• 433 ปี ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย ศึกแห่งเกียรติยศขององค์ดำ-องค์ขาว 🇹🇭🐘

    ย้อนไปเมื่อ 433 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ไทย ต้องจารึกไว้ด้วยความภาคภูมิใจ นั่นคือเหตุการณ์ “ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย” ที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค์ดำ) และสมเด็จพระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว) ในการต่อสู้กับทัพพม่า ณ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี

    สงครามครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้ เพื่ออาณาจักรเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึง ศักดิ์ศรีของพระมหากษัตริย์ไทย ผู้ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน และประชาชนชาวไทย การยุทธหัตถีครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่ยังคงมีการเล่าขาน และรำลึกถึงจนถึงทุกวันนี้

    สงครามบนหลังช้างที่สะท้อนศักดิ์ศรี
    ยุทธหัตถี หมายถึง การทำสงครามบนหลังช้าง โดยผู้บัญชาการสูงสุด ของกองทัพทั้งสองฝ่าย จะเผชิญหน้ากันบนหลังช้างศึก เป็นการต่อสู้ ที่ต้องอาศัยทั้งความสามารถ การฝึกฝน ความกล้าหาญของกษัตริย์ และช้างศึก การชนช้างนี้ถือว่า เป็นการทำศึกที่มีเกียรติยศ และเป็นที่ยอมรับ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย พม่า และกัมพูชา

    ในยุคโบราณ ช้างถือว่าเป็นสัตว์คู่บารมี ของพระมหากษัตริย์ และเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ การทำยุทธหัตถี จึงไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ เพื่อชัยชนะทางการทหารเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความกล้าหาญและความสามารถของผู้ปกครอง ที่นำทัพด้วยตัวเอง

    สงครามยุทธหัตถีในปี พ.ศ. 2135 มีต้นเหตุจากการที่กรุงหงสาวดี (พม่า) มีความต้องการ จะยึดครองกรุงศรีอยุธยา พระเจ้านันทบุเรง ผู้ปกครองหงสาวดีในเวลานั้น จึงส่งกองทัพใหญ่กว่า 240,000 นาย นำโดย พระมหาอุปราชา (มังสามเกียด) และมางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโร เข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยา

    พระองค์ดำทรงทราบถึง การเคลื่อนทัพของพม่า จึงทรงระดมกำลังพลหนึ่งแสนนาย และเตรียมการป้องกันเมือง พร้อมกับทรงออกคำประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ในปี พ.ศ. 2127 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการต่อต้านการปกครองของพม่า อย่างเต็มตัว

    เมื่อกองทัพของมังสามเกียด เคลื่อนมาถึงสุพรรณบุรี พระองค์ดำทรงนำทัพหลวงไปตั้งค่าย ที่ตำบลหนองสาหร่าย พร้อมกับพระองค์ขาว

    เช้าวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง องค์ดำและองค์ขาว ทรงเครื่องพิชัยยุทธเต็มยศ พร้อมด้วยช้างศึกทรง 2 เชือก คือ

    เจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง) ช้างทรงของพระองค์ดำ
    เจ้าพระยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ช้างทรงของพระองค์ขาว

    ทั้งสองพระองค์ทรงนำช้างศึกเข้าสู่สนามรบ แต่ระหว่างที่เคลื่อนทัพเกิดความวุ่นวาย ทำให้ช้างทรงของทั้งสองพระองค์ หลุดเข้าไปในวงล้อมของทัพพม่า และเผชิญหน้ากับมังสามเกียด และมางจาชโร โดยตรง

    เผชิญหน้าบนหลังช้าง
    พระองค์ดำทรงเรียกท้ามังสามเกียด ซึ่งสนิทสนมกันตั้งแต่วัยพระเยาว์ เมื่อครั้งองค์ดำ ทรงเป็นองค์ประกัน อยู่ที่กรุงหงสาวดี ให้มาทำยุทธหัตถี ด้วยพระดำรัส ที่แสดงถึงความองอาจว่า

    “พระเจ้าพี่เรา จะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด”

    มังสามเกียดจึงไสช้าง เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด เมื่อถึงจังหวะสำคัญ พระองค์ดำทรงใช้พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ฟันเข้าที่พระอังสะขวา ของมังสามเกียด จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง

    ในขณะเดียวกัน พระองค์ขาวทรงฟันมางจาชโร จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้างเช่นกัน เป็นการปิดฉาก ศึกยุทธหัตถีอันยิ่งใหญ่

    ชัยชนะของพระองค์ดำ ในยุทธหัตถีครั้งนี้ ทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราชไว้ได้ และสร้างความเกรงขามให้แก่กรุงหงสาวดี จนไม่มีการรุกรานอีก เป็นเวลาหลายปี

    หลังสงคราม พระเจ้านันทบุเรงทรงเสียพระทัยอย่างยิ่ง ที่ต้องสูญเสียพระราชโอรสไป ในศึกครั้งนี้ และกรุงศรีอยุธยาก็ได้สร้าง พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์อันสำคัญนี้

    ความสำคัญของยุทธหัตถี ในประวัติศาสตร์ไทย
    สัญลักษณ์ของเอกราช ยุทธหัตถีครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง ความสามัคคีและการต่อสู้ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ

    พระปรีชาสามารถของกษัตริย์ไทย สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถในการนำทัพ

    มรดกทางวัฒนธรรม การยุทธหัตถีได้กลายเป็นตำนาน ที่มีการเล่าขาน และเป็นแรงบันดาลใจในงานศิลปะ วรรณกรรม และภาพยนตร์

    คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยุทธหัตถี
    1. ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ไหน?
    ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี

    2. ช้างศึกคืออะไร?
    ช้างศึกคือช้างที่ได้รับการฝึกฝน เพื่อใช้ในการทำสงคราม มีลักษณะเด่นตามตำราคชลักษณ์

    3. ทำไมยุทธหัตถีถึงมีเกียรติ?
    เพราะเป็นการต่อสู้ ระหว่างกษัตริย์ทั้งสองฝ่าย อย่างตรงไปตรงมา และแสดงถึงความกล้าหาญ

    ยุทธหัตถีหนองสาหร่ายในปี พ.ศ. 2135 เป็นสงครามที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ซึ่งทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราช และศักดิ์ศรีของชาติไว้ได้

    เหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนไทย ในการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และรักษาเกียรติภูมิของตน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 180833 ม.ค. 2568

    #สมเด็จพระนเรศวร #ยุทธหัตถี #ประวัติศาสตร์ไทย #สงครามชนช้าง #กรุงศรีอยุธยา #ดอนเจดีย์ #หงสาวดี #ชาติไทย #วีรกรรมไทย #สงครามไทย

    🎉
    433 ปี ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย ศึกแห่งเกียรติยศขององค์ดำ-องค์ขาว 🇹🇭🐘 ย้อนไปเมื่อ 433 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ไทย ต้องจารึกไว้ด้วยความภาคภูมิใจ นั่นคือเหตุการณ์ “ยุทธหัตถีหนองสาหร่าย” ที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค์ดำ) และสมเด็จพระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว) ในการต่อสู้กับทัพพม่า ณ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี สงครามครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้ เพื่ออาณาจักรเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึง ศักดิ์ศรีของพระมหากษัตริย์ไทย ผู้ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดิน และประชาชนชาวไทย การยุทธหัตถีครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่ยังคงมีการเล่าขาน และรำลึกถึงจนถึงทุกวันนี้ สงครามบนหลังช้างที่สะท้อนศักดิ์ศรี ยุทธหัตถี หมายถึง การทำสงครามบนหลังช้าง โดยผู้บัญชาการสูงสุด ของกองทัพทั้งสองฝ่าย จะเผชิญหน้ากันบนหลังช้างศึก เป็นการต่อสู้ ที่ต้องอาศัยทั้งความสามารถ การฝึกฝน ความกล้าหาญของกษัตริย์ และช้างศึก การชนช้างนี้ถือว่า เป็นการทำศึกที่มีเกียรติยศ และเป็นที่ยอมรับ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย พม่า และกัมพูชา ในยุคโบราณ ช้างถือว่าเป็นสัตว์คู่บารมี ของพระมหากษัตริย์ และเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ การทำยุทธหัตถี จึงไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ เพื่อชัยชนะทางการทหารเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความกล้าหาญและความสามารถของผู้ปกครอง ที่นำทัพด้วยตัวเอง สงครามยุทธหัตถีในปี พ.ศ. 2135 มีต้นเหตุจากการที่กรุงหงสาวดี (พม่า) มีความต้องการ จะยึดครองกรุงศรีอยุธยา พระเจ้านันทบุเรง ผู้ปกครองหงสาวดีในเวลานั้น จึงส่งกองทัพใหญ่กว่า 240,000 นาย นำโดย พระมหาอุปราชา (มังสามเกียด) และมางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโร เข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยา พระองค์ดำทรงทราบถึง การเคลื่อนทัพของพม่า จึงทรงระดมกำลังพลหนึ่งแสนนาย และเตรียมการป้องกันเมือง พร้อมกับทรงออกคำประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ในปี พ.ศ. 2127 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น ของการต่อต้านการปกครองของพม่า อย่างเต็มตัว เมื่อกองทัพของมังสามเกียด เคลื่อนมาถึงสุพรรณบุรี พระองค์ดำทรงนำทัพหลวงไปตั้งค่าย ที่ตำบลหนองสาหร่าย พร้อมกับพระองค์ขาว เช้าวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง องค์ดำและองค์ขาว ทรงเครื่องพิชัยยุทธเต็มยศ พร้อมด้วยช้างศึกทรง 2 เชือก คือ เจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง) ช้างทรงของพระองค์ดำ เจ้าพระยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ช้างทรงของพระองค์ขาว ทั้งสองพระองค์ทรงนำช้างศึกเข้าสู่สนามรบ แต่ระหว่างที่เคลื่อนทัพเกิดความวุ่นวาย ทำให้ช้างทรงของทั้งสองพระองค์ หลุดเข้าไปในวงล้อมของทัพพม่า และเผชิญหน้ากับมังสามเกียด และมางจาชโร โดยตรง เผชิญหน้าบนหลังช้าง พระองค์ดำทรงเรียกท้ามังสามเกียด ซึ่งสนิทสนมกันตั้งแต่วัยพระเยาว์ เมื่อครั้งองค์ดำ ทรงเป็นองค์ประกัน อยู่ที่กรุงหงสาวดี ให้มาทำยุทธหัตถี ด้วยพระดำรัส ที่แสดงถึงความองอาจว่า “พระเจ้าพี่เรา จะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด” มังสามเกียดจึงไสช้าง เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด เมื่อถึงจังหวะสำคัญ พระองค์ดำทรงใช้พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ฟันเข้าที่พระอังสะขวา ของมังสามเกียด จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง ในขณะเดียวกัน พระองค์ขาวทรงฟันมางจาชโร จนสิ้นพระชนม์บนหลังช้างเช่นกัน เป็นการปิดฉาก ศึกยุทธหัตถีอันยิ่งใหญ่ ชัยชนะของพระองค์ดำ ในยุทธหัตถีครั้งนี้ ทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราชไว้ได้ และสร้างความเกรงขามให้แก่กรุงหงสาวดี จนไม่มีการรุกรานอีก เป็นเวลาหลายปี หลังสงคราม พระเจ้านันทบุเรงทรงเสียพระทัยอย่างยิ่ง ที่ต้องสูญเสียพระราชโอรสไป ในศึกครั้งนี้ และกรุงศรีอยุธยาก็ได้สร้าง พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์อันสำคัญนี้ ความสำคัญของยุทธหัตถี ในประวัติศาสตร์ไทย สัญลักษณ์ของเอกราช ยุทธหัตถีครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง ความสามัคคีและการต่อสู้ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พระปรีชาสามารถของกษัตริย์ไทย สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถในการนำทัพ มรดกทางวัฒนธรรม การยุทธหัตถีได้กลายเป็นตำนาน ที่มีการเล่าขาน และเป็นแรงบันดาลใจในงานศิลปะ วรรณกรรม และภาพยนตร์ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยุทธหัตถี 1. ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ไหน? ยุทธหัตถีเกิดขึ้นที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี 2. ช้างศึกคืออะไร? ช้างศึกคือช้างที่ได้รับการฝึกฝน เพื่อใช้ในการทำสงคราม มีลักษณะเด่นตามตำราคชลักษณ์ 3. ทำไมยุทธหัตถีถึงมีเกียรติ? เพราะเป็นการต่อสู้ ระหว่างกษัตริย์ทั้งสองฝ่าย อย่างตรงไปตรงมา และแสดงถึงความกล้าหาญ ยุทธหัตถีหนองสาหร่ายในปี พ.ศ. 2135 เป็นสงครามที่แสดงถึงความกล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ซึ่งทำให้กรุงศรีอยุธยา สามารถรักษาเอกราช และศักดิ์ศรีของชาติไว้ได้ เหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนไทย ในการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง และรักษาเกียรติภูมิของตน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 180833 ม.ค. 2568 #สมเด็จพระนเรศวร #ยุทธหัตถี #ประวัติศาสตร์ไทย #สงครามชนช้าง #กรุงศรีอยุธยา #ดอนเจดีย์ #หงสาวดี #ชาติไทย #วีรกรรมไทย #สงครามไทย 🎉
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • Saloma Link สะพานที่มากกว่าไฟสวย

    มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการ (Recreational Attraction) จำนวนมาก ซึ่งมนุษย์สร้างขึ้นเพื่อการพักผ่อนและเสริมสร้างสุขภาพ ให้ความสนุกสนาน บันเทิง และการศึกษาหาความรู้ แม้ไม่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม แต่มีลักษณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมสมัย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ River of Life บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Masjid Jamek และสะพาน Saloma Link บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Kampung Baru

    กล่าวถึงสะพาน Saloma Link (ซาโลมาลิงก์) เป็นสะพานขนาดไม่ใหญ่ ยาว 69 เมตร กว้าง 3 เมตร สูง 7 เมตร ข้ามทางด่วนสาย E12 อัมปัง-กัวลาลัมเปอร์ (AKLEH) และแม่น้ำแคลงที่อยู่เกาะกลาง มีทางลาดลงไปยังด้านข้างสุสานอิสลามจาลันอัมปัง แล้วออกทางแยกหน้าอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ ย่าน KLCC เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2563 โดยมีบริษัท VERITAS Design Group ออกแบบโครงสร้าง ใช้งบก่อสร้าง 31 ล้านริงกิต (237 ล้านบาท)

    จุดเด่นของสะพานซาโลมาลิงก์ คือการออกแบบโครงสร้างเหล็ก โดยได้แรงบันดาลใจจากการจัดช่อดอกไม้มงคลที่เรียกว่า ซิเระ จุนจุง (Sireh Junjung) ในพิธีแต่งงานของชาวมาเลย์ ประดับด้วยกระจกและแผงไฟ LED รูปทรงเพชร ฉายแสงในรูปแบบต่างๆ หลากสีสัน ชื่อสะพานมาจาก ซาโลมา ชื่อเรียกของ ซัลมาห์ อิสมาอิล (Salmah Ismail) นักร้อง นักแสดงชื่อดังชาวสิงคโปร์-มาเลเซีย ฉายามาริลิน มอนโรแห่งเอเชีย ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2526 ด้วยวัย 48 ปี และถูกฝังอยู่ในสุสานอิสลามจาลันอัมปัง

    ก่อนจะมาเป็นสะพานที่สวยงามแห่งนี้ แต่เดิมเคยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแคลง จากกัวลาลัมเปอร์ไปยังกำปุงบารู (Kampung Baru) ชุมชนที่อยู่อีกฝั่ง แต่ได้รื้อสะพานเมื่อปี 2539 เพื่อก่อสร้างทางด่วนที่ยกสูงขึ้น เสมือนเป็นเขื่อนกั้นแม่น้ำที่อยู่ตรงกลาง

    ในยามค่ำคืน สะพานแห่งนี้จะเปิดไฟ LED หลากสีสันอย่างสวยงาม ล้อไปกับตึกแฝดปิโตรนาสทาวเวอร์ ที่เปิดไฟส่องไสวไปทั่วตึกเช่นกัน นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปสะพานโดยเฉพาะฝั่งกำปุงบารู จะเห็นด้านหลังทั้งสะพานและตึกปิโตรนาส เป็นจุดเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมาเลเซียต้องไม่พลาด ซึ่งฝั่งกำปุงบารูจะเป็นชุมชนเก่าแก่ขนาดเล็ก มีร้านอาหารแบบสตรีทฟู้ดจำหน่าย ขึ้นลงได้จากบันไดและลิฟต์ และมีทางเดินไปถึงสถานีรถไฟฟ้า LRT Kampung Baru ซึ่งเป็นสถานีใต้ดิน

    สะพานแห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่ 05.00-24.00 น. โปรดปฎิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ใช้ความระมัดระวังในการถ่ายรูป ไม่ปีนป่ายราวสะพาน และระวังสิ่งของที่ติดตัวตกจากสะพาน

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Saloma Link สะพานที่มากกว่าไฟสวย มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีแหล่งท่องเที่ยวเพื่อนันทนาการ (Recreational Attraction) จำนวนมาก ซึ่งมนุษย์สร้างขึ้นเพื่อการพักผ่อนและเสริมสร้างสุขภาพ ให้ความสนุกสนาน บันเทิง และการศึกษาหาความรู้ แม้ไม่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม แต่มีลักษณะเป็นแหล่งท่องเที่ยวร่วมสมัย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ River of Life บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Masjid Jamek และสะพาน Saloma Link บริเวณสถานีรถไฟฟ้า LRT Kampung Baru กล่าวถึงสะพาน Saloma Link (ซาโลมาลิงก์) เป็นสะพานขนาดไม่ใหญ่ ยาว 69 เมตร กว้าง 3 เมตร สูง 7 เมตร ข้ามทางด่วนสาย E12 อัมปัง-กัวลาลัมเปอร์ (AKLEH) และแม่น้ำแคลงที่อยู่เกาะกลาง มีทางลาดลงไปยังด้านข้างสุสานอิสลามจาลันอัมปัง แล้วออกทางแยกหน้าอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ ย่าน KLCC เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2563 โดยมีบริษัท VERITAS Design Group ออกแบบโครงสร้าง ใช้งบก่อสร้าง 31 ล้านริงกิต (237 ล้านบาท) จุดเด่นของสะพานซาโลมาลิงก์ คือการออกแบบโครงสร้างเหล็ก โดยได้แรงบันดาลใจจากการจัดช่อดอกไม้มงคลที่เรียกว่า ซิเระ จุนจุง (Sireh Junjung) ในพิธีแต่งงานของชาวมาเลย์ ประดับด้วยกระจกและแผงไฟ LED รูปทรงเพชร ฉายแสงในรูปแบบต่างๆ หลากสีสัน ชื่อสะพานมาจาก ซาโลมา ชื่อเรียกของ ซัลมาห์ อิสมาอิล (Salmah Ismail) นักร้อง นักแสดงชื่อดังชาวสิงคโปร์-มาเลเซีย ฉายามาริลิน มอนโรแห่งเอเชีย ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2526 ด้วยวัย 48 ปี และถูกฝังอยู่ในสุสานอิสลามจาลันอัมปัง ก่อนจะมาเป็นสะพานที่สวยงามแห่งนี้ แต่เดิมเคยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแคลง จากกัวลาลัมเปอร์ไปยังกำปุงบารู (Kampung Baru) ชุมชนที่อยู่อีกฝั่ง แต่ได้รื้อสะพานเมื่อปี 2539 เพื่อก่อสร้างทางด่วนที่ยกสูงขึ้น เสมือนเป็นเขื่อนกั้นแม่น้ำที่อยู่ตรงกลาง ในยามค่ำคืน สะพานแห่งนี้จะเปิดไฟ LED หลากสีสันอย่างสวยงาม ล้อไปกับตึกแฝดปิโตรนาสทาวเวอร์ ที่เปิดไฟส่องไสวไปทั่วตึกเช่นกัน นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปสะพานโดยเฉพาะฝั่งกำปุงบารู จะเห็นด้านหลังทั้งสะพานและตึกปิโตรนาส เป็นจุดเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมาเลเซียต้องไม่พลาด ซึ่งฝั่งกำปุงบารูจะเป็นชุมชนเก่าแก่ขนาดเล็ก มีร้านอาหารแบบสตรีทฟู้ดจำหน่าย ขึ้นลงได้จากบันไดและลิฟต์ และมีทางเดินไปถึงสถานีรถไฟฟ้า LRT Kampung Baru ซึ่งเป็นสถานีใต้ดิน สะพานแห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่ 05.00-24.00 น. โปรดปฎิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ใช้ความระมัดระวังในการถ่ายรูป ไม่ปีนป่ายราวสะพาน และระวังสิ่งของที่ติดตัวตกจากสะพาน #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • คู่รัก: ตัวแปรสำคัญของใจและชีวิต

    1. การเลือกคู่รัก = การเลือกใจตัวเอง
    การใช้ชีวิตร่วมกันกับคนรัก ไม่ใช่เพียงการแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ แต่ยังเป็นการปรับเปลี่ยนตัวเองบางส่วนเพื่อความเข้ากันได้ เช่น

    ปรับวิธีพูดคุยและแก้ไขความขัดแย้งด้วยเหตุผล

    ปรับวิธีคิดเกี่ยวกับเป้าหมายชีวิต เช่น จะอยู่เพื่อครอบครัวเล็กหรือใหญ่

    ปรับการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับการอยู่ร่วมกัน


    2. คนรัก: อิทธิพลสำคัญในชีวิต

    ด้านลบ: คนรักอาจเป็นตัวกระตุ้นให้นิสัยแย่ๆ ของคุณรุนแรงขึ้น เช่น

    ยุยงให้โกหก หรือปั่นหัวให้เกิดความทุกข์

    ทำให้คุณเจ้าอารมณ์หรือเกิดความเครียดจากนิสัยไม่ดีของเขา


    ด้านบวก: คนรักสามารถเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ เช่น

    สร้างนิสัยการช่วยเหลือ การทำบุญ หรือการเสียสละ

    เป็นแบบอย่างของการควบคุมอารมณ์และการคิดบวก



    3. คนรัก: ตัวแปรที่เปลี่ยนกรรม
    การใช้ชีวิตร่วมกับคนรักที่ดีสามารถเปลี่ยนกรรมของคุณได้:

    หากเขาแสดงออกถึงความมีเมตตา คุณอาจซึมซับนิสัยดีๆ นั้นมาโดยไม่รู้ตัว

    หากเขามีวิธีคิดที่ทำให้คุณเห็นคุณค่าของชีวิต คุณอาจพัฒนาตัวเองและกรรมของคุณไปในทางที่ดีขึ้น


    4. การเลือกคู่รักที่ดี

    มองลึกกว่าภายนอก: อย่าดูแค่ลักษณะภายนอก แต่ให้ดูพฤติกรรมและวิธีคิด

    มองหาคนที่พัฒนาไปด้วยกัน: เลือกคนที่ช่วยเสริมให้คุณดีขึ้น และพร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน


    5. สรุป:
    การเลือกคู่รักที่ดีเท่ากับการเลือกใจของตัวเอง เพราะความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยส่งเสริมทั้งคุณและเขาให้เป็นคนที่ดีขึ้น เป็นแรงผลักดันให้คุณเติบโตในชีวิตและจิตใจ และเปลี่ยนกรรมที่ติดตัวมาให้กลายเป็นสิ่งดีงามในระยะยาว.

    คู่รัก: ตัวแปรสำคัญของใจและชีวิต 1. การเลือกคู่รัก = การเลือกใจตัวเอง การใช้ชีวิตร่วมกันกับคนรัก ไม่ใช่เพียงการแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ แต่ยังเป็นการปรับเปลี่ยนตัวเองบางส่วนเพื่อความเข้ากันได้ เช่น ปรับวิธีพูดคุยและแก้ไขความขัดแย้งด้วยเหตุผล ปรับวิธีคิดเกี่ยวกับเป้าหมายชีวิต เช่น จะอยู่เพื่อครอบครัวเล็กหรือใหญ่ ปรับการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับการอยู่ร่วมกัน 2. คนรัก: อิทธิพลสำคัญในชีวิต ด้านลบ: คนรักอาจเป็นตัวกระตุ้นให้นิสัยแย่ๆ ของคุณรุนแรงขึ้น เช่น ยุยงให้โกหก หรือปั่นหัวให้เกิดความทุกข์ ทำให้คุณเจ้าอารมณ์หรือเกิดความเครียดจากนิสัยไม่ดีของเขา ด้านบวก: คนรักสามารถเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ เช่น สร้างนิสัยการช่วยเหลือ การทำบุญ หรือการเสียสละ เป็นแบบอย่างของการควบคุมอารมณ์และการคิดบวก 3. คนรัก: ตัวแปรที่เปลี่ยนกรรม การใช้ชีวิตร่วมกับคนรักที่ดีสามารถเปลี่ยนกรรมของคุณได้: หากเขาแสดงออกถึงความมีเมตตา คุณอาจซึมซับนิสัยดีๆ นั้นมาโดยไม่รู้ตัว หากเขามีวิธีคิดที่ทำให้คุณเห็นคุณค่าของชีวิต คุณอาจพัฒนาตัวเองและกรรมของคุณไปในทางที่ดีขึ้น 4. การเลือกคู่รักที่ดี มองลึกกว่าภายนอก: อย่าดูแค่ลักษณะภายนอก แต่ให้ดูพฤติกรรมและวิธีคิด มองหาคนที่พัฒนาไปด้วยกัน: เลือกคนที่ช่วยเสริมให้คุณดีขึ้น และพร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน 5. สรุป: การเลือกคู่รักที่ดีเท่ากับการเลือกใจของตัวเอง เพราะความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยส่งเสริมทั้งคุณและเขาให้เป็นคนที่ดีขึ้น เป็นแรงผลักดันให้คุณเติบโตในชีวิตและจิตใจ และเปลี่ยนกรรมที่ติดตัวมาให้กลายเป็นสิ่งดีงามในระยะยาว.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชื่อภาพ Freedom?
    เทคนิค สีอะคริลิคและ Marker บนผ้าใบ

    ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าเราจะมีอิสรภาพ ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ แต่คือสุขภาพที่แท้จริงหรือเปล่า?

    ร่วม 20-30 ปีที่ไม่ได้ว่ารูปเป็นเรื่องหรือเปล่า และนี่ถือได้ว่าเป็นภาพแรกที่เขียนลงผ้าใบขอบคุณแรงบันดาลใจจาก ก๊อต จิรายุ
    ขอบคุณกำลังใจจากคุณภรรยา

    #อาร์ตเอะอะ #artaeaa #ลุงช้างหญ่าย #ก๊อตจิรายุตันตระกูล #วาดรูป
    #ช้างเรื่องเยอะ #painting
    ชื่อภาพ Freedom? เทคนิค สีอะคริลิคและ Marker บนผ้าใบ ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าเราจะมีอิสรภาพ ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ แต่คือสุขภาพที่แท้จริงหรือเปล่า? ร่วม 20-30 ปีที่ไม่ได้ว่ารูปเป็นเรื่องหรือเปล่า และนี่ถือได้ว่าเป็นภาพแรกที่เขียนลงผ้าใบขอบคุณแรงบันดาลใจจาก ก๊อต จิรายุ ขอบคุณกำลังใจจากคุณภรรยา #อาร์ตเอะอะ #artaeaa #ลุงช้างหญ่าย #ก๊อตจิรายุตันตระกูล #วาดรูป #ช้างเรื่องเยอะ #painting
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันครู 2568

    ในโอกาสวันครูแห่งชาติ ปี 2568
    ขอกราบขอบพระคุณคุณครู ผู้เป็นแสงสว่างนำทางชีวิต
    ด้วยความรักและความเมตตา คุณครูคือผู้สร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับเรา
    ช่วยปลูกฝังความรู้ คู่คุณธรรม และมอบแรงบันดาลใจ ให้ก้าวเดินไปสู่อนาคตที่สดใส

    ขอให้คุณครูทุกท่าน มีสุขภาพแข็งแรง
    เปี่ยมด้วยกำลังใจ ในหน้าที่การสอน
    และพบแต่ความสำเร็จ ความสุขในชีวิต
    พวกเราขอน้อมจิตระลึกถึง พระคุณอันยิ่งใหญ่
    และสัญญาว่าจะนำคำสอนของคุณค ไปใช้ในการสร้างอนาคตที่ดี

    ด้วยความเคารพรักอย่างสูง
    ✨ สุขสันต์วันครู 2568 ✨
    วันครู 2568 ในโอกาสวันครูแห่งชาติ ปี 2568 ขอกราบขอบพระคุณคุณครู ผู้เป็นแสงสว่างนำทางชีวิต ด้วยความรักและความเมตตา คุณครูคือผู้สร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับเรา ช่วยปลูกฝังความรู้ คู่คุณธรรม และมอบแรงบันดาลใจ ให้ก้าวเดินไปสู่อนาคตที่สดใส ขอให้คุณครูทุกท่าน มีสุขภาพแข็งแรง เปี่ยมด้วยกำลังใจ ในหน้าที่การสอน และพบแต่ความสำเร็จ ความสุขในชีวิต พวกเราขอน้อมจิตระลึกถึง พระคุณอันยิ่งใหญ่ และสัญญาว่าจะนำคำสอนของคุณค ไปใช้ในการสร้างอนาคตที่ดี ด้วยความเคารพรักอย่างสูง ✨ สุขสันต์วันครู 2568 ✨
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหมือนไหม? กลายเป็นประเด็นร้อนเมื่อไม่นานมานี้ หลังชาวจีนออกมาโจมตีทางออกของสถานีรถไฟใต้ดินฮวาตี้วาน ในกว่างโจว มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการรีโนเวท ว่าเหมือนกับ "โรงศพดั้งเดิมขนาดยักษ์"

    เดิมทีสถานีรถไฟใต้ดินแห่งนี้ ถือเป็นหนึ่งในสถานีที่เก่าแก่ที่สุดในกว่างโจว มีกำหนดการเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงกลางเดือนม.ค. หลังจากทำการรีโนเวท โดยมีบริษัท Guangzhou Wanxi Enterprise Management เป็นผู้รับผิดชอบ และบริษัท Shanghai GM Landscape Design รับหน้าที่เป็นผู้ออกแบบ

    อย่างไรก็ดี หลังมีการเผยแพร่ภาพทางออกของสถานีดังกล่าวลงบนโลกออนไลน์ ก็ถูกชาวเน็ตร้องเรียนและวิจารณ์อย่างหนัก เช่น "นี่เป็นประตูสู่ยมโลกหรือเปล่า?" "นี่เป็นผลงานของทีมงานมืออาชีพจริงๆ หรือ?" และ "ออกแบบมาแบบนี้ ช่างสิ้นเปลืองงบจริงๆ"

    ต่อมาบริษัท Guangzhou Metro Group ได้ออกมาตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าแรงบันดาลใจและคอนเซ็ปต์ของการออกแบบมีที่มาจาก "กลีบดอกงิ้ว" ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำนครกว่างโจว ไม่ใช่โลงศพอย่างที่ทุกคนคิด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000003397

    #MGROnline #สถานีรถไฟใต้ดินฮวาตี้วาน #กว่างโจว #กลีบดอกงิ้ว #โลงศพ
    เหมือนไหม? กลายเป็นประเด็นร้อนเมื่อไม่นานมานี้ หลังชาวจีนออกมาโจมตีทางออกของสถานีรถไฟใต้ดินฮวาตี้วาน ในกว่างโจว มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการรีโนเวท ว่าเหมือนกับ "โรงศพดั้งเดิมขนาดยักษ์" • เดิมทีสถานีรถไฟใต้ดินแห่งนี้ ถือเป็นหนึ่งในสถานีที่เก่าแก่ที่สุดในกว่างโจว มีกำหนดการเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงกลางเดือนม.ค. หลังจากทำการรีโนเวท โดยมีบริษัท Guangzhou Wanxi Enterprise Management เป็นผู้รับผิดชอบ และบริษัท Shanghai GM Landscape Design รับหน้าที่เป็นผู้ออกแบบ • อย่างไรก็ดี หลังมีการเผยแพร่ภาพทางออกของสถานีดังกล่าวลงบนโลกออนไลน์ ก็ถูกชาวเน็ตร้องเรียนและวิจารณ์อย่างหนัก เช่น "นี่เป็นประตูสู่ยมโลกหรือเปล่า?" "นี่เป็นผลงานของทีมงานมืออาชีพจริงๆ หรือ?" และ "ออกแบบมาแบบนี้ ช่างสิ้นเปลืองงบจริงๆ" • ต่อมาบริษัท Guangzhou Metro Group ได้ออกมาตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าแรงบันดาลใจและคอนเซ็ปต์ของการออกแบบมีที่มาจาก "กลีบดอกงิ้ว" ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำนครกว่างโจว ไม่ใช่โลงศพอย่างที่ทุกคนคิด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000003397 • #MGROnline #สถานีรถไฟใต้ดินฮวาตี้วาน #กว่างโจว #กลีบดอกงิ้ว #โลงศพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิธีสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมทำงาน
    วิธีสร้างแรงบันดาลใจให้ทีมทำงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่น 6 : โชเฮ โอทานิ (Shohei Ohtani)

    วันนี้วันดีปีใหม่ ผมอยากเล่าถึง “โชเฮ โอทานิ” นักเบสบอลมหัศจรรย์ของชาวญี่ปุ่น เอาไว้ให้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่อยากประสบความสำเร็จครับ

    โชเฮ โอทานิ หรือชื่อเล่นที่เรียกว่า “โชไทม์ (Sho-time)” นี้เป็นเด็กหนุ่มอายุ 30 ปีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในฐานะนักเบสบอลอาชีพ ที่ตอนนี้ไปเล่นให้กับทีมแอลเอ ดอดเจอร์ในสหรัฐฯและพาทีมคว้าแชมป์ 2024 ไปเรียบร้อย

    ความมหัศจรรย์ของโอทานิก็คือ เขาเป็นนักเบสบอลที่เล่นเป็นมือขว้าง (พิทเชอร์) หรือมือตี (พัทเตอร์) ก็ได้ เรียกว่าเป็น Two-way player

    โอทานินั้นไม่ใช่แค่ว่า ”ขว้างลูกได้“ ครับแต่เป็นพิทเชอร์ที่ขว้างลูกได้ดีเลิศ คือ ขว้างได้สปีดถึง 160 กม./ชม. ลูกโค้งซ้าย-ขวา-บน-ล่าง นั้นทำได้หมด

    และในฐานะพัทเตอร์นั้น เขาตีลูกได้แรงและแม่นยำ ตีโฮมรันเป็นว่าเล่น พละกำลังมหาศาลด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ถึง 195 ซม.

    โอทานินั้นถนัดทั้งมือซ้ายและขวา กล่าวคือ ขว้างด้วยมือขวา ตีด้วยมือซ้าย

    เมื่อเขามาเล่นเบสบอลในเมเจอร์ลีกที่อเมริกา ในปี 2021 เขาได้รับรางวัลนักกีฬาทรงคุณค่าสูงสุด (MVP) 2 รางวัล คือ ตำแหน่งพิทเชอร์กับตำแหน่งพัทเตอร์ในซีซั่นเดียว

    นักเบสบอลแบบนี้ 100 ปีจะมีสักหนึ่งคน

    สื่ออเมริกันถึงกับบอกว่า โอทานินั้นเหนือกว่าเบ๊บ รูท (Babe Ruth) นักเบสบอลอเมริกันในตำนานที่เป็น Two-way player เช่นกันเสียอีก

    นอกจากความเป็นยอดนักกีฬาแล้วคุณสมบัติที่ทำให้โอทานิโด่งดังในวงการนั้นมี 3 ประการครับ คือ

    หนึ่ง…..ความถ่อมตน (Humility)
    สอง…..ความขยันหมั่นเพียร
    สาม…..ความมุ่งมั่น
    .
    .
    .
    โอทานินั้นเป็นเด็กหนุ่มที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ”ยาคิว โชเนน - yakyu shonen“ แปลว่า ”เด็กที่หายใจเข้าออกเป็นเบสบอลทุกวินาที“ ครับ

    ความลุ่มหลงในเบสบอลของโอทานินั้น เกิดขึ้นตั้งแต่เป็นเด็กชายตัวเปี๊ยกเดียวครับ เพราะพ่อของโอทานิเป็นนักเบสบอลกึ่งอาชีพ ส่วนแม่นั้นเป็นนักแบดมินตันระดับมัธยม

    พ่อของโอทานินั้นสอนเทคนิคการขว้างลูกโดยใช้แรงจากสะโพกและการบิดตัว ทำให้โอทานิน้อยวัย 10 ขวบสามารถขว้างลูกได้เร็วเป็น 100 กม./ชม.เลยเชียว

    เมื่อโอทานิโตขึ้นมาถึงระดับมัธยม เขาก็เข้าไปเล่นเบสบอลในทีมโรงเรียนซึ่งมีโค้ชชื่อ “ซาซากิ”

    โค้ชซาซากินี้เองที่เป็นผู้บ่มเพาะนิสัยความถ่อมตนให้กับโอทานิ

    เมื่อโค้ชซาซากิเห็นฝีมือของโอทานิปร๊าดเดียว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือดาวรุ่งคนใหม่ของวงการ

    ดังนั้นหน้าที่ที่โค้ชซาซากิมอบหมายให้เด็กใหม่ที่ชื่อโอทานิทำก็คือ “ล้างห้องน้ำ” ครับ

    เหตุผลของโค้ชก็คือ “ตำแหน่งยืนของ
    พิทเชอร์คือจุดที่สูงสุดในสนามเบสบอล เปรียบได้กับเวที เมื่อคุณไปยืนอยู่บนเวที คุณจะได้รับความสนใจ มีนักข่าวมาสัมภาษณ์และเขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวคุณมากที่สุด“

    “The mound is the most elevated place on the field, It’s a stage. If you’re on that stage, you receive the most attention. You get interviewed and written about the most.”

    นี่คือวิธีการสอนความถ่อมตนในสไตล์ของโค้ชซาซากิครับ

    โค้ชยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า

    ”ความสะอาดของห้องน้ำนั้นบอกอะไรเราได้เยอะนะคุณ เวลาคุณไปเดินห้างสรรพสินค้าหรือไปสถานที่ต่างๆแล้วคุณไปเจอห้องน้ำที่สะอาดเอี่ยมน่ะ มันบอกอะไรบางอย่างกับคุณใช่ไหมว่า คนที่ทำงานที่นี่น่ะเป็นคนอย่างไร เขาให้ความสำคัญกับรายละเอียดเพียงใด“
    .
    .
    .
    การฝึกซ้อมของทีมเบสบอลโรงเรียนนี้หนักหนาสาหัสมาก นักเบสบอลวัยรุ่นเหล่านี้จะต้องกินนอนอยู่กับทีมตลอดปี ได้กลับบ้านแค่ปีละ 6 วันเท่านั้น

    ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนจะถูกจริตของโอทานิซึ่งมีความสุขกับการซ้อม การแข่ง การล้างห้องน้ำและ ”การกิน“

    โค้ชซาซากิเล่าว่าโอทานิในเวลานั้นตัวเล็กมาก โค้ชจึงให้โอทานิกินอาหารให้เยอะที่สุด เพื่อนร่วมทีมคนไหนกินอาหารเหลือก็ส่งมาให้โอทานิกินต่อ

    กินจนกินไม่ไหวถึงจะเลิกกิน

    กินเสร็จก็ไปออกกำลังกาย ยกเวท จนโอทานิสูงใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น ร่างกายสมบูรณ์เป็นนักกีฬาระดับโลก
    .
    .
    .
    จนเมื่อโอทานิแข่งเบสบอลในระดับมัธยมปลายทั่วประเทศ หรือ “โคชิเอ็น”

    โอทานิก็มุ่งมั่นชัดเจนว่าอยากจะเล่นเบสบอลอาชีพซี่งเขาก็เริ่มจากลีกญี่ปุ่น จนไปสู่เมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกา

    กวาดรางวัลและทำลายสถิติมาทุกแห่ง

    แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนในตัวโอทานิเลยก็คือ ความสงบเสงี่ยม พูดน้อยและถ่อมตน

    ไปสัมภาษณ์ที่ไหนก็พูดนิดเดียว บางทีเมื่อไม่มีอะไรจะพูด โอทานิก็พูดสั้นๆเบาๆแค่ว่า ”ขอโทษนะครับ“

    ตอนที่โอทานิเริ่มได้เงินเดือนจากการแข่งอาชีพจากทีมไฟท์เตอร์ในลีกญี่ปุ่น 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น โอทานิให้แม่เป็นคนจัดการเรื่องเงินทองทั้งหมด

    และบอกแม่ว่าให้โอนเงินใส่บัญชีให้เขาใช้เดือนละ 1,000 ดอลล่าร์ หรือ 34,000 บาทก็พอ ซึ่งเอาจริงๆเขาก็ไม่ค่อยจะได้แตะเงินเท่าไร เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่กับการซ้อม การแข่งเบสบอล

    สื่อมวลชนกีฬาของญี่ปุ่นซึ่งชอบขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของนักกีฬามาแฉนั้น ก็ไม่รู้จะทำอะไรกับโอทานิ เพราะไม่มีอะไรจะให้แฉเลยสักนิด

    เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว โอทานิไม่ชอบเปิดเผยเรื่องส่วนตัวกับใคร

    วันๆเอาแต่ออกกำลังกายกับเล่นเบสบอล
    .
    .
    .
    ล่าสุดโอทานิก็สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อเซ็นสัญญา 10 ปีด้วยค่าตัว 700 ล้านดอลล่าร์กับทีมแอลเอ ดอดเจอร์

    เป็นสัญญาที่แพงที่สุดประวัติศาสตร์วงการกีฬาโลก

    ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมโอทานิถึงได้กลายเป็นไอดอลของคนญี่ปุ่น

    ….พูดน้อย ถ่อมตน ซ้อมหนัก ผลงานเป็นเลิศ….

    คุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในยุคที่คนส่วนใหญ่พูดเยอะแต่ไร้ผลงาน


    นัทแนะ
    ญี่ปุ่น 6 : โชเฮ โอทานิ (Shohei Ohtani) วันนี้วันดีปีใหม่ ผมอยากเล่าถึง “โชเฮ โอทานิ” นักเบสบอลมหัศจรรย์ของชาวญี่ปุ่น เอาไว้ให้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่อยากประสบความสำเร็จครับ โชเฮ โอทานิ หรือชื่อเล่นที่เรียกว่า “โชไทม์ (Sho-time)” นี้เป็นเด็กหนุ่มอายุ 30 ปีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในฐานะนักเบสบอลอาชีพ ที่ตอนนี้ไปเล่นให้กับทีมแอลเอ ดอดเจอร์ในสหรัฐฯและพาทีมคว้าแชมป์ 2024 ไปเรียบร้อย ความมหัศจรรย์ของโอทานิก็คือ เขาเป็นนักเบสบอลที่เล่นเป็นมือขว้าง (พิทเชอร์) หรือมือตี (พัทเตอร์) ก็ได้ เรียกว่าเป็น Two-way player โอทานินั้นไม่ใช่แค่ว่า ”ขว้างลูกได้“ ครับแต่เป็นพิทเชอร์ที่ขว้างลูกได้ดีเลิศ คือ ขว้างได้สปีดถึง 160 กม./ชม. ลูกโค้งซ้าย-ขวา-บน-ล่าง นั้นทำได้หมด และในฐานะพัทเตอร์นั้น เขาตีลูกได้แรงและแม่นยำ ตีโฮมรันเป็นว่าเล่น พละกำลังมหาศาลด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ถึง 195 ซม. โอทานินั้นถนัดทั้งมือซ้ายและขวา กล่าวคือ ขว้างด้วยมือขวา ตีด้วยมือซ้าย เมื่อเขามาเล่นเบสบอลในเมเจอร์ลีกที่อเมริกา ในปี 2021 เขาได้รับรางวัลนักกีฬาทรงคุณค่าสูงสุด (MVP) 2 รางวัล คือ ตำแหน่งพิทเชอร์กับตำแหน่งพัทเตอร์ในซีซั่นเดียว นักเบสบอลแบบนี้ 100 ปีจะมีสักหนึ่งคน สื่ออเมริกันถึงกับบอกว่า โอทานินั้นเหนือกว่าเบ๊บ รูท (Babe Ruth) นักเบสบอลอเมริกันในตำนานที่เป็น Two-way player เช่นกันเสียอีก นอกจากความเป็นยอดนักกีฬาแล้วคุณสมบัติที่ทำให้โอทานิโด่งดังในวงการนั้นมี 3 ประการครับ คือ หนึ่ง…..ความถ่อมตน (Humility) สอง…..ความขยันหมั่นเพียร สาม…..ความมุ่งมั่น . . . โอทานินั้นเป็นเด็กหนุ่มที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ”ยาคิว โชเนน - yakyu shonen“ แปลว่า ”เด็กที่หายใจเข้าออกเป็นเบสบอลทุกวินาที“ ครับ ความลุ่มหลงในเบสบอลของโอทานินั้น เกิดขึ้นตั้งแต่เป็นเด็กชายตัวเปี๊ยกเดียวครับ เพราะพ่อของโอทานิเป็นนักเบสบอลกึ่งอาชีพ ส่วนแม่นั้นเป็นนักแบดมินตันระดับมัธยม พ่อของโอทานินั้นสอนเทคนิคการขว้างลูกโดยใช้แรงจากสะโพกและการบิดตัว ทำให้โอทานิน้อยวัย 10 ขวบสามารถขว้างลูกได้เร็วเป็น 100 กม./ชม.เลยเชียว เมื่อโอทานิโตขึ้นมาถึงระดับมัธยม เขาก็เข้าไปเล่นเบสบอลในทีมโรงเรียนซึ่งมีโค้ชชื่อ “ซาซากิ” โค้ชซาซากินี้เองที่เป็นผู้บ่มเพาะนิสัยความถ่อมตนให้กับโอทานิ เมื่อโค้ชซาซากิเห็นฝีมือของโอทานิปร๊าดเดียว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือดาวรุ่งคนใหม่ของวงการ ดังนั้นหน้าที่ที่โค้ชซาซากิมอบหมายให้เด็กใหม่ที่ชื่อโอทานิทำก็คือ “ล้างห้องน้ำ” ครับ เหตุผลของโค้ชก็คือ “ตำแหน่งยืนของ พิทเชอร์คือจุดที่สูงสุดในสนามเบสบอล เปรียบได้กับเวที เมื่อคุณไปยืนอยู่บนเวที คุณจะได้รับความสนใจ มีนักข่าวมาสัมภาษณ์และเขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวคุณมากที่สุด“ “The mound is the most elevated place on the field, It’s a stage. If you’re on that stage, you receive the most attention. You get interviewed and written about the most.” นี่คือวิธีการสอนความถ่อมตนในสไตล์ของโค้ชซาซากิครับ โค้ชยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า ”ความสะอาดของห้องน้ำนั้นบอกอะไรเราได้เยอะนะคุณ เวลาคุณไปเดินห้างสรรพสินค้าหรือไปสถานที่ต่างๆแล้วคุณไปเจอห้องน้ำที่สะอาดเอี่ยมน่ะ มันบอกอะไรบางอย่างกับคุณใช่ไหมว่า คนที่ทำงานที่นี่น่ะเป็นคนอย่างไร เขาให้ความสำคัญกับรายละเอียดเพียงใด“ . . . การฝึกซ้อมของทีมเบสบอลโรงเรียนนี้หนักหนาสาหัสมาก นักเบสบอลวัยรุ่นเหล่านี้จะต้องกินนอนอยู่กับทีมตลอดปี ได้กลับบ้านแค่ปีละ 6 วันเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ดูเหมือนจะถูกจริตของโอทานิซึ่งมีความสุขกับการซ้อม การแข่ง การล้างห้องน้ำและ ”การกิน“ โค้ชซาซากิเล่าว่าโอทานิในเวลานั้นตัวเล็กมาก โค้ชจึงให้โอทานิกินอาหารให้เยอะที่สุด เพื่อนร่วมทีมคนไหนกินอาหารเหลือก็ส่งมาให้โอทานิกินต่อ กินจนกินไม่ไหวถึงจะเลิกกิน กินเสร็จก็ไปออกกำลังกาย ยกเวท จนโอทานิสูงใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น ร่างกายสมบูรณ์เป็นนักกีฬาระดับโลก . . . จนเมื่อโอทานิแข่งเบสบอลในระดับมัธยมปลายทั่วประเทศ หรือ “โคชิเอ็น” โอทานิก็มุ่งมั่นชัดเจนว่าอยากจะเล่นเบสบอลอาชีพซี่งเขาก็เริ่มจากลีกญี่ปุ่น จนไปสู่เมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกา กวาดรางวัลและทำลายสถิติมาทุกแห่ง แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนในตัวโอทานิเลยก็คือ ความสงบเสงี่ยม พูดน้อยและถ่อมตน ไปสัมภาษณ์ที่ไหนก็พูดนิดเดียว บางทีเมื่อไม่มีอะไรจะพูด โอทานิก็พูดสั้นๆเบาๆแค่ว่า ”ขอโทษนะครับ“ ตอนที่โอทานิเริ่มได้เงินเดือนจากการแข่งอาชีพจากทีมไฟท์เตอร์ในลีกญี่ปุ่น 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น โอทานิให้แม่เป็นคนจัดการเรื่องเงินทองทั้งหมด และบอกแม่ว่าให้โอนเงินใส่บัญชีให้เขาใช้เดือนละ 1,000 ดอลล่าร์ หรือ 34,000 บาทก็พอ ซึ่งเอาจริงๆเขาก็ไม่ค่อยจะได้แตะเงินเท่าไร เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่กับการซ้อม การแข่งเบสบอล สื่อมวลชนกีฬาของญี่ปุ่นซึ่งชอบขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของนักกีฬามาแฉนั้น ก็ไม่รู้จะทำอะไรกับโอทานิ เพราะไม่มีอะไรจะให้แฉเลยสักนิด เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว โอทานิไม่ชอบเปิดเผยเรื่องส่วนตัวกับใคร วันๆเอาแต่ออกกำลังกายกับเล่นเบสบอล . . . ล่าสุดโอทานิก็สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อเซ็นสัญญา 10 ปีด้วยค่าตัว 700 ล้านดอลล่าร์กับทีมแอลเอ ดอดเจอร์ เป็นสัญญาที่แพงที่สุดประวัติศาสตร์วงการกีฬาโลก ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมโอทานิถึงได้กลายเป็นไอดอลของคนญี่ปุ่น ….พูดน้อย ถ่อมตน ซ้อมหนัก ผลงานเป็นเลิศ…. คุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในยุคที่คนส่วนใหญ่พูดเยอะแต่ไร้ผลงาน นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • COAC(H)EOlogist ผสานศาสตร์ซึ่งเป็นความสำเร็จและความล้มเหลวของ CEO และวิธีการที่ CEO สร้างผลงานและผลลัพธ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นผ่านกระบวนการโค้ชหลากมิติแบบองค์รวม ถ่ายทอดผ่านเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงที่ถอดรหัสด้วยวิธีการ “INSIGTSHACK”

    วันนี้เราเริ่มต้นกันด้วยกรณีศึกษาที่น่าสนใจขององค์กรชั้นนำ
    ย้อนกลับไปในยุค 80s Michael Dell หนุ่มน้อยไฟแรง ได้ก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ Dell จากห้องพักในหอพักมหาวิทยาลัย ด้วยวิสัยทัศน์อันเฉียบคมและกลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใคร Dell เติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการธุรกิจ
    แล้ววันหนึ่ง เมื่อ Michael Dell ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO Dell ก็เริ่มสูญเสียพลังแห่งการบุกเบิก บริษัทเติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ความคล่องตัวลดลง และเริ่มห่างเหินจากลูกค้า Michael Dell ตัดสินใจครั้งสำคัญ เขากลับมาบริหารงานอีกครั้ง และนำ Dell ออกจากตลาดหลักทรัพย์ เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร เสริมสร้าง "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" และพา Dell กลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง

    ไม่เพียงแค่ Dell เท่านั้น บริษัทไอทีชั้นนำอย่าง HP และ Apple ก็เคยประสบปัญหาจากการสูญเสีย "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" เช่นกัน

    Meg Whitman CEO ของ HP ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการฟื้นฟู HP ด้วยการย้อนกลับไปสู่หลักการดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง ลดขนาดองค์กร และเพิ่มการลงทุนใน R&D

    ส่วน Apple ทุกคนคงทราบดีถึงเรื่องราวของ Steve Jobs ที่ออกจาก Apple แล้วบริษัทเริ่มมีปัญหา แต่เมื่อเขากลับมา Apple ก็กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม

    เรื่องราวของ Dell, HP และ Apple สะท้อนให้เห็นว่า "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จขององค์กร

    คำถามที่น่าใจคือแล้ว "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" คืออะไร? องค์ประกอบสำคัญมีอะไรบ้าง? และองค์กรของคุณจะรักษาจิตวิญญาณนี้ไว้ได้อย่างไร?

    🎯 ตอนนี้…คำถามสำหรับองค์กรของคุณ:
    •คุณยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งหรือไม่?
    •องค์กรของคุณมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีหรือไม่?
    •พนักงานของคุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรหรือไม่?
    .
    ประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาแนะนำกว่า 30 ปี ทำให้ได้รับโแกาส และความไว้วางใจจากผู้ก่อตั้งองค์กรก่อนส่งต่อยังรุ่นลูกรุ่นหลาน ได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับบรรดาผู้ก่อตะ้งองค์กรหลายประเภท หลายขนาด ในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งต่างปรารถนาที่จะให้ “องค์กรที่ปลุกปั้นมากับมือเติบโต แข็งแกร่ง”
    บ้างก็สมตามเจตนาและความตั้งใจ บางแห่ง บางองค์กรรู้สึกอึดอัดใจ
    ในฐานะของผู้มีจิตวิญญาณของนักวินิจฉัย ที่ปรึกษาองค์กร โค้ชทางธุรกิจ และนักวิจัยองค์กรที่ศึกษาวิธีปฏิบัติที่ดีมามากมายย่อมต้องหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า
    คำถามบอกทิศ ... คำตอบบอกทาง ดังนั้นคำถามที่ดีมีชียไปกว่าครึ่ง “องค์กรในระดับโลกทำอย่างไร?”

    ในโลกธุรกิจ พลังขับเคลื่อนที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่งคือพลังงาน ความมุ่งมั่น และวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" นี้สามารถสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับบริษัท แม้ผู้ก่อตั้งจะไม่ได้บริหารงานแล้วก็ตาม แต่หากสูญเสียจิตวิญญาณนี้ไป บริษัทก็อาจสูญเสียคุณค่าอย่างรวดเร็ว
    องค์กรชั้นนำ Dell, Hewlett-Packard และ Apple ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และการเติบโตขององค์กร ทำให้บริษัทเหล่านี้เริ่มสูญเสียจิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง จนประสบปัญหาต่างๆ
    •Dell
    หลัง Michael Dell ลาออกจากตำแหน่ง CEO Dell เริ่มชะลอตัว จนเขาต้องกลับมาบริหารงานอีกครั้ง และตัดสินใจนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ (private) เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร
    •HP
    Meg Whitman CEO ของ HP พยายามกอบกู้บริษัทด้วยการย้อนกลับไปสู่หลักการดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง แยก HP ออกเป็นสองบริษัท ลดจำนวนพนักงาน และเพิ่มการลงทุนใน R&D
    • Apple
    เรื่องราวของ Steve Jobs ที่ออกจาก Apple แล้วบริษัทเริ่มมีปัญหา แต่เมื่อเขากลับมา Apple ก็กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม

    จากการวิจัยพบว่า "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก
    1.พันธกิจแห่งการบุกเบิก: สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงาน
    2.ความมุ่งมั่นในแนวหน้า: ให้ความสำคัญกับลูกค้าและพนักงานที่สัมผัสลูกค้าโดยตรง
    3.กรอบความคิดแบบเจ้าของ: รับผิดชอบต่อผลลัพธ์และเติบโตอย่างยั่งยืน
    .
    องค์กรที่รักษาจิตวิญญาณผู้ก่อตั้งไว้ได้ แม้เติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ก็ยังคงความคล่องตัว มีพลัง และดึงดูดคนเก่งได้
    .
    คำถามสำหรับองค์กรของคุณ:
    •คุณยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งหรือไม่?
    •องค์กรของคุณมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีหรือไม่?
    •พนักงานของคุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรหรือไม่?
    หากคำตอบคือ ... "ไม่"
    ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องฟื้นฟู "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" เพื่อพาองค์กรกลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง

    Dell, HP และ Apple
    ค้นพบวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งอีกครั้ง
    และทำไมองค์กรคุณจึงควรทำเช่นเดียวกัน

    ค้นพบวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งและฟื้นคืนชีพองค์กรสู่วิสัยทัศน์ผู้ก่อตั้งกับบริการของเรา:
    เราช่วยองค์กรวิเคราะห์และฟื้นฟู "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ผ่านกระบวนการที่เข้มข้น
    •สัมภาษณ์ผู้บริหาร: เพื่อทำความเข้าใจวิสัยทัศน์ ปัญหา และเป้าหมายขององค์กร
    •วิเคราะห์ข้อมูล: เพื่อประเมินสถานะ "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ในองค์กร
    •จัด Workshop: เพื่อสร้างความเข้าใจและแรงบันดาลใจให้กับพนักงาน
    •พัฒนาแผนปฏิบัติการ: เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กรและขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จ
    ติดต่อเราวันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี!

    เดชฤทธิ์ กรุ๊ป ผู้บริหารแบรนด์ “LIFE ALIGNMENTOR”, แบรนด์ “10X CONSULTING” ที่ปรึกษามืออาชีพแบรนด์เดียวในไทยที่มีประสบการณ์ตรงกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ - กลยุทธ์กว่า 3,000 โครงการ เรามีทีมงานมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์พัฒนาธุรกิจและองค์กรมานานกว่า 30 ปี พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์สร้างการเติบโตพร้อมกับคุณ

    เดชฤทธิ์ กรุ๊ป
    ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting และ Life Alignmentor
    บริการครบเครื่องเรื่องพัฒนาศักยภาพ
    #เดชฤทธิ์กรุ๊ป
    #Dechritgroup
    #10Xconsulting
    #lifealignmentor
    พัฒนาองค์กรและผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ไทยในระดับโลก
    https://10-xconsulting.com
    ปั้นคนให้เป็นแชมป์ด้วยพลังทวี
    “ผสานความดีxความเก่ง”
    https://lifealignmentor.com
    COAC(H)EOlogist ผสานศาสตร์ซึ่งเป็นความสำเร็จและความล้มเหลวของ CEO และวิธีการที่ CEO สร้างผลงานและผลลัพธ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นผ่านกระบวนการโค้ชหลากมิติแบบองค์รวม ถ่ายทอดผ่านเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงที่ถอดรหัสด้วยวิธีการ “INSIGTSHACK” วันนี้เราเริ่มต้นกันด้วยกรณีศึกษาที่น่าสนใจขององค์กรชั้นนำ ย้อนกลับไปในยุค 80s Michael Dell หนุ่มน้อยไฟแรง ได้ก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ Dell จากห้องพักในหอพักมหาวิทยาลัย ด้วยวิสัยทัศน์อันเฉียบคมและกลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใคร Dell เติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการธุรกิจ แล้ววันหนึ่ง เมื่อ Michael Dell ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO Dell ก็เริ่มสูญเสียพลังแห่งการบุกเบิก บริษัทเติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ความคล่องตัวลดลง และเริ่มห่างเหินจากลูกค้า Michael Dell ตัดสินใจครั้งสำคัญ เขากลับมาบริหารงานอีกครั้ง และนำ Dell ออกจากตลาดหลักทรัพย์ เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร เสริมสร้าง "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" และพา Dell กลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง ไม่เพียงแค่ Dell เท่านั้น บริษัทไอทีชั้นนำอย่าง HP และ Apple ก็เคยประสบปัญหาจากการสูญเสีย "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" เช่นกัน Meg Whitman CEO ของ HP ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการฟื้นฟู HP ด้วยการย้อนกลับไปสู่หลักการดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง ลดขนาดองค์กร และเพิ่มการลงทุนใน R&D ส่วน Apple ทุกคนคงทราบดีถึงเรื่องราวของ Steve Jobs ที่ออกจาก Apple แล้วบริษัทเริ่มมีปัญหา แต่เมื่อเขากลับมา Apple ก็กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม เรื่องราวของ Dell, HP และ Apple สะท้อนให้เห็นว่า "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จขององค์กร คำถามที่น่าใจคือแล้ว "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" คืออะไร? องค์ประกอบสำคัญมีอะไรบ้าง? และองค์กรของคุณจะรักษาจิตวิญญาณนี้ไว้ได้อย่างไร? 🎯 ตอนนี้…คำถามสำหรับองค์กรของคุณ: •คุณยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งหรือไม่? •องค์กรของคุณมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีหรือไม่? •พนักงานของคุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรหรือไม่? . ประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาแนะนำกว่า 30 ปี ทำให้ได้รับโแกาส และความไว้วางใจจากผู้ก่อตั้งองค์กรก่อนส่งต่อยังรุ่นลูกรุ่นหลาน ได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับบรรดาผู้ก่อตะ้งองค์กรหลายประเภท หลายขนาด ในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งต่างปรารถนาที่จะให้ “องค์กรที่ปลุกปั้นมากับมือเติบโต แข็งแกร่ง” บ้างก็สมตามเจตนาและความตั้งใจ บางแห่ง บางองค์กรรู้สึกอึดอัดใจ ในฐานะของผู้มีจิตวิญญาณของนักวินิจฉัย ที่ปรึกษาองค์กร โค้ชทางธุรกิจ และนักวิจัยองค์กรที่ศึกษาวิธีปฏิบัติที่ดีมามากมายย่อมต้องหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า คำถามบอกทิศ ... คำตอบบอกทาง ดังนั้นคำถามที่ดีมีชียไปกว่าครึ่ง “องค์กรในระดับโลกทำอย่างไร?” ในโลกธุรกิจ พลังขับเคลื่อนที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่งคือพลังงาน ความมุ่งมั่น และวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" นี้สามารถสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับบริษัท แม้ผู้ก่อตั้งจะไม่ได้บริหารงานแล้วก็ตาม แต่หากสูญเสียจิตวิญญาณนี้ไป บริษัทก็อาจสูญเสียคุณค่าอย่างรวดเร็ว องค์กรชั้นนำ Dell, Hewlett-Packard และ Apple ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และการเติบโตขององค์กร ทำให้บริษัทเหล่านี้เริ่มสูญเสียจิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง จนประสบปัญหาต่างๆ •Dell หลัง Michael Dell ลาออกจากตำแหน่ง CEO Dell เริ่มชะลอตัว จนเขาต้องกลับมาบริหารงานอีกครั้ง และตัดสินใจนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ (private) เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร •HP Meg Whitman CEO ของ HP พยายามกอบกู้บริษัทด้วยการย้อนกลับไปสู่หลักการดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง แยก HP ออกเป็นสองบริษัท ลดจำนวนพนักงาน และเพิ่มการลงทุนใน R&D • Apple เรื่องราวของ Steve Jobs ที่ออกจาก Apple แล้วบริษัทเริ่มมีปัญหา แต่เมื่อเขากลับมา Apple ก็กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม จากการวิจัยพบว่า "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก 1.พันธกิจแห่งการบุกเบิก: สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงาน 2.ความมุ่งมั่นในแนวหน้า: ให้ความสำคัญกับลูกค้าและพนักงานที่สัมผัสลูกค้าโดยตรง 3.กรอบความคิดแบบเจ้าของ: รับผิดชอบต่อผลลัพธ์และเติบโตอย่างยั่งยืน . องค์กรที่รักษาจิตวิญญาณผู้ก่อตั้งไว้ได้ แม้เติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ก็ยังคงความคล่องตัว มีพลัง และดึงดูดคนเก่งได้ . คำถามสำหรับองค์กรของคุณ: •คุณยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งหรือไม่? •องค์กรของคุณมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีหรือไม่? •พนักงานของคุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรหรือไม่? หากคำตอบคือ ... "ไม่" ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องฟื้นฟู "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" เพื่อพาองค์กรกลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง Dell, HP และ Apple ค้นพบวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งอีกครั้ง และทำไมองค์กรคุณจึงควรทำเช่นเดียวกัน ค้นพบวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งและฟื้นคืนชีพองค์กรสู่วิสัยทัศน์ผู้ก่อตั้งกับบริการของเรา: เราช่วยองค์กรวิเคราะห์และฟื้นฟู "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ผ่านกระบวนการที่เข้มข้น •สัมภาษณ์ผู้บริหาร: เพื่อทำความเข้าใจวิสัยทัศน์ ปัญหา และเป้าหมายขององค์กร •วิเคราะห์ข้อมูล: เพื่อประเมินสถานะ "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ในองค์กร •จัด Workshop: เพื่อสร้างความเข้าใจและแรงบันดาลใจให้กับพนักงาน •พัฒนาแผนปฏิบัติการ: เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กรและขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จ ติดต่อเราวันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี! เดชฤทธิ์ กรุ๊ป ผู้บริหารแบรนด์ “LIFE ALIGNMENTOR”, แบรนด์ “10X CONSULTING” ที่ปรึกษามืออาชีพแบรนด์เดียวในไทยที่มีประสบการณ์ตรงกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ - กลยุทธ์กว่า 3,000 โครงการ เรามีทีมงานมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์พัฒนาธุรกิจและองค์กรมานานกว่า 30 ปี พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์สร้างการเติบโตพร้อมกับคุณ เดชฤทธิ์ กรุ๊ป ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting และ Life Alignmentor บริการครบเครื่องเรื่องพัฒนาศักยภาพ #เดชฤทธิ์กรุ๊ป #Dechritgroup #10Xconsulting #lifealignmentor พัฒนาองค์กรและผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ไทยในระดับโลก https://10-xconsulting.com ปั้นคนให้เป็นแชมป์ด้วยพลังทวี “ผสานความดีxความเก่ง” https://lifealignmentor.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2025 มีการเปิดตัวเกม Tetris ที่สามารถเล่นได้ในรูปแบบ PDF โดยใช้ชื่อว่า Pdftris ซึ่งสามารถเล่นได้ในเบราว์เซอร์บนเดสก์ท็อปส่วนใหญ่ โดยเกมนี้ถูกพัฒนาโดย Thomas Rinsma นักวิเคราะห์ความปลอดภัยที่มีความสนใจใน "วงจรแปลก ๆ และเครื่องจักรที่แปลกประหลาด" เขาได้แรงบันดาลใจในการพัฒนาเกมนี้หลังจากที่เขาตระหนักว่าเครื่องมือ PDF ของเบราว์เซอร์สมัยใหม่ (PDFium และ PDF.js) รองรับ JavaScript ที่มีความสามารถเพียงพอในการสร้างเกมพื้นฐานอย่าง Tetris

    เกม Pdftris นี้สามารถเล่นได้โดยใช้ปุ่มควบคุมบนหน้าจอหรือพิมพ์คำสั่งในกล่องข้อความใต้พื้นที่เกม นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกคะแนนได้โดยการพิมพ์หน้าเกมเมื่อเกมจบ แม้ว่าโค้ดของเกมนี้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ Rinsma ได้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและพลังของการเขียนสคริปต์ใน PDF โดยผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดไฟล์ PDF ขนาด 60KB และเปิดในโปรแกรมแก้ไขข้อความเพื่อดูโค้ดทั้งหมดที่เป็น ASCII

    ลุงว่าข่าวนี้น่ากลัวมากกว่าที่จะตื่นเต้นนะ

    https://www.tomshardware.com/video-games/pdftris-is-a-tetris-game-inside-a-pdf-which-runs-in-any-modern-pc-browser
    เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2025 มีการเปิดตัวเกม Tetris ที่สามารถเล่นได้ในรูปแบบ PDF โดยใช้ชื่อว่า Pdftris ซึ่งสามารถเล่นได้ในเบราว์เซอร์บนเดสก์ท็อปส่วนใหญ่ โดยเกมนี้ถูกพัฒนาโดย Thomas Rinsma นักวิเคราะห์ความปลอดภัยที่มีความสนใจใน "วงจรแปลก ๆ และเครื่องจักรที่แปลกประหลาด" เขาได้แรงบันดาลใจในการพัฒนาเกมนี้หลังจากที่เขาตระหนักว่าเครื่องมือ PDF ของเบราว์เซอร์สมัยใหม่ (PDFium และ PDF.js) รองรับ JavaScript ที่มีความสามารถเพียงพอในการสร้างเกมพื้นฐานอย่าง Tetris เกม Pdftris นี้สามารถเล่นได้โดยใช้ปุ่มควบคุมบนหน้าจอหรือพิมพ์คำสั่งในกล่องข้อความใต้พื้นที่เกม นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกคะแนนได้โดยการพิมพ์หน้าเกมเมื่อเกมจบ แม้ว่าโค้ดของเกมนี้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ Rinsma ได้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและพลังของการเขียนสคริปต์ใน PDF โดยผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดไฟล์ PDF ขนาด 60KB และเปิดในโปรแกรมแก้ไขข้อความเพื่อดูโค้ดทั้งหมดที่เป็น ASCII ลุงว่าข่าวนี้น่ากลัวมากกว่าที่จะตื่นเต้นนะ https://www.tomshardware.com/video-games/pdftris-is-a-tetris-game-inside-a-pdf-which-runs-in-any-modern-pc-browser
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Pdftris is a Tetris game inside a PDF which can run in your browser
    Game runs in modern browsers using either PDFium.js or PDF.js rendering.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันเด็ก2568 #สยามเด็กเล่น โดย น้องเอแคลร์ กับน้องแป้งหอม โรงเรียนวิชูทิศ ได้ร่วมกิจกรรมงาน ”Happy Children’s Day @ FortuneTown” ร่วมกับพี่ๆ มิสแกรนด์ระดับจังหวัด 2025 ผู้สร้างแรงบันดาลใจที่จะมาร่วมเติมเต็มความสุขและความสนุกให้กับทุกครอบครัว

    #Fortunetown
    #ฟอร์จูนทาวน์
    #FortuneTownrama9
    #วันเด็ก #วันเด็กแห่งชาติ
    #วันเด็ก2568 #สยามเด็กเล่น โดย น้องเอแคลร์ กับน้องแป้งหอม โรงเรียนวิชูทิศ ได้ร่วมกิจกรรมงาน ”Happy Children’s Day @ FortuneTown” ร่วมกับพี่ๆ มิสแกรนด์ระดับจังหวัด 2025 ผู้สร้างแรงบันดาลใจที่จะมาร่วมเติมเต็มความสุขและความสนุกให้กับทุกครอบครัว #Fortunetown #ฟอร์จูนทาวน์ #FortuneTownrama9 #วันเด็ก #วันเด็กแห่งชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • ผู้ใช้ Xbox 360 ได้ทำการติดตั้งและรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) บนคอนโซลที่มีอายุเกือบ 20 ปี โดยใช้ชิป PowerPC 3 คอร์และหน่วยความจำ 512 MB การทดลองนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก EXO Lab ที่สามารถรันโมเดล Llama บนพีซี Windows 98 ผู้ใช้ต้องปรับแต่งโค้ดเพื่อให้เข้ากับสถาปัตยกรรม PowerPC และการจัดการหน่วยความจำของ Xbox 360

    การรันโมเดล AI บน Xbox 360 เป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งและเป็นก้าวสำคัญในการทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับคนทั่วไป ไม่จำกัดเฉพาะบริษัทใหญ่ที่มีงบประมาณมหาศาล ผู้ใช้ยังได้ท้าทายตัวเองในการรันโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/user-runs-an-ai-model-on-an-xbox-360-3-core-powerpc-with-512-mb-memory-handles-an-ai-model-based-on-llama2-c
    ผู้ใช้ Xbox 360 ได้ทำการติดตั้งและรันโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) บนคอนโซลที่มีอายุเกือบ 20 ปี โดยใช้ชิป PowerPC 3 คอร์และหน่วยความจำ 512 MB การทดลองนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก EXO Lab ที่สามารถรันโมเดล Llama บนพีซี Windows 98 ผู้ใช้ต้องปรับแต่งโค้ดเพื่อให้เข้ากับสถาปัตยกรรม PowerPC และการจัดการหน่วยความจำของ Xbox 360 การรันโมเดล AI บน Xbox 360 เป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งและเป็นก้าวสำคัญในการทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับคนทั่วไป ไม่จำกัดเฉพาะบริษัทใหญ่ที่มีงบประมาณมหาศาล ผู้ใช้ยังได้ท้าทายตัวเองในการรันโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/user-runs-an-ai-model-on-an-xbox-360-3-core-powerpc-with-512-mb-memory-handles-an-ai-model-based-on-llama2-c
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    User runs an AI model on an Xbox 360
    Who knew that old consoles could run AI locally?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • VideoLAN ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อยู่เบื้องหลัง VLC Media Player ได้ประกาศในงาน CES 2025 ว่าเครื่องมือมัลติมีเดียแบบโอเพ่นซอร์สยอดนิยมนี้ได้มียอดดาวน์โหลดถึง 6 พันล้านครั้งแล้ว แม้ว่าตัวเลขนี้จะมีความสำคัญมาก แต่ก็อาจจะต่ำกว่าความเป็นจริงเนื่องจากบริษัทอาจไม่ได้รวมจำนวนการดาวน์โหลดจากแหล่งที่มาจากเวบไซด์อื่นๆ

    นักพัฒนาของ VideoLAN ยังได้ประกาศแผนการในอนาคตด้วยการแสดงฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญคือ คำบรรยายที่สร้างโดย AI และการแปลแบบเรียลไทม์สำหรับ 100 ภาษา ฟีเจอร์นี้กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและออกแบบมาเพื่อสร้างคำบรรยายแบบเรียลไทม์โดยใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบบโอเพ่นซอร์ส โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความก้าวหน้าเช่น OpenAI's Whisper ซึ่งเป็นระบบการรู้จำเสียงอัตโนมัติ (ASR) ที่ออกแบบมาเพื่อถอดเสียงเป็นข้อความ

    อย่างไรก็ตาม VLC กำลังใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป โดยโมเดล AI จะทำงานแบบออฟไลน์และฝังอยู่ในแอป VLC โดยตรง ฟีเจอร์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากไม่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือการพึ่งพาบริการคลาวด์ ซึ่งมักเป็นข้อกังวลสำหรับผู้ใช้ที่ใส่ใจเรื่องความเป็นส่วนตัว

    Jean-Baptiste Kempf ประธานของ VideoLAN กล่าวว่า "ในขณะเดียวกันเรามีการแปลอัตโนมัติที่ทำงานเพื่อแปลคำบรรยายเป็นภาษาของคุณเอง สิ่งที่สำคัญคือสิ่งนี้ทำงานบนเครื่องของคุณเองแบบออฟไลน์ โดยไม่ต้องใช้บริการคลาวด์ใดๆ มันทำงานโดยตรงภายในไฟล์ปฏิบัติการ"

    VideoLAN ยังไม่ได้ยืนยันวันที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับฟีเจอร์ใหม่นี้ แต่คาดว่าจะเปิดตัวเป็นการอัปเดตฟรีในอนาคตอันใกล้ รายละเอียดเพิ่มเติมจะถูกแชร์ผ่านบล็อกของบริษัท

    ลุงว่า เราอาจจะต้อง Download ตัวติดตั้งที่ใหญ่ขึ้น หรือ download Add-on ในระดับ 10GB สำหรับโมเดลแบบนี้นะครับ

    https://www.tomshardware.com/software/vlc-demoes-ai-generated-subtitles-as-it-hits-new-milestone-of-6-billion-downloads
    VideoLAN ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อยู่เบื้องหลัง VLC Media Player ได้ประกาศในงาน CES 2025 ว่าเครื่องมือมัลติมีเดียแบบโอเพ่นซอร์สยอดนิยมนี้ได้มียอดดาวน์โหลดถึง 6 พันล้านครั้งแล้ว แม้ว่าตัวเลขนี้จะมีความสำคัญมาก แต่ก็อาจจะต่ำกว่าความเป็นจริงเนื่องจากบริษัทอาจไม่ได้รวมจำนวนการดาวน์โหลดจากแหล่งที่มาจากเวบไซด์อื่นๆ นักพัฒนาของ VideoLAN ยังได้ประกาศแผนการในอนาคตด้วยการแสดงฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญคือ คำบรรยายที่สร้างโดย AI และการแปลแบบเรียลไทม์สำหรับ 100 ภาษา ฟีเจอร์นี้กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและออกแบบมาเพื่อสร้างคำบรรยายแบบเรียลไทม์โดยใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบบโอเพ่นซอร์ส โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความก้าวหน้าเช่น OpenAI's Whisper ซึ่งเป็นระบบการรู้จำเสียงอัตโนมัติ (ASR) ที่ออกแบบมาเพื่อถอดเสียงเป็นข้อความ อย่างไรก็ตาม VLC กำลังใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป โดยโมเดล AI จะทำงานแบบออฟไลน์และฝังอยู่ในแอป VLC โดยตรง ฟีเจอร์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากไม่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือการพึ่งพาบริการคลาวด์ ซึ่งมักเป็นข้อกังวลสำหรับผู้ใช้ที่ใส่ใจเรื่องความเป็นส่วนตัว Jean-Baptiste Kempf ประธานของ VideoLAN กล่าวว่า "ในขณะเดียวกันเรามีการแปลอัตโนมัติที่ทำงานเพื่อแปลคำบรรยายเป็นภาษาของคุณเอง สิ่งที่สำคัญคือสิ่งนี้ทำงานบนเครื่องของคุณเองแบบออฟไลน์ โดยไม่ต้องใช้บริการคลาวด์ใดๆ มันทำงานโดยตรงภายในไฟล์ปฏิบัติการ" VideoLAN ยังไม่ได้ยืนยันวันที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับฟีเจอร์ใหม่นี้ แต่คาดว่าจะเปิดตัวเป็นการอัปเดตฟรีในอนาคตอันใกล้ รายละเอียดเพิ่มเติมจะถูกแชร์ผ่านบล็อกของบริษัท ลุงว่า เราอาจจะต้อง Download ตัวติดตั้งที่ใหญ่ขึ้น หรือ download Add-on ในระดับ 10GB สำหรับโมเดลแบบนี้นะครับ https://www.tomshardware.com/software/vlc-demoes-ai-generated-subtitles-as-it-hits-new-milestone-of-6-billion-downloads
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    VLC hits 6 billion downloads and shows off AI-generated subtitles
    AI-powered subtitles in over 100 languages are coming soon to VLC
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมธนารักษ์จัดทำเหรียญที่ระลึกวันเด็กแห่งชาติ 2568 ผลิตเป็นเหรียญคิวโปรนิกเกิล จำหน่ายพร้อมตลับ ราคาเหรียญละ 20 บาท ผู้สนใจติดต่อซื้อได้ที่กองกษาปณ์ ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.นี้

    นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของไทย ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ว่า “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง”

    กรมธนารักษ์ได้จัดทำเหรียญที่ระลึกวันเด็กแห่งชาติ 2568 เพื่อเป็นที่ระลึก และให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ และเยาวชนของชาติ โดยมีแนวคิดในการออกแบบว่าความสุขและความตื่นเต้นอย่างหนึ่งในวัยเด็ก คือการได้ออกไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ เช่น สนามเด็กเล่น ห้างสรรพสินค้า ทะเล หรือสวนสัตว์ และสถานที่ยอดนิยมของเด็ก ๆ ในทุกยุค และในช่วงเวลานี้ก็คือสวนสัตว์ จึงได้แรงบันดาลใจของบรรยากาศในสวนสัตว์มาใช้ในการออกแบบเหรียญวันเด็กในปีนี้

    โดยในเหรียญจะมีเด็ก 2 คน นั่งรถนำชมภายในสวนสัตว์และส่องเหล่าบรรดาสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งบรรดาสัตว์ที่นำมาใส่ในเหรียญนั้นเป็นสัตว์ที่เราสามารถพบเจอได้แค่เฉพาะในสวนสัตว์เท่านั้น เด็กทั้งสองและสัตว์ต่าง ๆ มีท่าทางที่น่ารักสดใส จึงทำให้เหรียญนี้ดูมีชีวิต ชีวา และสดใสเหมาะกับเหรียญวันเด็กเป็นอย่างยิ่ง

    โดยผลิตเป็นเหรียญคิวโปรนิกเกิล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร จำหน่ายพร้อมตลับ ราคาเหรียญละ 20 บาท

    ผู้ที่ประสงค์จะขอซื้อเหรียญที่ระลึกดังกล่าว สามารถติดต่อขอซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ที่ร้านจำหน่ายของที่ระลึก กองกษาปณ์ โทร. 0-2516-8174
    กรมธนารักษ์จัดทำเหรียญที่ระลึกวันเด็กแห่งชาติ 2568 ผลิตเป็นเหรียญคิวโปรนิกเกิล จำหน่ายพร้อมตลับ ราคาเหรียญละ 20 บาท ผู้สนใจติดต่อซื้อได้ที่กองกษาปณ์ ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.นี้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของไทย ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ว่า “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” กรมธนารักษ์ได้จัดทำเหรียญที่ระลึกวันเด็กแห่งชาติ 2568 เพื่อเป็นที่ระลึก และให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ และเยาวชนของชาติ โดยมีแนวคิดในการออกแบบว่าความสุขและความตื่นเต้นอย่างหนึ่งในวัยเด็ก คือการได้ออกไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ เช่น สนามเด็กเล่น ห้างสรรพสินค้า ทะเล หรือสวนสัตว์ และสถานที่ยอดนิยมของเด็ก ๆ ในทุกยุค และในช่วงเวลานี้ก็คือสวนสัตว์ จึงได้แรงบันดาลใจของบรรยากาศในสวนสัตว์มาใช้ในการออกแบบเหรียญวันเด็กในปีนี้ โดยในเหรียญจะมีเด็ก 2 คน นั่งรถนำชมภายในสวนสัตว์และส่องเหล่าบรรดาสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งบรรดาสัตว์ที่นำมาใส่ในเหรียญนั้นเป็นสัตว์ที่เราสามารถพบเจอได้แค่เฉพาะในสวนสัตว์เท่านั้น เด็กทั้งสองและสัตว์ต่าง ๆ มีท่าทางที่น่ารักสดใส จึงทำให้เหรียญนี้ดูมีชีวิต ชีวา และสดใสเหมาะกับเหรียญวันเด็กเป็นอย่างยิ่ง โดยผลิตเป็นเหรียญคิวโปรนิกเกิล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร จำหน่ายพร้อมตลับ ราคาเหรียญละ 20 บาท ผู้ที่ประสงค์จะขอซื้อเหรียญที่ระลึกดังกล่าว สามารถติดต่อขอซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ที่ร้านจำหน่ายของที่ระลึก กองกษาปณ์ โทร. 0-2516-8174
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • การหลุดพ้นจากบ่วงกรรมในครอบครัว

    1. รู้คุณท่าน (กตัญญู)

    เริ่มต้นจากการพิจารณาความจริง:

    พ่อแม่ให้ชีวิต ให้ร่างกายนี้แก่เรา ซึ่งเป็นพื้นฐานของโอกาสทั้งหมดในชีวิต

    หากขาดบุญคุณนี้ คุณจะไม่มีโอกาสรับรู้หรือสัมผัสความสว่างทางธรรม

    ให้อภัยในความผิดพลาดของพ่อแม่:

    เห็นว่าท่านก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่อาจผิดพลาดได้

    เลิกผูกพยาบาท เพราะการให้อภัยคือการปลดล็อกใจของตัวเอง

    ---

    2. สนองคุณท่าน (กตเวที)

    ทำให้พ่อแม่มีความสุข:

    ทั้งด้วยคำพูด การดูแลเอาใจใส่ และการกระทำที่แสดงถึงความรักและเคารพ

    นำพาท่านสู่ความดี:

    สนับสนุนให้พ่อแม่มีศรัทธาในสิ่งที่ถูกต้อง เช่น พระพุทธเจ้า กรรมวิบาก

    ช่วยให้พวกท่านรักษาศีล และละเว้นจากการกระทำที่ผิด

    ทำให้พ่อแม่พ้นจากความมืดบอดทางจิตใจ ไปสู่ปัญญาและความสว่าง

    ---

    3. วิธีปฏิบัติในทางธรรม

    เริ่มจากสิ่งเล็กๆ:

    ช่วยเหลือในชีวิตประจำวัน

    แผ่เมตตาให้พ่อแม่ มีความปรารถนาดีต่อพวกท่านเสมอ

    สื่อสารผ่านธรรมะ:

    วางหนังสือธรรมะ หรือสื่อที่พวกท่านสนใจ เพื่อเปิดโอกาสให้พ่อแม่เข้าถึงธรรมะ

    ใช้คำพูดที่อ่อนโยนและสร้างแรงบันดาลใจ

    ---

    4. ผลลัพธ์ของการปฏิบัติ

    เกิดความเบาสบายในจิตใจ:

    เมื่อรู้คุณและตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่ จะรู้สึกเหมือนปลดบ่วงบางอย่างออกไป

    ปลูกแนวโน้มแห่งความสว่างในชีวิต:

    การทำกรรมดีต่อพ่อแม่ คือการสร้างเหตุให้ชีวิตพบเจอสิ่งดีๆ

    พ้นจากแรงดึงดูดของกรรมเดิม:

    เมื่อเราทำดีต่อพ่อแม่อย่างจริงใจ กรรมที่เป็นบ่วงรัดกับพวกท่านจะค่อยๆ คลายลง

    ---

    สรุป

    การหลุดพ้นจากแรงกรรมในครอบครัว ไม่ได้หมายความว่าต้องเปลี่ยนแปลงพ่อแม่โดยทันที แต่คือการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการรู้คุณ และตอบแทนคุณอย่างเต็มที่ การให้อภัยและการพยายามนำพาท่านสู่สิ่งที่ดี คือหนทางที่ช่วยให้เราหลุดพ้นจากบ่วงกรรมได้ทั้งในชาตินี้และภายภาคหน้า.
    การหลุดพ้นจากบ่วงกรรมในครอบครัว 1. รู้คุณท่าน (กตัญญู) เริ่มต้นจากการพิจารณาความจริง: พ่อแม่ให้ชีวิต ให้ร่างกายนี้แก่เรา ซึ่งเป็นพื้นฐานของโอกาสทั้งหมดในชีวิต หากขาดบุญคุณนี้ คุณจะไม่มีโอกาสรับรู้หรือสัมผัสความสว่างทางธรรม ให้อภัยในความผิดพลาดของพ่อแม่: เห็นว่าท่านก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่อาจผิดพลาดได้ เลิกผูกพยาบาท เพราะการให้อภัยคือการปลดล็อกใจของตัวเอง --- 2. สนองคุณท่าน (กตเวที) ทำให้พ่อแม่มีความสุข: ทั้งด้วยคำพูด การดูแลเอาใจใส่ และการกระทำที่แสดงถึงความรักและเคารพ นำพาท่านสู่ความดี: สนับสนุนให้พ่อแม่มีศรัทธาในสิ่งที่ถูกต้อง เช่น พระพุทธเจ้า กรรมวิบาก ช่วยให้พวกท่านรักษาศีล และละเว้นจากการกระทำที่ผิด ทำให้พ่อแม่พ้นจากความมืดบอดทางจิตใจ ไปสู่ปัญญาและความสว่าง --- 3. วิธีปฏิบัติในทางธรรม เริ่มจากสิ่งเล็กๆ: ช่วยเหลือในชีวิตประจำวัน แผ่เมตตาให้พ่อแม่ มีความปรารถนาดีต่อพวกท่านเสมอ สื่อสารผ่านธรรมะ: วางหนังสือธรรมะ หรือสื่อที่พวกท่านสนใจ เพื่อเปิดโอกาสให้พ่อแม่เข้าถึงธรรมะ ใช้คำพูดที่อ่อนโยนและสร้างแรงบันดาลใจ --- 4. ผลลัพธ์ของการปฏิบัติ เกิดความเบาสบายในจิตใจ: เมื่อรู้คุณและตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่ จะรู้สึกเหมือนปลดบ่วงบางอย่างออกไป ปลูกแนวโน้มแห่งความสว่างในชีวิต: การทำกรรมดีต่อพ่อแม่ คือการสร้างเหตุให้ชีวิตพบเจอสิ่งดีๆ พ้นจากแรงดึงดูดของกรรมเดิม: เมื่อเราทำดีต่อพ่อแม่อย่างจริงใจ กรรมที่เป็นบ่วงรัดกับพวกท่านจะค่อยๆ คลายลง --- สรุป การหลุดพ้นจากแรงกรรมในครอบครัว ไม่ได้หมายความว่าต้องเปลี่ยนแปลงพ่อแม่โดยทันที แต่คือการเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการรู้คุณ และตอบแทนคุณอย่างเต็มที่ การให้อภัยและการพยายามนำพาท่านสู่สิ่งที่ดี คือหนทางที่ช่วยให้เราหลุดพ้นจากบ่วงกรรมได้ทั้งในชาตินี้และภายภาคหน้า.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่น 1 : แบงก์ญี่ปุ่นรุ่นใหม่ ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้ ก็จะได้สัมผัสความหนาวกันคุ้มค่าไปเลยครับ เพราะอย่างวันนี้ที่โตเกียวตอนกลางวันก็ 10 องศาเข้าไปแล้วตอนกลางคืนคืนนี้ก็เหลือเพียง 1 องศาเท่านั้นความที่ผมจะเล่าในตอนนี้ก็อย่างที่บอกไว้แต่หัวเรื่องก็คือ ตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นเขาออกธนบัตรรุ่นใหม่ออกมาแล้ว 3 ราคา คือ แบงก์ 1000 - 5,000 - 10,000 เยนครับที่เอามาเล่าก็ด้วยว่าผมชอบด้านหลังของแบงก์พันรุ่นใหม่เป็นพิเศษ เพราะแบงก์ชาติญี่ปุ่นเขานำภาพพิมพ์อมตะสุดคลาสสิคมาใช้ครับนั่นคือ ภาพ The Great Wave Off Kanagawa (คลื่นยักษ์คานากาว่า)แน่นอนว่าเราคนไทยที่ชอบอะไรญี่ปุ่นๆย่อมจะคุ้นเคยกับภาพนี้ เพราะเป็นหนึ่งในภาพอมตะที่ถูกพิมพ์ซ้ำมากที่สุดบนโลกใบนี้ภาพคลื่นยักษ์นี้เป็นภาพพิมพ์ไม้ฝีมือของจิตรกรญี่ปุ่นนามว่า “โฮกุไซ” ซึ่งสร้างภาพนี้ขึ้นในปี ค.ศ.1830 โน่นถ้าถามว่า “ภาพนี้สำคัญอย่างไร?”คำตอบนอกเหนือจากความงามอันคลาสสิคและเป็นภาพจำของคนทั่วโลก ก็คือ ภาพนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับจิตรกรสำคัญของโลกอย่าง “วินเซนต์ แวนโก๊ะ” ครับใช่แล้วครับ….ภาพพิมพ์ฝีมือโฮกุไซนี้ ออกเดินทางจากญี่ปุ่นในสมัยเมจิไปจนถึงยุโรปโน่นว่ากันว่า แวนโก๊ะชื่นชมภาพนี้มากจนเป็นแรงบันดาลใจในการวาดภาพ “Starry Night” ที่โด่งดัง (จริงหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้ แต่เมื่อผมได้เห็นภาพ Starry Night แล้ว ก็คิดว่ามีส่วนคล้ายอยู่บ้างนิดหน่อย)สำหรับภาพคลื่นยักษ์ของโฮกุไซนี้ ตัวภาพสีออริจินัลที่พิมพ์ขึ้นจากแม่พิมพ์สีต้นแบบนั้นมีเพียง 5,000 ภาพเท่านั้นหลังจากกาลเวลาผ่านไปราว 200 ปี ภาพคลื่นยักษ์ออริจินัลนี้ก็เหลือรอดอยู่เพียงไม่กี่ภาพ และส่วนใหญ่จะอยู่ในพิพิธภัณฑ์สำคัญๆอย่างเช่น บริติชมิวเซียมการวาดคลื่นแบบกงเล็บของโฮกุไซนี้กลายเป็นกึ่งๆภาพต้นแบบของการวาดคลื่นของจิตรกรญี่ปุ่นไปเลยครับ
    ญี่ปุ่น 1 : แบงก์ญี่ปุ่นรุ่นใหม่ ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้ ก็จะได้สัมผัสความหนาวกันคุ้มค่าไปเลยครับ เพราะอย่างวันนี้ที่โตเกียวตอนกลางวันก็ 10 องศาเข้าไปแล้วตอนกลางคืนคืนนี้ก็เหลือเพียง 1 องศาเท่านั้นความที่ผมจะเล่าในตอนนี้ก็อย่างที่บอกไว้แต่หัวเรื่องก็คือ ตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นเขาออกธนบัตรรุ่นใหม่ออกมาแล้ว 3 ราคา คือ แบงก์ 1000 - 5,000 - 10,000 เยนครับที่เอามาเล่าก็ด้วยว่าผมชอบด้านหลังของแบงก์พันรุ่นใหม่เป็นพิเศษ เพราะแบงก์ชาติญี่ปุ่นเขานำภาพพิมพ์อมตะสุดคลาสสิคมาใช้ครับนั่นคือ ภาพ The Great Wave Off Kanagawa (คลื่นยักษ์คานากาว่า)แน่นอนว่าเราคนไทยที่ชอบอะไรญี่ปุ่นๆย่อมจะคุ้นเคยกับภาพนี้ เพราะเป็นหนึ่งในภาพอมตะที่ถูกพิมพ์ซ้ำมากที่สุดบนโลกใบนี้ภาพคลื่นยักษ์นี้เป็นภาพพิมพ์ไม้ฝีมือของจิตรกรญี่ปุ่นนามว่า “โฮกุไซ” ซึ่งสร้างภาพนี้ขึ้นในปี ค.ศ.1830 โน่นถ้าถามว่า “ภาพนี้สำคัญอย่างไร?”คำตอบนอกเหนือจากความงามอันคลาสสิคและเป็นภาพจำของคนทั่วโลก ก็คือ ภาพนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับจิตรกรสำคัญของโลกอย่าง “วินเซนต์ แวนโก๊ะ” ครับใช่แล้วครับ….ภาพพิมพ์ฝีมือโฮกุไซนี้ ออกเดินทางจากญี่ปุ่นในสมัยเมจิไปจนถึงยุโรปโน่นว่ากันว่า แวนโก๊ะชื่นชมภาพนี้มากจนเป็นแรงบันดาลใจในการวาดภาพ “Starry Night” ที่โด่งดัง (จริงหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้ แต่เมื่อผมได้เห็นภาพ Starry Night แล้ว ก็คิดว่ามีส่วนคล้ายอยู่บ้างนิดหน่อย)สำหรับภาพคลื่นยักษ์ของโฮกุไซนี้ ตัวภาพสีออริจินัลที่พิมพ์ขึ้นจากแม่พิมพ์สีต้นแบบนั้นมีเพียง 5,000 ภาพเท่านั้นหลังจากกาลเวลาผ่านไปราว 200 ปี ภาพคลื่นยักษ์ออริจินัลนี้ก็เหลือรอดอยู่เพียงไม่กี่ภาพ และส่วนใหญ่จะอยู่ในพิพิธภัณฑ์สำคัญๆอย่างเช่น บริติชมิวเซียมการวาดคลื่นแบบกงเล็บของโฮกุไซนี้กลายเป็นกึ่งๆภาพต้นแบบของการวาดคลื่นของจิตรกรญี่ปุ่นไปเลยครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ซึ่งมีชื่อภาษาจีนคือ ‘เล่อโหยวหยวน’ (乐游原)

    เล่อโหยวหยวน (แปลตรงตัวว่า สุข+ทัศนาจร+ดินแดน/ทุ่ง) จริงแล้วมีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก แต่เดิมชื่อว่า ‘เล่อโหยวย่วน’ (乐游苑 / สุข+ทัศนาจร+สวน/อุทยาน) เป็นสถานที่เสด็จประพาสต้นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นเซวียนตี้ (ปี 51-48 ก่อนคริสตกาล) และฮองเฮาสวี่ ต่อมาฮั่นเซวียนตี้ทรงโปรดให้ฝังฮองเฮาสวี่ที่นั่น ครั้นกาลเวลาผ่านไปอักษรท้ายถูกเรียกเพี้ยนจาก ‘ย่วน’ เป็น ‘หยวน’ จนกลายมาเป็นชื่อของอุทยานเล่อโหยวหยวนตราบจนปัจจุบัน และบางครั้งถูกใช้เป็นคำกริยาที่บรรยายถึงการท่องเที่ยวอย่างเบิกบานใจ

    ในตอนต้นๆ เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> มีฉากหนึ่งที่พระเอกนางเอกนั่งเรือชมดาวในเทศกาลชีซี (ปัจจุบันเรามักเรียกเป็นวันวาเลนไทน์จีน) พระเอกเล่าถึงว่า ตอนเด็กตนเองอยู่แต่ในเมืองหลวง มักขี่ม้าขึ้นไปเที่ยวเล่อโหยวหยวน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง มีภูมิประเทศสูง มองลงมาเห็นทั้งเมืองหลวงได้

    เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> นี้เล่าถึงรัชสมัยสมมุติ แต่ฉากหลังนั้นใกล้เคียงกับสมัยถังตอนปลาย และเล่อโหยวหยวนนี้เป็นสถานที่ฮอตฮิตในสมัยถังสำหรับการท่องเที่ยวและเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของเหล่ากวี มีบทกวีไม่น้อยที่ประพันธ์ขึ้นเพื่อบรรยายถึงความงดงามของทัศนียภาพบนนั้น

    เล่อโหยวหยวนเป็นอุทยานบนเขาตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนครฉางอัน ซึ่งปัจจุบันก็คือเมืองซีอาน (คือจุดที่วงสีเขียวไว้ในภาพประกอบ) รูปแผนที่ที่แปะมาให้ดูอาจจะละลานตาสักนิด เพราะเป็นแผนที่ภูมิประเทศที่มีระบุเส้นชั้นความสูง เพื่อให้เห็นว่าบริเวณนั้นของนครฉางอันเป็นเนินเขา ที่นี่เป็นจุดที่สูงที่สุดของนครฉางอัน มองลงมาสามารถมองเห็นทั่วนครฉางอันได้ ในสมัยราชวงศ์สุยมีการสร้างวัดขึ้นที่นี่ชื่อวัดหลินก่าน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดชิงหลง ปัจจุบันนับเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวดังของเมืองซีอัน และเป็นวัดที่ถูกกล่าวถึงบ่อยในละครจีนโบราณ

    อนึ่ง เล่อโหยวหยวนเคยถูกกล่าวถึงในเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> แต่ Storyฯ จำเรื่องราวไม่ได้แล้ว เพื่อนเพจท่านใดจำได้มาเม้นท์บอกกันหน่อยว่าในเรื่องนี้มีเล่ารายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเล่อโหยวหยวนหรือไม่

    ในฉากเดียวกันของเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ที่กล่าวถึงนี้ นางเอกได้ยินพระเอกเล่าเรื่องเล่อโหยวหยวนก็เกิดแรงบันดาลใจ ร่ายกลอนออกมาบทหนึ่ง มีใจความว่า บนเขาเล่อโหยวหยวนมีลมตะวันตกพัดผ่าน มีธรรมชาติงดงามทั้งหมู่ไม้เสียงจักจั่นและแสงรุ้ง องค์สุริยเทพทรงขี่รถม้าไปเรื่อยๆ ไม่ยอมให้ตะวันตกดินและไม่ยอมให้ตะวันหันกลับไปทางทิศตะวันออก บทกวีนี้บรรยายความงามของวิวบนเล่อโหยวหยวนประหนึ่งว่าความงามนั้นสามารถสะกดให้เวลาหยุดอยู่กับที่

    กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เล่อโหยวหยวน’ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับชื่อภาษาจีนของซีรีส์เรื่องนี้ เป็นกลอนเจ็ด (กล่าวคือมีเจ็ดอักษรในหนึ่งวรรค) มีทั้งหมดสี่วรรค มันเป็นผลงานของหลี่ซังอิ่น (ปีค.ศ. 813-858) หนึ่งในกวีที่เลื่องชื่อของสมัยถังตอนปลาย มีผลงานที่สืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่า 600 บทกวี เขาเข้ารับราชการเมื่ออายุยี่สิบห้า ต่อมาสังกัดเจี๋ยตู้สื่อหวางเม่าหยวน และได้รับการโปรดปรานจากหวางเม่าหยวนถึงขนาดยกลูกสาวให้ จึงถูกลากเข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง

    บทกวีนี้มักถูกเข้าใจสลับกับบทกวีอีกบทที่โด่งดังมากกว่าของเขา มีชื่อว่า ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ (登乐游原 / ขึ้นเขาเล่อโหยวหยวน) ซึ่งต่อมาถูกเรียกเป็น ‘เล่อโหยวหยวน’ เช่นกัน โดย ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ เป็นกลอนห้า (อักษรห้าตัวในหนึ่งวรรค) มีสี่วรรคเช่นกัน กลอนบทนี้บรรยายถึงความงามของอาทิตย์อัสดงบนเล่อโหยวหยวนและพรรณนาความเสียดายที่ไม่อาจหยุดยั้งแสงอาทิตย์ไว้ได้ ถูกตีความกันต่อมาว่าความนัยแฝงคือความอาลัยและความอาดูรในสถานการณ์ของราชวงศ์ถังที่เสื่อมอำนาจลง โดยมีวรรคที่ฮอตฮิตคือ ‘ตะวันยอแสงงามไร้ขอบเขต แต่เสียดายใกล้อาทิตย์อัสดง’ (夕阳无限好,只是近黄昏 / ซีหยางอู๋เซี่ยนห่าว จื่อซื่อจิ้นหวงฮุน) เป็นการเปรียบเปรยถึงความไม่จีรังของชีวิต

    Storyฯ ยังดูซีรีส์เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ไม่จบ ไม่อาจกล่าวได้ว่ากลอนบทใดข้างต้น (หรือทั้งสองบท) มีความสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องมากน้อยเพียงใด เพื่อนเพจท่านใดที่ดูจบแล้วมีความเห็นความรู้สึกอย่างใดก็เชิญมาเล่าสู่กันฟังนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.dianyingbaodian.com/wiki/乐游原_%282023%29
    https://www.sohu.com/a/390828068_120445432
    https://www.sgss8.net/tpdq/21096094/2.htm
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://shici.yw11.com/shici_fanyi_2987_250.html
    https://www.shicile.com/detail/6070192050078
    https://www.sohu.com/a/680570874_121124391

    #พสุธารักเคียงใจ #ทุ่งเล่อโหยว #เล่อโหยวหยวน #กวีถัง #หลีซังอิ่น #วัดชิงหลง #นครฉางอัน #ซีอัน
    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ซึ่งมีชื่อภาษาจีนคือ ‘เล่อโหยวหยวน’ (乐游原) เล่อโหยวหยวน (แปลตรงตัวว่า สุข+ทัศนาจร+ดินแดน/ทุ่ง) จริงแล้วมีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก แต่เดิมชื่อว่า ‘เล่อโหยวย่วน’ (乐游苑 / สุข+ทัศนาจร+สวน/อุทยาน) เป็นสถานที่เสด็จประพาสต้นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นเซวียนตี้ (ปี 51-48 ก่อนคริสตกาล) และฮองเฮาสวี่ ต่อมาฮั่นเซวียนตี้ทรงโปรดให้ฝังฮองเฮาสวี่ที่นั่น ครั้นกาลเวลาผ่านไปอักษรท้ายถูกเรียกเพี้ยนจาก ‘ย่วน’ เป็น ‘หยวน’ จนกลายมาเป็นชื่อของอุทยานเล่อโหยวหยวนตราบจนปัจจุบัน และบางครั้งถูกใช้เป็นคำกริยาที่บรรยายถึงการท่องเที่ยวอย่างเบิกบานใจ ในตอนต้นๆ เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> มีฉากหนึ่งที่พระเอกนางเอกนั่งเรือชมดาวในเทศกาลชีซี (ปัจจุบันเรามักเรียกเป็นวันวาเลนไทน์จีน) พระเอกเล่าถึงว่า ตอนเด็กตนเองอยู่แต่ในเมืองหลวง มักขี่ม้าขึ้นไปเที่ยวเล่อโหยวหยวน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง มีภูมิประเทศสูง มองลงมาเห็นทั้งเมืองหลวงได้ เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> นี้เล่าถึงรัชสมัยสมมุติ แต่ฉากหลังนั้นใกล้เคียงกับสมัยถังตอนปลาย และเล่อโหยวหยวนนี้เป็นสถานที่ฮอตฮิตในสมัยถังสำหรับการท่องเที่ยวและเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของเหล่ากวี มีบทกวีไม่น้อยที่ประพันธ์ขึ้นเพื่อบรรยายถึงความงดงามของทัศนียภาพบนนั้น เล่อโหยวหยวนเป็นอุทยานบนเขาตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนครฉางอัน ซึ่งปัจจุบันก็คือเมืองซีอาน (คือจุดที่วงสีเขียวไว้ในภาพประกอบ) รูปแผนที่ที่แปะมาให้ดูอาจจะละลานตาสักนิด เพราะเป็นแผนที่ภูมิประเทศที่มีระบุเส้นชั้นความสูง เพื่อให้เห็นว่าบริเวณนั้นของนครฉางอันเป็นเนินเขา ที่นี่เป็นจุดที่สูงที่สุดของนครฉางอัน มองลงมาสามารถมองเห็นทั่วนครฉางอันได้ ในสมัยราชวงศ์สุยมีการสร้างวัดขึ้นที่นี่ชื่อวัดหลินก่าน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดชิงหลง ปัจจุบันนับเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวดังของเมืองซีอัน และเป็นวัดที่ถูกกล่าวถึงบ่อยในละครจีนโบราณ อนึ่ง เล่อโหยวหยวนเคยถูกกล่าวถึงในเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> แต่ Storyฯ จำเรื่องราวไม่ได้แล้ว เพื่อนเพจท่านใดจำได้มาเม้นท์บอกกันหน่อยว่าในเรื่องนี้มีเล่ารายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเล่อโหยวหยวนหรือไม่ ในฉากเดียวกันของเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ที่กล่าวถึงนี้ นางเอกได้ยินพระเอกเล่าเรื่องเล่อโหยวหยวนก็เกิดแรงบันดาลใจ ร่ายกลอนออกมาบทหนึ่ง มีใจความว่า บนเขาเล่อโหยวหยวนมีลมตะวันตกพัดผ่าน มีธรรมชาติงดงามทั้งหมู่ไม้เสียงจักจั่นและแสงรุ้ง องค์สุริยเทพทรงขี่รถม้าไปเรื่อยๆ ไม่ยอมให้ตะวันตกดินและไม่ยอมให้ตะวันหันกลับไปทางทิศตะวันออก บทกวีนี้บรรยายความงามของวิวบนเล่อโหยวหยวนประหนึ่งว่าความงามนั้นสามารถสะกดให้เวลาหยุดอยู่กับที่ กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เล่อโหยวหยวน’ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับชื่อภาษาจีนของซีรีส์เรื่องนี้ เป็นกลอนเจ็ด (กล่าวคือมีเจ็ดอักษรในหนึ่งวรรค) มีทั้งหมดสี่วรรค มันเป็นผลงานของหลี่ซังอิ่น (ปีค.ศ. 813-858) หนึ่งในกวีที่เลื่องชื่อของสมัยถังตอนปลาย มีผลงานที่สืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่า 600 บทกวี เขาเข้ารับราชการเมื่ออายุยี่สิบห้า ต่อมาสังกัดเจี๋ยตู้สื่อหวางเม่าหยวน และได้รับการโปรดปรานจากหวางเม่าหยวนถึงขนาดยกลูกสาวให้ จึงถูกลากเข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง บทกวีนี้มักถูกเข้าใจสลับกับบทกวีอีกบทที่โด่งดังมากกว่าของเขา มีชื่อว่า ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ (登乐游原 / ขึ้นเขาเล่อโหยวหยวน) ซึ่งต่อมาถูกเรียกเป็น ‘เล่อโหยวหยวน’ เช่นกัน โดย ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ เป็นกลอนห้า (อักษรห้าตัวในหนึ่งวรรค) มีสี่วรรคเช่นกัน กลอนบทนี้บรรยายถึงความงามของอาทิตย์อัสดงบนเล่อโหยวหยวนและพรรณนาความเสียดายที่ไม่อาจหยุดยั้งแสงอาทิตย์ไว้ได้ ถูกตีความกันต่อมาว่าความนัยแฝงคือความอาลัยและความอาดูรในสถานการณ์ของราชวงศ์ถังที่เสื่อมอำนาจลง โดยมีวรรคที่ฮอตฮิตคือ ‘ตะวันยอแสงงามไร้ขอบเขต แต่เสียดายใกล้อาทิตย์อัสดง’ (夕阳无限好,只是近黄昏 / ซีหยางอู๋เซี่ยนห่าว จื่อซื่อจิ้นหวงฮุน) เป็นการเปรียบเปรยถึงความไม่จีรังของชีวิต Storyฯ ยังดูซีรีส์เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ไม่จบ ไม่อาจกล่าวได้ว่ากลอนบทใดข้างต้น (หรือทั้งสองบท) มีความสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องมากน้อยเพียงใด เพื่อนเพจท่านใดที่ดูจบแล้วมีความเห็นความรู้สึกอย่างใดก็เชิญมาเล่าสู่กันฟังนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.dianyingbaodian.com/wiki/乐游原_%282023%29 https://www.sohu.com/a/390828068_120445432 https://www.sgss8.net/tpdq/21096094/2.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://shici.yw11.com/shici_fanyi_2987_250.html https://www.shicile.com/detail/6070192050078 https://www.sohu.com/a/680570874_121124391 #พสุธารักเคียงใจ #ทุ่งเล่อโหยว #เล่อโหยวหยวน #กวีถัง #หลีซังอิ่น #วัดชิงหลง #นครฉางอัน #ซีอัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 0 รีวิว
  • แรงบันดาลใจ จากยุค 80 กำลังจะกลับมา..lamburghini.
    แรงบันดาลใจ จากยุค 80 กำลังจะกลับมา..lamburghini.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่มา : เว็บไซต์ isaninsight.kku.ac.th
    มาสคอตประจำจังหวัด 6 จังหวัด ในอีสาน
    .
    กาฬสินธุ์ แพรงามและภูพาน ได้รับแรงบันดาลใจจากไดโนเสาร์สายพันธุ์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ สีของลำตัวสีเหลืงจากสีของหนอนไหม/รังไหม , มีเครื่องแต่งกายจากชาวภูไท ข้างเอวมีกระติบข้าวเหนียวและถือพิณภูพานอีกด้วย
    .
    ขอนแก่น น้องไดโน่ DINO ไดโนเสาร์ใจดี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการขับเคลื่อนวาระจังหวัด ตามแนวทางของรัฐบาลที่ต้องการให้ส่วนราชการ ภาคเอกชน ร่วมกันขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ในระดับฐานราก ไปจนถึงธุรกิจระหว่างประเทศ
    .
    มุกดาหาร " LEOPARD CAT’S IDENTITY OF MUKDAHAN " แมวดาวอัตลักษณ์แห่งมุกดาหาร เป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำจังหวัดมุกดาหาร
    .
    ร้อยเอ็ด “GOMU (โกมุ)” ซึ่งเป็นการเล่นคำกับคำว่า “Gold” (โกลด์) หรือทองคำ สามารถสร้างจุดขายให้ร้านได้ แถมยังมีความหมายเป็นมงคล เพราะทองคำเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ร่ำรวย
    .
    หนองบัวลำภู น้องลุ่มภู ปลาฉลามน้ำจืดสีชมพู ตามซากฟอสซิลที่พบ ถือดาบผูกผ้าคาดเอวและมีดอกบัว ดอกไม้ประจำจังหวัดอีกด้วย
    .
    อุดรธานี นำฟอสซิล “คุณทองโบราณ” มาแปลงเป็นมาสคอต ประจำจังหวัด เพื่อการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของจังหวัด กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้หมุนเวียน
    .
    อ้างอิงจาก:
    กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
    ที่มา : เว็บไซต์ isaninsight.kku.ac.th มาสคอตประจำจังหวัด 6 จังหวัด ในอีสาน . กาฬสินธุ์ แพรงามและภูพาน ได้รับแรงบันดาลใจจากไดโนเสาร์สายพันธุ์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ สีของลำตัวสีเหลืงจากสีของหนอนไหม/รังไหม , มีเครื่องแต่งกายจากชาวภูไท ข้างเอวมีกระติบข้าวเหนียวและถือพิณภูพานอีกด้วย . ขอนแก่น น้องไดโน่ DINO ไดโนเสาร์ใจดี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการขับเคลื่อนวาระจังหวัด ตามแนวทางของรัฐบาลที่ต้องการให้ส่วนราชการ ภาคเอกชน ร่วมกันขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ในระดับฐานราก ไปจนถึงธุรกิจระหว่างประเทศ . มุกดาหาร " LEOPARD CAT’S IDENTITY OF MUKDAHAN " แมวดาวอัตลักษณ์แห่งมุกดาหาร เป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำจังหวัดมุกดาหาร . ร้อยเอ็ด “GOMU (โกมุ)” ซึ่งเป็นการเล่นคำกับคำว่า “Gold” (โกลด์) หรือทองคำ สามารถสร้างจุดขายให้ร้านได้ แถมยังมีความหมายเป็นมงคล เพราะทองคำเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ร่ำรวย . หนองบัวลำภู น้องลุ่มภู ปลาฉลามน้ำจืดสีชมพู ตามซากฟอสซิลที่พบ ถือดาบผูกผ้าคาดเอวและมีดอกบัว ดอกไม้ประจำจังหวัดอีกด้วย . อุดรธานี นำฟอสซิล “คุณทองโบราณ” มาแปลงเป็นมาสคอต ประจำจังหวัด เพื่อการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของจังหวัด กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้หมุนเวียน . อ้างอิงจาก: กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้ว Storyฯ คุยถึงฉากหนึ่งใน <พสุธารักเคียงใจ> ที่พระนางนั่งเรือชมดาวกัน ความตอนที่แล้วเราคุยกันเรื่องบทกวีที่นางเอกกล่าวในฉากนี้ ซึ่งหลังจากนั้นพระเอกบอกว่ามีอีกบทกวีที่เขาชอบมากกว่า โดยนางเอกชิงท่องบทกวีดังกล่าวออกมาก่อน เป็นนัยว่าบทกวีบทนี้บ่งบอกความเป็นตัวตนของพระเอก เชื่อว่ามีเพื่อนเพจหลายคนที่คงงงเหมือนกับ Storyฯ ว่าเขาคุยอะไรกัน

    “หญ้าเขียวชอุ่มบนทุ่ง
    หนึ่งปีเหี่ยวเฉาสลับขึ้นใหม่
    ไฟป่าเผาไม่มอด
    ลมวสันต์โชยก็งอกงามอีก”
    - บทแปลจากซับไทย <พสุธารักเคียงใจ>

    บทกวีนี้มีชื่อว่า ‘ฟู่เต๋อกู่หยวนเฉ่าซ่งเปี๋ย’ (赋得古原草送别) โดยคำว่า ‘ฟู่เต๋อ’ นั้น เป็นการเรียกนำหน้าบทกวีที่แต่งเติมจากวลีหรือวรรคจากบทประพันธ์โบราณ ต่อมาใช้เป็นกติกาในการสอบขุนนางว่า หากจะเขียนบทกวีที่มียกวรรคมาจากบทประพันธ์โบราณให้ใช้คำนำหน้าชื่อบทกวีนั้นว่า ‘ฟู่เต๋อ’ ส่วนคำว่า ‘กู่หยวนเฉ่า’ นั้นแปลตรงตัวว่าทุ่งหญ้าโบราณ แต่ในบทกวีโบราณมักถูกใช้แทนคำเรียก ‘เล่อโหยวหยวน’ ซึ่งเป็นอุทยานบนเขาในนครฉางอันที่เราคุยกันไปในสัปดาห์ที่แล้ว และคำว่า ‘ซ่งเปี๋ย’ คือการอำลาหรือส่งคนเดินทางจากไป ดังนั้น ชื่อของบทกวีนี้แปลได้ใจความว่า ‘บทอำลาบนเล่อโหยวหยวน’

    บทกวีนี้เป็นผลงานของกวีเอกและนักการเมืองชื่อดังในยุคช่วงปลายของราชวงศ์ถังคือ ไป๋จวีอี (ปีค.ศ. 772-846) จริงแล้วมีทั้งหมดแปดวรรค แต่ในซีรีส์กล่าวถึงเพียงสี่วรรค ซึ่งสี่วรรคหลังที่ไม่ได้กล่าวถึงนั้น Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงว่า

    ปลายทางอันไกลโพ้น
    ทุ่งเขียวจรดเมืองอ้างว้าง
    ส่งลาราชนัดดาอีกครา
    ทุ่งขจีแฝงความอาดูร

    (หมายเหตุ คำว่า ‘ราชนัดดา’ นั้นในบทกวีโบราณอาจแปลได้เป็นผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลอันสูงส่ง และในบริบทของบทกวีนี้มีการแปลไว้ว่าหมายถึงสหายสนิท)

    จะเห็นว่า บทกวีนี้แรกเริ่มสี่วรรคกล่าวถึงความงามของทุ่งหญ้าที่สะท้อนถึงความไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค แต่ในสี่วรรคหลัง ความงามนี้แปรเปลี่ยนเป็นความอ้างว้างเมื่อต้องอำลาจากกัน

    เมื่อมีชื่อนำหน้าว่า ‘ฟู่เต๋อ’ บทกวีนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับการสอบขุนนางและมีวลีที่อ้างอิงมาจากบทกวีโบราณ...

    บทกวีนี้ไป๋จวีอีประพันธ์ขึ้นเมื่อครั้งเขาเข้าร่วมสอบขุนนางหลวง และบทกวีโบราณที่อ้างอิงนั้นคือบทกวีสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกมีชื่อว่า ‘จาวอิ่นซื่อ’ (招隐士) มีใจความชักจูงให้เหล่าเชื้อสายตระกูลสูงส่ง (คือความหมายของ ‘ราชนัดดา’ ในที่นี้) ที่หลบซ่อนกันอยู่นอกเมืองพากันกลับมารับใช้ราชสำนัก โดยวรรคที่ไป๋จวีอีอ้างอิงนั้นมาจากวรรคที่ว่า ‘ราชนัดดาเดินทางไปไม่กลับ หญ้าวสันต์งอกเงยเขียวขจี’ ที่ใช้ความงามของทุ่งหญ้าบ่งบอกความอ้างว้างหากเหล่าผู้มีการศึกษามีความสามารถต่างพากันทิ้งราชสำนักไป

    ปัจจุบันสี่วรรคแรกของบทกวีนี้ถูกนำมาใช้รวมในการเรียนการสอนชั้นประถมศึกษา เนื่องจากภาษาไพเราะและมีใจความเป็นแรงบันดาลใจให้ฟันฝ่าอุปสรรค แต่สี่วรรคหลังถูกละไว้ เนื่องจากใจความหดหู่รันทดเกินไปสำหรับเด็ก และวรรคที่ว่า ‘ไฟป่าเผาไม่มอด ลมวสันต์โชยก็งอกงามอีก’ (野火烧不尽 春风吹又生) กลายเป็นอีกหนึ่งวลียอดนิยมจวบจนปัจจุบัน

    ดังนั้น สรุปสั้นๆ ได้ว่า บทกวีที่นางเอกกล่าวว่าสะท้อนถึงอุปนิสัยของพระเอกนั้น คือบ่งบอกถึงความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ล้มแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่ เพื่อนเพจคิดว่าตรงไหมคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละคร
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.zdic.net/hans/%E8%B5%8B%E5%BE%97
    https://www.sohu.com/a/708520507_389451
    https://www.kekeshici.com/shicimingju/ticai/jingse/998.html
    https://baike.baidu.com/item/赋得古原草送别/2873148
    https://baike.baidu.com/item/招隐士/1905316

    #พสุธารักเคียงใจ #กวีถัง #ไป๋จวีอี #เล่อโหยวหยวน
    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้ว Storyฯ คุยถึงฉากหนึ่งใน <พสุธารักเคียงใจ> ที่พระนางนั่งเรือชมดาวกัน ความตอนที่แล้วเราคุยกันเรื่องบทกวีที่นางเอกกล่าวในฉากนี้ ซึ่งหลังจากนั้นพระเอกบอกว่ามีอีกบทกวีที่เขาชอบมากกว่า โดยนางเอกชิงท่องบทกวีดังกล่าวออกมาก่อน เป็นนัยว่าบทกวีบทนี้บ่งบอกความเป็นตัวตนของพระเอก เชื่อว่ามีเพื่อนเพจหลายคนที่คงงงเหมือนกับ Storyฯ ว่าเขาคุยอะไรกัน “หญ้าเขียวชอุ่มบนทุ่ง หนึ่งปีเหี่ยวเฉาสลับขึ้นใหม่ ไฟป่าเผาไม่มอด ลมวสันต์โชยก็งอกงามอีก” - บทแปลจากซับไทย <พสุธารักเคียงใจ> บทกวีนี้มีชื่อว่า ‘ฟู่เต๋อกู่หยวนเฉ่าซ่งเปี๋ย’ (赋得古原草送别) โดยคำว่า ‘ฟู่เต๋อ’ นั้น เป็นการเรียกนำหน้าบทกวีที่แต่งเติมจากวลีหรือวรรคจากบทประพันธ์โบราณ ต่อมาใช้เป็นกติกาในการสอบขุนนางว่า หากจะเขียนบทกวีที่มียกวรรคมาจากบทประพันธ์โบราณให้ใช้คำนำหน้าชื่อบทกวีนั้นว่า ‘ฟู่เต๋อ’ ส่วนคำว่า ‘กู่หยวนเฉ่า’ นั้นแปลตรงตัวว่าทุ่งหญ้าโบราณ แต่ในบทกวีโบราณมักถูกใช้แทนคำเรียก ‘เล่อโหยวหยวน’ ซึ่งเป็นอุทยานบนเขาในนครฉางอันที่เราคุยกันไปในสัปดาห์ที่แล้ว และคำว่า ‘ซ่งเปี๋ย’ คือการอำลาหรือส่งคนเดินทางจากไป ดังนั้น ชื่อของบทกวีนี้แปลได้ใจความว่า ‘บทอำลาบนเล่อโหยวหยวน’ บทกวีนี้เป็นผลงานของกวีเอกและนักการเมืองชื่อดังในยุคช่วงปลายของราชวงศ์ถังคือ ไป๋จวีอี (ปีค.ศ. 772-846) จริงแล้วมีทั้งหมดแปดวรรค แต่ในซีรีส์กล่าวถึงเพียงสี่วรรค ซึ่งสี่วรรคหลังที่ไม่ได้กล่าวถึงนั้น Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงว่า ปลายทางอันไกลโพ้น ทุ่งเขียวจรดเมืองอ้างว้าง ส่งลาราชนัดดาอีกครา ทุ่งขจีแฝงความอาดูร (หมายเหตุ คำว่า ‘ราชนัดดา’ นั้นในบทกวีโบราณอาจแปลได้เป็นผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลอันสูงส่ง และในบริบทของบทกวีนี้มีการแปลไว้ว่าหมายถึงสหายสนิท) จะเห็นว่า บทกวีนี้แรกเริ่มสี่วรรคกล่าวถึงความงามของทุ่งหญ้าที่สะท้อนถึงความไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค แต่ในสี่วรรคหลัง ความงามนี้แปรเปลี่ยนเป็นความอ้างว้างเมื่อต้องอำลาจากกัน เมื่อมีชื่อนำหน้าว่า ‘ฟู่เต๋อ’ บทกวีนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับการสอบขุนนางและมีวลีที่อ้างอิงมาจากบทกวีโบราณ... บทกวีนี้ไป๋จวีอีประพันธ์ขึ้นเมื่อครั้งเขาเข้าร่วมสอบขุนนางหลวง และบทกวีโบราณที่อ้างอิงนั้นคือบทกวีสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกมีชื่อว่า ‘จาวอิ่นซื่อ’ (招隐士) มีใจความชักจูงให้เหล่าเชื้อสายตระกูลสูงส่ง (คือความหมายของ ‘ราชนัดดา’ ในที่นี้) ที่หลบซ่อนกันอยู่นอกเมืองพากันกลับมารับใช้ราชสำนัก โดยวรรคที่ไป๋จวีอีอ้างอิงนั้นมาจากวรรคที่ว่า ‘ราชนัดดาเดินทางไปไม่กลับ หญ้าวสันต์งอกเงยเขียวขจี’ ที่ใช้ความงามของทุ่งหญ้าบ่งบอกความอ้างว้างหากเหล่าผู้มีการศึกษามีความสามารถต่างพากันทิ้งราชสำนักไป ปัจจุบันสี่วรรคแรกของบทกวีนี้ถูกนำมาใช้รวมในการเรียนการสอนชั้นประถมศึกษา เนื่องจากภาษาไพเราะและมีใจความเป็นแรงบันดาลใจให้ฟันฝ่าอุปสรรค แต่สี่วรรคหลังถูกละไว้ เนื่องจากใจความหดหู่รันทดเกินไปสำหรับเด็ก และวรรคที่ว่า ‘ไฟป่าเผาไม่มอด ลมวสันต์โชยก็งอกงามอีก’ (野火烧不尽 春风吹又生) กลายเป็นอีกหนึ่งวลียอดนิยมจวบจนปัจจุบัน ดังนั้น สรุปสั้นๆ ได้ว่า บทกวีที่นางเอกกล่าวว่าสะท้อนถึงอุปนิสัยของพระเอกนั้น คือบ่งบอกถึงความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ล้มแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่ เพื่อนเพจคิดว่าตรงไหมคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละคร Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.zdic.net/hans/%E8%B5%8B%E5%BE%97 https://www.sohu.com/a/708520507_389451 https://www.kekeshici.com/shicimingju/ticai/jingse/998.html https://baike.baidu.com/item/赋得古原草送别/2873148 https://baike.baidu.com/item/招隐士/1905316 #พสุธารักเคียงใจ #กวีถัง #ไป๋จวีอี #เล่อโหยวหยวน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • สูตรสำเร็จพิชิตเป้าหมายฉบับ McKim, R. L. สร้างฝันให้เป็นจริง

    บทความนี้เรียบเรียงจาก 1 ในเนื้อหาอมตะของ McKim, R. L. เจ้าของผลงาน “How To Use Your God Power” ที่ได้รับการตอบรับจากผู้สนใจการพัฒนาตนเอง นำเสนอเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจตั้งเป้าหมายในปี 2025 ฉบับ McKim, R. L.

    ณ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเด็กๆ และบรรยากาศที่แสนอบอุ่น อาศัยอยู่ชายหนุ่มผู้มีนามว่า 'เก่ง' ชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยความฝันและแรงบันดาลใจที่จะสร้างธุรกิจของตัวเอง แต่ความฝันนั้นก็ยังคงเป็นเพียงภาพลางๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้พบกับหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า "Goal Success Formula"
    ด้วยความอยากรู้ เก่งจึงเปิดอ่านหนังสือเล่มนั้นอย่างตั้งใจ ภายในเล่มเต็มไปด้วยเทคนิคและวิธีการในการตั้งเป้าหมายและวางแผนชีวิตอย่างเป็นระบบ ซึ่งทำให้เก่งตระหนักได้ว่า ความฝันของเขาจะไม่เป็นจริงเลย หากปราศจากการลงมือทำอย่างจริงจัง

    จุดเริ่มต้นของการเดินทาง ..... เก่งเริ่มต้นจากการตั้งคำถามกับตัวเองว่า จริงๆ แล้วเขาต้องการอะไรในชีวิต? อะไรคือสิ่งที่เขาอยากทำให้สำเร็จ?
    และคำถามเหล่านี้ช่วยให้เขาค้นพบเป้าหมายที่แท้จริง นั่นคือการเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ที่อบอุ่นและเป็นมิตร

    8 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ:
    1.เก่งจินตนาการถึงภาพร้านกาแฟในฝัน ทั้งบรรยากาศ รสชาติกาแฟ และรอยยิ้มของลูกค้า เขาจดบันทึกทุกอย่างลงในสมุดเล่มโปรด (What is the Ideal Final Result?)
    เคล็ดลับ:
    ลองวาดภาพ หรือ เขียนบรรยายรายละเอียดให้ชัดเจน เหมือนกับว่าร้านกาแฟนั้นมีอยู่จริงแล้ว

    2.เก่งถามตัวเองว่า ทำไมการมีร้านกาแฟถึงสำคัญกับเขานัก? คำตอบคือ เขาต้องการสร้างพื้นที่แห่งความสุข สร้างงาน สร้างรายได้ และแบ่งปันกาแฟรสเลิศให้กับชุมชน (Why Is This Goal So Important?)
    เคล็ดลับ:
    หาเหตุผลที่ 'ใช่' และ 'โดนใจ' เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง

    3.เก่งเริ่มต้นด้วยการมองหาข้อได้เปรียบของตัวเอง เขามีความรู้เรื่องกาแฟ มีใจรักในงานบริการ และที่สำคัญที่สุดคือ เขามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ (Why I Know That I Can Easily Accomplish This Goal!)
    เคล็ดลับ:
    มองหาจุดแข็งของตัวเอง และสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจว่าจะทำได้

    4.เก่งคิดว่า ร้านกาแฟของเขาจะไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งพบปะของผู้คน สร้างสีสันและความอบอุ่นให้กับชุมชน (How Will This Goal Influence And Benefit Others?)
    เคล็ดลับ:
    คิดถึงผลกระทบเชิงบวกที่จะเกิดขึ้นกับคนรอบข้าง

    5.เก่งตระหนักดีว่าหนทางสู่ความสำเร็จนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาอาจพบเจออุปสรรคมากมาย แต่เขาก็พร้อมที่จะเรียนรู้และฝ่าฟันไปให้ได้ (What Obstacles Did I "Overcome" & How?)
    เคล็ดลับ:
    ลิสต์อุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น และวิธีรับมือกับปัญหาเหล่านั้น

    6.เก่งนึกถึง 'ลุงสมชาย' เจ้าของร้านกาแฟชื่อดังที่คอยให้คำปรึกษาและแบ่งปันประสบการณ์ เก่งจดเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของลุงสมชายไว้ เพื่อที่จะไปขอคำแนะนำเพิ่มเติม (Who were the People & Companies Who helped & Inspired Me & How?)
    เคล็ดลับ:
    ระบุบุคคลต้นแบบ หรือแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์

    7.เก่งสำรวจตัวเองว่าเขามีความรู้และทักษะอะไรบ้างที่จำเป็นต่อการเปิดร้านกาแฟ และเขาต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มอีกบ้าง (What Skills And Knowledge Do I Need?)
    เคล็ดลับ:
    ลิสต์ทักษะที่จำเป็น และวางแผนพัฒนาตัวเอง

    8.เก่งวางแผนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การหาแหล่งวัตถุดิบ การตกแต่งร้าน การบริหารจัดการ ไปจนถึงการทำการตลาด (What Exact Steps Are Needed To Complete This Goal?)
    เคล็ดลับ:
    แบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นเป้าหมายย่อยๆ และวางแผนอย่างละเอียด

    เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ... แน่นอนว่าระหว่างทาง เก่งต้องพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ มากมาย ทั้งปัญหาเรื่องเงินทุน การแข่งขันทางธุรกิจ และความเหนื่อยล้า แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวเอง เก่งก็สามารถก้าวข้ามผ่านทุกปัญหาไปได้

    แล้ววันแห่งความสำเร็จก็มาถึง ...
    ร้านกาแฟเล็กๆ ของเก่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง รสชาติกาแฟที่กลมกล่อม และรอยยิ้มของเก่ง ทำให้ร้านกาแฟแห่งนี้กลายเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าในเวลาอันรวดเร็ว

    ข้อคิดจากเรื่องราวของเก่ง
    ทุกความฝันสามารถเป็นจริงได้ หากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน วางแผนอย่างเป็นระบบ และลงมือทำอย่างจริงจัง อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น และอย่ายอมแพ้ต่ออุปสรรค

    ถึงเวลาแล้วที่คุณจะสร้าง Goal Success Formula ของคุณเอง! หยิบกระดาษ ปากกา แล้วเริ่มต้นตั้งเป้าหมาย วางแผน และลงมือทำตามฝันของคุณ

    แหล่งอ้างอิง:
    •McKim, R. L. (2013). Goal Success Formula.
    สูตรสำเร็จพิชิตเป้าหมายฉบับ McKim, R. L. สร้างฝันให้เป็นจริง บทความนี้เรียบเรียงจาก 1 ในเนื้อหาอมตะของ McKim, R. L. เจ้าของผลงาน “How To Use Your God Power” ที่ได้รับการตอบรับจากผู้สนใจการพัฒนาตนเอง นำเสนอเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจตั้งเป้าหมายในปี 2025 ฉบับ McKim, R. L. ณ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเด็กๆ และบรรยากาศที่แสนอบอุ่น อาศัยอยู่ชายหนุ่มผู้มีนามว่า 'เก่ง' ชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยความฝันและแรงบันดาลใจที่จะสร้างธุรกิจของตัวเอง แต่ความฝันนั้นก็ยังคงเป็นเพียงภาพลางๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้พบกับหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า "Goal Success Formula" ด้วยความอยากรู้ เก่งจึงเปิดอ่านหนังสือเล่มนั้นอย่างตั้งใจ ภายในเล่มเต็มไปด้วยเทคนิคและวิธีการในการตั้งเป้าหมายและวางแผนชีวิตอย่างเป็นระบบ ซึ่งทำให้เก่งตระหนักได้ว่า ความฝันของเขาจะไม่เป็นจริงเลย หากปราศจากการลงมือทำอย่างจริงจัง จุดเริ่มต้นของการเดินทาง ..... เก่งเริ่มต้นจากการตั้งคำถามกับตัวเองว่า จริงๆ แล้วเขาต้องการอะไรในชีวิต? อะไรคือสิ่งที่เขาอยากทำให้สำเร็จ? และคำถามเหล่านี้ช่วยให้เขาค้นพบเป้าหมายที่แท้จริง นั่นคือการเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ที่อบอุ่นและเป็นมิตร 8 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ: 1.เก่งจินตนาการถึงภาพร้านกาแฟในฝัน ทั้งบรรยากาศ รสชาติกาแฟ และรอยยิ้มของลูกค้า เขาจดบันทึกทุกอย่างลงในสมุดเล่มโปรด (What is the Ideal Final Result?) เคล็ดลับ: ลองวาดภาพ หรือ เขียนบรรยายรายละเอียดให้ชัดเจน เหมือนกับว่าร้านกาแฟนั้นมีอยู่จริงแล้ว 2.เก่งถามตัวเองว่า ทำไมการมีร้านกาแฟถึงสำคัญกับเขานัก? คำตอบคือ เขาต้องการสร้างพื้นที่แห่งความสุข สร้างงาน สร้างรายได้ และแบ่งปันกาแฟรสเลิศให้กับชุมชน (Why Is This Goal So Important?) เคล็ดลับ: หาเหตุผลที่ 'ใช่' และ 'โดนใจ' เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง 3.เก่งเริ่มต้นด้วยการมองหาข้อได้เปรียบของตัวเอง เขามีความรู้เรื่องกาแฟ มีใจรักในงานบริการ และที่สำคัญที่สุดคือ เขามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ (Why I Know That I Can Easily Accomplish This Goal!) เคล็ดลับ: มองหาจุดแข็งของตัวเอง และสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจว่าจะทำได้ 4.เก่งคิดว่า ร้านกาแฟของเขาจะไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งพบปะของผู้คน สร้างสีสันและความอบอุ่นให้กับชุมชน (How Will This Goal Influence And Benefit Others?) เคล็ดลับ: คิดถึงผลกระทบเชิงบวกที่จะเกิดขึ้นกับคนรอบข้าง 5.เก่งตระหนักดีว่าหนทางสู่ความสำเร็จนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาอาจพบเจออุปสรรคมากมาย แต่เขาก็พร้อมที่จะเรียนรู้และฝ่าฟันไปให้ได้ (What Obstacles Did I "Overcome" & How?) เคล็ดลับ: ลิสต์อุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น และวิธีรับมือกับปัญหาเหล่านั้น 6.เก่งนึกถึง 'ลุงสมชาย' เจ้าของร้านกาแฟชื่อดังที่คอยให้คำปรึกษาและแบ่งปันประสบการณ์ เก่งจดเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของลุงสมชายไว้ เพื่อที่จะไปขอคำแนะนำเพิ่มเติม (Who were the People & Companies Who helped & Inspired Me & How?) เคล็ดลับ: ระบุบุคคลต้นแบบ หรือแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ 7.เก่งสำรวจตัวเองว่าเขามีความรู้และทักษะอะไรบ้างที่จำเป็นต่อการเปิดร้านกาแฟ และเขาต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มอีกบ้าง (What Skills And Knowledge Do I Need?) เคล็ดลับ: ลิสต์ทักษะที่จำเป็น และวางแผนพัฒนาตัวเอง 8.เก่งวางแผนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การหาแหล่งวัตถุดิบ การตกแต่งร้าน การบริหารจัดการ ไปจนถึงการทำการตลาด (What Exact Steps Are Needed To Complete This Goal?) เคล็ดลับ: แบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นเป้าหมายย่อยๆ และวางแผนอย่างละเอียด เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ... แน่นอนว่าระหว่างทาง เก่งต้องพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ มากมาย ทั้งปัญหาเรื่องเงินทุน การแข่งขันทางธุรกิจ และความเหนื่อยล้า แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวเอง เก่งก็สามารถก้าวข้ามผ่านทุกปัญหาไปได้ แล้ววันแห่งความสำเร็จก็มาถึง ... ร้านกาแฟเล็กๆ ของเก่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง รสชาติกาแฟที่กลมกล่อม และรอยยิ้มของเก่ง ทำให้ร้านกาแฟแห่งนี้กลายเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าในเวลาอันรวดเร็ว ข้อคิดจากเรื่องราวของเก่ง ทุกความฝันสามารถเป็นจริงได้ หากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน วางแผนอย่างเป็นระบบ และลงมือทำอย่างจริงจัง อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น และอย่ายอมแพ้ต่ออุปสรรค ถึงเวลาแล้วที่คุณจะสร้าง Goal Success Formula ของคุณเอง! หยิบกระดาษ ปากกา แล้วเริ่มต้นตั้งเป้าหมาย วางแผน และลงมือทำตามฝันของคุณ แหล่งอ้างอิง: •McKim, R. L. (2013). Goal Success Formula.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่สอบสวนในเมืองนิวออร์ลีนส์เร่งหาแรงจูงใจที่ทำให้อดีตทหารอเมริกันขับรถบรรทุกติดธงไอเอส พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองปีใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตระหว่างยิงสู้กับตำรวจ นอกจากนั้น ยังมีการตรวจสอบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์นี้กับกรณีที่ไซเบอร์ทรัค รถกระบะไฟฟ้าจากค่ายเทสลาของอีลอน มัสก์ ระเบิดที่บริเวณหน้าโรงแรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ในนครลาสเวกัส ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง
    .
    สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ผู้ก่อเหตุในนิวออร์ลีนส์เมื่อวันพุธ (1 ม.ค.) มีชื่อว่า ชัมซุด-ดิน จับบาร์ วัย 42 ปี เป็นพลเมืองอเมริกันจากรัฐเทกซัส และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของกองทัพสหรัฐฯ
    .
    ขณะที่ แอนน์ เคิร์กแพทริก ผู้บัญชาการตำรวจนครนิวออร์ลีนส์ ระบุว่า จับบาร์เป็น “ผู้ก่อการร้าย” โดยที่เอฟบีไอก็เสริมว่า รถที่คนร้ายผู้นี้ใช้ก่อเหตุมีธงไอเอส (IS ย่อมาจาก Islamic State กลุ่มผู้ก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส”) ติดอยู่
    .
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “น่ารังเกียจ” และระบุว่า ก่อนก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง จับบาร์โพสต์วิดีโอประกาศว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากไอเอส
    .
    นอกจากนั้น ไบเดน เสริมว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่รถกระบะไซเบอร์ทรัค ซึ่งผลิตจากค่ายเทสลา เกิดระเบิดขึ้นขณะจอดอยู่หน้าโรงแรมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเมืองลาสเวกัส ทำให้คนที่อยู่ภายในรถเสียชีวิต 1 คนไปหรือไม่ แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ
    .
    สำหรับกรณีซึ่งเกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนส์นั้น อเลเธีย ดันแคน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังออกติดตามล่าหาผู้สมรู้ร่วมคิด เนื่องจากไม่เชื่อว่า จับบาร์ลงมือคนเดียว และเอฟบีไอได้ออกหมายค้นทั้งในนิวออร์ลีนส์ ซึ่งอยู่ในรัฐลุยเซียนา ตลอดจนในเขตรัฐอื่นๆ แล้ว
    .
    ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ อันมีชื่อเสียงของนิวออร์ลีนส์ เมื่อเวลาประมาณ 3.15 น. ของวันพุธ (1 ม.ค.) ขณะที่คนมากมายกำลังฉลองปีใหม่ โดยผู้ต้องสงสัยขับกระบะไฟฟ้าฟอร์ด เอฟ-150 สีขาวมาด้วยความเร็วสูงและไล่ชนคนก่อนหลบหนีไป แต่สุดท้ายเสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจ โดยมีตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ตำรวจตรวจค้นพบธงไอเอสในรถ ตลอดจนพบระเบิดทำเอง 2 ลูกอีกด้วย
    .
    เคิร์กแพทริกระบุว่า พฤติการณ์ของจับบาร์ เป็นความพยายามไล่พุ่งชนคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน
    .
    ทางด้านกระทรวงกลาโหมเผยว่า จับบาร์เคยรับหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระหว่างปี 2007-2015 ก่อนเข้าเป็นทหารกองหนุนจนถึงปี 2020
    .
    โฆษกกองทัพเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยถูกส่งไปอัฟกานิสถานระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2009 จนถึงเดือนมกราคม 2010
    .
    แม้ยังไม่พบว่า เหตุการณ์นี้กับเหตุไซเบอร์ทรัคระเบิดที่ลาสเวกัสเชื่อมโยงกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รถทั้งสองคันต่างเป็นรถเช่าซึ่งเช่าผ่าน “ทูโร” ที่เป็นแอปคาร์แชริ่งยอดนิยม
    .
    สำหรับเหตุการณ์ที่ลาสเวกัสนั้น เควิน แมคมาฮิลล์ เจ้าหน้าที่ปกครองของกองบัญชาการตำรวจลาสเวกัส เผยว่า ไซเบอร์ทรัค คันที่เกิดเหตุได้ขับไปจอดหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ลาส เวกัส เมื่อเวลา 8.40 น. ก่อนที่จะเกิดการระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน
    .
    แมคมาฮิลล์เสริมว่า เจ้าหน้าที่พบน้ำมันเบนซิน ถังน้ำมันสำรองสำหรับการตั้งแคมป์ และดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ด้านท้ายรถ
    .
    เจเรมี ชวาร์ตซ์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีนี้ เผยว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ อย่างไรก็ดี เอฟบีไอสามารถระบุตัวคนขับที่เช่ารถคันนี้มาจากโคโลราโดได้แล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชน
    .
    ทางด้านอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา และผู้สนับสนุนสำคัญในการหาเสียงและที่ปรึกษาของทรัมป์ ซึ่งตอนแรกแสดงความสงสัยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการก่อการร้าย ได้กลับลำในเวลาต่อมา โดยหันมาเน้นหนักยืนยันว่า เหตุระเบิดไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของไซเบอร์ทรัค แต่สามารถยืนยันได้ว่า เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ และ/หรือระเบิดที่อยู่ภายในรถดังกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000528
    ..............
    Sondhi X
    เจ้าหน้าที่สอบสวนในเมืองนิวออร์ลีนส์เร่งหาแรงจูงใจที่ทำให้อดีตทหารอเมริกันขับรถบรรทุกติดธงไอเอส พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองปีใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตระหว่างยิงสู้กับตำรวจ นอกจากนั้น ยังมีการตรวจสอบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์นี้กับกรณีที่ไซเบอร์ทรัค รถกระบะไฟฟ้าจากค่ายเทสลาของอีลอน มัสก์ ระเบิดที่บริเวณหน้าโรงแรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ในนครลาสเวกัส ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง . สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ผู้ก่อเหตุในนิวออร์ลีนส์เมื่อวันพุธ (1 ม.ค.) มีชื่อว่า ชัมซุด-ดิน จับบาร์ วัย 42 ปี เป็นพลเมืองอเมริกันจากรัฐเทกซัส และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของกองทัพสหรัฐฯ . ขณะที่ แอนน์ เคิร์กแพทริก ผู้บัญชาการตำรวจนครนิวออร์ลีนส์ ระบุว่า จับบาร์เป็น “ผู้ก่อการร้าย” โดยที่เอฟบีไอก็เสริมว่า รถที่คนร้ายผู้นี้ใช้ก่อเหตุมีธงไอเอส (IS ย่อมาจาก Islamic State กลุ่มผู้ก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส”) ติดอยู่ . ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “น่ารังเกียจ” และระบุว่า ก่อนก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง จับบาร์โพสต์วิดีโอประกาศว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากไอเอส . นอกจากนั้น ไบเดน เสริมว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่รถกระบะไซเบอร์ทรัค ซึ่งผลิตจากค่ายเทสลา เกิดระเบิดขึ้นขณะจอดอยู่หน้าโรงแรมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเมืองลาสเวกัส ทำให้คนที่อยู่ภายในรถเสียชีวิต 1 คนไปหรือไม่ แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ . สำหรับกรณีซึ่งเกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนส์นั้น อเลเธีย ดันแคน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังออกติดตามล่าหาผู้สมรู้ร่วมคิด เนื่องจากไม่เชื่อว่า จับบาร์ลงมือคนเดียว และเอฟบีไอได้ออกหมายค้นทั้งในนิวออร์ลีนส์ ซึ่งอยู่ในรัฐลุยเซียนา ตลอดจนในเขตรัฐอื่นๆ แล้ว . ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ อันมีชื่อเสียงของนิวออร์ลีนส์ เมื่อเวลาประมาณ 3.15 น. ของวันพุธ (1 ม.ค.) ขณะที่คนมากมายกำลังฉลองปีใหม่ โดยผู้ต้องสงสัยขับกระบะไฟฟ้าฟอร์ด เอฟ-150 สีขาวมาด้วยความเร็วสูงและไล่ชนคนก่อนหลบหนีไป แต่สุดท้ายเสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจ โดยมีตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ตำรวจตรวจค้นพบธงไอเอสในรถ ตลอดจนพบระเบิดทำเอง 2 ลูกอีกด้วย . เคิร์กแพทริกระบุว่า พฤติการณ์ของจับบาร์ เป็นความพยายามไล่พุ่งชนคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน . ทางด้านกระทรวงกลาโหมเผยว่า จับบาร์เคยรับหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระหว่างปี 2007-2015 ก่อนเข้าเป็นทหารกองหนุนจนถึงปี 2020 . โฆษกกองทัพเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยถูกส่งไปอัฟกานิสถานระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2009 จนถึงเดือนมกราคม 2010 . แม้ยังไม่พบว่า เหตุการณ์นี้กับเหตุไซเบอร์ทรัคระเบิดที่ลาสเวกัสเชื่อมโยงกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รถทั้งสองคันต่างเป็นรถเช่าซึ่งเช่าผ่าน “ทูโร” ที่เป็นแอปคาร์แชริ่งยอดนิยม . สำหรับเหตุการณ์ที่ลาสเวกัสนั้น เควิน แมคมาฮิลล์ เจ้าหน้าที่ปกครองของกองบัญชาการตำรวจลาสเวกัส เผยว่า ไซเบอร์ทรัค คันที่เกิดเหตุได้ขับไปจอดหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ลาส เวกัส เมื่อเวลา 8.40 น. ก่อนที่จะเกิดการระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน . แมคมาฮิลล์เสริมว่า เจ้าหน้าที่พบน้ำมันเบนซิน ถังน้ำมันสำรองสำหรับการตั้งแคมป์ และดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ด้านท้ายรถ . เจเรมี ชวาร์ตซ์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีนี้ เผยว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ อย่างไรก็ดี เอฟบีไอสามารถระบุตัวคนขับที่เช่ารถคันนี้มาจากโคโลราโดได้แล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชน . ทางด้านอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา และผู้สนับสนุนสำคัญในการหาเสียงและที่ปรึกษาของทรัมป์ ซึ่งตอนแรกแสดงความสงสัยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการก่อการร้าย ได้กลับลำในเวลาต่อมา โดยหันมาเน้นหนักยืนยันว่า เหตุระเบิดไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของไซเบอร์ทรัค แต่สามารถยืนยันได้ว่า เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ และ/หรือระเบิดที่อยู่ภายในรถดังกล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000528 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1443 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและซีอีโอของเทสลา ได้เปลี่ยนชื่อผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม X เป็น "Kekius Maximus" เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2024 การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้เหรียญมีมธีมกบชื่อ "Kekius Maximus" (KEKIUS) บนเครือข่าย Ethereum มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    จากการเปิดเผยของ dailyhodl ระบุว่าราคาของ KEKIUS พุ่งขึ้นจาก $0.00123 ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ไปสู่จุดสูงสุดที่ $0.40 ในวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 32,000%

    อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคาก็ปรับตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ $0.264 ในขณะที่มูลค่าตลาดของเหรียญนี้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า $250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    การเปลี่ยนชื่อของมัสก์เป็น "Kekius Maximus" สื่อถึงเทพเจ้ากบในตำนานอียิปต์ชื่อ "Kek" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่นิยมในวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตและเกมเมอร์

    นอกจากนี้ "Kek" ยังเชื่อมโยงกับมีม "Pepe the Frog" ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหรียญมีม PEPE ที่มีมูลค่าตลาดกว่า $8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    มัสก์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนเหรียญมีม เช่น Dogecoin (DOGE) และการกระทำของเขามักส่งผลต่อราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000000445

    #MGROnline #อีลอนมัสก์ #มหาเศรษฐี #ซีอีโอของเทสลา #KekiusMaximus #เหรียญมีมธีมกบ #KEKIUS #Ethereum
    อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและซีอีโอของเทสลา ได้เปลี่ยนชื่อผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม X เป็น "Kekius Maximus" เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2024 การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้เหรียญมีมธีมกบชื่อ "Kekius Maximus" (KEKIUS) บนเครือข่าย Ethereum มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก • จากการเปิดเผยของ dailyhodl ระบุว่าราคาของ KEKIUS พุ่งขึ้นจาก $0.00123 ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ไปสู่จุดสูงสุดที่ $0.40 ในวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 32,000% • อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคาก็ปรับตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ $0.264 ในขณะที่มูลค่าตลาดของเหรียญนี้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า $250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ • การเปลี่ยนชื่อของมัสก์เป็น "Kekius Maximus" สื่อถึงเทพเจ้ากบในตำนานอียิปต์ชื่อ "Kek" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่นิยมในวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตและเกมเมอร์ • นอกจากนี้ "Kek" ยังเชื่อมโยงกับมีม "Pepe the Frog" ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหรียญมีม PEPE ที่มีมูลค่าตลาดกว่า $8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ • มัสก์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนเหรียญมีม เช่น Dogecoin (DOGE) และการกระทำของเขามักส่งผลต่อราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000000445 • #MGROnline #อีลอนมัสก์ #มหาเศรษฐี #ซีอีโอของเทสลา #KekiusMaximus #เหรียญมีมธีมกบ #KEKIUS #Ethereum
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาสัมพันธ์หลักสูตร 2025 PUBLIC TRAINING PROGRAM ของแบรนด์ 10X CONSULTING

    "พลิกโฉมองค์กร สู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน"

    10X CONSULTING เชิญคุณเข้าร่วมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพบุคคลและองค์กร 2025 PUBLIC TRAINING PROGRAM ที่จะช่วยให้คุณและทีมงานก้าวข้ามขีดจำกัด พัฒนาศักยภาพ และสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม พร้อมรับรองความรู้และทักษะจากสถาบันระดับโลก อาทิ OKR INSTITUTE, INTERNATIONAL MENTORING CENTER (IMC), THE JOHN C MAXWELL TEAM (JMT)

    ทำไมต้องเลือกหลักสูตรของ 10X CONSULTING?
    -ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง: วิทยากรของเราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาองค์กรและการ--พัฒนาภาวะผู้นำ ที่พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์และเทคนิคที่เป็นประโยชน์
    -หลักสูตรที่หลากหลาย: ครอบคลุมทุกระดับ ตั้งแต่พนักงานไปจนถึงผู้บริหาร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันขององค์กร
    -เน้นการปฏิบัติจริง: หลักสูตรเน้นการฝึกปฏิบัติจริงผ่าน case study และกิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ได้ทันที
    -รับรองความรู้จากสถาบันระดับโลก: เพิ่มความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
    -สร้างเครือข่าย: ได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เข้าร่วมจากหลากหลายองค์กร

    ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ:
    -พัฒนาภาวะผู้นำ: ฝึกฝนทักษะการเป็นผู้นำที่หลากหลาย เช่น การสร้างแรงบันดาลใจ การสร้างความสัมพันธ์ การตัดสินใจ และการแก้ปัญหา
    -เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: เรียนรู้เทคนิคการทำงานที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น OKR, Agile, Lean
    -สร้างทีมที่มีประสิทธิภาพ: พัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม การสื่อสาร และการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
    -ปรับปรุงกระบวนการทำงาน: ออกแบบและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    -บรรลุเป้าหมายองค์กร: ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวางแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    -สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี: สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการเติบโต
    -เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร: พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถที่ตรงตามความต้องการของตลาด

    อย่าพลาดโอกาสในการพัฒนาองค์กรของคุณให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยหลักสูตรที่เข้มข้นและวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ 10X CONSULTING พร้อมเป็นพันธมิตรในการพัฒนาองค์กรของคุณ
    สมัครเข้าร่วมหลักสูตร 2025 PUBLIC TRAINING PROGRAM ของ 10X CONSULTING ได้แล้ววันนี้

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
    Line OA: @10xconsulting
    โทร. 084-995-9451
    #10XConsulting #พัฒนาองค์กร #Leadership #Mentoring #TheJohnMaxwellTeam #OKR #Agile

    www.10-xconsulting.com
    ประชาสัมพันธ์หลักสูตร 2025 PUBLIC TRAINING PROGRAM ของแบรนด์ 10X CONSULTING "พลิกโฉมองค์กร สู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน" 10X CONSULTING เชิญคุณเข้าร่วมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพบุคคลและองค์กร 2025 PUBLIC TRAINING PROGRAM ที่จะช่วยให้คุณและทีมงานก้าวข้ามขีดจำกัด พัฒนาศักยภาพ และสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม พร้อมรับรองความรู้และทักษะจากสถาบันระดับโลก อาทิ OKR INSTITUTE, INTERNATIONAL MENTORING CENTER (IMC), THE JOHN C MAXWELL TEAM (JMT) ทำไมต้องเลือกหลักสูตรของ 10X CONSULTING? -ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง: วิทยากรของเราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาองค์กรและการ--พัฒนาภาวะผู้นำ ที่พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์และเทคนิคที่เป็นประโยชน์ -หลักสูตรที่หลากหลาย: ครอบคลุมทุกระดับ ตั้งแต่พนักงานไปจนถึงผู้บริหาร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันขององค์กร -เน้นการปฏิบัติจริง: หลักสูตรเน้นการฝึกปฏิบัติจริงผ่าน case study และกิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ได้ทันที -รับรองความรู้จากสถาบันระดับโลก: เพิ่มความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล -สร้างเครือข่าย: ได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้เข้าร่วมจากหลากหลายองค์กร ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ: -พัฒนาภาวะผู้นำ: ฝึกฝนทักษะการเป็นผู้นำที่หลากหลาย เช่น การสร้างแรงบันดาลใจ การสร้างความสัมพันธ์ การตัดสินใจ และการแก้ปัญหา -เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: เรียนรู้เทคนิคการทำงานที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น OKR, Agile, Lean -สร้างทีมที่มีประสิทธิภาพ: พัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม การสื่อสาร และการแก้ไขปัญหาร่วมกัน -ปรับปรุงกระบวนการทำงาน: ออกแบบและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น -บรรลุเป้าหมายองค์กร: ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวางแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ -สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี: สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการเติบโต -เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร: พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถที่ตรงตามความต้องการของตลาด อย่าพลาดโอกาสในการพัฒนาองค์กรของคุณให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยหลักสูตรที่เข้มข้นและวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ 10X CONSULTING พร้อมเป็นพันธมิตรในการพัฒนาองค์กรของคุณ สมัครเข้าร่วมหลักสูตร 2025 PUBLIC TRAINING PROGRAM ของ 10X CONSULTING ได้แล้ววันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: Line OA: @10xconsulting โทร. 084-995-9451 #10XConsulting #พัฒนาองค์กร #Leadership #Mentoring #TheJohnMaxwellTeam #OKR #Agile www.10-xconsulting.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาสัมพันธ์หลักสูตร 2025 PUBLIC TRAINING PROGRAM ของแบรนด์ LIFE Life Alignmentor

    ยกระดับศักยภาพชีวิต สู่ความสำเร็จที่เหนือกว่า
    LIFE ALIGNMENTOR แบรนด์ผู้นำด้านการพัฒนาศักยภาพที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ขอเชิญคุณเข้าร่วมหลักสูตร 2025 PUBLIC TRAINING PROGRAM ที่จะช่วยให้คุณพัฒนาตนเองให้ก้าวไปอีกขั้น พร้อมรับการรับรองจากสถาบันระดับโลก อาทิ American Board of NLP (ABNLP), Time Line Therapy Association (TLTA), American Boad of Hypnotherapy (ABH) และอีกมากมาย

    ทำไมต้องเลือก LIFE ALIGNMENTOR?
    •ครบเครื่องเรื่องการพัฒนาศักยภาพ: หลักสูตรของเราครอบคลุมทุกด้านที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็น NLP, Coaching, Hypnotherapy, และอื่นๆ
    •ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก: วิทยากรของเราล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความรู้ความสามารถสูง
    •ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลก: หลักสูตรของเราได้รับการรับรองจากสถาบันชั้นนำระดับโลก ทำให้คุณมั่นใจได้ในคุณภาพ
    •ปรับใช้ได้จริง: ทักษะที่ได้จากการเรียนรู้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    หลักสูตรที่เปิดในปี 2025
    LIFE ALIGNMENTOR นำเสนอเครื่องมือและเทคนิคที่ทรงพลัง ช่วยให้คุณพัฒนาตนเองในทุกด้าน และก้าวสู่ความสำเร็จที่คุณต้องการ
    •Practitioner Level: NLP, NLP Coaching, Hypnotherapy
    •Master Practitioner Level: NLP Coaching, Hypnotherapy, AI NLP Masterclass
    •Specialist Level: Systemic NLP Leadership
    •Trainer Level: NLP Trainer Training, Hypnotherapy Trainer Training, AI NLP Coach & Master Coach Trainer Training

    หลักสูตรของเราครอบคลุมเนื้อหาที่หลากหลาย อาทิ:

    •Neuro-Linguistic Programming (NLP): เทคนิคการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
    •Coaching: กระบวนการพัฒนาศักยภาพและการบรรลุเป้าหมาย
    •Hypnotherapy: การบำบัดด้วยการสะกดจิตเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ
    •Time Line Therapy: เทคนิคการเปลี่ยนแปลงอดีตและสร้างอนาคตที่ต้องการ
    •Systemic NLP Leadership: การเป็นผู้นำที่สร้างผลกระทบเชิงบวก

    ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ:
    •เข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง: ค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ แก้ไขข้อจำกัด และปลดปล่อยพลังภายใน
    •พัฒนาความสัมพันธ์: สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับผู้อื่น ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน
    •เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์มากขึ้น
    •บรรลุเป้าหมาย: กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและวางแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    •สร้างความมั่นใจ: เพิ่มความมั่นใจในตนเองและกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทาย
    •มีชีวิตที่มีความสุข: เรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์และความเครียด สร้างความสุขให้กับตนเองและผู้อื่น
    •เป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ: พัฒนาทักษะการเป็นผู้นำและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น
    •สร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ: นำความรู้และทักษะที่ได้ไปสร้างธุรกิจของตนเอง
    •ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลก: เพิ่มโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพ

    อย่ารอช้า! สมัครเข้าร่วมหลักสูตร 2025 PUBLIC TRAINING PROGRAM ของ LIFE ALIGNMENTOR ได้แล้ววันนี้

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
    •Line OA: @lifealignmentor
    •โทร: 084-995-9451

    อย่าพลาดโอกาสในการพัฒนาตนเองให้ก้าวไปอีกขั้น สู่ความสำเร็จที่คุณต้องการ ด้วยหลักสูตรที่เข้มข้นและวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ LIFE ALIGNMENTOR พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ

    ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นพิเศษจาก LIFE ALIGNMENTOR ได้ที่ช่องทางต่างๆ

    อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ ผ่านไป!

    #LIFEALIGNMENTOR #พัฒนาศักยภาพ #NLP #Coaching #Hypnotherapy #2025PUBLICTRAININGPROGRAM
    www.lifealignmentor.com
    ประชาสัมพันธ์หลักสูตร 2025 PUBLIC TRAINING PROGRAM ของแบรนด์ LIFE Life Alignmentor ยกระดับศักยภาพชีวิต สู่ความสำเร็จที่เหนือกว่า LIFE ALIGNMENTOR แบรนด์ผู้นำด้านการพัฒนาศักยภาพที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ขอเชิญคุณเข้าร่วมหลักสูตร 2025 PUBLIC TRAINING PROGRAM ที่จะช่วยให้คุณพัฒนาตนเองให้ก้าวไปอีกขั้น พร้อมรับการรับรองจากสถาบันระดับโลก อาทิ American Board of NLP (ABNLP), Time Line Therapy Association (TLTA), American Boad of Hypnotherapy (ABH) และอีกมากมาย ทำไมต้องเลือก LIFE ALIGNMENTOR? •ครบเครื่องเรื่องการพัฒนาศักยภาพ: หลักสูตรของเราครอบคลุมทุกด้านที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็น NLP, Coaching, Hypnotherapy, และอื่นๆ •ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก: วิทยากรของเราล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความรู้ความสามารถสูง •ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลก: หลักสูตรของเราได้รับการรับรองจากสถาบันชั้นนำระดับโลก ทำให้คุณมั่นใจได้ในคุณภาพ •ปรับใช้ได้จริง: ทักษะที่ได้จากการเรียนรู้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักสูตรที่เปิดในปี 2025 LIFE ALIGNMENTOR นำเสนอเครื่องมือและเทคนิคที่ทรงพลัง ช่วยให้คุณพัฒนาตนเองในทุกด้าน และก้าวสู่ความสำเร็จที่คุณต้องการ •Practitioner Level: NLP, NLP Coaching, Hypnotherapy •Master Practitioner Level: NLP Coaching, Hypnotherapy, AI NLP Masterclass •Specialist Level: Systemic NLP Leadership •Trainer Level: NLP Trainer Training, Hypnotherapy Trainer Training, AI NLP Coach & Master Coach Trainer Training หลักสูตรของเราครอบคลุมเนื้อหาที่หลากหลาย อาทิ: •Neuro-Linguistic Programming (NLP): เทคนิคการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม •Coaching: กระบวนการพัฒนาศักยภาพและการบรรลุเป้าหมาย •Hypnotherapy: การบำบัดด้วยการสะกดจิตเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ •Time Line Therapy: เทคนิคการเปลี่ยนแปลงอดีตและสร้างอนาคตที่ต้องการ •Systemic NLP Leadership: การเป็นผู้นำที่สร้างผลกระทบเชิงบวก ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ: •เข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง: ค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ แก้ไขข้อจำกัด และปลดปล่อยพลังภายใน •พัฒนาความสัมพันธ์: สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับผู้อื่น ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน •เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์มากขึ้น •บรรลุเป้าหมาย: กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและวางแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ •สร้างความมั่นใจ: เพิ่มความมั่นใจในตนเองและกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทาย •มีชีวิตที่มีความสุข: เรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์และความเครียด สร้างความสุขให้กับตนเองและผู้อื่น •เป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ: พัฒนาทักษะการเป็นผู้นำและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น •สร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ: นำความรู้และทักษะที่ได้ไปสร้างธุรกิจของตนเอง •ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลก: เพิ่มโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพ อย่ารอช้า! สมัครเข้าร่วมหลักสูตร 2025 PUBLIC TRAINING PROGRAM ของ LIFE ALIGNMENTOR ได้แล้ววันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: •Line OA: @lifealignmentor •โทร: 084-995-9451 อย่าพลาดโอกาสในการพัฒนาตนเองให้ก้าวไปอีกขั้น สู่ความสำเร็จที่คุณต้องการ ด้วยหลักสูตรที่เข้มข้นและวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ LIFE ALIGNMENTOR พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นพิเศษจาก LIFE ALIGNMENTOR ได้ที่ช่องทางต่างๆ อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ ผ่านไป! #LIFEALIGNMENTOR #พัฒนาศักยภาพ #NLP #Coaching #Hypnotherapy #2025PUBLICTRAININGPROGRAM www.lifealignmentor.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 444 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts