• ## Nvidia เบียด Intel กระเด็นออกจาก ดัชนี Dow Jones ##
    ..
    ..
    ในอดีตคงไม่เคยมีใครคิดฝันหรอกครับว่า วันนึง Intel จะมีวัน "ล่มสลาย" หรือ "ตกต่ำ" ได้ขนาดนี้
    .
    ถึงขั้นถูกถอดออกจากดัชนี Dow Jones แห่งตลาดหุ้น Wall Street อเมริกา
    .
    สวนทางกับ Nvidia ที่ราคาหุ้นร้อนแรงซะเหลือเกิน ขึ้นมาตั้ง 900% ใน 2 ปี
    .
    ตอนนี้ มูลค่า Maket Cap 3.32 ล้านล้านดอลลาร์ ใหญ่โต มโหฬาร...
    .
    แบบที่ คนใหญ่คนโตใน อเมริกา เรียกว่า Too Big to Fail.
    .
    ถ้าธุรกิจพวกนี้จะล้ม รัฐต้องเข้าไปอุ้ม เพราะจะมีผลต่อ ระบบเศรษฐกิจ และ การเงิน โดยรวมของประเทศอย่างมาก...
    .
    นี่เป็นกระบวนการหนึ่งใน การปฏิวัติอุตสาหกรรม ในยุคที่ 4
    .
    ธุรกิจ ที่เคยประสบความสำเร็จ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทันกับ ธุรกิจในยุคที่ 4 ตามที่ World Economic Forum ได้กำหนดไว้...
    .
    เขาเรียก ธุรกิจเหล่านี้ว่า "Zombie Company" เดินหน้าไม่ได้ พัฒนาไม่ได้ โตไม่ได้ รอวันมอดไหม้แตกดับไปเอง...
    .
    เมื่อโลกเราเดินทางมาถึงจุดที่ โครงสร้างของอุตสาหกรรมในยุคที่ 3 ไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกได้อีกต่อไป และ ไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เกิดกับตัวเองได้...
    .
    ประกอบกับ การแพร่รบาดไปทั่วโลก ของ Covid19 ทำให้ โครงสร้างอุตสาหกรรมในยุคที่ 4 นั้น ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ
    .
    เพราะ อุตสาหกรรมในยุคที่ 4 นั้น ได้ กลายมาเป็นสิ่งที่ช่วยตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ในชั่วข้ามคืน...
    .
    อย่างที่ World Economic Forum กล่าวไว้...
    .
    "วันนี้โลกมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงใหญ่แล้ว เป็นจุดเปลี่ยนแปลงในระดับที่อาจจะต้องโละระบบเดิมทิ้ง"
    .
    ขีดเส้นใต้ตัวโตๆ ที่คำนี้ครับ "โละระบบเดิมทิ้ง"
    .
    ในระหว่างนี้ จะมีกระบวนการคัดสรรค์ ธุรกิจชั้นยอดให้ได้ไปต่อ ส่วนพวก "Zombie Company" จะถูกทิ้งให้แตกดับไปตาม ยถากรรม
    .
    The Great Reset.
    ...
    ...
    ประเทศไทยหล่ะ มีกี่บริษัทที่เป็น ธุรกิจ ในยุคที่ 4 นี้...???
    .
    จิ้มดูใน Set index ประเทศไทยได้เลยครับ ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีก...!!!
    .
    😓😓😓😓
    .
    https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-11-01/nvidia-set-to-replace-intel-in-the-dow-jones-industrial-average?srnd=homepage-asia
    ## Nvidia เบียด Intel กระเด็นออกจาก ดัชนี Dow Jones ## .. .. ในอดีตคงไม่เคยมีใครคิดฝันหรอกครับว่า วันนึง Intel จะมีวัน "ล่มสลาย" หรือ "ตกต่ำ" ได้ขนาดนี้ . ถึงขั้นถูกถอดออกจากดัชนี Dow Jones แห่งตลาดหุ้น Wall Street อเมริกา . สวนทางกับ Nvidia ที่ราคาหุ้นร้อนแรงซะเหลือเกิน ขึ้นมาตั้ง 900% ใน 2 ปี . ตอนนี้ มูลค่า Maket Cap 3.32 ล้านล้านดอลลาร์ ใหญ่โต มโหฬาร... . แบบที่ คนใหญ่คนโตใน อเมริกา เรียกว่า Too Big to Fail. . ถ้าธุรกิจพวกนี้จะล้ม รัฐต้องเข้าไปอุ้ม เพราะจะมีผลต่อ ระบบเศรษฐกิจ และ การเงิน โดยรวมของประเทศอย่างมาก... . นี่เป็นกระบวนการหนึ่งใน การปฏิวัติอุตสาหกรรม ในยุคที่ 4 . ธุรกิจ ที่เคยประสบความสำเร็จ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทันกับ ธุรกิจในยุคที่ 4 ตามที่ World Economic Forum ได้กำหนดไว้... . เขาเรียก ธุรกิจเหล่านี้ว่า "Zombie Company" เดินหน้าไม่ได้ พัฒนาไม่ได้ โตไม่ได้ รอวันมอดไหม้แตกดับไปเอง... . เมื่อโลกเราเดินทางมาถึงจุดที่ โครงสร้างของอุตสาหกรรมในยุคที่ 3 ไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกได้อีกต่อไป และ ไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เกิดกับตัวเองได้... . ประกอบกับ การแพร่รบาดไปทั่วโลก ของ Covid19 ทำให้ โครงสร้างอุตสาหกรรมในยุคที่ 4 นั้น ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ . เพราะ อุตสาหกรรมในยุคที่ 4 นั้น ได้ กลายมาเป็นสิ่งที่ช่วยตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ในชั่วข้ามคืน... . อย่างที่ World Economic Forum กล่าวไว้... . "วันนี้โลกมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงใหญ่แล้ว เป็นจุดเปลี่ยนแปลงในระดับที่อาจจะต้องโละระบบเดิมทิ้ง" . ขีดเส้นใต้ตัวโตๆ ที่คำนี้ครับ "โละระบบเดิมทิ้ง" . ในระหว่างนี้ จะมีกระบวนการคัดสรรค์ ธุรกิจชั้นยอดให้ได้ไปต่อ ส่วนพวก "Zombie Company" จะถูกทิ้งให้แตกดับไปตาม ยถากรรม . The Great Reset. ... ... ประเทศไทยหล่ะ มีกี่บริษัทที่เป็น ธุรกิจ ในยุคที่ 4 นี้...??? . จิ้มดูใน Set index ประเทศไทยได้เลยครับ ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีก...!!! . 😓😓😓😓 . https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-11-01/nvidia-set-to-replace-intel-in-the-dow-jones-industrial-average?srnd=homepage-asia
    WWW.BLOOMBERG.COM
    Nvidia Set to Replace Intel in the Dow Jones Industrial Average
    Nvidia Corp., the chipmaker at the heart of the artificial intelligence boom, is joining the oldest of Wall Street’s three main equity benchmarks.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • Dragonball Collection by ร้านขายหนังสือการ์ตูน By It is a bookz

    ใครมีดราก้อนบอลพิมพ์ไหนบ้างมาโชว์กันหน่อย เผื่อเป็นแนวทางการสะสม😁

    ในรูปจะขาดกระเป๋าพิมพ์บิ๊กบุ๊คแรกโดนไปกับสายน้ำ🌠🌠🌠🌠

    ข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม
    #https://www.mangasuphan.com/dragonball-collection/

    #โทริยามาอากิระ #ดราก้อนบอล
    #MangaSuphan #ร้านมังงะออนไลน์
    #nedcomics #ร้านมังงะสุพรรณ

    📣ช่องทางการติดต่อร้านค้า📌
    🟠shopee.co.th/MangaSuphan
    🩷#Instagram.com/Mangasuphan
    📘#ร้านขายหนังสือการ์ตูน By It is a bookz
    🌍#openlink.co/mangasuphan
    ✅#g.page/MangaSuphan
    Line #https://shorturl.asia/NP4
    📣youtube.com/@MangaSuphan
    ♠️https://www.tiktok.com/@mangasuphan
    🌍https://www.mangasuphan.com/blog
    Dragonball Collection by ร้านขายหนังสือการ์ตูน By It is a bookz ใครมีดราก้อนบอลพิมพ์ไหนบ้างมาโชว์กันหน่อย เผื่อเป็นแนวทางการสะสม😁 ในรูปจะขาดกระเป๋าพิมพ์บิ๊กบุ๊คแรกโดนไปกับสายน้ำ🌠🌠🌠🌠 ข้อมูลอ้างอิงเพิ่มเติม #https://www.mangasuphan.com/dragonball-collection/ #โทริยามาอากิระ #ดราก้อนบอล #MangaSuphan #ร้านมังงะออนไลน์ #nedcomics #ร้านมังงะสุพรรณ 📣ช่องทางการติดต่อร้านค้า📌 🟠shopee.co.th/MangaSuphan 🩷#Instagram.com/Mangasuphan 📘#ร้านขายหนังสือการ์ตูน By It is a bookz 🌍#openlink.co/mangasuphan ✅#g.page/MangaSuphan Line #https://shorturl.asia/NP4 📣youtube.com/@MangaSuphan ♠️https://www.tiktok.com/@mangasuphan 🌍https://www.mangasuphan.com/blog
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • 👇BRICS ทำสิ่งที่แพลตฟอร์มตะวันตกอื่นๆไม่สามารถทำได้: รวบรวมผู้นำของสองยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย - อินเดียและจีน 🇮🇳🇨🇳 เข้าด้วยกัน

    BRICS คือพันธมิตรเพื่อสันติภาพ, NATO คืออาณาจักรแห่งความโกลาหล
    .
    👇BRICS did what no other Western platform could: bring together the leaders of two Asian giants - India and China 🇮🇳🇨🇳.

    BRICS is the alliance for peace, NATO is the empire of chaos.
    .
    2:59 PM · Oct 25, 2024 · 2,149 Views
    https://x.com/Sputnik_India/status/1849722528131883138
    👇BRICS ทำสิ่งที่แพลตฟอร์มตะวันตกอื่นๆไม่สามารถทำได้: รวบรวมผู้นำของสองยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย - อินเดียและจีน 🇮🇳🇨🇳 เข้าด้วยกัน BRICS คือพันธมิตรเพื่อสันติภาพ, NATO คืออาณาจักรแห่งความโกลาหล . 👇BRICS did what no other Western platform could: bring together the leaders of two Asian giants - India and China 🇮🇳🇨🇳. BRICS is the alliance for peace, NATO is the empire of chaos. . 2:59 PM · Oct 25, 2024 · 2,149 Views https://x.com/Sputnik_India/status/1849722528131883138
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 29 Views 0 Reviews
  • มาร่วมเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรก ที่จะได้ล่องเรือกับ Disney Cruise เส้นทางใกล้บ้านอย่างสิงคโปร์ ✨
    เรือลำใหม่ Disney Adventure เริ่มเปิดจองวันที่ 10 ธันวาคม 2024 ก่อนจะเริ่มออกเดินทาง ✔️
    ➡️ พร้อมกับโซนใหม่ Marvel Universe พร้อมเครื่องเล่น Ironcycle Test Run รถไฟเหาะที่ยาวที่สุดบนเรือสำราญ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายบนเรือ 📢
    ✅ การแสดงบรอดเวย์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ
    ✅ ห้องพักที่ถูกตกแต่งด้วยธีม Frozen
    ✅ Disney Imagination Garden พื้นที่สวนเปิดสำหรับการแสดงและพักผ่อน
    ✅ โซนอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก The Jungle Book และ Moana
    ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    ☎️: 0 2116 9696 (Auto)
    #DisneyCruise #DisneyAdventure #Disney #Singapore #Asia #CruiseDomain #ข่าว #ล่องเรือสำราญ #News #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    มาร่วมเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรก ที่จะได้ล่องเรือกับ Disney Cruise เส้นทางใกล้บ้านอย่างสิงคโปร์ ✨ เรือลำใหม่ Disney Adventure เริ่มเปิดจองวันที่ 10 ธันวาคม 2024 ก่อนจะเริ่มออกเดินทาง ✔️ ➡️ พร้อมกับโซนใหม่ Marvel Universe พร้อมเครื่องเล่น Ironcycle Test Run รถไฟเหาะที่ยาวที่สุดบนเรือสำราญ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายบนเรือ 📢 ✅ การแสดงบรอดเวย์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ✅ ห้องพักที่ถูกตกแต่งด้วยธีม Frozen ✅ Disney Imagination Garden พื้นที่สวนเปิดสำหรับการแสดงและพักผ่อน ✅ โซนอาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก The Jungle Book และ Moana ✅ ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 (Auto) #DisneyCruise #DisneyAdventure #Disney #Singapore #Asia #CruiseDomain #ข่าว #ล่องเรือสำราญ #News #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • 🇨🇳สีจิ้นผิงเรียกร้องให้สมาชิกกลุ่ม BRICS มีบทบาทนำในการปฏิรูประบบการกำกับดูแลเศรษฐกิจโลก

    นอกจากสมาชิกในกลุ่มแล้ว, การประชุมในรูปแบบการติดต่อ/BRICS+ ยังมีผู้แทนจากประเทศต่างๆในเอเชีย, แอฟริกา, ตะวันออกกลาง, และละตินอเมริกาเข้าร่วมด้วย ผู้นำจากประเทศ CIS, รวมถึงตัวแทนจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ, ก็เข้าร่วมด้วย

    สีม่วงเป็นสีที่นิยมใช้ผูกเน็คไทมากที่สุดในหมู่หัวหน้าคณะผู้แทนต่างประเทศในวันนี้ เชื่อกันว่าสีม่วงเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นใจ, ดังนั้นอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

    #BRICS2024
    .
    🇨🇳XI JINPING CALLS ON BRICS MEMBERS TO PLAY LEADING ROLE IN REFORMING GLOBAL ECONOMIC GOVERNANCE SYSTEM

    In addition to members of the group, the meeting in the outreach/BRICS+ format is also attended by delegations from various countries in Asia, Africa, the Middle East, and Latin America. Leaders from CIS countries, as well as representatives of international organizations such as the UN, are also in attendance.

    Purple is the most popular color for ties among the foreign delegation heads today. It’s believed that purple symbolizes a person's confidence, so maybe it’s not a coincidence.

    #BRICS2024
    .
    3:42 PM · Oct 24, 2024 · 5,846 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1849370973100737013
    🇨🇳สีจิ้นผิงเรียกร้องให้สมาชิกกลุ่ม BRICS มีบทบาทนำในการปฏิรูประบบการกำกับดูแลเศรษฐกิจโลก นอกจากสมาชิกในกลุ่มแล้ว, การประชุมในรูปแบบการติดต่อ/BRICS+ ยังมีผู้แทนจากประเทศต่างๆในเอเชีย, แอฟริกา, ตะวันออกกลาง, และละตินอเมริกาเข้าร่วมด้วย ผู้นำจากประเทศ CIS, รวมถึงตัวแทนจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ, ก็เข้าร่วมด้วย สีม่วงเป็นสีที่นิยมใช้ผูกเน็คไทมากที่สุดในหมู่หัวหน้าคณะผู้แทนต่างประเทศในวันนี้ เชื่อกันว่าสีม่วงเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นใจ, ดังนั้นอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ #BRICS2024 . 🇨🇳XI JINPING CALLS ON BRICS MEMBERS TO PLAY LEADING ROLE IN REFORMING GLOBAL ECONOMIC GOVERNANCE SYSTEM In addition to members of the group, the meeting in the outreach/BRICS+ format is also attended by delegations from various countries in Asia, Africa, the Middle East, and Latin America. Leaders from CIS countries, as well as representatives of international organizations such as the UN, are also in attendance. Purple is the most popular color for ties among the foreign delegation heads today. It’s believed that purple symbolizes a person's confidence, so maybe it’s not a coincidence. #BRICS2024 . 3:42 PM · Oct 24, 2024 · 5,846 Views https://x.com/SputnikInt/status/1849370973100737013
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 179 Views 57 0 Reviews
  • ทุกวันนี้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจโลก Printed Circuit Board (PCB) หรือแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ กลายเป็นหัวใจหลักที่ช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยีเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่อุปกรณ์สมาร์ทโฟน ยานยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์การแพทย์ ไปจนถึงระบบ AI และ Data Centers

    ล่าสุด ประเทศไทยได้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีศักยภาพสูงสุดในการผลิต PCB ของอาเซียน และกำลังมุ่งหน้าสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลก ด้วยการสนับสนุนจากบีโอไอ ที่มุ่งเน้นการดึงดูดการลงทุนและการสร้างรากฐานสำหรับอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศผู้ผลิต PCB ชั้นนำของโลกภายใน 5 ปีข้างหน้า

    🔶PCB คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ

    PCB (Printed Circuit Board) คือ ส่วนประกอบสำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น ชิปหรือเซนเซอร์ ที่พบได้ในอุปกรณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน ยานยนต์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ หรือ อุปกรณ์การแพทย์ แผงวงจรเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณไฟฟ้าระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ทำให้ระบบทั้งหมดสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การทำงานของ PCB สามารถอธิบายได้เหมือนกับ "ทางเดิน" ที่เชื่อมต่อพลังงานไฟฟ้าให้ไหลไปยังส่วนต่างๆ ของวงจร ซึ่งลายวงจรไฟฟ้านี้จะถูกสลักลงบนแผ่นทองแดงที่ยึดอยู่บนวัสดุแข็ง เช่น ไฟเบอร์กลาส วัสดุนี้เป็นตัวรองรับแผงวงจรและทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ สามารถติดตั้งและทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ และเป็นรากฐานที่ทำให้การพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีเป็นไปได้

    1. หัวใจของนวัตกรรมในทุกภาคส่วน : PCB มีบทบาทสำคัญในทุกอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่อุปกรณ์ส่วนบุคคลไปจนถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์การแพทย์ และการบิน การที่อุตสาหกรรม PCB เติบโต หมายถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สูงขึ้น

    2. ตอบโจทย์การออกแบบขนาดเล็กและประสิทธิภาพสูง : เทคโนโลยี PCB รุ่นใหม่ เช่น High-Density Interconnect (HDI) และ Flexible PCB ช่วยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีขนาดเล็กลงและเบาขึ้น ขณะเดียวกันยังคงความสามารถในการประมวลผลและการใช้งานที่ซับซ้อน เช่น ในสมาร์ทโฟน รวมทั้งตอบโจทย์การใช้งานในอุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์ทางการแพทย์

    3. ความยืดหยุ่นและความทนทานที่เพิ่มขึ้น : PCB แบบ Rigid-Flex เป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งที่ผสมผสานความแข็งแรงและความยืดหยุ่นในแผ่นเดียวกัน ซึ่งเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการความทนทานและความสามารถในการรับแรงกระแทก เช่น อุตสาหกรรมการบินและยานยนต์

    🔶ทำไมประเทศไทยถึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของการลงทุนใน PCB

    ข้อมูลจากบีโอไอ สะท้อนว่าการลงทุนในอุตสาหกรรม PCB ของประเทศไทยมีการเติบโตอย่างน่าสนใจ จากปี 2561 ถึงกลางปี 2567 มีการลงทุนรวมเกือบ 200,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในปี 2566 ที่มีการลงทุนสูงกว่า 100,000 ล้านบาท และในครึ่งปีแรกของปี 2567 การลงทุนเพิ่มอีก 39,732 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมและทิศทางของไทยที่กำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต PCB ในระดับโลก

    1. การเติบโตอย่างรวดเร็วของการลงทุนจากต่างประเทศ : นักลงทุนจาก จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคอื่นๆ และการมองเห็นศักยภาพในความเสถียรทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย

    2. ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ : ไทยมี แรงงานที่พร้อมพัฒนาทักษะ โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และ ห่วงโซ่อุปทานที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิ้นส่วน การเคลือบ การเจาะ การทดสอบทางไฟฟ้า รวมถึงการประกอบชิ้นส่วนขั้นสูง ทำให้สามารถรองรับการผลิตที่ต้องการความแม่นยำและเทคโนโลยีสูงได้อย่างเต็มที่

    3. การสนับสนุนจากบีโอไอ : ที่มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดการลงทุนผ่านการมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งการยกเว้นภาษี การยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบ และการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมทั้งยังเน้นการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะสูง ผ่านการจัดโครงการ Job matching และการฝึกอบรมบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรม PCB โดยเฉพาะ

    🔶การเติบโตสู่ระดับโลก : เป้าหมายของไทยใน 5 ปีข้างหน้า

    ประเทศไทยตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศผู้ผลิต PCB ชั้นนำของโลก ภายใน 5 ปีข้างหน้า การเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคและการเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง

    ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าไปสู่การเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรม PCB ระดับโลกภายใน 5 ปี ด้วยการสนับสนุนจากบีโอไอ ที่เน้น 3 ด้านหลัก คือ การพัฒนาบุคลากร การเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และ สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

    1. การพัฒนาบุคลากร : บีโอไอ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและภาคเอกชนในการฝึกอบรมบุคลากรและจับคู่ธุรกิจ เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรม PCB

    2. การเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทาน : นอกจากการผลิต PCB แล้ว ไทยยังสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การเคลือบ การเจาะ การเชื่อมวงจร และการผลิตชิ้นส่วนที่สนับสนุนการเติบโตของห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ ผ่านงานจับคู่ธุรกิจอย่าง Subcon Thailand และ Thailand Electronics Circuit Asia (THECA)

    3. การใช้พลังงานสะอาด : การผลิต PCB ใช้พลังงานและน้ำจำนวนมาก จึงมีการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดผ่านโครงการ Utility Green Tariff (UGT) และการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การผลิตมีความยั่งยืนและไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    การใช้พลังงานสะอาด : การผลิต PCB ต้องการพลังงานและน้ำในปริมาณมาก ปัจจุบันกระทรวงพลังงานกำลังดำเนินโครงการ Utility Green Tariff (UGT) ซึ่งเป็นอัตราค่าไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาดจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานสีเขียวในภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจว่ามีแหล่งพลังงานสะอาดเพียงพอ รวมถึงการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้กระบวนการผลิตยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    ✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨
    #บีโอไอส่งเสริมการลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติทุกขนาดการลงทุน
    📱 0 2553 8111
    📧 head@boi.go.th
    🌐 www.boi.go.th
    🔰ไม่มีค่าใช้จ่ายในการติดต่อ

    #PCB #SupplyChain #ThailandTechHub #PCBInnovation #TopPCBThailand
    ทุกวันนี้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจโลก Printed Circuit Board (PCB) หรือแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ กลายเป็นหัวใจหลักที่ช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยีเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่อุปกรณ์สมาร์ทโฟน ยานยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์การแพทย์ ไปจนถึงระบบ AI และ Data Centers ล่าสุด ประเทศไทยได้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีศักยภาพสูงสุดในการผลิต PCB ของอาเซียน และกำลังมุ่งหน้าสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลก ด้วยการสนับสนุนจากบีโอไอ ที่มุ่งเน้นการดึงดูดการลงทุนและการสร้างรากฐานสำหรับอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศผู้ผลิต PCB ชั้นนำของโลกภายใน 5 ปีข้างหน้า 🔶PCB คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ PCB (Printed Circuit Board) คือ ส่วนประกอบสำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น ชิปหรือเซนเซอร์ ที่พบได้ในอุปกรณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน ยานยนต์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ หรือ อุปกรณ์การแพทย์ แผงวงจรเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณไฟฟ้าระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ทำให้ระบบทั้งหมดสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานของ PCB สามารถอธิบายได้เหมือนกับ "ทางเดิน" ที่เชื่อมต่อพลังงานไฟฟ้าให้ไหลไปยังส่วนต่างๆ ของวงจร ซึ่งลายวงจรไฟฟ้านี้จะถูกสลักลงบนแผ่นทองแดงที่ยึดอยู่บนวัสดุแข็ง เช่น ไฟเบอร์กลาส วัสดุนี้เป็นตัวรองรับแผงวงจรและทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ สามารถติดตั้งและทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ และเป็นรากฐานที่ทำให้การพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีเป็นไปได้ 1. หัวใจของนวัตกรรมในทุกภาคส่วน : PCB มีบทบาทสำคัญในทุกอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่อุปกรณ์ส่วนบุคคลไปจนถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์การแพทย์ และการบิน การที่อุตสาหกรรม PCB เติบโต หมายถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สูงขึ้น 2. ตอบโจทย์การออกแบบขนาดเล็กและประสิทธิภาพสูง : เทคโนโลยี PCB รุ่นใหม่ เช่น High-Density Interconnect (HDI) และ Flexible PCB ช่วยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีขนาดเล็กลงและเบาขึ้น ขณะเดียวกันยังคงความสามารถในการประมวลผลและการใช้งานที่ซับซ้อน เช่น ในสมาร์ทโฟน รวมทั้งตอบโจทย์การใช้งานในอุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์ทางการแพทย์ 3. ความยืดหยุ่นและความทนทานที่เพิ่มขึ้น : PCB แบบ Rigid-Flex เป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งที่ผสมผสานความแข็งแรงและความยืดหยุ่นในแผ่นเดียวกัน ซึ่งเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการความทนทานและความสามารถในการรับแรงกระแทก เช่น อุตสาหกรรมการบินและยานยนต์ 🔶ทำไมประเทศไทยถึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของการลงทุนใน PCB ข้อมูลจากบีโอไอ สะท้อนว่าการลงทุนในอุตสาหกรรม PCB ของประเทศไทยมีการเติบโตอย่างน่าสนใจ จากปี 2561 ถึงกลางปี 2567 มีการลงทุนรวมเกือบ 200,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในปี 2566 ที่มีการลงทุนสูงกว่า 100,000 ล้านบาท และในครึ่งปีแรกของปี 2567 การลงทุนเพิ่มอีก 39,732 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมและทิศทางของไทยที่กำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต PCB ในระดับโลก 1. การเติบโตอย่างรวดเร็วของการลงทุนจากต่างประเทศ : นักลงทุนจาก จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคอื่นๆ และการมองเห็นศักยภาพในความเสถียรทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย 2. ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ : ไทยมี แรงงานที่พร้อมพัฒนาทักษะ โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และ ห่วงโซ่อุปทานที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิ้นส่วน การเคลือบ การเจาะ การทดสอบทางไฟฟ้า รวมถึงการประกอบชิ้นส่วนขั้นสูง ทำให้สามารถรองรับการผลิตที่ต้องการความแม่นยำและเทคโนโลยีสูงได้อย่างเต็มที่ 3. การสนับสนุนจากบีโอไอ : ที่มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดการลงทุนผ่านการมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งการยกเว้นภาษี การยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบ และการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมทั้งยังเน้นการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะสูง ผ่านการจัดโครงการ Job matching และการฝึกอบรมบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรม PCB โดยเฉพาะ 🔶การเติบโตสู่ระดับโลก : เป้าหมายของไทยใน 5 ปีข้างหน้า ประเทศไทยตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศผู้ผลิต PCB ชั้นนำของโลก ภายใน 5 ปีข้างหน้า การเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคและการเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าไปสู่การเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรม PCB ระดับโลกภายใน 5 ปี ด้วยการสนับสนุนจากบีโอไอ ที่เน้น 3 ด้านหลัก คือ การพัฒนาบุคลากร การเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และ สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน 1. การพัฒนาบุคลากร : บีโอไอ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและภาคเอกชนในการฝึกอบรมบุคลากรและจับคู่ธุรกิจ เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรม PCB 2. การเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทาน : นอกจากการผลิต PCB แล้ว ไทยยังสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การเคลือบ การเจาะ การเชื่อมวงจร และการผลิตชิ้นส่วนที่สนับสนุนการเติบโตของห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ ผ่านงานจับคู่ธุรกิจอย่าง Subcon Thailand และ Thailand Electronics Circuit Asia (THECA) 3. การใช้พลังงานสะอาด : การผลิต PCB ใช้พลังงานและน้ำจำนวนมาก จึงมีการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดผ่านโครงการ Utility Green Tariff (UGT) และการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การผลิตมีความยั่งยืนและไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานสะอาด : การผลิต PCB ต้องการพลังงานและน้ำในปริมาณมาก ปัจจุบันกระทรวงพลังงานกำลังดำเนินโครงการ Utility Green Tariff (UGT) ซึ่งเป็นอัตราค่าไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาดจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานสีเขียวในภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจว่ามีแหล่งพลังงานสะอาดเพียงพอ รวมถึงการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้กระบวนการผลิตยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨ #บีโอไอส่งเสริมการลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติทุกขนาดการลงทุน 📱 0 2553 8111 📧 head@boi.go.th 🌐 www.boi.go.th 🔰ไม่มีค่าใช้จ่ายในการติดต่อ #PCB #SupplyChain #ThailandTechHub #PCBInnovation #TopPCBThailand
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • แคปปิตอล เอ(Capital A) ไฟเขียวขาย AirAsia ให้ AirAsia X แยกกิจการสายการบินออกจาก Capital A โฟกัสเพียงธุรกิจสี่เสาหลักคือ แคปปิตอล เอ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส,มูฟดิจิทัล, เทเลพอร์ตและธุรกิจดูแล แบรนด์ เอเอ

    15 ตุลาคม 2567 – แคปปิตอล เอ(Capital A) ได้ประกาศผลการประชุมผู้ถือหุ้นได้ลงมติเห็นชอบต่อการเสนอขายธุรกิจการบินของกลุ่มบริษัทให้กับแอร์เอเชีย เอ็กซ์(AAX) ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น(EGM) วานนี้(14 ตุลาคม 2567)

    แคปปิตอล เอ เบอร์ฮัด นั้นเดิมเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย อันประกอบไปด้วยแอร์เอเชีย มาเลเซีย(AK) และเป็นบริษัทแม่ของบริษัทที่มีการร่วมลงทุนในสายการบินแอร์เอเชียในประเทศต่าง ๆ ของอาเซียน ได้แก่ ไทยแอร์เอเชีย(FD) อินโดนีเซียแอร์เอเชีย(QZ) ฟิลิปปินส์แอร์เอเชีย(Z2) และแอร์เอเชียกัมพูชา(KT) ในขณะที่แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เบอร์ฮัด นั้นเป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการสายการบินแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มาเลเซีย(D7) และเป็นบริษัทที่ร่วมลงทุนในสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์(XJ)

    การอนุมัติครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้แคปปิตอล เอ สามารถมุ่งเน้นไปที่สี่เสาหลักทางกลยุทธ์ ซึ่งจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของบริษัทให้เป็นบริษัทบริการด้านการบินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในอนาคต ผ่านบริษัท แคปปิตอล เอ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส(Capital A Aviation Services -CAPAS) มูฟดิจิทัล(MOVE Digital) เทเลพอร์ต(Teleport) และบริษัท แบรนด์ เอเอ

    นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแคปปิตอล เอ เบอร์ฮัด กล่าวว่า “นี่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับแคปปิตอล เอ และกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย โดยต่อยอดจากมูลค่ามหาศาลที่เราได้สร้างขึ้นในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา ด้วยการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการขายธุรกิจการบิน เรากำลังปลดล็อกอนาคตที่สดใส โดยแยกธุรกิจการบินแบบเดิมออกจากบริการสนับสนุนการบิน ความชัดเจนนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ถือหุ้นและลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถกำหนดอนาคตใหม่ของการเดินทางในภูมิภาคนี้ได้”

    “กลยุทธ์ที่กว้างขึ้นของแคปปิตอล เอ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบริการการบินและธุรกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตที่คาดการณ์ว่าจะมีความต้องการการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างมาก การแยกธุรกิจการบินและธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบินออกจากกัน จะทำให้เราสามารถมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของธุรกิจสนับสนุนการบินและธุรกิจดิจิทัลที่มีศักยภาพสูงซึ่งเราได้สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจการบิน เมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เบอร์ฮัด(AAX) ในการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 16 ตุลาคม ธุรกิจการบินจะสามารถรวมตัวกันเพื่อสร้างกลุ่มแอร์เอเชียที่พลิกเกมได้ โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่างการดำเนินงานเที่ยวบินระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความสามารถในการทำกำไร และผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น"

    นายโทนี่ยังเน้นย้ำว่า แคปปิตอล เอ อยู่ในสถานะที่ดีที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว “ตั้งแต่การเดินทางดิจิทัลไปจนถึงโลจิสติกส์และการจัดการแบรนด์ เรากำลังสร้างระบบนิเวศบริการการบินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง การอนุมัติในวันนี้จากผู้ถือหุ้นของเรา ยังเปิดทางให้แคปปิตอล เอ มุ่งสู่โครงสร้างทางการเงินที่โปร่งใสและมีความยืดหยุ่น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสรุปแผนการฟื้นฟูสถานะของเราและออกจากสถานะพีเอ็น17(PN17) ในไม่ช้า”

    การปรับโครงสร้างนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของกลุ่มบริษัทในการพัฒนาให้เป็นองค์กรที่คล่องตัวและเน้นเทคโนโลยี โดยมีสี่เสาหลักสำคัญ ได้แก่

    แคปปิตอล เอ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส - สร้างมูลค่าผ่านการให้บริการซ่อมบำรุงและปรับปรุงเครื่องบิน(MRO) โดยความร่วมมือกับบริษัท เอเชีย ดิจิทัล เอ็นจิเนียริ่ง (ADE) และขยายการให้บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน รวมถึงผลิตภัณฑ์ค้าปลีกของซันตัน(Santan)

    มูฟดิจิทัล - นำเสนอนวัตกรรมในการเดินทางและฟินเทค ผ่านแอร์เอเชีย มูฟ และบิ๊กเพย์

    เทเลพอร์ต - ขยายบริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนด้วยการเสริมสร้างการดำเนินงานด้านขนส่งสินค้าและบริการข้ามพรมแดน

    แบรนด์ เอเอ - บริหารจัดการแบรนด์แอร์เอเชียที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกผ่านการให้สิทธิ์ใช้งานและความร่วมมือทางกลยุทธ์

    “เรารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับการสนับสนุนอย่างมั่นคงของผู้ถือหุ้นของเรา การลงมติในวันนี้สะท้อนถึงความเชื่อร่วมกันในมูลค่าระยะยาวที่แคปปิตอล เอ สามารถสร้างได้ทั้งในภาคธุรกิจการบินและนอกธุรกิจการบิน” นายโทนี่กล่าวเสริม

    หลังจากการอนุมัติครั้งสำคัญในวันนี้ แคปปิตอล เอ จะดำเนินการขอคำสั่งศาลเพื่อแจกจ่ายหุ้นพิจารณาให้แก่ผู้ถือหุ้นผ่านการลดและชำระคืนทุนจดทะเบียนของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทจะขอการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นตราสารหนี้อิสลามที่สามารถแปลงสภาพได้แบบไม่รับประกัน(RCUIDS) ในการประชุมวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในเส้นทางของแคปปิตอล เอ

    ขั้นตอนสำคัญเหล่านี้จะทำให้แคปปิตอล เอ สามารถมีโครงสร้างทางการเงินที่ชัดเจนและมุ่งเน้นไปที่การยื่นแผนการฟื้นฟูสถานะก่อนสิ้นปี โดยมีเป้าหมายที่จะออกจากสถานะ พีเอ็น17"

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/mEr2rA6mhS57iGXE/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    แคปปิตอล เอ(Capital A) ไฟเขียวขาย AirAsia ให้ AirAsia X แยกกิจการสายการบินออกจาก Capital A โฟกัสเพียงธุรกิจสี่เสาหลักคือ แคปปิตอล เอ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส,มูฟดิจิทัล, เทเลพอร์ตและธุรกิจดูแล แบรนด์ เอเอ 15 ตุลาคม 2567 – แคปปิตอล เอ(Capital A) ได้ประกาศผลการประชุมผู้ถือหุ้นได้ลงมติเห็นชอบต่อการเสนอขายธุรกิจการบินของกลุ่มบริษัทให้กับแอร์เอเชีย เอ็กซ์(AAX) ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น(EGM) วานนี้(14 ตุลาคม 2567) แคปปิตอล เอ เบอร์ฮัด นั้นเดิมเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย อันประกอบไปด้วยแอร์เอเชีย มาเลเซีย(AK) และเป็นบริษัทแม่ของบริษัทที่มีการร่วมลงทุนในสายการบินแอร์เอเชียในประเทศต่าง ๆ ของอาเซียน ได้แก่ ไทยแอร์เอเชีย(FD) อินโดนีเซียแอร์เอเชีย(QZ) ฟิลิปปินส์แอร์เอเชีย(Z2) และแอร์เอเชียกัมพูชา(KT) ในขณะที่แอร์เอเชีย เอ็กซ์ เบอร์ฮัด นั้นเป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการสายการบินแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มาเลเซีย(D7) และเป็นบริษัทที่ร่วมลงทุนในสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์(XJ) การอนุมัติครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้แคปปิตอล เอ สามารถมุ่งเน้นไปที่สี่เสาหลักทางกลยุทธ์ ซึ่งจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของบริษัทให้เป็นบริษัทบริการด้านการบินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในอนาคต ผ่านบริษัท แคปปิตอล เอ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส(Capital A Aviation Services -CAPAS) มูฟดิจิทัล(MOVE Digital) เทเลพอร์ต(Teleport) และบริษัท แบรนด์ เอเอ นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแคปปิตอล เอ เบอร์ฮัด กล่าวว่า “นี่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับแคปปิตอล เอ และกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย โดยต่อยอดจากมูลค่ามหาศาลที่เราได้สร้างขึ้นในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา ด้วยการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการขายธุรกิจการบิน เรากำลังปลดล็อกอนาคตที่สดใส โดยแยกธุรกิจการบินแบบเดิมออกจากบริการสนับสนุนการบิน ความชัดเจนนี้จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ถือหุ้นและลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถกำหนดอนาคตใหม่ของการเดินทางในภูมิภาคนี้ได้” “กลยุทธ์ที่กว้างขึ้นของแคปปิตอล เอ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบริการการบินและธุรกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตที่คาดการณ์ว่าจะมีความต้องการการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างมาก การแยกธุรกิจการบินและธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบินออกจากกัน จะทำให้เราสามารถมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของธุรกิจสนับสนุนการบินและธุรกิจดิจิทัลที่มีศักยภาพสูงซึ่งเราได้สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจการบิน เมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เบอร์ฮัด(AAX) ในการประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 16 ตุลาคม ธุรกิจการบินจะสามารถรวมตัวกันเพื่อสร้างกลุ่มแอร์เอเชียที่พลิกเกมได้ โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่างการดำเนินงานเที่ยวบินระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความสามารถในการทำกำไร และผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น" นายโทนี่ยังเน้นย้ำว่า แคปปิตอล เอ อยู่ในสถานะที่ดีที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว “ตั้งแต่การเดินทางดิจิทัลไปจนถึงโลจิสติกส์และการจัดการแบรนด์ เรากำลังสร้างระบบนิเวศบริการการบินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง การอนุมัติในวันนี้จากผู้ถือหุ้นของเรา ยังเปิดทางให้แคปปิตอล เอ มุ่งสู่โครงสร้างทางการเงินที่โปร่งใสและมีความยืดหยุ่น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสรุปแผนการฟื้นฟูสถานะของเราและออกจากสถานะพีเอ็น17(PN17) ในไม่ช้า” การปรับโครงสร้างนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของกลุ่มบริษัทในการพัฒนาให้เป็นองค์กรที่คล่องตัวและเน้นเทคโนโลยี โดยมีสี่เสาหลักสำคัญ ได้แก่ แคปปิตอล เอ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส - สร้างมูลค่าผ่านการให้บริการซ่อมบำรุงและปรับปรุงเครื่องบิน(MRO) โดยความร่วมมือกับบริษัท เอเชีย ดิจิทัล เอ็นจิเนียริ่ง (ADE) และขยายการให้บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน รวมถึงผลิตภัณฑ์ค้าปลีกของซันตัน(Santan) มูฟดิจิทัล - นำเสนอนวัตกรรมในการเดินทางและฟินเทค ผ่านแอร์เอเชีย มูฟ และบิ๊กเพย์ เทเลพอร์ต - ขยายบริการโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนด้วยการเสริมสร้างการดำเนินงานด้านขนส่งสินค้าและบริการข้ามพรมแดน แบรนด์ เอเอ - บริหารจัดการแบรนด์แอร์เอเชียที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกผ่านการให้สิทธิ์ใช้งานและความร่วมมือทางกลยุทธ์ “เรารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับการสนับสนุนอย่างมั่นคงของผู้ถือหุ้นของเรา การลงมติในวันนี้สะท้อนถึงความเชื่อร่วมกันในมูลค่าระยะยาวที่แคปปิตอล เอ สามารถสร้างได้ทั้งในภาคธุรกิจการบินและนอกธุรกิจการบิน” นายโทนี่กล่าวเสริม หลังจากการอนุมัติครั้งสำคัญในวันนี้ แคปปิตอล เอ จะดำเนินการขอคำสั่งศาลเพื่อแจกจ่ายหุ้นพิจารณาให้แก่ผู้ถือหุ้นผ่านการลดและชำระคืนทุนจดทะเบียนของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทจะขอการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นตราสารหนี้อิสลามที่สามารถแปลงสภาพได้แบบไม่รับประกัน(RCUIDS) ในการประชุมวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในเส้นทางของแคปปิตอล เอ ขั้นตอนสำคัญเหล่านี้จะทำให้แคปปิตอล เอ สามารถมีโครงสร้างทางการเงินที่ชัดเจนและมุ่งเน้นไปที่การยื่นแผนการฟื้นฟูสถานะก่อนสิ้นปี โดยมีเป้าหมายที่จะออกจากสถานะ พีเอ็น17" ที่มา https://www.facebook.com/share/p/mEr2rA6mhS57iGXE/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 284 Views 0 Reviews
  • SPACE BATTLESHIP YAMATO เรือรบอวกาศ ยามาโตะ by LEIJI MATSUMOTO ลิขสิทธิ์หนังสือการ์ตูนในไทย Vibulkij 3เล่มจบ
    การเดินทางของเรือรบอวกาศยามาโตะ เมื่อโลกใกล้ถึงกาลอวสานเพราะมลภาวะเป็นพิษ วิธีเดียวที่จะทำให้โลกรอดได้ คือการเดินทางไปยังอิสกันดาล ดาวเคราะห์อันไกลโพ้นที่มี คอสโมคลีนเนอร์ ที่สามารถล้างสภาพมลภาวะของโลกได้ทั้งหมด ยามาโตะจะต้องนำคอสโมคลีเนอร์กลับมาที่โลกให้ได้ แต่การเดินทางนี้ก็ต้องพบกับการขัดขวางโดยกามิลาส
    ✨️✨️ช่องทางการติดต่อร้านค้า✨️✨️
    📥 https://shopee.co.th/mangasuphan
    📣 Instagram.com/Mangasuphan
    🎆 facebook.com/MangaSuphan
    🗺️ g.page/MangaSuphan
    🎉 Line https://shorturl.asia/NP43i
    📺 youtube.com/@MangaSuphan
    ✅ openlink.co/mangasuphan
    🧧 tiktok.com/@mangasuphan
    💽 linktr.ee/mangasuphan
    #เรือรบอวกาศยามาโตะ #MangaSuphan #ร้านหนังสือการ์ตูนออนไลน์
    SPACE BATTLESHIP YAMATO เรือรบอวกาศ ยามาโตะ by LEIJI MATSUMOTO ลิขสิทธิ์หนังสือการ์ตูนในไทย Vibulkij 3เล่มจบ การเดินทางของเรือรบอวกาศยามาโตะ เมื่อโลกใกล้ถึงกาลอวสานเพราะมลภาวะเป็นพิษ วิธีเดียวที่จะทำให้โลกรอดได้ คือการเดินทางไปยังอิสกันดาล ดาวเคราะห์อันไกลโพ้นที่มี คอสโมคลีนเนอร์ ที่สามารถล้างสภาพมลภาวะของโลกได้ทั้งหมด ยามาโตะจะต้องนำคอสโมคลีเนอร์กลับมาที่โลกให้ได้ แต่การเดินทางนี้ก็ต้องพบกับการขัดขวางโดยกามิลาส ✨️✨️ช่องทางการติดต่อร้านค้า✨️✨️ 📥 https://shopee.co.th/mangasuphan 📣 Instagram.com/Mangasuphan 🎆 facebook.com/MangaSuphan 🗺️ g.page/MangaSuphan 🎉 Line https://shorturl.asia/NP43i 📺 youtube.com/@MangaSuphan ✅ openlink.co/mangasuphan 🧧 tiktok.com/@mangasuphan 💽 linktr.ee/mangasuphan #เรือรบอวกาศยามาโตะ #MangaSuphan #ร้านหนังสือการ์ตูนออนไลน์
    Wow
    1
    1 Comments 0 Shares 73 Views 28 0 Reviews
  • Carmen Suite & Ballet Fantasia
    Novosibirsk Ballet
    Carmen Suite & Ballet Fantasia Novosibirsk Ballet
    0 Comments 0 Shares 103 Views 31 0 Reviews
  • 12/10/67

    "ใบบัวบก" กับผลข้างเคียง และความเสี่ยงที่ไม่มีใครเคยบอก

    บัวบก (ภาษาอังกฤษ: Gotu Kola หรือ Centella asiatica ) เป็นสมุนไพรที่มีชื่อเสียงในเรื่องสรรพคุณมากมาย หลายคนเชื่อว่าบัวบกสามารถช่วยบำรุงสมอง เสริมสร้างความจำ การคิด และช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดียิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ ยังมีข้อสันนิษฐานว่าบัวบกอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสรรพคุณของบัวบกยังคงมีอยู่อย่างจำกัด หลายคนอาจรับรู้ถึงประโยชน์ของบัวบก แต่อาจไม่ค่อยมีใครรับรู้ถึงผลข้างเคียงของบัวบกว่ามีอะไรบ้าง

    บัวบกกับผลข้างเคียง และความเสี่ยงที่ไม่มีใครเคยบอก
    การใช้บัวบกอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ในบางราย เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง หรือเวียนหัว เพื่อลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงเหล่านี้ ควรเริ่มต้นด้วยการใช้บัวบกในปริมาณน้อย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างช้า ๆ การใช้บัวบกเป็นประจำติดต่อกันไม่ควรเกิน 2-6 สัปดาห์ต่อครั้ง ควรหยุดพักการใช้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนกลับมาใช้ใหม่

    สำหรับการใช้บัวบกแบบทาภายนอก อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนังได้ ดังนั้นจึงควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้โดยทาบัวบกในบริเวณผิวหนังเล็ก ๆ และสังเกตอาการแพ้เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง

     อย่าใช้บัวบกหากคุณ
    * กำลังตั้งครรภ์
    * กำลังให้นมบุตร
    * มีโรคตับอักเสบหรือโรคตับอื่น ๆ
    * มีกำหนดการผ่าตัดภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า
    * มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
    * มีประวัติเป็นมะเร็งผิวหนัง

    พูดคุยกับแพทย์ของคุณก่อนใช้บัวบกหากคุณ
    * มีโรคตับ
    * มีโรคเบาหวาน
    * มีคอเลสเตอรอลสูง
    * กำลังรับประทานยา เช่น ยาระงับประสาท เพื่อการนอนหลับหรือวิตกกังวล
    * กำลังใช้ยาขับปัสสาวะ

    cr:sanook
    12/10/67 "ใบบัวบก" กับผลข้างเคียง และความเสี่ยงที่ไม่มีใครเคยบอก บัวบก (ภาษาอังกฤษ: Gotu Kola หรือ Centella asiatica ) เป็นสมุนไพรที่มีชื่อเสียงในเรื่องสรรพคุณมากมาย หลายคนเชื่อว่าบัวบกสามารถช่วยบำรุงสมอง เสริมสร้างความจำ การคิด และช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีข้อสันนิษฐานว่าบัวบกอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสรรพคุณของบัวบกยังคงมีอยู่อย่างจำกัด หลายคนอาจรับรู้ถึงประโยชน์ของบัวบก แต่อาจไม่ค่อยมีใครรับรู้ถึงผลข้างเคียงของบัวบกว่ามีอะไรบ้าง บัวบกกับผลข้างเคียง และความเสี่ยงที่ไม่มีใครเคยบอก การใช้บัวบกอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ในบางราย เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง หรือเวียนหัว เพื่อลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงเหล่านี้ ควรเริ่มต้นด้วยการใช้บัวบกในปริมาณน้อย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างช้า ๆ การใช้บัวบกเป็นประจำติดต่อกันไม่ควรเกิน 2-6 สัปดาห์ต่อครั้ง ควรหยุดพักการใช้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนกลับมาใช้ใหม่ สำหรับการใช้บัวบกแบบทาภายนอก อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนังได้ ดังนั้นจึงควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้โดยทาบัวบกในบริเวณผิวหนังเล็ก ๆ และสังเกตอาการแพ้เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง  อย่าใช้บัวบกหากคุณ * กำลังตั้งครรภ์ * กำลังให้นมบุตร * มีโรคตับอักเสบหรือโรคตับอื่น ๆ * มีกำหนดการผ่าตัดภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า * มีอายุต่ำกว่า 18 ปี * มีประวัติเป็นมะเร็งผิวหนัง พูดคุยกับแพทย์ของคุณก่อนใช้บัวบกหากคุณ * มีโรคตับ * มีโรคเบาหวาน * มีคอเลสเตอรอลสูง * กำลังรับประทานยา เช่น ยาระงับประสาท เพื่อการนอนหลับหรือวิตกกังวล * กำลังใช้ยาขับปัสสาวะ cr:sanook
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • ฮ็อป อินน์ สปินออฟ ขยายโรงแรมทั่วเอเชีย

    สปินออฟ (Spin-off) คือการนำบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วม แยกออกมาจากบริษัทแม่ ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้มีความอิสระในการบริหารงาน สามารถระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้แก่ประชาชน (IPO) และเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุน ตัวอย่างเช่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่แยกออกมาจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ที่แยกออกมาจาก บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC (เครื่องหมายการค้า SCG)

    บริษัท เอราวัณ ฮ็อป อินน์ จำกัด เจ้าของโรงแรทฮ็อป อินน์ (Hop Inn) บัดเจ็ทโฮเทลที่มีสาขามากกว่า 70 แห่ง ห้องพักรวมกว่า 7,000 ห้องใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น กำลังมีแผนจะสปินออฟออกจากบริษัทแม่ คือ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW โดยคาดว่าจะยื่นเสนอบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2570 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า อีกทั้งได้พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ คือ ลาพิส ฮอสปิทอลิตี้ พีทีอี ลิมิเต็ด (Lapis Hospitality Pte. Ltd.) บริษัทที่บริหารจัดการโดยกองทุนลอมบาร์ด เอเชีย วี, แอล.พี. (Lombard Asia V, L.P.) เข้าร่วมลงทุน 16.09% มูลค่า 700 ล้านบาท

    น.ส.พิชานันท์ บุญพร้อมกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจโรงแรม กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 10 ของโรงแรมฮ็อป อินน์ ทำได้ตามแผนทั้งการขยายสาขาและรักษาคุณภาพบริการ ในปี 2030 มีเป้าหมายจะขึ้นเป็นเครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ทที่ดีที่สุดในเอเซียแปซิฟิค โดยจะขยายเครือข่ายโรงแรมเพิ่มอย่างน้อยในอีก 3 ประเทศ ขณะที่ น.ส.นลินี กฤษฎาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารธุรกิจโรงแรม กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายที่เป็นเจ้าของและบริหารโรงแรมทั้งหมดเอง เพื่อรักษาคุณภาพให้ได้ 100% ของทั้งเครือ โดย 95% เป็นโรงแรมที่สร้างขึ้นมาใหม่ ให้บริการลูกค้ามากกว่า 2.5 ล้านคนต่อปี มีความพร้อมที่จะมอบการบริการที่ดีมีคุณภาพ ในทุกประเทศที่ไปขยาย และมั่นใจว่าแบรนด์จะเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

    อนึ่ง โรงแรมฮ็อป อินน์ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2557 ที่สาขาหนองคายและมุกดาหาร กระทั่งขยายสาขาไปยังประเทศฟิลิปปินส์ในปี 2559 และญี่ปุ่นในปี 2566 สำหรับไตรมาส 4 ปี 2567 มีแผนเปิดสาขาสงขลาและพะเยา ก่อนหน้านี้กำลังศึกษาเปิดสาขาเพิ่มในประเทศอื่นๆ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย

    #Newskit #HopInn
    ฮ็อป อินน์ สปินออฟ ขยายโรงแรมทั่วเอเชีย สปินออฟ (Spin-off) คือการนำบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วม แยกออกมาจากบริษัทแม่ ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้มีความอิสระในการบริหารงาน สามารถระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้แก่ประชาชน (IPO) และเพิ่มทางเลือกให้แก่นักลงทุน ตัวอย่างเช่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ที่แยกออกมาจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ที่แยกออกมาจาก บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC (เครื่องหมายการค้า SCG) บริษัท เอราวัณ ฮ็อป อินน์ จำกัด เจ้าของโรงแรทฮ็อป อินน์ (Hop Inn) บัดเจ็ทโฮเทลที่มีสาขามากกว่า 70 แห่ง ห้องพักรวมกว่า 7,000 ห้องใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น กำลังมีแผนจะสปินออฟออกจากบริษัทแม่ คือ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW โดยคาดว่าจะยื่นเสนอบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2570 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า อีกทั้งได้พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ คือ ลาพิส ฮอสปิทอลิตี้ พีทีอี ลิมิเต็ด (Lapis Hospitality Pte. Ltd.) บริษัทที่บริหารจัดการโดยกองทุนลอมบาร์ด เอเชีย วี, แอล.พี. (Lombard Asia V, L.P.) เข้าร่วมลงทุน 16.09% มูลค่า 700 ล้านบาท น.ส.พิชานันท์ บุญพร้อมกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจโรงแรม กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 10 ของโรงแรมฮ็อป อินน์ ทำได้ตามแผนทั้งการขยายสาขาและรักษาคุณภาพบริการ ในปี 2030 มีเป้าหมายจะขึ้นเป็นเครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ทที่ดีที่สุดในเอเซียแปซิฟิค โดยจะขยายเครือข่ายโรงแรมเพิ่มอย่างน้อยในอีก 3 ประเทศ ขณะที่ น.ส.นลินี กฤษฎาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารธุรกิจโรงแรม กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายที่เป็นเจ้าของและบริหารโรงแรมทั้งหมดเอง เพื่อรักษาคุณภาพให้ได้ 100% ของทั้งเครือ โดย 95% เป็นโรงแรมที่สร้างขึ้นมาใหม่ ให้บริการลูกค้ามากกว่า 2.5 ล้านคนต่อปี มีความพร้อมที่จะมอบการบริการที่ดีมีคุณภาพ ในทุกประเทศที่ไปขยาย และมั่นใจว่าแบรนด์จะเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อนึ่ง โรงแรมฮ็อป อินน์ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2557 ที่สาขาหนองคายและมุกดาหาร กระทั่งขยายสาขาไปยังประเทศฟิลิปปินส์ในปี 2559 และญี่ปุ่นในปี 2566 สำหรับไตรมาส 4 ปี 2567 มีแผนเปิดสาขาสงขลาและพะเยา ก่อนหน้านี้กำลังศึกษาเปิดสาขาเพิ่มในประเทศอื่นๆ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย #Newskit #HopInn
    Like
    Love
    8
    0 Comments 0 Shares 386 Views 0 Reviews
  • ”พลอยเพชร ด้วงเขียว“ หวดไม่เสียเซตลิ่วตัดเชือกศึกเทนนิส แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีนฯ

    9 ตุลาคม 2567 -รายงานข่าวมติชนระบุว่า การแข่งขันเทนนิสเยาวชนเอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี เก็บคะแนนสะสมอันดับเอเชีย ระดับเกรด 2 รายการ LTAT Asian 14&Under C2 (4) 2024 หรือ “แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีน แอนด์ อันเดอร์ 2024” ครั้งที่ 4 ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม เป็นการแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศ

    พลอยเพชร ด้วงเขียว นักเทนนิสดาวรุ่งจากสงขลา ดีกรีทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี โชว์ฟอร์มมือวางอันดับ 1 ของรายการ หวดชนะ เอลิซา โอนาธี กาเบรียล คาฮากัลลา จากศรีลังกา ด้วยสกอร์ 6-0 ทั้งสองเซต ในการแข่งขันประเภทหญิงเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ ส่งให้ พลอยเพชร ทะยานสู่รอบรองชนะเลิศ ไปพบกับ อัญวีณ์ ไพศาลภาณุวงศ์ นักเทนนิสไทยด้วยกัน ซึ่งเป็นมือวางอันดับ 4 ของรายการ ที่ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เอาชนะ แฮลีน หมิง แฮ ชู มือวางอันดับ 8 จากฮ่องกง 2-0 เซต 7-6 ไทเบรก 7-5 และ 6-0

    ที่มา มติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/sport/thai-sport/news_4836797

    #Thaitimes
    ”พลอยเพชร ด้วงเขียว“ หวดไม่เสียเซตลิ่วตัดเชือกศึกเทนนิส แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีนฯ 9 ตุลาคม 2567 -รายงานข่าวมติชนระบุว่า การแข่งขันเทนนิสเยาวชนเอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี เก็บคะแนนสะสมอันดับเอเชีย ระดับเกรด 2 รายการ LTAT Asian 14&Under C2 (4) 2024 หรือ “แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีน แอนด์ อันเดอร์ 2024” ครั้งที่ 4 ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม เป็นการแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศ พลอยเพชร ด้วงเขียว นักเทนนิสดาวรุ่งจากสงขลา ดีกรีทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี โชว์ฟอร์มมือวางอันดับ 1 ของรายการ หวดชนะ เอลิซา โอนาธี กาเบรียล คาฮากัลลา จากศรีลังกา ด้วยสกอร์ 6-0 ทั้งสองเซต ในการแข่งขันประเภทหญิงเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ ส่งให้ พลอยเพชร ทะยานสู่รอบรองชนะเลิศ ไปพบกับ อัญวีณ์ ไพศาลภาณุวงศ์ นักเทนนิสไทยด้วยกัน ซึ่งเป็นมือวางอันดับ 4 ของรายการ ที่ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เอาชนะ แฮลีน หมิง แฮ ชู มือวางอันดับ 8 จากฮ่องกง 2-0 เซต 7-6 ไทเบรก 7-5 และ 6-0 ที่มา มติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/sport/thai-sport/news_4836797 #Thaitimes
    WWW.MATICHON.CO.TH
    พลอยเพชร หวดไม่เสียเซตลิ่วตัดเชือกศึกเทนนิส แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีนฯ
    พลอยเพชร หวดไม่เสียเซตลิ่วตัดเชือกศึกเทนนิส แอลทีเอที เอเชี่ยน โฟร์ทีนฯ
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 504 Views 0 Reviews
  • ในหลวง ทอดพระเนตร พระราชินี ทรงร่วมแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย

    วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗) เวลา ๑๘.๒๖ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์ เทือนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายหานจื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หม่อมหลวงกฤษฎา เกษมสันต์ นายกสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแข็งแห่งประเทศไทยพร้อมคณะกรรมการ และคณะทำงาน ฯ เฝ้า ฯ รับเสด็จ

    ในโอกาสนี้สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ (Women’s Global Ambassador) คนแรก ตามคำกราบบังคมทูลเขิญของสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ทรงนำทีมไอซ์ฮอกกี้ราชอาณาจักรไทยแข่งขันกับทีมสาธารณรัฐประชาชนจีน นัดกระชับมิตรในครั้งนี้ด้วย

    การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ร่วมกับ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง ตามลำดับ

    จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยกราบบังคมทูลรายงานและกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้แทนจากสมาคมฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึกแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ นายลุค ทาร์ดิฟ ประธานสหพันธ์ International Ice Hockey Federation (IHF) ทูลเกล้า ฯ ถวายโล่สัญลักษณ์ทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ของสหพันธ์ ฯ พร้อมใบประกาศ (IIHF Women's Global Ambassador) แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

    โดยสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เป็นทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิง(Women’s Global Ambassador) คนแรกของสหพันธ์ ด้วยพระปรีชาสามารถด้านกีฬาไอซ์ฮอกกี้อันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาปวงพสกนิกรชาวไทยและทั่วโลก เมื่อครั้งโดยเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ทรงเปิด ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชันแนล ไอซ์ ฮอกกี้ อารีนา เชียงใหม่ (Thailand International Ice Hockey Arena Chiangmai) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงร่วมการแข่งขันในนัดเปิดสนามในครั้งนั้นด้วย ทรงสร้างความประทับใจและทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาหญิงจำนวนมาก และทรงเป็นแบบอย่างให้กับนักกีฬาในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก

    ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแสดงโชว์ในการแข่งขันกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย

    จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นฉลองพระองค์นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งทีมราชอาณาจักรไทย เพื่อทรงร่วมแข่งขันกับทีมนักกีฬาฮอกกี้สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๓ Period ซึ่งระหว่างที่ทรงแข่งขันอยู่ในสนามนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงทุ่มเทพระวรกายในการแข่งขันอย่างเต็มพระกำลัง โดยเกมการแข่งขันของทั้งสองทีม ดำเนินไปอย่างสูสีผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างเข้มข้นจนจบการแข่งขัน

    ประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงให้ความสำคัญและทรงตั้งพระราชหฤทัยในการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนานให้ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินเยือนและการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างสองประเทศในโอกาสต่างๆ ดังต่อไปนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายไฉ เจ๋อหมิน เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยคนแรก เข้าเฝ้าฯถวายสาส์นตราตั้ง ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๑๙

    เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๓ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นผู้แทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนจีนอย่างเป็นทางการ (State Visit) ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน

    วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน โดยนายว่าน หลี่ รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดพิธีต้อนรับณ จัตุรัสด้านตะวันออก ของมหาศาลาประชาชนกรุงปักกิ่ง และวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับ นาย สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมด้วยคู่สมรส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย– แปซิฟิก หรือ เอเปค (Asia – Pacific Economic Cooperation : APEC) ครั้งที่ ๒๙ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น

    การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena ในครั้งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และในโอกาสครบ ๗๕ ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ทั้งสองประเทศได้กระชับสัมพันธไมตรีที่ดี ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อันนำไปสู่ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันในทุกระดับ เพื่อประโยชน์สุขของราษฎรทั้งสองประเทศสืบไป

    #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด
    #การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตร
    #สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยจีน

    ที่มา : @พระลาน
    https://www.facebook.com/share/2aTmWcVP1wpm3egn/
    ในหลวง ทอดพระเนตร พระราชินี ทรงร่วมแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗) เวลา ๑๘.๒๖ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสรวงศ์ เทือนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายหานจื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หม่อมหลวงกฤษฎา เกษมสันต์ นายกสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแข็งแห่งประเทศไทยพร้อมคณะกรรมการ และคณะทำงาน ฯ เฝ้า ฯ รับเสด็จ ในโอกาสนี้สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ (Women’s Global Ambassador) คนแรก ตามคำกราบบังคมทูลเขิญของสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ทรงนำทีมไอซ์ฮอกกี้ราชอาณาจักรไทยแข่งขันกับทีมสาธารณรัฐประชาชนจีน นัดกระชับมิตรในครั้งนี้ด้วย การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ร่วมกับ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง ตามลำดับ จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยกราบบังคมทูลรายงานและกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้แทนจากสมาคมฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึกแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ นายลุค ทาร์ดิฟ ประธานสหพันธ์ International Ice Hockey Federation (IHF) ทูลเกล้า ฯ ถวายโล่สัญลักษณ์ทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิงกิตติมศักดิ์ของสหพันธ์ ฯ พร้อมใบประกาศ (IIHF Women's Global Ambassador) แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี โดยสหพันธ์กีฬาฮอกกี้น้ำแข็งนานาชาติ (International Ice Hockey Federation) “IIHF” ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เป็นทูตกีฬาไอซ์ฮอกกี้หญิง(Women’s Global Ambassador) คนแรกของสหพันธ์ ด้วยพระปรีชาสามารถด้านกีฬาไอซ์ฮอกกี้อันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาปวงพสกนิกรชาวไทยและทั่วโลก เมื่อครั้งโดยเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ทรงเปิด ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชันแนล ไอซ์ ฮอกกี้ อารีนา เชียงใหม่ (Thailand International Ice Hockey Arena Chiangmai) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๖ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงร่วมการแข่งขันในนัดเปิดสนามในครั้งนั้นด้วย ทรงสร้างความประทับใจและทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาหญิงจำนวนมาก และทรงเป็นแบบอย่างให้กับนักกีฬาในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแสดงโชว์ในการแข่งขันกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นฉลองพระองค์นักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งทีมราชอาณาจักรไทย เพื่อทรงร่วมแข่งขันกับทีมนักกีฬาฮอกกี้สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๓ Period ซึ่งระหว่างที่ทรงแข่งขันอยู่ในสนามนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงทุ่มเทพระวรกายในการแข่งขันอย่างเต็มพระกำลัง โดยเกมการแข่งขันของทั้งสองทีม ดำเนินไปอย่างสูสีผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างเข้มข้นจนจบการแข่งขัน ประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงให้ความสำคัญและทรงตั้งพระราชหฤทัยในการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนานให้ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินเยือนและการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างสองประเทศในโอกาสต่างๆ ดังต่อไปนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายไฉ เจ๋อหมิน เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยคนแรก เข้าเฝ้าฯถวายสาส์นตราตั้ง ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๑๙ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๓ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นผู้แทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนจีนอย่างเป็นทางการ (State Visit) ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลจีน โดยนายว่าน หลี่ รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดพิธีต้อนรับณ จัตุรัสด้านตะวันออก ของมหาศาลาประชาชนกรุงปักกิ่ง และวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับ นาย สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมด้วยคู่สมรส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย– แปซิฟิก หรือ เอเปค (Asia – Pacific Economic Cooperation : APEC) ครั้งที่ ๒๙ ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตรระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและราชอาณาจักรไทย ณ สนามฮอกกี้น้ำแข็ง Thailand International Ice Hockey Arena ในครั้งนี้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และในโอกาสครบ ๗๕ ปี แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ทั้งสองประเทศได้กระชับสัมพันธไมตรีที่ดี ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อันนำไปสู่ความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันในทุกระดับ เพื่อประโยชน์สุขของราษฎรทั้งสองประเทศสืบไป #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด #การแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็งกระชับมิตร #สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยจีน ที่มา : @พระลาน https://www.facebook.com/share/2aTmWcVP1wpm3egn/
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • ขออภัยนะคะ……ไปเที่ยวมานิดนึง แต่……ในฐานะติ่งอาวุโส ก็ต้องรีบกลับมาประจำที่ค่าาา……พี่ปูเค้ากำลังฮ็อต…!!!

    ตอนยี่สิบสอง……เรื่องการแทรกแซงในยูเครนไม่ใช่เรื่องใหม่……ยังไงก็ต้องเป็นสนามรบ……!!!

    2013 ในระหว่างที่รัสเซียกำลังพุ่งแรงในเรื่องของเศรษฐกิจและการส่งพลังงาน อเมริกาก็เริ่มอึดอัด……เพราะระหว่างสัมพันธภาพดีๆระหว่างรัสเซียกับอเมริกานั้น……ก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกในสำนักข่าวเท่านั้น
    ที่เหลือคือ…การคุมเชิงกันแบบไม่กระพริบตา……
    โชคได้เข้าข้างปูติน……แบบบุญหล่นทับ……ในวันที่ 23 มิถุนายน 2013
    ที่สายการบินแอโรฟลอตได้นำชายอเมริกันคนหนึ่งมาสู่แผ่นดินรัสเซีย
    เขาคนนั้นคือ Edward Snowden ชายวัย 40 ปี ที่เคยเป็นหนึ่งในทีมของบริษัท Dell และ Booz Allen Hamilton ที่เป็นบริษัทที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของ NSA (National Security Agency) หรือ ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา
    สโนว์เดน……ได้พบกับความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐ ด้วยหลักฐานหลายๆอย่างที่มีการดักฟังโทรศัพท์ประชาชน และ ควบคุมเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ในทุกที่ ที่ข้ามไปถึง แคนาดา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์
    เขาได้ข้อมูลไปกระจายใน WikiLeaks และ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เช่น The Guardian, The Washington Post
    และได้หลบหนีไปยังฮ่องกง เพื่อไปพบกับใครบางคนที่สถานกงสุลรัสเซียที่นั่น……
    จากนั้นเขาตั้งใจจะไปที่คิวบา………แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศอายัดพาสปอร์ตของเขาและมีหมายจับ……นั่นหมายความว่าเขาจะไปที่ไหนไม่ได้ นอกจากจะต้องส่งกลับ หรือ ต้องติดอยู่ที่สนามบินที่ฮ่องกงเพื่อรอการจับกุมตัว

    แต่ทางฮ่องกงได้ส่งเขาขึ้นเครื่องบินไปที่มอสโคว์..…ที่ทางรัฐบาลของปูตินปูพรมแดงรอรับ……ที่หัวหน้าของ FSB ไปรอรับด้วยตัวเองในฐานะแขกผู้มีเกียรติและถือว่าเป็นว่าวีรบุรุษ……

    ปธน. บารัค โอบามา พยายามที่จะติดต่อขอตัว”ผู้ร้าย” กลับไป โดยอ้างว่าสโนว์เดนเป็นคนขายชาติ และเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคง
    รวมทั้งสัญญาว่า……จะไม่มีการทำร้าย หรือ จับไปทารุณกรรม จะดำเนินคดีตามกฏหมายเท่านั้น……
    ปูตินตอกกลับไปว่า……เขาไม่ได้มีความผิดอะไรในรัสเซีย และ ด้วยสิทธิมนุษยชน เขามีสิทธิที่จะขออยู่ในรัสเซียได้ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน
    ว่าแล้ว…สโนว์เดนก็ได้รับวีซ่าลี้ภัยให้อยู่ในรัสเซียแบบยาวนาน

    การเปิดเผยความลับของสโนว์เดนนี้ ผู้นำหลายชาติจึงได้ทราบว่า โทรศัพท์ของตัวเองมีการถูกดักฟัง เช่น นางแองเจลา เมอร์เคิล ด้วยระบบ
    SORM (System of Operative-Investigative Measures) ที่อเมริกาได้สร้างเป็นมุ้งคลุมไว้ทั่วเพื่อเป็นสปายทางระบบใยแก้ว

    เมื่อความลับจากสโนว์เดนที่แจกแจงออกมาให้ชาวโลกได้ทราบ
    โอบามายิ่งแค้นปูตินมากขึ้นเป็นทวีคูณ……เขามีกำหนดการที่จะต้องพบกับปูตินในเดือนกันยายน ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในการประชุม G20
    แต่…ขอยกเลิก……โดยอ้างกับนักข่าวว่า พบไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัสเซียทำตรงกันข้ามทุกอย่าง เช่นการเท่าเทียมทางกลุ่มรักร่วมเพศ,
    การลดขนาดการสร้างอาวุธ, ยกเลิกการรับเลี้ยงดูเด็ก และความวุ่นวายที่ตะวันออกกลาง
    แต่……โอบามาไม่ปริปากในเรื่องการรั่วไหลของความลับที่กำลังเป็นข่าวดังในขณะนั้น…
    ทางฝ่ายโฆษกของรัสเซียได้ออกมาตอบโต้ว่า……ตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง……!!!

    ผลจากวิกิลีคส์ ที่เผยแพร่ไปได้สร้างความหวั่นไหวให้กับหลายๆชาติ
    ที่ตอนนี้เริ่มมองเห็นความสำคัญของรัสเซีย เพราะทุกคนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า……รัฐบาลรัสเซียได้ล่วงรู้ข้อมูลลับไปมากน้อยแค่ไหน
    สายตาทั้งหมดที่มองไปที่สหรัฐอเมริกา……มีแต่ความเคลือบแคลงและหมดความไว้ใจ
    แม้แต่นิตยสาร Forbes ได้ติดตำแหน่งให้ปูตินเป็นบุคคลที่ทรงอานุภาพที่สุดในโลก
    บุคคลที่ทรงอานุภาพ……ได้หันมาโฟกัสที่ยูเครนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
    เพราะเมื่อปี 2010 ที่ Viktor Yanukovych ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี
    ได้มีความกลมเกลียวเป็นอันดีกับรัสเซีย แต่พอมาปลายสมัย คือ 2015
    เขาเริ่มเปลี่ยนไป……หันไปซบกับตะวันตก ที่กำลังขยายยุโรปมาจนติดชายขอบ เช่น Moldova, Georgia และ Armenia โดยเริ่มจากลงนามในสนธิสัญญาทางการค้า โดยหวังว่าจะต่อยอดไปจนถึงสมาชิกสภายูโรเปี้ยน

    สำหรับปูติน……การก้าวล่วงมาถึงยูเครน……มันเกินกว่าที่จะรับได้
    เพราะเขามองออกว่า……นั่นคือ สิ่งที่ตะวันตกต้องการมากที่สุด คือ พื้นที่ที่จะจัดตั้งเป็นเขตทหารในนามของนาโต้……
    และทางพลังงาน……ที่จะเข้ามาควบคุมแหล่งทรัพยากร……
    ถ้าเกิดมีสงครามระหว่าง รัสเซียกับอเมริกา (มีความเป็นไปได้สูง)
    ทางตะวันตกแทบไม่ต้องลงแรงรบเลย เพราะ มีพลังงานให้ใช้ไม่มีหมด
    มีการหนุนหลังเรื่องเสบียงจากยุโรปไม่อั้น และ สามารถปิดกั้นทะเลบอลติก……
    ดังนั้น ยูเครนคือกล่องดวงใจ……ที่ต้องเต้นตามจังหวะของรัสเซียเท่านั้น
    ปูตินตั้งใจที่จะสร้างกลุ่ม Eurasian Union ขึ้นมา คือ เป็นการรวมตัวของโลกฝั่งตะวันออก ( ตอนนี้ก็เริ่มแล้ว คือ BRICS)
    แต่หัวใจสำคัญคือ ยูเครนที่ปูตินถือว่า เป็นดินแดน(เก่าแก่)ต้นกำเนิดของรัสเซียจะต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดตะวันตก….โดยเริ่มความเป็น Eurasian Union จากพรมแดนตรงนั้น……
    แต่ไปๆมาๆ…ยูเครนได้หันไปโปรตะวันตกอย่างออกหน้าออกตา
    โดยเฉพาะกับนางฮิลลารี คลินตันที่เคยออกมาเย้ยเยาะว่า (2012)
    “ถ้าคิดว่ายูเครนคือหมูในอวย…ฝันไปเถอะ……”

    ก่อนที่ EU จะรับ Lithuania เข้าไปเป็นสมาชิก อียูได้หันมาเร่งให้ยูเครนรีบเซ็นสัญญาค้าขายกันเสียก่อน เพื่อจะได้เอาไว้เป็นเครดิตว่ามีกิจกรรมกับทางยุโรป
    ปูตินพยายามคัดค้าน และพยายามไปเยี่ยมเยียนบ่อยครั้ง แม้กระทั่งในเดือนกรกฎาคม 2013 ที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาร่วมกัน ที่ปูตินได้ย้ำเตือนถึงความเป็นออโธด็อกซ์ที่ผูกพันมาตั้งแต่ ปี 988

    ฝ่ายพ่อค้ายูเครนที่โปรตะวันตก เช่น บริษัท Roshen (ขายขนมทอฟฟี่)
    ปูตินสั่งบอยคอต……ห้ามเข้า
    เขาได้พบกับประธานาธิบดี Yanukovych สองครั้งติดกันในเดือนตุลาคมและ พฤศจิกายน และบอกตรงๆว่า……ยูเครนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หากคิดที่จะหวังไปร่วมกับยุโรป……รวมทั้ง พลังงานทั้งหลายแหล่ จะต้องถูกตัดขาด……
    เมื่อโดนเข้าไปเต็มๆ……ท่าทีของยานุโควิชที่มีต่อยูโรปได้เปลี่ยนไปไม่กล้าที่จะออกความเห็นหรือตัดสินใจ เขาได้บอกกับทางอียูไปตรงๆว่า
    ยูเครนเป็นหนี้รัสเซียอยู่ แสนหกหมื่นล้านเหรียญ ถ้าทางสภายุโรปมีหนทางที่จะช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้ ยูเครนก็จะได้มีโอกาสทำสัญญาทางการค้าด้วย
    สภายุโรปได้ยินจำนวนเงิน………ก็ลมจับ ไม่เสนอหน้ามาชวนอีกเลย

    แต่ก่อนที่จะโดนปูตินอัดเข้าไป ยานุโควิชได้ทำการโฆษณาให้ความหวังกับประชาชนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะเปิดความสัมพันธ์กับยูโรป และจะพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในสภาอียู
    แต่เมื่อถึงเวลาการประชุม ที่ลิธัวเนีย ในวันที่ 21 พฤศจิกายน
    ยานุโควิช……ได้ประกาศออกสื่อให้ทราบทั่วกันว่า เขาเปลี่ยนใจแล้ว
    ไม่ขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสัมพันธ์ทางพานิชย์กับอียู
    อยู่อย่างนี้เหมือนเดิม…
    ผลคือ……ประชาชนออกมาเดินขบวน แน่นหนาเต็มเมือง
    แต่คราวนี้ไม่ใช่ธงสีส้ม……แต่เป็นธงอียูสีฟ้าที่มีดาวเหลืองเป็นวงกลม

    ยานุโควิช……แทบไม่ต้องแก้ไขอะไรเพราะในเวลานั้นเป็นฤดูหนาวที่ใกล้เทศกาลปลายปี ชุมนุมกันก็ได้แค่เดี๋ยวเดียว เขาบินไปจีน ไปทำสัญญาการค้าขาย (แทนยุโรป) ก่อนไปที่จีน เขาแวะพบกับปูตินเพื่อทำการตกลงกันว่า ทางรัสเซียจะให้เงินอุดหนุนสภาพคล่องหมื่นห้าพันล้านเหรียญ
    และลดราคาก๊าส จาก$400 คิวบิตเมตร เป็น $268
    ที่จะเก็บเป็นความลับไปจนกว่าจะถึงวันที่ 9 มีนาคม 2014 ที่ผู้นำทั้งสองจะมีการพบปะกัน แล้วค่อยประกาศอย่างเป็นทางการ………

    เป็นอันว่า…ในยกนี้ ปูตินได้เอาชนะต่อคำเยาะเย้ยของนางคลินตันไปได้

    ตอนนั้นเป็นช่วงที่ใกล้จะเปิดพิธีกีฬาโอลิมปิกที่ Sochi ประมุขของประเทศต่างๆจะเข้ามาเป็นอาคันตุกะ เขาได้ทำการปล่อยนักโทษการเมือง ให้เป็นอิสระ อย่างเช่น Mikhaïl Khodorkovsky ที่จำคุกมาแล้ว10 ปี
    โดยมีการทำสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับการเมืองอีก…… และปลดปล่อยกลุ่มสาวห่าม ***** Riot ตามด้วยกลุ่มที่เคยประท้วงอื่นๆ
    สองวันก่อนที่จะมีพิธีเปิด….กลุ่มนักข่าวสามสิบกว่าคนได้ทำการเขียนข่าวในทำนองว่า เป็นการใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองเพื่อสนองความต้องการของคนคนเดียว……
    ปูตินให้สัมภาษณ์โต้ว่า……”การทำให้คนรักเรา สรรเสริญเรา ชื่นชมเรา นั้นทำไม่ยากเลย..”
    นักข่าวถามว่า ต้องทำอย่างไร?
    คำตอบคือ……ก็เวลาที่เราลดขนาดกองทัพ…ยกพื้นที่ให้เขา…ขายทรัพยากรให้เขาอย่างถูกๆไงล่ะ ……แค่นั้นเขาก็จะรักเรา ดีกับเราสารพัด…!!
    แต่เมื่อพิธีงานเปิดผ่านไป.……คนที่เคยติ……คนที่เคยต่อต้านกลับมาชื่นชมในผลงานและภาคภูมิใจไปตามๆกัน

    สำหรับปูติน.……มันคือการเรียกศักดิ์ศรีของประเทศกลับคืนมา เฉกเช่นเมื่อครั้ง Yuri Gagarin ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ……และกองทัพแดงได้ชัยชนะในสงครามกับนาซี
    ความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้…ได้ส่งข้ามไปถึงสหรัฐอเมริกา ที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่ได้เข้ามาร่วม เพราะหนึ่งคือความขัดแย้ง
    สองคือ……ความบาดตาบาดใจ…!!!!


    Wiwanda W. Vichit
    ขออภัยนะคะ……ไปเที่ยวมานิดนึง แต่……ในฐานะติ่งอาวุโส ก็ต้องรีบกลับมาประจำที่ค่าาา……พี่ปูเค้ากำลังฮ็อต…!!! ตอนยี่สิบสอง……เรื่องการแทรกแซงในยูเครนไม่ใช่เรื่องใหม่……ยังไงก็ต้องเป็นสนามรบ……!!! 2013 ในระหว่างที่รัสเซียกำลังพุ่งแรงในเรื่องของเศรษฐกิจและการส่งพลังงาน อเมริกาก็เริ่มอึดอัด……เพราะระหว่างสัมพันธภาพดีๆระหว่างรัสเซียกับอเมริกานั้น……ก็แค่ภาพลักษณ์ภายนอกในสำนักข่าวเท่านั้น ที่เหลือคือ…การคุมเชิงกันแบบไม่กระพริบตา…… โชคได้เข้าข้างปูติน……แบบบุญหล่นทับ……ในวันที่ 23 มิถุนายน 2013 ที่สายการบินแอโรฟลอตได้นำชายอเมริกันคนหนึ่งมาสู่แผ่นดินรัสเซีย เขาคนนั้นคือ Edward Snowden ชายวัย 40 ปี ที่เคยเป็นหนึ่งในทีมของบริษัท Dell และ Booz Allen Hamilton ที่เป็นบริษัทที่ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของ NSA (National Security Agency) หรือ ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา สโนว์เดน……ได้พบกับความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐ ด้วยหลักฐานหลายๆอย่างที่มีการดักฟังโทรศัพท์ประชาชน และ ควบคุมเพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ในทุกที่ ที่ข้ามไปถึง แคนาดา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ เขาได้ข้อมูลไปกระจายใน WikiLeaks และ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ เช่น The Guardian, The Washington Post และได้หลบหนีไปยังฮ่องกง เพื่อไปพบกับใครบางคนที่สถานกงสุลรัสเซียที่นั่น…… จากนั้นเขาตั้งใจจะไปที่คิวบา………แต่ทางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศอายัดพาสปอร์ตของเขาและมีหมายจับ……นั่นหมายความว่าเขาจะไปที่ไหนไม่ได้ นอกจากจะต้องส่งกลับ หรือ ต้องติดอยู่ที่สนามบินที่ฮ่องกงเพื่อรอการจับกุมตัว แต่ทางฮ่องกงได้ส่งเขาขึ้นเครื่องบินไปที่มอสโคว์..…ที่ทางรัฐบาลของปูตินปูพรมแดงรอรับ……ที่หัวหน้าของ FSB ไปรอรับด้วยตัวเองในฐานะแขกผู้มีเกียรติและถือว่าเป็นว่าวีรบุรุษ…… ปธน. บารัค โอบามา พยายามที่จะติดต่อขอตัว”ผู้ร้าย” กลับไป โดยอ้างว่าสโนว์เดนเป็นคนขายชาติ และเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคง รวมทั้งสัญญาว่า……จะไม่มีการทำร้าย หรือ จับไปทารุณกรรม จะดำเนินคดีตามกฏหมายเท่านั้น…… ปูตินตอกกลับไปว่า……เขาไม่ได้มีความผิดอะไรในรัสเซีย และ ด้วยสิทธิมนุษยชน เขามีสิทธิที่จะขออยู่ในรัสเซียได้ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วน ว่าแล้ว…สโนว์เดนก็ได้รับวีซ่าลี้ภัยให้อยู่ในรัสเซียแบบยาวนาน การเปิดเผยความลับของสโนว์เดนนี้ ผู้นำหลายชาติจึงได้ทราบว่า โทรศัพท์ของตัวเองมีการถูกดักฟัง เช่น นางแองเจลา เมอร์เคิล ด้วยระบบ SORM (System of Operative-Investigative Measures) ที่อเมริกาได้สร้างเป็นมุ้งคลุมไว้ทั่วเพื่อเป็นสปายทางระบบใยแก้ว เมื่อความลับจากสโนว์เดนที่แจกแจงออกมาให้ชาวโลกได้ทราบ โอบามายิ่งแค้นปูตินมากขึ้นเป็นทวีคูณ……เขามีกำหนดการที่จะต้องพบกับปูตินในเดือนกันยายน ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในการประชุม G20 แต่…ขอยกเลิก……โดยอ้างกับนักข่าวว่า พบไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัสเซียทำตรงกันข้ามทุกอย่าง เช่นการเท่าเทียมทางกลุ่มรักร่วมเพศ, การลดขนาดการสร้างอาวุธ, ยกเลิกการรับเลี้ยงดูเด็ก และความวุ่นวายที่ตะวันออกกลาง แต่……โอบามาไม่ปริปากในเรื่องการรั่วไหลของความลับที่กำลังเป็นข่าวดังในขณะนั้น… ทางฝ่ายโฆษกของรัสเซียได้ออกมาตอบโต้ว่า……ตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง……!!! ผลจากวิกิลีคส์ ที่เผยแพร่ไปได้สร้างความหวั่นไหวให้กับหลายๆชาติ ที่ตอนนี้เริ่มมองเห็นความสำคัญของรัสเซีย เพราะทุกคนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า……รัฐบาลรัสเซียได้ล่วงรู้ข้อมูลลับไปมากน้อยแค่ไหน สายตาทั้งหมดที่มองไปที่สหรัฐอเมริกา……มีแต่ความเคลือบแคลงและหมดความไว้ใจ แม้แต่นิตยสาร Forbes ได้ติดตำแหน่งให้ปูตินเป็นบุคคลที่ทรงอานุภาพที่สุดในโลก บุคคลที่ทรงอานุภาพ……ได้หันมาโฟกัสที่ยูเครนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะเมื่อปี 2010 ที่ Viktor Yanukovych ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ได้มีความกลมเกลียวเป็นอันดีกับรัสเซีย แต่พอมาปลายสมัย คือ 2015 เขาเริ่มเปลี่ยนไป……หันไปซบกับตะวันตก ที่กำลังขยายยุโรปมาจนติดชายขอบ เช่น Moldova, Georgia และ Armenia โดยเริ่มจากลงนามในสนธิสัญญาทางการค้า โดยหวังว่าจะต่อยอดไปจนถึงสมาชิกสภายูโรเปี้ยน สำหรับปูติน……การก้าวล่วงมาถึงยูเครน……มันเกินกว่าที่จะรับได้ เพราะเขามองออกว่า……นั่นคือ สิ่งที่ตะวันตกต้องการมากที่สุด คือ พื้นที่ที่จะจัดตั้งเป็นเขตทหารในนามของนาโต้…… และทางพลังงาน……ที่จะเข้ามาควบคุมแหล่งทรัพยากร…… ถ้าเกิดมีสงครามระหว่าง รัสเซียกับอเมริกา (มีความเป็นไปได้สูง) ทางตะวันตกแทบไม่ต้องลงแรงรบเลย เพราะ มีพลังงานให้ใช้ไม่มีหมด มีการหนุนหลังเรื่องเสบียงจากยุโรปไม่อั้น และ สามารถปิดกั้นทะเลบอลติก…… ดังนั้น ยูเครนคือกล่องดวงใจ……ที่ต้องเต้นตามจังหวะของรัสเซียเท่านั้น ปูตินตั้งใจที่จะสร้างกลุ่ม Eurasian Union ขึ้นมา คือ เป็นการรวมตัวของโลกฝั่งตะวันออก ( ตอนนี้ก็เริ่มแล้ว คือ BRICS) แต่หัวใจสำคัญคือ ยูเครนที่ปูตินถือว่า เป็นดินแดน(เก่าแก่)ต้นกำเนิดของรัสเซียจะต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดตะวันตก….โดยเริ่มความเป็น Eurasian Union จากพรมแดนตรงนั้น…… แต่ไปๆมาๆ…ยูเครนได้หันไปโปรตะวันตกอย่างออกหน้าออกตา โดยเฉพาะกับนางฮิลลารี คลินตันที่เคยออกมาเย้ยเยาะว่า (2012) “ถ้าคิดว่ายูเครนคือหมูในอวย…ฝันไปเถอะ……” ก่อนที่ EU จะรับ Lithuania เข้าไปเป็นสมาชิก อียูได้หันมาเร่งให้ยูเครนรีบเซ็นสัญญาค้าขายกันเสียก่อน เพื่อจะได้เอาไว้เป็นเครดิตว่ามีกิจกรรมกับทางยุโรป ปูตินพยายามคัดค้าน และพยายามไปเยี่ยมเยียนบ่อยครั้ง แม้กระทั่งในเดือนกรกฎาคม 2013 ที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาร่วมกัน ที่ปูตินได้ย้ำเตือนถึงความเป็นออโธด็อกซ์ที่ผูกพันมาตั้งแต่ ปี 988 ฝ่ายพ่อค้ายูเครนที่โปรตะวันตก เช่น บริษัท Roshen (ขายขนมทอฟฟี่) ปูตินสั่งบอยคอต……ห้ามเข้า เขาได้พบกับประธานาธิบดี Yanukovych สองครั้งติดกันในเดือนตุลาคมและ พฤศจิกายน และบอกตรงๆว่า……ยูเครนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง หากคิดที่จะหวังไปร่วมกับยุโรป……รวมทั้ง พลังงานทั้งหลายแหล่ จะต้องถูกตัดขาด…… เมื่อโดนเข้าไปเต็มๆ……ท่าทีของยานุโควิชที่มีต่อยูโรปได้เปลี่ยนไปไม่กล้าที่จะออกความเห็นหรือตัดสินใจ เขาได้บอกกับทางอียูไปตรงๆว่า ยูเครนเป็นหนี้รัสเซียอยู่ แสนหกหมื่นล้านเหรียญ ถ้าทางสภายุโรปมีหนทางที่จะช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้ ยูเครนก็จะได้มีโอกาสทำสัญญาทางการค้าด้วย สภายุโรปได้ยินจำนวนเงิน………ก็ลมจับ ไม่เสนอหน้ามาชวนอีกเลย แต่ก่อนที่จะโดนปูตินอัดเข้าไป ยานุโควิชได้ทำการโฆษณาให้ความหวังกับประชาชนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะเปิดความสัมพันธ์กับยูโรป และจะพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในสภาอียู แต่เมื่อถึงเวลาการประชุม ที่ลิธัวเนีย ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ยานุโควิช……ได้ประกาศออกสื่อให้ทราบทั่วกันว่า เขาเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสัมพันธ์ทางพานิชย์กับอียู อยู่อย่างนี้เหมือนเดิม… ผลคือ……ประชาชนออกมาเดินขบวน แน่นหนาเต็มเมือง แต่คราวนี้ไม่ใช่ธงสีส้ม……แต่เป็นธงอียูสีฟ้าที่มีดาวเหลืองเป็นวงกลม ยานุโควิช……แทบไม่ต้องแก้ไขอะไรเพราะในเวลานั้นเป็นฤดูหนาวที่ใกล้เทศกาลปลายปี ชุมนุมกันก็ได้แค่เดี๋ยวเดียว เขาบินไปจีน ไปทำสัญญาการค้าขาย (แทนยุโรป) ก่อนไปที่จีน เขาแวะพบกับปูตินเพื่อทำการตกลงกันว่า ทางรัสเซียจะให้เงินอุดหนุนสภาพคล่องหมื่นห้าพันล้านเหรียญ และลดราคาก๊าส จาก$400 คิวบิตเมตร เป็น $268 ที่จะเก็บเป็นความลับไปจนกว่าจะถึงวันที่ 9 มีนาคม 2014 ที่ผู้นำทั้งสองจะมีการพบปะกัน แล้วค่อยประกาศอย่างเป็นทางการ……… เป็นอันว่า…ในยกนี้ ปูตินได้เอาชนะต่อคำเยาะเย้ยของนางคลินตันไปได้ ตอนนั้นเป็นช่วงที่ใกล้จะเปิดพิธีกีฬาโอลิมปิกที่ Sochi ประมุขของประเทศต่างๆจะเข้ามาเป็นอาคันตุกะ เขาได้ทำการปล่อยนักโทษการเมือง ให้เป็นอิสระ อย่างเช่น Mikhaïl Khodorkovsky ที่จำคุกมาแล้ว10 ปี โดยมีการทำสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับการเมืองอีก…… และปลดปล่อยกลุ่มสาวห่าม Pussy Riot ตามด้วยกลุ่มที่เคยประท้วงอื่นๆ สองวันก่อนที่จะมีพิธีเปิด….กลุ่มนักข่าวสามสิบกว่าคนได้ทำการเขียนข่าวในทำนองว่า เป็นการใช้เงินอย่างสิ้นเปลืองเพื่อสนองความต้องการของคนคนเดียว…… ปูตินให้สัมภาษณ์โต้ว่า……”การทำให้คนรักเรา สรรเสริญเรา ชื่นชมเรา นั้นทำไม่ยากเลย..” นักข่าวถามว่า ต้องทำอย่างไร? คำตอบคือ……ก็เวลาที่เราลดขนาดกองทัพ…ยกพื้นที่ให้เขา…ขายทรัพยากรให้เขาอย่างถูกๆไงล่ะ ……แค่นั้นเขาก็จะรักเรา ดีกับเราสารพัด…!! แต่เมื่อพิธีงานเปิดผ่านไป.……คนที่เคยติ……คนที่เคยต่อต้านกลับมาชื่นชมในผลงานและภาคภูมิใจไปตามๆกัน สำหรับปูติน.……มันคือการเรียกศักดิ์ศรีของประเทศกลับคืนมา เฉกเช่นเมื่อครั้ง Yuri Gagarin ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ……และกองทัพแดงได้ชัยชนะในสงครามกับนาซี ความยิ่งใหญ่ในครั้งนี้…ได้ส่งข้ามไปถึงสหรัฐอเมริกา ที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ไม่ได้เข้ามาร่วม เพราะหนึ่งคือความขัดแย้ง สองคือ……ความบาดตาบาดใจ…!!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 355 Views 0 Reviews
  • AFP ตีข่าว ถนนไทยอันตรายอันดับ 2 ของเอเชีย ชี้ปัญหาส่วนหนึ่งจากเหตุทุจริตตรวจยานพาหนะ

    @สำนักข่าวอิศรา

    https://www.isranews.org/article/isranews-news/132274-isranews-ASIAA.html?fbclid=IwY2xjawFrSiFleHRuA2FlbQIxMQABHSOB7F3pVf-ZbbeJp169XkUQfVL5cjlbnkVD-zJJ7jNSUO58pRaezkPktA_aem_IqwIA5eouEh34AJMWOXbhA
    AFP ตีข่าว ถนนไทยอันตรายอันดับ 2 ของเอเชีย ชี้ปัญหาส่วนหนึ่งจากเหตุทุจริตตรวจยานพาหนะ @สำนักข่าวอิศรา https://www.isranews.org/article/isranews-news/132274-isranews-ASIAA.html?fbclid=IwY2xjawFrSiFleHRuA2FlbQIxMQABHSOB7F3pVf-ZbbeJp169XkUQfVL5cjlbnkVD-zJJ7jNSUO58pRaezkPktA_aem_IqwIA5eouEh34AJMWOXbhA
    WWW.ISRANEWS.ORG
    AFP ตีข่าว ถนนไทยอันตรายอันดับ 2 ของเอเชีย ชี้ปัญหาส่วนหนึ่งจากเหตุทุจริตตรวจยานพาหนะ
    AFP อ้างข้อมูล WHO ชี้ถนนไทยอันตราย 2 ของเอเชีย เสียชีวิตจากเหตุบนท้องถนนอันดับ 16 ของโลก -ปัญหาส่วนมากจากเมาแล้วขับ ออกแบบถนนไม่ดี เหตุทุจริตตรวจประสิทธิภาพยานพาหนะ ยกข่าว จนท.ทล.รับสินบนเป็นตัวอย่าง ขณะ รพ.ไทยแม้ประสิทธิภาพจะดี แต่การบริการฉุกเฉินในต่างจังหวัดยังเป็นปัญหา
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • มากันที่ เรือสิริมหรรณพ เรือใบสามเสา สุดสวยที่จอดเทียบท่าถาวรที่ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อน ที่นี่มีบริการพร้อมทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เมนูอาหารมากมายทั้งไทยและยุโรปรวมไปถึงอาหารทะเลและเมนูสไตล์ทาปาส และที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดคือวิวจากบนเรือสวยมาก มีความโรแมนติกไม่เหมือนใคร บอกเลยว่าไม่มาคือพลาดนะ

    พิกัด : https://goo.gl/maps/UXL7B4YgKQFuHHmE9
    ที่อยู่ : Asiatique The Riverfront ถนน เจริญกรุง แขวง วัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ
    เปิดบริการ : 16.00 - 24.00 น.
    โทร : 0-2059-5999

    #กินสาระนัวร์ #ของอร่อย #Thaitimes

    มากันที่ เรือสิริมหรรณพ เรือใบสามเสา สุดสวยที่จอดเทียบท่าถาวรที่ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อน ที่นี่มีบริการพร้อมทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เมนูอาหารมากมายทั้งไทยและยุโรปรวมไปถึงอาหารทะเลและเมนูสไตล์ทาปาส และที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดคือวิวจากบนเรือสวยมาก มีความโรแมนติกไม่เหมือนใคร บอกเลยว่าไม่มาคือพลาดนะ พิกัด : https://goo.gl/maps/UXL7B4YgKQFuHHmE9 ที่อยู่ : Asiatique The Riverfront ถนน เจริญกรุง แขวง วัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ เปิดบริการ : 16.00 - 24.00 น. โทร : 0-2059-5999 #กินสาระนัวร์ #ของอร่อย #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 Comments 0 Shares 436 Views 0 Reviews
  • 1 ตุลาคม 2567-นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น นาย Shigeru Ishiba (ชิเงรุ อิชิบะ) ผู้นำพรรครัฐบาลญี่ปุ่น ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการในการลงมติของรัฐสภาในวันนี้ สืบทอดตำแหน่งต่อจากนายฟูมิโอะ คิชิดะ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการเมือง เศรษฐกิจส่อเค้าไม่มั่นคง และภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่เพิ่มสูงขึ้น

    ประวัติ ชิเงรุ อิชิบะ(石破 茂Ishiba Shigeru ) เกิดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500เป็นนักการเมืองชาวญี่ปุ่นที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 65 ของญี่ปุ่นและเป็นประธานพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567 เขาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ถึง 2551 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ถึง 2552 รวมถึงดำรงตำแหน่งเลขาธิการของ LDPตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 ถึง 2557

    https://asia.nikkei.com/Opinion/New-Japan-PM-Ishiba-needs-public-support-to-fend-off-Abe-loyalists

    #Thaitimes
    1 ตุลาคม 2567-นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น นาย Shigeru Ishiba (ชิเงรุ อิชิบะ) ผู้นำพรรครัฐบาลญี่ปุ่น ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการในการลงมติของรัฐสภาในวันนี้ สืบทอดตำแหน่งต่อจากนายฟูมิโอะ คิชิดะ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการเมือง เศรษฐกิจส่อเค้าไม่มั่นคง และภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่เพิ่มสูงขึ้น ประวัติ ชิเงรุ อิชิบะ(石破 茂Ishiba Shigeru ) เกิดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500เป็นนักการเมืองชาวญี่ปุ่นที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 65 ของญี่ปุ่นและเป็นประธานพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567 เขาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ถึง 2551 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ถึง 2552 รวมถึงดำรงตำแหน่งเลขาธิการของ LDPตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 ถึง 2557 https://asia.nikkei.com/Opinion/New-Japan-PM-Ishiba-needs-public-support-to-fend-off-Abe-loyalists #Thaitimes
    ASIA.NIKKEI.COM
    New Japan PM Ishiba needs public support to fend off Abe loyalists
    Leader hemmed in by LDP's right flank, potentially more credible opposition
    Like
    Love
    5
    0 Comments 0 Shares 584 Views 0 Reviews
  • ยิวคือตัวปัญหาใหญ่ๆ ของโลกใบนี้ในขณะนี้:

    ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ผมนั่งทำงานต่างๆ อยู่ พักสายตาผมก็อ่านข่าว มิฉะนั้นก็อ่านหนังสือ แล้วกลับมาทำงานต่อ เป็นอย่างนี้ทุกวัน

    มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมอยากแนะนำให้อ่าน ผมมีก็แล้วกันคือ Jews are the Problem อธิบายว่ายิวคือต้นตอปัญหาใหญ่ๆ ของโลกใบนี้ในขณะนี้ ยิวคือปัญหาด้านความมั่นคงจากนอกประเทศอย่างแท้จริง ถ้าไม่ศึกษาและหาทางป้องกันตัวจากการแทรกซึมของนโยบายยิว ประเทศนั้นๆ ก็จะตกเป็นเหยื่อการจัดระเบียบโลกไป

    อยากแนะนำให้ส่วนงานหน่วยความมั่นคง สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ สถาบันดีทีอาร์ไอและวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรเป็นพิเศษ ซึ่งขณะนี้ ยังมีองค์ความรู้ภัยความมั่นคงจากยิวไซออนิสต์กันน้อยมาก จะว่าอ่อนหัดก็ว่าได้ สังเกตการรับมือภัยจากอุดมการณ์ยิวไซออนิสต์ที่แพร่เข้ามาในประเทศไทยของรัฐบาลแล้ว สี่องค์กรที่ว่าแม้จะเอาองค์ความรู้ที่มีอยู่มารวมกันก็ยังไม่เป็นสัปปะรดกันเลย

    หาอ่านกันเสียครับ

    Description:
    The most honest assessment of what’s going wrong on planet Earth is a reality we all must face to survive the 21st century. When I say “we” I mean people of all races. As someone rooted in African Nationalist thinking, I would never have imagined sharing a world view with White people, Asians, Arabs, and Hispanics.
    With the emergence of mRNA technology and the Jewish overthrow of the American Republic, the age-old desire of Jews to conquer, exterminate, and enslave the people of the planet is actually at the doorstep of completion. This reality puts Black, White, Brown, and Yellow in the same predicament.
    This book provides the narrow pathway for all races to escape this Jewish manufactured dystopian global genocide.


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    ยิวคือตัวปัญหาใหญ่ๆ ของโลกใบนี้ในขณะนี้: ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ผมนั่งทำงานต่างๆ อยู่ พักสายตาผมก็อ่านข่าว มิฉะนั้นก็อ่านหนังสือ แล้วกลับมาทำงานต่อ เป็นอย่างนี้ทุกวัน มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมอยากแนะนำให้อ่าน ผมมีก็แล้วกันคือ Jews are the Problem อธิบายว่ายิวคือต้นตอปัญหาใหญ่ๆ ของโลกใบนี้ในขณะนี้ ยิวคือปัญหาด้านความมั่นคงจากนอกประเทศอย่างแท้จริง ถ้าไม่ศึกษาและหาทางป้องกันตัวจากการแทรกซึมของนโยบายยิว ประเทศนั้นๆ ก็จะตกเป็นเหยื่อการจัดระเบียบโลกไป อยากแนะนำให้ส่วนงานหน่วยความมั่นคง สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ สถาบันดีทีอาร์ไอและวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรเป็นพิเศษ ซึ่งขณะนี้ ยังมีองค์ความรู้ภัยความมั่นคงจากยิวไซออนิสต์กันน้อยมาก จะว่าอ่อนหัดก็ว่าได้ สังเกตการรับมือภัยจากอุดมการณ์ยิวไซออนิสต์ที่แพร่เข้ามาในประเทศไทยของรัฐบาลแล้ว สี่องค์กรที่ว่าแม้จะเอาองค์ความรู้ที่มีอยู่มารวมกันก็ยังไม่เป็นสัปปะรดกันเลย หาอ่านกันเสียครับ Description: The most honest assessment of what’s going wrong on planet Earth is a reality we all must face to survive the 21st century. When I say “we” I mean people of all races. As someone rooted in African Nationalist thinking, I would never have imagined sharing a world view with White people, Asians, Arabs, and Hispanics. With the emergence of mRNA technology and the Jewish overthrow of the American Republic, the age-old desire of Jews to conquer, exterminate, and enslave the people of the planet is actually at the doorstep of completion. This reality puts Black, White, Brown, and Yellow in the same predicament. This book provides the narrow pathway for all races to escape this Jewish manufactured dystopian global genocide. ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 Reviews
  • Ichiban Asian All You Can Eat North York
    Ichiban Asian All You Can Eat North York
    0 Comments 0 Shares 254 Views 141 0 Reviews
  • สื่อญี่ปุ่น Nikkei Asia พลาดเรื่อง QR Payment

    ในที่สุดนิกเกอิ เอเชีย (Nikkei Asia) สื่อจากประเทศญี่ปุ่น ยอมแก้ไขเนื้อหาข่าวหัวข้อ "Malaysia and Cambodia lead QR payment expansion in ASEAN" (มาเลเซียและกัมพูชาเป็นผู้นำการขยายตัวของระบบการชำระเงิน QR Payment ในอาเซียน) ซึ่งตีพิมพ์ไปเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็น "QR payments expand in Thailand, Malaysia and Cambodia" (การชำระเงินด้วย QR ขยายตัวในประเทศไทย มาเลเซีย และกัมพูชา) เมื่อค่ำวันที่ 24 ก.ย.

    พร้อมกับแก้ไขแผนภูมิหัวข้อ "QR code payments in Southeast Asia" (เปรียบเทียบการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) จากเดิมไม่มีประเทศไทยอยู่ในการจัดอันดับ เป็นอันดับหนึ่งของแผนภูมิดังกล่าว

    หลังเฟซบุ๊กทางการของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า การโอนเงินและการชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์เพิ่มขึ้นจาก 14,800 ล้านครั้งในปี 2022 เป็น 19,900 ล้านครั้งในปี 2023 ส่วนปริมาณธุรกรรมการชำระงินผ่าน QR payment ในประเทศไทยผ่านระบบพร้อมเพย์ เพิ่มขึ้นจาก 2,500 ล้านครั้งในปี 2022 เป็น 5,700 ล้านครั้งในปี 2023 พร้อมกับแนบลิงก์สถิติดังกล่าว กระทั่งเว็บไซต์ Nikkei Asia ได้แก้ไขเนื้อหาและแผนภูมิในที่สุด

    ก่อนหน้านี้ Nikkei Asia ลงแผนภูมิเปรียบเทียบการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปรากฎว่าจัดอันดับประเทศไทยรั้งท้าย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวไทยคอมเมนต์ว่าข้อมูลผิด จึงได้ลงแผนภูมิใหม่ โดยไม่มีประเทศไทยอยู่ในการจัดอันดับอีกเลย ผลก็คือคนไทยจำนวนมากไม่พอใจ และธนาคารแห่งประเทศไทยต้องให้ข้อมูลที่แท้จริง จึงยอมแก้ไข

    หากไม่นับเรื่องการเมืองในไทย มีหลายกรณีที่การนำเสนอข่าวของ Nikkei Asia เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของผู้อ่านชาวไทย อาทิ วิจารณ์ค่ายรถยนต์จากจีนว่าเป็นวงจรอุบาทว์ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย วิจารณ์ว่าประเทศไทยฟื้นตัวจากโควิด-19 ช้าที่สุด ทำให้เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียวขณะนั้นตอบโต้ และวิจารณ์การเปิดตัวศูนย์การค้าไอคอนสยามในแง่ลบ

    แม้จะแก้ไขข้อมูลที่ถูกต้องในเวลานี้ แต่ผู้อ่านชาวไทยต่างมีภาพจำเรื่องดังกล่าว ย่อมกระทบไปถึงชื่อเสียงในระยะยาว ยิ่งเป็นระบบบอกรับสมาชิก (Subsciption) คือต้องจ่ายเงินก่อน ถึงจะอ่านเนื้อหาข่าวได้ ผู้บริโภคสื่อย่อมลังเลถึงความน่าเชื่อถือ ในฐานะสมาชิก ที่ยอมเสียเงินเพื่อหวังเสพเนื้อหาข่าวที่เชื่อว่ามีคุณภาพ จากสำนักข่าวที่มีชื่อเสียง

    ถือเป็นบทเรียนของคนทำสื่อ ที่ต้องรักษาคุณภาพ ภายใต้การแบกรับความคาดหวังของสมาชิกเป็นเดิมพัน

    #Newskit #NikkeiAsia #BankOfThailand
    สื่อญี่ปุ่น Nikkei Asia พลาดเรื่อง QR Payment ในที่สุดนิกเกอิ เอเชีย (Nikkei Asia) สื่อจากประเทศญี่ปุ่น ยอมแก้ไขเนื้อหาข่าวหัวข้อ "Malaysia and Cambodia lead QR payment expansion in ASEAN" (มาเลเซียและกัมพูชาเป็นผู้นำการขยายตัวของระบบการชำระเงิน QR Payment ในอาเซียน) ซึ่งตีพิมพ์ไปเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา เป็น "QR payments expand in Thailand, Malaysia and Cambodia" (การชำระเงินด้วย QR ขยายตัวในประเทศไทย มาเลเซีย และกัมพูชา) เมื่อค่ำวันที่ 24 ก.ย. พร้อมกับแก้ไขแผนภูมิหัวข้อ "QR code payments in Southeast Asia" (เปรียบเทียบการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) จากเดิมไม่มีประเทศไทยอยู่ในการจัดอันดับ เป็นอันดับหนึ่งของแผนภูมิดังกล่าว หลังเฟซบุ๊กทางการของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า การโอนเงินและการชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์เพิ่มขึ้นจาก 14,800 ล้านครั้งในปี 2022 เป็น 19,900 ล้านครั้งในปี 2023 ส่วนปริมาณธุรกรรมการชำระงินผ่าน QR payment ในประเทศไทยผ่านระบบพร้อมเพย์ เพิ่มขึ้นจาก 2,500 ล้านครั้งในปี 2022 เป็น 5,700 ล้านครั้งในปี 2023 พร้อมกับแนบลิงก์สถิติดังกล่าว กระทั่งเว็บไซต์ Nikkei Asia ได้แก้ไขเนื้อหาและแผนภูมิในที่สุด ก่อนหน้านี้ Nikkei Asia ลงแผนภูมิเปรียบเทียบการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปรากฎว่าจัดอันดับประเทศไทยรั้งท้าย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวไทยคอมเมนต์ว่าข้อมูลผิด จึงได้ลงแผนภูมิใหม่ โดยไม่มีประเทศไทยอยู่ในการจัดอันดับอีกเลย ผลก็คือคนไทยจำนวนมากไม่พอใจ และธนาคารแห่งประเทศไทยต้องให้ข้อมูลที่แท้จริง จึงยอมแก้ไข หากไม่นับเรื่องการเมืองในไทย มีหลายกรณีที่การนำเสนอข่าวของ Nikkei Asia เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของผู้อ่านชาวไทย อาทิ วิจารณ์ค่ายรถยนต์จากจีนว่าเป็นวงจรอุบาทว์ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย วิจารณ์ว่าประเทศไทยฟื้นตัวจากโควิด-19 ช้าที่สุด ทำให้เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียวขณะนั้นตอบโต้ และวิจารณ์การเปิดตัวศูนย์การค้าไอคอนสยามในแง่ลบ แม้จะแก้ไขข้อมูลที่ถูกต้องในเวลานี้ แต่ผู้อ่านชาวไทยต่างมีภาพจำเรื่องดังกล่าว ย่อมกระทบไปถึงชื่อเสียงในระยะยาว ยิ่งเป็นระบบบอกรับสมาชิก (Subsciption) คือต้องจ่ายเงินก่อน ถึงจะอ่านเนื้อหาข่าวได้ ผู้บริโภคสื่อย่อมลังเลถึงความน่าเชื่อถือ ในฐานะสมาชิก ที่ยอมเสียเงินเพื่อหวังเสพเนื้อหาข่าวที่เชื่อว่ามีคุณภาพ จากสำนักข่าวที่มีชื่อเสียง ถือเป็นบทเรียนของคนทำสื่อ ที่ต้องรักษาคุณภาพ ภายใต้การแบกรับความคาดหวังของสมาชิกเป็นเดิมพัน #Newskit #NikkeiAsia #BankOfThailand
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    8
    1 Comments 0 Shares 789 Views 0 Reviews
  • CPF ASIA AMATEUR GO CHAMPIONSHIP 2024
    25 August 2024 : ICONSIAM, Bangkok
    #GO #maklom #happygenius #fotogo #CPF #ICONSIAM #iconsiambangkok
    CPF ASIA AMATEUR GO CHAMPIONSHIP 2024 25 August 2024 : ICONSIAM, Bangkok #GO #maklom #happygenius #fotogo #CPF #ICONSIAM #iconsiambangkok
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 2: ข้อมูลชี้...การนำเข้าขยะพุ่งและมีมากมายหลายชนิด)
    .
    จากกรณีพบขยะเทศบาลในตู้คอนเทนเนอร์สินค้าที่บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่มีการสำแดงว่าเป็นเศษกระดาษ เรื่องดังกล่าว กรมศุลกากรไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ แต่ด้วยข้อมูลที่เล็ดลอดออกมา ทำให้มีสื่อมวลชนบางสำนักหยิบมานำเสนอ เหตุการณ์ที่มีลักษณะเป็นการลักลอบนี้จึงได้เผยตัวสู่สาธารณะ
    .
    ในทางลึกมีข้อมูลว่า เฉพาะในรอบปีนี้ ซึ่งนับตามจำนวนเวลาก็คือประมาณ 7 เดือน มีการตรวจพบปัญหาลักษณะเดียวกันของผู้นำเข้ารายนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง
    .
    สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นมิติของการลักลอบ ซึ่งมักไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาอย่างชัดเจน ส่วนในมิติที่มีข้อมูลสถิติเป็นทางการ เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้นำเสนอผ่านการแถลงข่าวร่วมกับกรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ในหัวข้อ “เมื่อขยะโลกหลั่งไหลเข้าไทย เราจะรอดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างไร” เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ระบุว่า
    .
    “จากการติดตามปัญหาการส่งออกขยะในหมู่ประเทศสมาชิกของอียู (สหภาพยุโรป) ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ได้มีการส่งขยะกลุ่มนี้เข้ามายังประเทศไทยสูงทีเดียว ประเทศไทยกลายเป็นปลายทางของการส่งออกขยะกระดาษและกระดาษแข็ง เป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคนี้ รองจากอินโดนีเซียและเวียดนาม นอกจากนี้ไทยยังเป็นปลายทางอันดับ 4 ของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป รองมาจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย”
    .
    ตามสถิติของกรมศุลกากรที่เพ็ญโฉมค้นมานำเสนอ ไม่มีการแสดงปริมาณการนำเข้าของเสียเหล่านั้น แต่ได้แสดงเป็นมูลค่า ซึ่งในส่วนของเศษกระดาษมีมูลค่าสูงถึงระดับมากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ประเภทส่วนประกอบทางไฟฟ้าของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ที่เพ็ญโฉมบอกว่าเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์นั้น มูลค่าในแต่ละปีสูงประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท
    .
    “เราจะเห็นว่าการนำเข้าขยะกระดาษและขยะอิล็กทรอนิกส์ ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว แต่ยังมีพิกัดหนึ่งที่เป็นตัวรวมของขยะอิเล็กทรอนิกส์หลายประเภทและเศษโลหะที่นำเข้ามา เศษพลาสติกบางอย่างที่ปนเข้ามาในพิกัด 8548 จะเห็นว่า ถ้าดูจากกราฟ สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่ส่งออกขยะกลุ่มนี้มายังประเทศไทยสูงที่สุด ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ”
    .
    ไม่เพียงพิกัด 8548 แต่พิกัด 4704 ที่เป็นรายการเศษกระดาษ คิดจากมูลค่าการนำเข้าสูงสุดก็มีต้นทางมาจากประเทศสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ส่วนลำดับรองลงมาได้แก่สหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น ในขณะที่ประเทศลำดับรองที่ส่งออกขยะพิกัด 8548 มาไทยในมูลค่าที่สูงรองจากสหรัฐฯ ได้แก่จีนและญี่ปุ่น
    .
    นอกจากนั้น เพ็ญโฉมยังเปิดเผยข้อมูลในส่วนของขยะหรือกากของเสียอุตสาหกรรม โดยยกสถิติเกี่ยวกับเศษอะลูมิเนียมมานำเสนอด้วย
    .
    “อะลูมิเนียมดรอส ยกตัวอย่างปี 2560 - 2567 ประเทศไทยมีการนำเข้าอะลูมิเนียม ซึ่งตัวที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะกรณีที่พบที่วินโพรเสส นครปฐม และอีกหลายที่ เราจะเรียกว่า อะลูมิเนียมดรอส ซึ่งคือกากอะลูมิเนียม แต่เวลาแสดงพิกัดการนำเข้า จะเรียกว่าเป็นผงอะลูมีเนียม หรือเป็นเศษชิ้นส่วนอะลูมิเนียม พวกนี้สามารถนำเข้ามาได้ และมีการนำเข้าเยอะทีเดียว จากปี 2560 – 2567 เป็นปริมาณหลายล้านตัน
    .
    “อย่างการนำเข้ากาก/เศษอะลูมิเนียม ปี 67 จากมกราคม - มิถุนายน ครึ่งปี มีการนำเข้ามาถึง 335 ล้านกิโลกรัม หรืออย่างตัวผงและเกล็ดอะลูมิเนียม เพียงครึ่งปีนี้ก็นำเข้ามากว่า 580,000 กิโลกรัม แต่บางปีก็มีการนำเข้ามากกว่านั้น ซึ่งเราคิดว่า การนำเข้าผงอะลูมิเนียมจากปี 60-67 แนวโน้มมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คำถามว่า นำเข้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะอะไร อันนี้เราคิดว่าต้องย้อนมาดูนโยบายเรื่องการส่งเสริมกิจการรีไซเคิลและเศรษฐกิจหมุนเวียน”
    .
    อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นมิตินโยบาย เราจะนำเสนอในตอนต่อๆ ไป
    ...
    ...
    เรียบเรียงโดย ปานรักษ์ วัฒกะวงศ์ มูลนิธิบูรณะนิเวศ

    อ่านตอนที่ 1 ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 1: ทวงถามความรับผิดชอบ กรณีนำเข้าเศษกระดาษ แต่มี “ขยะเทศบาล” ปนมาด้วย)
    https://shorturl.asia/k2SJG

    #Thaitimes
    ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 2: ข้อมูลชี้...การนำเข้าขยะพุ่งและมีมากมายหลายชนิด) . จากกรณีพบขยะเทศบาลในตู้คอนเทนเนอร์สินค้าที่บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่มีการสำแดงว่าเป็นเศษกระดาษ เรื่องดังกล่าว กรมศุลกากรไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ แต่ด้วยข้อมูลที่เล็ดลอดออกมา ทำให้มีสื่อมวลชนบางสำนักหยิบมานำเสนอ เหตุการณ์ที่มีลักษณะเป็นการลักลอบนี้จึงได้เผยตัวสู่สาธารณะ . ในทางลึกมีข้อมูลว่า เฉพาะในรอบปีนี้ ซึ่งนับตามจำนวนเวลาก็คือประมาณ 7 เดือน มีการตรวจพบปัญหาลักษณะเดียวกันของผู้นำเข้ารายนี้มาแล้วถึง 3 ครั้ง . สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นมิติของการลักลอบ ซึ่งมักไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาอย่างชัดเจน ส่วนในมิติที่มีข้อมูลสถิติเป็นทางการ เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้นำเสนอผ่านการแถลงข่าวร่วมกับกรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ในหัวข้อ “เมื่อขยะโลกหลั่งไหลเข้าไทย เราจะรอดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างไร” เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ระบุว่า . “จากการติดตามปัญหาการส่งออกขยะในหมู่ประเทศสมาชิกของอียู (สหภาพยุโรป) ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ได้มีการส่งขยะกลุ่มนี้เข้ามายังประเทศไทยสูงทีเดียว ประเทศไทยกลายเป็นปลายทางของการส่งออกขยะกระดาษและกระดาษแข็ง เป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคนี้ รองจากอินโดนีเซียและเวียดนาม นอกจากนี้ไทยยังเป็นปลายทางอันดับ 4 ของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป รองมาจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย” . ตามสถิติของกรมศุลกากรที่เพ็ญโฉมค้นมานำเสนอ ไม่มีการแสดงปริมาณการนำเข้าของเสียเหล่านั้น แต่ได้แสดงเป็นมูลค่า ซึ่งในส่วนของเศษกระดาษมีมูลค่าสูงถึงระดับมากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ประเภทส่วนประกอบทางไฟฟ้าของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ที่เพ็ญโฉมบอกว่าเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์นั้น มูลค่าในแต่ละปีสูงประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท . “เราจะเห็นว่าการนำเข้าขยะกระดาษและขยะอิล็กทรอนิกส์ ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว แต่ยังมีพิกัดหนึ่งที่เป็นตัวรวมของขยะอิเล็กทรอนิกส์หลายประเภทและเศษโลหะที่นำเข้ามา เศษพลาสติกบางอย่างที่ปนเข้ามาในพิกัด 8548 จะเห็นว่า ถ้าดูจากกราฟ สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่ส่งออกขยะกลุ่มนี้มายังประเทศไทยสูงที่สุด ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ” . ไม่เพียงพิกัด 8548 แต่พิกัด 4704 ที่เป็นรายการเศษกระดาษ คิดจากมูลค่าการนำเข้าสูงสุดก็มีต้นทางมาจากประเทศสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน ส่วนลำดับรองลงมาได้แก่สหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น ในขณะที่ประเทศลำดับรองที่ส่งออกขยะพิกัด 8548 มาไทยในมูลค่าที่สูงรองจากสหรัฐฯ ได้แก่จีนและญี่ปุ่น . นอกจากนั้น เพ็ญโฉมยังเปิดเผยข้อมูลในส่วนของขยะหรือกากของเสียอุตสาหกรรม โดยยกสถิติเกี่ยวกับเศษอะลูมิเนียมมานำเสนอด้วย . “อะลูมิเนียมดรอส ยกตัวอย่างปี 2560 - 2567 ประเทศไทยมีการนำเข้าอะลูมิเนียม ซึ่งตัวที่เป็นปัญหา ไม่ว่าจะกรณีที่พบที่วินโพรเสส นครปฐม และอีกหลายที่ เราจะเรียกว่า อะลูมิเนียมดรอส ซึ่งคือกากอะลูมิเนียม แต่เวลาแสดงพิกัดการนำเข้า จะเรียกว่าเป็นผงอะลูมีเนียม หรือเป็นเศษชิ้นส่วนอะลูมิเนียม พวกนี้สามารถนำเข้ามาได้ และมีการนำเข้าเยอะทีเดียว จากปี 2560 – 2567 เป็นปริมาณหลายล้านตัน . “อย่างการนำเข้ากาก/เศษอะลูมิเนียม ปี 67 จากมกราคม - มิถุนายน ครึ่งปี มีการนำเข้ามาถึง 335 ล้านกิโลกรัม หรืออย่างตัวผงและเกล็ดอะลูมิเนียม เพียงครึ่งปีนี้ก็นำเข้ามากว่า 580,000 กิโลกรัม แต่บางปีก็มีการนำเข้ามากกว่านั้น ซึ่งเราคิดว่า การนำเข้าผงอะลูมิเนียมจากปี 60-67 แนวโน้มมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คำถามว่า นำเข้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะอะไร อันนี้เราคิดว่าต้องย้อนมาดูนโยบายเรื่องการส่งเสริมกิจการรีไซเคิลและเศรษฐกิจหมุนเวียน” . อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นมิตินโยบาย เราจะนำเสนอในตอนต่อๆ ไป ... ... เรียบเรียงโดย ปานรักษ์ วัฒกะวงศ์ มูลนิธิบูรณะนิเวศ อ่านตอนที่ 1 ไทยเป็นปลายทางขยะโลก!? (ตอน 1: ทวงถามความรับผิดชอบ กรณีนำเข้าเศษกระดาษ แต่มี “ขยะเทศบาล” ปนมาด้วย) https://shorturl.asia/k2SJG #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 665 Views 0 Reviews
  • จะบอกติ่งๆทั้งหลายว่า……โหด……มัน……ฮานิดหน่อย ไม่มีใครเกินพี่ปูคนนี้….

    ตอนสิบสอง……สู่บัลลังก์อำนาจ ด้วยการผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นรายวัน……ไม่ว่าบู๊……ว่าบุ๋น……!!!

    ประธานาธิบดีบุชได้โทรกลับมา ปูตินได้แสดงความเสียใจและเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ
    ความโกรธ ความชังอเมริกันที่นาโต้ไปบอมบ์ที่ Kosovo ก็พักไว้ก่อน
    ประชาชนชาวรัสเซียได้นำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความเสียใจที่หน้าสถานทูตอเมริกาเป็นกองพะเนิน
    ปูตินได้ย้ำกับปธน. บุช ว่า……
    “ในช่วงเวลาที่วุ่นวาย โหดร้ายเช่นนี้ ……เราจะยืนหยัดสู้ไปด้วยกัน……”
    ที่ลึกๆแล้ว……ปูตินมีความประทับใจในประธานาธิบดีบุชอยู่เป็นทุน
    เนื่องจากตอนที่บุชหาเสียงในปี 1999 (คู่แข่งคือ นาย Al Gore)
    เขาได้ประกาศนโยบายว่า ……จะไม่ยุ่งกับสงครามเชเชน..…

    เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทั้งคู่จึงได้พบกันเป็นครั้วแรกใน เดือนมิถุนายน
    2001 ที่ Ljubljana, Slovenia
    คราวนี้ต่างคนต่างเตรียมตัวมาดี ในการ(แอบ) อ่านประวัติส่วนตัวของคู่สนทนากันมา เช่น
    ปูตินชวนบุชคุยถึงเรื่องรักบี้ (เพราะเป็นกีฬาโปรดสมัยหนุ่ม)
    แต่บุชมาเหนือกว่า……เขาถามปูตินถึงเรื่อง”กางเขน” ที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อยคนจะทราบ
    เล่นเอาปูติน…งงไปพักนึง(นับว่าการข่าวของอเมริกันนั้น เชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง

    ต่อภายหลังเมื่อมีคนถามบุช…ว่า คิดว่าคนอย่างปูตินเป็นอย่างไร?
    เขาตอบว่า เป็นคนตรงไปตรงมา เป็นคนที่มั่นคงกับการเห็นชาติพัฒนาไปในทางที่ดี ผมชอบเขานะ……ได้เขิญเขามาเที่ยวที่บ้านไร่ในเท็กซัสด้วย”
    ทั้งๆที่งานนี้……มีแต่คนสงสัยว่า จะเชื่อปูตินได้ยังไง ในเมื่อ KGB เก่าพวกนี้
    เขาไม่เคยพูดความจริงอะไรกับใคร……

    ในช่วงของการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินเดินทางไปทั่วรัสเซีย
    และอีก 18 ประเทศ ที่มีลุดมิลาเคียงคู่ไปด้วย เป็นการประกาศกลายๆ
    ว่าโลกได้ปลอดจากสงครามเย็นไปแล้ว และตอนนี้รัสเซียพร้อมที่จะเปิดกว้างกับการที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างเต็มสูบ

    ในปี 2001 ปูตินปิดหน่วยงาน(โซเวียต) ที่ คิวบา, เวียดนาม
    พร้อมทั้งหันมาพัฒนากองทัพเต็มรูปแบบ และเพิ่มประสิทธิภาพทางฝั่งเหนือของคอร์เคซัส ในการที่จะส่ายตาหากลุ่มอิสลามหัวรุนแรง

    หลังจากวิกฤต 9/11 ปูตินอ่อนข้อให้กับการขยายเขตแดนของนาโต้ ที่ก้าวเข้ามากวาด Lithuania, Latvia, Estonia ที่อยู่ติดกับรัสเซีย
    บางครั้งปูตินยังเคยบอกว่า……รัสเซียเองก็สนใจที่จะเข้าร่วมในนาโต้ด้วยเช่นกัน (ไม่รู้ว่าประชด หรือ พูดจริง)
    อเมริกาได้เปิดฉากทำสงครามล้างแค้นกับกลุ่มอัลเคดะห์ และ กลุ่มตาลีบัน
    ในอาฟกานิสถาน ในเดือนตุลาคม ที่ปูตินได้ช่วยทั้งเงินและอาวุธ
    ช่วยกองทัพอัฟกันในการต่อต้านกับตาลีบัน
    และได้โอนอ่อน…ไม่ขัดขวางเมื่อกองทัพอเมริกันมาตั้งฐานที่ Uzbekistan และ Kyrgyzstan
    ซึ่งนี่คือประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่กองทัพอเมริกันได้เข้ามาเหยียบในแผ่นดินฝั่งนี้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง

    หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกับเรือดำน้ำ Kursk ปูตินได้หันมาจี้เรื่องกองทัพด้วยตัวเอง เขาปลดพวกนายพลเช้าชามเย็นชามออกไปเป็นแผง
    เพิ่มเงินเดือนให้กับทหารรุ่นใหม่ พร้อมสวัสดิการอัดแน่น
    ทำเพลงชาติให้มีเนื้อเพลงคำร้อง ให้ทันสมัย ให้พ้นไปจากเงาของโซเวียต
    เพราะตอนที่นักกีฬารัสเซียไปแข่งในโอลิมปิคที่ซิดนีย์ ในปี 2000
    ได้เหรียญมากันทุกชนิด แต่เวลาขึ้นแท่นรับเหรียญ ไม่สามารถร้องเพลงชาติได้ เพราะมีแต่ดนตรี
    ชาวรัสเชี่ยนเริ่มมีชีวิตชีวากับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ และชื่นชมปูตินที่เขาได้พูดถึงก้าวใหม่นี้ว่า
    “ใครก็ตามที่ไม่รู้สึกรู้สมกับความล่มสลายของโซเวียต คือคนไม่มีหัวใจ
    และใครก็ตามที่ไม่อยากก้าวไปข้างหน้า…คือคนไม่มีสมอง…”

    การปฏิวัติทางด้านกองทัพ เขาได้แต่งตั้ง Sergei Ivanov (KGB เพื่อนเก่าและร่วมมหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ และ สวีดิช)
    ขึ้นมาคุมกำลัง เป็น รัฐมนตรีกลาโหม
    และฝ่ายงบประมาณกองทัพ คือ Lyubov Kudelina เพื่อมาดูแลเรื่องเงิน
    ส่วนนายพลที่มีประวัติมือไม่สะอาด เช่นYevgeny Adamov (สมัยเยลซิน)
    ที่มีส่วนพัวพันกับเปอร์เซ็นต์ในงบสร้างฐานนิวเคลียร์ พร้อมกับคนอื่นๆ
    ถูกส่งเข้าเก็บกรุนายพลที่ไร้สมรรถภาพ…

    รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ อิวานอฟ ทำงานเร็วทันใจ เพียงสามวันหลังจากเหตุการณ์ 9/11 เขาได้ส่งสัญญาณให้ปูตินทราบว่า อเมริกากำลังขยายกำลังของนาโต้เข้ามาในส่วนของฝั่งชายขอบเอเซียกลาง (กลุ่มประเทศที่ลงท้ายด้วยคำว่า สถาน ทั้งหลาย)
    แต่ปูติน……มองเห็นว่า การสร้างสัมพันธภาพอันดีกับบุช คือสิ่งจำเป็น
    อย่างอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง…
    และการที่จะสร้างสัมพันธไมตรีอันดี อย่างแรกเลยที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยการเรียนภาษาอังกฤษวันละหนึ่งชั่วโมงที่สถาบัน
    American Diplomacy and Commerce และเขาได้ใช้เป็นครั้งแรกในการสนทนากับบุช ในภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียปนเยอรมันว่า
    “ผมเห็นว่าคุณตั้งชื่อลูกสาวตามชื่อแม่ และ แม่ยายของคุณ……”
    “นั่นซิ…ก็ผมมันเป็นนักการเมืองชั้นเยี่ยมไงล่ะ..”
    “เออ……ใช่จริงๆ เพราะของผมก็เหมือนกัน..”
    แล้วสองคนก็หัวเราะเฮฮากันไป

    สองคนนี้ได้พบกันอีกครั้งเมื่อการประชุม Asia-Pacific Economic Cooperation Summit ที่เซี่ยงไฮ้ ในเดือนตุลาคม
    และได้คุยกันถึงเรื่องการสร้าง(จำนวน) ซ้อม(ยิง) นิวเคลียร์ที่ยังไม่ชัดเจน
    ที่ทำให้ประธานาธิบดีบุช ต้องเชิญปูตินไปยังทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกาในเดือน พฤศจิกายน
    เขาได้ไปเยี่ยมไร่ของบุชที่เท๊กซัสเป็นการส่วนตัว มีการเลี้ยงปิ้งย่าง บาร์บีคิว ปูตินได้กล่าวว่า
    “ผมไม่เคยไปเยี่ยมเยียนผู้คนไหนถึงในบ้านเลย…นับว่าเป็นโชคดีที่ได้มาถึงที่นี่ “
    และเขาได้ไปดูตึกที่ถล่มทลายและได้แสดงความอาลัย

    แต่.…เพียงสามอาทิตย์ต่อมา บุชได้โทรศัพท์มาถึงปูติน บอกว่า
    นโยบายทางเพนตากอนได้มีมติให้อเมริกาถอนตัวไม่เข้าร่วมกับโครงการ
    ABM (Anti-Ballistic Missile)
    เท่ากับว่า….ปูตินถูกอเมริกาเทอย่างหน้าตาเฉย…ทั้งๆที่เริ่มต้นทำท่าจะดี..

    การก่อกวนในเชเชนหลังจากสงครามยังไม่หยุด กลุ่มหัวรุนแรงได้เริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ปูตินได้ประกาศว่า ต้องยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขเท่านั้น
    จึงทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำเป็นขบวนการใต้ดิน
    ที่ทำให้เกิดการจับคนดูเป็นตัวประกันที่ โรงละคร Palace of Culture ในกรุงมอสโคว์ วันที่ 24 ตุลาคม 2002 ที่กำลังแสดงละครย้อนยุคที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาล บัตรใบละ 15 ดอลล่าร์ (เทียบเท่า ที่นับว่าแพงมาก)
    โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายแต่งกายเป็นคนงาน ขึ้นไปบนเวที
    ท่ามกลางความสับสนของคนดู ที่คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง
    แต่.…คณะผู้ก่อการร้ายในการนำของ Movsar Barayev** ได้กราดกระสุน AK-47 ขึ้นไปบนเพดาน และประกาศว่า ประตูทุกบานได้มีสลักระเบิดผูกติดอยู่
    ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีดำ ได้ก้าวเข้ามาอยู่กลางกลุ่มคนดู
    และเปิดเสื้อคลุมให้เห็นว่า ข้างในนั้น ร่างของเธอได้ผูกติดระเบิดเอาไว้
    พร้อมที่จะดึงสลัก หากว่า……มีเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้ามา
    ทั้งประกาศก้องว่า….ในนามพระอัลลาห์ พวกเราตายหนึ่ง แต่จะเกิดร้อย
    และถ้าใครมีโทรศัพท์……ให้โทรไปบอกครอบครัวได้เลยว่า
    ต้องตายเพราะสงครามเชเชน และถ้าอยากรอด……หนทางเดียวคือรัสเซียต้องถอนทัพออกไป เลิกสงครามทันที…!!!

    ปูตินอยู่ในสภาพที่หลังชนกำแพง จากที่กองทัพทำสงครามยืดเยื้อในเชเชน……หน่วย FSB ที่ทำงานประสาอะไรปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาถึงในมอสโคว์
    เขายกเลิกแผนการเดินทางทั้งหมด (ที่จะไป เยอรมัน,โปรตุเกส และ เม๊กซิโก)
    เรียกหน่วยข่าวกรอง บรรดาสายลับทั้งหลาย และตัวหัวหน้า Nikolai Patrushev เข้ามาพบโดยด่วน เตรียมการบุกโรงละคร
    เรียกหน่วยคอมมานโดให้เตรียมพร้อม
    คนค้าน……คือ นายกรัฐมนตรี Mikhaïl Kasyanov ด้วยเกรงว่าการทำอย่างนี้เสี่ยงเกินไป ผู้บริสุทธิ์อาจจะได้รับเคราะห์
    ปูตินบอกว่า “ถ้าป๊อด……ก็ออกไปห่างๆเลย……”
    เขาได้ส่งท่านนายกรัฐมนตรีมิเกล ออกไปประชุมแทนในตามรายชื่อประเทศ…จะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไร

    ข้างในโรงละคร…ในกลุ่มคนดู ก็มีบุคคลสำคัญหลายคนในหลายวงการ
    ส่วนผู้ที่ได้ถูกปล่อยตัวออกมา คือ กลุ่มเด็กเล็กจำนวน 39 คน ที่ได้ให้การว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น ที่เติบโตมากับสงครามในคอร์เคซัส ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก
    เมื่อถูกถามว่า “ที่อยากให้เลิกสงคราม หมายความว่าอะไร..เพื่อ..?”
    คนกลุ่มนั้น ตอบไม่ได้ ลังเล ไม่แน่ใจ……
    ในวันที่สองของการจับตัวประกัน ที่ทุกคนเริ่มอ่อนล้า หิวโหย กระหาย
    วิตก……
    กลุ่มก่อการร้ายได้สังหารคนไปหลายคน ที่พยายามหาทางออก
    เจ้าหน้าที่ได้เจรจาขอให้มีการส่งอาหารและน้ำได้สำเร็จ

    ตีห้าของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังหลับ อ่อนแรง เตรียมพร้อมกับการที่จะเจรจาในตอนสิบโมงเช้า ตามที่เครมลินได้ส่งข่าวมา
    ทางหน่วยคอมมานโดที่ได้เจาะอุโมงค์ใต้ดินเข้าไปจากอาคารข้างๆ และได้ติดไมโครโฟนดักฟังจนรู้ตำแหน่งของผู้ก่อการร้าย
    กังวลที่สุด คือ อาคารทั้งหลังอาจจะระเบิดขึ้นมาได้
    ปูตินได้สั่งการเด็ดขาดว่า……จับตายทั้งหมดเท่านั้น……!!
    การใช้ ยาสลบ fentanyl ที่เป็นอาวุธชนิดหนึ่งของ FSB ได้ทำการแสดงฝีมือ คือ ฉีดส่งเข้าไปในท่อระบายอากาศ ที่ทำให้ทุกคนหลับแบบร่วงผล็อย
    แต่กลุ่มที่ระวังอยู่ด้านนอก มีการปะทะดุเดือด กลุ่มผู้ก่อการร้าย 41 คน
    มีกระสุนเจาะที่สมอง…… ตัวหัวหน้า Barayev ได้ถูกสังหารในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง
    แต่ตัวประกันได้เสียชีวิตไปกว่าร้อยคน จากการโดนสังหารของผู้ก่อการร้าย และ บางคนเสียชีวิตเพราะสารยาสลบ เพราะมีอายุ และสุขภาพที่ไม่ดี

    ปูตินได้ออกโทรทัศน์ เพื่อทำการขอโทษประชาชนที่เขาไม่สามารถรักษาชีวิตได้ทุกคน ……แต่รัสเซียจะไม่ยอมให้หน้าไหนมาหยาม..!!

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันได้บอกกับปูตินว่าสงครามได้มาในรูปแบบใหม่
    ที่ได้ก้าวล่วงเข้ามาก่อกวนในประเทศ และที่นอกประเทศในขอบชายแดน
    ก็ขยายวงขึ้นเพราะการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกแผ่นดิน ปูตินไม่มีทางอื่น นอกจากต้องหักเท่านั้น……ไม่มีงอ
    ข่าวนี้……ทำให้ Aslan Maskhadov หัวหน้ากบฎเชเชนที่ได้ใช้ตัวแทนในโคเปนเฮเกน มาเสนอการเจรจาสันติภาพแบบไม่มีเงื่อนไข
    แต่ทางเครมลิน……ปฏิเสธ ไม่เจรจา แถมยังประกาศจับตัวแทนเจรจา Ahmed Zakayev(อดีตรองนายกรัฐมนตรีเชเชน และ เป็นฝ่ายโปรกบฏ)
    เดนมาร์ก……จับตัวให้ แต่ไม่ส่งให้รัสเซีย เพราะข้อกล่าวหาทางรัสเซียที่พัวพันไปในเรื่องโรงละครด้วย

    คนที่ออกมารับหน้าในเรื่องโรงละคร คือ Shamil Basayev**(หัวหน้าใหญ่กลุ่มกบฏเชเชน) ที่ออกมาประกาศกร้าวว่า “นี่คือบทเรียนที่รัสเซียสมควรได้รับ..”
    ปูตินรับคำขู่ด้วยการขานรับ เล่นงานเชเชนหนักขึ้น
    ฝ่ายโลกเสรีได้ยิงคำถามในเรื่องการใช้อาวุธด้วยการฝังทุ่นระเบิดไปทั่ว
    เขาตอบว่า “ ในวินาทีนี้ ใครก็ตามที่นับถือศาสนาคริสต์ ล้วนแต่ตกอยู่ในอันตราย แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นมุสลิม……ก็ไม่รอด เพราะเขาเชื่อว่าการตายคือการไปพบพระเจ้า…ไม่ใช่หรือ……?!!
    และต่อด้วยภาษานักเลงสุดๆ กับนักข่าวที่ถาม (จนบางคนไม่กล้าแปล…)
    ว่า……

    “ ถ้าคุณตัดสินใจอยากจะเป็นมุสลิมอย่างที่พวกเขาเป็น และพร้อมที่จะไปพบกับพระเจ้า…ขอเชิญไปที่มอสโคว์ เพราะพวกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มตัว และรับรองได้ว่า เรามีสารพัดวิธีที่คุณจะไม่เติบโตต่อไปอีก………”

    **Shamil Basayev ผู้ก่อการร้ายตัวยง ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร้ายที่ทั้งโลกต้องการตัว เขาเป็นคนวางแผนเรื่องโรงละคร และการวางระเบิดเครื่องบินรัสเซีย เขาได้ถูกสังหารด้วยระเบิดกับดักที่มากับรถบรรทุก ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2006

    Wiwanda W. Vichit
    จะบอกติ่งๆทั้งหลายว่า……โหด……มัน……ฮานิดหน่อย ไม่มีใครเกินพี่ปูคนนี้…. ตอนสิบสอง……สู่บัลลังก์อำนาจ ด้วยการผ่านอุปสรรคที่เกิดขึ้นรายวัน……ไม่ว่าบู๊……ว่าบุ๋น……!!! ประธานาธิบดีบุชได้โทรกลับมา ปูตินได้แสดงความเสียใจและเศร้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ ความโกรธ ความชังอเมริกันที่นาโต้ไปบอมบ์ที่ Kosovo ก็พักไว้ก่อน ประชาชนชาวรัสเซียได้นำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความเสียใจที่หน้าสถานทูตอเมริกาเป็นกองพะเนิน ปูตินได้ย้ำกับปธน. บุช ว่า…… “ในช่วงเวลาที่วุ่นวาย โหดร้ายเช่นนี้ ……เราจะยืนหยัดสู้ไปด้วยกัน……” ที่ลึกๆแล้ว……ปูตินมีความประทับใจในประธานาธิบดีบุชอยู่เป็นทุน เนื่องจากตอนที่บุชหาเสียงในปี 1999 (คู่แข่งคือ นาย Al Gore) เขาได้ประกาศนโยบายว่า ……จะไม่ยุ่งกับสงครามเชเชน..… เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ทั้งคู่จึงได้พบกันเป็นครั้วแรกใน เดือนมิถุนายน 2001 ที่ Ljubljana, Slovenia คราวนี้ต่างคนต่างเตรียมตัวมาดี ในการ(แอบ) อ่านประวัติส่วนตัวของคู่สนทนากันมา เช่น ปูตินชวนบุชคุยถึงเรื่องรักบี้ (เพราะเป็นกีฬาโปรดสมัยหนุ่ม) แต่บุชมาเหนือกว่า……เขาถามปูตินถึงเรื่อง”กางเขน” ที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อยคนจะทราบ เล่นเอาปูติน…งงไปพักนึง(นับว่าการข่าวของอเมริกันนั้น เชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง ต่อภายหลังเมื่อมีคนถามบุช…ว่า คิดว่าคนอย่างปูตินเป็นอย่างไร? เขาตอบว่า เป็นคนตรงไปตรงมา เป็นคนที่มั่นคงกับการเห็นชาติพัฒนาไปในทางที่ดี ผมชอบเขานะ……ได้เขิญเขามาเที่ยวที่บ้านไร่ในเท็กซัสด้วย” ทั้งๆที่งานนี้……มีแต่คนสงสัยว่า จะเชื่อปูตินได้ยังไง ในเมื่อ KGB เก่าพวกนี้ เขาไม่เคยพูดความจริงอะไรกับใคร…… ในช่วงของการขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ปูตินเดินทางไปทั่วรัสเซีย และอีก 18 ประเทศ ที่มีลุดมิลาเคียงคู่ไปด้วย เป็นการประกาศกลายๆ ว่าโลกได้ปลอดจากสงครามเย็นไปแล้ว และตอนนี้รัสเซียพร้อมที่จะเปิดกว้างกับการที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาอย่างเต็มสูบ ในปี 2001 ปูตินปิดหน่วยงาน(โซเวียต) ที่ คิวบา, เวียดนาม พร้อมทั้งหันมาพัฒนากองทัพเต็มรูปแบบ และเพิ่มประสิทธิภาพทางฝั่งเหนือของคอร์เคซัส ในการที่จะส่ายตาหากลุ่มอิสลามหัวรุนแรง หลังจากวิกฤต 9/11 ปูตินอ่อนข้อให้กับการขยายเขตแดนของนาโต้ ที่ก้าวเข้ามากวาด Lithuania, Latvia, Estonia ที่อยู่ติดกับรัสเซีย บางครั้งปูตินยังเคยบอกว่า……รัสเซียเองก็สนใจที่จะเข้าร่วมในนาโต้ด้วยเช่นกัน (ไม่รู้ว่าประชด หรือ พูดจริง) อเมริกาได้เปิดฉากทำสงครามล้างแค้นกับกลุ่มอัลเคดะห์ และ กลุ่มตาลีบัน ในอาฟกานิสถาน ในเดือนตุลาคม ที่ปูตินได้ช่วยทั้งเงินและอาวุธ ช่วยกองทัพอัฟกันในการต่อต้านกับตาลีบัน และได้โอนอ่อน…ไม่ขัดขวางเมื่อกองทัพอเมริกันมาตั้งฐานที่ Uzbekistan และ Kyrgyzstan ซึ่งนี่คือประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่กองทัพอเมริกันได้เข้ามาเหยียบในแผ่นดินฝั่งนี้ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุกับเรือดำน้ำ Kursk ปูตินได้หันมาจี้เรื่องกองทัพด้วยตัวเอง เขาปลดพวกนายพลเช้าชามเย็นชามออกไปเป็นแผง เพิ่มเงินเดือนให้กับทหารรุ่นใหม่ พร้อมสวัสดิการอัดแน่น ทำเพลงชาติให้มีเนื้อเพลงคำร้อง ให้ทันสมัย ให้พ้นไปจากเงาของโซเวียต เพราะตอนที่นักกีฬารัสเซียไปแข่งในโอลิมปิคที่ซิดนีย์ ในปี 2000 ได้เหรียญมากันทุกชนิด แต่เวลาขึ้นแท่นรับเหรียญ ไม่สามารถร้องเพลงชาติได้ เพราะมีแต่ดนตรี ชาวรัสเชี่ยนเริ่มมีชีวิตชีวากับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ และชื่นชมปูตินที่เขาได้พูดถึงก้าวใหม่นี้ว่า “ใครก็ตามที่ไม่รู้สึกรู้สมกับความล่มสลายของโซเวียต คือคนไม่มีหัวใจ และใครก็ตามที่ไม่อยากก้าวไปข้างหน้า…คือคนไม่มีสมอง…” การปฏิวัติทางด้านกองทัพ เขาได้แต่งตั้ง Sergei Ivanov (KGB เพื่อนเก่าและร่วมมหาวิทยาลัย เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ และ สวีดิช) ขึ้นมาคุมกำลัง เป็น รัฐมนตรีกลาโหม และฝ่ายงบประมาณกองทัพ คือ Lyubov Kudelina เพื่อมาดูแลเรื่องเงิน ส่วนนายพลที่มีประวัติมือไม่สะอาด เช่นYevgeny Adamov (สมัยเยลซิน) ที่มีส่วนพัวพันกับเปอร์เซ็นต์ในงบสร้างฐานนิวเคลียร์ พร้อมกับคนอื่นๆ ถูกส่งเข้าเก็บกรุนายพลที่ไร้สมรรถภาพ… รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ อิวานอฟ ทำงานเร็วทันใจ เพียงสามวันหลังจากเหตุการณ์ 9/11 เขาได้ส่งสัญญาณให้ปูตินทราบว่า อเมริกากำลังขยายกำลังของนาโต้เข้ามาในส่วนของฝั่งชายขอบเอเซียกลาง (กลุ่มประเทศที่ลงท้ายด้วยคำว่า สถาน ทั้งหลาย) แต่ปูติน……มองเห็นว่า การสร้างสัมพันธภาพอันดีกับบุช คือสิ่งจำเป็น อย่างอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง… และการที่จะสร้างสัมพันธไมตรีอันดี อย่างแรกเลยที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยการเรียนภาษาอังกฤษวันละหนึ่งชั่วโมงที่สถาบัน American Diplomacy and Commerce และเขาได้ใช้เป็นครั้งแรกในการสนทนากับบุช ในภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียปนเยอรมันว่า “ผมเห็นว่าคุณตั้งชื่อลูกสาวตามชื่อแม่ และ แม่ยายของคุณ……” “นั่นซิ…ก็ผมมันเป็นนักการเมืองชั้นเยี่ยมไงล่ะ..” “เออ……ใช่จริงๆ เพราะของผมก็เหมือนกัน..” แล้วสองคนก็หัวเราะเฮฮากันไป สองคนนี้ได้พบกันอีกครั้งเมื่อการประชุม Asia-Pacific Economic Cooperation Summit ที่เซี่ยงไฮ้ ในเดือนตุลาคม และได้คุยกันถึงเรื่องการสร้าง(จำนวน) ซ้อม(ยิง) นิวเคลียร์ที่ยังไม่ชัดเจน ที่ทำให้ประธานาธิบดีบุช ต้องเชิญปูตินไปยังทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกาในเดือน พฤศจิกายน เขาได้ไปเยี่ยมไร่ของบุชที่เท๊กซัสเป็นการส่วนตัว มีการเลี้ยงปิ้งย่าง บาร์บีคิว ปูตินได้กล่าวว่า “ผมไม่เคยไปเยี่ยมเยียนผู้คนไหนถึงในบ้านเลย…นับว่าเป็นโชคดีที่ได้มาถึงที่นี่ “ และเขาได้ไปดูตึกที่ถล่มทลายและได้แสดงความอาลัย แต่.…เพียงสามอาทิตย์ต่อมา บุชได้โทรศัพท์มาถึงปูติน บอกว่า นโยบายทางเพนตากอนได้มีมติให้อเมริกาถอนตัวไม่เข้าร่วมกับโครงการ ABM (Anti-Ballistic Missile) เท่ากับว่า….ปูตินถูกอเมริกาเทอย่างหน้าตาเฉย…ทั้งๆที่เริ่มต้นทำท่าจะดี.. การก่อกวนในเชเชนหลังจากสงครามยังไม่หยุด กลุ่มหัวรุนแรงได้เริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ปูตินได้ประกาศว่า ต้องยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขเท่านั้น จึงทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำเป็นขบวนการใต้ดิน ที่ทำให้เกิดการจับคนดูเป็นตัวประกันที่ โรงละคร Palace of Culture ในกรุงมอสโคว์ วันที่ 24 ตุลาคม 2002 ที่กำลังแสดงละครย้อนยุคที่ทุ่มทุนสร้างมหาศาล บัตรใบละ 15 ดอลล่าร์ (เทียบเท่า ที่นับว่าแพงมาก) โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายแต่งกายเป็นคนงาน ขึ้นไปบนเวที ท่ามกลางความสับสนของคนดู ที่คิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง แต่.…คณะผู้ก่อการร้ายในการนำของ Movsar Barayev** ได้กราดกระสุน AK-47 ขึ้นไปบนเพดาน และประกาศว่า ประตูทุกบานได้มีสลักระเบิดผูกติดอยู่ ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีดำ ได้ก้าวเข้ามาอยู่กลางกลุ่มคนดู และเปิดเสื้อคลุมให้เห็นว่า ข้างในนั้น ร่างของเธอได้ผูกติดระเบิดเอาไว้ พร้อมที่จะดึงสลัก หากว่า……มีเจ้าหน้าที่จู่โจมเข้ามา ทั้งประกาศก้องว่า….ในนามพระอัลลาห์ พวกเราตายหนึ่ง แต่จะเกิดร้อย และถ้าใครมีโทรศัพท์……ให้โทรไปบอกครอบครัวได้เลยว่า ต้องตายเพราะสงครามเชเชน และถ้าอยากรอด……หนทางเดียวคือรัสเซียต้องถอนทัพออกไป เลิกสงครามทันที…!!! ปูตินอยู่ในสภาพที่หลังชนกำแพง จากที่กองทัพทำสงครามยืดเยื้อในเชเชน……หน่วย FSB ที่ทำงานประสาอะไรปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเข้ามาถึงในมอสโคว์ เขายกเลิกแผนการเดินทางทั้งหมด (ที่จะไป เยอรมัน,โปรตุเกส และ เม๊กซิโก) เรียกหน่วยข่าวกรอง บรรดาสายลับทั้งหลาย และตัวหัวหน้า Nikolai Patrushev เข้ามาพบโดยด่วน เตรียมการบุกโรงละคร เรียกหน่วยคอมมานโดให้เตรียมพร้อม คนค้าน……คือ นายกรัฐมนตรี Mikhaïl Kasyanov ด้วยเกรงว่าการทำอย่างนี้เสี่ยงเกินไป ผู้บริสุทธิ์อาจจะได้รับเคราะห์ ปูตินบอกว่า “ถ้าป๊อด……ก็ออกไปห่างๆเลย……” เขาได้ส่งท่านนายกรัฐมนตรีมิเกล ออกไปประชุมแทนในตามรายชื่อประเทศ…จะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไร ข้างในโรงละคร…ในกลุ่มคนดู ก็มีบุคคลสำคัญหลายคนในหลายวงการ ส่วนผู้ที่ได้ถูกปล่อยตัวออกมา คือ กลุ่มเด็กเล็กจำนวน 39 คน ที่ได้ให้การว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยรุ่น ที่เติบโตมากับสงครามในคอร์เคซัส ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะยังไม่รู้เรื่องราวอะไรมากนัก เมื่อถูกถามว่า “ที่อยากให้เลิกสงคราม หมายความว่าอะไร..เพื่อ..?” คนกลุ่มนั้น ตอบไม่ได้ ลังเล ไม่แน่ใจ…… ในวันที่สองของการจับตัวประกัน ที่ทุกคนเริ่มอ่อนล้า หิวโหย กระหาย วิตก…… กลุ่มก่อการร้ายได้สังหารคนไปหลายคน ที่พยายามหาทางออก เจ้าหน้าที่ได้เจรจาขอให้มีการส่งอาหารและน้ำได้สำเร็จ ตีห้าของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ทุกคนกำลังหลับ อ่อนแรง เตรียมพร้อมกับการที่จะเจรจาในตอนสิบโมงเช้า ตามที่เครมลินได้ส่งข่าวมา ทางหน่วยคอมมานโดที่ได้เจาะอุโมงค์ใต้ดินเข้าไปจากอาคารข้างๆ และได้ติดไมโครโฟนดักฟังจนรู้ตำแหน่งของผู้ก่อการร้าย กังวลที่สุด คือ อาคารทั้งหลังอาจจะระเบิดขึ้นมาได้ ปูตินได้สั่งการเด็ดขาดว่า……จับตายทั้งหมดเท่านั้น……!! การใช้ ยาสลบ fentanyl ที่เป็นอาวุธชนิดหนึ่งของ FSB ได้ทำการแสดงฝีมือ คือ ฉีดส่งเข้าไปในท่อระบายอากาศ ที่ทำให้ทุกคนหลับแบบร่วงผล็อย แต่กลุ่มที่ระวังอยู่ด้านนอก มีการปะทะดุเดือด กลุ่มผู้ก่อการร้าย 41 คน มีกระสุนเจาะที่สมอง…… ตัวหัวหน้า Barayev ได้ถูกสังหารในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง แต่ตัวประกันได้เสียชีวิตไปกว่าร้อยคน จากการโดนสังหารของผู้ก่อการร้าย และ บางคนเสียชีวิตเพราะสารยาสลบ เพราะมีอายุ และสุขภาพที่ไม่ดี ปูตินได้ออกโทรทัศน์ เพื่อทำการขอโทษประชาชนที่เขาไม่สามารถรักษาชีวิตได้ทุกคน ……แต่รัสเซียจะไม่ยอมให้หน้าไหนมาหยาม..!! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันได้บอกกับปูตินว่าสงครามได้มาในรูปแบบใหม่ ที่ได้ก้าวล่วงเข้ามาก่อกวนในประเทศ และที่นอกประเทศในขอบชายแดน ก็ขยายวงขึ้นเพราะการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกแผ่นดิน ปูตินไม่มีทางอื่น นอกจากต้องหักเท่านั้น……ไม่มีงอ ข่าวนี้……ทำให้ Aslan Maskhadov หัวหน้ากบฎเชเชนที่ได้ใช้ตัวแทนในโคเปนเฮเกน มาเสนอการเจรจาสันติภาพแบบไม่มีเงื่อนไข แต่ทางเครมลิน……ปฏิเสธ ไม่เจรจา แถมยังประกาศจับตัวแทนเจรจา Ahmed Zakayev(อดีตรองนายกรัฐมนตรีเชเชน และ เป็นฝ่ายโปรกบฏ) เดนมาร์ก……จับตัวให้ แต่ไม่ส่งให้รัสเซีย เพราะข้อกล่าวหาทางรัสเซียที่พัวพันไปในเรื่องโรงละครด้วย คนที่ออกมารับหน้าในเรื่องโรงละคร คือ Shamil Basayev**(หัวหน้าใหญ่กลุ่มกบฏเชเชน) ที่ออกมาประกาศกร้าวว่า “นี่คือบทเรียนที่รัสเซียสมควรได้รับ..” ปูตินรับคำขู่ด้วยการขานรับ เล่นงานเชเชนหนักขึ้น ฝ่ายโลกเสรีได้ยิงคำถามในเรื่องการใช้อาวุธด้วยการฝังทุ่นระเบิดไปทั่ว เขาตอบว่า “ ในวินาทีนี้ ใครก็ตามที่นับถือศาสนาคริสต์ ล้วนแต่ตกอยู่ในอันตราย แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นมุสลิม……ก็ไม่รอด เพราะเขาเชื่อว่าการตายคือการไปพบพระเจ้า…ไม่ใช่หรือ……?!! และต่อด้วยภาษานักเลงสุดๆ กับนักข่าวที่ถาม (จนบางคนไม่กล้าแปล…) ว่า…… “ ถ้าคุณตัดสินใจอยากจะเป็นมุสลิมอย่างที่พวกเขาเป็น และพร้อมที่จะไปพบกับพระเจ้า…ขอเชิญไปที่มอสโคว์ เพราะพวกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มตัว และรับรองได้ว่า เรามีสารพัดวิธีที่คุณจะไม่เติบโตต่อไปอีก………” **Shamil Basayev ผู้ก่อการร้ายตัวยง ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ร้ายที่ทั้งโลกต้องการตัว เขาเป็นคนวางแผนเรื่องโรงละคร และการวางระเบิดเครื่องบินรัสเซีย เขาได้ถูกสังหารด้วยระเบิดกับดักที่มากับรถบรรทุก ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2006 Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 540 Views 0 Reviews
  • พูดถึงเรื่องดราม่าสกู๊ปข่าวการจ่ายเงินผ่าน QR code ในอาเซียนของสื่อ Nikkei Asia แล้ว นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่แสดงให้เห็นความจำเป็นที่ไทยเราต้องมีสื่อระดับนานาชาติของตัวเองครับ

    ลองนึกภาพตามนะครับ Nikkei Asia เสนอข่าวผิดพลาดเกี่ยวกับประเทศไทย ว่าประเทศไทยคนใช้จ่ายผ่าน QR code น้อยมาก รั้งท้ายอาเซียนตามหลังแม้กระทั่งกัมพูชา จากนั้นสื่อ นักวิชาการและอินฟลูเอนเซอร์ของไทยก็ออกมาช่วยกันชี้แจง แก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาด แต่แทนที่สื่อ Nikkei Asia จะแก้ไขข้อมูล กลับตัดประเทศไทยออกจากการจัดอันดับอาเซียนเสียดื้อๆ

    ประเด็นคือจากที่สื่อ นักวิชาการ อินฟลูเอนเซอร์ของไทยออกมาช่วยกันชี้แจง คนไทยส่วนใหญ่น่าจะรู้ความจริงแล้วว่าประเทศไทยเราจริงๆ เป็นผู้นำด้านการใช้จ่ายผ่าน QR code ติดระดับโลก ไม่ได้รั้งท้ายอาเซียนแต่อย่างใด แต่ชาวต่างชาติอื่นๆ ที่เขาอ่านข่าวจากสื่อ Nikkei Asia จะรู้ความจริงนี้ไหม ? ในเมื่อ Nikkei Asia ไม่ยอมแก้ไขข้อมูล แต่ตัดเนื้อหาเกี่ยวกับประเทศไทยไปเฉยๆ เลย ส่วนที่คนไทยช่วยกันชี้แจงนี่ก็มีแต่ข้อมูลภาษาไทย อยู่ในสื่อหรือเพจโซเชียลที่คนไทยเป็นกลุ่มผู้ติดตามหลัก

    ผมคิดว่านี่เป็นปัญหาสำคัญ หลายครั้งที่มีข่าวผิดๆ เกี่ยวกับประเทศไทย เสนอภาพบ้านเราไปในทางลบ แต่เมื่อคนไทยมาช่วยกันเสนอความจริง กลับมีแต่ข้อมูลภาษาไทย รู้กันอยู่แค่ในประเทศไทยนี่แหละ ส่วนชาวต่างชาติประเทศอื่นๆ ที่ได้รับข้อมูลผิดๆ ไป กลับไม่รู้ความจริงที่คนไทยช่วยกันชี้แจงด้วย ถ้าโชคดีมีสื่อหรืออินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติช่วยชี้แจงบ้างก็ดีไป แต่ผมว่าเราไม่ควรหวังพึ่งชาวต่างชาติช่วยชี้แจงแทนเราเสมอไป

    นี่จึงเป็นอีกหนึ่งกรณีที่แสดงให้เห็นว่าไทยเราควรมีสื่อระดับนานาชาติของตัวเอง ทำนองเดียวกับสื่อ Al Jazeera ของกาตาร์ RT ของรัสเซีย เป็นต้น เสนอข่าวเป็นภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษารัสเซีย เป็นต้น เพื่อเป็นปากเสียงให้ประเทศไทยในระดับนานาชาติครับ

    สวัสดี


    การทูตและการทหาร
    Military and Diplomacy

    22.09.2024


    พูดถึงเรื่องดราม่าสกู๊ปข่าวการจ่ายเงินผ่าน QR code ในอาเซียนของสื่อ Nikkei Asia แล้ว นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่แสดงให้เห็นความจำเป็นที่ไทยเราต้องมีสื่อระดับนานาชาติของตัวเองครับ ลองนึกภาพตามนะครับ Nikkei Asia เสนอข่าวผิดพลาดเกี่ยวกับประเทศไทย ว่าประเทศไทยคนใช้จ่ายผ่าน QR code น้อยมาก รั้งท้ายอาเซียนตามหลังแม้กระทั่งกัมพูชา จากนั้นสื่อ นักวิชาการและอินฟลูเอนเซอร์ของไทยก็ออกมาช่วยกันชี้แจง แก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาด แต่แทนที่สื่อ Nikkei Asia จะแก้ไขข้อมูล กลับตัดประเทศไทยออกจากการจัดอันดับอาเซียนเสียดื้อๆ ประเด็นคือจากที่สื่อ นักวิชาการ อินฟลูเอนเซอร์ของไทยออกมาช่วยกันชี้แจง คนไทยส่วนใหญ่น่าจะรู้ความจริงแล้วว่าประเทศไทยเราจริงๆ เป็นผู้นำด้านการใช้จ่ายผ่าน QR code ติดระดับโลก ไม่ได้รั้งท้ายอาเซียนแต่อย่างใด แต่ชาวต่างชาติอื่นๆ ที่เขาอ่านข่าวจากสื่อ Nikkei Asia จะรู้ความจริงนี้ไหม ? ในเมื่อ Nikkei Asia ไม่ยอมแก้ไขข้อมูล แต่ตัดเนื้อหาเกี่ยวกับประเทศไทยไปเฉยๆ เลย ส่วนที่คนไทยช่วยกันชี้แจงนี่ก็มีแต่ข้อมูลภาษาไทย อยู่ในสื่อหรือเพจโซเชียลที่คนไทยเป็นกลุ่มผู้ติดตามหลัก ผมคิดว่านี่เป็นปัญหาสำคัญ หลายครั้งที่มีข่าวผิดๆ เกี่ยวกับประเทศไทย เสนอภาพบ้านเราไปในทางลบ แต่เมื่อคนไทยมาช่วยกันเสนอความจริง กลับมีแต่ข้อมูลภาษาไทย รู้กันอยู่แค่ในประเทศไทยนี่แหละ ส่วนชาวต่างชาติประเทศอื่นๆ ที่ได้รับข้อมูลผิดๆ ไป กลับไม่รู้ความจริงที่คนไทยช่วยกันชี้แจงด้วย ถ้าโชคดีมีสื่อหรืออินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติช่วยชี้แจงบ้างก็ดีไป แต่ผมว่าเราไม่ควรหวังพึ่งชาวต่างชาติช่วยชี้แจงแทนเราเสมอไป นี่จึงเป็นอีกหนึ่งกรณีที่แสดงให้เห็นว่าไทยเราควรมีสื่อระดับนานาชาติของตัวเอง ทำนองเดียวกับสื่อ Al Jazeera ของกาตาร์ RT ของรัสเซีย เป็นต้น เสนอข่าวเป็นภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษารัสเซีย เป็นต้น เพื่อเป็นปากเสียงให้ประเทศไทยในระดับนานาชาติครับ สวัสดี การทูตและการทหาร Military and Diplomacy 22.09.2024
    1 Comments 0 Shares 305 Views 0 Reviews
  • Altitude Symphony : อัลติจูด ซิมโฟนี่ เจริญกรุง

    คอนโดน อัลติจูด ซิมโฟนี่ เจริญกรุง บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย เชื่อมต่อสาทร-สีลมได้เพียงไม่กี่นาที รายล้อมด้วยแหล่งช้อปปิ้ง, โรงเรียนเอกชน และ นานาชาติชื่อดัง, โรงพยาลชั้นนำ และ อาคารสำนักงานเกรดเอ

    **สิ่งอำนวยความสะดวก** {ระบบ access card}

    lobby
    co-working space
    sky lounge
    kid room
    music room
    สระว่ายน้ำรอบอาคาร
    jacuzzi
    library
    fitness centre
    24 hours security & CCTV
    สวนหย่อมรอบโครงการ
    **สถานที่ใกล้เคียง**

    ศูนย์การค้า

    Vanilla Moon : 950 ม.
    Asiatique The Riverfront : 1.3 กม.
    Robinson บางรัก : 1.3 กม.
    Tops สะพาน 3 : 1.5 กม.
    Sena Fest เจริญนคร : 3.7 กม.
    Makro สาทร : 3 กม.
    Central Plaza พระราม 3 : 3.4 กม.
    Tree On 3 : 3.5 กม.
    TTN Avenue นางลิ้นจี่ : 3.6 กม.
    Market Place นางลิ้นจี่ : 4 กม.
    Lotus พระราม 3 : 4 กม.
    The Up พระราม 3 : 4 กม.
    ICON SIAM : 4.4 กม.
    Home Pro พระราม 3 : 4.6 กม.
    สถานศึกษา

    รร.นานาชาติ Shrewsbury : 500 ม.
    รร.สตรีศรีสุริโยทัย : 700 ม.
    ม.ราชมงคลกรุงเทพฯ วิทยาเขตพระนครใต้ : 400 ม.
    รร.พระแม่มารีสาทร : 1.6 กม.
    รร.อัสสัมชัญบางรัก : 1.7 กม.
    รร.อัสสัมชัญคอนแวนต์บางรัก : 1.7 กม.
    รร.กรุงเทพคริสเตียน : 2 กม.
    รร.อัสสัมชัญคอนแวนต์สีลม : 2.3 กม.
    รร.สารสาสน์พิทยา : 2.8 กม.
    รร.นานาชาติสาทรใหม่ : 3 กม.
    รร.สารสาสน์เอกตรา : 3 กม.
    รร.เซนต์หลุยส์ : 3 กม.
    รร.นานาชาติ Raintree : 3.8 กม.
    รร.เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ : 3.8 กม.
    รร.นานาชาติ Raintree : 3.8 กม.
    ม.ราชมงคลกรุงเทพฯ (RMUTK) : 4 กม.
    รร.นานาชาติ Garden : 4 กม.
    รร.นานาชาติ Crescent : 5 กม.
    ศูนย์การแพทย์

    รพ.เลิดสิน : 1.9 กม.
    รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ : 2.9 กม.
    รพ.เซนต์หลุยส์ : 3 กม.
    รพ.BNH : 3.6 กม.

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Altitude Symphony : อัลติจูด ซิมโฟนี่ เจริญกรุง คอนโดน อัลติจูด ซิมโฟนี่ เจริญกรุง บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย เชื่อมต่อสาทร-สีลมได้เพียงไม่กี่นาที รายล้อมด้วยแหล่งช้อปปิ้ง, โรงเรียนเอกชน และ นานาชาติชื่อดัง, โรงพยาลชั้นนำ และ อาคารสำนักงานเกรดเอ **สิ่งอำนวยความสะดวก** {ระบบ access card} lobby co-working space sky lounge kid room music room สระว่ายน้ำรอบอาคาร jacuzzi library fitness centre 24 hours security & CCTV สวนหย่อมรอบโครงการ **สถานที่ใกล้เคียง** ศูนย์การค้า Vanilla Moon : 950 ม. Asiatique The Riverfront : 1.3 กม. Robinson บางรัก : 1.3 กม. Tops สะพาน 3 : 1.5 กม. Sena Fest เจริญนคร : 3.7 กม. Makro สาทร : 3 กม. Central Plaza พระราม 3 : 3.4 กม. Tree On 3 : 3.5 กม. TTN Avenue นางลิ้นจี่ : 3.6 กม. Market Place นางลิ้นจี่ : 4 กม. Lotus พระราม 3 : 4 กม. The Up พระราม 3 : 4 กม. ICON SIAM : 4.4 กม. Home Pro พระราม 3 : 4.6 กม. สถานศึกษา รร.นานาชาติ Shrewsbury : 500 ม. รร.สตรีศรีสุริโยทัย : 700 ม. ม.ราชมงคลกรุงเทพฯ วิทยาเขตพระนครใต้ : 400 ม. รร.พระแม่มารีสาทร : 1.6 กม. รร.อัสสัมชัญบางรัก : 1.7 กม. รร.อัสสัมชัญคอนแวนต์บางรัก : 1.7 กม. รร.กรุงเทพคริสเตียน : 2 กม. รร.อัสสัมชัญคอนแวนต์สีลม : 2.3 กม. รร.สารสาสน์พิทยา : 2.8 กม. รร.นานาชาติสาทรใหม่ : 3 กม. รร.สารสาสน์เอกตรา : 3 กม. รร.เซนต์หลุยส์ : 3 กม. รร.นานาชาติ Raintree : 3.8 กม. รร.เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ : 3.8 กม. รร.นานาชาติ Raintree : 3.8 กม. ม.ราชมงคลกรุงเทพฯ (RMUTK) : 4 กม. รร.นานาชาติ Garden : 4 กม. รร.นานาชาติ Crescent : 5 กม. ศูนย์การแพทย์ รพ.เลิดสิน : 1.9 กม. รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ : 2.9 กม. รพ.เซนต์หลุยส์ : 3 กม. รพ.BNH : 3.6 กม. ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 Comments 0 Shares 376 Views 0 Reviews
  • ❗️คำแถลงสำคัญของโฆษกเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ:

    🔸เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเลบานอน, เปสคอฟ กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น และภูมิภาคนี้อยู่ในภาวะระเบิด

    🔸เขายังแจ้งด้วยว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย จะจัดการประชุมเกี่ยวกับการพัฒนาของกองกำลังติดอาวุธของรัสเซียในบริบทของปฏิบัติการทางทหารพิเศษ ปูตินจะกล่าวกับผู้เข้าร่วมการประชุมเต็มคณะของฟอรัมสตรียูเรเซีย, และอาจจะสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประเทศด้วย

    🔸เครมลินไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาดกับนายกรัฐมนตรีอาร์เมเนีย นิโคล ปาชินยาน ในการประเมินองค์กรสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน: "องค์กรนี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่ออำนาจอธิปไตยของอาร์เมเนีย" เปสคอฟ อธิบาย

    🔸รัสเซียยังคงติดต่อกับอาร์เมเนียต่อไป, เนื่องจากเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด, โฆษกเครมลิน กล่าวเสริม

    🔸เกี่ยวกับแถลงการณ์ของนอร์เวย์เกี่ยวกับซีเซียมกัมมันตภาพรังสีที่ชายแดนกับรัสเซีย, เปสคอฟกล่าวว่า ไม่มีการแจ้งเตือนจากหน่วยงานของรัสเซีย
    .
    ❗️Key statements by Kremlin spokesman Dmitry Peskov:

    🔸Commenting on the developments in Lebanon, Peskov said that this leads to an escalation of tension and the region is in an explosive state.

    🔸He also informed that Russia's President Vladimir Putin will hold a meeting on the development of the Russian Armed Forces in in the context of the special military operation. Putin will also address the participants of the plenary session of the Eurasian Women's Forum, and possibly will have an international telephone conversation.

    🔸The Kremlin categorically disagrees with Armenia's Prime Minister Nikol Pashinyan in his assessment of the Collective Security Treaty Organization: "The organization does not pose any threat to Armenia's sovereignty," Peskov explained.

    🔸Russia continues and will continue contacts with Armenia, it is a close partner, Kremlin spokesman added.

    🔸Regarding Norway's statement about radioactive cesium at the border with Russia, Peskov said that there were no notifications from the Russian services.
    .
    4:41 PM · Sep 18, 2024 · 1,979 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1836339866767966589
    ❗️คำแถลงสำคัญของโฆษกเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ: 🔸เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเลบานอน, เปสคอฟ กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น และภูมิภาคนี้อยู่ในภาวะระเบิด 🔸เขายังแจ้งด้วยว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย จะจัดการประชุมเกี่ยวกับการพัฒนาของกองกำลังติดอาวุธของรัสเซียในบริบทของปฏิบัติการทางทหารพิเศษ ปูตินจะกล่าวกับผู้เข้าร่วมการประชุมเต็มคณะของฟอรัมสตรียูเรเซีย, และอาจจะสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประเทศด้วย 🔸เครมลินไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาดกับนายกรัฐมนตรีอาร์เมเนีย นิโคล ปาชินยาน ในการประเมินองค์กรสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกัน: "องค์กรนี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่ออำนาจอธิปไตยของอาร์เมเนีย" เปสคอฟ อธิบาย 🔸รัสเซียยังคงติดต่อกับอาร์เมเนียต่อไป, เนื่องจากเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด, โฆษกเครมลิน กล่าวเสริม 🔸เกี่ยวกับแถลงการณ์ของนอร์เวย์เกี่ยวกับซีเซียมกัมมันตภาพรังสีที่ชายแดนกับรัสเซีย, เปสคอฟกล่าวว่า ไม่มีการแจ้งเตือนจากหน่วยงานของรัสเซีย . ❗️Key statements by Kremlin spokesman Dmitry Peskov: 🔸Commenting on the developments in Lebanon, Peskov said that this leads to an escalation of tension and the region is in an explosive state. 🔸He also informed that Russia's President Vladimir Putin will hold a meeting on the development of the Russian Armed Forces in in the context of the special military operation. Putin will also address the participants of the plenary session of the Eurasian Women's Forum, and possibly will have an international telephone conversation. 🔸The Kremlin categorically disagrees with Armenia's Prime Minister Nikol Pashinyan in his assessment of the Collective Security Treaty Organization: "The organization does not pose any threat to Armenia's sovereignty," Peskov explained. 🔸Russia continues and will continue contacts with Armenia, it is a close partner, Kremlin spokesman added. 🔸Regarding Norway's statement about radioactive cesium at the border with Russia, Peskov said that there were no notifications from the Russian services. . 4:41 PM · Sep 18, 2024 · 1,979 Views https://x.com/SputnikInt/status/1836339866767966589
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 2315 Views 0 Reviews
  • เจคอบ โรธส์ไชลด์: “ครอบครัวของฉันสร้างอิสราเอล”

    อิสราเอลเป็นรัฐปลอมที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มโลกาภิวัตน์ที่ชั่วร้าย 🇮🇱
    .
    Jacob Rothschild: “My family created Israel”

    Israel is a fake state created by evil globalists.🇮🇱
    .
    From Dr. Anastasia Maria Loupis
    3:40 PM · Sep 15, 2024 · 2M Views
    https://x.com/DrLoupis/status/1835237143465119783
    เจคอบ โรธส์ไชลด์: “ครอบครัวของฉันสร้างอิสราเอล” อิสราเอลเป็นรัฐปลอมที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มโลกาภิวัตน์ที่ชั่วร้าย 🇮🇱 . Jacob Rothschild: “My family created Israel” Israel is a fake state created by evil globalists.🇮🇱 . From Dr. Anastasia Maria Loupis 3:40 PM · Sep 15, 2024 · 2M Views https://x.com/DrLoupis/status/1835237143465119783
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Wow
    12
    2 Comments 0 Shares 222 Views 592 0 Reviews
  • ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๒)

    ตระกูล Rothschild มีอำนาจมากเพียงใด?

    🔺ตระกูล Rothschild ยังมีหุ้นและการลงทุนตั้งแต่ ๕%-๕๐%+ ในบริษัทขนาดใหญ่ในยุโรป, สหรัฐอเมริกา และเอเชียมากมาย ตั้งแต่ Glencore Mining และ Total Energies ไปจนถึง Siemens, Exxon, Chevron, Repsol, Shell, Mitsubishi, Itochu Corp และ Rio Tinto Mining Corporation

    🔺ในหนังสือของเขา 'Big Oil & Their Bankers', นักวิจัย Dean Henderson ค้นพบว่าตระกูล Rothschild และกลุ่มธนาคารอีก ๗ กลุ่มมีหุ้นในการควบคุมธนาคารกลางแห่งนิวยอร์ก – ซึ่งเป็นธนาคารกลางที่ทรงอำนาจที่สุดและเป็นศูนย์กลางของระบบการเงินของอเมริกา

    🔺นักสืบคนอื่นๆ เชื่อว่าตระกูล Rothschilds เป็นผู้ควบคุมกรุงลอนดอนและธนาคารแห่งอังกฤษ, หรือไม่ก็เป็นเจ้าของธนาคารโดยตรง, แม้ว่าจะยังมีการโต้แย้งกันอยู่ก็ตาม

    ตระกูล Rothschilds ควบคุมนักการเมืองหรือไม่?

    🔶อิทธิพลของตระกูล Rothschilds ที่มีต่อนักการเมืองระดับโลกนั้นยากต่อการปกปิด, เนื่องจากสมาชิกคนสำคัญของตระกูลนี้อยู่ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญอย่าง Ronald Reagan, Bill Clinton, Henry Kissinger, Margaret Thatcher, Francois Mitterrand, Petro Poroshenko, Emmanuel Macron และคนอื่นๆ

    🔶ตระกูลนี้ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ทางธุรกิจและอำนาจทางเศรษฐกิจและตลาด, หรือในกรณีของ Macron – ก็คือจ้างเขาเป็นนายธนาคารเพื่อการลงทุนก่อนที่เขาจะเริ่มอาชีพทางการเมือง
    .
    How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 2)

    How powerful are the Rothschilds?

    🔺The Rothschilds also have ownership stakes and investments ranging from 5%-50%+ in an array of European, US and Asian mega corporations, from Glencore Mining and Total Energies to Siemens, Exxon, Chevron, Repsol, Shell, Mitsubishi, Itochu Corp and the Rio Tinto Mining Corporation.

    🔺In his book ‘Big Oil & Their Bankers’, researcher Dean Henderson discovered that the Rothschilds and a clique of seven other banking families enjoy a controlling stake in the New York Federal Reserve Bank – the most powerful Fed bank and the heart of America’s financial system.

    🔺Other investigators believe the Rothschilds either control the city of London and the Bank of England, or own it outright, although this has been disputed.

    Do Rothschilds control politicians?

    🔶Rothschilds' influence over world politicians has become impossible to conceal, with the family’s prominent members rubbing shoulders with the likes of Ronald Reagan, Bill Clinton, Henry Kissinger, Margaret Thatcher, Francois Mitterrand, Petro Poroshenko, Emmanuel Macron, and others.

    🔶The clan either takes advantage of business connections and sheer economic and market power, or in Macron’s case – hiring him as an investment banker before he began his political career.
    .
    8:19 PM · Sep 15, 2024 · 42.7K Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1835307498514874475
    ตระกูลธนาคาร Rothschild ใช้ความมั่งคั่งมหาศาลเพื่อมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ของโลกและควบคุมรัฐบาลได้อย่างไร (ตอนที่ ๒) ตระกูล Rothschild มีอำนาจมากเพียงใด? 🔺ตระกูล Rothschild ยังมีหุ้นและการลงทุนตั้งแต่ ๕%-๕๐%+ ในบริษัทขนาดใหญ่ในยุโรป, สหรัฐอเมริกา และเอเชียมากมาย ตั้งแต่ Glencore Mining และ Total Energies ไปจนถึง Siemens, Exxon, Chevron, Repsol, Shell, Mitsubishi, Itochu Corp และ Rio Tinto Mining Corporation 🔺ในหนังสือของเขา 'Big Oil & Their Bankers', นักวิจัย Dean Henderson ค้นพบว่าตระกูล Rothschild และกลุ่มธนาคารอีก ๗ กลุ่มมีหุ้นในการควบคุมธนาคารกลางแห่งนิวยอร์ก – ซึ่งเป็นธนาคารกลางที่ทรงอำนาจที่สุดและเป็นศูนย์กลางของระบบการเงินของอเมริกา 🔺นักสืบคนอื่นๆ เชื่อว่าตระกูล Rothschilds เป็นผู้ควบคุมกรุงลอนดอนและธนาคารแห่งอังกฤษ, หรือไม่ก็เป็นเจ้าของธนาคารโดยตรง, แม้ว่าจะยังมีการโต้แย้งกันอยู่ก็ตาม ตระกูล Rothschilds ควบคุมนักการเมืองหรือไม่? 🔶อิทธิพลของตระกูล Rothschilds ที่มีต่อนักการเมืองระดับโลกนั้นยากต่อการปกปิด, เนื่องจากสมาชิกคนสำคัญของตระกูลนี้อยู่ใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญอย่าง Ronald Reagan, Bill Clinton, Henry Kissinger, Margaret Thatcher, Francois Mitterrand, Petro Poroshenko, Emmanuel Macron และคนอื่นๆ 🔶ตระกูลนี้ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ทางธุรกิจและอำนาจทางเศรษฐกิจและตลาด, หรือในกรณีของ Macron – ก็คือจ้างเขาเป็นนายธนาคารเพื่อการลงทุนก่อนที่เขาจะเริ่มอาชีพทางการเมือง . How Rothschild banking clan uses its vast wealth to influence world events and control governments (Part 2) How powerful are the Rothschilds? 🔺The Rothschilds also have ownership stakes and investments ranging from 5%-50%+ in an array of European, US and Asian mega corporations, from Glencore Mining and Total Energies to Siemens, Exxon, Chevron, Repsol, Shell, Mitsubishi, Itochu Corp and the Rio Tinto Mining Corporation. 🔺In his book ‘Big Oil & Their Bankers’, researcher Dean Henderson discovered that the Rothschilds and a clique of seven other banking families enjoy a controlling stake in the New York Federal Reserve Bank – the most powerful Fed bank and the heart of America’s financial system. 🔺Other investigators believe the Rothschilds either control the city of London and the Bank of England, or own it outright, although this has been disputed. Do Rothschilds control politicians? 🔶Rothschilds' influence over world politicians has become impossible to conceal, with the family’s prominent members rubbing shoulders with the likes of Ronald Reagan, Bill Clinton, Henry Kissinger, Margaret Thatcher, Francois Mitterrand, Petro Poroshenko, Emmanuel Macron, and others. 🔶The clan either takes advantage of business connections and sheer economic and market power, or in Macron’s case – hiring him as an investment banker before he began his political career. . 8:19 PM · Sep 15, 2024 · 42.7K Views https://x.com/SputnikInt/status/1835307498514874475
    Like
    Wow
    4
    2 Comments 0 Shares 881 Views 0 Reviews
  • Understand The Difference Between Ethos, Pathos, And Logos To Make Your Point

    During an argument, people will often say whatever is necessary to win. If that is the case, they would certainly need to understand the three modes of persuasion, also commonly known as the three rhetorical appeals: ethos, pathos, and logos. In short, these three words refer to three main methods that a person can use to speak or write persuasively. As you’re about to find out, the modes of persuasion are important because a speaker who knows how to effectively use them will have a significant advantage over someone who doesn’t.

    The terms ethos, pathos, and logos and the theory of their use can be traced back to ancient Greece to the philosophy of Aristotle. Aristotle used these three concepts in his explanations of rhetoric, or the art of influencing the thought and conduct of an audience. For Aristotle, the three modes of persuasion specifically referred to the three major parts of an argument: the speaker (ethos), the argument itself (logos), and the audience (pathos). In particular, Aristotle focused on the speaker’s character, the logic and reason presented by an argument, and the emotional impact the argument had on an audience.

    While they have ancient roots, these modes of persuasion are alive and well today. Put simply, ethos refers to persuasion based on the credibility or authority of the speaker, pathos refers to persuasion based on emotion, and logos refers to persuasion based on logic or reason.

    By effectively using the three modes of persuasion with a large supply of rhetorical devices, a speaker or writer can become a master of rhetoric and win nearly any argument or win over any audience. Before they can do that, though, they must know exactly what ethos, pathos, and logos mean. Fortunately, we are going to look closely at each of these three ideas and see if they are really as effective as they are said to be.

    Quick summary

    Ethos, pathos, and logos are the three classical modes of persuasion that a person can use to speak or write persuasively. Specifically:

    ethos (character): known as “the appeal to authority” or “the appeal to credibility.” This is the method in which a person relies on their credibility or character when making an appeal or an argument.

    pathos (emotions): known as “the appeal to emotion.” Pathos refers to the method of trying to persuade an audience by eliciting some kind of emotional reaction.

    logos (logic): known as “the appeal to reason.” This method involves using facts and logical reasoning to support an argument and persuade an audience.


    What is ethos?

    The word ethos comes straight from Greek. In Greek, ethos literally translates to “habit,” “custom,” or “character.” Ethos is related to the words ethic and ethical, which are typically used to refer to behavior that is or isn’t acceptable for a particular person.

    In rhetoric, the word ethos is used to refer to the character or reputation of the speaker. As a rhetorical appeal, ethos is known as “the appeal to authority” or “the appeal to credibility.” When it comes to ethos, one important consideration is how the speaker carries themself and how they present themselves to the audience: Does it seem like they know what they are talking about? Do they even believe the words they are saying? Are they an expert? Do they have some experience or skills that tell us we should listen to them?

    Ethos is important in rhetoric because it often influences the opinion or mood of the audience. If a speaker seems unenthusiastic, unprepared, or inexperienced, the audience is more likely to discount the speaker’s argument regardless of what it even is. On the other hand, a knowledgeable, authoritative, confident speaker is much more likely to win an audience over.

    Ethos often depends on more than just the argument itself. For example, a speaker’s word choice, grammar, and diction also contribute to ethos; an audience may react more favorably toward a professional speaker who has a good grasp of industry jargon and enunciates clearly versus a speaker who lacks the necessary vocabulary and fails to enunciate. Ethos can also be influenced by nonverbal factors as well, such as posture, body language, eye contact, and even the speaker’s choice of clothing. For example, a military officer proudly wearing their uniform bedecked with medals will go a long way to establishing ethos without them saying a single word.

    Here as a simple example of ethos:

    “As a former mayor of this city, I believe we can solve this crisis if we band together.”
    The speaker uses ethos by alerting the audience of their credentials and experience. By doing so, they rely on their reputation to be more persuasive. This “as a…” method of establishing ethos is common, and you have probably seen it used in many persuasive advertisements and speeches.


    What is pathos?

    In Greek, pathos literally translates to “suffering, experience, or sensation.” The word pathos is related to the words pathetic, sympathy, and empathy, which all have to do with emotions or emotional connections. Aristotle used the word pathos to refer to the emotional impact that an argument had on an audience; this usage is still mainly how pathos is used in rhetoric today.

    As a rhetorical appeal, pathos is referred to as “the appeal to emotion.” Generally speaking, an author or speaker is using pathos when they are trying to persuade an audience by causing some kind of emotional reaction. When it comes to pathos, any and all emotions are on the table: sadness, fear, hope, joy, anger, lust, pity, etc.

    As you probably know from your own life, emotions are a powerful motivating factor. For this reason, relying on pathos is often a smart and effective strategy for persuading an audience. Both positive and negative emotions can heavily influence an audience: for example, an audience will want to support a speaker whose position will make them happy, a speaker who wants to end their sadness, or a speaker who is opposed to something that makes them angry.

    Here is a simple example of pathos:

    “Every day, the rainforests shrink and innocent animals are killed. We must do something about this calamitous trend before the planet we call our home is damaged beyond repair.”
    Here, the author is trying to win over an audience by making them feel sad, concerned, or afraid. The author’s choice of words like “innocent” and “calamitous” enforce the fact that they are trying to rely on pathos.


    What is logos?

    In Greek, the word logos literally translates to “word, reason, or discourse.” The word logos is related to many different words that have to do with reason, discourse, or knowledge, such as logic, logical, and any words that end in the suffixes -logy or -logue.

    As a mode of persuasion and rhetorical appeal, logos is often referred to as “the appeal to reason.” If a speaker or author is relying on logos, they are typically reciting facts or providing data and statistics that support their argument. In a manner of speaking, logos does away with all of the bells and whistles of ethos and pathos and cuts to the chase by trying to present a rational argument.

    Logos can be effective in arguments because, in theory, it is impossible to argue against truth and facts. An audience is more likely to agree with a speaker who can provide strong, factual evidence that shows their position is correct. On the flip side, an audience is less likely to support an argument that is flawed or entirely wrong. Going further, a speaker that presents a lot of supporting evidence and data to the audience is likely to come across as knowledgeable and someone to be listened to, which earns bonus points in ethos as well.

    While Aristotle clearly valued an argument based on reason very highly, we know that logos alone doesn’t always effectively persuade an audience. In your own life, you have likely seen a rational, correct speaker lose an argument to a charismatic, authoritative speaker who may not have the facts right.

    Here is a simple example of logos:

    “According to market research, sales of computer chips have increased by 300% in the last five years. Analysis of the industry tells us that the market share of computer chips is dominated by Asian manufacturers. It is clear that the Asian technology sector will continue to experience rapid growth for the foreseeable future.”
    In this paragraph, the author is using data, statistics, and logical reasoning to make their argument. They clearly hope to use logos to try to convince an audience to agree with them.

    Examples of ethos, pathos, and logos
    Ethos, pathos, and logos can all be employed to deliver compelling and persuasive arguments or to win over an audience. Let’s look at a variety of examples to see how different speakers and authors have turned to these modes of persuasion over the years.


    ethos

    “Come I to speak in Caesar’s funeral.
    He was my friend, faithful and just to me […] You all did see that on the Lupercal
    I thrice presented him a kingly crown,
    Which he did thrice refuse: was this ambition?”
    —Marc Antony, Julius Caesar by William Shakespeare

    In this scene, Marc Antony is trying to win over the Roman people, so Shakespeare has Antony rely on ethos. Antony is establishing himself as both a person of authority in Rome (having the power to offer Caesar a crown) and an expert on Caesar’s true character (Antony was Caesar’s close friend and advisor).

    “During the next five years, I started a company named NeXT, another company named Pixar, and fell in love with an amazing woman who would become my wife. Pixar went on to create the world’s first computer animated feature film, Toy Story, and is now the most successful animation studio in the world. In a remarkable turn of events, Apple bought NeXT, I returned to Apple, and the technology we developed at NeXT is at the heart of Apple’s current renaissance.”
    —Steve Jobs, 2005

    Here, Steve Jobs is providing his background–via humblebrag– of being a major figure in several different highly successful tech companies. Jobs is using ethos to provide substance to his words and make it clear to the audience that he knows what he is talking about and they should listen to him.


    pathos

    “Moreover, though you hate both him and his gifts with all your heart, yet pity the rest of the Achaeans who are being harassed in all their host; they will honour you as a god, and you will earn great glory at their hands. You might even kill Hector; he will come within your reach, for he is infatuated, and declares that not a Danaan whom the ships have brought can hold his own against him.”
    —Ulysses to Achilles, The Iliad by Homer

    In this plea, Ulysses is doing his best to pile on the pathos. In one paragraph, Ulysses is attempting to appeal to several of Achilles’s emotions: his hatred of Hector, his infamous stubborn pride, his sympathy for civilians, and his desire for vengeance.

    “I am not unmindful that some of you have come here out of great trials and tribulations. Some of you have come fresh from narrow jail cells. Some of you have come from areas where your quest—quest for freedom left you battered by the storms of persecution and staggered by the winds of police brutality.”
    —Dr. Martin Luther King Jr., 1963

    In this excerpt from his “I Have A Dream” speech, King is using pathos to accomplish two goals at once. First, he is connecting with his audience by making it clear is aware of their plight and suffering. Second, he is citing these examples to cause sadness or outrage in the audience. Both of these effects will make an audience interested in what he has to say and more likely to support his position.


    logos

    “Let it be remembered how powerful the influence of a single introduced tree or mammal has been shown to be. But in the case of an island, or of a country partly surrounded by barriers, into which new and better adapted forms could not freely enter, we should then have places in the economy of nature which would assuredly be better filled up if some of the original inhabitants were in some manner modified; for, had the area been open to immigration, these same places would have been seized on by intruders. In such case, every slight modification, which in the course of ages chanced to arise, and which in any way favoured the individuals of any of the species, by better adapting them to their altered conditions, would tend to be preserved; and natural selection would have free scope for the work of improvement.”
    —Charles Darwin, On the Origin of the Species, 1859

    In this passage, Darwin is using logos by presenting a rational argument in support of natural selection. Darwin connects natural selection to established scientific knowledge to argue that it makes logical sense that animals would adapt to better survive in their environment.

    “I often echo the point made by the climate scientist James Hansen: The accumulation of carbon dioxide, methane and other greenhouse gases—some of which will envelop the planet for hundreds and possibly thousands of years—is now trapping as much extra energy daily as 500,000 Hiroshima-class atomic bombs would release every 24 hours. This is the crisis we face.”
    —Al Gore, “The Climate Crisis Is the Battle of Our Time, and We Can Win,” 2019

    In this call to action, Al Gore uses logos to attempt to convince his audience of the significance of climate change. In order to do this, Gore both cites an expert in the field and provides a scientifically accurate simile to explain the scale of the effect that greenhouse gases have on Earth’s atmosphere.


    What are mythos and kairos?

    Some modern scholars may also use terms mythos and kairos when discussing modes of persuasion or rhetoric in general.

    Aristotle used the term mythos to refer to the plot or story structure of Greek tragedies, i.e., how a playwright ordered the events of the story to affect the audience. Today, mythos is most often discussed as a literary or poetic term rather than a rhetorical one. However, mythos may rarely be referred to as the “appeal to culture” or the “appeal to myth” if it is treated as an additional mode of persuasion. According to this viewpoint, a speaker/writer is using mythos if they try to persuade an audience using shared cultural customs or societal values.

    A commonly cited example of mythos is King’s “I Have a Dream” speech quoted earlier. King says:

    “When the architects of our republic wrote the magnificent words of the Constitution and the Declaration of Independence, they were signing a promissory note to which every American was to fall heir. This note was a promise that all men—yes, black men as well as white men—would be guaranteed the ‘unalienable rights’ of ‘life, liberty and the pursuit of happiness.’ ”

    Throughout the speech, King repeatedly uses American symbols and American history (mythos) to argue that all Americans should be outraged that Black Americans have been denied freedom and civil rights.

    Some modern scholars may also consider kairos as an additional mode of persuasion. Kairos is usually defined as referring to the specific time and place that a speaker chooses to deliver their speech. For written rhetoric, the “place” instead refers to the specific medium or publication in which a piece of writing appears.

    Unlike the other modes of persuasion, kairos relates to the context of a speech and how the appropriateness (or not) of a setting affects how effective a speaker is. Once again, King’s “I Have a Dream” speech is a great example of the use of kairos. This speech was delivered at the steps of the Lincoln Memorial during the 100th anniversary of the Emancipation Proclamation at the end of the March on Washington for Jobs and Freedom. Clearly, King intended to use kairos to enhance the importance and timeliness of this landmark speech.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    Understand The Difference Between Ethos, Pathos, And Logos To Make Your Point During an argument, people will often say whatever is necessary to win. If that is the case, they would certainly need to understand the three modes of persuasion, also commonly known as the three rhetorical appeals: ethos, pathos, and logos. In short, these three words refer to three main methods that a person can use to speak or write persuasively. As you’re about to find out, the modes of persuasion are important because a speaker who knows how to effectively use them will have a significant advantage over someone who doesn’t. The terms ethos, pathos, and logos and the theory of their use can be traced back to ancient Greece to the philosophy of Aristotle. Aristotle used these three concepts in his explanations of rhetoric, or the art of influencing the thought and conduct of an audience. For Aristotle, the three modes of persuasion specifically referred to the three major parts of an argument: the speaker (ethos), the argument itself (logos), and the audience (pathos). In particular, Aristotle focused on the speaker’s character, the logic and reason presented by an argument, and the emotional impact the argument had on an audience. While they have ancient roots, these modes of persuasion are alive and well today. Put simply, ethos refers to persuasion based on the credibility or authority of the speaker, pathos refers to persuasion based on emotion, and logos refers to persuasion based on logic or reason. By effectively using the three modes of persuasion with a large supply of rhetorical devices, a speaker or writer can become a master of rhetoric and win nearly any argument or win over any audience. Before they can do that, though, they must know exactly what ethos, pathos, and logos mean. Fortunately, we are going to look closely at each of these three ideas and see if they are really as effective as they are said to be. Quick summary Ethos, pathos, and logos are the three classical modes of persuasion that a person can use to speak or write persuasively. Specifically: ethos (character): known as “the appeal to authority” or “the appeal to credibility.” This is the method in which a person relies on their credibility or character when making an appeal or an argument. pathos (emotions): known as “the appeal to emotion.” Pathos refers to the method of trying to persuade an audience by eliciting some kind of emotional reaction. logos (logic): known as “the appeal to reason.” This method involves using facts and logical reasoning to support an argument and persuade an audience. What is ethos? The word ethos comes straight from Greek. In Greek, ethos literally translates to “habit,” “custom,” or “character.” Ethos is related to the words ethic and ethical, which are typically used to refer to behavior that is or isn’t acceptable for a particular person. In rhetoric, the word ethos is used to refer to the character or reputation of the speaker. As a rhetorical appeal, ethos is known as “the appeal to authority” or “the appeal to credibility.” When it comes to ethos, one important consideration is how the speaker carries themself and how they present themselves to the audience: Does it seem like they know what they are talking about? Do they even believe the words they are saying? Are they an expert? Do they have some experience or skills that tell us we should listen to them? Ethos is important in rhetoric because it often influences the opinion or mood of the audience. If a speaker seems unenthusiastic, unprepared, or inexperienced, the audience is more likely to discount the speaker’s argument regardless of what it even is. On the other hand, a knowledgeable, authoritative, confident speaker is much more likely to win an audience over. Ethos often depends on more than just the argument itself. For example, a speaker’s word choice, grammar, and diction also contribute to ethos; an audience may react more favorably toward a professional speaker who has a good grasp of industry jargon and enunciates clearly versus a speaker who lacks the necessary vocabulary and fails to enunciate. Ethos can also be influenced by nonverbal factors as well, such as posture, body language, eye contact, and even the speaker’s choice of clothing. For example, a military officer proudly wearing their uniform bedecked with medals will go a long way to establishing ethos without them saying a single word. Here as a simple example of ethos: “As a former mayor of this city, I believe we can solve this crisis if we band together.” The speaker uses ethos by alerting the audience of their credentials and experience. By doing so, they rely on their reputation to be more persuasive. This “as a…” method of establishing ethos is common, and you have probably seen it used in many persuasive advertisements and speeches. What is pathos? In Greek, pathos literally translates to “suffering, experience, or sensation.” The word pathos is related to the words pathetic, sympathy, and empathy, which all have to do with emotions or emotional connections. Aristotle used the word pathos to refer to the emotional impact that an argument had on an audience; this usage is still mainly how pathos is used in rhetoric today. As a rhetorical appeal, pathos is referred to as “the appeal to emotion.” Generally speaking, an author or speaker is using pathos when they are trying to persuade an audience by causing some kind of emotional reaction. When it comes to pathos, any and all emotions are on the table: sadness, fear, hope, joy, anger, lust, pity, etc. As you probably know from your own life, emotions are a powerful motivating factor. For this reason, relying on pathos is often a smart and effective strategy for persuading an audience. Both positive and negative emotions can heavily influence an audience: for example, an audience will want to support a speaker whose position will make them happy, a speaker who wants to end their sadness, or a speaker who is opposed to something that makes them angry. Here is a simple example of pathos: “Every day, the rainforests shrink and innocent animals are killed. We must do something about this calamitous trend before the planet we call our home is damaged beyond repair.” Here, the author is trying to win over an audience by making them feel sad, concerned, or afraid. The author’s choice of words like “innocent” and “calamitous” enforce the fact that they are trying to rely on pathos. What is logos? In Greek, the word logos literally translates to “word, reason, or discourse.” The word logos is related to many different words that have to do with reason, discourse, or knowledge, such as logic, logical, and any words that end in the suffixes -logy or -logue. As a mode of persuasion and rhetorical appeal, logos is often referred to as “the appeal to reason.” If a speaker or author is relying on logos, they are typically reciting facts or providing data and statistics that support their argument. In a manner of speaking, logos does away with all of the bells and whistles of ethos and pathos and cuts to the chase by trying to present a rational argument. Logos can be effective in arguments because, in theory, it is impossible to argue against truth and facts. An audience is more likely to agree with a speaker who can provide strong, factual evidence that shows their position is correct. On the flip side, an audience is less likely to support an argument that is flawed or entirely wrong. Going further, a speaker that presents a lot of supporting evidence and data to the audience is likely to come across as knowledgeable and someone to be listened to, which earns bonus points in ethos as well. While Aristotle clearly valued an argument based on reason very highly, we know that logos alone doesn’t always effectively persuade an audience. In your own life, you have likely seen a rational, correct speaker lose an argument to a charismatic, authoritative speaker who may not have the facts right. Here is a simple example of logos: “According to market research, sales of computer chips have increased by 300% in the last five years. Analysis of the industry tells us that the market share of computer chips is dominated by Asian manufacturers. It is clear that the Asian technology sector will continue to experience rapid growth for the foreseeable future.” In this paragraph, the author is using data, statistics, and logical reasoning to make their argument. They clearly hope to use logos to try to convince an audience to agree with them. Examples of ethos, pathos, and logos Ethos, pathos, and logos can all be employed to deliver compelling and persuasive arguments or to win over an audience. Let’s look at a variety of examples to see how different speakers and authors have turned to these modes of persuasion over the years. ethos “Come I to speak in Caesar’s funeral. He was my friend, faithful and just to me […] You all did see that on the Lupercal I thrice presented him a kingly crown, Which he did thrice refuse: was this ambition?” —Marc Antony, Julius Caesar by William Shakespeare In this scene, Marc Antony is trying to win over the Roman people, so Shakespeare has Antony rely on ethos. Antony is establishing himself as both a person of authority in Rome (having the power to offer Caesar a crown) and an expert on Caesar’s true character (Antony was Caesar’s close friend and advisor). “During the next five years, I started a company named NeXT, another company named Pixar, and fell in love with an amazing woman who would become my wife. Pixar went on to create the world’s first computer animated feature film, Toy Story, and is now the most successful animation studio in the world. In a remarkable turn of events, Apple bought NeXT, I returned to Apple, and the technology we developed at NeXT is at the heart of Apple’s current renaissance.” —Steve Jobs, 2005 Here, Steve Jobs is providing his background–via humblebrag– of being a major figure in several different highly successful tech companies. Jobs is using ethos to provide substance to his words and make it clear to the audience that he knows what he is talking about and they should listen to him. pathos “Moreover, though you hate both him and his gifts with all your heart, yet pity the rest of the Achaeans who are being harassed in all their host; they will honour you as a god, and you will earn great glory at their hands. You might even kill Hector; he will come within your reach, for he is infatuated, and declares that not a Danaan whom the ships have brought can hold his own against him.” —Ulysses to Achilles, The Iliad by Homer In this plea, Ulysses is doing his best to pile on the pathos. In one paragraph, Ulysses is attempting to appeal to several of Achilles’s emotions: his hatred of Hector, his infamous stubborn pride, his sympathy for civilians, and his desire for vengeance. “I am not unmindful that some of you have come here out of great trials and tribulations. Some of you have come fresh from narrow jail cells. Some of you have come from areas where your quest—quest for freedom left you battered by the storms of persecution and staggered by the winds of police brutality.” —Dr. Martin Luther King Jr., 1963 In this excerpt from his “I Have A Dream” speech, King is using pathos to accomplish two goals at once. First, he is connecting with his audience by making it clear is aware of their plight and suffering. Second, he is citing these examples to cause sadness or outrage in the audience. Both of these effects will make an audience interested in what he has to say and more likely to support his position. logos “Let it be remembered how powerful the influence of a single introduced tree or mammal has been shown to be. But in the case of an island, or of a country partly surrounded by barriers, into which new and better adapted forms could not freely enter, we should then have places in the economy of nature which would assuredly be better filled up if some of the original inhabitants were in some manner modified; for, had the area been open to immigration, these same places would have been seized on by intruders. In such case, every slight modification, which in the course of ages chanced to arise, and which in any way favoured the individuals of any of the species, by better adapting them to their altered conditions, would tend to be preserved; and natural selection would have free scope for the work of improvement.” —Charles Darwin, On the Origin of the Species, 1859 In this passage, Darwin is using logos by presenting a rational argument in support of natural selection. Darwin connects natural selection to established scientific knowledge to argue that it makes logical sense that animals would adapt to better survive in their environment. “I often echo the point made by the climate scientist James Hansen: The accumulation of carbon dioxide, methane and other greenhouse gases—some of which will envelop the planet for hundreds and possibly thousands of years—is now trapping as much extra energy daily as 500,000 Hiroshima-class atomic bombs would release every 24 hours. This is the crisis we face.” —Al Gore, “The Climate Crisis Is the Battle of Our Time, and We Can Win,” 2019 In this call to action, Al Gore uses logos to attempt to convince his audience of the significance of climate change. In order to do this, Gore both cites an expert in the field and provides a scientifically accurate simile to explain the scale of the effect that greenhouse gases have on Earth’s atmosphere. What are mythos and kairos? Some modern scholars may also use terms mythos and kairos when discussing modes of persuasion or rhetoric in general. Aristotle used the term mythos to refer to the plot or story structure of Greek tragedies, i.e., how a playwright ordered the events of the story to affect the audience. Today, mythos is most often discussed as a literary or poetic term rather than a rhetorical one. However, mythos may rarely be referred to as the “appeal to culture” or the “appeal to myth” if it is treated as an additional mode of persuasion. According to this viewpoint, a speaker/writer is using mythos if they try to persuade an audience using shared cultural customs or societal values. A commonly cited example of mythos is King’s “I Have a Dream” speech quoted earlier. King says: “When the architects of our republic wrote the magnificent words of the Constitution and the Declaration of Independence, they were signing a promissory note to which every American was to fall heir. This note was a promise that all men—yes, black men as well as white men—would be guaranteed the ‘unalienable rights’ of ‘life, liberty and the pursuit of happiness.’ ” Throughout the speech, King repeatedly uses American symbols and American history (mythos) to argue that all Americans should be outraged that Black Americans have been denied freedom and civil rights. Some modern scholars may also consider kairos as an additional mode of persuasion. Kairos is usually defined as referring to the specific time and place that a speaker chooses to deliver their speech. For written rhetoric, the “place” instead refers to the specific medium or publication in which a piece of writing appears. Unlike the other modes of persuasion, kairos relates to the context of a speech and how the appropriateness (or not) of a setting affects how effective a speaker is. Once again, King’s “I Have a Dream” speech is a great example of the use of kairos. This speech was delivered at the steps of the Lincoln Memorial during the 100th anniversary of the Emancipation Proclamation at the end of the March on Washington for Jobs and Freedom. Clearly, King intended to use kairos to enhance the importance and timeliness of this landmark speech. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 631 Views 0 Reviews

  • “กราฟีนออกไซด์ในสมอง” : https://www.materialstoday.com/.../graphene-oxide-on-the...
    “ความเป็นพิษของกราฟีนทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ” (การอักเสบของหัวใจ) : https://www.sciencedirect.com/.../pii/S2352940718302853
    “ZEN Graphene Solutions ประกาศสิทธิแต่เพียงผู้เดียวทั่วโลกในการจำหน่ายเทคโนโลยีการทดสอบแอนติเจน COVID-19 ที่ใช้น้ำลายอย่างรวดเร็ว” : https://www.zengraphene.com/zen-graphene-solutions... -เทคโนโลยีการทดสอบแอนติเจนจากน้ำลายที่ใช้เชื้อโควิด-19/
    “Health Canada ออกคำแนะนำสำหรับมาสก์หน้าที่มีกราฟีน” : https://www.ctvnews.ca/.../health-canada-issues-advisory...
    สิทธิบัตร: “ท่อนาโนคาร์บอนไลโอฟิไลซ์/ตัวกรองบุหรี่แบบดัดแปลงกราฟีนออกไซด์…” – https://www.sciencedirect.com/.../abs/pii/S1385894715007937
    สิทธิบัตร: “เครื่องกรองควันบุหรี่จากกราฟีน…” – https://patents.google.com/patent/WO2017187453A1/en
    “วัคซีนไฟเซอร์ 'ประกอบด้วยกราฟีนออกไซด์ 99% หลังการวิเคราะห์ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน” : https://stateofthenation.co/?p=71587
    “กราฟีนออกไซด์ในบรรจุภัณฑ์อาหาร” – https://www.go-graphene.com/.../graphene-oxide-in-food...
    “ความเป็นพิษของอนุภาคนาโนในตระกูลกราฟีน: การทบทวนแหล่งกำเนิดและกลไกทั่วไป” : https://particleandfibretoxicology.biomedcentral.com/... ( สำเนาในเครื่อง )
    “คุณลักษณะความถี่วิทยุของกราฟีนออกไซด์” – https://www.researchgate.net/.../234845171_Radio...
    “โปรตีน 'Magneto' ที่ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมควบคุมสมองและพฤติกรรมจากระยะไกล” – https://www.theguardian.com/.../magneto-remotely-controls...
    “แผ่นนาโนกราฟีนที่พบในน้ำฝน” – https://zerogeoengineering.com/.../graphene-nanosheets.../
    “รายงานโรงพยาบาล Barbastro” – https://nobulart.com/.../09/Hospital-de-Barbastro-Huesca.pdf ( สำเนาท้องถิ่น ) ( อังกฤษ )
    “ประสิทธิภาพทางชีวภาพของกราฟีนออกไซด์ทั้งภายในและภายนอกร่างกายและผลกระทบของสารลดแรงตึงผิวที่มีต่อความเข้ากันได้ทางชีวภาพของกราฟีนออกไซด์” – https://www.sciencedirect.com/.../abs/pii/S1001074212602526
    “การกำจัดสารกำจัดวัชพืช 2,4-D, ไกลโฟเสต, ไตรฟลูราลิน และบิวทาคลอร์ออกจากน้ำโดยเยื่อโพลีซัลโฟนที่ผสมด้วยแกรฟีนออกไซด์/TiO2 นาโนคอมโพสิต: การศึกษาการกรองและการดูดซับเป็นชุด” – https://www.ncbi.nlm.nih.gov /pmc/articles/PMC6582012/
    “นาโนเทคโนโลยี: เครื่องมือใหม่สำหรับชีววิทยาและการแพทย์” – https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3841729/
    “กราฟีนออกไซด์สัมผัสเลือด: ปฏิสัมพันธ์ในร่างกายของวัสดุ 2 มิติชีวภาพที่มีโคโรนา” – https://pubs.rsc.org/.../articlehtml/2019/nh/c8nh00318a
    “ความเป็นพิษของอนุภาคนาโนกราฟีนออกไซด์ปริมาณต่ำในแบบจำลอง Caenorhabditis elegans ในร่างกาย” – https://aaqr.org/articles/aaqr-20-09-oa-0559
    “วัคซีนรีคอมบิแนนท์นาโนไวรัสโคโรนาที่ใช้กราฟีนออกไซด์เป็นพาหะ” – https://patents.google.com/patent/CN112220919A/th
    “วิธีที่ INBRAIN Neuroelectronics พัฒนาประสาทเทียมที่ใช้กราฟีน” – https://www.medicaldevice-network.com/.../inbrain.../
    “วัคซีน COVID-19 ของสหรัฐฯ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าผลดี จากข้อมูลการทดลองทางคลินิกที่สำคัญซึ่งวิเคราะห์โดยใช้จุดสิ้นสุดทางวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม ล้วนก่อให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรง” – https://www.scivisionpub.com/pdfs/us-covid19-vaccines- พิสูจน์แล้วว่าก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีตามผลการทดลองทางคลินิกข้อมูลวิเคราะห์โดยใช้วิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม 1811.pdf
    “Moderna กล่าวว่าวัคซีน COVID ที่ส่งไปยังญี่ปุ่นมีอนุภาคเหล็กกล้าไร้สนิม” – https://japantoday.com/.../moderna-says-tainted-covid...
    “ HCG ที่พบในวัคซีนบาดทะยักของ WHO ในเคนยาทำให้เกิดความกังวลในประเทศกำลังพัฒนา ” – https://www.scirp.org/journal/paperinformation.aspx...
    “วัคซีนบาดทะยักอาจผสมยาต้านการเจริญพันธุ์” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/12346214/
    “วัคซีนต่อต้านการเจริญพันธุ์” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/2665354/
    “อุทยานเทคโนโลยีชีวภาพ: จีนสู่อนาคตหน้า” (2554) – https://www.asiabiotech.com/15/1503/0034_0039.pdf
    “กรณีหายากของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเชื่อมโยงกับวัคซีน Pfizer, Moderna Covid-19 หรือไม่” – https://www.forbes.com/.../are-rare-cases-of-myocarditis.../
    “Trypanosoma Cruzi Experimental Infections และ COVID-19:ที่คล้ายกันกับโรคหลอดเลือดหัวใจ?” – https://biomedgrid.com/pdf/AJBSR.MS.ID.001832.pdf
    “เราได้ยินมาว่าการรักษาไม่ได้ช่วยอะไร แล้วทำไมเราต้องรักษาด้วยล่ะ? มุมมองวิธีการแบบผสมผสานเกี่ยวกับความรู้เรื่องโรค Chagas ทัศนคติ การป้องกัน และพฤติกรรมการรักษาในชาโคโบลิเวีย” – https://journals.plos.org/plosntds/article?id=10.1371/journal.pntd.0008752
    “ผลของยา ivermectin ต่อเชื้อ Trypanosoma brucei ในหนูทดลองที่ติดเชื้อ” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/23135008/
    “ [DARPA] DEFUSE PROJECT Documents” – https://drasticresearch.org/.../the-defuse-project.../
    “ภาวะลิ่มเลือดอุดตันและภาวะเกล็ดเลือดต่ำหลังการฉีดวัคซีน ChAdOx1 nCoV-19” – https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2104882
    “กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เกิดขึ้นหลังจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้ mRNA” – https://jamanetwork.com/.../jamacardi.../fullarticle/2781600
    “รายงานผู้ป่วยในสหรัฐฯ ของการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำในสมองด้วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำหลังการฉีดวัคซีน Ad26.COV2.S” – https://jamanetwork.com/journals/jama/fullarticle/2779731
    “ฉันขอเตือนผู้ที่เป็นโรค vaxxed ให้หลีกเลี่ยงการสแกน MRI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองสามสัปดาห์แรก เนื่องจากบางคนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้น กรณีที่ร้ายแรงที่สุดส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิต ไม่มีใครรายงานไปยัง VAERS” – https://twitter.com/DRAFZALNIAZ2/status/1440775597123248135
    “พบกราฟีนออกไซด์ในขวดวัคซีน Vaxigrip Tetra” – https://www.orwell.city/.../graphene-oxide-found-in...
    “การตรวจสอบควบคุมคุณภาพวัคซีนแบบใหม่: การปนเปื้อนไมโครและนาโน” – https://medcraveonline.com/IJVV/new-quality-control-investigations-on-vaccines-micro–and-nanocontamination.html
    “อนุภาคโลหะในวัคซีนหลายชนิด แต่ไม่ต้องกังวล เข้าแถวและถ่ายภาพของคุณเหมือนหุ่นยนต์ตัวน้อยที่มีความสุข” เรียงแถวและถ่ายภาพของคุณ/
    “การตรวจพบกราฟีนในวัคซีน COVID19” – https://www.researchgate.net/.../355979001_DETECTION_OF...
    “100% ของการเสียชีวิตจากวัคซีนโควิด-19 เกิดจากการผลิตเพียง 5% ตามข้อมูลของรัฐบาลอย่างเป็นทางการ” – https://theexpose.uk/2021/10/31/100-percent-of-covid-19- วัคซีน-สาเหตุ-ตาย-เพียง 5 เปอร์เซ็นต์-ของ-แบทช์-ผลิต
    “เอ่อ นั่นไม่ใช่ทฤษฎีสมคบคิด – 5% ของล็อตการผลิตวัคซีนทำให้วัคซีนเสียชีวิต 100%” – https://vulms.org/uh-thats-not-a-conspiracy-theory-5-of... -จำนวนมาก-สาเหตุ-100-ของ-วัคซีน-ตาย/
    “รอยประทับของภูมิคุ้มกัน ความกว้างของการรับรู้ตัวแปร และการตอบสนองของศูนย์กลางเชื้อโรคในการติดเชื้อ SARS-CoV-2 และการฉีดวัคซีนของมนุษย์” – https://www.cell.com/cell/fulltext/S0092-8674(22)00076-9
    “UK Lab พบกราฟีนในวัคซีน C19” – https://www.notonthebeeb.co.uk/.../uk-lab-finds-graphene...
    “ความคืบหน้าล่าสุดของกราฟีนออกไซด์ในฐานะผู้ให้บริการวัคซีนที่มีศักยภาพและยาเสริม” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32531395/
    “รอยประทับของภูมิคุ้มกัน ความกว้างของการจดจำตัวแปร และการตอบสนองของศูนย์กลางเชื้อโรคในการติดเชื้อ SARS-CoV-2 และการฉีดวัคซีนของมนุษย์” – https://www.cell.com/cell/fulltext/S0092-8674(22)00076-9
    “กราฟีนออกไซด์ในสมอง” : https://www.materialstoday.com/.../graphene-oxide-on-the... “ความเป็นพิษของกราฟีนทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ” (การอักเสบของหัวใจ) : https://www.sciencedirect.com/.../pii/S2352940718302853 “ZEN Graphene Solutions ประกาศสิทธิแต่เพียงผู้เดียวทั่วโลกในการจำหน่ายเทคโนโลยีการทดสอบแอนติเจน COVID-19 ที่ใช้น้ำลายอย่างรวดเร็ว” : https://www.zengraphene.com/zen-graphene-solutions... -เทคโนโลยีการทดสอบแอนติเจนจากน้ำลายที่ใช้เชื้อโควิด-19/ “Health Canada ออกคำแนะนำสำหรับมาสก์หน้าที่มีกราฟีน” : https://www.ctvnews.ca/.../health-canada-issues-advisory... สิทธิบัตร: “ท่อนาโนคาร์บอนไลโอฟิไลซ์/ตัวกรองบุหรี่แบบดัดแปลงกราฟีนออกไซด์…” – https://www.sciencedirect.com/.../abs/pii/S1385894715007937 สิทธิบัตร: “เครื่องกรองควันบุหรี่จากกราฟีน…” – https://patents.google.com/patent/WO2017187453A1/en “วัคซีนไฟเซอร์ 'ประกอบด้วยกราฟีนออกไซด์ 99% หลังการวิเคราะห์ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน” : https://stateofthenation.co/?p=71587 “กราฟีนออกไซด์ในบรรจุภัณฑ์อาหาร” – https://www.go-graphene.com/.../graphene-oxide-in-food... “ความเป็นพิษของอนุภาคนาโนในตระกูลกราฟีน: การทบทวนแหล่งกำเนิดและกลไกทั่วไป” : https://particleandfibretoxicology.biomedcentral.com/... ( สำเนาในเครื่อง ) “คุณลักษณะความถี่วิทยุของกราฟีนออกไซด์” – https://www.researchgate.net/.../234845171_Radio... “โปรตีน 'Magneto' ที่ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมควบคุมสมองและพฤติกรรมจากระยะไกล” – https://www.theguardian.com/.../magneto-remotely-controls... “แผ่นนาโนกราฟีนที่พบในน้ำฝน” – https://zerogeoengineering.com/.../graphene-nanosheets.../ “รายงานโรงพยาบาล Barbastro” – https://nobulart.com/.../09/Hospital-de-Barbastro-Huesca.pdf ( สำเนาท้องถิ่น ) ( อังกฤษ ) “ประสิทธิภาพทางชีวภาพของกราฟีนออกไซด์ทั้งภายในและภายนอกร่างกายและผลกระทบของสารลดแรงตึงผิวที่มีต่อความเข้ากันได้ทางชีวภาพของกราฟีนออกไซด์” – https://www.sciencedirect.com/.../abs/pii/S1001074212602526 “การกำจัดสารกำจัดวัชพืช 2,4-D, ไกลโฟเสต, ไตรฟลูราลิน และบิวทาคลอร์ออกจากน้ำโดยเยื่อโพลีซัลโฟนที่ผสมด้วยแกรฟีนออกไซด์/TiO2 นาโนคอมโพสิต: การศึกษาการกรองและการดูดซับเป็นชุด” – https://www.ncbi.nlm.nih.gov /pmc/articles/PMC6582012/ “นาโนเทคโนโลยี: เครื่องมือใหม่สำหรับชีววิทยาและการแพทย์” – https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3841729/ “กราฟีนออกไซด์สัมผัสเลือด: ปฏิสัมพันธ์ในร่างกายของวัสดุ 2 มิติชีวภาพที่มีโคโรนา” – https://pubs.rsc.org/.../articlehtml/2019/nh/c8nh00318a “ความเป็นพิษของอนุภาคนาโนกราฟีนออกไซด์ปริมาณต่ำในแบบจำลอง Caenorhabditis elegans ในร่างกาย” – https://aaqr.org/articles/aaqr-20-09-oa-0559 “วัคซีนรีคอมบิแนนท์นาโนไวรัสโคโรนาที่ใช้กราฟีนออกไซด์เป็นพาหะ” – https://patents.google.com/patent/CN112220919A/th “วิธีที่ INBRAIN Neuroelectronics พัฒนาประสาทเทียมที่ใช้กราฟีน” – https://www.medicaldevice-network.com/.../inbrain.../ “วัคซีน COVID-19 ของสหรัฐฯ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าผลดี จากข้อมูลการทดลองทางคลินิกที่สำคัญซึ่งวิเคราะห์โดยใช้จุดสิ้นสุดทางวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม ล้วนก่อให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรง” – https://www.scivisionpub.com/pdfs/us-covid19-vaccines- พิสูจน์แล้วว่าก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีตามผลการทดลองทางคลินิกข้อมูลวิเคราะห์โดยใช้วิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม 1811.pdf “Moderna กล่าวว่าวัคซีน COVID ที่ส่งไปยังญี่ปุ่นมีอนุภาคเหล็กกล้าไร้สนิม” – https://japantoday.com/.../moderna-says-tainted-covid... “ HCG ที่พบในวัคซีนบาดทะยักของ WHO ในเคนยาทำให้เกิดความกังวลในประเทศกำลังพัฒนา ” – https://www.scirp.org/journal/paperinformation.aspx... “วัคซีนบาดทะยักอาจผสมยาต้านการเจริญพันธุ์” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/12346214/ “วัคซีนต่อต้านการเจริญพันธุ์” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/2665354/ “อุทยานเทคโนโลยีชีวภาพ: จีนสู่อนาคตหน้า” (2554) – https://www.asiabiotech.com/15/1503/0034_0039.pdf “กรณีหายากของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเชื่อมโยงกับวัคซีน Pfizer, Moderna Covid-19 หรือไม่” – https://www.forbes.com/.../are-rare-cases-of-myocarditis.../ “Trypanosoma Cruzi Experimental Infections และ COVID-19:ที่คล้ายกันกับโรคหลอดเลือดหัวใจ?” – https://biomedgrid.com/pdf/AJBSR.MS.ID.001832.pdf “เราได้ยินมาว่าการรักษาไม่ได้ช่วยอะไร แล้วทำไมเราต้องรักษาด้วยล่ะ? มุมมองวิธีการแบบผสมผสานเกี่ยวกับความรู้เรื่องโรค Chagas ทัศนคติ การป้องกัน และพฤติกรรมการรักษาในชาโคโบลิเวีย” – https://journals.plos.org/plosntds/article?id=10.1371/journal.pntd.0008752 “ผลของยา ivermectin ต่อเชื้อ Trypanosoma brucei ในหนูทดลองที่ติดเชื้อ” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/23135008/ “ [DARPA] DEFUSE PROJECT Documents” – https://drasticresearch.org/.../the-defuse-project.../ “ภาวะลิ่มเลือดอุดตันและภาวะเกล็ดเลือดต่ำหลังการฉีดวัคซีน ChAdOx1 nCoV-19” – https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2104882 “กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เกิดขึ้นหลังจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้ mRNA” – https://jamanetwork.com/.../jamacardi.../fullarticle/2781600 “รายงานผู้ป่วยในสหรัฐฯ ของการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำในสมองด้วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำหลังการฉีดวัคซีน Ad26.COV2.S” – https://jamanetwork.com/journals/jama/fullarticle/2779731 “ฉันขอเตือนผู้ที่เป็นโรค vaxxed ให้หลีกเลี่ยงการสแกน MRI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองสามสัปดาห์แรก เนื่องจากบางคนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้น กรณีที่ร้ายแรงที่สุดส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิต ไม่มีใครรายงานไปยัง VAERS” – https://twitter.com/DRAFZALNIAZ2/status/1440775597123248135 “พบกราฟีนออกไซด์ในขวดวัคซีน Vaxigrip Tetra” – https://www.orwell.city/.../graphene-oxide-found-in... “การตรวจสอบควบคุมคุณภาพวัคซีนแบบใหม่: การปนเปื้อนไมโครและนาโน” – https://medcraveonline.com/IJVV/new-quality-control-investigations-on-vaccines-micro–and-nanocontamination.html “อนุภาคโลหะในวัคซีนหลายชนิด แต่ไม่ต้องกังวล เข้าแถวและถ่ายภาพของคุณเหมือนหุ่นยนต์ตัวน้อยที่มีความสุข” เรียงแถวและถ่ายภาพของคุณ/ “การตรวจพบกราฟีนในวัคซีน COVID19” – https://www.researchgate.net/.../355979001_DETECTION_OF... “100% ของการเสียชีวิตจากวัคซีนโควิด-19 เกิดจากการผลิตเพียง 5% ตามข้อมูลของรัฐบาลอย่างเป็นทางการ” – https://theexpose.uk/2021/10/31/100-percent-of-covid-19- วัคซีน-สาเหตุ-ตาย-เพียง 5 เปอร์เซ็นต์-ของ-แบทช์-ผลิต “เอ่อ นั่นไม่ใช่ทฤษฎีสมคบคิด – 5% ของล็อตการผลิตวัคซีนทำให้วัคซีนเสียชีวิต 100%” – https://vulms.org/uh-thats-not-a-conspiracy-theory-5-of... -จำนวนมาก-สาเหตุ-100-ของ-วัคซีน-ตาย/ “รอยประทับของภูมิคุ้มกัน ความกว้างของการรับรู้ตัวแปร และการตอบสนองของศูนย์กลางเชื้อโรคในการติดเชื้อ SARS-CoV-2 และการฉีดวัคซีนของมนุษย์” – https://www.cell.com/cell/fulltext/S0092-8674(22)00076-9 “UK Lab พบกราฟีนในวัคซีน C19” – https://www.notonthebeeb.co.uk/.../uk-lab-finds-graphene... “ความคืบหน้าล่าสุดของกราฟีนออกไซด์ในฐานะผู้ให้บริการวัคซีนที่มีศักยภาพและยาเสริม” – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32531395/ “รอยประทับของภูมิคุ้มกัน ความกว้างของการจดจำตัวแปร และการตอบสนองของศูนย์กลางเชื้อโรคในการติดเชื้อ SARS-CoV-2 และการฉีดวัคซีนของมนุษย์” – https://www.cell.com/cell/fulltext/S0092-8674(22)00076-9
    0 Comments 0 Shares 865 Views 0 Reviews
  • 🔥🔥 แนวโน้ม และเทรนด์การลงทุน
    ในธุรกิจสตาร์ทอัพ โปรตีนทางเลือก
    และ ธุรกิจทดแทนเนื้อสัตว์ในห้องแล็ป
    ได้ลดลงอย่างมาก ในปัจจุบัน
    อันเนื่องมาจากต้นทุนราคาที่สูง รวมทั้ง
    ปัญหาในเรื่องของรสชาติ

    🚩โดยการลงทุนทั่วโลกในธุรกิจสตาร์ทอัพ
    ด้านเทคโนโลยีอาหาร และเทคโนโลยีการเกษตร
    รวมถึงธุรกิจส่งเสริมการปลูกถ่ายเนื้อสัตว์ในห้องแล็ป
    โรงงานผลิตพืช และ เทคโนโลยีชีวภาพ
    มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือประมาณ 1.42 แสนล้านบาท ในปี 2566
    ลดลง 57% เมื่อเทียบกับปี 2564
    ที่มา : Nikkeiasia

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เทคโนโลยีอาหาร
    #เทคโนโลยีชีวภาพ #โปรตีนทางเลือก #thaitimes
    🔥🔥 แนวโน้ม และเทรนด์การลงทุน ในธุรกิจสตาร์ทอัพ โปรตีนทางเลือก และ ธุรกิจทดแทนเนื้อสัตว์ในห้องแล็ป ได้ลดลงอย่างมาก ในปัจจุบัน อันเนื่องมาจากต้นทุนราคาที่สูง รวมทั้ง ปัญหาในเรื่องของรสชาติ 🚩โดยการลงทุนทั่วโลกในธุรกิจสตาร์ทอัพ ด้านเทคโนโลยีอาหาร และเทคโนโลยีการเกษตร รวมถึงธุรกิจส่งเสริมการปลูกถ่ายเนื้อสัตว์ในห้องแล็ป โรงงานผลิตพืช และ เทคโนโลยีชีวภาพ มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.42 แสนล้านบาท ในปี 2566 ลดลง 57% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มา : Nikkeiasia #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เทคโนโลยีอาหาร #เทคโนโลยีชีวภาพ #โปรตีนทางเลือก #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 621 Views 0 Reviews
  • English Words That Came From Hindi And Urdu

    How many words from Hindi and Urdu do you know? Well, if you’re one of the approximately 70 million speakers of Urdu and 425 million of Hindi, then, well, you know a lot—and that’s only counting native speakers. Millions more speak Urdu and Hindi as a second language all around the globe, making them, combined, one of the most spoken languages.

    But even if you don’t speak Hindi or Urdu, you actually use more words that derive, along one route or another, from these sister languages than you realize! So put down your your cup of chai (which means “tea,” so you really don’t need to say “chai tea”!) and read on.

    What are Urdu and Hindi?
    Many English speakers may not know they are using words that come from Hindi and Urdu. Many—let’s be honest—may not know, exactly, what these languages are.

    Modern Hindi and Urdu both derive from a common language called Hindustani, a language of South Asia used as what’s known as a lingua franca in Northern India and Pakistan. Both Hindi and Urdu (and their parent, Hindustani) are what linguists call Indic or Indo-Aryan languages, which are part of a larger language family known as Indo-European. That means languages ranging from Irish to Greek to, yes, English all share a common ancestor, as unrelated as they may seem.

    The development of modern Hindi and Urdu are complex, their differences developing in large part based on religion. When colonial British India was split into India and Pakistan in 1947, Hindi became an official language of India (a majority Hindu country) and Urdu, of Pakistan (majority Muslim). Other major differences between Hindi and Urdu are that Hindi is written in a script called Devanagari with many words from Sanskrit while Urdu is written in a modified Arabic script with many words from Persian and Arabic.

    Another major commonality of Hindi and Urdu is that a lot of the words English borrowed from these languages were the result, lest we forget, of British colonialism and imperialism. But for all the complexity, past and present, of Hindi and Urdu, many of the words that made their way into English are, well, surprisingly common and everyday.

    Here are the English words that derive from Hindi and Urdu. (Keep in mind that the two languages are so closely intertwined, there may exist a version of each word in both.)


    shampoo
    Yep, that shower staple that keeps your hair and scalp clean has Hindi–Urdu origins. First evidence of the word shampoo can be found around 1755–65. It comes from the word champo, meaning “to massage,” which is a form of the Hindi word cāmpnā, “to press.”

    jungle
    This word, which we use to describe “a wild land overgrown with dense vegetation” stems from the Hindi word jaṅgal. That word in turn came from the Sanskrit word jaṅgala meaning “rough, waterless place.” First evidence of it in the English language dates back to 1770–80.

    thug
    While the term thug has evolved over the years in use and meaning, first evidence of the word is found around 1800–10. It comes from the Hindi word thag, which means “rogue, cheat.”

    pajamas
    While these days you may stay in them all day, this word typically used to refer to night clothes. First evidence of it in the English language can be found around 1870–75. It’s a variant of the Urdu and Hindi word pāyjāma, which stems from the Persian words pāy, meaning “leg” and jāma, meaning “garment.”

    veranda
    Sipping a little something (sweet tea, perhaps) on a veranda seems like such a Southern thing, but the origins of the word aren’t. It, in fact, comes from the Hindi words baraṇḍā and barāmdā, which stem from the Persian phrase bar āmadaḥ, meaning “coming out.” It may ultimately derive from the Spanish word baranda, which means “railing, balustrade.”

    pundit
    These days, there are self-proclaimed pundits aplenty, particularly in the political arena. The term, which dates back to 1665–75, stems from the Hindi word paṇḍit, which comes from the Sanskrit word paṇḍita meaning “learned man.” How learned some of our pundits today are is up for debate.

    juggernaut
    Today, we use this word meaning “any large, overpowering, destructive force” to describe everything from COVID-19 to an opposing football team. Marvel Comics even bestowed it as the name of one of its characters. First evidence of the word, however, dates back to around 1630–40. It stems from the Hindi word Jagannāth, which comes from the Sanskrit word Jagannātha, meaning “lord of the world.”

    loot
    While it can be used in various forms, at its root, the word loot is used to describe “spoils or plunder taken by pillaging.” Looters loot during times of chaos, such as after a natural disaster or during war, but we also use the word in a more positive sense, such as when we refer to the candy kids get on Halloween as their loot … though dentists may disagree with how positive that really is.

    First evidence of the word is found in the 1780s. It stems from the Hindi word lūṭ, which is equivalent to the Sanskrit word lotra, loptra meaning “booty, spoil.”

    khaki
    The noun (and adjective) khaki also entered the English from Persian via Urdu. In Persian, khākī means “dusty.” Khaki, of course, can refer to both a color and a fabric in English.

    punch
    Here’s a fun party fact to pack away for the next time you want to make conversation around the punch bowl. The word for this festive drink is said to stem from the Hindi word panch, which means “five,” as it was originally made up of five ingredients, probably alcohol, sugar, lemon, water, and tea or spices. First evidence of the word dates back to 1625–35.

    cushy
    If something involves “little effort for ample rewards” or is “soft and comfortable,” it’s cushy. This word is partly a borrowing from Urdu (ḵušī) and partly from Persian. It is first recorded in English relatively recently: 1900–15.

    And now that you’ve added some word origin facts to your vocab (not always a cushy task), it’s time to give yourself a break. Go ahead and sip a little punch on your veranda; we’ll be lounging in pajamas!

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    English Words That Came From Hindi And Urdu How many words from Hindi and Urdu do you know? Well, if you’re one of the approximately 70 million speakers of Urdu and 425 million of Hindi, then, well, you know a lot—and that’s only counting native speakers. Millions more speak Urdu and Hindi as a second language all around the globe, making them, combined, one of the most spoken languages. But even if you don’t speak Hindi or Urdu, you actually use more words that derive, along one route or another, from these sister languages than you realize! So put down your your cup of chai (which means “tea,” so you really don’t need to say “chai tea”!) and read on. What are Urdu and Hindi? Many English speakers may not know they are using words that come from Hindi and Urdu. Many—let’s be honest—may not know, exactly, what these languages are. Modern Hindi and Urdu both derive from a common language called Hindustani, a language of South Asia used as what’s known as a lingua franca in Northern India and Pakistan. Both Hindi and Urdu (and their parent, Hindustani) are what linguists call Indic or Indo-Aryan languages, which are part of a larger language family known as Indo-European. That means languages ranging from Irish to Greek to, yes, English all share a common ancestor, as unrelated as they may seem. The development of modern Hindi and Urdu are complex, their differences developing in large part based on religion. When colonial British India was split into India and Pakistan in 1947, Hindi became an official language of India (a majority Hindu country) and Urdu, of Pakistan (majority Muslim). Other major differences between Hindi and Urdu are that Hindi is written in a script called Devanagari with many words from Sanskrit while Urdu is written in a modified Arabic script with many words from Persian and Arabic. Another major commonality of Hindi and Urdu is that a lot of the words English borrowed from these languages were the result, lest we forget, of British colonialism and imperialism. But for all the complexity, past and present, of Hindi and Urdu, many of the words that made their way into English are, well, surprisingly common and everyday. Here are the English words that derive from Hindi and Urdu. (Keep in mind that the two languages are so closely intertwined, there may exist a version of each word in both.) shampoo Yep, that shower staple that keeps your hair and scalp clean has Hindi–Urdu origins. First evidence of the word shampoo can be found around 1755–65. It comes from the word champo, meaning “to massage,” which is a form of the Hindi word cāmpnā, “to press.” jungle This word, which we use to describe “a wild land overgrown with dense vegetation” stems from the Hindi word jaṅgal. That word in turn came from the Sanskrit word jaṅgala meaning “rough, waterless place.” First evidence of it in the English language dates back to 1770–80. thug While the term thug has evolved over the years in use and meaning, first evidence of the word is found around 1800–10. It comes from the Hindi word thag, which means “rogue, cheat.” pajamas While these days you may stay in them all day, this word typically used to refer to night clothes. First evidence of it in the English language can be found around 1870–75. It’s a variant of the Urdu and Hindi word pāyjāma, which stems from the Persian words pāy, meaning “leg” and jāma, meaning “garment.” veranda Sipping a little something (sweet tea, perhaps) on a veranda seems like such a Southern thing, but the origins of the word aren’t. It, in fact, comes from the Hindi words baraṇḍā and barāmdā, which stem from the Persian phrase bar āmadaḥ, meaning “coming out.” It may ultimately derive from the Spanish word baranda, which means “railing, balustrade.” pundit These days, there are self-proclaimed pundits aplenty, particularly in the political arena. The term, which dates back to 1665–75, stems from the Hindi word paṇḍit, which comes from the Sanskrit word paṇḍita meaning “learned man.” How learned some of our pundits today are is up for debate. juggernaut Today, we use this word meaning “any large, overpowering, destructive force” to describe everything from COVID-19 to an opposing football team. Marvel Comics even bestowed it as the name of one of its characters. First evidence of the word, however, dates back to around 1630–40. It stems from the Hindi word Jagannāth, which comes from the Sanskrit word Jagannātha, meaning “lord of the world.” loot While it can be used in various forms, at its root, the word loot is used to describe “spoils or plunder taken by pillaging.” Looters loot during times of chaos, such as after a natural disaster or during war, but we also use the word in a more positive sense, such as when we refer to the candy kids get on Halloween as their loot … though dentists may disagree with how positive that really is. First evidence of the word is found in the 1780s. It stems from the Hindi word lūṭ, which is equivalent to the Sanskrit word lotra, loptra meaning “booty, spoil.” khaki The noun (and adjective) khaki also entered the English from Persian via Urdu. In Persian, khākī means “dusty.” Khaki, of course, can refer to both a color and a fabric in English. punch Here’s a fun party fact to pack away for the next time you want to make conversation around the punch bowl. The word for this festive drink is said to stem from the Hindi word panch, which means “five,” as it was originally made up of five ingredients, probably alcohol, sugar, lemon, water, and tea or spices. First evidence of the word dates back to 1625–35. cushy If something involves “little effort for ample rewards” or is “soft and comfortable,” it’s cushy. This word is partly a borrowing from Urdu (ḵušī) and partly from Persian. It is first recorded in English relatively recently: 1900–15. And now that you’ve added some word origin facts to your vocab (not always a cushy task), it’s time to give yourself a break. Go ahead and sip a little punch on your veranda; we’ll be lounging in pajamas! Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 489 Views 0 Reviews
  • American start hitting southeast Asia export, media writing bad articles about coconut

    That is all trade War propaganda.😤

    About cooking with coconut oil,

    Coconut oil is a very good choice for good health and cooking,

    For health, People need make intelligent. Decision... Don't use too much any kind of oil, when cooking never make any oil so hot you see smoke. Also, do not burn the food

    Coconut oil does not spoil or go rotten quickly like other oils

    And canola oil in particular is toxic garbage. , made from the rapeseed, long time ago rapeseed oil was used for pesticide , no kidding

    So-called vegetable oil, Not a good choice. Americans using vegetable oil 70 years, if you want to look like an American, please use vegetable oil.

    And the olive oil is so crazy popular. , is much corruption in olive oil business. , very difficult to control quality, Many olive oil bottles also holding vegetable oil

    ----------------

    About:
    Animal fat lard
    ( น้ำมันหมูไขมันสัตว์ )

    Is probably a better choice than canola or vegetable oil, however Any cooking or baking should be done very carefully, problem is when food gets burnt. This is the unhealthy part.

    In the case of baking bread or cakes. There is process called glycation.., I can't find Thai language translation for glycation.

    Basically when baking sugar and fat molecules bind together under high temperature.

    Fat molecule alone in the body Is not too bad, the body understands the fat molecule. , and same for sugar molecule alone in the body.

    However, after glycation process , sugar and fat molecule bind together, and the human body does not understand What is glycation.

    The new fat and sugar glycated molecule is big And very difficult for the liver to process. , quite often the glycated molecule gets stuck inside the body for long time. And this is a food and it goes bad. Or spoils

    ----------------

    Before World War II everybody using animal fat lard, or easy to make sunflower seed oil

    After World War II, chemical laboratories develop vegetable oil, 30 years later, North American people are sick with heart disease. , and cancer😤
    American start hitting southeast Asia export, media writing bad articles about coconut That is all trade War propaganda.😤 About cooking with coconut oil, Coconut oil is a very good choice for good health and cooking, For health, People need make intelligent. Decision... Don't use too much any kind of oil, when cooking never make any oil so hot you see smoke. Also, do not burn the food Coconut oil does not spoil or go rotten quickly like other oils And canola oil in particular is toxic garbage. , made from the rapeseed, long time ago rapeseed oil was used for pesticide , no kidding So-called vegetable oil, Not a good choice. Americans using vegetable oil 70 years, if you want to look like an American, please use vegetable oil. And the olive oil is so crazy popular. , is much corruption in olive oil business. , very difficult to control quality, Many olive oil bottles also holding vegetable oil ---------------- About: Animal fat lard ( น้ำมันหมูไขมันสัตว์ ) Is probably a better choice than canola or vegetable oil, however Any cooking or baking should be done very carefully, problem is when food gets burnt. This is the unhealthy part. In the case of baking bread or cakes. There is process called glycation.., I can't find Thai language translation for glycation. Basically when baking sugar and fat molecules bind together under high temperature. Fat molecule alone in the body Is not too bad, the body understands the fat molecule. , and same for sugar molecule alone in the body. However, after glycation process , sugar and fat molecule bind together, and the human body does not understand What is glycation. The new fat and sugar glycated molecule is big And very difficult for the liver to process. , quite often the glycated molecule gets stuck inside the body for long time. And this is a food and it goes bad. Or spoils ---------------- Before World War II everybody using animal fat lard, or easy to make sunflower seed oil After World War II, chemical laboratories develop vegetable oil, 30 years later, North American people are sick with heart disease. , and cancer😤
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • หนังสือพิมพ์สากกะเบือในไทยลงข่าวใส่ร้ายป้ายสีคิมจองอัน:

    ตอนนี้ มีสำนักข่าวจำพวกที่เป็นเครือข่าย CIA หลายสำนักข่าว เริ่มต้นจากฝรั่งปล่อยข่าวก่อนคือ FoxNews, Bloomberg, the New York Post, the Independent, the Guardian, the Express, Tribune, the Economics Times, Yahoo News, Radio Free Asia, NK News

    ไปจนถึงสื่อในเอเซียอื่นๆ ที่ทำหน้าที่เป็นทาสบริวารของจักรวรรดิ์นิยมอเมริกา เช่น the Indian Express, the Straight Times, the Deccan Herald, Times of India, India Today, India TV News รวมทั้งสื่อสากกะเบือไม่ออกดอกในประเทศไทยอย่าง Bangkok Post ด้วย

    พากันลงข่าวว่าคิมจองอันสั่งประหารเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือที่ดูแลน้ำท่วมไม่ดี ไม่น้อยกว่า ๒๐ ถึง ๓๐ นายซึ่งเป็นข่าวที่ไร้สาระมาก ดูภาพประกอบสิครับ น้ำท่วมขนาดนี้ มนุษย์ที่ไหนจะต้านทานไหว

    ฝนตกหนักน้ำท่วมหนักจัดเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไม่มีมนุษย์คนไหนต้านทานได้หรอกครับ อย่างมาก รัฐบาลเกาหลีเหนือก็แค่ตำหนิหรือลงโทษ เจ้าหน้าที่เล็กน้อยเท่านั้น ข่าวการจับเจ้าหน้าที่ไปประหารจึงเป็นแค่ข่าวเท็จที่จักรวรรดิ์นิยมอเมริกาปล่อยเพื่อหาเรื่องทำลายคิมจองอันเท่านั้น แต่สื่อกระแสหลักก็ยังไม่รู้จักใช้วิจารณญาณพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนน้ำเสนอ

    สังเกตต้นตอข่าวให้ดีครับ หน่วยงาน CIA ซึ่งวางแผนทำลายชื่อเสียงของคิมจองอันจะบอกในต้นตอข่าวว่า ๑.ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ประสงค์ออกนามในเกาหลีใต้ระบุ ๒.วงในจากเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ให้ข่าว ๓.ผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐาน...คนพวกนี้ไม่เคยไปเกาหลีเหนือ แต่นั่งเทียนเขียนเอา

    สื่อต่างๆ ที่นำเสนอมีทางเป็นไปได้ ๒ ทางครับ ทางที่ ๑ คือเป็นแค่เครือข่ายของ CIA รับงานมาปล่อยข่าวเท็จทำลายคิมจองอัน ทางที่ ๒ คือเป็นนักข่าวที่ไร้ critical thinking ไร้จรรยาบรรณ เป็นสื่อที่ไม่รู้จักคิด, วิเคราะห์และแยกแยะนั่นเอง ยุคนี้ เป็นยุคที่จริยธรรมสื่อมวลชนตกต่ำที่สุดแล้ว วันๆ สื่อมวลชนพากันวิจารณ์นักการเมืองมาก แต่ผมดูแล้ว แม้แต่กลุ่มสื่อมวลชนเองก็ไร้จริยธรรมการนำเสนอข่าวเช่นเดียวกัน

    ใครที่ทำงานข่าว พากันส่องกระจกดูตัวเองบ้างนะครับ

    https://www.bangkokpost.com/world/285948…


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    หนังสือพิมพ์สากกะเบือในไทยลงข่าวใส่ร้ายป้ายสีคิมจองอัน: ตอนนี้ มีสำนักข่าวจำพวกที่เป็นเครือข่าย CIA หลายสำนักข่าว เริ่มต้นจากฝรั่งปล่อยข่าวก่อนคือ FoxNews, Bloomberg, the New York Post, the Independent, the Guardian, the Express, Tribune, the Economics Times, Yahoo News, Radio Free Asia, NK News ไปจนถึงสื่อในเอเซียอื่นๆ ที่ทำหน้าที่เป็นทาสบริวารของจักรวรรดิ์นิยมอเมริกา เช่น the Indian Express, the Straight Times, the Deccan Herald, Times of India, India Today, India TV News รวมทั้งสื่อสากกะเบือไม่ออกดอกในประเทศไทยอย่าง Bangkok Post ด้วย พากันลงข่าวว่าคิมจองอันสั่งประหารเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือที่ดูแลน้ำท่วมไม่ดี ไม่น้อยกว่า ๒๐ ถึง ๓๐ นายซึ่งเป็นข่าวที่ไร้สาระมาก ดูภาพประกอบสิครับ น้ำท่วมขนาดนี้ มนุษย์ที่ไหนจะต้านทานไหว ฝนตกหนักน้ำท่วมหนักจัดเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไม่มีมนุษย์คนไหนต้านทานได้หรอกครับ อย่างมาก รัฐบาลเกาหลีเหนือก็แค่ตำหนิหรือลงโทษ เจ้าหน้าที่เล็กน้อยเท่านั้น ข่าวการจับเจ้าหน้าที่ไปประหารจึงเป็นแค่ข่าวเท็จที่จักรวรรดิ์นิยมอเมริกาปล่อยเพื่อหาเรื่องทำลายคิมจองอันเท่านั้น แต่สื่อกระแสหลักก็ยังไม่รู้จักใช้วิจารณญาณพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนน้ำเสนอ สังเกตต้นตอข่าวให้ดีครับ หน่วยงาน CIA ซึ่งวางแผนทำลายชื่อเสียงของคิมจองอันจะบอกในต้นตอข่าวว่า ๑.ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ประสงค์ออกนามในเกาหลีใต้ระบุ ๒.วงในจากเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ให้ข่าว ๓.ผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐาน...คนพวกนี้ไม่เคยไปเกาหลีเหนือ แต่นั่งเทียนเขียนเอา สื่อต่างๆ ที่นำเสนอมีทางเป็นไปได้ ๒ ทางครับ ทางที่ ๑ คือเป็นแค่เครือข่ายของ CIA รับงานมาปล่อยข่าวเท็จทำลายคิมจองอัน ทางที่ ๒ คือเป็นนักข่าวที่ไร้ critical thinking ไร้จรรยาบรรณ เป็นสื่อที่ไม่รู้จักคิด, วิเคราะห์และแยกแยะนั่นเอง ยุคนี้ เป็นยุคที่จริยธรรมสื่อมวลชนตกต่ำที่สุดแล้ว วันๆ สื่อมวลชนพากันวิจารณ์นักการเมืองมาก แต่ผมดูแล้ว แม้แต่กลุ่มสื่อมวลชนเองก็ไร้จริยธรรมการนำเสนอข่าวเช่นเดียวกัน ใครที่ทำงานข่าว พากันส่องกระจกดูตัวเองบ้างนะครับ https://www.bangkokpost.com/world/285948… ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    Bangkok Post - The world’s window on Thailand | Breaking news, Thailand news, Latest news, World news
    All the latest top stories and breaking news. Thailand’s most credible source of Thai and international developments. In-depth business and political news, leading Lifestyle trends, broad international sports coverage, plus English language learning
    Love
    1
    1 Comments 0 Shares 444 Views 0 Reviews
  • 🔥🔥ดิ้นรนหนักมาก!
    เมื่อสหรัฐฯ จะบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออก
    ชิปขั้นสูง และเทคโนโลยีควอนตัมใหม่
    กฎเกณฑ์มุ่งเป้าไปที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
    ที่ล้ำสมัยของจีน

    🚩โดยสหรัฐฯ กำลังดำเนินการควบคุมการส่งออก
    อุปกรณ์การผลิตชิป และ เทคโนโลยีควอนตัมใหม่
    เนื่องจากยังคงมีความพยายามในการขัดขวางจีน
    ในทุกวิถีทาง ในความก้าวหน้าในเรื่องดังกล่าว
    ที่มา : Nikkeiasia
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    🔥🔥ดิ้นรนหนักมาก! เมื่อสหรัฐฯ จะบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออก ชิปขั้นสูง และเทคโนโลยีควอนตัมใหม่ กฎเกณฑ์มุ่งเป้าไปที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ล้ำสมัยของจีน 🚩โดยสหรัฐฯ กำลังดำเนินการควบคุมการส่งออก อุปกรณ์การผลิตชิป และ เทคโนโลยีควอนตัมใหม่ เนื่องจากยังคงมีความพยายามในการขัดขวางจีน ในทุกวิถีทาง ในความก้าวหน้าในเรื่องดังกล่าว ที่มา : Nikkeiasia #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 798 Views 0 Reviews
  • 🔥🔥บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ยักษ์ใหญ่ด้านรถยนต์จากญี่ปุ่น
    เตรียมชะลอ และลดกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
    ลงเหลือ 30% ในปี 2569

    🚩โดยโตโยต้า มอเตอร์ วางแผนที่จะชะลอการผลิต
    ยานยนต์ไฟฟ้า โดยปรับลดการผลิต จากการคาดการณ์
    ยอดขายทั่วโลก สำหรับปี 2569 ลงเหลือ 1 ล้านคัน
    ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ยอดขายสำหรับปีเดียวกัน
    ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ประมาณ 30%
    ที่มา : Nikkeiasia

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #Toyota #โตโยต้า
    #thaitimes
    🔥🔥บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ยักษ์ใหญ่ด้านรถยนต์จากญี่ปุ่น เตรียมชะลอ และลดกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ลงเหลือ 30% ในปี 2569 🚩โดยโตโยต้า มอเตอร์ วางแผนที่จะชะลอการผลิต ยานยนต์ไฟฟ้า โดยปรับลดการผลิต จากการคาดการณ์ ยอดขายทั่วโลก สำหรับปี 2569 ลงเหลือ 1 ล้านคัน ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ยอดขายสำหรับปีเดียวกัน ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ประมาณ 30% ที่มา : Nikkeiasia #หุ้นติดดอย #การลงทุน #Toyota #โตโยต้า #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 933 Views 0 Reviews
  • ส่วนสูงเฉลี่ยของประชากรในประเทศต่าง ๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (วัย 19 ปี)
    .
    วัยรุ่นสิงคโปร์สูงที่สุดทั้งชายและหญิง
    ชายเฉลี่ย 173.5 ซม.
    หญิงเฉลี่ย 161.3 ซม.
    .
    วัยรุ่นไทยอันดับสองทั้งชายและหญิง
    ชายเฉลี่ย 171.61 ซม.
    หญิงเฉลี่ย 159.42 ซม.
    .
    วัยรุ่นชายมาเลเซีย มีส่วนสูงเฉลี่ยเป็นอันดับ 3 คือ 169.2 ซม.
    วัยรุ่นหญิงเวียดนาม มีส่วนสูงเฉลี่ยเป็นอันดับ 3 คือ 158.43 ซม.
    .
    ถ้าเคยชมคลิปวีดิโอชิ้นนี้ของ Vox เรื่อง How South Koreans got so much taller? (คนเกาหลีใต้สูงขึ้นมากได้อย่างไร?)
    https://www.youtube.com/watch?v=ZoLk6GUKzU0
    .
    ก็จะพบว่า "ปัจจัยด้านโภชนาการ" นั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อส่วนสูงของประชากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบกับชาติที่มีรากฐานเผ่าพันธุ์เเดียวกันอย่าง เกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือ ก็จะเห็นได้ว่าอัตราการเพิ่มของส่วนสูงเฉลี่ยของประชากรเกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือมีความแตกต่างกันอย่างมากในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีการแบ่งแยกประเทศเมื่อปี 2488 (ค.ศ.1945)
    .
    .
    Cr : FB Asian SEA Story
    ส่วนสูงเฉลี่ยของประชากรในประเทศต่าง ๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (วัย 19 ปี) . วัยรุ่นสิงคโปร์สูงที่สุดทั้งชายและหญิง ชายเฉลี่ย 173.5 ซม. หญิงเฉลี่ย 161.3 ซม. . วัยรุ่นไทยอันดับสองทั้งชายและหญิง ชายเฉลี่ย 171.61 ซม. หญิงเฉลี่ย 159.42 ซม. . วัยรุ่นชายมาเลเซีย มีส่วนสูงเฉลี่ยเป็นอันดับ 3 คือ 169.2 ซม. วัยรุ่นหญิงเวียดนาม มีส่วนสูงเฉลี่ยเป็นอันดับ 3 คือ 158.43 ซม. . ถ้าเคยชมคลิปวีดิโอชิ้นนี้ของ Vox เรื่อง How South Koreans got so much taller? (คนเกาหลีใต้สูงขึ้นมากได้อย่างไร?) https://www.youtube.com/watch?v=ZoLk6GUKzU0 . ก็จะพบว่า "ปัจจัยด้านโภชนาการ" นั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อส่วนสูงของประชากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบกับชาติที่มีรากฐานเผ่าพันธุ์เเดียวกันอย่าง เกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือ ก็จะเห็นได้ว่าอัตราการเพิ่มของส่วนสูงเฉลี่ยของประชากรเกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือมีความแตกต่างกันอย่างมากในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีการแบ่งแยกประเทศเมื่อปี 2488 (ค.ศ.1945) . . Cr : FB Asian SEA Story
    Like
    Love
    11
    0 Comments 0 Shares 614 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่อง “Château Christophe”
    ตอนที่ 2
    Stevens มาเมือง Benghazi ครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2011 เขามาทางเรือบรรทุกสินค้า ซึ่งแล่นมาจาก Malta เป็นเรือเปล่า โดยซ่อนตัวอยู่ในเรือนั้นกับ Nathan Tek เจ้าหน้าด้านความปลอดภัย ทีมงานของ USAID และลูกเรือโดยชาวกรีกและโรมาเนีย ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไร เคยมีคนถามเขาว่ามาทางอื่นไม่ได้หรือไง Stevens บอกว่าเส้นทางนี้มันน่าตื่นเต้นดี เหมือนการผจญภัยในหนังโรแมนติก
    Stevens เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ “Mission” เขาเป็นนักการฑูตที่ใช้ชีวิตการฑูตอยู่แถบตะวันออกกลางและอาฟริกา มาประมาณ 20 ปี เขาเป็นชาวแคลิฟอร์เนีย ท่าทางสบาย ๆ ยิ้มกว้าง เห็นฟันโตเต็มปาก มีชื่อเสียงว่าเป็นคนอดทนและใจเย็น และที่สำคัญเขารู้จักลิเบียอย่างดี เขาเคยเป็นผู้ช่วยฑูตอยู่ที่ Tripoli 2 ปี เมื่อประมาณปี 2007 ตอนนั้นอเมริกายังเป็นมิตรมีไมตรีกับ Qaddafi อยู่
    Stevens เติบโตมาที่ Northern California ย้ายมาเรื่อย จนในที่สุดอยู่ San Francisco เมื่อตอนที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Berkley เขาเลือกเรียนวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาเอก รวมทั้งวิชาตรรกวิทยา อิตาเลียน ฯลฯ เพื่อน ๆ บอกไอ้หมอนี้ มันเหมือนตู้หนังสือเดินได้ เขาตัดสินใจตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่ Berkley ว่าจะเป็นนักการฑูต เมื่อเรียนจบก็ไปสอบที่กระทรวงต่างประเทศ แต่ไม่ผ่าน เขาเลยสมัครเป็น Peace Corps และไปสอนภาษาอังกฤษอยู่แถวเมือ งบนภูเขาในโมรอคโค ซึ่งแถบจะไม่มีผู้คน มีแต่พรม และธรรมชาติที่แสนจะงดงาม ทำให้ Stevens หลงรักเมืองแถบอาหรับ เมื่อเขาจบเทอม 2 ปี ของการเป็น Peace Corps เขากลับมา California และเรียนกฎหมายต่อจบได้ปริญญา และทำงานในสำนักงานกฎหมายหรูหรามีชื่อเสียงอยู่ในกรุงวอชิงตัน
    แต่เขาไม่เคยลืมความฝันที่จะเป็นนัการฑูต เขาเลยกลับไปสอบกับกระทรวงต่างประเทศใหม่ คราวนี้สอบผ่าน ค.ศ. 1991 เขาเริ่มฝึกงานและไปประจำอยู่ Riyadh หลังจากนั้นก็ย้ายไปตามเมือง ต่าง ๆ ในแถบทะเลทราย ซึ่งพวกฑูตเรียกกันว่า “Sandbox” เขาเรียนภาษาอารบิคที่ Tunisia หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ Cairo, Damacus และ Jeusalem เมื่อย้ายกลับไปอยู่วอชิงตัน เขายังมีหน้าที่ดูแล Iran เขาวนเวียนอยู่แถว Sandbox นี้แหละ
    เขาไม่เคยได้รับตำแหน่งที่มาอยู่แถบ Asia หรือ Scandinavia เลย ระหว่างที่วนเวียนอยู่แถบนั้น เขามีแฟนเป็นชาวยุโรป ชื่อ Henritte ซึ่งเจอกับ Stevens ที่ Jerusarem ตั้งแต่ปี 2003 รักๆเลิกๆอยู่ 9 ปี เธอบอกว่าเมื่อถาม Stevens ว่า เธอชอบฉันตรงไหน Stevens ตอบว่าฉันชอบกลิ่นของเธอ กลิ่นที่ปนอยู่กับกาแฟและถั่ว กลิ่นยาเส้นผสมน้ำแอปเปิ้ล ชอบสีของคนอาหรับ ชอบความรู้สึกเวลาสัมผัสกับพรมและผ้าไหม ชอบเสียงเวลาพวกเขาสวดมนตร์ และชอบวิถีชีวิตที่วุ่นวายสับสนของพวกเขา ชอบทิวทัศน์ของบ้านเมือง ชอบเพลง ชอบภาษา ทั้งหมดนี้มันแสดงให้เห็นรากเหง้าของพวกเขา ที่ยาวนาน เมื่อดูพร้อมกับการเมืองที่วุ่นวายของพวกเขาแล้ว มันเป็นเรื่องยิ่งกว่าน่าสนใจและท้าทาย มันทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา สาวบอกตกลงเธอชอบฉัน หรือชอบเมืองอาหรับกันแน่
    คนเล่านิทาน
    7 มิย. 57
    นิทานเรื่อง “Château Christophe” ตอนที่ 2 Stevens มาเมือง Benghazi ครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2011 เขามาทางเรือบรรทุกสินค้า ซึ่งแล่นมาจาก Malta เป็นเรือเปล่า โดยซ่อนตัวอยู่ในเรือนั้นกับ Nathan Tek เจ้าหน้าด้านความปลอดภัย ทีมงานของ USAID และลูกเรือโดยชาวกรีกและโรมาเนีย ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไร เคยมีคนถามเขาว่ามาทางอื่นไม่ได้หรือไง Stevens บอกว่าเส้นทางนี้มันน่าตื่นเต้นดี เหมือนการผจญภัยในหนังโรแมนติก Stevens เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ “Mission” เขาเป็นนักการฑูตที่ใช้ชีวิตการฑูตอยู่แถบตะวันออกกลางและอาฟริกา มาประมาณ 20 ปี เขาเป็นชาวแคลิฟอร์เนีย ท่าทางสบาย ๆ ยิ้มกว้าง เห็นฟันโตเต็มปาก มีชื่อเสียงว่าเป็นคนอดทนและใจเย็น และที่สำคัญเขารู้จักลิเบียอย่างดี เขาเคยเป็นผู้ช่วยฑูตอยู่ที่ Tripoli 2 ปี เมื่อประมาณปี 2007 ตอนนั้นอเมริกายังเป็นมิตรมีไมตรีกับ Qaddafi อยู่ Stevens เติบโตมาที่ Northern California ย้ายมาเรื่อย จนในที่สุดอยู่ San Francisco เมื่อตอนที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย Berkley เขาเลือกเรียนวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาเอก รวมทั้งวิชาตรรกวิทยา อิตาเลียน ฯลฯ เพื่อน ๆ บอกไอ้หมอนี้ มันเหมือนตู้หนังสือเดินได้ เขาตัดสินใจตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่ Berkley ว่าจะเป็นนักการฑูต เมื่อเรียนจบก็ไปสอบที่กระทรวงต่างประเทศ แต่ไม่ผ่าน เขาเลยสมัครเป็น Peace Corps และไปสอนภาษาอังกฤษอยู่แถวเมือ งบนภูเขาในโมรอคโค ซึ่งแถบจะไม่มีผู้คน มีแต่พรม และธรรมชาติที่แสนจะงดงาม ทำให้ Stevens หลงรักเมืองแถบอาหรับ เมื่อเขาจบเทอม 2 ปี ของการเป็น Peace Corps เขากลับมา California และเรียนกฎหมายต่อจบได้ปริญญา และทำงานในสำนักงานกฎหมายหรูหรามีชื่อเสียงอยู่ในกรุงวอชิงตัน แต่เขาไม่เคยลืมความฝันที่จะเป็นนัการฑูต เขาเลยกลับไปสอบกับกระทรวงต่างประเทศใหม่ คราวนี้สอบผ่าน ค.ศ. 1991 เขาเริ่มฝึกงานและไปประจำอยู่ Riyadh หลังจากนั้นก็ย้ายไปตามเมือง ต่าง ๆ ในแถบทะเลทราย ซึ่งพวกฑูตเรียกกันว่า “Sandbox” เขาเรียนภาษาอารบิคที่ Tunisia หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ Cairo, Damacus และ Jeusalem เมื่อย้ายกลับไปอยู่วอชิงตัน เขายังมีหน้าที่ดูแล Iran เขาวนเวียนอยู่แถว Sandbox นี้แหละ เขาไม่เคยได้รับตำแหน่งที่มาอยู่แถบ Asia หรือ Scandinavia เลย ระหว่างที่วนเวียนอยู่แถบนั้น เขามีแฟนเป็นชาวยุโรป ชื่อ Henritte ซึ่งเจอกับ Stevens ที่ Jerusarem ตั้งแต่ปี 2003 รักๆเลิกๆอยู่ 9 ปี เธอบอกว่าเมื่อถาม Stevens ว่า เธอชอบฉันตรงไหน Stevens ตอบว่าฉันชอบกลิ่นของเธอ กลิ่นที่ปนอยู่กับกาแฟและถั่ว กลิ่นยาเส้นผสมน้ำแอปเปิ้ล ชอบสีของคนอาหรับ ชอบความรู้สึกเวลาสัมผัสกับพรมและผ้าไหม ชอบเสียงเวลาพวกเขาสวดมนตร์ และชอบวิถีชีวิตที่วุ่นวายสับสนของพวกเขา ชอบทิวทัศน์ของบ้านเมือง ชอบเพลง ชอบภาษา ทั้งหมดนี้มันแสดงให้เห็นรากเหง้าของพวกเขา ที่ยาวนาน เมื่อดูพร้อมกับการเมืองที่วุ่นวายของพวกเขาแล้ว มันเป็นเรื่องยิ่งกว่าน่าสนใจและท้าทาย มันทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวา สาวบอกตกลงเธอชอบฉัน หรือชอบเมืองอาหรับกันแน่ คนเล่านิทาน 7 มิย. 57
    0 Comments 0 Shares 393 Views 0 Reviews
  • Happy Lunar New Year – Learn All About This Celebration!

    For millions of Asian Americans and Asian peoples around the world, the Lunar New Year is a time to gather with family, start the year off right, and eat a lot of delicious food. Like, a lot. One of the biggest holidays in East Asia, the Lunar New Year will fall on February 1, 2022 in 2022. Because it’s based on the Chinese lunisolar calendar, it’s also often called Chinese New Year.

    While you may be familiar with Lunar New Year parades on TV, did you know the holiday encompasses a wide variety of unique traditions—from gifts exchanged to lucky fruit? Here’s a quick look at some of the things that happen behind the scenes.

    How do people prepare for Lunar New Year?
    There’s a lot to do leading up to the holiday. The general spirit of this preparation is to clean away the residue of the old year and start fresh, personally and financially. You can do this by giving your entire home a good deep cleaning and settling your debts and grudges. Clear away all the lingering bad luck of the old year, making room for the good luck of the new year.

    It’s also important to visit your family’s gravesites before the new year. It’s bad luck to visit a cemetery during the New Year’s celebration because it’s ill-advised to mix interactions with death and celebrations of life. It’s a chance to touch base with your ancestors and remember them fondly. Some believe that ancestral spirits help bring good fortune in the new year.

    What do people eat during Lunar New Year?
    During the Lunar New Year, families get together to eat lucky foods, exchange gifts, and bond with one another. These gatherings are the highlight of the season. Many people travel far and wide to visit all of their family in the new year. So you live in San Francisco, but your family’s in New York? Have fun on your road trip!

    Of course, as soon as you get through the door all your relatives will ask, “你食飯未呀” (“Have you eaten yet?”). What would family gatherings be without loads of food? But it’s considered bad luck to touch knives during the New Year’s season, so a lot of families take time to prep and store food ahead of time.

    Some traditional foods have symbolic meanings:

    fish

    Fish is the centerpiece of many New Year’s feasts. In some Chinese dialects, the word for fish (鱼 or yú) is a homophone with the word for surplus (余, also yú). Thanks to this, eating seafood is believed to symbolize a bountiful new year.

    dumplings

    Dumplings symbolize wealth because they look like little Chinese-style gold ingots (or like little purses). Some believe eating a lot of them will lead to wealth in the new year (which sounds like a great excuse to eat more dumplings).

    long noodles

    Long noodles symbolize longevity and happiness. They can be served fried, boiled, or as part of a soup. Cutting or breaking the noodles is seen to symbolize cutting your lifespan short. So if you have a habit of breaking your pasta before cooking it, you might want to rethink that.

    10-course banquets

    Some restaurants will host 10-course banquets for the occasion. The pricing for these banquets will usually end in the number eight, which is considered lucky in Chinese numerology. In both Mandarin and Cantonese, the word for eight (八, pronounced bā or bat) sounds similar to the word for prosperity (發 pronounced fā or fat). You might actually recognize 發 from a common Chinese New Year greeting: “恭禧發財”. (You can say gong she fa tsai in Mandarin or gong hey fat choi in Cantonese.) So if you see a feast for $888, you know that’s extra lucky.

    Lunar New Year celebrations and traditions

    Lunar New Year is a time to wish each other luck and prosperity in the year to come—while warding off any potential bad spirits.

    red envelopes

    When families gather, they’ll also exchange red envelopes. These are known as lai see (Cantonese) or hóng bāo (Mandarin). They’re gifts from adults (elders and married people) to children and unmarried young adults. They usually contain a few coins or small bills of “lucky money.” This symbolizes a wish for prosperity and plenty in the new year. At the end of the New Year’s celebration period, you’re supposed to spend the lucky money on something sweet (for a sweet new year).

    lucky words

    Many families also decorate their homes with bright red lanterns and signs for the holiday. These typically have lucky words written on them in gold lettering. One word used is fú (福), which means good fortune. You might see this character hung upside down on or near someone’s front door. This is because in some dialects, the word for upside down, dào (倒) is a homonym with the word for to arrive (到, also pronounced dào). Hanging the sign upside down symbolizes arrival of good fortune. Yay for wordplay.

    firecrackers

    One Chinese legend says that there was once a monster, called the nián, that terrorized a certain village every Lunar New Year. Then one day, the villagers learned that the nián was afraid of a bright shade of red, as well as loud noises. The villagers all wore red and set off firecrackers and fireworks. The nián was terrified and fled the village for good. Mulan would be proud. Today, you’ll still see plenty of red and hear plenty of fireworks. It’s all still meant to scare away evil spirits (the nián included).

    tangerines

    You might also see arrangements of tangerines or other citrus fruits. These are also meant to symbolize prosperity thanks to their golden color. Tangerines that still have leaves and stems symbolize fertility. It’s traditional to give tangerines as gifts when you visit someone’s home during the New Year’s celebration.

    Lunar New Year is an important time for many people in Asia, as well as for Asian communities worldwide. You probably know at least one person who celebrates it, and the traditions they observe won’t be the exact same as people of other families, regions, ethnicities, or religions.

    What are zodiac animals?

    The Chinese New Year specifically marks the end and beginning of a year of the Chinese zodiac. The Chinese zodiac consists of a cycle of 12 years, all named for animals. These animals are, in order: rat, ox, tiger, rabbit, dragon, snake, horse, sheep, monkey, rooster, dog, and boar.

    Just like the Western zodiac, the Chinese zodiac says that a person’s personality and horoscope can be determined by their personal zodiac sign—in this case, the one of their birth year. According to the Chinese zodiac, 2022 is the Year of the Tiger. To celebrate the occasion, Chinese New Year festivals, parties, and parades will be held around the world, and most will be adorned with tigers in the form of decorations, art, and toys. The occasion also motivated some organizations to raise awareness of tiger conservation as tigers are a critically endangered species. In 2002, you can also celebrate and share your support for tigers with the Tiger Face emoji 🐯 and Tiger emoji 🐅.


    ⚡️Chinese zodiac chart
    Starting in year 2020, here is a chart of the next 12-year cycle of the Chinese zodiac:

    Year Animal Emoji representation
    2020 rat 🐀
    2021 ox 🐂,
    2022 tiger 🐅, 🐯
    2023 rabbit 🐇, 🐰
    2024 dragon 🐉, 🐲
    2025 snake 🐍
    2026 horse 🐎, 🐴
    2027 goat 🐐
    2028 monkey 🐒, 🐵
    2029 rooster 🐓, 🐔
    2030 dog 🐕, 🐶
    2031 pig 🐖, 🐷

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    Happy Lunar New Year – Learn All About This Celebration! For millions of Asian Americans and Asian peoples around the world, the Lunar New Year is a time to gather with family, start the year off right, and eat a lot of delicious food. Like, a lot. One of the biggest holidays in East Asia, the Lunar New Year will fall on February 1, 2022 in 2022. Because it’s based on the Chinese lunisolar calendar, it’s also often called Chinese New Year. While you may be familiar with Lunar New Year parades on TV, did you know the holiday encompasses a wide variety of unique traditions—from gifts exchanged to lucky fruit? Here’s a quick look at some of the things that happen behind the scenes. How do people prepare for Lunar New Year? There’s a lot to do leading up to the holiday. The general spirit of this preparation is to clean away the residue of the old year and start fresh, personally and financially. You can do this by giving your entire home a good deep cleaning and settling your debts and grudges. Clear away all the lingering bad luck of the old year, making room for the good luck of the new year. It’s also important to visit your family’s gravesites before the new year. It’s bad luck to visit a cemetery during the New Year’s celebration because it’s ill-advised to mix interactions with death and celebrations of life. It’s a chance to touch base with your ancestors and remember them fondly. Some believe that ancestral spirits help bring good fortune in the new year. What do people eat during Lunar New Year? During the Lunar New Year, families get together to eat lucky foods, exchange gifts, and bond with one another. These gatherings are the highlight of the season. Many people travel far and wide to visit all of their family in the new year. So you live in San Francisco, but your family’s in New York? Have fun on your road trip! Of course, as soon as you get through the door all your relatives will ask, “你食飯未呀” (“Have you eaten yet?”). What would family gatherings be without loads of food? But it’s considered bad luck to touch knives during the New Year’s season, so a lot of families take time to prep and store food ahead of time. Some traditional foods have symbolic meanings: fish Fish is the centerpiece of many New Year’s feasts. In some Chinese dialects, the word for fish (鱼 or yú) is a homophone with the word for surplus (余, also yú). Thanks to this, eating seafood is believed to symbolize a bountiful new year. dumplings Dumplings symbolize wealth because they look like little Chinese-style gold ingots (or like little purses). Some believe eating a lot of them will lead to wealth in the new year (which sounds like a great excuse to eat more dumplings). long noodles Long noodles symbolize longevity and happiness. They can be served fried, boiled, or as part of a soup. Cutting or breaking the noodles is seen to symbolize cutting your lifespan short. So if you have a habit of breaking your pasta before cooking it, you might want to rethink that. 10-course banquets Some restaurants will host 10-course banquets for the occasion. The pricing for these banquets will usually end in the number eight, which is considered lucky in Chinese numerology. In both Mandarin and Cantonese, the word for eight (八, pronounced bā or bat) sounds similar to the word for prosperity (發 pronounced fā or fat). You might actually recognize 發 from a common Chinese New Year greeting: “恭禧發財”. (You can say gong she fa tsai in Mandarin or gong hey fat choi in Cantonese.) So if you see a feast for $888, you know that’s extra lucky. Lunar New Year celebrations and traditions Lunar New Year is a time to wish each other luck and prosperity in the year to come—while warding off any potential bad spirits. red envelopes When families gather, they’ll also exchange red envelopes. These are known as lai see (Cantonese) or hóng bāo (Mandarin). They’re gifts from adults (elders and married people) to children and unmarried young adults. They usually contain a few coins or small bills of “lucky money.” This symbolizes a wish for prosperity and plenty in the new year. At the end of the New Year’s celebration period, you’re supposed to spend the lucky money on something sweet (for a sweet new year). lucky words Many families also decorate their homes with bright red lanterns and signs for the holiday. These typically have lucky words written on them in gold lettering. One word used is fú (福), which means good fortune. You might see this character hung upside down on or near someone’s front door. This is because in some dialects, the word for upside down, dào (倒) is a homonym with the word for to arrive (到, also pronounced dào). Hanging the sign upside down symbolizes arrival of good fortune. Yay for wordplay. firecrackers One Chinese legend says that there was once a monster, called the nián, that terrorized a certain village every Lunar New Year. Then one day, the villagers learned that the nián was afraid of a bright shade of red, as well as loud noises. The villagers all wore red and set off firecrackers and fireworks. The nián was terrified and fled the village for good. Mulan would be proud. Today, you’ll still see plenty of red and hear plenty of fireworks. It’s all still meant to scare away evil spirits (the nián included). tangerines You might also see arrangements of tangerines or other citrus fruits. These are also meant to symbolize prosperity thanks to their golden color. Tangerines that still have leaves and stems symbolize fertility. It’s traditional to give tangerines as gifts when you visit someone’s home during the New Year’s celebration. Lunar New Year is an important time for many people in Asia, as well as for Asian communities worldwide. You probably know at least one person who celebrates it, and the traditions they observe won’t be the exact same as people of other families, regions, ethnicities, or religions. What are zodiac animals? The Chinese New Year specifically marks the end and beginning of a year of the Chinese zodiac. The Chinese zodiac consists of a cycle of 12 years, all named for animals. These animals are, in order: rat, ox, tiger, rabbit, dragon, snake, horse, sheep, monkey, rooster, dog, and boar. Just like the Western zodiac, the Chinese zodiac says that a person’s personality and horoscope can be determined by their personal zodiac sign—in this case, the one of their birth year. According to the Chinese zodiac, 2022 is the Year of the Tiger. To celebrate the occasion, Chinese New Year festivals, parties, and parades will be held around the world, and most will be adorned with tigers in the form of decorations, art, and toys. The occasion also motivated some organizations to raise awareness of tiger conservation as tigers are a critically endangered species. In 2002, you can also celebrate and share your support for tigers with the Tiger Face emoji 🐯 and Tiger emoji 🐅. ⚡️Chinese zodiac chart Starting in year 2020, here is a chart of the next 12-year cycle of the Chinese zodiac: Year Animal Emoji representation 2020 rat 🐀 2021 ox 🐂, 2022 tiger 🐅, 🐯 2023 rabbit 🐇, 🐰 2024 dragon 🐉, 🐲 2025 snake 🐍 2026 horse 🐎, 🐴 2027 goat 🐐 2028 monkey 🐒, 🐵 2029 rooster 🐓, 🐔 2030 dog 🐕, 🐶 2031 pig 🐖, 🐷 Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 539 Views 0 Reviews
  • คนไทยนับร้อยสนใจ เรียนต่อที่มาเลเซีย

    มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่นักเรียนและนักศึกษาไทย ให้ความสนใจเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ด้วยความที่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับโลก ค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพที่เหมาะสม ขอวีซ่าง่าย สามารถพาครอบครัวไปด้วยขณะศึกษาระดับปริญญาโทได้ และมีโอกาสในการขอทุนการศึกษา รวมทั้งเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเป็นมิตร

    ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้ Education Malaysia Global Services (EMGS) หน่วยงานภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา ประเทศมาเลเซีย จึงได้จัดงานมหกรรมการศึกษาต่อประเทศมาเลเซีย หรือ Study in Malaysia Education Fair Bangkok 2024 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในมาเลเซีย แนะนำหลักสูตรและรับสมัครนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ซึ่งงานนี้จัดพร้อมกันที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

    นายโนวี ทาจุดดิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EMGS ระบุว่า ที่ผ่านมามีนักศึกษาต่างชาติ ให้ความสนใจศึกษาต่อที่ประเทศมาเลเซียมากขึ้น โดยในปี 2566 ประเทศมาเลเซียมีจำนวนนักศึกษาต่างชาติมากกว่า 114,765 คน ซึ่งมีนักศึกษาไทยที่สนใจศึกษาต่อที่ประเทศมาเลเซีย ยื่นใบสมัครมากถึง 372 ใบ ขณะที่ในปีนี้นับถึงเดือน พ.ค. 2567 EMGS ได้รับใบสมัครใหม่จากประเทศไทยแล้ว 117 ใบ อยู่ในอันดับที่ 5 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ทั้งนี้ ประเทศมาเลเซียเป็นที่โดดเด่นในเวทีวิชาการระดับโลก โดยมี 8 สาขาวิชาที่ได้รับการยอมรับในการจัดอันดับของ QS World University Rangkings และมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ 8 แห่ง โดยมีมหาวิทยาลัยของรัฐ 20 แห่ง มหาวิทยาลัยเอกชน 207 แห่ง วิทยาลัย และวิทยาเขตสาขาของมหาวิทยาลัยต่างประเทศระดับโลก 10 แห่ง ซึ่งภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในมาเลเซีย และหลักสูตรส่วนใหญ่ยังสอนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งความสามารถทางภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในข้อกำหนดหลักสำหรับการรับเข้าเรียนของนักเรียนเพื่อสมัครเข้าสถาบันอุดมศึกษา (HEIs)

    ขณะเดียวกัน มาเลเซียมีทำเลที่ตั้งเหมาะสำหรับนักศึกษาไทย เนื่องจากอยู่ใกล้ประเทศไทย ระยะทางในการเดินทางที่สั้น ด้วยเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ กับกัวลาลัมเปอร์มากกว่า 22 เที่ยวบินต่อวัน นอกจากนี้ มาเลเซียเป็นจุดหมายปลายทางการศึกษาที่ได้รับความนิยม โดยจัดการศึกษาระดับโลก ด้วยค่าเล่าเรียนที่เหมาะสม กัวลาลัมเปอร์ถูกยกให้เป็นอันดับ 1 ของเอเชียในตัวบ่งชี้ความสามารถในการซื้ออาหาร ตามการจัดอันดับเมืองนักเรียนที่ดีที่สุดของ QS ประจำปี 2023 โดยอาหารริมทางมีราคาตั้งแต่ 5 ถึง 15 ริงกิตมาเลเซีย รวมถึงอาหารมาเลเซียยอดนิยม เช่น นาซีเลอมัก โรตีจาไน ลักซา และอื่นๆ

    ภายในงานมีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมจัดกิจกรรม ประกอบด้วย 1. Asia Pacific University of Technology & Innovation (APU) 2. Malaysian Maritime Academy (ALAM) 3. Management and Science University (MSU) 4. Universiti Utara Malaysia (UUM) 5. University Malaya (UM) 6. German-Malaysian Institute (GMI) 7. MAHSA University 8. UCSI University 9. Sunway Le Cordon Bleu และ 10. Universiti Kebangsaan Malaysia (UKM) เป็นต้น

    สำหรับ EMGS มีหน้าที่หลักคือ อำนวยความสะดวกในการขอวีซ่าสำหรับนักศึกษาต่างชาติทั้งหมด และส่งเสริมให้ประเทศมาเลเซียเป็นศูนย์กลางความรู้และความสามารถระดับโลก โดยทำหน้าที่ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย เพื่อออกหนังสืออนุมัติการออกวีซ่า และออก Student Pass ให้นักศึกษา รวมทั้งยังจัดทำประกันสุขภาพให้นักศึกษาอีกด้วย แม้การจัดงานจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่สามารถติดตามข่าวสารการศึกษาต่อประเทศมาเลเซีย ทาง Instagram @education.Malaysia.official และเฟซบุ๊ก Education Malaysia

    #Newskit #StudyinMalaysia #EMGS
    คนไทยนับร้อยสนใจ เรียนต่อที่มาเลเซีย มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่นักเรียนและนักศึกษาไทย ให้ความสนใจเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ด้วยความที่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับโลก ค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพที่เหมาะสม ขอวีซ่าง่าย สามารถพาครอบครัวไปด้วยขณะศึกษาระดับปริญญาโทได้ และมีโอกาสในการขอทุนการศึกษา รวมทั้งเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเป็นมิตร ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้ Education Malaysia Global Services (EMGS) หน่วยงานภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา ประเทศมาเลเซีย จึงได้จัดงานมหกรรมการศึกษาต่อประเทศมาเลเซีย หรือ Study in Malaysia Education Fair Bangkok 2024 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในมาเลเซีย แนะนำหลักสูตรและรับสมัครนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ซึ่งงานนี้จัดพร้อมกันที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายโนวี ทาจุดดิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EMGS ระบุว่า ที่ผ่านมามีนักศึกษาต่างชาติ ให้ความสนใจศึกษาต่อที่ประเทศมาเลเซียมากขึ้น โดยในปี 2566 ประเทศมาเลเซียมีจำนวนนักศึกษาต่างชาติมากกว่า 114,765 คน ซึ่งมีนักศึกษาไทยที่สนใจศึกษาต่อที่ประเทศมาเลเซีย ยื่นใบสมัครมากถึง 372 ใบ ขณะที่ในปีนี้นับถึงเดือน พ.ค. 2567 EMGS ได้รับใบสมัครใหม่จากประเทศไทยแล้ว 117 ใบ อยู่ในอันดับที่ 5 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ประเทศมาเลเซียเป็นที่โดดเด่นในเวทีวิชาการระดับโลก โดยมี 8 สาขาวิชาที่ได้รับการยอมรับในการจัดอันดับของ QS World University Rangkings และมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ 8 แห่ง โดยมีมหาวิทยาลัยของรัฐ 20 แห่ง มหาวิทยาลัยเอกชน 207 แห่ง วิทยาลัย และวิทยาเขตสาขาของมหาวิทยาลัยต่างประเทศระดับโลก 10 แห่ง ซึ่งภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในมาเลเซีย และหลักสูตรส่วนใหญ่ยังสอนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งความสามารถทางภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในข้อกำหนดหลักสำหรับการรับเข้าเรียนของนักเรียนเพื่อสมัครเข้าสถาบันอุดมศึกษา (HEIs) ขณะเดียวกัน มาเลเซียมีทำเลที่ตั้งเหมาะสำหรับนักศึกษาไทย เนื่องจากอยู่ใกล้ประเทศไทย ระยะทางในการเดินทางที่สั้น ด้วยเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ กับกัวลาลัมเปอร์มากกว่า 22 เที่ยวบินต่อวัน นอกจากนี้ มาเลเซียเป็นจุดหมายปลายทางการศึกษาที่ได้รับความนิยม โดยจัดการศึกษาระดับโลก ด้วยค่าเล่าเรียนที่เหมาะสม กัวลาลัมเปอร์ถูกยกให้เป็นอันดับ 1 ของเอเชียในตัวบ่งชี้ความสามารถในการซื้ออาหาร ตามการจัดอันดับเมืองนักเรียนที่ดีที่สุดของ QS ประจำปี 2023 โดยอาหารริมทางมีราคาตั้งแต่ 5 ถึง 15 ริงกิตมาเลเซีย รวมถึงอาหารมาเลเซียยอดนิยม เช่น นาซีเลอมัก โรตีจาไน ลักซา และอื่นๆ ภายในงานมีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมจัดกิจกรรม ประกอบด้วย 1. Asia Pacific University of Technology & Innovation (APU) 2. Malaysian Maritime Academy (ALAM) 3. Management and Science University (MSU) 4. Universiti Utara Malaysia (UUM) 5. University Malaya (UM) 6. German-Malaysian Institute (GMI) 7. MAHSA University 8. UCSI University 9. Sunway Le Cordon Bleu และ 10. Universiti Kebangsaan Malaysia (UKM) เป็นต้น สำหรับ EMGS มีหน้าที่หลักคือ อำนวยความสะดวกในการขอวีซ่าสำหรับนักศึกษาต่างชาติทั้งหมด และส่งเสริมให้ประเทศมาเลเซียเป็นศูนย์กลางความรู้และความสามารถระดับโลก โดยทำหน้าที่ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย เพื่อออกหนังสืออนุมัติการออกวีซ่า และออก Student Pass ให้นักศึกษา รวมทั้งยังจัดทำประกันสุขภาพให้นักศึกษาอีกด้วย แม้การจัดงานจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่สามารถติดตามข่าวสารการศึกษาต่อประเทศมาเลเซีย ทาง Instagram @education.Malaysia.official และเฟซบุ๊ก Education Malaysia #Newskit #StudyinMalaysia #EMGS
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 885 Views 0 Reviews
  • “Ocean” vs. “Sea”: Coast Through The Differences 

    Most of us landlubbers live out our dry lives on solid ground, so it can be easy to forget that Earth is primarily an ocean planet that’s 71% covered in water—most of which connects in a giant blue mass around our little green islands. Ocean, sea, it’s all the same salt water, right?

    Yes and no. In general use, it’s extremely common for the two words to be used interchangeably. But cartographers and geographers (or, more precisely, hydrographers) have good reason to use the terms differently, especially when referring to specific, named bodies of water.

    Join us as we wade into the differences and dive into the deeper distinctions between ocean and sea. We’ll discover gulfs and bays that are seas in disguise, and we’ll even see some lakes that are called seas but aren’t.

    Quick summary

    The most general senses of the words ocean and sea are often used interchangeably to refer to the big body of salt water that covers most of Earth. But technically speaking, an ocean is one of the big five (or seven) divisions of this expanse (like the Atlantic and the Pacific), while a sea is a smaller portion of this (like the Mediterranean and the Caribbean), typically one that is bounded in some way by smaller landmasses.

    What is an ocean?

    When people say the ocean, they usually mean “the vast body of salt water that covers almost three fourths of Earth’s surface.” You can think of this as one big, unbounded body of water in which the continents are islands. We’ve divided this vast expanse—the world ocean, as it’s sometimes called—into sections, roughly based on the position of each section between continents.

    We also call each of these sections an ocean, and each has a specific name: the Pacific Ocean (from the east coasts of Asia and Australia to west coasts of the Americas), the Atlantic Ocean (from the east coasts of the Americas to the west coasts of Europe and Africa), the Indian Ocean (between the east coast of Africa, the Indian subcontinent, and the west coast of Australia), the Arctic Ocean (in the extreme global north), and the Antarctic Ocean (in the extreme global south).

    The Pacific and the Atlantic are the biggest and are further divided into the North Atlantic and South Atlantic; and the North Pacific and South Pacific. So if you count these divisions, you’ll end up with a list of seven oceans (instead of five).

    What is a sea?

    In general, when people say the sea, they often mean the same thing as the ocean—the enormous, connected body of salt water that covers most of the planet. More specifically, though, a sea is “a division of these waters, of considerable extent, more or less definitely marked off by land boundaries.” In this sense, the distinguishing feature of a sea is often that it’s a portion of the ocean bounded by land in some way—typically smaller landmasses, as opposed to entire continents.

    Some large and well-known seas that fit this definition include the Mediterranean Sea, the Caribbean Sea, the Arabian Sea, the South China Sea, and the Red Sea, among many others.

    Some bodies of water are entirely surrounded by land, but are big enough to be considered seas, such as the Black Sea.

    Not every body of water is easily categorizable, and there are exceptions and outliers. The relatively calm portion of the Atlantic Ocean known as the Sargasso Sea is not bounded by any land but is instead defined by its location between ocean currents.

    Not every body of water that’s technically considered a sea has the word sea in its name. The Gulf of Mexico and the Bay of Bengal fit the criteria to be considered seas. Hudson Bay is considered an inland sea.

    And, confusingly, not every body of water with sea in its name is actually a sea. The Caspian Sea and the Dead Sea are both saltwater lakes. The Sea of Galilee is a freshwater lake.

    There are more than 50 seas in the world. So why are we so used to hearing that there are seven?

    What are the seven seas?

    Today, the term seven seas typically refers to the seven divisions of ocean: the North Pacific Ocean, the South Pacific Ocean, the North Atlantic Ocean, the South Atlantic Ocean, the Indian Ocean, the Arctic Ocean, and the Antarctic Ocean.

    However, it has meant different things throughout history. Many geographers and historians believe that, in the ancient world, it most commonly referred to the Indian Ocean, the Black Sea, the Caspian Sea, the Adriatic Sea, the Persian Gulf, the Mediterranean Sea, and the Red Sea. But this likely varied in different parts of the world where different bodies of water were known.

    How to use ocean vs. sea

    In the most general sense, sea and ocean are often used interchangeably to refer to the massive body of salt water that covers most of the planet.

    The technical distinction used for the purposes of geography is that an ocean is one of the five (or seven) divisions of these waters, while a sea is a smaller portion of the ocean, most often one bounded by land in some way.

    It’s much more likely for people to refer to a specific ocean as the sea than for them to refer to a specific sea as the ocean.

    Both terms are commonly used in phrases and compound words like seaside, oceanside, seawater, ocean liner, seascape, and many more. These terms are typically used in the general sense of the words, or refer specifically to whatever body of water is nearby.

    Both ocean and sea can also be used in similar figurative ways to refer to a large expanse, as in a sea of people, or a great amount, as in an ocean of possibilities. Sea is perhaps more commonly used in poetic ways.

    Examples of ocean and sea used in a sentence
     
    - The Indian Ocean is the smallest of the world’s oceans.
    - The Coral Sea is part of the Pacific Ocean and is one of the largest seas in the world.
    - I love swimming in the sea and floating on the waves.
    - I hope we get a chance to visit the ocean this summer.
    - We’re driving to the coast to see the Pacific Ocean and stay at a seaside resort.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Ocean” vs. “Sea”: Coast Through The Differences  Most of us landlubbers live out our dry lives on solid ground, so it can be easy to forget that Earth is primarily an ocean planet that’s 71% covered in water—most of which connects in a giant blue mass around our little green islands. Ocean, sea, it’s all the same salt water, right? Yes and no. In general use, it’s extremely common for the two words to be used interchangeably. But cartographers and geographers (or, more precisely, hydrographers) have good reason to use the terms differently, especially when referring to specific, named bodies of water. Join us as we wade into the differences and dive into the deeper distinctions between ocean and sea. We’ll discover gulfs and bays that are seas in disguise, and we’ll even see some lakes that are called seas but aren’t. Quick summary The most general senses of the words ocean and sea are often used interchangeably to refer to the big body of salt water that covers most of Earth. But technically speaking, an ocean is one of the big five (or seven) divisions of this expanse (like the Atlantic and the Pacific), while a sea is a smaller portion of this (like the Mediterranean and the Caribbean), typically one that is bounded in some way by smaller landmasses. What is an ocean? When people say the ocean, they usually mean “the vast body of salt water that covers almost three fourths of Earth’s surface.” You can think of this as one big, unbounded body of water in which the continents are islands. We’ve divided this vast expanse—the world ocean, as it’s sometimes called—into sections, roughly based on the position of each section between continents. We also call each of these sections an ocean, and each has a specific name: the Pacific Ocean (from the east coasts of Asia and Australia to west coasts of the Americas), the Atlantic Ocean (from the east coasts of the Americas to the west coasts of Europe and Africa), the Indian Ocean (between the east coast of Africa, the Indian subcontinent, and the west coast of Australia), the Arctic Ocean (in the extreme global north), and the Antarctic Ocean (in the extreme global south). The Pacific and the Atlantic are the biggest and are further divided into the North Atlantic and South Atlantic; and the North Pacific and South Pacific. So if you count these divisions, you’ll end up with a list of seven oceans (instead of five). What is a sea? In general, when people say the sea, they often mean the same thing as the ocean—the enormous, connected body of salt water that covers most of the planet. More specifically, though, a sea is “a division of these waters, of considerable extent, more or less definitely marked off by land boundaries.” In this sense, the distinguishing feature of a sea is often that it’s a portion of the ocean bounded by land in some way—typically smaller landmasses, as opposed to entire continents. Some large and well-known seas that fit this definition include the Mediterranean Sea, the Caribbean Sea, the Arabian Sea, the South China Sea, and the Red Sea, among many others. Some bodies of water are entirely surrounded by land, but are big enough to be considered seas, such as the Black Sea. Not every body of water is easily categorizable, and there are exceptions and outliers. The relatively calm portion of the Atlantic Ocean known as the Sargasso Sea is not bounded by any land but is instead defined by its location between ocean currents. Not every body of water that’s technically considered a sea has the word sea in its name. The Gulf of Mexico and the Bay of Bengal fit the criteria to be considered seas. Hudson Bay is considered an inland sea. And, confusingly, not every body of water with sea in its name is actually a sea. The Caspian Sea and the Dead Sea are both saltwater lakes. The Sea of Galilee is a freshwater lake. There are more than 50 seas in the world. So why are we so used to hearing that there are seven? What are the seven seas? Today, the term seven seas typically refers to the seven divisions of ocean: the North Pacific Ocean, the South Pacific Ocean, the North Atlantic Ocean, the South Atlantic Ocean, the Indian Ocean, the Arctic Ocean, and the Antarctic Ocean. However, it has meant different things throughout history. Many geographers and historians believe that, in the ancient world, it most commonly referred to the Indian Ocean, the Black Sea, the Caspian Sea, the Adriatic Sea, the Persian Gulf, the Mediterranean Sea, and the Red Sea. But this likely varied in different parts of the world where different bodies of water were known. How to use ocean vs. sea In the most general sense, sea and ocean are often used interchangeably to refer to the massive body of salt water that covers most of the planet. The technical distinction used for the purposes of geography is that an ocean is one of the five (or seven) divisions of these waters, while a sea is a smaller portion of the ocean, most often one bounded by land in some way. It’s much more likely for people to refer to a specific ocean as the sea than for them to refer to a specific sea as the ocean. Both terms are commonly used in phrases and compound words like seaside, oceanside, seawater, ocean liner, seascape, and many more. These terms are typically used in the general sense of the words, or refer specifically to whatever body of water is nearby. Both ocean and sea can also be used in similar figurative ways to refer to a large expanse, as in a sea of people, or a great amount, as in an ocean of possibilities. Sea is perhaps more commonly used in poetic ways. Examples of ocean and sea used in a sentence   - The Indian Ocean is the smallest of the world’s oceans. - The Coral Sea is part of the Pacific Ocean and is one of the largest seas in the world. - I love swimming in the sea and floating on the waves. - I hope we get a chance to visit the ocean this summer. - We’re driving to the coast to see the Pacific Ocean and stay at a seaside resort. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 497 Views 0 Reviews
  • สายการบินเอเชียกวาดทั้ง 10 สายการบินที่สะอาดที่สุดประจำปี 2024 (จัดอันดับโดย World Airport Awards) ประกอบไปด้วย
    .
    1. Cathay Pacific Airways
    2. ANA All Nippon Airways
    3. EVA Air
    4. Qatar Airways
    5. Singapore Airlines
    6. Asiana Airlines
    7. Hainan Airlines
    8. Japan Airlines
    9. China Airlines
    10. Korean Air
    สายการบินเอเชียกวาดทั้ง 10 สายการบินที่สะอาดที่สุดประจำปี 2024 (จัดอันดับโดย World Airport Awards) ประกอบไปด้วย . 1. Cathay Pacific Airways 2. ANA All Nippon Airways 3. EVA Air 4. Qatar Airways 5. Singapore Airlines 6. Asiana Airlines 7. Hainan Airlines 8. Japan Airlines 9. China Airlines 10. Korean Air
    Like
    4
    0 Comments 1 Shares 409 Views 0 Reviews
  • โค้ช อนาสตาเซีย บลิซนี่ยุก( Anastasia Bliznyuk )ชาวรัสเซีย อดีตแชมป์ยิมนาสติกลีลาโอลิมปิก 2 สมัย ขณะมองดูนักยิมนาสติกหญิงสาวชาวจีนที่เธอฝึกสอน จนกระทั่งสามารถเอาชนะอิสราเอล และคว้าเหรียญทองในการแข่งขันยิมนาสติกลีลาแบบกลุ่มในโอลิมปิก ปารีส 2024

    อนาสตาเซีย บลิซนี่ยุก เกิดที่เมืองซาโปริซเซีย ประเทศยูเครน เมื่อปี 1994 โดยมีพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติยูเครน ชื่อ Ilya Bliznyuk และเธอเป็นนักยิมนาสติกลีลาเพียงคนเดียวที่คว้าเหรียญรางวัลในการแข่งขันโอลิมปิกได้ถึง 3 เหรียญ

    หลังจากรัสเซียถูกแบน อนาสตาเซีย บลิซนี่ยุก ได้ทำหน้าที่โค้ชทีมชาติจีน ตั้งแต่ปี 2022 และทำให้ทีมชาติจีนเป็นแชมป์โอลิมปิกได้สำเร็จ

    #Thaitimes
    โค้ช อนาสตาเซีย บลิซนี่ยุก( Anastasia Bliznyuk )ชาวรัสเซีย อดีตแชมป์ยิมนาสติกลีลาโอลิมปิก 2 สมัย ขณะมองดูนักยิมนาสติกหญิงสาวชาวจีนที่เธอฝึกสอน จนกระทั่งสามารถเอาชนะอิสราเอล และคว้าเหรียญทองในการแข่งขันยิมนาสติกลีลาแบบกลุ่มในโอลิมปิก ปารีส 2024 อนาสตาเซีย บลิซนี่ยุก เกิดที่เมืองซาโปริซเซีย ประเทศยูเครน เมื่อปี 1994 โดยมีพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติยูเครน ชื่อ Ilya Bliznyuk และเธอเป็นนักยิมนาสติกลีลาเพียงคนเดียวที่คว้าเหรียญรางวัลในการแข่งขันโอลิมปิกได้ถึง 3 เหรียญ หลังจากรัสเซียถูกแบน อนาสตาเซีย บลิซนี่ยุก ได้ทำหน้าที่โค้ชทีมชาติจีน ตั้งแต่ปี 2022 และทำให้ทีมชาติจีนเป็นแชมป์โอลิมปิกได้สำเร็จ #Thaitimes
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 360 Views 0 Reviews
  • จะเลือกชาตินิยมหรือน้ำใจนักกีฬา?

    กรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬามาเลเซีย ฮันนาห์ โหยว (Hannah Yeoh) โพสต์ภาพคู่กับ วิว กุลวุฒิ วิทิตสาร นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก ปารีส 2024 ประเทศฝรั่งเศส ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว @hannahyeoh กำลังเป็นที่วิจารณ์อย่างดุเดือดของชาวเน็ตมาเลเซีย

    เพราะจากอินสตาแกรมของเธอ ไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับ วิว กุลวุฒิ อย่างเดียว แต่โพสต์ก่อนหน้านี้ก็ถ่ายรูปคู่กับนักแบดมินตันชาติของตนที่ได้เหรียญทองแดง อย่าง อารอน เจี่ย (Aaron Chia) กับ โซห์ วุย ยิค (Soh Wooi Yik) ประเภทชายคู่ และ หลี่ จื่อเจีย (Lee Zii Jia) ประเภทชายเดี่ยว ที่แพ้ให้กับ วิว กุลวุฒิ รอบรองชนะเลิศ พร้อมข้อความให้กำลังใจ

    แต่ที่เป็นประเด็น คือประโยคห้อยท้ายที่กล่าวถึงวิว กุลวุฒิ ว่า "He has a new fan in me!" หรือ "ฉันเป็นแฟนคลับคนใหม่ของเขาไปแล้ว" คนไทยอาจชื่นใจ แต่ชาวมาเลย์ไซร้เป็นได้เดือดดาล ทัวร์ลงไม่แพ้ชาติใดในโลก โพสต์ข้อความโจมตี อาทิ

    "น้ำใจนักกีฬาและความรักชาติควรเริ่มต้นจากผู้นำ เวลานี้ทำไม่ถูก รูปนี้ควรเอาออกไป หรือคุณควรเก็บไว้ดูเอง ในความรู้สึกเห็นว่าไม่ถูกต้อง"

    "ถ้าอยากเป็นแฟนคลับอย่าใช้ตำแหน่งรัฐมนตรี ควรสวมเสื้อผ้าของตัวเอง ซื้อตั๋วเครื่องบินด้วยเงินตัวเอง ชำระค่าโรงแรมและอาหารด้วยเงินตัวเอง"

    "คุณอยู่ในฐานะรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของมาเลเซีย ไม่ใช่ในฐานะผู้ชมทั่วไป แม้ว่าจะมีสิทธิ์ถ่ายรูปกับนักกีฬาคนใดก็ได้ แม้ไม่ใช่ชาวมาเลเซียก็ตาม แต่วิธีที่ดีที่สุดคือเก็บภาพนี้ไว้เป็นส่วนตัว แทนที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะ สิ่งที่คุณทำเป็นเรื่องน่าสะอิดสะเอียน ทำลายชื่อเสียงของคุณอย่างราบคาบ ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของรัฐบาลและพรรค DAP อย่าลืมว่ายังมีคนจำนวนมากกำลังจับผิดพรรค DAP และตอนนี้คุณได้ให้กระสุนแก่พวกเขาแบบฟรีๆ แล้ว อย่างไรก็ตาม ฉันยังคงเป็นแฟนคลับของคุณ แต่หวังว่าจะไม่ทำผิดแบบนี้ซ้ำในครั้งต่อไป เราเพียงต้องการแนะนำแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณ"

    ด้านเว็บไซต์ข่าว Malaysia Now ได้ตีพิมพ์บทความของ "ลี บุน เชียน" (Lee Boon Shian) ประธานกลุ่มเยาวชนเกอรากัน วิจารณ์ว่า ฮันนาห์ทำให้ชาวมาเลเซียผิดหวัง เพราะการเป็นรัฐมนตรีด้านกีฬาต้องรู้จักกาละเทศะ รัฐมนตรีที่เข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิกโดยใช้ภาษีประชาชน ควรจะเป็นตัวแทนรักษาผลประโยชน์ของมาเลเซีย และสนับสนุนส่งเสริมนักกีฬาของชาติ

    "รัฐมนตรีของเรา (ฮันนาห์) ตั้งใจทำให้ประชาชนผิดหวังอีกครั้ง เธอได้เบี่ยงเบนความรับผิดชอบหลัก และกระทำการในฐานะส่วนตัวหลงใหลนักกีฬาต่างชาติคนหนึ่ง ที่เพิ่งเอาชนะนักกีฬาของเราไปได้ การมีความชอบส่วนตัวไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรเข้าใจแนวคิดง่ายๆ อย่างการมีกาละเทศะ ก่อนแสดงพฤติกรรมที่น่าหดหู่ใจ ซึ่งอาจสูญเสียขวัญและกำลังใจแก่นักกีฬาและกองเชียร์"

    "ประชาชนจ่ายเงินให้คุณเพื่อให้ไปปฎิบัติหน้าที่ในโอลิมปิกปารีส แต่กลับไปถ่ายรูปกับนักกีฬาต่างชาติ ผลประโยชน์ส่วนตนควรถูกเก็บเป็นความลับเสมอเมื่อปฎิบัติหน้าที่ทางราชการ ควรเป็นแรงบันดาลใจทางศีลธรรมให้กับนักกีฬาและกองเชียร์ และทำงานอย่างใกล้ชิดกับนักกีฬา เพื่อหาทางที่จะให้กระทรวงได้สนับสนุนวงการกีฬาที่ดีขึ้นในอนาคต"

    "จะให้ดีกว่านี้ ให้วางกลยุทธ์ว่าจะทำให้แน่ใจได้อย่างไรว่าโค้ชของเราจะไปร่วมกับนักกีฬาของเราในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในอนาคต แทนที่จะสงวนไว้สำหรับแขกวีไอพี" ลี บุน เชียน ระบุ

    อย่างไรก็ตาม​ มีชาวเน็ตที่มีน้ำใจนักกีฬา​หลายคน​ ต่างกล่าวว่า กรณีแบบนี้ไม่ควรแห่ทัวร์​ลง​ หรือคิดเล็กคิดน้อย และการแสดงความยินดีกับหนึ่งในประเทศอาเซียน ที่คว้าเหรียญโอลิมปิกมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

    ด้าน​ ฮันนาห์ โหย่ว ได้โพสต์สตอรี่ในอินสตาแกรม ชี้แจงถึงค่านิยมของกีฬาโอลิมปิก 3 ประการ นั่นคือความเป็นเลิศ ความเป็นมิตร และความเคารพ พร้อมตอบคำถามชาวเน็ตฯ​ ชัดเจนว่า​ "เธอไปในฐานะรัฐมนตรีเยาวชนและการกีฬาของมาเลเซีย เป็นตัวแทนของมาเลเซีย และร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนบ้านอาเซียน อย่างประเทศไทย​"

    สำหรับฮันนาห์ โหยว ปัจจุบันอายุ 45 ปี ชาวสุบังจายา รัฐสลังงอร์ เป็นนักการเมืองสังกัดพรรค DAP ซึ่งอยู่ในกลุ่มปากาตันฮาราปัน (Pakatan Harapan) เคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐสลังงอร์ ปี 2551-2561 ประธานสภานิติบัญญัติแห่งรัฐสลังงอร์ ปี 2556-2561 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสตรี ครอบครัวและการพัฒนาชุมชนมาเลเซีย ปี 2561-2563

    สมรสกับ รามจันทรัน มูเนียนดี (Ramachandran Muniandy) ผู้ก่อตั้งบริษัท เอเชีย โมบิลิตี้ (Asia Mobility) ที่ผ่านมาเธอถูกโจมตีกรณีที่รัฐบาลกลาง และรัฐบาลรัฐสลังงอร์อนุมัติโครงการขนส่งสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทาง (Demand Responsive Transit หรือ DRT) รัฐสลังงอร์ ให้กับเอเชีย โมบิลิตี้ ของสามี โดยไม่ผ่านการประกวดราคา

    กระทั่งมาเจอ "ตำบลกระสุนตก" จากกรณีถ่ายภาพคู่กับชาติคู่แข่งอย่าง "วิว กุลวุฒิ" ที่เอาชนะนักกีฬาชาติตนเอง

    สมมติว่าหากวันหนึ่งเรื่องลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นกับรัฐมนตรีของไทย โดยที่ยังไม่รู้ว่าเกิดขึ้นกับใคร พรรคอะไร สีเสื้อไหน ลองถามใจคุณผู้อ่านระหว่าง "ชาตินิยม" หรือ "น้ำใจนักกีฬา"?

    #Newskit #hannahyeoh #ViewKunlavut
    จะเลือกชาตินิยมหรือน้ำใจนักกีฬา? กรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬามาเลเซีย ฮันนาห์ โหยว (Hannah Yeoh) โพสต์ภาพคู่กับ วิว กุลวุฒิ วิทิตสาร นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก ปารีส 2024 ประเทศฝรั่งเศส ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว @hannahyeoh กำลังเป็นที่วิจารณ์อย่างดุเดือดของชาวเน็ตมาเลเซีย เพราะจากอินสตาแกรมของเธอ ไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับ วิว กุลวุฒิ อย่างเดียว แต่โพสต์ก่อนหน้านี้ก็ถ่ายรูปคู่กับนักแบดมินตันชาติของตนที่ได้เหรียญทองแดง อย่าง อารอน เจี่ย (Aaron Chia) กับ โซห์ วุย ยิค (Soh Wooi Yik) ประเภทชายคู่ และ หลี่ จื่อเจีย (Lee Zii Jia) ประเภทชายเดี่ยว ที่แพ้ให้กับ วิว กุลวุฒิ รอบรองชนะเลิศ พร้อมข้อความให้กำลังใจ แต่ที่เป็นประเด็น คือประโยคห้อยท้ายที่กล่าวถึงวิว กุลวุฒิ ว่า "He has a new fan in me!" หรือ "ฉันเป็นแฟนคลับคนใหม่ของเขาไปแล้ว" คนไทยอาจชื่นใจ แต่ชาวมาเลย์ไซร้เป็นได้เดือดดาล ทัวร์ลงไม่แพ้ชาติใดในโลก โพสต์ข้อความโจมตี อาทิ "น้ำใจนักกีฬาและความรักชาติควรเริ่มต้นจากผู้นำ เวลานี้ทำไม่ถูก รูปนี้ควรเอาออกไป หรือคุณควรเก็บไว้ดูเอง ในความรู้สึกเห็นว่าไม่ถูกต้อง" "ถ้าอยากเป็นแฟนคลับอย่าใช้ตำแหน่งรัฐมนตรี ควรสวมเสื้อผ้าของตัวเอง ซื้อตั๋วเครื่องบินด้วยเงินตัวเอง ชำระค่าโรงแรมและอาหารด้วยเงินตัวเอง" "คุณอยู่ในฐานะรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของมาเลเซีย ไม่ใช่ในฐานะผู้ชมทั่วไป แม้ว่าจะมีสิทธิ์ถ่ายรูปกับนักกีฬาคนใดก็ได้ แม้ไม่ใช่ชาวมาเลเซียก็ตาม แต่วิธีที่ดีที่สุดคือเก็บภาพนี้ไว้เป็นส่วนตัว แทนที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะ สิ่งที่คุณทำเป็นเรื่องน่าสะอิดสะเอียน ทำลายชื่อเสียงของคุณอย่างราบคาบ ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของรัฐบาลและพรรค DAP อย่าลืมว่ายังมีคนจำนวนมากกำลังจับผิดพรรค DAP และตอนนี้คุณได้ให้กระสุนแก่พวกเขาแบบฟรีๆ แล้ว อย่างไรก็ตาม ฉันยังคงเป็นแฟนคลับของคุณ แต่หวังว่าจะไม่ทำผิดแบบนี้ซ้ำในครั้งต่อไป เราเพียงต้องการแนะนำแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณ" ด้านเว็บไซต์ข่าว Malaysia Now ได้ตีพิมพ์บทความของ "ลี บุน เชียน" (Lee Boon Shian) ประธานกลุ่มเยาวชนเกอรากัน วิจารณ์ว่า ฮันนาห์ทำให้ชาวมาเลเซียผิดหวัง เพราะการเป็นรัฐมนตรีด้านกีฬาต้องรู้จักกาละเทศะ รัฐมนตรีที่เข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิกโดยใช้ภาษีประชาชน ควรจะเป็นตัวแทนรักษาผลประโยชน์ของมาเลเซีย และสนับสนุนส่งเสริมนักกีฬาของชาติ "รัฐมนตรีของเรา (ฮันนาห์) ตั้งใจทำให้ประชาชนผิดหวังอีกครั้ง เธอได้เบี่ยงเบนความรับผิดชอบหลัก และกระทำการในฐานะส่วนตัวหลงใหลนักกีฬาต่างชาติคนหนึ่ง ที่เพิ่งเอาชนะนักกีฬาของเราไปได้ การมีความชอบส่วนตัวไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรเข้าใจแนวคิดง่ายๆ อย่างการมีกาละเทศะ ก่อนแสดงพฤติกรรมที่น่าหดหู่ใจ ซึ่งอาจสูญเสียขวัญและกำลังใจแก่นักกีฬาและกองเชียร์" "ประชาชนจ่ายเงินให้คุณเพื่อให้ไปปฎิบัติหน้าที่ในโอลิมปิกปารีส แต่กลับไปถ่ายรูปกับนักกีฬาต่างชาติ ผลประโยชน์ส่วนตนควรถูกเก็บเป็นความลับเสมอเมื่อปฎิบัติหน้าที่ทางราชการ ควรเป็นแรงบันดาลใจทางศีลธรรมให้กับนักกีฬาและกองเชียร์ และทำงานอย่างใกล้ชิดกับนักกีฬา เพื่อหาทางที่จะให้กระทรวงได้สนับสนุนวงการกีฬาที่ดีขึ้นในอนาคต" "จะให้ดีกว่านี้ ให้วางกลยุทธ์ว่าจะทำให้แน่ใจได้อย่างไรว่าโค้ชของเราจะไปร่วมกับนักกีฬาของเราในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในอนาคต แทนที่จะสงวนไว้สำหรับแขกวีไอพี" ลี บุน เชียน ระบุ อย่างไรก็ตาม​ มีชาวเน็ตที่มีน้ำใจนักกีฬา​หลายคน​ ต่างกล่าวว่า กรณีแบบนี้ไม่ควรแห่ทัวร์​ลง​ หรือคิดเล็กคิดน้อย และการแสดงความยินดีกับหนึ่งในประเทศอาเซียน ที่คว้าเหรียญโอลิมปิกมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ด้าน​ ฮันนาห์ โหย่ว ได้โพสต์สตอรี่ในอินสตาแกรม ชี้แจงถึงค่านิยมของกีฬาโอลิมปิก 3 ประการ นั่นคือความเป็นเลิศ ความเป็นมิตร และความเคารพ พร้อมตอบคำถามชาวเน็ตฯ​ ชัดเจนว่า​ "เธอไปในฐานะรัฐมนตรีเยาวชนและการกีฬาของมาเลเซีย เป็นตัวแทนของมาเลเซีย และร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนบ้านอาเซียน อย่างประเทศไทย​" สำหรับฮันนาห์ โหยว ปัจจุบันอายุ 45 ปี ชาวสุบังจายา รัฐสลังงอร์ เป็นนักการเมืองสังกัดพรรค DAP ซึ่งอยู่ในกลุ่มปากาตันฮาราปัน (Pakatan Harapan) เคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐสลังงอร์ ปี 2551-2561 ประธานสภานิติบัญญัติแห่งรัฐสลังงอร์ ปี 2556-2561 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสตรี ครอบครัวและการพัฒนาชุมชนมาเลเซีย ปี 2561-2563 สมรสกับ รามจันทรัน มูเนียนดี (Ramachandran Muniandy) ผู้ก่อตั้งบริษัท เอเชีย โมบิลิตี้ (Asia Mobility) ที่ผ่านมาเธอถูกโจมตีกรณีที่รัฐบาลกลาง และรัฐบาลรัฐสลังงอร์อนุมัติโครงการขนส่งสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทาง (Demand Responsive Transit หรือ DRT) รัฐสลังงอร์ ให้กับเอเชีย โมบิลิตี้ ของสามี โดยไม่ผ่านการประกวดราคา กระทั่งมาเจอ "ตำบลกระสุนตก" จากกรณีถ่ายภาพคู่กับชาติคู่แข่งอย่าง "วิว กุลวุฒิ" ที่เอาชนะนักกีฬาชาติตนเอง สมมติว่าหากวันหนึ่งเรื่องลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นกับรัฐมนตรีของไทย โดยที่ยังไม่รู้ว่าเกิดขึ้นกับใคร พรรคอะไร สีเสื้อไหน ลองถามใจคุณผู้อ่านระหว่าง "ชาตินิยม" หรือ "น้ำใจนักกีฬา"? #Newskit #hannahyeoh #ViewKunlavut
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 977 Views 0 Reviews
  • เนื่องในวันคล้ายวันก่อตั้งศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช วันที่ 4 สิงหาคม
    ขอเชิญร่วมเฉลิมฉลองด้วยการบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรงพยาบาลศิริราช

    🗓 ในวันที่ 2 - 4 สิงหาคม 2567
    ⏰ เวลา 08.30 - 16.00 น
    🏥 ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา ชั้น 3
    ผู้บริจาคเลือด ณ ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช
    🥤พร้อมรับขวดแก้วน้องถุงเลือด จำนวน 1 ขวด
    ● ———————————— ●
    ศิริราช 𝗥𝗲𝗮𝗱𝘆 𝗧𝗼 Share
    เราพร้อมสร้างสังคมที่มีคุณภาพและแบ่งโอกาสให้กับทุกคน
    ● ———————————— ●
    ร่วมบริจาคเลือดและเกล็ดเลือด🅾️🅰️🅱️🆎 ณ ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา ชั้น 3
    ❤ ห้องรับบริจาคเลือดเปิดบริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด วันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดลงทะเบียนเวลา 08.30 - 16.00 น.
    💛ห้องรับบริจาคเกล็ดเลือดเปิดบริการ วันจันทร์ - วันศุกร์ และวันอาทิตย์
    เปิดลงทะเบียนเวลา 08.30 - 14.00 น.
    ---------------------------------------------------------------
    🩸จองคิวนัดหมายบริจาคเลือดล่วงหน้า : https://shorturl.asia/a7yKv
    🩸ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการบริจาคเลือด
    : https://drive.google.com/drive/folders/121g7yMKn0Vc2O-QIH3TtYWTexSultiQC?usp=drive_link
    🩸แอดไลน์ OA ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช: https://lin.ee/ZYypmfs
    #โรงพยาบาลศิริราช #ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช #บริจาคเลือด #blooddonation #siriraj #หนึ่งคนให้หลายคนรับ #โรงพยาบาลศิริราช #ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช #บริจาคเลือด #blooddonation #siriraj #หาเลือด #เลือดขาดแคลน #บริจาคเลือดที่ไหน #siriraj #sirirajpr #ศิริราช #ศิริราชWeAreReady #ReadyToShare
    เนื่องในวันคล้ายวันก่อตั้งศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช วันที่ 4 สิงหาคม ขอเชิญร่วมเฉลิมฉลองด้วยการบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรงพยาบาลศิริราช 🗓 ในวันที่ 2 - 4 สิงหาคม 2567 ⏰ เวลา 08.30 - 16.00 น 🏥 ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา ชั้น 3 ผู้บริจาคเลือด ณ ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช 🥤พร้อมรับขวดแก้วน้องถุงเลือด จำนวน 1 ขวด ● ———————————— ● ศิริราช 𝗥𝗲𝗮𝗱𝘆 𝗧𝗼 Share เราพร้อมสร้างสังคมที่มีคุณภาพและแบ่งโอกาสให้กับทุกคน ● ———————————— ● ร่วมบริจาคเลือดและเกล็ดเลือด🅾️🅰️🅱️🆎 ณ ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา ชั้น 3 ❤ ห้องรับบริจาคเลือดเปิดบริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด วันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดลงทะเบียนเวลา 08.30 - 16.00 น. 💛ห้องรับบริจาคเกล็ดเลือดเปิดบริการ วันจันทร์ - วันศุกร์ และวันอาทิตย์ เปิดลงทะเบียนเวลา 08.30 - 14.00 น. --------------------------------------------------------------- 🩸จองคิวนัดหมายบริจาคเลือดล่วงหน้า : https://shorturl.asia/a7yKv 🩸ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการบริจาคเลือด : https://drive.google.com/drive/folders/121g7yMKn0Vc2O-QIH3TtYWTexSultiQC?usp=drive_link 🩸แอดไลน์ OA ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช: https://lin.ee/ZYypmfs #โรงพยาบาลศิริราช #ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช #บริจาคเลือด #blooddonation #siriraj #หนึ่งคนให้หลายคนรับ #โรงพยาบาลศิริราช #ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช #บริจาคเลือด #blooddonation #siriraj #หาเลือด #เลือดขาดแคลน #บริจาคเลือดที่ไหน #siriraj #sirirajpr #ศิริราช #ศิริราชWeAreReady #ReadyToShare
    0 Comments 0 Shares 647 Views 0 Reviews
  • ส่อง 7 เมืองอาเซียน เหมาะเที่ยวคนเดียว

    นักท่องเที่ยวคนเดียว (Solo Traveler) กำลังได้รับความนิยมโดยเฉพาะคนโสด เพราะไม่ว่าจะทริปสั้นหรือทริปยาว ทริปเพื่อพักผ่อน หรือเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน เรากำหนดและตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องมีแบบแผนยืดยาว แค่เตรียมความพร้อมหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก อ่านรีวิวเมือง สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือโรงแรมเพื่อทำการบ้านแบบคร่าวๆ เท่านั้น

    บทความในเว็บไซต์ Lonely Planet หัวข้อ "7 of the best places in Southeast Asia for solo travelers" ที่เขียนโดย Morgan Awyong ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ได้ยก 7 เมืองที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับนักท่องเที่ยวคนเดียว โดยยกจุดเด่นของแต่ละเมืองในแต่ละหัวข้อ ดังนี้

    1. สิงคโปร์ เมืองที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เดินทางคนเดียวครั้งแรก เพราะโครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัยที่โดดเด่น คนในท้องถิ่นพูดภาษาอังกฤษ และสถานที่ท่องเที่ยวเข้าถึงง่าย โดยแนะนำศูนย์อาหารริมถนนที่มีเมนูทั้งข้าวมันไก่ไหหนาน บักกุ๊ตเต๋ และอาหารท้องถิ่นอื่นๆ เดินทางได้ทั่วเกาะด้วยรถไฟฟ้า MRT พร้อมแนะนำวัดเทียนฮกเก๋ง ย่านปาร์ควิวสแควร์

    2. ปีนัง (มาเลเซีย) เมืองสตรีทฟู้ดมีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นสร้างสรรค์ โดยมีย่านจอร์จทาวน์ขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก้ ผสมผสานร้านกาแฟน่ารักและงานศิลปะที่แปลกใหม่ แผงขายอาหารย่าน New Lane, Kimberly St และ Chulia St เปิดเฉพาะเช้าและเย็น มีทั้งเกี๊ยวน้ำ และมื้อหนักอย่างปีนังลักซา คนที่ทานข้าวคนเดียว อิ่มอร่อยในราคาประหยัดเพียง 10 ริงกิตเท่านั้น

    3. ดานัง (เวียดนาม) เมืองที่หลีกหนีความวุ่นวายด้วยชายฝั่งงดงาม และประสบการณ์หลากหลาย ความวุ่นวายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเมืองหลวง เดินทางสะดวกด้วยแกร็บที่ค่าโดยสารไม่แพง ห้องพักราคาเฉลี่ย 1 ล้านดอง ชายหาดเหมาะกับการเดินเล่นคนเดียว ได้เห็นชาวประมงพื้นบ้าน และมีร้านกาแฟมากมาย ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวและดิจิทัลนอร์แมด (Digital Normad)

    4. เสียมราฐ (กัมพูชา) เมืองเล็กๆ เป็นส่วนตัว และการท่องเที่ยวเชิงจริยธรรม นอกจากจะมีนครวัด ปราสาทตาพรหมและปราสาทบันทายศรีแล้ว ยังมีตลาดงานฝีมือเล็กๆ ร้านอาหารริมถนนบรรยากาศสบายๆ มีย่านถนนกลางคืนอย่าง Pub Street และยังมีผู้ประกอบการที่ตอบแทนสังคม เช่น โรงเรียนละครสัตว์ Phare Circus ร้านอาหาร Haven และฟาร์มบัว Lotus Farm

    5. กรุงเทพฯ (ไทย) เมืองที่ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ระหว่างการจราจรในกรุงเทพฯ หาบเร่แผงลอย และห้างสรรพสินค้า ย่านถนนข้าวสารยังมีวัดที่เงียบสงบเช่นวัดโพธิ์และวัดอรุณ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการนวด โรงแรมแข่งขันด้านราคาทำให้มีห้องพักราคาถูก และยืนหนึ่งด้านสิทธิ LGBTIQ+ ในภูมิภาค ความลับอยู่ที่ผู้คนที่อบอุ่น รอยยิ้มที่เรียบง่าย และจิตใจที่เปิดกว้าง

    6. ฮานอย (เวียดนาม) เมืองที่ผู้คนอยู่กันอย่างไม่โอ้อวด คำนึงถึงความยืดหยุ่น และวิถีทางที่ช้าแต่มั่นคง สามารถเดินเล่นในย่านเมืองเก่าอันมีเสน่ห์ พักสมองร้านกาแฟท้องถิ่น หรือสัมผัสบรรยากาศที่ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม ที่มีกิจกรรมนันทนาการ และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่จะไปแหล่งท่องเที่ยวทางเวียดนามเหนือ เช่น อ่าวฮาลอง อ่าวลันฮา เมืองนิญบิ่ญ และเมืองหนาวอย่างซาปา

    7. บาหลี (อินโดนีเซีย) เมืองสำหรับสุขภาพองค์รวม ชายหาด และดิจิทัลนอร์แมด ถูกพัฒนาให้เป็นเมืองสำหรับบำบัดสุขภาพทางเลือก มีกิจกรรมเรียนโยคะ บีชคลับและพูลวิลล่าที่หาดกูตา กิจกรรมเดินป่าผ่านนาข้าวในอูบุด พักผ่อนริมชายหาดกูตาตอนใต้ ปีนภูเขาบาตูร์ชมพระอาทิตย์ขึ้น ชาวดิจิทัลนอร์แมดมักรวมตัวที่ Canggu สร้างความสัมพันธ์และมิตรภาพได้อย่างง่ายดาย

    ป.ล. ดิจิทัลนอร์แมด (Digital Normad) คือ คนที่สามารถทำงานได้จากทุกแห่งในโลก โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ขอมีเพียงแค่สัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น

    #Newskit #SoloTraveler #ASEAN
    ส่อง 7 เมืองอาเซียน เหมาะเที่ยวคนเดียว นักท่องเที่ยวคนเดียว (Solo Traveler) กำลังได้รับความนิยมโดยเฉพาะคนโสด เพราะไม่ว่าจะทริปสั้นหรือทริปยาว ทริปเพื่อพักผ่อน หรือเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน เรากำหนดและตัดสินใจได้เองโดยไม่ต้องมีแบบแผนยืดยาว แค่เตรียมความพร้อมหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก อ่านรีวิวเมือง สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือโรงแรมเพื่อทำการบ้านแบบคร่าวๆ เท่านั้น บทความในเว็บไซต์ Lonely Planet หัวข้อ "7 of the best places in Southeast Asia for solo travelers" ที่เขียนโดย Morgan Awyong ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ได้ยก 7 เมืองที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับนักท่องเที่ยวคนเดียว โดยยกจุดเด่นของแต่ละเมืองในแต่ละหัวข้อ ดังนี้ 1. สิงคโปร์ เมืองที่ดีที่สุดสำหรับคนที่เดินทางคนเดียวครั้งแรก เพราะโครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัยที่โดดเด่น คนในท้องถิ่นพูดภาษาอังกฤษ และสถานที่ท่องเที่ยวเข้าถึงง่าย โดยแนะนำศูนย์อาหารริมถนนที่มีเมนูทั้งข้าวมันไก่ไหหนาน บักกุ๊ตเต๋ และอาหารท้องถิ่นอื่นๆ เดินทางได้ทั่วเกาะด้วยรถไฟฟ้า MRT พร้อมแนะนำวัดเทียนฮกเก๋ง ย่านปาร์ควิวสแควร์ 2. ปีนัง (มาเลเซีย) เมืองสตรีทฟู้ดมีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นสร้างสรรค์ โดยมีย่านจอร์จทาวน์ขึ้นทะเบียนโดยยูเนสโก้ ผสมผสานร้านกาแฟน่ารักและงานศิลปะที่แปลกใหม่ แผงขายอาหารย่าน New Lane, Kimberly St และ Chulia St เปิดเฉพาะเช้าและเย็น มีทั้งเกี๊ยวน้ำ และมื้อหนักอย่างปีนังลักซา คนที่ทานข้าวคนเดียว อิ่มอร่อยในราคาประหยัดเพียง 10 ริงกิตเท่านั้น 3. ดานัง (เวียดนาม) เมืองที่หลีกหนีความวุ่นวายด้วยชายฝั่งงดงาม และประสบการณ์หลากหลาย ความวุ่นวายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเมืองหลวง เดินทางสะดวกด้วยแกร็บที่ค่าโดยสารไม่แพง ห้องพักราคาเฉลี่ย 1 ล้านดอง ชายหาดเหมาะกับการเดินเล่นคนเดียว ได้เห็นชาวประมงพื้นบ้าน และมีร้านกาแฟมากมาย ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวและดิจิทัลนอร์แมด (Digital Normad) 4. เสียมราฐ (กัมพูชา) เมืองเล็กๆ เป็นส่วนตัว และการท่องเที่ยวเชิงจริยธรรม นอกจากจะมีนครวัด ปราสาทตาพรหมและปราสาทบันทายศรีแล้ว ยังมีตลาดงานฝีมือเล็กๆ ร้านอาหารริมถนนบรรยากาศสบายๆ มีย่านถนนกลางคืนอย่าง Pub Street และยังมีผู้ประกอบการที่ตอบแทนสังคม เช่น โรงเรียนละครสัตว์ Phare Circus ร้านอาหาร Haven และฟาร์มบัว Lotus Farm 5. กรุงเทพฯ (ไทย) เมืองที่ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ระหว่างการจราจรในกรุงเทพฯ หาบเร่แผงลอย และห้างสรรพสินค้า ย่านถนนข้าวสารยังมีวัดที่เงียบสงบเช่นวัดโพธิ์และวัดอรุณ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการนวด โรงแรมแข่งขันด้านราคาทำให้มีห้องพักราคาถูก และยืนหนึ่งด้านสิทธิ LGBTIQ+ ในภูมิภาค ความลับอยู่ที่ผู้คนที่อบอุ่น รอยยิ้มที่เรียบง่าย และจิตใจที่เปิดกว้าง 6. ฮานอย (เวียดนาม) เมืองที่ผู้คนอยู่กันอย่างไม่โอ้อวด คำนึงถึงความยืดหยุ่น และวิถีทางที่ช้าแต่มั่นคง สามารถเดินเล่นในย่านเมืองเก่าอันมีเสน่ห์ พักสมองร้านกาแฟท้องถิ่น หรือสัมผัสบรรยากาศที่ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม ที่มีกิจกรรมนันทนาการ และยังเป็นจุดเริ่มต้นที่จะไปแหล่งท่องเที่ยวทางเวียดนามเหนือ เช่น อ่าวฮาลอง อ่าวลันฮา เมืองนิญบิ่ญ และเมืองหนาวอย่างซาปา 7. บาหลี (อินโดนีเซีย) เมืองสำหรับสุขภาพองค์รวม ชายหาด และดิจิทัลนอร์แมด ถูกพัฒนาให้เป็นเมืองสำหรับบำบัดสุขภาพทางเลือก มีกิจกรรมเรียนโยคะ บีชคลับและพูลวิลล่าที่หาดกูตา กิจกรรมเดินป่าผ่านนาข้าวในอูบุด พักผ่อนริมชายหาดกูตาตอนใต้ ปีนภูเขาบาตูร์ชมพระอาทิตย์ขึ้น ชาวดิจิทัลนอร์แมดมักรวมตัวที่ Canggu สร้างความสัมพันธ์และมิตรภาพได้อย่างง่ายดาย ป.ล. ดิจิทัลนอร์แมด (Digital Normad) คือ คนที่สามารถทำงานได้จากทุกแห่งในโลก โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ขอมีเพียงแค่สัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น #Newskit #SoloTraveler #ASEAN
    Like
    5
    1 Comments 1 Shares 966 Views 0 Reviews
  • บริษัท Nippon Steel ของญี่ปุ่นจะถอนตัวจากการร่วมทุนกับ Baoshan Iron & Steel ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยน ส่งผลให้กำลังการผลิตเหล็กของ Nippon Steel ในจีนลดลง 70% โดยอ้างว่าการขยายธุรกิจที่จีนคงเป็นเรื่องยาก และจะเน้นไปที่แหล่งการลงทุนในสหรัฐอเมริกาและอินเดียแทน

    25 กรกฎาคม 2567- Nikkei รายงานข่าวว่า บริษัท Baosteel-Nippon Steel Automotive Steel Sheets (BNA) ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2547 โดยเป็นการร่วมทุนในสัดส่วน 50-50 ระหว่าง Nippon Steel และ Baoshan Iron & Steel หรือ Baosteel ซึ่งเป็นสมาชิกของ China Baowu Steel Group มาเป็นเวลา 20 ปี ทางกลุ่มNippon Steel ได้ตัดสินใจยกเลิกสัญญาที่จะสิ้นสุดในปลายเดือนสิงหาคม2567นี้ บริษัทประกาศเมื่อวันอังคารที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทกล่าวว่ามีแผนที่จะขายหุ้น BNA ทั้งหมดให้กับ Baosteel ในราคา 1.758 พันล้านหยวน (241 ล้านดอลลาร์) ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎระเบียบ

    คณะกรรมการของ Baosteel กล่าวเมื่อวันอังคารในการยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ว่ามีมติเป็นเอกฉันท์ให้อนุมัติการซื้อหุ้น 50% ในกิจการร่วมค้าที่ถือโดย Nippon Steel มูลค่าการซื้อขั้นสุดท้ายของ Baosteel จะพิจารณาจากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกิจการร่วมค้า

    ตามรายงานประจำปีล่าสุดของ Baosteel ที่เผยแพร่เมื่อปลายเดือนเมษายน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของ BNA อยู่ที่ 3.92 พันล้านหยวน ณ สิ้นปีที่แล้ว เมื่อปีที่แล้ว บริษัทร่วมทุนมีกำไรสุทธิ 410 ล้านหยวน

    ที่มา:https://asia.nikkei.com/Business/Business-deals/Nippon-Steel-to-end-20-year-joint-venture-with-China-s-Baosteel
    บริษัท Nippon Steel ของญี่ปุ่นจะถอนตัวจากการร่วมทุนกับ Baoshan Iron & Steel ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยน ส่งผลให้กำลังการผลิตเหล็กของ Nippon Steel ในจีนลดลง 70% โดยอ้างว่าการขยายธุรกิจที่จีนคงเป็นเรื่องยาก และจะเน้นไปที่แหล่งการลงทุนในสหรัฐอเมริกาและอินเดียแทน 25 กรกฎาคม 2567- Nikkei รายงานข่าวว่า บริษัท Baosteel-Nippon Steel Automotive Steel Sheets (BNA) ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2547 โดยเป็นการร่วมทุนในสัดส่วน 50-50 ระหว่าง Nippon Steel และ Baoshan Iron & Steel หรือ Baosteel ซึ่งเป็นสมาชิกของ China Baowu Steel Group มาเป็นเวลา 20 ปี ทางกลุ่มNippon Steel ได้ตัดสินใจยกเลิกสัญญาที่จะสิ้นสุดในปลายเดือนสิงหาคม2567นี้ บริษัทประกาศเมื่อวันอังคารที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทกล่าวว่ามีแผนที่จะขายหุ้น BNA ทั้งหมดให้กับ Baosteel ในราคา 1.758 พันล้านหยวน (241 ล้านดอลลาร์) ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎระเบียบ คณะกรรมการของ Baosteel กล่าวเมื่อวันอังคารในการยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ว่ามีมติเป็นเอกฉันท์ให้อนุมัติการซื้อหุ้น 50% ในกิจการร่วมค้าที่ถือโดย Nippon Steel มูลค่าการซื้อขั้นสุดท้ายของ Baosteel จะพิจารณาจากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกิจการร่วมค้า ตามรายงานประจำปีล่าสุดของ Baosteel ที่เผยแพร่เมื่อปลายเดือนเมษายน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของ BNA อยู่ที่ 3.92 พันล้านหยวน ณ สิ้นปีที่แล้ว เมื่อปีที่แล้ว บริษัทร่วมทุนมีกำไรสุทธิ 410 ล้านหยวน ที่มา:https://asia.nikkei.com/Business/Business-deals/Nippon-Steel-to-end-20-year-joint-venture-with-China-s-Baosteel
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 364 Views 0 Reviews
  • โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ออกหน่วยให้บริการตรวจคัดกรอง ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗ จำนวน ๗๒๐ ราย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น ๒ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ พร้อมรับฟังเสวนาหัวข้อ “ไวรัสตับอักเสบ รักษาได้ก่อนกลายเป็นมะเร็งตับ” ในวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๐.๓๐ - ๑๑.๓๐ น. บรรยายโดย นพ.วรวัฒน์ แสงวิภาสนภาพร และ พญ.อัญญา เกียรติวีระศักดิ์ แพทย์เฉพาะทาง สาขาอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์

    ลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการ https://www.shorturl.asia/ujSap สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 0 2765 5700 ต่อ 8828
    โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ออกหน่วยให้บริการตรวจคัดกรอง ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗ จำนวน ๗๒๐ ราย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น ๒ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ พร้อมรับฟังเสวนาหัวข้อ “ไวรัสตับอักเสบ รักษาได้ก่อนกลายเป็นมะเร็งตับ” ในวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๐.๓๐ - ๑๑.๓๐ น. บรรยายโดย นพ.วรวัฒน์ แสงวิภาสนภาพร และ พญ.อัญญา เกียรติวีระศักดิ์ แพทย์เฉพาะทาง สาขาอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการ https://www.shorturl.asia/ujSap สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 0 2765 5700 ต่อ 8828
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 Reviews
  • “แอร์เอเชียต้องการคำตอบและค่าชดเชย”

    เหตุการณ์ Microsoft outage ที่บริษัทเอกชนและภาคธุรกิจสำคัญ อาทิ สายการบิน ธนาคาร สื่อมวลชน และโรงพยาบาลในหลายประเทศ ได้รับผลกระทบจากปัญหาไอทีขัดข้องทั่วโลก จากระบบปฎิบัติการ Windows ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบของ CrowdStrike บริษัทเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันศุกร์ (19 ก.ค.) ที่ผ่านมา

    แม้ปัญหาดังกล่าวจะได้รับการคลี่คลาย แต่ภาคธุรกิจและสังคมยังคงตั้งคำถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงความรับผิดชอบจาก Microsoft และ CrowdStrike สองบริษัทด้านไอทีของสหรัฐอเมริกา

    หนึ่งในนั้นคือ โทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแคปิตอล เอ ผู้ก่อตั้งสายการบินแอร์เอเชีย ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย โพสต์ข้อความผ่าน Linkedin ระบุว่า เป็นเรื่องดีที่ CrowdStrike ขอโทษ แต่จะรอฟังจาก Microsoft ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำให้สายการบินสูญเสียรายได้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

    แต่ที่สำคัญกว่านั้น ความล้มเหลวของระบบได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายมากมายในชีวิตของผู้คนอย่างไร

    "บริษัทเทคโนโลยีไม่ค่อยมีความเห็นอกเห็นใจ สิ่งที่เราเจอในช่วงโควิด-19 พวกเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ตอนนี้พวกเขามีปัญหาที่พวกเขาคาดหวังให้เราทุกคนเข้าใจ ฉันจะไม่ทำแบบนั้น สายการบินต้องการคำตอบและค่าชดเชย แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะเรียนรู้และเติบโตจากสิ่งนี้" โทนี่ ระบุ

    แอร์เอเชียเป็นหนึ่งในสายการบินทั่วโลกที่ประสบปัญหาเหตุขัดข้องด้านไอที ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทุกสนามบิน หนึ่งในนั้นคืออาคารผู้โดยสาร 2 (KLIA2) ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สายการบินต้องใช้ระบบแมนวล (Manual) ในการบริหารจัดการทั้งหมด ตั้งแต่การเช็กอิน การพิมพ์บัตรโดยสาร และโหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่อง

    โทนี่ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นึกถึงเมื่อ 23 ปีที่แล้ว ทุกอย่างทำด้วยระบบแมนวล แต่ก็ภูมิใจที่ทำให้การยกเลิกเที่ยวบินลดเหลือน้อยที่สุด เนื่องจากความคล่องตัวในการเปลี่ยนไปใช้ระบบแมนวล แม้ว่าการให้บริการจะมีความล่าช้าไปบ้าง แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำพาผู้โดยสารทุกคนไปยังจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยที่สุด

    อนึ่ง สายการบินแอร์เอเชียกลับมาใช้ระบบออนไลน์ในการปฎิบัติงาน รวมทั้งการเช็กอินออนไลน์แก่ผู้โดยสาร ตั้งแต่บ่ายวันเสาร์ (20 ก.ค.) ที่ผ่านมา

    #Newskit #AirAsia #TonyFernandes
    “แอร์เอเชียต้องการคำตอบและค่าชดเชย” เหตุการณ์ Microsoft outage ที่บริษัทเอกชนและภาคธุรกิจสำคัญ อาทิ สายการบิน ธนาคาร สื่อมวลชน และโรงพยาบาลในหลายประเทศ ได้รับผลกระทบจากปัญหาไอทีขัดข้องทั่วโลก จากระบบปฎิบัติการ Windows ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบของ CrowdStrike บริษัทเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันศุกร์ (19 ก.ค.) ที่ผ่านมา แม้ปัญหาดังกล่าวจะได้รับการคลี่คลาย แต่ภาคธุรกิจและสังคมยังคงตั้งคำถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงความรับผิดชอบจาก Microsoft และ CrowdStrike สองบริษัทด้านไอทีของสหรัฐอเมริกา หนึ่งในนั้นคือ โทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแคปิตอล เอ ผู้ก่อตั้งสายการบินแอร์เอเชีย ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย โพสต์ข้อความผ่าน Linkedin ระบุว่า เป็นเรื่องดีที่ CrowdStrike ขอโทษ แต่จะรอฟังจาก Microsoft ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำให้สายการบินสูญเสียรายได้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ที่สำคัญกว่านั้น ความล้มเหลวของระบบได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายมากมายในชีวิตของผู้คนอย่างไร "บริษัทเทคโนโลยีไม่ค่อยมีความเห็นอกเห็นใจ สิ่งที่เราเจอในช่วงโควิด-19 พวกเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ตอนนี้พวกเขามีปัญหาที่พวกเขาคาดหวังให้เราทุกคนเข้าใจ ฉันจะไม่ทำแบบนั้น สายการบินต้องการคำตอบและค่าชดเชย แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะเรียนรู้และเติบโตจากสิ่งนี้" โทนี่ ระบุ แอร์เอเชียเป็นหนึ่งในสายการบินทั่วโลกที่ประสบปัญหาเหตุขัดข้องด้านไอที ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทุกสนามบิน หนึ่งในนั้นคืออาคารผู้โดยสาร 2 (KLIA2) ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สายการบินต้องใช้ระบบแมนวล (Manual) ในการบริหารจัดการทั้งหมด ตั้งแต่การเช็กอิน การพิมพ์บัตรโดยสาร และโหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่อง โทนี่ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นึกถึงเมื่อ 23 ปีที่แล้ว ทุกอย่างทำด้วยระบบแมนวล แต่ก็ภูมิใจที่ทำให้การยกเลิกเที่ยวบินลดเหลือน้อยที่สุด เนื่องจากความคล่องตัวในการเปลี่ยนไปใช้ระบบแมนวล แม้ว่าการให้บริการจะมีความล่าช้าไปบ้าง แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำพาผู้โดยสารทุกคนไปยังจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยที่สุด อนึ่ง สายการบินแอร์เอเชียกลับมาใช้ระบบออนไลน์ในการปฎิบัติงาน รวมทั้งการเช็กอินออนไลน์แก่ผู้โดยสาร ตั้งแต่บ่ายวันเสาร์ (20 ก.ค.) ที่ผ่านมา #Newskit #AirAsia #TonyFernandes
    Like
    2
    1 Comments 1 Shares 638 Views 0 Reviews
  • XJ กลับดอนเมือง เหลือไฟล์ตกัวลาลัมเปอร์

    XJ คือรหัสเที่ยวบินของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ซึ่งทำการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ สู่เส้นทางโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และโซล ประเทศเกาหลีใต้ มาตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2565 หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ล่าสุดประกาศว่า ย้ายทุกเที่ยวบินมาให้บริการที่สนามบินดอนเมือง 1 ตุลาคม 2567 ที่จะถึงนี้ ผู้โดยสารที่จองตั๋วไว้แล้วจะปรับเปลี่ยนเที่ยวบินโดยอัตโนมัติ

    เส้นทางที่จะเปลี่ยนแปลง เป็นรหัสเที่ยวบินขึ้นต้นด้วย XJ ทั้งหมด ได้แก่ เที่ยวบินตรงเข้าออกกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โตเกียว โอซาก้า นาโกย่า ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

    เหตุผลที่ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ย้ายกลับจากสุวรรณภูมิมาดอนเมืองเพื่อลดต้นทุน เพราะรันเวย์และแท็กซี่เวย์ระยะสั้นกว่า และค่าบริการขึ้น-ลงอากาศยาน กับค่าบริการที่เก็บอากาศยานถูกกว่า รวมทั้งเชื่อมต่อผู้โดยสารกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่มีเส้นทางบินรวมกว่า 93 เส้นทาง หรือ 1,250 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ช่วยให้มีผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเส้นทางสุวรรณภูมิ-กัวลาลัมเปอร์ ที่ดำเนินการโดย แอร์เอเชียเอ็กซ์ มาเลเซีย (รหัสเที่ยวบิน D7) ให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิตามเดิม เช่นเดียวกับเที่ยวบิน FD เส้นทางจากสุวรรณภูมิ ไปเชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ หาดใหญ่

    ปัจจุบัน สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ซึ่งคนละส่วนกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย มีฝูงบินแอร์บัส เอ 330 รวม 8 ลำ และจะทยอยเพิ่มเป็น 11 ลำ ภายในสิ้นปี 2567 หลังจากนั้นวางแผนรับเครื่องบินเพิ่มปีละ 3-5 ลำ เพื่อเพิ่มความถี่เเละเปิดบินเส้นทางใหม่อย่างต่อเนื่อง

    #Newskit #AirasiaX #DMK
    XJ กลับดอนเมือง เหลือไฟล์ตกัวลาลัมเปอร์ XJ คือรหัสเที่ยวบินของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ซึ่งทำการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ สู่เส้นทางโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และโซล ประเทศเกาหลีใต้ มาตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2565 หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ล่าสุดประกาศว่า ย้ายทุกเที่ยวบินมาให้บริการที่สนามบินดอนเมือง 1 ตุลาคม 2567 ที่จะถึงนี้ ผู้โดยสารที่จองตั๋วไว้แล้วจะปรับเปลี่ยนเที่ยวบินโดยอัตโนมัติ เส้นทางที่จะเปลี่ยนแปลง เป็นรหัสเที่ยวบินขึ้นต้นด้วย XJ ทั้งหมด ได้แก่ เที่ยวบินตรงเข้าออกกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โตเกียว โอซาก้า นาโกย่า ซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เหตุผลที่ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ย้ายกลับจากสุวรรณภูมิมาดอนเมืองเพื่อลดต้นทุน เพราะรันเวย์และแท็กซี่เวย์ระยะสั้นกว่า และค่าบริการขึ้น-ลงอากาศยาน กับค่าบริการที่เก็บอากาศยานถูกกว่า รวมทั้งเชื่อมต่อผู้โดยสารกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่มีเส้นทางบินรวมกว่า 93 เส้นทาง หรือ 1,250 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ช่วยให้มีผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงมีเส้นทางสุวรรณภูมิ-กัวลาลัมเปอร์ ที่ดำเนินการโดย แอร์เอเชียเอ็กซ์ มาเลเซีย (รหัสเที่ยวบิน D7) ให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิตามเดิม เช่นเดียวกับเที่ยวบิน FD เส้นทางจากสุวรรณภูมิ ไปเชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ หาดใหญ่ ปัจจุบัน สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ซึ่งคนละส่วนกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย มีฝูงบินแอร์บัส เอ 330 รวม 8 ลำ และจะทยอยเพิ่มเป็น 11 ลำ ภายในสิ้นปี 2567 หลังจากนั้นวางแผนรับเครื่องบินเพิ่มปีละ 3-5 ลำ เพื่อเพิ่มความถี่เเละเปิดบินเส้นทางใหม่อย่างต่อเนื่อง #Newskit #AirasiaX #DMK
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 672 Views 0 Reviews
More Results