• สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) คาดการณ์ว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเมียนมาวันนี้ จะทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 10,000-100,000 ราย และจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเมียนมาทั้งนี้ ดร.โรเจอร์ มัสซัน กล่าวว่า ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวอิงอยู่บนข้อมูลแผ่นดินไหวในอดีต และอยู่บนขนาดและที่ตั้งของเมียนมา และความพร้อมโดยรวมในการรับมือแผ่นดินไหวดร.มัสซันกล่าวว่า การที่แผ่นดินไหวดังกล่าวมีความลึกเพียง 6.2 ไมล์ ได้ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง เนื่องจากคลื่นแผ่นดินไหวไม่มีการกระจายตัวเมื่อเดินทางจากศูนย์กลางขึ้นสู่พื้นดิน ส่งผลให้อาคารต่าง ๆ ได้รับแรงกระทบอย่างเต็มที่นอกจากนี้ การที่อาคารบ้านเรือนของเมียนมาไม่ได้สร้างขึ้นมาให้รองรับแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงเท่ากับในวันนี้ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา กล่าวว่า มีผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในวันนี้อย่างน้อย 144 ราย และบาดเจ็บ 730 ราย"เราคาดว่าจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก" พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ของเมียนมาUSGS รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.7 แมกนิจูดใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมาในวันนี้ และตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อก 6.4 แมกนิจูดเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ระดับความลึกเพียง 10 กิโลเมตร และใกล้กับรอยเลื่อนสะกาย ซึ่งเป็นรอยเลื่อนที่ยังคงมีพลัง และทอดยาวผ่านตอนกลางของเมียนมานอกจากนี้ แผ่นดินไหวดังกล่าวยังรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงเทพฯ เวียดนาม และมณฑลยูนนานของจีนรัฐบาลทหารของเมียนมาได้เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศในวันนี้ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนัก และคาดว่าจะมีผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก"เราต้องการให้ประชาคมระหว่างประเทศให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" พลตรีซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลเมียนมา กล่าวต่อผู้สื่อข่าว AFPพลตรีซอ มิน ตุนกล่าวเสริมว่า เมียนมาต้องการได้รับการบริจาคโลหิตสำหรับผู้ที่บาดเจ็บซึ่งเข้ารับการรักษาตัวในมัณฑะเลย์ เนปิดอว์ และสะกายทั้งนี้ การเรียกร้องความช่วยเหลือจากต่างชาติถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลทหารของเมียนมาแทบไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งบ่งชี้ถึงผลกระทบที่รุนแรงจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตสะกาย มัณฑะเลย์ เนปืดอว์ พะโค มะเกวย์ และรัฐฉานโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ อินโฟเควสต์
    สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) คาดการณ์ว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเมียนมาวันนี้ จะทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 10,000-100,000 ราย และจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเมียนมาทั้งนี้ ดร.โรเจอร์ มัสซัน กล่าวว่า ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวอิงอยู่บนข้อมูลแผ่นดินไหวในอดีต และอยู่บนขนาดและที่ตั้งของเมียนมา และความพร้อมโดยรวมในการรับมือแผ่นดินไหวดร.มัสซันกล่าวว่า การที่แผ่นดินไหวดังกล่าวมีความลึกเพียง 6.2 ไมล์ ได้ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง เนื่องจากคลื่นแผ่นดินไหวไม่มีการกระจายตัวเมื่อเดินทางจากศูนย์กลางขึ้นสู่พื้นดิน ส่งผลให้อาคารต่าง ๆ ได้รับแรงกระทบอย่างเต็มที่นอกจากนี้ การที่อาคารบ้านเรือนของเมียนมาไม่ได้สร้างขึ้นมาให้รองรับแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงเท่ากับในวันนี้ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา กล่าวว่า มีผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในวันนี้อย่างน้อย 144 ราย และบาดเจ็บ 730 ราย"เราคาดว่าจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก" พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ของเมียนมาUSGS รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.7 แมกนิจูดใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมาในวันนี้ และตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อก 6.4 แมกนิจูดเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ระดับความลึกเพียง 10 กิโลเมตร และใกล้กับรอยเลื่อนสะกาย ซึ่งเป็นรอยเลื่อนที่ยังคงมีพลัง และทอดยาวผ่านตอนกลางของเมียนมานอกจากนี้ แผ่นดินไหวดังกล่าวยังรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ถึงกรุงเทพฯ เวียดนาม และมณฑลยูนนานของจีนรัฐบาลทหารของเมียนมาได้เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศในวันนี้ หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนัก และคาดว่าจะมีผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก"เราต้องการให้ประชาคมระหว่างประเทศให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" พลตรีซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลเมียนมา กล่าวต่อผู้สื่อข่าว AFPพลตรีซอ มิน ตุนกล่าวเสริมว่า เมียนมาต้องการได้รับการบริจาคโลหิตสำหรับผู้ที่บาดเจ็บซึ่งเข้ารับการรักษาตัวในมัณฑะเลย์ เนปิดอว์ และสะกายทั้งนี้ การเรียกร้องความช่วยเหลือจากต่างชาติถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลทหารของเมียนมาแทบไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งบ่งชี้ถึงผลกระทบที่รุนแรงจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตสะกาย มัณฑะเลย์ เนปืดอว์ พะโค มะเกวย์ และรัฐฉานโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ อินโฟเควสต์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำมันหอมระเหย ผิวส้มแมนดารินแดง ออร์แกนิค สกัดเย็น ออแกนิก

    จากธรรมชาติ 100%

    Telvada เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าทุกประเภทของ OleOliO แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

    ตั้งแต่ปี 1954 ครอบครัว OleOliO ได้ผลิตน้ำมันหอมระเหยเบอร์กาม็อตและส้มคุณภาพสูง
    ฟาร์มขนาด 50 เฮกตาร์ของเราตั้งอยู่ในซานคาร์โล ซึ่งเป็นแหล่งที่ดีที่สุดสำหรับการปลูกเบอร์กาม็อตและส้มเนื่องจากมีสภาพอากาศเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร

    พันธกิจของเราคือการผลิตน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติ 100% ที่มีคุณภาพดีที่สุดโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ

    ตั้งแต่ปี 1954 เราปลูกเบอร์กาม็อตและส้มในฟาร์มออร์แกนิกที่ผ่านการรับรองของเราซึ่งตั้งอยู่ในซานคาร์โล ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งที่ดีที่สุดสำหรับการปลูกเบอร์กาม็อตเนื่องจากมีสภาพอากาศเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร น้ำมันเบอร์กาม็อตจากซานคาร์โลถือเป็นน้ำมันคุณภาพสูงสุดในโลกสำหรับโปรไฟล์กลิ่น

    น้ำมันหอมระเหยแมนดารินแดงออร์แกนิกที่ผ่านการรับรองของเราสกัดจากผลไม้สุกพันธุ์ “Mandarini di Ciaculli” โดยใช้เครื่อง Torchio ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องคุณภาพระดับสูง

    น้ำมันหอมระเหยแมนดารินแดงของเราผสมผสานกลิ่นหวานและกลิ่นดอกไม้ได้อย่างสมดุล

    Telvada Essential Oils เป็นผู้แทนจำหน่ายน้ำมันหอมระเหยของ OleOliO ทั้งหมดโดยตรงแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย สำผัสและดื่มด่ำกันกลิ่น ส้มเขียวหวาน ที่ดีที่สุดในโลกได้แล้วในประทศไทย เพียงคุณได้ลองกลิ่น จะตกหลุมรักกับความหอมแบบสดชื่น ละมุนละไมมีมิติได้อย่างทันที

    ผสมได้ดีกับ : หญ้าแฝก คลารี่เสจ ไม้จันทร์หอม น้ำมันตระกูลส้ม และดอกไม้ทุกชนิด
    วิธีใช้ : ใช้ใส่เครื่องอโรม่า หรือเป็นวัตถุดิบผสมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ
    #thaitime#น้ำมันหอมระเหย#แนวกลิ่นซีตรัส
    น้ำมันหอมระเหย ผิวส้มแมนดารินแดง ออร์แกนิค สกัดเย็น ออแกนิก จากธรรมชาติ 100% Telvada เป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าทุกประเภทของ OleOliO แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 1954 ครอบครัว OleOliO ได้ผลิตน้ำมันหอมระเหยเบอร์กาม็อตและส้มคุณภาพสูง ฟาร์มขนาด 50 เฮกตาร์ของเราตั้งอยู่ในซานคาร์โล ซึ่งเป็นแหล่งที่ดีที่สุดสำหรับการปลูกเบอร์กาม็อตและส้มเนื่องจากมีสภาพอากาศเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร พันธกิจของเราคือการผลิตน้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติ 100% ที่มีคุณภาพดีที่สุดโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ตั้งแต่ปี 1954 เราปลูกเบอร์กาม็อตและส้มในฟาร์มออร์แกนิกที่ผ่านการรับรองของเราซึ่งตั้งอยู่ในซานคาร์โล ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งที่ดีที่สุดสำหรับการปลูกเบอร์กาม็อตเนื่องจากมีสภาพอากาศเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร น้ำมันเบอร์กาม็อตจากซานคาร์โลถือเป็นน้ำมันคุณภาพสูงสุดในโลกสำหรับโปรไฟล์กลิ่น น้ำมันหอมระเหยแมนดารินแดงออร์แกนิกที่ผ่านการรับรองของเราสกัดจากผลไม้สุกพันธุ์ “Mandarini di Ciaculli” โดยใช้เครื่อง Torchio ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องคุณภาพระดับสูง น้ำมันหอมระเหยแมนดารินแดงของเราผสมผสานกลิ่นหวานและกลิ่นดอกไม้ได้อย่างสมดุล Telvada Essential Oils เป็นผู้แทนจำหน่ายน้ำมันหอมระเหยของ OleOliO ทั้งหมดโดยตรงแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย สำผัสและดื่มด่ำกันกลิ่น ส้มเขียวหวาน ที่ดีที่สุดในโลกได้แล้วในประทศไทย เพียงคุณได้ลองกลิ่น จะตกหลุมรักกับความหอมแบบสดชื่น ละมุนละไมมีมิติได้อย่างทันที ผสมได้ดีกับ : หญ้าแฝก คลารี่เสจ ไม้จันทร์หอม น้ำมันตระกูลส้ม และดอกไม้ทุกชนิด วิธีใช้ : ใช้ใส่เครื่องอโรม่า หรือเป็นวัตถุดิบผสมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ #thaitime#น้ำมันหอมระเหย#แนวกลิ่นซีตรัส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • FBI กำลังสอบสวนเหตุการณ์แฮกระบบของ Oracle ที่ส่งผลให้ข้อมูลผู้ป่วยถูกขโมยและใช้ในการเรียกเงินจากผู้ให้บริการสุขภาพ โดยเหตุเกิดจากการใช้บัญชีผู้ใช้ที่ถูกขโมย Oracle ระบุว่าข้อมูลที่ได้รับผลกระทบมาจากระบบเก่าของ Cerner และกำลังดำเนินการปรับปรุงระบบเพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต

    ข้อมูลที่ได้รับผลกระทบ:
    - ข้อมูลผู้ป่วยถูกขโมยจากเซิร์ฟเวอร์ Cerner ซึ่งเป็นบริษัทที่ Oracle เข้าซื้อกิจการในปี 2022 ระบบที่ถูกโจมตีเป็นระบบที่ยังไม่ได้ถูกย้ายไปยังบริการคลาวด์ของ Oracle.

    จุดอ่อนที่แฮกเกอร์ใช้โจมตี:
    - บริษัทแจ้งว่าผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบได้โดยใช้ข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานที่ถูกขโมย ซึ่งเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการปกป้องข้อมูลเข้าสู่ระบบ.

    ผลกระทบในวงกว้าง:
    - Oracle มีลูกค้าในแวดวงการแพทย์เป็นจำนวนมาก หลังการซื้อ Cerner รวมถึงสัญญามูลค่า 16 พันล้านดอลลาร์กับกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกของสหรัฐฯ ความเสียหายนี้จึงอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในธุรกิจของ Oracle.

    มาตรการป้องกันในอนาคต:
    - Oracle ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงหลังวันที่ 22 มกราคม และบริษัทได้เริ่มดำเนินการปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยของระบบเพื่อลดความเสี่ยงจากการโจมตีลักษณะเดียวกันในอนาคต.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/29/fbi-investigating-cyberattack-at-oracle-bloomberg-news-reports
    FBI กำลังสอบสวนเหตุการณ์แฮกระบบของ Oracle ที่ส่งผลให้ข้อมูลผู้ป่วยถูกขโมยและใช้ในการเรียกเงินจากผู้ให้บริการสุขภาพ โดยเหตุเกิดจากการใช้บัญชีผู้ใช้ที่ถูกขโมย Oracle ระบุว่าข้อมูลที่ได้รับผลกระทบมาจากระบบเก่าของ Cerner และกำลังดำเนินการปรับปรุงระบบเพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต ข้อมูลที่ได้รับผลกระทบ: - ข้อมูลผู้ป่วยถูกขโมยจากเซิร์ฟเวอร์ Cerner ซึ่งเป็นบริษัทที่ Oracle เข้าซื้อกิจการในปี 2022 ระบบที่ถูกโจมตีเป็นระบบที่ยังไม่ได้ถูกย้ายไปยังบริการคลาวด์ของ Oracle. จุดอ่อนที่แฮกเกอร์ใช้โจมตี: - บริษัทแจ้งว่าผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบได้โดยใช้ข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานที่ถูกขโมย ซึ่งเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการปกป้องข้อมูลเข้าสู่ระบบ. ผลกระทบในวงกว้าง: - Oracle มีลูกค้าในแวดวงการแพทย์เป็นจำนวนมาก หลังการซื้อ Cerner รวมถึงสัญญามูลค่า 16 พันล้านดอลลาร์กับกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกของสหรัฐฯ ความเสียหายนี้จึงอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในธุรกิจของ Oracle. มาตรการป้องกันในอนาคต: - Oracle ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงหลังวันที่ 22 มกราคม และบริษัทได้เริ่มดำเนินการปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยของระบบเพื่อลดความเสี่ยงจากการโจมตีลักษณะเดียวกันในอนาคต. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/29/fbi-investigating-cyberattack-at-oracle-bloomberg-news-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    FBI investigating cyberattack at Oracle, Bloomberg News reports
    (Reuters) -The Federal Bureau of Investigation (FBI) is probing the cyberattack at Oracle as the hackers broke into the cloud computing company's computer systems and stole patient data, Bloomberg News reported on Friday, citing a person familiar with the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระปิดตาขุนพันธ์รักษ์ วัดศาลาไพ จ.นครศรีธรรมราช ปี2548
    พระปิดตาขุนพันธ์รักษ์ ( ตอกโค็ด ) เนื้อทองแดงเถื่อน ศิลปนคร รุ่นพุทธามหาเวท วัดศาลาไพ จ.นครศรีธรรมราช ปี2548 // พระดีพิธีใหญ่ ท่านขุนพันธฯ เป็นประธานการจัดสร้าง ปลุกเสกตามตำรับเขาอ้อ // พระสถาพสวยมาก พร้อมกล่องเดิมๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี >>

    ** พระดีพิธีใหญ่ ท่านขุนพันธฯ เป็นประธานการจัดสร้าง ปลุกเสกตามตำรับเขาอ้อ มวลสารศักดิ์สิทธิ์นับร้อยพันของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ ราชเดช ดีทั้งเนื้อในและดีทั้งผิวนอก เป็นวัตถุมงคลกฤตยาคมแฝด ที่ไม่มีวันเสื่อม พิธีกรรมที่ประกอบขึ้นอย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์ทั้งพิธีทางพุทธและพราหมณ์ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในคืนวันเพ็ญอังคารที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๘ และเข้าพิธีสมโภชมหาโสฬสพุทธาภิเษก ณ วัดศาลาไพ ในคืนวันอังคารที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๘ โดยมีพระคณาจารย์ ๙ รูป นำโดย พระครู ๔ กา ผู้รักษาเจดีย์พระบรมธาตุ คือพระครูกาแก้ว พระครูกาชาด พระครูการาม และพระครูกาเดิม สวดเจริญพระพุทธมนต์ พระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทวิทยาคมนั่งปรกภาวนาประจำทิศและอธิษฐานจิตปลุกเสก ได้แก่ พ่อท่านเนียม วัดบางไทร, พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ, พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ, พ่อท่านวรรณ วัดเสาธงทอง, พ่อท่านหรั่ง สำนักสงฆ์ห้วยเตง, พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม, พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง, พ่อท่านหรีด วัดป่าโมกข์, พ่อท่านไพสิทธิ์ สำนักสงฆ์วิเวกสามแก้ว, พ่อท่านประสูติ วัดในเตา ส่วนเจ้าพิธีกรรมคือ อาจารย์เอกวิทย์ ยอดระบำ ศิษย์เอกผู้ได้รับการสืบทอดด้านพิธีกรรมของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ ราชเดช องค์ประธานในพิธีเททองประกอบด้วยสามยอดขุนพลพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองใต้ พ่อท่านเนียม วัดบางไทร พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ ผนึกพลังเวทร่วมเททอง ความศักดิ์สิทธ์แห่งพิธีกรรมมหามงคลได้ประจักษ์แก่สายตาทุกท่านในพิธี ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ เมื่อพระอาทิตย์ทรงกลดในขณะพิธีและพระจันทร์ทรงกลดในขณะพิธีเททอง >>


    ** พระสถาพสวยมาก พร้อมกล่องเดิมๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระปิดตาขุนพันธ์รักษ์ วัดศาลาไพ จ.นครศรีธรรมราช ปี2548 พระปิดตาขุนพันธ์รักษ์ ( ตอกโค็ด ) เนื้อทองแดงเถื่อน ศิลปนคร รุ่นพุทธามหาเวท วัดศาลาไพ จ.นครศรีธรรมราช ปี2548 // พระดีพิธีใหญ่ ท่านขุนพันธฯ เป็นประธานการจัดสร้าง ปลุกเสกตามตำรับเขาอ้อ // พระสถาพสวยมาก พร้อมกล่องเดิมๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ ป้องกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธทั้งหลาย อยู่ยงคงกระพัน เสริมลาภทรัพย์ให้เพิ่มพูน เจรจาธุรกิจก็จะสำเร็จ ป้องกันคุณไสย มีอำนาจ บารมี >> ** พระดีพิธีใหญ่ ท่านขุนพันธฯ เป็นประธานการจัดสร้าง ปลุกเสกตามตำรับเขาอ้อ มวลสารศักดิ์สิทธิ์นับร้อยพันของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ ราชเดช ดีทั้งเนื้อในและดีทั้งผิวนอก เป็นวัตถุมงคลกฤตยาคมแฝด ที่ไม่มีวันเสื่อม พิธีกรรมที่ประกอบขึ้นอย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์ทั้งพิธีทางพุทธและพราหมณ์ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในคืนวันเพ็ญอังคารที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๘ และเข้าพิธีสมโภชมหาโสฬสพุทธาภิเษก ณ วัดศาลาไพ ในคืนวันอังคารที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๘ โดยมีพระคณาจารย์ ๙ รูป นำโดย พระครู ๔ กา ผู้รักษาเจดีย์พระบรมธาตุ คือพระครูกาแก้ว พระครูกาชาด พระครูการาม และพระครูกาเดิม สวดเจริญพระพุทธมนต์ พระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทวิทยาคมนั่งปรกภาวนาประจำทิศและอธิษฐานจิตปลุกเสก ได้แก่ พ่อท่านเนียม วัดบางไทร, พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ, พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ, พ่อท่านวรรณ วัดเสาธงทอง, พ่อท่านหรั่ง สำนักสงฆ์ห้วยเตง, พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม, พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง, พ่อท่านหรีด วัดป่าโมกข์, พ่อท่านไพสิทธิ์ สำนักสงฆ์วิเวกสามแก้ว, พ่อท่านประสูติ วัดในเตา ส่วนเจ้าพิธีกรรมคือ อาจารย์เอกวิทย์ ยอดระบำ ศิษย์เอกผู้ได้รับการสืบทอดด้านพิธีกรรมของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ ราชเดช องค์ประธานในพิธีเททองประกอบด้วยสามยอดขุนพลพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองใต้ พ่อท่านเนียม วัดบางไทร พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ ผนึกพลังเวทร่วมเททอง ความศักดิ์สิทธ์แห่งพิธีกรรมมหามงคลได้ประจักษ์แก่สายตาทุกท่านในพิธี ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ เมื่อพระอาทิตย์ทรงกลดในขณะพิธีและพระจันทร์ทรงกลดในขณะพิธีเททอง >> ** พระสถาพสวยมาก พร้อมกล่องเดิมๆ พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อที่เกี่ยวข้องกับอเมริกาในเยเมนรายงานว่า พลเอกอับดุลคาลิก อัล ฮูซี ซึ่งเป็นพี่ชายของอับดุลมาลิก อัลฮูซี ผู้นำกลุ่มฮูซี และยังเป็นผู้บัญชาการกองกำลังรักษาการณ์ของรัฐและหน่วยงานอื่นๆ อีกหลายหน่วยในกระทรวงกลาโหมของกลุ่มฮูซี ถูกสังหารจากการโจมตีของสหรัฐฯ

    นอกจากนี้ พลตรีมูฮัมหมัด อับดุล คาริม อัลกามารี หัวหน้าคณะเสนาธิการทหารของกลุ่มฮูซี และผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนในกระทรวงกลาโหมของกลุ่มฮูซีก็เสียชีวิตในครั้งเดียวกันด้วย
    สื่อที่เกี่ยวข้องกับอเมริกาในเยเมนรายงานว่า พลเอกอับดุลคาลิก อัล ฮูซี ซึ่งเป็นพี่ชายของอับดุลมาลิก อัลฮูซี ผู้นำกลุ่มฮูซี และยังเป็นผู้บัญชาการกองกำลังรักษาการณ์ของรัฐและหน่วยงานอื่นๆ อีกหลายหน่วยในกระทรวงกลาโหมของกลุ่มฮูซี ถูกสังหารจากการโจมตีของสหรัฐฯ นอกจากนี้ พลตรีมูฮัมหมัด อับดุล คาริม อัลกามารี หัวหน้าคณะเสนาธิการทหารของกลุ่มฮูซี และผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนในกระทรวงกลาโหมของกลุ่มฮูซีก็เสียชีวิตในครั้งเดียวกันด้วย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​จากรูปฌานไปสู่อาสวักขยญาณโดยตรง
    สัทธรรมลำดับที่ : 944
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=944
    ชื่อบทธรรม :- จากรูปฌานไปสู่อาสวักขยญาณโดยตรง
    เนื้อความทั้งหมด :-

    --จากรูปฌานไปสู่อาสวักขยญาณโดยตรง
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเข้าไปอาศัยหมู่บ้าน หรือนิคมแห่งใดแห่งหนึ่งอยู่,
    เวลาเช้า เธอครองจีวร ถือบาตร เข้าไปสู่หมู่บ้านหรือนิคมนั้นเพื่อบิณฑบาต.
    ด้วยการรักษากาย, รักษาวาจา, รักษาจิต, ตั้งสติไว้มั่น,
    และด้วยการสำรวมอินทรีย์ทั้งหลาย,
    เธอได้เห็นรูปด้วยตาแล้ว
    ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการรวมถือเอาทั้งหมด (รวมเป็นภาพเดียว)
    ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการถือเอาโดยแยกเป็นส่วน ๆ;
    อกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัสจะพึงไหลไปตามบุคคล
    ผู้ไม่สำรวมอยู่ซึ่งอินทรีย์อันเป็นต้นเหตุคือตาใด
    เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมซึ่งอินทรีย์นั้น
    ย่อมรักษา อินทรีย์คือตา ย่อมถึงการสำรวมในอินทรีย์คือตา.
    (ในกรณีแห่ง
    อินทรีย์คือหู...
    อินทรีย์คือจมูก...
    อินทรีย์คือลิ้น...
    อินทรีย์คือกาย... และ
    อินทรีย์ คือใจ...
    ก็มีข้อความที่ได้ตรัสไว้ทำนองเดียวกัน).
    --ภิกษุนั้น ภายหลังอาหาร กลับจากบิณฑบาตแล้ว
    ย่อมเสพเสนาสนะ อันสงัด
    คือป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกห้วย ท้องถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง (อย่างใดอย่างหนึ่ง).
    เธออยู่ป่า หรืออยู่โคนไม้ หรืออยู่เรือนว่าง
    ย่อมนั่งคู้ขาเข้าเป็นบัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า, เธอ
    ละ อภิชฌา ในโลก มีจิตปราศจากอภิชฌา ชำระจิตจากอภิชฌา อยู่;
    ละ พยาบาท อันเป็นเครื่องประทุษร้าย มีจิตปราศจากพยาบาท
    เป็นผู้กรุณาจิตหวังความเกื้อกูลในสัตว์ทั้งปวง
    ชำระจิตจากพยาบาทอันเป็นเครื่องประทุษร้าย อยู่;
    ละ ถีนมิทธะ มุ่งอยู่แต่ความสว่างในใจ มีจิตปราศจากถีนมิทธะ
    มีสติสัมปชัญญะรู้สึกตัว ชำระจิตจากถีนมิทธิ อยู่;
    ละ อุทธัจจกุกกุจจะ ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบอยู่ในภายใน ชำระจิตจากอุทธัจจกุกกุจจุ อยู่;
    ละ วิจิกิจฉา ข้ามล่วงวิจิกิจฉาเสียได้ ไม่ต้องกล่าวว่า “นี่อะไร นี่อย่างไร”
    ในกุศลธรรมทั้งหลาย คอยชำระจิตจากวิจิกิจฉาอยู่.
    --ภิกษุนั้น ครั้นละนิวรณ์ห้าประการ
    อันเป็นเครื่องเศร้าหมองจิต และ
    ทำปัญญาให้ถอยกำลังเหล่านี้ได้แล้ว,
    เพราะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมเธอเข้าถึง
    ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่.
    เข้าถึง
    ทุติยฌาน ....
    ตติยฌาน ....
    จตุตถฌาน ....
    แล้วแลอยู่.
    (ดูรายละเอียดเกี่ยวกับรูปฌานทั้งสี่นี้ได้ จากเรื่องที่มี &​รูปฌานทั้งสี่ ).
    --เธอนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส
    เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้ ถึงความไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว
    ก็น้อมจิตไปเฉพาะต่อ #อาสวักขยญาณ.
    -​http://etipitaka.com/read/pali/22/114/?keywords=อาสวานํ
    เธอ ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า นี้ทุกข์,
    นี้เหตุให้เกิดทุกข์,
    นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์,
    นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์;

    และย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า เหล่านี้อาสวะ,
    นี้เหตุให้เกิดอาสวะ,
    นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ,
    นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไปเหลือแห่งอาสวะ.
    เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้
    จิตก็หลุดพ้นทั้งจากามาสวะ ภวาสวะ และอวิชชาสวะ;

    ครั้นจิตหลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณว่าหลุดพ้นแล้ว.
    เธอ ย่อมรู้ชัดว่า
    “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
    กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว
    กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก”
    ดังนี้.-

    #สัมมาสมาธิ
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/86 - 87/76.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/86/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๑๓ - ๑๑๔/๗๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/113/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%96
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=944
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=80&id=944
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=80
    ลำดับสาธยายธรรม : 80 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_80.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​จากรูปฌานไปสู่อาสวักขยญาณโดยตรง สัทธรรมลำดับที่ : 944 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=944 ชื่อบทธรรม :- จากรูปฌานไปสู่อาสวักขยญาณโดยตรง เนื้อความทั้งหมด :- --จากรูปฌานไปสู่อาสวักขยญาณโดยตรง --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเข้าไปอาศัยหมู่บ้าน หรือนิคมแห่งใดแห่งหนึ่งอยู่, เวลาเช้า เธอครองจีวร ถือบาตร เข้าไปสู่หมู่บ้านหรือนิคมนั้นเพื่อบิณฑบาต. ด้วยการรักษากาย, รักษาวาจา, รักษาจิต, ตั้งสติไว้มั่น, และด้วยการสำรวมอินทรีย์ทั้งหลาย, เธอได้เห็นรูปด้วยตาแล้ว ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการรวมถือเอาทั้งหมด (รวมเป็นภาพเดียว) ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการถือเอาโดยแยกเป็นส่วน ๆ; อกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัสจะพึงไหลไปตามบุคคล ผู้ไม่สำรวมอยู่ซึ่งอินทรีย์อันเป็นต้นเหตุคือตาใด เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมซึ่งอินทรีย์นั้น ย่อมรักษา อินทรีย์คือตา ย่อมถึงการสำรวมในอินทรีย์คือตา. (ในกรณีแห่ง อินทรีย์คือหู... อินทรีย์คือจมูก... อินทรีย์คือลิ้น... อินทรีย์คือกาย... และ อินทรีย์ คือใจ... ก็มีข้อความที่ได้ตรัสไว้ทำนองเดียวกัน). --ภิกษุนั้น ภายหลังอาหาร กลับจากบิณฑบาตแล้ว ย่อมเสพเสนาสนะ อันสงัด คือป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกห้วย ท้องถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง (อย่างใดอย่างหนึ่ง). เธออยู่ป่า หรืออยู่โคนไม้ หรืออยู่เรือนว่าง ย่อมนั่งคู้ขาเข้าเป็นบัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า, เธอ ละ อภิชฌา ในโลก มีจิตปราศจากอภิชฌา ชำระจิตจากอภิชฌา อยู่; ละ พยาบาท อันเป็นเครื่องประทุษร้าย มีจิตปราศจากพยาบาท เป็นผู้กรุณาจิตหวังความเกื้อกูลในสัตว์ทั้งปวง ชำระจิตจากพยาบาทอันเป็นเครื่องประทุษร้าย อยู่; ละ ถีนมิทธะ มุ่งอยู่แต่ความสว่างในใจ มีจิตปราศจากถีนมิทธะ มีสติสัมปชัญญะรู้สึกตัว ชำระจิตจากถีนมิทธิ อยู่; ละ อุทธัจจกุกกุจจะ ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบอยู่ในภายใน ชำระจิตจากอุทธัจจกุกกุจจุ อยู่; ละ วิจิกิจฉา ข้ามล่วงวิจิกิจฉาเสียได้ ไม่ต้องกล่าวว่า “นี่อะไร นี่อย่างไร” ในกุศลธรรมทั้งหลาย คอยชำระจิตจากวิจิกิจฉาอยู่. --ภิกษุนั้น ครั้นละนิวรณ์ห้าประการ อันเป็นเครื่องเศร้าหมองจิต และ ทำปัญญาให้ถอยกำลังเหล่านี้ได้แล้ว, เพราะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมเธอเข้าถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่. เข้าถึง ทุติยฌาน .... ตติยฌาน .... จตุตถฌาน .... แล้วแลอยู่. (ดูรายละเอียดเกี่ยวกับรูปฌานทั้งสี่นี้ได้ จากเรื่องที่มี &​รูปฌานทั้งสี่ ). --เธอนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้ ถึงความไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว ก็น้อมจิตไปเฉพาะต่อ #อาสวักขยญาณ. -​http://etipitaka.com/read/pali/22/114/?keywords=อาสวานํ เธอ ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า นี้ทุกข์, นี้เหตุให้เกิดทุกข์, นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์; และย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า เหล่านี้อาสวะ, นี้เหตุให้เกิดอาสวะ, นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ, นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไปเหลือแห่งอาสวะ. เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็หลุดพ้นทั้งจากามาสวะ ภวาสวะ และอวิชชาสวะ; ครั้นจิตหลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณว่าหลุดพ้นแล้ว. เธอ ย่อมรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก” ดังนี้.- #สัมมาสมาธิ​ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. 22/86 - 87/76. http://etipitaka.com/read/thai/22/86/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๑๓ - ๑๑๔/๗๖. http://etipitaka.com/read/pali/22/113/?keywords=%E0%B9%97%E0%B9%96 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=944 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=80&id=944 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=80 ลำดับสาธยายธรรม : 80 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_80.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ๑.บาลีว่า “เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหกฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ” จากรูปฌานไปสู่อาสวักขยญาณโดยตรง
    -(ข้อความนั้น มีลักษณะแห่ง การเจริญสมาธิที่มีนิพพานเป็นอารมณ์ อาจจะใช้เป็นคำอธิบายแห่งคำว่า “อุปสุมานุสสติ” แห่งอนุสสติสิบ ได้ดี ดีกว่าที่อธิบายกันอยู่อย่างคลุมเครือ. ยิ่งกว่านั้นยังมีความวิเศษตรงที่ว่า ง่ายสำหรับทุกคนที่จะแยกจิตออกมาเสียจากสิ่งทั้งปวง มากำหนดอยู่เฉพาะสิ่งที่เป็นอสังขตะนี้เพียงสิ่งเดียว ทำให้แสวงหาความสุขหรือความเย็นจากพระนิพพานได้ง่ายขึ้น). ๑.บาลีว่า “เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค ตณฺหกฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพานํ”. จากรูปฌานไปสู่อาสวักขยญาณโดยตรง ภิกษุ ท. ! ภิกษุเข้าไปอาศัยหมู่บ้าน หรือนิคมแห่งใดแห่งหนึ่งอยู่, เวลาเช้า เธอครองจีวร ถือบาตร เข้าไปสู่หมู่บ้านหรือนิคมนั้นเพื่อบิณฑบาต.ด้วยการรักษากาย, รักษาวาจา, รักษาจิต, ตั้งสติไว้มั่น, และด้วยการสำรวมอินทรีย์ทั้งหลาย, เธอได้เห็นรูปด้วยตาแล้ว ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการรวมถือเอาทั้งหมด (รวมเป็นภาพเดียว) ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะที่เป็นการถือเอาโดยแยกเป็นส่วน ๆ; อกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัสจะพึงไหลไปตามบุคคลผู้ไม่สำรวมอยู่ซึ่งอินทรีย์อันเป็นต้นเหตุคือตาใด เธอย่อมปฏิบัติเพื่อสำรวมซึ่งอินทรีย์นั้น ย่อมรักษา อินทรีย์คือตา ย่อมถึงการสำรวมในอินทรีย์คือตา. (ในกรณีแห่ง อินทรีย์คือหู อินทรีย์คือจมูก อินทรีย์คือลิ้น อินทรีย์คือกาย และอินทรีย์ คือใจ ก็มีข้อความที่ได้ตรัสไว้ทำนองเดียวกัน). ภิกษุนั้น ภายหลังอาหาร กลับจากบิณฑบาตแล้ว ย่อมเสพเสนาสนะ อันสงัด คือป่า โคนไม้ ภูเขา ซอกห้วย ท้องถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง (อย่างใดอย่างหนึ่ง). เธออยู่ป่า หรืออยู่โคนไม้ หรืออยู่เรือนว่าง ย่อมนั่งคู้ขาเข้าเป็นบัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า, เธอละ อภิชฌา ในโลก มีจิตปราศจากอภิชฌา ชำระจิตจากอภิชฌา อยู่; ละ พยาบาท อันเป็นเครื่องประทุษร้าย มีจิตปราศจากพยาบาท เป็นผู้กรุณาจิตหวังความเกื้อกูลในสัตว์ทั้งปวง ชำระจิตจากพยาบาทอันเป็นเครื่องประทุษร้าย อยู่; ละ ถีนมิทธะ มุ่งอยู่แต่ความสว่างในใจ มีจิตปราศจากถีนมิทธะ มีสติสัมปชัญญะรู้สึกตัว ชำระจิตจากถีนมิทธิ อยู่; ละ อุทธัจจกุกกุจจะ ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบอยู่ในภายใน ชำระจิตจากอุทธัจจกุกกุจจุ อยู่; ละ วิจิกิจฉา ข้ามล่วงวิจิกิจฉาเสียได้ ไม่ต้องกล่าวว่า “นี่อะไร นี่อย่างไร” ในกุศลธรรมทั้งหลาย คอยชำระจิตจากวิจิกิจฉาอยู่. ภิกษุนั้น ครั้นละนิวรณ์ห้าประการ อันเป็นเครื่องเศร้าหมองจิต และทำปัญญาให้ถอยกำลังเหล่านี้ได้แล้ว, เพราะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมเธอเข้าถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่.เข้าถึง ทุติยฌาน .... ตติยฌาน .... จตุตถฌาน แล้วแลอยู่. (ดูรายละเอียดเกี่ยวกับรูปฌานทั้งสี่นี้ได้ จากเรื่องที่มีรูปฌานทั้งสี่ เช่นที่หน้า ๑๒๗๘ แห่งหนังสือเล่มนี้). เธอนั้น ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลสเป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่ได้ ถึงความไม่หวั่นไหว เช่นนี้แล้ว ก็น้อมจิตไปเฉพาะต่อ อาสวักขยญาณ. เธอ ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า นี้ทุกข์, นี้เหตุให้เกิดทุกข์, นี้ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์, นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์; และย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริงว่า เหล่านี้อาสวะ, นี้เหตุให้เกิดอาสวะ, นี้ความดับไม่เหลือแห่งอาสวะ, นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไปเหลือแห่งอาสวะ. เมื่อรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ จิตก็หลุดพ้นทั้งจากามาสวะ ภวาสวะ และอวิชชาสวะ; ครั้นจิตหลุดพ้นแล้วก็เกิดญาณว่าหลุดพ้นแล้ว. เธอย่อมรู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก” ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเพจEnvironman 28 มีนาคม 2568 “ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แผ่นดินไหว แต่เห็นได้ชัดเลยว่าประเทศไทยและรัฐบาลยังไม่ไหว.เหตุการณ์วันนี้ยิ่งสาดส่องสปอตไลท์ในสิ่งที่ชัดอยู่แล้วให้ชัดยิ่งขึ้นไปอีก ว่าเราไม่มีความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่รู้ว่าจะถอดกันอีกกี่บทเรียน กว่าที่รัฐจะมีมาตรการเตรียมพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้ .ใครมีความคิดเห็น มีอะไรจะเพิ่มก็เต็มที่เลยนะ แต่นี่คือสิ่งที่รับรู้ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้และนี่ไม่ใช่การถอดบทเรียนอะไรทั้งนั้น นี่คือการเล่าระบายล้วน ๆ.⚫️ 1. ประชาชนต้อง Emergency Alert กันเอง.จนถึงตอนนี้ ณ เวลาที่กำลังเขียน (19:52 น.) ข้าพเจ้ายังไม่ได้ SMS จากกระทรวงทบวงกรมใดๆ เลยขอรับ คือเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติที่เกิดขึ้นบ่อย แต่หลังจากท่านนายกออกมาแถลงว่าจะมีการแจ้งเตือนตั้งแต่ช่วงบ่ายสอง ตอนนี้อาฟเตอร์กันไปแล้วไม่รู้กี่ช็อค ก็ยังเงียบกริบ .อีกพาร์ทนึงก็ต้องชมคนไทยที่ใส่ใจโซเชียล ที่ช่วยกันอัพเดท แชร์ข้อมูล คอยรายงานให้ได้ติดตามกัน แต่มันคือช่วงเวลาแบบนี้ไม่ใช่หรอ ที่ประชาชนอย่างเราจะหันไปหวังพึ่งรัฐ ที่ผู้เสียภาษีอย่างเราจะหวังพึ่งคุณภาพชีวิตพื้นฐานที่ควรได้รับ กลายเป็นว่าเราต้องเช็คกันเองว่าเกิดอะไรขึ้น เอาตรงๆ คือผมเป็นคนหนึ่งที่หาแถลงการณ์จากรัฐตอนเกิดเหตุ เพราะบางทีก็กลัวว่าชาวเน็ตบางกลุ่มจะเฟคนิวส์ล่อเอ็นเกจ แต่ก็ต้องผิดหวังต่อไป.⚫️ 2. หน้ามืด นอนน้อยกันทั้งแผ่นดิน.เชื่อแล้วว่าคนไทยทำงานหนักครับ 90% พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘คิดว่าตัวเองไม่สบาย’ ไม่มีใครคิดว่ามันคือแผ่นดินไหวเลย แต่ก็เข้าใจได้ ใครจะไปคิดว่าจะมีแผ่นดินไหวในไทย โดยเฉพาะชาวกทม. คือทุกคนเทไปว่าตัวเองโหมงาน นอนน้อยกันหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แอบเศร้าหน่อย ๆ นะ.ส่วนอีกเรื่องคือ 90% ของคนที่อยู่คอนโดอพาร์ตเม้นตท์ มีสัตว์เลี้ยงที่นิติไม่รู้ แต่จะมารู้ก็วันนี้แหละ ถ้าพูดให้ไม่ติดตลก ผมคิดว่าอยากให้สถานที่คำนึงถึงความเป็น Pet-Friendly ให้มากขึ้น ปัจจุบันมีคนมีสัตว์เลี้ยงเยอะมาก จะด้วยเพื่อแก้เหงาหรือเป็นยุคที่ไม่ค่อยอยากมีลูกหรืออะไรก็ว่าไป แต่ผมเห็นว่าพื้นที่ที่สามารถพาสัตว์ไปร่วมกิจกรรมกับเจ้าของนั้นมีน้อยมาก.⚫️ 3. ระบบขนส่งสาธารณะล่มสลาย.สัญชาตญาณแรกของคนหลังเกิดแผ่นดินไหวคือหาที่ปลอดภัย ซึ่งส่วนมากก็น่าจะนึกถึงบ้าน แต่ระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมดดูเหมือนจะไม่เพียงพอ ไม่มีแผนสำรอง ไม่มีโปรโตคอลฉุกเฉิน ไม่มีช่องทางพิเศษ ไม่มีอะไรเลย การจราจรติดแหง็ก ผู้คนติดแหง็ก ไร้ทางออก เกิดอะไรขึ้นก็ไม่บอก จะเดินทางไปไหนก็ไม่ได้ .ญี่ปุ่นเวลาเจอแผ่นดินไหว ประเทศเขาจะสวิตช์เป็นโหมดฉุกเฉินทันที รถไฟฟ้าก็จะมีมาตรการฉุกเฉินในการรับมือ รัฐมีการตกลงกับบริษัทขนส่งเอกชน แท็กซี่ ให้ออกมาช่วยอพยพหรือขนถ่ายคนในช่วงที่รถไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ มีการจัดการควบคุมจราจรอย่างเข้มงวดให้คนไม่ติดแหง็กอยู่อย่างนั้น อีกเรื่องคือญี่ปุ่นมีศูนย์พักพิง คือใครที่ยังกลับบ้านไม่ได้ ก็มาพักรอก่อนได้ เอาจริงศูนย์พักพิงญี่ปุ่นคือมีอาหาร มีน้ำ มีอุปกรณ์พื้นฐานให้พร้อม ไม่ปล่อยให้ใครต้องเร่ร่อนอยู่บนถนน.ผมดักไว้ก่อนเลยว่าจะมีคนอ้างว่า ญี่ปุ่นเจอกับแผ่นดินไหวบ่อยจนชิน ของเรานี่แทบจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของใครหลายคนเลยนะ จะวิจารณ์ขนาดนั้นก็เกินไป แต่ต้องบอกว่าตอนนี้โลกเรารวนไปหมดแล้ว ปีนี้เราเห็นว่าเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงมากมายทั่วโลก อยากลองชวนคนที่แย้งเรื่องทำไมผมถึงเอาเราไปเทียบกับญี่ปุ่น มาแลกเปลี่ยนโต้แย้งเกี่ยวกับการจัดการเหตุฉุกเฉินพื้นฐานของบ้านเรามากกว่า พื้นฐานที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ควรรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวหรือเกิดภัยพิบัติอื่นใดก็ตาม เพราะนี่คือโครงสร้างที่เราต้องมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราติดท็อป 10 ของประเทศที่จะได้รับผลกระทบจาก Climate Change ซึ่งจะมาในรูปแบบใดบ้างก็ไม่รู้.⚫️ 4. ระบบสาธารณสุขยังเปราะบาง.อันนี้เรามีบทเรียนจากโควิด-19 มาแล้ว แต่เหมือนจะยังถอดบทเรียนกันไม่เสร็จ การอพยพผู้ป่วยในยามฉุกเฉิน หรือโซนที่ให้โรงพยาบาลยังสามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยในช่วงวิกฤต ตามข่าวยังเห็นโรงพยาบาลเอาคนไข้ออกมาผ่าตัดกลางแจ้งเพราะเป็นเคสด่วนอยู่เลย ซึ่งนี่คือคำถาม นี่คือโจทย์ที่เราเอามาคิดตั้งแต่ตอนนี้จนถึงอนาคตว่าเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้ เราจะรับมือและจะมีมาตรการอย่างไร .นี่ไม่ใช่การสักแต่ว่าจะด่าก็ด่านะครับ และใครจะหาว่าการเมืองก็เอาเถอะ แต่นี่เห็นได้ชัดเลยว่ารัฐบาลขาดความพร้อมอย่างมากในการรับมือ จริงอยู่ที่เราไม่ได้เจอแผ่นดินไหวเป็นประจำ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้น่ากลัวมาก ผมคิดว่ายิ่งช่วงเวลาแบบนี้ที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี่แหละ ที่จะยิ่งเป็นตัววัดว่าเราโครงสร้างพื้นฐานเราพร้อมแค่ไหน ซึ่งผมคิดว่าไม่มีใครใกล้เคียงกับพร้อมเลย ไม่รู้ทุกคนว่ายังไง.เรื่องความปลอดภัยมันมากับความเชื่อมั่นด้วยนะ วันนี้ในกรุ๊ปแชทก็คือมีเพื่อนๆ พิมพ์มาว่า ‘กูจะมั่นใจโครงสร้างตึกไทยได้มากขนาดไหน’ ซึ่งเป็นตลกร้ายมาก ๆ ที่ตอนนี้เรามีความเชื่อมั่นกับอะไรพวกนี้ต่ำมาก ทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็นตรงกันข้าม .วันนี้เป็นวันที่ทุกคนควรจะมีคำถาม เราเคยเจอน้ำท่วม เจอพายุ เจอโควิด แต่เราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง ‘หรือเปล่า’ ? ผมเองมีคำว่าทำไมเยอะมาก ทำไมการแจ้งเตือนล่าช้ามาก ทำไมระบบขนส่งสาธารณะและสาธารณสุขถึงไม่พร้อม ทำไมคุณภาพชีวิตของเรามันเปราะบางขนาดนี้ ขออภัยที่ยาวและวนยืดเยื้อ แต่มันคือความอัดอั้นที่อยากแชร์ออกมา.สุดท้ายนี้ เราขอแสดงความเสียใจให้กับผู้ที่สูญเสียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วยนะครับและขอให้ทุกชีวิตปลอดภัยครับ
    รีโพสต์จากเพจEnvironman 28 มีนาคม 2568 “ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แผ่นดินไหว แต่เห็นได้ชัดเลยว่าประเทศไทยและรัฐบาลยังไม่ไหว.เหตุการณ์วันนี้ยิ่งสาดส่องสปอตไลท์ในสิ่งที่ชัดอยู่แล้วให้ชัดยิ่งขึ้นไปอีก ว่าเราไม่มีความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่รู้ว่าจะถอดกันอีกกี่บทเรียน กว่าที่รัฐจะมีมาตรการเตรียมพร้อมในการรับมือกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้ .ใครมีความคิดเห็น มีอะไรจะเพิ่มก็เต็มที่เลยนะ แต่นี่คือสิ่งที่รับรู้ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้และนี่ไม่ใช่การถอดบทเรียนอะไรทั้งนั้น นี่คือการเล่าระบายล้วน ๆ.⚫️ 1. ประชาชนต้อง Emergency Alert กันเอง.จนถึงตอนนี้ ณ เวลาที่กำลังเขียน (19:52 น.) ข้าพเจ้ายังไม่ได้ SMS จากกระทรวงทบวงกรมใดๆ เลยขอรับ คือเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติที่เกิดขึ้นบ่อย แต่หลังจากท่านนายกออกมาแถลงว่าจะมีการแจ้งเตือนตั้งแต่ช่วงบ่ายสอง ตอนนี้อาฟเตอร์กันไปแล้วไม่รู้กี่ช็อค ก็ยังเงียบกริบ .อีกพาร์ทนึงก็ต้องชมคนไทยที่ใส่ใจโซเชียล ที่ช่วยกันอัพเดท แชร์ข้อมูล คอยรายงานให้ได้ติดตามกัน แต่มันคือช่วงเวลาแบบนี้ไม่ใช่หรอ ที่ประชาชนอย่างเราจะหันไปหวังพึ่งรัฐ ที่ผู้เสียภาษีอย่างเราจะหวังพึ่งคุณภาพชีวิตพื้นฐานที่ควรได้รับ กลายเป็นว่าเราต้องเช็คกันเองว่าเกิดอะไรขึ้น เอาตรงๆ คือผมเป็นคนหนึ่งที่หาแถลงการณ์จากรัฐตอนเกิดเหตุ เพราะบางทีก็กลัวว่าชาวเน็ตบางกลุ่มจะเฟคนิวส์ล่อเอ็นเกจ แต่ก็ต้องผิดหวังต่อไป.⚫️ 2. หน้ามืด นอนน้อยกันทั้งแผ่นดิน.เชื่อแล้วว่าคนไทยทำงานหนักครับ 90% พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘คิดว่าตัวเองไม่สบาย’ ไม่มีใครคิดว่ามันคือแผ่นดินไหวเลย แต่ก็เข้าใจได้ ใครจะไปคิดว่าจะมีแผ่นดินไหวในไทย โดยเฉพาะชาวกทม. คือทุกคนเทไปว่าตัวเองโหมงาน นอนน้อยกันหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แอบเศร้าหน่อย ๆ นะ.ส่วนอีกเรื่องคือ 90% ของคนที่อยู่คอนโดอพาร์ตเม้นตท์ มีสัตว์เลี้ยงที่นิติไม่รู้ แต่จะมารู้ก็วันนี้แหละ ถ้าพูดให้ไม่ติดตลก ผมคิดว่าอยากให้สถานที่คำนึงถึงความเป็น Pet-Friendly ให้มากขึ้น ปัจจุบันมีคนมีสัตว์เลี้ยงเยอะมาก จะด้วยเพื่อแก้เหงาหรือเป็นยุคที่ไม่ค่อยอยากมีลูกหรืออะไรก็ว่าไป แต่ผมเห็นว่าพื้นที่ที่สามารถพาสัตว์ไปร่วมกิจกรรมกับเจ้าของนั้นมีน้อยมาก.⚫️ 3. ระบบขนส่งสาธารณะล่มสลาย.สัญชาตญาณแรกของคนหลังเกิดแผ่นดินไหวคือหาที่ปลอดภัย ซึ่งส่วนมากก็น่าจะนึกถึงบ้าน แต่ระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมดดูเหมือนจะไม่เพียงพอ ไม่มีแผนสำรอง ไม่มีโปรโตคอลฉุกเฉิน ไม่มีช่องทางพิเศษ ไม่มีอะไรเลย การจราจรติดแหง็ก ผู้คนติดแหง็ก ไร้ทางออก เกิดอะไรขึ้นก็ไม่บอก จะเดินทางไปไหนก็ไม่ได้ .ญี่ปุ่นเวลาเจอแผ่นดินไหว ประเทศเขาจะสวิตช์เป็นโหมดฉุกเฉินทันที รถไฟฟ้าก็จะมีมาตรการฉุกเฉินในการรับมือ รัฐมีการตกลงกับบริษัทขนส่งเอกชน แท็กซี่ ให้ออกมาช่วยอพยพหรือขนถ่ายคนในช่วงที่รถไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ มีการจัดการควบคุมจราจรอย่างเข้มงวดให้คนไม่ติดแหง็กอยู่อย่างนั้น อีกเรื่องคือญี่ปุ่นมีศูนย์พักพิง คือใครที่ยังกลับบ้านไม่ได้ ก็มาพักรอก่อนได้ เอาจริงศูนย์พักพิงญี่ปุ่นคือมีอาหาร มีน้ำ มีอุปกรณ์พื้นฐานให้พร้อม ไม่ปล่อยให้ใครต้องเร่ร่อนอยู่บนถนน.ผมดักไว้ก่อนเลยว่าจะมีคนอ้างว่า ญี่ปุ่นเจอกับแผ่นดินไหวบ่อยจนชิน ของเรานี่แทบจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของใครหลายคนเลยนะ จะวิจารณ์ขนาดนั้นก็เกินไป แต่ต้องบอกว่าตอนนี้โลกเรารวนไปหมดแล้ว ปีนี้เราเห็นว่าเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงมากมายทั่วโลก อยากลองชวนคนที่แย้งเรื่องทำไมผมถึงเอาเราไปเทียบกับญี่ปุ่น มาแลกเปลี่ยนโต้แย้งเกี่ยวกับการจัดการเหตุฉุกเฉินพื้นฐานของบ้านเรามากกว่า พื้นฐานที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ควรรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวหรือเกิดภัยพิบัติอื่นใดก็ตาม เพราะนี่คือโครงสร้างที่เราต้องมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราติดท็อป 10 ของประเทศที่จะได้รับผลกระทบจาก Climate Change ซึ่งจะมาในรูปแบบใดบ้างก็ไม่รู้.⚫️ 4. ระบบสาธารณสุขยังเปราะบาง.อันนี้เรามีบทเรียนจากโควิด-19 มาแล้ว แต่เหมือนจะยังถอดบทเรียนกันไม่เสร็จ การอพยพผู้ป่วยในยามฉุกเฉิน หรือโซนที่ให้โรงพยาบาลยังสามารถดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยในช่วงวิกฤต ตามข่าวยังเห็นโรงพยาบาลเอาคนไข้ออกมาผ่าตัดกลางแจ้งเพราะเป็นเคสด่วนอยู่เลย ซึ่งนี่คือคำถาม นี่คือโจทย์ที่เราเอามาคิดตั้งแต่ตอนนี้จนถึงอนาคตว่าเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้ เราจะรับมือและจะมีมาตรการอย่างไร .นี่ไม่ใช่การสักแต่ว่าจะด่าก็ด่านะครับ และใครจะหาว่าการเมืองก็เอาเถอะ แต่นี่เห็นได้ชัดเลยว่ารัฐบาลขาดความพร้อมอย่างมากในการรับมือ จริงอยู่ที่เราไม่ได้เจอแผ่นดินไหวเป็นประจำ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้น่ากลัวมาก ผมคิดว่ายิ่งช่วงเวลาแบบนี้ที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี่แหละ ที่จะยิ่งเป็นตัววัดว่าเราโครงสร้างพื้นฐานเราพร้อมแค่ไหน ซึ่งผมคิดว่าไม่มีใครใกล้เคียงกับพร้อมเลย ไม่รู้ทุกคนว่ายังไง.เรื่องความปลอดภัยมันมากับความเชื่อมั่นด้วยนะ วันนี้ในกรุ๊ปแชทก็คือมีเพื่อนๆ พิมพ์มาว่า ‘กูจะมั่นใจโครงสร้างตึกไทยได้มากขนาดไหน’ ซึ่งเป็นตลกร้ายมาก ๆ ที่ตอนนี้เรามีความเชื่อมั่นกับอะไรพวกนี้ต่ำมาก ทั้ง ๆ ที่ควรจะเป็นตรงกันข้าม .วันนี้เป็นวันที่ทุกคนควรจะมีคำถาม เราเคยเจอน้ำท่วม เจอพายุ เจอโควิด แต่เราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง ‘หรือเปล่า’ ? ผมเองมีคำว่าทำไมเยอะมาก ทำไมการแจ้งเตือนล่าช้ามาก ทำไมระบบขนส่งสาธารณะและสาธารณสุขถึงไม่พร้อม ทำไมคุณภาพชีวิตของเรามันเปราะบางขนาดนี้ ขออภัยที่ยาวและวนยืดเยื้อ แต่มันคือความอัดอั้นที่อยากแชร์ออกมา.สุดท้ายนี้ เราขอแสดงความเสียใจให้กับผู้ที่สูญเสียจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วยนะครับและขอให้ทุกชีวิตปลอดภัยครับ
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหตุแผ่นดินไหวเมื่อช่วงบ่าย ประเทศเมียนมา ทำให้เมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของเมียนมา มีทั้งประชาชน และนักท่องเที่ยว ต่างแสดงความตกใจ และออกจากอาคารลงมาบนถนน โดยมีฝุ่นควัน และซากปรักหักพังให้เห็นอยู่ลิบๆ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029624
    เหตุแผ่นดินไหวเมื่อช่วงบ่าย ประเทศเมียนมา ทำให้เมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของเมียนมา มีทั้งประชาชน และนักท่องเที่ยว ต่างแสดงความตกใจ และออกจากอาคารลงมาบนถนน โดยมีฝุ่นควัน และซากปรักหักพังให้เห็นอยู่ลิบๆ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000029624
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพวิดีโอจากเพจ "อิแฉ บวกหมดไม่สน v3 " เผยให้เห็นผู้ที่ติดอยู่กลางซากปรักหักพังของอาคารที่พังถล่ม

    https://web.facebook.com/share/v/15T2eZxaGa/
    ภาพวิดีโอจากเพจ "อิแฉ บวกหมดไม่สน v3 " เผยให้เห็นผู้ที่ติดอยู่กลางซากปรักหักพังของอาคารที่พังถล่ม https://web.facebook.com/share/v/15T2eZxaGa/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 37 0 รีวิว
  • **คุยเรื่องสีแดงจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>**

    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับบทกวีและสีแดงหลากเฉดที่ถูกนำมาใช้ในเรื่อง <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ซึ่งเดินเรื่องราวด้วยสูตรสีย้อมผ้าไหมสูจิ่นสีแดงของพ่อนางเอกที่ในเรื่องเรียกว่า ‘สู่หง’ ซึ่งถูกยกย่องขึ้นเป็นสุดยอดของสีแดงตามจินตนาการของผู้แต่งนิยายต้นฉบับ

    เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่องนี้จะจำได้ว่าก่อนที่นางเอกจะค้นคว้าสูตรลับนี้ของพ่อขึ้นมาอีกได้สำเร็จ นางเอกได้พัฒนาสีแดงขึ้นสามสีโดยอธิบายว่า ‘สู่หง’ แท้จริงแล้วหมายถึงสีแดงจากพื้นที่สู่ (สองสัปดาห์ก่อนเรากล่าวถึงดินแดนแคว้นสู่ไปแล้วลองย้อนอ่านดูได้) และนางได้จัดงานแฟชั่นโชว์ขึ้นเพื่อแสดงชุดที่ทอจากไหมสามสีใหม่นี้ โดยนางและพี่ชายได้บรรยายถึงสีเหล่านี้ด้วยการกล่าวอิงกับบทกวี วันนี้เรามาคุยถึงเกร็ดวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่แฝงอยู่ในนี้กัน

    เริ่มจากชุดแรกที่นางเอกกล่าวว่าสีแดงนี้ได้อารมณ์อิสระและความมีชีวิตชีวาจากบทกวีของกวีผู้ที่นางเรียกว่า ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’

    ในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าเขาผู้นี้คือใครและคำแปลซับไทยอาจทำให้เข้าใจเป็นอื่น แต่จริงๆ แล้ว ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’ (青莲居士 / ชิงเหลียนจวีซื่อ) เป็นฉายาของกวีเอกสมัยถังหลี่ไป๋ และเป็นฉายาที่เราชาวไทยไม่คุ้นหู ซึ่งสาเหตุที่หลี่ไป๋ถูกเรียกขานเช่นนี้เป็นเพราะว่าบ้านเกิดของเขาคือหมู่บ้านชิงเหลียน (ปัจจุบันคือตำบลชิงเหลียน อำเภอจิ่นหยาง มณฑลเสฉวน) และกลอนบทที่พูดถึงในตอนนี้มีชื่อว่า ‘ซานจงอวี่โยวเหรินตุ้ยจั๋ว’ (山中与幽人对酌 แปลได้ว่าร่ำสุรากลางเขาคู่กับสหายผู้ปลีกวิเวก) ในบทกวีไม่ได้กล่าวถึงสีแดง แต่บรรยายถึงความสนุกสุขสันต์ที่ได้ร่ำสุรากับผู้รู้ใจท่ามกลางวิวดอกไม้บานเต็มเขา

    ต่อมาชุดที่สองนี้มีหลากเฉดสีเช่นแดง ชมพูและส้มเหลือง โดยบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวีของ ‘เลขาธิการหญิง’ (女校书 / หนี่ว์เจี้ยวซู) ซึ่งในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าคือใคร

    กวีที่ถูกกล่าวถึงนี้คือเซวียเทา (薛涛) ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่กวีเอกสตรีแห่งราชวงศ์ถัง มีผลงานกว่าห้าร้อยชิ้น มีบทกลอนที่ยังคงสืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่าเก้าสิบบท เกิดที่ฉางอันแต่ติดตามบิดาผู้เป็นขุนนางมารับราชการที่เมืองเฉิงตู นางได้รับการศึกษาอย่างดีและเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านดนตรีและบทกวี แต่งกลอนยาวได้ตั้งแต่อายุเพียงแปดปี เชี่ยวชาญด้านการออกเสียงและดนตรี

    เมื่อเซวียเทาอายุได้สิบสี่ปี บิดาของนางป่วยตายในระหว่างไปปฏิบัติหน้าที่ต่างเมือง นางและมารดาพยายามหาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบาก ในที่สุดนางตัดสินใจเข้าเป็นนางคณิกาหลวงประเภทขับร้อง (ในสมัยนั้นเรียกว่า ‘เกอจี้’) เพื่อจะได้มีเงินเดือนหลวงยังชีพ โดยรับหน้าที่ขับร้องในงานเลี้ยงของทางการต่างๆ มีโอกาสได้แต่งบทกวีในงานเลี้ยงต่อหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จนเป็นที่โด่งดัง ต่อมาได้รับการเคารพยกย่องจากผู้คนมากมายด้วยความปราดเปรื่องด้านงานกวี และได้รู้จักสนิทสนมกับเหวยเกาเริ่น เจี๋ยตู้สื่อผู้ปกครองเขตพื้นที่นั้น

    เจี๋ยตู้สื่อเหวยเกาเริ่นชื่นชมผลงานและความสามารถของเซวียเทาถึงขนาดยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้เพื่อขอให้แต่งตั้งนางเป็น ‘เจี้ยวซูหลาง’ (校书郎) ซึ่งเป็นตำแหน่งเลขาธิการผู้ดูแลงานด้านพิสูจน์อักษรของเอกสารทางการและบันทึกโบราณ จัดเป็นตำแหน่งขุนนางขั้นที่เก้า แต่ไม่เคยมีสตรีดำรงตำแหน่งนี้มาก่อนจึงมีข้อจำกัดมากมาย สุดท้ายนางก็ไม่ได้รับการอนุมัติให้ดำรงตำแหน่งนี้ แต่อย่างไรก็ดีเรื่องที่นางได้รับการเสนอชื่อไม่ใช่ความลับ ชาวเมืองเฉิงตูจึงเรียกนางอย่างยกย่องว่า ‘เลขาธิการหญิง’ นั่นเอง

    บทกวีของเซวียเทาที่ถูกยกมากล่าวในซีรีส์นี้บรรยายถึงสีสันสวยงามบนแดนสวรรค์ที่แต่งแต้มจนดอกไม้ดารดาษมีสีสันสวยงาม แต่ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจยิ่งกว่าบทกวีนี้คือสีแดงที่เกี่ยวข้องกับเซวียเทา ว่ากันว่านางชื่นชอบสีแดงมาก มักแต่งกายด้วยสีแดง และได้คิดค้นกระดาษสีแดงขึ้นไว้สำหรับเขียนบทกลอนของตัวเอง บทกลอนบนกระดาษแดงสีพิเศษที่เขียนและลงนามโดยเซวียเทาถือว่าเป็นของที่มีค่าอันทรงเกียรติมากในสมัยนั้น โดยมีบางแผ่นมีลายวาดดอกไม้ที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นฝีมือการวาดของเซวียเทาเอง ต่อมากระดาษดังกล่าวเป็นที่นิยมแพร่หลายสำหรับชนชั้นมีการศึกษาในสมัยนั้นและกลายมาเป็นสินค้าที่นางผลิตขายยังชีพได้ในที่สุด เป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์จีนว่ากระดาษเซวียเทา (薛涛笺 / เซวียเทาเจียน โดย ‘เจียน’ เป็นคำเรียกทั่วไปของกระดาษเขียนหนังสือ)

    Storyฯ เคยเขียนถึงวิธีการทำกระดาษจีนโบราณในบทความอื่น (ดูลิ้งค์ได้ที่ท้ายเรื่อง) ซึ่งมีกรรมวิธีการทำคล้ายกระดาษสา และกวีโบราณหลายท่านจะทำกระดาษของตัวเองไว้ใช้จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เซวียเทาก็เช่นกัน หลังจากที่นางถอนตนออกจากการเป็นนางคณิกาหลวงแล้วก็พำนักอยู่ในบริเวณห่วนฮวาซีที่เมืองเฉิงตูนี้ (คือสถานที่ล้างไหมของนางเอกในซีรีส์ที่ Storyฯ เขียนถึงเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว) ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ยังเป็นแหล่งผลิตกระดาษชื่อดังในสมัยราชวงศ์ถังอีกด้วย ว่ากันว่าเป็นเพราะคุณสมบัติของแหล่งน้ำแถวนี้เหมาะสมต่อการผสมเยื่อกระดาษ และกระดาษเซวียเทาถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากระดาษห่วนฮวา (浣花笺 / ห่วนฮวาเจียน)

    เซวียเทาใช้น้ำจากลำธารห่วนฮวาซี เยื่อไม้จากเปลือกต้นพุดตาน และสีที่คั้นจากกลีบดอกพุดตานทำกระดาษเซวียเทานี้ จากงานเขียนของท่านอื่นในสมัยนั้นมีการกล่าวว่าจริงๆ แล้วเนื้อกระดาษเซวียเทาไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่มันมีความโดดเด่นด้วยสีของกระดาษที่สวยงามไม่มีใครเทียม และบางครั้งยังมีเศษดอกไม้อัดติดมาในกระดาษด้วย แต่สีของกระดาษที่แท้จริงแล้วนั้นเป็นสีอะไรยังคงเป็นที่ถกเถียงกันจวบจนปัจจุบัน บ้างว่าเป็นสีชมพูแดงของดอกท้อซึ่งเป็นสีโปรดของนาง บ้างอ้างอิงจากกระดาษจริงของผลงานบทกวีของเซวียเทาที่มีคนสะสมไว้ พบว่ามีร่วมสิบเฉดสีไล่ไปตั้งแต่ชมพูแดง ม่วง ชมพูอมส้ม ส้มเขียว ส้มเหลือง จนถึงเหลืองนวล

    เซวียเทาเป็นหนึ่งบุคคลสำคัญที่เป็นความภาคภูมิใจของเมืองเฉิงตู มีรูปปั้นของนางตั้งอยู่ที่สวนวั่งเจียงโหลว เพื่อนเพจที่ไปเที่ยวเมืองเฉิงตูลองสังเกตดูนะคะ เผื่อว่าจะเห็นร่องรอยเกี่ยวกับเซวียเทาบ้าง

    ส่วนชุดที่สามในซีรีส์ นางเอกบอกไว้ว่าเป็นชุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ (虞美人 / โฉมงามอวี๋) แต่ในซีรีส์ยังไม่ทันได้ท่องบทกวีนี้ก็เกิดเหตุการณ์อื่นขึ้นเสียก่อน

    บทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ นี้มีวลีเด็ดที่หลายท่านอาจร้อง “อ๋อ” คือวลี ‘บุปผาวสันต์จันทราสารทฤดู’ Storyฯ เคยเขียนถึงบทกวีนี้เมื่อนานมาแล้วแต่ถูกลบไป เข้าใจว่าเป็นเพราะมันมีลิ้งค์ต้องห้าม เดี๋ยว Storyฯ จะแก้ไขและลงให้อ่านใหม่ในสัปดาห์หน้า ส่วนสีแดงที่เกี่ยวข้องก็คือสีแดงดอกป๊อปปี้ เพราะอวี๋เหม่ยเหรินคือชื่อเรียกของดอกป๊อปปี้ในภาษาจีนค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    ลิ้งค์บทความเกี่ยวกับกระดาษไป๋ลู่จากเรื่อง <เล่ห์รักวังคุนหนิง> https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/953057363489223

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://news.agentm.tw/310261/
    https://news.qq.com/rain/a/20200731A0U80V00
    https://www.yeeyi.com/news/details/629504/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/李白/1043
    https://baike.baidu.com/item/薛涛/2719
    http://scdfz.sc.gov.cn/scyx/scrw/sclsmr/depsclsmr/xt/content_40259
    https://baike.baidu.com/item/薛涛笺/5523904
    https://www.sohu.com/a/538839040_355475
    http://scdfz.sc.gov.cn/whzh/slzc1/content_105211#

    #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #เฉิงตู #สีแดงหงสู่ #บัณฑิตชิงเหลียน #เลขาธิการหญิง #โฉมงามอวี๋ #เซวียเทา #กระดาษจีนโบราณ #สาระจีน
    **คุยเรื่องสีแดงจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>** สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับบทกวีและสีแดงหลากเฉดที่ถูกนำมาใช้ในเรื่อง <ต้นตํานานอาภรณ์จักรพรรดิ> ซึ่งเดินเรื่องราวด้วยสูตรสีย้อมผ้าไหมสูจิ่นสีแดงของพ่อนางเอกที่ในเรื่องเรียกว่า ‘สู่หง’ ซึ่งถูกยกย่องขึ้นเป็นสุดยอดของสีแดงตามจินตนาการของผู้แต่งนิยายต้นฉบับ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่องนี้จะจำได้ว่าก่อนที่นางเอกจะค้นคว้าสูตรลับนี้ของพ่อขึ้นมาอีกได้สำเร็จ นางเอกได้พัฒนาสีแดงขึ้นสามสีโดยอธิบายว่า ‘สู่หง’ แท้จริงแล้วหมายถึงสีแดงจากพื้นที่สู่ (สองสัปดาห์ก่อนเรากล่าวถึงดินแดนแคว้นสู่ไปแล้วลองย้อนอ่านดูได้) และนางได้จัดงานแฟชั่นโชว์ขึ้นเพื่อแสดงชุดที่ทอจากไหมสามสีใหม่นี้ โดยนางและพี่ชายได้บรรยายถึงสีเหล่านี้ด้วยการกล่าวอิงกับบทกวี วันนี้เรามาคุยถึงเกร็ดวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่แฝงอยู่ในนี้กัน เริ่มจากชุดแรกที่นางเอกกล่าวว่าสีแดงนี้ได้อารมณ์อิสระและความมีชีวิตชีวาจากบทกวีของกวีผู้ที่นางเรียกว่า ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’ ในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าเขาผู้นี้คือใครและคำแปลซับไทยอาจทำให้เข้าใจเป็นอื่น แต่จริงๆ แล้ว ‘บัณฑิตจากชิงเหลียน’ (青莲居士 / ชิงเหลียนจวีซื่อ) เป็นฉายาของกวีเอกสมัยถังหลี่ไป๋ และเป็นฉายาที่เราชาวไทยไม่คุ้นหู ซึ่งสาเหตุที่หลี่ไป๋ถูกเรียกขานเช่นนี้เป็นเพราะว่าบ้านเกิดของเขาคือหมู่บ้านชิงเหลียน (ปัจจุบันคือตำบลชิงเหลียน อำเภอจิ่นหยาง มณฑลเสฉวน) และกลอนบทที่พูดถึงในตอนนี้มีชื่อว่า ‘ซานจงอวี่โยวเหรินตุ้ยจั๋ว’ (山中与幽人对酌 แปลได้ว่าร่ำสุรากลางเขาคู่กับสหายผู้ปลีกวิเวก) ในบทกวีไม่ได้กล่าวถึงสีแดง แต่บรรยายถึงความสนุกสุขสันต์ที่ได้ร่ำสุรากับผู้รู้ใจท่ามกลางวิวดอกไม้บานเต็มเขา ต่อมาชุดที่สองนี้มีหลากเฉดสีเช่นแดง ชมพูและส้มเหลือง โดยบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวีของ ‘เลขาธิการหญิง’ (女校书 / หนี่ว์เจี้ยวซู) ซึ่งในเรื่องไม่ได้กล่าวไว้ว่าคือใคร กวีที่ถูกกล่าวถึงนี้คือเซวียเทา (薛涛) ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่กวีเอกสตรีแห่งราชวงศ์ถัง มีผลงานกว่าห้าร้อยชิ้น มีบทกลอนที่ยังคงสืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่าเก้าสิบบท เกิดที่ฉางอันแต่ติดตามบิดาผู้เป็นขุนนางมารับราชการที่เมืองเฉิงตู นางได้รับการศึกษาอย่างดีและเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านดนตรีและบทกวี แต่งกลอนยาวได้ตั้งแต่อายุเพียงแปดปี เชี่ยวชาญด้านการออกเสียงและดนตรี เมื่อเซวียเทาอายุได้สิบสี่ปี บิดาของนางป่วยตายในระหว่างไปปฏิบัติหน้าที่ต่างเมือง นางและมารดาพยายามหาเลี้ยงชีพอย่างยากลำบาก ในที่สุดนางตัดสินใจเข้าเป็นนางคณิกาหลวงประเภทขับร้อง (ในสมัยนั้นเรียกว่า ‘เกอจี้’) เพื่อจะได้มีเงินเดือนหลวงยังชีพ โดยรับหน้าที่ขับร้องในงานเลี้ยงของทางการต่างๆ มีโอกาสได้แต่งบทกวีในงานเลี้ยงต่อหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่จนเป็นที่โด่งดัง ต่อมาได้รับการเคารพยกย่องจากผู้คนมากมายด้วยความปราดเปรื่องด้านงานกวี และได้รู้จักสนิทสนมกับเหวยเกาเริ่น เจี๋ยตู้สื่อผู้ปกครองเขตพื้นที่นั้น เจี๋ยตู้สื่อเหวยเกาเริ่นชื่นชมผลงานและความสามารถของเซวียเทาถึงขนาดยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้เพื่อขอให้แต่งตั้งนางเป็น ‘เจี้ยวซูหลาง’ (校书郎) ซึ่งเป็นตำแหน่งเลขาธิการผู้ดูแลงานด้านพิสูจน์อักษรของเอกสารทางการและบันทึกโบราณ จัดเป็นตำแหน่งขุนนางขั้นที่เก้า แต่ไม่เคยมีสตรีดำรงตำแหน่งนี้มาก่อนจึงมีข้อจำกัดมากมาย สุดท้ายนางก็ไม่ได้รับการอนุมัติให้ดำรงตำแหน่งนี้ แต่อย่างไรก็ดีเรื่องที่นางได้รับการเสนอชื่อไม่ใช่ความลับ ชาวเมืองเฉิงตูจึงเรียกนางอย่างยกย่องว่า ‘เลขาธิการหญิง’ นั่นเอง บทกวีของเซวียเทาที่ถูกยกมากล่าวในซีรีส์นี้บรรยายถึงสีสันสวยงามบนแดนสวรรค์ที่แต่งแต้มจนดอกไม้ดารดาษมีสีสันสวยงาม แต่ที่ Storyฯ คิดว่าน่าสนใจยิ่งกว่าบทกวีนี้คือสีแดงที่เกี่ยวข้องกับเซวียเทา ว่ากันว่านางชื่นชอบสีแดงมาก มักแต่งกายด้วยสีแดง และได้คิดค้นกระดาษสีแดงขึ้นไว้สำหรับเขียนบทกลอนของตัวเอง บทกลอนบนกระดาษแดงสีพิเศษที่เขียนและลงนามโดยเซวียเทาถือว่าเป็นของที่มีค่าอันทรงเกียรติมากในสมัยนั้น โดยมีบางแผ่นมีลายวาดดอกไม้ที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นฝีมือการวาดของเซวียเทาเอง ต่อมากระดาษดังกล่าวเป็นที่นิยมแพร่หลายสำหรับชนชั้นมีการศึกษาในสมัยนั้นและกลายมาเป็นสินค้าที่นางผลิตขายยังชีพได้ในที่สุด เป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์จีนว่ากระดาษเซวียเทา (薛涛笺 / เซวียเทาเจียน โดย ‘เจียน’ เป็นคำเรียกทั่วไปของกระดาษเขียนหนังสือ) Storyฯ เคยเขียนถึงวิธีการทำกระดาษจีนโบราณในบทความอื่น (ดูลิ้งค์ได้ที่ท้ายเรื่อง) ซึ่งมีกรรมวิธีการทำคล้ายกระดาษสา และกวีโบราณหลายท่านจะทำกระดาษของตัวเองไว้ใช้จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว เซวียเทาก็เช่นกัน หลังจากที่นางถอนตนออกจากการเป็นนางคณิกาหลวงแล้วก็พำนักอยู่ในบริเวณห่วนฮวาซีที่เมืองเฉิงตูนี้ (คือสถานที่ล้างไหมของนางเอกในซีรีส์ที่ Storyฯ เขียนถึงเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว) ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ยังเป็นแหล่งผลิตกระดาษชื่อดังในสมัยราชวงศ์ถังอีกด้วย ว่ากันว่าเป็นเพราะคุณสมบัติของแหล่งน้ำแถวนี้เหมาะสมต่อการผสมเยื่อกระดาษ และกระดาษเซวียเทาถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ากระดาษห่วนฮวา (浣花笺 / ห่วนฮวาเจียน) เซวียเทาใช้น้ำจากลำธารห่วนฮวาซี เยื่อไม้จากเปลือกต้นพุดตาน และสีที่คั้นจากกลีบดอกพุดตานทำกระดาษเซวียเทานี้ จากงานเขียนของท่านอื่นในสมัยนั้นมีการกล่าวว่าจริงๆ แล้วเนื้อกระดาษเซวียเทาไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่มันมีความโดดเด่นด้วยสีของกระดาษที่สวยงามไม่มีใครเทียม และบางครั้งยังมีเศษดอกไม้อัดติดมาในกระดาษด้วย แต่สีของกระดาษที่แท้จริงแล้วนั้นเป็นสีอะไรยังคงเป็นที่ถกเถียงกันจวบจนปัจจุบัน บ้างว่าเป็นสีชมพูแดงของดอกท้อซึ่งเป็นสีโปรดของนาง บ้างอ้างอิงจากกระดาษจริงของผลงานบทกวีของเซวียเทาที่มีคนสะสมไว้ พบว่ามีร่วมสิบเฉดสีไล่ไปตั้งแต่ชมพูแดง ม่วง ชมพูอมส้ม ส้มเขียว ส้มเหลือง จนถึงเหลืองนวล เซวียเทาเป็นหนึ่งบุคคลสำคัญที่เป็นความภาคภูมิใจของเมืองเฉิงตู มีรูปปั้นของนางตั้งอยู่ที่สวนวั่งเจียงโหลว เพื่อนเพจที่ไปเที่ยวเมืองเฉิงตูลองสังเกตดูนะคะ เผื่อว่าจะเห็นร่องรอยเกี่ยวกับเซวียเทาบ้าง ส่วนชุดที่สามในซีรีส์ นางเอกบอกไว้ว่าเป็นชุดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ (虞美人 / โฉมงามอวี๋) แต่ในซีรีส์ยังไม่ทันได้ท่องบทกวีนี้ก็เกิดเหตุการณ์อื่นขึ้นเสียก่อน บทกวี ‘อวี๋เหม่ยเหริน’ นี้มีวลีเด็ดที่หลายท่านอาจร้อง “อ๋อ” คือวลี ‘บุปผาวสันต์จันทราสารทฤดู’ Storyฯ เคยเขียนถึงบทกวีนี้เมื่อนานมาแล้วแต่ถูกลบไป เข้าใจว่าเป็นเพราะมันมีลิ้งค์ต้องห้าม เดี๋ยว Storyฯ จะแก้ไขและลงให้อ่านใหม่ในสัปดาห์หน้า ส่วนสีแดงที่เกี่ยวข้องก็คือสีแดงดอกป๊อปปี้ เพราะอวี๋เหม่ยเหรินคือชื่อเรียกของดอกป๊อปปี้ในภาษาจีนค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) ลิ้งค์บทความเกี่ยวกับกระดาษไป๋ลู่จากเรื่อง <เล่ห์รักวังคุนหนิง> https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/953057363489223 Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://news.agentm.tw/310261/ https://news.qq.com/rain/a/20200731A0U80V00 https://www.yeeyi.com/news/details/629504/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/李白/1043 https://baike.baidu.com/item/薛涛/2719 http://scdfz.sc.gov.cn/scyx/scrw/sclsmr/depsclsmr/xt/content_40259 https://baike.baidu.com/item/薛涛笺/5523904 https://www.sohu.com/a/538839040_355475 http://scdfz.sc.gov.cn/whzh/slzc1/content_105211# #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #เฉิงตู #สีแดงหงสู่ #บัณฑิตชิงเหลียน #เลขาธิการหญิง #โฉมงามอวี๋ #เซวียเทา #กระดาษจีนโบราณ #สาระจีน
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27 มีนาคม 2568 - รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “นายกสืบสันดาน นิติกรรมอำพราง หลบภาษี?” โดยมีเนื้อหาดังนี้

    ตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ได้รับการโอนหุ้นจากแม่ พี่ชาย พี่สาว ลุง และป้า จำนวนรวมกันประมาณ 4,434 ล้านบาท ในปีพ.ศ. 2559 โดยได้ทำหนังสือสัญญาใช้เงิน (PN) ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่กำหนดวันครบชำระเงิน เพื่อให้เป็นหลักฐานเสมือนการซื้อหุ้นโดยยังไม่จ่ายเงิน (เป็นหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ย ไม่กำหนดวันชำระคืน)

    มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไม นางสาวแพทองธาร ในปี 2559 ขณะที่อายุเพียงประมาณ 30 ปีจึงอยากซื้อหุ้นจำนวนมากจากบุคคลในครอบครัวและผู้เกี่ยวดอง
    โดยที่ตนไม่มีเงินที่จะจ่าย แต่ไปออกหนังสือสัญญาใช้เงินเป็นการกู้ยืมเงินที่จะจ่ายค่าหุ้นจำนวน 4,434 ล้านบาท

    เรื่องนี้ต้องเข้าใจ พฤติกรรมของคนในตระกูลชินวัตร รู้ที่มาที่ไปของหุ้น จึงพอจะวิเคราะห์และตั้งเป็นสมมุติฐานได้ว่า

    ในปี 2544 เมื่อนายทักษิณจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ประสงค์จะไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินให้ครบถ้วนกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในบางรายการ จึงได้โอนหุ้นจำนวนหนึ่งซุกไว้ในชื่อของ คนสวน คนรับใช้ คนขับรถ และคนเฝ้ายาม จนเกิดคดีซุกหุ้น ดังที่ปรากฎคดีกับนายทักษิณมาแล้ว

    เวลาต่อมา ได้โอนหุ้นจากชื่อของ “ลูกจ้าง”ในบ้านทั้งสามคน ไปให้กับ “ลูกจริง” ทั้ง 3คน แต่เนื่องจากลูกสาวคนเล็กคือแพทองธาร ขณะนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะยังไม่สามารถบริหารจัดการหุ้นในบริษัทต่างๆได้ จึงอาจจะโอนฝากไว้ที่ แม่ พี่ชาย พี่สาว ลุงและป้า

    ต่อมาในปี 2559 เมื่อแพทองธาร บรรลุนิติภาวะแล้ว ประสงค์ให้ญาติที่ถือหุ้นไว้โอนหุ้นมากลับมาให้ แต่ขณะนั้นมีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรในต้นปี 2559 เพื่อให้สอดคล้องกับการเก็บภาษีมรดก ซึ่งระบุให้

    การให้สินทรัพย์ ในระหว่างพ่อ แม่ ลูก ถือเป็นรายได้ของผู้รับ หากมีมูลค่าเกิน 20ล้านบาทส่วนที่เกิน20ล้านจะต้องเสียภาษีเงินได้ 5%
    แต่ หากเป็นพี่ น้อง ลุง ป้า หากมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 10ล้าน บาท จะต้องเสียภาษีเงินได้ 5%

    วิธีการหลีกเลี่ยงหลบภาษี หรือบริหารภาษี ให้จ่ายน้อยหรือไม่ต้องจ่าย คือทำนิติกรรมอำพรางโดยให้ดูเสมือนเป็นการซื้อขาย

    ผู้รับโอนจึงออกตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งก็คือทำสัญญากู้ยืม แต่ที่น่าสังเกตคือไม่มีดอกเบี้ยและไม่มีการกำหนดวันชำระเงิน
    จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด นางสาวแพทองธาร จึงออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (ที่ไม่กำหนดเวลาชำระเงินและไม่มีดอกเบี้ย) เพื่อให้ดูเป็นเรื่องการซื้อขายไม่ใช่การให้ จะได้ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ให้กับรัฐจำนวนมากกว่า 200 ล้านบาท หรือไม่

    น.ส.แพทองธาร ชี้แจงว่า การโอนหุ้นดังกล่าวเป็นการซื้อขายจริงไม่ได้มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ ยอดหนี้ (ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน) ก็แสดงว่าชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. อยู่แล้ว
    “ เรื่องตั๋วพีเอ็นไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นเรื่องที่ทำกันมาเป็นเรื่องปกติ.. การออกตั๋วสัญญาใช้เงินจะทำกับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ดำเนินการเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อผู้ขายรับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใดๆ เพราะการกระทำนอกกฎหมายที่ไหนออกหลักฐานเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ระบุที่มาของเงินไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำได้..”

    คำอธิบายของนายกรัฐมนตรีที่ว่า ได้แสดงชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อป.ป.ช. แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร

    อีกทั้งคำอธิบายว่า ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ (ใครใครเขาก็ทำกัน ) ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินโดยสุจริตหรือไม่

    หลายสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีทำไม่ได้เพราะจะต้องมีมาตรฐานของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีมาตรฐานจริยธรรมสูงกว่าบุคคลทั่วไป ทั้งนี้เพราะจะต้องรับผิดชอบต่อสังคมและคนจำนวนมาก ใช่หรือไม่?

    ประชาชนส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่าครอบครัวรักกันมาก ทำไมจึงใช้วิธีซื้อขายหุ้นระหว่างกันไปมา โดยเฉพาะในช่วงที่นางสาวแพทองธาร จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้โอนหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ จำนวน 22,410,000 หุ้น ไปให้ผู้เป็นแม่ ด้วยวิธีการซื้อขายโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์การซื้อขายแทนการให้ เช่นเดียวกันใช่หรือไม่

    ถ้าจะพิจารณาจากอดีต คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดี หมายเลขแดงที่ อม.1/2553 เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หรือคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ชินวัตร 46,737 ล้านบาท เห็นว่า การออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระค่าหุ้นมีพิรุธ เป็นการอำพรางการโอนหุ้นชินคอร์ป เพราะสุดท้ายแล้ว หุ้นชินคอร์ป ที่นายทักษิณโอนให้กับบุคคลต่างๆ ดังกล่าวยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของนายทักษิณ

    ยิ่งไปกว่านั้นข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพากรเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกสองปีโดยไม่รอลงอาญาในการปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา กรณี ช่วยบุตรชายและบุตรสาว ของนายทักษิณ ชินวัตร หลบเลี่ยงภาษีกรณีหุ้นชินคอร์ปมาแล้ว

    หากกรมสรรพากรและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ ถูกต้องตามกฏหมายและเหมาะสมตามจริยธรรม ต่อไปการที่จะมีผู้โอนทรัพย์สินให้บุคคลในครอบครัว ก็ทำทีเป็นซื้อขายแล้วทำหนังสือสัญญาใช้เงิน ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่ต้องระบุวันจ่ายเงิน (หนังสือสัญญาไม่ต้องจ่ายเงิน) ทำให้เกิดช่องโหว่ทางกฎหมายส่งผลให้ ภาษีมรดกที่กำหนดให้ผู้รับมรดกจะต้องจ่ายเป็นอันยกเลิกไปโดยปริยาย
    เท่ากับว่าฝ่ายบริหารโดยกรมสรรพากรได้ตีความให้กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติบังคับใช้ไม่ได้อีกต่อไป.
    27 มีนาคม 2568 - รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “นายกสืบสันดาน นิติกรรมอำพราง หลบภาษี?” โดยมีเนื้อหาดังนี้ ตามที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ได้รับการโอนหุ้นจากแม่ พี่ชาย พี่สาว ลุง และป้า จำนวนรวมกันประมาณ 4,434 ล้านบาท ในปีพ.ศ. 2559 โดยได้ทำหนังสือสัญญาใช้เงิน (PN) ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่กำหนดวันครบชำระเงิน เพื่อให้เป็นหลักฐานเสมือนการซื้อหุ้นโดยยังไม่จ่ายเงิน (เป็นหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ย ไม่กำหนดวันชำระคืน) มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไม นางสาวแพทองธาร ในปี 2559 ขณะที่อายุเพียงประมาณ 30 ปีจึงอยากซื้อหุ้นจำนวนมากจากบุคคลในครอบครัวและผู้เกี่ยวดอง โดยที่ตนไม่มีเงินที่จะจ่าย แต่ไปออกหนังสือสัญญาใช้เงินเป็นการกู้ยืมเงินที่จะจ่ายค่าหุ้นจำนวน 4,434 ล้านบาท เรื่องนี้ต้องเข้าใจ พฤติกรรมของคนในตระกูลชินวัตร รู้ที่มาที่ไปของหุ้น จึงพอจะวิเคราะห์และตั้งเป็นสมมุติฐานได้ว่า ในปี 2544 เมื่อนายทักษิณจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ประสงค์จะไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินให้ครบถ้วนกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในบางรายการ จึงได้โอนหุ้นจำนวนหนึ่งซุกไว้ในชื่อของ คนสวน คนรับใช้ คนขับรถ และคนเฝ้ายาม จนเกิดคดีซุกหุ้น ดังที่ปรากฎคดีกับนายทักษิณมาแล้ว เวลาต่อมา ได้โอนหุ้นจากชื่อของ “ลูกจ้าง”ในบ้านทั้งสามคน ไปให้กับ “ลูกจริง” ทั้ง 3คน แต่เนื่องจากลูกสาวคนเล็กคือแพทองธาร ขณะนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะยังไม่สามารถบริหารจัดการหุ้นในบริษัทต่างๆได้ จึงอาจจะโอนฝากไว้ที่ แม่ พี่ชาย พี่สาว ลุงและป้า ต่อมาในปี 2559 เมื่อแพทองธาร บรรลุนิติภาวะแล้ว ประสงค์ให้ญาติที่ถือหุ้นไว้โอนหุ้นมากลับมาให้ แต่ขณะนั้นมีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรในต้นปี 2559 เพื่อให้สอดคล้องกับการเก็บภาษีมรดก ซึ่งระบุให้ การให้สินทรัพย์ ในระหว่างพ่อ แม่ ลูก ถือเป็นรายได้ของผู้รับ หากมีมูลค่าเกิน 20ล้านบาทส่วนที่เกิน20ล้านจะต้องเสียภาษีเงินได้ 5% แต่ หากเป็นพี่ น้อง ลุง ป้า หากมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 10ล้าน บาท จะต้องเสียภาษีเงินได้ 5% วิธีการหลีกเลี่ยงหลบภาษี หรือบริหารภาษี ให้จ่ายน้อยหรือไม่ต้องจ่าย คือทำนิติกรรมอำพรางโดยให้ดูเสมือนเป็นการซื้อขาย ผู้รับโอนจึงออกตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งก็คือทำสัญญากู้ยืม แต่ที่น่าสังเกตคือไม่มีดอกเบี้ยและไม่มีการกำหนดวันชำระเงิน จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใด นางสาวแพทองธาร จึงออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (ที่ไม่กำหนดเวลาชำระเงินและไม่มีดอกเบี้ย) เพื่อให้ดูเป็นเรื่องการซื้อขายไม่ใช่การให้ จะได้ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ให้กับรัฐจำนวนมากกว่า 200 ล้านบาท หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ชี้แจงว่า การโอนหุ้นดังกล่าวเป็นการซื้อขายจริงไม่ได้มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ ยอดหนี้ (ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน) ก็แสดงว่าชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. อยู่แล้ว “ เรื่องตั๋วพีเอ็นไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นเรื่องที่ทำกันมาเป็นเรื่องปกติ.. การออกตั๋วสัญญาใช้เงินจะทำกับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ดำเนินการเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อผู้ขายรับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใดๆ เพราะการกระทำนอกกฎหมายที่ไหนออกหลักฐานเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่ระบุที่มาของเงินไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำได้..” คำอธิบายของนายกรัฐมนตรีที่ว่า ได้แสดงชัดเจนในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อป.ป.ช. แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร อีกทั้งคำอธิบายว่า ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เป็นเรื่องที่ทำกันเป็นปกติ (ใครใครเขาก็ทำกัน ) ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินโดยสุจริตหรือไม่ หลายสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีทำไม่ได้เพราะจะต้องมีมาตรฐานของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีมาตรฐานจริยธรรมสูงกว่าบุคคลทั่วไป ทั้งนี้เพราะจะต้องรับผิดชอบต่อสังคมและคนจำนวนมาก ใช่หรือไม่? ประชาชนส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่าครอบครัวรักกันมาก ทำไมจึงใช้วิธีซื้อขายหุ้นระหว่างกันไปมา โดยเฉพาะในช่วงที่นางสาวแพทองธาร จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้โอนหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์ จำนวน 22,410,000 หุ้น ไปให้ผู้เป็นแม่ ด้วยวิธีการซื้อขายโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์การซื้อขายแทนการให้ เช่นเดียวกันใช่หรือไม่ ถ้าจะพิจารณาจากอดีต คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดี หมายเลขแดงที่ อม.1/2553 เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน หรือคดียึดทรัพย์นายทักษิณ ชินวัตร 46,737 ล้านบาท เห็นว่า การออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระค่าหุ้นมีพิรุธ เป็นการอำพรางการโอนหุ้นชินคอร์ป เพราะสุดท้ายแล้ว หุ้นชินคอร์ป ที่นายทักษิณโอนให้กับบุคคลต่างๆ ดังกล่าวยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของนายทักษิณ ยิ่งไปกว่านั้นข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพากรเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกสองปีโดยไม่รอลงอาญาในการปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา กรณี ช่วยบุตรชายและบุตรสาว ของนายทักษิณ ชินวัตร หลบเลี่ยงภาษีกรณีหุ้นชินคอร์ปมาแล้ว หากกรมสรรพากรและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำได้ ถูกต้องตามกฏหมายและเหมาะสมตามจริยธรรม ต่อไปการที่จะมีผู้โอนทรัพย์สินให้บุคคลในครอบครัว ก็ทำทีเป็นซื้อขายแล้วทำหนังสือสัญญาใช้เงิน ที่ไม่มีดอกเบี้ยและไม่ต้องระบุวันจ่ายเงิน (หนังสือสัญญาไม่ต้องจ่ายเงิน) ทำให้เกิดช่องโหว่ทางกฎหมายส่งผลให้ ภาษีมรดกที่กำหนดให้ผู้รับมรดกจะต้องจ่ายเป็นอันยกเลิกไปโดยปริยาย เท่ากับว่าฝ่ายบริหารโดยกรมสรรพากรได้ตีความให้กฎหมายที่ออกโดยฝ่ายนิติบัญญัติบังคับใช้ไม่ได้อีกต่อไป.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน

    ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌

    จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา

    📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭

    🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍

    นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅

    ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา

    📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈

    แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌

    ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง

    📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞

    วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร

    พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง

    🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮

    นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง

    📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸

    แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨

    📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉

    ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน

    🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑

    พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย

    🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า...

    “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์”

    ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱

    💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน

    เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘

    📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐

    เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞

    และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568

    📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    📰 61 ปี หนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” จากบางกอกเดลิเมล์ สู่เดลินิวส์ออนไลน์ บันทึกความทรงจำของสื่อไทย ที่เติบโตเคียงข้างประชาชน ✨ 61 ปี แห่งการเปลี่ยนผ่านของสื่อที่ไม่หยุดนิ่ง ในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยข่าวสารและเทคโนโลยี 🌐 มีไม่กี่สื่อ ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ แต่ “เดลินิวส์” คือหนึ่งในนั้น 🙌 จากวันแรกของการก่อตั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 สู่การเป็นผู้นำข่าวระดับประเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และออนไลน์ 🖥️ เส้นทางของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์นั้น ไม่เพียงแต่สะท้อนวิวัฒนาการ ของวงการสื่อไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกเงาสำคัญของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองไทยตลอด 61 ปี ที่ผ่านมา 📆 ย้อนเวลาสำรวจเส้นทางของหนังสือพิมพ์ ที่เริ่มต้นจาก “บางกอกเดลิเมล์” สู่การเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” และ “เดลินิวส์ออนไลน์” ในวันนี้ พร้อมทั้งเผยเบื้องหลังความเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์ และจุดยืนของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งภารกิจเพื่อประชาชนไทย 🇹🇭 🕰 จุดเริ่มต้นจากบางกอกเดลิเมล์ ความกล้าในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2493 ประเทศไทยอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่สอง 📜 สื่อยังถูกควบคุมโดยรัฐอย่างเข้มงวด การเปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นายห้างแสง เหตระกูล” ผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ "โรงพิมพ์ประชาช่าง" กลับกล้าเสี่ยง 🔍 นายห้างแสงตัดสินใจซื้อกิจการ "หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์" (Bangkok Daily Mail) ของนายหลุย คีรีวัตน์ ซึ่งได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 และรื้อฟื้นมันขึ้นใหม่ ในรูปแบบหนังสือพิมพ์รายปักษ์ชื่อว่า “เดลิเมล์วันจันทร์” ออกฉบับแรกเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2493 📅 ฉบับแรกมีพาดหัวว่า “นักศึกษา มธก.รากเลือดค้าน ก.พ.” เป็นการสะท้อนจุดยืนของสื่อ ที่กล้าแตะประเด็นทางสังคม การเมืองอย่างตรงไปตรงมา 📰 เปลี่ยนผ่านอย่างมีทิศทาง จากเดลิเมล์ สู่แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์ ในช่วง พ.ศ. 2500 “บางกอกเดลิเมล์รายวัน” ขยับสู่การเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างเต็มรูปแบบ ขยายขนาดหน้ากระดาษจาก 7 เป็น 8 คอลัมน์นิ้ว 🖨 ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการสื่อขณะนั้น 📈 แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อรัฐบาล "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" ถูกโค่นล้มโดย "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ซึ่งส่งผลให้สื่อหลายฉบับถูกตรวจสอบ และปิดตัวลง ❌ ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 “เดลิเมล์รายวัน” ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งคณะปฏิวัติ มีการ ล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ และลงครั่งประทับ ปิดฉากความกล้าหาญของสื่อเสรีในยุคนั้น อย่างสิ้นเชิง 📢 เดลินิวส์ฉบับแรก กำเนิดเกิดใหม่ในนาม “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” แม้จะถูกสั่งปิด แต่ “นายห้างแสง” ไม่ยอมแพ้ ✊ เดินหน้าสู่บทใหม่ ซื้อหัวหนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” และรวมเข้ากับชื่อเดิม กลายเป็น “แนวหน้าแห่งยุคเดลินิวส์” 🗞 วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2507 หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ออกวางแผงเป็นครั้งแรก โดยมี "นายประพันธ์ เหตระกูล" บุตรชายเป็นบรรณาธิการบริหาร พาดหัวฉบับแรกสร้างเสียงฮือฮาทันที “เมียน้อยจอมพลสฤษดิ์ท้องในอเมริกา พบรักแท้กับนักเรียนไทยวัยรุ่น” 😲 นำเสนอข่าวแบบเจาะลึกถึงตัวบุคคล และโครงสร้างอำนาจการเมือง 🔍 ข่าวเด่นยุคแรก กล้าท้าชนอำนาจรัฐ เดลินิวส์มีจุดขายที่ชัดเจน คือการเสนอข่าวที่ตรงไปตรงมา 💥 โดยเฉพาะเรื่องของ "จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์" ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอนุภรรยากว่า 103 คน และทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,874 ล้านบาท 😮 นอกจากนี้ยังเปิดโปงคดีอาชญากรรม การทุจริต และประเด็นอ่อนไหวที่สื่ออื่นหลีกเลี่ยง จึงได้รับความนิยมจากผู้อ่านในวงกว้าง และถือเป็น “กระบอกเสียงของประชาชน” ที่แท้จริง 📈 ก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจ ปรับคุณภาพเพื่อความอยู่รอด ช่วง พ.ศ. 2516 - 2517 ทั่วโลกประสบปัญหาน้ำมันขาดแคลน ทำให้ต้นทุนการผลิตหนังสือพิมพ์สูงขึ้น 📉 หนังสือพิมพ์หลายฉบับต้องขึ้นราคาขาย เดลินิวส์ก็เช่นกัน โดยปรับขึ้น 50 สตางค์ 💸 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เดลินิวส์ ไม่ลดคุณภาพข่าว ตรงกันข้ามกลับเพิ่มคอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง และข่าวสังคม มากขึ้น ส่งผลให้ได้รับความเชื่อถือจากผู้อ่าน อย่างต่อเนื่อง ✨ 📚 เปลี่ยนชื่อเป็น “เดลินิวส์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2522 บริษัทสี่พระยาการพิมพ์ จำกัด ได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนชื่อหนังสือพิมพ์เป็น “เดลินิวส์” และได้รับอนุญาตในวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2522 🎉 ต่อมา เดลินิวส์ได้ขยายสำนักงานจากถนนสี่พระยา มาที่ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ตั้งปัจจุบัน 🏢 พร้อมขยายจำนวนหน้าจาก 16 เป็น 48 หน้า และเพิ่มราคาจำหน่ายจาก 1 บาท เป็น 10 บาทในปัจจุบัน 🖨 นวัตกรรมการพิมพ์ ก้าวสู่งานข่าวสีเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ. 2529 เดลินิวส์เริ่มพิมพ์ภาพข่าวสี่สีครั้งแรก คือ ภาพโศกนาฏกรรมกระสวยอวกาศ “แชลเลนเจอร์” 🚀 และต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ตีพิมพ์ภาพ “ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลที่ไต้หวัน 👑 พร้อมลงทุนในระบบพิมพ์ แซตเติลไลต์ ยูนิต และโฟร์ไฮ ที่สามารถพิมพ์ได้เร็วถึง 120,000 ฉบับ ต่อชั่วโมง 🚀 สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ไทย 🌐 เดลินิวส์ออนไลน์ ปฏิวัติวงการข่าวดิจิทัล ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 เดลินิวส์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มตัว เปิดเว็บไซต์ www.dailynews.co.th 💻 พร้อมคอนเซปต์ว่า... “ให้ข่าวสารพาไปไกลกว่าแค่ ‘รู้’ แต่คือ รู้ลึก รู้จริง และรู้เท่าทันทุกสถานการณ์” ในวันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ข่าว 🗂️ ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม บันเทิง กีฬา ไลฟ์สไตล์ รวมถึง วิดีโอ, อินโฟกราฟิก และ คอนเทนต์แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ⏱ 💡 ปณิธานของ “เดลินิวส์” ข่าวเพื่อประชาชน สิ่งที่ทำให้ “เดลินิวส์” อยู่ได้มากว่า 61 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะยอดขายหรือชื่อเสียง 🏆 แต่เป็นเพราะความตั้งใจจริงของคณะผู้บริหาร ในการทำสื่อเพื่อประชาชน เดลินิวส์นำเสนอข่าวสารที่ครอบคลุม ทั้งข่าวสังคมที่ใกล้ตัว และข่าวเศรษฐกิจระดับชาติ โดยยึดมั่นในหลักจริยธรรมข่าว สร้างความเข้าใจ ที่มากกว่าแค่การรับรู้ข้อมูล 📘 📌 เดลินิวส์…มากกว่าข่าว คือความเข้าใจ จาก “บางกอกเดลิเมล์” ที่เคยถูกล่ามแท่นพิมพ์ด้วยโซ่ จนถึง “เดลินิวส์ออนไลน์” ที่ไหลลื่นในโลกดิจิทัล 🌐 เส้นทางกว่า 61 ปี ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย และบทบาทของสื่อ ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชน 💞 และไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร เดลินิวส์ยังคงทำหน้าที่ ด้วยหัวใจของนักข่าวเพื่อประชาชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 280955 มี.ค. 2568 📢 #เดลินิวส์ #ประวัติเดลินิวส์ #หนังสือพิมพ์ไทย #สื่อไทย #ข่าวออนไลน์ #เดลินิวส์ออนไลน์ #ข่าวเพื่อประชาชน #61ปีเดลินิวส์ #DailyNewsTH #ข่าวไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักพระราชวังบักกิงแฮม ประกาศว่าสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่3 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงถูกนำส่งโรงพยาบาลในวันนี้ หลังจากทรงประสบกับ “ผลข้างเคียงชั่วคราว” ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งที่พระองค์กำลังรักษาอยู่

    กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงเข้ารับการรักษาตามกำหนดในเช้าวันนี้ ซึ่งต้องทรงเฝ้าสังเกตอาการในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลาสั้นๆ ส่งผลให้ภารกิจในช่วงบ่ายของพระองค์ถูกเลื่อนออกไป

    โฆษกของพระราชวังยืนยันว่าขณะนี้กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงเสด็จกลับที่คฤหาสน์คลาเรนซ์แล้ว และทรงพักผ่อนอยู่ สมุดบันทึกประจำวันในวันพรุ่งนี้ได้รับการเคลียร์ “เพื่อป้องกัน” ตามคำแนะนำของแพทย์
    สำนักพระราชวังบักกิงแฮม ประกาศว่าสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่3 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงถูกนำส่งโรงพยาบาลในวันนี้ หลังจากทรงประสบกับ “ผลข้างเคียงชั่วคราว” ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งที่พระองค์กำลังรักษาอยู่ กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงเข้ารับการรักษาตามกำหนดในเช้าวันนี้ ซึ่งต้องทรงเฝ้าสังเกตอาการในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลาสั้นๆ ส่งผลให้ภารกิจในช่วงบ่ายของพระองค์ถูกเลื่อนออกไป โฆษกของพระราชวังยืนยันว่าขณะนี้กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงเสด็จกลับที่คฤหาสน์คลาเรนซ์แล้ว และทรงพักผ่อนอยู่ สมุดบันทึกประจำวันในวันพรุ่งนี้ได้รับการเคลียร์ “เพื่อป้องกัน” ตามคำแนะนำของแพทย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • บอกรักแม่ยัง
    บอกรักแม่ยัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Keio ในญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการใช้เซลล์ต้นกำเนิดแบบ Pluripotent (iPS) เพื่อช่วยฟื้นฟูความสามารถในการเคลื่อนไหวบางส่วนในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บไขสันหลัง การทดลองครั้งแรกนี้นำไปใช้กับผู้ป่วย 4 คน โดยในจำนวนนี้ 2 คนมีการฟื้นฟูบางส่วน เช่น การสามารถยืนด้วยตัวช่วยพยุง ซึ่งถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่น่าชื่นชม แม้จะยังไม่ได้ผลเต็มที่สำหรับทุกคน

    เบื้องหลังเทคโนโลยี:
    - เซลล์ต้นกำเนิด iPS นี้ถูกค้นพบโดย Shinya Yamanaka ในปี 2006 และทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลจากความสามารถในการรีโปรแกรมเซลล์ผู้ใหญ่กลับสู่สถานะเซลล์ต้นกำเนิด ช่วยในการสร้างเซลล์ประสาทใหม่จำนวนมาก.

    ผลการทดลองแรก:
    - ผู้ป่วยที่เข้าร่วมได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด iPS พร้อมยากดภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการปฏิเสธ แม้ 2 คนยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แต่ทุกคนไม่ได้รับผลข้างเคียงหรือการเติบโตผิดปกติในเซลล์.

    ผลกระทบเชิงศักยภาพ:
    - ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยไขสันหลังบาดเจ็บราว 100,000 ราย ซึ่งปัจจุบันการบำบัดยังให้ผลที่จำกัด (เพียง 10-12% ฟื้นฟูบางส่วน) เทคโนโลยีนี้อาจช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์ได้อย่างชัดเจนในอนาคต.

    ทิศทางการวิจัยในอนาคต:
    - ทีมนักวิจัยวางแผนทำการทดลองขนาดใหญ่ในอนาคต ร่วมมือกับบริษัท K Pharma ที่ก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัย Keio เพื่อพัฒนาวิธีการรักษาให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น.

    https://www.techspot.com/news/107317-pluripotent-stem-cells-aid-partial-motor-recovery-spinal.html
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Keio ในญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการใช้เซลล์ต้นกำเนิดแบบ Pluripotent (iPS) เพื่อช่วยฟื้นฟูความสามารถในการเคลื่อนไหวบางส่วนในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บไขสันหลัง การทดลองครั้งแรกนี้นำไปใช้กับผู้ป่วย 4 คน โดยในจำนวนนี้ 2 คนมีการฟื้นฟูบางส่วน เช่น การสามารถยืนด้วยตัวช่วยพยุง ซึ่งถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่น่าชื่นชม แม้จะยังไม่ได้ผลเต็มที่สำหรับทุกคน เบื้องหลังเทคโนโลยี: - เซลล์ต้นกำเนิด iPS นี้ถูกค้นพบโดย Shinya Yamanaka ในปี 2006 และทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลจากความสามารถในการรีโปรแกรมเซลล์ผู้ใหญ่กลับสู่สถานะเซลล์ต้นกำเนิด ช่วยในการสร้างเซลล์ประสาทใหม่จำนวนมาก. ผลการทดลองแรก: - ผู้ป่วยที่เข้าร่วมได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด iPS พร้อมยากดภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการปฏิเสธ แม้ 2 คนยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แต่ทุกคนไม่ได้รับผลข้างเคียงหรือการเติบโตผิดปกติในเซลล์. ผลกระทบเชิงศักยภาพ: - ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยไขสันหลังบาดเจ็บราว 100,000 ราย ซึ่งปัจจุบันการบำบัดยังให้ผลที่จำกัด (เพียง 10-12% ฟื้นฟูบางส่วน) เทคโนโลยีนี้อาจช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์ได้อย่างชัดเจนในอนาคต. ทิศทางการวิจัยในอนาคต: - ทีมนักวิจัยวางแผนทำการทดลองขนาดใหญ่ในอนาคต ร่วมมือกับบริษัท K Pharma ที่ก่อตั้งโดยมหาวิทยาลัย Keio เพื่อพัฒนาวิธีการรักษาให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น. https://www.techspot.com/news/107317-pluripotent-stem-cells-aid-partial-motor-recovery-spinal.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Pluripotent stem cells aid partial motor recovery in spinal cord injury patients
    Researchers at Keio University have begun using induced pluripotent stem cells (iPS) to treat and maybe even cure severe spinal cord injuries. The iPS technology was first...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google กำลังปรับวิธีการพัฒนา Android โดยเปลี่ยนเป็นงานภายในทั้งหมด เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและลดความผิดพลาดในกระบวนการ แม้ว่าชิ้นส่วนบางอย่างจะเผยแพร่ช้าลง แต่ Android ยังคงเป็นโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาภายนอกสามารถมีส่วนร่วมได้ เป้าหมายหลักคือการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ยั่งยืนและตอบโจทย์ผู้ใช้มากยิ่งขึ้น

    เหตุผลของการเปลี่ยนแปลง:
    - Google ระบุว่ากระบวนการพัฒนาแบบเดิมสร้างความล่าช้าในการปล่อยฟีเจอร์ใหม่และแก้ไขปัญหาความปลอดภัย เนื่องจากการผสานโค้ดระหว่างสองส่วนมักก่อให้เกิดข้อผิดพลาด.

    ผลกระทบต่อชุมชนนักพัฒนา:
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้การเผยแพร่ซอร์สโค้ดบางส่วนล่าช้าลง แต่การพัฒนา Android โดยรวมไม่น่าจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตที่มีข้อตกลง GMS เช่น Samsung และ Xiaomi ยังคงสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง.

    ความคุ้มค่าในระยะยาว:
    - Google ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นการปิดกั้นนักพัฒนาภายนอก แต่เพื่อรักษาความเป็นโอเพ่นซอร์สของ Android พร้อมทั้งเพิ่มความรวดเร็วและลดข้อผิดพลาดในกระบวนการพัฒนา.

    https://www.techspot.com/news/107314-google-confirms-android-development-soon-become-fully-private.html
    Google กำลังปรับวิธีการพัฒนา Android โดยเปลี่ยนเป็นงานภายในทั้งหมด เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและลดความผิดพลาดในกระบวนการ แม้ว่าชิ้นส่วนบางอย่างจะเผยแพร่ช้าลง แต่ Android ยังคงเป็นโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาภายนอกสามารถมีส่วนร่วมได้ เป้าหมายหลักคือการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ยั่งยืนและตอบโจทย์ผู้ใช้มากยิ่งขึ้น เหตุผลของการเปลี่ยนแปลง: - Google ระบุว่ากระบวนการพัฒนาแบบเดิมสร้างความล่าช้าในการปล่อยฟีเจอร์ใหม่และแก้ไขปัญหาความปลอดภัย เนื่องจากการผสานโค้ดระหว่างสองส่วนมักก่อให้เกิดข้อผิดพลาด. ผลกระทบต่อชุมชนนักพัฒนา: - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้การเผยแพร่ซอร์สโค้ดบางส่วนล่าช้าลง แต่การพัฒนา Android โดยรวมไม่น่าจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตที่มีข้อตกลง GMS เช่น Samsung และ Xiaomi ยังคงสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง. ความคุ้มค่าในระยะยาว: - Google ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นการปิดกั้นนักพัฒนาภายนอก แต่เพื่อรักษาความเป็นโอเพ่นซอร์สของ Android พร้อมทั้งเพิ่มความรวดเร็วและลดข้อผิดพลาดในกระบวนการพัฒนา. https://www.techspot.com/news/107314-google-confirms-android-development-soon-become-fully-private.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google confirms Android development will soon become fully private
    Google told Android Authority that it will move all Android development to its internal branches next week, marking a significant shift from the system that has been...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดตัวชุดเครื่องมือ AI ใหม่ในแพลตฟอร์ม Security Copilot เพื่อช่วยจัดการภัยคุกคามไซเบอร์ที่กำลังมีความซับซ้อนและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ชุดเครื่องมือนี้ประกอบด้วย AI Agents 6 รายการจาก Microsoft และอีก 5 รายการที่พัฒนาร่วมกับพันธมิตร โดยเน้นงานสำคัญ เช่น การตรวจจับฟิชชิง การป้องกันข้อมูล และการจัดการตัวตนแบบอัตโนมัติ ฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ช่วยลดความซับซ้อนในการทำงานของทีมรักษาความปลอดภัย และสนับสนุนการจัดการภัยคุกคามได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ตัวอย่างการใช้งานที่เน้นฟิชชิง:
    - Microsoft เปิดเผยว่ามีการตรวจจับอีเมลฟิชชิงมากกว่า 30 พันล้านฉบับ ระหว่างปี 2024 AI Agent ที่เพิ่มเข้ามาสามารถช่วยจัดการการแจ้งเตือนและลดภาระงานของทีมได้ โดยโฟกัสไปที่ภัยคุกคามที่ซับซ้อนกว่าแทน.

    ความแตกต่างจากระบบเดิม:
    - Security Copilot Agents พัฒนาให้เหนือกว่าระบบ SOAR และ XDR แบบเดิม โดยใช้ Generative AI ในการทำงาน เช่น วิเคราะห์ข้อมูลเหตุการณ์และเสนอขั้นตอนแก้ไขอย่างอัตโนมัติ ซึ่งลดงานที่ซ้ำซ้อนของทีม SOC (Security Operations Center).

    การผสานรวมเครื่องมือ:
    - ฟีเจอร์ใหม่สามารถผสานการทำงานกับผลิตภัณฑ์ในตระกูล Microsoft เช่น Defender, Entra และ Purview ซึ่งช่วยสร้างการจัดการภัยคุกคามแบบครบวงจรในระบบเดียว.

    คำแนะนำสำหรับการใช้งาน:
    - การใช้แพลตฟอร์มที่รวมทุกอย่างในที่เดียวช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าควรมีแนวทางแบบผสม (Hybrid Approach) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ให้บริการเพียงรายเดียว.

    https://www.csoonline.com/article/3853599/microsoft-launches-ai-agents-to-automate-cybersecurity-amid-rising-threats.html
    Microsoft ได้เปิดตัวชุดเครื่องมือ AI ใหม่ในแพลตฟอร์ม Security Copilot เพื่อช่วยจัดการภัยคุกคามไซเบอร์ที่กำลังมีความซับซ้อนและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ชุดเครื่องมือนี้ประกอบด้วย AI Agents 6 รายการจาก Microsoft และอีก 5 รายการที่พัฒนาร่วมกับพันธมิตร โดยเน้นงานสำคัญ เช่น การตรวจจับฟิชชิง การป้องกันข้อมูล และการจัดการตัวตนแบบอัตโนมัติ ฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ช่วยลดความซับซ้อนในการทำงานของทีมรักษาความปลอดภัย และสนับสนุนการจัดการภัยคุกคามได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตัวอย่างการใช้งานที่เน้นฟิชชิง: - Microsoft เปิดเผยว่ามีการตรวจจับอีเมลฟิชชิงมากกว่า 30 พันล้านฉบับ ระหว่างปี 2024 AI Agent ที่เพิ่มเข้ามาสามารถช่วยจัดการการแจ้งเตือนและลดภาระงานของทีมได้ โดยโฟกัสไปที่ภัยคุกคามที่ซับซ้อนกว่าแทน. ความแตกต่างจากระบบเดิม: - Security Copilot Agents พัฒนาให้เหนือกว่าระบบ SOAR และ XDR แบบเดิม โดยใช้ Generative AI ในการทำงาน เช่น วิเคราะห์ข้อมูลเหตุการณ์และเสนอขั้นตอนแก้ไขอย่างอัตโนมัติ ซึ่งลดงานที่ซ้ำซ้อนของทีม SOC (Security Operations Center). การผสานรวมเครื่องมือ: - ฟีเจอร์ใหม่สามารถผสานการทำงานกับผลิตภัณฑ์ในตระกูล Microsoft เช่น Defender, Entra และ Purview ซึ่งช่วยสร้างการจัดการภัยคุกคามแบบครบวงจรในระบบเดียว. คำแนะนำสำหรับการใช้งาน: - การใช้แพลตฟอร์มที่รวมทุกอย่างในที่เดียวช่วยลดความยุ่งยากในการจัดการ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าควรมีแนวทางแบบผสม (Hybrid Approach) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ให้บริการเพียงรายเดียว. https://www.csoonline.com/article/3853599/microsoft-launches-ai-agents-to-automate-cybersecurity-amid-rising-threats.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Microsoft launches AI agents to automate cybersecurity amid rising threats
    The rollout includes six in-house AI agents from Microsoft and five developed with partners.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนที่คอยยังคงคอยอยู่อย่างนั้น
    คนที่ฝันยังคงฝันคะนึงถึง
    คนที่เพ้อยังคงเพ้อยังรำพึง
    คนที่ซึ้งยังอยากซึ้งอีกสักครั้ง
    คนที่รักยังคงรักอยู่อย่างนั้น
    คนที่หวั่นยังคงหวั่นในความหวัง
    คนที่ท้อยังคงท้อทุกข์เสียจัง
    คนที่นั่งยังคงนั่งไม่ยอมนอน
    คนหลายคนคอยรักเธอคิดถึงเธอ
    คนหลายคนถึงคอยเก้อก็คอยก่อน
    คนหลายคนมาคอยเว้ามาคอยวอน
    คนหลายคนต้องรุ่มร้อนเพราะรักเธอ
    คนไม่จริงไม่เคยจริงไม่เคยจริง
    คนกลอกกลิ้งก็กลอกกลิ้งอยู่เสมอ
    คนหลอกลวงช่างหลอกลวงเสียจริงเออ
    คนแบบเธอนั่นแหละเธอคนแบบนั้น
    คนอะไรช่างกระไรช่างใจร้าย
    คนจะตายเจ็บจะตายก็คือฉัน
    หลงรักเธอเผลอใจห้ามไม่ทัน
    อยู่กับฝันลมลมอย่างตรมตรอม
    คนที่คอยยังคงคอยอยู่อย่างนั้น คนที่ฝันยังคงฝันคะนึงถึง คนที่เพ้อยังคงเพ้อยังรำพึง คนที่ซึ้งยังอยากซึ้งอีกสักครั้ง คนที่รักยังคงรักอยู่อย่างนั้น คนที่หวั่นยังคงหวั่นในความหวัง คนที่ท้อยังคงท้อทุกข์เสียจัง คนที่นั่งยังคงนั่งไม่ยอมนอน คนหลายคนคอยรักเธอคิดถึงเธอ คนหลายคนถึงคอยเก้อก็คอยก่อน คนหลายคนมาคอยเว้ามาคอยวอน คนหลายคนต้องรุ่มร้อนเพราะรักเธอ คนไม่จริงไม่เคยจริงไม่เคยจริง คนกลอกกลิ้งก็กลอกกลิ้งอยู่เสมอ คนหลอกลวงช่างหลอกลวงเสียจริงเออ คนแบบเธอนั่นแหละเธอคนแบบนั้น คนอะไรช่างกระไรช่างใจร้าย คนจะตายเจ็บจะตายก็คือฉัน หลงรักเธอเผลอใจห้ามไม่ทัน อยู่กับฝันลมลมอย่างตรมตรอม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • โธ่เช้านี้ไม่มีรักมาทักถาม
    มีแต่ความเคว้งคว้างเป็นอย่างยิ่ง
    ฝันที่เฝ้าเช้าเย็นไม่เป็นจริง
    ฉันถูกทิ้งให้ท้อและรอคอย
    โธ่เที่ยงนี้ไม่มีรักมากวักแขน
    มันสุดแสนจะเศร้าและเหงาหงอย
    คล้ายเคลิ้มฝันหวั่นไหวและใจลอย
    ไร้ร่องรอยเรื่องราวของข่าวใจ
    โธ่คืนนี้ไม่มีรักมาพักบ้าน
    ไม่มีการกวาดหอไว้รอไผ
    มีแต่ฉันวันนี้ไม่มีใคร
    กับหัวใจว่างเปล่าในเงาจันทร์
    โอ้วันนี้ไม่มีรักแน่นักแล้ว
    ไม่มีแววความหวังประทังขวัญ
    เหลือแต่ต่อมน้ำตาต้องจาบัลย์
    ก็เท่านั้นก็เท่านั้นเท่านั้นเอง
    โธ่เช้านี้ไม่มีรักมาทักถาม มีแต่ความเคว้งคว้างเป็นอย่างยิ่ง ฝันที่เฝ้าเช้าเย็นไม่เป็นจริง ฉันถูกทิ้งให้ท้อและรอคอย โธ่เที่ยงนี้ไม่มีรักมากวักแขน มันสุดแสนจะเศร้าและเหงาหงอย คล้ายเคลิ้มฝันหวั่นไหวและใจลอย ไร้ร่องรอยเรื่องราวของข่าวใจ โธ่คืนนี้ไม่มีรักมาพักบ้าน ไม่มีการกวาดหอไว้รอไผ มีแต่ฉันวันนี้ไม่มีใคร กับหัวใจว่างเปล่าในเงาจันทร์ โอ้วันนี้ไม่มีรักแน่นักแล้ว ไม่มีแววความหวังประทังขวัญ เหลือแต่ต่อมน้ำตาต้องจาบัลย์ ก็เท่านั้นก็เท่านั้นเท่านั้นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อวี๋ซูซิน” นักแสดง-นักร้องสาวดาวดังชาวจีน โพสต์ IG เที่ยวฟิน- กินฉ่ำ ในเมืองไทย หลังเดินทางมาถ่ายทำซีรีส์เรื่องใหม่ในเมืองไทย ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นคงต้องติดตามกันต่อไป

    “อวี๋ซูซิน” หรือที่ใครหลาย ๆ คนรู้จักกันในนาม “เอสเธอร์ อวี๋” (Esther Yu) เป็นหนึ่งในนักแสดง นักร้อง ไอดอลสาวชาวจีนชื่อดัง เธอเปิดตัวจากการแสดงในละครเรื่อง Border Town Prodigal เมื่อปี 2016 และเธอได้รับการยอมรับจากบทบาทในละครฮิต Find Yourself (2020) Moonlight (2021) และ Love Between Fairy and Devil (2022) นอกจากนี้เธอยังเคยเดบิวต์เป็นสมาชิกของเกิร์ลกรุปจีน THE9 อีกด้วย

    ปัจจุบันอวี๋ซูซินมีผลงานการถ่ายทำซีรีส์อย่างต่อเนื่อง โดยซีรีส์ชื่อดังที่คนไทยรู้จักกันดี ได้แก่ เพลงรักใต้แสงจันทร์ ของรักของข้า เหนือเมฆาชะตาลิขิต เซียนกระบี่เปิดผนึกพิชิตชะตา ดารารักนิรันดร์ เป็นต้น

    นอกจากนี้ล่าสุดอวี๋ซูซินยังบินมาถ่ายทำซีรีส์เรื่องใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเธอก็ได้โพสต์ IG บรรยากาศการเที่ยวฟิน- กินฉ่ำ ในเมืองไทยให้แฟน ๆ ได้ชมกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/travel/detail/9680000029276

    #MGROnline #YuShuXin #EstherYu​​​ #อวี๋ซูซิน #虞书欣
    “อวี๋ซูซิน” นักแสดง-นักร้องสาวดาวดังชาวจีน โพสต์ IG เที่ยวฟิน- กินฉ่ำ ในเมืองไทย หลังเดินทางมาถ่ายทำซีรีส์เรื่องใหม่ในเมืองไทย ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นคงต้องติดตามกันต่อไป • “อวี๋ซูซิน” หรือที่ใครหลาย ๆ คนรู้จักกันในนาม “เอสเธอร์ อวี๋” (Esther Yu) เป็นหนึ่งในนักแสดง นักร้อง ไอดอลสาวชาวจีนชื่อดัง เธอเปิดตัวจากการแสดงในละครเรื่อง Border Town Prodigal เมื่อปี 2016 และเธอได้รับการยอมรับจากบทบาทในละครฮิต Find Yourself (2020) Moonlight (2021) และ Love Between Fairy and Devil (2022) นอกจากนี้เธอยังเคยเดบิวต์เป็นสมาชิกของเกิร์ลกรุปจีน THE9 อีกด้วย • ปัจจุบันอวี๋ซูซินมีผลงานการถ่ายทำซีรีส์อย่างต่อเนื่อง โดยซีรีส์ชื่อดังที่คนไทยรู้จักกันดี ได้แก่ เพลงรักใต้แสงจันทร์ ของรักของข้า เหนือเมฆาชะตาลิขิต เซียนกระบี่เปิดผนึกพิชิตชะตา ดารารักนิรันดร์ เป็นต้น • นอกจากนี้ล่าสุดอวี๋ซูซินยังบินมาถ่ายทำซีรีส์เรื่องใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเธอก็ได้โพสต์ IG บรรยากาศการเที่ยวฟิน- กินฉ่ำ ในเมืองไทยให้แฟน ๆ ได้ชมกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/travel/detail/9680000029276 • #MGROnline #YuShuXin #EstherYu​​​ #อวี๋ซูซิน #虞书欣
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • สืบเนื่องจากมีเพื่อนเพจเคยขอให้เขียนเกี่ยวกับวลีจีนที่มาจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ วันนี้ Storyฯ จะมาคุยเกี่ยวกับคำพังเพยที่หลายท่านต้องร้อง “อ๋อ!” ซึ่งก็คือ ‘แมวป่าสับเปลี่ยนองค์ชายรัชทายาท’ (หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ / 狸猫换太子) หรือที่แฟนคลับเปาบุ้นจิ้นต้องเคยได้ยินชื่อตอน ‘คดีสับเปลี่ยนพระโอรส’

    เป็นคำพังเพยที่ไม่ได้มาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ แต่เป็นการอ้างอิงเรื่องเล่าที่มีตัวละครจากประวัติศาสตร์ แรกเริ่มเป็นละครงิ้วในสมัยราชวงศ์หยวน ต่อมากลายเป็นส่วนหนึ่งของนวนิยาย <สามผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม> (ซ้านเสียอู่อี้ / 三俠五義) ที่ประพันธ์ขึ้นโดยสืออวี้คุ้น ในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนอิงประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ซ่งเดินเรื่องโดยเปาบุ้นจิ้น และต่อมาถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์หลายครั้ง

    ในเนื้อความเดิมจาก <สามผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม> นั้น กล่าวถึงพระนางหลิวเอ๋อ ซึ่งก็คือพระอัครมเหสีในองค์ซ่งเจินจง และต่อมาเป็นไทเฮาและผู้สำเร็จราชการแทนองค์ซ่งเหรินจงเป็นเวลาเก้าปี (ค.ศ. 1022–1031) โดยเล่าว่าพระนางหลิวเอ๋อริษยาพระชายาหลี่เฉินที่ได้ความรักจากองค์ซ่งเจินจง และต้องการรักษาราชอำนาจแต่แท้งลูก จึงเอาศพแมวป่าถลกหนังออกสลับไปเป็นลูกของพระชายาหลี่ที่เพิ่งคลอดออกมา แล้วสลับเอาลูกของพระชายาหลี่มาเป็นลูกของตนเพื่อว่าเด็กจะได้เป็นองค์ชายรัชทายาทและขึ้นครองราชย์ต่อไป ส่วนพระชายาหลี่เฉินนั้นก็ถูกจองจำในตำหนักเย็นเพราะคลอดลูกออกมาเป็นสัตว์ประหลาด ต่อมาเปาบุ้นจิ้นสืบสวนจนปรากฏข้อเท็จจริง (ขออภัยที่ไม่ใช้ราชาศัพท์)

    แต่ในละครเรื่อง <จอมนางแห่งวังหลัง> ได้มีการนำเสนออีกในแง่มุม ว่าเรื่องราวการสลับองค์ชายเป็นแผนขององค์ฮ่องเต้ซ่งเจินจงเพื่อไม่ให้ราชอำนาจในราชสำนักสั่นคลอน เรียกได้ว่าลบภาพลักษณ์ตัวร้ายของพระนางหลิวเอ๋อออกไปได้ รายละเอียดความเป็นมาเป็นอย่างไร ติดตามดูกันได้ในละครเรื่องนี้

    มีคนเคยวิเคราะห์แล้วว่า ‘แมวป่าสับเปลี่ยนองค์ชายรัชทายาท’ เป็นเรื่องที่มีความขัดแย้งกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์หลายประเด็น เช่นว่า
    – ตอนที่องค์ซ่งเหรินจงสืบหาความจริงเกี่ยวกับแม่แท้ๆ นั้น เปาบุ้นจิ้นยังไม่เข้ารับราชการ
    – พระนางหลิวเอ๋อไม่จำเป็นต้องสลับลูกเพราะนางเองในตอนนั้นมีฐานอำนาจที่มั่นคงมากแล้ว อีกทั้งนางพบรักกับองค์ซ่งเจินจงมานานก่อนหน้านั้น และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าฮ่องเต้ทรงโปรดปรานพระชายาหลี่เฉินมากกว่า
    – พระนางหลิวเอ๋อจัดงานศพพระชายาหลี่เฉินให้ตามพิธีการของอัครมเหสี ไม่ใช่ชายาทั่วไป

    เรื่องราวที่แท้จริงตามประวัติศาสตร์เป็นอย่างไรไม่ทราบได้ แต่ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าพระนางหลิวเอ๋อใช้พระราชอำนาจในการบริหารบ้านเมืองได้ดี เป็นอีกหนึ่งสตรีเหล็กแห่งประวัติศาสตร์จีน และเรื่องสับเปลี่ยนพระโอรสนี้กลายเป็นนิทานปรำปราและเป็นที่มาของคำพังเพยที่ว่า ‘แมวป่าสับเปลี่ยนองค์ชายรัชทายาท’ หรือ ‘หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ’

    ในวลี ‘หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ’ นี้ Storyฯ แปลคำว่า ‘หลีเม้า’ เป็นแมวป่า แต่จริงๆ แล้วมันหน้าตาเป็นอย่างไร Storyฯ ก็ไม่แน่ใจ เพราะบ้างบรรยายว่ามันเป็นแมวลายดาว (Leopard Cat) และบ้างว่ามันเป็นแมวชะมด (Civet Cat) หน้าตาต่างกันค่อนข้างมาก เลยแปะรูปมาให้ดูเป็นการเปรียบเทียบ

    เล่ามาเสียยืดยาว สรุป ‘หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ’ หมายถึงอะไร? เป็นคำพังเพยที่หมายความว่า เอาของปลอมมาสลับเปลี่ยนแทนของจริง หรือที่บ้านเราอาจเรียกว่า ‘ย้อมแมวขาย’ นั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=efb5598dede9bd9a810a7272
    https://www.163.com/dy/article/G72T9QTQ05179OJ2.html
    http://www.china.org.cn/english/scitech/67652.htm
    https://felids.wordpress.com/2011/12/14/cats-in-china-leopard-cat/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.baike.com/wikiid/8060072274706103379?from=wiki_content&prd=innerlink&view_id=4mgrmib6ruo000
    http://k.sina.com.cn/article_5863047530_15d77016a00100jl1w.html?from=history#/
    https://new.qq.com/rain/a/20211209A08QHG00

    #จอมนางแห่งวังหลัง #หลิวเอ๋อ #สับเปลี่ยนพระโอรส #เปาบุ้นจิ้น #หลีเม้า #แมวป่าจีน #หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ
    สืบเนื่องจากมีเพื่อนเพจเคยขอให้เขียนเกี่ยวกับวลีจีนที่มาจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ วันนี้ Storyฯ จะมาคุยเกี่ยวกับคำพังเพยที่หลายท่านต้องร้อง “อ๋อ!” ซึ่งก็คือ ‘แมวป่าสับเปลี่ยนองค์ชายรัชทายาท’ (หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ / 狸猫换太子) หรือที่แฟนคลับเปาบุ้นจิ้นต้องเคยได้ยินชื่อตอน ‘คดีสับเปลี่ยนพระโอรส’ เป็นคำพังเพยที่ไม่ได้มาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ แต่เป็นการอ้างอิงเรื่องเล่าที่มีตัวละครจากประวัติศาสตร์ แรกเริ่มเป็นละครงิ้วในสมัยราชวงศ์หยวน ต่อมากลายเป็นส่วนหนึ่งของนวนิยาย <สามผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม> (ซ้านเสียอู่อี้ / 三俠五義) ที่ประพันธ์ขึ้นโดยสืออวี้คุ้น ในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนอิงประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ซ่งเดินเรื่องโดยเปาบุ้นจิ้น และต่อมาถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์หลายครั้ง ในเนื้อความเดิมจาก <สามผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม> นั้น กล่าวถึงพระนางหลิวเอ๋อ ซึ่งก็คือพระอัครมเหสีในองค์ซ่งเจินจง และต่อมาเป็นไทเฮาและผู้สำเร็จราชการแทนองค์ซ่งเหรินจงเป็นเวลาเก้าปี (ค.ศ. 1022–1031) โดยเล่าว่าพระนางหลิวเอ๋อริษยาพระชายาหลี่เฉินที่ได้ความรักจากองค์ซ่งเจินจง และต้องการรักษาราชอำนาจแต่แท้งลูก จึงเอาศพแมวป่าถลกหนังออกสลับไปเป็นลูกของพระชายาหลี่ที่เพิ่งคลอดออกมา แล้วสลับเอาลูกของพระชายาหลี่มาเป็นลูกของตนเพื่อว่าเด็กจะได้เป็นองค์ชายรัชทายาทและขึ้นครองราชย์ต่อไป ส่วนพระชายาหลี่เฉินนั้นก็ถูกจองจำในตำหนักเย็นเพราะคลอดลูกออกมาเป็นสัตว์ประหลาด ต่อมาเปาบุ้นจิ้นสืบสวนจนปรากฏข้อเท็จจริง (ขออภัยที่ไม่ใช้ราชาศัพท์) แต่ในละครเรื่อง <จอมนางแห่งวังหลัง> ได้มีการนำเสนออีกในแง่มุม ว่าเรื่องราวการสลับองค์ชายเป็นแผนขององค์ฮ่องเต้ซ่งเจินจงเพื่อไม่ให้ราชอำนาจในราชสำนักสั่นคลอน เรียกได้ว่าลบภาพลักษณ์ตัวร้ายของพระนางหลิวเอ๋อออกไปได้ รายละเอียดความเป็นมาเป็นอย่างไร ติดตามดูกันได้ในละครเรื่องนี้ มีคนเคยวิเคราะห์แล้วว่า ‘แมวป่าสับเปลี่ยนองค์ชายรัชทายาท’ เป็นเรื่องที่มีความขัดแย้งกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์หลายประเด็น เช่นว่า – ตอนที่องค์ซ่งเหรินจงสืบหาความจริงเกี่ยวกับแม่แท้ๆ นั้น เปาบุ้นจิ้นยังไม่เข้ารับราชการ – พระนางหลิวเอ๋อไม่จำเป็นต้องสลับลูกเพราะนางเองในตอนนั้นมีฐานอำนาจที่มั่นคงมากแล้ว อีกทั้งนางพบรักกับองค์ซ่งเจินจงมานานก่อนหน้านั้น และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าฮ่องเต้ทรงโปรดปรานพระชายาหลี่เฉินมากกว่า – พระนางหลิวเอ๋อจัดงานศพพระชายาหลี่เฉินให้ตามพิธีการของอัครมเหสี ไม่ใช่ชายาทั่วไป เรื่องราวที่แท้จริงตามประวัติศาสตร์เป็นอย่างไรไม่ทราบได้ แต่ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าพระนางหลิวเอ๋อใช้พระราชอำนาจในการบริหารบ้านเมืองได้ดี เป็นอีกหนึ่งสตรีเหล็กแห่งประวัติศาสตร์จีน และเรื่องสับเปลี่ยนพระโอรสนี้กลายเป็นนิทานปรำปราและเป็นที่มาของคำพังเพยที่ว่า ‘แมวป่าสับเปลี่ยนองค์ชายรัชทายาท’ หรือ ‘หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ’ ในวลี ‘หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ’ นี้ Storyฯ แปลคำว่า ‘หลีเม้า’ เป็นแมวป่า แต่จริงๆ แล้วมันหน้าตาเป็นอย่างไร Storyฯ ก็ไม่แน่ใจ เพราะบ้างบรรยายว่ามันเป็นแมวลายดาว (Leopard Cat) และบ้างว่ามันเป็นแมวชะมด (Civet Cat) หน้าตาต่างกันค่อนข้างมาก เลยแปะรูปมาให้ดูเป็นการเปรียบเทียบ เล่ามาเสียยืดยาว สรุป ‘หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ’ หมายถึงอะไร? เป็นคำพังเพยที่หมายความว่า เอาของปลอมมาสลับเปลี่ยนแทนของจริง หรือที่บ้านเราอาจเรียกว่า ‘ย้อมแมวขาย’ นั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=efb5598dede9bd9a810a7272 https://www.163.com/dy/article/G72T9QTQ05179OJ2.html http://www.china.org.cn/english/scitech/67652.htm https://felids.wordpress.com/2011/12/14/cats-in-china-leopard-cat/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.baike.com/wikiid/8060072274706103379?from=wiki_content&prd=innerlink&view_id=4mgrmib6ruo000 http://k.sina.com.cn/article_5863047530_15d77016a00100jl1w.html?from=history#/ https://new.qq.com/rain/a/20211209A08QHG00 #จอมนางแห่งวังหลัง #หลิวเอ๋อ #สับเปลี่ยนพระโอรส #เปาบุ้นจิ้น #หลีเม้า #แมวป่าจีน #หลีเม้าฮ่วนไท่จื่อ
    《大宋宫词》评分下滑惨烈,古装剧只有唯美画风是不够的_百科TA说
    百度百科是一部内容开放、自由的网络百科全书,旨在创造一个涵盖所有领域知识,服务所有互联网用户的中文知识性百科全书。在这里你可以参与词条编辑,分享贡献你的知识。
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • โซเชียลชื่นชม น้องบี น้องเดินน้ำแข็งโต๊ะจีน ส.ประเสริฐ โภชนา จ.ราชบุรี ยกให้เป็น นางฟ้าโต๊ะจีน ทั้งสวย น่ารัก เก่ง แถมยังขยัน สู้ชีวิต
    โซเชียลชื่นชม น้องบี น้องเดินน้ำแข็งโต๊ะจีน ส.ประเสริฐ โภชนา จ.ราชบุรี ยกให้เป็น นางฟ้าโต๊ะจีน ทั้งสวย น่ารัก เก่ง แถมยังขยัน สู้ชีวิต
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 751 มุมมอง 40 0 รีวิว
  • ทำความรู้จัก “Alex Marquez” น้องชายสุดที่รักของ “Marc Marquez” : [News story]

    “อเล็กซ์ มาร์เกซ” นักบิดชาวสเปน แชมป์โลกMoto3 ปี 2014 และเป็นน้องชายสุดที่รักของมาร์ก มาร์เกวซ และเป็นนักแข่งที่น่าจับตามองในวงการ MotoGP
    ทำความรู้จัก “Alex Marquez” น้องชายสุดที่รักของ “Marc Marquez” : [News story] “อเล็กซ์ มาร์เกซ” นักบิดชาวสเปน แชมป์โลกMoto3 ปี 2014 และเป็นน้องชายสุดที่รักของมาร์ก มาร์เกวซ และเป็นนักแข่งที่น่าจับตามองในวงการ MotoGP
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 723 มุมมอง 39 0 รีวิว
  • ไฟป่าในเกาหลีใต้ลุกลามกินพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าวันนี้ (27 มี.ค.) เมื่อเทียบกับหนึ่งวันก่อนหน้า ขณะที่ทางการระบุว่าภัยพิบัติไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดของประเทศได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 26 คน และมีวัดวาอารามเก่าแก่ถูกเพลิงเผาวอดไปหลายแห่ง

    ไฟป่าในเทศมณฑลอุยซอง (Uiseong) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในตอนนี้ได้ลุกลามขยายวงกว้างกินพื้นที่มากกว่า 33,000 เฮกตาร์ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นไฟป่าจุดเดียวที่มีขนาดใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ เอาชนะสถิติไฟป่าเมื่อเดือน มี.ค. ปี 2000 ซึ่งเผาผลาญผืนป่าไป 24,000 เฮกตาร์

    “เราทั้งประเทศกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ขั้นวิกฤตและมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สืบเนื่องจากไฟป่าที่ลุกลามรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” ฮัน ดักซู รักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวในการประชุมคณะทำงานตอบสนองไฟป่าของรัฐบาล

    กองทัพเกาหลีใต้ได้เบิกน้ำมันในคลังสำรองออกมาช่วยเติมเฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าตามเขตภูเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ โดยขณะนี้ไฟป่าได้เผาไหม้พื้นที่มานานเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000029078

    #MGROnline #กองทัพเกาหลีใต้ ##ไฟป่า #เกาหลีใต้
    ไฟป่าในเกาหลีใต้ลุกลามกินพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าวันนี้ (27 มี.ค.) เมื่อเทียบกับหนึ่งวันก่อนหน้า ขณะที่ทางการระบุว่าภัยพิบัติไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดของประเทศได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 26 คน และมีวัดวาอารามเก่าแก่ถูกเพลิงเผาวอดไปหลายแห่ง • ไฟป่าในเทศมณฑลอุยซอง (Uiseong) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในตอนนี้ได้ลุกลามขยายวงกว้างกินพื้นที่มากกว่า 33,000 เฮกตาร์ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นไฟป่าจุดเดียวที่มีขนาดใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ เอาชนะสถิติไฟป่าเมื่อเดือน มี.ค. ปี 2000 ซึ่งเผาผลาญผืนป่าไป 24,000 เฮกตาร์ • “เราทั้งประเทศกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ขั้นวิกฤตและมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สืบเนื่องจากไฟป่าที่ลุกลามรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” ฮัน ดักซู รักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวในการประชุมคณะทำงานตอบสนองไฟป่าของรัฐบาล • กองทัพเกาหลีใต้ได้เบิกน้ำมันในคลังสำรองออกมาช่วยเติมเฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าตามเขตภูเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ โดยขณะนี้ไฟป่าได้เผาไหม้พื้นที่มานานเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000029078 • #MGROnline #กองทัพเกาหลีใต้ ##ไฟป่า #เกาหลีใต้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27-03-68/02 : หมี CNN / คอลัมน์ใหม่ "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP1

    ก่อนจะด่าจีน ช่วยโปรดแหกตาดูด้วยว่า ตอนช่วงโควิทระบาดหนักใหม่ๆ ไอ้อีหน้าไหนที่เข้ามาช่วยไทย 20 ล้านชีวิตที่ได้วัคซีนก่อนใคร ก่อนเพื่อนบ้านในอาเซียน วัคซีนจีนห่วย ด้อยค่า สู้ MRNA ไม่ได้ แล้วเป็นไงวันนี้ ความจริงตบหน้าควายไทย จีนมาช่วยชีวิตมรึง 20 ล้าน แล้วไอ้ตัวที่ปล่อยไวรัส แล้วปั่นราคาวัคซีน กักไม่ออกมาขาย เพื่อเพิ่มมูลค่าในตลาดหุ้น คือ อเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ฝรั่งเศส เยอรมนี มันสมรู้ร่วมคิดกันตั้งแต่ต้น เพื่อสกัดอำนาจและอิทธิพลจีน ที่ใครก็ห้ามไม่อยู่ ฉุดไม่ได้อีกแล้ว รัสเซียส่ง สปุกนิค V มาให้ไทย รัฐบาลไทยปฎิเสธ เพราะไม่อยากมีปัญหากับเหี้ยตะวันตก ชีวิตควายไทย 20 ล้านน่ะมรึง แต่ภาคเอกชนฉลาดกว่าภาครัฐ ติดต่อโดยตรง นำเข้า ไม่ผิดเงื่อนไข G TO G และมาตรการคว่ำบาตรในตอนนั้น ซิโวแวค และสปุกนิค V ช่วยชีวิตพ่อ แม่ ญาติเพ่น้องมรึง ให้รอดตายมาได้ ขนาดช่วยอย่างเร่งด่วน ยังมีตายเป็นพัน ต้นเหตุคือใคร ดีออก? วันนี้ อะไรที่จีนทำ อะไรที่รัสเซียช่วย มรึงมองไม่เห็น ก็อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นลูกพ่ออีกต่อไป เพราะมรึงรู้มั้ยว่า ใครล่ะ ที่กวักมือเรียกจีน รัสเซีย มาช่วยไทย "วัง" เนี่ยแหละ ไอ้ที่พวกควายไทย 3 นิ้วครึ่งปากดีจะล้มเจ้าเพราะเศษเงินกระจอกนั่นแหละ พ่อแม่มรึงรอด ตัวมรึงรอด เพราะจีน รัสเซีย แต่ไวรัสที่เข้ามาฆ่าญาติเพ่น้องมรึง มาจากอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ฝรั่งเศส เยอรมนี หากไม่ใช่สัดเดรัจฉาน ที่ไม่มีสมอง ไร้ปัญญา คงคิดเองได้ว่า ใครคือผู้มีพระคุณ? ความจำสั้นกันจังน่ะ พวกมรึงเนี่ย? จำไม่ได้เหรอ ขอไฟเซอร์ไปเป็นปี มันช่วยมา 200 โดส หมอเหี้ยขายชาติ เร่งเอาวัคซีนเหี้ยมาขายในราคาแพง ฟันกำไรคนไทยหัวเบะ แถมเอาเชื้อมรณะมาฉีดให้คนไทยตายในระยะยาว ชั่วกว่านี้ เลวกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว เพราะกลียุค คือเหี้ยจะโดดเด่น มันเป็นวาระของมัน เมื่อสวรรค์เห็นแล้วว่า ควายมันมีมากกว่ามนุษย์ ก็เลยปล่อยให้เหี้ยไอ้อีทั้งหลาย เอาประชากรควายโลกลดลงไปซะ ไร้ประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ จะมีเยอะไปทำไม หากไม่รักษาดูแล แผ่นดินที่สวรรค์มอบให้ เอาแต่ทำลาย เอาแต่เข่นฆ่ากัน จะดี จะชั่ว ให้ดูที่การกระทำ ไม่ใช่แค่ลมปาก กี่ครั้งแล้ว ที่จีน รัสเซีย อิหร่าน ช่วยไทยจริง ไม่มีเงื่อนไข แล้วแต่ละครั้งไอ้อีเหี้ยทั้งหลายจะช่วยมรึงได้ ขอแล้ว ขออีก มรึงยังจะคบมันเพื่อ? "พ่อปกครองลูก" ทางเดียวที่ไทยจะรอดไปจากสัดนรกตลอดกาล เอาปชต.ตอแหลไปให้พ่องแดร๊กเหอะ ที่นี่ "อโยธยาศรีรามเทพนคร" ดินแดนสวรรค์ ไม่มีที่ให้เหี้ยอาศัย อีกไม่นาน มรึงได้เผ่นกันหมดแน่ ดีออก? ทรงมาเต็ม

    หมี CNN(เล่าทีละเรื่อง เน้นทีละจุด อยากจะซัดเรื่องอะไรก็พิมพ์ได้เลย ไม่ต้องรอเป็นซีรีย์ คอลัมน์ใหม่ สดใหม่เสมอ เพราะหมี CNN มีลีลาสู้กับเหี้ยทุกรูปแบบ กูรู้จักมรึงดี เหี้ยจ๋า เหี้ยอย่างมรึง ต้องเจอหมีอย่างกู สับเหี้ยใบกระเพรา ต้มแซ่บเครื่องในเหี้ย พะโล้เหี้ยน้ำแดง ผัดเผ็ดเหี้ย ต้มข่าเหี้ย เหี้ยผัดแหนมกุ้งสด ไม่ว่าเมนูไหน กูคือเชฟย่างเหี้ยอย่างมรึง เหี้ยให้สุด แล้วจบที่ขุมนรก ตายห่าให้หมดไปจากแผ่นดินพ่อกูซักที ลำไยมว๊าก?)
    27 มีนาคม 68
    09.09 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : line.me/R/ti/p/@mh...

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    voom-studio.line.biz/account/@h... หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    www.facebook.com/profile.ph...
    27-03-68/02 : หมี CNN / คอลัมน์ใหม่ "เสือกเฉพาะเรื่อง" EP1 ก่อนจะด่าจีน ช่วยโปรดแหกตาดูด้วยว่า ตอนช่วงโควิทระบาดหนักใหม่ๆ ไอ้อีหน้าไหนที่เข้ามาช่วยไทย 20 ล้านชีวิตที่ได้วัคซีนก่อนใคร ก่อนเพื่อนบ้านในอาเซียน วัคซีนจีนห่วย ด้อยค่า สู้ MRNA ไม่ได้ แล้วเป็นไงวันนี้ ความจริงตบหน้าควายไทย จีนมาช่วยชีวิตมรึง 20 ล้าน แล้วไอ้ตัวที่ปล่อยไวรัส แล้วปั่นราคาวัคซีน กักไม่ออกมาขาย เพื่อเพิ่มมูลค่าในตลาดหุ้น คือ อเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ฝรั่งเศส เยอรมนี มันสมรู้ร่วมคิดกันตั้งแต่ต้น เพื่อสกัดอำนาจและอิทธิพลจีน ที่ใครก็ห้ามไม่อยู่ ฉุดไม่ได้อีกแล้ว รัสเซียส่ง สปุกนิค V มาให้ไทย รัฐบาลไทยปฎิเสธ เพราะไม่อยากมีปัญหากับเหี้ยตะวันตก ชีวิตควายไทย 20 ล้านน่ะมรึง แต่ภาคเอกชนฉลาดกว่าภาครัฐ ติดต่อโดยตรง นำเข้า ไม่ผิดเงื่อนไข G TO G และมาตรการคว่ำบาตรในตอนนั้น ซิโวแวค และสปุกนิค V ช่วยชีวิตพ่อ แม่ ญาติเพ่น้องมรึง ให้รอดตายมาได้ ขนาดช่วยอย่างเร่งด่วน ยังมีตายเป็นพัน ต้นเหตุคือใคร ดีออก? วันนี้ อะไรที่จีนทำ อะไรที่รัสเซียช่วย มรึงมองไม่เห็น ก็อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นลูกพ่ออีกต่อไป เพราะมรึงรู้มั้ยว่า ใครล่ะ ที่กวักมือเรียกจีน รัสเซีย มาช่วยไทย "วัง" เนี่ยแหละ ไอ้ที่พวกควายไทย 3 นิ้วครึ่งปากดีจะล้มเจ้าเพราะเศษเงินกระจอกนั่นแหละ พ่อแม่มรึงรอด ตัวมรึงรอด เพราะจีน รัสเซีย แต่ไวรัสที่เข้ามาฆ่าญาติเพ่น้องมรึง มาจากอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ฝรั่งเศส เยอรมนี หากไม่ใช่สัดเดรัจฉาน ที่ไม่มีสมอง ไร้ปัญญา คงคิดเองได้ว่า ใครคือผู้มีพระคุณ? ความจำสั้นกันจังน่ะ พวกมรึงเนี่ย? จำไม่ได้เหรอ ขอไฟเซอร์ไปเป็นปี มันช่วยมา 200 โดส หมอเหี้ยขายชาติ เร่งเอาวัคซีนเหี้ยมาขายในราคาแพง ฟันกำไรคนไทยหัวเบะ แถมเอาเชื้อมรณะมาฉีดให้คนไทยตายในระยะยาว ชั่วกว่านี้ เลวกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว เพราะกลียุค คือเหี้ยจะโดดเด่น มันเป็นวาระของมัน เมื่อสวรรค์เห็นแล้วว่า ควายมันมีมากกว่ามนุษย์ ก็เลยปล่อยให้เหี้ยไอ้อีทั้งหลาย เอาประชากรควายโลกลดลงไปซะ ไร้ประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ จะมีเยอะไปทำไม หากไม่รักษาดูแล แผ่นดินที่สวรรค์มอบให้ เอาแต่ทำลาย เอาแต่เข่นฆ่ากัน จะดี จะชั่ว ให้ดูที่การกระทำ ไม่ใช่แค่ลมปาก กี่ครั้งแล้ว ที่จีน รัสเซีย อิหร่าน ช่วยไทยจริง ไม่มีเงื่อนไข แล้วแต่ละครั้งไอ้อีเหี้ยทั้งหลายจะช่วยมรึงได้ ขอแล้ว ขออีก มรึงยังจะคบมันเพื่อ? "พ่อปกครองลูก" ทางเดียวที่ไทยจะรอดไปจากสัดนรกตลอดกาล เอาปชต.ตอแหลไปให้พ่องแดร๊กเหอะ ที่นี่ "อโยธยาศรีรามเทพนคร" ดินแดนสวรรค์ ไม่มีที่ให้เหี้ยอาศัย อีกไม่นาน มรึงได้เผ่นกันหมดแน่ ดีออก? ทรงมาเต็ม หมี CNN(เล่าทีละเรื่อง เน้นทีละจุด อยากจะซัดเรื่องอะไรก็พิมพ์ได้เลย ไม่ต้องรอเป็นซีรีย์ คอลัมน์ใหม่ สดใหม่เสมอ เพราะหมี CNN มีลีลาสู้กับเหี้ยทุกรูปแบบ กูรู้จักมรึงดี เหี้ยจ๋า เหี้ยอย่างมรึง ต้องเจอหมีอย่างกู สับเหี้ยใบกระเพรา ต้มแซ่บเครื่องในเหี้ย พะโล้เหี้ยน้ำแดง ผัดเผ็ดเหี้ย ต้มข่าเหี้ย เหี้ยผัดแหนมกุ้งสด ไม่ว่าเมนูไหน กูคือเชฟย่างเหี้ยอย่างมรึง เหี้ยให้สุด แล้วจบที่ขุมนรก ตายห่าให้หมดไปจากแผ่นดินพ่อกูซักที ลำไยมว๊าก?) 27 มีนาคม 68 09.09 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : line.me/R/ti/p/@mh... หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT voom-studio.line.biz/account/@h... หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า www.facebook.com/profile.ph...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts