• บึกถึกทน 03/01/68 #เหงียน ชวน เซิน #ทีมชาติเวียดนาม #อาเซียนคัพ 2024 #ศึกฟุตบอล
    บึกถึกทน 03/01/68 #เหงียน ชวน เซิน #ทีมชาติเวียดนาม #อาเซียนคัพ 2024 #ศึกฟุตบอล
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1617 มุมมอง 105 0 รีวิว
  • "ลิลลี่ เหงียน"แจงปมไลฟ์สดร่วม "แม่ตั๊ก" ยันไม่เกี่ยวข้องหลอกขายทอง เผยอยากไปเยี่ยมที่เรือนจำเพราะครั้งหนึ่งเคยมีบุญคุณจ้างงาน รับกังวลใช้เงินค่าจ้างหมดแล้ว หากตำรวจเรียกคืนต้องขอเวลาสักระยะ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120530

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ลิลลี่ เหงียน"แจงปมไลฟ์สดร่วม "แม่ตั๊ก" ยันไม่เกี่ยวข้องหลอกขายทอง เผยอยากไปเยี่ยมที่เรือนจำเพราะครั้งหนึ่งเคยมีบุญคุณจ้างงาน รับกังวลใช้เงินค่าจ้างหมดแล้ว หากตำรวจเรียกคืนต้องขอเวลาสักระยะ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120530 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 609 มุมมอง 0 รีวิว
  • 30/11/67

    สงคราม 16 วัน จีนบุกโจมตีเวียดนาม เมื่อ พ.ศ.2521
    ความจริง ที่ต้องบอกต่อ...ให้ลูกหลาน ทั้งประเทศ ได้รับรู้ไว้
    หลังจากที่สหรัฐอเมริกาพ่ายแพ้สงครามเวียดนาม ทหารเวียดนามได้ยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ อันทันสมัยไว้มากมาย ทั้งเครื่องบินรบ รถถัง ปืนใหญ่ และอาวุธประจำกาย ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดของโลกในขณะนั้น
    ทำให้กองทัพเวียดนามแข็งแกร่งขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก
    ทหารเวียดนาม จึงมีความกระหายสงครามเป็นอย่างยิ่ง ประกาศยึดลาว กัมพูชา และ ไทยต่อทันที ในเวลาเพียงไม่นาน ทั้งลาวและกัมพูชา ก็ตกเป็นของเวียดนาม
    นายพลโว เหงียนเกี๊ยบ ผู้บัญชาการกองทัพเวียดนามเจ็บแค้นมาก ที่ไทยยอมให้สหรัฐอเมริกา มาตั้งฐานทัพ และใช้เครื่องบินรบ บินขึ้นจากสนามบินอู่ตะเภา และสนามบินใน จ.อุบลราชธานี ขนระเบิดไปถล่มเวียดนามนับหมื่นเที่ยวบิน
    กองทัพเวียดนามขนอาวุธทุกชนิดที่มี รถถังจำนวนมาก มาประชิดชายแดนไทยเป็นแนวยาวหลายร้อยกิโลเมตร นายพลเวียดนามประกาศว่า จะนำทหารเข้าไปกินข้าวที่กรุงเทพฯ ให้ได้ภายใน 3 วัน
    นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น คือหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เรียกประชุมด่วน และขอให้ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งไปยังสหรัฐอเมริกาว่า เรากำลังจะถูกเวียดนามบุก
    สหรัฐอเมริกา ตอบกลับมาว่า ขอให้เราช่วยตัวเอง เพราะสหรัฐเพิ่งถอนทัพจากเวียดนาม ไม่อาจช่วยอะไรได้อีกต่อไป รัฐบาลไทย จึงได้ขอใช้อาวุธ ที่ยังตกค้างอยู่ที่ไทย สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้ไทยใช้อาวุธของอเมริกัน ที่ตกค้างจากสงครามและฝากเก็บไว้ในดินแดนไทย
    หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เรียกประชุมผู้นำเหล่าทัพทันที และถามในที่ประชุมว่า ด้วยศักยภาพที่มีอยู่ตอนนี้ เราจะสู้เวียดนามได้กี่วัน .... ผู้บัญชาการทหารของกองทัพไทยตอบว่าประมาณ 4 วัน (มากกว่าที่นายพลเวียดนามบอกไว้ 1 วัน)
    หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ หันไปบอกกับพลเอกชาติชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า.....เราต้องรีบไปจีนด่วนที่สุด....
    หลังจากนั้นไม่นาน ผู้นำไทยก็ได้เข้าพบ “โจวเอินไหล” นายกรัฐมนตรีของจีน ประโยคแรก ที่โจวเอินไหล ทักทายพลเอกชาติชายคือ “เป็นไงบ้างหลานรัก” (พ่อของพลเอกชาติชาย คือ พลเอกผิน เป็นเพื่อนร่วมรบกับโจวเอินไหลในครั้งสงครามเชียงตุง)
    การเชื่อมความสัมพันธ์เป็นไปอย่างชี่นมื่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราไปให้ความสำคัญกับไต้หวันมากกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ รับรองไต้หวันเป็นประเทศ แต่โจว เอิน ไหลไม่คิดมาก และ ยังเปิดโอกาสให้ได้พบกับ “เหมาเจ๋อตุง” ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ และ “เติ้ง เสี่ยวผิง” รองนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งได้รับการวางตัวให้เป็นผู้นำจีนรุ่นต่อไป
    เวียดนามวุ่นวายกับลาวและกัมพูชาอยู่ 2 ปี ในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2521 เวียดนามยกกำลังพล 400,000 นาย พร้อมอาวุธทันสมัยที่สุดในยุคนั้น เตรียมบุกไทย
    ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้ พันเอกชวลิต ยงใจยุทธ เดินทางไปจีน เพื่อขอความช่วยเหลือตามที่ มรว.คึกฤทธิ์ได้กรุยทางไว้
    เสนาธิการทหารของจีนประชุมกันและแนะนำว่า ควรปล่อยให้เวียดนามบุกเข้ายึดกรุงเทพฯ ก่อน แล้วค่อยส่งกองทัพจีนตามไปปลดแอกให้ แต่
    เติ้งเสี่ยวผิง ลุกขึ้นตบโต๊ะในที่ประชุม แล้วกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "ช่วยเหลือมิตร ต้องช่วยให้ทันการณ์"
    เดือนพฤศจิกายน 2521 เติ้งเสี่ยวผิง เดินทางมาดูสถานการณ์ที่ประเทศไทย และรีบกลับไปทันที หลังจากนั้น 2 เดือน ในเดือนมกราคม 2522 กองทัพจีนพร้อมกำลังพล 500,000 นาย รถถัง 5,000 คัน เครื่องบิน 1,200 ลำ ได้เปิดสงครามสั่งสอนเวียดนาม
    กองทัพจีน เข้าตีทางภาคเหนือของเวียดนามอย่างรุนแรง เวียดนามรีบถอนทัพที่ประชิดชายแดนไทย กลับไปรับศึกจีน จีนรุกไปถึงฮานอย จนทหารเวียดนามเสียชีวิตประมาณ 50,000 นาย แต่ทหารจีนก็เสียชีวิตไปไม่น้อยกว่ากัน
    เวียตนามเสียหายหนัก
    ทัพเวียตนามต้องถอยร่นถึงชานเมืองฮานอยโดยใช้เวลาทั้งหมดเพียง 16 วัน จีนจึงหยุดตีเวีนตนาม และถอนทัพกลับ

    ย้อนไปนานกว่านั้น เมื่อครั้งปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาอยุธยาแตกเสียกรุงให้พม่า
    ราชสำนักชิง รีบส่งข้าหลวง ลงเรือสำเภามาดูสถานการณ์ในไทย และ ให้รายงานต่อราชสำนักทางปักกิ่ง อยู่ตลอดเวลา ในบันทึกภาษาจีนเขียนไว้ว่า จักรพรรดิเฉียนหลง ทรงประสงค์จะรู้ข่าวคราว ของสยามถึงขนาดกระวนกระวาย เรียกประชุมกลางดึกหลายครั้ง จะเห็นได้ว่า จักรพรรดิจีนทรงให้ความสำคัญกับสยามเพียงใด
    ในจดหมายเหตุของราชวงศ์ชิงได้บันทึกถึง ครั้งที่จีนยกทัพตีภาคเหนือของพม่าไว้ว่า ขณะที่กองทัพจีนบุกพม่า จักรพรรดิเฉียนหลง ได้ทรงติดต่อกับ “เจิ้งเจา” (สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ) หลายครั้ง ดังนั้น
    ข้อสงสัยที่ว่า จีนยกทัพตีพม่า ก็เพื่อดึงทัพของเนเมียวสีหบดีกลับไป ย่อมจะเป็นจริงเพราะถ้าทัพใหญ่ของพม่า ยังคงอยู่ที่อยุธยา กองทัพพระเจ้าตากฯ ซึ่งมีทหารเพียงหลักพันนายเท่านั้น ย่อมไม่มีทางจะเอาชนะทหารพม่าที่มีเป็นหมื่นเป็นแสนได้เลย และ ชาติไทยก็อาจจะหายไปจากแผนที่โลกในปัจจุบันก็ได้
    ........ ตลอดระยะเวลาเป็นร้อยๆปี ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าจีนให้ความสำคัญกับไทยมากๆ ในฐานะมิตรประเทศที่มีความผูกพันอย่างแนบแน่น
    (ประเทศไทยมีคนจีนย้ายถิ่นฐานมาอาศัยมากที่สุดในโลก)
    นี่คือคุณูปการที่ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายทำเพื่อความอยู่รอดของเมืองไทย ที่คนรุ่นหลังไม่สนใจที่จะเรียนรู้
    ไม่ต้องรบ สยบด้วยการฑูตประเสริฐที่สุด

    ประเทศจีนช่วยเหลือประเทศไทย
    ด้วยความจริงใจ ไม่เคยคาดหวังค่าตอบแทนจากไทย ยกเว้นมิตรภาพ
    ประเทศไทยมีชาวจีนอพยพ
    มาอาศัยมากทีีสุดในโลก
    มากกว่า มาเลเซีย
    มากกว่า สิงคโปร์
    มากกว่า อินโดนีเซีย
    ดังนั้น ไทยจึงเปรียบเสมือนน้องของจีน

    ขอขอบพระคุณ
    ทันตแพทย์ สม สุจีรา ครับ
    ที่ท่านนำสาระดีๆมาให้อ่าน

    ถ่ายทอดโดย
    นายบัวสอน ประชามอญ

    โปรดแชร์ต่อถ้าเห็นว่ามีสาระดี
    30/11/67 สงคราม 16 วัน จีนบุกโจมตีเวียดนาม เมื่อ พ.ศ.2521 ความจริง ที่ต้องบอกต่อ...ให้ลูกหลาน ทั้งประเทศ ได้รับรู้ไว้ หลังจากที่สหรัฐอเมริกาพ่ายแพ้สงครามเวียดนาม ทหารเวียดนามได้ยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ อันทันสมัยไว้มากมาย ทั้งเครื่องบินรบ รถถัง ปืนใหญ่ และอาวุธประจำกาย ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดของโลกในขณะนั้น ทำให้กองทัพเวียดนามแข็งแกร่งขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก ทหารเวียดนาม จึงมีความกระหายสงครามเป็นอย่างยิ่ง ประกาศยึดลาว กัมพูชา และ ไทยต่อทันที ในเวลาเพียงไม่นาน ทั้งลาวและกัมพูชา ก็ตกเป็นของเวียดนาม นายพลโว เหงียนเกี๊ยบ ผู้บัญชาการกองทัพเวียดนามเจ็บแค้นมาก ที่ไทยยอมให้สหรัฐอเมริกา มาตั้งฐานทัพ และใช้เครื่องบินรบ บินขึ้นจากสนามบินอู่ตะเภา และสนามบินใน จ.อุบลราชธานี ขนระเบิดไปถล่มเวียดนามนับหมื่นเที่ยวบิน กองทัพเวียดนามขนอาวุธทุกชนิดที่มี รถถังจำนวนมาก มาประชิดชายแดนไทยเป็นแนวยาวหลายร้อยกิโลเมตร นายพลเวียดนามประกาศว่า จะนำทหารเข้าไปกินข้าวที่กรุงเทพฯ ให้ได้ภายใน 3 วัน นายกรัฐมนตรีไทยในขณะนั้น คือหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เรียกประชุมด่วน และขอให้ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งไปยังสหรัฐอเมริกาว่า เรากำลังจะถูกเวียดนามบุก สหรัฐอเมริกา ตอบกลับมาว่า ขอให้เราช่วยตัวเอง เพราะสหรัฐเพิ่งถอนทัพจากเวียดนาม ไม่อาจช่วยอะไรได้อีกต่อไป รัฐบาลไทย จึงได้ขอใช้อาวุธ ที่ยังตกค้างอยู่ที่ไทย สหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้ไทยใช้อาวุธของอเมริกัน ที่ตกค้างจากสงครามและฝากเก็บไว้ในดินแดนไทย หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ เรียกประชุมผู้นำเหล่าทัพทันที และถามในที่ประชุมว่า ด้วยศักยภาพที่มีอยู่ตอนนี้ เราจะสู้เวียดนามได้กี่วัน .... ผู้บัญชาการทหารของกองทัพไทยตอบว่าประมาณ 4 วัน (มากกว่าที่นายพลเวียดนามบอกไว้ 1 วัน) หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ หันไปบอกกับพลเอกชาติชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า.....เราต้องรีบไปจีนด่วนที่สุด.... หลังจากนั้นไม่นาน ผู้นำไทยก็ได้เข้าพบ “โจวเอินไหล” นายกรัฐมนตรีของจีน ประโยคแรก ที่โจวเอินไหล ทักทายพลเอกชาติชายคือ “เป็นไงบ้างหลานรัก” (พ่อของพลเอกชาติชาย คือ พลเอกผิน เป็นเพื่อนร่วมรบกับโจวเอินไหลในครั้งสงครามเชียงตุง) การเชื่อมความสัมพันธ์เป็นไปอย่างชี่นมื่น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราไปให้ความสำคัญกับไต้หวันมากกว่าจีนแผ่นดินใหญ่ รับรองไต้หวันเป็นประเทศ แต่โจว เอิน ไหลไม่คิดมาก และ ยังเปิดโอกาสให้ได้พบกับ “เหมาเจ๋อตุง” ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ และ “เติ้ง เสี่ยวผิง” รองนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งได้รับการวางตัวให้เป็นผู้นำจีนรุ่นต่อไป เวียดนามวุ่นวายกับลาวและกัมพูชาอยู่ 2 ปี ในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2521 เวียดนามยกกำลังพล 400,000 นาย พร้อมอาวุธทันสมัยที่สุดในยุคนั้น เตรียมบุกไทย ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้ พันเอกชวลิต ยงใจยุทธ เดินทางไปจีน เพื่อขอความช่วยเหลือตามที่ มรว.คึกฤทธิ์ได้กรุยทางไว้ เสนาธิการทหารของจีนประชุมกันและแนะนำว่า ควรปล่อยให้เวียดนามบุกเข้ายึดกรุงเทพฯ ก่อน แล้วค่อยส่งกองทัพจีนตามไปปลดแอกให้ แต่ เติ้งเสี่ยวผิง ลุกขึ้นตบโต๊ะในที่ประชุม แล้วกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า "ช่วยเหลือมิตร ต้องช่วยให้ทันการณ์" เดือนพฤศจิกายน 2521 เติ้งเสี่ยวผิง เดินทางมาดูสถานการณ์ที่ประเทศไทย และรีบกลับไปทันที หลังจากนั้น 2 เดือน ในเดือนมกราคม 2522 กองทัพจีนพร้อมกำลังพล 500,000 นาย รถถัง 5,000 คัน เครื่องบิน 1,200 ลำ ได้เปิดสงครามสั่งสอนเวียดนาม กองทัพจีน เข้าตีทางภาคเหนือของเวียดนามอย่างรุนแรง เวียดนามรีบถอนทัพที่ประชิดชายแดนไทย กลับไปรับศึกจีน จีนรุกไปถึงฮานอย จนทหารเวียดนามเสียชีวิตประมาณ 50,000 นาย แต่ทหารจีนก็เสียชีวิตไปไม่น้อยกว่ากัน เวียตนามเสียหายหนัก ทัพเวียตนามต้องถอยร่นถึงชานเมืองฮานอยโดยใช้เวลาทั้งหมดเพียง 16 วัน จีนจึงหยุดตีเวีนตนาม และถอนทัพกลับ ย้อนไปนานกว่านั้น เมื่อครั้งปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาอยุธยาแตกเสียกรุงให้พม่า ราชสำนักชิง รีบส่งข้าหลวง ลงเรือสำเภามาดูสถานการณ์ในไทย และ ให้รายงานต่อราชสำนักทางปักกิ่ง อยู่ตลอดเวลา ในบันทึกภาษาจีนเขียนไว้ว่า จักรพรรดิเฉียนหลง ทรงประสงค์จะรู้ข่าวคราว ของสยามถึงขนาดกระวนกระวาย เรียกประชุมกลางดึกหลายครั้ง จะเห็นได้ว่า จักรพรรดิจีนทรงให้ความสำคัญกับสยามเพียงใด ในจดหมายเหตุของราชวงศ์ชิงได้บันทึกถึง ครั้งที่จีนยกทัพตีภาคเหนือของพม่าไว้ว่า ขณะที่กองทัพจีนบุกพม่า จักรพรรดิเฉียนหลง ได้ทรงติดต่อกับ “เจิ้งเจา” (สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ) หลายครั้ง ดังนั้น ข้อสงสัยที่ว่า จีนยกทัพตีพม่า ก็เพื่อดึงทัพของเนเมียวสีหบดีกลับไป ย่อมจะเป็นจริงเพราะถ้าทัพใหญ่ของพม่า ยังคงอยู่ที่อยุธยา กองทัพพระเจ้าตากฯ ซึ่งมีทหารเพียงหลักพันนายเท่านั้น ย่อมไม่มีทางจะเอาชนะทหารพม่าที่มีเป็นหมื่นเป็นแสนได้เลย และ ชาติไทยก็อาจจะหายไปจากแผนที่โลกในปัจจุบันก็ได้ ........ ตลอดระยะเวลาเป็นร้อยๆปี ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าจีนให้ความสำคัญกับไทยมากๆ ในฐานะมิตรประเทศที่มีความผูกพันอย่างแนบแน่น (ประเทศไทยมีคนจีนย้ายถิ่นฐานมาอาศัยมากที่สุดในโลก) นี่คือคุณูปการที่ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายทำเพื่อความอยู่รอดของเมืองไทย ที่คนรุ่นหลังไม่สนใจที่จะเรียนรู้ ไม่ต้องรบ สยบด้วยการฑูตประเสริฐที่สุด ประเทศจีนช่วยเหลือประเทศไทย ด้วยความจริงใจ ไม่เคยคาดหวังค่าตอบแทนจากไทย ยกเว้นมิตรภาพ ประเทศไทยมีชาวจีนอพยพ มาอาศัยมากทีีสุดในโลก มากกว่า มาเลเซีย มากกว่า สิงคโปร์ มากกว่า อินโดนีเซีย ดังนั้น ไทยจึงเปรียบเสมือนน้องของจีน ขอขอบพระคุณ ทันตแพทย์ สม สุจีรา ครับ ที่ท่านนำสาระดีๆมาให้อ่าน ถ่ายทอดโดย นายบัวสอน ประชามอญ โปรดแชร์ต่อถ้าเห็นว่ามีสาระดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 584 มุมมอง 0 รีวิว
  • 01-11-67/01 : หมี CNN / "หมีตะมุตะมิ มุ้งมิ้ง จรรโลงโลก" ตอนที่ 43 ชื่อตอน "FIGHT TILL THE LAST BLOOD" นี่มันศึกบางระจันชัดๆ ฮามาส เฮซบอเลาะห์ ฮูตี ต่างทำหน้าที่ยามเฝ้าแผ่นดินสุดตัว ขนกันมาเพี๊ยบ ดาหน้าถล่มอียิวทุกสัดส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ที่ราบสูงโกลาน เทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม เตรียมเปิดทางให้ทัพใหญ่ ซีเรีย อิรัก ยกพลขึ้นบก ประสานเพ่น้องปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงค์ หลังตอนเหนือแตกยับ เอาไม่อยู่แล้ว ถอยร่นลงมาเรื่อยๆ ดูทรงแล้ว เป็นไปตามคาด ไล่บีบพื้นที่ให้เหี้ยยิวเข้ามากระจุกกันในตอนกลางของแผ่นดิน แล้วค่อยทำการ "แซนวิส" ลงแขกอย่างเมามันส์ ตราบใดที่เหี้ยยิวยังไม่สามารถขยายพื้นที่รบเพิ่มขึ้นได้ นั่นคือถอยอย่างเดียว ตอนนี้ "กำลังพล" แทบไม่มีเหลือ ทหารนาโต้ ทหารรับจ้าง ตายห่าเกลื่อน อย่าถามไอ้อีคนไทยขายชาติที่ไปรับจ้างช่วยอียิวรบ มันตายห่าไปนานแล้ว สาแก่ใจกองแช่ง แผ่นดินเกิดมรึงเองเสือกไม่ปกป้อง แต่ เสือกเสนอหน้าจะไปปกป้องเหี้ยที่คิดล้างบางประเทศไทยแทน มีเหรอมันจะไม่รู้ ว่าอียิวนี่แหละ ที่คิดกลืนแผ่นดินไทยมาตั้งแต่ พศ.2475 แล้ว แผนล้มวัง ล้มเจ้า แยกดินแดน ก่อการร้าย มาจากมันทั้งนั้น ผ่านขี้ข้าอย่างเหี้ย CIA ผ่านกองทุนเงินตอแหลก่อการร้ายโลก NED เลือกตั้งอเมริกา ก็ไม่ได้เปลี่ยนเหี้ยอาไยดอกน่ะ เจ้ามือยังตัวเดิม อีทรัมปป์แค่สีสัน แต่หากแตกแผ่นดินสำเร็จ อีทรัมปป์เนี่ยแหละ จะตั้งตัวเองเป็น KING แห่งรัฐใหม่ยิว อเมริกันควาย เป็นได้แค่ขี้ข้ายิว อินเดียนแดงจะทวงแผ่นดินคืน ลุกเป็นไฟแน่ ยามบ้านเมืองแตกสลาย ไอ้อีตัวไหนก็กลายร่างเป็นหมาได้หมด! มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า กะอีแค่ "เลือกตั้ง" มันจะสามารถกู้แผ่นดินสาปแช่งนี้ได้ ตอแหลทั้งนั้น ใครจะไปใครจะมา ก็อยู่ใต้ตรีนยิวทั้งสิ้น อีทรัมปป์อ่านขาด แยกไปเลย ของใคร ของมัน จะแตกได้ต้องทำยังไง? CIVIL WAR ต้องมาก่อนเท่านั้น ไม่แปลก แต่ละรัฐเตรียมอาวุธ ขุมกำลังไว้พร้อม ที่ไม่เพิ่ม ไม่ส่งอาวุธให้ยูเครน อียิว เท่าที่ควรจะเป็น เหตุก็มาจากนี่แหละ สะสมอาวุธเตรียมแยกแผ่นดินไงล่ะ? อีลา อีช้าง มันจ้องตาเป็นมันอยู่แล้ว ใครมันจะไปอุ้มรัฐยากจนไหว อียิวมันเลือกเฉพาะรัฐทำเงินเท่านั้น แล้วไอ้ที่เหลือ ก็ปล่อยให้มันเข่นฆ่ากันเองต่อไป จะยังไงก็ตามที อลาสก้าต้องกลับบ้าน ฮาวายต้องเปลี่ยนมือ เท็กซัสถูกแยกชิ้นส่วน นี่คือชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ศึกตะวันออกกลางมาถึงมหากาพย์ตอนสุดท้ายแล้ว "อิหร่านพร้อมเช็คบิล" เพื่อเปิดทางให้โลกอาหรับเข้ายึดพื้นที่ตามมติสหประชาชาติ อีเหี้ยมะกันถอย เพราะรู้ดีว่า หลังบ้านตัวเองไม่พร้อม สอดคล้องอีทรัมปป์มาแน่ ภายในแตกยับ ตีกันเละเทะ ยังจะมีเวลาไปห่วงไอ้ยิวขาลงอีกเหรอ? เพราะอียิวมันสมยอมเตรียมย้ายบ้านนานแล้ว ที่ผ่านมาแค่จัดฉากละครหลอกควาย? เป้าหมายคือทำลายทิ้งทุกอย่าง ไม่ให้มีเหลือ? สงครามครูเสดไม่มีภาคต่อแล้ว จบในมืออาหรับ เปอร์เซีย ผู้ชนะตัวจริง! จากนี้ ชาวตะวันออกกลางจะบุกยุโรป ขยายชาติเผ่าพันธุ์จนกลืนดินแดนโรแมนติคโลกไปในที่สุด ยุโรปกลายเป็นอดีต ชะตากรรมของชนชาติที่ล่าอาณานิคม มีอันเป็นไปหมด ตามกรรมที่มรึงก่อมาตลอดหลายศตวรรษ ผีซ้ำด้ามพลอย อีไต้หวันเจอพายุใหญ่ถล่ม สเปนน้ำท่วมเมือง ภัยพิบัติธรรมชาติมาเต็ม เดี๋ยวแม่งหาเรื่องว่าเป็นฝีมือจีน รัสเซีย อีก HAARP มีแต่มรึงนั่นแหละที่ใช้ ดีออก? เพราะจีน รัสเซีย เค้าใช้เทคโนโลยีอีกตัว เนียนกว่าเยอะ "คลื่นสนามแม่เหล็ก" น้องๆ CERN ชั้นความลับอยู่ที่สถานีอวกาศนอกโลก มรึงบินตามไปสืบสิ ดีออก? ดาวเทียมนี่แหละ ทำอะไรได้มากกว่าที่มรึงคิด ซ่อนอาวุธไว้เพี๊ยบ? S-500 ในมือรัสเซีย มีไว้เพื่อ ทำลายดาวเทียมทุกดวงของเหี้ยนั่นเอง ยิงครั้งเดียว 10 เป้าหมายหายวับ ไร้ดาวเทียม เหี้ยก็ตาบอด ไฟไม่มา รถไม่วิ่ง คอมไม่เดิน เน็ตไม่มี นี่มันโลกาวินาศชัดๆ 10 ชาติหมายุโรป เตรียมสั่งขึ้นภาษีรถ EV จีน จีนสวนกลับหนัก ชักเงินออก ถอนลงทุน 10 ชาติหมาทันที แล้วมรึงมาดูกันว่า ทิชชู่ขาด มันเป็นยังไง? จีนถอนลงทุน อเมริกา ยุโรป มรึงคือจบทันที G7 แทบไม่เหลือเหี้ยอะไรต่อรองอีกแล้ว ไม่มีอำนาจ ไม่มีกำลังในมือ หลังชาติอาเซียนดาหน้าเข้า BRICS ท่าทีอีปินส์ เริ่มเปลี่ยน รู้ชะตากรรม เผ่าพันธุ์กูได้เป็นทาสรองตรีนเหี้ยยิวไปจนชั่วลูกชั่วหลานแน่ หากยังไม่ติดปลดแอกก่อน อีปินส์คือชาติขายแรงงานส่งออกทั่วโลก ไม่มีพื้นฐานเศรษฐกิจหลักของตัวเอง เหตุผลคือแข่งกับใครไม่ได้ เพราะฝ่ายการเมืองทำหน้าที่รับใช้ตะวันตกมากกว่าปากท้องประชาชน ต่างคนต่างอยู่ ปชช.พึ่งพารัฐไม่ได้จริง ดิ้นรนกันเอง มันน่าสงสารกว่าใครเยอะ? เพราะโง่กว่า ไม่เรียนรู้ จึงได้แต่เป็นผู้ตาม อีกไม่นานอาจตามหลังอีขะแมร์ เพราะยืนผิดฝั่ง สิ่งแรกที่อีปินส์ต้องทำคือ "เปลี่ยนเอาดูเตอร์เต้กลับมาก่อน" ไปกราบตรีนสีจิ้นผิงถึงปักกิ่ง เรื่องถึงจะจบ ไม่งั้น บอกตรง จีนกลืนมรึงแน่? ดีกว่าปล่อยให้มาเป็นหอกข้างแคร่ในอาเซียน ตีงูต้องเอาให้หลังหักตายคาที่ จับไปดองเหล้าแดร๊ก อย่าปล่อยให้กลับมาแว้งกัดได้อีก? เป็นอันแน่ชัด ไทย อิเหนา เหงียน ลาว ขะแมร์ มาเลย์ พม่า บรูไน(หลังเหตุการณ์ยิวไล่ฆ่าชาวปาเลสไตน์ ท่าทีเปลี่ยน ชาติมุสลิมลงขันลงแขกยิว) เลือกขั้วใหม่ แล้วยังจะเหลืออาเซียนกี่ชาติกันล่ะ? ติมอร์ไม่ต้องถาม ตามลูกเดียว ชัดพอมั้ย? อาเซียนของใคร? ศึกเอเซียใต้เกิดยาก เพราะจีนเค้าคุมเกมส์ไว้หมดเกลี้ยงแล้ว แม้แต่ชาติในหมู่เกาะแปซิฟิค ลงทุนกับจีนหมดเกลี้ยง ที่มาเรือรบจีนเข้าออก สบายตรีน อีตงเฟิงขยายพื้นที่ไกลไปถึงเกาะออสเตรเลียแล้ว อีจิงโจ้ถึงได้หมาอยู่ทุกวันนี้ เพราะสั่งใครไม่ได้อีกแล้ว!

    ปล.ขอไว้อาลัยให้เหี้ยเสนียดจัญไร 18 มงกุฎแป๊บ! หลังลุงสนิธิ ประกาศลั่น "เดินสุดซอย เอาถึงปากขุมนรก" ตายห่าไปเลยมรึง ถูกกาหัวหมา ไม่มีรอด! กราบตรีนสำนึกผิดก็สายไปเสียแล้ว เดินหน้าตามกฎหมายอย่างเดียว โดนเพี๊ยบ มีผู้เสียหายอีกเยอะดาหน้าเข้าร่วมวง ไม่ได้ผุดได้เกิดกันล่ะมรึง? เยี่ยว 71 แก้ว กลายเป็นเรื่องกระจอกไปเลย? ช่วงนี้ ศาลงานหนัก! ทั้งเรื่องโกงชาติ โกงแผ่นดิน ขบวนการต้มตุ๋น พรรคจัญไร แยกดินแดน ก่อการร้าย มาครบ กลไกศาลท่านมีพร้อมสรรพ ทุกอย่างเตรียมการรอไว้นานแล้ว เรียงตามลำดับคิวน่ะจ๊ะ อย่าเร่ง เดี๋ยวปั๊ด! ยังไงก็ไม่พ้นคุก โดนกันถ้วนหน้า ยินดีกับไอ้อีไฮโซ ดารา ทั้งหลายที่หาแดร๊กบนความฉิบหายชาวบ้าน ได้ฉลองปีใหม่ในคุกตาราง ผิดถูก ว่ากันอีกยาว แต่มรึงได้แดร๊กข้าวแดงไปก่อนน่ะ ศรีธนญชัย 2024 เดินเกมส์รัดกุม รอใบเสร็จทุกบิล เชิญเหี้ยให้เต็มที่ ทุกกรรม ทุกวาระ ต่างเวลา คิดหมด ไม่มีเล็ดลอด วิธีเดียวที่จะล้างบางสิ่งสกปรกโสมมออกไปจากแผ่นดินนี้ได้จริง คือให้เหี้ยทุกไอ้อีโดนอาญาแผ่นดินซะ ไม่มีจำกัดเวลา เผ่นออกหมดทุกไอ้อี ไม่ต้องมีใครตาย ไม่เปลืองงบไล่ล่า ออกไปให้หมด แล้วไปตายห่านอกแผ่นดิน นี่คือทางรอดเดียวที่เปิดเอาไว้ให้ บัตรประชาชนเซ็นต์โดนใคร แผ่นดินของใคร ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ใครดูแล ทั้งหมดมีผู้ดูแลอยู่แล้ว มรึงไม่ต้องกังวล บ้านเมืองนี้ ไม่ใช่ใครอยากจะทำเหี้ยอะไรก็ได้ แค่เค้าปล่อยให้มรึงออกลายมาจนหมด ไม่ต้องอีแอบอีกต่อไป ใครเป็นใคร รู้ชัดในพศ.นี้ เป้าหมายมีรอไว้แล้ว เก็บไปทีละเรื่อง ด้านพรรคขายชาติ ไม่นานก็ตีกันเอง แย่งกันเอง กัดกันเอง สาวไส้ออกมาหมดเกลี้ยง อสรพิษรองับเหยื่อเสมอ การเมืองมันไปต่อไม่ได้แล้ว ผู้คนต้องการสิ่งใหม่ ปชต.ตอแหลหายศักดิ์สิทธิ์ไปเยอะ เพราะไอ้พวกคลั่งนอนคุกกันหมด คดีความที่หมดอายุ ไม่ใช่สาระ ประเด็นใหม่เปิดได้เสมอ พร้อมหลักฐานชัดใหม่ คนละเรื่อง บทลงโทษหนักกว่า ตากใบยังไม่จบ แค่รอคิวเชือดเท่านั้นเอง สคริปต์เค้ามี ไปตามลำดับคิวเหี้ย ไล่ไปทีละตัว ปีหน้า ยังต้องล้างบางกันอีกเยอะ แดร๊กไก่โสมบำรุงไว้ให้ดีดี ไม่มีใครรู้ ปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แบบฟ้าผ่า! รอดูหลังไทยเข้า BRICS จะมีอะไรเปลี่ยนตามกระแสโลกอีกเยอะ สงครามแตกหักต้องมี ล้มตายต้องมา ไทยเราวางตัวไว้ดีแล้ว จีน รัสเซีย ดูแลอยู่ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น? เหี้ย C ในไทยเริ่มถูกล่า ส่งกลับไปก็เยอะ ตำหนวดไทยรู้ทุกอย่าง ฉลาดเป็นกรด แต่เลือกจะมองไม่เห็นเอง ล้างบางตำหนวดไทยคือ 1 ในแผนปฎิบัติการณ์เช่นกัน ไม่รอดดอก! ส่วนสื่อ สถาบันการศึกษา วงการแพทย์ กรมคุก จะถูกสังคายนาใหม่หมด ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเยอะ แค่เปลี่ยนหัว ชีวิตเปลี่ยนทันที หัวแรง หางจะกระดิกตามเอง ระบบข้าราชการจะถูก RE-SET ใหม่หมด AI จะเข้ามาช่วย ผลงานตามหน้าจอ เบี้ยพิเศษตามความขยัน แม้แต่ในกองทัพ จะไม่เหลือทหารแตงโมอีก ปลดระวางไปเรื่อยๆ ทีละคน เพราะ 3 เหล่าทัพ กลายเป็นหนึ่งเดียวหมดแล้ว ONE FOR ALL & ALL FOR 1 หลังเลือกตั้งปาหี่อเมริกา ความวุ่นวายจะตามมาหลังปีใหม่ คดีความอีทรัมปป์ อีเอ๋อ จะถูกพลิกกลับ อยู่ที่ใครได้เป็นเจ้ามือ ศาลอเมริกาไม่มีอยู่จริง มีแค่ใบสั่งการเมือง ใครขึ้นก็สั่งได้ สุดท้ายทุกรัฐในอเมริกา จะไม่ยอมรับคำสั่งศาลรัฐบาลกลางอีกต่อไป ตั้งตนเป็นเอกราช มาตามสคริปต์อียิวเหี้ยไซออนนิสต์เป๊ะเด๊ะ อเมริกันควายจะตายห่านับล้าน ไล่ฆ่ากันเอง แผ่นดินเดือดดาล ลุกเป็นไฟ เหมือนตอนอินเดียนแดงบุกนั่นแหละ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต! ตลาดหุ้นที่วินาศ แหล่งฟอกเงินจะฉิบหายหนัก โจรเต็มเมือง ยาเกลื่อนหัวมุมถนน เอาให้สุดซอยกันไปเลย นีโอนาซีใหม่ แห่กันมาอยู่เพี๊ยบ เหี้ยมันเก่งแต่ไล่ฆ่ากันเอง อีลอนดอน สภาพก็ไม่แตกต่าง อีวิสกี้ อีไอร์เหนือ แยกชัวร์ จับตาดู ใครแบ็คอัพ? EU ก็ต้องแตก เพราะฝั่งตะวันออกกลับบ้านเก่ากันหมด ตะวันตกเจ๊งยับ เผ่นหนีออกนอกหมด แห่กันเข้ามาอาเซียน แล้วจะไม่ให้อาเซียนโตได้อย่างไร?

    หมี CNN(หลังคืนฮาโลวีนแตก เป็นไงล่ะ อีผีสาวฉาหลบเป็นแถบ หมดแรง)
    01 พฤศจิกายน 67
    11.59 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    01-11-67/01 : หมี CNN / "หมีตะมุตะมิ มุ้งมิ้ง จรรโลงโลก" ตอนที่ 43 ชื่อตอน "FIGHT TILL THE LAST BLOOD" นี่มันศึกบางระจันชัดๆ ฮามาส เฮซบอเลาะห์ ฮูตี ต่างทำหน้าที่ยามเฝ้าแผ่นดินสุดตัว ขนกันมาเพี๊ยบ ดาหน้าถล่มอียิวทุกสัดส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ที่ราบสูงโกลาน เทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม เตรียมเปิดทางให้ทัพใหญ่ ซีเรีย อิรัก ยกพลขึ้นบก ประสานเพ่น้องปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงค์ หลังตอนเหนือแตกยับ เอาไม่อยู่แล้ว ถอยร่นลงมาเรื่อยๆ ดูทรงแล้ว เป็นไปตามคาด ไล่บีบพื้นที่ให้เหี้ยยิวเข้ามากระจุกกันในตอนกลางของแผ่นดิน แล้วค่อยทำการ "แซนวิส" ลงแขกอย่างเมามันส์ ตราบใดที่เหี้ยยิวยังไม่สามารถขยายพื้นที่รบเพิ่มขึ้นได้ นั่นคือถอยอย่างเดียว ตอนนี้ "กำลังพล" แทบไม่มีเหลือ ทหารนาโต้ ทหารรับจ้าง ตายห่าเกลื่อน อย่าถามไอ้อีคนไทยขายชาติที่ไปรับจ้างช่วยอียิวรบ มันตายห่าไปนานแล้ว สาแก่ใจกองแช่ง แผ่นดินเกิดมรึงเองเสือกไม่ปกป้อง แต่ เสือกเสนอหน้าจะไปปกป้องเหี้ยที่คิดล้างบางประเทศไทยแทน มีเหรอมันจะไม่รู้ ว่าอียิวนี่แหละ ที่คิดกลืนแผ่นดินไทยมาตั้งแต่ พศ.2475 แล้ว แผนล้มวัง ล้มเจ้า แยกดินแดน ก่อการร้าย มาจากมันทั้งนั้น ผ่านขี้ข้าอย่างเหี้ย CIA ผ่านกองทุนเงินตอแหลก่อการร้ายโลก NED เลือกตั้งอเมริกา ก็ไม่ได้เปลี่ยนเหี้ยอาไยดอกน่ะ เจ้ามือยังตัวเดิม อีทรัมปป์แค่สีสัน แต่หากแตกแผ่นดินสำเร็จ อีทรัมปป์เนี่ยแหละ จะตั้งตัวเองเป็น KING แห่งรัฐใหม่ยิว อเมริกันควาย เป็นได้แค่ขี้ข้ายิว อินเดียนแดงจะทวงแผ่นดินคืน ลุกเป็นไฟแน่ ยามบ้านเมืองแตกสลาย ไอ้อีตัวไหนก็กลายร่างเป็นหมาได้หมด! มรึงคิดจริงๆ เหรอว่า กะอีแค่ "เลือกตั้ง" มันจะสามารถกู้แผ่นดินสาปแช่งนี้ได้ ตอแหลทั้งนั้น ใครจะไปใครจะมา ก็อยู่ใต้ตรีนยิวทั้งสิ้น อีทรัมปป์อ่านขาด แยกไปเลย ของใคร ของมัน จะแตกได้ต้องทำยังไง? CIVIL WAR ต้องมาก่อนเท่านั้น ไม่แปลก แต่ละรัฐเตรียมอาวุธ ขุมกำลังไว้พร้อม ที่ไม่เพิ่ม ไม่ส่งอาวุธให้ยูเครน อียิว เท่าที่ควรจะเป็น เหตุก็มาจากนี่แหละ สะสมอาวุธเตรียมแยกแผ่นดินไงล่ะ? อีลา อีช้าง มันจ้องตาเป็นมันอยู่แล้ว ใครมันจะไปอุ้มรัฐยากจนไหว อียิวมันเลือกเฉพาะรัฐทำเงินเท่านั้น แล้วไอ้ที่เหลือ ก็ปล่อยให้มันเข่นฆ่ากันเองต่อไป จะยังไงก็ตามที อลาสก้าต้องกลับบ้าน ฮาวายต้องเปลี่ยนมือ เท็กซัสถูกแยกชิ้นส่วน นี่คือชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ศึกตะวันออกกลางมาถึงมหากาพย์ตอนสุดท้ายแล้ว "อิหร่านพร้อมเช็คบิล" เพื่อเปิดทางให้โลกอาหรับเข้ายึดพื้นที่ตามมติสหประชาชาติ อีเหี้ยมะกันถอย เพราะรู้ดีว่า หลังบ้านตัวเองไม่พร้อม สอดคล้องอีทรัมปป์มาแน่ ภายในแตกยับ ตีกันเละเทะ ยังจะมีเวลาไปห่วงไอ้ยิวขาลงอีกเหรอ? เพราะอียิวมันสมยอมเตรียมย้ายบ้านนานแล้ว ที่ผ่านมาแค่จัดฉากละครหลอกควาย? เป้าหมายคือทำลายทิ้งทุกอย่าง ไม่ให้มีเหลือ? สงครามครูเสดไม่มีภาคต่อแล้ว จบในมืออาหรับ เปอร์เซีย ผู้ชนะตัวจริง! จากนี้ ชาวตะวันออกกลางจะบุกยุโรป ขยายชาติเผ่าพันธุ์จนกลืนดินแดนโรแมนติคโลกไปในที่สุด ยุโรปกลายเป็นอดีต ชะตากรรมของชนชาติที่ล่าอาณานิคม มีอันเป็นไปหมด ตามกรรมที่มรึงก่อมาตลอดหลายศตวรรษ ผีซ้ำด้ามพลอย อีไต้หวันเจอพายุใหญ่ถล่ม สเปนน้ำท่วมเมือง ภัยพิบัติธรรมชาติมาเต็ม เดี๋ยวแม่งหาเรื่องว่าเป็นฝีมือจีน รัสเซีย อีก HAARP มีแต่มรึงนั่นแหละที่ใช้ ดีออก? เพราะจีน รัสเซีย เค้าใช้เทคโนโลยีอีกตัว เนียนกว่าเยอะ "คลื่นสนามแม่เหล็ก" น้องๆ CERN ชั้นความลับอยู่ที่สถานีอวกาศนอกโลก มรึงบินตามไปสืบสิ ดีออก? ดาวเทียมนี่แหละ ทำอะไรได้มากกว่าที่มรึงคิด ซ่อนอาวุธไว้เพี๊ยบ? S-500 ในมือรัสเซีย มีไว้เพื่อ ทำลายดาวเทียมทุกดวงของเหี้ยนั่นเอง ยิงครั้งเดียว 10 เป้าหมายหายวับ ไร้ดาวเทียม เหี้ยก็ตาบอด ไฟไม่มา รถไม่วิ่ง คอมไม่เดิน เน็ตไม่มี นี่มันโลกาวินาศชัดๆ 10 ชาติหมายุโรป เตรียมสั่งขึ้นภาษีรถ EV จีน จีนสวนกลับหนัก ชักเงินออก ถอนลงทุน 10 ชาติหมาทันที แล้วมรึงมาดูกันว่า ทิชชู่ขาด มันเป็นยังไง? จีนถอนลงทุน อเมริกา ยุโรป มรึงคือจบทันที G7 แทบไม่เหลือเหี้ยอะไรต่อรองอีกแล้ว ไม่มีอำนาจ ไม่มีกำลังในมือ หลังชาติอาเซียนดาหน้าเข้า BRICS ท่าทีอีปินส์ เริ่มเปลี่ยน รู้ชะตากรรม เผ่าพันธุ์กูได้เป็นทาสรองตรีนเหี้ยยิวไปจนชั่วลูกชั่วหลานแน่ หากยังไม่ติดปลดแอกก่อน อีปินส์คือชาติขายแรงงานส่งออกทั่วโลก ไม่มีพื้นฐานเศรษฐกิจหลักของตัวเอง เหตุผลคือแข่งกับใครไม่ได้ เพราะฝ่ายการเมืองทำหน้าที่รับใช้ตะวันตกมากกว่าปากท้องประชาชน ต่างคนต่างอยู่ ปชช.พึ่งพารัฐไม่ได้จริง ดิ้นรนกันเอง มันน่าสงสารกว่าใครเยอะ? เพราะโง่กว่า ไม่เรียนรู้ จึงได้แต่เป็นผู้ตาม อีกไม่นานอาจตามหลังอีขะแมร์ เพราะยืนผิดฝั่ง สิ่งแรกที่อีปินส์ต้องทำคือ "เปลี่ยนเอาดูเตอร์เต้กลับมาก่อน" ไปกราบตรีนสีจิ้นผิงถึงปักกิ่ง เรื่องถึงจะจบ ไม่งั้น บอกตรง จีนกลืนมรึงแน่? ดีกว่าปล่อยให้มาเป็นหอกข้างแคร่ในอาเซียน ตีงูต้องเอาให้หลังหักตายคาที่ จับไปดองเหล้าแดร๊ก อย่าปล่อยให้กลับมาแว้งกัดได้อีก? เป็นอันแน่ชัด ไทย อิเหนา เหงียน ลาว ขะแมร์ มาเลย์ พม่า บรูไน(หลังเหตุการณ์ยิวไล่ฆ่าชาวปาเลสไตน์ ท่าทีเปลี่ยน ชาติมุสลิมลงขันลงแขกยิว) เลือกขั้วใหม่ แล้วยังจะเหลืออาเซียนกี่ชาติกันล่ะ? ติมอร์ไม่ต้องถาม ตามลูกเดียว ชัดพอมั้ย? อาเซียนของใคร? ศึกเอเซียใต้เกิดยาก เพราะจีนเค้าคุมเกมส์ไว้หมดเกลี้ยงแล้ว แม้แต่ชาติในหมู่เกาะแปซิฟิค ลงทุนกับจีนหมดเกลี้ยง ที่มาเรือรบจีนเข้าออก สบายตรีน อีตงเฟิงขยายพื้นที่ไกลไปถึงเกาะออสเตรเลียแล้ว อีจิงโจ้ถึงได้หมาอยู่ทุกวันนี้ เพราะสั่งใครไม่ได้อีกแล้ว! ปล.ขอไว้อาลัยให้เหี้ยเสนียดจัญไร 18 มงกุฎแป๊บ! หลังลุงสนิธิ ประกาศลั่น "เดินสุดซอย เอาถึงปากขุมนรก" ตายห่าไปเลยมรึง ถูกกาหัวหมา ไม่มีรอด! กราบตรีนสำนึกผิดก็สายไปเสียแล้ว เดินหน้าตามกฎหมายอย่างเดียว โดนเพี๊ยบ มีผู้เสียหายอีกเยอะดาหน้าเข้าร่วมวง ไม่ได้ผุดได้เกิดกันล่ะมรึง? เยี่ยว 71 แก้ว กลายเป็นเรื่องกระจอกไปเลย? ช่วงนี้ ศาลงานหนัก! ทั้งเรื่องโกงชาติ โกงแผ่นดิน ขบวนการต้มตุ๋น พรรคจัญไร แยกดินแดน ก่อการร้าย มาครบ กลไกศาลท่านมีพร้อมสรรพ ทุกอย่างเตรียมการรอไว้นานแล้ว เรียงตามลำดับคิวน่ะจ๊ะ อย่าเร่ง เดี๋ยวปั๊ด! ยังไงก็ไม่พ้นคุก โดนกันถ้วนหน้า ยินดีกับไอ้อีไฮโซ ดารา ทั้งหลายที่หาแดร๊กบนความฉิบหายชาวบ้าน ได้ฉลองปีใหม่ในคุกตาราง ผิดถูก ว่ากันอีกยาว แต่มรึงได้แดร๊กข้าวแดงไปก่อนน่ะ ศรีธนญชัย 2024 เดินเกมส์รัดกุม รอใบเสร็จทุกบิล เชิญเหี้ยให้เต็มที่ ทุกกรรม ทุกวาระ ต่างเวลา คิดหมด ไม่มีเล็ดลอด วิธีเดียวที่จะล้างบางสิ่งสกปรกโสมมออกไปจากแผ่นดินนี้ได้จริง คือให้เหี้ยทุกไอ้อีโดนอาญาแผ่นดินซะ ไม่มีจำกัดเวลา เผ่นออกหมดทุกไอ้อี ไม่ต้องมีใครตาย ไม่เปลืองงบไล่ล่า ออกไปให้หมด แล้วไปตายห่านอกแผ่นดิน นี่คือทางรอดเดียวที่เปิดเอาไว้ให้ บัตรประชาชนเซ็นต์โดนใคร แผ่นดินของใคร ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ใครดูแล ทั้งหมดมีผู้ดูแลอยู่แล้ว มรึงไม่ต้องกังวล บ้านเมืองนี้ ไม่ใช่ใครอยากจะทำเหี้ยอะไรก็ได้ แค่เค้าปล่อยให้มรึงออกลายมาจนหมด ไม่ต้องอีแอบอีกต่อไป ใครเป็นใคร รู้ชัดในพศ.นี้ เป้าหมายมีรอไว้แล้ว เก็บไปทีละเรื่อง ด้านพรรคขายชาติ ไม่นานก็ตีกันเอง แย่งกันเอง กัดกันเอง สาวไส้ออกมาหมดเกลี้ยง อสรพิษรองับเหยื่อเสมอ การเมืองมันไปต่อไม่ได้แล้ว ผู้คนต้องการสิ่งใหม่ ปชต.ตอแหลหายศักดิ์สิทธิ์ไปเยอะ เพราะไอ้พวกคลั่งนอนคุกกันหมด คดีความที่หมดอายุ ไม่ใช่สาระ ประเด็นใหม่เปิดได้เสมอ พร้อมหลักฐานชัดใหม่ คนละเรื่อง บทลงโทษหนักกว่า ตากใบยังไม่จบ แค่รอคิวเชือดเท่านั้นเอง สคริปต์เค้ามี ไปตามลำดับคิวเหี้ย ไล่ไปทีละตัว ปีหน้า ยังต้องล้างบางกันอีกเยอะ แดร๊กไก่โสมบำรุงไว้ให้ดีดี ไม่มีใครรู้ ปีหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แบบฟ้าผ่า! รอดูหลังไทยเข้า BRICS จะมีอะไรเปลี่ยนตามกระแสโลกอีกเยอะ สงครามแตกหักต้องมี ล้มตายต้องมา ไทยเราวางตัวไว้ดีแล้ว จีน รัสเซีย ดูแลอยู่ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น? เหี้ย C ในไทยเริ่มถูกล่า ส่งกลับไปก็เยอะ ตำหนวดไทยรู้ทุกอย่าง ฉลาดเป็นกรด แต่เลือกจะมองไม่เห็นเอง ล้างบางตำหนวดไทยคือ 1 ในแผนปฎิบัติการณ์เช่นกัน ไม่รอดดอก! ส่วนสื่อ สถาบันการศึกษา วงการแพทย์ กรมคุก จะถูกสังคายนาใหม่หมด ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเยอะ แค่เปลี่ยนหัว ชีวิตเปลี่ยนทันที หัวแรง หางจะกระดิกตามเอง ระบบข้าราชการจะถูก RE-SET ใหม่หมด AI จะเข้ามาช่วย ผลงานตามหน้าจอ เบี้ยพิเศษตามความขยัน แม้แต่ในกองทัพ จะไม่เหลือทหารแตงโมอีก ปลดระวางไปเรื่อยๆ ทีละคน เพราะ 3 เหล่าทัพ กลายเป็นหนึ่งเดียวหมดแล้ว ONE FOR ALL & ALL FOR 1 หลังเลือกตั้งปาหี่อเมริกา ความวุ่นวายจะตามมาหลังปีใหม่ คดีความอีทรัมปป์ อีเอ๋อ จะถูกพลิกกลับ อยู่ที่ใครได้เป็นเจ้ามือ ศาลอเมริกาไม่มีอยู่จริง มีแค่ใบสั่งการเมือง ใครขึ้นก็สั่งได้ สุดท้ายทุกรัฐในอเมริกา จะไม่ยอมรับคำสั่งศาลรัฐบาลกลางอีกต่อไป ตั้งตนเป็นเอกราช มาตามสคริปต์อียิวเหี้ยไซออนนิสต์เป๊ะเด๊ะ อเมริกันควายจะตายห่านับล้าน ไล่ฆ่ากันเอง แผ่นดินเดือดดาล ลุกเป็นไฟ เหมือนตอนอินเดียนแดงบุกนั่นแหละ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต! ตลาดหุ้นที่วินาศ แหล่งฟอกเงินจะฉิบหายหนัก โจรเต็มเมือง ยาเกลื่อนหัวมุมถนน เอาให้สุดซอยกันไปเลย นีโอนาซีใหม่ แห่กันมาอยู่เพี๊ยบ เหี้ยมันเก่งแต่ไล่ฆ่ากันเอง อีลอนดอน สภาพก็ไม่แตกต่าง อีวิสกี้ อีไอร์เหนือ แยกชัวร์ จับตาดู ใครแบ็คอัพ? EU ก็ต้องแตก เพราะฝั่งตะวันออกกลับบ้านเก่ากันหมด ตะวันตกเจ๊งยับ เผ่นหนีออกนอกหมด แห่กันเข้ามาอาเซียน แล้วจะไม่ให้อาเซียนโตได้อย่างไร? หมี CNN(หลังคืนฮาโลวีนแตก เป็นไงล่ะ อีผีสาวฉาหลบเป็นแถบ หมดแรง) 01 พฤศจิกายน 67 11.59 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 986 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้จะแบ่งแยกประเทศอีกครั้งหรือไม่ ตอน01🤠

    ในปี 1975 เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

    แม้ว่าเวียดนามจะรวมเป็นหนึ่งเดียว แต่เวียดนามก็ค่อย ๆ พัฒนาโครงสร้างอำนาจสูงสุดที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองในทางการเมือง และในช่วงหลายปีที่ผ่านมายังได้ก่อให้เกิดสิ่งที่โลกภายนอกเรียกว่าโครงสร้าง "รถเทียมม้าสี่ตัว"

    สิ่งที่เรียกว่า"รถเทียมม้าสี่ตัว" กล่าวคือ มีสี่คนดำรงตำแหน่งเลขาธิการทั่วไป ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และประธานรัฐสภาเวียดนาม ตามลำดับ และแทบจะไม่มีปรากฏการณ์ทำงวนควบตำแหน่งเกิดขึ้นเลย

    นี่เป็นระบบสมดุลเหนือใต้ที่มีเอกลักษณ์และยังเป็นกฎที่ไม่ได้เขียนไว้สำหรับองค์ประกอบของอำนาจ

    ไม่เพียงเท่านี้ โดยทั่วไปแล้วผู้นำจากทางเหนือจะทำหน้าที่เป็นเลขาธิการทั่วไป เพื่อให้แน่ใจว่าเวียดกงจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมือง พร้อมทั้งรักษาความสัมพันธ์กับจีนซึ่งเป็นเพื่อนบ้านทางตอนเหนือของประเทศให้มีเสถียรภาพ

    และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำที่กระตือรือร้นใส่ใจในทางเศรษฐกิจซึ่งมาจากภาคใต้ รับผิดชอบงานเศรษฐกิจและการปฏิรูปเศรษฐกิจ

    โครงสร้างอำนาจนี้ดูมีเสถียรภาพ แต่จริงๆ แล้วเป็นผลมาจากการแลกเปลี่ยนและการประนีประนอมกันหลายครั้งในแวดวงการเมืองเวียดนาม และไม่มีเสถียรภาพมากนัก ในขณะที่การปฏิรูปของเวียดนามยังคงลึกซึ้งยิ่งขึ้น การต่อสู้เพื่ออำนาจและความขัดแย้งระหว่างกลุ่มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น

    สิ่งนี้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อความแตกต่างระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้

    ส่งผลให้เศรษฐกิจการเมืองของเวียดนามแสดงออกถึงความแตกแยก

    ทางตอนเหนือซึ่งมีฮานอยเป็นศูนย์กลางทางการเมือง มีแนวโน้มไปทางลัทธิสังคมนิยมมากกว่า ในขณะที่ทางตอนใต้ที่มีโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นเมืองไซง่อนเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และเป็นสังคมทุนนิยมมากกว่า

    โฮจิมินห์ซิตี้ยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนามและเป็นแรงผลักดันหลักในการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเวียดนาม

    ภูมิทัศน์ทางการเมืองในปัจจุบันในเวียดนามก็เป็นสถานการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย"รถเทียมม้าสี่ตัว"เช่นกัน ในสถานการณ์ที่ต้องคำนึงถึงภาคเหนือและภาคใต้ ทั้งภาคเหนือและภาคใต้มักจะผลัดกันรับผิดชอบดูแลซึ่งกันและกัน ดังนั้นด้วยความแตกต่างอย่างมากระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ,เวียดนามจะแตกแยกอีกไหม?

    ในความเป็นจริง ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 เวียดนามอยู่ในยุคแห่งการแบ่งแยกและการเผชิญหน้าระหว่างเหนือและใต้มาเป็นเวลานาน เนื่องจากการแตกแยกในระยะยาว ช่องว่างและความบาดหมางระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของเวียดนาม ก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ

    หากดูแผนที่ของเวียดนามจะพบว่าภูมิประเทศของเวียดนามนั้นยาวและแคบ เป็นรูปตัว S มีความยาวจากเหนือจรดใต้ 1,600 กิโลเมตร และจุดที่แคบที่สุดจากตะวันออกไปตะวันตกเพียง 50 กิโลเมตร เหมือนงูยาวที่เกาะอยู่ในคาบสมุทรอินโดจีน

    เนื่องจากลำตัวของงูยาวตัวนี้เรียวเกินไป จึงสามารถตัดที่เอวได้อย่างง่ายดาย ทำให้เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างเหนือและใต้

    ในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดของจีน เวียดนามตอนเหนือเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของจีนมายาวนาน จนกระทั่งสมัยห้าราชวงศ์และสิบอาณาจักร(五代十国) เวียดนามถือโอกาสจากการแตกแยกล่มสลายของจีน ปลดตนเองจากการควบคุมของจีนและสถาปนาประเทศเอกราช

    บางทีอาจเป็นเพราะการแยกทางระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ในระยะยาว เวียดนามยังเผชิญการเผชิญหน้าระหว่างเหนือ-ใต้เช่นเดียวกับราชวงศ์ใต้และราชวงศ์เหนือ(南北朝)ของจีน และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว

    ในปีคริสตศักราช 1428 จักรพรรดิเล ท้าย โต๋( Lê Thái Tổ 黎太祖)มีพระนามเดิมว่า เล เหล่ย (Lê Lợi, 黎利)ได้สถาปนาราชวงศ์เหิ่วเล(Later Lê dynasty後黎朝)ขึ้นในเมืองทังล็อง(Thăng Long升龙)ซึ่งปัจจุบันคือฮานอย หนึ่งร้อยปีหลังจากการสถาปนาประเทศ เจ้าหน้าที่ข้าราชการผู้มีอำนาจในราชวงศ์เหิ่วเล(Later Lê dynasty後黎朝)ได้แย่งชิงบัลลังก์ ประกาศตนเป็นจักรพรรดิ์ และสังหารหมู่ตระกูลราชวงศ์ และสถาปนาราชวงศ์ราชวงศ์หมัก (เหนือ)( Nhà Mạc 莫朝)

    แต่ต่อมาขุนนางผู้ภักดี ตระกูลเหงียน(Nguyen阮)แห่งราชวงศ์เหิ่วเล(Later Lê dynasty後黎朝)ได้พบทายาทของราชวงศ์เหิ่วเล(Later Lê dynasty後黎朝)ทางตอนใต้ของเวียดนาม ให้เคารพเขาในฐานะจักรพรรดิ และสถาปนาราชวงศ์ ราชวงศ์เหิ่วเล(Later Lê dynasty後黎朝) ขึ้นมาใหม่ ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างระบอบการปกครองทางเหนือและทางใต้

    ในช่วงการแบ่งแยกเหนือใต้ ระบอบแบ่งแยกดินแดนในท้องถิ่นก็ประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การสูญเสียอำนาจและการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอำนาจทางการเมือง

    ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 เวียดนามก็อยู่ในช่วงแห่งการแบ่งแยกเนื่องจากข้อพิพาทระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ภาคเหนือและภาคใต้ได้ทำสงครามกันหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม เป็นการยากที่จะกำหนดผลลัพธ์ของการแพ้ชนะ และในท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้แต่กำหนดเขตแดน ก่อให้เกิดสถานการณ์ของ ภาคใต้ตระกูลเหงียน(Nguyen阮)และภาคเหนือตระกูลตรินห์(Trinh鄭)

    ผู้ปกครองเหงียน (Nguyen阮)ทางตอนใต้เติบโตในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 และก่อตั้งขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 การปกครองของพวกเขากินเวลานานถึงสองศตวรรษและใช้มาตรการต่างๆ มากมายในด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และด้านอื่นๆ

    การต่อต้านและการแบ่งแยกโดยพฤตินัยนี้ทำให้ความแตกต่างระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้รุนแรงขึ้น และยังส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการเมือง เศรษฐกิจ และแม้แต่วัฒนธรรมของเวียดนามในรุ่นต่อ ๆ ไป

    เมื่อพูดถึงเวียดนามยังเป็นเช่นนี้ การแบ่งแยกภาคเหนือและภาคใต้ในระยะยาวย่อมนำไปสู่ความแตกต่างในด้านวัฒนธรรมและประเพณีความแตกต่างเหล่านี้สะท้อนถึงความหลากหลายของประเทศในยามสงบอย่างแน่นอน

    อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์ระหว่างประเทศและในประเทศไม่มั่นคง ก็อาจเป็นอันตรายที่ซ่อนอยู่และสามารถถูกเอารัดเอาเปรียบได้ง่ายโดยผู้ที่มีเจตนาร้าย ทำให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้

    ในยุคปัจจุบัน เวียดนามถูกแบ่งออกเป็นเวียดนามใต้และเวียดนามเหนืออีกครั้ง ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเหนือ-ใต้โดยพฤตินัย

    แต่เช่นเดียวกับจีน เนื่องจากความเคยชินทางประวัติศาสตร์ เวียดนามมีประสบการณ์ในการรวมชาติเหนือและภาคใต้เข้าด้วยกัน พลังการรวมเข้าสู่ศูนย์กลางของชาติในประเทศนั้นแข็งแกร่งมาก และในที่สุดประเทศก็รวมเป็นหนึ่งเดียวในช่วงกลางทศวรรษ 1970

    แม้ว่าจะมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของเวียดนามเนื่องด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ การแทรกแซงของอาณานิคมของยุโรปและการมาถึงของยุคอาณานิคมทำให้การแบ่งแยกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้รุนแรงขึ้น

    ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชาวฝรั่งเศสมีความสนใจเวียดนามดินแดนมหาสมบัติแห่งนี้ และขยายอาณาเขตอาณานิคมของตนมาถึงที่นี่ ในเวลานั้น รัฐบาลชิง(清)เป็นเจ้านครสมัยศักดินา (Suzerain宗主国) ของเวียดนาม แต่ด้วยการลงนามใน “สนธิสัญญาเทียนจิน (The Treaty of Tianjin中法新約)” รัฐบาลชิง(清)ที่ล้าหลังและไร้ความสามารถถูกบังคับให้สละอำนาจของเจ้านครสมัยศักดินา (suzerainty宗主权)ของตน

    ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1884 ฝรั่งเศสและเวียดนามลงนามในสนธิสัญญาเว้(The Treaty of Huế顺化条约)ซึ่งถือเป็นการล่มสลายของเวียดนามโดยสมบูรณ์ อาณานิคมฝรั่งเศสในอินโดจีน( Indochina印度支那) และการสถาปนาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นจุดเริ่มต้นสู่ยุคอาณานิคมของเวียดนาม

    เพื่อให้ปกครองอาณานิคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชาวฝรั่งเศสจึงใช้กลยุทธ์ "แบ่งแยกและปกครอง"และแบ่งเวียดนามออกเป็นสามส่วน ได้แก่ เขตแดนตอนเหนือ.....ตังเกี๋ย (Tonkin东京) เขตแดนตอนกลาง.....อันนัม(Annam安南)และเขตแดนตอนใต้.....โคชินชินา(Cochinchina交趾支那)

    ยิ่งไปกว่านั้น เขตแดนตอนใต้ยังเป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของฝรั่งเศสโดยตรง เขตแดนตอนกลางเป็นรัฐในอารักขา และเขตแดนตอนเหนือเป็นกึ่งอารักขา

    ตามบทบัญญัติของสนธิสัญญาเว้(The Treaty of Huế顺化条约)ฝรั่งเศสได้จัดตั้ง "ระบบการอารักขา(protectorate保护)" ในตังเกี๋ย (Tonkin东京)และอันนัม(Annam安南) ซึ่งอนุญาตให้ราชวงศ์ตระกูลเหงียน(Nguyen阮)ปกครองในนาม โดยแท้จริงแล้วจักรพรรดิได้กลายเป็นหุ่นเชิดไปแล้ว

    จากมุมมองของระบบการเมืองเวียดนามโดยพื้นฐานแล้วแบ่งออกเป็นสองส่วน ทางใต้เป็นดินแดนภายใต้เขตอำนาจของฝรั่งเศสโดยตรง และทางเหนือเป็นระบอบการปกครองหุ่นเชิดภายใต้การควบคุมของฝรั่งเศส

    ด้วยการแทรกแซงของฝรั่งเศสความแตกต่างระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของเวียดนามเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจน ประกอบกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ เช่น ทางตอนเหนือส่วนใหญ่เป็นภูเขา

    ในขณะที่ภาคใต้มีภูมิประเทศที่ราบเรียบ และยังมีอ่าวทะเลธรรมชาติและสวยงามเหมาะกับท่าเรือมากมายหลายแห่ง ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ที่กองกำลังต่างชาติที่รุกรานส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในภาคใต้ ในขณะที่กองกำลังต่อต้านแห่งชาติของเวียดนามกระจุกตัวอยู่ที่ภาคเหนือ

    ก่อนการมาถึงของฝรั่งเศส ระบบรัฐของเวียดนามเป็นแบบรวมศูนย์ นอกจากนี้ยังเป็นไปตามแบบอย่างของจีนในการคัดเลือกข้าราชการผ่านระบบการสอบของจักรพรรดิ(科举制) ระบบการศึกษาส่วนใหญ่เป็นการศึกษาแบบโรงเรียนเอกชน และเรื่องของอุดมการณ์ยังคงเป็นวัฒนธรรมขงจื๊อแบบดั้งเดิม

    อย่างไรก็ตาม ด้วยการมาถึงของนักล่าอาณานิคม อุดมการณ์ตัวหลักของเวียดนามก็ได้รับผลกระทบ และความแตกต่างในระดับภูมิภาคก็เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาของการเผชิญหน้าระหว่างเวียดนามใต้และเวียดนามเหนือเมื่อชาวอเมริกันเข้ามาแทรกแซง เนื่องจากระบบการเมืองที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อุดมการณ์และวัฒนธรรมเหล่านี้ทำให้ความแตกต่างที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

    ดังจะเห็นได้จากคาบสมุทรเกาหลีที่ภาคเหนือและภาคใต้ยังคงมีความขัดแย้งกันอยู่

    หลังจากที่ฝรั่งเศสสถาปนาการปกครองอาณานิคมแล้ว ฝรั่งเศสย่อมดำเนินนโยบายการดูดซึมหลอมสลายอาณานิคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เผยแพร่ความคิดอุดมการณ์และวัฒนธรรมของเจ้านครสมัยศักดินา (Suzerain宗主国) และดำเนินการล่าอาณานิคมทางวัฒนธรรม เพื่อจัดหาอาวุธทางอุดมการณ์อันทรงพลังเพื่อเสริมสร้างและรวบรวมการปกครองให้เข้าด้วยกันของอาณานิคม

    ชาวฝรั่งเศสก็เช่นกัน เพื่อเสริมสร้างการควบคุมเวียดนามและฝึกอบรมนักแปล ฝรั่งเศสได้เปิดโรงเรียนสองภาษาในเวียดนามตอนใต้ และกำหนดนโยบาย "การดูดซึมหลอมสลาย" ขึ้นในปี ค.ศ. 1897 เพื่อเตรียมขยายการศึกษาแนวรูปแบบฝรั่งเศสสมัยใหม่ไปยังทุกหนทุกแห่งของภาคใต้ .

    อย่างไรก็ตาม ทางภาคเหนือยังอยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิราชวงศ์ตระกูลเหงียน(Nguyen阮) ดังนั้นการสอบคัดเลือกโดยการสอบของจักรพรรดิ(科举制)แบบดั้งเดิมจึงยังคงถูกนำมาใช้ในภูมิภาคนี้ และการศึกษายังคงขึ้นอยู่กับระบบการสอบของจักรพรรดิ(科举制)เป็นหลัก พลังของการศึกษาสไตล์แบบตะวันตกนั้นยังอ่อนแอมาก

    เป็นที่น่าสังเกตว่าระบบการสอบของจักรพรรดิ(科举制)ของเวียดนามจนกระทั่งปีค.ศ. 1919 จึงค่อยถูกยกเลิก ซึ่งช้ากว่าจีนถึงสิบสี่ปี จากสิ่งเหล่านี้ยังแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกและความแตกต่างในด้านการศึกษาระหว่างภาคเหนือและภาคใต้

    ความแตกต่างในระบบการศึกษานี้นำไปสู่ความแตกต่างทางความคิดอุดมการณ์ระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ผลกระทบของความแตกต่างนี้มีมายาวนานและกว้างขวาง

    ในช่วงทศวรรษที่ 1940 เวียดนามตอนใต้ซึ่งได้รับอิทธิพลผลกระทบอย่างลึกซึ้งจากการศึกษาของตะวันตก ลัทธิขงจื๊อแบบคลาสสิกถูกละทิ้งไปนานแล้ว และเริ่มคิดถึงแนวคิดสมัยใหม่ เช่น วิทยาศาสตร์ ความสามารถพิเศษ และอารยธรรม อย่างไรก็ตาม ครอบครัวข้าราชการท้องถิ่นในภาคเหนือยังคงถือว่าลัทธิขงจื๊อเป็นวัฒนธรรมและถือเป็นสมบัติ

    หลังจากที่ชาวอเมริกันรับช่วงต่อจากฝรั่งเศสในฐานะผู้ควบคุมที่แท้จริงของเวียดนามใต้ พวกเขายังคงมุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติจริงและความคิดริเริ่มของนักเรียน ส่งเสริมการฝึกฝนผู้มีความสามารถในภาคใต้ ในขณะที่ภาคเหนือเน้นปลูกฝังความรักชาติและการรู้หนังสือการอ่านออกเขียนได้ และเสนอให้เผยแพร่การศึกษาแก่คนส่วนใหญ่ของประชาชนในหมู่คนทำงาน

    กล่าวได้ง่ายๆว่า เวียดนามทางภาคใต้สิ่งที่ดำเนินการคือการศึกษาชั้นยอดระดับหัวกะทิ และมุ่งเน้นไปที่การปลูกฝังความสามารถพิเศษของบุคคล ในขณะที่วัตถุประสงค์หลักของการศึกษาในภาคเหนือคือการเผยแพร่ระดับมาตรฐานการรู้หนังสือ

    ลำดับความสำคัญที่แตกต่างกันระหว่างภาคเหนือและภาคใต้นำไปสู่การขยายความแตกต่างทางอุดมการณ์และวัฒนธรรมระหว่างภาคเหนือและภาคใต้โดยทั่วไป โดยทั่วไปแล้วเวียดนามทางภาคใต้ได้รับอิทธิพลเปลี่ยนแปลงเอนเอียงไปทางตะวันตก ในขณะที่เวียดนามทางภาคเหนือได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากแนวคิดคอมมิวนิสต์ การแตกแยกจากกันและความแตกต่างเช่นนี้ แม้หลังจากการรวมตัวกันของภาคเหนือและภาคใต้อีกครั้ง เนื่องจากความเคยชินเฉื่อยชาและความสนใจทางประวัติศาสตร์รวมทั้งผลประโยขน์ต่างๆ ทั้งสองก็ไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ในเวลาอันสั้น

    ใครก็ตามที่คุ้นเคยกับเวียดนามจะรู้ดีว่าช่องว่างระหว่างเวียดนามเหนือและใต้นั้นค่อนข้างใหญ่ และช่องว่างก็มีแนวโน้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เวียดนามตอนเหนือส่วนใหณ่เป็นภูเขา ภาคใต้มีภูมิประเทศเป็นที่ราบเรียบ และมีอ่าวทะเลเหมาะกับทำท่าเรือและสถานที่ท่องเที่ยวรีสอร์ทที่ดีเยี่ยมหลายแห่ง ซึ่งทำให้สภาพเงื่อนไขการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคใต้โดยธรรมชาติแล้วดีกว่าทางภาคเหนือ

    เช่นเดียวกับจีน โฮจิมินห์ซิตี้ทางตอนใต้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนามในฐานะเมืองหลวงของเวียดนามใต้

    ก่อนการรวมตัวของประเทศ โฮจิมินห์ซิตี้เป็นที่รู้จักในนามไซ่ง่อน เป็นศูนย์กลางการปกครองและเขตปกครองหลายแห่งของมหาอำนาจตะวันตก และยังเป็นที่รู้จักในชื่อ "ปารีสน้อยแห่งตะวันออก"

    😎โปรดติดตามบทความ #เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้จะแบ่งแยกประเทศอีกครั้งหรือไม่ ตอน02 ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า😎

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰


    🤠#เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้จะแบ่งแยกประเทศอีกครั้งหรือไม่ ตอน01🤠 ในปี 1975 เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่าเวียดนามจะรวมเป็นหนึ่งเดียว แต่เวียดนามก็ค่อย ๆ พัฒนาโครงสร้างอำนาจสูงสุดที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองในทางการเมือง และในช่วงหลายปีที่ผ่านมายังได้ก่อให้เกิดสิ่งที่โลกภายนอกเรียกว่าโครงสร้าง "รถเทียมม้าสี่ตัว" สิ่งที่เรียกว่า"รถเทียมม้าสี่ตัว" กล่าวคือ มีสี่คนดำรงตำแหน่งเลขาธิการทั่วไป ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และประธานรัฐสภาเวียดนาม ตามลำดับ และแทบจะไม่มีปรากฏการณ์ทำงวนควบตำแหน่งเกิดขึ้นเลย นี่เป็นระบบสมดุลเหนือใต้ที่มีเอกลักษณ์และยังเป็นกฎที่ไม่ได้เขียนไว้สำหรับองค์ประกอบของอำนาจ ไม่เพียงเท่านี้ โดยทั่วไปแล้วผู้นำจากทางเหนือจะทำหน้าที่เป็นเลขาธิการทั่วไป เพื่อให้แน่ใจว่าเวียดกงจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมือง พร้อมทั้งรักษาความสัมพันธ์กับจีนซึ่งเป็นเพื่อนบ้านทางตอนเหนือของประเทศให้มีเสถียรภาพ และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำที่กระตือรือร้นใส่ใจในทางเศรษฐกิจซึ่งมาจากภาคใต้ รับผิดชอบงานเศรษฐกิจและการปฏิรูปเศรษฐกิจ โครงสร้างอำนาจนี้ดูมีเสถียรภาพ แต่จริงๆ แล้วเป็นผลมาจากการแลกเปลี่ยนและการประนีประนอมกันหลายครั้งในแวดวงการเมืองเวียดนาม และไม่มีเสถียรภาพมากนัก ในขณะที่การปฏิรูปของเวียดนามยังคงลึกซึ้งยิ่งขึ้น การต่อสู้เพื่ออำนาจและความขัดแย้งระหว่างกลุ่มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น สิ่งนี้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อความแตกต่างระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ ส่งผลให้เศรษฐกิจการเมืองของเวียดนามแสดงออกถึงความแตกแยก ทางตอนเหนือซึ่งมีฮานอยเป็นศูนย์กลางทางการเมือง มีแนวโน้มไปทางลัทธิสังคมนิยมมากกว่า ในขณะที่ทางตอนใต้ที่มีโฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นเมืองไซง่อนเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ และเป็นสังคมทุนนิยมมากกว่า โฮจิมินห์ซิตี้ยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนามและเป็นแรงผลักดันหลักในการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเวียดนาม ภูมิทัศน์ทางการเมืองในปัจจุบันในเวียดนามก็เป็นสถานการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย"รถเทียมม้าสี่ตัว"เช่นกัน ในสถานการณ์ที่ต้องคำนึงถึงภาคเหนือและภาคใต้ ทั้งภาคเหนือและภาคใต้มักจะผลัดกันรับผิดชอบดูแลซึ่งกันและกัน ดังนั้นด้วยความแตกต่างอย่างมากระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ,เวียดนามจะแตกแยกอีกไหม? ในความเป็นจริง ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 เวียดนามอยู่ในยุคแห่งการแบ่งแยกและการเผชิญหน้าระหว่างเหนือและใต้มาเป็นเวลานาน เนื่องจากการแตกแยกในระยะยาว ช่องว่างและความบาดหมางระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของเวียดนาม ก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ หากดูแผนที่ของเวียดนามจะพบว่าภูมิประเทศของเวียดนามนั้นยาวและแคบ เป็นรูปตัว S มีความยาวจากเหนือจรดใต้ 1,600 กิโลเมตร และจุดที่แคบที่สุดจากตะวันออกไปตะวันตกเพียง 50 กิโลเมตร เหมือนงูยาวที่เกาะอยู่ในคาบสมุทรอินโดจีน เนื่องจากลำตัวของงูยาวตัวนี้เรียวเกินไป จึงสามารถตัดที่เอวได้อย่างง่ายดาย ทำให้เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างเหนือและใต้ ในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดของจีน เวียดนามตอนเหนือเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของจีนมายาวนาน จนกระทั่งสมัยห้าราชวงศ์และสิบอาณาจักร(五代十国) เวียดนามถือโอกาสจากการแตกแยกล่มสลายของจีน ปลดตนเองจากการควบคุมของจีนและสถาปนาประเทศเอกราช บางทีอาจเป็นเพราะการแยกทางระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ในระยะยาว เวียดนามยังเผชิญการเผชิญหน้าระหว่างเหนือ-ใต้เช่นเดียวกับราชวงศ์ใต้และราชวงศ์เหนือ(南北朝)ของจีน และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ในปีคริสตศักราช 1428 จักรพรรดิเล ท้าย โต๋( Lê Thái Tổ 黎太祖)มีพระนามเดิมว่า เล เหล่ย (Lê Lợi, 黎利)ได้สถาปนาราชวงศ์เหิ่วเล(Later Lê dynasty後黎朝)ขึ้นในเมืองทังล็อง(Thăng Long升龙)ซึ่งปัจจุบันคือฮานอย หนึ่งร้อยปีหลังจากการสถาปนาประเทศ เจ้าหน้าที่ข้าราชการผู้มีอำนาจในราชวงศ์เหิ่วเล(Later Lê dynasty後黎朝)ได้แย่งชิงบัลลังก์ ประกาศตนเป็นจักรพรรดิ์ และสังหารหมู่ตระกูลราชวงศ์ และสถาปนาราชวงศ์ราชวงศ์หมัก (เหนือ)( Nhà Mạc 莫朝) แต่ต่อมาขุนนางผู้ภักดี ตระกูลเหงียน(Nguyen阮)แห่งราชวงศ์เหิ่วเล(Later Lê dynasty後黎朝)ได้พบทายาทของราชวงศ์เหิ่วเล(Later Lê dynasty後黎朝)ทางตอนใต้ของเวียดนาม ให้เคารพเขาในฐานะจักรพรรดิ และสถาปนาราชวงศ์ ราชวงศ์เหิ่วเล(Later Lê dynasty後黎朝) ขึ้นมาใหม่ ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างระบอบการปกครองทางเหนือและทางใต้ ในช่วงการแบ่งแยกเหนือใต้ ระบอบแบ่งแยกดินแดนในท้องถิ่นก็ประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การสูญเสียอำนาจและการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอำนาจทางการเมือง ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 เวียดนามก็อยู่ในช่วงแห่งการแบ่งแยกเนื่องจากข้อพิพาทระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ภาคเหนือและภาคใต้ได้ทำสงครามกันหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม เป็นการยากที่จะกำหนดผลลัพธ์ของการแพ้ชนะ และในท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้แต่กำหนดเขตแดน ก่อให้เกิดสถานการณ์ของ ภาคใต้ตระกูลเหงียน(Nguyen阮)และภาคเหนือตระกูลตรินห์(Trinh鄭) ผู้ปกครองเหงียน (Nguyen阮)ทางตอนใต้เติบโตในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 และก่อตั้งขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 การปกครองของพวกเขากินเวลานานถึงสองศตวรรษและใช้มาตรการต่างๆ มากมายในด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และด้านอื่นๆ การต่อต้านและการแบ่งแยกโดยพฤตินัยนี้ทำให้ความแตกต่างระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้รุนแรงขึ้น และยังส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการเมือง เศรษฐกิจ และแม้แต่วัฒนธรรมของเวียดนามในรุ่นต่อ ๆ ไป เมื่อพูดถึงเวียดนามยังเป็นเช่นนี้ การแบ่งแยกภาคเหนือและภาคใต้ในระยะยาวย่อมนำไปสู่ความแตกต่างในด้านวัฒนธรรมและประเพณีความแตกต่างเหล่านี้สะท้อนถึงความหลากหลายของประเทศในยามสงบอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์ระหว่างประเทศและในประเทศไม่มั่นคง ก็อาจเป็นอันตรายที่ซ่อนอยู่และสามารถถูกเอารัดเอาเปรียบได้ง่ายโดยผู้ที่มีเจตนาร้าย ทำให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ในยุคปัจจุบัน เวียดนามถูกแบ่งออกเป็นเวียดนามใต้และเวียดนามเหนืออีกครั้ง ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเหนือ-ใต้โดยพฤตินัย แต่เช่นเดียวกับจีน เนื่องจากความเคยชินทางประวัติศาสตร์ เวียดนามมีประสบการณ์ในการรวมชาติเหนือและภาคใต้เข้าด้วยกัน พลังการรวมเข้าสู่ศูนย์กลางของชาติในประเทศนั้นแข็งแกร่งมาก และในที่สุดประเทศก็รวมเป็นหนึ่งเดียวในช่วงกลางทศวรรษ 1970 แม้ว่าจะมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของเวียดนามเนื่องด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ การแทรกแซงของอาณานิคมของยุโรปและการมาถึงของยุคอาณานิคมทำให้การแบ่งแยกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้รุนแรงขึ้น ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชาวฝรั่งเศสมีความสนใจเวียดนามดินแดนมหาสมบัติแห่งนี้ และขยายอาณาเขตอาณานิคมของตนมาถึงที่นี่ ในเวลานั้น รัฐบาลชิง(清)เป็นเจ้านครสมัยศักดินา (Suzerain宗主国) ของเวียดนาม แต่ด้วยการลงนามใน “สนธิสัญญาเทียนจิน (The Treaty of Tianjin中法新約)” รัฐบาลชิง(清)ที่ล้าหลังและไร้ความสามารถถูกบังคับให้สละอำนาจของเจ้านครสมัยศักดินา (suzerainty宗主权)ของตน ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1884 ฝรั่งเศสและเวียดนามลงนามในสนธิสัญญาเว้(The Treaty of Huế顺化条约)ซึ่งถือเป็นการล่มสลายของเวียดนามโดยสมบูรณ์ อาณานิคมฝรั่งเศสในอินโดจีน( Indochina印度支那) และการสถาปนาผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นจุดเริ่มต้นสู่ยุคอาณานิคมของเวียดนาม เพื่อให้ปกครองอาณานิคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชาวฝรั่งเศสจึงใช้กลยุทธ์ "แบ่งแยกและปกครอง"และแบ่งเวียดนามออกเป็นสามส่วน ได้แก่ เขตแดนตอนเหนือ.....ตังเกี๋ย (Tonkin东京) เขตแดนตอนกลาง.....อันนัม(Annam安南)และเขตแดนตอนใต้.....โคชินชินา(Cochinchina交趾支那) ยิ่งไปกว่านั้น เขตแดนตอนใต้ยังเป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของฝรั่งเศสโดยตรง เขตแดนตอนกลางเป็นรัฐในอารักขา และเขตแดนตอนเหนือเป็นกึ่งอารักขา ตามบทบัญญัติของสนธิสัญญาเว้(The Treaty of Huế顺化条约)ฝรั่งเศสได้จัดตั้ง "ระบบการอารักขา(protectorate保护)" ในตังเกี๋ย (Tonkin东京)และอันนัม(Annam安南) ซึ่งอนุญาตให้ราชวงศ์ตระกูลเหงียน(Nguyen阮)ปกครองในนาม โดยแท้จริงแล้วจักรพรรดิได้กลายเป็นหุ่นเชิดไปแล้ว จากมุมมองของระบบการเมืองเวียดนามโดยพื้นฐานแล้วแบ่งออกเป็นสองส่วน ทางใต้เป็นดินแดนภายใต้เขตอำนาจของฝรั่งเศสโดยตรง และทางเหนือเป็นระบอบการปกครองหุ่นเชิดภายใต้การควบคุมของฝรั่งเศส ด้วยการแทรกแซงของฝรั่งเศสความแตกต่างระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของเวียดนามเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจน ประกอบกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ เช่น ทางตอนเหนือส่วนใหญ่เป็นภูเขา ในขณะที่ภาคใต้มีภูมิประเทศที่ราบเรียบ และยังมีอ่าวทะเลธรรมชาติและสวยงามเหมาะกับท่าเรือมากมายหลายแห่ง ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ที่กองกำลังต่างชาติที่รุกรานส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในภาคใต้ ในขณะที่กองกำลังต่อต้านแห่งชาติของเวียดนามกระจุกตัวอยู่ที่ภาคเหนือ ก่อนการมาถึงของฝรั่งเศส ระบบรัฐของเวียดนามเป็นแบบรวมศูนย์ นอกจากนี้ยังเป็นไปตามแบบอย่างของจีนในการคัดเลือกข้าราชการผ่านระบบการสอบของจักรพรรดิ(科举制) ระบบการศึกษาส่วนใหญ่เป็นการศึกษาแบบโรงเรียนเอกชน และเรื่องของอุดมการณ์ยังคงเป็นวัฒนธรรมขงจื๊อแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม ด้วยการมาถึงของนักล่าอาณานิคม อุดมการณ์ตัวหลักของเวียดนามก็ได้รับผลกระทบ และความแตกต่างในระดับภูมิภาคก็เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาของการเผชิญหน้าระหว่างเวียดนามใต้และเวียดนามเหนือเมื่อชาวอเมริกันเข้ามาแทรกแซง เนื่องจากระบบการเมืองที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อุดมการณ์และวัฒนธรรมเหล่านี้ทำให้ความแตกต่างที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้จากคาบสมุทรเกาหลีที่ภาคเหนือและภาคใต้ยังคงมีความขัดแย้งกันอยู่ หลังจากที่ฝรั่งเศสสถาปนาการปกครองอาณานิคมแล้ว ฝรั่งเศสย่อมดำเนินนโยบายการดูดซึมหลอมสลายอาณานิคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เผยแพร่ความคิดอุดมการณ์และวัฒนธรรมของเจ้านครสมัยศักดินา (Suzerain宗主国) และดำเนินการล่าอาณานิคมทางวัฒนธรรม เพื่อจัดหาอาวุธทางอุดมการณ์อันทรงพลังเพื่อเสริมสร้างและรวบรวมการปกครองให้เข้าด้วยกันของอาณานิคม ชาวฝรั่งเศสก็เช่นกัน เพื่อเสริมสร้างการควบคุมเวียดนามและฝึกอบรมนักแปล ฝรั่งเศสได้เปิดโรงเรียนสองภาษาในเวียดนามตอนใต้ และกำหนดนโยบาย "การดูดซึมหลอมสลาย" ขึ้นในปี ค.ศ. 1897 เพื่อเตรียมขยายการศึกษาแนวรูปแบบฝรั่งเศสสมัยใหม่ไปยังทุกหนทุกแห่งของภาคใต้ . อย่างไรก็ตาม ทางภาคเหนือยังอยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิราชวงศ์ตระกูลเหงียน(Nguyen阮) ดังนั้นการสอบคัดเลือกโดยการสอบของจักรพรรดิ(科举制)แบบดั้งเดิมจึงยังคงถูกนำมาใช้ในภูมิภาคนี้ และการศึกษายังคงขึ้นอยู่กับระบบการสอบของจักรพรรดิ(科举制)เป็นหลัก พลังของการศึกษาสไตล์แบบตะวันตกนั้นยังอ่อนแอมาก เป็นที่น่าสังเกตว่าระบบการสอบของจักรพรรดิ(科举制)ของเวียดนามจนกระทั่งปีค.ศ. 1919 จึงค่อยถูกยกเลิก ซึ่งช้ากว่าจีนถึงสิบสี่ปี จากสิ่งเหล่านี้ยังแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกและความแตกต่างในด้านการศึกษาระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ความแตกต่างในระบบการศึกษานี้นำไปสู่ความแตกต่างทางความคิดอุดมการณ์ระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ผลกระทบของความแตกต่างนี้มีมายาวนานและกว้างขวาง ในช่วงทศวรรษที่ 1940 เวียดนามตอนใต้ซึ่งได้รับอิทธิพลผลกระทบอย่างลึกซึ้งจากการศึกษาของตะวันตก ลัทธิขงจื๊อแบบคลาสสิกถูกละทิ้งไปนานแล้ว และเริ่มคิดถึงแนวคิดสมัยใหม่ เช่น วิทยาศาสตร์ ความสามารถพิเศษ และอารยธรรม อย่างไรก็ตาม ครอบครัวข้าราชการท้องถิ่นในภาคเหนือยังคงถือว่าลัทธิขงจื๊อเป็นวัฒนธรรมและถือเป็นสมบัติ หลังจากที่ชาวอเมริกันรับช่วงต่อจากฝรั่งเศสในฐานะผู้ควบคุมที่แท้จริงของเวียดนามใต้ พวกเขายังคงมุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติจริงและความคิดริเริ่มของนักเรียน ส่งเสริมการฝึกฝนผู้มีความสามารถในภาคใต้ ในขณะที่ภาคเหนือเน้นปลูกฝังความรักชาติและการรู้หนังสือการอ่านออกเขียนได้ และเสนอให้เผยแพร่การศึกษาแก่คนส่วนใหญ่ของประชาชนในหมู่คนทำงาน กล่าวได้ง่ายๆว่า เวียดนามทางภาคใต้สิ่งที่ดำเนินการคือการศึกษาชั้นยอดระดับหัวกะทิ และมุ่งเน้นไปที่การปลูกฝังความสามารถพิเศษของบุคคล ในขณะที่วัตถุประสงค์หลักของการศึกษาในภาคเหนือคือการเผยแพร่ระดับมาตรฐานการรู้หนังสือ ลำดับความสำคัญที่แตกต่างกันระหว่างภาคเหนือและภาคใต้นำไปสู่การขยายความแตกต่างทางอุดมการณ์และวัฒนธรรมระหว่างภาคเหนือและภาคใต้โดยทั่วไป โดยทั่วไปแล้วเวียดนามทางภาคใต้ได้รับอิทธิพลเปลี่ยนแปลงเอนเอียงไปทางตะวันตก ในขณะที่เวียดนามทางภาคเหนือได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากแนวคิดคอมมิวนิสต์ การแตกแยกจากกันและความแตกต่างเช่นนี้ แม้หลังจากการรวมตัวกันของภาคเหนือและภาคใต้อีกครั้ง เนื่องจากความเคยชินเฉื่อยชาและความสนใจทางประวัติศาสตร์รวมทั้งผลประโยขน์ต่างๆ ทั้งสองก็ไม่สามารถเชื่อมโยงกันได้ในเวลาอันสั้น ใครก็ตามที่คุ้นเคยกับเวียดนามจะรู้ดีว่าช่องว่างระหว่างเวียดนามเหนือและใต้นั้นค่อนข้างใหญ่ และช่องว่างก็มีแนวโน้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เวียดนามตอนเหนือส่วนใหณ่เป็นภูเขา ภาคใต้มีภูมิประเทศเป็นที่ราบเรียบ และมีอ่าวทะเลเหมาะกับทำท่าเรือและสถานที่ท่องเที่ยวรีสอร์ทที่ดีเยี่ยมหลายแห่ง ซึ่งทำให้สภาพเงื่อนไขการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคใต้โดยธรรมชาติแล้วดีกว่าทางภาคเหนือ เช่นเดียวกับจีน โฮจิมินห์ซิตี้ทางตอนใต้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนามในฐานะเมืองหลวงของเวียดนามใต้ ก่อนการรวมตัวของประเทศ โฮจิมินห์ซิตี้เป็นที่รู้จักในนามไซ่ง่อน เป็นศูนย์กลางการปกครองและเขตปกครองหลายแห่งของมหาอำนาจตะวันตก และยังเป็นที่รู้จักในชื่อ "ปารีสน้อยแห่งตะวันออก" 😎โปรดติดตามบทความ #เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้จะแบ่งแยกประเทศอีกครั้งหรือไม่ ตอน02 ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า😎 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1465 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก็เข้าใจลุงเสรี เหงียน
    #โทนี่รับปากบอกเป็นหนี้พี่เสรีเยอะมาก
    แต่เมื่อไหร่จะชดใช้ซักที
    อีกไม่กี่ปี เสรีก็ต-า-ย-ห่-า แล้ว
    ไม่คิดจะคืนกันเลยหรือยังไง
    ปั๊ดโถ่ว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ก็เข้าใจลุงเสรี เหงียน #โทนี่รับปากบอกเป็นหนี้พี่เสรีเยอะมาก แต่เมื่อไหร่จะชดใช้ซักที อีกไม่กี่ปี เสรีก็ต-า-ย-ห่-า แล้ว ไม่คิดจะคืนกันเลยหรือยังไง ปั๊ดโถ่ว #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 406 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวียดนามคาดส่งออก ‘ทุเรียน' ปี 2567 สูงแตะ 3,500 ล้านดอลล์
    .
    คณะผู้เชี่ยวชาญทางการเกษตรคาดการณ์ว่าการส่งออกทุเรียนของเวียดนามจะสูงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.23 แสนล้านบาท) ในปี 2024 เนื่องด้วยสภาพเงื่อนไขต่างๆ เอื้ออำนวย
    .
    ดัง ฟุก เหงียน เลขานุการสมาคมผักและผลไม้แห่งเวียดนาม ระบุว่าเกษตรกรในกลุ่มจังหวัดสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เช่น เตี่ยนยางและวินห์ลอง ได้เพิ่มการผลิตทุเรียนนอกฤดู ทำให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคมของปีนี้ โดยปัจจุบันพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนในภูมิภาคนี้ราวร้อยละ 50-60 กำลังมุ่งเน้นการผลิตนอกฤดู
    .
    รายงานเสริมว่าเวียดนามมีแนวโน้มส่งออกทุเรียนปริมาณมากจากภูมิภาคเซ็นทรัล ไฮแลนด์ส หรือที่ราบสูงตอนกลางของประเทศ ในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้
    .
    สำนักการผลิตพืชผลของกระทรวงฯ ระบุว่าปัจจุบันเวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนราว 1.5 แสนเฮกตาร์ (ราว 9.37 แสนไร่) ซึ่งอยู่ในภูมิภาคเซ็นทรัล ไฮแลนด์ส มากกว่า 75,000 เฮกตาร์ (ราว 4.69 แสนไร่)
    .
    กระทรวงฯ เผยว่ารายได้จากการส่งออกทุเรียนของเวียดนามในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ราว 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6 หมื่นล้านบาท)
    เวียดนามคาดส่งออก ‘ทุเรียน' ปี 2567 สูงแตะ 3,500 ล้านดอลล์ . คณะผู้เชี่ยวชาญทางการเกษตรคาดการณ์ว่าการส่งออกทุเรียนของเวียดนามจะสูงถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.23 แสนล้านบาท) ในปี 2024 เนื่องด้วยสภาพเงื่อนไขต่างๆ เอื้ออำนวย . ดัง ฟุก เหงียน เลขานุการสมาคมผักและผลไม้แห่งเวียดนาม ระบุว่าเกษตรกรในกลุ่มจังหวัดสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เช่น เตี่ยนยางและวินห์ลอง ได้เพิ่มการผลิตทุเรียนนอกฤดู ทำให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคมของปีนี้ โดยปัจจุบันพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนในภูมิภาคนี้ราวร้อยละ 50-60 กำลังมุ่งเน้นการผลิตนอกฤดู . รายงานเสริมว่าเวียดนามมีแนวโน้มส่งออกทุเรียนปริมาณมากจากภูมิภาคเซ็นทรัล ไฮแลนด์ส หรือที่ราบสูงตอนกลางของประเทศ ในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ . สำนักการผลิตพืชผลของกระทรวงฯ ระบุว่าปัจจุบันเวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนราว 1.5 แสนเฮกตาร์ (ราว 9.37 แสนไร่) ซึ่งอยู่ในภูมิภาคเซ็นทรัล ไฮแลนด์ส มากกว่า 75,000 เฮกตาร์ (ราว 4.69 แสนไร่) . กระทรวงฯ เผยว่ารายได้จากการส่งออกทุเรียนของเวียดนามในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ราว 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6 หมื่นล้านบาท)
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 696 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20 กรกฎาคม 2567-โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน Hua Chunying รายงานว่าเมื่อบ่ายวันนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางไปสถานทูตเวียดนามประจำกรุงปักกิ่ง เพื่อไว้อาลัยนายเหงียน ฝู จ่อง เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ สิริอายุ 80 ปี และจบท้ายว่า "เราจะเดินหน้ากระชับและเสริมสร้างชุมชนจีน-เวียดนามให้มีอนาคตร่วมกัน"

    ที่มา : https://twitter.com/spokespersonchn/status/1814645086967505083?s=61&t=mRwUfQiz7zGe0VySpUOyyA
    20 กรกฎาคม 2567-โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน Hua Chunying รายงานว่าเมื่อบ่ายวันนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางไปสถานทูตเวียดนามประจำกรุงปักกิ่ง เพื่อไว้อาลัยนายเหงียน ฝู จ่อง เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ สิริอายุ 80 ปี และจบท้ายว่า "เราจะเดินหน้ากระชับและเสริมสร้างชุมชนจีน-เวียดนามให้มีอนาคตร่วมกัน" ที่มา : https://twitter.com/spokespersonchn/status/1814645086967505083?s=61&t=mRwUfQiz7zGe0VySpUOyyA
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว