• แนะนำคอร์ส "Mini OKR + NLP Course in LEADING SELF With Love + Work "
    คอร์ส 13 ตอน สั้นๆ ที่ตั้งใจทำแบ่งปันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

    คอร์สนี้ผสานศาสตร์การตั้งเป้าแบบ OKR กับศาสตร์ NLP (Neuro - Linguistic Programming) และการทำในสิ่งที่มีความรัก (Love + Work) เพื่อผู้ที่สนใจการพัฒนาตนเอง และทีม หรือแม้กระทั่งองค์กรสมัยใหม่ที่เน้นการใช้จิตวิทยาบวก และจุดเด่นที่เน้นจุดแกร่งนำไปใช้อย่างกว้างขวาง

    ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร หรือ อ.หม่อม นอกจากกลั่นสาระ และโนว์ฮาวจาก Best of the best ในศาสตร์ แล้วยังใช้ศาสตร์ที่นำมาแบ่งปันด้วยตนเองจนสามารถถอดแบบให้ผู้สนใจสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันอย่างง่ายดาย

    หากเห็นว่าสิ่งที่แบ่งปันเป็นประโยชน์กับผู้ที่ท่านรู้จัก - ปรารถนาดี แบ่งปันให้ผู้ที่ท่านรู้จักได้ติดตามสาระ และโนว์ฮาวดีๆ ได้ที่ https://youtu.be/aDlmktfRaRo ช่องทาง TikTok ในชื่อ "หม่อมเมืองช้าง" (https://www.tiktok.com/@wasitprombutr) และทาง www.lifealignmentor.com

    สนใจติดต่อศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร หรือ อ.หม่อม ได้ที่ wasit.p@lifealignmentor.com
    แนะนำคอร์ส "Mini OKR + NLP Course in LEADING SELF With Love + Work " คอร์ส 13 ตอน สั้นๆ ที่ตั้งใจทำแบ่งปันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย คอร์สนี้ผสานศาสตร์การตั้งเป้าแบบ OKR กับศาสตร์ NLP (Neuro - Linguistic Programming) และการทำในสิ่งที่มีความรัก (Love + Work) เพื่อผู้ที่สนใจการพัฒนาตนเอง และทีม หรือแม้กระทั่งองค์กรสมัยใหม่ที่เน้นการใช้จิตวิทยาบวก และจุดเด่นที่เน้นจุดแกร่งนำไปใช้อย่างกว้างขวาง ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร หรือ อ.หม่อม นอกจากกลั่นสาระ และโนว์ฮาวจาก Best of the best ในศาสตร์ แล้วยังใช้ศาสตร์ที่นำมาแบ่งปันด้วยตนเองจนสามารถถอดแบบให้ผู้สนใจสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันอย่างง่ายดาย หากเห็นว่าสิ่งที่แบ่งปันเป็นประโยชน์กับผู้ที่ท่านรู้จัก - ปรารถนาดี แบ่งปันให้ผู้ที่ท่านรู้จักได้ติดตามสาระ และโนว์ฮาวดีๆ ได้ที่ https://youtu.be/aDlmktfRaRo ช่องทาง TikTok ในชื่อ "หม่อมเมืองช้าง" (https://www.tiktok.com/@wasitprombutr) และทาง www.lifealignmentor.com สนใจติดต่อศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์ พรหมบุตร หรือ อ.หม่อม ได้ที่ wasit.p@lifealignmentor.com
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • เรื่องน้ำๆ ในความทรงจำ

    เหตุการณ์น้ำท่วมเชียงรายล่าสุดนี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ราวปี 41-42 ซึ่งเป็นช่วงต่อเนื่องของวิกฤติต้มยำกุ้ง การจะมีงานทำเป็นเรื่องแสนสาหัสมาก วันหนึ่ง กรมฯ ที่ทำเกี่ยวกับเรื่องน้ำ เปิดรับสมัครข้าราชการ 3 อัตรา ข้าพเจ้าซึ่งยังไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันหลังจบมา ได้ไปสมัครสอบแข่งขันร่วมกับผู้คนหลากหลายพันคน โดยข้อสอบมีทั้งแบบปรนัยและอัตนัย เมื่อประกาศผลสอบ มีผู้ผ่านข้อเขียนเพียง 6 คน แน่นอนข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในนั้น ความหวังมาล้นปรี่ แถมแอบฝันเล็กน้อย คือข้าพเจ้าอยากทำงานที่ได้รับใช้ใกล้ชิดในหลวง ร.9 และรู้ว่าในหลวง ร.9 ให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำมาก การได้ทำงานในกรมฯ นี้ จะทำให้ฝันกลางวันของข้าพเจ้า เป็นจริง
    มาถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าจำอีก 5 คนที่เหลือไม่ได้แล้ว จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่ามีผู้หญิงกี่คนผู้ชายกี่คน พวกเราไม่ได้คุยกัน แต่ละคนอยู่ในมุมเงียบของตัวเอง บอกตามตรง ข้าพเจ้าไม่ตื่นเต้นกับการ สัมภาษณ์เลย เพราะก่อนจะมาถึงจุดนี้ ข้าพเจ้าผ่านการสัมภาษณ์มาอย่างโชกโชน อย่าลืมว่ามันเป็นช่วงวิกฤติ งานไม่มี แต่ถ้าส่งจดหมายสมัครงานไปที่ไหน เขาก็เรียกเราไปสัมภาษณ์เสมอ คงจะกลัวเราเหงาและคิดมาก เรื่องการสัมภาษณ์งานในช่วงนั้น สามารถเขียนได้อีกยาว แต่ความรู้สึกของข้าพเจ้าจะเป็นแบบนี้ ไปด้วยความหวัง ออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยความห่อเหี่ยว พ้นประตูบริษัทด้วยใจที่รู้ว่าชีวิตต้องไปต่อ แต่การสัมภาษณ์ที่กรมฯ ในวันนั้น ข้าพเจ้าออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยอาการแบบที่เรียกว่าน้ำท่วมปากระดับน้ำล้นมาถึงจมูกจนสำลักน้ำ
    กรรมการสัมภาษณ์ เป็นสุภาพสตรี 3 ท่าน การสัมภาษณ์เริ่มด้วยบทสนทนาทั่วไป แนะนำตัว การศึกษา ครอบครัว ต่อมาก็เป็นคำตอบในข้อสอบอัตนัย ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วว่ามีคำถามอะไรบ้าง มีกี่ข้อ แต่จำได้ว่ากรรมการฯ สนใจคำตอบของข้าพเจ้าอยู่สองข้อ ข้อหนึ่งให้อธิบายความสัมพันธ์อะไรสักอย่างของน้ำ ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้ว แต่คำตอบข้อนี้ ในหน้ากระดาษคำตอบว่างๆ ข้าพเจ้าเขียนแค่ สมการคณิตศาสตร์ พร้อมกับคำนิยามตัวแปรแต่ละตัว กรรมการฯ ถามว่า สมการได้มาอย่างไร ข้าพเจ้าอธิบายว่า ข้าพเจ้าสร้างโมเดลคณิตศาสตร์ในกระดาษทด กำหนดตัวแปร สร้างความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ของตัวแปรแต่ละตัว แล้วแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์จนได้ความสัมพันธ์ออกมา กรรมการถามว่า สมการถูกไหม ข้าพเจ้าตอบทันทีว่าไม่แม่นยำ ไม่ใช่เพราะข้าพเจ้าแก้สมการผิด แต่เป็นเพราะมีเวลาจำกัด โมเดลเลยหยาบเกินไป ขาดตัวแปรอีกหลายตัว ถ้ามีเวลามากกว่านี้ ความถูกต้องจะมากขึ้น
    ดูกรรมการจะทึ่ง และทำให้รู้ว่า ข้าพเจ้าเป็นคนเดียวที่ตอบแบบนี้ อันนี้ต้องขอบคุณ นีลส์ โบร์(Niels Bohr) ตอนสอบจบปริญญาเอก โบร์ ส่งกระดาษแผ่นเดียว ที่เขียนสมการคณิตศาสตร์อธิบาย โครงสร้างอะตอม ข้าพเจ้าแค่ยืมวิธีของโบร์มาใช้
    อีกข้อคือทำไมถึงอยากทำงานที่กรมฯ แน่นอนข้าพเจ้าซ่อนความฝันและความจริงไว้ คือ อยากมีงานทำมั่นคง แต่คำตอบของข้าพเจ้ามาจากประสบการณ์ตรง ข้าพเจ้ามักจะไปช่วยเพื่อน ทำนาเกี่ยวข้าวเสมอ ในปีที่น้ำดี ชีวิตมันก็ดีไปด้วย ในทางกลับกัน ถ้าฟ้าฝนไม่ดี เพื่อนของข้าพเจ้า จะขาดโรงเรียน ข้าวยืนต้นตาย เพื่อนต้องไปรับจ้าง บางคนต้องออกจากการศึกษา เพราะต้องติดตามครอบครัวไปขายแรงงานในเมืองใหญ่ น้ำคือชีวิตจริงจริง เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงอยากทำงานที่กรมฯ นี้ ข้าพเจ้าสามารถตอบได้ทันทีว่า ต้องการสำรวจแหล่งน้ำ จัดสร้างแหล่งน้ำ วางระบบชลประทาน เพื่อให้พี่น้องคนไทย มีน้ำใช้อย่างทั่วถึง จริงจริงแล้วตอนเจอคำถามครั้งแรก ข้าพเจ้าไม่ได้นึกถึงภาพใหญ่ขนาดนั้น ข้าพเจ้าแค่นึกถึงเพื่อน แค่คิดว่าถ้าเพื่อนมีแหล่งน้ำ เพื่อนก็ไม่ต้องขาดเรียน แล้วก็คิดต่อไปว่า ถ้าหมู่บ้าน ตำบลมีแหล่งน้ำ หลายครอบครัวไม่ต้องอพยพ แล้วมันถึงค่อยเลยเถิดไปถึงการคิดจัดทำแหล่งน้ำและวางระบบเชื่อมโยงระดับประเทศ ซึ่งเป็นคำตอบสุดท้าย ในกระดาษคำตอบ ที่จำได้เพราะ กรรมการฯ บอกว่า งานในตำแหน่งนี้ คือ เจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการวัดคุณภาพน้ำ ไม่เกี่ยวอะไรกับที่ข้าพเจ้าบรรยายเลย (กรรมแท้!) อย่างไรก็ตาม กรรมการแจ้งว่า ข้าพเจ้าได้คะแนนในส่วนอัตนัยดีเยี่ยม
    อะไรๆ มักจะเริ่มแบบนี้เสมอ สงบ สันติ คำชื่นชม สำหรับเด็กหนุ่มอายุ 21-22 มันยิ้มไม่หุบ ความฝันความหวังมันอยู่ตรงหน้า แต่แล้วชีวิตมันก็ฟาดเปรี้ยง ดูเหมือนมันจะเริ่มด้วยประโยคแบบ รู้สึกเสียดายและเสียใจ ที่จะ ต้องแจ้งให้ทราบว่า ทั้งสามตำแหน่งมีคนในอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจำได้อีกอย่างว่า แม้แต่กรรมการก็รู้สึกแบบไม่อยากจะพูดเหมือนกัน ในส่วนของข้าพเจ้า ก็แบบที่แจ้งให้ทราบมันอยากจะพูดอะไรแต่พูดไม่ออก รู้สึกในหัวมันแบบ โหวงๆ ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วว่าจบการสัมภาษณ์กันยังไง แต่ดูเหมือนข้าพเจ้าจะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น แค่เหมือนกับว่า มันรู้อยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องแบบนี้ เราโตมาแบบ คนใน เด็กท่าน นายสั่งมา ประมาณนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีกี่คนที่ได้รับการบอกตรงๆ แบบข้าพเจ้า เอาเข้าจริง ข้าพเจ้ากลับรู้สึกว่า ก็ดีเหมือนกัน คือ ไม่มีอะไรติดค้างว่าทำไมข้าพเจ้าถึงไม่ได้ ออกจะรู้สึกขอบคุณที่กรรมการฯ กล้าหาญพอที่จะแจ้งให้ทราบ ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องบอกก็ได้ เหนือสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้ากลับมีความมั่นใจมากขึ้น ว่าข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่มีศักยภาพ เพียงแค่ว่าโอกาสยังมาไม่ถึง อย่างที่บอก ชีวิตในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ไม่มีเวลาให้เราอาลัยอาวรณ์ หรือฟูมฟาย เมื่อเดินออกจากกรมฯ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีความรู้สึกแบบเสียดายแล้ว แค่กลับที่พัก หาอะไรกิน ตี่นมามีลมหายใจ ก็ออกไปท้าทายวิกฤติต่อ เรื่องก็มีเท่านี้

    เครดิตภาพ: ผู้จัดการออนไลน์
    เรื่องน้ำๆ ในความทรงจำ เหตุการณ์น้ำท่วมเชียงรายล่าสุดนี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ราวปี 41-42 ซึ่งเป็นช่วงต่อเนื่องของวิกฤติต้มยำกุ้ง การจะมีงานทำเป็นเรื่องแสนสาหัสมาก วันหนึ่ง กรมฯ ที่ทำเกี่ยวกับเรื่องน้ำ เปิดรับสมัครข้าราชการ 3 อัตรา ข้าพเจ้าซึ่งยังไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันหลังจบมา ได้ไปสมัครสอบแข่งขันร่วมกับผู้คนหลากหลายพันคน โดยข้อสอบมีทั้งแบบปรนัยและอัตนัย เมื่อประกาศผลสอบ มีผู้ผ่านข้อเขียนเพียง 6 คน แน่นอนข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในนั้น ความหวังมาล้นปรี่ แถมแอบฝันเล็กน้อย คือข้าพเจ้าอยากทำงานที่ได้รับใช้ใกล้ชิดในหลวง ร.9 และรู้ว่าในหลวง ร.9 ให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำมาก การได้ทำงานในกรมฯ นี้ จะทำให้ฝันกลางวันของข้าพเจ้า เป็นจริง มาถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าจำอีก 5 คนที่เหลือไม่ได้แล้ว จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่ามีผู้หญิงกี่คนผู้ชายกี่คน พวกเราไม่ได้คุยกัน แต่ละคนอยู่ในมุมเงียบของตัวเอง บอกตามตรง ข้าพเจ้าไม่ตื่นเต้นกับการ สัมภาษณ์เลย เพราะก่อนจะมาถึงจุดนี้ ข้าพเจ้าผ่านการสัมภาษณ์มาอย่างโชกโชน อย่าลืมว่ามันเป็นช่วงวิกฤติ งานไม่มี แต่ถ้าส่งจดหมายสมัครงานไปที่ไหน เขาก็เรียกเราไปสัมภาษณ์เสมอ คงจะกลัวเราเหงาและคิดมาก เรื่องการสัมภาษณ์งานในช่วงนั้น สามารถเขียนได้อีกยาว แต่ความรู้สึกของข้าพเจ้าจะเป็นแบบนี้ ไปด้วยความหวัง ออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยความห่อเหี่ยว พ้นประตูบริษัทด้วยใจที่รู้ว่าชีวิตต้องไปต่อ แต่การสัมภาษณ์ที่กรมฯ ในวันนั้น ข้าพเจ้าออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยอาการแบบที่เรียกว่าน้ำท่วมปากระดับน้ำล้นมาถึงจมูกจนสำลักน้ำ กรรมการสัมภาษณ์ เป็นสุภาพสตรี 3 ท่าน การสัมภาษณ์เริ่มด้วยบทสนทนาทั่วไป แนะนำตัว การศึกษา ครอบครัว ต่อมาก็เป็นคำตอบในข้อสอบอัตนัย ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วว่ามีคำถามอะไรบ้าง มีกี่ข้อ แต่จำได้ว่ากรรมการฯ สนใจคำตอบของข้าพเจ้าอยู่สองข้อ ข้อหนึ่งให้อธิบายความสัมพันธ์อะไรสักอย่างของน้ำ ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้ว แต่คำตอบข้อนี้ ในหน้ากระดาษคำตอบว่างๆ ข้าพเจ้าเขียนแค่ สมการคณิตศาสตร์ พร้อมกับคำนิยามตัวแปรแต่ละตัว กรรมการฯ ถามว่า สมการได้มาอย่างไร ข้าพเจ้าอธิบายว่า ข้าพเจ้าสร้างโมเดลคณิตศาสตร์ในกระดาษทด กำหนดตัวแปร สร้างความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ของตัวแปรแต่ละตัว แล้วแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์จนได้ความสัมพันธ์ออกมา กรรมการถามว่า สมการถูกไหม ข้าพเจ้าตอบทันทีว่าไม่แม่นยำ ไม่ใช่เพราะข้าพเจ้าแก้สมการผิด แต่เป็นเพราะมีเวลาจำกัด โมเดลเลยหยาบเกินไป ขาดตัวแปรอีกหลายตัว ถ้ามีเวลามากกว่านี้ ความถูกต้องจะมากขึ้น ดูกรรมการจะทึ่ง และทำให้รู้ว่า ข้าพเจ้าเป็นคนเดียวที่ตอบแบบนี้ อันนี้ต้องขอบคุณ นีลส์ โบร์(Niels Bohr) ตอนสอบจบปริญญาเอก โบร์ ส่งกระดาษแผ่นเดียว ที่เขียนสมการคณิตศาสตร์อธิบาย โครงสร้างอะตอม ข้าพเจ้าแค่ยืมวิธีของโบร์มาใช้ อีกข้อคือทำไมถึงอยากทำงานที่กรมฯ แน่นอนข้าพเจ้าซ่อนความฝันและความจริงไว้ คือ อยากมีงานทำมั่นคง แต่คำตอบของข้าพเจ้ามาจากประสบการณ์ตรง ข้าพเจ้ามักจะไปช่วยเพื่อน ทำนาเกี่ยวข้าวเสมอ ในปีที่น้ำดี ชีวิตมันก็ดีไปด้วย ในทางกลับกัน ถ้าฟ้าฝนไม่ดี เพื่อนของข้าพเจ้า จะขาดโรงเรียน ข้าวยืนต้นตาย เพื่อนต้องไปรับจ้าง บางคนต้องออกจากการศึกษา เพราะต้องติดตามครอบครัวไปขายแรงงานในเมืองใหญ่ น้ำคือชีวิตจริงจริง เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงอยากทำงานที่กรมฯ นี้ ข้าพเจ้าสามารถตอบได้ทันทีว่า ต้องการสำรวจแหล่งน้ำ จัดสร้างแหล่งน้ำ วางระบบชลประทาน เพื่อให้พี่น้องคนไทย มีน้ำใช้อย่างทั่วถึง จริงจริงแล้วตอนเจอคำถามครั้งแรก ข้าพเจ้าไม่ได้นึกถึงภาพใหญ่ขนาดนั้น ข้าพเจ้าแค่นึกถึงเพื่อน แค่คิดว่าถ้าเพื่อนมีแหล่งน้ำ เพื่อนก็ไม่ต้องขาดเรียน แล้วก็คิดต่อไปว่า ถ้าหมู่บ้าน ตำบลมีแหล่งน้ำ หลายครอบครัวไม่ต้องอพยพ แล้วมันถึงค่อยเลยเถิดไปถึงการคิดจัดทำแหล่งน้ำและวางระบบเชื่อมโยงระดับประเทศ ซึ่งเป็นคำตอบสุดท้าย ในกระดาษคำตอบ ที่จำได้เพราะ กรรมการฯ บอกว่า งานในตำแหน่งนี้ คือ เจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการวัดคุณภาพน้ำ ไม่เกี่ยวอะไรกับที่ข้าพเจ้าบรรยายเลย (กรรมแท้!) อย่างไรก็ตาม กรรมการแจ้งว่า ข้าพเจ้าได้คะแนนในส่วนอัตนัยดีเยี่ยม อะไรๆ มักจะเริ่มแบบนี้เสมอ สงบ สันติ คำชื่นชม สำหรับเด็กหนุ่มอายุ 21-22 มันยิ้มไม่หุบ ความฝันความหวังมันอยู่ตรงหน้า แต่แล้วชีวิตมันก็ฟาดเปรี้ยง ดูเหมือนมันจะเริ่มด้วยประโยคแบบ รู้สึกเสียดายและเสียใจ ที่จะ ต้องแจ้งให้ทราบว่า ทั้งสามตำแหน่งมีคนในอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจำได้อีกอย่างว่า แม้แต่กรรมการก็รู้สึกแบบไม่อยากจะพูดเหมือนกัน ในส่วนของข้าพเจ้า ก็แบบที่แจ้งให้ทราบมันอยากจะพูดอะไรแต่พูดไม่ออก รู้สึกในหัวมันแบบ โหวงๆ ข้าพเจ้าจำไม่ได้แล้วว่าจบการสัมภาษณ์กันยังไง แต่ดูเหมือนข้าพเจ้าจะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น แค่เหมือนกับว่า มันรู้อยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องแบบนี้ เราโตมาแบบ คนใน เด็กท่าน นายสั่งมา ประมาณนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีกี่คนที่ได้รับการบอกตรงๆ แบบข้าพเจ้า เอาเข้าจริง ข้าพเจ้ากลับรู้สึกว่า ก็ดีเหมือนกัน คือ ไม่มีอะไรติดค้างว่าทำไมข้าพเจ้าถึงไม่ได้ ออกจะรู้สึกขอบคุณที่กรรมการฯ กล้าหาญพอที่จะแจ้งให้ทราบ ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องบอกก็ได้ เหนือสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้ากลับมีความมั่นใจมากขึ้น ว่าข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งที่มีศักยภาพ เพียงแค่ว่าโอกาสยังมาไม่ถึง อย่างที่บอก ชีวิตในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ไม่มีเวลาให้เราอาลัยอาวรณ์ หรือฟูมฟาย เมื่อเดินออกจากกรมฯ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้มีความรู้สึกแบบเสียดายแล้ว แค่กลับที่พัก หาอะไรกิน ตี่นมามีลมหายใจ ก็ออกไปท้าทายวิกฤติต่อ เรื่องก็มีเท่านี้ เครดิตภาพ: ผู้จัดการออนไลน์
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • "หนูอยากเป็นนายกฯ" มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มีสติและปัญญามากพอไหม
    .
    ท่านนายกฯ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ แม่ไม่ต้องการให้เป็น คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พูดกับคนใกล้ชิดหมดเลย ขอร้อง อย่าเอาอุ๊งอิ๊งค์มาเป็นนายกฯ ขอร้อง แต่ปรากฏว่าพ่อคุณ ท่านนายกฯ ต้องการให้ท่านเป็น แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ทั้งสองคนผัวเมียเลยตัดสินใจว่าให้ลูกสาวตัดสินใจก็แล้วกัน ใช่หรือเปล่า อย่าโกหกผม
    .
    เมื่อท่านนายกฯ ตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่สนามสงครามแล้ว ท่านนายกฯ ต้องยอมรับหอก ดาบ ง้าว กระสุนปืน ที่ถั่งโถมหาท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน อย่าควันออกหูเพียงเพราะว่าหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ประจำคอลัมน์หนึ่งของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ พาดหัวข่าวว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม"ท่านสติแตกเลย
    .
    ท่านนายกฯ ครับ การที่พ่อท่านเลือกท่าน ท่านรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร ง่ายนิดเดียว พ่อท่านไม่เคยไว้ใจใครเลย ไม่เคย ไม่เคยไว้ใจใครเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นลูกสาวตัวเอง โอเค ได้ แต่ความที่แม่ คือคุณหญิงพจมาน ขัดขวาง ไม่ยอมให้เป็น เพราะรู้ว่าจะมีปัญหา ก็เลยต้องตัดสินใจว่าโยนให้ท่านนายกฯ แพทองธารเป็นคนตัดสินใจ
    .
    ผมรู้ท่านนายกฯรักลูก คิดถึงลูก อยากจะใช้ชีวิตวันเสาร์-อาทิตย์อยู่กับลูก ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ผิด ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอย่ามาเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยปัญหาชาติบ้านเมืองไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหยุด ท่านนายกฯต้องรู้จักตัวเองบ้างว่าท่านสวมหมวกอะไรอยู่ในขณะนี้
    .
    ผมรู้ว่าคุณพ่อคุณเป็นห่วงท่าน ส่งทีมงานมา ตั้งคณะที่ปรึกษา ที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว ประธานคือพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เข้ามาล้อมรอบ นั่งคุยด้วย ออกมาหมอเลี้ยบก็ให้สัมภาษณ์ทันทีเลยว่าจะอยู่จนครบ 4 ปี จะทำให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น ประเด็นไม่ใช่ปัญหาประชาชนจะร่ำรวยหรือไม่ร่ำรวย ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า ท่านนายกฯเป็นตัวของตัวเองได้ไหม
    .
    แต่เผอิญการเป็นตัวของตัวเองนั้น ท่านนายกฯ‘ต้องมีปัญญา’ คำถามคือ ท่านนายกฯ มีสติและมีปัญญามากพอที่จะเป็นนายกฯ ได้ไหม ไม่ใช่ที่ท่านผิดพลาดไปในเรื่องของค่าเงินบาทแข็ง พอค่าเงินบาทแข็ง ท่านก็บอกว่า ดี ทำให้การส่งออกดีขึ้น นี่คือข้อผิดพลาดที่เรือหายไปแล้วนะ ท่านพูดมาแล้วหลายครั้งเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น แต่ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย ผมเฉย ผมคิดในใจว่าท่านคงไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ น่าเห็นใจ
    .
    ท่านนายกฯ ครับ การศึกษาบ้านเราจะไปอย่างไร อนาคตบ้านเราจะเป็นอย่างไร คุณพิชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทะเลาะกับคุณเศรษฐพุฒิ ท่านต้องบอกคุณพิชัยให้หยุดพูด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น คุณเศรษฐพุฒิท่านจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ตั้งใจทำงานไป
    .
    ท่านนายกฯ ครับ ผมเป็นคนที่มีเหตุมีผล ผมไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ผมไม่รังแกคน แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ท่านไม่ต้องกังวล ท่านทำงานไป ท่านตรวจสอบไป
    .
    ผมขอเถอะท่านนายกฯ ท่านตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ท่านทำได้หรือเปล่า เพื่อชาติจริงๆ ท่านต้องบอกพ่อ พ่อ หนูขอทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม พ่ออย่ามายุ่งกับการงานของหนูได้ไหม พ่อหาคนมาแนะนำหนูได้ แต่พ่ออย่าสอดแทรกอะไรเข้ามาให้หนูทำ เป้าหมายของหนูต้องการให้ประเทศชาติไปรอด เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เมื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว หนูถือว่าหนูทำงานได้สำเร็จแล้วแต่ที่สำคัญที่สุด ท่านนายกฯ ท่านอย่าลืมตัวท่านเอง ท่านตัดสินใจจะเข้าสู่สงครามนี้ด้วยตัวท่านเอง
    .
    ถ้าท่านรับไม่ไหว ท่านก็ถอยออกมา แต่ท่านเข้าไปแล้ว ท่านต้องสู้ ท่านอย่ามาโอดครวญบนพื้นฐานที่ไม่ใช่ความจริง บอกว่าเพิ่งทำงานได้เดือนเดียว บอกคุณสนธิอย่าเพิ่งมาเดินถนนไล่ ท่านนายกฯ ท่านโกหก
    .
    ท่านนายกฯ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรม ผมอายุ 78 แล้ว ผมแก่กว่าคุณพ่อท่านนายกฯ 2 ปี โดยวัยวุฒิตามสังคมไทย ผมต้องเป็นลุงท่านนายกฯ แต่ผมไม่กล้าไปนับญาติกับท่านนายกฯ ไม่กล้า ผมอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่เจียมเนื้อเจียมตัวหรอก
    .
    พฤศจิกายนนี้ ผม78 ผมตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะตายทั้งทีให้มันลือลั่นไปทั่วในประวัติศาสตร์ ท่านนายกฯ ไม่ต้องกังวล และให้รู้ด้วยว่าถ้าผมประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผม ไม่ต้องมาหาเลยว่าจะเป็นทหารคนไหน ไม่มี ผมไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ที่มีกองทัพอยู่ข้างหลัง ผมตัวคนเดียว แต่ผมมีประชาชนที่รักความเป็นธรรม และเขารักผม และเขารู้ว่าผมทำงานโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ทำงานให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำงานให้ชาติจริงๆ วันที่ผมออกไปสู้กับคุณพ่อท่านนายกฯ ผมบอกกับทุกคนเลย เฮ้ย ถ้าจะมีกูคนเดียว กูก็จะไป เพราะกูเชื่อของกูอย่างนี้
    .
    ถ้าผมจำเป็นต้องประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ซึ่งผมไม่รู้ว่าเมื่อไร สุดแล้วแต่การทำงานของท่านนายกฯ ผมมีทางเลือกอยู่ทางเดียว ผมต้องชนะ ไม่อย่างนั้นผมยอมตาย
    .
    หวังว่าสิ่งที่ผมพูดนี้จะเป็นประโยชน์ ถ้าท่านนายกฯ เปิดใจรับฟังความเห็นของผม นี่กล่าวจากความจริงใจในใจ เพราะโดยวัยวุฒิแล้วท่านก็เหมือนหลานผม แต่ผมไม่กล้านับลุงนับหลานกับท่าน แต่ผมแก่กว่าพ่อท่านนายกฯ 2 ปี ผมอยู่อีกไม่กี่ปีก็จะตายแล้ว ท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คุณพ่อท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คำถาม ถ้าคุณพ่อท่านนายกฯ ตายไปวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ตายอย่างมีสง่าราศีหรือเปล่า ? ไม่มี ท่านนายกฯ ต้องเข้ามากู้ศักดิ์ศรีของคุณพ่อท่านนายก ด้วยการทำความดี ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าไปใส่ใจพวกญาติพี่น้องท่าน
    .
    แล้วท่านนายกฯ ต้องไม่สติแตกง่ายๆ ถ้าตัดสินใจมาลงเล่นสงครามแล้ว ต้องพร้อมจะเจ็บ เท่านั้นล่ะครับ
    "หนูอยากเป็นนายกฯ" มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มีสติและปัญญามากพอไหม . ท่านนายกฯ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ แม่ไม่ต้องการให้เป็น คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พูดกับคนใกล้ชิดหมดเลย ขอร้อง อย่าเอาอุ๊งอิ๊งค์มาเป็นนายกฯ ขอร้อง แต่ปรากฏว่าพ่อคุณ ท่านนายกฯ ต้องการให้ท่านเป็น แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ทั้งสองคนผัวเมียเลยตัดสินใจว่าให้ลูกสาวตัดสินใจก็แล้วกัน ใช่หรือเปล่า อย่าโกหกผม . เมื่อท่านนายกฯ ตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่สนามสงครามแล้ว ท่านนายกฯ ต้องยอมรับหอก ดาบ ง้าว กระสุนปืน ที่ถั่งโถมหาท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน อย่าควันออกหูเพียงเพราะว่าหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ประจำคอลัมน์หนึ่งของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ พาดหัวข่าวว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม"ท่านสติแตกเลย . ท่านนายกฯ ครับ การที่พ่อท่านเลือกท่าน ท่านรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร ง่ายนิดเดียว พ่อท่านไม่เคยไว้ใจใครเลย ไม่เคย ไม่เคยไว้ใจใครเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นลูกสาวตัวเอง โอเค ได้ แต่ความที่แม่ คือคุณหญิงพจมาน ขัดขวาง ไม่ยอมให้เป็น เพราะรู้ว่าจะมีปัญหา ก็เลยต้องตัดสินใจว่าโยนให้ท่านนายกฯ แพทองธารเป็นคนตัดสินใจ . ผมรู้ท่านนายกฯรักลูก คิดถึงลูก อยากจะใช้ชีวิตวันเสาร์-อาทิตย์อยู่กับลูก ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ผิด ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอย่ามาเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยปัญหาชาติบ้านเมืองไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหยุด ท่านนายกฯต้องรู้จักตัวเองบ้างว่าท่านสวมหมวกอะไรอยู่ในขณะนี้ . ผมรู้ว่าคุณพ่อคุณเป็นห่วงท่าน ส่งทีมงานมา ตั้งคณะที่ปรึกษา ที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว ประธานคือพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เข้ามาล้อมรอบ นั่งคุยด้วย ออกมาหมอเลี้ยบก็ให้สัมภาษณ์ทันทีเลยว่าจะอยู่จนครบ 4 ปี จะทำให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น ประเด็นไม่ใช่ปัญหาประชาชนจะร่ำรวยหรือไม่ร่ำรวย ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า ท่านนายกฯเป็นตัวของตัวเองได้ไหม . แต่เผอิญการเป็นตัวของตัวเองนั้น ท่านนายกฯ‘ต้องมีปัญญา’ คำถามคือ ท่านนายกฯ มีสติและมีปัญญามากพอที่จะเป็นนายกฯ ได้ไหม ไม่ใช่ที่ท่านผิดพลาดไปในเรื่องของค่าเงินบาทแข็ง พอค่าเงินบาทแข็ง ท่านก็บอกว่า ดี ทำให้การส่งออกดีขึ้น นี่คือข้อผิดพลาดที่เรือหายไปแล้วนะ ท่านพูดมาแล้วหลายครั้งเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น แต่ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย ผมเฉย ผมคิดในใจว่าท่านคงไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ น่าเห็นใจ . ท่านนายกฯ ครับ การศึกษาบ้านเราจะไปอย่างไร อนาคตบ้านเราจะเป็นอย่างไร คุณพิชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทะเลาะกับคุณเศรษฐพุฒิ ท่านต้องบอกคุณพิชัยให้หยุดพูด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น คุณเศรษฐพุฒิท่านจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ตั้งใจทำงานไป . ท่านนายกฯ ครับ ผมเป็นคนที่มีเหตุมีผล ผมไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ผมไม่รังแกคน แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ท่านไม่ต้องกังวล ท่านทำงานไป ท่านตรวจสอบไป . ผมขอเถอะท่านนายกฯ ท่านตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ท่านทำได้หรือเปล่า เพื่อชาติจริงๆ ท่านต้องบอกพ่อ พ่อ หนูขอทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม พ่ออย่ามายุ่งกับการงานของหนูได้ไหม พ่อหาคนมาแนะนำหนูได้ แต่พ่ออย่าสอดแทรกอะไรเข้ามาให้หนูทำ เป้าหมายของหนูต้องการให้ประเทศชาติไปรอด เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เมื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว หนูถือว่าหนูทำงานได้สำเร็จแล้วแต่ที่สำคัญที่สุด ท่านนายกฯ ท่านอย่าลืมตัวท่านเอง ท่านตัดสินใจจะเข้าสู่สงครามนี้ด้วยตัวท่านเอง . ถ้าท่านรับไม่ไหว ท่านก็ถอยออกมา แต่ท่านเข้าไปแล้ว ท่านต้องสู้ ท่านอย่ามาโอดครวญบนพื้นฐานที่ไม่ใช่ความจริง บอกว่าเพิ่งทำงานได้เดือนเดียว บอกคุณสนธิอย่าเพิ่งมาเดินถนนไล่ ท่านนายกฯ ท่านโกหก . ท่านนายกฯ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรม ผมอายุ 78 แล้ว ผมแก่กว่าคุณพ่อท่านนายกฯ 2 ปี โดยวัยวุฒิตามสังคมไทย ผมต้องเป็นลุงท่านนายกฯ แต่ผมไม่กล้าไปนับญาติกับท่านนายกฯ ไม่กล้า ผมอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่เจียมเนื้อเจียมตัวหรอก . พฤศจิกายนนี้ ผม78 ผมตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะตายทั้งทีให้มันลือลั่นไปทั่วในประวัติศาสตร์ ท่านนายกฯ ไม่ต้องกังวล และให้รู้ด้วยว่าถ้าผมประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผม ไม่ต้องมาหาเลยว่าจะเป็นทหารคนไหน ไม่มี ผมไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ที่มีกองทัพอยู่ข้างหลัง ผมตัวคนเดียว แต่ผมมีประชาชนที่รักความเป็นธรรม และเขารักผม และเขารู้ว่าผมทำงานโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ทำงานให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำงานให้ชาติจริงๆ วันที่ผมออกไปสู้กับคุณพ่อท่านนายกฯ ผมบอกกับทุกคนเลย เฮ้ย ถ้าจะมีกูคนเดียว กูก็จะไป เพราะกูเชื่อของกูอย่างนี้ . ถ้าผมจำเป็นต้องประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ซึ่งผมไม่รู้ว่าเมื่อไร สุดแล้วแต่การทำงานของท่านนายกฯ ผมมีทางเลือกอยู่ทางเดียว ผมต้องชนะ ไม่อย่างนั้นผมยอมตาย . หวังว่าสิ่งที่ผมพูดนี้จะเป็นประโยชน์ ถ้าท่านนายกฯ เปิดใจรับฟังความเห็นของผม นี่กล่าวจากความจริงใจในใจ เพราะโดยวัยวุฒิแล้วท่านก็เหมือนหลานผม แต่ผมไม่กล้านับลุงนับหลานกับท่าน แต่ผมแก่กว่าพ่อท่านนายกฯ 2 ปี ผมอยู่อีกไม่กี่ปีก็จะตายแล้ว ท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คุณพ่อท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คำถาม ถ้าคุณพ่อท่านนายกฯ ตายไปวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ตายอย่างมีสง่าราศีหรือเปล่า ? ไม่มี ท่านนายกฯ ต้องเข้ามากู้ศักดิ์ศรีของคุณพ่อท่านนายก ด้วยการทำความดี ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าไปใส่ใจพวกญาติพี่น้องท่าน . แล้วท่านนายกฯ ต้องไม่สติแตกง่ายๆ ถ้าตัดสินใจมาลงเล่นสงครามแล้ว ต้องพร้อมจะเจ็บ เท่านั้นล่ะครับ
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • สถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา วันที่ 6 ตุลาคม 2567 เวลา 18.00 น.

    ▪️ ปริมาณน้ำไหลผ่าน C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 2,379 ลบ.ม./วินาที
    -4 ลบ.ม./วินาที จาก 6 ต.ค.6 เวลา 12.00 น.

    ▪️ ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท 2,199 ลบ.ม./วินาที
    ทรงตัว จาก 6 ต.ค.67 เวลา 12.00 น. (2,199 ลบ.ม./วินาที)

    จะส่งผลกระทบในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองโผงเผง คลองบางบาล แม่น้ำน้อย และพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ บริเวณ
    ▫️ จ.ชัยนาท อ.สรรพยา และ วัดสิงห์ (ต.โพนางดำตก)
    ▫️ จ.สิงห์บุรี อ.เมือง พรหมบุรี และ อินทร์บุรี (วัดสิงห์ วัดเสือข้าม)
    ▫️ จ.อ่างทอง อ.ป่าโมก และ อ.ไชโย (วัดไชโย)
    ▫️ จ. พระนครศรีอยุธยา อ.พระนครศรีอยุธยา บางบาล ผักไห่ (ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง) และ เสนา (ต.หัวเวียง )
    ▫️ จ.ปทุมธานี อ.เมือง (ต.บางปรก บ้านฉาง บางหลวง บางเดื่อ บางคูวัด บ้านใหม่ บ้านกลาง บ้านกระแชง บางกะดี และบางขะแยง) และ สามโคก (ต.เชียงรากใหญ่ บ้านงิ้ว บ้านปทุม และเชียงรากน้อย)
    ▫️ จ.นนทบุรี อ.ปากเกร็ด (ต.ท่าอิฐ ) เมืองฯ (ต.ไทรม้า ต.บางไผ่)

    ข้อมูล : ศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ (สทนช.)

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/Da61HEKy3iJutWju/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    สถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา วันที่ 6 ตุลาคม 2567 เวลา 18.00 น. ▪️ ปริมาณน้ำไหลผ่าน C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 2,379 ลบ.ม./วินาที -4 ลบ.ม./วินาที จาก 6 ต.ค.6 เวลา 12.00 น. ▪️ ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท 2,199 ลบ.ม./วินาที ทรงตัว จาก 6 ต.ค.67 เวลา 12.00 น. (2,199 ลบ.ม./วินาที) จะส่งผลกระทบในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองโผงเผง คลองบางบาล แม่น้ำน้อย และพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ บริเวณ ▫️ จ.ชัยนาท อ.สรรพยา และ วัดสิงห์ (ต.โพนางดำตก) ▫️ จ.สิงห์บุรี อ.เมือง พรหมบุรี และ อินทร์บุรี (วัดสิงห์ วัดเสือข้าม) ▫️ จ.อ่างทอง อ.ป่าโมก และ อ.ไชโย (วัดไชโย) ▫️ จ. พระนครศรีอยุธยา อ.พระนครศรีอยุธยา บางบาล ผักไห่ (ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง) และ เสนา (ต.หัวเวียง ) ▫️ จ.ปทุมธานี อ.เมือง (ต.บางปรก บ้านฉาง บางหลวง บางเดื่อ บางคูวัด บ้านใหม่ บ้านกลาง บ้านกระแชง บางกะดี และบางขะแยง) และ สามโคก (ต.เชียงรากใหญ่ บ้านงิ้ว บ้านปทุม และเชียงรากน้อย) ▫️ จ.นนทบุรี อ.ปากเกร็ด (ต.ท่าอิฐ ) เมืองฯ (ต.ไทรม้า ต.บางไผ่) ข้อมูล : ศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/Da61HEKy3iJutWju/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • บทวิเคราะห์ UGC (User-Generated Content )เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” โดย ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน เจ้าของนามปากกา “นกป่า อุษาคเนย์” อยู่ในวงการสื่อสารมวลชนมา 25 ปี เนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า

    “หากนำทฤษฎี UGC มาจับกับปรากฏการณ์ “หมูเด้ง” ก็จะเห็นได้ว่า กระแสความโด่งดังของ “หมูเด้ง” ตรงตามรูปแบบของการทำ UGC ทุกประการ

    แม้ในตอนเริ่มต้น ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” จัดประกวดตั้งชื่อ “หมูเด้ง” ในช่วงแรก ที่ชื่อ “หมูเด้ง” ชนะ VOTE “หมูแดง” และ “หมูสับ” ด้วยคะแนน 20,000 กว่า เรียกได้ว่าขาดลอย

    ในช่วงนั้น ยังไม่เกิดกระแส “หมูเด้ง” แต่อย่างใด มิหนำซ้ำ หลังจากได้ชื่อแล้ว ก็เหลือคนสนใจ “หมูเด้ง” น้อยมาก

    เพราะค่าเฉลี่ยความสนใจลูกสัตว์เกิดใหม่ จะมีอยู่เพียงสั้นๆ คือประมาณ 7 วัน ที่ประชาชนให้ความสนใจ ทำให้สื่อมวลชนต้องคอยตามติดในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นก็จะเริ่มซาลง และเริ่มห่างหาย จนกระแสเงียบไปในที่สุด

    ซึ่งทาง “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ก็อาจมีการนำเสนอลูกสัตว์เกิดใหม่รายอื่นๆ ตามมาอีกเรื่อยๆ พอผลตัดสินการประกวดจบสิ้นลงแล้ว กระแสก็จะกลับไปเงียบอีกครั้ง วนเวียนอยู่เช่นนี้

    ต่างจาก “หมูเด้ง” โดยสิ้นเชิง

    เป็นเพราะว่า “หมูเด้ง” เกิดในยุคที่ทุกคนบนโลกเข้าถึง Social Media โดยเรื่องราวที่น่าสนใจจะไม่จำกัดอยู่ภายในประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป ไม่เหมือนกระแสลูกสัตว์เกิดใหม่ที่ผ่านมาของ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว”

    แต่ทันทีที่ “อรรถพล หนุนดี” หรือ “พี่เบนซ์” เจ้าของ Facebook Fanpage “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ได้เริ่มทำ Content “หมูเด้ง” กระแส “หมูเด้ง” ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

    ฐาน “แฟนคลับ” ที่เหนียวแน่น หรือที่เรียกว่า “ลูกเพจ” ดั้งเดิมของ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ที่มีปริมาณมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มี Empathy หรือ “ความผูกพัน” อย่างสูง ยิ่งช่วยต่อยอด Content ในแบบฉบับ UGC ได้เป็นอย่างดี

    ผนวกกับการที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” อยู่ใกล้ศรีราชา จุดที่มีชาวญี่ปุ่นพำนักในเมืองไทยเป็นชุมชน ทำให้มีการแชร์ Content “หมูเด้ง” ต่อๆ กันไปในหมู่ชาวญี่ปุ่น จากเมืองไทยไปญี่ปุ่น และแพร่กระจายไปทั่วโลก

    สำทับด้วยสำนักข่าวตะวันตก ได้แห่กันมาทำข่าว “หมูเด้ง” ติดๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น AP, AFP, BBC, VOA, CNN ก็ยิ่งช่วยสร้าง UGC ให้กับ “หมูเด้ง” จนกลายเป็น Viral ระดับโลกไปแล้ว

    จากความน่ารัก น่าเอ็นดู การสัมผัสได้ถึงการไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝงใน Content เนื่องจากเป็นลูกสัตว์เกิดใหม่ในสวนสัตว์ที่ค่าเข้าชมไม่ได้มากมายอะไร และการขายสินค้าของสวนสัตว์ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึกต่างๆ ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดที่แพงจนจับต้องไม่ได้

    แปลไทยเป็นไทยก็คือ Brand “หมูเด้ง” เป็น Brand บริสุทธิ์ ผนวกกับความทะลึ่ง สะดีดสะดิ้ง น่ารักน่าชัง เมื่อรวมกับบุคลิกดั้งเดิมของ “หมูเด้ง” ที่เป็นลูกฮิปโปแคระที่มีลีลาตลกเป็นพื้นเพอยู่แล้ว ยิ่งเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความประทับใจได้ไม่ยาก

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกลึกๆ ในใจมนุษย์เกี่ยวกับ “ลูกสัตว์” หรือ Baby Animal ทั้งลูกมนุษย์ด้วยกันที่ถือเป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง และลูกสัตว์ต่างๆ ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกน่ารัก น่าเอ็นดู อยากอุ้ม อยากเลี้ยง ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์เป็นทุนเดิม

    ประกอบกับคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ที่แอบเกรี้ยวกราด น่ารัก น่าหยิก ทำให้เป็น UGC ที่ถูกนำไปต่อยอดได้ง่ายใน “วัฒนธรรมมีม” หรือ Meme Culture

    ยกระดับสู่การเป็น “วัฒนธรรมร่วม” ผ่าน Social Media

    เบื้องหลังความสำเร็จของ UGC “หมูเด้ง” คงต้องยกเครดิตให้ “พี่เบนซ์” ไปเต็มๆ ที่สามารถดึงคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ออกมาเล่าได้อย่างน่ารัก

    พูดอีกแบบก็คือ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” มาถูกที่ ถูกเวลา และเล่นได้ถูกจุด จับจุด อารมณ์ร่วมของผู้คนได้อยู่หมัด สร้างการเชื่อมต่อ และเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน เข้ากับ “หมูเด้ง” ได้ตรงจุด

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เสพ Social Media ที่อยู่ไกลจาก “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ที่ไม่สะดวกเดินทางมาสัมผัสกับ “หมูเด้ง” ได้ด้วยตัวเอง

    ตอบสนองธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความรักสัตว์เป็นทุนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลูกสัตว์” น่ารัก ที่ตนไม่สามารถเลี้ยงเอาไว้ในบ้านได้

    จึงสามารถสรุปได้ว่า UGC อยู่เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง”

    https://www.salika.co/2024/10/04/user-generated-content-moodeng/

    #Thaitimes
    บทวิเคราะห์ UGC (User-Generated Content )เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” โดย ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน เจ้าของนามปากกา “นกป่า อุษาคเนย์” อยู่ในวงการสื่อสารมวลชนมา 25 ปี เนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า “หากนำทฤษฎี UGC มาจับกับปรากฏการณ์ “หมูเด้ง” ก็จะเห็นได้ว่า กระแสความโด่งดังของ “หมูเด้ง” ตรงตามรูปแบบของการทำ UGC ทุกประการ แม้ในตอนเริ่มต้น ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” จัดประกวดตั้งชื่อ “หมูเด้ง” ในช่วงแรก ที่ชื่อ “หมูเด้ง” ชนะ VOTE “หมูแดง” และ “หมูสับ” ด้วยคะแนน 20,000 กว่า เรียกได้ว่าขาดลอย ในช่วงนั้น ยังไม่เกิดกระแส “หมูเด้ง” แต่อย่างใด มิหนำซ้ำ หลังจากได้ชื่อแล้ว ก็เหลือคนสนใจ “หมูเด้ง” น้อยมาก เพราะค่าเฉลี่ยความสนใจลูกสัตว์เกิดใหม่ จะมีอยู่เพียงสั้นๆ คือประมาณ 7 วัน ที่ประชาชนให้ความสนใจ ทำให้สื่อมวลชนต้องคอยตามติดในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นก็จะเริ่มซาลง และเริ่มห่างหาย จนกระแสเงียบไปในที่สุด ซึ่งทาง “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ก็อาจมีการนำเสนอลูกสัตว์เกิดใหม่รายอื่นๆ ตามมาอีกเรื่อยๆ พอผลตัดสินการประกวดจบสิ้นลงแล้ว กระแสก็จะกลับไปเงียบอีกครั้ง วนเวียนอยู่เช่นนี้ ต่างจาก “หมูเด้ง” โดยสิ้นเชิง เป็นเพราะว่า “หมูเด้ง” เกิดในยุคที่ทุกคนบนโลกเข้าถึง Social Media โดยเรื่องราวที่น่าสนใจจะไม่จำกัดอยู่ภายในประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป ไม่เหมือนกระแสลูกสัตว์เกิดใหม่ที่ผ่านมาของ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” แต่ทันทีที่ “อรรถพล หนุนดี” หรือ “พี่เบนซ์” เจ้าของ Facebook Fanpage “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ได้เริ่มทำ Content “หมูเด้ง” กระแส “หมูเด้ง” ก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น ฐาน “แฟนคลับ” ที่เหนียวแน่น หรือที่เรียกว่า “ลูกเพจ” ดั้งเดิมของ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ที่มีปริมาณมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มี Empathy หรือ “ความผูกพัน” อย่างสูง ยิ่งช่วยต่อยอด Content ในแบบฉบับ UGC ได้เป็นอย่างดี ผนวกกับการที่ “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” อยู่ใกล้ศรีราชา จุดที่มีชาวญี่ปุ่นพำนักในเมืองไทยเป็นชุมชน ทำให้มีการแชร์ Content “หมูเด้ง” ต่อๆ กันไปในหมู่ชาวญี่ปุ่น จากเมืองไทยไปญี่ปุ่น และแพร่กระจายไปทั่วโลก สำทับด้วยสำนักข่าวตะวันตก ได้แห่กันมาทำข่าว “หมูเด้ง” ติดๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น AP, AFP, BBC, VOA, CNN ก็ยิ่งช่วยสร้าง UGC ให้กับ “หมูเด้ง” จนกลายเป็น Viral ระดับโลกไปแล้ว จากความน่ารัก น่าเอ็นดู การสัมผัสได้ถึงการไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝงใน Content เนื่องจากเป็นลูกสัตว์เกิดใหม่ในสวนสัตว์ที่ค่าเข้าชมไม่ได้มากมายอะไร และการขายสินค้าของสวนสัตว์ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึกต่างๆ ก็ไม่ได้มีราคาค่างวดที่แพงจนจับต้องไม่ได้ แปลไทยเป็นไทยก็คือ Brand “หมูเด้ง” เป็น Brand บริสุทธิ์ ผนวกกับความทะลึ่ง สะดีดสะดิ้ง น่ารักน่าชัง เมื่อรวมกับบุคลิกดั้งเดิมของ “หมูเด้ง” ที่เป็นลูกฮิปโปแคระที่มีลีลาตลกเป็นพื้นเพอยู่แล้ว ยิ่งเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความประทับใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกลึกๆ ในใจมนุษย์เกี่ยวกับ “ลูกสัตว์” หรือ Baby Animal ทั้งลูกมนุษย์ด้วยกันที่ถือเป็นสัตว์ประเภทหนึ่ง และลูกสัตว์ต่างๆ ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกน่ารัก น่าเอ็นดู อยากอุ้ม อยากเลี้ยง ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์เป็นทุนเดิม ประกอบกับคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ที่แอบเกรี้ยวกราด น่ารัก น่าหยิก ทำให้เป็น UGC ที่ถูกนำไปต่อยอดได้ง่ายใน “วัฒนธรรมมีม” หรือ Meme Culture ยกระดับสู่การเป็น “วัฒนธรรมร่วม” ผ่าน Social Media เบื้องหลังความสำเร็จของ UGC “หมูเด้ง” คงต้องยกเครดิตให้ “พี่เบนซ์” ไปเต็มๆ ที่สามารถดึงคาแรกเตอร์ของ “หมูเด้ง” ออกมาเล่าได้อย่างน่ารัก พูดอีกแบบก็คือ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” มาถูกที่ ถูกเวลา และเล่นได้ถูกจุด จับจุด อารมณ์ร่วมของผู้คนได้อยู่หมัด สร้างการเชื่อมต่อ และเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน เข้ากับ “หมูเด้ง” ได้ตรงจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่เสพ Social Media ที่อยู่ไกลจาก “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ที่ไม่สะดวกเดินทางมาสัมผัสกับ “หมูเด้ง” ได้ด้วยตัวเอง ตอบสนองธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความรักสัตว์เป็นทุนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลูกสัตว์” น่ารัก ที่ตนไม่สามารถเลี้ยงเอาไว้ในบ้านได้ จึงสามารถสรุปได้ว่า UGC อยู่เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง” https://www.salika.co/2024/10/04/user-generated-content-moodeng/ #Thaitimes
    WWW.SALIKA.CO
    UGC เบื้องหลังความดังของ “หมูเด้ง”
    User-Generated Content (UGC) หมายถึง Story ที่ผู้บริโภค หรือลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมาย สร้างขึ้นมาเอง โดยผู้คนเหล่านั้น จะพูดถึงเรื่องราวที่พวกเขาประทับใจ หรือให้ความสนใจ โดยที่ต้นเรื่องไม่ต้องเสียเงินจ้างแม้แต่บาทเดียว
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์จากเฟซบุ๊ก Nat MJ
    “ น้ำท่วมเชียงใหม่ปีนี้ หนักกว่า 54 คิดเป็นระดับน้ำท่วมที่รอบ 200 ปี เลยทีเดียว แต่ทำไมคลื่นน้ำท่วม 54 มากกว่า ปี 67 นี้ ??

    จากฝนที่ตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเกิดคลื่นน้ำท่วมลงมาที่เชียงใหม่ติดๆ กัน 2 ครั้ง และในครั้งหลังซึ่งกำลังไหลเข้าท่วมเมืองเชียงใหม่ เหมือนอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อนนั้น หลายคนบอกว่าหนักกว่าปี 54 อีก ซึ่งมาจากปริมาณฝนที่มากรวมกับสภาพพื้นที่ที่มีความชื้นในดินสูงและอิ่มตัวด้วยน้ำ ทำให้ฝนที่ตกลงมาเกิดเป็นน้ำท่าจำนวนมาก

    ซึ่งตรงนี้เป็นที่น่าสนใจคือ จากรูปที่ 1 (ล่าง) ถ้าเทียบอัตราการไหลของปี 2567 กับ ปี 2554 พบกว่า ปีนี้ 2567 อัตราการไหลสูงสุด คือ 656 ลบ.ม./วิ. ซึ่ง "น้อยกว่า" ปี 2554 ซึ่งมีมากถึง 816.8 ลบ.ม./วิ. แต่เมื่อเทียบระดับน้ำสูงสุด พบกว่า ปี 2567 อยู่ที่ 305.80 ม.รทก. ซึ่ง "มากกว่า" ปี 2554 ที่ 305.44 ม.รทก.

    ตรงนี้เองที่ทำให้หลายคนบอกว่าปีนี้ 2567 ท่วมหนักกว่า 2554 เพราะระดับน้ำนั้นสูงมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแสดงว่า ความสามารถในการไหลของน้ำของแม่น้ำปิงที่ผ่านตัวเมืองเชียงใหม่นั้นลดลงอย่างมาก คือ ที่ระดับน้ำเดียวกันมีความสามารถในการไหลผ่านน้อยกว่ามาก ซึ่งตรงนี้เป็นไปได้ทั้งในแง่ของทางน้ำที่ถูกบีบแคบลงเนื่องจากการรุกล้ำทางน้ำ หรือการตกทับถมของตะกอนตามท้องลำน้ำ หรือมีสิ่งกีดขวางการไหลของน้ำตามจุดต่างๆ รวมทั้งสิ่งอื่นๆ ที่กระทบต่อการระบายน้ำของแม่น้ำปิง ซึ่งสิ่งต่างๆ นั้นเกิดขึ้นได้ทั้งจากธรรมชาติและมนุษย์มีส่วนร่วมทำให้เกิดขึ้นด้วย

    ถ้ามาดูรูปที่ 2 (ภาพบน) ระดับน้ำสูงสุดชั่วขณะรายปีนั้นมีค่าแตกต่างเพิ่มขึ้นจากอดีตถึงปัจจุบัน และมีแนวโน้มความแตกต่างที่มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ รูปที่ 2 (ภาพล่าง) อัตราการไหลสูงสุดรายปีที่แตกต่างกันจากอดีตเพิ่มขึ้นมา และเริ่มคงที่ในช่วงท้าย ซึ่งนั่นหมายถึง ลักษณะทางกายภาพของลำน้ำปิงที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ส่งผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงสูงขึ้นจากเดิมโดยที่ฝนหรือน้ำท่วมที่ไหลลงมาอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมได้

    และสุดท้าย รูปที่ 3 เมื่อเอาค่าอัตราการไหลสูงสุดและระดับน้ำสูงสุดของปี 2554 และ 2567 ที่กำลังเกิดขึ้นมาคำนวณเป็นรอบปีการเกิดซ้ำ จะได้ว่า

    - ระดับน้ำสูงสุด ปี 2567 = 305.8 ม.รทก. ที่รอบปี 200 ปี !!
    - ระดับน้ำสูงสุด ปี 2554 = 305.44 ม.รทก. ที่รอบปี 46 ปี

    แต่อัตราการไหลจะสลับกัน คือ

    - อัตราการไหลสูงสุด ปี 2567 = 656.0 ลบ.ม./วิ. ที่รอบปี 17 ปี เท่านั้น !!
    - อัตราการไหลสูงสุด ปี 2554 = 816.8 ลบ.ม./วิ. ที่รอบปี 62 ปี เท่านั้น !!

    ซึ่งแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา และส่งผลกระทบกับคนในพื้นที่โดยตรง”

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/Er32UGx7FbUzZGtb/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    รีโพสต์จากเฟซบุ๊ก Nat MJ “ น้ำท่วมเชียงใหม่ปีนี้ หนักกว่า 54 คิดเป็นระดับน้ำท่วมที่รอบ 200 ปี เลยทีเดียว แต่ทำไมคลื่นน้ำท่วม 54 มากกว่า ปี 67 นี้ ?? จากฝนที่ตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเกิดคลื่นน้ำท่วมลงมาที่เชียงใหม่ติดๆ กัน 2 ครั้ง และในครั้งหลังซึ่งกำลังไหลเข้าท่วมเมืองเชียงใหม่ เหมือนอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อนนั้น หลายคนบอกว่าหนักกว่าปี 54 อีก ซึ่งมาจากปริมาณฝนที่มากรวมกับสภาพพื้นที่ที่มีความชื้นในดินสูงและอิ่มตัวด้วยน้ำ ทำให้ฝนที่ตกลงมาเกิดเป็นน้ำท่าจำนวนมาก ซึ่งตรงนี้เป็นที่น่าสนใจคือ จากรูปที่ 1 (ล่าง) ถ้าเทียบอัตราการไหลของปี 2567 กับ ปี 2554 พบกว่า ปีนี้ 2567 อัตราการไหลสูงสุด คือ 656 ลบ.ม./วิ. ซึ่ง "น้อยกว่า" ปี 2554 ซึ่งมีมากถึง 816.8 ลบ.ม./วิ. แต่เมื่อเทียบระดับน้ำสูงสุด พบกว่า ปี 2567 อยู่ที่ 305.80 ม.รทก. ซึ่ง "มากกว่า" ปี 2554 ที่ 305.44 ม.รทก. ตรงนี้เองที่ทำให้หลายคนบอกว่าปีนี้ 2567 ท่วมหนักกว่า 2554 เพราะระดับน้ำนั้นสูงมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแสดงว่า ความสามารถในการไหลของน้ำของแม่น้ำปิงที่ผ่านตัวเมืองเชียงใหม่นั้นลดลงอย่างมาก คือ ที่ระดับน้ำเดียวกันมีความสามารถในการไหลผ่านน้อยกว่ามาก ซึ่งตรงนี้เป็นไปได้ทั้งในแง่ของทางน้ำที่ถูกบีบแคบลงเนื่องจากการรุกล้ำทางน้ำ หรือการตกทับถมของตะกอนตามท้องลำน้ำ หรือมีสิ่งกีดขวางการไหลของน้ำตามจุดต่างๆ รวมทั้งสิ่งอื่นๆ ที่กระทบต่อการระบายน้ำของแม่น้ำปิง ซึ่งสิ่งต่างๆ นั้นเกิดขึ้นได้ทั้งจากธรรมชาติและมนุษย์มีส่วนร่วมทำให้เกิดขึ้นด้วย ถ้ามาดูรูปที่ 2 (ภาพบน) ระดับน้ำสูงสุดชั่วขณะรายปีนั้นมีค่าแตกต่างเพิ่มขึ้นจากอดีตถึงปัจจุบัน และมีแนวโน้มความแตกต่างที่มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ รูปที่ 2 (ภาพล่าง) อัตราการไหลสูงสุดรายปีที่แตกต่างกันจากอดีตเพิ่มขึ้นมา และเริ่มคงที่ในช่วงท้าย ซึ่งนั่นหมายถึง ลักษณะทางกายภาพของลำน้ำปิงที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ส่งผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงสูงขึ้นจากเดิมโดยที่ฝนหรือน้ำท่วมที่ไหลลงมาอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิมได้ และสุดท้าย รูปที่ 3 เมื่อเอาค่าอัตราการไหลสูงสุดและระดับน้ำสูงสุดของปี 2554 และ 2567 ที่กำลังเกิดขึ้นมาคำนวณเป็นรอบปีการเกิดซ้ำ จะได้ว่า - ระดับน้ำสูงสุด ปี 2567 = 305.8 ม.รทก. ที่รอบปี 200 ปี !! - ระดับน้ำสูงสุด ปี 2554 = 305.44 ม.รทก. ที่รอบปี 46 ปี แต่อัตราการไหลจะสลับกัน คือ - อัตราการไหลสูงสุด ปี 2567 = 656.0 ลบ.ม./วิ. ที่รอบปี 17 ปี เท่านั้น !! - อัตราการไหลสูงสุด ปี 2554 = 816.8 ลบ.ม./วิ. ที่รอบปี 62 ปี เท่านั้น !! ซึ่งแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา และส่งผลกระทบกับคนในพื้นที่โดยตรง” ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/Er32UGx7FbUzZGtb/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • ปล่อยปลา >>> ครั้งที่ 296
    วันอาทิตย์: ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง
    วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ (6 October 2024)

    ปล่อยปลาหมอ ที่แม่น้ำเจ้าพระยา 12 ตัว 120 บาท
    บริเวณสะพานพระราม ๔ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๒๙ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ปล่อยปลา >>> ครั้งที่ 296 วันอาทิตย์: ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ (6 October 2024) ปล่อยปลาหมอ ที่แม่น้ำเจ้าพระยา 12 ตัว 120 บาท บริเวณสะพานพระราม ๔ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๒๙ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 Comments 0 Shares 34 Views 32 0 Reviews
  • ปล่อยปลา >>> ครั้งที่ 296
    วันอาทิตย์: ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง
    วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ (6 October 2024)

    ปล่อยปลาหมอ ที่แม่น้ำเจ้าพระยา 12 ตัว 120 บาท
    บริเวณสะพานพระราม ๔ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๒๙ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ปล่อยปลา >>> ครั้งที่ 296 วันอาทิตย์: ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ (6 October 2024) ปล่อยปลาหมอ ที่แม่น้ำเจ้าพระยา 12 ตัว 120 บาท บริเวณสะพานพระราม ๔ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๒๙ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,539
    วันอาทิตย์: ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง
    วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ (6 October 2024)

    รายการทำบุญ(Photo Album) ชุดที่ 2/3
    ทอดกฐินสามัคคี 30 วัด เป็นเงิน 600 บาท
    11. วัดถ้ำชาละวัน อ.เมือง จ.พิจิตร
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    12. วัดถ้ำวัวแดง อ.ภักดีชุมหล จ.ชัยภูมิ
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    13. วัดท่อใหญ่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    14. วัดทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    15. วัดทุ่งแม่น้ำน้อย อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    16. วัดธรรมมณฑล อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    17. วัดน้ำพริก อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    18. วัดบางปลาหมอ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    19. วัดบ้านบ่อวนาราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    20. วัดบ้านหนองผาง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๒๙ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,539 วันอาทิตย์: ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ (6 October 2024) รายการทำบุญ(Photo Album) ชุดที่ 2/3 ทอดกฐินสามัคคี 30 วัด เป็นเงิน 600 บาท 11. วัดถ้ำชาละวัน อ.เมือง จ.พิจิตร (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 12. วัดถ้ำวัวแดง อ.ภักดีชุมหล จ.ชัยภูมิ (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 13. วัดท่อใหญ่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 14. วัดทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 15. วัดทุ่งแม่น้ำน้อย อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 16. วัดธรรมมณฑล อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 17. วัดน้ำพริก อ.นครไทย จ.พิษณุโลก (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 18. วัดบางปลาหมอ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 19. วัดบ้านบ่อวนาราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 20. วัดบ้านหนองผาง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๒๙ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง……“จากสนธิ ลิ้มทองกุล ถึงนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์"
    .
    ในรายการ "สนธิเล่าเรื่อง" เมื่อวันพุธที่2ตุลาคมที่ผ่านมา ผมพูดจาโดยตรงกับท่านนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ที่ท่านพูดโอดครวญว่าทำงานยังไม่ถึงเดือนเลย ผมจะมาไล่ท่านแล้วหรือ ท่านใช้ความเป็นเด็ก ความน่าสงสาร ทำให้ตัวท่านเหมือนกับถูกผู้ใหญ่อย่างผมรังแก ฟังเสียก่อนแล้วจะรู้ว่าผมไม่ได้รังแกอะไรเขา เขาทำตัวเขาเองทั้งสิ้น
    .
    ท่านนายกฯ แพทองธารครับ ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องใช้สติปัญญาในการพิจารณาข้อความ เรื่องราวต่างๆ ของท่าน ท่านอย่าไปเที่ยวให้นักข่าวถามท่าน หรือว่าให้คนใกล้ชิดใส่ร้ายป้ายสี
    .
    ในรายการ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน ผมบอกว่าผมจะทำ 3 เรื่อง -เรื่องแรกที่ผมจะทำก็คือว่า ไม่เกินสิ้นปีนี้ผมจะไปยื่นขอความเป็นธรรมกับกรณีที่ผมโดนลอบสังหาร เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 โดนยิง 200 นัด บาดเจ็บสาหัส จากวันนั้นถึงวันนี้คดีความไม่ไปไหนเลย
    .
    -เรื่องที่สอง เรื่องปริมาณพม่าลี้ภัยเข้ามาในเมืองไทยเยอะเหลือเกิน สมุทรปราการ มหาชัย แม่สอดกลายเป็นเมืองพม่า พม่าเริ่มเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการหลายกิจการ อันนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ พรรคภูมิใจไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง 3 แห่ง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และ กระทรวงมหาดไทย แล้วเรามีพรรคการเมือง คือ พรรคประชาชน (พม่า) หนุนหลังพวกลี้ภัยพม่าพวกนี้ทั้งหมดเลย นี่คือความเป็นห่วงที่ผมมีอยู่ นั่นคือจดหมายคำร้องเรียนเรื่องที่สองที่จะตามไป
    .
    เรื่องสุดท้ายผมบอกว่าผมจะติดตามการทำงานของท่านนายกฯ แพทองธารตลอดเวลา แล้วถ้าท่านทำถูกต้อง ผมให้กำลังใจ แต่ถ้าทำอะไรไม่ถูกต้อง มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ขายชาติ ขายแผ่นดิน ยกเกาะกูดให้กับเขมร ซึ่งท่านนายกฯ แพทองธารก็ต้องรู้ว่า ตระกูล "ชินวัตร" โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อของท่าน มีความสนิทสนมกับสมเด็จฮุน เซน มาก
    .
    ตรงนี้ถ้าท่านนายกฯ ไม่ลงมาจัดการหรือระมัดระวังตัว แล้วเราต้องยกชาติยกแผ่นดิน ยกพื้นที่ให้กับเขมร ขโมยพื้นที่เกาะกูดไป รวมเบ็ดเสร็จ รวมทั้งฉ้อราษฎร์บังหลวง ช่วยเหลือผู้คนในเครือข่ายตัวเอง ผมบอกว่า ถ้ามันเป็นอย่างนี้ ผมจะขอลงถนนเพื่อที่จะไล่ท่าน แต่ผมไม่ได้บอกว่าทันที ผมบอกจะรอจนถึงปีหน้า ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านนายกฯ
    .
    แต่ถ้าท่านยังรักพ่อมากกว่ารักชาติ ซึ่งเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่ประหลาดใจ ทิศทางมันน่าจะไปทางด้านนั้น แต่ผมบอกท่านนายกฯแล้วหลายเรื่องนะ การคอร์รัปชัน ความไม่โปร่งใสในการทำงาน ความที่ประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรมที่ควรจะได้รับ เหมือนผมโดนยิงไปแล้ว 12 ปี ไม่ได้รับความยุติธรรม ผมกำลังจะทดสอบท่านว่าท่านจะหาความยุติธรรมให้ผมได้หรือเปล่า มีที่ไหน โดนลอบสังหารด้วยอาวุธสงคราม 200 นัด 12 ปีแล้ว เรื่องราวไม่ได้ไปไหนเลย
    .
    แต่ที่สำคัญที่สุด นอกเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ท่านต้องไม่ขายชาติ ท่านต้องไม่ยกแผ่นดินเกาะกูดให้กับเขมร เพื่อแลกกับสิทธิในการขุดน้ำมันด้วยกัน พื้นที่ทับซ้อนในทะเลเขมรยอมรับว่าที่นี้เป็นที่ของไทย ไม่รุกเข้ามา เมื่อยอมรับแล้ว การเจรจาเพื่อที่จะลงทุนร่วมกันในที่นั้นย่อมเป็นไปได้ ถูกไหมท่านนายกฯ แต่ไม่ใช่มาตัดให้เขมรเพื่อให้เขมรมีสิทธิ์ นี่คือสิ่งที่ผมจะยอมให้ไม่ได้
    โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง……“จากสนธิ ลิ้มทองกุล ถึงนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์" . ในรายการ "สนธิเล่าเรื่อง" เมื่อวันพุธที่2ตุลาคมที่ผ่านมา ผมพูดจาโดยตรงกับท่านนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ที่ท่านพูดโอดครวญว่าทำงานยังไม่ถึงเดือนเลย ผมจะมาไล่ท่านแล้วหรือ ท่านใช้ความเป็นเด็ก ความน่าสงสาร ทำให้ตัวท่านเหมือนกับถูกผู้ใหญ่อย่างผมรังแก ฟังเสียก่อนแล้วจะรู้ว่าผมไม่ได้รังแกอะไรเขา เขาทำตัวเขาเองทั้งสิ้น . ท่านนายกฯ แพทองธารครับ ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องใช้สติปัญญาในการพิจารณาข้อความ เรื่องราวต่างๆ ของท่าน ท่านอย่าไปเที่ยวให้นักข่าวถามท่าน หรือว่าให้คนใกล้ชิดใส่ร้ายป้ายสี . ในรายการ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน ผมบอกว่าผมจะทำ 3 เรื่อง -เรื่องแรกที่ผมจะทำก็คือว่า ไม่เกินสิ้นปีนี้ผมจะไปยื่นขอความเป็นธรรมกับกรณีที่ผมโดนลอบสังหาร เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 โดนยิง 200 นัด บาดเจ็บสาหัส จากวันนั้นถึงวันนี้คดีความไม่ไปไหนเลย . -เรื่องที่สอง เรื่องปริมาณพม่าลี้ภัยเข้ามาในเมืองไทยเยอะเหลือเกิน สมุทรปราการ มหาชัย แม่สอดกลายเป็นเมืองพม่า พม่าเริ่มเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการหลายกิจการ อันนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ พรรคภูมิใจไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง 3 แห่ง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และ กระทรวงมหาดไทย แล้วเรามีพรรคการเมือง คือ พรรคประชาชน (พม่า) หนุนหลังพวกลี้ภัยพม่าพวกนี้ทั้งหมดเลย นี่คือความเป็นห่วงที่ผมมีอยู่ นั่นคือจดหมายคำร้องเรียนเรื่องที่สองที่จะตามไป . เรื่องสุดท้ายผมบอกว่าผมจะติดตามการทำงานของท่านนายกฯ แพทองธารตลอดเวลา แล้วถ้าท่านทำถูกต้อง ผมให้กำลังใจ แต่ถ้าทำอะไรไม่ถูกต้อง มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ขายชาติ ขายแผ่นดิน ยกเกาะกูดให้กับเขมร ซึ่งท่านนายกฯ แพทองธารก็ต้องรู้ว่า ตระกูล "ชินวัตร" โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อของท่าน มีความสนิทสนมกับสมเด็จฮุน เซน มาก . ตรงนี้ถ้าท่านนายกฯ ไม่ลงมาจัดการหรือระมัดระวังตัว แล้วเราต้องยกชาติยกแผ่นดิน ยกพื้นที่ให้กับเขมร ขโมยพื้นที่เกาะกูดไป รวมเบ็ดเสร็จ รวมทั้งฉ้อราษฎร์บังหลวง ช่วยเหลือผู้คนในเครือข่ายตัวเอง ผมบอกว่า ถ้ามันเป็นอย่างนี้ ผมจะขอลงถนนเพื่อที่จะไล่ท่าน แต่ผมไม่ได้บอกว่าทันที ผมบอกจะรอจนถึงปีหน้า ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านนายกฯ . แต่ถ้าท่านยังรักพ่อมากกว่ารักชาติ ซึ่งเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่ประหลาดใจ ทิศทางมันน่าจะไปทางด้านนั้น แต่ผมบอกท่านนายกฯแล้วหลายเรื่องนะ การคอร์รัปชัน ความไม่โปร่งใสในการทำงาน ความที่ประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรมที่ควรจะได้รับ เหมือนผมโดนยิงไปแล้ว 12 ปี ไม่ได้รับความยุติธรรม ผมกำลังจะทดสอบท่านว่าท่านจะหาความยุติธรรมให้ผมได้หรือเปล่า มีที่ไหน โดนลอบสังหารด้วยอาวุธสงคราม 200 นัด 12 ปีแล้ว เรื่องราวไม่ได้ไปไหนเลย . แต่ที่สำคัญที่สุด นอกเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ท่านต้องไม่ขายชาติ ท่านต้องไม่ยกแผ่นดินเกาะกูดให้กับเขมร เพื่อแลกกับสิทธิในการขุดน้ำมันด้วยกัน พื้นที่ทับซ้อนในทะเลเขมรยอมรับว่าที่นี้เป็นที่ของไทย ไม่รุกเข้ามา เมื่อยอมรับแล้ว การเจรจาเพื่อที่จะลงทุนร่วมกันในที่นั้นย่อมเป็นไปได้ ถูกไหมท่านนายกฯ แต่ไม่ใช่มาตัดให้เขมรเพื่อให้เขมรมีสิทธิ์ นี่คือสิ่งที่ผมจะยอมให้ไม่ได้
    Like
    Love
    6
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • 6 ตุลาคม 2567-อ.สนธิ คชวัตร วิเคราะห์ น้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ในรอบร้อยปี ว่าสาเหตุสำคัญคือฝนตกหนักบนดอยที่ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นเกษตรกรรมพืชเชิงเดี่ยว...

    1.สาเหตุของน้ำท่วมหนักในเมืองเชียงใหม่เกิดจากฝนตกหนักหลายวันโดยช่วงต้นเดือนตุลาคม 2567 มีฝนหนักติดต่อกัน3วันวัดปริมาณน้ำฝนได้200ถึง300มิลลิเมตรทั้งที่ไม่มีพายุเข้าแต่เกิดจากมวลอากาศเย็นเคลื่อนลงมาจากแผ่นดินใหญ่มาปะทะร่องมรสุมความกดอากาศต่ำ(อากาศร้อน) ที่พาดผ่านทำให้เกิดฝนตกหนักในเขตอำ เภอเชียงดาว อำเภอแม่แตง อำเภอแม่ริมและอำเภอพร้าวจนเกิดน้ำท่วมอย่างหนักในพื้นที่ราบเชิงเขาของอำเภอเชียงดาว อำเภอแม่แตงและอำเภอเมืองเชียงใหม่โดยทั้งแม่น้ำแม่งัด แม่น้ำแม่แตงและแม่น้ำปิงมีปริมาณน้ำไหลเชี่ยวกรากลงมาท่วมพื้นที่เมืองเชียงใหม่

    2.แม่น้ำปิงมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาผีปันน้ำในพื้นที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียง ใหม่ไหลลงมาทางทิศไต้ผ่านหุบเขาเข้าสู่เขตอำเภอแม่แตง มีแม่น้ำแม่งัดไหลมาบรร จบทางฝั่งซ้ายและน้ำแม่แตงไหลมาบรร จบทางฝั่งขวาเข้าสู่พื้นที่ราบลุ่มผ่านอำ เภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และมีน้ำแม่กวง ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำปิงไหลมาบรรจบทางฝั่งซ้าย บริเวณพื้นที่อำเภอป่าซาง จัง หวัดลำพูน จากนั้นแม่น้ำปิงจะไหลไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้โดยมีแม่น้ำลี้ ซึ่งไหลผ่านจากอำเภอลี้ มาบรรจบกับแม่น้ำปิงที่อำเภอจอมทองทางฝั่งซ้ายและจากอำเภอจอมทอง แม่น้ำปิงจะไหลลงไปทางใต้โดย มีแม่น้ำแม่แจ่มไหลมาบรรจบทางฝั่งขวาที่อำเภอฮอดก่อนจะไหลเข้าสู่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ที่อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ต่อไป
    เมื่อเกิดฝนตกหนักติดต่อกันยาวนานในพื้นที่ต้นน้ำจะเป็นผลให้ระดับน้ำและปริ มาณน้ำในแม่ปิงสะสมตัวเพิ่มสูงขึ้น จนเกิดล้นตลิ่งและไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำใกล้เคียง เกิดอุทกภัยสร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่บ้านเรือน ชีวิตและทรัพย์สินขึ้นได้ โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ โดยจะเกิดขึ้นเมื่อปริมาณน้ำเพิ่มสูงเกินความจุของลำน้ำโดยความจุของน้ำปิงที่ตัวเมืองเชียงใหม่คือ 440 ลบ.เมตร/วินาที และระ ดับวิกฤติที่น้ำจะเริ่มล้นฝั่งไหลท่วมอยู่ที่ 3.70 เมตร

    3. ปี2566/67 จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 285,004 ไร่ ที่อำเภอเชียงดาวมีพื้นที่ปลูกข้าวโพด 19,878 ไร่ และอำเภอแม่แตงมีพื้นที่ปลูกข้าวโพดประมาณ1636.75ไร่ ส่วนใหญ่จะปลูกบนดอยสูง นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำ ให้น้ำป่าบนภูเขาต้นน้ำไหลลงมาได้รวด เร็วและเชี่ยวกรากไหลลงมาท่วมพื้นที่ราบเชิงเขาได้
    ...หากฝนตกบนภูเขาที่เต็มไปด้วยป่าใหญ่ น้ำฝนจะขังอยู่ในป่าประมาณเก้าส่วน อีกหนึ่งส่วนไหลลงข้างล่าง และค่อยๆไหลรินไปหล่อเลี้ยงผู้คนด้านล่างตลอดทั้งปี แต่หากเป็นภูเขาหัวโล้น น้ำฝนจะขังอยู่หนึ่งส่วน อีกเก้าส่วนไหลลงข้างล่างทำให้เกิดมหาอุทกภัยใหญ่หลวง...

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/pfkBEHemaUuFdGYg/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    6 ตุลาคม 2567-อ.สนธิ คชวัตร วิเคราะห์ น้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ในรอบร้อยปี ว่าสาเหตุสำคัญคือฝนตกหนักบนดอยที่ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นเกษตรกรรมพืชเชิงเดี่ยว... 1.สาเหตุของน้ำท่วมหนักในเมืองเชียงใหม่เกิดจากฝนตกหนักหลายวันโดยช่วงต้นเดือนตุลาคม 2567 มีฝนหนักติดต่อกัน3วันวัดปริมาณน้ำฝนได้200ถึง300มิลลิเมตรทั้งที่ไม่มีพายุเข้าแต่เกิดจากมวลอากาศเย็นเคลื่อนลงมาจากแผ่นดินใหญ่มาปะทะร่องมรสุมความกดอากาศต่ำ(อากาศร้อน) ที่พาดผ่านทำให้เกิดฝนตกหนักในเขตอำ เภอเชียงดาว อำเภอแม่แตง อำเภอแม่ริมและอำเภอพร้าวจนเกิดน้ำท่วมอย่างหนักในพื้นที่ราบเชิงเขาของอำเภอเชียงดาว อำเภอแม่แตงและอำเภอเมืองเชียงใหม่โดยทั้งแม่น้ำแม่งัด แม่น้ำแม่แตงและแม่น้ำปิงมีปริมาณน้ำไหลเชี่ยวกรากลงมาท่วมพื้นที่เมืองเชียงใหม่ 2.แม่น้ำปิงมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาผีปันน้ำในพื้นที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียง ใหม่ไหลลงมาทางทิศไต้ผ่านหุบเขาเข้าสู่เขตอำเภอแม่แตง มีแม่น้ำแม่งัดไหลมาบรร จบทางฝั่งซ้ายและน้ำแม่แตงไหลมาบรร จบทางฝั่งขวาเข้าสู่พื้นที่ราบลุ่มผ่านอำ เภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และมีน้ำแม่กวง ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำปิงไหลมาบรรจบทางฝั่งซ้าย บริเวณพื้นที่อำเภอป่าซาง จัง หวัดลำพูน จากนั้นแม่น้ำปิงจะไหลไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้โดยมีแม่น้ำลี้ ซึ่งไหลผ่านจากอำเภอลี้ มาบรรจบกับแม่น้ำปิงที่อำเภอจอมทองทางฝั่งซ้ายและจากอำเภอจอมทอง แม่น้ำปิงจะไหลลงไปทางใต้โดย มีแม่น้ำแม่แจ่มไหลมาบรรจบทางฝั่งขวาที่อำเภอฮอดก่อนจะไหลเข้าสู่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ที่อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ต่อไป เมื่อเกิดฝนตกหนักติดต่อกันยาวนานในพื้นที่ต้นน้ำจะเป็นผลให้ระดับน้ำและปริ มาณน้ำในแม่ปิงสะสมตัวเพิ่มสูงขึ้น จนเกิดล้นตลิ่งและไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำใกล้เคียง เกิดอุทกภัยสร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่บ้านเรือน ชีวิตและทรัพย์สินขึ้นได้ โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ โดยจะเกิดขึ้นเมื่อปริมาณน้ำเพิ่มสูงเกินความจุของลำน้ำโดยความจุของน้ำปิงที่ตัวเมืองเชียงใหม่คือ 440 ลบ.เมตร/วินาที และระ ดับวิกฤติที่น้ำจะเริ่มล้นฝั่งไหลท่วมอยู่ที่ 3.70 เมตร 3. ปี2566/67 จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 285,004 ไร่ ที่อำเภอเชียงดาวมีพื้นที่ปลูกข้าวโพด 19,878 ไร่ และอำเภอแม่แตงมีพื้นที่ปลูกข้าวโพดประมาณ1636.75ไร่ ส่วนใหญ่จะปลูกบนดอยสูง นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำ ให้น้ำป่าบนภูเขาต้นน้ำไหลลงมาได้รวด เร็วและเชี่ยวกรากไหลลงมาท่วมพื้นที่ราบเชิงเขาได้ ...หากฝนตกบนภูเขาที่เต็มไปด้วยป่าใหญ่ น้ำฝนจะขังอยู่ในป่าประมาณเก้าส่วน อีกหนึ่งส่วนไหลลงข้างล่าง และค่อยๆไหลรินไปหล่อเลี้ยงผู้คนด้านล่างตลอดทั้งปี แต่หากเป็นภูเขาหัวโล้น น้ำฝนจะขังอยู่หนึ่งส่วน อีกเก้าส่วนไหลลงข้างล่างทำให้เกิดมหาอุทกภัยใหญ่หลวง... ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/pfkBEHemaUuFdGYg/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • ปล่อยปลา >>> ครั้งที่ 296
    วันอาทิตย์: ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง
    วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ (6 October 2024)

    ปล่อยปลาหมอ ที่แม่น้ำเจ้าพระยา 12 ตัว 120 บาท
    บริเวณสะพานพระราม ๔ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๒๙ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ปล่อยปลา >>> ครั้งที่ 296 วันอาทิตย์: ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ (6 October 2024) ปล่อยปลาหมอ ที่แม่น้ำเจ้าพระยา 12 ตัว 120 บาท บริเวณสะพานพระราม ๔ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๒๙ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 Comments 0 Shares 42 Views 24 0 Reviews
  • หลายคนก็เคยได้ยิน…ยิ่งทำประกันเร็วยิ่งได้เปรียบเพราะค่าเบี้ยถูก😻😻😻

    ถ้าจ่ายเบี้ยแล้วได้คืนหมด แถมเบี้ยคงที่ไม่เปลี่ยน
    อนาคตลูกจำเป็นต้องใช้ ตัวประกันมีมูลค่า ไม่ขาดทุน 100%
    และที่สำคัญดูแลโรคร้าย แม้เราไม่อยู่ 🧑🏻‍🍼👨🏻‍🍼

    #ประกันเลือกเอง #ประกันชีวิตAIA #ประกันชีวิตออนไลน์ #ประกันโรคร้าย #โรงพยาบาล #AIA #มะเร็ง #ประกันชีวิต #เจอจ่ายหลายจบ #เบี้ยไม่ทิ้ง #คุ้มครองโรคร้าย #คุ้มครองโรคร้ายแรง #มะเร็งตัวร้าย #thaitime
    หลายคนก็เคยได้ยิน…ยิ่งทำประกันเร็วยิ่งได้เปรียบเพราะค่าเบี้ยถูก😻😻😻 ถ้าจ่ายเบี้ยแล้วได้คืนหมด แถมเบี้ยคงที่ไม่เปลี่ยน อนาคตลูกจำเป็นต้องใช้ ตัวประกันมีมูลค่า ไม่ขาดทุน 100% และที่สำคัญดูแลโรคร้าย แม้เราไม่อยู่ 🧑🏻‍🍼👨🏻‍🍼 #ประกันเลือกเอง #ประกันชีวิตAIA #ประกันชีวิตออนไลน์ #ประกันโรคร้าย #โรงพยาบาล #AIA #มะเร็ง #ประกันชีวิต #เจอจ่ายหลายจบ #เบี้ยไม่ทิ้ง #คุ้มครองโรคร้าย #คุ้มครองโรคร้ายแรง #มะเร็งตัวร้าย #thaitime
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • ปล่อยปลา >>> ครั้งที่ 296
    วันอาทิตย์: ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง
    วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ (6 October 2024)

    ปล่อยปลาหมอ ที่แม่น้ำเจ้าพระยา 12 ตัว 120 บาท
    บริเวณสะพานพระราม ๔ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๒๙ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ปล่อยปลา >>> ครั้งที่ 296 วันอาทิตย์: ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ (6 October 2024) ปล่อยปลาหมอ ที่แม่น้ำเจ้าพระยา 12 ตัว 120 บาท บริเวณสะพานพระราม ๔ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๒๙ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,539
    วันอาทิตย์: ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง
    วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ (6 October 2024)

    รายการทำบุญ(Photo Album) ชุดที่ 2/3
    ทอดกฐินสามัคคี 30 วัด เป็นเงิน 600 บาท
    11. วัดถ้ำชาละวัน อ.เมือง จ.พิจิตร
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    12. วัดถ้ำวัวแดง อ.ภักดีชุมหล จ.ชัยภูมิ
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    13. วัดท่อใหญ่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    14. วัดทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    15. วัดทุ่งแม่น้ำน้อย อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    16. วัดธรรมมณฑล อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    17. วัดน้ำพริก อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    18. วัดบางปลาหมอ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    19. วัดบ้านบ่อวนาราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    20. วัดบ้านหนองผาง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์
    (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๒๙ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,539 วันอาทิตย์: ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ (6 October 2024) รายการทำบุญ(Photo Album) ชุดที่ 2/3 ทอดกฐินสามัคคี 30 วัด เป็นเงิน 600 บาท 11. วัดถ้ำชาละวัน อ.เมือง จ.พิจิตร (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 12. วัดถ้ำวัวแดง อ.ภักดีชุมหล จ.ชัยภูมิ (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 13. วัดท่อใหญ่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 14. วัดทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 15. วัดทุ่งแม่น้ำน้อย อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 16. วัดธรรมมณฑล อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 17. วัดน้ำพริก อ.นครไทย จ.พิษณุโลก (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 18. วัดบางปลาหมอ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 19. วัดบ้านบ่อวนาราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) 20. วัดบ้านหนองผาง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ (ทอดกฐินสามัคคี 03 พ.ย.67) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๒๙ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • 111 ตัวจริง พรีเมียร์ลีก คู่ 20.00 น.

    แอสตัน วิลลา พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

    ช่องทางถ่ายทอดสด
    - True Premier Football 1
    - True Premier Football 2
    - True 4K Ultra HD

    #AVLMUN #PL #ฟุตบอลต่างประเทศ

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/eXuTKWqYubd5KJ1c/
    111 ตัวจริง พรีเมียร์ลีก คู่ 20.00 น. แอสตัน วิลลา พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่องทางถ่ายทอดสด - True Premier Football 1 - True Premier Football 2 - True 4K Ultra HD #AVLMUN #PL #ฟุตบอลต่างประเทศ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/eXuTKWqYubd5KJ1c/
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • บันทึกเตือนความจำ
    ภัยธรรมชาติที่เกิดจากภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงสุดขั้วนำมาซึ่งปริมาณน้ำฝนที่ไหลหลั่งลงสู่แหล่งน้ำ จำนวนมหาศาล ไหลบ่าจากป่าสู่เมืองในที่ลุ่มต่ำ ในทางกลับกันเชื่อแน่ว่าไม่ช้าก็เร็วเราน่าจะเจอกับเหตุการณ์ในขั้วตรงกันข้ามคือแล้ง ร้อนสุดโต่งแน่

    กันยายนต่อเนื่องถึงตุลาคม ฝนตกต่อเนื่องจนเกิดมวลน้ำจำนวนมหาศาลจากต้นน้ำแม่แตง ไหลเข้าสู่ลำน้ำแม่แตง สายน้ำแห่งการท่องเที่ยวธรรมชาติของเชียงใหม่ ที่ตลอดสองข้างลำน้ำมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งปางช้างต่างๆเรียงรายตลอดลำน้ำแม่แตง ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาจากรายงานของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (๒๕๕๘-๒๕๖๗) พบว่ามีปางช้างถึง ๔๙ ปาง (ช้างจำนวน ๕๔๖ เชือก)

    เหตุระทึกเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่บ่ายวันพฤหัสที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ มวลน้ำจำนวนมากไหลบ่าล้นตลิ่งทั้งสองฝั่งของลำน้ำแม่แตงอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องจนถึงเช้ามืดวันศุกร์ น้ำเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว ช้างส่วนใหญ่ถูกอพยพนำขึ้นไปผูกล่ามไว้ในที่สูง ในขณะที่ปางช้างขนาดใหญ่ (มีช้างมากกว่าหนึ่งร้อยเชือก) ของมูลนิธิช้างและสิ่งแวดล้อม ยังคงสาละวนและพยายามขนย้ายช้างและสัตว์อื่นๆอีกนับพันอาทิ สุนัข แมว แพะ โค กระบือ และสุกร ซึ่งยังคงไม่ทันการณ์ เป็นผลให้มวลน้ำจำนวนมหึมาไหลเข้าสู่ปางช้าง (ระดับน้ำสูงมากกว่า ๑.๕-๒.๐ เมตร เมื่อประเมินด้วยสายตา) การขนย้ายช้างนับร้อย เป็นเรื่องที่ยากและสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียมากทั้งชีวิตคนและช้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช้างเหล่านี้มิได้ถูกฝึกหรือสื่อสารกับคนเลี้ยงอย่างใกล้ชิดมาก่อน เราเริ่มจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะพอช่วยเหลือสนับสนุนอะไรได้บ้าง

    คณะของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เริ่มเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อเช้าตรู่ของวันศุกร์ จากการร้องขอของเจ้าหน้าที่มูลนิธิทางโทรศัพท์ โดยเบื้องต้นรับทราบมาว่าให้ช่วยเคลื่อนย้ายและดูแลช้างเพศผู้ที่ยังอยู่ในคอกแต่ไม่สามารถออกมาได้ ในขณะที่ระดับน้ำกำลงัเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คณะทำงานถูกตามตัว รวมทีมและประชุมอย่างเร่งด่วน และออกเดินทางในช่วงสายของวันนั้น
    เมื่อแรกไปถึงพบว่าเส้นทางเข้าถึงปางช้างถูกตัดขาด ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก การติดต่อด้วยโทรศัพท์ไม่สามารถทำได้ ต้องสื่อสารผ่านวิทยุสื่อสารคลื่นสั้นเท่านั้น คณะจึงต้องรอจนถึงบ่ายแก่ๆจึงได้เรือจากหน่วยกู้ภัย จ.กาฬสินธิ์ ข้ามน้ำเพื่อไปดูช้างตัวผู้ในคอกต่างๆเพื่อประเมินสถานการณ์ เราพบว่าช้างตัวผู้ยังอยู่ครบทั้งสิบเชือก ในสภาพที่ช้างลอยคออยู่ภายในคอก แต่ที่แปลกใจคือยังมีช้างตัวเมียอีกหลายสิบเชือกติดค้างอยู่ในคอกด้วย บ้างก็พิการขาเป๋ ตาบอด และยังทราบอีกว่าช้างอีกหลายเชือกได้สูญหายลอยไปกับน้ำด้วย เมื่อช่วงก่อนหน้า ซึ่งต่อมาพบ
    ซากของช้างฟ้าใส(วันเฉลิม)และพลอยทอง เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งต่อการสูญเสีย
    คณะจึงตัดสินใจแบ่งทีมงานออกเป็น ๒ ทีมเพื่อช่วยเหลือช้างให้ครอบคลุมทั้งสองกลุ่ม

    การดำเนินการในภาวะวิกฤติและเร่งด่วนเช่นนี้
    โดยหลักการแล้ว หากพบว่าช้างกับควาญสามารถสื่อสารกันได้ก็จะให้ควาญช้างเป็นผู้นำและกำหนดทิศทางการเดินของช้างเพื่อความปลอดภัย เพราะช้างเองมักเดินเฉพาะเส้นทางที่เคยชิน ซึ่งในกรณีนี้ช้างมักคุ้นชินกับการเดินแบบอิสระในทุ่งกว้างที่อยู่ติดกับน้ำแม่แตง ที่กำลังไหลเชี่ยว นับว่าอันตรายอย่างยิ่ง ฉะนั้นจึงจำเป็นที่ช้างเหล่านี้จะต้องมีควาญเป็นผู้ควบคุมทิศทาง

    ในกรณีช้างเพศเมียหรือช้างที่ไม่ดุร้าย
    หากช้างกับควาญมิได้มีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อน หรือมีแต่เพียงเล็กน้อย ในทางทฤษฎีที่มีการเคลื่อนย้ายช้างป่ามักวางยาซึมและนำทางด้วยผ้าพรางแสงตลอดทางเดินเพื่อนำช้างไปยังจุดที่ต้องการ แต่ในกรณีนี้มีน้ำท่วมสูงจึงค่อนข้างเสี่ยงที่จะวางยาซึม (ยาซึมช้างมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้งวงตกลงสู่พื้น) โดยในวันนั้นคณะทำงานที่ประกอบด้วยสัตวแพทย์ ควาญช้างจากสถาบันคชบาลแห่งชาติ ควาญพี่เบิ้ม(ปางที่อยู่ติดกัน) และภัทรฟาร์ม ซึ่งมีความชำนาญ ร่วมกับควาญช้างของมูลนิธิช่วยกันควบคุมและกำหนดเส้นทางด้วยเชือกให้ช้างเดินไปยังจุดที่ปลอดภัย แต่ก็ทุลักทุเลพอควรด้วยเพราะควาญกับช้างสื่อสารกันแทบไม่รู้เรื่อง วันนั้นทีมเราช่วยเหลือช้างตัวเมียได้บางส่วนจนกระทั่งมืดค่ำจึงยุติภารกิจในเวลา ๑๙.๓๐ น.

    ในกรณีช้างเพศผู้ เราไม่สามารถวางยาซึมช้างในขณะที่ยังอยู่ในน้ำได้ ซึ่งจากข้อมูลที่ทีมงานได้รับพบว่าช้างทุกเชือกไม่เคยผ่านการฝึกและบางเชือกมีประวัติทำร้ายคนมาก่อน จึงเกิดคำถามว่าหากเคลื่อนย้ายออกมาได้แล้วจะนำช้างไปผูกล่ามอย่างไร ที่ไหน ทั้งในภาวะซึมหรือปกติ ด้วยเพราะช้างไม่คุ้นเคยกับคนหรือช้างใดๆ ช้างแต่ละเชือกอยุ่ตัวเดียวในคอกมานาน ซึ่งจากการประเมินพบว่าช้างทุกเชือกยังมีสภาพร่างกายปกติ (ยกเว้นพลายขุนเดชที่บาดเจ็บที่ขาหน้า) ดังนั้นจึงใช้วิธีวางแท่นพยุงให้ช้างสามารถใช้งวงยึดพยุงมิให้จมน้ำ หากพบว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก เพราะจากประสบการณ์ตรงของคณะทำงานพบว่าช้างมักลอยน้ำและอยู่ในน้ำได้นานถึง ๒ วัน ๑ คืนในสภาพน้ำนิ่ง โดยไม่เกิดอันตราย ซึ่งจากสภาพช้างภายในคอกพบว่ากระแสน้ำยังคงไหลแต่ไม่เชี่ยวมากนักเมื่อเทียบกับในลำน้ำ ช้างน่าจะยังพอพยุงตัวเองไว้ได้ในระยะเวลาหนึ่ง ด้วยเพราะธรรมชาติของน้ำทางภาคเหนือมักมาเร็วไปเร็ว ไม่น่าจะท่วมนาน เราจึงกำหนดให้ทำแพต้นกล้วยไว้ให้ช้างเพื่อช่วยพยุง ต้นกล้วยยังเป็นอาหารและมีน้ำช่วยประทังชีวิตให้ช้างได้อีกด้วย ทั้งนี้ให้เฝ้าระวังพลายขุนเดชเป็นพิเศษ
    โชคดีในช่วงเย็นของวันเดียวกันระดับน้ำเริ่มลดระดับลง เป็นสัญญาณว่าน้ำน่าจะลดลงเป็นปกติในไม่ช้า

    วันรุ่งขึ้นระดับน้ำลดลง เหลือเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ ช้างเพศเมียถูกเคลื่อนย้ายขึ้นที่สูง ช้างตัวผู้ยังอยู่ในคอกของตัวเอง แต่ทุกตัวยังมีชีวิตอยู่แม้บางเชือกอาจแสดงอาการอ่อนเพลียบ้าง ดังนั้นการฟื้นฟูสุขภาพกาย และสภาวะจิตใจของช้างและควาญจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะโรคต่างๆที่มาหลังน้ำท่วม ก็ดี น้ำป่าที่อาจเข้าสู่ร่างกายช้างในช่วงก่อนหน้าทั้งทางเดินหายใจ ทางเดินอาหารก็ดี ดินโคลนที่มีรสชาดเย้ายวนต่อการลิ้มลองของช้างก็ดี หรือแม้กระทั่งอาหารที่อาจปนเปื้อน ที่ล้วนนำมาซึ่งความเจ็บป่วยของช้างเหล่านี้ได้ และสภาพจิตใจของช้างที่อาจตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การไม่คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เหล่านี้จำเป็นต้องฟื้นฟูและเฝ้าระวังกันต่อไป

    สรุปยอดรวมช้างในปางก่อนเกิดเหตุ จำนวน ๑๑๘ เชือก ภายหลังน้ำลด พบช้างเพศเมีย ๑๐๖ เชือก เป็นช้างเพศผู้ ๑๐ เชือก สูญหายและเสียชีวิต ๒ เชือก

    วันนี้ฝนตกเบาบางลงแล้ว แต่หากเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันอีก การเรียนรู้บทเรียนและเตรียมแผนเผชิญเหตุทั้งของปางและผู้เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ต้องจัดทำ
    แม้ในวันนี้ช้างบ้านของไทยจะมีสถานะเป็นทรัพย์สินของผู้ถือครองตามกฎหมาย (พรบ.สัตว์พาหนะ ) แต่จากเหตุการณ์หลายๆครั้งที่ผ่านมา ล้วนกระทบจิตใจคนไทยส่วนใหญ่ หลายส่วนยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองติดตามอย่างใกล้ชิด จึงเป็นสิ่งที่ทุกท่านพึงตระหนักให้ดีว่า "ช้าง" มีสถานะยิ่งกว่าทรัพย์สิน แต่เขาคือสิ่งที่มีคุณค่า ที่สูงค่าอันประเมินมูลค่ามิได้ ซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยเราทุกคน

    ปล. ขอบคุณภาพมุมสูงจากคุณน้ำหนึ่ง

    https://www.facebook.com/share/p/zPKFtdBiFkUnLwdL/
    บันทึกเตือนความจำ ภัยธรรมชาติที่เกิดจากภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงสุดขั้วนำมาซึ่งปริมาณน้ำฝนที่ไหลหลั่งลงสู่แหล่งน้ำ จำนวนมหาศาล ไหลบ่าจากป่าสู่เมืองในที่ลุ่มต่ำ ในทางกลับกันเชื่อแน่ว่าไม่ช้าก็เร็วเราน่าจะเจอกับเหตุการณ์ในขั้วตรงกันข้ามคือแล้ง ร้อนสุดโต่งแน่ กันยายนต่อเนื่องถึงตุลาคม ฝนตกต่อเนื่องจนเกิดมวลน้ำจำนวนมหาศาลจากต้นน้ำแม่แตง ไหลเข้าสู่ลำน้ำแม่แตง สายน้ำแห่งการท่องเที่ยวธรรมชาติของเชียงใหม่ ที่ตลอดสองข้างลำน้ำมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งปางช้างต่างๆเรียงรายตลอดลำน้ำแม่แตง ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาจากรายงานของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (๒๕๕๘-๒๕๖๗) พบว่ามีปางช้างถึง ๔๙ ปาง (ช้างจำนวน ๕๔๖ เชือก) เหตุระทึกเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่บ่ายวันพฤหัสที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ มวลน้ำจำนวนมากไหลบ่าล้นตลิ่งทั้งสองฝั่งของลำน้ำแม่แตงอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องจนถึงเช้ามืดวันศุกร์ น้ำเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว ช้างส่วนใหญ่ถูกอพยพนำขึ้นไปผูกล่ามไว้ในที่สูง ในขณะที่ปางช้างขนาดใหญ่ (มีช้างมากกว่าหนึ่งร้อยเชือก) ของมูลนิธิช้างและสิ่งแวดล้อม ยังคงสาละวนและพยายามขนย้ายช้างและสัตว์อื่นๆอีกนับพันอาทิ สุนัข แมว แพะ โค กระบือ และสุกร ซึ่งยังคงไม่ทันการณ์ เป็นผลให้มวลน้ำจำนวนมหึมาไหลเข้าสู่ปางช้าง (ระดับน้ำสูงมากกว่า ๑.๕-๒.๐ เมตร เมื่อประเมินด้วยสายตา) การขนย้ายช้างนับร้อย เป็นเรื่องที่ยากและสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียมากทั้งชีวิตคนและช้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช้างเหล่านี้มิได้ถูกฝึกหรือสื่อสารกับคนเลี้ยงอย่างใกล้ชิดมาก่อน เราเริ่มจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะพอช่วยเหลือสนับสนุนอะไรได้บ้าง คณะของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เริ่มเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อเช้าตรู่ของวันศุกร์ จากการร้องขอของเจ้าหน้าที่มูลนิธิทางโทรศัพท์ โดยเบื้องต้นรับทราบมาว่าให้ช่วยเคลื่อนย้ายและดูแลช้างเพศผู้ที่ยังอยู่ในคอกแต่ไม่สามารถออกมาได้ ในขณะที่ระดับน้ำกำลงัเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คณะทำงานถูกตามตัว รวมทีมและประชุมอย่างเร่งด่วน และออกเดินทางในช่วงสายของวันนั้น เมื่อแรกไปถึงพบว่าเส้นทางเข้าถึงปางช้างถูกตัดขาด ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก การติดต่อด้วยโทรศัพท์ไม่สามารถทำได้ ต้องสื่อสารผ่านวิทยุสื่อสารคลื่นสั้นเท่านั้น คณะจึงต้องรอจนถึงบ่ายแก่ๆจึงได้เรือจากหน่วยกู้ภัย จ.กาฬสินธิ์ ข้ามน้ำเพื่อไปดูช้างตัวผู้ในคอกต่างๆเพื่อประเมินสถานการณ์ เราพบว่าช้างตัวผู้ยังอยู่ครบทั้งสิบเชือก ในสภาพที่ช้างลอยคออยู่ภายในคอก แต่ที่แปลกใจคือยังมีช้างตัวเมียอีกหลายสิบเชือกติดค้างอยู่ในคอกด้วย บ้างก็พิการขาเป๋ ตาบอด และยังทราบอีกว่าช้างอีกหลายเชือกได้สูญหายลอยไปกับน้ำด้วย เมื่อช่วงก่อนหน้า ซึ่งต่อมาพบ ซากของช้างฟ้าใส(วันเฉลิม)และพลอยทอง เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งต่อการสูญเสีย คณะจึงตัดสินใจแบ่งทีมงานออกเป็น ๒ ทีมเพื่อช่วยเหลือช้างให้ครอบคลุมทั้งสองกลุ่ม การดำเนินการในภาวะวิกฤติและเร่งด่วนเช่นนี้ โดยหลักการแล้ว หากพบว่าช้างกับควาญสามารถสื่อสารกันได้ก็จะให้ควาญช้างเป็นผู้นำและกำหนดทิศทางการเดินของช้างเพื่อความปลอดภัย เพราะช้างเองมักเดินเฉพาะเส้นทางที่เคยชิน ซึ่งในกรณีนี้ช้างมักคุ้นชินกับการเดินแบบอิสระในทุ่งกว้างที่อยู่ติดกับน้ำแม่แตง ที่กำลังไหลเชี่ยว นับว่าอันตรายอย่างยิ่ง ฉะนั้นจึงจำเป็นที่ช้างเหล่านี้จะต้องมีควาญเป็นผู้ควบคุมทิศทาง ในกรณีช้างเพศเมียหรือช้างที่ไม่ดุร้าย หากช้างกับควาญมิได้มีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อน หรือมีแต่เพียงเล็กน้อย ในทางทฤษฎีที่มีการเคลื่อนย้ายช้างป่ามักวางยาซึมและนำทางด้วยผ้าพรางแสงตลอดทางเดินเพื่อนำช้างไปยังจุดที่ต้องการ แต่ในกรณีนี้มีน้ำท่วมสูงจึงค่อนข้างเสี่ยงที่จะวางยาซึม (ยาซึมช้างมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้งวงตกลงสู่พื้น) โดยในวันนั้นคณะทำงานที่ประกอบด้วยสัตวแพทย์ ควาญช้างจากสถาบันคชบาลแห่งชาติ ควาญพี่เบิ้ม(ปางที่อยู่ติดกัน) และภัทรฟาร์ม ซึ่งมีความชำนาญ ร่วมกับควาญช้างของมูลนิธิช่วยกันควบคุมและกำหนดเส้นทางด้วยเชือกให้ช้างเดินไปยังจุดที่ปลอดภัย แต่ก็ทุลักทุเลพอควรด้วยเพราะควาญกับช้างสื่อสารกันแทบไม่รู้เรื่อง วันนั้นทีมเราช่วยเหลือช้างตัวเมียได้บางส่วนจนกระทั่งมืดค่ำจึงยุติภารกิจในเวลา ๑๙.๓๐ น. ในกรณีช้างเพศผู้ เราไม่สามารถวางยาซึมช้างในขณะที่ยังอยู่ในน้ำได้ ซึ่งจากข้อมูลที่ทีมงานได้รับพบว่าช้างทุกเชือกไม่เคยผ่านการฝึกและบางเชือกมีประวัติทำร้ายคนมาก่อน จึงเกิดคำถามว่าหากเคลื่อนย้ายออกมาได้แล้วจะนำช้างไปผูกล่ามอย่างไร ที่ไหน ทั้งในภาวะซึมหรือปกติ ด้วยเพราะช้างไม่คุ้นเคยกับคนหรือช้างใดๆ ช้างแต่ละเชือกอยุ่ตัวเดียวในคอกมานาน ซึ่งจากการประเมินพบว่าช้างทุกเชือกยังมีสภาพร่างกายปกติ (ยกเว้นพลายขุนเดชที่บาดเจ็บที่ขาหน้า) ดังนั้นจึงใช้วิธีวางแท่นพยุงให้ช้างสามารถใช้งวงยึดพยุงมิให้จมน้ำ หากพบว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก เพราะจากประสบการณ์ตรงของคณะทำงานพบว่าช้างมักลอยน้ำและอยู่ในน้ำได้นานถึง ๒ วัน ๑ คืนในสภาพน้ำนิ่ง โดยไม่เกิดอันตราย ซึ่งจากสภาพช้างภายในคอกพบว่ากระแสน้ำยังคงไหลแต่ไม่เชี่ยวมากนักเมื่อเทียบกับในลำน้ำ ช้างน่าจะยังพอพยุงตัวเองไว้ได้ในระยะเวลาหนึ่ง ด้วยเพราะธรรมชาติของน้ำทางภาคเหนือมักมาเร็วไปเร็ว ไม่น่าจะท่วมนาน เราจึงกำหนดให้ทำแพต้นกล้วยไว้ให้ช้างเพื่อช่วยพยุง ต้นกล้วยยังเป็นอาหารและมีน้ำช่วยประทังชีวิตให้ช้างได้อีกด้วย ทั้งนี้ให้เฝ้าระวังพลายขุนเดชเป็นพิเศษ โชคดีในช่วงเย็นของวันเดียวกันระดับน้ำเริ่มลดระดับลง เป็นสัญญาณว่าน้ำน่าจะลดลงเป็นปกติในไม่ช้า วันรุ่งขึ้นระดับน้ำลดลง เหลือเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ ช้างเพศเมียถูกเคลื่อนย้ายขึ้นที่สูง ช้างตัวผู้ยังอยู่ในคอกของตัวเอง แต่ทุกตัวยังมีชีวิตอยู่แม้บางเชือกอาจแสดงอาการอ่อนเพลียบ้าง ดังนั้นการฟื้นฟูสุขภาพกาย และสภาวะจิตใจของช้างและควาญจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะโรคต่างๆที่มาหลังน้ำท่วม ก็ดี น้ำป่าที่อาจเข้าสู่ร่างกายช้างในช่วงก่อนหน้าทั้งทางเดินหายใจ ทางเดินอาหารก็ดี ดินโคลนที่มีรสชาดเย้ายวนต่อการลิ้มลองของช้างก็ดี หรือแม้กระทั่งอาหารที่อาจปนเปื้อน ที่ล้วนนำมาซึ่งความเจ็บป่วยของช้างเหล่านี้ได้ และสภาพจิตใจของช้างที่อาจตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การไม่คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เหล่านี้จำเป็นต้องฟื้นฟูและเฝ้าระวังกันต่อไป สรุปยอดรวมช้างในปางก่อนเกิดเหตุ จำนวน ๑๑๘ เชือก ภายหลังน้ำลด พบช้างเพศเมีย ๑๐๖ เชือก เป็นช้างเพศผู้ ๑๐ เชือก สูญหายและเสียชีวิต ๒ เชือก วันนี้ฝนตกเบาบางลงแล้ว แต่หากเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันอีก การเรียนรู้บทเรียนและเตรียมแผนเผชิญเหตุทั้งของปางและผู้เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ต้องจัดทำ แม้ในวันนี้ช้างบ้านของไทยจะมีสถานะเป็นทรัพย์สินของผู้ถือครองตามกฎหมาย (พรบ.สัตว์พาหนะ ) แต่จากเหตุการณ์หลายๆครั้งที่ผ่านมา ล้วนกระทบจิตใจคนไทยส่วนใหญ่ หลายส่วนยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองติดตามอย่างใกล้ชิด จึงเป็นสิ่งที่ทุกท่านพึงตระหนักให้ดีว่า "ช้าง" มีสถานะยิ่งกว่าทรัพย์สิน แต่เขาคือสิ่งที่มีคุณค่า ที่สูงค่าอันประเมินมูลค่ามิได้ ซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยเราทุกคน ปล. ขอบคุณภาพมุมสูงจากคุณน้ำหนึ่ง https://www.facebook.com/share/p/zPKFtdBiFkUnLwdL/
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • เตือนคนเกษียณระวังหมดตัวจากข้อมูลกรมบัญชีกลาง 23,089 รายชื่อหลุดรั่ว
    .
    ข้าราชการเกษียณอายุ ระวังตัวให้ดีๆ เพราะว่าข้อมูลกรมบัญชีกลางหลุดออกไปเยอะเลย โดนแฮก หรือโดนคนภายในเอาไปขายให้กับพวกคอลเซ็นเตอร์
    .
    เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ตำรวจสอบสวนภูธรภาค 2 มี พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 หรือที่เขาเรียกว่า ผู้การสืบภาค 2 ขนลูกน้องไปทำลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง แห่งหนึ่งที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี พอบุกเข้าไปในบ้านก็ได้จับผู้ต้องหาเป็นผู้ชายไทยได้ 4 คน ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ 10 เครื่อง พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก
    .
    ไฮไลต์เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ตำรวจสืบภาค 2 จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนสีเทาแล้ว ประเด็นสำคัญคือหลักฐานที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าตรวจพบ มันเป็นไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนกว่า 23,089 รายชื่อ ที่เป็นชื่อของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้วทั้งหมด บันทึกอยู่ในคอมพิวเตอร์ของกลางทุกเครื่อง
    .
    ในแต่ละรายชื่อประกอบด้วย ชื่อจริง นามสกุลจริง ที่อยู่อาศัย เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ข้อมูลธนาคาร เลขบัญชีที่ผูกกับบัญชีเงินเดือน หรือบัญชีรับเงินบำเหน็จบำนาญ ข้อที่สำคัญคือ ข้อมูลสถานพยาบาล สิทธิการรักษาพยาบาลต่างๆ ของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้ว มันหลุดไปได้อย่างไรคุณแพทริเซีย อธิบดีกรมบัญชีกลางครับ ตอบผมหน่อย
    .
    ทีมงานผมไปสืบ วิเคราะห์เจาะลึกมาแล้ว ว่าเมื่อช่วงกลางปี 2565 หรือสองปีมาแล้ว กรมบัญชีกลางจ้าง Outsource หรือคนนอกมาปรับปรุงระบบระบบฐานข้อมูลต่างๆ ท่านผู้ชมฟังแล้วอึ้งไหม ที่น่าตกใจคือกรมบัญชีกลางจ้างบริษัทไอที จ้างโปรแกรมเมอร์ที่ไหนเข้ามาปรับปรุงหรือพัฒนาระบบข้อมูลพื้นฐาน ที่กำกับดูแลการเงินภาครัฐที่ต้องถือว่ามีความสำคัญมาก และควรเป็นความลับสุดยอดระดับ Restricted Confidential หรือ Highly Confidential คือเป็นข้อมูลที่ลับมาก
    .
    สำหรับเรื่องข้อมูลข้าราชการเกษียณจำนวน 23,000 กว่ารายชื่อจากกรมบัญชีกลาง หลุดรอดไปถึงแก๊งจีนเทาครั้งนี้ ผมขออนุญาตขยายความได้ไหม ประเด็นความเสียหายนี้สันนิษฐานเกิดได้หลายกรณี คือ (1) เกลือเป็นหนอน เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่ดูแลในส่วนนี้ นำข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (2) เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่รู้เห็นเป็นใจกับคนนอก ที่เข้ามาดูแลพัฒนาระบบ เปิดทางให้ข้อมูลรั่วไหลไปสู่บรรดามิจฉาชีพ (3) เลินเล่อ (4) ระบบโดนแฮก
    .
    ที่ผมพูดแบบนี้เพราะมันสันนิษฐานได้ทุกมิติ เพราะวันนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ แต่คุณแพทริเซีย มงคลวนิช ท่านอธิบดีกรมบัญชีกลางต้องเข้าใจนะครับว่า ข้าราชการรุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ที่เกษียณอายุ ต้องตกเป็นเหยื่อทั้งหมดจากความหละหลวมของกรมบัญชีกลางนั้น คุณแพทริเซียจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะคนเหล่านี้ต้องมาทนทุกข์กับปัญหาที่เขาไม่ได้ก่อ บางคนสิ้นเนื้อประดาตัว เงินที่สะสมจากการทำงานมาชั่วชีวิตต้องสูญหายไปเป็นหลักแสนบ้าง หลักล้านบ้าง บางคนต้องเก็บเรื่องเงียบไว้คนเดียว เพราะว่าอายชาวบ้าน หรือกลัวถูกลูกหลานตำหนิ ด่าทอ ปัญหาทั้งหมดนี้ต้นเหตุมาจากกรมบัญชีกลาง ใช่หรือเปล่า
    .
    ฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะให้ปัญหาพวกนี้น้อยลง หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ มีหน้าที่ดูแลข้อมูลส่วนบุคคล ถ้ามีการกระทำความผิดต้องมีทั้งโทษอาญาและโทษทางแพ่ง ไล่ตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชาไปจนถึงเจ้าหน้าที่ ต้องรับโทษทางอาญา หน่วยงานรับผิดชอบเรื่องแพ่ง ชดใช้เยียวยาความเสียหายของเหยื่อ ต้องรับผิดชอบที่ทำข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล นี่คือการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ส่วนกลางทาง และปลายทางนั้น เป็นหน้าที่ตำรวจเขาทำกันอยู่แล้ว คือกวาดล้างและจับกุม
    .
    คุณแพทริเซียครับ ผมอยากจะฝากไว้ด้วยว่า ผมจะจับตาดูเรื่องนี้อยู่ และจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปตามสายลมอย่างแน่นอน
    เตือนคนเกษียณระวังหมดตัวจากข้อมูลกรมบัญชีกลาง 23,089 รายชื่อหลุดรั่ว . ข้าราชการเกษียณอายุ ระวังตัวให้ดีๆ เพราะว่าข้อมูลกรมบัญชีกลางหลุดออกไปเยอะเลย โดนแฮก หรือโดนคนภายในเอาไปขายให้กับพวกคอลเซ็นเตอร์ . เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ตำรวจสอบสวนภูธรภาค 2 มี พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 หรือที่เขาเรียกว่า ผู้การสืบภาค 2 ขนลูกน้องไปทำลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง แห่งหนึ่งที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี พอบุกเข้าไปในบ้านก็ได้จับผู้ต้องหาเป็นผู้ชายไทยได้ 4 คน ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ 10 เครื่อง พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก . ไฮไลต์เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ตำรวจสืบภาค 2 จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนสีเทาแล้ว ประเด็นสำคัญคือหลักฐานที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าตรวจพบ มันเป็นไฟล์ข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนกว่า 23,089 รายชื่อ ที่เป็นชื่อของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้วทั้งหมด บันทึกอยู่ในคอมพิวเตอร์ของกลางทุกเครื่อง . ในแต่ละรายชื่อประกอบด้วย ชื่อจริง นามสกุลจริง ที่อยู่อาศัย เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ข้อมูลธนาคาร เลขบัญชีที่ผูกกับบัญชีเงินเดือน หรือบัญชีรับเงินบำเหน็จบำนาญ ข้อที่สำคัญคือ ข้อมูลสถานพยาบาล สิทธิการรักษาพยาบาลต่างๆ ของข้าราชการบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้ว มันหลุดไปได้อย่างไรคุณแพทริเซีย อธิบดีกรมบัญชีกลางครับ ตอบผมหน่อย . ทีมงานผมไปสืบ วิเคราะห์เจาะลึกมาแล้ว ว่าเมื่อช่วงกลางปี 2565 หรือสองปีมาแล้ว กรมบัญชีกลางจ้าง Outsource หรือคนนอกมาปรับปรุงระบบระบบฐานข้อมูลต่างๆ ท่านผู้ชมฟังแล้วอึ้งไหม ที่น่าตกใจคือกรมบัญชีกลางจ้างบริษัทไอที จ้างโปรแกรมเมอร์ที่ไหนเข้ามาปรับปรุงหรือพัฒนาระบบข้อมูลพื้นฐาน ที่กำกับดูแลการเงินภาครัฐที่ต้องถือว่ามีความสำคัญมาก และควรเป็นความลับสุดยอดระดับ Restricted Confidential หรือ Highly Confidential คือเป็นข้อมูลที่ลับมาก . สำหรับเรื่องข้อมูลข้าราชการเกษียณจำนวน 23,000 กว่ารายชื่อจากกรมบัญชีกลาง หลุดรอดไปถึงแก๊งจีนเทาครั้งนี้ ผมขออนุญาตขยายความได้ไหม ประเด็นความเสียหายนี้สันนิษฐานเกิดได้หลายกรณี คือ (1) เกลือเป็นหนอน เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่ดูแลในส่วนนี้ นำข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (2) เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลางที่รู้เห็นเป็นใจกับคนนอก ที่เข้ามาดูแลพัฒนาระบบ เปิดทางให้ข้อมูลรั่วไหลไปสู่บรรดามิจฉาชีพ (3) เลินเล่อ (4) ระบบโดนแฮก . ที่ผมพูดแบบนี้เพราะมันสันนิษฐานได้ทุกมิติ เพราะวันนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้ แต่คุณแพทริเซีย มงคลวนิช ท่านอธิบดีกรมบัญชีกลางต้องเข้าใจนะครับว่า ข้าราชการรุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ที่เกษียณอายุ ต้องตกเป็นเหยื่อทั้งหมดจากความหละหลวมของกรมบัญชีกลางนั้น คุณแพทริเซียจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะคนเหล่านี้ต้องมาทนทุกข์กับปัญหาที่เขาไม่ได้ก่อ บางคนสิ้นเนื้อประดาตัว เงินที่สะสมจากการทำงานมาชั่วชีวิตต้องสูญหายไปเป็นหลักแสนบ้าง หลักล้านบ้าง บางคนต้องเก็บเรื่องเงียบไว้คนเดียว เพราะว่าอายชาวบ้าน หรือกลัวถูกลูกหลานตำหนิ ด่าทอ ปัญหาทั้งหมดนี้ต้นเหตุมาจากกรมบัญชีกลาง ใช่หรือเปล่า . ฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะให้ปัญหาพวกนี้น้อยลง หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่รัฐ มีหน้าที่ดูแลข้อมูลส่วนบุคคล ถ้ามีการกระทำความผิดต้องมีทั้งโทษอาญาและโทษทางแพ่ง ไล่ตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชาไปจนถึงเจ้าหน้าที่ ต้องรับโทษทางอาญา หน่วยงานรับผิดชอบเรื่องแพ่ง ชดใช้เยียวยาความเสียหายของเหยื่อ ต้องรับผิดชอบที่ทำข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล นี่คือการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ส่วนกลางทาง และปลายทางนั้น เป็นหน้าที่ตำรวจเขาทำกันอยู่แล้ว คือกวาดล้างและจับกุม . คุณแพทริเซียครับ ผมอยากจะฝากไว้ด้วยว่า ผมจะจับตาดูเรื่องนี้อยู่ และจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปตามสายลมอย่างแน่นอน
    Like
    Sad
    Angry
    4
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • วิกฤตน้ำท่วมเชียงราย!
    บทพิสูจน์รัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ทำงานไม่เป็น
    .
    ผมมองว่ารัฐบาลชุดนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์นั้นทำงานไม่เป็นเลย ในการแก้วิกฤตแห่งชาติ คนเราถ้าทำงานเป็น ไม่ต้องลงไปถามประชาชนว่าเดือดร้อนไหม เขาเดือดร้อนแน่นอน
    .
    นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนสั่ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนที่ท่านจะไปทะเลาะกับผู้ว่าฯ เชียงรายที่อีกไม่กี่วันจะเกษียณอายุแล้ว ไม่สนใจเลยว่าปัญหาของตัวเองต้องแก้อย่างไร ต้องสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบไปจัดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้ทุกคนได้ใช้
    .
    ที่สำคัญที่สุด บ้านหลังไหนมีโคลนเข้าไปเต็มที่ เยอะแยะไปหมด ซ่อมไม่ได้หรอก ต้องทิ้งไป และตรงนี้คือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดของนายกฯ ต้องทำ ต้องสำรวจทันทีเลย จัดงบประมาณ 3 แสนบาทต่อบ้าน ให้เขาไปเลย เอาไปสร้างบ้านใหม่ ถ้ายังไม่พอที่จะสร้างใหม่ ก็ให้ธนาคารกรุงไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย คุณผยง ต้องลงไปพร้อมนายกฯ
    .
    คนที่แม่สายไม่มีอาหารสดกินเลย ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะขนอาหารสดไปให้เขากินได้ ตั้งเตารวมขึ้นมา แจกอาหารให้ทุกคน วันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ทำกันไปเลย เอางบประมาณใส่เข้ามา ไม่ต้องไปรอ
    .
    แค่นี้เอง นักการเมืองคอร์รัปชันกันเป็นแสนล้าน เงินแค่นี้ช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หรืออย่างไร ใช้เงินไม่เท่าไรหรอก จะมีกี่ที่เองที่น้ำท่วมแล้วดินไหลมากองเป็นเมตรๆ ที่หนักๆ มีแค่แม่สาย เพราะแม่สายเป็นเขตเศรษฐกิจ ยิ่งทำให้แม่สายเปิดได้เร็วเท่าไร ยิ่งดี เศรษฐกิจจะได้กลับมาหมุนเวียน
    วิกฤตน้ำท่วมเชียงราย! บทพิสูจน์รัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ทำงานไม่เป็น . ผมมองว่ารัฐบาลชุดนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์นั้นทำงานไม่เป็นเลย ในการแก้วิกฤตแห่งชาติ คนเราถ้าทำงานเป็น ไม่ต้องลงไปถามประชาชนว่าเดือดร้อนไหม เขาเดือดร้อนแน่นอน . นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนสั่ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนที่ท่านจะไปทะเลาะกับผู้ว่าฯ เชียงรายที่อีกไม่กี่วันจะเกษียณอายุแล้ว ไม่สนใจเลยว่าปัญหาของตัวเองต้องแก้อย่างไร ต้องสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบไปจัดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้ทุกคนได้ใช้ . ที่สำคัญที่สุด บ้านหลังไหนมีโคลนเข้าไปเต็มที่ เยอะแยะไปหมด ซ่อมไม่ได้หรอก ต้องทิ้งไป และตรงนี้คือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดของนายกฯ ต้องทำ ต้องสำรวจทันทีเลย จัดงบประมาณ 3 แสนบาทต่อบ้าน ให้เขาไปเลย เอาไปสร้างบ้านใหม่ ถ้ายังไม่พอที่จะสร้างใหม่ ก็ให้ธนาคารกรุงไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย คุณผยง ต้องลงไปพร้อมนายกฯ . คนที่แม่สายไม่มีอาหารสดกินเลย ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะขนอาหารสดไปให้เขากินได้ ตั้งเตารวมขึ้นมา แจกอาหารให้ทุกคน วันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ทำกันไปเลย เอางบประมาณใส่เข้ามา ไม่ต้องไปรอ . แค่นี้เอง นักการเมืองคอร์รัปชันกันเป็นแสนล้าน เงินแค่นี้ช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หรืออย่างไร ใช้เงินไม่เท่าไรหรอก จะมีกี่ที่เองที่น้ำท่วมแล้วดินไหลมากองเป็นเมตรๆ ที่หนักๆ มีแค่แม่สาย เพราะแม่สายเป็นเขตเศรษฐกิจ ยิ่งทำให้แม่สายเปิดได้เร็วเท่าไร ยิ่งดี เศรษฐกิจจะได้กลับมาหมุนเวียน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • วิกฤตน้ำท่วมเชียงราย!
    บทพิสูจน์รัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ทำงานไม่เป็น
    .
    ผมมองว่ารัฐบาลชุดนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์นั้นทำงานไม่เป็นเลย ในการแก้วิกฤตแห่งชาติ คนเราถ้าทำงานเป็น ไม่ต้องลงไปถามประชาชนว่าเดือดร้อนไหม เขาเดือดร้อนแน่นอน
    .
    นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนสั่ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนที่ท่านจะไปทะเลาะกับผู้ว่าฯ เชียงรายที่อีกไม่กี่วันจะเกษียณอายุแล้ว ไม่สนใจเลยว่าปัญหาของตัวเองต้องแก้อย่างไร ต้องสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบไปจัดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้ทุกคนได้ใช้
    .
    ที่สำคัญที่สุด บ้านหลังไหนมีโคลนเข้าไปเต็มที่ เยอะแยะไปหมด ซ่อมไม่ได้หรอก ต้องทิ้งไป และตรงนี้คือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดของนายกฯ ต้องทำ ต้องสำรวจทันทีเลย จัดงบประมาณ 3 แสนบาทต่อบ้าน ให้เขาไปเลย เอาไปสร้างบ้านใหม่ ถ้ายังไม่พอที่จะสร้างใหม่ ก็ให้ธนาคารกรุงไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย คุณผยง ต้องลงไปพร้อมนายกฯ
    .
    คนที่แม่สายไม่มีอาหารสดกินเลย ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะขนอาหารสดไปให้เขากินได้ ตั้งเตารวมขึ้นมา แจกอาหารให้ทุกคน วันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ทำกันไปเลย เอางบประมาณใส่เข้ามา ไม่ต้องไปรอ
    .
    แค่นี้เอง นักการเมืองคอร์รัปชันกันเป็นแสนล้าน เงินแค่นี้ช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หรืออย่างไร ใช้เงินไม่เท่าไรหรอก จะมีกี่ที่เองที่น้ำท่วมแล้วดินไหลมากองเป็นเมตรๆ ที่หนักๆ มีแค่แม่สาย เพราะแม่สายเป็นเขตเศรษฐกิจ ยิ่งทำให้แม่สายเปิดได้เร็วเท่าไร ยิ่งดี เศรษฐกิจจะได้กลับมาหมุนเวียน
    วิกฤตน้ำท่วมเชียงราย! บทพิสูจน์รัฐบาลนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ทำงานไม่เป็น . ผมมองว่ารัฐบาลชุดนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์นั้นทำงานไม่เป็นเลย ในการแก้วิกฤตแห่งชาติ คนเราถ้าทำงานเป็น ไม่ต้องลงไปถามประชาชนว่าเดือดร้อนไหม เขาเดือดร้อนแน่นอน . นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนสั่ง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล ท่านดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แทนที่ท่านจะไปทะเลาะกับผู้ว่าฯ เชียงรายที่อีกไม่กี่วันจะเกษียณอายุแล้ว ไม่สนใจเลยว่าปัญหาของตัวเองต้องแก้อย่างไร ต้องสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครีบไปจัดตั้งไฟฟ้าชั่วคราวให้ทุกคนได้ใช้ . ที่สำคัญที่สุด บ้านหลังไหนมีโคลนเข้าไปเต็มที่ เยอะแยะไปหมด ซ่อมไม่ได้หรอก ต้องทิ้งไป และตรงนี้คือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดของนายกฯ ต้องทำ ต้องสำรวจทันทีเลย จัดงบประมาณ 3 แสนบาทต่อบ้าน ให้เขาไปเลย เอาไปสร้างบ้านใหม่ ถ้ายังไม่พอที่จะสร้างใหม่ ก็ให้ธนาคารกรุงไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย คุณผยง ต้องลงไปพร้อมนายกฯ . คนที่แม่สายไม่มีอาหารสดกินเลย ต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะขนอาหารสดไปให้เขากินได้ ตั้งเตารวมขึ้นมา แจกอาหารให้ทุกคน วันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ทำกันไปเลย เอางบประมาณใส่เข้ามา ไม่ต้องไปรอ . แค่นี้เอง นักการเมืองคอร์รัปชันกันเป็นแสนล้าน เงินแค่นี้ช่วยเหลือประชาชนไม่ได้หรืออย่างไร ใช้เงินไม่เท่าไรหรอก จะมีกี่ที่เองที่น้ำท่วมแล้วดินไหลมากองเป็นเมตรๆ ที่หนักๆ มีแค่แม่สาย เพราะแม่สายเป็นเขตเศรษฐกิจ ยิ่งทำให้แม่สายเปิดได้เร็วเท่าไร ยิ่งดี เศรษฐกิจจะได้กลับมาหมุนเวียน
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • 🇸🇪 สวีเดนเผยแพร่คลิปวิดีโอของ Pansarbandvagn 302 APC ที่ถูกส่งไปยังยูเครน

    อุปกรณ์จากยุค ๑๙๖๐ เหล่านี้ถูกเก็บรักษาไว้ในช่วงต้นปี ๒๐๐๐, เมื่อคณะกรรมาธิการกระทรวงกลาโหมของสวีเดนพบว่า 🤣แม้แต่การเปลี่ยนระบบส่งกำลังและส่วนประกอบอื่นๆจำนวนมากก็ไม่สามารถช่วยชีวิต APC เหล่านี้ไว้ได้🤣

    แต่สตอกโฮล์มไม่ละเว้นความพยายามใดๆในการกำจัดยูเครน ในไม่ช้านี้พวกเขาจะเริ่มย้ายปืนใหญ่จากพิพิธภัณฑ์ของสงครามภาคเหนือ
    .
    🇸🇪 Sweden releases video of Pansarbandvagn 302 APCs being sent to Ukraine

    This equipment from the 1960s went into storage in early 2000, when a Swedish Defence Ministry commission found that even a mass replacement of transmissions and other components would not save these APCs.

    But Stockholm spares no effort to exterminate the Ukrainians. Soon they will start transferring cannons from the museums of the Northern War.

    http://T.me/ukraine_watch
    .
    4:14 PM · Oct 6, 2024 · 431 Views
    https://x.com/Zlatti_71/status/1842855829289976185
    🇸🇪 สวีเดนเผยแพร่คลิปวิดีโอของ Pansarbandvagn 302 APC ที่ถูกส่งไปยังยูเครน อุปกรณ์จากยุค ๑๙๖๐ เหล่านี้ถูกเก็บรักษาไว้ในช่วงต้นปี ๒๐๐๐, เมื่อคณะกรรมาธิการกระทรวงกลาโหมของสวีเดนพบว่า 🤣แม้แต่การเปลี่ยนระบบส่งกำลังและส่วนประกอบอื่นๆจำนวนมากก็ไม่สามารถช่วยชีวิต APC เหล่านี้ไว้ได้🤣 แต่สตอกโฮล์มไม่ละเว้นความพยายามใดๆในการกำจัดยูเครน ในไม่ช้านี้พวกเขาจะเริ่มย้ายปืนใหญ่จากพิพิธภัณฑ์ของสงครามภาคเหนือ . 🇸🇪 Sweden releases video of Pansarbandvagn 302 APCs being sent to Ukraine This equipment from the 1960s went into storage in early 2000, when a Swedish Defence Ministry commission found that even a mass replacement of transmissions and other components would not save these APCs. But Stockholm spares no effort to exterminate the Ukrainians. Soon they will start transferring cannons from the museums of the Northern War. http://T.me/ukraine_watch . 4:14 PM · Oct 6, 2024 · 431 Views https://x.com/Zlatti_71/status/1842855829289976185
    Haha
    1
    0 Comments 1 Shares 89 Views 52 0 Reviews
  • 🤠#เรื่องเล่าของสองเพื่อนร่วมชั้นเรียนแต่ต่างอุดมการณ์🤠

    ปัจจุบันไต้หวันกลายเป็นความเจ็บปวดในใจคนจีน และสหรัฐฯ มักใช้ไต้หวันเพื่อยั่วยุจีน จุดประสงค์ของสหรัฐฯนั้นชัดเจน นั่นคือเพื่อยั่วยุกระตุ้นให้จีนดำเนินการด้วยวิธีรุนแรง หลังจากนั้นแล้วขัดขวางก่อกวนยุทธศาสตร์ของจีน ซึ่งจะทำให้จีนอ่อนแอลงอีก ดังนั้นปัญหาไต้หวันถึงจุดที่ต้องแก้ไข หากไม่ได้รับการแก้ไข สหรัฐฯ จะยังคงเล่นเกมไพ่ไต้หวัน พวกเขายังจะสนับสนุนกองกำลัง "ปลดปล่อยเอกราชของไต้หวัน" ให้ก่อปัญหาอีกด้วย เมื่อถึงเวลานั้นก็จะตกอยู่ในสภาพถูกกระทำขณะทำการแก้ไขปัญหา

    ในความเป็นจริงแล้ว ประเด็นของไต้หวันมีขึ้นตั้งแต่ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เติ้งกง(邓公)ได้ส่งเสริมนำการแก้ปัญหาของไต้หวันมาดำเนินการ น่าเสียดายที่มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公)

    🥳หนึ่ง🥳

    เพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) คือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทั้งสองเรียนในชั้นเรียนเดียวกันที่มหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น(Sun Yat-sen University中山大学)ในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ถึง ค.ศ. 1927

    ในปี ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาที่สหภาพโซเวียต ส่วนเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาต่อต่างประเทศอาจกล่าวได้ว่าเขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น หรืออาจจะว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)หวังว่าลูกชายของเขาไปที่สหภาพโซเวียตเพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่แท้จริงกลับมา

    เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ชื่อรอง เจี้ยนเฟิง(建丰) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นชื่อบรรพบุรุษของเขา และยังเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของเขาด้วย เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิดที่เมืองเฟิงฮว่า(奉化)เจ้อเจียง(浙江)เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1910 เขาเป็นบุตรชายคนโตของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)และเหมา ฝูเหมย(毛福梅)ภรรยาคนแรกของเขา หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิด เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ก็ทำงานหนักนอกบ้านตลอด ดังนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงเติบโตมากับแม่และยายของเขา สิ่งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ค่อนข้างขี้ขลาด ตามที่ครูผู้สอนหนังสือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวไว้ ตอนนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีอะไรนิดหน่อยมักจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา นี่อาจเป็นลักษณะเฉพาะของครอบครัวที่ไม่มีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ในบ้าน

    ในปีค.ศ. 1924 เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ส่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปโรงเรียนมัธยมต้นเซี่ยงไฮ้ผู่ตง(浦东) ในเวลานี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 14 ปีเป็นผู้ใหญ่มาก ในปี ค.ศ. 1925 หลังจากการสังหารหมู่30 พฤษภาคม(五卅惨案) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 15 ปีก็เข้าร่วมในการประท้วงด้วยความรักชาติด้วย แต่หลังจากที่ทางโรงเรียนค้นพบ เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากในความผิดว่า "ความคิดที่เป็นอันตรายและพฤติกรรมเบี่ยงเบน"

    หลังจากถูกไล่ออกจากโรงเรียน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจไปศึกษาต่อต่างประเทศ เขาจึงไปปักกิ่งเพื่อเรียนภาษาต่างประเทศ ในช่วงเวลานี้ เขาถูกจำคุกเป็นเวลาสองสัปดาห์เนื่องจากการเข้าร่วมขบวนการนักเรียนต่อต้านขุนศึกเป่ยหยาง(北洋)

    ขณะอยู่ในปักกิ่ง เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้พบกับหลี่ ต้าเจวา(李大钊) และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์คนอื่น ๆ เขาชื่นชมความรู้และความเชื่อของหลี่ ต้าเจวา(李大钊) ต่อมา หลี่ ต้าเจวา(李大钊)ได้แนะนำชาวโซเวียตจำนวนมากให้รู้จักกับ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)

    เกี่ยวกับประสบการณ์นี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เล่าในภายหลังว่า:

    “เป่ยผิง(北平)เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และพรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ในใจของฉันก็สับสนกับสภาพแวดล้อมนี้ และเปลี่ยนแผนการเรียนในฝรั่งเศสเดิมอย่างสิ้นเชิง”

    การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจศึกษาต่อในสหภาพโซเวียต ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มาถึงสหภาพโซเวียต ในเวลานั้น มีบุตรของเจ้านายใหญ่หลายคน เช่น เซ่าจวื่อกาง(邵志刚)ลูกชาย ของเซ่า ลี่จวื๋อ(邵力子), เฝิงหงกั๋ว(冯洪国)ลูกชายของ เฝิง อวิ้เสียง(冯玉祥) พร้อมกับลูกสาว เฝิงฝูเหนิ่ง(冯弗能) และ อวิ้ ซิ่วจวือ(于秀芝) ลูกสาวของ อวิ้โย่วเยิ่น(于右任) รวมถึง จาง ซีย่วน(张锡媛) ภรรยาคนแรกของ เติ้งกง(邓公), หวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ

    ระหว่างทางไปสหภาพโซเวียต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้อ่านหนังสือเล่มแรกเกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์ "ABC of Communism" หนังสือเล่มนี้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)

    ปีที่สองก็คือปี ค.ศ.1926 ในชั้นเรียนของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีนักเรียนที่ย้ายมาจากปารีส ประเทศฝรั่งเศสคนหนึ่ง เขาคือเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平) ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ชื่อเติ้ง ซีเสียน(邓希贤) เติ้งกง(邓公)มีอายุมากกว่าเจียงจิงกัว 5 ปี และยังมีชื่อภาษารัสเซียว่า "อีวาน เชโกวิช(Ivan Shegovich)"

    ในความประทับใจของ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เติ้งกง(邓公)เป็นคนร่าเริงมาก สามารถพูดได้ดีบนเวที และมีทักษะในการจัดองค์กรที่แข็งแกร่ง ในเวลานั้นเพื่อนร่วมชั้นของเขาตั้งฉายาให้เขาว่า "ปืนใหญ่เหล็กน้อย(小钢炮)"

    เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ากันได้ดี และทั้งสองคนรูปร่างไม่สูงนักเช่นกัน ทั้งสองมักจะเดินคุยกันริมแม่น้ำมอสโก ดังนั้น เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีมากอีกด้วย

    ในปี ค.ศ. 1927 เติ้งกง(邓公)ได้รับมอบหมายจากองค์กรให้กลับไปทำงานที่ประเทศจีน และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ยังคงศึกษาต่อในสหภาพโซเวียตในเวลานี้ เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ได้เปิดฉากเหตุการณ์ต่อต้านการปฏิวัติ "4.12"(“4.12”反革命事件) และสังหารหมู่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จำนวนมาก ในฐานะบุตรชายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงถูกสหภาพโซเวียตตั้งคำถาม และหวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ก็ไม่ชอบเช่นกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปทำงานในโรงงานและแต่งงานกับหญิงชาวโซเวียต จนกระทั่งถึงหลังสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ด้วยการประสานงานของ โจวกง(周公)ถึงทำให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)สามารถเดินทางกลับประเทศจีนได้

    🥳สอง🥳

    หลังจากที่เติ้งกง(邓公)เดินทางกลับจากสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1927 จนกระทั่งมีการสถาปนาจีนใหม่ เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ไม่มีทางอื่นที่จะเลือกเดินอีกต่อไป ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มีชื่อเสียงของกองทัพของหลิว(刘)และเติ้ง(邓) เขาถูกมองว่าเป็นเสี้ยนหนามในฝ่ายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มานานแล้ว และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ละทิ้งความเชื่ออุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์ของเขาด้วย ได้ตัดสินใจที่จะทำตามพ่อซึ่งเป็นผู้นำของเขาและเตรียมพร้อมที่จะรับช่วงต่อ

    หลังจากที่เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)พ่ายแพ้และถอยไปไต้หวันแล้ว เขาก็เริ่มติดต่อกับกลุ่มรัฐมนตรีผู้มีประสบการณ์ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของเขา จุดประสงค์ของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ในการทำเช่นนี้คือปูทางเพื่อให้เชียงจิงกัวสามารถสืบทอดตำแหน่งได้ ท้ายที่สุดแล้วในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ยังไม่กล้าส่งสัญญาณออกไปว่าให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ามารับหน้าที่สืบทอดแทน เขายังต้องคำนึงถึงหน้าตาความรู้สึกของรัฐมนตรีเก่าผู้มีประสบการณ์บางคนด้วย หากลูกชายเข้ามารับช่วงต่อ หลี่จงเหริน(李宗仁)จะไม่เต็มใจอย่างแน่นอน แม้ว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)จะไม่ทำอย่างนี้ ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมก็สามารถเห็นได้

    หลังจากที่ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มาถึงไต้หวัน เมื่ออำนาจของเขาก็มั่นคงขึ้นแล้วหลังจากดูแลจัดการรัฐมนตรีคนเก่าของเขา และเขาก็เริ่มปล่อยมือให้ลูกชายทำงาน หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นเป็นประธานฝ่ายบริหาร สร้างไต้หวันตามแนวทางการปกครองของเขา ขณะนั้นไต้หวันมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง และเจี่ยงน้อย(小蒋)ก็ทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างหนึ่ง นั่นคือการพัฒนาบริษัทผลิตชิป แม้จะมีราคาแพงสูงมาก แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง

    ภายใต้การปกครองของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ไต้หวันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในช่วงทศวรรษ 1980 ไต้หวันก็กลายเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย

    แต่หลังจากที่พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋)เข้าบริหารปกครองไต้หวัน ก็เป็นตอนที่ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)มอบอำนาจเกือบทั้งหมดให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ด้วยมีบางอย่างเกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)กลับมาอีกครั้ง นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของประธานเหมา(毛)

    หลังจากที่เติ้งกง(邓公)กลับคืนสู่รัฐบาลกลาง โจวกง(周公)ก็มอบงานการต่างประเทศจำนวนมากให้กับเติ้งกง(邓公) จากนั้นเติ้งกง(邓公)ก็ประกาศบางอย่างต่อสาธารณะ:

    เตรียมหารือปัญหาการรวมตัวกับไทเป(台北)โดยตรง

    สมาชิกก๊กมิ่นตั๋ง(国民党)บางคนในแผ่นดินใหญ่ยังสื่อสารส่งข้อความถึงพ่อลูกครอบครัวตระกูลเจี่ยง(蒋)ผ่านช่องทางสาธารณะหรือส่วนตัว เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งล้มป่วยอยู่นั้นก็ไม่มีแรงจะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ซึ่งได้รับอำนาจเต็มในเวลานี้แล้ว ก็ยังเพิกเฉยไม่แยแสต่อความคิดริเริ่มของเติ้งกง(邓公)

    ในปีค.ศ. 1975 ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)เสียชีวิต และหยาน เจียก้าน(严家淦) เข้ามารับช่วงต่อ สามปีต่อมา หยาน เจียก้าน(严家淦)ได้มอบอำนาจคืนโดยอัตโนมัติ วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1978 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

    แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)และเจี่ยงน้อย(小蒋)ไม่คาดคิด

    ในปีค.ศ. 1972 พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋) ไม่ทราบเกี่ยวกับการเยือนจีนของริชาร์ด นิกสัน(Richard Nixon理查德·尼克松) เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งโกรธมากจนสาปแช่ง นิกสัน(Nixon尼克松)ว่า “ไม่ใช่สิ่งของ” และแม้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็มี "แวดวงสนับสนุนไต้หวัน(亲台圈子)" ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเมื่อสหรัฐอเมริกาโดย จิมมี คาร์เตอร์(Jimmy Carter吉米·卡特) และเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)หารือกันเรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ยังคงถูกเก็บซ่อนไว้ในความมืด

    เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1978 สิบสองชั่วโมงก่อนการประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ลีโอนาร์ด ไซด์มาน อังเกอร์ (Leonard Seidman Unger安克志)ซึ่งขณะนั้นเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในไต้หวัน ได้รับโทรศัพท์ลับจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยขอให้เขาโทรหา ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)เลขาของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในตอนเช้า

    อังเกอร์ (Unger安克志)บอก ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)ว่าเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องพบ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตื่นขึ้นมากลางดึกและได้พบอังเกอร์ (Unger安克志)จึงเพิ่งทราบข่าวการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

    อังเกอร์ (Unger安克志)บอกกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ว่าอย่าให้ข่าวนี้รั่วไหลสู่โลกภายนอกก่อน 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)โกรธมาก เขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีวิธีใดที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ แน่นอนว่าหลังจากมีข่าวตลาดหุ้นไทเป(台北)ก็ร่วงลง 10%

    นี่เป็นการแข่งขันประลองฝีมือครั้งแรกระหว่างเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น

    🥳สาม🥳

    เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1979 จอมพล สวีเซี่ยงเฉียน(徐向前)ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นกล่าว:

    ยุติการยิงปืนใหญ่โจมตีจินเหมิน(金门)อย่างเป็นทางการ

    ในวันนี้ สภาประชาชนแห่งชาติ(全国人大)ยังได้ออก "ข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติในไต้หวัน(告台湾同胞书)" และเหลียว เฉิงจือ(廖承志)ซึ่งรับผิดชอบกิจการไต้หวัน ก็เผยแพร่จดหมายถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ต่อสาธารณะด้วย: เสนอความร่วมมือครั้งที่สามระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และ พรรคคอมมิวนิสต์(共產黨)

    ถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)รู้สึกอ่อนไหวต่อความคิดริเริ่มด้านสันติภาพของเติ้งกง(邓公)มาก เขาปฏิเสธการเยือนไต้หวันของเหลียว เฉิงจือ(廖承志) แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมข้ามช่องแคบ โดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อไต้หวัน การแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ในปีค.ศ. 1981 เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)ได้อนุญาตให้ ซีโข่ว(溪口) เจ้อเจียง(浙江)ปรับปรุงที่พักอาศัยเดิมของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) และสุสานของมาดาม เหมา (毛)ซึ่งเป็นยายของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ว่ากันว่าทั้ง เติ้งกง(邓公)และ เหลียว เฉิงจือ(廖承志)รู้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นลูกกตัญญู ภาพถ่ายสิ่งต่างๆที่ได้รับการซ่อมแซมได้ถูกส่งไปยังเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)อย่างรวดเร็ว

    หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เห็นรูปถ่ายเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อสาธารณะ แต่เขาคงจะรู้สึกอะไรบางอย่างในใจ

    หลังจากนั้นไม่นาน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เชื่อว่าถึงเวลาสำหรับการเจรจาแล้ว เขาจึงค้นเลือกหาคนกลาง และคนกลางคนนี้คือ ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀) เขาคิดว่าลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)ทำหน้าที่เป็นคนกลางน่าจะเหมาะสมกว่า

    ในปีค.ศ. 1981 เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) เยือนสิงคโปร์เพื่อตรวจสอบประสบการณ์ของสิงคโปร์ในด้านการปกครองระดับชาติ

    ในปีค.ศ. 1983 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวกับลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เป็นการส่วนตัวว่า:

    ภายใต้การปฏิรูปและการทูตเชิงปฏิบัติของเติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) แผ่นดินใหญ่จะแข็งแกร่งขึ้น “หากแผ่นดินใหญ่และไต้หวันรวมกัน อนาคตของจีนจะมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน”

    หลังจากนั้นจีนและอังกฤษบรรลุข้อตกลงในการคืนฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1986 ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เดินทางไปไต้หวันอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวว่า: เขาจะเปลี่ยนแปลงไต้หวัน แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นเช่นไร

    ในปี ค.ศ. 1987 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในไต้หวัน พรรคก๊กมินตั๋ง(国民党)นอกเหนือจากการยกเลิกคำสั่งห้ามพรรคและการห้ามหนังสือพิมพ์แล้ว ยังอนุญาตให้ผู้คนเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ได้ แต่เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1988 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการป่วย

    หลังจากข่าวการเสียชีวิตของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปถึงปักกิ่ง เติ้งกง(邓公)ก็จัดการประชุมระดับสูงทันที หลังจากได้ฟังรายงานเกี่ยวกับการทำงานเรื่องไต้หวันแล้ว เขาเชื่อว่าการรวมชาติเป็นเรื่องใหญ่สำคัญ เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จากไป การรวมชาติอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ยากลำบาก เขาคร่ำครวญ: "เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตายเร็วเกินไป"

    เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาของประวัติศาสตร์นี้ เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้เผชิญหน้ากันสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่ในสหภาพโซเวียต ทั้งสองมีความเชื่อร่วมกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทรยศต่อศรัทธาและติดตามเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) จนกระทั่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสู่อำนาจที่ทั้งสองได้พบกัน แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พบกันมาห้าสิบหรือหกสิบปีแล้ว แต่ทั้งสองก็คิดถึงประเด็นการรวมชาติ

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#เรื่องเล่าของสองเพื่อนร่วมชั้นเรียนแต่ต่างอุดมการณ์🤠 ปัจจุบันไต้หวันกลายเป็นความเจ็บปวดในใจคนจีน และสหรัฐฯ มักใช้ไต้หวันเพื่อยั่วยุจีน จุดประสงค์ของสหรัฐฯนั้นชัดเจน นั่นคือเพื่อยั่วยุกระตุ้นให้จีนดำเนินการด้วยวิธีรุนแรง หลังจากนั้นแล้วขัดขวางก่อกวนยุทธศาสตร์ของจีน ซึ่งจะทำให้จีนอ่อนแอลงอีก ดังนั้นปัญหาไต้หวันถึงจุดที่ต้องแก้ไข หากไม่ได้รับการแก้ไข สหรัฐฯ จะยังคงเล่นเกมไพ่ไต้หวัน พวกเขายังจะสนับสนุนกองกำลัง "ปลดปล่อยเอกราชของไต้หวัน" ให้ก่อปัญหาอีกด้วย เมื่อถึงเวลานั้นก็จะตกอยู่ในสภาพถูกกระทำขณะทำการแก้ไขปัญหา ในความเป็นจริงแล้ว ประเด็นของไต้หวันมีขึ้นตั้งแต่ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เติ้งกง(邓公)ได้ส่งเสริมนำการแก้ปัญหาของไต้หวันมาดำเนินการ น่าเสียดายที่มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) 🥳หนึ่ง🥳 เพื่อนร่วมชั้นเรียนของ เติ้งกง(邓公) คือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทั้งสองเรียนในชั้นเรียนเดียวกันที่มหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น(Sun Yat-sen University中山大学)ในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ถึง ค.ศ. 1927 ในปี ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาที่สหภาพโซเวียต ส่วนเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปศึกษาต่อต่างประเทศอาจกล่าวได้ว่าเขาถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น หรืออาจจะว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)หวังว่าลูกชายของเขาไปที่สหภาพโซเวียตเพื่อเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างที่แท้จริงกลับมา เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ชื่อรอง เจี้ยนเฟิง(建丰) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นชื่อบรรพบุรุษของเขา และยังเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของเขาด้วย เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิดที่เมืองเฟิงฮว่า(奉化)เจ้อเจียง(浙江)เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1910 เขาเป็นบุตรชายคนโตของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)และเหมา ฝูเหมย(毛福梅)ภรรยาคนแรกของเขา หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เกิด เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ก็ทำงานหนักนอกบ้านตลอด ดังนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงเติบโตมากับแม่และยายของเขา สิ่งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ค่อนข้างขี้ขลาด ตามที่ครูผู้สอนหนังสือ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวไว้ ตอนนั้นเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีอะไรนิดหน่อยมักจะร้องไห้อยู่ตลอดเวลา นี่อาจเป็นลักษณะเฉพาะของครอบครัวที่ไม่มีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่อยู่ในบ้าน ในปีค.ศ. 1924 เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ส่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปโรงเรียนมัธยมต้นเซี่ยงไฮ้ผู่ตง(浦东) ในเวลานี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 14 ปีเป็นผู้ใหญ่มาก ในปี ค.ศ. 1925 หลังจากการสังหารหมู่30 พฤษภาคม(五卅惨案) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)วัย 15 ปีก็เข้าร่วมในการประท้วงด้วยความรักชาติด้วย แต่หลังจากที่ทางโรงเรียนค้นพบ เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากในความผิดว่า "ความคิดที่เป็นอันตรายและพฤติกรรมเบี่ยงเบน" หลังจากถูกไล่ออกจากโรงเรียน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจไปศึกษาต่อต่างประเทศ เขาจึงไปปักกิ่งเพื่อเรียนภาษาต่างประเทศ ในช่วงเวลานี้ เขาถูกจำคุกเป็นเวลาสองสัปดาห์เนื่องจากการเข้าร่วมขบวนการนักเรียนต่อต้านขุนศึกเป่ยหยาง(北洋) ขณะอยู่ในปักกิ่ง เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้พบกับหลี่ ต้าเจวา(李大钊) และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์คนอื่น ๆ เขาชื่นชมความรู้และความเชื่อของหลี่ ต้าเจวา(李大钊) ต่อมา หลี่ ต้าเจวา(李大钊)ได้แนะนำชาวโซเวียตจำนวนมากให้รู้จักกับ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เกี่ยวกับประสบการณ์นี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เล่าในภายหลังว่า: “เป่ยผิง(北平)เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งมิตรภาพระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และพรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ในใจของฉันก็สับสนกับสภาพแวดล้อมนี้ และเปลี่ยนแผนการเรียนในฝรั่งเศสเดิมอย่างสิ้นเชิง” การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตัดสินใจศึกษาต่อในสหภาพโซเวียต ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1925 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มาถึงสหภาพโซเวียต ในเวลานั้น มีบุตรของเจ้านายใหญ่หลายคน เช่น เซ่าจวื่อกาง(邵志刚)ลูกชาย ของเซ่า ลี่จวื๋อ(邵力子), เฝิงหงกั๋ว(冯洪国)ลูกชายของ เฝิง อวิ้เสียง(冯玉祥) พร้อมกับลูกสาว เฝิงฝูเหนิ่ง(冯弗能) และ อวิ้ ซิ่วจวือ(于秀芝) ลูกสาวของ อวิ้โย่วเยิ่น(于右任) รวมถึง จาง ซีย่วน(张锡媛) ภรรยาคนแรกของ เติ้งกง(邓公), หวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ระหว่างทางไปสหภาพโซเวียต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้อ่านหนังสือเล่มแรกเกี่ยวกับลัทธิคอมมิวนิสต์ "ABC of Communism" หนังสือเล่มนี้สร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ปีที่สองก็คือปี ค.ศ.1926 ในชั้นเรียนของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)มีนักเรียนที่ย้ายมาจากปารีส ประเทศฝรั่งเศสคนหนึ่ง เขาคือเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平) ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)ชื่อเติ้ง ซีเสียน(邓希贤) เติ้งกง(邓公)มีอายุมากกว่าเจียงจิงกัว 5 ปี และยังมีชื่อภาษารัสเซียว่า "อีวาน เชโกวิช(Ivan Shegovich)" ในความประทับใจของ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เติ้งกง(邓公)เป็นคนร่าเริงมาก สามารถพูดได้ดีบนเวที และมีทักษะในการจัดองค์กรที่แข็งแกร่ง ในเวลานั้นเพื่อนร่วมชั้นของเขาตั้งฉายาให้เขาว่า "ปืนใหญ่เหล็กน้อย(小钢炮)" เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ากันได้ดี และทั้งสองคนรูปร่างไม่สูงนักเช่นกัน ทั้งสองมักจะเดินคุยกันริมแม่น้ำมอสโก ดังนั้น เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีมากอีกด้วย ในปี ค.ศ. 1927 เติ้งกง(邓公)ได้รับมอบหมายจากองค์กรให้กลับไปทำงานที่ประเทศจีน และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ยังคงศึกษาต่อในสหภาพโซเวียตในเวลานี้ เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ได้เปิดฉากเหตุการณ์ต่อต้านการปฏิวัติ "4.12"(“4.12”反革命事件) และสังหารหมู่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จำนวนมาก ในฐานะบุตรชายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จึงถูกสหภาพโซเวียตตั้งคำถาม และหวังหมิง(王明)และคนอื่นๆ ก็ไม่ชอบเช่นกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปทำงานในโรงงานและแต่งงานกับหญิงชาวโซเวียต จนกระทั่งถึงหลังสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ด้วยการประสานงานของ โจวกง(周公)ถึงทำให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)สามารถเดินทางกลับประเทศจีนได้ 🥳สอง🥳 หลังจากที่เติ้งกง(邓公)เดินทางกลับจากสหภาพโซเวียตในปี ค.ศ. 1927 จนกระทั่งมีการสถาปนาจีนใหม่ เติ้งกง(邓公)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ไม่มีทางอื่นที่จะเลือกเดินอีกต่อไป ในเวลานั้น เติ้งกง(邓公)เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มีชื่อเสียงของกองทัพของหลิว(刘)และเติ้ง(邓) เขาถูกมองว่าเป็นเสี้ยนหนามในฝ่ายของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มานานแล้ว และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ละทิ้งความเชื่ออุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์ของเขาด้วย ได้ตัดสินใจที่จะทำตามพ่อซึ่งเป็นผู้นำของเขาและเตรียมพร้อมที่จะรับช่วงต่อ หลังจากที่เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)พ่ายแพ้และถอยไปไต้หวันแล้ว เขาก็เริ่มติดต่อกับกลุ่มรัฐมนตรีผู้มีประสบการณ์ซึ่งเคยเป็นลูกน้องของเขา จุดประสงค์ของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ในการทำเช่นนี้คือปูทางเพื่อให้เชียงจิงกัวสามารถสืบทอดตำแหน่งได้ ท้ายที่สุดแล้วในจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ยังไม่กล้าส่งสัญญาณออกไปว่าให้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เข้ามารับหน้าที่สืบทอดแทน เขายังต้องคำนึงถึงหน้าตาความรู้สึกของรัฐมนตรีเก่าผู้มีประสบการณ์บางคนด้วย หากลูกชายเข้ามารับช่วงต่อ หลี่จงเหริน(李宗仁)จะไม่เต็มใจอย่างแน่นอน แม้ว่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)จะไม่ทำอย่างนี้ ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมก็สามารถเห็นได้ หลังจากที่ผู้เฒ่าเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)มาถึงไต้หวัน เมื่ออำนาจของเขาก็มั่นคงขึ้นแล้วหลังจากดูแลจัดการรัฐมนตรีคนเก่าของเขา และเขาก็เริ่มปล่อยมือให้ลูกชายทำงาน หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นเป็นประธานฝ่ายบริหาร สร้างไต้หวันตามแนวทางการปกครองของเขา ขณะนั้นไต้หวันมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง และเจี่ยงน้อย(小蒋)ก็ทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างหนึ่ง นั่นคือการพัฒนาบริษัทผลิตชิป แม้จะมีราคาแพงสูงมาก แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง ภายใต้การปกครองของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ไต้หวันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในช่วงทศวรรษ 1980 ไต้หวันก็กลายเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย แต่หลังจากที่พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋)เข้าบริหารปกครองไต้หวัน ก็เป็นตอนที่ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)มอบอำนาจเกือบทั้งหมดให้กับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ด้วยมีบางอย่างเกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)กลับมาอีกครั้ง นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของประธานเหมา(毛) หลังจากที่เติ้งกง(邓公)กลับคืนสู่รัฐบาลกลาง โจวกง(周公)ก็มอบงานการต่างประเทศจำนวนมากให้กับเติ้งกง(邓公) จากนั้นเติ้งกง(邓公)ก็ประกาศบางอย่างต่อสาธารณะ: เตรียมหารือปัญหาการรวมตัวกับไทเป(台北)โดยตรง สมาชิกก๊กมิ่นตั๋ง(国民党)บางคนในแผ่นดินใหญ่ยังสื่อสารส่งข้อความถึงพ่อลูกครอบครัวตระกูลเจี่ยง(蒋)ผ่านช่องทางสาธารณะหรือส่วนตัว เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งล้มป่วยอยู่นั้นก็ไม่มีแรงจะจัดการกับเรื่องเหล่านี้ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ซึ่งได้รับอำนาจเต็มในเวลานี้แล้ว ก็ยังเพิกเฉยไม่แยแสต่อความคิดริเริ่มของเติ้งกง(邓公) ในปีค.ศ. 1975 ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)เสียชีวิต และหยาน เจียก้าน(严家淦) เข้ามารับช่วงต่อ สามปีต่อมา หยาน เจียก้าน(严家淦)ได้มอบอำนาจคืนโดยอัตโนมัติ วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1978 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสืบทอดตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้เฒ่าเจี่ยง(蒋)และเจี่ยงน้อย(小蒋)ไม่คาดคิด ในปีค.ศ. 1972 พ่อลูกตระกูลเจี่ยง(蒋) ไม่ทราบเกี่ยวกับการเยือนจีนของริชาร์ด นิกสัน(Richard Nixon理查德·尼克松) เจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石)ซึ่งโกรธมากจนสาปแช่ง นิกสัน(Nixon尼克松)ว่า “ไม่ใช่สิ่งของ” และแม้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็มี "แวดวงสนับสนุนไต้หวัน(亲台圈子)" ในสหรัฐอเมริกา ต่อมาเมื่อสหรัฐอเมริกาโดย จิมมี คาร์เตอร์(Jimmy Carter吉米·卡特) และเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)หารือกันเรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็ยังคงถูกเก็บซ่อนไว้ในความมืด เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1978 สิบสองชั่วโมงก่อนการประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ลีโอนาร์ด ไซด์มาน อังเกอร์ (Leonard Seidman Unger安克志)ซึ่งขณะนั้นเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในไต้หวัน ได้รับโทรศัพท์ลับจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยขอให้เขาโทรหา ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)เลขาของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในตอนเช้า อังเกอร์ (Unger安克志)บอก ซ่งฉู่อวิ้(宋楚瑜James Soong Chu-yu)ว่าเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องพบ เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตื่นขึ้นมากลางดึกและได้พบอังเกอร์ (Unger安克志)จึงเพิ่งทราบข่าวการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อังเกอร์ (Unger安克志)บอกกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ว่าอย่าให้ข่าวนี้รั่วไหลสู่โลกภายนอกก่อน 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)โกรธมาก เขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีวิธีใดที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ แน่นอนว่าหลังจากมีข่าวตลาดหุ้นไทเป(台北)ก็ร่วงลง 10% นี่เป็นการแข่งขันประลองฝีมือครั้งแรกระหว่างเติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น 🥳สาม🥳 เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1979 จอมพล สวีเซี่ยงเฉียน(徐向前)ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นกล่าว: ยุติการยิงปืนใหญ่โจมตีจินเหมิน(金门)อย่างเป็นทางการ ในวันนี้ สภาประชาชนแห่งชาติ(全国人大)ยังได้ออก "ข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติในไต้หวัน(告台湾同胞书)" และเหลียว เฉิงจือ(廖承志)ซึ่งรับผิดชอบกิจการไต้หวัน ก็เผยแพร่จดหมายถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ต่อสาธารณะด้วย: เสนอความร่วมมือครั้งที่สามระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง(國民黨)และ พรรคคอมมิวนิสต์(共產黨) ถึงเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)รู้สึกอ่อนไหวต่อความคิดริเริ่มด้านสันติภาพของเติ้งกง(邓公)มาก เขาปฏิเสธการเยือนไต้หวันของเหลียว เฉิงจือ(廖承志) แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมข้ามช่องแคบ โดยเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อไต้หวัน การแลกเปลี่ยนข้ามช่องแคบเริ่มขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในปีค.ศ. 1981 เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)ได้อนุญาตให้ ซีโข่ว(溪口) เจ้อเจียง(浙江)ปรับปรุงที่พักอาศัยเดิมของเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) และสุสานของมาดาม เหมา (毛)ซึ่งเป็นยายของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) ว่ากันว่าทั้ง เติ้งกง(邓公)และ เหลียว เฉิงจือ(廖承志)รู้ว่าเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)เป็นลูกกตัญญู ภาพถ่ายสิ่งต่างๆที่ได้รับการซ่อมแซมได้ถูกส่งไปยังเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) เห็นรูปถ่ายเหล่านี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อสาธารณะ แต่เขาคงจะรู้สึกอะไรบางอย่างในใจ หลังจากนั้นไม่นาน เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เชื่อว่าถึงเวลาสำหรับการเจรจาแล้ว เขาจึงค้นเลือกหาคนกลาง และคนกลางคนนี้คือ ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀) เขาคิดว่าลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)ทำหน้าที่เป็นคนกลางน่าจะเหมาะสมกว่า ในปีค.ศ. 1981 เติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) เยือนสิงคโปร์เพื่อตรวจสอบประสบการณ์ของสิงคโปร์ในด้านการปกครองระดับชาติ ในปีค.ศ. 1983 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวกับลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เป็นการส่วนตัวว่า: ภายใต้การปฏิรูปและการทูตเชิงปฏิบัติของเติ้ง เสี่ยวผิง(邓小平) แผ่นดินใหญ่จะแข็งแกร่งขึ้น “หากแผ่นดินใหญ่และไต้หวันรวมกัน อนาคตของจีนจะมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน” หลังจากนั้นจีนและอังกฤษบรรลุข้อตกลงในการคืนฮ่องกง ในปี ค.ศ. 1986 ลี กวนยู(Lee Kuan Yew李光耀)เดินทางไปไต้หวันอีกครั้งเพื่อพูดคุยกับเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國) และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)กล่าวว่า: เขาจะเปลี่ยนแปลงไต้หวัน แต่เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าการเปลี่ยนแปลงจะเป็นเช่นไร ในปี ค.ศ. 1987 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในไต้หวัน พรรคก๊กมินตั๋ง(国民党)นอกเหนือจากการยกเลิกคำสั่งห้ามพรรคและการห้ามหนังสือพิมพ์แล้ว ยังอนุญาตให้ผู้คนเดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ได้ แต่เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1988 เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ก็เสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการป่วย หลังจากข่าวการเสียชีวิตของเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ไปถึงปักกิ่ง เติ้งกง(邓公)ก็จัดการประชุมระดับสูงทันที หลังจากได้ฟังรายงานเกี่ยวกับการทำงานเรื่องไต้หวันแล้ว เขาเชื่อว่าการรวมชาติเป็นเรื่องใหญ่สำคัญ เมื่อเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)จากไป การรวมชาติอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ยากลำบาก เขาคร่ำครวญ: "เจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ตายเร็วเกินไป" เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาของประวัติศาสตร์นี้ เติ้งเสี่ยวผิง(邓小平)และเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ได้เผชิญหน้ากันสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่พวกเขากำลังศึกษาอยู่ในสหภาพโซเวียต ทั้งสองมีความเชื่อร่วมกัน ต่อมาเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ทรยศต่อศรัทธาและติดตามเจียง ไคเชก (Chiang Kai-shek蔣介石) จนกระทั่งเจี่ยง จิงกั๋ว(Chiang Ching-kuo蔣經國)ขึ้นสู่อำนาจที่ทั้งสองได้พบกัน แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้พบกันมาห้าสิบหรือหกสิบปีแล้ว แต่ทั้งสองก็คิดถึงประเด็นการรวมชาติ 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • สุริยะ ล้อมคอก เปิดทางทุจริต หากินกับชีวิตเด็ก

    'สุริยะ' นักการเมืองมือเก็บ ระดับแมว 9 ชีวิต ระวังจะพลาดสะดุดขาตัวเอง ทำนายกฯอุ๊งอิ๊ง รับเคราะห์ไปด้วยก็เป็นได้

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ #เปิดทางทุจริต #นักการเมือง
    สุริยะ ล้อมคอก เปิดทางทุจริต หากินกับชีวิตเด็ก 'สุริยะ' นักการเมืองมือเก็บ ระดับแมว 9 ชีวิต ระวังจะพลาดสะดุดขาตัวเอง ทำนายกฯอุ๊งอิ๊ง รับเคราะห์ไปด้วยก็เป็นได้ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ #เปิดทางทุจริต #นักการเมือง
    Like
    Wow
    Angry
    8
    0 Comments 0 Shares 330 Views 341 0 Reviews
  • จุดเริ่มต้นแม่น้ำเจ้าพระยา
    จุดเริ่มต้นแม่น้ำเจ้าพระยา
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 97 Views 61 0 Reviews
  • 06-10-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.3

    เป็นไงล่ะ? อีโครแอต เตรียมชิ่ง ยุโรปตะวันออกก่อกบฎ ไม่เอา NATO ไม่รบรัสเซีย เดี๋ยวมรึงจะได้เห็นอสรพิษอีกเยอะ ไอ้ที่รอ เค้ารอมรึงฉิบหายก่อน เมื่ออ่อนยวบ ก็ไม่มีแรงจะมาขู่กูได้อีก สัญญานยุโรปตะวันออกแยกตัวเริ่มชัด! หลังรัสเซียยึดยูเครนเบ็ดเสร็จแล้ว แบบไม่เป็นทางการ เชื่อมเส้นทางลำเลียงไคร์เมียร์ฉลุย ยิ่งทำให้ไคร์เมียร์มีแผ่นดินเชื่อมต่อง่ายขึ้น ฐานทัพรัสเซียโยกเข้าไปแทนที่แล้ว มรึงเสร็จ! อยู่ที่ว่าจะกินพื้นที่เท่าไหร่ดี เอาแม่งให้หมดทั้งแผ่นดินเพื่อเป็นเกาะกันชนเลยดีมุย? อีโปลหนาวสุดตรีน เมื่อยูเครนไป แล้วอีโปลเสี้ยนจะทำสงครามต่อ เท่ากับยื่นใบเสร็จเส้นทางท่อแก็สอาร์คติคให้ปูตินนั่นเอง หากฉลาด ประกาศยุติสงคราม หันมาจับมือรัสเซีย อาจจะยังเหลือประเทศโปแลนด์อยู่? แต่คนยาก เพราะอียิวเหี้ยไซออนนิสต์มันกลืนอีโปลมาเป็นชาติแล้ว แผ่นดินที่เต็มไปด้วยอียิว ยิ่งแผ่นดินแม่เยรูซาเล็มใกล้แตก มรึงจะไปหาที่อพยพที่ไหนได้อีกล่ะ? ปล่อยข่าวอีล่ะ? อียิวเหี้ยไม่มีอะไรนอกจากปั่นหัวควาย กระแสล่อนุ๊กใส่เลบานอน เค้ารออยู่ อาวุธเหี้ยมะกันทั้งนั้น ปฎิเสธไม่ได้ มรึงมีส่วนทุกสงครามที่เกิด ดอกนี้ จะสมหวัง 3 ประการ 1.อียิวโดนหนักถึงขัดแผ่นดินแตก 2.อีวอชิงตันจะดิ้นพล่าน ฐานทัพเหี้ยทั่วโลกถูกลงแขก จัดหนัก 3.เกมส์ยุโรปปิดเกมส์เร็ว เพราะไม่เหลือใครเติมอาวุธให้อีกแล้ว ต่างป้องกันตัวเองสิ้น เฮซบอเลาะห์มีอาวุธไฮเทครุ่นใหม่ครบ พูดง่ายๆ ใครที่อิหร่านส่งเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน? จะได้ของครบมือทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่นั้น อาวุธไฮเทค ต้องใช้เวลาฝึกฝนและเรียนรู้เยอะ ใครล่ะ? ควบคุมบังคับการใช้งาน หากไม่ใช่ WAGNER ใช่แล้ว ผีพริโกซินล่องลอยไปตามอากาศ หลอกหลอนเหี้ยยิวทุกสมรภูมิรบ? รัสเซีย จีน อิหร่าน วางแผนหลายชั้น ไม่ใช่ให้เดาทางง่ายดอกน่ะ ดูภาพรวมแล้วจะเข้าใจ สงครามในเยรูซาเล็ม มีเพื่อตัดกำลังเหี้ย NATO เพื่อที่ปูตินจะเขมือบยูเครนง่ายดาย แถมตัดกำลังพล อาวุธ คลังแสง คลังเงิน จนยุโรปถังแตกไปทั่ว แค่หาพลังงานใช้ยังยาก ต้องจ่ายเป็นรูเบิล? ที่มาว่า EU ถอยหมด แล้ว NATO จะเหลือใคร? ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมด โจมตีที่ไหน เพื่อเป้าหมายที่อื่น? ไม่ใช่เหี้ยขี้ข้ามะกันจะไม่ช่วยลวกเพ่ใหญ่ยิวดอกน่ะ แต่มันไม่เหลืออะไรแล้ว? ล่าสุด อีเอ๋อ(ตัวโคลน) ส่งสัญญานชัด แผนเด็ดหัวอีทรัมปป์ เดาไม่ยากดอก จะมีเลือกตั้งหรือไม่ ไม่สำคัญ เป้าหมายแท้จริงคือนำอเมริกาไปตายโหงตายห่าในสงครามต่างหากล่ะ ตายไม่ถึงล้าน อียิวไม่มีสิทธิ์เข้า ต้องให้แตกเป็นเสี่ยงๆ แยกรัฐย่อย อียิวถึงจะได้แผ่นดินมาตั้งต้นรัฐยิวใหม่ นิวยอร์ค แคลิฟอร์เนีย เสร็จอียิวชัวร์! แผนพลิกน่ะสิ เพราะโลกต่อต้านอียิวกันสุดโต่งแล้ว เลือกตั้งอเมริกาแค่ละคร อีตาเพนเตรียมปฎิวัติแล้วจ๊ะ CIVIL WAR ต้องมา ไม่ต้องให้มรึงมาฆ่า เดี๋ยวพวกกูจะฆ่ากันเองโชว์ให้มรึงดู? สู้กับมรึง มีแต่ตายโหงกับตายห่า แต่สู้กับควายมะกันด้วยกันเอง ชนะใสใส เพราะกูเก่งแต่ของกระจอกไงล่ะ? มรึงเอาดิ? F-35 หันหัวกลับหลังรู้ว่าถูกล็อคเป้า จะลอบกัดโจมตีอิหร่าน ไม่ง่ายดอก หากไม่อนุญาตให้จัดฉาก เพราะความเป็นจริง S-400/S-350s รอดักอยู่ SU-35s ก็มีทั้งฝูง แถมรัสเซียเพิ่งส่งปืนเลเซอร์ รัศมี 4 กม. ตัวจี๊ด ทำลายโดรนได้อย่างไวพร้อมกัน ล่าสุด รัสเซียคุ้มกันเครื่องบินบรรทุกหนักไปส่งถึงกรุงเบรุต ไม่ต้องเดา ของดี ของหนักมาครบ เฮซบอเลาะห์ถึงได้มั่นใจ งวดนี้ กูเอาจริง! ภาพข่าวทั่วโลกถูกสื่อปลอมยิวหลอกควายไปโฟกัสยิวถล่มเลบานอน แต่ของจริง อียิวนอนตายพะงาบพะงาบ มรึงดูภาพรวม อีเบียร์ทรุดทั้งเศรษฐกิจ การคลัง การทหาร อีเศษฝรั่งถอย เพราะรู้ดีว่า งานนี้จะต้องแลกด้วยอะไร? เพราะปูตินเบื่ออีน้ำเน่ามว๊าก ตอแหลไม่เลิก! อาวุธหนักทุกชิ้นของรัสเซียตอนนี้ พ่วงไฮเปอร์โซนิค 8-15 มัค ทั้งหมด ไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศใดของชาติเหี้ยจะสกัดได้ เหมือนที่อิหร่านทำให้ดู ลงกลางหัวเทลอาวีฟจนแถไม่ออก! โลกอาหรับยกพลขึ้นบกแล้ว โดยเสริมกำลังไปทางเลบานอน ซีเรีย อิรัก ปูพรมเข้า 3 ทิศทาง ลูกยาวนำ ภาคพื้นเก็บงาน อียิวถูกบีบให้ถอยไปตอนกลาง อยู่รวมกันที่นั่น เท่ากับว่ามรึงถูกล้อมนอก ล้อมใน จนไม่มีทางถอย เยเมนคือคีย์สำคัญ ที่จะเปิดทางให้ทั้ง 3 กองรบได้ไปเจอะหน้ากันในเวสต์แบงค์ อิหร่านแต่คุมเกมส์ข้างนอก ปิดไม่ให้เรือเหี้ยมะกันเข้ามาช่วยอียิวได้ เรือรบรัสเซีย จีน อยู่ในทะลดำ สามารถยิงสกัดอาวุธยาวได้ อิหร่านมีระบบป้องกันภัยทางอากาศ ล่ออียิวได้ทุกเมื่อ ที่ผ่านมา คือปล่อยให้มันถล่มแค่หน้าฉาก ประปราย เพื่อเอาใบเสร็จโลกเท่านั้นเอง ส่วนแผนผู้นำแห่กันตายถี่ ตายแล้วตายอีก ก็เพื่อจะสับราง ไม่ให้เหี้ยเดาทางถูก เพราะคนใหม่มา คือเพชรฆาต ไม่พูดเยอะ สั่งลุยท่าเดียว ยังต้องมีผู้นำตายห่าอีกต่อเนื่อง ก็เพื่อความปลอดภัย และลดการจับตาจากฝ่ายตรงกันข้าม เวลาเดินทางไปไหนมาไหนมันรู้หมด เปลี่ยนกล้องจับตา สายลับให้ไปที่อื่นแทน นี่คือ "สงคราม" ยามศึก ไม่สนวิธีการ เพื่อเป้าหมายใหญ่ งัดมาใช้ได้หมด! ช่วงนี้ ใช้ตัวโคลนเปลือง เพราะเกมส์มันหลายชั้นน่ะจ๊ะ? สิ่งที่เหี้ยไม่รู้เลยคือ ขั้วใหม่เค้ารู้อาวุธมรึงหมดเกลี้ยง เอาไปโชว์พิพิธภัณฑ์ของกระจอกที่มอสโคว์ทั้ง NATO แต่อาวุธรุ่นใหม่ของอิหร่าน จีน รัสเซีย ยังออกมาไม่เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ใช้ทดสอบกับมรึงผ่านเฮซบอเลาะห์ ฮูตี เนี่ยแหละ รู้ตัวมั้ยว่า มรึงมีค่าแค่หนูทดลองอาวุธ? อาวุธรัสเซียโหดสุด ไม่ใช่แค่ทำลายพื้นที่เป้าหมาย แต่ทำลายโสตประสาททุกชีวิตในบริเวณนั่นด้วย รัศมี 15 กม. ที่มาว่าทำไมทหารมะกัน นาโต้ พิการไปกว่าครึ่งกองทัพ หลอนไปเลยมรึง ขนาดทหารรับจ้าง อย่างอี "น้ำดำ" ยังเคยออกมาให้ข่าวว่า "ไม่ไหวแล้ว รับไม่ได้" นี่ไม่ใช่สงคราม แต่มันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ จ้างไอ้โง่ไปตายห่าไงล่ะ ไอ้สัส! อย่าคิดว่ามรึงจะรอด? ทั้งอีโปล อีสวิงกิ้ง อีฟินน์ อีลอนดอน ทุกอย่างมันปูทางไปหามรึงทั้งสิ้น WAGNER กระจายอยู่เต็มยุโรป อยากรู้ให้ไปถามลูคาเชนโก รู้ทะลุ ตับไตไส้พุง อีโปล หมดเกลี้ยง! แค่จะสั่งเก็บตอนไหน เท่านั้นเอง ISKANDER ว่าโหดแล้ว เกิดพ่วงหัวรบมินิคุ๊กกี้รสชาเชียวเข้าไปอีก กูบอกเลย อิ่มยันไปถึงชาติหน้า?

    ปล.ส่วนประเทศกูมี ประเทศสารขัณฑ์ ทรงมาแล้วจ๊ะ แผนลงถนนขับไล่รัฐบาลชาติชั่ว บอกก่อนเลยว่า "หมีจะออก ก็เพียงเรื่องวัง เท่านั้น" ใครมีแรง มีอยากเกิด ใครทนไม่ไหว จะไปร่วมก็ดูแลตัวเองหน่อย เพราะหมีอ่านเกมส์ทะลุแล้วว่า ไม่ต้องลงถนน ศาลไคฟงก็ฟันตายคาที่แล้ว แต่แผนนี้ที่เรียกขึ้นมา ก็เพื่อเร่งเวลาตายให้เร็วขึ้น เท่านั้นเอง ชงเพื่อสร้างสถานการณ์ บีบให้นำไปสู่การตัดสินใจครั้งใหญ่ของแผ่นดิน อย่าลืมว่า เสรีก็กำลังชงอยู่อีกเรื่อง ชั้น 14 ตายห่ายกแก๊งค์ ปปช.งานเข้า มรึงจะหมกเม็ดต่อไป แอบช่วยต่อ ไม่ได้อีกแล้ว โดนกันหมด เพราะงานนี้ ศาลใหญ่มาเอง? ยื่นทูลความเท็จ โทษหนักสถานใด ไม่ต้องบอก? ทุกอย่างที่มรึงเคยช้ำใจ นั่นแค่ละคร ที่วังชงให้ศาล เพื่อหาใบเสร็จ มาวันนี้ มรึงเข้าใจกันรึยัง? อะไรที่ให้ได้ ก็เอาคืนได้ กูพูดบ่อยไปป่ะ? ตัวพ่อไม่รอด แล้วตัวลูกสาวร่านจะเหลือเหรอ? คดีค้างไว้เพี๊ยบ ชงมาเป็น 100 รอตบแค่วันเดียว ไปหมดทั้งกะปิเหี้ย? ทุกอย่างคือละคร แต่ 10000 นึงได้จริง ควายปลื้ม 3 วันหมด ตามสติปัญญา มันไม่สนดอกว่า ใครเป็นคนจ่าย เพราะควายไม่มีจ่าย มีแต่ขอ? วังเมตตา โปรดสัด เดี๋ยวกูไปเอาคืนจากไอ้อีนักการเมืองเหี้ยเอง บทเค้าชงให้วังเป็นพระเอก พวกมรึงรอด! แต่ไอ้คนเซ็นต์ อนุมัติ เสนอนโยบาย คาคุกทั้งพรรค ทั้งคน เดี๋ยวมรึงได้เห็นแน่ มาพร้อมกันหมด 100 คดี เนื้อหาแก่นแท้มีแค่ "บ่อนทำลายแผ่นดิน ล้มวัง แยกดินแดน ชักศึกเข้าบ้าน" อยู่ดีดี คดีตากใบก็กลับมาเช็คบิลอีกครั้ง มันคือสัญญานบอกถึงอีบ้านเหี้ยส่องหล้าโดยตรงไงล่ะ? นิ่ง สงบ รอดูความเคลื่อนไหว ช่วงนี้ เหี้ยมันจะแฉกันเอง เชือดกันเอง สุดท้ายเขียวคาบไปแดร๊กตามใบสั่ง เพราะทุกอย่างเค้าขีดเขียนให้มรึงเดิน อีเหลี่ยมที่คิดว่าแน่ มรึงพลาดตั้งแต่เข้ามาเหยียบแผ่นดินสวรรค์แล้ว มันคือ "แสงทำงาน หลอกมาสำเร็จ" ตัวประกันอยู่ในมือ ยังไงก็ชนะ เพราะที่นี่มีแค่กติกาเดียว "ใต้พระบารมี" การโยกย้ายตำแหน่งสำคัญในกองทัพบกที่ผ่านมา คือภาพสะท้อนว่า กองทัพไทยรวมเป็น 1 เดียวกันหมดแล้ว ทหารขายชาติจะถูกเขี่ยทิ้ง ทหารล้มเจ้าจะถูกดองเค็มจนหมดวาระ เสธ.แดง ไม่ได้มามือเปล่า งวดนี้ ยกทั้ง 3 เหล่าทัพมาพร้อมกันขยี้เหี้ยล้างแผ่นดินกันไปเลย! เกมส์โลกกำลังเข้าทาง เกมส์ไทยกำลังเข้าตรีน อีจตุพรเนี่ยตัวชงเลย พาคนลงถนน ไม่มีใบสั่ง ใครจะนำ? ย้อนเกล็ดเหี้ยไงล่ะ รู้ทางกันดี PUT THE RIGHT MAN ON THE RIGHT JOB ทหารเค้าเป็นงานไม่ต้องสอนดอก? จำไว้ว่า ละครลงถนน แค่หน้าฉาก เพื่อเงื่อนไขการนำไปสู่ "รัฐประหาร" เวลาของมรึง หมดแล้ว! ภาพใหญ่ตอนนี้ ยิ่งตะวันออกกลางเดือดมากเท่าไหร่ ยุโรปยิ่งยวบลงมากเท่านั้น เพราะต้องเติมไม่อั้น เติมไม่หยุด เพราะอีเหี้ยมะกันมันเจ๊งแล้ว สุดท้ายก็นำไปสู่การแยกย้าย แตก NATO แตก EU เพราะทั้งโลกเดินตามขั้วใหม่หมดแล้ว มรึงยังจะเหลือใครในองค์กรสากลตอแหลบัดซบอีก? สงครามแค่หน้าฉาก ของจริงคือใครคุมปัจจัย 4 โลก? มันจบแล้วครับนาย! ย้ำอีกที "สงครามข่าวสาร" ไม่รู้ที่มา อย่าเชื่อ สื่อเหี้ยยิวรายงาน ให้ตีเป็น 0 ดูของจริง ผลลัพธ์จริง และใครได้ประโยชน์? จะจับทางได้ไม่ยาก ทุกอย่างไม่มีของฟรี โลกต้องจ่าย เพื่อเปลี่ยน เช่นกัน!

    หมี CNN(เมื่อวานไม่ได้โพส ไม่ว่างจ๊ะ แถมไม่มีอารมณ์ เตรียมจะเขียนตอนเย็นแล้ว แต่เปลี่ยนใจ เพราะมันไร้อารมณ์ ตื่นมาเช้านี้ เห็น หงส์แดงจ่าฝูง เลยมีอารมณ์เขียนทันที สรุปคือ "หมาจะกัดกัน อย่าเข้าไปห้าม" ปล่อยให้โลกกำจัดสิ่งชั่วร้ายด้วยตัวมันเอง กลียุคใกล้จะจบลงแล้ว ทุกความระยำ ชาติชั่ว ที่เห็นในชาตินี้ มันจะหมดไป แล้วตามมาเกิดใหม่อีก 100 ปีข้างหน้า ดังนั้น หากมรึงเป็นอมตะ มรึงจะเห็นวัฎจักรจักรวาลเวียนว่ายไม่รู้จบ ดังนั้น อย่าอินเยอะ ปล่อยให้มันเป็นไปซะ ใครก็ห้ามไม่ได้ อียิวตายโหงชัวร์!)
    06 ตุลาคม 67
    10.58 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u


    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    06-10-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.3 เป็นไงล่ะ? อีโครแอต เตรียมชิ่ง ยุโรปตะวันออกก่อกบฎ ไม่เอา NATO ไม่รบรัสเซีย เดี๋ยวมรึงจะได้เห็นอสรพิษอีกเยอะ ไอ้ที่รอ เค้ารอมรึงฉิบหายก่อน เมื่ออ่อนยวบ ก็ไม่มีแรงจะมาขู่กูได้อีก สัญญานยุโรปตะวันออกแยกตัวเริ่มชัด! หลังรัสเซียยึดยูเครนเบ็ดเสร็จแล้ว แบบไม่เป็นทางการ เชื่อมเส้นทางลำเลียงไคร์เมียร์ฉลุย ยิ่งทำให้ไคร์เมียร์มีแผ่นดินเชื่อมต่อง่ายขึ้น ฐานทัพรัสเซียโยกเข้าไปแทนที่แล้ว มรึงเสร็จ! อยู่ที่ว่าจะกินพื้นที่เท่าไหร่ดี เอาแม่งให้หมดทั้งแผ่นดินเพื่อเป็นเกาะกันชนเลยดีมุย? อีโปลหนาวสุดตรีน เมื่อยูเครนไป แล้วอีโปลเสี้ยนจะทำสงครามต่อ เท่ากับยื่นใบเสร็จเส้นทางท่อแก็สอาร์คติคให้ปูตินนั่นเอง หากฉลาด ประกาศยุติสงคราม หันมาจับมือรัสเซีย อาจจะยังเหลือประเทศโปแลนด์อยู่? แต่คนยาก เพราะอียิวเหี้ยไซออนนิสต์มันกลืนอีโปลมาเป็นชาติแล้ว แผ่นดินที่เต็มไปด้วยอียิว ยิ่งแผ่นดินแม่เยรูซาเล็มใกล้แตก มรึงจะไปหาที่อพยพที่ไหนได้อีกล่ะ? ปล่อยข่าวอีล่ะ? อียิวเหี้ยไม่มีอะไรนอกจากปั่นหัวควาย กระแสล่อนุ๊กใส่เลบานอน เค้ารออยู่ อาวุธเหี้ยมะกันทั้งนั้น ปฎิเสธไม่ได้ มรึงมีส่วนทุกสงครามที่เกิด ดอกนี้ จะสมหวัง 3 ประการ 1.อียิวโดนหนักถึงขัดแผ่นดินแตก 2.อีวอชิงตันจะดิ้นพล่าน ฐานทัพเหี้ยทั่วโลกถูกลงแขก จัดหนัก 3.เกมส์ยุโรปปิดเกมส์เร็ว เพราะไม่เหลือใครเติมอาวุธให้อีกแล้ว ต่างป้องกันตัวเองสิ้น เฮซบอเลาะห์มีอาวุธไฮเทครุ่นใหม่ครบ พูดง่ายๆ ใครที่อิหร่านส่งเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน? จะได้ของครบมือทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่นั้น อาวุธไฮเทค ต้องใช้เวลาฝึกฝนและเรียนรู้เยอะ ใครล่ะ? ควบคุมบังคับการใช้งาน หากไม่ใช่ WAGNER ใช่แล้ว ผีพริโกซินล่องลอยไปตามอากาศ หลอกหลอนเหี้ยยิวทุกสมรภูมิรบ? รัสเซีย จีน อิหร่าน วางแผนหลายชั้น ไม่ใช่ให้เดาทางง่ายดอกน่ะ ดูภาพรวมแล้วจะเข้าใจ สงครามในเยรูซาเล็ม มีเพื่อตัดกำลังเหี้ย NATO เพื่อที่ปูตินจะเขมือบยูเครนง่ายดาย แถมตัดกำลังพล อาวุธ คลังแสง คลังเงิน จนยุโรปถังแตกไปทั่ว แค่หาพลังงานใช้ยังยาก ต้องจ่ายเป็นรูเบิล? ที่มาว่า EU ถอยหมด แล้ว NATO จะเหลือใคร? ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมด โจมตีที่ไหน เพื่อเป้าหมายที่อื่น? ไม่ใช่เหี้ยขี้ข้ามะกันจะไม่ช่วยลวกเพ่ใหญ่ยิวดอกน่ะ แต่มันไม่เหลืออะไรแล้ว? ล่าสุด อีเอ๋อ(ตัวโคลน) ส่งสัญญานชัด แผนเด็ดหัวอีทรัมปป์ เดาไม่ยากดอก จะมีเลือกตั้งหรือไม่ ไม่สำคัญ เป้าหมายแท้จริงคือนำอเมริกาไปตายโหงตายห่าในสงครามต่างหากล่ะ ตายไม่ถึงล้าน อียิวไม่มีสิทธิ์เข้า ต้องให้แตกเป็นเสี่ยงๆ แยกรัฐย่อย อียิวถึงจะได้แผ่นดินมาตั้งต้นรัฐยิวใหม่ นิวยอร์ค แคลิฟอร์เนีย เสร็จอียิวชัวร์! แผนพลิกน่ะสิ เพราะโลกต่อต้านอียิวกันสุดโต่งแล้ว เลือกตั้งอเมริกาแค่ละคร อีตาเพนเตรียมปฎิวัติแล้วจ๊ะ CIVIL WAR ต้องมา ไม่ต้องให้มรึงมาฆ่า เดี๋ยวพวกกูจะฆ่ากันเองโชว์ให้มรึงดู? สู้กับมรึง มีแต่ตายโหงกับตายห่า แต่สู้กับควายมะกันด้วยกันเอง ชนะใสใส เพราะกูเก่งแต่ของกระจอกไงล่ะ? มรึงเอาดิ? F-35 หันหัวกลับหลังรู้ว่าถูกล็อคเป้า จะลอบกัดโจมตีอิหร่าน ไม่ง่ายดอก หากไม่อนุญาตให้จัดฉาก เพราะความเป็นจริง S-400/S-350s รอดักอยู่ SU-35s ก็มีทั้งฝูง แถมรัสเซียเพิ่งส่งปืนเลเซอร์ รัศมี 4 กม. ตัวจี๊ด ทำลายโดรนได้อย่างไวพร้อมกัน ล่าสุด รัสเซียคุ้มกันเครื่องบินบรรทุกหนักไปส่งถึงกรุงเบรุต ไม่ต้องเดา ของดี ของหนักมาครบ เฮซบอเลาะห์ถึงได้มั่นใจ งวดนี้ กูเอาจริง! ภาพข่าวทั่วโลกถูกสื่อปลอมยิวหลอกควายไปโฟกัสยิวถล่มเลบานอน แต่ของจริง อียิวนอนตายพะงาบพะงาบ มรึงดูภาพรวม อีเบียร์ทรุดทั้งเศรษฐกิจ การคลัง การทหาร อีเศษฝรั่งถอย เพราะรู้ดีว่า งานนี้จะต้องแลกด้วยอะไร? เพราะปูตินเบื่ออีน้ำเน่ามว๊าก ตอแหลไม่เลิก! อาวุธหนักทุกชิ้นของรัสเซียตอนนี้ พ่วงไฮเปอร์โซนิค 8-15 มัค ทั้งหมด ไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศใดของชาติเหี้ยจะสกัดได้ เหมือนที่อิหร่านทำให้ดู ลงกลางหัวเทลอาวีฟจนแถไม่ออก! โลกอาหรับยกพลขึ้นบกแล้ว โดยเสริมกำลังไปทางเลบานอน ซีเรีย อิรัก ปูพรมเข้า 3 ทิศทาง ลูกยาวนำ ภาคพื้นเก็บงาน อียิวถูกบีบให้ถอยไปตอนกลาง อยู่รวมกันที่นั่น เท่ากับว่ามรึงถูกล้อมนอก ล้อมใน จนไม่มีทางถอย เยเมนคือคีย์สำคัญ ที่จะเปิดทางให้ทั้ง 3 กองรบได้ไปเจอะหน้ากันในเวสต์แบงค์ อิหร่านแต่คุมเกมส์ข้างนอก ปิดไม่ให้เรือเหี้ยมะกันเข้ามาช่วยอียิวได้ เรือรบรัสเซีย จีน อยู่ในทะลดำ สามารถยิงสกัดอาวุธยาวได้ อิหร่านมีระบบป้องกันภัยทางอากาศ ล่ออียิวได้ทุกเมื่อ ที่ผ่านมา คือปล่อยให้มันถล่มแค่หน้าฉาก ประปราย เพื่อเอาใบเสร็จโลกเท่านั้นเอง ส่วนแผนผู้นำแห่กันตายถี่ ตายแล้วตายอีก ก็เพื่อจะสับราง ไม่ให้เหี้ยเดาทางถูก เพราะคนใหม่มา คือเพชรฆาต ไม่พูดเยอะ สั่งลุยท่าเดียว ยังต้องมีผู้นำตายห่าอีกต่อเนื่อง ก็เพื่อความปลอดภัย และลดการจับตาจากฝ่ายตรงกันข้าม เวลาเดินทางไปไหนมาไหนมันรู้หมด เปลี่ยนกล้องจับตา สายลับให้ไปที่อื่นแทน นี่คือ "สงคราม" ยามศึก ไม่สนวิธีการ เพื่อเป้าหมายใหญ่ งัดมาใช้ได้หมด! ช่วงนี้ ใช้ตัวโคลนเปลือง เพราะเกมส์มันหลายชั้นน่ะจ๊ะ? สิ่งที่เหี้ยไม่รู้เลยคือ ขั้วใหม่เค้ารู้อาวุธมรึงหมดเกลี้ยง เอาไปโชว์พิพิธภัณฑ์ของกระจอกที่มอสโคว์ทั้ง NATO แต่อาวุธรุ่นใหม่ของอิหร่าน จีน รัสเซีย ยังออกมาไม่เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ใช้ทดสอบกับมรึงผ่านเฮซบอเลาะห์ ฮูตี เนี่ยแหละ รู้ตัวมั้ยว่า มรึงมีค่าแค่หนูทดลองอาวุธ? อาวุธรัสเซียโหดสุด ไม่ใช่แค่ทำลายพื้นที่เป้าหมาย แต่ทำลายโสตประสาททุกชีวิตในบริเวณนั่นด้วย รัศมี 15 กม. ที่มาว่าทำไมทหารมะกัน นาโต้ พิการไปกว่าครึ่งกองทัพ หลอนไปเลยมรึง ขนาดทหารรับจ้าง อย่างอี "น้ำดำ" ยังเคยออกมาให้ข่าวว่า "ไม่ไหวแล้ว รับไม่ได้" นี่ไม่ใช่สงคราม แต่มันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ จ้างไอ้โง่ไปตายห่าไงล่ะ ไอ้สัส! อย่าคิดว่ามรึงจะรอด? ทั้งอีโปล อีสวิงกิ้ง อีฟินน์ อีลอนดอน ทุกอย่างมันปูทางไปหามรึงทั้งสิ้น WAGNER กระจายอยู่เต็มยุโรป อยากรู้ให้ไปถามลูคาเชนโก รู้ทะลุ ตับไตไส้พุง อีโปล หมดเกลี้ยง! แค่จะสั่งเก็บตอนไหน เท่านั้นเอง ISKANDER ว่าโหดแล้ว เกิดพ่วงหัวรบมินิคุ๊กกี้รสชาเชียวเข้าไปอีก กูบอกเลย อิ่มยันไปถึงชาติหน้า? ปล.ส่วนประเทศกูมี ประเทศสารขัณฑ์ ทรงมาแล้วจ๊ะ แผนลงถนนขับไล่รัฐบาลชาติชั่ว บอกก่อนเลยว่า "หมีจะออก ก็เพียงเรื่องวัง เท่านั้น" ใครมีแรง มีอยากเกิด ใครทนไม่ไหว จะไปร่วมก็ดูแลตัวเองหน่อย เพราะหมีอ่านเกมส์ทะลุแล้วว่า ไม่ต้องลงถนน ศาลไคฟงก็ฟันตายคาที่แล้ว แต่แผนนี้ที่เรียกขึ้นมา ก็เพื่อเร่งเวลาตายให้เร็วขึ้น เท่านั้นเอง ชงเพื่อสร้างสถานการณ์ บีบให้นำไปสู่การตัดสินใจครั้งใหญ่ของแผ่นดิน อย่าลืมว่า เสรีก็กำลังชงอยู่อีกเรื่อง ชั้น 14 ตายห่ายกแก๊งค์ ปปช.งานเข้า มรึงจะหมกเม็ดต่อไป แอบช่วยต่อ ไม่ได้อีกแล้ว โดนกันหมด เพราะงานนี้ ศาลใหญ่มาเอง? ยื่นทูลความเท็จ โทษหนักสถานใด ไม่ต้องบอก? ทุกอย่างที่มรึงเคยช้ำใจ นั่นแค่ละคร ที่วังชงให้ศาล เพื่อหาใบเสร็จ มาวันนี้ มรึงเข้าใจกันรึยัง? อะไรที่ให้ได้ ก็เอาคืนได้ กูพูดบ่อยไปป่ะ? ตัวพ่อไม่รอด แล้วตัวลูกสาวร่านจะเหลือเหรอ? คดีค้างไว้เพี๊ยบ ชงมาเป็น 100 รอตบแค่วันเดียว ไปหมดทั้งกะปิเหี้ย? ทุกอย่างคือละคร แต่ 10000 นึงได้จริง ควายปลื้ม 3 วันหมด ตามสติปัญญา มันไม่สนดอกว่า ใครเป็นคนจ่าย เพราะควายไม่มีจ่าย มีแต่ขอ? วังเมตตา โปรดสัด เดี๋ยวกูไปเอาคืนจากไอ้อีนักการเมืองเหี้ยเอง บทเค้าชงให้วังเป็นพระเอก พวกมรึงรอด! แต่ไอ้คนเซ็นต์ อนุมัติ เสนอนโยบาย คาคุกทั้งพรรค ทั้งคน เดี๋ยวมรึงได้เห็นแน่ มาพร้อมกันหมด 100 คดี เนื้อหาแก่นแท้มีแค่ "บ่อนทำลายแผ่นดิน ล้มวัง แยกดินแดน ชักศึกเข้าบ้าน" อยู่ดีดี คดีตากใบก็กลับมาเช็คบิลอีกครั้ง มันคือสัญญานบอกถึงอีบ้านเหี้ยส่องหล้าโดยตรงไงล่ะ? นิ่ง สงบ รอดูความเคลื่อนไหว ช่วงนี้ เหี้ยมันจะแฉกันเอง เชือดกันเอง สุดท้ายเขียวคาบไปแดร๊กตามใบสั่ง เพราะทุกอย่างเค้าขีดเขียนให้มรึงเดิน อีเหลี่ยมที่คิดว่าแน่ มรึงพลาดตั้งแต่เข้ามาเหยียบแผ่นดินสวรรค์แล้ว มันคือ "แสงทำงาน หลอกมาสำเร็จ" ตัวประกันอยู่ในมือ ยังไงก็ชนะ เพราะที่นี่มีแค่กติกาเดียว "ใต้พระบารมี" การโยกย้ายตำแหน่งสำคัญในกองทัพบกที่ผ่านมา คือภาพสะท้อนว่า กองทัพไทยรวมเป็น 1 เดียวกันหมดแล้ว ทหารขายชาติจะถูกเขี่ยทิ้ง ทหารล้มเจ้าจะถูกดองเค็มจนหมดวาระ เสธ.แดง ไม่ได้มามือเปล่า งวดนี้ ยกทั้ง 3 เหล่าทัพมาพร้อมกันขยี้เหี้ยล้างแผ่นดินกันไปเลย! เกมส์โลกกำลังเข้าทาง เกมส์ไทยกำลังเข้าตรีน อีจตุพรเนี่ยตัวชงเลย พาคนลงถนน ไม่มีใบสั่ง ใครจะนำ? ย้อนเกล็ดเหี้ยไงล่ะ รู้ทางกันดี PUT THE RIGHT MAN ON THE RIGHT JOB ทหารเค้าเป็นงานไม่ต้องสอนดอก? จำไว้ว่า ละครลงถนน แค่หน้าฉาก เพื่อเงื่อนไขการนำไปสู่ "รัฐประหาร" เวลาของมรึง หมดแล้ว! ภาพใหญ่ตอนนี้ ยิ่งตะวันออกกลางเดือดมากเท่าไหร่ ยุโรปยิ่งยวบลงมากเท่านั้น เพราะต้องเติมไม่อั้น เติมไม่หยุด เพราะอีเหี้ยมะกันมันเจ๊งแล้ว สุดท้ายก็นำไปสู่การแยกย้าย แตก NATO แตก EU เพราะทั้งโลกเดินตามขั้วใหม่หมดแล้ว มรึงยังจะเหลือใครในองค์กรสากลตอแหลบัดซบอีก? สงครามแค่หน้าฉาก ของจริงคือใครคุมปัจจัย 4 โลก? มันจบแล้วครับนาย! ย้ำอีกที "สงครามข่าวสาร" ไม่รู้ที่มา อย่าเชื่อ สื่อเหี้ยยิวรายงาน ให้ตีเป็น 0 ดูของจริง ผลลัพธ์จริง และใครได้ประโยชน์? จะจับทางได้ไม่ยาก ทุกอย่างไม่มีของฟรี โลกต้องจ่าย เพื่อเปลี่ยน เช่นกัน! หมี CNN(เมื่อวานไม่ได้โพส ไม่ว่างจ๊ะ แถมไม่มีอารมณ์ เตรียมจะเขียนตอนเย็นแล้ว แต่เปลี่ยนใจ เพราะมันไร้อารมณ์ ตื่นมาเช้านี้ เห็น หงส์แดงจ่าฝูง เลยมีอารมณ์เขียนทันที สรุปคือ "หมาจะกัดกัน อย่าเข้าไปห้าม" ปล่อยให้โลกกำจัดสิ่งชั่วร้ายด้วยตัวมันเอง กลียุคใกล้จะจบลงแล้ว ทุกความระยำ ชาติชั่ว ที่เห็นในชาตินี้ มันจะหมดไป แล้วตามมาเกิดใหม่อีก 100 ปีข้างหน้า ดังนั้น หากมรึงเป็นอมตะ มรึงจะเห็นวัฎจักรจักรวาลเวียนว่ายไม่รู้จบ ดังนั้น อย่าอินเยอะ ปล่อยให้มันเป็นไปซะ ใครก็ห้ามไม่ได้ อียิวตายโหงชัวร์!) 06 ตุลาคม 67 10.58 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • ต้นเหตุทุกๆเรื่อง เกิดจาก13ตระกูลหลักผิดจริยธรรมการครองโลกอย่างร้ายแรง,โดยเฉพาะตระกูลรอธไชล์ดและร็อคกี้เฟลเลอร์ที่ยึดครองครอบงำทั่วโลกและประเทศไทยเราที่วางหมากหมายยึดครองอย่างจริงจังตั้งแต่ยุค ร.4เรา สู่ ร.5 และร้ายที่สุดยุคนอมินีคณะ2475ที่ตระกูลยิวฝรั่งเหล่านี้คือพวกตัวจริงทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังทุกๆเรื่องแม้ในไทยปัจจุบัน อาทิ เช่าที่ดินเช่าคอนโด99ปี,เปิดบ่อนคาสิโน ทำแลนด์บริจด์หรือล้มล้างสถาบันกษัตริย์ในไทยให้สิ้นซากกว่ายุคอดีตๆที่พวกมันทำมาในไทย,สัญลักษณ์ซาตานถูกก่อสร้างในประเทศไทยอย่างเปิดเผยและถูกให้เข้าใจว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ดี ชาติสากลนิยมสร้างประจำไว้ แต่ที่ไหนได้คือตัวดูดพลังชีวิตจากมนุษย์ๆที่ดำเนินกิจกรรมรอบๆสถานที่มัน ไปแดกเพิ่มพลังงานพวกมันมิติซาตานให้แข็งแกร่งมีพลังงานด้านกระทำชั่วให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก เช่นจากมีพลังน้อย สิงร่างบังคับจิตใจคนไม่ได้ไม่สะดวก แต่พอได้พลังงานจากแหล่งพลังงานที่พวกมันติดตั้งทั่วโลกรวมกันรวมทั้งประเทศไทย มันก็มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมากก็สามารถสิงร่างนั้น ใช้ร่างกายร่างนั้นอย่างง่ายดายเป็นต้น .
    ..หากคนทั้งโลกร่วมกันกำจัดภัยของโลกอันตรายที่จะทำลายเราแบบวางแผนฆ่าคนทั้งโลกด้วยวัคซีนโควิดที่ฉีดจริงๆทั้งโลกแล้วจากที่พวกมันนี้เองวางแผนการไว้นานและต่อเนื่องไว้แล้วเพราะมันแดกอะดริโนโครมจึงมีอายุยืนยาวกว่าคนปกติหลายร้อยปีกันเลยและมีเทคโนโลยีคืนชีพคืนสภาพร่างกายแบบชุบร่างกายให้กลับมาสาวสวยหล่อเหมือนเก่าได้ด้วยแบบล้ำกว่าเตียงmedbedsที่ในหนังสร้างอีก,การกำจัดตระกูลรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์จึงคือเป้าหมายหลักของคนทั้งโลกต้องร่วมกันล็อกเป้ากำจัดจริงจังร่วมกันเพราะทั้งหมดมาจากพวกนี้ล่ะทำส่วนใหญ่และนั่งบนหัวตัวจริงที่รับหน้าที่มาจากตัวโคตรพ่อโคตรแม่ต่างดาวเลวชั่วอีกที.
    ..ถ้าทุกๆคนทั่วโลกและในไทยไม่รู้ตัวการตัวจริงจะแก้ต้นเหตุของตัวปัญหาทั้งหมดไม่ได้จึงต้องร่วมมือกันอย่างเดียวกำจัดพวกนี้คือรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์,ส่วนตัวอื่นๆจะสแกนกำจัดทีหลังคงไม่ยาก,และพวกนี้ล่ะคือตัวการใหญ่ยึดบ่อปิโตรเลียมไทยเราทั้งหมดโดยพวกมันเองอีกพากันร่างกันเขียนและประกาศออกมาใช้บังคับให้คนไทยต้องเห็นด้วย&เห็นตาม แก้ไขให้ประเทศได้คืนบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดก็ทำไม่ได้อีกเพราะมันอ้างเองเขียนเองทำเองแล้ว,ฉีกทำลาย ยึดคืนสู่สามัญแบบโมฆะจึงเหมาะสมที่สุดกับพวกมันในแผ่นดินไทยเรา,ถ้าพันธมิตรเสื้อเหลืองสมัยก่อนที่ประชาชนเป็นอันมากติดตามต่อสู้ในความดีงาม&ลงสนามยุคๆนั้นแล้วยึดครองอำนาจเองโดยภาคมหาประชาชนที่แก้ไขกันเองและก็ไม่กระทบอะไรกับวังเลย เพราะจะยึดคืนอธิปไตยสู่แผ่นดินไทยด้วย ยึดคืนบ่อปิโตรเลียมตัวพ่อของปัญหาค่าครองชีพแพงทั้งแผ่นดินไทยก็ได้แต่พันธมิตรไม่กล้ากระทำเยียวให้สุดซอย,ทหารถ้าเป็นแบบคณะ2475มาปราบประชาชนในยุคพันธมิตรจริงๆแสดงให้ได้ช้อพิสูจน์ชัดเจนอีกด้วยในยุคพันธมิตรนั้นว่าประเทศไทยไม่สมควรมีทหารจากการเกณฑ์ทหารที่มาจากลูกหลานประชาชนคนไทยทั้งประเทศอีกต่อไป ยุบกองกำลังทหารทั้งหมดไปเลยเพราะรับใช้อีลิทชนชั้นครองทาสในไทยอย่างชัดเจนเลยในสมัยนั้น มิได้จะยืนอยู่ปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยเพื่อประโยชน์สุขห่าจริงอะไรต่อประชาชนทั้งประเทศอย่างแท้จริง,เพราะพันธมิตรเสื้อเหลืองจะยึดคืนทรัพยากรมีค่าทั้งหมดของแผ่นดินไทยตกคืนสู่สามัญเพื่อรีเซ็ตบริหารจัดการใหม่ทั้งหมดอย่างดีต่อธรรมกันก็ว่า,ยุบสถาบันภาคนักการเมืองไปทันที40-50ปี จนกว่าจะเสถียรทางอธิปไตยไทยและคุณภาพความรู้ความเข้าใจคนไทยเจาะลึกเห็นจริงว่าศัตรูไทยและศัตรูโลกคือคนพวกใดอย่างแท้จริง ตัดตอนตัวเนื้อร้ายทันการณ์ก็ว่า,ซึ่งน่าเสียดายมากที่พันธมิตรสมัยนั้นเกรงใจชนชั้นเชื้อสายผู้ดีเก่าลูกท่านหลายเธอเชื้อสายคนสนมเก่าเกินไปตลอดสายวังด้วย เพราะเมื่ออีลิทโลกหรือมารมันขีดมิให้สถาบันกษัตริย์เรายึดคืนทรัพยากรมีค่าสมบัติชาติไทยคืนสู่สามัญไม่ได้ไม่สะดวกก่อการกระทำแล้วพันธมิตรจะเกรงใจทำซากอะไรสมควรยึดอำนาจให้ตกจริงแก่ภาคประชาชนจริงๆสิ โดยภาคประชาชน ซึ่งพลิกประวัติศาสตร์ทันทีที่เหี้ยภาคทหาร4-5เหล่าทัพมักยึดอำนาจแต่ก็กาก&ใจกระจอกไม่เคยยึดคืนบ่อน้ำมันบ่อปิโตรเลียมจริงคืนมาจริงแม้แต่วันเดียว เพราะนั้นคือหัวใจทศกัณฐ์ตัวปัญหาทั้งหมด&ต้นเหตุต้นปัญหาการดำเนินชีวิตของคนไทยทั้งประเทศเลย,เช่นยึดบ่อน้ำมันมาสร้างทำผลิตเองหรือเรียกมาคุยมาจ้างผลิตใหม่ ขายน้ำมันแบบอิหร่านลิตรละ1-2บาท ในปัจจุบัน ค่าอะไรสาระพัดโดยเฉพาะภาคขนส่งจะต้นทุนต่ำทั้งแผ่นดิน การซื้อขายแลกเปลี่ยนจะได้ราคาถูก คนจะมีตังเหลือเก็บ เศรษฐกิจจะฟื้นฟูทันที ทั่วไทยสินค้าราคาถูกแข่งขันสบายในต่างประเทศ กำหนดคัดเลือกนายทุนมาตั้งฐานผลิตบนแผ่นดินไทยได้ ไม่มาสร้างมลพิษชั่วเลวแบบปัจจุบันตรึมนี้ก็ว่า ได้สบายๆ เป็นต้น.
    ..ทหารยึดอำนาจมันเกรงใจสายวังมั้ยก็ไม่สนใจคนวังอะไร เสียของมากว่าสิบๆครั้ง&10กว่าครั้งที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจมา ผีบ้าแต่มีสมองไว้ตั้งบ่าฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่แสดงไปฉีกกฎหมายลูกรัฐธรรมนูญแบบกฎหมายปิโตรเลียมเต่าล้านปีแก้ไขก็แค่นายทุนท่านลอร์ดฟันกำไร ฟันผลประโยชน์เท่านั้น เสียอธิปไตยบวกพื้นที่ดินแดนบ่อปิโตรเลียมแก้เอกชนไปยังไม่ฉีกอีกบวกฝรั่งทั้งนั้นบอกให้คนไทยทรยศแผ่นดินไทยเขียนมาให้ยกแก่อีลิทพวกฝรั่งนายทุนนั้นอีกก็ว่า.เสียของจริงๆ.,จึงภาคมหาประชาชนแบบพันธมิตรยุคเสื้อเหลืองนั้นๆสมควรจบมันอย่างยิ่งยึดอำนาจให้เบ็ดเสร็จ ทำไมทหารจะมีหน้ามีตามีสิทธิยึดอำนาจได้ฝ่ายเดียวหรือไง ภาคสถาบันตรงประชาชนยึดคืนเองไม่ได้หรือไง.น่าเสียดายมากๆสมัยพันธมิตรกำลังมาแรง ชัด ตรงประเด็นด้วย มิใช่จะไล่โทนี่อย่างเดียวแล้วจบ คิดสั้นมากๆหากมองดูดีๆสมัยนั้น,สุดท้ายแกนนำติดคุกตรึม มันใช่เหรอ,สู้ยึดแมร่งมันเลย เขียนไม่ผิดกฎหมายแบบยุคลุงทำปีกปปส.ถวายพานให้สิปี57,ไม่ติดคุกอะไรเลย เป็นนายกต่อด้วยธรรมดาที่ไหน ,จะจบสมัยก็ไม่คิดอ่านขุดเจาะขายเองเสือกไปยกสัมปานบ่อปิโตรเลียมทิ้งทวนอีกสองแปลงที่แน่ตรงอ่าวไทยคุณภาพดิบดีไปให้คนอื่นทำโน้น,บัดสบมากๆการปกครองประเทศไทยเรา น่าสมเพชน่าอนาถระยำสิ้นดี สิ้นดีจริงๆ มีแต่ความเลวๆที่คงอยู่อย่างมั่นคง.
    ..ทำลายตระกูลรอธไชล์ดและตระร็อกกี้เฟลเลอร์ สองตระกูลนี้ก่อนทั่วไทยรู้และทั่วโลกพากันเข้าใจและลงมือเข้าทำลายจะคืนความสงบเป็นอันมากทันทีต่อโลกเราแน่นอน,ชาวโลกต้องแชร์กระจายเป้าหมายทำลายตระกูลรอธไชล์ดและตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ทันทีร่วมกันทั้งโลก ดังแบบหมูเด้ง เข้าใจตรงกัน รับรู้ตรงกันแบบหมูเด้ง เพียงชั่วข้ามคืน อนาคตของโลกเราทั้งใบอาจพลิกสู่สิ่งดีๆทันทีเช่นกัน ภัย&ตัวปัญหาของโลกถูกตรวจจับและเข้าทำลายทิ้งทันทีทันเวลานั้นเอง .
    ต้นเหตุทุกๆเรื่อง เกิดจาก13ตระกูลหลักผิดจริยธรรมการครองโลกอย่างร้ายแรง,โดยเฉพาะตระกูลรอธไชล์ดและร็อคกี้เฟลเลอร์ที่ยึดครองครอบงำทั่วโลกและประเทศไทยเราที่วางหมากหมายยึดครองอย่างจริงจังตั้งแต่ยุค ร.4เรา สู่ ร.5 และร้ายที่สุดยุคนอมินีคณะ2475ที่ตระกูลยิวฝรั่งเหล่านี้คือพวกตัวจริงทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังทุกๆเรื่องแม้ในไทยปัจจุบัน อาทิ เช่าที่ดินเช่าคอนโด99ปี,เปิดบ่อนคาสิโน ทำแลนด์บริจด์หรือล้มล้างสถาบันกษัตริย์ในไทยให้สิ้นซากกว่ายุคอดีตๆที่พวกมันทำมาในไทย,สัญลักษณ์ซาตานถูกก่อสร้างในประเทศไทยอย่างเปิดเผยและถูกให้เข้าใจว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ดี ชาติสากลนิยมสร้างประจำไว้ แต่ที่ไหนได้คือตัวดูดพลังชีวิตจากมนุษย์ๆที่ดำเนินกิจกรรมรอบๆสถานที่มัน ไปแดกเพิ่มพลังงานพวกมันมิติซาตานให้แข็งแกร่งมีพลังงานด้านกระทำชั่วให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก เช่นจากมีพลังน้อย สิงร่างบังคับจิตใจคนไม่ได้ไม่สะดวก แต่พอได้พลังงานจากแหล่งพลังงานที่พวกมันติดตั้งทั่วโลกรวมกันรวมทั้งประเทศไทย มันก็มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมากก็สามารถสิงร่างนั้น ใช้ร่างกายร่างนั้นอย่างง่ายดายเป็นต้น . ..หากคนทั้งโลกร่วมกันกำจัดภัยของโลกอันตรายที่จะทำลายเราแบบวางแผนฆ่าคนทั้งโลกด้วยวัคซีนโควิดที่ฉีดจริงๆทั้งโลกแล้วจากที่พวกมันนี้เองวางแผนการไว้นานและต่อเนื่องไว้แล้วเพราะมันแดกอะดริโนโครมจึงมีอายุยืนยาวกว่าคนปกติหลายร้อยปีกันเลยและมีเทคโนโลยีคืนชีพคืนสภาพร่างกายแบบชุบร่างกายให้กลับมาสาวสวยหล่อเหมือนเก่าได้ด้วยแบบล้ำกว่าเตียงmedbedsที่ในหนังสร้างอีก,การกำจัดตระกูลรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์จึงคือเป้าหมายหลักของคนทั้งโลกต้องร่วมกันล็อกเป้ากำจัดจริงจังร่วมกันเพราะทั้งหมดมาจากพวกนี้ล่ะทำส่วนใหญ่และนั่งบนหัวตัวจริงที่รับหน้าที่มาจากตัวโคตรพ่อโคตรแม่ต่างดาวเลวชั่วอีกที. ..ถ้าทุกๆคนทั่วโลกและในไทยไม่รู้ตัวการตัวจริงจะแก้ต้นเหตุของตัวปัญหาทั้งหมดไม่ได้จึงต้องร่วมมือกันอย่างเดียวกำจัดพวกนี้คือรอธไชล์ดและร็อกกี้เฟลเลอร์,ส่วนตัวอื่นๆจะสแกนกำจัดทีหลังคงไม่ยาก,และพวกนี้ล่ะคือตัวการใหญ่ยึดบ่อปิโตรเลียมไทยเราทั้งหมดโดยพวกมันเองอีกพากันร่างกันเขียนและประกาศออกมาใช้บังคับให้คนไทยต้องเห็นด้วย&เห็นตาม แก้ไขให้ประเทศได้คืนบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดก็ทำไม่ได้อีกเพราะมันอ้างเองเขียนเองทำเองแล้ว,ฉีกทำลาย ยึดคืนสู่สามัญแบบโมฆะจึงเหมาะสมที่สุดกับพวกมันในแผ่นดินไทยเรา,ถ้าพันธมิตรเสื้อเหลืองสมัยก่อนที่ประชาชนเป็นอันมากติดตามต่อสู้ในความดีงาม&ลงสนามยุคๆนั้นแล้วยึดครองอำนาจเองโดยภาคมหาประชาชนที่แก้ไขกันเองและก็ไม่กระทบอะไรกับวังเลย เพราะจะยึดคืนอธิปไตยสู่แผ่นดินไทยด้วย ยึดคืนบ่อปิโตรเลียมตัวพ่อของปัญหาค่าครองชีพแพงทั้งแผ่นดินไทยก็ได้แต่พันธมิตรไม่กล้ากระทำเยียวให้สุดซอย,ทหารถ้าเป็นแบบคณะ2475มาปราบประชาชนในยุคพันธมิตรจริงๆแสดงให้ได้ช้อพิสูจน์ชัดเจนอีกด้วยในยุคพันธมิตรนั้นว่าประเทศไทยไม่สมควรมีทหารจากการเกณฑ์ทหารที่มาจากลูกหลานประชาชนคนไทยทั้งประเทศอีกต่อไป ยุบกองกำลังทหารทั้งหมดไปเลยเพราะรับใช้อีลิทชนชั้นครองทาสในไทยอย่างชัดเจนเลยในสมัยนั้น มิได้จะยืนอยู่ปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยเพื่อประโยชน์สุขห่าจริงอะไรต่อประชาชนทั้งประเทศอย่างแท้จริง,เพราะพันธมิตรเสื้อเหลืองจะยึดคืนทรัพยากรมีค่าทั้งหมดของแผ่นดินไทยตกคืนสู่สามัญเพื่อรีเซ็ตบริหารจัดการใหม่ทั้งหมดอย่างดีต่อธรรมกันก็ว่า,ยุบสถาบันภาคนักการเมืองไปทันที40-50ปี จนกว่าจะเสถียรทางอธิปไตยไทยและคุณภาพความรู้ความเข้าใจคนไทยเจาะลึกเห็นจริงว่าศัตรูไทยและศัตรูโลกคือคนพวกใดอย่างแท้จริง ตัดตอนตัวเนื้อร้ายทันการณ์ก็ว่า,ซึ่งน่าเสียดายมากที่พันธมิตรสมัยนั้นเกรงใจชนชั้นเชื้อสายผู้ดีเก่าลูกท่านหลายเธอเชื้อสายคนสนมเก่าเกินไปตลอดสายวังด้วย เพราะเมื่ออีลิทโลกหรือมารมันขีดมิให้สถาบันกษัตริย์เรายึดคืนทรัพยากรมีค่าสมบัติชาติไทยคืนสู่สามัญไม่ได้ไม่สะดวกก่อการกระทำแล้วพันธมิตรจะเกรงใจทำซากอะไรสมควรยึดอำนาจให้ตกจริงแก่ภาคประชาชนจริงๆสิ โดยภาคประชาชน ซึ่งพลิกประวัติศาสตร์ทันทีที่เหี้ยภาคทหาร4-5เหล่าทัพมักยึดอำนาจแต่ก็กาก&ใจกระจอกไม่เคยยึดคืนบ่อน้ำมันบ่อปิโตรเลียมจริงคืนมาจริงแม้แต่วันเดียว เพราะนั้นคือหัวใจทศกัณฐ์ตัวปัญหาทั้งหมด&ต้นเหตุต้นปัญหาการดำเนินชีวิตของคนไทยทั้งประเทศเลย,เช่นยึดบ่อน้ำมันมาสร้างทำผลิตเองหรือเรียกมาคุยมาจ้างผลิตใหม่ ขายน้ำมันแบบอิหร่านลิตรละ1-2บาท ในปัจจุบัน ค่าอะไรสาระพัดโดยเฉพาะภาคขนส่งจะต้นทุนต่ำทั้งแผ่นดิน การซื้อขายแลกเปลี่ยนจะได้ราคาถูก คนจะมีตังเหลือเก็บ เศรษฐกิจจะฟื้นฟูทันที ทั่วไทยสินค้าราคาถูกแข่งขันสบายในต่างประเทศ กำหนดคัดเลือกนายทุนมาตั้งฐานผลิตบนแผ่นดินไทยได้ ไม่มาสร้างมลพิษชั่วเลวแบบปัจจุบันตรึมนี้ก็ว่า ได้สบายๆ เป็นต้น. ..ทหารยึดอำนาจมันเกรงใจสายวังมั้ยก็ไม่สนใจคนวังอะไร เสียของมากว่าสิบๆครั้ง&10กว่าครั้งที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจมา ผีบ้าแต่มีสมองไว้ตั้งบ่าฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่แสดงไปฉีกกฎหมายลูกรัฐธรรมนูญแบบกฎหมายปิโตรเลียมเต่าล้านปีแก้ไขก็แค่นายทุนท่านลอร์ดฟันกำไร ฟันผลประโยชน์เท่านั้น เสียอธิปไตยบวกพื้นที่ดินแดนบ่อปิโตรเลียมแก้เอกชนไปยังไม่ฉีกอีกบวกฝรั่งทั้งนั้นบอกให้คนไทยทรยศแผ่นดินไทยเขียนมาให้ยกแก่อีลิทพวกฝรั่งนายทุนนั้นอีกก็ว่า.เสียของจริงๆ.,จึงภาคมหาประชาชนแบบพันธมิตรยุคเสื้อเหลืองนั้นๆสมควรจบมันอย่างยิ่งยึดอำนาจให้เบ็ดเสร็จ ทำไมทหารจะมีหน้ามีตามีสิทธิยึดอำนาจได้ฝ่ายเดียวหรือไง ภาคสถาบันตรงประชาชนยึดคืนเองไม่ได้หรือไง.น่าเสียดายมากๆสมัยพันธมิตรกำลังมาแรง ชัด ตรงประเด็นด้วย มิใช่จะไล่โทนี่อย่างเดียวแล้วจบ คิดสั้นมากๆหากมองดูดีๆสมัยนั้น,สุดท้ายแกนนำติดคุกตรึม มันใช่เหรอ,สู้ยึดแมร่งมันเลย เขียนไม่ผิดกฎหมายแบบยุคลุงทำปีกปปส.ถวายพานให้สิปี57,ไม่ติดคุกอะไรเลย เป็นนายกต่อด้วยธรรมดาที่ไหน ,จะจบสมัยก็ไม่คิดอ่านขุดเจาะขายเองเสือกไปยกสัมปานบ่อปิโตรเลียมทิ้งทวนอีกสองแปลงที่แน่ตรงอ่าวไทยคุณภาพดิบดีไปให้คนอื่นทำโน้น,บัดสบมากๆการปกครองประเทศไทยเรา น่าสมเพชน่าอนาถระยำสิ้นดี สิ้นดีจริงๆ มีแต่ความเลวๆที่คงอยู่อย่างมั่นคง. ..ทำลายตระกูลรอธไชล์ดและตระร็อกกี้เฟลเลอร์ สองตระกูลนี้ก่อนทั่วไทยรู้และทั่วโลกพากันเข้าใจและลงมือเข้าทำลายจะคืนความสงบเป็นอันมากทันทีต่อโลกเราแน่นอน,ชาวโลกต้องแชร์กระจายเป้าหมายทำลายตระกูลรอธไชล์ดและตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ทันทีร่วมกันทั้งโลก ดังแบบหมูเด้ง เข้าใจตรงกัน รับรู้ตรงกันแบบหมูเด้ง เพียงชั่วข้ามคืน อนาคตของโลกเราทั้งใบอาจพลิกสู่สิ่งดีๆทันทีเช่นกัน ภัย&ตัวปัญหาของโลกถูกตรวจจับและเข้าทำลายทิ้งทันทีทันเวลานั้นเอง .
    0 Comments 0 Shares 103 Views 32 0 Reviews
  • วันนี้ครบ 22 วีค แล้วนะครับ ... เกาะแม่แน่นๆนะลูก อีกนิดเดียวจะผ่านวีคพี่ชายหนูที่จากไปแล้ว อดทนนะลูกแม่ แม่จะปกป้องหนูให้ดีที่สุด
    วันนี้ครบ 22 วีค แล้วนะครับ ... เกาะแม่แน่นๆนะลูก อีกนิดเดียวจะผ่านวีคพี่ชายหนูที่จากไปแล้ว อดทนนะลูกแม่ แม่จะปกป้องหนูให้ดีที่สุด
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • หลวงตามหาบัว เทศน์ ภาวนามีอานิสงส์มากกว่าบุญทั้งหลาย 10-08-2545 #คําสอนอันเป็นที่พึ่ง #ขององค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ #พระธรรมวิสุทธิมงคล #หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน #วัดป่าบ้านตาดวัดเกษรศีลคุณ #พระอรหันต์ยุคกึ่งพุทธกาล #กราบในบารมีของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ 🙏🏻✨
    หลวงตามหาบัว เทศน์ ภาวนามีอานิสงส์มากกว่าบุญทั้งหลาย 10-08-2545 #คําสอนอันเป็นที่พึ่ง #ขององค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ #พระธรรมวิสุทธิมงคล #หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน #วัดป่าบ้านตาดวัดเกษรศีลคุณ #พระอรหันต์ยุคกึ่งพุทธกาล #กราบในบารมีของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ 🙏🏻✨
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 120 Views 43 0 Reviews
  • #คําสอนอันเป็นที่พึ่ง #ขององค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ #พระธรรมวิสุทธิมงคล #หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน #วัดป่าบ้านตาดวัดเกษรศีลคุณ #พระอรหันต์ยุคกึ่งพุทธกาล #กราบในบารมีของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ 🙏🏻✨
    #คําสอนอันเป็นที่พึ่ง #ขององค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ #พระธรรมวิสุทธิมงคล #หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน #วัดป่าบ้านตาดวัดเกษรศีลคุณ #พระอรหันต์ยุคกึ่งพุทธกาล #กราบในบารมีของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ 🙏🏻✨
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 120 Views 43 0 Reviews
  • พิจารณา ร่างกาย ทำอย่างนี้ ธรรมเทศนา โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน #คําสอนอันเป็นที่พึ่ง #ขององค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ #พระธรรมวิสุทธิมงคล #หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน #วัดป่าบ้านตาดวัดเกษรศีลคุณ #พระอรหันต์ยุคกึ่งพุทธกาล #กราบในบารมีของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ 🙏🏻✨
    พิจารณา ร่างกาย ทำอย่างนี้ ธรรมเทศนา โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน #คําสอนอันเป็นที่พึ่ง #ขององค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์ #พระธรรมวิสุทธิมงคล #หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน #วัดป่าบ้านตาดวัดเกษรศีลคุณ #พระอรหันต์ยุคกึ่งพุทธกาล #กราบในบารมีของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ 🙏🏻✨
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 119 Views 49 0 Reviews
  • เดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักรในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ระบุรายงานข่าวที่ว่า อิสราเอลโจมตีที่ตั้งทางการแพทย์และบุคลากรสนับสนุนในเลบานอน เป็นสิ่งที่น่ากระวนกระวายใจอย่างยิ่ง พร้อมเรียกร้องให้เคารพกฎหมายมนุษยธรรมสากล
    .
    "ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตามกฎหมายมุษยธรรมระหว่างประเทศ" แลมมีกล่าว พร้อมระบุในถ้อยแถลงที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังมีโรงพยาบาลอย่างน้อย 4 แห่งในเลบานอนที่แถลงระงับปฏิบัติการ และทางข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เตือนเกี่ยวกับกรณีการโจมตีโดนสถานพยาบาลต่างๆ แม้ทางอิสราเอลอ้างว่าพวกเขาเล็งเป้าโจมตีเป้าหมายต่างๆ ของพวกฮิซบอลเลาะห์
    .
    แลมมี กล่าวด้วยว่าไม่มีใครอยากหวนกลับสู่อดีต ครั้งที่อิสราเอลสู้รบในทางใต้ของเลบานอนเป็นเวลานาน และสิ่งที่ต้องชดใช้ในสงครามระดับภูมิภาคในตะวันออกกลางนั้น จะมีราคาแพงมาก "ในบรรดาพวกเรา ไม่มีใครต้องการกลับสู่หลายขวบปีที่อิสราเอลพบว่าตนเองจมอยู่ในหล่มทางใต้ของเลบานอน"
    .
    "ไม่มีใครต้องการเห็นสงครามระดับภูมิภาค ตะวันออกกลางจะต้องชดใช้ราคาแพงอย่างมหาศาล และมันจะก่อผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก" เขากล่าว
    .
    รายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุโจมตีโรงพยาบาลในเลบานอน มีขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับที่แหล่งข่าวระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ เปิดเผยในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ว่าได้ขาดการติดต่อกับ ฮาเชม ซาเฟดดิน ผู้ซึ่งถูกมองออย่างกว้างขวางว่าจะก้าวมาเป็นผู้นำคนใหม่ของกลุ่ม ตามหลังปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลในสัปดาห์นี้
    .
    ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ตอบโต้รายงานข่าวของเอเอฟพี ทางกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ระบุว่า "ไม่มีแหล่งข่าวฮิซบอลเลาะห์รายใด และมุมมองของเราจะมีการเผยแพร่อยู่ในถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการเท่านั้น" อย่างไรก็ตามถ้อยแถลงของฮิซบอลเลาะห์ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวการขาดการติดต่อกับซาเฟดดิน
    .
    "การติดต่อกับฮาเซม ซาเฟดดิน ขาดหายไปตั้งแต่ปฏิบัติการโจมตีรุนแรงถล่มชายเมืองทางใต้ของกรุงเบรุตในตอนเช้าวันศุกร์ (4 ต.ค.) เจ้าหน้าที่บอกกับเอเอฟพี "เราไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่สถานที่ที่เป็นเป้าหมายหรือไม่ หรือมีใครบ้างที่อยู่กับเขา"
    .
    เอเอฟพีรายงานว่าแหล่งข่าวใกล้ชิดกับฮิซบอลเลาะห์อีกคน ยืนยันเช่นกันว่าขาดการติดต่อกับ ซาเฟดดิน และไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน "ฮิซบอลเลาะห์กำลังพยายามเข้าถึงกองบัญชาการใต้ดินที่ตกเป็นเป้าหมาย แต่ทุกๆ ครั้งที่อิสราเอลเริ่มโจมตีรอบใหม่ มันเป็นอุปสรรคต่อความพยายามกู้ภัย"
    .
    "ซาเฟดดิน อยู่กับหัวหน้าข่าวกรองของฮิซบอลเลาะห์ ที่มีชื่อวา อัจจ์ มูร์ตาดา ตอนที่เหตุโจมตีเกิดขึ้น" แหล่งข่าวระบุ
    .
    ในตอนเช้าวันศุกร์ (4 ต.ค.) แหล่งข่าวใกล้ชิดกับฮิซบอลเลาะห์ ระบุว่าอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ 11 เที่ยวซ้อน ถล่มป้อมปราการของพวกฮิซบอลเลาะห์ในทางใต้ของเบรุต ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการจู่โจมครั้งหนักหน่วงที่สุด นับตั้งแต่อิสราเอลยกระดับยุทธการทิ้งบอมบ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    กองทัพอิราเอลเผยว่าเป้าหมายต่างๆ ที่พวกเขาโจมตีนั้น เป็นของกองบัญชาการข่าวกรองของฮิซบอลเลาะห์ในเบรุต
    .
    ปฏิบัติการโจมตีเป็นชุดๆ มีขึ้นราว 1 สัปดาห์ หลังจากกองทัพอิสราเอลเผยว่าสามารถปลิดชีพ นัสซัน ฮัสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ ในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเล่นงานกองบัญชาการทางกลุ่มทางใต้ของกรุงเบรุต
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094759
    ..............
    Sondhi X
    เดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักรในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ระบุรายงานข่าวที่ว่า อิสราเอลโจมตีที่ตั้งทางการแพทย์และบุคลากรสนับสนุนในเลบานอน เป็นสิ่งที่น่ากระวนกระวายใจอย่างยิ่ง พร้อมเรียกร้องให้เคารพกฎหมายมนุษยธรรมสากล . "ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตามกฎหมายมุษยธรรมระหว่างประเทศ" แลมมีกล่าว พร้อมระบุในถ้อยแถลงที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังมีโรงพยาบาลอย่างน้อย 4 แห่งในเลบานอนที่แถลงระงับปฏิบัติการ และทางข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เตือนเกี่ยวกับกรณีการโจมตีโดนสถานพยาบาลต่างๆ แม้ทางอิสราเอลอ้างว่าพวกเขาเล็งเป้าโจมตีเป้าหมายต่างๆ ของพวกฮิซบอลเลาะห์ . แลมมี กล่าวด้วยว่าไม่มีใครอยากหวนกลับสู่อดีต ครั้งที่อิสราเอลสู้รบในทางใต้ของเลบานอนเป็นเวลานาน และสิ่งที่ต้องชดใช้ในสงครามระดับภูมิภาคในตะวันออกกลางนั้น จะมีราคาแพงมาก "ในบรรดาพวกเรา ไม่มีใครต้องการกลับสู่หลายขวบปีที่อิสราเอลพบว่าตนเองจมอยู่ในหล่มทางใต้ของเลบานอน" . "ไม่มีใครต้องการเห็นสงครามระดับภูมิภาค ตะวันออกกลางจะต้องชดใช้ราคาแพงอย่างมหาศาล และมันจะก่อผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก" เขากล่าว . รายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุโจมตีโรงพยาบาลในเลบานอน มีขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับที่แหล่งข่าวระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ เปิดเผยในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ว่าได้ขาดการติดต่อกับ ฮาเชม ซาเฟดดิน ผู้ซึ่งถูกมองออย่างกว้างขวางว่าจะก้าวมาเป็นผู้นำคนใหม่ของกลุ่ม ตามหลังปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลในสัปดาห์นี้ . ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ตอบโต้รายงานข่าวของเอเอฟพี ทางกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ระบุว่า "ไม่มีแหล่งข่าวฮิซบอลเลาะห์รายใด และมุมมองของเราจะมีการเผยแพร่อยู่ในถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการเท่านั้น" อย่างไรก็ตามถ้อยแถลงของฮิซบอลเลาะห์ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวการขาดการติดต่อกับซาเฟดดิน . "การติดต่อกับฮาเซม ซาเฟดดิน ขาดหายไปตั้งแต่ปฏิบัติการโจมตีรุนแรงถล่มชายเมืองทางใต้ของกรุงเบรุตในตอนเช้าวันศุกร์ (4 ต.ค.) เจ้าหน้าที่บอกกับเอเอฟพี "เราไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่สถานที่ที่เป็นเป้าหมายหรือไม่ หรือมีใครบ้างที่อยู่กับเขา" . เอเอฟพีรายงานว่าแหล่งข่าวใกล้ชิดกับฮิซบอลเลาะห์อีกคน ยืนยันเช่นกันว่าขาดการติดต่อกับ ซาเฟดดิน และไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน "ฮิซบอลเลาะห์กำลังพยายามเข้าถึงกองบัญชาการใต้ดินที่ตกเป็นเป้าหมาย แต่ทุกๆ ครั้งที่อิสราเอลเริ่มโจมตีรอบใหม่ มันเป็นอุปสรรคต่อความพยายามกู้ภัย" . "ซาเฟดดิน อยู่กับหัวหน้าข่าวกรองของฮิซบอลเลาะห์ ที่มีชื่อวา อัจจ์ มูร์ตาดา ตอนที่เหตุโจมตีเกิดขึ้น" แหล่งข่าวระบุ . ในตอนเช้าวันศุกร์ (4 ต.ค.) แหล่งข่าวใกล้ชิดกับฮิซบอลเลาะห์ ระบุว่าอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ 11 เที่ยวซ้อน ถล่มป้อมปราการของพวกฮิซบอลเลาะห์ในทางใต้ของเบรุต ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการจู่โจมครั้งหนักหน่วงที่สุด นับตั้งแต่อิสราเอลยกระดับยุทธการทิ้งบอมบ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . กองทัพอิราเอลเผยว่าเป้าหมายต่างๆ ที่พวกเขาโจมตีนั้น เป็นของกองบัญชาการข่าวกรองของฮิซบอลเลาะห์ในเบรุต . ปฏิบัติการโจมตีเป็นชุดๆ มีขึ้นราว 1 สัปดาห์ หลังจากกองทัพอิสราเอลเผยว่าสามารถปลิดชีพ นัสซัน ฮัสรัลเลาะห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ ในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเล่นงานกองบัญชาการทางกลุ่มทางใต้ของกรุงเบรุต . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094759 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Angry
    14
    0 Comments 0 Shares 386 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เรียกร้องในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ให้ระงับป้อนอาวุธแก่อิสราเอลที่ใช้ในฉนวนกาซา ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดจากเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล
    .
    นอกจากนี้ มาครง ยังวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล ต่อการตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางภาคพื้นที่ในเลบานอนด้วยเช่นกัน "ผมคิดว่าวันนี้ เป้าหมายลำดับต้นๆ คือการกลับสู่ทางออกทางการเมือง เราควรหยุดป้อนอาวุธที่ใช้สู้รบในกาซา" ผู้นำฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแดนน้ำหอม "ฝรั่งเศสจะไม่ป้อนอาวุธใดๆ"
    .
    มาครง เน้นย้ำความกังวลของเขาที่มีต่อความขัดแย้งในกาซาที่ยังคงเป็นไปอย่างเลวร้าย แม้มีเสียงเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับข้อตกลงหยุดยิง "เราคิดว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงของเรา ผมคิดว่ามันคือความผิดพลาด ในนั้นรวมถึงสำหรับความมั่นคงของอิสราเอล" เขากล่าว พร้อมระบุว่าความขัดแย้งกำลังนำมาซึ่งความเกลียดชัง
    .
    ความเห็นของเขาเรียกเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดมาจาก เนทันยาฮู "ในขณะที่อิสราเอลกำลังสู้รบกับกองกำลังที่ป่าเถื่อนทั้งหลายที่นำโดยอิหร่าน พวกประเทศศิวิไลซ์ทั้งหมดควรยืนหยัดอยู่เคียงข้างอิสราเอล" เนทันยาฮูระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยทำเนียบนายกรัฐมตรีอิสราเอล "แต่ประธานาธิบดีมาครง และพวกผู้นำตะวันตกคนอื่นๆ ตอนนี้กลับมาเรียกร้องให้ใช้มาตรการปิดล้อมทางอาวุธกับอิสราเอล พวกเขามันน่าอดสู"
    .
    อิสราเอลสู้รบในสงครามในหลายแนวหน้ากับบรรดากลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่อริตัวฉกาจ
    .
    ทำเนียบของประธานาธิบดีมาครง เผยแพร่ถ้อยแถลงของตนเองเช่นกันในช่วงค่ำวันเสาร์ (5 ต.ค.) ตอบโต้ความเห็นของผู้นำอิสราเอล "ฝรั่งเศสเป็นมิตรที่แน่วแน่ของอิสราเอล" พร้อมระบุปฏิกิริยาตอบสนองของเนทันยาฮู "นั้นเลยเถิดเกินไปและไม่ใกล้เคียงความเป็นมิตรระหว่างฝรั่งเศสกับอิสราเอล"
    .
    ระหว่างการให้สัมภาษณ์ มาครง ยังบอกว่าควรให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ลุกลามบานปลายในเลบานอน "เลบานอนไม่อาจเป็นอีกหนึ่งกาซา" เขากล่าว พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องของปารีสและวอชิงตันเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง "ผมเสียใจที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเลือกทางเลือกอื่น เขาต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปฏิบัติการทางภาคพื้นในแผ่นดินของเลบานอน"
    .
    สมาชิก 88 รัฐขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (OIF) ในนั้นรวมถึงฝรั่งเศสและแคนาดา เรียกร้องการหยุดยิงในทันทีและยั่งยืนในเลบานอน อย่างไรก็ตาม มาครง เน้นย้ำเกี่ยวกับสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล และเปิดเผยว่าเขาจะพบปะกับบรรดาญาติๆ ของตัวประกันเชื้อสายฝรั่งเศส-อิสราอล ที่เคยถูกควบคุมตัวในกาซา ในวันจันทร์ (7 ต.ค.)
    .
    ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) ถือเป็นวาระครบรอบ 1 ปี ที่อิสราเอลถูกพวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาสบุกจู่โจมอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา และเวลานี้แผ่ลามไปยังเลบานอน ประเทศที่อยู่ติดกัน ก่อวิกฤตในภูมิภาค
    .
    ผลจากปฏิบัติการโจมตีของฮามาส ได้ปลิดชีพไป 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานแก้แค้นของอิสราเอลถล่มกาซา ได้สังหารไปแล้วอย่างน้อย 41,825 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเช่นกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094758
    ..................
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เรียกร้องในวันเสาร์ (5 ต.ค.) ให้ระงับป้อนอาวุธแก่อิสราเอลที่ใช้ในฉนวนกาซา ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดจากเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล . นอกจากนี้ มาครง ยังวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอล ต่อการตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางภาคพื้นที่ในเลบานอนด้วยเช่นกัน "ผมคิดว่าวันนี้ เป้าหมายลำดับต้นๆ คือการกลับสู่ทางออกทางการเมือง เราควรหยุดป้อนอาวุธที่ใช้สู้รบในกาซา" ผู้นำฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแดนน้ำหอม "ฝรั่งเศสจะไม่ป้อนอาวุธใดๆ" . มาครง เน้นย้ำความกังวลของเขาที่มีต่อความขัดแย้งในกาซาที่ยังคงเป็นไปอย่างเลวร้าย แม้มีเสียงเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับข้อตกลงหยุดยิง "เราคิดว่าพวกเขาไม่ได้ยินเสียงของเรา ผมคิดว่ามันคือความผิดพลาด ในนั้นรวมถึงสำหรับความมั่นคงของอิสราเอล" เขากล่าว พร้อมระบุว่าความขัดแย้งกำลังนำมาซึ่งความเกลียดชัง . ความเห็นของเขาเรียกเสียงตอบโต้อย่างดุเดือดมาจาก เนทันยาฮู "ในขณะที่อิสราเอลกำลังสู้รบกับกองกำลังที่ป่าเถื่อนทั้งหลายที่นำโดยอิหร่าน พวกประเทศศิวิไลซ์ทั้งหมดควรยืนหยัดอยู่เคียงข้างอิสราเอล" เนทันยาฮูระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยทำเนียบนายกรัฐมตรีอิสราเอล "แต่ประธานาธิบดีมาครง และพวกผู้นำตะวันตกคนอื่นๆ ตอนนี้กลับมาเรียกร้องให้ใช้มาตรการปิดล้อมทางอาวุธกับอิสราเอล พวกเขามันน่าอดสู" . อิสราเอลสู้รบในสงครามในหลายแนวหน้ากับบรรดากลุ่มติดอาวุธทั้งหลายที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่อริตัวฉกาจ . ทำเนียบของประธานาธิบดีมาครง เผยแพร่ถ้อยแถลงของตนเองเช่นกันในช่วงค่ำวันเสาร์ (5 ต.ค.) ตอบโต้ความเห็นของผู้นำอิสราเอล "ฝรั่งเศสเป็นมิตรที่แน่วแน่ของอิสราเอล" พร้อมระบุปฏิกิริยาตอบสนองของเนทันยาฮู "นั้นเลยเถิดเกินไปและไม่ใกล้เคียงความเป็นมิตรระหว่างฝรั่งเศสกับอิสราเอล" . ระหว่างการให้สัมภาษณ์ มาครง ยังบอกว่าควรให้ความสำคัญลำดับต้นๆ ในการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ลุกลามบานปลายในเลบานอน "เลบานอนไม่อาจเป็นอีกหนึ่งกาซา" เขากล่าว พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องของปารีสและวอชิงตันเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง "ผมเสียใจที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเลือกทางเลือกอื่น เขาต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปฏิบัติการทางภาคพื้นในแผ่นดินของเลบานอน" . สมาชิก 88 รัฐขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (OIF) ในนั้นรวมถึงฝรั่งเศสและแคนาดา เรียกร้องการหยุดยิงในทันทีและยั่งยืนในเลบานอน อย่างไรก็ตาม มาครง เน้นย้ำเกี่ยวกับสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล และเปิดเผยว่าเขาจะพบปะกับบรรดาญาติๆ ของตัวประกันเชื้อสายฝรั่งเศส-อิสราอล ที่เคยถูกควบคุมตัวในกาซา ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) . ในวันจันทร์ (7 ต.ค.) ถือเป็นวาระครบรอบ 1 ปี ที่อิสราเอลถูกพวกนักรบปาเลสไตน์ฮามาสบุกจู่โจมอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา และเวลานี้แผ่ลามไปยังเลบานอน ประเทศที่อยู่ติดกัน ก่อวิกฤตในภูมิภาค . ผลจากปฏิบัติการโจมตีของฮามาส ได้ปลิดชีพไป 1,205 คนในอิสราเอล ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานแก้แค้นของอิสราเอลถล่มกาซา ได้สังหารไปแล้วอย่างน้อย 41,825 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเช่นกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000094758 .................. Sondhi X
    Like
    Yay
    Haha
    12
    0 Comments 0 Shares 386 Views 0 Reviews
  • KAHR TP45
    Best Big Bore Concealed Carry Handgun ever!
    #kahrarms #kahrtp45

    โดย. พีระพงษ์ กลั่นกรอง

    “เพจนี้ เพื่ออาวุธศึกษาและกีฬายิงปืน...ไม่ขายปืน ไม่ใช่พื้นที่โฆษณา!”

    เกริ่นนำ:

    ในบ้านเรา น้อยคนนักที่จะรู้จักคุ้นเคยปืนอเมริกัน “คาห์ร” หรือ Kahr ยี่ห้อใหม่ล่าที่เพิ่งเปิดตัวได้เมื่อ 23 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนั้น ผมนำประวัติเรื่องราวของปืนยี่ห้อนี้เขียนลงในนิตยสารปืนชื่อ Guns World ในประเทศไทย

    โดยภาพรวมแล้ว คาห์ร เป็นปืนดีนะครับ น่าซื้อใช้ คุณสมบัติเฉพาะตัว ก็คือ ความเพรียวบางมือ บางกว่าปืนยี่ห้อ กล็อค(Glock) ของออสเตรียด้วยซ้ำ, เป็นปืนพกออโตที่เหนี่ยวไกยิงอย่างเดียวเลยไม่ต้องง้างนก(DAO.: Double Action Only)ที่ไกเหนี่ยวน้าวได้นิ่มนวลเบานิ้วมือมากจริงๆ, และ คุณสมบัติตัวปืนโดยรวมโดดเด่นกว่าปืนอื่นอย่างชัดเจน

    นาย จันติน มูน(Justin Moon) สัญชาติอเมริกันเชื้อสายเกาหลีใต้ ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตปืน คาห์ร อาร์มส์(Kahr Arms) ปีค.ศ.1993 ได้ออกแบบตัวปืนและระบบลั่นไกไว้เมื่อตอนที่เขายังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย

    แรงบันดาลใจเกิดขึ้นจากการที่พบว่า ปืนพกออโตฯที่มีจำหน่ายในตลาดไม่มีคุณสมบัติตรงกับที่เขาต้องการ กล่าวคือ ตัวปืนหนาและหนักเกินกว่าจะพกซ่อนเนียนเสื้อได้ตลอดวัน นอกนั้น ปฏิบัติการตัวปืนพร้อมทั้งระบบลั่นไกหนักมือชนิดที่เรียกว่าจะเหนี่ยวไกยิงทีหนึ่งตัวปืนสั่นไหวทั้งกระบอก

    ปืนรุ่นแรกที่ผลิตสู่ตลาด คือ เค-9 (Kahr K9) ในปีค.ศ.1994

    - ปืนพกกึ่งอัตโนมัติกระบอกเล็กกระทัดและบางเบา
    - ตัวปืนยาวตลอด 6.0 นิ้วฟุต หนา 0.9 นิ้วฟุต วัดส่วนสูงจากส้นด้ามจรดสันศูนย์หลัง 4.5 นิ้วฟุต ลำกล้องปืนยาว 3.5 นิ้วฟุต
    - น้ำหนักทั้งกระบอกมีเพียง 650 กรัม(ไม่บรรุจกระสุน)
    - ใช้กระสุนเก้ามอมอพาราฯหรือ 9x19mm Parabellum บรรจุในแมกกาซีน 7 นัด และอีก 1 นัดในลำกล้องปืน
    - ครอบลำเลื่อนผลิตจากเหล็ก 4130 โครงปืนเป็นเหล็กคาร์บอนผสม 4140 น้ำหนักเบา

    ได้รับความนิยมแพร่หลายให้เป็นปืนสำรองนอกเครื่องแบบ(Back-up weapon)จากตำรวจมลรัฐนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา (ปีค.ศ.2003) จนได้รับขนานนามว่า มูนนี่กันส์(Moonie Gun) เพราะออกแบบโดยนายจัสติน มูน นั่นเอง

    นับจากปีก่อตั้ง คาห์ร อาร์มส์ ผลิตปืนเป็นล่ำเป็นสันในปี 1995 ต่อมาในปีค.ศ.1999 เข้าซื้อกิจการบริษัทผลิตปืนยี่ห้อ ออโต้-อ๊อดแนนซ์(Auto-Ordnance) พอในปี 2013 ซื้อที่ดินจำนวน 1,568 ไร่ในมลรัฐเพนซิลวาเนีย เพื่อตั้งโรงงานผลิตปืน และประกาศยกสถานะขึ้นเป็นกลุ่มบริษัท คาห์ร ไฟร์อาร์มส์ อย่างเป็นทางการในปี 2015

    ปัจจุบัน คาห์ร ไฟร์อาร์มส์(Kahr Firearms) ผลิตและจัดจำหน่ายปืนของอเมริกัน 2-3 ยี่ห้อ ได้แก่ คาห์ร(Kahr), ธอมสัน(Thomson), แม็กนั่มรีเสิร์ช(Magnum Research), ออโต้-อ๊อดแนนซ์(Auto-Ordnance) โดยที่ คาห์ร อาร์มส์ เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทนี้

    นวัตกรรม:

    สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น นวัตกรรม(Innovation) ของวงการปืนโลก ได้แก่

    หนึ่ง-ตัวปืนบางไม่ถึงหนึ่งนิ้วฟุต(ซึ่งไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน),
    สอง-น้ำหนักเบามาก คือ ไม่ถึง 800 กรัม,
    สาม-ตัวปืนทั้งกระบอกเล็กกระทัดมากกว่าที่เคยมีในตลาดปืน(โดยเฉพาะยิงด้วยกระสุนเก้ามอมอพาราฯ),
    สี่-เป็นปืนพกออโตฯระบบเหนี่ยวไกยิงทุกนัดที่ไม่มีนกสับหรือ Hammerless/Double-Action Only ซึ่งดูเหมือนจะไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน,
    ห้า-ระบบลั่นไกโดยใช้ลูกเบี้ยว(Cam.) 2 ตัวทำหน้าที่ดันสลักล็อคเข็มแทงชนวนและผลักเข็มแทงชนวนถอยหลังประมาณหนึ่งในสามของระยะถอยร่น,
    หก-มีระบบนิรภัยล็อคเข็มแทงชนวน(Firing Pin Block Drop Safety) ป้องกันอุบัติเหตุปืนลั่นจากกรณีปืนตกกระแทกพื้น ของแข็ง หรือแม้แต่ใช้ค้อนตกทุบ ภายหลังที่ขึ้นลำเลื่อนแล้ว, และ
    เจ็ด-น้ำหนักน้าวไกปืนเบาและนิ่มนวลราบเรียบที่สุดเท่าที่ปืนออโตฯเคยผลิตมา

    คาห์ร ทีพี45:

    สินค้าใหม่ล่าจาก คาห์รอาร์มส์ ซึ่งนาย มาสซาส อะยูบ(Massad Ayoob) สรุปความเห็นไว้ว่า เป็นปืนที่ตอบสนองความต้องการได้อย่างหลากหลาย จุดเด่นอยู่ที่นวัตกรรม น้ำหนักเหนี่ยวน้าวไกเบาและนิ่มนวลที่สุด และแม่นยำเกินตัว กลุ่มกระสุนดีที่สุดในระยะยิง 25 หลา(22.86 เมตร) คือ 1.95 นิ้วฟุต จากลูกของ Speer Gold Dot หัวกระสุนหนัก 230 เกรน (14.90 กรัม)

    นั่นคือ ความเห็นหลังทดสอบยิงจากเซียนปืนชื่อดังคนหนึ่งของสหรัฐอเมริกาเมื่อปีค.ศ.2011

    รหัสผลิตเต็มๆของปืน คาห์ร รุ่นนี้ คือ TP4543N มีความหมายว่า

    T = Tactical เน้นที่ศูนย์ปืนแบบยิงต่อสู้,
    P = Polymer Frame โครงปืนวัสดุผสมโพลิเม่อร์ เน้นน้ำหนักเบาทั้งกระบอกสะดวกต่อการพกพาติดตัวไม่เป็นภาระหนักเอวตลอดวัน,
    45 = คือ ขนาดกระสุน .45 ACP (Automatic Colt Pistol),
    43 = คือ ลำกล้องยาว 4 นิ้วฟุต และ ครอบลำเลื่อนเป็นสแตนเลสขาวด้าน(Matte Stainless Steel),
    N = คือ ศูนย์ปืนแบบเรืองแสงสำหรับยิงในบริเวณที่แสงสลัว(Tritium Night Sights)

    รายละเอียดตัวปืน:

    ปืนพกกึ่งอัตโนมัติปฏิบัติการรีคอลย์ของเบราว์นิ่ง(Browning-type Recoil Operation) โคนลำกล้องถอยร่นลดตัวลงขัดกลอนโดยไม่ใช้หูโตงเตง(Lock Breech Recoil Lug) ระบบเหนี่ยวไกยิงทุกนัด-ไม่มีนกในตัวปืน(Double-Action Only – Hammerless) เข็มแทงชนวนนิรภัยแบบ Passive Striker Block ป้องกันปืนลั่น 100% จากอุบัติเหตุปืนตกหล่นหรือถูกทุบกระแทก

    ตัวปืนยาวตลอด 6.57 นิ้วฟุต หนา 1.01 นิ้วฟุต สูงวัดจากส้นด้ามจรดศูนย์หลัง 5.25 นิ้วฟุต ครอบลำเลื่อนทำจากเหล็กสแตนเลส โครงปืนผลิตจากวัสดุผสมโพลิเม่อร์สีดำ สันหลังด้ามโค้งเข้าอุ้งมือ สลักลายกันลื่นจุดเหลี่ยมคมด้านหน้า/หลังด้ามปืน น้ำหนักตัวปืน 590 กรัม(ไม่บรรจุกระสุน) ลำกล้องยาว 4.04 นิ้วฟุต เกลียวลำกล้องแบบสันนูน(Polygonal Rifling) หมุนขวา เกลียวหมุนครบ 1 รอบในระยะ 16.38 นิ้วฟุต

    ศูนย์หน้า/หลังสไตล์ปืนยิงต่อสู้ ทรงเตี้ย แต้มจุดเรืองแสง(Combat Low-Profile/Tritium Night Sights) ทั้งศูนย์หน้าและศูนย์หลังปรับซ้าย/ขวาได้โดยการเคาะเลื่อนแท่นศูนย์ ตัวปืนไม่มีระบบห้ามไกโดยแมกกาซีนปืน ไม่มีคันห้ามไก มีคันปลดล็อคลำเลื่อน ตามสไตล์ปืน DAO. กระสุนขนาด .45 ACP(Automatic Colt Pistol)หรือสิบเอ็ดมอมอ แมกกาซีนแถวเดียวบรรจุกระสุน 7 นัดและอีก 1 นัดในลำกล้อง

    ระบบห้ามไก(Safety)ปลอดภัย 100% แม้จะขึ้นลำเลื่อนบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิงแล้วก็ตาม ถ้าไม่เหนี่ยวไกปืนจนสุดช่วง ต่อให้ใช้ค้อนตอกหรือปืนหล่นกระแทกพื้นคอนกรีตปืนก็จะไม่ลั่น เพราะใช้ระบบล็อคเข็มแทงชนวนหรือ Passive Striker Block

    กล่าวคือ เมื่อขึ้นลำเลื่อนจะเท่ากับดันสปริงเข็มแทงชนวนหดตัวลงในระยะ 3 ใน 4 แล้วสลักนิรภัยจะล็อคเข็มแทงชนวนไว้ ขณะที่ผู้ยิงน้าวไกปืนเข้ามาหาตัวในลักษณะพร้อมยิง กระเดื่องไกปืนผลักดันให้ลูกเบี้ยว(Cam)สองตัวหมุนยกจมูกลูกเบี้ยวขึ้น ตัวหนึ่งดันสลักล็อคเข็มแทงชนวนขึ้นเพื่อปลดล็อค ขณะที่จมูกลูกเบี้ยวอีกตัวหนึ่งผลักดันเข็มแทงชนวนให้ถอยหลังสุดช่วงแล้วปล่อยให้วิ่งกระแทกแก้ปท้ายกระสุน นี่เป็นนวัตกรรมที่ คาห์รอาร์มส์ คิดค้นและจดลิขสิทธิ์แบบไว้

    คุณสมบัติเด่นตัวปืน:

    หนึ่ง- ปืนพกออโตฯ กระบอกกะทัดรัด เพรียวบางและเบามือ ลำกล้องยาว 4 นิ้วฟุต ใช้กระสุนสิบเอ็ดมอมอ บรรจุ 7+1 นัด
    สอง- เกลียวลำกล้องแบบสันนูน(Polygonal Rifling)ที่ทำให้ยิงได้แม่นยำเกินตัว แม้จะไม่ใช้ปืนระบบแข่งขันก็ตามความเร็วกระสุนสูงกว่าปืนอื่นที่ใช้เกลียวลำกล้องแบบสันคมและมีความยาวเท่ากัน
    สาม- ไกปืนเหนี่ยวน้าวได้เบาและลากได้นิ่มนวลนิ้วมือที่สุด โดยน้ำหนักเหนี่ยวน้าวสม่ำเสมอและไม่สะดุดตลอดช่วงลากไก
    สี่- เป็นปืนพกออโตฯเพื่องานต่อสู้ พกซ่อนเนียนเสื้อได้ตลอดวันโดยไม่รู้สึกหนักเอวเกะกะเป็นภาระ คล่องตัวสูงมาก เพราะกะทัดรัดเพรียวบางมือ ศูนย์ปืนแบบจุดเรืองแสง(Tritium Night Sights)

    ข้อที่ควรพิจารณา:

    TP45 ต่างจาก CT45 ตรงที่เป็น Tactical ขณะที่ CT เน้นพกซ่อนเนียนเสื้อหรือ Concealed Handgun มากกว่า T45 เป็นปืนดีที่หายากมากในตลาดปืนเมืองไทย ออกแบบไว้สำหรับยิงต่อสู้ และพกติดตัวทั้งซองนอกซองในมากกว่าใช้ยิงเล่นในสนามยิงปืน โรงงานผลิตจึงไม่แนะนำให้ยิงด้วยกระสุนซ้อมสนาม แต่สามารถยิงกระสุนลูกจริง(ที่ผลิตจากโรงงานกระสุน)ได้ทุกแบบ รวมทั้งประเภท +P+ โดยตัวปืนไม่ชำรุดเสียหาย ขณะเดียวกัน ก็สามารถนำไปยิงแข่งในระบบยิงต่อสู้ฉับพลัน เช่น IDPA ได้ดีเช่นกัน

    Kahr TP45 เป็น Civilian Handgun เน้นใช้งานในเมืองและชนบทมากกว่า จึงไม่ใช่ปืนทหารใช้งานในสมรภูมิรบ ตามวิสัยของปืนโครงโพลิเม่อร์ทั่วไป

    %%%%%%%%%%%%

    KAHR TP45 Best Big Bore Concealed Carry Handgun ever! #kahrarms #kahrtp45 โดย. พีระพงษ์ กลั่นกรอง “เพจนี้ เพื่ออาวุธศึกษาและกีฬายิงปืน...ไม่ขายปืน ไม่ใช่พื้นที่โฆษณา!” เกริ่นนำ: ในบ้านเรา น้อยคนนักที่จะรู้จักคุ้นเคยปืนอเมริกัน “คาห์ร” หรือ Kahr ยี่ห้อใหม่ล่าที่เพิ่งเปิดตัวได้เมื่อ 23 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนั้น ผมนำประวัติเรื่องราวของปืนยี่ห้อนี้เขียนลงในนิตยสารปืนชื่อ Guns World ในประเทศไทย โดยภาพรวมแล้ว คาห์ร เป็นปืนดีนะครับ น่าซื้อใช้ คุณสมบัติเฉพาะตัว ก็คือ ความเพรียวบางมือ บางกว่าปืนยี่ห้อ กล็อค(Glock) ของออสเตรียด้วยซ้ำ, เป็นปืนพกออโตที่เหนี่ยวไกยิงอย่างเดียวเลยไม่ต้องง้างนก(DAO.: Double Action Only)ที่ไกเหนี่ยวน้าวได้นิ่มนวลเบานิ้วมือมากจริงๆ, และ คุณสมบัติตัวปืนโดยรวมโดดเด่นกว่าปืนอื่นอย่างชัดเจน นาย จันติน มูน(Justin Moon) สัญชาติอเมริกันเชื้อสายเกาหลีใต้ ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตปืน คาห์ร อาร์มส์(Kahr Arms) ปีค.ศ.1993 ได้ออกแบบตัวปืนและระบบลั่นไกไว้เมื่อตอนที่เขายังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย แรงบันดาลใจเกิดขึ้นจากการที่พบว่า ปืนพกออโตฯที่มีจำหน่ายในตลาดไม่มีคุณสมบัติตรงกับที่เขาต้องการ กล่าวคือ ตัวปืนหนาและหนักเกินกว่าจะพกซ่อนเนียนเสื้อได้ตลอดวัน นอกนั้น ปฏิบัติการตัวปืนพร้อมทั้งระบบลั่นไกหนักมือชนิดที่เรียกว่าจะเหนี่ยวไกยิงทีหนึ่งตัวปืนสั่นไหวทั้งกระบอก ปืนรุ่นแรกที่ผลิตสู่ตลาด คือ เค-9 (Kahr K9) ในปีค.ศ.1994 - ปืนพกกึ่งอัตโนมัติกระบอกเล็กกระทัดและบางเบา - ตัวปืนยาวตลอด 6.0 นิ้วฟุต หนา 0.9 นิ้วฟุต วัดส่วนสูงจากส้นด้ามจรดสันศูนย์หลัง 4.5 นิ้วฟุต ลำกล้องปืนยาว 3.5 นิ้วฟุต - น้ำหนักทั้งกระบอกมีเพียง 650 กรัม(ไม่บรรุจกระสุน) - ใช้กระสุนเก้ามอมอพาราฯหรือ 9x19mm Parabellum บรรจุในแมกกาซีน 7 นัด และอีก 1 นัดในลำกล้องปืน - ครอบลำเลื่อนผลิตจากเหล็ก 4130 โครงปืนเป็นเหล็กคาร์บอนผสม 4140 น้ำหนักเบา ได้รับความนิยมแพร่หลายให้เป็นปืนสำรองนอกเครื่องแบบ(Back-up weapon)จากตำรวจมลรัฐนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา (ปีค.ศ.2003) จนได้รับขนานนามว่า มูนนี่กันส์(Moonie Gun) เพราะออกแบบโดยนายจัสติน มูน นั่นเอง นับจากปีก่อตั้ง คาห์ร อาร์มส์ ผลิตปืนเป็นล่ำเป็นสันในปี 1995 ต่อมาในปีค.ศ.1999 เข้าซื้อกิจการบริษัทผลิตปืนยี่ห้อ ออโต้-อ๊อดแนนซ์(Auto-Ordnance) พอในปี 2013 ซื้อที่ดินจำนวน 1,568 ไร่ในมลรัฐเพนซิลวาเนีย เพื่อตั้งโรงงานผลิตปืน และประกาศยกสถานะขึ้นเป็นกลุ่มบริษัท คาห์ร ไฟร์อาร์มส์ อย่างเป็นทางการในปี 2015 ปัจจุบัน คาห์ร ไฟร์อาร์มส์(Kahr Firearms) ผลิตและจัดจำหน่ายปืนของอเมริกัน 2-3 ยี่ห้อ ได้แก่ คาห์ร(Kahr), ธอมสัน(Thomson), แม็กนั่มรีเสิร์ช(Magnum Research), ออโต้-อ๊อดแนนซ์(Auto-Ordnance) โดยที่ คาห์ร อาร์มส์ เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทนี้ นวัตกรรม: สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น นวัตกรรม(Innovation) ของวงการปืนโลก ได้แก่ หนึ่ง-ตัวปืนบางไม่ถึงหนึ่งนิ้วฟุต(ซึ่งไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน), สอง-น้ำหนักเบามาก คือ ไม่ถึง 800 กรัม, สาม-ตัวปืนทั้งกระบอกเล็กกระทัดมากกว่าที่เคยมีในตลาดปืน(โดยเฉพาะยิงด้วยกระสุนเก้ามอมอพาราฯ), สี่-เป็นปืนพกออโตฯระบบเหนี่ยวไกยิงทุกนัดที่ไม่มีนกสับหรือ Hammerless/Double-Action Only ซึ่งดูเหมือนจะไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน, ห้า-ระบบลั่นไกโดยใช้ลูกเบี้ยว(Cam.) 2 ตัวทำหน้าที่ดันสลักล็อคเข็มแทงชนวนและผลักเข็มแทงชนวนถอยหลังประมาณหนึ่งในสามของระยะถอยร่น, หก-มีระบบนิรภัยล็อคเข็มแทงชนวน(Firing Pin Block Drop Safety) ป้องกันอุบัติเหตุปืนลั่นจากกรณีปืนตกกระแทกพื้น ของแข็ง หรือแม้แต่ใช้ค้อนตกทุบ ภายหลังที่ขึ้นลำเลื่อนแล้ว, และ เจ็ด-น้ำหนักน้าวไกปืนเบาและนิ่มนวลราบเรียบที่สุดเท่าที่ปืนออโตฯเคยผลิตมา คาห์ร ทีพี45: สินค้าใหม่ล่าจาก คาห์รอาร์มส์ ซึ่งนาย มาสซาส อะยูบ(Massad Ayoob) สรุปความเห็นไว้ว่า เป็นปืนที่ตอบสนองความต้องการได้อย่างหลากหลาย จุดเด่นอยู่ที่นวัตกรรม น้ำหนักเหนี่ยวน้าวไกเบาและนิ่มนวลที่สุด และแม่นยำเกินตัว กลุ่มกระสุนดีที่สุดในระยะยิง 25 หลา(22.86 เมตร) คือ 1.95 นิ้วฟุต จากลูกของ Speer Gold Dot หัวกระสุนหนัก 230 เกรน (14.90 กรัม) นั่นคือ ความเห็นหลังทดสอบยิงจากเซียนปืนชื่อดังคนหนึ่งของสหรัฐอเมริกาเมื่อปีค.ศ.2011 รหัสผลิตเต็มๆของปืน คาห์ร รุ่นนี้ คือ TP4543N มีความหมายว่า T = Tactical เน้นที่ศูนย์ปืนแบบยิงต่อสู้, P = Polymer Frame โครงปืนวัสดุผสมโพลิเม่อร์ เน้นน้ำหนักเบาทั้งกระบอกสะดวกต่อการพกพาติดตัวไม่เป็นภาระหนักเอวตลอดวัน, 45 = คือ ขนาดกระสุน .45 ACP (Automatic Colt Pistol), 43 = คือ ลำกล้องยาว 4 นิ้วฟุต และ ครอบลำเลื่อนเป็นสแตนเลสขาวด้าน(Matte Stainless Steel), N = คือ ศูนย์ปืนแบบเรืองแสงสำหรับยิงในบริเวณที่แสงสลัว(Tritium Night Sights) รายละเอียดตัวปืน: ปืนพกกึ่งอัตโนมัติปฏิบัติการรีคอลย์ของเบราว์นิ่ง(Browning-type Recoil Operation) โคนลำกล้องถอยร่นลดตัวลงขัดกลอนโดยไม่ใช้หูโตงเตง(Lock Breech Recoil Lug) ระบบเหนี่ยวไกยิงทุกนัด-ไม่มีนกในตัวปืน(Double-Action Only – Hammerless) เข็มแทงชนวนนิรภัยแบบ Passive Striker Block ป้องกันปืนลั่น 100% จากอุบัติเหตุปืนตกหล่นหรือถูกทุบกระแทก ตัวปืนยาวตลอด 6.57 นิ้วฟุต หนา 1.01 นิ้วฟุต สูงวัดจากส้นด้ามจรดศูนย์หลัง 5.25 นิ้วฟุต ครอบลำเลื่อนทำจากเหล็กสแตนเลส โครงปืนผลิตจากวัสดุผสมโพลิเม่อร์สีดำ สันหลังด้ามโค้งเข้าอุ้งมือ สลักลายกันลื่นจุดเหลี่ยมคมด้านหน้า/หลังด้ามปืน น้ำหนักตัวปืน 590 กรัม(ไม่บรรจุกระสุน) ลำกล้องยาว 4.04 นิ้วฟุต เกลียวลำกล้องแบบสันนูน(Polygonal Rifling) หมุนขวา เกลียวหมุนครบ 1 รอบในระยะ 16.38 นิ้วฟุต ศูนย์หน้า/หลังสไตล์ปืนยิงต่อสู้ ทรงเตี้ย แต้มจุดเรืองแสง(Combat Low-Profile/Tritium Night Sights) ทั้งศูนย์หน้าและศูนย์หลังปรับซ้าย/ขวาได้โดยการเคาะเลื่อนแท่นศูนย์ ตัวปืนไม่มีระบบห้ามไกโดยแมกกาซีนปืน ไม่มีคันห้ามไก มีคันปลดล็อคลำเลื่อน ตามสไตล์ปืน DAO. กระสุนขนาด .45 ACP(Automatic Colt Pistol)หรือสิบเอ็ดมอมอ แมกกาซีนแถวเดียวบรรจุกระสุน 7 นัดและอีก 1 นัดในลำกล้อง ระบบห้ามไก(Safety)ปลอดภัย 100% แม้จะขึ้นลำเลื่อนบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิงแล้วก็ตาม ถ้าไม่เหนี่ยวไกปืนจนสุดช่วง ต่อให้ใช้ค้อนตอกหรือปืนหล่นกระแทกพื้นคอนกรีตปืนก็จะไม่ลั่น เพราะใช้ระบบล็อคเข็มแทงชนวนหรือ Passive Striker Block กล่าวคือ เมื่อขึ้นลำเลื่อนจะเท่ากับดันสปริงเข็มแทงชนวนหดตัวลงในระยะ 3 ใน 4 แล้วสลักนิรภัยจะล็อคเข็มแทงชนวนไว้ ขณะที่ผู้ยิงน้าวไกปืนเข้ามาหาตัวในลักษณะพร้อมยิง กระเดื่องไกปืนผลักดันให้ลูกเบี้ยว(Cam)สองตัวหมุนยกจมูกลูกเบี้ยวขึ้น ตัวหนึ่งดันสลักล็อคเข็มแทงชนวนขึ้นเพื่อปลดล็อค ขณะที่จมูกลูกเบี้ยวอีกตัวหนึ่งผลักดันเข็มแทงชนวนให้ถอยหลังสุดช่วงแล้วปล่อยให้วิ่งกระแทกแก้ปท้ายกระสุน นี่เป็นนวัตกรรมที่ คาห์รอาร์มส์ คิดค้นและจดลิขสิทธิ์แบบไว้ คุณสมบัติเด่นตัวปืน: หนึ่ง- ปืนพกออโตฯ กระบอกกะทัดรัด เพรียวบางและเบามือ ลำกล้องยาว 4 นิ้วฟุต ใช้กระสุนสิบเอ็ดมอมอ บรรจุ 7+1 นัด สอง- เกลียวลำกล้องแบบสันนูน(Polygonal Rifling)ที่ทำให้ยิงได้แม่นยำเกินตัว แม้จะไม่ใช้ปืนระบบแข่งขันก็ตามความเร็วกระสุนสูงกว่าปืนอื่นที่ใช้เกลียวลำกล้องแบบสันคมและมีความยาวเท่ากัน สาม- ไกปืนเหนี่ยวน้าวได้เบาและลากได้นิ่มนวลนิ้วมือที่สุด โดยน้ำหนักเหนี่ยวน้าวสม่ำเสมอและไม่สะดุดตลอดช่วงลากไก สี่- เป็นปืนพกออโตฯเพื่องานต่อสู้ พกซ่อนเนียนเสื้อได้ตลอดวันโดยไม่รู้สึกหนักเอวเกะกะเป็นภาระ คล่องตัวสูงมาก เพราะกะทัดรัดเพรียวบางมือ ศูนย์ปืนแบบจุดเรืองแสง(Tritium Night Sights) ข้อที่ควรพิจารณา: TP45 ต่างจาก CT45 ตรงที่เป็น Tactical ขณะที่ CT เน้นพกซ่อนเนียนเสื้อหรือ Concealed Handgun มากกว่า T45 เป็นปืนดีที่หายากมากในตลาดปืนเมืองไทย ออกแบบไว้สำหรับยิงต่อสู้ และพกติดตัวทั้งซองนอกซองในมากกว่าใช้ยิงเล่นในสนามยิงปืน โรงงานผลิตจึงไม่แนะนำให้ยิงด้วยกระสุนซ้อมสนาม แต่สามารถยิงกระสุนลูกจริง(ที่ผลิตจากโรงงานกระสุน)ได้ทุกแบบ รวมทั้งประเภท +P+ โดยตัวปืนไม่ชำรุดเสียหาย ขณะเดียวกัน ก็สามารถนำไปยิงแข่งในระบบยิงต่อสู้ฉับพลัน เช่น IDPA ได้ดีเช่นกัน Kahr TP45 เป็น Civilian Handgun เน้นใช้งานในเมืองและชนบทมากกว่า จึงไม่ใช่ปืนทหารใช้งานในสมรภูมิรบ ตามวิสัยของปืนโครงโพลิเม่อร์ทั่วไป %%%%%%%%%%%%
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • วันนี้ไปศูนย์สิริกิติ์ ไปดูงาน SX Sustainability Expo ที่ปกติเน้นไปเดินกินข้าวที่ชั้นล่าง 😆

    แต่ปีนี้มีส่วนจัดแสดงบอร์ดโครงการ The Ten ของ วปอ. 66 เลยไปเดินดูงานด้านบนก่อน แล้วไปเจอ ส่วนจัดแสดงของโรงเรียนมีชัยพัฒนา (Meechai Bamboo School) ซึ่งมีเด็กนักเรียนยืนอยู่ 4-5 คน กับบอร์ดภาพเกี่ยวกับการเษตร และ ชุมชน

    ผมถามเด็กๆว่า ที่ร.ร.ทำอะไรกัน เพราะใจสงสัยว่าทำไมถึงมีร.ร.นี้แห่งเดียวที่มาออกงาน แถมชื่อก็แปลกๆ เกี่ยวอะไรกับไม้ไผ่

    น้อง ๆ เล่าว่า ร.ร.ของเขาตั้งอยู่ที่จ.บุรีรัมย์เป็นโรงเรียนประจำของเอกชน มีสอนทำเกษตร กับ มีกิจกรรมช่วยเหลือชุมชน นอกจากสอนวิชาทั่วไป

    ผมก็คิดว่า อ๋อ คงเป็นร.ร.เอกชนนานาชาติ เหมือนในกรุงเทพฯกระมัง เลยถามต่อว่าค่าเทอมเท่าไหร่?

    เด็กๆตอบว่าเรียนฟรีค่ะ! ผมก็งง ว่าทำไมถึงเรียนฟรี?

    น้องบอกว่า ร.ร.นี้ เปิดมา 15 ปีแล้ว ทั้งร.ร.สร้างด้วยไม้ไผ่ นักเรียนทุกคนต้องจ่ายค่าเทอมเป็นการทำดีให้กับชุมชน รวมถึงทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนตามความรับผิดชอบของตัวเอง มีนักเรียน ม.1-ม.6 ระดับชั้นละ 20 กว่าคน มีครู 10 กว่าคน โดยให้นักเรียนกินนอนที่ร.ร. ไม่ให้กลับบ้านจนกว่าจะปิดเทอม และห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์

    ผมก็ถามว่า แล้วอยู่กันยังไง ไม่เหงาเหรอ?

    น้องตอบกลับว่า หนูมีหนังสือต่างๆให้อ่านเยอะแยะ และ แต่ละวันมีกิจกรรมให้ทำมากมาย และที่ร.ร.ก็กำหนดให้นักเรียนร่วมกันจัดการบริหารดูแลร.ร.กันเอง โดยมีคุณครูช่วยให้คำแนะนำ เรียกว่าทั้งฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายตรวจรับ และฝ่ายต่าง ๆ ของร.ร.ถูกดูแลโดยนักเรียนเอง มีแค่งานครัวที่มีแม่ครัวเป็นคนปรุงอาหารให้กิน

    น้อง ๆ เขาคิดว่า ชีวิตของเขามีกิจกรรมอื่นให้ทำมากกว่าจะมานั่งเล่นโทรศัพท์เลยไม่ติดเกม ติดซีรี่ส์แบบเด็กวัยเดียวกัน

    ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา พี่ ๆ ที่จบไปมักจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ทุกคน และมักจะติดตั้งแต่รอบ Portfolio และส่วนใหญ่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน ทั้งด้านเกษตร หรือด้านบริหารก็มี เพราะนักเรียนจะมีทั้งเด็กในจังหวัดบุรีรัมย์ และ ใกล้เคียง แต่ก็มีบางคนที่มาจาก เวียดนาม หรือ เป็นเด็กชาติพันธุ์จากกาญจนบุรี / แม่ฮ่องสอน

    ฟังน้อง ๆ เล่าแล้วผมถึงกับอึ้งกับแนวคิดของ ผ.อ. ซึ่งก็คือ อ.มีชัย วีระไวทยะ แถมยังอยากเขกหัวตัวเองว่า ไม่รู้จักโรงเรียนนี้ได้ยังไง แต่ก็ได้คำตอบว่า ทำไม ผู้จัดงานถึงได้เลือกโรงเรียนนี้มาจัดนิทรรศการในงานนี้

    งานนี้น่าจะจัดถึงวันอาทิตย์ที่ 6 ต.ค. หากมีเวลาอยากชวนให้ไปดูงานนี้ แล้วไปฟังน้อง ๆ เล่าถึงโรงเรียนของเขากันนะครับ ❤️
    วันนี้ไปศูนย์สิริกิติ์ ไปดูงาน SX Sustainability Expo ที่ปกติเน้นไปเดินกินข้าวที่ชั้นล่าง 😆 แต่ปีนี้มีส่วนจัดแสดงบอร์ดโครงการ The Ten ของ วปอ. 66 เลยไปเดินดูงานด้านบนก่อน แล้วไปเจอ ส่วนจัดแสดงของโรงเรียนมีชัยพัฒนา (Meechai Bamboo School) ซึ่งมีเด็กนักเรียนยืนอยู่ 4-5 คน กับบอร์ดภาพเกี่ยวกับการเษตร และ ชุมชน ผมถามเด็กๆว่า ที่ร.ร.ทำอะไรกัน เพราะใจสงสัยว่าทำไมถึงมีร.ร.นี้แห่งเดียวที่มาออกงาน แถมชื่อก็แปลกๆ เกี่ยวอะไรกับไม้ไผ่ น้อง ๆ เล่าว่า ร.ร.ของเขาตั้งอยู่ที่จ.บุรีรัมย์เป็นโรงเรียนประจำของเอกชน มีสอนทำเกษตร กับ มีกิจกรรมช่วยเหลือชุมชน นอกจากสอนวิชาทั่วไป ผมก็คิดว่า อ๋อ คงเป็นร.ร.เอกชนนานาชาติ เหมือนในกรุงเทพฯกระมัง เลยถามต่อว่าค่าเทอมเท่าไหร่? เด็กๆตอบว่าเรียนฟรีค่ะ! ผมก็งง ว่าทำไมถึงเรียนฟรี? น้องบอกว่า ร.ร.นี้ เปิดมา 15 ปีแล้ว ทั้งร.ร.สร้างด้วยไม้ไผ่ นักเรียนทุกคนต้องจ่ายค่าเทอมเป็นการทำดีให้กับชุมชน รวมถึงทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนตามความรับผิดชอบของตัวเอง มีนักเรียน ม.1-ม.6 ระดับชั้นละ 20 กว่าคน มีครู 10 กว่าคน โดยให้นักเรียนกินนอนที่ร.ร. ไม่ให้กลับบ้านจนกว่าจะปิดเทอม และห้ามนักเรียนใช้โทรศัพท์ ผมก็ถามว่า แล้วอยู่กันยังไง ไม่เหงาเหรอ? น้องตอบกลับว่า หนูมีหนังสือต่างๆให้อ่านเยอะแยะ และ แต่ละวันมีกิจกรรมให้ทำมากมาย และที่ร.ร.ก็กำหนดให้นักเรียนร่วมกันจัดการบริหารดูแลร.ร.กันเอง โดยมีคุณครูช่วยให้คำแนะนำ เรียกว่าทั้งฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายตรวจรับ และฝ่ายต่าง ๆ ของร.ร.ถูกดูแลโดยนักเรียนเอง มีแค่งานครัวที่มีแม่ครัวเป็นคนปรุงอาหารให้กิน น้อง ๆ เขาคิดว่า ชีวิตของเขามีกิจกรรมอื่นให้ทำมากกว่าจะมานั่งเล่นโทรศัพท์เลยไม่ติดเกม ติดซีรี่ส์แบบเด็กวัยเดียวกัน ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา พี่ ๆ ที่จบไปมักจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ทุกคน และมักจะติดตั้งแต่รอบ Portfolio และส่วนใหญ่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน ทั้งด้านเกษตร หรือด้านบริหารก็มี เพราะนักเรียนจะมีทั้งเด็กในจังหวัดบุรีรัมย์ และ ใกล้เคียง แต่ก็มีบางคนที่มาจาก เวียดนาม หรือ เป็นเด็กชาติพันธุ์จากกาญจนบุรี / แม่ฮ่องสอน ฟังน้อง ๆ เล่าแล้วผมถึงกับอึ้งกับแนวคิดของ ผ.อ. ซึ่งก็คือ อ.มีชัย วีระไวทยะ แถมยังอยากเขกหัวตัวเองว่า ไม่รู้จักโรงเรียนนี้ได้ยังไง แต่ก็ได้คำตอบว่า ทำไม ผู้จัดงานถึงได้เลือกโรงเรียนนี้มาจัดนิทรรศการในงานนี้ งานนี้น่าจะจัดถึงวันอาทิตย์ที่ 6 ต.ค. หากมีเวลาอยากชวนให้ไปดูงานนี้ แล้วไปฟังน้อง ๆ เล่าถึงโรงเรียนของเขากันนะครับ ❤️
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • พรีเมียร์ลีก นัดที่ 6 (2024-2025)
    คริสตัล พาเลซ 0 - 1 ลิเวอร์พูล
    ดีโอโก้ โจต้า 9’ (0-1)
    แต่ต้องแลกมาด้วย อาการบาดเจ็บของพ่อหมี แล้วเปลี่ยนเอาประตูสาธารณรัฐเช็ก วิเตซสลาฟ ยารอส ลงมาเฝ้าเสาแทน สามารถเก็บกรีนชีตสำเร็จ ทำให้มีคะแนนเป็น 18 คะแนน นำแมนฯ ซิตี้ 4 คะแนน
    พรีเมียร์ลีก นัดที่ 6 (2024-2025) คริสตัล พาเลซ 0 - 1 ลิเวอร์พูล ดีโอโก้ โจต้า 9’ (0-1) แต่ต้องแลกมาด้วย อาการบาดเจ็บของพ่อหมี แล้วเปลี่ยนเอาประตูสาธารณรัฐเช็ก วิเตซสลาฟ ยารอส ลงมาเฝ้าเสาแทน สามารถเก็บกรีนชีตสำเร็จ ทำให้มีคะแนนเป็น 18 คะแนน นำแมนฯ ซิตี้ 4 คะแนน
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • เหลืออีก 20 วันหมดอายุความ ตำรวจชุมพรสนธิกำลังตำรวจภาค 8 นำหมายจับบุกบ้านอดีตนายทหารยศพันโท ผู้ต้องหาฆ่าหมู่ 78 ศพ คดีตากใบ แต่แห้วไร้เงา เจอแต่แม่วัย 88 ปี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094681

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เหลืออีก 20 วันหมดอายุความ ตำรวจชุมพรสนธิกำลังตำรวจภาค 8 นำหมายจับบุกบ้านอดีตนายทหารยศพันโท ผู้ต้องหาฆ่าหมู่ 78 ศพ คดีตากใบ แต่แห้วไร้เงา เจอแต่แม่วัย 88 ปี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094681 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Haha
    Yay
    Wow
    Love
    45
    2 Comments 1 Shares 1465 Views 1 Reviews
  • ระทมถ้วนหน้า! น้ำปิงล้นตลิ่งท่วมแทบเต็มพื้นที่ตลอดแนวแม่น้ำในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ ล่าสุดโซนด้านเหนือสุดของตัวเมืองโดนเต็มๆ บางจุดสูงเกือบ 2 เมตร ผู้ประสบภัยต้องดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองลอยคอออกมาหาข้าวหาน้ำกิน เหตุยังไร้การเหลียวแลช่วยเหลือจากหน่วยงาน
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094696

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ระทมถ้วนหน้า! น้ำปิงล้นตลิ่งท่วมแทบเต็มพื้นที่ตลอดแนวแม่น้ำในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ ล่าสุดโซนด้านเหนือสุดของตัวเมืองโดนเต็มๆ บางจุดสูงเกือบ 2 เมตร ผู้ประสบภัยต้องดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองลอยคอออกมาหาข้าวหาน้ำกิน เหตุยังไร้การเหลียวแลช่วยเหลือจากหน่วยงาน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094696 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    Like
    Love
    Haha
    30
    0 Comments 2 Shares 1491 Views 0 Reviews
  • การเข้าใจชีวิตไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากเราหันกลับมาสำรวจที่จิตของเราเอง ว่าจิตกำลัง "ยึด" หรือ "ไม่ยึด" สิ่งต่างๆ ปริศนาที่เคยยุ่งยากก็จะค่อยๆ คลี่คลายออกเป็นคำตอบที่เรียบง่าย

    หลายครั้งเราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อได้มาจริงๆ กลับรู้สึกว่างเปล่า สาเหตุไม่ใช่เพราะสิ่งนั้นไม่ดีพอ แต่เป็นเพราะจิตของเราเหนื่อยล้าจากการยึดเกาะและตะกาย เมื่อได้มาแล้วจึงหมดแรงในการยึดถือ และความรู้สึกที่ว่างเปล่านั้นคือสัญญาณว่าจิตไม่ยึดสิ่งนั้นอีกต่อไป

    ในบางครั้งที่เรารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ แต่ไม่นานก็รู้สึกเบื่อ สาเหตุมาจากจิตได้ถอนตัวจากสภาพยึด เมื่อหมดแรงในการยึดถือ จิตก็อยากถอยห่างจากสิ่งนั้น หรือแม้กระทั่งผลักไส

    ถ้าเราไม่สังเกตเห็นความเป็นไปของจิต เมื่อได้มาสิ่งสมใจมากๆ เราอาจเริ่มงงงันและเคว้งคว้าง ถามตัวเองว่า "ฉันต้องการอะไรจากชีวิตจริงๆ?" คำถามเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาความจริงในชีวิต ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เราต้องการคืออะไร

    ลองเริ่มสังเกตง่ายๆ ว่า แม้แต่ลมหายใจที่เป็นของธรรมดาและไม่มีใครยึดถือ เรายังไม่สามารถทิ้งมันได้ ลมหายใจสอนเราว่า จิตที่ไม่ยึด แต่ก็ไม่ทิ้ง นั้นเป็นอย่างไร จิตที่สงบและสมดุลจะไม่ตะกายหรือยึดมั่นในสิ่งใดจนเหนื่อยล้า

    เมื่อเราเริ่มเห็นจิตในรูปแบบต่างๆ ทั้งจิตที่ยึดและจิตที่ปล่อย เราจะเกิดสติและเข้าใจว่า อะไรเป็นเหตุให้ยึด และอะไรเป็นเหตุให้ปล่อย เราจะไม่ยึดหรือปล่อยสิ่งใดแบบงงๆ อีกต่อไป จิตจะสว่างขึ้น เกิดปัญญาเห็นความจริงว่า ความอยากและความยึดถือเป็นสิ่งชั่วคราว ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องปล่อยวาง

    เมื่อเห็นเช่นนี้ จิตจะเริ่มสงบ หิวน้อยลง กระวนกระวายน้อยลง เพราะเข้าใจว่า ความสงบระงับนั้นแหละคือความอิ่มเต็มที่แท้จริงในชีวิต
    การเข้าใจชีวิตไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากเราหันกลับมาสำรวจที่จิตของเราเอง ว่าจิตกำลัง "ยึด" หรือ "ไม่ยึด" สิ่งต่างๆ ปริศนาที่เคยยุ่งยากก็จะค่อยๆ คลี่คลายออกเป็นคำตอบที่เรียบง่าย หลายครั้งเราพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อได้มาจริงๆ กลับรู้สึกว่างเปล่า สาเหตุไม่ใช่เพราะสิ่งนั้นไม่ดีพอ แต่เป็นเพราะจิตของเราเหนื่อยล้าจากการยึดเกาะและตะกาย เมื่อได้มาแล้วจึงหมดแรงในการยึดถือ และความรู้สึกที่ว่างเปล่านั้นคือสัญญาณว่าจิตไม่ยึดสิ่งนั้นอีกต่อไป ในบางครั้งที่เรารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ แต่ไม่นานก็รู้สึกเบื่อ สาเหตุมาจากจิตได้ถอนตัวจากสภาพยึด เมื่อหมดแรงในการยึดถือ จิตก็อยากถอยห่างจากสิ่งนั้น หรือแม้กระทั่งผลักไส ถ้าเราไม่สังเกตเห็นความเป็นไปของจิต เมื่อได้มาสิ่งสมใจมากๆ เราอาจเริ่มงงงันและเคว้งคว้าง ถามตัวเองว่า "ฉันต้องการอะไรจากชีวิตจริงๆ?" คำถามเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาความจริงในชีวิต ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เราต้องการคืออะไร ลองเริ่มสังเกตง่ายๆ ว่า แม้แต่ลมหายใจที่เป็นของธรรมดาและไม่มีใครยึดถือ เรายังไม่สามารถทิ้งมันได้ ลมหายใจสอนเราว่า จิตที่ไม่ยึด แต่ก็ไม่ทิ้ง นั้นเป็นอย่างไร จิตที่สงบและสมดุลจะไม่ตะกายหรือยึดมั่นในสิ่งใดจนเหนื่อยล้า เมื่อเราเริ่มเห็นจิตในรูปแบบต่างๆ ทั้งจิตที่ยึดและจิตที่ปล่อย เราจะเกิดสติและเข้าใจว่า อะไรเป็นเหตุให้ยึด และอะไรเป็นเหตุให้ปล่อย เราจะไม่ยึดหรือปล่อยสิ่งใดแบบงงๆ อีกต่อไป จิตจะสว่างขึ้น เกิดปัญญาเห็นความจริงว่า ความอยากและความยึดถือเป็นสิ่งชั่วคราว ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องปล่อยวาง เมื่อเห็นเช่นนี้ จิตจะเริ่มสงบ หิวน้อยลง กระวนกระวายน้อยลง เพราะเข้าใจว่า ความสงบระงับนั้นแหละคือความอิ่มเต็มที่แท้จริงในชีวิต
    0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews
  • เมนูวันนี้ "ยำเห็ดโคน" จากอุทัยธานี
    ทำตามคำเรียกร้องของคุณนาย
    ช่วงนี้เห็ดโคนกำลังออก ที่ตลาดริมแม่น้ำสะแกกรัง
    ทั้งตลาดเช้าและเย็น มีแบบสดและแบบต้มแล้ว
    เอาสะดวกให้เลือกแบบต้มแล้วเพราะเก็บไว้
    ได้หลายวัน ส่วนแบบสดจะติดเศษดิน
    ต้องมาล้างและตัดส่วนที่ไม่มีดีออกก่อน
    ราคาช่วงนี้ สด 500 บาทต้มแล้ว 600 บาท
    วันนี้จะเอามายำโดยทำแบบยำไทยทั่วไป
    เอาเห็ดโคนมาต้มอีกที พักให้สะเด็ดน้ำ
    จากนั้นเอามาคลุกกับกุ้งลวกและหมูสับลวน
    ใส่หอมแขกซอย คื่นช่าย ผักชีฝรั่งซอยลงไป
    ราดด้วยน้ำยำที่ปรุงด้วย กระเทียม พริกขี้หนู
    น้ำปลา เกลือ น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว น้ำต้มสุก
    เอามาปั่นให้เข้ากัน โรยด้วยผักชีซอยละเอียด
    นำมาคลุกกับเครื่องที่เตรียมไว้เป็นอันเสร็จ
    ช่วงนี้ถ้าหาเห็ดโคนได้ลองทำกันดูง่ายๆ

    #dedusuanplu6
    เมนูวันนี้ "ยำเห็ดโคน" จากอุทัยธานี ทำตามคำเรียกร้องของคุณนาย ช่วงนี้เห็ดโคนกำลังออก ที่ตลาดริมแม่น้ำสะแกกรัง ทั้งตลาดเช้าและเย็น มีแบบสดและแบบต้มแล้ว เอาสะดวกให้เลือกแบบต้มแล้วเพราะเก็บไว้ ได้หลายวัน ส่วนแบบสดจะติดเศษดิน ต้องมาล้างและตัดส่วนที่ไม่มีดีออกก่อน ราคาช่วงนี้ สด 500 บาทต้มแล้ว 600 บาท วันนี้จะเอามายำโดยทำแบบยำไทยทั่วไป เอาเห็ดโคนมาต้มอีกที พักให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นเอามาคลุกกับกุ้งลวกและหมูสับลวน ใส่หอมแขกซอย คื่นช่าย ผักชีฝรั่งซอยลงไป ราดด้วยน้ำยำที่ปรุงด้วย กระเทียม พริกขี้หนู น้ำปลา เกลือ น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว น้ำต้มสุก เอามาปั่นให้เข้ากัน โรยด้วยผักชีซอยละเอียด นำมาคลุกกับเครื่องที่เตรียมไว้เป็นอันเสร็จ ช่วงนี้ถ้าหาเห็ดโคนได้ลองทำกันดูง่ายๆ #dedusuanplu6
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!!

    ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!!

    ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง
    ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน
    ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป

    สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ
    ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ
    แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว
    พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด ……
    แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!!

    ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย
    ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน
    เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก)
    และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!!

    วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ
    เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21
    ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา
    แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ
    โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า
    เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน……
    เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?

    แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน…
    ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน……
    (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…)
    แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์
    ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!!
    แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ
    จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ……
    เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน……

    ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน
    เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้…
    แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม
    แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย……
    นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!!

    เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง
    ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า
    “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน)
    จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน
    และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad
    ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้
    ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น
    การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!!

    ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง
    ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ

    ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน
    ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ)

    วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!!

    สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ
    การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……)
    แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว
    เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า
    “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “

    วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน
    แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น”
    เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย
    ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!!

    ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น
    แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่……
    มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น
    เต้นมาร้องกันใหม่……

    การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย
    นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน……
    นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย
    เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด
    ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน
    แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.……

    ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden
    แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์
    สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร
    กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์

    เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย
    ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม
    เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
    มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต
    ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า
    Novorossiya อันหมายถึง New Russia…

    ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์
    ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน
    ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป……

    ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ
    Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ)

    วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว
    แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน…
    เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง
    สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี
    จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป
    แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน
    วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์
    ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!!

    ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!!


    Wiwanda W. Vichit
    เหงาๆกันหน่อยนะคะ แต่ก็เฉพาะพวกเราเท่านั้นแหละ แต่……พี่ปูเขาไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น………!!! ตอนยี่สิบสาม…………เอาจริงละนะ……แผ่นดินของข้า….ใครอย่าแตะ…!!! ในช่วงของความโอ่อ่าตระการตาจากพิธีโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ที่รัสเซียทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งเทคโนโยลีสู่สายตาชาวโลกนั้น สิ่งที่กวนใจปูตินได้เกิดขึ้นที่ยูเครน ทั้งๆที่ปธน. Yanukovych ที่เพิ่งรับเงินไปหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์หมาดๆ นั่นคือการเดินขบวนของประชาชนที่เรียกร้องอยากจะเข้าสู่โลกของตะวันตก ที่คราวนี้ออกแนวทำลายตึกรามบ้านช่อง ซึ่งสภาพเหมือนสงครามกลางเมืองเข้าไปทุกที ทหาร ตำรวจ ต้องระดมกำลังกันปราบปราม ป้องกัน ภาพที่ปูตินเห็นจากข่าวในทีวี คือ องค์กรต่างๆจากนอกประเทศ นอกจากจะช่วยยุแยงจากใต้ดินแล้ว คราวนี้เปิดหน้าชกแบบขึ้นมาบนดิน เพราะตั้งเต้นท์แจกอาหารและเครื่องดื่มให้กับกลุ่มผู้ก่อการอยู่ทั่วไป สามชาติที่ส่งตัวแทนเข้ามาในกรุงเคียฟ คือ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ โปแลนด์ ใันวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ และเจรจากับยานุโควิชในเรื่องขอให้ยุติการที่ใช้กำลังรุนแรงกับกลุ่มม็อบ ปูติน…ยังนิ่ง เพราะโอลิมปิกยังไม่จบ แต่ยานุโควิช……ได้ติดต่อไปหาทางโทรศัพท์ เพื่อบอกว่า เขาอ่อนแรงแล้ว พร้อมที่จะลาออก ไม่อยากอยู่ต่อจนจบเทอม (ในปี 2014) เขาอยากจะถอนกำลังในการคุมสถานการณ์ออกให้หมด …… แต่ปูตินเห็นว่า…นั่นคือสัญญาณของคนขี้แพ้ และ ถึงจะลาออกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะเป็นภาวะที่ล่มสลาย ประเทศจะกลายเป็นอนาธิปไตย……คิดดูใหม่ดีๆ…!! ยานุโควิชโอนเอียงไปทางการหวานล้อมของตะวันตกในที่สุด เขาประกาศลาออกในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และหลบออกจากเมืองหลวงสู่ไครเมียก่อนที่จะเข้าสู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย ปูตินเรียกประชุมคณะมนตรีฝ่ายความมั่นคงในกลางดึกของวันเดียวกัน เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ในยูเครนต่อไป เพราะเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ การตั้งสมาชิกสภากันขึ้นมาใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ผูกพันกับรัสเซีย เช่นในเรื่องภาษา และเรื่องการที่จะเป็นเอกเทศ (เอียงไปทางตะวันตก) และสิ่งที่ปูตินเชื่อว่ามันคงจะเกิดขึ้น นั่นคือ การที่ฝ่ายชาตินิยมที่มีสหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรปสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะไฮแจคการชุมนุมนี้……ไปเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง……และหันมาทิ่มแทงรัสเซีย……!! วันที่ 23 เป็นพิธีปิดโอลิมปิก……ที่รัสเซียกวาดเหรียญทองไป 13 และ เหรียญอื่นๆทั้งหมด รวม 33 ………เป็นเวลารวม 16 วันที่รัสเซียได้เป็นดาราดวงเด่น ฉายแสงจ้าในโลกของศตวรรษที่ 21 ภาพของปูตินที่ใครต่อใครเห็นคือ แจ่มเจิด……ทรงภูมิ และ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเมตตา แต่เบื้องหลังนั้น ……เขาได้เตรียมตัวพร้อมกับการที่จะรับมือและโต้กลับ โดยไม่ต้องไว้หน้าใครอีกแล้ว แม้แต่เพื่อนรัก อย่างนาง แอนเจล่า เมอร์เคิล ที่ทำทีโทรมาถามเรื่องยูเครน…… เขาตอบกลับไปว่า……อย่ามาทำเป็นถาม…รู้ดีกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? แต่นั่นเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากรู้ สื่อทุกสื่อรู้ดีว่า……ปูตินจะไม่เฉยแน่นอน… ทางฝ่ายโฆษกรัฐบาลของรัสเซีย……ได้ยืนยันชัดเจนว่า จะไม่แทรกแซงกิจการทางการเมืองของยูเครนอย่างแน่นอน…… (ก็ปาวๆไปอย่างนั้นเอง……แต่ทางกลาโหมได้จัดทัพแล้ว…) แล้วจากนั้น……ก็มีการซ้อมรบที่ฝั่งรัสเซียใกล้ชายแดนยูเครนพร้อมกันทั้งบกและอากาศ ……แบบว่าท้าทายนาโต้อย่างสุดฤทธิ์ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์……กลุ่มกองทัพและหน่วยคอมมานโดจากฐานที่ทะเลดำ เข้ายึดไครเมีย……!!! แต่ทหารทุกคน…แต่งกายด้วยยูนิฟอร์มสีเขียวที่ไม่มีตราติดสัญชาติ จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมงต่อมา……ไครเมียได้ถูกควบคุมโดยกองทัพนับหมื่นๆนาย(ที่ไม่ปรากฎสัญชาติ) และไม่มีใครต่อต้าน……ทุกอย่างเกิดขึ้นในความสงบ สงบยิ่งกว่าการปฏิวัติเงียบ…… เพราะทหารทุกคนช่างเรียบร้อยและแสนสุภาพกับประชาชน…… ทางสภาเคียฟที่กำลังเฟ้นหาผู้นำ…ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรได้ จึงเลือกที่จะไม่ทำการต่อต้านใดๆ ทุกคนต่างลงความเห็นว่าให้ปล่อยผ่านไปก่อน เพราะไครเมียก็คือดินแดนของยูเครน ใครจะมาเอาไปก็ไม่ได้… แต่นั่นใช้ไม่ได้กับปูติน……เพราะรัสเซียให้มีการลงคะแนนเสียงในไครเมีย ว่าจะเลือกเป็นเอกเทศ เป็นสาธารณรัฐ(ในสายของรัสเซีย) หรือเป็นจังหวัดหนึ่งของยูเครน ในวันที่ 25 มีนาคม แน่นอนว่า….คำว่า สาธารณรัฐ……ย่อมทำให้การเลือกตั้งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทะลาย…… นี่คือการหักหน้าฝั่งตะวันตก….ที่ปูตินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่า พอกันที.………จะไม่ให้คนพวกนี้ก้าวล่วงเข้ามาได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว……!! เพราะในอดีตที่ซีเรีย……สองปีก่อนตอนที่ซีเรียเริ่มกรุ่นด้วยสงครามกลางเมือง ปูตินได้พบกับโอบามา ที่การประชุม G20 ที่โอบามาได้บอกเขาว่า “ถ้าเมื่อไหร่……ทางรัฐบาลซีเรียเล่น”สกปรก” ใช้อาวุธเคมีกับประชาชนละก้อ……ผมไม่เอามันไว้แน่……” (พล๊อตเก่าสมัยซัดดัม ฮูเซน) จากนั้นไม่นาน……ก็มีจรวดติดหัวสารพิษยิงเข้าไปในชนบทใกล้กับเมือง ดามัสกัส อันเป็นเมืองหลวงของซีเรีย ที่ทำให้มีคนตายถึง 1400 คน และจากนั้นทัพอเมริกันก็เข้ามาเพื่อโค่นประธานาธิบดี Bashar al-Assad ด้วยเหตุผลที่ว่า ใช้อาวุธร้ายแรงผิดหลักของนาโต้ ซึ่งปูตินรู้ดีว่า…ทางกองทัพซีเรียไม่มีอาวุธชนิดนี้ และถึงมีก็คงไม่ใช้กับประชาชนของตัวเองที่อยู่ใกล้เมืองหลวงขนาดนั้น การสร้าง”แพะ” ของอเมริกาและพรรคพวกจึงไม่เนียน…!! ปูตินได้แต่สงสารอัล-อัสสาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะนาโต้ประกาศปิดน่านฟ้า……เพื่อที่พวกของตัวจะได้รุมถล่มซีเรียได้อย่างสะดวกๆนั่นเอง ฉะนั้น……การเป็นไปในยูเครน……จึงเป็นแค่ละครเรื่องใหม่ในพล๊อตเดิมๆ ปูตินได้เสนอไปทางสภาในเรื่องการส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมที่เคียฟ ซึ่งเป็นโอกาสเหมาะเพราะตอนนี้คือสูญญากาศทางการเมืองของยูเครน ซึ่งทางสภาได้มีเสียงข้างมากในทางที่เห็นด้วย (ทั้งที่กองทัพนิรนามบุกไครเมียไปแล้ว……ตลกการเมืองจริงๆ) วันที่ 2 มีนาคม ปูตินได้เรียกยานุโควิชเข้ามาพบเพราะในทางกฏหมาย ยานุโควิชยังเป็นประธานาธิบดีอยู่ ให้ร่างจดหมายเซ็นชื่อ (โดยไม่มีวันที่กำกับ ละเว้นไว้) ในเนื้อความของจดหมายคือการที่รัฐบาลยูเครนยินยอมและขอร้องให้รัสเซียส่งกองกำลังไปช่วย และอ้างถึงสาเหตุของการก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการแทรกแซงจากตะวันตก จึงจำเป็นที่จะต้องขอความร่วมมือจากรัสเซียเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนชาวยูเครน……ลงชื่อ…!!! สองวันก่อนที่จะเกิดจดหมายฉบับนี้ ปูตินได้โทรศัพท์ติดต่อกับแองเจล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันนี ที่เขาปฎิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นกับ การบุกไครเมีย (เลยจริงๆ……) แองเจล่าที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของปูติน เริ่มไม่พูดจาภาษาดอกไม้ด้วยแล้ว เพราะตอนนี้ ใครก็ไว้ใจใครไม่ได้ เธอได้เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดการสนทนาทุกคำให้กับบารัค โอบามา ที่คำรามฮึ่มๆ บอกว่า “ในเมื่อไว้ใจกันไม่ได้……ก็คงต้องตัดรัสเซียออกไปจาก G8… “ วันที่ 4 มีนาคม ที่ปูตินได้พบกับนักข่าว เขาก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องของยูเครน แบบว่า…ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไร และไม่มีศัตรูในยูเครน แต่เขาตีตรงๆไปที่สหรัฐอเมริกาและพรรคพวกในเรื่องของอาฟกานิสถาน ลิเบีย และ ซีเรีย ที่สร้างแต่ความเดือดร้อน ทางเราก็เพียงแต่ซ้อมรบเตรียมพร้อมไว้เท่านั้น” เมื่อถูกถามเรื่องทหารที่ไครเมีย ที่อยู่ในชุดพรางพร้อมรบ ว่า……เหมือนกับชุดของทหารรัสเซีย ปูตินตอบว่า……ชุดแบบนี้……ไปหาซื้อที่ไหนก็ได้นี่นา……!!! ช่วงการดำเนินการลงเสียงของประชาชนในไครเมีย ที่ปูตินบอกว่า ไม่ขอยุ่ง……เป็นความตัดสินใจของประชาชนล้วนๆนั้น แต่ทางเครมลินได้จัดให้มีการเดินขบวน พาเหรดสวยงาม ทำเพลงปลุกใจรักชาติ ที่เน้นว่า…ไครเมียคือดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียแต่เก่าก่อน ป้ายและธง “Krim nash ! “ หรือ Crimea is ours ! ขึ้นพรึ่บไปทั่วทุกที่…… มีการนำการเต้นรำ Sevastopol Waltz (1953) ได้นำขึ้นมาปัดฝุ่น เต้นมาร้องกันใหม่…… การปฏิบัติการที่ไครเมีย คือการมองการณ์ไกลของปูตินที่เขาขยับงบประมาณทางทหารขึ้นมาสามสี่เท่าตัว จากสงครามที่จอร์เจีย นับว่ารัสเซียมีงบประมาณกองทัพที่สูสีกับสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่มีจำนวนเกือบแสนล้าน…… นี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้อเมริกาไม่กล้าขยับในเรื่องของไครเมีย เพียงแต่ยังงงๆ ในการปฏิบัติการที่เงียบเชียบ ไม่มีการสาดกระสุนหรือจับกุมทุบตีแต่อย่างใด ผิดกับที่กรุงเคียฟที่มีการนองเลือด ได้แต่หวังว่า……การลงมติของประชาชนจะออกมาในทางที่สวนกัน แต่เมื่อผิดคาด……ก็ได้แต่ขู่ฟ่อ.…… ปูตินที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับโอบามามาตั้งแต่เรื่องของ Edward Snowden แล้วก็เรื่องของซีเรีย……ต่อให้ขู่ยังไง……จะเป็นหนึ่งใน G8 หรือ จะเหลือกันแค่ G7 ……เขาก็ไม่แคร์ สิ่งที่อเมริกาและยุโรปได้ทำคือ……การแซงชั่นทางการเงินและทางธนาคาร กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรายชื่อของผู้ที่ใกล้ชิดกับปูตินออกมายาวเป็นหางว่าว ห้ามเข้าประเทศ และยึดทรัพย์สินในธุรกรรมที่อเมริกาและประเทศที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมเงินดอลล่าร์ เมื่อการลงมติที่ไครเมียผ่านไป.……ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมาย ไม่กี่วันต่อมา…ชาวยูเครนตะวันออก ได้เริ่มเดินขบวนในเมืองใหญ่สองเมือง คือ Donetsk และ Luhansk เพื่อยื่นข้อเสนอให้กับเคียฟเพื่อที่จะขอแยกตัวเป็นอิสระ โดยจะมีการลงมติจากประชาชน (แบบไครเมีย) ในเดือนพฤษภาคม เพราะชนในเขตนี้ คือ ชาวรัสเซียที่ใกล้ชิดกับฝั่งตะวันออกมากกว่าทางยูเครน ซึ่งในระยะหลังๆมานี่ พวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม มีกลุ่มขวาจัดได้เข้ามาแทรกแซงทำร้าย และ หลายครั้งที่ถึงแก่ชีวิต ทางรัสเซียได้ส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแล และเรียกดินแดนส่วนนี้ว่า Novorossiya อันหมายถึง New Russia… ทางรัสเซีย……ก็เดินหน้าจัดการเรียกดินแดนคืนต่อไป จากโดเนทค์, ลูฮังค์ ในเดือนพฤษภาคม……คราวนี้ใน Odessa ที่มีฝ่ายโปร-รัสเซียเดินขบวน ที่มีการนองเลือด……เผา……มีคนตาย 48 คน แกนนำถูกจับตัวไป…… ยูเครนได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งคือ Viktor Yushchenko ( อดีตประธานาธิบดีคนที่สาม ที่โดนยาพิษ) วันที่ 6 มิถุนายน ปูตินได้ไปร่วมในงานระลึกครบรอบวันยกพลขึ้นบก (D-Day) ที่นอร์มังดี ……ผู้นำอื่นๆพร้อมใจกันทำทีท่าชาเย็น เฉยเมย เพราะบัดนี้รัสเซียไม่ได้อยู่ในกลุ่ม G อีกแล้ว แต่แองเจล่าและฟรองซัวส์ ออลลังด์ ปธน. ฝรั่งเศส ได้เข้ามาคุยด้วยในเรื่องการขอร้องให้มีสันติภาพในยูเครน… เดือนต่อมา ปูตินได้พบกับแองเจล่า เมอร์เคิลที่บราซิล ในการประชุม FIFA World Cup ระหว่างเยอรมันนี กับ อาร์เจนตินา ในฐานะที่รัสเซียเสนอที่จะเป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไป (2018) ที่ปูตินทุ่มทุนมหาศาลในการจัดสร้าง สเตเดี้ยมให้ใหญ่โตสมศักดิ์ศรี จากการพบปะ……เธอยังขอร้องในเรื่องเดิม ปูตินก็ว่า……พร้อมที่จะถอยออกไป แต่ขณะที่สองผู้นำคุยกัน……… ข่าวออกมาว่า กองทัพรัสเซียได้ป้วนเปี้ยนอยู่แนวชายแดน วันต่อมา…มีข่าวว่า เครื่องบินลำเลียง AN-26 ของยูเครนที่บินสูงกว่าสองหมื่นฟุตได้ถูกยิงตกแถวลูฮังสค์ ต่อมา…เครื่องบิน Sukhoi ของรัสเซียถูกสอยร่วงจากภาคพื้นดิน ด้วยขีปนาวุธที่ไม่ปรากฎสัญชาติ……!! ผลสะท้อนกลับคือ การสอย AN-26 แบบรัวๆ และ การประกาศตามมาจากรัสเซียว่า….อย่าบังอาจแม้แต่จะคิด……!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • ใบที่3เชื้อกำลังมา แม่2 เชื้อมาครบ3ใบ AG2
    ใบที่3เชื้อกำลังมา แม่2 เชื้อมาครบ3ใบ AG2
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 Reviews
  • บีบหัวใจ! กลับไปดาวช้างนะลูก! 05/10/67 #แม่แตง #ศูนย์บริบาลช้าง #น้ำท่วมเชียงใหม่
    บีบหัวใจ! กลับไปดาวช้างนะลูก! 05/10/67 #แม่แตง #ศูนย์บริบาลช้าง #น้ำท่วมเชียงใหม่
    Sad
    Like
    Love
    15
    1 Comments 0 Shares 947 Views 624 0 Reviews
  • วิพากษ์หนังสือ “ในนามความมั่นคงภายในฯ” (1)

    หลังจากได้อ่านหนังสือ ในนามความมั่นคงภายในฯ ซึ่งเขียนโดยอาจารย์พวงทอง ภวัครพันธุ์ แล้ว ขออนุญาตใช้เสรีภาพทางวิชาการ วิพากษ์หนังสือเล่มนี้นะครับ

    ประเด็นแรกต้องกล่าวถึงคือ แนวคิดและทฤษฎีที่นำมาใช้ในงานวิจัย จากที่อ่านนั้น อาจารย์พวงทองไม่ได้กล่าวถึงแนวคิดทฤษฎีใดเป็นรายทฤษฎีโดยเฉพาะ ต้องแกะจากเนื้อหา ส่วนที่อาจารย์พวงทองได้กล่าวถึงในการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ นั้นได้เอ่ยถึงเพียงแค่ทฤษฎี Civil Control ในสังคมประชาธิปไตยเท่านั้น [1]

    จากที่แกะจากเนื้อหาจะเห็นร่องรอยแนวคิดหลักสำคัญแนวคิดแรก คือ แนวคิดเรื่องชุมชนจินตกรรมของเบเนดิกซ์ แอนเดอร์สัน ซึ่งส่งต่ออิทธิพลแนวคิดให้กับปัญญาชนไทยอย่าง นิธิ เอียวศรีวงศ์, ธงชัย วินิจจะกูล รวมถึง เกษียรเตชะพีระ จนก่อเกิดเป็นงานเขียนซึ่งเกษียรได้ระบุว่าประยุกต์ต่อยอดและพัฒนาแนวคิดชุมชนจินตกรรมหลายเล่ม[2] เล่มที่น่าสนใจคืองาน Siam Mapped : A History of the Geo-Body of a Nation ของธงชัย วินิจจะกูล ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยโดย อ.พวงทอง และคณะ

    แนวความคิดชุมชนจินตกรรม คือ “ความเป็นชาติ และชาตินิยมนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์เฉพาะทางวัตนธรรมอย่างหนึ่ง”[3] ซึ่งนักวิชาการไทยนำมาต่อยอดว่ากระบวนการสร้างชาตินั้นใช้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างชาติ

    ร่องรอยเหล่านี้ปรากฎอยู่ในวลี อุดมการณ์ราชาชาตินิยม ซึ่งปรากฎอยู่หลายต่อหลายครั้งในหนังสือ รวมทั้งประโยคที่ว่า “แม้ว่าชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมจะเชื่อมั่นในวิธีการครอบงำเชิงอุดมการณ์ที่พวกเขาดำเนินมาเกินศตวรรษ”[4]

    ธงชัยได้เขียนไว้ในหนังสือออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทยว่า “...ประวัติศาตร์แบบราชาชาตินิยมที่แพร่หลายครอบงำสังคมไทย หรือเป็น ขนบ (Convention) ของความรู้ประวัติศาสตร์ของไทยในยุคปัจจุบัน มิใช่การไต่สวนค้นคว้าเพื่ออธิบายอดีตหรือปัจจุบันอย่างรอบคอบ แต่เป็นประวัติศาสตร์เพื่อปลูกฝังความเชื่อและศรัทธาชุดหนึ่งที่ไม่พึงสงสัย และตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก [5]

    ร่องรอยอิทธิพลแนวคิดชุมชนจินตกรรมอีกประการคือ จากหนังสือชาติไทย, เมืองไทย,แบบเรียน และอนุสาวรีย์ มีประเด็นหนึ่งที่ใกล้เคียงกับแนวคิดของหนังสือ อ.พวงทองก็คือ นิธิ ได้กล่าวไว้ว่า “ชนชั้นนำทางอำนาจมีความชอบธรรมจะดำรงฐานะนั้นอยู่ได้ก็เพื่อปกป้องชาติจากศัตรู เมื่อใดที่หาศัตรูให้แก่ชาติไม่ได้ ชนชั้นนำก็หาเหตุผลที่จะดำรงสถานะนั้นไว้ได้ยากขึ้น”[6]

    ส่วน อ.พวงทอง นั้นได้กล่าวว่า “ไม่ใช่การป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกประเทศหรอก แต่คือภารกิจการป้องกันความมั่นคงภายในประเทศต่างหากที่เป็นสารัตถะ เป็นเหตุผลของการดำรงอยู่ (raison d'être) ของกองทัพไทย” [7]

    จากอิทธิพลแนวคิดของ นิธิ ได้ทำให้ อ.พวงทองได้สรุปในตอนท้ายว่า “กอ.รมน. ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคอมมิวนิสต์ เพื่อ พคท.พ่ายแพ้ลงแล้ว กอ.รมน. ก็ควรถูกยกเลิกไปด้วย แต่กองทัพและชนชั้นนำจารีตกลับช่วยกันสร้างสภาวะยกเว้นใหม่ๆขึ้นมา สร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา และผลักดันกฏหมายฉบับใหม่ที่ให้อำนาจกับ กอ.รมน.มากขึ้น”[8]

    ทฤษฎีที่สองที่พบจากหนังสือเล่มนี้ คือ ทฤษฎีวิพากษ์ (Critical Theory) ซึ่งธงชัย วินิจจะกูลได้เขียนไว้ว่า เขาได้รับอิทธิพลของทฤษฎีวิพากษ์ยุคหลังมาร์กซ์ (post-Marxist critical theories) ซึ่งเป็นกลุ่มความคิดที่ท้าทายขนบที่สุด และตนมีประสบการณ์กับความโหดร้ายของประวัติศาตร์ตามขนบราชาชาตินิยม จึงตั้งความปราถนาที่จะรื้อสร้างประวัติศาสตร์ไทยกันใหม่ [9]

    งานที่ธงชัยพยายามท้าทายรื้อประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยมแบ่งเป็น 3 ประเภท อย่างแรกได้แก่ หนังสือ Siam Mapped อย่างที่สองรวมอยู่ในหนังสือ “โฉมหน้าราชาชาตินิยม” และอย่างที่สาม คือบทความที่แนะนำวิธีวิทยาและแนวคิดต่างๆที่ท้าทายประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยม [10]

    จำกันได้มั้ยครับใครคือผู้แปลหนังสือเรื่อง Siam Mapped จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงมีคำว่า “ราชาชาตินิยม” ปรากฎอยู่หลายที่ในหนังสือในนามความมั่นคงฯ

    แต่ในฐานะที่งานเรื่องนี้ เป็นงานวิจัยด้านความมั่นคง เราคงไม่สามารถมองโลกด้วยแว่นชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้นครับ

    ทฤษฎี หรือ แนวคิดที่ควรศึกษาแต่ว่าขาดหายไป มีอยู่หลายแนวคิด เช่น

    แนวคิดความมั่นคงแบบองค์รวม (Comprehensive Security) เป็นแนวคิดที่ขยายขอบเขตมุมมองด้านความมั่นคงให้ครอบคลุมมากกว่ามิติทางการทหาร แต่ยังรวมถึงมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง [11]

    โดย Richard H. Ullman (1983) ในปี 1983 เป็นคนแรก ๆ ที่กล่าวถึงการขยายขอบเขตของความท้าทายด้านความมั่นคงออกไปจากภัยคุกคามทางทหาร ในบทความวิชาการที่ชื่อว่า “Redefining Security” [12]

    แนวคิดนี้แทบจะเป็นแนวคิดหลักในสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดูจากวารสารมุมมองด้านความมั่นคง[13] จะพบแนวคิด Comprehensive Security เยอะมาก

    หาก อ.พวงทองศึกษาเรื่องนี้สักนิดคงไม่สรุปว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา เพราะแนวคิดภัยคุกคามที่ว่านี้ Richard H. Ullman เป็นคนแรกๆที่นำเสนอครับ

    นอกจากนั้นแล้วงานวิจัยชิ้นนี้ยังไม่กล่าวถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเช่นการแข่งขันกันของจีนกับสหรัฐฯที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายใน ซึ่งมีแนวคิดที่สำคัญเช่น ความโกลาหลที่ควบคุมได้ (Controlled Chaos) ซึ่งถูกพัฒนาโดยหน่วยงานวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เช่น RAND Corporation ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความไม่เสถียรหรือความวุ่นวายในระบบสังคมและการเมืองของประเทศเป้าหมาย แต่ยังคงมีการควบคุมผลลัพธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์ตามที่ต้องการ ซึ่งการเข้าไปแทรกแซงประกอบด้วย การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคม (NGOs) สื่อมวลชนที่เป็นอิสระ และการให้ทุนวิจัยในสาขาสังคมศาสตร์ ซึ่งการให้ทุนนี้มักมุ่งสร้างเนื้อหาที่เป็นเชิงลบต่อรัฐบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นในห้วงการปฏิวัติสี และที่รัสเซีย [14]

    อีกทั้งการปฏิบัติการในพื้นที่สีเทาของสหรัฐฯ ก็ยืนยันแนวคิดนี้ เนื่องจากหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯมีภารกิจในการค้ำยันบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่คล้อยตามนโยบายสหรัฐฯ แต่จะโค่นบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่ไม่สนับสนุนนโยบาย ซึ่งจากเดิมนั้นจะสนับสนุนกองโจรเป็นหลักในการเคลื่อนไหวล้มล้าง แต่หลังจากการปฏิวัติบูลโดเซอร์ สหรัฐฯได้หันมาสนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมแทน เนื่องจากได้ผลและเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศมากกว่า[15]

    หากศึกษาแนวคิดเหล่านี้จะเห็นภาพของการแทรกแซงจากต่างชาติเพื่อเข้ามาบ่อนทำลายความมั่นคงภายในของประเทศ การตีความข้อมูลเท่าที่มีแล้วสรุปผลว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา นั้นย่อมเป็นการตีความที่ไม่ได้สำรวจจากมุมมองที่หลากหลาย แต่เป็นการตีความจากมุมมองชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้น

    การตีความข้อมูลนั้นเป็นเสรีของนักวิจัยก็จริง แต่ก่อนจะตีความ นักวิจัยควรสำรวจข้อมูลที่มี ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ครบถ้วนรอบด้านแล้วหรือยัง

    งานวิจัยชิ้นนี้ที่เสนอยุบกอ.รมน.โดยไม่ได้ศึกษาทฤษฎีความมั่นคงอย่างรอบด้าน ก็คล้ายกับคนที่เสนอให้เลิกดื่มกาแฟ โดยฉายภาพให้เห็นเฉพาะข้อเสียของกาแฟ แต่ไม่กล่าวถึงข้อดี

    งานชิ้นนี้จึงไม่ต่างไปจากการผลิตซ้ำอุดมการณ์ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ กับ ธงชัย วินิจจะกูลสักเท่าไหร่

    ยังมีอีกหลายประเด็นเอาไว้ว่ากันต่อในโพสหน้าครับ

    ---

    อ้างอิง

    [1] พวงทอง ภวัครพันธุ์ VS กอ.รมน. เผชิญหน้า ถกปมหนังสือ ในนามของความมั่นคงภายใน, Matichon TV, (นาทีที่ 17:50), https://youtu.be/W2fQ0NrKoqA?si=SgJpjHhEliaNz8vH (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [2] เกษียร เตชะพีระ, จินตนากรรมที่แปลกแยกจากชุมชน (2), มติชนสุดสัปดาห์, 14 ธันวาคม 2566, https://www.matichonweekly.com/column/article_730383 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [3] Benedict Anderson, Imagined Communities, London, Verso, 1983, หน้า 13. อ้างถึงใน นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 40.

    [4] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2567), หน้า 199.

    [5] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2562), หน้า 5.

    [6] นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 149.

    [7] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย, หน้า 14.

    [8] เรื่องเดียวกัน, หน้า 220.

    [9] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย, หน้า 8.

    [10] เรื่องเดียวกัน, หน้า 10.

    [11] ดวงมน สุขสมาน, "แนวทางการสร้างความมั่นคงของไทยต่อกลุ่มประเทศ CLMV," วารสารมุมมองความมั่นคง, ฉบับที่ 14 (ตุลาคม 2566-มกราคม 2567), หน้า 30, https://www.nsc.go.th/wp-content/uploads/Journal/article-01403.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [12] จารุพล เรืองสุวรรณ, ทบทวนแนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงของโลก สิ่งที่ไทยควรตระหนักและเตรียมการรับมือ, สถาบันวิจัยดิเรก ชัยนาม, 2 มิถุนายน 2564, http://www.polsci.tu.ac.th/direk/view.aspx?id=505&Keyword=%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [13] ศึกษาวารสารมุมมองความมั่นคงได้ที่ https://www.nsc.go.th/ebook-%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%87/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [14] A.S. Brychkov and G.A. Nikonorov, "Color Revolutions," Journal of the Academy of Military Science (Russia), แปลโดย Boris Vainer, https://www.armyupress.army.mil/Portals/7/Hot%20Spots/Documents/Russia/Color-Revolutions-Brychkov-Nikonorov.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    [15] Joseph L. Votel, Charles T. Cleveland, Charles T. Connett, and Will Irwin, "Unconventional Warfare in the Gray Zone," Joint Force Quarterly, NDU Press, ฉบับที่ 80, ไตรมาสที่ 1 ปี 2016, หน้า 101-109, https://ndupress.ndu.edu/JFQ/Joint-Force-Quarterly-80/article/643108/unconventional-warfare-in-the-gray-zone/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567).

    ---


    ต. ตุลยากร
    วิพากษ์หนังสือ “ในนามความมั่นคงภายในฯ” (1) หลังจากได้อ่านหนังสือ ในนามความมั่นคงภายในฯ ซึ่งเขียนโดยอาจารย์พวงทอง ภวัครพันธุ์ แล้ว ขออนุญาตใช้เสรีภาพทางวิชาการ วิพากษ์หนังสือเล่มนี้นะครับ ประเด็นแรกต้องกล่าวถึงคือ แนวคิดและทฤษฎีที่นำมาใช้ในงานวิจัย จากที่อ่านนั้น อาจารย์พวงทองไม่ได้กล่าวถึงแนวคิดทฤษฎีใดเป็นรายทฤษฎีโดยเฉพาะ ต้องแกะจากเนื้อหา ส่วนที่อาจารย์พวงทองได้กล่าวถึงในการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ นั้นได้เอ่ยถึงเพียงแค่ทฤษฎี Civil Control ในสังคมประชาธิปไตยเท่านั้น [1] จากที่แกะจากเนื้อหาจะเห็นร่องรอยแนวคิดหลักสำคัญแนวคิดแรก คือ แนวคิดเรื่องชุมชนจินตกรรมของเบเนดิกซ์ แอนเดอร์สัน ซึ่งส่งต่ออิทธิพลแนวคิดให้กับปัญญาชนไทยอย่าง นิธิ เอียวศรีวงศ์, ธงชัย วินิจจะกูล รวมถึง เกษียรเตชะพีระ จนก่อเกิดเป็นงานเขียนซึ่งเกษียรได้ระบุว่าประยุกต์ต่อยอดและพัฒนาแนวคิดชุมชนจินตกรรมหลายเล่ม[2] เล่มที่น่าสนใจคืองาน Siam Mapped : A History of the Geo-Body of a Nation ของธงชัย วินิจจะกูล ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยโดย อ.พวงทอง และคณะ แนวความคิดชุมชนจินตกรรม คือ “ความเป็นชาติ และชาตินิยมนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์เฉพาะทางวัตนธรรมอย่างหนึ่ง”[3] ซึ่งนักวิชาการไทยนำมาต่อยอดว่ากระบวนการสร้างชาตินั้นใช้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างชาติ ร่องรอยเหล่านี้ปรากฎอยู่ในวลี อุดมการณ์ราชาชาตินิยม ซึ่งปรากฎอยู่หลายต่อหลายครั้งในหนังสือ รวมทั้งประโยคที่ว่า “แม้ว่าชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมจะเชื่อมั่นในวิธีการครอบงำเชิงอุดมการณ์ที่พวกเขาดำเนินมาเกินศตวรรษ”[4] ธงชัยได้เขียนไว้ในหนังสือออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทยว่า “...ประวัติศาตร์แบบราชาชาตินิยมที่แพร่หลายครอบงำสังคมไทย หรือเป็น ขนบ (Convention) ของความรู้ประวัติศาสตร์ของไทยในยุคปัจจุบัน มิใช่การไต่สวนค้นคว้าเพื่ออธิบายอดีตหรือปัจจุบันอย่างรอบคอบ แต่เป็นประวัติศาสตร์เพื่อปลูกฝังความเชื่อและศรัทธาชุดหนึ่งที่ไม่พึงสงสัย และตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก [5] ร่องรอยอิทธิพลแนวคิดชุมชนจินตกรรมอีกประการคือ จากหนังสือชาติไทย, เมืองไทย,แบบเรียน และอนุสาวรีย์ มีประเด็นหนึ่งที่ใกล้เคียงกับแนวคิดของหนังสือ อ.พวงทองก็คือ นิธิ ได้กล่าวไว้ว่า “ชนชั้นนำทางอำนาจมีความชอบธรรมจะดำรงฐานะนั้นอยู่ได้ก็เพื่อปกป้องชาติจากศัตรู เมื่อใดที่หาศัตรูให้แก่ชาติไม่ได้ ชนชั้นนำก็หาเหตุผลที่จะดำรงสถานะนั้นไว้ได้ยากขึ้น”[6] ส่วน อ.พวงทอง นั้นได้กล่าวว่า “ไม่ใช่การป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกประเทศหรอก แต่คือภารกิจการป้องกันความมั่นคงภายในประเทศต่างหากที่เป็นสารัตถะ เป็นเหตุผลของการดำรงอยู่ (raison d'être) ของกองทัพไทย” [7] จากอิทธิพลแนวคิดของ นิธิ ได้ทำให้ อ.พวงทองได้สรุปในตอนท้ายว่า “กอ.รมน. ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคอมมิวนิสต์ เพื่อ พคท.พ่ายแพ้ลงแล้ว กอ.รมน. ก็ควรถูกยกเลิกไปด้วย แต่กองทัพและชนชั้นนำจารีตกลับช่วยกันสร้างสภาวะยกเว้นใหม่ๆขึ้นมา สร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา และผลักดันกฏหมายฉบับใหม่ที่ให้อำนาจกับ กอ.รมน.มากขึ้น”[8] ทฤษฎีที่สองที่พบจากหนังสือเล่มนี้ คือ ทฤษฎีวิพากษ์ (Critical Theory) ซึ่งธงชัย วินิจจะกูลได้เขียนไว้ว่า เขาได้รับอิทธิพลของทฤษฎีวิพากษ์ยุคหลังมาร์กซ์ (post-Marxist critical theories) ซึ่งเป็นกลุ่มความคิดที่ท้าทายขนบที่สุด และตนมีประสบการณ์กับความโหดร้ายของประวัติศาตร์ตามขนบราชาชาตินิยม จึงตั้งความปราถนาที่จะรื้อสร้างประวัติศาสตร์ไทยกันใหม่ [9] งานที่ธงชัยพยายามท้าทายรื้อประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยมแบ่งเป็น 3 ประเภท อย่างแรกได้แก่ หนังสือ Siam Mapped อย่างที่สองรวมอยู่ในหนังสือ “โฉมหน้าราชาชาตินิยม” และอย่างที่สาม คือบทความที่แนะนำวิธีวิทยาและแนวคิดต่างๆที่ท้าทายประวัติศาสตร์แบบราชาชาตินิยม [10] จำกันได้มั้ยครับใครคือผู้แปลหนังสือเรื่อง Siam Mapped จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงมีคำว่า “ราชาชาตินิยม” ปรากฎอยู่หลายที่ในหนังสือในนามความมั่นคงฯ แต่ในฐานะที่งานเรื่องนี้ เป็นงานวิจัยด้านความมั่นคง เราคงไม่สามารถมองโลกด้วยแว่นชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้นครับ ทฤษฎี หรือ แนวคิดที่ควรศึกษาแต่ว่าขาดหายไป มีอยู่หลายแนวคิด เช่น แนวคิดความมั่นคงแบบองค์รวม (Comprehensive Security) เป็นแนวคิดที่ขยายขอบเขตมุมมองด้านความมั่นคงให้ครอบคลุมมากกว่ามิติทางการทหาร แต่ยังรวมถึงมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการเมือง [11] โดย Richard H. Ullman (1983) ในปี 1983 เป็นคนแรก ๆ ที่กล่าวถึงการขยายขอบเขตของความท้าทายด้านความมั่นคงออกไปจากภัยคุกคามทางทหาร ในบทความวิชาการที่ชื่อว่า “Redefining Security” [12] แนวคิดนี้แทบจะเป็นแนวคิดหลักในสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดูจากวารสารมุมมองด้านความมั่นคง[13] จะพบแนวคิด Comprehensive Security เยอะมาก หาก อ.พวงทองศึกษาเรื่องนี้สักนิดคงไม่สรุปว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา เพราะแนวคิดภัยคุกคามที่ว่านี้ Richard H. Ullman เป็นคนแรกๆที่นำเสนอครับ นอกจากนั้นแล้วงานวิจัยชิ้นนี้ยังไม่กล่าวถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเช่นการแข่งขันกันของจีนกับสหรัฐฯที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายใน ซึ่งมีแนวคิดที่สำคัญเช่น ความโกลาหลที่ควบคุมได้ (Controlled Chaos) ซึ่งถูกพัฒนาโดยหน่วยงานวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ เช่น RAND Corporation ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความไม่เสถียรหรือความวุ่นวายในระบบสังคมและการเมืองของประเทศเป้าหมาย แต่ยังคงมีการควบคุมผลลัพธ์เพื่อให้เกิดประโยชน์ตามที่ต้องการ ซึ่งการเข้าไปแทรกแซงประกอบด้วย การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคม (NGOs) สื่อมวลชนที่เป็นอิสระ และการให้ทุนวิจัยในสาขาสังคมศาสตร์ ซึ่งการให้ทุนนี้มักมุ่งสร้างเนื้อหาที่เป็นเชิงลบต่อรัฐบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นในห้วงการปฏิวัติสี และที่รัสเซีย [14] อีกทั้งการปฏิบัติการในพื้นที่สีเทาของสหรัฐฯ ก็ยืนยันแนวคิดนี้ เนื่องจากหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯมีภารกิจในการค้ำยันบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่คล้อยตามนโยบายสหรัฐฯ แต่จะโค่นบัลลังก์ของผู้นำประเทศที่ไม่สนับสนุนนโยบาย ซึ่งจากเดิมนั้นจะสนับสนุนกองโจรเป็นหลักในการเคลื่อนไหวล้มล้าง แต่หลังจากการปฏิวัติบูลโดเซอร์ สหรัฐฯได้หันมาสนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมแทน เนื่องจากได้ผลและเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศมากกว่า[15] หากศึกษาแนวคิดเหล่านี้จะเห็นภาพของการแทรกแซงจากต่างชาติเพื่อเข้ามาบ่อนทำลายความมั่นคงภายในของประเทศ การตีความข้อมูลเท่าที่มีแล้วสรุปผลว่า กองทัพและชนชั้นนำจารีตช่วยกันสร้างภัยคุกคามความมั่นคงของชาติตัวใหม่ขึ้นมา นั้นย่อมเป็นการตีความที่ไม่ได้สำรวจจากมุมมองที่หลากหลาย แต่เป็นการตีความจากมุมมองชุมชนจินตกรรมและทฤษฎีวิพากษ์เท่านั้น การตีความข้อมูลนั้นเป็นเสรีของนักวิจัยก็จริง แต่ก่อนจะตีความ นักวิจัยควรสำรวจข้อมูลที่มี ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ครบถ้วนรอบด้านแล้วหรือยัง งานวิจัยชิ้นนี้ที่เสนอยุบกอ.รมน.โดยไม่ได้ศึกษาทฤษฎีความมั่นคงอย่างรอบด้าน ก็คล้ายกับคนที่เสนอให้เลิกดื่มกาแฟ โดยฉายภาพให้เห็นเฉพาะข้อเสียของกาแฟ แต่ไม่กล่าวถึงข้อดี งานชิ้นนี้จึงไม่ต่างไปจากการผลิตซ้ำอุดมการณ์ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ กับ ธงชัย วินิจจะกูลสักเท่าไหร่ ยังมีอีกหลายประเด็นเอาไว้ว่ากันต่อในโพสหน้าครับ --- อ้างอิง [1] พวงทอง ภวัครพันธุ์ VS กอ.รมน. เผชิญหน้า ถกปมหนังสือ ในนามของความมั่นคงภายใน, Matichon TV, (นาทีที่ 17:50), https://youtu.be/W2fQ0NrKoqA?si=SgJpjHhEliaNz8vH (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [2] เกษียร เตชะพีระ, จินตนากรรมที่แปลกแยกจากชุมชน (2), มติชนสุดสัปดาห์, 14 ธันวาคม 2566, https://www.matichonweekly.com/column/article_730383 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [3] Benedict Anderson, Imagined Communities, London, Verso, 1983, หน้า 13. อ้างถึงใน นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 40. [4] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2567), หน้า 199. [5] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย (นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน, 2562), หน้า 5. [6] นิธิ เอียวศรีวงศ์, ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียน และอนุสาวรีย์, พิมพ์ครั้งที่ 5 (กรุงเทพฯ: มติชน, 2564), หน้า 149. [7] พวงทอง ภวัครพันธุ์, ในนามความมั่นคงภายใน: การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย, หน้า 14. [8] เรื่องเดียวกัน, หน้า 220. [9] ธงชัย วินิจจะกูล, ออกนอกขนบประวัติศาสตร์ไทย, หน้า 8. [10] เรื่องเดียวกัน, หน้า 10. [11] ดวงมน สุขสมาน, "แนวทางการสร้างความมั่นคงของไทยต่อกลุ่มประเทศ CLMV," วารสารมุมมองความมั่นคง, ฉบับที่ 14 (ตุลาคม 2566-มกราคม 2567), หน้า 30, https://www.nsc.go.th/wp-content/uploads/Journal/article-01403.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [12] จารุพล เรืองสุวรรณ, ทบทวนแนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงของโลก สิ่งที่ไทยควรตระหนักและเตรียมการรับมือ, สถาบันวิจัยดิเรก ชัยนาม, 2 มิถุนายน 2564, http://www.polsci.tu.ac.th/direk/view.aspx?id=505&Keyword=%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84 (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [13] ศึกษาวารสารมุมมองความมั่นคงได้ที่ https://www.nsc.go.th/ebook-%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a1%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%87/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [14] A.S. Brychkov and G.A. Nikonorov, "Color Revolutions," Journal of the Academy of Military Science (Russia), แปลโดย Boris Vainer, https://www.armyupress.army.mil/Portals/7/Hot%20Spots/Documents/Russia/Color-Revolutions-Brychkov-Nikonorov.pdf (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). [15] Joseph L. Votel, Charles T. Cleveland, Charles T. Connett, and Will Irwin, "Unconventional Warfare in the Gray Zone," Joint Force Quarterly, NDU Press, ฉบับที่ 80, ไตรมาสที่ 1 ปี 2016, หน้า 101-109, https://ndupress.ndu.edu/JFQ/Joint-Force-Quarterly-80/article/643108/unconventional-warfare-in-the-gray-zone/ (เข้าถึงเมื่อ 3 ตุลาคม 2567). --- ต. ตุลยากร
    1 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.79 : วอร์เกม 2002

    ในปี 2002 กองทัพสหรัฐเกิดความคิดขึ้นว่า อยากจะสมมติสถานการณ์การรบ หรือ ”วอร์เกม“ ว่าถ้าเกิดกองทัพสหรัฐต้องรบกับอิหร่านแบบเต็มรูปแบบแล้ว ผลการรบจะออกมาเป็นอย่างไร ใครจะสูญเสียเท่าไร

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐหรือ “เพนตากอน” จึงทุ่มงบประมาณไป 250 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเล่นวอร์เกมนี้ ซึ่งก็มีทั้งการใช้เรือรบและเครื่องบินรบ ทหารจริงกว่า 13,000 คนเข้าร่วม และผสมกับการใช้คอมพิวเตอร์จำลองการรบหรือซิมูเลเตอร์ด้วยครับ

    เป็นวอร์เกมที่ใช้งบประมาณมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเพนตากอน

    การฝึกนี้ชื่อว่า “มิลเลนเนียม ชาเล้นจ์ 2002“ ครับ เพนตากอนกำหนดไว้ว่าเขาจะเล่นวอร์เกมส์นี้กัน 14 วันถ้วน

    ในการฝึกนี้เขาแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายน้ำเงินซึ่งหมายถึงกองทัพสหรัฐ นำโดยกองทัพเรือ

    ส่วนฝ่ายแดง คือ ฝ่ายอิหร่าน เพนตากอนเขาได้ตั้งพลเรือโทพอล แวน ริพเพอร์ มาเป็นแม่ทัพฝ่ายแดง ซึ่งนายพลผู้นี้ท่านเป็นทหารนาวิกโยธินอเมริกันที่เกษียณอายุแล้วครับ

    เงื่อนไขในการรบก็คือ ”อยู่ดีๆก็เกิดสงครามขึ้นซะยังงั้นแหละ“ นั่นหมายความว่า ในท้องทะเลก็ยังมีเรือสินค้า เรือเดินสมุทรแล่นไปแล่นมาอยู่ ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว

    และไฮไลท์ซึ่งเป็นมูลเหตุของวอร์เกมนี้คือ ให้ฝ่ายแดง(อิหร่าน)ใช้อาวุธและยุทธวิธีโลว์เทคในการรบ

    เพราะเพนตากอนอยากรู้ว่า ถ้ากองทัพสหรัฐต้องมาเจอกองทัพศัตรูที่ใช้อาวุธแสวงเครื่องและยุทโธปกรณ์ที่โลว์เทค หรือ Asymmetric warfare แล้ว กองทัพสหรัฐจะเป็นอย่างไร

    โดยเพนตากอนบอกท่านนายพลริพเพอร์ หรือ แม่ทัพฝ่ายแดงว่า “เล่นได้เต็มที่แบบ Free play เลย”

    ผลที่ได้คือ…
    .
    .
    .
    เปิดฉากมาวันแรกปุ๊บ ฝ่ายน้ำเงินหรือสหรัฐก็ส่งสาส์นมายังฝ่ายแดงตามธรรมเนียมว่า “พลานุภาพกำลังรบและรี้พลของฝ่ายข้าพเจ้านั้นเหนือกว่าท่านมากมายนัก ขอให้ท่านจงยอมแพ้แต่โดยดีเถิด หาไม่แล้วอาณาประชาราษฎร์จะได้ยาก”

    ท่านนายพลริพเพอร์ก็ไม่ได้ยอมแพ้ และเริ่มเล่นยุทธวิธีที่เตรียมไว้คือ ใช้รถมอเตอร์ไซค์ในการนำสาร ไม่มีการใช้วิทยุใดๆทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้กองทัพสหรัฐดักฟังหรือแจมระบบสื่อสารได้

    บรรดาฝูงรถมอเตอร์ไซค์พวกนี้นำคำสั่งของนายพลริพเพอร์วิ่งไปยังกองเรือเร็วขนาดเล็กที่บรรทุกมิสไซล์จอดเทียบอยู่ตามท่าเรือต่างๆ

    เมื่อรับคำสั่งปุ๊บบรรดาเรือสปีดโบ๊ทเหล่านี้ก็พร้อมใจกันแล่นมุ่งหน้าไปยังกองเรือสหรัฐที่ลอยลำอยู่นอกชายฝั่งอิหร่าน

    ด้วยความที่วอร์เกมนี้ระบุว่า “อยู่ดีๆสงครามก็ปะทุ” ทำให้กองทัพเรือสหรัฐต้องแล่นเรือเข้ามาลอยลำใกล้ชายฝั่งอิหร่านมากกว่าปกติ เพราะต้องเว้นระยะห่างจากเส้นทางเรือสินค้าครับ

    เมื่อฝูงเรือสปีดโบ๊ทฝ่ายแดงแล่นเข้ามาได้ระยะยิงปุ๊บ ก็พร้อมใจกันระดมยิงขีปนาวุธห่าใหญ่ใส่กองเรือสหรัฐ จำนวนขีปนาวุธนี้มากมายท่วมท้นเสียจนระบบเรด้าร์และระบบป้องกันของเรือรบสหรัฐเอาไม่อยู่

    นอกจากนี้ยังมีเรือสปีดโบ๊ทบางลำใช้วิธีกามิกาเซ่ คือ บรรทุกระเบิดแล้วพุ่งเข้าชนเรือรบสหรัฐเพื่อให้ระเบิดไปด้วยกัน

    ผลที่ได้คือ เรือรบสหรัฐจมไป 16 ลำ เป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ เรือยกพลขึ้นบก 5 ลำ และเรือลาดตระเวนอีก 10 ลำ

    จากนั้นท่านนายพลริพเพอร์ก็ใช้กระจกสะท้อนแสง เพื่อส่งสัญญาณให้เครื่องบินรบฝ่ายแดงขึ้นบิน ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่สองครับ

    คีย์สำคัญคือ ฝ่ายแดงไม่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เลยไม่ว่าจะเป็นวิทยุหรือเรด้าร์ ทำให้ฝ่ายสหรัฐไม่สามารถแจมหรือสแกนหาที่ตั้งสถานีเรด้าร์ได้

    ภายใน 24 ชั่วโมงแรกของวอร์เกม เรือของกองทัพเรือฝ่ายสหรัฐจมไป 16 ลำ ซึ่งถ้าเป็นเหตุการณ์จริงๆแล้ว จะหมายถึงชีวิตของทหาร 20,000 คนเลยเชียว
    .
    .
    .
    เมื่อการณ์เป็นเช่นนี้ แม่ทัพน้ำเงินหรือฝ่ายสหรัฐก็เต้นผาง โวยกับแม่ทัพฝ่ายแดงว่า “ยูฆ่าไอตายตั้งแต่วันแรก แล้วเวลาที่เหลืออีก 13 วันไอจะทำอะไรล่ะ เอางี้ละกันเรามารีสตาร์ทเริ่มเล่นกันใหม่ก็แล้วกัน“

    แล้วก็มีการแก้บทในวอร์เกมใหม่ว่า ให้ฝ่ายแดงเปิดใช้สถานีเรด้าร์ เพื่อที่ฝ่ายสหรัฐจะได้สแกนหาเจอและส่งเครื่องบินเข้าไปถล่มได้สะดวก ตามด้วยส่งทหารกองพลพลร่มที่ 82 กระโดดร่มลงไปยังที่หมาย

    ในระหว่างนี้ คนคุมวอร์เกมได้บอกแม่ทัพฝ่ายแดงว่าห้ามยิงเครื่องบินสหรัฐที่บินเข้ามา แม่ทัพฝ่ายแดงหรือนายพลริพเพอร์จึงไม่พอใจอย่างมากที่วอร์เกมนี้ไม่สมจริงและไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แต่ต้น

    เมื่อสคริปท์ได้เปลี่ยนไปเพื่อการันตีว่าฝ่ายน้ำเงินหรือสหรัฐจะต้องเป็นฝ่ายชนะเท่านั้น นายพลริพเพอร์จึงประท้วงด้วยการขอถอนตัวออกจากวอร์เกมกลางคัน เพราะท่านบอกว่า “เปลืองเงิน”

    ตามมาด้วยวิวาทะของแม่ทัพทั้งสองฝ่ายในวอร์เกมนี้ ต่างฝ่ายต่างด่ากันคนละนิดละหน่อยพอหอมปากหอมคอ

    ส่วนเพนตากอนนั้นก็ออกมาแถลงว่า บทเรียนที่ได้จากวอร์เกมนี้จะถูกส่งไปให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดเพื่อพัฒนาหลักนิยมในการรบต่อไปในอนาคต
    .
    .
    .
    ที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่าก็เพราะอยากจะเล่าว่า ในเวลานี้ก็เกิดเหตุการณ์ใกล้เคียงกับในวอร์เกมดังกล่าวขึ้นจริงๆที่แถวเยเมนครับ

    อย่างที่เราทราบว่า เยเมนนั้นเป็นที่มั่นของพวกกองโจรฮูติ ซึ่งพวกฮูตินี้ได้ยึดครองชายฝั่งทะเลตรงปากทางเข้าทะเลแดง

    ทะเลแดงนี้เป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญของเรือสินค้าจำนวนมหาศาลครับ พวกฮูตินี้เริ่มมีอิทธิพลตรงปากทางเข้าทะเลแดงและยิงจรวดไปจมเรือสินค้าหลายๆลำตั้งแต่ปี 2023 ที่ผ่านมา

    กองทัพเรือสหรัฐส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าไปคุ้มครองความปลอดภัยของเรือสินค้า ส่วนทางยุโรปก็ส่งกองทัพเรือผสมหลายๆชาติเข้าไปเช่นกัน

    แต่ฝ่ายฮูติก็ไม่ได้สนใจใยดี ยังคงยิงจรวดใส่เรือสินค้าเล่นไปอย่างนั้นมาได้ 6 เดือนแล้ว เกิดเหตุร้ายกับเรือสินค้านับได้ 100 กว่าเหตุการณ์

    แม้กองเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐจะพร้อมรบเต็มที่ แต่ก็ยังกล้าๆกลัวๆที่จะเปิดฉากถล่มฮูติเต็มเหนี่ยว เพราะมันจะดูเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน

    ด้วยเหตุว่าอาวุธของฮูตินั้นเป็นอาวุธราคาประหยัดแต่มีประสิทธิภาพ เช่น ขีปนาวุธที่ยิงได้เป็นระยะ 200-300 กิโลเมตรและโดรนติดอาวุธราคาไม่เกินลำละ 2,000 ดอลล่าร์ ทั้งหมดนี้ได้รับสปอนเซอร์จากอิหร่านซึ่งเป็นเจ้าพ่อแห่งการก๊อปปี้และสร้างอาวุธราคาถูกได้ทีละมากๆ

    ส่วนอาวุธของฝ่ายสหรัฐนั้นราคาแพง เช่น ขีปนาวุธครูซลูกหนึ่งราคาไม่ต่ำกว่า 1-4 ล้านดอลล่าร์

    เรือพิฆาตของสหรัฐลำหนึ่ง ราคา 2 พันล้านดอลล่าร์ และค่าใช้จ่ายในการที่จะทำให้มันแล่นเป็นเรือรบอยู่ได้ก็ตกเดือนละ 7 ล้านเหรียญ

    การรบระหว่างกองทัพสหรัฐกับกองโจรฮูติ จึงไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิง เพราะเผลอๆเรือรบแพงๆอาจโดนขีปนาวุธราคาถูกยิงจมเอาได้ง่ายๆ

    .....เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…..


    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.79 : วอร์เกม 2002 ในปี 2002 กองทัพสหรัฐเกิดความคิดขึ้นว่า อยากจะสมมติสถานการณ์การรบ หรือ ”วอร์เกม“ ว่าถ้าเกิดกองทัพสหรัฐต้องรบกับอิหร่านแบบเต็มรูปแบบแล้ว ผลการรบจะออกมาเป็นอย่างไร ใครจะสูญเสียเท่าไร กระทรวงกลาโหมสหรัฐหรือ “เพนตากอน” จึงทุ่มงบประมาณไป 250 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเล่นวอร์เกมนี้ ซึ่งก็มีทั้งการใช้เรือรบและเครื่องบินรบ ทหารจริงกว่า 13,000 คนเข้าร่วม และผสมกับการใช้คอมพิวเตอร์จำลองการรบหรือซิมูเลเตอร์ด้วยครับ เป็นวอร์เกมที่ใช้งบประมาณมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเพนตากอน การฝึกนี้ชื่อว่า “มิลเลนเนียม ชาเล้นจ์ 2002“ ครับ เพนตากอนกำหนดไว้ว่าเขาจะเล่นวอร์เกมส์นี้กัน 14 วันถ้วน ในการฝึกนี้เขาแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายน้ำเงินซึ่งหมายถึงกองทัพสหรัฐ นำโดยกองทัพเรือ ส่วนฝ่ายแดง คือ ฝ่ายอิหร่าน เพนตากอนเขาได้ตั้งพลเรือโทพอล แวน ริพเพอร์ มาเป็นแม่ทัพฝ่ายแดง ซึ่งนายพลผู้นี้ท่านเป็นทหารนาวิกโยธินอเมริกันที่เกษียณอายุแล้วครับ เงื่อนไขในการรบก็คือ ”อยู่ดีๆก็เกิดสงครามขึ้นซะยังงั้นแหละ“ นั่นหมายความว่า ในท้องทะเลก็ยังมีเรือสินค้า เรือเดินสมุทรแล่นไปแล่นมาอยู่ ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว และไฮไลท์ซึ่งเป็นมูลเหตุของวอร์เกมนี้คือ ให้ฝ่ายแดง(อิหร่าน)ใช้อาวุธและยุทธวิธีโลว์เทคในการรบ เพราะเพนตากอนอยากรู้ว่า ถ้ากองทัพสหรัฐต้องมาเจอกองทัพศัตรูที่ใช้อาวุธแสวงเครื่องและยุทโธปกรณ์ที่โลว์เทค หรือ Asymmetric warfare แล้ว กองทัพสหรัฐจะเป็นอย่างไร โดยเพนตากอนบอกท่านนายพลริพเพอร์ หรือ แม่ทัพฝ่ายแดงว่า “เล่นได้เต็มที่แบบ Free play เลย” ผลที่ได้คือ… . . . เปิดฉากมาวันแรกปุ๊บ ฝ่ายน้ำเงินหรือสหรัฐก็ส่งสาส์นมายังฝ่ายแดงตามธรรมเนียมว่า “พลานุภาพกำลังรบและรี้พลของฝ่ายข้าพเจ้านั้นเหนือกว่าท่านมากมายนัก ขอให้ท่านจงยอมแพ้แต่โดยดีเถิด หาไม่แล้วอาณาประชาราษฎร์จะได้ยาก” ท่านนายพลริพเพอร์ก็ไม่ได้ยอมแพ้ และเริ่มเล่นยุทธวิธีที่เตรียมไว้คือ ใช้รถมอเตอร์ไซค์ในการนำสาร ไม่มีการใช้วิทยุใดๆทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้กองทัพสหรัฐดักฟังหรือแจมระบบสื่อสารได้ บรรดาฝูงรถมอเตอร์ไซค์พวกนี้นำคำสั่งของนายพลริพเพอร์วิ่งไปยังกองเรือเร็วขนาดเล็กที่บรรทุกมิสไซล์จอดเทียบอยู่ตามท่าเรือต่างๆ เมื่อรับคำสั่งปุ๊บบรรดาเรือสปีดโบ๊ทเหล่านี้ก็พร้อมใจกันแล่นมุ่งหน้าไปยังกองเรือสหรัฐที่ลอยลำอยู่นอกชายฝั่งอิหร่าน ด้วยความที่วอร์เกมนี้ระบุว่า “อยู่ดีๆสงครามก็ปะทุ” ทำให้กองทัพเรือสหรัฐต้องแล่นเรือเข้ามาลอยลำใกล้ชายฝั่งอิหร่านมากกว่าปกติ เพราะต้องเว้นระยะห่างจากเส้นทางเรือสินค้าครับ เมื่อฝูงเรือสปีดโบ๊ทฝ่ายแดงแล่นเข้ามาได้ระยะยิงปุ๊บ ก็พร้อมใจกันระดมยิงขีปนาวุธห่าใหญ่ใส่กองเรือสหรัฐ จำนวนขีปนาวุธนี้มากมายท่วมท้นเสียจนระบบเรด้าร์และระบบป้องกันของเรือรบสหรัฐเอาไม่อยู่ นอกจากนี้ยังมีเรือสปีดโบ๊ทบางลำใช้วิธีกามิกาเซ่ คือ บรรทุกระเบิดแล้วพุ่งเข้าชนเรือรบสหรัฐเพื่อให้ระเบิดไปด้วยกัน ผลที่ได้คือ เรือรบสหรัฐจมไป 16 ลำ เป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ เรือยกพลขึ้นบก 5 ลำ และเรือลาดตระเวนอีก 10 ลำ จากนั้นท่านนายพลริพเพอร์ก็ใช้กระจกสะท้อนแสง เพื่อส่งสัญญาณให้เครื่องบินรบฝ่ายแดงขึ้นบิน ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่สองครับ คีย์สำคัญคือ ฝ่ายแดงไม่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เลยไม่ว่าจะเป็นวิทยุหรือเรด้าร์ ทำให้ฝ่ายสหรัฐไม่สามารถแจมหรือสแกนหาที่ตั้งสถานีเรด้าร์ได้ ภายใน 24 ชั่วโมงแรกของวอร์เกม เรือของกองทัพเรือฝ่ายสหรัฐจมไป 16 ลำ ซึ่งถ้าเป็นเหตุการณ์จริงๆแล้ว จะหมายถึงชีวิตของทหาร 20,000 คนเลยเชียว . . . เมื่อการณ์เป็นเช่นนี้ แม่ทัพน้ำเงินหรือฝ่ายสหรัฐก็เต้นผาง โวยกับแม่ทัพฝ่ายแดงว่า “ยูฆ่าไอตายตั้งแต่วันแรก แล้วเวลาที่เหลืออีก 13 วันไอจะทำอะไรล่ะ เอางี้ละกันเรามารีสตาร์ทเริ่มเล่นกันใหม่ก็แล้วกัน“ แล้วก็มีการแก้บทในวอร์เกมใหม่ว่า ให้ฝ่ายแดงเปิดใช้สถานีเรด้าร์ เพื่อที่ฝ่ายสหรัฐจะได้สแกนหาเจอและส่งเครื่องบินเข้าไปถล่มได้สะดวก ตามด้วยส่งทหารกองพลพลร่มที่ 82 กระโดดร่มลงไปยังที่หมาย ในระหว่างนี้ คนคุมวอร์เกมได้บอกแม่ทัพฝ่ายแดงว่าห้ามยิงเครื่องบินสหรัฐที่บินเข้ามา แม่ทัพฝ่ายแดงหรือนายพลริพเพอร์จึงไม่พอใจอย่างมากที่วอร์เกมนี้ไม่สมจริงและไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แต่ต้น เมื่อสคริปท์ได้เปลี่ยนไปเพื่อการันตีว่าฝ่ายน้ำเงินหรือสหรัฐจะต้องเป็นฝ่ายชนะเท่านั้น นายพลริพเพอร์จึงประท้วงด้วยการขอถอนตัวออกจากวอร์เกมกลางคัน เพราะท่านบอกว่า “เปลืองเงิน” ตามมาด้วยวิวาทะของแม่ทัพทั้งสองฝ่ายในวอร์เกมนี้ ต่างฝ่ายต่างด่ากันคนละนิดละหน่อยพอหอมปากหอมคอ ส่วนเพนตากอนนั้นก็ออกมาแถลงว่า บทเรียนที่ได้จากวอร์เกมนี้จะถูกส่งไปให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดเพื่อพัฒนาหลักนิยมในการรบต่อไปในอนาคต . . . ที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่าก็เพราะอยากจะเล่าว่า ในเวลานี้ก็เกิดเหตุการณ์ใกล้เคียงกับในวอร์เกมดังกล่าวขึ้นจริงๆที่แถวเยเมนครับ อย่างที่เราทราบว่า เยเมนนั้นเป็นที่มั่นของพวกกองโจรฮูติ ซึ่งพวกฮูตินี้ได้ยึดครองชายฝั่งทะเลตรงปากทางเข้าทะเลแดง ทะเลแดงนี้เป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญของเรือสินค้าจำนวนมหาศาลครับ พวกฮูตินี้เริ่มมีอิทธิพลตรงปากทางเข้าทะเลแดงและยิงจรวดไปจมเรือสินค้าหลายๆลำตั้งแต่ปี 2023 ที่ผ่านมา กองทัพเรือสหรัฐส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าไปคุ้มครองความปลอดภัยของเรือสินค้า ส่วนทางยุโรปก็ส่งกองทัพเรือผสมหลายๆชาติเข้าไปเช่นกัน แต่ฝ่ายฮูติก็ไม่ได้สนใจใยดี ยังคงยิงจรวดใส่เรือสินค้าเล่นไปอย่างนั้นมาได้ 6 เดือนแล้ว เกิดเหตุร้ายกับเรือสินค้านับได้ 100 กว่าเหตุการณ์ แม้กองเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐจะพร้อมรบเต็มที่ แต่ก็ยังกล้าๆกลัวๆที่จะเปิดฉากถล่มฮูติเต็มเหนี่ยว เพราะมันจะดูเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน ด้วยเหตุว่าอาวุธของฮูตินั้นเป็นอาวุธราคาประหยัดแต่มีประสิทธิภาพ เช่น ขีปนาวุธที่ยิงได้เป็นระยะ 200-300 กิโลเมตรและโดรนติดอาวุธราคาไม่เกินลำละ 2,000 ดอลล่าร์ ทั้งหมดนี้ได้รับสปอนเซอร์จากอิหร่านซึ่งเป็นเจ้าพ่อแห่งการก๊อปปี้และสร้างอาวุธราคาถูกได้ทีละมากๆ ส่วนอาวุธของฝ่ายสหรัฐนั้นราคาแพง เช่น ขีปนาวุธครูซลูกหนึ่งราคาไม่ต่ำกว่า 1-4 ล้านดอลล่าร์ เรือพิฆาตของสหรัฐลำหนึ่ง ราคา 2 พันล้านดอลล่าร์ และค่าใช้จ่ายในการที่จะทำให้มันแล่นเป็นเรือรบอยู่ได้ก็ตกเดือนละ 7 ล้านเหรียญ การรบระหว่างกองทัพสหรัฐกับกองโจรฮูติ จึงไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิง เพราะเผลอๆเรือรบแพงๆอาจโดนขีปนาวุธราคาถูกยิงจมเอาได้ง่ายๆ .....เอามาเล่าสู่กันฟังครับ….. นัทแนะ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • Smith&Wesson Model 629 .44 Magnum

    โดย. พีระพงษ์ กลั่นกรอง

    เมื่อ คลิ้นท์ อี้สต์วู้ด (Clint Eastwood) ในบทของสารวัตรมือปราบ ฮาร์รี่ คาลาแฮน (Harry Callahan) พูดกับคนร้ายในฉากแรกของภาพยนต์เรื่อง “มือปราบปืนโหด” หรือ Dirty Harry ภาพยนต์ซีรี่ส์บู้แอ๊คชั่นที่ยิงกันสนั่นจอเรื่องที่โด่งดังที่สุดในโลกเมื่อ 40 ปีที่แล้ว

    ด้วยทุนสร้าง 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มือปราบปืนโหด(ภาคแรก-ปีค.ศ.1971)ทำรายได้สูงถึง 35 ล้านเหรียญ, ภาคที่สอง คือ Magnum Force (ปี 1973), ภาคที่สาม-The Enforcer (ปี 1976), ภาคที่สี่-Sudden Impact (ปี 1983), และภาคสุดท้าย คือ The Dead Pool (ปี 1988)

    ไม่ว่าภาพยนต์เรื่องนี้จะออกมากี่ภาคก็ตาม ผลตอบรับ ก็คือ ปลุกกระแสความนิยมปืน “สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 สี่สี่แม็กนั่ม” จนตลาดปืนทั่วโลกยอดขายถล่มทลาย แม้ว่าบริษัทผลิตปืนสมิธฯกำลังจะขุดหลุมฝัง(เลิกผลิต)ปืนสั้นกระสุนโหดรุ่นนี้อยู่ก่อนหน้านั้นก็ตาม
    ................

    อเมริกัน ได้ชื่อว่าเก่งในเรื่องการต่อสู้ด้วยอาวุธปืน เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน นับแต่ครั้งที่ต่อสู้แย่งผืนดินที่ทำกินกับอินเดียนแดงเผ่าต่างๆ จนกระทั่งถึงสงครามกลางเมือง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง-สอง และสงครามเวียดนาม

    อานุภาพกระสุนปืน(อำนาจหยุดยั้ง, ประหัตประหาร, และทะลุทะลวง)เป็นข้อสำคัญประการแรกสำหรับงานล่า ป้องกันตัว และจู่โจม ความแม่นยำเป็นอันดับที่สองโดยเฉพาะกรณีที่ระยะยิงตั้งแต่ 75 หลา(หรือ 68.6 เมตร)ขึ้นไป หรือในระยะที่ความหนาของใบศูนย์หน้าใหญ่ทับเป้าหรือตัวคน

    ดังที่ทราบกัน โดยหลักการ การเพิ่มอานุภาพกระสุนปืนมากขึ้นได้ก็ต้องอาศัย หนึ่ง-แรงดันในรังเพลิง(Chamber Pressure) ซึ่งจะให้ประโยชน์โดยปริยายในข้อที่สอง-คือ ความเร็วหัวกระสุน(Velocity), สาม-รูปแบบหัวกระสุน(Bullet type), ส่วนข้อที่สี่ คือ ขนาด-น้ำหนักหัวกระสุน(Bore & Weight) นั้น กลายเป็นเรื่องท้ายสุด หากว่าความเร็วกระสุนเกิน 3,000 ฟุตต่อวินาทีขึ้นไป ก็จะเกิดแรงปะทะคลื่นอากาศหรือ Shock Wave ทำให้บาดแผลแหกฉกรรจ์และกระเด็นล้มคว่ำได้ทันใด

    ยกตัวอย่าง กระสุนเอ็ม 16 หรือกระสุนปืนไรเฟิลล่าสัตว์ขนาด .223 หรือ 5.56x45 ม.ม.นาโต้(NATO) หัวกระสุนเล็กเท่ากับกระสุนลูกกรด คือ .22 นิ้วฟุต น้ำหนักหัวกระสุน 55 เกรนมากกว่ากระสุนลูกกรด(40 เกรน)นิดเดียว ความเร็วต้น 3,250 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,325 ฟุต-ปอนด์ ฯลฯ เป็นต้น

    “สี่สี่แม็กนั่ม” หรือในชื่อเป็นทางการว่า .44 Remington Magnum เมื่อ 40 ปีที่แล้วเป็นกระสุนปืนสั้นที่อานุภาพเอกอุที่สุดในโลก(The Most Powerful Handgun in the World)

    ประดิษฐ์คิดค้นโดย เอลเม่อร์ คีธ (Elmer Keith) นักเขียนเรื่องปืนและนักผจญภัยกลางแจ้ง(Outdoor Adventurer)ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสหรัฐอเมริกา โดยร่วมกับบริษัทผลิตปืน สมิธแอนด์เวสสัน(Smith&Wesson)และบริษัทปืนและกระสุนยี่ห้อเรมิงตัน(Remington) ผลิตจำหน่ายในปีค.ศ.1955 (ปีพ.ศ.2498) จนปัจจุบัน

    เอลเม่อร์ คีธ นำกระสุนขนาด “สี่สี่-สเปเชี่ยล” หรือ .44 S&W Special (ผลิตในปีค.ศ.1907 แรงดันรังเพลิง 15,500 ปอนด์/ตร.นิ้วฟุต ปลอกกระสุนยาว 1.16 นิ้วฟุต น้ำหนักหัวกระสุน 246 เกรน ความเร็วต้น 755 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 310 ฟุต-ปอนด์) มาทดลองพัฒนาเพิ่มแรงดันในรังเพลิง ซึ่งก็หมายถึงกระสุนความเร็วสูงโดยปริยาย เพื่อให้เป็น “สี่สี่-แม็กนั่ม”

    โดยไม่คิดนำกระสุนหน้าตัดใหญ่ที่โด่งดังในยุคโคบาลตะวันตก(Wild Western) คือ “สี่ห้า-โค้ลท์” หรือ .45 Colt (ผลิตในปีค.ศ.1872 แรงดันรังเพลิง 14,000 ปอนด์/ตร.นิ้วฟุต ปลอกกระสุนยาว 1.285 นิ้วฟุต หัวกระสุนหนัก 250 เกรน ความเร็วต้น 929 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 479 ฟุต-ปอนด์ และแบบ Buffalo Bore หัวกระสุนหนัก 325 เกรน ความเร็วต้น 1,325 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,267 ฟุต-ปอนด์) มาพัฒนา

    หลักการง่ายๆ ก็คือ กระสุนหน้าตัดใหญ่(Big Bore), หัวกระสุนหนักอึ้ง(Heavy Bullet), และ กระสุนความเร็วสูง(Higher Velocity) เปรียบง่ายๆว่า ซุงหนึ่งต้นหนัก 500 กิโลกรัมวางไว้เฉยๆข้างถนน รถยนต์ที่พุ่งชนต้นซุงต้นนี้ย่อมเสียหายน้อยกว่าการที่ถูกต้นซุงพุ่งมาด้วยความเร็ว 60 กม./ชม.ชนเข้ากับรถยนต์ที่จอดอยู่เฉยๆ (อ่านและคิดทบทวนอีกครั้งนะครับ)

    วัตถุประสงค์หลักในการประดิษฐ์คิดค้น ก็เพื่อล่าสัตว์เท้ากีบขนาดเขื่อง เช่น กวางเอ้ลค์(Elk) สูงถึงหัวไหล่ 1.50 เมตร หนักประมาณ 250-450 กิโลกรัม จนกระทั่งถึงควายป่าที่เรียกว่า Cape Buffalo ที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แต่น้ำหนักไม่มากเท่ากระทิงในบ้านเรา โดยการยิงจากปืนสั้นลูกโม่ลำกล้องยาว 7-8 นิ้วฟุต

    จึงเป็นจุดกำเนิดปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น Smith&Wesson Model 29
    สมิธแอนด์เวสสัน “สี่สี่-แม็กนั่ม”

    56 ปีมาแล้วที่ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 ปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ็คชั่น(Double-Action Revolver) กระสุนสี่สี่แม็กนั่มผลิตจำหน่าย อันที่จริงก็ด้วยวัตถุประสงค์ของการล่าสัตว์ด้วยปืนสั้น ซึ่งเป็นความคลาสสิคและใช้ศิลปะการล่ามากกว่าปืนยาว ยิ่งปืนสั้นลูกโม่แม้จะลำกล้องยาว 7-8 นิ้วฟุต หากได้ติดศูนย์กล้องเล็งขยาย 4-8 เท่า ก็ยิ่งทวีความยากลำบากในการเล็งยิงมากขึ้น

    แม้ปืนโมเดลนี้(ซึ่งรวมทั้งกระสุนด้วย)จะขายดิบดีในช่วงต้นๆของการเปิดจำหน่ายก็ตาม แต่แล้วยอดขายก็ตกฮวบตามวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่นเดียวกับรถ 4x4 Off-Road เพราะมนุษย์หันมาอนุรักษ์สัตว์ป่าและธรรมชาติ ออกกำลังกายในร่มมากกว่ากีฬากลางแจ้งเช่นก่อน

    จนกระทั่ง ในปีค.ศ.1971 ที่ภาพยนต์บู้แอ๊คชั่นเรื่อง “มือปราบปืนโหด” ออกฉาย ทำให้ปืนและกระสุนสี่สี่แม๊กนั่มกลับขายดีถล่มทลาย เพราะผู้ชายส่วนมากอย่างเก่งกล้าหรือมีอาวุธที่อานุภาพเอกอุเหมือนพระเอก คลิ้นท์ อี้สต์วู้ด นั้น จะเป็นกลยุทธ์การตลาดเช่นเดียวกับที่ภาพยนต์เรื่อง เจมส์ บอนด์ ปลุกกระแสความนิยมรถสปอร์ตอังกฤษยี่ห้อ แอสตัน มาร์ติน(Aston Martin) เป็นเหตุผลอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ

    สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29
    -ปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่นบรรจุกระสุน 6 นัด โครงปืนใหญ่(S&W N-Frame)
    -ลูกโม่หมุนทวนเข็มนาฬิกา(Anti-Clockwise)
    -กระสุนปืนสั้นลูกโม่ชนวนกลาง(Revolver/Center-Fire Cartridge)ขนาด .44 Remington Magnum
    -ตัวปืนเสนอตลาดด้วย 7 ขนาดความยาวลำกล้อง ได้แก่ 3, 4, 5, 6, 6 ½ , 8 3/8 และหลังสุด 10 5/8 นิ้วฟุต
    -เฉพาะลำกล้อง 5 นิ้วฟุตเท่านั้นที่ฟักก้านกระทุ้งปลอกกระสุนยาวเต็มความยาวลำกล้องหรือ Full Barrel Length Underlug

    โมเดล 29 เสนออยู่ 2 แบบ ได้แก่ แบบรมดำผิวหนา(Highly Polished Blued Finish) กับแบบนิเกิ้ลโครเมี่ยม(Nickle-Plated Surface)

    ในปีค.ศ.1960 โมเดล 29-1 ผลิตสู่ตลาดภายใต้การปรับปรุงด้านเทคนิคเล็กน้อย อาทิ สกรูยึดก้านกระทุ้งปลอกกระสุน(Ejector Rod Screw) ให้หลังหนึ่งปี โมเดล 29-2 ก็ปรากฏสู่ตลาดโดยเพิ่มสกรูตัวขันยึดความแน่นหนาให้กับสปริงสลักล็อคลูกโม่(Cylinder Stop Spring) ในปีค.ศ. 1979 หั่นลำกล้องจาก 6 ½ เหลือแค่ 6 นิ้วฟุต

    ทั้งโมเดล 29-1 และ 29-2 เพิ่มเทคนิคพิเศษอีกนิดนึง คือ ตัวลำกล้องขันเกลียวยึดแน่นกับโครงปืนพร้อมหมุดตอกย้ำ ส่วนตัวลูกโม่เซาะร่องฝังจานคัดปลอกกระสุนให้เรียบหน้าโม่ เรียกเทคนิคนี้ว่า Pinned & Recessed Model

    ปีค.ศ.1967-1971 บริษัทสนับสนุนทางยุทโธปกรณ์สหรัฐอเมริกา ชื่อ AAI Corporation (Aircraft Armaments, Inc.) สั่งผลิตปืนสมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 จำนวนหนึ่ง

    ลำกล้องสั้นแค่ 1.375 นิ้วฟุต ใช้ยิงกับกระสุน .40 หรือว่า 10 มอมอ และกระสุนลูกซองขนาด .410 เพื่อใช้ในปฏิบัติการพิเศษที่เรียกว่า QAPR (Quiet Special Purpose Revolver) เพื่อให้ทหารอเมริกันบุกเข้าจู่โจมและตรวจค้น “ถ้ำรูหนู” หรือ Tunnel Rats ที่ทหารเวียดนามอาศัยเป็นช่องทางหลบหนีหลบซ่อน

    ในปีค.ศ. 1982 โมเดล 29-3 ยกเลิกเทคนิคพิเศษดังกล่าวเพิ่มลดต้นทุนและระยะเวลาในการผลิต โดยหันมาใช้เทคนิค Crush-Fit Barrel หรือคล้ายๆกับ โคนลำกล้องตีปลอกฟิตแน่นกับโครงปืน ซึ่งได้ผลเท่าเทียมกันแต่ประหยัดต้นทุนและเวลาผลิตมากกว่า

    ในปีค.ศ.1988 (โมเดล 29-4) และปี 1990 (โมเดล 29-5) เสริมแรงให้กับชิ้นส่วนและโครงสร้างตัวปืนเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสมบุกสมบันมากขึ้น โดยเฉพาะทนแรงดันรังเพลิงและแรงสะบัดสะท้อนจากกระสุนแรงสูงสมัยใหม่ ปีค.ศ.1994 โมเดล 29-6 ผลิตจำหน่ายพร้อมกับด้ามยาง Monogrip กระชับมือยี่ห้อ ฮ้อว์ก(Hogue) สันบนโครงปืนมีรูไว้สำหรับขันสกรูติดตั้งศูนย์กล้องล่าสัตว์

    ในปีค.ศ.1998 โมเดล 29-7 ออกตลาดภายใต้การปรับปรุงชิ้นส่วนลั่นไก เช่น เข็มแทงชนวน, นกปืน, ไกปืน, ฯลฯ ล้วนผลิตจากกรรมวิธีฉีดโลหะขึ้นรูป(Metal Injection Molding Process) เพื่อป้องกันปัญหาแตกหักขณะใช้งานหนัก

    สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 ถูกยกเลิกการผลิตไปอย่างถาวรในปีค.ศ.1999 ด้วยเหตุผลของอายุสินค้า(Model Life)ในเชิงการตลาด ปัจจุบัน ทั้งตลาดนอกและตลาดไทย นักเล่นปืนต่างมองหาสี่สี่แม็กนั่มรุ่นนี้ไว้สะสม เพราะตัวปืนมีความสวยงามมากกว่าปืนรุ่นใหม่ของสมิธฯ

    โดยเฉพาะ โมเดล 29 ในรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี (50th Anniversary Model 29) ที่ผลิตขึ้นจำกัดจำนวนเมื่อวันที่ 26 มกราคมปี 2006 ลักษณะพิเศษ ได้แก่ ลูกโม่กลมกลึงไม่มีร่อง(Non-Fluted Cylinder), สลักลายทองด้วยแสงเลเซอร์บนตัวปืน, ระบบสลักนิรภัยภายใน(Interlock Mechanism), ฯลฯ

    วันที่ 1 มกราคมปี 2007 โมเดล 29 คลาสสิคไลน์ รุ่นพิเศษแกะลายสวยหรู(Engraved Model)

    สมิธแอนด์เวสสัน “โมเดล 629”
    ในยุคที่โลหะวิทยาหันมาสนใจเหล็กสแตนเลส(Stainless Steel)กันอย่างบ้าคลั่ง

    ด้วยคุณสมบัติบางประการที่ให้ประโยชน์ใช้งานเหนือกว่าเหล็ก(Steel) เช่น ไม่เป็นสนิมเหล็ก, ทนสภาวะกัดกร่อนได้สูง(Anti-Corrosion), เนื้อโลหะเหนียวแน่น(High-Density)จากการหล่อขึ้นรูปได้มากกว่า, เนื้อผิวสวยงามดูน่าใช้น่าจับต้องมากกว่า, ฯลฯ
    สมิธแอนด์เวสสัน “โมเดล 629” จึงกำเนิดขึ้นมาด้วยเหล็กสแตนเลสแทนโมเดล 29 ที่เป็นเหล็ก ด้วยประการเช่นนี้

    โมเดล 629 สี่สี่แม็กนั่ม เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ.1978 ในขนาดลำกล้องยาว 6 นิ้วฟุต ส่วนลำกล้อง 4 และ 8 3/8 นิ้วฟุตออกสู่ตลาดในปีค.ศ.1980

    ในปีค.ศ.1982 โมเดล 629-1 ใช้เทคนิคพิเศษ Crush-Fit Barrel ตามอย่างโมเดล 29-3 ในปีค.ศ.1988 โมเดล 629-1 เพิ่มรุ่นพิเศษลำกล้องสั้น 3 นิ้วฟุต ส้นด้ามมน(Round Butt) ชิ้นส่วนกลไกภายในเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับโมเดล 29-4 กรณีที่ตัวปืนปั๊ม 629-2E นั่นหมายถึงว่า บานพับหน้าลูกโม่หรือ Cylinder Crane ปรับให้ผิวเนื้อมีความแข็งแกร่งมากขึ้น

    ปีค.ศ.1990 โมเดล 629-3 มาในรูปแบบของด้ามยางฮ้อว์ก(Hogue), สันบนโครงปืนมีสกรูพร้อมติดตั้งศูนย์กล้องเล็ง, เปลี่ยนก้านกระทุ้งปลอกกระสุน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโมเดล 629-4 ที่เปิดตัวภายหลังในคุณสมบัติของปืนสั้นแข่งขันยิงเป้ามากขึ้น อาทิ นกปืน-ไกปืนใหญ่แบบปืนสั้นแข่งขันยิงเป้า, ศูนย์หน้ากระโดงปลาแถบแดง(Red Ramp Front Sight), ใบศูนย์หลังเส้นขาว(White Outline Rear Sight), ฯลฯ เป็นต้น

    ในปีเดียวกันนี้(1990) โมเดล 629 คลาสสิค(Classic) เสนอตลาดด้วยรูปแบบของ “ฝักเต็ม” หรือ Full Barrel Underlug หมายถึง มีแท่งตันถ่วงน้ำหนักต่อจากฝักก้านกระทุ้งปลอกกระสุนใต้ลำกล้องยาวจรดปากกระบอกปืน

    ภายใต้รหัส 629-4s ลำกล้องยาว 5, 6 และ 8 3/8 นิ้วฟุต ปีค.ศ.1991 โมเดล 629 คลาสสิค ดีเอ๊กซ์ (629 Classic DX) ออกสู่ตลาดพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษเหนือใคร คือ เปลี่ยนใบศูนย์หน้าได้ 5 แบบ

    ปีค.ศ.1988 โมเดล 629-5 เปลี่ยนนกและไกปืน MIM และใช้เข็มแทงชนวนแบบฝังลอยในโครงปืน แทนเข็มแทงชนวนแบบนกสับเช่นก่อน

    โมเดล 629 คลาสสิค มิได้เป็นแค่สินค้ารุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้มีคุณภาพดีมากกว่าโมเดล 29 และโมเดล 629 เท่านั้น

    ในเชิงการตลาดถือว่าเป็นการ “ยกระดับ” สินค้า(Product Repositioning)ให้สูงขึ้น ซึ่งหมายถึง ราคาแพงขึ้นตามคุณภาพสินค้า ขณะเดียวกัน ก็ยกระดับชื่อยี่ห้อและตัวสินค้าให้สูงขึ้นเพื่อตลาดระดับไฮเอ็น(High-end) คือ เศรษฐีและนักสะสมปืน

    ดังนี้ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 629 คลาสสิค ยุคหลังๆจึงมีสินค้ารุ่นพิเศษสู่ตลาด อาทิ แม๊กน่าคลาสสิค(MagnaClassic), วี-ค้อมพ์(V-Comp), สเต็ลท์ฮันเตอร์(Stealth Hunter), ฯลฯ เป็นต้น รวมทั้งความยาวลำกล้อง 7 ½ นิ้วฟุตที่มาคั่นกลางเป็นทางเลือกใหม่ ระหว่างลำกล้อง 6 และ 8 3/8 นิ้วฟุต อีกด้วย

    บทวิพากย์….
    ในแง่มุมของนักสะสมปืน(Gun Collectors) ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ไม่สามารถลงพิมพ์ในจำนวนหน้ากระดาษจำกัดนี้ได้หมด เช่น รุ่นลำกล้องสั้น 3 นิ้วฟุต, เมาเท่นกันส์(Mountain Gun), และอื่นๆ

    แต่ในมุมของผู้ใช้ปืนทั่วไปก็พอที่จะใช้เนื้อที่หน้ากระดาษที่เหลือนั่งจับเข่าคุยกันได้ดังนี้ครับ

    คำถาม: “ใครบ้างที่ซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่ม? และทำไมต้องเป็นสมิธแอนด์เวสสัน?”

    ตอบ: แม้กระสุนสี่สี่แม็กนั่มจะออกแบบมาแต่อ้อนออกให้ใช้กับปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ็คชั่น เพื่อกีฬาล่าสัตว์และป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายในงานสำรวจท่องเที่ยวป่า

    แต่กลุ่มผู้ซื้อปืนสั้นกระสุนดุขนาดนี้ส่วนมากกลับเป็นนักสะสมปืน นักเลงปืน และตำรวจทหารตามชายแดนหรือในท้องที่ทุรกันดาร ทั้งในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และเมืองไทย

    ด้วยราคาตัวปืนและกระสุนที่แพงกว่าปืนอื่นในตลาด ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ผู้ที่ซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่ม ก็คือ คนที่มีใจรักปืนสั้นกระสุนดุขนาดนี้จริงๆ

    ขณะที่ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 สี่สี่แม็กนั่ม คลอดสู่ตลาดเมื่อ 56 ปีที่แล้ว ก็มีบริษัทผลิตปืนยี่ห้อ รูเก้อร์ (Ruger) สหรัฐอเมริกา ผลิตปืนสั้นที่ใช้กระสุนขนาดเดียวกันนี้ออกแข่งตลาด แต่เป็นปืนสั้นซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น(Single Action Revolver)

    นัยว่า เป็นเพราะพนักงานของบริษัทผลิตกระสุนเรมิงตันนำปลอกกระสุนขนาดใหม่ล่านี้ไปให้รูเก้อร์

    ปัจจุบัน แม้ว่าจะมีปืนสั้นหลายยี่ห้อที่แข่งค้ากับปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มของสมิธฯ เช่น โค้ลท์ อะนาคอนด้า(Colt Anaconda), รูเก้อร์ ซูเปอร์ เรดฮอว์ก(Ruger Super Redhawk)ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น, รูเก้อร์ ซูเปอร์ แบล็คฮอว์ก(Ruger Super Blackhawk)ซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น, ฯลฯ

    ยังไม่นับปืนพกกึ่งอัตโนมัติ(Semi-Automatic Pistol)ชื่อดังที่ใช้กระสุนสี่สี่แม๊กนั่มของปืนสั้นลูกโม่ เช่น เดสเสิร์ต อีเกิ้ล (IMI Desert Eagle), และอื่นๆ เป็นต้น

    แต่ที่เมืองนอกเมืองไทยพูดกันมากที่สุด ก็คือ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29, 629 และ 629 คลาสสิค ประณีตแม่นยำที่สุดในกระบวนปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มด้วยกัน

    ถาม: “ปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มใช้กระสุนอื่นยิงแทนได้ไหมในเมื่อไม่มีลูกซ้อมยิง?”

    ตอบ: ได้ คือ .44 สเปเชี่ยล(.44 S&W Special) ที่ปลอกหรือนัดกระสุนสั้นกว่าสี่สี่แม็กนั่มนิดเดียว (0.125 นิ้วฟุต)

    ทำนองเดียวกับที่เราใช้กระสุนสามแปดสเปฯ (.38 Special) ยิงซ้อมมือกับปืนสั้นลูกโม่สามห้าเจ็ดแม็กนั่ม(.357 Magnum) เพราะขนาดหน้าตัดหัวกระสุนและความโตของปลอกกระสุนใกล้เคียงกันมาก แต่หลักการนี้ใช้ได้เฉพาะปืนสั้นลูกโม่เท่านั้น ปืนพกกึ่งอัตโนมัติหรือปืนสั้นออโตเมติคจะมีปัญหา

    ถาม: “สมมุติว่าขอใบอนุญาตและซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มมาได้แล้วจะไปยิงซ้อมที่สนามยิงปืนที่ไหน?”

    ตอบ: เดี๋ยวนี้ยากมากครับ สนามยิงปืนของราชการและเอกชนทั่วไปในบ้านเราไม่ค่อยอนุญาตให้ยิงปืนกระสุนสี่สี่แม็กนั่ม ซึ่งรวมทั้งปืนไรเฟิลขนาดต่างๆ ด้วย

    ปืนกระสุนดุที่อนุญาตให้ยิงซ้อมกันในสนาม อย่างมากก็แค่สิบเอ็ดมอมอ(.45 ACP), ลูกซองกระสุนลูกปราย, สามห้าเจ็ดแม็กนั่ม(.357 Magnum)เป็นบางสนาม จริงๆจังๆก็คงเป็นสนามยิงปืนของทหารที่ Backstop (กำแพงหยุดกระสุนหลังเป้า) เตรียมไว้สำหรับเอ็ม 16 ก็พอจะพูดคุยขอกันได้บ้าง

    ถาม: “สี่สี่แม็กนั่มกระสุนนอกราคานัดละเท่าไร? กระสุนไทยมีผลิตไหม?”

    ตอบ: กระสุนสี่สี่แม็กนั่มที่พอจะหาซื้อได้ในตลาดปืนบ้านเรามีค่อนข้างน้อยมาก ถ้ามีก็ตกนัดละเกือบๆร้อยบาทหรือกว่านี้ เท่าที่ทราบ สี่สี่แม็กนั่มไม่มีผลิตขึ้นในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพราะขาดวัสดุและดินปืนที่ต้องขออนุญาตกลาโหมเพื่อนำเข้า ยอดจำหน่ายมีแค่นิดเดียว จึงไม่คุ้มที่จะผลิตในประเทศไทย

    ถาม: “ที่ว่า ปืนสมิธฯสี่สี่แม็กนั่มแม่นยำกว่าปืนอื่นนั้นเป็นอย่างไร?”

    ตอบ: จากบทความต่างประเทศ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 629 แม็กน่าคลาสสิค ลำกล้องยาว 8 3/8 นิ้วฟุต ยิงด้วยกระสุน Garrett Cartridges หัวกระสุนหนัก 320 เกรน ความเร็วต้น 1,315 ฟุต/วินาที จากระยะยิง 25 หลา(ประมาณ 23 เมตร)จำนวน 6 นัดทำกลุ่มกระสุนได้ 1 นิ้วฟุต

    กระสุน Carbon Hunter หัวกระสุนหนัก 260 เกรน หัวรู(Hollow Point) ความเร็วต้น 1,450 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,214 ฟุต-ปอนด์ ระยะยิง 25 หลา จำนวน 6 นัดทำกลุ่มได้ 1x2 นิ้วฟุต

    ทั้งนี้ยังไม่มีการยิงพิสูจน์ความแม่นยำเทียบระหว่าง Smith&Wesson, Colt Anaconda, Ruger Super Redhawk ทั้งเมืองนอกและในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

    ถาม: “ถ้าจะซื้อปืนสั้นลูกโม่สี่สี่แม็กนั่มสักกระบอกในชีวิตจะเลือกอะไรดี?”

    ตอบ: ถ้าเลือกความประณีตแม่นยำ(Precision/Accuracy)ก็ต้องสมิธแอนด์เวสสัน ถ้าชอบความแข็งแรงบึกบึนทนทาน(Strong, Durability & Reliability)ก็ต้องฟันธงว่ารูเก้อร์ ส่วนอะนาคอนด้า(Anaconda)เป็นอะไรๆ ที่ต้องเป็นยี่ห้อโค้ลท์ไว้ก่อน

    ถาม: “ปืนสั้นลูกโม่เล่นกระสุนสี่สี่แม็กนั่มแบบไหนดี?”

    ตอบ: นักเลงสี่สี่แม็กนั่มตัวจริงจะเล่นกระสุน “หัวตัน-หัวหนัก” ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็น Jacketed Soft Point, Semi-Wadcutter, Flat/Leaded Nose, รวมทั้งกระสุนพิเศษซาบ้อต(Sabot)

    จากประสบการณ์ส่วนตัว สี่สี่แม็กนั่มหัวรู น้ำหนัก 240 เกรน แม้จะมีความเร็วสูงถึงขั้น 1,400 ฟุต/วินาที จะมีปัญหา “เหินลม” ทำให้วิถีกระสุน(Trajectory)ไม่ราบเรียบไม่แม่นยำเท่าควร

    ขณะที่กระสุนหัวตัน น้ำหนักหัวกระสุนมากๆ (หรือบางทีก็น้ำหนัก 240 เกรนเท่ากัน) แต่ปลอกกระสุนมีเข็มขัดรัดหรือรอยย้ำ 2 แถว แม้ความเร็วน้อยกว่าแต่ให้ความแม่นยำหนักแน่นสูงกว่ามาก เรียกว่าได้ใจทุกนัดไป ข้อเสีย คือ ยิงสะบัดกัดมือมากกว่ากระสุนรุ่นใหม่ๆ ประมาณ +15%-20%

    ถาม: “ปืนสี่สี่แม็กนั่มต้องระวังอะไรบ้าง? ติดศูนย์กล้องดีไหม?”

    ตอบ: ข้อหนึ่ง-ถ้าเป็นเหล็กสแตนเลส เช่น โมเดล 629 และ 629 คลาสสิค ควรใส่กล่องเก็บหรือไม่ก็ตัดซองหนังใส่ปืนเก็บรักษา เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน รอยขนแมว ที่เกิดขึ้นเพราะผิวเหล็กสแตนเลสเนื้ออ่อนกว่าเหล็ก

    ข้อสอง-ไม่ควรใช้ยาขัดโลหะชนิดที่มีสารชะล้าง(Solven)ขัดถูกตัวปืน เพราะจะทำให้ตัวอักษรที่แกะสลักด้วยเลเซอร์เคลือบสีทองไว้ลางเลือนจางหาย

    ข้อสาม-หมั่นตรวจขันหมุดสกรูที่ตัวปืนทั้งก่อนและหลังการยิง เนื่องจากแรงสะบัดสะท้อนรุนแรงทำให้หมุดสกรูคลายตัวและอาจหลุดกระเด็นหาย

    ข้อสี่-ถึงจะหาซื้อกระสุนได้มากก็ไม่ควรยิงเล่นบ่อยๆ เพราะจะทำให้ตัวปืนทรุดโทรมเร็วกว่าที่ควรอย่างน่าเสียดาย

    ข้อห้า-อย่านำมายิงแห้งหรือเหนี่ยวไกเล่น(โดยไม่บรรจุกระสุนในตัวปืน)บ่อยๆ กลไกปืนอาจชำรุดเสียหาย โดยเฉพาะเข็มแทงชนวนอาจหักโดยไม่รู้ตัว

    ข้อหก-ติดศูนย์กล้องเล็งได้ในกำลังขยายภาพไม่เกิน 4 เท่า สูงกว่านั้นจะเล็งยิงได้ลำบาก มือสั่นสายตาพร่ามัวเพราะไม่กล้าลั่นกระสุน(เพราะภาพมันฟ้องว่าศูนย์ปืนไม่เข้าเป้าเนื่องจากมือผู้ยิงสั่นไปมา) แต่สุดท้ายก็ต้องถอดศูนย์กล้องเล็งออกเพราะรู้สึกเกะกะหนักตัวปืนเปล่าๆ

    สรุปท้ายเรื่อง...

    สมิธแอนด์เวสสัน สี่สี่แม็กนั่ม เป็นทรัพย์สมบัติที่คู่ควรต่อผู้มีบารมีและนักสะสมปืนมากกว่าการมีใช้เพื่อต่อสู้ป้องกันชีวิตทรัพย์สิน ไม่ใช่ปืนสั้นประจำกายอย่างแน่นอน แต่จะเหมาะที่สุดในกรณีท่องไพรสำรวจป่าที่พกไว้ข้างเอวหรือข้างสีข้างลำตัวเพื่อป้องกันสัตว์เขี้ยวยาวดุร้ายต่างๆ

    แม้ปัจจุบัน ตลาดปืนโลกจะมี “ปืนโหดกระสุนดุ” รุ่นใหม่ๆที่มีอานุภาพสูงกว่าสี่สี่แม็กนั่ม ไม่ว่าจะเป็น .454 Casull, .460 S&W Magnum, .500 S&W Magnum, และอื่นๆ แต่

    “สี่สี่แม็กนั่มยังจะเป็นเพื่อนที่ดีของนักเล่นปืนตลอดไป”
    ขอบคุณครับ...

    Smith&Wesson Model 629 .44 Magnum โดย. พีระพงษ์ กลั่นกรอง เมื่อ คลิ้นท์ อี้สต์วู้ด (Clint Eastwood) ในบทของสารวัตรมือปราบ ฮาร์รี่ คาลาแฮน (Harry Callahan) พูดกับคนร้ายในฉากแรกของภาพยนต์เรื่อง “มือปราบปืนโหด” หรือ Dirty Harry ภาพยนต์ซีรี่ส์บู้แอ๊คชั่นที่ยิงกันสนั่นจอเรื่องที่โด่งดังที่สุดในโลกเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ด้วยทุนสร้าง 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มือปราบปืนโหด(ภาคแรก-ปีค.ศ.1971)ทำรายได้สูงถึง 35 ล้านเหรียญ, ภาคที่สอง คือ Magnum Force (ปี 1973), ภาคที่สาม-The Enforcer (ปี 1976), ภาคที่สี่-Sudden Impact (ปี 1983), และภาคสุดท้าย คือ The Dead Pool (ปี 1988) ไม่ว่าภาพยนต์เรื่องนี้จะออกมากี่ภาคก็ตาม ผลตอบรับ ก็คือ ปลุกกระแสความนิยมปืน “สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 สี่สี่แม็กนั่ม” จนตลาดปืนทั่วโลกยอดขายถล่มทลาย แม้ว่าบริษัทผลิตปืนสมิธฯกำลังจะขุดหลุมฝัง(เลิกผลิต)ปืนสั้นกระสุนโหดรุ่นนี้อยู่ก่อนหน้านั้นก็ตาม ................ อเมริกัน ได้ชื่อว่าเก่งในเรื่องการต่อสู้ด้วยอาวุธปืน เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน นับแต่ครั้งที่ต่อสู้แย่งผืนดินที่ทำกินกับอินเดียนแดงเผ่าต่างๆ จนกระทั่งถึงสงครามกลางเมือง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง-สอง และสงครามเวียดนาม อานุภาพกระสุนปืน(อำนาจหยุดยั้ง, ประหัตประหาร, และทะลุทะลวง)เป็นข้อสำคัญประการแรกสำหรับงานล่า ป้องกันตัว และจู่โจม ความแม่นยำเป็นอันดับที่สองโดยเฉพาะกรณีที่ระยะยิงตั้งแต่ 75 หลา(หรือ 68.6 เมตร)ขึ้นไป หรือในระยะที่ความหนาของใบศูนย์หน้าใหญ่ทับเป้าหรือตัวคน ดังที่ทราบกัน โดยหลักการ การเพิ่มอานุภาพกระสุนปืนมากขึ้นได้ก็ต้องอาศัย หนึ่ง-แรงดันในรังเพลิง(Chamber Pressure) ซึ่งจะให้ประโยชน์โดยปริยายในข้อที่สอง-คือ ความเร็วหัวกระสุน(Velocity), สาม-รูปแบบหัวกระสุน(Bullet type), ส่วนข้อที่สี่ คือ ขนาด-น้ำหนักหัวกระสุน(Bore & Weight) นั้น กลายเป็นเรื่องท้ายสุด หากว่าความเร็วกระสุนเกิน 3,000 ฟุตต่อวินาทีขึ้นไป ก็จะเกิดแรงปะทะคลื่นอากาศหรือ Shock Wave ทำให้บาดแผลแหกฉกรรจ์และกระเด็นล้มคว่ำได้ทันใด ยกตัวอย่าง กระสุนเอ็ม 16 หรือกระสุนปืนไรเฟิลล่าสัตว์ขนาด .223 หรือ 5.56x45 ม.ม.นาโต้(NATO) หัวกระสุนเล็กเท่ากับกระสุนลูกกรด คือ .22 นิ้วฟุต น้ำหนักหัวกระสุน 55 เกรนมากกว่ากระสุนลูกกรด(40 เกรน)นิดเดียว ความเร็วต้น 3,250 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,325 ฟุต-ปอนด์ ฯลฯ เป็นต้น “สี่สี่แม็กนั่ม” หรือในชื่อเป็นทางการว่า .44 Remington Magnum เมื่อ 40 ปีที่แล้วเป็นกระสุนปืนสั้นที่อานุภาพเอกอุที่สุดในโลก(The Most Powerful Handgun in the World) ประดิษฐ์คิดค้นโดย เอลเม่อร์ คีธ (Elmer Keith) นักเขียนเรื่องปืนและนักผจญภัยกลางแจ้ง(Outdoor Adventurer)ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสหรัฐอเมริกา โดยร่วมกับบริษัทผลิตปืน สมิธแอนด์เวสสัน(Smith&Wesson)และบริษัทปืนและกระสุนยี่ห้อเรมิงตัน(Remington) ผลิตจำหน่ายในปีค.ศ.1955 (ปีพ.ศ.2498) จนปัจจุบัน เอลเม่อร์ คีธ นำกระสุนขนาด “สี่สี่-สเปเชี่ยล” หรือ .44 S&W Special (ผลิตในปีค.ศ.1907 แรงดันรังเพลิง 15,500 ปอนด์/ตร.นิ้วฟุต ปลอกกระสุนยาว 1.16 นิ้วฟุต น้ำหนักหัวกระสุน 246 เกรน ความเร็วต้น 755 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 310 ฟุต-ปอนด์) มาทดลองพัฒนาเพิ่มแรงดันในรังเพลิง ซึ่งก็หมายถึงกระสุนความเร็วสูงโดยปริยาย เพื่อให้เป็น “สี่สี่-แม็กนั่ม” โดยไม่คิดนำกระสุนหน้าตัดใหญ่ที่โด่งดังในยุคโคบาลตะวันตก(Wild Western) คือ “สี่ห้า-โค้ลท์” หรือ .45 Colt (ผลิตในปีค.ศ.1872 แรงดันรังเพลิง 14,000 ปอนด์/ตร.นิ้วฟุต ปลอกกระสุนยาว 1.285 นิ้วฟุต หัวกระสุนหนัก 250 เกรน ความเร็วต้น 929 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 479 ฟุต-ปอนด์ และแบบ Buffalo Bore หัวกระสุนหนัก 325 เกรน ความเร็วต้น 1,325 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,267 ฟุต-ปอนด์) มาพัฒนา หลักการง่ายๆ ก็คือ กระสุนหน้าตัดใหญ่(Big Bore), หัวกระสุนหนักอึ้ง(Heavy Bullet), และ กระสุนความเร็วสูง(Higher Velocity) เปรียบง่ายๆว่า ซุงหนึ่งต้นหนัก 500 กิโลกรัมวางไว้เฉยๆข้างถนน รถยนต์ที่พุ่งชนต้นซุงต้นนี้ย่อมเสียหายน้อยกว่าการที่ถูกต้นซุงพุ่งมาด้วยความเร็ว 60 กม./ชม.ชนเข้ากับรถยนต์ที่จอดอยู่เฉยๆ (อ่านและคิดทบทวนอีกครั้งนะครับ) วัตถุประสงค์หลักในการประดิษฐ์คิดค้น ก็เพื่อล่าสัตว์เท้ากีบขนาดเขื่อง เช่น กวางเอ้ลค์(Elk) สูงถึงหัวไหล่ 1.50 เมตร หนักประมาณ 250-450 กิโลกรัม จนกระทั่งถึงควายป่าที่เรียกว่า Cape Buffalo ที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แต่น้ำหนักไม่มากเท่ากระทิงในบ้านเรา โดยการยิงจากปืนสั้นลูกโม่ลำกล้องยาว 7-8 นิ้วฟุต จึงเป็นจุดกำเนิดปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น Smith&Wesson Model 29 สมิธแอนด์เวสสัน “สี่สี่-แม็กนั่ม” 56 ปีมาแล้วที่ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 ปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ็คชั่น(Double-Action Revolver) กระสุนสี่สี่แม็กนั่มผลิตจำหน่าย อันที่จริงก็ด้วยวัตถุประสงค์ของการล่าสัตว์ด้วยปืนสั้น ซึ่งเป็นความคลาสสิคและใช้ศิลปะการล่ามากกว่าปืนยาว ยิ่งปืนสั้นลูกโม่แม้จะลำกล้องยาว 7-8 นิ้วฟุต หากได้ติดศูนย์กล้องเล็งขยาย 4-8 เท่า ก็ยิ่งทวีความยากลำบากในการเล็งยิงมากขึ้น แม้ปืนโมเดลนี้(ซึ่งรวมทั้งกระสุนด้วย)จะขายดิบดีในช่วงต้นๆของการเปิดจำหน่ายก็ตาม แต่แล้วยอดขายก็ตกฮวบตามวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่นเดียวกับรถ 4x4 Off-Road เพราะมนุษย์หันมาอนุรักษ์สัตว์ป่าและธรรมชาติ ออกกำลังกายในร่มมากกว่ากีฬากลางแจ้งเช่นก่อน จนกระทั่ง ในปีค.ศ.1971 ที่ภาพยนต์บู้แอ๊คชั่นเรื่อง “มือปราบปืนโหด” ออกฉาย ทำให้ปืนและกระสุนสี่สี่แม๊กนั่มกลับขายดีถล่มทลาย เพราะผู้ชายส่วนมากอย่างเก่งกล้าหรือมีอาวุธที่อานุภาพเอกอุเหมือนพระเอก คลิ้นท์ อี้สต์วู้ด นั้น จะเป็นกลยุทธ์การตลาดเช่นเดียวกับที่ภาพยนต์เรื่อง เจมส์ บอนด์ ปลุกกระแสความนิยมรถสปอร์ตอังกฤษยี่ห้อ แอสตัน มาร์ติน(Aston Martin) เป็นเหตุผลอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 -ปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ๊คชั่นบรรจุกระสุน 6 นัด โครงปืนใหญ่(S&W N-Frame) -ลูกโม่หมุนทวนเข็มนาฬิกา(Anti-Clockwise) -กระสุนปืนสั้นลูกโม่ชนวนกลาง(Revolver/Center-Fire Cartridge)ขนาด .44 Remington Magnum -ตัวปืนเสนอตลาดด้วย 7 ขนาดความยาวลำกล้อง ได้แก่ 3, 4, 5, 6, 6 ½ , 8 3/8 และหลังสุด 10 5/8 นิ้วฟุต -เฉพาะลำกล้อง 5 นิ้วฟุตเท่านั้นที่ฟักก้านกระทุ้งปลอกกระสุนยาวเต็มความยาวลำกล้องหรือ Full Barrel Length Underlug โมเดล 29 เสนออยู่ 2 แบบ ได้แก่ แบบรมดำผิวหนา(Highly Polished Blued Finish) กับแบบนิเกิ้ลโครเมี่ยม(Nickle-Plated Surface) ในปีค.ศ.1960 โมเดล 29-1 ผลิตสู่ตลาดภายใต้การปรับปรุงด้านเทคนิคเล็กน้อย อาทิ สกรูยึดก้านกระทุ้งปลอกกระสุน(Ejector Rod Screw) ให้หลังหนึ่งปี โมเดล 29-2 ก็ปรากฏสู่ตลาดโดยเพิ่มสกรูตัวขันยึดความแน่นหนาให้กับสปริงสลักล็อคลูกโม่(Cylinder Stop Spring) ในปีค.ศ. 1979 หั่นลำกล้องจาก 6 ½ เหลือแค่ 6 นิ้วฟุต ทั้งโมเดล 29-1 และ 29-2 เพิ่มเทคนิคพิเศษอีกนิดนึง คือ ตัวลำกล้องขันเกลียวยึดแน่นกับโครงปืนพร้อมหมุดตอกย้ำ ส่วนตัวลูกโม่เซาะร่องฝังจานคัดปลอกกระสุนให้เรียบหน้าโม่ เรียกเทคนิคนี้ว่า Pinned & Recessed Model ปีค.ศ.1967-1971 บริษัทสนับสนุนทางยุทโธปกรณ์สหรัฐอเมริกา ชื่อ AAI Corporation (Aircraft Armaments, Inc.) สั่งผลิตปืนสมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 จำนวนหนึ่ง ลำกล้องสั้นแค่ 1.375 นิ้วฟุต ใช้ยิงกับกระสุน .40 หรือว่า 10 มอมอ และกระสุนลูกซองขนาด .410 เพื่อใช้ในปฏิบัติการพิเศษที่เรียกว่า QAPR (Quiet Special Purpose Revolver) เพื่อให้ทหารอเมริกันบุกเข้าจู่โจมและตรวจค้น “ถ้ำรูหนู” หรือ Tunnel Rats ที่ทหารเวียดนามอาศัยเป็นช่องทางหลบหนีหลบซ่อน ในปีค.ศ. 1982 โมเดล 29-3 ยกเลิกเทคนิคพิเศษดังกล่าวเพิ่มลดต้นทุนและระยะเวลาในการผลิต โดยหันมาใช้เทคนิค Crush-Fit Barrel หรือคล้ายๆกับ โคนลำกล้องตีปลอกฟิตแน่นกับโครงปืน ซึ่งได้ผลเท่าเทียมกันแต่ประหยัดต้นทุนและเวลาผลิตมากกว่า ในปีค.ศ.1988 (โมเดล 29-4) และปี 1990 (โมเดล 29-5) เสริมแรงให้กับชิ้นส่วนและโครงสร้างตัวปืนเพื่อให้ใช้งานได้อย่างสมบุกสมบันมากขึ้น โดยเฉพาะทนแรงดันรังเพลิงและแรงสะบัดสะท้อนจากกระสุนแรงสูงสมัยใหม่ ปีค.ศ.1994 โมเดล 29-6 ผลิตจำหน่ายพร้อมกับด้ามยาง Monogrip กระชับมือยี่ห้อ ฮ้อว์ก(Hogue) สันบนโครงปืนมีรูไว้สำหรับขันสกรูติดตั้งศูนย์กล้องล่าสัตว์ ในปีค.ศ.1998 โมเดล 29-7 ออกตลาดภายใต้การปรับปรุงชิ้นส่วนลั่นไก เช่น เข็มแทงชนวน, นกปืน, ไกปืน, ฯลฯ ล้วนผลิตจากกรรมวิธีฉีดโลหะขึ้นรูป(Metal Injection Molding Process) เพื่อป้องกันปัญหาแตกหักขณะใช้งานหนัก สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 ถูกยกเลิกการผลิตไปอย่างถาวรในปีค.ศ.1999 ด้วยเหตุผลของอายุสินค้า(Model Life)ในเชิงการตลาด ปัจจุบัน ทั้งตลาดนอกและตลาดไทย นักเล่นปืนต่างมองหาสี่สี่แม็กนั่มรุ่นนี้ไว้สะสม เพราะตัวปืนมีความสวยงามมากกว่าปืนรุ่นใหม่ของสมิธฯ โดยเฉพาะ โมเดล 29 ในรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี (50th Anniversary Model 29) ที่ผลิตขึ้นจำกัดจำนวนเมื่อวันที่ 26 มกราคมปี 2006 ลักษณะพิเศษ ได้แก่ ลูกโม่กลมกลึงไม่มีร่อง(Non-Fluted Cylinder), สลักลายทองด้วยแสงเลเซอร์บนตัวปืน, ระบบสลักนิรภัยภายใน(Interlock Mechanism), ฯลฯ วันที่ 1 มกราคมปี 2007 โมเดล 29 คลาสสิคไลน์ รุ่นพิเศษแกะลายสวยหรู(Engraved Model) สมิธแอนด์เวสสัน “โมเดล 629” ในยุคที่โลหะวิทยาหันมาสนใจเหล็กสแตนเลส(Stainless Steel)กันอย่างบ้าคลั่ง ด้วยคุณสมบัติบางประการที่ให้ประโยชน์ใช้งานเหนือกว่าเหล็ก(Steel) เช่น ไม่เป็นสนิมเหล็ก, ทนสภาวะกัดกร่อนได้สูง(Anti-Corrosion), เนื้อโลหะเหนียวแน่น(High-Density)จากการหล่อขึ้นรูปได้มากกว่า, เนื้อผิวสวยงามดูน่าใช้น่าจับต้องมากกว่า, ฯลฯ สมิธแอนด์เวสสัน “โมเดล 629” จึงกำเนิดขึ้นมาด้วยเหล็กสแตนเลสแทนโมเดล 29 ที่เป็นเหล็ก ด้วยประการเช่นนี้ โมเดล 629 สี่สี่แม็กนั่ม เปิดตัวครั้งแรกในปีค.ศ.1978 ในขนาดลำกล้องยาว 6 นิ้วฟุต ส่วนลำกล้อง 4 และ 8 3/8 นิ้วฟุตออกสู่ตลาดในปีค.ศ.1980 ในปีค.ศ.1982 โมเดล 629-1 ใช้เทคนิคพิเศษ Crush-Fit Barrel ตามอย่างโมเดล 29-3 ในปีค.ศ.1988 โมเดล 629-1 เพิ่มรุ่นพิเศษลำกล้องสั้น 3 นิ้วฟุต ส้นด้ามมน(Round Butt) ชิ้นส่วนกลไกภายในเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับโมเดล 29-4 กรณีที่ตัวปืนปั๊ม 629-2E นั่นหมายถึงว่า บานพับหน้าลูกโม่หรือ Cylinder Crane ปรับให้ผิวเนื้อมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ปีค.ศ.1990 โมเดล 629-3 มาในรูปแบบของด้ามยางฮ้อว์ก(Hogue), สันบนโครงปืนมีสกรูพร้อมติดตั้งศูนย์กล้องเล็ง, เปลี่ยนก้านกระทุ้งปลอกกระสุน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโมเดล 629-4 ที่เปิดตัวภายหลังในคุณสมบัติของปืนสั้นแข่งขันยิงเป้ามากขึ้น อาทิ นกปืน-ไกปืนใหญ่แบบปืนสั้นแข่งขันยิงเป้า, ศูนย์หน้ากระโดงปลาแถบแดง(Red Ramp Front Sight), ใบศูนย์หลังเส้นขาว(White Outline Rear Sight), ฯลฯ เป็นต้น ในปีเดียวกันนี้(1990) โมเดล 629 คลาสสิค(Classic) เสนอตลาดด้วยรูปแบบของ “ฝักเต็ม” หรือ Full Barrel Underlug หมายถึง มีแท่งตันถ่วงน้ำหนักต่อจากฝักก้านกระทุ้งปลอกกระสุนใต้ลำกล้องยาวจรดปากกระบอกปืน ภายใต้รหัส 629-4s ลำกล้องยาว 5, 6 และ 8 3/8 นิ้วฟุต ปีค.ศ.1991 โมเดล 629 คลาสสิค ดีเอ๊กซ์ (629 Classic DX) ออกสู่ตลาดพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษเหนือใคร คือ เปลี่ยนใบศูนย์หน้าได้ 5 แบบ ปีค.ศ.1988 โมเดล 629-5 เปลี่ยนนกและไกปืน MIM และใช้เข็มแทงชนวนแบบฝังลอยในโครงปืน แทนเข็มแทงชนวนแบบนกสับเช่นก่อน โมเดล 629 คลาสสิค มิได้เป็นแค่สินค้ารุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้มีคุณภาพดีมากกว่าโมเดล 29 และโมเดล 629 เท่านั้น ในเชิงการตลาดถือว่าเป็นการ “ยกระดับ” สินค้า(Product Repositioning)ให้สูงขึ้น ซึ่งหมายถึง ราคาแพงขึ้นตามคุณภาพสินค้า ขณะเดียวกัน ก็ยกระดับชื่อยี่ห้อและตัวสินค้าให้สูงขึ้นเพื่อตลาดระดับไฮเอ็น(High-end) คือ เศรษฐีและนักสะสมปืน ดังนี้ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 629 คลาสสิค ยุคหลังๆจึงมีสินค้ารุ่นพิเศษสู่ตลาด อาทิ แม๊กน่าคลาสสิค(MagnaClassic), วี-ค้อมพ์(V-Comp), สเต็ลท์ฮันเตอร์(Stealth Hunter), ฯลฯ เป็นต้น รวมทั้งความยาวลำกล้อง 7 ½ นิ้วฟุตที่มาคั่นกลางเป็นทางเลือกใหม่ ระหว่างลำกล้อง 6 และ 8 3/8 นิ้วฟุต อีกด้วย บทวิพากย์…. ในแง่มุมของนักสะสมปืน(Gun Collectors) ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ไม่สามารถลงพิมพ์ในจำนวนหน้ากระดาษจำกัดนี้ได้หมด เช่น รุ่นลำกล้องสั้น 3 นิ้วฟุต, เมาเท่นกันส์(Mountain Gun), และอื่นๆ แต่ในมุมของผู้ใช้ปืนทั่วไปก็พอที่จะใช้เนื้อที่หน้ากระดาษที่เหลือนั่งจับเข่าคุยกันได้ดังนี้ครับ คำถาม: “ใครบ้างที่ซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่ม? และทำไมต้องเป็นสมิธแอนด์เวสสัน?” ตอบ: แม้กระสุนสี่สี่แม็กนั่มจะออกแบบมาแต่อ้อนออกให้ใช้กับปืนสั้นลูกโม่ดับเบิ้ลแอ็คชั่น เพื่อกีฬาล่าสัตว์และป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายในงานสำรวจท่องเที่ยวป่า แต่กลุ่มผู้ซื้อปืนสั้นกระสุนดุขนาดนี้ส่วนมากกลับเป็นนักสะสมปืน นักเลงปืน และตำรวจทหารตามชายแดนหรือในท้องที่ทุรกันดาร ทั้งในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และเมืองไทย ด้วยราคาตัวปืนและกระสุนที่แพงกว่าปืนอื่นในตลาด ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ผู้ที่ซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่ม ก็คือ คนที่มีใจรักปืนสั้นกระสุนดุขนาดนี้จริงๆ ขณะที่ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29 สี่สี่แม็กนั่ม คลอดสู่ตลาดเมื่อ 56 ปีที่แล้ว ก็มีบริษัทผลิตปืนยี่ห้อ รูเก้อร์ (Ruger) สหรัฐอเมริกา ผลิตปืนสั้นที่ใช้กระสุนขนาดเดียวกันนี้ออกแข่งตลาด แต่เป็นปืนสั้นซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น(Single Action Revolver) นัยว่า เป็นเพราะพนักงานของบริษัทผลิตกระสุนเรมิงตันนำปลอกกระสุนขนาดใหม่ล่านี้ไปให้รูเก้อร์ ปัจจุบัน แม้ว่าจะมีปืนสั้นหลายยี่ห้อที่แข่งค้ากับปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มของสมิธฯ เช่น โค้ลท์ อะนาคอนด้า(Colt Anaconda), รูเก้อร์ ซูเปอร์ เรดฮอว์ก(Ruger Super Redhawk)ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น, รูเก้อร์ ซูเปอร์ แบล็คฮอว์ก(Ruger Super Blackhawk)ซิงเกิ้ลแอ๊คชั่น, ฯลฯ ยังไม่นับปืนพกกึ่งอัตโนมัติ(Semi-Automatic Pistol)ชื่อดังที่ใช้กระสุนสี่สี่แม๊กนั่มของปืนสั้นลูกโม่ เช่น เดสเสิร์ต อีเกิ้ล (IMI Desert Eagle), และอื่นๆ เป็นต้น แต่ที่เมืองนอกเมืองไทยพูดกันมากที่สุด ก็คือ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 29, 629 และ 629 คลาสสิค ประณีตแม่นยำที่สุดในกระบวนปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มด้วยกัน ถาม: “ปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มใช้กระสุนอื่นยิงแทนได้ไหมในเมื่อไม่มีลูกซ้อมยิง?” ตอบ: ได้ คือ .44 สเปเชี่ยล(.44 S&W Special) ที่ปลอกหรือนัดกระสุนสั้นกว่าสี่สี่แม็กนั่มนิดเดียว (0.125 นิ้วฟุต) ทำนองเดียวกับที่เราใช้กระสุนสามแปดสเปฯ (.38 Special) ยิงซ้อมมือกับปืนสั้นลูกโม่สามห้าเจ็ดแม็กนั่ม(.357 Magnum) เพราะขนาดหน้าตัดหัวกระสุนและความโตของปลอกกระสุนใกล้เคียงกันมาก แต่หลักการนี้ใช้ได้เฉพาะปืนสั้นลูกโม่เท่านั้น ปืนพกกึ่งอัตโนมัติหรือปืนสั้นออโตเมติคจะมีปัญหา ถาม: “สมมุติว่าขอใบอนุญาตและซื้อปืนสั้นสี่สี่แม็กนั่มมาได้แล้วจะไปยิงซ้อมที่สนามยิงปืนที่ไหน?” ตอบ: เดี๋ยวนี้ยากมากครับ สนามยิงปืนของราชการและเอกชนทั่วไปในบ้านเราไม่ค่อยอนุญาตให้ยิงปืนกระสุนสี่สี่แม็กนั่ม ซึ่งรวมทั้งปืนไรเฟิลขนาดต่างๆ ด้วย ปืนกระสุนดุที่อนุญาตให้ยิงซ้อมกันในสนาม อย่างมากก็แค่สิบเอ็ดมอมอ(.45 ACP), ลูกซองกระสุนลูกปราย, สามห้าเจ็ดแม็กนั่ม(.357 Magnum)เป็นบางสนาม จริงๆจังๆก็คงเป็นสนามยิงปืนของทหารที่ Backstop (กำแพงหยุดกระสุนหลังเป้า) เตรียมไว้สำหรับเอ็ม 16 ก็พอจะพูดคุยขอกันได้บ้าง ถาม: “สี่สี่แม็กนั่มกระสุนนอกราคานัดละเท่าไร? กระสุนไทยมีผลิตไหม?” ตอบ: กระสุนสี่สี่แม็กนั่มที่พอจะหาซื้อได้ในตลาดปืนบ้านเรามีค่อนข้างน้อยมาก ถ้ามีก็ตกนัดละเกือบๆร้อยบาทหรือกว่านี้ เท่าที่ทราบ สี่สี่แม็กนั่มไม่มีผลิตขึ้นในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพราะขาดวัสดุและดินปืนที่ต้องขออนุญาตกลาโหมเพื่อนำเข้า ยอดจำหน่ายมีแค่นิดเดียว จึงไม่คุ้มที่จะผลิตในประเทศไทย ถาม: “ที่ว่า ปืนสมิธฯสี่สี่แม็กนั่มแม่นยำกว่าปืนอื่นนั้นเป็นอย่างไร?” ตอบ: จากบทความต่างประเทศ สมิธแอนด์เวสสัน โมเดล 629 แม็กน่าคลาสสิค ลำกล้องยาว 8 3/8 นิ้วฟุต ยิงด้วยกระสุน Garrett Cartridges หัวกระสุนหนัก 320 เกรน ความเร็วต้น 1,315 ฟุต/วินาที จากระยะยิง 25 หลา(ประมาณ 23 เมตร)จำนวน 6 นัดทำกลุ่มกระสุนได้ 1 นิ้วฟุต กระสุน Carbon Hunter หัวกระสุนหนัก 260 เกรน หัวรู(Hollow Point) ความเร็วต้น 1,450 ฟุต/วินาที แรงปะทะต้น 1,214 ฟุต-ปอนด์ ระยะยิง 25 หลา จำนวน 6 นัดทำกลุ่มได้ 1x2 นิ้วฟุต ทั้งนี้ยังไม่มีการยิงพิสูจน์ความแม่นยำเทียบระหว่าง Smith&Wesson, Colt Anaconda, Ruger Super Redhawk ทั้งเมืองนอกและในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ถาม: “ถ้าจะซื้อปืนสั้นลูกโม่สี่สี่แม็กนั่มสักกระบอกในชีวิตจะเลือกอะไรดี?” ตอบ: ถ้าเลือกความประณีตแม่นยำ(Precision/Accuracy)ก็ต้องสมิธแอนด์เวสสัน ถ้าชอบความแข็งแรงบึกบึนทนทาน(Strong, Durability & Reliability)ก็ต้องฟันธงว่ารูเก้อร์ ส่วนอะนาคอนด้า(Anaconda)เป็นอะไรๆ ที่ต้องเป็นยี่ห้อโค้ลท์ไว้ก่อน ถาม: “ปืนสั้นลูกโม่เล่นกระสุนสี่สี่แม็กนั่มแบบไหนดี?” ตอบ: นักเลงสี่สี่แม็กนั่มตัวจริงจะเล่นกระสุน “หัวตัน-หัวหนัก” ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็น Jacketed Soft Point, Semi-Wadcutter, Flat/Leaded Nose, รวมทั้งกระสุนพิเศษซาบ้อต(Sabot) จากประสบการณ์ส่วนตัว สี่สี่แม็กนั่มหัวรู น้ำหนัก 240 เกรน แม้จะมีความเร็วสูงถึงขั้น 1,400 ฟุต/วินาที จะมีปัญหา “เหินลม” ทำให้วิถีกระสุน(Trajectory)ไม่ราบเรียบไม่แม่นยำเท่าควร ขณะที่กระสุนหัวตัน น้ำหนักหัวกระสุนมากๆ (หรือบางทีก็น้ำหนัก 240 เกรนเท่ากัน) แต่ปลอกกระสุนมีเข็มขัดรัดหรือรอยย้ำ 2 แถว แม้ความเร็วน้อยกว่าแต่ให้ความแม่นยำหนักแน่นสูงกว่ามาก เรียกว่าได้ใจทุกนัดไป ข้อเสีย คือ ยิงสะบัดกัดมือมากกว่ากระสุนรุ่นใหม่ๆ ประมาณ +15%-20% ถาม: “ปืนสี่สี่แม็กนั่มต้องระวังอะไรบ้าง? ติดศูนย์กล้องดีไหม?” ตอบ: ข้อหนึ่ง-ถ้าเป็นเหล็กสแตนเลส เช่น โมเดล 629 และ 629 คลาสสิค ควรใส่กล่องเก็บหรือไม่ก็ตัดซองหนังใส่ปืนเก็บรักษา เพื่อป้องกันรอยขีดข่วน รอยขนแมว ที่เกิดขึ้นเพราะผิวเหล็กสแตนเลสเนื้ออ่อนกว่าเหล็ก ข้อสอง-ไม่ควรใช้ยาขัดโลหะชนิดที่มีสารชะล้าง(Solven)ขัดถูกตัวปืน เพราะจะทำให้ตัวอักษรที่แกะสลักด้วยเลเซอร์เคลือบสีทองไว้ลางเลือนจางหาย ข้อสาม-หมั่นตรวจขันหมุดสกรูที่ตัวปืนทั้งก่อนและหลังการยิง เนื่องจากแรงสะบัดสะท้อนรุนแรงทำให้หมุดสกรูคลายตัวและอาจหลุดกระเด็นหาย ข้อสี่-ถึงจะหาซื้อกระสุนได้มากก็ไม่ควรยิงเล่นบ่อยๆ เพราะจะทำให้ตัวปืนทรุดโทรมเร็วกว่าที่ควรอย่างน่าเสียดาย ข้อห้า-อย่านำมายิงแห้งหรือเหนี่ยวไกเล่น(โดยไม่บรรจุกระสุนในตัวปืน)บ่อยๆ กลไกปืนอาจชำรุดเสียหาย โดยเฉพาะเข็มแทงชนวนอาจหักโดยไม่รู้ตัว ข้อหก-ติดศูนย์กล้องเล็งได้ในกำลังขยายภาพไม่เกิน 4 เท่า สูงกว่านั้นจะเล็งยิงได้ลำบาก มือสั่นสายตาพร่ามัวเพราะไม่กล้าลั่นกระสุน(เพราะภาพมันฟ้องว่าศูนย์ปืนไม่เข้าเป้าเนื่องจากมือผู้ยิงสั่นไปมา) แต่สุดท้ายก็ต้องถอดศูนย์กล้องเล็งออกเพราะรู้สึกเกะกะหนักตัวปืนเปล่าๆ สรุปท้ายเรื่อง... สมิธแอนด์เวสสัน สี่สี่แม็กนั่ม เป็นทรัพย์สมบัติที่คู่ควรต่อผู้มีบารมีและนักสะสมปืนมากกว่าการมีใช้เพื่อต่อสู้ป้องกันชีวิตทรัพย์สิน ไม่ใช่ปืนสั้นประจำกายอย่างแน่นอน แต่จะเหมาะที่สุดในกรณีท่องไพรสำรวจป่าที่พกไว้ข้างเอวหรือข้างสีข้างลำตัวเพื่อป้องกันสัตว์เขี้ยวยาวดุร้ายต่างๆ แม้ปัจจุบัน ตลาดปืนโลกจะมี “ปืนโหดกระสุนดุ” รุ่นใหม่ๆที่มีอานุภาพสูงกว่าสี่สี่แม็กนั่ม ไม่ว่าจะเป็น .454 Casull, .460 S&W Magnum, .500 S&W Magnum, และอื่นๆ แต่ “สี่สี่แม็กนั่มยังจะเป็นเพื่อนที่ดีของนักเล่นปืนตลอดไป” ขอบคุณครับ...
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพัก “วิชม ทองสงค์” อดีต ผวจ. ในฐานะจำเลยคดีตากใบ แต่ไม่พบตัว ด้านลูกเผยไปอาศัยกับแม่อยู่ที่กรุงเทพฯ กว่า 1 เดือนแล้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094583

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพัก “วิชม ทองสงค์” อดีต ผวจ. ในฐานะจำเลยคดีตากใบ แต่ไม่พบตัว ด้านลูกเผยไปอาศัยกับแม่อยู่ที่กรุงเทพฯ กว่า 1 เดือนแล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000094583 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    22
    0 Comments 1 Shares 1696 Views 0 Reviews
  • 🔞 คำเตือน: รูปภาพที่รบกวน

    🤯 ทหารยูเครนถูกโจมตีด้วยโดรน (ดูวิดีโอ): แตะสองครั้งด้วยกลยุทธ์การโจมตีด้วยโดรนของรัสเซีย ทำให้รถปิคอัพของกองทัพยูเครนและบุคลากรอยู่ข้างในขาดรุ่งริ่ง

    ชมการประสานงานอย่างใกล้ชิดแบบเรียลไทม์ระหว่างหน่วยลาดตระเวนและกลุ่ม UAV ที่โจมตี ในช่วงเวลาหนึ่งหลังจากที่ยานพาหนะของศัตรูถูกพบเห็น โดรนกามิกาเซ่ของรัสเซียก็ใช้งานเพื่อสังหารและนำคนขับออกไปอย่างแม่นยำ (00:15)

    ขณะนี้รถคันนั้นไม่ได้ใช้งานแล้ว โดรนรัสเซียลำที่ 2 ที่เต็มไปด้วยเศษกระสุนค่อย ๆ บินวนอยู่ข้างใน ขณะที่แรงระเบิดของมันก็ทำลายรถยนต์เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และฉีกแขนขาของทหารออกจากกันอย่างรุนแรง (00:55)
    🔞 คำเตือน: รูปภาพที่รบกวน 🤯 ทหารยูเครนถูกโจมตีด้วยโดรน (ดูวิดีโอ): แตะสองครั้งด้วยกลยุทธ์การโจมตีด้วยโดรนของรัสเซีย ทำให้รถปิคอัพของกองทัพยูเครนและบุคลากรอยู่ข้างในขาดรุ่งริ่ง ชมการประสานงานอย่างใกล้ชิดแบบเรียลไทม์ระหว่างหน่วยลาดตระเวนและกลุ่ม UAV ที่โจมตี ในช่วงเวลาหนึ่งหลังจากที่ยานพาหนะของศัตรูถูกพบเห็น โดรนกามิกาเซ่ของรัสเซียก็ใช้งานเพื่อสังหารและนำคนขับออกไปอย่างแม่นยำ (00:15) ขณะนี้รถคันนั้นไม่ได้ใช้งานแล้ว โดรนรัสเซียลำที่ 2 ที่เต็มไปด้วยเศษกระสุนค่อย ๆ บินวนอยู่ข้างใน ขณะที่แรงระเบิดของมันก็ทำลายรถยนต์เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และฉีกแขนขาของทหารออกจากกันอย่างรุนแรง (00:55)
    Like
    3
    2 Comments 0 Shares 153 Views 139 0 Reviews
  • ชาวเยอรมันยังคงได้รับ Lyules อันสูงส่งจากกองพลที่ 155 นาวิกโยธินตัดการต่อสู้ระยะประชิดไปมาก ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาส ละมั่งฉีกศัตรูเหมือนสิงโต แม่นยำยิ่งขึ้นเหมือนเสืออามูร์ของหมูป่า😁

    วิดีโอนี้แสดงผลการโจมตีครั้งหนึ่งที่ตำแหน่งฟริตซ์ในภูมิภาคเคิร์สต์
    ชาวเยอรมันยังคงได้รับ Lyules อันสูงส่งจากกองพลที่ 155 นาวิกโยธินตัดการต่อสู้ระยะประชิดไปมาก ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาส ละมั่งฉีกศัตรูเหมือนสิงโต แม่นยำยิ่งขึ้นเหมือนเสืออามูร์ของหมูป่า😁 วิดีโอนี้แสดงผลการโจมตีครั้งหนึ่งที่ตำแหน่งฟริตซ์ในภูมิภาคเคิร์สต์
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 148 Views 110 0 Reviews
  • กองกำลัง Spetsnaz จับกุมกลุ่มติดอาวุธของกองทัพยูเครนได้ทั้งหมด และเคลียร์เกาะด้านหลังค่าย Krynki และ Cossack ได้อย่างสมบูรณ์

    ▪️พลร่มกองกำลังพิเศษของเราได้ปฏิบัติการอันกล้าหาญหลายครั้งเพื่อเคลียร์เกาะต่างๆ บนแม่น้ำ Dnieper ในภูมิภาค Kherson โดยเอาชนะและยึดหน่วยต่างๆ ของกองทัพยูเครนได้ วิดีโอแสดงผลของการดำเนินการชุดใดชุดหนึ่ง
    ▪️การเคลียร์เกาะที่เหลืออยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงก็เสร็จสมบูรณ์เช่นกัน 🫡
    ▪️ ในวิดีโอ VSUshnik เชลยที่มีโทรศัพท์ปิดการใช้งานรหัสผ่านเพื่อแสดงข้อมูลทั้งหมดแก่ทหารรัสเซีย
    กองกำลัง Spetsnaz จับกุมกลุ่มติดอาวุธของกองทัพยูเครนได้ทั้งหมด และเคลียร์เกาะด้านหลังค่าย Krynki และ Cossack ได้อย่างสมบูรณ์ ▪️พลร่มกองกำลังพิเศษของเราได้ปฏิบัติการอันกล้าหาญหลายครั้งเพื่อเคลียร์เกาะต่างๆ บนแม่น้ำ Dnieper ในภูมิภาค Kherson โดยเอาชนะและยึดหน่วยต่างๆ ของกองทัพยูเครนได้ วิดีโอแสดงผลของการดำเนินการชุดใดชุดหนึ่ง ▪️การเคลียร์เกาะที่เหลืออยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงก็เสร็จสมบูรณ์เช่นกัน 🫡 ▪️ ในวิดีโอ VSUshnik เชลยที่มีโทรศัพท์ปิดการใช้งานรหัสผ่านเพื่อแสดงข้อมูลทั้งหมดแก่ทหารรัสเซีย
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 158 Views 65 0 Reviews
  • คนที่ทำกรรมชั่ว
    ย่อมได้รับความทุกข์ทางกายและใจในที่สุด

    จงอย่าประมาท ปล่อยตนเองให้กระทำความชั่ว
    ถึงแม้จะน้อยนิด หรือไม่มีใครพบเห็นก็ตาม
    ย่อมส่งผลถึงความเดือดร้อนติดตามมาอย่างแน่นอน.
    คนที่ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับความทุกข์ทางกายและใจในที่สุด จงอย่าประมาท ปล่อยตนเองให้กระทำความชั่ว ถึงแม้จะน้อยนิด หรือไม่มีใครพบเห็นก็ตาม ย่อมส่งผลถึงความเดือดร้อนติดตามมาอย่างแน่นอน.
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
More Results