• คลิปแม่ทัพกุ้งอำลาตำแหน่ง แต่จะอยู่ในหัวใจคนไทย (2/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #แม่ทัพกุ้ง
    #อำลาตำแหน่ง
    #กองทัพไทย
    #หัวใจคนไทย
    คลิปแม่ทัพกุ้งอำลาตำแหน่ง แต่จะอยู่ในหัวใจคนไทย (2/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #แม่ทัพกุ้ง #อำลาตำแหน่ง #กองทัพไทย #หัวใจคนไทย
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 0 Reviews
  • ผบ.ทอ.คนใหม่พูดแบบนี้ เอาหัวใจคนไทยไปได้เลย (2/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ผบทอ
    #กองทัพอากาศ
    #กองทัพไทย
    ผบ.ทอ.คนใหม่พูดแบบนี้ เอาหัวใจคนไทยไปได้เลย (2/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ผบทอ #กองทัพอากาศ #กองทัพไทย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 0 Reviews
  • จริงๆก็ไม่อยากให้ค่าอะไรแล้ว,ไร้ค่าไร้ราคาด้วย,ฝ่ายศาลฝ่ายกฎหมายเราเล่นงานรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้จริงๆแน่ๆ ลากยาวจากพฤษภาก็เห็นชัดแล้ว,เพจต่างๆฟันธงตัดสินจบ30-31สิ้นเดือนพฤษภาตามกูรูคุย,มีพลิกจนลากมาถึงปัจจุบัน ถึงก.ย.ด้วย,อีลิทมีทุกๆวงการ,deep stateมีทุกๆวงการที่เป็นคนของมันหรือคนของต่างชาติล็อบบี้ได้,กลไกทั้งหมดเราพึ่งพาไม่ได้แล้วจริงๆ,มีแค่ทหารพระราชาเท่านั้น เพราะพวกอนุรักษ์นิยมอำมาตย์นิยมเจ้าสัวนิยมทุนนิยมมันคือเดอะแก๊งพวกเดี๋ยวกันจนฝังรากทั้งระบบหมดแล้ว,เช่นนั้นจะตัดตอนปัญหาทันทีนานแล้ว เด็บ7-8ขวบยังดูออกเลย ทิ้งพวกนี้ไว้จะสามารถก่อโกลาหลวุ่นวายในบ้านในเมืองไทยไม่ให้สงบได้ไม่น้อย,จะให้ประเทศสงบไม่ได้ cia ต้องเป็นมือที่สามก่อความวุ่นวายวางแผนการใส่ไทยไว้ตลอดเวลานะ,ทหารพระราชากำลังจะชนะเด็ดขาดสงครามเขมรเปิดก่อนในการรุกรานไทยก่อน,กลัวไทยควบคุมความสงบสุขเด็ดขาดได้ก็ไม่สามารถยอมได้จึงเร่งรีบหักดิบสั่งไทยกับเขมรเจรจากันก่อนเพื่อช่วยเขมร,เขมรจึงสามารถกลับมาสร้างความโกลาหลวุ่นวายได้ต่อเนื่องต่อไปได้อีก,เพราะรัฐบาลไทย รัฐบาลเขมรพวกนี้สั่งได้หมดก็ขี้ข้ารับใช้มันทั้งนั้นรวมถึงมาเลย์ด้วย,สรุปพวกเดียวกันหมด จึงมีสอดไส้ให้ไทยต้องรับคนเขมรมารักษาที่โรงพยาบาลไทยจนได้ ถ้ารัฐบาลไทยซื่อสัตย์ต่อหัวจิตหัวใจคิดถึงจิตใจคนไทยเป็นสำคัญ ไม่เหยียบหัวใจคนไทย แคร์อธิปไตยไทยตนจริงจะไม่ตกลงกับเขมรแม้สอดไส้แม้นิดเดียวก็ไม่ได้โน้น,รัฐบาลนี้จึงต้องสิ้นอำนาจทันที สส.พรรคหลักพรรคร่วมทุกๆคนอาจโทษประหารชีวิตด้วย ตลอดกรรมการพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดที่ร่วมกอดmou1:200,000ไว้ ไม่ใช้แบบทหารไทยยึดมาโดยตลอดเหมือนลาวเวียดนามทำเหมือนกันที่1:50,000 มีเจตนาร่วมกันกระทำการให้ประเทศไทยสูญเสียดินแดนอธิปไตยความมั่นคงของชาติไทยนั้นเอง,ถ้าลงดาบเชือดจริงๆพวกนี้ไม่รอดสักคน เห็นชัดเป็นประจักษ์จริงขนาดนั้น.
    https://youtube.com/shorts/QMkFX-HVe5A?si=GewhoQ6HA9OqMm94
    จริงๆก็ไม่อยากให้ค่าอะไรแล้ว,ไร้ค่าไร้ราคาด้วย,ฝ่ายศาลฝ่ายกฎหมายเราเล่นงานรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้จริงๆแน่ๆ ลากยาวจากพฤษภาก็เห็นชัดแล้ว,เพจต่างๆฟันธงตัดสินจบ30-31สิ้นเดือนพฤษภาตามกูรูคุย,มีพลิกจนลากมาถึงปัจจุบัน ถึงก.ย.ด้วย,อีลิทมีทุกๆวงการ,deep stateมีทุกๆวงการที่เป็นคนของมันหรือคนของต่างชาติล็อบบี้ได้,กลไกทั้งหมดเราพึ่งพาไม่ได้แล้วจริงๆ,มีแค่ทหารพระราชาเท่านั้น เพราะพวกอนุรักษ์นิยมอำมาตย์นิยมเจ้าสัวนิยมทุนนิยมมันคือเดอะแก๊งพวกเดี๋ยวกันจนฝังรากทั้งระบบหมดแล้ว,เช่นนั้นจะตัดตอนปัญหาทันทีนานแล้ว เด็บ7-8ขวบยังดูออกเลย ทิ้งพวกนี้ไว้จะสามารถก่อโกลาหลวุ่นวายในบ้านในเมืองไทยไม่ให้สงบได้ไม่น้อย,จะให้ประเทศสงบไม่ได้ cia ต้องเป็นมือที่สามก่อความวุ่นวายวางแผนการใส่ไทยไว้ตลอดเวลานะ,ทหารพระราชากำลังจะชนะเด็ดขาดสงครามเขมรเปิดก่อนในการรุกรานไทยก่อน,กลัวไทยควบคุมความสงบสุขเด็ดขาดได้ก็ไม่สามารถยอมได้จึงเร่งรีบหักดิบสั่งไทยกับเขมรเจรจากันก่อนเพื่อช่วยเขมร,เขมรจึงสามารถกลับมาสร้างความโกลาหลวุ่นวายได้ต่อเนื่องต่อไปได้อีก,เพราะรัฐบาลไทย รัฐบาลเขมรพวกนี้สั่งได้หมดก็ขี้ข้ารับใช้มันทั้งนั้นรวมถึงมาเลย์ด้วย,สรุปพวกเดียวกันหมด จึงมีสอดไส้ให้ไทยต้องรับคนเขมรมารักษาที่โรงพยาบาลไทยจนได้ ถ้ารัฐบาลไทยซื่อสัตย์ต่อหัวจิตหัวใจคิดถึงจิตใจคนไทยเป็นสำคัญ ไม่เหยียบหัวใจคนไทย แคร์อธิปไตยไทยตนจริงจะไม่ตกลงกับเขมรแม้สอดไส้แม้นิดเดียวก็ไม่ได้โน้น,รัฐบาลนี้จึงต้องสิ้นอำนาจทันที สส.พรรคหลักพรรคร่วมทุกๆคนอาจโทษประหารชีวิตด้วย ตลอดกรรมการพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดที่ร่วมกอดmou1:200,000ไว้ ไม่ใช้แบบทหารไทยยึดมาโดยตลอดเหมือนลาวเวียดนามทำเหมือนกันที่1:50,000 มีเจตนาร่วมกันกระทำการให้ประเทศไทยสูญเสียดินแดนอธิปไตยความมั่นคงของชาติไทยนั้นเอง,ถ้าลงดาบเชือดจริงๆพวกนี้ไม่รอดสักคน เห็นชัดเป็นประจักษ์จริงขนาดนั้น. https://youtube.com/shorts/QMkFX-HVe5A?si=GewhoQ6HA9OqMm94
    0 Comments 0 Shares 280 Views 0 Reviews
  • อาเซียนการละคร หยุดยิงหลังเที่ยงคืน

    เคยมีคำกล่าวว่า ปลายทางของสงครามมักจะจบลงที่การเจรจา เฉกเช่นการประชุมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาค เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนเป็นคนกลาง เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ได้ข้อสรุปว่าไทยและกัมพูชาจะหยุดยิงหลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ก.ค.

    จากนั้นจะหารือระหว่างกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 ของไทย กับภูมิภาคทหารที่ 4 และภูมิภาคทหารที่ 5 ของกัมพูชา ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 07.00 น. ต่อด้วยประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ในวันที่ 4 ส.ค.โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ อีกทั้งจะมีการเชิญผู้ช่วยทูตทหารของอาเซียนมารับฟังการหารือของทั้งสองฝ่ายด้วย ท่ามกลางสักขีพยานทั้งจากตัวแทนของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลจีน

    อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงไม่น่าไว้วางใจ เพราะยังตรวจพบทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิดในพื้นที่แนวหน้า มีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาหลายหน่วย มีการคุกคามทางไซเบอร์ และมีแนวโน้มใช้อาวุธทางลึกอย่างขีปนาวุธ PHL03 ขณะที่สังคมไทยยังคาใจกับการกระทำของกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ความสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์และทหารจะถูกลืมหรือไม่ นอกจากต้องเจ็บปวดกับการเจรจาแทบจะไม่คิดถึงหัวใจคนไทยแล้ว ไทยจะเสียดินแดนโดยพฤตินัยให้กับกัมพูชาเพราะถูกยึดพื้นที่บางส่วนหรือไม่

    หรือท้ายที่สุดอาจเป็นเพียงละครฉากหนึ่งของการเมืองโลก ที่ต่างฝ่ายสมประโยชน์ซึ่งกันและกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ยื่นคำขาดว่าถ้าสองฝ่ายไม่หยุดยิงจะไม่เจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะใช้เป็นผลงานชูเรื่องสันติภาพ เช่นเดียวกับนายกฯ อันวาร์ของมาเลเซีย จะสร้างผลงานเป็นพระเอกในฐานะประธานอาเซียน ซึ่งมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษา ส่วนนายกฯ ฮุน มาเนต ของกัมพูชาก็ได้คะแนนนิยมจากการปลุกกระแสชาตินิยม ทิ้งบาดแผลความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยกับกัมพูชาไม่มีวันเหมือนเดิม

    ทหารกัมพูชาใช้อาวุธหนักอย่าง BM-21 โจมตีพลเรือนในไทยอย่างไม่เลือกหน้า ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ก่อนปะทะกันของทหารทั้งสองฝ่าย ตลอดแนวชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.ค. ประชาชนเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 38 ราย (สาหัส 11 ราย) โรงพยาบาลเสียหาย 19 แห่ง ชาวบ้านต้องอพยพกว่า 150,000 คน บ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ส่วนทหารเสียชีวิตนับสิบราย

    #Newskit
    อาเซียนการละคร หยุดยิงหลังเที่ยงคืน เคยมีคำกล่าวว่า ปลายทางของสงครามมักจะจบลงที่การเจรจา เฉกเช่นการประชุมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาค เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนเป็นคนกลาง เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ได้ข้อสรุปว่าไทยและกัมพูชาจะหยุดยิงหลังเที่ยงคืนวันที่ 29 ก.ค. จากนั้นจะหารือระหว่างกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 ของไทย กับภูมิภาคทหารที่ 4 และภูมิภาคทหารที่ 5 ของกัมพูชา ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 07.00 น. ต่อด้วยประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ในวันที่ 4 ส.ค.โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ อีกทั้งจะมีการเชิญผู้ช่วยทูตทหารของอาเซียนมารับฟังการหารือของทั้งสองฝ่ายด้วย ท่ามกลางสักขีพยานทั้งจากตัวแทนของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลจีน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงไม่น่าไว้วางใจ เพราะยังตรวจพบทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิดในพื้นที่แนวหน้า มีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาหลายหน่วย มีการคุกคามทางไซเบอร์ และมีแนวโน้มใช้อาวุธทางลึกอย่างขีปนาวุธ PHL03 ขณะที่สังคมไทยยังคาใจกับการกระทำของกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ความสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์และทหารจะถูกลืมหรือไม่ นอกจากต้องเจ็บปวดกับการเจรจาแทบจะไม่คิดถึงหัวใจคนไทยแล้ว ไทยจะเสียดินแดนโดยพฤตินัยให้กับกัมพูชาเพราะถูกยึดพื้นที่บางส่วนหรือไม่ หรือท้ายที่สุดอาจเป็นเพียงละครฉากหนึ่งของการเมืองโลก ที่ต่างฝ่ายสมประโยชน์ซึ่งกันและกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ยื่นคำขาดว่าถ้าสองฝ่ายไม่หยุดยิงจะไม่เจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะใช้เป็นผลงานชูเรื่องสันติภาพ เช่นเดียวกับนายกฯ อันวาร์ของมาเลเซีย จะสร้างผลงานเป็นพระเอกในฐานะประธานอาเซียน ซึ่งมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษา ส่วนนายกฯ ฮุน มาเนต ของกัมพูชาก็ได้คะแนนนิยมจากการปลุกกระแสชาตินิยม ทิ้งบาดแผลความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยกับกัมพูชาไม่มีวันเหมือนเดิม ทหารกัมพูชาใช้อาวุธหนักอย่าง BM-21 โจมตีพลเรือนในไทยอย่างไม่เลือกหน้า ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ก่อนปะทะกันของทหารทั้งสองฝ่าย ตลอดแนวชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.ค. ประชาชนเสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 38 ราย (สาหัส 11 ราย) โรงพยาบาลเสียหาย 19 แห่ง ชาวบ้านต้องอพยพกว่า 150,000 คน บ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ส่วนทหารเสียชีวิตนับสิบราย #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 660 Views 0 Reviews
  • 56 ปี สิ้น “อิศรา อมันตกุล” นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก
    ตำนานนักหนังสือพิมพ์ผู้กล้า สู่ต้นแบบนักสื่อสารมวลชนไทย

    รัฐจับขัง 5 ปี ไม่มีสั่งฟ้อง! แต่หัวใจนักข่าวไม่เคยสิ้นไฟ

    ถ้าพูดถึงตำนานนักข่าวไทย ชื่อ “อิศรา อมันตกุล” คงเป็นหนึ่งในบุคคล ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด เพราะคือผู้ที่ไม่เพียงแต่เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก แต่ยังเป็นนักข่าว นักเขียน และนักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตัวจริงเสียงจริง วั

    ย้อนไปในอดีตเมื่อ 56 ปี ที่ผ่านมา เพื่อรำลึกถึงชายผู้พลิกโฉม วงการสื่อสารมวลชนไทย อย่างแท้จริง "อาจไม่ใช่คนดังในโลกออนไลน์ แต่ในยุคที่ปากกาคืออาวุธ อิศราคือหนึ่งในนักรบผู้ยิ่งใหญ่"

    “อิศรา อมันตกุล” นักหนังสือพิมพ์ที่ชีวิตจริงยิ่งกว่านวนิยาย
    🗓 เกิดวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2464
    เชื้อสายมุสลิมอินเดีย จากครอบครัวมูฮัมหมัดซาเลย์ อะมัน และวัน อมรทัต
    จบชั้นประถมจากโรงเรียนบำรุงวิทยา จ.นครปฐม และชั้นมัธยมจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ปี 2479 คะแนนภาษาอังกฤษอันดับ 1 ของประเทศ

    ชีวิตอิศราไม่ใช่เส้นตรง เริ่มจากครูสอนหนังสือในนครศรีธรรมราช ก่อนที่โชคชะตาจะพากลับสู่เส้นทางของ “นักข่าว”

    นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก บทบาทที่สร้างมาตรฐานวิชาชีพสื่อไทย ในปี พ.ศ. 2499 อิศราได้รับเลือกให้เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก และดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง 3 สมัย (2499 - 2501)

    ผลงานสำคัญ เปลี่ยนรูปแบบการจัดหน้าหนังสือพิมพ์จาก 7 คอลัมน์เป็น 8 คอลัมน์ วางรากฐานจรรยาบรรณนักข่าวไทย ปกป้องสิทธิเสรีภาพสื่อ แม้ต้องแลกด้วยอิสรภาพของตัวเองก็ตาม "อิศราเชื่อว่า หนังสือพิมพ์คือบันทึกประวัติศาสตร์รายวัน"

    เสรีภาพกับราคาที่ต้องจ่าย เมื่อ “อิศรา” ต้องติดคุกเกือบ 6 ปี โดยไม่มีการฟ้องร้อง!
    วันที่ 21 ตุลาคม 2501 หลังรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ อิศราในฐานะบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ บางกอกเดลิเมล์ ถูกจับกุมข้อหาคอมมิวนิสต์
    ไม่มีการสอบสวน ไม่มีการส่งฟ้อง
    ถูกขัง 5 ปี 10 เดือน

    แม้จะอยู่ในเรือนจำ แต่อิศรายังคงเขียนงานอย่างต่อเนื่อง ใช้นามปากกามากกว่า 10 ชื่อ เช่น
    นายอิสระ
    มะงุมมะงาหรา
    ธนุธร
    ดร.x XYZ

    🗨 "เอ็งติดตะรางเพราะทำงานหนังสือพิมพ์ มันยังโก้กว่าติดตะรางเพราะเป็นหัวไม้" เสียงแม่ที่ยังอยู่ในใจอิศราเสมอ

    ผลงานเด่นในวงการหนังสือพิมพ์ ครอบคลุมทุกแขนงข่าว จนกลายเป็นต้นแบบนักข่าว
    หนังสือพิมพ์ที่อิศราเคยร่วมงาน สุภาพบุรุษ, สุวัณณภูมิ, บางกอกรายวัน, พิมพ์ไทยเบื้องหลังข่าว, เอกราช, เดลินิวส์

    อิศราคือผู้ควบคุมการผลิตข่าว สารคดีเชิงข่าว เรื่องแรกของไทย คดีปล้นร้านทองเบ๊ลี่แซ นำไปสร้างเป็นละครเวที และภาพยนตร์ในเวลาต่อมา

    เทคนิคข่าวของอิศรา เน้นความถูกต้อง เที่ยงธรรม และตรวจสอบได้ "ข่าวไม่ใช่การสร้างสีสัน แต่คือการสะท้อนความจริงของสังคม"

    จุดยืนเพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรี ไม่เคยยอมอำนาจรัฐ ไม่รับสินบน ไม่หวั่นคำขู่ อิศราเป็นนักข่าว ที่ไม่ยอมให้นายทุน หรืออำนาจรัฐแทรกแซงสื่อ
    ตรวจสอบทุกแหล่งข่าว
    ไม่ประณามผู้ต้องหาโดยไม่มีหลักฐาน
    ✍ ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคล

    อิศราเคยกล่าวว่า "หนังสือพิมพ์อาจดูเหมือนกระดาษไร้ค่า แต่ในวันหน้า มันคือหลักฐานทางประวัติศาสตร์"

    นักเขียนนวนิยายที่ตีแผ่สังคมไทย ผลงานที่ฝังลึกในหัวใจคนไทย
    นวนิยาย นักบุญ-คนบาป (2486)
    เรื่องสั้น-นวนิยายกว่า 100 เรื่อง
    🖋 ภาษาเขียนที่สวิงสวาย แตกต่างจากนักเขียนร่วมยุค

    "...ชีพจรของงานเต้นเร็วถี่ขึ้นเป็นลำดับ..."
    "...เสียงซ่าของคลื่นที่ยื่นปากจูบชายหาย..."

    จอมพลสฤษดิ์ กับการปิดปากนักข่าว คุกคือคำตอบของรัฐต่อ “ปากกา” ของอิศรา
    ตุลาคม 2501 รัฐประหาร -> จับนักข่าว นักการเมือง นักวิชาการ รวมถึง กุหลาบ สายประดิษฐ์, สุวัฒน์ วรดิลก และอิศรา อมันตกุล ไม่มีการพิสูจน์ ไม่มีหลักฐาน แต่ถูกขังโดยไม่ไต่สวน

    "นักหนังสือพิมพ์ถูกจับเ พราะเขียนข่าวที่รัฐไม่พอใจ"

    แม้ไร้อิสรภาพ แต่หัวใจยังคงเสรี เขียนหนังสือแม้ในเรือนจำ ใช้หลายนามปากกาเขียนคอลัมน์ และเรื่องสั้น

    แสดงความกล้าหาญในการพูดถึงสังคม
    ปกป้องเสรีภาพผ่านตัวหนังสือ

    "การติดคุกเพราะทำหนังสือพิมพ์ ยังโก้กว่าเป็นหัวไม้!" แม่ของอิศรา

    วาระสุดท้ายที่ไม่สิ้นไฟ ปากกาวาง...แต่คำยังสะท้อนก้อง

    🕯 เสียชีวิต 14 มีนาคม 2512 ด้วยโรคมะเร็งลิ้น อายุ 47 ปี "ผมไม่เสียใจเลย ที่เกิดมาเป็นหนังสือพิมพ์"
    แม้เจ็บป่วยแ ต่ยังเขียนข้อความสั้นๆ ฝากถึงเพื่อนร่วมวิชาชีพ

    ✒ ปณิธานนักข่าวไม่เคยจางหาย สารจากอิศรา ถึงคนข่าวรุ่นใหม่ "ข้าพเจ้าเป็นคนสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมั่นหมายจะเขียน เฉพาะเรื่องราวของประชาชน เพื่อถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ความดิ้นรน และความหวังจากประชาชนไปสู่ประชาชน เพราะประชาชนเท่านั้นที่เป็นผู้กำลังต่อสู้ และกำลังทำงานเพื่อสร้างเสรีภาพอันถูกต้อง และศตวรรษแห่งสามัญชน"

    สรุปบทเรียนจากชีวิต “อิศรา อมันตกุล”
    นักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์
    เสรีภาพไม่ใช่ของขวัญจากรัฐ แต่คือสิทธิที่ต้องรักษา
    จรรยาบรรณต้องมาก่อนผลประโยชน์
    ปากกาคืออาวุธ แต่ใจต้องเป็นธรรม

    คำคมจากอิศรา 🖋 "หนังสือพิมพ์คือเอกสารทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง และนักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์วันต่อวัน"

    “เพราะหนังสือพิมพ์ในวันนี้ คือประวัติศาสตร์ของวันหน้า”

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 141021 มี.ค. 2568

    #อิศราอมันตกุล #นักข่าวต้นแบบ #เสรีภาพสื่อไทย #สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย #นักหนังสือพิมพ์ในตำนาน #ประวัติศาสตร์ข่าวไทย #ชีวิตอิศรา #นักข่าวสายตรง #นักเขียนเพื่อประชาชน #สื่อเสรีไทย
    56 ปี สิ้น “อิศรา อมันตกุล” นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก ตำนานนักหนังสือพิมพ์ผู้กล้า ✊ สู่ต้นแบบนักสื่อสารมวลชนไทย รัฐจับขัง 5 ปี ไม่มีสั่งฟ้อง! แต่หัวใจนักข่าวไม่เคยสิ้นไฟ 📌 ถ้าพูดถึงตำนานนักข่าวไทย ชื่อ “อิศรา อมันตกุล” คงเป็นหนึ่งในบุคคล ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด เพราะคือผู้ที่ไม่เพียงแต่เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก แต่ยังเป็นนักข่าว นักเขียน และนักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตัวจริงเสียงจริง วั 💥 ย้อนไปในอดีตเมื่อ 56 ปี ที่ผ่านมา เพื่อรำลึกถึงชายผู้พลิกโฉม วงการสื่อสารมวลชนไทย อย่างแท้จริง "อาจไม่ใช่คนดังในโลกออนไลน์ แต่ในยุคที่ปากกาคืออาวุธ อิศราคือหนึ่งในนักรบผู้ยิ่งใหญ่" “อิศรา อมันตกุล” นักหนังสือพิมพ์ที่ชีวิตจริงยิ่งกว่านวนิยาย 🗓 เกิดวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2464 🏠 เชื้อสายมุสลิมอินเดีย จากครอบครัวมูฮัมหมัดซาเลย์ อะมัน และวัน อมรทัต 🎓 จบชั้นประถมจากโรงเรียนบำรุงวิทยา จ.นครปฐม และชั้นมัธยมจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ปี 2479 คะแนนภาษาอังกฤษอันดับ 1 ของประเทศ ชีวิตอิศราไม่ใช่เส้นตรง เริ่มจากครูสอนหนังสือในนครศรีธรรมราช ก่อนที่โชคชะตาจะพากลับสู่เส้นทางของ “นักข่าว” นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก บทบาทที่สร้างมาตรฐานวิชาชีพสื่อไทย ในปี พ.ศ. 2499 อิศราได้รับเลือกให้เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก และดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง 3 สมัย (2499 - 2501) 💡 ผลงานสำคัญ เปลี่ยนรูปแบบการจัดหน้าหนังสือพิมพ์จาก 7 คอลัมน์เป็น 8 คอลัมน์ วางรากฐานจรรยาบรรณนักข่าวไทย 🌱 ปกป้องสิทธิเสรีภาพสื่อ แม้ต้องแลกด้วยอิสรภาพของตัวเองก็ตาม "อิศราเชื่อว่า หนังสือพิมพ์คือบันทึกประวัติศาสตร์รายวัน" เสรีภาพกับราคาที่ต้องจ่าย เมื่อ “อิศรา” ต้องติดคุกเกือบ 6 ปี โดยไม่มีการฟ้องร้อง! 📆 วันที่ 21 ตุลาคม 2501 หลังรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ อิศราในฐานะบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ บางกอกเดลิเมล์ ถูกจับกุมข้อหาคอมมิวนิสต์ 🚫 ไม่มีการสอบสวน ไม่มีการส่งฟ้อง ⏳ ถูกขัง 5 ปี 10 เดือน แม้จะอยู่ในเรือนจำ แต่อิศรายังคงเขียนงานอย่างต่อเนื่อง ใช้นามปากกามากกว่า 10 ชื่อ เช่น ✨ นายอิสระ ✨ มะงุมมะงาหรา ✨ ธนุธร ✨ ดร.x XYZ 🗨 "เอ็งติดตะรางเพราะทำงานหนังสือพิมพ์ มันยังโก้กว่าติดตะรางเพราะเป็นหัวไม้" เสียงแม่ที่ยังอยู่ในใจอิศราเสมอ ผลงานเด่นในวงการหนังสือพิมพ์ ครอบคลุมทุกแขนงข่าว จนกลายเป็นต้นแบบนักข่าว 📰 หนังสือพิมพ์ที่อิศราเคยร่วมงาน สุภาพบุรุษ, สุวัณณภูมิ, บางกอกรายวัน, พิมพ์ไทยเบื้องหลังข่าว, เอกราช, เดลินิวส์ 📍 อิศราคือผู้ควบคุมการผลิตข่าว สารคดีเชิงข่าว เรื่องแรกของไทย คดีปล้นร้านทองเบ๊ลี่แซ นำไปสร้างเป็นละครเวที และภาพยนตร์ในเวลาต่อมา 🎯 เทคนิคข่าวของอิศรา เน้นความถูกต้อง เที่ยงธรรม และตรวจสอบได้ "ข่าวไม่ใช่การสร้างสีสัน แต่คือการสะท้อนความจริงของสังคม" จุดยืนเพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรี ไม่เคยยอมอำนาจรัฐ ไม่รับสินบน ไม่หวั่นคำขู่ อิศราเป็นนักข่าว ที่ไม่ยอมให้นายทุน หรืออำนาจรัฐแทรกแซงสื่อ 💼 ตรวจสอบทุกแหล่งข่าว 🛑 ไม่ประณามผู้ต้องหาโดยไม่มีหลักฐาน ✍ ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคล อิศราเคยกล่าวว่า "หนังสือพิมพ์อาจดูเหมือนกระดาษไร้ค่า แต่ในวันหน้า มันคือหลักฐานทางประวัติศาสตร์" นักเขียนนวนิยายที่ตีแผ่สังคมไทย ผลงานที่ฝังลึกในหัวใจคนไทย 📚 นวนิยาย นักบุญ-คนบาป (2486) 🎭 เรื่องสั้น-นวนิยายกว่า 100 เรื่อง 🖋 ภาษาเขียนที่สวิงสวาย แตกต่างจากนักเขียนร่วมยุค "...ชีพจรของงานเต้นเร็วถี่ขึ้นเป็นลำดับ..." "...เสียงซ่าของคลื่นที่ยื่นปากจูบชายหาย..." จอมพลสฤษดิ์ กับการปิดปากนักข่าว คุกคือคำตอบของรัฐต่อ “ปากกา” ของอิศรา 📅 ตุลาคม 2501 รัฐประหาร -> จับนักข่าว นักการเมือง นักวิชาการ 📌 รวมถึง กุหลาบ สายประดิษฐ์, สุวัฒน์ วรดิลก และอิศรา อมันตกุล ไม่มีการพิสูจน์ ไม่มีหลักฐาน แต่ถูกขังโดยไม่ไต่สวน "นักหนังสือพิมพ์ถูกจับเ พราะเขียนข่าวที่รัฐไม่พอใจ" แม้ไร้อิสรภาพ แต่หัวใจยังคงเสรี เขียนหนังสือแม้ในเรือนจำ ใช้หลายนามปากกาเขียนคอลัมน์ และเรื่องสั้น 📜 แสดงความกล้าหาญในการพูดถึงสังคม 📢 ปกป้องเสรีภาพผ่านตัวหนังสือ "การติดคุกเพราะทำหนังสือพิมพ์ ยังโก้กว่าเป็นหัวไม้!" แม่ของอิศรา วาระสุดท้ายที่ไม่สิ้นไฟ ปากกาวาง...แต่คำยังสะท้อนก้อง 🕯 เสียชีวิต 14 มีนาคม 2512 ด้วยโรคมะเร็งลิ้น อายุ 47 ปี "ผมไม่เสียใจเลย ที่เกิดมาเป็นหนังสือพิมพ์" แม้เจ็บป่วยแ ต่ยังเขียนข้อความสั้นๆ ฝากถึงเพื่อนร่วมวิชาชีพ ✒ ปณิธานนักข่าวไม่เคยจางหาย สารจากอิศรา ถึงคนข่าวรุ่นใหม่ "ข้าพเจ้าเป็นคนสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมั่นหมายจะเขียน เฉพาะเรื่องราวของประชาชน เพื่อถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ความดิ้นรน และความหวังจากประชาชนไปสู่ประชาชน เพราะประชาชนเท่านั้นที่เป็นผู้กำลังต่อสู้ และกำลังทำงานเพื่อสร้างเสรีภาพอันถูกต้อง และศตวรรษแห่งสามัญชน" สรุปบทเรียนจากชีวิต “อิศรา อมันตกุล” ✨ นักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์ ✨ เสรีภาพไม่ใช่ของขวัญจากรัฐ แต่คือสิทธิที่ต้องรักษา ✨ จรรยาบรรณต้องมาก่อนผลประโยชน์ ✨ ปากกาคืออาวุธ แต่ใจต้องเป็นธรรม 🔖 คำคมจากอิศรา 🖋 "หนังสือพิมพ์คือเอกสารทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่ง และนักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์วันต่อวัน" “เพราะหนังสือพิมพ์ในวันนี้ คือประวัติศาสตร์ของวันหน้า” ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 141021 มี.ค. 2568 🏷️ #อิศราอมันตกุล #นักข่าวต้นแบบ #เสรีภาพสื่อไทย #สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย #นักหนังสือพิมพ์ในตำนาน #ประวัติศาสตร์ข่าวไทย #ชีวิตอิศรา #นักข่าวสายตรง #นักเขียนเพื่อประชาชน #สื่อเสรีไทย
    0 Comments 0 Shares 1714 Views 0 Reviews
  • 15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ

    “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน…

    ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต

    “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้

    หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น

    จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน

    ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน

    วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก”

    “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา

    ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย

    ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง

    จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ

    “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต

    อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก"

    ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ
    หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง

    “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์

    คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย"

    คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า…

    - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง?
    - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา?
    - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย?

    เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน

    “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่”

    "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น"

    ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568

    #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์

    15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ 🚔 “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน… 🕊️ 🌿 ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน 🗡️ แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต 👮‍♂️ “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้ 🎓 หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน 😔 🔥 วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก” 🦿 🦾 “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา 🦅 ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย ✊ 🏡 ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง 🍃 จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ 💬 “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 💔 วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต 🔫 ⚰️ อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก" 🕊️ ⚖️ ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง ❤️ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์ 🗣️ คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย" ❓ คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า… - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง? - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา? - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย? 🤝 เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน 🕊️ “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่” 🌳 "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น" 🕯️ ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี 💐 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568 #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์
    0 Comments 0 Shares 1831 Views 0 Reviews
  • "เราจะผ่านไปด้วยกัน"

    วันที่แสนมืดมน…สับสนรอบตัว
ถนนว่างเปล่า...ไร้เสียงหัวเราะให้ได้ยิน
โควิดแพร่กระจาย...ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไร
แต่หัวใจคนไทย...จะไม่ไหวหวั่น

    แม้จะไกลแค่ไหน...ก็ยังมีกัน
แม้จะหนักเพียงใด...เรายังยืนไหว
จากร้อยร่วงติดลบ…เราจะสร้างขึ้นใหม่
พรุ่งนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน

    เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน

    เสียงแห่งความหวัง...เริ่มก้องกังวาน
โครงการแห่งใจ...ช่วยเติมไฟให้ยังยืน
"เราไม่ทิ้งกัน" ส่งรักให้เธอ แม้ไกลแสนไกล
แค่หัวใจเราไม่ห่างกัน

    อาจมีบางวัน...ที่เราอ่อนล้า
อาจมีบางครา...ต้องเสียบางอย่างไป
แต่สุดท้ายเราจะก้าวไป...
จับมือกันไว้...ไม่ปล่อยไปไหน

    เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน

    วันที่ฟ้าใส...เราจะกลับมา
เมื่อผ่านไวรัสร้าย...จะได้กอดกันอีกครั้ง

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311125 ม.ค. 2568

    #เราจะผ่านไปด้วยกัน #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #สู้ไปด้วยกัน #ไทยไม่ทิ้งกัน #กำลังใจ #พรุ่งนี้ต้องดีกว่า #รักและแบ่งปัน #StayStrongThailand
    "เราจะผ่านไปด้วยกัน" วันที่แสนมืดมน…สับสนรอบตัว
ถนนว่างเปล่า...ไร้เสียงหัวเราะให้ได้ยิน
โควิดแพร่กระจาย...ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไร
แต่หัวใจคนไทย...จะไม่ไหวหวั่น แม้จะไกลแค่ไหน...ก็ยังมีกัน
แม้จะหนักเพียงใด...เรายังยืนไหว
จากร้อยร่วงติดลบ…เราจะสร้างขึ้นใหม่
พรุ่งนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน เสียงแห่งความหวัง...เริ่มก้องกังวาน
โครงการแห่งใจ...ช่วยเติมไฟให้ยังยืน
"เราไม่ทิ้งกัน" ส่งรักให้เธอ แม้ไกลแสนไกล
แค่หัวใจเราไม่ห่างกัน อาจมีบางวัน...ที่เราอ่อนล้า
อาจมีบางครา...ต้องเสียบางอย่างไป
แต่สุดท้ายเราจะก้าวไป...
จับมือกันไว้...ไม่ปล่อยไปไหน เราจะผ่านไปด้วยกัน...แม้ต้องห่างไกล
แม้เจ็บ แม้ล้ม ยังมีใครที่รออยู่ตรงนั้น
ยื่นมือมาแบ่งปัน...คนละครึ่งช่วยกัน
จากน้ำตา...เป็นรอยยิ้มในสักวัน วันที่ฟ้าใส...เราจะกลับมา
เมื่อผ่านไวรัสร้าย...จะได้กอดกันอีกครั้ง ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311125 ม.ค. 2568 #เราจะผ่านไปด้วยกัน #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #สู้ไปด้วยกัน #ไทยไม่ทิ้งกัน #กำลังใจ #พรุ่งนี้ต้องดีกว่า #รักและแบ่งปัน #StayStrongThailand 🎶✊💙
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1198 Views 31 0 Reviews
  • บีบหัวใจ

    โศกนาฎกรรมเพลิงไหม้รถโดยสารบนถนนวิภาวดีรังสิต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 1 ต.ค. 2567 ขณะนำครูและนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ออกจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กำลังไปยังศูนย์การเรียนรู้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) สำนักงานกลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ตามโครงการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ ประจำปีการศึกษา 2567 ทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย

    ความสูญเสียครั้งนี้บีบหัวใจคนไทยทั้งประเทศ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นสอบถามครูและตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ ทราบว่ารถเกิดยางระเบิด แล้วเสียการควบคุมไปชนรถเบนซ์ แล้วชนแบริเออร์เกิดไฟลุกท่วมขึ้นมา สอดคล้องกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย เปิดเผยว่า ครูเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าสาเหตุมาจากรถเกิดยางระเบิด ทำให้เสียหลักไปชนกระแทกกับแบริเออร์ข้างทาง กระแทกถูกถังก๊าซพอดี จึงทำให้เกิดประกายไฟขึ้น

    แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านสื่อ พบว่ารถโดยสารคันเกิดเหตุ จดทะเบียนครั้งแรก 19 ก.พ. 2513 หรือเมื่อ 54 ปีก่อน ระบุว่าเป็นรถโดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 41 ที่นั่ง ดัดแปลงจากรถอีซูซุ แล้วเอาเครืองยนต์เบนซ์มาใส่ และในประวัติรถพบว่ามีถังก๊าซ 3 ถัง วันหมดอายุใบรับรองเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 จึงถูกตั้งคำถามว่ารถโดยสารได้มาตรฐานหรือไม่ ถึงกระนั้น นายทรงวิทย์ ชินบุตร เจ้าของชินบุตรทัวร์ ยืนยันว่า รถคันเกิดเหตุผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย 2 ครั้งต่อปีทุกครั้งก่อนต่อภาษี

    อีกด้านหนึ่ง ยังมีคนในสังคมเบี่ยงประเด็น เรียกร้องให้โรงเรียนยกเลิกทัศนศึกษาไปเลย อ้างว่าไม่มีประโยชน์ ทั้งที่การทัศนศึกษา คือกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่งไม่ได้จัดขึ้นบ่อยครั้ง สถานที่บางแห่งอนุญาตเข้าชมเฉพาะหมู่คณะเท่านั้น และยังเป็นโอกาสดีที่เพื่อนทั้งห้องจะได้เที่ยวด้วยกัน เพราะบางครอบครัวไม่มีเวลา ไม่มีโอกาส ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะเที่ยว ปัญหาที่แท้จริงจึงเกิดจากรถโดยสารที่ทางโรงเรียนจ้างมาไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความปลอดภัย

    ปัญหาก็คือ รถโดยสารที่ได้มาตรฐานนั้นมีราคาแพง บางโรงเรียนที่มีงบประมาณจำกัด จึงเลือกผู้ประกอบการถูกที่สุดหรือที่คุ้นเคย ไม่นับรวมผู้ประกอบการต่างก็บอกว่ารถตัวเองได้มาตรฐาน แต่อาจประมาทที่ไม่ได้ตรวจสอบสภาพรถ สภาพคนขับรถ หรือพูดความจริงไม่หมด จึงเป็นโจทย์ที่แต่ละโรงเรียนจะต้องพิจารณารูปแบบการจัดกิจกรรม การคัดเลือกรถโดยสารจากผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย และองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับโศกนาฎกรรมเช่นนี้อีก

    #Newskit #รถบัสทัศนศึกษา
    บีบหัวใจ โศกนาฎกรรมเพลิงไหม้รถโดยสารบนถนนวิภาวดีรังสิต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 1 ต.ค. 2567 ขณะนำครูและนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ออกจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กำลังไปยังศูนย์การเรียนรู้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) สำนักงานกลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ตามโครงการทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้นอกสถานที่ ประจำปีการศึกษา 2567 ทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย ความสูญเสียครั้งนี้บีบหัวใจคนไทยทั้งประเทศ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นสอบถามครูและตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ ทราบว่ารถเกิดยางระเบิด แล้วเสียการควบคุมไปชนรถเบนซ์ แล้วชนแบริเออร์เกิดไฟลุกท่วมขึ้นมา สอดคล้องกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย เปิดเผยว่า ครูเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าสาเหตุมาจากรถเกิดยางระเบิด ทำให้เสียหลักไปชนกระแทกกับแบริเออร์ข้างทาง กระแทกถูกถังก๊าซพอดี จึงทำให้เกิดประกายไฟขึ้น แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านสื่อ พบว่ารถโดยสารคันเกิดเหตุ จดทะเบียนครั้งแรก 19 ก.พ. 2513 หรือเมื่อ 54 ปีก่อน ระบุว่าเป็นรถโดยสารไม่ประจำทาง จำนวน 41 ที่นั่ง ดัดแปลงจากรถอีซูซุ แล้วเอาเครืองยนต์เบนซ์มาใส่ และในประวัติรถพบว่ามีถังก๊าซ 3 ถัง วันหมดอายุใบรับรองเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 จึงถูกตั้งคำถามว่ารถโดยสารได้มาตรฐานหรือไม่ ถึงกระนั้น นายทรงวิทย์ ชินบุตร เจ้าของชินบุตรทัวร์ ยืนยันว่า รถคันเกิดเหตุผ่านการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย 2 ครั้งต่อปีทุกครั้งก่อนต่อภาษี อีกด้านหนึ่ง ยังมีคนในสังคมเบี่ยงประเด็น เรียกร้องให้โรงเรียนยกเลิกทัศนศึกษาไปเลย อ้างว่าไม่มีประโยชน์ ทั้งที่การทัศนศึกษา คือกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่งไม่ได้จัดขึ้นบ่อยครั้ง สถานที่บางแห่งอนุญาตเข้าชมเฉพาะหมู่คณะเท่านั้น และยังเป็นโอกาสดีที่เพื่อนทั้งห้องจะได้เที่ยวด้วยกัน เพราะบางครอบครัวไม่มีเวลา ไม่มีโอกาส ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะเที่ยว ปัญหาที่แท้จริงจึงเกิดจากรถโดยสารที่ทางโรงเรียนจ้างมาไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความปลอดภัย ปัญหาก็คือ รถโดยสารที่ได้มาตรฐานนั้นมีราคาแพง บางโรงเรียนที่มีงบประมาณจำกัด จึงเลือกผู้ประกอบการถูกที่สุดหรือที่คุ้นเคย ไม่นับรวมผู้ประกอบการต่างก็บอกว่ารถตัวเองได้มาตรฐาน แต่อาจประมาทที่ไม่ได้ตรวจสอบสภาพรถ สภาพคนขับรถ หรือพูดความจริงไม่หมด จึงเป็นโจทย์ที่แต่ละโรงเรียนจะต้องพิจารณารูปแบบการจัดกิจกรรม การคัดเลือกรถโดยสารจากผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย และองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับโศกนาฎกรรมเช่นนี้อีก #Newskit #รถบัสทัศนศึกษา
    Sad
    Like
    15
    0 Comments 1 Shares 1445 Views 1 Reviews
  • กิจกรรมจิบกาแฟแลสยาม“ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน” รวมพลคนรักดนตรี
    บอกเล่าเรื่องราวสุดประทับหัวใจคนไทยผ่านเสียงดนตรี
    ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดีรังสิต
    .
    #ThePublisher #จิบกาแฟแลสยาม #ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน
    #ผู้พันเบิร์ด #thaitimes
    กิจกรรมจิบกาแฟแลสยาม“ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน” รวมพลคนรักดนตรี บอกเล่าเรื่องราวสุดประทับหัวใจคนไทยผ่านเสียงดนตรี ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดีรังสิต . #ThePublisher #จิบกาแฟแลสยาม #ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน #ผู้พันเบิร์ด #thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 Comments 0 Shares 1562 Views 325 1 Reviews
  • กิจกรรมจิบกาแฟแลสยาม“ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน” รวมพลคนรักดนตรี
    บอกเล่าเรื่องราวสุดประทับหัวใจคนไทยผ่านเสียงดนตรี
    ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดีรังสิต
    .
    #ThePublisher #จิบกาแฟแลสยาม #ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน
    #ผู้พันเบิร์ด #thaitimes
    กิจกรรมจิบกาแฟแลสยาม“ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน” รวมพลคนรักดนตรี บอกเล่าเรื่องราวสุดประทับหัวใจคนไทยผ่านเสียงดนตรี ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดีรังสิต . #ThePublisher #จิบกาแฟแลสยาม #ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน #ผู้พันเบิร์ด #thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 1603 Views 262 0 Reviews
  • #เอเจนซี่กิมจิเก่ง
    #สร้างตัวตนให้สก็อยเป็นสาวน้อยแบ๊วๆ
    ที่กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
    ไลฟ์ทั้งวันทั้งคืนเพื่อเป็นค่าเทอมเรียนต่อ
    สุดท้าย เรื่องต้มๆในตต.
    กามิจก็ได้ส่วนแบ่งค่าติ๊กเกอร์ไปเดือนละหกเจ็ดหมื่น
    แต่ดันทัชหัวใจคนไทย กลุ่มชนผู้จริงใจและขี้สงสาร
    เอเจนซี่ถึงกับตาวาว
    นาทีนี้ยอดฟอลกำลังลดลดฮวบๆ
    เลยสร้างสตอแหลใหม่
    เลอะเทอะมาก 5555
    EDT
    แต่ไม่ห่วงนะอิเหวิงยังมีทุยๆไทยอีกหลายตัว
    ที่ป่านนี้ยังตาไม่สว่าง พร้อมขายนาและฟางหญ้าที่แสนอร่อย
    ส่งเป็นติ๊กเกอร์ไปให้แบบรัวๆ
    ศีลมันเสมอกันดีนะ
    ตัวแสดงก็สตอ เอเจนซี่ก็สร้างเรื่องเก่ง
    ทุยก็ชอบจริงๆ ตังค์ซื้อฟางมากินไม่มีไม่เป็นไร
    ขอส่งสติ๊กเกอร์หัวใจให้อิเหวิงกาฝากก็อยู่ได้มีสุขแล้ว
    ทุยก็คือทุย
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เอเจนซี่กิมจิเก่ง #สร้างตัวตนให้สก็อยเป็นสาวน้อยแบ๊วๆ ที่กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไลฟ์ทั้งวันทั้งคืนเพื่อเป็นค่าเทอมเรียนต่อ สุดท้าย เรื่องต้มๆในตต. กามิจก็ได้ส่วนแบ่งค่าติ๊กเกอร์ไปเดือนละหกเจ็ดหมื่น แต่ดันทัชหัวใจคนไทย กลุ่มชนผู้จริงใจและขี้สงสาร เอเจนซี่ถึงกับตาวาว นาทีนี้ยอดฟอลกำลังลดลดฮวบๆ เลยสร้างสตอแหลใหม่ เลอะเทอะมาก 5555 EDT แต่ไม่ห่วงนะอิเหวิงยังมีทุยๆไทยอีกหลายตัว ที่ป่านนี้ยังตาไม่สว่าง พร้อมขายนาและฟางหญ้าที่แสนอร่อย ส่งเป็นติ๊กเกอร์ไปให้แบบรัวๆ ศีลมันเสมอกันดีนะ ตัวแสดงก็สตอ เอเจนซี่ก็สร้างเรื่องเก่ง ทุยก็ชอบจริงๆ ตังค์ซื้อฟางมากินไม่มีไม่เป็นไร ขอส่งสติ๊กเกอร์หัวใจให้อิเหวิงกาฝากก็อยู่ได้มีสุขแล้ว ทุยก็คือทุย ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 426 Views 0 Reviews