• พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗

    เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด!

    🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨

    🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล!

    ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱

    🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨

    3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ?
    - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์
    - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์
    - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์

    รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸

    การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน

    🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง...

    นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨

    🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก
    - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม
    - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี
    - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์
    - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู

    ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ!

    ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡

    🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจระดับสารวัตรสอบสวน โรงพักที่เกิดเหตุ แต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้

    ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️

    4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊
    1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี
    2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี
    3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี
    4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี

    ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"!

    🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้!

    คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย

    คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท

    ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้

    นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน

    จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง

    บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้

    มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568

    🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗 เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด! 🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨 🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล! ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱 🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨 3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ? - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์ - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸 การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน 🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง... นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨 🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์ - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ! ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡 🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจระดับสารวัตรสอบสวน โรงพักที่เกิดเหตุ แต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️ 4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊 1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี 2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี 3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี 4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"! 🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้! คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้ นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้ มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568 🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีเอสไอพบหลักฐานเด็ด! ขบวนการ “ฮั้วเลือก ส.ว.” 🚨 อั้งยี่-ซ่องโจร-ฟอกเงิน โพยลับทำที่อยุธยา-ปทุมธานี-นครนายก

    📌 ดีเอสไอเปิดโปงขบวนการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พบหลักฐานโยงข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ฟอกเงิน จัดทำโพยลับที่อยุธยา ปทุมธานี นครนายก พร้อมแฉพฤติกรรมการกระทำที่ซับซ้อน มีหลักฐานชัดเจน!

    🔎 เปิดโปงขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. DSI ส่งเอกสารลับถึง กกต. กลายเป็นคดีใหญ่สะเทือนวงการเมือง เมื่อมีเอกสารลับระดับ "ด่วนที่สุด" หลุดออกมาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ส่งถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเอกสารดังกล่าว ระบุถึงผลการพิจารณาสืบสวน ตามคำร้องที่เกี่ยวข้องกับกรณีฮั้วเลือก ส.ว.

    จากการสอบสวน DSI พบว่ามีมูลความผิดตามข้อกล่าวหาอั้งยี่ ซ่องโจร ฟอกเงิน โดยเป็นการกระทำเป็นขบวนการ วางแผนล่วงหน้า เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ อย่างไม่ชอบธรรม ซึ่งขัดต่อกฎหมายหลายฉบับ มีความซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับบุคคลจำนวนมาก

    📌 สาระสำคัญของเอกสารลับ ดีเอสไอขอให้ กกต. พิจารณาว่า จะรับดำเนินคดีเองในส่วนใดบ้าง และให้ตอบกลับภายในวันที่ 10 ก.พ. 2568

    แต่จนถึงปัจจุบัน กกต. ยังไม่มีการตอบกลับ

    🚨 เผยขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. อั้งยี่ระดับชาติ วางแผนล่วงหน้า จากผลสอบสวน DSI มีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะเชื่อได้ว่า ขบวนการอั้งยี่นี้มีอยู่จริง และมีการฟอกเงิน เพื่อสนับสนุนการดำเนินการ โดยพบว่า มีการจัดทำโพยฮั้วเลือก ส.ว. เป็นจำนวน 2 ชุด แต่ละชุดประกอบไปด้วย 7 คน

    📌 โพยฮั้วเลือก ส.ว. มีอะไรบ้าง?
    สมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับเลือก 138 คน มีรายชื่ออยู่ในโพย อีก 2 คน อยู่ในลำดับสำรอง ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการวางแผน เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติโดยมิชอบ

    📌 ความผิดที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย
    - พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2563 มาตรา 977 (3)
    - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 (ความผิดฐานอั้งยี่)
    - พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

    💰 เป้าหมายของขบวนการนี้
    ขบวนการนี้มีเป้าหมายชัดเจนคือ การแทรกแซงการเลือก ส.ว. เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง ส.ว. เริ่มต้น

    🔥 วิธีการดำเนินงาน ซับซ้อนแ ละเป็นองค์กรอาชญากรรม
    จากการสอบสวน DSI พบว่าขบวนการนี้ ดำเนินงานเป็นระบบ และมีการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน

    🕵️‍♂️ ลักษณะการดำเนินงานของขบวนการฮั้วเลือก ส.ว.
    ✅ มีโครงสร้างแบบองค์กรอาชญากรรม มีลำดับชั้น และการแบ่งหน้าที่อย่างเป็นระบบ
    ✅ ฝ่ายไอทีเตรียมโปรแกรมคำนวณคะแนน เพื่อกำหนดผลลัพธ์ของการลงคะแนน ให้เป็นไปตามแผน
    ✅ จัดทำโพยฮั้วเลือก ส.ว. เพื่อกำหนดรายชื่อ ผู้ที่จะได้รับเลือกตามแผน
    ✅ เตรียมบุคคลที่เรียกว่า "พลีชีพ" ทำหน้าที่ลงคะแนนให้ตรงตามโพย
    ✅ วางแผนซับซ้อนและอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
    ✅ เชื่อมโยงกับบุคคล ที่ยังไม่สามารถระบุตัวได้ทั้งหมด

    📌 สถานที่จัดทำโพยฮั้ว
    ดีเอสไอพบว่า ขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. จัดทำโพยใน 3 จังหวัดหลัก ได้แก่
    - พระนครศรีอยุธยา
    - ปทุมธานี
    - นครนายก

    💰 ค่าตอบแทน เงินหมุนเวียนในขบวนการฮั้วเลือก ส.ว.
    ดีเอสไอพบว่าขบวนการนี้ มีการ จ่ายค่าตอบแทน ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับต่างๆ

    📌 อัตราค่าตอบแทน:
    🏛️ ระดับอำเภอ 5,000 บาท
    🏛️ ระดับจังหวัด 10,000 บาท
    🏛️ ระดับประเทศ 40,000 - 100,000 บาท

    📌 โบนัสพิเศษ:
    💰 100,000 บาท หากสามารถทำให้ผู้สมัคร ได้รับเลือกเกิน 120 คน
    💰 มัดจำล่วงหน้า 20,000 บาท และจ่ายส่วนที่เหลือหลัง กกต. รับรองผล

    🔎 DSI พบหลักฐานเด็ด! ขบวนการฮั้วเลือก ส.ว.
    📌 หลักฐานสำคัญที่พบ
    ✔️ ผลการเลือก ส.ว. ตรงกับโพยฮั้ว 100%
    ✔️ สมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับเลือก 138 คน มีชื่ออยู่ในโพย
    ✔️ 2 คน อยู่ในลำดับสำรอง รวมทั้งหมด 140 คน ตรงตามโพย
    ✔️ พบ การแจกเสื้อสีเหลือง และการจัดรถตู้ไปรวมตัวที่เมืองทองธานี

    📢 DSI พร้อมเดินหน้าคดีพิเศษ
    📌 คดีฮั้วเลือก ส.ว. ครั้งนี้ถือเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ซับซ้อน มีขบวนการวางแผนที่ชัดเจน และมีบุคคลเกี่ยวข้องจำนวนมาก

    📌 ดีเอสไอได้ขอให้ กกต. ตอบกลับภายในวันที่ 10 ก.พ. 68 ว่าจะดำเนินการในส่วนใดบ้าง แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ได้รับคำตอบ

    ⚖️ ความคืบหน้าของคดีนี้จะเป็นอย่างไร? ใครอยู่เบื้องหลัง? และสุดท้ายจะมีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องหรือไม่? ติดตามต่อไป! 📌

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 252327 ก.พ. 2568

    #ฮั้วเลือกสว #DSI #อั้งยี่ #ซ่องโจร #ฟอกเงิน #เลือกตั้ง #การเมืองไทย #คดีพิเศษ #ข่าวด่วน #ข่าวใหญ่
    ดีเอสไอพบหลักฐานเด็ด! ขบวนการ “ฮั้วเลือก ส.ว.” 🚨 อั้งยี่-ซ่องโจร-ฟอกเงิน โพยลับทำที่อยุธยา-ปทุมธานี-นครนายก 📌 ดีเอสไอเปิดโปงขบวนการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พบหลักฐานโยงข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ฟอกเงิน จัดทำโพยลับที่อยุธยา ปทุมธานี นครนายก พร้อมแฉพฤติกรรมการกระทำที่ซับซ้อน มีหลักฐานชัดเจน! 🔎 เปิดโปงขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. DSI ส่งเอกสารลับถึง กกต. กลายเป็นคดีใหญ่สะเทือนวงการเมือง เมื่อมีเอกสารลับระดับ "ด่วนที่สุด" หลุดออกมาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ส่งถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเอกสารดังกล่าว ระบุถึงผลการพิจารณาสืบสวน ตามคำร้องที่เกี่ยวข้องกับกรณีฮั้วเลือก ส.ว. จากการสอบสวน DSI พบว่ามีมูลความผิดตามข้อกล่าวหาอั้งยี่ ซ่องโจร ฟอกเงิน โดยเป็นการกระทำเป็นขบวนการ วางแผนล่วงหน้า เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ อย่างไม่ชอบธรรม ซึ่งขัดต่อกฎหมายหลายฉบับ มีความซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับบุคคลจำนวนมาก 📌 สาระสำคัญของเอกสารลับ ดีเอสไอขอให้ กกต. พิจารณาว่า จะรับดำเนินคดีเองในส่วนใดบ้าง และให้ตอบกลับภายในวันที่ 10 ก.พ. 2568 แต่จนถึงปัจจุบัน กกต. ยังไม่มีการตอบกลับ 🚨 เผยขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. อั้งยี่ระดับชาติ วางแผนล่วงหน้า จากผลสอบสวน DSI มีพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะเชื่อได้ว่า ขบวนการอั้งยี่นี้มีอยู่จริง และมีการฟอกเงิน เพื่อสนับสนุนการดำเนินการ โดยพบว่า มีการจัดทำโพยฮั้วเลือก ส.ว. เป็นจำนวน 2 ชุด แต่ละชุดประกอบไปด้วย 7 คน 📌 โพยฮั้วเลือก ส.ว. มีอะไรบ้าง? สมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับเลือก 138 คน มีรายชื่ออยู่ในโพย อีก 2 คน อยู่ในลำดับสำรอง ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการวางแผน เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติโดยมิชอบ 📌 ความผิดที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย - พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2563 มาตรา 977 (3) - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 (ความผิดฐานอั้งยี่) - พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 💰 เป้าหมายของขบวนการนี้ ขบวนการนี้มีเป้าหมายชัดเจนคือ การแทรกแซงการเลือก ส.ว. เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง ส.ว. เริ่มต้น 🔥 วิธีการดำเนินงาน ซับซ้อนแ ละเป็นองค์กรอาชญากรรม จากการสอบสวน DSI พบว่าขบวนการนี้ ดำเนินงานเป็นระบบ และมีการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน 🕵️‍♂️ ลักษณะการดำเนินงานของขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. ✅ มีโครงสร้างแบบองค์กรอาชญากรรม มีลำดับชั้น และการแบ่งหน้าที่อย่างเป็นระบบ ✅ ฝ่ายไอทีเตรียมโปรแกรมคำนวณคะแนน เพื่อกำหนดผลลัพธ์ของการลงคะแนน ให้เป็นไปตามแผน ✅ จัดทำโพยฮั้วเลือก ส.ว. เพื่อกำหนดรายชื่อ ผู้ที่จะได้รับเลือกตามแผน ✅ เตรียมบุคคลที่เรียกว่า "พลีชีพ" ทำหน้าที่ลงคะแนนให้ตรงตามโพย ✅ วางแผนซับซ้อนและอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ✅ เชื่อมโยงกับบุคคล ที่ยังไม่สามารถระบุตัวได้ทั้งหมด 📌 สถานที่จัดทำโพยฮั้ว ดีเอสไอพบว่า ขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. จัดทำโพยใน 3 จังหวัดหลัก ได้แก่ - พระนครศรีอยุธยา - ปทุมธานี - นครนายก 💰 ค่าตอบแทน เงินหมุนเวียนในขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. ดีเอสไอพบว่าขบวนการนี้ มีการ จ่ายค่าตอบแทน ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับต่างๆ 📌 อัตราค่าตอบแทน: 🏛️ ระดับอำเภอ 5,000 บาท 🏛️ ระดับจังหวัด 10,000 บาท 🏛️ ระดับประเทศ 40,000 - 100,000 บาท 📌 โบนัสพิเศษ: 💰 100,000 บาท หากสามารถทำให้ผู้สมัคร ได้รับเลือกเกิน 120 คน 💰 มัดจำล่วงหน้า 20,000 บาท และจ่ายส่วนที่เหลือหลัง กกต. รับรองผล 🔎 DSI พบหลักฐานเด็ด! ขบวนการฮั้วเลือก ส.ว. 📌 หลักฐานสำคัญที่พบ ✔️ ผลการเลือก ส.ว. ตรงกับโพยฮั้ว 100% ✔️ สมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับเลือก 138 คน มีชื่ออยู่ในโพย ✔️ 2 คน อยู่ในลำดับสำรอง รวมทั้งหมด 140 คน ตรงตามโพย ✔️ พบ การแจกเสื้อสีเหลือง และการจัดรถตู้ไปรวมตัวที่เมืองทองธานี 📢 DSI พร้อมเดินหน้าคดีพิเศษ 📌 คดีฮั้วเลือก ส.ว. ครั้งนี้ถือเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ซับซ้อน มีขบวนการวางแผนที่ชัดเจน และมีบุคคลเกี่ยวข้องจำนวนมาก 📌 ดีเอสไอได้ขอให้ กกต. ตอบกลับภายในวันที่ 10 ก.พ. 68 ว่าจะดำเนินการในส่วนใดบ้าง แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่ได้รับคำตอบ ⚖️ ความคืบหน้าของคดีนี้จะเป็นอย่างไร? ใครอยู่เบื้องหลัง? และสุดท้ายจะมีการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องหรือไม่? ติดตามต่อไป! 📌 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 252327 ก.พ. 2568 #ฮั้วเลือกสว #DSI #อั้งยี่ #ซ่องโจร #ฟอกเงิน #เลือกตั้ง #การเมืองไทย #คดีพิเศษ #ข่าวด่วน #ข่าวใหญ่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 389 มุมมอง 0 รีวิว
  • บล.คิงส์ฟอร์ดถูกหวย "หมอบุญ" บทความโดยสุนันท์ ศรีจันทราคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เปิดโปงขบวนการหลอกลวงของ "นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี" ระบุชัดเจนว่า พวกโบรกเกอร์ที่อยู่ตามบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งต้องการเปอร์เซ็นต์จากค่านายหน้า โดยนำโครงการเลื่อนลอยฝันเฟื่องของหมอบุญไปขายประชาชน สมควรโดนหนักเพราะโบรกเกอร์พวกนี้ เปรียบเสมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่ชักชวนคนมาลงทุนแม้คุณสนธิจะไม่ได้พูดถึงชื่อโบรกเกอร์ใด แต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงในทันทีว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการกู้ยืมเงินและโครงการลงทุนทางการแพทย์ของหมอบุญรวมถึงไม่เคยทำสัญญาใด ๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการ โดย บริษัทได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งให้พนักงานของบริษัทยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฎเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายแพทย์บุญพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นรวมทั้งความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินในวันเดียวกัน ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาได้ 6คน ซึ่งนอกจากมีภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญแล้ว ยังมีนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร พนักงานบริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟๆอร์ดติดร่างแหไปด้วย และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามข้อมูลคณะผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 มีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เป็นกรรมการแบะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวุฒิพงษ์ วงศ์ภัทรกุล เป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม นางสาวชญานี โปขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโสขณะที่นางสาวอัจจิมา เป็นกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจบริหารความมั่นคง และนายภาคย์ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ถูกขบวนการสร้างราคาหุ้นบริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 25650 ซึ่ง บล.คิงส์ฟอร์ดได้รับคำสั่งซื้อหุ้น MORE จากแก๊งปั่นหุ้น จนถูกจับตาผลกระทบด้านฐานะการเงินในช่วงนั้นและบล.คิงส์ฟอร์ด ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการ UPTICK RULE รวมทั้งมาตรการคุมเข้มโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADING ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2567 ทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้น บล.คิงส์ฟอร์ดลดฮวบลงจากโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดติด 5 อันดับแรก ร่วงลงไปเป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงประมาณอันดับ 10มีสื่อหุ้นบางสำนัก ทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ บล.คิงส์ฟอร์ด ในรูปแบบผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากค่าโฆษณา โดยทำตัวเป็นกระบอกเสียง แก้ต่างแทนบล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีที่เรียกใช้บริการเช่นเดียวกับกรณีที่มีชื่อ บล.คิงส์ฟอร์ด ไปเกี่ยวพันกับหมอบุญ และพนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุมคดีฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญ ซึ่งสื่อหุ้นบางสำนักทำหน้าที่กระบอกเสียงของ บล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ก่อนที่คุณสนธิจะนำหลักฐานออกมาเปิดโปง ทนายตั้มปฏิเสธเหยง ๆ มาตลอดว่า ไม่ได้ฉ้อโกงเงิน แต่สุดท้ายถูกหลักฐานมัดตัว จนทนายประชาชนถูกกระชากหน้ากาก และนำไปสู่ผู้เกี่ยวข้องร่วมฉ้อโกงอีกหลายคนคดี 2 พนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุม แม้บริษัท ฯ จะปฏิเสธความเกี่ยวพันใด ๆ ในพฤติกรรมของพนักงาน และธุรกรรมหรือโครงการลงทุนของหมอบุญ แต่ข้อเท็จจริงยังต้องรอการพิสูจน์การสอบสวนขยายผลจาก 2 พนักงาน บล.คิงส์ฟอร์ด ที่ถูกจับกุม จะเป็นบทพิสูจน์ว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่รู้ไม่เห็นกับการกู้ยืมเงินหรือหลอกลวงให้คนมาร่วมลงทุนในโครงการของหมอบุญจริงหรือไม่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์ จะต้องทำหน้าที่ควบคู่กับตำรวจต้องตรวจสอบและสอบสวนว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับคดีหมอบุญที่หลอกลวงประชาชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจริงหรือไม่วันนี้ ยังไม่อาจปฏิเสธหรือยืนยันได้ว่า บล.คิงส์ฟอร์ดเกี่ยวพันกับ 2 พนักงานระดับบริหารที่ถูกจับกุมฐานร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญหรือไม่จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฏว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับโครงการหลอกลวงของหมอบุญจริง
    บล.คิงส์ฟอร์ดถูกหวย "หมอบุญ" บทความโดยสุนันท์ ศรีจันทราคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เปิดโปงขบวนการหลอกลวงของ "นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี" ระบุชัดเจนว่า พวกโบรกเกอร์ที่อยู่ตามบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งต้องการเปอร์เซ็นต์จากค่านายหน้า โดยนำโครงการเลื่อนลอยฝันเฟื่องของหมอบุญไปขายประชาชน สมควรโดนหนักเพราะโบรกเกอร์พวกนี้ เปรียบเสมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่ชักชวนคนมาลงทุนแม้คุณสนธิจะไม่ได้พูดถึงชื่อโบรกเกอร์ใด แต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงในทันทีว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการกู้ยืมเงินและโครงการลงทุนทางการแพทย์ของหมอบุญรวมถึงไม่เคยทำสัญญาใด ๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการ โดย บริษัทได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งให้พนักงานของบริษัทยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฎเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายแพทย์บุญพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นรวมทั้งความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินในวันเดียวกัน ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาได้ 6คน ซึ่งนอกจากมีภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญแล้ว ยังมีนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร พนักงานบริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟๆอร์ดติดร่างแหไปด้วย และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามข้อมูลคณะผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 มีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เป็นกรรมการแบะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวุฒิพงษ์ วงศ์ภัทรกุล เป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม นางสาวชญานี โปขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโสขณะที่นางสาวอัจจิมา เป็นกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจบริหารความมั่นคง และนายภาคย์ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ถูกขบวนการสร้างราคาหุ้นบริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 25650 ซึ่ง บล.คิงส์ฟอร์ดได้รับคำสั่งซื้อหุ้น MORE จากแก๊งปั่นหุ้น จนถูกจับตาผลกระทบด้านฐานะการเงินในช่วงนั้นและบล.คิงส์ฟอร์ด ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการ UPTICK RULE รวมทั้งมาตรการคุมเข้มโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADING ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2567 ทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้น บล.คิงส์ฟอร์ดลดฮวบลงจากโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดติด 5 อันดับแรก ร่วงลงไปเป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงประมาณอันดับ 10มีสื่อหุ้นบางสำนัก ทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ บล.คิงส์ฟอร์ด ในรูปแบบผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากค่าโฆษณา โดยทำตัวเป็นกระบอกเสียง แก้ต่างแทนบล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีที่เรียกใช้บริการเช่นเดียวกับกรณีที่มีชื่อ บล.คิงส์ฟอร์ด ไปเกี่ยวพันกับหมอบุญ และพนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุมคดีฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญ ซึ่งสื่อหุ้นบางสำนักทำหน้าที่กระบอกเสียงของ บล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ก่อนที่คุณสนธิจะนำหลักฐานออกมาเปิดโปง ทนายตั้มปฏิเสธเหยง ๆ มาตลอดว่า ไม่ได้ฉ้อโกงเงิน แต่สุดท้ายถูกหลักฐานมัดตัว จนทนายประชาชนถูกกระชากหน้ากาก และนำไปสู่ผู้เกี่ยวข้องร่วมฉ้อโกงอีกหลายคนคดี 2 พนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุม แม้บริษัท ฯ จะปฏิเสธความเกี่ยวพันใด ๆ ในพฤติกรรมของพนักงาน และธุรกรรมหรือโครงการลงทุนของหมอบุญ แต่ข้อเท็จจริงยังต้องรอการพิสูจน์การสอบสวนขยายผลจาก 2 พนักงาน บล.คิงส์ฟอร์ด ที่ถูกจับกุม จะเป็นบทพิสูจน์ว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่รู้ไม่เห็นกับการกู้ยืมเงินหรือหลอกลวงให้คนมาร่วมลงทุนในโครงการของหมอบุญจริงหรือไม่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์ จะต้องทำหน้าที่ควบคู่กับตำรวจต้องตรวจสอบและสอบสวนว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับคดีหมอบุญที่หลอกลวงประชาชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจริงหรือไม่วันนี้ ยังไม่อาจปฏิเสธหรือยืนยันได้ว่า บล.คิงส์ฟอร์ดเกี่ยวพันกับ 2 พนักงานระดับบริหารที่ถูกจับกุมฐานร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญหรือไม่จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฏว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับโครงการหลอกลวงของหมอบุญจริง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1002 มุมมอง 0 รีวิว