• “Cambridge เปิดห้องแล็บช่วยชีวิตข้อมูลจากแผ่นฟล็อปปี้ — โปรเจกต์ Future Nostalgia ฟื้นอดีตดิจิทัลก่อนมันจะสลายไป”

    เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา Cambridge University Library ได้เปิดตัวโปรเจกต์ “Future Nostalgia” ซึ่งเป็นโครงการระยะเวลา 1 ปีที่มีเป้าหมายในการกู้คืนข้อมูลจากแผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ที่เสื่อมสภาพและใกล้สูญหายไปตามกาลเวลา โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปนำแผ่นฟล็อปปี้เก่ามาให้ทีมงานช่วยตรวจสอบว่า “มีอะไรอยู่ในนี้?”

    แผ่นฟล็อปปี้เหล่านี้ไม่ใช่แค่ของเล่นเก่า แต่เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญ เช่น เอกสารวิจัยยุคแรก ไฟล์ส่วนตัว และซอฟต์แวร์จากเครื่องที่เลิกใช้งานไปแล้ว รวมถึงแผ่นจากคลังข้อมูลของ Stephen Hawking ด้วย

    ทีมดิจิทัลของห้องสมุดใช้เทคนิคการกู้ข้อมูลระดับสูง โดยไม่ใช้แค่ไดรฟ์ USB ราคาถูก แต่ใช้เครื่องมือพิเศษอย่าง KryoFlux และ Greaseweazle ที่สามารถอ่านสัญญาณแม่เหล็กดิบจากแผ่น เพื่อสร้างภาพโครงสร้างไฟล์ใหม่ในซอฟต์แวร์ ซึ่งช่วยให้สามารถกู้คืนข้อมูลจากแผ่นที่เสียหายหรือใช้ฟอร์แมตเฉพาะได้

    นอกจากการกู้ข้อมูลแล้ว โปรเจกต์ยังมุ่งสร้างมาตรฐานการจัดการแผ่นฟล็อปปี้ เช่น วิธีทำความสะอาด การจัดเก็บ และการสร้างเวิร์กโฟลว์ที่สามารถนำไปใช้ในองค์กรอื่นได้ เพื่อให้การอนุรักษ์ข้อมูลดิจิทัลในยุคก่อนยังคงอยู่ต่อไป

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Cambridge เปิดตัวโปรเจกต์ Future Nostalgia เพื่อกู้ข้อมูลจากแผ่นฟล็อปปี้
    เปิดให้ประชาชนทั่วไปนำแผ่นมาให้ตรวจสอบ
    มีแผ่นจากคลังของ Stephen Hawking และเอกสารวิจัยยุคแรก
    ใช้เครื่อง KryoFlux และ Greaseweazle อ่านสัญญาณแม่เหล็กดิบ
    สร้างเวิร์กโฟลว์มาตรฐานสำหรับการกู้ข้อมูลและจัดการแผ่น
    โปรเจกต์มีระยะเวลา 1 ปี และได้รับความสนใจจากสื่อ เช่น BBC

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    KryoFlux เป็นเครื่องมือที่ใช้ในวงการอนุรักษ์ซอฟต์แวร์เพื่ออ่านข้อมูลระดับ flux
    Greaseweazle เป็นฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์สที่นิยมในกลุ่ม retro-computing
    แผ่นฟล็อปปี้มีอายุการใช้งานจำกัด และเสื่อมสภาพจากความชื้นและออกซิเดชัน
    การกู้ข้อมูลจากแผ่นเก่าเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์มรดกดิจิทัล
    การอ่านฟอร์แมตเฉพาะ เช่น WordPerfect หรือ BASIC ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะทาง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/cambridge-university-rescues-data-from-old-floppy-disks
    💾 “Cambridge เปิดห้องแล็บช่วยชีวิตข้อมูลจากแผ่นฟล็อปปี้ — โปรเจกต์ Future Nostalgia ฟื้นอดีตดิจิทัลก่อนมันจะสลายไป” เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา Cambridge University Library ได้เปิดตัวโปรเจกต์ “Future Nostalgia” ซึ่งเป็นโครงการระยะเวลา 1 ปีที่มีเป้าหมายในการกู้คืนข้อมูลจากแผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ที่เสื่อมสภาพและใกล้สูญหายไปตามกาลเวลา โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปนำแผ่นฟล็อปปี้เก่ามาให้ทีมงานช่วยตรวจสอบว่า “มีอะไรอยู่ในนี้?” แผ่นฟล็อปปี้เหล่านี้ไม่ใช่แค่ของเล่นเก่า แต่เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญ เช่น เอกสารวิจัยยุคแรก ไฟล์ส่วนตัว และซอฟต์แวร์จากเครื่องที่เลิกใช้งานไปแล้ว รวมถึงแผ่นจากคลังข้อมูลของ Stephen Hawking ด้วย ทีมดิจิทัลของห้องสมุดใช้เทคนิคการกู้ข้อมูลระดับสูง โดยไม่ใช้แค่ไดรฟ์ USB ราคาถูก แต่ใช้เครื่องมือพิเศษอย่าง KryoFlux และ Greaseweazle ที่สามารถอ่านสัญญาณแม่เหล็กดิบจากแผ่น เพื่อสร้างภาพโครงสร้างไฟล์ใหม่ในซอฟต์แวร์ ซึ่งช่วยให้สามารถกู้คืนข้อมูลจากแผ่นที่เสียหายหรือใช้ฟอร์แมตเฉพาะได้ นอกจากการกู้ข้อมูลแล้ว โปรเจกต์ยังมุ่งสร้างมาตรฐานการจัดการแผ่นฟล็อปปี้ เช่น วิธีทำความสะอาด การจัดเก็บ และการสร้างเวิร์กโฟลว์ที่สามารถนำไปใช้ในองค์กรอื่นได้ เพื่อให้การอนุรักษ์ข้อมูลดิจิทัลในยุคก่อนยังคงอยู่ต่อไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Cambridge เปิดตัวโปรเจกต์ Future Nostalgia เพื่อกู้ข้อมูลจากแผ่นฟล็อปปี้ ➡️ เปิดให้ประชาชนทั่วไปนำแผ่นมาให้ตรวจสอบ ➡️ มีแผ่นจากคลังของ Stephen Hawking และเอกสารวิจัยยุคแรก ➡️ ใช้เครื่อง KryoFlux และ Greaseweazle อ่านสัญญาณแม่เหล็กดิบ ➡️ สร้างเวิร์กโฟลว์มาตรฐานสำหรับการกู้ข้อมูลและจัดการแผ่น ➡️ โปรเจกต์มีระยะเวลา 1 ปี และได้รับความสนใจจากสื่อ เช่น BBC ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ KryoFlux เป็นเครื่องมือที่ใช้ในวงการอนุรักษ์ซอฟต์แวร์เพื่ออ่านข้อมูลระดับ flux ➡️ Greaseweazle เป็นฮาร์ดแวร์โอเพ่นซอร์สที่นิยมในกลุ่ม retro-computing ➡️ แผ่นฟล็อปปี้มีอายุการใช้งานจำกัด และเสื่อมสภาพจากความชื้นและออกซิเดชัน ➡️ การกู้ข้อมูลจากแผ่นเก่าเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์มรดกดิจิทัล ➡️ การอ่านฟอร์แมตเฉพาะ เช่น WordPerfect หรือ BASIC ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะทาง https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/cambridge-university-rescues-data-from-old-floppy-disks
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Cambridge University launches project to rescue data trapped on old floppy disks
    Cambridge’s 'Future Nostalgia' project is racing to save decades of digital history from vanishing floppy disks.
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • “5 สิ่งที่ไม่ควรใช้ AI — เพราะอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตรายและผิดจริยธรรม”

    แม้ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การสร้างเพลง การสมัครงาน ไปจนถึงการควบคุมเครื่องบินรบ แต่ก็มีบางกรณีที่การใช้ AI อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตราย ผิดจริยธรรม หรือส่งผลเสียต่อสังคมโดยรวม บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 5 กรณีที่ไม่ควรใช้ AI โดยเด็ดขาด พร้อมเหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง

    1. การสร้าง Deepfake ของผู้อื่น
    98% ของ deepfake ถูกใช้เพื่อสร้างสื่อโป๊โดยไม่ได้รับความยินยอม
    มีกรณีใช้ภาพนักเรียนและผู้หญิงทั่วไปเพื่อสร้างภาพลามก
    ถูกใช้เพื่อกลั่นแกล้งนักข่าวและทำลายชื่อเสียงคนดัง

    คำเตือน
    แม้ไม่ได้เผยแพร่ก็ถือว่าผิดจริยธรรม
    เทคโนโลยี deepfake ยังถูกใช้เพื่อหลอกลวงและปลอมแปลงข้อมูลทางการเมือง

    2. ขอคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI
    ผู้คนใช้ AI เพื่อวางแผนมื้ออาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสอบข้อมูลสุขภาพ
    AI มีแนวโน้ม “หลอน” หรือให้ข้อมูลผิดพลาด
    AI ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้

    คำเตือน
    การทำตามคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย
    ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์แทน

    3. ใช้ AI ทำการบ้านหรือเรียนแทน
    นักเรียนใช้ AI เขียนเรียงความและแก้โจทย์
    สถาบันการศึกษาบางแห่งเริ่มปรับนิยามการโกงใหม่
    การใช้ AI ทำให้ขาดทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา

    คำเตือน
    อาจส่งผลต่อคุณภาพของผู้เชี่ยวชาญในอนาคต เช่น แพทย์หรือวิศวกร
    การเรียนรู้ที่ขาดกระบวนการอาจนำไปสู่ความผิดพลาดร้ายแรง

    4. ขอคำแนะนำชีวิตหรือใช้ AI เป็นนักบำบัด
    ผู้คนใช้ AI เป็นเพื่อนคุยหรือที่ปรึกษา
    มีกรณีที่ AI ไม่สามารถช่วยผู้มีแนวโน้มฆ่าตัวตายได้
    บางคนได้รับคำแนะนำที่เป็นอันตรายจาก AI

    คำเตือน
    AI ไม่ใช่นักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
    อย่าใช้ AI เป็นที่พึ่งหลักในการตัดสินใจชีวิต

    5. Vibe Coding — เขียนโค้ดด้วย AI โดยไม่ตรวจสอบ
    ผู้ใช้บางคนให้ AI เขียนโค้ดทั้งหมดโดยไม่ตรวจสอบ
    ทำให้ขาดทักษะการเขียนโปรแกรมและแก้ไขข้อผิดพลาด
    มีกรณีแอปที่ใช้ vibe coding แล้วเกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

    คำเตือน
    โค้ดที่ไม่ได้ตรวจสอบอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้รั่วไหล
    ควรตรวจสอบและทดสอบโค้ดทุกครั้งก่อนนำไปใช้งานจริง

    AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็เหมือนมีด — ใช้ถูกวิธีคือประโยชน์ ใช้ผิดคืออันตราย การรู้ขอบเขตของการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีนี้อย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม

    https://www.slashgear.com/1989154/things-should-never-use-ai-for/
    🤖 “5 สิ่งที่ไม่ควรใช้ AI — เพราะอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตรายและผิดจริยธรรม” แม้ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การสร้างเพลง การสมัครงาน ไปจนถึงการควบคุมเครื่องบินรบ แต่ก็มีบางกรณีที่การใช้ AI อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่อันตราย ผิดจริยธรรม หรือส่งผลเสียต่อสังคมโดยรวม บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 5 กรณีที่ไม่ควรใช้ AI โดยเด็ดขาด พร้อมเหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยง ✅ 1. การสร้าง Deepfake ของผู้อื่น ➡️ 98% ของ deepfake ถูกใช้เพื่อสร้างสื่อโป๊โดยไม่ได้รับความยินยอม ➡️ มีกรณีใช้ภาพนักเรียนและผู้หญิงทั่วไปเพื่อสร้างภาพลามก ➡️ ถูกใช้เพื่อกลั่นแกล้งนักข่าวและทำลายชื่อเสียงคนดัง ‼️ คำเตือน ⛔ แม้ไม่ได้เผยแพร่ก็ถือว่าผิดจริยธรรม ⛔ เทคโนโลยี deepfake ยังถูกใช้เพื่อหลอกลวงและปลอมแปลงข้อมูลทางการเมือง ✅ 2. ขอคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI ➡️ ผู้คนใช้ AI เพื่อวางแผนมื้ออาหาร ออกกำลังกาย และตรวจสอบข้อมูลสุขภาพ ➡️ AI มีแนวโน้ม “หลอน” หรือให้ข้อมูลผิดพลาด ➡️ AI ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ ‼️ คำเตือน ⛔ การทำตามคำแนะนำด้านสุขภาพจาก AI อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย ⛔ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์แทน ✅ 3. ใช้ AI ทำการบ้านหรือเรียนแทน ➡️ นักเรียนใช้ AI เขียนเรียงความและแก้โจทย์ ➡️ สถาบันการศึกษาบางแห่งเริ่มปรับนิยามการโกงใหม่ ➡️ การใช้ AI ทำให้ขาดทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา ‼️ คำเตือน ⛔ อาจส่งผลต่อคุณภาพของผู้เชี่ยวชาญในอนาคต เช่น แพทย์หรือวิศวกร ⛔ การเรียนรู้ที่ขาดกระบวนการอาจนำไปสู่ความผิดพลาดร้ายแรง ✅ 4. ขอคำแนะนำชีวิตหรือใช้ AI เป็นนักบำบัด ➡️ ผู้คนใช้ AI เป็นเพื่อนคุยหรือที่ปรึกษา ➡️ มีกรณีที่ AI ไม่สามารถช่วยผู้มีแนวโน้มฆ่าตัวตายได้ ➡️ บางคนได้รับคำแนะนำที่เป็นอันตรายจาก AI ‼️ คำเตือน ⛔ AI ไม่ใช่นักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ⛔ อย่าใช้ AI เป็นที่พึ่งหลักในการตัดสินใจชีวิต ✅ 5. Vibe Coding — เขียนโค้ดด้วย AI โดยไม่ตรวจสอบ ➡️ ผู้ใช้บางคนให้ AI เขียนโค้ดทั้งหมดโดยไม่ตรวจสอบ ➡️ ทำให้ขาดทักษะการเขียนโปรแกรมและแก้ไขข้อผิดพลาด ➡️ มีกรณีแอปที่ใช้ vibe coding แล้วเกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ‼️ คำเตือน ⛔ โค้ดที่ไม่ได้ตรวจสอบอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้รั่วไหล ⛔ ควรตรวจสอบและทดสอบโค้ดทุกครั้งก่อนนำไปใช้งานจริง AI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็เหมือนมีด — ใช้ถูกวิธีคือประโยชน์ ใช้ผิดคืออันตราย การรู้ขอบเขตของการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีนี้อย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม https://www.slashgear.com/1989154/things-should-never-use-ai-for/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Things You Should Never Use AI For - SlashGear
    AI can make life easier, but some uses cross a line. Here’s why relying on it for health, education, coding, or advice can do more harm than good.
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • “Album Cards — พลิกโฉมการฟังเพลงให้ลูกชาย ด้วยการ์ดอัลบั้ม NFC สุดสร้างสรรค์”

    ลองนึกภาพการฟังเพลงที่ไม่ใช่แค่กดเล่นจากมือถือหรือลำโพงอัจฉริยะ แต่เป็นการ “เลือก” เพลงจากการ์ดอัลบั้มที่จับต้องได้ เหมือนสมัยที่เรานั่งเลือกซีดีบนพื้นห้อง — นั่นคือสิ่งที่ Jordan Fulghum พยายามสร้างขึ้นใหม่ให้กับลูกชายวัย 10 ขวบของเขา

    Jordan เล่าว่าในวัยเด็ก เขาเคยใช้เงินทั้งหมดซื้อซีดีเพลง และหลงใหลกับการอ่านเนื้อเพลงจากปกซีดี แต่ลูกชายของเขาเติบโตมาในยุคที่เพลงเป็นสิ่งไร้รูปแบบ ไหลผ่านลำโพงอัจฉริยะและเพลย์ลิสต์อัตโนมัติ เขาจึงคิดค้น “Album Cards” — การ์ดสะสมที่มีภาพปกอัลบั้ม พร้อมแท็ก NFC ที่สามารถแตะเพื่อเล่นเพลงจากเซิร์ฟเวอร์ Plex ส่วนตัวได้ทันที

    เขาใช้เทคโนโลยี AI เพื่อขยายภาพปกอัลบั้มให้พอดีกับขนาดการ์ดที่เป็นสัดส่วน 2.5:3.5 นิ้ว ซึ่งต่างจากภาพปกอัลบั้มที่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส และใช้ PlexAmp ในการเขียนลิงก์เพลงลงในแท็ก NFC ได้อย่างง่ายดาย

    ผลลัพธ์คือ ลูกชายของเขาเลือกฟังเพลงอย่างตั้งใจมากขึ้น เหมือนเล่นโปเกมอนการ์ด แต่แทนที่จะเป็นสัตว์ประหลาด กลับเป็นเพลงที่พ่ออยากให้ฟัง และเพลงที่เขาอยากค้นพบด้วยตัวเอง

    แนวคิดเบื้องหลัง Album Cards
    สร้างประสบการณ์ฟังเพลงแบบจับต้องได้ให้ลูกชายวัย 10 ขวบ
    เปรียบเทียบกับการเลือกซีดีในวัยเด็กของผู้เขียน
    แก้ปัญหาการฟังเพลงแบบไร้รูปแบบในยุคปัจจุบัน

    วิธีการสร้าง Album Cards
    ใช้ภาพปกอัลบั้มจาก Google และขยายด้วย AI ให้พอดีกับขนาดการ์ด
    ใช้ Canva และเทมเพลต PDF ในการออกแบบ
    พิมพ์ลงบนกระดาษสติกเกอร์หรือกระดาษแข็ง แล้วติดแท็ก NFC

    การใช้งาน NFC กับ PlexAmp
    PlexAmp รองรับการเขียนลิงก์เพลงลง NFC โดยตรง
    แตะการ์ดเพื่อเล่นเพลงจากเซิร์ฟเวอร์ Plex ส่วนตัว
    ไม่ต้องใช้หน้าจอหรือแอปมือถือในการเล่นเพลง

    ผลลัพธ์ที่ได้
    ลูกชายเลือกฟังเพลงอย่างตั้งใจมากขึ้น
    การ์ดกลายเป็นของสะสมที่สามารถแลกเปลี่ยนได้
    สร้างความผูกพันกับเพลงในระดับอัลบั้ม ไม่ใช่แค่เพลงเดี่ยว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NFC (Near Field Communication) เป็นเทคโนโลยีไร้สายระยะสั้นที่ใช้ในบัตรโดยสาร, การชำระเงิน และอุปกรณ์อัจฉริยะ
    Plex เป็นระบบจัดการสื่อที่สามารถสตรีมไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวได้
    AI diffusion model ใช้ในการสร้างภาพต่อเติมจากต้นฉบับ โดยรักษาสไตล์เดิมไว้

    https://fulghum.io/album-cards
    ♦️ “Album Cards — พลิกโฉมการฟังเพลงให้ลูกชาย ด้วยการ์ดอัลบั้ม NFC สุดสร้างสรรค์” ลองนึกภาพการฟังเพลงที่ไม่ใช่แค่กดเล่นจากมือถือหรือลำโพงอัจฉริยะ แต่เป็นการ “เลือก” เพลงจากการ์ดอัลบั้มที่จับต้องได้ เหมือนสมัยที่เรานั่งเลือกซีดีบนพื้นห้อง — นั่นคือสิ่งที่ Jordan Fulghum พยายามสร้างขึ้นใหม่ให้กับลูกชายวัย 10 ขวบของเขา Jordan เล่าว่าในวัยเด็ก เขาเคยใช้เงินทั้งหมดซื้อซีดีเพลง และหลงใหลกับการอ่านเนื้อเพลงจากปกซีดี แต่ลูกชายของเขาเติบโตมาในยุคที่เพลงเป็นสิ่งไร้รูปแบบ ไหลผ่านลำโพงอัจฉริยะและเพลย์ลิสต์อัตโนมัติ เขาจึงคิดค้น “Album Cards” — การ์ดสะสมที่มีภาพปกอัลบั้ม พร้อมแท็ก NFC ที่สามารถแตะเพื่อเล่นเพลงจากเซิร์ฟเวอร์ Plex ส่วนตัวได้ทันที เขาใช้เทคโนโลยี AI เพื่อขยายภาพปกอัลบั้มให้พอดีกับขนาดการ์ดที่เป็นสัดส่วน 2.5:3.5 นิ้ว ซึ่งต่างจากภาพปกอัลบั้มที่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส และใช้ PlexAmp ในการเขียนลิงก์เพลงลงในแท็ก NFC ได้อย่างง่ายดาย ผลลัพธ์คือ ลูกชายของเขาเลือกฟังเพลงอย่างตั้งใจมากขึ้น เหมือนเล่นโปเกมอนการ์ด แต่แทนที่จะเป็นสัตว์ประหลาด กลับเป็นเพลงที่พ่ออยากให้ฟัง และเพลงที่เขาอยากค้นพบด้วยตัวเอง ✅ แนวคิดเบื้องหลัง Album Cards ➡️ สร้างประสบการณ์ฟังเพลงแบบจับต้องได้ให้ลูกชายวัย 10 ขวบ ➡️ เปรียบเทียบกับการเลือกซีดีในวัยเด็กของผู้เขียน ➡️ แก้ปัญหาการฟังเพลงแบบไร้รูปแบบในยุคปัจจุบัน ✅ วิธีการสร้าง Album Cards ➡️ ใช้ภาพปกอัลบั้มจาก Google และขยายด้วย AI ให้พอดีกับขนาดการ์ด ➡️ ใช้ Canva และเทมเพลต PDF ในการออกแบบ ➡️ พิมพ์ลงบนกระดาษสติกเกอร์หรือกระดาษแข็ง แล้วติดแท็ก NFC ✅ การใช้งาน NFC กับ PlexAmp ➡️ PlexAmp รองรับการเขียนลิงก์เพลงลง NFC โดยตรง ➡️ แตะการ์ดเพื่อเล่นเพลงจากเซิร์ฟเวอร์ Plex ส่วนตัว ➡️ ไม่ต้องใช้หน้าจอหรือแอปมือถือในการเล่นเพลง ✅ ผลลัพธ์ที่ได้ ➡️ ลูกชายเลือกฟังเพลงอย่างตั้งใจมากขึ้น ➡️ การ์ดกลายเป็นของสะสมที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ ➡️ สร้างความผูกพันกับเพลงในระดับอัลบั้ม ไม่ใช่แค่เพลงเดี่ยว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NFC (Near Field Communication) เป็นเทคโนโลยีไร้สายระยะสั้นที่ใช้ในบัตรโดยสาร, การชำระเงิน และอุปกรณ์อัจฉริยะ ➡️ Plex เป็นระบบจัดการสื่อที่สามารถสตรีมไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวได้ ➡️ AI diffusion model ใช้ในการสร้างภาพต่อเติมจากต้นฉบับ โดยรักษาสไตล์เดิมไว้ https://fulghum.io/album-cards
    FULGHUM.IO
    Album Cards: Rebuilding the Joy of Music Discovery for My 10-Year-Old
    What's the modern equivalent of flipping through CDs? Physical album cards with NFC tags that bring back the tactile joy of music discovery.
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: DDN จุดเปลี่ยนวงการ Generative Model – สร้างภาพแบบไม่ต้องใช้ Gradient ด้วยโครงสร้างต้นไม้

    ในงานประชุม ICLR 2025 มีหนึ่งโมเดลที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือ “Discrete Distribution Networks” หรือ DDN ซึ่งเป็นโมเดล Generative แบบใหม่ที่นำเสนอแนวคิดเรียบง่ายแต่ทรงพลัง โดย Lei Yang ผู้พัฒนาได้ออกแบบ DDN ให้สามารถสร้างภาพได้โดยไม่ต้องใช้ Gradient และยังมีโครงสร้างการแทนค่าที่เป็นแบบ 1D Discrete ซึ่งต่างจากโมเดลทั่วไปที่ใช้ Continuous Latent Space

    DDN ใช้หลักการสร้างภาพแบบหลายชั้น (Hierarchical Generation) โดยในแต่ละชั้นจะสร้างภาพ K แบบ และเลือกภาพที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายมากที่สุดเพื่อส่งต่อไปยังชั้นถัดไป ทำให้ภาพที่ได้มีความละเอียดและใกล้เคียงกับ Ground Truth มากขึ้นเรื่อย ๆ

    ที่น่าสนใจคือ DDN สามารถทำ Zero-Shot Conditional Generation ได้โดยไม่ต้องใช้ Gradient เช่นการสร้างภาพจากข้อความโดยใช้ CLIP แบบ Black-box ซึ่งเป็นความสามารถที่โมเดลทั่วไปยังทำได้ยาก

    นอกจากนี้ยังมีการทดลองบนชุดข้อมูล CIFAR-10 และ FFHQ ที่แสดงให้เห็นว่า DDN มีประสิทธิภาพในการสร้างภาพที่หลากหลายและมีคุณภาพสูง โดยไม่เกิดปัญหา Mode Collapse

    DDN ยังสามารถนำไปใช้ในงานอื่น ๆ เช่น การสร้างภาพเชิงเงื่อนไข (Colorization, Super-Resolution), การประเมินเชิงลึก (Depth Estimation), การควบคุมในหุ่นยนต์ และแม้แต่การประมวลผลภาษาธรรมชาติร่วมกับ GPT โดยไม่ต้องใช้ Tokenizer

    สรุปเนื้อหาข่าวและข้อมูลเสริม
    DDN ได้รับการยอมรับในงาน ICLR 2025
    เป็นโมเดล Generative แบบใหม่ที่ใช้โครงสร้าง Discrete Hierarchy
    ไม่ใช้ Gradient ในการสร้างภาพ

    หลักการทำงานของ DDN
    แต่ละชั้นสร้างภาพ K แบบ แล้วเลือกภาพที่ใกล้เคียงกับเป้าหมาย
    ส่งภาพที่เลือกไปยังชั้นถัดไปเพื่อปรับปรุงความละเอียด

    ความสามารถเด่น
    Zero-Shot Conditional Generation โดยไม่ใช้ Gradient
    รองรับการสร้างภาพจากข้อความด้วย CLIP แบบ Black-box
    มีโครงสร้าง Latent แบบ 1D Discrete

    ผลการทดลอง
    ใช้ชุดข้อมูล CIFAR-10 และ FFHQ
    ได้ภาพที่หลากหลายและใกล้เคียง Ground Truth
    ไม่เกิด Mode Collapse

    การนำไปใช้ในงานอื่น
    งานสร้างภาพเชิงเงื่อนไข เช่น Colorization และ Super-Resolution
    งานประเมินเชิงลึก เช่น Depth Estimation และ Optical Flow
    งานควบคุมหุ่นยนต์แทน Diffusion Model
    งานประมวลผลภาษาโดยไม่ใช้ Tokenizer

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DDN ใช้ภาษา Rust และสามารถฝังในระบบต่าง ๆ ได้
    มีความสามารถในการสร้างหลายภาพในหนึ่ง Forward Pass
    รองรับการฝึกแบบ End-to-End และมีความยืดหยุ่นสูง

    คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน DDN
    ต้องการทรัพยากร GPU มากกว่าปกติเล็กน้อย
    หากใช้กับข้อมูลที่ซับซ้อนเกินไป อาจเกิดภาพเบลอ
    ยังอยู่ในช่วงทดลอง ต้องปรับแต่ง Hyperparameter อย่างละเอียด

    DDN ถือเป็นก้าวใหม่ของ Generative Model ที่เปิดประตูสู่การสร้างภาพแบบไม่ต้องพึ่งพา Gradient และมีโครงสร้างที่เข้าใจง่ายแต่ทรงพลัง เหมาะสำหรับนักวิจัยที่ต้องการโมเดลที่ยืดหยุ่นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานหลากหลายครับ

    https://discrete-distribution-networks.github.io/
    📰 หัวข้อข่าว: DDN จุดเปลี่ยนวงการ Generative Model – สร้างภาพแบบไม่ต้องใช้ Gradient ด้วยโครงสร้างต้นไม้ ในงานประชุม ICLR 2025 มีหนึ่งโมเดลที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือ “Discrete Distribution Networks” หรือ DDN ซึ่งเป็นโมเดล Generative แบบใหม่ที่นำเสนอแนวคิดเรียบง่ายแต่ทรงพลัง โดย Lei Yang ผู้พัฒนาได้ออกแบบ DDN ให้สามารถสร้างภาพได้โดยไม่ต้องใช้ Gradient และยังมีโครงสร้างการแทนค่าที่เป็นแบบ 1D Discrete ซึ่งต่างจากโมเดลทั่วไปที่ใช้ Continuous Latent Space DDN ใช้หลักการสร้างภาพแบบหลายชั้น (Hierarchical Generation) โดยในแต่ละชั้นจะสร้างภาพ K แบบ และเลือกภาพที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายมากที่สุดเพื่อส่งต่อไปยังชั้นถัดไป ทำให้ภาพที่ได้มีความละเอียดและใกล้เคียงกับ Ground Truth มากขึ้นเรื่อย ๆ ที่น่าสนใจคือ DDN สามารถทำ Zero-Shot Conditional Generation ได้โดยไม่ต้องใช้ Gradient เช่นการสร้างภาพจากข้อความโดยใช้ CLIP แบบ Black-box ซึ่งเป็นความสามารถที่โมเดลทั่วไปยังทำได้ยาก นอกจากนี้ยังมีการทดลองบนชุดข้อมูล CIFAR-10 และ FFHQ ที่แสดงให้เห็นว่า DDN มีประสิทธิภาพในการสร้างภาพที่หลากหลายและมีคุณภาพสูง โดยไม่เกิดปัญหา Mode Collapse DDN ยังสามารถนำไปใช้ในงานอื่น ๆ เช่น การสร้างภาพเชิงเงื่อนไข (Colorization, Super-Resolution), การประเมินเชิงลึก (Depth Estimation), การควบคุมในหุ่นยนต์ และแม้แต่การประมวลผลภาษาธรรมชาติร่วมกับ GPT โดยไม่ต้องใช้ Tokenizer 📌 สรุปเนื้อหาข่าวและข้อมูลเสริม ✅ DDN ได้รับการยอมรับในงาน ICLR 2025 ➡️ เป็นโมเดล Generative แบบใหม่ที่ใช้โครงสร้าง Discrete Hierarchy ➡️ ไม่ใช้ Gradient ในการสร้างภาพ ✅ หลักการทำงานของ DDN ➡️ แต่ละชั้นสร้างภาพ K แบบ แล้วเลือกภาพที่ใกล้เคียงกับเป้าหมาย ➡️ ส่งภาพที่เลือกไปยังชั้นถัดไปเพื่อปรับปรุงความละเอียด ✅ ความสามารถเด่น ➡️ Zero-Shot Conditional Generation โดยไม่ใช้ Gradient ➡️ รองรับการสร้างภาพจากข้อความด้วย CLIP แบบ Black-box ➡️ มีโครงสร้าง Latent แบบ 1D Discrete ✅ ผลการทดลอง ➡️ ใช้ชุดข้อมูล CIFAR-10 และ FFHQ ➡️ ได้ภาพที่หลากหลายและใกล้เคียง Ground Truth ➡️ ไม่เกิด Mode Collapse ✅ การนำไปใช้ในงานอื่น ➡️ งานสร้างภาพเชิงเงื่อนไข เช่น Colorization และ Super-Resolution ➡️ งานประเมินเชิงลึก เช่น Depth Estimation และ Optical Flow ➡️ งานควบคุมหุ่นยนต์แทน Diffusion Model ➡️ งานประมวลผลภาษาโดยไม่ใช้ Tokenizer ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DDN ใช้ภาษา Rust และสามารถฝังในระบบต่าง ๆ ได้ ➡️ มีความสามารถในการสร้างหลายภาพในหนึ่ง Forward Pass ➡️ รองรับการฝึกแบบ End-to-End และมีความยืดหยุ่นสูง ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการใช้งาน DDN ⛔ ต้องการทรัพยากร GPU มากกว่าปกติเล็กน้อย ⛔ หากใช้กับข้อมูลที่ซับซ้อนเกินไป อาจเกิดภาพเบลอ ⛔ ยังอยู่ในช่วงทดลอง ต้องปรับแต่ง Hyperparameter อย่างละเอียด DDN ถือเป็นก้าวใหม่ของ Generative Model ที่เปิดประตูสู่การสร้างภาพแบบไม่ต้องพึ่งพา Gradient และมีโครงสร้างที่เข้าใจง่ายแต่ทรงพลัง เหมาะสำหรับนักวิจัยที่ต้องการโมเดลที่ยืดหยุ่นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานหลากหลายครับ https://discrete-distribution-networks.github.io/
    DISCRETE-DISTRIBUTION-NETWORKS.GITHUB.IO
    DDN: Discrete Distribution Networks
    Novel Generative Model with Simple Principles and Unique Properties
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • อย่าปล่อยให้มันลอยนวล โป้ปดกลางสภาฯ สร้างภาพมือสะอาด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ไชยชนก
    อย่าปล่อยให้มันลอยนวล โป้ปดกลางสภาฯ สร้างภาพมือสะอาด #คิงส์โพธิ์แดง #ไชยชนก
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • “Sora พุ่งแรง! แอปสร้างวิดีโอด้วย AI จาก OpenAI ทะลุ 1 ล้านดาวน์โหลดใน 5 วัน แม้ยังจำกัดการเข้าถึง”

    OpenAI เปิดตัวแอป Sora ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลที่ให้ผู้ใช้สร้างวิดีโอจากข้อความหรือภาพนิ่งด้วยโมเดล AI Sora 2 โดยสามารถเพิ่มเสียง ดนตรี และบทสนทนาอัตโนมัติตามบริบทของคำสั่งที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป พร้อมฟีเจอร์ Cameo ที่ให้ผู้ใช้ใส่อวาตาร์เสมือนจริงของตนเองลงในวิดีโอได้อย่างสมจริง

    แม้จะเปิดให้ใช้งานเฉพาะในอเมริกาเหนือ และต้องได้รับคำเชิญเท่านั้น แต่ Sora ก็สามารถทำยอดดาวน์โหลดทะลุ 1 ล้านครั้งภายในเวลาไม่ถึง 5 วัน หรือเฉลี่ย 200,000 ครั้งต่อวัน ซึ่งถือว่าเร็วกว่า ChatGPT ในช่วงเปิดตัวเสียอีก

    แอปมีหน้าฟีดแบบ TikTok ที่แสดงวิดีโอที่สร้างด้วย AI ตามความสนใจของผู้ใช้ และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่ผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการสร้างคอนเทนต์แบบใหม่ อย่างไรก็ตาม Sora ก็เผชิญกับข้อถกเถียงเรื่องลิขสิทธิ์ เมื่อมีผู้ใช้สร้างตัวละครจากซีรีส์ดัง เช่น SpongeBob, Rick and Morty และ South Park โดยเปลี่ยนเนื้อเรื่องเดิม ซึ่งทำให้สมาคมภาพยนตร์สหรัฐฯ (MPA) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ OpenAI “ดำเนินการอย่างเด็ดขาด” เพื่อควบคุมการละเมิดนี้

    OpenAI เตรียมเพิ่มระบบควบคุมให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถจัดการการสร้างตัวละครและเนื้อหาได้ละเอียดขึ้น เพื่อป้องกันการละเมิดในอนาคต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    แอป Sora จาก OpenAI ใช้โมเดล Sora 2 สำหรับสร้างวิดีโอจากข้อความหรือภาพนิ่ง
    ฟีเจอร์ Cameo ให้ผู้ใช้ใส่อวาตาร์เสมือนจริงลงในวิดีโอ
    แอปเพิ่มเสียง ดนตรี และบทสนทนาอัตโนมัติตามคำสั่ง
    มีหน้าฟีดแบบ TikTok ที่แสดงวิดีโอ AI ตามความสนใจของผู้ใช้
    Sora ทำยอดดาวน์โหลดทะลุ 1 ล้านครั้งใน 5 วัน เฉลี่ย 200,000 ครั้งต่อวัน
    เปิดใช้งานเฉพาะในอเมริกาเหนือ และต้องได้รับคำเชิญเท่านั้น
    เร็วกว่า ChatGPT ในช่วงเปิดตัว แม้จำกัดการเข้าถึง
    ผู้ใช้สามารถสร้างตัวละครใหม่ในซีรีส์ดังได้ผ่านแอป
    MPA เรียกร้องให้ OpenAI ควบคุมการละเมิดลิขสิทธิ์
    OpenAI เตรียมเพิ่มระบบควบคุมให้เจ้าของลิขสิทธิ์จัดการเนื้อหาได้ละเอียดขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Sora 2 เป็นโมเดล text-to-video ที่ใช้ deep learning ในการสร้างภาพเคลื่อนไหว
    การสร้างวิดีโอจากภาพนิ่งช่วยให้ผู้ใช้มีวิธีเล่าเรื่องแบบใหม่
    Cameo avatars ใช้เทคโนโลยี generative face synthesis เพื่อความสมจริง
    การเพิ่มเสียงและบทสนทนาอัตโนมัติช่วยลดเวลาในการตัดต่อวิดีโอ
    การจำกัดการเข้าถึงแบบ invite-only เป็นกลยุทธ์ควบคุมคุณภาพและความปลอดภัย

    https://wccftech.com/openais-sora-video-app-now-averaging-200k-downloads-per-day-despite-invite-only-access/
    📱 “Sora พุ่งแรง! แอปสร้างวิดีโอด้วย AI จาก OpenAI ทะลุ 1 ล้านดาวน์โหลดใน 5 วัน แม้ยังจำกัดการเข้าถึง” OpenAI เปิดตัวแอป Sora ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลที่ให้ผู้ใช้สร้างวิดีโอจากข้อความหรือภาพนิ่งด้วยโมเดล AI Sora 2 โดยสามารถเพิ่มเสียง ดนตรี และบทสนทนาอัตโนมัติตามบริบทของคำสั่งที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป พร้อมฟีเจอร์ Cameo ที่ให้ผู้ใช้ใส่อวาตาร์เสมือนจริงของตนเองลงในวิดีโอได้อย่างสมจริง แม้จะเปิดให้ใช้งานเฉพาะในอเมริกาเหนือ และต้องได้รับคำเชิญเท่านั้น แต่ Sora ก็สามารถทำยอดดาวน์โหลดทะลุ 1 ล้านครั้งภายในเวลาไม่ถึง 5 วัน หรือเฉลี่ย 200,000 ครั้งต่อวัน ซึ่งถือว่าเร็วกว่า ChatGPT ในช่วงเปิดตัวเสียอีก แอปมีหน้าฟีดแบบ TikTok ที่แสดงวิดีโอที่สร้างด้วย AI ตามความสนใจของผู้ใช้ และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในหมู่ผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการสร้างคอนเทนต์แบบใหม่ อย่างไรก็ตาม Sora ก็เผชิญกับข้อถกเถียงเรื่องลิขสิทธิ์ เมื่อมีผู้ใช้สร้างตัวละครจากซีรีส์ดัง เช่น SpongeBob, Rick and Morty และ South Park โดยเปลี่ยนเนื้อเรื่องเดิม ซึ่งทำให้สมาคมภาพยนตร์สหรัฐฯ (MPA) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ OpenAI “ดำเนินการอย่างเด็ดขาด” เพื่อควบคุมการละเมิดนี้ OpenAI เตรียมเพิ่มระบบควบคุมให้เจ้าของลิขสิทธิ์สามารถจัดการการสร้างตัวละครและเนื้อหาได้ละเอียดขึ้น เพื่อป้องกันการละเมิดในอนาคต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ แอป Sora จาก OpenAI ใช้โมเดล Sora 2 สำหรับสร้างวิดีโอจากข้อความหรือภาพนิ่ง ➡️ ฟีเจอร์ Cameo ให้ผู้ใช้ใส่อวาตาร์เสมือนจริงลงในวิดีโอ ➡️ แอปเพิ่มเสียง ดนตรี และบทสนทนาอัตโนมัติตามคำสั่ง ➡️ มีหน้าฟีดแบบ TikTok ที่แสดงวิดีโอ AI ตามความสนใจของผู้ใช้ ➡️ Sora ทำยอดดาวน์โหลดทะลุ 1 ล้านครั้งใน 5 วัน เฉลี่ย 200,000 ครั้งต่อวัน ➡️ เปิดใช้งานเฉพาะในอเมริกาเหนือ และต้องได้รับคำเชิญเท่านั้น ➡️ เร็วกว่า ChatGPT ในช่วงเปิดตัว แม้จำกัดการเข้าถึง ➡️ ผู้ใช้สามารถสร้างตัวละครใหม่ในซีรีส์ดังได้ผ่านแอป ➡️ MPA เรียกร้องให้ OpenAI ควบคุมการละเมิดลิขสิทธิ์ ➡️ OpenAI เตรียมเพิ่มระบบควบคุมให้เจ้าของลิขสิทธิ์จัดการเนื้อหาได้ละเอียดขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Sora 2 เป็นโมเดล text-to-video ที่ใช้ deep learning ในการสร้างภาพเคลื่อนไหว ➡️ การสร้างวิดีโอจากภาพนิ่งช่วยให้ผู้ใช้มีวิธีเล่าเรื่องแบบใหม่ ➡️ Cameo avatars ใช้เทคโนโลยี generative face synthesis เพื่อความสมจริง ➡️ การเพิ่มเสียงและบทสนทนาอัตโนมัติช่วยลดเวลาในการตัดต่อวิดีโอ ➡️ การจำกัดการเข้าถึงแบบ invite-only เป็นกลยุทธ์ควบคุมคุณภาพและความปลอดภัย https://wccftech.com/openais-sora-video-app-now-averaging-200k-downloads-per-day-despite-invite-only-access/
    WCCFTECH.COM
    OpenAI's Sora Video App Now Averaging 200K Downloads Per Day, Despite Invite-Only Access
    OpenAI seems to have hit a home run with Sora, its new app for AI-generated videos, judging by the app's accelerating download trend.
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 Reviews
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 8
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 8 (ตอนจบ)

    ตั้งแต่อเมริกาบีบให้สหประชาชาติคว่ำบาตรอิหร่าน ตั้งแต่ปี ค.ศ.2006 อิหร่านก็เปิดประตูรับแขกตะวันตกน้อยลง โดยเฉพาะสัญชาติอเมริกัน สมน้ำหน้า ! เขาไม่รับให้เข้าไปเดินเล่นในประเทศ แล้วคุยผ่านคนกลาง มันจะน่าเชื่อถือได้มากหรือน้อย อิหร่านทำตัวต่างกับสมันน้อย ที่เปิดมันหมดทั้งประตูหน้า ประตูหลัง หน้าต่างมีกี่บานเปิดถ่างมันหมด ข้อมูลทุกอย่างก็ไหลเหมือนท่อแตก ทำให้การวางแผนควบคุม (ไม่อยากใช้คำว่า เขมือบหรือขม้ำ มันแสลงใจกัน) สมันน้อย จึงเหมือนแค่ปลอกกล้วยให้ลิงกิน

    ตั้งแต่รบกับอินเดียนแดงชนะ ได้แผ่นดินเขามาครอง อเมริกาเคยรบข้าศึก หรือ ศัตรูในประเทศตัวเองบ้างไหม คำตอบคือไม่เคยเลย เคยแต่รบกันเอง เดินดาหน้าเป็นแถว ยิงปืนใส่กัน สมัยสงครามกลางเมืองเหนือใต้หลายร้อยปีมาแล้ว นอกนั้นอเมริการบนอกบ้านทั้งสิ้น แล้วการรบของอเมริกาที่นอกบ้านเป็นอย่างไร ที่เกาหลี เวียตนาม อาฟกานีสถาน และอิรัก รวมทั้งหลายแห่งในอาฟริกา ล้วนเป็นการรบกับประเทศที่ด้อยกว่าทั้งด้านอาวุธและฝีมือ อเมริกาใช้เวลา อาวุธ และกำลังพล เหมือนขี่ช้างไปจับตั๊กแตน และผลลัพธ์ ถ้าไม่แพ้น๊อกเช่นที่เวียตนาม ก็แพ้คะแนนในการรบทุกแห่ง ยกเว้นอาฟริกา ที่เหมือนรบกับคนใกล้ตาย อันนี้เป็นคำกล่าวของนายทหารอเมริกันเอง แล้วอิหร่านเป็นตั๊กแตนแน่หรือ ถ้าเป็นตั๊กแตน ก็ตั๊กแตนติดนิวเคลียร์ ดูเอาจากรายงานของคณะทำงานฉบับวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2006 ก็คงจะพอเดากันออก

    อเมริกาที่ใครๆคิดว่าแน่ คิดว่าใหญ่ เป็นพี่เบิ้มครองโลกหมายเลขหนึ่ง ดูเหมือนจะเก่งทางสร้างภาพผ่านสื่อ เอะอะก็ขู่จะเอากองทัพไปถล่มเขา เห็นลมพัดใบตองแห้งเป็นไม่ได้ ต้องออกเสียง แต่ก็ยังมีหลายคนในแดนสมันน้อย ที่กลัวพี่เบิ้มใบตองแห้ง จนไม่กล้าขยับหนี คงเพราะถูกครอบด้วยกระป๋องสี่เหลี่ยมติดตายอยู่ที่หัว หรืออิ่มจนพูดไม่ออก เฮ้อ! เหนื่อยใจ! ไม่เบื่อกระป๋องสี่เหลี่ยม คิดถอดออกบ้างหรือไงครับ…!?

    ถึงอิหร่านจะถูกจับเป็นเหยื่อ มาเป็นเวลานานกว่า 100 ปี แต่ไม่ได้หม่ายความว่า เมื่อตกเป็นเหยื่อแล้ว จะต้องเป็นเหยื่อเขาไปตลอดกาล เหยื่อที่อ่อนแอเท่านั้นที่คิดเช่นนั้น อิหร่านบอกว่าข้อเสนอของคาวบอย Bush เมื่อกลางปี ค.ศ.2006 เหมือนกับให้รัฐบาลอิหร่านไปเลียเกือกบู๊ทของ Bush ต่อหน้าสาธารณะ และเป็นการจบสิ้นศักดิ์ศรีทางการ เมืองของอิหร่าน “ Bush might as well have offered the Iranian regime a chance to lick his boots in public and commit political suicide…”

    เดือนตุลาคม ค.ศ.2007 คุณพี่ปูตินทำให้โลกอ้าปากค้าง มองตาไม่กระพริบ คุณพี่เดินทางไปอิหร่านอย่างเป็นทางการในฐานะหัวหน้ารัฐบาลของรัสเซีย หลังจากรัสเซียไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนอิหร่านมา 60 ปี คุณพี่ประกาศในการไปเยี่ยมอิหร่านว่า รัสเซียจะปกป้องอิหร่านจากการคุกคามของอเมริกา เหมือนเป็นทางการเตือนผ่านไปในอากาศ ข้ามทวีปไปถึงคาวบอย Bush ว่า “โปรดระวัง” เตือนมา 7 ปีมาแล้ว การเตือนนี้จะยังมีผลอยู่หรือไม่ น่าติดตาม

    เสียงเตือนของคุณพี่ปูติน ถูกแปลงเป็นการเร่งเครื่อง คาวบอยอเมริกันเหมือนถูกหยามหน้า Pentagon รายงานว่า มีการหารือกันถึงการวางแผนจะให้ของขวัญอิหร่าน จะเอาแบบ “a broad bombing attack” ทิ้งระเบิดแบบปูพรมทั่วไปทั้งเตหะราน หรือเอาแบบ “surgical” ส่งให้เฉพาะกองทัพของอิหร่านดีนะ เรือรบจำนวนกว่าครึ่งของกองทัพเรืออเมริกา ถูกสั่งให้พร้อมเคลื่อนที่ประชิดอิหร่าน หน่วยงานความมั่นคงของอเมริกา National Security Strategy ออกข่าวในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 ว่า “เราอาจจะไม่เคยเจอประเทศใดเพียงประเทศเดียว ที่ท้าทายเราได้มากเท่าอิหร่าน !” เป็นคำพูดที่น่ากลัวมาก จากหน่วยงานความมั่นคง ของนักล่าใบตองแห้ง
    เจ้าหน้าที่อเมริกันบันทึกว่า การแข่งขันระหว่างอเมริกา รัสเซีย ได้เริ่มต้นใหม่อีกแล้ว การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่มันเป็นการแข่งขันชิงตำแหน่ง แชมป์โลก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการทหารในตะวันออกกลาง และเลยไปกว่านั้น แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ มันก็มีแต่การคว่ำบาตรกับการส่งเสียงใส่ใบตองแห้ง พี่เบิ้มอเมริกายังไม่ขยับเข้าไปใกล้เหยื่อชื่ออิหร่านมากกว่านั้น ยังปล่อยให้คาคออยู่อย่างนั้น

    จะเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ต้องมีอุปกรณ์พร้อมอย่างน้อย 3 อย่าง อาวุธหนัก ทุนหนา และน้ำมันแน่น (ถัง) มันเป็นส่วนผสมที่เสริมสร้างกันเอง ดังนั้นอเมริกาต้อง “ได้” ตะวันออกกลาง ที่มีแหล่งน้ำมันกว่าครึ่งของโลก แต่จะได้ตะวันออกกลางอยู่ในมือเบ็ดเสร็จ ต้องจัดการเอาซาอุดิอารเบีย และอิหร่าน 2 ประเทศใหญ่ของตะวันออกกลาง มาอยู่ในกรงเลี้ยงให้เชื่อง

    ซาอุดิอารเบียติดอาหารยี่ห้อกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์จนอิ่มแปร้ เกาะนิ่ง แม้บางครั้งจะออกอาการกระสับกระส่าย แต่ไม่ออกฤทธิ์ ตรงกันข้ามกับเหยื่อชื่ออิหร่าน

    อิหร่านดิ้นรน ออกแรง เพื่อให้หลุดจากกรงเหยื่อมานาน และอเมริกาก็ใช้สารพัดกับดัก ไม้เสี้ยม ไม้เสียบเพื่อให้เหยื่อเชื่องอยู่มือ อเมริกาคิดว่าเหยื่อทุกรายในตะวัน ออกกลาง (และดูเหมือนจะทั้งโลก !) จะชอบอาหารยี่ห้อเดียวกัน อาจจะใช่ แต่ไม่แน่ว่าจะเสมอไป และตลอดไป เมื่อหมดหนทางทำให้เหยื่อเชื่อง อเมริกาก็ตัดสินใจทำลายเหยื่ออย่างเหี้ยมโหด

    อิหร่านไม่หวังจะเป็นเหยื่อตลอดกาล แต่จะสู้โดยลำพัง ไม่แน่ว่าจะหลุดจากกรงได้ อิหร่านรู้จักสร้างแนวร่วม อิรัก เลบานอน และซีเรีย ซึ่งค่อยๆย้ายที่มายืนแถวเดียวกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ อิหร่านรู้จักแยกว่าใครคือเพื่อน และใครคือศัตรู

    สำหรับรัสเซียและจีน เพื่อไม่ให้อเมริกาครอบครองตะวันออกกลางทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ทั้งรัสเซียและจีนเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหาย จึงมีแต่จะต้องสนันสนุนอิหร่านให้เข้มแข็ง ให้เป็นไม้ขวางที่หนักและเคลื่อนย้ายยาก เหมือนท่อนซุงขวางทาง ไม่ให้อเมริกาก้าวครอบตะวันออก กลางทั้งหมดได้ง่ายๆ ยิ่งบวกอิรัก ซีเรีย และเลบานอน เข้าไปด้วย 4 ประเทศ รวมเป็นเสี้ยวพระจันทร์ อเมริกาเห็นแล้วก็คงหนาว ขบวนการเข้าไปในอิรัก ฉายหนังโหดซ้ำซากรอบหลังนี้ และการทำลายซีเรีย ซึ่งไม่น่าต้องถามว่าฝีมือใคร

    นับตั้งแต่คุณพี่ปูติน เดินเข้าไปจับมือกับอิหร่านเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว สัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน รวมทั้งจีน ดูเหมือนยิ่งกระชับและชิดแน่น การสนับสนุนร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ มีทั้งเปิดเผยและปิดลับ มันเป็นการเปิดทางให้เหยื่อก้าวย่างออกจากกรงอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นใจ

    อิหร่านถูกเหล่านักล่าตะวันตก ขูดเลือดเอาน้ำมันมากว่า 70 ปี จนถึงทุกวันนี้ก็ยังถูกขูดอยู่ ผ่านสงครามโลกมา 2 ครั้ง ก็ยังถูกหลอก ถูกย่ำยี จนศักดิ์ศรีของประเทศและประชาชนกร่อนแห้ง จากถูกอังกฤษขูดเลือด มาถูกอเมริกาเลาะเนื้อเถือกระดูกต่อ คนอิหร่านยอมลำบาก แต่ไม่ยอมก้มหัวเป็นเหยื่ออีกต่อไป

    เมื่อเหยื่อรายสำคัญ ตัดสินใจเลือกเดินออกจากกรง อเมริกาจะปล่อยมือ เปิดกรงให้ง่ายๆเช่นนั้นหรือ อเมริกาน่าจะคิดหนัก แต่ดูเหมือนเสียง “โปรดระวัง” ของคุณพี่ปูตินจะลอยลมมาผ่านข้ามไปอีกฟากหนึ่งของโลก..….ให้อเมริกาได้ยิน…..อีกรอบหนึ่ง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 8 (ตอนจบ) ตั้งแต่อเมริกาบีบให้สหประชาชาติคว่ำบาตรอิหร่าน ตั้งแต่ปี ค.ศ.2006 อิหร่านก็เปิดประตูรับแขกตะวันตกน้อยลง โดยเฉพาะสัญชาติอเมริกัน สมน้ำหน้า ! เขาไม่รับให้เข้าไปเดินเล่นในประเทศ แล้วคุยผ่านคนกลาง มันจะน่าเชื่อถือได้มากหรือน้อย อิหร่านทำตัวต่างกับสมันน้อย ที่เปิดมันหมดทั้งประตูหน้า ประตูหลัง หน้าต่างมีกี่บานเปิดถ่างมันหมด ข้อมูลทุกอย่างก็ไหลเหมือนท่อแตก ทำให้การวางแผนควบคุม (ไม่อยากใช้คำว่า เขมือบหรือขม้ำ มันแสลงใจกัน) สมันน้อย จึงเหมือนแค่ปลอกกล้วยให้ลิงกิน ตั้งแต่รบกับอินเดียนแดงชนะ ได้แผ่นดินเขามาครอง อเมริกาเคยรบข้าศึก หรือ ศัตรูในประเทศตัวเองบ้างไหม คำตอบคือไม่เคยเลย เคยแต่รบกันเอง เดินดาหน้าเป็นแถว ยิงปืนใส่กัน สมัยสงครามกลางเมืองเหนือใต้หลายร้อยปีมาแล้ว นอกนั้นอเมริการบนอกบ้านทั้งสิ้น แล้วการรบของอเมริกาที่นอกบ้านเป็นอย่างไร ที่เกาหลี เวียตนาม อาฟกานีสถาน และอิรัก รวมทั้งหลายแห่งในอาฟริกา ล้วนเป็นการรบกับประเทศที่ด้อยกว่าทั้งด้านอาวุธและฝีมือ อเมริกาใช้เวลา อาวุธ และกำลังพล เหมือนขี่ช้างไปจับตั๊กแตน และผลลัพธ์ ถ้าไม่แพ้น๊อกเช่นที่เวียตนาม ก็แพ้คะแนนในการรบทุกแห่ง ยกเว้นอาฟริกา ที่เหมือนรบกับคนใกล้ตาย อันนี้เป็นคำกล่าวของนายทหารอเมริกันเอง แล้วอิหร่านเป็นตั๊กแตนแน่หรือ ถ้าเป็นตั๊กแตน ก็ตั๊กแตนติดนิวเคลียร์ ดูเอาจากรายงานของคณะทำงานฉบับวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2006 ก็คงจะพอเดากันออก อเมริกาที่ใครๆคิดว่าแน่ คิดว่าใหญ่ เป็นพี่เบิ้มครองโลกหมายเลขหนึ่ง ดูเหมือนจะเก่งทางสร้างภาพผ่านสื่อ เอะอะก็ขู่จะเอากองทัพไปถล่มเขา เห็นลมพัดใบตองแห้งเป็นไม่ได้ ต้องออกเสียง แต่ก็ยังมีหลายคนในแดนสมันน้อย ที่กลัวพี่เบิ้มใบตองแห้ง จนไม่กล้าขยับหนี คงเพราะถูกครอบด้วยกระป๋องสี่เหลี่ยมติดตายอยู่ที่หัว หรืออิ่มจนพูดไม่ออก เฮ้อ! เหนื่อยใจ! ไม่เบื่อกระป๋องสี่เหลี่ยม คิดถอดออกบ้างหรือไงครับ…!? ถึงอิหร่านจะถูกจับเป็นเหยื่อ มาเป็นเวลานานกว่า 100 ปี แต่ไม่ได้หม่ายความว่า เมื่อตกเป็นเหยื่อแล้ว จะต้องเป็นเหยื่อเขาไปตลอดกาล เหยื่อที่อ่อนแอเท่านั้นที่คิดเช่นนั้น อิหร่านบอกว่าข้อเสนอของคาวบอย Bush เมื่อกลางปี ค.ศ.2006 เหมือนกับให้รัฐบาลอิหร่านไปเลียเกือกบู๊ทของ Bush ต่อหน้าสาธารณะ และเป็นการจบสิ้นศักดิ์ศรีทางการ เมืองของอิหร่าน “ Bush might as well have offered the Iranian regime a chance to lick his boots in public and commit political suicide…” เดือนตุลาคม ค.ศ.2007 คุณพี่ปูตินทำให้โลกอ้าปากค้าง มองตาไม่กระพริบ คุณพี่เดินทางไปอิหร่านอย่างเป็นทางการในฐานะหัวหน้ารัฐบาลของรัสเซีย หลังจากรัสเซียไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนอิหร่านมา 60 ปี คุณพี่ประกาศในการไปเยี่ยมอิหร่านว่า รัสเซียจะปกป้องอิหร่านจากการคุกคามของอเมริกา เหมือนเป็นทางการเตือนผ่านไปในอากาศ ข้ามทวีปไปถึงคาวบอย Bush ว่า “โปรดระวัง” เตือนมา 7 ปีมาแล้ว การเตือนนี้จะยังมีผลอยู่หรือไม่ น่าติดตาม เสียงเตือนของคุณพี่ปูติน ถูกแปลงเป็นการเร่งเครื่อง คาวบอยอเมริกันเหมือนถูกหยามหน้า Pentagon รายงานว่า มีการหารือกันถึงการวางแผนจะให้ของขวัญอิหร่าน จะเอาแบบ “a broad bombing attack” ทิ้งระเบิดแบบปูพรมทั่วไปทั้งเตหะราน หรือเอาแบบ “surgical” ส่งให้เฉพาะกองทัพของอิหร่านดีนะ เรือรบจำนวนกว่าครึ่งของกองทัพเรืออเมริกา ถูกสั่งให้พร้อมเคลื่อนที่ประชิดอิหร่าน หน่วยงานความมั่นคงของอเมริกา National Security Strategy ออกข่าวในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 ว่า “เราอาจจะไม่เคยเจอประเทศใดเพียงประเทศเดียว ที่ท้าทายเราได้มากเท่าอิหร่าน !” เป็นคำพูดที่น่ากลัวมาก จากหน่วยงานความมั่นคง ของนักล่าใบตองแห้ง เจ้าหน้าที่อเมริกันบันทึกว่า การแข่งขันระหว่างอเมริกา รัสเซีย ได้เริ่มต้นใหม่อีกแล้ว การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่มันเป็นการแข่งขันชิงตำแหน่ง แชมป์โลก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการทหารในตะวันออกกลาง และเลยไปกว่านั้น แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ มันก็มีแต่การคว่ำบาตรกับการส่งเสียงใส่ใบตองแห้ง พี่เบิ้มอเมริกายังไม่ขยับเข้าไปใกล้เหยื่อชื่ออิหร่านมากกว่านั้น ยังปล่อยให้คาคออยู่อย่างนั้น จะเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ต้องมีอุปกรณ์พร้อมอย่างน้อย 3 อย่าง อาวุธหนัก ทุนหนา และน้ำมันแน่น (ถัง) มันเป็นส่วนผสมที่เสริมสร้างกันเอง ดังนั้นอเมริกาต้อง “ได้” ตะวันออกกลาง ที่มีแหล่งน้ำมันกว่าครึ่งของโลก แต่จะได้ตะวันออกกลางอยู่ในมือเบ็ดเสร็จ ต้องจัดการเอาซาอุดิอารเบีย และอิหร่าน 2 ประเทศใหญ่ของตะวันออกกลาง มาอยู่ในกรงเลี้ยงให้เชื่อง ซาอุดิอารเบียติดอาหารยี่ห้อกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์จนอิ่มแปร้ เกาะนิ่ง แม้บางครั้งจะออกอาการกระสับกระส่าย แต่ไม่ออกฤทธิ์ ตรงกันข้ามกับเหยื่อชื่ออิหร่าน อิหร่านดิ้นรน ออกแรง เพื่อให้หลุดจากกรงเหยื่อมานาน และอเมริกาก็ใช้สารพัดกับดัก ไม้เสี้ยม ไม้เสียบเพื่อให้เหยื่อเชื่องอยู่มือ อเมริกาคิดว่าเหยื่อทุกรายในตะวัน ออกกลาง (และดูเหมือนจะทั้งโลก !) จะชอบอาหารยี่ห้อเดียวกัน อาจจะใช่ แต่ไม่แน่ว่าจะเสมอไป และตลอดไป เมื่อหมดหนทางทำให้เหยื่อเชื่อง อเมริกาก็ตัดสินใจทำลายเหยื่ออย่างเหี้ยมโหด อิหร่านไม่หวังจะเป็นเหยื่อตลอดกาล แต่จะสู้โดยลำพัง ไม่แน่ว่าจะหลุดจากกรงได้ อิหร่านรู้จักสร้างแนวร่วม อิรัก เลบานอน และซีเรีย ซึ่งค่อยๆย้ายที่มายืนแถวเดียวกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ อิหร่านรู้จักแยกว่าใครคือเพื่อน และใครคือศัตรู สำหรับรัสเซียและจีน เพื่อไม่ให้อเมริกาครอบครองตะวันออกกลางทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ทั้งรัสเซียและจีนเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหาย จึงมีแต่จะต้องสนันสนุนอิหร่านให้เข้มแข็ง ให้เป็นไม้ขวางที่หนักและเคลื่อนย้ายยาก เหมือนท่อนซุงขวางทาง ไม่ให้อเมริกาก้าวครอบตะวันออก กลางทั้งหมดได้ง่ายๆ ยิ่งบวกอิรัก ซีเรีย และเลบานอน เข้าไปด้วย 4 ประเทศ รวมเป็นเสี้ยวพระจันทร์ อเมริกาเห็นแล้วก็คงหนาว ขบวนการเข้าไปในอิรัก ฉายหนังโหดซ้ำซากรอบหลังนี้ และการทำลายซีเรีย ซึ่งไม่น่าต้องถามว่าฝีมือใคร นับตั้งแต่คุณพี่ปูติน เดินเข้าไปจับมือกับอิหร่านเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว สัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน รวมทั้งจีน ดูเหมือนยิ่งกระชับและชิดแน่น การสนับสนุนร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ มีทั้งเปิดเผยและปิดลับ มันเป็นการเปิดทางให้เหยื่อก้าวย่างออกจากกรงอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นใจ อิหร่านถูกเหล่านักล่าตะวันตก ขูดเลือดเอาน้ำมันมากว่า 70 ปี จนถึงทุกวันนี้ก็ยังถูกขูดอยู่ ผ่านสงครามโลกมา 2 ครั้ง ก็ยังถูกหลอก ถูกย่ำยี จนศักดิ์ศรีของประเทศและประชาชนกร่อนแห้ง จากถูกอังกฤษขูดเลือด มาถูกอเมริกาเลาะเนื้อเถือกระดูกต่อ คนอิหร่านยอมลำบาก แต่ไม่ยอมก้มหัวเป็นเหยื่ออีกต่อไป เมื่อเหยื่อรายสำคัญ ตัดสินใจเลือกเดินออกจากกรง อเมริกาจะปล่อยมือ เปิดกรงให้ง่ายๆเช่นนั้นหรือ อเมริกาน่าจะคิดหนัก แต่ดูเหมือนเสียง “โปรดระวัง” ของคุณพี่ปูตินจะลอยลมมาผ่านข้ามไปอีกฟากหนึ่งของโลก..….ให้อเมริกาได้ยิน…..อีกรอบหนึ่ง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 กันยายน 2557
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • ♣ งามไส้รัฐมนตรีคนนอก สร้างเงื่อนไขเอื้อพลังงานให้กัมพูชา
    สอดไส้ผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนการเงิน และสร้างภาพลดค่าครองชีพ
    #7ดอกจิก
    ♣ งามไส้รัฐมนตรีคนนอก สร้างเงื่อนไขเอื้อพลังงานให้กัมพูชา สอดไส้ผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนการเงิน และสร้างภาพลดค่าครองชีพ #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 0 Reviews
  • กองทัพบกเผย กัมพูชาบิดเบือนข้อมูล สร้างภาพถูกกระทำ หลังไทยเตรียมใช้กฎหมายผลักดันรุกล้ำชายแดนสระแก้ว
    https://www.thai-tai.tv/news/21830/
    .
    #ไทยไท #กองทัพบก #ชายแดนไทยกัมพูชา #รุกล้ำอธิปไตย #กฎอัยการศึก #สระแก้ว #วินธัยสุวารี

    กองทัพบกเผย กัมพูชาบิดเบือนข้อมูล สร้างภาพถูกกระทำ หลังไทยเตรียมใช้กฎหมายผลักดันรุกล้ำชายแดนสระแก้ว https://www.thai-tai.tv/news/21830/ . #ไทยไท #กองทัพบก #ชายแดนไทยกัมพูชา #รุกล้ำอธิปไตย #กฎอัยการศึก #สระแก้ว #วินธัยสุวารี
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • “Gemini พุ่งแรง 46% แต่ ChatGPT ยังครองใจผู้ใช้ — ศึก GenAI ที่วัดกันด้วยความภักดีมากกว่าปริมาณ”

    รายงานล่าสุดจาก Similarweb เผยว่า Google Gemini มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนกันยายน 2025 มีผู้เข้าชมถึง 1.1 พันล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 46% จากเดือนสิงหาคม ถือเป็นการเติบโตที่น่าจับตามองในตลาด GenAI ที่แข่งขันกันดุเดือด

    อย่างไรก็ตาม แม้ Gemini จะขยับขึ้นมาเป็นอันดับสองในส่วนแบ่งตลาด (13.7%) แต่ ChatGPT ยังคงครองอันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่ง 73.8% และมีจำนวนผู้ใช้งานถึง 5.9 พันล้านครั้งในเดือนเดียว ทำให้ ChatGPT.com ติดอันดับเว็บไซต์ยอดนิยมอันดับ 5 ของโลก

    สิ่งที่ทำให้ ChatGPT ยังคงแข็งแกร่งคือ “ความภักดีของผู้ใช้” โดย 82.2% ของผู้ใช้ ChatGPT ไม่เคยเข้าใช้งาน GenAI ตัวอื่นเลย ขณะที่ Gemini มีอัตราความภักดีอยู่ที่ 49.1% และคู่แข่งอื่น ๆ อย่าง Grok, Perplexity และ Claude อยู่ที่ 35.6%, 33.1% และ 18% ตามลำดับ

    การเติบโตของ Gemini อาจได้รับแรงหนุนจากกระแสไม่พอใจในฟีเจอร์ “GPT-5 Instant” ของ ChatGPT ซึ่งจะเปลี่ยนโมเดลอัตโนมัติเมื่อพบว่าผู้ใช้มีอารมณ์หรือเนื้อหาที่อ่อนไหว โดยมีผู้ใช้บางรายแสดงความไม่พอใจว่า “ระบบ nanny mode” นี้รบกวนการใช้งานและทำให้ต้องแก้ข้อความเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเปลี่ยนโมเดล

    แม้จะมีเสียงวิจารณ์ แต่ OpenAI ยืนยันว่าฟีเจอร์นี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ในภาวะวิกฤต และจะบอกผู้ใช้เสมอว่าโมเดลใดกำลังทำงานอยู่

    Gemini ยังมีจุดแข็งในด้านฟีเจอร์บางอย่างที่ ChatGPT ยังไม่มี เช่น การสร้างภาพใน Google Sheets, การแก้สูตร, การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Google Home และการใช้งานใน Chrome Desktop สำหรับผู้ใช้ Pro และ Ultra

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Gemini มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 46% ในเดือนกันยายน 2025 รวมเป็น 1.1 พันล้านครั้ง
    ส่วนแบ่งตลาดของ Gemini เพิ่มจาก 9.1% เป็น 13.7%
    ChatGPT ยังคงครองอันดับหนึ่งด้วย 5.9 พันล้านครั้ง และส่วนแบ่ง 73.8%
    ChatGPT.com เป็นเว็บไซต์อันดับ 5 ของโลกในเดือนกันยายน
    ความภักดีของผู้ใช้ ChatGPT อยู่ที่ 82.2% สูงที่สุดในตลาด GenAI
    Gemini มีความภักดีของผู้ใช้ที่ 49.1% ตามด้วย Grok, Perplexity และ Claude
    ChatGPT เปิดตัว GPT-5 Instant เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ในภาวะอ่อนไหว
    Gemini มีฟีเจอร์เฉพาะ เช่น การแก้สูตรใน Sheets และการเชื่อมต่อกับ Google Home

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GPT-5 Instant เป็นโมเดลที่ถูกเรียกใช้เมื่อระบบตรวจพบเนื้อหาที่อ่อนไหว
    Similarweb เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
    Gemini 2.5 Flash เป็นเวอร์ชันล่าสุดที่เน้นความเร็วและการเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ Google
    ChatGPT มีการใช้งานเฉลี่ย 2.5 พันล้าน prompt ต่อวัน
    Claude และ Perplexity เน้นการใช้งานเฉพาะกลุ่ม เช่น นักพัฒนาและนักวิจัย

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-gemini-just-saw-a-46-percent-spike-in-traffic-but-chatgpt-still-has-the-most-loyal-users
    📊 “Gemini พุ่งแรง 46% แต่ ChatGPT ยังครองใจผู้ใช้ — ศึก GenAI ที่วัดกันด้วยความภักดีมากกว่าปริมาณ” รายงานล่าสุดจาก Similarweb เผยว่า Google Gemini มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนกันยายน 2025 มีผู้เข้าชมถึง 1.1 พันล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 46% จากเดือนสิงหาคม ถือเป็นการเติบโตที่น่าจับตามองในตลาด GenAI ที่แข่งขันกันดุเดือด อย่างไรก็ตาม แม้ Gemini จะขยับขึ้นมาเป็นอันดับสองในส่วนแบ่งตลาด (13.7%) แต่ ChatGPT ยังคงครองอันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่ง 73.8% และมีจำนวนผู้ใช้งานถึง 5.9 พันล้านครั้งในเดือนเดียว ทำให้ ChatGPT.com ติดอันดับเว็บไซต์ยอดนิยมอันดับ 5 ของโลก สิ่งที่ทำให้ ChatGPT ยังคงแข็งแกร่งคือ “ความภักดีของผู้ใช้” โดย 82.2% ของผู้ใช้ ChatGPT ไม่เคยเข้าใช้งาน GenAI ตัวอื่นเลย ขณะที่ Gemini มีอัตราความภักดีอยู่ที่ 49.1% และคู่แข่งอื่น ๆ อย่าง Grok, Perplexity และ Claude อยู่ที่ 35.6%, 33.1% และ 18% ตามลำดับ การเติบโตของ Gemini อาจได้รับแรงหนุนจากกระแสไม่พอใจในฟีเจอร์ “GPT-5 Instant” ของ ChatGPT ซึ่งจะเปลี่ยนโมเดลอัตโนมัติเมื่อพบว่าผู้ใช้มีอารมณ์หรือเนื้อหาที่อ่อนไหว โดยมีผู้ใช้บางรายแสดงความไม่พอใจว่า “ระบบ nanny mode” นี้รบกวนการใช้งานและทำให้ต้องแก้ข้อความเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเปลี่ยนโมเดล แม้จะมีเสียงวิจารณ์ แต่ OpenAI ยืนยันว่าฟีเจอร์นี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ในภาวะวิกฤต และจะบอกผู้ใช้เสมอว่าโมเดลใดกำลังทำงานอยู่ Gemini ยังมีจุดแข็งในด้านฟีเจอร์บางอย่างที่ ChatGPT ยังไม่มี เช่น การสร้างภาพใน Google Sheets, การแก้สูตร, การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Google Home และการใช้งานใน Chrome Desktop สำหรับผู้ใช้ Pro และ Ultra ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Gemini มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 46% ในเดือนกันยายน 2025 รวมเป็น 1.1 พันล้านครั้ง ➡️ ส่วนแบ่งตลาดของ Gemini เพิ่มจาก 9.1% เป็น 13.7% ➡️ ChatGPT ยังคงครองอันดับหนึ่งด้วย 5.9 พันล้านครั้ง และส่วนแบ่ง 73.8% ➡️ ChatGPT.com เป็นเว็บไซต์อันดับ 5 ของโลกในเดือนกันยายน ➡️ ความภักดีของผู้ใช้ ChatGPT อยู่ที่ 82.2% สูงที่สุดในตลาด GenAI ➡️ Gemini มีความภักดีของผู้ใช้ที่ 49.1% ตามด้วย Grok, Perplexity และ Claude ➡️ ChatGPT เปิดตัว GPT-5 Instant เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ในภาวะอ่อนไหว ➡️ Gemini มีฟีเจอร์เฉพาะ เช่น การแก้สูตรใน Sheets และการเชื่อมต่อกับ Google Home ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GPT-5 Instant เป็นโมเดลที่ถูกเรียกใช้เมื่อระบบตรวจพบเนื้อหาที่อ่อนไหว ➡️ Similarweb เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ➡️ Gemini 2.5 Flash เป็นเวอร์ชันล่าสุดที่เน้นความเร็วและการเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ Google ➡️ ChatGPT มีการใช้งานเฉลี่ย 2.5 พันล้าน prompt ต่อวัน ➡️ Claude และ Perplexity เน้นการใช้งานเฉพาะกลุ่ม เช่น นักพัฒนาและนักวิจัย https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/google-gemini-just-saw-a-46-percent-spike-in-traffic-but-chatgpt-still-has-the-most-loyal-users
    WWW.TECHRADAR.COM
    Gemini AI is having a moment with surging traffic, and ChatGPT might be helping without meaning to
    Gemini visits are up sharply – but ChatGPT users aren’t switching sides just yet
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • “Applied Materials เปิดตัว 3 ระบบใหม่พลิกโฉมการผลิตชิป — รองรับ AI ยุค 2nm และ 3D อย่างเต็มรูปแบบ”

    Applied Materials บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก ได้เปิดตัวระบบใหม่ 3 รายการที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับการผลิตชิปให้รองรับความต้องการของยุค AI โดยเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงาน และรองรับโครงสร้างชิปที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น Gate-All-Around (GAA), DRAM ความเร็วสูง และการแพ็กเกจแบบ 3D

    1️⃣ ระบบแรกคือ Kinex Bonding System ซึ่งเป็นเครื่องไฮบริดบอนเดอร์แบบ die-to-wafer ตัวแรกของอุตสาหกรรม โดยร่วมพัฒนากับบริษัท Besi จากเนเธอร์แลนด์ ระบบนี้รวมขั้นตอนการบอนด์ทั้งหมดไว้ในเครื่องเดียว ทำให้สามารถจัดการแพ็กเกจแบบ multi-die ได้ดีขึ้น ลดระยะเวลาและความคลาดเคลื่อนในการประกอบ และรองรับการเชื่อมต่อแบบ copper-to-copper ที่แม่นยำและประหยัดพลังงาน

    2️⃣ ระบบที่สองคือ Centura Xtera Epi System สำหรับการสร้างทรานซิสเตอร์ GAA ที่ระดับ 2nm และต่ำกว่า โดยใช้กระบวนการ epitaxial deposition แบบใหม่ที่สามารถเติมวัสดุในร่องลึกของทรานซิสเตอร์ได้อย่างสม่ำเสมอ ลดการเกิดช่องว่างและเพิ่มความแม่นยำในการเติบโตของวัสดุถึง 40% พร้อมลดการใช้แก๊สลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับระบบเดิม

    3️⃣ ระบบสุดท้ายคือ PROVision 10 eBeam Metrology System ซึ่งเป็นเครื่องวัดขนาดและภาพแบบอิเล็กตรอนที่ใช้เทคโนโลยี cold field emission (CFE) ทำให้สามารถสร้างภาพระดับ sub-nanometer ได้เร็วขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับระบบเดิม รองรับการวัดโครงสร้าง 3D ที่ซับซ้อน เช่น DRAM รุ่นใหม่, 3D NAND และทรานซิสเตอร์แบบ backside power delivery

    ทั้งสามระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการผลิตชิปที่ใช้ในงาน AI โดยเฉพาะ เช่น GPU, HPC และระบบ edge computing ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและการจัดการพลังงานที่ดีเยี่ยม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Applied Materials เปิดตัว 3 ระบบใหม่เพื่อการผลิตชิปยุค AI
    Kinex Bonding System เป็น die-to-wafer hybrid bonder ตัวแรกของอุตสาหกรรม
    ระบบ Kinex รวมขั้นตอนการบอนด์ทั้งหมดไว้ในเครื่องเดียว
    รองรับการเชื่อมต่อ copper-to-copper ที่แม่นยำและประหยัดพลังงาน
    Centura Xtera Epi System ใช้กระบวนการใหม่สำหรับทรานซิสเตอร์ GAA
    ลดการเกิดช่องว่างในร่องลึก และเพิ่มความแม่นยำในการเติบโตของวัสดุ 40%
    ลดการใช้แก๊สลง 50% เมื่อเทียบกับระบบเดิม
    PROVision 10 ใช้เทคโนโลยี cold field emission (CFE)
    สร้างภาพระดับ sub-nanometer ได้เร็วขึ้น 10 เท่า
    รองรับการวัดโครงสร้าง 3D เช่น DRAM, 3D NAND และ GAA

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GAA ทรานซิสเตอร์เป็นเทคโนโลยีหลักในชิประดับ 2nm ที่ใช้ใน AI และ HPC
    Hybrid bonding เป็นเทคนิคที่ใช้ในการเชื่อมชิปหลายตัวเข้าด้วยกันแบบ 3D
    Cold field emission ให้ความละเอียดสูงกว่า thermal field emission ที่ใช้ทั่วไป
    การวัดแบบ eBeam ช่วยตรวจสอบความคลาดเคลื่อนในระดับนาโนได้แม่นยำ
    Applied Materials เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ในโรงงานชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    https://www.techpowerup.com/341672/applied-materials-unveils-next-gen-chipmaking-products
    🔬 “Applied Materials เปิดตัว 3 ระบบใหม่พลิกโฉมการผลิตชิป — รองรับ AI ยุค 2nm และ 3D อย่างเต็มรูปแบบ” Applied Materials บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก ได้เปิดตัวระบบใหม่ 3 รายการที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับการผลิตชิปให้รองรับความต้องการของยุค AI โดยเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงาน และรองรับโครงสร้างชิปที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น Gate-All-Around (GAA), DRAM ความเร็วสูง และการแพ็กเกจแบบ 3D 1️⃣ ระบบแรกคือ Kinex Bonding System ซึ่งเป็นเครื่องไฮบริดบอนเดอร์แบบ die-to-wafer ตัวแรกของอุตสาหกรรม โดยร่วมพัฒนากับบริษัท Besi จากเนเธอร์แลนด์ ระบบนี้รวมขั้นตอนการบอนด์ทั้งหมดไว้ในเครื่องเดียว ทำให้สามารถจัดการแพ็กเกจแบบ multi-die ได้ดีขึ้น ลดระยะเวลาและความคลาดเคลื่อนในการประกอบ และรองรับการเชื่อมต่อแบบ copper-to-copper ที่แม่นยำและประหยัดพลังงาน 2️⃣ ระบบที่สองคือ Centura Xtera Epi System สำหรับการสร้างทรานซิสเตอร์ GAA ที่ระดับ 2nm และต่ำกว่า โดยใช้กระบวนการ epitaxial deposition แบบใหม่ที่สามารถเติมวัสดุในร่องลึกของทรานซิสเตอร์ได้อย่างสม่ำเสมอ ลดการเกิดช่องว่างและเพิ่มความแม่นยำในการเติบโตของวัสดุถึง 40% พร้อมลดการใช้แก๊สลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับระบบเดิม 3️⃣ ระบบสุดท้ายคือ PROVision 10 eBeam Metrology System ซึ่งเป็นเครื่องวัดขนาดและภาพแบบอิเล็กตรอนที่ใช้เทคโนโลยี cold field emission (CFE) ทำให้สามารถสร้างภาพระดับ sub-nanometer ได้เร็วขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับระบบเดิม รองรับการวัดโครงสร้าง 3D ที่ซับซ้อน เช่น DRAM รุ่นใหม่, 3D NAND และทรานซิสเตอร์แบบ backside power delivery ทั้งสามระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการผลิตชิปที่ใช้ในงาน AI โดยเฉพาะ เช่น GPU, HPC และระบบ edge computing ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและการจัดการพลังงานที่ดีเยี่ยม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Applied Materials เปิดตัว 3 ระบบใหม่เพื่อการผลิตชิปยุค AI ➡️ Kinex Bonding System เป็น die-to-wafer hybrid bonder ตัวแรกของอุตสาหกรรม ➡️ ระบบ Kinex รวมขั้นตอนการบอนด์ทั้งหมดไว้ในเครื่องเดียว ➡️ รองรับการเชื่อมต่อ copper-to-copper ที่แม่นยำและประหยัดพลังงาน ➡️ Centura Xtera Epi System ใช้กระบวนการใหม่สำหรับทรานซิสเตอร์ GAA ➡️ ลดการเกิดช่องว่างในร่องลึก และเพิ่มความแม่นยำในการเติบโตของวัสดุ 40% ➡️ ลดการใช้แก๊สลง 50% เมื่อเทียบกับระบบเดิม ➡️ PROVision 10 ใช้เทคโนโลยี cold field emission (CFE) ➡️ สร้างภาพระดับ sub-nanometer ได้เร็วขึ้น 10 เท่า ➡️ รองรับการวัดโครงสร้าง 3D เช่น DRAM, 3D NAND และ GAA ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GAA ทรานซิสเตอร์เป็นเทคโนโลยีหลักในชิประดับ 2nm ที่ใช้ใน AI และ HPC ➡️ Hybrid bonding เป็นเทคนิคที่ใช้ในการเชื่อมชิปหลายตัวเข้าด้วยกันแบบ 3D ➡️ Cold field emission ให้ความละเอียดสูงกว่า thermal field emission ที่ใช้ทั่วไป ➡️ การวัดแบบ eBeam ช่วยตรวจสอบความคลาดเคลื่อนในระดับนาโนได้แม่นยำ ➡️ Applied Materials เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ในโรงงานชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก https://www.techpowerup.com/341672/applied-materials-unveils-next-gen-chipmaking-products
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Applied Materials Unveils Next-Gen Chipmaking Products
    Applied Materials, Inc. today introduced new semiconductor manufacturing systems that boost the performance of advanced logic and memory chips foundational to AI computing. The new products target three critical areas in the race to deliver ever more powerful AI chips: leading-edge logic including G...
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 Reviews
  • “Wikidata เปิดตัวฐานข้อมูลเวกเตอร์ฟรี — ทางเลือกใหม่ของ AI ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้”

    ในยุคที่ AI กลายเป็นเครื่องมือหลักในการสื่อสารและวิเคราะห์ข้อมูล Wikidata ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเปิดขนาดใหญ่ในเครือ Wikimedia ได้เปิดตัวโครงการใหม่ชื่อว่า “Wikidata Embedding Project” โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ข้อมูลเชิงโครงสร้างกว่า 119 ล้านรายการสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับระบบ AI โดยเฉพาะโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs)

    โครงการนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2025 โดย Wikimedia Deutschland ร่วมมือกับ Jina.AI และ DataStax เพื่อสร้างฐานข้อมูลเวกเตอร์ที่สามารถค้นหาข้อมูลตาม “ความหมาย” ไม่ใช่แค่คำสำคัญแบบเดิม ซึ่งช่วยให้ AI เข้าใจบริบทและความสัมพันธ์ของข้อมูลได้ดีขึ้น

    ระบบนี้ใช้โมเดล embedding จาก Jina ที่รองรับมากกว่า 100 ภาษา และสามารถประมวลผลข้อความได้ถึง 8,192 โทเคน โดยจัดเก็บเวกเตอร์ใน Astra DB ของ DataStax ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ

    ฐานข้อมูลเวกเตอร์นี้เปิดให้ใช้งานฟรีและเป็นโอเพ่นซอร์ส นักพัฒนาสามารถนำไปใช้ในงานหลากหลาย เช่น การตรวจสอบข้อเท็จจริง การจำแนกข้อมูลแบบ zero-shot การแยกชื่อบุคคลที่คล้ายกัน และการสร้างภาพเชิงความหมายของกราฟความรู้ นอกจากนี้ยังรองรับ GraphRAG ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ที่ผสานการค้นหาแบบเวกเตอร์กับกราฟเพื่อการดึงข้อมูลที่แม่นยำยิ่งขึ้น

    Lydia Pintscher หัวหน้าโครงการ Wikidata กล่าวว่าการเปิดตัวครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการสร้าง AI ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับการยืนยันแล้วจากชุมชนทั่วโลก แทนที่จะพึ่งพาข้อมูลปิดจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่

    ผู้ใช้สามารถทดลองใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทะเบียน และ Wikimedia Deutschland ยังจัดสัมมนาออนไลน์ในวันที่ 9 ตุลาคม เพื่อแนะนำการใช้งานและแนวทางการนำไปใช้ในระบบ AI

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Wikidata เปิดตัว Wikidata Embedding Project ฐานข้อมูลเวกเตอร์แบบโอเพ่นซอร์ส
    รองรับการค้นหาข้อมูลตามความหมาย (semantic search) ไม่ใช่แค่คำสำคัญ
    ใช้โมเดล embedding จาก Jina ที่รองรับมากกว่า 100 ภาษา
    เวกเตอร์ถูกจัดเก็บใน Astra DB ของ DataStax
    รองรับการใช้งานฟรีโดยไม่ต้องลงทะเบียนหรือ API key
    เปิดให้ใช้งานตั้งแต่ตุลาคม 2025 โดยร่วมมือกับ Jina.AI และ DataStax
    รองรับภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และอาหรับในช่วงแรก
    ใช้ได้กับงาน AI เช่น fact-checking, zero-shot classification, named entity disambiguation
    รองรับ GraphRAG เพื่อการค้นหาข้อมูลแบบผสมระหว่างเวกเตอร์และกราฟ
    Wikimedia Deutschland จัดสัมมนาออนไลน์วันที่ 9 ตุลาคม เพื่อแนะนำการใช้งาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Wikidata เป็นฐานข้อมูลเปิดที่มีมากกว่า 119 ล้านรายการ และดูแลโดยอาสาสมัครกว่า 24,000 คน
    Vector database ช่วยให้ AI เข้าใจบริบทของข้อมูลได้ดีกว่าการค้นหาแบบ keyword
    GraphRAG เป็นเทคนิคใหม่ที่ใช้ในระบบ retrieval-augmented generation เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
    การใช้ข้อมูลที่ตรวจสอบได้ช่วยลดปัญหา “hallucination” ในการสร้างเนื้อหาโดย AI
    การเปิดให้ใช้งานฟรีช่วยส่งเสริมการพัฒนา AI ในภาคการศึกษาและองค์กรไม่แสวงหากำไร

    https://news.itsfoss.com/wikidata-launches-vector-database/
    🧠 “Wikidata เปิดตัวฐานข้อมูลเวกเตอร์ฟรี — ทางเลือกใหม่ของ AI ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้” ในยุคที่ AI กลายเป็นเครื่องมือหลักในการสื่อสารและวิเคราะห์ข้อมูล Wikidata ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเปิดขนาดใหญ่ในเครือ Wikimedia ได้เปิดตัวโครงการใหม่ชื่อว่า “Wikidata Embedding Project” โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ข้อมูลเชิงโครงสร้างกว่า 119 ล้านรายการสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับระบบ AI โดยเฉพาะโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) โครงการนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2025 โดย Wikimedia Deutschland ร่วมมือกับ Jina.AI และ DataStax เพื่อสร้างฐานข้อมูลเวกเตอร์ที่สามารถค้นหาข้อมูลตาม “ความหมาย” ไม่ใช่แค่คำสำคัญแบบเดิม ซึ่งช่วยให้ AI เข้าใจบริบทและความสัมพันธ์ของข้อมูลได้ดีขึ้น ระบบนี้ใช้โมเดล embedding จาก Jina ที่รองรับมากกว่า 100 ภาษา และสามารถประมวลผลข้อความได้ถึง 8,192 โทเคน โดยจัดเก็บเวกเตอร์ใน Astra DB ของ DataStax ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ ฐานข้อมูลเวกเตอร์นี้เปิดให้ใช้งานฟรีและเป็นโอเพ่นซอร์ส นักพัฒนาสามารถนำไปใช้ในงานหลากหลาย เช่น การตรวจสอบข้อเท็จจริง การจำแนกข้อมูลแบบ zero-shot การแยกชื่อบุคคลที่คล้ายกัน และการสร้างภาพเชิงความหมายของกราฟความรู้ นอกจากนี้ยังรองรับ GraphRAG ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ที่ผสานการค้นหาแบบเวกเตอร์กับกราฟเพื่อการดึงข้อมูลที่แม่นยำยิ่งขึ้น Lydia Pintscher หัวหน้าโครงการ Wikidata กล่าวว่าการเปิดตัวครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการสร้าง AI ที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับการยืนยันแล้วจากชุมชนทั่วโลก แทนที่จะพึ่งพาข้อมูลปิดจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ผู้ใช้สามารถทดลองใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องลงทะเบียน และ Wikimedia Deutschland ยังจัดสัมมนาออนไลน์ในวันที่ 9 ตุลาคม เพื่อแนะนำการใช้งานและแนวทางการนำไปใช้ในระบบ AI ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Wikidata เปิดตัว Wikidata Embedding Project ฐานข้อมูลเวกเตอร์แบบโอเพ่นซอร์ส ➡️ รองรับการค้นหาข้อมูลตามความหมาย (semantic search) ไม่ใช่แค่คำสำคัญ ➡️ ใช้โมเดล embedding จาก Jina ที่รองรับมากกว่า 100 ภาษา ➡️ เวกเตอร์ถูกจัดเก็บใน Astra DB ของ DataStax ➡️ รองรับการใช้งานฟรีโดยไม่ต้องลงทะเบียนหรือ API key ➡️ เปิดให้ใช้งานตั้งแต่ตุลาคม 2025 โดยร่วมมือกับ Jina.AI และ DataStax ➡️ รองรับภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และอาหรับในช่วงแรก ➡️ ใช้ได้กับงาน AI เช่น fact-checking, zero-shot classification, named entity disambiguation ➡️ รองรับ GraphRAG เพื่อการค้นหาข้อมูลแบบผสมระหว่างเวกเตอร์และกราฟ ➡️ Wikimedia Deutschland จัดสัมมนาออนไลน์วันที่ 9 ตุลาคม เพื่อแนะนำการใช้งาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Wikidata เป็นฐานข้อมูลเปิดที่มีมากกว่า 119 ล้านรายการ และดูแลโดยอาสาสมัครกว่า 24,000 คน ➡️ Vector database ช่วยให้ AI เข้าใจบริบทของข้อมูลได้ดีกว่าการค้นหาแบบ keyword ➡️ GraphRAG เป็นเทคนิคใหม่ที่ใช้ในระบบ retrieval-augmented generation เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ➡️ การใช้ข้อมูลที่ตรวจสอบได้ช่วยลดปัญหา “hallucination” ในการสร้างเนื้อหาโดย AI ➡️ การเปิดให้ใช้งานฟรีช่วยส่งเสริมการพัฒนา AI ในภาคการศึกษาและองค์กรไม่แสวงหากำไร https://news.itsfoss.com/wikidata-launches-vector-database/
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
  • “Microsoft ปิดช่องโหว่ SVG บน Outlook — หยุดภาพแฝงมัลแวร์ที่เคยหลอกผู้ใช้ทั่วโลก”

    Microsoft ประกาศปรับปรุงระบบความปลอดภัยของ Outlook โดยจะ “หยุดแสดงภาพ SVG แบบ inline” ทั้งใน Outlook for Web และ Outlook for Windows รุ่นใหม่ เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ phishing และมัลแวร์ที่แฝงมากับไฟล์ภาพ ซึ่งกลายเป็นช่องโหว่ที่ถูกใช้มากขึ้นในช่วงหลัง

    SVG (Scalable Vector Graphics) เป็นไฟล์ภาพที่ใช้โค้ด XML ในการกำหนดรูปแบบ ทำให้สามารถฝัง JavaScript หรือโค้ดอันตรายอื่น ๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อแสดงแบบ inline ในอีเมล ซึ่ง Outlook เคยอนุญาตให้แสดงโดยตรงในเนื้อหาอีเมล

    จากรายงานของ Microsoft และนักวิจัยด้านความปลอดภัย พบว่าการโจมตีผ่าน SVG เพิ่มขึ้นกว่า 1,800% ระหว่างต้นปี 2024 ถึงกลางปี 2025 โดยมีการใช้แพลตฟอร์ม Phishing-as-a-Service (PhaaS) เช่น Tycoon2FA และ Sneaky2FA เพื่อสร้างภาพ SVG ปลอมที่หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัว

    การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ผู้ใช้เห็น “ช่องว่างเปล่า” แทนภาพ SVG ที่เคยแสดงในอีเมล แต่ยังสามารถเปิดดูไฟล์ SVG ที่แนบมาแบบ attachment ได้ตามปกติ โดย Microsoft ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะกระทบผู้ใช้น้อยมาก เพราะมีเพียง 0.1% ของภาพใน Outlook ที่ใช้ SVG แบบ inline

    นอกจากนี้ Microsoft ยังเดินหน้าปรับปรุงระบบความปลอดภัยใน Office และ Windows อย่างต่อเนื่อง เช่น การบล็อกไฟล์ .library-ms และ .search-ms ที่เคยถูกใช้โจมตีหน่วยงานรัฐบาล รวมถึงการปิดใช้งาน VBA macros, ActiveX และ XLL add-ins ที่ไม่ปลอดภัย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft ปิดการแสดงภาพ SVG แบบ inline ใน Outlook for Web และ Outlook for Windows
    ผู้ใช้จะเห็นช่องว่างเปล่าแทนภาพ SVG ที่เคยแสดงในเนื้อหาอีเมล
    ไฟล์ SVG ที่แนบมาแบบ attachment ยังสามารถเปิดดูได้ตามปกติ
    การเปลี่ยนแปลงนี้กระทบผู้ใช้น้อยมาก เพราะมีเพียง 0.1% ที่ใช้ SVG inline
    การโจมตีผ่าน SVG เพิ่มขึ้นกว่า 1,800% ในช่วงปี 2024–2025
    แพลตฟอร์ม PhaaS เช่น Tycoon2FA และ Sneaky2FA ถูกใช้สร้างภาพ SVG ปลอม
    Microsoft ปรับปรุงระบบความปลอดภัยใน Office และ Windows อย่างต่อเนื่อง
    มีการบล็อกไฟล์ .library-ms, .search-ms, VBA macros, ActiveX และ XLL add-ins

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    SVG เป็นไฟล์ภาพแบบเวกเตอร์ที่สามารถฝังโค้ด JavaScript ได้
    การแสดงภาพแบบ inline หมายถึงการฝังภาพไว้ในเนื้อหาอีเมลโดยตรง
    Phishing-as-a-Service คือบริการที่เปิดให้แฮกเกอร์สร้างแคมเปญหลอกลวงได้ง่ายขึ้น
    การบล็อกฟีเจอร์ที่เสี่ยงเป็นแนวทางที่ Microsoft ใช้เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ zero-day
    Outlook เป็นหนึ่งในแอปอีเมลที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก โดยเฉพาะในองค์กร

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-outlook-will-no-longer-show-inline-svg-images-regularly-exploited-in-phishing-attacks
    🛡️ “Microsoft ปิดช่องโหว่ SVG บน Outlook — หยุดภาพแฝงมัลแวร์ที่เคยหลอกผู้ใช้ทั่วโลก” Microsoft ประกาศปรับปรุงระบบความปลอดภัยของ Outlook โดยจะ “หยุดแสดงภาพ SVG แบบ inline” ทั้งใน Outlook for Web และ Outlook for Windows รุ่นใหม่ เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ phishing และมัลแวร์ที่แฝงมากับไฟล์ภาพ ซึ่งกลายเป็นช่องโหว่ที่ถูกใช้มากขึ้นในช่วงหลัง SVG (Scalable Vector Graphics) เป็นไฟล์ภาพที่ใช้โค้ด XML ในการกำหนดรูปแบบ ทำให้สามารถฝัง JavaScript หรือโค้ดอันตรายอื่น ๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อแสดงแบบ inline ในอีเมล ซึ่ง Outlook เคยอนุญาตให้แสดงโดยตรงในเนื้อหาอีเมล จากรายงานของ Microsoft และนักวิจัยด้านความปลอดภัย พบว่าการโจมตีผ่าน SVG เพิ่มขึ้นกว่า 1,800% ระหว่างต้นปี 2024 ถึงกลางปี 2025 โดยมีการใช้แพลตฟอร์ม Phishing-as-a-Service (PhaaS) เช่น Tycoon2FA และ Sneaky2FA เพื่อสร้างภาพ SVG ปลอมที่หลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัว การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ผู้ใช้เห็น “ช่องว่างเปล่า” แทนภาพ SVG ที่เคยแสดงในอีเมล แต่ยังสามารถเปิดดูไฟล์ SVG ที่แนบมาแบบ attachment ได้ตามปกติ โดย Microsoft ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะกระทบผู้ใช้น้อยมาก เพราะมีเพียง 0.1% ของภาพใน Outlook ที่ใช้ SVG แบบ inline นอกจากนี้ Microsoft ยังเดินหน้าปรับปรุงระบบความปลอดภัยใน Office และ Windows อย่างต่อเนื่อง เช่น การบล็อกไฟล์ .library-ms และ .search-ms ที่เคยถูกใช้โจมตีหน่วยงานรัฐบาล รวมถึงการปิดใช้งาน VBA macros, ActiveX และ XLL add-ins ที่ไม่ปลอดภัย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft ปิดการแสดงภาพ SVG แบบ inline ใน Outlook for Web และ Outlook for Windows ➡️ ผู้ใช้จะเห็นช่องว่างเปล่าแทนภาพ SVG ที่เคยแสดงในเนื้อหาอีเมล ➡️ ไฟล์ SVG ที่แนบมาแบบ attachment ยังสามารถเปิดดูได้ตามปกติ ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้กระทบผู้ใช้น้อยมาก เพราะมีเพียง 0.1% ที่ใช้ SVG inline ➡️ การโจมตีผ่าน SVG เพิ่มขึ้นกว่า 1,800% ในช่วงปี 2024–2025 ➡️ แพลตฟอร์ม PhaaS เช่น Tycoon2FA และ Sneaky2FA ถูกใช้สร้างภาพ SVG ปลอม ➡️ Microsoft ปรับปรุงระบบความปลอดภัยใน Office และ Windows อย่างต่อเนื่อง ➡️ มีการบล็อกไฟล์ .library-ms, .search-ms, VBA macros, ActiveX และ XLL add-ins ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ SVG เป็นไฟล์ภาพแบบเวกเตอร์ที่สามารถฝังโค้ด JavaScript ได้ ➡️ การแสดงภาพแบบ inline หมายถึงการฝังภาพไว้ในเนื้อหาอีเมลโดยตรง ➡️ Phishing-as-a-Service คือบริการที่เปิดให้แฮกเกอร์สร้างแคมเปญหลอกลวงได้ง่ายขึ้น ➡️ การบล็อกฟีเจอร์ที่เสี่ยงเป็นแนวทางที่ Microsoft ใช้เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ zero-day ➡️ Outlook เป็นหนึ่งในแอปอีเมลที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลก โดยเฉพาะในองค์กร https://www.techradar.com/pro/microsoft-outlook-will-no-longer-show-inline-svg-images-regularly-exploited-in-phishing-attacks
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft Outlook will no longer render inline SVG content
    User will just see blank spaces where these images would have been
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • “Fraimic กรอบภาพ E Ink อัจฉริยะที่สั่งงานด้วยเสียง — สร้างงานศิลป์จากคำพูด พร้อมแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานถึง 5 ปี”

    Fraimic คือกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสีแบบ E Ink ซึ่งไม่เพียงแค่แสดงภาพถ่ายหรืองานศิลป์ แต่ยังสามารถ “สร้างภาพใหม่จากเสียงของคุณ” ด้วยเทคโนโลยี AI ที่เชื่อมกับโมเดลของ OpenAI เช่น DALL·E โดยผู้ใช้สามารถพูดคำสั่ง เช่น “วาดภาพพระอาทิตย์ตกริมทะเล” แล้วรอให้ภาพค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนกรอบ

    จุดเด่นของ Fraimic คือการออกแบบให้เหมือนกรอบภาพจริง มีให้เลือกสองขนาดคือ 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว ใช้จอ E Ink Spectra 6 ที่แสดงสีได้ถึง 65,000 เฉด โดยไม่มีแสง backlight ทำให้ภาพดูเหมือนงานพิมพ์บนกระดาษ และไม่รบกวนสายตา

    Fraimic ไม่มีแอป ไม่มีระบบสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์โดยใช้เครือข่ายเดียวกับตัวกรอบภาพ และยังสามารถสั่งงานผ่านเสียงด้วยไมโครโฟนในตัว

    แบตเตอรี่ของ Fraimic ใช้งานได้นานถึง 5 ปี เพราะจอ E Ink ใช้พลังงานเฉพาะตอนเปลี่ยนภาพเท่านั้น แม้แบตหมด ภาพก็ยังค้างอยู่บนจอได้โดยไม่หายไป และสามารถชาร์จใหม่ผ่าน USB-C

    โครงการนี้เปิดตัวบน Kickstarter และได้รับเงินสนับสนุนเกินเป้าหมายอย่างรวดเร็ว โดยมีแผนจะเริ่มจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026 พร้อมฟีเจอร์เสริมในอนาคต เช่น “Movie Mode” ที่แสดงโปสเตอร์หนังที่กำลังดู และ “Music Mode” ที่แสดงปกอัลบั้มจาก Spotify

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Fraimic เป็นกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสี E Ink และสั่งงานด้วยเสียง
    ใช้โมเดล AI จาก OpenAI เพื่อสร้างภาพจากคำสั่งเสียงของผู้ใช้
    มีให้เลือกสองขนาด: 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว
    จอ E Ink Spectra 6 แสดงสีได้ 65,000 เฉด ไม่มีแสง backlight
    ไม่มีแอป ไม่มีค่าสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา
    อัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์ในเครือข่ายเดียวกับตัวกรอบ
    แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 5 ปี และชาร์จผ่าน USB-C
    ภาพยังค้างอยู่บนจอแม้แบตหมด ไม่หายไป
    มีแผนเพิ่มฟีเจอร์ “Movie Mode” และ “Music Mode” ผ่านอัปเดตเฟิร์มแวร์
    โครงการได้รับเงินสนับสนุนบน Kickstarter เกิน $730,000 แล้ว
    ตั้งเป้าจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    E Ink เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ใน Kindle และอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
    Spectra 6 เป็นจอ E Ink รุ่นใหม่ที่รองรับสีมากขึ้นและความละเอียดสูง
    การใช้ AI สร้างภาพจากเสียงเป็นแนวทางใหม่ที่ผสานศิลปะกับเทคโนโลยี
    Fraimic รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ และไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์ภายนอก
    การแสดงภาพแบบไม่ใช้ backlight ช่วยลดอาการล้าตาและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

    https://www.techradar.com/home/smart-home/this-smart-e-ink-picture-frame-lets-you-talk-your-paintings-into-life-with-ai-and-lasts-for-years-on-a-single-charge
    🖼️ “Fraimic กรอบภาพ E Ink อัจฉริยะที่สั่งงานด้วยเสียง — สร้างงานศิลป์จากคำพูด พร้อมแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานถึง 5 ปี” Fraimic คือกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสีแบบ E Ink ซึ่งไม่เพียงแค่แสดงภาพถ่ายหรืองานศิลป์ แต่ยังสามารถ “สร้างภาพใหม่จากเสียงของคุณ” ด้วยเทคโนโลยี AI ที่เชื่อมกับโมเดลของ OpenAI เช่น DALL·E โดยผู้ใช้สามารถพูดคำสั่ง เช่น “วาดภาพพระอาทิตย์ตกริมทะเล” แล้วรอให้ภาพค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนกรอบ จุดเด่นของ Fraimic คือการออกแบบให้เหมือนกรอบภาพจริง มีให้เลือกสองขนาดคือ 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว ใช้จอ E Ink Spectra 6 ที่แสดงสีได้ถึง 65,000 เฉด โดยไม่มีแสง backlight ทำให้ภาพดูเหมือนงานพิมพ์บนกระดาษ และไม่รบกวนสายตา Fraimic ไม่มีแอป ไม่มีระบบสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์โดยใช้เครือข่ายเดียวกับตัวกรอบภาพ และยังสามารถสั่งงานผ่านเสียงด้วยไมโครโฟนในตัว แบตเตอรี่ของ Fraimic ใช้งานได้นานถึง 5 ปี เพราะจอ E Ink ใช้พลังงานเฉพาะตอนเปลี่ยนภาพเท่านั้น แม้แบตหมด ภาพก็ยังค้างอยู่บนจอได้โดยไม่หายไป และสามารถชาร์จใหม่ผ่าน USB-C โครงการนี้เปิดตัวบน Kickstarter และได้รับเงินสนับสนุนเกินเป้าหมายอย่างรวดเร็ว โดยมีแผนจะเริ่มจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026 พร้อมฟีเจอร์เสริมในอนาคต เช่น “Movie Mode” ที่แสดงโปสเตอร์หนังที่กำลังดู และ “Music Mode” ที่แสดงปกอัลบั้มจาก Spotify ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Fraimic เป็นกรอบภาพอัจฉริยะที่ใช้จอสี E Ink และสั่งงานด้วยเสียง ➡️ ใช้โมเดล AI จาก OpenAI เพื่อสร้างภาพจากคำสั่งเสียงของผู้ใช้ ➡️ มีให้เลือกสองขนาด: 14×18 นิ้ว และ 24×36 นิ้ว ➡️ จอ E Ink Spectra 6 แสดงสีได้ 65,000 เฉด ไม่มีแสง backlight ➡️ ไม่มีแอป ไม่มีค่าสมัครสมาชิก และไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ➡️ อัปโหลดภาพผ่านเว็บไซต์ในเครือข่ายเดียวกับตัวกรอบ ➡️ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 5 ปี และชาร์จผ่าน USB-C ➡️ ภาพยังค้างอยู่บนจอแม้แบตหมด ไม่หายไป ➡️ มีแผนเพิ่มฟีเจอร์ “Movie Mode” และ “Music Mode” ผ่านอัปเดตเฟิร์มแวร์ ➡️ โครงการได้รับเงินสนับสนุนบน Kickstarter เกิน $730,000 แล้ว ➡️ ตั้งเป้าจัดส่งในเดือนพฤษภาคม 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ E Ink เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ใน Kindle และอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ➡️ Spectra 6 เป็นจอ E Ink รุ่นใหม่ที่รองรับสีมากขึ้นและความละเอียดสูง ➡️ การใช้ AI สร้างภาพจากเสียงเป็นแนวทางใหม่ที่ผสานศิลปะกับเทคโนโลยี ➡️ Fraimic รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ และไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ➡️ การแสดงภาพแบบไม่ใช้ backlight ช่วยลดอาการล้าตาและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น https://www.techradar.com/home/smart-home/this-smart-e-ink-picture-frame-lets-you-talk-your-paintings-into-life-with-ai-and-lasts-for-years-on-a-single-charge
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • “NISAR ส่งภาพเรดาร์พื้นผิวโลกครั้งแรก — ความร่วมมือ NASA-ISRO ที่อาจเปลี่ยนอนาคตการรับมือภัยพิบัติ”

    หลังจากใช้เวลากว่า 11 ปีในการพัฒนาและร่วมมือระหว่าง NASA กับ ISRO (องค์การวิจัยอวกาศแห่งอินเดีย) ดาวเทียม NISAR (NASA-ISRO Synthetic Aperture Radar) ก็ได้ส่งภาพเรดาร์พื้นผิวโลกชุดแรกกลับมายังโลกเมื่อเดือนสิงหาคม 2025 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของภารกิจด้านวิทยาศาสตร์และการเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมระดับโลก

    ภาพที่ถูกส่งกลับมาจากรัฐ Maine และ North Dakota แสดงรายละเอียดของภูมิประเทศอย่างชัดเจน เช่น ความแตกต่างระหว่างป่า ทะเลสาบ พื้นที่เกษตรกรรม และโครงสร้างพื้นฐานของมนุษย์ โดยใช้เทคโนโลยีเรดาร์แบบ L-band และ S-band ที่สามารถเจาะผ่านพืชพรรณและตรวจจับการเคลื่อนไหวของพื้นดินได้ละเอียดถึงระดับเซนติเมตร

    NISAR ใช้ระบบเรดาร์แบบ “synthetic aperture” ที่สามารถสแกนพื้นผิวโลกได้แม้ในสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เช่น เมฆหนา หรือเวลากลางคืน ซึ่งต่างจากภาพถ่ายดาวเทียมทั่วไปที่พึ่งพาแสงอาทิตย์ ภาพจาก NISAR จึงสามารถใช้ในการติดตามภัยพิบัติ เช่น แผ่นดินไหว ดินถล่ม น้ำท่วม และไฟป่า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของธารน้ำแข็งและการทรุดตัวของแผ่นดิน

    ดาวเทียมนี้โคจรรอบโลกทุก 12 วัน และสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีภารกิจหลัก 3 ปี และอาจขยายออกไปหากผลลัพธ์ยังคงมีคุณค่า NASA และ ISRO ต่างมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี โดย NASA รับผิดชอบระบบ L-band และการสื่อสาร ขณะที่ ISRO พัฒนา S-band และระบบขนส่ง

    ความสำเร็จของ NISAR ไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญของวิทยาศาสตร์ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่างประเทศในยุคที่การสำรวจอวกาศเริ่มเปลี่ยนจากภาครัฐสู่ภาคเอกชนมากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    NISAR เป็นดาวเทียมที่ร่วมพัฒนาโดย NASA และ ISRO
    ส่งภาพเรดาร์พื้นผิวโลกครั้งแรกจากรัฐ Maine และ North Dakota
    ใช้เรดาร์แบบ L-band และ S-band เพื่อแสดงรายละเอียดภูมิประเทศ
    สามารถเจาะผ่านพืชพรรณและตรวจจับการเคลื่อนไหวของพื้นดินระดับเซนติเมตร
    โคจรรอบโลกทุก 12 วัน และมีภารกิจหลัก 3 ปี
    ใช้เทคโนโลยี synthetic aperture radar ที่ทำงานได้แม้ในสภาพอากาศไม่ดี
    NASA พัฒนา L-band และระบบสื่อสาร ส่วน ISRO พัฒนา S-band และระบบขนส่ง
    ภาพจาก NISAR ใช้ในการติดตามภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    L-band มีความยาวคลื่นประมาณ 25 ซม. เหมาะกับการเจาะพืชพรรณและตรวจจับการเคลื่อนไหวของพื้นดิน
    S-band มีความยาวคลื่นประมาณ 10 ซม. เหมาะกับการตรวจสอบพืชพรรณขนาดเล็กและพื้นที่เกษตร
    Synthetic aperture radar ใช้หลักการรวมสัญญาณจากหลายตำแหน่งเพื่อสร้างภาพความละเอียดสูง
    ภาพจาก NISAR สามารถใช้ในการวางแผนเกษตรกรรมและการจัดการทรัพยากรน้ำ
    ความร่วมมือระหว่าง NASA และ ISRO เริ่มตั้งแต่ปี 2014 และใช้เวลาพัฒนานานกว่า 11 ปี

    https://www.slashgear.com/1983654/nasa-isro-satellite-first-radar-images-of-earth-surface/
    🛰️ “NISAR ส่งภาพเรดาร์พื้นผิวโลกครั้งแรก — ความร่วมมือ NASA-ISRO ที่อาจเปลี่ยนอนาคตการรับมือภัยพิบัติ” หลังจากใช้เวลากว่า 11 ปีในการพัฒนาและร่วมมือระหว่าง NASA กับ ISRO (องค์การวิจัยอวกาศแห่งอินเดีย) ดาวเทียม NISAR (NASA-ISRO Synthetic Aperture Radar) ก็ได้ส่งภาพเรดาร์พื้นผิวโลกชุดแรกกลับมายังโลกเมื่อเดือนสิงหาคม 2025 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของภารกิจด้านวิทยาศาสตร์และการเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมระดับโลก ภาพที่ถูกส่งกลับมาจากรัฐ Maine และ North Dakota แสดงรายละเอียดของภูมิประเทศอย่างชัดเจน เช่น ความแตกต่างระหว่างป่า ทะเลสาบ พื้นที่เกษตรกรรม และโครงสร้างพื้นฐานของมนุษย์ โดยใช้เทคโนโลยีเรดาร์แบบ L-band และ S-band ที่สามารถเจาะผ่านพืชพรรณและตรวจจับการเคลื่อนไหวของพื้นดินได้ละเอียดถึงระดับเซนติเมตร NISAR ใช้ระบบเรดาร์แบบ “synthetic aperture” ที่สามารถสแกนพื้นผิวโลกได้แม้ในสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เช่น เมฆหนา หรือเวลากลางคืน ซึ่งต่างจากภาพถ่ายดาวเทียมทั่วไปที่พึ่งพาแสงอาทิตย์ ภาพจาก NISAR จึงสามารถใช้ในการติดตามภัยพิบัติ เช่น แผ่นดินไหว ดินถล่ม น้ำท่วม และไฟป่า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของธารน้ำแข็งและการทรุดตัวของแผ่นดิน ดาวเทียมนี้โคจรรอบโลกทุก 12 วัน และสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีภารกิจหลัก 3 ปี และอาจขยายออกไปหากผลลัพธ์ยังคงมีคุณค่า NASA และ ISRO ต่างมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี โดย NASA รับผิดชอบระบบ L-band และการสื่อสาร ขณะที่ ISRO พัฒนา S-band และระบบขนส่ง ความสำเร็จของ NISAR ไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญของวิทยาศาสตร์ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือระหว่างประเทศในยุคที่การสำรวจอวกาศเริ่มเปลี่ยนจากภาครัฐสู่ภาคเอกชนมากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ NISAR เป็นดาวเทียมที่ร่วมพัฒนาโดย NASA และ ISRO ➡️ ส่งภาพเรดาร์พื้นผิวโลกครั้งแรกจากรัฐ Maine และ North Dakota ➡️ ใช้เรดาร์แบบ L-band และ S-band เพื่อแสดงรายละเอียดภูมิประเทศ ➡️ สามารถเจาะผ่านพืชพรรณและตรวจจับการเคลื่อนไหวของพื้นดินระดับเซนติเมตร ➡️ โคจรรอบโลกทุก 12 วัน และมีภารกิจหลัก 3 ปี ➡️ ใช้เทคโนโลยี synthetic aperture radar ที่ทำงานได้แม้ในสภาพอากาศไม่ดี ➡️ NASA พัฒนา L-band และระบบสื่อสาร ส่วน ISRO พัฒนา S-band และระบบขนส่ง ➡️ ภาพจาก NISAR ใช้ในการติดตามภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ L-band มีความยาวคลื่นประมาณ 25 ซม. เหมาะกับการเจาะพืชพรรณและตรวจจับการเคลื่อนไหวของพื้นดิน ➡️ S-band มีความยาวคลื่นประมาณ 10 ซม. เหมาะกับการตรวจสอบพืชพรรณขนาดเล็กและพื้นที่เกษตร ➡️ Synthetic aperture radar ใช้หลักการรวมสัญญาณจากหลายตำแหน่งเพื่อสร้างภาพความละเอียดสูง ➡️ ภาพจาก NISAR สามารถใช้ในการวางแผนเกษตรกรรมและการจัดการทรัพยากรน้ำ ➡️ ความร่วมมือระหว่าง NASA และ ISRO เริ่มตั้งแต่ปี 2014 และใช้เวลาพัฒนานานกว่า 11 ปี https://www.slashgear.com/1983654/nasa-isro-satellite-first-radar-images-of-earth-surface/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This NASA Satellite Sent The First Radar Images Of Earth's Surface And The Results Are Very Clear - SlashGear
    The NASA-ISRO NISAR satellite has sent back ultra-detailed images of Maine and North Dakota that are clear enough to differentiate various types of terrain.
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • “LatentCSI: เปลี่ยนสัญญาณ Wi-Fi ให้กลายเป็นภาพห้องแบบสมจริง — AI วาดภาพจากคลื่นที่มองไม่เห็น”

    นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์โตเกียวได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า LatentCSI ซึ่งสามารถใช้สัญญาณ Wi-Fi ที่อยู่รอบตัวเราในการสร้างภาพความละเอียดสูงของห้องหรือพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ โดยอาศัยโมเดล AI แบบ diffusion ที่ถูกฝึกไว้ล่วงหน้า เช่น Stable Diffusion 3

    หลักการทำงานคือการใช้ข้อมูล Wi-Fi CSI (Channel State Information) ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกิดจากการสะท้อนของคลื่น Wi-Fi กับวัตถุต่าง ๆ ในห้อง เช่น ผนัง เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่คน แล้วนำข้อมูลนั้นไปแปลงเป็น “latent space” แทนที่จะเป็น “pixel space” แบบภาพทั่วไป จากนั้น AI จะเติมรายละเอียดที่ขาดหายไป และสร้างภาพที่สมจริงออกมา

    สิ่งที่ทำให้ LatentCSI แตกต่างจากเทคโนโลยีเดิมคือความเร็วและความแม่นยำ เพราะไม่ต้องใช้การประมวลผลหนักแบบ GAN หรือการวิเคราะห์ภาพแบบเดิม ๆ อีกต่อไป โดยใช้ encoder ที่ถูกปรับแต่งให้รับข้อมูล Wi-Fi แทนภาพ และสามารถสร้างภาพได้รวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า

    อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังต้องใช้โมเดลที่ถูกฝึกไว้ล่วงหน้าด้วยภาพจริงของพื้นที่นั้น ๆ ก่อน จึงจะสามารถสร้างภาพจาก Wi-Fi ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถใช้กับพื้นที่ที่ไม่เคยถูกฝึกไว้ได้ทันที และยังมีข้อกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว หากเทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ทั่วไป เช่น เราเตอร์หรือโมเด็มที่มีฟีเจอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    LatentCSI ใช้ข้อมูล Wi-Fi CSI เพื่อสร้างภาพห้องแบบสมจริง
    ข้อมูล CSI เกิดจากการสะท้อนคลื่น Wi-Fi กับวัตถุในพื้นที่
    ระบบแปลง CSI เป็น latent space แล้วใช้ AI เติมรายละเอียด
    ใช้ Stable Diffusion 3 ที่ถูกฝึกไว้ล่วงหน้าในการสร้างภาพ
    Encoder ถูกปรับให้รับข้อมูล Wi-Fi แทนภาพทั่วไป
    LatentCSI ทำงานเร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมที่ใช้ GAN
    สามารถตรวจจับตำแหน่งคนและวัตถุในห้องได้แบบเรียลไทม์
    ใช้ภาพจริงในการฝึกโมเดลก่อนนำไปใช้กับ Wi-Fi CSI

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Wi-Fi CSI ถูกใช้ในงานวิจัยด้าน motion sensing และ indoor mapping มานาน
    Latent space คือการแทนภาพในรูปแบบที่บีบอัดและเข้าใจง่ายสำหรับ AI
    Stable Diffusion เป็นโมเดลสร้างภาพที่ได้รับความนิยมสูงในงาน generative AI
    เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ใน smart home, robotics หรือระบบรักษาความปลอดภัย
    การใช้ latent diffusion ช่วยลดภาระการประมวลผลและเพิ่มความเร็วในการสร้างภาพ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/wi-fi-signals-can-now-create-accurate-images-of-a-room-with-the-help-of-pre-trained-ai-latentcsi-leverages-stable-diffusion-3-to-turn-wi-fi-data-into-a-digital-paintbrush
    📡 “LatentCSI: เปลี่ยนสัญญาณ Wi-Fi ให้กลายเป็นภาพห้องแบบสมจริง — AI วาดภาพจากคลื่นที่มองไม่เห็น” นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์โตเกียวได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า LatentCSI ซึ่งสามารถใช้สัญญาณ Wi-Fi ที่อยู่รอบตัวเราในการสร้างภาพความละเอียดสูงของห้องหรือพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ โดยอาศัยโมเดล AI แบบ diffusion ที่ถูกฝึกไว้ล่วงหน้า เช่น Stable Diffusion 3 หลักการทำงานคือการใช้ข้อมูล Wi-Fi CSI (Channel State Information) ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกิดจากการสะท้อนของคลื่น Wi-Fi กับวัตถุต่าง ๆ ในห้อง เช่น ผนัง เฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่คน แล้วนำข้อมูลนั้นไปแปลงเป็น “latent space” แทนที่จะเป็น “pixel space” แบบภาพทั่วไป จากนั้น AI จะเติมรายละเอียดที่ขาดหายไป และสร้างภาพที่สมจริงออกมา สิ่งที่ทำให้ LatentCSI แตกต่างจากเทคโนโลยีเดิมคือความเร็วและความแม่นยำ เพราะไม่ต้องใช้การประมวลผลหนักแบบ GAN หรือการวิเคราะห์ภาพแบบเดิม ๆ อีกต่อไป โดยใช้ encoder ที่ถูกปรับแต่งให้รับข้อมูล Wi-Fi แทนภาพ และสามารถสร้างภาพได้รวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังต้องใช้โมเดลที่ถูกฝึกไว้ล่วงหน้าด้วยภาพจริงของพื้นที่นั้น ๆ ก่อน จึงจะสามารถสร้างภาพจาก Wi-Fi ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถใช้กับพื้นที่ที่ไม่เคยถูกฝึกไว้ได้ทันที และยังมีข้อกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว หากเทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์ทั่วไป เช่น เราเตอร์หรือโมเด็มที่มีฟีเจอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ LatentCSI ใช้ข้อมูล Wi-Fi CSI เพื่อสร้างภาพห้องแบบสมจริง ➡️ ข้อมูล CSI เกิดจากการสะท้อนคลื่น Wi-Fi กับวัตถุในพื้นที่ ➡️ ระบบแปลง CSI เป็น latent space แล้วใช้ AI เติมรายละเอียด ➡️ ใช้ Stable Diffusion 3 ที่ถูกฝึกไว้ล่วงหน้าในการสร้างภาพ ➡️ Encoder ถูกปรับให้รับข้อมูล Wi-Fi แทนภาพทั่วไป ➡️ LatentCSI ทำงานเร็วและแม่นยำกว่าระบบเดิมที่ใช้ GAN ➡️ สามารถตรวจจับตำแหน่งคนและวัตถุในห้องได้แบบเรียลไทม์ ➡️ ใช้ภาพจริงในการฝึกโมเดลก่อนนำไปใช้กับ Wi-Fi CSI ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Wi-Fi CSI ถูกใช้ในงานวิจัยด้าน motion sensing และ indoor mapping มานาน ➡️ Latent space คือการแทนภาพในรูปแบบที่บีบอัดและเข้าใจง่ายสำหรับ AI ➡️ Stable Diffusion เป็นโมเดลสร้างภาพที่ได้รับความนิยมสูงในงาน generative AI ➡️ เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ใน smart home, robotics หรือระบบรักษาความปลอดภัย ➡️ การใช้ latent diffusion ช่วยลดภาระการประมวลผลและเพิ่มความเร็วในการสร้างภาพ https://www.tomshardware.com/tech-industry/wi-fi-signals-can-now-create-accurate-images-of-a-room-with-the-help-of-pre-trained-ai-latentcsi-leverages-stable-diffusion-3-to-turn-wi-fi-data-into-a-digital-paintbrush
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • “AI สร้างคลิป ‘แซม อัลท์แมนขโมย GPU’ จากกล้องวงจรปิด — ขำก็ขำ แต่สะท้อนอนาคตที่แยกจริงกับปลอมไม่ออก”

    ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 โลกออนไลน์ได้เห็นคลิปวิดีโอสุดฮือฮา: ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ดูเหมือนจริงมาก แสดงให้เห็น Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กำลัง “ขโมยการ์ดจอ” จากร้าน Target พร้อมพูดว่า “Please, I really need this for Sora inference.” คลิปนี้ไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์จริง แต่เป็นวิดีโอที่สร้างขึ้นด้วย Sora 2 — โมเดลสร้างวิดีโอด้วย AI รุ่นใหม่ของ OpenAI ที่เพิ่งเปิดตัว

    คลิปดังกล่าวถูกสร้างโดยผู้ใช้ชื่อ Gabriel Petersson ซึ่งเป็นนักพัฒนาในทีม Sora เอง และกลายเป็นคลิปยอดนิยมที่สุดในแอป Sora 2 ที่ตอนนี้เปิดให้ใช้งานแบบ invite-only ในสหรัฐฯ และแคนาดา โดยมีเป้าหมายเป็นแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอคล้าย TikTok

    ความน่าสนใจคือ Altman ได้อนุญาตให้ใช้ใบหน้าและเสียงของเขาในระบบ Cameo ของ Sora 2 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างวิดีโอที่มีบุคคลจริงปรากฏอยู่ โดยผ่านการยืนยันตัวตนก่อนใช้งาน แต่เมื่อใบหน้า Altman ถูกใช้ในคลิปล้อเลียนหลายคลิป เช่น ขโมยงานของ Hayao Miyazaki หรือแปลงร่างเป็นแมว ก็เริ่มเกิดคำถามว่า “เราควรควบคุมการใช้ภาพบุคคลใน AI อย่างไร”

    คลิปนี้ยังสะท้อนถึงปัญหาในอดีตของ OpenAI ที่เคยขาดแคลน GPU จนต้องเลื่อนการเปิดตัว GPT-4.5 และปัจจุบันมีแผนจะจัดหาการ์ดจอมากกว่า 1 ล้านตัวภายในปี 2025 โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่ 100 ล้านตัว ซึ่งทำให้มุก “ขโมย GPU” กลายเป็นเรื่องขำขันที่เจ็บจริง

    แต่ในอีกด้านหนึ่ง คลิปนี้ก็จุดประกายความกังวลเรื่อง deepfake และการใช้ AI สร้างวิดีโอปลอมที่เหมือนจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อใช้มุมกล้องแบบ CCTV และเสียงที่สมจริง จนอาจทำให้ผู้ชมทั่วไปเข้าใจผิดได้ง่าย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    คลิป AI แสดง Sam Altman ขโมย GPU จาก Target ถูกสร้างด้วย Sora 2
    คลิปถูกสร้างโดยนักพัฒนาในทีม Sora และกลายเป็นคลิปยอดนิยมในแอป
    Altman อนุญาตให้ใช้ใบหน้าและเสียงของเขาในระบบ Cameo ของ Sora 2
    Sora 2 เป็นแอปสร้างวิดีโอ AI ที่เปิดให้ใช้งานแบบ invite-only ในสหรัฐฯ และแคนาดา
    คลิปมีบทพูดว่า “Please, I really need this for Sora inference.”
    คลิปอื่น ๆ ยังล้อเลียน Altman เช่น ขโมยงานของ Miyazaki หรือแปลงร่างเป็นแมว
    OpenAI เคยขาดแคลน GPU และมีแผนจัดหากว่า 100 ล้านตัวภายในปี 2025
    คลิปสะท้อนความสามารถของ Sora 2 ที่สร้างวิดีโอสมจริงมากขึ้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Deepfake คือเทคโนโลยีที่ใช้ AI สร้างภาพหรือเสียงของบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    Sora 2 มีระบบ Cameo ที่ต้องยืนยันตัวตนก่อนใช้ใบหน้าบุคคลจริง
    การใช้มุมกล้องแบบ CCTV และเสียงสมจริงช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับคลิป
    OpenAI กำลังเปลี่ยนจากองค์กรไม่แสวงกำไรเป็นบริษัทเชิงพาณิชย์
    Nvidia ลงทุนกว่า $100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI เพื่อสนับสนุนการจัดหา GPU

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-generated-security-camera-feed-shows-sam-altman-getting-busted-stealing-gpus-from-target-ironic-video-shows-openai-ceo-saying-he-needs-it-for-sora-inferencing
    🎥 “AI สร้างคลิป ‘แซม อัลท์แมนขโมย GPU’ จากกล้องวงจรปิด — ขำก็ขำ แต่สะท้อนอนาคตที่แยกจริงกับปลอมไม่ออก” ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 โลกออนไลน์ได้เห็นคลิปวิดีโอสุดฮือฮา: ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ดูเหมือนจริงมาก แสดงให้เห็น Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI กำลัง “ขโมยการ์ดจอ” จากร้าน Target พร้อมพูดว่า “Please, I really need this for Sora inference.” คลิปนี้ไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์จริง แต่เป็นวิดีโอที่สร้างขึ้นด้วย Sora 2 — โมเดลสร้างวิดีโอด้วย AI รุ่นใหม่ของ OpenAI ที่เพิ่งเปิดตัว คลิปดังกล่าวถูกสร้างโดยผู้ใช้ชื่อ Gabriel Petersson ซึ่งเป็นนักพัฒนาในทีม Sora เอง และกลายเป็นคลิปยอดนิยมที่สุดในแอป Sora 2 ที่ตอนนี้เปิดให้ใช้งานแบบ invite-only ในสหรัฐฯ และแคนาดา โดยมีเป้าหมายเป็นแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอคล้าย TikTok ความน่าสนใจคือ Altman ได้อนุญาตให้ใช้ใบหน้าและเสียงของเขาในระบบ Cameo ของ Sora 2 ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สร้างวิดีโอที่มีบุคคลจริงปรากฏอยู่ โดยผ่านการยืนยันตัวตนก่อนใช้งาน แต่เมื่อใบหน้า Altman ถูกใช้ในคลิปล้อเลียนหลายคลิป เช่น ขโมยงานของ Hayao Miyazaki หรือแปลงร่างเป็นแมว ก็เริ่มเกิดคำถามว่า “เราควรควบคุมการใช้ภาพบุคคลใน AI อย่างไร” คลิปนี้ยังสะท้อนถึงปัญหาในอดีตของ OpenAI ที่เคยขาดแคลน GPU จนต้องเลื่อนการเปิดตัว GPT-4.5 และปัจจุบันมีแผนจะจัดหาการ์ดจอมากกว่า 1 ล้านตัวภายในปี 2025 โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่ 100 ล้านตัว ซึ่งทำให้มุก “ขโมย GPU” กลายเป็นเรื่องขำขันที่เจ็บจริง แต่ในอีกด้านหนึ่ง คลิปนี้ก็จุดประกายความกังวลเรื่อง deepfake และการใช้ AI สร้างวิดีโอปลอมที่เหมือนจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อใช้มุมกล้องแบบ CCTV และเสียงที่สมจริง จนอาจทำให้ผู้ชมทั่วไปเข้าใจผิดได้ง่าย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ คลิป AI แสดง Sam Altman ขโมย GPU จาก Target ถูกสร้างด้วย Sora 2 ➡️ คลิปถูกสร้างโดยนักพัฒนาในทีม Sora และกลายเป็นคลิปยอดนิยมในแอป ➡️ Altman อนุญาตให้ใช้ใบหน้าและเสียงของเขาในระบบ Cameo ของ Sora 2 ➡️ Sora 2 เป็นแอปสร้างวิดีโอ AI ที่เปิดให้ใช้งานแบบ invite-only ในสหรัฐฯ และแคนาดา ➡️ คลิปมีบทพูดว่า “Please, I really need this for Sora inference.” ➡️ คลิปอื่น ๆ ยังล้อเลียน Altman เช่น ขโมยงานของ Miyazaki หรือแปลงร่างเป็นแมว ➡️ OpenAI เคยขาดแคลน GPU และมีแผนจัดหากว่า 100 ล้านตัวภายในปี 2025 ➡️ คลิปสะท้อนความสามารถของ Sora 2 ที่สร้างวิดีโอสมจริงมากขึ้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Deepfake คือเทคโนโลยีที่ใช้ AI สร้างภาพหรือเสียงของบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ➡️ Sora 2 มีระบบ Cameo ที่ต้องยืนยันตัวตนก่อนใช้ใบหน้าบุคคลจริง ➡️ การใช้มุมกล้องแบบ CCTV และเสียงสมจริงช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับคลิป ➡️ OpenAI กำลังเปลี่ยนจากองค์กรไม่แสวงกำไรเป็นบริษัทเชิงพาณิชย์ ➡️ Nvidia ลงทุนกว่า $100 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI เพื่อสนับสนุนการจัดหา GPU https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/ai-generated-security-camera-feed-shows-sam-altman-getting-busted-stealing-gpus-from-target-ironic-video-shows-openai-ceo-saying-he-needs-it-for-sora-inferencing
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 Reviews
  • “Microsoft 365 Premium เปิดตัวแล้ว — รวมพลัง AI ระดับโปรในแพ็กเดียว พร้อมเลิกขาย Copilot Pro แยก”

    Microsoft ประกาศเปิดตัวแผนสมาชิกใหม่ “Microsoft 365 Premium” ที่รวมทุกสิ่งจาก Microsoft 365 Family และ Copilot Pro เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ AI ระดับมืออาชีพในราคาสมเหตุสมผลที่ $19.99 ต่อเดือน โดยผู้ใช้ Copilot Pro เดิมสามารถสลับมาใช้แผน Premium ได้ทันทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

    แผนนี้ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์ AI ที่เหนือกว่าการใช้งานทั่วไป เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การสร้างเอกสารระดับมืออาชีพจากคำสั่งเดียว และการจัดการงานผ่าน Agent Mode ที่เปลี่ยน Copilot ให้กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ทำงานแทนได้จริง

    Microsoft ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น Photos Agent สำหรับจัดการภาพ, การสร้างภาพด้วย GPT-4o, การสรุปเสียงและพอดแคสต์, และการใช้งานผ่านเสียงแบบเต็มรูปแบบ โดยทั้งหมดนี้มาพร้อมกับการป้องกันระดับองค์กร เช่น Enterprise Data Protection และระบบตรวจสอบความปลอดภัยจาก prompt injection

    นอกจากนี้ Microsoft ยังปรับไอคอนของแอป Office ใหม่ทั้งหมดให้ดูทันสมัยและสะท้อนยุค AI มากขึ้น พร้อมเปิดให้ผู้ใช้เลือกโมเดล AI ที่ต้องการใช้งาน เช่น ChatGPT หรือ Claude ผ่านระบบ Copilot

    การเปิดตัวครั้งนี้ยังมาพร้อมการเลิกขาย Copilot Pro แบบแยก โดยผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์ AI ระดับสูงจะต้องสมัคร Microsoft 365 Premium แทน ซึ่งถือเป็นการปรับโครงสร้างแผนสมาชิกให้เรียบง่ายขึ้น และเพิ่มความคุ้มค่าให้กับผู้ใช้ทั่วไป

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft เปิดตัวแผนสมาชิกใหม่ “Microsoft 365 Premium” ราคา $19.99/เดือน
    รวมฟีเจอร์จาก Microsoft 365 Family และ Copilot Pro เข้าไว้ในแผนเดียว
    ผู้ใช้ Copilot Pro เดิมสามารถสลับมาใช้ Premium ได้ทันทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
    เพิ่มฟีเจอร์ AI ระดับโปร เช่น Researcher, Analyst, Actions และ Agent Mode
    มี Photos Agent สำหรับจัดการภาพ และ GPT-4o สำหรับสร้างภาพใน PowerPoint
    รองรับการสรุปเสียงและพอดแคสต์ พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงเต็มรูปแบบ
    มี Enterprise Data Protection สำหรับการใช้งานกับไฟล์องค์กร
    ปรับไอคอนแอป Office ใหม่ทั้งหมดให้สะท้อนยุค AI
    ผู้ใช้สามารถเลือกโมเดล AI ที่ต้องการ เช่น ChatGPT หรือ Claude
    Microsoft เลิกขาย Copilot Pro แบบแยก และแนะนำให้ใช้ Premium แทน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Microsoft 365 Premium ได้รับการออกแบบให้แข่งกับ ChatGPT Plus โดยตรง
    Premium รองรับการใช้งานกับ GPT-5 และ GPT-4o สำหรับงาน reasoning และภาพ
    ผู้ใช้ Premium จะได้สิทธิ์ทดลองฟีเจอร์ใหม่ก่อนใครผ่านโปรแกรม Frontier
    มีพื้นที่เก็บข้อมูล OneDrive สูงสุด 6TB (1TB ต่อคน สำหรับสูงสุด 6 คน)
    Microsoft ลงทุนกว่า $13 พันล้านใน OpenAI และใช้ Azure เป็นโครงสร้างพื้นฐานของ Copilot

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/microsoft-365-premium-brings-pro-level-ai-features-to-your-subscription-but-only-if-you-upgrade
    🧠 “Microsoft 365 Premium เปิดตัวแล้ว — รวมพลัง AI ระดับโปรในแพ็กเดียว พร้อมเลิกขาย Copilot Pro แยก” Microsoft ประกาศเปิดตัวแผนสมาชิกใหม่ “Microsoft 365 Premium” ที่รวมทุกสิ่งจาก Microsoft 365 Family และ Copilot Pro เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ AI ระดับมืออาชีพในราคาสมเหตุสมผลที่ $19.99 ต่อเดือน โดยผู้ใช้ Copilot Pro เดิมสามารถสลับมาใช้แผน Premium ได้ทันทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม แผนนี้ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์ AI ที่เหนือกว่าการใช้งานทั่วไป เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การสร้างเอกสารระดับมืออาชีพจากคำสั่งเดียว และการจัดการงานผ่าน Agent Mode ที่เปลี่ยน Copilot ให้กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ทำงานแทนได้จริง Microsoft ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น Photos Agent สำหรับจัดการภาพ, การสร้างภาพด้วย GPT-4o, การสรุปเสียงและพอดแคสต์, และการใช้งานผ่านเสียงแบบเต็มรูปแบบ โดยทั้งหมดนี้มาพร้อมกับการป้องกันระดับองค์กร เช่น Enterprise Data Protection และระบบตรวจสอบความปลอดภัยจาก prompt injection นอกจากนี้ Microsoft ยังปรับไอคอนของแอป Office ใหม่ทั้งหมดให้ดูทันสมัยและสะท้อนยุค AI มากขึ้น พร้อมเปิดให้ผู้ใช้เลือกโมเดล AI ที่ต้องการใช้งาน เช่น ChatGPT หรือ Claude ผ่านระบบ Copilot การเปิดตัวครั้งนี้ยังมาพร้อมการเลิกขาย Copilot Pro แบบแยก โดยผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์ AI ระดับสูงจะต้องสมัคร Microsoft 365 Premium แทน ซึ่งถือเป็นการปรับโครงสร้างแผนสมาชิกให้เรียบง่ายขึ้น และเพิ่มความคุ้มค่าให้กับผู้ใช้ทั่วไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft เปิดตัวแผนสมาชิกใหม่ “Microsoft 365 Premium” ราคา $19.99/เดือน ➡️ รวมฟีเจอร์จาก Microsoft 365 Family และ Copilot Pro เข้าไว้ในแผนเดียว ➡️ ผู้ใช้ Copilot Pro เดิมสามารถสลับมาใช้ Premium ได้ทันทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ➡️ เพิ่มฟีเจอร์ AI ระดับโปร เช่น Researcher, Analyst, Actions และ Agent Mode ➡️ มี Photos Agent สำหรับจัดการภาพ และ GPT-4o สำหรับสร้างภาพใน PowerPoint ➡️ รองรับการสรุปเสียงและพอดแคสต์ พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงเต็มรูปแบบ ➡️ มี Enterprise Data Protection สำหรับการใช้งานกับไฟล์องค์กร ➡️ ปรับไอคอนแอป Office ใหม่ทั้งหมดให้สะท้อนยุค AI ➡️ ผู้ใช้สามารถเลือกโมเดล AI ที่ต้องการ เช่น ChatGPT หรือ Claude ➡️ Microsoft เลิกขาย Copilot Pro แบบแยก และแนะนำให้ใช้ Premium แทน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Microsoft 365 Premium ได้รับการออกแบบให้แข่งกับ ChatGPT Plus โดยตรง ➡️ Premium รองรับการใช้งานกับ GPT-5 และ GPT-4o สำหรับงาน reasoning และภาพ ➡️ ผู้ใช้ Premium จะได้สิทธิ์ทดลองฟีเจอร์ใหม่ก่อนใครผ่านโปรแกรม Frontier ➡️ มีพื้นที่เก็บข้อมูล OneDrive สูงสุด 6TB (1TB ต่อคน สำหรับสูงสุด 6 คน) ➡️ Microsoft ลงทุนกว่า $13 พันล้านใน OpenAI และใช้ Azure เป็นโครงสร้างพื้นฐานของ Copilot https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/microsoft-365-premium-brings-pro-level-ai-features-to-your-subscription-but-only-if-you-upgrade
    0 Comments 0 Shares 218 Views 0 Reviews
  • ..เขมรคือภัยศัตรูประเทศไทยชัดเจนแล้ว,ไม่สามารถญาติดีใดๆด้วย,รมต.กลาโหมชุดอนุทินถือว่าถูกว่ายาถ้าอนุทินจะเป็นนานกฯคนต่อไปสมัยหน้าอีก,สร้างภาพให้ประชาชนเกลียดชังรัฐบาล4เดือนของอนุทินชัดเจน,พออนุทินจะทำคะแนนสร้างชื่อเสียง สังเกตุมั้ยว่าจะออกมามีวาทะคำเด็ดให้ทัวร์คนไทยลง,พาลคนไทยเกลียดชังอนุทินไปด้วย ซึ่งพยายามทำคะแนนทางการเมืองอยู่ดีๆ เสียหมาแบบถูกเตะตัดขาได้เลย,นายกฯอนุทินตั้งรมต.กลาโหมมาฆ่าตัวเองและพรรคตัวเองแท้ๆ.

    ..เขมรคือศัตรูของชาติไทย,ต่างชาติแบบจีน แบบฝรั่งเศสหรือแบบอเมริกา ต้องการทรัพยากรมีค่ามากมายในเขมร บวกถ้าได้จากกรณี1:200,000แดกดินแดนไทยด้วยยิ่งดี,โดยยืมมือชื่อชาติเหี้ยเขมรมายึดดินแดนไทยไปด้วยเลย,สนับสนุนอาวุธให้เขมรทั้งทางแจ้งและทางลับ ค้าอาวุธไปในตัว ในหมู่ชาติค้าอาวุธทั่วโลก แดกตังจากเดอะแก๊งเถื่อนๆมากมายในเขมรนั้นล่ะให้ซื้ออาวุธมาปกป้องเขมร ปกป้องธุรกิจสีเทาสีเถื่อนของตนเต็มเขมรด้วย ตลอดเงินลงทุนตนที่ลงไปมากมายในเขมรอาจเสียหายนั้นเองหรือที่ได้สิทธิเช่าที่ดินทำกิจการธุรกิจแบบเหมืองแร่ต่างๆในเขมรกว่า99ปีจะเสียประโยชน์จากพื้นที่นี้ไป,ยิ่งไทยบอกว่าจะยึดชาติเขมร ยึดพระตะบอง ยึดเสียมราฐ ยึดศรีโสภณ ยึดเกาะกง ยึดเขตบูรพาใต้ในอดีตที่ฝรั่งเศสปล้นไปแล้วไม่คืนถูกคน ไทยเราจะยึดคืนทั้งหมดในคราวเดียวทันที,ต่างชาติที่ลงทุนในเขมรก็ดิ้นพล่านนะสิ เสือกเลยถ้าไทยทำสงครามแตกหักยึดดินแดนไทยในอดีตคืนจากฝรั่งเศสให้เขมรผิดประเทศไป,และเราชอบธรรมด้วยที่สามารถยึดคืนทวงคืนได้,พวกต่างประเทศที่ลงทุนบนพื้นที่ที่ว่านี้จึงมีหนาว กลัวเสียผลประโยชน์ชัดเจน ,จะออกนอกหน้าช่วยเขมร กลัวชาวโลกรับรู้ว่าช่วยอาชญากรรมชาติเขมรระดับโลกเสียชื่อเสียงไปด้วย เป็นฐานฟอกเงินช่วยต่างชาติแบบกูทางลับก็ได้อีก,อะไรเถื่อนๆกูยืมมือชาติเขมรออกนอกหน้าเสื่อมเสียชื่อเสียงแทนกูชาติต่างประเทศแบบกูที่ทำตัวดูดีตลอดมาแก่คนทั้งโลกได้หมด.

    ..เรื่องเขมรจริงๆไม่มีอะไรเลย,หลักเขตแดนที่ร.5ทำกับฝรั่งเศสที่1:1 สันปันน้ำก็ชัดเจนแล้ว สร้างรั้วลวดหนามได้เลย,ผลักดันจับกุมเขมรในฝั่งไทยได้หมดหากรุกล้ำเข้ามาจริง, ยกเลิกmou43ตัวต้นเรื่องปัญหาทั้งหมด 44และอะไรๆก็โมฆะอัตโนมัติเชื่อมโยงตัดขาดจบปัญหาได้ทันที,ดินแดนใครก็ของใคร อยู่ใครอยู่มันมีรั้วกำแพงถาวรกั้นกัน,ที่นักการเมืองและข้าราชการปฏิเสธไม่อยากทำเพราะจะหนีเมื่อทำผิด ออกไปทางช่องธรรมชาติของเขมรแบบที่เคยเป็นมาไม่ได้,เจ้าพ่อเจ้าสัวชั่ว ไทยเทา ผู้มีอิทธิพลมีเลี้ยงลูกน้องชั่วสั่งเก็บใคร แล้วหนีออกทางเขมรจะลำบากเพราะมีกำแพงรั้วลวดหนามกั้น ต้องผ่านด่านอย่างเดียว ความซวยและบรรลัยอนาถจึงเกิดขึ้นแน่นอน จึงยอมรับไม่ได้,ส่วนทางเขมรเองแบบคนเขมรหนีตายทางการเมืองเข้าไทยทางธรรมชาติก็ลำบากไปด้วย,ต้องผ่านด่านอีก,พวกต่างชาติเทาๆเถื่อนๆอีก หมายทำการค้าทำตังเถื่อนๆที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลต่อปีอาจกว่า100ล้านล้านบาทยิ่งลำบากไปด้วย,มันเข้าเขมรออกทะเลได้สบาย.ขนอะไรได้สะดวก ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าอวัยวะมนุษย์ค้าเด็ก ขนทองคำ ขนแร่ธาตุต่างๆหนีภาษีได้หมด กำไรทั้งนั้น,เขมรจึงฮับสาระพัดชาติต่างประเทศชั่วๆเลวๆไปกกกันที่เขมรเถื่อนตรึมทั้งแบบหน้าฉากทำทีทำถูกกฎหมายขนอะไรใส่ตู้คอนเทเนอร์บนกฎหมายฮุนเซนเขมรเถื่อนคุ้มครองตีตราปกป้องสินค้าพวกนี้เต็มที่,ส่วนพวกแบบเถื่อนๆยิ่งโหด ไม่ต้องพูดถึง สาระพัดมิติช่องชั่วเลวพลิกแพลงได้หมด,ต่างชาติใดที่สนับสนุนเขมรจะทางแจ้งหรือทางลับล้วนเป็นชาติประเทศต่างขาติที่สาระเลวชั่วช้าเลวทรามด้วย,มันสนับสนุนเขมรร่วมก่ออาชญากรรมระดับสากลโลกกับเขมรชัดเจน,พวกนี้จะต้องคำสาปพระเจ้าไชยวรมันด้วยแน่นอน,ประเทศต่างชาตินั้นๆจะพบแต่ความหายนะ ภัยพิบัติ หรือบ้านเมืองตน ประเทศตนมันนั้นล่มสลายสิ้นชาติไปพร้อมกับเขมรด้วย,ยิ่งพลังงานจักรวาลแสงทองส่องลงมาโลกเปิดมิตินรกชั่วเลวมารับต่างชาติชั่วต่างชาติเลว ประเทศชาติไหนชั่วเลวแบบสมคบคิดกับเขมร จะถูกพลังงานนี้ทวีเร่งอัตราเดือดให้ชาติประเทศชั่วเลวนั้นๆพบเจอแต่ความหายนะล่มจมสิ้นประเทศ ประชาชนในประเทศตนพบแต่ความเดือดร้อนทุกข์ยากมหาทวีคูณ,พระเจ้าแห่งอนันตจักรวาลส่งสัญญาณส่งพลังงานเพื่อมากวาดล้างสิ่งชั่วเลวบนโลกนี้,อะไรไม่เคยเห็นเคยปรากฎที่แอบซ่อนความชั่ว ซ่อนสิ่งเลวชั่วร้ายไว้ปกปิดไว้จะถูกปิดออกและถูกกำจัดทันที,ด้วยอนุภาคพลังงานของแสงสว่างแห่งพระเจ้าจักรวาลนั้นที่ส่งมาถึงโลกแล้ว,โลกจะอัพเลเวลนั้นเอง,การคัดคนคัดกรองคนมันเริ่มแล้ว.,เมืองบาดาลใต้โลกใต้มหาสมุทรแบบโลกกลวงก็ไม่เว้น.,เขมรและต่างชาติต่างประเทศที่ส่งเสริมสนับสนุนเขมรก็ไม่เว้นก็ไม่รอด,กรรมหนักมากที่หมายร่วมทำลายเขตอภัยทานดินแดนแห่งพุทธะภูมิพุทธะธรรมคือประเทศไทยนี้,ประเทศไทยได้เปรียบเขตวัดวาอารามแล้วด้วยพระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกแผ่นดินไทยนี้ทั้งประเทศเป็นแผ่นดินวัดแผ่นดินเขตวัดแผ่นดินในพระพุทธศาสนาแล้ว,มันผู้ใดเอาของวัดไปกรรมหนักมาก ไม่เอามาคืนจะพบแต่ภัยพิบัติพบแต่ความหายนะ ยิ่งปล้นชิงวัดอีก,เล่นๆที่ไหน,หลายๆประเทศแบบชาติล่าอาณานิคมมากมายกำลังประสบพบกรรมหายนะแห่งกรรมเริ่มทำงานอยู่ในขณะนี้,ไทยเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศนะ ธรรมดาที่ไหน แดนดินแห่งชาติที่ร่ำรวยพระอรหันต์โน้นค้ำประกันแล้ว,เล่นๆที่ไหน.,ปัจเจกบุคคลอัจฉริยะอีกกระจายอยู่เต็มประเทศ.,ประเทศไทยดินแดนแห่งธรรมสายกลาง.,อารยะธรรมจักรวาลศูนย์กลางจักรวาลนี้คือประเทศไทยนี้ล่ะ.

    https://youtube.com/watch?v=QnaxRJTIAlY&si=PdL9IqkkJXFU4qt8
    ..เขมรคือภัยศัตรูประเทศไทยชัดเจนแล้ว,ไม่สามารถญาติดีใดๆด้วย,รมต.กลาโหมชุดอนุทินถือว่าถูกว่ายาถ้าอนุทินจะเป็นนานกฯคนต่อไปสมัยหน้าอีก,สร้างภาพให้ประชาชนเกลียดชังรัฐบาล4เดือนของอนุทินชัดเจน,พออนุทินจะทำคะแนนสร้างชื่อเสียง สังเกตุมั้ยว่าจะออกมามีวาทะคำเด็ดให้ทัวร์คนไทยลง,พาลคนไทยเกลียดชังอนุทินไปด้วย ซึ่งพยายามทำคะแนนทางการเมืองอยู่ดีๆ เสียหมาแบบถูกเตะตัดขาได้เลย,นายกฯอนุทินตั้งรมต.กลาโหมมาฆ่าตัวเองและพรรคตัวเองแท้ๆ. ..เขมรคือศัตรูของชาติไทย,ต่างชาติแบบจีน แบบฝรั่งเศสหรือแบบอเมริกา ต้องการทรัพยากรมีค่ามากมายในเขมร บวกถ้าได้จากกรณี1:200,000แดกดินแดนไทยด้วยยิ่งดี,โดยยืมมือชื่อชาติเหี้ยเขมรมายึดดินแดนไทยไปด้วยเลย,สนับสนุนอาวุธให้เขมรทั้งทางแจ้งและทางลับ ค้าอาวุธไปในตัว ในหมู่ชาติค้าอาวุธทั่วโลก แดกตังจากเดอะแก๊งเถื่อนๆมากมายในเขมรนั้นล่ะให้ซื้ออาวุธมาปกป้องเขมร ปกป้องธุรกิจสีเทาสีเถื่อนของตนเต็มเขมรด้วย ตลอดเงินลงทุนตนที่ลงไปมากมายในเขมรอาจเสียหายนั้นเองหรือที่ได้สิทธิเช่าที่ดินทำกิจการธุรกิจแบบเหมืองแร่ต่างๆในเขมรกว่า99ปีจะเสียประโยชน์จากพื้นที่นี้ไป,ยิ่งไทยบอกว่าจะยึดชาติเขมร ยึดพระตะบอง ยึดเสียมราฐ ยึดศรีโสภณ ยึดเกาะกง ยึดเขตบูรพาใต้ในอดีตที่ฝรั่งเศสปล้นไปแล้วไม่คืนถูกคน ไทยเราจะยึดคืนทั้งหมดในคราวเดียวทันที,ต่างชาติที่ลงทุนในเขมรก็ดิ้นพล่านนะสิ เสือกเลยถ้าไทยทำสงครามแตกหักยึดดินแดนไทยในอดีตคืนจากฝรั่งเศสให้เขมรผิดประเทศไป,และเราชอบธรรมด้วยที่สามารถยึดคืนทวงคืนได้,พวกต่างประเทศที่ลงทุนบนพื้นที่ที่ว่านี้จึงมีหนาว กลัวเสียผลประโยชน์ชัดเจน ,จะออกนอกหน้าช่วยเขมร กลัวชาวโลกรับรู้ว่าช่วยอาชญากรรมชาติเขมรระดับโลกเสียชื่อเสียงไปด้วย เป็นฐานฟอกเงินช่วยต่างชาติแบบกูทางลับก็ได้อีก,อะไรเถื่อนๆกูยืมมือชาติเขมรออกนอกหน้าเสื่อมเสียชื่อเสียงแทนกูชาติต่างประเทศแบบกูที่ทำตัวดูดีตลอดมาแก่คนทั้งโลกได้หมด. ..เรื่องเขมรจริงๆไม่มีอะไรเลย,หลักเขตแดนที่ร.5ทำกับฝรั่งเศสที่1:1 สันปันน้ำก็ชัดเจนแล้ว สร้างรั้วลวดหนามได้เลย,ผลักดันจับกุมเขมรในฝั่งไทยได้หมดหากรุกล้ำเข้ามาจริง, ยกเลิกmou43ตัวต้นเรื่องปัญหาทั้งหมด 44และอะไรๆก็โมฆะอัตโนมัติเชื่อมโยงตัดขาดจบปัญหาได้ทันที,ดินแดนใครก็ของใคร อยู่ใครอยู่มันมีรั้วกำแพงถาวรกั้นกัน,ที่นักการเมืองและข้าราชการปฏิเสธไม่อยากทำเพราะจะหนีเมื่อทำผิด ออกไปทางช่องธรรมชาติของเขมรแบบที่เคยเป็นมาไม่ได้,เจ้าพ่อเจ้าสัวชั่ว ไทยเทา ผู้มีอิทธิพลมีเลี้ยงลูกน้องชั่วสั่งเก็บใคร แล้วหนีออกทางเขมรจะลำบากเพราะมีกำแพงรั้วลวดหนามกั้น ต้องผ่านด่านอย่างเดียว ความซวยและบรรลัยอนาถจึงเกิดขึ้นแน่นอน จึงยอมรับไม่ได้,ส่วนทางเขมรเองแบบคนเขมรหนีตายทางการเมืองเข้าไทยทางธรรมชาติก็ลำบากไปด้วย,ต้องผ่านด่านอีก,พวกต่างชาติเทาๆเถื่อนๆอีก หมายทำการค้าทำตังเถื่อนๆที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลต่อปีอาจกว่า100ล้านล้านบาทยิ่งลำบากไปด้วย,มันเข้าเขมรออกทะเลได้สบาย.ขนอะไรได้สะดวก ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าอวัยวะมนุษย์ค้าเด็ก ขนทองคำ ขนแร่ธาตุต่างๆหนีภาษีได้หมด กำไรทั้งนั้น,เขมรจึงฮับสาระพัดชาติต่างประเทศชั่วๆเลวๆไปกกกันที่เขมรเถื่อนตรึมทั้งแบบหน้าฉากทำทีทำถูกกฎหมายขนอะไรใส่ตู้คอนเทเนอร์บนกฎหมายฮุนเซนเขมรเถื่อนคุ้มครองตีตราปกป้องสินค้าพวกนี้เต็มที่,ส่วนพวกแบบเถื่อนๆยิ่งโหด ไม่ต้องพูดถึง สาระพัดมิติช่องชั่วเลวพลิกแพลงได้หมด,ต่างชาติใดที่สนับสนุนเขมรจะทางแจ้งหรือทางลับล้วนเป็นชาติประเทศต่างขาติที่สาระเลวชั่วช้าเลวทรามด้วย,มันสนับสนุนเขมรร่วมก่ออาชญากรรมระดับสากลโลกกับเขมรชัดเจน,พวกนี้จะต้องคำสาปพระเจ้าไชยวรมันด้วยแน่นอน,ประเทศต่างชาตินั้นๆจะพบแต่ความหายนะ ภัยพิบัติ หรือบ้านเมืองตน ประเทศตนมันนั้นล่มสลายสิ้นชาติไปพร้อมกับเขมรด้วย,ยิ่งพลังงานจักรวาลแสงทองส่องลงมาโลกเปิดมิตินรกชั่วเลวมารับต่างชาติชั่วต่างชาติเลว ประเทศชาติไหนชั่วเลวแบบสมคบคิดกับเขมร จะถูกพลังงานนี้ทวีเร่งอัตราเดือดให้ชาติประเทศชั่วเลวนั้นๆพบเจอแต่ความหายนะล่มจมสิ้นประเทศ ประชาชนในประเทศตนพบแต่ความเดือดร้อนทุกข์ยากมหาทวีคูณ,พระเจ้าแห่งอนันตจักรวาลส่งสัญญาณส่งพลังงานเพื่อมากวาดล้างสิ่งชั่วเลวบนโลกนี้,อะไรไม่เคยเห็นเคยปรากฎที่แอบซ่อนความชั่ว ซ่อนสิ่งเลวชั่วร้ายไว้ปกปิดไว้จะถูกปิดออกและถูกกำจัดทันที,ด้วยอนุภาคพลังงานของแสงสว่างแห่งพระเจ้าจักรวาลนั้นที่ส่งมาถึงโลกแล้ว,โลกจะอัพเลเวลนั้นเอง,การคัดคนคัดกรองคนมันเริ่มแล้ว.,เมืองบาดาลใต้โลกใต้มหาสมุทรแบบโลกกลวงก็ไม่เว้น.,เขมรและต่างชาติต่างประเทศที่ส่งเสริมสนับสนุนเขมรก็ไม่เว้นก็ไม่รอด,กรรมหนักมากที่หมายร่วมทำลายเขตอภัยทานดินแดนแห่งพุทธะภูมิพุทธะธรรมคือประเทศไทยนี้,ประเทศไทยได้เปรียบเขตวัดวาอารามแล้วด้วยพระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกแผ่นดินไทยนี้ทั้งประเทศเป็นแผ่นดินวัดแผ่นดินเขตวัดแผ่นดินในพระพุทธศาสนาแล้ว,มันผู้ใดเอาของวัดไปกรรมหนักมาก ไม่เอามาคืนจะพบแต่ภัยพิบัติพบแต่ความหายนะ ยิ่งปล้นชิงวัดอีก,เล่นๆที่ไหน,หลายๆประเทศแบบชาติล่าอาณานิคมมากมายกำลังประสบพบกรรมหายนะแห่งกรรมเริ่มทำงานอยู่ในขณะนี้,ไทยเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศนะ ธรรมดาที่ไหน แดนดินแห่งชาติที่ร่ำรวยพระอรหันต์โน้นค้ำประกันแล้ว,เล่นๆที่ไหน.,ปัจเจกบุคคลอัจฉริยะอีกกระจายอยู่เต็มประเทศ.,ประเทศไทยดินแดนแห่งธรรมสายกลาง.,อารยะธรรมจักรวาลศูนย์กลางจักรวาลนี้คือประเทศไทยนี้ล่ะ. https://youtube.com/watch?v=QnaxRJTIAlY&si=PdL9IqkkJXFU4qt8
    0 Comments 0 Shares 397 Views 0 Reviews
  • “เมื่อความผิดหวังกลายเป็นอิสรภาพ — ทำไมสายครีเอทีฟควรหันมาใช้ FOSS ในวันที่เครื่องมือกลายเป็นกรง”

    ในยุคที่ซอฟต์แวร์กลายเป็น “เครื่องใช้ไฟฟ้า” มากกว่าชุดเครื่องมือสร้างสรรค์ ผู้ใช้งานสายครีเอทีฟจำนวนมากเริ่มรู้สึกถึงความไม่มั่นคง: ฟีเจอร์หายไปหลังอัปเดต, ไฟล์เปิดไม่ได้เพราะ format ถูกล็อก, หรือราคาสมัครสมาชิกที่พุ่งขึ้นโดยไม่มีคำอธิบาย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อย แต่คือสัญญาณว่า “อำนาจในการควบคุมเครื่องมือ” ได้ถูกย้ายจากผู้ใช้ไปยังผู้ขาย

    บทความจาก It's FOSS ชี้ว่า Free and Open Source Software (FOSS) ไม่ใช่แค่ทางเลือกที่ไม่มีค่าใช้จ่าย — แต่มันคือการคืนอำนาจให้ผู้สร้างสรรค์ได้ปรับแต่งเครื่องมือให้เหมาะกับตนเอง ไม่ต้องรอ vendor อัปเดต ไม่ต้องกลัวฟีเจอร์หาย และไม่ต้องผูกติดกับระบบปิดที่ไม่โปร่งใส

    ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Blender ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสมัครเล่น แต่ปัจจุบันถูกใช้สร้างภาพยนตร์ระดับมืออาชีพ เพราะเปิดให้ผู้ใช้เขียนสคริปต์ สร้างปลั๊กอิน และแชร์เครื่องมือกันได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกับ Krita ที่มีระบบแปรงแบบเปิด, Godot ที่ให้ผู้พัฒนาเกมควบคุมทุกส่วนของเอนจิน, Inkscape ที่ใช้ SVG เป็นมาตรฐานเปิด และ Darktable ที่ให้ช่างภาพปรับแต่ง RAW ได้อย่างลึกซึ้ง

    บทความยังชี้ให้เห็นว่า “มาตรฐานอุตสาหกรรม” ไม่ได้ถูกกำหนดโดยบริษัทใหญ่ แต่ถูกสร้างจากงานของผู้ใช้จริง เช่น Blender ที่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการ VFX หรือ Krita ที่กลายเป็นเครื่องมือหลักของนักวาดการ์ตูน

    ผู้เขียนซึ่งเป็นนักเขียนและผู้กำกับภาพยนตร์จากเอเชียใต้ เล่าว่าการเปลี่ยนมาใช้ FOSS ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิด — จากการเป็นผู้ใช้ มาเป็นผู้ร่วมสร้าง และจากการพึ่งพา มาเป็นการควบคุม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    FOSS คือทางเลือกที่ให้ผู้ใช้ควบคุมเครื่องมือได้อย่างเต็มที่
    Blender, Krita, Godot, Inkscape และ Darktable เป็นตัวอย่างของ FOSS ที่ใช้จริงในอุตสาหกรรม
    Blender ใช้ในภาพยนตร์มืออาชีพ เพราะเปิดให้เขียนสคริปต์และแชร์ปลั๊กอิน
    Krita มีระบบแปรงและปลั๊กอินที่ผู้ใช้สามารถสร้างและแชร์ได้
    Godot เป็นเอนจินเกมแบบเปิดที่ให้ผู้ใช้ควบคุมทุกส่วนของการพัฒนา
    Inkscape ใช้มาตรฐาน SVG ทำให้ไม่มีการล็อกไฟล์
    Darktable ให้ช่างภาพปรับแต่ง RAW ด้วย Lua scripting และ format แบบเปิด
    ผู้เขียนบทความใช้ Neovim สร้างระบบเขียนบทแบบ Integrated Writing Environment
    การใช้ FOSS ช่วยลดการพึ่งพาระบบปิดและเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ubuntu 24.04 รองรับ FOSS สำหรับงานออกแบบ เช่น GIMP, Inkscape, Kdenlive, Scribus
    Krita ได้รับความนิยมในวงการวาดการ์ตูนและภาพประกอบระดับมืออาชีพ
    Linux OS เป็นระบบที่เสถียรและเหมาะกับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการความยืดหยุ่น
    Open formats เช่น SVG, OpenEXR, glTF, FLAC ช่วยให้ไฟล์สามารถใช้งานข้ามแพลตฟอร์มได้
    FOSS ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความปลอดภัยจากการผูกติดกับ vendor

    https://news.itsfoss.com/creatives-need-foss-now/
    🎨 “เมื่อความผิดหวังกลายเป็นอิสรภาพ — ทำไมสายครีเอทีฟควรหันมาใช้ FOSS ในวันที่เครื่องมือกลายเป็นกรง” ในยุคที่ซอฟต์แวร์กลายเป็น “เครื่องใช้ไฟฟ้า” มากกว่าชุดเครื่องมือสร้างสรรค์ ผู้ใช้งานสายครีเอทีฟจำนวนมากเริ่มรู้สึกถึงความไม่มั่นคง: ฟีเจอร์หายไปหลังอัปเดต, ไฟล์เปิดไม่ได้เพราะ format ถูกล็อก, หรือราคาสมัครสมาชิกที่พุ่งขึ้นโดยไม่มีคำอธิบาย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อย แต่คือสัญญาณว่า “อำนาจในการควบคุมเครื่องมือ” ได้ถูกย้ายจากผู้ใช้ไปยังผู้ขาย บทความจาก It's FOSS ชี้ว่า Free and Open Source Software (FOSS) ไม่ใช่แค่ทางเลือกที่ไม่มีค่าใช้จ่าย — แต่มันคือการคืนอำนาจให้ผู้สร้างสรรค์ได้ปรับแต่งเครื่องมือให้เหมาะกับตนเอง ไม่ต้องรอ vendor อัปเดต ไม่ต้องกลัวฟีเจอร์หาย และไม่ต้องผูกติดกับระบบปิดที่ไม่โปร่งใส ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Blender ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสมัครเล่น แต่ปัจจุบันถูกใช้สร้างภาพยนตร์ระดับมืออาชีพ เพราะเปิดให้ผู้ใช้เขียนสคริปต์ สร้างปลั๊กอิน และแชร์เครื่องมือกันได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกับ Krita ที่มีระบบแปรงแบบเปิด, Godot ที่ให้ผู้พัฒนาเกมควบคุมทุกส่วนของเอนจิน, Inkscape ที่ใช้ SVG เป็นมาตรฐานเปิด และ Darktable ที่ให้ช่างภาพปรับแต่ง RAW ได้อย่างลึกซึ้ง บทความยังชี้ให้เห็นว่า “มาตรฐานอุตสาหกรรม” ไม่ได้ถูกกำหนดโดยบริษัทใหญ่ แต่ถูกสร้างจากงานของผู้ใช้จริง เช่น Blender ที่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการ VFX หรือ Krita ที่กลายเป็นเครื่องมือหลักของนักวาดการ์ตูน ผู้เขียนซึ่งเป็นนักเขียนและผู้กำกับภาพยนตร์จากเอเชียใต้ เล่าว่าการเปลี่ยนมาใช้ FOSS ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิด — จากการเป็นผู้ใช้ มาเป็นผู้ร่วมสร้าง และจากการพึ่งพา มาเป็นการควบคุม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ FOSS คือทางเลือกที่ให้ผู้ใช้ควบคุมเครื่องมือได้อย่างเต็มที่ ➡️ Blender, Krita, Godot, Inkscape และ Darktable เป็นตัวอย่างของ FOSS ที่ใช้จริงในอุตสาหกรรม ➡️ Blender ใช้ในภาพยนตร์มืออาชีพ เพราะเปิดให้เขียนสคริปต์และแชร์ปลั๊กอิน ➡️ Krita มีระบบแปรงและปลั๊กอินที่ผู้ใช้สามารถสร้างและแชร์ได้ ➡️ Godot เป็นเอนจินเกมแบบเปิดที่ให้ผู้ใช้ควบคุมทุกส่วนของการพัฒนา ➡️ Inkscape ใช้มาตรฐาน SVG ทำให้ไม่มีการล็อกไฟล์ ➡️ Darktable ให้ช่างภาพปรับแต่ง RAW ด้วย Lua scripting และ format แบบเปิด ➡️ ผู้เขียนบทความใช้ Neovim สร้างระบบเขียนบทแบบ Integrated Writing Environment ➡️ การใช้ FOSS ช่วยลดการพึ่งพาระบบปิดและเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ubuntu 24.04 รองรับ FOSS สำหรับงานออกแบบ เช่น GIMP, Inkscape, Kdenlive, Scribus ➡️ Krita ได้รับความนิยมในวงการวาดการ์ตูนและภาพประกอบระดับมืออาชีพ ➡️ Linux OS เป็นระบบที่เสถียรและเหมาะกับงานสร้างสรรค์ที่ต้องการความยืดหยุ่น ➡️ Open formats เช่น SVG, OpenEXR, glTF, FLAC ช่วยให้ไฟล์สามารถใช้งานข้ามแพลตฟอร์มได้ ➡️ FOSS ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความปลอดภัยจากการผูกติดกับ vendor https://news.itsfoss.com/creatives-need-foss-now/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    From Disillusionment to Freedom: Why Creatives Need FOSS Now More Than Ever
    More than ever, creative professionals need to exert control over their digital footprint. Big tech will not give us control—we have to take it. Free and Open Source (FOSS) software gives us a path forward. The path isn't easy, but I argue nothing worthwhile is.
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • ♣ แสบได้พ่อ อุปโลกน์ส่วยแก๊งคอลมาสร้างภาพ แถมฟาดใส่เพื่อไทยตอนคุมดีอี ถ้าไม่ดำเนินคดีคนเสนอส่วย แสดงว่าแต่งเรื่อง หรือหากมีจริง ก็อาจจะรับทั้งส่วน เอามาแฉ แถมช่วยกำจัดคู่แข่งให้คนจ่ายอีก
    #7ดอกจิก
    ♣ แสบได้พ่อ อุปโลกน์ส่วยแก๊งคอลมาสร้างภาพ แถมฟาดใส่เพื่อไทยตอนคุมดีอี ถ้าไม่ดำเนินคดีคนเสนอส่วย แสดงว่าแต่งเรื่อง หรือหากมีจริง ก็อาจจะรับทั้งส่วน เอามาแฉ แถมช่วยกำจัดคู่แข่งให้คนจ่ายอีก #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • ไชยชนกลอกการบ้านพรรคส้ม อ้างมีส่วยแลกช่วยคอลเซนเตอร์ เดือนละ40 ล้าน
    เหมือนสส.ส้ม อ้างโดนซื้อเสียงโหวต 120ล้าน แค่เริ่มงานก็ปั้นความเท็จสร้างภาพซะแล้ว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ไชยชนกลอกการบ้านพรรคส้ม อ้างมีส่วยแลกช่วยคอลเซนเตอร์ เดือนละ40 ล้าน เหมือนสส.ส้ม อ้างโดนซื้อเสียงโหวต 120ล้าน แค่เริ่มงานก็ปั้นความเท็จสร้างภาพซะแล้ว #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • “คลิป Airsoft บน YouTube อาจละเมิดสิทธิ — เมื่อความสนุกกลายเป็นความเสี่ยงทางกฎหมายในยุคดิจิทัล”

    ในช่วงกันยายน 2025 มีการถกเถียงกันในวงการ Airsoft และผู้สร้างคอนเทนต์ YouTube ในสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับ “สิทธิความเป็นส่วนตัว” ของผู้ที่ปรากฏในวิดีโอโดยไม่ได้รับความยินยอม โดยเฉพาะในคลิปที่ถ่ายกิจกรรม Airsoft ซึ่งมักเกิดในพื้นที่กึ่งสาธารณะ เช่น สนามแข่งขันหรือพื้นที่ฝึกซ้อม

    แม้กิจกรรม Airsoft จะถูกกฎหมายในสหราชอาณาจักรภายใต้ข้อกำหนดของ UKARA และกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธจำลอง แต่การเผยแพร่ภาพบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวได้ โดยเฉพาะหากบุคคลนั้นสามารถระบุตัวตนได้ชัดเจน เช่น ใบหน้า หมายเลขทะเบียนรถ หรือเสียงพูด

    YouTube ได้ปรับนโยบายใหม่ให้ผู้ที่ถูกถ่ายโดยไม่ได้รับความยินยอมสามารถยื่นคำร้องขอให้ลบวิดีโอผ่านระบบ Privacy Complaint ได้ โดยพิจารณาจากความชัดเจนในการระบุตัวตน, ความอ่อนไหวของเนื้อหา, และความจำเป็นในการเผยแพร่เพื่อสาธารณะ

    นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายดิจิทัลว่า ผู้สร้างคอนเทนต์ควรขออนุญาตล่วงหน้า หรือใช้วิธีเบลอใบหน้าและข้อมูลส่วนตัวก่อนเผยแพร่ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้องหรือถูกลบวิดีโอโดยไม่ตั้งใจ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    คลิป Airsoft ที่เผยแพร่บน YouTube อาจละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว หากถ่ายบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอม
    YouTube เปิดระบบ Privacy Complaint ให้ผู้เสียหายร้องขอลบวิดีโอ
    การพิจารณาขึ้นอยู่กับการระบุตัวตนได้ชัดเจน และความอ่อนไหวของเนื้อหา
    กิจกรรม Airsoft ถูกกฎหมายใน UK ภายใต้ข้อกำหนดของ UKARA และกฎหมายอาวุธจำลอง
    ผู้สร้างคอนเทนต์ควรขออนุญาตล่วงหน้า หรือเบลอใบหน้าและข้อมูลส่วนตัวก่อนเผยแพร่
    การถ่ายในพื้นที่กึ่งสาธารณะ เช่น สนาม Airsoft ยังต้องระวังเรื่องสิทธิส่วนบุคคล
    หากไม่สามารถตกลงกับผู้ถูกถ่ายได้ YouTube อาจลบวิดีโอตามคำร้องโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ภายใต้กฎหมาย UK GDPR การเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมถือว่าผิดกฎหมาย
    การถ่ายวิดีโอในที่สาธารณะไม่ผิดกฎหมาย แต่การเผยแพร่ที่ทำให้บุคคลเสียหายอาจเข้าข่ายละเมิด
    การใช้ AI สร้างภาพหรือเสียงของบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตก็เข้าข่ายละเมิดสิทธิ
    YouTube พิจารณาความจำเป็นในการเผยแพร่ เช่น ความสนใจสาธารณะหรือเนื้อหาข่าว
    ผู้สร้างคอนเทนต์สามารถใช้เครื่องมือเบลอภาพและเสียงใน YouTube Studio เพื่อป้องกันปัญหา

    https://neilzone.co.uk/2025/09/what-if-i-dont-want-videos-of-my-hobby-time-available-to-the-entire-world/
    🎥 “คลิป Airsoft บน YouTube อาจละเมิดสิทธิ — เมื่อความสนุกกลายเป็นความเสี่ยงทางกฎหมายในยุคดิจิทัล” ในช่วงกันยายน 2025 มีการถกเถียงกันในวงการ Airsoft และผู้สร้างคอนเทนต์ YouTube ในสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับ “สิทธิความเป็นส่วนตัว” ของผู้ที่ปรากฏในวิดีโอโดยไม่ได้รับความยินยอม โดยเฉพาะในคลิปที่ถ่ายกิจกรรม Airsoft ซึ่งมักเกิดในพื้นที่กึ่งสาธารณะ เช่น สนามแข่งขันหรือพื้นที่ฝึกซ้อม แม้กิจกรรม Airsoft จะถูกกฎหมายในสหราชอาณาจักรภายใต้ข้อกำหนดของ UKARA และกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธจำลอง แต่การเผยแพร่ภาพบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวได้ โดยเฉพาะหากบุคคลนั้นสามารถระบุตัวตนได้ชัดเจน เช่น ใบหน้า หมายเลขทะเบียนรถ หรือเสียงพูด YouTube ได้ปรับนโยบายใหม่ให้ผู้ที่ถูกถ่ายโดยไม่ได้รับความยินยอมสามารถยื่นคำร้องขอให้ลบวิดีโอผ่านระบบ Privacy Complaint ได้ โดยพิจารณาจากความชัดเจนในการระบุตัวตน, ความอ่อนไหวของเนื้อหา, และความจำเป็นในการเผยแพร่เพื่อสาธารณะ นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายดิจิทัลว่า ผู้สร้างคอนเทนต์ควรขออนุญาตล่วงหน้า หรือใช้วิธีเบลอใบหน้าและข้อมูลส่วนตัวก่อนเผยแพร่ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องร้องหรือถูกลบวิดีโอโดยไม่ตั้งใจ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ คลิป Airsoft ที่เผยแพร่บน YouTube อาจละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว หากถ่ายบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอม ➡️ YouTube เปิดระบบ Privacy Complaint ให้ผู้เสียหายร้องขอลบวิดีโอ ➡️ การพิจารณาขึ้นอยู่กับการระบุตัวตนได้ชัดเจน และความอ่อนไหวของเนื้อหา ➡️ กิจกรรม Airsoft ถูกกฎหมายใน UK ภายใต้ข้อกำหนดของ UKARA และกฎหมายอาวุธจำลอง ➡️ ผู้สร้างคอนเทนต์ควรขออนุญาตล่วงหน้า หรือเบลอใบหน้าและข้อมูลส่วนตัวก่อนเผยแพร่ ➡️ การถ่ายในพื้นที่กึ่งสาธารณะ เช่น สนาม Airsoft ยังต้องระวังเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ➡️ หากไม่สามารถตกลงกับผู้ถูกถ่ายได้ YouTube อาจลบวิดีโอตามคำร้องโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ภายใต้กฎหมาย UK GDPR การเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมถือว่าผิดกฎหมาย ➡️ การถ่ายวิดีโอในที่สาธารณะไม่ผิดกฎหมาย แต่การเผยแพร่ที่ทำให้บุคคลเสียหายอาจเข้าข่ายละเมิด ➡️ การใช้ AI สร้างภาพหรือเสียงของบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตก็เข้าข่ายละเมิดสิทธิ ➡️ YouTube พิจารณาความจำเป็นในการเผยแพร่ เช่น ความสนใจสาธารณะหรือเนื้อหาข่าว ➡️ ผู้สร้างคอนเทนต์สามารถใช้เครื่องมือเบลอภาพและเสียงใน YouTube Studio เพื่อป้องกันปัญหา https://neilzone.co.uk/2025/09/what-if-i-dont-want-videos-of-my-hobby-time-available-to-the-entire-world/
    NEILZONE.CO.UK
    What if I don't want videos of my hobby time available to the entire world?
    I am very much enjoying my newly-resurrected hobby of Airsoft.
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • ตอนแถมของนิทาน เรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว ตอนที่ 1
    ตอนแถมของนิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”

    ตอนที่ 1/3

    นิทานเรื่อง ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว จบไปพักใหญ่แล้ว เข้าใจว่าท่านผู้อ่าน หลายๆท่านยังคงคาใจ ว่าตกลง ตุรกี เป็นอย่างไหนกันแน่ ลูกครึ่ง ครึ่งลูก เต็มใบ หรือ นกสองหัว แล้วเด็กชายสยาม กับ เด็กชายตุรกี ที่มีคุณครูผู้ปกครองคนเดียวกัน ชีวิตภายใต้เชือกจูงดูเหมือนไม่ต่างกัน แล้วต่อไปจะเดินตามเชือกที่จูงเหมือนกันไหม

    แล้วนิทานก็จบไปดื้อๆ ไหนว่าจะเขียนขยาย นอกจากไม่เขียนแล้ว ลุงนิทานยังหายหัว ไม่บอกกล่าว ไม่รายงานตัว แฟนๆบอกนี่ ถ้า ไม่สงสารว่าเป็นคนแก่ช่างเล่านิทาน ฉันจะเลิกตามอ่านแล้วนะ ทำเอาฉันเกิดอารมณ์ค้าง เหมือนดูหนังจวนจะจบแล้ว พระเอกต่อยผู้ร้ายพุ่งถลา หน้ากำลังจะทิ่มดิน แต่ หนังดันขาด เขาเปิดไฟสว่างทั้งโรง ไล่คนดูกลับบ้าน บอกวันหลังมาดูต่อ ทางโรงหนังบอก วันนี้คนแป๊ะสก๊อตเทปต่อหนังคงไม่กลับมาแล้วครับ ลาไปงานบวชต้ังกะก่อนเพล นี่ตะวันตกดินแล้ว ยังไม่กลับมาเลย

    ชาวบ้านบ่นกันพรึม เอะ แล้วตกลงพระเอกชนะแน่หรือเปล่า เออ วันหลังมาดูต่อแล้วกัน บางคนบอก ไม่มาหรอกเสียเวลา วันไหนจะฉายต่อก็ไม่รู้ ขี้เกียจคอย พระเอกต่อยผู้รายจนคว่ำขนาดนั้น มันคงชนะน่า ไม่พลิกหรอก บางคนบอก ไม่แน่นะ บางทีพระเอกดันใจอ่อนกับผู้ร้าย ยอมให้หนี ตัวอย่างมีนี่นา เราไปดูยี่เกเรื่องใหม่ดีกว่า เขาว่าสนุกออก เล่นเก่งทั้งนางเอก ทั้งพระเอก หลอกกันไปมา ไม่รู้ใครจะได้รอยรักฝังใจ หรือ พวงมาลัยมากกว่ากัน

    ลุงนิทาน ขออภัยครับ ที่เขียนเรื่องนกสองหัวเหมือนไม่สุด คิดเอาเองว่า 9 ตอน ที่เขียนไป แนะนำคุณตุรกีเขาพอควรแล้ว ทันการสำหรับการเมืองโลกตอนนี้ ครั้นจะเพิ่มตรงนั้น ต่อตรงนี้ เกรงเรื่องจะยาวเกิน แล้วอาจจะกลายเป็นเรื่องนกทั้งฝูงไป แต่หลังจากมาอ่านความเห็นของท่านผู้อ่าน ที่มีต่อคุณตุรกีอีกรอบแล้ว ผมคิดว่า โอ้ คนนิทานของผมไม่ธรรมดา มีวิธีคิดวิเคราะห์กันน่าสนใจมาก น่าจะต้องเขียนต่ออีกสักหน่อย เผื่อจะเป็นแว่นทำให้ท่านผู้อ่านมองภาพขัดขึ้น
    กำลังจะเริ่มเขียน ก็ล้มลุกคลุกคลาน อาการคนวัยอาวุโสถามหา ลุงนิทานต้องรีบพาตัวเองไปเข้าอู่ คุณหมอแสนน่ารัก เก็บเครื่องมือเล่านิทานของผมไปเกลี้ยง บังคับให้นอนบ้องแบ้วอยู่หลายวัน นี่ขอต่อรองกัน ขอเขียนเรื่องค้างคาถึงบรรดาแฟนๆ สักหน่อย หลังจากนั้นคงต้องส่งใบลาไปซ่อมเครื่อง สักพักจะกลับมานะครับ ต้องขออภัยอีกครั้ง ที่เขียนตอนต่อช้าไป มาช้าดีกว่า มาไม่ได้เลยนะครับ

    วนสนามหลวงเสียรอบใหญ่ กว่าจะกลับมาเล่าเรื่องคุณตุรกีต่อ

    ตุรกีเป็นชาติที่เหมือนต้นไม้ใหญ่ มีรากยาว ไม่ใช่พวกเพิ่งเพาะเมล็ด หรือต้นใหญ่ แบบต่อตา ตุรกีมีความสืบทอด ทั้งทางวัฒนธรรม ความเจริญใหญ่โต ระดับจักรวรรดิมาก่อน อาณาจักรออตโตมาน มีเรื่องราวให้ศึกษามากมาย ที่สำคัญคือ สถานที่ต้ังของตุรกี อยู่ในที่ ที่ทำให้ตัวเอง สามารถสร้างความสำคัญ และสามารถสร้างความซวยให้กับตัวเอง ได้อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน

    เรื่องนี้เป็นกรณีน่าศึกษาสำหรับสมันน้อยเป็นอย่างยิ่ง

    การประคองตัวของตุรกีให้ผ่านคลื่น ลม แต่ละยุค แต่ละสมัย จึงไม่ง่าย มีบางท่านแหลมคม เปรียบตุรกีเหมือนจราจร อยู่สี่แยกไฟแดง ก็ใช่อยู่ในหลายช่วง แต่ผมว่าบางช่วง ตุรกีน่าระทึกใจกว่าเป็นจราจร เพราะแถบที่ตุรกีอยู่นี่ มันเป็นโรงละครสัตว์ circus of empires ชัดๆ การดำเนินชีวิตแถบนั้น จึงเหมือนเป็นนักไต่ลวดในโรงละครสัตว์มากกว่า ต้องประคองตัวเดินไต่ลวดทุกวัน วันไหนเกิดเสียหลัก ศูนย์ถ่วงเสีย หล่นพลั่กลงมาที่พื้น แถมไม่มีตาข่ายกางรับ ก็จบ เหลือเป็นตำนานเท่าน้ันเอง และตุรกีก็เกือบเป็นอย่างน้ันอยู่หลายครั้ง

    ตุรกี เคยใหญ่โต รุ่งเรืองอย่างยิ่ง เมื่อยังเป็นอาณาจักรออตโตมาน ช่วงประมาณ คศ 1500 กว่า ถึง ประมาณ คศ 1900 ในช่วงที่รุ่งเรือง อาณาจักรออตโตมาน ขยายบ้านเมืองยาวไปรอบด้าน กรุงคอนแสตนติโนเปิล เมืองหลวงของอาณาจักรออตโตมาน จึงเป็นศูนย์กลางการค้า และวัฒนธรรม เชื่อมยุโรป และตะวันออกกลางไว้ด้วยกัน แต่ ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรยั่งยืนถาวรหมดหรอก ให้ใหญ่ยังไง ก็มีวันล้ม วันล่มสลายได้ ไอ้ที่ชอบทำตัวเป็นอึ่งอ่าง ลงท้ายก็ไปอย่างเขียดแทบทั้งนั้น

    สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ โดยฉเพาะ ประวัติศาสตร์ที่ฝรั่งอังกฤษบันทึกไว้ ระบุว่า จักรภพอังกฤษ กับอาณาจักรออตโตมาน มีสัมพันธ์ฉันท์มิตร รักกันหนามายาวนานร่วมศตวรรษ ก่อนสงครามโลกคร้ังที่ 1จะเกิด
    แต่ความเป็นจริง อังกฤษไม่ได้รักหนักหนาอะไรกับตุรกีหรอก อังกฤษแค่เอาตุรกีมาเป็นตัวเชิด เอามาเป็นก้างวางไว้กลางทาง กันไม่ให้ใครเดินมาตามทาง ที่จะทำให้มาใหญ่กว่าอังกฤษได้เท่าน้ัน ตามสันดานขี้อิจฉาของอังกฤษ บังเอิญตอนนั้นมีจักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งนอกจากจะมีอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาล โอ่อ่า หรูหรา แล้วยังมีกองกำลัง ที่ดูน่าเกรงขามอีกด้วย แน่นอนย่อมเป็นที่หมั่นไส้สุดขีดของอังกฤษ ดีว่าอยู่ไกลเกินจะไปยืนท้าหน้าบ้าน

    ช่วง ศตวรรษ ที่ 19 อังกฤษมองตัวเองว่า เป็น หมายเลขหนึ่งของโลก เป็นจ้าวทางทะเล ส่วนรัสเซีย เป็นจ้าวทางพื้นดิน ด้วยภูมิประเทศของรัสเซีย ก็หาเซียนมาปราบยาก นโปเลียนว่ารบเก่ง พยายามเดินทัพอยู่นานเพื่อไปบุกรัสเซีย รัสเซียแค่ดึงเกมให้ถึงหน้าหนาว หลังจากน้ันให้ธรรมชาติจัดการ กองทัพอันเกรียงไกรของนโปเลียน เจอหิมะรัสเซียกัดหู กัดเท้าร่วงเกือบหมด นโปเลียนก็ต้องตัดสินใจ เก็บความยะโสใส่ห่อ หันทัพเดินรุ่งริ่งกลับบ้าน ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นของนโปเลียน ทำให้ใครที่คิดจะปราบรัสเซีย คิดหนัก อังกฤษ จึงได้แต่หมั่นไส้อยู่ห่างๆ

    ตุรกี หรืออาณาจักรออตโตมาน ขณะนั้น อยู่ครึ่งทาง ระหว่างอังกฤษ กับ รัสเซีย นอกจากนี้ตุรกี ยังอยู่ใกล้อินเดีย เพชรยอดมงกุฏ ของรักของหวงของอังกฤษ อังกฤษไม่มีปัญญาเดินทัพทางบก มาดูแลอินเดียได้บ่อยๆ เพราะฉนั้น อังกฤษ ใช้วิธีเดินเกมแทน สนับสนุนอาณาจักรออตโตมาน ให้ดูใหญ่ แบบกำลังพอดี พอให้รัสเซีย ไม่กล้าแหยมและให้ทำหน้าที่เสมือนพี่เลี้ยงอินเดียกลายๆ เป็นการสร้างภาพข่มรัสเซียไว้ เผื่อรัสเซียคิดอยากกินโรตีเมื่อไหร่ ภาพจักรภพอังกฤษ กอดคอจับมือแน่นกับ จักรวรรดิออตโตมาน จะได้หลอนรัสเซียไว้

    คนอังกฤษเขียนไว้เองว่า อังกฤษ เป็น”นักเขียนประวัติศาสตร์” ไม่ใช่ นักประวัติศาสตร์ แต่ละเรื่องที่อังกฤษเขียน จึงต้องดูหูหาหัวให้ครบ!

    การสนับสนุนอาณาจักรออตโตมานของอังกฤษ เป็นตัวอย่างให้เห็นชัด ถึงความจอมปลอมของอังกฤษ และก็เป็นตัวอย่างให้เห็นความซวย จากสถานที่ต้ัง หรือ ชัยภูมิ ของอาณาจักรออตโตมาน
    อังกฤษ สนับสนุนกองทัพออตโตมาน โดยส่งอาวุธไปให้ แต่ขอโทษ เป็นอาวุธเก่าเสียส่วนมาก ถ้าเป็นอาวุธใหม่ ก็ให้ไปแต่อาวุธ กระสุนยังไม่ส่งตามไป หรือตามไปทีละน้อยทีละนิด ฝ่ายออตโตมาน มีอังกฤษมาคอยดูแล ครึ่งหนึ่งที่เป็นลูกครึ่งฝรั่ง ก็ชื่นใจ คิดว่าทางฝรั่งเขารับตัวเองเป็นพวก ทำให้สุลต่านและพวก ก็เชื่องโดยไม่ต้องมีเชือกจูง อังกฤษให้ทำอะไรก็ทำตาม แล้วออตโตมานก็เริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ ถึงขนาด ถูกรัสเซียต้ังชื่อให้ว่าเป็น the Sickman of Europe เจ็บนัก

    แล้วนึกว่ารัสเซีย ซื่อมากนักหรือ หลังจากต้ังชื่อให้ตุรกีเป็นคนป่วย แดกอังกฤษแล้ว รัสเซียก็ออกข่าวว่า อย่างนี้ให้รัสเซียมาดูแลคนป่วย กรุงคอนแสตนติโนเปิล ของออตโตมาน แทนอังกฤษดีกว่าไหม ตุรกี ทั้งปลื้ม ทั้งงง ตกลงใครจะมาอุ้มตูกันแน่ ว่าแล้วสุลต่านเจ้าผู้ครองนครขณะนั้น ก็เดินกลับเข้าฮาเร็ม ปล่อยให้พวกข้าราชการเล่นกันไปเอง ส่วนดีของเรื่องนี้ ก็คือ ทำให้เกิดกลุ่มยังค์เตอร์กในตุรกี ( ไม่ใช่ยังค์เตอร์ก เมษาฮาวายของคุณพี่ มนูญกฤต นะครับ ) แต่เป็นยังค์เตอร์กตัวจริง คือ กลุ่มของนายพันตรี เคมาล อาตาร์เตอร์ก ทหารหนุ่มกลุ่มนี้ อันที่จริงก็ปลื้มอังกฤษ เพราะส่วนใหญ่ก็่เรียนจบจากอังกฤษ ฝรั่งเศษทั้งน้ัน ก็เล่นบทเป็นเพื่อนรัก ต้มกันมาเกือบร้อยปี อิทธิพลทั้งตรงทางอ้อมของอังกฤษ ก็ย่อมครอบงำตุรกีอย่างช่วยไม่ได้ (อย่างนี้พวกที่ถูกต้ม มา 60 ปีจะต่างกันไหมหนอ?!)

    อังกฤษ เจอลูกแดกของรัสเซียเข้า ควันออกหู สั่งเตรียมกองกำลัง กะว่าถ้ารัสเซียเอาจริง จะมาเป็นคุณหมอรักษาตุรกีคนป่วย อังกฤษก็ต้องทำทุกอย่าง ที่จะกันไม่ให้คุณหมอรัสเซียเข้ามายึด กรุงคอนแสตนติโนเปิล เพราะจะทำให้ อินเดีย เพชรยอดมงกุฏ ตกอยู่ในความเสี่ยงเป็นอันดับต่อไปแน่

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    2 สค. 2557
    ตอนแถมของนิทาน เรื่องลูกครึ่งหรือนกสองหัว ตอนที่ 1 ตอนแถมของนิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 1/3 นิทานเรื่อง ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว จบไปพักใหญ่แล้ว เข้าใจว่าท่านผู้อ่าน หลายๆท่านยังคงคาใจ ว่าตกลง ตุรกี เป็นอย่างไหนกันแน่ ลูกครึ่ง ครึ่งลูก เต็มใบ หรือ นกสองหัว แล้วเด็กชายสยาม กับ เด็กชายตุรกี ที่มีคุณครูผู้ปกครองคนเดียวกัน ชีวิตภายใต้เชือกจูงดูเหมือนไม่ต่างกัน แล้วต่อไปจะเดินตามเชือกที่จูงเหมือนกันไหม แล้วนิทานก็จบไปดื้อๆ ไหนว่าจะเขียนขยาย นอกจากไม่เขียนแล้ว ลุงนิทานยังหายหัว ไม่บอกกล่าว ไม่รายงานตัว แฟนๆบอกนี่ ถ้า ไม่สงสารว่าเป็นคนแก่ช่างเล่านิทาน ฉันจะเลิกตามอ่านแล้วนะ ทำเอาฉันเกิดอารมณ์ค้าง เหมือนดูหนังจวนจะจบแล้ว พระเอกต่อยผู้ร้ายพุ่งถลา หน้ากำลังจะทิ่มดิน แต่ หนังดันขาด เขาเปิดไฟสว่างทั้งโรง ไล่คนดูกลับบ้าน บอกวันหลังมาดูต่อ ทางโรงหนังบอก วันนี้คนแป๊ะสก๊อตเทปต่อหนังคงไม่กลับมาแล้วครับ ลาไปงานบวชต้ังกะก่อนเพล นี่ตะวันตกดินแล้ว ยังไม่กลับมาเลย ชาวบ้านบ่นกันพรึม เอะ แล้วตกลงพระเอกชนะแน่หรือเปล่า เออ วันหลังมาดูต่อแล้วกัน บางคนบอก ไม่มาหรอกเสียเวลา วันไหนจะฉายต่อก็ไม่รู้ ขี้เกียจคอย พระเอกต่อยผู้รายจนคว่ำขนาดนั้น มันคงชนะน่า ไม่พลิกหรอก บางคนบอก ไม่แน่นะ บางทีพระเอกดันใจอ่อนกับผู้ร้าย ยอมให้หนี ตัวอย่างมีนี่นา เราไปดูยี่เกเรื่องใหม่ดีกว่า เขาว่าสนุกออก เล่นเก่งทั้งนางเอก ทั้งพระเอก หลอกกันไปมา ไม่รู้ใครจะได้รอยรักฝังใจ หรือ พวงมาลัยมากกว่ากัน ลุงนิทาน ขออภัยครับ ที่เขียนเรื่องนกสองหัวเหมือนไม่สุด คิดเอาเองว่า 9 ตอน ที่เขียนไป แนะนำคุณตุรกีเขาพอควรแล้ว ทันการสำหรับการเมืองโลกตอนนี้ ครั้นจะเพิ่มตรงนั้น ต่อตรงนี้ เกรงเรื่องจะยาวเกิน แล้วอาจจะกลายเป็นเรื่องนกทั้งฝูงไป แต่หลังจากมาอ่านความเห็นของท่านผู้อ่าน ที่มีต่อคุณตุรกีอีกรอบแล้ว ผมคิดว่า โอ้ คนนิทานของผมไม่ธรรมดา มีวิธีคิดวิเคราะห์กันน่าสนใจมาก น่าจะต้องเขียนต่ออีกสักหน่อย เผื่อจะเป็นแว่นทำให้ท่านผู้อ่านมองภาพขัดขึ้น กำลังจะเริ่มเขียน ก็ล้มลุกคลุกคลาน อาการคนวัยอาวุโสถามหา ลุงนิทานต้องรีบพาตัวเองไปเข้าอู่ คุณหมอแสนน่ารัก เก็บเครื่องมือเล่านิทานของผมไปเกลี้ยง บังคับให้นอนบ้องแบ้วอยู่หลายวัน นี่ขอต่อรองกัน ขอเขียนเรื่องค้างคาถึงบรรดาแฟนๆ สักหน่อย หลังจากนั้นคงต้องส่งใบลาไปซ่อมเครื่อง สักพักจะกลับมานะครับ ต้องขออภัยอีกครั้ง ที่เขียนตอนต่อช้าไป มาช้าดีกว่า มาไม่ได้เลยนะครับ วนสนามหลวงเสียรอบใหญ่ กว่าจะกลับมาเล่าเรื่องคุณตุรกีต่อ ตุรกีเป็นชาติที่เหมือนต้นไม้ใหญ่ มีรากยาว ไม่ใช่พวกเพิ่งเพาะเมล็ด หรือต้นใหญ่ แบบต่อตา ตุรกีมีความสืบทอด ทั้งทางวัฒนธรรม ความเจริญใหญ่โต ระดับจักรวรรดิมาก่อน อาณาจักรออตโตมาน มีเรื่องราวให้ศึกษามากมาย ที่สำคัญคือ สถานที่ต้ังของตุรกี อยู่ในที่ ที่ทำให้ตัวเอง สามารถสร้างความสำคัญ และสามารถสร้างความซวยให้กับตัวเอง ได้อย่างเหลือเชื่อเช่นกัน เรื่องนี้เป็นกรณีน่าศึกษาสำหรับสมันน้อยเป็นอย่างยิ่ง การประคองตัวของตุรกีให้ผ่านคลื่น ลม แต่ละยุค แต่ละสมัย จึงไม่ง่าย มีบางท่านแหลมคม เปรียบตุรกีเหมือนจราจร อยู่สี่แยกไฟแดง ก็ใช่อยู่ในหลายช่วง แต่ผมว่าบางช่วง ตุรกีน่าระทึกใจกว่าเป็นจราจร เพราะแถบที่ตุรกีอยู่นี่ มันเป็นโรงละครสัตว์ circus of empires ชัดๆ การดำเนินชีวิตแถบนั้น จึงเหมือนเป็นนักไต่ลวดในโรงละครสัตว์มากกว่า ต้องประคองตัวเดินไต่ลวดทุกวัน วันไหนเกิดเสียหลัก ศูนย์ถ่วงเสีย หล่นพลั่กลงมาที่พื้น แถมไม่มีตาข่ายกางรับ ก็จบ เหลือเป็นตำนานเท่าน้ันเอง และตุรกีก็เกือบเป็นอย่างน้ันอยู่หลายครั้ง ตุรกี เคยใหญ่โต รุ่งเรืองอย่างยิ่ง เมื่อยังเป็นอาณาจักรออตโตมาน ช่วงประมาณ คศ 1500 กว่า ถึง ประมาณ คศ 1900 ในช่วงที่รุ่งเรือง อาณาจักรออตโตมาน ขยายบ้านเมืองยาวไปรอบด้าน กรุงคอนแสตนติโนเปิล เมืองหลวงของอาณาจักรออตโตมาน จึงเป็นศูนย์กลางการค้า และวัฒนธรรม เชื่อมยุโรป และตะวันออกกลางไว้ด้วยกัน แต่ ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรยั่งยืนถาวรหมดหรอก ให้ใหญ่ยังไง ก็มีวันล้ม วันล่มสลายได้ ไอ้ที่ชอบทำตัวเป็นอึ่งอ่าง ลงท้ายก็ไปอย่างเขียดแทบทั้งนั้น สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ โดยฉเพาะ ประวัติศาสตร์ที่ฝรั่งอังกฤษบันทึกไว้ ระบุว่า จักรภพอังกฤษ กับอาณาจักรออตโตมาน มีสัมพันธ์ฉันท์มิตร รักกันหนามายาวนานร่วมศตวรรษ ก่อนสงครามโลกคร้ังที่ 1จะเกิด แต่ความเป็นจริง อังกฤษไม่ได้รักหนักหนาอะไรกับตุรกีหรอก อังกฤษแค่เอาตุรกีมาเป็นตัวเชิด เอามาเป็นก้างวางไว้กลางทาง กันไม่ให้ใครเดินมาตามทาง ที่จะทำให้มาใหญ่กว่าอังกฤษได้เท่าน้ัน ตามสันดานขี้อิจฉาของอังกฤษ บังเอิญตอนนั้นมีจักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งนอกจากจะมีอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาล โอ่อ่า หรูหรา แล้วยังมีกองกำลัง ที่ดูน่าเกรงขามอีกด้วย แน่นอนย่อมเป็นที่หมั่นไส้สุดขีดของอังกฤษ ดีว่าอยู่ไกลเกินจะไปยืนท้าหน้าบ้าน ช่วง ศตวรรษ ที่ 19 อังกฤษมองตัวเองว่า เป็น หมายเลขหนึ่งของโลก เป็นจ้าวทางทะเล ส่วนรัสเซีย เป็นจ้าวทางพื้นดิน ด้วยภูมิประเทศของรัสเซีย ก็หาเซียนมาปราบยาก นโปเลียนว่ารบเก่ง พยายามเดินทัพอยู่นานเพื่อไปบุกรัสเซีย รัสเซียแค่ดึงเกมให้ถึงหน้าหนาว หลังจากน้ันให้ธรรมชาติจัดการ กองทัพอันเกรียงไกรของนโปเลียน เจอหิมะรัสเซียกัดหู กัดเท้าร่วงเกือบหมด นโปเลียนก็ต้องตัดสินใจ เก็บความยะโสใส่ห่อ หันทัพเดินรุ่งริ่งกลับบ้าน ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นของนโปเลียน ทำให้ใครที่คิดจะปราบรัสเซีย คิดหนัก อังกฤษ จึงได้แต่หมั่นไส้อยู่ห่างๆ ตุรกี หรืออาณาจักรออตโตมาน ขณะนั้น อยู่ครึ่งทาง ระหว่างอังกฤษ กับ รัสเซีย นอกจากนี้ตุรกี ยังอยู่ใกล้อินเดีย เพชรยอดมงกุฏ ของรักของหวงของอังกฤษ อังกฤษไม่มีปัญญาเดินทัพทางบก มาดูแลอินเดียได้บ่อยๆ เพราะฉนั้น อังกฤษ ใช้วิธีเดินเกมแทน สนับสนุนอาณาจักรออตโตมาน ให้ดูใหญ่ แบบกำลังพอดี พอให้รัสเซีย ไม่กล้าแหยมและให้ทำหน้าที่เสมือนพี่เลี้ยงอินเดียกลายๆ เป็นการสร้างภาพข่มรัสเซียไว้ เผื่อรัสเซียคิดอยากกินโรตีเมื่อไหร่ ภาพจักรภพอังกฤษ กอดคอจับมือแน่นกับ จักรวรรดิออตโตมาน จะได้หลอนรัสเซียไว้ คนอังกฤษเขียนไว้เองว่า อังกฤษ เป็น”นักเขียนประวัติศาสตร์” ไม่ใช่ นักประวัติศาสตร์ แต่ละเรื่องที่อังกฤษเขียน จึงต้องดูหูหาหัวให้ครบ! การสนับสนุนอาณาจักรออตโตมานของอังกฤษ เป็นตัวอย่างให้เห็นชัด ถึงความจอมปลอมของอังกฤษ และก็เป็นตัวอย่างให้เห็นความซวย จากสถานที่ต้ัง หรือ ชัยภูมิ ของอาณาจักรออตโตมาน อังกฤษ สนับสนุนกองทัพออตโตมาน โดยส่งอาวุธไปให้ แต่ขอโทษ เป็นอาวุธเก่าเสียส่วนมาก ถ้าเป็นอาวุธใหม่ ก็ให้ไปแต่อาวุธ กระสุนยังไม่ส่งตามไป หรือตามไปทีละน้อยทีละนิด ฝ่ายออตโตมาน มีอังกฤษมาคอยดูแล ครึ่งหนึ่งที่เป็นลูกครึ่งฝรั่ง ก็ชื่นใจ คิดว่าทางฝรั่งเขารับตัวเองเป็นพวก ทำให้สุลต่านและพวก ก็เชื่องโดยไม่ต้องมีเชือกจูง อังกฤษให้ทำอะไรก็ทำตาม แล้วออตโตมานก็เริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ ถึงขนาด ถูกรัสเซียต้ังชื่อให้ว่าเป็น the Sickman of Europe เจ็บนัก แล้วนึกว่ารัสเซีย ซื่อมากนักหรือ หลังจากต้ังชื่อให้ตุรกีเป็นคนป่วย แดกอังกฤษแล้ว รัสเซียก็ออกข่าวว่า อย่างนี้ให้รัสเซียมาดูแลคนป่วย กรุงคอนแสตนติโนเปิล ของออตโตมาน แทนอังกฤษดีกว่าไหม ตุรกี ทั้งปลื้ม ทั้งงง ตกลงใครจะมาอุ้มตูกันแน่ ว่าแล้วสุลต่านเจ้าผู้ครองนครขณะนั้น ก็เดินกลับเข้าฮาเร็ม ปล่อยให้พวกข้าราชการเล่นกันไปเอง ส่วนดีของเรื่องนี้ ก็คือ ทำให้เกิดกลุ่มยังค์เตอร์กในตุรกี ( ไม่ใช่ยังค์เตอร์ก เมษาฮาวายของคุณพี่ มนูญกฤต นะครับ ) แต่เป็นยังค์เตอร์กตัวจริง คือ กลุ่มของนายพันตรี เคมาล อาตาร์เตอร์ก ทหารหนุ่มกลุ่มนี้ อันที่จริงก็ปลื้มอังกฤษ เพราะส่วนใหญ่ก็่เรียนจบจากอังกฤษ ฝรั่งเศษทั้งน้ัน ก็เล่นบทเป็นเพื่อนรัก ต้มกันมาเกือบร้อยปี อิทธิพลทั้งตรงทางอ้อมของอังกฤษ ก็ย่อมครอบงำตุรกีอย่างช่วยไม่ได้ (อย่างนี้พวกที่ถูกต้ม มา 60 ปีจะต่างกันไหมหนอ?!) อังกฤษ เจอลูกแดกของรัสเซียเข้า ควันออกหู สั่งเตรียมกองกำลัง กะว่าถ้ารัสเซียเอาจริง จะมาเป็นคุณหมอรักษาตุรกีคนป่วย อังกฤษก็ต้องทำทุกอย่าง ที่จะกันไม่ให้คุณหมอรัสเซียเข้ามายึด กรุงคอนแสตนติโนเปิล เพราะจะทำให้ อินเดีย เพชรยอดมงกุฏ ตกอยู่ในความเสี่ยงเป็นอันดับต่อไปแน่ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 2 สค. 2557
    0 Comments 0 Shares 331 Views 0 Reviews
  • “Meta เปิดตัว Vibes — ปฏิวัติการสร้างวิดีโอสั้นด้วย AI ที่คุณไม่ต้องถ่ายเองอีกต่อไป”

    Meta เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Meta AI และเว็บไซต์ meta.ai ชื่อว่า “Vibes” ซึ่งเป็นฟีดวิดีโอสั้นที่สร้างด้วย AI ทั้งหมด โดยผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอจากข้อความ (prompt), รีมิกซ์วิดีโอที่มีอยู่, เพิ่มภาพ เสียง และปรับสไตล์ได้ตามใจ ก่อนแชร์ไปยัง Instagram Reels หรือ Facebook Stories ได้ทันที

    Vibes ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ที่ไม่มีทักษะด้านการตัดต่อหรือการถ่ายทำสามารถสร้างวิดีโอที่ดูดีได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องปรากฏตัวในคลิปเองเลย จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือสร้างภาพ AI, สติกเกอร์, และโมเดลวิดีโอของ Meta ไว้ในที่เดียว ทำให้การสร้างคอนเทนต์กลายเป็นเรื่องสนุกและเข้าถึงได้

    ฟีด Vibes จะเรียนรู้จากพฤติกรรมของผู้ใช้และปรับเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมเปิดให้รีมิกซ์วิดีโอจากผู้ใช้คนอื่นได้ทันทีผ่านปุ่ม “Remix” บน Instagram หรือในแอป Meta AI โดย Meta ยังร่วมมือกับศิลปินและนักสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาโมเดลให้มีคุณภาพสูงขึ้นในอนาคต

    แม้จะเป็นการเปิดโอกาสให้คนทั่วไปเข้าถึงการสร้างวิดีโอด้วย AI ได้ง่ายขึ้น แต่ก็มีข้อกังวลว่าอาจทำให้แพลตฟอร์มเต็มไปด้วย “AI slop” หรือวิดีโอที่ดูแปลก ไม่สมจริง และขาดคุณภาพ ซึ่งอาจส่งผลต่อความนิยมของ Reels และ Stories ในระยะยาว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Meta เปิดตัว Vibes ฟีดวิดีโอสั้นที่สร้างด้วย AI ทั้งหมดในแอป Meta AI และเว็บไซต์ meta.ai
    ผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอจากข้อความ รีมิกซ์วิดีโอที่มีอยู่ และปรับแต่งภาพ เสียง สไตล์ได้
    วิดีโอสามารถแชร์ไปยัง Instagram Reels และ Facebook Stories ได้โดยตรง
    Vibes รวมเครื่องมือสร้างภาพ AI, สติกเกอร์ และโมเดลวิดีโอไว้ในที่เดียว
    ฟีดจะปรับเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้โดยอิงจากพฤติกรรมการใช้งาน
    ผู้ใช้สามารถรีมิกซ์วิดีโอจาก Instagram ได้ผ่านปุ่ม “Remix” ที่เชื่อมกับแอป Meta AI
    Meta ร่วมมือกับศิลปินและนักสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาโมเดลให้มีคุณภาพสูงขึ้น
    Vibes เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อผลักดัน AI ไปสู่ทุกผลิตภัณฑ์ของ Meta

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การสร้างวิดีโอด้วย AI ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการผลิตคอนเทนต์
    ผู้ใช้ที่ขาดอุปกรณ์หรือความมั่นใจสามารถสร้างวิดีโอได้โดยไม่ต้องถ่ายเอง
    การใช้ prompt ในการสร้างวิดีโอเปิดโอกาสให้เกิดความคิดสร้างสรรค์แบบใหม่
    Meta เคยทดลองฟีเจอร์ AI chatbot persona แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่า Vibes
    การรวม Vibes เข้ากับ Instagram และ Facebook อาจเปลี่ยนวิธีการสร้างคอนเทนต์ในอนาคต

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/meta-launches-vibes-a-new-way-of-creating-and-remixing-ai-videos
    🎬 “Meta เปิดตัว Vibes — ปฏิวัติการสร้างวิดีโอสั้นด้วย AI ที่คุณไม่ต้องถ่ายเองอีกต่อไป” Meta เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Meta AI และเว็บไซต์ meta.ai ชื่อว่า “Vibes” ซึ่งเป็นฟีดวิดีโอสั้นที่สร้างด้วย AI ทั้งหมด โดยผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอจากข้อความ (prompt), รีมิกซ์วิดีโอที่มีอยู่, เพิ่มภาพ เสียง และปรับสไตล์ได้ตามใจ ก่อนแชร์ไปยัง Instagram Reels หรือ Facebook Stories ได้ทันที Vibes ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ที่ไม่มีทักษะด้านการตัดต่อหรือการถ่ายทำสามารถสร้างวิดีโอที่ดูดีได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องปรากฏตัวในคลิปเองเลย จุดเด่นคือการรวมเครื่องมือสร้างภาพ AI, สติกเกอร์, และโมเดลวิดีโอของ Meta ไว้ในที่เดียว ทำให้การสร้างคอนเทนต์กลายเป็นเรื่องสนุกและเข้าถึงได้ ฟีด Vibes จะเรียนรู้จากพฤติกรรมของผู้ใช้และปรับเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมเปิดให้รีมิกซ์วิดีโอจากผู้ใช้คนอื่นได้ทันทีผ่านปุ่ม “Remix” บน Instagram หรือในแอป Meta AI โดย Meta ยังร่วมมือกับศิลปินและนักสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาโมเดลให้มีคุณภาพสูงขึ้นในอนาคต แม้จะเป็นการเปิดโอกาสให้คนทั่วไปเข้าถึงการสร้างวิดีโอด้วย AI ได้ง่ายขึ้น แต่ก็มีข้อกังวลว่าอาจทำให้แพลตฟอร์มเต็มไปด้วย “AI slop” หรือวิดีโอที่ดูแปลก ไม่สมจริง และขาดคุณภาพ ซึ่งอาจส่งผลต่อความนิยมของ Reels และ Stories ในระยะยาว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Meta เปิดตัว Vibes ฟีดวิดีโอสั้นที่สร้างด้วย AI ทั้งหมดในแอป Meta AI และเว็บไซต์ meta.ai ➡️ ผู้ใช้สามารถสร้างวิดีโอจากข้อความ รีมิกซ์วิดีโอที่มีอยู่ และปรับแต่งภาพ เสียง สไตล์ได้ ➡️ วิดีโอสามารถแชร์ไปยัง Instagram Reels และ Facebook Stories ได้โดยตรง ➡️ Vibes รวมเครื่องมือสร้างภาพ AI, สติกเกอร์ และโมเดลวิดีโอไว้ในที่เดียว ➡️ ฟีดจะปรับเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้โดยอิงจากพฤติกรรมการใช้งาน ➡️ ผู้ใช้สามารถรีมิกซ์วิดีโอจาก Instagram ได้ผ่านปุ่ม “Remix” ที่เชื่อมกับแอป Meta AI ➡️ Meta ร่วมมือกับศิลปินและนักสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาโมเดลให้มีคุณภาพสูงขึ้น ➡️ Vibes เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อผลักดัน AI ไปสู่ทุกผลิตภัณฑ์ของ Meta ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การสร้างวิดีโอด้วย AI ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการผลิตคอนเทนต์ ➡️ ผู้ใช้ที่ขาดอุปกรณ์หรือความมั่นใจสามารถสร้างวิดีโอได้โดยไม่ต้องถ่ายเอง ➡️ การใช้ prompt ในการสร้างวิดีโอเปิดโอกาสให้เกิดความคิดสร้างสรรค์แบบใหม่ ➡️ Meta เคยทดลองฟีเจอร์ AI chatbot persona แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่า Vibes ➡️ การรวม Vibes เข้ากับ Instagram และ Facebook อาจเปลี่ยนวิธีการสร้างคอนเทนต์ในอนาคต https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/meta-launches-vibes-a-new-way-of-creating-and-remixing-ai-videos
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
More Results