• 'พิชัย' เก้าอี้ยังมั่นคง ไร้สัญญาณปรับ ครม.ถล่มปัญหาสินค้าเกษตร
    .
    สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยเกิดความระส่ำเล็กน้อย ภายหลังมีความเคลื่อนไหวของส.ส.ที่ไม่พอใจกับการทำหน้าที่ของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่ไม่สามารถทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรดีขึ้นได้ จนเกิดความกังวลอาจส่งผลต่อฐานคะแนนเสียงของพรรค ในเรื่องนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ที่ผ่านมาพรรครับฟังความเห็นของส.ส.มาโดยตลอด
    .
    "ความจริงต้องทำควบคู่กันไป เวทีต่างประเทศก็สำคัญ เพราะมีการประชุมระดับทวิภาคี รวมถึงเวทีอื่นๆ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็มีบทบาทสำคัญ ทั้งนี้หากนายพิชัยไม่ได้เดินทางไปประชุมเวทีต่างประเทศ ก็น่าจะมีเวลามาฟังความเห็นของ ส.ส.ในพรรคได้ แต่เชื่อว่าไม่มีอะไร ไม่นานสถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น หน้าที่สำคัญของรัฐมนตรีอันดับแรกคือ พยายามปฎิบัติหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบ ให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล หากงานของตัวเองไปได้ดี ก็จะได้ผลตอบรับจากประชาชนดี" นายสุริยะ กล่าว
    .
    นายสุริยะ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีบอกแล้วว่ายังไม่มีความคิดที่จะปรับคณะรัฐมนตรี ดังนั้นคนอื่นจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ทั้งหมดอยู่ที่นายกฯ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการปรับครม. เพียงคนเดียวเท่านั้น
    .
    ด้าน นายพิชัย ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีเรียกเข้าพบเพื่อหารือถึงการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าทางเกษตร ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ภายในพรรคเพื่อไทย แต่ระบุว่าได้มีการหารือกับคนในพรรคเพื่อไทยบางส่วนแล้ว พร้อมกับยืนยันว่าไม่ได้กังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
    .
    ขณะที่ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีวาระการพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาพิจารณามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาที่เพาะปลูกข้าว อันเนื่องมาจากราคาตกต่ำ ซึ่งมี สส.รัฐบาลและฝ่ายค้าน พร้อมใจกันเสนอญัตติรวม 7 ร่างโดยภายหลังการเสนอหลักการ ได้มีการเปิดให้ ส.ส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่โจมตีไปที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ซึ่งกำกับดูแลเรื่องข้าว โดยนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า จากข่าวที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันดีว่าพี่น้องเกษตรกรชาวนาได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือราคาข้าวตกต่ำ และมีการชุมนุมปิดถนนเดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล ตนจะไม่พูดเรื่องตัวเลข เพราะตัวเลขมันเยอะเหลือเกิน ทุกคนทราบดีอยู่แล้วการ การแก้ปัญหาระยะสั้น เพราะฉะนั้น การที่กำลังประชุมกันใน คณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ต้องเร่งด่วน
    .
    “ถ้าพูดเรื่องข้าว เราไม่เอ่ยถึงกระทรวงพาณิชย์ก็ไม่ได้ เพราะกระทรวงพาณิชย์เป็นกระทรวงที่มีรัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าขาย เพราะฉะนั้น ถึงแม้จะเป็นพรรคเดียวกัน เป็นรัฐบาลด้วยกัน แต่ก็ต้องมีการติติง แม้กระทั่งในพรรคเพื่อไทยของตน ก็มีการได้คุยกันแล้ว วันนี้ทุกพรรคการเมืองก็เห็นพ้องต้องกัน รัฐบาลปฏิเสธความรับผิดชอบในเรื่องนี้ไม่ได้ ตัวแทนเกษตรกรไม่มีใน นบข.ทุกอย่างอยู่ในห้องแอร์ เขาก็ลงถนนสิ” นายธีระชัย กล่าว
    .
    นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ไม่แปลกใจที่เห็นพี่น้องมาประท้วงกันในหลายจังหวัด พี่น้องเกษตรกรอยู่ไม่ไหวหรอกทำไมรัฐบาลเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่มีมาตรการที่ชัดเจนออกมาที่จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรอย่างไรเลย อยากจะฝากถึงรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 กระทรวงหลัก กระทรวงพาณิชย์ , กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการคลังให้ช่วยเร่งรัดในการออกมาตรการต่างๆ ที่จะมาช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในระยะสั้นเฉพาะหน้าตรงนี้
    ..............
    Sondhi X
    'พิชัย' เก้าอี้ยังมั่นคง ไร้สัญญาณปรับ ครม.ถล่มปัญหาสินค้าเกษตร . สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยเกิดความระส่ำเล็กน้อย ภายหลังมีความเคลื่อนไหวของส.ส.ที่ไม่พอใจกับการทำหน้าที่ของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่ไม่สามารถทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรดีขึ้นได้ จนเกิดความกังวลอาจส่งผลต่อฐานคะแนนเสียงของพรรค ในเรื่องนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ที่ผ่านมาพรรครับฟังความเห็นของส.ส.มาโดยตลอด . "ความจริงต้องทำควบคู่กันไป เวทีต่างประเทศก็สำคัญ เพราะมีการประชุมระดับทวิภาคี รวมถึงเวทีอื่นๆ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็มีบทบาทสำคัญ ทั้งนี้หากนายพิชัยไม่ได้เดินทางไปประชุมเวทีต่างประเทศ ก็น่าจะมีเวลามาฟังความเห็นของ ส.ส.ในพรรคได้ แต่เชื่อว่าไม่มีอะไร ไม่นานสถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น หน้าที่สำคัญของรัฐมนตรีอันดับแรกคือ พยายามปฎิบัติหน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบ ให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล หากงานของตัวเองไปได้ดี ก็จะได้ผลตอบรับจากประชาชนดี" นายสุริยะ กล่าว . นายสุริยะ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีบอกแล้วว่ายังไม่มีความคิดที่จะปรับคณะรัฐมนตรี ดังนั้นคนอื่นจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ทั้งหมดอยู่ที่นายกฯ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการปรับครม. เพียงคนเดียวเท่านั้น . ด้าน นายพิชัย ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีเรียกเข้าพบเพื่อหารือถึงการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าทางเกษตร ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ภายในพรรคเพื่อไทย แต่ระบุว่าได้มีการหารือกับคนในพรรคเพื่อไทยบางส่วนแล้ว พร้อมกับยืนยันว่าไม่ได้กังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น . ขณะที่ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีวาระการพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาพิจารณามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาที่เพาะปลูกข้าว อันเนื่องมาจากราคาตกต่ำ ซึ่งมี สส.รัฐบาลและฝ่ายค้าน พร้อมใจกันเสนอญัตติรวม 7 ร่างโดยภายหลังการเสนอหลักการ ได้มีการเปิดให้ ส.ส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่โจมตีไปที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ซึ่งกำกับดูแลเรื่องข้าว โดยนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า จากข่าวที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันดีว่าพี่น้องเกษตรกรชาวนาได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือราคาข้าวตกต่ำ และมีการชุมนุมปิดถนนเดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล ตนจะไม่พูดเรื่องตัวเลข เพราะตัวเลขมันเยอะเหลือเกิน ทุกคนทราบดีอยู่แล้วการ การแก้ปัญหาระยะสั้น เพราะฉะนั้น การที่กำลังประชุมกันใน คณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ต้องเร่งด่วน . “ถ้าพูดเรื่องข้าว เราไม่เอ่ยถึงกระทรวงพาณิชย์ก็ไม่ได้ เพราะกระทรวงพาณิชย์เป็นกระทรวงที่มีรัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าขาย เพราะฉะนั้น ถึงแม้จะเป็นพรรคเดียวกัน เป็นรัฐบาลด้วยกัน แต่ก็ต้องมีการติติง แม้กระทั่งในพรรคเพื่อไทยของตน ก็มีการได้คุยกันแล้ว วันนี้ทุกพรรคการเมืองก็เห็นพ้องต้องกัน รัฐบาลปฏิเสธความรับผิดชอบในเรื่องนี้ไม่ได้ ตัวแทนเกษตรกรไม่มีใน นบข.ทุกอย่างอยู่ในห้องแอร์ เขาก็ลงถนนสิ” นายธีระชัย กล่าว . นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ไม่แปลกใจที่เห็นพี่น้องมาประท้วงกันในหลายจังหวัด พี่น้องเกษตรกรอยู่ไม่ไหวหรอกทำไมรัฐบาลเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่มีมาตรการที่ชัดเจนออกมาที่จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรอย่างไรเลย อยากจะฝากถึงรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 กระทรวงหลัก กระทรวงพาณิชย์ , กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการคลังให้ช่วยเร่งรัดในการออกมาตรการต่างๆ ที่จะมาช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในระยะสั้นเฉพาะหน้าตรงนี้ .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Sad
    Haha
    14
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1500 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกผู้นำยุโรปที่ร่วมประชุมฉุกเฉินในกรุงปารีส มองต่างมุมเกี่ยวกับการหาวิธีรับมือการกลับลำนโยบายต่อยูเครนของทรัมป์ ฝรั่งเศสและอังกฤษพยายามผลักดันการรับประกันความมั่นคงของเคียฟ โดยที่ผู้นำลอนดอนยอมรับต้องรออเมริกาออกหน้าก่อน แต่เยอรมนีค้านข้อเสนอส่งทหารไปรักษาสันติภาพในยูเครน
    .
    ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพจัดประชุมฉุกเฉินที่ปารีสในวันจันทร์ ขณะที่ยุโรปกังวลว่า ตนเองจะถูกตัดออกจากการเจรจาสันติภาพในยูเครน ซึ่งแม้แต่เคียฟก็ยังถูกเทเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งคณะผู้แทนระดับสูงไปประชุมกับคณะเจ้าหน้าที่รัสเซียที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นในวันอังคาร (18 ก.พ.) โดยที่ทั้งเคียฟและยุโรปไม่ได้รับเชิญ
    .
    บรรดาผู้นำยุโรปถกเถียงกันในปารีสเกี่ยวกับการเพิ่มงบประมาณกลาโหมเพื่อลดการพึ่งพิงอเมริกา การรับประกันความมั่นคงของยูเครน ตลอดจนการจัดส่งทหารไปรักษาสันติภาพในยูเครนหากมีทำข้อตกลงหยุดยิงกับรัสเซีย
    .
    มาครงเผยเมื่อเช้าวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับทรัมป์ และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี และได้เรียกร้องการรับประกันความมั่นคงที่เข้มแข็งและเชื่อถือได้สำหรับยูเครน เพื่อให้ข้อตกลงสันติภาพไม่จบแบบเดียวกับข้อตกลงมินสก์ในปี 2014 และ 2015 ที่ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งในดินแดนด้านตะวันออกของยูเครนได้
    .
    ผู้นำฝรั่งเศสบอกว่า การกลับสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์เทียบได้กับการช็อตด้วยไฟฟ้า แต่เตือนว่าข้อตกลงสันติภาพไม่ควรจบลงที่การยอมจำนน
    .
    ด้านเซเลนสกีประกาศว่า ยูเครนจะไม่ยอมรับข้อตกลงสันติภาพใดๆ ที่มีการหารือลับหลังโดยที่เคียฟไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
    .
    สำหรับนายกรัฐมนตรีดิค ชูฟ ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเข้าร่วมประชุมที่ปารีสด้วย โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า ทุกประเทศรับรู้ถึงความจำเป็นเร่งด่วน และในช่วงเวลาที่สำคัญต่อความมั่นคงของยุโรปขณะนี้ ยุโรปต้องสนับสนุนยูเครนต่อไปด้วยการเป็นแกนนำในการรับประกันข้อตกลงใดๆ ก่อนสำทับว่า การร่วมมือกับอเมริกามีความสำคัญเช่นเดียวกัน
    .
    กระนั้น ยังไม่ชัดเจนว่ายุโรปจะโน้มน้าววอชิงตันอย่างไร หลังจากที่ทรัมป์ทำยูเครนและพันธมิตรยุโรปอึ้งไปตามๆ กันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการโทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ถูกตะวันตกโดดเดี่ยวมาหลายปี โดยไม่ปรึกษาใครในยุโรปเลย
    .
    นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประกาศว่า พร้อมส่งทหารอังกฤษไปยูเครนถ้าจำเป็น ล่าสุดกลับแบะท่าว่า อเมริกาต้องรับประกันความปลอดภัยก่อน ยุโรปจึงจะสามารถส่งกองกำลังไปยูเครนได้
    .
    ทว่า ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนี ตั้งข้อสังเกตว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะถกเถียงกันเกี่ยวกับการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครน เนื่องจากยังคงมีการสู้รบกันอยู่
    .
    สำหรับนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสค์ของโปแลนด์ กล่าวว่า ทุกคนในที่ประชุมรับรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปและอเมริกาได้ก้าวเข้าสู่เฟสใหม่ ขณะที่ตัวเขาเองพูดไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าประชุมว่า โปแลนด์จะไม่ส่งทหารเข้าไปในดินแดนยูเครน โดย "โปแลนด์จะสนับสนุนยูเครนแบบเดียวกับที่ทำมาจนถึงตอนนี้ โปแลนด์ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับศักยภาพทางการเงินของเรา ทั้งในแง่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและด้านการทหาร" เขากล่าว
    .
    อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ระบุว่า ยูเครนสมควรมีสันติภาพด้วยสถานะที่เข้มแข็ง รวมทั้งได้รับการรับประกันความมั่นคง นอกจากนั้น ความเป็นเอกราช อธิปไตย และบูรณาภาพแห่งดินแดนของยูเครนควรได้รับการเคารพ
    .
    มาร์ค รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ประกาศว่า ยุโรปมีความมุ่งมั่นชัดเจนในการสนับสนุนยูเครน
    .
    นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมตเทอ เฟรเดริกเซิน กล่าวว่า เดนมาร์กเปิดกว้างในประเด็นการส่งทหารไปยูเครน แต่เตือนว่า คำถามสำคัญคืออเมริกาจะสนับสนุนเรื่องนี้หรือไม่ พร้อมสำทับว่า รัสเซียกำลังคุกคามยุโรปทั้งหมด และเตือนวอชิงตันว่า การเร่งรัดข้อตกลงหยุดยิงจะเปิดโอกาสให้มอสโกระดมพลอีกครั้งเพื่อกลับไปโจมตียูเครนหรือประเทศอื่นในยุโรป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016364
    ..............
    Sondhi X
    พวกผู้นำยุโรปที่ร่วมประชุมฉุกเฉินในกรุงปารีส มองต่างมุมเกี่ยวกับการหาวิธีรับมือการกลับลำนโยบายต่อยูเครนของทรัมป์ ฝรั่งเศสและอังกฤษพยายามผลักดันการรับประกันความมั่นคงของเคียฟ โดยที่ผู้นำลอนดอนยอมรับต้องรออเมริกาออกหน้าก่อน แต่เยอรมนีค้านข้อเสนอส่งทหารไปรักษาสันติภาพในยูเครน . ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพจัดประชุมฉุกเฉินที่ปารีสในวันจันทร์ ขณะที่ยุโรปกังวลว่า ตนเองจะถูกตัดออกจากการเจรจาสันติภาพในยูเครน ซึ่งแม้แต่เคียฟก็ยังถูกเทเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งคณะผู้แทนระดับสูงไปประชุมกับคณะเจ้าหน้าที่รัสเซียที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นในวันอังคาร (18 ก.พ.) โดยที่ทั้งเคียฟและยุโรปไม่ได้รับเชิญ . บรรดาผู้นำยุโรปถกเถียงกันในปารีสเกี่ยวกับการเพิ่มงบประมาณกลาโหมเพื่อลดการพึ่งพิงอเมริกา การรับประกันความมั่นคงของยูเครน ตลอดจนการจัดส่งทหารไปรักษาสันติภาพในยูเครนหากมีทำข้อตกลงหยุดยิงกับรัสเซีย . มาครงเผยเมื่อเช้าวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับทรัมป์ และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี และได้เรียกร้องการรับประกันความมั่นคงที่เข้มแข็งและเชื่อถือได้สำหรับยูเครน เพื่อให้ข้อตกลงสันติภาพไม่จบแบบเดียวกับข้อตกลงมินสก์ในปี 2014 และ 2015 ที่ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งในดินแดนด้านตะวันออกของยูเครนได้ . ผู้นำฝรั่งเศสบอกว่า การกลับสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์เทียบได้กับการช็อตด้วยไฟฟ้า แต่เตือนว่าข้อตกลงสันติภาพไม่ควรจบลงที่การยอมจำนน . ด้านเซเลนสกีประกาศว่า ยูเครนจะไม่ยอมรับข้อตกลงสันติภาพใดๆ ที่มีการหารือลับหลังโดยที่เคียฟไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง . สำหรับนายกรัฐมนตรีดิค ชูฟ ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเข้าร่วมประชุมที่ปารีสด้วย โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า ทุกประเทศรับรู้ถึงความจำเป็นเร่งด่วน และในช่วงเวลาที่สำคัญต่อความมั่นคงของยุโรปขณะนี้ ยุโรปต้องสนับสนุนยูเครนต่อไปด้วยการเป็นแกนนำในการรับประกันข้อตกลงใดๆ ก่อนสำทับว่า การร่วมมือกับอเมริกามีความสำคัญเช่นเดียวกัน . กระนั้น ยังไม่ชัดเจนว่ายุโรปจะโน้มน้าววอชิงตันอย่างไร หลังจากที่ทรัมป์ทำยูเครนและพันธมิตรยุโรปอึ้งไปตามๆ กันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการโทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ถูกตะวันตกโดดเดี่ยวมาหลายปี โดยไม่ปรึกษาใครในยุโรปเลย . นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประกาศว่า พร้อมส่งทหารอังกฤษไปยูเครนถ้าจำเป็น ล่าสุดกลับแบะท่าว่า อเมริกาต้องรับประกันความปลอดภัยก่อน ยุโรปจึงจะสามารถส่งกองกำลังไปยูเครนได้ . ทว่า ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนี ตั้งข้อสังเกตว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะถกเถียงกันเกี่ยวกับการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครน เนื่องจากยังคงมีการสู้รบกันอยู่ . สำหรับนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสค์ของโปแลนด์ กล่าวว่า ทุกคนในที่ประชุมรับรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปและอเมริกาได้ก้าวเข้าสู่เฟสใหม่ ขณะที่ตัวเขาเองพูดไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าประชุมว่า โปแลนด์จะไม่ส่งทหารเข้าไปในดินแดนยูเครน โดย "โปแลนด์จะสนับสนุนยูเครนแบบเดียวกับที่ทำมาจนถึงตอนนี้ โปแลนด์ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับศักยภาพทางการเงินของเรา ทั้งในแง่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและด้านการทหาร" เขากล่าว . อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ระบุว่า ยูเครนสมควรมีสันติภาพด้วยสถานะที่เข้มแข็ง รวมทั้งได้รับการรับประกันความมั่นคง นอกจากนั้น ความเป็นเอกราช อธิปไตย และบูรณาภาพแห่งดินแดนของยูเครนควรได้รับการเคารพ . มาร์ค รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ประกาศว่า ยุโรปมีความมุ่งมั่นชัดเจนในการสนับสนุนยูเครน . นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมตเทอ เฟรเดริกเซิน กล่าวว่า เดนมาร์กเปิดกว้างในประเด็นการส่งทหารไปยูเครน แต่เตือนว่า คำถามสำคัญคืออเมริกาจะสนับสนุนเรื่องนี้หรือไม่ พร้อมสำทับว่า รัสเซียกำลังคุกคามยุโรปทั้งหมด และเตือนวอชิงตันว่า การเร่งรัดข้อตกลงหยุดยิงจะเปิดโอกาสให้มอสโกระดมพลอีกครั้งเพื่อกลับไปโจมตียูเครนหรือประเทศอื่นในยุโรป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016364 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1838 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฟนละคร/นิยายจีนคงคุ้นเคยดีกับโครงเรื่องที่มีการชิงอำนาจทางการเมืองด้วยการจัดให้มีการแต่งงานระหว่างตระกูลดังกับเชื้อพระวงศ์ จนเกิดเป็นแรงกดดันมหาศาลให้กับตัวละครเอก บางคนอาจเคยบ่นว่า ‘มันจะอะไรกันนักหนา?’

    วันนี้ Storyฯ ยกตัวอย่างมาคุยเกี่ยวกับตระกูลขุนนางเก่าแก่เรืองอำนาจ (เรียกรวมว่า สื้อเจีย / 世家)
    เป็นหนึ่งในตระกูลที่ดังที่สุดในประวัติศาสตร์ตอนต้นและกลางของจีนโบราณก็ว่าได้

    ความมีอยู่ว่า
    ....ตระกูลชุยจากชิงเหอรุ่นนี้ สายหลักของตระกูลมีนางเป็นบุตรีโทนแต่เพียงผู้เดียว ... และตระกูลชุยกำลังรุ่งเรือง นางยังอยู่ในท้องของมารดาก็ได้รับการหมั้นหมายให้กับองค์ชายรัชทายาทแล้ว....
    - จากเรื่อง <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> ผู้แต่ง โม่เป่าเฟยเป่า (แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า)

    ชิงเหอคือพื้นที่ทางด้านเหนือของจีน (แถบเหอหนาน เหอเป่ยและซานตง) ในสมัยจีนตอนต้นมีสถานะเป็นแคว้นบ้างหรือรองลงมาเป็นจวิ้น (郡) บ้าง ซึ่งนับเป็นเขตการปกครองที่ใหญ่ มีหลายตระกูลดังในประวัติศาตร์จีนที่มาจากพื้นที่แถบนี้ หนึ่งในนั้นคือตระกูลชุย

    ตระกูลชุยมีรากฐานยาวนานมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก (ปี 1046-771 ก่อนคริสตกาล) แตกสกุลมาจากสกุลเจียงและรวมถึงชาวเผ่าพันธุ์อื่นที่หันมาใช้สกุลนี้ รับราชการในตำแหน่งสำคัญมาหลายยุคสมัย แตกมาเป็นสายที่เรียกว่า ‘ตระกูลชุยจากชิงเหอ’ ในยุคสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ (ปี 221 – 206 ก่อนคริสตกาล) เมื่อชุยเหลียง (ทายาทรุ่นที่ 7) ได้รับการอวยยศเป็นโหวและได้รับพระราชทานเขตการปกครองชิงเหอนี้ และต่อมาตระกูลชุยจากชิงเหอมีแตกสายย่อยไปอีกรวมเป็นหกสาย

    ตระกูลชุยจากชิงเหอที่กล่าวถึงในละครข้างต้น ‘ไม่ธรรมดา’ แค่ไหน?

    ตระกูลชุยจากชิงเหอรับราชการระดับสูงต่อเนื่อง ผ่านร้อนผ่านหนาวแต่อยู่ยงคงกระพันมากว่า 700 ปี ถูกยกย่องว่าเป็น ‘ที่สุด’ ในบรรดาสี่ตระกูลใหญ่ในยุคสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (ปีค.ศ. 386 – 535) และในสมัยราชวงศ์ถังก็เป็นหนึ่งในห้าตระกูลเจ็ดเชื้อสาย (五姓七族) อันเป็นตระกูลชั้นสูงที่ต่อมาถูกห้ามไม่ให้แต่งงานกันเอง เพื่อป้องกันไม่ให้สร้างฐานอำนาจมากเกินไป

    มีคนจากตระกูลชุยจากชิงเหอนี้เป็นอัครมหาเสนาบดี (จ่ายเซี่ยง / 宰相) หรือตำแหน่งที่สูงคล้ายกันมากมายหลายรุ่น เฉพาะในสมัยราชวงศ์ถังที่ยาวนานเกือบสามร้อยปีก็มีถึง 12 คน (ถ้ารวมตระกูลชุยสายอื่นมีอีก 10 คน) มีจอหงวน 11 คน ยังไม่รวมที่รับราชการในตำแหน่งอื่น ที่กุมอำนาจทางการทหาร ที่เป็นผู้นำทางความคิด (นักปราชญ์ กวีชื่อดัง) และที่เป็นลูกหลานฝ่ายหญิงที่แต่งเข้าวังในตำแหน่งต่างๆ อีกจำนวนไม่น้อย จวบจนสมัยซ่งใต้ ฐานอำนาจของตระกูลนี้จึงเสื่อมจางลงเหมือนกับตระกูลสื้อเจียอื่นๆ

    ทำไมต้องพูดถึงตระกูลชุยจากชิงเหอ? Storyฯ เล่าเป็นตัวอย่างของเหล่าตระกูลสื้อเจียค่ะ จากที่เคยคิดว่า ‘มันจะอะไรกันนักหนา?’ แต่พอมาเห็นรากฐานของตระกูลสื้อเจียเหล่านี้ เราจะได้อรรถรสเลยว่า ‘ฐานอำนาจ’ ที่เขาพูดถึงกันนั้น มันหยั่งรากลึกแค่ไหน? เหตุใดตัวละครเอกมักรู้สึกถูกกดดันมากมาย? และเพราะเหตุใดมันจึงฝังรากลึกในวัฒนธรรมจีนโบราณ? เพราะมันไม่ใช่เรื่องของหนึ่งหรือสองชั่วอายุคน แต่เรากำลังพูดถึงฐานอำนาจหลายร้อยปีที่แทรกซึมเข้าไปในสังคมโดยมีประมุขใหญ่ของตระกูลในแต่ละรุ่นเป็นแกนนำสำคัญ

    Storyฯ หวังว่าเพื่อนๆ จะดูละครได้อรรถรสยิ่งขึ้นนะคะ ใครเห็นบทบาทของคนในตระกูลชุยในละครเรื่องอื่นใดอีกหรือหากนึกถึงตระกูลอื่นที่คล้ายคลึงก็เม้นท์มาได้ค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.sohu.com/a/484438060_121051662
    https://www.sohu.com/a/485012584_100151502
    https://www.sohu.com/a/489015136_120827444

    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.163.com/dy/article/FNSTJKT60543BK4H.html
    https://new.qq.com/omn/20211021/20211021A09WBQ00.html
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_16209361
    https://www.baike.com/wiki/清河崔氏
    https://zh.wikipedia.org/wiki/清河崔氏

    #กระดูกงดงาม #ตระกูลชุย #สกุลชุย #ชิงเหอ #สื้อเจีย
    แฟนละคร/นิยายจีนคงคุ้นเคยดีกับโครงเรื่องที่มีการชิงอำนาจทางการเมืองด้วยการจัดให้มีการแต่งงานระหว่างตระกูลดังกับเชื้อพระวงศ์ จนเกิดเป็นแรงกดดันมหาศาลให้กับตัวละครเอก บางคนอาจเคยบ่นว่า ‘มันจะอะไรกันนักหนา?’ วันนี้ Storyฯ ยกตัวอย่างมาคุยเกี่ยวกับตระกูลขุนนางเก่าแก่เรืองอำนาจ (เรียกรวมว่า สื้อเจีย / 世家) เป็นหนึ่งในตระกูลที่ดังที่สุดในประวัติศาสตร์ตอนต้นและกลางของจีนโบราณก็ว่าได้ ความมีอยู่ว่า ....ตระกูลชุยจากชิงเหอรุ่นนี้ สายหลักของตระกูลมีนางเป็นบุตรีโทนแต่เพียงผู้เดียว ... และตระกูลชุยกำลังรุ่งเรือง นางยังอยู่ในท้องของมารดาก็ได้รับการหมั้นหมายให้กับองค์ชายรัชทายาทแล้ว.... - จากเรื่อง <ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม> ผู้แต่ง โม่เป่าเฟยเป่า (แต่บทความ Storyฯ แปลเองจ้า) ชิงเหอคือพื้นที่ทางด้านเหนือของจีน (แถบเหอหนาน เหอเป่ยและซานตง) ในสมัยจีนตอนต้นมีสถานะเป็นแคว้นบ้างหรือรองลงมาเป็นจวิ้น (郡) บ้าง ซึ่งนับเป็นเขตการปกครองที่ใหญ่ มีหลายตระกูลดังในประวัติศาตร์จีนที่มาจากพื้นที่แถบนี้ หนึ่งในนั้นคือตระกูลชุย ตระกูลชุยมีรากฐานยาวนานมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก (ปี 1046-771 ก่อนคริสตกาล) แตกสกุลมาจากสกุลเจียงและรวมถึงชาวเผ่าพันธุ์อื่นที่หันมาใช้สกุลนี้ รับราชการในตำแหน่งสำคัญมาหลายยุคสมัย แตกมาเป็นสายที่เรียกว่า ‘ตระกูลชุยจากชิงเหอ’ ในยุคสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ (ปี 221 – 206 ก่อนคริสตกาล) เมื่อชุยเหลียง (ทายาทรุ่นที่ 7) ได้รับการอวยยศเป็นโหวและได้รับพระราชทานเขตการปกครองชิงเหอนี้ และต่อมาตระกูลชุยจากชิงเหอมีแตกสายย่อยไปอีกรวมเป็นหกสาย ตระกูลชุยจากชิงเหอที่กล่าวถึงในละครข้างต้น ‘ไม่ธรรมดา’ แค่ไหน? ตระกูลชุยจากชิงเหอรับราชการระดับสูงต่อเนื่อง ผ่านร้อนผ่านหนาวแต่อยู่ยงคงกระพันมากว่า 700 ปี ถูกยกย่องว่าเป็น ‘ที่สุด’ ในบรรดาสี่ตระกูลใหญ่ในยุคสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (ปีค.ศ. 386 – 535) และในสมัยราชวงศ์ถังก็เป็นหนึ่งในห้าตระกูลเจ็ดเชื้อสาย (五姓七族) อันเป็นตระกูลชั้นสูงที่ต่อมาถูกห้ามไม่ให้แต่งงานกันเอง เพื่อป้องกันไม่ให้สร้างฐานอำนาจมากเกินไป มีคนจากตระกูลชุยจากชิงเหอนี้เป็นอัครมหาเสนาบดี (จ่ายเซี่ยง / 宰相) หรือตำแหน่งที่สูงคล้ายกันมากมายหลายรุ่น เฉพาะในสมัยราชวงศ์ถังที่ยาวนานเกือบสามร้อยปีก็มีถึง 12 คน (ถ้ารวมตระกูลชุยสายอื่นมีอีก 10 คน) มีจอหงวน 11 คน ยังไม่รวมที่รับราชการในตำแหน่งอื่น ที่กุมอำนาจทางการทหาร ที่เป็นผู้นำทางความคิด (นักปราชญ์ กวีชื่อดัง) และที่เป็นลูกหลานฝ่ายหญิงที่แต่งเข้าวังในตำแหน่งต่างๆ อีกจำนวนไม่น้อย จวบจนสมัยซ่งใต้ ฐานอำนาจของตระกูลนี้จึงเสื่อมจางลงเหมือนกับตระกูลสื้อเจียอื่นๆ ทำไมต้องพูดถึงตระกูลชุยจากชิงเหอ? Storyฯ เล่าเป็นตัวอย่างของเหล่าตระกูลสื้อเจียค่ะ จากที่เคยคิดว่า ‘มันจะอะไรกันนักหนา?’ แต่พอมาเห็นรากฐานของตระกูลสื้อเจียเหล่านี้ เราจะได้อรรถรสเลยว่า ‘ฐานอำนาจ’ ที่เขาพูดถึงกันนั้น มันหยั่งรากลึกแค่ไหน? เหตุใดตัวละครเอกมักรู้สึกถูกกดดันมากมาย? และเพราะเหตุใดมันจึงฝังรากลึกในวัฒนธรรมจีนโบราณ? เพราะมันไม่ใช่เรื่องของหนึ่งหรือสองชั่วอายุคน แต่เรากำลังพูดถึงฐานอำนาจหลายร้อยปีที่แทรกซึมเข้าไปในสังคมโดยมีประมุขใหญ่ของตระกูลในแต่ละรุ่นเป็นแกนนำสำคัญ Storyฯ หวังว่าเพื่อนๆ จะดูละครได้อรรถรสยิ่งขึ้นนะคะ ใครเห็นบทบาทของคนในตระกูลชุยในละครเรื่องอื่นใดอีกหรือหากนึกถึงตระกูลอื่นที่คล้ายคลึงก็เม้นท์มาได้ค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/484438060_121051662 https://www.sohu.com/a/485012584_100151502 https://www.sohu.com/a/489015136_120827444 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.163.com/dy/article/FNSTJKT60543BK4H.html https://new.qq.com/omn/20211021/20211021A09WBQ00.html https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_16209361 https://www.baike.com/wiki/清河崔氏 https://zh.wikipedia.org/wiki/清河崔氏 #กระดูกงดงาม #ตระกูลชุย #สกุลชุย #ชิงเหอ #สื้อเจีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำยุโรปว้าวุ่นหนัก หวั่นถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนร่วมในการเจรจายุติสงครามยูเครน ขณะที่อเมริกาประกาศชัดยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการหารือดังกล่าว แถมยังประกาศรายชื่อทีมเจ้าหน้าที่อาวุโสไปประชุมกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟในซาอุดีอาระเบีย ในอีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา-รัสเซีย ก็โทรศัพท์หารือกัน โดยระบุว่าคุยกันทั้งเรื่องสถานการณ์ในยูเครน และการหาทางปรับปรุงความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ
    .
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ยุโรปปั่นป่วนหนัก เมื่อประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย แถมยังระบุว่าเขาน่าจะได้พบปะแบบเจอตัวกับปูตินเร็วๆ นี้ เพื่อเริ่มการหารือยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน โดยที่การพูดจากับผู้นำรัสเซียนี้ ทรัมป์ไม่เคยบอกกล่าวกับพวกผู้นำของยุโรปมาก่อนเลย จึงทำให้เหล่าพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรปกลุ้มหนักว่า ผลประโยชน์ของพวกตนอาจถูกละเลยเพิกเฉย เมื่อวอชิงตันกับมอสโกจะคุยกันโดยตรง ไม่เอายุโรปเข้าร่วมด้วยเช่นนี้
    .
    ต่อมาในวันเสาร์ (15 ก.พ.) เจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายรายเผยว่า มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลางของทรัมป์ จะเดินทางไปซาอุดีอาระเบียเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำความตกลงหยุดยิงในยูเครนกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟ
    .
    ยังไม่มีการระบุชัดเจนว่า การประชุมเช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใ ดหรือกำหนดเวลาที่ทีมเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะออกเดินทาง แต่เฉพาะตัวรัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอนั้น ได้ออกเดินทางไปยังตะวันออกกลางแล้ว โดยไปถึงอิสราเอลในวันเสาร์ (15) อีกทั้งมีกำหนดการที่จะไปเยือนซาอุดีอาระเบียด้วย
    .
    ในวันเสาร์เช่นกัน รูบิโอได้หารือทางโทรศัพท์กับเซียร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งต่อมากระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า มีการตกลงคงการติดต่อเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความสัมพันธ์ การขจัดอุปสรรคฝ่ายเดียวที่ตกทอดมาจากคณะบริหารชุดก่อนของสหรัฐฯ สำหรับความร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจ และการลงทุนที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ทั้งสองชาติยังแสดงความกระตือรือร้นในการดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ในตะวันออกกลาง
    .
    ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รูบิโอยืนยันความมุ่งมั่นของทรัมป์ในการหาทางยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน และหารือเกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือกันในประเด็นปัญหาทวิภาคีอื่นๆ
    .
    ส่วนที่มิวนิก มาร์ก รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวในที่ประชุมผู้วางนโยบายระดับสูงเมื่อวันเสาร์ว่า ยุโรปต้องมี “ข้อเสนอที่ดี” เพื่อรับประกันสันติภาพในยูเครน หากต้องการเข้าร่วมการเจรจาที่อเมริกาเป็นแกนนำ
    .
    รึตเตอเสริมว่า จะเดินทางไปปารีสในวันจันทร์ (17 ก.พ.) เพื่อร่วมการประชุมผู้นำยุโรปที่จัดโดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับ “การประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่อาจเกิดขึ้น”
    .
    นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ ขานรับว่า ยุโรปต้องรับบทบาทมากขึ้นในนาโต และร่วมมือกับอเมริกาเพื่อปกป้องอนาคตของยูเครน
    .
    ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าว เรียกร้องในงานประชุมความมั่นคงมิวนิกให้สร้างกองทัพยุโรป เนื่องจากยุโรปอาจไม่สามารถพึ่งพิงอเมริกาได้อีกต่อไป
    .
    ทั้งนี้ แนวคิดเช่นนี้เคยมีการถกเถียงมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนโดยปราศจากความคืบหน้าใดๆ และดูเหมือนการเรียกร้องของเซเลนสกีไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
    .
    การเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ (14) เซเลนสกีได้พบกับรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ของอเมริกา และพยายามขอความมั่นใจว่า เคียฟจะไม่ถูกทิ้งระหว่างที่ทรัมป์เจรจากับปูติน
    .
    เซเลนสกียังยืนกรานว่า จะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่ยูเครนไม่มีส่วนร่วมด้วย รวมทั้งจะต้องไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับยุโรปที่ยุโรปไม่มีส่วนร่วม
    .
    ทว่า คีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษรับผิดชอบเรื่องยูเครน-รัสเซีย ของทรัมป์ กล่าวชัดเจนในเวทีเดียวกันว่า ยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเจรจาหยุดยิงในยูเครน
    .
    นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังพยายามยืนยันว่า ยูเครนจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยแวนซ์กล่าวกับเซเลนสกีว่า อเมริกาต้องการให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนที่จะไม่นำไปสู่การนองเลือดซ้ำสองในอนาคต
    .
    กระนั้น พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศว่า ยูเครนจะไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต หรือได้ดินแดนคืนจากรัสเซียแต่อย่างใด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015540
    ..............
    Sondhi X
    ผู้นำยุโรปว้าวุ่นหนัก หวั่นถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนร่วมในการเจรจายุติสงครามยูเครน ขณะที่อเมริกาประกาศชัดยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการหารือดังกล่าว แถมยังประกาศรายชื่อทีมเจ้าหน้าที่อาวุโสไปประชุมกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟในซาอุดีอาระเบีย ในอีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา-รัสเซีย ก็โทรศัพท์หารือกัน โดยระบุว่าคุยกันทั้งเรื่องสถานการณ์ในยูเครน และการหาทางปรับปรุงความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ยุโรปปั่นป่วนหนัก เมื่อประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย แถมยังระบุว่าเขาน่าจะได้พบปะแบบเจอตัวกับปูตินเร็วๆ นี้ เพื่อเริ่มการหารือยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน โดยที่การพูดจากับผู้นำรัสเซียนี้ ทรัมป์ไม่เคยบอกกล่าวกับพวกผู้นำของยุโรปมาก่อนเลย จึงทำให้เหล่าพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรปกลุ้มหนักว่า ผลประโยชน์ของพวกตนอาจถูกละเลยเพิกเฉย เมื่อวอชิงตันกับมอสโกจะคุยกันโดยตรง ไม่เอายุโรปเข้าร่วมด้วยเช่นนี้ . ต่อมาในวันเสาร์ (15 ก.พ.) เจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายรายเผยว่า มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลางของทรัมป์ จะเดินทางไปซาอุดีอาระเบียเพื่อหารือเกี่ยวกับการทำความตกลงหยุดยิงในยูเครนกับคณะเจรจาของมอสโกและเคียฟ . ยังไม่มีการระบุชัดเจนว่า การประชุมเช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใ ดหรือกำหนดเวลาที่ทีมเจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะออกเดินทาง แต่เฉพาะตัวรัฐมนตรีต่างประเทศรูบิโอนั้น ได้ออกเดินทางไปยังตะวันออกกลางแล้ว โดยไปถึงอิสราเอลในวันเสาร์ (15) อีกทั้งมีกำหนดการที่จะไปเยือนซาอุดีอาระเบียด้วย . ในวันเสาร์เช่นกัน รูบิโอได้หารือทางโทรศัพท์กับเซียร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งต่อมากระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า มีการตกลงคงการติดต่อเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความสัมพันธ์ การขจัดอุปสรรคฝ่ายเดียวที่ตกทอดมาจากคณะบริหารชุดก่อนของสหรัฐฯ สำหรับความร่วมมือด้านการค้า เศรษฐกิจ และการลงทุนที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ทั้งสองชาติยังแสดงความกระตือรือร้นในการดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ในตะวันออกกลาง . ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รูบิโอยืนยันความมุ่งมั่นของทรัมป์ในการหาทางยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครน และหารือเกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือกันในประเด็นปัญหาทวิภาคีอื่นๆ . ส่วนที่มิวนิก มาร์ก รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวในที่ประชุมผู้วางนโยบายระดับสูงเมื่อวันเสาร์ว่า ยุโรปต้องมี “ข้อเสนอที่ดี” เพื่อรับประกันสันติภาพในยูเครน หากต้องการเข้าร่วมการเจรจาที่อเมริกาเป็นแกนนำ . รึตเตอเสริมว่า จะเดินทางไปปารีสในวันจันทร์ (17 ก.พ.) เพื่อร่วมการประชุมผู้นำยุโรปที่จัดโดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับ “การประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่อาจเกิดขึ้น” . นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษ ขานรับว่า ยุโรปต้องรับบทบาทมากขึ้นในนาโต และร่วมมือกับอเมริกาเพื่อปกป้องอนาคตของยูเครน . ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าว เรียกร้องในงานประชุมความมั่นคงมิวนิกให้สร้างกองทัพยุโรป เนื่องจากยุโรปอาจไม่สามารถพึ่งพิงอเมริกาได้อีกต่อไป . ทั้งนี้ แนวคิดเช่นนี้เคยมีการถกเถียงมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนโดยปราศจากความคืบหน้าใดๆ และดูเหมือนการเรียกร้องของเซเลนสกีไม่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง . การเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ (14) เซเลนสกีได้พบกับรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ของอเมริกา และพยายามขอความมั่นใจว่า เคียฟจะไม่ถูกทิ้งระหว่างที่ทรัมป์เจรจากับปูติน . เซเลนสกียังยืนกรานว่า จะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่ยูเครนไม่มีส่วนร่วมด้วย รวมทั้งจะต้องไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับยุโรปที่ยุโรปไม่มีส่วนร่วม . ทว่า คีธ เคลล็อกก์ ผู้แทนพิเศษรับผิดชอบเรื่องยูเครน-รัสเซีย ของทรัมป์ กล่าวชัดเจนในเวทีเดียวกันว่า ยุโรปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเจรจาหยุดยิงในยูเครน . นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังพยายามยืนยันว่า ยูเครนจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยแวนซ์กล่าวกับเซเลนสกีว่า อเมริกาต้องการให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนที่จะไม่นำไปสู่การนองเลือดซ้ำสองในอนาคต . กระนั้น พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศว่า ยูเครนจะไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต หรือได้ดินแดนคืนจากรัสเซียแต่อย่างใด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015540 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1220 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอซ์เตรียมบุกจับขนานใหญ่ในแอลเอ

    แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : แอลเอไทมส์ อ้าง “บันทึกรั่วไหล” ว่าไอซ์ จะออกปฏิบัติการกวาดจับครั้งใหญ่ในเมืองแอลเอ ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

    เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025 หนังสือพิมพ์ลอส แอนเจลิส ไทมส์ รายงานข่าว โดยอ้างข้อมูลจากบันทึกความเข้าใจ (memo) ซึ่งเป็นเอกสารภายในของไอซ์ หรือสำนักงานบังคับใช้กฎหมายอิมมิเกรชั่นและศุลกากร ที่รั่วไหลออกมาว่า ไอซ์ จะเป็นแกนนำของหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายหน่วย ในปฏิบัติการจับกุมผู้อพยพครั้งใหญ่ โดยเน้นไปที่ผู้อยู่อย่างผิดกฎหมาย และผู้ที่อยู่ระหว่างการขั้นตอนเนรเทศ

    โดยหน่วยงานรักษากฎหมายของรัฐบาลกลาง ที่จะออกปฏิบัติการกับไอซ์ ในแอลเอ รวมถึง เอฟบีไอ สำนักงานแอลเอ และ ดีอีเอ สำนักงานแอลเอ เป็นต้น

    ข่าวบอกด้วยว่าข้อมูลจากเอกสารที่รั่วไหลออกมานี้ ไม่ได้ระบุว่าการจับกุมครั้งใหญ่จะมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงที่ผู้มีประวัติอาชญากรรม หรือเป็นการจับกุมตามหมายจับ เหมือนเช่นปฏิบัติการหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา

    ต่อมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงภายใน คริสตี้ โนม ได้ออกมาพูดถึงข้อมูลที่รั่วไหลออกมาจากองค์กรของรัฐบาลกลางครั้งนี้ โดยกล่าวหาว่ารั่วไหลออกมาจาก เอฟบีไอ สำนักงานแอลเอ เพื่อขัดขวางปฏิบัติการของไอซ์ อีกทั้งบอกว่าพฤติกรรมของหน่วยงานรัฐบาลกลางดังกล่าว คือการ คอรัปชั่น

    “เอฟบีไอ กำลังทุจริต” คริสตี้ โนม กล่าว และว่า “เราจะทำงานร่วมกับทุกเอเจนซี เพื่อยุติการรั่วไหลของข้อมูล และดำเนินคดีกับสายลับของดีฟเสตท (รัฐที่ปฏิเสธกฎหมายของรัฐบาลกลาง) เพื่อขยายกฎหมายออกไปให้เต็มที่ที่สุด”

    ไทมส์ บอกด้วยว่า ลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ มีประชากรกลุ่มผู้อพยพที่ยังไม่มีเอกสารแสดงตัวมากกว่า 800,000 คน

    ทั้งนี้ ไอซ์ ได้ออกปฏิบัติการจับกุมผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายในเมืองที่ประกาศตัวเป็นเมืองหลบภัย (sanctuary cities) หลายเมือง เช่นลอส แอนเจลิส ชิคาโก้ แอทแลนต้า ฯลฯ แทบจะทันทีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่ง โดยปฏิบัติการในแอลเอ ที่ผ่านมานั้น สามารถจับกุมผู้อพยพที่เป็นอาชญากรได้หลายราย รวมถึงชาวเวเนซุเอล่า ซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งข้ามชาติ (Tren de Aragua) หรือชาวแม็กซิกัน ที่มีคดีอนาจารเด็ก ด้วย

    โดยปฏิบัติการในแอลเอ ตั้งแต่เดือนที่ผ่านมานั้น ไอซ์ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐบาลกลางที่มีสำนักงานในพื้นที่ เช่น ดีอีเอ หรือสำนักงานปราบปรามยาเสพติด และ เอทีเอฟ หรือสำนักงานดูแลอัลกอฮอล์ ยาสูบและอาวุธปืน เป็นต้น.
    ไอซ์เตรียมบุกจับขนานใหญ่ในแอลเอ แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : แอลเอไทมส์ อ้าง “บันทึกรั่วไหล” ว่าไอซ์ จะออกปฏิบัติการกวาดจับครั้งใหญ่ในเมืองแอลเอ ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2025 หนังสือพิมพ์ลอส แอนเจลิส ไทมส์ รายงานข่าว โดยอ้างข้อมูลจากบันทึกความเข้าใจ (memo) ซึ่งเป็นเอกสารภายในของไอซ์ หรือสำนักงานบังคับใช้กฎหมายอิมมิเกรชั่นและศุลกากร ที่รั่วไหลออกมาว่า ไอซ์ จะเป็นแกนนำของหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายหน่วย ในปฏิบัติการจับกุมผู้อพยพครั้งใหญ่ โดยเน้นไปที่ผู้อยู่อย่างผิดกฎหมาย และผู้ที่อยู่ระหว่างการขั้นตอนเนรเทศ โดยหน่วยงานรักษากฎหมายของรัฐบาลกลาง ที่จะออกปฏิบัติการกับไอซ์ ในแอลเอ รวมถึง เอฟบีไอ สำนักงานแอลเอ และ ดีอีเอ สำนักงานแอลเอ เป็นต้น ข่าวบอกด้วยว่าข้อมูลจากเอกสารที่รั่วไหลออกมานี้ ไม่ได้ระบุว่าการจับกุมครั้งใหญ่จะมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจงที่ผู้มีประวัติอาชญากรรม หรือเป็นการจับกุมตามหมายจับ เหมือนเช่นปฏิบัติการหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ต่อมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงภายใน คริสตี้ โนม ได้ออกมาพูดถึงข้อมูลที่รั่วไหลออกมาจากองค์กรของรัฐบาลกลางครั้งนี้ โดยกล่าวหาว่ารั่วไหลออกมาจาก เอฟบีไอ สำนักงานแอลเอ เพื่อขัดขวางปฏิบัติการของไอซ์ อีกทั้งบอกว่าพฤติกรรมของหน่วยงานรัฐบาลกลางดังกล่าว คือการ คอรัปชั่น “เอฟบีไอ กำลังทุจริต” คริสตี้ โนม กล่าว และว่า “เราจะทำงานร่วมกับทุกเอเจนซี เพื่อยุติการรั่วไหลของข้อมูล และดำเนินคดีกับสายลับของดีฟเสตท (รัฐที่ปฏิเสธกฎหมายของรัฐบาลกลาง) เพื่อขยายกฎหมายออกไปให้เต็มที่ที่สุด” ไทมส์ บอกด้วยว่า ลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ มีประชากรกลุ่มผู้อพยพที่ยังไม่มีเอกสารแสดงตัวมากกว่า 800,000 คน ทั้งนี้ ไอซ์ ได้ออกปฏิบัติการจับกุมผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายในเมืองที่ประกาศตัวเป็นเมืองหลบภัย (sanctuary cities) หลายเมือง เช่นลอส แอนเจลิส ชิคาโก้ แอทแลนต้า ฯลฯ แทบจะทันทีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่ง โดยปฏิบัติการในแอลเอ ที่ผ่านมานั้น สามารถจับกุมผู้อพยพที่เป็นอาชญากรได้หลายราย รวมถึงชาวเวเนซุเอล่า ซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งข้ามชาติ (Tren de Aragua) หรือชาวแม็กซิกัน ที่มีคดีอนาจารเด็ก ด้วย โดยปฏิบัติการในแอลเอ ตั้งแต่เดือนที่ผ่านมานั้น ไอซ์ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐบาลกลางที่มีสำนักงานในพื้นที่ เช่น ดีอีเอ หรือสำนักงานปราบปรามยาเสพติด และ เอทีเอฟ หรือสำนักงานดูแลอัลกอฮอล์ ยาสูบและอาวุธปืน เป็นต้น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีลอส มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี ที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้เป็นแกนนำในความพยายามปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง เตือนในวันอังคาร (11 ก.พ.) ว่าอเมริกาจะ "ล้มละลาย" หากไม่มีการตัดลดงบประมาณใดๆ
    .
    มัสก์ เป็นแกนนำความพยายามดังกล่าวภายใต้กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ เขาได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับ "การล้มละลาย" ระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ซึ่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ออกคำสั่งเป็นชุดๆ เล็งเป้าลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง
    .
    ทั้งนี้ คำแถลงของมัสก์ เล็งเป้าอย่างเจาะจงไปที่ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของประเทศ ที่แตะระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณล่าสุด พร้อมบอกว่าการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ
    .
    อย่างไรก็ตาม รายงานของเอเอฟพีระบุว่าความเห็นดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลของทรัมป์เองกำลังพบว่าตนเองกำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการเผชิญหน้ากับศาลสหรัฐฯ เนื่องจากคณะผู้พิพากษากลางตั้งคำถามเกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของมาตรการตัดลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ของทำเนียบขาว
    .
    แผนล้างบางของทรัมป์ ส่งผลกระทบให้หน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนต้องปิดปฏิบัติการ และพนักงานต้องกลับบ้าน โหมกระพือการต่อสู้ทางกฎหมายทั่วประเทศ โดยมีการยื่นฟ้องดำเนินคดีหลายคำร้อง ในความพยายามหาทางระงับสิ่งที่ฝ่ายคัดค้านให้คำจำกัดความว่าเป็นการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    .
    เมื่อถูกถามในวันอังคาร (11 ก.พ.) เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน มัสก์ที่เป็นซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ซึ่งได้สัญญาจ้างต่างๆ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ตอบกล่า เขาจะหาทางสร้างความโปร่งใสให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    .
    ทีมปฏิรูปของ DOGE ได้ก่อความกังวลในหมู่พวกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน จากการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการเงินของผู้คนหลายล้านคนในสหรัฐฯ ผ่านกระทรวงการคลัง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013983
    ..............
    Sondhi X
    อีลอส มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี ที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้เป็นแกนนำในความพยายามปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง เตือนในวันอังคาร (11 ก.พ.) ว่าอเมริกาจะ "ล้มละลาย" หากไม่มีการตัดลดงบประมาณใดๆ . มัสก์ เป็นแกนนำความพยายามดังกล่าวภายใต้กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ เขาได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับ "การล้มละลาย" ระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ซึ่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ออกคำสั่งเป็นชุดๆ เล็งเป้าลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง . ทั้งนี้ คำแถลงของมัสก์ เล็งเป้าอย่างเจาะจงไปที่ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของประเทศ ที่แตะระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณล่าสุด พร้อมบอกว่าการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ . อย่างไรก็ตาม รายงานของเอเอฟพีระบุว่าความเห็นดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลของทรัมป์เองกำลังพบว่าตนเองกำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการเผชิญหน้ากับศาลสหรัฐฯ เนื่องจากคณะผู้พิพากษากลางตั้งคำถามเกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของมาตรการตัดลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ของทำเนียบขาว . แผนล้างบางของทรัมป์ ส่งผลกระทบให้หน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนต้องปิดปฏิบัติการ และพนักงานต้องกลับบ้าน โหมกระพือการต่อสู้ทางกฎหมายทั่วประเทศ โดยมีการยื่นฟ้องดำเนินคดีหลายคำร้อง ในความพยายามหาทางระงับสิ่งที่ฝ่ายคัดค้านให้คำจำกัดความว่าเป็นการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย . เมื่อถูกถามในวันอังคาร (11 ก.พ.) เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน มัสก์ที่เป็นซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ซึ่งได้สัญญาจ้างต่างๆ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ตอบกล่า เขาจะหาทางสร้างความโปร่งใสให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ . ทีมปฏิรูปของ DOGE ได้ก่อความกังวลในหมู่พวกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน จากการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการเงินของผู้คนหลายล้านคนในสหรัฐฯ ผ่านกระทรวงการคลัง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013983 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1926 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ลูกค้ำลูกคูณ ลูกเทวดา!!"

    ทรัมป์ประกาศเข้าข้าวอิสราเอลชัดเจน หากฮามาสไม่ปล่อยตัวประกันตอนเที่ยงวันเสาร์ จะสั่งยุติข้อตกลงหยุดยิง และนั่นจะหมายถึง "ประตูนรกจะเปิด" บนดินแดนกาซา

    “หากตัวประกันทั้งหมดไม่ได้รับการส่งตัวกลับภายในเวลา 12.00 น. ของวันเสาร์ ควรยกเลิกการหยุดยิงไปซะ ปล่อยให้นรกแตกไป”

    “แล้วฮามาสจะได้รู้ พวกเขารู้ดีว่าผมหมายถึงอะไร... พวกนี้เป็นเหมือนคนป่วยจิต และพวกเขาจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไรในวันเสาร์ เวลา 12.00 น.” ทรัมป์ประกาศชัดเจน

    ทรัมป์ขู่ฮามาส หลังจากที่โฆษกกลุ่มฮามาส แถลงการณ์ระงับปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลตามกำหนดวันเสาร์นี้ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

    โดยกลุ่มฮามาสระบุเหตุผลว่า แกนนำฝ่ายต่อต้านติดตามมาตลอด 3 สัปดาห์ พบศัตรูละเมิด และไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลง ทั้งการชะลออนุญาตให้ชาวกาซาพลัดถิ่นกลับภูมิลำเนาทางตอนเหนือ และความล้มเหลวในการเปิดให้จัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ทุกรูปแบบตามที่ตกลงไว้

    เห็นได้ชัดเจนว่าทรัมป์เลือกเข้าข้างอิสราเอลชัดเจน โดยไม่สนใจคำกล่าวหาของฮามาสว่ามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
    "ลูกค้ำลูกคูณ ลูกเทวดา!!" ทรัมป์ประกาศเข้าข้าวอิสราเอลชัดเจน หากฮามาสไม่ปล่อยตัวประกันตอนเที่ยงวันเสาร์ จะสั่งยุติข้อตกลงหยุดยิง และนั่นจะหมายถึง "ประตูนรกจะเปิด" บนดินแดนกาซา “หากตัวประกันทั้งหมดไม่ได้รับการส่งตัวกลับภายในเวลา 12.00 น. ของวันเสาร์ ควรยกเลิกการหยุดยิงไปซะ ปล่อยให้นรกแตกไป” “แล้วฮามาสจะได้รู้ พวกเขารู้ดีว่าผมหมายถึงอะไร... พวกนี้เป็นเหมือนคนป่วยจิต และพวกเขาจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไรในวันเสาร์ เวลา 12.00 น.” ทรัมป์ประกาศชัดเจน ทรัมป์ขู่ฮามาส หลังจากที่โฆษกกลุ่มฮามาส แถลงการณ์ระงับปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลตามกำหนดวันเสาร์นี้ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง โดยกลุ่มฮามาสระบุเหตุผลว่า แกนนำฝ่ายต่อต้านติดตามมาตลอด 3 สัปดาห์ พบศัตรูละเมิด และไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลง ทั้งการชะลออนุญาตให้ชาวกาซาพลัดถิ่นกลับภูมิลำเนาทางตอนเหนือ และความล้มเหลวในการเปิดให้จัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ทุกรูปแบบตามที่ตกลงไว้ เห็นได้ชัดเจนว่าทรัมป์เลือกเข้าข้างอิสราเอลชัดเจน โดยไม่สนใจคำกล่าวหาของฮามาสว่ามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 30 0 รีวิว
  • จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เชื่อว่าคำพูดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับการดูดกลืนแคนาดาเข้าเป็นรัฐที่ 51 "เป็นของจริง" และมันเกี่ยวข้องกับความมั่นคงด้านทรัพยากรทางธรรมชาติของประเทศ ตามรายงานของสื่อมวลชนอ้างอิงแหล่งข่าวในรัฐบาล
    .
    แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ทรูโด แสดงความคิดเห็นดังกล่าว ระหว่างการประชุมลับกับพวกผู้นำภาคธุรกิจและแกนนำสหภาพแรงงาน เกี่ยวกับแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการตอบโต้ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ที่ขู่รีดภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ ส่งเสียงแนะนำซ้ำๆว่า แคนาดา จะดีกว่าเดิม หากประเทศแห่งนี้ยอมกลายมาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา
    .
    หนังสือพิมพ์โทรอนโตสตาร์ รายงานอ้างคำกล่าวของทรูโดระบุว่า "พวกเขาทราบดีเกี่ยวกับทรัพยากรของเรา สิ่งที่เรามีและพวกเขาต้องการมากๆอยากได้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้" นายกรัฐมนตรีแคนาดากล่าวกับที่ประชุมลับ "แต่ในความคิดของทรัมป์ หนึ่งในหนทางที่ง่ายที่สุดในการทำเช่นนั้น ก็คือดูดกลืนประเทศของเรา และความคิดนี้เป็นของจริง"
    .
    แหล่งข่าวในรัฐบาล ยืนยันว่ารายงานข่าวของโทรอนโตสาตาร์ที่อ้างคำพูดดังกล่าวนั้น "ถูกต้อง"
    .
    แคนาดา ที่กำลังหาทางปัดป้องมาตรการต่างๆนานาของสหรัฐฯ เน้นย้ำว่าพวกเขาเป็นคู่หูที่น่าเชื่อถือ และเป็นผู้จัดหารายใหญ่ด้านน้ำมัน แร่ธาตุและทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ
    .
    ในความเห็นกับพวกผู้สื่อข่าว ทรูโดบอกก่อนหน้านี้ว่า แคนาดาอาจต้องเจอกับความท้าทายทางการเมืองในระยะยาวกับสหรัฐฯ แม้นว่าหากสามารถจัดการหลีกเลี่ยงคำขู่รีดภาษีของทรัมป์ได้ก็ตาม
    .
    ทรัมป์ เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) เผยว่าเขาจะเลื่อนกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาออกไป 30 วัน และกับการยอมอ่อนข้อในด้านชายแดนและการจัดการดับอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามการลักลอบขนยาเฟนทานิล
    .
    ทรูโด บอกว่าความท้าทายในปัจจุบันทันด่วนของออตตาวา ก็คือการโน้มน้าวให้วอชิงตัน เชื่อว่าแคนาดาได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว ในการต่อสู้กับกระแสไหลบ่าของยาเฟนทานิล จากข้อมูลพบว่าในบรรดายาเฟนทานิลที่ถูกยึดในสหรัฐฯนั้น มีเพียงแค่ 0.2% ที่ข้ามไปจากชายแดนแคนาดา
    .
    ทั้งนี้ ทรูโด บอกกับพวกนักธุรกิจและแกนนำสหภาพแรงงาน ในช่วงต้นของการประชุมเกี่ยวกับแนวทางสร้างความหลากหลายทางการค้าและกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าถ้าสหรัฐฯกำหนดมาตรการรีดภาษี ทางแคนาดาก็จะตอบโต้แบบเดียวกัน แต่เป้าหมายของแคนาดาคือจะหาทางปลดมาตรการเหล่านี้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    .
    ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาทางการค้าของทรัมป์ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ กล่าวหาแคนาดา กลายมาเป็นแหล่งต้นทางหลักของการลักลอบขนยาปลอดภาษี แต่ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งประเด็นปัญหาใหญ่ด้านวีซ่าและปล่อยให้คนที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีก่อการร้ายเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ
    .
    ในการส่งออกภาคบริการและสินค้าทั้งหมดของแคนาดา คิดเป็นสัดส่วนถึง 75% ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ส่งผลให้พวกเขามีความอ่อนแออย่างมากต่อการคว่ำบาตรใดๆของอเมริกา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012939
    ..............
    Sondhi X
    จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เชื่อว่าคำพูดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับการดูดกลืนแคนาดาเข้าเป็นรัฐที่ 51 "เป็นของจริง" และมันเกี่ยวข้องกับความมั่นคงด้านทรัพยากรทางธรรมชาติของประเทศ ตามรายงานของสื่อมวลชนอ้างอิงแหล่งข่าวในรัฐบาล . แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ทรูโด แสดงความคิดเห็นดังกล่าว ระหว่างการประชุมลับกับพวกผู้นำภาคธุรกิจและแกนนำสหภาพแรงงาน เกี่ยวกับแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการตอบโต้ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ที่ขู่รีดภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา . ที่ผ่านมา ทรัมป์ ส่งเสียงแนะนำซ้ำๆว่า แคนาดา จะดีกว่าเดิม หากประเทศแห่งนี้ยอมกลายมาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา . หนังสือพิมพ์โทรอนโตสตาร์ รายงานอ้างคำกล่าวของทรูโดระบุว่า "พวกเขาทราบดีเกี่ยวกับทรัพยากรของเรา สิ่งที่เรามีและพวกเขาต้องการมากๆอยากได้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้" นายกรัฐมนตรีแคนาดากล่าวกับที่ประชุมลับ "แต่ในความคิดของทรัมป์ หนึ่งในหนทางที่ง่ายที่สุดในการทำเช่นนั้น ก็คือดูดกลืนประเทศของเรา และความคิดนี้เป็นของจริง" . แหล่งข่าวในรัฐบาล ยืนยันว่ารายงานข่าวของโทรอนโตสาตาร์ที่อ้างคำพูดดังกล่าวนั้น "ถูกต้อง" . แคนาดา ที่กำลังหาทางปัดป้องมาตรการต่างๆนานาของสหรัฐฯ เน้นย้ำว่าพวกเขาเป็นคู่หูที่น่าเชื่อถือ และเป็นผู้จัดหารายใหญ่ด้านน้ำมัน แร่ธาตุและทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ . ในความเห็นกับพวกผู้สื่อข่าว ทรูโดบอกก่อนหน้านี้ว่า แคนาดาอาจต้องเจอกับความท้าทายทางการเมืองในระยะยาวกับสหรัฐฯ แม้นว่าหากสามารถจัดการหลีกเลี่ยงคำขู่รีดภาษีของทรัมป์ได้ก็ตาม . ทรัมป์ เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) เผยว่าเขาจะเลื่อนกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาออกไป 30 วัน และกับการยอมอ่อนข้อในด้านชายแดนและการจัดการดับอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามการลักลอบขนยาเฟนทานิล . ทรูโด บอกว่าความท้าทายในปัจจุบันทันด่วนของออตตาวา ก็คือการโน้มน้าวให้วอชิงตัน เชื่อว่าแคนาดาได้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว ในการต่อสู้กับกระแสไหลบ่าของยาเฟนทานิล จากข้อมูลพบว่าในบรรดายาเฟนทานิลที่ถูกยึดในสหรัฐฯนั้น มีเพียงแค่ 0.2% ที่ข้ามไปจากชายแดนแคนาดา . ทั้งนี้ ทรูโด บอกกับพวกนักธุรกิจและแกนนำสหภาพแรงงาน ในช่วงต้นของการประชุมเกี่ยวกับแนวทางสร้างความหลากหลายทางการค้าและกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าถ้าสหรัฐฯกำหนดมาตรการรีดภาษี ทางแคนาดาก็จะตอบโต้แบบเดียวกัน แต่เป้าหมายของแคนาดาคือจะหาทางปลดมาตรการเหล่านี้อย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ . ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาทางการค้าของทรัมป์ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ กล่าวหาแคนาดา กลายมาเป็นแหล่งต้นทางหลักของการลักลอบขนยาปลอดภาษี แต่ขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งประเด็นปัญหาใหญ่ด้านวีซ่าและปล่อยให้คนที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีก่อการร้ายเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ . ในการส่งออกภาคบริการและสินค้าทั้งหมดของแคนาดา คิดเป็นสัดส่วนถึง 75% ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ ส่งผลให้พวกเขามีความอ่อนแออย่างมากต่อการคว่ำบาตรใดๆของอเมริกา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012939 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1442 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดินเนอร์ฝ่ายค้านคึกคัก แกนนำตบเข้าร่วม ไร้เงา “สส.ปูอัด” แม้แต่ป้ายชื่อ “ไทยก้าวหน้า” ยังไม่มี ขณะ “เสรีพิศุทธ์” โผล่ยื่นหนังสือ-มีเก้าอี้ร่วมแถลงข่าวครบ แม้ไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012592

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ดินเนอร์ฝ่ายค้านคึกคัก แกนนำตบเข้าร่วม ไร้เงา “สส.ปูอัด” แม้แต่ป้ายชื่อ “ไทยก้าวหน้า” ยังไม่มี ขณะ “เสรีพิศุทธ์” โผล่ยื่นหนังสือ-มีเก้าอี้ร่วมแถลงข่าวครบ แม้ไม่ได้เป็นฝ่ายค้าน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012592 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Sad
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 958 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกาถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา หลังโดนทั้งโลกไม่เห็นด้วยและประณามแนวคิดนี้ และยังผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

    ทำเนียบขาวรีบดับไฟ 'ถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา' ท่ามกลางเสียงค้านทั่วโลก ชี้เป็นแค่แผนย้ายถิ่นชั่วคราว
    ทำเนียบขาวถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา ย้ำไม่ส่งทหาร-ไม่จ่ายเงินฟื้นฟู

    หลังแถลงการณ์ของทรัมป์สร้างความร้อนแรงด้วยแผน "เข้ายึดครอง" และ "เป็นเจ้าของ" ฉนวนกาซา
    โดยแคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ชี้แจงเป็นเพียงการ "ย้ายถิ่นฐานชั่วคราว" ไม่ใช่ตั้งถิ่นฐานใหม่ถาวรในประเทศอาหรับ พร้อมย้ำไม่ส่งทหารและไม่ใช้งบประมาณฟื้นฟู

    ด้านมาร์โก รูบิโอ รมต.ต่างประเทศ หนุนเป็น "การเคลื่อนไหวที่ใจกว้าง" เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนและธุรกิจ แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้นำโลก โดยเฉพาะซามี อาบู ซูห์รี แกนนำฮามาส เตือนอาจนำไปสู่ "ความวุ่นวาย"

    ขณะที่วุฒิสมาชิกไบรอัน ชาทซ์ และเฮลี โซเฟอร์ จาก JDCA วิจารณ์แผนสุดโต่งนี้ พร้อมย้ำจุดยืนแนวทางสองรัฐ ด้านสภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม คัดค้านแข็งขัน เตือนอาจเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ท่ามกลางการเจรจาหยุดยิง "ระยะที่สอง" ระหว่างอิสราเอลและฮามาสที่กาตาร์


    https://www.imctnews.com/news_details-news-6570.html
    อเมริกาถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา หลังโดนทั้งโลกไม่เห็นด้วยและประณามแนวคิดนี้ และยังผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ทำเนียบขาวรีบดับไฟ 'ถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา' ท่ามกลางเสียงค้านทั่วโลก ชี้เป็นแค่แผนย้ายถิ่นชั่วคราว ทำเนียบขาวถอยแผนทรัมป์ยึดกาซา ย้ำไม่ส่งทหาร-ไม่จ่ายเงินฟื้นฟู หลังแถลงการณ์ของทรัมป์สร้างความร้อนแรงด้วยแผน "เข้ายึดครอง" และ "เป็นเจ้าของ" ฉนวนกาซา โดยแคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ชี้แจงเป็นเพียงการ "ย้ายถิ่นฐานชั่วคราว" ไม่ใช่ตั้งถิ่นฐานใหม่ถาวรในประเทศอาหรับ พร้อมย้ำไม่ส่งทหารและไม่ใช้งบประมาณฟื้นฟู ด้านมาร์โก รูบิโอ รมต.ต่างประเทศ หนุนเป็น "การเคลื่อนไหวที่ใจกว้าง" เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนและธุรกิจ แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากผู้นำโลก โดยเฉพาะซามี อาบู ซูห์รี แกนนำฮามาส เตือนอาจนำไปสู่ "ความวุ่นวาย" ขณะที่วุฒิสมาชิกไบรอัน ชาทซ์ และเฮลี โซเฟอร์ จาก JDCA วิจารณ์แผนสุดโต่งนี้ พร้อมย้ำจุดยืนแนวทางสองรัฐ ด้านสภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม คัดค้านแข็งขัน เตือนอาจเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ท่ามกลางการเจรจาหยุดยิง "ระยะที่สอง" ระหว่างอิสราเอลและฮามาสที่กาตาร์ https://www.imctnews.com/news_details-news-6570.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'เสื้อแดง-เพื่อไทย' แตก แพ้เลือกตั้งท้องถิ่น 'อนุทิน' ไม่ประมาท 'ทักษิณ'
    .
    ความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งท้องถิ่นจังหวัดศรีสะเกษของพรรคเพื่อไทยนั้นถือว่าก่อให้เกิดผลกระทบทางการเมืองตามมาพอสมควร โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้มีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นคนเสื้อแดงจังหวัดศรีสะเกษออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่าความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะส.ส.พรรคเพื่อไทยด้อยค่ามวลชนในพื้นที่
    .
    จากประเด็นดังกล่าวทำให้นายอรรถชัย อนันตเมฆ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นกรณี แกนนำคนเสื้อแดงศรีสะเกษแถลงข่าวถูกคนในเพื่อไทยด้อยค่า ไม่ให้เกียรติ โดยระบุว่า "ขอพูดตรงๆ ในฐานะคนเสื้อแดง ผมเองก็พบเจ เรื่องแบบที่แกนนำศรีสะเกษพูดว่า ไม่ให้เกียรติคนเสื้อแดง กลับจากต่างประเทศ เข้าพรรควันแรกได้ยินคนในพรรคสอนว่าอย่าแดงมาก ไม่เชื่อหู นึกว่าเข้าพรรคผิดผมไม่สนใจ เดินหน้าแดงต่อไป
    .
    "ในการเลือกตั้ง ปี’66 จน จบภารกิจจนถึงเลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก จนเลือก นายก อบจ.ครั้งนี้ จะไปช่วยหาเสียง เดินทางไปเอง แท้ๆ ยังไม่มี ที่ยืนแม้แต่ถ่ายรูป ไม่เกี่ยวกับ คุณทักษิณนะครับ คุณทักษิณ ไปไหนยังถามหาพี่น้องเราเสมอ ไม่เคยลืม ยังจำพี่น้องเราได้แม้ แต่แกนนำ เล็กๆ แต่คือ คนในพรรควันนี้ คนของพรรคชุดนี้ทำอะไร ไม่เคยคิดถึงใจคนเสื้อแดง เป็นมุ้งเป็นเหล่า เอาแต่พวกอุดมการณ์คืออะไร ไม่ชัดเจน เสื้อแดงไม่ต้องการอะไร แค่ให้เกียรติกันบ้าง เท่านั้นยังไม่มี ที่บอกไม่มีอุดมการณ์ไม่ใช่ใส่ความ แต่ได้ยินกับหู ช่วงส้มกำลังตึง คนในพรรคบอก “ไม่เอาแดง" อย่าแดงมาก รวมทั้งการเอาฝ่ายตรงข้ามมา มีบทบาทในพรรค นอกพรรค…ทั้งที่คนเหล่านั้น คือ นกหวีด สลิ่ม ไม่ต้องมาให้ตำแหน่ง อะไรกับคนเสื้อแดง แต่เอาฝ่ายตรงข้าม มามีตำแหน่ง นี่ผมยังอึ้งคนในพรรคเปลี่ยนไปได้ขนาดนั่น"
    .
    ด้าน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการประชุมร่วมกับส.ส.ของพรรคเพื่อไทยตอนหนึ่งว่า เลือกตั้งนายก อบจ.มีแพ้ มีชนะ ครั้งนี้พรรคทำเต็มที่ พยายามประสานความเห็นที่แตกต่าง ทำให้เหนื่อยในการเคลียร์ อยากให้ปล่อยวางเพื่อให้ทุกฝ่ายพอใจ และเป็นผลดีกับเรา ถ้ารวมใจกันชนะได้เหมือนบางจังหวัดที่เรารวมกันได้ก็ชนะ แต่จังหวัดที่มีความขัดแย้ง เพราะไม่ยอมกัน เราแตกสามัคคี
    .
    "ดังนั้นอยากให้ทุกคนปล่อยวาง ลดตัวตนของตัวเอง ความคิดความอ่านเพื่อให้เห็นแก่พรรค แก่ส่วนรวม"
    .
    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย แสดงความคิดเห็นว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นที่่ผ่านมาว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรตอนนี้ทุกอย่างจบแล้วต้องมองไปข้างหน้า แข่งขันกันเสร็จก็กลับมาทำงาน ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองด้วยกันต่อไป
    .
    "ไม่มีหรอกสิ้นมนต์ขลัง จอมยุทธ์ก็คือจอมยุทธ์ ใครลองไปว่าท่านสิ้นมนต์ขลังดู คงจะประสบความหายนะอย่างยิ่ง อย่างที่ไม่เคยคาดการณ์หรือประมาณอะไรได้ ไม่มีหรอกครับ ยิ่งน่ากลัว" นายอนุทิน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่าทักษิณสิ้นมนต์ขลังแล้วหรือไม่
    ..............
    Sondhi X
    'เสื้อแดง-เพื่อไทย' แตก แพ้เลือกตั้งท้องถิ่น 'อนุทิน' ไม่ประมาท 'ทักษิณ' . ความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งท้องถิ่นจังหวัดศรีสะเกษของพรรคเพื่อไทยนั้นถือว่าก่อให้เกิดผลกระทบทางการเมืองตามมาพอสมควร โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้มีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นคนเสื้อแดงจังหวัดศรีสะเกษออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่าความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะส.ส.พรรคเพื่อไทยด้อยค่ามวลชนในพื้นที่ . จากประเด็นดังกล่าวทำให้นายอรรถชัย อนันตเมฆ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นกรณี แกนนำคนเสื้อแดงศรีสะเกษแถลงข่าวถูกคนในเพื่อไทยด้อยค่า ไม่ให้เกียรติ โดยระบุว่า "ขอพูดตรงๆ ในฐานะคนเสื้อแดง ผมเองก็พบเจ เรื่องแบบที่แกนนำศรีสะเกษพูดว่า ไม่ให้เกียรติคนเสื้อแดง กลับจากต่างประเทศ เข้าพรรควันแรกได้ยินคนในพรรคสอนว่าอย่าแดงมาก ไม่เชื่อหู นึกว่าเข้าพรรคผิดผมไม่สนใจ เดินหน้าแดงต่อไป . "ในการเลือกตั้ง ปี’66 จน จบภารกิจจนถึงเลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก จนเลือก นายก อบจ.ครั้งนี้ จะไปช่วยหาเสียง เดินทางไปเอง แท้ๆ ยังไม่มี ที่ยืนแม้แต่ถ่ายรูป ไม่เกี่ยวกับ คุณทักษิณนะครับ คุณทักษิณ ไปไหนยังถามหาพี่น้องเราเสมอ ไม่เคยลืม ยังจำพี่น้องเราได้แม้ แต่แกนนำ เล็กๆ แต่คือ คนในพรรควันนี้ คนของพรรคชุดนี้ทำอะไร ไม่เคยคิดถึงใจคนเสื้อแดง เป็นมุ้งเป็นเหล่า เอาแต่พวกอุดมการณ์คืออะไร ไม่ชัดเจน เสื้อแดงไม่ต้องการอะไร แค่ให้เกียรติกันบ้าง เท่านั้นยังไม่มี ที่บอกไม่มีอุดมการณ์ไม่ใช่ใส่ความ แต่ได้ยินกับหู ช่วงส้มกำลังตึง คนในพรรคบอก “ไม่เอาแดง" อย่าแดงมาก รวมทั้งการเอาฝ่ายตรงข้ามมา มีบทบาทในพรรค นอกพรรค…ทั้งที่คนเหล่านั้น คือ นกหวีด สลิ่ม ไม่ต้องมาให้ตำแหน่ง อะไรกับคนเสื้อแดง แต่เอาฝ่ายตรงข้าม มามีตำแหน่ง นี่ผมยังอึ้งคนในพรรคเปลี่ยนไปได้ขนาดนั่น" . ด้าน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการประชุมร่วมกับส.ส.ของพรรคเพื่อไทยตอนหนึ่งว่า เลือกตั้งนายก อบจ.มีแพ้ มีชนะ ครั้งนี้พรรคทำเต็มที่ พยายามประสานความเห็นที่แตกต่าง ทำให้เหนื่อยในการเคลียร์ อยากให้ปล่อยวางเพื่อให้ทุกฝ่ายพอใจ และเป็นผลดีกับเรา ถ้ารวมใจกันชนะได้เหมือนบางจังหวัดที่เรารวมกันได้ก็ชนะ แต่จังหวัดที่มีความขัดแย้ง เพราะไม่ยอมกัน เราแตกสามัคคี . "ดังนั้นอยากให้ทุกคนปล่อยวาง ลดตัวตนของตัวเอง ความคิดความอ่านเพื่อให้เห็นแก่พรรค แก่ส่วนรวม" . ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย แสดงความคิดเห็นว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นที่่ผ่านมาว่าไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรตอนนี้ทุกอย่างจบแล้วต้องมองไปข้างหน้า แข่งขันกันเสร็จก็กลับมาทำงาน ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองด้วยกันต่อไป . "ไม่มีหรอกสิ้นมนต์ขลัง จอมยุทธ์ก็คือจอมยุทธ์ ใครลองไปว่าท่านสิ้นมนต์ขลังดู คงจะประสบความหายนะอย่างยิ่ง อย่างที่ไม่เคยคาดการณ์หรือประมาณอะไรได้ ไม่มีหรอกครับ ยิ่งน่ากลัว" นายอนุทิน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่าทักษิณสิ้นมนต์ขลังแล้วหรือไม่ .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2119 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์กรอีแอบ หน้าไหว้หลังหลอก กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา หนุนหลังคนล้มล้างให้บ่อนทำลายสถาบันฯ เคยรู้ไหมว่า มีไม่กี่สิบคนที่โดนคดี 112 รับโทษแทนแกนนำอีแอบแบบ UN
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    องค์กรอีแอบ หน้าไหว้หลังหลอก กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา หนุนหลังคนล้มล้างให้บ่อนทำลายสถาบันฯ เคยรู้ไหมว่า มีไม่กี่สิบคนที่โดนคดี 112 รับโทษแทนแกนนำอีแอบแบบ UN #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาล ยังไม่ไต่สวนทักษิณ 'เพื่อไทย' ล็อคคอ 'วิษณุ' ยันป่วยทิพย์ชั้น14 ไร้มลทิน
    .
    ปมประเด็นชั้น 14 ป่วยทิพย์ของ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานอนุกรรมาธิการ ด้านกลไกการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ไต่สวนกรณี กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ไม่จัดการให้เป็นไปตามหมายจำคุกคดีถึงที่สุดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
    .
    ล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลื่อนฟังคำสั่งคำร้องของ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ที่ร้องขอให้ไต่สวน นำตัวนักโทษเทวดากลับเข้าคุก โดยจะแจ้งคำสั่งให้ทราบในภายหลัง และห้ามเผยแพร่คำร้องต่อสาธารณชน เพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
    .
    ขณะที่ แกนนำของพรรคเพื่อไทยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในกรณีโดยยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เพราะผ่านการพิจารณาตรวจสอบจากนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯมาแล้ว
    .
    นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่มีนักร้องที่จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งทราบว่ามีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการพิสูจน์เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน การพักรักษาตัวของนายทักษิณ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แต่เกิดในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายวิษณุ เครืองาม ที่ดำรงตำแหน่งรองนายกฯขณะนั้น ทำหน้าที่ส่งไป และเป็นไปตามขั้นตอน ไม่น่าหนักใจอะไร
    .
    “นายวิษณุ ในฐานะมือกฎหมายคงจะพิจารณารายละเอียดเป็นอย่างดี การตรวจสอบตามที่มีผู้ร้องเรียนนั้นเป็นไปตามกระบวนการการพิสูจน์ของกระบวนการยุติธรรม เรื่องนี้สบายใจได้ ไม่มีเขย่าขวัญรัฐบาล เพราะนายทักษิณไม่ได้เป็นนายกฯ” นายวิสุทธิ์ กล่าว
    .............
    Sondhi X
    ศาล ยังไม่ไต่สวนทักษิณ 'เพื่อไทย' ล็อคคอ 'วิษณุ' ยันป่วยทิพย์ชั้น14 ไร้มลทิน . ปมประเด็นชั้น 14 ป่วยทิพย์ของ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานอนุกรรมาธิการ ด้านกลไกการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ไต่สวนกรณี กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ไม่จัดการให้เป็นไปตามหมายจำคุกคดีถึงที่สุดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง . ล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลื่อนฟังคำสั่งคำร้องของ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ที่ร้องขอให้ไต่สวน นำตัวนักโทษเทวดากลับเข้าคุก โดยจะแจ้งคำสั่งให้ทราบในภายหลัง และห้ามเผยแพร่คำร้องต่อสาธารณชน เพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน . ขณะที่ แกนนำของพรรคเพื่อไทยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในกรณีโดยยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เพราะผ่านการพิจารณาตรวจสอบจากนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯมาแล้ว . นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่มีนักร้องที่จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งทราบว่ามีผู้ร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการพิสูจน์เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน การพักรักษาตัวของนายทักษิณ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แต่เกิดในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายวิษณุ เครืองาม ที่ดำรงตำแหน่งรองนายกฯขณะนั้น ทำหน้าที่ส่งไป และเป็นไปตามขั้นตอน ไม่น่าหนักใจอะไร . “นายวิษณุ ในฐานะมือกฎหมายคงจะพิจารณารายละเอียดเป็นอย่างดี การตรวจสอบตามที่มีผู้ร้องเรียนนั้นเป็นไปตามกระบวนการการพิสูจน์ของกระบวนการยุติธรรม เรื่องนี้สบายใจได้ ไม่มีเขย่าขวัญรัฐบาล เพราะนายทักษิณไม่ได้เป็นนายกฯ” นายวิสุทธิ์ กล่าว ............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1352 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความถึงท่านพ่อหลวง(ในหลวงรัชกาลที่ ๙)ฉบับที่ 1
    ท่านพ่อหลวง(ในหลวงรัชกาลที่ ๙)ของพวกเราทุกๆคนในประเทศชนชาติไทย
    ท่านจะยังคงอยู่ในจิตวิญญาณของผมและทุกๆคนที่เข้าใจในตัวของท่านเสมอมา และเสมอไป ตลอดไป ตราบชั่วชีวิตของผมนี้ชั่วนิดนิรันดร์
    ในฐานะที่ผมเป็นลูกหลานของท่าน รวมทั้งเป็นถึงความหวังของทุกๆคนในโลกหน้าด้วย และในหลายๆสถานะนั้น
    ไม่ว่าจะเป็นในนาม ผู้พิทักษ์ประจำประเทศไทย ว่าที่ราชาแห่งความมืดที่แท้จริงยิ่งกว่าใครๆ เป็นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้นำองค์กรเพื่อนแท้ ดิ เอลเลเม้นท์ เป็นผู้ก่อตั้งองค์กรลับที่คอยพิทักษ์แผ่นดินไทยต่อไปในภายภาคหน้า เป็นแกนนำพันธมิตรฯยุคใหม่ในภายภาคหน้า เป็นความหวังของบรรพชน และในหลายๆสถานะมากมาย
    แต่ถึงมันจะมากมายแค่ไหนก็ตามที สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผมจะเป็นคนดีของแผ่นดินไทยตามแบบอย่างของท่านพ่อหลวง(ในหลวงรัชกาลที่ ๙)ต่อไป และตลอดไปตราบชั่วชีวิตของผมนี้จะมอดไหม้สลายกลายเป็นผงธุลีดิน
    ชีวิตนี้ขอมอบให้ท่าน แด่จิตวิญญาณบรรพชน ทั่วทั้งประเทศไทย โดยมีท่านพระสยามเทวาธิราชฯท่านเป็นผู้นำ
    ป.ล.ผมขอขอบพระคุณทุกๆท่านทุกๆที่ๆเข้าใจในตัวของผมอย่างแท้จริงๆๆ ที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลสนับสนุนผมเสมอมาและเสมอไปตลอดไปด้วยนะครับ
    (นี่เป็นการถ่ายทำที่บ่งบอกถึงเบื้องหลังและความเป็นมาของเพลงนี้ให้ทุกๆคนได้รับรู้และรับทราบกันนะครับ)
    ในยูทูปที่ชื่อ 'ธเนศ' บันทึกเหตุการณ์สะเทือนใจคนไทย ผ่านบทเพลง '13 ตุลา หนึ่งทุ่มตรง
    บทความถึงท่านพ่อหลวง(ในหลวงรัชกาลที่ ๙)ฉบับที่ 1 ท่านพ่อหลวง(ในหลวงรัชกาลที่ ๙)ของพวกเราทุกๆคนในประเทศชนชาติไทย ท่านจะยังคงอยู่ในจิตวิญญาณของผมและทุกๆคนที่เข้าใจในตัวของท่านเสมอมา และเสมอไป ตลอดไป ตราบชั่วชีวิตของผมนี้ชั่วนิดนิรันดร์ ในฐานะที่ผมเป็นลูกหลานของท่าน รวมทั้งเป็นถึงความหวังของทุกๆคนในโลกหน้าด้วย และในหลายๆสถานะนั้น ไม่ว่าจะเป็นในนาม ผู้พิทักษ์ประจำประเทศไทย ว่าที่ราชาแห่งความมืดที่แท้จริงยิ่งกว่าใครๆ เป็นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้นำองค์กรเพื่อนแท้ ดิ เอลเลเม้นท์ เป็นผู้ก่อตั้งองค์กรลับที่คอยพิทักษ์แผ่นดินไทยต่อไปในภายภาคหน้า เป็นแกนนำพันธมิตรฯยุคใหม่ในภายภาคหน้า เป็นความหวังของบรรพชน และในหลายๆสถานะมากมาย แต่ถึงมันจะมากมายแค่ไหนก็ตามที สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผมจะเป็นคนดีของแผ่นดินไทยตามแบบอย่างของท่านพ่อหลวง(ในหลวงรัชกาลที่ ๙)ต่อไป และตลอดไปตราบชั่วชีวิตของผมนี้จะมอดไหม้สลายกลายเป็นผงธุลีดิน ชีวิตนี้ขอมอบให้ท่าน แด่จิตวิญญาณบรรพชน ทั่วทั้งประเทศไทย โดยมีท่านพระสยามเทวาธิราชฯท่านเป็นผู้นำ ป.ล.ผมขอขอบพระคุณทุกๆท่านทุกๆที่ๆเข้าใจในตัวของผมอย่างแท้จริงๆๆ ที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลสนับสนุนผมเสมอมาและเสมอไปตลอดไปด้วยนะครับ (นี่เป็นการถ่ายทำที่บ่งบอกถึงเบื้องหลังและความเป็นมาของเพลงนี้ให้ทุกๆคนได้รับรู้และรับทราบกันนะครับ) ในยูทูปที่ชื่อ 'ธเนศ' บันทึกเหตุการณ์สะเทือนใจคนไทย ผ่านบทเพลง '13 ตุลา หนึ่งทุ่มตรง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณสมบัติของผู้พิทักษ์
    ผู้พิทักษ์ในองค์กรลับใต้ดิน ดิ เอลเลเม้นท์ นั้น ใช่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็สามารถที่จะเป็นกันได้ง่ายๆ ซึ่งแม้แต่ตัวผมเองนั้น ถึงจะดูเหมือนว่าจะมีสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะในฐานะหนึ่งในหกเสาหลักผู้พิทักษ์ หรือ ในฐานะผู้ที่ก่อตั้งองค์กรนี้ขึ้นมาก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกันกับคนอื่นๆนะครับ อย่างแรกเลย ผมจะบอกสัดส่วนอัตราในการเป็นผู้พิทักษ์โดยคร่าวๆไว้ว่า คนที่จะมาเป็นผู้นำคนนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นกันได้โดยง่ายๆจริงๆ โดยเฉพาะหกเสาหลักผู้พิทักษ์ ซึ่งจะมีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในองค์กรมากกว่าผู้พิทักษ์สาขามากมายนัก เพราะว่าจะต้องเป็นศูนย์กลางแกนนำและเป็นขวัญกำลังใจให้กับทุกคนในองค์กร โดยมีอัตราการถือกำเนิดการเป็นผู้พิทักษ์ไว้ดังนี้ โดยไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่กระทั่งผู้พิทักษ์สาขาด้วยเช่นเดียวกัน คือ
    ผู้ที่มีคุณสมบัติของผู้พิทักษ์เสาหลักและสาขานั้น มีจำนวน หนึ่ง ใน หนึ่งล้าน คน หรือ ว่าที่ราชา-ราชินี
    ผู้ที่เป็นผู้พิทักษ์เสาหลักและสาขานั้น มีจำนวน หนึ่ง ใน หนึ่งพันล้าน คน หรือ ราชา-ราชินีเต็มตัว
    และผู้ที่เป็นผู้พิทักษ์เสาหลักและสาขาอย่างแท้จริงนั้น มีจำนวน หนึ่ง ใน หนึ่งล้านล้าน คน หรือ ราชา-ราชินีที่แท้จริง
    ซึ่งการเป็นหรือการเปลี่ยนขั้นดังกล่าวนั้นใช่ว่าจะทำกันได้โดยง่ายนัก แม้กระทั่งตัวผมเองนั้น ก็ยังไม่สามารถเรียกตัวเองได้เต็มปากว่าตนเองนั้นเป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงได้ เนื่องจากสาเหตุหลักหลายประการดังนี้ คือ
    ได้รับการรับเลือกว่าให้เป็นผู้พิทักษ์โดยคนในองค์กรชักชวน
    สามารถเสดงพลังหรือความสามารถพิเศษได้จริง(ปลดปล่อยพลังภายใน)
    สามารถใช้พลังความสามารถพิเศษนั้นได้จริงในทุกสถานการณ์(ปลดปล่อยพลังจักรวาล)
    ซึ่งหลายประการข้างต้นนั้นทำให้ผมไม่สามารถเป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงได้นั่นเอง โดยที่ตอนนี้นั้น ก่อนที่จะประกาศตนเองหรือการประกาศศักดิ์ศรีขององค์กรเรานั้น จะต้องตามหาผู้พิทักษ์เสาหลักคนที่เจ็ดให้ได้ก่อนนั่นเอง ซึ่งผู้พิทักษ์เสาหลักคนที่เจ็ดนั้นเราเรียกเค้าว่า ท่านอาจารย์ หรือชื่อเต็มคือ ราชันผู้พิทักษ์แห่งการรู้แจ้งและว่างเปล่า ไม่ว่าเค้าจะเป็นใครก็ตาม เราต้องพึ่งพาเค้าเป็นอย่างมากในการสอนเคล็ดวิชาปลดปล่อยพลังภายในและพลังจักรวาลให้ได้ เพื่อที่จะบรรลุภารกิจอันสูงส่งที่องค์กรเรามุ่งหวังนั่นเองครับผม
    ส่วนความลับในองค์กรเราในด้านอื่นๆเพิ่มเติมนั้น ผมจะค่อยๆเปิดเผยให้ทุกท่านที่ปรารถนาจะรู้ให้ทราบโดยทั่วกันในโอกาสต่อๆไปนะครับ
    คุณสมบัติของผู้พิทักษ์ ผู้พิทักษ์ในองค์กรลับใต้ดิน ดิ เอลเลเม้นท์ นั้น ใช่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็สามารถที่จะเป็นกันได้ง่ายๆ ซึ่งแม้แต่ตัวผมเองนั้น ถึงจะดูเหมือนว่าจะมีสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะในฐานะหนึ่งในหกเสาหลักผู้พิทักษ์ หรือ ในฐานะผู้ที่ก่อตั้งองค์กรนี้ขึ้นมาก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกันกับคนอื่นๆนะครับ อย่างแรกเลย ผมจะบอกสัดส่วนอัตราในการเป็นผู้พิทักษ์โดยคร่าวๆไว้ว่า คนที่จะมาเป็นผู้นำคนนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นกันได้โดยง่ายๆจริงๆ โดยเฉพาะหกเสาหลักผู้พิทักษ์ ซึ่งจะมีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในองค์กรมากกว่าผู้พิทักษ์สาขามากมายนัก เพราะว่าจะต้องเป็นศูนย์กลางแกนนำและเป็นขวัญกำลังใจให้กับทุกคนในองค์กร โดยมีอัตราการถือกำเนิดการเป็นผู้พิทักษ์ไว้ดังนี้ โดยไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่กระทั่งผู้พิทักษ์สาขาด้วยเช่นเดียวกัน คือ ผู้ที่มีคุณสมบัติของผู้พิทักษ์เสาหลักและสาขานั้น มีจำนวน หนึ่ง ใน หนึ่งล้าน คน หรือ ว่าที่ราชา-ราชินี ผู้ที่เป็นผู้พิทักษ์เสาหลักและสาขานั้น มีจำนวน หนึ่ง ใน หนึ่งพันล้าน คน หรือ ราชา-ราชินีเต็มตัว และผู้ที่เป็นผู้พิทักษ์เสาหลักและสาขาอย่างแท้จริงนั้น มีจำนวน หนึ่ง ใน หนึ่งล้านล้าน คน หรือ ราชา-ราชินีที่แท้จริง ซึ่งการเป็นหรือการเปลี่ยนขั้นดังกล่าวนั้นใช่ว่าจะทำกันได้โดยง่ายนัก แม้กระทั่งตัวผมเองนั้น ก็ยังไม่สามารถเรียกตัวเองได้เต็มปากว่าตนเองนั้นเป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงได้ เนื่องจากสาเหตุหลักหลายประการดังนี้ คือ ได้รับการรับเลือกว่าให้เป็นผู้พิทักษ์โดยคนในองค์กรชักชวน สามารถเสดงพลังหรือความสามารถพิเศษได้จริง(ปลดปล่อยพลังภายใน) สามารถใช้พลังความสามารถพิเศษนั้นได้จริงในทุกสถานการณ์(ปลดปล่อยพลังจักรวาล) ซึ่งหลายประการข้างต้นนั้นทำให้ผมไม่สามารถเป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงได้นั่นเอง โดยที่ตอนนี้นั้น ก่อนที่จะประกาศตนเองหรือการประกาศศักดิ์ศรีขององค์กรเรานั้น จะต้องตามหาผู้พิทักษ์เสาหลักคนที่เจ็ดให้ได้ก่อนนั่นเอง ซึ่งผู้พิทักษ์เสาหลักคนที่เจ็ดนั้นเราเรียกเค้าว่า ท่านอาจารย์ หรือชื่อเต็มคือ ราชันผู้พิทักษ์แห่งการรู้แจ้งและว่างเปล่า ไม่ว่าเค้าจะเป็นใครก็ตาม เราต้องพึ่งพาเค้าเป็นอย่างมากในการสอนเคล็ดวิชาปลดปล่อยพลังภายในและพลังจักรวาลให้ได้ เพื่อที่จะบรรลุภารกิจอันสูงส่งที่องค์กรเรามุ่งหวังนั่นเองครับผม ส่วนความลับในองค์กรเราในด้านอื่นๆเพิ่มเติมนั้น ผมจะค่อยๆเปิดเผยให้ทุกท่านที่ปรารถนาจะรู้ให้ทราบโดยทั่วกันในโอกาสต่อๆไปนะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจุด "ยุคทองใหม่ ในสหรัฐฯ เริ่มขึ้นแล้ว" หลังเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัย 2 ในวันจันทร์ (20 ม.ค.) แต่โฟกัสเกือบทั้งหมดจับตาไปที่คำกล่าวสุนทรพจน์อันเข้มข้นของเขา ที่อวดอ้างจะใช้นโยบายแข็งกร้าวต่างๆ ในการกอบกู้สิ่งที่เขาเรียกว่า "การเสื่อมถอยของสังคมอเมริกา"
    .
    ในคำกล่าวสุนทรพจน์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ยังได้กล่าวโจมตีพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย และวัฒนธรรมสงคราม "ยุคทองของอเมริกาได้เริ่มขึ้นแล้วในเวลานี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ประเทศของเราจะมีแต่ความรุ่งเรืองและได้รับความเคารพจากทั่วโลกอีกครั้ง "ทรัมป์ กล่าวในอาคารรัฐสภา บริเวณที่พิธีสาบานตนของเขาถูกจัดขึ้นในร่มเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ สืบเนื่องจากอากาศหนาวจัด
    .
    ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้ยังพาดพิงถึงกรณีที่กระสุนของมือสังหารที่เฉียดเข้าไป ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ที่เขาได้รับชัยชนะ ว่า "ผมได้รับการปกป้องจากพระเจ้า ให้ทำอเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง"
    .
    นอกจากเน้นย้ำคำสัญญาต่างๆ แล้ว ทรัมป์ได้ประณามอย่างดุเดือดต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า "การทรยศหักหลังอเมริกา โดยสถาบันหัวรุนแรงและคอร์รัปชัน" ภายใต้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง "การเสื่อมถอยของอเมริกาจบลงแล้ว"
    .
    ไบเดน ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงน้ำชาต้อนรับ ทรัมป์ และเมลาเนีย ภรรยา ที่ทำเนียบขาว เฝ้ามองพิธีด้วยใบหน้าเรียบเฉย ระหว่างที่ศัตรูทางการเมืองของเขา กล่าวสุนทรพจน์โจมตียุคสมัยการดำรงตำแหน่งสมัยเดียวของเขา
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังวางกรอบนโยบายต่างประเทศ บอกว่าเขาต้องการเป็นผู้สร้างสันติภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่จากนั้นกลับบอกว่าสหรัฐฯ จะทวงคืนคลองปานามา และเตือนว่าจะใช้สงครามการค้าโดยอิสระเสรี พร้อมประกาศปักธงชาติอเมริกา บนดาวอังคาร
    .
    มหาเศรษฐีวัย 78 ปีรายนี้ ซึ่งกลายมาเป็นบุคคลมีอายุมากที่สุดที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เตรียมเริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่งสมัยล่าสุด ด้วยการเซ็นคำสั่งพิเศษต่างๆ "ผมจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ ณ ชายแดนทางใต้ของเรา" ติดกับเม็กซิโก ทรัมป์กล่าวท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหวในห้องประชุม Rotunda พร้อมประกาศขับไล่พวกผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้านคน
    .
    ทรัมป์ บอกว่ารัฐบาลของเขาจะยอมรับเพียง "2 เพศ เพศชายและเพศหญิง" ยุติแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันที่มองทางเลือกแก่เพศที่ 3 ในทางออกบางอย่าง ขณะเดียวกัน เขาจะถอนวอชิงตันออกจากข้อตกลงโลกร้อนปารีส ที่มีเป้าหมายหยุดภาวะโลกร้อน
    .
    ในขณะที่ ทรัมป์ เป็นเพียงคนวงนอกทางการเมืองครั้งที่สาบานตนรับตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017 ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ แต่คราวนี้เขาถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคนมั่งมีและเหล่าคนทรงอิทธิพลของอเมริกา
    .
    อีลอน มัสก์ ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก บอสของเมตา เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน และซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของกูเกิล ทั้งหมดล้วนแต่ได้นั่งในเก้าอี้แถวหน้าในอาคารรัฐสภา เคียงข้างครอบครัวของทรัมป์และเหล่าคณะรัฐมนตรี ในขณะที่ มัสก์ จะเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนลดค่าใช้จ่ายในรัฐบาลใหม่
    .
    อดีตประธานาธิบดีอย่าง บารัค โอบามา จอร์จ ดับเบิลยู.บุช และ บิล คลินตัน ต่างเข้าร่วมพิธีพร้อมกับภริยา ยกเว้น มิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลย 1 ที่ไม่ได้เข้าร่วม
    .
    กลุ่มกองเชียร์เฝ้ามองพิธีสาบานตน ผ่านโทรศัพท์มือถือด้านนอกของอาคารัฐสภา จากปกติแล้วจะมีผู้คนหลายหมื่นคนเข้ามาร่วมพิธีทอดยาวไปจนถึงอุทยานเนชั่นแนล มอลล์
    .
    หลังจาก ทรัมป์ เคยไม่ยอมเข้าร่วมพิธีสาบานตนของ ไบเดน ในปี 2021 อ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง จนกระทั่งปลุกปั่นให้พวกผู้สนับสนุนบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา แต่คราวนี้ ไบเดน เลือกที่จะกลับคืนสู่บรรยากาศดั้งเดิม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน" ไบเดน บอกกับ ทรัมป์ ตอนที่เขาเดินทางมายังทำเนียบขาว เพื่อดื่มชา
    .
    ในช่วงท้ายๆ ก่อนอำลาตำแหน่งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ไบเดน ได้เซ็นคำสั่งนิรโทษกรรมล่วงหน้าเป็นชุดๆ ให้แก่พวกลูกน้องและคู่สมรสของพวกเขา เพื่อปกป้องคนเหลานี้จากการถูกสืบสวนที่มีแรงจูงใจทางการเมือง
    .
    นอกจากนี้แล้ว เขายังนิรโทษกรรมให้แก่ แอนโทนี เฟาซี อดีตที่ปรึกษาโควิด-19 มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ และสมาชิกคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเหตุจลาจลโมตีอาคารรัฐสภา 6 มกราคม 2021 โดยฝีมือของพวกผู้สนับสนุนทรัมป์
    .
    ทรัมป์ โจมตีในเรื่องดังกล่าวไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่ง กล่าวอ้างว่า ไบเดน นิรโทษกรรมให้บุคคล "ที่มีความผิดในคดีอาญาที่ร้ายแรงมาก"
    .
    มหาเศรษฐีรายนี้กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่สามารถกลับมาครองอำนาจได้อีกสมัย หลังจากตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสมัยก่อนหน้านั้น โดยคนแรกได้แก่ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในปี 1893
    .
    สำหรับทั่วทั้งโลกแล้ว การกลับคืนสู่ตำแหน่งของ ทรัมป์ นั่นหมายความว่า พวกเขาคาดหมายได้เลยว่า ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
    .
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ก่อนสาบานตน และบอกในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ว่าเขาเปิดกว้างสำหรับพูดคุยเกี่ยวกับความขัดแย้งยูเครน ซึ่ง ทรัมป์ ไม่ได้พาดพิงระหว่างกล่าวสุนทรพจน์
    .
    เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ก็แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ เช่นกัน โดยบอกว่า "วันที่ดีที่สุดของความเป็นพันธมิตรระหว่างเรายังมาไม่ถึง" หลังจากก่อนหน้านี้ไม่นาน ทีมงานของทรัมป์ เพิ่งช่วยเป็นคนกลางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ระหว่างอิสราเอลกับฮามาส
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006232
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจุด "ยุคทองใหม่ ในสหรัฐฯ เริ่มขึ้นแล้ว" หลังเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัย 2 ในวันจันทร์ (20 ม.ค.) แต่โฟกัสเกือบทั้งหมดจับตาไปที่คำกล่าวสุนทรพจน์อันเข้มข้นของเขา ที่อวดอ้างจะใช้นโยบายแข็งกร้าวต่างๆ ในการกอบกู้สิ่งที่เขาเรียกว่า "การเสื่อมถอยของสังคมอเมริกา" . ในคำกล่าวสุนทรพจน์ ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ยังได้กล่าวโจมตีพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย และวัฒนธรรมสงคราม "ยุคทองของอเมริกาได้เริ่มขึ้นแล้วในเวลานี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ประเทศของเราจะมีแต่ความรุ่งเรืองและได้รับความเคารพจากทั่วโลกอีกครั้ง "ทรัมป์ กล่าวในอาคารรัฐสภา บริเวณที่พิธีสาบานตนของเขาถูกจัดขึ้นในร่มเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ สืบเนื่องจากอากาศหนาวจัด . ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้ยังพาดพิงถึงกรณีที่กระสุนของมือสังหารที่เฉียดเข้าไป ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ที่เขาได้รับชัยชนะ ว่า "ผมได้รับการปกป้องจากพระเจ้า ให้ทำอเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง" . นอกจากเน้นย้ำคำสัญญาต่างๆ แล้ว ทรัมป์ได้ประณามอย่างดุเดือดต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า "การทรยศหักหลังอเมริกา โดยสถาบันหัวรุนแรงและคอร์รัปชัน" ภายใต้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง "การเสื่อมถอยของอเมริกาจบลงแล้ว" . ไบเดน ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงน้ำชาต้อนรับ ทรัมป์ และเมลาเนีย ภรรยา ที่ทำเนียบขาว เฝ้ามองพิธีด้วยใบหน้าเรียบเฉย ระหว่างที่ศัตรูทางการเมืองของเขา กล่าวสุนทรพจน์โจมตียุคสมัยการดำรงตำแหน่งสมัยเดียวของเขา . นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังวางกรอบนโยบายต่างประเทศ บอกว่าเขาต้องการเป็นผู้สร้างสันติภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่จากนั้นกลับบอกว่าสหรัฐฯ จะทวงคืนคลองปานามา และเตือนว่าจะใช้สงครามการค้าโดยอิสระเสรี พร้อมประกาศปักธงชาติอเมริกา บนดาวอังคาร . มหาเศรษฐีวัย 78 ปีรายนี้ ซึ่งกลายมาเป็นบุคคลมีอายุมากที่สุดที่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เตรียมเริ่มต้นวาระการดำรงตำแหน่งสมัยล่าสุด ด้วยการเซ็นคำสั่งพิเศษต่างๆ "ผมจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ ณ ชายแดนทางใต้ของเรา" ติดกับเม็กซิโก ทรัมป์กล่าวท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหวในห้องประชุม Rotunda พร้อมประกาศขับไล่พวกผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้านคน . ทรัมป์ บอกว่ารัฐบาลของเขาจะยอมรับเพียง "2 เพศ เพศชายและเพศหญิง" ยุติแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันที่มองทางเลือกแก่เพศที่ 3 ในทางออกบางอย่าง ขณะเดียวกัน เขาจะถอนวอชิงตันออกจากข้อตกลงโลกร้อนปารีส ที่มีเป้าหมายหยุดภาวะโลกร้อน . ในขณะที่ ทรัมป์ เป็นเพียงคนวงนอกทางการเมืองครั้งที่สาบานตนรับตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017 ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ แต่คราวนี้เขาถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคนมั่งมีและเหล่าคนทรงอิทธิพลของอเมริกา . อีลอน มัสก์ ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก บอสของเมตา เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน และซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของกูเกิล ทั้งหมดล้วนแต่ได้นั่งในเก้าอี้แถวหน้าในอาคารรัฐสภา เคียงข้างครอบครัวของทรัมป์และเหล่าคณะรัฐมนตรี ในขณะที่ มัสก์ จะเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนลดค่าใช้จ่ายในรัฐบาลใหม่ . อดีตประธานาธิบดีอย่าง บารัค โอบามา จอร์จ ดับเบิลยู.บุช และ บิล คลินตัน ต่างเข้าร่วมพิธีพร้อมกับภริยา ยกเว้น มิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลย 1 ที่ไม่ได้เข้าร่วม . กลุ่มกองเชียร์เฝ้ามองพิธีสาบานตน ผ่านโทรศัพท์มือถือด้านนอกของอาคารัฐสภา จากปกติแล้วจะมีผู้คนหลายหมื่นคนเข้ามาร่วมพิธีทอดยาวไปจนถึงอุทยานเนชั่นแนล มอลล์ . หลังจาก ทรัมป์ เคยไม่ยอมเข้าร่วมพิธีสาบานตนของ ไบเดน ในปี 2021 อ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง จนกระทั่งปลุกปั่นให้พวกผู้สนับสนุนบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา แต่คราวนี้ ไบเดน เลือกที่จะกลับคืนสู่บรรยากาศดั้งเดิม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน" ไบเดน บอกกับ ทรัมป์ ตอนที่เขาเดินทางมายังทำเนียบขาว เพื่อดื่มชา . ในช่วงท้ายๆ ก่อนอำลาตำแหน่งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ไบเดน ได้เซ็นคำสั่งนิรโทษกรรมล่วงหน้าเป็นชุดๆ ให้แก่พวกลูกน้องและคู่สมรสของพวกเขา เพื่อปกป้องคนเหลานี้จากการถูกสืบสวนที่มีแรงจูงใจทางการเมือง . นอกจากนี้แล้ว เขายังนิรโทษกรรมให้แก่ แอนโทนี เฟาซี อดีตที่ปรึกษาโควิด-19 มาร์ค มิลลีย์ นายพลปลดเกษียณ และสมาชิกคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเหตุจลาจลโมตีอาคารรัฐสภา 6 มกราคม 2021 โดยฝีมือของพวกผู้สนับสนุนทรัมป์ . ทรัมป์ โจมตีในเรื่องดังกล่าวไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่ง กล่าวอ้างว่า ไบเดน นิรโทษกรรมให้บุคคล "ที่มีความผิดในคดีอาญาที่ร้ายแรงมาก" . มหาเศรษฐีรายนี้กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่สามารถกลับมาครองอำนาจได้อีกสมัย หลังจากตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสมัยก่อนหน้านั้น โดยคนแรกได้แก่ โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในปี 1893 . สำหรับทั่วทั้งโลกแล้ว การกลับคืนสู่ตำแหน่งของ ทรัมป์ นั่นหมายความว่า พวกเขาคาดหมายได้เลยว่า ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ . ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ก่อนสาบานตน และบอกในวันจันทร์ (20 ม.ค.) ว่าเขาเปิดกว้างสำหรับพูดคุยเกี่ยวกับความขัดแย้งยูเครน ซึ่ง ทรัมป์ ไม่ได้พาดพิงระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ . เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ก็แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ เช่นกัน โดยบอกว่า "วันที่ดีที่สุดของความเป็นพันธมิตรระหว่างเรายังมาไม่ถึง" หลังจากก่อนหน้านี้ไม่นาน ทีมงานของทรัมป์ เพิ่งช่วยเป็นคนกลางบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ระหว่างอิสราเอลกับฮามาส . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006232 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1108 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมาชิกระดับสูงของรีพับลิกันในสภาคองเกรส กำลังพิจารณากำหนดเงื่อนไขต่างๆสำหรับงบช่วยเหลือด้านภัยพิบัติ ที่จะมอบแก่ชุมชนต่างๆของลอสแองเจลิสที่ถูกทำลายล้างจากไฟป่าหายนะ หลังว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาพวกเจ้าหน้าที่ระดับรัฐและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น บริหารจัดการสถานการณ์ผิดพลาด
    .
    ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(13ม.ค.) ตำหนิพวกเจ้าหน้าระดับแกนนำในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่นำโดยเดโมแครต บริหารจัดการทรัพยากรน้ำและผืนป่าผิดพลาดในพื้นที่ลองแองเจลิส ก่อนเกิดไฟไหม้ในเวลาไล่เลี่ยกัน 6 จุด โหมกระพือทำลายล้าวทั่วเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของสหรัฐฯ คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 24 ราย
    .
    "สำหรับเราแล้ว มันดูเหมือนว่าพวกผู้นำในระดับรัฐและท้องถิ่น จะละทิ้งหน้าที่ในหลายๆเรื่อง ดังนั้นจึงมีบางอย่างจำเป็นต้องนับรวมเข้าไป" จอห์นสัน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่อาคารรัฐสภา "บางทีอาจต้องมีเงื่อนไขต่างๆสำหรับความช่วยเหลือ นั่นคือมุมมองส่วนตัวของผม เราจะได้เห็นกันว่าฉันทามติจะออกมาแบบไหน"
    .
    จอห์นสัน บอกต่อว่าสมาชิกรีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฏรยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับความช่วยเหลือภัยพิบัติที่จะมอบแก่ภาคส่วนต่างๆของแคลิฟอร์เนียที่ทุกข์ทรมานจากไฟป่า และบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรมีกำหนดประชุมลับกันในช่วงเช้าวันอังคาร(14ม.ค.)
    .
    ด้วยที่ ทรัมป์ มีกำหนดเข้ารับตำแหน่งในช่วงต้นสัปดาห์หน้า และรีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภา มันจึงเปิดทางให้พรรครีพับลิกันสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่ ในนั้นรวมถึงทั้งรูปแบบและปริมาณความช่วยเหลือบรรเทาภัยหายนะ
    .
    ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โวยวายใส่พวกผู้นำเดโมแครตทั้งในแคลิฟอร์เนียและลอสแองเจลิส ว่าเป็นพวกหัวหลักหัวตอที่ไร้ความสามารถ โดยเขาโพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับไฟป่า อ้างว่าพวกผู้นำเดโมแครตในแคลิฟอร์เนียและลอสแองเจลิส "ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะดับไฟอย่างไร"
    .
    จอห์น บาร์รัสโซ แกนนำหมายเลข 2 ของรีพับลิกันในวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กับรายงาน "เฟซออฟเนชัน" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสเมื่อวันอาทิตย์(12ม.ค.) คาดหมายว่า "จะมีเงื่อนไขต่างๆที่แนบไปกับเงินช่วยเหลือ ที่ท้ายที่สุดแล้วจะได้รับการอนุมัติ และมันจำเป็นต้องทำพร้อมๆกับเตรียมพร้อมสำหรับคราวต่อไป เพราะว่าในครั้งนี้ มันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง"
    .
    จอห์นสัน กล่าวว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากรีพับลิกัน กำลังหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะผูกโยงเงินช่วยเหลือแคลิฟอร์เนีย เข้ากับความพยายามเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ จากระดับปัจจุบัน 36 ล้านล้านดอลลาร์
    .
    หนึ่งในอุปสรรคขัดขวางงบประมาณบรรเทาภัยหายนะในสภาคองเกรส ก็คือกลุ่มก้อนพวกอนุรักษ์นิยมหัวแข็งกร้าวที่หาทางกัดเซาะการใช้จ่ายใหม่ๆใดๆ
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมาก และวุฒิสภาที่นำโดยเดโมแครต อนุมัติวงเงิน 100,000 ล้านดอลาร์ ในงบประมาณฉุกเฉินรอบใหม่ สำหรับช่วยฟื้นฟูรัฐต่างๆในนั้นรวมถึงนอร์ทแคโรไลนาแลฟลอริดา ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติเฮอร์ริเคน
    .
    แม้ผู้รับความช่วยเหลือจำนวนมากพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ของรีพับลิกัน แต่สมาชิกบางส่วนของพรรคในทั้ง 2 สภา ได้พยายามจำกัดงบประมาณความช่วยเหลือ ให้เหลือเพียงแค่ 40,000 ล้านดอลลาร์ ทว่าไม่ประสบความสำเร็จ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003919
    ..............
    Sondhi X
    สมาชิกระดับสูงของรีพับลิกันในสภาคองเกรส กำลังพิจารณากำหนดเงื่อนไขต่างๆสำหรับงบช่วยเหลือด้านภัยพิบัติ ที่จะมอบแก่ชุมชนต่างๆของลอสแองเจลิสที่ถูกทำลายล้างจากไฟป่าหายนะ หลังว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาพวกเจ้าหน้าที่ระดับรัฐและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น บริหารจัดการสถานการณ์ผิดพลาด . ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(13ม.ค.) ตำหนิพวกเจ้าหน้าระดับแกนนำในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่นำโดยเดโมแครต บริหารจัดการทรัพยากรน้ำและผืนป่าผิดพลาดในพื้นที่ลองแองเจลิส ก่อนเกิดไฟไหม้ในเวลาไล่เลี่ยกัน 6 จุด โหมกระพือทำลายล้าวทั่วเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของสหรัฐฯ คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 24 ราย . "สำหรับเราแล้ว มันดูเหมือนว่าพวกผู้นำในระดับรัฐและท้องถิ่น จะละทิ้งหน้าที่ในหลายๆเรื่อง ดังนั้นจึงมีบางอย่างจำเป็นต้องนับรวมเข้าไป" จอห์นสัน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่อาคารรัฐสภา "บางทีอาจต้องมีเงื่อนไขต่างๆสำหรับความช่วยเหลือ นั่นคือมุมมองส่วนตัวของผม เราจะได้เห็นกันว่าฉันทามติจะออกมาแบบไหน" . จอห์นสัน บอกต่อว่าสมาชิกรีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฏรยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับความช่วยเหลือภัยพิบัติที่จะมอบแก่ภาคส่วนต่างๆของแคลิฟอร์เนียที่ทุกข์ทรมานจากไฟป่า และบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรมีกำหนดประชุมลับกันในช่วงเช้าวันอังคาร(14ม.ค.) . ด้วยที่ ทรัมป์ มีกำหนดเข้ารับตำแหน่งในช่วงต้นสัปดาห์หน้า และรีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภา มันจึงเปิดทางให้พรรครีพับลิกันสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่ ในนั้นรวมถึงทั้งรูปแบบและปริมาณความช่วยเหลือบรรเทาภัยหายนะ . ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โวยวายใส่พวกผู้นำเดโมแครตทั้งในแคลิฟอร์เนียและลอสแองเจลิส ว่าเป็นพวกหัวหลักหัวตอที่ไร้ความสามารถ โดยเขาโพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับไฟป่า อ้างว่าพวกผู้นำเดโมแครตในแคลิฟอร์เนียและลอสแองเจลิส "ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะดับไฟอย่างไร" . จอห์น บาร์รัสโซ แกนนำหมายเลข 2 ของรีพับลิกันในวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กับรายงาน "เฟซออฟเนชัน" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสเมื่อวันอาทิตย์(12ม.ค.) คาดหมายว่า "จะมีเงื่อนไขต่างๆที่แนบไปกับเงินช่วยเหลือ ที่ท้ายที่สุดแล้วจะได้รับการอนุมัติ และมันจำเป็นต้องทำพร้อมๆกับเตรียมพร้อมสำหรับคราวต่อไป เพราะว่าในครั้งนี้ มันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง" . จอห์นสัน กล่าวว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากรีพับลิกัน กำลังหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะผูกโยงเงินช่วยเหลือแคลิฟอร์เนีย เข้ากับความพยายามเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ จากระดับปัจจุบัน 36 ล้านล้านดอลลาร์ . หนึ่งในอุปสรรคขัดขวางงบประมาณบรรเทาภัยหายนะในสภาคองเกรส ก็คือกลุ่มก้อนพวกอนุรักษ์นิยมหัวแข็งกร้าวที่หาทางกัดเซาะการใช้จ่ายใหม่ๆใดๆ . เมื่อเดือนที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมาก และวุฒิสภาที่นำโดยเดโมแครต อนุมัติวงเงิน 100,000 ล้านดอลาร์ ในงบประมาณฉุกเฉินรอบใหม่ สำหรับช่วยฟื้นฟูรัฐต่างๆในนั้นรวมถึงนอร์ทแคโรไลนาแลฟลอริดา ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติเฮอร์ริเคน . แม้ผู้รับความช่วยเหลือจำนวนมากพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ของรีพับลิกัน แต่สมาชิกบางส่วนของพรรคในทั้ง 2 สภา ได้พยายามจำกัดงบประมาณความช่วยเหลือ ให้เหลือเพียงแค่ 40,000 ล้านดอลลาร์ ทว่าไม่ประสบความสำเร็จ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003919 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1600 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11ม.ค.2568 เมื่อเวลา 19.00 น.ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กทม. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยถึงทิศทางการจัดกิจกรรม “ปีเช็คบิลป่วยทิพย์ชั้น 14 แพทยสภาถึงเวลารักษาความยุติธรรม หยุด-ระบอบชินวัตร หยุด-เอ็มโอยู 44 หยุด-บ่อนคาสิโน” ว่า จากที่เราประกาศชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ม.ค.67 ซึ่งเป็นวันเด็ก จนถึงวันนี้เราชุมนุมครอบรอบ 1 ปีพอดี การต่อสู้กับระบอบชินวัตรที่ผ่านมาของพวกเรา เห็นผลได้ชัดเจนจากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รวมถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติในการมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดแบงค์ชาติ) ผ่านมาจนปีนี้มีเรื่องที่เราต้องติดตาม ตนอยากชวนให้ทุกคนเตรียมรองเท้าผ้าใบให้พร้อม ปีนี้เราจะเช็คบิลเทวดาชั้น 14 เพื่อสร้างระบบนิติรัฐ
    นิติธรรม

    นายพิชิต กล่าวต่อว่า เรามี 2 ข้อเรียกร้อง คือ 1.ขอให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม แสดงความรับผิดชอบกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ที่ไปช่วยทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยการลาออก 2.เรียกร้องให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ลาออก จากกรณีเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ เป็นประธานบอร์แบงค์ชาติ จนไม่ผ่านคุณสมบัติ ขณะที่ 5 เรื่องที่ต้องคัดค้าน คือ 1.ยกเลิก MOU44 2.คัดค้านบ่อนคาสิโน 3.คัดค้านพนันออนไลน์ 4.เช่าที่ 99 ปี ที่เป็นการขายชาติ และ 5.คัดค้านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ทำให้ประเทศเสียหาย

    ส่วน 2 เรื่องที่ต้องให้กำลังใจ คือ 1.ให้กำลังใจป.ป.ช. เดินหน้าเอานักโทษมาติดคุกให้ได้ และ 2.ให้กำลังใจแพทยสภาในการเรียกเวชระเบียนมาตรวจสอบเพื่อผดุงจรรยาบรรณทางการแพทย์ แพทยสภาต้องฉีดยาความจริงให้ประเทศ อย่าไปเอื้อแพทย์ด้วยกันที่ทำผิด ทั้งนี้ ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เวลา 10.30 น. ขอให้ทุกคนใส่รองเท้าผ้าใบ เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เพื่อทวงถามเวชระเบียนจากโรงพยาบาลตำรวจ และวันที่ 15 ม.ค. จะเดินทางไปที่แพทยสภา ที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจในการทวงถามเอกสารสำคัญเพื่อยืนยันอาการป่วยของนายทักษิณ แต่ถ้าในวันดังกล่าวแพทยสภาบอกว่ายังไม่ได้รับเอกสารใดๆ เราก็จะพร้อมใส่รองเท้าผ้าใบมาทวงถามที่ทำเนียบรัฐบาล

    นายพิชิต กล่าวว่า และอีก 1 เรื่องต้องจับตาที่จะเป็นชนวนในการเช็คบิลนายทักษิณ คือการที่นายทักษิณประกาศพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาว กลับบ้านในเดือนเม.ย.นี้ ถ้ากลับมาแล้วเป็นนักโทษนางฟ้าเหมือนพี่ชาย เราก็เตรียมออกมาไล่รัฐบาลของน.ส.แพทองธารได้ทันที อย่างไรก็ตาม เรามีสิ่งต้องตามทวงถาม โดยเฉพาะกรณีชั้น 14 นอกเหนือจากการทำลายกระบวนการยุติธรรมแล้ว ยังทำลายประเทศเราด้วย ด้วยการที่มีบุคคลหนึ่งทำลายเสาหลักของระบบนิติรัฐ นิติธรรม นอกจากที่แพทยสภาแล้ว ผบ.ตร.ต้องสั่งการให้ส่งเวชระเบียนนายทักษิณไปที่ป.ป.ช.ที่มีการเรียกขอมาก่อนหน้านี้ด้วย เพราะตามหลักการแล้วหลักฐานอยู่ในมือตำรวจก็ต้องมาแสดง แต่ถ้ากลับทำลายหลักฐานเสียเอง หรือยับนิ่งเฉย ผบ.ตร.ก็ต้องลาออกด้วย

    นายพิชิต กล่าวต่อว่า นายทักษิณ ใช้อำนาจเหนือรัฐ เป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ไปประกาศว่า จะนำกำลังไปบุกประเทศเพื่อนบ้าน ประกาศทุบค่าไฟ ใช้อำนาจอะไรสั่งการ วันนี้ประเทศไทยมีอำนาจซ้อนอำนาจ มีอำนาจเหนือรัฐ นายทักษิณใช้อำนาจเต็มที่ กลายเป็นรัฐบาลไม่กล้าใช้อำนาจรัฐ ขณะเดียวกันวันนี้เป็นวันเด็ก มีเด็กๆไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีถ่ายรูปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ตนบอกว่าเรามีเด็กนั่งเป็นนายกฯมานานหลายเดือนแล้ว อย่าว่าแต่เด็กไปนั่งเก้าอี้นายกฯเลย ทุกวันนี้นายกฯยังเป็นนั่งอยู่ในเก้าอี้อยู่เลย นายกฯไม่มีผลงานอะไรเด่นเลยสักเรื่อง มีเด่นอยู่อย่างเดียว คือแต่งตัวให้ถูกเขาด่าได้ทุกวันทั้งประเทศ

    นายพิชิต กล่าวด้วยว่า ที่นายทักษิณ บอกว่าเป็นโรคเอ็นเปื่อย ทางการแพทย์ไม่มีระบุ มันมีที่ไหน มันไม่ใช่ลูกชิ้นเนื้อเปื่อย คนเป็นโรคเอ็นเปื่อยจะไปตีกอล์ฟออกแรงสวิงได้อย่างไร คนป่วยติดเตียง 180 วันออกมามันจะแข็งแรงได้อย่างไร และที่นายทักษิณ บอกว่ายังไงก็เอาเขากลับเข้าเรือนจำไม่ได้ เมื่อความจริงปรากฎ แนวร่วมเริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดกองกฐินที่มาเรื่อยๆจะมาไหลรวมกันที่ทำเนียบรัฐบาล มันหนีไม่ออก น.ส.แพทองธาร ก็ต้องรับผิดชอบทางการเมืองด้วยเช่นกัน

    “ที่นายทักษิณบอกว่าให้นำพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน แล้วจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส บอกว่าสามารถทำได้ ทักษิณพูดรัฐมนตรีทำแบบนี้ไม่เรียกสั่งการครอบงำได้อย่างไร คนเห็นทั้งประเทศ ที่มองไม่เห็นอยู่ 5 คนคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. วันนี้กกต.เริ่มพูด การหาเสียงท้องถิ่นหากไปพูดนโยบายรัฐ สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย เข้าข่ายการซื้อเสียงผ่านนโยบายรัฐหรือไม่ เราก็ไปยื่นให้กกต.ตรวจสอบแล้ว ตามสิทธิ์ของประชาชนที่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ พอเข้าไปตรวจสอบ ก็หาว่าก่อความวุ่นวาย ตกลงจะให้เราจะนั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้พวกคุณโกงกันหรือไง พอเข้าไปตรวจสอบตามระบบ ก็บอกว่าจะฟ้องกลับ ผมก็ยินดี คดีผมเยอะแล้ว เพิ่มอีกคดีไม่เห็นเป็นอะไร“ แกนนำคปท. กล่าว

    ที่มา : แนวหน้า
    https://www.naewna.com/politic/852717?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR19m8JG0ju8L-nNUgU4KBHxiBlnVnUyNAETuDlRU-38FCSvoWDScdrkQ5A_aem_xZPNNwpQAvULZKuNZxIqKQ#nwrsmlxrnogt5ygxo7xkpqorilo2jdzh
    11ม.ค.2568 เมื่อเวลา 19.00 น.ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กทม. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ(คปท.) ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยถึงทิศทางการจัดกิจกรรม “ปีเช็คบิลป่วยทิพย์ชั้น 14 แพทยสภาถึงเวลารักษาความยุติธรรม หยุด-ระบอบชินวัตร หยุด-เอ็มโอยู 44 หยุด-บ่อนคาสิโน” ว่า จากที่เราประกาศชุมนุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ม.ค.67 ซึ่งเป็นวันเด็ก จนถึงวันนี้เราชุมนุมครอบรอบ 1 ปีพอดี การต่อสู้กับระบอบชินวัตรที่ผ่านมาของพวกเรา เห็นผลได้ชัดเจนจากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน รวมถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติในการมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดแบงค์ชาติ) ผ่านมาจนปีนี้มีเรื่องที่เราต้องติดตาม ตนอยากชวนให้ทุกคนเตรียมรองเท้าผ้าใบให้พร้อม ปีนี้เราจะเช็คบิลเทวดาชั้น 14 เพื่อสร้างระบบนิติรัฐ นิติธรรม นายพิชิต กล่าวต่อว่า เรามี 2 ข้อเรียกร้อง คือ 1.ขอให้พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม แสดงความรับผิดชอบกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ที่ไปช่วยทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยการลาออก 2.เรียกร้องให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ลาออก จากกรณีเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ เป็นประธานบอร์แบงค์ชาติ จนไม่ผ่านคุณสมบัติ ขณะที่ 5 เรื่องที่ต้องคัดค้าน คือ 1.ยกเลิก MOU44 2.คัดค้านบ่อนคาสิโน 3.คัดค้านพนันออนไลน์ 4.เช่าที่ 99 ปี ที่เป็นการขายชาติ และ 5.คัดค้านการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ทำให้ประเทศเสียหาย ส่วน 2 เรื่องที่ต้องให้กำลังใจ คือ 1.ให้กำลังใจป.ป.ช. เดินหน้าเอานักโทษมาติดคุกให้ได้ และ 2.ให้กำลังใจแพทยสภาในการเรียกเวชระเบียนมาตรวจสอบเพื่อผดุงจรรยาบรรณทางการแพทย์ แพทยสภาต้องฉีดยาความจริงให้ประเทศ อย่าไปเอื้อแพทย์ด้วยกันที่ทำผิด ทั้งนี้ ในวันที่ 13 ม.ค.นี้ เวลา 10.30 น. ขอให้ทุกคนใส่รองเท้าผ้าใบ เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เพื่อทวงถามเวชระเบียนจากโรงพยาบาลตำรวจ และวันที่ 15 ม.ค. จะเดินทางไปที่แพทยสภา ที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจในการทวงถามเอกสารสำคัญเพื่อยืนยันอาการป่วยของนายทักษิณ แต่ถ้าในวันดังกล่าวแพทยสภาบอกว่ายังไม่ได้รับเอกสารใดๆ เราก็จะพร้อมใส่รองเท้าผ้าใบมาทวงถามที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต กล่าวว่า และอีก 1 เรื่องต้องจับตาที่จะเป็นชนวนในการเช็คบิลนายทักษิณ คือการที่นายทักษิณประกาศพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาว กลับบ้านในเดือนเม.ย.นี้ ถ้ากลับมาแล้วเป็นนักโทษนางฟ้าเหมือนพี่ชาย เราก็เตรียมออกมาไล่รัฐบาลของน.ส.แพทองธารได้ทันที อย่างไรก็ตาม เรามีสิ่งต้องตามทวงถาม โดยเฉพาะกรณีชั้น 14 นอกเหนือจากการทำลายกระบวนการยุติธรรมแล้ว ยังทำลายประเทศเราด้วย ด้วยการที่มีบุคคลหนึ่งทำลายเสาหลักของระบบนิติรัฐ นิติธรรม นอกจากที่แพทยสภาแล้ว ผบ.ตร.ต้องสั่งการให้ส่งเวชระเบียนนายทักษิณไปที่ป.ป.ช.ที่มีการเรียกขอมาก่อนหน้านี้ด้วย เพราะตามหลักการแล้วหลักฐานอยู่ในมือตำรวจก็ต้องมาแสดง แต่ถ้ากลับทำลายหลักฐานเสียเอง หรือยับนิ่งเฉย ผบ.ตร.ก็ต้องลาออกด้วย นายพิชิต กล่าวต่อว่า นายทักษิณ ใช้อำนาจเหนือรัฐ เป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ไปประกาศว่า จะนำกำลังไปบุกประเทศเพื่อนบ้าน ประกาศทุบค่าไฟ ใช้อำนาจอะไรสั่งการ วันนี้ประเทศไทยมีอำนาจซ้อนอำนาจ มีอำนาจเหนือรัฐ นายทักษิณใช้อำนาจเต็มที่ กลายเป็นรัฐบาลไม่กล้าใช้อำนาจรัฐ ขณะเดียวกันวันนี้เป็นวันเด็ก มีเด็กๆไปนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีถ่ายรูปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ตนบอกว่าเรามีเด็กนั่งเป็นนายกฯมานานหลายเดือนแล้ว อย่าว่าแต่เด็กไปนั่งเก้าอี้นายกฯเลย ทุกวันนี้นายกฯยังเป็นนั่งอยู่ในเก้าอี้อยู่เลย นายกฯไม่มีผลงานอะไรเด่นเลยสักเรื่อง มีเด่นอยู่อย่างเดียว คือแต่งตัวให้ถูกเขาด่าได้ทุกวันทั้งประเทศ นายพิชิต กล่าวด้วยว่า ที่นายทักษิณ บอกว่าเป็นโรคเอ็นเปื่อย ทางการแพทย์ไม่มีระบุ มันมีที่ไหน มันไม่ใช่ลูกชิ้นเนื้อเปื่อย คนเป็นโรคเอ็นเปื่อยจะไปตีกอล์ฟออกแรงสวิงได้อย่างไร คนป่วยติดเตียง 180 วันออกมามันจะแข็งแรงได้อย่างไร และที่นายทักษิณ บอกว่ายังไงก็เอาเขากลับเข้าเรือนจำไม่ได้ เมื่อความจริงปรากฎ แนวร่วมเริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดกองกฐินที่มาเรื่อยๆจะมาไหลรวมกันที่ทำเนียบรัฐบาล มันหนีไม่ออก น.ส.แพทองธาร ก็ต้องรับผิดชอบทางการเมืองด้วยเช่นกัน “ที่นายทักษิณบอกว่าให้นำพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดิน แล้วจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส บอกว่าสามารถทำได้ ทักษิณพูดรัฐมนตรีทำแบบนี้ไม่เรียกสั่งการครอบงำได้อย่างไร คนเห็นทั้งประเทศ ที่มองไม่เห็นอยู่ 5 คนคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. วันนี้กกต.เริ่มพูด การหาเสียงท้องถิ่นหากไปพูดนโยบายรัฐ สุ่มเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย เข้าข่ายการซื้อเสียงผ่านนโยบายรัฐหรือไม่ เราก็ไปยื่นให้กกต.ตรวจสอบแล้ว ตามสิทธิ์ของประชาชนที่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ พอเข้าไปตรวจสอบ ก็หาว่าก่อความวุ่นวาย ตกลงจะให้เราจะนั่งอยู่เฉยๆ ปล่อยให้พวกคุณโกงกันหรือไง พอเข้าไปตรวจสอบตามระบบ ก็บอกว่าจะฟ้องกลับ ผมก็ยินดี คดีผมเยอะแล้ว เพิ่มอีกคดีไม่เห็นเป็นอะไร“ แกนนำคปท. กล่าว ที่มา : แนวหน้า https://www.naewna.com/politic/852717?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR19m8JG0ju8L-nNUgU4KBHxiBlnVnUyNAETuDlRU-38FCSvoWDScdrkQ5A_aem_xZPNNwpQAvULZKuNZxIqKQ#nwrsmlxrnogt5ygxo7xkpqorilo2jdzh
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1178 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร
    On 2025-01-10
    สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568

    และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง

    ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว

    แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว

    ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี

    สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่

    1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ

    2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด

    แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน

    สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี

    ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

    อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

    สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ

    ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย

    นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้

    สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา

    ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย

    อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

    (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้)

    ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร On 2025-01-10 สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568 และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ 1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ 2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้ สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้) ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 827 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่สอบสวนจากสำนักงานปราบปรามการทุจริตของเกาหลีใต้เตรียมขอขยายเวลาหมายจับ รวมทั้งขอให้ตำรวจเข้าจับกุมยุน ซอก-ยอล หลังจากประธานาธิบดีที่กำลังถูกสอบสวนเพื่อถอดถอนผู้นี้ขัดขวางการเข้าควบคุมตัวจากกรณีการประกาศกฎอัยการศึกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์
    .
    ยุน อดีตอัยการดาวเด่น ปฏิเสธการไปให้ปากคำและกบดานอยู่ในที่พักประธานาธิบดีท่ามกลางการอารักขาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนับร้อย
    .
    ลี แจ-ซอง รองผู้อำนวยการสำนักงานปราบปรามการทุจริต (ซีไอโอ) เผยว่า กำลังเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลให้ขยายหมายจับที่กำลังจะหมดอายุเที่ยงคืนวันจันทร์ (6 ม.ค.) รวมทั้งขอให้ตำรวจเข้าดำเนินการจับกุมยุนแทน ขณะที่ทีมกฎหมายของยุนแย้งว่า ซีไอโอไม่มีอำนาจในการจับกุมประธานาธิบดี
    .
    สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ต้องล้มเลิกความพยายามเข้าจับกุมยุนด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หลังเผชิญหน้ากับหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีนับร้อยคนนานนับชั่วโมง
    .
    ทั้งนี้ หากถูกจับกุมและถูกตัดสินว่าผิด ยุนอาจถูกจำคุกหรือรับโทษประหาร จากกรณีการประกาศกฎอัยการศึกช่วงสั้นๆ เมื่อต้นเดือนธันวาคมและนำเกาหลีใต้เข้าสู่วิกฤตการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ทว่า ทั้งยุน และผู้สนับสนุนยังคงต่อต้านการจับกุม
    .
    คิม ซู ยอง วัย 62 ปี หนึ่งในแกนนำการชุมนุม ประกาศว่า หน่วยอารักขาจะปกป้องประธานาธิบดี และผู้ชุมนุมจะปกป้องหน่วยอารักขาอีกทอดจนถึงเที่ยงคืนวันจันทร์ รวมทั้งยืนยันว่า ถ้ามีการออกหมายจับใหม่ก็จะมาชุมนุมกันอีก
    .
    นอกจากนั้น เมื่อเช้าวันจันทร์ยังมีสมาชิกสภาจากพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ของยุนไปปรากฏตัวหน้าที่พักประธานาธิบดี
    .
    ทางด้านตำรวจได้ปิดถนนเพื่อป้องกันผู้ประท้วงที่คาดว่าจะรวมพลังกันต่อในวันจันทร์ ขณะที่ผู้ชุมนุมทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านยุนหลายสิบคนปักหลักค้างคืนในวันอาทิตย์ (5 ม.ค.) ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ
    .
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ขอออกหมายจับครั้งแรกเนื่องจากยุนไม่ยอมไปให้ปากคำเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งทีมกฎหมายของยุนย้ำว่า หมายจับดังกล่าวผิดกฎหมายและจะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อตอบโต้ ขณะที่หัวหน้าหน่วยอารักขาประธานาธิบดีประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเข้าจับกุมยุน
    .
    ขณะเดียวกัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงโซลเมื่อเช้าวันจันทร์เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ที่รวมถึงชอย ซัง-ม็อก รัฐมนตรีคลังและรักษาการประธานาธิบดี
    .
    บลิงเคนไม่มีกำหนดพบกับยุนที่ถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ แต่แถลงข่าวร่วมกับโช แต-ยุล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ และความสนใจของบลิงเคนเปลี่ยนจากประเด็นการเมืองภายในของเกาหลีใต้ เนื่องจากก่อนแถลงข่าวไม่นาน เปียงยางได้ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป
    .
    อนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ระบุว่า จะเริ่มการพิจารณาคดีถอดถอนยุนในวันอังคารหน้า (14 ม.ค.) ไม่ว่ายุนจะไปปรากฏตัวในศาลหรือไม่ก็ตาม โดยศาลรัฐธรรมนูญมีเวลา 180 วันในการวินิจฉัยว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้ยุน
    .
    เอเอฟพีรายงานโดยอ้างอิงจากรายงานของอัยการเกี่ยวกับอดีตรัฐมนตรีกลาโหมว่า ยุนเพิกเฉยต่อการคัดค้านของรัฐมนตรีสำคัญหลายคนก่อนที่จะประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งรายงานนี้อาจเป็นหลักฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา
    .
    ตามรายงานดังกล่าว นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีคลังในขณะนั้น ต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการทูตที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีในคืนที่ยุนประกาศกฎอัยการศึก
    .
    นอกจากนั้น พรรคประชาธิปไตยที่เป็นฝ่ายค้านสำคัญยังเรียกร้องให้ยุบหน่วยอารักขายุน
    .
    อย่างไรก็ดี ทีมกฎหมายของยุนยืนยันว่า จะใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน โดยเมื่อวันอาทิตย์ ยุน กั๊บ-กึน ทนายความคนหนึ่งในทีม เผยว่า จะยื่นคำร้องคัดค้านผู้อำนวยการซีไอโอที่พยายามเข้าจับกุมยุน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001570
    ..............
    Sondhi X
    เจ้าหน้าที่สอบสวนจากสำนักงานปราบปรามการทุจริตของเกาหลีใต้เตรียมขอขยายเวลาหมายจับ รวมทั้งขอให้ตำรวจเข้าจับกุมยุน ซอก-ยอล หลังจากประธานาธิบดีที่กำลังถูกสอบสวนเพื่อถอดถอนผู้นี้ขัดขวางการเข้าควบคุมตัวจากกรณีการประกาศกฎอัยการศึกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ . ยุน อดีตอัยการดาวเด่น ปฏิเสธการไปให้ปากคำและกบดานอยู่ในที่พักประธานาธิบดีท่ามกลางการอารักขาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนับร้อย . ลี แจ-ซอง รองผู้อำนวยการสำนักงานปราบปรามการทุจริต (ซีไอโอ) เผยว่า กำลังเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลให้ขยายหมายจับที่กำลังจะหมดอายุเที่ยงคืนวันจันทร์ (6 ม.ค.) รวมทั้งขอให้ตำรวจเข้าดำเนินการจับกุมยุนแทน ขณะที่ทีมกฎหมายของยุนแย้งว่า ซีไอโอไม่มีอำนาจในการจับกุมประธานาธิบดี . สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ต้องล้มเลิกความพยายามเข้าจับกุมยุนด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หลังเผชิญหน้ากับหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีนับร้อยคนนานนับชั่วโมง . ทั้งนี้ หากถูกจับกุมและถูกตัดสินว่าผิด ยุนอาจถูกจำคุกหรือรับโทษประหาร จากกรณีการประกาศกฎอัยการศึกช่วงสั้นๆ เมื่อต้นเดือนธันวาคมและนำเกาหลีใต้เข้าสู่วิกฤตการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ทว่า ทั้งยุน และผู้สนับสนุนยังคงต่อต้านการจับกุม . คิม ซู ยอง วัย 62 ปี หนึ่งในแกนนำการชุมนุม ประกาศว่า หน่วยอารักขาจะปกป้องประธานาธิบดี และผู้ชุมนุมจะปกป้องหน่วยอารักขาอีกทอดจนถึงเที่ยงคืนวันจันทร์ รวมทั้งยืนยันว่า ถ้ามีการออกหมายจับใหม่ก็จะมาชุมนุมกันอีก . นอกจากนั้น เมื่อเช้าวันจันทร์ยังมีสมาชิกสภาจากพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ของยุนไปปรากฏตัวหน้าที่พักประธานาธิบดี . ทางด้านตำรวจได้ปิดถนนเพื่อป้องกันผู้ประท้วงที่คาดว่าจะรวมพลังกันต่อในวันจันทร์ ขณะที่ผู้ชุมนุมทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านยุนหลายสิบคนปักหลักค้างคืนในวันอาทิตย์ (5 ม.ค.) ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ . ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ขอออกหมายจับครั้งแรกเนื่องจากยุนไม่ยอมไปให้ปากคำเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งทีมกฎหมายของยุนย้ำว่า หมายจับดังกล่าวผิดกฎหมายและจะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อตอบโต้ ขณะที่หัวหน้าหน่วยอารักขาประธานาธิบดีประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเข้าจับกุมยุน . ขณะเดียวกัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงโซลเมื่อเช้าวันจันทร์เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ที่รวมถึงชอย ซัง-ม็อก รัฐมนตรีคลังและรักษาการประธานาธิบดี . บลิงเคนไม่มีกำหนดพบกับยุนที่ถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ แต่แถลงข่าวร่วมกับโช แต-ยุล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ และความสนใจของบลิงเคนเปลี่ยนจากประเด็นการเมืองภายในของเกาหลีใต้ เนื่องจากก่อนแถลงข่าวไม่นาน เปียงยางได้ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป . อนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ระบุว่า จะเริ่มการพิจารณาคดีถอดถอนยุนในวันอังคารหน้า (14 ม.ค.) ไม่ว่ายุนจะไปปรากฏตัวในศาลหรือไม่ก็ตาม โดยศาลรัฐธรรมนูญมีเวลา 180 วันในการวินิจฉัยว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้ยุน . เอเอฟพีรายงานโดยอ้างอิงจากรายงานของอัยการเกี่ยวกับอดีตรัฐมนตรีกลาโหมว่า ยุนเพิกเฉยต่อการคัดค้านของรัฐมนตรีสำคัญหลายคนก่อนที่จะประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งรายงานนี้อาจเป็นหลักฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา . ตามรายงานดังกล่าว นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีคลังในขณะนั้น ต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการทูตที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีในคืนที่ยุนประกาศกฎอัยการศึก . นอกจากนั้น พรรคประชาธิปไตยที่เป็นฝ่ายค้านสำคัญยังเรียกร้องให้ยุบหน่วยอารักขายุน . อย่างไรก็ดี ทีมกฎหมายของยุนยืนยันว่า จะใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน โดยเมื่อวันอาทิตย์ ยุน กั๊บ-กึน ทนายความคนหนึ่งในทีม เผยว่า จะยื่นคำร้องคัดค้านผู้อำนวยการซีไอโอที่พยายามเข้าจับกุมยุน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001570 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1169 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4 ม.ค.2568 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ

    สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ

    1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร

    2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย

    3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ

    สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน

    ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย

    ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย

    สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้

    และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ

    พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย

    แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ

    อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ

    4 ม.ค.2568 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ 1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร 2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย 3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้ และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 614 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## อดีตรองประธาน Pfizer ออกโรงมาแฉ วัคซีน mRNA...!!! ##
    ..
    ..
    Michael Yeadon อดีตรองประธาน Pfizer เปิดเผยข้อมูล โดยอ้างว่าวัคซีนโควิดแบบ mRNA ถูกออกแบบมาโดยเจตนาเพื่อทำร้าย ทำให้ พิการ และ สังหาร ผู้คน โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการ ลดอัตราการเจริญพันธุ์ของมนุษย์
    .
    Michael Yeadon เคยเป็นนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และ รองประธานบริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่ไฟเซอร์ (Pfizer Inc.)
    .
    เขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทไบโอเทค ที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย แต่เส้นทางอาชีพของเขากลับพลิกผันไปอย่างไม่คาดคิด โดยเขาได้เป็นแกนนำในการต่อต้านวัคซีนในช่วงโควิด และถูก Fact Check โจมตีบ่อยครั้ง...
    ...
    ...
    ก็ฟังหูไว้หูครับ อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้...
    หากใครอ่านข้อมูลเรื่องพวกนี้มามากพอ ก็น่าจะตัดสินใจกันได้ไปนานแล้ว
    ...
    ...
    คลิป
    https://x.com/shadowofezra/status/1872665139213918651
    https://x.com/FreeThinkerFit/status/1654346036499062785
    ## อดีตรองประธาน Pfizer ออกโรงมาแฉ วัคซีน mRNA...!!! ## .. .. Michael Yeadon อดีตรองประธาน Pfizer เปิดเผยข้อมูล โดยอ้างว่าวัคซีนโควิดแบบ mRNA ถูกออกแบบมาโดยเจตนาเพื่อทำร้าย ทำให้ พิการ และ สังหาร ผู้คน โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการ ลดอัตราการเจริญพันธุ์ของมนุษย์ . Michael Yeadon เคยเป็นนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และ รองประธานบริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่ไฟเซอร์ (Pfizer Inc.) . เขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทไบโอเทค ที่ประสบความสำเร็จอีกด้วย แต่เส้นทางอาชีพของเขากลับพลิกผันไปอย่างไม่คาดคิด โดยเขาได้เป็นแกนนำในการต่อต้านวัคซีนในช่วงโควิด และถูก Fact Check โจมตีบ่อยครั้ง... ... ... ก็ฟังหูไว้หูครับ อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้... หากใครอ่านข้อมูลเรื่องพวกนี้มามากพอ ก็น่าจะตัดสินใจกันได้ไปนานแล้ว ... ... คลิป https://x.com/shadowofezra/status/1872665139213918651 https://x.com/FreeThinkerFit/status/1654346036499062785
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ พรรคประชาชน เมินใช้หัวหน้าเท้ง ระดมแกนนำและสส.ในพื้นที่ ช่วยหาเสียงศึกชิงนายก อบจ. หวังลบภาพ "สบตาผู้ประสบภัย" ของเท้ง
    #7ดอกจิก
    ♣ พรรคประชาชน เมินใช้หัวหน้าเท้ง ระดมแกนนำและสส.ในพื้นที่ ช่วยหาเสียงศึกชิงนายก อบจ. หวังลบภาพ "สบตาผู้ประสบภัย" ของเท้ง #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล แห่งเกาหลีใต้ซึ่งถูกรัฐสภาลงมติถอดถอนและต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ยังคงส่งจดหมายถึงบรรดาผู้สนับสนุนวานนี้ (1 ม.ค.) พร้อมประกาศว่าจะ “สู้จนถึงที่สุด” หลังถูกศาลออกหมายจับจากกรณีการประกาศกฎอัยการศึก (martial law) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.

    “ผมได้เห็นผ่านทางยูทูปไลฟ์ว่าพวกคุณทำงานหนักกันขนาดไหน” ยุน ระบุในจดหมายถึงผู้สนับสนุนหลายร้อยคนที่มารวมตัวประท้วงกระบวนการสอบสวนเขาที่ด้านนอกบ้านพักประจำตำแหน่งประธานาธิบดี

    “ผมจะขอสู้จนถึงที่สุด เพื่อปกป้องประเทศนี้ร่วมกับท่าน” ยุน ระบุในจดหมายซึ่ง ซ็อก ดง-ฮยอน ทนายความของเขาได้ถ่ายภาพส่งให้กับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์

    ด้านพรรคประชาธิปไตย (Democratic Party) ซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้านที่ครองเสียงข้างมากในสภา และเป็นตัวตั้งตัวตีในการโหวตถอดถอน ยุน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ระบุว่าจดหมายฉบับนี้ถือเป็นข้อพิสูจน์ว่า ยุน “ยังคงหลงผิด” (delusional) และมีเจตนามุ่งมั่นที่จะก่อการกบฏ (insurrection) ให้สำเร็จ

    “แค่พยายามก่อกบฏยังไม่พอ เวลานี้เขายังยั่วยุให้ผู้สนับสนุนออกมาก่อเหตุปะทะรุนแรงด้วย” โจ ซึง-แล โฆษกพรรคประชาธิปไตย ระบุ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/around/detail/9680000000313

    #MGROnline #ยุนซ็อกยอล #เกาหลีใต้

    ประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล แห่งเกาหลีใต้ซึ่งถูกรัฐสภาลงมติถอดถอนและต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ยังคงส่งจดหมายถึงบรรดาผู้สนับสนุนวานนี้ (1 ม.ค.) พร้อมประกาศว่าจะ “สู้จนถึงที่สุด” หลังถูกศาลออกหมายจับจากกรณีการประกาศกฎอัยการศึก (martial law) เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. • “ผมได้เห็นผ่านทางยูทูปไลฟ์ว่าพวกคุณทำงานหนักกันขนาดไหน” ยุน ระบุในจดหมายถึงผู้สนับสนุนหลายร้อยคนที่มารวมตัวประท้วงกระบวนการสอบสวนเขาที่ด้านนอกบ้านพักประจำตำแหน่งประธานาธิบดี • “ผมจะขอสู้จนถึงที่สุด เพื่อปกป้องประเทศนี้ร่วมกับท่าน” ยุน ระบุในจดหมายซึ่ง ซ็อก ดง-ฮยอน ทนายความของเขาได้ถ่ายภาพส่งให้กับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ • ด้านพรรคประชาธิปไตย (Democratic Party) ซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้านที่ครองเสียงข้างมากในสภา และเป็นตัวตั้งตัวตีในการโหวตถอดถอน ยุน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ระบุว่าจดหมายฉบับนี้ถือเป็นข้อพิสูจน์ว่า ยุน “ยังคงหลงผิด” (delusional) และมีเจตนามุ่งมั่นที่จะก่อการกบฏ (insurrection) ให้สำเร็จ • “แค่พยายามก่อกบฏยังไม่พอ เวลานี้เขายังยั่วยุให้ผู้สนับสนุนออกมาก่อเหตุปะทะรุนแรงด้วย” โจ ซึง-แล โฆษกพรรคประชาธิปไตย ระบุ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000000313 • #MGROnline #ยุนซ็อกยอล #เกาหลีใต้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 400 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28/12/67

    นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ พิธีกรรายการทีวี กล่าวในรายการ “ตาสว่างกว่า” เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2567 ว่ามีเจ้าของบริษัทพลังงานรายหนึ่ง ที่มีหน้าฉากเป็นผู้ให้การสนับสนุนให้แก่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แต่หลังฉากนั้นก็ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย

    แต่ในวันนี้นั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. ได้กลายเป็นศัตรูของเจ้าของบริษัทรายนี้ และพรรคเพื่อไทยไปโดยปริยายแล้ว

    เพราะว่านายพีระพันธุ์นั้น อาศัยอำนาจในฐานะ รมว. พลังงาน ในการระงับโครงการการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) พ.ศ. 2567 (Feed—in Tariff เฟส 2) ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)

    นายศิโรตม์กล่าวชื่นชมนายพีระพันธุ์ว่ามีความกล้าที่จะคัดค้านโครงการนี้ ที่มีความไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใส เนื่องจากไม่มีการประมูล

    “เรามีรัฐมนตรี พีระพันธุ์ จะชอบรวมไทยสร้างชาติหรือไม่ จะชอบรวมไทยสร้างชาติหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่กรณีนี้ พีระพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีพลังงานที่เห็นว่าการซื้อพลังงานหมุนเวียน ไฟฟ้าหมุนเวียนของรัฐบาล ที่ไม่มีการประมูลแข่งขันนั้นผิด นี่คือสิ่งที่ต้องชื่นชมพีระพันธุ์นะครับ” นายศิโรตม์กล่าว

    และกล่าวว่านายพีระพันธุ์เห็นว่าโครงการนี้ที่ไม่มีการประมูลนั้น เป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่นายทุนบางคน และเป็นสาเหตุให้ค่าไฟนั้นแพงเกินกว่าเหตุ จึงสั่งเบรกโครงการนี้เอาไว้ก่อน แต่ว่า กกพ. ไม่ตอบรับ เนื่องจาก กกพ. นั้นไม่ได้อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน และนายศิโรตม์ระบุว่า กกพ. นั้นคือตัวปัญหา

    อีกทั้งยังระบุว่าเรื่องนี้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เข้าไปประชุมกับคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในฐานะ กพช. ก่อนหน้าที่ กกพ. จะประการรายชื่อผู้ที่ได้เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวของ กกพ. และตั้งคำถามว่านายกรัฐมนตรีนั้นเป็นมูลเหตุของการรับซื้อไฟฟ้าในโครงการนี้หรือไม่

    “คุณพีระพันธุ์ถูกเพื่อไทยเขม่น ถูกเพื่อไทยหมั่นไส้ ไม่พอใจ คุณทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) เองก็เคยพูดเอาไว้ว่ารัฐมนตรีบางคนทำตัวหล่อ ไม่ยอมมาเข้าประชุม ครม. (คณะรัฐมนตรี) ข่มขู่ตรง ๆ นานา ซึ่งก็อาจจะมาจากแรงแค้นต่อคุณพีระพันธุ์และพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย” นายศิโรตม์กล่าว

    นายศิโรตม์กล่าวว่า น.ส. แพทองธารและพรรคเพื่อไทยไม่สนใจในเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่พรรคเพื่อไทยนั้นเป็นต้นเหตุของปัญหาค่าไฟแพง ทั้ง ๆ ที่พรรคประชาชนนั้นได้ทักท้วงไปแล้ว แต่พรรคเพื่อไทยยังออกมากล่าวด้วยว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ไม่สั่งระงับโครงการนี้

    “เพราะฉะนั้นคุณพีระพันธุ์นะครับ เขาชน ซึ่งพรรคประชาชนก็เข้ามาร่วมชนด้วย ส่วนพรรคเพื่อไทยวันนี้ไม่ตอบอะไรเลย การไม่ตอบอะไรยิ่งเลอะเทะ” นายศิโรตม์กล่าว

    และวิจารณ์ว่าคำอธิบายของพรรคเพื่อไทยในกรณีนี้นั้น “ไม่ได้เรื่อง” จนทำให้พรรคประชาชนออกมาวิจารณ์พรรคเพื่อไทย “แบบเละเทะ ถล่มทลาย” อีกทั้งยังชื่นชมว่า ไอซ์-รักชนก ศรีนอก สส. กรุงเทพ พรรคประชาชน ทำงานได้โดดเด่นมาก

    นายศิโรตม์ยังกล่าวด้วยว่าถึงแม้ว่านายพีระพันธุ์นั้นจะมีที่มาจาก รทสช. ที่เป็นการเมืองที่สืบทอดอำนาจเผด็จการของทหาร แต่ในวันนี้ รทสช. นั้นกล้าที่จะทักท้วงการรับซื้อพลังงานจากคนที่อาจจะเป็นเครือข่ายของแกนนำรัฐบาล

    ซึ่งตนเองนั้นเชื่อว่านายพีระพันธุ์นั้นอาจจะประเมินได้ว่าการเมืองนั้นได้เกิดความเปลี่ยนแปลง และตนเองเชื่อว่าในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง นายพีระพันธุ์จึงเริ่มจับจังหว่ะในการ Re-Brand (ปรับภาพลักษณ์) ตัวเอง ให้ออกจากภาพลักษณ์ของการเมืองแบบเผด็จการ

    “วันนี้ภาพพีระพันธุ์นะครับ เรื่องของการสู้กับแพทองธาร เรื่องของการสู้กับเพื่อไทย เพื่อไม่ให้คนไทยต้องจ่ายค่าไฟแพงมันชัดแล้ว แม้กระทั่งพรรคประชาชนยังเอาคำพูดของพีระพันธุ์มายืนยันว่าพีระพันธุ์คัดค้านในเรื่องนี้ พีระพันธุ์ต้องการให้ยกเลิกการซื้อค่าไฟราคาแพง แต่แพรทองธารไม่ทำ

    วันนี้ภาพพีระพันธุ์ชัดแล้ว แล้วมันจะเป็นหน้าตักทางการเมืองให้กับพีระพันธุ์ ที่พูดไม่ได้เชียร์พีระพันธุ์ ไม่ได้บอกว่าพีระพันธุ์ดี แต่บอกว่านี่คือสิ่งที่พีระพันธุ์กำลังทำ เขากำลังเพิ่มหน้าตักทางการเมืองของเขา” นายศิโรตม์กล่าว

    #TheStructure
    #TheStructureNews
    #เพื่อไทย #รทสช #พลังงาน
    28/12/67 นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ พิธีกรรายการทีวี กล่าวในรายการ “ตาสว่างกว่า” เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2567 ว่ามีเจ้าของบริษัทพลังงานรายหนึ่ง ที่มีหน้าฉากเป็นผู้ให้การสนับสนุนให้แก่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แต่หลังฉากนั้นก็ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย แต่ในวันนี้นั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. ได้กลายเป็นศัตรูของเจ้าของบริษัทรายนี้ และพรรคเพื่อไทยไปโดยปริยายแล้ว เพราะว่านายพีระพันธุ์นั้น อาศัยอำนาจในฐานะ รมว. พลังงาน ในการระงับโครงการการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) พ.ศ. 2567 (Feed—in Tariff เฟส 2) ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) นายศิโรตม์กล่าวชื่นชมนายพีระพันธุ์ว่ามีความกล้าที่จะคัดค้านโครงการนี้ ที่มีความไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใส เนื่องจากไม่มีการประมูล “เรามีรัฐมนตรี พีระพันธุ์ จะชอบรวมไทยสร้างชาติหรือไม่ จะชอบรวมไทยสร้างชาติหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่กรณีนี้ พีระพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีพลังงานที่เห็นว่าการซื้อพลังงานหมุนเวียน ไฟฟ้าหมุนเวียนของรัฐบาล ที่ไม่มีการประมูลแข่งขันนั้นผิด นี่คือสิ่งที่ต้องชื่นชมพีระพันธุ์นะครับ” นายศิโรตม์กล่าว และกล่าวว่านายพีระพันธุ์เห็นว่าโครงการนี้ที่ไม่มีการประมูลนั้น เป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่นายทุนบางคน และเป็นสาเหตุให้ค่าไฟนั้นแพงเกินกว่าเหตุ จึงสั่งเบรกโครงการนี้เอาไว้ก่อน แต่ว่า กกพ. ไม่ตอบรับ เนื่องจาก กกพ. นั้นไม่ได้อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน และนายศิโรตม์ระบุว่า กกพ. นั้นคือตัวปัญหา อีกทั้งยังระบุว่าเรื่องนี้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เข้าไปประชุมกับคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในฐานะ กพช. ก่อนหน้าที่ กกพ. จะประการรายชื่อผู้ที่ได้เข้าร่วมในโครงการดังกล่าวของ กกพ. และตั้งคำถามว่านายกรัฐมนตรีนั้นเป็นมูลเหตุของการรับซื้อไฟฟ้าในโครงการนี้หรือไม่ “คุณพีระพันธุ์ถูกเพื่อไทยเขม่น ถูกเพื่อไทยหมั่นไส้ ไม่พอใจ คุณทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) เองก็เคยพูดเอาไว้ว่ารัฐมนตรีบางคนทำตัวหล่อ ไม่ยอมมาเข้าประชุม ครม. (คณะรัฐมนตรี) ข่มขู่ตรง ๆ นานา ซึ่งก็อาจจะมาจากแรงแค้นต่อคุณพีระพันธุ์และพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย” นายศิโรตม์กล่าว นายศิโรตม์กล่าวว่า น.ส. แพทองธารและพรรคเพื่อไทยไม่สนใจในเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่พรรคเพื่อไทยนั้นเป็นต้นเหตุของปัญหาค่าไฟแพง ทั้ง ๆ ที่พรรคประชาชนนั้นได้ทักท้วงไปแล้ว แต่พรรคเพื่อไทยยังออกมากล่าวด้วยว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ไม่สั่งระงับโครงการนี้ “เพราะฉะนั้นคุณพีระพันธุ์นะครับ เขาชน ซึ่งพรรคประชาชนก็เข้ามาร่วมชนด้วย ส่วนพรรคเพื่อไทยวันนี้ไม่ตอบอะไรเลย การไม่ตอบอะไรยิ่งเลอะเทะ” นายศิโรตม์กล่าว และวิจารณ์ว่าคำอธิบายของพรรคเพื่อไทยในกรณีนี้นั้น “ไม่ได้เรื่อง” จนทำให้พรรคประชาชนออกมาวิจารณ์พรรคเพื่อไทย “แบบเละเทะ ถล่มทลาย” อีกทั้งยังชื่นชมว่า ไอซ์-รักชนก ศรีนอก สส. กรุงเทพ พรรคประชาชน ทำงานได้โดดเด่นมาก นายศิโรตม์ยังกล่าวด้วยว่าถึงแม้ว่านายพีระพันธุ์นั้นจะมีที่มาจาก รทสช. ที่เป็นการเมืองที่สืบทอดอำนาจเผด็จการของทหาร แต่ในวันนี้ รทสช. นั้นกล้าที่จะทักท้วงการรับซื้อพลังงานจากคนที่อาจจะเป็นเครือข่ายของแกนนำรัฐบาล ซึ่งตนเองนั้นเชื่อว่านายพีระพันธุ์นั้นอาจจะประเมินได้ว่าการเมืองนั้นได้เกิดความเปลี่ยนแปลง และตนเองเชื่อว่าในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง นายพีระพันธุ์จึงเริ่มจับจังหว่ะในการ Re-Brand (ปรับภาพลักษณ์) ตัวเอง ให้ออกจากภาพลักษณ์ของการเมืองแบบเผด็จการ “วันนี้ภาพพีระพันธุ์นะครับ เรื่องของการสู้กับแพทองธาร เรื่องของการสู้กับเพื่อไทย เพื่อไม่ให้คนไทยต้องจ่ายค่าไฟแพงมันชัดแล้ว แม้กระทั่งพรรคประชาชนยังเอาคำพูดของพีระพันธุ์มายืนยันว่าพีระพันธุ์คัดค้านในเรื่องนี้ พีระพันธุ์ต้องการให้ยกเลิกการซื้อค่าไฟราคาแพง แต่แพรทองธารไม่ทำ วันนี้ภาพพีระพันธุ์ชัดแล้ว แล้วมันจะเป็นหน้าตักทางการเมืองให้กับพีระพันธุ์ ที่พูดไม่ได้เชียร์พีระพันธุ์ ไม่ได้บอกว่าพีระพันธุ์ดี แต่บอกว่านี่คือสิ่งที่พีระพันธุ์กำลังทำ เขากำลังเพิ่มหน้าตักทางการเมืองของเขา” นายศิโรตม์กล่าว #TheStructure #TheStructureNews #เพื่อไทย #รทสช #พลังงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts