• ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะยกเว้นบรรดาผู้ผลิตรถยนต์จากมาตรการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน ตราบใดที่พวกเขาปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว
    .
    นกอจากนี้ ทำเนียบขาวยังเผยด้วยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดกว้างสำหรับพิจารณามอบข้อยกเว้นจากการรีดภาษีสำหรับสินค้าอื่นๆ ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) ที่ผ่านมา
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ แสดงจุดยืนว่าเขายังไม่ล้มเลิกสงครามการค้ากับแคนาดาและเม็กซิโก ในขณะที่เขาพยายามกดดันทั้ง 2 ประเทศ ที่ปราบปรามการลักลอบขนยาเฟนทานิล ทั้งนี้หลังจากพุดคุยทางโทรศัพท์กับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ทรัมป์บอกว่าเขาไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้วหรือไม่
    .
    "เขาบอกว่ามันดีขึ้นแล้ว แต่ผมบอกกลับไปว่า มันยังไม่เพียงพอ" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ส่วนทำเนียบนายกรัฐมนตรีแคนาดาระบุว่า "การพูดคุยทางโทรศัพท์จบลงด้วยรูปแบบความเป็นมิตร!" พร้อมบอกว่าจะมีการเดินหน้าเจรจากันต่อไป
    .
    ข้อยกเว้นจากการถูกรีดภาษี กระตุ้นให้บรรดาหุ้นยานยนต์ฟื้นตัวถ้วนหน้า หลังจากความตึงเครียดทางการค้าที่ก่อความไม่แน่นอนแก่เหล่าผู้ประกอบการสหรัฐฯ และกัดเซาะความเชื่อมั่นผู้บริโภค ได้นำมาซึ่งแรงขายในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ความเคลื่อนไหวยกเว้นภาษีเป็นเวลา 1 เดือน สำหรับรถยนต์และรถกระบะที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในเนื้อหาของข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา ตามกรอบของทรัมป์ จะเป็นประโยชน์กับฟอร์ดและจีเอ็ม 2 ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกา ตามความเห็นของนักวิเคราะห์
    .
    ขณะเดียวกัน ทรัมป์ อาจละเว้นรีดภาษี 10% พลังงานนำเข้าจากแคนาดา อย่างเช่นน้ำมันดิบและเบนซิน ที่ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีที่มีชื่อว่า USMCA
    .
    คำขู่รีดภาษีของทรัมป์ ก่อความเสียหายร้ายแรงในความสัมพันธ์ระหว่าง 3 ชาติคู่หูทางการค้า แคนาดาตอบโต้ด้วยว่าการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ อย่างเจาะจง ส่วน เม็กซิโก ก็ประกาศแก้แค้นเช่นกัน
    .
    การรีดภาษีเสี่ยงบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของแคนาดา และยิ่งไปกว่านั้นอาจโหมกระพือภาวะถดถอย เนื่องจากประเทศแห่งนี้พึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ ในการส่งออก คิดเป็นสัดส่วนถึง 75% และนำเข้าสินค้าจากอเมริกา คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของสินค้านำเข้าทั้งหมด
    .
    ความตึงเครียดทางการค้าอาจก่อความเจ็บปวดแก่สหรัฐฯ เช่นกัน จากข้อมูลใหม่ที่เผยแพร่ในวันพุธ (5 มี.ค.) พบว่าการเติบโตของการจ้างงานกำลังชะลอตัว เช่นเดียวกับค่าจ้างสำหรับแรงงานที่เปลี่ยนงานใหม่ก็ลดลง ขณะที่รายงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) พบความไม่แน่ใจอย่างกว้างขวางในหมู่ภาคธุรกิจทั่วอเมริกาต่อนโยบายต่างๆ ของทรัมป์ และบางธุรกิจถึงขั้นตัดสินใจปรับขึ้นราคาไปแล้ว โดยไม่รอให้มาตรการรีดภาษีมีผลบังคับใช้
    .
    นอกจากแคนาดาและเม็กซิโกแล้ว ทรัมป์ยังกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% กระตุ้นให้ปักกิ่งตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมเช่นกัน
    .
    ถ้อยแถลงเกี่ยวกับการยกเว้นภาษี มีขึ้น 1 วันหลังจากทรัมป์พูดคุยทางโทรศัพท์กับซีอีโอของฟอร์ด จีเอ็ม และสเตลแลนทิส
    .
    รถยนต์ที่ผลิตโดยทั้ง 3 บริษัท จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ USMCA ที่กำหนดให้ต้องมีชิ้นส่วนที่ผลิตในอเมริกาเหนือ 75% เพื่อที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ตลาดอเมริกา โดยไม่จำเป็นต้องเสียภาษีใดๆ
    .
    นอกจากนี้ กฎเกณฑ์ดังกล่าวยังบังคับให้ส่วนประกอบ 40% ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลต้องผลิตในสหรัฐฯ หรือแคนาดา และต้องเป็นชิ้นส่วนหลักๆ ในนั้นรวมถึงเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ตัวถังและโครงช่วงล่าง ในขณะที่รถกระบะนั้น กำหนดไว้ที่ 45%
    .
    แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมเผยว่าบรรดาผู้ผลิตรถยนต์สนับสนุนการส่งเสริมการลงทุนของสหรัฐฯ แต่ต้องการความแน่นอนเกี่ยวกับนโยบายรีดภาษี เช่นเดียวกับกฎเกณฑ์ด้านมลพิษ ก่อนดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดๆ
    .
    มาตรการยกเว้นนี้ ยังก่อประโยชน์กับรถยนต์แบรนด์ต่างชาติบางส่วน ที่มีฐานการผลิตขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงฮอนด้าและโตโยต้า แต่คู่แข่งบางแห่งที่ไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกรีดภาษี 25% เต็มจำนวน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021625
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะยกเว้นบรรดาผู้ผลิตรถยนต์จากมาตรการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน ตราบใดที่พวกเขาปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว . นกอจากนี้ ทำเนียบขาวยังเผยด้วยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดกว้างสำหรับพิจารณามอบข้อยกเว้นจากการรีดภาษีสำหรับสินค้าอื่นๆ ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) ที่ผ่านมา . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ แสดงจุดยืนว่าเขายังไม่ล้มเลิกสงครามการค้ากับแคนาดาและเม็กซิโก ในขณะที่เขาพยายามกดดันทั้ง 2 ประเทศ ที่ปราบปรามการลักลอบขนยาเฟนทานิล ทั้งนี้หลังจากพุดคุยทางโทรศัพท์กับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ทรัมป์บอกว่าเขาไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้วหรือไม่ . "เขาบอกว่ามันดีขึ้นแล้ว แต่ผมบอกกลับไปว่า มันยังไม่เพียงพอ" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ส่วนทำเนียบนายกรัฐมนตรีแคนาดาระบุว่า "การพูดคุยทางโทรศัพท์จบลงด้วยรูปแบบความเป็นมิตร!" พร้อมบอกว่าจะมีการเดินหน้าเจรจากันต่อไป . ข้อยกเว้นจากการถูกรีดภาษี กระตุ้นให้บรรดาหุ้นยานยนต์ฟื้นตัวถ้วนหน้า หลังจากความตึงเครียดทางการค้าที่ก่อความไม่แน่นอนแก่เหล่าผู้ประกอบการสหรัฐฯ และกัดเซาะความเชื่อมั่นผู้บริโภค ได้นำมาซึ่งแรงขายในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา . ความเคลื่อนไหวยกเว้นภาษีเป็นเวลา 1 เดือน สำหรับรถยนต์และรถกระบะที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในเนื้อหาของข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา ตามกรอบของทรัมป์ จะเป็นประโยชน์กับฟอร์ดและจีเอ็ม 2 ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกา ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ . ขณะเดียวกัน ทรัมป์ อาจละเว้นรีดภาษี 10% พลังงานนำเข้าจากแคนาดา อย่างเช่นน้ำมันดิบและเบนซิน ที่ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีที่มีชื่อว่า USMCA . คำขู่รีดภาษีของทรัมป์ ก่อความเสียหายร้ายแรงในความสัมพันธ์ระหว่าง 3 ชาติคู่หูทางการค้า แคนาดาตอบโต้ด้วยว่าการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ อย่างเจาะจง ส่วน เม็กซิโก ก็ประกาศแก้แค้นเช่นกัน . การรีดภาษีเสี่ยงบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของแคนาดา และยิ่งไปกว่านั้นอาจโหมกระพือภาวะถดถอย เนื่องจากประเทศแห่งนี้พึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ ในการส่งออก คิดเป็นสัดส่วนถึง 75% และนำเข้าสินค้าจากอเมริกา คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของสินค้านำเข้าทั้งหมด . ความตึงเครียดทางการค้าอาจก่อความเจ็บปวดแก่สหรัฐฯ เช่นกัน จากข้อมูลใหม่ที่เผยแพร่ในวันพุธ (5 มี.ค.) พบว่าการเติบโตของการจ้างงานกำลังชะลอตัว เช่นเดียวกับค่าจ้างสำหรับแรงงานที่เปลี่ยนงานใหม่ก็ลดลง ขณะที่รายงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) พบความไม่แน่ใจอย่างกว้างขวางในหมู่ภาคธุรกิจทั่วอเมริกาต่อนโยบายต่างๆ ของทรัมป์ และบางธุรกิจถึงขั้นตัดสินใจปรับขึ้นราคาไปแล้ว โดยไม่รอให้มาตรการรีดภาษีมีผลบังคับใช้ . นอกจากแคนาดาและเม็กซิโกแล้ว ทรัมป์ยังกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% กระตุ้นให้ปักกิ่งตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมเช่นกัน . ถ้อยแถลงเกี่ยวกับการยกเว้นภาษี มีขึ้น 1 วันหลังจากทรัมป์พูดคุยทางโทรศัพท์กับซีอีโอของฟอร์ด จีเอ็ม และสเตลแลนทิส . รถยนต์ที่ผลิตโดยทั้ง 3 บริษัท จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ USMCA ที่กำหนดให้ต้องมีชิ้นส่วนที่ผลิตในอเมริกาเหนือ 75% เพื่อที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ตลาดอเมริกา โดยไม่จำเป็นต้องเสียภาษีใดๆ . นอกจากนี้ กฎเกณฑ์ดังกล่าวยังบังคับให้ส่วนประกอบ 40% ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลต้องผลิตในสหรัฐฯ หรือแคนาดา และต้องเป็นชิ้นส่วนหลักๆ ในนั้นรวมถึงเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ตัวถังและโครงช่วงล่าง ในขณะที่รถกระบะนั้น กำหนดไว้ที่ 45% . แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมเผยว่าบรรดาผู้ผลิตรถยนต์สนับสนุนการส่งเสริมการลงทุนของสหรัฐฯ แต่ต้องการความแน่นอนเกี่ยวกับนโยบายรีดภาษี เช่นเดียวกับกฎเกณฑ์ด้านมลพิษ ก่อนดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดๆ . มาตรการยกเว้นนี้ ยังก่อประโยชน์กับรถยนต์แบรนด์ต่างชาติบางส่วน ที่มีฐานการผลิตขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงฮอนด้าและโตโยต้า แต่คู่แข่งบางแห่งที่ไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกรีดภาษี 25% เต็มจำนวน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021625 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1915 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนถึงต้องรุดออกมาเปิดเผยว่าพวกเขามีแผนจัดเจรจารอบใหม่กับสหรัฐฯ หลังวอชิงตันระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง ก่อความเสียหายรอบใหม่แก่เคียฟ ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้ป้องปรามการรุกรานของรัสเซีย
    .
    จอห์น แรตคลิฟ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เปิดเผยในวันพุธ (5 มี.ค.) อเมริกาได้ระงับการสนับสนุนด้านข่าวกรองแก่ยูเครน หลังจากที่ได้ระงับการจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนก่อนหน้านี้ ตามหลังการพังครืนในความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับทำเนียบขาว
    .
    "ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มั่นใจว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีต้องการสันติภาพหรือไม่ ท่านจึงสั่งให้ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรอง" แรตคลิฟ กล่าว
    .
    คำแถลงนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กำลังพยายามดิ้นรนควบคุมความเสียหาย จากผลลัพธ์ที่เขาเปิดศึกวิวาทะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผู้นำอเมริกาดุด่าเขาต่อหน้าบรรดาสื่อมวลชนนานาชาติและตะเพิดเขาออกจากทำเนียบขาว
    .
    "วันนี้ คณะทำงานยูเครนและสหรัฐฯ เริ่มทำงานเกี่ยวกับการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น เรากำลังเห็นแนวโน้มมุ่งไปข้างหน้า" เซเลนสกีกล่าวระหว่างปราศรัยในช่วงค่ำวันพุธ (5 มี.ค.) แต่ไม่ได้ระบุว่าการเจรจารอบใหม่จะมีขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าจะเข้าร่วมกับพวกผู้นำยุโรป สำหรับการประชุมซัมมิตในบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.)
    .
    ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส บอกว่าอาจส่งกองกำลังทหารยุโรปเข้าไปยังยูเครน หากมีการลงนามในข้อตกลง รับประกันว่ารัสเซียจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้านอีก
    .
    ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซเลนสกี มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในวันพุธ (5 มี.ค.) สหรัฐฯ บอกว่าพวกเขาหยุดแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครนแล้ว 2 วันหลังจากระงับความช่วยเหลือด้านการทหารไปก่อนหน้านี้
    .
    ควาามเคลื่อนไหวดังกล่าวโหมกระพือความกังวลในเคียฟและยุโรป ว่ายูเครนอาจถูกบีบให้ยอมรับข้อตกลงสันติภาพหนึ่งใดบนเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยแก่รัสเซีย ไม่อย่างนั้นก็เสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทั้งหมด
    .
    "เราทุกคนต้องการปกป้องอนาคตสำหรับประชาชนของเรา ไม่เอาหยุดยิงชั่วคราว แต่ต้องยุติสงครามครั้งนี้และตลอดไป ภายใต้ความพยายามประสานงานระหว่างเรากับผู้นำสหรัฐฯ เป้าหมายนี้สามารถบรรลุได้โดยสมบูรณ์" เซเลนสกี เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ในวันพุธ (5 มี.ค.) ตามหลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี
    .
    ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เซเลนสกีบอกว่าเขาพร้อม "เข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเข้าใกล้สันติภาพที่ยั่งยืน" และเขาต้องการปรับแก้ทำความเข้าใจกับทรัมป์
    .
    ระหว่างการปราศรัยต่อสภาคองเกรสในวันอังคาร (4 มี.ค.) ทรัมป์ อ่านออกเสียงหนังสือที่เขาอ้างว่าได้รับจากเซเลนสกี ที่ผู้นำยูเครนบอกว่าพร้อมสำหรับการเจรจาสันติภาพ
    .
    ทรัมป์ ให้ความสำคัญกับการยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในลำดับต้นๆ ในนโยบายต่างประเทศ ขณะที่ เซเลนสกี ต้องการคำรับประกันจากสหรัฐฯ เพื่อป้องกันรัสเซียจากการรุกรานอีกในอนาคต ส่วนทางรัสเซีย ปฏิเสธละทิ้งดินแดนใดๆ ที่พวกเขายึดครองมาจากเคียฟในปฏิบัติการทางทหารที่ยืดเยื้อมานาน 3 ปี และเวลานี้กำลังร่าเริงจากความเคลื่อนไหวระงับความช่วยเหลือทางทหารของอเมริกา
    .
    นอกจากนี้ รัสเซียยังขานรับด้วยความยินดีกับข่าวที่ว่าผู้นำยูเครนส่งจดหมายถึงทรัมป์ แสดงท่าทีพร้อมสำหรับการเจรจา "มันเป็นแนวทางที่เป็นบวก" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินก็ยังไม่พูดอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะยอมพูดคุยเจรจากับเซเลนสกีหรือไม่
    .
    ประธานาธิบดียูเครน ระบุหลายต่อหลายครั้งว่าเขามีความตั้งใจพบปะกับปูติน แต่ก็ต่อเมื่อเคียฟและพันธมิตรตะวันตก เห็นพ้องร่วมกันเกี่ยวกับจุดยืนการเจรจา
    .
    รัสเซีย กล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ใช่ผู้นำยูเครนที่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างถึงวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ที่หมดสมัยไปแล้ว ตามหลังเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2019 ภายใต้กฎอัยการศึกของยูเครน ห้ามมีการจัดเลือกตั้งใดๆ ระหว่างสงคราม และบรรดาชาติยุโรปผู้สนับสนุนตัวยงของเซเลนสกี ได้สนับสนุนการพักไว้ซึ่งการเลือกตั้ง ท่ามกลางการรุกรานเต็มรูปแบบของมอสโก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021624
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนถึงต้องรุดออกมาเปิดเผยว่าพวกเขามีแผนจัดเจรจารอบใหม่กับสหรัฐฯ หลังวอชิงตันระงับแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง ก่อความเสียหายรอบใหม่แก่เคียฟ ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้ป้องปรามการรุกรานของรัสเซีย . จอห์น แรตคลิฟ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เปิดเผยในวันพุธ (5 มี.ค.) อเมริกาได้ระงับการสนับสนุนด้านข่าวกรองแก่ยูเครน หลังจากที่ได้ระงับการจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนก่อนหน้านี้ ตามหลังการพังครืนในความสัมพันธ์ระหว่างเคียฟกับทำเนียบขาว . "ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มั่นใจว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีต้องการสันติภาพหรือไม่ ท่านจึงสั่งให้ระงับความช่วยเหลือด้านข่าวกรอง" แรตคลิฟ กล่าว . คำแถลงนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กำลังพยายามดิ้นรนควบคุมความเสียหาย จากผลลัพธ์ที่เขาเปิดศึกวิวาทะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผู้นำอเมริกาดุด่าเขาต่อหน้าบรรดาสื่อมวลชนนานาชาติและตะเพิดเขาออกจากทำเนียบขาว . "วันนี้ คณะทำงานยูเครนและสหรัฐฯ เริ่มทำงานเกี่ยวกับการประชุมที่กำลังจะมีขึ้น เรากำลังเห็นแนวโน้มมุ่งไปข้างหน้า" เซเลนสกีกล่าวระหว่างปราศรัยในช่วงค่ำวันพุธ (5 มี.ค.) แต่ไม่ได้ระบุว่าการเจรจารอบใหม่จะมีขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าจะเข้าร่วมกับพวกผู้นำยุโรป สำหรับการประชุมซัมมิตในบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) . ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส บอกว่าอาจส่งกองกำลังทหารยุโรปเข้าไปยังยูเครน หากมีการลงนามในข้อตกลง รับประกันว่ารัสเซียจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้านอีก . ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเซเลนสกี มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในวันพุธ (5 มี.ค.) สหรัฐฯ บอกว่าพวกเขาหยุดแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครนแล้ว 2 วันหลังจากระงับความช่วยเหลือด้านการทหารไปก่อนหน้านี้ . ควาามเคลื่อนไหวดังกล่าวโหมกระพือความกังวลในเคียฟและยุโรป ว่ายูเครนอาจถูกบีบให้ยอมรับข้อตกลงสันติภาพหนึ่งใดบนเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยแก่รัสเซีย ไม่อย่างนั้นก็เสี่ยงสูญเสียแรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทั้งหมด . "เราทุกคนต้องการปกป้องอนาคตสำหรับประชาชนของเรา ไม่เอาหยุดยิงชั่วคราว แต่ต้องยุติสงครามครั้งนี้และตลอดไป ภายใต้ความพยายามประสานงานระหว่างเรากับผู้นำสหรัฐฯ เป้าหมายนี้สามารถบรรลุได้โดยสมบูรณ์" เซเลนสกี เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์ในวันพุธ (5 มี.ค.) ตามหลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี . ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เซเลนสกีบอกว่าเขาพร้อม "เข้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเข้าใกล้สันติภาพที่ยั่งยืน" และเขาต้องการปรับแก้ทำความเข้าใจกับทรัมป์ . ระหว่างการปราศรัยต่อสภาคองเกรสในวันอังคาร (4 มี.ค.) ทรัมป์ อ่านออกเสียงหนังสือที่เขาอ้างว่าได้รับจากเซเลนสกี ที่ผู้นำยูเครนบอกว่าพร้อมสำหรับการเจรจาสันติภาพ . ทรัมป์ ให้ความสำคัญกับการยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนในลำดับต้นๆ ในนโยบายต่างประเทศ ขณะที่ เซเลนสกี ต้องการคำรับประกันจากสหรัฐฯ เพื่อป้องกันรัสเซียจากการรุกรานอีกในอนาคต ส่วนทางรัสเซีย ปฏิเสธละทิ้งดินแดนใดๆ ที่พวกเขายึดครองมาจากเคียฟในปฏิบัติการทางทหารที่ยืดเยื้อมานาน 3 ปี และเวลานี้กำลังร่าเริงจากความเคลื่อนไหวระงับความช่วยเหลือทางทหารของอเมริกา . นอกจากนี้ รัสเซียยังขานรับด้วยความยินดีกับข่าวที่ว่าผู้นำยูเครนส่งจดหมายถึงทรัมป์ แสดงท่าทีพร้อมสำหรับการเจรจา "มันเป็นแนวทางที่เป็นบวก" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินบอกกับผู้สื่อข่าว อย่างไรก็ตามทางวังเครมลินก็ยังไม่พูดอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะยอมพูดคุยเจรจากับเซเลนสกีหรือไม่ . ประธานาธิบดียูเครน ระบุหลายต่อหลายครั้งว่าเขามีความตั้งใจพบปะกับปูติน แต่ก็ต่อเมื่อเคียฟและพันธมิตรตะวันตก เห็นพ้องร่วมกันเกี่ยวกับจุดยืนการเจรจา . รัสเซีย กล่าวหา เซเลนสกี ว่าไม่ใช่ผู้นำยูเครนที่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างถึงวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ที่หมดสมัยไปแล้ว ตามหลังเขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2019 ภายใต้กฎอัยการศึกของยูเครน ห้ามมีการจัดเลือกตั้งใดๆ ระหว่างสงคราม และบรรดาชาติยุโรปผู้สนับสนุนตัวยงของเซเลนสกี ได้สนับสนุนการพักไว้ซึ่งการเลือกตั้ง ท่ามกลางการรุกรานเต็มรูปแบบของมอสโก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021624 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    15
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1935 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกผู้เชี่ยวชาญชี้ แผนการลงทุนมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาของทีเอสเอ็มซี บริษัทไต้หวันที่เป็นผู้ผลิตชิปใหญ่ที่สุดของโลก อาจส่งผลให้ “โล่ซิลิคอน” ของไทเปอ่อนแอลง เปิดทางให้ทรัมป์เข้าควบคุมการผลิตชิปของทีเอสเอ็มซี หรือในทางกลับกันอาจทำให้ไต้หวัน “ปลอดภัยขึ้น” และสร้างความไว้วางใจระหว่างไทเปกับวอชิงตัน
    .
    ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง (ทีเอสเอ็มซี) ซึ่งเวลานี้มีฐานะเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีสำคัญ ที่กลายเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจโลก
    .
    ในสัปดาห์นี้ การประกาศลงทุนครั้งมหึมาในสหรัฐฯ ทำให้มูลค่าการลงทุนทั้งหมดของทีเอสเอ็มซีในอเมริกาเพิ่มเป็น 165,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทบอกว่า เป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน
    .
    ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาไต้หวันขโมยอุตสาหกรรมชิปของอเมริกา พร้อมขู่รีดภาษี 100% และไทเปต้องรีบตอบสนองโดยให้สัญญาว่า จะลงทุนในอเมริกาเพิ่ม
    .
    เอเอฟพีเสนอรายงานที่ระบุว่า การลงทุนของทีเอสเอ็มซีครั้งนี้อาจมีนัยสำคัญสำหรับไต้หวัน ดังต่อไปนี้
    .
    โล่ซิลิคอน
    .
    ชิปเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันเป็นส่วนประกอบอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงทีวี รถยนต์ไฟฟ้า และขีปนาวุธ และชิปเหล่านี้กว่าครึ่งผลิตในไต้หวัน
    .
    การผลิตชิปที่กระจุกตัวอยู่ในไต้หวันถูกมองมานานแล้วว่าเป็น “โล่ซิลิคอน” ที่ปกป้องไต้หวันจากการรุกรานหรือการปิดล้อมของจีน อีกทั้งยังเป็นแรงจูงใจให้อเมริกากางปีกปกป้องไทเป
    .
    ช่วงหลายปีมานี้จีนเพิ่มความกดดันทางทหารต่อไต้หวันเพื่อผลักดันการอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือเกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตชิปมากมายหลายแห่งของทีเอสเอ็มซี
    .
    ความเคลื่อนไหวของจีนทำให้มีเสียงเรียกร้องให้ทีเอสเอ็มซีย้ายการผลิตออกจากไต้หวันเพื่อป้องกันการชะงักงันด้านอุปทานหากถูกจีนโจมตี
    .
    เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์เตือนว่า อาจเรียกเก็บภาษีชิปที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 25% หรือมากกว่านั้น ซึ่งนักวิเคราะห์คนหนึ่งระบุว่า อาจทำให้อุตสาหกรรมชิปเผชิญภาวะถดถอย
    .
    แม้การลงทุนล่าสุดคราวนี้ของทีเอสเอ็มซี น่าจะสามารถหลบเลี่ยงจากการข่มขู่รีดภาษีศุลกากรเช่นว่านี้ แต่ยังมีความกังวลว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจกระทบต่อเศรษฐกิจไต้หวันและทำให้ “โล่ซิลิคอน” ความมั่นคงของไต้หวันอ่อนแอลง
    .
    โก จูชุน สมาชิกรัฐสภาจากพรรคก๊กมินตั๋งซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้าน ชี้ว่า ยิ่งทีเอสเอ็มซีออกไปผลิตในอเมริกามากเท่าไหร่ ไต้หวันยิ่งหมดความสำคัญในแง่ภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้นเท่านั้น รวมทั้งยังลดแรงจูงใจต่ออเมริกาในการให้ความช่วยเหลือไต้หวันในอนาคต
    .
    การควบคุมทีเอสเอ็มซี
    .
    ผู้นำไต้หวันตระหนักดีถึงความเสี่ยงขณะพยายามรักษาการสนับสนุนจากวอชิงตัน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนด้านความมั่นคงที่สำคัญที่สุด และปกป้องสถานะผู้ทรงอิทธิพลในการผลิตชิปของไต้หวัน
    .
    สำนักงานของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ แถลงเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า รัฐบาลจะตรวจสอบข้อตกลงของทีเอสเอ็มซีว่า สอดคล้องกับกฎหมายของไต้หวันหรือไม่ และทำให้แน่ใจว่า กระบวนการผลิตชิปขั้นสูงสุดจะยังคงอยู่ในไต้หวัน
    .
    ก่อนหน้านี้ ทีเอสเอ็มซีประกาศลงทุนมูลค่ากว่า 65,000 ล้านดอลลาร์ในการจัดตั้งโรงงาน 3 แห่งในรัฐแอริโซนาของอเมริกา โดยที่โรงงานแห่งแรกเริ่มต้นผลิตตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
    .
    สำหรับการลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งประกาศในสัปดาห์นี้ จะเป็นการขยายโครงการในอเมริกาด้วยการจัดตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ 3 แห่ง โรงงานบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง 2 แห่ง และศูนย์วิจัยและพัฒนา
    .
    ริชาร์ด หู รองผู้อำนวยการของกลุ่มคลังสมอง ที่ใช้ชื่อว่า ศูนย์เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงของไต้หวัน ให้ความเห็นว่า ทรัมป์ต้องการป้องกันไม่ให้ทีเอสเอ็มซีตกอยู่ในมือจีน และทำให้บริษัทแห่งนี้เป็นสินทรัพย์ด้านเทคโนโลยีของอเมริกา
    .
    หูเสริมว่า เป้าหมายสูงสุดของทรัมป์คือ อเมริกาจะสามารถควบคุมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของทีเอสเอ็มซีทั้งหมดหรืออย่างมีนัยสำคัญ และทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมชิปของอเมริกา
    .
    การรับประกันความมั่นคง
    .
    อย่างไรก็ตาม ซู จื๋ออวิ๋น นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงจากสถาบันเพื่อการวิจัยด้านกลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของไทเป มองโลกในแง่ดีมากกว่า โดยบอกว่า การลงทุนในสหรัฐฯ ของทีเอสเอ็มซีน่าจะทำให้ไต้หวัน “ปลอดภัยขึ้น” และช่วยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมชิป อีกทั้งยังสร้างความไว้วางใจระหว่างไทเปกับวอชิงตัน และลดความกังวลของทรัมป์เกี่ยวกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของอเมริกา
    .
    ซูเสริมว่า ไต้หวันไม่ได้มีความสำคัญเพราะมีทีเอสเอ็มซีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านภูมิยุทธศาสตร์ โดยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความสำคัญของเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลของโลกที่อยู่ใกล้ไต้หวัน
    .
    ทว่า เจมส์ อี้ฟาน เฉิน จากมหาวิทยาลัยตั้นเจียง เสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งว่า ต้นทุนการผลิตในอเมริกาที่สูงกว่าอาจทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชิปทีเอสเอ็มซีแพงขึ้น
    .
    นอกจากนั้น ยังไม่มีการรับประกันว่า การลงทุนจะทำให้ทรัมป์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ มีความโน้มเอียงมากขึ้นจริงๆ ที่จะปกป้องไต้หวัน
    .
    เหวิน ตี้ซุง นักวิชาการจากโกลบัล ไชน่า ฮับ ของกลุ่มคลังสมองในสหรัฐฯ แอตแลนติก เคาน์ซิล บอกว่า ผลลัพธ์จากข้อตกลงนี้ในแง่ความเต็มใจของอเมริกาในการปกป้องไต้หวันนั้นต้องพูดว่ายังไม่มีความชัดเจน โดยขึ้นอยู่กับความรู้สึกของทรัมป์ ณ ขณะนั้นมากกว่า รวมทั้งขึ้นอยู่กับว่า ปักกิ่งจะพยายามยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจกว่าไต้หวันหรือไม่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021621
    ..............
    Sondhi X
    พวกผู้เชี่ยวชาญชี้ แผนการลงทุนมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาของทีเอสเอ็มซี บริษัทไต้หวันที่เป็นผู้ผลิตชิปใหญ่ที่สุดของโลก อาจส่งผลให้ “โล่ซิลิคอน” ของไทเปอ่อนแอลง เปิดทางให้ทรัมป์เข้าควบคุมการผลิตชิปของทีเอสเอ็มซี หรือในทางกลับกันอาจทำให้ไต้หวัน “ปลอดภัยขึ้น” และสร้างความไว้วางใจระหว่างไทเปกับวอชิงตัน . ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง (ทีเอสเอ็มซี) ซึ่งเวลานี้มีฐานะเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีสำคัญ ที่กลายเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจโลก . ในสัปดาห์นี้ การประกาศลงทุนครั้งมหึมาในสหรัฐฯ ทำให้มูลค่าการลงทุนทั้งหมดของทีเอสเอ็มซีในอเมริกาเพิ่มเป็น 165,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทบอกว่า เป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน . ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาไต้หวันขโมยอุตสาหกรรมชิปของอเมริกา พร้อมขู่รีดภาษี 100% และไทเปต้องรีบตอบสนองโดยให้สัญญาว่า จะลงทุนในอเมริกาเพิ่ม . เอเอฟพีเสนอรายงานที่ระบุว่า การลงทุนของทีเอสเอ็มซีครั้งนี้อาจมีนัยสำคัญสำหรับไต้หวัน ดังต่อไปนี้ . โล่ซิลิคอน . ชิปเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันเป็นส่วนประกอบอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงทีวี รถยนต์ไฟฟ้า และขีปนาวุธ และชิปเหล่านี้กว่าครึ่งผลิตในไต้หวัน . การผลิตชิปที่กระจุกตัวอยู่ในไต้หวันถูกมองมานานแล้วว่าเป็น “โล่ซิลิคอน” ที่ปกป้องไต้หวันจากการรุกรานหรือการปิดล้อมของจีน อีกทั้งยังเป็นแรงจูงใจให้อเมริกากางปีกปกป้องไทเป . ช่วงหลายปีมานี้จีนเพิ่มความกดดันทางทหารต่อไต้หวันเพื่อผลักดันการอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือเกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตชิปมากมายหลายแห่งของทีเอสเอ็มซี . ความเคลื่อนไหวของจีนทำให้มีเสียงเรียกร้องให้ทีเอสเอ็มซีย้ายการผลิตออกจากไต้หวันเพื่อป้องกันการชะงักงันด้านอุปทานหากถูกจีนโจมตี . เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์เตือนว่า อาจเรียกเก็บภาษีชิปที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 25% หรือมากกว่านั้น ซึ่งนักวิเคราะห์คนหนึ่งระบุว่า อาจทำให้อุตสาหกรรมชิปเผชิญภาวะถดถอย . แม้การลงทุนล่าสุดคราวนี้ของทีเอสเอ็มซี น่าจะสามารถหลบเลี่ยงจากการข่มขู่รีดภาษีศุลกากรเช่นว่านี้ แต่ยังมีความกังวลว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจกระทบต่อเศรษฐกิจไต้หวันและทำให้ “โล่ซิลิคอน” ความมั่นคงของไต้หวันอ่อนแอลง . โก จูชุน สมาชิกรัฐสภาจากพรรคก๊กมินตั๋งซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้าน ชี้ว่า ยิ่งทีเอสเอ็มซีออกไปผลิตในอเมริกามากเท่าไหร่ ไต้หวันยิ่งหมดความสำคัญในแง่ภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้นเท่านั้น รวมทั้งยังลดแรงจูงใจต่ออเมริกาในการให้ความช่วยเหลือไต้หวันในอนาคต . การควบคุมทีเอสเอ็มซี . ผู้นำไต้หวันตระหนักดีถึงความเสี่ยงขณะพยายามรักษาการสนับสนุนจากวอชิงตัน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนด้านความมั่นคงที่สำคัญที่สุด และปกป้องสถานะผู้ทรงอิทธิพลในการผลิตชิปของไต้หวัน . สำนักงานของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ แถลงเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า รัฐบาลจะตรวจสอบข้อตกลงของทีเอสเอ็มซีว่า สอดคล้องกับกฎหมายของไต้หวันหรือไม่ และทำให้แน่ใจว่า กระบวนการผลิตชิปขั้นสูงสุดจะยังคงอยู่ในไต้หวัน . ก่อนหน้านี้ ทีเอสเอ็มซีประกาศลงทุนมูลค่ากว่า 65,000 ล้านดอลลาร์ในการจัดตั้งโรงงาน 3 แห่งในรัฐแอริโซนาของอเมริกา โดยที่โรงงานแห่งแรกเริ่มต้นผลิตตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว . สำหรับการลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งประกาศในสัปดาห์นี้ จะเป็นการขยายโครงการในอเมริกาด้วยการจัดตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ 3 แห่ง โรงงานบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง 2 แห่ง และศูนย์วิจัยและพัฒนา . ริชาร์ด หู รองผู้อำนวยการของกลุ่มคลังสมอง ที่ใช้ชื่อว่า ศูนย์เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงของไต้หวัน ให้ความเห็นว่า ทรัมป์ต้องการป้องกันไม่ให้ทีเอสเอ็มซีตกอยู่ในมือจีน และทำให้บริษัทแห่งนี้เป็นสินทรัพย์ด้านเทคโนโลยีของอเมริกา . หูเสริมว่า เป้าหมายสูงสุดของทรัมป์คือ อเมริกาจะสามารถควบคุมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของทีเอสเอ็มซีทั้งหมดหรืออย่างมีนัยสำคัญ และทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมชิปของอเมริกา . การรับประกันความมั่นคง . อย่างไรก็ตาม ซู จื๋ออวิ๋น นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงจากสถาบันเพื่อการวิจัยด้านกลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของไทเป มองโลกในแง่ดีมากกว่า โดยบอกว่า การลงทุนในสหรัฐฯ ของทีเอสเอ็มซีน่าจะทำให้ไต้หวัน “ปลอดภัยขึ้น” และช่วยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมชิป อีกทั้งยังสร้างความไว้วางใจระหว่างไทเปกับวอชิงตัน และลดความกังวลของทรัมป์เกี่ยวกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของอเมริกา . ซูเสริมว่า ไต้หวันไม่ได้มีความสำคัญเพราะมีทีเอสเอ็มซีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านภูมิยุทธศาสตร์ โดยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความสำคัญของเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลของโลกที่อยู่ใกล้ไต้หวัน . ทว่า เจมส์ อี้ฟาน เฉิน จากมหาวิทยาลัยตั้นเจียง เสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งว่า ต้นทุนการผลิตในอเมริกาที่สูงกว่าอาจทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชิปทีเอสเอ็มซีแพงขึ้น . นอกจากนั้น ยังไม่มีการรับประกันว่า การลงทุนจะทำให้ทรัมป์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ มีความโน้มเอียงมากขึ้นจริงๆ ที่จะปกป้องไต้หวัน . เหวิน ตี้ซุง นักวิชาการจากโกลบัล ไชน่า ฮับ ของกลุ่มคลังสมองในสหรัฐฯ แอตแลนติก เคาน์ซิล บอกว่า ผลลัพธ์จากข้อตกลงนี้ในแง่ความเต็มใจของอเมริกาในการปกป้องไต้หวันนั้นต้องพูดว่ายังไม่มีความชัดเจน โดยขึ้นอยู่กับความรู้สึกของทรัมป์ ณ ขณะนั้นมากกว่า รวมทั้งขึ้นอยู่กับว่า ปักกิ่งจะพยายามยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจกว่าไต้หวันหรือไม่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021621 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1813 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับหุ้นส่วนเศรษฐกิจและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 3 ชาติยิ่งบานปลายขยายตัว หลังจากทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เงื้อง่าอยู่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนแน่นอนส่งผลให้ปักกิ่งและออตตาวาประกาศตอบโต้แบบทันควัน ขณะที่เม็กซิโกก็ระบุเอาคืนแน่นอน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด
    .
    หลังเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (3 มี.ค.) ตามเวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ (ซึ่งช้ากว่าเวลาเมืองไทย 12 ชั่วโมง) สินค้าแคนาดาและเม็กซิโกที่นำเข้าไปยังอเมริกา ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 918,000 ล้านดอลลาร์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้น 25% รวด เวลาเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนสูงขึ้นอีก 10% จากที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
    .
    ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงว่า แคนาดาจะตอบโต้โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 25% จากสินค้าอเมริกันมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 21 วัน ขณะที่ประธานาธิบดี เกลาเดีย เชย์นเบาม์ ระบุว่าความเคลื่อนไหวช่นนี้ของสหรัฐฯไม่มีความชอบธรรม และประกาศจะตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีของตัวเอง
    .
    ผู้นำหญิงของเม็กซิโกบอกว่า เธอจะประกาศรายการสินค้านำเข้าจากอเมริกาที่จะตกเป็นเป้าถูกขึ้นภาษีตอบโต้ในวันอาทิตย์ (9) นี้ ณ งานพิธีซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี ท่าทีเช่นนี้ทำให้มองกันว่าการเลื่อนช้าออกไปเช่นนี้บ่งชี้ว่าเม็กซิโกยังคงมีความหวังที่จะเจรจาต่อรองกันก่อนเพื่อไม่ให้สงครามการค้าบานปลาย
    .
    แรกทีเดียวนั้น มาตรการภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทว่า ทรัมป์ตกลงขยายเวลาออกไป 30 วันเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับสองประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอเมริกา สำหรับเหตุผลในการขึ้นภาษีคือ เพื่อให้สองประเทศเพื่อนบ้านนี้จัดการปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะ เฟนทานิล และปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผ่านดินแดนของประเทศทั้งสองเข้ามายังสหรัฐฯ
    .
    ขณะที่ทั้งสองชาติต่างยืนยันว่า มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ทว่า ทรัมป์กลับบอกเพิ่มเติมว่า จะลดภาษีศุลกากรต่อเมื่อการขาดดุลการค้าของอเมริกาต่อเม็กซิโกและแคนาดาสิ้นสุดลง ถึงแม้เรื่องหลังนี้ย่อมเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถแก้ไขได้ตามกรอบเวลาทางการเมือง
    .
    มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า มาตรการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโก น่าจะส่งผลสะท้อนกลับกระทบถึงเศรษฐกิจอเมริกันอย่างแรงๆ และดังนั้นจึงอาจบังคับใช้ได้เพียงช่วงสั้นๆ และสิ่งที่ทรัมป์อาจเลือกกระทำต่อไป อาจเป็นการหันไปรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และอินเดีย รวมทั้งพวก ชิปคอมพิวเตอร์ ยานยนต์ และยาเวชภัณฑ์นำเข้าเพิ่มมากขึ้น
    .
    ในส่วนของจีนนั้น ปักกิ่งประณามการบังคับใช้มาตรการ “ตามอำเภอใจฝ่ายเดียว” เช่นนี้ของอเมริกา และประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 15% จากสินค้าเกษตรและอาหารของอเมริกามูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้า รวมทั้งเพิ่มบริษัทอเมริกันอีก 25 แห่งในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ถูกจำกัดการส่งออกและการลงทุนภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ
    .
    ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าเกษตรของอเมริกา โดยปีที่แล้ว แม้จีนนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ลดลงเป็นปีที่สอง แต่ก็ยังคงมีมูลค่าถึง 29,250 ล้านดอลลาร์ เท่าที่ผ่านมาภาคเศรษฐกิจนี้มักถูกใช้เป็นกระสอบทรายในยามที่สถานการณ์การค้าระหว่าง 2 ประเทศตึงเครียด โดยเฉพาะในเมื่อพวกรัฐที่เศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรอย่างมาก ยังเป็นพวกรัฐฐานเสียงของทรัมป์และรีพับลิกันอีกด้วย
    .
    ในวันอังคาร (3) กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงว่า จีนจะไม่ยอมจำนนต่อการรังแกหรือข่มขู่ และสำทับว่า การพยายามกดดันจีนเป็นการคำนวณผิดพลาด
    .
    อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่า ปักกิ่งยังหวังว่าจะสามารถเปิดการเจรจาสงบศึกกับคณะบริหารของทรัมป์ จึงกำหนดภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่า 20% เพื่อให้คณะผู้เจรจาของตนสามารถต่อรองและบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ ทว่าเมื่อการตอบโต้กันไปมาชักบานปลายออกไป มันก็อาจลดโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้
    .
    เวลาเดียวกัน สำนักข่าวเอพีเสนอรายงานข่าวที่ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ กำลังทำให้เศรษฐกิจของทั่วโลกผันผวนและไร้ความแน่นอน เนื่องจากไม่มีใครคาดเดาได้ว่า ทรัมป์จะทำอะไรต่อไป
    .
    การเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกแบบเหวี่ยงแหยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง และเสี่ยงทำให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้น
    .
    นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจทำให้ราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯพุ่งขึ้น และเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตและการจ้างงานในอเมริกา
    .
    มูลนิธิแท็กซ์ ฟาวน์เดชัน ของสหรัฐฯประเมินว่า มาตรการภาษีต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีนจะทำให้อัตราเติบโตของอเมริกาหายไป 0.1% ทั้งนี้ ยังไม่คำนวณผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของทั้งสามชาติ
    .
    ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเคพีเอ็มจี เตือนว่า ถ้าทรัมป์ยังเดินตามแผนรีดภาษีต่อไป อัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดนับจากปี 1936 ภายในต้นปีหน้า โดยที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตของสหรัฐฯจะต้องเป็นผู้รับภาระหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากร ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้ดีมานด์ลดลง และภาคธุรกิจต้องปลดพนักงานเพื่อควบคุมต้นทุน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021232
    ..............
    Sondhi X
    สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับหุ้นส่วนเศรษฐกิจและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 3 ชาติยิ่งบานปลายขยายตัว หลังจากทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เงื้อง่าอยู่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนแน่นอนส่งผลให้ปักกิ่งและออตตาวาประกาศตอบโต้แบบทันควัน ขณะที่เม็กซิโกก็ระบุเอาคืนแน่นอน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด . หลังเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (3 มี.ค.) ตามเวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ (ซึ่งช้ากว่าเวลาเมืองไทย 12 ชั่วโมง) สินค้าแคนาดาและเม็กซิโกที่นำเข้าไปยังอเมริกา ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 918,000 ล้านดอลลาร์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้น 25% รวด เวลาเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนสูงขึ้นอีก 10% จากที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ . ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงว่า แคนาดาจะตอบโต้โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 25% จากสินค้าอเมริกันมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 21 วัน ขณะที่ประธานาธิบดี เกลาเดีย เชย์นเบาม์ ระบุว่าความเคลื่อนไหวช่นนี้ของสหรัฐฯไม่มีความชอบธรรม และประกาศจะตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีของตัวเอง . ผู้นำหญิงของเม็กซิโกบอกว่า เธอจะประกาศรายการสินค้านำเข้าจากอเมริกาที่จะตกเป็นเป้าถูกขึ้นภาษีตอบโต้ในวันอาทิตย์ (9) นี้ ณ งานพิธีซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี ท่าทีเช่นนี้ทำให้มองกันว่าการเลื่อนช้าออกไปเช่นนี้บ่งชี้ว่าเม็กซิโกยังคงมีความหวังที่จะเจรจาต่อรองกันก่อนเพื่อไม่ให้สงครามการค้าบานปลาย . แรกทีเดียวนั้น มาตรการภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทว่า ทรัมป์ตกลงขยายเวลาออกไป 30 วันเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับสองประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอเมริกา สำหรับเหตุผลในการขึ้นภาษีคือ เพื่อให้สองประเทศเพื่อนบ้านนี้จัดการปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะ เฟนทานิล และปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผ่านดินแดนของประเทศทั้งสองเข้ามายังสหรัฐฯ . ขณะที่ทั้งสองชาติต่างยืนยันว่า มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ทว่า ทรัมป์กลับบอกเพิ่มเติมว่า จะลดภาษีศุลกากรต่อเมื่อการขาดดุลการค้าของอเมริกาต่อเม็กซิโกและแคนาดาสิ้นสุดลง ถึงแม้เรื่องหลังนี้ย่อมเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถแก้ไขได้ตามกรอบเวลาทางการเมือง . มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า มาตรการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโก น่าจะส่งผลสะท้อนกลับกระทบถึงเศรษฐกิจอเมริกันอย่างแรงๆ และดังนั้นจึงอาจบังคับใช้ได้เพียงช่วงสั้นๆ และสิ่งที่ทรัมป์อาจเลือกกระทำต่อไป อาจเป็นการหันไปรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และอินเดีย รวมทั้งพวก ชิปคอมพิวเตอร์ ยานยนต์ และยาเวชภัณฑ์นำเข้าเพิ่มมากขึ้น . ในส่วนของจีนนั้น ปักกิ่งประณามการบังคับใช้มาตรการ “ตามอำเภอใจฝ่ายเดียว” เช่นนี้ของอเมริกา และประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 15% จากสินค้าเกษตรและอาหารของอเมริกามูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้า รวมทั้งเพิ่มบริษัทอเมริกันอีก 25 แห่งในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ถูกจำกัดการส่งออกและการลงทุนภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ . ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าเกษตรของอเมริกา โดยปีที่แล้ว แม้จีนนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ลดลงเป็นปีที่สอง แต่ก็ยังคงมีมูลค่าถึง 29,250 ล้านดอลลาร์ เท่าที่ผ่านมาภาคเศรษฐกิจนี้มักถูกใช้เป็นกระสอบทรายในยามที่สถานการณ์การค้าระหว่าง 2 ประเทศตึงเครียด โดยเฉพาะในเมื่อพวกรัฐที่เศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรอย่างมาก ยังเป็นพวกรัฐฐานเสียงของทรัมป์และรีพับลิกันอีกด้วย . ในวันอังคาร (3) กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงว่า จีนจะไม่ยอมจำนนต่อการรังแกหรือข่มขู่ และสำทับว่า การพยายามกดดันจีนเป็นการคำนวณผิดพลาด . อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่า ปักกิ่งยังหวังว่าจะสามารถเปิดการเจรจาสงบศึกกับคณะบริหารของทรัมป์ จึงกำหนดภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่า 20% เพื่อให้คณะผู้เจรจาของตนสามารถต่อรองและบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ ทว่าเมื่อการตอบโต้กันไปมาชักบานปลายออกไป มันก็อาจลดโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้ . เวลาเดียวกัน สำนักข่าวเอพีเสนอรายงานข่าวที่ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ กำลังทำให้เศรษฐกิจของทั่วโลกผันผวนและไร้ความแน่นอน เนื่องจากไม่มีใครคาดเดาได้ว่า ทรัมป์จะทำอะไรต่อไป . การเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกแบบเหวี่ยงแหยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง และเสี่ยงทำให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้น . นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจทำให้ราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯพุ่งขึ้น และเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตและการจ้างงานในอเมริกา . มูลนิธิแท็กซ์ ฟาวน์เดชัน ของสหรัฐฯประเมินว่า มาตรการภาษีต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีนจะทำให้อัตราเติบโตของอเมริกาหายไป 0.1% ทั้งนี้ ยังไม่คำนวณผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของทั้งสามชาติ . ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเคพีเอ็มจี เตือนว่า ถ้าทรัมป์ยังเดินตามแผนรีดภาษีต่อไป อัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดนับจากปี 1936 ภายในต้นปีหน้า โดยที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตของสหรัฐฯจะต้องเป็นผู้รับภาระหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากร ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้ดีมานด์ลดลง และภาคธุรกิจต้องปลดพนักงานเพื่อควบคุมต้นทุน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021232 .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2027 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) ล่าสุดแสดงความรู้สึกมึนงงหลังมีรายงานรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ (Pete Hegseth) มีรายงานสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านรัสเซียทางไซเบอร์ชั่วคราว
    .
    โพลิติโกของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า กลายเป็นประเด็นล่าสุดของการเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศสหรัฐฯ แบบ 360 องศาที่ดูเหมือนทำให้ “รัสเซีย” ได้เปรียบส่งผลทำให้เป็นที่กังขาในสายตาทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป
    .
    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) วันจันทร์ (3) ออกมาแสดงความเห็นสถานีวิทยุฟรานซ์อินเตอร์ (France Inter) ว่า “ผมมีปัญหาเล็กน้อยในความเข้าใจ (การตัดสินใจของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ)”
    .
    รัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า บรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมักตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย
    .
    นิวสวีกของสหรัฐฯ รายงานว่า คำสั่งของเฮกเซธเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวที่จะนำประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับสู่โต๊ะเจรจาสงครามยูเครน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมอสโกและวอชิงตัน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส
    .
    The Record สื่อความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นสื่อแรกที่รายงานคำสั่งรัฐมนตรีกลาโหมเพนตากอนที่ออกคำสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านคู่อริรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.)
    .
    สำนักงานกองบัญชาการไซเบอร์สหรัฐฯ USCYBERCOM (U.S. Cyber Command) ภายใต้กองทัพสหรัฐฯ ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปีมีผู้ปฏิบัติการไม่กี่ร้อยคนประจำฐานที่ฟอร์ตมีด (Fort Meade) รัฐแมรีแลนด์
    .
    “คำสั่งนี้ไม่ใช้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ NSA ที่เฮกเซธทำหน้าที่บริหารหรือสัญญาณของตัวเองในการทำงานด้านข่าวกรองที่มีเป้าหมายไปที่รัสเซีย” The Record ชี้
    .
    ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สกล่าวว่า คำสั่งของเจ้ากระทรวงเพนตากอนออกมาก่อนเกิดศึกหน้าจอโทรทัศน์ที่ทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกลับมาประเมินอีกครั้งในปฏิบัติการทั้งหมดต่อต้านรัสเซียที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ
    .
    ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งหลายกล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติสำหรับปฏิบัติการทางการทหารที่จะมีการหยุดพักชั่วคราวระหว่างการเจรจาทางการทูต ซึ่งการถอยออกมาจากปฏิบัติการทางไซเบอร์ต่อต้านรัสเซียอาจเป็นเหมือนการเดิมพันเพราะเกมจะอยู่ในมือของประธานาธิบดีปูตินที่จะยอมเคลื่อนไหวในลักษณะที่คล้ายกันหรือไม่
    .
    ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยได้กล่าวต่อ CNN ว่า การสั่งหยุดพักชั่วคราวถือเป็นความหายนะครั้งใหญ่ ขณะที่ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาสูงสหรัฐฯ ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า มันอาจเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้รัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ (2) สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและไซเบอร์สหรัฐฯ (U.S. Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) แถลงบนแพลตฟอร์ม X ว่า ภารกิจของสำนักงานในการปกป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบรวมถึงจาก “รัสเซีย” ไม่เปลี่ยนแปลง
    .
    โพลิติโกรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของเพนตากอนครั้งสำคัญนี้ทำให้มีความประหลาดใจอย่างมากในยุโรปที่ “รัสเซีย” ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักในทางไซเบอร์ควบคู่ไปกับ “จีน”
    .
    ซึ่งทั้งเจ้าหน้าฝรั่งเศสและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง ต่างออกมากล่าวหา “รัสเซีย” หลายครั้งที่ปูตินใช้สงครามไฮบริดต่อฝรั่งเศสผ่านทางการโจมตีทางไซเบอร์ “รัสเซียกำลังโจมตีพวกเราผ่านทางข้อมูลทางไซเบอร์”
    .
    มาครงกล่าวในเดือนที่ผ่านมาอ้างว่า “มอสโกกำลังแสวงหาเพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพต่อประชาธิปไตยของพวกเรา”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021231
    ..............
    Sondhi X
    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) ล่าสุดแสดงความรู้สึกมึนงงหลังมีรายงานรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ (Pete Hegseth) มีรายงานสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านรัสเซียทางไซเบอร์ชั่วคราว . โพลิติโกของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า กลายเป็นประเด็นล่าสุดของการเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศสหรัฐฯ แบบ 360 องศาที่ดูเหมือนทำให้ “รัสเซีย” ได้เปรียบส่งผลทำให้เป็นที่กังขาในสายตาทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป . รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) วันจันทร์ (3) ออกมาแสดงความเห็นสถานีวิทยุฟรานซ์อินเตอร์ (France Inter) ว่า “ผมมีปัญหาเล็กน้อยในความเข้าใจ (การตัดสินใจของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ)” . รัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า บรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมักตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย . นิวสวีกของสหรัฐฯ รายงานว่า คำสั่งของเฮกเซธเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวที่จะนำประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับสู่โต๊ะเจรจาสงครามยูเครน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมอสโกและวอชิงตัน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส . The Record สื่อความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นสื่อแรกที่รายงานคำสั่งรัฐมนตรีกลาโหมเพนตากอนที่ออกคำสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านคู่อริรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) . สำนักงานกองบัญชาการไซเบอร์สหรัฐฯ USCYBERCOM (U.S. Cyber Command) ภายใต้กองทัพสหรัฐฯ ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปีมีผู้ปฏิบัติการไม่กี่ร้อยคนประจำฐานที่ฟอร์ตมีด (Fort Meade) รัฐแมรีแลนด์ . “คำสั่งนี้ไม่ใช้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ NSA ที่เฮกเซธทำหน้าที่บริหารหรือสัญญาณของตัวเองในการทำงานด้านข่าวกรองที่มีเป้าหมายไปที่รัสเซีย” The Record ชี้ . ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สกล่าวว่า คำสั่งของเจ้ากระทรวงเพนตากอนออกมาก่อนเกิดศึกหน้าจอโทรทัศน์ที่ทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกลับมาประเมินอีกครั้งในปฏิบัติการทั้งหมดต่อต้านรัสเซียที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ . ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งหลายกล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติสำหรับปฏิบัติการทางการทหารที่จะมีการหยุดพักชั่วคราวระหว่างการเจรจาทางการทูต ซึ่งการถอยออกมาจากปฏิบัติการทางไซเบอร์ต่อต้านรัสเซียอาจเป็นเหมือนการเดิมพันเพราะเกมจะอยู่ในมือของประธานาธิบดีปูตินที่จะยอมเคลื่อนไหวในลักษณะที่คล้ายกันหรือไม่ . ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยได้กล่าวต่อ CNN ว่า การสั่งหยุดพักชั่วคราวถือเป็นความหายนะครั้งใหญ่ ขณะที่ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาสูงสหรัฐฯ ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า มันอาจเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้รัสเซีย . อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ (2) สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและไซเบอร์สหรัฐฯ (U.S. Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) แถลงบนแพลตฟอร์ม X ว่า ภารกิจของสำนักงานในการปกป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบรวมถึงจาก “รัสเซีย” ไม่เปลี่ยนแปลง . โพลิติโกรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของเพนตากอนครั้งสำคัญนี้ทำให้มีความประหลาดใจอย่างมากในยุโรปที่ “รัสเซีย” ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักในทางไซเบอร์ควบคู่ไปกับ “จีน” . ซึ่งทั้งเจ้าหน้าฝรั่งเศสและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง ต่างออกมากล่าวหา “รัสเซีย” หลายครั้งที่ปูตินใช้สงครามไฮบริดต่อฝรั่งเศสผ่านทางการโจมตีทางไซเบอร์ “รัสเซียกำลังโจมตีพวกเราผ่านทางข้อมูลทางไซเบอร์” . มาครงกล่าวในเดือนที่ผ่านมาอ้างว่า “มอสโกกำลังแสวงหาเพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพต่อประชาธิปไตยของพวกเรา” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021231 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2028 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝรั่งเศสและสหราอาณาจักร เสนอข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนในยูเครน "ทั้งทางอากาศ ทะเลและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน" ตามหลังการหารือฉุกเฉินในลอนดอน จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส
    .
    ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ลา ฟิกาโร ของฝรั่งเศส ทางมาครง บอกว่าอย่างน้อยๆ ในเบื้องต้น ข้อตกลงดังกล่าวจะไม่ครอบคลุมถึงการสู้รบในภาคพื้น
    .
    "ปัญหาคือ จะเป็นเรื่องยากมากที่จะตรวจสอบว่าข้อตกลงได้รับความเคารพหรือไม่ สืบเนื่องจากขนาดของแนวหน้า" เขากล่าว พร้อมระบุกองกำลังสันติภาพจะถูกส่งเข้าประจำการหลังจากนั้น "จะยังไม่มีทหารยุโรปในแผ่นดินของยูเครน ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้"
    .
    มาครง แนะนำว่าบรรดาชาติยุโรปควรปรับเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเป็นระหว่าง 3.0% ถึง 3.5% ของจีดีพี ขานรับต่อลำดับความสำคัญที่เปลี่ยนไปของวอชิงตัน และยุทธาภิวัฒน์ของรัสเซีย "สำหรับ 3 ปี รัสเซียใช้จ่ายเงินด้านกลาโหม 10% ของจีดีพี" เขาบอกกับสื่อท้องถิ่น "ดังนั้น เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดจากนี้"
    .
    ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของอิตาลีแยกกัน มาครงบอกด้วยว่ายุโรปจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากอิตาลี ในการคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน
    .
    ณ ที่ประชุมวิกฤตเมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี ดูเหมือนปฏิเสธแนวโน้มที่ประเทศของเธอจะสนับสนุนกองกำลังสันติภาพใดๆ ในยูเครน โดยบอกว่า "มันไม่เคยอยู่ในวาระการพิจารณา"
    .
    "เราต้องการอิตาลี อิตาลีที่ผู้เข้มแข็ง ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับฝรั่งเศส กับเยอรมนี" มาครงกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..
    ..............
    Sondhi X
    ฝรั่งเศสและสหราอาณาจักร เสนอข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนในยูเครน "ทั้งทางอากาศ ทะเลและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน" ตามหลังการหารือฉุกเฉินในลอนดอน จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส . ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ลา ฟิกาโร ของฝรั่งเศส ทางมาครง บอกว่าอย่างน้อยๆ ในเบื้องต้น ข้อตกลงดังกล่าวจะไม่ครอบคลุมถึงการสู้รบในภาคพื้น . "ปัญหาคือ จะเป็นเรื่องยากมากที่จะตรวจสอบว่าข้อตกลงได้รับความเคารพหรือไม่ สืบเนื่องจากขนาดของแนวหน้า" เขากล่าว พร้อมระบุกองกำลังสันติภาพจะถูกส่งเข้าประจำการหลังจากนั้น "จะยังไม่มีทหารยุโรปในแผ่นดินของยูเครน ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้" . มาครง แนะนำว่าบรรดาชาติยุโรปควรปรับเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเป็นระหว่าง 3.0% ถึง 3.5% ของจีดีพี ขานรับต่อลำดับความสำคัญที่เปลี่ยนไปของวอชิงตัน และยุทธาภิวัฒน์ของรัสเซีย "สำหรับ 3 ปี รัสเซียใช้จ่ายเงินด้านกลาโหม 10% ของจีดีพี" เขาบอกกับสื่อท้องถิ่น "ดังนั้น เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดจากนี้" . ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของอิตาลีแยกกัน มาครงบอกด้วยว่ายุโรปจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากอิตาลี ในการคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน . ณ ที่ประชุมวิกฤตเมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี ดูเหมือนปฏิเสธแนวโน้มที่ประเทศของเธอจะสนับสนุนกองกำลังสันติภาพใดๆ ในยูเครน โดยบอกว่า "มันไม่เคยอยู่ในวาระการพิจารณา" . "เราต้องการอิตาลี อิตาลีที่ผู้เข้มแข็ง ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับฝรั่งเศส กับเยอรมนี" มาครงกล่าว . อ่านเพิ่มเติม.. .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1044 มุมมอง 0 รีวิว
  • มุขเดิมๆ เพื่อเติมอาวุธ!

    ฝรั่งเศสและสหราอาณาจักร เสนอข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนในยูเครน "ทั้งทางอากาศ ทะเลและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน" ตามหลังการหารือฉุกเฉินในลอนดอน จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส
    มุขเดิมๆ เพื่อเติมอาวุธ! ฝรั่งเศสและสหราอาณาจักร เสนอข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนในยูเครน "ทั้งทางอากาศ ทะเลและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน" ตามหลังการหารือฉุกเฉินในลอนดอน จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคาะวันเปิด LRT3 มาเลเซีย 30 กันยายน 2025

    ในที่สุดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาสายชาห์อลัม (Shah Alam Line) หรือ LRT3 รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เชื่อมระหว่างสถานีบันดาร์ อูตามา (Bandar Utama) กับสถานีโยฮัน เซเตีย (Johan Setia) มีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 30 ก.ย. 2568 หลังส่งมอบโครงการให้กับบริษัท ปราซารานา (Prasarana) ในวันที่ 31 ก.ค. 2568 ตามที่กระทรวงคมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันพุธ (26 ก.พ.) ระบุว่าความคืบหน้าของโครงการอยู่ที่ 98.16%

    สำหรับโครงการรถไฟฟ้ารางเบาสายที่ 3 (LRT3) ถือเป็นระบบขนส่งมวลชนลำดับที่ 11 ในหุบเขาแคลง มีระยะทาง 37 กิโลเมตร รวมทั้งอุโมงค์ความยาว 2 กิโลเมตร พาดผ่านเขตเปตาลิง จายา (Petaling Jaya) ชาห์อลัม (Shah Alam) และแคลง (Klang) รองรับประชากรมากกว่า 2 ล้านคน มีสถานีรถไฟฟ้า 20 สถานี และอีก 5 สถานีที่ก่อสร้างเพิ่มเติม พร้อมที่จอดรถ 6 สถานี รองรับรถยนต์รวม 2,000 คัน

    ส่วนขบวนรถมี 3 ตู้ รวม 22 ขบวน ผลิตโดยบริษัท CRRC Corporation รองรับผู้โดยสารสูงสุด 18,630 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการความถี่ทุก 6 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน คาดว่าจะมีผู้โดยสาร 67,000 เที่ยวคนต่อวัน

    จุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานีบันดาร์ อูตามา ใกล้กับศูนย์การค้าวันอูตามา (1 Utama) ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ผ่านสถานที่สำคัญอย่างสนามกีฬาชาห์อลัม (Stadium Shah Alam) มัสยิดสุลต่านซาลาฮุดดินอับดุลอาซิซ (Masjid Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยียูไอทีเอ็ม (UiTM) โครงการไอ-ซิตี้ (i-City) สวนสนุกไอ-ซิตี้ ธีมพาร์ค (i-City Theme Park) มัสยิดบันดาร์ดิราจาแคลงอูตารา (Masjid Bandar Diraja Klang Utara)

    มีสถานีเชื่อมต่อ ได้แก่ 1. สถานีบันดาร์ อูตามา เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที สายกาจัง (MRT Kajang Line) เส้นทางระหว่างสถานีควาซาดามานซารา (Kwasa Damansara) กับสถานีกาจัง (Kajang) ผ่านสถานีบูกิตบินตัง (Bukit Bintang) และสถานีตุนราซัคเอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange)

    2. สถานีเกลนมารี 2 (Glenmarie 2) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) เส้นทางระหว่างสถานีปูตราไฮต์ (Putra Heights) กับสถานีกอมบัค (Gombak) ผ่านสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) และสถานีเคแอลซีซี (KLCC) ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์

    อนึ่ง ที่สถานีเซคชันตูจู (Seksyen 7) บริเวณเขต 7 ของรัฐสลังงอร์ มีศูนย์การค้าเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ (Central i-City) ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาจากประเทศไทย ลงทุนร่วมกับไอ-เบอร์ฮัด (I-Berhad) เปิดให้บริการเมื่อปี 2562

    #Newskit
    เคาะวันเปิด LRT3 มาเลเซีย 30 กันยายน 2025 ในที่สุดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาสายชาห์อลัม (Shah Alam Line) หรือ LRT3 รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เชื่อมระหว่างสถานีบันดาร์ อูตามา (Bandar Utama) กับสถานีโยฮัน เซเตีย (Johan Setia) มีกำหนดเปิดให้บริการในวันที่ 30 ก.ย. 2568 หลังส่งมอบโครงการให้กับบริษัท ปราซารานา (Prasarana) ในวันที่ 31 ก.ค. 2568 ตามที่กระทรวงคมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยเมื่อวันพุธ (26 ก.พ.) ระบุว่าความคืบหน้าของโครงการอยู่ที่ 98.16% สำหรับโครงการรถไฟฟ้ารางเบาสายที่ 3 (LRT3) ถือเป็นระบบขนส่งมวลชนลำดับที่ 11 ในหุบเขาแคลง มีระยะทาง 37 กิโลเมตร รวมทั้งอุโมงค์ความยาว 2 กิโลเมตร พาดผ่านเขตเปตาลิง จายา (Petaling Jaya) ชาห์อลัม (Shah Alam) และแคลง (Klang) รองรับประชากรมากกว่า 2 ล้านคน มีสถานีรถไฟฟ้า 20 สถานี และอีก 5 สถานีที่ก่อสร้างเพิ่มเติม พร้อมที่จอดรถ 6 สถานี รองรับรถยนต์รวม 2,000 คัน ส่วนขบวนรถมี 3 ตู้ รวม 22 ขบวน ผลิตโดยบริษัท CRRC Corporation รองรับผู้โดยสารสูงสุด 18,630 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ให้บริการความถี่ทุก 6 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน คาดว่าจะมีผู้โดยสาร 67,000 เที่ยวคนต่อวัน จุดเริ่มต้นอยู่ที่สถานีบันดาร์ อูตามา ใกล้กับศูนย์การค้าวันอูตามา (1 Utama) ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ผ่านสถานที่สำคัญอย่างสนามกีฬาชาห์อลัม (Stadium Shah Alam) มัสยิดสุลต่านซาลาฮุดดินอับดุลอาซิซ (Masjid Sultan Salahuddin Abdul Aziz Shah) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยียูไอทีเอ็ม (UiTM) โครงการไอ-ซิตี้ (i-City) สวนสนุกไอ-ซิตี้ ธีมพาร์ค (i-City Theme Park) มัสยิดบันดาร์ดิราจาแคลงอูตารา (Masjid Bandar Diraja Klang Utara) มีสถานีเชื่อมต่อ ได้แก่ 1. สถานีบันดาร์ อูตามา เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที สายกาจัง (MRT Kajang Line) เส้นทางระหว่างสถานีควาซาดามานซารา (Kwasa Damansara) กับสถานีกาจัง (Kajang) ผ่านสถานีบูกิตบินตัง (Bukit Bintang) และสถานีตุนราซัคเอ็กซ์เชนจ์ (Tun Razak Exchange) 2. สถานีเกลนมารี 2 (Glenmarie 2) เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) เส้นทางระหว่างสถานีปูตราไฮต์ (Putra Heights) กับสถานีกอมบัค (Gombak) ผ่านสถานีเคแอล เซ็นทรัล (KL Sentral) และสถานีเคแอลซีซี (KLCC) ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารปิโตรนาส ทวิน ทาวเวอร์ อนึ่ง ที่สถานีเซคชันตูจู (Seksyen 7) บริเวณเขต 7 ของรัฐสลังงอร์ มีศูนย์การค้าเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ (Central i-City) ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาจากประเทศไทย ลงทุนร่วมกับไอ-เบอร์ฮัด (I-Berhad) เปิดให้บริการเมื่อปี 2562 #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ในวันเสาร์(1มี.ค.) ให้การต้อนรับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี อย่างอบอุ่นในกรุงลอนดอน หนึ่งวันหลังจากผู้นำยูเครน กระทบกระทั่งกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในขณะที่ สตาร์เมอร์ รวมถึงผู้นำคนอื่นๆของยุโรป แสดงจุดยืนสนับสนุนเคียฟในประเด็นพิพาทดังกล่าว ด้านประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ย้ำข้อเรียกร้องประจำการอาวุธนิวเคลียร์ปกป้องยุโรป หลังมีแนวโน้มว่าอเมริกากำลังตีตัวออกห่าง
    .
    ก่อนหน้าการประชุมซัมมิตในวันอาทิตย์(2 มี.ค.) ในกรุงลอนดอน เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางสนับสนุนยูเครน ในขณะที่เคียฟกำลังต่อสู้ป้องปรามการรุกรานของยูเครน ทาง สตาร์เมอร์ เน้นย้ำจุดยืนของเขาต่อการหนุนหลังเคียฟ "ในความเป็นหุ้นส่วนกับพันธมิตรของเรา เราต้องเตรียมพร้อมอย่างเข้มข้นสำหรับองค์ประกอบของยุโรปสำหรับการรับประกันความมั่นคง เช่นเดียวกับเดินหน้าหารือกับสหรัฐฯ"
    .
    สตาร์เมอร์ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในช่วงค่ำวันเสาร์(1มี.ค.) ต่อมา "ตอนนี้มันเป็นเวลาที่เราต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อรับประกันผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับยูเครน ปกป้องความมั่นคงยุโรป และรับประกันอนาคตร่วมของเรา"
    .
    ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ยูเครนและสหราชอาณาจักร เปิดตัวข้อตกลงกู้ยืม 2,260 ล้านปอนด์(ราว 2,840 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับสนับสนุนแสนยานุภาพป้องกันตนเองของยูเครน ซึ่งจะเป็นการจ่ายคืนด้วยรายได้จากทรัพย์สินของรัสเซียที่อายัดไว้ "เงินทุนนี้จะมุ่งตรงเข้าสู่การผลิตอาวุธในยูเครน" เซเลนสกี โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ "นี่คือความยุติธรรมอย่างแท้จริง ใครที่เป็นคนเริ่มสงคราม ต้องเป็นคนจ่าย"
    .
    บรรดาผู้สนับสนุนพากันตะโกนเชียร์ ตอนที่ขบวนรถของเซเลนสกีเคลื่อนมาถึงบ้านพักนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักบนถนนดาวนิง เขาได้รับโอบกอดจาก สตาร์เมอร์ และทั้งคู่โพสท่าถ่ายภาพร่วมกัน ก่อนเข้าไปยังทำเนียบของผู้นำสหราชอาณาจักร
    .
    "คุณเป็นที่ต้อนรับอย่างมาก ที่นี่ในทำเนียบฯ บนถนนดาวนิง" สตาร์เมอร์บอกกับเซเลนสกี ขณะที่ เซเลนสกี ตอบกลับว่า "ผมอยากขอบคุณ คุณ ประชาชนชาวสหราชอาณาจักร สำหรับแรงสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของสงคราม"
    .
    สตาร์เมอร์ และ เซเลนสกี ใช้เวลาพูดคุยกับแบบเป็นส่วนตัว เป็นเวลาราวๆ 75 นาที ก่อนโอบกอดกันอีกรอบ ตอนที่ สตาร์เมอร์ เดินทางมาส่ง เซเลนสกี ขึ้นรถ ทั้งนี้ผู้นำยูเครนมีกำหนดเข้าเฝ้าฯกษัตริย์ชาร์ลส์ในวันอาทิตย์(2มี.ค.)
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์(1มี.ค.) เซเลนสกี เน้นย้ำว่าแรงสนับสนุนของทรัมป์ ยังคง "มีความสำคัญยิ่ง" สำหรับยูเครน แม้โต้เถียงกันหนึ่งวันก่อนหน้า เหตุกระทบกระทั่งดังกล่าวได้ก่อคลื่นความช็อกแก่บรรดาพันธมิตรยุโรปของเคียฟ และยังคงอยู่ระหว่างการปรับตัวต่อท่าทีใหม่ของสหรัฐฯ ที่มีกับสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน
    .
    สตาร์เมอร์, โดนัลด์ ทัสก์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ และ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในผู้นำหลายชาติ ที่เน้นย้ำจุดยืนสนับสนุนเคียฟ หลังเหตุเซเลนสกีทะเลาะทรัมป์ ส่วน มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต ให้สัมภาษณ์กับบีบีซี เผยว่าเขาได้บอกกับ เซเลนกี ว่าจำเป็นต้องหาทางคืนสัมพันธ์อันดีกับผู้นำสหรัฐฯ
    .
    อย่างไรก็ตามในส่วนของพวกนักการเมืองรัสเซียพากันยินดีปรีดา ในนั้นรวมถึง ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดี ที่บอกว่ามันคือสิ่งที่ผู้นำยูเครน "สมควรได้รับ"
    .
    แม้ เซเลนสกี ออกจากทำเนียบขาวโดยไม่ได้ลงนามในข้อตกลงใดๆเกี่ยวกับแร่หายากของยูเครน แต่เขายืนยันว่าพร้อมลงนามในข้อตกลงดังกล่าว หากมันเป็นก้าวย่างแรกที่มุ่งหน้าสู่การรับประกันความมั่นคง "มันสำคัญยิ่งสำหรับเรา ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์ เขาต้องการยุติสงคราม แต่ไม่มีใครต้องการสันติภาพไปมากกว่าเรา" เซเลนสกี โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    ท่ามกลางความกังวลที่มีมากขึ้นกว่า สหรัฐฯ จะยังคงให้การสนับสนุนนาโตต่อไปหรือไม่ บรรดาผู้นำยุโรปมีกำหนดพบปะหารือกันในสหราชอาณาจักรในวันอาทิตย์(2มี.ค.) ซึ่งจะมีการถกกันเกี่ยวกับความจำเป็นของยุโรป ในการยกระดับความร่วมมือด้านการป้องกันตนเอง
    .
    ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส บอกว่าเขาพร้อม "เปิดกว้างสำหรับการหารือ" เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการป้องปรามทางนิวเคลียร์ของยุโรป "เรามีโล่ แต่พวกเขาไม่มี" มาครง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนท้องถิ่น "และพวกเขาไม่อาจพึ่งพิงการป้องปรามทางนิวเคลียร์ของสหรัฐฯได้อีกต่อไป"
    .
    ฝรั่งเศส และ สหราชอาณาจักร เป็นเพียง 2 ชาติยุโรปตะวันตก ที่มีคลังแสงนิวเคลียร์
    .
    ฟรีดริช แมร์ซ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนถัดไปของเยอรมนี ก็เน้นย้ำเช่นกันว่า มีความจำเป็นที่ทวีปแห่งนี้ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว ในการบรรลุเป้าหมายเป็นเอกราชจากสหรัฐฯ ในด้านการป้องกันตนเอง
    .
    อย่างไรก็ตาม วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี สมาชิกสหภาพยุโรป พันธมิตรใกล้ชิดกับทรัมป์และวังเครมลิน ประกาศคัดค้านข้อตกลงอย่างกว้างๆใดๆของอียู เกี่ยวกับความขัดแย้งนี้ "ผมเชื่อว่าอียู ควรทำตามอย่างสหรัฐฯ ในการเข้าสู่การเจรจาโดยตรงกับรัสเซีย ในข้อตกลงหยุดยิงและสันติภาพที่ยั่งยืนในยูเครน"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020226
    ..................
    Sondhi X
    เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ในวันเสาร์(1มี.ค.) ให้การต้อนรับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี อย่างอบอุ่นในกรุงลอนดอน หนึ่งวันหลังจากผู้นำยูเครน กระทบกระทั่งกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในขณะที่ สตาร์เมอร์ รวมถึงผู้นำคนอื่นๆของยุโรป แสดงจุดยืนสนับสนุนเคียฟในประเด็นพิพาทดังกล่าว ด้านประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ย้ำข้อเรียกร้องประจำการอาวุธนิวเคลียร์ปกป้องยุโรป หลังมีแนวโน้มว่าอเมริกากำลังตีตัวออกห่าง . ก่อนหน้าการประชุมซัมมิตในวันอาทิตย์(2 มี.ค.) ในกรุงลอนดอน เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางสนับสนุนยูเครน ในขณะที่เคียฟกำลังต่อสู้ป้องปรามการรุกรานของยูเครน ทาง สตาร์เมอร์ เน้นย้ำจุดยืนของเขาต่อการหนุนหลังเคียฟ "ในความเป็นหุ้นส่วนกับพันธมิตรของเรา เราต้องเตรียมพร้อมอย่างเข้มข้นสำหรับองค์ประกอบของยุโรปสำหรับการรับประกันความมั่นคง เช่นเดียวกับเดินหน้าหารือกับสหรัฐฯ" . สตาร์เมอร์ ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในช่วงค่ำวันเสาร์(1มี.ค.) ต่อมา "ตอนนี้มันเป็นเวลาที่เราต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อรับประกันผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับยูเครน ปกป้องความมั่นคงยุโรป และรับประกันอนาคตร่วมของเรา" . ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ยูเครนและสหราชอาณาจักร เปิดตัวข้อตกลงกู้ยืม 2,260 ล้านปอนด์(ราว 2,840 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) สำหรับสนับสนุนแสนยานุภาพป้องกันตนเองของยูเครน ซึ่งจะเป็นการจ่ายคืนด้วยรายได้จากทรัพย์สินของรัสเซียที่อายัดไว้ "เงินทุนนี้จะมุ่งตรงเข้าสู่การผลิตอาวุธในยูเครน" เซเลนสกี โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ "นี่คือความยุติธรรมอย่างแท้จริง ใครที่เป็นคนเริ่มสงคราม ต้องเป็นคนจ่าย" . บรรดาผู้สนับสนุนพากันตะโกนเชียร์ ตอนที่ขบวนรถของเซเลนสกีเคลื่อนมาถึงบ้านพักนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักบนถนนดาวนิง เขาได้รับโอบกอดจาก สตาร์เมอร์ และทั้งคู่โพสท่าถ่ายภาพร่วมกัน ก่อนเข้าไปยังทำเนียบของผู้นำสหราชอาณาจักร . "คุณเป็นที่ต้อนรับอย่างมาก ที่นี่ในทำเนียบฯ บนถนนดาวนิง" สตาร์เมอร์บอกกับเซเลนสกี ขณะที่ เซเลนสกี ตอบกลับว่า "ผมอยากขอบคุณ คุณ ประชาชนชาวสหราชอาณาจักร สำหรับแรงสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของสงคราม" . สตาร์เมอร์ และ เซเลนสกี ใช้เวลาพูดคุยกับแบบเป็นส่วนตัว เป็นเวลาราวๆ 75 นาที ก่อนโอบกอดกันอีกรอบ ตอนที่ สตาร์เมอร์ เดินทางมาส่ง เซเลนสกี ขึ้นรถ ทั้งนี้ผู้นำยูเครนมีกำหนดเข้าเฝ้าฯกษัตริย์ชาร์ลส์ในวันอาทิตย์(2มี.ค.) . ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์(1มี.ค.) เซเลนสกี เน้นย้ำว่าแรงสนับสนุนของทรัมป์ ยังคง "มีความสำคัญยิ่ง" สำหรับยูเครน แม้โต้เถียงกันหนึ่งวันก่อนหน้า เหตุกระทบกระทั่งดังกล่าวได้ก่อคลื่นความช็อกแก่บรรดาพันธมิตรยุโรปของเคียฟ และยังคงอยู่ระหว่างการปรับตัวต่อท่าทีใหม่ของสหรัฐฯ ที่มีกับสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน . สตาร์เมอร์, โดนัลด์ ทัสก์ นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ และ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในผู้นำหลายชาติ ที่เน้นย้ำจุดยืนสนับสนุนเคียฟ หลังเหตุเซเลนสกีทะเลาะทรัมป์ ส่วน มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต ให้สัมภาษณ์กับบีบีซี เผยว่าเขาได้บอกกับ เซเลนกี ว่าจำเป็นต้องหาทางคืนสัมพันธ์อันดีกับผู้นำสหรัฐฯ . อย่างไรก็ตามในส่วนของพวกนักการเมืองรัสเซียพากันยินดีปรีดา ในนั้นรวมถึง ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดี ที่บอกว่ามันคือสิ่งที่ผู้นำยูเครน "สมควรได้รับ" . แม้ เซเลนสกี ออกจากทำเนียบขาวโดยไม่ได้ลงนามในข้อตกลงใดๆเกี่ยวกับแร่หายากของยูเครน แต่เขายืนยันว่าพร้อมลงนามในข้อตกลงดังกล่าว หากมันเป็นก้าวย่างแรกที่มุ่งหน้าสู่การรับประกันความมั่นคง "มันสำคัญยิ่งสำหรับเรา ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์ เขาต้องการยุติสงคราม แต่ไม่มีใครต้องการสันติภาพไปมากกว่าเรา" เซเลนสกี โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . ท่ามกลางความกังวลที่มีมากขึ้นกว่า สหรัฐฯ จะยังคงให้การสนับสนุนนาโตต่อไปหรือไม่ บรรดาผู้นำยุโรปมีกำหนดพบปะหารือกันในสหราชอาณาจักรในวันอาทิตย์(2มี.ค.) ซึ่งจะมีการถกกันเกี่ยวกับความจำเป็นของยุโรป ในการยกระดับความร่วมมือด้านการป้องกันตนเอง . ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส บอกว่าเขาพร้อม "เปิดกว้างสำหรับการหารือ" เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการป้องปรามทางนิวเคลียร์ของยุโรป "เรามีโล่ แต่พวกเขาไม่มี" มาครง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนท้องถิ่น "และพวกเขาไม่อาจพึ่งพิงการป้องปรามทางนิวเคลียร์ของสหรัฐฯได้อีกต่อไป" . ฝรั่งเศส และ สหราชอาณาจักร เป็นเพียง 2 ชาติยุโรปตะวันตก ที่มีคลังแสงนิวเคลียร์ . ฟรีดริช แมร์ซ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนถัดไปของเยอรมนี ก็เน้นย้ำเช่นกันว่า มีความจำเป็นที่ทวีปแห่งนี้ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว ในการบรรลุเป้าหมายเป็นเอกราชจากสหรัฐฯ ในด้านการป้องกันตนเอง . อย่างไรก็ตาม วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี สมาชิกสหภาพยุโรป พันธมิตรใกล้ชิดกับทรัมป์และวังเครมลิน ประกาศคัดค้านข้อตกลงอย่างกว้างๆใดๆของอียู เกี่ยวกับความขัดแย้งนี้ "ผมเชื่อว่าอียู ควรทำตามอย่างสหรัฐฯ ในการเข้าสู่การเจรจาโดยตรงกับรัสเซีย ในข้อตกลงหยุดยิงและสันติภาพที่ยั่งยืนในยูเครน" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020226 .................. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    22
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1393 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกีกำลังออกเดินทางจากสนามบิน Rzeszów-Jasionka ประเทศโปแลนด์ และกำลังมุ่งหน้าไปยังวอชิงตันไปวอชิงตันเพื่อลงนามใน “ข้อตกลง” แร่ธาตุกับโดนัลด์ ทรัมป์

    - เซเลนสกีจะแวะที่ไอร์แลนด์ เพื่อพบกับนายกรัฐมนตรี ไมเคิล มาร์ติน หลังจากนั้นจะมุ่งหน้าสู่กรุงวอชิงตันในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เพื่อลงนามในข้อตกลงแร่ธาตุกับสหรัฐฯต่อไป

    - ยูเครนแทบไม่เหลืออะไรนอกจากคนหนุ่มสาวและทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้น เพื่อใช้ในการต่อรองกับอเมริกา ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะการตัดสินใจที่ "ผิดพลาด" ของเขา จนทำลายรัฐของตนเองจนสิ้นซาก

    - หากเซเลนสกีดำเนินแนวทางตามข้อตกลงมินสค์อย่างเคร่งครัด ยูเครนอาจกลายเป็นรัฐที่มีอำนาจควบคุมทรัพยากร ก๊าซราคาถูก น้ำมัน และที่สำคัญที่สุดคือ ประชาชนจำนวนมากยังคงมีชีวิตอยู่

    - การลงนามข้อตกลงแร่ธาตุของเซเลนสกีในครั้งนี้ เกือบล้มเหลว เมื่อสถานีโทรทัศน์บีเอฟเอ็มทีวี (BFMTV) ของฝรั่งเศส รายงานว่า ทรัมป์ตัดสินใจยกเลิกการเยือนสหรัฐฯ ของเซเลนสกีไปแล้ว แต่เมื่อเซเลนสกีทราบข่าว ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในเคียฟอย่างมาก

    - หลังจากนั้น เซเลนสกี้ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีมาครง เพื่อขอให้โน้มน้าวให้ทรัมป์เปลี่ยนใจ ซึ่งต่อมา "มาครง" ได้ติดต่อผู้นำสหรัฐฯ และโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนใจในที่สุด

    - สื่อฝรั่งเศสยังรายงานว่า มาครงก็ให้ความสนใจในแร่หายากของยูเครนอยู่ด้วยเช่นกัน ตามที่มาครงกล่าวระหว่างการเยือนทรัมป์ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันก่อน ซึ่งฝรั่งเศสต้องการใช้ในการผลิตอาวุธที่ครอบคลุมระยะเวลาสำหรับ 30 หรือ 40 ปีข้างหน้า
    เซเลนสกีกำลังออกเดินทางจากสนามบิน Rzeszów-Jasionka ประเทศโปแลนด์ และกำลังมุ่งหน้าไปยังวอชิงตันไปวอชิงตันเพื่อลงนามใน “ข้อตกลง” แร่ธาตุกับโดนัลด์ ทรัมป์ - เซเลนสกีจะแวะที่ไอร์แลนด์ เพื่อพบกับนายกรัฐมนตรี ไมเคิล มาร์ติน หลังจากนั้นจะมุ่งหน้าสู่กรุงวอชิงตันในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ เพื่อลงนามในข้อตกลงแร่ธาตุกับสหรัฐฯต่อไป - ยูเครนแทบไม่เหลืออะไรนอกจากคนหนุ่มสาวและทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้น เพื่อใช้ในการต่อรองกับอเมริกา ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะการตัดสินใจที่ "ผิดพลาด" ของเขา จนทำลายรัฐของตนเองจนสิ้นซาก - หากเซเลนสกีดำเนินแนวทางตามข้อตกลงมินสค์อย่างเคร่งครัด ยูเครนอาจกลายเป็นรัฐที่มีอำนาจควบคุมทรัพยากร ก๊าซราคาถูก น้ำมัน และที่สำคัญที่สุดคือ ประชาชนจำนวนมากยังคงมีชีวิตอยู่ - การลงนามข้อตกลงแร่ธาตุของเซเลนสกีในครั้งนี้ เกือบล้มเหลว เมื่อสถานีโทรทัศน์บีเอฟเอ็มทีวี (BFMTV) ของฝรั่งเศส รายงานว่า ทรัมป์ตัดสินใจยกเลิกการเยือนสหรัฐฯ ของเซเลนสกีไปแล้ว แต่เมื่อเซเลนสกีทราบข่าว ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในเคียฟอย่างมาก - หลังจากนั้น เซเลนสกี้ได้โทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีมาครง เพื่อขอให้โน้มน้าวให้ทรัมป์เปลี่ยนใจ ซึ่งต่อมา "มาครง" ได้ติดต่อผู้นำสหรัฐฯ และโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนใจในที่สุด - สื่อฝรั่งเศสยังรายงานว่า มาครงก็ให้ความสนใจในแร่หายากของยูเครนอยู่ด้วยเช่นกัน ตามที่มาครงกล่าวระหว่างการเยือนทรัมป์ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันก่อน ซึ่งฝรั่งเศสต้องการใช้ในการผลิตอาวุธที่ครอบคลุมระยะเวลาสำหรับ 30 หรือ 40 ปีข้างหน้า
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27/2/68

    ประวัติอ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    https://youtu.be/ptET6EOeFwo?si=F24iH5N_QJ1sO4-O

    ประวัติ

    เกิด 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 (54ปี) กรุงเทพมหานคร ถิ่นพำนัก กรุงเทพมหานคร สัญชาติไทย

    ประวัติการศึกษา

    โรงเรียนอัสสัมชัญ รุ่น 103
    พ.ศ. 2536 : ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
    พ.ศ. 2539 : ปริญญาโท บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
    อาชีพ
    นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และ ผู้จัดรายการ

    ปีปฏิบัติงาน

    พ.ศ. 2519 - 2550 : เป็นที่รู้จักจากแกนนำกลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2
    โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

    พ.ศ. 2549 : การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551
    ศาสนา : ศาสนาพุทธ

    บิดามารดา
    นายเจริญ และ นางสุจิตรา พัวพงษ์พันธ์

    ญาติ
    พรรคความหวังใหม่
    โฆษกและแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2
    สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี และ เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต[1][2]อดีตผู้จัดรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" และคอลัมนิสต์ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เกิดวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของ นายเจริญ และนางสุจิตรา พัวพงษ์พันธ์ บิดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีนไหหลำ และมารดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว นามสกุล "พัวพงษ์พันธ์" ตั้งให้สอดคล้องกับแซ่ "พัว" ของตระกูลนั่นเอง

    ประวัติชีวิต

    นายปานเทพเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขา การเงินการจัดการ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นสมาชิกเครือข่ายสันติอโศกโดยมีถูกวางบทบาทในด้านสุขภาพ การเมือง และอื่นๆ

    เมื่อกลับมาเมืองไทยได้เข้าทำงานกับองค์กรภาคเอกชน โดยเข้าไปเป็นผู้บริหารดูด้านการเงิน และการก่อสร้างอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่ประเทศไทยจะประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจ เมื่อปี พ.ศ. 2540

    ประวัติทางการเมือง

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เข้าสู่วงการเมือง โดยมีผู้แนะนำให้รู้จักกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในปี พ.ศ. 2541 โดยเข้าไปช่วยงานในพรรคความหวังใหม่ ขณะที่มีอายุ 28 ปี กระทั่งได้เป็นกรรมการบริหารพรรค เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคความหวังใหม่[3] และมีตำแหน่งสุดท้ายเป็นรองโฆษกพรรคความหวังใหม่ ในปี พ.ศ. 2544 ก่อนที่จะไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การฟอกหนัง ด้วยวัย 31 ปี ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย

    เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ยุบพรรคความหวังใหม่ รวมกับพรรคไทยรักไทย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เป็นทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจในช่วง รัฐบาลทักษิณ 1 โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจภาคใต้ ก่อนที่จะถอนตัวในเวลาต่อมาด้วยความเห็นที่ไม่ตรงกัน และหลังจากนั้นยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลทักษิณมาโดยตลอด โดยชื่อของ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โด่งดังอีกครั้ง เมื่อออกหนังสือชื่อ "บันทึกลับ ๒๕๔o" โดยมีเนื้อหาชี้แจงถึงปัญหาเศรษฐกิจในช่วงที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ถูกโจมตีว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดวิกฤต

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐบาลมาโดยตลอด เช่น การเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐชื่อ "วิสัยทัศน์เศรษฐกิจ" รวมไปถึงเคยจัดรายการโทรทัศน์ทาง UBC ช่อง 7 ร่วมกับดุสิต ศิริวรรณ ด้วยอยู่ช่วงหนึ่ง ในชื่อรายการ "โต๊ะข่าวเช้านี้"

    ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2548 ปานเทพ ได้เข้าไปทำงานในเครือผู้จัดการ ของสนธิ ลิ้มทองกุล และได้ทำรายการในเอเอสทีวี (ASTV) คือรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ในช่วงเวลา 20:30น.- 21:30น. ทุกวันจันทร์ ถึง ศุกร์ และเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการอีกด้วย ซึ่งยังทำมาจนถึงปัจจุบัน

    ในการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2549 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวที และในการขับไล่ รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ.ศ. 2551 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ยังคงทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวทีอย่างต่อเนื่อง

    นอกเหนือจากรายการที่ เอเอสทีวี แล้ว ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ยังมีรายการ "เวทีเสรี" ที่อออกอากาศ ช่วง 21.00 - 22.00 น. ทาง ทีทีวี ช่อง เอ็มวี1 ด้วย โดยเป็นวิทยากรประจำวันอังคาร ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ออกอากาศแล้ว

    ได้รับแต่งตั้งให้เป็นโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเป็นนักวิชาการบนเวทีที่พูดในประเด็นกรณีเขาพระวิหาร เมื่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ชื่อการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน พ.ศ. 2554 คู่กับเทพมนตรี ลิมปพยอม

    ในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปานเทพได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 พร้อมกับ ประพันธ์ คูณมี

    และเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2555 ปานเทพได้ ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ว่าอเมริกามีโครงการ H.A.A.R.P. เป็นการยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ แล้วสะท้อนกลับมายังผิวโลก ทำให้เกิดภัยธรรมชาติต่างๆ ในพื้นที่ตามที่ต้องการได้ เพื่อใช้เป็นอาวุธกำจัดศัตรูแบบใหม่

    ผลงานหนังสือ

    บันทึกลับ 2540
    ประเทศไทยได้รับบทเรียนอะไรจากการปิด 56 สถาบันการเงินเป็นการถาวร
    ผ่าทางตันแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กฟผ.
    บทเรียนขายหุ้นชินคอร์ป ระเบียบ ก.ล.ต. -ภาษี-จริยธรรม
    สงครามจิตวิทยาราคาน้ำมัน
    มหกรรมผลประโยชน์ทับซ้อน
    33 ประเด็นถาม-ตอบ ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน
    คำเตือนสุดท้าย ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน
    cr: http://www.cannhealth.in.th
    : บ้านคนดัง Celebrity Homes 4
    27/2/68 ประวัติอ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://youtu.be/ptET6EOeFwo?si=F24iH5N_QJ1sO4-O ประวัติ เกิด 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 (54ปี) กรุงเทพมหานคร ถิ่นพำนัก กรุงเทพมหานคร สัญชาติไทย ประวัติการศึกษา โรงเรียนอัสสัมชัญ รุ่น 103 พ.ศ. 2536 : ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พ.ศ. 2539 : ปริญญาโท บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา อาชีพ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และ ผู้จัดรายการ ปีปฏิบัติงาน พ.ศ. 2519 - 2550 : เป็นที่รู้จักจากแกนนำกลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ.ศ. 2549 : การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 ศาสนา : ศาสนาพุทธ บิดามารดา นายเจริญ และ นางสุจิตรา พัวพงษ์พันธ์ ญาติ พรรคความหวังใหม่ โฆษกและแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี และ เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต[1][2]อดีตผู้จัดรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" และคอลัมนิสต์ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เกิดวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของ นายเจริญ และนางสุจิตรา พัวพงษ์พันธ์ บิดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีนไหหลำ และมารดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว นามสกุล "พัวพงษ์พันธ์" ตั้งให้สอดคล้องกับแซ่ "พัว" ของตระกูลนั่นเอง ประวัติชีวิต นายปานเทพเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขา การเงินการจัดการ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นสมาชิกเครือข่ายสันติอโศกโดยมีถูกวางบทบาทในด้านสุขภาพ การเมือง และอื่นๆ เมื่อกลับมาเมืองไทยได้เข้าทำงานกับองค์กรภาคเอกชน โดยเข้าไปเป็นผู้บริหารดูด้านการเงิน และการก่อสร้างอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่ประเทศไทยจะประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจ เมื่อปี พ.ศ. 2540 ประวัติทางการเมือง ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เข้าสู่วงการเมือง โดยมีผู้แนะนำให้รู้จักกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในปี พ.ศ. 2541 โดยเข้าไปช่วยงานในพรรคความหวังใหม่ ขณะที่มีอายุ 28 ปี กระทั่งได้เป็นกรรมการบริหารพรรค เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคความหวังใหม่[3] และมีตำแหน่งสุดท้ายเป็นรองโฆษกพรรคความหวังใหม่ ในปี พ.ศ. 2544 ก่อนที่จะไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การฟอกหนัง ด้วยวัย 31 ปี ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ยุบพรรคความหวังใหม่ รวมกับพรรคไทยรักไทย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เป็นทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจในช่วง รัฐบาลทักษิณ 1 โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจภาคใต้ ก่อนที่จะถอนตัวในเวลาต่อมาด้วยความเห็นที่ไม่ตรงกัน และหลังจากนั้นยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลทักษิณมาโดยตลอด โดยชื่อของ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โด่งดังอีกครั้ง เมื่อออกหนังสือชื่อ "บันทึกลับ ๒๕๔o" โดยมีเนื้อหาชี้แจงถึงปัญหาเศรษฐกิจในช่วงที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ถูกโจมตีว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดวิกฤต ปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐบาลมาโดยตลอด เช่น การเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐชื่อ "วิสัยทัศน์เศรษฐกิจ" รวมไปถึงเคยจัดรายการโทรทัศน์ทาง UBC ช่อง 7 ร่วมกับดุสิต ศิริวรรณ ด้วยอยู่ช่วงหนึ่ง ในชื่อรายการ "โต๊ะข่าวเช้านี้" ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2548 ปานเทพ ได้เข้าไปทำงานในเครือผู้จัดการ ของสนธิ ลิ้มทองกุล และได้ทำรายการในเอเอสทีวี (ASTV) คือรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ในช่วงเวลา 20:30น.- 21:30น. ทุกวันจันทร์ ถึง ศุกร์ และเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการอีกด้วย ซึ่งยังทำมาจนถึงปัจจุบัน ในการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2549 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวที และในการขับไล่ รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ.ศ. 2551 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ยังคงทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวทีอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากรายการที่ เอเอสทีวี แล้ว ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ยังมีรายการ "เวทีเสรี" ที่อออกอากาศ ช่วง 21.00 - 22.00 น. ทาง ทีทีวี ช่อง เอ็มวี1 ด้วย โดยเป็นวิทยากรประจำวันอังคาร ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ออกอากาศแล้ว ได้รับแต่งตั้งให้เป็นโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเป็นนักวิชาการบนเวทีที่พูดในประเด็นกรณีเขาพระวิหาร เมื่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ชื่อการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน พ.ศ. 2554 คู่กับเทพมนตรี ลิมปพยอม ในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปานเทพได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 พร้อมกับ ประพันธ์ คูณมี และเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2555 ปานเทพได้ ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ว่าอเมริกามีโครงการ H.A.A.R.P. เป็นการยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ แล้วสะท้อนกลับมายังผิวโลก ทำให้เกิดภัยธรรมชาติต่างๆ ในพื้นที่ตามที่ต้องการได้ เพื่อใช้เป็นอาวุธกำจัดศัตรูแบบใหม่ ผลงานหนังสือ บันทึกลับ 2540 ประเทศไทยได้รับบทเรียนอะไรจากการปิด 56 สถาบันการเงินเป็นการถาวร ผ่าทางตันแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กฟผ. บทเรียนขายหุ้นชินคอร์ป ระเบียบ ก.ล.ต. -ภาษี-จริยธรรม สงครามจิตวิทยาราคาน้ำมัน มหกรรมผลประโยชน์ทับซ้อน 33 ประเด็นถาม-ตอบ ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน คำเตือนสุดท้าย ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน cr: http://www.cannhealth.in.th : บ้านคนดัง Celebrity Homes 4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 348 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันจะไม่มอบข้อเสนอวอชิงตันให้คำรับประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครนหรือมอบสถานภาพสมาชิกนาโตสำหรับเคียฟ ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เตรียมเดินทางเยือนอเมริกา เพื่อปิดดีลเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติ
    .
    ทรัมป์ ผู้ซึ่งพลิกกลับนโยบายของสหรัฐฯ ด้วยการเลียบเคียงทาบทามไปยังรัสเซีย และหาทางยุติสงครามที่ยืดเยื้อมา 3 ปีอย่างรวดเร็ว บอกด้วยว่าบรรดาพันธมิตรยุโรปจะต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบด้านความมั่นคงของยูเครน
    .
    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ณ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าเซเลนสกี จะเดินทางมาเยือนในวันศุกร์ (28 ก.พ.) และลงนามในข้อตกลง หลังสหรัฐฯ ยกระดับกดดันอย่างหนักหน่วงให้ส่งมอบแร่แรเอิร์ธที่ใช้ในด้านการบินและอวกาศ รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ
    .
    "มันเป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมสำหรับยูเครน ด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาจะมีเราอยู่ที่นั่น" ทรัมป์ "เราจะไปอยู่ในภาคสนาม และคุณก็รู้ ในแนวทางดังกล่าว มันเป็นรูปแบบของความมั่นคงโดยอัตโนมัติ เพราจะไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับคนของเรา เมื่อเราอยู่ที่นั่น" ทรัมป์กล่าว
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะมอบคำรับประกันด้านความมั่นคงอย่างเป็นทางการเพิ่มเติม ตามข้อเรียกร้องของเคียฟ "ผมจะไม่รับประกันด้านความมั่นคงที่เลยเถิดมากเกินไป" ประธานาธิบดีอเมริกากล่าว "เราจะมียุโรปทำหน้าที่นั้น ยุโรปคือเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันของพวกเขา แต่เราจะทำให้แน่ใจว่าทุกๆ อย่างจะดำเนินไปด้วยดี"
    .
    เมื่อถูกถามว่าการประนีประนอมใดที่จำเป็นสำหรับยุติสงคราม ทรัมป์ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะเข้าเป็นสมาชิกนาโต และเน้นย้ำจุดยืนของรัสเซีย ที่เคยบอกว่าประเด็นนี้อยู่เบื้องหลังการรุกรานของพวกเขา "สำหรับนาโต คุณลืมมันไปได้เลย" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว "ผมคิดว่าบางทีมันอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกสิ่งอย่างเริ่มต้นขึ้น"
    .
    อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน สนับสนุนยูเครน ว่าในท้ายที่สุดแล้วควรได้เป็นสมาชิกนาโต อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เสนอกรอบเวลาที่เป็นรูปธรรมใดๆ
    .
    สหรัฐฯ ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) เปลี่ยนฝั่งเลือกยืนอยู่ข้างรัสเซีย ณ เวทีสหประชาชาติ และอยู่ตรงข้ามกับบรรดาพันธมิตรยุโรปเกือบทั้งหมด ด้วยการสนับสนุนญัตติหนึ่งที่เรียกร้องให้ยุติสงคราม โดยปราศจากการเน้นย้ำบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน
    .
    "เรากำลังทำอย่างดีที่สุด เพื่อให้เราสามารถทำข้อตกลงที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ สำหรับ 2 ฝ่าย" ทรัมป์บอกในวันพุธ (26 ก.พ.) "แต่สำหรับยูเครน เรากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อทำข้อตกลงที่ดี เพื่อที่พวกเขาได้อะไรกลับคืนมามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
    .
    ทรัมป์ กล่าวอ้างว่าแนวทางด้านการทูตของเขา ได้กระตุ้นเจตนารมณ์แห่งการประนีประนอมของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่ก่อนหน้านี้ตั้งการเอาทุกสิ่งทุกอย่างในยูเครน "เขาเป็นคนฉลาดมาก เขาเป็นคนฉลาดแกมโกงสุดๆ" ทรัมป์พูดถึงปูติน "ผมคิดว่าเรากำลังมีข้อตกลง ถ้าผมไม่ได้รับเลือกตั้ง ผมเชื่อว่าเขาจะยังคงเดินหน้าลุยไปทั่วยูเครน"
    .
    ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) บอกกับ ทรัมป์ ว่าบรรดาชาติยุโรปกำลังพิจารณาส่งทหารเข้าไปปกป้องข้อตกลงใดๆ แต่การสนับสนุนของสหรัฐฯ เป็นสิ่งสำคัญ ในแนวทางรับประกันความมั่นคง
    .
    คาดหมายว่า เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร จะส่งสารแบบเดียวกันนี้ ครั้งที่เขามีกำหนดพบปะกับ ทรัมป์ ในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000019217
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันจะไม่มอบข้อเสนอวอชิงตันให้คำรับประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครนหรือมอบสถานภาพสมาชิกนาโตสำหรับเคียฟ ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เตรียมเดินทางเยือนอเมริกา เพื่อปิดดีลเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติ . ทรัมป์ ผู้ซึ่งพลิกกลับนโยบายของสหรัฐฯ ด้วยการเลียบเคียงทาบทามไปยังรัสเซีย และหาทางยุติสงครามที่ยืดเยื้อมา 3 ปีอย่างรวดเร็ว บอกด้วยว่าบรรดาพันธมิตรยุโรปจะต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบด้านความมั่นคงของยูเครน . ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ณ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าเซเลนสกี จะเดินทางมาเยือนในวันศุกร์ (28 ก.พ.) และลงนามในข้อตกลง หลังสหรัฐฯ ยกระดับกดดันอย่างหนักหน่วงให้ส่งมอบแร่แรเอิร์ธที่ใช้ในด้านการบินและอวกาศ รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ . "มันเป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมสำหรับยูเครน ด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาจะมีเราอยู่ที่นั่น" ทรัมป์ "เราจะไปอยู่ในภาคสนาม และคุณก็รู้ ในแนวทางดังกล่าว มันเป็นรูปแบบของความมั่นคงโดยอัตโนมัติ เพราจะไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับคนของเรา เมื่อเราอยู่ที่นั่น" ทรัมป์กล่าว . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะมอบคำรับประกันด้านความมั่นคงอย่างเป็นทางการเพิ่มเติม ตามข้อเรียกร้องของเคียฟ "ผมจะไม่รับประกันด้านความมั่นคงที่เลยเถิดมากเกินไป" ประธานาธิบดีอเมริกากล่าว "เราจะมียุโรปทำหน้าที่นั้น ยุโรปคือเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันของพวกเขา แต่เราจะทำให้แน่ใจว่าทุกๆ อย่างจะดำเนินไปด้วยดี" . เมื่อถูกถามว่าการประนีประนอมใดที่จำเป็นสำหรับยุติสงคราม ทรัมป์ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะเข้าเป็นสมาชิกนาโต และเน้นย้ำจุดยืนของรัสเซีย ที่เคยบอกว่าประเด็นนี้อยู่เบื้องหลังการรุกรานของพวกเขา "สำหรับนาโต คุณลืมมันไปได้เลย" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว "ผมคิดว่าบางทีมันอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกสิ่งอย่างเริ่มต้นขึ้น" . อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน สนับสนุนยูเครน ว่าในท้ายที่สุดแล้วควรได้เป็นสมาชิกนาโต อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เสนอกรอบเวลาที่เป็นรูปธรรมใดๆ . สหรัฐฯ ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) เปลี่ยนฝั่งเลือกยืนอยู่ข้างรัสเซีย ณ เวทีสหประชาชาติ และอยู่ตรงข้ามกับบรรดาพันธมิตรยุโรปเกือบทั้งหมด ด้วยการสนับสนุนญัตติหนึ่งที่เรียกร้องให้ยุติสงคราม โดยปราศจากการเน้นย้ำบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน . "เรากำลังทำอย่างดีที่สุด เพื่อให้เราสามารถทำข้อตกลงที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ สำหรับ 2 ฝ่าย" ทรัมป์บอกในวันพุธ (26 ก.พ.) "แต่สำหรับยูเครน เรากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อทำข้อตกลงที่ดี เพื่อที่พวกเขาได้อะไรกลับคืนมามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" . ทรัมป์ กล่าวอ้างว่าแนวทางด้านการทูตของเขา ได้กระตุ้นเจตนารมณ์แห่งการประนีประนอมของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่ก่อนหน้านี้ตั้งการเอาทุกสิ่งทุกอย่างในยูเครน "เขาเป็นคนฉลาดมาก เขาเป็นคนฉลาดแกมโกงสุดๆ" ทรัมป์พูดถึงปูติน "ผมคิดว่าเรากำลังมีข้อตกลง ถ้าผมไม่ได้รับเลือกตั้ง ผมเชื่อว่าเขาจะยังคงเดินหน้าลุยไปทั่วยูเครน" . ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) บอกกับ ทรัมป์ ว่าบรรดาชาติยุโรปกำลังพิจารณาส่งทหารเข้าไปปกป้องข้อตกลงใดๆ แต่การสนับสนุนของสหรัฐฯ เป็นสิ่งสำคัญ ในแนวทางรับประกันความมั่นคง . คาดหมายว่า เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร จะส่งสารแบบเดียวกันนี้ ครั้งที่เขามีกำหนดพบปะกับ ทรัมป์ ในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000019217 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2217 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนโวย ไต้หวันพยายามยกอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ให้อเมริกาเป็น “ของที่ระลึก” โดยขอแลกกับการได้รับสนับสนุนให้เป็นเอกราชจากวอชิงตัน
    .
    ก่อนหน้านี้สื่ออเมริกันรายงานว่า ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง (ทีเอสเอ็มซี) บริษัทที่เป็นกิจการรับจ้างผลิตชิปแบบมีสัญญาผูกมัดรายใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นซัปพลายเออร์สำคัญของบริษัทมากมาย เช่น แอปเปิล และเอ็นวีเดีย กำลังเจรจาเพื่อเข้าถือหุ้นในอินเทล กิจการเซมิคอนดักเตอร์อเมริกันซึ่งเคยเป็นบิ๊กยักษ์
    .
    ทั้งเอสเอ็มซีและอินเทลต่างไม่ยืนยันข่าวดังกล่าว ขณะที่ทางการไทเปบอกว่า ไม่ได้รับข้อมูลว่า มีการยื่นขออนุญาตลงทุนนอกประเทศจากทีเอสเอ็มซีแต่อย่างใด
    .
    ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยวิจารณ์ว่า ไต้หวันขโมยธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ไปจากอเมริกา และต้องการให้บริษัทแห่งนี้เข้าไปผลิตในอเมริกาเพิ่มขึ้น
    .
    ในนพุธ (26 ก.พ.) ที่ปักกิ่ง จู เฟิงเหลียน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวตามปกติ ว่า คนไต้หวันกังวลว่า ทีเอสเอ็มซีจะกลายเป็นยูไนเต็ด สเตทส์ เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง
    .
    จูเสริมว่า เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเจ้าหน้าที่พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของไต้หวัน เร่งเร้ามหาอำนาจต่างชาติโดยใช้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และบริษัททรงอิทธิพลในท้องถิ่นเป็นเครื่องมือ เพื่อไปสู่เป้าหมายในการพึ่งพิงต่างชาติมาประกาศเอกราชของไต้หวัน และแม้กระทั่งยอมยกบริษัทเหล่านั้นเป็นของที่ระลึกให้ต่างชาติ ทั้งนี้การขายชาติของบุคคลเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่อเมริกาต้องการพอดิบพอดี
    .
    ทางด้านสภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน ได้ออกมาแถลงตอบโต้ว่า ทีเอสเอ็มซีเป็นบริษัทไต้หวันที่มีความสำคัญ และเพื่อรับมือความท้าทายจากนโยบายใหม่ของทรัมป์ต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และทีเอสเอ็มซี รัฐบาลจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้ประกอบการเพื่อรักษาสถานะผู้นำเทคโนโลยีขั้นสูงของไต้หวัน
    .
    อีกด้านหนึ่ง ในการแถลงข่าวครั้งนี้ จูยังกล่าวหาว่า ไต้หวันปั้นเรื่องให้ร้ายจีนว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่สายเคเบิลสื่อสารใต้ทะเลบริเวณหมู่เกาะเผิงหูขาดเมื่อเร็วๆ นี้
    .
    ทั้งนี้ หน่วยยามฝั่งไต้หวันได้กักเรือสินค้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจีนลำหนึ่งเอาไว้เมื่อวันอังคาร (25 ก.พ.) หลังจากเคเบิลใต้น้ำบริเวณใกล้หมู่เกาะเผิงหู ในช่องแคบไต้หวันขาด
    .
    จูแถลงกับพวกผู้สื่อข่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเคเบิลใต้น้ำบริเวณดังกล่าวเกิดจากอุบัติเหตุทางทะเลทั่วไปที่เกิดขึ้นปีละเป็นร้อยครั้งทั่วโลก ทว่า ขณะที่ยังไม่มีการระบุข้อเท็จจริงพื้นฐานและผู้ที่ต้องรับผิดชอบจากอุบัติเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่พรรคดีพีพีกลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายเกินจริงเพื่อพยายามปลุกปั่นทางการเมือง
    .
    ไต้หวันแสดงความกังวลอย่างมาก หลังจากเรือที่มีความเชื่อมโยงกับจีนก็ถูกสงสัยว่า ทำให้เคเบิลใต้น้ำอีกจุดเสียหายก่อนหน้านี้ กระตุ้นให้กองทัพเรือและหน่วยงานอื่นๆ ของไต้หวันประกาศงยกระดับการปกป้องเคเบิลสื่อสารใต้ทะเลซึ่งมีความสำคัญในการติดต่อระหว่างไต้หวันกับโลกภายนอก
    .
    นอกจากนั้น ไต้หวันยังอ้างอิงเหตุการณ์ทำนองเดียวกันกันนี้ซึ่งเกิดขึ้นในทะเลบอลติก ภายหลังรัสเซียรุกรานยูเครน
    .
    ไม่เพียงเท่านี้ ไต้หวันยังโวยเรื่องที่หน่วยยามฝั่งของจีนออกตรวจการณ์บ่อยครั้งในน่านน้ำรอบหมู่เกาะจินเหมิน ที่อยู่ในความควบคุมของไต้หวัน แต่อยู่ใกล้เมืองเซี่ยเหมิน และกว่างโจวของจีนมาก
    .
    ทว่า จีนยืนยันว่า การตรวจการณ์ดังกล่าวเป็นปฏิบัติการปกติเพื่อบังคับใช้กฎหมายและเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่แล้วตอนที่ชาวจีนสองคนเสียชีวิตขณะพยายามหนีหน่วยยามฝั่งไต้หวันหลังจากเรือของทั้งคู่เข้าสู่น่านน้ำหวงห้ามใกล้หมู่เกาะจินเหมิน
    .
    อย่างไรก็ดี เมื่อวันพุธหน่วยยามฝั่งไต้หวันกล่าวหาว่า จีนตรวจการณ์บริเวณดังกล่าวเฉลี่ยเดือนละ 4 ครั้ง ซึ่งรูปแบบเส้นทางฟ้องว่า เป็นการล่วงละเมิดที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ไม่ใช่การตรวจสอบเพื่อบังคับใช้กฎหมาย และส่งผลกระทบไม่เพียงสถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันเท่านั้น แต่ยังบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคด้วย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000019213
    ..............
    Sondhi X
    จีนโวย ไต้หวันพยายามยกอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ให้อเมริกาเป็น “ของที่ระลึก” โดยขอแลกกับการได้รับสนับสนุนให้เป็นเอกราชจากวอชิงตัน . ก่อนหน้านี้สื่ออเมริกันรายงานว่า ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง (ทีเอสเอ็มซี) บริษัทที่เป็นกิจการรับจ้างผลิตชิปแบบมีสัญญาผูกมัดรายใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นซัปพลายเออร์สำคัญของบริษัทมากมาย เช่น แอปเปิล และเอ็นวีเดีย กำลังเจรจาเพื่อเข้าถือหุ้นในอินเทล กิจการเซมิคอนดักเตอร์อเมริกันซึ่งเคยเป็นบิ๊กยักษ์ . ทั้งเอสเอ็มซีและอินเทลต่างไม่ยืนยันข่าวดังกล่าว ขณะที่ทางการไทเปบอกว่า ไม่ได้รับข้อมูลว่า มีการยื่นขออนุญาตลงทุนนอกประเทศจากทีเอสเอ็มซีแต่อย่างใด . ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยวิจารณ์ว่า ไต้หวันขโมยธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ไปจากอเมริกา และต้องการให้บริษัทแห่งนี้เข้าไปผลิตในอเมริกาเพิ่มขึ้น . ในนพุธ (26 ก.พ.) ที่ปักกิ่ง จู เฟิงเหลียน โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน กล่าวระหว่างการแถลงข่าวตามปกติ ว่า คนไต้หวันกังวลว่า ทีเอสเอ็มซีจะกลายเป็นยูไนเต็ด สเตทส์ เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง . จูเสริมว่า เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเจ้าหน้าที่พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของไต้หวัน เร่งเร้ามหาอำนาจต่างชาติโดยใช้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และบริษัททรงอิทธิพลในท้องถิ่นเป็นเครื่องมือ เพื่อไปสู่เป้าหมายในการพึ่งพิงต่างชาติมาประกาศเอกราชของไต้หวัน และแม้กระทั่งยอมยกบริษัทเหล่านั้นเป็นของที่ระลึกให้ต่างชาติ ทั้งนี้การขายชาติของบุคคลเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่อเมริกาต้องการพอดิบพอดี . ทางด้านสภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน ได้ออกมาแถลงตอบโต้ว่า ทีเอสเอ็มซีเป็นบริษัทไต้หวันที่มีความสำคัญ และเพื่อรับมือความท้าทายจากนโยบายใหม่ของทรัมป์ต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และทีเอสเอ็มซี รัฐบาลจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้ประกอบการเพื่อรักษาสถานะผู้นำเทคโนโลยีขั้นสูงของไต้หวัน . อีกด้านหนึ่ง ในการแถลงข่าวครั้งนี้ จูยังกล่าวหาว่า ไต้หวันปั้นเรื่องให้ร้ายจีนว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่สายเคเบิลสื่อสารใต้ทะเลบริเวณหมู่เกาะเผิงหูขาดเมื่อเร็วๆ นี้ . ทั้งนี้ หน่วยยามฝั่งไต้หวันได้กักเรือสินค้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจีนลำหนึ่งเอาไว้เมื่อวันอังคาร (25 ก.พ.) หลังจากเคเบิลใต้น้ำบริเวณใกล้หมู่เกาะเผิงหู ในช่องแคบไต้หวันขาด . จูแถลงกับพวกผู้สื่อข่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเคเบิลใต้น้ำบริเวณดังกล่าวเกิดจากอุบัติเหตุทางทะเลทั่วไปที่เกิดขึ้นปีละเป็นร้อยครั้งทั่วโลก ทว่า ขณะที่ยังไม่มีการระบุข้อเท็จจริงพื้นฐานและผู้ที่ต้องรับผิดชอบจากอุบัติเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่พรรคดีพีพีกลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายเกินจริงเพื่อพยายามปลุกปั่นทางการเมือง . ไต้หวันแสดงความกังวลอย่างมาก หลังจากเรือที่มีความเชื่อมโยงกับจีนก็ถูกสงสัยว่า ทำให้เคเบิลใต้น้ำอีกจุดเสียหายก่อนหน้านี้ กระตุ้นให้กองทัพเรือและหน่วยงานอื่นๆ ของไต้หวันประกาศงยกระดับการปกป้องเคเบิลสื่อสารใต้ทะเลซึ่งมีความสำคัญในการติดต่อระหว่างไต้หวันกับโลกภายนอก . นอกจากนั้น ไต้หวันยังอ้างอิงเหตุการณ์ทำนองเดียวกันกันนี้ซึ่งเกิดขึ้นในทะเลบอลติก ภายหลังรัสเซียรุกรานยูเครน . ไม่เพียงเท่านี้ ไต้หวันยังโวยเรื่องที่หน่วยยามฝั่งของจีนออกตรวจการณ์บ่อยครั้งในน่านน้ำรอบหมู่เกาะจินเหมิน ที่อยู่ในความควบคุมของไต้หวัน แต่อยู่ใกล้เมืองเซี่ยเหมิน และกว่างโจวของจีนมาก . ทว่า จีนยืนยันว่า การตรวจการณ์ดังกล่าวเป็นปฏิบัติการปกติเพื่อบังคับใช้กฎหมายและเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีที่แล้วตอนที่ชาวจีนสองคนเสียชีวิตขณะพยายามหนีหน่วยยามฝั่งไต้หวันหลังจากเรือของทั้งคู่เข้าสู่น่านน้ำหวงห้ามใกล้หมู่เกาะจินเหมิน . อย่างไรก็ดี เมื่อวันพุธหน่วยยามฝั่งไต้หวันกล่าวหาว่า จีนตรวจการณ์บริเวณดังกล่าวเฉลี่ยเดือนละ 4 ครั้ง ซึ่งรูปแบบเส้นทางฟ้องว่า เป็นการล่วงละเมิดที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ไม่ใช่การตรวจสอบเพื่อบังคับใช้กฎหมาย และส่งผลกระทบไม่เพียงสถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันเท่านั้น แต่ยังบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคด้วย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000019213 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2223 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรือประมงเวียดนามหันหัวพุ่งชน "เรือหลวงเทพา" กองทัพเรือพังเสียหาย หลังพยายามเข้าไปจับกุมรุกลํ้าน่านนํ้าไทยเข้ามาทำประมงนับ 10 ลำ ก่อนจับเรือได้ 1 ลำ ผู้ต้องหา 4 คน ที่เหลือหลบหนีไปได้
    .
    เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่บริเวณท่าเรืออเนกประสงค์ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เรือหลวงเทพา และเรือต.246 ลากเรือประมงต่างชาติ 1 ลำ พร้อมลูกเรือประมงจำนวน 4 คน มาเทียบท่าเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ หลังถูกจับกุมได้ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย เมื่อเช้าวันนี้ โดยมี พล.ร.ท.อาภา ชพานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1/ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย พล.ร.ต.ไชยนันท์ ชูใหม่ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และคณะ ร่วมให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนที่มาติดตามสถานการณ์
    .
    พล.ร.ท.อาภา เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) บูรณาการร่วมกับ ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน (มชด.) รวมถึงการประสานงานด้านการข่าวร่วมกับ กรมข่าวทหารเรือ (ขว.ทร.) จากการปฏิบัติการด้านการข่าวนำไปสู่การจับกุมเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้าทำการประมงในเขตน่านน้ำไทยจำนวน 1 ลำ
    .
    โดยเมื่อ 24 ก.พ. ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว กรณีตรวจพบเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย โดยตรวจพบเป็นกลุ่มเรือประมงต่างชาติ จำนวนประมาณ 10 ลำ ประกอบด้วยเรือประมงลากคู่ เรืออวนล้อม และเรือไดปั่นไฟ เข้ามาทำการประมงอยู่ในน่านน้ำไทย บริเวณพิกัด ละติจูด 11 องศา 06 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 26 ลิปดาตะวันออก ลงไปจนถึง ละติจูด 10 องศา 58 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 25 ลิปดาตะวันออก อย่างต่อเนื่อง และมีพฤติการณ์รุกล้ำเข้ามาทำประมงในห้วงเวลากลางคืนในพื้นที่ดังกล่าว และจะออกจากพื้นที่วิ่งลงใต้ไปจอดพักคอยในเวลากลางวัน เพื่อรอทำการประมงในห้วงกลางคืนของทุกวัน
    .
    จากปัจจัยพื้นที่และเวลา ศรชล.ภาค 1 จึงขอรับการสนับสนุนเรือในบัญชีกำลัง ศรชล.ภาค 1 จาก กปช.จต. โดยเป็นเรือใน มชด./1 และอากาศยานจาก มวบ.กปก.ทรภ.1 ในการตรวจสอบในพื้นที่และกลุ่มเรือประมงดังกล่าว ซึ่ง กปช.จต. ให้การสนับสนุน ร.ล.เทพา และ เรือ ต.264 พร้อมด้วย ทรภ.1 จัด บ.ตช.1 สนับสนุน ศรชล.ภาค 1 และผลการปฏิบัติ จับกุมเรือประมงต่างชาติ ได้จำนวน 1 ลำ พร้อม ลูกเรือจำนวน 4 คน ส่วนที่เหลือเร่งเครื่องและหันทิศทางหนีออกนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทยไปได้
    .
    พล.ร.ท.อาภา ตอบคำถามสื่อมวลชนเพิ่มเติมกรณีที่มีเรือประมงเวียดนามทำการชนเรือหลวงเทพา ว่า ระหว่างทำการจับกุมนั้น เรือประมงเวียดนามหลายลำได้เร่งเครื่องยนต์และหลบหนีไปนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่มีเรือประมงเวียดนามอีกลำที่หลบหนีไม่ทัน ได้หันหัวเรือพุ่งเข้าชนเรือหลวงเทพาที่บริเวณด้านข้างเรือด้านขวา ทำให้ยุบไปส่วนหนึ่ง แต่ไม่มากนัก แต่สุดท้ายถูกจับได้พร้อมลูกเรือ 4 คน ส่วนก่อนการจับกุมได้ทำการยิงปืนเอ็ม 16 ขู่ เพื่อให้หยุดการหลบหนี ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ดำเนินการตามหลักสากล
    .
    ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อไป โดยก่อนหน้านี้ เรือประมงเวียดนามได้เข้ามาลักลอบทำประมงในเขตน่านน้ำไทยบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ทัพเรือภาค 2 หรืออ่าวไทยตอนล่าง ซึ่งได้มีการจับกุมบ่อยครั้ง และครั้งนี้ ได้เข้ามายังพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ซึ่งเหนือขึ้นมา และครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในปี 2568 ที่มีการจับกุมได้ของพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะได้ทำหนังสือแจ้งไปยังรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศให้ประสานไปยังรัฐบาลเวียดนามในการดูแลในเรื่องนี้ต่อไป
    .
    สุดท้ายศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมง ในความร่วมมือที่ได้แจ้งเบาะแสของเรือที่กระทำความผิด และขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและชาวประมงไทยว่า “ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 นั้น เราจะปกป้อง และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มความสามารถ โดยมิยอมให้เรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรในการทำการประมงเป็นอันขาด ทั้งนี้เพื่อให้ทรัพยากรของประเทศไทย คงอยู่กับลูกหลานของคนไทย”
    ---------
    ที่มา : เดลินิวส์
    ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4436420/
    เรือประมงเวียดนามหันหัวพุ่งชน "เรือหลวงเทพา" กองทัพเรือพังเสียหาย หลังพยายามเข้าไปจับกุมรุกลํ้าน่านนํ้าไทยเข้ามาทำประมงนับ 10 ลำ ก่อนจับเรือได้ 1 ลำ ผู้ต้องหา 4 คน ที่เหลือหลบหนีไปได้ . เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่บริเวณท่าเรืออเนกประสงค์ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เรือหลวงเทพา และเรือต.246 ลากเรือประมงต่างชาติ 1 ลำ พร้อมลูกเรือประมงจำนวน 4 คน มาเทียบท่าเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ หลังถูกจับกุมได้ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย เมื่อเช้าวันนี้ โดยมี พล.ร.ท.อาภา ชพานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1/ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย พล.ร.ต.ไชยนันท์ ชูใหม่ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และคณะ ร่วมให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนที่มาติดตามสถานการณ์ . พล.ร.ท.อาภา เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) บูรณาการร่วมกับ ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) หมวดเรือลาดตระเวนชายแดน (มชด.) รวมถึงการประสานงานด้านการข่าวร่วมกับ กรมข่าวทหารเรือ (ขว.ทร.) จากการปฏิบัติการด้านการข่าวนำไปสู่การจับกุมเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้าทำการประมงในเขตน่านน้ำไทยจำนวน 1 ลำ . โดยเมื่อ 24 ก.พ. ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าว กรณีตรวจพบเรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย โดยตรวจพบเป็นกลุ่มเรือประมงต่างชาติ จำนวนประมาณ 10 ลำ ประกอบด้วยเรือประมงลากคู่ เรืออวนล้อม และเรือไดปั่นไฟ เข้ามาทำการประมงอยู่ในน่านน้ำไทย บริเวณพิกัด ละติจูด 11 องศา 06 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 26 ลิปดาตะวันออก ลงไปจนถึง ละติจูด 10 องศา 58 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 102 องศา 25 ลิปดาตะวันออก อย่างต่อเนื่อง และมีพฤติการณ์รุกล้ำเข้ามาทำประมงในห้วงเวลากลางคืนในพื้นที่ดังกล่าว และจะออกจากพื้นที่วิ่งลงใต้ไปจอดพักคอยในเวลากลางวัน เพื่อรอทำการประมงในห้วงกลางคืนของทุกวัน . จากปัจจัยพื้นที่และเวลา ศรชล.ภาค 1 จึงขอรับการสนับสนุนเรือในบัญชีกำลัง ศรชล.ภาค 1 จาก กปช.จต. โดยเป็นเรือใน มชด./1 และอากาศยานจาก มวบ.กปก.ทรภ.1 ในการตรวจสอบในพื้นที่และกลุ่มเรือประมงดังกล่าว ซึ่ง กปช.จต. ให้การสนับสนุน ร.ล.เทพา และ เรือ ต.264 พร้อมด้วย ทรภ.1 จัด บ.ตช.1 สนับสนุน ศรชล.ภาค 1 และผลการปฏิบัติ จับกุมเรือประมงต่างชาติ ได้จำนวน 1 ลำ พร้อม ลูกเรือจำนวน 4 คน ส่วนที่เหลือเร่งเครื่องและหันทิศทางหนีออกนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทยไปได้ . พล.ร.ท.อาภา ตอบคำถามสื่อมวลชนเพิ่มเติมกรณีที่มีเรือประมงเวียดนามทำการชนเรือหลวงเทพา ว่า ระหว่างทำการจับกุมนั้น เรือประมงเวียดนามหลายลำได้เร่งเครื่องยนต์และหลบหนีไปนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่มีเรือประมงเวียดนามอีกลำที่หลบหนีไม่ทัน ได้หันหัวเรือพุ่งเข้าชนเรือหลวงเทพาที่บริเวณด้านข้างเรือด้านขวา ทำให้ยุบไปส่วนหนึ่ง แต่ไม่มากนัก แต่สุดท้ายถูกจับได้พร้อมลูกเรือ 4 คน ส่วนก่อนการจับกุมได้ทำการยิงปืนเอ็ม 16 ขู่ เพื่อให้หยุดการหลบหนี ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ดำเนินการตามหลักสากล . ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะดำเนินการอย่างเข้มงวดต่อไป โดยก่อนหน้านี้ เรือประมงเวียดนามได้เข้ามาลักลอบทำประมงในเขตน่านน้ำไทยบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ทัพเรือภาค 2 หรืออ่าวไทยตอนล่าง ซึ่งได้มีการจับกุมบ่อยครั้ง และครั้งนี้ ได้เข้ามายังพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ซึ่งเหนือขึ้นมา และครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในปี 2568 ที่มีการจับกุมได้ของพื้นที่ทัพเรือภาค 1 ทั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะได้ทำหนังสือแจ้งไปยังรัฐบาล และกระทรวงการต่างประเทศให้ประสานไปยังรัฐบาลเวียดนามในการดูแลในเรื่องนี้ต่อไป . สุดท้ายศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมง ในความร่วมมือที่ได้แจ้งเบาะแสของเรือที่กระทำความผิด และขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนและชาวประมงไทยว่า “ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 นั้น เราจะปกป้อง และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มความสามารถ โดยมิยอมให้เรือประมงต่างชาติรุกล้ำเข้ามาแย่งชิงทรัพยากรในการทำการประมงเป็นอันขาด ทั้งนี้เพื่อให้ทรัพยากรของประเทศไทย คงอยู่กับลูกหลานของคนไทย” --------- ที่มา : เดลินิวส์ ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/4436420/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันจันทร์(24ก.พ.) ระบุจะเดินหน้ามาตรการรีดภาษีแคนาดาและเม็กซิโก ตามแผนที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ คำประกาศต่อหน้าพวกผู้สื่อข่าว ตามหลังพบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ที่เรียกร้องให้ "แข่งขันอย่างยุติธรรม" ในด้านการค้า

    การพูดคุยระหว่างผู้นำทั้ง 2 ซึ่งมุ่งเน้นเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ ขู่เล่นงานทั้งมิตรและศัตรูไม่ต่างกัน ด้วยมาตรการรีดภาษีสูงลิ่ว กระตุ้นให้เกิดการเจรจาต่อรองกันวุ่นวายไปหมด

    ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์แถลงรีดภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก สูงสุด 25% อ้างถึงประเด็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและการไหลบ่าเข้ามาของยาเฟนทานิลที่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตามเขาประกาศชะลอรีดภาษีในนาทีสุดท้ายเป็นเวลา 1 เดือน เปิดทางให้มีการเดินหน้าเจรจา

    การชะลอขึ้นภาษีมีกำหนดหมดอายุลงในวันอังคารหน้า(4มี.ค.) และทุกสายตาพากันจับจ้องว่า 2 ชาติเพื่อนบ้านในอเมริกาเหนือจะสามารถบรรลุข้อตกลงหลีกเลี่ยงบับคับใช้มาตรการรีดภาษีได้หรือไม่ ในขณะที่มันอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในภาคสำคัญๆ อย่างเช่นการผลิตรถยนต์

    "มาตรการรีดภาษีกำลังเดินหน้าไปตามกรอบเวลา เป็นไปตามกำหนด" ทรัมป์ แถลงกับผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(24ก.พ.) นอกจากนั้นแล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯเน้นย้ำด้วยว่าวอชิงตันกำลังหาทางเรียกเก็บภาษีตอบโต้กับประเทศอื่นๆด้วย "ถ้าใครชาร์จภาษีเรา เราก็จะชาร์จพวกเขา"

    คำประกาศนี้มีขึ้นในขณะที่ มาครง เรียกร้อง ทรัมป์ สำหรับ "การแข่งขันทางการค้าที่ยุติธรรม" และการลงทุนตอบแทนซึ่งกันและกันเพิ่มเติม โดยเน้นย้ำว่าเศรษฐกิจของอเมริกาและยุโรปผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018394
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันจันทร์(24ก.พ.) ระบุจะเดินหน้ามาตรการรีดภาษีแคนาดาและเม็กซิโก ตามแผนที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ คำประกาศต่อหน้าพวกผู้สื่อข่าว ตามหลังพบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ที่เรียกร้องให้ "แข่งขันอย่างยุติธรรม" ในด้านการค้า การพูดคุยระหว่างผู้นำทั้ง 2 ซึ่งมุ่งเน้นเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ ขู่เล่นงานทั้งมิตรและศัตรูไม่ต่างกัน ด้วยมาตรการรีดภาษีสูงลิ่ว กระตุ้นให้เกิดการเจรจาต่อรองกันวุ่นวายไปหมด ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์แถลงรีดภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก สูงสุด 25% อ้างถึงประเด็นคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและการไหลบ่าเข้ามาของยาเฟนทานิลที่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตามเขาประกาศชะลอรีดภาษีในนาทีสุดท้ายเป็นเวลา 1 เดือน เปิดทางให้มีการเดินหน้าเจรจา การชะลอขึ้นภาษีมีกำหนดหมดอายุลงในวันอังคารหน้า(4มี.ค.) และทุกสายตาพากันจับจ้องว่า 2 ชาติเพื่อนบ้านในอเมริกาเหนือจะสามารถบรรลุข้อตกลงหลีกเลี่ยงบับคับใช้มาตรการรีดภาษีได้หรือไม่ ในขณะที่มันอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในภาคสำคัญๆ อย่างเช่นการผลิตรถยนต์ "มาตรการรีดภาษีกำลังเดินหน้าไปตามกรอบเวลา เป็นไปตามกำหนด" ทรัมป์ แถลงกับผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(24ก.พ.) นอกจากนั้นแล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯเน้นย้ำด้วยว่าวอชิงตันกำลังหาทางเรียกเก็บภาษีตอบโต้กับประเทศอื่นๆด้วย "ถ้าใครชาร์จภาษีเรา เราก็จะชาร์จพวกเขา" คำประกาศนี้มีขึ้นในขณะที่ มาครง เรียกร้อง ทรัมป์ สำหรับ "การแข่งขันทางการค้าที่ยุติธรรม" และการลงทุนตอบแทนซึ่งกันและกันเพิ่มเติม โดยเน้นย้ำว่าเศรษฐกิจของอเมริกาและยุโรปผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018394 .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2090 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ (IMF) อัพเดทเมื่อเดือนมกราคม 2025

    "เศรษฐกิจรัสเซียเติบโต 3.8% ในขณะที่ต้องทำสงครามกับยูเครนต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และกำลังเข้าสู่ปีที่ 4"

    ขณะเดียวกันเศรษฐกิจเยอรมนีเติบโตติดลบที่ -0.2 %
    ฝรั่งเศส 1.1%
    อิตาลี 0.6%
    อังกฤษ 0.9%

    https://www.imf.org/en/Publications/WEO/Issues/2025/01/17/world-economic-outlook-update-january-2025
    ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ (IMF) อัพเดทเมื่อเดือนมกราคม 2025 "เศรษฐกิจรัสเซียเติบโต 3.8% ในขณะที่ต้องทำสงครามกับยูเครนต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และกำลังเข้าสู่ปีที่ 4" ขณะเดียวกันเศรษฐกิจเยอรมนีเติบโตติดลบที่ -0.2 % ฝรั่งเศส 1.1% อิตาลี 0.6% อังกฤษ 0.9% https://www.imf.org/en/Publications/WEO/Issues/2025/01/17/world-economic-outlook-update-january-2025
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ก่อนหน้าวาระครบ 3 ปีแห่งการรุกรานของรัสเซีย ระบุเขาพร้อมลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน หากมันหมายความว่านาโตจะอ้าแขนรับเคียฟเข้าสู่พันธมิตรทหารแห่งนี้
    .
    เซเลนสกี ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดจากรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ บอกด้วยว่าเขาต้องการพูดคุยกับโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีอเมริกา จะมีการประชุมร่วมกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
    .
    ที่ผ่านมา เซเลนสกี เรียกร้องให้ยูเครนได้รับการอนุมัติสถานภาพความเป็นสมาชิกของนาโต ส่วนหนึ่งในข้อตกลงใดๆ ในการยุติสงคราม แต่พันธมิตรทหารแห่งนี้ที่นำโดยวอชิงตันลังเลที่จะรับปากในเรื่องดังกล่าว "ถ้ามันก่อสันติภาพสำหรับยูเครน ถ้าคุณอยากให้ผมออกจากตำแหน่งของผมจริงๆ ผมก็พร้อม" เซเลสกีกล่าวระหว่างแถลงข่าวในกรุงเคียฟ "ผมสามารถแลกมันกับนาโต"
    .
    เซเลนสกีและทรัมป์ ทำสงครามน้ำลายกันมาตั้งแต่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และรัสเซียพบปะกันในซาอุดีอาระเบียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นการพูดคุยในระดับสูงเป็นครั้งแรกระหว่าง 2 ชาติในรอบกว่า 3 ปี ความเคลื่อนไหวนี้บ่อนทำลายนโยบายโดดเดี่ยวเครมลินของตะวันตก และก่อความขุ่นเคืองแก่พวกผู้นำยูเครนและยุโรปที่ถูกกีดกันออกจากโต๊ะเจรจา
    .
    ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทรัมป์ ตราหน้า เซเลนสกี ว่าเป็น "เผด็จการ" และกล่าวหายูเครนเป็นคนเริ่มสงคราม และอ้างว่าผู้นำยูเครนไม่เป็นที่นิยมนักในประเทศ
    .
    ประธานาธิบดีเซเลนสกี บอกว่าเขาไม่รู้สึกขุ่นเคืองต่อความเห็นของทรัมป์ และพร้อมทดสอบคะแนนนิยมของเขาในศึกเลือกตั้ง ครั้งที่กฎอัยการศึกสิ้นสุดลงในยูเครน "สิ่งที่ผมต้องการจากทรัมป์ คืออยากทำความเข้าใจกันและกัน" เขากล่าว พร้อมระบุว่า "การรับประกันความมั่นคง" จากประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก
    .
    ผู้นำยูเครนยังเรียกร้องขอประชุมร่วมกับทรัมป์ ก่อนที่ทรัมป์จะพูดคุยเจรจาใดๆ กับปูติน พร้อมอ้างว่ามีความคืบหน้าในข้อตกลงที่จะเปิดทางให้สหรัฐฯ เข้าถึงทรัพยากรสำคัญๆ ของยูเครน
    .
    ในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) ดูเหมือนว่าพวกผู้นำยุโรปเริ่มปรับท่าทียอมรับความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลงไปในทางภูมิรัฐศาสตร์ ในนั้นรวมถึง ฟรีดริช แมร์ซ ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ที่คว้าชัยในศึกเลือกตั้งเยอรมนี บอกว่าเขาจะให้ความสำคัญลำดับต้นๆ กับศักยภาพการป้องกันตนเองของยุโรป
    .
    ส่วน มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่าเขากำลังตั้งตาคอยทำงานร่วมกับ แมร์ซ ในช่วงเวลาสำคัญแห่งความมั่นคงร่วม "มันเป็นเรื่องสำคัญที่ยุโปต้องยกระดับการใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเอง และความเป็นผู้นำของคุณจะเป็นกุญแจสำคัญ"
    .
    ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส และ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร จะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้ เพื่อเรียกร้องให้เดินหน้าสนับสนุนยูเครนต่อไป
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) วังเครมลินยกย่องการเลียบเคียงทางการทูตระหว่างทรัมป์กับปูติน โดยทางโฆษก ดมิทรี เปสคอฟ เรียกการพูดคุยระหว่างประธานาธิบดีทั้ง 2 ว่ามีความหวัง "มันสำคัญที่ต้องไม่มีอะไรขัดขวางเราจากความเป็นจริงแห่งเจตจำนงทางการเมืองของผู้นำทั้ง 2"
    .
    อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธความเป็นไปได้ใดๆ ที่จะยอมสละดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย ในขณะเดียวกันมอสโกก็ปฏิเสธซ้ำๆ เกี่ยวกับการเข้าเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ประชาชนเหล่านี้ตัดสินใจเข้าร่วมรัสเซียนานแล้ว" อ้างถึงการลงประชามติที่จัดโดยรัสเซีย ในแคว้นต่างๆ ทางตะวันออกของยูเครน ที่ถูกเคียฟ ตะวันตกและพวกนักสังเกตการณ์นานาชาติประณามว่าเป็นประชามติจอมปลอม "ไม่มีใครจะขายดินแดนเหล่านี้ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด"
    .
    ในส่วนของปูติน ได้แสดงความคิดเห็นก่อนวาระครบ 3 ปีของปฏิบัติการพิเศษด้านการทหารของเขาในยูเครน บอกว่า "พระเจ้า" อยู่เบื้องหลังภารกิจปกป้องรัสเซีย "ชะตากรรมปรารถนาเช่นนั้น พระเจ้าก็ปรารถนาเช่นนั้น ผมก็อาจปรารถนาเช่นนั้นเหมือนกัน มันเป็นภารกิจที่ยากลำบากแต่เป็นภารกิจที่ทรงเกียรติในการปกป้องรัสเซีย มันเป็นภาระที่วางอยู่บนบ่าของเราและพวกคุณร่วมกัน" เขาบอกกับกำลังพลที่สู้รบในยูเครน
    .
    ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากกองทัพรัสเซียใช้โดรนโจมตียูเครน มากสุดเท่าที่เคยมีมา จำนวน 267 ลำ ในคืนวันเสาร์ (22 ก.พ.) จนถึงวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) จากคำกล่าวอ้างของกองกำลังเคียฟ อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้วถูกสอยร่วงหรือโดนสกัดไว้ได้ และไม่มีรายงานความเสียหายร้ายแรงใดๆ
    .
    สำนักข่าวทาสส์นิวส์ รายงานว่าคณะผู้แทนทูตสหรัฐฯ และรัสเซีย จะพบปะกันในสัปดาห์หน้า ตามด้วยการเจรจาในกรุงริยาด ระหว่าง เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประทศรัสเซีย และ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วมีรายงานด้วยว่าเวลานี้ ลาฟรอฟ ได้เดินทางถึงตุรกีแล้ว สำหรับพูดคุยกับ ฮาคาน ไฟซาน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีในวันจันทร์ (24 ก.พ.)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017983
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ก่อนหน้าวาระครบ 3 ปีแห่งการรุกรานของรัสเซีย ระบุเขาพร้อมลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน หากมันหมายความว่านาโตจะอ้าแขนรับเคียฟเข้าสู่พันธมิตรทหารแห่งนี้ . เซเลนสกี ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดจากรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ บอกด้วยว่าเขาต้องการพูดคุยกับโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีอเมริกา จะมีการประชุมร่วมกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย . ที่ผ่านมา เซเลนสกี เรียกร้องให้ยูเครนได้รับการอนุมัติสถานภาพความเป็นสมาชิกของนาโต ส่วนหนึ่งในข้อตกลงใดๆ ในการยุติสงคราม แต่พันธมิตรทหารแห่งนี้ที่นำโดยวอชิงตันลังเลที่จะรับปากในเรื่องดังกล่าว "ถ้ามันก่อสันติภาพสำหรับยูเครน ถ้าคุณอยากให้ผมออกจากตำแหน่งของผมจริงๆ ผมก็พร้อม" เซเลสกีกล่าวระหว่างแถลงข่าวในกรุงเคียฟ "ผมสามารถแลกมันกับนาโต" . เซเลนสกีและทรัมป์ ทำสงครามน้ำลายกันมาตั้งแต่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และรัสเซียพบปะกันในซาอุดีอาระเบียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นการพูดคุยในระดับสูงเป็นครั้งแรกระหว่าง 2 ชาติในรอบกว่า 3 ปี ความเคลื่อนไหวนี้บ่อนทำลายนโยบายโดดเดี่ยวเครมลินของตะวันตก และก่อความขุ่นเคืองแก่พวกผู้นำยูเครนและยุโรปที่ถูกกีดกันออกจากโต๊ะเจรจา . ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทรัมป์ ตราหน้า เซเลนสกี ว่าเป็น "เผด็จการ" และกล่าวหายูเครนเป็นคนเริ่มสงคราม และอ้างว่าผู้นำยูเครนไม่เป็นที่นิยมนักในประเทศ . ประธานาธิบดีเซเลนสกี บอกว่าเขาไม่รู้สึกขุ่นเคืองต่อความเห็นของทรัมป์ และพร้อมทดสอบคะแนนนิยมของเขาในศึกเลือกตั้ง ครั้งที่กฎอัยการศึกสิ้นสุดลงในยูเครน "สิ่งที่ผมต้องการจากทรัมป์ คืออยากทำความเข้าใจกันและกัน" เขากล่าว พร้อมระบุว่า "การรับประกันความมั่นคง" จากประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก . ผู้นำยูเครนยังเรียกร้องขอประชุมร่วมกับทรัมป์ ก่อนที่ทรัมป์จะพูดคุยเจรจาใดๆ กับปูติน พร้อมอ้างว่ามีความคืบหน้าในข้อตกลงที่จะเปิดทางให้สหรัฐฯ เข้าถึงทรัพยากรสำคัญๆ ของยูเครน . ในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) ดูเหมือนว่าพวกผู้นำยุโรปเริ่มปรับท่าทียอมรับความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลงไปในทางภูมิรัฐศาสตร์ ในนั้นรวมถึง ฟรีดริช แมร์ซ ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ที่คว้าชัยในศึกเลือกตั้งเยอรมนี บอกว่าเขาจะให้ความสำคัญลำดับต้นๆ กับศักยภาพการป้องกันตนเองของยุโรป . ส่วน มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ระบุว่าเขากำลังตั้งตาคอยทำงานร่วมกับ แมร์ซ ในช่วงเวลาสำคัญแห่งความมั่นคงร่วม "มันเป็นเรื่องสำคัญที่ยุโปต้องยกระดับการใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเอง และความเป็นผู้นำของคุณจะเป็นกุญแจสำคัญ" . ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส และ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร จะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้ เพื่อเรียกร้องให้เดินหน้าสนับสนุนยูเครนต่อไป . ก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) วังเครมลินยกย่องการเลียบเคียงทางการทูตระหว่างทรัมป์กับปูติน โดยทางโฆษก ดมิทรี เปสคอฟ เรียกการพูดคุยระหว่างประธานาธิบดีทั้ง 2 ว่ามีความหวัง "มันสำคัญที่ต้องไม่มีอะไรขัดขวางเราจากความเป็นจริงแห่งเจตจำนงทางการเมืองของผู้นำทั้ง 2" . อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธความเป็นไปได้ใดๆ ที่จะยอมสละดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย ในขณะเดียวกันมอสโกก็ปฏิเสธซ้ำๆ เกี่ยวกับการเข้าเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน "ประชาชนเหล่านี้ตัดสินใจเข้าร่วมรัสเซียนานแล้ว" อ้างถึงการลงประชามติที่จัดโดยรัสเซีย ในแคว้นต่างๆ ทางตะวันออกของยูเครน ที่ถูกเคียฟ ตะวันตกและพวกนักสังเกตการณ์นานาชาติประณามว่าเป็นประชามติจอมปลอม "ไม่มีใครจะขายดินแดนเหล่านี้ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด" . ในส่วนของปูติน ได้แสดงความคิดเห็นก่อนวาระครบ 3 ปีของปฏิบัติการพิเศษด้านการทหารของเขาในยูเครน บอกว่า "พระเจ้า" อยู่เบื้องหลังภารกิจปกป้องรัสเซีย "ชะตากรรมปรารถนาเช่นนั้น พระเจ้าก็ปรารถนาเช่นนั้น ผมก็อาจปรารถนาเช่นนั้นเหมือนกัน มันเป็นภารกิจที่ยากลำบากแต่เป็นภารกิจที่ทรงเกียรติในการปกป้องรัสเซีย มันเป็นภาระที่วางอยู่บนบ่าของเราและพวกคุณร่วมกัน" เขาบอกกับกำลังพลที่สู้รบในยูเครน . ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากกองทัพรัสเซียใช้โดรนโจมตียูเครน มากสุดเท่าที่เคยมีมา จำนวน 267 ลำ ในคืนวันเสาร์ (22 ก.พ.) จนถึงวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) จากคำกล่าวอ้างของกองกำลังเคียฟ อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้วถูกสอยร่วงหรือโดนสกัดไว้ได้ และไม่มีรายงานความเสียหายร้ายแรงใดๆ . สำนักข่าวทาสส์นิวส์ รายงานว่าคณะผู้แทนทูตสหรัฐฯ และรัสเซีย จะพบปะกันในสัปดาห์หน้า ตามด้วยการเจรจาในกรุงริยาด ระหว่าง เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประทศรัสเซีย และ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วมีรายงานด้วยว่าเวลานี้ ลาฟรอฟ ได้เดินทางถึงตุรกีแล้ว สำหรับพูดคุยกับ ฮาคาน ไฟซาน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีในวันจันทร์ (24 ก.พ.) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017983 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1553 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18 ปี คณะแพทย์ศิริราช 61 คน ผ่าแยกร่าง “วัน-วาด” แฝดสยาม หัวใจ-ตับ ติดกันสำเร็จ รอดทั้งคู่ ครั้งแรกของโลก

    🔬 การแพทย์ไทยสร้างประวัติศาสตร์ ผ่าแยกแฝดสยามสำเร็จ เป็นครั้งแรกของโลก

    ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 คณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช จำนวน 61 คน ได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญ ในวงการแพทย์ระดับโลก ด้วยการผ่าตัดแยกร่างฝาแฝดสยาม ที่มีหัวใจและตับติดกัน ซึ่งเป็นเคสที่ยาก และมีความเสี่ยงสูงสุด ทารกทั้งสองคนคือ

    👶 ด.ญ.ปานตะวัน ธิเย็นใจ หรือน้องวัน แฝดผู้พี่
    👶 ด.ญ.ปานวาด ธิเย็นใจ หรือน้องวาด แฝดผู้น้อง

    ทั้งคู่เป็นบุตรสาวของ น.ส.อุษา ธิเย็นใจ และนายถาวร วิบุลกุล เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2549 ด้วยวิธีผ่าคลอด ขณะอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ โดยมีน้ำหนักแรกคลอดรวมกัน 3,570 กรัม หลังคลอดพบว่า ทั้งคู่ มีร่างกายติดกัน บริเวณช่วงหน้าท้อง ซึ่งเมื่อตรวจอย่างละเอียดพบว่า มีตับติดกันเป็นบริเวณกว้าง และที่สำคัญที่สุดคือ หัวใจของทั้งสองดวงเชื่อมต่อกัน ทำให้มีความเสี่ยงสูงมาก ในการผ่าตัด

    นี่คือเรื่องราวของ "วัน-วาด" และปาฏิหาริย์ของวงการแพทย์ไทย ที่ได้รับการบันทึกว่า เป็นเคสแรกของโลก ที่ผ่าแยกฝาแฝด ที่มีหัวใจติดกัน และรอดชีวิตทั้งคู่ ✨

    👩‍⚕️ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการตัดสินใจครั้งสำคัญ
    การผ่าตัดในครั้งนี้ ต้องอาศัยทีมแพทย์จากหลากหลายสาขา โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน อาทิ

    ✅ ศ.พญ.อังกาบ ปราการรัตน์ หัวหน้าภาควิชาวิสัญญีวิทยา
    ✅ รศ.นพ.สมชาย ศรียศชาติ ศัลยแพทย์หัวใจ
    ✅ ผศ.นพ.มนตรี กิจมณี ศัลยแพทย์ตกแต่ง
    ✅ ผศ.นพ.มงคล เลาหเพ็ญแสง กุมารศัลยแพทย์

    💡 ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่
    👉 ทารกมีหัวใจเชื่อมต่อกัน ทำให้ต้องตรวจสอบว่า หัวใจของทั้งคู่ สามารถทำงานแยกจากกัน ได้หรือไม่
    👉 ต้องปิดรอยเชื่อมต่อ ของหัวใจชั่วคราว เพื่อดูผลกระทบก่อนการผ่าตัด
    👉 ต้องแยกตับ ที่ติดกันเป็นบริเวณกว้าง และหลีกเลี่ยงการเสียเลือด ให้มากที่สุด

    📅 หลังจากวางแผนกันอย่างละเอียด การผ่าตัดถูกกำหนดขึ้น ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550 ขณะที่ทารกมีอายุ 8 เดือน และมีน้ำหนักรวมกัน 10.9 กิโลกรัม

    🔪 ขั้นตอนการผ่าตัด 12 ชั่วโมง ที่ต้องแข่งกับเวลา
    💉 เริ่มต้นด้วยการวางยาสลบ
    ทีมวิสัญญีแพทย์แบ่งเป็น 2 ทีม เพื่อดูแลเด็กแต่ละคนอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความผิดพลาด ที่อาจเกิดขึ้น

    ❤️ ขั้นตอนที่ 1 แยกหัวใจ
    👉 ใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง เพราะต้องค่อยๆ ตัดแยกหัวใจออกจากกัน โดยไม่ให้เกิดอันตราย ต่อการไหลเวียนโลหิต

    🩺 ขั้นตอนที่ 2 แยกตับ
    👉 ใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง ทีมแพทย์ต้องใช้เทคนิคพิเศษ ในการผ่าตัด เพื่อให้เลือดออกน้อยที่สุด

    🛏 ขั้นตอนที่ 3 เย็บซ่อมแซมอวัยวะ และผนังหน้าท้อง
    👉 แฝดพี่ "ปานตะวัน" มีโอกาสรอดสูงกว่า แต่แฝดน้อง "ปานวาด" ต้องได้รับการดูแลเรื่องหัวใจ เป็นพิเศษ

    ⚠️ ความเสี่ยงที่สูงที่สุด
    การผ่าตัดครั้งนี้ มีความเสี่ยงว่า อาจมีเด็กเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต แต่ทีมแพทย์สามารถทำได้สำเร็จ และน้องวัน-วาด มีชีวิตรอดทั้งคู่ 🎉

    👶 ปัจจุบัน "วัน-วาด" ใช้ชีวิตอย่างไร?
    หลังจากผ่านไป 18 ปี นับจากการผ่าตัดแยกร่าง ปัจจุบันทั้งคู่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง 💖 แม้ว่าต้องมีการติดตามอาการของน้องวาด เนื่องจากมีปัญหาหัวใจอยู่บ้าง แต่ทั้งคู่สามารถใช้ชีวิต ได้ใกล้เคียงกับเด็กปกติ

    คุณแม่ น.ส.อุษา กล่าวว่า
    🗣 "ตอนแรกเสียใจ ที่ลูกเกิดมาไม่ปกติ แต่ตอนนี้รู้สึกดีใจที่สุด ที่ทั้งคู่มีชีวิตรอด อยากขอบคุณทีมแพทย์ทุกท่าน ที่ช่วยชีวิตลูกของฉันไว้"

    🔍 แฝดสยาม คืออะไร?
    🔸 แฝดสยาม หรือ Siamese Twins คือแฝดที่เกิดจาก ไข่ใบเดียวกัน แต่มีความผิดปกติ ในการแบ่งตัวของเอ็มบริโอ ทำให้ร่างกายของทั้งคู่ ติดกันในระดับต่างๆ

    🔹 ประเภทของแฝดสยาม
    ✅ แฝดที่มีอวัยวะภายในติดกัน เช่น หัวใจ ตับ ลำไส้
    ✅ แฝดที่มีอวัยวะภายนอกติดกัน เช่น แขน ขา หรือส่วนอื่นของร่างกาย

    แฝดสยามที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกก็คือ อิน-จัน ฝาแฝดชาวไทย ที่เป็นต้นกำเนิดของคำว่า "Siamese Twins" 👥

    🏥 "ศิริราช" ศูนย์กลางความก้าวหน้า ทางการแพทย์ของไทย
    โรงพยาบาลศิริราช เป็นสถานที่ ที่ให้กำเนิดนวัตกรรม ทางการแพทย์ระดับโลก โดยเฉพาะในเรื่องของ
    การผ่าตัดฝาแฝดสยาม ทีมแพทย์ของศิริราช ไม่เพียงแค่ช่วยเหลือเด็กไทย แต่ยังสามารถนำความรู้นี้ไปช่วยเหลือผู้ป่วยทั่วโลก 🌏

    ✅ เป็นเคสแรกของโลก ที่สามารถแยกแฝดหัวใจติดกัน และรอดชีวิตทั้งคู่
    ✅ เป็นก้าวสำคัญของการแพทย์ไทย ที่ได้รับการยอมรับ ในระดับนานาชาติ

    💬 ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ของไทย
    🎯 คณะแพทย์ศิริราช สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการผ่าตัดแยกแฝดสยาม ที่หัวใจและตับติดกัน ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก
    🎯 "วัน-วาด" มีชีวิตรอดทั้งคู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก
    🎯 เป็นหลักฐานว่าแพทย์ไทย มีความสามารถเทียบเท่าระดับโลก

    👩‍⚕️✨ นี่คือความภาคภูมิใจ ของวงการแพทย์ไทย และเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับแพทย์รุ่นใหม่ทั่วโลก 💖

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 2009271 ก.พ. 2568

    📌 #แฝดสยาม #ผ่าตัดแฝด #ศิริราช #วันวาด #ข่าวดังในอดีต #การแพทย์ไทย #นวัตกรรมการแพทย์ #SiameseTwins #แพทย์ไทย #ประวัติศาสตร์การแพทย์
    18 ปี คณะแพทย์ศิริราช 61 คน ผ่าแยกร่าง “วัน-วาด” แฝดสยาม หัวใจ-ตับ ติดกันสำเร็จ รอดทั้งคู่ ครั้งแรกของโลก 🔬 การแพทย์ไทยสร้างประวัติศาสตร์ ผ่าแยกแฝดสยามสำเร็จ เป็นครั้งแรกของโลก ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 คณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช จำนวน 61 คน ได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญ ในวงการแพทย์ระดับโลก ด้วยการผ่าตัดแยกร่างฝาแฝดสยาม ที่มีหัวใจและตับติดกัน ซึ่งเป็นเคสที่ยาก และมีความเสี่ยงสูงสุด ทารกทั้งสองคนคือ 👶 ด.ญ.ปานตะวัน ธิเย็นใจ หรือน้องวัน แฝดผู้พี่ 👶 ด.ญ.ปานวาด ธิเย็นใจ หรือน้องวาด แฝดผู้น้อง ทั้งคู่เป็นบุตรสาวของ น.ส.อุษา ธิเย็นใจ และนายถาวร วิบุลกุล เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2549 ด้วยวิธีผ่าคลอด ขณะอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ โดยมีน้ำหนักแรกคลอดรวมกัน 3,570 กรัม หลังคลอดพบว่า ทั้งคู่ มีร่างกายติดกัน บริเวณช่วงหน้าท้อง ซึ่งเมื่อตรวจอย่างละเอียดพบว่า มีตับติดกันเป็นบริเวณกว้าง และที่สำคัญที่สุดคือ หัวใจของทั้งสองดวงเชื่อมต่อกัน ทำให้มีความเสี่ยงสูงมาก ในการผ่าตัด นี่คือเรื่องราวของ "วัน-วาด" และปาฏิหาริย์ของวงการแพทย์ไทย ที่ได้รับการบันทึกว่า เป็นเคสแรกของโลก ที่ผ่าแยกฝาแฝด ที่มีหัวใจติดกัน และรอดชีวิตทั้งคู่ ✨ 👩‍⚕️ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการตัดสินใจครั้งสำคัญ การผ่าตัดในครั้งนี้ ต้องอาศัยทีมแพทย์จากหลากหลายสาขา โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน อาทิ ✅ ศ.พญ.อังกาบ ปราการรัตน์ หัวหน้าภาควิชาวิสัญญีวิทยา ✅ รศ.นพ.สมชาย ศรียศชาติ ศัลยแพทย์หัวใจ ✅ ผศ.นพ.มนตรี กิจมณี ศัลยแพทย์ตกแต่ง ✅ ผศ.นพ.มงคล เลาหเพ็ญแสง กุมารศัลยแพทย์ 💡 ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ 👉 ทารกมีหัวใจเชื่อมต่อกัน ทำให้ต้องตรวจสอบว่า หัวใจของทั้งคู่ สามารถทำงานแยกจากกัน ได้หรือไม่ 👉 ต้องปิดรอยเชื่อมต่อ ของหัวใจชั่วคราว เพื่อดูผลกระทบก่อนการผ่าตัด 👉 ต้องแยกตับ ที่ติดกันเป็นบริเวณกว้าง และหลีกเลี่ยงการเสียเลือด ให้มากที่สุด 📅 หลังจากวางแผนกันอย่างละเอียด การผ่าตัดถูกกำหนดขึ้น ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550 ขณะที่ทารกมีอายุ 8 เดือน และมีน้ำหนักรวมกัน 10.9 กิโลกรัม 🔪 ขั้นตอนการผ่าตัด 12 ชั่วโมง ที่ต้องแข่งกับเวลา 💉 เริ่มต้นด้วยการวางยาสลบ ทีมวิสัญญีแพทย์แบ่งเป็น 2 ทีม เพื่อดูแลเด็กแต่ละคนอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความผิดพลาด ที่อาจเกิดขึ้น ❤️ ขั้นตอนที่ 1 แยกหัวใจ 👉 ใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง เพราะต้องค่อยๆ ตัดแยกหัวใจออกจากกัน โดยไม่ให้เกิดอันตราย ต่อการไหลเวียนโลหิต 🩺 ขั้นตอนที่ 2 แยกตับ 👉 ใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง ทีมแพทย์ต้องใช้เทคนิคพิเศษ ในการผ่าตัด เพื่อให้เลือดออกน้อยที่สุด 🛏 ขั้นตอนที่ 3 เย็บซ่อมแซมอวัยวะ และผนังหน้าท้อง 👉 แฝดพี่ "ปานตะวัน" มีโอกาสรอดสูงกว่า แต่แฝดน้อง "ปานวาด" ต้องได้รับการดูแลเรื่องหัวใจ เป็นพิเศษ ⚠️ ความเสี่ยงที่สูงที่สุด การผ่าตัดครั้งนี้ มีความเสี่ยงว่า อาจมีเด็กเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต แต่ทีมแพทย์สามารถทำได้สำเร็จ และน้องวัน-วาด มีชีวิตรอดทั้งคู่ 🎉 👶 ปัจจุบัน "วัน-วาด" ใช้ชีวิตอย่างไร? หลังจากผ่านไป 18 ปี นับจากการผ่าตัดแยกร่าง ปัจจุบันทั้งคู่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง 💖 แม้ว่าต้องมีการติดตามอาการของน้องวาด เนื่องจากมีปัญหาหัวใจอยู่บ้าง แต่ทั้งคู่สามารถใช้ชีวิต ได้ใกล้เคียงกับเด็กปกติ คุณแม่ น.ส.อุษา กล่าวว่า 🗣 "ตอนแรกเสียใจ ที่ลูกเกิดมาไม่ปกติ แต่ตอนนี้รู้สึกดีใจที่สุด ที่ทั้งคู่มีชีวิตรอด อยากขอบคุณทีมแพทย์ทุกท่าน ที่ช่วยชีวิตลูกของฉันไว้" 🔍 แฝดสยาม คืออะไร? 🔸 แฝดสยาม หรือ Siamese Twins คือแฝดที่เกิดจาก ไข่ใบเดียวกัน แต่มีความผิดปกติ ในการแบ่งตัวของเอ็มบริโอ ทำให้ร่างกายของทั้งคู่ ติดกันในระดับต่างๆ 🔹 ประเภทของแฝดสยาม ✅ แฝดที่มีอวัยวะภายในติดกัน เช่น หัวใจ ตับ ลำไส้ ✅ แฝดที่มีอวัยวะภายนอกติดกัน เช่น แขน ขา หรือส่วนอื่นของร่างกาย แฝดสยามที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกก็คือ อิน-จัน ฝาแฝดชาวไทย ที่เป็นต้นกำเนิดของคำว่า "Siamese Twins" 👥 🏥 "ศิริราช" ศูนย์กลางความก้าวหน้า ทางการแพทย์ของไทย โรงพยาบาลศิริราช เป็นสถานที่ ที่ให้กำเนิดนวัตกรรม ทางการแพทย์ระดับโลก โดยเฉพาะในเรื่องของ การผ่าตัดฝาแฝดสยาม ทีมแพทย์ของศิริราช ไม่เพียงแค่ช่วยเหลือเด็กไทย แต่ยังสามารถนำความรู้นี้ไปช่วยเหลือผู้ป่วยทั่วโลก 🌏 ✅ เป็นเคสแรกของโลก ที่สามารถแยกแฝดหัวใจติดกัน และรอดชีวิตทั้งคู่ ✅ เป็นก้าวสำคัญของการแพทย์ไทย ที่ได้รับการยอมรับ ในระดับนานาชาติ 💬 ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ของไทย 🎯 คณะแพทย์ศิริราช สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการผ่าตัดแยกแฝดสยาม ที่หัวใจและตับติดกัน ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก 🎯 "วัน-วาด" มีชีวิตรอดทั้งคู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก 🎯 เป็นหลักฐานว่าแพทย์ไทย มีความสามารถเทียบเท่าระดับโลก 👩‍⚕️✨ นี่คือความภาคภูมิใจ ของวงการแพทย์ไทย และเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับแพทย์รุ่นใหม่ทั่วโลก 💖 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 2009271 ก.พ. 2568 📌 #แฝดสยาม #ผ่าตัดแฝด #ศิริราช #วันวาด #ข่าวดังในอดีต #การแพทย์ไทย #นวัตกรรมการแพทย์ #SiameseTwins #แพทย์ไทย #ประวัติศาสตร์การแพทย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 485 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์แถลงว่า ยุโรปไม่ต้องการให้ชาติเอเชียต้องเลือกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางกระแสการแข่งขันโลกเชี่ยวกราก ปูทางประธานาธิบดี เอ็มมานุเอล มาครง ขึ้นเวทีการประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกฟอรัม พฤษภาคมนี้ ขณะที่สิงคโปร์เปิดอกรับเอเชียมองวอชิงตันทำตัวเหมือนเจ้าของที่กำลังเรียกเก็บค่าเช่า
    .
    รอยเตอร์รายงานวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์ สตีเฟน มาร์กีซีโอ (Stephen Marchisio) เริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่วันอังคาร (18) เปิดใจว่า ฝรั่งเศสเห็นแรงกดดันเพิ่มขึ้น “บางทีมาจากฝั่งสหรัฐฯ” ที่พันธมิตรในเอเชียจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกข้าง”
    .
    เขาย้ำว่า “มันมีความสำคัญที่ต้องกล่าวว่าพวกเราสามารถพูดคุยได้กับทุกคน” และเสริมว่า “พวกเราไม่ต้องการให้ใครต้องเลือก”
    .
    ทูตแดนน้ำหอมคนใหม่ของประธานาธิบดีเอ็มมานุเอล มาครงให้สัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างอาหารค่ำในสิงคโปร์ที่ซึ่งมาครงจะเดินทางมาที่นี่เพื่อขึ้นกล่าวในการประชุมความมั่นคงแชงกรีลาฟอรัมในวันที่ 30 พ.ค.ที่จะถึง
    .
    มาร์กีซีโอกล่าวว่า ประธานาธิบดีมาครงจะขึ้นกล่าวยืนยันบนเวทีว่า ทุกชาติภายในภูมิภาคสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติตัวเองได้
    .
    “พวกคุณสามารถทำได้ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับรูปแบบทางการเมืองของจีน และคุณสามารถทำได้ถึงแม้คุณจะไม่ต้องการฐานทัพจากสหรัฐฯ ในดินแดนของพวกคุณก็ตาม”
    .
    สถานทูตสหรัฐฯ ในสิงคโปร์ได้ตอบคำถามรอยเตอร์ไปยังแถลงการณ์ของกลุ่ม G-7 ที่ลงนามในมิวนิกโดยฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า สมาชิกทุกชาติมีพันธต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง และมั่นคง
    .
    ตามแถลงการณ์ทูตฝรั่งเศสชี้ว่า ยุโรปต้องสามัคคี
    .
    มาร์กีซีโอยังชี้ว่า ยุโรปต้องมีความสามัคคีที่รวมไปถึงการสั่งซื้ออาวุธอเมริกัน ที่ชี้ว่าเป็นการตอบโต้คำแถลงจากรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดีเจ แวนซ์ ในมิวนิกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ทูตแดนน้ำหอมกล่าวว่า มีบางประเทศมองความเกี่ยวข้องในการซื้ออาวุธเป็นหนทางที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก แต่ทว่ามุมมองนี้เปลี่ยนไปแล้วโดยเฉพาะหลังจากที่รองประธานาธิบดีแวนซ์ของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณผ่านำแถลงที่เผ็ดร้อนในการประชุมมิวนิกฟอรัมในยุโรป
    .
    “เกิดอะไรขึ้นในมิวนิก? เขาพยายามโจมตีแก่นกลางของประชาธิปไตย” และเสริมต่อว่า “ดังนั้นมันจึงทำให้เกิดไปสู่คำถามอื่นต่อ”
    .
    ดังนั้นเวลานี้ประเทศในยุโรปอาจจะไม่ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อเมริกัน และเสริมต่อว่าเป็นเพราะไม่มีหลักประกันในการทำเช่นนั้นจะช่วยผ่อนคลายความกดดันของสหรัฐฯ ลงหรือวาทะโจมตีแสดงความเป็นปรปักษ์
    .
    “พวกเราไม่ต้องการที่จะกล่าวว่า ..แต่พวกเราจะตอบโต้หากว่าพวกเราต้องทำ” โดยอ้างไปถึงภาษีและแรงกดดันอื่นๆ ของสหรัฐฯ
    .
    มาร์กีซีโอรายงานว่า สถานการณ์ที่ดีที่สุดของฝรั่งเศสคือการไม่ต้องการตอบโต้เอาคืนจากการที่ทั้งสหรัฐอเมริกาและชาติยุโรปต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายรวมไปถึงอุตสาหกรรม
    .
    การแสดงความเห็นของทูตฝรั่งเศสคนใหม่สะท้อนความเห็นรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ อึ้ง เอ็ง เฮง (Ng Eng Hen) ที่แถลงในการประชุมความมั่นคงยุโรปว่า “ภาพของอเมริกาที่มีต่อเอเชียได้เปลี่ยนไป”
    .
    “ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปจากผู้ปลดปล่อยไปสู่ผู้สร้างความปั่นป่วนไปสู่เจ้าของที่ต้องการเรียกเก็บค่าเช่า”
    .
    บลูมเบิร์กรายงานวันจันทร์ (17) ว่า อึ้ง เอ็ง เฮง แถลงในการประชุมนอกรอบที่การประชุมความมั่นคงมิวนิกว่า แนวคิดที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
    .
    ทั้งนี้ เว็บไซต์รัฐบาลสิงคโปร์ได้โพสต์เมื่อสุดสัปดาห์ในคำแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์กล่าววิจารณ์สหรัฐฯ ในการประชุมมิวนิก
    .
    คำแถลงเกิดขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่สมัยทรัมป์มืดมัวตาบอดไม่สนใจต่อประวัติศาสตร์ที่เป็นมาของพันธมิตรนาโตเปิดฉากแผนการหารือตรงกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินต่ออนาคตของสงครามเครมลินในยูเครน
    .
    บลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า สิงคโปร์เป็นเหมือนเช่นชาติส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการแสวงหาทางสายกลางในการเพิ่มขึ้นของภาพที่ซับซ้อนทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ เพื่อเสาะหาความสัมพันธ์ที่สมดุลกับสหรัฐอเมริกาในฐานะหุ้นส่วนความมั่นคงหลักและต่อจีนในฐานะแหล่งของการพัฒนาและหนึ่งในพันธมิตรทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของตัวเอง
    .
    ทั้งนี้สหรัฐฯ ในสมัยอดีตรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน อเมริกาได้ทำงานเพื่อสร้างข้อผูกพันทางความมั่นคงภายในภูมิภาคต่อต้านการรุกคืบจากจีนในทะเลจีนใต้ และเป็นความวิตกทางความมั่นคงที่ยังคงเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของปักกิ่งในการนำไต้หวันกลับสู่อ้อมอกอีกครั้งในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังหรือไม่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016775
    ..............
    Sondhi X
    เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์แถลงว่า ยุโรปไม่ต้องการให้ชาติเอเชียต้องเลือกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางกระแสการแข่งขันโลกเชี่ยวกราก ปูทางประธานาธิบดี เอ็มมานุเอล มาครง ขึ้นเวทีการประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกฟอรัม พฤษภาคมนี้ ขณะที่สิงคโปร์เปิดอกรับเอเชียมองวอชิงตันทำตัวเหมือนเจ้าของที่กำลังเรียกเก็บค่าเช่า . รอยเตอร์รายงานวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์ สตีเฟน มาร์กีซีโอ (Stephen Marchisio) เริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่วันอังคาร (18) เปิดใจว่า ฝรั่งเศสเห็นแรงกดดันเพิ่มขึ้น “บางทีมาจากฝั่งสหรัฐฯ” ที่พันธมิตรในเอเชียจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกข้าง” . เขาย้ำว่า “มันมีความสำคัญที่ต้องกล่าวว่าพวกเราสามารถพูดคุยได้กับทุกคน” และเสริมว่า “พวกเราไม่ต้องการให้ใครต้องเลือก” . ทูตแดนน้ำหอมคนใหม่ของประธานาธิบดีเอ็มมานุเอล มาครงให้สัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างอาหารค่ำในสิงคโปร์ที่ซึ่งมาครงจะเดินทางมาที่นี่เพื่อขึ้นกล่าวในการประชุมความมั่นคงแชงกรีลาฟอรัมในวันที่ 30 พ.ค.ที่จะถึง . มาร์กีซีโอกล่าวว่า ประธานาธิบดีมาครงจะขึ้นกล่าวยืนยันบนเวทีว่า ทุกชาติภายในภูมิภาคสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติตัวเองได้ . “พวกคุณสามารถทำได้ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับรูปแบบทางการเมืองของจีน และคุณสามารถทำได้ถึงแม้คุณจะไม่ต้องการฐานทัพจากสหรัฐฯ ในดินแดนของพวกคุณก็ตาม” . สถานทูตสหรัฐฯ ในสิงคโปร์ได้ตอบคำถามรอยเตอร์ไปยังแถลงการณ์ของกลุ่ม G-7 ที่ลงนามในมิวนิกโดยฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า สมาชิกทุกชาติมีพันธต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง และมั่นคง . ตามแถลงการณ์ทูตฝรั่งเศสชี้ว่า ยุโรปต้องสามัคคี . มาร์กีซีโอยังชี้ว่า ยุโรปต้องมีความสามัคคีที่รวมไปถึงการสั่งซื้ออาวุธอเมริกัน ที่ชี้ว่าเป็นการตอบโต้คำแถลงจากรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดีเจ แวนซ์ ในมิวนิกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา . ทูตแดนน้ำหอมกล่าวว่า มีบางประเทศมองความเกี่ยวข้องในการซื้ออาวุธเป็นหนทางที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก แต่ทว่ามุมมองนี้เปลี่ยนไปแล้วโดยเฉพาะหลังจากที่รองประธานาธิบดีแวนซ์ของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณผ่านำแถลงที่เผ็ดร้อนในการประชุมมิวนิกฟอรัมในยุโรป . “เกิดอะไรขึ้นในมิวนิก? เขาพยายามโจมตีแก่นกลางของประชาธิปไตย” และเสริมต่อว่า “ดังนั้นมันจึงทำให้เกิดไปสู่คำถามอื่นต่อ” . ดังนั้นเวลานี้ประเทศในยุโรปอาจจะไม่ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อเมริกัน และเสริมต่อว่าเป็นเพราะไม่มีหลักประกันในการทำเช่นนั้นจะช่วยผ่อนคลายความกดดันของสหรัฐฯ ลงหรือวาทะโจมตีแสดงความเป็นปรปักษ์ . “พวกเราไม่ต้องการที่จะกล่าวว่า ..แต่พวกเราจะตอบโต้หากว่าพวกเราต้องทำ” โดยอ้างไปถึงภาษีและแรงกดดันอื่นๆ ของสหรัฐฯ . มาร์กีซีโอรายงานว่า สถานการณ์ที่ดีที่สุดของฝรั่งเศสคือการไม่ต้องการตอบโต้เอาคืนจากการที่ทั้งสหรัฐอเมริกาและชาติยุโรปต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายรวมไปถึงอุตสาหกรรม . การแสดงความเห็นของทูตฝรั่งเศสคนใหม่สะท้อนความเห็นรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ อึ้ง เอ็ง เฮง (Ng Eng Hen) ที่แถลงในการประชุมความมั่นคงยุโรปว่า “ภาพของอเมริกาที่มีต่อเอเชียได้เปลี่ยนไป” . “ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปจากผู้ปลดปล่อยไปสู่ผู้สร้างความปั่นป่วนไปสู่เจ้าของที่ต้องการเรียกเก็บค่าเช่า” . บลูมเบิร์กรายงานวันจันทร์ (17) ว่า อึ้ง เอ็ง เฮง แถลงในการประชุมนอกรอบที่การประชุมความมั่นคงมิวนิกว่า แนวคิดที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง . ทั้งนี้ เว็บไซต์รัฐบาลสิงคโปร์ได้โพสต์เมื่อสุดสัปดาห์ในคำแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์กล่าววิจารณ์สหรัฐฯ ในการประชุมมิวนิก . คำแถลงเกิดขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่สมัยทรัมป์มืดมัวตาบอดไม่สนใจต่อประวัติศาสตร์ที่เป็นมาของพันธมิตรนาโตเปิดฉากแผนการหารือตรงกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินต่ออนาคตของสงครามเครมลินในยูเครน . บลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า สิงคโปร์เป็นเหมือนเช่นชาติส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการแสวงหาทางสายกลางในการเพิ่มขึ้นของภาพที่ซับซ้อนทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ เพื่อเสาะหาความสัมพันธ์ที่สมดุลกับสหรัฐอเมริกาในฐานะหุ้นส่วนความมั่นคงหลักและต่อจีนในฐานะแหล่งของการพัฒนาและหนึ่งในพันธมิตรทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของตัวเอง . ทั้งนี้สหรัฐฯ ในสมัยอดีตรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน อเมริกาได้ทำงานเพื่อสร้างข้อผูกพันทางความมั่นคงภายในภูมิภาคต่อต้านการรุกคืบจากจีนในทะเลจีนใต้ และเป็นความวิตกทางความมั่นคงที่ยังคงเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของปักกิ่งในการนำไต้หวันกลับสู่อ้อมอกอีกครั้งในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังหรือไม่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016775 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2460 มุมมอง 0 รีวิว
  • สองแถวแปลงร่าง พลิกโฉมขนส่งท้องถิ่น

    เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2568 หรือ Bangkok Design Week 2025 ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร หนึ่งในนิทรรศการที่น่าสนใจ คือ สองแถวแปลงร่าง จัดแสดงรถสองแถวต้นแบบ ที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท บัสซิ่ง ทรานสิท จำกัด ผู้ให้บริการขอนแก่นซิตี้บัส จังหวัดขอนแก่น และเมย์เดย์ กลุ่มนักออกแบบนวัตกรรมเกี่ยวกับการเดินทาง ร่วมกันออกแบบและพัฒนาขึ้น โดยใช้ระยะเวลาเกือบ 1 ปี

    จากการสอบถามทีมงานที่ร่วมพัฒนารถสองแถว ระบุว่า ต้นทุนในการประกอบรถสองแถว รวมระบบต่างๆ เช่น GPS และระบบจัดเก็บค่าโดยสาร รวมกันโดยประมาณไม่ถึง 1 ล้านบาท

    รถสองแถวแปลงร่าง ออกแบบภายใต้แนวคิดที่มุ่งเน้นความปลอดภัย ความสะดวกในการเดินทาง และความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร พร้อมแอปพลิเคชัน ที่สามารถระบุตำแหน่งของรถโดยสาร และเวลาที่รถจะมาถึง ณ จุดจอด โดยตัวรถโดยสารมีขนาดเล็ก ทำให้คล่องตัวในการขับขี่และจอดรับส่ง ทางขึ้น-ลง 2 ทางเพื่อความคล่องตัว บันไดทางขึ้นเฉพาะด้านข้างตัวรถ เพื่อความปลอดภัย ส่วนภายในรถโดยสารมีระบบหมุนเวียนอากาศ ให้อากาศถ่ายเทได้ แม้ปิดหน้าต่างเวลาฝนตก

    ระบบแจ้งจุดจอดถัดไป รูปแบบจอภาพและเสียง พัฒนาระบบโดย บัสซิ่ง ทรานสิท และระบบการจ่ายเงิน ที่รองรับสังคมไร้เงินสด เช่น จ่ายผ่านคิวอาร์โค้ด แตะบัตรโดยสาร และเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ รองรับธนบัตรและเหรียญ ที่นั่งมีทั้งหมด 10 ที่นั่ง พร้อมเข็มขัดนิรภัย โดยมีที่นั่งสีแดง เป็นที่นั่งสำรองสำหรับบุคคลพิเศษ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ไว-ไฟ ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ และช่องทางการติดต่อกับคนขับภายในห้องโดยสาร ผ่านระบบอินเตอร์คอมอีกด้วย

    แต่เนื่องจากข้อจำกัดของรถกระบะ ทำให้ไม่สามารถทำเป็นรถชานต่ำได้ แต่ได้ออกแบบให้ขึ้น-ลงง่าย มีราวจับมั่นคงแทน รวมทั้งการที่ยังคงเปิดท้ายด้านหลัง เพราะตามกฎหมายการขนส่งทางบก รถโดยสารมาตรฐาน 3 ฉ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ จำนวนที่นั่งผู้โดยสารไม่เกิน 12 ที่นั่ง กำหนดให้ประตูทางขึ้น-ลงต้องเป็นด้านข้างหรือด้านท้ายของรถ แต่ได้เปลี่ยนให้ขึ้นรถจากด้านข้างแล้วลงทางด้านหลังแทน

    สำหรับนิทรรศการรถสองแถวแปลงร่าง จะจัดแสดงถึงวันอาทิตย์ที่ 23 ก.พ. 2568 และทดลองให้บริการในเส้นทางวงกลม เสาชิงช้า เอ็มอาร์ทีสามยอด ประตูผี ถนนราชดำเนินกลาง และถนนดินสอ ในวันเสาร์ที่ 22 และวันอาทิตย์ที่ 23 ก.พ. 2568 ตั้งแต่เวลา 15.00-20.00 น. หลังจากนั้น บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มีแผนจะนำมาให้บริการในเส้นทางหมู่บ้านทิพวัล จ.สมุทรปราการ ซึ่งใกล้กับโรงงานโตโยต้าสำโรง กลางปี 2568 ต่อไป

    #Newskit
    สองแถวแปลงร่าง พลิกโฉมขนส่งท้องถิ่น เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2568 หรือ Bangkok Design Week 2025 ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร หนึ่งในนิทรรศการที่น่าสนใจ คือ สองแถวแปลงร่าง จัดแสดงรถสองแถวต้นแบบ ที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท บัสซิ่ง ทรานสิท จำกัด ผู้ให้บริการขอนแก่นซิตี้บัส จังหวัดขอนแก่น และเมย์เดย์ กลุ่มนักออกแบบนวัตกรรมเกี่ยวกับการเดินทาง ร่วมกันออกแบบและพัฒนาขึ้น โดยใช้ระยะเวลาเกือบ 1 ปี จากการสอบถามทีมงานที่ร่วมพัฒนารถสองแถว ระบุว่า ต้นทุนในการประกอบรถสองแถว รวมระบบต่างๆ เช่น GPS และระบบจัดเก็บค่าโดยสาร รวมกันโดยประมาณไม่ถึง 1 ล้านบาท รถสองแถวแปลงร่าง ออกแบบภายใต้แนวคิดที่มุ่งเน้นความปลอดภัย ความสะดวกในการเดินทาง และความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร พร้อมแอปพลิเคชัน ที่สามารถระบุตำแหน่งของรถโดยสาร และเวลาที่รถจะมาถึง ณ จุดจอด โดยตัวรถโดยสารมีขนาดเล็ก ทำให้คล่องตัวในการขับขี่และจอดรับส่ง ทางขึ้น-ลง 2 ทางเพื่อความคล่องตัว บันไดทางขึ้นเฉพาะด้านข้างตัวรถ เพื่อความปลอดภัย ส่วนภายในรถโดยสารมีระบบหมุนเวียนอากาศ ให้อากาศถ่ายเทได้ แม้ปิดหน้าต่างเวลาฝนตก ระบบแจ้งจุดจอดถัดไป รูปแบบจอภาพและเสียง พัฒนาระบบโดย บัสซิ่ง ทรานสิท และระบบการจ่ายเงิน ที่รองรับสังคมไร้เงินสด เช่น จ่ายผ่านคิวอาร์โค้ด แตะบัตรโดยสาร และเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ รองรับธนบัตรและเหรียญ ที่นั่งมีทั้งหมด 10 ที่นั่ง พร้อมเข็มขัดนิรภัย โดยมีที่นั่งสีแดง เป็นที่นั่งสำรองสำหรับบุคคลพิเศษ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ไว-ไฟ ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ และช่องทางการติดต่อกับคนขับภายในห้องโดยสาร ผ่านระบบอินเตอร์คอมอีกด้วย แต่เนื่องจากข้อจำกัดของรถกระบะ ทำให้ไม่สามารถทำเป็นรถชานต่ำได้ แต่ได้ออกแบบให้ขึ้น-ลงง่าย มีราวจับมั่นคงแทน รวมทั้งการที่ยังคงเปิดท้ายด้านหลัง เพราะตามกฎหมายการขนส่งทางบก รถโดยสารมาตรฐาน 3 ฉ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ จำนวนที่นั่งผู้โดยสารไม่เกิน 12 ที่นั่ง กำหนดให้ประตูทางขึ้น-ลงต้องเป็นด้านข้างหรือด้านท้ายของรถ แต่ได้เปลี่ยนให้ขึ้นรถจากด้านข้างแล้วลงทางด้านหลังแทน สำหรับนิทรรศการรถสองแถวแปลงร่าง จะจัดแสดงถึงวันอาทิตย์ที่ 23 ก.พ. 2568 และทดลองให้บริการในเส้นทางวงกลม เสาชิงช้า เอ็มอาร์ทีสามยอด ประตูผี ถนนราชดำเนินกลาง และถนนดินสอ ในวันเสาร์ที่ 22 และวันอาทิตย์ที่ 23 ก.พ. 2568 ตั้งแต่เวลา 15.00-20.00 น. หลังจากนั้น บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มีแผนจะนำมาให้บริการในเส้นทางหมู่บ้านทิพวัล จ.สมุทรปราการ ซึ่งใกล้กับโรงงานโตโยต้าสำโรง กลางปี 2568 ต่อไป #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 542 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถอนเงินไม่ใช้บัตรข้ามธนาคาร กสิกรไทยรองรับ 2 รูปแบบ

    ในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน 2568 ที่ผ่านมา แต่ละธนาคารได้สำรองเงินสดเพื่อรองรับการใช้จ่าย ซึ่งพบว่าแต่ละธนาคารเปิดเผยตัวเลขจำนวนเครื่องเอทีเอ็มในปัจจุบัน โดยธนาคารไทยพาณิชย์ ยังคงมีเครื่องเอทีเอ็มมากที่สุดในประเทศ รวม 9,937 เครื่องแม้จะลดลงไม่ถึงหลักหมื่น จากเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2567 รวม 10,398 เครื่อง ลดลง 461 เครื่องก็ตาม

    ส่วนธนาคารอื่นๆ อาทิ ธนาคารกสิกรไทย 8,200 เครื่อง ธนาคารกรุงเทพ 8,000 เครื่อง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 5,425 เครื่อง ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี) 2,406 เครื่อง ธ.ก.ส. 2,300 เครื่อง ขณะที่ธนาคารกรุงไทยไม่ได้เปิดเผย ข้อมูลล่าสุดไตรมาส 3/2567 มี 8,151 เครื่อง นอกนั้นเป็นธนาคารขนาดเล็ก เช่น ธนาคารยูโอบี 344 เครื่อง และบางธนาคารอย่างซีไอเอ็มบี ไทย ยกเลิกบริการเครื่องเอทีเอ็มไปเมื่อปี 2563 ทดแทนด้วยบริการบัตรเดบิตถอนเงินฟรีทุกตู้ทั่วไทย

    แม้ว่าบริการถอนเงินไม่ใช้บัตรข้ามธนาคารเกิดขึ้นเมื่อปี 2564 แต่ก็เป็นไปในลักษณะให้บริการกับธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลาง เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้บริการกับธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ก่อนจะมี ธ.ก.ส. ธนาคารไทยเครดิต และทีทีบี ตามมา แต่เมื่อสองธนาคารยักษ์อย่างธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทย ให้บริการถอนเงินไม่ใช้บัตรข้ามธนาคารร่วมกัน ยิ่งทำให้บริการถอนเงินไม่ใช้บัตรข้ามธนาคารเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น รวมทั้งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ลูกค้ายอมเสียค่าธรรมเนียมเพื่อประหยัดเวลา ไม่ต้องการค้นหาตู้เอทีเอ็มธนาคารตัวเอง

    ตัวกลางในการให้บริการมาจากบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ (ITMX) ที่ต่อยอดบริการถอนเงินไม่ใช้บัตร ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมข้ามธนาคารได้ผ่านระบบ ITMX’s Single Payment และ ATM Switching ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานเดิมสำหรับบริการถอนเงินสดข้ามธนาคาร ปัจจุบันรองรับทั้งการทำรายการแบบ One-Time-Password (OTP) และแบบ QR Code

    ล่าสุดตู้ K ATM ธนาคารกสิกรไทย รองรับการถอนเงินไม่ใช้บัตรข้ามธนาคารได้ทั้งสองรูปแบบ เช่น แอปฯ Bangkok Bank ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แอปฯ SCB Easy ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) แอปฯ KKP Mobile ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) แอปฯ LHB You ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และล่าสุดแอปฯ MyMo ธนาคารออมสิน ค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับธนาคารเจ้าของโมบายแอปพลิเคชัน อยู่ที่ประมาณ 10-15 บาทต่อรายการ จึงน่าสนใจว่าอาจมีธนาคารอื่นให้บริการรองรับทั้งสองรูปแบบตามมา สร้างรายได้จากค่าธรรมเนียม ทดแทนค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตที่มีแนวโน้มลดลง

    #Newskit
    ถอนเงินไม่ใช้บัตรข้ามธนาคาร กสิกรไทยรองรับ 2 รูปแบบ ในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน 2568 ที่ผ่านมา แต่ละธนาคารได้สำรองเงินสดเพื่อรองรับการใช้จ่าย ซึ่งพบว่าแต่ละธนาคารเปิดเผยตัวเลขจำนวนเครื่องเอทีเอ็มในปัจจุบัน โดยธนาคารไทยพาณิชย์ ยังคงมีเครื่องเอทีเอ็มมากที่สุดในประเทศ รวม 9,937 เครื่องแม้จะลดลงไม่ถึงหลักหมื่น จากเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2567 รวม 10,398 เครื่อง ลดลง 461 เครื่องก็ตาม ส่วนธนาคารอื่นๆ อาทิ ธนาคารกสิกรไทย 8,200 เครื่อง ธนาคารกรุงเทพ 8,000 เครื่อง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 5,425 เครื่อง ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี) 2,406 เครื่อง ธ.ก.ส. 2,300 เครื่อง ขณะที่ธนาคารกรุงไทยไม่ได้เปิดเผย ข้อมูลล่าสุดไตรมาส 3/2567 มี 8,151 เครื่อง นอกนั้นเป็นธนาคารขนาดเล็ก เช่น ธนาคารยูโอบี 344 เครื่อง และบางธนาคารอย่างซีไอเอ็มบี ไทย ยกเลิกบริการเครื่องเอทีเอ็มไปเมื่อปี 2563 ทดแทนด้วยบริการบัตรเดบิตถอนเงินฟรีทุกตู้ทั่วไทย แม้ว่าบริการถอนเงินไม่ใช้บัตรข้ามธนาคารเกิดขึ้นเมื่อปี 2564 แต่ก็เป็นไปในลักษณะให้บริการกับธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลาง เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้บริการกับธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ก่อนจะมี ธ.ก.ส. ธนาคารไทยเครดิต และทีทีบี ตามมา แต่เมื่อสองธนาคารยักษ์อย่างธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทย ให้บริการถอนเงินไม่ใช้บัตรข้ามธนาคารร่วมกัน ยิ่งทำให้บริการถอนเงินไม่ใช้บัตรข้ามธนาคารเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น รวมทั้งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ลูกค้ายอมเสียค่าธรรมเนียมเพื่อประหยัดเวลา ไม่ต้องการค้นหาตู้เอทีเอ็มธนาคารตัวเอง ตัวกลางในการให้บริการมาจากบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ (ITMX) ที่ต่อยอดบริการถอนเงินไม่ใช้บัตร ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมข้ามธนาคารได้ผ่านระบบ ITMX’s Single Payment และ ATM Switching ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานเดิมสำหรับบริการถอนเงินสดข้ามธนาคาร ปัจจุบันรองรับทั้งการทำรายการแบบ One-Time-Password (OTP) และแบบ QR Code ล่าสุดตู้ K ATM ธนาคารกสิกรไทย รองรับการถอนเงินไม่ใช้บัตรข้ามธนาคารได้ทั้งสองรูปแบบ เช่น แอปฯ Bangkok Bank ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แอปฯ SCB Easy ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) แอปฯ KKP Mobile ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) แอปฯ LHB You ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และล่าสุดแอปฯ MyMo ธนาคารออมสิน ค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับธนาคารเจ้าของโมบายแอปพลิเคชัน อยู่ที่ประมาณ 10-15 บาทต่อรายการ จึงน่าสนใจว่าอาจมีธนาคารอื่นให้บริการรองรับทั้งสองรูปแบบตามมา สร้างรายได้จากค่าธรรมเนียม ทดแทนค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตที่มีแนวโน้มลดลง #Newskit
    Like
    Love
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 540 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซันเวย์ปั้นมิกซ์ยูสยะโฮร์ สถานี RTS Link เชื่อมสิงคโปร์

    โครงการก่อสร้างรถไฟเชื่อมระหว่างยะโฮร์-สิงคโปร์ หรือ อาร์ทีเอส ลิงก์ (RTS Link) ระยะทาง 4 กิโลเมตร ลงทุนร่วมกันระหว่าง เอ็มอาร์ที คอร์ป (MRT Corp) ประเทศมาเลเซีย กับเอสเอ็มอาร์ที คอร์ปอเรชัน ผู้ให้บริการรถไฟประเทศสิงคโปร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2564 เชื่อมระหว่างสถานีบูกิตชาการ์ (Bukit Chagar) ฝั่งมาเลเซีย และสถานีวูดแลนด์นอร์ธ (Woodlands North) ฝั่งสิงคโปร์ เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายทอมสัน-อีสต์โคสต์ มีแผนจะเปิดให้บริการในเดือน ม.ค. 2570

    ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ม.ค. เอ็มอาร์ที คอร์ป ได้ลงนามสัญญากับซันเวย์ กรุ๊ป (Sunway Group) พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูสย่านสถานีบูกิตชาการ์ มูลค่า 2,600 ล้านริงกิต ประกอบด้วยที่พักอาศัย ศูนย์การค้า โรงแรม ศูนย์การศึกษา และศูนย์สุขภาพ บนพื้นที่ 4.23 เอเคอร์ พร้อมอาคารจอดรถยนต์ 1,550 คัน และจักรยานยนต์ 1,015 คัน รองรับการท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจ โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือน มี.ค. 2568 ใช้เวลาก่อสร้าง 8 ปี คาดว่าจะเปิดอาคารจอดรถในเดือน พ.ย. 2569 ส่วนโครงการเฟสแรกเปิดให้บริการในปี 2576

    สำหรับซันเวย์ กรุ๊ป เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศมาเลเซีย ประกอบธุรกิจหลากหลายกว่า 13 ประเภท ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง การศึกษา โรงแรม การแพทย์ ศูนย์การค้า ธีมพาร์ค ดิจิทัล ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนและการเงิน วัสดุก่อสร้าง การผลิตและจำหน่าย และเหมืองหิน อีกทั้งยังลงทุนในหลายประเทศ โดยประเทศไทยได้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์การขนส่งทางอุตสาหกรรม เช่น สายยางไฮโดรลิก สายยางอุตสาหกรรม และเครื่องบีบสาย

    สำหรับรัฐยะโฮร์ กลุ่มซันเวย์ กรุ๊ปลงทุนทั้งธุรกิจก่อสร้าง เหมืองหิน วัสดุก่อสร้าง การผลิตและจำหน่าย การศึกษา รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น โครงการซันเวย์ ซิตี้ อิสกันดาร์ ปูเตรี (Sunway City Iskandar Puteri) บนพื้นที่ 2,000 เอเคอร์ ที่ประกอบด้วยบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า ศูนย์กีฬา โรงเรียนนานาชาติ และโรงแรม

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ม.ค. รัฐบาลมาเลเซียและสิงคโปร์ลงนามเปิดตัวเขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ (JS-SEZ) เพื่อดึงดูดการลงทุนระดับโลก ครอบคลุมพื้นที่ 3,571 ตารางกิโลเมตร แบ่งเป็น 9 โซนเศรษฐกิจ รองรับ 11 ภาคอุตสาหกรรม เช่น การผลิต โลจิสติกส์ ความมั่นคงด้านอาหาร การท่องเที่ยว พลังงาน เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว บริการทางการเงิน บริการทางธุรกิจ การศึกษา และสุขภาพ โดยตั้งเป้าหมาย 50 โครงการใน 5 ปีแรกและ 100 โครงการในอีก 10 ปีข้างหน้า

    #Newskit
    ซันเวย์ปั้นมิกซ์ยูสยะโฮร์ สถานี RTS Link เชื่อมสิงคโปร์ โครงการก่อสร้างรถไฟเชื่อมระหว่างยะโฮร์-สิงคโปร์ หรือ อาร์ทีเอส ลิงก์ (RTS Link) ระยะทาง 4 กิโลเมตร ลงทุนร่วมกันระหว่าง เอ็มอาร์ที คอร์ป (MRT Corp) ประเทศมาเลเซีย กับเอสเอ็มอาร์ที คอร์ปอเรชัน ผู้ให้บริการรถไฟประเทศสิงคโปร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2564 เชื่อมระหว่างสถานีบูกิตชาการ์ (Bukit Chagar) ฝั่งมาเลเซีย และสถานีวูดแลนด์นอร์ธ (Woodlands North) ฝั่งสิงคโปร์ เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายทอมสัน-อีสต์โคสต์ มีแผนจะเปิดให้บริการในเดือน ม.ค. 2570 ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ม.ค. เอ็มอาร์ที คอร์ป ได้ลงนามสัญญากับซันเวย์ กรุ๊ป (Sunway Group) พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูสย่านสถานีบูกิตชาการ์ มูลค่า 2,600 ล้านริงกิต ประกอบด้วยที่พักอาศัย ศูนย์การค้า โรงแรม ศูนย์การศึกษา และศูนย์สุขภาพ บนพื้นที่ 4.23 เอเคอร์ พร้อมอาคารจอดรถยนต์ 1,550 คัน และจักรยานยนต์ 1,015 คัน รองรับการท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจ โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือน มี.ค. 2568 ใช้เวลาก่อสร้าง 8 ปี คาดว่าจะเปิดอาคารจอดรถในเดือน พ.ย. 2569 ส่วนโครงการเฟสแรกเปิดให้บริการในปี 2576 สำหรับซันเวย์ กรุ๊ป เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในประเทศมาเลเซีย ประกอบธุรกิจหลากหลายกว่า 13 ประเภท ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง การศึกษา โรงแรม การแพทย์ ศูนย์การค้า ธีมพาร์ค ดิจิทัล ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนและการเงิน วัสดุก่อสร้าง การผลิตและจำหน่าย และเหมืองหิน อีกทั้งยังลงทุนในหลายประเทศ โดยประเทศไทยได้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์การขนส่งทางอุตสาหกรรม เช่น สายยางไฮโดรลิก สายยางอุตสาหกรรม และเครื่องบีบสาย สำหรับรัฐยะโฮร์ กลุ่มซันเวย์ กรุ๊ปลงทุนทั้งธุรกิจก่อสร้าง เหมืองหิน วัสดุก่อสร้าง การผลิตและจำหน่าย การศึกษา รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น โครงการซันเวย์ ซิตี้ อิสกันดาร์ ปูเตรี (Sunway City Iskandar Puteri) บนพื้นที่ 2,000 เอเคอร์ ที่ประกอบด้วยบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า ศูนย์กีฬา โรงเรียนนานาชาติ และโรงแรม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ม.ค. รัฐบาลมาเลเซียและสิงคโปร์ลงนามเปิดตัวเขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ (JS-SEZ) เพื่อดึงดูดการลงทุนระดับโลก ครอบคลุมพื้นที่ 3,571 ตารางกิโลเมตร แบ่งเป็น 9 โซนเศรษฐกิจ รองรับ 11 ภาคอุตสาหกรรม เช่น การผลิต โลจิสติกส์ ความมั่นคงด้านอาหาร การท่องเที่ยว พลังงาน เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว บริการทางการเงิน บริการทางธุรกิจ การศึกษา และสุขภาพ โดยตั้งเป้าหมาย 50 โครงการใน 5 ปีแรกและ 100 โครงการในอีก 10 ปีข้างหน้า #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 496 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดี "แตงโม" ศาลนัดสืบพยานปากสุดท้าย "กุนซือเอ็ม" ด้าน "ทนายเดชา" เผยศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 23 พ.ค.2568 จำเลยทั้ง 4 คน จะต้องเดินทางมาฟังคำพิพากษา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014646

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    คดี "แตงโม" ศาลนัดสืบพยานปากสุดท้าย "กุนซือเอ็ม" ด้าน "ทนายเดชา" เผยศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 23 พ.ค.2568 จำเลยทั้ง 4 คน จะต้องเดินทางมาฟังคำพิพากษา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014646 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1366 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขย่าวงการรถยนต์ไฟฟ้าจนร้อนไปทั่วเมื่อหุ้น BYD พุ่งทะยานวันพุธ (12) หลังค่ายรถอีวีชื่อดังจีน BYD ประกาศจับมือบริษัท AI จีนชื่อดัง DeepSeek ให้เอาสมองกล AI ใส่ในรถ BYD ส่วนผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ไม่เดินทางร่วมการประชุม AI Summit ที่กรุงปารีสซึ่งมีการประชุม 2 วันถึงแม้จะได้รับเชิญ หนังสือพิมพ์เซาท์มอร์นิ่งไชนาโพสต์ชี้ ไม่จำเป็นเพราะจีนได้ปักธงเป็นผู้ชนะสมรภูมิรบปัญญาประดิษฐ์ระดับโลกไปแล้วเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังวุ่นวายประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สัปดาห์ที่แล้วสั่งระงับชั่วคราวโครงการสถานีชาร์เจอร์ของรถอีวีทั่วสหรัฐฯ 5 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง อีลอน มัสก์ เจ้าของเทสลากำลังยุ่งกับการยกเลิกหน่วยงานรัฐไล่เจ้าหน้าที่รัฐออก
    .
    ยูโรนิวส์รายงานวันพุธ (12 ก.พ.) ว่า หุ้น BYD พุ่งทะยานสูงสุดวันพุธ (12) หลังค่าย BYD ยักษ์ใหญ่อีวีของจีนประกาศจับมือร่วมกันกับบริษัท DeepSeek เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จีนเมื่อต้นสัปดาห์นี้
    .
    BYD คู่แข่งสำคัญของค่ายเทสลาจากสหรัฐฯ แถลงว่า จะติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติในรถทุกรุ่นของตัวเอง ตั้งแต่รุ่นที่ราคาต่ำสู่รุ่นระดับเอ็กซ์คลูซีฟ
    .
    ผู้ก่อตั้ง BYD Wang Chuanfu กล่าวในวันจันทร์ (10) ว่า บริษัท BYD ตั้งใจจะทำให้การขับขี่อัตโนมัติมีความหรูหราน้อยลงและฟีเจอร์ความปลอดภัยมากขึ้น
    .
    เทคโนโลยีใหม่ที่ว่านี้ถูกเรียกว่า “ดวงตาแห่งพระเจ้า” (God's Eye) จะได้รับการติดตั้งในรถที่มีราคาต่ำสุดตั้งแต่ 69,800 หยวน หรือ ราว 325,712.21 บาท อ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนประจำวันพุธ (12)
    .
    BYD เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะติดตั้งซอฟต์แวร์ AI ของ DeepSeek เข้าไปในบางรุ่นของระบบการขับขี่ของตัวเอง
    .
    ผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาชี้ว่า DeepSeek จะทำให้ระบบเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ BYD มีความชาญฉลาดมากขึ้นทางด้านระบบเสียงสั่งการ และเพิ่มความสามารถการขับขี่อัตโนมัติ
    .
    การประกาศจับมือร่วมกันของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ชื่อดังจากแดนมังกรทำเอาเทสลาของอีลอน มัสก์ตกที่นั่งลำบาก สื่อ city.am ของอังกฤษออกมาชี้ว่า ผลการประกาศจับมือร่วมกันระหว่าง BYD และ DeepSeek ส่งผลสะเทือนต่อหุ้นเทสลาในวันพุธ (12) ที่ตกลง 5 วันติดต่อกัน
    .
    เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนต่างเริ่มวิตกถึงซีอีโอใหญ่ อีลอน มัสก์ ในการใช้เวลาของเขา แมตต์ บริตซแมน (Matt Britzman) จาก Hargreaves Lansdown
    .
    นอกเหนือจากที่เขาต้องวุ่นกับแพลตฟอร์ม X ที่ปรากฏการทวีตของมัสก์บนแพลตฟอร์มบ่อยครั้ง มัสก์ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำสำนักงานประสิทธิภาพรัฐ DOGE และยังเปิดข้อเสนอ 97 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ OpenAI ของ แซม อัลต์แมน ทำให้วิตกว่า อีลอน จะไม่สนใจบริหาร Tesla อย่างมีประสิทธิภาพ
    .
    “แบรนด์ Tesla ตอนนี้พังแล้ว” รอส เกอร์เบอร์ (Ross Gerber) ซีอีโอบริหารประจำ Gerber Kawasaki แถลง
    .
    ขณะที่ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) มีรายงานไม่บินเข้าร่วมการประชุม AI โลก 2 วันจัดขึ้นที่กรุงปารีส ถึงแม้จะถูกเชิญก็ตาม หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานวานนี้ (11) แสดงความเห็นว่า จากการที่จีนกลายเป็นแชมป์ด้าน AI ในระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    หนังสือฮ่องกงรายงานว่า แต่ทว่ามีปรากฏภาพซีอีโอบริษัท OpenAI ของสหรัฐฯ แซม อัลต์แมน เข้าร่วมงานในการประชุมนอกรอบในวันอังคาร (11)
    .
    งานซัมมิต AI โลกนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง อ้างอิงจากเดอะการ์เดียนวันจันทร์ (10) ได้ออกมาประกาศว่า “หากเป็นเรื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI แล้วขอให้เลือกยุโรปและฝรั่งเศส”
    .
    ฝรั่งเศสและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จับมือร่วมกันตั้งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ AI 1 กิกะวัตต์ของบริษัท Mistral AI ที่ฝรั่งเศสมูลค่าถึง 50 พันล้านยูโร
    .
    ทั้งนี้ Mistral AI SAS เป็นสตาร์ทอัปด้านปัญญาประดิษฐ์จากฝรั่งเศส มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส มีความเชี่ยวชาญในโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบเปิดน้ำหนัก ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2023 โดยวิศวกรที่เคยทำงานโดย Google DeepMind และ Meta Platforms
    .
    ขณะเดียวกันในสหรัฐฯ ประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นทั้งรถไฟฟ้าและเทคโนโลยี AI เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันศุกร์ (7) เป็นที่น่าตกตะลึงเมื่อ รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ที่มี “อีลอน มัสก์” ทำงานร่วม ออกคำสั่งภายในวันพฤหัสบดี (6) ให้บรรดาผู้อำนวยการคมนาคมมลรัฐ และสำนักงานบริหารทางหลวงสหรัฐฯ FHWA
    .
    ห้ามมลรัฐต่างๆ ใช้เงินใดๆที่ส่งไปให้ภายใต้โครงการโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จเจอร์อีวี NEVI ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ต้องการขยายสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์รถอีวีให้ครอบคลุมทั่วประเทศอันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายโลกร้อนและสิ่งแวดล้อมของไบเดน
    .
    เดอะการ์เดียนชี้ว่า ปัจจุบันในสหรัฐฯ พบว่า 14 มลรัฐทั่วอเมริกามีสถานีชาร์จเจอร์ไม่ต่ำกว่า 1 แห่งเปิดบริการ และมาจนถึงพฤศจิกายนล่าสุด มีจุดชาร์จไฟสาธารณะร่วม 126 เปิดทั่วสถานีชาร์จเจอร์รัฐ NEVI 31 แห่งใน 9 รัฐ เพิ่มขึ้น 83% ในการเปิดนับตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว
    .
    ทรัมป์เคยออกมาประณามการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของไบเดนว่าจะเป็นการนำความหายนะมาสู่อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014306
    ..............
    Sondhi X
    เขย่าวงการรถยนต์ไฟฟ้าจนร้อนไปทั่วเมื่อหุ้น BYD พุ่งทะยานวันพุธ (12) หลังค่ายรถอีวีชื่อดังจีน BYD ประกาศจับมือบริษัท AI จีนชื่อดัง DeepSeek ให้เอาสมองกล AI ใส่ในรถ BYD ส่วนผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ไม่เดินทางร่วมการประชุม AI Summit ที่กรุงปารีสซึ่งมีการประชุม 2 วันถึงแม้จะได้รับเชิญ หนังสือพิมพ์เซาท์มอร์นิ่งไชนาโพสต์ชี้ ไม่จำเป็นเพราะจีนได้ปักธงเป็นผู้ชนะสมรภูมิรบปัญญาประดิษฐ์ระดับโลกไปแล้วเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐฯ กำลังวุ่นวายประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สัปดาห์ที่แล้วสั่งระงับชั่วคราวโครงการสถานีชาร์เจอร์ของรถอีวีทั่วสหรัฐฯ 5 พันล้านดอลลาร์ระหว่าง อีลอน มัสก์ เจ้าของเทสลากำลังยุ่งกับการยกเลิกหน่วยงานรัฐไล่เจ้าหน้าที่รัฐออก . ยูโรนิวส์รายงานวันพุธ (12 ก.พ.) ว่า หุ้น BYD พุ่งทะยานสูงสุดวันพุธ (12) หลังค่าย BYD ยักษ์ใหญ่อีวีของจีนประกาศจับมือร่วมกันกับบริษัท DeepSeek เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จีนเมื่อต้นสัปดาห์นี้ . BYD คู่แข่งสำคัญของค่ายเทสลาจากสหรัฐฯ แถลงว่า จะติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติในรถทุกรุ่นของตัวเอง ตั้งแต่รุ่นที่ราคาต่ำสู่รุ่นระดับเอ็กซ์คลูซีฟ . ผู้ก่อตั้ง BYD Wang Chuanfu กล่าวในวันจันทร์ (10) ว่า บริษัท BYD ตั้งใจจะทำให้การขับขี่อัตโนมัติมีความหรูหราน้อยลงและฟีเจอร์ความปลอดภัยมากขึ้น . เทคโนโลยีใหม่ที่ว่านี้ถูกเรียกว่า “ดวงตาแห่งพระเจ้า” (God's Eye) จะได้รับการติดตั้งในรถที่มีราคาต่ำสุดตั้งแต่ 69,800 หยวน หรือ ราว 325,712.21 บาท อ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนประจำวันพุธ (12) . BYD เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะติดตั้งซอฟต์แวร์ AI ของ DeepSeek เข้าไปในบางรุ่นของระบบการขับขี่ของตัวเอง . ผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาชี้ว่า DeepSeek จะทำให้ระบบเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติของ BYD มีความชาญฉลาดมากขึ้นทางด้านระบบเสียงสั่งการ และเพิ่มความสามารถการขับขี่อัตโนมัติ . การประกาศจับมือร่วมกันของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ชื่อดังจากแดนมังกรทำเอาเทสลาของอีลอน มัสก์ตกที่นั่งลำบาก สื่อ city.am ของอังกฤษออกมาชี้ว่า ผลการประกาศจับมือร่วมกันระหว่าง BYD และ DeepSeek ส่งผลสะเทือนต่อหุ้นเทสลาในวันพุธ (12) ที่ตกลง 5 วันติดต่อกัน . เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนต่างเริ่มวิตกถึงซีอีโอใหญ่ อีลอน มัสก์ ในการใช้เวลาของเขา แมตต์ บริตซแมน (Matt Britzman) จาก Hargreaves Lansdown . นอกเหนือจากที่เขาต้องวุ่นกับแพลตฟอร์ม X ที่ปรากฏการทวีตของมัสก์บนแพลตฟอร์มบ่อยครั้ง มัสก์ล่าสุดได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำสำนักงานประสิทธิภาพรัฐ DOGE และยังเปิดข้อเสนอ 97 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ OpenAI ของ แซม อัลต์แมน ทำให้วิตกว่า อีลอน จะไม่สนใจบริหาร Tesla อย่างมีประสิทธิภาพ . “แบรนด์ Tesla ตอนนี้พังแล้ว” รอส เกอร์เบอร์ (Ross Gerber) ซีอีโอบริหารประจำ Gerber Kawasaki แถลง . ขณะที่ผู้ก่อตั้ง DeepSeek เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) มีรายงานไม่บินเข้าร่วมการประชุม AI โลก 2 วันจัดขึ้นที่กรุงปารีส ถึงแม้จะถูกเชิญก็ตาม หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานวานนี้ (11) แสดงความเห็นว่า จากการที่จีนกลายเป็นแชมป์ด้าน AI ในระดับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . หนังสือฮ่องกงรายงานว่า แต่ทว่ามีปรากฏภาพซีอีโอบริษัท OpenAI ของสหรัฐฯ แซม อัลต์แมน เข้าร่วมงานในการประชุมนอกรอบในวันอังคาร (11) . งานซัมมิต AI โลกนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง อ้างอิงจากเดอะการ์เดียนวันจันทร์ (10) ได้ออกมาประกาศว่า “หากเป็นเรื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI แล้วขอให้เลือกยุโรปและฝรั่งเศส” . ฝรั่งเศสและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จับมือร่วมกันตั้งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ AI 1 กิกะวัตต์ของบริษัท Mistral AI ที่ฝรั่งเศสมูลค่าถึง 50 พันล้านยูโร . ทั้งนี้ Mistral AI SAS เป็นสตาร์ทอัปด้านปัญญาประดิษฐ์จากฝรั่งเศส มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส มีความเชี่ยวชาญในโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบเปิดน้ำหนัก ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2023 โดยวิศวกรที่เคยทำงานโดย Google DeepMind และ Meta Platforms . ขณะเดียวกันในสหรัฐฯ ประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นทั้งรถไฟฟ้าและเทคโนโลยี AI เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันศุกร์ (7) เป็นที่น่าตกตะลึงเมื่อ รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ที่มี “อีลอน มัสก์” ทำงานร่วม ออกคำสั่งภายในวันพฤหัสบดี (6) ให้บรรดาผู้อำนวยการคมนาคมมลรัฐ และสำนักงานบริหารทางหลวงสหรัฐฯ FHWA . ห้ามมลรัฐต่างๆ ใช้เงินใดๆที่ส่งไปให้ภายใต้โครงการโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จเจอร์อีวี NEVI ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ต้องการขยายสถานีซูเปอร์ชาร์จเจอร์รถอีวีให้ครอบคลุมทั่วประเทศอันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายโลกร้อนและสิ่งแวดล้อมของไบเดน . เดอะการ์เดียนชี้ว่า ปัจจุบันในสหรัฐฯ พบว่า 14 มลรัฐทั่วอเมริกามีสถานีชาร์จเจอร์ไม่ต่ำกว่า 1 แห่งเปิดบริการ และมาจนถึงพฤศจิกายนล่าสุด มีจุดชาร์จไฟสาธารณะร่วม 126 เปิดทั่วสถานีชาร์จเจอร์รัฐ NEVI 31 แห่งใน 9 รัฐ เพิ่มขึ้น 83% ในการเปิดนับตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว . ทรัมป์เคยออกมาประณามการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของไบเดนว่าจะเป็นการนำความหายนะมาสู่อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014306 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2363 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=nwUR7aWqhyU
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันวาเลนไทน์
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันวาเลนไทน์
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #วาเลนไทน์

    The conversations from the clip :

    James: Hey, Sophia! Valentine’s Day is coming soon. Do you know the history behind it?
    Sophia: Of course! It started with Saint Valentine, a priest in ancient Rome.
    James: Oh yeah, he secretly performed weddings for soldiers, right?
    Sophia: Exactly! Emperor Claudius II banned soldiers from getting married, but Saint Valentine helped them in secret.
    James: That’s so romantic! But sadly, he was caught and executed on February 14th.
    Sophia: Yes, and that’s why we celebrate Valentine’s Day on that date. Over time, it became a day for love and romance.
    James: Speaking of romance, how about we go on a special date this year?
    Sophia: I’d love that! Do you have any plans in mind?
    James: How about a fancy dinner at a rooftop restaurant, and then we take a walk in the park?
    Sophia: That sounds amazing! A romantic evening with a beautiful view.
    James: And I have a special gift for you!
    Sophia: Aww, really? What is it? Give me a hint!
    James: Hmm… It’s something shiny that you can wear every day.
    Sophia: Oh my gosh! Is it a necklace?
    James: Yes! I picked a beautiful necklace that reminds me of you.
    Sophia: That’s so sweet! I love it already. This is going to be the best Valentine’s Day ever!

    James: เฮ้, โซเฟีย! วันวาเลนไทน์ใกล้จะมาถึงแล้วนะ เธอรู้ประวัติของวันนี้ไหม?
    Sophia: รู้สิ! มันเริ่มต้นจาก นักบุญวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นนักบวชในกรุงโรมสมัยโบราณ
    James: ใช่เลย! เขาแอบจัดพิธีแต่งงานให้กับทหารใช่ไหม?
    Sophia: ใช่แล้ว! จักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ห้ามทหารแต่งงาน แต่นักบุญวาเลนไทน์ช่วยพวกเขาอย่างลับ ๆ
    James: โรแมนติกมาก! แต่สุดท้ายเขาถูกจับและถูกประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์
    Sophia: ใช่ และนั่นเป็นเหตุผลที่เราฉลองวันวาเลนไทน์ในวันนี้ เมื่อเวลาผ่านไป วันนี้ก็กลายเป็นวันแห่งความรักและความโรแมนติก
    James: พูดถึงความโรแมนติกแล้ว ปีนี้เราไปเดทพิเศษกันดีไหม?
    Sophia: ฉันชอบไอเดียนั้นเลย! เธอมีแผนอะไรหรือเปล่า?
    James: ไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารบนดาดฟ้าดีไหม แล้วจากนั้นก็เดินเล่นในสวนสาธารณะ
    Sophia: ฟังดูดีมาก! ค่ำคืนสุดโรแมนติกกับวิวสวย ๆ
    James: และฉันมีของขวัญพิเศษให้เธอด้วยนะ!
    Sophia: ว้าว จริงเหรอ? อะไรเหรอ? บอกใบ้หน่อย!
    James: อืม… มันเป็นของที่เป็นประกายและเธอสามารถใส่ได้ทุกวัน
    Sophia: โอ้! หรือว่าสร้อยคอ?
    James: ใช่เลย! ฉันเลือกสร้อยคอที่สวยที่สุด เพราะมันทำให้ฉันนึกถึงเธอ
    Sophia: น่ารักมากเลย! ฉันชอบมันแน่นอน นี่ต้องเป็นวันวาเลนไทน์ที่ดีที่สุดแน่ ๆ!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Valentine (แวล-นไทน์) n. แปลว่า วันวาเลนไทน์
    History (ฮิส-ทอรี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์
    Priest (พรีสท์) n. แปลว่า นักบวช
    Emperor (เอ็ม-พี-เร่อ) n. แปลว่า จักรพรรดิ
    Rome (โรม) n. แปลว่า กรุงโรม
    Soldier (โซล-เจอ) n. แปลว่า ทหาร
    Marriage (แมร์-ริจ) n. แปลว่า การแต่งงาน
    Banned (แบน) adj. แปลว่า ถูกห้าม
    Executed (เอ็ก-ซี-คิว-ทิด) v. แปลว่า ถูกประหารชีวิต
    Celebrate (เซล-เล-เบรท) v. แปลว่า เฉลิมฉลอง
    Romantic (โร-แมน-ทิค) adj. แปลว่า โรแมนติก
    Dinner (ดิน-เนอร์) n. แปลว่า อาหารค่ำ
    Necklace (เนค-คเลิส) n. แปลว่า สร้อยคอ
    Hint (ฮินท์) n. แปลว่า คำใบ้
    Special (สเปช-ชัล) adj. แปลว่า พิเศษ
    https://www.youtube.com/watch?v=nwUR7aWqhyU แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันวาเลนไทน์ (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันวาเลนไทน์ มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #วาเลนไทน์ The conversations from the clip : James: Hey, Sophia! Valentine’s Day is coming soon. Do you know the history behind it? Sophia: Of course! It started with Saint Valentine, a priest in ancient Rome. James: Oh yeah, he secretly performed weddings for soldiers, right? Sophia: Exactly! Emperor Claudius II banned soldiers from getting married, but Saint Valentine helped them in secret. James: That’s so romantic! But sadly, he was caught and executed on February 14th. Sophia: Yes, and that’s why we celebrate Valentine’s Day on that date. Over time, it became a day for love and romance. James: Speaking of romance, how about we go on a special date this year? Sophia: I’d love that! Do you have any plans in mind? James: How about a fancy dinner at a rooftop restaurant, and then we take a walk in the park? Sophia: That sounds amazing! A romantic evening with a beautiful view. James: And I have a special gift for you! Sophia: Aww, really? What is it? Give me a hint! James: Hmm… It’s something shiny that you can wear every day. Sophia: Oh my gosh! Is it a necklace? James: Yes! I picked a beautiful necklace that reminds me of you. Sophia: That’s so sweet! I love it already. This is going to be the best Valentine’s Day ever! James: เฮ้, โซเฟีย! วันวาเลนไทน์ใกล้จะมาถึงแล้วนะ เธอรู้ประวัติของวันนี้ไหม? Sophia: รู้สิ! มันเริ่มต้นจาก นักบุญวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นนักบวชในกรุงโรมสมัยโบราณ James: ใช่เลย! เขาแอบจัดพิธีแต่งงานให้กับทหารใช่ไหม? Sophia: ใช่แล้ว! จักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ห้ามทหารแต่งงาน แต่นักบุญวาเลนไทน์ช่วยพวกเขาอย่างลับ ๆ James: โรแมนติกมาก! แต่สุดท้ายเขาถูกจับและถูกประหารชีวิตในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ Sophia: ใช่ และนั่นเป็นเหตุผลที่เราฉลองวันวาเลนไทน์ในวันนี้ เมื่อเวลาผ่านไป วันนี้ก็กลายเป็นวันแห่งความรักและความโรแมนติก James: พูดถึงความโรแมนติกแล้ว ปีนี้เราไปเดทพิเศษกันดีไหม? Sophia: ฉันชอบไอเดียนั้นเลย! เธอมีแผนอะไรหรือเปล่า? James: ไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารบนดาดฟ้าดีไหม แล้วจากนั้นก็เดินเล่นในสวนสาธารณะ Sophia: ฟังดูดีมาก! ค่ำคืนสุดโรแมนติกกับวิวสวย ๆ James: และฉันมีของขวัญพิเศษให้เธอด้วยนะ! Sophia: ว้าว จริงเหรอ? อะไรเหรอ? บอกใบ้หน่อย! James: อืม… มันเป็นของที่เป็นประกายและเธอสามารถใส่ได้ทุกวัน Sophia: โอ้! หรือว่าสร้อยคอ? James: ใช่เลย! ฉันเลือกสร้อยคอที่สวยที่สุด เพราะมันทำให้ฉันนึกถึงเธอ Sophia: น่ารักมากเลย! ฉันชอบมันแน่นอน นี่ต้องเป็นวันวาเลนไทน์ที่ดีที่สุดแน่ ๆ! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Valentine (แวล-นไทน์) n. แปลว่า วันวาเลนไทน์ History (ฮิส-ทอรี) n. แปลว่า ประวัติศาสตร์ Priest (พรีสท์) n. แปลว่า นักบวช Emperor (เอ็ม-พี-เร่อ) n. แปลว่า จักรพรรดิ Rome (โรม) n. แปลว่า กรุงโรม Soldier (โซล-เจอ) n. แปลว่า ทหาร Marriage (แมร์-ริจ) n. แปลว่า การแต่งงาน Banned (แบน) adj. แปลว่า ถูกห้าม Executed (เอ็ก-ซี-คิว-ทิด) v. แปลว่า ถูกประหารชีวิต Celebrate (เซล-เล-เบรท) v. แปลว่า เฉลิมฉลอง Romantic (โร-แมน-ทิค) adj. แปลว่า โรแมนติก Dinner (ดิน-เนอร์) n. แปลว่า อาหารค่ำ Necklace (เนค-คเลิส) n. แปลว่า สร้อยคอ Hint (ฮินท์) n. แปลว่า คำใบ้ Special (สเปช-ชัล) adj. แปลว่า พิเศษ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts