• “75 ปีแห่งทรานซิสเตอร์ — จุดเริ่มต้นของยุคซิลิคอนที่เปลี่ยนโลกทั้งใบด้วยอุปกรณ์เล็กจิ๋วสามขั้ว”

    เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 1950 สามนักวิทยาศาสตร์จาก Bell Labs ได้แก่ John Bardeen, Walter Brattain และ William Shockley ได้รับสิทธิบัตรสหรัฐฯ สำหรับสิ่งประดิษฐ์ที่ดูเรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่างยิ่ง — “วงจรสามขั้วที่ใช้วัสดุกึ่งตัวนำ” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ทรานซิสเตอร์” ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคซิลิคอนและซอฟต์แวร์ที่ยังคงขับเคลื่อนโลกมาจนถึงทุกวันนี้

    แม้ทรานซิสเตอร์ตัวแรกจะถูกสาธิตตั้งแต่ปี 1947 แต่การออกสิทธิบัตรในปี 1950 ถือเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าอุปกรณ์นี้จะเข้ามาแทนที่หลอดสุญญากาศที่ใหญ่ เปราะบาง และกินไฟมหาศาล โดยเฉพาะในระบบโทรศัพท์ วิทยุ และคอมพิวเตอร์ยุคแรก

    ทรานซิสเตอร์ไม่เพียงแต่ช่วยขยายสัญญาณได้ดีขึ้น แต่ยังทำหน้าที่เป็น “สวิตช์เปิด–ปิด” ที่เล็กและประหยัดพลังงาน ซึ่งกลายเป็นหัวใจของวงจรดิจิทัลทุกชนิด ตั้งแต่ไมโครโปรเซสเซอร์ไปจนถึงสมาร์ตโฟน และในปัจจุบัน เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ชิปหนึ่งตัวสามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ได้ถึง “หนึ่งล้านล้านตัว”

    นอกจากนี้ยังมีการพูดถึง “กฎของมอร์” ซึ่ง Gordon Moore ผู้ร่วมก่อตั้ง Intel เคยคาดการณ์ไว้ในปี 1965 ว่า “จำนวนทรานซิสเตอร์ในวงจรรวมจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกสองปีโดยไม่เพิ่มต้นทุนมากนัก” ซึ่งกลายเป็นแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีมาจนถึงปัจจุบัน

    แม้จะมีการพัฒนาไปไกล แต่ทรานซิสเตอร์ยังคงเป็นรากฐานของทุกสิ่งในโลกดิจิทัล และการครบรอบ 75 ปีของสิทธิบัตรนี้คือการเตือนใจว่า “อุปกรณ์เล็ก ๆ สามขั้ว” ได้เปลี่ยนโลกอย่างไร

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ทรานซิสเตอร์ได้รับสิทธิบัตรในวันที่ 3 ตุลาคม 1950 โดยนักวิทยาศาสตร์จาก Bell Labs
    สิทธิบัตรระบุว่าเป็น “วงจรสามขั้วที่ใช้วัสดุกึ่งตัวนำ”
    ทรานซิสเตอร์เข้ามาแทนที่หลอดสุญญากาศที่ใหญ่ เปราะบาง และกินไฟ
    อุปกรณ์นี้ช่วยขยายสัญญาณและทำหน้าที่เป็นสวิตช์เปิด–ปิดในวงจรดิจิทัล
    ทรานซิสเตอร์กลายเป็นรากฐานของไมโครโปรเซสเซอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด
    ปัจจุบันชิปหนึ่งตัวสามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ได้ถึงหนึ่งล้านล้านตัว
    Gordon Moore คาดการณ์ในปี 1965 ว่าทรานซิสเตอร์จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกสองปี
    กฎของมอร์กลายเป็นแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีมาจนถึงปัจจุบัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ทรานซิสเตอร์ตัวแรกใช้แผ่นเจอร์เมเนียมและแผ่นทองบาง ๆ กดด้วยสปริง
    ก่อนทรานซิสเตอร์ AT&T ใช้หลอดสุญญากาศ triode ในการขยายสัญญาณโทรศัพท์
    Julius Lilienfeld เคยจดสิทธิบัตรอุปกรณ์กึ่งตัวนำในปี 1925 แต่ยังไม่เข้าใจฟิสิกส์เบื้องหลัง
    ทรานซิสเตอร์แบบ junction ที่ Shockley พัฒนาต่อจากแบบ point-contact กลายเป็นมาตรฐาน
    ทรานซิสเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ผลิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/the-age-of-silicon-and-software-began-75-years-ago-with-the-patenting-of-the-transistor
    🔌 “75 ปีแห่งทรานซิสเตอร์ — จุดเริ่มต้นของยุคซิลิคอนที่เปลี่ยนโลกทั้งใบด้วยอุปกรณ์เล็กจิ๋วสามขั้ว” เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 1950 สามนักวิทยาศาสตร์จาก Bell Labs ได้แก่ John Bardeen, Walter Brattain และ William Shockley ได้รับสิทธิบัตรสหรัฐฯ สำหรับสิ่งประดิษฐ์ที่ดูเรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่างยิ่ง — “วงจรสามขั้วที่ใช้วัสดุกึ่งตัวนำ” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ทรานซิสเตอร์” ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคซิลิคอนและซอฟต์แวร์ที่ยังคงขับเคลื่อนโลกมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ทรานซิสเตอร์ตัวแรกจะถูกสาธิตตั้งแต่ปี 1947 แต่การออกสิทธิบัตรในปี 1950 ถือเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าอุปกรณ์นี้จะเข้ามาแทนที่หลอดสุญญากาศที่ใหญ่ เปราะบาง และกินไฟมหาศาล โดยเฉพาะในระบบโทรศัพท์ วิทยุ และคอมพิวเตอร์ยุคแรก ทรานซิสเตอร์ไม่เพียงแต่ช่วยขยายสัญญาณได้ดีขึ้น แต่ยังทำหน้าที่เป็น “สวิตช์เปิด–ปิด” ที่เล็กและประหยัดพลังงาน ซึ่งกลายเป็นหัวใจของวงจรดิจิทัลทุกชนิด ตั้งแต่ไมโครโปรเซสเซอร์ไปจนถึงสมาร์ตโฟน และในปัจจุบัน เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ชิปหนึ่งตัวสามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ได้ถึง “หนึ่งล้านล้านตัว” นอกจากนี้ยังมีการพูดถึง “กฎของมอร์” ซึ่ง Gordon Moore ผู้ร่วมก่อตั้ง Intel เคยคาดการณ์ไว้ในปี 1965 ว่า “จำนวนทรานซิสเตอร์ในวงจรรวมจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกสองปีโดยไม่เพิ่มต้นทุนมากนัก” ซึ่งกลายเป็นแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีมาจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีการพัฒนาไปไกล แต่ทรานซิสเตอร์ยังคงเป็นรากฐานของทุกสิ่งในโลกดิจิทัล และการครบรอบ 75 ปีของสิทธิบัตรนี้คือการเตือนใจว่า “อุปกรณ์เล็ก ๆ สามขั้ว” ได้เปลี่ยนโลกอย่างไร ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ทรานซิสเตอร์ได้รับสิทธิบัตรในวันที่ 3 ตุลาคม 1950 โดยนักวิทยาศาสตร์จาก Bell Labs ➡️ สิทธิบัตรระบุว่าเป็น “วงจรสามขั้วที่ใช้วัสดุกึ่งตัวนำ” ➡️ ทรานซิสเตอร์เข้ามาแทนที่หลอดสุญญากาศที่ใหญ่ เปราะบาง และกินไฟ ➡️ อุปกรณ์นี้ช่วยขยายสัญญาณและทำหน้าที่เป็นสวิตช์เปิด–ปิดในวงจรดิจิทัล ➡️ ทรานซิสเตอร์กลายเป็นรากฐานของไมโครโปรเซสเซอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ➡️ ปัจจุบันชิปหนึ่งตัวสามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ได้ถึงหนึ่งล้านล้านตัว ➡️ Gordon Moore คาดการณ์ในปี 1965 ว่าทรานซิสเตอร์จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกสองปี ➡️ กฎของมอร์กลายเป็นแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีมาจนถึงปัจจุบัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ทรานซิสเตอร์ตัวแรกใช้แผ่นเจอร์เมเนียมและแผ่นทองบาง ๆ กดด้วยสปริง ➡️ ก่อนทรานซิสเตอร์ AT&T ใช้หลอดสุญญากาศ triode ในการขยายสัญญาณโทรศัพท์ ➡️ Julius Lilienfeld เคยจดสิทธิบัตรอุปกรณ์กึ่งตัวนำในปี 1925 แต่ยังไม่เข้าใจฟิสิกส์เบื้องหลัง ➡️ ทรานซิสเตอร์แบบ junction ที่ Shockley พัฒนาต่อจากแบบ point-contact กลายเป็นมาตรฐาน ➡️ ทรานซิสเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ผลิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/the-age-of-silicon-and-software-began-75-years-ago-with-the-patenting-of-the-transistor
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 3 – จอร์แดน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว3”
    จอร์แดน
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 Transjordan หรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่า Jordan ยังไม่เป็นรัฐ เป็นเพียงกลุ่มหมู่บ้าน เรียงรายอยู่บริเวณใกล้เคียง ขึ้นกับอาณาจักรออตโตมาน อังกฤษเริ่มสนใจจอร์แดนด้านการเมืองเมื่อ ค.ศ.1930 เพราะฝรั่งเศสให้ความสนใจ ! มันเป็นสันดานของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ จะต้องคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฝรั่งเศส แล้วหยิบไม้เตรียมใช้เสี้ยม หรือขวาง ฯลฯ อะไรทำนองนั้น
    ฝรั่งเศสอ้างว่าเป็นหน้าที่ของฝรั่งเศส ที่จะต้องเข้าไปดูแลพวกชาวคริสต์ที่อยู่ในออตโตมาน บริเวณที่เป็นจอร์แดนปัจจุบัน โดยมีผู้ปกครองอิยิปต์ขณะนั้นคือ Mohammed Ali รู้เห็นเป็นใจด้วย ทำให้อังกฤษและรัสเซียไม่พอใจ มันกำลังตบตาหลอกลวงอะไรเราหรือเปล่า แล้วอังกฤษกับรัสเซียก็จับมือกันมาออกโรงไล่ Mohammed Ali กลับอิยิปต์ไป อย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่ 3 คนก็ตกลงกันเอง
    ฝรั่งเศสตกลงดูแลแคทอลิก และรัสเซียตกลงดูแลพวกออโทดอกซ์ (Orthodox) ส่วนอังกฤษบอกเราไม่ยุ่งเรื่องศาสนา ขอเรามีสิทธิภาพนอกอาณาเขต เหนือกฏหมายในแถบนั้นก็แล้วกัน (Extraterritotrial Status) แน่จริงๆลูกพี่ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว อังกฤษบอก เราไม่สนใจอะไรในจอร์แดน
    เมื่อเริ่มต้นศตวรรษที่ 19 และออตโตมานคนป่วยของยุโรป เกิดเนื้อหอม มีคนอยากมาดูแลหลายราย แต่คนดูแลชื่อเยอรมันนี ทำให้อังกฤษต้องเตรียมการหาเหยื่อ และออกโรงแสดงความชำนาญในวิทยา ยุทธแม่ไม้ จัดเต็มชุด เริ่มแรกก็หลอกเหยื่อ Sharif Hussein ให้ไปช่วยยึดเมืองดามัสกัส เพื่อแยกออกมาจากออตโตมาน ส่วนอังกฤษมุ่งหน้าไปยึดปาเลสไตน์และเยรูซาเร็มใน ค.ศ.1917
    ในวันที่ฝ่ายตะวันตก ผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังตัดแบ่งอาณาจักรออตโตมานกันอยู่ที่ปารีส Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ลงทุนไม่ขี่อูฐ แต่ขึ้นรถไฟมาประชุมด้วย เขาตั้งใจจะมาบอกว่าพวกอาหรับไม่เห็นด้วยกับเรื่องการแบ่งดินแดนตะวันออกกลาง ให้ยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ แต่มารถไฟช้ากว่าขี่อูฐ เมื่อมาถึง อังกฤษตัดสินใจเดินหน้าประกาศเรื่องให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ตามข้อตกลง Balfour Declaration ไปเรียบร้อยแล้ว
    ขณะเดียวกันนั้น พวกอาหรับเองก็จัดชุมนุมกันที่ ดามัสกัส ประกาศให้ซีเรียเป็นเอกราช และแต่งตั้ง Faisal ขึ้นเป็นกษัตริย์ ส่วน Abdullah น้องชายของ Faisal ประกาศตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ของอิรัก
    สันนิบาตชาติ (Leagul of Nation) รู้เรื่องเข้าก็โวย บอกเฮ้ย พวกเจ้าประกาศแต่งตั้งกันเองไม่ได้ ต้องให้พวกเราเป็นคนเห็นชอบ ถึงจะเป็นเรื่องของตะวันออกกลาง แต่พวกเราชาวตะวันตกต่างหาก เป็นผู้ตัดสินเกี่ยวกับเขตแดน และชะตาชีวิตของพวกเจ้า และในการประชุมที่ San Remo ก็ยืนยันความเห็นของสันนิบาตชาติ หลังจากนั้นฝรั่งเศสก็อัญเชิญท่านกษัตริย์ Faisal ให้ขึ้นอูฐขนย้ายครอบครัวออกจากซีเรียเป็นการด่วน
    Faisal อาจจะว่าง่าย แต่ Abdullah บอกว่าอย่าไปยอมมันพี่เรา ว่าแล้วเขาก็อพยพชาวเผ่าร่อนเร่หลายพันคนมายังดามัสกัสประกาศบุกซีเรีย ท้าทายฝรั่งเศส ทวงถามสิทธิในบัลลังก์ของพี่ชาย คราวนี้อังกฤษนั่งไม่ติด ออกมาห้ามทัพ อังกฤษบอกกันเอง แต่ไม่ได้บอกพวกอาหรับว่า ถึงสัมพันธ์อังกฤษฝรั่งเศสจะลุ่มๆดอนๆ ก็ยังมีค่ากว่าพวกเร่ร่อนเป็นร้อยเท่า
    ก่อนตัดสินใจดำเนินการต่อ อังกฤษจัดประชุมหัวหน้าเผ่าอาหรับระดับพี่ใหญ่ทั้งหลาย ถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องยิวมาอยู่ในตะวันออกกลาง พวกอาหรับบอก ตะวันตกอยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่พวกเรากำลังจะตั้งกลุ่มศาสนานิกายวาฮาบี ภายใต้การนำของหัวหน้าเผ่าใหญ่ Ibn Saud ซึ่งเริ่มมีอำนาจและอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ อังกฤษคงยังแปลคำตอบแบบตะวันออกกลางไม่ออก หรือแกล้งไม่เข้าใจ หรือเข้าใจดีอย่างชัดเจน
    อังกฤษเดินหน้าจับเข่า หักมือ Abdullah บอกว่าใจเย็นๆ เราจะปล่อยให้ท่านทะเลาะกับฝรั่งเศสไม่ได้ แต่เราก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอก เราจะจัดการให้ท่านไปเป็นหัวหน้ารัฐ Transjordan ส่วนพี่ชายของท่าน Faisal เราจะจัดการให้เขาได้เป็นกษัตริย์ที่อิรักก็แล้วกันนะ เจอทองเรียกว่าพี่เข้า Abdullah ก็ใจอ่อน ถอยทัพออกไปจากซีเรีย เพียงแต่ต้องเพิ่มอูฐอีกหลายตัวหน่อย เพื่อขนทองของกำนัลปิดปากจากนักล่าชาวเกาะฯ
    ในการประชุม Cairo Conference เกี่ยวกับกิจการตะวันออกกลางของอังกฤษเมื่อ ค.ศ.1921 ซึ่งอำนวยการโดยท่านหลอด Winston Churchill อังกฤษจัดการตัดแบ่งปาเลสไตน์ยาวตามเส้นทางของแม่น้ำจอร์ แดนไปถึงอ่าวอกาบา (Gulf of Aqaba) โดยเรียกด้านตะวันตกว่า Transjordan ให้พวกอาหรับของ Abdullah ไปอยู่ ภายใต้การดูแลของกงสุลอังกฤษที่ประจำอยู่ปาเลสไตน์ สันนิบาตชาติประทับตราเห็นชอบ (ตามเคย!) แล้วอังกฤษก็มีอิทธิพลใน Transjordan เต็มที่ตั้งแต่นั้นมา
    ชาวจอร์แดนส่วนใหญ่ทำกสิกรรม จอร์แดนเป็นบริเวณเดียวในตะวันออกกลางที่ไม่มีแหล่งน้ำมัน แต่อังกฤษก็ยังสนใจ อุ้มชู ดูแล เหมือนจะตอบแทนบุญคุณของ Sharif Hussein !
    ตลอดเวลานับตั้งแต่อังกฤษตั้ง Transjordan พวกฮาวาบี ซึ่งก่อตั้งใหม่เอี่ยม ก็บุกเข้ามาตีรวนในจอร์แดนตลอดเวลาเหมือนกัน อย่างน้อยปีละครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา ไม่ให้พวก Abdullah นั่งหงอยเหงา อังกฤษก็ทำหน้าที่เป็นผู้ขับไล่ออกไปทุกครั้ง อังกฤษดูแลด้านความมั่นคง การเงิน และการต่างประเทศของจอร์แดนรวมทั้งจ่ายค่าเลี้ยงดูชาวจอร์แดนอีกด้วย นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯใจดีผิดสันดาน
    จอร์แดนเป็นบริเวณกันชนระหว่างปาเลสไตน์กับอิรัก และเป็นเส้นทางบินระหว่างอังกฤษกับอินเดียสมัยนั้น แต่นั่นคงไม่น่ามีค่าพอทำให้อังกฤษลงทุนควักกระเป๋าเลี้ยงดูจอร์แดน
    ด้วยเขตแดนของจอร์แดนที่ติดกับซาอุดิอารเบีย ทำให้พวกวาฮาบีข้ามเขตมารุกรานจอร์แดนเหมือนเป็นกิจกรรมหลัก ในที่สุดอังกฤษก็ขอเจรจากับซา อุดิอารเบีย อังกฤษยึดเมืองอกาบาไป และยอมยก Wadi Sirhan ให้ซาอุดิอารเบียและ ค.ศ.1925 Hadda Agreement ก็ลงนาม Wadi Sirhan ตกลงเป็นส่วนหนึ่งของ Nejd ของซาอุดิและอกาบาเป็นส่วนหนึ่งของTransjordan
    ซาอุดิอารเบียกลืนเบ็ดโดยไม่รู้ตัว Aqaba Gulf เป็นจุดสำคัญในการคุมทางเข้าปาเลสไตน์และอิยิปต์จากพวกวาฮาบี
    Abdullah ยังมีความฝันตามพ่อ ที่จะเห็นรัฐอาหรับ สำหรับ Abdullah เขาอยากจะครองอาณาจักรที่ประกอบไปด้วย Transjordan ซีเรีย เลบานอน รวมไปถึงปาเลสไตน์ เพราะฝันแบบนี้ Abdullah ซึ่งเป็นหัวหน้าอาหรับคนเดียวที่เห็นด้วยกับมติของสหประชาชาติ ที่ยอมรับการจัดสรรดินแดนปาเลสไตน์ในปี ค.ศ.1947
    เกือบทุกรัฐอาหรับไม่ไว้ใจ Abdullah และเห็นว่าเขาหักหลังพรรคพวก และเชื่อว่าเขาสนับสนุนให้มีการตั้งรัฐให้ยิวเสียด้วยซ้ำ
    เมื่อถูกกล่าวหาเช่นนั้น Abdullah ก็มีพวกน้อยลง และไว้ใจพวกน้อยลง การตัดแบ่ง Transjordan และการให้ Abdullah มาครอง จึงน่าจะเป็นยุทธศาสตร์แม่ไม้ของขาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่เหี้ยมโหดสิ้นดี อังกฤษรู้ดีว่าชาวอาหรับส่วนใหญ่คิดอย่างไรเรื่องการให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ ตั้งแต่เมื่อเรียกประชุมพวกอาหรับ แต่เขาเดินหน้าหลอกเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นพวกครอบครัวของ Sharif Hussein !
    วันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ.1951 Abdullah ก็ถูกยิงตายอยู่บนบันไดทางขึ้นของ Al-Aqsa Mosque ในนครเยรูซาเร็ม คนยิงเขาเป็นชาวปาเลสไตน์ ซึ่งต่อต้านจอร์แดนที่ทำตัวเป็นมิตรกับอิสราเอล
    ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน Raid Bay al-Solh อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนถูกฆาตกรรมที่อัมมาน (Amman) หลังจากมีข่าวลือออกไปทั่วว่า เลบานอนและจอร์แดนกำลังเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล
    Abdullah ไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมพิธีสวดให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน และก็ถูกยิงตรงทางขึ้นโบสถ์ที่ กำลังมีพิธีสวด เขาถูกยิง 3 นัด ที่หัวและหน้าอก หลานชายของเขา Hussien bin Talal (กษัตริย์จอร์แดนตั้งแต่ ค.ศ.1953-1999) ยืนอยู่ข้างปู่ของเขาขณะที่ปู่ของเขาถูกยิง
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 3 – จอร์แดน นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว3” จอร์แดน
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 Transjordan หรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่า Jordan ยังไม่เป็นรัฐ เป็นเพียงกลุ่มหมู่บ้าน เรียงรายอยู่บริเวณใกล้เคียง ขึ้นกับอาณาจักรออตโตมาน อังกฤษเริ่มสนใจจอร์แดนด้านการเมืองเมื่อ ค.ศ.1930 เพราะฝรั่งเศสให้ความสนใจ ! มันเป็นสันดานของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ จะต้องคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฝรั่งเศส แล้วหยิบไม้เตรียมใช้เสี้ยม หรือขวาง ฯลฯ อะไรทำนองนั้น ฝรั่งเศสอ้างว่าเป็นหน้าที่ของฝรั่งเศส ที่จะต้องเข้าไปดูแลพวกชาวคริสต์ที่อยู่ในออตโตมาน บริเวณที่เป็นจอร์แดนปัจจุบัน โดยมีผู้ปกครองอิยิปต์ขณะนั้นคือ Mohammed Ali รู้เห็นเป็นใจด้วย ทำให้อังกฤษและรัสเซียไม่พอใจ มันกำลังตบตาหลอกลวงอะไรเราหรือเปล่า แล้วอังกฤษกับรัสเซียก็จับมือกันมาออกโรงไล่ Mohammed Ali กลับอิยิปต์ไป อย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่ 3 คนก็ตกลงกันเอง ฝรั่งเศสตกลงดูแลแคทอลิก และรัสเซียตกลงดูแลพวกออโทดอกซ์ (Orthodox) ส่วนอังกฤษบอกเราไม่ยุ่งเรื่องศาสนา ขอเรามีสิทธิภาพนอกอาณาเขต เหนือกฏหมายในแถบนั้นก็แล้วกัน (Extraterritotrial Status) แน่จริงๆลูกพี่ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว อังกฤษบอก เราไม่สนใจอะไรในจอร์แดน เมื่อเริ่มต้นศตวรรษที่ 19 และออตโตมานคนป่วยของยุโรป เกิดเนื้อหอม มีคนอยากมาดูแลหลายราย แต่คนดูแลชื่อเยอรมันนี ทำให้อังกฤษต้องเตรียมการหาเหยื่อ และออกโรงแสดงความชำนาญในวิทยา ยุทธแม่ไม้ จัดเต็มชุด เริ่มแรกก็หลอกเหยื่อ Sharif Hussein ให้ไปช่วยยึดเมืองดามัสกัส เพื่อแยกออกมาจากออตโตมาน ส่วนอังกฤษมุ่งหน้าไปยึดปาเลสไตน์และเยรูซาเร็มใน ค.ศ.1917 ในวันที่ฝ่ายตะวันตก ผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังตัดแบ่งอาณาจักรออตโตมานกันอยู่ที่ปารีส Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ลงทุนไม่ขี่อูฐ แต่ขึ้นรถไฟมาประชุมด้วย เขาตั้งใจจะมาบอกว่าพวกอาหรับไม่เห็นด้วยกับเรื่องการแบ่งดินแดนตะวันออกกลาง ให้ยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ แต่มารถไฟช้ากว่าขี่อูฐ เมื่อมาถึง อังกฤษตัดสินใจเดินหน้าประกาศเรื่องให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ตามข้อตกลง Balfour Declaration ไปเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันนั้น พวกอาหรับเองก็จัดชุมนุมกันที่ ดามัสกัส ประกาศให้ซีเรียเป็นเอกราช และแต่งตั้ง Faisal ขึ้นเป็นกษัตริย์ ส่วน Abdullah น้องชายของ Faisal ประกาศตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ของอิรัก สันนิบาตชาติ (Leagul of Nation) รู้เรื่องเข้าก็โวย บอกเฮ้ย พวกเจ้าประกาศแต่งตั้งกันเองไม่ได้ ต้องให้พวกเราเป็นคนเห็นชอบ ถึงจะเป็นเรื่องของตะวันออกกลาง แต่พวกเราชาวตะวันตกต่างหาก เป็นผู้ตัดสินเกี่ยวกับเขตแดน และชะตาชีวิตของพวกเจ้า และในการประชุมที่ San Remo ก็ยืนยันความเห็นของสันนิบาตชาติ หลังจากนั้นฝรั่งเศสก็อัญเชิญท่านกษัตริย์ Faisal ให้ขึ้นอูฐขนย้ายครอบครัวออกจากซีเรียเป็นการด่วน Faisal อาจจะว่าง่าย แต่ Abdullah บอกว่าอย่าไปยอมมันพี่เรา ว่าแล้วเขาก็อพยพชาวเผ่าร่อนเร่หลายพันคนมายังดามัสกัสประกาศบุกซีเรีย ท้าทายฝรั่งเศส ทวงถามสิทธิในบัลลังก์ของพี่ชาย คราวนี้อังกฤษนั่งไม่ติด ออกมาห้ามทัพ อังกฤษบอกกันเอง แต่ไม่ได้บอกพวกอาหรับว่า ถึงสัมพันธ์อังกฤษฝรั่งเศสจะลุ่มๆดอนๆ ก็ยังมีค่ากว่าพวกเร่ร่อนเป็นร้อยเท่า ก่อนตัดสินใจดำเนินการต่อ อังกฤษจัดประชุมหัวหน้าเผ่าอาหรับระดับพี่ใหญ่ทั้งหลาย ถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องยิวมาอยู่ในตะวันออกกลาง พวกอาหรับบอก ตะวันตกอยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่พวกเรากำลังจะตั้งกลุ่มศาสนานิกายวาฮาบี ภายใต้การนำของหัวหน้าเผ่าใหญ่ Ibn Saud ซึ่งเริ่มมีอำนาจและอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ อังกฤษคงยังแปลคำตอบแบบตะวันออกกลางไม่ออก หรือแกล้งไม่เข้าใจ หรือเข้าใจดีอย่างชัดเจน อังกฤษเดินหน้าจับเข่า หักมือ Abdullah บอกว่าใจเย็นๆ เราจะปล่อยให้ท่านทะเลาะกับฝรั่งเศสไม่ได้ แต่เราก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอก เราจะจัดการให้ท่านไปเป็นหัวหน้ารัฐ Transjordan ส่วนพี่ชายของท่าน Faisal เราจะจัดการให้เขาได้เป็นกษัตริย์ที่อิรักก็แล้วกันนะ เจอทองเรียกว่าพี่เข้า Abdullah ก็ใจอ่อน ถอยทัพออกไปจากซีเรีย เพียงแต่ต้องเพิ่มอูฐอีกหลายตัวหน่อย เพื่อขนทองของกำนัลปิดปากจากนักล่าชาวเกาะฯ ในการประชุม Cairo Conference เกี่ยวกับกิจการตะวันออกกลางของอังกฤษเมื่อ ค.ศ.1921 ซึ่งอำนวยการโดยท่านหลอด Winston Churchill อังกฤษจัดการตัดแบ่งปาเลสไตน์ยาวตามเส้นทางของแม่น้ำจอร์ แดนไปถึงอ่าวอกาบา (Gulf of Aqaba) โดยเรียกด้านตะวันตกว่า Transjordan ให้พวกอาหรับของ Abdullah ไปอยู่ ภายใต้การดูแลของกงสุลอังกฤษที่ประจำอยู่ปาเลสไตน์ สันนิบาตชาติประทับตราเห็นชอบ (ตามเคย!) แล้วอังกฤษก็มีอิทธิพลใน Transjordan เต็มที่ตั้งแต่นั้นมา ชาวจอร์แดนส่วนใหญ่ทำกสิกรรม จอร์แดนเป็นบริเวณเดียวในตะวันออกกลางที่ไม่มีแหล่งน้ำมัน แต่อังกฤษก็ยังสนใจ อุ้มชู ดูแล เหมือนจะตอบแทนบุญคุณของ Sharif Hussein ! ตลอดเวลานับตั้งแต่อังกฤษตั้ง Transjordan พวกฮาวาบี ซึ่งก่อตั้งใหม่เอี่ยม ก็บุกเข้ามาตีรวนในจอร์แดนตลอดเวลาเหมือนกัน อย่างน้อยปีละครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา ไม่ให้พวก Abdullah นั่งหงอยเหงา อังกฤษก็ทำหน้าที่เป็นผู้ขับไล่ออกไปทุกครั้ง อังกฤษดูแลด้านความมั่นคง การเงิน และการต่างประเทศของจอร์แดนรวมทั้งจ่ายค่าเลี้ยงดูชาวจอร์แดนอีกด้วย นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯใจดีผิดสันดาน จอร์แดนเป็นบริเวณกันชนระหว่างปาเลสไตน์กับอิรัก และเป็นเส้นทางบินระหว่างอังกฤษกับอินเดียสมัยนั้น แต่นั่นคงไม่น่ามีค่าพอทำให้อังกฤษลงทุนควักกระเป๋าเลี้ยงดูจอร์แดน ด้วยเขตแดนของจอร์แดนที่ติดกับซาอุดิอารเบีย ทำให้พวกวาฮาบีข้ามเขตมารุกรานจอร์แดนเหมือนเป็นกิจกรรมหลัก ในที่สุดอังกฤษก็ขอเจรจากับซา อุดิอารเบีย อังกฤษยึดเมืองอกาบาไป และยอมยก Wadi Sirhan ให้ซาอุดิอารเบียและ ค.ศ.1925 Hadda Agreement ก็ลงนาม Wadi Sirhan ตกลงเป็นส่วนหนึ่งของ Nejd ของซาอุดิและอกาบาเป็นส่วนหนึ่งของTransjordan ซาอุดิอารเบียกลืนเบ็ดโดยไม่รู้ตัว Aqaba Gulf เป็นจุดสำคัญในการคุมทางเข้าปาเลสไตน์และอิยิปต์จากพวกวาฮาบี Abdullah ยังมีความฝันตามพ่อ ที่จะเห็นรัฐอาหรับ สำหรับ Abdullah เขาอยากจะครองอาณาจักรที่ประกอบไปด้วย Transjordan ซีเรีย เลบานอน รวมไปถึงปาเลสไตน์ เพราะฝันแบบนี้ Abdullah ซึ่งเป็นหัวหน้าอาหรับคนเดียวที่เห็นด้วยกับมติของสหประชาชาติ ที่ยอมรับการจัดสรรดินแดนปาเลสไตน์ในปี ค.ศ.1947 เกือบทุกรัฐอาหรับไม่ไว้ใจ Abdullah และเห็นว่าเขาหักหลังพรรคพวก และเชื่อว่าเขาสนับสนุนให้มีการตั้งรัฐให้ยิวเสียด้วยซ้ำ เมื่อถูกกล่าวหาเช่นนั้น Abdullah ก็มีพวกน้อยลง และไว้ใจพวกน้อยลง การตัดแบ่ง Transjordan และการให้ Abdullah มาครอง จึงน่าจะเป็นยุทธศาสตร์แม่ไม้ของขาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่เหี้ยมโหดสิ้นดี อังกฤษรู้ดีว่าชาวอาหรับส่วนใหญ่คิดอย่างไรเรื่องการให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ ตั้งแต่เมื่อเรียกประชุมพวกอาหรับ แต่เขาเดินหน้าหลอกเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นพวกครอบครัวของ Sharif Hussein ! วันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ.1951 Abdullah ก็ถูกยิงตายอยู่บนบันไดทางขึ้นของ Al-Aqsa Mosque ในนครเยรูซาเร็ม คนยิงเขาเป็นชาวปาเลสไตน์ ซึ่งต่อต้านจอร์แดนที่ทำตัวเป็นมิตรกับอิสราเอล ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน Raid Bay al-Solh อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนถูกฆาตกรรมที่อัมมาน (Amman) หลังจากมีข่าวลือออกไปทั่วว่า เลบานอนและจอร์แดนกำลังเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล Abdullah ไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมพิธีสวดให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน และก็ถูกยิงตรงทางขึ้นโบสถ์ที่ กำลังมีพิธีสวด เขาถูกยิง 3 นัด ที่หัวและหน้าอก หลานชายของเขา Hussien bin Talal (กษัตริย์จอร์แดนตั้งแต่ ค.ศ.1953-1999) ยืนอยู่ข้างปู่ของเขาขณะที่ปู่ของเขาถูกยิง สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • อวสานโรงพักสามเสน 40 ล้าน ผู้รับเหมาทิ้งงานถึงดินทรุด

    ในที่สุดกรุงเทพมหานคร (กทม.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตัดสินใจรื้อถอนอาคารที่ทำการสถานีตำรวจนครบาลสามเสน (สน.สามเสน) หลังได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์หลุมยุบ บริเวณสถานที่ก่อสร้างสถานีวชิรพยาบาล โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ บนถนนสามเสน เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา เนื่องอาคารเกิดความเสียหายเพิ่มเติม มีการสไลด์ของดินและเสาเข็มหักเพิ่มทำให้มีกำลังรับน้ำหนักได้น้อยลง และมีโอกาสพังถล่มได้ทุกเวลา หากแก้ไขเฉพาะจุดอาจเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า เมื่อเทียบกับก่อสร้างใหม่ ใช้งบประมาณ 40 ล้านบาท

    สำหรับที่ทำการ สน.สามเสน เดิมเป็นอาคาร 2 ชั้น ก่อนย้ายไปยังที่ทำการชั่วคราว เมื่อปี 2562 และรื้อถอนอาคารเมื่อปี 2563 เพื่อก่อสร้างอาคารทดแทน ความสูง 4 ชั้น ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจนครบาลสามเสน จำนวน 1 หลัง เป็นเงินจำนวน 40 ล้านบาท ตามสัญญาเลขที่ 18/2565 ลงวันที่ 20 ก.ค. 2565 ระยะเวลาก่อสร้าง 330 วัน โดยมีผู้รับจ้างคือ บริษัท หมูทอง คอนสตรัคชั่น จำกัด สำนักงานตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และมี พ.ต.ท.นคร อุทยาน เป็นผู้ควบคุมงาน มีคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ (งานก่อสร้าง) 5 คน

    ปรากฎว่าอาคารดังกล่าวถูกผู้รับจ้างทิ้งงาน ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานให้บริษัท หมูทอง คอนสตรัคชั่น และนายธนาวัฒน์ รุ่งอรุณกิจ เป็นรายชื่อผู้ทิ้งงาน ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ลงวันที่ 25 ส.ค. 2568 ภายหลังจึงมีการก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ไม่มีคุรุภัณฑ์และยังไม่มีคนเข้าอยู่ กระทั่งเกิดเหตุการณ์หยุมยุบ เสาเข็มหักจนเกิดการทรุดตัว ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สามเสน ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในที่ทำการชั่วคราว (สมาคมโรงเลื่อยจักรเดิม) ถนนอำนวยสงคราม

    Newskit สอบถามไปยังหนึ่งในคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ได้รับคำตอบว่า ย้ายมาดำรงตำแหน่งอื่นไปแล้ว จึงไม่ทราบเรื่อง

    อนึ่ง บริษัท หมูทอง คอนสตรัคชั่น และนายธนาวัฒน์ รุ่งอรุณกิจ เป็นรายชื่อผู้ทิ้งงานของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) โดยกองกำกับการ 5 กองบังคับการฝึกพิเศษ ค่ายนเรศวรมหาราช อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จำนวน 3 งาน เป็นงานจ้างก่อสร้างเรือนแถวชั้นประทวน - รองสารวัตร ขนาด 10 คูหา จำนวน 3 หลังอีกด้วย

    #Newskit
    อวสานโรงพักสามเสน 40 ล้าน ผู้รับเหมาทิ้งงานถึงดินทรุด ในที่สุดกรุงเทพมหานคร (กทม.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตัดสินใจรื้อถอนอาคารที่ทำการสถานีตำรวจนครบาลสามเสน (สน.สามเสน) หลังได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์หลุมยุบ บริเวณสถานที่ก่อสร้างสถานีวชิรพยาบาล โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ บนถนนสามเสน เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา เนื่องอาคารเกิดความเสียหายเพิ่มเติม มีการสไลด์ของดินและเสาเข็มหักเพิ่มทำให้มีกำลังรับน้ำหนักได้น้อยลง และมีโอกาสพังถล่มได้ทุกเวลา หากแก้ไขเฉพาะจุดอาจเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า เมื่อเทียบกับก่อสร้างใหม่ ใช้งบประมาณ 40 ล้านบาท สำหรับที่ทำการ สน.สามเสน เดิมเป็นอาคาร 2 ชั้น ก่อนย้ายไปยังที่ทำการชั่วคราว เมื่อปี 2562 และรื้อถอนอาคารเมื่อปี 2563 เพื่อก่อสร้างอาคารทดแทน ความสูง 4 ชั้น ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจนครบาลสามเสน จำนวน 1 หลัง เป็นเงินจำนวน 40 ล้านบาท ตามสัญญาเลขที่ 18/2565 ลงวันที่ 20 ก.ค. 2565 ระยะเวลาก่อสร้าง 330 วัน โดยมีผู้รับจ้างคือ บริษัท หมูทอง คอนสตรัคชั่น จำกัด สำนักงานตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และมี พ.ต.ท.นคร อุทยาน เป็นผู้ควบคุมงาน มีคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ (งานก่อสร้าง) 5 คน ปรากฎว่าอาคารดังกล่าวถูกผู้รับจ้างทิ้งงาน ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานให้บริษัท หมูทอง คอนสตรัคชั่น และนายธนาวัฒน์ รุ่งอรุณกิจ เป็นรายชื่อผู้ทิ้งงาน ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ลงวันที่ 25 ส.ค. 2568 ภายหลังจึงมีการก่อสร้างแล้วเสร็จแต่ไม่มีคุรุภัณฑ์และยังไม่มีคนเข้าอยู่ กระทั่งเกิดเหตุการณ์หยุมยุบ เสาเข็มหักจนเกิดการทรุดตัว ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สามเสน ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในที่ทำการชั่วคราว (สมาคมโรงเลื่อยจักรเดิม) ถนนอำนวยสงคราม Newskit สอบถามไปยังหนึ่งในคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ได้รับคำตอบว่า ย้ายมาดำรงตำแหน่งอื่นไปแล้ว จึงไม่ทราบเรื่อง อนึ่ง บริษัท หมูทอง คอนสตรัคชั่น และนายธนาวัฒน์ รุ่งอรุณกิจ เป็นรายชื่อผู้ทิ้งงานของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) โดยกองกำกับการ 5 กองบังคับการฝึกพิเศษ ค่ายนเรศวรมหาราช อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จำนวน 3 งาน เป็นงานจ้างก่อสร้างเรือนแถวชั้นประทวน - รองสารวัตร ขนาด 10 คูหา จำนวน 3 หลังอีกด้วย #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Discord ถูกเจาะข้อมูลผ่านระบบซัพพอร์ตภายนอก — ข้อมูลผู้ใช้บางส่วนรั่ว แต่รหัสผ่านยังปลอดภัย”

    เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2025 Discord ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เจาะระบบที่ไม่ได้เกิดจากการแฮกระบบหลักของบริษัทโดยตรง แต่เกิดจากการที่แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ผ่านผู้ให้บริการซัพพอร์ตภายนอกที่ Discord ใช้งานอยู่ โดยข้อมูลที่ถูกเข้าถึงนั้นรวมถึงชื่อจริง อีเมล ที่อยู่ IP และข้อมูลการติดต่ออื่น ๆ ของผู้ใช้ที่เคยติดต่อฝ่าย Customer Support หรือ Trust & Safety

    แม้จะไม่มีการเข้าถึงรหัสผ่านหรือข้อความส่วนตัวในเซิร์ฟเวอร์หรือ DM แต่ข้อความที่เคยส่งถึงฝ่ายซัพพอร์ตก็ถูกแฮกเกอร์เข้าถึงได้ รวมถึงข้อมูลการชำระเงินบางส่วน เช่น ประเภทการจ่ายเงินและเลขท้าย 4 หลักของบัตรเครดิต สำหรับผู้ใช้บางรายที่เคยส่งเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต ก็อาจได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลนี้เช่นกัน

    Discord ได้ดำเนินการตัดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ให้บริการที่ถูกเจาะทันที และแจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินการสอบสวน พร้อมทั้งส่งอีเมลแจ้งผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบจาก noreply@discord.com โดยระบุข้อมูลที่ถูกเข้าถึงและแนวทางปฏิบัติต่อไป

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Discord เพิ่งเริ่มใช้ระบบยืนยันอายุด้วยเอกสารราชการ ทำให้ผู้ใช้จำนวนหนึ่งต้องส่งข้อมูลส่วนตัวที่อ่อนไหวมากขึ้น และกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีในครั้งนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Discord ถูกเจาะข้อมูลผ่านผู้ให้บริการซัพพอร์ตภายนอก ไม่ใช่ระบบหลักของบริษัท
    ข้อมูลที่ถูกเข้าถึง ได้แก่ ชื่อจริง อีเมล IP และข้อความที่ส่งถึงฝ่ายซัพพอร์ต
    มีการเข้าถึงข้อมูลการชำระเงินบางส่วน เช่น ประเภทการจ่ายเงินและเลขท้ายบัตร
    ผู้ใช้บางรายที่ส่งเอกสารยืนยันตัวตนอาจได้รับผลกระทบจากการรั่วไหล
    Discord ตัดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ให้บริการทันที และแจ้งหน่วยงานสอบสวน
    ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับอีเมลจาก noreply@discord.com พร้อมข้อมูลที่รั่ว
    ไม่มีการเข้าถึงรหัสผ่าน ข้อความในเซิร์ฟเวอร์ หรือที่ DM
    Discord ทบทวนระบบตรวจจับภัยคุกคามและนโยบายความปลอดภัยของผู้ให้บริการ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Zendesk เป็นแพลตฟอร์มซัพพอร์ตที่ถูกใช้โดยหลายบริษัท รวมถึง Discord
    การโจมตีผ่าน third-party vendor เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบองค์กรขนาดใหญ่
    การยืนยันตัวตนด้วยเอกสารราชการเริ่มถูกใช้มากขึ้นในแพลตฟอร์มโซเชียลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย
    การเข้าถึงข้อมูลที่มี government ID อาจนำไปสู่การขโมยตัวตน (identity theft)
    Discord มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 90% ในกลุ่มแอปสื่อสารสำหรับเกมเมอร์

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/discord-data-hacked-in-latest-customer-service-breach-to-expose-user-information-hackers-gained-access-via-third-party-support-systems-but-didnt-steal-passwords
    🔐 “Discord ถูกเจาะข้อมูลผ่านระบบซัพพอร์ตภายนอก — ข้อมูลผู้ใช้บางส่วนรั่ว แต่รหัสผ่านยังปลอดภัย” เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2025 Discord ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เจาะระบบที่ไม่ได้เกิดจากการแฮกระบบหลักของบริษัทโดยตรง แต่เกิดจากการที่แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ผ่านผู้ให้บริการซัพพอร์ตภายนอกที่ Discord ใช้งานอยู่ โดยข้อมูลที่ถูกเข้าถึงนั้นรวมถึงชื่อจริง อีเมล ที่อยู่ IP และข้อมูลการติดต่ออื่น ๆ ของผู้ใช้ที่เคยติดต่อฝ่าย Customer Support หรือ Trust & Safety แม้จะไม่มีการเข้าถึงรหัสผ่านหรือข้อความส่วนตัวในเซิร์ฟเวอร์หรือ DM แต่ข้อความที่เคยส่งถึงฝ่ายซัพพอร์ตก็ถูกแฮกเกอร์เข้าถึงได้ รวมถึงข้อมูลการชำระเงินบางส่วน เช่น ประเภทการจ่ายเงินและเลขท้าย 4 หลักของบัตรเครดิต สำหรับผู้ใช้บางรายที่เคยส่งเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต ก็อาจได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลนี้เช่นกัน Discord ได้ดำเนินการตัดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ให้บริการที่ถูกเจาะทันที และแจ้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินการสอบสวน พร้อมทั้งส่งอีเมลแจ้งผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบจาก noreply@discord.com โดยระบุข้อมูลที่ถูกเข้าถึงและแนวทางปฏิบัติต่อไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Discord เพิ่งเริ่มใช้ระบบยืนยันอายุด้วยเอกสารราชการ ทำให้ผู้ใช้จำนวนหนึ่งต้องส่งข้อมูลส่วนตัวที่อ่อนไหวมากขึ้น และกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีในครั้งนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Discord ถูกเจาะข้อมูลผ่านผู้ให้บริการซัพพอร์ตภายนอก ไม่ใช่ระบบหลักของบริษัท ➡️ ข้อมูลที่ถูกเข้าถึง ได้แก่ ชื่อจริง อีเมล IP และข้อความที่ส่งถึงฝ่ายซัพพอร์ต ➡️ มีการเข้าถึงข้อมูลการชำระเงินบางส่วน เช่น ประเภทการจ่ายเงินและเลขท้ายบัตร ➡️ ผู้ใช้บางรายที่ส่งเอกสารยืนยันตัวตนอาจได้รับผลกระทบจากการรั่วไหล ➡️ Discord ตัดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ให้บริการทันที และแจ้งหน่วยงานสอบสวน ➡️ ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับอีเมลจาก noreply@discord.com พร้อมข้อมูลที่รั่ว ➡️ ไม่มีการเข้าถึงรหัสผ่าน ข้อความในเซิร์ฟเวอร์ หรือที่ DM ➡️ Discord ทบทวนระบบตรวจจับภัยคุกคามและนโยบายความปลอดภัยของผู้ให้บริการ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Zendesk เป็นแพลตฟอร์มซัพพอร์ตที่ถูกใช้โดยหลายบริษัท รวมถึง Discord ➡️ การโจมตีผ่าน third-party vendor เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบองค์กรขนาดใหญ่ ➡️ การยืนยันตัวตนด้วยเอกสารราชการเริ่มถูกใช้มากขึ้นในแพลตฟอร์มโซเชียลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย ➡️ การเข้าถึงข้อมูลที่มี government ID อาจนำไปสู่การขโมยตัวตน (identity theft) ➡️ Discord มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 90% ในกลุ่มแอปสื่อสารสำหรับเกมเมอร์ https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/discord-data-hacked-in-latest-customer-service-breach-to-expose-user-information-hackers-gained-access-via-third-party-support-systems-but-didnt-steal-passwords
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Gboard Dial Edition — คีย์บอร์ดหมุนสุดแหวกจาก Google Japan ที่เปิดให้ทุกคนสร้างเองได้”

    ทุกวันที่ 1 ตุลาคม Google Japan จะเปิดตัวคีย์บอร์ดต้นแบบสุดแหวกแนวเพื่อโชว์ความคิดสร้างสรรค์ของทีม Gboard ที่ปกติเน้นพัฒนาแอปคีย์บอร์ดบนมือถือ ปีนี้พวกเขาเปิดตัว “Gboard Dial Edition” — คีย์บอร์ดที่ไม่มีปุ่ม แต่ใช้การหมุนแบบโทรศัพท์บ้านยุคโบราณแทน

    Gboard Dial Edition ใช้หลักการหมุนวงแหวนเพื่อเลือกตัวอักษร โดยมีวงแหวนหลักสำหรับ QWERTY และวงแหวนย่อยสำหรับปุ่มฟังก์ชัน เช่น Enter, ตัวเลข และปุ่มลูกศร การหมุนแต่ละครั้งจะมีเสียง “วืด” แบบกลไกที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคและผ่อนคลาย ซึ่งทีมงานเชื่อว่าจะช่วยลดความเครียดจากการพิมพ์และลดโอกาสพิมพ์ผิด

    ดีไซน์นี้ยังมีการแบ่งวงแหวนเป็น 3 ชั้นซ้อนกัน เพื่อประหยัดพื้นที่และเพิ่มความเร็วในการพิมพ์แบบขนาน โดยผู้ใช้สามารถหมุนหลายวงแหวนพร้อมกันได้ นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันตกแต่งด้วยผ้าหุ้มและสีสันหลากหลาย เพื่อให้เข้ากับการตกแต่งบ้าน

    แม้จะไม่วางขายจริง แต่ Google Japan ได้เปิดซอร์สทั้งหมดบน GitHub ทั้งไฟล์ 3D สำหรับพิมพ์, แผงวงจร PCB, เฟิร์มแวร์ และคู่มือประกอบ โดยใช้ Raspberry Pi Pico เป็นสมองหลักของระบบ พร้อมเซนเซอร์และมอเตอร์ควบคุมการหมุน

    Gboard Dial Edition เป็นหนึ่งในซีรีส์คีย์บอร์ดต้นแบบที่ Google Japan เคยทำ เช่น คีย์บอร์ดช้อนงอ, คีย์บอร์ดรหัสมอร์ส, และคีย์บอร์ดแถบวัดแนวแกน X ซึ่งทั้งหมดเน้นการทดลองแนวคิดใหม่ ๆ มากกว่าการผลิตเพื่อขายจริง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Gboard Dial Edition เป็นคีย์บอร์ดต้นแบบจาก Google Japan ที่ใช้การหมุนแทนการกดปุ่ม
    วงแหวนหลักใช้สำหรับ QWERTY และมีวงแหวนย่อยสำหรับปุ่มฟังก์ชัน
    เสียงกลไกขณะหมุนช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดโอกาสพิมพ์ผิด
    วงแหวนแบ่งเป็น 3 ชั้นเพื่อเพิ่มความเร็วและลดขนาด
    มีเวอร์ชันตกแต่งด้วยผ้าหุ้มและสีสันให้เข้ากับบ้าน
    เปิดซอร์สทั้งหมดบน GitHub ภายใต้ Apache License 2.0
    ใช้ Raspberry Pi Pico เป็นหน่วยประมวลผล พร้อมเซนเซอร์และมอเตอร์
    เป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมประจำปีของทีม Gboard ในการโชว์ไอเดียใหม่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Rotary dial เคยใช้ในโทรศัพท์บ้านยุค 1950–1980 ก่อนถูกแทนที่ด้วยปุ่มกด
    Raspberry Pi Pico เป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ราคาประหยัดที่นิยมใช้ในงาน DIY
    การใช้ photo sensor และ stepper motor ช่วยให้การหมุนแม่นยำและตอบสนองเร็ว
    คีย์บอร์ดต้นแบบของ Google Japan ไม่เคยวางขายจริง แต่เปิดให้ผู้ใช้สร้างเอง
    การออกแบบแบบ modular ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้ตามความต้องการ

    https://www.tomshardware.com/peripherals/keyboards/crazy-google-japan-keyboard-design-switches-keys-for-dials-the-gboard-dial-edition-shows-why-the-software-team-isnt-allowed-to-design-hardware
    🎛️ “Gboard Dial Edition — คีย์บอร์ดหมุนสุดแหวกจาก Google Japan ที่เปิดให้ทุกคนสร้างเองได้” ทุกวันที่ 1 ตุลาคม Google Japan จะเปิดตัวคีย์บอร์ดต้นแบบสุดแหวกแนวเพื่อโชว์ความคิดสร้างสรรค์ของทีม Gboard ที่ปกติเน้นพัฒนาแอปคีย์บอร์ดบนมือถือ ปีนี้พวกเขาเปิดตัว “Gboard Dial Edition” — คีย์บอร์ดที่ไม่มีปุ่ม แต่ใช้การหมุนแบบโทรศัพท์บ้านยุคโบราณแทน Gboard Dial Edition ใช้หลักการหมุนวงแหวนเพื่อเลือกตัวอักษร โดยมีวงแหวนหลักสำหรับ QWERTY และวงแหวนย่อยสำหรับปุ่มฟังก์ชัน เช่น Enter, ตัวเลข และปุ่มลูกศร การหมุนแต่ละครั้งจะมีเสียง “วืด” แบบกลไกที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคและผ่อนคลาย ซึ่งทีมงานเชื่อว่าจะช่วยลดความเครียดจากการพิมพ์และลดโอกาสพิมพ์ผิด ดีไซน์นี้ยังมีการแบ่งวงแหวนเป็น 3 ชั้นซ้อนกัน เพื่อประหยัดพื้นที่และเพิ่มความเร็วในการพิมพ์แบบขนาน โดยผู้ใช้สามารถหมุนหลายวงแหวนพร้อมกันได้ นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันตกแต่งด้วยผ้าหุ้มและสีสันหลากหลาย เพื่อให้เข้ากับการตกแต่งบ้าน แม้จะไม่วางขายจริง แต่ Google Japan ได้เปิดซอร์สทั้งหมดบน GitHub ทั้งไฟล์ 3D สำหรับพิมพ์, แผงวงจร PCB, เฟิร์มแวร์ และคู่มือประกอบ โดยใช้ Raspberry Pi Pico เป็นสมองหลักของระบบ พร้อมเซนเซอร์และมอเตอร์ควบคุมการหมุน Gboard Dial Edition เป็นหนึ่งในซีรีส์คีย์บอร์ดต้นแบบที่ Google Japan เคยทำ เช่น คีย์บอร์ดช้อนงอ, คีย์บอร์ดรหัสมอร์ส, และคีย์บอร์ดแถบวัดแนวแกน X ซึ่งทั้งหมดเน้นการทดลองแนวคิดใหม่ ๆ มากกว่าการผลิตเพื่อขายจริง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Gboard Dial Edition เป็นคีย์บอร์ดต้นแบบจาก Google Japan ที่ใช้การหมุนแทนการกดปุ่ม ➡️ วงแหวนหลักใช้สำหรับ QWERTY และมีวงแหวนย่อยสำหรับปุ่มฟังก์ชัน ➡️ เสียงกลไกขณะหมุนช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดโอกาสพิมพ์ผิด ➡️ วงแหวนแบ่งเป็น 3 ชั้นเพื่อเพิ่มความเร็วและลดขนาด ➡️ มีเวอร์ชันตกแต่งด้วยผ้าหุ้มและสีสันให้เข้ากับบ้าน ➡️ เปิดซอร์สทั้งหมดบน GitHub ภายใต้ Apache License 2.0 ➡️ ใช้ Raspberry Pi Pico เป็นหน่วยประมวลผล พร้อมเซนเซอร์และมอเตอร์ ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมประจำปีของทีม Gboard ในการโชว์ไอเดียใหม่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Rotary dial เคยใช้ในโทรศัพท์บ้านยุค 1950–1980 ก่อนถูกแทนที่ด้วยปุ่มกด ➡️ Raspberry Pi Pico เป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ราคาประหยัดที่นิยมใช้ในงาน DIY ➡️ การใช้ photo sensor และ stepper motor ช่วยให้การหมุนแม่นยำและตอบสนองเร็ว ➡️ คีย์บอร์ดต้นแบบของ Google Japan ไม่เคยวางขายจริง แต่เปิดให้ผู้ใช้สร้างเอง ➡️ การออกแบบแบบ modular ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้ตามความต้องการ https://www.tomshardware.com/peripherals/keyboards/crazy-google-japan-keyboard-design-switches-keys-for-dials-the-gboard-dial-edition-shows-why-the-software-team-isnt-allowed-to-design-hardware
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทำไมเครื่องบินยังใช้หมุดย้ำเป็นล้านตัว — ในวันที่รถยนต์เชื่อมด้วยการเชื่อมโลหะ”

    หากคุณเคยสังเกตเครื่องบินโดยสารอย่าง Airbus A320 จะเห็นว่าลำตัวและปีกของมันเต็มไปด้วยหมุดย้ำ (rivets) นับล้านตัว ต่างจากรถยนต์ที่ใช้การเชื่อมโลหะ (welding) เพื่อประกอบโครงสร้างให้เรียบเนียนและแข็งแรง แล้วทำไมอุตสาหกรรมการบินยังคงใช้เทคนิคที่เก่าแก่กว่า 5,000 ปีนี้อยู่?

    คำตอบคือ “ความเหมาะสมกับวัสดุและความปลอดภัย” — เครื่องบินส่วนใหญ่ใช้แผ่นอลูมิเนียมเป็นโครงสร้างหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติเบา แข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อน และราคาถูก แต่อลูมิเนียมกลับมีข้อเสียคือ “เชื่อมยาก” เพราะเมื่อโดนความร้อนจะสูญเสียความแข็งแรง และบางครั้งแผ่นอลูมิเนียมก็หนาเกินกว่าจะเชื่อมได้อย่างปลอดภัย

    หมุดย้ำจึงกลายเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะสามารถเชื่อมวัสดุจากด้านใน ไม่ใช่แค่ผิวภายนอก ทำให้โครงสร้างแข็งแรงกว่า และยังตรวจสอบได้ง่ายด้วยสายตา ต่างจากรอยเชื่อมที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจสอบ นอกจากนี้หมุดย้ำยังช่วยให้การซ่อมบำรุงง่ายขึ้น เพราะสามารถถอดและเปลี่ยนเฉพาะจุดได้โดยไม่กระทบโครงสร้างทั้งหมด

    แม้เทคโนโลยีการผลิตจะพัฒนาไปมาก แต่พื้นฐานของการใช้หมุดย้ำยังคงเหมือนเดิม — หัวหมุดและแกนเรียบที่เชื่อมวัสดุสองชิ้นเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา และยังคงเป็นหัวใจของความปลอดภัยในการบินที่สถิติยังยืนยันว่า “เครื่องบินคือวิธีเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เครื่องบินโดยสารยังใช้หมุดย้ำในการประกอบโครงสร้าง เช่น Airbus A320
    รถยนต์ใช้การเชื่อมโลหะเพื่อสร้างโครงสร้างแบบ unibody ที่เรียบและแข็งแรง
    หมุดย้ำเชื่อมวัสดุจากด้านใน ทำให้แข็งแรงกว่าการเชื่อมภายนอก
    อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักของเครื่องบิน เพราะเบา ทน และราคาถูก
    อลูมิเนียมมีข้อเสียคือเชื่อมยาก และสูญเสียความแข็งแรงเมื่อโดนความร้อน
    หมุดย้ำช่วยให้ตรวจสอบและซ่อมบำรุงได้ง่ายกว่ารอยเชื่อม
    การใช้หมุดย้ำยังคงเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมการบิน
    เครื่องบินยังคงเป็นวิธีเดินทางที่ปลอดภัยที่สุดตามสถิติ

    https://www.slashgear.com/1983629/why-airplanes-use-rivets-but-cars-are-welded/
    ✈️ “ทำไมเครื่องบินยังใช้หมุดย้ำเป็นล้านตัว — ในวันที่รถยนต์เชื่อมด้วยการเชื่อมโลหะ” หากคุณเคยสังเกตเครื่องบินโดยสารอย่าง Airbus A320 จะเห็นว่าลำตัวและปีกของมันเต็มไปด้วยหมุดย้ำ (rivets) นับล้านตัว ต่างจากรถยนต์ที่ใช้การเชื่อมโลหะ (welding) เพื่อประกอบโครงสร้างให้เรียบเนียนและแข็งแรง แล้วทำไมอุตสาหกรรมการบินยังคงใช้เทคนิคที่เก่าแก่กว่า 5,000 ปีนี้อยู่? คำตอบคือ “ความเหมาะสมกับวัสดุและความปลอดภัย” — เครื่องบินส่วนใหญ่ใช้แผ่นอลูมิเนียมเป็นโครงสร้างหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติเบา แข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อน และราคาถูก แต่อลูมิเนียมกลับมีข้อเสียคือ “เชื่อมยาก” เพราะเมื่อโดนความร้อนจะสูญเสียความแข็งแรง และบางครั้งแผ่นอลูมิเนียมก็หนาเกินกว่าจะเชื่อมได้อย่างปลอดภัย หมุดย้ำจึงกลายเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะสามารถเชื่อมวัสดุจากด้านใน ไม่ใช่แค่ผิวภายนอก ทำให้โครงสร้างแข็งแรงกว่า และยังตรวจสอบได้ง่ายด้วยสายตา ต่างจากรอยเชื่อมที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจสอบ นอกจากนี้หมุดย้ำยังช่วยให้การซ่อมบำรุงง่ายขึ้น เพราะสามารถถอดและเปลี่ยนเฉพาะจุดได้โดยไม่กระทบโครงสร้างทั้งหมด แม้เทคโนโลยีการผลิตจะพัฒนาไปมาก แต่พื้นฐานของการใช้หมุดย้ำยังคงเหมือนเดิม — หัวหมุดและแกนเรียบที่เชื่อมวัสดุสองชิ้นเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา และยังคงเป็นหัวใจของความปลอดภัยในการบินที่สถิติยังยืนยันว่า “เครื่องบินคือวิธีเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เครื่องบินโดยสารยังใช้หมุดย้ำในการประกอบโครงสร้าง เช่น Airbus A320 ➡️ รถยนต์ใช้การเชื่อมโลหะเพื่อสร้างโครงสร้างแบบ unibody ที่เรียบและแข็งแรง ➡️ หมุดย้ำเชื่อมวัสดุจากด้านใน ทำให้แข็งแรงกว่าการเชื่อมภายนอก ➡️ อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลักของเครื่องบิน เพราะเบา ทน และราคาถูก ➡️ อลูมิเนียมมีข้อเสียคือเชื่อมยาก และสูญเสียความแข็งแรงเมื่อโดนความร้อน ➡️ หมุดย้ำช่วยให้ตรวจสอบและซ่อมบำรุงได้ง่ายกว่ารอยเชื่อม ➡️ การใช้หมุดย้ำยังคงเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมการบิน ➡️ เครื่องบินยังคงเป็นวิธีเดินทางที่ปลอดภัยที่สุดตามสถิติ https://www.slashgear.com/1983629/why-airplanes-use-rivets-but-cars-are-welded/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Why Airplanes Still Use Millions Of Rivets (But Cars Are Welded) - SlashGear
    Modern commercial aircraft still use rivets for assembly because they're more suitable for the aluminum panels that planes use.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สวีเดนเตรียมเปิดใช้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ภายในปี 2026 — รับมือวิกฤตดิจิทัลด้วยความพร้อมระดับชาติ”

    ในประเทศที่แทบจะไร้เงินสดอย่างสวีเดน การพึ่งพาระบบดิจิทัลในการชำระเงินกลายเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตล่มหรือการโจมตีไซเบอร์ ความสามารถในการจ่ายเงินอาจกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ล่าสุดธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดการชำระเงิน เพื่อผลักดันให้ระบบ “จ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์” ใช้งานได้จริงภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026

    ระบบนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตในการซื้อสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน แม้ในกรณีที่ระบบสื่อสารข้อมูลล่ม โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความมั่นคงของระบบการเงินและความพร้อมรับมือภัยพิบัติ

    การดำเนินงานนี้ครอบคลุมทั้งผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank โดยจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น การตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร, การใช้ PIN แบบออฟไลน์ และการตรวจสอบยอดเงินแบบ local cache

    ผู้ว่าการธนาคารกลาง Erik Thedéen กล่าวว่าการที่หลายฝ่ายร่วมมือกันแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับโดยตรง ถือเป็นสัญญาณบวกของความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ เช่น e-wallet และ mobile payments

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Riksbank ประกาศให้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ใช้งานได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026
    ระบบนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าจำเป็นแม้ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
    ครอบคลุมสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน
    ผู้มีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank
    มีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น PIN ออฟไลน์ และ local cache
    Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางอื่นหลังปี 2026 เช่น e-wallet และ mobile payments
    ผู้ว่าการธนาคารกลางชื่นชมความร่วมมือของภาคเอกชนแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ระบบออฟไลน์สามารถใช้เทคโนโลยี EMV ที่ตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร
    บัตรบางประเภทสามารถเก็บยอดเงินล่วงหน้าเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
    ประเทศอื่น เช่น เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ กำลังทดลองระบบจ่ายเงินออฟไลน์ในระดับเมือง
    การจ่ายเงินแบบออฟไลน์ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หรือการล่มของระบบคลาวด์
    การเตรียมความพร้อมด้านการเงินถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติในยุโรป

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ระบบออฟไลน์อาจมีข้อจำกัดด้านจำนวนธุรกรรมต่อวันหรือยอดเงินสูงสุด
    หากไม่มีการอัปเดตข้อมูลบัตรอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิดปัญหาในการตรวจสอบยอดเงิน
    การใช้ระบบออฟไลน์ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานร้านค้าและการปรับระบบ POS
    ความปลอดภัยของข้อมูลในระบบออฟไลน์อาจต่ำกว่าระบบออนไลน์ หากไม่มีการเข้ารหัสที่ดี
    การพึ่งพาบัตรมากเกินไปอาจทำให้กลุ่มที่ไม่มีบัตรหรือไม่ใช้ดิจิทัลถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

    https://www.riksbank.se/en-gb/press-and-published/notices-and-press-releases/press-releases/2025/offline-card-payments-should-be-possible-no-later-than-1-july-2026/
    💳 “สวีเดนเตรียมเปิดใช้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ภายในปี 2026 — รับมือวิกฤตดิจิทัลด้วยความพร้อมระดับชาติ” ในประเทศที่แทบจะไร้เงินสดอย่างสวีเดน การพึ่งพาระบบดิจิทัลในการชำระเงินกลายเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตล่มหรือการโจมตีไซเบอร์ ความสามารถในการจ่ายเงินอาจกลายเป็นปัญหาระดับชาติ ล่าสุดธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) ได้ประกาศความร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดการชำระเงิน เพื่อผลักดันให้ระบบ “จ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์” ใช้งานได้จริงภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 ระบบนี้จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บัตรเดบิตหรือเครดิตในการซื้อสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน แม้ในกรณีที่ระบบสื่อสารข้อมูลล่ม โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมความมั่นคงของระบบการเงินและความพร้อมรับมือภัยพิบัติ การดำเนินงานนี้ครอบคลุมทั้งผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank โดยจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น การตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร, การใช้ PIN แบบออฟไลน์ และการตรวจสอบยอดเงินแบบ local cache ผู้ว่าการธนาคารกลาง Erik Thedéen กล่าวว่าการที่หลายฝ่ายร่วมมือกันแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับโดยตรง ถือเป็นสัญญาณบวกของความรับผิดชอบร่วมกันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และหลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางการชำระเงินอื่น ๆ เช่น e-wallet และ mobile payments ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Riksbank ประกาศให้ระบบจ่ายเงินด้วยบัตรแบบออฟไลน์ใช้งานได้ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2026 ➡️ ระบบนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อสินค้าจำเป็นแม้ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ➡️ ครอบคลุมสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร ยา และน้ำมัน ➡️ ผู้มีส่วนร่วม ได้แก่ ผู้ออกบัตร, เครือข่ายบัตร, ผู้รับชำระเงิน, ผู้ค้าปลีก และ Riksbank ➡️ มีการปรับปรุงกฎระเบียบและนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ เช่น PIN ออฟไลน์ และ local cache ➡️ Riksbank จะขยายการรองรับไปยังช่องทางอื่นหลังปี 2026 เช่น e-wallet และ mobile payments ➡️ ผู้ว่าการธนาคารกลางชื่นชมความร่วมมือของภาคเอกชนแม้ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ระบบออฟไลน์สามารถใช้เทคโนโลยี EMV ที่ตั้งค่าข้อมูลล่วงหน้าในบัตร ➡️ บัตรบางประเภทสามารถเก็บยอดเงินล่วงหน้าเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน ➡️ ประเทศอื่น เช่น เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ กำลังทดลองระบบจ่ายเงินออฟไลน์ในระดับเมือง ➡️ การจ่ายเงินแบบออฟไลน์ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีไซเบอร์หรือการล่มของระบบคลาวด์ ➡️ การเตรียมความพร้อมด้านการเงินถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติในยุโรป ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ระบบออฟไลน์อาจมีข้อจำกัดด้านจำนวนธุรกรรมต่อวันหรือยอดเงินสูงสุด ⛔ หากไม่มีการอัปเดตข้อมูลบัตรอย่างสม่ำเสมอ อาจเกิดปัญหาในการตรวจสอบยอดเงิน ⛔ การใช้ระบบออฟไลน์ต้องมีการฝึกอบรมพนักงานร้านค้าและการปรับระบบ POS ⛔ ความปลอดภัยของข้อมูลในระบบออฟไลน์อาจต่ำกว่าระบบออนไลน์ หากไม่มีการเข้ารหัสที่ดี ⛔ การพึ่งพาบัตรมากเกินไปอาจทำให้กลุ่มที่ไม่มีบัตรหรือไม่ใช้ดิจิทัลถูกทิ้งไว้ข้างหลัง https://www.riksbank.se/en-gb/press-and-published/notices-and-press-releases/press-releases/2025/offline-card-payments-should-be-possible-no-later-than-1-july-2026/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไมค์ทองคำสามวัย ครั้งที่ 6 เปิดรับสมัครแล้ว!

    วันที่ 11, 12, 18, 19 ตุลาคมนี้

    ณ สตูดิโอเวิร์คพอยท์ จ.ปทุมธานี ที่เดียวเท่านั้น

    เวลา 09.00 – 16.00 น.

    ผู้ที่มีใจรักในเพลงลูกทุ่งทุกคน ทั้งวัยเด็ก วัยรุ่น วัยเก๋า
    โอกาสของชีวิตมาถึงแล้ว

    หลักฐานการสมัคร
    ใช้บัตรประชาชนตัวจริงเท่านั้น

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.
    065-517-1907
    082-920-2745

    #ไมค์ทองคำสามวัย
    #รับสมัคร
    #ไมค์ทองคำ6
    #Workpoint23
    📢 ไมค์ทองคำสามวัย ครั้งที่ 6 เปิดรับสมัครแล้ว! 🎤✨ วันที่ 11, 12, 18, 19 ตุลาคมนี้ ณ สตูดิโอเวิร์คพอยท์ จ.ปทุมธานี ที่เดียวเท่านั้น เวลา 09.00 – 16.00 น. ผู้ที่มีใจรักในเพลงลูกทุ่งทุกคน ทั้งวัยเด็ก วัยรุ่น วัยเก๋า โอกาสของชีวิตมาถึงแล้ว 🌟 หลักฐานการสมัคร ใช้บัตรประชาชนตัวจริงเท่านั้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 📞 065-517-1907 📞 082-920-2745 #ไมค์ทองคำสามวัย #รับสมัคร #ไมค์ทองคำ6 #Workpoint23
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 1”
    การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ระหว่างประเทศผู้ชนะสงคราม ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัว เดือนเมษายน ค.ศ. 1920 รัฐมนตรีต่างประเทศที่ชนะสงคราม แอบจัดประชุมกันอีกที่ San Remo ประเทศอิตาลี โดยไม่มีผู้แทนของอเมริกาได้รับเชิญให้เข้าประชุมด้วย !

ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ หัวเรือใหญ่บอก อเมริกามาที่หลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งเค้กที่ได้มาจากการทะลายออตโตมานนี่นา เขามาเกี่ยวตรงไหน เราเป็นคนคิดริเริ่มนะ (เอะ ! พูดแบบนี้ เดี๋ยวสวยแน่ อเมริกาเพิ่งเขี้ยวงอกก็จริง แต่เป็นเขี้ยวเล็กและแหลมคม อย่าได้ประมาทเชียว) การประชุมที่ San Remo จึงเป็นการกำหนดและการกำกับ โดย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และประธานาธิบดีฝรั่งเศส Alexander Millerand ซึ่งไว้ใจกันเองมาก ถึงขนาดเดินประกบกันทุกฝีก้าว เข้าใจว่าใครไปเข้าห้องน้ำ อีกคนคงต้องตามไปด้วย
    เพื่อเป็นการปิดปากฝรั่งเศส อังกฤษตัดใจประกาศอย่างเป็นทางการ ต่อหน้าที่ประชุม เรา อังกฤษ ยินดียกหุ้นในบริษัทที่ได้สัมปทานน้ำมันในเมโสโปเตเมีย ให้แก่ฝรั่งเศส มิตรรักร่วมรบ เอาไปเลย 25% ของบริษัท เป็นของขวัญจากเรา แต่เมโสโปเตเมีย ต้องอยู่ในความดูแลของเราอังกฤษ ตกลงตามนี้นะ
    มันเป็นหุ้น 25% ของ Turkish Petroleum Gesellshaft ที่ Deutsche Bank ตั้งขึ้นภายหลังที่ออตโตมานให้ สิทธิ 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางรถไฟ (Right of way) ของเส้นทาง Berlin Bagdad ส่วนอีก 75% แน่นอน ชาวเกาะบอก ต้องเป็นของเรา โดยมอบให้ Anglo Persian Oil ที่ไปหลอกต้มมาจาก นาย D’Arcy ผู้น่าสมเพชนั่นแหละ เป็นผู้รับโอนไป
    นี่มันทั้งขยี้เขา แล้วยังขโมยของในบ้านเขาต่ออีกด้วย สันดานแบบนี้ เป็นคนก็คบไม่ได้เลย
    San Remo Agreement เป็นฝีมือวางแผนของคน ที่ได้ชื่อต่อมาว่า เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ในสมัยนั้น เขาคือ Sir Henry Deterding
    นาย Deterding เป็นชาวดัชท์ เขาเป็นอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจากกัปตัน Fisher ที่เห็นคุณค่า และอานุภาพของน้ำมัน ว่าจะเป็นทรัพยากรที่จะเป็นอาวุธสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ !
    นาย Deterding ทำงานให้รัฐบาลดัชท์ ในบริษัท Dutch East Indies ที่เกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นอาณานิคมของดัชท์ขณะนั้น สุมาตราก็มีน้ำมันตะเกียง นาย Deterding จึงตั้งบริษัทผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันอินโดนีเซีย ชื่อบริษัท Royal Dutch Oil Company
    เมื่อธุรกิจนำมันของเขาก้าวหน้า มากขึ้น ค.ศ. 1897 นาย Deterding ตัดสินใจควบบริษัท Royal Dutch Oil Company เข้ากับบริษัท Shell Transport & Trading Company ของนาย Marcus Samuel (ซึ่งต่อมาได้เป็น Lord Bearsted) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเรือขนส่งสินค้า และเป็นผู้ริเริ่มสร้างแท้งค์บรรจุน้ำมัน การควบรวมบริษัทนี้ ทำให้เกิดเป็นบริษัท Royal Dutch Shell Company ยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันของอังกฤษ และทำให้อังกฤษผงาดขึ้นมาเป็นผู้ค้าน้ำมันระดับโลก และในที่สุด เป็นคู่แข่งแบบเผ็ดร้อนกับ Standard Oil Group ของตระกูล Rockefeller ในอเมริกา
    ความสำเร็จของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ในกิจการน้ำมัน มาจากการวางแผนและสนับสนุนเกินร้อยของรัฐบาลอังกฤษ ภายใต้แผนการใช้ตัวแทน ให้เข้าไปดำเนินการฝังตัวตามที่ต่าง ๆ เพื่อหาข่าวกรอง และปฎิบัติการลับไปเกือบทุกแห่งในโลก นาย Deterding เองนั้น ภายหลังก็มีข่าวหลุดมาว่า แท้จริงแล้ว เขาสังกัดอยู่ในหน่วยราชการลับของอังกฤษตั้งแต่ต้น ถูกส่งให้ไปทำงานตั้งแต่ที่เกาะสุมาตรา ไม่งั้นมันจะไปควบรวม บริษัทใหญ่อย่างนั้นได้ ง่าย ๆ อย่างไร
    ค.ศ. 1912 ก่อนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมีส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลก เพียง 12 % หลังสงครามโลก ภายหลังจากการล่าเหยื่อ หลอกเหยื่อ ขยี้เหยื่อ จนเหลือแต่ซากแล้ว ค.ศ. 1925 อังกฤษกลายเป็นขาใหญ่ในวงการน้ำมันโลก ที่กำลังจะมาแรง
    ปฎิบัติการ San Remo นาย Deterding ทำงานร่วมกับ Sir John Cadman ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษ เข้าไปดูแล Anglo Persian Oil Company ทั้ง 2 คน เดินสายนอกรอบ ทั้งหว่าน ทั้งล้อมฝรั่งเศส ให้ฝรั่งเศสรับ 25% ของหุ้นใน Turkish Petroleum ไป แทนการเอาเมือง Mosul ฝรั่งเศส เหมือนเด็กได้อมยิ้มไป 1 กล่องในวันเดียว ดีใจเกือบตาย แทนที่จะได้ทั้งกล่องทุกวันไปตลอดชีวิต
    และด้วยอมยิ้ม 1 กล่อง ฝรั่งเศสใจป้ำ ตกลงว่าถ้าขุดน้ำมันเจอจริง และจะต้องวางท่อส่งน้ำมัน ผ่านมาทางซีเรีย ซึ่งฝรั่งเศสได้สิทธิปกครอง ฝรั่งเศสบอกเรายินดีนะ และภาษีอะไรที่ต้องมีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝรั่งเศสยกเว้นให้หมด เป็นการตอบแทน เอ้อ ! เซ่อได้สมใจ เคี้ยวนุ่มอร่อยนาน
    อังกฤษมองไกล ต่อไปนี้ ตะวันออกกลาง เค้กทั้งก้อน ไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว ต้องไม่พ้นมือเรา
    San Remo Agreement ยังใส่เงื่อนไขไว้ในสัญญาด้วยอีกว่า ต่างชาติอื่นนอกเหนือไปจากนี้ ไม่มีสิทธิมาขุดเจาะ เสาะหาน้ำมันในอาณาบริเวณเมโส โปเตเมีย เขียนแบบนี้ แปลว่า อเมริกาอย่ามาแหยม ! ไม่เชิญเขามาร่วมประชุม ก็หน้าด้านมากพอ แต่นี่ถึงขนาดตัดขาด จากการงานกินเค้ก ในอนาคตด้วยนี่ มันชักส่ออาการตระกรามมากไป
    นอกจากกันอเมริกาออกไปแล้ว San Remo Agreement ยังระบุด้วยว่า ในเรื่องน้ำมันที่โรมาเนีย และที่รัสเซีย ฝรั่งเศสจะต้องให้ความร่วมมือกับอังกฤษ ตามที่อังกฤษจูงอีกด้วย ข้อตกลงแบบนี้เหมือนการปฏิวัติเงียบ เกี่ยวกับน้ำมันในเมโสโปเตเมีย โดยชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ฯ เลยทีเดียว
    เมื่อกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา รู้เรื่องการวางไม้ขวางของอังกฤษ จึงทำหนังสือประท้วงการตัดสิทธิของ American Standard Oil ออกไปจากสัมปทานในเมโสโปเตเมีย รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ขณะนั้น Lord Curzon ทำหนังสือลงวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1921 แจ้งไปยังทูตอังกฤษที่ประจำอยู่ในวอชิตัน ให้ไปแจ้งต่ออเมริกาว่า อังกฤษเสียใจจริง ๆ ที่ไม่สามารถจะจัดการให้บริษัทน้ำมันอเมริกัน ได้รับสัมปทานในตะวันออกกลางได้
    เด็ดขาดจริงลูกพี่ ! เขียนได้เด็ด ! แต่จะขาดกันแค่ไหน เห็นจะต้องดูกันต่อไป นั่นมันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว
    San Remo Agreement น่าจะเป็นหัวเชื้อ ในการทำสงครามชิงน้ำมัน ในตะวันออกกลางระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเหยื่อที่เป็นเจ้าของน้ำมันตัวจริง ในตะวันออกกลางคงยังกำลังงง ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกับพวกตน และดินแดนของพวกตน และไม่รู้ว่าบัดนี้ยังจะเข้าใจกันมากน้อยแค่ไหน ! ?
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 1” การแบ่งเค้กตะวันออกกลาง ระหว่างประเทศผู้ชนะสงคราม ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัว เดือนเมษายน ค.ศ. 1920 รัฐมนตรีต่างประเทศที่ชนะสงคราม แอบจัดประชุมกันอีกที่ San Remo ประเทศอิตาลี โดยไม่มีผู้แทนของอเมริกาได้รับเชิญให้เข้าประชุมด้วย !

ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ หัวเรือใหญ่บอก อเมริกามาที่หลัง ไม่เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งเค้กที่ได้มาจากการทะลายออตโตมานนี่นา เขามาเกี่ยวตรงไหน เราเป็นคนคิดริเริ่มนะ (เอะ ! พูดแบบนี้ เดี๋ยวสวยแน่ อเมริกาเพิ่งเขี้ยวงอกก็จริง แต่เป็นเขี้ยวเล็กและแหลมคม อย่าได้ประมาทเชียว) การประชุมที่ San Remo จึงเป็นการกำหนดและการกำกับ โดย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Lloyd George และประธานาธิบดีฝรั่งเศส Alexander Millerand ซึ่งไว้ใจกันเองมาก ถึงขนาดเดินประกบกันทุกฝีก้าว เข้าใจว่าใครไปเข้าห้องน้ำ อีกคนคงต้องตามไปด้วย เพื่อเป็นการปิดปากฝรั่งเศส อังกฤษตัดใจประกาศอย่างเป็นทางการ ต่อหน้าที่ประชุม เรา อังกฤษ ยินดียกหุ้นในบริษัทที่ได้สัมปทานน้ำมันในเมโสโปเตเมีย ให้แก่ฝรั่งเศส มิตรรักร่วมรบ เอาไปเลย 25% ของบริษัท เป็นของขวัญจากเรา แต่เมโสโปเตเมีย ต้องอยู่ในความดูแลของเราอังกฤษ ตกลงตามนี้นะ มันเป็นหุ้น 25% ของ Turkish Petroleum Gesellshaft ที่ Deutsche Bank ตั้งขึ้นภายหลังที่ออตโตมานให้ สิทธิ 20 กิโลเมตร 2 ข้างทางรถไฟ (Right of way) ของเส้นทาง Berlin Bagdad ส่วนอีก 75% แน่นอน ชาวเกาะบอก ต้องเป็นของเรา โดยมอบให้ Anglo Persian Oil ที่ไปหลอกต้มมาจาก นาย D’Arcy ผู้น่าสมเพชนั่นแหละ เป็นผู้รับโอนไป นี่มันทั้งขยี้เขา แล้วยังขโมยของในบ้านเขาต่ออีกด้วย สันดานแบบนี้ เป็นคนก็คบไม่ได้เลย San Remo Agreement เป็นฝีมือวางแผนของคน ที่ได้ชื่อต่อมาว่า เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ในสมัยนั้น เขาคือ Sir Henry Deterding นาย Deterding เป็นชาวดัชท์ เขาเป็นอีกคนหนึ่ง นอกเหนือจากกัปตัน Fisher ที่เห็นคุณค่า และอานุภาพของน้ำมัน ว่าจะเป็นทรัพยากรที่จะเป็นอาวุธสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ ! นาย Deterding ทำงานให้รัฐบาลดัชท์ ในบริษัท Dutch East Indies ที่เกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นอาณานิคมของดัชท์ขณะนั้น สุมาตราก็มีน้ำมันตะเกียง นาย Deterding จึงตั้งบริษัทผลิตน้ำมันตะเกียง จากน้ำมันอินโดนีเซีย ชื่อบริษัท Royal Dutch Oil Company เมื่อธุรกิจนำมันของเขาก้าวหน้า มากขึ้น ค.ศ. 1897 นาย Deterding ตัดสินใจควบบริษัท Royal Dutch Oil Company เข้ากับบริษัท Shell Transport & Trading Company ของนาย Marcus Samuel (ซึ่งต่อมาได้เป็น Lord Bearsted) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการเรือขนส่งสินค้า และเป็นผู้ริเริ่มสร้างแท้งค์บรรจุน้ำมัน การควบรวมบริษัทนี้ ทำให้เกิดเป็นบริษัท Royal Dutch Shell Company ยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันของอังกฤษ และทำให้อังกฤษผงาดขึ้นมาเป็นผู้ค้าน้ำมันระดับโลก และในที่สุด เป็นคู่แข่งแบบเผ็ดร้อนกับ Standard Oil Group ของตระกูล Rockefeller ในอเมริกา ความสำเร็จของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ในกิจการน้ำมัน มาจากการวางแผนและสนับสนุนเกินร้อยของรัฐบาลอังกฤษ ภายใต้แผนการใช้ตัวแทน ให้เข้าไปดำเนินการฝังตัวตามที่ต่าง ๆ เพื่อหาข่าวกรอง และปฎิบัติการลับไปเกือบทุกแห่งในโลก นาย Deterding เองนั้น ภายหลังก็มีข่าวหลุดมาว่า แท้จริงแล้ว เขาสังกัดอยู่ในหน่วยราชการลับของอังกฤษตั้งแต่ต้น ถูกส่งให้ไปทำงานตั้งแต่ที่เกาะสุมาตรา ไม่งั้นมันจะไปควบรวม บริษัทใหญ่อย่างนั้นได้ ง่าย ๆ อย่างไร ค.ศ. 1912 ก่อนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษมีส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันโลก เพียง 12 % หลังสงครามโลก ภายหลังจากการล่าเหยื่อ หลอกเหยื่อ ขยี้เหยื่อ จนเหลือแต่ซากแล้ว ค.ศ. 1925 อังกฤษกลายเป็นขาใหญ่ในวงการน้ำมันโลก ที่กำลังจะมาแรง ปฎิบัติการ San Remo นาย Deterding ทำงานร่วมกับ Sir John Cadman ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลอังกฤษ เข้าไปดูแล Anglo Persian Oil Company ทั้ง 2 คน เดินสายนอกรอบ ทั้งหว่าน ทั้งล้อมฝรั่งเศส ให้ฝรั่งเศสรับ 25% ของหุ้นใน Turkish Petroleum ไป แทนการเอาเมือง Mosul ฝรั่งเศส เหมือนเด็กได้อมยิ้มไป 1 กล่องในวันเดียว ดีใจเกือบตาย แทนที่จะได้ทั้งกล่องทุกวันไปตลอดชีวิต และด้วยอมยิ้ม 1 กล่อง ฝรั่งเศสใจป้ำ ตกลงว่าถ้าขุดน้ำมันเจอจริง และจะต้องวางท่อส่งน้ำมัน ผ่านมาทางซีเรีย ซึ่งฝรั่งเศสได้สิทธิปกครอง ฝรั่งเศสบอกเรายินดีนะ และภาษีอะไรที่ต้องมีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝรั่งเศสยกเว้นให้หมด เป็นการตอบแทน เอ้อ ! เซ่อได้สมใจ เคี้ยวนุ่มอร่อยนาน อังกฤษมองไกล ต่อไปนี้ ตะวันออกกลาง เค้กทั้งก้อน ไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว ต้องไม่พ้นมือเรา San Remo Agreement ยังใส่เงื่อนไขไว้ในสัญญาด้วยอีกว่า ต่างชาติอื่นนอกเหนือไปจากนี้ ไม่มีสิทธิมาขุดเจาะ เสาะหาน้ำมันในอาณาบริเวณเมโส โปเตเมีย เขียนแบบนี้ แปลว่า อเมริกาอย่ามาแหยม ! ไม่เชิญเขามาร่วมประชุม ก็หน้าด้านมากพอ แต่นี่ถึงขนาดตัดขาด จากการงานกินเค้ก ในอนาคตด้วยนี่ มันชักส่ออาการตระกรามมากไป นอกจากกันอเมริกาออกไปแล้ว San Remo Agreement ยังระบุด้วยว่า ในเรื่องน้ำมันที่โรมาเนีย และที่รัสเซีย ฝรั่งเศสจะต้องให้ความร่วมมือกับอังกฤษ ตามที่อังกฤษจูงอีกด้วย ข้อตกลงแบบนี้เหมือนการปฏิวัติเงียบ เกี่ยวกับน้ำมันในเมโสโปเตเมีย โดยชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ฯ เลยทีเดียว เมื่อกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา รู้เรื่องการวางไม้ขวางของอังกฤษ จึงทำหนังสือประท้วงการตัดสิทธิของ American Standard Oil ออกไปจากสัมปทานในเมโสโปเตเมีย รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ขณะนั้น Lord Curzon ทำหนังสือลงวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 1921 แจ้งไปยังทูตอังกฤษที่ประจำอยู่ในวอชิตัน ให้ไปแจ้งต่ออเมริกาว่า อังกฤษเสียใจจริง ๆ ที่ไม่สามารถจะจัดการให้บริษัทน้ำมันอเมริกัน ได้รับสัมปทานในตะวันออกกลางได้ เด็ดขาดจริงลูกพี่ ! เขียนได้เด็ด ! แต่จะขาดกันแค่ไหน เห็นจะต้องดูกันต่อไป นั่นมันเรื่อง 100 ปีมาแล้ว San Remo Agreement น่าจะเป็นหัวเชื้อ ในการทำสงครามชิงน้ำมัน ในตะวันออกกลางระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเหยื่อที่เป็นเจ้าของน้ำมันตัวจริง ในตะวันออกกลางคงยังกำลังงง ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรกับพวกตน และดินแดนของพวกตน และไม่รู้ว่าบัดนี้ยังจะเข้าใจกันมากน้อยแค่ไหน ! ? สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ จ.สงขลา
    เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ ต.ชิงโค อำเภอสิงหนคร จ.สงขลา // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ป้องกันภยันตราย เจริญด้วยโชคลาภ ค้าขายดี กลับดวงพลิกชะตา มีความเจริญรุ่งเรือง เจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง และป้องกันคุณไสยต่างๆ กันคุณผี คุณไสยเวท แก้อาถรรพณ์ >>

    ** วัดเลียบ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างขึ้นเป็นวัดตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2300 ชาวบ้านเรียกวัดท่าออกโดยมีนายศรีพุทธ มาทำสวนอยู่บริเวณนี้ จึงได้ชักชวนชาวบ้านวัดนี้ขึ้นมา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 20พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 21.20เมตร ยาว 26.60เมตร >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ จ.สงขลา เหรียญพระครูพิทักษ์สาธุคุณ วัดเลียบ ต.ชิงโค อำเภอสิงหนคร จ.สงขลา // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม ป้องกันภยันตราย เจริญด้วยโชคลาภ ค้าขายดี กลับดวงพลิกชะตา มีความเจริญรุ่งเรือง เจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง และป้องกันคุณไสยต่างๆ กันคุณผี คุณไสยเวท แก้อาถรรพณ์ >> ** วัดเลียบ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างขึ้นเป็นวัดตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2300 ชาวบ้านเรียกวัดท่าออกโดยมีนายศรีพุทธ มาทำสวนอยู่บริเวณนี้ จึงได้ชักชวนชาวบ้านวัดนี้ขึ้นมา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 20พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 เขตวิสุงคามสีมากว้าง 21.20เมตร ยาว 26.60เมตร >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี
    เหรียญลงยาเคลือบหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว อำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณด้านเมตตา มหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง คงกระพันชาตรี และโชคลาภ ประสบความสำเร็จในด้านการค้าและการเงิน >>

    ** หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว พระนักพัฒนารูปสำคัญ แห่งวัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พระพุทธโคดม เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๒ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง ๑๗ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกพระเกตุมาลา เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๒ >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี เหรียญลงยาเคลือบหลวงพ่อขอมหลังสมเด็จพุทธโคดม วัดไผ่โรงวัว อำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี // พระดีพิธีขลัง !! //พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณด้านเมตตา มหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง คงกระพันชาตรี และโชคลาภ ประสบความสำเร็จในด้านการค้าและการเงิน >> ** หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว พระนักพัฒนารูปสำคัญ แห่งวัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พระพุทธโคดม เป็นพระพุทธรูปโลหะสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๒ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง ๑๗ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกพระเกตุมาลา เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๒ >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระดูง่าย หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หลุดแอป OneDrive ใหม่บน Windows 11 — สวยขึ้น ฉลาดขึ้น แต่ผู้ใช้บางส่วนตั้งคำถามว่า ‘จำเป็นแค่ไหน?’”

    Microsoft กำลังพัฒนาแอป OneDrive ใหม่สำหรับ Windows 11 ซึ่งหลุดออกมาจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเอง โดยแอปนี้มีดีไซน์ใหม่ที่ดูสะอาดตา ทันสมัย และเน้นการใช้งานด้านภาพถ่ายเป็นหลัก เริ่มต้นด้วยหน้าจอแสดงภาพถ่ายแบบ “Moments” ที่รวมภาพจากอดีตในวันเดียวกัน พร้อมฟีเจอร์ Gallery, Albums และ People ที่ช่วยจัดการภาพได้ง่ายขึ้น

    แม้จะเป็นแอปแบบ web-based แต่รายงานจาก Windows Central ระบุว่าแอปนี้ทำงานลื่นไหล ไม่เหมือน Outlook เวอร์ชันใหม่ที่เป็นเว็บแอปแต่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพ

    สิ่งที่น่าสนใจคือแอปนี้มีฟีเจอร์ใหม่ที่ยังไม่ปรากฏใน OneDrive เวอร์ชันเว็บ เช่น แถบเมนูลอยที่ปรากฏเมื่อเลือกภาพ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้แชร์ภาพ เพิ่มลงอัลบั้ม หรือจัดการได้ทันที โดยไม่ต้องเลื่อนกลับไปยังเมนูหลัก

    อย่างไรก็ตาม หลายคนตั้งคำถามว่าแอปนี้มีความจำเป็นแค่ไหน เพราะปัจจุบันผู้ใช้สามารถเข้าถึง OneDrive ผ่าน File Explorer หรือแอป Photos ได้อยู่แล้ว แม้จะไม่สวยงามเท่า แต่ก็ใช้งานได้ครบถ้วน

    คาดว่า Microsoft จะเปิดตัวแอปนี้อย่างเป็นทางการในงาน OneDrive Digital Event วันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งมีการพูดถึง “ความก้าวหน้าด้าน AI” ของ OneDrive อย่างชัดเจน อาจหมายถึงการฝังฟีเจอร์ Copilot เพื่อช่วยสรุปเอกสารหรือจัดการไฟล์ด้วย AI โดยไม่ต้องเปิดไฟล์เลย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Microsoft กำลังพัฒนาแอป OneDrive ใหม่สำหรับ Windows 11 โดยหลุดจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท
    แอปมีดีไซน์ใหม่ที่เน้นภาพถ่าย เช่น Moments, Gallery, Albums และ People
    มีแถบเมนูลอยใหม่ที่ช่วยจัดการภาพได้ทันทีเมื่อเลือก
    แอปเป็นแบบ web-based แต่ทำงานลื่นไหล ไม่เหมือน Outlook ใหม่ที่มีปัญหา
    Gallery view ใหม่มีตัวเลือก layout เช่น River, Waterfall และ Square
    คาดว่าจะเปิดตัวในงาน OneDrive Digital Event วันที่ 8 ตุลาคม
    มีการพูดถึงการฝังฟีเจอร์ AI เช่น Copilot เพื่อช่วยจัดการไฟล์และเอกสาร
    แอปนี้อาจมาในรูปแบบอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับผู้ใช้ Windows 11 ปัจจุบัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Copilot เป็น AI ผู้ช่วยของ Microsoft ที่สามารถสรุปเอกสาร ตอบคำถาม และจัดการไฟล์ได้
    OneDrive ปัจจุบันสามารถเข้าถึงผ่าน File Explorer, Photos และเว็บไซต์
    Moments เป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่ในแอปมือถือของ OneDrive ซึ่งแสดงภาพจากอดีตในวันเดียวกัน
    การรวมภาพและไฟล์ไว้ในแอปเดียวช่วยลดการสลับแอปและเพิ่ม productivity
    การใช้ web app ช่วยให้ Microsoft อัปเดตฟีเจอร์ได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งระบบปฏิบัติการ

    https://www.techradar.com/computing/windows/will-microsoft-never-learn-leaked-onedrive-app-sparks-fears-of-more-pointless-bloat-in-windows-11
    🗂️ “หลุดแอป OneDrive ใหม่บน Windows 11 — สวยขึ้น ฉลาดขึ้น แต่ผู้ใช้บางส่วนตั้งคำถามว่า ‘จำเป็นแค่ไหน?’” Microsoft กำลังพัฒนาแอป OneDrive ใหม่สำหรับ Windows 11 ซึ่งหลุดออกมาจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเอง โดยแอปนี้มีดีไซน์ใหม่ที่ดูสะอาดตา ทันสมัย และเน้นการใช้งานด้านภาพถ่ายเป็นหลัก เริ่มต้นด้วยหน้าจอแสดงภาพถ่ายแบบ “Moments” ที่รวมภาพจากอดีตในวันเดียวกัน พร้อมฟีเจอร์ Gallery, Albums และ People ที่ช่วยจัดการภาพได้ง่ายขึ้น แม้จะเป็นแอปแบบ web-based แต่รายงานจาก Windows Central ระบุว่าแอปนี้ทำงานลื่นไหล ไม่เหมือน Outlook เวอร์ชันใหม่ที่เป็นเว็บแอปแต่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพ สิ่งที่น่าสนใจคือแอปนี้มีฟีเจอร์ใหม่ที่ยังไม่ปรากฏใน OneDrive เวอร์ชันเว็บ เช่น แถบเมนูลอยที่ปรากฏเมื่อเลือกภาพ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้แชร์ภาพ เพิ่มลงอัลบั้ม หรือจัดการได้ทันที โดยไม่ต้องเลื่อนกลับไปยังเมนูหลัก อย่างไรก็ตาม หลายคนตั้งคำถามว่าแอปนี้มีความจำเป็นแค่ไหน เพราะปัจจุบันผู้ใช้สามารถเข้าถึง OneDrive ผ่าน File Explorer หรือแอป Photos ได้อยู่แล้ว แม้จะไม่สวยงามเท่า แต่ก็ใช้งานได้ครบถ้วน คาดว่า Microsoft จะเปิดตัวแอปนี้อย่างเป็นทางการในงาน OneDrive Digital Event วันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งมีการพูดถึง “ความก้าวหน้าด้าน AI” ของ OneDrive อย่างชัดเจน อาจหมายถึงการฝังฟีเจอร์ Copilot เพื่อช่วยสรุปเอกสารหรือจัดการไฟล์ด้วย AI โดยไม่ต้องเปิดไฟล์เลย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Microsoft กำลังพัฒนาแอป OneDrive ใหม่สำหรับ Windows 11 โดยหลุดจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท ➡️ แอปมีดีไซน์ใหม่ที่เน้นภาพถ่าย เช่น Moments, Gallery, Albums และ People ➡️ มีแถบเมนูลอยใหม่ที่ช่วยจัดการภาพได้ทันทีเมื่อเลือก ➡️ แอปเป็นแบบ web-based แต่ทำงานลื่นไหล ไม่เหมือน Outlook ใหม่ที่มีปัญหา ➡️ Gallery view ใหม่มีตัวเลือก layout เช่น River, Waterfall และ Square ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวในงาน OneDrive Digital Event วันที่ 8 ตุลาคม ➡️ มีการพูดถึงการฝังฟีเจอร์ AI เช่น Copilot เพื่อช่วยจัดการไฟล์และเอกสาร ➡️ แอปนี้อาจมาในรูปแบบอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับผู้ใช้ Windows 11 ปัจจุบัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Copilot เป็น AI ผู้ช่วยของ Microsoft ที่สามารถสรุปเอกสาร ตอบคำถาม และจัดการไฟล์ได้ ➡️ OneDrive ปัจจุบันสามารถเข้าถึงผ่าน File Explorer, Photos และเว็บไซต์ ➡️ Moments เป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่ในแอปมือถือของ OneDrive ซึ่งแสดงภาพจากอดีตในวันเดียวกัน ➡️ การรวมภาพและไฟล์ไว้ในแอปเดียวช่วยลดการสลับแอปและเพิ่ม productivity ➡️ การใช้ web app ช่วยให้ Microsoft อัปเดตฟีเจอร์ได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งระบบปฏิบัติการ https://www.techradar.com/computing/windows/will-microsoft-never-learn-leaked-onedrive-app-sparks-fears-of-more-pointless-bloat-in-windows-11
    WWW.TECHRADAR.COM
    Microsoft's new OneDrive app is leaked - will it be a useful addition to Windows 11, or just pointless bloat?
    The new OneDrive app looks slick, sure, but there are questions about the purpose of this potential addition to the OS
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Taiwan Model: ข้อเสนอพันธมิตรเทคโนโลยีใหม่ระหว่างไต้หวัน–สหรัฐฯ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างอธิปไตยกับการลงทุนต่างแดน”

    ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2025 คณะผู้แทนจากไต้หวันนำโดยรองนายกรัฐมนตรี Cheng Li-chiun ได้เดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อเสนอแนวทางความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระดับสูงรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Taiwan Model” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ โดยไม่กระทบต่ออธิปไตยด้านการผลิตชิปของไต้หวัน

    Taiwan Model คือข้อเสนอที่ให้บริษัทไต้หวันสามารถลงทุนในสหรัฐฯ ได้อย่างอิสระ โดยรัฐบาลไต้หวันจะสนับสนุนผ่านการค้ำประกันสินเชื่อการส่งออกและระบบประกันการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ จะให้สิทธิพิเศษ เช่น ที่ดิน วีซ่า และการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเอื้อต่อการลงทุน

    แนวทางนี้ยังรวมถึงการแบ่งปันประสบการณ์ของไต้หวันในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น Hsinchu Science Park ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ข้อเสนอ Taiwan Model ได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับข้อเสนอเดิมที่เคยถูกปฏิเสธอย่างชัดเจน เช่น การให้ไต้หวันย้ายการผลิตชิป 50% ไปยังสหรัฐฯ ซึ่งไต้หวันยืนยันว่าจะเก็บการผลิตขั้นสูงไว้ภายในประเทศ เนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์กับจีนที่อยู่ห่างออกไปเพียง 80 ไมล์

    ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ กำลังผลักดันนโยบายใหม่ เช่น กฎ 1:1 ที่กำหนดให้ผู้ผลิตชิปต้องผลิตในสหรัฐฯ หนึ่งชิปต่อการนำเข้าหนึ่งชิป เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี 100% ซึ่งไต้หวันหวังว่าจะใช้ Taiwan Model เป็นเครื่องมือในการเจรจาลดภาษีเหล่านี้ และขยายสิทธิยกเว้นภาษีที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุมมากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Taiwan Model เป็นข้อเสนอความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างไต้หวัน–สหรัฐฯ
    รองนายกรัฐมนตรี Cheng Li-chiun นำคณะผู้แทนเสนอแนวทางนี้ในปลายเดือนกันยายน 2025
    บริษัทไต้หวันสามารถลงทุนในสหรัฐฯ ได้อย่างอิสระ โดยมีการค้ำประกันสินเชื่อและประกันการลงทุนจากรัฐบาล
    สหรัฐฯ จะให้สิทธิพิเศษ เช่น ที่ดิน วีซ่า และปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเอื้อต่อการลงทุน
    ไต้หวันจะแบ่งปันประสบการณ์ในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    Taiwan Model ได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ
    ไต้หวันปฏิเสธข้อเสนอให้ย้ายการผลิตชิป 50% ไปยังสหรัฐฯ
    สหรัฐฯ เสนอ “กฎ 1:1” เพื่อกระตุ้นการผลิตชิปในประเทศ
    ไต้หวันหวังใช้ Taiwan Model เพื่อขยายสิทธิยกเว้นภาษีและลดภาษีที่มีอยู่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Hsinchu Science Park เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของไต้หวันที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    CHIPS Act ของสหรัฐฯ เป็นนโยบายสนับสนุนการผลิตชิปในประเทศผ่านเงินทุนและสิทธิประโยชน์
    TSMC มีโรงงานในรัฐแอริโซนา แต่ยังคงเก็บการผลิตขั้นสูงไว้ในไต้หวัน
    การค้ำประกันสินเชื่อและประกันการลงทุนเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเสี่ยงของธุรกิจข้ามชาติ
    ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างประเทศต้องคำนึงถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/taiwan-proposes-strategic-tech-alliance-with-the-white-house-taiwan-model-would-help-companies-invest-easily-in-the-u-s-to-satisfy-demands
    🌏 “Taiwan Model: ข้อเสนอพันธมิตรเทคโนโลยีใหม่ระหว่างไต้หวัน–สหรัฐฯ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างอธิปไตยกับการลงทุนต่างแดน” ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2025 คณะผู้แทนจากไต้หวันนำโดยรองนายกรัฐมนตรี Cheng Li-chiun ได้เดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อเสนอแนวทางความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระดับสูงรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Taiwan Model” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ โดยไม่กระทบต่ออธิปไตยด้านการผลิตชิปของไต้หวัน Taiwan Model คือข้อเสนอที่ให้บริษัทไต้หวันสามารถลงทุนในสหรัฐฯ ได้อย่างอิสระ โดยรัฐบาลไต้หวันจะสนับสนุนผ่านการค้ำประกันสินเชื่อการส่งออกและระบบประกันการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ จะให้สิทธิพิเศษ เช่น ที่ดิน วีซ่า และการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเอื้อต่อการลงทุน แนวทางนี้ยังรวมถึงการแบ่งปันประสบการณ์ของไต้หวันในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น Hsinchu Science Park ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อเสนอ Taiwan Model ได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับข้อเสนอเดิมที่เคยถูกปฏิเสธอย่างชัดเจน เช่น การให้ไต้หวันย้ายการผลิตชิป 50% ไปยังสหรัฐฯ ซึ่งไต้หวันยืนยันว่าจะเก็บการผลิตขั้นสูงไว้ภายในประเทศ เนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์กับจีนที่อยู่ห่างออกไปเพียง 80 ไมล์ ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ กำลังผลักดันนโยบายใหม่ เช่น กฎ 1:1 ที่กำหนดให้ผู้ผลิตชิปต้องผลิตในสหรัฐฯ หนึ่งชิปต่อการนำเข้าหนึ่งชิป เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี 100% ซึ่งไต้หวันหวังว่าจะใช้ Taiwan Model เป็นเครื่องมือในการเจรจาลดภาษีเหล่านี้ และขยายสิทธิยกเว้นภาษีที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุมมากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Taiwan Model เป็นข้อเสนอความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างไต้หวัน–สหรัฐฯ ➡️ รองนายกรัฐมนตรี Cheng Li-chiun นำคณะผู้แทนเสนอแนวทางนี้ในปลายเดือนกันยายน 2025 ➡️ บริษัทไต้หวันสามารถลงทุนในสหรัฐฯ ได้อย่างอิสระ โดยมีการค้ำประกันสินเชื่อและประกันการลงทุนจากรัฐบาล ➡️ สหรัฐฯ จะให้สิทธิพิเศษ เช่น ที่ดิน วีซ่า และปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเอื้อต่อการลงทุน ➡️ ไต้หวันจะแบ่งปันประสบการณ์ในการสร้างนิคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ➡️ Taiwan Model ได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ➡️ ไต้หวันปฏิเสธข้อเสนอให้ย้ายการผลิตชิป 50% ไปยังสหรัฐฯ ➡️ สหรัฐฯ เสนอ “กฎ 1:1” เพื่อกระตุ้นการผลิตชิปในประเทศ ➡️ ไต้หวันหวังใช้ Taiwan Model เพื่อขยายสิทธิยกเว้นภาษีและลดภาษีที่มีอยู่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Hsinchu Science Park เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของไต้หวันที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ CHIPS Act ของสหรัฐฯ เป็นนโยบายสนับสนุนการผลิตชิปในประเทศผ่านเงินทุนและสิทธิประโยชน์ ➡️ TSMC มีโรงงานในรัฐแอริโซนา แต่ยังคงเก็บการผลิตขั้นสูงไว้ในไต้หวัน ➡️ การค้ำประกันสินเชื่อและประกันการลงทุนเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเสี่ยงของธุรกิจข้ามชาติ ➡️ ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างประเทศต้องคำนึงถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/taiwan-proposes-strategic-tech-alliance-with-the-white-house-taiwan-model-would-help-companies-invest-easily-in-the-u-s-to-satisfy-demands
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • “SpaceX เตรียมปล่อยดาวเทียม Starlink กลุ่มใหม่ — พร้อมทดสอบ Starship ครั้งที่ 5 เพื่อภารกิจสู่ดวงจันทร์และดาวอังคาร”

    หลังจากเพิ่งปล่อยดาวเทียม Starlink ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน SpaceX ก็ไม่รอช้า เตรียมภารกิจใหม่ในวันที่ 3 ตุลาคม 2025 โดยจะปล่อยจรวด Falcon 9 จากฐานยิง SLC-4E ที่ Vandenberg Space Force Base รัฐแคลิฟอร์เนีย เวลา 6:00 น. PDT (13:00 UTC) ภารกิจนี้มีชื่อว่า Starlink Group 11-39 ซึ่งจะนำดาวเทียม Starlink V2 Mini จำนวน 28 ดวงเข้าสู่วงโคจรระดับต่ำที่ความสูงประมาณ 595 กิโลเมตร

    แม้จะเป็นภารกิจลำดับที่ 39 ของกลุ่มนี้ แต่จริง ๆ แล้วนี่คือการปล่อยครั้งที่ 15 สำหรับวงโคจรเฉพาะนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมประสิทธิภาพและขยายพื้นที่ครอบคลุมของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต Starlink ที่ปัจจุบันมีดาวเทียมทำงานอยู่แล้วกว่า 8,460 ดวงทั่วโลก

    หลังจากปล่อยดาวเทียมแล้ว บูสเตอร์ขั้นแรกของ Falcon 9 จะพยายามลงจอดบนเรือโดรน “Of Course I Still Love You” ที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงโซนิคบูมในพื้นที่ Santa Barbara, San Luis Obispo และ Ventura

    นอกจากภารกิจ Starlink แล้ว SpaceX ยังเตรียมทดสอบจรวด Starship ครั้งที่ 5 ในวันที่ 13 ตุลาคม 2025 จากฐาน Starbase ในรัฐเท็กซัส โดยจรวด Starship ถือเป็นจรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก และเป็นหัวใจของแผนการพามนุษย์กลับไปดวงจันทร์และเดินทางสู่ดาวอังคารในอนาคต

    การทดสอบครั้งก่อนในเดือนสิงหาคมประสบความสำเร็จ ขณะที่การทดสอบในเดือนมิถุนายนจบลงด้วยการระเบิด แต่ Elon Musk ยืนยันว่าจะเร่งรอบการทดสอบให้เร็วขึ้น หลังได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

    ผู้สนใจสามารถติดตามการถ่ายทอดสดได้ผ่านเว็บไซต์ SpaceX, แอป X TV หรือบัญชี @SpaceX บนแพลตฟอร์ม X โดยการถ่ายทอดจะเริ่มประมาณ 5 นาทีก่อนปล่อยจรวด และสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Satellite Tracker, SkySafari หรือ Stellarium เพื่อติดตามตำแหน่งของดาวเทียม Starlink ได้แบบเรียลไทม์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    SpaceX เตรียมปล่อยจรวด Falcon 9 ภารกิจ Starlink Group 11-39 วันที่ 3 ตุลาคม 2025
    ปล่อยจากฐาน SLC-4E ที่ Vandenberg Space Force Base เวลา 6:00 น. PDT
    บรรทุกดาวเทียม Starlink V2 Mini จำนวน 28 ดวง เข้าสู่วงโคจรต่ำที่ 595 กม.
    เป็นการปล่อยครั้งที่ 15 สำหรับวงโคจรเฉพาะนี้ แม้จะเป็นภารกิจลำดับที่ 39
    ปัจจุบันมีดาวเทียม Starlink ทำงานอยู่แล้วกว่า 8,460 ดวง
    บูสเตอร์ขั้นแรกจะลงจอดบนเรือโดรน “Of Course I Still Love You” ในมหาสมุทรแปซิฟิก
    อาจเกิดเสียงโซนิคบูมในพื้นที่ Santa Barbara, San Luis Obispo และ Ventura
    SpaceX เตรียมทดสอบจรวด Starship ครั้งที่ 5 วันที่ 13 ตุลาคม 2025 ที่ Starbase, Texas
    Starship เป็นจรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก ใช้สำหรับภารกิจดวงจันทร์และดาวอังคาร
    การถ่ายทอดสดสามารถดูได้ผ่านเว็บไซต์ SpaceX, แอป X TV และบัญชี @SpaceX

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Starlink V2 Mini มีขนาดเล็กลงแต่ประสิทธิภาพสูงขึ้น รองรับการเชื่อมต่อในพื้นที่ห่างไกล
    เรือโดรน “Of Course I Still Love You” เป็นหนึ่งในระบบลงจอดอัตโนมัติของ SpaceX
    Starship มีความสูงกว่า 120 เมตร และสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่า 100 ตัน
    การทดสอบ Starship เป็นขั้นตอนสำคัญก่อนภารกิจ Artemis ของ NASA
    การติดตามดาวเทียม Starlink สามารถทำได้ผ่านแอปมือถือและเว็บไซต์เฉพาะทาง

    https://www.slashgear.com/1984666/how-to-see-when-and-where-next-spacex-launch-is/
    🚀 “SpaceX เตรียมปล่อยดาวเทียม Starlink กลุ่มใหม่ — พร้อมทดสอบ Starship ครั้งที่ 5 เพื่อภารกิจสู่ดวงจันทร์และดาวอังคาร” หลังจากเพิ่งปล่อยดาวเทียม Starlink ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน SpaceX ก็ไม่รอช้า เตรียมภารกิจใหม่ในวันที่ 3 ตุลาคม 2025 โดยจะปล่อยจรวด Falcon 9 จากฐานยิง SLC-4E ที่ Vandenberg Space Force Base รัฐแคลิฟอร์เนีย เวลา 6:00 น. PDT (13:00 UTC) ภารกิจนี้มีชื่อว่า Starlink Group 11-39 ซึ่งจะนำดาวเทียม Starlink V2 Mini จำนวน 28 ดวงเข้าสู่วงโคจรระดับต่ำที่ความสูงประมาณ 595 กิโลเมตร แม้จะเป็นภารกิจลำดับที่ 39 ของกลุ่มนี้ แต่จริง ๆ แล้วนี่คือการปล่อยครั้งที่ 15 สำหรับวงโคจรเฉพาะนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมประสิทธิภาพและขยายพื้นที่ครอบคลุมของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต Starlink ที่ปัจจุบันมีดาวเทียมทำงานอยู่แล้วกว่า 8,460 ดวงทั่วโลก หลังจากปล่อยดาวเทียมแล้ว บูสเตอร์ขั้นแรกของ Falcon 9 จะพยายามลงจอดบนเรือโดรน “Of Course I Still Love You” ที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงโซนิคบูมในพื้นที่ Santa Barbara, San Luis Obispo และ Ventura นอกจากภารกิจ Starlink แล้ว SpaceX ยังเตรียมทดสอบจรวด Starship ครั้งที่ 5 ในวันที่ 13 ตุลาคม 2025 จากฐาน Starbase ในรัฐเท็กซัส โดยจรวด Starship ถือเป็นจรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก และเป็นหัวใจของแผนการพามนุษย์กลับไปดวงจันทร์และเดินทางสู่ดาวอังคารในอนาคต การทดสอบครั้งก่อนในเดือนสิงหาคมประสบความสำเร็จ ขณะที่การทดสอบในเดือนมิถุนายนจบลงด้วยการระเบิด แต่ Elon Musk ยืนยันว่าจะเร่งรอบการทดสอบให้เร็วขึ้น หลังได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล ผู้สนใจสามารถติดตามการถ่ายทอดสดได้ผ่านเว็บไซต์ SpaceX, แอป X TV หรือบัญชี @SpaceX บนแพลตฟอร์ม X โดยการถ่ายทอดจะเริ่มประมาณ 5 นาทีก่อนปล่อยจรวด และสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Satellite Tracker, SkySafari หรือ Stellarium เพื่อติดตามตำแหน่งของดาวเทียม Starlink ได้แบบเรียลไทม์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ SpaceX เตรียมปล่อยจรวด Falcon 9 ภารกิจ Starlink Group 11-39 วันที่ 3 ตุลาคม 2025 ➡️ ปล่อยจากฐาน SLC-4E ที่ Vandenberg Space Force Base เวลา 6:00 น. PDT ➡️ บรรทุกดาวเทียม Starlink V2 Mini จำนวน 28 ดวง เข้าสู่วงโคจรต่ำที่ 595 กม. ➡️ เป็นการปล่อยครั้งที่ 15 สำหรับวงโคจรเฉพาะนี้ แม้จะเป็นภารกิจลำดับที่ 39 ➡️ ปัจจุบันมีดาวเทียม Starlink ทำงานอยู่แล้วกว่า 8,460 ดวง ➡️ บูสเตอร์ขั้นแรกจะลงจอดบนเรือโดรน “Of Course I Still Love You” ในมหาสมุทรแปซิฟิก ➡️ อาจเกิดเสียงโซนิคบูมในพื้นที่ Santa Barbara, San Luis Obispo และ Ventura ➡️ SpaceX เตรียมทดสอบจรวด Starship ครั้งที่ 5 วันที่ 13 ตุลาคม 2025 ที่ Starbase, Texas ➡️ Starship เป็นจรวดที่ทรงพลังที่สุดในโลก ใช้สำหรับภารกิจดวงจันทร์และดาวอังคาร ➡️ การถ่ายทอดสดสามารถดูได้ผ่านเว็บไซต์ SpaceX, แอป X TV และบัญชี @SpaceX ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Starlink V2 Mini มีขนาดเล็กลงแต่ประสิทธิภาพสูงขึ้น รองรับการเชื่อมต่อในพื้นที่ห่างไกล ➡️ เรือโดรน “Of Course I Still Love You” เป็นหนึ่งในระบบลงจอดอัตโนมัติของ SpaceX ➡️ Starship มีความสูงกว่า 120 เมตร และสามารถบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่า 100 ตัน ➡️ การทดสอบ Starship เป็นขั้นตอนสำคัญก่อนภารกิจ Artemis ของ NASA ➡️ การติดตามดาวเทียม Starlink สามารถทำได้ผ่านแอปมือถือและเว็บไซต์เฉพาะทาง https://www.slashgear.com/1984666/how-to-see-when-and-where-next-spacex-launch-is/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Interested In Seeing The Next SpaceX Launch? Here's What We Know About When And Where It Is - SlashGear
    SpaceX’s next Falcon 9 launch is scheduled for Oct. 3, 2025, from Vandenberg SFB in California, carrying 28 Starlink V2 Mini satellites.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ศาลเนเธอร์แลนด์สั่ง Meta เคารพสิทธิผู้ใช้ — ต้องให้เลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ตามกฎหมาย DSA”

    ในวันที่โลกออนไลน์ถูกควบคุมด้วยอัลกอริทึมและโฆษณาแบบเจาะจง กลุ่มสิทธิดิจิทัล Bits of Freedom จากเนเธอร์แลนด์ได้ยื่นฟ้อง Meta (เจ้าของ Facebook และ Instagram) ฐานละเมิดกฎหมาย Digital Services Act (DSA) ของสหภาพยุโรป ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้มีสิทธิเลือกเนื้อหาที่ตนเห็นได้อย่างแท้จริง

    ศาลอัมสเตอร์ดัมตัดสินว่า Meta ละเมิดกฎหมาย DSA โดยไม่ให้ผู้ใช้เลือกฟีดแบบไม่ใช้การวิเคราะห์โปรไฟล์อย่างชัดเจน และแม้ผู้ใช้จะเลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ไว้แล้ว แอปก็ยังกลับไปใช้ฟีดแบบอัลกอริทึมทุกครั้งที่เปิดใหม่หรือเปลี่ยนหน้า ซึ่งขัดต่อหลักการ “อำนาจในการเลือก” ที่ DSA กำหนดไว้

    ศาลสั่งให้ Meta ปรับปรุงแอปภายในสองสัปดาห์ ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ได้ “โดยตรงและง่าย” และต้องจำค่าการเลือกของผู้ใช้ไว้ ไม่เปลี่ยนกลับโดยอัตโนมัติ หากไม่ปฏิบัติตาม Meta จะถูกปรับวันละ €100,000 สูงสุด €5 ล้าน

    Bits of Freedom ระบุว่า การที่ผู้ใช้ต้องค้นหาฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ที่ถูกซ่อนไว้ และยังถูกตัดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Direct Message ถือเป็นการบิดเบือนสิทธิในการเลือก และเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเนเธอร์แลนด์ปลายเดือนนี้

    แม้ Meta จะประกาศว่าจะอุทธรณ์คำตัดสิน โดยอ้างว่าได้ปรับระบบตาม DSA แล้ว และควรให้คณะกรรมาธิการยุโรปเป็นผู้กำกับดูแล ไม่ใช่ศาลแต่ละประเทศ แต่คำตัดสินนี้ก็ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงว่า “แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ไม่ใช่ผู้แตะต้องไม่ได้”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Bits of Freedom ฟ้อง Meta ฐานละเมิดกฎหมาย Digital Services Act (DSA)
    DSA กำหนดให้ผู้ใช้มีสิทธิเลือกเนื้อหาที่เห็นได้อย่างแท้จริง
    ศาลตัดสินว่า Meta ละเมิดสิทธิผู้ใช้โดยไม่ให้เลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์อย่างถาวร
    แอปของ Meta จะกลับไปใช้ฟีดแบบอัลกอริทึมทุกครั้งที่เปิดใหม่หรือเปลี่ยนหน้า
    ศาลสั่งให้ Meta ปรับแอปภายใน 2 สัปดาห์ ให้เข้าถึงฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ได้ง่ายและจำค่าการเลือก
    หากไม่ปฏิบัติตาม Meta จะถูกปรับวันละ €100,000 สูงสุด €5 ล้าน
    ผู้ใช้ที่เลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์จะถูกตัดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Direct Message
    Meta ระบุว่าจะอุทธรณ์ และควรให้คณะกรรมาธิการยุโรปเป็นผู้กำกับดูแล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DSA มีผลบังคับใช้ในปี 2024 เพื่อควบคุมแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ในยุโรป
    ฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์มักเรียกว่า “chronological feed” หรือ “non-personalized feed”
    การใช้อัลกอริทึมเพื่อแสดงเนื้อหาอาจส่งผลต่อการรับรู้และการมีส่วนร่วมทางสังคม
    การซ่อนตัวเลือกฟีดที่ไม่ใช้โปรไฟล์เป็นเทคนิคที่เรียกว่า “dark pattern”
    การตัดฟีเจอร์เมื่อเลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์อาจละเมิดหลักการ “fair access”

    https://www.bitsoffreedom.nl/2025/10/02/judge-in-the-bits-of-freedom-vs-meta-lawsuit-meta-must-respect-users-choice/
    ⚖️ “ศาลเนเธอร์แลนด์สั่ง Meta เคารพสิทธิผู้ใช้ — ต้องให้เลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ตามกฎหมาย DSA” ในวันที่โลกออนไลน์ถูกควบคุมด้วยอัลกอริทึมและโฆษณาแบบเจาะจง กลุ่มสิทธิดิจิทัล Bits of Freedom จากเนเธอร์แลนด์ได้ยื่นฟ้อง Meta (เจ้าของ Facebook และ Instagram) ฐานละเมิดกฎหมาย Digital Services Act (DSA) ของสหภาพยุโรป ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ใช้มีสิทธิเลือกเนื้อหาที่ตนเห็นได้อย่างแท้จริง ศาลอัมสเตอร์ดัมตัดสินว่า Meta ละเมิดกฎหมาย DSA โดยไม่ให้ผู้ใช้เลือกฟีดแบบไม่ใช้การวิเคราะห์โปรไฟล์อย่างชัดเจน และแม้ผู้ใช้จะเลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ไว้แล้ว แอปก็ยังกลับไปใช้ฟีดแบบอัลกอริทึมทุกครั้งที่เปิดใหม่หรือเปลี่ยนหน้า ซึ่งขัดต่อหลักการ “อำนาจในการเลือก” ที่ DSA กำหนดไว้ ศาลสั่งให้ Meta ปรับปรุงแอปภายในสองสัปดาห์ ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ได้ “โดยตรงและง่าย” และต้องจำค่าการเลือกของผู้ใช้ไว้ ไม่เปลี่ยนกลับโดยอัตโนมัติ หากไม่ปฏิบัติตาม Meta จะถูกปรับวันละ €100,000 สูงสุด €5 ล้าน Bits of Freedom ระบุว่า การที่ผู้ใช้ต้องค้นหาฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ที่ถูกซ่อนไว้ และยังถูกตัดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Direct Message ถือเป็นการบิดเบือนสิทธิในการเลือก และเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเนเธอร์แลนด์ปลายเดือนนี้ แม้ Meta จะประกาศว่าจะอุทธรณ์คำตัดสิน โดยอ้างว่าได้ปรับระบบตาม DSA แล้ว และควรให้คณะกรรมาธิการยุโรปเป็นผู้กำกับดูแล ไม่ใช่ศาลแต่ละประเทศ แต่คำตัดสินนี้ก็ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงว่า “แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ไม่ใช่ผู้แตะต้องไม่ได้” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Bits of Freedom ฟ้อง Meta ฐานละเมิดกฎหมาย Digital Services Act (DSA) ➡️ DSA กำหนดให้ผู้ใช้มีสิทธิเลือกเนื้อหาที่เห็นได้อย่างแท้จริง ➡️ ศาลตัดสินว่า Meta ละเมิดสิทธิผู้ใช้โดยไม่ให้เลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์อย่างถาวร ➡️ แอปของ Meta จะกลับไปใช้ฟีดแบบอัลกอริทึมทุกครั้งที่เปิดใหม่หรือเปลี่ยนหน้า ➡️ ศาลสั่งให้ Meta ปรับแอปภายใน 2 สัปดาห์ ให้เข้าถึงฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์ได้ง่ายและจำค่าการเลือก ➡️ หากไม่ปฏิบัติตาม Meta จะถูกปรับวันละ €100,000 สูงสุด €5 ล้าน ➡️ ผู้ใช้ที่เลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์จะถูกตัดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Direct Message ➡️ Meta ระบุว่าจะอุทธรณ์ และควรให้คณะกรรมาธิการยุโรปเป็นผู้กำกับดูแล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DSA มีผลบังคับใช้ในปี 2024 เพื่อควบคุมแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ในยุโรป ➡️ ฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์มักเรียกว่า “chronological feed” หรือ “non-personalized feed” ➡️ การใช้อัลกอริทึมเพื่อแสดงเนื้อหาอาจส่งผลต่อการรับรู้และการมีส่วนร่วมทางสังคม ➡️ การซ่อนตัวเลือกฟีดที่ไม่ใช้โปรไฟล์เป็นเทคนิคที่เรียกว่า “dark pattern” ➡️ การตัดฟีเจอร์เมื่อเลือกฟีดแบบไม่ใช้โปรไฟล์อาจละเมิดหลักการ “fair access” https://www.bitsoffreedom.nl/2025/10/02/judge-in-the-bits-of-freedom-vs-meta-lawsuit-meta-must-respect-users-choice/
    WWW.BITSOFFREEDOM.NL
    Judge in the Bits of Freedom vs. Meta lawsuit: Meta must respect users’ choice
    Bits of Freedom komt op voor internetvrijheid door de online grondrechten op communicatievrijheid en privacy te beschermen.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษก ทบ.เผยกองทัพบกอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลพื้นที่สร้างรั้วชายแดน เริ่มจากจุดที่ไม่มีปัญหา ยันผลักดันคนกัมพูชาออกจากบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้วตามหลักมนุษยธรรม ค่อยเป็นค่อยไป ตามกรอบฝ่ายปกครอง ไม่ให้เกิดภาพที่อีกฝ่ายนำไปขยายความในเวทีโลก ส่วนวันที่ 10 ต.ค.จะผลักดันเลยหรือไม่ ขึ้นกับสถานการณ์เฉพาะหน้า ย้ำคุมตัว 18 เชลยศึกตามหลักสากล เหตุความเป็นปฏิปักษ์ยังไม่สิ้นสุด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094735

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    โฆษก ทบ.เผยกองทัพบกอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลพื้นที่สร้างรั้วชายแดน เริ่มจากจุดที่ไม่มีปัญหา ยันผลักดันคนกัมพูชาออกจากบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้วตามหลักมนุษยธรรม ค่อยเป็นค่อยไป ตามกรอบฝ่ายปกครอง ไม่ให้เกิดภาพที่อีกฝ่ายนำไปขยายความในเวทีโลก ส่วนวันที่ 10 ต.ค.จะผลักดันเลยหรือไม่ ขึ้นกับสถานการณ์เฉพาะหน้า ย้ำคุมตัว 18 เชลยศึกตามหลักสากล เหตุความเป็นปฏิปักษ์ยังไม่สิ้นสุด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094735 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศษสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล
    ซ้อมอพยพหนีไฟร่วมศรีสวรินทิรา ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568
    #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศษสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล ซ้อมอพยพหนีไฟร่วมศรีสวรินทิรา ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 6”
    รัสเซียเองก็มีความฝัน ฝันของรัสเซียยิ่งเฟื่องจัดกว่าฝรั่งเศส รัสเซียอยากสร้างทางรถไฟสาย Trans-Siberian ยาว 5,400 กิโลเมตร ยาวที่สุดที่มีใครเคยคิด ผู้ที่เสนอความคิดนี้คือ Count Sergei Witte รัฐมนตรีคลังของรัสเซีย เส้นทางนี้จะเริ่มที่เมือง Vladivostok วิ่งข้ามภูเขา เขตแดนโซบีเรียไปจบที่จีน โดยปลอดจากการมีส่วนร่วม อิทธิพล และการขัดขวางของอังกฤษ

เค้าท์ Witte บอกว่ารัสเซียควรจะเปลี่ยนสภาพจากการเป็น “ตะกร้าขนมปัง” (bread basket) ให้กับอังกฤษเสียที รัสเซียได้แต่ทำหน้าที่ส่งแป้งสาลีให้อังกฤษมากี่นานแล้ว เปลี่ยนมาทำให้ประเทศของตนเองรวยบ้างเถิด ลืมบอกไป เค้าท์ Witte นี้ ก็เป็นสหายรักกับนาย Hanotaux นักฝันเฟื่องเพื่อให้ประเทศเฟื่องฟูด้วยกัน
    ข่าวเรื่องทางรถไฟ Trans Siberian แน่นอนต้องหลุดไปถึงหูของอังก ฤษ คนแพ้ทางรถไฟ เส้นทาง Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 กิโลเมตร อังกฤษแพ้ขนาดไหน นี่มัน 5,400 กิโลเมตร อาการแพ้ก็ต้องมากกว่า ยิ่งรู้ว่าคนช่วยคิดมันเป็นกลุ่ม ไหน อังกฤษนั่งไม่ติด คันไปหมดทั้งตัว ยิ่งกว่าลมพิษขึ้น มันเป็นพิษของความอิจฉา ที่แรงกว่าพิษใดๆ ยกเว้นลมพิษหึง ตามตำราเขาว่างั้นครับ
    สื่อใหญ่ชื่อ นาย A Colqhum ออกมาแสดงความเห็นทุกวัน “เส้นทางนี้ คงจะเป็นเส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกจะเคยรู้จัก และแน่นอนมันจะเป็นอาวุธทรงอานุภาพในมือของรัสเซีย ซึ่งมีอำนาจและมีความหมายอย่างยากที่จะประเมิน มันจะทำให้รัสเซียเพียงชาติเดียวลำพัง ที่ไม่จำเป็นต้องผ่าน Dardanelles หรือคลองสุเอช (ที่อังกฤษควบคุม) มันจะทำให้รัสเซียเป็นอิสระ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในความกดดันของใคร เข้มแข็งอย่างชนิดที่รัสเซียไม่เคยฝันว่าจะเป็นได้ถึงขนาดนี้” โอ้โห ช่างสรรหาถ้อยคำมาพูดจริง พูดออกข่าวทุกวันแบบนี้ ชาวเกาะอยู่เฉยได้ให้มันรู้ไป
    เป็นเวลาหลาย ๆ สิบปีมาแล้ว ที่อังกฤษจัดการวางไม้เสี้ยมและไม้ขวาง เพื่อดุลยอำนาจในยุโรป เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง อังกฤษขวางทางความเจริญของเยอรมันทางด้านอุตสาหกรรม สนับสนุนตุรกีให้ควบคุม Dardanelles ทางที่รัสเซียจะเข้าไปยังแหล่งน้ำอุ่น และแม้ตุรกีจะอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับอังกฤษในการใช้เป็นสนามเล่นวิทยายุทธแม่ไม้ต่าง ๆ แต่เมื่อเยอรมันโตเกิน เกินกว่าที่อังกฤษจะเล่นลำพังได้ อย่างที่เคยเล่าไว้แล้ว อังกฤษจึงจำเป็นต้องมีเพื่อน (หรือเหยื่อ) มาร่วมรายการขยี้เยอรมัน
    อังกฤษพยายามจะขวางการสร้างทางรถไฟสายไซบีเรียนี้ สาระพัดไม้ที่จะวาง แต่เส้นทางมันไกลกัน ไม้เสี้ยม ไม้ขวาง ไปไม่ถึง รัสเซียสร้างทางนี้เกือบสำเร็จ ในปี ค.ศ. 1903 และอังกฤษก็ฉวยโอกาส ขณะที่รัสเซียกำลังหน้าแตก ช้ำใจแพ้ญี่ปุ่นในสงคราม Russo – Japan ค.ศ. 1905 อังกฤษ ผู้ชำนาญในการทูตแบบตวัดลิ้น จึงกลับไปเกี้ยวรัสเซีย ให้มาถล่มเยอรมันด้วยกัน โดยยอมถีบออตโตมานทิ้ง และพร้อมจะยกออตโตมานให้รัสเซีย แต่รัสเซียไม่รู้เลยว่า อังกฤษนั้นอยู่ข้างญี่ปุ่นและสนับสนุนญี่ปุ่นในการสู้รบกับรัสเซีย
    ค.ศ. 1905 เค้าท์ Witte ถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และผู้มาแทนเขา แนะนำพระเจ้าชาร์นิโคลัสให้ยอมรับ กลับไปสมานไมตรีกับอังกฤษ โดยรัสเซียบอกเพื่อแสดงไมตรีอันดียิ่ง เราขอยกอาฟกานิสถานและบริเวณส่วนใหญ่ของเปอร์เซียให้แก่อังกฤษ และรับปากว่าจะลดความอยากในเอเซียของรัสเซียลงไปหลายส่วน
    หลังจากนั้นสัญญา 3 ฝ่าย ระหว่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย ก็มีการทำขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1907 ผนึกประเทศทั้ง 3 ไว้ด้วยกัน ด้วยกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน เป็นการเตรียมพร้อม ในการปฎิบัติการขยี้เยอรมัน ให้แหลกไปจากเส้นทางเดินเข้าไปกินเค้ก ชิ้นโอชะที่ชื่อ ตะวันออกกลาง
    หลังจากอังกฤษใช้ ไม้เสี้ยม ไม้ขวาง และกาว สำเร็จตามเป้าหมาย ฉากละครเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ดูเหมือนพร้อมที่จะลงโรง
    ละครฉากแรก เปิดฉากเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 1914 เป็นเวลาเพียง 3 เดือน หลังจากการใช้กาวทาเรียบร้อย อาร์คดยุก เฟอร์ดินานท์ มงกุฎราชกุมารของออสเตรีย ก็ถูกยิงกลางแดด โดยพวกเซิร์บ ละครเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เริ่มต้นแสดง
    การทะยานขึ้นมาทาบรัศมีของเยอ รมัน โดยความเจริญทางอุตสาหกรรม กองเรือขนส่งสินค้า กองทัพเรือ ทางรถไฟ ข้ามตะวันออกกลาง โดยเฉพาะรางรถไฟ ซึ่งวิ่งผ่านแหล่งน้ำมัน ที่อังกฤษ ไม่อยากให้ใครมาชิงตัดหน้าไปก่อน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นคู่แข่ง เป็นสิ่งที่อังกฤษ ชาติมหาอำนาจ นักล่าอาณานิคมหมายเลขหนึ่ง แม้จะเป็นชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อย แต่ฝีมือสูงส่ง นอกเหนือจากการเสี้ยมแล้ว ฝีมือการขวางยิ่งล้ำเลิศ อังกฤษจึงต้อง ทั้งขัด และขวาง ไม่ให้เยอรมันแซงหน้าไปได้
    อังกฤษพร้อมที่จะเปลี่ยนนโยบายจาก โปรออตโตมาน ขวางรัสเซีย เป็นโปรรัสเซีย ขวางเยอรมัน ได้อย่างง่ายดาย เหมือนพลิกฝ่ามือ นโยบายการทูตของอังกฤษแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยคิดถึงน้ำใจไมตรีที่แท้จริง อังกฤษ มีแต่คำว่า ผลประโยชน์และผลประโยชน์
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 6” รัสเซียเองก็มีความฝัน ฝันของรัสเซียยิ่งเฟื่องจัดกว่าฝรั่งเศส รัสเซียอยากสร้างทางรถไฟสาย Trans-Siberian ยาว 5,400 กิโลเมตร ยาวที่สุดที่มีใครเคยคิด ผู้ที่เสนอความคิดนี้คือ Count Sergei Witte รัฐมนตรีคลังของรัสเซีย เส้นทางนี้จะเริ่มที่เมือง Vladivostok วิ่งข้ามภูเขา เขตแดนโซบีเรียไปจบที่จีน โดยปลอดจากการมีส่วนร่วม อิทธิพล และการขัดขวางของอังกฤษ

เค้าท์ Witte บอกว่ารัสเซียควรจะเปลี่ยนสภาพจากการเป็น “ตะกร้าขนมปัง” (bread basket) ให้กับอังกฤษเสียที รัสเซียได้แต่ทำหน้าที่ส่งแป้งสาลีให้อังกฤษมากี่นานแล้ว เปลี่ยนมาทำให้ประเทศของตนเองรวยบ้างเถิด ลืมบอกไป เค้าท์ Witte นี้ ก็เป็นสหายรักกับนาย Hanotaux นักฝันเฟื่องเพื่อให้ประเทศเฟื่องฟูด้วยกัน ข่าวเรื่องทางรถไฟ Trans Siberian แน่นอนต้องหลุดไปถึงหูของอังก ฤษ คนแพ้ทางรถไฟ เส้นทาง Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 กิโลเมตร อังกฤษแพ้ขนาดไหน นี่มัน 5,400 กิโลเมตร อาการแพ้ก็ต้องมากกว่า ยิ่งรู้ว่าคนช่วยคิดมันเป็นกลุ่ม ไหน อังกฤษนั่งไม่ติด คันไปหมดทั้งตัว ยิ่งกว่าลมพิษขึ้น มันเป็นพิษของความอิจฉา ที่แรงกว่าพิษใดๆ ยกเว้นลมพิษหึง ตามตำราเขาว่างั้นครับ สื่อใหญ่ชื่อ นาย A Colqhum ออกมาแสดงความเห็นทุกวัน “เส้นทางนี้ คงจะเป็นเส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกจะเคยรู้จัก และแน่นอนมันจะเป็นอาวุธทรงอานุภาพในมือของรัสเซีย ซึ่งมีอำนาจและมีความหมายอย่างยากที่จะประเมิน มันจะทำให้รัสเซียเพียงชาติเดียวลำพัง ที่ไม่จำเป็นต้องผ่าน Dardanelles หรือคลองสุเอช (ที่อังกฤษควบคุม) มันจะทำให้รัสเซียเป็นอิสระ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในความกดดันของใคร เข้มแข็งอย่างชนิดที่รัสเซียไม่เคยฝันว่าจะเป็นได้ถึงขนาดนี้” โอ้โห ช่างสรรหาถ้อยคำมาพูดจริง พูดออกข่าวทุกวันแบบนี้ ชาวเกาะอยู่เฉยได้ให้มันรู้ไป เป็นเวลาหลาย ๆ สิบปีมาแล้ว ที่อังกฤษจัดการวางไม้เสี้ยมและไม้ขวาง เพื่อดุลยอำนาจในยุโรป เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง อังกฤษขวางทางความเจริญของเยอรมันทางด้านอุตสาหกรรม สนับสนุนตุรกีให้ควบคุม Dardanelles ทางที่รัสเซียจะเข้าไปยังแหล่งน้ำอุ่น และแม้ตุรกีจะอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับอังกฤษในการใช้เป็นสนามเล่นวิทยายุทธแม่ไม้ต่าง ๆ แต่เมื่อเยอรมันโตเกิน เกินกว่าที่อังกฤษจะเล่นลำพังได้ อย่างที่เคยเล่าไว้แล้ว อังกฤษจึงจำเป็นต้องมีเพื่อน (หรือเหยื่อ) มาร่วมรายการขยี้เยอรมัน อังกฤษพยายามจะขวางการสร้างทางรถไฟสายไซบีเรียนี้ สาระพัดไม้ที่จะวาง แต่เส้นทางมันไกลกัน ไม้เสี้ยม ไม้ขวาง ไปไม่ถึง รัสเซียสร้างทางนี้เกือบสำเร็จ ในปี ค.ศ. 1903 และอังกฤษก็ฉวยโอกาส ขณะที่รัสเซียกำลังหน้าแตก ช้ำใจแพ้ญี่ปุ่นในสงคราม Russo – Japan ค.ศ. 1905 อังกฤษ ผู้ชำนาญในการทูตแบบตวัดลิ้น จึงกลับไปเกี้ยวรัสเซีย ให้มาถล่มเยอรมันด้วยกัน โดยยอมถีบออตโตมานทิ้ง และพร้อมจะยกออตโตมานให้รัสเซีย แต่รัสเซียไม่รู้เลยว่า อังกฤษนั้นอยู่ข้างญี่ปุ่นและสนับสนุนญี่ปุ่นในการสู้รบกับรัสเซีย ค.ศ. 1905 เค้าท์ Witte ถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 และผู้มาแทนเขา แนะนำพระเจ้าชาร์นิโคลัสให้ยอมรับ กลับไปสมานไมตรีกับอังกฤษ โดยรัสเซียบอกเพื่อแสดงไมตรีอันดียิ่ง เราขอยกอาฟกานิสถานและบริเวณส่วนใหญ่ของเปอร์เซียให้แก่อังกฤษ และรับปากว่าจะลดความอยากในเอเซียของรัสเซียลงไปหลายส่วน หลังจากนั้นสัญญา 3 ฝ่าย ระหว่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย ก็มีการทำขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1907 ผนึกประเทศทั้ง 3 ไว้ด้วยกัน ด้วยกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน เป็นการเตรียมพร้อม ในการปฎิบัติการขยี้เยอรมัน ให้แหลกไปจากเส้นทางเดินเข้าไปกินเค้ก ชิ้นโอชะที่ชื่อ ตะวันออกกลาง หลังจากอังกฤษใช้ ไม้เสี้ยม ไม้ขวาง และกาว สำเร็จตามเป้าหมาย ฉากละครเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ดูเหมือนพร้อมที่จะลงโรง ละครฉากแรก เปิดฉากเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 1914 เป็นเวลาเพียง 3 เดือน หลังจากการใช้กาวทาเรียบร้อย อาร์คดยุก เฟอร์ดินานท์ มงกุฎราชกุมารของออสเตรีย ก็ถูกยิงกลางแดด โดยพวกเซิร์บ ละครเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็เริ่มต้นแสดง การทะยานขึ้นมาทาบรัศมีของเยอ รมัน โดยความเจริญทางอุตสาหกรรม กองเรือขนส่งสินค้า กองทัพเรือ ทางรถไฟ ข้ามตะวันออกกลาง โดยเฉพาะรางรถไฟ ซึ่งวิ่งผ่านแหล่งน้ำมัน ที่อังกฤษ ไม่อยากให้ใครมาชิงตัดหน้าไปก่อน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นคู่แข่ง เป็นสิ่งที่อังกฤษ ชาติมหาอำนาจ นักล่าอาณานิคมหมายเลขหนึ่ง แม้จะเป็นชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้ว ก้อย แต่ฝีมือสูงส่ง นอกเหนือจากการเสี้ยมแล้ว ฝีมือการขวางยิ่งล้ำเลิศ อังกฤษจึงต้อง ทั้งขัด และขวาง ไม่ให้เยอรมันแซงหน้าไปได้ อังกฤษพร้อมที่จะเปลี่ยนนโยบายจาก โปรออตโตมาน ขวางรัสเซีย เป็นโปรรัสเซีย ขวางเยอรมัน ได้อย่างง่ายดาย เหมือนพลิกฝ่ามือ นโยบายการทูตของอังกฤษแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยคิดถึงน้ำใจไมตรีที่แท้จริง อังกฤษ มีแต่คำว่า ผลประโยชน์และผลประโยชน์ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศษสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล
    น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย เนื่องใน “วันมหิดล” 24 กันยายน
    เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568
    #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศษสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย เนื่องใน “วันมหิดล” 24 กันยายน เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญจตุคามรามเทพ รุ่น1 วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ปี2550
    เหรียญจตุคามรามเทพ รุ่น1 เนื้อกะไหล่เงิน วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ปี2550 // พระดีพิธีขลัง!! //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิม หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ โชคลาภเงินทองไหลมา เมตตามหานิยม ในด้านค้าขาย แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี องค์จตุคามรามเทพบูชาแล้วท่านให้รวยทุกคน มีแต่รวยกับรวย คนนิยมบูชานับถือมากๆ เพราะท่านเมตตาประทานความร่ำรวยเงินทอง ยศฐาบรรดาศักดิ์ให้กับผู้บูชา >>

    ** จตุคามรามเทพ รุ่น1 วัดเขาอ้อ ปี2550 ด้านหน้าเป็นองค์จตุคาม ด้านหลังเป็นรูปวัดเขาอ้อ โดยจะมีพิธีเทวาภิเษกขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ใช้เวลา 3 วัน 3 คืน ภายในถ้ำฉัททันต์ ของวัดเขาอ้อ โดยมีเกจิอาจารย์สายเขาอ้อทั้งหมดร่วมพิธีปลุกเสก >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิม หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญจตุคามรามเทพ รุ่น1 วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ปี2550 เหรียญจตุคามรามเทพ รุ่น1 เนื้อกะไหล่เงิน วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ปี2550 // พระดีพิธีขลัง!! //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิม หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ // รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ โชคลาภเงินทองไหลมา เมตตามหานิยม ในด้านค้าขาย แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี องค์จตุคามรามเทพบูชาแล้วท่านให้รวยทุกคน มีแต่รวยกับรวย คนนิยมบูชานับถือมากๆ เพราะท่านเมตตาประทานความร่ำรวยเงินทอง ยศฐาบรรดาศักดิ์ให้กับผู้บูชา >> ** จตุคามรามเทพ รุ่น1 วัดเขาอ้อ ปี2550 ด้านหน้าเป็นองค์จตุคาม ด้านหลังเป็นรูปวัดเขาอ้อ โดยจะมีพิธีเทวาภิเษกขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ใช้เวลา 3 วัน 3 คืน ภายในถ้ำฉัททันต์ ของวัดเขาอ้อ โดยมีเกจิอาจารย์สายเขาอ้อทั้งหมดร่วมพิธีปลุกเสก >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิม หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • พูดแล้วทำ มั้ยว่ะ
    ไม่ยอมเสียแม้แต่ตารางเซนเดียว - ยังไม่ไล่วันที่10,
    ยกเลิก MOU ทันที - รอทำประชามติ, ไม่แทรกแซงเขากระโดง - ให้รฟท.ฟ้องคนอื่นก่อนขิดชอบ
    #7ดอกจิก
    พูดแล้วทำ มั้ยว่ะ ไม่ยอมเสียแม้แต่ตารางเซนเดียว - ยังไม่ไล่วันที่10, ยกเลิก MOU ทันที - รอทำประชามติ, ไม่แทรกแซงเขากระโดง - ให้รฟท.ฟ้องคนอื่นก่อนขิดชอบ #7ดอกจิก
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Gemini Trifecta: ช่องโหว่ 3 จุดใน AI ของ Google ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์ขโมยข้อมูล — แม้ไม่ต้องติดมัลแวร์”

    Tenable บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ได้เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรง 3 จุดในชุดเครื่องมือ Gemini AI ของ Google ซึ่งถูกเรียกรวมว่า “Gemini Trifecta” โดยช่องโหว่เหล่านี้เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถฝังคำสั่งลับ (prompt injection) และขโมยข้อมูลผู้ใช้ได้โดยไม่ต้องติดตั้งมัลแวร์หรือส่งอีเมลฟิชชิ่งเลยแม้แต่น้อย

    ช่องโหว่แรกอยู่ในฟีเจอร์ Gemini Cloud Assist ซึ่งใช้สรุป log จากระบบคลาวด์ของ Google Cloud Platform (GCP) โดยนักวิจัยพบว่า หากมีการฝังคำสั่งลับไว้ใน log เช่นในช่อง HTTP User-Agent เมื่อผู้ใช้กด “Explain this log entry” ระบบจะรันคำสั่งนั้นทันที ทำให้สามารถสั่งให้ Gemini ดึงข้อมูล cloud ที่ละเอียดอ่อนได้

    ช่องโหว่ที่สองคือ Gemini Search Personalization Model ที่ใช้ประวัติการค้นหาของผู้ใช้ใน Chrome เพื่อปรับแต่งคำตอบของ AI นักวิจัยสามารถใช้ JavaScript จากเว็บไซต์อันตรายเขียนคำสั่งลับลงในประวัติการค้นหา และเมื่อผู้ใช้เรียกใช้ Gemini ระบบจะถือว่าคำสั่งนั้นเป็นบริบทที่เชื่อถือได้ และรันคำสั่งทันที เช่น ส่งข้อมูลตำแหน่งหรือข้อมูลที่บันทึกไว้ไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก

    ช่องโหว่สุดท้ายคือ Gemini Browsing Tool ซึ่งใช้สรุปเนื้อหาจากเว็บไซต์แบบเรียลไทม์ นักวิจัยสามารถหลอกให้ Gemini ส่งข้อมูลผู้ใช้ เช่น ตำแหน่งหรือข้อมูลส่วนตัว ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ โดยใช้ฟีเจอร์ “Show Thinking” เพื่อติดตามขั้นตอนการรันคำสั่ง

    แม้ Google จะตอบสนองอย่างรวดเร็วและแก้ไขช่องโหว่ทั้งหมดแล้ว โดยการย้อนกลับโมเดลที่มีปัญหา, ปิดการแสดงผลลิงก์อันตรายใน Cloud Assist และเพิ่มระบบป้องกัน prompt injection แบบหลายชั้น แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่ใช่แค่เป้าหมายของการโจมตีอีกต่อไป — มันสามารถกลายเป็น “ตัวโจมตี” ได้เอง หากไม่มีการควบคุมที่ดีพอ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Tenable พบช่องโหว่ 3 จุดในชุด Gemini AI ของ Google เรียกว่า “Gemini Trifecta”
    ช่องโหว่แรกอยู่ใน Cloud Assist — ฝังคำสั่งใน log แล้วให้ Gemini รันโดยไม่รู้ตัว
    ช่องโหว่ที่สองอยู่ใน Search Personalization — เขียนคำสั่งลงในประวัติ Chrome
    ช่องโหว่ที่สามอยู่ใน Browsing Tool — หลอกให้ Gemini ส่งข้อมูลผู้ใช้ออกไป
    ใช้เทคนิค prompt injection โดยไม่ต้องติดมัลแวร์หรือส่งอีเมลฟิชชิ่ง
    Google แก้ไขโดยย้อนกลับโมเดล, ปิดลิงก์อันตราย และเพิ่มระบบป้องกันหลายชั้น
    ช่องโหว่ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2025 และได้รับการแก้ไขทันที
    นักวิจัยใช้ PoC (Proof-of-Concept) เพื่อแสดงการโจมตีในแต่ละช่องโหว่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Prompt injection คือการฝังคำสั่งลับลงในข้อความหรือบริบทที่ AI ใช้
    “Living off the land” คือการใช้เครื่องมือในระบบเองในการโจมตี เช่น rundll32 หรือ PowerShell
    Search history และ log ไม่ใช่แค่ข้อมูล — มันคือ “ช่องทางโจมตี” หาก AI ใช้โดยไม่มีการกรอง
    การป้องกัน prompt injection ต้องใช้การตรวจสอบ runtime และการแยกบริบทอย่างเข้มงวด
    AI ที่มีความสามารถสูงจะยิ่งเสี่ยง หากไม่มี guardrails ที่ชัดเจน

    https://hackread.com/google-gemini-trifecta-vulnerabilities-gemini-ai/
    🛡️ “Gemini Trifecta: ช่องโหว่ 3 จุดใน AI ของ Google ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์ขโมยข้อมูล — แม้ไม่ต้องติดมัลแวร์” Tenable บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ได้เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรง 3 จุดในชุดเครื่องมือ Gemini AI ของ Google ซึ่งถูกเรียกรวมว่า “Gemini Trifecta” โดยช่องโหว่เหล่านี้เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถฝังคำสั่งลับ (prompt injection) และขโมยข้อมูลผู้ใช้ได้โดยไม่ต้องติดตั้งมัลแวร์หรือส่งอีเมลฟิชชิ่งเลยแม้แต่น้อย ช่องโหว่แรกอยู่ในฟีเจอร์ Gemini Cloud Assist ซึ่งใช้สรุป log จากระบบคลาวด์ของ Google Cloud Platform (GCP) โดยนักวิจัยพบว่า หากมีการฝังคำสั่งลับไว้ใน log เช่นในช่อง HTTP User-Agent เมื่อผู้ใช้กด “Explain this log entry” ระบบจะรันคำสั่งนั้นทันที ทำให้สามารถสั่งให้ Gemini ดึงข้อมูล cloud ที่ละเอียดอ่อนได้ ช่องโหว่ที่สองคือ Gemini Search Personalization Model ที่ใช้ประวัติการค้นหาของผู้ใช้ใน Chrome เพื่อปรับแต่งคำตอบของ AI นักวิจัยสามารถใช้ JavaScript จากเว็บไซต์อันตรายเขียนคำสั่งลับลงในประวัติการค้นหา และเมื่อผู้ใช้เรียกใช้ Gemini ระบบจะถือว่าคำสั่งนั้นเป็นบริบทที่เชื่อถือได้ และรันคำสั่งทันที เช่น ส่งข้อมูลตำแหน่งหรือข้อมูลที่บันทึกไว้ไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ช่องโหว่สุดท้ายคือ Gemini Browsing Tool ซึ่งใช้สรุปเนื้อหาจากเว็บไซต์แบบเรียลไทม์ นักวิจัยสามารถหลอกให้ Gemini ส่งข้อมูลผู้ใช้ เช่น ตำแหน่งหรือข้อมูลส่วนตัว ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ โดยใช้ฟีเจอร์ “Show Thinking” เพื่อติดตามขั้นตอนการรันคำสั่ง แม้ Google จะตอบสนองอย่างรวดเร็วและแก้ไขช่องโหว่ทั้งหมดแล้ว โดยการย้อนกลับโมเดลที่มีปัญหา, ปิดการแสดงผลลิงก์อันตรายใน Cloud Assist และเพิ่มระบบป้องกัน prompt injection แบบหลายชั้น แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่ใช่แค่เป้าหมายของการโจมตีอีกต่อไป — มันสามารถกลายเป็น “ตัวโจมตี” ได้เอง หากไม่มีการควบคุมที่ดีพอ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Tenable พบช่องโหว่ 3 จุดในชุด Gemini AI ของ Google เรียกว่า “Gemini Trifecta” ➡️ ช่องโหว่แรกอยู่ใน Cloud Assist — ฝังคำสั่งใน log แล้วให้ Gemini รันโดยไม่รู้ตัว ➡️ ช่องโหว่ที่สองอยู่ใน Search Personalization — เขียนคำสั่งลงในประวัติ Chrome ➡️ ช่องโหว่ที่สามอยู่ใน Browsing Tool — หลอกให้ Gemini ส่งข้อมูลผู้ใช้ออกไป ➡️ ใช้เทคนิค prompt injection โดยไม่ต้องติดมัลแวร์หรือส่งอีเมลฟิชชิ่ง ➡️ Google แก้ไขโดยย้อนกลับโมเดล, ปิดลิงก์อันตราย และเพิ่มระบบป้องกันหลายชั้น ➡️ ช่องโหว่ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2025 และได้รับการแก้ไขทันที ➡️ นักวิจัยใช้ PoC (Proof-of-Concept) เพื่อแสดงการโจมตีในแต่ละช่องโหว่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Prompt injection คือการฝังคำสั่งลับลงในข้อความหรือบริบทที่ AI ใช้ ➡️ “Living off the land” คือการใช้เครื่องมือในระบบเองในการโจมตี เช่น rundll32 หรือ PowerShell ➡️ Search history และ log ไม่ใช่แค่ข้อมูล — มันคือ “ช่องทางโจมตี” หาก AI ใช้โดยไม่มีการกรอง ➡️ การป้องกัน prompt injection ต้องใช้การตรวจสอบ runtime และการแยกบริบทอย่างเข้มงวด ➡️ AI ที่มีความสามารถสูงจะยิ่งเสี่ยง หากไม่มี guardrails ที่ชัดเจน https://hackread.com/google-gemini-trifecta-vulnerabilities-gemini-ai/
    HACKREAD.COM
    Google Patches “Gemini Trifecta” Vulnerabilities in Gemini AI Suite
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • “GreyNoise พบการโจมตีแบบประสานงานทั่วโลก เจาะช่องโหว่ Grafana CVE-2021-43798 — แค่ปลั๊กอินเดียว ก็อ่านไฟล์ระบบได้”

    แม้ช่องโหว่ CVE-2021-43798 ใน Grafana จะถูกเปิดเผยมาตั้งแต่ปี 2021 แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2025 บริษัท GreyNoise ได้ตรวจพบการโจมตีแบบประสานงานทั่วโลกที่พุ่งเป้าไปยังช่องโหว่นี้อย่างชัดเจน โดยมี IP ที่เป็นอันตรายถึง 110 รายการในวันเดียว ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่กิจกรรมโจมตีเงียบไปนานหลายเดือน

    ช่องโหว่นี้เป็นแบบ path traversal ซึ่งเปิดให้ผู้โจมตีสามารถอ่านไฟล์ใดก็ได้ในระบบเซิร์ฟเวอร์ผ่าน endpoint /public/plugins/:pluginId โดยใช้เทคนิคการใส่ path แบบ ../../ เพื่อหลบหลีกการตรวจสอบและเข้าถึงไฟล์สำคัญ เช่น /etc/passwd โดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษ

    จากการวิเคราะห์ของ GreyNoise พบว่าการโจมตีครั้งนี้มีรูปแบบการกระจายเป้าหมายแบบ 3:1:1 โดยเน้นไปที่สหรัฐฯ (100+ IP), สโลวาเกีย และไต้หวัน โดย IP ส่วนใหญ่ (107 จาก 110) มาจากบังกลาเทศ และเกือบทั้งหมดพุ่งเป้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการวางแผนและการใช้เครื่องมือร่วมกัน

    นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้ fingerprint แบบ TCP และ HTTP ที่คล้ายกันในหลายประเทศ เช่น จีนและเยอรมนี ซึ่งบ่งชี้ว่าการโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่การสุ่ม แต่เป็นการใช้เครื่องมือชุดเดียวกันหรือรายการเป้าหมายร่วมกัน

    ช่องโหว่นี้เคยถูกใช้ในแคมเปญ SSRF และการ takeover บัญชีผู้ใช้ในอดีต และยังคงถูกวิจัยและนำไปใช้ใน exploit chain หลายรูปแบบ โดยเฉพาะในขั้นตอน reconnaissance และ lateral movement

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    GreyNoise ตรวจพบการโจมตีแบบประสานงานต่อช่องโหว่ Grafana CVE-2021-43798 เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2025
    ช่องโหว่เป็นแบบ path traversal ผ่าน endpoint /public/plugins/:pluginId
    ผู้โจมตีสามารถอ่านไฟล์ระบบ เช่น /etc/passwd โดยไม่ต้องล็อกอิน
    พบ IP อันตราย 110 รายการในวันเดียว โดย 107 มาจากบังกลาเทศ
    รูปแบบการโจมตีกระจายเป้าหมายแบบ 3:1:1 (สหรัฐฯ:สโลวาเกีย:ไต้หวัน)
    พบ fingerprint แบบ TCP/HTTP ที่คล้ายกันในหลายประเทศ
    ช่องโหว่นี้เคยถูกใช้ใน SSRF และ exploit chain สำหรับ takeover บัญชี
    Grafana ได้ออก patch ตั้งแต่เวอร์ชัน 8.3.1 เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    CVE-2021-43798 มีคะแนน CVSS 7.5 ถือว่าเป็นช่องโหว่ระดับสูง
    Grafana เป็นเครื่องมือ visualisation ยอดนิยมในระบบ monitoring เช่น Prometheus
    Path traversal เป็นเทคนิคที่ใช้หลบหลีกการตรวจสอบ path เพื่อเข้าถึงไฟล์นอกขอบเขต
    SSRF (Server-Side Request Forgery) เป็นเทคนิคที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ส่งคำขอไปยังระบบภายใน
    การใช้ reverse proxy ที่ normalize path เช่น Envoy สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้

    https://securityonline.info/greynoise-detects-coordinated-surge-exploiting-grafana-path-traversal-flaw-cve-2021-43798/
    🌐 “GreyNoise พบการโจมตีแบบประสานงานทั่วโลก เจาะช่องโหว่ Grafana CVE-2021-43798 — แค่ปลั๊กอินเดียว ก็อ่านไฟล์ระบบได้” แม้ช่องโหว่ CVE-2021-43798 ใน Grafana จะถูกเปิดเผยมาตั้งแต่ปี 2021 แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2025 บริษัท GreyNoise ได้ตรวจพบการโจมตีแบบประสานงานทั่วโลกที่พุ่งเป้าไปยังช่องโหว่นี้อย่างชัดเจน โดยมี IP ที่เป็นอันตรายถึง 110 รายการในวันเดียว ซึ่งถือเป็นการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่กิจกรรมโจมตีเงียบไปนานหลายเดือน ช่องโหว่นี้เป็นแบบ path traversal ซึ่งเปิดให้ผู้โจมตีสามารถอ่านไฟล์ใดก็ได้ในระบบเซิร์ฟเวอร์ผ่าน endpoint /public/plugins/:pluginId โดยใช้เทคนิคการใส่ path แบบ ../../ เพื่อหลบหลีกการตรวจสอบและเข้าถึงไฟล์สำคัญ เช่น /etc/passwd โดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษ จากการวิเคราะห์ของ GreyNoise พบว่าการโจมตีครั้งนี้มีรูปแบบการกระจายเป้าหมายแบบ 3:1:1 โดยเน้นไปที่สหรัฐฯ (100+ IP), สโลวาเกีย และไต้หวัน โดย IP ส่วนใหญ่ (107 จาก 110) มาจากบังกลาเทศ และเกือบทั้งหมดพุ่งเป้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการวางแผนและการใช้เครื่องมือร่วมกัน นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้ fingerprint แบบ TCP และ HTTP ที่คล้ายกันในหลายประเทศ เช่น จีนและเยอรมนี ซึ่งบ่งชี้ว่าการโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่การสุ่ม แต่เป็นการใช้เครื่องมือชุดเดียวกันหรือรายการเป้าหมายร่วมกัน ช่องโหว่นี้เคยถูกใช้ในแคมเปญ SSRF และการ takeover บัญชีผู้ใช้ในอดีต และยังคงถูกวิจัยและนำไปใช้ใน exploit chain หลายรูปแบบ โดยเฉพาะในขั้นตอน reconnaissance และ lateral movement ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ GreyNoise ตรวจพบการโจมตีแบบประสานงานต่อช่องโหว่ Grafana CVE-2021-43798 เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2025 ➡️ ช่องโหว่เป็นแบบ path traversal ผ่าน endpoint /public/plugins/:pluginId ➡️ ผู้โจมตีสามารถอ่านไฟล์ระบบ เช่น /etc/passwd โดยไม่ต้องล็อกอิน ➡️ พบ IP อันตราย 110 รายการในวันเดียว โดย 107 มาจากบังกลาเทศ ➡️ รูปแบบการโจมตีกระจายเป้าหมายแบบ 3:1:1 (สหรัฐฯ:สโลวาเกีย:ไต้หวัน) ➡️ พบ fingerprint แบบ TCP/HTTP ที่คล้ายกันในหลายประเทศ ➡️ ช่องโหว่นี้เคยถูกใช้ใน SSRF และ exploit chain สำหรับ takeover บัญชี ➡️ Grafana ได้ออก patch ตั้งแต่เวอร์ชัน 8.3.1 เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ CVE-2021-43798 มีคะแนน CVSS 7.5 ถือว่าเป็นช่องโหว่ระดับสูง ➡️ Grafana เป็นเครื่องมือ visualisation ยอดนิยมในระบบ monitoring เช่น Prometheus ➡️ Path traversal เป็นเทคนิคที่ใช้หลบหลีกการตรวจสอบ path เพื่อเข้าถึงไฟล์นอกขอบเขต ➡️ SSRF (Server-Side Request Forgery) เป็นเทคนิคที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ส่งคำขอไปยังระบบภายใน ➡️ การใช้ reverse proxy ที่ normalize path เช่น Envoy สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ https://securityonline.info/greynoise-detects-coordinated-surge-exploiting-grafana-path-traversal-flaw-cve-2021-43798/
    SECURITYONLINE.INFO
    GreyNoise Detects Coordinated Surge Exploiting Grafana Path Traversal Flaw (CVE-2021-43798)
    GreyNoise observed a sudden, coordinated surge of 110 unique IPs exploiting the Grafana path traversal flaw (CVE-2021-43798), targeting only the US, Slovakia, and Taiwan.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • “PoC หลุด! ช่องโหว่ Linux Kernel เปิดทางผู้ใช้ธรรมดาเข้าถึงสิทธิ Root — ระบบเสี่ยงทั่วโลก”

    เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2025 มีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงใน Linux Kernel ที่สามารถใช้เพื่อยกระดับสิทธิจากผู้ใช้ธรรมดาให้กลายเป็น root ได้ โดยช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการหน่วยความจำผิดพลาดในฟีเจอร์ vsock (Virtual Socket) ซึ่งใช้สำหรับการสื่อสารระหว่าง virtual machines โดยเฉพาะในระบบคลาวด์และ virtualization เช่น VMware

    ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในประเภท Use-After-Free (UAF) ซึ่งเกิดจากการลดค่าการอ้างอิงของวัตถุใน kernel ก่อนเวลาอันควร ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมหน่วยความจำที่ถูกปล่อยแล้ว และฝังโค้ดอันตรายเพื่อเข้าถึงสิทธิระดับ kernel ได้

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้เผยแพร่ proof-of-concept (PoC) ที่แสดงให้เห็นขั้นตอนการโจมตีอย่างละเอียด ตั้งแต่การบังคับให้ kernel ปล่อย vsock object ไปจนถึงการ reclaim หน่วยความจำด้วยข้อมูลที่ควบคุมได้ และการหลบเลี่ยง KASLR (Kernel Address Space Layout Randomization) เพื่อเข้าถึงโครงสร้างภายในของ kernel

    ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อระบบ Linux จำนวนมหาศาล โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ใช้ virtualization และ container เช่น OpenShift หรือ Red Hat Enterprise Linux CoreOS ซึ่งแม้บางระบบจะมีสิทธิ root อยู่แล้ว แต่ก็ยังเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ lateral movement หรือการฝัง backdoor ได้ในระดับ kernel

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่เกิดจากการจัดการ reference count ผิดพลาดใน vsock subsystem ของ Linux Kernel
    ประเภทช่องโหว่คือ Use-After-Free (UAF) ซึ่งเปิดช่องให้ควบคุมหน่วยความจำที่ถูกปล่อย
    มีการเผยแพร่ PoC ที่แสดงขั้นตอนการโจมตีอย่างละเอียด
    ผู้โจมตีสามารถหลบเลี่ยง KASLR และ hijack control flow เพื่อเข้าถึงสิทธิ root
    ระบบที่ใช้ virtualization เช่น VMware และ OpenShift ได้รับผลกระทบโดยตรง
    Linux distributions ได้ออก patch แล้วสำหรับ kernel เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ
    การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากผู้ใช้ธรรมดาที่ไม่มีสิทธิ root
    การใช้ vsock_diag_dump เป็นช่องทางในการ leak kernel address

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Use-After-Free เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบที่มีการจัดการหน่วยความจำแบบ dynamic
    KASLR เป็นเทคนิคที่ใช้สุ่มตำแหน่งหน่วยความจำเพื่อป้องกันการโจมตี
    PoC ที่เผยแพร่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถทดสอบและตรวจสอบช่องโหว่ได้รวดเร็วขึ้น
    การโจมตีระดับ kernel มีความรุนแรงสูง เพราะสามารถควบคุมระบบทั้งหมดได้
    ระบบ container ที่เปิดใช้งาน user namespaces มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

    https://securityonline.info/poc-released-linux-kernel-flaw-allows-user-to-gain-root-privileges/
    🛡️ “PoC หลุด! ช่องโหว่ Linux Kernel เปิดทางผู้ใช้ธรรมดาเข้าถึงสิทธิ Root — ระบบเสี่ยงทั่วโลก” เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2025 มีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงใน Linux Kernel ที่สามารถใช้เพื่อยกระดับสิทธิจากผู้ใช้ธรรมดาให้กลายเป็น root ได้ โดยช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการหน่วยความจำผิดพลาดในฟีเจอร์ vsock (Virtual Socket) ซึ่งใช้สำหรับการสื่อสารระหว่าง virtual machines โดยเฉพาะในระบบคลาวด์และ virtualization เช่น VMware ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในประเภท Use-After-Free (UAF) ซึ่งเกิดจากการลดค่าการอ้างอิงของวัตถุใน kernel ก่อนเวลาอันควร ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมหน่วยความจำที่ถูกปล่อยแล้ว และฝังโค้ดอันตรายเพื่อเข้าถึงสิทธิระดับ kernel ได้ นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้เผยแพร่ proof-of-concept (PoC) ที่แสดงให้เห็นขั้นตอนการโจมตีอย่างละเอียด ตั้งแต่การบังคับให้ kernel ปล่อย vsock object ไปจนถึงการ reclaim หน่วยความจำด้วยข้อมูลที่ควบคุมได้ และการหลบเลี่ยง KASLR (Kernel Address Space Layout Randomization) เพื่อเข้าถึงโครงสร้างภายในของ kernel ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อระบบ Linux จำนวนมหาศาล โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ใช้ virtualization และ container เช่น OpenShift หรือ Red Hat Enterprise Linux CoreOS ซึ่งแม้บางระบบจะมีสิทธิ root อยู่แล้ว แต่ก็ยังเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ lateral movement หรือการฝัง backdoor ได้ในระดับ kernel ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่เกิดจากการจัดการ reference count ผิดพลาดใน vsock subsystem ของ Linux Kernel ➡️ ประเภทช่องโหว่คือ Use-After-Free (UAF) ซึ่งเปิดช่องให้ควบคุมหน่วยความจำที่ถูกปล่อย ➡️ มีการเผยแพร่ PoC ที่แสดงขั้นตอนการโจมตีอย่างละเอียด ➡️ ผู้โจมตีสามารถหลบเลี่ยง KASLR และ hijack control flow เพื่อเข้าถึงสิทธิ root ➡️ ระบบที่ใช้ virtualization เช่น VMware และ OpenShift ได้รับผลกระทบโดยตรง ➡️ Linux distributions ได้ออก patch แล้วสำหรับ kernel เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ➡️ การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากผู้ใช้ธรรมดาที่ไม่มีสิทธิ root ➡️ การใช้ vsock_diag_dump เป็นช่องทางในการ leak kernel address ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Use-After-Free เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบที่มีการจัดการหน่วยความจำแบบ dynamic ➡️ KASLR เป็นเทคนิคที่ใช้สุ่มตำแหน่งหน่วยความจำเพื่อป้องกันการโจมตี ➡️ PoC ที่เผยแพร่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถทดสอบและตรวจสอบช่องโหว่ได้รวดเร็วขึ้น ➡️ การโจมตีระดับ kernel มีความรุนแรงสูง เพราะสามารถควบคุมระบบทั้งหมดได้ ➡️ ระบบ container ที่เปิดใช้งาน user namespaces มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น https://securityonline.info/poc-released-linux-kernel-flaw-allows-user-to-gain-root-privileges/
    SECURITYONLINE.INFO
    PoC Released: Linux Kernel Flaw Allows User to Gain Root Privileges
    A high-severity flaw in the Linux ethtool netlink interface (CVE-2025-21701) enables a Use-After-Free attack to gain root privileges. A PoC has been publicly released.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Qualcomm ชนะคดี Arm อย่างเด็ดขาด — ศาลสหรัฐฯ ยุติข้อพิพาทสิทธิบัตร เปิดทางให้ Snapdragon X ลุยตลาด AI และเซิร์ฟเวอร์เต็มตัว”

    หลังจากต่อสู้กันในศาลมานานกว่า 3 ปี คดีระหว่าง Qualcomm และ Arm ก็สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยศาลแขวงสหรัฐฯ ในรัฐเดลาแวร์ได้ตัดสินยกฟ้องข้อกล่าวหาสุดท้ายของ Arm ต่อ Qualcomm และบริษัทลูก Nuvia ถือเป็น “ชัยชนะอย่างสมบูรณ์” ของ Qualcomm ในคดีสิทธิบัตรที่สะเทือนวงการเซมิคอนดักเตอร์

    จุดเริ่มต้นของคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ Qualcomm เข้าซื้อกิจการ Nuvia ในปี 2021 ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่พัฒนาแกนประมวลผลแบบ Arm สำหรับเซิร์ฟเวอร์ โดย Arm อ้างว่า Qualcomm ไม่มีสิทธิ์นำเทคโนโลยีของ Nuvia มาใช้ต่อโดยอัตโนมัติ และควรเจรจาข้อตกลงใหม่ แต่ศาลตัดสินว่า Qualcomm มีสิทธิ์ใช้เทคโนโลยีของ Nuvia ภายใต้ใบอนุญาตสถาปัตยกรรมเดิมที่ Qualcomm ถืออยู่แล้ว

    คณะลูกขุนเคยตัดสินในเดือนธันวาคม 2024 ว่า Qualcomm ไม่ได้ละเมิดข้อตกลง และคำตัดสินล่าสุดของศาลก็ยืนยันผลนั้น พร้อมปฏิเสธคำร้องของ Arm ที่ขอให้เปิดการพิจารณาคดีใหม่

    ชัยชนะครั้งนี้เปิดทางให้ Qualcomm นำเทคโนโลยีแกนประมวลผล Oryon ที่พัฒนาโดย Nuvia ไปใช้ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น Snapdragon X สำหรับพีซี, สมาร์ตโฟน, รถยนต์, เซิร์ฟเวอร์ AI และหุ่นยนต์ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อพิพาทด้านสิทธิบัตรอีกต่อไป

    ในขณะเดียวกัน Qualcomm ยังมีคดีฟ้องกลับ Arm อยู่ โดยกล่าวหาว่า Arm พยายามแทรกแซงความสัมพันธ์กับลูกค้า และส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของตนเองเหนือพันธมิตรใน ecosystem ซึ่งคดีนี้จะเริ่มพิจารณาในเดือนมีนาคม 2026

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ศาลสหรัฐฯ ยกฟ้องข้อกล่าวหาสุดท้ายของ Arm ต่อ Qualcomm และ Nuvia
    คดีเริ่มต้นจากการที่ Qualcomm ซื้อกิจการ Nuvia ในปี 2021
    Arm อ้างว่า Qualcomm ต้องเจรจาใบอนุญาตใหม่ แต่ศาลตัดสินว่าไม่จำเป็น
    คณะลูกขุนตัดสินในปี 2024 ว่า Qualcomm ไม่ละเมิดข้อตกลง
    Qualcomm ได้สิทธิ์ใช้เทคโนโลยีของ Nuvia ภายใต้ใบอนุญาตเดิม
    Qualcomm เตรียมนำแกน Oryon ไปใช้ใน Snapdragon X และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
    Qualcomm ฟ้องกลับ Arm ฐานแทรกแซงลูกค้าและขัดขวางนวัตกรรม
    คดีฟ้องกลับจะเริ่มพิจารณาในเดือนมีนาคม 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Nuvia ก่อตั้งโดยอดีตวิศวกร Apple เพื่อพัฒนาแกน CPU สำหรับเซิร์ฟเวอร์
    แกน Oryon ใช้สถาปัตยกรรม Armv8 แต่พัฒนาใหม่เกือบทั้งหมด
    Qualcomm ตั้งเป้าใช้ Oryon ในพีซี Windows ที่ใช้ Snapdragon X
    Arm กำลังขยายเข้าสู่ตลาดคลาวด์และ AI เพื่อเพิ่มรายได้จากใบอนุญาต
    คดีนี้สะท้อนความขัดแย้งระหว่างผู้ถือสิทธิบัตรและพันธมิตรใน ecosystem

    https://securityonline.info/qualcomm-wins-complete-victory-over-arm-in-major-chip-licensing-lawsuit/
    ⚖️ “Qualcomm ชนะคดี Arm อย่างเด็ดขาด — ศาลสหรัฐฯ ยุติข้อพิพาทสิทธิบัตร เปิดทางให้ Snapdragon X ลุยตลาด AI และเซิร์ฟเวอร์เต็มตัว” หลังจากต่อสู้กันในศาลมานานกว่า 3 ปี คดีระหว่าง Qualcomm และ Arm ก็สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2025 โดยศาลแขวงสหรัฐฯ ในรัฐเดลาแวร์ได้ตัดสินยกฟ้องข้อกล่าวหาสุดท้ายของ Arm ต่อ Qualcomm และบริษัทลูก Nuvia ถือเป็น “ชัยชนะอย่างสมบูรณ์” ของ Qualcomm ในคดีสิทธิบัตรที่สะเทือนวงการเซมิคอนดักเตอร์ จุดเริ่มต้นของคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ Qualcomm เข้าซื้อกิจการ Nuvia ในปี 2021 ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่พัฒนาแกนประมวลผลแบบ Arm สำหรับเซิร์ฟเวอร์ โดย Arm อ้างว่า Qualcomm ไม่มีสิทธิ์นำเทคโนโลยีของ Nuvia มาใช้ต่อโดยอัตโนมัติ และควรเจรจาข้อตกลงใหม่ แต่ศาลตัดสินว่า Qualcomm มีสิทธิ์ใช้เทคโนโลยีของ Nuvia ภายใต้ใบอนุญาตสถาปัตยกรรมเดิมที่ Qualcomm ถืออยู่แล้ว คณะลูกขุนเคยตัดสินในเดือนธันวาคม 2024 ว่า Qualcomm ไม่ได้ละเมิดข้อตกลง และคำตัดสินล่าสุดของศาลก็ยืนยันผลนั้น พร้อมปฏิเสธคำร้องของ Arm ที่ขอให้เปิดการพิจารณาคดีใหม่ ชัยชนะครั้งนี้เปิดทางให้ Qualcomm นำเทคโนโลยีแกนประมวลผล Oryon ที่พัฒนาโดย Nuvia ไปใช้ในผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น Snapdragon X สำหรับพีซี, สมาร์ตโฟน, รถยนต์, เซิร์ฟเวอร์ AI และหุ่นยนต์ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อพิพาทด้านสิทธิบัตรอีกต่อไป ในขณะเดียวกัน Qualcomm ยังมีคดีฟ้องกลับ Arm อยู่ โดยกล่าวหาว่า Arm พยายามแทรกแซงความสัมพันธ์กับลูกค้า และส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของตนเองเหนือพันธมิตรใน ecosystem ซึ่งคดีนี้จะเริ่มพิจารณาในเดือนมีนาคม 2026 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ศาลสหรัฐฯ ยกฟ้องข้อกล่าวหาสุดท้ายของ Arm ต่อ Qualcomm และ Nuvia ➡️ คดีเริ่มต้นจากการที่ Qualcomm ซื้อกิจการ Nuvia ในปี 2021 ➡️ Arm อ้างว่า Qualcomm ต้องเจรจาใบอนุญาตใหม่ แต่ศาลตัดสินว่าไม่จำเป็น ➡️ คณะลูกขุนตัดสินในปี 2024 ว่า Qualcomm ไม่ละเมิดข้อตกลง ➡️ Qualcomm ได้สิทธิ์ใช้เทคโนโลยีของ Nuvia ภายใต้ใบอนุญาตเดิม ➡️ Qualcomm เตรียมนำแกน Oryon ไปใช้ใน Snapdragon X และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ➡️ Qualcomm ฟ้องกลับ Arm ฐานแทรกแซงลูกค้าและขัดขวางนวัตกรรม ➡️ คดีฟ้องกลับจะเริ่มพิจารณาในเดือนมีนาคม 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Nuvia ก่อตั้งโดยอดีตวิศวกร Apple เพื่อพัฒนาแกน CPU สำหรับเซิร์ฟเวอร์ ➡️ แกน Oryon ใช้สถาปัตยกรรม Armv8 แต่พัฒนาใหม่เกือบทั้งหมด ➡️ Qualcomm ตั้งเป้าใช้ Oryon ในพีซี Windows ที่ใช้ Snapdragon X ➡️ Arm กำลังขยายเข้าสู่ตลาดคลาวด์และ AI เพื่อเพิ่มรายได้จากใบอนุญาต ➡️ คดีนี้สะท้อนความขัดแย้งระหว่างผู้ถือสิทธิบัตรและพันธมิตรใน ecosystem https://securityonline.info/qualcomm-wins-complete-victory-over-arm-in-major-chip-licensing-lawsuit/
    SECURITYONLINE.INFO
    Qualcomm Wins "Complete Victory" Over Arm in Major Chip Licensing Lawsuit
    A U.S. court dismissed Arm's remaining lawsuit against Qualcomm and Nuvia, granting Qualcomm a "complete victory" and clearing the way for its high-performance CPU cores.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts