• ผู้ว่าโคราชเป็นประธานเตรียมความพร้อมจัดแข่งวอลเลย์บอลหญิง สานสามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568
    .
    วันนี้ (4 มิถุนายน 2568) เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นประธานการประชุมการเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเชื่อมความ สามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมีนายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีตประธานสโมสรกีฬาวอลเลย์บอลจังหวัดนครราชสีมา ดร.ประทุม พรรณพิสุทธิ์ รองประธานสโมสรฯ คุณปพิญชา ณ นครพนม ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ดร.บรรทม พิมพ์ทองครบุรี ผอ.โรงเรียนบ้านนางหริญ นางสาวรพีพรรณ วิเศษ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ จังหวัดนครราชสีมา นายวีระวัฒน์ (ปรีชา) มิตรสูงเนิน นายกเทศมนตรีตำบลโคกกรวด นายอนุชา ศิริโภคานนท์ กำนันตำบลหนองระเวียง นายศักดิ์ชัย ชาติพุดซา ที่ปรึกษาสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา นายณัฐวุฒิ เดินสันเทียะ เลขานุการสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา และนายมนต์ ช่วยพิมาย นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา ร่วมงานแถลงข่าวด้วย
    .
    เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ แบ่งการปกครองออกเป็น 32 อำเภอ 287 ตำบล 3,743 หมู่บ้าน มีอัตรากำลังกำนันผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งสิ้น 12,768 คน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีอัตรากำลังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มากที่สุดในประเทศไทย ในจำนวนนี้ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ที่เป็นสุภาพสตรี ถึง 4,538 คน ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ทั้ง 32 อำเภอได้พบปะและจัดกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2567 สมาคมได้จัดแข่งขันกีฬา ฟุตบอลชายเชื่อมความสามัคคี ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สำหรับใน พ.ศ. 2568 สมาคมจึงได้กำหนด ให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเพื่อเชื่อมความสามัคคีระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำ ตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขึ้น โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 กลุ่ม ๆ ละ 2 สาย รวม 8 สาย ๆ ละ 4 อำเภอ รวม 32 อำเภอ (ทีม) โดยดำเนินการจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ซึ่งกำหนดแข่งขันรอบแรกในระหว่างวันที่ 18 - 23 กรกฎาคม 2568 รวม 6 วัน ๆ ละ 8 คู่ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ณ สนามกีฬาวอลเลย์บอลศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ชั้น 4

    ทั้งนี้ สมาคมได้ดำเนินการจับสลากแบ่งสายในการแข่งขันรอบแรกเรียบร้อยแล้ว จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียงได้ร่วมเป็น กําลังใจ ร่วมชมและเชียร์ทีมนักกีฬาที่เข้าแข่งขัน
    ผู้ว่าโคราชเป็นประธานเตรียมความพร้อมจัดแข่งวอลเลย์บอลหญิง สานสามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 . วันนี้ (4 มิถุนายน 2568) เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นประธานการประชุมการเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเชื่อมความ สามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมีนายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีตประธานสโมสรกีฬาวอลเลย์บอลจังหวัดนครราชสีมา ดร.ประทุม พรรณพิสุทธิ์ รองประธานสโมสรฯ คุณปพิญชา ณ นครพนม ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ดร.บรรทม พิมพ์ทองครบุรี ผอ.โรงเรียนบ้านนางหริญ นางสาวรพีพรรณ วิเศษ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ จังหวัดนครราชสีมา นายวีระวัฒน์ (ปรีชา) มิตรสูงเนิน นายกเทศมนตรีตำบลโคกกรวด นายอนุชา ศิริโภคานนท์ กำนันตำบลหนองระเวียง นายศักดิ์ชัย ชาติพุดซา ที่ปรึกษาสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา นายณัฐวุฒิ เดินสันเทียะ เลขานุการสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา และนายมนต์ ช่วยพิมาย นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา ร่วมงานแถลงข่าวด้วย . เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ แบ่งการปกครองออกเป็น 32 อำเภอ 287 ตำบล 3,743 หมู่บ้าน มีอัตรากำลังกำนันผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งสิ้น 12,768 คน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีอัตรากำลังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มากที่สุดในประเทศไทย ในจำนวนนี้ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ที่เป็นสุภาพสตรี ถึง 4,538 คน ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ทั้ง 32 อำเภอได้พบปะและจัดกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2567 สมาคมได้จัดแข่งขันกีฬา ฟุตบอลชายเชื่อมความสามัคคี ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สำหรับใน พ.ศ. 2568 สมาคมจึงได้กำหนด ให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเพื่อเชื่อมความสามัคคีระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำ ตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขึ้น โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 กลุ่ม ๆ ละ 2 สาย รวม 8 สาย ๆ ละ 4 อำเภอ รวม 32 อำเภอ (ทีม) โดยดำเนินการจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ซึ่งกำหนดแข่งขันรอบแรกในระหว่างวันที่ 18 - 23 กรกฎาคม 2568 รวม 6 วัน ๆ ละ 8 คู่ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ณ สนามกีฬาวอลเลย์บอลศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ชั้น 4 ทั้งนี้ สมาคมได้ดำเนินการจับสลากแบ่งสายในการแข่งขันรอบแรกเรียบร้อยแล้ว จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียงได้ร่วมเป็น กําลังใจ ร่วมชมและเชียร์ทีมนักกีฬาที่เข้าแข่งขัน
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • ผู้ว่าโคราชเป็นประธานเตรียมความพร้อมจัดแข่งวอลเลย์บอลหญิง สานสามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568
    .
    วันนี้ (4 มิถุนายน 2568) เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นประธานการประชุมการเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเชื่อมความ สามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมีนายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีตประธานสโมสรกีฬาวอลเลย์บอลจังหวัดนครราชสีมา ดร.ประทุม พรรณพิสุทธิ์ รองประธานสโมสรฯ คุณปพิญชา ณ นครพนม ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ดร.บรรทม พิมพ์ทองครบุรี ผอ.โรงเรียนบ้านนางหริญ นางสาวรพีพรรณ วิเศษ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ จังหวัดนครราชสีมา นายวีระวัฒน์ (ปรีชา) มิตรสูงเนิน นายกเทศมนตรีตำบลโคกกรวด นายอนุชา ศิริโภคานนท์ กำนันตำบลหนองระเวียง นายศักดิ์ชัย ชาติพุดซา ที่ปรึกษาสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา นายณัฐวุฒิ เดินสันเทียะ เลขานุการสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา และนายมนต์ ช่วยพิมาย นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา ร่วมงานแถลงข่าวด้วย
    .
    เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ แบ่งการปกครองออกเป็น 32 อำเภอ 287 ตำบล 3,743 หมู่บ้าน มีอัตรากำลังกำนันผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งสิ้น 12,768 คน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีอัตรากำลังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มากที่สุดในประเทศไทย ในจำนวนนี้ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ที่เป็นสุภาพสตรี ถึง 4,538 คน ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ทั้ง 32 อำเภอได้พบปะและจัดกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2567 สมาคมได้จัดแข่งขันกีฬา ฟุตบอลชายเชื่อมความสามัคคี ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สำหรับใน พ.ศ. 2568 สมาคมจึงได้กำหนด ให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเพื่อเชื่อมความสามัคคีระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำ ตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขึ้น โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 กลุ่ม ๆ ละ 2 สาย รวม 8 สาย ๆ ละ 4 อำเภอ รวม 32 อำเภอ (ทีม) โดยดำเนินการจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ซึ่งกำหนดแข่งขันรอบแรกในระหว่างวันที่ 18 - 23 กรกฎาคม 2568 รวม 6 วัน ๆ ละ 8 คู่ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ณ สนามกีฬาวอลเลย์บอลศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ชั้น 4

    ทั้งนี้ สมาคมได้ ดำเนินการจับสลากแบ่งสายในการแข่งขันรอบแรกเรียบร้อยแล้ว รายละเอียดประกฏตามโปรแกรมการ แข่งขันแนบท้ายเอกสารนี้ จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียงได้ร่วมเป็น กําลังใจ ร่วมชมและเชียร์ทีมนักกีฬาที่เข้าแข่งขันตามกำหนดการดังกล่าว
    ผู้ว่าโคราชเป็นประธานเตรียมความพร้อมจัดแข่งวอลเลย์บอลหญิง สานสามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 . วันนี้ (4 มิถุนายน 2568) เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นประธานการประชุมการเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเชื่อมความ สามัคคี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดนครราชสีมา ประจำปี 2568 โดยมีนายวัชรพล โตมรศักดิ์ อดีตประธานสโมสรกีฬาวอลเลย์บอลจังหวัดนครราชสีมา ดร.ประทุม พรรณพิสุทธิ์ รองประธานสโมสรฯ คุณปพิญชา ณ นครพนม ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ดร.บรรทม พิมพ์ทองครบุรี ผอ.โรงเรียนบ้านนางหริญ นางสาวรพีพรรณ วิเศษ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ จังหวัดนครราชสีมา นายวีระวัฒน์ (ปรีชา) มิตรสูงเนิน นายกเทศมนตรีตำบลโคกกรวด นายอนุชา ศิริโภคานนท์ กำนันตำบลหนองระเวียง นายศักดิ์ชัย ชาติพุดซา ที่ปรึกษาสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา นายณัฐวุฒิ เดินสันเทียะ เลขานุการสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา และนายมนต์ ช่วยพิมาย นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดนครราชสีมา ร่วมงานแถลงข่าวด้วย . เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ แบ่งการปกครองออกเป็น 32 อำเภอ 287 ตำบล 3,743 หมู่บ้าน มีอัตรากำลังกำนันผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งสิ้น 12,768 คน ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีอัตรากำลังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ มากที่สุดในประเทศไทย ในจำนวนนี้ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ที่เป็นสุภาพสตรี ถึง 4,538 คน ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ทั้ง 32 อำเภอได้พบปะและจัดกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2567 สมาคมได้จัดแข่งขันกีฬา ฟุตบอลชายเชื่อมความสามัคคี ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สำหรับใน พ.ศ. 2568 สมาคมจึงได้กำหนด ให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเพื่อเชื่อมความสามัคคีระหว่างกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำ ตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขึ้น โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 4 กลุ่ม ๆ ละ 2 สาย รวม 8 สาย ๆ ละ 4 อำเภอ รวม 32 อำเภอ (ทีม) โดยดำเนินการจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ซึ่งกำหนดแข่งขันรอบแรกในระหว่างวันที่ 18 - 23 กรกฎาคม 2568 รวม 6 วัน ๆ ละ 8 คู่ ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ณ สนามกีฬาวอลเลย์บอลศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ชั้น 4 ทั้งนี้ สมาคมได้ ดำเนินการจับสลากแบ่งสายในการแข่งขันรอบแรกเรียบร้อยแล้ว รายละเอียดประกฏตามโปรแกรมการ แข่งขันแนบท้ายเอกสารนี้ จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียงได้ร่วมเป็น กําลังใจ ร่วมชมและเชียร์ทีมนักกีฬาที่เข้าแข่งขันตามกำหนดการดังกล่าว
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • เหยื่อนักแสดง จากรักแรกพบสู่ตราบาป

    ในวันที่ 16 มิ.ย. เอียน ฟาง เหวยจี้ (Ian Fang Weijie) อดีตนักแสดงค่ายมีเดียคอร์ป (Mediacorp) สิงคโปร์ สัญชาติจีนวัย 35 ปี จะต้องเข้าไปรับโทษจำคุก 40 เดือน ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน หลังแม่ของเหยื่อ ซึ่งเป็นเยาวชนหญิงวัย 15 ปี แจ้งความว่าลูกสาวถูกอดีตนักแสดงหนุ่มล่วงละเมิดทางเพศมาแล้ว 5 ครั้ง ส่วนใหญ่ไม่ป้องกัน ก่อนที่ลูกสาวจะมีอาการเจ็บที่อวัยวะเพศ และตรวจพบว่าติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    แม่ของเหยื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น 8Days ของสิงคโปร์ ว่า ลูกสาวรู้จักกับเอียน ฟาง เมื่อปี 2567 จากงานบันเทิงงานหนึ่ง ขณะเป็นครูสอนการแสดง เมื่อถามลูกสาวถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ก็เปิดเผยว่า เอียน ฟาง ยอมวิ่งไปสองถนนเพื่อซื้อชาไข่มุกให้ และยอมเดินไปส่งกลับบ้านหลังเลิกเรียน แม้จะต้องเดินเท้านานแค่ไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกสาวรู้สึกว่าเป็น "รักครั้งแรก" ที่เริ่มสั่นไหว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกลอุบายที่ทำให้ลูกสาวมีความสุข ด้วยการให้ลูกสาวสักรอยจูบสีแดงไว้บนไหล่ของเขา

    ก่อนที่รูปรอยสักดังกล่าวจะปรากฎในโซเชียลมีเดียของเขา พร้อมคำบรรยาย "น้ำตาจะไหลก่อนที่จะพูดออกมาได้" หลังถูกจับกุมและได้ประกันตัว แม่ของเหยื่อเชื่อว่าแสร้งทำเป็นสงสารและเสียใจเพื่อให้คนอื่นเห็นใจ และเรียกร้องความสนใจไปยังลูกสาว

    เมื่อเอียน ฟาง พาลูกสาวออกไปข้างนอก เขาไม่เคยปรากฎตัวในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยอีกเลย แต่ทำตัวเป็นคนเรียบง่ายเหมือนคนดังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครจำหน้าได้ พร้อมบังคับให้ลูกสาวใส่หน้ากากและแว่นกันแดด ทำให้ลูกสาวคิดว่าดูมีเสน่ห์ เหมือนดาราที่ถูกปาปารัสซี่ติดตาม แถมยังพาลูกสาวไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่เอียน ฟาง จะได้รับสิทธิ์ทานฟรีในฐานะนักแสดง ทำให้ลูกสาวคิดว่าเขาเป็นคนดังจริงๆ เพราะเขาไม่เคยต้องจ่ายเงินค่าอาหารมื้อนั้นแม้แต่เหรียญเดียว

    นอกจากนี้ เอียน ฟาง มักจะคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับชื่อเสียงของเขา บอกว่าแฟนคลับชื่นชอบเขา และมักจะมอบของขวัญให้เขาอยู่เสมอ อ้างว่าของใช้ในบ้านและเสื้อผ้าหลายชิ้นเป็นของขวัญที่แฟนคลับมอบให้ รวมทั้งยังมีวิธีเกี้ยวพาราสีอื่นๆ เช่น พยายามค้นหาว่าผู้หญิงคนนี้ชอบอาหารอะไร แล้วไปซื้ออาหารแช่แข็งจากซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นก็ลงมือทำอาหารเอง แล้วบอกผู้หญิงว่า อาหารนั้นทำขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับเธอ

    ตามรายงานข่าวระบุว่า หลังเอียน ฟาง ถูกจับกุม พยายามติดต่อเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดียหลายครั้ง โน้มน้าวให้แม่ถอนแจ้งความ บอกว่าถ้าติดคุกจะฆ่าตัวตาย ขณะที่เหยื่อต้องรักษาอาการทางจิต เพราะสูญเสียความมั่นใจและไม่มีความสุขอีกต่อไป

    #Newskit

    หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 4 มิ.ย. 2568
    เหยื่อนักแสดง จากรักแรกพบสู่ตราบาป ในวันที่ 16 มิ.ย. เอียน ฟาง เหวยจี้ (Ian Fang Weijie) อดีตนักแสดงค่ายมีเดียคอร์ป (Mediacorp) สิงคโปร์ สัญชาติจีนวัย 35 ปี จะต้องเข้าไปรับโทษจำคุก 40 เดือน ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน หลังแม่ของเหยื่อ ซึ่งเป็นเยาวชนหญิงวัย 15 ปี แจ้งความว่าลูกสาวถูกอดีตนักแสดงหนุ่มล่วงละเมิดทางเพศมาแล้ว 5 ครั้ง ส่วนใหญ่ไม่ป้องกัน ก่อนที่ลูกสาวจะมีอาการเจ็บที่อวัยวะเพศ และตรวจพบว่าติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แม่ของเหยื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น 8Days ของสิงคโปร์ ว่า ลูกสาวรู้จักกับเอียน ฟาง เมื่อปี 2567 จากงานบันเทิงงานหนึ่ง ขณะเป็นครูสอนการแสดง เมื่อถามลูกสาวถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ก็เปิดเผยว่า เอียน ฟาง ยอมวิ่งไปสองถนนเพื่อซื้อชาไข่มุกให้ และยอมเดินไปส่งกลับบ้านหลังเลิกเรียน แม้จะต้องเดินเท้านานแค่ไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกสาวรู้สึกว่าเป็น "รักครั้งแรก" ที่เริ่มสั่นไหว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกลอุบายที่ทำให้ลูกสาวมีความสุข ด้วยการให้ลูกสาวสักรอยจูบสีแดงไว้บนไหล่ของเขา ก่อนที่รูปรอยสักดังกล่าวจะปรากฎในโซเชียลมีเดียของเขา พร้อมคำบรรยาย "น้ำตาจะไหลก่อนที่จะพูดออกมาได้" หลังถูกจับกุมและได้ประกันตัว แม่ของเหยื่อเชื่อว่าแสร้งทำเป็นสงสารและเสียใจเพื่อให้คนอื่นเห็นใจ และเรียกร้องความสนใจไปยังลูกสาว เมื่อเอียน ฟาง พาลูกสาวออกไปข้างนอก เขาไม่เคยปรากฎตัวในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยอีกเลย แต่ทำตัวเป็นคนเรียบง่ายเหมือนคนดังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครจำหน้าได้ พร้อมบังคับให้ลูกสาวใส่หน้ากากและแว่นกันแดด ทำให้ลูกสาวคิดว่าดูมีเสน่ห์ เหมือนดาราที่ถูกปาปารัสซี่ติดตาม แถมยังพาลูกสาวไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่เอียน ฟาง จะได้รับสิทธิ์ทานฟรีในฐานะนักแสดง ทำให้ลูกสาวคิดว่าเขาเป็นคนดังจริงๆ เพราะเขาไม่เคยต้องจ่ายเงินค่าอาหารมื้อนั้นแม้แต่เหรียญเดียว นอกจากนี้ เอียน ฟาง มักจะคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับชื่อเสียงของเขา บอกว่าแฟนคลับชื่นชอบเขา และมักจะมอบของขวัญให้เขาอยู่เสมอ อ้างว่าของใช้ในบ้านและเสื้อผ้าหลายชิ้นเป็นของขวัญที่แฟนคลับมอบให้ รวมทั้งยังมีวิธีเกี้ยวพาราสีอื่นๆ เช่น พยายามค้นหาว่าผู้หญิงคนนี้ชอบอาหารอะไร แล้วไปซื้ออาหารแช่แข็งจากซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นก็ลงมือทำอาหารเอง แล้วบอกผู้หญิงว่า อาหารนั้นทำขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับเธอ ตามรายงานข่าวระบุว่า หลังเอียน ฟาง ถูกจับกุม พยายามติดต่อเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดียหลายครั้ง โน้มน้าวให้แม่ถอนแจ้งความ บอกว่าถ้าติดคุกจะฆ่าตัวตาย ขณะที่เหยื่อต้องรักษาอาการทางจิต เพราะสูญเสียความมั่นใจและไม่มีความสุขอีกต่อไป #Newskit หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 4 มิ.ย. 2568
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 279 Views 0 Reviews
  • เตโชแอร์พอร์ต สนามบินใหม่พนมเปญ

    แม้ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (Techo International Airport หรือ KTI) ทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะเลื่อนเปิดให้บริการออกไป เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินพบว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่สนามบินแห่งใหม่ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังจะทดแทนท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ซึ่งมีอายุกว่า 66 ปี บนพื้นที่ 400 เฮกตาร์ ใจกลางเมืองหลวงของกัมพูชา ด้วยความทันสมัยในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติระดับ 4F บนพื้นที่ 2,600 เฮกตาร์ ใหญ่กว่าท่าอากาศยานเดิมกว่า 6 เท่า ซึ่งเฟสแรกรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 15 ล้านคนต่อปี

    โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชา โดยสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) กับบริษัท โอเวอร์ซีส์ แคมโบเดียน อินเวสต์เมนต์ คอร์ปฯ (OCIC Group) ของมหาเศรษฐีกัมพูชาเชื้อสายจีน ปง เคียวแซ (Pung Kheav Se) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกันดาล ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางวิ่งหรือรันเวย์ 3 เส้น ยาว 4,000 เมตร ก่อสร้างโดย บริษัทเซี่ยงไฮ้ เป่าเย่ กรุ๊ป คอร์ปฯ รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380-800 โบอิ้ง 747-800 พร้อมหอควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) สูง 118 เมตร

    สถาปัตยกรรมอาคารผู้โดยสาร ออกแบบโดย บริษัทฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ จากอังกฤษ ก่อสร้างโดยบริษัท ไชน่า คอนสตรัคชัน เติร์ด เอนจิเนียริง บูโร ประเทศจีน ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารส่วนกลาง พร้อมเสารูปทรงแอโรฟอยล์หรือปีกนก ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองข้าง มีประตูขึ้นเครื่อง 22 ประตู รองรับเครื่องบินขนาดกลางได้ 40 ลำ หลังคาโดมโครงสร้างเหล็ก สูง 36 เมตร พร้อมตะแกรงกรองแสงธรรมชาติและส่องสว่างในอาคาร ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1,000 แผง และศูนย์กลางระบบผลิตไฟฟ้า (Energy Center) สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับระบบปรับอากาศได้ 7,800 กิโลวัตต์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 120 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ประมาณ 100,000 ตัน

    ในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ (PNH) มีเที่ยวบินทั้งหมด 41,022 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 4,746,000 คน โดยมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK) มากที่สุด 88 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รองลงมาคือกว่างโจว ประเทศจีน (CAN) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (KUL) โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม (SGN) และสิงคโปร์ (SIN) หลังการย้ายสนามบินไปยังสถานที่แห่งใหม่ สนามบินเดิมรัฐบาลกัมพูชาจะเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ภายใต้การดูแลของ SSCA โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ยืนยันว่ายังไม่ขายให้แก่ผู้สนใจแต่อย่างใด

    #Newskit
    เตโชแอร์พอร์ต สนามบินใหม่พนมเปญ แม้ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (Techo International Airport หรือ KTI) ทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะเลื่อนเปิดให้บริการออกไป เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินพบว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่สนามบินแห่งใหม่ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังจะทดแทนท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ซึ่งมีอายุกว่า 66 ปี บนพื้นที่ 400 เฮกตาร์ ใจกลางเมืองหลวงของกัมพูชา ด้วยความทันสมัยในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติระดับ 4F บนพื้นที่ 2,600 เฮกตาร์ ใหญ่กว่าท่าอากาศยานเดิมกว่า 6 เท่า ซึ่งเฟสแรกรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 15 ล้านคนต่อปี โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชา โดยสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) กับบริษัท โอเวอร์ซีส์ แคมโบเดียน อินเวสต์เมนต์ คอร์ปฯ (OCIC Group) ของมหาเศรษฐีกัมพูชาเชื้อสายจีน ปง เคียวแซ (Pung Kheav Se) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกันดาล ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางวิ่งหรือรันเวย์ 3 เส้น ยาว 4,000 เมตร ก่อสร้างโดย บริษัทเซี่ยงไฮ้ เป่าเย่ กรุ๊ป คอร์ปฯ รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380-800 โบอิ้ง 747-800 พร้อมหอควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) สูง 118 เมตร สถาปัตยกรรมอาคารผู้โดยสาร ออกแบบโดย บริษัทฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ จากอังกฤษ ก่อสร้างโดยบริษัท ไชน่า คอนสตรัคชัน เติร์ด เอนจิเนียริง บูโร ประเทศจีน ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารส่วนกลาง พร้อมเสารูปทรงแอโรฟอยล์หรือปีกนก ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองข้าง มีประตูขึ้นเครื่อง 22 ประตู รองรับเครื่องบินขนาดกลางได้ 40 ลำ หลังคาโดมโครงสร้างเหล็ก สูง 36 เมตร พร้อมตะแกรงกรองแสงธรรมชาติและส่องสว่างในอาคาร ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1,000 แผง และศูนย์กลางระบบผลิตไฟฟ้า (Energy Center) สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับระบบปรับอากาศได้ 7,800 กิโลวัตต์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 120 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ประมาณ 100,000 ตัน ในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ (PNH) มีเที่ยวบินทั้งหมด 41,022 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 4,746,000 คน โดยมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK) มากที่สุด 88 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รองลงมาคือกว่างโจว ประเทศจีน (CAN) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (KUL) โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม (SGN) และสิงคโปร์ (SIN) หลังการย้ายสนามบินไปยังสถานที่แห่งใหม่ สนามบินเดิมรัฐบาลกัมพูชาจะเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ภายใต้การดูแลของ SSCA โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ยืนยันว่ายังไม่ขายให้แก่ผู้สนใจแต่อย่างใด #Newskit
    0 Comments 0 Shares 214 Views 0 Reviews
  • ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องคดี "ทนายธรรมราช" ฟ้อง "จตุรงค์ จงอาษา" ข้อหาหมิ่นประมาทในรายการโหนกระแส ชี้เป็นการติชมวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นไปตามข้อเท็จจริงที่ได้ความมาจากกระแสสังคม

    คดีความระหว่างทนายธรรมราช สาระปัญญา ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุรงค์ จงอาษาข้อหาหมิ่นประมาท ศาลจังหวัดชลบุรีมีควาพิพากษายกฟ้องไปเมื่อ 24 พฤษภาคม 2567 กรณีที่มีการกล่าวพาดพิงในรายการโหนกระแส ตอน “ครูบาไก่ขุดพระ” ที่ออกอากาศเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2566

    จากนั้นทนายธรรมราชได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในวันนี้(27 พ.ค.2568) เวลา 10.00 น. ศาลจังหวัดชลบุรีได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2

    สรุปได้ว่า ตามที่โจทก์อุทธรณ์มานั้น เห็นว่า การที่โจทก์ประกอบวิชาชีพเป็นทนายความและเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อทนายธรรมราช The Lawyer of legality มีผู้ติดตามกว่า 81,000 คน และมีผู้ถูกใจเพจกว่า 150,000 คน โดยตั้งค่าเพจเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะ ซึ่งประชาชาชนทั่วไปเข้าถึงเพจเฟซบุ๊กของโจทก์ได้ ย่อมแสดงออกให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าตนเป็นบุคคลสาธารณะ คำพูดดังกล่าวของจำเลยมีลักษณะเป็นคำเสียดสีและไม่สุภาพเป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ทนายความของโจทก์ ขณะเกิดเหตุโจก์ก็ได้แสดงออกในที่สาธารณะและสื่อมวลชนจนเป็นกระแสสังคม โจทก์ย่อมเข้าใจและความีความหนักแน่นที่จะยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมผู้ฟังได้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000049673

    #MGROnline #ทนายธรรมราช
    ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ยกฟ้องคดี "ทนายธรรมราช" ฟ้อง "จตุรงค์ จงอาษา" ข้อหาหมิ่นประมาทในรายการโหนกระแส ชี้เป็นการติชมวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นไปตามข้อเท็จจริงที่ได้ความมาจากกระแสสังคม • คดีความระหว่างทนายธรรมราช สาระปัญญา ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุรงค์ จงอาษาข้อหาหมิ่นประมาท ศาลจังหวัดชลบุรีมีควาพิพากษายกฟ้องไปเมื่อ 24 พฤษภาคม 2567 กรณีที่มีการกล่าวพาดพิงในรายการโหนกระแส ตอน “ครูบาไก่ขุดพระ” ที่ออกอากาศเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2566 • จากนั้นทนายธรรมราชได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในวันนี้(27 พ.ค.2568) เวลา 10.00 น. ศาลจังหวัดชลบุรีได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 • สรุปได้ว่า ตามที่โจทก์อุทธรณ์มานั้น เห็นว่า การที่โจทก์ประกอบวิชาชีพเป็นทนายความและเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อทนายธรรมราช The Lawyer of legality มีผู้ติดตามกว่า 81,000 คน และมีผู้ถูกใจเพจกว่า 150,000 คน โดยตั้งค่าเพจเฟซบุ๊กเป็นสาธารณะ ซึ่งประชาชาชนทั่วไปเข้าถึงเพจเฟซบุ๊กของโจทก์ได้ ย่อมแสดงออกให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าตนเป็นบุคคลสาธารณะ คำพูดดังกล่าวของจำเลยมีลักษณะเป็นคำเสียดสีและไม่สุภาพเป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ทนายความของโจทก์ ขณะเกิดเหตุโจก์ก็ได้แสดงออกในที่สาธารณะและสื่อมวลชนจนเป็นกระแสสังคม โจทก์ย่อมเข้าใจและความีความหนักแน่นที่จะยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ชมผู้ฟังได้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000049673 • #MGROnline #ทนายธรรมราช
    0 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • สถาบันพระปกเกล้า รับรางวัล กนกนาคราช ประจำปี 2566-2567
    https://www.thai-tai.tv/news/18952/
    สถาบันพระปกเกล้า รับรางวัล กนกนาคราช ประจำปี 2566-2567 https://www.thai-tai.tv/news/18952/
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • อธิบดีพรยศ ปลื้ม กรมโรงงานฯ คว้าคะแนนดีเยี่ยม ด้านระบบจัดการความเสี่ยงทุจริต ปีงบ2567
    https://www.thai-tai.tv/news/18951/
    อธิบดีพรยศ ปลื้ม กรมโรงงานฯ คว้าคะแนนดีเยี่ยม ด้านระบบจัดการความเสี่ยงทุจริต ปีงบ2567 https://www.thai-tai.tv/news/18951/
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • 2568 ปีแห่งวิกฤตข้าวแพงในญี่ปุ่น
    .
    ตั้งแต่ปีที่แล้ว ปี 2567 เป็นต้นมา ทำไมราคาข้าวในญี่ปุ่นถึงได้แพงขึ้นอย่างมาก?
    .
    จากข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมา ก็สาเหตุมีหลายประการ ทั้งเรื่องอากาศที่ร้อนผิดปกติ ทำให้ผลผลิตข้าวน้อยลง, ต้นทุนการผลิต ค่าแรง ค่าปุ๋ย ค่าน้ำ ค่าไฟ แพงขึ้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการที่ชาวนาญี่ปุ่นจำนวนมากเลิกปลูกข้าว เพราะไม่มีคนมาสานต่อกิจการ มีแต่ผู้สูงอายุ และคนรุ่นใหม่ก็ไม่อยากจะ “หลังขดหลังแข็ง” ทำนาอีกต่อไปครับ
    .
    นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเป็นประวัติการณ์ ทำให้อาหารญี่ปุ่นขายดิบขายดีไปด้วย ความต้องการข้าวจึงมีมากกว่าปริมาณข้าวที่ผลิตได้ เรียกได้ว่า อุปสงค์มากกว่าอุปทาน
    .
    คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZShvcggEM/
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #วิกฤตข้าวแพงในญี่ปุ่น #ข้าวญี่ปุ่น #วิกฤตข้าวแห่งสมัยเรวะ
    2568 ปีแห่งวิกฤตข้าวแพงในญี่ปุ่น . ตั้งแต่ปีที่แล้ว ปี 2567 เป็นต้นมา ทำไมราคาข้าวในญี่ปุ่นถึงได้แพงขึ้นอย่างมาก? . จากข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมา ก็สาเหตุมีหลายประการ ทั้งเรื่องอากาศที่ร้อนผิดปกติ ทำให้ผลผลิตข้าวน้อยลง, ต้นทุนการผลิต ค่าแรง ค่าปุ๋ย ค่าน้ำ ค่าไฟ แพงขึ้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการที่ชาวนาญี่ปุ่นจำนวนมากเลิกปลูกข้าว เพราะไม่มีคนมาสานต่อกิจการ มีแต่ผู้สูงอายุ และคนรุ่นใหม่ก็ไม่อยากจะ “หลังขดหลังแข็ง” ทำนาอีกต่อไปครับ . นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเป็นประวัติการณ์ ทำให้อาหารญี่ปุ่นขายดิบขายดีไปด้วย ความต้องการข้าวจึงมีมากกว่าปริมาณข้าวที่ผลิตได้ เรียกได้ว่า อุปสงค์มากกว่าอุปทาน . คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZShvcggEM/ . #บูรพาไม่แพ้ #วิกฤตข้าวแพงในญี่ปุ่น #ข้าวญี่ปุ่น #วิกฤตข้าวแห่งสมัยเรวะ
    @thedongfangbubai

    2568 ปีแห่งวิกฤตข้าวแพงในญี่ปุ่น . ตั้งแต่ปีที่แล้ว ปี 2567 เป็นต้นมา ทำไมราคาข้าวในญี่ปุ่นถึงได้แพงขึ้นอย่างมาก? . จากข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมา ก็สาเหตุมีหลายประการ ทั้งเรื่องอากาศที่ร้อนผิดปกติ ทำให้ผลผลิตข้าวน้อยลง, ต้นทุนการผลิต ค่าแรง ค่าปุ๋ย ค่าน้ำ ค่าไฟ แพงขึ้น นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการที่ชาวนาญี่ปุ่นจำนวนมากเลิกปลูกข้าว เพราะไม่มีคนมาสานต่อกิจการ มีแต่ผู้สูงอายุ และคนรุ่นใหม่ก็ไม่อยากจะ “หลังขดหลังแข็ง” ทำนาอีกต่อไปครับ . นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากเป็นประวัติการณ์ ทำให้อาหารญี่ปุ่นขายดิบขายดีไปด้วย ความต้องการข้าวจึงมีมากกว่าปริมาณข้าวที่ผลิตได้ เรียกได้ว่า อุปสงค์มากกว่าอุปทาน . . #บูรพาไม่แพ้ #วิกฤตข้าวแพงในญี่ปุ่น #ข้าวญี่ปุ่น #วิกฤตข้าวแห่งสมัยเรวะ

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 328 Views 0 Reviews
  • ผ้าไหมแพรวา สายใยศิลป์ จากใจ คมศักดิ์ ชมภูจักร์
    ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักร ภูฏานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 25 - 28 เมษายน 2568 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงฉลองพระองค์ที่ตัดเย็บจาก “ผ้าไหมแพรวา” ฝีมือกลุ่มสมาชิกศิลปาชีพบ้านโพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์
    ผ้าไหมแพรวาผืนนี้ถักทอด้วยเทคนิค “จก” และ “ขิด” ผสานเส้นไหมหลากสีอย่างละเอียดอ่อน ถ่ายทอดภูมิปัญญาชาวผู้ไทที่สืบทอดกันมานานนับชั่วอายุคน จนเกิดเป็นลวดลายเปี่ยมความหมายสะท้อน ความประณีตของศิลปะแห่งแผ่นดินไทย
    ผ้าผืนดังกล่าวได้รับการจัดซื้อจากโรงฝึกศิลปาชีพพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งดำเนินงานภายใต้พระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง เพื่อสืบสานหัตถศิลป์ไทยให้ยังคงอยู่คู่ชาติ
    เบื้องหลังผืนผ้าอันทรงคุณค่านี้ คือ นายคมศักดิ์ ชมภูจักร์ วัย 62 ปี อดีตทหารเกณฑ์จาก ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ผู้ได้รับพระเมตตาให้เข้าร่วมโครงการศิลปาชีพฯ ตั้งแต่อายุ 34 ปี ด้วยภูมิปัญญา ที่สืบทอดจากครอบครัวช่างทอ เขาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนศูนย์ศิลปาชีพบ้านโพน ทั้งในบทบาท ช่างฝีมือและคณะกรรมการศูนย์ฯ รวมถึงการนำผลงานผ้าสไบ 11 ลายเข้าร่วมประกวด ณ พระตำหนัก ภูพานฯ
    การที่ผ้าทอฝีมือชาวบ้าน ได้ถวายใช้เป็นฉลองพระองค์สมเด็จพระราชินีในโอกาสทรงเยือน ต่างประเทศครั้งนี้ ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้และเป็นเกียรติยศสูงสุดของผู้สืบสานผืนผ้าไทย สะท้อนถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมที่เปล่งประกายสู่เวทีนานาชาติอย่างงดงาม “พวกเรารู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผ้าไหมแพรวาที่ทอขึ้นจากศูนย์บ้านโพนได้ใช้เป็นฉลองพระองค์ของสมเด็จพระราชินีในครั้งนี้มันเป็นเรื่องที่เราไม่เคยคาดคิดแต่ก็เป็นแรงใจสำคัญสำหรับคนทำงานผ้าอย่างเราและต้องขอขอบคุณมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ที่เปิดโอกาสให้พวกเรามีวันนี้และทำให้ผ้าพื้นถิ่นได้มีที่ยืนในเวทีที่กว้างขึ้น” คำกล่าวจากนายคมศักดิ์ ชมภูจักร์
    ---------
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Facebook : มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ , มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ (งานกิจกรรม)
    ผ้าไหมแพรวา สายใยศิลป์ จากใจ คมศักดิ์ ชมภูจักร์ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักร ภูฏานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 25 - 28 เมษายน 2568 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงฉลองพระองค์ที่ตัดเย็บจาก “ผ้าไหมแพรวา” ฝีมือกลุ่มสมาชิกศิลปาชีพบ้านโพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ผ้าไหมแพรวาผืนนี้ถักทอด้วยเทคนิค “จก” และ “ขิด” ผสานเส้นไหมหลากสีอย่างละเอียดอ่อน ถ่ายทอดภูมิปัญญาชาวผู้ไทที่สืบทอดกันมานานนับชั่วอายุคน จนเกิดเป็นลวดลายเปี่ยมความหมายสะท้อน ความประณีตของศิลปะแห่งแผ่นดินไทย ผ้าผืนดังกล่าวได้รับการจัดซื้อจากโรงฝึกศิลปาชีพพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งดำเนินงานภายใต้พระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง เพื่อสืบสานหัตถศิลป์ไทยให้ยังคงอยู่คู่ชาติ เบื้องหลังผืนผ้าอันทรงคุณค่านี้ คือ นายคมศักดิ์ ชมภูจักร์ วัย 62 ปี อดีตทหารเกณฑ์จาก ต.โพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ผู้ได้รับพระเมตตาให้เข้าร่วมโครงการศิลปาชีพฯ ตั้งแต่อายุ 34 ปี ด้วยภูมิปัญญา ที่สืบทอดจากครอบครัวช่างทอ เขาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนศูนย์ศิลปาชีพบ้านโพน ทั้งในบทบาท ช่างฝีมือและคณะกรรมการศูนย์ฯ รวมถึงการนำผลงานผ้าสไบ 11 ลายเข้าร่วมประกวด ณ พระตำหนัก ภูพานฯ การที่ผ้าทอฝีมือชาวบ้าน ได้ถวายใช้เป็นฉลองพระองค์สมเด็จพระราชินีในโอกาสทรงเยือน ต่างประเทศครั้งนี้ ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้และเป็นเกียรติยศสูงสุดของผู้สืบสานผืนผ้าไทย สะท้อนถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมที่เปล่งประกายสู่เวทีนานาชาติอย่างงดงาม “พวกเรารู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผ้าไหมแพรวาที่ทอขึ้นจากศูนย์บ้านโพนได้ใช้เป็นฉลองพระองค์ของสมเด็จพระราชินีในครั้งนี้มันเป็นเรื่องที่เราไม่เคยคาดคิดแต่ก็เป็นแรงใจสำคัญสำหรับคนทำงานผ้าอย่างเราและต้องขอขอบคุณมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ที่เปิดโอกาสให้พวกเรามีวันนี้และทำให้ผ้าพื้นถิ่นได้มีที่ยืนในเวทีที่กว้างขึ้น” คำกล่าวจากนายคมศักดิ์ ชมภูจักร์ --------- #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Facebook : มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ , มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ (งานกิจกรรม)
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 340 Views 0 Reviews
  • กรมโรงงานอุตสาหกรรม คว้าคะแนน “ดีเยี่ยม” ด้านระบบจัดการความเสี่ยงทุจริต ประจำปีงบประมาณ 2567 มั่นใจ! กลไกอนุมัติ-อนุญาต โปร่งใส ตรวจสอบได้
    https://www.thai-tai.tv/news/18895/
    กรมโรงงานอุตสาหกรรม คว้าคะแนน “ดีเยี่ยม” ด้านระบบจัดการความเสี่ยงทุจริต ประจำปีงบประมาณ 2567 มั่นใจ! กลไกอนุมัติ-อนุญาต โปร่งใส ตรวจสอบได้ https://www.thai-tai.tv/news/18895/
    0 Comments 0 Shares 88 Views 0 Reviews
  • แถลงความคืบหน้า "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" ตรวจแล้ว 51 บัญชี พบรายได้วัดมากถึง 176 ล้านบาท/ปี อึ้งคลิปเสียงหลักฐาน "ทิดแย้ม" โอนเงิน "สีกาเกร็น" พบมีเงินหมุ่นเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท

    วันนี้ (22 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่คณะทำงานสืบสวนสอบสวน "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" แถลงความคืบหน้าการสืบสวนเส้นทางการเงิน หลังจับกุม "ทิดแย้ม - สีกาเกร็น" แล้ว 7 วัน

    พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยว่า 7 วันที่ผ่านมาทุกหน่วยงานได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลได้เพิ่มเติม โดยมุ่งเน้นไปยังการหยุดยั้งการกระทำความผิด หยุดยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัดฯ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนการจะให้ข่าวอะไร จึงต้องเซฟเพื่อไม่กระทบต่อความศรัทธา

    เริ่มต้นจากการที่มีหนังสือร้องเรียนมายังผู้บังคับการกองปราบปราม ว่ามีการนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัวและมีการหยิบยืมเงินพระและฆราวาสเป็นหลักล้านบาท โดยได้ส่งผู้กองทอน พรางตัวไปสืบสวนฯ จนพบหลักฐานว่าเจ้าอาวาสใช้เงินวัดโอนเงินไปให้ "อรัญญาวรรณ หรือ สีกาเกร็น"

    โดย บก.ปปป. ตรวจสอบพบว่าขณะนี้พบบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับคดี 51 บัญชี บัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาส 21 บัญชี , อรัญญาวรรณ 12 บัญชี โดยมุ่งไปที่เงินหมุนเวียนของอรัญญาวรรณ พบว่าตั้งแต่ปี 2569 มีเงินหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท โดยมี 4 ช่องทางในการรับเงิน 1.ฝากเงินเงินสด 2.รับโอนจากเจ้าอาวาส 3.รับโอนจากอดีตพระมหาเอกพจน์ 4. รับโอนเงินจากนายฉัตรชัย สีเลี้ยง ซึ่งจากพยานหลักฐานพบว่าไม่สอดคล้องกับคำให้การของอดีตเจ้าอาวาส

    พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เผยว่าวัดไร่ขิง มีรายได้หลายช่องทาง รายได้ตั้งแต่ ต.ค. 66 - ก.ย. 67 เฉลี่ย 400,000 ต่อวัน , 14.7 ล้านบาทต่อเดือน , 176 ล้านบาทต่อปี

    โดย ป.ป.ท. รับทำในส่วนของบัญชีวัดฯ ซึ่งพบความผิดปกติหลายรายการ เช่น การเช่าร้านค้า ปีหนึ่งวัดมีรายได้จากส่วนนี้มากกว่า 30 ล้านบาท โดยเมื่อก่อนมีการนำเงินเข้าบัญชีโดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารมารับ

    แต่หลังจากปี 2563 - 2567 พบว่าไม่ได้มีการปฏิบัติตามเช่นที่ทำกันมา โดยมีการเอาเงินสดทั้งหมดไปมอบให้เจ้าอาวาส ซึ่งพบว่าจำนวนเงินที่นำไปให้เจ้าอาวาส เกือบ 200 ล้านบาท

    อีกทั้งเรื่องเงินกฐินพบว่ามีการมอบไปให้เจ้าอาวาสกว่า 20 ล้านบาท รวมถึงการขายวัตถุมงคล ก็เป็นลักษณะพฤติกรรมเดียวกัน

    ส่วนร้านค้าสวัสดิการ พบมีเงินไปเกี่ยวโยงกับบัญชีของคู่สามีภรรยา ซึ่งจะต้องตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป

    นอกจากนี้ในการแถลงข่าวยังได้มีการเปิดคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง "ทิตแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง กับ สีกาเกร็น" โดยเป็นการพูดคุยเกียวกับการขอเงินไปส่งค่างวดให้กับเว็บพนัน ซึ่งทิตแย้ม แสดงน้ำเสียงบ่งบอกถึงการหาเงินไม่ทัน

    จากคลิปเสียงดังกล่าว พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว เผยว่า เป็นการสนทนากันช่วงเดือนกันยายน 2567 ซึ่งเป็นการให้โอนเงินไปยังเว็บพนัน ซึ่งส่วนนี้หลวงพ่อรับรู้

    โดยความสัมพันธ์ของสีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ กับอดีตเจ้าอาวาสขอแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ "ช่วงหวาน" กับ "ช่วงขม"

    ช่วงหวานอาจจะเกิดก่อนปี 2563 มีการเริ่มเข้ามายืมเงิน "ทิตแย้ม" 5 ถึง 6 หมื่นบาท และมีการทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้กับ "ทิตแย้ม" ซึ่ง "ทิตแย้ม" ก็ช่วยไป เมื่อยืมเสร็จแล้วก็มีการติดต่อมีการพูดคุยกันเรื่อยมาทุกวัน

    จากนั้นก็เริ่มมีการโอนเงินให้ครั้งละ 1,000 ถึง 10,000 ก่อนที่จะมีการแลก LINE กัน ซึ่งเป็นการแสดงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น มีการโชว์หน้ากัน "คุยกันไปก็น้ำหนักมากภาพก็เลื่อนลงต่ำไปเรื่อยเรื่อย ๆ"

    โดย สีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ เป็นเด็กที่เรียนอยู่วัดไร่ขิง ช่วง ม.ต้น มาทำกิจกรรมจิตอาสาที่วัดฯ ทำให้ได้เคยพูดคุยและพบกับหลวงพ่อ ก่อนที่จะจบออกไปทำงานพบว่าค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ แล้วกลับมาบ้านคาดว่าน่าจะเป็นช่วงก่อนโควิด จึงเข้าไปขอหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อเคยพูดไว้ว่าถ้ามีแหวนวัดไร่ขิงถ้าเดือดร้อนให้มาขอความช่วยเหลือได้

    ส่วนช่วงขม คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2567 เพราะจากคลิปการสนทนา หลวงพ่อหมดทางที่จะไป เพราะเงินวัดก็เหลือน้อย ไปยืมมาก็ไม่มีให้ยืมแล้ว ต่อมาซักประมาณเดือน ธ.ค. สีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ และแฟนหนุ่มถูกจับกุม ทำให้วันต้องเข้าไปพูดคุยกับหลวงพ่ออีกครั้ง พร้อมข่มขู่ว่ามีคลิปที่เคยเซ็กซ์โฟน ถูกเจ้าหน้าที่ของ สอท. ยึดไป วันว่าคลิปดังกล่าวจะถูกเปิดเผยจึงกลับมาข่มขู่หลวงพ่อ เพื่อจะเอาเงินไปดำเนินการหลังถูกจับกุม

    นายคณพศ สตง. 3 ได้ วัดมีสามมูลนิ มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง , มูลนิธิพระอุบาลีฯ , มูลนิธิวัดไร่ขิง , โดยใน 3 มูลนิธินี้มูลนิธิที่มีเงินมากที่สุดคือ "มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง"

    ส่วนมูลนิธิเมตตาประชารัฐ มีอยู่ประมาณ 66 ล้านบาท , มูลนิธิพระอุบาลี 19 ล้านบาท โดยพบว่าเจ้าอาวาสได้มีการยืมเงินกับมูลนิธิวัดไร่ขิงไป 35 ล้านบาทโดยไม่มีรายละเอียดว่ายืมไปทำอะไร ซึ่งเป็นการยืมไปทั้งก้อน โดยมาคืน 5,000,0 บาทในปี 2567 ทำให้ยอดหนี้คงเหลือ 30 ล้านบาท

    นอกจากนี้อดีตเจ้าอาวาสยังได้ยืมเงินในส่วนของมูลนิธิอุบารีไปอีกเก้าล้านบาท โดยมีการชดใช้ไปปีละ 1,100,000 บาท เป็นเวลา 9 ปี รวมเป็นหนี้มูลนิธิทั้งสองมูลนิธิ 38 ล้านบาท

    อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความคืบหน้าการสืบสวน ยังคงต้องดำเนินการสืบเส้นทางการเงิน-รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

    https://news.ch7.com/detail/804103?fbclid=IwQ0xDSwKbsG5leHRuA2FlbQIxMQABHokl0oAdErnD4pB1keWRJaP2kUkH8-mqlcKVIf1eLNVxzVQbjvvP5Dub3d7w_aem__H3KnIHQ_QuZGpRP3tFxRg#maz1m2gy1zyyhlh1mg4
    แถลงความคืบหน้า "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" ตรวจแล้ว 51 บัญชี พบรายได้วัดมากถึง 176 ล้านบาท/ปี อึ้งคลิปเสียงหลักฐาน "ทิดแย้ม" โอนเงิน "สีกาเกร็น" พบมีเงินหมุ่นเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท วันนี้ (22 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่คณะทำงานสืบสวนสอบสวน "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" แถลงความคืบหน้าการสืบสวนเส้นทางการเงิน หลังจับกุม "ทิดแย้ม - สีกาเกร็น" แล้ว 7 วัน พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยว่า 7 วันที่ผ่านมาทุกหน่วยงานได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลได้เพิ่มเติม โดยมุ่งเน้นไปยังการหยุดยั้งการกระทำความผิด หยุดยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัดฯ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนการจะให้ข่าวอะไร จึงต้องเซฟเพื่อไม่กระทบต่อความศรัทธา เริ่มต้นจากการที่มีหนังสือร้องเรียนมายังผู้บังคับการกองปราบปราม ว่ามีการนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัวและมีการหยิบยืมเงินพระและฆราวาสเป็นหลักล้านบาท โดยได้ส่งผู้กองทอน พรางตัวไปสืบสวนฯ จนพบหลักฐานว่าเจ้าอาวาสใช้เงินวัดโอนเงินไปให้ "อรัญญาวรรณ หรือ สีกาเกร็น" โดย บก.ปปป. ตรวจสอบพบว่าขณะนี้พบบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับคดี 51 บัญชี บัญชีส่วนตัวของเจ้าอาวาส 21 บัญชี , อรัญญาวรรณ 12 บัญชี โดยมุ่งไปที่เงินหมุนเวียนของอรัญญาวรรณ พบว่าตั้งแต่ปี 2569 มีเงินหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท โดยมี 4 ช่องทางในการรับเงิน 1.ฝากเงินเงินสด 2.รับโอนจากเจ้าอาวาส 3.รับโอนจากอดีตพระมหาเอกพจน์ 4. รับโอนเงินจากนายฉัตรชัย สีเลี้ยง ซึ่งจากพยานหลักฐานพบว่าไม่สอดคล้องกับคำให้การของอดีตเจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เผยว่าวัดไร่ขิง มีรายได้หลายช่องทาง รายได้ตั้งแต่ ต.ค. 66 - ก.ย. 67 เฉลี่ย 400,000 ต่อวัน , 14.7 ล้านบาทต่อเดือน , 176 ล้านบาทต่อปี โดย ป.ป.ท. รับทำในส่วนของบัญชีวัดฯ ซึ่งพบความผิดปกติหลายรายการ เช่น การเช่าร้านค้า ปีหนึ่งวัดมีรายได้จากส่วนนี้มากกว่า 30 ล้านบาท โดยเมื่อก่อนมีการนำเงินเข้าบัญชีโดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารมารับ แต่หลังจากปี 2563 - 2567 พบว่าไม่ได้มีการปฏิบัติตามเช่นที่ทำกันมา โดยมีการเอาเงินสดทั้งหมดไปมอบให้เจ้าอาวาส ซึ่งพบว่าจำนวนเงินที่นำไปให้เจ้าอาวาส เกือบ 200 ล้านบาท อีกทั้งเรื่องเงินกฐินพบว่ามีการมอบไปให้เจ้าอาวาสกว่า 20 ล้านบาท รวมถึงการขายวัตถุมงคล ก็เป็นลักษณะพฤติกรรมเดียวกัน ส่วนร้านค้าสวัสดิการ พบมีเงินไปเกี่ยวโยงกับบัญชีของคู่สามีภรรยา ซึ่งจะต้องตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป นอกจากนี้ในการแถลงข่าวยังได้มีการเปิดคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง "ทิตแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง กับ สีกาเกร็น" โดยเป็นการพูดคุยเกียวกับการขอเงินไปส่งค่างวดให้กับเว็บพนัน ซึ่งทิตแย้ม แสดงน้ำเสียงบ่งบอกถึงการหาเงินไม่ทัน จากคลิปเสียงดังกล่าว พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว เผยว่า เป็นการสนทนากันช่วงเดือนกันยายน 2567 ซึ่งเป็นการให้โอนเงินไปยังเว็บพนัน ซึ่งส่วนนี้หลวงพ่อรับรู้ โดยความสัมพันธ์ของสีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ กับอดีตเจ้าอาวาสขอแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ "ช่วงหวาน" กับ "ช่วงขม" ช่วงหวานอาจจะเกิดก่อนปี 2563 มีการเริ่มเข้ามายืมเงิน "ทิตแย้ม" 5 ถึง 6 หมื่นบาท และมีการทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้กับ "ทิตแย้ม" ซึ่ง "ทิตแย้ม" ก็ช่วยไป เมื่อยืมเสร็จแล้วก็มีการติดต่อมีการพูดคุยกันเรื่อยมาทุกวัน จากนั้นก็เริ่มมีการโอนเงินให้ครั้งละ 1,000 ถึง 10,000 ก่อนที่จะมีการแลก LINE กัน ซึ่งเป็นการแสดงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้น มีการโชว์หน้ากัน "คุยกันไปก็น้ำหนักมากภาพก็เลื่อนลงต่ำไปเรื่อยเรื่อย ๆ" โดย สีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ เป็นเด็กที่เรียนอยู่วัดไร่ขิง ช่วง ม.ต้น มาทำกิจกรรมจิตอาสาที่วัดฯ ทำให้ได้เคยพูดคุยและพบกับหลวงพ่อ ก่อนที่จะจบออกไปทำงานพบว่าค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ แล้วกลับมาบ้านคาดว่าน่าจะเป็นช่วงก่อนโควิด จึงเข้าไปขอหลวงพ่อ เพราะหลวงพ่อเคยพูดไว้ว่าถ้ามีแหวนวัดไร่ขิงถ้าเดือดร้อนให้มาขอความช่วยเหลือได้ ส่วนช่วงขม คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2567 เพราะจากคลิปการสนทนา หลวงพ่อหมดทางที่จะไป เพราะเงินวัดก็เหลือน้อย ไปยืมมาก็ไม่มีให้ยืมแล้ว ต่อมาซักประมาณเดือน ธ.ค. สีกาเกร็นหรือ อรัญญาวรรณ และแฟนหนุ่มถูกจับกุม ทำให้วันต้องเข้าไปพูดคุยกับหลวงพ่ออีกครั้ง พร้อมข่มขู่ว่ามีคลิปที่เคยเซ็กซ์โฟน ถูกเจ้าหน้าที่ของ สอท. ยึดไป วันว่าคลิปดังกล่าวจะถูกเปิดเผยจึงกลับมาข่มขู่หลวงพ่อ เพื่อจะเอาเงินไปดำเนินการหลังถูกจับกุม นายคณพศ สตง. 3 ได้ วัดมีสามมูลนิ มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง , มูลนิธิพระอุบาลีฯ , มูลนิธิวัดไร่ขิง , โดยใน 3 มูลนิธินี้มูลนิธิที่มีเงินมากที่สุดคือ "มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง" ส่วนมูลนิธิเมตตาประชารัฐ มีอยู่ประมาณ 66 ล้านบาท , มูลนิธิพระอุบาลี 19 ล้านบาท โดยพบว่าเจ้าอาวาสได้มีการยืมเงินกับมูลนิธิวัดไร่ขิงไป 35 ล้านบาทโดยไม่มีรายละเอียดว่ายืมไปทำอะไร ซึ่งเป็นการยืมไปทั้งก้อน โดยมาคืน 5,000,0 บาทในปี 2567 ทำให้ยอดหนี้คงเหลือ 30 ล้านบาท นอกจากนี้อดีตเจ้าอาวาสยังได้ยืมเงินในส่วนของมูลนิธิอุบารีไปอีกเก้าล้านบาท โดยมีการชดใช้ไปปีละ 1,100,000 บาท เป็นเวลา 9 ปี รวมเป็นหนี้มูลนิธิทั้งสองมูลนิธิ 38 ล้านบาท อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความคืบหน้าการสืบสวน ยังคงต้องดำเนินการสืบเส้นทางการเงิน-รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป https://news.ch7.com/detail/804103?fbclid=IwQ0xDSwKbsG5leHRuA2FlbQIxMQABHokl0oAdErnD4pB1keWRJaP2kUkH8-mqlcKVIf1eLNVxzVQbjvvP5Dub3d7w_aem__H3KnIHQ_QuZGpRP3tFxRg#maz1m2gy1zyyhlh1mg4
    NEWS.CH7.COM
    ข่าวอึ้งคลิปเสียงหลักฐาน "ทิดแย้ม" โอนเงิน "สีกาเกร็น" พบมีเงินหมุ่นเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง"
    แถลงความคืบหน้า "คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง" ตรวจแล้ว 51 บัญชี พบรายได้วัดมากถึง 176 ล้านบาท/ปี อึ้งคลิปเสียงหลักฐาน…
    0 Comments 0 Shares 400 Views 0 Reviews
  • อดีตนักแสดงสิงคโปร์ คุก 40 เดือนพรากผู้เยาว์

    เรื่องอื้อฉาวในวงการบันเทิงสิงคโปร์ เมื่อ เอียน ฟาง เหวยจี้ (Ian Fang Weijie) อดีตนักแสดงสัญชาติจีนวัย 35 ปี ถูกศาลสิงคโปร์สั่งจำคุก 40 เดือนในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังคำพิพากษาได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 30,000 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 764,000 บาท) แต่จะต้องมารับโทษจำคุกในวันที่ 16 มิ.ย.ที่จะถึงนี้

    สำหรับเหยื่อเป็นเยาวชนเพศหญิงวัย 15 ปี ขณะที่เขาเป็นครูสอนการแสดง พบกันครั้งแรกในงานวงการบันเทิงเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2567 ก่อนที่จะคุยกันทุกวันจนสนิทสนม ต่อมาวันที่ 6 มิ.ย. 2567 แม่ของเยาวชนรายนี้พาเธอมากักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เนื่องจากติดโควิด-19 กระทั่งเวลา 21.00 น. ฟางไปเยี่ยมเธอและมีเพศสัมพันธ์กันครั้งแรกโดยไม่ป้องกัน แม้ฝ่ายหญิงจะร้องขอ

    ไม่ถึงสัปดาห์ต่อมา ฟางยังพาเธอออกจากโรงแรมที่กักตัวไปที่บ้านของฟาง และมีเซ็กซ์อีกครั้ง แม้ต่อมาเธอจะถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2567 เพราะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ แต่ฟางยังตามไปเยี่ยมและมีเซ็กซ์ในห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวอีกด้วย กระทั่งเธอพบว่าอวัยวะเพศมีอาการเจ็บ จึงไปพบแพทย์ ก่อนจะทราบว่าติดเชื้อฮิวแมนพัพพิลโลมาไวรัส (HPV) ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    เมื่อแม่ของเยาวชนรายนี้ทราบเรื่องจึงแจ้งความกับตำรวจเมื่อเดือน ส.ค.2567 โดยพบว่าฟางและเธอมีเซ็กซ์มาแล้ว 5 ครั้ง ส่วนใหญ่ไม่ป้องกัน ใช้ถุงยางอนามัยเพียง 2 ครั้งตามที่ฝ่ายหญิงร้องขอ จากนั้นฟางพยายามติดต่อผ่านโซเชียลมีเดียหลายครั้ง โน้มน้าวให้แม่ถอนแจ้งความ บอกว่าถ้าติดคุกจะฆ่าตัวตาย ขณะที่เหยื่อต้องรักษาอาการทางจิต เพราะสูญเสียความมั่นใจและไม่มีความสุขอีกต่อไป

    นอกจากนี้ ระหว่างการพิจารณาคดี ทนายความของฟางยังร้องต่อศาลสั่งห้ามเปิดเผยตัวตนของฟาง แต่ภายหลังอัยการร้องต่อศาลขอให้เปิดเผยตัวตน ในที่สุดศาลจึงพิพากษาในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมทั้งข้อหาคุกคามจากการส่งข้อความไปหาเหยื่อ และขัดขวางกระบวนการยุติธรรม

    สำหรับเอียน ฟาง เหวยจี้ เกิดเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2532 ที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ก่อนย้ายมาที่สิงคโปร์ เป็นอดีตนักแสดงค่ายมีเดียคอร์ป (Mediacorp) สื่อของสิงคโปร์ เข้าสู่วงการเมื่อปี 2554 มีผลงานทั้งภาพยนตร์ ละคร พิธีกรรายการวาไรตี้ และผลงานเพลง ได้แก่ ละครเรื่อง Don't Stop Believin' และภาพยนตร์เรื่อง Goodbye Mr. Loser แต่ไม่ต่อสัญญาและออกจากวงการเมื่อปี 2566 โดยผันตัวไปทำงานเป็นครูสอนการแสดงให้กับเยาวชนอายุระหว่าง 4 ถึง 14 ปี ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง

    #Newskit
    อดีตนักแสดงสิงคโปร์ คุก 40 เดือนพรากผู้เยาว์ เรื่องอื้อฉาวในวงการบันเทิงสิงคโปร์ เมื่อ เอียน ฟาง เหวยจี้ (Ian Fang Weijie) อดีตนักแสดงสัญชาติจีนวัย 35 ปี ถูกศาลสิงคโปร์สั่งจำคุก 40 เดือนในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังคำพิพากษาได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 30,000 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 764,000 บาท) แต่จะต้องมารับโทษจำคุกในวันที่ 16 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ สำหรับเหยื่อเป็นเยาวชนเพศหญิงวัย 15 ปี ขณะที่เขาเป็นครูสอนการแสดง พบกันครั้งแรกในงานวงการบันเทิงเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2567 ก่อนที่จะคุยกันทุกวันจนสนิทสนม ต่อมาวันที่ 6 มิ.ย. 2567 แม่ของเยาวชนรายนี้พาเธอมากักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เนื่องจากติดโควิด-19 กระทั่งเวลา 21.00 น. ฟางไปเยี่ยมเธอและมีเพศสัมพันธ์กันครั้งแรกโดยไม่ป้องกัน แม้ฝ่ายหญิงจะร้องขอ ไม่ถึงสัปดาห์ต่อมา ฟางยังพาเธอออกจากโรงแรมที่กักตัวไปที่บ้านของฟาง และมีเซ็กซ์อีกครั้ง แม้ต่อมาเธอจะถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2567 เพราะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ แต่ฟางยังตามไปเยี่ยมและมีเซ็กซ์ในห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวอีกด้วย กระทั่งเธอพบว่าอวัยวะเพศมีอาการเจ็บ จึงไปพบแพทย์ ก่อนจะทราบว่าติดเชื้อฮิวแมนพัพพิลโลมาไวรัส (HPV) ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เมื่อแม่ของเยาวชนรายนี้ทราบเรื่องจึงแจ้งความกับตำรวจเมื่อเดือน ส.ค.2567 โดยพบว่าฟางและเธอมีเซ็กซ์มาแล้ว 5 ครั้ง ส่วนใหญ่ไม่ป้องกัน ใช้ถุงยางอนามัยเพียง 2 ครั้งตามที่ฝ่ายหญิงร้องขอ จากนั้นฟางพยายามติดต่อผ่านโซเชียลมีเดียหลายครั้ง โน้มน้าวให้แม่ถอนแจ้งความ บอกว่าถ้าติดคุกจะฆ่าตัวตาย ขณะที่เหยื่อต้องรักษาอาการทางจิต เพราะสูญเสียความมั่นใจและไม่มีความสุขอีกต่อไป นอกจากนี้ ระหว่างการพิจารณาคดี ทนายความของฟางยังร้องต่อศาลสั่งห้ามเปิดเผยตัวตนของฟาง แต่ภายหลังอัยการร้องต่อศาลขอให้เปิดเผยตัวตน ในที่สุดศาลจึงพิพากษาในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมทั้งข้อหาคุกคามจากการส่งข้อความไปหาเหยื่อ และขัดขวางกระบวนการยุติธรรม สำหรับเอียน ฟาง เหวยจี้ เกิดเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2532 ที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ก่อนย้ายมาที่สิงคโปร์ เป็นอดีตนักแสดงค่ายมีเดียคอร์ป (Mediacorp) สื่อของสิงคโปร์ เข้าสู่วงการเมื่อปี 2554 มีผลงานทั้งภาพยนตร์ ละคร พิธีกรรายการวาไรตี้ และผลงานเพลง ได้แก่ ละครเรื่อง Don't Stop Believin' และภาพยนตร์เรื่อง Goodbye Mr. Loser แต่ไม่ต่อสัญญาและออกจากวงการเมื่อปี 2566 โดยผันตัวไปทำงานเป็นครูสอนการแสดงให้กับเยาวชนอายุระหว่าง 4 ถึง 14 ปี ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 388 Views 0 Reviews
  • เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท 77/2567 ระหว่างอัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 เป็นโจทก์ ฟ้อง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง อคส. จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 21 คน

    ข้อกล่าวหา
    โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง โดยมีจำเลยที่ 2 บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล และจำเลยที่ 3 กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท ส่วนจำเลยที่ 4 ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า และจำเลยที่ 5 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนงานการตลาดดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีจำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 17 และจำเลยที่ 19 ถึงจำเลยที่ 21 เป็นบุคคลธรรมดา และจำเลยที่ 18 บริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล ทั้งหมดเป็นผู้เกี่ยวข้องในการซื้อหรือขายถุงมือยางกับองค์การคลังสินค้า
    จำเลยทั้ง 21 คน ได้ร่วมกันแบ่งหน้าที่และให้การช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำความผิด โดยจำเลยที่ 1, 4, และ 5 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าพนักงานของรัฐ และพนักงานในหน่วยงานของรัฐ ได้กระทำความผิดโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ในการทุจริต ด้วยการร่วมกับจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 21 นำบริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด จำเลยที่ 18, GALORE MANAGEMENT, LLC และ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการค้าขายถุงมือยางเข้ามาเป็นผู้ซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า ทั้งที่ยังไม่ได้มีการวางหลักเกณฑ์หรือระเบียบในการจัดหาและจำหน่ายสินค้า

    อย่างไรก็ตาม อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีความเห็นแย้งไว้ด้วย สรุปความได้ว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการไต่สวนชี้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งแปดในโครงการจัดซื้อสินค้า เป็นการกระทำโดยทุจริตที่ร่วมกันจัดทำเอกสารปลอม และรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อให้มีการอนุมัติและเบิกเงินสำหรับโครงการดังกล่าว โดยไม่มีการจัดซื้อสินค้าจริง หรือมีการจัดซื้อสินค้าแต่ไม่มีการส่งมอบสินค้าครบถ้วนตามสัญญา หรือมีการส่งมอบสินค้าที่มีราคาแพงเกินสมควร
    มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ตั้งแต่การจัดทำเอกสารเสนอโครงการ การอนุมัติโครงการ การเบิกจ่ายเงิน ไปจนถึงการรับเงิน โดยมีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ มีหลักฐานเอกสารที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติในการดำเนินโครงการ รวมถึงพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าจำเลยได้กระทำการทุจริตตามที่กล่าวหา การกระทำของจำเลยทำให้รัฐได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
    ทั้งนี้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีความเห็นแย้งว่า จำเลยทั้งหมดควรกระทำความผิดในข้อหาทุจริตและประพฤติมิชอบ เนื่องจากพฤติการณ์และพยานหลักฐานบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต และได้ร่วมกันกระทำความผิดจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐอย่างร้ายแรง


    ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4729354/?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR71j_g9yAwXtqPHQb0uXo6NwSaRRxIEzCpwoZLU7KVD-bEJJHnW7X28KgvJdA_aem_LqzQfoRAPkMXzVFYHQtuOw#4jct57bmo4c6r484mbp5z8fwungr7xuqm
    เมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท 77/2567 ระหว่างอัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 เป็นโจทก์ ฟ้อง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง อคส. จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 21 คน ข้อกล่าวหา โจทก์ฟ้องว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง โดยมีจำเลยที่ 2 บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล และจำเลยที่ 3 กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท ส่วนจำเลยที่ 4 ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า และจำเลยที่ 5 เป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนงานการตลาดดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีจำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 17 และจำเลยที่ 19 ถึงจำเลยที่ 21 เป็นบุคคลธรรมดา และจำเลยที่ 18 บริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล ทั้งหมดเป็นผู้เกี่ยวข้องในการซื้อหรือขายถุงมือยางกับองค์การคลังสินค้า จำเลยทั้ง 21 คน ได้ร่วมกันแบ่งหน้าที่และให้การช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำความผิด โดยจำเลยที่ 1, 4, และ 5 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าพนักงานของรัฐ และพนักงานในหน่วยงานของรัฐ ได้กระทำความผิดโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ในการทุจริต ด้วยการร่วมกับจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 21 นำบริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด จำเลยที่ 18, GALORE MANAGEMENT, LLC และ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการค้าขายถุงมือยางเข้ามาเป็นผู้ซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า ทั้งที่ยังไม่ได้มีการวางหลักเกณฑ์หรือระเบียบในการจัดหาและจำหน่ายสินค้า อย่างไรก็ตาม อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีความเห็นแย้งไว้ด้วย สรุปความได้ว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการไต่สวนชี้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งแปดในโครงการจัดซื้อสินค้า เป็นการกระทำโดยทุจริตที่ร่วมกันจัดทำเอกสารปลอม และรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ เพื่อให้มีการอนุมัติและเบิกเงินสำหรับโครงการดังกล่าว โดยไม่มีการจัดซื้อสินค้าจริง หรือมีการจัดซื้อสินค้าแต่ไม่มีการส่งมอบสินค้าครบถ้วนตามสัญญา หรือมีการส่งมอบสินค้าที่มีราคาแพงเกินสมควร มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ตั้งแต่การจัดทำเอกสารเสนอโครงการ การอนุมัติโครงการ การเบิกจ่ายเงิน ไปจนถึงการรับเงิน โดยมีเจตนาทุจริตเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ มีหลักฐานเอกสารที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติในการดำเนินโครงการ รวมถึงพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าจำเลยได้กระทำการทุจริตตามที่กล่าวหา การกระทำของจำเลยทำให้รัฐได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีความเห็นแย้งว่า จำเลยทั้งหมดควรกระทำความผิดในข้อหาทุจริตและประพฤติมิชอบ เนื่องจากพฤติการณ์และพยานหลักฐานบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต และได้ร่วมกันกระทำความผิดจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐอย่างร้ายแรง ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4729354/?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR71j_g9yAwXtqPHQb0uXo6NwSaRRxIEzCpwoZLU7KVD-bEJJHnW7X28KgvJdA_aem_LqzQfoRAPkMXzVFYHQtuOw#4jct57bmo4c6r484mbp5z8fwungr7xuqm
    WWW.DAILYNEWS.CO.TH
    เห็นแย้ง! ศาลฯยกฟ้อง อดีต ผอ.อคส.-พวก จัดซื้อถุงมือยางมิชอบ2พันล้าน | เดลินิวส์
    ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 1 พิพากษายกฟ้องคดี รุ่งโรจน์ อดีต ผอ.อคส. กับพวก รวม 21 คน ฐานสมคบวางแผนจัดซื้อถุงมือยางมิชอบ เสียหายกว่า 2 พันล้านบาท แต่ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จะมีความเห็นแย้ง
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 Reviews
  • แอปฯ K PLUS สแกนจ่ายที่ลาวได้แล้ว

    แอปพลิเคชัน K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เวอร์ชัน 5.19.11 เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ สแกนจ่ายผ่าน QR Code ระบบ Cross-border QR Payment ของ LAO QR ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องแลกเงิน และไม่มีค่าธรรมเนียม เป็นธนาคารที่สี่ ต่อจากแอปพลิเคชัน KMA ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย และ Bangkok Bank Mobile Banking ธนาคารกรุงเทพ

    ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของโมบายแบงกิ้งอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 23 ล้านราย หันมาพัฒนาระบบ Cross-border QR Payment เอง นอกจากพัฒนารองรับการสแกน QR Code ในต่างประเทศหลากหลายรูปแบบ เช่น UnionPay QR Payment, Alipay+, WeChat เฉพาะประเทศจีน และ Cross Border Outbound เฉพาะประเทศมาเลเซีย ที่สแกนจ่าย QR Code ของ DuitNow ผ่านเครือข่าย Alipay+ ต่างจากธนาคารอื่น ที่เชื่อมโยงระบบจากเครือข่าย PayNet ผู้ให้บริการระบบ DuitNow

    ผู้ใช้งาน K PLUS สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดจากร้านค้าที่ใช้ระบบ LAO QR ของธนาคารในลาว 12 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารเอซีลีดา (ACLEDA) ธนาคารส่งเสริมกสิกรรรม (APB) ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว (BCEL) ธนาคารลาว-ฝรั่งเศส (LBF) ธนาคารบีไอซี (BIC) ธนาคารอินโดจีน (IBL) ธนาคารร่วมพัฒนา (JDB) ธนาคารกสิกรไทย ลาว (KBANK LAOS) ธนาคารพัฒนาลาว (LDB) ธนาคารร่วมธุรกิจลาว-เวียด (Laoviet) ธนาคารพงสะหวัน (Pongsavanh) และธนาคารเอสที (ST Bank) วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อรายการ และไม่เกิน 500,000 บาทต่อวัน

    อย่างไรก็ตาม แอปฯ ธนาคารในไทยทั้ง 4 แห่ง สามารถสแกน QR Code ของ LAO QR ได้เฉพาะคิวอาร์โค้ดร้านค้าที่รองรับเท่านั้น แต่คิวอาร์โค้ดสำหรับโอนเงินระหว่างบุคคล หรือร้านค้าขนาดเล็กในประเทศลาวไม่สามารถใช้ได้ จึงควรทดลองใช้ธนาคารของไทยสแกนคิวอาร์โค้ดก่อน โดยยังไม่ต้องโอนเงิน หากขึ้นหน้าจอชำระเงินถือว่าสามารถสแกนจ่ายได้

    ก่อนหน้านี้ผู้ใช้โมบายแบงกิ้งในประเทศลาว สามารถสแกนจ่ายตามร้านค้า Thai QR Payment ผ่านเครื่องรับบัตร EDC หรือ QR Code สำหรับร้านค้า มาตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2567 อาทิ K SHOP ธนาคารกสิกรไทย, ถุงเงิน ธนาคารกรุงไทย, BeMerchant NextGen ธนาคารกรุงเทพ และ krungsri Mung-Mee SHOP ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

    ข้อมูลจากกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว ประเทศลาว พบว่าในปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศลาวต้อนรับนักท่องเที่ยว 4,120,832 คน โดยอันดับ 1 นักท่องเที่ยวจากไทย 1,215,553 คน อันดับ 2 จากเวียดนาม 1,054,204 คน และอันดับ 3 จากจีน 1,048,034 คน

    #Newskit
    แอปฯ K PLUS สแกนจ่ายที่ลาวได้แล้ว แอปพลิเคชัน K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เวอร์ชัน 5.19.11 เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ สแกนจ่ายผ่าน QR Code ระบบ Cross-border QR Payment ของ LAO QR ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องแลกเงิน และไม่มีค่าธรรมเนียม เป็นธนาคารที่สี่ ต่อจากแอปพลิเคชัน KMA ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย และ Bangkok Bank Mobile Banking ธนาคารกรุงเทพ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของโมบายแบงกิ้งอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 23 ล้านราย หันมาพัฒนาระบบ Cross-border QR Payment เอง นอกจากพัฒนารองรับการสแกน QR Code ในต่างประเทศหลากหลายรูปแบบ เช่น UnionPay QR Payment, Alipay+, WeChat เฉพาะประเทศจีน และ Cross Border Outbound เฉพาะประเทศมาเลเซีย ที่สแกนจ่าย QR Code ของ DuitNow ผ่านเครือข่าย Alipay+ ต่างจากธนาคารอื่น ที่เชื่อมโยงระบบจากเครือข่าย PayNet ผู้ให้บริการระบบ DuitNow ผู้ใช้งาน K PLUS สามารถสแกนคิวอาร์โค้ดจากร้านค้าที่ใช้ระบบ LAO QR ของธนาคารในลาว 12 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารเอซีลีดา (ACLEDA) ธนาคารส่งเสริมกสิกรรรม (APB) ธนาคารการค้าต่างประเทศลาว (BCEL) ธนาคารลาว-ฝรั่งเศส (LBF) ธนาคารบีไอซี (BIC) ธนาคารอินโดจีน (IBL) ธนาคารร่วมพัฒนา (JDB) ธนาคารกสิกรไทย ลาว (KBANK LAOS) ธนาคารพัฒนาลาว (LDB) ธนาคารร่วมธุรกิจลาว-เวียด (Laoviet) ธนาคารพงสะหวัน (Pongsavanh) และธนาคารเอสที (ST Bank) วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อรายการ และไม่เกิน 500,000 บาทต่อวัน อย่างไรก็ตาม แอปฯ ธนาคารในไทยทั้ง 4 แห่ง สามารถสแกน QR Code ของ LAO QR ได้เฉพาะคิวอาร์โค้ดร้านค้าที่รองรับเท่านั้น แต่คิวอาร์โค้ดสำหรับโอนเงินระหว่างบุคคล หรือร้านค้าขนาดเล็กในประเทศลาวไม่สามารถใช้ได้ จึงควรทดลองใช้ธนาคารของไทยสแกนคิวอาร์โค้ดก่อน โดยยังไม่ต้องโอนเงิน หากขึ้นหน้าจอชำระเงินถือว่าสามารถสแกนจ่ายได้ ก่อนหน้านี้ผู้ใช้โมบายแบงกิ้งในประเทศลาว สามารถสแกนจ่ายตามร้านค้า Thai QR Payment ผ่านเครื่องรับบัตร EDC หรือ QR Code สำหรับร้านค้า มาตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2567 อาทิ K SHOP ธนาคารกสิกรไทย, ถุงเงิน ธนาคารกรุงไทย, BeMerchant NextGen ธนาคารกรุงเทพ และ krungsri Mung-Mee SHOP ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ข้อมูลจากกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว ประเทศลาว พบว่าในปี 2567 ที่ผ่านมา ประเทศลาวต้อนรับนักท่องเที่ยว 4,120,832 คน โดยอันดับ 1 นักท่องเที่ยวจากไทย 1,215,553 คน อันดับ 2 จากเวียดนาม 1,054,204 คน และอันดับ 3 จากจีน 1,048,034 คน #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 447 Views 0 Reviews
  • ผบก.ปปป.เผย"ทิดแย้ม" เปิดบัญชีเฉพาะกิจเช่าบูชาพระเครื่อง-กิจกรรมของวัดกว่า 20 บัญชี ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบอีกหลายบัญชี

    วันนี้ (18 พ.ค.) พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดียักยอกเงินวัดไร่ขิงว่า พนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน สอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัดไร่ขิง จำนวนหลายบัญชีทยอยเข้ามาสอบปากคำ โดยตั้งศูนย์ปฏิบัติงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จากข้อมูลการสอบสวนปัจจุบัน พบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินระหว่าง นายแย้ม กับ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายช่องทาง ช่วงปี 2563 - 2567 รวมเป็นเงินกว่า 300 บาท แยกออกเป็นบัญชีส่วนตัวของ นายแย้ม โอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ในช่วงปี 2566 รวมกัน 80 ล้านบาท และ ใช้บัญชีของอดีตพระเอกพจน์ หรือนายเอกพจน์ โอนเงิน และตระเวณนำเงินสดไปฝากตู้ธนาคารต่าง ๆ ให้ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายรายการรวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีชื่อบัญชีบุคคลอื่นอีก 1 บัญชีโอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ด้วยเช่นกันอีก 60 ล้านบาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000046327

    #MGROnline #ทิดแย้ม
    ผบก.ปปป.เผย"ทิดแย้ม" เปิดบัญชีเฉพาะกิจเช่าบูชาพระเครื่อง-กิจกรรมของวัดกว่า 20 บัญชี ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบอีกหลายบัญชี • วันนี้ (18 พ.ค.) พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดียักยอกเงินวัดไร่ขิงว่า พนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน สอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัดไร่ขิง จำนวนหลายบัญชีทยอยเข้ามาสอบปากคำ โดยตั้งศูนย์ปฏิบัติงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จากข้อมูลการสอบสวนปัจจุบัน พบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินระหว่าง นายแย้ม กับ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายช่องทาง ช่วงปี 2563 - 2567 รวมเป็นเงินกว่า 300 บาท แยกออกเป็นบัญชีส่วนตัวของ นายแย้ม โอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ในช่วงปี 2566 รวมกัน 80 ล้านบาท และ ใช้บัญชีของอดีตพระเอกพจน์ หรือนายเอกพจน์ โอนเงิน และตระเวณนำเงินสดไปฝากตู้ธนาคารต่าง ๆ ให้ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายรายการรวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีชื่อบัญชีบุคคลอื่นอีก 1 บัญชีโอนเงินให้ น.ส.อรัญญาวรรณ ด้วยเช่นกันอีก 60 ล้านบาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000046327 • #MGROnline #ทิดแย้ม
    0 Comments 0 Shares 352 Views 0 Reviews
  • Thaipublica’s Pick: กองทัพเรืออินโดนีเซีย ยึดเรือติดธงชาติไทยลักลอบขนยาบ้าและโคเคน มูลค่า 426 ล้านเหรียญสหรัฐฯ.กองทัพเรืออินโดนีเซีย ยึดเรือลักลอบขนยาบ้าและโคเคนเกือบ 2 ตันมูลค่า 425 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกชายฝั่งเกาะสุมาตราในสัปดาห์นี้ พร้อมจับกุมชาวไทย 1 รายและชาวเมียนมา 4 รายที่พบอยู่บนเรือ กองทัพเรือระบุเมื่อวันศุกร์ (16 พฤษภาคม 2568).เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมเรือลำดังกล่าวหลังจากปิดไฟและเร่งความเร็วเพื่อพยายามหลบหนีออกจากน่านน้ำอินโดนีเซียในภูมิภาคตันจุง บาไล การิมัน (Tanjung Balai Karimun) ของ หมู่เกาะรีเยา (Riau Island) กองทัพเรือระบุ.เจ้าหน้าที่ยึดกระสอบสีเหลืองและสีขาวได้เกือบ 100 กระสอบ ภายในบรรจุโคเคนประมาณ 1.2 ตัน และยาบ้า 705 กิโลกรัม มูลค่า 7 ล้านล้านรูเปียะฮ์ (425.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) โฆษกกองทัพเรือ ไอ มาดิ วิระ ฮาดี อาร์ซันตา วาร์ธานา(I Made Wira Hady Arsanta Wardhana) กล่าวในแถลงการณ์.อินโดนีเซียมีกฎหมายปราบปรามยาเสพติดที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และการค้ายาเสพติดมีโทษถึงประหารชีวิต.กองทัพเรือระบุว่า เรือลำดังกล่าวซึ่งติดธงชาติไทย ถูกนำไปยังฐานทัพเรือในตันจุง บาไล การิมุน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับที่มาของลูกเรือ นอกจากสัญชาติของพวกเขา.เจ้าหน้าที่ยังคงสืบสวนต่อไปว่ายาเสพติดเหล่านี้มาจากไหน และเรือกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด เจ้าหน้าที่กองทัพเรือ ซึ่งใช้ชื่อเพียงว่านายฟาวซี กล่าวในการแถลงข่าว.การจับกุมยาเสพติดครั้งนี้ถือเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประเทศ.สำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรม แห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime - UNODC) ระบุในรายงานปี 2567 ว่า เมื่อปี 2566 มีการจับกุมยาบ้าได้มากถึง 190 ตัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกลุ่มอาชญากรใช้ประโยชน์จากการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอในการลักลอบขนยาเสพติด โดยส่วนใหญ่ผ่านอ่าวไทย.สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมียนมาที่ติดกับบางส่วนของไทยและลาว มีประวัติศาสตร์ในด้านการผลิตยาเสพติดมายาวนาน โดยส่วนใหญ่ใช้โดยกลุ่มอาชญากรในเอเชียที่จำหน่ายยาเสพติดไปไกลถึงญี่ปุ่นและนิวซีแลนด์.ในปี 2565 พบโคเคน 179 กิโลกรัม (395 ปอนด์) ในน่านน้ำใกล้ท่าเรือเมอระก์บนเกาะชวา ซึ่งถือเป็นการยึดโคเคนครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศในเวลานั้น UNODC ระบุในรายงานโคเคนระดับโลกประจำปี 2566.(1 เหรียญสหรัฐ = 16,435.0000 รูเปียะฮ์).เรื่อง : https://www.yahoo.com/news/indonesia-seizes-ship-carrying-methamphetamine-094840017.html.#เรือติดธงชาติไทยขนยาเสพติด #อินโดนีเซีย ที่มา : Thaipublicahttps://www.facebook.com/share/p/1C6nV7Umiv/?mibextid=wwXIfr
    Thaipublica’s Pick: กองทัพเรืออินโดนีเซีย ยึดเรือติดธงชาติไทยลักลอบขนยาบ้าและโคเคน มูลค่า 426 ล้านเหรียญสหรัฐฯ.กองทัพเรืออินโดนีเซีย ยึดเรือลักลอบขนยาบ้าและโคเคนเกือบ 2 ตันมูลค่า 425 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกชายฝั่งเกาะสุมาตราในสัปดาห์นี้ พร้อมจับกุมชาวไทย 1 รายและชาวเมียนมา 4 รายที่พบอยู่บนเรือ กองทัพเรือระบุเมื่อวันศุกร์ (16 พฤษภาคม 2568).เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมเรือลำดังกล่าวหลังจากปิดไฟและเร่งความเร็วเพื่อพยายามหลบหนีออกจากน่านน้ำอินโดนีเซียในภูมิภาคตันจุง บาไล การิมัน (Tanjung Balai Karimun) ของ หมู่เกาะรีเยา (Riau Island) กองทัพเรือระบุ.เจ้าหน้าที่ยึดกระสอบสีเหลืองและสีขาวได้เกือบ 100 กระสอบ ภายในบรรจุโคเคนประมาณ 1.2 ตัน และยาบ้า 705 กิโลกรัม มูลค่า 7 ล้านล้านรูเปียะฮ์ (425.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) โฆษกกองทัพเรือ ไอ มาดิ วิระ ฮาดี อาร์ซันตา วาร์ธานา(I Made Wira Hady Arsanta Wardhana) กล่าวในแถลงการณ์.อินโดนีเซียมีกฎหมายปราบปรามยาเสพติดที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และการค้ายาเสพติดมีโทษถึงประหารชีวิต.กองทัพเรือระบุว่า เรือลำดังกล่าวซึ่งติดธงชาติไทย ถูกนำไปยังฐานทัพเรือในตันจุง บาไล การิมุน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับที่มาของลูกเรือ นอกจากสัญชาติของพวกเขา.เจ้าหน้าที่ยังคงสืบสวนต่อไปว่ายาเสพติดเหล่านี้มาจากไหน และเรือกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด เจ้าหน้าที่กองทัพเรือ ซึ่งใช้ชื่อเพียงว่านายฟาวซี กล่าวในการแถลงข่าว.การจับกุมยาเสพติดครั้งนี้ถือเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประเทศ.สำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรม แห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime - UNODC) ระบุในรายงานปี 2567 ว่า เมื่อปี 2566 มีการจับกุมยาบ้าได้มากถึง 190 ตัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกลุ่มอาชญากรใช้ประโยชน์จากการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอในการลักลอบขนยาเสพติด โดยส่วนใหญ่ผ่านอ่าวไทย.สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมียนมาที่ติดกับบางส่วนของไทยและลาว มีประวัติศาสตร์ในด้านการผลิตยาเสพติดมายาวนาน โดยส่วนใหญ่ใช้โดยกลุ่มอาชญากรในเอเชียที่จำหน่ายยาเสพติดไปไกลถึงญี่ปุ่นและนิวซีแลนด์.ในปี 2565 พบโคเคน 179 กิโลกรัม (395 ปอนด์) ในน่านน้ำใกล้ท่าเรือเมอระก์บนเกาะชวา ซึ่งถือเป็นการยึดโคเคนครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศในเวลานั้น UNODC ระบุในรายงานโคเคนระดับโลกประจำปี 2566.(1 เหรียญสหรัฐ = 16,435.0000 รูเปียะฮ์).เรื่อง : https://www.yahoo.com/news/indonesia-seizes-ship-carrying-methamphetamine-094840017.html.#เรือติดธงชาติไทยขนยาเสพติด #อินโดนีเซีย ที่มา : Thaipublicahttps://www.facebook.com/share/p/1C6nV7Umiv/?mibextid=wwXIfr
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 450 Views 0 Reviews
  • ขอบคุณเงินบุญ ต่อทุนอาตมา

    นับเป็นข่าวเสื่อมเสียต่อวงการพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 15 พ.ค. เจ้าคุณแย้ม หรือพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อายุ 70 ปี เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม เจ้าคณะภาค 14 เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. หลังทราบว่ากำลังจะถูกดำเนินคดีข้อหาทุจริตยักยอกเงินวัด 300 ล้านบาท ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอออกหมายจับข้อหายักยอกทรัพย์ ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ก่อนที่ศาลอนุมัติหมายจับช่วงเที่ยง

    ก่อนหน้านี้ชาวบ้านร้องเรียนตำรวจกองปราบปราม เจ้าคุณแย้มยักยอกเงินวัดไร่ขิงไปเล่นพนันออนไลน์ จึงส่งสายลับแฝงตัวอยู่ในวัดตั้งแต่ปี 2567 ทั้งไปทำบุญและทำกิจกรรมในวัดนานกว่า 8 เดือน สืบสวนพบว่าเจ้าคุณแย้มสั่งให้คณะกรรมการวัดโอนเงินจากบัญชีวัดเข้าบัญชีส่วนตัว แล้วโอนไปให้สีกา คือ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ อายุ 28 ปี นายหน้าเครือข่ายเว็บพนัน เพื่อโอนเข้าบัญชีเว็บพนันออนไลน์เติมเครดิตใช้เล่นบาคาร่า ตรวจสอบเส้นเงินพบว่าตั้งแต่ปี 2564-2568 เงินบัญชีวัดถูกโอนออกหลายครั้ง รวมกว่า 300 ล้านบาท ส่วนเส้นเงินบัญชีเจ้าคุณแย้มกับบัญชีเว็บพนัน พบว่ามียอดโอนเข้า-ออกจากการได้และเสียไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

    เมื่อเงินในบัญชีวัดร่อยหรอ เจ้าคุณแย้มเริ่มหันไปยืมเงินพระผู้ใหญ่วัดอื่นๆ ที่สนิทสนมกัน เพื่อนำมาเล่นพนัน มีตั้งแต่หลักแสนบาท ถึงหลักล้านบาทต่อครั้ง ด้าน น.ส.อรัญญาวรรณ สีการุ่นเอ๊าะ ตรวจสอบเชิงลึกพบว่าเป็นเจ้าของบัญชีและดูแลเส้นเงินธุรกิจพนันออนไลน์ เมื่อปลายปี 2567 เคยถูกตำรวจไซเบอร์จับกุมหลังพัวพันเครือข่ายเว็บพนัน LAGALAXY911 ก่อนประกันตัวสู้คดี ล่าสุดตำรวจกองปราบปรามจับกุมที่บ้านพักในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ฐานเป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิด

    สำหรับวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครชัยศรี มีชื่อเสียงจากพระพุทธรูปหลวงพ่อวัดไร่ขิง มีนักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้อย่างต่อเนื่อง แต่อีกด้านหนึ่งเป็นที่วิจารณ์ว่ามีเรื่องพุทธพาณิชย์ โดยเฉพาะค่าเช่าแผงค้างานประจำปีวัดไร่ขิง ปี 2565 แผงละ 120,000 บาท ปี 2566 พุ่งสูงถึงแผงละ 400,000 บาท ปี 2567 ย้ายมายังทำเลทองแผงละ 2,300,000 บาท และล่าสุดปลายปี 2567 แผงละ 1,500,000 บาท กลายเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยบนโลกออนไลน์ กรณีวัดไร่ขิงเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะยังมีอีกหลายวัดในประเทศไทยที่มีลักษณะพุทธพาณิชย์ชัดเจน แต่ก็ยังมีคนไม่รู้ไปบูชาสักการะ และแก้บนด้วยของเซ่นไหว้สิ้นเปลืองมหาศาลอย่างต่อเนื่อง

    #Newskit
    ขอบคุณเงินบุญ ต่อทุนอาตมา นับเป็นข่าวเสื่อมเสียต่อวงการพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 15 พ.ค. เจ้าคุณแย้ม หรือพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อายุ 70 ปี เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม เจ้าคณะภาค 14 เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. หลังทราบว่ากำลังจะถูกดำเนินคดีข้อหาทุจริตยักยอกเงินวัด 300 ล้านบาท ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอออกหมายจับข้อหายักยอกทรัพย์ ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ก่อนที่ศาลอนุมัติหมายจับช่วงเที่ยง ก่อนหน้านี้ชาวบ้านร้องเรียนตำรวจกองปราบปราม เจ้าคุณแย้มยักยอกเงินวัดไร่ขิงไปเล่นพนันออนไลน์ จึงส่งสายลับแฝงตัวอยู่ในวัดตั้งแต่ปี 2567 ทั้งไปทำบุญและทำกิจกรรมในวัดนานกว่า 8 เดือน สืบสวนพบว่าเจ้าคุณแย้มสั่งให้คณะกรรมการวัดโอนเงินจากบัญชีวัดเข้าบัญชีส่วนตัว แล้วโอนไปให้สีกา คือ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ อายุ 28 ปี นายหน้าเครือข่ายเว็บพนัน เพื่อโอนเข้าบัญชีเว็บพนันออนไลน์เติมเครดิตใช้เล่นบาคาร่า ตรวจสอบเส้นเงินพบว่าตั้งแต่ปี 2564-2568 เงินบัญชีวัดถูกโอนออกหลายครั้ง รวมกว่า 300 ล้านบาท ส่วนเส้นเงินบัญชีเจ้าคุณแย้มกับบัญชีเว็บพนัน พบว่ามียอดโอนเข้า-ออกจากการได้และเสียไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เมื่อเงินในบัญชีวัดร่อยหรอ เจ้าคุณแย้มเริ่มหันไปยืมเงินพระผู้ใหญ่วัดอื่นๆ ที่สนิทสนมกัน เพื่อนำมาเล่นพนัน มีตั้งแต่หลักแสนบาท ถึงหลักล้านบาทต่อครั้ง ด้าน น.ส.อรัญญาวรรณ สีการุ่นเอ๊าะ ตรวจสอบเชิงลึกพบว่าเป็นเจ้าของบัญชีและดูแลเส้นเงินธุรกิจพนันออนไลน์ เมื่อปลายปี 2567 เคยถูกตำรวจไซเบอร์จับกุมหลังพัวพันเครือข่ายเว็บพนัน LAGALAXY911 ก่อนประกันตัวสู้คดี ล่าสุดตำรวจกองปราบปรามจับกุมที่บ้านพักในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ฐานเป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิด สำหรับวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครชัยศรี มีชื่อเสียงจากพระพุทธรูปหลวงพ่อวัดไร่ขิง มีนักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้อย่างต่อเนื่อง แต่อีกด้านหนึ่งเป็นที่วิจารณ์ว่ามีเรื่องพุทธพาณิชย์ โดยเฉพาะค่าเช่าแผงค้างานประจำปีวัดไร่ขิง ปี 2565 แผงละ 120,000 บาท ปี 2566 พุ่งสูงถึงแผงละ 400,000 บาท ปี 2567 ย้ายมายังทำเลทองแผงละ 2,300,000 บาท และล่าสุดปลายปี 2567 แผงละ 1,500,000 บาท กลายเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยบนโลกออนไลน์ กรณีวัดไร่ขิงเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะยังมีอีกหลายวัดในประเทศไทยที่มีลักษณะพุทธพาณิชย์ชัดเจน แต่ก็ยังมีคนไม่รู้ไปบูชาสักการะ และแก้บนด้วยของเซ่นไหว้สิ้นเปลืองมหาศาลอย่างต่อเนื่อง #Newskit
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 538 Views 0 Reviews
  • อ่านดีๆ ดูดีๆ

    ทำความรู้จัก G-Token เครื่องมือกู้เงินใหม่ของรัฐบาลไทย คล้าย ‘พันธบัตรรัฐบาลในรูปแบบโทเคน’ หวังเข้าถึง ‘คนรุ่นใหม่’ เพิ่มการออมของประชาชน และเพิ่มการเข้าถึงการเงินให้ทั่วถึงและเท่าเทียม (Financial Inclusion) มากขึ้น โดยเล็งออก G-Token ในราคาเริ่มต้น หน่วยละ 1 บาทเท่านั้น ยืนยันผลตอบแทนดี สามารถซื้อได้ผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เร็วสุดในกรกฎาคมปีนี้



    เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออกโทเคนดิจิทัล พ.ศ. …. นับเป็นการเปิดทางให้ กระทรวงการคลังสามารถออกและเสนอขาย ‘โทเคนดิจิทัลของรัฐบาล’ (Government Token: G-Token) เป็นประเทศแรกของโลก



    ความเคลื่อนไหวครั้งนี้นับว่ามีขึ้นหลัง เมื่อปลายปีที่แล้ว ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำเสนอแนวคิดการออกสเตเบิลคอยน์ที่ค้ำประกันด้วยพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond) ซึ่งไม่นานหลังจากนั้น พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยว่า มีแผนการ Bond Tokenization หรือการออกโทเคนโดยมีพันธบัตรรัฐบาลหนุน (Backed)



    ‘โทเคนดิจิทัลของรัฐบาล’ (G-Token) คืออะไร?


    ไม่ใช่เงินตรา เนื่องจาก ไม่สามารถใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้า หรือชำระเงินได้
    ไม่ใช่คริปโตเคอร์เรนซี
    เป็น ‘เครื่องมือการระดมทุน’ โดยเทียบเคียงได้กับ ‘พันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง’
    เป็นการกู้เงินโดยตรงจากประชาชนของรัฐบาล


    G-Token ไม่กระทบหนี้สาธารณะ ไม่เกี่ยวกับดิจิทัลวอลเล็ต


    พชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) อธิบายเพิ่มเติมว่า การออก G-Token นี้เป็นการระดมทุนรูปแบบใหม่ คล้ายคลึงกับการออกพันธบัตรออมทรัพย์สำหรับประชาชนตามปกติของ สบน.



    โดยการออก G-Token รอบแรก คาดว่า จะออกในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการระดมเงิน ภายใต้กรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2568 ตามปกติ และเป็นไปตามกรอบวงเงินการออกพันธบัตรออมทรัพย์ประจำปีงบประมาณ 2568 ที่ สบน. วางแผนไว้ว่าในวงเงินไม่เกิน 1 แสนล้านบาท



    ดังนั้นการออก G-Token ในรอบแรกนี้จึงจะไม่เพิ่ม หรือไม่กระทบต่อ ‘หนี้สาธารณะ’ และไม่ใช่การระดมทุนเพื่อนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแต่อย่างใด



    ยืนยันการออกเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ


    พชรยังยืนยันว่า การออก G-Token นี้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2567 ของ ก.ล.ต.



    “มติ ครม. วันนี้ เป็นการเปิดทางให้กระทรวงการคลัง ออก G-Token ตาม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 มาตรา 10 ที่ระบุว่า การกู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้หรือวิธีการอื่นใดก็ได้ ทั้งนี้ ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ” พชร กล่าว



    นอกจากนี้พชรยังเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้ขอความเห็นจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้ยืนยันว่า ธปท.ไม่ได้ดูแลกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ G-Token นี้
    อ่านดีๆ ดูดีๆ ทำความรู้จัก G-Token เครื่องมือกู้เงินใหม่ของรัฐบาลไทย คล้าย ‘พันธบัตรรัฐบาลในรูปแบบโทเคน’ หวังเข้าถึง ‘คนรุ่นใหม่’ เพิ่มการออมของประชาชน และเพิ่มการเข้าถึงการเงินให้ทั่วถึงและเท่าเทียม (Financial Inclusion) มากขึ้น โดยเล็งออก G-Token ในราคาเริ่มต้น หน่วยละ 1 บาทเท่านั้น ยืนยันผลตอบแทนดี สามารถซื้อได้ผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เร็วสุดในกรกฎาคมปีนี้ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลังเรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออกโทเคนดิจิทัล พ.ศ. …. นับเป็นการเปิดทางให้ กระทรวงการคลังสามารถออกและเสนอขาย ‘โทเคนดิจิทัลของรัฐบาล’ (Government Token: G-Token) เป็นประเทศแรกของโลก ความเคลื่อนไหวครั้งนี้นับว่ามีขึ้นหลัง เมื่อปลายปีที่แล้ว ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำเสนอแนวคิดการออกสเตเบิลคอยน์ที่ค้ำประกันด้วยพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond) ซึ่งไม่นานหลังจากนั้น พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยว่า มีแผนการ Bond Tokenization หรือการออกโทเคนโดยมีพันธบัตรรัฐบาลหนุน (Backed) ‘โทเคนดิจิทัลของรัฐบาล’ (G-Token) คืออะไร? ไม่ใช่เงินตรา เนื่องจาก ไม่สามารถใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้า หรือชำระเงินได้ ไม่ใช่คริปโตเคอร์เรนซี เป็น ‘เครื่องมือการระดมทุน’ โดยเทียบเคียงได้กับ ‘พันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง’ เป็นการกู้เงินโดยตรงจากประชาชนของรัฐบาล G-Token ไม่กระทบหนี้สาธารณะ ไม่เกี่ยวกับดิจิทัลวอลเล็ต พชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) อธิบายเพิ่มเติมว่า การออก G-Token นี้เป็นการระดมทุนรูปแบบใหม่ คล้ายคลึงกับการออกพันธบัตรออมทรัพย์สำหรับประชาชนตามปกติของ สบน. โดยการออก G-Token รอบแรก คาดว่า จะออกในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการระดมเงิน ภายใต้กรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2568 ตามปกติ และเป็นไปตามกรอบวงเงินการออกพันธบัตรออมทรัพย์ประจำปีงบประมาณ 2568 ที่ สบน. วางแผนไว้ว่าในวงเงินไม่เกิน 1 แสนล้านบาท ดังนั้นการออก G-Token ในรอบแรกนี้จึงจะไม่เพิ่ม หรือไม่กระทบต่อ ‘หนี้สาธารณะ’ และไม่ใช่การระดมทุนเพื่อนำไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแต่อย่างใด ยืนยันการออกเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ พชรยังยืนยันว่า การออก G-Token นี้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2567 ของ ก.ล.ต. “มติ ครม. วันนี้ เป็นการเปิดทางให้กระทรวงการคลัง ออก G-Token ตาม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 มาตรา 10 ที่ระบุว่า การกู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทำเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้หรือวิธีการอื่นใดก็ได้ ทั้งนี้ ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ” พชร กล่าว นอกจากนี้พชรยังเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้ขอความเห็นจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้ยืนยันว่า ธปท.ไม่ได้ดูแลกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ G-Token นี้
    0 Comments 0 Shares 397 Views 0 Reviews
  • ✅มะเร็งเกิดขึ้นหรือถูกกระตุ้นให้กลับมาหลังฉีดวัคซีน
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02FVi4WuRgef8kC5f71Qw3tubcgMbEFau3mPMAiThsK4agnxC6N4J5NKYaUQi5vFDgl&id=61569418676886
    ✍️มะเร็งเทอร์โบ
    https://www.facebook.com/share/v/15bc7uQxNE/
    ✍️ วัคซีนโควิดกับการเกิดมะเร็ง โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ตอนที่ 1 https://mgronline.com/qol/detail/9670000048189
    ตอนที่ 2 https://mgronline.com/qol/detail/9670000049444
    ตอนที่ 3 https://mgronline.com/qol/detail/9670000051574
    ✍️วันที่ 22 ก.ย. 2567 ข่าวเปิดผนึกทวงถามความจริง ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ออกมาแก้ต่างให้กับบริษัทยา ว่าไม่มีข้อมูลความเชื่อมโยงระหว่าง modified RNA (mRNA) ที่หลอกว่าเป็นวัคซีน กับ มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ
    https://drive.google.com/file/d/1cxK176_E_k8oxdJuH3ajMnLEBq64yfl8/view?usp=drivesdk
    ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยรายงานพบมะเร็งกลับมาปะทุหลังฉีดวัคซีนชนิด mRNA
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000090347
    ✍️"หมอธีระวัฒน์"ยกเคสมะเร็ง "อ๋อม อรรคพันธ์" อ้างวัคซีนเป็นตัวแปรสำคัญ | TNews | LINE TODAY
    https://liff.line.me/1454988218.../v2/article/WBMQJxa...
    ✍️ดร.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านภูมิคุ้มกันผิวหนังโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก DrJudd Chontavat ในหัวข้อ"กลไกหนึ่งที่ spike protein ทำให้เกิดมะเร็งคือผ่าน JAK/STAT3 pathway
    https://www.facebook.com/share/p/Vd5xtCAziFnArPse/?mibextid=oFDknk
    ✍️ มะเร็งเพิ่มหลังฉีดวัคซีนโควิดในญี่ปุ่น : กรณีศึกษาในไทย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000034512
    ✍️ มะเร็งเทอร์โบในเด็ก
    1. https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122116607024647289/?
    2. https://fb.watch/xgObb-ReDH/?
    ✍️ มะเร็งปะทุใหม่หลังฉีดวัคซีนจากที่สงบไปนาน | หมอดื้อ
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115654266647289/?
    ✍️ มะเร็งกลับมาจากที่สงบหลังฉีดวัคซีนโควิด | หมอดื้อ
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115654266647289/?
    ✍️ตัวอย่างเคส
    https://www.facebook.com/share/p/1QmTiUeuLt/
    ✍️ กราฟข้อมูลมะเร็งในคนไทย
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115808088647289/?
    รวบรวมโดย
    ทีมแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✅มะเร็งเกิดขึ้นหรือถูกกระตุ้นให้กลับมาหลังฉีดวัคซีน https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02FVi4WuRgef8kC5f71Qw3tubcgMbEFau3mPMAiThsK4agnxC6N4J5NKYaUQi5vFDgl&id=61569418676886 ✍️มะเร็งเทอร์โบ https://www.facebook.com/share/v/15bc7uQxNE/ ✍️ วัคซีนโควิดกับการเกิดมะเร็ง โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ตอนที่ 1 https://mgronline.com/qol/detail/9670000048189 ตอนที่ 2 https://mgronline.com/qol/detail/9670000049444 ตอนที่ 3 https://mgronline.com/qol/detail/9670000051574 ✍️วันที่ 22 ก.ย. 2567 ข่าวเปิดผนึกทวงถามความจริง ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ออกมาแก้ต่างให้กับบริษัทยา ว่าไม่มีข้อมูลความเชื่อมโยงระหว่าง modified RNA (mRNA) ที่หลอกว่าเป็นวัคซีน กับ มะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจ https://drive.google.com/file/d/1cxK176_E_k8oxdJuH3ajMnLEBq64yfl8/view?usp=drivesdk ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยรายงานพบมะเร็งกลับมาปะทุหลังฉีดวัคซีนชนิด mRNA https://mgronline.com/qol/detail/9670000090347 ✍️"หมอธีระวัฒน์"ยกเคสมะเร็ง "อ๋อม อรรคพันธ์" อ้างวัคซีนเป็นตัวแปรสำคัญ | TNews | LINE TODAY https://liff.line.me/1454988218.../v2/article/WBMQJxa... ✍️ดร.นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านภูมิคุ้มกันผิวหนังโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก DrJudd Chontavat ในหัวข้อ"กลไกหนึ่งที่ spike protein ทำให้เกิดมะเร็งคือผ่าน JAK/STAT3 pathway https://www.facebook.com/share/p/Vd5xtCAziFnArPse/?mibextid=oFDknk ✍️ มะเร็งเพิ่มหลังฉีดวัคซีนโควิดในญี่ปุ่น : กรณีศึกษาในไทย https://mgronline.com/qol/detail/9670000034512 ✍️ มะเร็งเทอร์โบในเด็ก 1. https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122116607024647289/? 2. https://fb.watch/xgObb-ReDH/? ✍️ มะเร็งปะทุใหม่หลังฉีดวัคซีนจากที่สงบไปนาน | หมอดื้อ https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115654266647289/? ✍️ มะเร็งกลับมาจากที่สงบหลังฉีดวัคซีนโควิด | หมอดื้อ https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115654266647289/? ✍️ตัวอย่างเคส https://www.facebook.com/share/p/1QmTiUeuLt/ ✍️ กราฟข้อมูลมะเร็งในคนไทย https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122115808088647289/? รวบรวมโดย ทีมแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 Comments 0 Shares 396 Views 0 Reviews
  • ✅ วัคซีนฝีดาษลิง จำเป็นแค่ไหน?
    ✍️ “หมอธีระวัฒน์” เผยเบื้องหลังที่มาวัคซีนฝีดาษลิง ที่กำลังจะประกาศใช้ทั่วโลก
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000073435
    ✍️“หมอธีระวัฒน์” แนะคนไทยไม่กระพือ “ฝีดาษลิง” ให้เป็นสถานกาณ์ฉุกเฉินเพื่อฉีดวัคซีน ชี้ควบคุมได้ด้วยการปฏิบัติตัว
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000079767
    ✍️ทำไมถึงต้องตาสว่างในการสงบโรคระบาด
    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    https://www.facebook.com/share/p/26txVFqWEAtpzaA8/
    ✍️“อ.ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615
    ✍️ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    https://thaitimes.co/posts/14521
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1050540056439694/?
    ✍️“อ.ปานเทพ” ชี้ถึงเวลารื้อฟื้นศึกษาวิจัยตำรับยาสมัย ร.5 รับมือฝีดาษลิง
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000085674
    ✍️เผยเหตุเชื้อ “ฝีดาษลิง” รุนแรงขึ้นอาจเป็นเพราะการทดลองของมนุษย์
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851
    ✍️“หมอธีระวัฒน์” ชี้ฝีดาษลิงติดไม่ง่าย ไม่ต้องประสาทกินหาวัคซีนมาฉีด เผยไทยมีของดี “ขมิ้นชัน” สู้ไวรัสได้
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000077653
    ✍️ ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : https://drtenpenny.com ใช้เวลามากกว่า 24 ปีและใช้เวลามากกว่า 40,000 ชั่วโมงในการค้นคว้า บันทึก และเปิดเผยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ท่านเป็นวิทยากรประจำในการประชุมระดับชาติและระดับนานาชาติ และเป็นแขกประจำในรายการวิทยุ พอดแคสต์ และรายการทีวี โดยแบ่งปันข้อมูลที่ได้รับการวิจัยอย่างสูงของท่านว่าเหตุใดเราจึงควรปฏิเสธวัคซีน สัมภาษณ์โดย อดิเทพ จาวลาห์ https://www.rookon.com/?p=1173
    ✍️วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร 23ส.ค.2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027
    ✍️“หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษยฺ์ประดิษฐ์
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903
    ✍️ “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178
    ✍️“หมอธีระวัฒน์” ชี้วัคซีนเยอะเกิน จะเร่งให้ฉีดถามกันก่อนดีไหม?
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000081470
    ✍️24เม.ย.2568เริ่มกระหน่ำคนไทยอีกรอบด้วยวซ.ฝีดาษลิง เริ่มที่ด่านหน้าก่อน
    https://m.facebook.com/groups/374786411903689/permalink/684107170971610/?
    รวบรวมโดย
    ทีมแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✅ วัคซีนฝีดาษลิง จำเป็นแค่ไหน? ✍️ “หมอธีระวัฒน์” เผยเบื้องหลังที่มาวัคซีนฝีดาษลิง ที่กำลังจะประกาศใช้ทั่วโลก https://mgronline.com/qol/detail/9670000073435 ✍️“หมอธีระวัฒน์” แนะคนไทยไม่กระพือ “ฝีดาษลิง” ให้เป็นสถานกาณ์ฉุกเฉินเพื่อฉีดวัคซีน ชี้ควบคุมได้ด้วยการปฏิบัติตัว https://mgronline.com/qol/detail/9670000079767 ✍️ทำไมถึงต้องตาสว่างในการสงบโรคระบาด ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต https://www.facebook.com/share/p/26txVFqWEAtpzaA8/ ✍️“อ.ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง” https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615 ✍️ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://thaitimes.co/posts/14521 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1050540056439694/? ✍️“อ.ปานเทพ” ชี้ถึงเวลารื้อฟื้นศึกษาวิจัยตำรับยาสมัย ร.5 รับมือฝีดาษลิง https://mgronline.com/qol/detail/9670000085674 ✍️เผยเหตุเชื้อ “ฝีดาษลิง” รุนแรงขึ้นอาจเป็นเพราะการทดลองของมนุษย์ https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ชี้ฝีดาษลิงติดไม่ง่าย ไม่ต้องประสาทกินหาวัคซีนมาฉีด เผยไทยมีของดี “ขมิ้นชัน” สู้ไวรัสได้ https://mgronline.com/qol/detail/9670000077653 ✍️ ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : https://drtenpenny.com ใช้เวลามากกว่า 24 ปีและใช้เวลามากกว่า 40,000 ชั่วโมงในการค้นคว้า บันทึก และเปิดเผยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ท่านเป็นวิทยากรประจำในการประชุมระดับชาติและระดับนานาชาติ และเป็นแขกประจำในรายการวิทยุ พอดแคสต์ และรายการทีวี โดยแบ่งปันข้อมูลที่ได้รับการวิจัยอย่างสูงของท่านว่าเหตุใดเราจึงควรปฏิเสธวัคซีน สัมภาษณ์โดย อดิเทพ จาวลาห์ https://www.rookon.com/?p=1173 ✍️วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร 23ส.ค.2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027 ✍️“หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษยฺ์ประดิษฐ์ https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903 ✍️ “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ชี้วัคซีนเยอะเกิน จะเร่งให้ฉีดถามกันก่อนดีไหม? https://mgronline.com/qol/detail/9670000081470 ✍️24เม.ย.2568เริ่มกระหน่ำคนไทยอีกรอบด้วยวซ.ฝีดาษลิง เริ่มที่ด่านหน้าก่อน https://m.facebook.com/groups/374786411903689/permalink/684107170971610/? รวบรวมโดย ทีมแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 Comments 0 Shares 409 Views 0 Reviews
  • ✅เส้นเลือด ตีบ แตก หลังฉีดวัคซีนโควิด
    ✍️นพ.ธีระวัฒน์ ยกงานวิจัย ชี้ชัดวัคซีนโควิด ทำเส้นเลือดอุดตัน การเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแปรตามการฉีดวัคซีน
    https://youtu.be/JFwdcP39MnM?si=7QPRmcaWOANYMJ87
    ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2771028?fbclid=IwAR1pkyxDX_jFkVEQbzXjfGtceZzJ2mJE03F3MQRJnzU38cqYXvISepZSd_Q_aem_AZrEdPuBNjgPV7MJ4YsCNlQdS6JfmK9SPSAsH1-_vYAWA1vdDg2EVOLz8hIq-Nevma4
    ตอนที่ 2 https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2772908?fbclid=IwAR13RoEjgxf3CrrgF51ohoVxNhLK3yURY7dpOLy13mzqW9ol2A4-PYBZ-RA_aem_AZoGDrOXN2rMfSOoqsup5ND7MgibhvqyTau7W7IHunslXHmzdppoFuhBkbdhlBadsdI
    ✍️แฉ แท่งย้วย ในเส้นเลือด โดย อ.หมอธีระวัฒน์ ในรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122101484966647289/?
    ✍️“หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/?
    ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    ✍️“หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912
    ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334
    ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136
    ✍️White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769
    ✍️เลือดปนเปื้อนด้วยโปรตีนหนาม
    https://www.facebook.com/share/p/14dqeCPBP8/
    ✍️ลิ่มเลือดอุด เส้นเลือดใหญ่สมอง ทนเหนียวไม่สลายง่าย
    https://www.facebook.com/share/p/1DB8koNsQR/
    ✍️การฉีดวัคซีนโควิด ทำให้เกิดผลระยะยาว โดย อ.หมอธีระวัฒน์
    https://www.facebook.com/share/p/18SXM79N29/
    ✍️กราฟข้อมูลการเสียชีวิตของคนไทยหลังระดมการฉีดวัคซีนโควิด | อ.หมออรรถพล
    https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122114164082647289/?

    รวบรวมข้อมูลโดย
    แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✅เส้นเลือด ตีบ แตก หลังฉีดวัคซีนโควิด ✍️นพ.ธีระวัฒน์ ยกงานวิจัย ชี้ชัดวัคซีนโควิด ทำเส้นเลือดอุดตัน การเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแปรตามการฉีดวัคซีน https://youtu.be/JFwdcP39MnM?si=7QPRmcaWOANYMJ87 ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2771028?fbclid=IwAR1pkyxDX_jFkVEQbzXjfGtceZzJ2mJE03F3MQRJnzU38cqYXvISepZSd_Q_aem_AZrEdPuBNjgPV7MJ4YsCNlQdS6JfmK9SPSAsH1-_vYAWA1vdDg2EVOLz8hIq-Nevma4 ตอนที่ 2 https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2772908?fbclid=IwAR13RoEjgxf3CrrgF51ohoVxNhLK3yURY7dpOLy13mzqW9ol2A4-PYBZ-RA_aem_AZoGDrOXN2rMfSOoqsup5ND7MgibhvqyTau7W7IHunslXHmzdppoFuhBkbdhlBadsdI ✍️แฉ แท่งย้วย ในเส้นเลือด โดย อ.หมอธีระวัฒน์ ในรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122101484966647289/? ✍️“หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/? ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912 ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334 ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136 ✍️White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769 ✍️เลือดปนเปื้อนด้วยโปรตีนหนาม https://www.facebook.com/share/p/14dqeCPBP8/ ✍️ลิ่มเลือดอุด เส้นเลือดใหญ่สมอง ทนเหนียวไม่สลายง่าย https://www.facebook.com/share/p/1DB8koNsQR/ ✍️การฉีดวัคซีนโควิด ทำให้เกิดผลระยะยาว โดย อ.หมอธีระวัฒน์ https://www.facebook.com/share/p/18SXM79N29/ ✍️กราฟข้อมูลการเสียชีวิตของคนไทยหลังระดมการฉีดวัคซีนโควิด | อ.หมออรรถพล https://www.facebook.com/61569418676886/posts/122114164082647289/? รวบรวมข้อมูลโดย แพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 Comments 0 Shares 446 Views 0 Reviews
  • รวมบทเพลงจากละครร้องเทิดพระเกียรติเรื่อง "สายนทีแห่งราชัน"
    แสดงหน้าพระที่นั่งที่ สวนเปรมประชาวนารักษ์
    วันที่ 10 ธันวาคม 2567
    เรื่องและบทโดย ดรีมบอกซ์
    กำกับการแสดงโดย สุวรรณดี จักราวรวุธ
    นำแสดงโดย
    - กิตตินันท์ ชินสำราญ
    - ธีรนัยน์ ณ หนองคาย
    - ไมร่า มณีภัสสร มอลลอย
    ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา & รัฐกรณ์ โกมล
    ออร์เคสเตรชั่นโดย อภิสิทธิ์ วงศ์โชติ
    บรรเลงโดย รอยัลบางกอกซิมโฟนีออร์เคสตร้า
    อำนวยเพลงโดย วานิช โปตะวนิช
    อำนวยการผลิต โดย ปตท
    ขอขอบคุณ บ.ธีระมิวสิค สนับสนุนเครื่องดนตรีในการทำงาน
    .
    รวมบทเพลงจากละครร้องเทิดพระเกียรติเรื่อง "สายนทีแห่งราชัน" แสดงหน้าพระที่นั่งที่ สวนเปรมประชาวนารักษ์ วันที่ 10 ธันวาคม 2567 เรื่องและบทโดย ดรีมบอกซ์ กำกับการแสดงโดย สุวรรณดี จักราวรวุธ นำแสดงโดย - กิตตินันท์ ชินสำราญ - ธีรนัยน์ ณ หนองคาย - ไมร่า มณีภัสสร มอลลอย ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา & รัฐกรณ์ โกมล ออร์เคสเตรชั่นโดย อภิสิทธิ์ วงศ์โชติ บรรเลงโดย รอยัลบางกอกซิมโฟนีออร์เคสตร้า อำนวยเพลงโดย วานิช โปตะวนิช อำนวยการผลิต โดย ปตท ขอขอบคุณ บ.ธีระมิวสิค สนับสนุนเครื่องดนตรีในการทำงาน .
    0 Comments 0 Shares 191 Views 12 0 Reviews
  • Evolution
    พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    9 พ.ค. 2567
    =====================
    .
    ประเด็นหนึ่งที่ผมมักพูดให้นักเรียนผมฟัง หลายชั้นเรียน หลายคาบวิชา หลายกิจกรรม ต่างกรรมต่างวาระ ในห้วงเวลากว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา คือประเด็นที่ว่าด้วยกระบวนการส่งผ่านความรู้
    .
    โลกที่เจริญก้าวหน้ามาได้ทุกวันนี้ เป็นเพราะกระบวนการส่งต่อความรู้นี่แหละ ผ่านรุ่นต่อรุ่นมาหลายพันปี ตั้งแต่ยังไม่มีตัวหนังสือให้ใช้ขีดเขียนบันทึก
    .
    บรรพบุรุษของมนุษย์เซเปี้ยนส์รุ่นแรกๆ ที่อพยพจากแอฟริกาเมื่อราวแสนกว่าปีก่อน นักวิชาการเชื่อกันว่าพวกเขามีภาษาพูดของตนเองแล้ว ก่อนจะอพยพไปยังดินแดนส่วนอื่นๆ ในโลก ที่จุดนั้น กระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นระบบก็เริ่มต้นขึ้น ลองถอยไปคิดถึงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญก่อนหน้านั้นที่ทำให้มนุษย์โบราณรอดจากการสูญพันธุ์มาได้ นั่นคือเมื่อพวกเขาค้นพบการจุดไฟเป็นครั้งแรก จะด้วยวิธีการปั่นให้เสียดสีกันของไม้ หรือการใช้หินกระเทาะกันก็ตาม สิ่งเหล่านี้ต้องสอนกันเพื่อให้ทำได้ถูกต้อง ปฐมบทของเทคโนโลยีได้บังเกิดขึ้น เพื่อให้อยู่รอด ลูกหลานพวกเขาจะต้องเรียนรู้วิธีการพวกนี้
    .
    เครื่องมือมากมายเริ่มถูกคิดค้นเรื่อยมา นับแต่ขวานหิน หลาวไม้ ฯลฯ เมื่อถึงยุคที่เซเปี้ยนส์พ่อคนฉลาดปรากฏขึ้นบนโลก พวกเขามีเครื่องนุ่งห่มป้องกันความหนาว รู้จักว่าอะไรเป็นยา อะไรเป็นพิษ สังเกตุธรรมชาติและฤดูกาล สังเกตุพฤติกรรมสัตว์และวงจรของมัน จนแม้กระทั่งก้าวหน้าจนสามารถหลอมโลหะ..
    .
    แน่นอนว่าในบรรดาความรู้ทั้งหลายที่ค้นพบ ภาษาคือสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด มันคือเครื่องมือสื่อสารที่ทำให้มนุษย์ทำงานเป็นทีมได้ หากไม่มีภาษามนุษย์จะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าสัตว์ใหญ่ขนาดนี้ต้องมีการประสานงานสั่งการในการเข้าโจมตีเป็นทีม ผลพวงก็อย่างที่เราได้รู้ พวกมันถูกล่าจนสูญพันธ์ไปหมด เห็นได้ว่าการทำงานเป็นทีมของมนุษย์โบราณพวกนี้มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง เมื่อมีภาษา การเรียนการสอนในโลกครั้งแรกก็เริ่มขึ้น เมื่อมีความรู้ จากนี้พวกเขาจะพร้อมไปพิชิตโลก
    .
    ทั้งสิ้นทั้งปวง นับแต่เทคโนโลยีแรกเกิดขึ้น การจุดไฟ การทำเครื่องมือ แทกติคในการล่า ข้อมูลเกี่ยวกับพืช สัตว์ อาหาร ฤดูกาล อันตรายต่างๆ ฯลฯ จะถูกถ่ายทอดจากคนรุ่นก่อนไปสู่คนรุ่นใหม่ ทักษะต่างๆ ในชีวิต การแก้ปัญหาและการเอาตัวรอดในสถานะการณ์ต่างๆ จะถูกถ่ายทอดอย่างใกล้ชิดจากคนรุ่นก่อนที่มีประสบการณ์โชกโชนมาแล้ว เช่น จากพ่อ จากปู่ ไปสู่ลูก สู่หลาน ไม่ใช่แค่การบอกเล่าสั่งสอน พวกเขาจะคอยเฝ้าดูให้คนหนุ่มสาวเหล่านั้นได้ฝึกฝนปฏิบัติสิ่งต่างๆ ตามคำแนะนำ เฝ้าประกบตั้งแต่การล่าสัตว์ตัวแรก ไปถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือพิธีกรรมต่างๆ จนกระทั่งมีความพร้อมที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้โดยลำพังและสอนต่อแก่ผู้อื่น พัฒนาจนมีทักษะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการล่า หรือความเข้าใจในเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญ อันจะนำพาให้ชีวิตรอดและเติบโตก้าวหน้าต่อไป จากปฐมบทนี้ มนุษย์สั่งสมความรู้แล้วส่งต่อมาเรื่อย แตกแขนงเป็นสรรพวิชาความรู้ต่างๆ มากมายเหลือคณานับ
    .
    ถ้าเราลองมาพิจารณาดูสักมุมมองหนึ่ง เช่นด้านศิลปะ ที่จุดแรกของการสร้างสรรค์ นึกภาพว่าเมื่อครูคนแรกได้ค้นพบว่า ดินบางชนิดมีคุณสมบัติที่จะนำมาใช้เป็นสีในการวาดภาพได้ ครูคนหนึ่งค้นพบเทคนิคแรกของ stencil ด้วยการเอาดินพวกนั้นผสมน้ำอมเข้าไว้ในปากแล้วพ่นใส่ผ่านมือทำให้เกิดเป็นภาพรอยมือปรากฏบนผนังถ้ำ บางคนใช้นิ้วมือจิ้มดินสีเขียนเป็นภาพคนและสัตว์ แน่นอนว่ามีการสอนต่อกัน เราได้เห็นภาพเขียนโบราณที่ใช้เทคนิคเดียวกันนี้ในหลายแห่งทั่วโลก จุดเริ่มต้นนี้ หากไม่เกิดขึ้น จะไม่มีการประดิษฐ์พู่กัน หมึก และสีมากมายหลายชนิดขึ้นในโลก ซึ่งในที่สุดนำไปสู่การสร้างสรรค์เครื่องมือ วิธีการอันน่าทึ่งต่างๆ และแนวคิดในการสร้างสรรค์อันน่าอัศจรรย์ของศิลปะในโลก
    .
    กระบวนการเรียนรู้และส่งต่อนั้น มันมีลำดับขั้นที่เป็นผลต่อเนื่อง เราไม่อาจปฏิเสธข้อเท็จจริงของปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดการพัฒนาเหล่านั้นได้ เมื่อครูศิลปะคนแรกของโลกเรียนรู้ สมมุติเล่นๆ ให้เห็นภาพ ลองยกตัวอย่างการค้นพบดินสอว่าเป็นเครื่องมือศิลปะอันแรกอย่างหนึ่ง ครูคนแรกผู้นี้อาจใช้เวลาทั้งชีวิตของเขาในการค้นหาวัสดุหลายอย่างที่จะนำมาขีดเขียนให้เป็นเส้นสายสีดำเช่นนั้นได้ เขาจะต้องทดลองถ่านหลายชนิด รวมทั้งจะต้องแก้ปัญหาว่าถ่านชนิดที่เอามาใช้ จะทำอย่างไรไม่ให้เลอะมือ ไม่เปราะและหักง่ายเกินไป ลองคิดจินตนาการว่า เมื่อแรกเริ่มมีดินสอนั้น ผู้ที่คิดค้นมันขึ้นมาน่าจะต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะได้ดินสอหนึ่งแท่ง คนยุคหลังที่เกิดขึ้นมาก็มีดินสอรออยู่ในมือแล้ว ย่อมไม่รู้ว่าคนที่คิดค้นมันต้องผ่านอุปสรรคอะไรมา
    .
    นี่แค่พูดถึงเครื่องมือ แต่เมื่อพูดถึงว่าครูศิลปะคนแรกที่นำดินสอมาเขียนรูป เขายังจะต้องฝึกฝนทักษะในการที่จะควบคุมดินสอนั้นให้เกิดเส้นสายลวดลายต่างๆ ต้องเข้าใจผลที่เกิดจากดินสอที่ถูกเหลาจนคม ผลจากการที่ดินสอทู่ลง ผลจากการตะแคงดินสอใช้ด้านข้างถูให้เกิดแถบที่อ่อนนุ่มกว่า.. กระบวนการทั้งหลายในการพัฒนาทักษะของการใช้ดินสอเช่นนี้ เมื่อผ่านห้วงเวลาทั้งชีวิตของครูศิลปะผู้นี้ อาจหลอมรวมเวลาหลายปี เมื่อครูผู้นี้เริ่มสอน เขาอาจใช้ชีวิตในการวาดรูปด้วยดินสอมาเป็นเวลายี่สิบปี เนื่องจากเขาคือครูคนแรกอย่างที่เราสมมุติ ทั้งโลกและตัวเขาไม่มีต้นทุนมาก่อน ยี่สิบปีของเขาคือเวลาที่เริ่มต้นสั่งสมของมนุษยชาติ แต่เมื่อเขาเริ่มสอนให้แก่ศิษย์คนแรก ประสบการณ์ ความรู้ และทักษะที่สั่งสมมาของเขาตลอดยี่สิบปี สามารถถ่ายทอดให้แก่ศิษย์ในเวลาไม่กี่ปี ถ้าเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยทุกวันนี้ ก็จะเห็นว่าอาจารย์ไม่ว่าจะมีวัยวุฒิคุณวุฒิเท่าใด มีหน้าที่ที่จะถ่ายทอดสิ่งที่เขารู้ให้แก่ศิษย์ภายในเวลาสั้นๆ เพียงแค่สี่ห้าปี
    .
    กระบวนการส่งต่อจึงสำคัญเช่นนี้ อย่างที่สมมุติตัวอย่าง ศิษย์ใช้เวลาสี่ปีในการเรียนรู้ทักษะความรู้ยี่สิบปีของครูคนก่อน เขาไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก ครูคั้นเอาแก่นที่บ่มเพาะมาแล้วมาสอนให้ จากนั้น.. ถ้าไม่ใช่ศิษย์ที่ล้มเหลว เขาก็คงจะใช้ช่วงเวลาในชีวิตของเขาต่อไปในการหาความรู้เพิ่มเติมต่อยอดจากความรู้ยี่สิบปีของครูคนก่อนที่ส่งผ่านมาให้เขา เมื่อถึงจุดที่เขาเริ่มเป็นครูให้กับคนรุ่นต่อจากเขาบ้าง เขาอาจมีประสบการณ์ความรู้และทักษะของเขาเพิ่มเติมมาอีกยี่สิบปี รวมกับความรู้ที่รับมาจากครูคนแรกยี่สิบปี เท่ากับสี่สิบปี ดังนั้นศิษย์ที่มาเรียนกับเขา จะใช้เวลาแค่สี่ปีในการเรียนความรู้ที่สั่งสมมาสี่สิบปี เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในแต่ละรุ่นก็จะทบทวีเช่นนี้เป็นอัตราทวีคูณ เร็วขึ้นจนแต่ละครั้งเป็นก้าวกระโดด จนกระทั่งมนุษย์ไปอวกาศ..
    .
    ลองคิดดูว่า หากปราศจากการส่งต่อความรู้เช่นนี้ ถ้าคนรุ่นใหม่แต่ละรุ่น ต้องไปค้นหาเรียนรู้นับจากศูนย์ด้วยตัวเอง มนุษย์คงไม่พัฒนามาจนถึงจุดที่ยืนอยู่ในทุกวันนี้ ซึ่งยืนหยัดอย่างมั่นคงอยู่บนฐานความรู้ที่สั่งสมและส่งผ่านมานับพันปี ไม่ใช่ว่าแต่ละคนจะเกิดขึ้นมาแล้วรู้ทุกอย่างได้เองโดยไม่ต้องเรียน หรือความรู้จะผุดโผล่ออกมาเองได้จากอากาศธาตุ
    .
    ด้วยกระบวนการส่งต่อความรู้เช่นนี้นี่เอง จากวันที่มนุษย์มีภาษาและประสานงานกันล่าแมมมอธ มาถึงวันนี้มนุษย์สามารถประดิษฐ์ควอนตัมคอมพิวเตอร์ได้ ด้วยสรรพความรู้ที่สั่งสมสั่งสอนกันมาเรื่อยๆ นับพันปี โลกจึงก่อเกิดเป็นศาสตร์วิทยาการมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นผมจึงพูดบ่อยๆ กับนักเรียนของผมว่า การสอน การถ่ายทอดความรู้ ที่จริงไม่ใช่คุณธรรมอันยิ่งใหญ่อันใด แต่เป็นหน้าที่ของมนุษย์อย่างหนึ่งที่จะต้องกระทำด้วยความใส่ใจยิ่ง แม้ท่านมิได้มีอาชีพเป็นครูโดยตรง ท่านก็ควรจะมีคุณสมบัติอันมีประโยชน์บางอย่างที่สั่งสมมาพอจะสอนได้ อย่างน้อยก็คือการอบรมบุตรหลานให้เป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพแก่โลก ภาระนี้จะทำให้มนุษย์ยังคงก้าวหน้าพัฒนาต่อไป ทั้งด้านความรู้ สติปัญญา และระดับของจิตใจ
    .
    จริงอยู่ที่ความแก่ ความเก่า เป็นสภาวะทางสังขารอันไม่เที่ยงแท้
    แต่คนฉลาดอย่างเช่นไอน์สไตน์ แม้เมื่อชราลงจนอาจไม่มีแรงก้าวเดิน
    เขาก็จะเสียชีวิตลงในขณะที่ความเฉลียวฉลาดของเขายังคงอยู่กับเขาจนวินาทีสุดท้าย
    คนแก่ ไม่ได้แปลว่า คนโง่ เช่นเดียวกับ คนหนุ่ม ไม่ได้แปลว่า ฉลาด
    โบราณว่า ขิงแก่ย่อมเผ็ดร้อน ฉันใดฉันนั้น
    .
    บรรดาวิทยาการสมัยใหม่ที่พวกท่านได้เสพได้ใช้ได้ปรนเปรอในวันนี้
    ปฏิเสธไม่ได้ว่าสร้างมาจากการถากถางค้นพบของคนรุ่นก่อนท่านทั้งนั้น
    ลองนึกดูว่า หากท่านไปเกิดอยู่บนเกาะร้างสักแห่งที่ไม่มีใครให้ความรู้
    ท่านจะเติบโตพัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็นศิลปินหรือผู้มีชื่อเสียงได้หรือไม่
    ตัวท่านเองนอกจากต้องสำนึกแล้ว ก็จะต้องถามตัวเองด้วยว่า
    ท่านจะพึงกระทำหน้าที่ของมนุษย์ในการจะส่งความรู้ให้รุ่นต่อไปหรือไม่
    และได้ทำคุณประโยชน์ใดให้แก่มนุษย์รุ่นต่อจากท่านบ้าง
    ท่านได้ต่อยอดความรู้นับพันปีที่ได้งอกเงยอยู่ในตัวท่านอย่างไร
    เพื่อที่ว่าวันนึงเมื่อท่านกลายเป็น คนแก่อีกคนหนึ่ง
    คนรุ่นใหม่จะได้รำลึกถึงท่านในคุณูปการที่ท่านได้ฝากไว้แก่โลกนี้
    .
    .
    Evolution พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา 9 พ.ค. 2567 ===================== . ประเด็นหนึ่งที่ผมมักพูดให้นักเรียนผมฟัง หลายชั้นเรียน หลายคาบวิชา หลายกิจกรรม ต่างกรรมต่างวาระ ในห้วงเวลากว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา คือประเด็นที่ว่าด้วยกระบวนการส่งผ่านความรู้ . โลกที่เจริญก้าวหน้ามาได้ทุกวันนี้ เป็นเพราะกระบวนการส่งต่อความรู้นี่แหละ ผ่านรุ่นต่อรุ่นมาหลายพันปี ตั้งแต่ยังไม่มีตัวหนังสือให้ใช้ขีดเขียนบันทึก . บรรพบุรุษของมนุษย์เซเปี้ยนส์รุ่นแรกๆ ที่อพยพจากแอฟริกาเมื่อราวแสนกว่าปีก่อน นักวิชาการเชื่อกันว่าพวกเขามีภาษาพูดของตนเองแล้ว ก่อนจะอพยพไปยังดินแดนส่วนอื่นๆ ในโลก ที่จุดนั้น กระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นระบบก็เริ่มต้นขึ้น ลองถอยไปคิดถึงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญก่อนหน้านั้นที่ทำให้มนุษย์โบราณรอดจากการสูญพันธุ์มาได้ นั่นคือเมื่อพวกเขาค้นพบการจุดไฟเป็นครั้งแรก จะด้วยวิธีการปั่นให้เสียดสีกันของไม้ หรือการใช้หินกระเทาะกันก็ตาม สิ่งเหล่านี้ต้องสอนกันเพื่อให้ทำได้ถูกต้อง ปฐมบทของเทคโนโลยีได้บังเกิดขึ้น เพื่อให้อยู่รอด ลูกหลานพวกเขาจะต้องเรียนรู้วิธีการพวกนี้ . เครื่องมือมากมายเริ่มถูกคิดค้นเรื่อยมา นับแต่ขวานหิน หลาวไม้ ฯลฯ เมื่อถึงยุคที่เซเปี้ยนส์พ่อคนฉลาดปรากฏขึ้นบนโลก พวกเขามีเครื่องนุ่งห่มป้องกันความหนาว รู้จักว่าอะไรเป็นยา อะไรเป็นพิษ สังเกตุธรรมชาติและฤดูกาล สังเกตุพฤติกรรมสัตว์และวงจรของมัน จนแม้กระทั่งก้าวหน้าจนสามารถหลอมโลหะ.. . แน่นอนว่าในบรรดาความรู้ทั้งหลายที่ค้นพบ ภาษาคือสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด มันคือเครื่องมือสื่อสารที่ทำให้มนุษย์ทำงานเป็นทีมได้ หากไม่มีภาษามนุษย์จะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าสัตว์ใหญ่ขนาดนี้ต้องมีการประสานงานสั่งการในการเข้าโจมตีเป็นทีม ผลพวงก็อย่างที่เราได้รู้ พวกมันถูกล่าจนสูญพันธ์ไปหมด เห็นได้ว่าการทำงานเป็นทีมของมนุษย์โบราณพวกนี้มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง เมื่อมีภาษา การเรียนการสอนในโลกครั้งแรกก็เริ่มขึ้น เมื่อมีความรู้ จากนี้พวกเขาจะพร้อมไปพิชิตโลก . ทั้งสิ้นทั้งปวง นับแต่เทคโนโลยีแรกเกิดขึ้น การจุดไฟ การทำเครื่องมือ แทกติคในการล่า ข้อมูลเกี่ยวกับพืช สัตว์ อาหาร ฤดูกาล อันตรายต่างๆ ฯลฯ จะถูกถ่ายทอดจากคนรุ่นก่อนไปสู่คนรุ่นใหม่ ทักษะต่างๆ ในชีวิต การแก้ปัญหาและการเอาตัวรอดในสถานะการณ์ต่างๆ จะถูกถ่ายทอดอย่างใกล้ชิดจากคนรุ่นก่อนที่มีประสบการณ์โชกโชนมาแล้ว เช่น จากพ่อ จากปู่ ไปสู่ลูก สู่หลาน ไม่ใช่แค่การบอกเล่าสั่งสอน พวกเขาจะคอยเฝ้าดูให้คนหนุ่มสาวเหล่านั้นได้ฝึกฝนปฏิบัติสิ่งต่างๆ ตามคำแนะนำ เฝ้าประกบตั้งแต่การล่าสัตว์ตัวแรก ไปถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือพิธีกรรมต่างๆ จนกระทั่งมีความพร้อมที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้โดยลำพังและสอนต่อแก่ผู้อื่น พัฒนาจนมีทักษะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการล่า หรือความเข้าใจในเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญ อันจะนำพาให้ชีวิตรอดและเติบโตก้าวหน้าต่อไป จากปฐมบทนี้ มนุษย์สั่งสมความรู้แล้วส่งต่อมาเรื่อย แตกแขนงเป็นสรรพวิชาความรู้ต่างๆ มากมายเหลือคณานับ . ถ้าเราลองมาพิจารณาดูสักมุมมองหนึ่ง เช่นด้านศิลปะ ที่จุดแรกของการสร้างสรรค์ นึกภาพว่าเมื่อครูคนแรกได้ค้นพบว่า ดินบางชนิดมีคุณสมบัติที่จะนำมาใช้เป็นสีในการวาดภาพได้ ครูคนหนึ่งค้นพบเทคนิคแรกของ stencil ด้วยการเอาดินพวกนั้นผสมน้ำอมเข้าไว้ในปากแล้วพ่นใส่ผ่านมือทำให้เกิดเป็นภาพรอยมือปรากฏบนผนังถ้ำ บางคนใช้นิ้วมือจิ้มดินสีเขียนเป็นภาพคนและสัตว์ แน่นอนว่ามีการสอนต่อกัน เราได้เห็นภาพเขียนโบราณที่ใช้เทคนิคเดียวกันนี้ในหลายแห่งทั่วโลก จุดเริ่มต้นนี้ หากไม่เกิดขึ้น จะไม่มีการประดิษฐ์พู่กัน หมึก และสีมากมายหลายชนิดขึ้นในโลก ซึ่งในที่สุดนำไปสู่การสร้างสรรค์เครื่องมือ วิธีการอันน่าทึ่งต่างๆ และแนวคิดในการสร้างสรรค์อันน่าอัศจรรย์ของศิลปะในโลก . กระบวนการเรียนรู้และส่งต่อนั้น มันมีลำดับขั้นที่เป็นผลต่อเนื่อง เราไม่อาจปฏิเสธข้อเท็จจริงของปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดการพัฒนาเหล่านั้นได้ เมื่อครูศิลปะคนแรกของโลกเรียนรู้ สมมุติเล่นๆ ให้เห็นภาพ ลองยกตัวอย่างการค้นพบดินสอว่าเป็นเครื่องมือศิลปะอันแรกอย่างหนึ่ง ครูคนแรกผู้นี้อาจใช้เวลาทั้งชีวิตของเขาในการค้นหาวัสดุหลายอย่างที่จะนำมาขีดเขียนให้เป็นเส้นสายสีดำเช่นนั้นได้ เขาจะต้องทดลองถ่านหลายชนิด รวมทั้งจะต้องแก้ปัญหาว่าถ่านชนิดที่เอามาใช้ จะทำอย่างไรไม่ให้เลอะมือ ไม่เปราะและหักง่ายเกินไป ลองคิดจินตนาการว่า เมื่อแรกเริ่มมีดินสอนั้น ผู้ที่คิดค้นมันขึ้นมาน่าจะต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะได้ดินสอหนึ่งแท่ง คนยุคหลังที่เกิดขึ้นมาก็มีดินสอรออยู่ในมือแล้ว ย่อมไม่รู้ว่าคนที่คิดค้นมันต้องผ่านอุปสรรคอะไรมา . นี่แค่พูดถึงเครื่องมือ แต่เมื่อพูดถึงว่าครูศิลปะคนแรกที่นำดินสอมาเขียนรูป เขายังจะต้องฝึกฝนทักษะในการที่จะควบคุมดินสอนั้นให้เกิดเส้นสายลวดลายต่างๆ ต้องเข้าใจผลที่เกิดจากดินสอที่ถูกเหลาจนคม ผลจากการที่ดินสอทู่ลง ผลจากการตะแคงดินสอใช้ด้านข้างถูให้เกิดแถบที่อ่อนนุ่มกว่า.. กระบวนการทั้งหลายในการพัฒนาทักษะของการใช้ดินสอเช่นนี้ เมื่อผ่านห้วงเวลาทั้งชีวิตของครูศิลปะผู้นี้ อาจหลอมรวมเวลาหลายปี เมื่อครูผู้นี้เริ่มสอน เขาอาจใช้ชีวิตในการวาดรูปด้วยดินสอมาเป็นเวลายี่สิบปี เนื่องจากเขาคือครูคนแรกอย่างที่เราสมมุติ ทั้งโลกและตัวเขาไม่มีต้นทุนมาก่อน ยี่สิบปีของเขาคือเวลาที่เริ่มต้นสั่งสมของมนุษยชาติ แต่เมื่อเขาเริ่มสอนให้แก่ศิษย์คนแรก ประสบการณ์ ความรู้ และทักษะที่สั่งสมมาของเขาตลอดยี่สิบปี สามารถถ่ายทอดให้แก่ศิษย์ในเวลาไม่กี่ปี ถ้าเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยทุกวันนี้ ก็จะเห็นว่าอาจารย์ไม่ว่าจะมีวัยวุฒิคุณวุฒิเท่าใด มีหน้าที่ที่จะถ่ายทอดสิ่งที่เขารู้ให้แก่ศิษย์ภายในเวลาสั้นๆ เพียงแค่สี่ห้าปี . กระบวนการส่งต่อจึงสำคัญเช่นนี้ อย่างที่สมมุติตัวอย่าง ศิษย์ใช้เวลาสี่ปีในการเรียนรู้ทักษะความรู้ยี่สิบปีของครูคนก่อน เขาไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก ครูคั้นเอาแก่นที่บ่มเพาะมาแล้วมาสอนให้ จากนั้น.. ถ้าไม่ใช่ศิษย์ที่ล้มเหลว เขาก็คงจะใช้ช่วงเวลาในชีวิตของเขาต่อไปในการหาความรู้เพิ่มเติมต่อยอดจากความรู้ยี่สิบปีของครูคนก่อนที่ส่งผ่านมาให้เขา เมื่อถึงจุดที่เขาเริ่มเป็นครูให้กับคนรุ่นต่อจากเขาบ้าง เขาอาจมีประสบการณ์ความรู้และทักษะของเขาเพิ่มเติมมาอีกยี่สิบปี รวมกับความรู้ที่รับมาจากครูคนแรกยี่สิบปี เท่ากับสี่สิบปี ดังนั้นศิษย์ที่มาเรียนกับเขา จะใช้เวลาแค่สี่ปีในการเรียนความรู้ที่สั่งสมมาสี่สิบปี เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในแต่ละรุ่นก็จะทบทวีเช่นนี้เป็นอัตราทวีคูณ เร็วขึ้นจนแต่ละครั้งเป็นก้าวกระโดด จนกระทั่งมนุษย์ไปอวกาศ.. . ลองคิดดูว่า หากปราศจากการส่งต่อความรู้เช่นนี้ ถ้าคนรุ่นใหม่แต่ละรุ่น ต้องไปค้นหาเรียนรู้นับจากศูนย์ด้วยตัวเอง มนุษย์คงไม่พัฒนามาจนถึงจุดที่ยืนอยู่ในทุกวันนี้ ซึ่งยืนหยัดอย่างมั่นคงอยู่บนฐานความรู้ที่สั่งสมและส่งผ่านมานับพันปี ไม่ใช่ว่าแต่ละคนจะเกิดขึ้นมาแล้วรู้ทุกอย่างได้เองโดยไม่ต้องเรียน หรือความรู้จะผุดโผล่ออกมาเองได้จากอากาศธาตุ . ด้วยกระบวนการส่งต่อความรู้เช่นนี้นี่เอง จากวันที่มนุษย์มีภาษาและประสานงานกันล่าแมมมอธ มาถึงวันนี้มนุษย์สามารถประดิษฐ์ควอนตัมคอมพิวเตอร์ได้ ด้วยสรรพความรู้ที่สั่งสมสั่งสอนกันมาเรื่อยๆ นับพันปี โลกจึงก่อเกิดเป็นศาสตร์วิทยาการมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นผมจึงพูดบ่อยๆ กับนักเรียนของผมว่า การสอน การถ่ายทอดความรู้ ที่จริงไม่ใช่คุณธรรมอันยิ่งใหญ่อันใด แต่เป็นหน้าที่ของมนุษย์อย่างหนึ่งที่จะต้องกระทำด้วยความใส่ใจยิ่ง แม้ท่านมิได้มีอาชีพเป็นครูโดยตรง ท่านก็ควรจะมีคุณสมบัติอันมีประโยชน์บางอย่างที่สั่งสมมาพอจะสอนได้ อย่างน้อยก็คือการอบรมบุตรหลานให้เป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพแก่โลก ภาระนี้จะทำให้มนุษย์ยังคงก้าวหน้าพัฒนาต่อไป ทั้งด้านความรู้ สติปัญญา และระดับของจิตใจ . จริงอยู่ที่ความแก่ ความเก่า เป็นสภาวะทางสังขารอันไม่เที่ยงแท้ แต่คนฉลาดอย่างเช่นไอน์สไตน์ แม้เมื่อชราลงจนอาจไม่มีแรงก้าวเดิน เขาก็จะเสียชีวิตลงในขณะที่ความเฉลียวฉลาดของเขายังคงอยู่กับเขาจนวินาทีสุดท้าย คนแก่ ไม่ได้แปลว่า คนโง่ เช่นเดียวกับ คนหนุ่ม ไม่ได้แปลว่า ฉลาด โบราณว่า ขิงแก่ย่อมเผ็ดร้อน ฉันใดฉันนั้น . บรรดาวิทยาการสมัยใหม่ที่พวกท่านได้เสพได้ใช้ได้ปรนเปรอในวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าสร้างมาจากการถากถางค้นพบของคนรุ่นก่อนท่านทั้งนั้น ลองนึกดูว่า หากท่านไปเกิดอยู่บนเกาะร้างสักแห่งที่ไม่มีใครให้ความรู้ ท่านจะเติบโตพัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็นศิลปินหรือผู้มีชื่อเสียงได้หรือไม่ ตัวท่านเองนอกจากต้องสำนึกแล้ว ก็จะต้องถามตัวเองด้วยว่า ท่านจะพึงกระทำหน้าที่ของมนุษย์ในการจะส่งความรู้ให้รุ่นต่อไปหรือไม่ และได้ทำคุณประโยชน์ใดให้แก่มนุษย์รุ่นต่อจากท่านบ้าง ท่านได้ต่อยอดความรู้นับพันปีที่ได้งอกเงยอยู่ในตัวท่านอย่างไร เพื่อที่ว่าวันนึงเมื่อท่านกลายเป็น คนแก่อีกคนหนึ่ง คนรุ่นใหม่จะได้รำลึกถึงท่านในคุณูปการที่ท่านได้ฝากไว้แก่โลกนี้ . .
    0 Comments 0 Shares 521 Views 0 Reviews
  • 12 พฤษภาคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า นายจุลภาส เครือโสภณ หรือ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจดัง ในฐานะกรรมการบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด พร้อมด้วยนายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือทนายอ๋อง ในฐานะทนายความบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด แถลงข่าวเปิดโปงธุรกรรมผิดกฎหมาย หลังตรวจพบความเสี่ยงปกปิดข้อมูล ก่อนเข้าซื้อกิจการ โดยผู้บริหารชุดเก่าปล่อยให้เว็บพนันมาใช้บริการช่องทางการรับชำระเงินทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก พบเงินหมุนเวียนกว่า 10,000 ล้านบาท

    โดย นายวิฑูรย์ ทนายระบุว่า บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เป็นบริษัทจากทางอินโดนีเซียและอเมริกา เข้ามาลงทุนในไทย โดยมีการซื้อบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับ Payment Gateway เพื่อเอามาพัฒนาต่อ เนื่องจากหากเป็นบริษัทแม่จากต่างประเทศจะไม่มี license เป็นของตัวเอง การซื้อบริษัทจากไทยจึงง่ายกว่า ซึ่งบริษัทเรามีลักษณะเป็นบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน ทำธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ Payment Gateway

    และการลงทุนซื้อบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นในกลางปี 2565 โดยผู้บริหารของ บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เข้ามาบริหาร เมื่อปลายปี 2566 แต่ตอนนั้นยังเป็นชื่อเดิมและมีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด ในกุมภาพันธ์ปี 2567

    แต่ในระหว่างปลายปี 2566 ที่ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหาร ได้มีการตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยของลูกค้า 20 อันดับแรก จากนั้นจึงทำการตรวจสอบเชิงลึก และตรวจสอบเป็นลิงก์ URL จึงพบว่า เป็นธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และเว็บพนันไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย

    ซึ่งตรวจพบ URL กว่า 100 ร้านค้า พบเงินหมุนเวียนปีละ กว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเว็บพนันจากในประเทศไทยทั้งหมด

    ทางบริษัท จึงได้ทำการไล่ ผู้บริหารชุดเก่า 2 คนออก จากนั้นผู้บริหารชุดเก่าจึงได้ไปฟ้องศาลแรงงานกับบริษัทในข้อหาผิดสัญญาจ้างและเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการต่อสู้คดีกัน โดยทางบริษัทส่งหลักฐานทางธุรกรรมที่ชี้ให้เห็นว่า มีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิพากษาว่า 2 ผู้บริหารเก่าทำผิดกฎหมายจริง และทำให้บริษัทเสียหาย แต่ศาลสั่งให้จ่ายโบนัสตามสัญญาจ้าง 300 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า สัญญาจ้างไม่มีการระบุว่า จะไม่จ่ายเงินให้**กรณีมีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แม้ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุไว้ว่าผิดก็ตาม ทางบริษัทจึงใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์

    นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางบริษัท คือ บริษัทขาดความน่าเชื่อถือ และจะถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของบริษัทในวันอังคาร-ศุกร์ที่จะถึงนี้ เพราะไม่ใช่แค่เว็บพนันออนไลน์ แต่มีการกู้ยืมเงินออนไลน์ด้วย แต่ทางบริษัทยินดีให้มาดำเนินการตรวจสอบ

    นายวิฑูรย์ บอกอีกว่า สิ่งที่น่าตกใจกับบริษัท คือกรมบังคับคดี มีการอายัดเงินของลูกค้าบริษัท ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 มูลค่า 8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่า ปกติแล้วมีการอายัดกันไวขนาดนี้เลยหรือ เพราะทำเรื่องอายัดวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 12.44 น. หลังจากนั้นมีออกคำสั่งอายัดเวลา 13.00 น. และยังออกหมายการอายัดเงินไปยังธนาคารภายในวันเดียวกัน และส่งหมายผ่านทางไปรษณีย์มาที่บริษัทวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 จึงตั้งข้อสังเกตว่าทนายส่วนใหญ่ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน ที่กระบวนการการออกหมายและอายัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว

    โดยหลังจากนี้ทางบริษัท จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะไปยื่นให้กับตำรวจไซเบอร์ และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน

    ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จะไปยื่นหลักฐานให้กับ ปปง. และประสานงาน เพื่อที่จะนำข้อมูลส่งไปให้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในการตรวจสอบ เนื่องจากการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทลายเครือข่ายเว็บพนันอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นว่า เรื่องนี้ทำงานกันอย่างสนุกแน่นอน โดยหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางกรมบังคับคดีอีกด้วย

    นายทอม เครือโสภณ เปิดใจถึงความไม่ชอบมาพากลว่า ว่า ระหว่างการสู้คดี มีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ พูดไปแล้วทุกคนรู้จัก และมีเสธ.ท่านหนึ่ง โทรศัพท์มาหาตนเอง ซึ่งรวมๆแล้วที่โทรมาหาตนเองมีมากกว่า 10 คน เป็นการโทรมาเจรจาขอให้ยุติเรื่องและจ่ายเงิน 300 ล้านบาท ให้กับ 2 ผู้บริหารชุดเก่าที่กระทำความผิด และกล่าวหาว่าตนเองทำไมถึงไปช่วยชาวต่างชาติ ตนเองจึงขอบอกเสธ.ที่โทรมาว่า “ผมไม่เล่นเกมนี้”

    สิ่งที่ตนยอมไม่ได้ เนื่องจากมีการกลั่นแกล้งลูกค้าของตนเอง โดยการส่งหมายอายัดบัญชีมา ทั้งๆที่รู้ว่าเรากำลังอุทธรณ์ จึงเป็นเหมือนการกลั่นแกล้งนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย

    นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ของ 2 ผู้บริหารชุดเก่ากับเสธ. ตนเองไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน แต่ในช่วงเวลานั้นใครที่น่าจะ เจรจากับตนเองได้ ก็คงจะให้คนระดับเดียวกันมาเจรจา

    “คุณมีผู้ใหญ่ผมก็มีผู้ใหญ่ คุณมีเสธผมมีนายพล ทุกคนที่โทรมาล็อบบี้ บอกผมว่าเดี๋ยวมีของขวัญให้คุณทอม โชคดีเมียพี่รวย ล็อบบี้คนผิดแล้ว“ นายทอม เครือโสภณ กล่าว

    ทั้งนี้ การออกมาแถลงข่าว แม้จะเกิดความเสียหายเป็นหมื่นล้าน แต่บริษัท ตัดสินใจแล้วว่า จะจ่ายเงินให้กับลูกค้าแทนที่ถูกอายัดบัญชี เองจำนวนกว่า 10,000 ราย จะต้องควักเงินตัวเองเพื่อประเทศชาติ เพราะบริษัทต้องการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และมองว่า การทำแบบนี้ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์

    ดังนั้น ตนเองในฐานะผู้บริหารของบริษัท อยากจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความเข้มงวดและปราบปรามบริษัท Payment Gateway ของรายอื่นที่รับโอนเงินจาก เว็บพนันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเงินหมุนเวียนหลักหมื่นล้านที่เป็นเงินจากเว็บพนัน จะหมุนเวียนไปใช้บริษัท Payment Gateway ของบริษัทอื่นแน่นอน

    ส่วนกรณีที่ 2 ผู้บริหารชุดเก่าจะอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีลูกค้าเป็นเว็บพนันออนไลน์ เรื่องนี้ นายยศกร เหล่าโชติธนกุล ทีมทนายความ ระบุด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้บริหาร ก็ต้องรู้ฐานลูกค้าอยู่เเล้ว และก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือเตือนถึงผู้บริหารชุดเก่าให้ปรับเปลี่ยนการบริหาร และปรับเปลี่ยนการดำเนินการหลายอย่าง เพราะเป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารชุดเก่ามีความหละหลวมในการบริหารงาน
    12 พฤษภาคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า นายจุลภาส เครือโสภณ หรือ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจดัง ในฐานะกรรมการบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด พร้อมด้วยนายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือทนายอ๋อง ในฐานะทนายความบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด แถลงข่าวเปิดโปงธุรกรรมผิดกฎหมาย หลังตรวจพบความเสี่ยงปกปิดข้อมูล ก่อนเข้าซื้อกิจการ โดยผู้บริหารชุดเก่าปล่อยให้เว็บพนันมาใช้บริการช่องทางการรับชำระเงินทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก พบเงินหมุนเวียนกว่า 10,000 ล้านบาท โดย นายวิฑูรย์ ทนายระบุว่า บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เป็นบริษัทจากทางอินโดนีเซียและอเมริกา เข้ามาลงทุนในไทย โดยมีการซื้อบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับ Payment Gateway เพื่อเอามาพัฒนาต่อ เนื่องจากหากเป็นบริษัทแม่จากต่างประเทศจะไม่มี license เป็นของตัวเอง การซื้อบริษัทจากไทยจึงง่ายกว่า ซึ่งบริษัทเรามีลักษณะเป็นบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน ทำธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ Payment Gateway และการลงทุนซื้อบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นในกลางปี 2565 โดยผู้บริหารของ บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เข้ามาบริหาร เมื่อปลายปี 2566 แต่ตอนนั้นยังเป็นชื่อเดิมและมีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด ในกุมภาพันธ์ปี 2567 แต่ในระหว่างปลายปี 2566 ที่ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหาร ได้มีการตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยของลูกค้า 20 อันดับแรก จากนั้นจึงทำการตรวจสอบเชิงลึก และตรวจสอบเป็นลิงก์ URL จึงพบว่า เป็นธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และเว็บพนันไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ซึ่งตรวจพบ URL กว่า 100 ร้านค้า พบเงินหมุนเวียนปีละ กว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเว็บพนันจากในประเทศไทยทั้งหมด ทางบริษัท จึงได้ทำการไล่ ผู้บริหารชุดเก่า 2 คนออก จากนั้นผู้บริหารชุดเก่าจึงได้ไปฟ้องศาลแรงงานกับบริษัทในข้อหาผิดสัญญาจ้างและเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการต่อสู้คดีกัน โดยทางบริษัทส่งหลักฐานทางธุรกรรมที่ชี้ให้เห็นว่า มีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิพากษาว่า 2 ผู้บริหารเก่าทำผิดกฎหมายจริง และทำให้บริษัทเสียหาย แต่ศาลสั่งให้จ่ายโบนัสตามสัญญาจ้าง 300 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า สัญญาจ้างไม่มีการระบุว่า จะไม่จ่ายเงินให้**กรณีมีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แม้ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุไว้ว่าผิดก็ตาม ทางบริษัทจึงใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางบริษัท คือ บริษัทขาดความน่าเชื่อถือ และจะถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของบริษัทในวันอังคาร-ศุกร์ที่จะถึงนี้ เพราะไม่ใช่แค่เว็บพนันออนไลน์ แต่มีการกู้ยืมเงินออนไลน์ด้วย แต่ทางบริษัทยินดีให้มาดำเนินการตรวจสอบ นายวิฑูรย์ บอกอีกว่า สิ่งที่น่าตกใจกับบริษัท คือกรมบังคับคดี มีการอายัดเงินของลูกค้าบริษัท ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 มูลค่า 8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่า ปกติแล้วมีการอายัดกันไวขนาดนี้เลยหรือ เพราะทำเรื่องอายัดวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 12.44 น. หลังจากนั้นมีออกคำสั่งอายัดเวลา 13.00 น. และยังออกหมายการอายัดเงินไปยังธนาคารภายในวันเดียวกัน และส่งหมายผ่านทางไปรษณีย์มาที่บริษัทวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 จึงตั้งข้อสังเกตว่าทนายส่วนใหญ่ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน ที่กระบวนการการออกหมายและอายัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว โดยหลังจากนี้ทางบริษัท จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะไปยื่นให้กับตำรวจไซเบอร์ และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จะไปยื่นหลักฐานให้กับ ปปง. และประสานงาน เพื่อที่จะนำข้อมูลส่งไปให้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในการตรวจสอบ เนื่องจากการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทลายเครือข่ายเว็บพนันอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นว่า เรื่องนี้ทำงานกันอย่างสนุกแน่นอน โดยหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางกรมบังคับคดีอีกด้วย นายทอม เครือโสภณ เปิดใจถึงความไม่ชอบมาพากลว่า ว่า ระหว่างการสู้คดี มีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ พูดไปแล้วทุกคนรู้จัก และมีเสธ.ท่านหนึ่ง โทรศัพท์มาหาตนเอง ซึ่งรวมๆแล้วที่โทรมาหาตนเองมีมากกว่า 10 คน เป็นการโทรมาเจรจาขอให้ยุติเรื่องและจ่ายเงิน 300 ล้านบาท ให้กับ 2 ผู้บริหารชุดเก่าที่กระทำความผิด และกล่าวหาว่าตนเองทำไมถึงไปช่วยชาวต่างชาติ ตนเองจึงขอบอกเสธ.ที่โทรมาว่า “ผมไม่เล่นเกมนี้” สิ่งที่ตนยอมไม่ได้ เนื่องจากมีการกลั่นแกล้งลูกค้าของตนเอง โดยการส่งหมายอายัดบัญชีมา ทั้งๆที่รู้ว่าเรากำลังอุทธรณ์ จึงเป็นเหมือนการกลั่นแกล้งนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ของ 2 ผู้บริหารชุดเก่ากับเสธ. ตนเองไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน แต่ในช่วงเวลานั้นใครที่น่าจะ เจรจากับตนเองได้ ก็คงจะให้คนระดับเดียวกันมาเจรจา “คุณมีผู้ใหญ่ผมก็มีผู้ใหญ่ คุณมีเสธผมมีนายพล ทุกคนที่โทรมาล็อบบี้ บอกผมว่าเดี๋ยวมีของขวัญให้คุณทอม โชคดีเมียพี่รวย ล็อบบี้คนผิดแล้ว“ นายทอม เครือโสภณ กล่าว ทั้งนี้ การออกมาแถลงข่าว แม้จะเกิดความเสียหายเป็นหมื่นล้าน แต่บริษัท ตัดสินใจแล้วว่า จะจ่ายเงินให้กับลูกค้าแทนที่ถูกอายัดบัญชี เองจำนวนกว่า 10,000 ราย จะต้องควักเงินตัวเองเพื่อประเทศชาติ เพราะบริษัทต้องการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และมองว่า การทำแบบนี้ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ ดังนั้น ตนเองในฐานะผู้บริหารของบริษัท อยากจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความเข้มงวดและปราบปรามบริษัท Payment Gateway ของรายอื่นที่รับโอนเงินจาก เว็บพนันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเงินหมุนเวียนหลักหมื่นล้านที่เป็นเงินจากเว็บพนัน จะหมุนเวียนไปใช้บริษัท Payment Gateway ของบริษัทอื่นแน่นอน ส่วนกรณีที่ 2 ผู้บริหารชุดเก่าจะอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีลูกค้าเป็นเว็บพนันออนไลน์ เรื่องนี้ นายยศกร เหล่าโชติธนกุล ทีมทนายความ ระบุด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้บริหาร ก็ต้องรู้ฐานลูกค้าอยู่เเล้ว และก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือเตือนถึงผู้บริหารชุดเก่าให้ปรับเปลี่ยนการบริหาร และปรับเปลี่ยนการดำเนินการหลายอย่าง เพราะเป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารชุดเก่ามีความหละหลวมในการบริหารงาน
    0 Comments 0 Shares 526 Views 0 Reviews
  • อุทาหรณ์ห้องเช่า สาวยูเครนวัยใสพังยับ

    กลายเป็นที่ฮือฮาบนโซเชียลฯ เมื่อเจ้าของห้องชุดให้เช่ารายหนึ่ง โพสต์ภาพอุทาหรณ์ห้องเช่า ระบุว่า ซื้อห้องมาฝากตัวแทน (เอเจนท์) ปล่อยเช่าได้ 1 ปี พบว่าลูกค้าชาวยูเครนทำลายห้องเสียหาย จากภาพจะเห็นว่าผู้เช่ารายดังกล่าว ใช้ปากกาเมจิกขีดเขียนผนัง เฟอร์นิเจอร์ พร้อมกับทำลายข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ ฝาผนังห้อง เพดานห้อง เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 350,000 บาท เหตุเกิดที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ชั้น 8 ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมืองภูเก็ต ต.วิชิต อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต โดยเอเจนท์ได้ลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวิชิต จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา

    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เช่ารายดังกล่าว เช่าห้องกับเอเจนท์มาตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. 2567 เป็นเวลา 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกจากห้อง กลับอยู่ต่อ กระทั่งวันที่ 29 เม.ย. ได้นัดเอเจนท์ส่งมอบห้องดังกล่าวคืน เวลา 16.00 น. แต่เวลา 15.00 น. ได้ส่งข้อความแจ้งว่า ได้ออกจากห้องมาแล้ว นำกุญแจมาทิ้งไว้ที่ถังขยะ เอเจนท์จึงเข้าไปที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดมิเนียม ก่อนเรียกช่างกุญแจมาเปิดประตูห้อง พบว่าสภาพห้องได้รับความเสียหายดังกล่าว

    ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.วิชิต ร่วมกันสืบสวนและประสานด่าน ตม. ระงับการเดินทางเข้าออกผู้เช่ารายนี้ กระทั่งเช้าวันที่ 10 พ.ค. ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต ควบคุมตัวผู้เช่ารายดังกล่าว คือ น.ส.อนาสตาเซีย ฟีดาเนี่ยน (Mrs. Anastasiia Fidanian) อายุ 20 ปี สัญชาติยูเครน ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ ที่ ตม.ขาออก เจ้าตัวรับสารภาพว่าได้ทำลายทรัพย์สินภายในห้องจริง เนื่องจากไม่ได้รับเงินค่ามัดจำห้องคืน 32,000 บาท และกำลังตั้งครรภ์ ทำให้เกิดภาวะเครียดและได้กระทำการดังกล่าวไป

    ด้านการซ่อมแซมห้องที่ได้รับความเสียหาย พบว่าเจ้าของห้องได้ว่าจ้างทีมงาน World Clean Phuket ทำความสะอาดห้องที่เกิดเหตุให้สะอาดในระดับหนึ่งแล้ว แม้จะมีร่องรอยความเสียหายที่ทำความสะอาดไม่ออก หรือโซฟาที่ถูกทำลายเสียหายก็ตาม ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าไม่คืนค่ามัดจำห้องนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตามสัญญามีสิทธิที่จะไม่คืนด้วยซ้ำ เพราะผู้เช่าไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก่อนย้ายออก 1 เดือน อีกทั้งผิดนัดชำระค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟที่ค้างจ่าย และค่าใช้จ่ายตามสัญญา ซึ่งจะต้องหักออกก่อนที่จะคืน ไม่สามารถจ่ายคืนเต็มจำนวนได้

    #Newskit
    อุทาหรณ์ห้องเช่า สาวยูเครนวัยใสพังยับ กลายเป็นที่ฮือฮาบนโซเชียลฯ เมื่อเจ้าของห้องชุดให้เช่ารายหนึ่ง โพสต์ภาพอุทาหรณ์ห้องเช่า ระบุว่า ซื้อห้องมาฝากตัวแทน (เอเจนท์) ปล่อยเช่าได้ 1 ปี พบว่าลูกค้าชาวยูเครนทำลายห้องเสียหาย จากภาพจะเห็นว่าผู้เช่ารายดังกล่าว ใช้ปากกาเมจิกขีดเขียนผนัง เฟอร์นิเจอร์ พร้อมกับทำลายข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ ฝาผนังห้อง เพดานห้อง เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 350,000 บาท เหตุเกิดที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ชั้น 8 ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมืองภูเก็ต ต.วิชิต อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต โดยเอเจนท์ได้ลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวิชิต จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เช่ารายดังกล่าว เช่าห้องกับเอเจนท์มาตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. 2567 เป็นเวลา 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกจากห้อง กลับอยู่ต่อ กระทั่งวันที่ 29 เม.ย. ได้นัดเอเจนท์ส่งมอบห้องดังกล่าวคืน เวลา 16.00 น. แต่เวลา 15.00 น. ได้ส่งข้อความแจ้งว่า ได้ออกจากห้องมาแล้ว นำกุญแจมาทิ้งไว้ที่ถังขยะ เอเจนท์จึงเข้าไปที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดมิเนียม ก่อนเรียกช่างกุญแจมาเปิดประตูห้อง พบว่าสภาพห้องได้รับความเสียหายดังกล่าว ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.วิชิต ร่วมกันสืบสวนและประสานด่าน ตม. ระงับการเดินทางเข้าออกผู้เช่ารายนี้ กระทั่งเช้าวันที่ 10 พ.ค. ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต ควบคุมตัวผู้เช่ารายดังกล่าว คือ น.ส.อนาสตาเซีย ฟีดาเนี่ยน (Mrs. Anastasiia Fidanian) อายุ 20 ปี สัญชาติยูเครน ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ ที่ ตม.ขาออก เจ้าตัวรับสารภาพว่าได้ทำลายทรัพย์สินภายในห้องจริง เนื่องจากไม่ได้รับเงินค่ามัดจำห้องคืน 32,000 บาท และกำลังตั้งครรภ์ ทำให้เกิดภาวะเครียดและได้กระทำการดังกล่าวไป ด้านการซ่อมแซมห้องที่ได้รับความเสียหาย พบว่าเจ้าของห้องได้ว่าจ้างทีมงาน World Clean Phuket ทำความสะอาดห้องที่เกิดเหตุให้สะอาดในระดับหนึ่งแล้ว แม้จะมีร่องรอยความเสียหายที่ทำความสะอาดไม่ออก หรือโซฟาที่ถูกทำลายเสียหายก็ตาม ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าไม่คืนค่ามัดจำห้องนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตามสัญญามีสิทธิที่จะไม่คืนด้วยซ้ำ เพราะผู้เช่าไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก่อนย้ายออก 1 เดือน อีกทั้งผิดนัดชำระค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟที่ค้างจ่าย และค่าใช้จ่ายตามสัญญา ซึ่งจะต้องหักออกก่อนที่จะคืน ไม่สามารถจ่ายคืนเต็มจำนวนได้ #Newskit
    0 Comments 0 Shares 419 Views 0 Reviews
More Results