• อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ปฏิปทาการบรรลุอรหัตต์หรืออนาคามีในภพปัจจุบัน
    สัทธรรมลำดับที่ : 1011
    ชื่อบทธรรม :- ปฏิปทาการบรรลุอรหัตต์หรืออนาคามีในภพปัจจุบัน
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1011
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ปฏิปทาการบรรลุอรหัตต์หรืออนาคามีในภพปัจจุบัน
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลใดบุคคลหนึ่ง
    จะเป็นภิกษุหรือภิกษุณีก็ตาม เจริญกระทำให้มาก ซึ่งธรรม ๕ ประการ ;
    ผู้นั้น พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่งได้ในบรรดาผลทั้งหลายสองอย่าง
    กล่าวคือ อรหัตตผลในทิฏฐธรรม (ภพปัจจุบัน) นั่นเทียว,
    หรือว่า อนาคามิผล เมื่อยังมีอุปาทิ (เชื้อ) เหลืออยู่.

    --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๕ ประการนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ห้าประการคือ
    ภิกษุในกรณีนี้ : -
    ๑--มีสติอันตนเข้าไปตั้งไว้ดีแล้วในภายในนั่นเทียว
    เพื่อเกิดปัญญารู้ความ เกิดขึ้นและดับไป แห่งธรรมทั้งหลาย (อุทยตฺถคามินิยา+ปญฺญาย)​ ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=อุทยตฺถคามินิยา+ปญฺญาย
    ๒--มีปกติตามเห็นความไม่งามในกาย(อสุภานุปสฺสี+กาเย)​ ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=อสุภานุปสฺสี+กาเย
    ๓--มีความสำคัญว่า ปฏิกูลในอาหาร (อาหาเร+ปฏิกฺกูลสญฺญี)​ ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=อาหาเร+ปฏิกฺกูลสญฺญี
    ๔--มีความสำคัญว่า ในโลกทั้งปวงไม่มีอะไรที่น่ายินดี (สพฺพโลเก+อนภิรตสญฺญี)​ ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=สพฺพโลเก+อนภิรตสญฺญี
    ๕--มีปกติเห็นว่ ความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง (สพฺพสงฺขาเรสุ+อนิจฺจานุปสฺสี)​ .
    http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=สพฺพสงฺขาเรสุ+อนิจฺจานุปสฺสี
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะเป็นภิกษุหรือภิกษุณีก็ตาม
    เจริญกระทำให้มาก ซึ่งธรรม ๕ ประการเหล่านี้ ;

    +--ผู้นั้น พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ในบรรดาผลทั้งหลายสองอย่าง
    กล่าวคือ #อรหัตตผลในทิฏฐธรรม (ภพปัจจุบัน--ผลานํ+อญฺญตรํ) นั่นเทียว,
    http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=ผลานํ+อญฺญตรํ
    หรือว่า #อนาคามิผล เมื่อยังอุปาทิเหลืออยู่ แล.-
    http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=อนาคามิ

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/128/122.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/128/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๖๑/๑๒๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%92
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1011
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1011
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87
    ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ปฏิปทาการบรรลุอรหัตต์หรืออนาคามีในภพปัจจุบัน สัทธรรมลำดับที่ : 1011 ชื่อบทธรรม :- ปฏิปทาการบรรลุอรหัตต์หรืออนาคามีในภพปัจจุบัน https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1011 เนื้อความทั้งหมด :- --ปฏิปทาการบรรลุอรหัตต์หรืออนาคามีในภพปัจจุบัน --ภิกษุ ท. ! บุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะเป็นภิกษุหรือภิกษุณีก็ตาม เจริญกระทำให้มาก ซึ่งธรรม ๕ ประการ ; ผู้นั้น พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่งได้ในบรรดาผลทั้งหลายสองอย่าง กล่าวคือ อรหัตตผลในทิฏฐธรรม (ภพปัจจุบัน) นั่นเทียว, หรือว่า อนาคามิผล เมื่อยังมีอุปาทิ (เชื้อ) เหลืออยู่. --ภิกษุ ท. ! ธรรม ๕ ประการนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ห้าประการคือ ภิกษุในกรณีนี้ : - ๑--มีสติอันตนเข้าไปตั้งไว้ดีแล้วในภายในนั่นเทียว เพื่อเกิดปัญญารู้ความ เกิดขึ้นและดับไป แห่งธรรมทั้งหลาย (อุทยตฺถคามินิยา+ปญฺญาย)​ ; http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=อุทยตฺถคามินิยา+ปญฺญาย ๒--มีปกติตามเห็นความไม่งามในกาย(อสุภานุปสฺสี+กาเย)​ ; http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=อสุภานุปสฺสี+กาเย ๓--มีความสำคัญว่า ปฏิกูลในอาหาร (อาหาเร+ปฏิกฺกูลสญฺญี)​ ; http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=อาหาเร+ปฏิกฺกูลสญฺญี ๔--มีความสำคัญว่า ในโลกทั้งปวงไม่มีอะไรที่น่ายินดี (สพฺพโลเก+อนภิรตสญฺญี)​ ; http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=สพฺพโลเก+อนภิรตสญฺญี ๕--มีปกติเห็นว่ ความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง (สพฺพสงฺขาเรสุ+อนิจฺจานุปสฺสี)​ . http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=สพฺพสงฺขาเรสุ+อนิจฺจานุปสฺสี --ภิกษุ ท. ! บุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะเป็นภิกษุหรือภิกษุณีก็ตาม เจริญกระทำให้มาก ซึ่งธรรม ๕ ประการเหล่านี้ ; +--ผู้นั้น พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ในบรรดาผลทั้งหลายสองอย่าง กล่าวคือ #อรหัตตผลในทิฏฐธรรม (ภพปัจจุบัน--ผลานํ+อญฺญตรํ) นั่นเทียว, http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=ผลานํ+อญฺญตรํ หรือว่า #อนาคามิผล เมื่อยังอุปาทิเหลืออยู่ แล.- http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=อนาคามิ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/128/122. http://etipitaka.com/read/thai/22/128/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๖๑/๑๒๒. http://etipitaka.com/read/pali/22/161/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%92%E0%B9%92 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1011 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1011 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87 ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ปฏิปทาการบรรลุอรหัตต์หรืออนาคามีในภพปัจจุบัน
    -( ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า ในที่นี้ทรงแสดง สักกายะ ไว้ในฐานะเป็นสิ่งที่ตรงกัน ข้ามจาก นิพพาน, ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองอย่างเป็นที่ตั้งแห่งความยินดีได้โดยเท่ากัน แล้วแต่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก ). ปฏิปทาการบรรลุอรหัตต์หรืออนาคามีในภพปัจจุบัน ภิกษุ ท. ! บุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะเป็นภิกษุหรือภิกษุณีก็ตาม เจริญกระทำให้มาก ซึ่งธรรม ๕ ประการ ; ผู้นั้น พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ในบรรดาผลทั้งหลายสองอย่าง กล่าวคือ อรหัตตผลในทิฏฐธรรม (ภพปัจจุบัน) นั่นเทียว, หรือว่า อนาคามิผล เมื่อยังมีอุปาทิ (เชื้อ) เหลืออยู่. ภิกษุ ท. ! ธรรม ๕ ประการนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ห้าประการคือ ภิกษุในกรณีนี้ : มีสติอันตนเข้าไปตั้งไว้ดีแล้วในภายในนั่นเทียว เพื่อเกิดปัญญารู้ความ เกิดขึ้นและดับไปแห่งธรรมทั้งหลาย ๑ ; มีปกติตามเห็นความไม่งามในกาย ๑ ; มีความสำคัญว่าปฏิกูลในอาหาร ๑ ; มีความสำคัญว่าในโลกทั้งปวงไม่มีอะไรที่น่ายินดี ๑ ; มีปกติเห็นความไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง ๑. ภิกษุ ท. ! บุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะเป็นภิกษุหรือภิกษุณีก็ตาม เจริญกระทำให้มาก ซึ่งธรรม ๕ ประการเหล่านี้ ; ผู้นั้น พึงหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ในบรรดาผลทั้งหลายสองอย่าง กล่าวคือ อรหัตตผลในทิฏฐธรรม (ภพปัจจุบัน) นั่นเทียว, หรือว่า อนาคามิผล เมื่อยังอุปาทิเหลืออยู่ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าพอรู้เรื่องการร้อยรัด ก็สามารถทำที่สุดทุกข์
    สัทธรรมลำดับที่ : 643
    ชื่อบทธรรม :- พอรู้เรื่องการร้อยรัด ก็สามารถทำที่สุดทุกข์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=643
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --พอรู้เรื่องการร้อยรัด ก็สามารถทำที่สุดทุกข์
    --ภิกษุ ท. !
    ผัสสะ เป็นส่วนสุดข้างหนึ่ง
    ผัสสสมุทัย เป็นส่วนสุดข้างที่สอง
    ผัสสนิโรธ มีในท่ามกลาง
    http://etipitaka.com/read/pali/22/449/?keywords=ผสฺโส
    ตัณหา #เป็นเครื่องร้อยรัดให้ติดกัน ;
    ตัณหานั่นแหละ ย่อมถักร้อยเพื่อให้เกิดขึ้นแห่งภพนั้น ๆ นั่นเทียว.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/449/?keywords=ตณฺหา

    --ภิกษุ ท. ! ด้วยความรู้เพียงเท่านี้แล
    ภิกษุชื่อว่าย่อมรู้ยิ่งซึ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่ง
    ย่อมรอบรู้ซึ่งธรรมที่ควรรอบรู้ ;
    เมื่อรู้ยิ่งซึ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่ง รอบรู้ซึ่งธรรมที่ควรรอบรู้ อยู่,
    ย่อมเป็นผู้กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ในทิฏฐธรรมเทียว.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก.อํ. 22/358/332.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/358/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก.อํ. ๒๒/๔๔๖/๓๓๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/446/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=643
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44&id=643
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44
    ลำดับสาธยายธรรม : 44 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_44.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าพอรู้เรื่องการร้อยรัด ก็สามารถทำที่สุดทุกข์ สัทธรรมลำดับที่ : 643 ชื่อบทธรรม :- พอรู้เรื่องการร้อยรัด ก็สามารถทำที่สุดทุกข์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=643 เนื้อความทั้งหมด :- --พอรู้เรื่องการร้อยรัด ก็สามารถทำที่สุดทุกข์ --ภิกษุ ท. ! ผัสสะ เป็นส่วนสุดข้างหนึ่ง ผัสสสมุทัย เป็นส่วนสุดข้างที่สอง ผัสสนิโรธ มีในท่ามกลาง http://etipitaka.com/read/pali/22/449/?keywords=ผสฺโส ตัณหา #เป็นเครื่องร้อยรัดให้ติดกัน ; ตัณหานั่นแหละ ย่อมถักร้อยเพื่อให้เกิดขึ้นแห่งภพนั้น ๆ นั่นเทียว. http://etipitaka.com/read/pali/22/449/?keywords=ตณฺหา --ภิกษุ ท. ! ด้วยความรู้เพียงเท่านี้แล ภิกษุชื่อว่าย่อมรู้ยิ่งซึ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่ง ย่อมรอบรู้ซึ่งธรรมที่ควรรอบรู้ ; เมื่อรู้ยิ่งซึ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่ง รอบรู้ซึ่งธรรมที่ควรรอบรู้ อยู่, ย่อมเป็นผู้กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ในทิฏฐธรรมเทียว.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก.อํ. 22/358/332. http://etipitaka.com/read/thai/22/358/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก.อํ. ๒๒/๔๔๖/๓๓๒. http://etipitaka.com/read/pali/22/446/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=643 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44&id=643 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44 ลำดับสาธยายธรรม : 44 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_44.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - พอรู้เรื่องการร้อยรัด ก็สามารถทำที่สุดทุกข์
    -พอรู้เรื่องการร้อยรัด ก็สามารถทำที่สุดทุกข์ ภิกษุ ท. ! ผัสสะ เป็นส่วนสุดข้างหนึ่ง ผัสสสมุทัย เป็นส่วนสุดข้างที่สอง ผัสสนิโรธ มีในท่ามกลาง ตัณหา เป็นเครื่องร้อยรัดให้ติดกัน ; ตัณหานั่นแหละ ย่อมถักร้อยเพื่อให้เกิดขึ้นแห่งภพนั้น ๆ นั่นเทียว. ภิกษุ ท. !ด้วยความรู้เพียงเท่านี้แล ภิกษุชื่อว่าย่อมรู้ยิ่งซึ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่ง ย่อมรอบรู้ซึ่งธรรมที่ควรรอบรู้ ; เมื่อรู้ยิ่งซึ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่ง รอบรู้ซึ่งธรรมที่ควรรอบรู้ อยู่, ย่อมเป็นผู้กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ในทิฏฐธรรมเทียว.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเหตุการฟังธรรมแล้วไม่ได้เข้าถึงในกุศลธรรม(อีกปริยายหนึ่ง)
    สัทธรรมลำดับที่ : 276
    ชื่อบทธรรม :- ฟังธรรมอยู่ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลงสู่นิยาม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=276
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ฟังธรรมอยู่ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลงสู่นิยาม(อีกปริยายหนึ่ง)
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลประกอบอยู่ด้วยเหตุห้าอย่าง (ปญฺจหิ ธมฺเมหิ)​
    http://etipitaka.com/read/pali/22/196/?keywords=ปญฺจหิ+ธมฺเมหิ
    แม้ฟังธรรมอยู่ ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลงสู่นิยาม คือความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย.
    เหตุห้าอย่างอะไรเล่า ? ห้าอย่างคือ
    ๑--สนใจแต่คำพูด
    (บุคคลย่อมไม่พูดมาก)​
    ๒--สนใจแต่ผู้พูด
    (ไม่พูดคำพูดที่ผู้อื่นพูดแล้วมาก)​
    ๓--สนใจแต่ตัวเอง
    (ไม่พูดปรารภตน)​
    ๔--เป็นคนโง่เง่าเงอะงะ
    (เป็นผู้มีปัญญาไม่โง่เง่า--ปริโภติ ปญฺญวา )​
    http://etipitaka.com/read/pali/22/196/?keywords=ปริโภติ+ปญฺญวา
    ๕--มัวแต่สำคัญตนว่ารู้ในสิ่งที่ตนไม่รู้
    (ไม่เป็นผู้มีความถือตัวว่าเข้าใจในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ)​

    --ภิกษุ ท. ! บุคคลประกอบ ด้วยเหตุห้าอย่างนี้แล
    แม้ฟังธรรมอยู่ ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลง สู่นิยาม คือ #ความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/158/152.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/158/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๙๕/๑๕๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/195/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติ่ม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=276
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=276
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18
    ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเหตุการฟังธรรมแล้วไม่ได้เข้าถึงในกุศลธรรม(อีกปริยายหนึ่ง) สัทธรรมลำดับที่ : 276 ชื่อบทธรรม :- ฟังธรรมอยู่ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลงสู่นิยาม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=276 เนื้อความทั้งหมด :- --ฟังธรรมอยู่ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลงสู่นิยาม(อีกปริยายหนึ่ง) --ภิกษุ ท. ! บุคคลประกอบอยู่ด้วยเหตุห้าอย่าง (ปญฺจหิ ธมฺเมหิ)​ http://etipitaka.com/read/pali/22/196/?keywords=ปญฺจหิ+ธมฺเมหิ แม้ฟังธรรมอยู่ ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลงสู่นิยาม คือความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย. เหตุห้าอย่างอะไรเล่า ? ห้าอย่างคือ ๑--สนใจแต่คำพูด (บุคคลย่อมไม่พูดมาก)​ ๒--สนใจแต่ผู้พูด (ไม่พูดคำพูดที่ผู้อื่นพูดแล้วมาก)​ ๓--สนใจแต่ตัวเอง (ไม่พูดปรารภตน)​ ๔--เป็นคนโง่เง่าเงอะงะ (เป็นผู้มีปัญญาไม่โง่เง่า--ปริโภติ ปญฺญวา )​ http://etipitaka.com/read/pali/22/196/?keywords=ปริโภติ+ปญฺญวา ๕--มัวแต่สำคัญตนว่ารู้ในสิ่งที่ตนไม่รู้ (ไม่เป็นผู้มีความถือตัวว่าเข้าใจในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ)​ --ภิกษุ ท. ! บุคคลประกอบ ด้วยเหตุห้าอย่างนี้แล แม้ฟังธรรมอยู่ ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลง สู่นิยาม คือ #ความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/158/152. http://etipitaka.com/read/thai/22/158/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๙๕/๑๕๒. http://etipitaka.com/read/pali/22/195/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติ่ม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=276 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=276 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18 ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - (อีกปริยายหนึ่ง)
    -(อีกปริยายหนึ่ง) ภิกษุ ท. ! บุคคลประกอบอยู่ด้วยเหตุห้าอย่าง แม้ฟังธรรมอยู่ ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลงสู่นิยาม คือความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย. เหตุห้าอย่างอะไรเล่า ? ห้าอย่างคือ สนใจแต่คำพูด สนใจแต่ผู้พูด สนใจแต่ตัวเอง ยเป็นคนโง่เง่าเงอะงะ มัวแต่สำคัญตนว่ารู้ในสิ่งที่ตนไม่รู้. ภิกษุ ท. ! บุคคลประกอบ ด้วยเหตุห้าอย่างนี้แล แม้ฟังธรรมอยู่ ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลง สู่นิยาม คือความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเหตุที่ทำให้ฟังธรรมไม่รู้เรื่องเพราะภวตัณหา
    สัทธรรมลำดับที่ : 275
    ชื่อบทธรรม :- เหตุที่ทำให้ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=275
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --เหตุที่ทำให้ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง
    (เพราะภวตัณหา)
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลประกอบอยู่ด้วยเหตุห้าอย่าง
    แม้ฟังธรรมอยู่ ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลงสู่นิยาม คือความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย.
    เหตุห้าอย่างอะไรเล่า ? ห้าอย่างคือ
    ๑--สนใจแต่คำพูด
    (บุคคลย่อมไม่พูดมาก)​
    ๒--สนใจแต่ผู้พูด
    (ไม่พูดคำพูดที่ผู้อื่นพูดแล้วมาก)​
    ๓--สนใจแต่ตัวเอง
    (ไม่พูดปรารภตน)​
    http://etipitaka.com/read/pali/22/195/?keywords=อตฺตานํ
    ๔--มีจิตฟุ้งซ่านไม่มีเอกัคคตาจิตฟังธรรม
    (เป็นผู้มีจิตไม่ฟุ้งซ่านฟังธรรม)​
    http://etipitaka.com/read/pali/22/195/?keywords=สุณาติ+เอกคฺคจิตฺโต
    ๕--ทำในใจไม่แยบคาย​
    (เป็นผู้ไม่มีแน่วแน่ทางใจโดยอุบายแยบคาย) .
    http://etipitaka.com/read/pali/22/195/?keywords=โยนิโส+มนสิกโรติ

    --ภิกษุ ท. ! บุคคลประกอบด้วยเหตุห้าอย่างเหล่านี้แล
    แม้ฟังธรรมอยู่ ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลง สู่นิยาม คือ​ #ความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/158/151.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/158/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๙๕/๑๕๑.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/195/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%91
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=275
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=275
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18
    ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเหตุที่ทำให้ฟังธรรมไม่รู้เรื่องเพราะภวตัณหา สัทธรรมลำดับที่ : 275 ชื่อบทธรรม :- เหตุที่ทำให้ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=275 เนื้อความทั้งหมด :- --เหตุที่ทำให้ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง (เพราะภวตัณหา) --ภิกษุ ท. ! บุคคลประกอบอยู่ด้วยเหตุห้าอย่าง แม้ฟังธรรมอยู่ ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลงสู่นิยาม คือความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย. เหตุห้าอย่างอะไรเล่า ? ห้าอย่างคือ ๑--สนใจแต่คำพูด (บุคคลย่อมไม่พูดมาก)​ ๒--สนใจแต่ผู้พูด (ไม่พูดคำพูดที่ผู้อื่นพูดแล้วมาก)​ ๓--สนใจแต่ตัวเอง (ไม่พูดปรารภตน)​ http://etipitaka.com/read/pali/22/195/?keywords=อตฺตานํ ๔--มีจิตฟุ้งซ่านไม่มีเอกัคคตาจิตฟังธรรม (เป็นผู้มีจิตไม่ฟุ้งซ่านฟังธรรม)​ http://etipitaka.com/read/pali/22/195/?keywords=สุณาติ+เอกคฺคจิตฺโต ๕--ทำในใจไม่แยบคาย​ (เป็นผู้ไม่มีแน่วแน่ทางใจโดยอุบายแยบคาย) . http://etipitaka.com/read/pali/22/195/?keywords=โยนิโส+มนสิกโรติ --ภิกษุ ท. ! บุคคลประกอบด้วยเหตุห้าอย่างเหล่านี้แล แม้ฟังธรรมอยู่ ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลง สู่นิยาม คือ​ #ความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/158/151. http://etipitaka.com/read/thai/22/158/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๙๕/๑๕๑. http://etipitaka.com/read/pali/22/195/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%91 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=275 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=275 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18 ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - เหตุที่ทำให้ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง
    -เหตุที่ทำให้ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง (เพราะภวตัณหา) ภิกษุ ท. ! บุคคลประกอบอยู่ด้วยเหตุห้าอย่าง แม้ฟังธรรมอยู่ ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลงสู่นิยาม คือความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย. เหตุห้าอย่างอะไรเล่า ? ห้าอย่างคือ สนใจแต่คำพูด สนใจแต่ผู้พูด สนใจแต่ตัวเอง ๑. หญ้าสองชนิดนี้ เคยแปลกันว่า หญ้ามุงกระต่ายและหญ้าปล้อง แต่ไม่มีหลักฐานที่แน่นอน. ในที่นี้จึงไม่แปลไว้. มีจิตฟุ้งซ่านไม่มีเอกัคคตาจิตฟังธรรม และทำในใจไม่แยบคาย. ภิกษุ ท. ! บุคคลประกอบด้วยเหตุห้าอย่างเหล่านี้แล แม้ฟังธรรมอยู่ ก็ไม่อาจเพื่อจะก้าวลง สู่นิยาม คือความถูกต้องในกุศลธรรมทั้งหลาย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..จริงๆถ้ามองอธิปไตยด้านความมั่นคงดินแดนและภัยคุกคามประเทศไทยตลอดจนเป็นภัยของประชาชนชาวไทย,ตอนนี้ในเวลานี้สามารถใช้กับประเทศเขมรได้เลยในสถานะการณ์ปัจจุบันนี้,และเมื่อมองอย่างสุจริตใจ สามารถมองได้ทันทีว่าในนามฝ่ายค้าน รัฐบาลปัจจุบันไม่ซื่อสัตย์สุจริตใจในความรักชาติรักแผ่นดินไทย เมื่อรวบรวมสถิติสัมพันธุ์การแสดงออกและไปมาหาสู่กันระหว่างบุคคลกับคนไทยที่ไปพบคนเขมรเอง,ทั้งก่อนเป็นรัฐบาลซึ่งแค่คนธรรมดาเท่านั้น,แล้วมาเป็นรัฐบาลอีกประกอบกับบริบทคดีเครือครอบครัวตนเองอีกในการมาเยือนตอนไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้หรือตอนคดีกำลังจะตัดสินในวันที่13มิ.ย.68นี้อีก,มโนได้ว่าอาจทำศึกชิงตัวนักโทษระดับระหว่างประเทศแบบเอาในนามประเทศมายุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวตนเอง,เหมือนอดีตจักรพรรดินั้นนี้กษัตริย์โบราณโรมันอียิปฝรั่งทำศึกกันเพื่อแย่งผัวเมียกัน คนในครอบครัวตนเองกัน เรื่องชูสาว นอกจากผลประโยชน์อย่างอื่นส่วนอื่นๆด้วย,เขมรก็อาจกำลังทำมุกนี้ด้วย,บิดเบือนกระแสโหนกระหน่ำข่าวให้เด่นกว่านักโทษโทนี่จะถูกพิจารณาโทษ,อาจได้บ่อน้ำมันเค็มอ่าวไทยมาด้วยบวกพื้นที่ทับซ้อนและไหล่ทะเลทั้งหมดโน้น,ได้ทั้งเขมร ได้ทั้งเครือข่ายครอบครัวคนทรยศที่หนีรอดแล้วนอนสบายบนกองความสุขบ่อน้ำมันอ่าวไทยลากยึดเกาะกูดไปด้วย,อาจตั้งประเทศใหม่ปกครองตนเองร่วมกับเขมรก็ได้ สิงคโปร์เนื้อที่เล็กๆยังเป็นประเทศได้เลยมันว่า,สาระพัดฝรั่งอีลิทโลกลงมารุมโปรแดกด้วยทั้งอ่าวไทยอีก,สุมหัวสมคบคิดกันหมด,
    ..สรุปยึดอำนาจรัฐประหารเลย,ประเทศนี้ต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆและไม่ใช่เอาทหารเดอะแก๊งอีลิททำรัฐประหารนะ,ต้องเป็นทหารพระราชาเรา,พระมหากษัตริย์เราตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันต่างเสียสละรวมน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับประชาชนคนไทยเรื่อยมาจึงก่อเกิดเป็นไทยในปัจจุบันได้,ทหารพระราชาคือหนทางเดียว.
    ..
    ..https://youtu.be/7UqWIYdrYPg?si=NUTfBMxzfSJKA2hd
    ..จริงๆถ้ามองอธิปไตยด้านความมั่นคงดินแดนและภัยคุกคามประเทศไทยตลอดจนเป็นภัยของประชาชนชาวไทย,ตอนนี้ในเวลานี้สามารถใช้กับประเทศเขมรได้เลยในสถานะการณ์ปัจจุบันนี้,และเมื่อมองอย่างสุจริตใจ สามารถมองได้ทันทีว่าในนามฝ่ายค้าน รัฐบาลปัจจุบันไม่ซื่อสัตย์สุจริตใจในความรักชาติรักแผ่นดินไทย เมื่อรวบรวมสถิติสัมพันธุ์การแสดงออกและไปมาหาสู่กันระหว่างบุคคลกับคนไทยที่ไปพบคนเขมรเอง,ทั้งก่อนเป็นรัฐบาลซึ่งแค่คนธรรมดาเท่านั้น,แล้วมาเป็นรัฐบาลอีกประกอบกับบริบทคดีเครือครอบครัวตนเองอีกในการมาเยือนตอนไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้หรือตอนคดีกำลังจะตัดสินในวันที่13มิ.ย.68นี้อีก,มโนได้ว่าอาจทำศึกชิงตัวนักโทษระดับระหว่างประเทศแบบเอาในนามประเทศมายุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวตนเอง,เหมือนอดีตจักรพรรดินั้นนี้กษัตริย์โบราณโรมันอียิปฝรั่งทำศึกกันเพื่อแย่งผัวเมียกัน คนในครอบครัวตนเองกัน เรื่องชูสาว นอกจากผลประโยชน์อย่างอื่นส่วนอื่นๆด้วย,เขมรก็อาจกำลังทำมุกนี้ด้วย,บิดเบือนกระแสโหนกระหน่ำข่าวให้เด่นกว่านักโทษโทนี่จะถูกพิจารณาโทษ,อาจได้บ่อน้ำมันเค็มอ่าวไทยมาด้วยบวกพื้นที่ทับซ้อนและไหล่ทะเลทั้งหมดโน้น,ได้ทั้งเขมร ได้ทั้งเครือข่ายครอบครัวคนทรยศที่หนีรอดแล้วนอนสบายบนกองความสุขบ่อน้ำมันอ่าวไทยลากยึดเกาะกูดไปด้วย,อาจตั้งประเทศใหม่ปกครองตนเองร่วมกับเขมรก็ได้ สิงคโปร์เนื้อที่เล็กๆยังเป็นประเทศได้เลยมันว่า,สาระพัดฝรั่งอีลิทโลกลงมารุมโปรแดกด้วยทั้งอ่าวไทยอีก,สุมหัวสมคบคิดกันหมด, ..สรุปยึดอำนาจรัฐประหารเลย,ประเทศนี้ต้องเปลี่ยนแปลงจริงๆและไม่ใช่เอาทหารเดอะแก๊งอีลิททำรัฐประหารนะ,ต้องเป็นทหารพระราชาเรา,พระมหากษัตริย์เราตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันต่างเสียสละรวมน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับประชาชนคนไทยเรื่อยมาจึงก่อเกิดเป็นไทยในปัจจุบันได้,ทหารพระราชาคือหนทางเดียว. .. ..https://youtu.be/7UqWIYdrYPg?si=NUTfBMxzfSJKA2hd
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌕 กล้องโทรทรรศน์ที่ไกลที่สุด: NASA เตรียมสร้างหอดูดาวบนดวงจันทร์
    NASA กำลังพัฒนา Lunar Crater Radio Telescope (LCRT) ซึ่งเป็น กล้องโทรทรรศน์วิทยุที่ตั้งอยู่บนด้านไกลของดวงจันทร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อศึกษายุคมืดของจักรวาล ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ดาวฤกษ์ดวงแรกจะถือกำเนิดขึ้น

    LCRT จะใช้ โครงสร้างตาข่ายขนาด 1,150 ฟุต ที่ถูกแขวนไว้ภายใน ปล่องภูเขาไฟบนดวงจันทร์ โดยอาศัย หุ่นยนต์ขั้นสูง ในการติดตั้งและควบคุมระบบ

    ด้านไกลของดวงจันทร์เป็น สถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ เนื่องจาก ปราศจากสัญญาณรบกวนจากโลก เช่น คลื่นวิทยุจากดาวเทียมและมลภาวะทางแสง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - NASA กำลังพัฒนา Lunar Crater Radio Telescope (LCRT) บนด้านไกลของดวงจันทร์
    - กล้องโทรทรรศน์นี้จะใช้โครงสร้างตาข่ายขนาด 1,150 ฟุต แขวนไว้ในปล่องภูเขาไฟ
    - ด้านไกลของดวงจันทร์เป็นสถานที่ที่ปราศจากสัญญาณรบกวนจากโลก
    - โครงการนี้มีงบประมาณกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ และอาจเริ่มใช้งานในช่วงปี 2030
    - LCRT จะช่วยให้สามารถศึกษายุคมืดของจักรวาล ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ดาวฤกษ์ดวงแรกจะถือกำเนิดขึ้น

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - โครงการนี้มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องแข่งขันกับงบประมาณของ NASA ที่จำกัด
    - แม้จะมีแผนการติดตั้ง แต่ยังต้องผ่านการทดสอบต้นแบบที่ Owens Valley Radio Observatory ในแคลิฟอร์เนีย
    - ต้องติดตามว่าการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์จะสามารถรองรับการติดตั้งบนดวงจันทร์ได้หรือไม่
    - การศึกษายุคมืดของจักรวาลต้องใช้เทคนิคใหม่ในการตรวจจับคลื่นวิทยุที่มีความยาวคลื่นมากกว่า 33 ฟุต

    หากโครงการนี้สำเร็จ LCRT จะเป็นหนึ่งในกล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ และอาจช่วยให้ นักดาราศาสตร์สามารถไขปริศนาเกี่ยวกับสสารมืด, พลังงานมืด และการเกิดขึ้นของจักรวาล

    https://www.techspot.com/news/108147-far-side-moon-may-soon-host-world-most.html
    🌕 กล้องโทรทรรศน์ที่ไกลที่สุด: NASA เตรียมสร้างหอดูดาวบนดวงจันทร์ NASA กำลังพัฒนา Lunar Crater Radio Telescope (LCRT) ซึ่งเป็น กล้องโทรทรรศน์วิทยุที่ตั้งอยู่บนด้านไกลของดวงจันทร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อศึกษายุคมืดของจักรวาล ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ดาวฤกษ์ดวงแรกจะถือกำเนิดขึ้น LCRT จะใช้ โครงสร้างตาข่ายขนาด 1,150 ฟุต ที่ถูกแขวนไว้ภายใน ปล่องภูเขาไฟบนดวงจันทร์ โดยอาศัย หุ่นยนต์ขั้นสูง ในการติดตั้งและควบคุมระบบ ด้านไกลของดวงจันทร์เป็น สถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ เนื่องจาก ปราศจากสัญญาณรบกวนจากโลก เช่น คลื่นวิทยุจากดาวเทียมและมลภาวะทางแสง ✅ ข้อมูลจากข่าว - NASA กำลังพัฒนา Lunar Crater Radio Telescope (LCRT) บนด้านไกลของดวงจันทร์ - กล้องโทรทรรศน์นี้จะใช้โครงสร้างตาข่ายขนาด 1,150 ฟุต แขวนไว้ในปล่องภูเขาไฟ - ด้านไกลของดวงจันทร์เป็นสถานที่ที่ปราศจากสัญญาณรบกวนจากโลก - โครงการนี้มีงบประมาณกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ และอาจเริ่มใช้งานในช่วงปี 2030 - LCRT จะช่วยให้สามารถศึกษายุคมืดของจักรวาล ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ดาวฤกษ์ดวงแรกจะถือกำเนิดขึ้น ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - โครงการนี้มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องแข่งขันกับงบประมาณของ NASA ที่จำกัด - แม้จะมีแผนการติดตั้ง แต่ยังต้องผ่านการทดสอบต้นแบบที่ Owens Valley Radio Observatory ในแคลิฟอร์เนีย - ต้องติดตามว่าการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์จะสามารถรองรับการติดตั้งบนดวงจันทร์ได้หรือไม่ - การศึกษายุคมืดของจักรวาลต้องใช้เทคนิคใหม่ในการตรวจจับคลื่นวิทยุที่มีความยาวคลื่นมากกว่า 33 ฟุต หากโครงการนี้สำเร็จ LCRT จะเป็นหนึ่งในกล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ และอาจช่วยให้ นักดาราศาสตร์สามารถไขปริศนาเกี่ยวกับสสารมืด, พลังงานมืด และการเกิดขึ้นของจักรวาล https://www.techspot.com/news/108147-far-side-moon-may-soon-host-world-most.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The far side of the Moon may soon host the world's most sensitive telescope, shielded from earthly interference
    NASA is advancing plans to construct a radio telescope on the Moon's far side – a location uniquely shielded from the ever-increasing interference caused by Earth's expanding...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปักกิ่งโต้ข้อกล่าวหาทรัมป์ ชี้อเมริกาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงสงบศึกการค้าที่เจนีวา ด้วยการเดินเกมทำลายผลประโยชน์จีน ทั้งประกาศแนวทางควบคุมการส่งออกชิปเอไอ ห้ามขายซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้จีน และยังเตรียมเพิกถอนวีซ่านักศึกษาจีน อย่างไรก็ตาม ด้านขุนคลังสหรัฐฯ มั่นใจความขัดแย้งจะคลี่คลายหลังทรัมป์กับ สี จึ้นผิงได้คุยกัน ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000051819

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ปักกิ่งโต้ข้อกล่าวหาทรัมป์ ชี้อเมริกาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงสงบศึกการค้าที่เจนีวา ด้วยการเดินเกมทำลายผลประโยชน์จีน ทั้งประกาศแนวทางควบคุมการส่งออกชิปเอไอ ห้ามขายซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้จีน และยังเตรียมเพิกถอนวีซ่านักศึกษาจีน อย่างไรก็ตาม ด้านขุนคลังสหรัฐฯ มั่นใจความขัดแย้งจะคลี่คลายหลังทรัมป์กับ สี จึ้นผิงได้คุยกัน ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000051819 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Yay
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า
    สัทธรรมลำดับที่ : 1010
    ชื่อบทธรรม :- ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1010
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า

    --ก. พวกที่ไม่ทำความเย็น
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ
    เป็นผู้ไม่ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า.
    ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ : -
    ๑--ไม่ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ( น นิคฺคเหตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=นิคฺคณฺห
    ๒--ไม่ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ( น ปคฺคเหตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=ปคฺคเห
    ๓--ไม่ทำจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรทำจิตให้ร่าเริง ( น สมฺปหํสิตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=สมฺปหํสิ
    ๔--ไม่เข้าไปเพ่งอย่างยิ่งซึ่งจิตในสมัยที่ควรเข้าไปเพ่งอย่างยิ่ง ( น อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=อชฺฌุเปกฺขิ
    ๕--เป็นผู้มีจิตน้อมไปในธรรมทราม ( หีนาธิมุตฺติโก ) ; และ
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=หีนาธิมุตฺติโก
    ๖--เป็นผู้ยินดียิ่งใน สักกายะ ( สกฺกายาภิรโต ).
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=สกฺกายาภิรโต
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เหล่านี้แล้ว
    เป็นผู้ไม่ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า.

    ข. พวกที่ทำความเย็น
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ
    เป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า.
    ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ : -
    ๑--ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ( นิคฺคเหตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=นิคฺคเหตพฺพํ
    ๒--ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ( ปคฺคเหตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=ปคฺคเหตพฺพํ
    ๓--ทำจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรทำจิตให้ร่าเริง ( สมฺปหํสิตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=สมฺปหํสิตพฺพํ
    ๔--เข้าไปเพ่งอย่างยิ่งซึ่งจิตในสมัยที่ควรเข้าไปเพ่งอย่างยิ่ง ( อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ
    ๕--เป็นผู้มีจิตน้อมไปในธรรมประณีต ( ปณีตาธิมุตฺติโก ) ; และ
    http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=ปณีตาธิมุตฺติโก
    ๖--เป็นผู้ยินดียิ่งใน นิพพาน ( นิพฺพานาภิรโต ).
    http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=นิพฺพานาภิรโต
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล้ว
    เป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่ง #ความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า แล.-

    ( ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า
    ในที่นี้ทรงแสดง สักกายะ
    ไว้ในฐานะเป็นสิ่งที่ตรงกัน ข้ามจาก นิพพาน,
    ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
    ทั้งสองอย่างเป็นที่ตั้งแห่งความยินดีได้โดยเท่ากัน
    แล้วแต่ว่าจะเป็น ฝ่ายผิดทาง หรือ ฝ่ายถูกทาง
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/388/356.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/388/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๘๕/๓๕๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%96
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1010
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1010
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87
    ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า สัทธรรมลำดับที่ : 1010 ชื่อบทธรรม :- ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1010 เนื้อความทั้งหมด :- --ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า --ก. พวกที่ไม่ทำความเย็น --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ไม่ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า. ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ : - ๑--ไม่ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ( น นิคฺคเหตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=นิคฺคณฺห ๒--ไม่ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ( น ปคฺคเหตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=ปคฺคเห ๓--ไม่ทำจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรทำจิตให้ร่าเริง ( น สมฺปหํสิตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=สมฺปหํสิ ๔--ไม่เข้าไปเพ่งอย่างยิ่งซึ่งจิตในสมัยที่ควรเข้าไปเพ่งอย่างยิ่ง ( น อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=อชฺฌุเปกฺขิ ๕--เป็นผู้มีจิตน้อมไปในธรรมทราม ( หีนาธิมุตฺติโก ) ; และ http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=หีนาธิมุตฺติโก ๖--เป็นผู้ยินดียิ่งใน สักกายะ ( สกฺกายาภิรโต ). http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=สกฺกายาภิรโต --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เหล่านี้แล้ว เป็นผู้ไม่ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า. ข. พวกที่ทำความเย็น --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า. ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ : - ๑--ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ( นิคฺคเหตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=นิคฺคเหตพฺพํ ๒--ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ( ปคฺคเหตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=ปคฺคเหตพฺพํ ๓--ทำจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรทำจิตให้ร่าเริง ( สมฺปหํสิตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=สมฺปหํสิตพฺพํ ๔--เข้าไปเพ่งอย่างยิ่งซึ่งจิตในสมัยที่ควรเข้าไปเพ่งอย่างยิ่ง ( อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ๕--เป็นผู้มีจิตน้อมไปในธรรมประณีต ( ปณีตาธิมุตฺติโก ) ; และ http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=ปณีตาธิมุตฺติโก ๖--เป็นผู้ยินดียิ่งใน นิพพาน ( นิพฺพานาภิรโต ). http://etipitaka.com/read/pali/22/486/?keywords=นิพฺพานาภิรโต --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล้ว เป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่ง #ความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า แล.- ( ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า ในที่นี้ทรงแสดง สักกายะ ไว้ในฐานะเป็นสิ่งที่ตรงกัน ข้ามจาก นิพพาน, ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองอย่างเป็นที่ตั้งแห่งความยินดีได้โดยเท่ากัน แล้วแต่ว่าจะเป็น ฝ่ายผิดทาง หรือ ฝ่ายถูกทาง ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/388/356. http://etipitaka.com/read/thai/22/388/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๘๕/๓๕๖. http://etipitaka.com/read/pali/22/485/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%95%E0%B9%96 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1010 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1010 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87 ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า
    -ความเย็นที่ไม่มีอะไรเย็นยิ่งไปกว่า ก. พวกที่ไม่ทำความเย็น ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ไม่ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า. ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ? ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ : ไม่ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ( น นิคฺคเหตพฺพํ ) ; ไม่ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ( น ปคฺคเหตพฺพํ ) ; ไม่ทำจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรทำจิตให้ร่าเริง ( น สมฺปหํสิตพฺพํ ) ; ไม่เข้าไปเพ่งอย่างยิ่งซึ่งจิตในสมัยที่ควรเข้าไปเพ่งอย่างยิ่ง ( น อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ) ; เป็นผู้มีจิตน้อมไปในธรรมทราม ( หีนาธิมุตฺติโก ) ; และ เป็นผู้ยินดียิ่งใน สักกายะ ( สกฺกายาภิรโต ). ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เหล่านี้แล้ว เป็นผู้ไม่ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า. ข. พวกที่ทำความเย็น ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า. ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ? ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการ คือ ภิกษุในกรณีนี้ : ข่มจิตในสมัยที่ควรข่ม ( นิคฺคเหตพฺพํ ) ; ประคองจิตในสมัยที่ควรประคอง ( ปคฺคเหตพฺพํ ) ; ทำจิตให้ร่าเริงในสมัยที่ควรทำจิตให้ร่าเริง ( สมฺปหํสิตพฺพํ ) ; เข้าไปเพ่งอย่างยิ่งซึ่งจิตในสมัยที่ควรเข้าไปเพ่งอย่างยิ่ง ( อชฺฌุเปกฺขิตพฺพํ ) ; เป็นผู้มีจิตน้อมไปในธรรมประณีต ( ปณีตาธิมุตฺติโก ) ; และ เป็นผู้ยินดียิ่งใน นิพพาน ( นิพฺพานาภิรโต ). ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการเหล่านี้แล้ว เป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่ง ความเย็นอันไม่มีอื่นยิ่งกว่า แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าจะรู้จักกิเลสข้อไหนได้ก็ต่อเมื่อทำลายกิเลสนั้นเสร็จสิ้นแล้ว
    สัทธรรมลำดับที่ : 642
    ชื่อบทธรรม :- อาสวะสิ้นไปเพราะการกำจัดสมารัมภะและอวิชชา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=642
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อาสวะสิ้นไปเพราะการกำจัดสมารัมภะและอวิชชา
    --วัปปะ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ?
    คืออาสวะทั้งหลายเหล่าใด เกิดขึ้นเพราะกายสมารัมภะ
    (ตัณหาปรารภการกระทำกรรมทางกาย)
    http://etipitaka.com/read/pali/21/268/?keywords=กายสมา
    เป็นปัจจัยเป็นเครื่อง ทำความคับแค้นเร่าร้อน ;
    เมื่อบุคคลเว้นขาดแล้วจาก กายสมารัมภะ,
    อาสวะทั้งหลาย อันเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อนเหล่านั้น ย่อมไม่มี.
    บุคคลนั้น ย่อมไม่กระทำซึ่งกรรมใหม่ด้วย และ
    ย่อมถูกต้อง ๆ ซึ่งกรรมเก่าแล้วกระทำให้สิ้นไปด้วย.
    หลักธรรมปฏิปทาอันไม่รู้จักเก่า (นิชฺชรา) นี้ เป็นธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นตนเอง
    http://etipitaka.com/read/pali/21/268/?keywords=นิชฺชรา
    ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ควรเรียกกันมาดู
    พึงน้อมเข้ามาในตนเป็นธรรมที่ผู้รู้ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน.
    -​-วัปปะ ! อาสวะทั้งหลายอันเป็นไปเพื่อทุกขเวทนา จะพึงไหลไปตามบุรุษ
    ในกาลต่อไปเบื้องหน้า เนื่องมาแต่ฐานะใดเป็นเหตุ ท่านเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม่ ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”

    --วัปปะ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ? คือ
    อาสวะทั้งหลายเหล่าใด เกิดขึ้นเพราะวจีสมารัมภะ
    (ตัณหาปรารภการกระทำกรรมทางวาจา)
    http://etipitaka.com/read/pali/21/269/?keywords=วจีสมา
    เป็นปัจจัยเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อน ;
    เมื่อบุคคลเว้นขาดแล้วจาก วจีสมารัมภะ,
    อาสวะทั้งหลาย อันเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อนเหล่านั้น ย่อมไม่มี.
    บุคคลนั้น ย่อมไม่กระทำซึ่งกรรมใหม่ด้วย
    และย่อมถูกต้อง ๆ ซึ่งกรรมเก่าแล้วกระทำให้สิ้นไปด้วย.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/268/?keywords=นิชฺชรา
    หลักธรรมปฏิปทาอันไม่รู้จักเก่านี้ เป็นธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นเอง
    ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ควรเรียกกันมาดู พึงน้อมเข้ามาในตน
    เป็นธรรมที่ผู้รู้ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน.
    --วัปปะ ! อาสวะทั้งหลายอันเป็นไปเพื่อทุกขเวทนา จะพึงไหลไปตามบุรุษ
    ในกาลต่อไปเบื้องหน้า เนื่องมาแต่ฐานะใดเป็นเหตุ ท่านเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม่ ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”

    --วัปปะ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ?
    คืออาสวะทั้งหลายเหล่าใด เกิดขึ้นเพราะมโนสมารัมภะ
    (ตัณหาปรารภการกระทำกรรมทางใจ)
    http://etipitaka.com/read/pali/21/269/?keywords=มโนสมา
    เป็นปัจจัยเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อน ;
    เมื่อบุคคลเว้นขาดแล้วจาก มโนสมารัมภะ,
    อาสวะทั้งหลาย อันเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อนเหล่านั้น ย่อมไม่มี.
    บุคคลนั้น ย่อมไม่กระทำซึ่งกรรมใหม่ด้วย
    และย่อมถูกต้อง ๆ ซึ่งกรรมเก่าแล้วกระทำให้สิ้นไปด้วย.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/269/?keywords=นิชฺชรา
    หลักธรรมปฏิปทาอันไม่รู้จักเก่านี้ เป็นธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นเอง
    ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ควรเรียกกันมาดู พึงน้อมเข้ามาในตน
    เป็นธรรมที่ผู้รู้ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน.
    --วัปปะ ! อาสวะทั้งหลายอันเป็นไปเพื่อทุกขเวทนาจะพึงไหลไปตามบุรุษ
    ในกาลต่อไปเบื้องหน้า เนื่องมาแต่ฐานะใดเป็นเหตุ ท่านเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม่ ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”

    --วัปปะ ! ท่านจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร ?
    คืออาสวะทั้งหลายเหล่าใด เกิดขึ้นเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย
    เป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อน;
    เพราะการเกิดขึ้นแห่งวิชชา เพราะความสำรอกออกเสียได้หมดซึ่ง อวิชชา,
    http://etipitaka.com/read/pali/21/269/?keywords=อวิชฺชา
    อาสวะทั้งหลาย อันเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อนเหล่านั้น ย่อมไม่มี.
    บุคคลนั้น ย่อมไม่กระทำซึ่งกรรมใหม่ด้วย
    และย่อมถูกต้อง ๆ ซึ่งกรรมเก่าแล้ว กระทำให้สิ้นไปด้วย.
    หลักธรรมปฏิปทาอันไม่รู้จักเก่านี้ เป็นธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นเอง
    ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ควรเรียกกันมาดู พึงน้อมเข้ามาในตน
    เป็นธรรมที่ผู้รู้ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน.
    --วัปปะ ! อาสวะทั้งหลาย อันเป็นไปเพื่อทุกขเวทนา จะพึงไหลไปตามบุรุษ
    ในกาลต่อไปเบื้องหน้า เนื่องมาแต่ฐานะใดเป็นเหตุ ท่านเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม่ ?
    “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”-

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/189/195.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/189/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%95
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๖๖-๒๗๑/๑๙๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/266/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%95
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=642
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44&id=642
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44
    ลำดับสาธยายธรรม : 44 ฟังเสียง..
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_44.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าจะรู้จักกิเลสข้อไหนได้ก็ต่อเมื่อทำลายกิเลสนั้นเสร็จสิ้นแล้ว สัทธรรมลำดับที่ : 642 ชื่อบทธรรม :- อาสวะสิ้นไปเพราะการกำจัดสมารัมภะและอวิชชา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=642 เนื้อความทั้งหมด :- --อาสวะสิ้นไปเพราะการกำจัดสมารัมภะและอวิชชา --วัปปะ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ? คืออาสวะทั้งหลายเหล่าใด เกิดขึ้นเพราะกายสมารัมภะ (ตัณหาปรารภการกระทำกรรมทางกาย) http://etipitaka.com/read/pali/21/268/?keywords=กายสมา เป็นปัจจัยเป็นเครื่อง ทำความคับแค้นเร่าร้อน ; เมื่อบุคคลเว้นขาดแล้วจาก กายสมารัมภะ, อาสวะทั้งหลาย อันเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อนเหล่านั้น ย่อมไม่มี. บุคคลนั้น ย่อมไม่กระทำซึ่งกรรมใหม่ด้วย และ ย่อมถูกต้อง ๆ ซึ่งกรรมเก่าแล้วกระทำให้สิ้นไปด้วย. หลักธรรมปฏิปทาอันไม่รู้จักเก่า (นิชฺชรา) นี้ เป็นธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นตนเอง http://etipitaka.com/read/pali/21/268/?keywords=นิชฺชรา ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ควรเรียกกันมาดู พึงน้อมเข้ามาในตนเป็นธรรมที่ผู้รู้ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน. -​-วัปปะ ! อาสวะทั้งหลายอันเป็นไปเพื่อทุกขเวทนา จะพึงไหลไปตามบุรุษ ในกาลต่อไปเบื้องหน้า เนื่องมาแต่ฐานะใดเป็นเหตุ ท่านเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม่ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --วัปปะ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ? คือ อาสวะทั้งหลายเหล่าใด เกิดขึ้นเพราะวจีสมารัมภะ (ตัณหาปรารภการกระทำกรรมทางวาจา) http://etipitaka.com/read/pali/21/269/?keywords=วจีสมา เป็นปัจจัยเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อน ; เมื่อบุคคลเว้นขาดแล้วจาก วจีสมารัมภะ, อาสวะทั้งหลาย อันเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อนเหล่านั้น ย่อมไม่มี. บุคคลนั้น ย่อมไม่กระทำซึ่งกรรมใหม่ด้วย และย่อมถูกต้อง ๆ ซึ่งกรรมเก่าแล้วกระทำให้สิ้นไปด้วย. http://etipitaka.com/read/pali/21/268/?keywords=นิชฺชรา หลักธรรมปฏิปทาอันไม่รู้จักเก่านี้ เป็นธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นเอง ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ควรเรียกกันมาดู พึงน้อมเข้ามาในตน เป็นธรรมที่ผู้รู้ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน. --วัปปะ ! อาสวะทั้งหลายอันเป็นไปเพื่อทุกขเวทนา จะพึงไหลไปตามบุรุษ ในกาลต่อไปเบื้องหน้า เนื่องมาแต่ฐานะใดเป็นเหตุ ท่านเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม่ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --วัปปะ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ? คืออาสวะทั้งหลายเหล่าใด เกิดขึ้นเพราะมโนสมารัมภะ (ตัณหาปรารภการกระทำกรรมทางใจ) http://etipitaka.com/read/pali/21/269/?keywords=มโนสมา เป็นปัจจัยเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อน ; เมื่อบุคคลเว้นขาดแล้วจาก มโนสมารัมภะ, อาสวะทั้งหลาย อันเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อนเหล่านั้น ย่อมไม่มี. บุคคลนั้น ย่อมไม่กระทำซึ่งกรรมใหม่ด้วย และย่อมถูกต้อง ๆ ซึ่งกรรมเก่าแล้วกระทำให้สิ้นไปด้วย. http://etipitaka.com/read/pali/21/269/?keywords=นิชฺชรา หลักธรรมปฏิปทาอันไม่รู้จักเก่านี้ เป็นธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นเอง ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ควรเรียกกันมาดู พึงน้อมเข้ามาในตน เป็นธรรมที่ผู้รู้ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน. --วัปปะ ! อาสวะทั้งหลายอันเป็นไปเพื่อทุกขเวทนาจะพึงไหลไปตามบุรุษ ในกาลต่อไปเบื้องหน้า เนื่องมาแต่ฐานะใดเป็นเหตุ ท่านเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม่ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” --วัปปะ ! ท่านจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร ? คืออาสวะทั้งหลายเหล่าใด เกิดขึ้นเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย เป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อน; เพราะการเกิดขึ้นแห่งวิชชา เพราะความสำรอกออกเสียได้หมดซึ่ง อวิชชา, http://etipitaka.com/read/pali/21/269/?keywords=อวิชฺชา อาสวะทั้งหลาย อันเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อนเหล่านั้น ย่อมไม่มี. บุคคลนั้น ย่อมไม่กระทำซึ่งกรรมใหม่ด้วย และย่อมถูกต้อง ๆ ซึ่งกรรมเก่าแล้ว กระทำให้สิ้นไปด้วย. หลักธรรมปฏิปทาอันไม่รู้จักเก่านี้ เป็นธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นเอง ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ควรเรียกกันมาดู พึงน้อมเข้ามาในตน เป็นธรรมที่ผู้รู้ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน. --วัปปะ ! อาสวะทั้งหลาย อันเป็นไปเพื่อทุกขเวทนา จะพึงไหลไปตามบุรุษ ในกาลต่อไปเบื้องหน้า เนื่องมาแต่ฐานะใดเป็นเหตุ ท่านเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม่ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”- #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/189/195. http://etipitaka.com/read/thai/21/189/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%95 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๖๖-๒๗๑/๑๙๕. http://etipitaka.com/read/pali/21/266/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%95 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=642 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44&id=642 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44 ลำดับสาธยายธรรม : 44 ฟังเสียง.. http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_44.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - (ข้อความนี้ เป็นหลักสำคัญอย่างยิ่งที่คนธรรมดาจะไม่นึกฝัน ว่าเราจะรู้จักสิ่งใดถึงที่สุดนั้น ก็ต่อเมื่อเราจัดการกับสิ่งนั้นตามที่ควรจะทำ ถึงที่สุดแล้ว, มิใช่ว่าพอสักว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น ก็รู้จักสิ่งนั้นโดยสมบูรณ์แล้ว. ในกรณีนี้ มีใจความสำคัญว่า จะรู้จักกิเลสข้อไหนได้ ก็ต่อเมื่อ เราทำลายกิเลสนั้นเสร็จสิ้นแล้ว). อาสวะสิ้นไปเพราะการกำจัดสมารัมภะและอวิชชา
    -(ข้อความนี้ เป็นหลักสำคัญอย่างยิ่งที่คนธรรมดาจะไม่นึกฝัน ว่าเราจะรู้จักสิ่งใดถึงที่สุดนั้น ก็ต่อเมื่อเราจัดการกับสิ่งนั้นตามที่ควรจะทำ ถึงที่สุดแล้ว, มิใช่ว่าพอสักว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น ก็รู้จักสิ่งนั้นโดยสมบูรณ์แล้ว. ในกรณีนี้ มีใจความสำคัญว่า จะรู้จักกิเลสข้อไหนได้ ก็ต่อเมื่อ เราทำลายกิเลสนั้นเสร็จสิ้นแล้ว). อาสวะสิ้นไปเพราะการกำจัดสมารัมภะและอวิชชา วัปปะ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ? คืออาสวะทั้งหลายเหล่าใด เกิดขึ้นเพราะกายสมารัมภะ (ตัณหาปรารภการกระทำกรรมทางกาย) เป็นปัจจัยเป็นเครื่อง ทำความคับแค้นเร่าร้อน ; เมื่อบุคคลเว้นขาดแล้วจาก กายสมารัมภะ, อาสวะทั้งหลาย อันเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อนเหล่านั้น ย่อมไม่มี. บุคคลนั้น ย่อมไม่กระทำซึ่งกรรมใหม่ด้วย และย่อมถูกต้อง ๆ ซึ่งกรรมเก่าแล้วกระทำให้สิ้นไปด้วย. หลักธรรมปฏิปทาอันไม่รู้จักเก่า (นิชฺชรา) นี้ เป็นธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นตนเอง ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ควรเรียกกันมาดู พึงน้อมเข้ามาในตน เป็นธรรมที่ผู้รู้ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน. วัปปะ ! อาสวะทั้งหลายอันเป็นไปเพื่อทุกขเวทนา จะพึงไหลไปตามบุรุษ ในกาลต่อไปเบื้องหน้า เนื่องมาแต่ฐานะใดเป็นเหตุ ท่านเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม่ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” วัปปะ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ? คืออาสวะทั้งหลายเหล่าใด เกิดขึ้นเพราะวจีสมารัมภะ (ตัณหาปรารภการกระทำกรรมทางวาจา) เป็นปัจจัยเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อน ; เมื่อบุคคลเว้นขาดแล้วจาก วจีสมารัมภะ, อาสวะทั้งหลาย อันเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อนเหล่านั้น ย่อมไม่มี. บุคคลนั้น ย่อมไม่กระทำซึ่งกรรมใหม่ด้วย และย่อมถูกต้อง ๆ ซึ่งกรรมเก่าแล้วกระทำให้สิ้นไปด้วย. หลักธรรมปฏิปทาอันไม่รู้จักเก่านี้ เป็นธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นเอง ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ควรเรียกกันมาดู พึงน้อมเข้ามาในตน เป็นธรรมที่ผู้รู้ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน. วัปปะ ! อาสวะทั้งหลายอันเป็นไปเพื่อทุกขเวทนา จะพึงไหลไปตามบุรุษ ในกาลต่อไปเบื้องหน้า เนื่องมาแต่ฐานะใดเป็นเหตุ ท่านเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม่ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” วัปปะ ! ท่านจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร ? คืออาสวะทั้งหลายเหล่าใด เกิดขึ้นเพราะมโนสมารัมภะ (ตัณหาปรารภการกระทำกรรมทางใจ) เป็นปัจจัยเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อน ; เมื่อบุคคลเว้นขาดแล้วจาก มโนสมารัมภะ, อาสวะทั้งหลาย อันเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อนเหล่านั้น ย่อมไม่มี. บุคคลนั้น ย่อมไม่กระทำซึ่งกรรมใหม่ด้วย และย่อมถูกต้อง ๆ ซึ่งกรรมเก่าแล้วกระทำให้สิ้นไปด้วย. หลักธรรมปฏิปทาอันไม่รู้จักเก่านี้ เป็นธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นเอง ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ควรเรียกกันมาดู พึงน้อมเข้ามาในตน เป็นธรรมที่ผู้รู้ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน. วัปปะ ! อาสวะทั้งหลายอันเป็นไปเพื่อทุกขเวทนาจะพึงไหลไปตามบุรุษ ในกาลต่อไปเบื้องหน้า เนื่องมาแต่ฐานะ ใดเป็นเหตุ ท่านเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม่ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !” วัปปะ ! ท่านจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร ? คืออาสวะทั้งหลายเหล่าใด เกิดขึ้นเพราะอวิชชาเป็นปัจจัย เป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อน; เพราะการเกิดขึ้นแห่งวิชชา เพราะความสำรอกออกเสียได้หมดซึ่ง อวิชชา, อาสวะทั้งหลาย อันเป็นเครื่องทำความคับแค้นเร่าร้อนเหล่านั้น ย่อมไม่มี. บุคคลนั้น ย่อมไม่กระทำซึ่งกรรมใหม่ด้วย และย่อมถูกต้อง ๆ ซึ่งกรรมเก่าแล้ว กระทำให้สิ้นไปด้วย. หลักธรรมปฏิปทาอันไม่รู้จักเก่านี้ เป็นธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นเอง ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ควรเรียกกันมาดู พึงน้อมเข้ามาในตน เป็นธรรมที่ผู้รู้ทั้งหลายพึงรู้ได้เฉพาะตน. วัปปะ ! อาสวะทั้งหลาย อันเป็นไปเพื่อทุกขเวทนา จะพึงไหลไปตามบุรุษ ในกาลต่อไปเบื้องหน้า เนื่องมาแต่ฐานะใดเป็นเหตุ ท่านเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม่ ? “ข้อนั้น หามิได้ พระเจ้าข้า !”-
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาวิภาคแห่งภวตัณหาร้อยแปด
    สัทธรรมลำดับที่ : 274
    ชื่อบทธรรม :- วิภาคแห่งภวตัณหาร้อยแปด
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=274
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --วิภาคแห่งภวตัณหาร้อยแปด
    --ภิกษุ ท. ! เราจักแสดงแก่พวกเธอ ถึงเรื่อง ตัณหา
    อันมีธรรมชาติ เหมือนข่ายเป็นเครื่องดักสัตว์
    มีธรรมชาติไหลนอง แผ่กว้าง เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของสัตว์,
    ซึ่งด้วยตัณหานั้นเอง สัตว์โลกนี้ ถูกปกคลุมหุ้มห่อไว้
    ถูกทำให้ยุ่งเหยิงเหมือนด้ายยุ่ง ประสานกันสับสนดุจรังนก
    นุงนังเหมือนพงหญ้ามุญชะและปัพพชะ
    จึงไม่ล่วงพ้นอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏไปได้.
    พวกเธอ จงฟังข้อความนั้น ทำในใจให้สำเร็จประโยชน์ เราจักกล่าว
    (มนสิกโรถ ภาสิสฺสามีติ)​
    http://etipitaka.com/read/pali/21/288/?keywords=มนสิกโรถ+ภาสิสฺสามี
    บัดนี้.
    +--ครั้นภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น ทูลสนองรับพระพุทธดำรัสแล้ว,
    พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงได้ตรัส พระพุทธวจนะ
    นี้ว่า :
    ---ภิกษุ ท. ! ตัณหานั้น เป็นอย่างไรเล่า
    จึงชื่อว่ามีธรรมชาติเหมือนข่าย เป็นเครื่องดักสัตว์
    มีธรรมชาติไหลนอง แผ่กว้าง เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของสัตว์,
    ซึ่งด้วยตัณหานั้นเอง สัตว์โลกนี้ ถูกปกคลุมหุ้มห่อไว้
    ถูกทำให้ยุ่งเหยิงเหมือนด้ายยุ่ง ประสานกันสับสนดุจรังนก
    นุงนังเหมือนพงหญ้ามุญชะและปัพพชะ
    จึงไม่ล่วงพ้นอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏไปได้ ?
    --ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต (ความนึกที่ซ่านไปด้วยอำนาจแห่งตัณหา) ๑๘ อย่าง
    ที่เข้าไป จับยึดขันธ์อันเป็นภายใน และตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง
    ที่เข้าไปจับยึดขันธ์ อันเป็นภายนอก เหล่านี้ มีอยู่.
    -----
    --ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต (ความนึกที่ซ่านไปด้วยอำนาจแห่งตัณหา) ๑๘ อย่าง
    ที่เข้าไป จับยึดขันธ์อันเป็นภายใน เหล่านั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์ อันเป็นภายใน
    นั้นคือ เมื่อมีความนึกไปในทางที่
    ว่า “เรามี เราเป็น” ดังนี้
    ก็เกิดความนึกที่เป็นไปตามอำนาจแห่งตัณหา
    ว่า “เรามีอยู่ เป็นอยู่” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราเป็น อย่าง นี้ๆ” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราเป็น อย่างนั้นๆ (คืออย่างเดียวกันกับคู่เปรียบ)” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราเป็น อย่างอื่น (คือแตกต่างตรงกันข้ามจากคู่เปรียบ)” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราเป็น ผู้ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราเป็น ผู้เที่ยง ผู้ยั่งยืน” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราพึงมีอยู่ พึงเป็นอยู่” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราพึงเป็น อย่างนี้ๆ” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราพึงเป็น อย่างนั้นๆ ” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราพึงเป็น อย่างอื่น” ดังนี้ ๑,
    ว่า “ขอให้เรา มีอยู่เป็นอยู่” ดังนี้ ๑,
    ว่า “ขอให้เราเป็น อย่างนี้ๆ” ดังนี้ ๑,
    ว่า “ขอให้เราเป็น อย่างนั้นๆ” ดังนี้ ๑,
    ว่า “ขอให้เราเป็น อย่างอื่น” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราจักมีอยู่ จักเป็นอยู่” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราจักเป็น อย่างนี้ๆ” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราจักเป็น อย่างนั้นๆ” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราจักเป็น อย่างอื่น” ดังนี้ ๑.
    ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ชื่อว่า ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง
    ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายใน.
    ----
    --ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต (ความนึกที่ซ่านไปด้วยอำนาจแห่งตัณหา)
    ๑๘ อย่าง ที่เข้าไป จับยึดขันธ์อันเป็นภายนอก เป็นอย่างไรเล่า ?
    ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายนอก
    คือ เมื่อมีความนึกไปในทางที่
    ว่า “เรามี เราเป็น ด้วยสิ่ง (คือขันธ์อันเป็นภายนอก) นี้” ดังนี้
    ก็เกิดความนึกที่เป็นไปตามอำนาจแห่งตัณหา
    ว่า “เรามีอยู่ เป็นอยู่ ด้วยสิ่ง (คือขันธ์อันเป็นภายนอก)นี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราเป็น อย่างนี้ ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราเป็น อย่างนั้น ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราเป็น อย่างอื่นด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราเป็น ผู้ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราเป็น ผู้เที่ยง ผู้ยั่งยืน ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราพึงมีอยู่ พึงเป็นอยู่ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราพึงเป็น อย่างนี้ ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราพึงเป็น อย่างนั้น ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราพึงเป็น อย่างอื่น ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “ขอให้เรามีอยู่ เป็นอยู่ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “ขอให้เราเป็น อย่างนี้ ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “ขอให้เราเป็น อย่างนั้น ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “ขอให้เราเป็น อย่างอื่น ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราจักมีอยู่ จักเป็นอยู่ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราจักเป็น อย่างนี้ ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราจักเป็น อย่างนั้น ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑,
    ว่า “เราจักเป็น อย่างอื่น ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑.
    ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ชื่อว่า ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง
    ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายนอก.
    --ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละ ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง
    ที่เข้าไปจับยึด ขันธ์อันเป็นภายในด้วย
    และตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายนอกด้วย
    เหล่านี้แล เรียกว่า ตัณหาวิจริต ๓๖ อย่าง.
    --ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละ ตัณหาวิจริตอย่างนี้แล
    เป็นอดีต ๓๖ อย่าง,
    เป็นอนาคต ๓๖ อย่าง, และ
    ปัจจุบัน ๓๖ อย่าง,
    รวมเป็นตัณหาวิจริต ๑๐๘ อย่าง.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/290/?keywords=ตณฺหาวิจริต
    --ภิกษุ ท. ! นี่แลคือ ตัณหานั้น อันมีธรรมชาติเหมือนข่ายเป็นเครื่องดักสัตว์
    มีธรรมชาติไหลนอง แผ่กว้าง เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของสัตว์,
    ซึ่งด้วยตัณหานั้นเอง สัตว์โลกนี้ ถูกปกคลุมหุ้มห่อไว้
    ถูกทำให้ยุ่งเหยิงเหมือนด้ายยุ่ง ประสานกันสับสนดุจรังนก
    นุงนังเหมือนพงหญ้ามุญชะและปัพพชะ
    จึงไม่ล่วงพ้น อบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏไปได้
    แล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/201/199.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/201/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๘๘/๑๙๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/288/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%99
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=274
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=274
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18
    ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาวิภาคแห่งภวตัณหาร้อยแปด สัทธรรมลำดับที่ : 274 ชื่อบทธรรม :- วิภาคแห่งภวตัณหาร้อยแปด https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=274 เนื้อความทั้งหมด :- --วิภาคแห่งภวตัณหาร้อยแปด --ภิกษุ ท. ! เราจักแสดงแก่พวกเธอ ถึงเรื่อง ตัณหา อันมีธรรมชาติ เหมือนข่ายเป็นเครื่องดักสัตว์ มีธรรมชาติไหลนอง แผ่กว้าง เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของสัตว์, ซึ่งด้วยตัณหานั้นเอง สัตว์โลกนี้ ถูกปกคลุมหุ้มห่อไว้ ถูกทำให้ยุ่งเหยิงเหมือนด้ายยุ่ง ประสานกันสับสนดุจรังนก นุงนังเหมือนพงหญ้ามุญชะและปัพพชะ จึงไม่ล่วงพ้นอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏไปได้. พวกเธอ จงฟังข้อความนั้น ทำในใจให้สำเร็จประโยชน์ เราจักกล่าว (มนสิกโรถ ภาสิสฺสามีติ)​ http://etipitaka.com/read/pali/21/288/?keywords=มนสิกโรถ+ภาสิสฺสามี บัดนี้. +--ครั้นภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น ทูลสนองรับพระพุทธดำรัสแล้ว, พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงได้ตรัส พระพุทธวจนะ นี้ว่า : ---ภิกษุ ท. ! ตัณหานั้น เป็นอย่างไรเล่า จึงชื่อว่ามีธรรมชาติเหมือนข่าย เป็นเครื่องดักสัตว์ มีธรรมชาติไหลนอง แผ่กว้าง เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของสัตว์, ซึ่งด้วยตัณหานั้นเอง สัตว์โลกนี้ ถูกปกคลุมหุ้มห่อไว้ ถูกทำให้ยุ่งเหยิงเหมือนด้ายยุ่ง ประสานกันสับสนดุจรังนก นุงนังเหมือนพงหญ้ามุญชะและปัพพชะ จึงไม่ล่วงพ้นอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏไปได้ ? --ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต (ความนึกที่ซ่านไปด้วยอำนาจแห่งตัณหา) ๑๘ อย่าง ที่เข้าไป จับยึดขันธ์อันเป็นภายใน และตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์ อันเป็นภายนอก เหล่านี้ มีอยู่. ----- --ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต (ความนึกที่ซ่านไปด้วยอำนาจแห่งตัณหา) ๑๘ อย่าง ที่เข้าไป จับยึดขันธ์อันเป็นภายใน เหล่านั้น เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์ อันเป็นภายใน นั้นคือ เมื่อมีความนึกไปในทางที่ ว่า “เรามี เราเป็น” ดังนี้ ก็เกิดความนึกที่เป็นไปตามอำนาจแห่งตัณหา ว่า “เรามีอยู่ เป็นอยู่” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็น อย่าง นี้ๆ” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็น อย่างนั้นๆ (คืออย่างเดียวกันกับคู่เปรียบ)” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็น อย่างอื่น (คือแตกต่างตรงกันข้ามจากคู่เปรียบ)” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็น ผู้ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็น ผู้เที่ยง ผู้ยั่งยืน” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงมีอยู่ พึงเป็นอยู่” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงเป็น อย่างนี้ๆ” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงเป็น อย่างนั้นๆ ” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงเป็น อย่างอื่น” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เรา มีอยู่เป็นอยู่” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เราเป็น อย่างนี้ๆ” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เราเป็น อย่างนั้นๆ” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เราเป็น อย่างอื่น” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักมีอยู่ จักเป็นอยู่” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักเป็น อย่างนี้ๆ” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักเป็น อย่างนั้นๆ” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักเป็น อย่างอื่น” ดังนี้ ๑. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ชื่อว่า ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายใน. ---- --ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต (ความนึกที่ซ่านไปด้วยอำนาจแห่งตัณหา) ๑๘ อย่าง ที่เข้าไป จับยึดขันธ์อันเป็นภายนอก เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายนอก คือ เมื่อมีความนึกไปในทางที่ ว่า “เรามี เราเป็น ด้วยสิ่ง (คือขันธ์อันเป็นภายนอก) นี้” ดังนี้ ก็เกิดความนึกที่เป็นไปตามอำนาจแห่งตัณหา ว่า “เรามีอยู่ เป็นอยู่ ด้วยสิ่ง (คือขันธ์อันเป็นภายนอก)นี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็น อย่างนี้ ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็น อย่างนั้น ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็น อย่างอื่นด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็น ผู้ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็น ผู้เที่ยง ผู้ยั่งยืน ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงมีอยู่ พึงเป็นอยู่ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงเป็น อย่างนี้ ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงเป็น อย่างนั้น ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงเป็น อย่างอื่น ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เรามีอยู่ เป็นอยู่ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เราเป็น อย่างนี้ ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เราเป็น อย่างนั้น ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เราเป็น อย่างอื่น ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักมีอยู่ จักเป็นอยู่ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักเป็น อย่างนี้ ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักเป็น อย่างนั้น ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักเป็น อย่างอื่น ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ชื่อว่า ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายนอก. --ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละ ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึด ขันธ์อันเป็นภายในด้วย และตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายนอกด้วย เหล่านี้แล เรียกว่า ตัณหาวิจริต ๓๖ อย่าง. --ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละ ตัณหาวิจริตอย่างนี้แล เป็นอดีต ๓๖ อย่าง, เป็นอนาคต ๓๖ อย่าง, และ ปัจจุบัน ๓๖ อย่าง, รวมเป็นตัณหาวิจริต ๑๐๘ อย่าง. http://etipitaka.com/read/pali/21/290/?keywords=ตณฺหาวิจริต --ภิกษุ ท. ! นี่แลคือ ตัณหานั้น อันมีธรรมชาติเหมือนข่ายเป็นเครื่องดักสัตว์ มีธรรมชาติไหลนอง แผ่กว้าง เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของสัตว์, ซึ่งด้วยตัณหานั้นเอง สัตว์โลกนี้ ถูกปกคลุมหุ้มห่อไว้ ถูกทำให้ยุ่งเหยิงเหมือนด้ายยุ่ง ประสานกันสับสนดุจรังนก นุงนังเหมือนพงหญ้ามุญชะและปัพพชะ จึงไม่ล่วงพ้น อบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏไปได้ แล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. 21/201/199. http://etipitaka.com/read/thai/21/201/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๘๘/๑๙๙. http://etipitaka.com/read/pali/21/288/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%99 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=274 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=274 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18 ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - วิภาคแห่งภวตัณหาร้อยแปด
    -วิภาคแห่งภวตัณหาร้อยแปด ภิกษุ ท. ! เราจักแสดงแก่พวกเธอ ถึงเรื่อง ตัณหา อันมีธรรมชาติ เหมือนข่ายเป็นเครื่องดักสัตว์ มีธรรมชาติไหลนอง แผ่กว้าง เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของสัตว์, ซึ่งด้วยตัณหานั้นเอง สัตว์โลกนี้ ถูกปกคลุมหุ้มห่อไว้ ถูกทำให้ยุ่งเหยิงเหมือนด้ายยุ่ง ประสานกันสับสนดุจรังนก นุงนังเหมือนพงหญ้ามุญชะและปัพพชะ จึงไม่ล่วงพ้นอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏไปได้. พวกเธอ จงฟังข้อความนั้น ทำในใจให้สำเร็จประโยชน์ เราจักกล่าวบัดนี้. ครั้นภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น ทูลสนองรับพระพุทธดำรัสแล้ว, พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงได้ตรัส พระพุทธวจนะนี้ว่า : ภิกษุ ท. ! ตัณหานั้น เป็นอย่างไรเล่า จึงชื่อว่ามีธรรมชาติเหมือนข่าย เป็นเครื่องดักสัตว์ มีธรรมชาติไหลนอง แผ่กว้าง เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของสัตว์, ซึ่งด้วยตัณหานั้นเอง สัตว์โลกนี้ ถูกปกคลุมหุ้มห่อไว้ ถูกทำให้ยุ่งเหยิงเหมือนด้ายยุ่ง ประสานกันสับสนดุจรังนก นุงนังเหมือนพงหญ้ามุญชะและปัพพชะ จึงไม่ล่วงพ้นอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏไปได้ ? ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต (ความนึกที่ซ่านไปด้วยอำนาจแห่งตัณหา) ๑๘ อย่าง ที่เข้าไป จับยึดขันธ์อันเป็นภายใน และตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์ อันเป็นภายนอก เหล่านี้ มีอยู่. ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต (ความนึกที่ซ่านไปด้วยอำนาจแห่งตัณหา) ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายใน เหล่านั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์ อันเป็นภายใน นั้นคือ เมื่อมีความนึกไปในทาง ที่ว่า “เรามี เราเป็น” ดังนี้ ก็เกิดความนึกที่เป็นไปตามอำนาจแห่งตัณหา ว่า “เรามีอยู่ เป็นอยู่” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็นอย่างนี้ๆ” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็นอย่างนั้นๆ (คืออย่างเดียวกันกับคู่เปรียบ)” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็นอย่างอื่น (คือแตกต่างตรงกันข้ามจากคู่เปรียบ)” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็นผู้ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็นผู้เที่ยง ผู้ยั่งยืน” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงมีอยู่ พึงเป็นอยู่” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงเป็นอย่างนี้ๆ” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงเป็นอย่างนั้นๆ ” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงเป็นอย่างอื่น” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เรามีอยู่ เป็นอยู่” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เราเป็นอย่างนี้ๆ” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เราเป็นอย่างนั้นๆ” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เราเป็นอย่างอื่น” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักมีอยู่ จักเป็นอยู่” ดังนี้ ๑, ว่า “เรา จักเป็นอย่างนี้ๆ” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักเป็นอย่างนั้นๆ” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักเป็นอย่างอื่น” ดังนี้ ๑. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ชื่อว่า ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายใน. ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต (ความนึกที่ซ่านไปด้วยอำนาจแห่งตัณหา) ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายนอก เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายนอก คือ เมื่อมีความนึกไปในทางที่ว่า “เรามี เราเป็น ด้วยสิ่ง (คือขันธ์อันเป็นภายนอก) นี้” ดังนี้ ก็เกิดความนึกที่เป็นไปตามอำนาจแห่งตัณหา ว่า “เรามีอยู่ เป็นอยู่ ด้วยสิ่ง (คือขันธ์อันเป็นภายนอก)นี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็นอย่างนี้ ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็นอย่างนั้น ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็นอย่างอื่นด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็นผู้ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราเป็นผู้เที่ยง ผู้ยั่งยืน ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงมีอยู่ พึงเป็นอยู่ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงเป็นอย่างนี้ ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงเป็นอย่างนั้น ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราพึงเป็นอย่างอื่น ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เรามีอยู่ เป็นอยู่ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เราเป็นอย่างนี้ ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เราเป็นอย่างนั้น ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “ขอให้เราเป็นอย่างอื่น ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักมีอยู่ จักเป็นอยู่ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักเป็นอย่างนี้ ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักเป็นอย่างนั้น ๆ ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑, ว่า “เราจักเป็นอย่างอื่น ด้วยสิ่งนี้” ดังนี้ ๑. ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล ชื่อว่า ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายนอก. ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละ ตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึด ขันธ์อันเป็นภายในด้วย และตัณหาวิจริต ๑๘ อย่าง ที่เข้าไปจับยึดขันธ์อันเป็นภายนอกด้วย เหล่านี้แล เรียกว่า ตัณหาวิจริต ๓๖ อย่าง. ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุนี้แหละ ตัณหาวิจริตอย่างนี้แล เป็นอดีต ๓๖ อย่าง, เป็นอนาคต ๓๖ อย่าง, และปัจจุบัน ๓๖ อย่าง, รวมเป็นตัณหาวิจริต ๑๐๘ อย่าง. ภิกษุ ท. ! นี่แลคือ ตัณหานั้น อันมีธรรมชาติเหมือนข่ายเป็นเครื่องดักสัตว์ มีธรรมชาติไหลนอง แผ่กว้าง เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของสัตว์, ซึ่งด้วยตัณหานั้นเอง สัตว์โลกนี้ ถูกปกคลุมหุ้มห่อไว้ ถูกทำให้ยุ่งเหยิงเหมือนด้ายยุ่ง ประสานกันสับสนดุจรังนก นุงนังเหมือนพงหญ้ามุญชะและปัพพชะ๑ จึงไม่ล่วงพ้นอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏไปได้ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเมื่อปัจจัยแห่งภวตัณหาเป็นแห่งทุกข์
    สัทธรรมลำดับที่ : 273
    ชื่อบทธรรม :- ปัจจัยแห่งภวตัณหา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=273
    เนื้อความทั้งหมด :-ปัจจัยแห่งภวตัณหา
    --ภิกษุ ท. ! ที่สุดในเบื้องต้นของภวตัณหา ย่อมไม่ปรากฏ ;
    ก่อนแต่นี้ ภวตัณหามิได้มี ;
    แต่ว่า ภวตัณหาเพิ่งมีต่อภายหลัง.
    ภิกษุ ท. ! คำกล่าวอย่างนี้แหละเป็นคำที่ใคร ๆ ควรกล่าว
    และควรกล่าวด้วยว่า “ภวตัณหา ย่อมปรากฏ เพราะมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า ถึงแม้ภวตัณหานั้น
    ก็เป็น ธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่.
    ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของภวตัณหา ?
    คำตอบพึงมีว่า “อวิชชา เป็นอาหารของภวตัณหา”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า ถึงแม้อวิชชา
    ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่.
    ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของอวิชชา ?
    คำตอบพึงมีว่า “นิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการ เป็นอาหารของอวิชชา”
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า ถึงแม้นิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการ
    ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่.
    ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของ นิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการ ?
    คำตอบพึงมีว่า “ทุจริตทั้งหลาย ๓ ประการ”
    ดังนี้.
    ....ฯลฯ.... .
    --ภิกษุ ท.(ทั้งหลาย) ด้วยประการดังนี้
    การไม่คบสัตบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์
    การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์
    ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายให้บริบูรณ์.
    การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์.
    ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์
    การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังทุจริต ๓ ให้บริบูรณ์
    ....ฯลฯ....
    การไม่สำรวมอินทรีย์บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำทุจริต ๓ ประการให้บริบูรณ์ ;
    ทุจริต ๓ ประการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำนิวรณ์ ๕ ประการให้บริบูรณ์ ;
    นิวรณ์ ๕ ประการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำอวิชชาให้บริบูรณ์ ;
    อวิชชาบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำภวตัณหาให้บริบูรณ์.
    --ภิกษุ ท. ! #อาหารแห่งภวตัณหานี้ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้
    http://etipitaka.com/read/pali/24/125/?keywords=อวิชฺชา+ปริปูรา+ภวตณฺหํ
    และ บริบูรณ์แล้วด้วยอาการอย่างนี้.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก.อํ.24/105/62.
    http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%92
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก.อํ.๒๔/๑๒๔/๖๒.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/124/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=273
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=273
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18
    ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าเมื่อปัจจัยแห่งภวตัณหาเป็นแห่งทุกข์ สัทธรรมลำดับที่ : 273 ชื่อบทธรรม :- ปัจจัยแห่งภวตัณหา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=273 เนื้อความทั้งหมด :-ปัจจัยแห่งภวตัณหา --ภิกษุ ท. ! ที่สุดในเบื้องต้นของภวตัณหา ย่อมไม่ปรากฏ ; ก่อนแต่นี้ ภวตัณหามิได้มี ; แต่ว่า ภวตัณหาเพิ่งมีต่อภายหลัง. ภิกษุ ท. ! คำกล่าวอย่างนี้แหละเป็นคำที่ใคร ๆ ควรกล่าว และควรกล่าวด้วยว่า “ภวตัณหา ย่อมปรากฏ เพราะมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า ถึงแม้ภวตัณหานั้น ก็เป็น ธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของภวตัณหา ? คำตอบพึงมีว่า “อวิชชา เป็นอาหารของภวตัณหา” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า ถึงแม้อวิชชา ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของอวิชชา ? คำตอบพึงมีว่า “นิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการ เป็นอาหารของอวิชชา” ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า ถึงแม้นิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการ ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของ นิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการ ? คำตอบพึงมีว่า “ทุจริตทั้งหลาย ๓ ประการ” ดังนี้. ....ฯลฯ.... . --ภิกษุ ท.(ทั้งหลาย) ด้วยประการดังนี้ การไม่คบสัตบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่ฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์ การไม่ฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีศรัทธาให้บริบูรณ์ ความไม่มีศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายให้บริบูรณ์. การทำไว้ในใจโดยไม่แยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังความไม่มีสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์. ความไม่มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการไม่สำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์ การไม่สำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังทุจริต ๓ ให้บริบูรณ์ ....ฯลฯ.... การไม่สำรวมอินทรีย์บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำทุจริต ๓ ประการให้บริบูรณ์ ; ทุจริต ๓ ประการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำนิวรณ์ ๕ ประการให้บริบูรณ์ ; นิวรณ์ ๕ ประการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำอวิชชาให้บริบูรณ์ ; อวิชชาบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำภวตัณหาให้บริบูรณ์. --ภิกษุ ท. ! #อาหารแห่งภวตัณหานี้ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ http://etipitaka.com/read/pali/24/125/?keywords=อวิชฺชา+ปริปูรา+ภวตณฺหํ และ บริบูรณ์แล้วด้วยอาการอย่างนี้.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก.อํ.24/105/62. http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%92 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก.อํ.๒๔/๑๒๔/๖๒. http://etipitaka.com/read/pali/24/124/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=273 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=273 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18 ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ปัจจัยแห่งภวตัณหา
    -ปัจจัยแห่งภวตัณหา ภิกษุ ท. ! ที่สุดในเบื้องต้นของภวตัณหา ย่อมไม่ปรากฏ ; ก่อนแต่นี้ ภวตัณหามิได้มี ; แต่ว่า ภวตัณหาเพิ่งมีต่อภายหลัง. ภิกษุ ท. ! คำกล่าวอย่างนี้แหละเป็นคำที่ใคร ๆ ควรกล่าว และควรกล่าวด้วยว่า “ภวตัณหา ย่อมปรากฏ เพราะมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า ถึงแม้ภวตัณหานั้น ก็เป็น ธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของภวตัณหา ? คำตอบพึงมีว่า “อวิชชา เป็นอาหารของภวตัณหา” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า ถึงแม้อวิชชา ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของอวิชชา ? คำตอบพึงมีว่า “นิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการ เป็นอาหารของอวิชชา” ดังนี้. ภิกษุ ท. ! เรากล่าวว่า ถึงแม้นิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการ ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของ นิวรณ์ทั้งหลาย ๕ ประการ ? คำตอบพึงมีว่า “ทุจริตทั้งหลาย ๓ ประการ” ดังนี้. ....ฯลฯ.... ....ฯลฯ.... การไม่สำรวมอินทรีย์บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำทุจริต ๓ ประการให้บริบูรณ์ ; ทุจริต ๓ ประการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำนิวรณ์ ๕ ประการให้บริบูรณ์ ; นิวรณ์ ๕ ประการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำอวิชชาให้บริบูรณ์ ; อวิชชาบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำภวตัณหาให้บริบูรณ์. ภิกษุ ท. ! อาหารแห่งภวตัณหานี้ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้และ บริบูรณ์แล้วด้วยอาการอย่างนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพราะไม่รู้อริยสัจทั้งสี่ สัตว์โลกธาตุนี้จึงต้องแล่นไปในสังสารวัฏ
    สัทธรรมลำดับที่ : 4
    ชื่อบทธรรม :- เพราะไม่รู้อริยสัจ จึงต้องแล่นไปในสังสารวัฏ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=63
    เนื้อความทั้งหมด :- เพราะไม่รู้อริยสัจ จึงต้องแล่นไปในสังสารวัฏ
    --ภิกษุ ท. ! เพราะไม่รู้ถึง ไม่แทงตลอดซึ่งอริยสัจสี่อย่าง,
    เราและพวกเธอทั้งหลาย จึงได้ท่องเที่ยวไปแล้วในสังสารวัฏ
    ตลอดกาลยืดยาวนานถึงเพียงนี้.
    --ภิกษุ ท. ! อริยสัจสี่อย่าง เหล่าไหนเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! เพราะไม่รู้ถึง ไม่แทงตลอดซึ่ง
    อริยสัจคือ ทุกข์,
    อริยสัจคือ เหตุให้เกิดทุกข์,
    อริยสัจคือ ความดับไม่เหลือของทุกข์ และ
    อริยสัจคือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ;
    เราและพวกเธอทั้งหลาย จึงได้ท่องเที่ยวไปแล้วในสังสารวัฏ
    ตลอดกาล ยืดยาวนานถึงเพียงนี้.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่ออริยสัจ คือ
    ทุกข์,
    เหตุให้เกิดทุกข์,
    ความดับไม่เหลือของทุกข์ และ
    ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์,
    เป็นความจริงที่เราและพวกเธอทั้งหลาย รู้ถึง และแทงตลอดแล้ว ;
    ตัณหาในภพ ก็ถูกถอนขึ้นขาดตัณหาที่จะนำไปสู่ภพ ก็สิ้นไปหมด
    บัดนี้ความต้องเกิดขึ้นอีก มิได้มี ;
    ดังนี้.-

    #ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/428/1698.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/428/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%99%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๑/๑๖๙๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/541/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%99%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=63
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=1&id=4
    ลำดับสาธยายธรรม : 1 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_01.mp3
    เพราะไม่รู้อริยสัจทั้งสี่ สัตว์โลกธาตุนี้จึงต้องแล่นไปในสังสารวัฏ สัทธรรมลำดับที่ : 4 ชื่อบทธรรม :- เพราะไม่รู้อริยสัจ จึงต้องแล่นไปในสังสารวัฏ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=63 เนื้อความทั้งหมด :- เพราะไม่รู้อริยสัจ จึงต้องแล่นไปในสังสารวัฏ --ภิกษุ ท. ! เพราะไม่รู้ถึง ไม่แทงตลอดซึ่งอริยสัจสี่อย่าง, เราและพวกเธอทั้งหลาย จึงได้ท่องเที่ยวไปแล้วในสังสารวัฏ ตลอดกาลยืดยาวนานถึงเพียงนี้. --ภิกษุ ท. ! อริยสัจสี่อย่าง เหล่าไหนเล่า ? --ภิกษุ ท. ! เพราะไม่รู้ถึง ไม่แทงตลอดซึ่ง อริยสัจคือ ทุกข์, อริยสัจคือ เหตุให้เกิดทุกข์, อริยสัจคือ ความดับไม่เหลือของทุกข์ และ อริยสัจคือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ; เราและพวกเธอทั้งหลาย จึงได้ท่องเที่ยวไปแล้วในสังสารวัฏ ตลอดกาล ยืดยาวนานถึงเพียงนี้. --ภิกษุ ท. ! เมื่ออริยสัจ คือ ทุกข์, เหตุให้เกิดทุกข์, ความดับไม่เหลือของทุกข์ และ ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์, เป็นความจริงที่เราและพวกเธอทั้งหลาย รู้ถึง และแทงตลอดแล้ว ; ตัณหาในภพ ก็ถูกถอนขึ้นขาดตัณหาที่จะนำไปสู่ภพ ก็สิ้นไปหมด บัดนี้ความต้องเกิดขึ้นอีก มิได้มี ; ดังนี้.- #ทุกข์ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/428/1698. http://etipitaka.com/read/thai/19/428/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%99%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๑/๑๖๙๘. http://etipitaka.com/read/pali/19/541/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%96%E0%B9%99%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=63 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=1&id=4 ลำดับสาธยายธรรม : 1 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_01.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - การรู้จักอันตคาหิกทิฏฐิไม่เกี่ยวกับ
    -การรู้จักอันตคาหิกทิฏฐิไม่เกี่ยวกับ การรู้อริยสัจและการประพฤติพรหมจรรย์ มาลุงก๎ยบุตร ! อะไรเล่า เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ ? มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “โลกเที่ยง” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “โลกไม่เที่ยง” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “โลกมีที่สิ้นสุด” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “โลกไม่มีที่สิ้นสุด” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีก” ดังนี้เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมไม่มีอีก” ดังนี้เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็มี ไม่มีอีกก็มี” ดังนี้ เป็นสิ่งเราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! ทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็หามิได้ ไม่มีอีกก็หามิได้” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! เพราะเหตุไร นั่นจึงเป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ ? เพราะเหตุว่า นั่นไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความระงับ ความรู้ยิ่งความรู้พร้อม และนิพพาน, เหตุนั้น นั่นจึงเป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! อะไรเล่า เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์ ? มาลุงก๎ยบุตร ! สัจจะว่า “นี้ ความทุกข์” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! สัจจะว่า “นี้ เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! สัจจะว่า “นี้ ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! สัจจะว่า “นี้ ทางเดินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์” ดังนี้ เป็นสิ่งที่เราพยากรณ์. มาลุงก๎ยบุตร ! เพราะเหตุไร นั่นจึงเป็นสิ่งที่เราพยากรณ์ ? เพราะเหตุว่า นั่น ประกอบด้วยประโยชน์ นั่น เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ นั่นเป็นไปพร้อมเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับไม่เหลือ ความระงับความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน, เหตุนั้น นั่นเราจึงพยากรณ์. มาลุงกย๎บุตร ! เพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้ เธอจงถือเอาสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ โดยความเป็นสิ่งที่เราไม่พยากรณ์ และสิ่งที่เราพยากรณ์โดยความเป็นสิ่งที่เราพยากรณ์ ดังนี้เถิด. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า “โลกเที่ยง” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้ ; เมื่อทิฏฐิว่า “โลกไม่เที่ยง” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้อีกนั่นเอง. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า โลกเที่ยง หรือว่า โลกไม่เที่ยง ก็ตาม มีอยู่ ; ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมีมรณะก็ยังมี, โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย ก็ยังมี, อันเป็น สิ่งที่เราบัญญัติการกำจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า “โลกมีที่สิ้นสุด” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้ ; เมื่อทิฏฐิว่า “โลกไม่มีที่สิ้นสุด” ดังนี้มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้อีกนั่นเอง. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า โลกมีที่สิ้นสุด หรือว่า โลกไม่มีที่สิ้นสุด ก็ตาม มีอยู่ ; ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมี มรณะก็ยังมี, โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลายก็ยังมี, อันเป็นสิ่งที่เราบัญญัติการกำจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า “ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้ ; เมื่อทิฏฐิว่า “ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้อีกนั่นเอง. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า ชีวะก็อันนั้นสรีระก็อันนั้น หรือว่าชีวะก็ อันอื่น สรีระก็อันอื่น ก็ตาม มีอยู่, ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมี มรณะก็ยังมี, โสกะปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย ก็ยังมี, อันเป็นสิ่งที่เราบัญญัติการ กำจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้วย่อมมีอีก” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้ ; เมื่อทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมไม่มีอีก” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้อีกนั่นเอง. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้วย่อมมีอีก หรือว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้วย่อมไม่มีอีก ก็ตามมีอยู่ ; ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมี มรณะก็ยังมี, โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย ก็ยังมี, อันเป็นสิ่งที่เราบัญญัติการกำจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีก ก็มีไม่มีอีกก็มี” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้ ;nเมื่อทิฏฐิว่า “ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็หามิได้ไม่มีอีกก็หามิได้” ดังนี้ มีอยู่, มันจะเป็นการประพฤติพรหมจรรย์ขึ้นมาก็หามิได้อยู่นั่นเอง. มาลุงก๎ยบุตร ! เมื่อทิฏฐิว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้วย่อมมีอีกก็มีไม่มีอีกก็มี หรือว่า ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้วย่อมมีอีกก็หามิได้ไม่มีอีกก็หามิได้ ก็ตาม มีอยู่ ; ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมี มรณะก็ยังมี, โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย ก็ยังมี, อันเป็นสิ่งที่เราบัญญัติการกำจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการเผยแพร่เอกสารที่อ้างว่าเป็นบันทึกข้อตกลงของรัสเซียในการเจรจาที่อิสตันบูล:

    รัสเซียได้ร่างแผนงานที่ครอบคลุมสำหรับการหยุดยิงและการแก้ปัญหาทางการเมืองในยูเครนตามรายละเอียดในบันทึกข้อตกลงที่ส่งมอบให้กับคณะผู้แทนยูเครนในอิสตันบูล เอกสารดังกล่าวมีเงื่อนไขที่ชัดเจนซึ่งออกแบบมาเพื่อยุติการสู้รบและสร้างเสถียรภาพที่ยั่งยืน

    👉เงื่อนไขการหยุดยิงและการถอนทหาร
    🔸การถอนกำลังทหารยูเครนทั้งหมด:
    เงื่อนไขแรกและสำคัญที่สุดสำหรับการหยุดยิงคือการถอนกำลังทหารยูเครนทั้งหมดออกจากดินแดนของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์และลูฮันสค์ (DPR และ LPR) รวมถึงภูมิภาคเคอร์ซอนและซาโปโรซี ซึ่งมอสโกถือว่าทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย

    🔸กรอบเวลาที่ปฏิบัติตามใน 30 วัน:
    ยูเครนต้องถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากดินแดนของรัสเซีย รวมถึงดอนบาสและภูมิภาคโนโวรอสซียา (Novorossiya - รัสเซียใหม่ ซึ่งเป็นภูมิภาคทางตะวันออกและใต้ของยูเครน ในที่นี้คือสี่ภูมิภาคใหม่รวมไครเมีย) ภายใน 30 วันนับจากวันที่เริ่มใช้การหยุดยิง

    🔸ข้อจำกัดการเคลื่อนย้ายทหาร: ในระหว่างการหยุดยิง ยูเครนจะถูกห้ามไม่ให้ส่งกำลังทหารกลับไปประจำการอีก ยกเว้นการถอยกลับจากตำแหน่งที่ตกลงกันไว้
    .

    👉การยอมรับความเป็นจริงใหม่บนดินแดนใหม่
    🔸การยอมรับการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตในระดับนานาชาติ:
    รัสเซียเรียกร้องให้มีการรับรองทางกฎหมายระดับโลกว่าไครเมีย ดอนบาส และโนโวรอสซียาเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย

    🔸สถานะเป็นกลางสำหรับยูเครน:
    จำเป็นต้องมีการประกาศความเป็นกลางอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีผลทำให้ยูเครนถูกห้ามไม่ให้มีพันธมิตรทางทหารในอนาคตหรือส่งทหารต่างชาติเข้ามาประจำการ

    🔸การห้ามอาวุธนิวเคลียร์:
    ยูเครนจะถูกห้ามไม่ให้ยอมรับหรือนำอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาไว้ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือผ่านผู้กระทำการต่างชาติ
    .

    👉การแก้ปัญหาทางการเมืองและการปฏิรูปในประเทศ
    🔸การเลือกตั้งระดับชาติในยูเครน:
    ข้อเสนอของรัสเซียรวมถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย โดยต้องยกเลิกกฎอัยการศึก และจัดให้มีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาภายใน 100 วัน

    🔸สนธิสัญญาสันติภาพที่จะตามมาหลังจากการเลือกตั้ง:
    สนธิสัญญาสันติภาพที่มีผลผูกพันทางกฎหมายจะได้รับการลงนามหลังจากการเลือกตั้งเพื่อทำให้การแก้ปัญหาถูกต้องตามกฎหมาย

    🔸การบังคับใช้ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ:
    สนธิสัญญาจะต้องได้รับการรับรองโดยมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย โดยให้ผูกพันธ์กับกฎหมายระหว่างประเทศ

    .
    👉บทบัญญัติด้านมนุษยธรรมและกฎหมาย

    🔸การปล่อยตัวผู้ถูกคุมขัง:
    ยูเครนจะต้องนิรโทษกรรมแก่นักโทษการเมือง และปล่อยพลเรือนและทหารที่ถูกคุมขังจากคดีการเมือง (ที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย) ทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมา

    🔸การคุ้มครองประชากรที่พูดภาษารัสเซีย:
    พลเมืองจะต้องมีสิทธิและเสรีภาพอย่างเต็มที่ ในการพูดภาษารัสเซีย โดยเฉพาะในยูเครนตอนใต้และตะวันออก

    🔸การละทิ้งการเรียกร้องร่วมกัน:
    ทั้งรัสเซียและยูเครนจะต้องสละการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกี่ยวข้องกับสงคราม โดยรับประกันว่าจะไม่มีการเรียกร้องค่าชดเชยตามกฎหมาย

    .
    👉การคว่ำบาตรและการมีส่วนร่วมของต่างชาติ
    🔸ต้องยกเลิกการคว่ำบาตร:
    ยูเครนจะต้องยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซียทั้งหมดในปัจจุบัน และมุ่งมั่นที่จะไม่นำการคว่ำบาตรใหม่มาใช้

    🔸การยุติการสนับสนุนทางทหารจากชาติตะวันตก
    มีการเผยแพร่เอกสารที่อ้างว่าเป็นบันทึกข้อตกลงของรัสเซียในการเจรจาที่อิสตันบูล: รัสเซียได้ร่างแผนงานที่ครอบคลุมสำหรับการหยุดยิงและการแก้ปัญหาทางการเมืองในยูเครนตามรายละเอียดในบันทึกข้อตกลงที่ส่งมอบให้กับคณะผู้แทนยูเครนในอิสตันบูล เอกสารดังกล่าวมีเงื่อนไขที่ชัดเจนซึ่งออกแบบมาเพื่อยุติการสู้รบและสร้างเสถียรภาพที่ยั่งยืน 👉เงื่อนไขการหยุดยิงและการถอนทหาร 🔸การถอนกำลังทหารยูเครนทั้งหมด: เงื่อนไขแรกและสำคัญที่สุดสำหรับการหยุดยิงคือการถอนกำลังทหารยูเครนทั้งหมดออกจากดินแดนของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์และลูฮันสค์ (DPR และ LPR) รวมถึงภูมิภาคเคอร์ซอนและซาโปโรซี ซึ่งมอสโกถือว่าทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย 🔸กรอบเวลาที่ปฏิบัติตามใน 30 วัน: ยูเครนต้องถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากดินแดนของรัสเซีย รวมถึงดอนบาสและภูมิภาคโนโวรอสซียา (Novorossiya - รัสเซียใหม่ ซึ่งเป็นภูมิภาคทางตะวันออกและใต้ของยูเครน ในที่นี้คือสี่ภูมิภาคใหม่รวมไครเมีย) ภายใน 30 วันนับจากวันที่เริ่มใช้การหยุดยิง 🔸ข้อจำกัดการเคลื่อนย้ายทหาร: ในระหว่างการหยุดยิง ยูเครนจะถูกห้ามไม่ให้ส่งกำลังทหารกลับไปประจำการอีก ยกเว้นการถอยกลับจากตำแหน่งที่ตกลงกันไว้ . 👉การยอมรับความเป็นจริงใหม่บนดินแดนใหม่ 🔸การยอมรับการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตในระดับนานาชาติ: รัสเซียเรียกร้องให้มีการรับรองทางกฎหมายระดับโลกว่าไครเมีย ดอนบาส และโนโวรอสซียาเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย 🔸สถานะเป็นกลางสำหรับยูเครน: จำเป็นต้องมีการประกาศความเป็นกลางอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีผลทำให้ยูเครนถูกห้ามไม่ให้มีพันธมิตรทางทหารในอนาคตหรือส่งทหารต่างชาติเข้ามาประจำการ 🔸การห้ามอาวุธนิวเคลียร์: ยูเครนจะถูกห้ามไม่ให้ยอมรับหรือนำอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาไว้ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือผ่านผู้กระทำการต่างชาติ . 👉การแก้ปัญหาทางการเมืองและการปฏิรูปในประเทศ 🔸การเลือกตั้งระดับชาติในยูเครน: ข้อเสนอของรัสเซียรวมถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย โดยต้องยกเลิกกฎอัยการศึก และจัดให้มีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาภายใน 100 วัน 🔸สนธิสัญญาสันติภาพที่จะตามมาหลังจากการเลือกตั้ง: สนธิสัญญาสันติภาพที่มีผลผูกพันทางกฎหมายจะได้รับการลงนามหลังจากการเลือกตั้งเพื่อทำให้การแก้ปัญหาถูกต้องตามกฎหมาย 🔸การบังคับใช้ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ: สนธิสัญญาจะต้องได้รับการรับรองโดยมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย โดยให้ผูกพันธ์กับกฎหมายระหว่างประเทศ . 👉บทบัญญัติด้านมนุษยธรรมและกฎหมาย 🔸การปล่อยตัวผู้ถูกคุมขัง: ยูเครนจะต้องนิรโทษกรรมแก่นักโทษการเมือง และปล่อยพลเรือนและทหารที่ถูกคุมขังจากคดีการเมือง (ที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย) ทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมา 🔸การคุ้มครองประชากรที่พูดภาษารัสเซีย: พลเมืองจะต้องมีสิทธิและเสรีภาพอย่างเต็มที่ ในการพูดภาษารัสเซีย โดยเฉพาะในยูเครนตอนใต้และตะวันออก 🔸การละทิ้งการเรียกร้องร่วมกัน: ทั้งรัสเซียและยูเครนจะต้องสละการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกี่ยวข้องกับสงคราม โดยรับประกันว่าจะไม่มีการเรียกร้องค่าชดเชยตามกฎหมาย . 👉การคว่ำบาตรและการมีส่วนร่วมของต่างชาติ 🔸ต้องยกเลิกการคว่ำบาตร: ยูเครนจะต้องยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซียทั้งหมดในปัจจุบัน และมุ่งมั่นที่จะไม่นำการคว่ำบาตรใหม่มาใช้ 🔸การยุติการสนับสนุนทางทหารจากชาติตะวันตก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • รุสเตม อูเมรอฟ (Rustem Umerov) รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน กล่าวหลังจบการเจรจา:

    "รัสเซียไม่ได้ตกลงเรื่องการหยุดยิง รวมทั้งเรื่องการประชุมระดับผู้นำ มีแต่เพียงเรื่องการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษและร่างทหารที่พลีชีพ"

    👉ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะแลกเปลี่ยนเชลยศึกที่บาดเจ็บและป่วย รวมถึงทหารทุกนายที่มีอายุระหว่าง 18–25 ปี

    👉ยูเครนและรัสเซียตกลงที่จะคืนร่างทหารต่อกัน 6,000 นาย ในอัตราส่วน 1:1

    👉ยูเครนเสนอให้มีการเจรจารอบใหม่กับรัสเซียอีกครั้งช่วงปลายเดือนนี้ โดยกำหนดคร่าวๆระหว่างวันที่ 20-30 มิถุนายน (ฝ่ายรัสเซียยังไม่รับปาก)

    👉ยูเครนเชื่อว่าปัญหาสำคัญทั้งหมดสามารถแก้ไขได้เฉพาะในระดับผู้นำประเทศเท่านั้นที่ต้องมีการเจรจากันโดยตรง (ฝ่ายรัสเซียยังไม่รับปาก)


    โดยสรุปแล้วไม่มีความก้าวหน้าที่สำคัญใดๆ ในการประชุมวันนี้ที่อิสตันบูล มีเพียงแค่การแลกเปลี่ยนตัวเชลยและร่างทหารที่พลีชีพ ซึ่งเป็นเพียงความก้าวหน้าเล็กน้อยอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

    นอกจากนี้ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์นอกรอบ อูเมรอฟกล่าวถึงการโจมตีฐานทัพอากาศรัสเซียว่า "หากรัสเซียยอมหยุดยิงอย่างจริงจัง เครื่องบินของพวกเขาคงจะไม่ถูกระเบิด!"
    รุสเตม อูเมรอฟ (Rustem Umerov) รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน กล่าวหลังจบการเจรจา: "รัสเซียไม่ได้ตกลงเรื่องการหยุดยิง รวมทั้งเรื่องการประชุมระดับผู้นำ มีแต่เพียงเรื่องการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษและร่างทหารที่พลีชีพ" 👉ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะแลกเปลี่ยนเชลยศึกที่บาดเจ็บและป่วย รวมถึงทหารทุกนายที่มีอายุระหว่าง 18–25 ปี 👉ยูเครนและรัสเซียตกลงที่จะคืนร่างทหารต่อกัน 6,000 นาย ในอัตราส่วน 1:1 👉ยูเครนเสนอให้มีการเจรจารอบใหม่กับรัสเซียอีกครั้งช่วงปลายเดือนนี้ โดยกำหนดคร่าวๆระหว่างวันที่ 20-30 มิถุนายน (ฝ่ายรัสเซียยังไม่รับปาก) 👉ยูเครนเชื่อว่าปัญหาสำคัญทั้งหมดสามารถแก้ไขได้เฉพาะในระดับผู้นำประเทศเท่านั้นที่ต้องมีการเจรจากันโดยตรง (ฝ่ายรัสเซียยังไม่รับปาก) โดยสรุปแล้วไม่มีความก้าวหน้าที่สำคัญใดๆ ในการประชุมวันนี้ที่อิสตันบูล มีเพียงแค่การแลกเปลี่ยนตัวเชลยและร่างทหารที่พลีชีพ ซึ่งเป็นเพียงความก้าวหน้าเล็กน้อยอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์นอกรอบ อูเมรอฟกล่าวถึงการโจมตีฐานทัพอากาศรัสเซียว่า "หากรัสเซียยอมหยุดยิงอย่างจริงจัง เครื่องบินของพวกเขาคงจะไม่ถูกระเบิด!"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 'จุติ' วอนสงบศึกในสู้ศึกนอกก่อน ป้อง 'พีระพันธุ์' ทำงานเพื่อชาติ อาจไม่ถูกใจ
    https://www.thai-tai.tv/news/19134/
    'จุติ' วอนสงบศึกในสู้ศึกนอกก่อน ป้อง 'พีระพันธุ์' ทำงานเพื่อชาติ อาจไม่ถูกใจ https://www.thai-tai.tv/news/19134/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในพิธีจบการศึกษาของฮาร์วาร์ดปีนี้ ฮาร์วาร์ดได้ให้นักศึกษาสาวสวยชาวจีนวัย 25 ปีเป็นหนึ่งในผู้กล่าวสปีชครับ

    เธอชื่อ ”ยูหรง เจียง - Yurong Luanna Jiang” เป็นว่าที่มหาบัณฑิตสาขาการพัฒนาระหว่างประเทศครับ

    สปีชของเธอชื่อว่า Our Humanity เป็นสปีชที่เรียกเสียงปรบมือกึกก้อง

    ความตอนหนึ่งที่จับใจผมมากคือ

    “สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มากที่สุดจากฮาร์วาร์ด ไม่ใช่วิชาแคลคูลัสหรือวิชาวิเคราะห์การถดถอย แต่คือการรู้จักฝืนใจนั่งลงแล้วรับฟังอย่างตั้งใจ

    และเมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็อย่าให้จิตใจกระด้างตามมันไป

    เพราะถ้าเรายังเชื่อในอนาคตที่จะมีร่วมกันแล้ว ก็อย่าได้ลืมไปว่า ผู้คนที่เราเรียกเขาว่า”ศัตรู“นั้น เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา…“

    “What I’ve gained most from Harvard isn’t Calculus or Regression Analysis. It’s to sit with discomfort. Listen deeply. And stay soft in hard times. Because if we still believe in a shared future, let us not forget : those we label as enemy. They too are human….”

    ผมพอจะเดาออกว่าฮาร์วาร์ดเลือกมหาบัณฑิตสาวคนนี้ขึ้นมาพูดนั้น ก็เพื่อจะสื่อความบางอย่างไปถึงใครบางคน

    สปีชนี้ยาว 8 นาทีเศษ เริ่มที่นาทีที่ 1:50:50 ของคลิปข้างล่างนี้ครับ

    https://www.youtube.com/live/wFIo795BXb4?si=Nba-NS0ihZZfzYb9

    ที่มา เพจเฟซบุ๊กนัทแนะ
    ในพิธีจบการศึกษาของฮาร์วาร์ดปีนี้ ฮาร์วาร์ดได้ให้นักศึกษาสาวสวยชาวจีนวัย 25 ปีเป็นหนึ่งในผู้กล่าวสปีชครับ เธอชื่อ ”ยูหรง เจียง - Yurong Luanna Jiang” เป็นว่าที่มหาบัณฑิตสาขาการพัฒนาระหว่างประเทศครับ สปีชของเธอชื่อว่า Our Humanity เป็นสปีชที่เรียกเสียงปรบมือกึกก้อง ความตอนหนึ่งที่จับใจผมมากคือ “สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มากที่สุดจากฮาร์วาร์ด ไม่ใช่วิชาแคลคูลัสหรือวิชาวิเคราะห์การถดถอย แต่คือการรู้จักฝืนใจนั่งลงแล้วรับฟังอย่างตั้งใจ และเมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก็อย่าให้จิตใจกระด้างตามมันไป เพราะถ้าเรายังเชื่อในอนาคตที่จะมีร่วมกันแล้ว ก็อย่าได้ลืมไปว่า ผู้คนที่เราเรียกเขาว่า”ศัตรู“นั้น เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา…“ “What I’ve gained most from Harvard isn’t Calculus or Regression Analysis. It’s to sit with discomfort. Listen deeply. And stay soft in hard times. Because if we still believe in a shared future, let us not forget : those we label as enemy. They too are human….” ผมพอจะเดาออกว่าฮาร์วาร์ดเลือกมหาบัณฑิตสาวคนนี้ขึ้นมาพูดนั้น ก็เพื่อจะสื่อความบางอย่างไปถึงใครบางคน สปีชนี้ยาว 8 นาทีเศษ เริ่มที่นาทีที่ 1:50:50 ของคลิปข้างล่างนี้ครับ https://www.youtube.com/live/wFIo795BXb4?si=Nba-NS0ihZZfzYb9 ที่มา เพจเฟซบุ๊กนัทแนะ
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญแจกทานหน้าเลื่อน หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2555
    เหรียญแจกทานหน้าเลื่อนสมณศักดิ์ เนื้อทองแดงรมดำ ( ตอกโค๊ตจม ๕๕ ) หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2555 //"เปิดของหายาก หนึ่งเดียวในเว็บ" !! พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกหลายวาระ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย มหาอุด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >>


    ** พระดี พิธีใหญ๋ พิธีมหาพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2555 ณ.อุโบสถวัดช้างให้

    วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง หลวงพ่อทวด รุ่นเสาร์ ๕ มหามงคล
    1.เพื่อน้อมรำลึกคุณูปการของอาจารย์ทิม
    2.จัดซื้อที่ดินขยายอาณาเขต วัดช้างให้
    3.บูรณปฏิสังขรณ์ซุ้มประตูรอบพระอุโบสถ วัดช้างให้
    4.สนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรม แผนกบาลี ประจำจังหวัดปัตตานี
    5.ส่งเสริมศูนย์การศึกษาพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดช้างให้
    6.งานสาธารณประโยชน์ของทางราชการ และประชาชนทั่วไป

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญแจกทานหน้าเลื่อน หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2555 เหรียญแจกทานหน้าเลื่อนสมณศักดิ์ เนื้อทองแดงรมดำ ( ตอกโค๊ตจม ๕๕ ) หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ปี2555 //"เปิดของหายาก หนึ่งเดียวในเว็บ" !! พระดีพิธีใหญ่ ปลุกเสกหลายวาระ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครบเครื่อง "แคล้วคาดปลอดภัย มหาอุด" เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก.กันเสนียดจัญไร เป็นมหามงคลและสุดยอดนิรันตราย ประสบการณ์มากมาย >> ** พระดี พิธีใหญ๋ พิธีมหาพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2555 ณ.อุโบสถวัดช้างให้ วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง หลวงพ่อทวด รุ่นเสาร์ ๕ มหามงคล 1.เพื่อน้อมรำลึกคุณูปการของอาจารย์ทิม 2.จัดซื้อที่ดินขยายอาณาเขต วัดช้างให้ 3.บูรณปฏิสังขรณ์ซุ้มประตูรอบพระอุโบสถ วัดช้างให้ 4.สนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรม แผนกบาลี ประจำจังหวัดปัตตานี 5.ส่งเสริมศูนย์การศึกษาพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดช้างให้ 6.งานสาธารณประโยชน์ของทางราชการ และประชาชนทั่วไป ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สุขโสมนัสที่เป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะ( มัชฌิมาปฏิปทาที่แสนสุข )
    สัทธรรมลำดับที่ : 1009
    ชื่อบทธรรม :- สุขโสมนัสที่เป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1009
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สุขโสมนัสที่เป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะ-( มัชฌิมาปฏิปทาที่แสนสุข )
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ
    ย่อมเป็นผู้มากไปด้วยสุขและโสมนัส(สุขโสมนสฺสพหุโลใน)​ทิฏฐธรรมเทียว ;
    และการกำเนิดของเธอนั้น จักเป็นการปรารภเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะด้วย.
    ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการคือ ภิกษุในกรณีนี้ : -
    --เป็น ๑.ธัมมาราโม ( มีธรรมเป็นที่มายินดี ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=ธมฺมาราโม
    --เป็น ๒.ภาวนาราโม ( มีการเจริญภาวนาเป็นที่มายินดี ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=ภาวนาราโม
    --เป็น ๓.ปหานาราโม ( มีการละกิเลสเป็นที่มายินดี ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=ปหานาราโม
    --เป็น ๔.ปวิเวการาโม ( มีความสงัดจากโยคธรรมเป็นที่มายินดี ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=ปวิเวการาโม
    --เป็น ๕.อัพ๎ยาปัชฌาราโม ( มีธรรมอันไม่เบียดเบียนเป็นที่มายินดี ) ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=อพฺยาปชฺฌาราโม
    --เป็น ๖.นิปปปัญจาราโม ( มีธรรมอันไม่ทำความเนิ่นช้าเป็นที่มายินดี ).
    http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=นิปฺปปญฺจาราโม
    --ภิกษุ ท.! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เหล่านี้แล
    #ย่อมเป็นผู้มากไปด้วยสุขและโสมนัส(สุขโสมนสฺสพหุโลใน)​ในทิฏฐธรรมเทียว ; และ
    การกำเนิดของเธอนั้น จักเป็นการปรารภเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะด้วย.-
    http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=สุขโสมนสฺสพหุโล

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/384/349.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/384/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๘๑/๓๔๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%99
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1009
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1009
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87
    ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สุขโสมนัสที่เป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะ( มัชฌิมาปฏิปทาที่แสนสุข ) สัทธรรมลำดับที่ : 1009 ชื่อบทธรรม :- สุขโสมนัสที่เป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1009 เนื้อความทั้งหมด :- --สุขโสมนัสที่เป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะ-( มัชฌิมาปฏิปทาที่แสนสุข ) --ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้มากไปด้วยสุขและโสมนัส(สุขโสมนสฺสพหุโลใน)​ทิฏฐธรรมเทียว ; และการกำเนิดของเธอนั้น จักเป็นการปรารภเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะด้วย. ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ? --ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการคือ ภิกษุในกรณีนี้ : - --เป็น ๑.ธัมมาราโม ( มีธรรมเป็นที่มายินดี ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=ธมฺมาราโม --เป็น ๒.ภาวนาราโม ( มีการเจริญภาวนาเป็นที่มายินดี ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=ภาวนาราโม --เป็น ๓.ปหานาราโม ( มีการละกิเลสเป็นที่มายินดี ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=ปหานาราโม --เป็น ๔.ปวิเวการาโม ( มีความสงัดจากโยคธรรมเป็นที่มายินดี ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=ปวิเวการาโม --เป็น ๕.อัพ๎ยาปัชฌาราโม ( มีธรรมอันไม่เบียดเบียนเป็นที่มายินดี ) ; http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=อพฺยาปชฺฌาราโม --เป็น ๖.นิปปปัญจาราโม ( มีธรรมอันไม่ทำความเนิ่นช้าเป็นที่มายินดี ). http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=นิปฺปปญฺจาราโม --ภิกษุ ท.! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เหล่านี้แล #ย่อมเป็นผู้มากไปด้วยสุขและโสมนัส(สุขโสมนสฺสพหุโลใน)​ในทิฏฐธรรมเทียว ; และ การกำเนิดของเธอนั้น จักเป็นการปรารภเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะด้วย.- http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=สุขโสมนสฺสพหุโล #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/384/349. http://etipitaka.com/read/thai/22/384/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๘๑/๓๔๙. http://etipitaka.com/read/pali/22/481/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%94%E0%B9%99 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1009 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87&id=1009 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=87 ลำดับสาธยายธรรม : 87 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_87.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สุขโสมนัสที่เป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะ
    -สุขโสมนัสที่เป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะ ( มัชฌิมาปฏิปทาที่แสนสุข ) ภิกษุ ท. ! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้มากไปด้วยสุขและโสมนัส ในทิฏฐธรรมเทียว ; และการกำเนิดของเธอนั้น จักเป็นการปรารภเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะด้วย. ธรรม ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ? ภิกษุ ท. ! ธรรมหกประการคือ ภิกษุในกรณีนี้ : เป็น ธัมมาราโม ( มีธรรมเป็นที่มายินดี ) ; เป็น ภาวนาราโม ( มีการเจริญภาวนาเป็นที่มายินดี ) ; เป็น ปหานาราโม ( มีการละกิเลสเป็นที่มายินดี ) ; เป็น ปวิเวการาโม ( มีความสงัดจากโยคธรรมเป็นที่มายินดี ) ; เป็น อัพ๎ยาปัชฌาราโม ( มีธรรมอันไม่เบียดเบียนเป็นที่มายินดี ) ; เป็น นิปปปัญจาราโม ( มีธรรมอันไม่ทำความเนิ่นช้าเป็นที่มายินดี ). ภิกษุ ท.! ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เหล่านี้แล ย่อมเป็นผู้มากไปด้วยสุขและโสมนัส ในทิฏฐธรรมเทียว ; และการกำเนิดของเธอนั้น จักเป็นการปรารภเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะด้วย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่ารู้จักอุปาทาน ต่อเมื่อหมดอุปาทาน
    สัทธรรมลำดับที่ : 641
    ชื่อบทธรรม :- รู้จักอุปาทาน ต่อเมื่อหมดอุปาทาน
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=641
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --รู้จักอุปาทาน ต่อเมื่อหมดอุปาทาน
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมเพื่อการรอบรู้อุปาทานทั้งปวง เป็นอย่างไรเล่า ?
    (ความจริงมีอยู่ว่า:-)​
    เพราะอาศัย จักษุ และรูป จึงเกิดจักขุวิญญาณ ;
    การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั้นคือ #ผัสสะ ;
    http://etipitaka.com/read/pali/18/39/?keywords=ผสฺโส
    เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัยจึงมีเวทนา.
    +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มีการสดับ เห็นอยู่ (ซึ่งกระแสการปรุงแต่ง) อย่างนี้
    ย่อมเบื่อหน่ายทั้งใน ๑.จักษุ (ตา)☆
    เบื่อหน่ายทั้งในรูป
    เบื่อหน่ายทั้งในจักขุวิญญาณ
    เบื่อหน่ายทั้งในจักขุสัมผัส เบื่อหน่ายทั้งในเวทนา.
    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด ;
    เพราะคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น. เธอย่อมรู้ชัดว่า
    “อุปาทานของเรา เรารอบรู้แล้ว เพราะความหลุดพ้นนั้น (วิโมกฺขปริญฺญาตํ)”
    http://etipitaka.com/read/pali/18/40/?keywords=วิโมกฺขปริญฺญาตํ
    ดังนี้.

    ☆(ในกรณีแห่ง
    ๒.โสตะ(หู) ๓.ฆานะ(จมูก) ๔.ชิวหา(ลิ้น) ๕.กายะ(ผืวกายสัมผัส) และ ๖.มนะ(ใจ)​
    ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน
    ).-

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก#พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/31/63.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/31/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๓๙/๖๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/39/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%93
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=641
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44&id=641
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44
    ลำดับสาธยายธรรม : 44 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_44.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่ารู้จักอุปาทาน ต่อเมื่อหมดอุปาทาน สัทธรรมลำดับที่ : 641 ชื่อบทธรรม :- รู้จักอุปาทาน ต่อเมื่อหมดอุปาทาน https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=641 เนื้อความทั้งหมด :- --รู้จักอุปาทาน ต่อเมื่อหมดอุปาทาน --ภิกษุ ท. ! ธรรมเพื่อการรอบรู้อุปาทานทั้งปวง เป็นอย่างไรเล่า ? (ความจริงมีอยู่ว่า:-)​ เพราะอาศัย จักษุ และรูป จึงเกิดจักขุวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั้นคือ #ผัสสะ ; http://etipitaka.com/read/pali/18/39/?keywords=ผสฺโส เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัยจึงมีเวทนา. +--ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มีการสดับ เห็นอยู่ (ซึ่งกระแสการปรุงแต่ง) อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งใน ๑.จักษุ (ตา)☆ เบื่อหน่ายทั้งในรูป เบื่อหน่ายทั้งในจักขุวิญญาณ เบื่อหน่ายทั้งในจักขุสัมผัส เบื่อหน่ายทั้งในเวทนา. เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด ; เพราะคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น. เธอย่อมรู้ชัดว่า “อุปาทานของเรา เรารอบรู้แล้ว เพราะความหลุดพ้นนั้น (วิโมกฺขปริญฺญาตํ)” http://etipitaka.com/read/pali/18/40/?keywords=วิโมกฺขปริญฺญาตํ ดังนี้. ☆(ในกรณีแห่ง ๒.โสตะ(หู) ๓.ฆานะ(จมูก) ๔.ชิวหา(ลิ้น) ๕.กายะ(ผืวกายสัมผัส) และ ๖.มนะ(ใจ)​ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน ).- #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก​ #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/31/63. http://etipitaka.com/read/thai/18/31/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๓๙/๖๓. http://etipitaka.com/read/pali/18/39/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=641 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44&id=641 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=44 ลำดับสาธยายธรรม : 44 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_44.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - รู้จักอุปาทาน ต่อเมื่อหมดอุปาทาน
    -รู้จักอุปาทาน ต่อเมื่อหมดอุปาทาน ภิกษุ ท. ! ธรรมเพื่อการรอบรู้อุปาทานทั้งปวง เป็นอย่างไรเล่า ? (ความจริงมีอยู่ว่า :-) เพราะอาศัย จักษุ และรูป จึงเกิดจักขุวิญญาณ ; การประจวบพร้อมแห่งธรรม ๓ ประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั้นคือผัสสะ ; เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัยจึงมีเวทนา. ภิกษุ ท. ! อริยสาวกผู้มีการสดับ เห็นอยู่ (ซึ่งกระแสการปรุงแต่ง) อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในจักษุ เบื่อหน่ายทั้งในรูป เบื่อหน่ายทั้งในจักขุวิญญาณ เบื่อหน่ายทั้งในจักขุสัมผัส เบื่อหน่ายทั้งในเวทนา. เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด ; เพราะคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น. เธอย่อมรู้ชัดว่า “อุปาทานของเรา เรารอบรู้แล้ว เพราะความหลุดพ้นนั้น (วิโมกฺขปริญฺญาตํ)” ดังนี้. (ในกรณีแห่ง โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และ มนะ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้อย่างเดียวกัน).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาลักษณะแห่งภวตัณหา
    สัทธรรมลำดับที่ : 272
    ชื่อบทธรรม :- ลักษณะแห่งภวตัณหา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=272
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ลักษณะแห่งภวตัณหา
    --ภิกษุ ท. ! ภวโยคะ (#การประกอบอยู่ด้วยภพ) เป็นอย่างไรเล่า ?
    http://etipitaka.com/read/pali/21/13/?keywords=ภวโยโค
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมไม่รู้ชัด ตามที่เป็นจริง
    ซึ่งความก่อขึ้นแห่งภพทั้งหลาย
    ซึ่งความดับไปแห่งภพทั้งหลาย
    ซึ่งรสอร่อยแห่งภพทั้งหลาย
    ซึ่งโทษแห่งภพทั้งหลาย และ
    ซึ่งอุบายเครื่องออกพ้นไปได้จากภพทั้งหลาย.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อเขาไม่รู้อยู่อย่างนั้น,
    ความกำหนัดในภพ ความเพลิดเพลินในภพ ความเสน่หาในภพ ความสยบในภพ
    ความหิวระหายในภพ ความเร่าร้อนเพราะภพ ความเมาหมกในภพ
    และ #ภวตัณหาในภพทั้งหลาย ย่อมนอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น.
    --ภิกษุ ท. ! นี้ เราเรียกว่า ภวโยคะ (การประกอบอยู่ด้วยภพ),
    ดังนี้แล.-

    #ทุกขสมุทัย#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ.21/9/10.
    http://etipitaka.com/read/thai/21/9/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ.๒๑/๑๓/๑๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/21/13/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=272
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=272
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18
    ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาลักษณะแห่งภวตัณหา สัทธรรมลำดับที่ : 272 ชื่อบทธรรม :- ลักษณะแห่งภวตัณหา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=272 เนื้อความทั้งหมด :- --ลักษณะแห่งภวตัณหา --ภิกษุ ท. ! ภวโยคะ (#การประกอบอยู่ด้วยภพ) เป็นอย่างไรเล่า ? http://etipitaka.com/read/pali/21/13/?keywords=ภวโยโค --ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมไม่รู้ชัด ตามที่เป็นจริง ซึ่งความก่อขึ้นแห่งภพทั้งหลาย ซึ่งความดับไปแห่งภพทั้งหลาย ซึ่งรสอร่อยแห่งภพทั้งหลาย ซึ่งโทษแห่งภพทั้งหลาย และ ซึ่งอุบายเครื่องออกพ้นไปได้จากภพทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! เมื่อเขาไม่รู้อยู่อย่างนั้น, ความกำหนัดในภพ ความเพลิดเพลินในภพ ความเสน่หาในภพ ความสยบในภพ ความหิวระหายในภพ ความเร่าร้อนเพราะภพ ความเมาหมกในภพ และ #ภวตัณหาในภพทั้งหลาย ย่อมนอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น. --ภิกษุ ท. ! นี้ เราเรียกว่า ภวโยคะ (การประกอบอยู่ด้วยภพ), ดังนี้แล.- #ทุกขสมุทัย​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ.21/9/10. http://etipitaka.com/read/thai/21/9/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - จตุกฺก. อํ.๒๑/๑๓/๑๐. http://etipitaka.com/read/pali/21/13/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=272 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=272 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18 ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ลักษณะแห่งภวตัณหา
    -ลักษณะแห่งภวตัณหา ภิกษุ ท. ! ภวโยคะ (การประกอบอยู่ด้วยภพ) เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมไม่รู้ชัด ตามที่เป็นจริง ซึ่งความก่อขึ้นแห่งภพทั้งหลาย ซึ่งความดับไปแห่งภพทั้งหลาย ซึ่งรสอร่อยแห่งภพทั้งหลาย ซึ่งโทษแห่งภพทั้งหลาย และซึ่งอุบายเครื่องออกพ้นไปได้จากภพทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! เมื่อเขาไม่รู้อยู่อย่างนั้น, ความกำหนัดในภพ ความเพลิดเพลินในภพ ความเสน่หาในภพ ความสยบในภพ ความหิวระหายในภพ ความเร่าร้อนเพราะภพ ความเมาหมกในภพ และภวตัณหาในภพทั้งหลาย ย่อมนอนเนื่องอยู่ในบุคคลนั้น. ภิกษุ ท. ! นี้ เราเรียกว่า ภวโยคะ (การประกอบอยู่ด้วยภพ), ดังนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดว่ากามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือหรือเป็นดุจหัวงู
    สัทธรรมลำดับที่ : 271
    ชื่อบทธรรม :- กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=271
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ
    --เมื่อสัตว์ มีความใคร่ในกามอยู่,
    ถ้ากามนั้น สำเร็จแก่เขา คือเขาได้ตามปรารถนาแล้ว,
    เขา ย่อมมีปีติในใจ โดยแท้.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=กาม
    +--เมื่อสัตว์ ผู้มีความพอใจ กำลังใคร่ในกามอยู่,
    ถ้ากามนั้น สูญหายไป, เขา ย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกแทง ด้วยศร ฉะนั้น.
    +--ผู้ใด เว้นขาดจากกาม ด้วยความเห็น ว่า เป็นดุจหัวงู
    ผู้นั้นเป็นคนมีสติ ล่วงพ้นตัณหาอันส่ายไปในโลกเสียได้.
    +--ผู้ใด เข้าไปผูกใจอยู่ในที่นา ที่สวน เงิน โค ม้า ทาสชายและสตรี พวกพ้อง และ
    กามทั้งหลายอื่น ๆ เป็น อันมาก กิเลสมารย่อมครอบงำบุคคลผู้นั้นได้,
    http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=กาม
    อันตรายรอบด้าน ย่อมย่ำยีบุคคลผู้นั้น ;
    +--เพราะเหตุนั้น ความทุกข์ ย่อมติดตามเขา เหมือนน้ำไหลเข้าสู่เรืออันแตกแล้ว ฉะนั้น.
    --เพราะฉะนั้น บุคคล ควรเป็นผู้มีสติ ทุกเมื่อ,
    พึงเว้นขาดจากกาม,
    #ละกามแล้วพึงข้ามโอฆะเสียได้ดุจบุคคลอุดยาเรือดีแล้วก็พึงข้ามไปถึงฝั่งโน้น (นิพพาน) ได้
    ฉะนั้น แล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สุตฺต.ขุ. 25/360/408.
    http://etipitaka.com/read/thai/25/360/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%90%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สุตฺต.ขุ. ๒๕/๔๘๔/๔๐๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%90%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=271
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=271
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18
    ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดว่ากามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือหรือเป็นดุจหัวงู สัทธรรมลำดับที่ : 271 ชื่อบทธรรม :- กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=271 เนื้อความทั้งหมด :- --กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ --เมื่อสัตว์ มีความใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สำเร็จแก่เขา คือเขาได้ตามปรารถนาแล้ว, เขา ย่อมมีปีติในใจ โดยแท้. http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=กาม +--เมื่อสัตว์ ผู้มีความพอใจ กำลังใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สูญหายไป, เขา ย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกแทง ด้วยศร ฉะนั้น. +--ผู้ใด เว้นขาดจากกาม ด้วยความเห็น ว่า เป็นดุจหัวงู ผู้นั้นเป็นคนมีสติ ล่วงพ้นตัณหาอันส่ายไปในโลกเสียได้. +--ผู้ใด เข้าไปผูกใจอยู่ในที่นา ที่สวน เงิน โค ม้า ทาสชายและสตรี พวกพ้อง และ กามทั้งหลายอื่น ๆ เป็น อันมาก กิเลสมารย่อมครอบงำบุคคลผู้นั้นได้, http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=กาม อันตรายรอบด้าน ย่อมย่ำยีบุคคลผู้นั้น ; +--เพราะเหตุนั้น ความทุกข์ ย่อมติดตามเขา เหมือนน้ำไหลเข้าสู่เรืออันแตกแล้ว ฉะนั้น. --เพราะฉะนั้น บุคคล ควรเป็นผู้มีสติ ทุกเมื่อ, พึงเว้นขาดจากกาม, #ละกามแล้วพึงข้ามโอฆะเสียได้ดุจบุคคลอุดยาเรือดีแล้วก็พึงข้ามไปถึงฝั่งโน้น (นิพพาน) ได้ ฉะนั้น แล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สุตฺต.ขุ. 25/360/408. http://etipitaka.com/read/thai/25/360/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%90%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สุตฺต.ขุ. ๒๕/๔๘๔/๔๐๘. http://etipitaka.com/read/pali/25/484/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%90%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=271 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=271 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18 ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ
    -กามเปรียบด้วยรูรั่วของเรือ เมื่อสัตว์ มีความใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สำเร็จแก่เขา คือเขาได้ตามปรารถนาแล้ว, เขา ย่อมมีปีติในใจ โดยแท้. เมื่อสัตว์ ผู้มีความพอใจ กำลังใคร่ในกามอยู่, ถ้ากามนั้น สูญหายไป, เขา ย่อมเดือดร้อน เหมือนถูกแทง ด้วยศร ฉะนั้น. ผู้ใด เว้นขาดจากกาม ด้วยความเห็น ว่า เป็นดุจหัวงู ผู้นั้นเป็นคนมีสติ ล่วงพ้นตัณหาอันส่ายไปในโลกเสียได้. ผู้ใด เข้าไปผูกใจอยู่ในที่นา ที่สวน เงิน โค ม้า ทาสชายและสตรี พวกพ้อง และกามทั้งหลายอื่น ๆเป็น อันมาก กิเลสมารย่อมครอบงำบุคคลผู้นั้นได้, อันตรายรอบด้าน ย่อมย่ำยีบุคคลผู้นั้น ; เพราะเหตุนั้น ความทุกข์ ย่อมติดตามเขา เหมือนน้ำไหลเข้าสู่เรืออันแตกแล้ว ฉะนั้น. เพราะฉะนั้น บุคคล ควรเป็นผู้มีสติ ทุกเมื่อ, พึงเว้นขาดจากกาม, ละกามแล้ว พึงข้ามโอฆะเสียได้ ดุจบุคคลอุดยาเรือดีแล้ว ก็พึงข้ามไปถึงฝั่งโน้น (นิพพาน) ได้ ฉะนั้น แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • การใช้ AI ปราบคอร์รัปชันในวงการเมืองเป็นแนวทางที่น่าสนใจและหลายประเทศกำลังทดลองใช้ โดยมีทั้งโอกาสและความท้าทาย ดังนี้

    ### ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ต้านคอร์รัปชัน:
    1. **วิเคราะห์ข้อมูลการเงิน (Financial Forensics)**
    - AI ตรวจสอบบัญชีธนาคาร ภาษี และรายงานทรัพย์สินของนักการเมืองเพื่อหา "รายได้ไม่สมทรัพย์สิน"
    - ตัวอย่าง: ยูเครนใช้ระบบ **ProZorro** + AI วิเคราะห์การจัดซื้อจัดจ้างรัฐ ส่งผลให้ประหยัดงบประมาณได้ 6 พันล้านดอลลาร์ใน 5 ปี

    2. **ตรวจจับการทุจริตโครงการรัฐ (Public Procurement Monitoring)**
    - ระบบ Machine Learning วิเคราะห์ราคากลาง/ผู้ชนะประมูลซ้ำๆ เช่น หากพบบริษัทเดียวกันชนะประมูลเกิน 70% ในเขตเลือกตั้งหนึ่ง อาจส่อพฤติกรรมเอื้อประโยชน์
    - อินโดนีเซียใช้ **e-LPSE** + AI ตรวจจับความผิดปกติในโครงการก่อสร้าง

    3. **เฝ้าระวังเครือข่ายทุจริต (Network Analysis)**
    - AI แมปความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง-ธุรกิจ-ข้าราชการผ่านข้อมูลธุรกรรม การโอนหุ้น หรือการประชุมลับ
    - เกาหลีใต้ใช้วิธีนี้สืบสวนคดีทุจริตระดับสูง

    4. **แพลตฟอร์มรายงานแบบเปิด (Whistleblower Platforms)**
    - Chatbot ช่วยประชาชนรายงานการทุจริตแบบไม่เปิดเผยตัวตน พร้อม AI คัดกรองข้อมูล
    - ตัวอย่าง: **DoNotPay** (สหรัฐฯ) และ **I Paid a Bribe** (อินเดีย)

    ### ความท้าทายสำคัญ:
    - **ความแม่นยำของข้อมูล**: AI ต้องการข้อมูลเปิด (Open Data) ที่ครบถ้วน ในขณะที่หลายประเทศยังปิดบังข้อมูลสาธารณะ
    - **อคติของระบบ (Bias)**: หากข้อมูลฝึกสอนมาจากหน่วยงานทุจริต AI อาจถูกบิดเบือน
    - **การโจมตีทางไซเบอร์**: กลุ่มผลประโยชน์อาจแฮ็กระบบเพื่อทำลายหลักฐาน
    - **อุปสรรคทางกฎหมาย**: บางประเทศขาดกฎหมายรองรับการใช้ AI ในการสืบสวน

    ### กรณีศึกษาประเทศไทย:
    - **โครงการ "ไทยติดตาม" (Thai Open Data)**: ใช้ Data Visualization ตรวจสอบงบประมาณรัฐ
    - **สำนักงาน ป.ป.ช.**: ทดลอง AI วิเคราะห์รายงานทรัพย์สินส่อพิรุธ
    - **ความก้าวหน้า**: ยังต้องการการบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และปรับกฎหมายให้สอดคล้อง

    ### แนวทางเสริมประสิทธิภาพ:
    1. **ออกกฎหมายบังคับเปิดข้อมูลภาครัฐ** (Open Data Law)
    2. **สร้างระบบตรวจสอบอิสระ** เพื่อป้องกันการแทรกแซง AI
    3. **พัฒนาความรู้ AI ให้ประชาชน** เพื่อร่วมเป็น "ตาทิพย์" ตรวจสอบ
    4. **ผสานกับกลไกดั้งเดิม** เช่น สื่อมวลชน และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

    > สรุป: AI ไม่ใช่ "ไม้เท้าวิเศษ" ที่แก้คอร์รัปชันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นเครื่องมือทรงพลังที่ต้องใช้ควบคู่กับ **ความโปร่งใสทางการเมือง (Political Will)** และ **การมีส่วนร่วมของประชาชน** เท่านั้นจึงจะได้ผลยั่งยืน

    ประเทศที่ประสบความสำเร็จเช่น **จอร์เจีย** และ **เอสโตเนีย** พิสูจน์แล้วว่าเทคโนโลยีช่วยลดคอร์รัปชันได้จริง หากมีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน!
    การใช้ AI ปราบคอร์รัปชันในวงการเมืองเป็นแนวทางที่น่าสนใจและหลายประเทศกำลังทดลองใช้ โดยมีทั้งโอกาสและความท้าทาย ดังนี้ ### ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ต้านคอร์รัปชัน: 1. **วิเคราะห์ข้อมูลการเงิน (Financial Forensics)** - AI ตรวจสอบบัญชีธนาคาร ภาษี และรายงานทรัพย์สินของนักการเมืองเพื่อหา "รายได้ไม่สมทรัพย์สิน" - ตัวอย่าง: ยูเครนใช้ระบบ **ProZorro** + AI วิเคราะห์การจัดซื้อจัดจ้างรัฐ ส่งผลให้ประหยัดงบประมาณได้ 6 พันล้านดอลลาร์ใน 5 ปี 2. **ตรวจจับการทุจริตโครงการรัฐ (Public Procurement Monitoring)** - ระบบ Machine Learning วิเคราะห์ราคากลาง/ผู้ชนะประมูลซ้ำๆ เช่น หากพบบริษัทเดียวกันชนะประมูลเกิน 70% ในเขตเลือกตั้งหนึ่ง อาจส่อพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ - อินโดนีเซียใช้ **e-LPSE** + AI ตรวจจับความผิดปกติในโครงการก่อสร้าง 3. **เฝ้าระวังเครือข่ายทุจริต (Network Analysis)** - AI แมปความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง-ธุรกิจ-ข้าราชการผ่านข้อมูลธุรกรรม การโอนหุ้น หรือการประชุมลับ - เกาหลีใต้ใช้วิธีนี้สืบสวนคดีทุจริตระดับสูง 4. **แพลตฟอร์มรายงานแบบเปิด (Whistleblower Platforms)** - Chatbot ช่วยประชาชนรายงานการทุจริตแบบไม่เปิดเผยตัวตน พร้อม AI คัดกรองข้อมูล - ตัวอย่าง: **DoNotPay** (สหรัฐฯ) และ **I Paid a Bribe** (อินเดีย) ### ความท้าทายสำคัญ: - **ความแม่นยำของข้อมูล**: AI ต้องการข้อมูลเปิด (Open Data) ที่ครบถ้วน ในขณะที่หลายประเทศยังปิดบังข้อมูลสาธารณะ - **อคติของระบบ (Bias)**: หากข้อมูลฝึกสอนมาจากหน่วยงานทุจริต AI อาจถูกบิดเบือน - **การโจมตีทางไซเบอร์**: กลุ่มผลประโยชน์อาจแฮ็กระบบเพื่อทำลายหลักฐาน - **อุปสรรคทางกฎหมาย**: บางประเทศขาดกฎหมายรองรับการใช้ AI ในการสืบสวน ### กรณีศึกษาประเทศไทย: - **โครงการ "ไทยติดตาม" (Thai Open Data)**: ใช้ Data Visualization ตรวจสอบงบประมาณรัฐ - **สำนักงาน ป.ป.ช.**: ทดลอง AI วิเคราะห์รายงานทรัพย์สินส่อพิรุธ - **ความก้าวหน้า**: ยังต้องการการบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และปรับกฎหมายให้สอดคล้อง ### แนวทางเสริมประสิทธิภาพ: 1. **ออกกฎหมายบังคับเปิดข้อมูลภาครัฐ** (Open Data Law) 2. **สร้างระบบตรวจสอบอิสระ** เพื่อป้องกันการแทรกแซง AI 3. **พัฒนาความรู้ AI ให้ประชาชน** เพื่อร่วมเป็น "ตาทิพย์" ตรวจสอบ 4. **ผสานกับกลไกดั้งเดิม** เช่น สื่อมวลชน และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน > สรุป: AI ไม่ใช่ "ไม้เท้าวิเศษ" ที่แก้คอร์รัปชันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นเครื่องมือทรงพลังที่ต้องใช้ควบคู่กับ **ความโปร่งใสทางการเมือง (Political Will)** และ **การมีส่วนร่วมของประชาชน** เท่านั้นจึงจะได้ผลยั่งยืน ประเทศที่ประสบความสำเร็จเช่น **จอร์เจีย** และ **เอสโตเนีย** พิสูจน์แล้วว่าเทคโนโลยีช่วยลดคอร์รัปชันได้จริง หากมีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเทรดกราฟ EP.1: ศึก H4 – แดงปะทะเขียว
    ณ ดินแดนแห่งกราฟที่มีนามว่า “ตลาดโลก”
    ดินแดนที่เส้นทางแห่งราคาเปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสุด
    กลางสนามรบโบราณชื่อว่า “H4”
    การต่อสู้ระหว่างสองขั้วพลังได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง...
    เขาคือ “พุ่งทะยาน” – แท่งเขียวผู้กล้าหาญ
    เกิดจากพลังความหวังของเทรดเดอร์ผู้ศรัทธาในแนวโน้มขาขึ้น
    ถือดาบแห่ง “Buy Momentum” อันเรืองแสง
    พร้อมผ้าคลุมแห่งเทรนด์ไลน์ที่พัดสะบัดด้วยแรงอารมณ์ตลาด
    อีกฝ่ายคือ “ถล่มร่วง” – แท่งแดงจอมโหด
    ถือขวานเพลิงแห่ง “แรงขาย” ที่ลุกโชนด้วยข่าวร้ายและความกลัว
    มันไม่เคยปรานีแม้แต่แท่งเล็ก ๆ
    ทุกครั้งที่มันปรากฏ เส้นแนวรับต่างก็สั่นคลอน
    ทั้งสองเผชิญหน้ากันกลางสมรภูมิ
    พื้นกราฟปูด้วยเส้น EMA และเส้นแนวโน้มที่บิดเบี้ยวจากความผันผวน
    เสียงตะโกนจากเหล่าอินดิเคเตอร์ดังก้อง...
    “RSI เริ่มโอเวอร์บ๊ายแล้ว!”
    “MACD กำลังจะตัดขึ้น!”
    แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าใครจะชนะศึกนี้
    นี่คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์การต่อสู้
    ระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย
    ระหว่างความหวังและความกลัว
    ณ เวลานี้ H4 คือสมรภูมิที่ไม่มีผู้ใดถอย
    ---
    ในบริบทของการเทรดหรือการวิเคราะห์กราฟ “H4” หมายถึง:
    > 🔹 Timeframe 4 ชั่วโมง (H = Hour, 4 = 4 ชั่วโมง)
    รายละเอียด:
    ในกราฟ H4 แต่ละแท่งเทียน (candlestick) แสดงข้อมูลราคาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 4 ชั่วโมง
    ข้อมูลแต่ละแท่งจะประกอบด้วย:
    ราคาเปิด (Open)
    ราคาปิด (Close)
    ราคาสูงสุด (High)
    ราคาต่ำสุด (Low)
    ใช้ทำอะไร:
    เหมาะสำหรับการวิเคราะห์เทรนด์ระยะ กลาง
    นักเทรดนิยมใช้ H4 เพื่อดูแนวโน้มภาพรวมก่อนจะเข้าเทรดใน timeframe ย่อย (เช่น M15 หรือ H1)
    มักใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ เช่น EMA, MACD, RSI เพื่อดูความแข็งแรงของแนวโน้ม
    ตัวอย่าง:
    ถ้าแท่งเทียน H4 ปิดเป็นแท่งเขียวยาวหลายแท่งติดกัน แสดงว่าในช่วงหลายชั่วโมงล่าสุดมีแรงซื้อชัดเจน
    นิทานเทรดกราฟ EP.1: ศึก H4 – แดงปะทะเขียว ณ ดินแดนแห่งกราฟที่มีนามว่า “ตลาดโลก” ดินแดนที่เส้นทางแห่งราคาเปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสุด กลางสนามรบโบราณชื่อว่า “H4” การต่อสู้ระหว่างสองขั้วพลังได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง... เขาคือ “พุ่งทะยาน” – แท่งเขียวผู้กล้าหาญ เกิดจากพลังความหวังของเทรดเดอร์ผู้ศรัทธาในแนวโน้มขาขึ้น ถือดาบแห่ง “Buy Momentum” อันเรืองแสง พร้อมผ้าคลุมแห่งเทรนด์ไลน์ที่พัดสะบัดด้วยแรงอารมณ์ตลาด อีกฝ่ายคือ “ถล่มร่วง” – แท่งแดงจอมโหด ถือขวานเพลิงแห่ง “แรงขาย” ที่ลุกโชนด้วยข่าวร้ายและความกลัว มันไม่เคยปรานีแม้แต่แท่งเล็ก ๆ ทุกครั้งที่มันปรากฏ เส้นแนวรับต่างก็สั่นคลอน ทั้งสองเผชิญหน้ากันกลางสมรภูมิ พื้นกราฟปูด้วยเส้น EMA และเส้นแนวโน้มที่บิดเบี้ยวจากความผันผวน เสียงตะโกนจากเหล่าอินดิเคเตอร์ดังก้อง... “RSI เริ่มโอเวอร์บ๊ายแล้ว!” “MACD กำลังจะตัดขึ้น!” แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าใครจะชนะศึกนี้ นี่คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์การต่อสู้ ระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย ระหว่างความหวังและความกลัว ณ เวลานี้ H4 คือสมรภูมิที่ไม่มีผู้ใดถอย --- ในบริบทของการเทรดหรือการวิเคราะห์กราฟ “H4” หมายถึง: > 🔹 Timeframe 4 ชั่วโมง (H = Hour, 4 = 4 ชั่วโมง) รายละเอียด: ในกราฟ H4 แต่ละแท่งเทียน (candlestick) แสดงข้อมูลราคาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 4 ชั่วโมง ข้อมูลแต่ละแท่งจะประกอบด้วย: ราคาเปิด (Open) ราคาปิด (Close) ราคาสูงสุด (High) ราคาต่ำสุด (Low) ใช้ทำอะไร: เหมาะสำหรับการวิเคราะห์เทรนด์ระยะ กลาง นักเทรดนิยมใช้ H4 เพื่อดูแนวโน้มภาพรวมก่อนจะเข้าเทรดใน timeframe ย่อย (เช่น M15 หรือ H1) มักใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ เช่น EMA, MACD, RSI เพื่อดูความแข็งแรงของแนวโน้ม ตัวอย่าง: ถ้าแท่งเทียน H4 ปิดเป็นแท่งเขียวยาวหลายแท่งติดกัน แสดงว่าในช่วงหลายชั่วโมงล่าสุดมีแรงซื้อชัดเจน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่ามีทางให้ถึงความหลุดพ้นห้าทาง
    สัทธรรมลำดับที่ : 640
    ชื่อบทธรรม : -ทางให้ถึงความหลุดพ้นห้าทาง
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=640
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ทางให้ถึงความหลุดพ้นห้าทาง
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ (วิมุตฺตายตนํ) ห้าประการ เหล่านี้ มีอยู่,
    http://etipitaka.com/read/pali/22/22/?keywords=วิมุตฺตายตน
    ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่,
    จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึง ซึ่งความสิ้นรอบ
    หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ
    ซึ่งความเกษมจากโยคะอันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ.
    ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติห้าประการนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ห้าประการ คือ:-
    ๑. ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้
    : พระศาสดา หรือ เพื่อนสพรหมจารี
    ผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ย่อม #แสดงธรรมแก่ภิกษุ,
    เธอย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม
    ในธรรมนั้นตามที่พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารีแสดงแล้วอย่างไร.
    เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถรู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม,
    ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ;
    เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด;
    เมื่อใจมีปีติ กายย่อมรำงับ ;
    ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข (ด้วยนามกาย) ;
    เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น ;
    +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ &ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่หนึ่ง,
    ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่,
    จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึง ซึ่งความสิ้นรอบ
    หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะ
    อันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้).

    ๒. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : พระศาสดา หรือ เพื่อนสพรหมจารี ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ก็มิได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ ;
    #แต่เธอแสดงธรรมตามที่ได้ฟังมา ได้เล่าเรียนมา แก่ชนทั้งหลายเหล่าอื่น โดยพิสดารอยู่,
    เธอนั้นย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรม
    ตามที่เธอแสดงแก่ชนเหล่าอื่น โดยพิสดารตามที่เธอฟังมาแล้วเล่าเรียนมาแล้วอย่างไร.
    เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม,
    ปราโมทย์ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ;
    เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด ;
    เมื่อใจมีปีติ กายย่อมรำงับ ;
    ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข (ด้วยนามกาย) ;
    เมื่อมีสุขจิตย่อมตั้งมั่น.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ &ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่สอง,
    ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่,
    จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ
    หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะ
    อันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้).

    ๓. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : พระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจารี
    ผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ก็มิได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ ;
    และเธอนั้นก็มิได้แสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่นโดยพิสดารตามที่เธอได้ฟังมาได้เล่าเรียนมา ;
    #แต่เธอกระทำการท่องบ่นซึ่งธรรม โดยพิสดารตามที่ตนฟังมาเล่าเรียนมา อยู่.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/24/?keywords=สชฺฌายํ+วิมุตฺตายตน
    เธอย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรมนั้น
    ตามที่เธอทำการท่องบ่นซึ่งธรรมโดยพิสดารตามที่ได้ฟังมาเล่าเรียนมาอย่างไร.
    เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม,
    ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ;
    เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด ;
    เมื่อใจปีติ กายย่อมรำงับ ;
    ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข (ด้วยนามกาย) ;
    เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ &ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่สาม,
    ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่,
    จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ
    หรือว่าเธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะ
    อันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้).

    ๔. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : พระศาสดา หรือเพื่อนสพรหมจารี
    ผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ก็มิได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ ;
    และเธอนั้นก็มิได้แสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่นโดยพิสดารตามที่เธอได้ฟังมาได้เล่าเรียนมา ;
    และเธอก็มิได้ทำการท่องบ่นซึ่งธรรมโดยพิสดารตามที่ตนฟังมาเล่าเรียนมา ;
    #แต่เธอตรึกตามตรองตามด้วยใจ ตามเพ่งด้วยใจ ซึ่งธรรมตามที่เธอฟังมาเล่าเรียนมา อยู่,
    เธอย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม
    ในธรรมนั้นตามที่เธอตรึกตามตรองตามด้วยใจ ตามเพ่งด้วยจิต
    ซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมาเล่าเรียนมา อย่างไร.
    เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม,
    ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ;
    เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด; เมื่อใจมีปีติ กายย่อมรำงับ ;
    ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข (ด้วยนามกาย) ;
    เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ &ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่สี่,
    ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วอยู่,
    จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ
    หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะ
    อันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้).

    ๕. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก
    : พระศาสดา หรือเพื่อนสพรหมจารี
    ผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ก็มิได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ ;
    และเธอนั้นก็มิได้แสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่นโดยพิสดารตามที่เธอไดัฟังมาได้เล่าเรียนมา ;
    และเธอก็มิได้ทำการท่องบ่นซึ่งธรรมโดยพิสดารตามที่ตนฟังมาเล่าเรียนมา ;
    ทั้งเธอก็มิได้ตรึกตรองตามด้วยใจ ตามเพ่งด้วยจิต ซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมาเล่าเรียนมา ;
    #แต่ว่าสมาธินิมิตอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่เธอนั้นถือเอาดีแล้ว
    กระทำไว้ในใจดีแล้ว เข้าไปทรงไว้ดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา อยู่,
    เธอย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรมนั้น
    ตามที่สมาธินิมิตอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่เธอถือเอาด้วยดี กระทำไว้ในใจดี
    เข้าไปทรงไว้ดี แทงตลอดดีด้วยปัญญา อย่างไร.
    เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม,
    ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ;
    เมื่อปราโมทย์แล้วปีติย่อมเกิด ;
    เมื่อใจมีปีติ กายย่อมรำงับ ;
    ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข(ด้วยนามกาย) ;
    เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ &ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่ห้า,
    ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาทมีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วอยู่.
    จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ
    หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะ
    อันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้).
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมเป็นเครื่องเข้าถึง #วิมุตติห้าประการ เหล่านี้
    http://etipitaka.com/read/pali/22/25/?keywords=ปญฺจ+วิมุตฺตายตน
    ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่,
    จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงที่ซึ่งความสิ้นรอบ
    หรือว่า
    #เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะ อันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตน
    ยังไม่บรรลุตามลำดับ,
    ดังนี้แล.-

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิง​ไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/20-23/26.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/20/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๒๒-๒๕/๒๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/22/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43&id=640
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43
    ลำดับสาธยายธรรม : 43 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_43.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่ามีทางให้ถึงความหลุดพ้นห้าทาง สัทธรรมลำดับที่ : 640 ชื่อบทธรรม : -ทางให้ถึงความหลุดพ้นห้าทาง https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=640 เนื้อความทั้งหมด :- --ทางให้ถึงความหลุดพ้นห้าทาง --ภิกษุ ท. ! ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ (วิมุตฺตายตนํ) ห้าประการ เหล่านี้ มีอยู่, http://etipitaka.com/read/pali/22/22/?keywords=วิมุตฺตายตน ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่, จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึง ซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะอันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ. ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติห้าประการนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ห้าประการ คือ:- ๑. ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ : พระศาสดา หรือ เพื่อนสพรหมจารี ผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ย่อม #แสดงธรรมแก่ภิกษุ, เธอย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรมนั้นตามที่พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารีแสดงแล้วอย่างไร. เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถรู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม, ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ; เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด; เมื่อใจมีปีติ กายย่อมรำงับ ; ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข (ด้วยนามกาย) ; เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น ; +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ &ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่หนึ่ง, ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่, จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึง ซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะ อันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้). ๒. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : พระศาสดา หรือ เพื่อนสพรหมจารี ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ก็มิได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ ; #แต่เธอแสดงธรรมตามที่ได้ฟังมา ได้เล่าเรียนมา แก่ชนทั้งหลายเหล่าอื่น โดยพิสดารอยู่, เธอนั้นย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรม ตามที่เธอแสดงแก่ชนเหล่าอื่น โดยพิสดารตามที่เธอฟังมาแล้วเล่าเรียนมาแล้วอย่างไร. เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม, ปราโมทย์ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ; เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด ; เมื่อใจมีปีติ กายย่อมรำงับ ; ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข (ด้วยนามกาย) ; เมื่อมีสุขจิตย่อมตั้งมั่น. +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ &ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่สอง, ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่, จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะ อันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้). ๓. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : พระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจารี ผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ก็มิได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ ; และเธอนั้นก็มิได้แสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่นโดยพิสดารตามที่เธอได้ฟังมาได้เล่าเรียนมา ; #แต่เธอกระทำการท่องบ่นซึ่งธรรม โดยพิสดารตามที่ตนฟังมาเล่าเรียนมา อยู่. http://etipitaka.com/read/pali/22/24/?keywords=สชฺฌายํ+วิมุตฺตายตน เธอย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรมนั้น ตามที่เธอทำการท่องบ่นซึ่งธรรมโดยพิสดารตามที่ได้ฟังมาเล่าเรียนมาอย่างไร. เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม, ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ; เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด ; เมื่อใจปีติ กายย่อมรำงับ ; ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข (ด้วยนามกาย) ; เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น. +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ &ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่สาม, ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่, จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่าเธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะ อันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้). ๔. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : พระศาสดา หรือเพื่อนสพรหมจารี ผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ก็มิได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ ; และเธอนั้นก็มิได้แสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่นโดยพิสดารตามที่เธอได้ฟังมาได้เล่าเรียนมา ; และเธอก็มิได้ทำการท่องบ่นซึ่งธรรมโดยพิสดารตามที่ตนฟังมาเล่าเรียนมา ; #แต่เธอตรึกตามตรองตามด้วยใจ ตามเพ่งด้วยใจ ซึ่งธรรมตามที่เธอฟังมาเล่าเรียนมา อยู่, เธอย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรมนั้นตามที่เธอตรึกตามตรองตามด้วยใจ ตามเพ่งด้วยจิต ซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมาเล่าเรียนมา อย่างไร. เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม, ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ; เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด; เมื่อใจมีปีติ กายย่อมรำงับ ; ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข (ด้วยนามกาย) ; เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น. +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ &ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่สี่, ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วอยู่, จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะ อันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้). ๕. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : พระศาสดา หรือเพื่อนสพรหมจารี ผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ก็มิได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ ; และเธอนั้นก็มิได้แสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่นโดยพิสดารตามที่เธอไดัฟังมาได้เล่าเรียนมา ; และเธอก็มิได้ทำการท่องบ่นซึ่งธรรมโดยพิสดารตามที่ตนฟังมาเล่าเรียนมา ; ทั้งเธอก็มิได้ตรึกตรองตามด้วยใจ ตามเพ่งด้วยจิต ซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมาเล่าเรียนมา ; #แต่ว่าสมาธินิมิตอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่เธอนั้นถือเอาดีแล้ว กระทำไว้ในใจดีแล้ว เข้าไปทรงไว้ดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา อยู่, เธอย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรมนั้น ตามที่สมาธินิมิตอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่เธอถือเอาด้วยดี กระทำไว้ในใจดี เข้าไปทรงไว้ดี แทงตลอดดีด้วยปัญญา อย่างไร. เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม, ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ; เมื่อปราโมทย์แล้วปีติย่อมเกิด ; เมื่อใจมีปีติ กายย่อมรำงับ ; ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข(ด้วยนามกาย) ; เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น. +--ภิกษุ ท. ! นี้คือ &ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่ห้า, ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาทมีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วอยู่. จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะ อันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้). --ภิกษุ ท. ! ธรรมเป็นเครื่องเข้าถึง #วิมุตติห้าประการ เหล่านี้ http://etipitaka.com/read/pali/22/25/?keywords=ปญฺจ+วิมุตฺตายตน ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่, จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงที่ซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่า #เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะ อันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตน ยังไม่บรรลุตามลำดับ, ดังนี้แล.- #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิง​ไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/20-23/26. http://etipitaka.com/read/thai/22/20/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๒๒-๒๕/๒๖. http://etipitaka.com/read/pali/22/22/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%96 ศึกษาเพิ่มเติม... http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43&id=640 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=43 ลำดับสาธยายธรรม : 43 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_43.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ทางให้ถึงความหลุดพ้นห้าทาง
    -ทางให้ถึงความหลุดพ้นห้าทาง ภิกษุ ท. ! ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ (วิมุตฺตายตนํ) ห้าประการ เหล่านี้ มีอยู่, ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มี ๑. รายละเอียดเรื่องปุพพันตานุทิฏฐิ และอปรันตานุทิฏฐิ หาดูได้จากหนังสือปฏิจจ. โอ. หน้า ๗๓๒-๗๖๘. ตนส่งไปแล้ว อยู่, จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึง ซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะอันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ. ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติห้าประการนั้น เป็นอย่างไรเล่า ? ห้าประการ คือ: ๑. ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ พระศาสดา หรือ เพื่อนสพรหมจารี ผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ย่อม แสดงธรรมแก่ภิกษุ, เธอย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรมนั้นตามที่พระศาสดาหรือเพื่อนสพรหมจารีแสดงแล้วอย่างไร. เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถรู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม, ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ; เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด; เมื่อใจมีปีติ กายย่อมรำงับ ; ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข (ด้วยนามกาย) ; เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น ; ภิกษุ ท. ! นี้คือธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่หนึ่ง, ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่, จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึง ซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะอัน ไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้). ๒. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : พระศาสดา หรือเพื่อนสพรหมจารี ผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ก็มิได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ ; แต่เธอแสดงธรรมตามที่ได้ฟังมา ได้เล่าเรียนมา แก่ชนทั้งหลายเหล่าอื่น โดยพิสดารอยู่, เธอนั้นย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรม ตามที่เธอแสดงแก่ชนเหล่าอื่น โดยพิสดารตามที่เธอฟังมาแล้วเล่าเรียนมาแล้วอย่างไร. เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม, ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ; เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด ; เมื่อใจมีปีติ กายย่อมรำงับ ; ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข (ด้วยนามกาย) ; เมื่อมีสุขจิตย่อมตั้งมั่น. ภิกษุ ท. ! นี้คือ ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่สอง, ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่, จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะอันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้). ๓. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : พระศาสดา หรือเพื่อนพรหมจารีผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ก็มิได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ ; และเธอนั้นก็มิได้แสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่นโดยพิสดารตามที่เธอได้ฟังมาได้เล่าเรียนมา ; แต่เธอกระทำการท่องบ่นซึ่งธรรมโดยพิสดารตามที่ตนฟังมาเล่าเรียนมา อยู่. เธอย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรมนั้นตามที่เธอทำการท่องบ่นซึ่งธรรมโดยพิสดารตามที่ได้ฟังมาเล่าเรียนมาอย่างไร. เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม, ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ; เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด ; เมื่อใจปีติ กายย่อมรำงับ ; ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข (ด้วยนามกาย) ; เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น. ภิกษุ ท. ! นี้คือ ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่สาม, ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่, จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่าเธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะอันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้). ๔. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : พระศาสดา หรือเพื่อนสพรหมจารีผู้ ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ก็มิได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ ; และเธอนั้นก็มิได้แสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่นโดยพิสดารตามที่เธอได้ฟังมาได้เล่าเรียนมา ; และเธอก็มิได้ทำการท่องบ่นซึ่งธรรมโดยพิสดารตามที่ตนฟังมาเล่าเรียนมา ; แต่เธอตรึกตามตรองตามด้วยใจ ตามเพ่งด้วยใจ ซึ่งธรรมตามที่เธอฟังมาเล่าเรียนมา อยู่, เธอย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรมนั้นตามที่เธอตรึกตามตรองตามด้วยใจ ตามเพ่งด้วยใจ ซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมาเล่าเรียนมา อย่างไร. เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม, ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ; เมื่อปราโมทย์แล้ว ปีติย่อมเกิด; เมื่อใจมีปีติ กายย่อมรำงับ ; ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข (ด้วยนามกาย) ; เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น. ภิกษุ ท. ! นี้คือ ธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติข้อที่สี่, ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วอยู่, จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะอันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตนยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้). ๕. ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : พระศาสดา หรือเพื่อนสพรหมจารี ผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นครูรูปใดรูปหนึ่ง ก็มิได้แสดงธรรมแก่ภิกษุ ; และเธอนั้นก็มิได้แสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่นโดยพิสดารตามที่เธอไดัฟังมาได้เล่าเรียนมา ; และเธอก็มิได้ทำการท่องบ่นซึ่งธรรมโดยพิสดารตามที่ตนฟังมาเล่าเรียนมา ; ทั้งเธอก็มิได้ตรึกตรองตามด้วยใจ ตามเพ่งด้วยใจ ซึ่งธรรมตามที่ได้ฟังมาเล่าเรียนมา ; แต่ว่า สมาธินิมิตอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่เธอนั้นถือเอาดีแล้ว กระทำไว้ในใจดีแล้ว เข้าไปทรงไว้ดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา อยู่, เธอย่อมเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม ในธรรมนั้น ตามที่สมาธินิมิต อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่เธอถือเอาด้วยดี กระทำไว้ในใจดี เข้าไปทรงไว้ดี แทงตลอดดีด้วยปัญญา อย่างไร. เมื่อเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งอรรถ รู้พร้อมเฉพาะซึ่งธรรม, ปราโมทย์ ย่อมเกิดขึ้นแก่เธอนั้น ; เมื่อปราโมทย์แล้วปีติย่อมเกิด ; เมื่อใจมีปีติ กายย่อมรำงับ ; ผู้มีกายรำงับแล้ว ย่อมเสวยสุข(ด้วยนามกาย) ; เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น. ภิกษุ ท. ! นี้คือธรรมเป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ ข้อที่ห้า, ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาทมีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้วอยู่. จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะอันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ยังไม่บรรลุตามลำดับ (โดยแน่แท้). ภิกษุ ท. ! ธรรมเป็นเครื่องเข้าถึงวิมุตติห้าประการเหล่านี้ ซึ่งในธรรมนั้น เมื่อภิกษุเป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนส่งไปแล้ว อยู่, จิตที่ยังไม่หลุดพ้นย่อมหลุดพ้น อาสวะที่ยังไม่สิ้นรอบย่อมถึงที่ซึ่งความสิ้นรอบ หรือว่า เธอย่อมบรรลุตามลำดับ ซึ่งความเกษมจากโยคะอันไม่มีอื่นยิ่งกว่าที่ตน ยังไม่บรรลุตามลำดับ, ดังนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาไวพจน์(คำแทนชื่อ)​ของกาม
    สัทธรรมลำดับที่ : 270
    ชื่อบทธรรม : -ไวพจน์ของกาม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=270
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ไวพจน์ของกาม
    --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘ภัย’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.
    --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘ทุกข์’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.
    --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘โรค’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.
    --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘หัวฝี’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.
    --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘ลูกศร’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.
    --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘เครื่องข้อง’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.
    --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘เปือกตม’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.
    --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘ครรภ์’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.

    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร
    คำว่า ‘ภัย’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว
    ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ
    #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากภัย
    ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม (ปัจจุบันนี้) และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า,
    เพราะฉะนั้น คำว่า ‘ภัย’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.

    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร
    คำว่า ‘ทุกข์’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว
    ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ
    #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากทุกข์
    ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า,
    เพราะฉะนั้นคำว่า ‘ทุกข์’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.

    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร
    คำว่า ‘โรค’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว
    ด้วย กามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ
    #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากโรค
    ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า,
    เพราะฉะนั้น คำว่า ‘โรค’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.

    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร
    คำว่า ‘หัวฝี’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว
    ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ
    #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากหัวฝี
    ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า,
    เพราะฉะนั้น คำว่า ‘หัวฝี’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.

    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร
    คำว่า ‘ลูกศร’ จึงเป็นแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว
    ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ
    #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากลูกศร
    ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า,
    เพราะฉะนั้น คำว่า ‘ลูกศร’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.

    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร
    คำว่า ‘เครื่องข้อง’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว
    ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ
    #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากเครื่องข้อง
    ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า,
    เพราะฉะนั้น คำว่า ‘เครื่องข้อง’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.

    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร
    คำว่า ‘เปือกตม’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย ?
    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว
    ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ
    #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากเปือกตม
    ทั้งที่เป็นไปทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า,
    เพราะฉะนั้น คำว่า ‘เปือกตม’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.

    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร
    คำว่า ‘ครรภ์’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ?
    ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว
    ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ
    #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากครรภ์
    ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า,
    เพราะฉะนั้นคำว่า ‘ครรภ์’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย,
    ดังนี้.
    ภัย ทุกข์ โรค หัวฝี ลูกศร ความข้อง เปือกตม และ การอยู่ในครรภ์
    นี้เรียกว่า กามที่ปุถุชนข้องอยู่แล้ว
    อันกามสุขครอบงำแล้ว #ย่อมไปเพื่อกำเนิดอีก ก็เพราะ
    ภิกษุมีความเพียร ยินดีด้วยสัมปชัญญะ (สมฺปชญฺญํ)​
    http://etipitaka.com/read/pali/23/299/?keywords=สมฺปชญฺญํ
    ภิกษุเห็นปานนี้นั้น ก้าวล่วงทางหมุนเวียนที่ข้ามได้ยากนี้ได้แล้ว
    ย่อมพิจารณา เห็นหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงชาติและชรา ดิ้นรนอยู่
    ดังนี้แล.

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อฎฺฐก. อํ. 23/227/146.
    http://etipitaka.com/read/thai/23/227/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อฎฺฐก. อํ. ๒๓/๒๙๘/๑๔๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/298/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%96
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=270
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=270
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18
    ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาไวพจน์(คำแทนชื่อ)​ของกาม สัทธรรมลำดับที่ : 270 ชื่อบทธรรม : -ไวพจน์ของกาม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=270 เนื้อความทั้งหมด :- --ไวพจน์ของกาม --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘ภัย’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘ทุกข์’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘โรค’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘หัวฝี’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘ลูกศร’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘เครื่องข้อง’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘เปือกตม’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘ครรภ์’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘ภัย’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ? --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากภัย ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม (ปัจจุบันนี้) และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้น คำว่า ‘ภัย’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘ทุกข์’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ? --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากทุกข์ ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้นคำว่า ‘ทุกข์’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘โรค’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ? --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วย กามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากโรค ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้น คำว่า ‘โรค’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘หัวฝี’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ? --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากหัวฝี ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้น คำว่า ‘หัวฝี’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘ลูกศร’ จึงเป็นแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ? --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากลูกศร ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้น คำว่า ‘ลูกศร’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘เครื่องข้อง’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ? --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากเครื่องข้อง ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้น คำว่า ‘เครื่องข้อง’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘เปือกตม’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย ? --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากเปือกตม ทั้งที่เป็นไปทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้น คำว่า ‘เปือกตม’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘ครรภ์’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลายเล่า ? ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ #ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้จากครรภ์ ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้นคำว่า ‘ครรภ์’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย, ดังนี้. ภัย ทุกข์ โรค หัวฝี ลูกศร ความข้อง เปือกตม และ การอยู่ในครรภ์ นี้เรียกว่า กามที่ปุถุชนข้องอยู่แล้ว อันกามสุขครอบงำแล้ว #ย่อมไปเพื่อกำเนิดอีก ก็เพราะ ภิกษุมีความเพียร ยินดีด้วยสัมปชัญญะ (สมฺปชญฺญํ)​ http://etipitaka.com/read/pali/23/299/?keywords=สมฺปชญฺญํ ภิกษุเห็นปานนี้นั้น ก้าวล่วงทางหมุนเวียนที่ข้ามได้ยากนี้ได้แล้ว ย่อมพิจารณา เห็นหมู่สัตว์ผู้เข้าถึงชาติและชรา ดิ้นรนอยู่ ดังนี้แล. #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - อฎฺฐก. อํ. 23/227/146. http://etipitaka.com/read/thai/23/227/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - อฎฺฐก. อํ. ๒๓/๒๙๘/๑๔๖. http://etipitaka.com/read/pali/23/298/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%96 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=270 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=270 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18 ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ไวพจน์ของกาม
    -ไวพจน์ของกาม ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘ภัย’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘ทุกข์’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘โรค’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘หัวฝี’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘ลูกศร’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘เครื่องข้อง’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘เปือกตม’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! คำว่า ‘ครรภ์’ ดังนี้นั้น เป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘ภัย’ จึงเป็นคำแทนชื่อของกาม ทั้งหลายเล่า ? ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้ จากภัย ทั้งที่ เป็นไปในทิฏฐธรรม (ปัจจุบันนี้) และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้น คำว่า ‘ภัย’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘ทุกข์’ จึงเป็นคำแทนชื่อของกามทั้งหลายเล่า ? ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้ จากทุกข์ ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้นคำว่า ‘ทุกข์’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘โรค’ จึงเป็นคำแทนชื่อของกาม ทั้งหลายเล่า ? ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วย กามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้ จากโรค ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้น คำว่า ‘โรค’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘หัวฝี’ จึงเป็นคำแทนชื่อของกาม ทั้งหลายเล่า ? ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วย กามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้ จากหัวฝี ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้น คำว่า ‘หัวฝี’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘ลูกศร’ จึงเป็นแทนชื่อของกาม ทั้งหลายเล่า ? ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วยกาม ราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้ จากลูกศร ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้น คำว่า ‘ลูกศร’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘เครื่องข้อง’ จึงเป็นคำแทนชื่อของกามทั้งหลายเล่า ? ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้วด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้ จากเครื่องข้อง ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้น คำว่า ‘เครื่องข้อง’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘เปือกตม’ จึงเป็นคำแทนชื่อของกามทั้งหลาย ? ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้วด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้ จากเปือกตม ทั้งที่เป็นไปทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้น คำว่า ‘เปือกตม’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุไร คำว่า ‘ครรภ์’ จึงเป็นคำแทนชื่อของกามทั้งหลายเล่า ? ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุว่า สัตว์นี้ เป็นผู้กำหนัดแล้ว ด้วยกามราคะ ถูกผูกพันแล้ว ด้วยฉันทราคะ ย่อมไม่หลุดพ้นไปได้ จากครรภ์ ทั้งที่เป็นไปในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)นี้ และที่เป็นไปในกาลอนาคตเบื้องหน้า, เพราะฉะนั้นคำว่า ‘ครรภ์’ จึงเป็นคำแทนชื่อของ กามทั้งหลาย, ดังนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts