MIT พัฒนา “คอนกรีตเก็บพลังงาน” ได้จริง! อนาคตที่อาคารทั้งหลังอาจกลายเป็นแบตเตอรี่ยักษ์
นักวิจัยจาก MIT ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนคอนกรีตให้กลายเป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้า โดยใช้วัสดุที่เรียกว่า “ec³” ซึ่งเป็นคอนกรีตผสมคาร์บอนแบล็กและอิเล็กโทรไลต์ ทำให้สามารถเก็บและปล่อยพลังงานได้เหมือนแบตเตอรี่
เรื่องนี้เริ่มจากการทดลองของนักวิจัย MIT ที่ผสม “คาร์บอนแบล็ก” ซึ่งเป็นผงคาร์บอนบริสุทธิ์ที่ได้จากการเผาปิโตรเลียม เข้ากับอิเล็กโทรไลต์ในคอนกรีต ผลลัพธ์คือวัสดุที่สามารถเก็บพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเวอร์ชันล่าสุดสามารถจ่ายไฟให้บ้านหนึ่งหลังได้จากคอนกรีตเพียง 5 ลูกบาศก์เมตร — เทียบเท่ากับผนังชั้นใต้ดินหนึ่งด้าน!
เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ใช้เก็บพลังงาน แต่ยังสามารถตรวจสอบสุขภาพโครงสร้างได้ด้วย เช่น เมื่อสร้างโค้งคอนกรีตขนาดเล็กที่จ่ายไฟให้ LED ได้ หากมีแรงกดเพิ่ม LED จะกระพริบ แสดงถึงความเสียหายภายในโครงสร้าง
นักวิจัยยังค้นพบว่า ec³ ทำงานคล้าย “ซุปเปอร์คาปาซิเตอร์” ซึ่งสามารถเก็บพลังงานได้หนาแน่นมาก และมีอายุการใช้งานยาวนานเท่ากับคอนกรีตทั่วไป ทำให้เหมาะกับการใช้งานระยะยาว เช่น ทางเท้า สะพาน ลานจอดรถ หรือแม้แต่ฐานบ้านที่สามารถจ่ายไฟให้บ้านแบบออฟกริดได้
เทคโนโลยี ec³ จาก MIT
ผสมคาร์บอนแบล็กกับอิเล็กโทรไลต์ในคอนกรีต
สามารถเก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้าได้
พัฒนาให้มีความจุพลังงานเพิ่มขึ้น 9 เท่าตั้งแต่ปี 2023
คอนกรีต 5 ลูกบาศก์เมตรสามารถจ่ายไฟให้บ้านหนึ่งหลังได้
การใช้งานในชีวิตจริง
ใช้ในทางเท้าร้อนในญี่ปุ่นแทนการโรยเกลือ
สร้างโครงสร้างที่ตรวจสอบสุขภาพตัวเองได้
วางแผนใช้ในลานจอดรถ สะพาน และฐานบ้าน
คุณสมบัติพิเศษ
ทำงานคล้ายซุปเปอร์คาปาซิเตอร์
อายุการใช้งานเท่ากับคอนกรีตทั่วไป
ปรับสูตรอิเล็กโทรไลต์ให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละแบบ
ข้อจำกัดของ ec³
ความจุพลังงานยังต่ำกว่าลิเธียมไอออน
ต้องใช้พื้นที่มากในการเก็บพลังงานเทียบเท่าแบตเตอรี่ทั่วไป
ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองและพัฒนา
เทคโนโลยีนี้อาจเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บพลังงานของโลกไปตลอดกาล — ไม่ใช่แค่แบตเตอรี่ในมือถือหรือรถยนต์ แต่เป็น “เมืองทั้งเมือง” ที่กลายเป็นแหล่งพลังงานขนาดยักษ์
https://www.slashgear.com/2009844/mit-one-step-closer-building-sized-concrete-batteries/
นักวิจัยจาก MIT ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนคอนกรีตให้กลายเป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้า โดยใช้วัสดุที่เรียกว่า “ec³” ซึ่งเป็นคอนกรีตผสมคาร์บอนแบล็กและอิเล็กโทรไลต์ ทำให้สามารถเก็บและปล่อยพลังงานได้เหมือนแบตเตอรี่
เรื่องนี้เริ่มจากการทดลองของนักวิจัย MIT ที่ผสม “คาร์บอนแบล็ก” ซึ่งเป็นผงคาร์บอนบริสุทธิ์ที่ได้จากการเผาปิโตรเลียม เข้ากับอิเล็กโทรไลต์ในคอนกรีต ผลลัพธ์คือวัสดุที่สามารถเก็บพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเวอร์ชันล่าสุดสามารถจ่ายไฟให้บ้านหนึ่งหลังได้จากคอนกรีตเพียง 5 ลูกบาศก์เมตร — เทียบเท่ากับผนังชั้นใต้ดินหนึ่งด้าน!
เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ใช้เก็บพลังงาน แต่ยังสามารถตรวจสอบสุขภาพโครงสร้างได้ด้วย เช่น เมื่อสร้างโค้งคอนกรีตขนาดเล็กที่จ่ายไฟให้ LED ได้ หากมีแรงกดเพิ่ม LED จะกระพริบ แสดงถึงความเสียหายภายในโครงสร้าง
นักวิจัยยังค้นพบว่า ec³ ทำงานคล้าย “ซุปเปอร์คาปาซิเตอร์” ซึ่งสามารถเก็บพลังงานได้หนาแน่นมาก และมีอายุการใช้งานยาวนานเท่ากับคอนกรีตทั่วไป ทำให้เหมาะกับการใช้งานระยะยาว เช่น ทางเท้า สะพาน ลานจอดรถ หรือแม้แต่ฐานบ้านที่สามารถจ่ายไฟให้บ้านแบบออฟกริดได้
เทคโนโลยี ec³ จาก MIT
ผสมคาร์บอนแบล็กกับอิเล็กโทรไลต์ในคอนกรีต
สามารถเก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้าได้
พัฒนาให้มีความจุพลังงานเพิ่มขึ้น 9 เท่าตั้งแต่ปี 2023
คอนกรีต 5 ลูกบาศก์เมตรสามารถจ่ายไฟให้บ้านหนึ่งหลังได้
การใช้งานในชีวิตจริง
ใช้ในทางเท้าร้อนในญี่ปุ่นแทนการโรยเกลือ
สร้างโครงสร้างที่ตรวจสอบสุขภาพตัวเองได้
วางแผนใช้ในลานจอดรถ สะพาน และฐานบ้าน
คุณสมบัติพิเศษ
ทำงานคล้ายซุปเปอร์คาปาซิเตอร์
อายุการใช้งานเท่ากับคอนกรีตทั่วไป
ปรับสูตรอิเล็กโทรไลต์ให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละแบบ
ข้อจำกัดของ ec³
ความจุพลังงานยังต่ำกว่าลิเธียมไอออน
ต้องใช้พื้นที่มากในการเก็บพลังงานเทียบเท่าแบตเตอรี่ทั่วไป
ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองและพัฒนา
เทคโนโลยีนี้อาจเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บพลังงานของโลกไปตลอดกาล — ไม่ใช่แค่แบตเตอรี่ในมือถือหรือรถยนต์ แต่เป็น “เมืองทั้งเมือง” ที่กลายเป็นแหล่งพลังงานขนาดยักษ์
https://www.slashgear.com/2009844/mit-one-step-closer-building-sized-concrete-batteries/
🧱 MIT พัฒนา “คอนกรีตเก็บพลังงาน” ได้จริง! อนาคตที่อาคารทั้งหลังอาจกลายเป็นแบตเตอรี่ยักษ์
นักวิจัยจาก MIT ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนคอนกรีตให้กลายเป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้า โดยใช้วัสดุที่เรียกว่า “ec³” ซึ่งเป็นคอนกรีตผสมคาร์บอนแบล็กและอิเล็กโทรไลต์ ทำให้สามารถเก็บและปล่อยพลังงานได้เหมือนแบตเตอรี่
เรื่องนี้เริ่มจากการทดลองของนักวิจัย MIT ที่ผสม “คาร์บอนแบล็ก” ซึ่งเป็นผงคาร์บอนบริสุทธิ์ที่ได้จากการเผาปิโตรเลียม เข้ากับอิเล็กโทรไลต์ในคอนกรีต ผลลัพธ์คือวัสดุที่สามารถเก็บพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเวอร์ชันล่าสุดสามารถจ่ายไฟให้บ้านหนึ่งหลังได้จากคอนกรีตเพียง 5 ลูกบาศก์เมตร — เทียบเท่ากับผนังชั้นใต้ดินหนึ่งด้าน!
เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ใช้เก็บพลังงาน แต่ยังสามารถตรวจสอบสุขภาพโครงสร้างได้ด้วย เช่น เมื่อสร้างโค้งคอนกรีตขนาดเล็กที่จ่ายไฟให้ LED ได้ หากมีแรงกดเพิ่ม LED จะกระพริบ แสดงถึงความเสียหายภายในโครงสร้าง
นักวิจัยยังค้นพบว่า ec³ ทำงานคล้าย “ซุปเปอร์คาปาซิเตอร์” ซึ่งสามารถเก็บพลังงานได้หนาแน่นมาก และมีอายุการใช้งานยาวนานเท่ากับคอนกรีตทั่วไป ทำให้เหมาะกับการใช้งานระยะยาว เช่น ทางเท้า สะพาน ลานจอดรถ หรือแม้แต่ฐานบ้านที่สามารถจ่ายไฟให้บ้านแบบออฟกริดได้
✅ เทคโนโลยี ec³ จาก MIT
➡️ ผสมคาร์บอนแบล็กกับอิเล็กโทรไลต์ในคอนกรีต
➡️ สามารถเก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้าได้
➡️ พัฒนาให้มีความจุพลังงานเพิ่มขึ้น 9 เท่าตั้งแต่ปี 2023
➡️ คอนกรีต 5 ลูกบาศก์เมตรสามารถจ่ายไฟให้บ้านหนึ่งหลังได้
✅ การใช้งานในชีวิตจริง
➡️ ใช้ในทางเท้าร้อนในญี่ปุ่นแทนการโรยเกลือ
➡️ สร้างโครงสร้างที่ตรวจสอบสุขภาพตัวเองได้
➡️ วางแผนใช้ในลานจอดรถ สะพาน และฐานบ้าน
✅ คุณสมบัติพิเศษ
➡️ ทำงานคล้ายซุปเปอร์คาปาซิเตอร์
➡️ อายุการใช้งานเท่ากับคอนกรีตทั่วไป
➡️ ปรับสูตรอิเล็กโทรไลต์ให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละแบบ
‼️ ข้อจำกัดของ ec³
⛔ ความจุพลังงานยังต่ำกว่าลิเธียมไอออน
⛔ ต้องใช้พื้นที่มากในการเก็บพลังงานเทียบเท่าแบตเตอรี่ทั่วไป
⛔ ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองและพัฒนา
เทคโนโลยีนี้อาจเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บพลังงานของโลกไปตลอดกาล — ไม่ใช่แค่แบตเตอรี่ในมือถือหรือรถยนต์ แต่เป็น “เมืองทั้งเมือง” ที่กลายเป็นแหล่งพลังงานขนาดยักษ์
https://www.slashgear.com/2009844/mit-one-step-closer-building-sized-concrete-batteries/
0 Comments
0 Shares
39 Views
0 Reviews