• โลกกำลังเอาแร่ธาตุต่างๆออกมา,นี้คืออีกมุมที่ทำไมรีบปั่นราคาทองคำให้สูงทำกำไรขึ้นเพราะเดี๋ยวราคาตกจะหมดโอกาสนั้นเอง,แน่นอนอีลิทมันรู้ล่วงหน้าแน่ๆเพราะมันมีเครื่องเดินทางข้ามกาลเวลาไง,ระดับมันมีหมดล่ะ อีลิทระดับภูมิปัญญาชั้นสูงนะ,เช่นนั้นจะชี้นำปกครองทั้งโลกได้ยาวนานถึงเวลานี้ได้อย่างไร,ไม่ต่างดาวอื่นๆบินลงมาเก็บเกี่ยวทรัพยากรมีค่าที่ดวงดาวตนเองใครมันจำเป็นแบบใดๆแก่โลกมันดาวมันบินลงมาเก็บเกี่ยวสายตรงอีกนะ,อนาคตไม่รวมเอายานแม่มาลงจอดในประเทศทั่วโลกอีก และมหาสมุทรต่างๆ มีโอกาสมวลน้ำกำแพงสูงขนาดสูงกว่า100เมตร.หอบขึ้นฝั่งแผ่นดินที่ติดมหาสมุทรแน่ๆ แผ่นดินไหวเพื่อแยกแผ่นดินผิวเปลือกโลกอีก เพื่อเปิดสถานีพลังงานยักษ์เพราะยักษ์ใต้ดินเปลือกโลกขึ้นมาแน่ หลังคนหมดศีลหมดธรรม ตามเซ็นสัญญากันไว้,ต้องยกความดีนี้ให้ฝ่ายมืดผิวโลกที่ทำลายศีลธรรมความดีในใจมนุษย์ได้ลงได้,ผ้ายันต์เลยถูกฉีกเองปลดปล่อยพวกมันขึ้นมากินมนุษย์ผิวโลกได้อีกครั้งมิใช่แค่พวกแรปทีเลี่ยนชั่วเลวแค่นั้น,หนังโบราณไทยเรา เตือนสติชี้นำแนวทางบริบทได้ดีแล้ว,ไทยเราล้ำสมัยก็ว่า,
    ..โลกใบนี้ ใครๆก็อยากได้นะ เพราะเขียวขจี ชุ่มชื่นชุ่มฉ่ำระดับหนึ่งก็ว่าในจักรวาลเล็กเทียบดาวดาวทั้งหมดในระบบสุริยะนี้.
    ..ทุกๆดวงต่าง โลกกลวงโลกภายใน มนุษย์ต่างอยู่ภายในโลกกลวงนี้เกือบทุกๆดวงดาวเพราะป้องกันการรุกรานต่างดาวสายพันธุ์อื่นได้ในเบื้องต้น ไม่ง่ายจะบินเข้ามาเจอแล้วทำลายได้ทันทีแบบเราคนผิวโลกในปัจจุบัน.สะดวกรวดเร็วและง่ายต่อถูกกำจัดและทำลาย,และที่เรายังสงบอยู่เพราะพระเจ้าคุ้มครองบอกทั้งจักรวาลไว้แค่นั้นว่านี้คือของรักของพระเจ้า,ส่วนพวกอาศัยอยู่ใต้ดินใต้เปลือกโลกภายในโลกกลวงก็พากันอยู่กันไปก็ว่า,อนาคตยุคสมัยตังจะไร้ค่าคงเร็วๆนี้ก็ด้วย ทองคำ เพชรพลอยก็ไร้ค่า คนบนโลกจะวัดจิตวัดใจให้ค่าที่พลังจิตวิญญาณแทน ใครเรเวลสูงจะเป็นผู้ได้รับความเชื่อถือศรัทธาอย่างลงใจกันสนิทใจก็ว่า,ทางโลกวัตถุคือยกให้เป็นผู้นำผู้ปกครองได้ทันที ไม่เหมือนปัจจุบัน กากๆไร้ฝีมือ เหี้ยๆก็เป็นนั้นเป็นนี้ในชั้นปกครองตรึมเต็มประเทศไทย.,หรือไม่ซื่อสัตย์ก็ได้เป็นนายกฯของประเทศ.

    https://youtube.com/shorts/F--nDFfW_uo?si=43u0Z9Ag66qL0rWh
    โลกกำลังเอาแร่ธาตุต่างๆออกมา,นี้คืออีกมุมที่ทำไมรีบปั่นราคาทองคำให้สูงทำกำไรขึ้นเพราะเดี๋ยวราคาตกจะหมดโอกาสนั้นเอง,แน่นอนอีลิทมันรู้ล่วงหน้าแน่ๆเพราะมันมีเครื่องเดินทางข้ามกาลเวลาไง,ระดับมันมีหมดล่ะ อีลิทระดับภูมิปัญญาชั้นสูงนะ,เช่นนั้นจะชี้นำปกครองทั้งโลกได้ยาวนานถึงเวลานี้ได้อย่างไร,ไม่ต่างดาวอื่นๆบินลงมาเก็บเกี่ยวทรัพยากรมีค่าที่ดวงดาวตนเองใครมันจำเป็นแบบใดๆแก่โลกมันดาวมันบินลงมาเก็บเกี่ยวสายตรงอีกนะ,อนาคตไม่รวมเอายานแม่มาลงจอดในประเทศทั่วโลกอีก และมหาสมุทรต่างๆ มีโอกาสมวลน้ำกำแพงสูงขนาดสูงกว่า100เมตร.หอบขึ้นฝั่งแผ่นดินที่ติดมหาสมุทรแน่ๆ แผ่นดินไหวเพื่อแยกแผ่นดินผิวเปลือกโลกอีก เพื่อเปิดสถานีพลังงานยักษ์เพราะยักษ์ใต้ดินเปลือกโลกขึ้นมาแน่ หลังคนหมดศีลหมดธรรม ตามเซ็นสัญญากันไว้,ต้องยกความดีนี้ให้ฝ่ายมืดผิวโลกที่ทำลายศีลธรรมความดีในใจมนุษย์ได้ลงได้,ผ้ายันต์เลยถูกฉีกเองปลดปล่อยพวกมันขึ้นมากินมนุษย์ผิวโลกได้อีกครั้งมิใช่แค่พวกแรปทีเลี่ยนชั่วเลวแค่นั้น,หนังโบราณไทยเรา เตือนสติชี้นำแนวทางบริบทได้ดีแล้ว,ไทยเราล้ำสมัยก็ว่า, ..โลกใบนี้ ใครๆก็อยากได้นะ เพราะเขียวขจี ชุ่มชื่นชุ่มฉ่ำระดับหนึ่งก็ว่าในจักรวาลเล็กเทียบดาวดาวทั้งหมดในระบบสุริยะนี้. ..ทุกๆดวงต่าง โลกกลวงโลกภายใน มนุษย์ต่างอยู่ภายในโลกกลวงนี้เกือบทุกๆดวงดาวเพราะป้องกันการรุกรานต่างดาวสายพันธุ์อื่นได้ในเบื้องต้น ไม่ง่ายจะบินเข้ามาเจอแล้วทำลายได้ทันทีแบบเราคนผิวโลกในปัจจุบัน.สะดวกรวดเร็วและง่ายต่อถูกกำจัดและทำลาย,และที่เรายังสงบอยู่เพราะพระเจ้าคุ้มครองบอกทั้งจักรวาลไว้แค่นั้นว่านี้คือของรักของพระเจ้า,ส่วนพวกอาศัยอยู่ใต้ดินใต้เปลือกโลกภายในโลกกลวงก็พากันอยู่กันไปก็ว่า,อนาคตยุคสมัยตังจะไร้ค่าคงเร็วๆนี้ก็ด้วย ทองคำ เพชรพลอยก็ไร้ค่า คนบนโลกจะวัดจิตวัดใจให้ค่าที่พลังจิตวิญญาณแทน ใครเรเวลสูงจะเป็นผู้ได้รับความเชื่อถือศรัทธาอย่างลงใจกันสนิทใจก็ว่า,ทางโลกวัตถุคือยกให้เป็นผู้นำผู้ปกครองได้ทันที ไม่เหมือนปัจจุบัน กากๆไร้ฝีมือ เหี้ยๆก็เป็นนั้นเป็นนี้ในชั้นปกครองตรึมเต็มประเทศไทย.,หรือไม่ซื่อสัตย์ก็ได้เป็นนายกฯของประเทศ. https://youtube.com/shorts/F--nDFfW_uo?si=43u0Z9Ag66qL0rWh
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌸 เวียดนามกลาง ดานัง ฮอยอัน บานาฮิลส์
    ✈️ บินหรู Full Service กับ Emirates Airlines
    💸 ลดทันที 3,000.- เหลือเพียง 12,990.-

    📆 เดินทาง :
    • 11-14 ก.ค. 68
    • 25-28 ก.ค. 68

    📍โปรแกรมไฮไลท์
    🪨 หมู่บ้านแกะสลักหินอ่อน – ภูเขาหินอ่อน
    🚣‍♀️ ล่องเรือกระด้ง – เมืองโบราณฮอยอัน – สะพานญี่ปุ่น
    🪭 ชมร้านเยื้อไผ่ – สะพานมังกรสุดอลัง
    🚡 นั่งกระเช้าบานาฮิลส์ – สวนดอกไม้ – สวนสนุกแฟนตาซีพาร์ค
    🖐 สะพานมือยักษ์ – ป๊อปมาร์ท – พระพุทธรูปหลินอึ๋ง
    ☕️ จิบกาแฟ Café Palm Beach & SON TRA MARINA CAFE
    🎀 โบสถ์สีชมพู – ช้อปปิ้งฮาน มาร์เก็ต

    📌 ที่เดียว เที่ยวครบ ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม คาเฟ่ และแลนด์มาร์ก
    จองเลยก่อนเต็ม!

    #เวียดนามกลาง #ดานังฮอยอัน #บานาฮิลส์ #สะพานมือยักษ์ #บินหรูEmirates #เที่ยวเวียดนาม #ลดแรงแซงทุกโปร #เที่ยวฟูลเซอร์วิส

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e2c73e

    ดูทัวร์เวียดนามทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/8d0826

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์เวียดนาม #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    🌸 เวียดนามกลาง ดานัง ฮอยอัน บานาฮิลส์ ✈️ บินหรู Full Service กับ Emirates Airlines 💸 ลดทันที 3,000.- เหลือเพียง 12,990.- 📆 เดินทาง : • 11-14 ก.ค. 68 • 25-28 ก.ค. 68 📍โปรแกรมไฮไลท์ 🪨 หมู่บ้านแกะสลักหินอ่อน – ภูเขาหินอ่อน 🚣‍♀️ ล่องเรือกระด้ง – เมืองโบราณฮอยอัน – สะพานญี่ปุ่น 🪭 ชมร้านเยื้อไผ่ – สะพานมังกรสุดอลัง 🚡 นั่งกระเช้าบานาฮิลส์ – สวนดอกไม้ – สวนสนุกแฟนตาซีพาร์ค 🖐 สะพานมือยักษ์ – ป๊อปมาร์ท – พระพุทธรูปหลินอึ๋ง ☕️ จิบกาแฟ Café Palm Beach & SON TRA MARINA CAFE 🎀 โบสถ์สีชมพู – ช้อปปิ้งฮาน มาร์เก็ต 📌 ที่เดียว เที่ยวครบ ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม คาเฟ่ และแลนด์มาร์ก จองเลยก่อนเต็ม! #เวียดนามกลาง #ดานังฮอยอัน #บานาฮิลส์ #สะพานมือยักษ์ #บินหรูEmirates #เที่ยวเวียดนาม #ลดแรงแซงทุกโปร #เที่ยวฟูลเซอร์วิส ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e2c73e ดูทัวร์เวียดนามทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/8d0826 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์เวียดนาม #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงพ่อทวดหลังตราแผ่นดิน รุ่นพิทักษ์แผ่นดิน หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย จ.ปัตตานี ปี2551
    เนื้อว่านหลวงพ่อทวดหลังตราแผ่นดิน พิมพ์ใหญ่ ฝังตะกรุดเงินแท้ (พิมพ์พิเศษเป็นพิมพ์โบราณ พร้อมยิงโค้ด) รุ่นพิทักษ์แผ่นดิน หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย จ.ปัตตานี ปี2551 // พระดีพิธีใหญ่ พิธีปลุกเสกโดยพระเกจิ สายหลวงพ่อทวด และ สายเขาอ้อ หลายท่าน // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย >>

    ** พิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดสำเภาเชย อ.ปะนะเระ จ.ปัตตานี วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา 8.41 น.มีเกจิที่มีชื่อเสียงร่วมในพิธี รุ่นนี้ ถือเป็นรุ่นที่ หลวงพ่อทอง ท่านได้ร่วมปลุกเสก อย่างเข้มขลังรวมทั้งทำพิมพ์ออกมาสวยงาม

    ** รุ่นนี้จัดสร้างโดยจะนำสัญลักษณ์ตราแผ่นดินไว้ด้านหลังทุกองค์....พิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดสำเภาเชย เพื่อเป็นทุนในการดำเนินงานของ "ศูนย์พิทักษ์ธรรม" ของสมาคมตำรวจ ซึ่งให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายและคดีความแก่ข้าราชการตำรวจและประชาชนที่เดือดร้อน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นทุนสวัสดิการช่ายเหลือข้าราชการตำรวจและประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษ มอบวัตถุมงคลให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 20,000 คน >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงพ่อทวดหลังตราแผ่นดิน รุ่นพิทักษ์แผ่นดิน หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย จ.ปัตตานี ปี2551 เนื้อว่านหลวงพ่อทวดหลังตราแผ่นดิน พิมพ์ใหญ่ ฝังตะกรุดเงินแท้ (พิมพ์พิเศษเป็นพิมพ์โบราณ พร้อมยิงโค้ด) รุ่นพิทักษ์แผ่นดิน หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย จ.ปัตตานี ปี2551 // พระดีพิธีใหญ่ พิธีปลุกเสกโดยพระเกจิ สายหลวงพ่อทวด และ สายเขาอ้อ หลายท่าน // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย >> ** พิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดสำเภาเชย อ.ปะนะเระ จ.ปัตตานี วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา 8.41 น.มีเกจิที่มีชื่อเสียงร่วมในพิธี รุ่นนี้ ถือเป็นรุ่นที่ หลวงพ่อทอง ท่านได้ร่วมปลุกเสก อย่างเข้มขลังรวมทั้งทำพิมพ์ออกมาสวยงาม ** รุ่นนี้จัดสร้างโดยจะนำสัญลักษณ์ตราแผ่นดินไว้ด้านหลังทุกองค์....พิธีพุทธาภิเษก ณ อุโบสถวัดสำเภาเชย เพื่อเป็นทุนในการดำเนินงานของ "ศูนย์พิทักษ์ธรรม" ของสมาคมตำรวจ ซึ่งให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายและคดีความแก่ข้าราชการตำรวจและประชาชนที่เดือดร้อน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นทุนสวัสดิการช่ายเหลือข้าราชการตำรวจและประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษ มอบวัตถุมงคลให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 20,000 คน >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอุทธรณ์กลางแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ออกคำสั่งบังคับสปาเกาหลีแห่งหนึ่งในเมืองลีนน์วู้ด รัฐวอชิงตัน ให้บริการผู้หญิงข้ามเพศ หลังจากสปาแห่งนี้พยายามห้ามพวกผู้หญิงข้ามเพศที่ยังไม่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง เข้ามาใช้บริหาร

    รายงานข่าวระบุว่าศาลอุทธรณ์เขต 9 ของสหรัฐฯ ชี้ขาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยคะแนนน 2-1 เสียง ว่าสปาโอลิมปุส ต้องเปลี่ยนนโยบายการบริการให้สอดคล้องกับกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติ ศาลชี้ว่าเจ้าของสปาต้องไม่ริดรอนสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา เสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิเสรีภาพในการคบค้าสมาคม ภายใต้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯครั้งที่ 1 ตามข้อบังคับของรัฐวอชิงตัน

    สปาโอลิมปุส ซึ่งเปิดให้บริการ 2 แห่งในรัฐวอชิงตัน เป็นโรงอาบน้ำสไตล์เกาหลีโบราณ ที่มอบบริการนวด, ขัดผิวกายและอ่างน้ำร้อน ที่จำเป็นต้องเปลื้องผ้าทั้งหมดเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ในปี 2020 คณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของรัฐวอชิงตัน ยื่นคำร้องหนึ่งหลังจากมีผู้หญิงข้ามเพศรายหนึ่ง ซึ่งยังไม่ผ่าตัดแปลงเพศ ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปใช้บริการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000051529

    #MGROnline #สปาเกาหลี #ผู้หญิงข้ามเพศ
    ศาลอุทธรณ์กลางแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ออกคำสั่งบังคับสปาเกาหลีแห่งหนึ่งในเมืองลีนน์วู้ด รัฐวอชิงตัน ให้บริการผู้หญิงข้ามเพศ หลังจากสปาแห่งนี้พยายามห้ามพวกผู้หญิงข้ามเพศที่ยังไม่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง เข้ามาใช้บริหาร • รายงานข่าวระบุว่าศาลอุทธรณ์เขต 9 ของสหรัฐฯ ชี้ขาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยคะแนนน 2-1 เสียง ว่าสปาโอลิมปุส ต้องเปลี่ยนนโยบายการบริการให้สอดคล้องกับกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติ ศาลชี้ว่าเจ้าของสปาต้องไม่ริดรอนสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา เสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิเสรีภาพในการคบค้าสมาคม ภายใต้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯครั้งที่ 1 ตามข้อบังคับของรัฐวอชิงตัน • สปาโอลิมปุส ซึ่งเปิดให้บริการ 2 แห่งในรัฐวอชิงตัน เป็นโรงอาบน้ำสไตล์เกาหลีโบราณ ที่มอบบริการนวด, ขัดผิวกายและอ่างน้ำร้อน ที่จำเป็นต้องเปลื้องผ้าทั้งหมดเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ในปี 2020 คณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของรัฐวอชิงตัน ยื่นคำร้องหนึ่งหลังจากมีผู้หญิงข้ามเพศรายหนึ่ง ซึ่งยังไม่ผ่าตัดแปลงเพศ ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปใช้บริการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000051529 • #MGROnline #สปาเกาหลี #ผู้หญิงข้ามเพศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเทรดกราฟ EP.1: ศึก H4 – แดงปะทะเขียว
    ณ ดินแดนแห่งกราฟที่มีนามว่า “ตลาดโลก”
    ดินแดนที่เส้นทางแห่งราคาเปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสุด
    กลางสนามรบโบราณชื่อว่า “H4”
    การต่อสู้ระหว่างสองขั้วพลังได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง...
    เขาคือ “พุ่งทะยาน” – แท่งเขียวผู้กล้าหาญ
    เกิดจากพลังความหวังของเทรดเดอร์ผู้ศรัทธาในแนวโน้มขาขึ้น
    ถือดาบแห่ง “Buy Momentum” อันเรืองแสง
    พร้อมผ้าคลุมแห่งเทรนด์ไลน์ที่พัดสะบัดด้วยแรงอารมณ์ตลาด
    อีกฝ่ายคือ “ถล่มร่วง” – แท่งแดงจอมโหด
    ถือขวานเพลิงแห่ง “แรงขาย” ที่ลุกโชนด้วยข่าวร้ายและความกลัว
    มันไม่เคยปรานีแม้แต่แท่งเล็ก ๆ
    ทุกครั้งที่มันปรากฏ เส้นแนวรับต่างก็สั่นคลอน
    ทั้งสองเผชิญหน้ากันกลางสมรภูมิ
    พื้นกราฟปูด้วยเส้น EMA และเส้นแนวโน้มที่บิดเบี้ยวจากความผันผวน
    เสียงตะโกนจากเหล่าอินดิเคเตอร์ดังก้อง...
    “RSI เริ่มโอเวอร์บ๊ายแล้ว!”
    “MACD กำลังจะตัดขึ้น!”
    แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าใครจะชนะศึกนี้
    นี่คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์การต่อสู้
    ระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย
    ระหว่างความหวังและความกลัว
    ณ เวลานี้ H4 คือสมรภูมิที่ไม่มีผู้ใดถอย
    ---
    ในบริบทของการเทรดหรือการวิเคราะห์กราฟ “H4” หมายถึง:
    > 🔹 Timeframe 4 ชั่วโมง (H = Hour, 4 = 4 ชั่วโมง)
    รายละเอียด:
    ในกราฟ H4 แต่ละแท่งเทียน (candlestick) แสดงข้อมูลราคาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 4 ชั่วโมง
    ข้อมูลแต่ละแท่งจะประกอบด้วย:
    ราคาเปิด (Open)
    ราคาปิด (Close)
    ราคาสูงสุด (High)
    ราคาต่ำสุด (Low)
    ใช้ทำอะไร:
    เหมาะสำหรับการวิเคราะห์เทรนด์ระยะ กลาง
    นักเทรดนิยมใช้ H4 เพื่อดูแนวโน้มภาพรวมก่อนจะเข้าเทรดใน timeframe ย่อย (เช่น M15 หรือ H1)
    มักใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ เช่น EMA, MACD, RSI เพื่อดูความแข็งแรงของแนวโน้ม
    ตัวอย่าง:
    ถ้าแท่งเทียน H4 ปิดเป็นแท่งเขียวยาวหลายแท่งติดกัน แสดงว่าในช่วงหลายชั่วโมงล่าสุดมีแรงซื้อชัดเจน
    นิทานเทรดกราฟ EP.1: ศึก H4 – แดงปะทะเขียว ณ ดินแดนแห่งกราฟที่มีนามว่า “ตลาดโลก” ดินแดนที่เส้นทางแห่งราคาเปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสุด กลางสนามรบโบราณชื่อว่า “H4” การต่อสู้ระหว่างสองขั้วพลังได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง... เขาคือ “พุ่งทะยาน” – แท่งเขียวผู้กล้าหาญ เกิดจากพลังความหวังของเทรดเดอร์ผู้ศรัทธาในแนวโน้มขาขึ้น ถือดาบแห่ง “Buy Momentum” อันเรืองแสง พร้อมผ้าคลุมแห่งเทรนด์ไลน์ที่พัดสะบัดด้วยแรงอารมณ์ตลาด อีกฝ่ายคือ “ถล่มร่วง” – แท่งแดงจอมโหด ถือขวานเพลิงแห่ง “แรงขาย” ที่ลุกโชนด้วยข่าวร้ายและความกลัว มันไม่เคยปรานีแม้แต่แท่งเล็ก ๆ ทุกครั้งที่มันปรากฏ เส้นแนวรับต่างก็สั่นคลอน ทั้งสองเผชิญหน้ากันกลางสมรภูมิ พื้นกราฟปูด้วยเส้น EMA และเส้นแนวโน้มที่บิดเบี้ยวจากความผันผวน เสียงตะโกนจากเหล่าอินดิเคเตอร์ดังก้อง... “RSI เริ่มโอเวอร์บ๊ายแล้ว!” “MACD กำลังจะตัดขึ้น!” แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าใครจะชนะศึกนี้ นี่คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์การต่อสู้ ระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย ระหว่างความหวังและความกลัว ณ เวลานี้ H4 คือสมรภูมิที่ไม่มีผู้ใดถอย --- ในบริบทของการเทรดหรือการวิเคราะห์กราฟ “H4” หมายถึง: > 🔹 Timeframe 4 ชั่วโมง (H = Hour, 4 = 4 ชั่วโมง) รายละเอียด: ในกราฟ H4 แต่ละแท่งเทียน (candlestick) แสดงข้อมูลราคาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 4 ชั่วโมง ข้อมูลแต่ละแท่งจะประกอบด้วย: ราคาเปิด (Open) ราคาปิด (Close) ราคาสูงสุด (High) ราคาต่ำสุด (Low) ใช้ทำอะไร: เหมาะสำหรับการวิเคราะห์เทรนด์ระยะ กลาง นักเทรดนิยมใช้ H4 เพื่อดูแนวโน้มภาพรวมก่อนจะเข้าเทรดใน timeframe ย่อย (เช่น M15 หรือ H1) มักใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ เช่น EMA, MACD, RSI เพื่อดูความแข็งแรงของแนวโน้ม ตัวอย่าง: ถ้าแท่งเทียน H4 ปิดเป็นแท่งเขียวยาวหลายแท่งติดกัน แสดงว่าในช่วงหลายชั่วโมงล่าสุดมีแรงซื้อชัดเจน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • 清水祖師 ตัน ผ่อ เจ่ว พระหมอ รุ่นแรก ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ยะลา
    清水祖師 ตัน ผ่อ เจ่ว พระหมอ รุ่นแรก เนื้อว่านกดมือโบราณ "ฝังเพชรหน้าทั่ง" ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ยะลา // พระดีพิธีใหญ่ หลวงตาแดง อาจารย์นอง อาจารย์ทอง พ่อท่านฉิ้น พ่อท่านสิงห์ พ่อท่านเขียว ร่วมปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ ด้านมั่งมีโภคทรัพย์ แคล้วคลาด คุ้มภัย มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรให้ ปราศจากความเจ็บไข้,ความเจ็บป่วย และ ภยันตรายทั้งปวง เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง เมตตามหานิยมอีกด้วย >>

    ** พระดีพิธีใหญ่ เกจิปลุกเสก อาทิ หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว พ่อท่านทอง วัดสำเภาเชย พ่อท่านฉิ้น วัดเมืองยะลา พ่อท่านสิงห์ วัดลำพะยา พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ร่วมปลุกเสก ** ประวัติในเมืองไทยได้มีการบันทึกไว้เกี่ยวกับการบูชาและไหว้พระหมอมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 หรือก่อนหน้านั้นนานมาแล้ว และที่เรารู้จักกันดีคือศาลเจ้แม่ลิ้มกอเหนี่ยว จ.ปัตตานี ที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว และองค์พระหมอ (พระเซ๋าซูกง) และยังมีอีกหลสยที่ที่คนไทยเชื้อสายจีนนับถือและให้การเคารพท่านมาก ทั้งที่ พังงา กระบี่ สตูล ยะลา ปัตตานี ตรัง ภูเก็ต...ฯลฯ >>

    * พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    清水祖師 ตัน ผ่อ เจ่ว พระหมอ รุ่นแรก ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ยะลา 清水祖師 ตัน ผ่อ เจ่ว พระหมอ รุ่นแรก เนื้อว่านกดมือโบราณ "ฝังเพชรหน้าทั่ง" ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ยะลา // พระดีพิธีใหญ่ หลวงตาแดง อาจารย์นอง อาจารย์ทอง พ่อท่านฉิ้น พ่อท่านสิงห์ พ่อท่านเขียว ร่วมปลุกเสก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ ด้านมั่งมีโภคทรัพย์ แคล้วคลาด คุ้มภัย มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรให้ ปราศจากความเจ็บไข้,ความเจ็บป่วย และ ภยันตรายทั้งปวง เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง เมตตามหานิยมอีกด้วย >> ** พระดีพิธีใหญ่ เกจิปลุกเสก อาทิ หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว พ่อท่านทอง วัดสำเภาเชย พ่อท่านฉิ้น วัดเมืองยะลา พ่อท่านสิงห์ วัดลำพะยา พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ร่วมปลุกเสก ** ประวัติในเมืองไทยได้มีการบันทึกไว้เกี่ยวกับการบูชาและไหว้พระหมอมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 หรือก่อนหน้านั้นนานมาแล้ว และที่เรารู้จักกันดีคือศาลเจ้แม่ลิ้มกอเหนี่ยว จ.ปัตตานี ที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว และองค์พระหมอ (พระเซ๋าซูกง) และยังมีอีกหลสยที่ที่คนไทยเชื้อสายจีนนับถือและให้การเคารพท่านมาก ทั้งที่ พังงา กระบี่ สตูล ยะลา ปัตตานี ตรัง ภูเก็ต...ฯลฯ >> * พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • **ภาพวาด 24 กตัญญู**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’

    ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย

    เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง

    24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ):

    1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป

    2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา

    3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป

    4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป

    5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ

    6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก

    7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม

    8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา

    9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง

    10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา

    11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น

    12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป

    13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้

    14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว

    15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป

    16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน

    17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย

    18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย

    19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย

    20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด

    21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่

    22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย

    23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ

    24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน

    อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm
    http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html

    #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    **ภาพวาด 24 กตัญญู** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’ ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง 24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ): 1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป 2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา 3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป 4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป 5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ 6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก 7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม 8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา 9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง 10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา 11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น 12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป 13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้ 14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว 15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป 16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน 17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย 18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย 19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย 20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด 21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่ 22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย 23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ 24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00 http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    NEWS.QQ.COM
    《九重紫》暴露了他好身材,长相人畜无害,却脱衣有肉穿衣显瘦_腾讯新闻
    由孟子义、李昀锐主演的电视剧《九重紫》,自开播以来,热度迅速攀升,播到15集,站内热度破了29000,有望展望30000了。 这个成绩在今年古装剧中是相当牛了,要知道,腾讯今年的古装剧热度....
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📿✨พระปิดตานั่งยองหลวงพ่อดำ วัดใหม่นภาราม เมืองนราธิวาส จัดสร้างปี พุทธศักราช 2550

    หลวงพ่อดำท่านเป็นพระเกจิผู้ทรงวิทยาคมศิษย์ผู้สืบทอดวิชาจากหลวงพ่อครน วัดบางแซะ

    พุทธศิลป์งามเด่นเอกลักษณ์ ท่านั่งยอง แบบนักรบโบราณ
    มือปิดหน้า ปิดทวารทั้งเก้า กันภัย กันคุณไสย กันมนต์ดำ

    ด้านหลังยันต์เสริมบารมี คุ้มครองแคล้วคลาด โชคลาภ เมตตามหานิยม

    เรียกว่า พุทธคุณครบเครื่องคุ้มครองรอบด้านสืบสานความงดงามเข้มขลังแบบฉบับสายใต้อย่างแท้จริง.

    #พระปิดตา
    #หลวงพ่อดำ
    #วัดใหม่นภาราม
    #นราธิวาส
    #อู๋พระเครื่องของฉัน
    📿✨พระปิดตานั่งยองหลวงพ่อดำ วัดใหม่นภาราม เมืองนราธิวาส จัดสร้างปี พุทธศักราช 2550 หลวงพ่อดำท่านเป็นพระเกจิผู้ทรงวิทยาคมศิษย์ผู้สืบทอดวิชาจากหลวงพ่อครน วัดบางแซะ พุทธศิลป์งามเด่นเอกลักษณ์ ท่านั่งยอง แบบนักรบโบราณ มือปิดหน้า ปิดทวารทั้งเก้า กันภัย กันคุณไสย กันมนต์ดำ ด้านหลังยันต์เสริมบารมี คุ้มครองแคล้วคลาด โชคลาภ เมตตามหานิยม เรียกว่า พุทธคุณครบเครื่องคุ้มครองรอบด้านสืบสานความงดงามเข้มขลังแบบฉบับสายใต้อย่างแท้จริง. #พระปิดตา #หลวงพ่อดำ #วัดใหม่นภาราม #นราธิวาส #อู๋พระเครื่องของฉัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ..มุกควบคุมทาสนี้มันสามารถมาได้หลากหลายลักษณะยิ่งโดยเฉพาะผ่านข้อกฎหมายให้ชอบธรรมยิ่งดี,จริงๆการใส่หรือไม่ใส่หมวกกันน็อคมันคือสิทธิอธิปไตยบุคคลใครมัน,เขาจะเป็นจะตายก็อธิปไตยเขา สิทธิของเขา,นี้คือสไตล์โยนหินถามทางควบคุมทาส ไม่ต่างจากบังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัยสมัยยุคโควิด,แต่นั้นเพียงชั่วคราวไม่สามารถอ้างบังคับให้ต่อเนื่องแบบบังคับต้องใส่ต้องสวมหมวกกันน็อคได้,มีกฎหมายปัญญาอ่อนมากมายออกมาเพื่อควบคุมมนุษย์,ยุคโบราณฝรั่งมักให้ทาสใส่หน้ากากปิดปากปิดหน้าไว้ ให้เป็นสัญลักษณ์เชิงสร้างชนชั้นความหมาย,จริงๆกฎหมายที่น่าออกมาตีตราบังคับใช้คือที่ดินไทยทั้งหมดต่างชาติห้ามถือครองทุกๆกรณีแม้จะถือผ่านนอมินีก็ตาม,ยกเลิกการให้ต่างชาติเช่าที่ดินไทยอสังหาริมทรัพย์ไทยรวม99ปีก็ด้วยหรือกล้าหาญเขียนกฎหมายยกเลิกสัญญาสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดที่ไม่ชอบธรรมต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศและไม่ยุติธรรมต่อคนไทยที่ต้องใช้น้ำมันราคาแพงทั้งกระทบเป็นลูกโซ่ต่อสินค้าค่าครองชีพแพงทั้งระบบทั้งหมดลามไปทั่วประเทศก็ว่า,นี้สมควรเขียนกฎหมายที่มีคุณมีสาระต่อประโยชน์จริงสู่ประเทศและประชาชนมิใช่หมายดูดตังค่าปรับกว่า2,000บาทออกจากกระเป๋าประชาชน,และกฎหมายนี้กระทรวงทบวงกรมที่ตีตราใช้สมควรให้ตกไปโมฆะห้ามมีผลบังคับใช้ทันที,มีมากมายที่กฎหมายเป็นไปเพื่อสร้างความลำบากใจลำบากกายลำบากตังในกระเป๋าของประชาชน เสมือนปล้นชิงทรัพย์จากประชาชนให้ชอบธรรมผ่านทางกฎหมายโดยอ้างเอาบ้านเอาเมืองเป็นตัวชูสร้างเรื่อง,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลว เบียดเบียนให้ประชาชนยากจนตังทุกข์ร้อนในสัมมาชีวิตในการดำรงชีพ,ทั้งผีบ้าใบอนุญาตมากมายบวกเก็บเรี่ยไรค่าธรรมเนียมตังกับประชาชนอีก.,
    ..วิถีปกครองแบบนี้ในยุคล้ำสมัยหน้าไม่สมควรจะมีจริงๆ.

    https://youtube.com/shorts/MgUf9oXDl30?si=Y6Avj50MQuQ0D1fn
    ..มุกควบคุมทาสนี้มันสามารถมาได้หลากหลายลักษณะยิ่งโดยเฉพาะผ่านข้อกฎหมายให้ชอบธรรมยิ่งดี,จริงๆการใส่หรือไม่ใส่หมวกกันน็อคมันคือสิทธิอธิปไตยบุคคลใครมัน,เขาจะเป็นจะตายก็อธิปไตยเขา สิทธิของเขา,นี้คือสไตล์โยนหินถามทางควบคุมทาส ไม่ต่างจากบังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัยสมัยยุคโควิด,แต่นั้นเพียงชั่วคราวไม่สามารถอ้างบังคับให้ต่อเนื่องแบบบังคับต้องใส่ต้องสวมหมวกกันน็อคได้,มีกฎหมายปัญญาอ่อนมากมายออกมาเพื่อควบคุมมนุษย์,ยุคโบราณฝรั่งมักให้ทาสใส่หน้ากากปิดปากปิดหน้าไว้ ให้เป็นสัญลักษณ์เชิงสร้างชนชั้นความหมาย,จริงๆกฎหมายที่น่าออกมาตีตราบังคับใช้คือที่ดินไทยทั้งหมดต่างชาติห้ามถือครองทุกๆกรณีแม้จะถือผ่านนอมินีก็ตาม,ยกเลิกการให้ต่างชาติเช่าที่ดินไทยอสังหาริมทรัพย์ไทยรวม99ปีก็ด้วยหรือกล้าหาญเขียนกฎหมายยกเลิกสัญญาสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดที่ไม่ชอบธรรมต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศและไม่ยุติธรรมต่อคนไทยที่ต้องใช้น้ำมันราคาแพงทั้งกระทบเป็นลูกโซ่ต่อสินค้าค่าครองชีพแพงทั้งระบบทั้งหมดลามไปทั่วประเทศก็ว่า,นี้สมควรเขียนกฎหมายที่มีคุณมีสาระต่อประโยชน์จริงสู่ประเทศและประชาชนมิใช่หมายดูดตังค่าปรับกว่า2,000บาทออกจากกระเป๋าประชาชน,และกฎหมายนี้กระทรวงทบวงกรมที่ตีตราใช้สมควรให้ตกไปโมฆะห้ามมีผลบังคับใช้ทันที,มีมากมายที่กฎหมายเป็นไปเพื่อสร้างความลำบากใจลำบากกายลำบากตังในกระเป๋าของประชาชน เสมือนปล้นชิงทรัพย์จากประชาชนให้ชอบธรรมผ่านทางกฎหมายโดยอ้างเอาบ้านเอาเมืองเป็นตัวชูสร้างเรื่อง,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลว เบียดเบียนให้ประชาชนยากจนตังทุกข์ร้อนในสัมมาชีวิตในการดำรงชีพ,ทั้งผีบ้าใบอนุญาตมากมายบวกเก็บเรี่ยไรค่าธรรมเนียมตังกับประชาชนอีก., ..วิถีปกครองแบบนี้ในยุคล้ำสมัยหน้าไม่สมควรจะมีจริงๆ. https://youtube.com/shorts/MgUf9oXDl30?si=Y6Avj50MQuQ0D1fn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง
    ----------------------------
    สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า
    นี่เป็นคำพยากรณ์...
    .
    อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น
    .
    แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น..
    .
    ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน.
    .
    เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
    และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง
    .
    คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง.
    .
    วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า
    .
    สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง..
    .
    ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ
    .
    ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป"..
    .
    งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ.
    .
    กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย.
    .
    ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้..
    .
    แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง
    .
    แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง.
    .
    นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป!
    .
    หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง
    .
    ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค.
    .
    นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต
    นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร?
    .
    ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น..
    .
    หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้.
    .
    แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา
    .
    พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย
    มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
    จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด
    .
    ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา -
    .
    อัพเดทข้อมูลในปี 2566
    --------------------------
    - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ
    - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่
    - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก
    --------------------------
    บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง ---------------------------- สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า นี่เป็นคำพยากรณ์... . อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น . แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น.. . ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน. . เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง . คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง. . วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า . สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง.. . ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ . ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป".. . งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ. . กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย. . ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้.. . แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง . แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง. . นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป! . หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง . ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค. . นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร? . ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น.. . หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้. . แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา . พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด . ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - . อัพเดทข้อมูลในปี 2566 -------------------------- - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่ - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก --------------------------
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报)
    ความมีอยู่ว่า
    ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว”
    หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน...
    - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง

    คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา

    เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด?

    ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ

    จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ

    ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ

    ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน

    จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ

    ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว

    ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html
    https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html
    http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml
    http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm
    https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html

    #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报) ความมีอยู่ว่า ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว” หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน... - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด? ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อว่านท่านมหาลอย รุ่นแรก วัดแหลมจาก จ.สงขลา ปี2504
    เนื้อว่านท่านมหาลอย รุ่นแรก เนื้อผงผสมเถ้ากระดูกของท่านมหาลอย วัดแหลมจาก จ.สงขลา ปี2504 // พระประสบการณ์ดีน่าใช้มีเกจิหลายท่านปลุกเสกเช่น หลวงพ่อสงค์ วัดคงคาวดี อาจารย์ศรีแก้ว วัดไทรใหญ่ หลวงพ่อเล็ก วัดจุ้มปะ หลวงปู่ไชย วัดควนโส //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้านทั้งคงกระพันชาตรี มหาอุต แคล้วคลาด ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยม ค้าขายดี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภ เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** ตำนานหลวงพ่อ “พระมหาลอย” วัดแหลมจาก พระเถราจารย์ยุคเก่า วัดแหลมจากสร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2440 โดยมีพระมหาลอย จนทสโร เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดนี้ ชาวบ้านเรียกว่า “วัดแหลม” ท่านมหาลอยเ ท่านเป็นพระที่มีศีลจารวัตรงดงามมากท่านเป็นพระที่เคร่งครัดก็จริง แต่วาจาอ่อนหวานไพเราะน่าฟังและน่ายำเกรงเป็นพระมหานิกายที่เคร่งต่อวัตรปฏิบัติ และมีปฏิปทาที่น่าเลี่ยมใส สำหรับความรู้ทางพระเวทย์หรือวิชาอาคม พ่อท่านลาวเล่าว่าเคยเห็นมหาลอยหยิบต้นคัมภีร์พระเวทย์และอาคมมาให้ดูและบอกว่าเป็นของโยมพ่อที่ตกทอดมาจากปู่ของท่านซึ่งได้รับตกทอดมาจากพระยาพัทลุง(ขุน ณ พัทลุง) อดีตเจ้าเมืองพัทลุง ที่ชาวพัทลุงรู้จักกันดีนามว่า “ขุนคางเหล็ก” ท่านมหาลอยเองก็ได้ติดต่อไปมาหาสู่สำนักวัดเขาอ้อเป็นประจำ วิชา ไสยศาสตร์คาถาอาคม วิชาโหราศาสตร์และวิชาแพทย์แผนโบราณท่านได้ศึกษาจากสำนักวัดเขาอ้อและจากตำราที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษซึ่งเป็นตำราของสำนักวัดเขาอ้อเช่นกัน >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เนื้อว่านท่านมหาลอย รุ่นแรก วัดแหลมจาก จ.สงขลา ปี2504 เนื้อว่านท่านมหาลอย รุ่นแรก เนื้อผงผสมเถ้ากระดูกของท่านมหาลอย วัดแหลมจาก จ.สงขลา ปี2504 // พระประสบการณ์ดีน่าใช้มีเกจิหลายท่านปลุกเสกเช่น หลวงพ่อสงค์ วัดคงคาวดี อาจารย์ศรีแก้ว วัดไทรใหญ่ หลวงพ่อเล็ก วัดจุ้มปะ หลวงปู่ไชย วัดควนโส //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้านทั้งคงกระพันชาตรี มหาอุต แคล้วคลาด ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยม ค้าขายดี เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภ เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** ตำนานหลวงพ่อ “พระมหาลอย” วัดแหลมจาก พระเถราจารย์ยุคเก่า วัดแหลมจากสร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2440 โดยมีพระมหาลอย จนทสโร เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดนี้ ชาวบ้านเรียกว่า “วัดแหลม” ท่านมหาลอยเ ท่านเป็นพระที่มีศีลจารวัตรงดงามมากท่านเป็นพระที่เคร่งครัดก็จริง แต่วาจาอ่อนหวานไพเราะน่าฟังและน่ายำเกรงเป็นพระมหานิกายที่เคร่งต่อวัตรปฏิบัติ และมีปฏิปทาที่น่าเลี่ยมใส สำหรับความรู้ทางพระเวทย์หรือวิชาอาคม พ่อท่านลาวเล่าว่าเคยเห็นมหาลอยหยิบต้นคัมภีร์พระเวทย์และอาคมมาให้ดูและบอกว่าเป็นของโยมพ่อที่ตกทอดมาจากปู่ของท่านซึ่งได้รับตกทอดมาจากพระยาพัทลุง(ขุน ณ พัทลุง) อดีตเจ้าเมืองพัทลุง ที่ชาวพัทลุงรู้จักกันดีนามว่า “ขุนคางเหล็ก” ท่านมหาลอยเองก็ได้ติดต่อไปมาหาสู่สำนักวัดเขาอ้อเป็นประจำ วิชา ไสยศาสตร์คาถาอาคม วิชาโหราศาสตร์และวิชาแพทย์แผนโบราณท่านได้ศึกษาจากสำนักวัดเขาอ้อและจากตำราที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษซึ่งเป็นตำราของสำนักวัดเขาอ้อเช่นกัน >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • โคราชจัดแถลงข่าวความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์”
    .
    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ร่วมกับ นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายแพทย์ชยพล สุขโต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ. อดิศร สุวรรณรักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา,
    นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา, ผู้บริหารห้างทั้ง 3 ห้าง แขกผู้มีเกียรติ, และบรรดานักกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ
    .
    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษาให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและ นันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ซึ่งได้กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมพลศึกษาที่ได้ไว้วางในให้จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ครับ ทราบว่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มากที่สุดที่เคยทำการแข่งขันมาในทุกๆ ปี จำนวนกว่า 6,500 คน ยังไม่รวมผู้ติดตาม คณะกรรมการดำเนินการ และ คณะกรรมการตัดสินจากต่างจังหวัด กระผมคิดว่าจะมีผู้มาเยือนในจังหวัดไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้คิดหารือประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ ครับ คําขวัญ ของจังหวัดนครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน” จังหวัดนครราชสีมา เมืองประตูสู่อีสานดินแดนอารยธรรมขอมโบราณแห่งอีสานใต้ และจังหวัด นครราชสีมา ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมือง 3 มงกุฎของยูเนสโก ประกอบด้วย
    1. มรดกโลกป่าดงพญาเย็น เขาใหญ่
    2. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช
    3. โคราชจีโอพาร์ค พื้นที่ลุ่มน้ำลำตาคลอง ซึ่งมีภูมิประเทศเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) และฟอสซิล 3 ยุค
    และล่าสุด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก “มหกรรมพืชสวนโลก” หรือ KORAT Expo 2029”
    .
    "จังหวัดนครราชสีมา ยังมีความโดดเด่นในด้านกีฬา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาในหลาย รายการหลายรูปแบบตามบริบทของชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ทราบว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ (เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 7 เมื่อปี 2557) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้เล็งเห็นถึงการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุในครั้งนี้ ที่เข้ามาทำการแข่งขัน ซึ่งเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงได้คิดดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาที่แข่งขันฯ ในร่ม ให้จัดการแข่งขันขึ้นบนห้างชั้นนํา 3 ห้าง นั้นก็คือ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช และศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ซึ่ง 3 ห้างนี้ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาในระดับใหญ่ๆมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งให้ความ อนุเคราะห์ร่วมมือกับงานของจังหวัดนครราชสีมา ด้วยดีเสมอมาตลอด จึงอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสกับบรรยาการการ แข่งขันในห้าง และในฮอลล์ ของห้างทั้ง 3 ห้าง ที่มีความพร้อมทั้งห้องน้ำ อาหารการกิน ของฝากของที่ระลึก มีสินค้า มากมายให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชม สำหรับสนามที่ทำการแข่งขันกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา 80 พรรษาฯ สนามกีฬากอล์ฟเสือปาคร์ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ ค่ายสุรนารี และสนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารี ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประชุมหารือเตรียมพร้อมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านท่องเที่ยวและกีฬาจะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป และช่วงภาคบ่ายที่จะประชุมผู้ประสานงานทุกจังหวัด นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ทางจังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนนึงจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ในพิธีเปิดปิด และการแข่งขันฯ รวมถึงความพร้อมด้านการแพทย์และพยาบาล ความปลอดภัยและการจราจร และแผนการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้รับความร่วมมือการมีส่วนร่วมทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกับทางจังหวัดนครราชสีมา ในการจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้"
    .
    "จังหวัดนครราชสีมา พร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 17 – 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ขอเชิญ ชวนทุกท่านที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา มาร่วมชม รวมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาผู้สูงอายุจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ แล้วพบกันครับ"
    .
    นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นรายการแข่งขันในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยจะทำการแข่งขันฯ ทั้งสิ้น 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ 1) กรีฑา 2) กีฬากอล์ฟ 3) กีฬาเปตอง 4) กีฬาวู้ดบอล 5) กีฬาหมากรุกไทย 6) กีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 7) กีฬาแบดมินตัน 8) กีฬาลีลาศ 9) กีฬาเกทบอล 10) การประกวดแอโรบิกมวยไทย และ 11) การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ โดยได้กำหนดสนามแข่งขันฯ 7 แห่ง ดังนี้
    1. ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แข่งขันกีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ
    2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช แข่งขันกีฬาแบดมินตัน กีฬาหมากรุกไทย และกีฬาลีลาศ
    3. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช แข่งขันฯ ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ และประกวดแอโรบิกมวยไทย
    4. สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา แข่งขันกีฬากรีฑา และกีฬาเปตอง
    5. สนามกีฬากอล์ฟเสือปาร์ค (ค่ายสุรธรรมพิทักษ์) แข่งขันกีฬากอล์ฟ
    6. สนามกีฬากลางค่ายสุรนารี แข่งขันกีฬาเกทบอล
    7. สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ (ค่ายสุรนารี) แข่งขันกีฬาวู้ดบอล"
    .
    "ซึ่งสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับกรมพลศึกษา และเจ้าของสถานที่ และบุคลากรฝ่ายเทคนิคการแข่งขันฯ ไม่ว่าจะเป็นสมาคม ชมรมกีฬา คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่างๆ และเจ้าหน้าที่พลศึกษา ได้ประชุมหารือและตรวจความพร้อมสถานที่ในการจัดทำสนามแข่งขันฯเพื่อรองรับทัพ นักกีฬาที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันฯ เพื่อให้เกิดความพร้อมและมาตรฐานทั้งสนามและการจัดการแข่งขันฯ"
    .
    "สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งกองประสานงานส่วนกลางอยู่ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลโคราช ชั้น 1 เพื่อประสานงานข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในการแข่งขันฯ รวมไปถึงให้บริการข้อมูลในการจัดการ แข่งขันฯ สถานที่ท่องเที่ยว และตั้งศูนย์ประสานงานนักท่องเที่ยว ไว้บริการ รวมไปถึงประสานงานกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้"
    โคราชจัดแถลงข่าวความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” . นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ร่วมกับ นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายแพทย์ชยพล สุขโต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ. อดิศร สุวรรณรักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา, ผู้บริหารห้างทั้ง 3 ห้าง แขกผู้มีเกียรติ, และบรรดานักกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ . นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษาให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและ นันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ซึ่งได้กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมพลศึกษาที่ได้ไว้วางในให้จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ครับ ทราบว่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มากที่สุดที่เคยทำการแข่งขันมาในทุกๆ ปี จำนวนกว่า 6,500 คน ยังไม่รวมผู้ติดตาม คณะกรรมการดำเนินการ และ คณะกรรมการตัดสินจากต่างจังหวัด กระผมคิดว่าจะมีผู้มาเยือนในจังหวัดไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้คิดหารือประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ ครับ คําขวัญ ของจังหวัดนครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน” จังหวัดนครราชสีมา เมืองประตูสู่อีสานดินแดนอารยธรรมขอมโบราณแห่งอีสานใต้ และจังหวัด นครราชสีมา ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมือง 3 มงกุฎของยูเนสโก ประกอบด้วย 1. มรดกโลกป่าดงพญาเย็น เขาใหญ่ 2. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช 3. โคราชจีโอพาร์ค พื้นที่ลุ่มน้ำลำตาคลอง ซึ่งมีภูมิประเทศเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) และฟอสซิล 3 ยุค และล่าสุด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก “มหกรรมพืชสวนโลก” หรือ KORAT Expo 2029” . "จังหวัดนครราชสีมา ยังมีความโดดเด่นในด้านกีฬา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาในหลาย รายการหลายรูปแบบตามบริบทของชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ทราบว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ (เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 7 เมื่อปี 2557) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้เล็งเห็นถึงการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุในครั้งนี้ ที่เข้ามาทำการแข่งขัน ซึ่งเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงได้คิดดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาที่แข่งขันฯ ในร่ม ให้จัดการแข่งขันขึ้นบนห้างชั้นนํา 3 ห้าง นั้นก็คือ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช และศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ซึ่ง 3 ห้างนี้ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาในระดับใหญ่ๆมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งให้ความ อนุเคราะห์ร่วมมือกับงานของจังหวัดนครราชสีมา ด้วยดีเสมอมาตลอด จึงอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสกับบรรยาการการ แข่งขันในห้าง และในฮอลล์ ของห้างทั้ง 3 ห้าง ที่มีความพร้อมทั้งห้องน้ำ อาหารการกิน ของฝากของที่ระลึก มีสินค้า มากมายให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชม สำหรับสนามที่ทำการแข่งขันกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา 80 พรรษาฯ สนามกีฬากอล์ฟเสือปาคร์ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ ค่ายสุรนารี และสนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารี ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประชุมหารือเตรียมพร้อมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านท่องเที่ยวและกีฬาจะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป และช่วงภาคบ่ายที่จะประชุมผู้ประสานงานทุกจังหวัด นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ทางจังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนนึงจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ในพิธีเปิดปิด และการแข่งขันฯ รวมถึงความพร้อมด้านการแพทย์และพยาบาล ความปลอดภัยและการจราจร และแผนการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้รับความร่วมมือการมีส่วนร่วมทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกับทางจังหวัดนครราชสีมา ในการจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้" . "จังหวัดนครราชสีมา พร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 17 – 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ขอเชิญ ชวนทุกท่านที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา มาร่วมชม รวมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาผู้สูงอายุจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ แล้วพบกันครับ" . นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นรายการแข่งขันในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยจะทำการแข่งขันฯ ทั้งสิ้น 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ 1) กรีฑา 2) กีฬากอล์ฟ 3) กีฬาเปตอง 4) กีฬาวู้ดบอล 5) กีฬาหมากรุกไทย 6) กีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 7) กีฬาแบดมินตัน 8) กีฬาลีลาศ 9) กีฬาเกทบอล 10) การประกวดแอโรบิกมวยไทย และ 11) การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ โดยได้กำหนดสนามแข่งขันฯ 7 แห่ง ดังนี้ 1. ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แข่งขันกีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช แข่งขันกีฬาแบดมินตัน กีฬาหมากรุกไทย และกีฬาลีลาศ 3. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช แข่งขันฯ ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ และประกวดแอโรบิกมวยไทย 4. สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา แข่งขันกีฬากรีฑา และกีฬาเปตอง 5. สนามกีฬากอล์ฟเสือปาร์ค (ค่ายสุรธรรมพิทักษ์) แข่งขันกีฬากอล์ฟ 6. สนามกีฬากลางค่ายสุรนารี แข่งขันกีฬาเกทบอล 7. สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ (ค่ายสุรนารี) แข่งขันกีฬาวู้ดบอล" . "ซึ่งสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับกรมพลศึกษา และเจ้าของสถานที่ และบุคลากรฝ่ายเทคนิคการแข่งขันฯ ไม่ว่าจะเป็นสมาคม ชมรมกีฬา คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่างๆ และเจ้าหน้าที่พลศึกษา ได้ประชุมหารือและตรวจความพร้อมสถานที่ในการจัดทำสนามแข่งขันฯเพื่อรองรับทัพ นักกีฬาที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันฯ เพื่อให้เกิดความพร้อมและมาตรฐานทั้งสนามและการจัดการแข่งขันฯ" . "สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งกองประสานงานส่วนกลางอยู่ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลโคราช ชั้น 1 เพื่อประสานงานข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในการแข่งขันฯ รวมไปถึงให้บริการข้อมูลในการจัดการ แข่งขันฯ สถานที่ท่องเที่ยว และตั้งศูนย์ประสานงานนักท่องเที่ยว ไว้บริการ รวมไปถึงประสานงานกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • โคราชจัดแถลงข่าวความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๗ ประจำปี ๒๕๖๘ “โคราชเกมส์”

    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ร่วมกับ นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายแพทย์ชยพล สุขโต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ. อดิศร สุวรรณรักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา,
    นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา, นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา, ผู้บริหารห้างทั้ง 3 ห้าง แขกผู้มีเกียรติ, และบรรดานักกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ
    .
    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษาให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและ นันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ซึ่งได้กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมพลศึกษาที่ได้ไว้วางในให้จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ครับ ทราบว่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มากที่สุดที่เคยทำการแข่งขันมาในทุกๆ ปี จำนวนกว่า 6,500 คน ยังไม่รวมผู้ติดตาม คณะกรรมการดำเนินการ และ คณะกรรมการตัดสินจากต่างจังหวัด กระผมคิดว่าจะมีผู้มาเยือนในจังหวัดไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้คิดหารือประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ ครับ คําขวัญ ของจังหวัดนครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน” จังหวัดนครราชสีมา เมืองประตูสู่อีสานดินแดนอารยธรรมขอมโบราณแห่งอีสานใต้ และจังหวัด นครราชสีมา ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมือง 3 มงกุฎของยูเนสโก ประกอบด้วย
    1. มรดกโลกป่าดงพญาเย็น เขาใหญ่
    2. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช
    3. โคราชจีโอพาร์ค พื้นที่ลุ่มน้ำลำตาคลอง ซึ่งมีภูมิประเทศเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) และฟอสซิล 3 ยุค
    และล่าสุด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก “มหกรรมพืชสวนโลก” หรือ KORAT Expo 2029”
    .
    "จังหวัดนครราชสีมา ยังมีความโดดเด่นในด้านกีฬา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาในหลาย รายการหลายรูปแบบตามบริบทของชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ทราบว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ (เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 7 เมื่อปี 2557) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้เล็งเห็นถึงการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุในครั้งนี้ ที่เข้ามาทำการแข่งขัน ซึ่งเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงได้คิดดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาที่แข่งขันฯ ในร่ม ให้จัดการแข่งขันขึ้นบนห้างชั้นนํา 3 ห้าง นั้นก็คือ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช และศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ซึ่ง 3 ห้างนี้ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาในระดับใหญ่ๆมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งให้ความ อนุเคราะห์ร่วมมือกับงานของจังหวัดนครราชสีมา ด้วยดีเสมอมาตลอด จึงอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสกับบรรยาการการ แข่งขันในห้าง และในฮอลล์ ของห้างทั้ง 3 ห้าง ที่มีความพร้อมทั้งห้องน้ำ อาหารการกิน ของฝากของที่ระลึก มีสินค้า มากมายให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชม สำหรับสนามที่ทำการแข่งขันกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา 80 พรรษาฯ สนามกีฬากอล์ฟเสือปาคร์ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ ค่ายสุรนารี และสนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารี ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประชุมหารือเตรียมพร้อมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านท่องเที่ยวและกีฬาจะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป และช่วงภาคบ่ายที่จะประชุมผู้ประสานงานทุกจังหวัด นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ทางจังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนนึงจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ในพิธีเปิดปิด และการแข่งขันฯ รวมถึงความพร้อมด้านการแพทย์และพยาบาล ความปลอดภัยและการจราจร และแผนการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้รับความร่วมมือการมีส่วนร่วมทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกับทางจังหวัดนครราชสีมา ในการจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้"
    .
    "จังหวัดนครราชสีมา พร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 17 – 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ขอเชิญ ชวนทุกท่านที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา มาร่วมชม รวมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาผู้สูงอายุจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ แล้วพบกันครับ"
    .
    นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นรายการแข่งขันในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยจะทำการแข่งขันฯ ทั้งสิ้น 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ 1) กรีฑา 2) กีฬากอล์ฟ 3) กีฬาเปตอง 4) กีฬาวู้ดบอล 5) กีฬาหมากรุกไทย 6) กีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 7) กีฬาแบดมินตัน 8) กีฬาลีลาศ 9) กีฬาเกทบอล 10) การประกวดแอโรบิกมวยไทย และ 11) การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ โดยได้กำหนดสนามแข่งขันฯ 7 แห่ง ดังนี้
    1. ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แข่งขันกีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ
    2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช แข่งขันกีฬาแบดมินตัน กีฬาหมากรุกไทย และกีฬาลีลาศ
    3. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช แข่งขันฯ ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ และประกวดแอโรบิกมวยไทย
    4. สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา แข่งขันกีฬากรีฑา และกีฬาเปตอง
    5. สนามกีฬากอล์ฟเสือปาร์ค (ค่ายสุรธรรมพิทักษ์) แข่งขันกีฬากอล์ฟ
    6. สนามกีฬากลางค่ายสุรนารี แข่งขันกีฬาเกทบอล
    7. สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ (ค่ายสุรนารี) แข่งขันกีฬาวู้ดบอล"
    .
    "ซึ่งสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับกรมพลศึกษา และเจ้าของสถานที่ และบุคลากรฝ่ายเทคนิคการแข่งขันฯ ไม่ว่าจะเป็นสมาคม ชมรมกีฬา คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่างๆ และเจ้าหน้าที่พลศึกษา ได้ประชุมหารือและตรวจความพร้อมสถานที่ในการจัดทำสนามแข่งขันฯเพื่อรองรับทัพ นักกีฬาที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันฯ เพื่อให้เกิดความพร้อมและมาตรฐานทั้งสนามและการจัดการแข่งขันฯ"
    .
    "สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งกองประสานงานส่วนกลางอยู่ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลโคราช ชั้น 1 เพื่อประสานงานข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในการแข่งขันฯ รวมไปถึงให้บริการข้อมูลในการจัดการ แข่งขันฯ สถานที่ท่องเที่ยว และตั้งศูนย์ประสานงานนักท่องเที่ยว ไว้บริการ รวมไปถึงประสานงานกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้"
    โคราชจัดแถลงข่าวความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๗ ประจำปี ๒๕๖๘ “โคราชเกมส์” นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ร่วมกับ นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายแพทย์ชยพล สุขโต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ. อดิศร สุวรรณรักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา, นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา, ผู้บริหารห้างทั้ง 3 ห้าง แขกผู้มีเกียรติ, และบรรดานักกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ . นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษาให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและ นันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ซึ่งได้กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมพลศึกษาที่ได้ไว้วางในให้จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ครับ ทราบว่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มากที่สุดที่เคยทำการแข่งขันมาในทุกๆ ปี จำนวนกว่า 6,500 คน ยังไม่รวมผู้ติดตาม คณะกรรมการดำเนินการ และ คณะกรรมการตัดสินจากต่างจังหวัด กระผมคิดว่าจะมีผู้มาเยือนในจังหวัดไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้คิดหารือประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ ครับ คําขวัญ ของจังหวัดนครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน” จังหวัดนครราชสีมา เมืองประตูสู่อีสานดินแดนอารยธรรมขอมโบราณแห่งอีสานใต้ และจังหวัด นครราชสีมา ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมือง 3 มงกุฎของยูเนสโก ประกอบด้วย 1. มรดกโลกป่าดงพญาเย็น เขาใหญ่ 2. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช 3. โคราชจีโอพาร์ค พื้นที่ลุ่มน้ำลำตาคลอง ซึ่งมีภูมิประเทศเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) และฟอสซิล 3 ยุค และล่าสุด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก “มหกรรมพืชสวนโลก” หรือ KORAT Expo 2029” . "จังหวัดนครราชสีมา ยังมีความโดดเด่นในด้านกีฬา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาในหลาย รายการหลายรูปแบบตามบริบทของชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ทราบว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ (เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 7 เมื่อปี 2557) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้เล็งเห็นถึงการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุในครั้งนี้ ที่เข้ามาทำการแข่งขัน ซึ่งเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงได้คิดดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาที่แข่งขันฯ ในร่ม ให้จัดการแข่งขันขึ้นบนห้างชั้นนํา 3 ห้าง นั้นก็คือ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช และศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ซึ่ง 3 ห้างนี้ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาในระดับใหญ่ๆมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งให้ความ อนุเคราะห์ร่วมมือกับงานของจังหวัดนครราชสีมา ด้วยดีเสมอมาตลอด จึงอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสกับบรรยาการการ แข่งขันในห้าง และในฮอลล์ ของห้างทั้ง 3 ห้าง ที่มีความพร้อมทั้งห้องน้ำ อาหารการกิน ของฝากของที่ระลึก มีสินค้า มากมายให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชม สำหรับสนามที่ทำการแข่งขันกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา 80 พรรษาฯ สนามกีฬากอล์ฟเสือปาคร์ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ ค่ายสุรนารี และสนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารี ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประชุมหารือเตรียมพร้อมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านท่องเที่ยวและกีฬาจะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป และช่วงภาคบ่ายที่จะประชุมผู้ประสานงานทุกจังหวัด นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ทางจังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนนึงจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ในพิธีเปิดปิด และการแข่งขันฯ รวมถึงความพร้อมด้านการแพทย์และพยาบาล ความปลอดภัยและการจราจร และแผนการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้รับความร่วมมือการมีส่วนร่วมทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกับทางจังหวัดนครราชสีมา ในการจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้" . "จังหวัดนครราชสีมา พร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 17 – 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ขอเชิญ ชวนทุกท่านที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา มาร่วมชม รวมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาผู้สูงอายุจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ แล้วพบกันครับ" . นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นรายการแข่งขันในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยจะทำการแข่งขันฯ ทั้งสิ้น 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ 1) กรีฑา 2) กีฬากอล์ฟ 3) กีฬาเปตอง 4) กีฬาวู้ดบอล 5) กีฬาหมากรุกไทย 6) กีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 7) กีฬาแบดมินตัน 8) กีฬาลีลาศ 9) กีฬาเกทบอล 10) การประกวดแอโรบิกมวยไทย และ 11) การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ โดยได้กำหนดสนามแข่งขันฯ 7 แห่ง ดังนี้ 1. ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แข่งขันกีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช แข่งขันกีฬาแบดมินตัน กีฬาหมากรุกไทย และกีฬาลีลาศ 3. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช แข่งขันฯ ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ และประกวดแอโรบิกมวยไทย 4. สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา แข่งขันกีฬากรีฑา และกีฬาเปตอง 5. สนามกีฬากอล์ฟเสือปาร์ค (ค่ายสุรธรรมพิทักษ์) แข่งขันกีฬากอล์ฟ 6. สนามกีฬากลางค่ายสุรนารี แข่งขันกีฬาเกทบอล 7. สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ (ค่ายสุรนารี) แข่งขันกีฬาวู้ดบอล" . "ซึ่งสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับกรมพลศึกษา และเจ้าของสถานที่ และบุคลากรฝ่ายเทคนิคการแข่งขันฯ ไม่ว่าจะเป็นสมาคม ชมรมกีฬา คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่างๆ และเจ้าหน้าที่พลศึกษา ได้ประชุมหารือและตรวจความพร้อมสถานที่ในการจัดทำสนามแข่งขันฯเพื่อรองรับทัพ นักกีฬาที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันฯ เพื่อให้เกิดความพร้อมและมาตรฐานทั้งสนามและการจัดการแข่งขันฯ" . "สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งกองประสานงานส่วนกลางอยู่ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลโคราช ชั้น 1 เพื่อประสานงานข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในการแข่งขันฯ รวมไปถึงให้บริการข้อมูลในการจัดการ แข่งขันฯ สถานที่ท่องเที่ยว และตั้งศูนย์ประสานงานนักท่องเที่ยว ไว้บริการ รวมไปถึงประสานงานกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยว #เวียดนาม นอนบนบานาฮิลล์ 3วัน 2คืน 😍
    ปังมาก ไม่ถึงหมื่น 🔥🔥

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐

    📍 สะพานมือยักษ์
    📍 บานาฮิลล์
    📍 POP MART
    📍 พักบนบานาฮิลล์
    📍 Apec Park
    📍 เมืองโบราณฮอยอัน
    📍 นั่งเรือกระด้ง
    📍 สะพานแห่งความรัก
    📍 สะพานมังกร
    📍 เจ้าแม่กวนอิมวัดหลินอึ๋ง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #บานาฮิลล์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    อ่านน้อยลง
    เที่ยว #เวียดนาม นอนบนบานาฮิลล์ 3วัน 2คืน 😍 ปังมาก ไม่ถึงหมื่น 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 บานาฮิลล์ 📍 POP MART 📍 พักบนบานาฮิลล์ 📍 Apec Park 📍 เมืองโบราณฮอยอัน 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 สะพานมังกร 📍 เจ้าแม่กวนอิมวัดหลินอึ๋ง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #บานาฮิลล์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ อ่านน้อยลง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • วันนี้คุยต่อเรื่องราวสมัยราชวงศ์ซ่งอีกสักหน่อย สมัยนั้นมีการเผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มชาไปในวงกว้าง ทำให้การดื่มชาเป็นที่นิยมทั่วไป แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า การชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งเป็นอย่างไร

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ตำราจากราชวงศ์ก่อนน่ะรึ เป็นการต้มชา แต่ตอนนี้การชงชาต้องตีผสม ตำราจากราชวงศ์ก่อนย่อมบรรยายไม่ได้ชัด” นางสกุลหลินกล่าวต่อม่อหลันผู้เป็นลูกสาว...
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)

    จากบทสนทนาข้างต้นก็พอจะรู้แล้วว่าการชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งแตกต่างจากราชวงศ์ถัง

    ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้จะสะดุดตาบ้างไหมกับการชงชาของตัวละครที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง เป็นการใช้ช้อนไม้เล็กด้ามยาวตักผงชาลงในชามเล็ก เติมน้ำร้อนเล็กน้อย ใช้แปรงตีจนละลายเข้าเป็นน้ำชาข้น เติมน้ำอีก ตีอีกจนเป็นฟอง เติมน้ำอีก ตีอีก ทำอย่างนี้จนชาเปลี่ยนสีแล้วเทใส่ถ้วยที่มีจานรองแบบมีขาตั้งสูง (ดูจากรูปกรรมวิธี) หน้าตาของชาจะคล้ายกับชาญี่ปุ่นมัทฉะที่ตีเป็นฟองที่เรายังเห็นได้ในปัจจุบัน วิธีการชงชาแบบนี้เรียกว่า ‘เตี่ยนฉา’ (点茶)

    ศิลปะการชงชาแบบเตี่ยนฉาไม่ใช่เพียงชงเพื่อดื่ม หากแต่เป็นการฝึกความใจเย็น และในยุคนั้นหนึ่งในกิจกรรมสังสรรค์ยอดนิยมคือการแข่งชงชากัน (เรียกว่า ‘โต้วฉา’ / 斗茶) โดยจะเริ่มตั้งแต่การเอาชาอัดก้อนมาอังไฟให้หอม แล้วเอาก้อนชามาทุบละเอียด ชาที่ทุบแล้วก็ต้องนำมาโม่บดจนละเอียดมากขึ้นอีก เวลาจะกินก็ตักออกมาสักช้อนสองช้อนแล้วก็ชงตามกรรมวิธี

    ชงชาแบบเตี่ยนฉาอย่างไรจึงเรียกว่าดี? เขาว่าชาที่ดีนั้น เนื้อชาจะกระจายไปในน้ำอย่างสม่ำเสมอและเข้มข้นกำลังดี สีของน้ำชาที่ดีที่สุดคือขาวนวล รองลงมาคือขาวอมเขียว ขาวอมเทา หรือขาวอมเหลือง ถ้วยชาที่ใช้จึงมักเป็นสีดำเพื่อให้เห็นน้ำชาได้ชัดเจน

    ว่ากันว่าญี่ปุ่นได้วิธีชงชาแบบนี้จากพระและนักแสวงบุญที่เข้ามายังประเทศจีนในสมัยซ่งแล้วนำกลับไปทำที่ญี่ปุ่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปศึกษาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เพิ่มในประเด็นนี้

    แล้วยุคสมัยอื่นล่ะ? การดื่มชาในยุคสมัยก่อนราชวงศ์ถังนั้นเป็นการนำชามาต้มกับเครื่องอย่างอื่น เช่นขิง ดอกหอมหมื่นลี้ พริกไทยเป็นต้น ดื่มกินเหมือนน้ำแกง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์สุยและถังจึงใช้เป็นการ ‘แช่’ ชาในน้ำร้อน (เหมือนที่เราเห็นในปัจจุบัน) สมัยนั้นจึงเรียกเป็นการต้มชาหรือว่า ‘จู่ฉา’ (煎茶)

    กรรมวิธีชงชาแบบเตี่ยนฉาสิ้นสุดลงเมื่อเข้าสู่ราชวงศ์หมิง ด้วยความที่มันยุ่งยากใช้คนมากในการหมักเก็บชามาอัดเป็นก้อน ไหนจะต้องทุบและบดก่อนกิน องค์จูหยวนจางทรงเห็นว่าการต้มชาใบร่วงง่ายและเหมาะกับชีวิตประจำวันของชาวบ้านธรรมดามากกว่า ในยุคสมัยนั้นการจัดจำหน่ายชาจึงเน้นเป็นรูปแบบใบชา ดังนั้นก้อนชาและวิธีชงแบบเตี่ยนฉาจึงค่อยๆ หายไป

    Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ แต่จริงๆ แล้ว การชงชาในแต่ละยุคสมัยนั้นไม่ง่ายเลย มันมีขั้นตอนที่ละเมียดละไมและมีอุปกรณ์เฉพาะหลายชิ้น ใครที่เป็นคอชาจะทราบดี Storyฯ ไม่ได้เป็นคอชา รอเพื่อนเพจท่านใดที่ใช่ มาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจากในละครและจาก:
    https://itw01.com/YNKQ3E4.html
    https://wantubizhi.com/image350909350928.html
    https://kknews.cc/zh-sg/culture/rr3kjxo.html
    http://www.tuanjiewang.cn/2019-11/04/content_8853866.htm
    http://www.guanfujianzhan.com/8119.html
    http://food.china.com.cn/2020-07/09/content_76253576.htm
    ดูกรรมวิธีการชงได้ที่ https://m.puercn.com/zhishi/97265/

    #หมิงหลัน #พิธีชงชาจีนโบราณ #เตี่ยนฉา #ราชวงศ์ซ่ง
    วันนี้คุยต่อเรื่องราวสมัยราชวงศ์ซ่งอีกสักหน่อย สมัยนั้นมีการเผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มชาไปในวงกว้าง ทำให้การดื่มชาเป็นที่นิยมทั่วไป แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า การชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งเป็นอย่างไร ความมีอยู่ว่า ... “ตำราจากราชวงศ์ก่อนน่ะรึ เป็นการต้มชา แต่ตอนนี้การชงชาต้องตีผสม ตำราจากราชวงศ์ก่อนย่อมบรรยายไม่ได้ชัด” นางสกุลหลินกล่าวต่อม่อหลันผู้เป็นลูกสาว... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) จากบทสนทนาข้างต้นก็พอจะรู้แล้วว่าการชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งแตกต่างจากราชวงศ์ถัง ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้จะสะดุดตาบ้างไหมกับการชงชาของตัวละครที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง เป็นการใช้ช้อนไม้เล็กด้ามยาวตักผงชาลงในชามเล็ก เติมน้ำร้อนเล็กน้อย ใช้แปรงตีจนละลายเข้าเป็นน้ำชาข้น เติมน้ำอีก ตีอีกจนเป็นฟอง เติมน้ำอีก ตีอีก ทำอย่างนี้จนชาเปลี่ยนสีแล้วเทใส่ถ้วยที่มีจานรองแบบมีขาตั้งสูง (ดูจากรูปกรรมวิธี) หน้าตาของชาจะคล้ายกับชาญี่ปุ่นมัทฉะที่ตีเป็นฟองที่เรายังเห็นได้ในปัจจุบัน วิธีการชงชาแบบนี้เรียกว่า ‘เตี่ยนฉา’ (点茶) ศิลปะการชงชาแบบเตี่ยนฉาไม่ใช่เพียงชงเพื่อดื่ม หากแต่เป็นการฝึกความใจเย็น และในยุคนั้นหนึ่งในกิจกรรมสังสรรค์ยอดนิยมคือการแข่งชงชากัน (เรียกว่า ‘โต้วฉา’ / 斗茶) โดยจะเริ่มตั้งแต่การเอาชาอัดก้อนมาอังไฟให้หอม แล้วเอาก้อนชามาทุบละเอียด ชาที่ทุบแล้วก็ต้องนำมาโม่บดจนละเอียดมากขึ้นอีก เวลาจะกินก็ตักออกมาสักช้อนสองช้อนแล้วก็ชงตามกรรมวิธี ชงชาแบบเตี่ยนฉาอย่างไรจึงเรียกว่าดี? เขาว่าชาที่ดีนั้น เนื้อชาจะกระจายไปในน้ำอย่างสม่ำเสมอและเข้มข้นกำลังดี สีของน้ำชาที่ดีที่สุดคือขาวนวล รองลงมาคือขาวอมเขียว ขาวอมเทา หรือขาวอมเหลือง ถ้วยชาที่ใช้จึงมักเป็นสีดำเพื่อให้เห็นน้ำชาได้ชัดเจน ว่ากันว่าญี่ปุ่นได้วิธีชงชาแบบนี้จากพระและนักแสวงบุญที่เข้ามายังประเทศจีนในสมัยซ่งแล้วนำกลับไปทำที่ญี่ปุ่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปศึกษาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เพิ่มในประเด็นนี้ แล้วยุคสมัยอื่นล่ะ? การดื่มชาในยุคสมัยก่อนราชวงศ์ถังนั้นเป็นการนำชามาต้มกับเครื่องอย่างอื่น เช่นขิง ดอกหอมหมื่นลี้ พริกไทยเป็นต้น ดื่มกินเหมือนน้ำแกง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์สุยและถังจึงใช้เป็นการ ‘แช่’ ชาในน้ำร้อน (เหมือนที่เราเห็นในปัจจุบัน) สมัยนั้นจึงเรียกเป็นการต้มชาหรือว่า ‘จู่ฉา’ (煎茶) กรรมวิธีชงชาแบบเตี่ยนฉาสิ้นสุดลงเมื่อเข้าสู่ราชวงศ์หมิง ด้วยความที่มันยุ่งยากใช้คนมากในการหมักเก็บชามาอัดเป็นก้อน ไหนจะต้องทุบและบดก่อนกิน องค์จูหยวนจางทรงเห็นว่าการต้มชาใบร่วงง่ายและเหมาะกับชีวิตประจำวันของชาวบ้านธรรมดามากกว่า ในยุคสมัยนั้นการจัดจำหน่ายชาจึงเน้นเป็นรูปแบบใบชา ดังนั้นก้อนชาและวิธีชงแบบเตี่ยนฉาจึงค่อยๆ หายไป Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ แต่จริงๆ แล้ว การชงชาในแต่ละยุคสมัยนั้นไม่ง่ายเลย มันมีขั้นตอนที่ละเมียดละไมและมีอุปกรณ์เฉพาะหลายชิ้น ใครที่เป็นคอชาจะทราบดี Storyฯ ไม่ได้เป็นคอชา รอเพื่อนเพจท่านใดที่ใช่ มาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจากในละครและจาก: https://itw01.com/YNKQ3E4.html https://wantubizhi.com/image350909350928.html https://kknews.cc/zh-sg/culture/rr3kjxo.html http://www.tuanjiewang.cn/2019-11/04/content_8853866.htm http://www.guanfujianzhan.com/8119.html http://food.china.com.cn/2020-07/09/content_76253576.htm ดูกรรมวิธีการชงได้ที่ https://m.puercn.com/zhishi/97265/ #หมิงหลัน #พิธีชงชาจีนโบราณ #เตี่ยนฉา #ราชวงศ์ซ่ง
    ITW01.COM
    IT Tools - Handy online tools for developers
    Collection of handy online tools for developers, with great UX. IT Tools is a free and open-source collection of handy online tools for developers & people working in IT.
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • 30 พฤษภาคม วันพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
    31 พฤษภาคม วันงดสูบบุหรี่โลก World No Tobacco Day
    กาแฟ ชา ไข่ลวก ไฮ้ หมวย https://goo.gl/maps/rf3UG3QF3pHTPSAz8
    ร้าน เจ กาแฟโบราณ https://goo.gl/maps/H7rqh7TzoHMXZHeh9
    สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    30 พฤษภาคม วันพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว 31 พฤษภาคม วันงดสูบบุหรี่โลก World No Tobacco Day กาแฟ ชา ไข่ลวก ไฮ้ หมวย https://goo.gl/maps/rf3UG3QF3pHTPSAz8 ร้าน เจ กาแฟโบราณ https://goo.gl/maps/H7rqh7TzoHMXZHeh9 สั่งออนไลน์ ลิงค์อยู่ในช่องแสดงความคิดเห็น
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวลาที่คนเรานั่งมองสิ่งต่างๆ มันมีคำง่ายๆ อยู่คำหนึ่งย่อว่า FOV มาจากคำว่า Field Of View พวกทำงานภาพเข้าใจดีว่าหมายถึงสนามของภาพ หรือขอบเขตการมองเห็น ถ้าเรามองในแง่นี้ก็คือ มองผ่านเลนส์หรือผ่านกล้องของเราออกไป สนามภาพที่เราเห็นจะถูกจำกัดด้วยสมรรถนะของกล้องหรือเลนส์นั้น จะโฟกัสเจาะลึกขยายถึงขุมขนก็ต้องใช้มาโครเลนส์ จะดูไกลก็ต้องใช้ซูมเลนส์ จะเห็นภาพกว้างก็ต้องใช้เลนส์ไวด์แองเกิ้ล
    .
    คล้ายๆ กัน.. เปลี่ยนเป็นการมองดูโลก ถ้าเรานั่งมองจากในบ้านของเรา เราก็จะเห็นได้อย่างจำกัดมาก จะมองเห็นทัศนียภาพภายนอกก็จะเห็นได้แค่ผ่านช่องหน้าต่างผ่านช่องประตูออกไป ที่ติดกำแพงผนังหลังคาขวางกั้นก็มองไม่เห็นแล้ว ก็ต้องก้าวออกไปนอกบ้านจึงจะเห็นมากขึ้น แต่ก็ติดกำแพงรั้วอีก เดินออกนอกกำแพงไปการมองเห็นก็ยังจะถูกจำกัดด้วยไอ้เจ้า FOV ของชั้นระยะถัดไป ระยะทาง ภูเขา แมกไม้ บดบังหลายสิ่งหลายอย่าง จะเห็นสิ่งที่อยู่ถัดไปอีกแค่สักร้อยเมตรก็เป็นไปได้ยากถ้ายังมีสิ่งบดบัง ครั้นจะพึ่งพาเพื่อนบ้านที่ผ่านมาจะถามเขาว่ามีอะไรน่าสนใจไหมที่สองร้อยเมตรข้างหน้า ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะได้คำตอบที่น่าเชื่อถือหรือถูกต้อง เขาอาจบอกระวังงูยักษ์นะเมื่อกี้เพิ่งหนีมา... เขาอาจว่าหมู่บ้านถัดไปสองร้อยเมตรกำลังประกาศว่ามีโรคระบาดมาถึงแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ...ฯ เราไม่อาจพึ่งพาการเห็นโลกตามจริงด้วยการบอกเล่าจากปากของผู้อื่น จะรู้ข้อเท็จจริงให้ได้ก็ต้องเดินทางออกไปเห็นด้วยตาว่าตรงที่เราอยากรู้นั้นเป็นเช่นไร ซึ่งไม่แน่ว่าบางทีไปถึงที่หมายแล้วก็อาจยังไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็นอีก เพราะ FOV ของเราที่หวังผลจากสายตานี้ ไม่ได้กว้างไพศาลและมีศักยภาพในการขยายได้ดั่งใจ อาจต้องมีตัวช่วย เช่น ใช้โดรนขึ้นบินขึ้นไปส่องก็จะเห็นกว้างไกลกว่ายืนมองอยู่บนพื้น แต่กระนั้นก็จะเห็นว่า ใช้โดรนแล้ว ตัวโดรนเองก็มี FOV ที่จำกัดอยู่ดี
    .
    พออธิบายเช่นนี้ คงเข้าใจได้ว่า การที่ปุถุชนจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบถ้วนทุกรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครที่ยิ่งต้องการเห็นให้ได้มาก ต้องตะเกียกตะกายพยายามขยายมุมมอง พิกัดที่มอง สมรรถนะที่มอง และวิจารณญาณที่ประกอบการมองให้เปิดกว้างและไม่ยอมหยุดนิ่ง คือต้องไม่หยุดเลยนั่นแหละ ถึงจะลดทอนความไม่รู้ลงไปได้ไม่น้อย แม้ว่าในความเป็นจริงจะยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่อีกเยอะก็ตาม
    .
    โบราณพูดถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าญาณทัศนะ คือมีบางคนที่ได้ทุ่มเทความเพียรในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มามากมายเนิ่นนานพอจนเกิดปัญญาในการที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น และมองเห็นความเชิ่อมโยงของสิ่งต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถึงแม้คนผู้นั้นเองก็ติดขัดที่ข้อจำกัดของมนุษย์เช่นที่กล่าวไปเหมือนเช่นคนอื่นๆ แต่มีความหยั่งรู้พิเศษบางอย่างบ่มเพาะขึ้นมาให้รู้จักใช้ปัญญาในการเรียนรู้พิจารณาเรื่องราวหนึ่ง แล้วขยายมันเพื่อที่จะเข้าใจเรื่องราวอีกพันเรื่องได้ อุปมาดั่งช่างไม้ที่เข้าใจในการใช้สิ่วแกะสลักอย่างลึกซึ้งทะลุปรุโปร่ง อาจใช้ความเข้าใจในทักษะเช่นนี้ ไปในประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น การใช้ดาบต่อสู้ เป็นต้น... ผู้มีญาณทัศนะที่หยั่งได้เช่นนี้ ด้วยการพิเคราะห์สิ่งต่างๆ รอบกาย เขาอาจสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านั้นได้ในระนาบที่ต่างจากผู้อื่น ฟังดูยากใช่ไหม?
    .
    ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้น่าจะเกือบยี่สิบปีแล้ว ชื่อเรื่อง "ดาบที่ซ่อนเร้น" ไม่รู้ใครเคยอ่านบ้าง?
    .
    แนวคิด "เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่ง" เป็นหนึ่งในคำสอนที่ มิยาโมโต มูซาชิ ซามูไรที่กล่าวกันว่าไม่เคยแพ้ใครเลย สอนแก่ศิษย์ของเขา คำสอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนมากมายที่ปรากฏอยู่ในจดหมายถึงศิษย์ในสำนักนิเต็นริวของเขาที่ชื่อเทราโอะ มาโกโนโจ ภายหลังจดหมายนี้กลายเป็นคัมภีร์ที่นักดาบทุกคนต้องทำความเข้าใจ มันมีชื่อเรียกในภายหลังว่า "โกรินโนโช" แปลว่าคัมภีร์ห้าห่วง ชื่อห้าห่วงเพราะมันแบ่งเป็นห้าภาคคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่าง (สุญญตา)
    .
    โกรินโนโช ไม่ได้เป็นเพียงตำราสำหรับนักดาบ แนวคิดลึกซึ้งที่ว่า เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่งนี้ มีคนที่เข้าใจมัน แล้วปรับใช้กับชีวิตหลายแง่มุม ที่กล่าวถึงกันมากคือมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วยการปรับความรู้จากตำรานี้ให้เป็นกลยุทธในการทำธุรกิจ แต่ผมไม่เคยอ่านเรื่องทำนองนี้หรอก ต้องถามเซนเซสุวินัย ภรณวลัย ท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ผมสนใจในแง่ของวิชาเคนจัตสุ... กลับไปที่เรื่อง FOV ที่ได้เปิดหัวมา...
    .
    มูซาชิ สอนในภาคน้ำเรื่องการมอง ว่าด้วยคำสี่คำที่ลึกซึ้งคือ ทาเทมาเอะ กับ ฮอนเนะ... และ เค็น กับ คาน
    .
    - ทาเทมาเอะ คือ สิ่งที่เราแสดงให้คนเห็น
    - ฮอนเนะ คือ เจตนาที่แท้จริง
    .
    - เคน คือ สิ่งที่เห็นจากภายนอกด้วยตาเนื้อ
    - คาน คือ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ด้วยญาณที่หยั่งลึกกว่า
    .
    อธิบายสักรอบ..
    .
    เมื่อนักดาบสองคนเข้าสัประยุทธกัน นักดาบจะตั้งท่วงท่าสำหรับการโจมตี เช่น เมื่อฝ่ายหนึ่งตั้งท่าโจดัง คือยกดาบอยู่เหนือหัว อีกฝ่ายมองเห็นด้วย เคน ก็อาจคาดเดาว่าศัตรูจะฟันลงมาที่หัว ซึ่งโดยกายภาพแล้วจะเป็นการฟันที่เร็วที่สุดกว่าการเจตนาฟันตรงส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ลำตัว หรือแทงคอ ซึ่งจะยิ่งทำให้การโจมตีใช้เวลามากขึ้นหากเริ่มจากท่าโจดัง.. นักดาบอีกฝ่ายก็คงจะคิดเช่นนี้แล้วเตรียมรับการฟันจากข้างบน เพราะถ้าคู่ต่อสู้เปลี่ยนทิศทางมาฟันลำตัว เขาจะมองเห็นทันและปรับท่ารับได้... แต่นี่บางทีเขาอาจคิดผิดไป..
    .
    ฮอนเนะ หรือเจตนาของนักดาบอีกฝ่ายอาจไม่ใด้ต้องการฟันตรงๆ เขาอาจฝึกมาอย่างหนักมากจนบรรลุความเร็วขีดสุดที่ฝ่ายเตรียมตั้งรับไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาอาจฟันลำตัวมาจากท่าโจดังนั่นด้วยความเร็วที่เร็วมากยิ่งกว่าผู้ใด แต่จงใจแสดงให้เห็นทาเทมาเอะว่าจะฟันที่หัว เพื่อให้คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ที่ลำตัวจากท่าตั้งรับด้านบน ความสำเร็จในที่นี้คือการเอาชนะข้อจำกัดทางกายภาพ... พอเข้าใจไหม? เป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปก็จะยึดถือหลักการและเหตุผลสามัญที่พวกเขาเรียนรู้กันมา แต่บางครั้งข้อจำกัดของหลักการเหล่านั้นก็สามารถขจัดออกไปได้
    .
    ในโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยทาเทมาเอะล่อลวงและฮอนเนะที่ชั่วร้าย บางสิ่งมากับเรื่องที่คุณคิดไม่ถึงเช่นภาพยนตร์ StarTrek ที่ผมเคยเขียนให้อ่านในบทความเรื่องดาบที่ซ่อนเร้นที่เอ่ยไป.. พรอพพาแกนดามากมายที่เป็นทาเทมาเอะในโลก จงใจให้คุณเห็นและเบี่ยงเบนคุณจากเจตนาร้ายแท้จริงที่ซ่อนไว้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ไทยเราเองเคยถูกฮอนเนะที่ชั่วร้ายโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การโจมตีค่าเงินบาทของโซรอส.. หรือ ทาเทมาเอะในคราบของวัคซีนที่ซ่อนฮอนเนะของ Global Reset ที่เคลาส์ ชวอบบ์ ไฝ่ฝันจะกำจัดประชากรและกระพือพรอพพาแกนดาเพื่อหวังจัดระเบียบโลก ขณะเดียวกันก็ทำลายจีนไปด้วย.. หรือจะถอยไปที่ JFK และ 911 ก็ได้ คุณลองคิดดูซิว่า อะไรคือทาเทมาเอะ อะไรคือฮอนเนะที่คุณเห็น ลองทดสอบตัวเอง
    .
    นึกภาพออกหรือยัง ว่าคุณต้องพยายามมากแค่ไหนในการขยาย FOV ของคุณออกไปด้วย คาน ไม่ใช่ เคน เพียงอย่างเดียว เป้าหมายการฝึกคือ เคนและคานทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง เมื่อคุณมองข่าวสารที่ป้อนใส่เคนของคุณผ่านหน้าต่างของโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างกับคุณนั่งมองจากในบ้านของคุณผ่านหน้าต่างห้องรับแขก.... บางคนอาจเถียงว่า "เฮ้ย นี่มันอินเตอร์เน็ตนะโว้ย"... No.. อย่าได้สำคัญผิดว่าจอมือถือขนาด 8 นิ้ว 10 นิ้วของเธอจะทำให้เธอเห็นทุกสรรพสิ่ง เธอจะเห็นแต่สิ่งที่เธอได้รับอนุญาตให้เห็นหรือถูกเตรียมมาให้เชื่อ และโดยทั่วไป เธอจะถูกปิดกั้นเมื่อเธอพยายามจะเห็นสิ่งที่พวกที่กุมอำนาจอยู่ไม่อนุญาตให้เห็น เธอจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะขยาย FOV ของเธอออกไปจากสิ่งกั้นขวางเหล่านั้น และต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ฝึกฝนการมองสิ่งต่างๆ ด้วย คาน ด้วยจิต ด้วยญาณทัศนะที่เติบโตขึ้น
    .
    พิจารณาสิ่งที่อยู่รอบๆตัว บริบทต่างๆ ที่รายล้อม เช่น นักต่อสู้ทางการเมืองสตรีที่ถูกจำขังเป็นเวลานาน ได้ก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยทาเทมาเอะเช่นรางวัลโนเบล ภาพลักษณ์แห่งความอหิงสาสำรวม ปูมหลังที่น่านับถือของบิดา สื่อตะวันตกที่โหมเยินยอ... ฮอนเนะของเธอคืออะไร? จารชนซีไอเอตัวแม่? เบื้องหลังการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญาที่ถูกปกปิดไม่ให้โลกรู้? ความเชื่อมโยงน่าขนลุกของเป้าหมายการยึดครองพื้นที่ของยะไข่ จำต้องเก็บกวาดขยะ? ใครต้องการครอบครอง? ผลพลอยได้คือการปลุกความขัดแย้งและโต้เถียงในหมู่ประชาคมอาเซี่ยน? ยะไข่สำคัญอย่างไร?.... ขยาย FOV ของคุณออกไปยังจุดอื่นซิ เช่น อินเดียและปากีสถาน... ว้าแดงและลาว... หรือเขมรตัวแสบ... โจรหน้าตัวเมียทางใต้... ความพยายามที่จะเปิดศึกอิหร่าน... แค่ลำพังทำตัวเป็นโดรนบินขึ้นมาดูมุมสูงขึ้นยังไม่พอ ต้องใช้ คาน มองในทุกจุดแบบเป็นภาพที่ใหญ่ขึ้น ปัญหาที่เห็นในบ้านเราเป็นองค์ประกอบอันน้อยนิดในสงครามที่กำลังดำเนินไปและเกิดขึ้นรอบด้านในขณะนี้
    .
    ผมจะเล่าตัวอย่างของทาเทมาเอะ-ฮอนเนะให้ฟังอีกเรื่อง เกี่ยวกับแหล่งน้ำในโลกที่กำลังลดน้อยลงทุกที ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วในบทความที่พูดถึงเรื่องแม่น้ำไนล์และประเทศเอธิโอเปีย
    .
    ประเทศเอธิโอเปียเป็นประเทศที่ยากจนอย่างยิ่ง แห้งแล้งกันดารลำบากยากเข็ญ แม่น้ำไนล์นั้นมีต้นกำเนิดในประเทศเอธิโอเปีย แต่คนเอธิโอเปียกลับไม่สามารถที่จะสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำไว้สำหรับทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพประชากรที่อดอยากได้ เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้น ประเทศอียิปต์ซึ่งมีพร้อมทั้งจรวดและเครื่องบินรบทันสมัยก็จะมาถล่มเอธิโอเปียทันที เนื่องเพราะแม่น้ำไนล์ในวันนี้ปริมาณน้ำไม่พอใช้อยู่แล้ว ถ้าเอธิโอเปียทำเขื่อน ปริมาณน้ำที่ไหลไปถึงอียิปต์ก็จะน้อยลง ดังนั้นในสภาวะด้อยกว่าเช่นนี้เอธิโอเปียจึงต้องก้มหน้าเผชิญชะตากรรมอันยากเข็ญต่อไป ให้มีอีก 10 ไมเคิลแจ็กสันมาร้องเพลงวีอาร์เดอะเวิลด์อีก 10 รอบ ก็ไม่อาจช่วยเด็กเอธิโอเปียที่ล้มตายลงไปทุกวัน อย่างที่ผมได้พยายามเน้นมาก่อนหน้านี้ วันนึงการขาดแคลนน้ำจะก่อเป็นปัญหาซึ่งจะนำไปสู่สงคราม
    .
    ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทาเทมาเอะกำลังดำเนินไปด้วยการโหมของสื่อ เน้นให้เห็นความน่าเห็นใจของชาวทิเบตและความโหดร้ายของรัฐบาลจีนที่เข้าครอบครองดินแดนแห่งนี้ ยิ่งถ้าได้ดูหนังที่แบรทพิตต์แสดงให้เห็นความสะเทือนใจผ่านความสัมพันธ์ของเขากับดาไลลามะ ก็ยิ่งเห็นใจว่าทิเบตควรได้รับความเป็นเอกราช ผมเองก็เศร้าใจกับชะตากรรมนี้ แต่เมื่อมองจากมุมอื่นโดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความมั่งคงของชาติเราเอง ความเป็นจริงบางอย่างก็บีบบังคับเช่นกัน กรณีนี้มันเหมือนกับกันกับทาเทมาเอะของหนังเรื่องชินเลอร์ลิสท์และพรอพพาแกนดาของพวกไซออนนิสท์เลย ที่ความสะเทือนใจนี้อาจจะบรรเทาความขุ่นเคืองจากการสังหารหมู่ในปาเลสไตน์ได้ ซึ่งนี่เป็นฮอนเนะชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ ทาเทมาเอะในทิเบตหากสำเร็จ อาจจะนำมาซึ่งเหตุผลอันชอบธรรมในการที่ตะวันตกจะแทรกแซงเข้ามาช่วยเหลือและปลดปล่อยทิเบต จากนั้นก็จะวางอิทธิพลครอบงำไว้เช่นเดียวกับที่เกิดในติมอร์ ฮอนเนะที่แท้จริงของพวกมันคือการเข้ากุมอำนาจความได้เปรียบ หากสามารถควบคุมต้นน้ำที่มาจากภูเขาหิมาลัยในทิเบตได้ ก็จะสามารถควบคุมทั้งจีนและเอเชียอาคเนย์ทั้งหมดได้ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย เพราะแหล่งน้ำสำคัญสำคัญในเอเชียอาคเนย์ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดในทิเบต เช่น แม่น้ำอิระวดี แม่น้ำโขง ส่วนจีนเอง แม่น้ำใหญ่อย่างฮวงโหวและแยงซีเกียงก็มาจากทิเบตเช่นกัน นี่คือเหตุที่ว่าทำไมจีนถึงต้องครอบครองดินแดนทิเบตไว้ให้ถึงที่สุด เพราะถ้าตกไปในอำนาจของฝั่งตะวันตก ทั้งประเทศจีนและหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้ใครก็ตามที่มากุมอำนาจในทิเบตเอาไว้ได้
    .
    ประเทศไทยยังโชคดี หากว่าวันนึงต้องประสบความเดือดร้อนเพราะแม่น้ำโขงถูกควบคุมโดยมหาอำนาจตะวันตก เรายังมีแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีต้นน้ำอยู่ในประเทศไทยเอง ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้ว บอกให้รู้ว่าสภาพน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างนั้นเสียทั้งหมด ส่วนตอนกลางยังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ตอนบนยังอยู่ในสภาพที่ดี ผมยังพูดถึงแม่น้ำโวลก้าในรัสเซียที่เคยเสียไปหมดทั้งเส้นด้วยมลพิษ แต่ในที่สุดด้วยความพยายามอย่างหนัก รัสเซียสามารถกู้แม่น้ำโวลก้าขึ้นมาได้ แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่สามารถใช้บริโภค แต่สัตว์น้ำก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น แม่น้ำเจ้าพระยาที่เสียไปบางส่วนนั้นยังไม่สายเกินไปที่จะกู้คืนเสียแต่บัดนี้ และยังเน้นย้ำว่าจะต้องเป็นนโยบายรัฐและถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะช่วยกันกอบกู้แม่น้ำนี้ขึ้นมาให้ใช้บริโภคได้เหมือนสมัยที่ผมยังเด็กเด็กสมัยที่อยู่บ้านคุณยายริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรายังสามารถเอาน้ำขึ้นมาใส่ตุ่มแกว่งสารส้มแล้วนำมาต้มทำอาหารได้ นี่คือหลักประกันที่ว่าถ้าวันหนึ่งโลกได้มาถึงจุดคับขัน เราจะยังมีน้ำกินน้ำใช้ เพราะเราไม่รู้ว่าวันใดน้ำที่ใส่ขวดวางขายอยู่ตามห้างตามร้านของชำจะยังมีให้ซื้อกินอยู่ น้ำจึงเป็นปัจจัยคอขาดบาดตายของทุกคนที่จะต้องปกป้องไว้ให้ถึงที่สุด
    .
    ท่ามกลางการโอบล้อมของภัยจากทุกทิศทาง การโจมตีด้วยเจตนาร้ายเคลือบแฝงหลายรูปแบบที่ประดังเข้ามา มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องตื่นขึ้น เพื่อที่เราจะได้นำพาประเทศชาติให้รอดพ้นปลอดภัย เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเราจะไปยืนที่กำแพงพระนคร แล้วพูดกับตัวเองว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" อย่างที่พี่ฟองสนานกล่าวไว้
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    เวลาที่คนเรานั่งมองสิ่งต่างๆ มันมีคำง่ายๆ อยู่คำหนึ่งย่อว่า FOV มาจากคำว่า Field Of View พวกทำงานภาพเข้าใจดีว่าหมายถึงสนามของภาพ หรือขอบเขตการมองเห็น ถ้าเรามองในแง่นี้ก็คือ มองผ่านเลนส์หรือผ่านกล้องของเราออกไป สนามภาพที่เราเห็นจะถูกจำกัดด้วยสมรรถนะของกล้องหรือเลนส์นั้น จะโฟกัสเจาะลึกขยายถึงขุมขนก็ต้องใช้มาโครเลนส์ จะดูไกลก็ต้องใช้ซูมเลนส์ จะเห็นภาพกว้างก็ต้องใช้เลนส์ไวด์แองเกิ้ล . คล้ายๆ กัน.. เปลี่ยนเป็นการมองดูโลก ถ้าเรานั่งมองจากในบ้านของเรา เราก็จะเห็นได้อย่างจำกัดมาก จะมองเห็นทัศนียภาพภายนอกก็จะเห็นได้แค่ผ่านช่องหน้าต่างผ่านช่องประตูออกไป ที่ติดกำแพงผนังหลังคาขวางกั้นก็มองไม่เห็นแล้ว ก็ต้องก้าวออกไปนอกบ้านจึงจะเห็นมากขึ้น แต่ก็ติดกำแพงรั้วอีก เดินออกนอกกำแพงไปการมองเห็นก็ยังจะถูกจำกัดด้วยไอ้เจ้า FOV ของชั้นระยะถัดไป ระยะทาง ภูเขา แมกไม้ บดบังหลายสิ่งหลายอย่าง จะเห็นสิ่งที่อยู่ถัดไปอีกแค่สักร้อยเมตรก็เป็นไปได้ยากถ้ายังมีสิ่งบดบัง ครั้นจะพึ่งพาเพื่อนบ้านที่ผ่านมาจะถามเขาว่ามีอะไรน่าสนใจไหมที่สองร้อยเมตรข้างหน้า ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะได้คำตอบที่น่าเชื่อถือหรือถูกต้อง เขาอาจบอกระวังงูยักษ์นะเมื่อกี้เพิ่งหนีมา... เขาอาจว่าหมู่บ้านถัดไปสองร้อยเมตรกำลังประกาศว่ามีโรคระบาดมาถึงแล้ว รีบไปจากที่นี่เถอะ...ฯ เราไม่อาจพึ่งพาการเห็นโลกตามจริงด้วยการบอกเล่าจากปากของผู้อื่น จะรู้ข้อเท็จจริงให้ได้ก็ต้องเดินทางออกไปเห็นด้วยตาว่าตรงที่เราอยากรู้นั้นเป็นเช่นไร ซึ่งไม่แน่ว่าบางทีไปถึงที่หมายแล้วก็อาจยังไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็นอีก เพราะ FOV ของเราที่หวังผลจากสายตานี้ ไม่ได้กว้างไพศาลและมีศักยภาพในการขยายได้ดั่งใจ อาจต้องมีตัวช่วย เช่น ใช้โดรนขึ้นบินขึ้นไปส่องก็จะเห็นกว้างไกลกว่ายืนมองอยู่บนพื้น แต่กระนั้นก็จะเห็นว่า ใช้โดรนแล้ว ตัวโดรนเองก็มี FOV ที่จำกัดอยู่ดี . พออธิบายเช่นนี้ คงเข้าใจได้ว่า การที่ปุถุชนจะเห็นสิ่งต่างๆ ได้ครบถ้วนทุกรายละเอียดข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ใครที่ยิ่งต้องการเห็นให้ได้มาก ต้องตะเกียกตะกายพยายามขยายมุมมอง พิกัดที่มอง สมรรถนะที่มอง และวิจารณญาณที่ประกอบการมองให้เปิดกว้างและไม่ยอมหยุดนิ่ง คือต้องไม่หยุดเลยนั่นแหละ ถึงจะลดทอนความไม่รู้ลงไปได้ไม่น้อย แม้ว่าในความเป็นจริงจะยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่อีกเยอะก็ตาม . โบราณพูดถึงการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าญาณทัศนะ คือมีบางคนที่ได้ทุ่มเทความเพียรในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ มามากมายเนิ่นนานพอจนเกิดปัญญาในการที่จะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้น และมองเห็นความเชิ่อมโยงของสิ่งต่างๆ ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ถึงแม้คนผู้นั้นเองก็ติดขัดที่ข้อจำกัดของมนุษย์เช่นที่กล่าวไปเหมือนเช่นคนอื่นๆ แต่มีความหยั่งรู้พิเศษบางอย่างบ่มเพาะขึ้นมาให้รู้จักใช้ปัญญาในการเรียนรู้พิจารณาเรื่องราวหนึ่ง แล้วขยายมันเพื่อที่จะเข้าใจเรื่องราวอีกพันเรื่องได้ อุปมาดั่งช่างไม้ที่เข้าใจในการใช้สิ่วแกะสลักอย่างลึกซึ้งทะลุปรุโปร่ง อาจใช้ความเข้าใจในทักษะเช่นนี้ ไปในประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น การใช้ดาบต่อสู้ เป็นต้น... ผู้มีญาณทัศนะที่หยั่งได้เช่นนี้ ด้วยการพิเคราะห์สิ่งต่างๆ รอบกาย เขาอาจสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งเหล่านั้นได้ในระนาบที่ต่างจากผู้อื่น ฟังดูยากใช่ไหม? . ผมเคยเขียนบทความเรื่องนี้น่าจะเกือบยี่สิบปีแล้ว ชื่อเรื่อง "ดาบที่ซ่อนเร้น" ไม่รู้ใครเคยอ่านบ้าง? . แนวคิด "เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่ง" เป็นหนึ่งในคำสอนที่ มิยาโมโต มูซาชิ ซามูไรที่กล่าวกันว่าไม่เคยแพ้ใครเลย สอนแก่ศิษย์ของเขา คำสอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนมากมายที่ปรากฏอยู่ในจดหมายถึงศิษย์ในสำนักนิเต็นริวของเขาที่ชื่อเทราโอะ มาโกโนโจ ภายหลังจดหมายนี้กลายเป็นคัมภีร์ที่นักดาบทุกคนต้องทำความเข้าใจ มันมีชื่อเรียกในภายหลังว่า "โกรินโนโช" แปลว่าคัมภีร์ห้าห่วง ชื่อห้าห่วงเพราะมันแบ่งเป็นห้าภาคคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และความว่าง (สุญญตา) . โกรินโนโช ไม่ได้เป็นเพียงตำราสำหรับนักดาบ แนวคิดลึกซึ้งที่ว่า เรียนรู้สิ่งหนึ่งเพื่อเข้าถึงพันสิ่งนี้ มีคนที่เข้าใจมัน แล้วปรับใช้กับชีวิตหลายแง่มุม ที่กล่าวถึงกันมากคือมีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วยการปรับความรู้จากตำรานี้ให้เป็นกลยุทธในการทำธุรกิจ แต่ผมไม่เคยอ่านเรื่องทำนองนี้หรอก ต้องถามเซนเซสุวินัย ภรณวลัย ท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ผมสนใจในแง่ของวิชาเคนจัตสุ... กลับไปที่เรื่อง FOV ที่ได้เปิดหัวมา... . มูซาชิ สอนในภาคน้ำเรื่องการมอง ว่าด้วยคำสี่คำที่ลึกซึ้งคือ ทาเทมาเอะ กับ ฮอนเนะ... และ เค็น กับ คาน . - ทาเทมาเอะ คือ สิ่งที่เราแสดงให้คนเห็น - ฮอนเนะ คือ เจตนาที่แท้จริง . - เคน คือ สิ่งที่เห็นจากภายนอกด้วยตาเนื้อ - คาน คือ สิ่งที่เห็นด้วยใจ ด้วยญาณที่หยั่งลึกกว่า . อธิบายสักรอบ.. . เมื่อนักดาบสองคนเข้าสัประยุทธกัน นักดาบจะตั้งท่วงท่าสำหรับการโจมตี เช่น เมื่อฝ่ายหนึ่งตั้งท่าโจดัง คือยกดาบอยู่เหนือหัว อีกฝ่ายมองเห็นด้วย เคน ก็อาจคาดเดาว่าศัตรูจะฟันลงมาที่หัว ซึ่งโดยกายภาพแล้วจะเป็นการฟันที่เร็วที่สุดกว่าการเจตนาฟันตรงส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ลำตัว หรือแทงคอ ซึ่งจะยิ่งทำให้การโจมตีใช้เวลามากขึ้นหากเริ่มจากท่าโจดัง.. นักดาบอีกฝ่ายก็คงจะคิดเช่นนี้แล้วเตรียมรับการฟันจากข้างบน เพราะถ้าคู่ต่อสู้เปลี่ยนทิศทางมาฟันลำตัว เขาจะมองเห็นทันและปรับท่ารับได้... แต่นี่บางทีเขาอาจคิดผิดไป.. . ฮอนเนะ หรือเจตนาของนักดาบอีกฝ่ายอาจไม่ใด้ต้องการฟันตรงๆ เขาอาจฝึกมาอย่างหนักมากจนบรรลุความเร็วขีดสุดที่ฝ่ายเตรียมตั้งรับไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต เขาอาจฟันลำตัวมาจากท่าโจดังนั่นด้วยความเร็วที่เร็วมากยิ่งกว่าผู้ใด แต่จงใจแสดงให้เห็นทาเทมาเอะว่าจะฟันที่หัว เพื่อให้คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ที่ลำตัวจากท่าตั้งรับด้านบน ความสำเร็จในที่นี้คือการเอาชนะข้อจำกัดทางกายภาพ... พอเข้าใจไหม? เป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปก็จะยึดถือหลักการและเหตุผลสามัญที่พวกเขาเรียนรู้กันมา แต่บางครั้งข้อจำกัดของหลักการเหล่านั้นก็สามารถขจัดออกไปได้ . ในโลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยทาเทมาเอะล่อลวงและฮอนเนะที่ชั่วร้าย บางสิ่งมากับเรื่องที่คุณคิดไม่ถึงเช่นภาพยนตร์ StarTrek ที่ผมเคยเขียนให้อ่านในบทความเรื่องดาบที่ซ่อนเร้นที่เอ่ยไป.. พรอพพาแกนดามากมายที่เป็นทาเทมาเอะในโลก จงใจให้คุณเห็นและเบี่ยงเบนคุณจากเจตนาร้ายแท้จริงที่ซ่อนไว้ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา ไทยเราเองเคยถูกฮอนเนะที่ชั่วร้ายโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การโจมตีค่าเงินบาทของโซรอส.. หรือ ทาเทมาเอะในคราบของวัคซีนที่ซ่อนฮอนเนะของ Global Reset ที่เคลาส์ ชวอบบ์ ไฝ่ฝันจะกำจัดประชากรและกระพือพรอพพาแกนดาเพื่อหวังจัดระเบียบโลก ขณะเดียวกันก็ทำลายจีนไปด้วย.. หรือจะถอยไปที่ JFK และ 911 ก็ได้ คุณลองคิดดูซิว่า อะไรคือทาเทมาเอะ อะไรคือฮอนเนะที่คุณเห็น ลองทดสอบตัวเอง . นึกภาพออกหรือยัง ว่าคุณต้องพยายามมากแค่ไหนในการขยาย FOV ของคุณออกไปด้วย คาน ไม่ใช่ เคน เพียงอย่างเดียว เป้าหมายการฝึกคือ เคนและคานทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง เมื่อคุณมองข่าวสารที่ป้อนใส่เคนของคุณผ่านหน้าต่างของโซเชียลมีเดีย ไม่ต่างกับคุณนั่งมองจากในบ้านของคุณผ่านหน้าต่างห้องรับแขก.... บางคนอาจเถียงว่า "เฮ้ย นี่มันอินเตอร์เน็ตนะโว้ย"... No.. อย่าได้สำคัญผิดว่าจอมือถือขนาด 8 นิ้ว 10 นิ้วของเธอจะทำให้เธอเห็นทุกสรรพสิ่ง เธอจะเห็นแต่สิ่งที่เธอได้รับอนุญาตให้เห็นหรือถูกเตรียมมาให้เชื่อ และโดยทั่วไป เธอจะถูกปิดกั้นเมื่อเธอพยายามจะเห็นสิ่งที่พวกที่กุมอำนาจอยู่ไม่อนุญาตให้เห็น เธอจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะขยาย FOV ของเธอออกไปจากสิ่งกั้นขวางเหล่านั้น และต้องเริ่มที่จะเรียนรู้ฝึกฝนการมองสิ่งต่างๆ ด้วย คาน ด้วยจิต ด้วยญาณทัศนะที่เติบโตขึ้น . พิจารณาสิ่งที่อยู่รอบๆตัว บริบทต่างๆ ที่รายล้อม เช่น นักต่อสู้ทางการเมืองสตรีที่ถูกจำขังเป็นเวลานาน ได้ก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลด้วยทาเทมาเอะเช่นรางวัลโนเบล ภาพลักษณ์แห่งความอหิงสาสำรวม ปูมหลังที่น่านับถือของบิดา สื่อตะวันตกที่โหมเยินยอ... ฮอนเนะของเธอคืออะไร? จารชนซีไอเอตัวแม่? เบื้องหลังการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญาที่ถูกปกปิดไม่ให้โลกรู้? ความเชื่อมโยงน่าขนลุกของเป้าหมายการยึดครองพื้นที่ของยะไข่ จำต้องเก็บกวาดขยะ? ใครต้องการครอบครอง? ผลพลอยได้คือการปลุกความขัดแย้งและโต้เถียงในหมู่ประชาคมอาเซี่ยน? ยะไข่สำคัญอย่างไร?.... ขยาย FOV ของคุณออกไปยังจุดอื่นซิ เช่น อินเดียและปากีสถาน... ว้าแดงและลาว... หรือเขมรตัวแสบ... โจรหน้าตัวเมียทางใต้... ความพยายามที่จะเปิดศึกอิหร่าน... แค่ลำพังทำตัวเป็นโดรนบินขึ้นมาดูมุมสูงขึ้นยังไม่พอ ต้องใช้ คาน มองในทุกจุดแบบเป็นภาพที่ใหญ่ขึ้น ปัญหาที่เห็นในบ้านเราเป็นองค์ประกอบอันน้อยนิดในสงครามที่กำลังดำเนินไปและเกิดขึ้นรอบด้านในขณะนี้ . ผมจะเล่าตัวอย่างของทาเทมาเอะ-ฮอนเนะให้ฟังอีกเรื่อง เกี่ยวกับแหล่งน้ำในโลกที่กำลังลดน้อยลงทุกที ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้วในบทความที่พูดถึงเรื่องแม่น้ำไนล์และประเทศเอธิโอเปีย . ประเทศเอธิโอเปียเป็นประเทศที่ยากจนอย่างยิ่ง แห้งแล้งกันดารลำบากยากเข็ญ แม่น้ำไนล์นั้นมีต้นกำเนิดในประเทศเอธิโอเปีย แต่คนเอธิโอเปียกลับไม่สามารถที่จะสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำไว้สำหรับทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพประชากรที่อดอยากได้ เพราะว่าถ้าทำเช่นนั้น ประเทศอียิปต์ซึ่งมีพร้อมทั้งจรวดและเครื่องบินรบทันสมัยก็จะมาถล่มเอธิโอเปียทันที เนื่องเพราะแม่น้ำไนล์ในวันนี้ปริมาณน้ำไม่พอใช้อยู่แล้ว ถ้าเอธิโอเปียทำเขื่อน ปริมาณน้ำที่ไหลไปถึงอียิปต์ก็จะน้อยลง ดังนั้นในสภาวะด้อยกว่าเช่นนี้เอธิโอเปียจึงต้องก้มหน้าเผชิญชะตากรรมอันยากเข็ญต่อไป ให้มีอีก 10 ไมเคิลแจ็กสันมาร้องเพลงวีอาร์เดอะเวิลด์อีก 10 รอบ ก็ไม่อาจช่วยเด็กเอธิโอเปียที่ล้มตายลงไปทุกวัน อย่างที่ผมได้พยายามเน้นมาก่อนหน้านี้ วันนึงการขาดแคลนน้ำจะก่อเป็นปัญหาซึ่งจะนำไปสู่สงคราม . ยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทาเทมาเอะกำลังดำเนินไปด้วยการโหมของสื่อ เน้นให้เห็นความน่าเห็นใจของชาวทิเบตและความโหดร้ายของรัฐบาลจีนที่เข้าครอบครองดินแดนแห่งนี้ ยิ่งถ้าได้ดูหนังที่แบรทพิตต์แสดงให้เห็นความสะเทือนใจผ่านความสัมพันธ์ของเขากับดาไลลามะ ก็ยิ่งเห็นใจว่าทิเบตควรได้รับความเป็นเอกราช ผมเองก็เศร้าใจกับชะตากรรมนี้ แต่เมื่อมองจากมุมอื่นโดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความมั่งคงของชาติเราเอง ความเป็นจริงบางอย่างก็บีบบังคับเช่นกัน กรณีนี้มันเหมือนกับกันกับทาเทมาเอะของหนังเรื่องชินเลอร์ลิสท์และพรอพพาแกนดาของพวกไซออนนิสท์เลย ที่ความสะเทือนใจนี้อาจจะบรรเทาความขุ่นเคืองจากการสังหารหมู่ในปาเลสไตน์ได้ ซึ่งนี่เป็นฮอนเนะชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ ทาเทมาเอะในทิเบตหากสำเร็จ อาจจะนำมาซึ่งเหตุผลอันชอบธรรมในการที่ตะวันตกจะแทรกแซงเข้ามาช่วยเหลือและปลดปล่อยทิเบต จากนั้นก็จะวางอิทธิพลครอบงำไว้เช่นเดียวกับที่เกิดในติมอร์ ฮอนเนะที่แท้จริงของพวกมันคือการเข้ากุมอำนาจความได้เปรียบ หากสามารถควบคุมต้นน้ำที่มาจากภูเขาหิมาลัยในทิเบตได้ ก็จะสามารถควบคุมทั้งจีนและเอเชียอาคเนย์ทั้งหมดได้ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย เพราะแหล่งน้ำสำคัญสำคัญในเอเชียอาคเนย์ส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดในทิเบต เช่น แม่น้ำอิระวดี แม่น้ำโขง ส่วนจีนเอง แม่น้ำใหญ่อย่างฮวงโหวและแยงซีเกียงก็มาจากทิเบตเช่นกัน นี่คือเหตุที่ว่าทำไมจีนถึงต้องครอบครองดินแดนทิเบตไว้ให้ถึงที่สุด เพราะถ้าตกไปในอำนาจของฝั่งตะวันตก ทั้งประเทศจีนและหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้ใครก็ตามที่มากุมอำนาจในทิเบตเอาไว้ได้ . ประเทศไทยยังโชคดี หากว่าวันนึงต้องประสบความเดือดร้อนเพราะแม่น้ำโขงถูกควบคุมโดยมหาอำนาจตะวันตก เรายังมีแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีต้นน้ำอยู่ในประเทศไทยเอง ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาแล้ว บอกให้รู้ว่าสภาพน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างนั้นเสียทั้งหมด ส่วนตอนกลางยังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ตอนบนยังอยู่ในสภาพที่ดี ผมยังพูดถึงแม่น้ำโวลก้าในรัสเซียที่เคยเสียไปหมดทั้งเส้นด้วยมลพิษ แต่ในที่สุดด้วยความพยายามอย่างหนัก รัสเซียสามารถกู้แม่น้ำโวลก้าขึ้นมาได้ แม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่สามารถใช้บริโภค แต่สัตว์น้ำก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ดังนั้น แม่น้ำเจ้าพระยาที่เสียไปบางส่วนนั้นยังไม่สายเกินไปที่จะกู้คืนเสียแต่บัดนี้ และยังเน้นย้ำว่าจะต้องเป็นนโยบายรัฐและถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะช่วยกันกอบกู้แม่น้ำนี้ขึ้นมาให้ใช้บริโภคได้เหมือนสมัยที่ผมยังเด็กเด็กสมัยที่อยู่บ้านคุณยายริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรายังสามารถเอาน้ำขึ้นมาใส่ตุ่มแกว่งสารส้มแล้วนำมาต้มทำอาหารได้ นี่คือหลักประกันที่ว่าถ้าวันหนึ่งโลกได้มาถึงจุดคับขัน เราจะยังมีน้ำกินน้ำใช้ เพราะเราไม่รู้ว่าวันใดน้ำที่ใส่ขวดวางขายอยู่ตามห้างตามร้านของชำจะยังมีให้ซื้อกินอยู่ น้ำจึงเป็นปัจจัยคอขาดบาดตายของทุกคนที่จะต้องปกป้องไว้ให้ถึงที่สุด . ท่ามกลางการโอบล้อมของภัยจากทุกทิศทาง การโจมตีด้วยเจตนาร้ายเคลือบแฝงหลายรูปแบบที่ประดังเข้ามา มันถึงเวลาที่ทุกคนต้องตื่นขึ้น เพื่อที่เราจะได้นำพาประเทศชาติให้รอดพ้นปลอดภัย เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเราจะไปยืนที่กำแพงพระนคร แล้วพูดกับตัวเองว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" อย่างที่พี่ฟองสนานกล่าวไว้ . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว

  • วันนี้คุยกันต่อเกี่ยวกับวัฒนธรรมในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ศิลปะชั้นสูงหลายแขนงถูกเผยแพร่สู่ประชาชนในวงกว้าง

    จาก ‘บันทึกเมิ่งเหลียง’ มีศิลปะสี่แขนงที่ถูกยกย่องว่าเป็นสิ่งที่ ‘ต้องมี’ ในผู้ที่มีการศึกษาในสมัยซ่ง ซึ่งก็คือ การเผาผงหอม การเตี่ยนฉา (การชงชาแบบซ่งที่ Storyฯ เขียนถึงไปแล้วเมื่อก่อนปีใหม่) การเขียนภาพ และการจัดดอกไม้ ทั้งหมดล้วนเป็นศิลปะที่ชาวซ่งมองว่าฝึกให้คนใจเย็น ใครที่ได้ดูละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> จะเห็นการผสมดินและถ่านเพื่อเผาผงหอมในตอนที่มีครูแม่บ้านมาจากในวังมาสอนให้กับพี่น้องตระกูลเสิ้ง

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ที่วางอยู่ข้างๆ พวกเจ้าล้วนเป็นผงไม้กฤษณาอย่างดี หากบังคับแรงไฟได้ดี ก้อนเล็กเพียงเท่าเล็บยังสามารถเผาได้นานถึงสองชั่วยาม (สี่ชั่วโมง) กลิ่นกรุ่นมิจาง...
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)

    สมัยซ่งนั้นเป็นการเผาผงหอม เรียกว่าเฝินเซียง (焚香) ส่วนผสมที่ใช้หลากหลาย เช่นไม้กฤษณา ไม้จันทน์ พิมเสน กำยาน ตะไคร้ ลูกกระวาน เม็ดพริกไทย ฯลฯ มีการค้นคว้าสูตรผสมจัดเป็นตำราสูตรเครื่องหอม (ตัวอย่างสูตรรูปสองซ้ายบน) ทั้งเพื่อความจรรโลงใจและทั้งเพื่อสรรพคุณทางยา โดยเครื่องหอมที่ปรุงเสร็จก็จัดทำขึ้นหลากหลายรูปแบบ ทั้งอัดเม็ด อัดแผ่นบาง อัดแผ่นหนาห้อยติดกาย หรือเป็นแบบผง

    ในสมัยนั้น เครื่องหอมที่มีชื่อที่สุด แพงที่สุด (มีค่าเทียบเท่าทองคำ) และใช้ในวังเป็นหลักคือ ‘หลงเสียนเซียง’ (龙涎香) แปลตรงตัวว่าเครื่องหอมจากน้ำลายมังกร แต่จริงๆ แล้วมันเกิดจากการสำรอกหรือขับถ่ายจากปลาวาฬหัวทุย หลังถูกน้ำทะเลและแสงแดดหล่อหลอมนานปีจนเป็นก้อนไขมันหน้าตาคล้ายหินอ่อนก็จะมีกลิ่นหอม หรือที่เราเรียกกันว่า ‘อำพันขี้ปลา’ จัดเป็นยาหายากชนิดหนึ่งในจีนโบราณ มีสรรพคุณกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

    ยุคสมัยนั้นจริงจังกับเฝินเซียงแค่ไหน ดูได้จากชุดอุปกรณ์ (รูปแรกขวาล่าง) ในสมัยนั้นจึงเกิดการสรรค์สร้างเครื่องปั้นดินเผาเป็นเตาเผาผงหอมหน้าตาหลากหลาย ยกตัวอย่างมาให้ชมกัน (รูปสอง)

    การเผานั้นเป็นไปตามกรรมวิธีที่แสดงในละคร เริ่มจากการวางถ่านไม้ก้อนเล็กลงไปกลางรูที่ขุดไว้ในผงหอม ปิดด้วยแผ่นแร่กลีบหินหรือแผ่นตะแกรง แล้วก็วางชิ้นเครื่องหอมลงบนแผ่นแร่กลีบหินอีกที (ตามรูปแรกขวาบน) ผลลัพธ์ที่ดีคือมีกลิ่นแต่ไม่มีควัน

    Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ (อีกแล้ว) แต่แน่นอนว่าทุกขั้นตอนแฝงไว้ด้วยความละเมียดละไม ไม่ว่าการผสมการจัดเก็บเครื่องหอม การเผาถ่าน ตำแหน่งการวางถ่าน ฯลฯ ศิลปะจากราชวงศ์ซ่งนี้อยู่คู่กับเรามาจวบจนปัจจุบัน แม้แต่สูตรเครื่องหอมบางสูตรหรือการใช้อำพันขี้ปลามาเป็นหัวเชื้อน้ำหอม ปัจจุบันก็ยังมีใช้อยู่

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://kknews.cc/culture/jv6zbal.html
    https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html
    https://www.sohu.com/a/385169870_100171032
    http://collection.sina.com.cn/jczs/2018-03-16/doc-ifyshfuq0777119.shtml
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html
    https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=6255613423f1ab4117010e5a
    https://www.163.com/dy/article/FKVSEA9K05362446.html
    https://th.wikipedia.org/wiki/อำพันขี้ปลา

    #หมิงหลัน #เครื่องหอมจีนโบราณ #เฝินเซียง #ซาวเซียง #ราชวงศ์ซ่ง #หลงเสียนเซียง #อำพันขี้ปลา
    วันนี้คุยกันต่อเกี่ยวกับวัฒนธรรมในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ศิลปะชั้นสูงหลายแขนงถูกเผยแพร่สู่ประชาชนในวงกว้าง จาก ‘บันทึกเมิ่งเหลียง’ มีศิลปะสี่แขนงที่ถูกยกย่องว่าเป็นสิ่งที่ ‘ต้องมี’ ในผู้ที่มีการศึกษาในสมัยซ่ง ซึ่งก็คือ การเผาผงหอม การเตี่ยนฉา (การชงชาแบบซ่งที่ Storyฯ เขียนถึงไปแล้วเมื่อก่อนปีใหม่) การเขียนภาพ และการจัดดอกไม้ ทั้งหมดล้วนเป็นศิลปะที่ชาวซ่งมองว่าฝึกให้คนใจเย็น ใครที่ได้ดูละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> จะเห็นการผสมดินและถ่านเพื่อเผาผงหอมในตอนที่มีครูแม่บ้านมาจากในวังมาสอนให้กับพี่น้องตระกูลเสิ้ง ความมีอยู่ว่า ... “ที่วางอยู่ข้างๆ พวกเจ้าล้วนเป็นผงไม้กฤษณาอย่างดี หากบังคับแรงไฟได้ดี ก้อนเล็กเพียงเท่าเล็บยังสามารถเผาได้นานถึงสองชั่วยาม (สี่ชั่วโมง) กลิ่นกรุ่นมิจาง... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) สมัยซ่งนั้นเป็นการเผาผงหอม เรียกว่าเฝินเซียง (焚香) ส่วนผสมที่ใช้หลากหลาย เช่นไม้กฤษณา ไม้จันทน์ พิมเสน กำยาน ตะไคร้ ลูกกระวาน เม็ดพริกไทย ฯลฯ มีการค้นคว้าสูตรผสมจัดเป็นตำราสูตรเครื่องหอม (ตัวอย่างสูตรรูปสองซ้ายบน) ทั้งเพื่อความจรรโลงใจและทั้งเพื่อสรรพคุณทางยา โดยเครื่องหอมที่ปรุงเสร็จก็จัดทำขึ้นหลากหลายรูปแบบ ทั้งอัดเม็ด อัดแผ่นบาง อัดแผ่นหนาห้อยติดกาย หรือเป็นแบบผง ในสมัยนั้น เครื่องหอมที่มีชื่อที่สุด แพงที่สุด (มีค่าเทียบเท่าทองคำ) และใช้ในวังเป็นหลักคือ ‘หลงเสียนเซียง’ (龙涎香) แปลตรงตัวว่าเครื่องหอมจากน้ำลายมังกร แต่จริงๆ แล้วมันเกิดจากการสำรอกหรือขับถ่ายจากปลาวาฬหัวทุย หลังถูกน้ำทะเลและแสงแดดหล่อหลอมนานปีจนเป็นก้อนไขมันหน้าตาคล้ายหินอ่อนก็จะมีกลิ่นหอม หรือที่เราเรียกกันว่า ‘อำพันขี้ปลา’ จัดเป็นยาหายากชนิดหนึ่งในจีนโบราณ มีสรรพคุณกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ยุคสมัยนั้นจริงจังกับเฝินเซียงแค่ไหน ดูได้จากชุดอุปกรณ์ (รูปแรกขวาล่าง) ในสมัยนั้นจึงเกิดการสรรค์สร้างเครื่องปั้นดินเผาเป็นเตาเผาผงหอมหน้าตาหลากหลาย ยกตัวอย่างมาให้ชมกัน (รูปสอง) การเผานั้นเป็นไปตามกรรมวิธีที่แสดงในละคร เริ่มจากการวางถ่านไม้ก้อนเล็กลงไปกลางรูที่ขุดไว้ในผงหอม ปิดด้วยแผ่นแร่กลีบหินหรือแผ่นตะแกรง แล้วก็วางชิ้นเครื่องหอมลงบนแผ่นแร่กลีบหินอีกที (ตามรูปแรกขวาบน) ผลลัพธ์ที่ดีคือมีกลิ่นแต่ไม่มีควัน Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ (อีกแล้ว) แต่แน่นอนว่าทุกขั้นตอนแฝงไว้ด้วยความละเมียดละไม ไม่ว่าการผสมการจัดเก็บเครื่องหอม การเผาถ่าน ตำแหน่งการวางถ่าน ฯลฯ ศิลปะจากราชวงศ์ซ่งนี้อยู่คู่กับเรามาจวบจนปัจจุบัน แม้แต่สูตรเครื่องหอมบางสูตรหรือการใช้อำพันขี้ปลามาเป็นหัวเชื้อน้ำหอม ปัจจุบันก็ยังมีใช้อยู่ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://kknews.cc/culture/jv6zbal.html https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html https://www.sohu.com/a/385169870_100171032 http://collection.sina.com.cn/jczs/2018-03-16/doc-ifyshfuq0777119.shtml Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://kknews.cc/culture/omg5ve5.html https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=6255613423f1ab4117010e5a https://www.163.com/dy/article/FKVSEA9K05362446.html https://th.wikipedia.org/wiki/อำพันขี้ปลา #หมิงหลัน #เครื่องหอมจีนโบราณ #เฝินเซียง #ซาวเซียง #ราชวงศ์ซ่ง #หลงเสียนเซียง #อำพันขี้ปลา
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประวัติ ศาลเจ้าไต้เสี่ยฮุกโจ้ว วัดสามจีน-ไตรมิตร
    ศาลเจ้าไต้เสี่ยฮุกโจ้ว หรือ ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย วัดสามจีน มีองค์ไต้เสี่ยฮุกโจ้ว หรือเจ้าพ่อเห้งเจียปางสำเร็จอรหันต์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
    โดยก่อตั้งขึ้นในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 2 ซึ่งแต่เดิมเจ้าพ่อเห้งเจียได้ถูกอัญเชิญมาจากประเทศจีนโดยเรือสำเภา ล่องมาตามแม่น้ำนครชัยศรีและขึ้นเทียบท่าที่วัดนางสาว จากนั้นมีผู้อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดสามจีน หรือ วัดไตรมิตรววิทยารามวรวิหาร ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่ตึกทรงเก๋งจีนบนถนนพระราม4 สัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ดังเช่นในปัจจุบัน
    องค์เจ้าพ่อเห้งเจีย หรือปางไต้เสี่ยฮุกโจ้ว ที่ศาลเจ้าแห่งนี้
    ประทับนั่งขัดสมาธิบนดอกบัว แกะสลักขึ้นจากไม้มงคลโบราณพร้อมลงรักปิดทอง มีอายุยาวนานหลายร้อยปี
    และถือเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของผู้คนเชื้อสายจีนทั้งในและต่างประเทศ ต่างพากันเดินทางมาขอพรทั้งในเรื่องการงาน การเงิน และการเรียน
    โดยผู้ศรัทธามักจะเรียกท่านว่า "อากง" เสมือนท่านคือญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ
    ประวัติ ศาลเจ้าไต้เสี่ยฮุกโจ้ว วัดสามจีน-ไตรมิตร ศาลเจ้าไต้เสี่ยฮุกโจ้ว หรือ ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย วัดสามจีน มีองค์ไต้เสี่ยฮุกโจ้ว หรือเจ้าพ่อเห้งเจียปางสำเร็จอรหันต์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย โดยก่อตั้งขึ้นในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 2 ซึ่งแต่เดิมเจ้าพ่อเห้งเจียได้ถูกอัญเชิญมาจากประเทศจีนโดยเรือสำเภา ล่องมาตามแม่น้ำนครชัยศรีและขึ้นเทียบท่าที่วัดนางสาว จากนั้นมีผู้อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดสามจีน หรือ วัดไตรมิตรววิทยารามวรวิหาร ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่ตึกทรงเก๋งจีนบนถนนพระราม4 สัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ดังเช่นในปัจจุบัน องค์เจ้าพ่อเห้งเจีย หรือปางไต้เสี่ยฮุกโจ้ว ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ ประทับนั่งขัดสมาธิบนดอกบัว แกะสลักขึ้นจากไม้มงคลโบราณพร้อมลงรักปิดทอง มีอายุยาวนานหลายร้อยปี และถือเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของผู้คนเชื้อสายจีนทั้งในและต่างประเทศ ต่างพากันเดินทางมาขอพรทั้งในเรื่องการงาน การเงิน และการเรียน โดยผู้ศรัทธามักจะเรียกท่านว่า "อากง" เสมือนท่านคือญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนนี้ประเทศอื่นเขาเจอหิมะตก Storyฯ เลยอยากชวนคุยเกี่ยวกับหนึ่งในวิธีที่ทำให้อุ่นในสมัยโบราณ ซึ่งก็คือวางเตาถ่านไว้ในห้องใกล้ตัว แต่เกิดความเอ๊ะเกี่ยวกับถ่านที่มีชื่อว่า ‘ถ่านหงหลัว’ (红箩炭)

    ความมีอยู่ว่า
    ฮ่องเต้ตรัสด้วยสุรเสียงเอื่อย ราวกับว่ากำลังรับสั่งถึงเรื่องที่ไม่สำคัญ “อันใด? เราจำได้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อเริ่มหนาวก็ได้สั่งเจ้าไว้แล้วว่า ในวังนี้มีแต่เพียงไห่ฉางจ้ายและหว่านตาอิ้งไม่สามารถใช้ถ่านหงหลัวได้ ยังกังวลว่าถ่านดำจะมีควันรบกวนพวกนาง...ของไห่ฉางจ้ายให้เจ้าเจียดจากตำหนักเจ้าให้นาง...”
    - จากเรื่อง <หรูอี้ จอมนางเคียงบัลลังก์> ผู้แต่ง หลิวเลี่ยนจื่อ
    (หมายเหตุ ชื่อเรื่องใช้ตามชื่อละครที่สร้างมาจากนิยายเรื่องนี้ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า)

    บทความข้างต้นเป็นเรื่องราวในสมัยขององค์เฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง กล่าวถึงเรื่องที่พระสนมไห่หลันถูกกล่าวหาว่าขโมยถ่านหงหลัว และจากบทความจะเห็นว่าพระสนมระดับล่างอย่างฉางจ้ายและตาอิ้งจะไม่มีสิทธิ์ใช้ถ่านชนิดนี้

    ถ่านหงหลัวคืออะไร Storyฯ หาชื่อแปลเป็นไทยไม่มี ขออธิบายลักษณะของมันว่าเป็นถ่านที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง โดยไม้เนื้อแข็งดังกล่าวต้องเป็นไม้จากแถบดินแดนตอนเหนือ (มณฑลเหอเป่ย) ไม่ไกลจากนครปักกิ่ง เช่นจัวโจว ทงโจว จี้โจว ฯลฯ ไม้เหล่านี้จะถูกตัดเป็นท่อนสม่ำเสมอ เผาจนกลายเป็นถ่าน บรรจุไว้ในตะกร้าเคลือบด้วยดินแดง (เป็นที่มาของชื่อว่า ‘หงหลัว’ ซึ่งแปลตรงตัวว่าเคลือบด้วยสีแดง) ก่อนจะลำเลียงส่งไปเมืองหลวง ในนครปักกิ่งมีถนนสายหนึ่งเรียกว่า ‘ถนนต้าหงหลัวฉ่าง’ (大红罗厂街) มีมาแต่ยุคสมัยราชวงศ์หมิง เป็นเส้นทางที่ใช้ลำเลียงถ่านนี้เข้าวัง (ดูรูปแรกขวาล่าง)

    คุณสมบัติเด่นของถ่านหงหลัวก็คือ เผาได้นาน ไม่มีควัน เถ้าไม่กระจายและไม่แตก และในตอนเผายังมีกลิ่นหอมจาง

    ถ่าน เป็นหนึ่งในสินค้าที่มีการกำกับดูแลมาหลายยุคสมัยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง ในวังยังมีกองกรมรับผิดชอบการเก็บและจัดสรรถ่าน ถ่านหงหลัวเป็นถ่านที่ผลิตได้ในปริมาณที่น้อยและด้วยคุณสมบัติโดดเด่นของมัน จึงมีการจำกัดการใช้งาน จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยขององค์เฉียนหลงฮ่องเต้นั้น ทุกตำหนักในวังจะได้รับการจัดสรรถ่านในปริมาณที่ต่างกันไปตามยศศักดิ์และฤดูกาล รายละเอียด Storyฯ รวบรวมเป็นตารางให้ดูในรูปที่สองสำหรับวังหลัง จะเห็นว่า ฉางจ้าย และ ตาอิ้ง ซึ่งเป็นสนมระดับล่างสุดจะไม่สามารถใช้ถ่านหงหลัวได้เลย

    ใครได้ติดตามนิยาย/ละครเรื่องนี้คงจะเห็นภาพชัดขึ้นแล้วนะคะว่า ทำไมแค่เรื่องถ่าน ในวังหลังยังเอามาเป็นเหตุการต่อสู้ทางอำนาจกันได้

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.uni-hankyu.com.tw/huaxu/153491887715333.html
    http://www.manyanu.com/new/085fdf5f6b084823bf3569b010c4d570
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.manyanu.com/new/085fdf5f6b084823bf3569b010c4d570
    https://www.xuehua.us/a/5eb6fd5186ec4d0bd8cbf5f9
    https://www.gushiciku.cn/dl/0f0zv/zh-hk

    #หรูอี้ #ไห่หลัน #ถ่านหงหลัว #ราชวงศ์ชิง #จีนโบราณ #สู้ความหนาว #ถ่านจีน #ถ่านในวัง #ถ่าน
    ตอนนี้ประเทศอื่นเขาเจอหิมะตก Storyฯ เลยอยากชวนคุยเกี่ยวกับหนึ่งในวิธีที่ทำให้อุ่นในสมัยโบราณ ซึ่งก็คือวางเตาถ่านไว้ในห้องใกล้ตัว แต่เกิดความเอ๊ะเกี่ยวกับถ่านที่มีชื่อว่า ‘ถ่านหงหลัว’ (红箩炭) ความมีอยู่ว่า ฮ่องเต้ตรัสด้วยสุรเสียงเอื่อย ราวกับว่ากำลังรับสั่งถึงเรื่องที่ไม่สำคัญ “อันใด? เราจำได้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อเริ่มหนาวก็ได้สั่งเจ้าไว้แล้วว่า ในวังนี้มีแต่เพียงไห่ฉางจ้ายและหว่านตาอิ้งไม่สามารถใช้ถ่านหงหลัวได้ ยังกังวลว่าถ่านดำจะมีควันรบกวนพวกนาง...ของไห่ฉางจ้ายให้เจ้าเจียดจากตำหนักเจ้าให้นาง...” - จากเรื่อง <หรูอี้ จอมนางเคียงบัลลังก์> ผู้แต่ง หลิวเลี่ยนจื่อ (หมายเหตุ ชื่อเรื่องใช้ตามชื่อละครที่สร้างมาจากนิยายเรื่องนี้ แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า) บทความข้างต้นเป็นเรื่องราวในสมัยขององค์เฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง กล่าวถึงเรื่องที่พระสนมไห่หลันถูกกล่าวหาว่าขโมยถ่านหงหลัว และจากบทความจะเห็นว่าพระสนมระดับล่างอย่างฉางจ้ายและตาอิ้งจะไม่มีสิทธิ์ใช้ถ่านชนิดนี้ ถ่านหงหลัวคืออะไร Storyฯ หาชื่อแปลเป็นไทยไม่มี ขออธิบายลักษณะของมันว่าเป็นถ่านที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง โดยไม้เนื้อแข็งดังกล่าวต้องเป็นไม้จากแถบดินแดนตอนเหนือ (มณฑลเหอเป่ย) ไม่ไกลจากนครปักกิ่ง เช่นจัวโจว ทงโจว จี้โจว ฯลฯ ไม้เหล่านี้จะถูกตัดเป็นท่อนสม่ำเสมอ เผาจนกลายเป็นถ่าน บรรจุไว้ในตะกร้าเคลือบด้วยดินแดง (เป็นที่มาของชื่อว่า ‘หงหลัว’ ซึ่งแปลตรงตัวว่าเคลือบด้วยสีแดง) ก่อนจะลำเลียงส่งไปเมืองหลวง ในนครปักกิ่งมีถนนสายหนึ่งเรียกว่า ‘ถนนต้าหงหลัวฉ่าง’ (大红罗厂街) มีมาแต่ยุคสมัยราชวงศ์หมิง เป็นเส้นทางที่ใช้ลำเลียงถ่านนี้เข้าวัง (ดูรูปแรกขวาล่าง) คุณสมบัติเด่นของถ่านหงหลัวก็คือ เผาได้นาน ไม่มีควัน เถ้าไม่กระจายและไม่แตก และในตอนเผายังมีกลิ่นหอมจาง ถ่าน เป็นหนึ่งในสินค้าที่มีการกำกับดูแลมาหลายยุคสมัยตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง ในวังยังมีกองกรมรับผิดชอบการเก็บและจัดสรรถ่าน ถ่านหงหลัวเป็นถ่านที่ผลิตได้ในปริมาณที่น้อยและด้วยคุณสมบัติโดดเด่นของมัน จึงมีการจำกัดการใช้งาน จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ ในยุคสมัยขององค์เฉียนหลงฮ่องเต้นั้น ทุกตำหนักในวังจะได้รับการจัดสรรถ่านในปริมาณที่ต่างกันไปตามยศศักดิ์และฤดูกาล รายละเอียด Storyฯ รวบรวมเป็นตารางให้ดูในรูปที่สองสำหรับวังหลัง จะเห็นว่า ฉางจ้าย และ ตาอิ้ง ซึ่งเป็นสนมระดับล่างสุดจะไม่สามารถใช้ถ่านหงหลัวได้เลย ใครได้ติดตามนิยาย/ละครเรื่องนี้คงจะเห็นภาพชัดขึ้นแล้วนะคะว่า ทำไมแค่เรื่องถ่าน ในวังหลังยังเอามาเป็นเหตุการต่อสู้ทางอำนาจกันได้ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.uni-hankyu.com.tw/huaxu/153491887715333.html http://www.manyanu.com/new/085fdf5f6b084823bf3569b010c4d570 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.manyanu.com/new/085fdf5f6b084823bf3569b010c4d570 https://www.xuehua.us/a/5eb6fd5186ec4d0bd8cbf5f9 https://www.gushiciku.cn/dl/0f0zv/zh-hk #หรูอี้ #ไห่หลัน #ถ่านหงหลัว #ราชวงศ์ชิง #จีนโบราณ #สู้ความหนาว #ถ่านจีน #ถ่านในวัง #ถ่าน
    係?如懿傳海蘭是好人還是壞人?海蘭和如懿是什麼關係?由周迅、霍建華領銜主演的古裝清宮劇《如懿傳》正在騰訊視頻熱播中,雖然目前該劇收視並不理想,但依然還是值得追的,畢竟都是實力派演員出演,如懿傳劇情中出現了很多的人物,雖然是後宮嬪妃都是爭寵,但是也有著關係非常好的人,那么海蘭是好人還是壞人?海蘭和如懿是什麼關係?下面就來看看吧。如懿傳海蘭是好人還是壞人?海蘭和
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧭 ประวัติที่มาของ "เส้นทางสายไหม" (Silk Road)

    เส้นทางสายไหมคือเครือข่ายเส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เชื่อมระหว่าง จีน กับ เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง จนถึงยุโรป โดยเริ่มต้นราว ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช ในยุคราชวงศ์ฮั่น

    🌏 จุดประสงค์หลักคือการ แลกเปลี่ยนสินค้า เช่น
    * ผ้าไหมจีน (ที่เป็นที่มาของชื่อ “Silk Road”)
    * เครื่องเทศ
    * หยก
    * เครื่องปั้นดินเผา
    * ผลิตภัณฑ์จากตะวันตก เช่น ทองคำ แก้วไวน์ และอัญมณี

    🕌 นอกจากการค้า ยังเป็นเส้นทางของ
    * การแลกเปลี่ยน วัฒนธรรม
    * ศาสนา (เช่น พุทธศาสนาเผยแพร่สู่จีนจากอินเดียผ่านเส้นนี้)
    * เทคโนโลยี และแนวคิดต่างๆ

    🚶‍♂️ เส้นทางนี้ไม่ใช่เพียงสายเดียว แต่เป็นเครือข่ายที่ผ่านเมืองสำคัญอย่าง
    * หลานโจว (จุดเริ่มต้นในจีน)
    * จางเย่ (จุดสำคัญของกองคาราวาน)
    * ตุนหวง (เมืองโอเอซิสริมทะเลทรายที่มีถ้ำโม่เกาคู่กับพระพุทธศาสนา)
    * ถูหลู่ฟาน และ อูรุมฉี (ใจกลางซินเจียงที่เชื่อมต่อเอเชียกลาง)

    ✨ ปัจจุบัน “เส้นทางสายไหม” กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในโครงการ Belt and Road Initiative ของจีน ที่รื้อฟื้นการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระดับภูมิภาค

    #เส้นทางสายไหม #ประวัติศาสตร์จีน #SilkRoad #วัฒนธรรมเอเชีย #เมืองโบราณจีน #BeltAndRoadInitiative


    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    🧭 ประวัติที่มาของ "เส้นทางสายไหม" (Silk Road) เส้นทางสายไหมคือเครือข่ายเส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เชื่อมระหว่าง จีน กับ เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง จนถึงยุโรป โดยเริ่มต้นราว ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช ในยุคราชวงศ์ฮั่น 🌏 จุดประสงค์หลักคือการ แลกเปลี่ยนสินค้า เช่น * ผ้าไหมจีน (ที่เป็นที่มาของชื่อ “Silk Road”) * เครื่องเทศ * หยก * เครื่องปั้นดินเผา * ผลิตภัณฑ์จากตะวันตก เช่น ทองคำ แก้วไวน์ และอัญมณี 🕌 นอกจากการค้า ยังเป็นเส้นทางของ * การแลกเปลี่ยน วัฒนธรรม * ศาสนา (เช่น พุทธศาสนาเผยแพร่สู่จีนจากอินเดียผ่านเส้นนี้) * เทคโนโลยี และแนวคิดต่างๆ 🚶‍♂️ เส้นทางนี้ไม่ใช่เพียงสายเดียว แต่เป็นเครือข่ายที่ผ่านเมืองสำคัญอย่าง * หลานโจว (จุดเริ่มต้นในจีน) * จางเย่ (จุดสำคัญของกองคาราวาน) * ตุนหวง (เมืองโอเอซิสริมทะเลทรายที่มีถ้ำโม่เกาคู่กับพระพุทธศาสนา) * ถูหลู่ฟาน และ อูรุมฉี (ใจกลางซินเจียงที่เชื่อมต่อเอเชียกลาง) ✨ ปัจจุบัน “เส้นทางสายไหม” กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในโครงการ Belt and Road Initiative ของจีน ที่รื้อฟื้นการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระดับภูมิภาค #เส้นทางสายไหม #ประวัติศาสตร์จีน #SilkRoad #วัฒนธรรมเอเชีย #เมืองโบราณจีน #BeltAndRoadInitiative LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผ้ายันต์ท้าวกุเวรมหาราช ท้าวกุเวรพระเศรษฐี วัดคูหาภิมุข วัดหน้าถ้ำ วัดถ้ำยะลา ปี2548
    ผ้ายันต์ท้าวกุเวรมหาราช ท้าวกุเวรพระเศรษฐี ( ขนาด 15 x 11 นิ้ว ) วัดคูหาภิมุข วัดหน้าถ้ำ วัดถ้ำยะลา ปี2548 // พระดีพิธีใหญ จัดสร้างจำนวนน้อย !! พบเห็นน้อย หายาก น่าใช้มากครับ ปลุกเสกโดย พระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน !! ///พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณในด้านบันดาลความร่ำรวยและโชคลาภ อุดมโภคทรัพย์ เจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา เสริมโชคเสริมลาภ ช่วยปกป้องคุ้มครอง จากสิ่งชั่วร้าย ภูตผีปีศาจ มนตร์ดําต่างๆ >>>ผู้ใด ที่มี ท้าวกุเวร ไว้สักการะบูชา มักจะเกิดความร่ำรวยมีลาภทันตาเห็น >>

    ** ”ท้าวกุเวร ซึ่งมีผู้คนในสมัยโบราณถือกันนักว่า ท้าวกุเวรเป็นเทพเจ้าแห่งความสมบรูณ์พูนสุข มีความมั่งคั่งและเกิดลาภเกิดโชคแก่ผู้ครอบครองอย่างมหาศาลทีเดียว ตำราโบราณเรียกว่า พระเศรษฐี (ธนบดี) เจ้าแห่งทรัพย์ ท้าวกุเวร เจ้าแห่งภูตผี ท้าวชัมภล ฯลฯ จัดเป็นพระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดย พระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน !! อาทิ พระอาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย,พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ และเกจิสายเขาอ้อ ร่วมกับ เกจิสายใต้อีกหลายท่าน หายากน่าเก็บ น่าใช้ >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    ผ้ายันต์ท้าวกุเวรมหาราช ท้าวกุเวรพระเศรษฐี วัดคูหาภิมุข วัดหน้าถ้ำ วัดถ้ำยะลา ปี2548 ผ้ายันต์ท้าวกุเวรมหาราช ท้าวกุเวรพระเศรษฐี ( ขนาด 15 x 11 นิ้ว ) วัดคูหาภิมุข วัดหน้าถ้ำ วัดถ้ำยะลา ปี2548 // พระดีพิธีใหญ จัดสร้างจำนวนน้อย !! พบเห็นน้อย หายาก น่าใช้มากครับ ปลุกเสกโดย พระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน !! ///พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณในด้านบันดาลความร่ำรวยและโชคลาภ อุดมโภคทรัพย์ เจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา เสริมโชคเสริมลาภ ช่วยปกป้องคุ้มครอง จากสิ่งชั่วร้าย ภูตผีปีศาจ มนตร์ดําต่างๆ >>>ผู้ใด ที่มี ท้าวกุเวร ไว้สักการะบูชา มักจะเกิดความร่ำรวยมีลาภทันตาเห็น >> ** ”ท้าวกุเวร ซึ่งมีผู้คนในสมัยโบราณถือกันนักว่า ท้าวกุเวรเป็นเทพเจ้าแห่งความสมบรูณ์พูนสุข มีความมั่งคั่งและเกิดลาภเกิดโชคแก่ผู้ครอบครองอย่างมหาศาลทีเดียว ตำราโบราณเรียกว่า พระเศรษฐี (ธนบดี) เจ้าแห่งทรัพย์ ท้าวกุเวร เจ้าแห่งภูตผี ท้าวชัมภล ฯลฯ จัดเป็นพระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดย พระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ หลายท่าน !! อาทิ พระอาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย,พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ และเกจิสายเขาอ้อ ร่วมกับ เกจิสายใต้อีกหลายท่าน หายากน่าเก็บ น่าใช้ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • เที่ยว #เวียดนาม นอนบนบานาฮิลล์ 3วัน 2คืน 😍

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ FD-แอร์เอเชีย
    🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐

    📍 บานาฮิลล์
    📍 สะพานมือยักษ์
    📍 สวนดอกไม้
    📍 POP MART
    📍 Apec Park
    📍 เมืองโบราณฮอยอัน
    📍 นั่งเรือกระด้ง
    📍 สะพานมังกร
    📍 สะพานแห่งความรัก
    📍 เจ้าแม่กวนอิมวัดหลินอึ๋ง
    📍 ơn Trà Marina Cafe

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #บานาฮิลล์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยว #เวียดนาม นอนบนบานาฮิลล์ 3วัน 2คืน 😍 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ FD-แอร์เอเชีย 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ & ⭐⭐⭐⭐ 📍 บานาฮิลล์ 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 สวนดอกไม้ 📍 POP MART 📍 Apec Park 📍 เมืองโบราณฮอยอัน 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 สะพานมังกร 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 เจ้าแม่กวนอิมวัดหลินอึ๋ง 📍 ơn Trà Marina Cafe รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #บานาฮิลล์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • คาถาเบิกบุญ คืออะไร
    ในความเชื่อโบราณ คาถาเบิกบุญเป็นพระคาถาเรียกทรัพย์ เรียกบุญกุศลที่คุณได้สั่งสมเอาไว้ในอดีตให้มาส่งผลในปัจจุบัน หรือเรียกง่ายๆ ว่านำบุญเก่ามาใช้ในชาตินี้ ซึ่งถ้าคุณกำลังสงสัยว่าการนำบุญเก่ามาใช้นั้นทำได้จริงไหม ในทางพุทธศาสนาจะเชื่อกันว่าบุญกุศลที่เราทำไว้ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติที่แล้วย่อมส่งผลแน่นอน แต่เวลาและวิธีการที่บุญจะส่งผลมาถึงคุณนั้นขึ้นอยู่กับหลายๆ สิ่ง ซึ่งการเมื่อคุณสวดคาถาสวดแล้วรวยทันตาเห็น บางครั้งอาจเห็นผลในทันที แต่ในบางครั้งอาจต้องรอโดยไม่มีกำหนด

    คาถาเบิกบุญ สวดยังไง
    ก่อนจะเริ่มสวด สิ่งแรกที่คุณควรจะทำคือการทำสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ หลังจากนั้นให้ท่องนะโม 3 จบ และต่อด้วยการสวดคาถาเบิกบุญ ดังนี้

    วิ สัตติ ตะถา คะโต วิ สัตติ

    อะวะ ธาระนะ วิ สัตติ ภิกขุ

    อาคะจัจฉามิ โหมิ กัตตะวา

    อภิสัมปาโย อาเนหิ ปะริ ตะระ

    อัมหะ ปัสสะ วะติ อะธิปัจจะ

    ปายะ จะ นิรัน ตะระ ฯ
    คาถาเบิกบุญ คืออะไร ในความเชื่อโบราณ คาถาเบิกบุญเป็นพระคาถาเรียกทรัพย์ เรียกบุญกุศลที่คุณได้สั่งสมเอาไว้ในอดีตให้มาส่งผลในปัจจุบัน หรือเรียกง่ายๆ ว่านำบุญเก่ามาใช้ในชาตินี้ ซึ่งถ้าคุณกำลังสงสัยว่าการนำบุญเก่ามาใช้นั้นทำได้จริงไหม ในทางพุทธศาสนาจะเชื่อกันว่าบุญกุศลที่เราทำไว้ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติที่แล้วย่อมส่งผลแน่นอน แต่เวลาและวิธีการที่บุญจะส่งผลมาถึงคุณนั้นขึ้นอยู่กับหลายๆ สิ่ง ซึ่งการเมื่อคุณสวดคาถาสวดแล้วรวยทันตาเห็น บางครั้งอาจเห็นผลในทันที แต่ในบางครั้งอาจต้องรอโดยไม่มีกำหนด คาถาเบิกบุญ สวดยังไง ก่อนจะเริ่มสวด สิ่งแรกที่คุณควรจะทำคือการทำสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ หลังจากนั้นให้ท่องนะโม 3 จบ และต่อด้วยการสวดคาถาเบิกบุญ ดังนี้ วิ สัตติ ตะถา คะโต วิ สัตติ อะวะ ธาระนะ วิ สัตติ ภิกขุ อาคะจัจฉามิ โหมิ กัตตะวา อภิสัมปาโย อาเนหิ ปะริ ตะระ อัมหะ ปัสสะ วะติ อะธิปัจจะ ปายะ จะ นิรัน ตะระ ฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts