพักและพื้นที่สาธารณะ เพื่อรองรับการติดต่อ reception หรือโทรฉุกเฉินในกรณีที่สัญญาณมือถือไม่ดี บริษัทอย่าง AT&T และ Cisco ยังคงลงทุนในระบบโทรศัพท์ธุรกิจ โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การลดเสียงรบกวนด้วย AI และการเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ เพื่อให้ตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ แม้บางองค์กรจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบโทรผ่านซอฟต์แวร์ แต่หลายแห่งยังคงรักษาโทรศัพท์ตั้งโต๊ะไว้ เพราะพนักงานบางคนยังรู้สึกสะดวกและปลอดภัยกว่า https://www.techspot.com/news/108653-why-business-landlines-essential-wireless-world.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Why business landlines are still essential in a wireless world
    However, the modern business landline has evolved, with many organizations transitioning from legacy copper systems to digital solutions that use Internet Protocol (IP) to transmit calls. This...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amid Air India probe, US FAA, Boeing notify fuel switch locks are safe, document, sources say - https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/amid-air-india-probe-us-faa-boeing-notify-fuel-switch-locks-are-safe-document-2025-07-13/
    Amid Air India probe, US FAA, Boeing notify fuel switch locks are safe, document, sources say - https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/amid-air-india-probe-us-faa-boeing-notify-fuel-switch-locks-are-safe-document-2025-07-13/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องหั่นกล้วยดิบ (Potato Slicer) สำหรับธุรกิจอาหารและผลิตภัณฑ์แปรรูปกล้วยดิบ
    หั่นกล้วยดิบได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ! เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการหั่นกล้วยดิบ ไม่ว่าจะเป็นการทำกล้วยทอด กล้วยตาก หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้กล้วยเป็นส่วนประกอบหลัก!

    คุณสมบัติเด่น:
    ใช้ไฟฟ้า 220V มอเตอร์ 1 แรงม้า ประหยัดพลังงาน
    กำลังการผลิตสูง 100-300 กก./ชั่วโมง
    ขนาดกะทัดรัด 468 x 572 x 690 MM น้ำหนักเพียง 43 กก.
    หั่นได้หลายรูปแบบ ทั้งแผ่น เส้น หรือแท่ง
    ปรับความหนาบางได้ ตามความต้องการ พร้อมใบมีด 3 ขนาด

    เหมาะสำหรับ:
    ร้านขายกล้วยทอด หรือธุรกิจแปรรูปกล้วย
    โรงงานผลิตขนมจากกล้วย เช่น กล้วยตาก กล้วยฉาบ
    ผู้ที่ต้องการเครื่องมือทำอาหารที่ทนทานและใช้งานง่าย

    สนใจสินค้าหรือทดลองใช้เครื่องหั่นกล้วยดิบ สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลย
    เวลาเปิดทำการ:
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    เสาร์ เวลา 8.00-16.00

    แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    สนใจสั่งซื้อ หรือสอบถามเพิ่มเติม:
    โทร: 02-215 3515-9 / 081-318 9098
    LINE Business ID: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า)
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    แชทเลย: m.me/yonghahheng
    E-mail: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    อย่ารอช้า! เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณด้วยเครื่องหั่นกล้วยดิบคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจของคุณ!
    #เครื่องหั่นกล้วยดิบ #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นอาหาร #ธุรกิจแปรรูปกล้วย #กล้วยทอด #กล้วยตาก #กล้วยฉาบ #เครื่องใช้ในครัว #อุปกรณ์ร้านอาหาร #เครื่องจักรอาหาร #สินค้าคุณภาพ #เครื่องครัวมืออาชีพ #ร้านอาหารต้องมี #อุปกรณ์แปรรูปอาหาร #ร้านกล้วยทอด #เครื่องหั่นอุตสาหกรรม #เครื่องหั่นผัก #อาหารอร่อย #ธุรกิจอาหาร #ผลิตภัณฑ์จากกล้วย #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    ✨ เครื่องหั่นกล้วยดิบ (Potato Slicer) สำหรับธุรกิจอาหารและผลิตภัณฑ์แปรรูปกล้วยดิบ 🍌🍴 🎯 หั่นกล้วยดิบได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ! เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในการหั่นกล้วยดิบ ไม่ว่าจะเป็นการทำกล้วยทอด กล้วยตาก หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ใช้กล้วยเป็นส่วนประกอบหลัก! 💥 คุณสมบัติเด่น: 🔌 ใช้ไฟฟ้า 220V มอเตอร์ 1 แรงม้า ประหยัดพลังงาน ⚡ กำลังการผลิตสูง 100-300 กก./ชั่วโมง 📏 ขนาดกะทัดรัด 468 x 572 x 690 MM น้ำหนักเพียง 43 กก. ✂️ หั่นได้หลายรูปแบบ ทั้งแผ่น เส้น หรือแท่ง 🛠️ ปรับความหนาบางได้ ตามความต้องการ พร้อมใบมีด 3 ขนาด 🎉 เหมาะสำหรับ: ร้านขายกล้วยทอด หรือธุรกิจแปรรูปกล้วย โรงงานผลิตขนมจากกล้วย เช่น กล้วยตาก กล้วยฉาบ ผู้ที่ต้องการเครื่องมือทำอาหารที่ทนทานและใช้งานง่าย 📍 สนใจสินค้าหรือทดลองใช้เครื่องหั่นกล้วยดิบ สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลย ⏰ เวลาเปิดทำการ: จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 เสาร์ เวลา 8.00-16.00 📌 แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 📞 สนใจสั่งซื้อ หรือสอบถามเพิ่มเติม: โทร: 02-215 3515-9 / 081-318 9098 LINE Business ID: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com แชทเลย: m.me/yonghahheng E-mail: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com 📢 อย่ารอช้า! เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณด้วยเครื่องหั่นกล้วยดิบคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจของคุณ! #เครื่องหั่นกล้วยดิบ #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นอาหาร #ธุรกิจแปรรูปกล้วย #กล้วยทอด #กล้วยตาก #กล้วยฉาบ #เครื่องใช้ในครัว #อุปกรณ์ร้านอาหาร #เครื่องจักรอาหาร #สินค้าคุณภาพ #เครื่องครัวมืออาชีพ #ร้านอาหารต้องมี #อุปกรณ์แปรรูปอาหาร #ร้านกล้วยทอด #เครื่องหั่นอุตสาหกรรม #เครื่องหั่นผัก #อาหารอร่อย #ธุรกิจอาหาร #ผลิตภัณฑ์จากกล้วย #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 483 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองนึกภาพการ์ดจอที่มีหน่วยความจำแค่ 4MB SGRAM จากปี 1996…วันนี้กลับกลายเป็น ROG รุ่นล่าสุดที่ใช้ dual-GPU และระบบระบายความร้อนแบบไฮบริด!

    ASUS เริ่มสร้างชื่อในตลาด GPU จากรุ่น Asus 375 (S3 ViRGE/DX) ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้เชิงธุรกิจ → ก่อนจะจับมือกับ Nvidia ในปี 1997 เพื่อเปิดตัว AGP-V3000 (ใช้ชิป Riva 128) รองรับ Direct3D เต็มรูปแบบ → จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การตั้งแบรนด์ Republic of Gamers (ROG) ในปี 2006 ที่ผลักดันให้เกิดการ์ดจอสายเกมระดับตำนาน เช่น  • ROG Mars GTX 295 (dual-GPU บน PCB เดียว!)  • ROG Poseidon (ระบบระบายความร้อนไฮบริด)  • และล่าสุดคือ ROG Astral RTX 5080 Doom Edition ที่ราคาแรงทะลุ RTX 5090

    งานนี้ ASUS ไม่ได้แจกแค่ของสะสม → แต่จัดแคมเปญแจกของ “ใหญ่” ตั้งแต่ ProArt RTX 5080 ไปจนถึง ROG Strix RTX 5070 Ti → พร้อมเล่นมินิเกมออนไลน์อย่างนั่งชิงช้าเฟอร์ริส–โรลเลอร์โคสเตอร์ชมวิวของตำนานการ์ดแต่ละรุ่น!

    ASUS ฉลองครบรอบ 30 ปีในวงการ GPU ตั้งแต่ปี 1996 → 2025  
    • เริ่มจาก Asus 375 (S3 ViRGE/DX)  
    • จุดเปลี่ยนในปี 1997: AGP-V3000 (Riva 128) รองรับ Direct3D  
    • ก่อตั้งแบรนด์ ROG ในปี 2006 → นำไปสู่ Mars GTX 295, Poseidon, และซีรีส์ ROG Astral

    แคมเปญแจกของใหญ่จาก ASUS เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 ต.ค. 2025  
    • ของรางวัลรวมถึง ProArt RTX 5080, ROG Strix RTX 5070 Ti และ TUF Gaming RTX 5070  
    • พร้อมพาวเวอร์ซัพพลาย ASUS รุ่นใหม่  
    • กิจกรรมรวมทั้งมินิเกม, คลิปวิดีโอจากอินฟลูเอนเซอร์ และการโพสต์ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน

    วิดีโอจาก Justin (J Custom) เล่าย้อนความหลังสมัยรอซื้อ ROG Mars GTX 295 หน้าร้านด้วยความคลั่งเกม

    มีการจัดภาพ–ธีมครบชุดแบบ Evangelion Build ที่จับทุกชิ้นส่วนของพีซีให้เป็น aesthetic เดียวกัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-celebrates-30-years-in-the-graphics-card-business-with-epic-rtx-50-prizes-and-a-retrospective-video
    ลองนึกภาพการ์ดจอที่มีหน่วยความจำแค่ 4MB SGRAM จากปี 1996…วันนี้กลับกลายเป็น ROG รุ่นล่าสุดที่ใช้ dual-GPU และระบบระบายความร้อนแบบไฮบริด! ASUS เริ่มสร้างชื่อในตลาด GPU จากรุ่น Asus 375 (S3 ViRGE/DX) ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้เชิงธุรกิจ → ก่อนจะจับมือกับ Nvidia ในปี 1997 เพื่อเปิดตัว AGP-V3000 (ใช้ชิป Riva 128) รองรับ Direct3D เต็มรูปแบบ → จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การตั้งแบรนด์ Republic of Gamers (ROG) ในปี 2006 ที่ผลักดันให้เกิดการ์ดจอสายเกมระดับตำนาน เช่น  • ROG Mars GTX 295 (dual-GPU บน PCB เดียว!)  • ROG Poseidon (ระบบระบายความร้อนไฮบริด)  • และล่าสุดคือ ROG Astral RTX 5080 Doom Edition ที่ราคาแรงทะลุ RTX 5090 งานนี้ ASUS ไม่ได้แจกแค่ของสะสม → แต่จัดแคมเปญแจกของ “ใหญ่” ตั้งแต่ ProArt RTX 5080 ไปจนถึง ROG Strix RTX 5070 Ti → พร้อมเล่นมินิเกมออนไลน์อย่างนั่งชิงช้าเฟอร์ริส–โรลเลอร์โคสเตอร์ชมวิวของตำนานการ์ดแต่ละรุ่น! ✅ ASUS ฉลองครบรอบ 30 ปีในวงการ GPU ตั้งแต่ปี 1996 → 2025   • เริ่มจาก Asus 375 (S3 ViRGE/DX)   • จุดเปลี่ยนในปี 1997: AGP-V3000 (Riva 128) รองรับ Direct3D   • ก่อตั้งแบรนด์ ROG ในปี 2006 → นำไปสู่ Mars GTX 295, Poseidon, และซีรีส์ ROG Astral ✅ แคมเปญแจกของใหญ่จาก ASUS เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 ต.ค. 2025   • ของรางวัลรวมถึง ProArt RTX 5080, ROG Strix RTX 5070 Ti และ TUF Gaming RTX 5070   • พร้อมพาวเวอร์ซัพพลาย ASUS รุ่นใหม่   • กิจกรรมรวมทั้งมินิเกม, คลิปวิดีโอจากอินฟลูเอนเซอร์ และการโพสต์ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ✅ วิดีโอจาก Justin (J Custom) เล่าย้อนความหลังสมัยรอซื้อ ROG Mars GTX 295 หน้าร้านด้วยความคลั่งเกม ✅ มีการจัดภาพ–ธีมครบชุดแบบ Evangelion Build ที่จับทุกชิ้นส่วนของพีซีให้เป็น aesthetic เดียวกัน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-celebrates-30-years-in-the-graphics-card-business-with-epic-rtx-50-prizes-and-a-retrospective-video
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา!

    ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10%

    สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี

    นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้

    การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024  
    • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)  
    • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า

    ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7

    ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:  
    • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%)

    ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022)

    โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก

    การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี)

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    เศรษฐกิจในปี 2024 ไม่ได้โตจากรถสิบล้อวิ่งเข้าโรงงานอีกต่อไป…แต่โตจาก “การเทเงินเข้าไปที่ซอฟต์แวร์, โมเดล AI และสิทธิบัตรทางปัญญา” → รายงานร่วมจาก UN + Luiss Business School เผยว่า ประเทศกว่า 27 แห่งลงทุนในทรัพย์สินแบบไม่มีตัวตนถึง 7.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ → โตขึ้นจากปีที่แล้ว (~7.4 ล้านล้าน) แม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซา! ประเทศที่ทุ่มสุดคือ สหรัฐฯ → ลงทุนมากกว่าฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และอังกฤษรวมกัน → ส่วน “ประเทศที่เข้มข้นที่สุด” ในแง่สัดส่วน GDP คือ สวีเดน ที่การลงทุนแบบ intangible กินพื้นที่เศรษฐกิจถึง 16% → ตามด้วยสหรัฐฯ, ฝรั่งเศส และฟินแลนด์ (15%) → และอินเดียก็ขยับแซงหลายชาติ EU แล้วด้วยตัวเลขเกือบ 10% สิ่งที่โตเร็วที่สุดไม่ใช่แค่โมเดล AI → แต่คือ ซอฟต์แวร์ + ฐานข้อมูล ซึ่งโตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ปี 2013–2022 → เพราะระบบ AI ต้องการ “ดาต้าที่สะอาดและมีลิขสิทธิ์ชัดเจน” มาป้อนให้โมเดลเรียนรู้ → ซึ่งกลายเป็นหัวใจของมูลค่าทรัพย์สินใหม่โลกเทคโนโลยี นักวิจัย UN ยังทิ้งท้ายว่า… → ตอนนี้คือ “จุดเริ่มต้นของยุค AI” ไม่ใช่จุดกลางหรือจุดท้าย → ความเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านี้อาจยังมาไม่ถึง แต่ต้องเตรียมรับตั้งแต่วันนี้ ✅ การลงทุนในทรัพย์สินไม่มีตัวตน (intangible assets) โต 3 เท่าเมื่อเทียบกับทรัพย์สินจริง (machinery, buildings) ปี 2024   • รวมมูลค่าประมาณ $7.6T จาก 27 ประเทศ (โตจาก $7.4T ปี 2023)   • ปัจจัยที่ฉุด tangible asset = ดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจฟื้นช้า ✅ ประเทศที่ลงทุนสูงสุดใน absolute คือ สหรัฐอเมริกา → มากกว่าทุกประเทศในกลุ่ม G7 ✅ ประเทศที่มีความเข้มข้นสูงสุดด้านทรัพย์สินไร้ตัวตนต่อ GDP:   • สวีเดน (16%), สหรัฐฯ–ฝรั่งเศส–ฟินแลนด์ (15%), อินเดีย (~10%) ✅ ซอฟต์แวร์และฐานข้อมูล เป็นกลุ่มที่โตเร็วที่สุดในกลุ่ม intangible assets (โตเฉลี่ย 7%/ปี ตั้งแต่ 2013–2022) ✅ โมเดล AI ช่วยเร่งการลงทุนแบบ intangible → โดยเฉพาะด้านฐานข้อมูล, ทรัพย์สินทางปัญญา, และการเรียนรู้เชิงลึก ✅ การโตของ intangible asset มีความเสถียรตลอดช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ปี 2008 หรือช่วงโควิด (โตเฉลี่ย 4% ต่อปี) https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/10/un-investments-rise-in-data-ai-outpacing-physical-assets
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 340 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ตำแหน่ง CISO นี่แหละคือด่านบอสของวงการ IT Security — เพราะต้องแบกรับทั้งภัยคุกคามไซเบอร์ที่รุนแรงขึ้นทุกวัน, การตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล, ไปจนถึงความคาดหวังจากบอร์ดบริหารที่สูงกว่าเพดาน

    จากบทสัมภาษณ์และรายงานล่าสุดใน CSO Online พบว่า → CISO จำนวนมากรู้สึกเหมือน “ถูกตั้งความรับผิดชอบ แต่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ” → หลายองค์กรยังจัดให้ CISO อยู่ลำดับชั้นต่ำในแผนผังผู้บริหาร เช่น รายงานต่อ CFO หรือ CTO แทนที่จะได้ที่นั่งในบอร์ด → และที่แย่กว่าคือ CISO อาจต้องรับผิดทางกฎหมายเป็นรายบุคคล หากบริษัทละเมิดนโยบายหรือถูกโจมตีไซเบอร์

    George Gerchow อดีต CISO ของหลายองค์กรบอกว่า “ผมไม่อยากกลับไปนั่งใต้ CTO อีกแล้ว ถ้าไม่ได้นั่งในโต๊ะกลุ่มผู้บริหาร ก็เหมือนทำงานโดยไม่มีพวงมาลัย” → เขาเห็นเพื่อนร่วมวงการลาออกเพียบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

    ไม่ใช่แค่เรื่ององค์กร แต่ความคาดหวังของโลกก็เพิ่มขึ้น → ยุโรปบังคับใช้ DORA (กฎหมาย Digital Resilience) ที่เพิ่มภาระให้ CISO → สหรัฐฯ เริ่มมีกรณีที่ CISO ถูกฟ้องคดีอาญา เช่น กรณี Uber → ส่งผลให้คนในตำแหน่งนี้เสี่ยงต่อ “burnout”, “legal liability” และ “reputation damage” แบบไม่สมส่วน

    แม้จะมีเสียงบางส่วนที่มองว่าปัญหาอยู่ที่ “การบริหารเวลาและการกระจายงาน” แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่า “CISO ยุคนี้คือสายงานที่แบกความเสี่ยงไว้สูงกว่าผู้บริหารหลายตำแหน่ง”

    https://www.csoonline.com/article/4016334/has-ciso-become-the-least-desirable-role-in-business.html
    ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบความท้าทาย ตำแหน่ง CISO นี่แหละคือด่านบอสของวงการ IT Security — เพราะต้องแบกรับทั้งภัยคุกคามไซเบอร์ที่รุนแรงขึ้นทุกวัน, การตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล, ไปจนถึงความคาดหวังจากบอร์ดบริหารที่สูงกว่าเพดาน จากบทสัมภาษณ์และรายงานล่าสุดใน CSO Online พบว่า → CISO จำนวนมากรู้สึกเหมือน “ถูกตั้งความรับผิดชอบ แต่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ” → หลายองค์กรยังจัดให้ CISO อยู่ลำดับชั้นต่ำในแผนผังผู้บริหาร เช่น รายงานต่อ CFO หรือ CTO แทนที่จะได้ที่นั่งในบอร์ด → และที่แย่กว่าคือ CISO อาจต้องรับผิดทางกฎหมายเป็นรายบุคคล หากบริษัทละเมิดนโยบายหรือถูกโจมตีไซเบอร์ George Gerchow อดีต CISO ของหลายองค์กรบอกว่า “ผมไม่อยากกลับไปนั่งใต้ CTO อีกแล้ว ถ้าไม่ได้นั่งในโต๊ะกลุ่มผู้บริหาร ก็เหมือนทำงานโดยไม่มีพวงมาลัย” → เขาเห็นเพื่อนร่วมวงการลาออกเพียบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่เรื่ององค์กร แต่ความคาดหวังของโลกก็เพิ่มขึ้น → ยุโรปบังคับใช้ DORA (กฎหมาย Digital Resilience) ที่เพิ่มภาระให้ CISO → สหรัฐฯ เริ่มมีกรณีที่ CISO ถูกฟ้องคดีอาญา เช่น กรณี Uber → ส่งผลให้คนในตำแหน่งนี้เสี่ยงต่อ “burnout”, “legal liability” และ “reputation damage” แบบไม่สมส่วน แม้จะมีเสียงบางส่วนที่มองว่าปัญหาอยู่ที่ “การบริหารเวลาและการกระจายงาน” แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่า “CISO ยุคนี้คือสายงานที่แบกความเสี่ยงไว้สูงกว่าผู้บริหารหลายตำแหน่ง” https://www.csoonline.com/article/4016334/has-ciso-become-the-least-desirable-role-in-business.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Has CISO become the least desirable role in business?
    Problematic reporting structures, outsized responsibility for enterprise risk, and personal accountability without authority are just a few reasons CISO roles are experiencing high churn.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกษตรกรผู้ปลูกเงาะ พื้นที่ อ.ท่าวังผา จ.น่าน ร้องราคาเงาะตกต่ำ ขายได้แค่กิโลกรัมละ 15 บาท ทั้งที่เป็นช่วงต้นฤดูกาล วอน “จตุพร” รัฐมนตรีคนใหม่เห็นใจ เข้ามาช่วยเหลือด่วน ไม่งั้นเดือดร้อนหนักแน่ เพราะขายได้ไม่คุ้มต้นทุน ทั้งต้นทุนการผลิตและค่าแรงเก็บเงาะ

    นายแดนไทย ต๊ะวิไชย ส.จ.ท่าวังผา เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรผู้ปลูกเงาะ พื้นที่ อ.ท่าวังผา จ.น่าน ว่าขณะนี้ผลผลิตได้เริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้ว และคาดว่าปริมาณจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ด้านราคาตกต่ำมาก เมื่อเทียบกับราคาช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงต้นฤดูกาล ราคาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 15 บาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาอยู่ที่ กก.ละ 30-40 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรอยู่ไม่ได้ เพราะไม่คุ้มต้นทุนการผลิต จึงได้มาเรียกร้อง และขอให้ช่วยประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ให้เข้ามาช่วยดูแลด้วย

    “ตอนนี้ ราคาเงาะต่ำมาก ขายได้แค่ กก.ละ 15 บาท ไม่คุ้มแม้กระทั่งต้นทุนการปลูก แล้วยังต้องเจอค่าแรงเก็บเงาะ ที่ตกวันละ 400 บาท แต่ละคนเก็บได้เฉลี่ยคนละ 30 กก. เมื่อเอาไปขาย ได้เงิน 450 บาท โดนหักไปแล้ว 400 บาทเป็นค่าแรง เหลือเงิน 50 บาท แบบนี้ไม่พอกินแน่ ขอให้กระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ เข้ามาช่วยด้วย อย่างน้อยราคาก็ควรจะดีกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้เกษตรกรเดือดร้อน”นายแดนไทยกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000063143

    #Thaitimes #MGROnline #เกษตรกรผู้ปลูกเงาะ
    เกษตรกรผู้ปลูกเงาะ พื้นที่ อ.ท่าวังผา จ.น่าน ร้องราคาเงาะตกต่ำ ขายได้แค่กิโลกรัมละ 15 บาท ทั้งที่เป็นช่วงต้นฤดูกาล วอน “จตุพร” รัฐมนตรีคนใหม่เห็นใจ เข้ามาช่วยเหลือด่วน ไม่งั้นเดือดร้อนหนักแน่ เพราะขายได้ไม่คุ้มต้นทุน ทั้งต้นทุนการผลิตและค่าแรงเก็บเงาะ • นายแดนไทย ต๊ะวิไชย ส.จ.ท่าวังผา เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรผู้ปลูกเงาะ พื้นที่ อ.ท่าวังผา จ.น่าน ว่าขณะนี้ผลผลิตได้เริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้ว และคาดว่าปริมาณจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ด้านราคาตกต่ำมาก เมื่อเทียบกับราคาช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงต้นฤดูกาล ราคาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 15 บาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อน ราคาอยู่ที่ กก.ละ 30-40 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรอยู่ไม่ได้ เพราะไม่คุ้มต้นทุนการผลิต จึงได้มาเรียกร้อง และขอให้ช่วยประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ให้เข้ามาช่วยดูแลด้วย • “ตอนนี้ ราคาเงาะต่ำมาก ขายได้แค่ กก.ละ 15 บาท ไม่คุ้มแม้กระทั่งต้นทุนการปลูก แล้วยังต้องเจอค่าแรงเก็บเงาะ ที่ตกวันละ 400 บาท แต่ละคนเก็บได้เฉลี่ยคนละ 30 กก. เมื่อเอาไปขาย ได้เงิน 450 บาท โดนหักไปแล้ว 400 บาทเป็นค่าแรง เหลือเงิน 50 บาท แบบนี้ไม่พอกินแน่ ขอให้กระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ เข้ามาช่วยด้วย อย่างน้อยราคาก็ควรจะดีกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้เกษตรกรเดือดร้อน”นายแดนไทยกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000063143 • #Thaitimes #MGROnline #เกษตรกรผู้ปลูกเงาะ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เคยประกาศไว้ล่วงหน้าว่าจะขึ้นราคาผลิตภัณฑ์กลุ่ม server ที่ติดตั้งใช้งานในองค์กร (ไม่ใช่ระบบ cloud อย่าง Microsoft 365 หรือ Azure) แต่ตอนนี้มาแน่นอนแล้ว และเริ่มตั้งแต่ เดือนกรกฎาคม 2025 เป็นต้นไป

    สินค้าเป้าหมายในการขึ้นราคาได้แก่:
    - SharePoint Server
    - Exchange Server
    - Skype for Business Server  → ขึ้นราคา 10%

    ส่วนที่ขึ้นหนักกว่านั้นคือพวก CAL (สิทธิ์ที่ให้ผู้ใช้หรืออุปกรณ์เชื่อมเข้าระบบเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft ได้):
    - Core CAL Suite → ขึ้น 15%
    - Enterprise CAL Suite → ขึ้นถึง 20%

    Microsoft อ้างว่าสาเหตุหลักคือ “ต้นทุนการดูแลรักษาและอัปเดตผลิตภัณฑ์ฝั่ง on-premises” รวมถึงยอดรายได้จากส่วนนี้ที่ “ลดลง” ในช่วงปีหลัง ๆ — จึงต้องขึ้นราคาเพื่อชดเชย พร้อมกันนั้น Microsoft ก็ไม่ลืมกระตุ้นให้คน “ย้ายไปใช้บริการแบบคลาวด์แทน”

    อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft เริ่มออก “Subscription Edition” สำหรับ Exchange Server และ Skype for Business Server → ย้ายการซัพพอร์ตไปใช้โมเดลแบบ Modern Lifecycle (อัปเดตต่อเนื่อง แทนที่จะมีเวอร์ชันใหญ่ใหม่ทุก 3 ปี)

    https://www.neowin.net/news/microsoft-jacks-up-prices-for-on-premises-server-products-and-cals/
    Microsoft เคยประกาศไว้ล่วงหน้าว่าจะขึ้นราคาผลิตภัณฑ์กลุ่ม server ที่ติดตั้งใช้งานในองค์กร (ไม่ใช่ระบบ cloud อย่าง Microsoft 365 หรือ Azure) แต่ตอนนี้มาแน่นอนแล้ว และเริ่มตั้งแต่ เดือนกรกฎาคม 2025 เป็นต้นไป สินค้าเป้าหมายในการขึ้นราคาได้แก่: - SharePoint Server - Exchange Server - Skype for Business Server  → ขึ้นราคา 10% ส่วนที่ขึ้นหนักกว่านั้นคือพวก CAL (สิทธิ์ที่ให้ผู้ใช้หรืออุปกรณ์เชื่อมเข้าระบบเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft ได้): - Core CAL Suite → ขึ้น 15% - Enterprise CAL Suite → ขึ้นถึง 20% Microsoft อ้างว่าสาเหตุหลักคือ “ต้นทุนการดูแลรักษาและอัปเดตผลิตภัณฑ์ฝั่ง on-premises” รวมถึงยอดรายได้จากส่วนนี้ที่ “ลดลง” ในช่วงปีหลัง ๆ — จึงต้องขึ้นราคาเพื่อชดเชย พร้อมกันนั้น Microsoft ก็ไม่ลืมกระตุ้นให้คน “ย้ายไปใช้บริการแบบคลาวด์แทน” อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft เริ่มออก “Subscription Edition” สำหรับ Exchange Server และ Skype for Business Server → ย้ายการซัพพอร์ตไปใช้โมเดลแบบ Modern Lifecycle (อัปเดตต่อเนื่อง แทนที่จะมีเวอร์ชันใหญ่ใหม่ทุก 3 ปี) https://www.neowin.net/news/microsoft-jacks-up-prices-for-on-premises-server-products-and-cals/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft jacks up prices for on-premises server products and CALs
    Microsoft has increased the prices of its on-premises server products and Client Access License (CAL) Suites by up to 20%. Organizations will have to decide whether to stay or go to Cloud products.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนอาจจำได้ว่า Microsoft เคยประกาศชัดว่า Skype for Business จะสิ้นยุค เพราะได้เปลี่ยนผ่านมาสู่ Microsoft Teams แทนหมดแล้ว โดยเฉพาะในบริการแบบ cloud เช่น Office 365

    แต่เบื้องหลังคือ:
    ยังมีองค์กรใหญ่อีกจำนวนมากที่ใช้งาน Skype for Business Server แบบติดตั้งในองค์กร (on-prem) และ… Teams ยังไม่มีเวอร์ชัน on-prem → ไม่มีตัวแทนจริง ๆ ที่แทนที่ Skype ได้

    นั่นคือเหตุผลที่ Microsoft เพิ่งเปิดตัว Skype for Business Server Subscription Edition (SE) อย่างเป็นทางการ เพื่อใช้ต่อจากเวอร์ชันเดิม (2015/2019) ที่จะหมดอายุพร้อมกับ Windows 10 ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 นี้

    SE จะไม่มีฟีเจอร์ใหม่แบบหวือหวา แต่จะได้รับ:
    - อัปเดตความปลอดภัยต่อเนื่อง
    - ระบบติดตั้งและซัพพอร์ตตามนโยบาย "Modern Lifecycle" ของ Microsoft
    - ใช้งานต่อจาก 2015 หรือ 2019 ได้แบบอัปเกรดในที่เดิม ไม่ต้องติดตั้งใหม่หมด

    ถือเป็นการยืดอายุ Skype for Business Server อีกหลายปีสำหรับองค์กรที่ไม่สามารถหรือไม่ต้องการย้ายไปใช้ระบบ cloud ได้ในตอนนี้

    https://www.neowin.net/news/skype-for-business-server-se-now-available-because-teams-cant-solve-one-problem/
    หลายคนอาจจำได้ว่า Microsoft เคยประกาศชัดว่า Skype for Business จะสิ้นยุค เพราะได้เปลี่ยนผ่านมาสู่ Microsoft Teams แทนหมดแล้ว โดยเฉพาะในบริการแบบ cloud เช่น Office 365 แต่เบื้องหลังคือ: 🔧 ยังมีองค์กรใหญ่อีกจำนวนมากที่ใช้งาน Skype for Business Server แบบติดตั้งในองค์กร (on-prem) และ… Teams ยังไม่มีเวอร์ชัน on-prem → ไม่มีตัวแทนจริง ๆ ที่แทนที่ Skype ได้ นั่นคือเหตุผลที่ Microsoft เพิ่งเปิดตัว Skype for Business Server Subscription Edition (SE) อย่างเป็นทางการ เพื่อใช้ต่อจากเวอร์ชันเดิม (2015/2019) ที่จะหมดอายุพร้อมกับ Windows 10 ในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 นี้ SE จะไม่มีฟีเจอร์ใหม่แบบหวือหวา แต่จะได้รับ: - อัปเดตความปลอดภัยต่อเนื่อง - ระบบติดตั้งและซัพพอร์ตตามนโยบาย "Modern Lifecycle" ของ Microsoft - ใช้งานต่อจาก 2015 หรือ 2019 ได้แบบอัปเกรดในที่เดิม ไม่ต้องติดตั้งใหม่หมด ถือเป็นการยืดอายุ Skype for Business Server อีกหลายปีสำหรับองค์กรที่ไม่สามารถหรือไม่ต้องการย้ายไปใช้ระบบ cloud ได้ในตอนนี้ https://www.neowin.net/news/skype-for-business-server-se-now-available-because-teams-cant-solve-one-problem/
    WWW.NEOWIN.NET
    Skype for Business Server SE now available because Teams can't solve one problem
    It seems that Microsoft can't truly kill off Skype once and for all, and the culprit this time around seems to be a missing configuration in Teams.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลายคนอาจไม่รู้ว่า Microsoft Edge มีเวอร์ชัน “for Business” ด้วย — มันไม่ใช่แค่ Edge ธรรมดา แต่เป็น เบราว์เซอร์ที่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย, การจัดการ, และ AI เสริมมาสำหรับองค์กร โดยเฉพาะ

    ล่าสุด Microsoft ออกบล็อกโพสต์ชื่อว่า “Better browser security starts with Edge for Business – and you” พร้อมเปิดเผยว่า:

    “เราขอให้พาร์ตเนอร์ด้านไอทีและความปลอดภัยทั่วโลก ช่วยโปรโมต Edge for Business โดยใส่เป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจโซลูชันองค์กรที่ขายให้ลูกค้า”

    พูดง่าย ๆ คือ เขาอยากให้ทุกบริษัทที่ขายบริการความปลอดภัย, MSP, MSSP หรือ ISV ใส่ Edge for Business ไปในแพ็กเกจด้วย เหมือนกับเป็น one-stop solution

    Microsoft เลยจัดแพ็กของพร้อมใช้แบบครบเครื่อง:
    - วิดีโออธิบายความเสี่ยงการโจมตีผ่านเบราว์เซอร์
    - เดโมของ Edge Management Services และ Microsoft 365 Lighthouse
    - Whitepaper ความปลอดภัย
    - Pitch deck พร้อม landing page สวย ๆ เหมือนของ Apple เลย

    ไอเดียคือ "ไม่ได้บังคับพาร์ตเนอร์ให้ใช้" — แค่ส่งสัญญาณว่า “โปรโมตสิ แล้วเราจะช่วยซัพพอร์ตเต็มที่” เพื่อชิงตลาดจาก Chrome และเบราว์เซอร์อื่นในภาคองค์กร

    https://www.neowin.net/news/microsoft-wants-partners-to-promote-edge-for-business/
    หลายคนอาจไม่รู้ว่า Microsoft Edge มีเวอร์ชัน “for Business” ด้วย — มันไม่ใช่แค่ Edge ธรรมดา แต่เป็น เบราว์เซอร์ที่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย, การจัดการ, และ AI เสริมมาสำหรับองค์กร โดยเฉพาะ ล่าสุด Microsoft ออกบล็อกโพสต์ชื่อว่า “Better browser security starts with Edge for Business – and you” พร้อมเปิดเผยว่า: 📣 “เราขอให้พาร์ตเนอร์ด้านไอทีและความปลอดภัยทั่วโลก ช่วยโปรโมต Edge for Business โดยใส่เป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจโซลูชันองค์กรที่ขายให้ลูกค้า” พูดง่าย ๆ คือ เขาอยากให้ทุกบริษัทที่ขายบริการความปลอดภัย, MSP, MSSP หรือ ISV ใส่ Edge for Business ไปในแพ็กเกจด้วย เหมือนกับเป็น one-stop solution Microsoft เลยจัดแพ็กของพร้อมใช้แบบครบเครื่อง: - วิดีโออธิบายความเสี่ยงการโจมตีผ่านเบราว์เซอร์ - เดโมของ Edge Management Services และ Microsoft 365 Lighthouse - Whitepaper ความปลอดภัย - Pitch deck พร้อม landing page สวย ๆ เหมือนของ Apple เลย ไอเดียคือ "ไม่ได้บังคับพาร์ตเนอร์ให้ใช้" — แค่ส่งสัญญาณว่า “โปรโมตสิ แล้วเราจะช่วยซัพพอร์ตเต็มที่” เพื่อชิงตลาดจาก Chrome และเบราว์เซอร์อื่นในภาคองค์กร https://www.neowin.net/news/microsoft-wants-partners-to-promote-edge-for-business/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft wants partners to promote Edge for Business
    Microsoft has encouraged its partners and independent solution vendors (ISVs) to bundle Edge for Business in their security offerings.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ฮ่องกง 14,999
    ล่องเรือยอร์ช บิน Business class

    🗓 จำนวนวัน 3วัน 2 คืน
    ✈ HX-ฮ่องกง แอร์ไลน์
    พักโรงแรม

    กระเช้านองปิง 360
    หมู่บ้านวัฒนธรรมนองปิง
    พระใหญ่เทียนถาน
    ล่องเรือยอร์ช ชมเกาะฮ่องกง
    Shopping จิมซาจุ่ย
    Shopping Citygate Outlets

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์ฮ่องกง #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #ฮ่องกง 14,999 🔥🔥 ล่องเรือยอร์ช บิน Business class 😱 🗓 จำนวนวัน 3วัน 2 คืน ✈ HX-ฮ่องกง แอร์ไลน์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 กระเช้านองปิง 360 📍 หมู่บ้านวัฒนธรรมนองปิง 📍 พระใหญ่เทียนถาน 📍 ล่องเรือยอร์ช ชมเกาะฮ่องกง 📍 Shopping จิมซาจุ่ย 📍 Shopping Citygate Outlets รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์ฮ่องกง #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 0 รีวิว
Pages Boosts