• ใครช่วยบอกบอสทีว่า ไม่ต้องลงทุนเปิดในไทยหรอก แค่ปิดด่านถาวร ห้ามเข้าออกทุกช่องทางกับมัน ผีพนันไทยก็ไปไม่ได้แล้ว อย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อไอ้แม้ว เสือกทุกเรื่อง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ใครช่วยบอกบอสทีว่า ไม่ต้องลงทุนเปิดในไทยหรอก แค่ปิดด่านถาวร ห้ามเข้าออกทุกช่องทางกับมัน ผีพนันไทยก็ไปไม่ได้แล้ว อย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อไอ้แม้ว เสือกทุกเรื่อง #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • รั้วไฟฟ้าที่ไม่มีไฟ: ความกลัวที่ขังเราไว้ แม้มันจะพังไปนานแล้ว

    บทความเริ่มจากเรื่องของสุนัขตัวหนึ่งที่ไม่กล้าออกจากระเบียงบ้าน แม้ว่า “รั้วไฟฟ้า” ที่เคยฝึกมันไว้จะเสียมานานแล้ว เจ้าของบอกว่า “มันไม่ออกไปหรอก รั้วไฟฟ้าเสียมาหลายปีแล้ว แต่มันยังไม่กล้าเดินข้าม” นั่นคือภาพของการถูกขังด้วยความทรงจำ ไม่ใช่สิ่งกีดขวางจริง

    รั้วไฟฟ้าในชีวิตจริงของเราก็มีลักษณะคล้ายกัน—ความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ความรู้สึกว่าเราไม่ควรเป็นฝ่ายเริ่มต้น ความคิดว่า “ถ้าเขาไม่ทักมา แสดงว่าเขาไม่แคร์” ทั้งหมดนี้คือรั้วที่ไม่มีไฟ แต่เรายังไม่กล้าข้าม

    บทความชวนให้เรากล้าทำสิ่งเล็ก ๆ ที่อาจเปลี่ยนชีวิต เช่น ส่งข้อความ “คิดถึงนะ สบายดีไหม” หรือโทรหาใครสักคนที่เราห่างเหินไปนาน เพราะการเชื่อมโยงไม่ใช่เรื่องของการนับแต้ม แต่เป็นเรื่องของความกล้า

    และคนที่กล้าทำก่อน ไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่คือคนที่รู้ว่ารั้วนั้นพังไปนานแล้ว และเลือกที่จะวิ่งออกไปสู่โลกที่เปิดกว้าง

    ภาพเปรียบเทียบของรั้วไฟฟ้า
    สุนัขไม่กล้าออกจากระเบียง แม้รั้วไฟฟ้าจะเสียไปแล้ว
    ความทรงจำของความเจ็บปวดทำให้มันยังคงอยู่ในกรอบเดิม
    เปรียบเทียบกับมนุษย์ที่ถูกขังด้วยความกลัวในอดีต

    รั้วไฟฟ้าในชีวิตจริง
    ความคิดว่า “ถ้าเราทักไป เขาจะคิดว่าเราน่ารำคาญ”
    ความกลัวที่จะเป็นฝ่ายเริ่มต้น หรือถูกมองว่าอ่อนแอ
    ความเชื่อว่าการไม่ถูกทักคือการไม่ถูกแคร์

    การเชื่อมโยงที่แท้จริง
    ไม่มีใครรำคาญเมื่อมีคนทักมาถามว่า “เป็นยังไงบ้าง”
    การเชื่อมโยงไม่ใช่การนับแต้ม แต่คือความกล้า
    แค่ 20 วินาทีของความกล้า อาจเปลี่ยนความสัมพันธ์ได้

    ข้อเสนอจาก Soonly
    แอป Soonly ส่งข้อความเตือนให้ “ทักใครสักคนวันนี้”
    ช่วยให้การเชื่อมโยงกลายเป็นนิสัย ไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจชั่วคราว
    สร้างผลลัพธ์ที่เปลี่ยนความสัมพันธ์ได้จริง

    ความคิดว่า “ถ้าเขาไม่ทักมา แสดงว่าเขาไม่แคร์” เป็นกับดักทางใจ
    การรอให้คนอื่นเริ่มก่อน อาจทำให้เรายืนอยู่บนระเบียงไปตลอดชีวิต
    ความกล้าเล็ก ๆ ที่ไม่กล้าทำ อาจเป็นสิ่งเดียวที่ขวางเราไว้จากความสุข

    https://soonly.com/electric-fences/
    🧠 รั้วไฟฟ้าที่ไม่มีไฟ: ความกลัวที่ขังเราไว้ แม้มันจะพังไปนานแล้ว บทความเริ่มจากเรื่องของสุนัขตัวหนึ่งที่ไม่กล้าออกจากระเบียงบ้าน แม้ว่า “รั้วไฟฟ้า” ที่เคยฝึกมันไว้จะเสียมานานแล้ว เจ้าของบอกว่า “มันไม่ออกไปหรอก รั้วไฟฟ้าเสียมาหลายปีแล้ว แต่มันยังไม่กล้าเดินข้าม” นั่นคือภาพของการถูกขังด้วยความทรงจำ ไม่ใช่สิ่งกีดขวางจริง รั้วไฟฟ้าในชีวิตจริงของเราก็มีลักษณะคล้ายกัน—ความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ความรู้สึกว่าเราไม่ควรเป็นฝ่ายเริ่มต้น ความคิดว่า “ถ้าเขาไม่ทักมา แสดงว่าเขาไม่แคร์” ทั้งหมดนี้คือรั้วที่ไม่มีไฟ แต่เรายังไม่กล้าข้าม บทความชวนให้เรากล้าทำสิ่งเล็ก ๆ ที่อาจเปลี่ยนชีวิต เช่น ส่งข้อความ “คิดถึงนะ สบายดีไหม” หรือโทรหาใครสักคนที่เราห่างเหินไปนาน เพราะการเชื่อมโยงไม่ใช่เรื่องของการนับแต้ม แต่เป็นเรื่องของความกล้า และคนที่กล้าทำก่อน ไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่คือคนที่รู้ว่ารั้วนั้นพังไปนานแล้ว และเลือกที่จะวิ่งออกไปสู่โลกที่เปิดกว้าง ✅ ภาพเปรียบเทียบของรั้วไฟฟ้า ➡️ สุนัขไม่กล้าออกจากระเบียง แม้รั้วไฟฟ้าจะเสียไปแล้ว ➡️ ความทรงจำของความเจ็บปวดทำให้มันยังคงอยู่ในกรอบเดิม ➡️ เปรียบเทียบกับมนุษย์ที่ถูกขังด้วยความกลัวในอดีต ✅ รั้วไฟฟ้าในชีวิตจริง ➡️ ความคิดว่า “ถ้าเราทักไป เขาจะคิดว่าเราน่ารำคาญ” ➡️ ความกลัวที่จะเป็นฝ่ายเริ่มต้น หรือถูกมองว่าอ่อนแอ ➡️ ความเชื่อว่าการไม่ถูกทักคือการไม่ถูกแคร์ ✅ การเชื่อมโยงที่แท้จริง ➡️ ไม่มีใครรำคาญเมื่อมีคนทักมาถามว่า “เป็นยังไงบ้าง” ➡️ การเชื่อมโยงไม่ใช่การนับแต้ม แต่คือความกล้า ➡️ แค่ 20 วินาทีของความกล้า อาจเปลี่ยนความสัมพันธ์ได้ ✅ ข้อเสนอจาก Soonly ➡️ แอป Soonly ส่งข้อความเตือนให้ “ทักใครสักคนวันนี้” ➡️ ช่วยให้การเชื่อมโยงกลายเป็นนิสัย ไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจชั่วคราว ➡️ สร้างผลลัพธ์ที่เปลี่ยนความสัมพันธ์ได้จริง ⛔ ความคิดว่า “ถ้าเขาไม่ทักมา แสดงว่าเขาไม่แคร์” เป็นกับดักทางใจ ⛔ การรอให้คนอื่นเริ่มก่อน อาจทำให้เรายืนอยู่บนระเบียงไปตลอดชีวิต ⛔ ความกล้าเล็ก ๆ ที่ไม่กล้าทำ อาจเป็นสิ่งเดียวที่ขวางเราไว้จากความสุข https://soonly.com/electric-fences/
    SOONLY.COM
    The Electric Fence Stopped Working Years Ago
    "Don't worry, he won't leave the porch. The electric fence hasn't worked in years, but he still won't go past it."
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • Radeon AI Pro R9700: จากเบื้องหลังสู่มือผู้ใช้ DIY

    เดิมที AMD เปิดตัว Radeon AI Pro R9700 ในงาน Computex 2025 โดยตั้งใจให้เป็นการ์ดสำหรับงาน AI โดยเฉพาะ เช่นการรันโมเดล LLM ขนาดใหญ่แบบ local โดยใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 ที่มี 64 Compute Units และ 128 AI Accelerators พร้อม VRAM ขนาด 32GB GDDR6 บนบัส 256-bit

    แต่ตอนแรกการ์ดนี้จำกัดการขายเฉพาะ OEM และ System Integrator เท่านั้น จนกระทั่งมีผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งโพสต์ว่าเขาสามารถซื้อรุ่น Gigabyte “AI Top” ได้จากช่องทางค้าปลีกในราคา $1,324 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่การ์ดนี้หลุดออกสู่ตลาด DIY

    การ์ดรุ่นนี้ใช้พัดลมแบบ blower-style ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในเซิร์ฟเวอร์หรือแร็คมากกว่าพีซีทั่วไป เพราะสามารถระบายความร้อนได้ดีในสภาพแวดล้อมที่แออัด

    เทียบกับคู่แข่ง: Nvidia และ Intel

    แม้ว่า R9700 จะมี VRAM เท่ากับ Nvidia RTX 5090 (32GB) แต่ราคาถูกกว่าครึ่ง ขณะที่ RTX 5090 มีแบนด์วิดธ์สูงกว่า (1.79TB/s เทียบกับ 644GB/s) และมีจำนวน core มากกว่า (21,760 เทียบกับ 4,096) ทำให้ RTX 5090 เหมาะกับงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงสุด

    ในฝั่ง Intel ก็มี Arc Pro B60 Dual ที่รวมสอง GPU เข้าด้วยกัน ให้ VRAM รวม 48GB และใช้สถาปัตยกรรม Xe2 “Battlemage” โดยมีราคาประมาณ $1,200 เช่นกัน เหมาะกับงาน inference ขนาดใหญ่ที่ต้องการความจุหน่วยความจำมาก

    การเปิดตัว Radeon AI Pro R9700 สู่ตลาด DIY
    เดิมจำกัดการขายเฉพาะ OEM และ SI
    ผู้ใช้ Reddit รายงานว่าได้ซื้อรุ่น Gigabyte “AI Top” จากร้านค้าปลีก
    ราคาอยู่ที่ประมาณ $1,324 รวมภาษีและค่าขนส่ง

    สเปกเด่นของ R9700
    ใช้ชิป Navi 48 พร้อม 64 Compute Units และ 128 AI Accelerators
    VRAM ขนาด 32GB GDDR6 บนบัส 256-bit
    ประสิทธิภาพสูงสุด 96 TFLOPs FP16 และ 1,531 TOPS INT4

    การออกแบบและการใช้งาน
    ใช้พัดลมแบบ blower-style เหมาะกับเซิร์ฟเวอร์
    รองรับงาน AI inference และ LLM ขนาดใหญ่แบบ local
    ใช้ PCIe 5.0 x16 และมีขนาด 2-slot

    เปรียบเทียบกับคู่แข่ง
    RTX 5090 มีพลังประมวลผลสูงกว่า แต่ราคาสูงถึง $1,999
    Intel Arc Pro B60 Dual มี VRAM 48GB และราคาประมาณ $1,200
    R9700 มีจุดเด่นด้านความคุ้มค่าและการใช้งาน local AI

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-elusive-radeon-ai-pro-r9700-makes-its-first-retail-appearance-for-the-diy-market-customer-on-reddit-buys-the-gigabyte-ai-top-variant-for-usd1-324
    🧠 Radeon AI Pro R9700: จากเบื้องหลังสู่มือผู้ใช้ DIY เดิมที AMD เปิดตัว Radeon AI Pro R9700 ในงาน Computex 2025 โดยตั้งใจให้เป็นการ์ดสำหรับงาน AI โดยเฉพาะ เช่นการรันโมเดล LLM ขนาดใหญ่แบบ local โดยใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 และชิป Navi 48 ที่มี 64 Compute Units และ 128 AI Accelerators พร้อม VRAM ขนาด 32GB GDDR6 บนบัส 256-bit แต่ตอนแรกการ์ดนี้จำกัดการขายเฉพาะ OEM และ System Integrator เท่านั้น จนกระทั่งมีผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งโพสต์ว่าเขาสามารถซื้อรุ่น Gigabyte “AI Top” ได้จากช่องทางค้าปลีกในราคา $1,324 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่การ์ดนี้หลุดออกสู่ตลาด DIY การ์ดรุ่นนี้ใช้พัดลมแบบ blower-style ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในเซิร์ฟเวอร์หรือแร็คมากกว่าพีซีทั่วไป เพราะสามารถระบายความร้อนได้ดีในสภาพแวดล้อมที่แออัด 📊 เทียบกับคู่แข่ง: Nvidia และ Intel แม้ว่า R9700 จะมี VRAM เท่ากับ Nvidia RTX 5090 (32GB) แต่ราคาถูกกว่าครึ่ง ขณะที่ RTX 5090 มีแบนด์วิดธ์สูงกว่า (1.79TB/s เทียบกับ 644GB/s) และมีจำนวน core มากกว่า (21,760 เทียบกับ 4,096) ทำให้ RTX 5090 เหมาะกับงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูงสุด ในฝั่ง Intel ก็มี Arc Pro B60 Dual ที่รวมสอง GPU เข้าด้วยกัน ให้ VRAM รวม 48GB และใช้สถาปัตยกรรม Xe2 “Battlemage” โดยมีราคาประมาณ $1,200 เช่นกัน เหมาะกับงาน inference ขนาดใหญ่ที่ต้องการความจุหน่วยความจำมาก ✅ การเปิดตัว Radeon AI Pro R9700 สู่ตลาด DIY ➡️ เดิมจำกัดการขายเฉพาะ OEM และ SI ➡️ ผู้ใช้ Reddit รายงานว่าได้ซื้อรุ่น Gigabyte “AI Top” จากร้านค้าปลีก ➡️ ราคาอยู่ที่ประมาณ $1,324 รวมภาษีและค่าขนส่ง ✅ สเปกเด่นของ R9700 ➡️ ใช้ชิป Navi 48 พร้อม 64 Compute Units และ 128 AI Accelerators ➡️ VRAM ขนาด 32GB GDDR6 บนบัส 256-bit ➡️ ประสิทธิภาพสูงสุด 96 TFLOPs FP16 และ 1,531 TOPS INT4 ✅ การออกแบบและการใช้งาน ➡️ ใช้พัดลมแบบ blower-style เหมาะกับเซิร์ฟเวอร์ ➡️ รองรับงาน AI inference และ LLM ขนาดใหญ่แบบ local ➡️ ใช้ PCIe 5.0 x16 และมีขนาด 2-slot ✅ เปรียบเทียบกับคู่แข่ง ➡️ RTX 5090 มีพลังประมวลผลสูงกว่า แต่ราคาสูงถึง $1,999 ➡️ Intel Arc Pro B60 Dual มี VRAM 48GB และราคาประมาณ $1,200 ➡️ R9700 มีจุดเด่นด้านความคุ้มค่าและการใช้งาน local AI https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-elusive-radeon-ai-pro-r9700-makes-its-first-retail-appearance-for-the-diy-market-customer-on-reddit-buys-the-gigabyte-ai-top-variant-for-usd1-324
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • ลือหนักมาก! "แม้ว" ดีลใหญ่ได้ "5 ตุลาการศาลรธน." ที่จะตัดสินคดี "อิ๊งค์" (15/08/68) #news1 #แม้วทักษิณ #เเพทองธารชินวัตร #ดีลลับ #5ตุลาการศาลรธน.
    ลือหนักมาก! "แม้ว" ดีลใหญ่ได้ "5 ตุลาการศาลรธน." ที่จะตัดสินคดี "อิ๊งค์" (15/08/68) #news1 #แม้วทักษิณ #เเพทองธารชินวัตร #ดีลลับ #5ตุลาการศาลรธน.
    Like
    Haha
    Angry
    Sad
    12
    2 Comments 0 Shares 360 Views 0 0 Reviews
  • Microsoft เปิดทางให้เกมเมอร์สาย Arm ได้เล่นเกม Xbox แบบติดตั้งจริง

    ก่อนหน้านี้ ถ้าใครใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป Arm เช่น Snapdragon X Elite หรือ Surface Laptop 7 แล้วอยากเล่นเกม Xbox บน Windows 11 ก็ต้องพึ่งพา “Xbox Cloud Gaming” เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าต้องมีอินเทอร์เน็ตแรง ๆ และไม่สามารถเล่นแบบออฟไลน์ได้เลย

    แต่ตอนนี้ Microsoft ได้ปล่อยอัปเดตใหม่ให้กับแอป Xbox บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm โดยเปิดให้ “ดาวน์โหลดเกมและเล่นแบบ native” ได้แล้ว!

    ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider เท่านั้น โดยต้องอัปเดตแอป Xbox PC เป็นเวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป

    การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมันเป็นสัญญาณว่า Microsoft กำลังเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะการมาของชิป Arm จาก Nvidia ที่ร่วมมือกับ MediaTek ซึ่งมีข่าวลือว่าจะเปิดตัวในปี 2025–2026 พร้อม GPU ระดับ RTX 5070!

    นอกจากนี้ Microsoft ยังร่วมมือกับ Epic Games เพื่อให้ระบบ Easy Anti-Cheat รองรับ Arm แล้ว ทำให้เกมออนไลน์หลายเกม เช่น Fortnite หรือ DOTA 2 สามารถเล่นได้บนเครื่อง Arm โดยไม่โดนบล็อกจากระบบป้องกันโกง

    แม้ว่า Arm จะยังไม่แรงเท่า x86 จาก Intel หรือ AMD แต่การพัฒนาเหล่านี้กำลังเปลี่ยนภาพของ “เกมเมอร์สายประหยัดพลังงาน” ให้กลายเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองในอนาคต

    Microsoft เปิดให้เล่นเกม Xbox แบบ native บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm
    ต้องเข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider
    ใช้แอป Xbox PC เวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป
    สามารถดาวน์โหลดเกมจาก Game Pass และเล่นแบบออฟไลน์ได้

    ความร่วมมือระหว่าง Windows และ Xbox เพื่อขยายเกมที่รองรับ
    Microsoft กำลังพัฒนาให้เกมใน Game Pass เล่นได้บน Arm มากขึ้น
    มีการปรับปรุงระบบเพื่อรองรับ anti-cheat บน Arm เช่น Easy Anti-Cheat

    การมาของชิป Arm จาก Nvidia อาจเปลี่ยนเกมในตลาด PC
    Nvidia ร่วมมือกับ MediaTek พัฒนาชิป N1X และ N1 สำหรับ Windows
    N1X อาจมี GPU ระดับ Blackwell เทียบเท่า RTX 5070
    คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 ถึงต้นปี 2026

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/microsoft-brings-native-xbox-app-gaming-to-windows-on-arm-pcs-hints-at-bigger-hardware-shift-ahead
    🎮 Microsoft เปิดทางให้เกมเมอร์สาย Arm ได้เล่นเกม Xbox แบบติดตั้งจริง ก่อนหน้านี้ ถ้าใครใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป Arm เช่น Snapdragon X Elite หรือ Surface Laptop 7 แล้วอยากเล่นเกม Xbox บน Windows 11 ก็ต้องพึ่งพา “Xbox Cloud Gaming” เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าต้องมีอินเทอร์เน็ตแรง ๆ และไม่สามารถเล่นแบบออฟไลน์ได้เลย แต่ตอนนี้ Microsoft ได้ปล่อยอัปเดตใหม่ให้กับแอป Xbox บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm โดยเปิดให้ “ดาวน์โหลดเกมและเล่นแบบ native” ได้แล้ว! 🎉 ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider เท่านั้น โดยต้องอัปเดตแอป Xbox PC เป็นเวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมันเป็นสัญญาณว่า Microsoft กำลังเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะการมาของชิป Arm จาก Nvidia ที่ร่วมมือกับ MediaTek ซึ่งมีข่าวลือว่าจะเปิดตัวในปี 2025–2026 พร้อม GPU ระดับ RTX 5070! นอกจากนี้ Microsoft ยังร่วมมือกับ Epic Games เพื่อให้ระบบ Easy Anti-Cheat รองรับ Arm แล้ว ทำให้เกมออนไลน์หลายเกม เช่น Fortnite หรือ DOTA 2 สามารถเล่นได้บนเครื่อง Arm โดยไม่โดนบล็อกจากระบบป้องกันโกง แม้ว่า Arm จะยังไม่แรงเท่า x86 จาก Intel หรือ AMD แต่การพัฒนาเหล่านี้กำลังเปลี่ยนภาพของ “เกมเมอร์สายประหยัดพลังงาน” ให้กลายเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองในอนาคต ✅ Microsoft เปิดให้เล่นเกม Xbox แบบ native บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm ➡️ ต้องเข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider ➡️ ใช้แอป Xbox PC เวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป ➡️ สามารถดาวน์โหลดเกมจาก Game Pass และเล่นแบบออฟไลน์ได้ ✅ ความร่วมมือระหว่าง Windows และ Xbox เพื่อขยายเกมที่รองรับ ➡️ Microsoft กำลังพัฒนาให้เกมใน Game Pass เล่นได้บน Arm มากขึ้น ➡️ มีการปรับปรุงระบบเพื่อรองรับ anti-cheat บน Arm เช่น Easy Anti-Cheat ✅ การมาของชิป Arm จาก Nvidia อาจเปลี่ยนเกมในตลาด PC ➡️ Nvidia ร่วมมือกับ MediaTek พัฒนาชิป N1X และ N1 สำหรับ Windows ➡️ N1X อาจมี GPU ระดับ Blackwell เทียบเท่า RTX 5070 ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 ถึงต้นปี 2026 https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/microsoft-brings-native-xbox-app-gaming-to-windows-on-arm-pcs-hints-at-bigger-hardware-shift-ahead
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน
    สัทธรรมลำดับที่ : 716
    ชื่อบทธรรม :- ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=716
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน
    --ท่านทั้งหลาย จงตัดป่าเถิด อย่าตัดต้นไม้ ;
    เพราะว่าภัยย่อมเกิด จากป่าต่างหาก.
    --ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงตัดป่าและความรกแห่งป่าเสีย แล้วเป็นคนไม่มีป่าเถิด.
    +--เพราะว่า #ตลอดเวลาที่กิเลสเพียงดังความรกของป่า ยังไม่ถูกตัดขาด
    เหลืออยู่แก่นระแม้สักว่าอณูเดียว ในนารีทั้งหลาย ;
    นระนั้น จักมีจิตปฏิพัทธ์ในนารีนั้น ตลอดกาลเพียงนั้น
    http://etipitaka.com/read/pali/25/52/?keywords=นรสฺส+นาริสุ
    เหมือนลูกวัวที่ยังกินนมแม่ ติดพันแม่วัวอยู่ ฉันใด ก็ฉันนั้น.
    ท่านจงถอนเยื่อใยแห่งจิตใจของตนเสีย เหมือนเขาถอนบัวสายในฤดูสารทด้วยมือ
    จงพอกพูนทางแห่งสันติเถิด เพราะว่านิพพานเป็นสิ่งที่พระสุคตแสดงไว้แล้ว.
    +--คนพาลย่อมคิดผิดว่า
    เราจักอยู่ในที่นี้ตลอดฤดูฝน จักอยู่ในที่นี้ตลอดฤดูหนาว และฤดูร้อน ดังนี้
    ย่อมไม่รู้อันตราย มัจจุย่อมพาเอาคนผู้มัวเมาในบุตรและปสุสัตว์
    มีมนัสข้องติดในอารมณ์ต่างๆ เหมือนห้วงน้ำใหญ่พาเอาชาวบ้านผู้หลับไป ฉะนั้น
    +--เมื่อบุคคลถูกมัจจุผู้ทำซึ่งที่สุดครอบงำแล้ว
    บุตรทั้งหลาย ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทานบิดา
    ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทาน ถึงพวกพ้องทั้งหลาย
    ก็ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทาน ความเป็นผู้ต้านทานไม่มีในญาติทั้งหลาย
    +--บัณฑิตทราบอำนาจประโยชน์นี้แล้ว
    พึงเป็นผู้สำรวมแล้วด้วยศีล
    พึงรีบชำระทางเป็นที่ไปสู่นิพพานพลันทีเดียว

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/36/30.
    http://etipitaka.com/read/thai/25/36/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๕๑/๓๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/51/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=716
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=716
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53
    ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน สัทธรรมลำดับที่ : 716 ชื่อบทธรรม :- ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=716 เนื้อความทั้งหมด :- --ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน --ท่านทั้งหลาย จงตัดป่าเถิด อย่าตัดต้นไม้ ; เพราะว่าภัยย่อมเกิด จากป่าต่างหาก. --ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงตัดป่าและความรกแห่งป่าเสีย แล้วเป็นคนไม่มีป่าเถิด. +--เพราะว่า #ตลอดเวลาที่กิเลสเพียงดังความรกของป่า ยังไม่ถูกตัดขาด เหลืออยู่แก่นระแม้สักว่าอณูเดียว ในนารีทั้งหลาย ; นระนั้น จักมีจิตปฏิพัทธ์ในนารีนั้น ตลอดกาลเพียงนั้น http://etipitaka.com/read/pali/25/52/?keywords=นรสฺส+นาริสุ เหมือนลูกวัวที่ยังกินนมแม่ ติดพันแม่วัวอยู่ ฉันใด ก็ฉันนั้น. ท่านจงถอนเยื่อใยแห่งจิตใจของตนเสีย เหมือนเขาถอนบัวสายในฤดูสารทด้วยมือ จงพอกพูนทางแห่งสันติเถิด เพราะว่านิพพานเป็นสิ่งที่พระสุคตแสดงไว้แล้ว. +--คนพาลย่อมคิดผิดว่า เราจักอยู่ในที่นี้ตลอดฤดูฝน จักอยู่ในที่นี้ตลอดฤดูหนาว และฤดูร้อน ดังนี้ ย่อมไม่รู้อันตราย มัจจุย่อมพาเอาคนผู้มัวเมาในบุตรและปสุสัตว์ มีมนัสข้องติดในอารมณ์ต่างๆ เหมือนห้วงน้ำใหญ่พาเอาชาวบ้านผู้หลับไป ฉะนั้น +--เมื่อบุคคลถูกมัจจุผู้ทำซึ่งที่สุดครอบงำแล้ว บุตรทั้งหลาย ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทานบิดา ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทาน ถึงพวกพ้องทั้งหลาย ก็ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทาน ความเป็นผู้ต้านทานไม่มีในญาติทั้งหลาย +--บัณฑิตทราบอำนาจประโยชน์นี้แล้ว พึงเป็นผู้สำรวมแล้วด้วยศีล พึงรีบชำระทางเป็นที่ไปสู่นิพพานพลันทีเดียว #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. 25/36/30. http://etipitaka.com/read/thai/25/36/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ธ. ขุ. ๒๕/๕๑/๓๐. http://etipitaka.com/read/pali/25/51/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%90 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=716 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53&id=716 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=53 ลำดับสาธยายธรรม : 53 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_53.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - [สำหรับสิ่งที่เรียกว่า “ไม่ใช่ของเธอ” นั้น ในสูตรอื่น (๑๘/๑๖๒ /๒๒๐) ทรงแสดงด้วย อาตนะภายนอกหก คือ รูปะ .... สัททะ .... คันธะ .... รสะ .... โผฏฐัพพะ .... ธัมมารัมมณะ ดังนี้ก็มี ; ในสูตรอื่นอีก (๑๒/๒๗๙/๒๘๗; ๑๗/๔๒/๗๑-๗๒) ทรงแสดงด้วย เบญจขันธ์ คือ รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ ดังนี้ก็มี ; ในสูตรอื่นอีก (๑๘/๑๐๐/๑๔๙) ทรงแสดงด้วย อายตนิกธรรมห้าหมวด คืออายตนะภายในหก .... อายตนะภายนอกหก .... วิญญาณหก .... สัมผัสหก .... เวทนาหก.... รวมเป็นสามสิบ ดังนี้ก็มี].
    -[สำหรับสิ่งที่เรียกว่า “ไม่ใช่ของเธอ” นั้น ในสูตรอื่น (๑๘/๑๖๒ /๒๒๐) ทรงแสดงด้วย อาตนะภายนอกหก คือ รูปะ .... สัททะ .... คันธะ .... รสะ .... โผฏฐัพพะ .... ธัมมารัมมณะ ดังนี้ก็มี ; ในสูตรอื่นอีก (๑๒/๒๗๙/๒๘๗; ๑๗/๔๒/๗๑-๗๒) ทรงแสดงด้วย เบญจขันธ์ คือ รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ ดังนี้ก็มี ; ในสูตรอื่นอีก (๑๘/๑๐๐/๑๔๙) ทรงแสดงด้วย อายตนิกธรรมห้าหมวด คืออายตนะภายในหก .... อายตนะภายนอกหก .... วิญญาณหก .... สัมผัสหก .... เวทนาหก.... รวมเป็นสามสิบ ดังนี้ก็มี]. ฆ่ากิเลสอย่าฆ่าคน ท่านทั้งหลาย จงตัดป่าเถิด อย่าตัดต้นไม้ ; เพราะว่าภัยย่อมเกิด จากป่าต่างหาก. ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย จงตัดป่าและความรกแห่งป่าเสีย แล้วเป็นคนไม่มีป่าเถิด. เพราะว่า ตลอดเวลาที่กิเลสเพียงดังความรกของป่า ยังไม่ถูกตัดขาด เหลืออยู่แก่นระแม้สักว่าอณูเดียว ในนารีทั้งหลาย ; นระนั้น จักมีจิตปฏิพัทธ์ในนารีนั้น ตลอดกาลเพียงนั้น เหมือนลูกวัวที่ยังกินนมแม่ ติดพันแม่วัวอยู่ ฉันใด ก็ฉันนั้น. ท่านจงถอนเยื่อใยแห่งจิตใจของตนเสีย เหมือนเขาถอนบัวสายในฤดูสารทด้วยมือ จงพอกพูนทางแห่งสันติเถิด เพราะว่านิพพานเป็นสิ่งที่พระสุคตแสดงไว้แล้ว.
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • Apple M5 กับ LMC: ก้าวแรกสู่ยุค CoWoS และชิปหลายชั้นที่ทรงพลังยิ่งขึ้น

    Apple กำลังเตรียมเปิดตัวชิป M5 สำหรับ Mac รุ่นใหม่ในปี 2026 โดยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญด้านการบรรจุชิป (packaging) ด้วยการใช้วัสดุใหม่ที่เรียกว่า LMC หรือ Liquid Molding Compound ซึ่งจะช่วยให้ชิปมีความแข็งแรงมากขึ้น ระบายความร้อนได้ดีขึ้น และรองรับการออกแบบแบบ multi-die ที่ซับซ้อนมากขึ้นในอนาคต

    วัสดุ LMC นี้จะถูกผลิตโดย Eternal Materials จากไต้หวัน ซึ่งสามารถเอาชนะผู้ผลิตจากญี่ปุ่นที่ครองตลาดมานานอย่าง Namics และ Nagase ได้สำเร็จ โดย TSMC ได้ผ่านการรับรองคุณภาพของ LMC แล้ว และกำลังทดสอบเพื่อใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี CoWoS (Chip-on-Wafer-on-Substrate) ซึ่งเป็นระบบการบรรจุชิปขั้นสูงที่ใช้ในชิป AI และ HPC ระดับสูง

    แม้ว่า M5 จะยังไม่ใช้ CoWoS เต็มรูปแบบ แต่การเลือกใช้ LMC ที่รองรับ CoWoS ได้ถือเป็นการวางรากฐานสำหรับชิป M6 และ M7 ในอนาคต ที่อาจใช้ CoWoS หรือแม้แต่ CoPoS (Chip-on-Package-on-Substrate) ซึ่งรองรับการวางชิปหลายตัวในแพ็กเกจเดียว เพิ่มทั้งประสิทธิภาพและแบนด์วิดท์

    Apple เลือกใช้ LMC สำหรับชิป M5 ใน Mac รุ่นปี 2026
    เป็นวัสดุใหม่ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและการระบายความร้อน

    Eternal Materials จากไต้หวันเป็นผู้ผลิต LMC รายเดียวที่ได้รับเลือก
    เอาชนะผู้ผลิตจากญี่ปุ่นที่ครองตลาดมานาน

    TSMC ผ่านการรับรองคุณภาพของ LMC และกำลังทดสอบร่วมกับ CoWoS
    เตรียมใช้งานจริงในปี 2026 และขยายบทบาทในปี 2027–2028

    CoWoS คือเทคโนโลยีการบรรจุชิปที่ใช้ในชิป AI และ HPC
    รองรับการวางชิปหลายตัวในแพ็กเกจเดียว เพิ่มแบนด์วิดท์และประสิทธิภาพ

    สำหรับ iPhone A20 จะใช้ MUF (Molding Underfill) แบบใหม่
    ลดขั้นตอนการผลิตและเพิ่ม yield โดยใช้แพ็กเกจ WMCM (Wafer-level Multi-Chip Module)

    Apple วางแผนใช้ CoPoS ในอนาคต ซึ่งจะเพิ่มการใช้ LMC อีก 30%
    รองรับการออกแบบชิปที่ซับซ้อนและมี footprint ใหญ่ขึ้น

    https://www.techpowerup.com/339870/apple-m5-silicon-adopts-lmc-packaging-paving-the-way-for-cowos
    🧠🔧 Apple M5 กับ LMC: ก้าวแรกสู่ยุค CoWoS และชิปหลายชั้นที่ทรงพลังยิ่งขึ้น Apple กำลังเตรียมเปิดตัวชิป M5 สำหรับ Mac รุ่นใหม่ในปี 2026 โดยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญด้านการบรรจุชิป (packaging) ด้วยการใช้วัสดุใหม่ที่เรียกว่า LMC หรือ Liquid Molding Compound ซึ่งจะช่วยให้ชิปมีความแข็งแรงมากขึ้น ระบายความร้อนได้ดีขึ้น และรองรับการออกแบบแบบ multi-die ที่ซับซ้อนมากขึ้นในอนาคต วัสดุ LMC นี้จะถูกผลิตโดย Eternal Materials จากไต้หวัน ซึ่งสามารถเอาชนะผู้ผลิตจากญี่ปุ่นที่ครองตลาดมานานอย่าง Namics และ Nagase ได้สำเร็จ โดย TSMC ได้ผ่านการรับรองคุณภาพของ LMC แล้ว และกำลังทดสอบเพื่อใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี CoWoS (Chip-on-Wafer-on-Substrate) ซึ่งเป็นระบบการบรรจุชิปขั้นสูงที่ใช้ในชิป AI และ HPC ระดับสูง แม้ว่า M5 จะยังไม่ใช้ CoWoS เต็มรูปแบบ แต่การเลือกใช้ LMC ที่รองรับ CoWoS ได้ถือเป็นการวางรากฐานสำหรับชิป M6 และ M7 ในอนาคต ที่อาจใช้ CoWoS หรือแม้แต่ CoPoS (Chip-on-Package-on-Substrate) ซึ่งรองรับการวางชิปหลายตัวในแพ็กเกจเดียว เพิ่มทั้งประสิทธิภาพและแบนด์วิดท์ ✅ Apple เลือกใช้ LMC สำหรับชิป M5 ใน Mac รุ่นปี 2026 ➡️ เป็นวัสดุใหม่ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและการระบายความร้อน ✅ Eternal Materials จากไต้หวันเป็นผู้ผลิต LMC รายเดียวที่ได้รับเลือก ➡️ เอาชนะผู้ผลิตจากญี่ปุ่นที่ครองตลาดมานาน ✅ TSMC ผ่านการรับรองคุณภาพของ LMC และกำลังทดสอบร่วมกับ CoWoS ➡️ เตรียมใช้งานจริงในปี 2026 และขยายบทบาทในปี 2027–2028 ✅ CoWoS คือเทคโนโลยีการบรรจุชิปที่ใช้ในชิป AI และ HPC ➡️ รองรับการวางชิปหลายตัวในแพ็กเกจเดียว เพิ่มแบนด์วิดท์และประสิทธิภาพ ✅ สำหรับ iPhone A20 จะใช้ MUF (Molding Underfill) แบบใหม่ ➡️ ลดขั้นตอนการผลิตและเพิ่ม yield โดยใช้แพ็กเกจ WMCM (Wafer-level Multi-Chip Module) ✅ Apple วางแผนใช้ CoPoS ในอนาคต ซึ่งจะเพิ่มการใช้ LMC อีก 30% ➡️ รองรับการออกแบบชิปที่ซับซ้อนและมี footprint ใหญ่ขึ้น https://www.techpowerup.com/339870/apple-m5-silicon-adopts-lmc-packaging-paving-the-way-for-cowos
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Apple M5 Silicon Adopts LMC Packaging, Paving the Way for CoWoS
    According to the well-known Apple insider Ming-Chi Kuo, Apple has reworked a part of its semiconductor supply chain by awarding Taiwan's Eternal Materials exclusive roles in supplying key packaging compounds for its 2026 iPhone and Mac processors. Eternal will supply molding underfill, known as MUF,...
    0 Comments 0 Shares 141 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    สัทธรรมลำดับที่ : 714
    ชื่อบทธรรม :- อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    --ภิกษุ ท. ! นักรบอาชีพที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ
    ย่อมเป็นผู้ ควรแก่พระราชา เป็นผู้ที่พระราชาควรใช้สอย
    ถึงการนับว่าเป็นองค์อวัยวะของพระราชา.
    องค์สี่ประการ อย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ นักรบอาชีพในกรณีนี้
    ๑.เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง (ศีล-ปาติโมกขสังวร)
    ๒.เป็นผู้ยิงได้ไกล (ปัญญา-ญาณ)
    ๓.เป็นผู้ยิงได้เร็ว (อริยสัจจ)และ
    ๔.เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ๆ(อวิชชา)ได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรมสี่ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ
    เป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล
    เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.
    ธรรมสี่ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการคือ ภิกษุในกรณีนี้
    เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร
    http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=สีลวา+โหติ
    ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร
    มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย
    สมาทานศึกษา อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย.
    นี้แล #ภิกษุผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมเห็นตามที่เป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ
    ซึ่งรูปใดๆอันเป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน
    ที่เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด
    เลวหรือประณีตมีในที่ใกล้หรือในที่ไกล อย่างนี้ว่า
    “รูปทั้งปวงนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา”
    ดังนี้.

    (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน).

    นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้ไกล.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้เร็ว เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า
    “นี้ทุกข์
    นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์
    นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
    นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”
    ดังนี้.
    นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้เร็ว.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้ เป็นอย่างไรเล่า ?
    คือ ภิกษุในกรณีนี้
    ย่อมทำลายกองอวิชชาใหญ่ได้.
    นี้แล #ภิกษุผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้.
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรมสี่ประการเหล่านี้แล
    ย่อมเป็นอาหุเนยยบุคคล
    ปาหุเนยยบุคคล
    ทักขิเณยยบุคคล
    อัญชลิกรณียบุคคล
    เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.-
    (การรู้อริยสัจทั้งสี่ ท่านจัดเป็นสัมมาทิฏฐิ
    แต่เป็นสัมมาทิฏฐิที่รวดเร็วกว่าสัมมาทิฏฐิอื่นๆ
    ในการทำลายกิเลส บรรลุนิพพาน
    ดังนั้นจึงเรียกในที่นี้ว่า #ญาณประเภทยิงเร็ว
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/165/181.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/165/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๓๑/๑๘๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=714
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52
    ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว สัทธรรมลำดับที่ : 714 ชื่อบทธรรม :- อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714 เนื้อความทั้งหมด :- --อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว --ภิกษุ ท. ! นักรบอาชีพที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ ย่อมเป็นผู้ ควรแก่พระราชา เป็นผู้ที่พระราชาควรใช้สอย ถึงการนับว่าเป็นองค์อวัยวะของพระราชา. องค์สี่ประการ อย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ นักรบอาชีพในกรณีนี้ ๑.เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง (ศีล-ปาติโมกขสังวร) ๒.เป็นผู้ยิงได้ไกล (ปัญญา-ญาณ) ๓.เป็นผู้ยิงได้เร็ว (อริยสัจจ)และ ๔.เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ๆ(อวิชชา)ได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรมสี่ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ เป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า. ธรรมสี่ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการคือ ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=สีลวา+โหติ ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษา อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย. นี้แล #ภิกษุผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเห็นตามที่เป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ ซึ่งรูปใดๆอันเป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน ที่เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีตมีในที่ใกล้หรือในที่ไกล อย่างนี้ว่า “รูปทั้งปวงนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้. (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน). นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้ไกล. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้เร็ว เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า “นี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์” ดังนี้. นี้แล #ภิกษุผู้ยิงได้เร็ว. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำลายกองอวิชชาใหญ่ได้. นี้แล #ภิกษุผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรมสี่ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.- (การรู้อริยสัจทั้งสี่ ท่านจัดเป็นสัมมาทิฏฐิ แต่เป็นสัมมาทิฏฐิที่รวดเร็วกว่าสัมมาทิฏฐิอื่นๆ ในการทำลายกิเลส บรรลุนิพพาน ดังนั้นจึงเรียกในที่นี้ว่า #ญาณประเภทยิงเร็ว ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/165/181. http://etipitaka.com/read/thai/21/165/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๓๑/๑๘๑. http://etipitaka.com/read/pali/21/231/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%98%E0%B9%91 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=714 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52&id=714 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=52 ลำดับสาธยายธรรม : 52 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_52.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว
    -อริยสัจจญาณ เป็นญาณประเภทยิงเร็ว ภิกษุ ท. ! นักรบอาชีพที่ประกอบด้วยองค์ ๔ ประการ ย่อมเป็นผู้ ควรแก่พระราชา เป็นผู้ที่พระราชาควรใช้สอย ถึงการนับว่าเป็นองค์อวัยวะของพระราชา. องค์สี่ประการ อย่างไรเล่า ? สี่ประการคือ นักรบอาชีพในกรณีนี้เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ๆได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรมสี่ประการ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ เป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า. ธรรมสี่ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการคือ ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นผู้ยิงได้เร็ว และเป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจร มีปกติเห็นเป็นภัยในโทษทั้งหลายแม้ว่าเป็นโทษเล็กน้อย สมาทานศึกษา อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย. นี้แล ภิกษุผู้ฉลาดในฐานที่ตั้ง. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้ไกล เป็นอย่างไรเล่า ? คือภิกษุในกรณีนี้ ย่อมเห็นตามที่เป็นจริงด้วยปัญญาอันชอบ ซึ่งรูปใดๆอันเป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน ที่เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีตมีในที่ใกล้หรือในที่ไกล อย่างนี้ว่า “รูปทั้งปวงนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา” ดังนี้. (ในกรณีแห่งเวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน). นี้แล ภิกษุผู้ยิงได้ไกล. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ยิงได้เร็ว เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า “นี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์”ดังนี้. นี้แล ภิกษุผู้ยิงได้เร็ว. ภิกษุ ท. ! ภิกษุที่เป็นผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมทำลายกองอวิชชาใหญ่ได้. นี้แล ภิกษุผู้ทำลายกองทัพใหญ่ได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรมสี่ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยยบุคคล ทักขิเณยยบุคคล อัญชลิกรณียบุคคล เป็นนาบุญของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า.
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • ..ฉันเคยอยากออกบวชเพื่อทำที่สุดทุกข์ให้ได้.." เคยถามแม่ตอนเด็กเล็กๆ6-7ขวบ."ว่าสุดขอบฟ้าอยู่ตรงไหนเราเดินออกจากโลกนี้กันเถอะ แม่นิ่ง..ฉันแสวงหาความหมายของชีวิตว่าเกิดมาทำไม?ไปโบถส์เรียนคำสอนอื่นๆ เป็นพุทธแค่ในทะเบียนบ้านแต่ใจไม่มีศาสนาอะไรเลย อายุยี่สิบก่วาอยากมีลูกเพื่อให้เขาบวชแทนฉันทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ"..คืนหนึ่งนอนหลับและฝันไปว่าผู้คนมากมายเบียดกันแทบไม่มีช่องว่างและฆ่าฟันกันกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันสำคัญว่าเป็นเนื้อสัตว์เท่านั้น"..ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพูดกับฉันว่าเธออยากให้ลูกเธอเกิดมาในกาลียุคเช่นนี้หรือ..เห็นเลือดท่วมข้อเท้าช้างนองไปทั่วพื้น"ตื่นจากฝันเลยเปลี่ยนความคิดว่าไม่ดีก่วาและการจะให้ใครมาทำความฝันให้มันไม่ยุติธรรมกับเขาเลย.ความคิดพับเก็บ..แต่การอยากมีลูกของฉันนั้นคือต้องไม่มีแฟนนะทำเด็กหลอดแก้วประมาณนั้น"...แม่เคยเล่าว่าฉันเกิดมาเกือบทำให้แม่ต้องตายเจ็บท้องทรมานถึง7วัน7คืนมีเสียงปริศนามาบอกให้แม่ไปคลอดฉันที่ใต้ต้นมะขามใหญ่หน้าหมู่บ้านแม่ไม่ไปทนเจ็บอยู่บ้านหลังหนึ่งอยู่นาน ในที่สุดก็ต้องขนย้ายกันไปบ้านอีกหลังแล้วก็คลอดฉันออกมาลูกหลงสุดท้องอย่างฉันเป็นความหวังของพี่ว่าจะได้น้องชายแต่กับเป็นผู้หญิงเขาก็พากันผิดหวัง "แต่ฉันเป็นผู้หญิงแต่ใจแมนมาก"แม่ฉันชอบสร้างหนังสือพระไตรปิฎกถวายวัดเสมอเลยสงสัยถามแม่ว่าดียังไงเหรอ แม่บอกอยากรู้ก็อ่านเองซิ แต่ฉันอ่านหนังสือตัวกูของกูของหลวงพ่อพุทธทาสก่อนเลยเกิดศรัธทา เลยลองอ่านพระไตรปิฎกดูอ่านแล้ววางไม่ลงเลยเป็นอะไรที่น่าสนใจมากหลายอย่างไม่เข้าใจหรอกไม่มีสภาวะ(ประสบการณ์ตรง)แต่ก็อ่านจบใช้เวลา3เดือน6วันครั้งแรกและอ่านจนครบ9รอบมันน่าทึ่งมากที่มีอัจฉริยะมนุษย์อย่างพระพุทธเจ้าเกิดมาตรัสรู้อะไรแบบนี้ได้สุดยอดมากๆยังไม่ค่อยเข้าใจก็ค่อยๆเรียนรู้คู่ไปกับการปฎิบัติด้วยตัวเองหัดนั่งสมาธิที่บ้านนั่งทั้งวันโดยไม่กินข้าวไม่อาบน้ำทำอยู่แบบนั้นมันเจ็บปวดทรมานร่างกายสุดๆเหมือนตัวจะระเบิดตัวร้อนเหมือนไฟเหงื่อออกมาไหลเป็นน้ำร้อนกระเพาะก็ร้องหิวแต่จิตฉันไม่หิวร่างกายเจ็บปวดแต่จิตไม่เจ็บปวดใดๆเลยตัวเริ่มแข็งคอแข็งจากนั้นกลางระหว่างคิ้วมีแสงพุ่งออกมาคล้ายตาที่สามเปิดความรู้ๆทุกอย่างแล้วกาย&จิต ก็แยกออกจากกันให้รู้ในคราวนั้น ฉันก็ฝึกเองมาเรื่อยๆต่อมาฉันนั่งสมาธิจากตัวแข็งรับรู้ตรงกลางระห่วางคิ้วจากนั้นหัวตึงไปหมดความรู้สึกสุดท้ายตรงกลางกระหม่อมเหมือนจิตพุ่งหลุดออกจากกายๆฉันหายไปพร้อมเวทนาทางกายหายไปจนหมดสิ้น มีแต่รู้ๆว่างๆอยู่แบบนั้น นั่งสมาธิคราวใดก็จะเข้าสมาธิเร็วและกายหายไปเป็นแบบนั้นอยู่2ปีเลยเลิกนั่งสมาธิเพราะไม่รู้จะถามใครได้ จนกระทั่งได้ฟังคำบรรยายธรรมของหลวงปูดุลย์ อตุโล จึงเข้าใจและไปต่อได้ หลวงปู่สอนว่ามีตัวรู้ในขันธ์5 และธาตุรู้โดยธรรมชาติไม่เกี่ยวกับขันธ์5ใดๆเลย"ฉันได้เกิดใหม่อีกครั้งโดยธรรมบุญในครี้งนี้ได้มาเพราะ"แม่ของฉันเธอคือแสงสว่างและความรักที่ไร้เงื่อนไขใดๆไม่คาดหวัง ไม่เรียกร้อง อ้อมกอดของแม่เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุด.."ฉันรู้ว่าถ้าฉันมีลูกฉันจะต้องตายเพราะฉะนั้นฉันจึงตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าเมื่อต้องเอาชีวิตเข้าแรก เด็กคนนั้นต้องเป็นอัจฉริยะมนุษย์มีบุญญาธิการเพื่อมาช่วยปลุกสัตว์ให้ตื่นเท่านั้นถ้าไม่ได้เช่นนั้นฉันจะไม่รับเด็ดขาดฉันยังมีความคาดหวังแต่ไม่ใช่กิเลสแต่เป็นกุศล..บุญใดที่ลูกคนนี้ได้ทำแล้วและจะทำต่อไปบุญนั้นแม่พ่อบรรพบุรุษตลอดทั้งผู้ดูแลรักษาข้าพเจ้ามีส่วนในบุญนั้นๆด้วยเสมอสาธุ(บุญเป็นชื่อของความสุขเมื่อทำแล้วสุขใจก็เป็นบุญแล้ว"หลวงพ่อพุทธทาสได้กล่าวไว้.
    🧘‍♀️..ฉันเคยอยากออกบวชเพื่อทำที่สุดทุกข์ให้ได้.." เคยถามแม่ตอนเด็กเล็กๆ6-7ขวบ."ว่าสุดขอบฟ้าอยู่ตรงไหนเราเดินออกจากโลกนี้กันเถอะ แม่นิ่ง..ฉันแสวงหาความหมายของชีวิตว่าเกิดมาทำไม?ไปโบถส์เรียนคำสอนอื่นๆ เป็นพุทธแค่ในทะเบียนบ้านแต่ใจไม่มีศาสนาอะไรเลย อายุยี่สิบก่วาอยากมีลูกเพื่อให้เขาบวชแทนฉันทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ"..คืนหนึ่งนอนหลับและฝันไปว่าผู้คนมากมายเบียดกันแทบไม่มีช่องว่างและฆ่าฟันกันกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันสำคัญว่าเป็นเนื้อสัตว์เท่านั้น"..ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพูดกับฉันว่าเธออยากให้ลูกเธอเกิดมาในกาลียุคเช่นนี้หรือ..เห็นเลือดท่วมข้อเท้าช้างนองไปทั่วพื้น"ตื่นจากฝันเลยเปลี่ยนความคิดว่าไม่ดีก่วาและการจะให้ใครมาทำความฝันให้มันไม่ยุติธรรมกับเขาเลย.ความคิดพับเก็บ..แต่การอยากมีลูกของฉันนั้นคือต้องไม่มีแฟนนะทำเด็กหลอดแก้วประมาณนั้น"...แม่เคยเล่าว่าฉันเกิดมาเกือบทำให้แม่ต้องตายเจ็บท้องทรมานถึง7วัน7คืนมีเสียงปริศนามาบอกให้แม่ไปคลอดฉันที่ใต้ต้นมะขามใหญ่หน้าหมู่บ้านแม่ไม่ไปทนเจ็บอยู่บ้านหลังหนึ่งอยู่นาน ในที่สุดก็ต้องขนย้ายกันไปบ้านอีกหลังแล้วก็คลอดฉันออกมาลูกหลงสุดท้องอย่างฉันเป็นความหวังของพี่ว่าจะได้น้องชายแต่กับเป็นผู้หญิงเขาก็พากันผิดหวัง "แต่ฉันเป็นผู้หญิงแต่ใจแมนมาก"แม่ฉันชอบสร้างหนังสือพระไตรปิฎกถวายวัดเสมอเลยสงสัยถามแม่ว่าดียังไงเหรอ แม่บอกอยากรู้ก็อ่านเองซิ แต่ฉันอ่านหนังสือตัวกูของกูของหลวงพ่อพุทธทาสก่อนเลยเกิดศรัธทา เลยลองอ่านพระไตรปิฎกดูอ่านแล้ววางไม่ลงเลยเป็นอะไรที่น่าสนใจมากหลายอย่างไม่เข้าใจหรอกไม่มีสภาวะ(ประสบการณ์ตรง)แต่ก็อ่านจบใช้เวลา3เดือน6วันครั้งแรกและอ่านจนครบ9รอบมันน่าทึ่งมากที่มีอัจฉริยะมนุษย์อย่างพระพุทธเจ้าเกิดมาตรัสรู้อะไรแบบนี้ได้สุดยอดมากๆยังไม่ค่อยเข้าใจก็ค่อยๆเรียนรู้คู่ไปกับการปฎิบัติด้วยตัวเองหัดนั่งสมาธิที่บ้านนั่งทั้งวันโดยไม่กินข้าวไม่อาบน้ำทำอยู่แบบนั้นมันเจ็บปวดทรมานร่างกายสุดๆเหมือนตัวจะระเบิดตัวร้อนเหมือนไฟเหงื่อออกมาไหลเป็นน้ำร้อนกระเพาะก็ร้องหิวแต่จิตฉันไม่หิวร่างกายเจ็บปวดแต่จิตไม่เจ็บปวดใดๆเลยตัวเริ่มแข็งคอแข็งจากนั้นกลางระหว่างคิ้วมีแสงพุ่งออกมาคล้ายตาที่สามเปิดความรู้ๆทุกอย่างแล้วกาย&จิต ก็แยกออกจากกันให้รู้ในคราวนั้น ฉันก็ฝึกเองมาเรื่อยๆต่อมาฉันนั่งสมาธิจากตัวแข็งรับรู้ตรงกลางระห่วางคิ้วจากนั้นหัวตึงไปหมดความรู้สึกสุดท้ายตรงกลางกระหม่อมเหมือนจิตพุ่งหลุดออกจากกายๆฉันหายไปพร้อมเวทนาทางกายหายไปจนหมดสิ้น มีแต่รู้ๆว่างๆอยู่แบบนั้น นั่งสมาธิคราวใดก็จะเข้าสมาธิเร็วและกายหายไปเป็นแบบนั้นอยู่2ปีเลยเลิกนั่งสมาธิเพราะไม่รู้จะถามใครได้ จนกระทั่งได้ฟังคำบรรยายธรรมของหลวงปูดุลย์ อตุโล จึงเข้าใจและไปต่อได้ หลวงปู่สอนว่ามีตัวรู้ในขันธ์5 และธาตุรู้โดยธรรมชาติไม่เกี่ยวกับขันธ์5ใดๆเลย"ฉันได้เกิดใหม่อีกครั้งโดยธรรมบุญในครี้งนี้ได้มาเพราะ"แม่ของฉันเธอคือแสงสว่างและความรักที่ไร้เงื่อนไขใดๆไม่คาดหวัง ไม่เรียกร้อง อ้อมกอดของแม่เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุด.."ฉันรู้ว่าถ้าฉันมีลูกฉันจะต้องตายเพราะฉะนั้นฉันจึงตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าเมื่อต้องเอาชีวิตเข้าแรก เด็กคนนั้นต้องเป็นอัจฉริยะมนุษย์มีบุญญาธิการเพื่อมาช่วยปลุกสัตว์ให้ตื่นเท่านั้นถ้าไม่ได้เช่นนั้นฉันจะไม่รับเด็ดขาดฉันยังมีความคาดหวังแต่ไม่ใช่กิเลสแต่เป็นกุศล..บุญใดที่ลูกคนนี้ได้ทำแล้วและจะทำต่อไปบุญนั้นแม่พ่อบรรพบุรุษตลอดทั้งผู้ดูแลรักษาข้าพเจ้ามีส่วนในบุญนั้นๆด้วยเสมอสาธุ🔆🙇‍♀️(บุญเป็นชื่อของความสุขเมื่อทำแล้วสุขใจก็เป็นบุญแล้ว"หลวงพ่อพุทธทาสได้กล่าวไว้.
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 0 Reviews
  • วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีปลอดภัยและจำเป็นจริงหรือ?
    ก่อนคิดจะไปรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ควรอ่านข้อมูลต่อไปนี้ก่อน
    การระบาดของไวรัสตับอักเสบเป็นผลโดยตรงจาก "วัคซีน" โควิดของแอสตร้าเซนเนก้า
    https://www.naturalnews.com/2022-07-19-hepatitis-children-direct-result-astrazeneca-covid-vaccine.html

    คลิป ดร. มิโคลาจ ราเซก กล่าวว่า ADE อาจทำให้เกิด 'โรคตับอักเสบปริศนา' ในผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด
    https://t.me/thailand_covid_vaccine_chat/52986
    ______________________________
    ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี นั่นเป็นเรื่องที่ยาว ฉันจะพูดสั้นๆ โรคตับอักเสบบี คือการติดเชื้อที่แพร่ระบาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้หญิงจำนวนมากเป็นโรคตับอักเสบบี

    มันคือ… มันเป็นสองสถานการณ์ที่แตกต่างกัน

    1) แม่ไม่มีโรคตับอักเสบบี แต่พวกเขา (วงการยา) ต้องการให้วัคซีนแก่ทารก เพราะพวกเขาคิดว่า ทารกจะติดเชื้อจากที่ไหนสักแห่ง นั่นไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำ อันที่จริงฉันพูดตั้งแต่วัคซีนออกมาในปี 1991 ฉันพูดว่าถ้าฉันรวย และไม่มีอะไรทำ ฉันจะใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิต เพื่อพยายามกำจัดวัคซีนตัวนี้ เพราะมันเป็นพิษ มันสร้างความเสียหาย และไม่จำเป็นเลย

    2) ทีนี้ถ้าแม่เป็นโรคตับอักเสบบี มีข้อสันนิษฐานว่า ทารกจะติดเชื่อจากแม่โดยอัตโนมัติ ผ่านรก และทารกจะติดเชื้อตับอักเสบบีออกมา และผลการวิจัยพบว่า นั้นไม่เป็นความจริง อันที่จริง รกจะช่วยปกป้องทารก จากการติดโรคตับอักเสบบี ดังนั้นพวกเขาต้องการให้ลูกน้อยของคุณ เข้ารับการรักษาครั้งใหญ่โดยใช้ แอนติบอดี Hep B Ig (โกลบูลินภูมิคุ้มกันโรคตับอักเสบบี) ซึ่งพวกเขาเรียกว่า (HBIG) [Hep B Ig ( Hepatitis B immune globulin) antibody (HBIG) ] และพวกเขาทำสิ่งต่างๆ มากมายกับเด็กๆ เหล่านั้น

    หากแม่ของพวกเขา ตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบีล่วงหน้า นั่นเป็นเรื่องยาว ฉันไม่อยากใช้เวลาที่เหลือคุยแต่เรื่องนี้ แต่ถ้าพ่อแม่หรือคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด ‘ไม่เป็น’ ตับอักเสบบี ลูกของคุณไม่จำเป็นต้องเป็นตับอักเสบบี โรคตับอักเสบบี เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ได้ติดต่อทางอากาศ มันไม่แพร่เชื้อทางน้ำลาย หรือผ่านการใช้แปรงสีฟันร่วมกัน แม้ว่าพวกเขาจะบอกคุณแบบนั้นก็ตาม มันเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์ หรือ ใช้เข็มที่ปนเปื้อนร่วมกัน และฉันไม่คิดว่าทารกแรกเกิดของคุณ จะทำอะไรพวกนั้น ดังนั้น จึงไม่ใช่วัคซีนที่จำเป็น

    ดร. เทนเพนนีใช้เวลามากกว่า 24 ปีในการวิจัย บันทึก และเปิดเผยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ท่านเป็นวิทยากรระดับนานาชาติ และเป็นแขกประจำในรายการวิทยุ พอดแคสต์ และรายการทีวี โดยท่านแบ่งปันข้อมูลที่ได้รับการวิจัยอย่างสูงของท่านว่าเหตุใดเราจึงควรปฏิเสธวัคซีนในเด็ก

    อ่านบทสนทนาที่ถอดเสียงและแปลไทยจากคลิปที่นี้ --> https://www.rookon.com/?p=1112
    ______________________________
    โรคตับอักเสบในเด็ก สมมติฐานจนถึงปัจจุบัน:
    1. เด็กได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มีพิษ ซึ่งไวรัสตับอักเสบเป็นผลโดยตรงจากการฉีดยา ซึ่งอาจเกิดจากการเข้าร่วมการทดลองในวัยเด็ก หรือจากการข้ามช่วงอายุอย่างเป็นทางการ
    2. เด็กได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มีพิษ ซึ่งไวรัสตับอักเสบเป็นผลโดยตรงจากการฉีดยาของแม่ ซึ่งความเป็นพิษจะถ่ายทอดผ่านน้ำนม
    3. การติดเชื้อจากสมาชิกในครอบครัว ครู หรือผู้ดูแล ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการใช้น้ำร่วมกัน การหายใจออก ฯลฯ
    4. เด็กได้รับสารให้ความหวานเทียมที่เป็นพิษในปริมาณมาก เช่น แอสปาร์แตม
    5. ตารางการฉีดวัคซีนในวัยเด็กทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขาอ่อนแอลง นำไปสู่โรคตับอักเสบ
    6. โรคตับอักเสบเป็นผลมาจากภาวะพร่องออกซิเจนจากการสวมหน้ากากอนามัย (https://t.me/robinmg/19155)

    เราไม่นับรวมเด็กที่ไม่ได้ "ฉีดวัคซีน" และไม่สวมหน้ากากที่อาศัยอยู่และดูแลโดยผู้ที่ไม่ได้ "ฉีดวัคซีน" และในที่นี้เราต้องชี้ให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนในวัยเด็กอื่นๆ รวมถึงจำนวนมหาศาลของวัคซีนเหล่านั้น อาจก่อให้เกิดโรคตับอักเสบอันเป็นผลมาจากการติดเชื้อไวรัสจำนวนมาก ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง โอกาสเกิดจะน้อยมาก

    ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนคือโรคตับอักเสบในวัยเด็กในชุมชนที่ไม่ยอมให้บุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนตามตารางการฉีดวัคซีนหรือขั้นตอนการสวมหน้ากากที่เข้มงวด ซึ่งแน่นอนว่าเด็กเหล่านี้มีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีโรคตับอักเสบ

    สรุป: เกือบจะแน่นอนว่าเป็น "วัคซีน" แม้ว่าจะมาจากน้ำนมแม่ การหลั่งน้ำนม หรือความเป็นพิษจาก "วัคซีน" อื่นๆ ในวัยเด็กที่ผสมกัน ซึ่งรุนแรงขึ้นจากภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจากการสวมหน้ากาก
    https://t.me/robinmg/19154
    ______________________________
    MMR (Measles,Mumps and Rubella) = วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน
    HepB = วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบ บี

    วัคซีนมีความเสี่ยงต่อโรค MMR HepB ที่อาจเชื่อมโยงกับออทิซึม โรคจิต CFS โรคลูปัส...

    ดร. จูดี้ มิโควิทซ์

    "ถ้าพวกเขาให้ MMR กับเด็กผิวสี ที่อายุน้อยกว่า 3 ขวบ พวกเขาจะมีโอกาสสูงกว่าสี่เท่า ได้รับการวินิจฉัย ว่าเป็นโรคออทิซึม โรคสมาธิสั้น โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคทางจิตเวช โรค MECFS โรคลูปัส เป็นโรคในเด็กผู้หญิง และพวกเขาจะเป็นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น และ MECFS ก็คือ Myalgic Encephalomyelitis หรือ Chronic Fatigue Syndrome และแน่นอนว่า มันเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 70 ในช่วงแผนการระบาดของโรคเอดส์ครั้งแรก ปริญญาเอกของดิฉัน ได้รับการปกป้องหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น คือวันที่ 14 พฤศจิกายน 1991 ดิฉันได้ปกป้องปริญญาเอกของดิฉัน ที่วอชิงตัน ดี.ซี. ที่ GWU ซึ่งระบุว่า HIV ไม่ก่อให้เกิดโรคเอดส์ หากคุณรักษาระบบภูมิคุ้มกันโดยกำเนิดของคุณไว้
    มี HIV แต่ถูกฉีดเข้าในวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี.."

    รับชมตอนเต็มในรายการ Alpha Warrior:
    https://t.me/dr_judymikovitss
    ______________________________
    เปิดโปง แฉความเชื่อมโยง ระหว่างวัคซีนกับมะเร็ง :

    “วัคซีนรีคอมบิแนนท์ทั้งหมด [Hib (Haemophilus influenzae ชนิด b), ตับอักเสบ B, HPV (Human papillomavirus), ไอกรน (ส่วนหนึ่งของวัคซีนรวม DTaP), โรคปอดบวม, โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ, โรคงูสวัด] มีสารเสริมฤทธิ์ ที่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทน การถ่ายโอนยีน โดยนำ DNA พลาสมิดที่ปนเปื้อน เข้าสู่เซลล์ของผู้รับผลิตภัณฑ์ พลาสมิดที่ถ่ายโอนยีน สามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้

    ปัญหาการถ่ายโอน DNA พลาสมิดนี้ เป็นที่รู้จักอย่างน้อยตั้งแต่ปี 1999

    ต้องใช้เวลาถึง 25 ปี โรคระบาดที่ถูกสร้างขึ้น นักข่าวผู้กล้าหาญ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นต่าง และการประชุมสภา ที่อีกฟากหนึ่งของโลก12 เพื่อเปิดเผยเรื่องนี้

    บริษัทเภสัชกรรม ทราบเกี่ยวกับปัญหานี้ และพยายามปราบปราม เช่นเดียวกับหน่วยงานต่างๆ มากมายที่พยายามล้อเลียน ข่มขู่ และ คุกคามนักวิทยาศาสตร์ ที่พยายามส่งสัญญาณเตือน มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา"

    ดร. อาห์ ข่าน ไซเอ็ด

    https://www.arkmedic.info/p/would-you-like-plasmids-with-that
    ______________________________
    RFK Jr. ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในปี 1999 ที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ พยายามหาคำตอบว่า "วัคซีนที่มีสารปรอทเป็นส่วนประกอบนั้น ทำให้เกิดโรคออทิซึมหรือไม่ ?"

    เขาเล่าว่า CDC ได้ทำการศึกษาวัคซีนหนึ่งชนิด คือ วัคซีนตับอักเสบบี และพบข้อมูลที่น่าตกใจ โดยอ้างอิงถึงความเสี่ยงสัมพัทธ์ (relative risk) ว่า การสูบบุหรี่หนึ่งซองต่อวัน เป็นเวลา 20 ปี มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดที่ระดับ 10 แต่ความเสี่ยงจากการได้รับวัคซีนตับอักเสบบี แล้วจะเป็นออทิสติก อยู่ที่ 11.35 ซึ่งสูงกว่าความเสี่ยง ที่บุหรี่ทำให้เกิดมะเร็ง !!

    RFK Jr. กล่าวว่า เมื่อ CDC รู้ข้อมูลนี้ พวกเขาตกใจมาก และจัดการประชุมลับขึ้น โดยมีการเชิญผู้เกี่ยวข้อง 52 คนเข้าร่วม รวมถึงผู้แทนจากบริษัทวัคซีนใหญ่ๆ และผู้แทนหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO), CDC, FDA, NIH, และ HHS การประชุมนี้ใช้เวลาสองวัน

    เขายังเปิดเผยว่า มีการบันทึกการประชุมครั้งนั้นไว้ และเขาได้ คำถอดเทปบันทึกการประชุมดังกล่าว มาในปี 2005 เขาบอกว่าข้อมูลในนั้นน่าสะพรึงกลัว และเปรียบเสมือนฝันร้าย

    RFK Jr. กล่าวต่อว่า ผู้ที่มีหน้าที่กำกับดูแล ความปลอดภัยของวัคซีนเหล่านั้น ซึ่งควรจะทำหน้าที่ปกป้องประชาชน กลับดูข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และบอกว่า "มันชัดเจนแล้ว เราเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดออทิซึม"

    RFK Jr: In 1999, the CDC wanted to find out "if these mercury vaccines are causing autism".

    "So they looked at one vaccine, the hepatitis B vaccine... and here's what they found: The relative risk of smoking a pack of cigarettes a day for 20 years and lung cancer is 10. This was 11.35. They knew."

    "They pushed the panic button and they had a secret meeting... They had a two day meeting with 52 individuals, including all the major vaccine companies, regulatory agencies that administer vaccines, WHO, CDC, FDA, NIH, HHS."

    "And somebody recorded that meeting... I got a hold of the transcripts in 2005, and it is horrific. It's a nightmare."

    "These regulators who are supposed to be protecting us... they're looking at the science and they are saying: It's bulletproof. We are causing autism."
    https://x.com/wideawake_media/status/1895795237487784385?t=lhpV-aFAn4SXWPzjT6tonA&s=19
    ______________________________
    "#Covidvaccination can elicit a distinct T cell-dominant immune-mediated hepatitis with a unique pathomechanism associated with vaccination induced antigen-specific tissue-resident immunity requiring systemic immunosuppression."
    https://sciencedirect.com/science/article/pii/S0168827822002343
    #วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี #hepatitis
    วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีปลอดภัยและจำเป็นจริงหรือ? ก่อนคิดจะไปรับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ควรอ่านข้อมูลต่อไปนี้ก่อน ✍️การระบาดของไวรัสตับอักเสบเป็นผลโดยตรงจาก "วัคซีน" โควิดของแอสตร้าเซนเนก้า https://www.naturalnews.com/2022-07-19-hepatitis-children-direct-result-astrazeneca-covid-vaccine.html ✍️ คลิป ดร. มิโคลาจ ราเซก กล่าวว่า ADE อาจทำให้เกิด 'โรคตับอักเสบปริศนา' ในผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด https://t.me/thailand_covid_vaccine_chat/52986 ______________________________ ✍️ดร. เชอร์รี เทนเพนนี : วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี นั่นเป็นเรื่องที่ยาว ฉันจะพูดสั้นๆ โรคตับอักเสบบี คือการติดเชื้อที่แพร่ระบาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้หญิงจำนวนมากเป็นโรคตับอักเสบบี มันคือ… มันเป็นสองสถานการณ์ที่แตกต่างกัน 1) แม่ไม่มีโรคตับอักเสบบี แต่พวกเขา (วงการยา) ต้องการให้วัคซีนแก่ทารก เพราะพวกเขาคิดว่า ทารกจะติดเชื้อจากที่ไหนสักแห่ง นั่นไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำ อันที่จริงฉันพูดตั้งแต่วัคซีนออกมาในปี 1991 ฉันพูดว่าถ้าฉันรวย และไม่มีอะไรทำ ฉันจะใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิต เพื่อพยายามกำจัดวัคซีนตัวนี้ เพราะมันเป็นพิษ มันสร้างความเสียหาย และไม่จำเป็นเลย 2) ทีนี้ถ้าแม่เป็นโรคตับอักเสบบี มีข้อสันนิษฐานว่า ทารกจะติดเชื่อจากแม่โดยอัตโนมัติ ผ่านรก และทารกจะติดเชื้อตับอักเสบบีออกมา และผลการวิจัยพบว่า นั้นไม่เป็นความจริง อันที่จริง รกจะช่วยปกป้องทารก จากการติดโรคตับอักเสบบี ดังนั้นพวกเขาต้องการให้ลูกน้อยของคุณ เข้ารับการรักษาครั้งใหญ่โดยใช้ แอนติบอดี Hep B Ig (โกลบูลินภูมิคุ้มกันโรคตับอักเสบบี) ซึ่งพวกเขาเรียกว่า (HBIG) [Hep B Ig ( Hepatitis B immune globulin) antibody (HBIG) ] และพวกเขาทำสิ่งต่างๆ มากมายกับเด็กๆ เหล่านั้น หากแม่ของพวกเขา ตรวจพบเชื้อไวรัสตับอักเสบบีล่วงหน้า นั่นเป็นเรื่องยาว ฉันไม่อยากใช้เวลาที่เหลือคุยแต่เรื่องนี้ แต่ถ้าพ่อแม่หรือคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด ‘ไม่เป็น’ ตับอักเสบบี ลูกของคุณไม่จำเป็นต้องเป็นตับอักเสบบี โรคตับอักเสบบี เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ได้ติดต่อทางอากาศ มันไม่แพร่เชื้อทางน้ำลาย หรือผ่านการใช้แปรงสีฟันร่วมกัน แม้ว่าพวกเขาจะบอกคุณแบบนั้นก็ตาม มันเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์ หรือ ใช้เข็มที่ปนเปื้อนร่วมกัน และฉันไม่คิดว่าทารกแรกเกิดของคุณ จะทำอะไรพวกนั้น ดังนั้น จึงไม่ใช่วัคซีนที่จำเป็น ดร. เทนเพนนีใช้เวลามากกว่า 24 ปีในการวิจัย บันทึก และเปิดเผยปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน ท่านเป็นวิทยากรระดับนานาชาติ และเป็นแขกประจำในรายการวิทยุ พอดแคสต์ และรายการทีวี โดยท่านแบ่งปันข้อมูลที่ได้รับการวิจัยอย่างสูงของท่านว่าเหตุใดเราจึงควรปฏิเสธวัคซีนในเด็ก อ่านบทสนทนาที่ถอดเสียงและแปลไทยจากคลิปที่นี้ --> https://www.rookon.com/?p=1112 ______________________________ ✍️โรคตับอักเสบในเด็ก สมมติฐานจนถึงปัจจุบัน: 1. เด็กได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มีพิษ ซึ่งไวรัสตับอักเสบเป็นผลโดยตรงจากการฉีดยา ซึ่งอาจเกิดจากการเข้าร่วมการทดลองในวัยเด็ก หรือจากการข้ามช่วงอายุอย่างเป็นทางการ 2. เด็กได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มีพิษ ซึ่งไวรัสตับอักเสบเป็นผลโดยตรงจากการฉีดยาของแม่ ซึ่งความเป็นพิษจะถ่ายทอดผ่านน้ำนม 3. การติดเชื้อจากสมาชิกในครอบครัว ครู หรือผู้ดูแล ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการใช้น้ำร่วมกัน การหายใจออก ฯลฯ 4. เด็กได้รับสารให้ความหวานเทียมที่เป็นพิษในปริมาณมาก เช่น แอสปาร์แตม 5. ตารางการฉีดวัคซีนในวัยเด็กทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขาอ่อนแอลง นำไปสู่โรคตับอักเสบ 6. โรคตับอักเสบเป็นผลมาจากภาวะพร่องออกซิเจนจากการสวมหน้ากากอนามัย (https://t.me/robinmg/19155) เราไม่นับรวมเด็กที่ไม่ได้ "ฉีดวัคซีน" และไม่สวมหน้ากากที่อาศัยอยู่และดูแลโดยผู้ที่ไม่ได้ "ฉีดวัคซีน" และในที่นี้เราต้องชี้ให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนในวัยเด็กอื่นๆ รวมถึงจำนวนมหาศาลของวัคซีนเหล่านั้น อาจก่อให้เกิดโรคตับอักเสบอันเป็นผลมาจากการติดเชื้อไวรัสจำนวนมาก ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง โอกาสเกิดจะน้อยมาก ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนคือโรคตับอักเสบในวัยเด็กในชุมชนที่ไม่ยอมให้บุตรหลานเข้ารับการฉีดวัคซีนตามตารางการฉีดวัคซีนหรือขั้นตอนการสวมหน้ากากที่เข้มงวด ซึ่งแน่นอนว่าเด็กเหล่านี้มีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีโรคตับอักเสบ สรุป: เกือบจะแน่นอนว่าเป็น "วัคซีน" แม้ว่าจะมาจากน้ำนมแม่ การหลั่งน้ำนม หรือความเป็นพิษจาก "วัคซีน" อื่นๆ ในวัยเด็กที่ผสมกัน ซึ่งรุนแรงขึ้นจากภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจากการสวมหน้ากาก https://t.me/robinmg/19154 ______________________________ ✍️MMR (Measles,Mumps and Rubella) = วัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน HepB = วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบ บี วัคซีนมีความเสี่ยงต่อโรค MMR HepB ที่อาจเชื่อมโยงกับออทิซึม โรคจิต CFS โรคลูปัส... ดร. จูดี้ มิโควิทซ์ "ถ้าพวกเขาให้ MMR กับเด็กผิวสี ที่อายุน้อยกว่า 3 ขวบ พวกเขาจะมีโอกาสสูงกว่าสี่เท่า ได้รับการวินิจฉัย ว่าเป็นโรคออทิซึม โรคสมาธิสั้น โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคทางจิตเวช โรค MECFS โรคลูปัส เป็นโรคในเด็กผู้หญิง และพวกเขาจะเป็นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น และ MECFS ก็คือ Myalgic Encephalomyelitis หรือ Chronic Fatigue Syndrome และแน่นอนว่า มันเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 70 ในช่วงแผนการระบาดของโรคเอดส์ครั้งแรก ปริญญาเอกของดิฉัน ได้รับการปกป้องหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น คือวันที่ 14 พฤศจิกายน 1991 ดิฉันได้ปกป้องปริญญาเอกของดิฉัน ที่วอชิงตัน ดี.ซี. ที่ GWU ซึ่งระบุว่า HIV ไม่ก่อให้เกิดโรคเอดส์ หากคุณรักษาระบบภูมิคุ้มกันโดยกำเนิดของคุณไว้ มี HIV แต่ถูกฉีดเข้าในวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี.." รับชมตอนเต็มในรายการ Alpha Warrior: https://t.me/dr_judymikovitss ______________________________ ✍️เปิดโปง แฉความเชื่อมโยง ระหว่างวัคซีนกับมะเร็ง 😱 : “วัคซีนรีคอมบิแนนท์ทั้งหมด [Hib (Haemophilus influenzae ชนิด b), ตับอักเสบ B, HPV (Human papillomavirus), ไอกรน (ส่วนหนึ่งของวัคซีนรวม DTaP), โรคปอดบวม, โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ, โรคงูสวัด] มีสารเสริมฤทธิ์ ที่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทน การถ่ายโอนยีน โดยนำ DNA พลาสมิดที่ปนเปื้อน เข้าสู่เซลล์ของผู้รับผลิตภัณฑ์ พลาสมิดที่ถ่ายโอนยีน สามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ 😱 ปัญหาการถ่ายโอน DNA พลาสมิดนี้ เป็นที่รู้จักอย่างน้อยตั้งแต่ปี 1999 ต้องใช้เวลาถึง 25 ปี โรคระบาดที่ถูกสร้างขึ้น นักข่าวผู้กล้าหาญ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นต่าง และการประชุมสภา ที่อีกฟากหนึ่งของโลก12 เพื่อเปิดเผยเรื่องนี้ บริษัทเภสัชกรรม ทราบเกี่ยวกับปัญหานี้ และพยายามปราบปราม เช่นเดียวกับหน่วยงานต่างๆ มากมายที่พยายามล้อเลียน ข่มขู่ และ คุกคามนักวิทยาศาสตร์ ที่พยายามส่งสัญญาณเตือน มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา" ดร. อาห์ ข่าน ไซเอ็ด https://www.arkmedic.info/p/would-you-like-plasmids-with-that ______________________________ ✍️RFK Jr. ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในปี 1999 ที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ พยายามหาคำตอบว่า "วัคซีนที่มีสารปรอทเป็นส่วนประกอบนั้น ทำให้เกิดโรคออทิซึมหรือไม่ ?" เขาเล่าว่า CDC ได้ทำการศึกษาวัคซีนหนึ่งชนิด คือ วัคซีนตับอักเสบบี และพบข้อมูลที่น่าตกใจ โดยอ้างอิงถึงความเสี่ยงสัมพัทธ์ (relative risk) ว่า การสูบบุหรี่หนึ่งซองต่อวัน เป็นเวลา 20 ปี มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดที่ระดับ 10 แต่ความเสี่ยงจากการได้รับวัคซีนตับอักเสบบี แล้วจะเป็นออทิสติก อยู่ที่ 11.35 ซึ่งสูงกว่าความเสี่ยง ที่บุหรี่ทำให้เกิดมะเร็ง !! RFK Jr. กล่าวว่า เมื่อ CDC รู้ข้อมูลนี้ พวกเขาตกใจมาก และจัดการประชุมลับขึ้น โดยมีการเชิญผู้เกี่ยวข้อง 52 คนเข้าร่วม รวมถึงผู้แทนจากบริษัทวัคซีนใหญ่ๆ และผู้แทนหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO), CDC, FDA, NIH, และ HHS การประชุมนี้ใช้เวลาสองวัน เขายังเปิดเผยว่า มีการบันทึกการประชุมครั้งนั้นไว้ และเขาได้ คำถอดเทปบันทึกการประชุมดังกล่าว มาในปี 2005 เขาบอกว่าข้อมูลในนั้นน่าสะพรึงกลัว และเปรียบเสมือนฝันร้าย RFK Jr. กล่าวต่อว่า ผู้ที่มีหน้าที่กำกับดูแล ความปลอดภัยของวัคซีนเหล่านั้น ซึ่งควรจะทำหน้าที่ปกป้องประชาชน กลับดูข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และบอกว่า "มันชัดเจนแล้ว เราเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดออทิซึม" RFK Jr: In 1999, the CDC wanted to find out "if these mercury vaccines are causing autism". "So they looked at one vaccine, the hepatitis B vaccine... and here's what they found: The relative risk of smoking a pack of cigarettes a day for 20 years and lung cancer is 10. This was 11.35. They knew." "They pushed the panic button and they had a secret meeting... They had a two day meeting with 52 individuals, including all the major vaccine companies, regulatory agencies that administer vaccines, WHO, CDC, FDA, NIH, HHS." "And somebody recorded that meeting... I got a hold of the transcripts in 2005, and it is horrific. It's a nightmare." "These regulators who are supposed to be protecting us... they're looking at the science and they are saying: It's bulletproof. We are causing autism." https://x.com/wideawake_media/status/1895795237487784385?t=lhpV-aFAn4SXWPzjT6tonA&s=19 ______________________________ ✍️"#Covidvaccination can elicit a distinct T cell-dominant immune-mediated hepatitis with a unique pathomechanism associated with vaccination induced antigen-specific tissue-resident immunity requiring systemic immunosuppression." https://sciencedirect.com/science/article/pii/S0168827822002343 #วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี #hepatitis
    0 Comments 0 Shares 340 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกฟรีแลนซ์: เมื่อแบรนด์เบื่อ AI และหันกลับมาหามนุษย์ที่มีหัวใจ

    แม้ว่าเครื่องมือ AI จะยังครองพื้นที่ข่าวและถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย แต่ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 กลับมีแนวโน้มใหม่ที่น่าสนใจ: ความต้องการจ้างฟรีแลนซ์สายครีเอทีฟกลับมาแรงอีกครั้ง โดยเฉพาะนักเขียน นักออกแบบ และนักตัดต่อวิดีโอ

    เหตุผลหลักคือ “AI slop fatigue” หรือความเบื่อหน่ายต่อคอนเทนต์ที่ดูเรียบๆ ซ้ำๆ และขาดอารมณ์ ซึ่งเกิดจากการใช้ AI สร้างเนื้อหาแบบอัตโนมัติจนเกินพอดี แบรนด์ต่างๆ เริ่มตระหนักว่าความคิดสร้างสรรค์ที่มีอารมณ์และความลึกซึ้งยังคงเป็นสิ่งที่เครื่องจักรเลียนแบบไม่ได้

    ข้อมูลจาก Freelancer Fast 50 Global Jobs Index พบว่า งานสายคอมมิวนิเคชันโตขึ้นถึง 25.2% โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความเข้าใจมนุษย์ เช่น การเขียนสัญญา การแก้ต้นฉบับ และการสร้างเนื้อหาที่ “รู้สึกได้” มากกว่าแค่ “อ่านได้”

    ความต้องการฟรีแลนซ์สายครีเอทีฟเพิ่มขึ้นใน Q2 ปี 2025
    โดยเฉพาะนักเขียน นักออกแบบ และนักตัดต่อวิดีโอ

    งานสายคอมมิวนิเคชันโตขึ้น 25.2%
    เช่น การเขียนสัญญา แก้ต้นฉบับ และสร้างเนื้อหาที่มีอารมณ์

    แบรนด์เริ่มหันกลับมาหาคอนเทนต์ที่มี “ความรู้สึก”
    เพราะ AI ยังไม่สามารถสร้างความลึกซึ้งทางอารมณ์ได้

    งานสายวิดีโอและภาพมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
    เช่น Adobe After Effects, Instagram content และ Unity 3D

    ฟรีแลนซ์ที่มี “สไตล์เฉพาะตัว” ได้รับความนิยมสูง
    เพราะสามารถสร้างการเชื่อมโยงกับผู้ชมได้ดีกว่า AI

    ฟรีแลนซ์คิดเป็น 46.6% ของแรงงานทั่วโลก
    มีมากกว่า 1.57 พันล้านคนทำงานอิสระ

    เศรษฐกิจฟรีแลนซ์โตเร็วกว่าแรงงานทั่วไปถึง 15 เท่า
    โดยเฉพาะในช่วงปี 2010–2020

    70% ของฟรีแลนซ์หางานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
    เช่น Upwork, Fiverr และ Toptal

    ฟรีแลนซ์เต็มเวลาทำงานเฉลี่ย 43 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
    ใกล้เคียงกับงานประจำแต่มีความยืดหยุ่นมากกว่า

    แนวโน้มการทำงานแบบไฮบริดช่วยเปิดโอกาสให้ฟรีแลนซ์
    เพราะองค์กรต้องการความคล่องตัวและความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

    https://www.techradar.com/pro/clients-are-increasingly-looking-for-unique-human-creativity-research-finds-demand-for-creative-freelancers-is-surging-despite-ai-going-mainstream
    🎨🧠 เรื่องเล่าจากโลกฟรีแลนซ์: เมื่อแบรนด์เบื่อ AI และหันกลับมาหามนุษย์ที่มีหัวใจ แม้ว่าเครื่องมือ AI จะยังครองพื้นที่ข่าวและถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย แต่ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 กลับมีแนวโน้มใหม่ที่น่าสนใจ: ความต้องการจ้างฟรีแลนซ์สายครีเอทีฟกลับมาแรงอีกครั้ง โดยเฉพาะนักเขียน นักออกแบบ และนักตัดต่อวิดีโอ เหตุผลหลักคือ “AI slop fatigue” หรือความเบื่อหน่ายต่อคอนเทนต์ที่ดูเรียบๆ ซ้ำๆ และขาดอารมณ์ ซึ่งเกิดจากการใช้ AI สร้างเนื้อหาแบบอัตโนมัติจนเกินพอดี แบรนด์ต่างๆ เริ่มตระหนักว่าความคิดสร้างสรรค์ที่มีอารมณ์และความลึกซึ้งยังคงเป็นสิ่งที่เครื่องจักรเลียนแบบไม่ได้ ข้อมูลจาก Freelancer Fast 50 Global Jobs Index พบว่า งานสายคอมมิวนิเคชันโตขึ้นถึง 25.2% โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความเข้าใจมนุษย์ เช่น การเขียนสัญญา การแก้ต้นฉบับ และการสร้างเนื้อหาที่ “รู้สึกได้” มากกว่าแค่ “อ่านได้” ✅ ความต้องการฟรีแลนซ์สายครีเอทีฟเพิ่มขึ้นใน Q2 ปี 2025 ➡️ โดยเฉพาะนักเขียน นักออกแบบ และนักตัดต่อวิดีโอ ✅ งานสายคอมมิวนิเคชันโตขึ้น 25.2% ➡️ เช่น การเขียนสัญญา แก้ต้นฉบับ และสร้างเนื้อหาที่มีอารมณ์ ✅ แบรนด์เริ่มหันกลับมาหาคอนเทนต์ที่มี “ความรู้สึก” ➡️ เพราะ AI ยังไม่สามารถสร้างความลึกซึ้งทางอารมณ์ได้ ✅ งานสายวิดีโอและภาพมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ➡️ เช่น Adobe After Effects, Instagram content และ Unity 3D ✅ ฟรีแลนซ์ที่มี “สไตล์เฉพาะตัว” ได้รับความนิยมสูง ➡️ เพราะสามารถสร้างการเชื่อมโยงกับผู้ชมได้ดีกว่า AI ✅ ฟรีแลนซ์คิดเป็น 46.6% ของแรงงานทั่วโลก ➡️ มีมากกว่า 1.57 พันล้านคนทำงานอิสระ ✅ เศรษฐกิจฟรีแลนซ์โตเร็วกว่าแรงงานทั่วไปถึง 15 เท่า ➡️ โดยเฉพาะในช่วงปี 2010–2020 ✅ 70% ของฟรีแลนซ์หางานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ➡️ เช่น Upwork, Fiverr และ Toptal ✅ ฟรีแลนซ์เต็มเวลาทำงานเฉลี่ย 43 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ➡️ ใกล้เคียงกับงานประจำแต่มีความยืดหยุ่นมากกว่า ✅ แนวโน้มการทำงานแบบไฮบริดช่วยเปิดโอกาสให้ฟรีแลนซ์ ➡️ เพราะองค์กรต้องการความคล่องตัวและความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง https://www.techradar.com/pro/clients-are-increasingly-looking-for-unique-human-creativity-research-finds-demand-for-creative-freelancers-is-surging-despite-ai-going-mainstream
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • DDR4 ยังไม่ตาย! เรื่องเล่าจากโลกหน่วยความจำที่ยังไม่ยอมลาจาก

    แม้ว่า DDR5 จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในโลกของหน่วยความจำ แต่ DDR4 ก็ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง Samsung, SK hynix และ Micron ต่างประกาศว่าจะยังคงผลิต DDR4 ต่อไปจนถึงปี 2026 เพื่อรองรับลูกค้าในอุตสาหกรรมที่ยังต้องพึ่งพาหน่วยความจำรุ่นเก่า

    สาเหตุหลักคือความต้องการที่ยังคงสูง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรที่ยังใช้แพลตฟอร์มที่รองรับ DDR4 เช่น Intel Gen 13/14 และ AMD รุ่นก่อนหน้า อีกทั้งราคาของ DDR4 ก็พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ผลิตยังสามารถทำกำไรจากสายการผลิตที่ถูกหักค่าเสื่อมราคาไปแล้ว

    Micron ได้แจ้งลูกค้าล่วงหน้าว่าจะสิ้นสุดการส่ง DDR4 ภายในไตรมาสแรกของปี 2026 ขณะที่ Samsung และ SK hynix จะทยอยหยุดการผลิตในช่วงปลายปี 2025 ถึงกลางปี 2026 อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรายเล็กและกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะทางจะยังคงได้รับการสนับสนุนต่อไปอีกหลายปี

    Samsung จะผลิต DDR4 ต่อถึงปลายปี 2025
    ใช้เทคโนโลยี 1z node ที่ต้นทุนต่ำและยังทำกำไรได้

    SK hynix จะหยุดผลิต DDR4 ในช่วง Q2 ปี 2026
    อาจเป็นผู้ผลิตรายใหญ่รายสุดท้ายที่ยังผลิต DDR4

    Micron จะส่งมอบ DDR4 ชุดสุดท้ายในต้นปี 2026
    แจ้ง EOL (End-of-Life) ให้ลูกค้าในกลุ่ม PC, data center และมือถือ

    DDR4 ยังมีความต้องการสูงในตลาด PC และเซิร์ฟเวอร์
    ราคาสัญญา DDR4 พุ่งขึ้น 38–45% ใน Q3 ปี 2025

    DDR4 จะยังคงใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์, โทรคมนาคม และการทหาร
    Micron จะยังผลิต DDR4 บน 1α node สำหรับลูกค้าระยะยาว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/ddr4-production-expected-to-continue-until-2026-samsung-sk-hynix-and-micron-will-continue-serving-industry-clients-for-longer
    🧠💾 DDR4 ยังไม่ตาย! เรื่องเล่าจากโลกหน่วยความจำที่ยังไม่ยอมลาจาก แม้ว่า DDR5 จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในโลกของหน่วยความจำ แต่ DDR4 ก็ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง Samsung, SK hynix และ Micron ต่างประกาศว่าจะยังคงผลิต DDR4 ต่อไปจนถึงปี 2026 เพื่อรองรับลูกค้าในอุตสาหกรรมที่ยังต้องพึ่งพาหน่วยความจำรุ่นเก่า สาเหตุหลักคือความต้องการที่ยังคงสูง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรที่ยังใช้แพลตฟอร์มที่รองรับ DDR4 เช่น Intel Gen 13/14 และ AMD รุ่นก่อนหน้า อีกทั้งราคาของ DDR4 ก็พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ผลิตยังสามารถทำกำไรจากสายการผลิตที่ถูกหักค่าเสื่อมราคาไปแล้ว Micron ได้แจ้งลูกค้าล่วงหน้าว่าจะสิ้นสุดการส่ง DDR4 ภายในไตรมาสแรกของปี 2026 ขณะที่ Samsung และ SK hynix จะทยอยหยุดการผลิตในช่วงปลายปี 2025 ถึงกลางปี 2026 อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรายเล็กและกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะทางจะยังคงได้รับการสนับสนุนต่อไปอีกหลายปี ✅ Samsung จะผลิต DDR4 ต่อถึงปลายปี 2025 ➡️ ใช้เทคโนโลยี 1z node ที่ต้นทุนต่ำและยังทำกำไรได้ ✅ SK hynix จะหยุดผลิต DDR4 ในช่วง Q2 ปี 2026 ➡️ อาจเป็นผู้ผลิตรายใหญ่รายสุดท้ายที่ยังผลิต DDR4 ✅ Micron จะส่งมอบ DDR4 ชุดสุดท้ายในต้นปี 2026 ➡️ แจ้ง EOL (End-of-Life) ให้ลูกค้าในกลุ่ม PC, data center และมือถือ ✅ DDR4 ยังมีความต้องการสูงในตลาด PC และเซิร์ฟเวอร์ ➡️ ราคาสัญญา DDR4 พุ่งขึ้น 38–45% ใน Q3 ปี 2025 ✅ DDR4 จะยังคงใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์, โทรคมนาคม และการทหาร ➡️ Micron จะยังผลิต DDR4 บน 1α node สำหรับลูกค้าระยะยาว https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/ddr4-production-expected-to-continue-until-2026-samsung-sk-hynix-and-micron-will-continue-serving-industry-clients-for-longer
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • ตั๋วร่วมแบบต่างคนต่างทำ

    1 ส.ค.2568 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายบัตรโดยสาร Mangmoom EMV ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Plus ที่จำหน่ายมา 9 ปี พัฒนาร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยใช้แพลตฟอร์มเป๋าตัง ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย ส่วนบัตรแมงมุมที่เคยถูกตั้งความหวังว่าจะบัตรโดยสารร่วม มีการแจกบัตรฟรี 2 แสนใบเมื่อปี 2561 กลายเป็นตำนานที่ไม่เกิดขึ้นจริง

    ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Card รุ่นเก่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2567 โดยใช้แพลตฟอร์มของ Deeppocket ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT หลังจากเปิดให้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ด้วยบัตรเครดิต มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2565 ก่อนขยายไปยังบัตรเดบิตธนาคารกรุงไทย ธนาคารยูโอบี และล่าสุดธนาคารกรุงศรี

    แม้ว่าบัตรโดยสาร MRT Card และ MRT Plus ซึ่งใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ด จะยกเลิกจำหน่ายไปแล้ว แต่ผู้ถือบัตรเดิมยังใช้ได้จนกว่าบัตรหมดอายุ ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ยังคงหัวอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดแบบเดิมบริเวณประตูอัตโนมัติ (AFC Gate) ควบคู่ไปกับหัวอ่าน EMV เพราะยังต้องรองรับเหรียญโดยสารแบบเที่ยวเดียว บัตรโดยสารสำหรับองค์กรและบัตรโดยสารธุรกิจที่ยังใช้ระบบเดิมอีกมาก

    ขณะที่รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองและสายสีชมพู ที่ผู้รับสัมปทานคือกลุ่มบริษัทบีทีเอส ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรแรบบิท (Rabbit) เช่นเกียวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทอง ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรมากถึง 19.6 ล้านใบ จำนวนหัวอ่านบัตรกว่า 28,361 จุด และร้านค้ารับบัตร 2,734 แห่ง ถึงกระนั้นเฉพาะสายสีเหลืองและสายสีชมพู ก็มีเครื่องอ่านบัตร EMV บริเวณห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี

    ส่วนรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรโดยสารแบบเติมเงิน แต่ก็มีการติดตั้งประตูอัตโนมัติสำหรับผู้ถือบัตร EMV แยกต่างหาก ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี

    มาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐในวันที่ 25 ส.ค. และเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ประชาชนยังคงยุ่งยากในการพกบัตรเช่นเดิม เนื่องจากต้องลงทะเบียนทั้งบัตร EMV และบัตรแรบบิท ที่หนักขึ้นไปอีกคือในอนาคตจะให้สแกน QR Code ในมือถือแทนการใช้บัตร ซึ่งอาจพบกับความยุ่งยากในการแสดง QR Code และเสียเวลาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการแตะบัตรโดยสารตามปกติ

    #Newskit
    ตั๋วร่วมแบบต่างคนต่างทำ 1 ส.ค.2568 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำหน่ายบัตรโดยสาร Mangmoom EMV ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Plus ที่จำหน่ายมา 9 ปี พัฒนาร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยใช้แพลตฟอร์มเป๋าตัง ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็น Thailand Open Digital Platform ที่มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย ส่วนบัตรแมงมุมที่เคยถูกตั้งความหวังว่าจะบัตรโดยสารร่วม มีการแจกบัตรฟรี 2 แสนใบเมื่อปี 2561 กลายเป็นตำนานที่ไม่เกิดขึ้นจริง ก่อนหน้านี้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ได้จำหน่ายบัตรโดยสาร MRT EMV Card ทดแทนบัตรโดยสาร MRT Card รุ่นเก่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2567 โดยใช้แพลตฟอร์มของ Deeppocket ผ่านแอปพลิเคชัน Bangkok MRT หลังจากเปิดให้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT ด้วยบัตรเครดิต มาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. 2565 ก่อนขยายไปยังบัตรเดบิตธนาคารกรุงไทย ธนาคารยูโอบี และล่าสุดธนาคารกรุงศรี แม้ว่าบัตรโดยสาร MRT Card และ MRT Plus ซึ่งใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ด จะยกเลิกจำหน่ายไปแล้ว แต่ผู้ถือบัตรเดิมยังใช้ได้จนกว่าบัตรหมดอายุ ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ยังคงหัวอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดแบบเดิมบริเวณประตูอัตโนมัติ (AFC Gate) ควบคู่ไปกับหัวอ่าน EMV เพราะยังต้องรองรับเหรียญโดยสารแบบเที่ยวเดียว บัตรโดยสารสำหรับองค์กรและบัตรโดยสารธุรกิจที่ยังใช้ระบบเดิมอีกมาก ขณะที่รถไฟฟ้า MRT สายสีเหลืองและสายสีชมพู ที่ผู้รับสัมปทานคือกลุ่มบริษัทบีทีเอส ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรแรบบิท (Rabbit) เช่นเกียวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทอง ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรมากถึง 19.6 ล้านใบ จำนวนหัวอ่านบัตรกว่า 28,361 จุด และร้านค้ารับบัตร 2,734 แห่ง ถึงกระนั้นเฉพาะสายสีเหลืองและสายสีชมพู ก็มีเครื่องอ่านบัตร EMV บริเวณห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี ส่วนรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังคงใช้เทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดกับบัตรโดยสารแบบเติมเงิน แต่ก็มีการติดตั้งประตูอัตโนมัติสำหรับผู้ถือบัตร EMV แยกต่างหาก ซึ่งจะหักค่าโดยสารทันทีเมื่อออกจากสถานี มาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐในวันที่ 25 ส.ค. และเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ประชาชนยังคงยุ่งยากในการพกบัตรเช่นเดิม เนื่องจากต้องลงทะเบียนทั้งบัตร EMV และบัตรแรบบิท ที่หนักขึ้นไปอีกคือในอนาคตจะให้สแกน QR Code ในมือถือแทนการใช้บัตร ซึ่งอาจพบกับความยุ่งยากในการแสดง QR Code และเสียเวลาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการแตะบัตรโดยสารตามปกติ #Newskit
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • การพัฒนาอินเทอร์เน็ต: จากสายทองแดงสู่ใยแก้ว และไปไกลถึงอวกาศ

    ในยุคปัจจุบันที่โลกเชื่อมต่อกันอย่างแนบแน่น การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การทำงาน การเรียนรู้ หรือการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร อินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ในทุกมิติ แต่การเดินทางของเทคโนโลยีนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากความล้ำสมัย หากแต่เริ่มจากโครงสร้างพื้นฐานพื้นฐานอย่างสายทองแดง ก่อนจะพัฒนาไปสู่ใยแก้วนำแสง และก้าวข้ามพรมแดนทางภูมิศาสตร์ด้วยอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม

    จุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ตย้อนกลับไปในปี 1969 เมื่อกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาโครงการ ARPANET ซึ่งเป็นเครือข่ายแรกที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์จากหลายสถาบันเข้าด้วยกัน โดยใช้สายโทรศัพท์ทองแดงเป็นโครงข่ายหลัก ความก้าวหน้านี้ได้ปูทางสู่การพัฒนาระบบการสื่อสารผ่านแนวคิดการสลับแพ็กเก็ต ซึ่งเป็นกลไกที่ทำให้ข้อมูลสามารถเดินทางผ่านเครือข่ายได้อย่างยืดหยุ่นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สายทองแดงเองก็มีข้อจำกัดมากมาย ทั้งในเรื่องของระยะทาง ความเร็ว และความไวต่อสัญญาณรบกวน

    ในช่วงทศวรรษที่ 1990 การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ Dial-up ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยอาศัยสายโทรศัพท์ทองแดงร่วมกับโมเด็ม ซึ่งทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอนาล็อก และในทางกลับกัน แม้ว่าจะเป็นการเปิดประตูให้ประชาชนทั่วไปได้สัมผัสกับโลกออนไลน์ แต่ Dial-up ก็เต็มไปด้วยข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นความเร็วที่ต่ำ การผูกขาดสายโทรศัพท์ระหว่างการใช้งาน หรือการหลุดสัญญาณอย่างสม่ำเสมอ ต่อมาจึงเกิดการพัฒนาเทคโนโลยี DSL (Digital Subscriber Line) ซึ่งสามารถใช้งานโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตได้พร้อมกันบนสายทองแดงเส้นเดียวกัน และให้ความเร็วสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้จะยังอยู่บนโครงข่ายเดิม DSL ก็ช่วยยืดอายุของโครงสร้างพื้นฐานสายทองแดงออกไปได้อีกระยะหนึ่ง

    อย่างไรก็ดี พลังของสายทองแดงมีขีดจำกัดทั้งในเชิงฟิสิกส์และเศรษฐศาสตร์ ปริมาณข้อมูลที่สามารถรับส่งได้ต่อวินาทีนั้นมีข้อจำกัดจากระยะทาง ความต้านทาน และความถี่ของสัญญาณ การพยายามเพิ่มความเร็วผ่านสายทองแดงจึงต้องเผชิญกับปัญหาการลดทอนของสัญญาณ และความเสี่ยงต่อการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารอบข้างมากขึ้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณของโลกในยุคดิจิทัล

    การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างจึงเกิดขึ้น ด้วยการหันมาใช้ใยแก้วนำแสงเป็นสื่อกลางในการส่งข้อมูล ใยแก้วนำแสงใช้พลังงานแสงแทนกระแสไฟฟ้า จึงสามารถส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงมาก มีแบนด์วิดท์กว้าง และไม่ไวต่อคลื่นรบกวนภายนอก หลักการทำงานของใยแก้วนำแสงอาศัยปรากฏการณ์สะท้อนกลับหมด (Total Internal Reflection) ที่ทำให้แสงสามารถวิ่งผ่านเส้นใยแก้วได้ในระยะไกลโดยไม่สูญเสียพลังงานมากนัก ใยแก้วนำแสงไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ แต่ยังเพิ่มความปลอดภัย และลดต้นทุนในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ

    ประโยชน์ของใยแก้วนำแสงเห็นได้ชัดในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมวิดีโอความละเอียดสูง การประชุมทางไกล การเรียนรู้ออนไลน์ หรือแม้แต่การเล่นเกมผ่านคลาวด์ ความเร็วที่สูงและความเสถียรของเครือข่ายช่วยให้บริการเหล่านี้ทำงานได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโต และเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนานวัตกรรมและบริการที่อาศัยการรับส่งข้อมูลจำนวนมากแบบเรียลไทม์

    แม้ว่าใยแก้วนำแสงจะเป็นโซลูชันที่ดูจะ “พร้อมสำหรับอนาคต” แต่ในทางปฏิบัติ การติดตั้งโครงข่ายนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะปัญหาในช่วง Last Mile หรือการเชื่อมโยงใยแก้วนำแสงจากสายหลักเข้าสู่บ้านและธุรกิจแต่ละหลัง ซึ่งมักมีต้นทุนสูง ใช้แรงงานผู้เชี่ยวชาญ และต้องอาศัยการวางแผนโครงข่ายอย่างรอบคอบ ความซับซ้อนนี้ทำให้ชุมชนชนบทหรือพื้นที่ห่างไกลถูกมองข้าม จนนำไปสู่ “ช่องว่างทางดิจิทัล” ที่ยังคงปรากฏอยู่ในหลายภูมิภาค

    เพื่อเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมได้ถูกพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) อย่าง Starlink ที่ให้เวลาแฝงต่ำและความเร็วสูงกว่าเทคโนโลยีดาวเทียมรุ่นก่อน แม้จะมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและความไวต่อสภาพอากาศ แต่การเข้าถึงที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ของดาวเทียมได้สร้างความหวังใหม่สำหรับประชากรที่เคยอยู่นอกขอบเขตของโครงสร้างพื้นฐานแบบมีสาย

    อนาคตของการเชื่อมต่อไม่ได้หยุดอยู่แค่ใยแก้วนำแสงหรือดาวเทียม ปัจจุบันมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น Wavelength Division Multiplexing (WDM) ที่ช่วยให้สามารถส่งข้อมูลหลายชุดพร้อมกันในเส้นใยเส้นเดียว หรือ Hollow Core Fiber ที่นำแสงวิ่งผ่านอากาศแทนแกนแก้ว เพิ่มความเร็วและลดเวลาแฝง นอกจากนี้ยังมีแนวคิดอินเทอร์เน็ตควอนตัม (Quantum Internet) ที่ใช้หลักกลศาสตร์ควอนตัมในการสร้างระบบเครือข่ายที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

    สรุปได้ว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตไม่ใช่เพียงเรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก อินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้นและเชื่อถือได้มากขึ้น หมายถึงโอกาสที่เปิดกว้างมากขึ้นเช่นกัน การลงทุนในเทคโนโลยีที่ยั่งยืนจึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับอนาคตที่เชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    🌐 การพัฒนาอินเทอร์เน็ต: จากสายทองแดงสู่ใยแก้ว และไปไกลถึงอวกาศ 🌏 ในยุคปัจจุบันที่โลกเชื่อมต่อกันอย่างแนบแน่น การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การทำงาน การเรียนรู้ หรือการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร อินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ในทุกมิติ แต่การเดินทางของเทคโนโลยีนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากความล้ำสมัย หากแต่เริ่มจากโครงสร้างพื้นฐานพื้นฐานอย่างสายทองแดง ก่อนจะพัฒนาไปสู่ใยแก้วนำแสง และก้าวข้ามพรมแดนทางภูมิศาสตร์ด้วยอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม 📞 จุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ตย้อนกลับไปในปี 1969 เมื่อกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาโครงการ ARPANET ซึ่งเป็นเครือข่ายแรกที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์จากหลายสถาบันเข้าด้วยกัน โดยใช้สายโทรศัพท์ทองแดงเป็นโครงข่ายหลัก ความก้าวหน้านี้ได้ปูทางสู่การพัฒนาระบบการสื่อสารผ่านแนวคิดการสลับแพ็กเก็ต ซึ่งเป็นกลไกที่ทำให้ข้อมูลสามารถเดินทางผ่านเครือข่ายได้อย่างยืดหยุ่นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สายทองแดงเองก็มีข้อจำกัดมากมาย ทั้งในเรื่องของระยะทาง ความเร็ว และความไวต่อสัญญาณรบกวน 🧭 ในช่วงทศวรรษที่ 1990 การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ Dial-up ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยอาศัยสายโทรศัพท์ทองแดงร่วมกับโมเด็ม ซึ่งทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอนาล็อก และในทางกลับกัน แม้ว่าจะเป็นการเปิดประตูให้ประชาชนทั่วไปได้สัมผัสกับโลกออนไลน์ แต่ Dial-up ก็เต็มไปด้วยข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นความเร็วที่ต่ำ การผูกขาดสายโทรศัพท์ระหว่างการใช้งาน หรือการหลุดสัญญาณอย่างสม่ำเสมอ ต่อมาจึงเกิดการพัฒนาเทคโนโลยี DSL (Digital Subscriber Line) ซึ่งสามารถใช้งานโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตได้พร้อมกันบนสายทองแดงเส้นเดียวกัน และให้ความเร็วสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้จะยังอยู่บนโครงข่ายเดิม DSL ก็ช่วยยืดอายุของโครงสร้างพื้นฐานสายทองแดงออกไปได้อีกระยะหนึ่ง ⚠️ อย่างไรก็ดี พลังของสายทองแดงมีขีดจำกัดทั้งในเชิงฟิสิกส์และเศรษฐศาสตร์ ปริมาณข้อมูลที่สามารถรับส่งได้ต่อวินาทีนั้นมีข้อจำกัดจากระยะทาง ความต้านทาน และความถี่ของสัญญาณ การพยายามเพิ่มความเร็วผ่านสายทองแดงจึงต้องเผชิญกับปัญหาการลดทอนของสัญญาณ และความเสี่ยงต่อการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารอบข้างมากขึ้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณของโลกในยุคดิจิทัล 💡 การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างจึงเกิดขึ้น ด้วยการหันมาใช้ใยแก้วนำแสงเป็นสื่อกลางในการส่งข้อมูล ใยแก้วนำแสงใช้พลังงานแสงแทนกระแสไฟฟ้า จึงสามารถส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงมาก มีแบนด์วิดท์กว้าง และไม่ไวต่อคลื่นรบกวนภายนอก หลักการทำงานของใยแก้วนำแสงอาศัยปรากฏการณ์สะท้อนกลับหมด (Total Internal Reflection) ที่ทำให้แสงสามารถวิ่งผ่านเส้นใยแก้วได้ในระยะไกลโดยไม่สูญเสียพลังงานมากนัก ใยแก้วนำแสงไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ แต่ยังเพิ่มความปลอดภัย และลดต้นทุนในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ 📺 ประโยชน์ของใยแก้วนำแสงเห็นได้ชัดในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมวิดีโอความละเอียดสูง การประชุมทางไกล การเรียนรู้ออนไลน์ หรือแม้แต่การเล่นเกมผ่านคลาวด์ ความเร็วที่สูงและความเสถียรของเครือข่ายช่วยให้บริการเหล่านี้ทำงานได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโต และเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนานวัตกรรมและบริการที่อาศัยการรับส่งข้อมูลจำนวนมากแบบเรียลไทม์ 🚧 แม้ว่าใยแก้วนำแสงจะเป็นโซลูชันที่ดูจะ “พร้อมสำหรับอนาคต” แต่ในทางปฏิบัติ การติดตั้งโครงข่ายนี้ยังคงเผชิญกับความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะปัญหาในช่วง Last Mile หรือการเชื่อมโยงใยแก้วนำแสงจากสายหลักเข้าสู่บ้านและธุรกิจแต่ละหลัง ซึ่งมักมีต้นทุนสูง ใช้แรงงานผู้เชี่ยวชาญ และต้องอาศัยการวางแผนโครงข่ายอย่างรอบคอบ ความซับซ้อนนี้ทำให้ชุมชนชนบทหรือพื้นที่ห่างไกลถูกมองข้าม จนนำไปสู่ “ช่องว่างทางดิจิทัล” ที่ยังคงปรากฏอยู่ในหลายภูมิภาค 🛰️ เพื่อเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมได้ถูกพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะดาวเทียมในวงโคจรต่ำ (LEO) อย่าง Starlink ที่ให้เวลาแฝงต่ำและความเร็วสูงกว่าเทคโนโลยีดาวเทียมรุ่นก่อน แม้จะมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและความไวต่อสภาพอากาศ แต่การเข้าถึงที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ของดาวเทียมได้สร้างความหวังใหม่สำหรับประชากรที่เคยอยู่นอกขอบเขตของโครงสร้างพื้นฐานแบบมีสาย 🔭 อนาคตของการเชื่อมต่อไม่ได้หยุดอยู่แค่ใยแก้วนำแสงหรือดาวเทียม ปัจจุบันมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีล้ำหน้า เช่น Wavelength Division Multiplexing (WDM) ที่ช่วยให้สามารถส่งข้อมูลหลายชุดพร้อมกันในเส้นใยเส้นเดียว หรือ Hollow Core Fiber ที่นำแสงวิ่งผ่านอากาศแทนแกนแก้ว เพิ่มความเร็วและลดเวลาแฝง นอกจากนี้ยังมีแนวคิดอินเทอร์เน็ตควอนตัม (Quantum Internet) ที่ใช้หลักกลศาสตร์ควอนตัมในการสร้างระบบเครือข่ายที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด 📌 สรุปได้ว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตไม่ใช่เพียงเรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก อินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้นและเชื่อถือได้มากขึ้น หมายถึงโอกาสที่เปิดกว้างมากขึ้นเช่นกัน การลงทุนในเทคโนโลยีที่ยั่งยืนจึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับอนาคตที่เชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ #ลุงเขียนหลานอ่าน
    1 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • เนื้อว่านหลวงพ่อพัฒน์ วัดพัฒนาราม ปี2505
    เนื้อว่านหลวงพ่อพัฒน์ พิมพ์เล็บมือเล็ก (เนื้อเก่าถึงยุค พิมพ์นี้พบน้อยครับ) วัดพัฒนาราม จ.สุราษฎร์ธานี ปี2505 // พระดีพิธีใหญ่ พุทธคุณเป็นเลิศมากด้วยประสบการณ์ก็ต้องหามาขึ้นคอแล้วจะไม่ผิดหวัง พระเกจิอาจารย์ร่วมปลุกเสก อาทิเช่น หลวงพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน , ท่านพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ , อจ.นำ วัดดอนศาลา , หลวงพ่อพัว วัดบางเดือน // พระสถาพใช้ เนื้อเก่าถึงยุค หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>


    ** พุทธคุณเป็นเลิศเด่นในด้านเมตตามหานิยม ช่วยเสริมเสน่ห์ โชคลาภ และความสำเร็จในชีวิต แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ และอุบัติเหตุ ส่งเสริมด้านการเงิน โชคลาภ และความมั่งคั่ง >>

    ** พระเนื้อว่านหลวงพ่อพัฒน์ พิมพ์เล็ก ปี 2505 ถึงแม้ว่าวัตถุมงคลที่ออกใน ปี2505 นี้ไม่ได้รับการปลุกเสกจากหลวงพ่อพัฒน์โดยตรง แต่พุทธคุณเป็นเลิศมากด้วยประสบการณ์ก็ต้องหามาขึ้นคอแล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนเพราะตอนปลุกเสกมี 2 อาจารย์ชื่อดังแห่งดินแดนเมืองใต้เข้าร่วมด้วย คือ หลวงพ่อทิม วัดช้างให้ และ เทวดาเมืองคอน พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน วาจาสิทธิ์ และเกจิดังๆของเมืองสุราษฎร์อีกหลายท่าน เช่น หลวงพ่อพัว วัดบางเดือน >>

    ** พระสถาพใช้ เนื้อเก่าถึงยุค หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เนื้อว่านหลวงพ่อพัฒน์ วัดพัฒนาราม ปี2505 เนื้อว่านหลวงพ่อพัฒน์ พิมพ์เล็บมือเล็ก (เนื้อเก่าถึงยุค พิมพ์นี้พบน้อยครับ) วัดพัฒนาราม จ.สุราษฎร์ธานี ปี2505 // พระดีพิธีใหญ่ พุทธคุณเป็นเลิศมากด้วยประสบการณ์ก็ต้องหามาขึ้นคอแล้วจะไม่ผิดหวัง พระเกจิอาจารย์ร่วมปลุกเสก อาทิเช่น หลวงพ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน , ท่านพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ , อจ.นำ วัดดอนศาลา , หลวงพ่อพัว วัดบางเดือน // พระสถาพใช้ เนื้อเก่าถึงยุค หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเป็นเลิศเด่นในด้านเมตตามหานิยม ช่วยเสริมเสน่ห์ โชคลาภ และความสำเร็จในชีวิต แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ และอุบัติเหตุ ส่งเสริมด้านการเงิน โชคลาภ และความมั่งคั่ง >> ** พระเนื้อว่านหลวงพ่อพัฒน์ พิมพ์เล็ก ปี 2505 ถึงแม้ว่าวัตถุมงคลที่ออกใน ปี2505 นี้ไม่ได้รับการปลุกเสกจากหลวงพ่อพัฒน์โดยตรง แต่พุทธคุณเป็นเลิศมากด้วยประสบการณ์ก็ต้องหามาขึ้นคอแล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนเพราะตอนปลุกเสกมี 2 อาจารย์ชื่อดังแห่งดินแดนเมืองใต้เข้าร่วมด้วย คือ หลวงพ่อทิม วัดช้างให้ และ เทวดาเมืองคอน พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน วาจาสิทธิ์ และเกจิดังๆของเมืองสุราษฎร์อีกหลายท่าน เช่น หลวงพ่อพัว วัดบางเดือน >> ** พระสถาพใช้ เนื้อเก่าถึงยุค หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • การเปรียบเทียบเหตุการณ์ในอดีตกับปัจจุบันเพื่อดูว่าเหตุการณ์อาจซ้ำรอยหรือไม่ โดยเฉพาะในบริบทของโรคระบาด อาวุธชีวภาพ และการปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและต้องพิจารณาหลายมิติ ทั้งบริบททางประวัติศาสตร์ สังคม เทคโนโลยี และการเมือง เพื่อตอบคำถามนี้ ผมจะวิเคราะห์โดยเชื่อมโยงช่วงเวลาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 (ทศวรรษ 1930) กับยุคปัจจุบัน (2020s) พร้อมทั้งพิจารณานิยามของอาวุธชีวภาพในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงบทบาทของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

    ---

    ### **1. เปรียบเทียบอดีต (ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2) กับปัจจุบัน**

    #### **บริบทอดีต (ทศวรรษ 1930)**:
    - **โรคระบาด**: ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีการระบาดใหญ่ระดับโลกที่เทียบเท่าโควิด-19 แต่มีโรคติดเชื้อ เช่น วัณโรคและกาฬโรค ที่ยังเป็นปัญหาในบางพื้นที่ การระบาดของกาฬโรคในจีน (จากการโจมตีด้วยอาวุธชีวภาพของญี่ปุ่น เช่น หน่วย 731) ถูกมองว่าเป็น "โรคระบาด" ในท้องถิ่น โดยประชาชนทั่วไปมักไม่ทราบว่าเป็นผลจากอาวุธชีวภาพ เนื่องจากข้อมูลถูกปกปิดโดยรัฐบาลญี่ปุ่น
    - **นิยามอาวุธชีวภาพ**: ในยุคนั้น อาวุธชีวภาพถูกพัฒนาและใช้งานในลักษณะลับ ๆ โดยรัฐบาลหรือกองทัพ (เช่น ญี่ปุ่น) และมักถูกมองว่าเป็น "โรคระบาด" โดยสาธารณชน เนื่องจากขาดการสื่อสารที่โปร่งใส การรับรู้ของประชาชนจึงจำกัดอยู่ที่ผลกระทบ (การเจ็บป่วยและเสียชีวิต) มากกว่าที่จะเข้าใจว่าเป็นการโจมตีโดยเจตนา
    - **บริบททางสังคมและการเมือง**: ช่วงทศวรรษ 1930 เป็นยุคที่ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศสูงมาก มีการเตรียมพร้อมเพื่อสงคราม (เช่น เยอรมนี ญี่ปุ่น อิตาลี) ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจหลังวิกฤตเศรษฐกิจโลก (1929) ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในรัฐบาลและข้อมูลที่ถูกปกปิด
    - **การปฏิวัติอุตสาหกรรม**: อยู่ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 (ปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20) ซึ่งเน้นการผลิตจำนวนมาก (mass production) และการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น ไฟฟ้าและเครื่องจักรกล ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าทางการทหารและการแพทย์ แต่การเข้าถึงข้อมูลและยารักษายังจำกัดในหลายพื้นที่

    #### **บริบทปัจจุบัน (2020s)**:
    - **โรคระบาด**: โควิด-19 เป็นตัวอย่างชัดเจนของโรคอุบัติใหม่ที่มีผลกระทบระดับโลก เริ่มระบาดในปี 2019 และยังคงมีผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีทฤษฎีสมคบคิดมากมายเกี่ยวกับต้นกำเนิดของไวรัส (เช่น การรั่วไหลจากห้องปฏิบัติการหรืออาวุธชีวภาพ) แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าเป็นอาวุธชีวภาพ
    - **นิยามอาวุธชีวภาพ**: ในยุคปัจจุบัน อาวุธชีวภาพถูกนิยามว่าเป็นการใช้เชื้อโรคหรือสารพิษทางชีวภาพโดยเจตนาเพื่อทำลายมนุษย์ สัตว์ หรือพืช ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ (เช่น CRISPR และการดัดแปลงพันธุกรรม) ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ซับซ้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม การระบาดเช่นโควิด-19 ถูกมองว่าเป็น "โรคระบาดจากธรรมชาติ" โดยหน่วยงานสาธารณสุข เช่น WHO แม้ว่าจะมีข้อสงสัยในหมู่ประชาชนบางกลุ่ม
    - **บริบททางสังคมและการเมือง**: ปัจจุบันมีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน รัสเซีย-ยูเครน และประเด็นในตะวันออกกลาง การเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วผ่านอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียทำให้เกิดการเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดและข้อมูลที่อาจถูกบิดเบือน ซึ่งคล้ายกับการปกปิดข้อมูลในอดีต แต่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป
    - **การปฏิวัติอุตสาหกรรม**: ปัจจุบันอยู่ในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งเน้นเทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) และเทคโนโลยีชีวภาพ ความก้าวหน้าเหล่านี้ทำให้เกิดทั้งโอกาส (เช่น การพัฒนาวัคซีน mRNA) และความเสี่ยง (เช่น การใช้เทคโนโลยีชีวภาพในทางที่ผิด)

    ---

    ### **2. ความเหมือนและความต่าง: จะซ้ำรอยหรือไม่?**

    #### **ความเหมือน**:
    1. **ความไม่แน่นอนและการปกปิดข้อมูล**:
    - ในอดีต ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อาวุธชีวภาพ (เช่น หน่วย 731) ถูกปกปิด ทำให้ประชาชนมองว่าเป็นโรคระบาดธรรมชาติ ในปัจจุบัน ทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับโควิด-19 (เช่น ต้นกำเนิดในห้องปฏิบัติการ) ได้รับความสนใจจากสาธารณชน เนื่องจากความไม่โปร่งใสในช่วงแรกของการระบาด
    - ทั้งสองยุคมี "ความไม่ไว้วางใจ" ในรัฐบาลและหน่วยงานระหว่างประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การตีความว่าโรคระบาดคือ "อาวุธ" หรือการสมคบคิด

    2. **บริบทความตึงเครียดทางการเมือง**:
    - ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ความขัดแย้งระหว่างชาตินำไปสู่การเตรียมพร้อมเพื่อสงคราม ปัจจุบัน ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน และรัสเซีย-ตะวันตก ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งครั้งใหญ่ (สงครามโลกครั้งที่ 3 ในสมมติฐาน) ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับการใช้หรือการกล่าวหาเรื่องอาวุธชีวภาพ

    3. **ผลกระทบจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม**:
    - การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 นำมาซึ่งความก้าวหน้าทางการทหารและการแพทย์ ซึ่งถูกใช้ทั้งในทางสร้างสรรค์และทำลายล้าง ในยุคที่ 4 เทคโนโลยีชีวภาพและ AI ทำให้เกิดความสามารถในการสร้างทั้งยารักษา (เช่น วัคซีน) และความเสี่ยงจากการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ซับซ้อนขึ้น

    #### **ความต่าง**:
    1. **ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี**:
    - ในอดีต การพัฒนาอาวุธชีวภาพ เช่น การใช้กาฬโรค ยังอยู่ในระดับพื้นฐานและจำกัดขอบเขต ปัจจุบัน เทคโนโลยีชีวภาพที่ทันสมัย เช่น การตัดต่อยีน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอาวุธชีวภาพที่อาจกำหนดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มหรือมีผลกระทบที่รุนแรงกว่า
    - การสื่อสารในปัจจุบันรวดเร็วและแพร่หลายผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้ข้อมูล (หรือข้อมูลเท็จ) แพร่กระจายได้ง่าย ซึ่งต่างจากอดีตที่ข้อมูลถูกควบคุมโดยรัฐหรือสื่อกระแสหลัก

    2. **การรับรู้ของสาธารณชน**:
    - ในทศวรรษ 1930 ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงการใช้อาวุธชีวภาพและมองว่าเป็นโรคระบาดตามธรรมชาติ ปัจจุบัน การเข้าถึงข้อมูลทำให้สาธารณชนตั้งคำถามเกี่ยวกับต้นกำเนิดของโรคระบาดมากขึ้น แต่ก็มีความสับสนจากข้อมูลที่ขัดแย้งกัน

    3. **ความพร้อมด้านสาธารณสุข**:
    - ในอดีต การตอบสนองต่อโรคระบาดมีจำกัด เนื่องจากขาดความรู้และเทคโนโลยี ปัจจุบัน ระบบสาธารณสุขทั่วโลกมีความพร้อมมากขึ้น (เช่น การพัฒนาวัคซีนในเวลาอันสั้น) แต่ก็เผชิญความท้าทายจากความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงยาและวัคซีน

    #### **การคาดการณ์**:
    - **ความเป็นไปได้ที่จะซ้ำรอย**: เหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันมีลักษณะคล้ายกันในแง่ของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่ไว้วางใจในข้อมูล หากเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ในอนาคต (เช่น สงครามโลกครั้งที่ 3) อาจมีการกล่าวหาว่าโรคระบาดเป็นผลจากอาวุธชีวภาพ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานชัดเจน เหมือนที่เกิดขึ้นกับโควิด-19
    - **ความแตกต่างที่สำคัญ**: ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในยุคที่ 4 ทำให้ผลกระทบของอาวุธชีวภาพ (หากมีการใช้) อาจรุนแรงและซับซ้อนกว่าอดีต แต่ในขณะเดียวกัน ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองต่อโรคระบาดก็สูงขึ้น ซึ่งอาจลดผลกระทบได้

    ---

    ### **3. การปฏิวัติอุตสาหกรรมและบทบาทต่อเหตุการณ์**

    - **การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 (ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2)**:
    - นำไปสู่การพัฒนาการผลิตอาวุธและยานพาหนะสำหรับสงคราม รวมถึงความก้าวหน้าทางการแพทย์ เช่น การผลิตยาปฏิชีวนะในช่วงต้น
    - อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีในยุคนั้นยังจำกัด ทำให้การพัฒนาอาวุธชีวภาพอยู่ในระดับพื้นฐาน เช่น การใช้เชื้อกาฬโรคหรือแอนแทรกซ์

    - **การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (ปัจจุบัน)**:
    - เทคโนโลยีชีวภาพและ AI ทำให้เกิดความก้าวหน้าในการแพทย์ เช่น การพัฒนาวัคซีน mRNA ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีสำหรับโควิด-19
    - ความเสี่ยง: เทคโนโลยีเดียวกันนี้สามารถถูกใช้ในการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่แม่นยำและรุนแรงกว่าเดิม เช่น การดัดแปลงพันธุกรรมของเชื้อโรค
    - การสื่อสารและข้อมูล: อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียทำให้เกิดการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จหรือทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งอาจกระตุ้นความตื่นตระหนกหรือความไม่ไว้วางใจในระบบสาธารณสุข

    - **บทบาทของการปฏิวัติอุตสาหกรรม**: ในทั้งสองยุค การปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นตัวกำหนดความสามารถในการพัฒนาทั้งอาวุธและยารักษา ในอดีต เทคโนโลยีจำกัดทำให้ผลกระทบของอาวุธชีวภาพอยู่ในวงจำกัด ปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เกิดทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่มากขึ้น

    ---

    ### **4. ข้อสรุปและการคาดการณ์**

    - **ความซ้ำรอย**: เหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของความตึงเครียดทางการเมืองและการรับรู้ของสาธารณชนที่มองว่าโรคระบาดอาจเกี่ยวข้องกับ "การสมคบคิด" หรืออาวุธชีวภาพ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างในด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารทำให้ผลกระทบและการตอบสนองในปัจจุบันซับซ้อนกว่า
    - **นิยามอาวุธชีวภาพ**: ในอดีต ประชาชนมักมองอาวุธชีวภาพเป็น "โรคระบาด" เนื่องจากขาดข้อมูล ปัจจุบัน การรับรู้ถึงความเป็นไปได้ของอาวุธชีวภาพเพิ่มขึ้น แต่ก็ถูกบดบังด้วยทฤษฎีสมคบคิดและข้อมูลที่ขัดแย้งกัน
    - **การปฏิวัติอุตสาหกรรม**: เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสามารถในการพัฒนาทั้งยารักษาและอาวุธ ในยุคที่ 4 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพและ AI ทำให้เกิดความท้าทายใหม่ ๆ ที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่มากขึ้นหากไม่มีการควบคุม

    - **การคาดการณ์ในอนาคต**: หากเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ (เช่น สงครามโลกครั้งที่ 3) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอาจทำให้เกิดการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ซับซ้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองของระบบสาธารณสุขทั่วโลกก็สูงขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดผลกระทบได้ การควบคุมข้อมูลและการสร้างความไว้วางใจในสาธารณชนจะเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันความตื่นตระหนกหรือการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ

    หากต้องการให้ผมวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น การค้นหาข้อมูลจาก X posts หรือเว็บเกี่ยวกับความกังวลเรื่องอาวุธชีวภาพในปัจจุบัน หรือการเปรียบเทียบในมิติอื่น ๆ สามารถแจ้งได้เลยครับ!
    https://x.com/i/grok/share/PU2mYZMg5PYJrBY3mYl03H3QL
    การเปรียบเทียบเหตุการณ์ในอดีตกับปัจจุบันเพื่อดูว่าเหตุการณ์อาจซ้ำรอยหรือไม่ โดยเฉพาะในบริบทของโรคระบาด อาวุธชีวภาพ และการปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและต้องพิจารณาหลายมิติ ทั้งบริบททางประวัติศาสตร์ สังคม เทคโนโลยี และการเมือง เพื่อตอบคำถามนี้ ผมจะวิเคราะห์โดยเชื่อมโยงช่วงเวลาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 (ทศวรรษ 1930) กับยุคปัจจุบัน (2020s) พร้อมทั้งพิจารณานิยามของอาวุธชีวภาพในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงบทบาทของการปฏิวัติอุตสาหกรรม --- ### **1. เปรียบเทียบอดีต (ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2) กับปัจจุบัน** #### **บริบทอดีต (ทศวรรษ 1930)**: - **โรคระบาด**: ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีการระบาดใหญ่ระดับโลกที่เทียบเท่าโควิด-19 แต่มีโรคติดเชื้อ เช่น วัณโรคและกาฬโรค ที่ยังเป็นปัญหาในบางพื้นที่ การระบาดของกาฬโรคในจีน (จากการโจมตีด้วยอาวุธชีวภาพของญี่ปุ่น เช่น หน่วย 731) ถูกมองว่าเป็น "โรคระบาด" ในท้องถิ่น โดยประชาชนทั่วไปมักไม่ทราบว่าเป็นผลจากอาวุธชีวภาพ เนื่องจากข้อมูลถูกปกปิดโดยรัฐบาลญี่ปุ่น - **นิยามอาวุธชีวภาพ**: ในยุคนั้น อาวุธชีวภาพถูกพัฒนาและใช้งานในลักษณะลับ ๆ โดยรัฐบาลหรือกองทัพ (เช่น ญี่ปุ่น) และมักถูกมองว่าเป็น "โรคระบาด" โดยสาธารณชน เนื่องจากขาดการสื่อสารที่โปร่งใส การรับรู้ของประชาชนจึงจำกัดอยู่ที่ผลกระทบ (การเจ็บป่วยและเสียชีวิต) มากกว่าที่จะเข้าใจว่าเป็นการโจมตีโดยเจตนา - **บริบททางสังคมและการเมือง**: ช่วงทศวรรษ 1930 เป็นยุคที่ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศสูงมาก มีการเตรียมพร้อมเพื่อสงคราม (เช่น เยอรมนี ญี่ปุ่น อิตาลี) ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจหลังวิกฤตเศรษฐกิจโลก (1929) ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในรัฐบาลและข้อมูลที่ถูกปกปิด - **การปฏิวัติอุตสาหกรรม**: อยู่ในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 (ปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20) ซึ่งเน้นการผลิตจำนวนมาก (mass production) และการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น ไฟฟ้าและเครื่องจักรกล ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าทางการทหารและการแพทย์ แต่การเข้าถึงข้อมูลและยารักษายังจำกัดในหลายพื้นที่ #### **บริบทปัจจุบัน (2020s)**: - **โรคระบาด**: โควิด-19 เป็นตัวอย่างชัดเจนของโรคอุบัติใหม่ที่มีผลกระทบระดับโลก เริ่มระบาดในปี 2019 และยังคงมีผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีทฤษฎีสมคบคิดมากมายเกี่ยวกับต้นกำเนิดของไวรัส (เช่น การรั่วไหลจากห้องปฏิบัติการหรืออาวุธชีวภาพ) แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าเป็นอาวุธชีวภาพ - **นิยามอาวุธชีวภาพ**: ในยุคปัจจุบัน อาวุธชีวภาพถูกนิยามว่าเป็นการใช้เชื้อโรคหรือสารพิษทางชีวภาพโดยเจตนาเพื่อทำลายมนุษย์ สัตว์ หรือพืช ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ (เช่น CRISPR และการดัดแปลงพันธุกรรม) ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ซับซ้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม การระบาดเช่นโควิด-19 ถูกมองว่าเป็น "โรคระบาดจากธรรมชาติ" โดยหน่วยงานสาธารณสุข เช่น WHO แม้ว่าจะมีข้อสงสัยในหมู่ประชาชนบางกลุ่ม - **บริบททางสังคมและการเมือง**: ปัจจุบันมีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน รัสเซีย-ยูเครน และประเด็นในตะวันออกกลาง การเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วผ่านอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียทำให้เกิดการเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดและข้อมูลที่อาจถูกบิดเบือน ซึ่งคล้ายกับการปกปิดข้อมูลในอดีต แต่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป - **การปฏิวัติอุตสาหกรรม**: ปัจจุบันอยู่ในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งเน้นเทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) และเทคโนโลยีชีวภาพ ความก้าวหน้าเหล่านี้ทำให้เกิดทั้งโอกาส (เช่น การพัฒนาวัคซีน mRNA) และความเสี่ยง (เช่น การใช้เทคโนโลยีชีวภาพในทางที่ผิด) --- ### **2. ความเหมือนและความต่าง: จะซ้ำรอยหรือไม่?** #### **ความเหมือน**: 1. **ความไม่แน่นอนและการปกปิดข้อมูล**: - ในอดีต ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อาวุธชีวภาพ (เช่น หน่วย 731) ถูกปกปิด ทำให้ประชาชนมองว่าเป็นโรคระบาดธรรมชาติ ในปัจจุบัน ทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับโควิด-19 (เช่น ต้นกำเนิดในห้องปฏิบัติการ) ได้รับความสนใจจากสาธารณชน เนื่องจากความไม่โปร่งใสในช่วงแรกของการระบาด - ทั้งสองยุคมี "ความไม่ไว้วางใจ" ในรัฐบาลและหน่วยงานระหว่างประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การตีความว่าโรคระบาดคือ "อาวุธ" หรือการสมคบคิด 2. **บริบทความตึงเครียดทางการเมือง**: - ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ความขัดแย้งระหว่างชาตินำไปสู่การเตรียมพร้อมเพื่อสงคราม ปัจจุบัน ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน และรัสเซีย-ตะวันตก ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งครั้งใหญ่ (สงครามโลกครั้งที่ 3 ในสมมติฐาน) ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับการใช้หรือการกล่าวหาเรื่องอาวุธชีวภาพ 3. **ผลกระทบจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม**: - การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 นำมาซึ่งความก้าวหน้าทางการทหารและการแพทย์ ซึ่งถูกใช้ทั้งในทางสร้างสรรค์และทำลายล้าง ในยุคที่ 4 เทคโนโลยีชีวภาพและ AI ทำให้เกิดความสามารถในการสร้างทั้งยารักษา (เช่น วัคซีน) และความเสี่ยงจากการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ซับซ้อนขึ้น #### **ความต่าง**: 1. **ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี**: - ในอดีต การพัฒนาอาวุธชีวภาพ เช่น การใช้กาฬโรค ยังอยู่ในระดับพื้นฐานและจำกัดขอบเขต ปัจจุบัน เทคโนโลยีชีวภาพที่ทันสมัย เช่น การตัดต่อยีน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอาวุธชีวภาพที่อาจกำหนดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มหรือมีผลกระทบที่รุนแรงกว่า - การสื่อสารในปัจจุบันรวดเร็วและแพร่หลายผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้ข้อมูล (หรือข้อมูลเท็จ) แพร่กระจายได้ง่าย ซึ่งต่างจากอดีตที่ข้อมูลถูกควบคุมโดยรัฐหรือสื่อกระแสหลัก 2. **การรับรู้ของสาธารณชน**: - ในทศวรรษ 1930 ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงการใช้อาวุธชีวภาพและมองว่าเป็นโรคระบาดตามธรรมชาติ ปัจจุบัน การเข้าถึงข้อมูลทำให้สาธารณชนตั้งคำถามเกี่ยวกับต้นกำเนิดของโรคระบาดมากขึ้น แต่ก็มีความสับสนจากข้อมูลที่ขัดแย้งกัน 3. **ความพร้อมด้านสาธารณสุข**: - ในอดีต การตอบสนองต่อโรคระบาดมีจำกัด เนื่องจากขาดความรู้และเทคโนโลยี ปัจจุบัน ระบบสาธารณสุขทั่วโลกมีความพร้อมมากขึ้น (เช่น การพัฒนาวัคซีนในเวลาอันสั้น) แต่ก็เผชิญความท้าทายจากความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงยาและวัคซีน #### **การคาดการณ์**: - **ความเป็นไปได้ที่จะซ้ำรอย**: เหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันมีลักษณะคล้ายกันในแง่ของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่ไว้วางใจในข้อมูล หากเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ในอนาคต (เช่น สงครามโลกครั้งที่ 3) อาจมีการกล่าวหาว่าโรคระบาดเป็นผลจากอาวุธชีวภาพ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานชัดเจน เหมือนที่เกิดขึ้นกับโควิด-19 - **ความแตกต่างที่สำคัญ**: ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในยุคที่ 4 ทำให้ผลกระทบของอาวุธชีวภาพ (หากมีการใช้) อาจรุนแรงและซับซ้อนกว่าอดีต แต่ในขณะเดียวกัน ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองต่อโรคระบาดก็สูงขึ้น ซึ่งอาจลดผลกระทบได้ --- ### **3. การปฏิวัติอุตสาหกรรมและบทบาทต่อเหตุการณ์** - **การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 (ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2)**: - นำไปสู่การพัฒนาการผลิตอาวุธและยานพาหนะสำหรับสงคราม รวมถึงความก้าวหน้าทางการแพทย์ เช่น การผลิตยาปฏิชีวนะในช่วงต้น - อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีในยุคนั้นยังจำกัด ทำให้การพัฒนาอาวุธชีวภาพอยู่ในระดับพื้นฐาน เช่น การใช้เชื้อกาฬโรคหรือแอนแทรกซ์ - **การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (ปัจจุบัน)**: - เทคโนโลยีชีวภาพและ AI ทำให้เกิดความก้าวหน้าในการแพทย์ เช่น การพัฒนาวัคซีน mRNA ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีสำหรับโควิด-19 - ความเสี่ยง: เทคโนโลยีเดียวกันนี้สามารถถูกใช้ในการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่แม่นยำและรุนแรงกว่าเดิม เช่น การดัดแปลงพันธุกรรมของเชื้อโรค - การสื่อสารและข้อมูล: อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียทำให้เกิดการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จหรือทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งอาจกระตุ้นความตื่นตระหนกหรือความไม่ไว้วางใจในระบบสาธารณสุข - **บทบาทของการปฏิวัติอุตสาหกรรม**: ในทั้งสองยุค การปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นตัวกำหนดความสามารถในการพัฒนาทั้งอาวุธและยารักษา ในอดีต เทคโนโลยีจำกัดทำให้ผลกระทบของอาวุธชีวภาพอยู่ในวงจำกัด ปัจจุบัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เกิดทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่มากขึ้น --- ### **4. ข้อสรุปและการคาดการณ์** - **ความซ้ำรอย**: เหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของความตึงเครียดทางการเมืองและการรับรู้ของสาธารณชนที่มองว่าโรคระบาดอาจเกี่ยวข้องกับ "การสมคบคิด" หรืออาวุธชีวภาพ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างในด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารทำให้ผลกระทบและการตอบสนองในปัจจุบันซับซ้อนกว่า - **นิยามอาวุธชีวภาพ**: ในอดีต ประชาชนมักมองอาวุธชีวภาพเป็น "โรคระบาด" เนื่องจากขาดข้อมูล ปัจจุบัน การรับรู้ถึงความเป็นไปได้ของอาวุธชีวภาพเพิ่มขึ้น แต่ก็ถูกบดบังด้วยทฤษฎีสมคบคิดและข้อมูลที่ขัดแย้งกัน - **การปฏิวัติอุตสาหกรรม**: เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสามารถในการพัฒนาทั้งยารักษาและอาวุธ ในยุคที่ 4 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพและ AI ทำให้เกิดความท้าทายใหม่ ๆ ที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่มากขึ้นหากไม่มีการควบคุม - **การคาดการณ์ในอนาคต**: หากเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ (เช่น สงครามโลกครั้งที่ 3) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอาจทำให้เกิดการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ซับซ้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองของระบบสาธารณสุขทั่วโลกก็สูงขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดผลกระทบได้ การควบคุมข้อมูลและการสร้างความไว้วางใจในสาธารณชนจะเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันความตื่นตระหนกหรือการแพร่กระจายของข้อมูลเท็จ หากต้องการให้ผมวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น การค้นหาข้อมูลจาก X posts หรือเว็บเกี่ยวกับความกังวลเรื่องอาวุธชีวภาพในปัจจุบัน หรือการเปรียบเทียบในมิติอื่น ๆ สามารถแจ้งได้เลยครับ! https://x.com/i/grok/share/PU2mYZMg5PYJrBY3mYl03H3QL
    0 Comments 0 Shares 396 Views 0 Reviews
  • ปรูม ตรัม รองนายกฯกัมพูชาประจำประเทศไทย รับไม้ต่อจากทักษิณ หลังไอ้แม้วขอให้อันวาร์ประสานหยุดยิง เพราะกลัวกองทัพถล่มต่อเนื่อง อาจทำชาวเขมรลุกฮือโค่นตระกูลฮุน จนทำไอ้แม้วหมดโอกาสกอบโกย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #กัมพูชายิงก่อน
    #CambodiaOpenedFire
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ปรูม ตรัม รองนายกฯกัมพูชาประจำประเทศไทย รับไม้ต่อจากทักษิณ หลังไอ้แม้วขอให้อันวาร์ประสานหยุดยิง เพราะกลัวกองทัพถล่มต่อเนื่อง อาจทำชาวเขมรลุกฮือโค่นตระกูลฮุน จนทำไอ้แม้วหมดโอกาสกอบโกย #คิงส์โพธิ์แดง #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Sad
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • รอดูกันว่า ขี้ข้าไอ้แม้วจะรับมือ แก้ไขสถานการณ์ยังไง เพราะบิดาคอลเซนเตอร์ต้องวางโทรศัพท์แล้วมาลวงโลกแบบสดๆ ตัวเป็นๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #กัมพูชายิงก่อน
    รอดูกันว่า ขี้ข้าไอ้แม้วจะรับมือ แก้ไขสถานการณ์ยังไง เพราะบิดาคอลเซนเตอร์ต้องวางโทรศัพท์แล้วมาลวงโลกแบบสดๆ ตัวเป็นๆ #คิงส์โพธิ์แดง #กัมพูชายิงก่อน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • ด่วน!
    กัมพูชาแถลงยัน ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็นระเบิดเก่า ไม่ใช่ PMN-2

    หน่วยงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่า กองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย
    .
    หลังจากเกิดเหตุระเบิดทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 ก.ค. 68 ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุ
    .
    CMAA ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่นและย้ำว่า กัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542 อย่างเต็มที่

    แถลงการณ์โดยละเอียด:

    CMAA ขอตอบโต้ข้อกล่าวหาของไทย: จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตทุ่นระเบิดที่ได้รับการบันทึกไว้ภายในเขตแดนกัมพูชา

    พนมเปญ — หน่วยงานช่วยเหลือเหยื่อและปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่ากองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย

    หลังจากเกิดเหตุระเบิดจากทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนในจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 เป็นระเบิดที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุในครั้งนี้

    ทางหน่วยงาน CMAA ขอปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่น และย้ำว่ากัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) อย่างเคร่งครัด ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542

    การตรวจสอบทางเทคนิคโดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในเขตแดนของกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ทุ่นระเบิด BS/CMAA/16808 ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านเตโชโมโรโกต ตำบลโมโรโกต อำเภอจัมโบกสัน ทุ่นระเบิดนี้ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย และเป็นส่วนหนึ่งของคลังทุ่นระเบิดเก่าของกัมพูชาที่สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งในอดีต

    การประเมินทางนิติวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรูปแบบการบาดเจ็บชี้ให้เห็นว่าการระเบิดน่าจะเกิดจากทุ่นระเบิดเก่าที่มีพลังทำลายต่ำ เช่น ประเภท 72A, 72B, M14, MN79 หรือ MD82B ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแต่ละทุ่นระเบิดจะมีน้ำหนักประมาณ 30 กรัม ในทางตรงกันข้าม ทุ่นระเบิด PMN-2 มีวัตถุระเบิดมากกว่า 115 กรัม และมักส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสมากกว่า ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่าการบาดเจ็บที่ได้รับในเหตุการณ์นี้ไม่สอดคล้องกับการระเบิดของ PMN-2

    CMAA เน้นย้ำข้อเท็จจริงสำคัญดังต่อไปนี้:

    1. ยังไม่มีการวางทุ่นระเบิดใหม่ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นส่วนหนึ่งของทุ่นระเบิดที่มีมายาวนาน ซึ่งยังคงเป็นภัยคุกคามด้านมนุษยธรรมต่อชุมชนชายแดน

    2. การระเบิดเกิดขึ้นในเขตอันตรายที่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการ พื้นที่ระเบิดทั้งหมดอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชาและยังไม่ได้รับการแก้ไข

    3. กัมพูชามีสถิติการปฏิบัติการทุ่นระเบิดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 กัมพูชาได้ดำเนินการกวาดล้างทุ่นระเบิดไปแล้วกว่า 1.1 ล้านลูก และซากวัตถุระเบิดจากสงครามเกือบ 3 ล้านชิ้น ประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญในความพยายามในการกำจัดทุ่นระเบิดทั่วโลก รวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเสียมเรียบ-อังกอร์ ปี พ.ศ. 2567 เพื่อลงนามสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิด

    ข้อกล่าวอ้างเรื่องการติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานภาคสนาม และมีความเสี่ยงที่จะบั่นทอนเจตนารมณ์แห่งความร่วมมือซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาวุโส ลี ธุช รองประธานคนแรกของ CMAA แสดงความเสียใจต่อข้อเท็จจริงที่ผู้นำไทยบางคนกำลังบิดเบือนความตึงเครียดบริเวณชายแดนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นทางการเมืองภายในประเทศของไทย เขาโต้แย้งอย่างหนักแน่นต่อข้อเสนอของไทยที่ว่ากัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ โดยระบุว่ากัมพูชาประสบปัญหาจากการปนเปื้อนของทุ่นระเบิดมานานหลายทศวรรษ และกำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อกำจัดทุ่นระเบิดเหล่านี้

    “เราเหนื่อยล้าจากอันตรายของทุ่นระเบิด และใช้เวลากว่า 30 ปีในการกำจัดทุ่นระเบิด” เขากล่าว “กัมพูชายังคงยึดมั่นในสันติภาพ และเราขอเรียกร้องให้ไทยร่วมเจรจาหารือเกี่ยวกับปัญหาชายแดนและปฏิบัติการกำจัดทุ่นระเบิดร่วมกัน”

    เขายังกล่าวอีกว่า การกำจัดทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนไทยยังคงเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน เนื่องจากภูมิประเทศที่ยากลำบาก พืชพรรณที่หนาแน่น และพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนอย่างหนัก ซึ่งต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการกำจัด

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาวุโสยังย้ำว่าการขาดเจตนารมณ์อันดีและความไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับกัมพูชาในการกำหนดเขตแดนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายปลอดทุ่นระเบิดของกัมพูชา

    “ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ กองกำลังทหารไทยและนักการเมืองไทยบางคนได้ก่อให้เกิดข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมาหลายครั้ง”

    ท่านแสดงความกังวลอย่างยิ่งว่าองค์ประกอบบางส่วนในกองทัพและการเมืองของไทยยังคงแสดงความไม่พอใจในสิ่งที่ได้รับจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความโลภแบบจักรวรรดินิยม แม้ว่าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ก็ตาม

    https://web.facebook.com/share/p/16Ks7b33s6/
    ด่วน! กัมพูชาแถลงยัน ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็นระเบิดเก่า ไม่ใช่ PMN-2 หน่วยงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่า กองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย . หลังจากเกิดเหตุระเบิดทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 ก.ค. 68 ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุ . CMAA ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่นและย้ำว่า กัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542 อย่างเต็มที่ แถลงการณ์โดยละเอียด: CMAA ขอตอบโต้ข้อกล่าวหาของไทย: จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตทุ่นระเบิดที่ได้รับการบันทึกไว้ภายในเขตแดนกัมพูชา พนมเปญ — หน่วยงานช่วยเหลือเหยื่อและปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่ากองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย หลังจากเกิดเหตุระเบิดจากทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนในจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 เป็นระเบิดที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุในครั้งนี้ ทางหน่วยงาน CMAA ขอปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่น และย้ำว่ากัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) อย่างเคร่งครัด ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542 การตรวจสอบทางเทคนิคโดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในเขตแดนของกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ทุ่นระเบิด BS/CMAA/16808 ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านเตโชโมโรโกต ตำบลโมโรโกต อำเภอจัมโบกสัน ทุ่นระเบิดนี้ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย และเป็นส่วนหนึ่งของคลังทุ่นระเบิดเก่าของกัมพูชาที่สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งในอดีต การประเมินทางนิติวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรูปแบบการบาดเจ็บชี้ให้เห็นว่าการระเบิดน่าจะเกิดจากทุ่นระเบิดเก่าที่มีพลังทำลายต่ำ เช่น ประเภท 72A, 72B, M14, MN79 หรือ MD82B ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแต่ละทุ่นระเบิดจะมีน้ำหนักประมาณ 30 กรัม ในทางตรงกันข้าม ทุ่นระเบิด PMN-2 มีวัตถุระเบิดมากกว่า 115 กรัม และมักส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสมากกว่า ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่าการบาดเจ็บที่ได้รับในเหตุการณ์นี้ไม่สอดคล้องกับการระเบิดของ PMN-2 CMAA เน้นย้ำข้อเท็จจริงสำคัญดังต่อไปนี้: 1. ยังไม่มีการวางทุ่นระเบิดใหม่ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นส่วนหนึ่งของทุ่นระเบิดที่มีมายาวนาน ซึ่งยังคงเป็นภัยคุกคามด้านมนุษยธรรมต่อชุมชนชายแดน 2. การระเบิดเกิดขึ้นในเขตอันตรายที่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการ พื้นที่ระเบิดทั้งหมดอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชาและยังไม่ได้รับการแก้ไข 3. กัมพูชามีสถิติการปฏิบัติการทุ่นระเบิดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 กัมพูชาได้ดำเนินการกวาดล้างทุ่นระเบิดไปแล้วกว่า 1.1 ล้านลูก และซากวัตถุระเบิดจากสงครามเกือบ 3 ล้านชิ้น ประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญในความพยายามในการกำจัดทุ่นระเบิดทั่วโลก รวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเสียมเรียบ-อังกอร์ ปี พ.ศ. 2567 เพื่อลงนามสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิด ข้อกล่าวอ้างเรื่องการติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานภาคสนาม และมีความเสี่ยงที่จะบั่นทอนเจตนารมณ์แห่งความร่วมมือซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาวุโส ลี ธุช รองประธานคนแรกของ CMAA แสดงความเสียใจต่อข้อเท็จจริงที่ผู้นำไทยบางคนกำลังบิดเบือนความตึงเครียดบริเวณชายแดนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นทางการเมืองภายในประเทศของไทย เขาโต้แย้งอย่างหนักแน่นต่อข้อเสนอของไทยที่ว่ากัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ โดยระบุว่ากัมพูชาประสบปัญหาจากการปนเปื้อนของทุ่นระเบิดมานานหลายทศวรรษ และกำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อกำจัดทุ่นระเบิดเหล่านี้ “เราเหนื่อยล้าจากอันตรายของทุ่นระเบิด และใช้เวลากว่า 30 ปีในการกำจัดทุ่นระเบิด” เขากล่าว “กัมพูชายังคงยึดมั่นในสันติภาพ และเราขอเรียกร้องให้ไทยร่วมเจรจาหารือเกี่ยวกับปัญหาชายแดนและปฏิบัติการกำจัดทุ่นระเบิดร่วมกัน” เขายังกล่าวอีกว่า การกำจัดทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนไทยยังคงเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน เนื่องจากภูมิประเทศที่ยากลำบาก พืชพรรณที่หนาแน่น และพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนอย่างหนัก ซึ่งต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการกำจัด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาวุโสยังย้ำว่าการขาดเจตนารมณ์อันดีและความไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับกัมพูชาในการกำหนดเขตแดนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายปลอดทุ่นระเบิดของกัมพูชา “ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ กองกำลังทหารไทยและนักการเมืองไทยบางคนได้ก่อให้เกิดข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมาหลายครั้ง” ท่านแสดงความกังวลอย่างยิ่งว่าองค์ประกอบบางส่วนในกองทัพและการเมืองของไทยยังคงแสดงความไม่พอใจในสิ่งที่ได้รับจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความโลภแบบจักรวรรดินิยม แม้ว่าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ก็ตาม https://web.facebook.com/share/p/16Ks7b33s6/
    0 Comments 0 Shares 419 Views 0 Reviews
  • น้องเมยเหยื่อเตรียมทหาร พ่อแม่คาใจทั้งน้ำตา

    การเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่นที่ 60 ชั้นปีที่ 1 วัย 19 ปี หลังถูกรุ่นพี่ธำรงวินัยจนหมดสติและถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่โรงเรียนเตรียมทหาร อ.บ้านนา จ.นครนายก เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 คดีแรกถึงที่สุด เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี ศาลทหารชั้นฎีกาพิพากษา ร.ต.ท.ธีร์จุฑา (สงวนนามสกุล) ข้าราชการตำรวจ รุ่นพี่ นตท.59 ที่เป็นนักเรียนบังคับบัญชาของน้องเมย ฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท แต่ศาลลดโทษให้เหลือจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท

    ส่วนที่โจทก์ คือ ครอบครัวตัญกาญจน์ ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า ทำให้นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ มารดาน้องเมย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ที่ศาลเห็นว่าจำเลยทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ แล้วถ้าลูกตนมีชีวิตอยู่ เขาสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ไหม อีกทั้งจำเลยยังเป็นนักเรียนบังคับบัญชา เหมือนผู้ที่กำกฎหมายไว้ในมือ แต่ทำผิดซะเอง ต่อไปเขาจะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้มากขนาดไหน

    นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ บิดาน้องเมย ยืนยันว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง จำเลยไม่เคยเข้ามาขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ และระหว่างพิจารณาคดีจำเลยไม่กล้าเจอหน้า มาปุ๊บๆ ก็ไป ซึ่งนับจากนี้จะทำเรื่องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดเช่นนี้ จะยังมีคุณสมบัติรับราชการตำรวจได้อีกหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีคดีการผ่าชันสูตรครั้งแรกของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่พบว่าอวัยวะบางส่วนหาย บางส่วนเสียหาย และบางส่วนถูกทำลาย ซึ่งมารดาแจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะยังไม่ออกหมายจับแพทย์ทหารยศพันตรี ที่ผ่าชันสูตรครั้งแรกแต่อย่างใด

    นางสุกัญญา กล่าวทั้งน้ำตาว่า เคยถูกตำรวจ สภ.บ้านนาที่ชื่อกสินธุ์กล่าวดูถูกว่า คดีลูกคุณเปลืองงบประมาณไปเท่าไหร่ ส่วนตำรวจ สภ.เมืองนครนายก เจ้าของสำนวนกล่าวว่า "คุณแม่เข้าใจผมนะ ลูกผมยังเล็ก ผมยังไม่อยากตาย" นอกจากนี้ ใครที่เข้ามาคุยกับครอบครัวจะโดนแบนทั้งหมด มีโทรศัพท์ข่มขู่ตลอด ทุกคนบอกว่าสู้ไปก็แพ้ สู้ไปก็ไม่ได้ ตนไม่ต้องการให้ใครแพ้ใครชนะ แต่สู้เพื่อให้สังคมรู้ความจริง ขอบคุณประชาชนที่ตามข่าวทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ที่สนใจและเห็นใจ รักตนและน้องเมย แม้ว่าคดีจะเป็นอย่างไร แต่ได้เห็นแสงสว่างจากหัวใจของประชาชนมาถึงตน

    #Newskit
    น้องเมยเหยื่อเตรียมทหาร พ่อแม่คาใจทั้งน้ำตา การเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหาร (นตท.) รุ่นที่ 60 ชั้นปีที่ 1 วัย 19 ปี หลังถูกรุ่นพี่ธำรงวินัยจนหมดสติและถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่โรงเรียนเตรียมทหาร อ.บ้านนา จ.นครนายก เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 คดีแรกถึงที่สุด เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี ศาลทหารชั้นฎีกาพิพากษา ร.ต.ท.ธีร์จุฑา (สงวนนามสกุล) ข้าราชการตำรวจ รุ่นพี่ นตท.59 ที่เป็นนักเรียนบังคับบัญชาของน้องเมย ฐานทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท แต่ศาลลดโทษให้เหลือจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท ส่วนที่โจทก์ คือ ครอบครัวตัญกาญจน์ ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่าด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไปก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัวรับราชการรับใช้ชาติต่อไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า ทำให้นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ มารดาน้องเมย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ที่ศาลเห็นว่าจำเลยทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ แล้วถ้าลูกตนมีชีวิตอยู่ เขาสามารถทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ไหม อีกทั้งจำเลยยังเป็นนักเรียนบังคับบัญชา เหมือนผู้ที่กำกฎหมายไว้ในมือ แต่ทำผิดซะเอง ต่อไปเขาจะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้มากขนาดไหน นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ บิดาน้องเมย ยืนยันว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง จำเลยไม่เคยเข้ามาขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ และระหว่างพิจารณาคดีจำเลยไม่กล้าเจอหน้า มาปุ๊บๆ ก็ไป ซึ่งนับจากนี้จะทำเรื่องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดเช่นนี้ จะยังมีคุณสมบัติรับราชการตำรวจได้อีกหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีคดีการผ่าชันสูตรครั้งแรกของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่พบว่าอวัยวะบางส่วนหาย บางส่วนเสียหาย และบางส่วนถูกทำลาย ซึ่งมารดาแจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะยังไม่ออกหมายจับแพทย์ทหารยศพันตรี ที่ผ่าชันสูตรครั้งแรกแต่อย่างใด นางสุกัญญา กล่าวทั้งน้ำตาว่า เคยถูกตำรวจ สภ.บ้านนาที่ชื่อกสินธุ์กล่าวดูถูกว่า คดีลูกคุณเปลืองงบประมาณไปเท่าไหร่ ส่วนตำรวจ สภ.เมืองนครนายก เจ้าของสำนวนกล่าวว่า "คุณแม่เข้าใจผมนะ ลูกผมยังเล็ก ผมยังไม่อยากตาย" นอกจากนี้ ใครที่เข้ามาคุยกับครอบครัวจะโดนแบนทั้งหมด มีโทรศัพท์ข่มขู่ตลอด ทุกคนบอกว่าสู้ไปก็แพ้ สู้ไปก็ไม่ได้ ตนไม่ต้องการให้ใครแพ้ใครชนะ แต่สู้เพื่อให้สังคมรู้ความจริง ขอบคุณประชาชนที่ตามข่าวทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ที่สนใจและเห็นใจ รักตนและน้องเมย แม้ว่าคดีจะเป็นอย่างไร แต่ได้เห็นแสงสว่างจากหัวใจของประชาชนมาถึงตน #Newskit
    0 Comments 1 Shares 440 Views 0 Reviews
  • ช่วงเวลาที่ชาวปาเลสไตน์ถูกทหารอิสราเอลยิง ขณะกำลังถ่ายคลิปวิดีโออยู่ที่ท่าเรือกาซา แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นภัยคุกคามใดๆ ก็ตาม
    ช่วงเวลาที่ชาวปาเลสไตน์ถูกทหารอิสราเอลยิง ขณะกำลังถ่ายคลิปวิดีโออยู่ที่ท่าเรือกาซา แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นภัยคุกคามใดๆ ก็ตาม
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 0 Reviews
  • กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาร่อนแถลงการณ์โต้ไทย ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องทุ่นระเบิด เผยทหารไทยเข้ามาพื้นที่กัมพูชาโดยละเมิด แม้กัมพูชาจะเตือนถึงทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งเป็นซากความขัดแย้งมาหลายทศวรรษ
    .
    แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
    .
    กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
    .
    กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เรื่อง “การประท้วงต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” ซึ่งกล่าวหากัมพูชาว่าได้วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บเมื่อเร็วๆ นี้
    .
    รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไร้เหตุผลและไร้เหตุผลเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ในฐานะรัฐภาคีที่ยึดมั่นในหลักการและเจตนารมณ์ของอนุสัญญาออตตาวาอย่างเต็มที่ กัมพูชาขอปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อข้อกล่าวหาใดๆ ที่ว่ากัมพูชาได้ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญานี้ ความพยายามและความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกัมพูชาในปฏิบัติการทุ่นระเบิดได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในการกำจัดเศษระเบิดจากสงครามในดินแดนของตน และการมีส่วนร่วมของกัมพูชาในปฏิบัติการกู้ระเบิดของสหประชาชาติในประเทศอื่นๆ หลังสงคราม
    .
    กระทรวงฯ ขอย้ำข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจัมโบะ จังหวัดพระวิหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในดินแดนที่กัมพูชายอมรับในระดับสากล ดินแดนนี้ถูกกำหนดโดยแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการผสมฝรั่งเศส-สยาม ตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 แผนที่เหล่านี้ได้รับการยอมรับจากทั้งรัฐบาลกัมพูชาและไทยมาเป็นเวลานานในฐานะพื้นฐานที่เชื่อถือได้สำหรับการกำหนดเขตแดนของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นแผนที่อ้างอิงสำหรับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคำพิพากษา ค.ศ. 1962 และการตีความเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร ค.ศ. 2013 อีกด้วย
    .
    เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ทหารไทยได้เข้ามาในพื้นที่นี้โดยละเมิดบันทึกความเข้าใจ ค.ศ. 2000 ซึ่งกำหนดเส้นแบ่งเขตแดนร่วมกันอย่างชัดเจน และห้ามมิให้มีกิจกรรมฝ่ายเดียวในพื้นที่ที่ไม่มีเส้นแบ่งเขต แม้ว่ากัมพูชาจะเตือนถึงอันตรายจากทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งเป็นซากของความขัดแย้งทางอาวุธหลายทศวรรษ แต่กองทัพไทยกลับเบี่ยงเบนไปจากเส้นทางลาดตระเวนที่เคยประสานงานกันไว้ก่อนหน้านี้ระหว่างสองประเทศ และสร้างเส้นทางใหม่ผ่านดินแดนกัมพูชา การกระทำที่ขาดความรับผิดชอบนี้ถือเป็นการละเมิดความเข้าใจทวิภาคี ละเมิดดินแดนภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา เป็นอันตรายต่อชีวิต และบั่นทอนความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นี่ยังไม่รวมถึงเจตนาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมายที่กองทัพไทยประกาศใช้ในการบังคับใช้กฎเกณฑ์สำหรับการเข้ามา ของนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญที่เข้าไปในวัดทาโมนธม (ปราสาทตาเมือนธม) โดยอ้างอำนาจอธิปไตยของไทยเหนือพื้นที่วัด
    .
    แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ไทยก็ยังคงออกแถลงการณ์ที่ขาดความระมัดระวังและทำให้เข้าใจผิด โดยกล่าวอ้างอย่างเท็จว่าได้กวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดทุ่นระเบิดแล้ว ในความเป็นจริง ทหารกัมพูชายังคงประจำการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และไม่มีกิจกรรมกวาดล้างทุ่นระเบิดตามที่ไทยอ้าง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชา แทนที่จะยอมรับความจริงและรับผิดชอบ ไทยกลับยังคงเผยแพร่ข้อมูลเท็จต่อทั้งสาธารณชนและประชาคมระหว่างประเทศ กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติการดำเนินการดังกล่าวโดยทันที และดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขข้อมูลที่บิดเบือน
    .
    เหตุการณ์ข้างต้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นที่ทั้งสองประเทศต้องเร่งดำเนินการหาข้อยุติโดยสันติและมีผลผูกพันทางกฎหมายผ่านกลไกระหว่างประเทศที่เหมาะสม ดังนั้น กัมพูชาจึงขอย้ำจุดยืนที่มีมายาวนานว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรตุลาการหลักของสหประชาชาติ เป็นเวทีที่น่าเชื่อถือและเป็นกลางที่สุดในการแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนที่เหลืออยู่ระหว่างสองประเทศ กัมพูชาขอเรียกร้องให้ประเทศไทยยอมรับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในเรื่องนี้ด้วยความสุจริตใจ โดยปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ และด้วยความมุ่งมั่นอย่างจริงใจที่จะแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนอย่างยุติธรรม เป็นธรรม และสันติ เพื่อประกันสันติภาพที่ยั่งยืน ป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอีก และส่งเสริมเสถียรภาพระยะยาวของทั้งสองประเทศและภูมิภาคโดยรวม
    .
    พนมเปญ 21 กรกฎาคม 2568
    กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาร่อนแถลงการณ์โต้ไทย ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องทุ่นระเบิด เผยทหารไทยเข้ามาพื้นที่กัมพูชาโดยละเมิด แม้กัมพูชาจะเตือนถึงทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งเป็นซากความขัดแย้งมาหลายทศวรรษ . แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา . กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล . กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เรื่อง “การประท้วงต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” ซึ่งกล่าวหากัมพูชาว่าได้วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บเมื่อเร็วๆ นี้ . รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไร้เหตุผลและไร้เหตุผลเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ในฐานะรัฐภาคีที่ยึดมั่นในหลักการและเจตนารมณ์ของอนุสัญญาออตตาวาอย่างเต็มที่ กัมพูชาขอปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อข้อกล่าวหาใดๆ ที่ว่ากัมพูชาได้ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญานี้ ความพยายามและความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกัมพูชาในปฏิบัติการทุ่นระเบิดได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในการกำจัดเศษระเบิดจากสงครามในดินแดนของตน และการมีส่วนร่วมของกัมพูชาในปฏิบัติการกู้ระเบิดของสหประชาชาติในประเทศอื่นๆ หลังสงคราม . กระทรวงฯ ขอย้ำข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจัมโบะ จังหวัดพระวิหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในดินแดนที่กัมพูชายอมรับในระดับสากล ดินแดนนี้ถูกกำหนดโดยแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการผสมฝรั่งเศส-สยาม ตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 แผนที่เหล่านี้ได้รับการยอมรับจากทั้งรัฐบาลกัมพูชาและไทยมาเป็นเวลานานในฐานะพื้นฐานที่เชื่อถือได้สำหรับการกำหนดเขตแดนของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นแผนที่อ้างอิงสำหรับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคำพิพากษา ค.ศ. 1962 และการตีความเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร ค.ศ. 2013 อีกด้วย . เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ทหารไทยได้เข้ามาในพื้นที่นี้โดยละเมิดบันทึกความเข้าใจ ค.ศ. 2000 ซึ่งกำหนดเส้นแบ่งเขตแดนร่วมกันอย่างชัดเจน และห้ามมิให้มีกิจกรรมฝ่ายเดียวในพื้นที่ที่ไม่มีเส้นแบ่งเขต แม้ว่ากัมพูชาจะเตือนถึงอันตรายจากทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งเป็นซากของความขัดแย้งทางอาวุธหลายทศวรรษ แต่กองทัพไทยกลับเบี่ยงเบนไปจากเส้นทางลาดตระเวนที่เคยประสานงานกันไว้ก่อนหน้านี้ระหว่างสองประเทศ และสร้างเส้นทางใหม่ผ่านดินแดนกัมพูชา การกระทำที่ขาดความรับผิดชอบนี้ถือเป็นการละเมิดความเข้าใจทวิภาคี ละเมิดดินแดนภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา เป็นอันตรายต่อชีวิต และบั่นทอนความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นี่ยังไม่รวมถึงเจตนาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมายที่กองทัพไทยประกาศใช้ในการบังคับใช้กฎเกณฑ์สำหรับการเข้ามา ของนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญที่เข้าไปในวัดทาโมนธม (ปราสาทตาเมือนธม) โดยอ้างอำนาจอธิปไตยของไทยเหนือพื้นที่วัด . แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ไทยก็ยังคงออกแถลงการณ์ที่ขาดความระมัดระวังและทำให้เข้าใจผิด โดยกล่าวอ้างอย่างเท็จว่าได้กวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดทุ่นระเบิดแล้ว ในความเป็นจริง ทหารกัมพูชายังคงประจำการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และไม่มีกิจกรรมกวาดล้างทุ่นระเบิดตามที่ไทยอ้าง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชา แทนที่จะยอมรับความจริงและรับผิดชอบ ไทยกลับยังคงเผยแพร่ข้อมูลเท็จต่อทั้งสาธารณชนและประชาคมระหว่างประเทศ กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติการดำเนินการดังกล่าวโดยทันที และดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขข้อมูลที่บิดเบือน . เหตุการณ์ข้างต้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นที่ทั้งสองประเทศต้องเร่งดำเนินการหาข้อยุติโดยสันติและมีผลผูกพันทางกฎหมายผ่านกลไกระหว่างประเทศที่เหมาะสม ดังนั้น กัมพูชาจึงขอย้ำจุดยืนที่มีมายาวนานว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรตุลาการหลักของสหประชาชาติ เป็นเวทีที่น่าเชื่อถือและเป็นกลางที่สุดในการแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนที่เหลืออยู่ระหว่างสองประเทศ กัมพูชาขอเรียกร้องให้ประเทศไทยยอมรับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในเรื่องนี้ด้วยความสุจริตใจ โดยปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ และด้วยความมุ่งมั่นอย่างจริงใจที่จะแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนอย่างยุติธรรม เป็นธรรม และสันติ เพื่อประกันสันติภาพที่ยั่งยืน ป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอีก และส่งเสริมเสถียรภาพระยะยาวของทั้งสองประเทศและภูมิภาคโดยรวม . พนมเปญ 21 กรกฎาคม 2568
    0 Comments 0 Shares 475 Views 0 Reviews
  • 15 อันดับภาษาที่มีคนพูดมากที่สุด

    1. ภาษาอังกฤษ, 1,456 ล้านคน
    2. ภาษาจีนกลาง 1,138 ล้านคน
    3. ภาษาฮินดี, 610 ล้านคน
    4. ภาษาสเปน, 559 ล้านคน
    5. ฝรั่งเศส, 310 ล้านคน
    6. ภาษาอาหรับมาตรฐาน 274 ล้านคน
    7. ภาษาเบงกาลี 273 ล้านคน
    8. โปรตุเกส, 264 ล้านคน
    9. รัสเซีย, 255 ล้าน
    10. อูรดู, 232 ล้านคน
    11. อินโดนีเซีย, 199 ล้านคน
    12. เยอรมัน, 133 ล้านคน
    13. ญี่ปุ่น, 123 ล้านคน
    14. ภาษาพิดจินไนจีเรีย 121 ล้านคน
    15. ภาษาอาหรับอียิปต์, 102 ล้านคน

    เคยสงสัยไหมว่าภาษาใดที่พูดกันมากที่สุดในโลก แม้ว่าปัจจุบันจะมีมากกว่า 7,000 ภาษา แต่ประชากรมากกว่าครึ่งโลกพูดเพียง 23 ภาษาเท่านั้น

    ที่มา: Berlitz Index
    15 อันดับภาษาที่มีคนพูดมากที่สุด 1. 🏴󠁧󠁢󠁥󠁮󠁧󠁿 ภาษาอังกฤษ, 1,456 ล้านคน 2. 🇨🇳 ภาษาจีนกลาง 1,138 ล้านคน 3. 🇮🇳 ภาษาฮินดี, 610 ล้านคน 4. 🇪🇸 ภาษาสเปน, 559 ล้านคน 5. 🇫🇷 ฝรั่งเศส, 310 ล้านคน 6. 🇸🇦 ภาษาอาหรับมาตรฐาน 274 ล้านคน 7. 🇧🇩 ภาษาเบงกาลี 273 ล้านคน 8. 🇵🇹 โปรตุเกส, 264 ล้านคน 9. 🇷🇺 รัสเซีย, 255 ล้าน 10. 🇵🇰 อูรดู, 232 ล้านคน 11. 🇮🇩 อินโดนีเซีย, 199 ล้านคน 12. 🇩🇪 เยอรมัน, 133 ล้านคน 13. 🇯🇵 ญี่ปุ่น, 123 ล้านคน 14. 🌍 ภาษาพิดจินไนจีเรีย 121 ล้านคน 15. 🇪🇬 ภาษาอาหรับอียิปต์, 102 ล้านคน 📌 เคยสงสัยไหมว่าภาษาใดที่พูดกันมากที่สุดในโลก แม้ว่าปัจจุบันจะมีมากกว่า 7,000 ภาษา แต่ประชากรมากกว่าครึ่งโลกพูดเพียง 23 ภาษาเท่านั้น ที่มา: Berlitz Index
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • สตง.มาแปลกบี้ EXIM BANK สอบจ่ายเงินแม่บ้าน-คนขับรถ

    องค์กรที่ถูกสังคมเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใส หลังโครงการอาคารสำนักงานถล่ม คนงานเสียชีวิตเกือบ 100 ศพ เฉกเช่นสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หลังส่งหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ขอตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบคดีตึก สตง.ถล่มไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดเกิดเรื่องวุ่นวายกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ (EXIM BANK) เมื่อ สตง. สั่งให้เอ็กซิมแบงก์แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัย และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด แก่พนักงาน 22 คน (ไม่รวมกรรมการผู้จัดการใหญ่) กรณีจ่ายเงินช่วยเหลือรายเดือนให้กับบุคคลที่มิใช่พนักงานของเอ็กซิมแบงก์ ประกอบด้วย ผู้จัดการสาขาสำนักงานใหญ่ สาขาทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด รวม 9 แห่ง และพนักงานธุรการที่เกี่ยวข้อง

    สืบเนื่องมาจากในอดีต ธนาคารฯ มีการจ้างพนักงานภายนอก หรือเอาต์ซอร์ส (Outsource) บางกลุ่ม เช่น พนักงานทำความสะอาด พนักงานเดินเอกสารภายในสำนักงาน พนักงานรับ-ส่งเอกสาร และพนักงานขับรถ ผ่านทางบริษัทภายนอก แต่ทางธนาคารฯ ในยุคนั้นมีความเห็นใจว่า พนักงานกลุ่มนี้ได้เงินค่าตอบแทนน้อย หากจะจ่ายผ่านบริษัทฯ จะไม่ถึงมือพนักงาน ทำให้ในสมัยที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์ ได้มีการอนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือแก่พนักงานกลุ่มนี้โดยตรงมาตั้งแต่ปี 2537 เดือนละประมาณ 800 ถึง 1,500 บาท โดยทางธนาคารฯ จะออกคำสั่งให้ผู้จัดการธนาคารแต่ละสาขาดำเนินการจ่ายเงินก้อนนี้มาทุกปี และมีการทำเช่นนี้เป็นธรรมเนียมเรื่อยมา

    ผ่านมาเกือบ 30 ปี เมื่อปี 2567 สตง. ตรวจสอบบัญชีเอ็กซิมแบงก์ ก่อนระบุว่าการจ่ายเงินบุคคลที่มิใช่พนักงานของเอ็กซิมแบงก์ ในปีงบประมาณ 2565 ไม่เป็นไปตามกฎหมายวินัยการเงินการคลัง และสั่งการให้ธนาคารฯ เอาผิดทางวินัยกลุ่มพนักงาน 22 คน ทั้งที่ทั้งหมดทำตามบันทึกภายในที่อนุมัติโดยกรรมการผู้จัดการในอดีต และทำกันมานาน แม้ว่าเอ็กซิมแบงก์จะทำหนังสือชี้แจง แต่เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. สตง. สั่งการให้ธนาคารฯ ต้องเอาผิดพนักงานกลุ่มดังกล่าวทั้งหมด ภายใน 30 วัน อ้างว่าทำให้รัฐเสียหาย 2.87 ล้านบาท ไม่เช่นนั้นจะเสนอคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ลงโทษทางปกครอง ทำให้ธนาคารฯ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และให้พนักงานกลุ่มดังกล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นเวลากระชั้นชิด ขณะนี้พนักงานทั้งหมดได้ทำหนังสือขอขยายเวลาชี้แจง รวมถึงขอความเป็นธรรมแล้ว

    #Newskit
    สตง.มาแปลกบี้ EXIM BANK สอบจ่ายเงินแม่บ้าน-คนขับรถ องค์กรที่ถูกสังคมเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใส หลังโครงการอาคารสำนักงานถล่ม คนงานเสียชีวิตเกือบ 100 ศพ เฉกเช่นสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หลังส่งหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ขอตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบคดีตึก สตง.ถล่มไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดเกิดเรื่องวุ่นวายกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ (EXIM BANK) เมื่อ สตง. สั่งให้เอ็กซิมแบงก์แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัย และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด แก่พนักงาน 22 คน (ไม่รวมกรรมการผู้จัดการใหญ่) กรณีจ่ายเงินช่วยเหลือรายเดือนให้กับบุคคลที่มิใช่พนักงานของเอ็กซิมแบงก์ ประกอบด้วย ผู้จัดการสาขาสำนักงานใหญ่ สาขาทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด รวม 9 แห่ง และพนักงานธุรการที่เกี่ยวข้อง สืบเนื่องมาจากในอดีต ธนาคารฯ มีการจ้างพนักงานภายนอก หรือเอาต์ซอร์ส (Outsource) บางกลุ่ม เช่น พนักงานทำความสะอาด พนักงานเดินเอกสารภายในสำนักงาน พนักงานรับ-ส่งเอกสาร และพนักงานขับรถ ผ่านทางบริษัทภายนอก แต่ทางธนาคารฯ ในยุคนั้นมีความเห็นใจว่า พนักงานกลุ่มนี้ได้เงินค่าตอบแทนน้อย หากจะจ่ายผ่านบริษัทฯ จะไม่ถึงมือพนักงาน ทำให้ในสมัยที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์ ได้มีการอนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือแก่พนักงานกลุ่มนี้โดยตรงมาตั้งแต่ปี 2537 เดือนละประมาณ 800 ถึง 1,500 บาท โดยทางธนาคารฯ จะออกคำสั่งให้ผู้จัดการธนาคารแต่ละสาขาดำเนินการจ่ายเงินก้อนนี้มาทุกปี และมีการทำเช่นนี้เป็นธรรมเนียมเรื่อยมา ผ่านมาเกือบ 30 ปี เมื่อปี 2567 สตง. ตรวจสอบบัญชีเอ็กซิมแบงก์ ก่อนระบุว่าการจ่ายเงินบุคคลที่มิใช่พนักงานของเอ็กซิมแบงก์ ในปีงบประมาณ 2565 ไม่เป็นไปตามกฎหมายวินัยการเงินการคลัง และสั่งการให้ธนาคารฯ เอาผิดทางวินัยกลุ่มพนักงาน 22 คน ทั้งที่ทั้งหมดทำตามบันทึกภายในที่อนุมัติโดยกรรมการผู้จัดการในอดีต และทำกันมานาน แม้ว่าเอ็กซิมแบงก์จะทำหนังสือชี้แจง แต่เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. สตง. สั่งการให้ธนาคารฯ ต้องเอาผิดพนักงานกลุ่มดังกล่าวทั้งหมด ภายใน 30 วัน อ้างว่าทำให้รัฐเสียหาย 2.87 ล้านบาท ไม่เช่นนั้นจะเสนอคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ลงโทษทางปกครอง ทำให้ธนาคารฯ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง และให้พนักงานกลุ่มดังกล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นเวลากระชั้นชิด ขณะนี้พนักงานทั้งหมดได้ทำหนังสือขอขยายเวลาชี้แจง รวมถึงขอความเป็นธรรมแล้ว #Newskit
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 385 Views 0 Reviews
  • ไทยรัฐฉบับพิมพ์อ่านไม่ฟรี ใช้ระบบ Subscription จริงจัง

    ในยุคดิจิทัลดิสรัปชัน สื่อมวลชนค่ายต่างๆ พยายามแสวงหารายได้ทดแทนช่องทางดั้งเดิม เช่น การลงโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ที่มีแนวโน้มลดลง ถูกแทนที่ด้วยสื่อโซเชียลฯ และอินฟลูเอนเซอร์ ล่าสุดเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ได้ปรับเปลี่ยนหน้าไทยรัฐฉบับพิมพ์ ซึ่งลงข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในช่วงสายๆ ของวัน หลังหนังสือพิมพ์วางแผงไปแล้ว เปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัล (Thairath E-Newspaper) เมื่อวันที่ 15 ก.ค. เมื่อสมัครสมาชิกแล้ว สามารถอ่านทุกข่าว และคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้ไม่จำกัด และไม่มีโฆษณา

    หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัลจะอัปเดตหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เวลาตีห้า (05.00 น.) เป็นต้นไป และอ่านฉบับย้อนหลังได้ตลอดทั้งปี ซึ่งกลุ่มเป้าหมายแตกต่างจากกลุ่มผู้บริโภคสื่อทั่วไปที่อ่านข่าวฟรี แต่มุ่งไปที่นักเรียน นักศึกษา และนักวิชาการที่ต้องการแหล่งอ้างอิง นักธุรกิจและผู้นำองค์กรที่ต้องการติดตามสถานการณ์สังคม การเมือง และเศรษฐกิจ รวมทั้งคนที่ต้องการเสพข่าวในรูปแบบหนังสือพิมพ์ ที่สรุปข่าวของเมื่อวานนี้แบบครบประเด็น โดยไม่ต้องย้อนดูข่าวออนไลน์หลายหน้าเว็บเพจ ซึ่งจุดแข็งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คือเนื้อหาข่าวย่อยให้เข้าใจง่าย

    แม้ว่าไทยรัฐกรุ๊ป จะออกกลยุทธ์ Subscription ช้ากว่าค่ายอื่น เพราะให้อ่านฟรีมานาน เมื่อเทียบกับกรุงเทพธุรกิจ ที่ทำหนังสือพิมพ์รูปแบบดิจิทัล i-NewsPaper มานานแล้ว หรือสื่อหลายค่ายต่างพึ่งแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งในประเทศ เช่น ปิ่นโต (pintobook.com) หรือต่างประเทศอย่าง Pressreader (pressreader.com) ก็ตาม แต่ก็เป็นการดัดแปลงจากระบบของตัวเอง จึงไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศซึ่งมีค่าใช้จ่าย ในต่างประเทศค่ายสื่อต่างก็ใช้กลยุทธ์ Subscription เพียงแต่ว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะยอดสมัครเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ

    อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ เมื่อสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) เผยแพร่สถิติเว็บไซต์ข่าวเดือน มิ.ย.2568 พบว่าไทยรัฐออนไลน์มีค่าเฉลี่ยการดูเว็บเพจ (Avg.PV/User) อยู่ที่ 7.3 หน้าต่อคนต่อวัน สูงกว่าค่ายอื่นอย่างผู้จัดการออนไลน์ 3.4 หน้าต่อคนต่อวัน ข่าวสดออนไลน์ 2.4 หน้าต่อคนต่อวัน คนในแวดวงสื่อจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างก็คาดว่าเป็นเพราะกูเกิลใช้ฟีเจอร์ AI Overviews หากเป็นเช่นนั้นจริงคนทำสื่อและเว็บทั่วไปต้องปรับตัวอีกรอบ แต่เมื่อคุยกับแหล่งข่าวในค่ายไทยรัฐ ระบุว่าช่วงนี้แจกทองครบรอบ 11 ปีไทยรัฐทีวี ทำให้มีผู้เข้าชมมากเป็นพิเศษ

    #Newskit
    ไทยรัฐฉบับพิมพ์อ่านไม่ฟรี ใช้ระบบ Subscription จริงจัง ในยุคดิจิทัลดิสรัปชัน สื่อมวลชนค่ายต่างๆ พยายามแสวงหารายได้ทดแทนช่องทางดั้งเดิม เช่น การลงโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ที่มีแนวโน้มลดลง ถูกแทนที่ด้วยสื่อโซเชียลฯ และอินฟลูเอนเซอร์ ล่าสุดเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ได้ปรับเปลี่ยนหน้าไทยรัฐฉบับพิมพ์ ซึ่งลงข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐในช่วงสายๆ ของวัน หลังหนังสือพิมพ์วางแผงไปแล้ว เปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัล (Thairath E-Newspaper) เมื่อวันที่ 15 ก.ค. เมื่อสมัครสมาชิกแล้ว สามารถอ่านทุกข่าว และคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้ไม่จำกัด และไม่มีโฆษณา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับดิจิทัลจะอัปเดตหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เวลาตีห้า (05.00 น.) เป็นต้นไป และอ่านฉบับย้อนหลังได้ตลอดทั้งปี ซึ่งกลุ่มเป้าหมายแตกต่างจากกลุ่มผู้บริโภคสื่อทั่วไปที่อ่านข่าวฟรี แต่มุ่งไปที่นักเรียน นักศึกษา และนักวิชาการที่ต้องการแหล่งอ้างอิง นักธุรกิจและผู้นำองค์กรที่ต้องการติดตามสถานการณ์สังคม การเมือง และเศรษฐกิจ รวมทั้งคนที่ต้องการเสพข่าวในรูปแบบหนังสือพิมพ์ ที่สรุปข่าวของเมื่อวานนี้แบบครบประเด็น โดยไม่ต้องย้อนดูข่าวออนไลน์หลายหน้าเว็บเพจ ซึ่งจุดแข็งของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คือเนื้อหาข่าวย่อยให้เข้าใจง่าย แม้ว่าไทยรัฐกรุ๊ป จะออกกลยุทธ์ Subscription ช้ากว่าค่ายอื่น เพราะให้อ่านฟรีมานาน เมื่อเทียบกับกรุงเทพธุรกิจ ที่ทำหนังสือพิมพ์รูปแบบดิจิทัล i-NewsPaper มานานแล้ว หรือสื่อหลายค่ายต่างพึ่งแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งในประเทศ เช่น ปิ่นโต (pintobook.com) หรือต่างประเทศอย่าง Pressreader (pressreader.com) ก็ตาม แต่ก็เป็นการดัดแปลงจากระบบของตัวเอง จึงไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างประเทศซึ่งมีค่าใช้จ่าย ในต่างประเทศค่ายสื่อต่างก็ใช้กลยุทธ์ Subscription เพียงแต่ว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะยอดสมัครเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ เมื่อสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ (SONP) เผยแพร่สถิติเว็บไซต์ข่าวเดือน มิ.ย.2568 พบว่าไทยรัฐออนไลน์มีค่าเฉลี่ยการดูเว็บเพจ (Avg.PV/User) อยู่ที่ 7.3 หน้าต่อคนต่อวัน สูงกว่าค่ายอื่นอย่างผู้จัดการออนไลน์ 3.4 หน้าต่อคนต่อวัน ข่าวสดออนไลน์ 2.4 หน้าต่อคนต่อวัน คนในแวดวงสื่อจึงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างก็คาดว่าเป็นเพราะกูเกิลใช้ฟีเจอร์ AI Overviews หากเป็นเช่นนั้นจริงคนทำสื่อและเว็บทั่วไปต้องปรับตัวอีกรอบ แต่เมื่อคุยกับแหล่งข่าวในค่ายไทยรัฐ ระบุว่าช่วงนี้แจกทองครบรอบ 11 ปีไทยรัฐทีวี ทำให้มีผู้เข้าชมมากเป็นพิเศษ #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 466 Views 0 Reviews
More Results