• รัฐบาลที่นำโดย โจ ไบเดน ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งควรยุติการสนับสนุนทางทหารต่อยูเครนในช่วงไม่กี่วันที่เหลือ ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเข้ารับตำแหน่ง, วิกเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการีกล่าวในรายการวิทยุ Kossuth Radio ช่วงเช้า:
    .
    The outgoing Joe Biden-led administration should end military support for Ukraine in the remaining days before US President-elect Donald Trump takes office, Hungarian Prime Minister Viktor Orban stated on the morning program of Kossuth Radio:
    https://tass.com/world/1872703
    .
    5:50 PM · Nov 15, 2024 · 2,014 Views
    https://x.com/tassagency_en/status/1857375724857905387
    รัฐบาลที่นำโดย โจ ไบเดน ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งควรยุติการสนับสนุนทางทหารต่อยูเครนในช่วงไม่กี่วันที่เหลือ ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะเข้ารับตำแหน่ง, วิกเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการีกล่าวในรายการวิทยุ Kossuth Radio ช่วงเช้า: . The outgoing Joe Biden-led administration should end military support for Ukraine in the remaining days before US President-elect Donald Trump takes office, Hungarian Prime Minister Viktor Orban stated on the morning program of Kossuth Radio: https://tass.com/world/1872703 . 5:50 PM · Nov 15, 2024 · 2,014 Views https://x.com/tassagency_en/status/1857375724857905387
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😭🙏🏻กราบลาพี่โสด้วยความเคารพรัก ขอบคุณที่ทำหน้าที่สื่อมวลชนผู้ให้ปัญญามาตลอด ขอให้พี่โสสู่สุคติในสัมปรายภพค่ะ “คิดถึงพี่โสภณ ตั้งใจทำงานมากๆ”

    สำหรับประวัติพี่โสภณ องค์การณ์ เกิด 7 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลแม่ข้าวต้ม อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย จบชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนสามัคคี วิทยาคม รุ่นปี 2508 จากนั้นศึกษาต่อที่โรงเรียนบพิตรพิมุข แผนกภาษาต่างประเทศ จบปีการศึกษา 2511 เริ่มทำงานเป็นล่ามในปี 2512 ให้นักศึกษาชาวอเมริกันทำวิจัยที่จังหวัดลำปางและเชียงรายเป็นเวลา 1 ปี เพื่อทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่เอ็มไอที

    ประวัติทำงานสื่อสารมวลชน เป็นอดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น ภาษาอังกฤษและสื่อเครือเนชั่น เป็นเวลากว่า30ปี หลังจากยุคทักษิณปี2548 ที่คุกคามปิดปากสื่อผู้จัดการที่วิพากษ์วิจารณ์และขับไล่รัฐบาลโดยสนธิ ลิ้มทองกุล พี่โสได้เข้ามาร่วมอุดมการณ์ทำหน้าทีสื่อมวลชนที่ให้ปัญญาคนไทยในสื่อเครือผู้จัดการ เอเอสทีวีและNews1 เป็นบรรณาธิการอาวุโสและAnchorที่มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก จากเสน่ห์คมความคิดและฝีปากแหลมคมในรายการวิเคราะห์ข่าวสาระเชิงบันเทิงที่โหด มัน ฮา รายการชวนคิดชวนคุย ,เคาะไข่ใส่ข่าว, NewsHour และNewsHour Weekend ที่สถานีช่อง ASTV หรือช่อง News 1 นอกจากนี้ช่วงเช้าตรู่ ยังจัดรายการวิทยุ "พูดนอกสภา" ที่ FM 90.5 เวลา 6.00-7.00 น. ทุกวัน

    ส่วนผลงานเขียน เคยมีคอลัมน์ประจำในนิตยสารเนชั่น สุดสัปดาห์ ,คมชัดลึก พี่โสภณ องค์การณ์ทำงานกับเครือเนชั่นนานกว่า30ปี โดยเริ่มต้นงานกับ นสพ.เดอะเนชั่น ภาษาอังกฤษในตำแหน่งพนักงานพิสูจน์อักษร proof reader และด้วยความสามารถ ได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นนักข่าว นักเขียน และเป็นบรรณาธิการที่มีศักยภาพและทักษะ ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ต่อมาจึงได้เป็นผู้ดำเนินรายการ Face The Nation เป็นรายการสัมภาษณ์แหล่งข่าวบุคคลสำคัญเป็นภาษาอังกฤษ ออกอากาศทางช่อง 9 และรับผิดชอบเป็นผู้บริหารข่าวแผนกโทรทัศน์ของเครือเนชั่น ก่อนจะได้รับทุน Nieman Fellowship ไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอสตัน สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นจึงลาออกมาทำงานกับสนธิ ลิ้มทองกุล ที่สถานีทีวีช่อง ASTV หรือช่อง News 1 ในปัจจุบัน เป็นผู้ดำเนินรายการวิเคราะห์ข่าวการเมืองและต่างประเทศในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ คุยมันส์ทันข่าว ,ชวนคิดชวนคุย, WorldTalk, NewsHourweekend และเป็นตัวหลักในรายการ NewsHour หลังจากสิ้นเติมศักดิ์ จารุปราณ และยังมีบทความวิเคราะห์ที่น่าติดตามในนิตยสารผู้จัดการรายสัปดาห์ ชื่อคอลัมน์ "ป้อมพระอาทิตย์"

    นอกจากนี้เคยเป็นพิธีกรรายการ "คุยข่าวบ่ายสองโมง" ทางช่องไททีวี ทีวีดิจิตอล ช่อง 17 จนกระทั่งปิดสถานี

    พี่โสภณ องค์การณ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ที่สถาบันประสาทวิทยา หลังจากพี่โสภณ ได้รับการผ่าตัดสมองที่ รพ.วิภารามด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองแตก สิริอายุ 75 ปี

    #Thaitimes
    😭🙏🏻กราบลาพี่โสด้วยความเคารพรัก ขอบคุณที่ทำหน้าที่สื่อมวลชนผู้ให้ปัญญามาตลอด ขอให้พี่โสสู่สุคติในสัมปรายภพค่ะ “คิดถึงพี่โสภณ ตั้งใจทำงานมากๆ” สำหรับประวัติพี่โสภณ องค์การณ์ เกิด 7 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลแม่ข้าวต้ม อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย จบชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนสามัคคี วิทยาคม รุ่นปี 2508 จากนั้นศึกษาต่อที่โรงเรียนบพิตรพิมุข แผนกภาษาต่างประเทศ จบปีการศึกษา 2511 เริ่มทำงานเป็นล่ามในปี 2512 ให้นักศึกษาชาวอเมริกันทำวิจัยที่จังหวัดลำปางและเชียงรายเป็นเวลา 1 ปี เพื่อทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่เอ็มไอที ประวัติทำงานสื่อสารมวลชน เป็นอดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น ภาษาอังกฤษและสื่อเครือเนชั่น เป็นเวลากว่า30ปี หลังจากยุคทักษิณปี2548 ที่คุกคามปิดปากสื่อผู้จัดการที่วิพากษ์วิจารณ์และขับไล่รัฐบาลโดยสนธิ ลิ้มทองกุล พี่โสได้เข้ามาร่วมอุดมการณ์ทำหน้าทีสื่อมวลชนที่ให้ปัญญาคนไทยในสื่อเครือผู้จัดการ เอเอสทีวีและNews1 เป็นบรรณาธิการอาวุโสและAnchorที่มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก จากเสน่ห์คมความคิดและฝีปากแหลมคมในรายการวิเคราะห์ข่าวสาระเชิงบันเทิงที่โหด มัน ฮา รายการชวนคิดชวนคุย ,เคาะไข่ใส่ข่าว, NewsHour และNewsHour Weekend ที่สถานีช่อง ASTV หรือช่อง News 1 นอกจากนี้ช่วงเช้าตรู่ ยังจัดรายการวิทยุ "พูดนอกสภา" ที่ FM 90.5 เวลา 6.00-7.00 น. ทุกวัน ส่วนผลงานเขียน เคยมีคอลัมน์ประจำในนิตยสารเนชั่น สุดสัปดาห์ ,คมชัดลึก พี่โสภณ องค์การณ์ทำงานกับเครือเนชั่นนานกว่า30ปี โดยเริ่มต้นงานกับ นสพ.เดอะเนชั่น ภาษาอังกฤษในตำแหน่งพนักงานพิสูจน์อักษร proof reader และด้วยความสามารถ ได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นนักข่าว นักเขียน และเป็นบรรณาธิการที่มีศักยภาพและทักษะ ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ต่อมาจึงได้เป็นผู้ดำเนินรายการ Face The Nation เป็นรายการสัมภาษณ์แหล่งข่าวบุคคลสำคัญเป็นภาษาอังกฤษ ออกอากาศทางช่อง 9 และรับผิดชอบเป็นผู้บริหารข่าวแผนกโทรทัศน์ของเครือเนชั่น ก่อนจะได้รับทุน Nieman Fellowship ไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอสตัน สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นจึงลาออกมาทำงานกับสนธิ ลิ้มทองกุล ที่สถานีทีวีช่อง ASTV หรือช่อง News 1 ในปัจจุบัน เป็นผู้ดำเนินรายการวิเคราะห์ข่าวการเมืองและต่างประเทศในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ คุยมันส์ทันข่าว ,ชวนคิดชวนคุย, WorldTalk, NewsHourweekend และเป็นตัวหลักในรายการ NewsHour หลังจากสิ้นเติมศักดิ์ จารุปราณ และยังมีบทความวิเคราะห์ที่น่าติดตามในนิตยสารผู้จัดการรายสัปดาห์ ชื่อคอลัมน์ "ป้อมพระอาทิตย์" นอกจากนี้เคยเป็นพิธีกรรายการ "คุยข่าวบ่ายสองโมง" ทางช่องไททีวี ทีวีดิจิตอล ช่อง 17 จนกระทั่งปิดสถานี พี่โสภณ องค์การณ์ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ที่สถาบันประสาทวิทยา หลังจากพี่โสภณ ได้รับการผ่าตัดสมองที่ รพ.วิภารามด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองแตก สิริอายุ 75 ปี #Thaitimes
    Sad
    Love
    17
    7 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1713 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณติ่งๆคะ………ที่พวกเราผ่านพบเห็นกันมาในเมืองไทย พี่ปูเขาก็ผ่านเส้นทางนี้มาเหมือนกันค่าาาา………!!!

    ตอนยี่สิบ……คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ………แคร์ที่ไหน..?!!!

    ในช่วงที่เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีนั้น เขาเข้าขากันได้ดีกับบารัค โอบามา ที่มีการลงนามในสัญญาค้าขายต่อกัน เปิดโปรแกรมรับนักลงทุนต่างชาติใหม่ (ที่ปูตินปิดไปเมื่อ 2009)
    ในการประชุม World Trade Organization ที่ Davos ปลายปี 2010 เมดเวเดฟที่เตรียมคำตอบไว้มากมายเกี่ยวกับการตลาดที่จะตอบนักข่าว….
    แต่…เขาโดนถามในสิ่งที่เขาไม่มีความรู้ที่จะตอบให้ นั่นคือ
    ทางรัสเซียมีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องการลุกฮือของกลุ่มชาติอาหรับ (Arab Spring) ที่ต่อต้าน Qaddafi (ลิเบีย) และHosni Mubarak (อียิบต์)
    เขาตอบไปอย่างที่นักประชาธิปไตย ควรจะตอบ นั่นคือ เพราะ
    การที่รัฐบาลไม่ตอบสนองกับความต้องการของประชาชน…!!!

    ซึ่งนั่นคือการผิดพลาดมหันต์……ในฐานะผู้นำรัสเซียที่รัฐบาลเคยผ่านการปราบม๊อบมาสารพัดชนิด และแต่ละรายก็ไม่พ้นการเข้าทุบตี และ จับเข้าคุกไปทุกครั้ง
    คราวนี้จะมาทำโลกสวย….
    เล่นเอา……ปูตินที่กำลังวุ่นอยู่ที่ Sochi ถึงกับกุมขมับ……

    แถม……ข้อความของเมดเวเดฟ……รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ในเวลานั้น) คือ Joe Biden โดดรับลูกทันที……เขาเอาคำพูดของเมดเวเดฟไปใช้ในอภิปรายที่ Moscow State University ในเดือนมีนาคม 2011 โดยว่า…
    “ประชาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ย่อมต้องการสิทธิในการเลือกผู้นำเหมือนอย่างชาติอื่นๆ เขาต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ในประเทศที่มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และต้องการสื่อที่เป็นกระบอกเสียงในการที่จะต่อสู้กับการคอรัปชั่น…เพราะนั่นคือ การเป็นกิ่งใบของต้นประชาธิปไตย ผมใคร่วิงวอนนักศึกษาในวันนี้อย่ารับความเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งๆกลางๆ อย่าเชื่อในสัญญามาร..(Faustian bargain) …”

    ~~~คงไม่ต้องสงสัยเลยนะคะ ว่า ทำไมปูตินถึงได้แค้นฝังหุ่นกับโจ ไบเดน…และ อเมริกา…

    แต่เบื้องหลังฉาก การมาของโจ ไบเดน คือการหนีบเมดเวเดฟ
    เข้าไปเป็นพวกในสนธิสัญญาร่วมรบ กับกลุ่มนาโต้ เพื่อที่จะส่งทหารไปช่วยในลิเบีย และร่วมในการปิดน่านฟ้า เพื่อขจัด
    กัดดาฟี
    เมดเวเดฟ……ตกบันไดพลอยโจน เพราะคำพูดของตัวเองที่ค้ำคออยู่ จึงตกลงตามนั้น

    ปูตินได้มองเห็นแล้วว่าเมดเวเดฟกำลังตกหลุมพรางของกลุ่มตะวันตก เพราะเขายังอ่อนประสบการณ์ ไม่เคยเป็น KGB เป็นคนโลกสวย และ ชื่นชอบแสงสีวัฒนธรรมตะวันตกอย่าง ฝรั่งเศส อิตาลี และพอมีโอบามาเป็นเกลอเข้าหน่อย เลยเป็นปลื้ม……
    เขาจึงเรียกมาดุแกมเตือนว่า……เรื่องการลุกฮือโดยการปั่นของอเมริกา จะไม่หยุดลงแค่นี้แน่นอน เพราะมันได้กลายเป็นนโนบายหลักของพญาอินทรีย์ที่จะต้องสร้างความแตกแยกในตะวันออกกลาง
    เขาได้บอกกับเมดเวเดฟต่อ……ว่า…
    “ย้อนกลับไปดูอดีตนะ ถ้ามีเวลาค้นคว้า……ว่า กลุ่มชาวอิหร่าน
    ที่ก่อกบฎขึ้นมา ด้วยการนำของโคไมนี่ (Khomeini) แล้วไอ้โคไมนี่คนนี้….เค้าอยู่ที่ไหน…จะบอกให้……เค้านอนเล่นเดินสบายอยู่ที่ฝรั่งเศส
    รอรับนโยบายจากพวกตะวันตกเอามาปั่นยุแยง……แล้วไงล่ะ
    ดาบนั้นคืนสนอง ตอนนี้อิหร่านมีนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง…สมน้ำหน้า…และสิ่งที่ตะวันตกทำนั้น ไม่ใช่ว่าจะเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับประชาชนเสียเมื่อไหร่ ถ้าดูในประวัติศาสตร์ในยุคกลาง…เขาทำมาแล้ว ในเรื่องชักชวนพวกเพื่อนบ้านออกไปรวมกันแล้วไปตีบ้านอื่น……ในยุคนั้นเขาเรียกว่า Crusade….ตอนนี้ก็เหมือนเดิม เขาเรียกว่า “กองทัพนาโต้”
    ที่มีวัตถุประสงค์ทำเพื่อให้กัดดาฟี่หัวแข็งลงจากอำนาจ
    เพื่อที่จะเอากลุ่มที่ตัวเองสนับสนุนขึ้นมาแทน……มันคือการปล้นประเทศโดยการเปลี่ยนผู้นำเท่านั้น
    แต่…ประชาธิปไตยไม่ได้คืบหน้าไปไหน ประชาชนก็ทำมาหากินแบบอดๆอยากๆเหมือนเดิม ……”

    (~~~ข้อความตรงนี้”โดนใจ” มากค่ะ อธิบายได้หมดถึงความเป็นอเมริกาในทุกวันนี้…)

    ในขณะเดียวกันปูตินก็เริ่มได้กลิ่นไอว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มตะวันออกกลาง……น่าจะเกิดขึ้นในรัสเซียไม่ช้าก็เร็ว…!!!

    แต่เพราะเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นเรียงเป็นไข่ปลานี้ สภาได้พิจารณาแล้ว เห็นพ้องกันว่า จะขยายอายุเวลาของประธานาธิบดีไปเป็นหกปี เริ่มจากสมัยหน้าของการเลือกตั้ง
    เพราะรัสเซียเป็นประเทศใหญ่ มีพื้นที่ที่ยังต้องพัฒนาอีกมาก

    ในเดือนพฤษภาคม 2011 เป็นสามปีที่เมดเวเดฟได้อยู่ในตำแหน่ง ผลงานเด่นของเขาคือ ศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่สร้างเพื่อให้เท่าเทียมหรือเกินหน้า Silicon Valley ที่ California
    และได้ก่อตั้งกลุ่มการเมืองเป็นของตัวเอง ชื่อ All Russia People’s Front แบบรวบรวมคนรุ่นใหม่ หัวทันสมัย ใฝ่ความเจริญทางประชาธิปไตยและเศรษฐกิจขึ้นมา พุ่งเป้าที่กลุ่มคนเพิ่มเริ่มทำงาน
    เพียงแค่ประกาศ…สมาชิกหลั่งไหลเข้ามาสมัครกันอย่างหนาแน่น ทั้งส่วนตัวและองค์กรต่างๆ
    แต่เมื่อเขาถูกสัมภาษณ์ในนิตยสาร The Financial Times
    ที่ถูกถามว่า….เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยที่สองหรือไม่?
    เขาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ว่า………มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “คณะ” แต่โดยทั่วไป.……ประธานาธิบดีย่อมต้องการที่จะลงสนามต่อในครั้งต่อไป…”
    คำตอบกำกวมแบบนั้น ได้ชี้ชัดว่า….เมดเวเดฟ……ไม่ใช่ของจริง…!!

    ส่วน”ของจริง” นั้น ไม่ค่อยออกงาน หรือให้สัมภาษณ์บ่อยๆ แต่ยังคงความนิยมชื่นชอบอย่างไม่เคยจาง เพราะเป็นคนที่ถึงลูกถึงคน ยังไปลั้ลลากิจกรรมกับกลุ่มยุวชน Nashi….ไปสวดมนต์
    ในโบสถ์ ……ไปดำน้ำลึกหาวัตถุโบราณ …
    ยังเรียกเสียงกรี๊ดสลบได้ในทุกความเคลื่อนไหว…

    เมื่อตอนหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่มี เมดเวเดฟ, ปูติน ,พรรคคอมมิวนิสต์ และ พรรค Liberal Democrats
    ที่คราวนี้ออกจะดุเดือดเลือดพล่าน เพราะ……กลุ่มใต้ดิน และ บนดินที่ต่อต้านการกลับมาของปูตินได้ผนึกกำลังกันอย่างแข็งขัน แบ่งกันเป็นก๊กเล็กก๊กน้อย
    หัวหน้านำคือ Boris Nemtsov นักฟิสิกส์หัวรุนแรง เคยเป็นนักการเมืองในยุคของเยลซินจนมาสู่ผู้แทนในสภาดูมา, Sergei Mironov หัวหน้าพรรค A Just Russia และ Aleksei Navalny ทนายความนักเคลื่อนไหว ต่อต้านคอร์รัปชั่น
    และทั้งหมด……ต่อต้านปูติน

    การต่อต้านได้เริ่มขยายตัวขึ้น และกล้าขึ้น ถึงขนาดกล้าโห่ไล่ปูตินในงานเปิดกีฬาชกมวยในสเตเดี้ยมที่มอสโคว์
    เรื่องการต่อต้านนั้น ปูตินเจอมาเยอะ แต่คราวนี้ฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นทำรายการวิทยุที่ใช้ชื่อรายการว่า “หมดยุคของปูตินได้แล้ว” ดำเนินรายการโดย Alexei Navalny (หรือ AN ที่จะใช้ต่อไป)
    และมีการจัดตั้งการชุมนุม พากันเดินขบวนไปที่นั่นที่นี่
    ตำรวจได้เข้าทำการจับกุม AN ในฐานะสร้างความวุ่นวาย จำคุกไปสิบห้าวัน
    แต่เมื่อออกมา เขาได้จัดขบวนใหญ่กว่าเดิม ระดมคนรุ่นใหม่ นักศึกษาที่มากันมากมาย

    ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012 สิบกว่าวันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
    ที่โบสถ์ออโธดอกซ์ Cathedral of Christ the Savoir
    มีผู้หญิงสาวห้าคน ที่ขึ้นไปปีนป่ายบนเสาสลัก ถอดเสื้อโค้ท
    ออก ข้างในแต่งกายสไตล์พั้งค์ แต่สวมหน้ากากหลากสี ……ต่างตะโกนพร้อมกับชูกำปั้นกันไปมา
    เสียงที่ตะโกนดังก้องด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย
    หนึ่งในนั้น คือ Yekaterina Samutsevich (นักดนตรี) กำลังจะเอากีตาร์ขึ้นมาดีด แต่การ์ดได้ดึงตัวเธอออกมาก่อน
    ทั้งหมด……ยังไม่หยุดตะโกน……ปูตินออกไป……ปูตินออกไป……!!
    เป็นเรื่องใหญ่ในข่าวภาคค่ำในคืนนั้น ……ที่สาวไปว่า ต้นตอเหตุมากจากกลุ่มเกย์และเลสเบี้ยนที่ต้องการความเท่าเทียม
    และได้มี กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “***** Riot” (ไปแปลกันเองนะคะ แต่ดิฉันจะเรียกว่า PR)

    กลุ่มนี้มีประมาณสิบกว่าคน ที่ไม่เปิดเผยตัวเอง แต่พร้อมที่จะก่อความวุ่นวายต่อต้านปูตินในวันที่เขาจะประกาศตัวลงชิงประธานาธิบดี แนวการต้านคือ การวาดอวัยวะเพศในที่ต่างๆในกรุงเซนต์ และ มอสโคว์ และ การร่วมเพศ เป็นสัญญลักษณ์
    เช่นออกคลิปการร่วมเพศในที่สำคัญๆอย่างโจ่งแจ้ง

    ปูตินแก้เกมด้วยการ…ไม่พูดถึงเรื่องต่อต้าน แต่เขาประชุมผู้นำของทุกศาสนา เช่น ออโธดอกซ์,ยิว, พุทธ, อิสลาม และ คาธอลิก แม้แต่ Seventhday Adventists ให้มาร่วมรับฟังความเห็นที่ Danilov Monastery โดยมีพระอธิการ Kirill เป็นองค์ประธาน
    ที่ทั้งหมดได้แสดงความเสียใจกับการต่อต้านที่หยาบคาย ลบหลู่สถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้…
    ปูตินไม่ต้องทำอะไร……เพียงแต่ช่วยทำข่าวให้กระจายออกไป
    กลุ่มต่อต้านได้รับคำตำหนิและรังเกียจเดียดฉันท์จากประชาชนกลับไปอย่างมากมาย

    จากนั้น ปูตินยังใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวด้วยการที่จัดกิจกรรมรักชาติ ขึ้นที่โน่นที่นี่
    จนถึงวันที่ 4 มีนาคม วันเลือกตั้ง เขาได้ประกาศชัยชนะด้วยการรับคะแนนเสียงถึง 63%
    นั่นคือ การกลับมาอย่างสง่าผ่าเผยของปูติน ……
    ที่ฝ่ายก่อกวนเจ้าเก่า AN ที่นำผู้ชุมนุมกว่าสองพันคนข้างนอกนั้น ถึงกับหัวเสียด้วยความผิดหวัง
    ส่วน Sergei Udaltsov หัวหอกการต่อต้าน……ไม่ยอมแพ้ เขาสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งเต้นท์นอนบนถนน (ตามแบบการประท้วงที่เคียฟ, ยูเครนในปี 2004)
    ข่าวทางรัฐบาลได้ออกมาอย่างน่ารัก น่าเอ็นดู ……ว่า
    “ผู้ชุมนุมก็เปรียบเสมือนลูกๆที่มีนิสัยเสีย ไม่ได้อะไรดังใจก็ฟาดหัวฟาดหาง เราก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ที่ไม่ตามใจ
    เราไม่รีบไปซื้อของเล่นให้ …แต่จะสอนให้ไปสนใจเล่นอย่างอื่นที่มีประโยชน์แทน……”

    ของเล่นที่มีประโยชน์ที่พวกชุมชุมได้รับตอนที่ตั้งเต้นท์ไม่ทันเสร็จ……คือ ตำรวจพร้อมกระบองได้เข้าบุกแบบถึงพริกถึงขิง จับเข้าคุกนับร้อย บาดเจ็บหลายสิบ
    ถนนในมอสโคว์….โล่งสะอาดในวันต่อมา….!!!!


    Wiwanda W. Vichit
    คุณติ่งๆคะ………ที่พวกเราผ่านพบเห็นกันมาในเมืองไทย พี่ปูเขาก็ผ่านเส้นทางนี้มาเหมือนกันค่าาาา………!!! ตอนยี่สิบ……คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ………แคร์ที่ไหน..?!!! ในช่วงที่เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีนั้น เขาเข้าขากันได้ดีกับบารัค โอบามา ที่มีการลงนามในสัญญาค้าขายต่อกัน เปิดโปรแกรมรับนักลงทุนต่างชาติใหม่ (ที่ปูตินปิดไปเมื่อ 2009) ในการประชุม World Trade Organization ที่ Davos ปลายปี 2010 เมดเวเดฟที่เตรียมคำตอบไว้มากมายเกี่ยวกับการตลาดที่จะตอบนักข่าว…. แต่…เขาโดนถามในสิ่งที่เขาไม่มีความรู้ที่จะตอบให้ นั่นคือ ทางรัสเซียมีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องการลุกฮือของกลุ่มชาติอาหรับ (Arab Spring) ที่ต่อต้าน Qaddafi (ลิเบีย) และHosni Mubarak (อียิบต์) เขาตอบไปอย่างที่นักประชาธิปไตย ควรจะตอบ นั่นคือ เพราะ การที่รัฐบาลไม่ตอบสนองกับความต้องการของประชาชน…!!! ซึ่งนั่นคือการผิดพลาดมหันต์……ในฐานะผู้นำรัสเซียที่รัฐบาลเคยผ่านการปราบม๊อบมาสารพัดชนิด และแต่ละรายก็ไม่พ้นการเข้าทุบตี และ จับเข้าคุกไปทุกครั้ง คราวนี้จะมาทำโลกสวย…. เล่นเอา……ปูตินที่กำลังวุ่นอยู่ที่ Sochi ถึงกับกุมขมับ…… แถม……ข้อความของเมดเวเดฟ……รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ในเวลานั้น) คือ Joe Biden โดดรับลูกทันที……เขาเอาคำพูดของเมดเวเดฟไปใช้ในอภิปรายที่ Moscow State University ในเดือนมีนาคม 2011 โดยว่า… “ประชาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ย่อมต้องการสิทธิในการเลือกผู้นำเหมือนอย่างชาติอื่นๆ เขาต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ในประเทศที่มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และต้องการสื่อที่เป็นกระบอกเสียงในการที่จะต่อสู้กับการคอรัปชั่น…เพราะนั่นคือ การเป็นกิ่งใบของต้นประชาธิปไตย ผมใคร่วิงวอนนักศึกษาในวันนี้อย่ารับความเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งๆกลางๆ อย่าเชื่อในสัญญามาร..(Faustian bargain) …” ~~~คงไม่ต้องสงสัยเลยนะคะ ว่า ทำไมปูตินถึงได้แค้นฝังหุ่นกับโจ ไบเดน…และ อเมริกา… แต่เบื้องหลังฉาก การมาของโจ ไบเดน คือการหนีบเมดเวเดฟ เข้าไปเป็นพวกในสนธิสัญญาร่วมรบ กับกลุ่มนาโต้ เพื่อที่จะส่งทหารไปช่วยในลิเบีย และร่วมในการปิดน่านฟ้า เพื่อขจัด กัดดาฟี เมดเวเดฟ……ตกบันไดพลอยโจน เพราะคำพูดของตัวเองที่ค้ำคออยู่ จึงตกลงตามนั้น ปูตินได้มองเห็นแล้วว่าเมดเวเดฟกำลังตกหลุมพรางของกลุ่มตะวันตก เพราะเขายังอ่อนประสบการณ์ ไม่เคยเป็น KGB เป็นคนโลกสวย และ ชื่นชอบแสงสีวัฒนธรรมตะวันตกอย่าง ฝรั่งเศส อิตาลี และพอมีโอบามาเป็นเกลอเข้าหน่อย เลยเป็นปลื้ม…… เขาจึงเรียกมาดุแกมเตือนว่า……เรื่องการลุกฮือโดยการปั่นของอเมริกา จะไม่หยุดลงแค่นี้แน่นอน เพราะมันได้กลายเป็นนโนบายหลักของพญาอินทรีย์ที่จะต้องสร้างความแตกแยกในตะวันออกกลาง เขาได้บอกกับเมดเวเดฟต่อ……ว่า… “ย้อนกลับไปดูอดีตนะ ถ้ามีเวลาค้นคว้า……ว่า กลุ่มชาวอิหร่าน ที่ก่อกบฎขึ้นมา ด้วยการนำของโคไมนี่ (Khomeini) แล้วไอ้โคไมนี่คนนี้….เค้าอยู่ที่ไหน…จะบอกให้……เค้านอนเล่นเดินสบายอยู่ที่ฝรั่งเศส รอรับนโยบายจากพวกตะวันตกเอามาปั่นยุแยง……แล้วไงล่ะ ดาบนั้นคืนสนอง ตอนนี้อิหร่านมีนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง…สมน้ำหน้า…และสิ่งที่ตะวันตกทำนั้น ไม่ใช่ว่าจะเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับประชาชนเสียเมื่อไหร่ ถ้าดูในประวัติศาสตร์ในยุคกลาง…เขาทำมาแล้ว ในเรื่องชักชวนพวกเพื่อนบ้านออกไปรวมกันแล้วไปตีบ้านอื่น……ในยุคนั้นเขาเรียกว่า Crusade….ตอนนี้ก็เหมือนเดิม เขาเรียกว่า “กองทัพนาโต้” ที่มีวัตถุประสงค์ทำเพื่อให้กัดดาฟี่หัวแข็งลงจากอำนาจ เพื่อที่จะเอากลุ่มที่ตัวเองสนับสนุนขึ้นมาแทน……มันคือการปล้นประเทศโดยการเปลี่ยนผู้นำเท่านั้น แต่…ประชาธิปไตยไม่ได้คืบหน้าไปไหน ประชาชนก็ทำมาหากินแบบอดๆอยากๆเหมือนเดิม ……” (~~~ข้อความตรงนี้”โดนใจ” มากค่ะ อธิบายได้หมดถึงความเป็นอเมริกาในทุกวันนี้…) ในขณะเดียวกันปูตินก็เริ่มได้กลิ่นไอว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มตะวันออกกลาง……น่าจะเกิดขึ้นในรัสเซียไม่ช้าก็เร็ว…!!! แต่เพราะเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นเรียงเป็นไข่ปลานี้ สภาได้พิจารณาแล้ว เห็นพ้องกันว่า จะขยายอายุเวลาของประธานาธิบดีไปเป็นหกปี เริ่มจากสมัยหน้าของการเลือกตั้ง เพราะรัสเซียเป็นประเทศใหญ่ มีพื้นที่ที่ยังต้องพัฒนาอีกมาก ในเดือนพฤษภาคม 2011 เป็นสามปีที่เมดเวเดฟได้อยู่ในตำแหน่ง ผลงานเด่นของเขาคือ ศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่สร้างเพื่อให้เท่าเทียมหรือเกินหน้า Silicon Valley ที่ California และได้ก่อตั้งกลุ่มการเมืองเป็นของตัวเอง ชื่อ All Russia People’s Front แบบรวบรวมคนรุ่นใหม่ หัวทันสมัย ใฝ่ความเจริญทางประชาธิปไตยและเศรษฐกิจขึ้นมา พุ่งเป้าที่กลุ่มคนเพิ่มเริ่มทำงาน เพียงแค่ประกาศ…สมาชิกหลั่งไหลเข้ามาสมัครกันอย่างหนาแน่น ทั้งส่วนตัวและองค์กรต่างๆ แต่เมื่อเขาถูกสัมภาษณ์ในนิตยสาร The Financial Times ที่ถูกถามว่า….เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยที่สองหรือไม่? เขาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ว่า………มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “คณะ” แต่โดยทั่วไป.……ประธานาธิบดีย่อมต้องการที่จะลงสนามต่อในครั้งต่อไป…” คำตอบกำกวมแบบนั้น ได้ชี้ชัดว่า….เมดเวเดฟ……ไม่ใช่ของจริง…!! ส่วน”ของจริง” นั้น ไม่ค่อยออกงาน หรือให้สัมภาษณ์บ่อยๆ แต่ยังคงความนิยมชื่นชอบอย่างไม่เคยจาง เพราะเป็นคนที่ถึงลูกถึงคน ยังไปลั้ลลากิจกรรมกับกลุ่มยุวชน Nashi….ไปสวดมนต์ ในโบสถ์ ……ไปดำน้ำลึกหาวัตถุโบราณ … ยังเรียกเสียงกรี๊ดสลบได้ในทุกความเคลื่อนไหว… เมื่อตอนหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่มี เมดเวเดฟ, ปูติน ,พรรคคอมมิวนิสต์ และ พรรค Liberal Democrats ที่คราวนี้ออกจะดุเดือดเลือดพล่าน เพราะ……กลุ่มใต้ดิน และ บนดินที่ต่อต้านการกลับมาของปูตินได้ผนึกกำลังกันอย่างแข็งขัน แบ่งกันเป็นก๊กเล็กก๊กน้อย หัวหน้านำคือ Boris Nemtsov นักฟิสิกส์หัวรุนแรง เคยเป็นนักการเมืองในยุคของเยลซินจนมาสู่ผู้แทนในสภาดูมา, Sergei Mironov หัวหน้าพรรค A Just Russia และ Aleksei Navalny ทนายความนักเคลื่อนไหว ต่อต้านคอร์รัปชั่น และทั้งหมด……ต่อต้านปูติน การต่อต้านได้เริ่มขยายตัวขึ้น และกล้าขึ้น ถึงขนาดกล้าโห่ไล่ปูตินในงานเปิดกีฬาชกมวยในสเตเดี้ยมที่มอสโคว์ เรื่องการต่อต้านนั้น ปูตินเจอมาเยอะ แต่คราวนี้ฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นทำรายการวิทยุที่ใช้ชื่อรายการว่า “หมดยุคของปูตินได้แล้ว” ดำเนินรายการโดย Alexei Navalny (หรือ AN ที่จะใช้ต่อไป) และมีการจัดตั้งการชุมนุม พากันเดินขบวนไปที่นั่นที่นี่ ตำรวจได้เข้าทำการจับกุม AN ในฐานะสร้างความวุ่นวาย จำคุกไปสิบห้าวัน แต่เมื่อออกมา เขาได้จัดขบวนใหญ่กว่าเดิม ระดมคนรุ่นใหม่ นักศึกษาที่มากันมากมาย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012 สิบกว่าวันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ที่โบสถ์ออโธดอกซ์ Cathedral of Christ the Savoir มีผู้หญิงสาวห้าคน ที่ขึ้นไปปีนป่ายบนเสาสลัก ถอดเสื้อโค้ท ออก ข้างในแต่งกายสไตล์พั้งค์ แต่สวมหน้ากากหลากสี ……ต่างตะโกนพร้อมกับชูกำปั้นกันไปมา เสียงที่ตะโกนดังก้องด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หนึ่งในนั้น คือ Yekaterina Samutsevich (นักดนตรี) กำลังจะเอากีตาร์ขึ้นมาดีด แต่การ์ดได้ดึงตัวเธอออกมาก่อน ทั้งหมด……ยังไม่หยุดตะโกน……ปูตินออกไป……ปูตินออกไป……!! เป็นเรื่องใหญ่ในข่าวภาคค่ำในคืนนั้น ……ที่สาวไปว่า ต้นตอเหตุมากจากกลุ่มเกย์และเลสเบี้ยนที่ต้องการความเท่าเทียม และได้มี กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “Pussy Riot” (ไปแปลกันเองนะคะ แต่ดิฉันจะเรียกว่า PR) กลุ่มนี้มีประมาณสิบกว่าคน ที่ไม่เปิดเผยตัวเอง แต่พร้อมที่จะก่อความวุ่นวายต่อต้านปูตินในวันที่เขาจะประกาศตัวลงชิงประธานาธิบดี แนวการต้านคือ การวาดอวัยวะเพศในที่ต่างๆในกรุงเซนต์ และ มอสโคว์ และ การร่วมเพศ เป็นสัญญลักษณ์ เช่นออกคลิปการร่วมเพศในที่สำคัญๆอย่างโจ่งแจ้ง ปูตินแก้เกมด้วยการ…ไม่พูดถึงเรื่องต่อต้าน แต่เขาประชุมผู้นำของทุกศาสนา เช่น ออโธดอกซ์,ยิว, พุทธ, อิสลาม และ คาธอลิก แม้แต่ Seventhday Adventists ให้มาร่วมรับฟังความเห็นที่ Danilov Monastery โดยมีพระอธิการ Kirill เป็นองค์ประธาน ที่ทั้งหมดได้แสดงความเสียใจกับการต่อต้านที่หยาบคาย ลบหลู่สถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้… ปูตินไม่ต้องทำอะไร……เพียงแต่ช่วยทำข่าวให้กระจายออกไป กลุ่มต่อต้านได้รับคำตำหนิและรังเกียจเดียดฉันท์จากประชาชนกลับไปอย่างมากมาย จากนั้น ปูตินยังใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวด้วยการที่จัดกิจกรรมรักชาติ ขึ้นที่โน่นที่นี่ จนถึงวันที่ 4 มีนาคม วันเลือกตั้ง เขาได้ประกาศชัยชนะด้วยการรับคะแนนเสียงถึง 63% นั่นคือ การกลับมาอย่างสง่าผ่าเผยของปูติน …… ที่ฝ่ายก่อกวนเจ้าเก่า AN ที่นำผู้ชุมนุมกว่าสองพันคนข้างนอกนั้น ถึงกับหัวเสียด้วยความผิดหวัง ส่วน Sergei Udaltsov หัวหอกการต่อต้าน……ไม่ยอมแพ้ เขาสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งเต้นท์นอนบนถนน (ตามแบบการประท้วงที่เคียฟ, ยูเครนในปี 2004) ข่าวทางรัฐบาลได้ออกมาอย่างน่ารัก น่าเอ็นดู ……ว่า “ผู้ชุมนุมก็เปรียบเสมือนลูกๆที่มีนิสัยเสีย ไม่ได้อะไรดังใจก็ฟาดหัวฟาดหาง เราก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ที่ไม่ตามใจ เราไม่รีบไปซื้อของเล่นให้ …แต่จะสอนให้ไปสนใจเล่นอย่างอื่นที่มีประโยชน์แทน……” ของเล่นที่มีประโยชน์ที่พวกชุมชุมได้รับตอนที่ตั้งเต้นท์ไม่ทันเสร็จ……คือ ตำรวจพร้อมกระบองได้เข้าบุกแบบถึงพริกถึงขิง จับเข้าคุกนับร้อย บาดเจ็บหลายสิบ ถนนในมอสโคว์….โล่งสะอาดในวันต่อมา….!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 580 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เพื่อนพระจันทร์
    #ทุกข์ปัญหาชีวิต
    #ท่านจันทร์
    #รายการวิทยุ
    #thaitimes

    FM90.5 ทุกวัน สี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน และตีสี่ถึงตีห้า มาฟังรายการทางวิทยุที่จะช่วยเป็นเพื่อนแก้เหงาคลายทุกข์ให้กับคุณ
    #เพื่อนพระจันทร์ #ทุกข์ปัญหาชีวิต #ท่านจันทร์ #รายการวิทยุ #thaitimes FM90.5 ทุกวัน สี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน และตีสี่ถึงตีห้า มาฟังรายการทางวิทยุที่จะช่วยเป็นเพื่อนแก้เหงาคลายทุกข์ให้กับคุณ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 744 มุมมอง 0 รีวิว