• AMD FSR 4 เป็นเทคโนโลยีการยกระดับภาพใหม่ล่าสุดจาก AMD ที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพของภาพที่ดีกว่า FSR 3 และ DLSS ของ NVIDIA แม้จะยังไม่ถึงคุณภาพของ DLSS 4 ที่ใช้โมเดล Transformer ใหม่ก็ตาม

    Digital Foundry ได้ทำการทดสอบและพบว่า FSR 4 มีการปรับปรุงในหลายด้าน เช่น การแก้ปัญหาภาพเหลื่อม (ghosting) ที่เห็นได้ชัดเจนจาก FSR 3 โดยเฉพาะในฉากที่มีการเคลื่อนไหวซับซ้อน การแสดงผลที่มีความละเอียดสูงขึ้น และการลดความผิดเพี้ยนในภาพที่มีการเคลื่อนไหวต่ำ

    อย่างไรก็ตาม FSR 4 มีค่าใช้จ่ายในการประมวลผลสูงกว่า FSR 3 ประมาณ 8% ในฉากเปิดของเกม Ratchet & Clank: Rift Apart ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น แต่ Digital Foundry ระบุว่าความสามารถในการปรับปรุงคุณภาพของภาพนั้นคุ้มค่า

    "ค่าใช้จ่ายในการประมวลผล" หมายถึงทรัพยากรที่ระบบคอมพิวเตอร์ต้องใช้ในการดำเนินการประมวลผลข้อมูล โดยรวมถึงการใช้พลังงาน การทำงานของ CPU และ GPU และหน่วยความจำที่ใช้ในการประมวลผล

    เมื่อเปรียบเทียบกับ DLSS ของ NVIDIA ที่ใช้โมเดล CNN แบบเก่า FSR 4 สามารถให้ภาพที่มีรายละเอียดมากกว่าในบางกรณี เช่น วัตถุที่ไม่เคลื่อนไหวหรือมีความเร็วต่ำ แต่เมื่อเทียบกับ DLSS ที่ใช้โมเดล Transformer ใหม่ NVIDIA ยังคงเป็นผู้นำในการแสดงรายละเอียดของภาพ

    FSR 4 จะใช้งานได้เฉพาะกับการ์ดกราฟิก RDNA 4 ของ AMD ซึ่งรวมถึง RX 9070 และ RX 9070 XT การทดสอบเบื้องต้นระบุว่าการ์ดกราฟิกรุ่นใหม่นี้นำความคุ้มค่าและประสิทธิภาพที่ดีขึ้นให้กับการเล่นเกมที่ความละเอียด 4K และ 1440p

    https://wccftech.com/amd-fsr-4-better-fsr3-dlss-cnn/
    AMD FSR 4 เป็นเทคโนโลยีการยกระดับภาพใหม่ล่าสุดจาก AMD ที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพของภาพที่ดีกว่า FSR 3 และ DLSS ของ NVIDIA แม้จะยังไม่ถึงคุณภาพของ DLSS 4 ที่ใช้โมเดล Transformer ใหม่ก็ตาม Digital Foundry ได้ทำการทดสอบและพบว่า FSR 4 มีการปรับปรุงในหลายด้าน เช่น การแก้ปัญหาภาพเหลื่อม (ghosting) ที่เห็นได้ชัดเจนจาก FSR 3 โดยเฉพาะในฉากที่มีการเคลื่อนไหวซับซ้อน การแสดงผลที่มีความละเอียดสูงขึ้น และการลดความผิดเพี้ยนในภาพที่มีการเคลื่อนไหวต่ำ อย่างไรก็ตาม FSR 4 มีค่าใช้จ่ายในการประมวลผลสูงกว่า FSR 3 ประมาณ 8% ในฉากเปิดของเกม Ratchet & Clank: Rift Apart ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น แต่ Digital Foundry ระบุว่าความสามารถในการปรับปรุงคุณภาพของภาพนั้นคุ้มค่า "ค่าใช้จ่ายในการประมวลผล" หมายถึงทรัพยากรที่ระบบคอมพิวเตอร์ต้องใช้ในการดำเนินการประมวลผลข้อมูล โดยรวมถึงการใช้พลังงาน การทำงานของ CPU และ GPU และหน่วยความจำที่ใช้ในการประมวลผล เมื่อเปรียบเทียบกับ DLSS ของ NVIDIA ที่ใช้โมเดล CNN แบบเก่า FSR 4 สามารถให้ภาพที่มีรายละเอียดมากกว่าในบางกรณี เช่น วัตถุที่ไม่เคลื่อนไหวหรือมีความเร็วต่ำ แต่เมื่อเทียบกับ DLSS ที่ใช้โมเดล Transformer ใหม่ NVIDIA ยังคงเป็นผู้นำในการแสดงรายละเอียดของภาพ FSR 4 จะใช้งานได้เฉพาะกับการ์ดกราฟิก RDNA 4 ของ AMD ซึ่งรวมถึง RX 9070 และ RX 9070 XT การทดสอบเบื้องต้นระบุว่าการ์ดกราฟิกรุ่นใหม่นี้นำความคุ้มค่าและประสิทธิภาพที่ดีขึ้นให้กับการเล่นเกมที่ความละเอียด 4K และ 1440p https://wccftech.com/amd-fsr-4-better-fsr3-dlss-cnn/
    WCCFTECH.COM
    AMD FSR 4 is a Massive Leap Forward, Delivering Better Image Quality Than FSR 3, DLSS With CNN Model
    AMD FSR 4 is a big leap forward over the previous version of the upscaler, but still cannot reach the quality of the NVIDIA DLSS 4 Tranformer model
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพิ่งมีการเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วใหม่จากบริษัทชื่อ GenMachine Zhi ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เล็กที่สุดที่เคยเห็นมา แต่อย่าให้ขนาดหลอกลวงเพราะมันมีความสามารถที่เกินคาด ด้วยชิป AMD Ryzen 3 5425U APU ที่มีซีพียูแบบ 4 แกน และความสามารถในการทำงานด้วยความเร็วสูงถึง 4.1GHz และยังมาพร้อมกับกราฟิกการ์ด AMD Vega 5 ที่มีความเร็วสูงถึง 1.5GHz เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กจิ๋วนี้สามารถวางบนฝ่ามือได้ แต่ยังสามารถทำงานได้ดีกว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป Intel 11th gen Core i7

    GenMachine Zhi มีให้เลือกสามรุ่น โดยมีความจุ RAM ตั้งแต่ 8GB, 16GB, ถึง 32GB และความจุของพื้นที่เก็บข้อมูลสามารถเพิ่มได้ถึง 2TB มาพร้อมกับพอร์ต Ethernet แบบ 2.5G จำนวน 4 พอร์ต, พอร์ต USB-A 3.2 จำนวน 2 พอร์ต, พอร์ต USB-C 3.2 จำนวน 2 พอร์ต และพอร์ต HDMI 2.0 ที่สามารถเชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์ 4K ได้

    นอกจากจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานทั่วไปแล้ว GenMachine Zhi ยังสามารถใช้งานเป็น NAS (Network-Attached Storage) ได้อีกด้วย

    เครื่องนี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 11 ทำให้เหมาะสำหรับครัวเรือนที่ใช้งาน Microsoft และยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Linux ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.2 เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน

    https://www.techradar.com/pro/this-is-the-smallest-amd-pc-ive-ever-seen-mysterious-manufacturer-uses-ryzen-3-apu-with-surprising-results
    เพิ่งมีการเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วใหม่จากบริษัทชื่อ GenMachine Zhi ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เล็กที่สุดที่เคยเห็นมา แต่อย่าให้ขนาดหลอกลวงเพราะมันมีความสามารถที่เกินคาด ด้วยชิป AMD Ryzen 3 5425U APU ที่มีซีพียูแบบ 4 แกน และความสามารถในการทำงานด้วยความเร็วสูงถึง 4.1GHz และยังมาพร้อมกับกราฟิกการ์ด AMD Vega 5 ที่มีความเร็วสูงถึง 1.5GHz เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กจิ๋วนี้สามารถวางบนฝ่ามือได้ แต่ยังสามารถทำงานได้ดีกว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป Intel 11th gen Core i7 GenMachine Zhi มีให้เลือกสามรุ่น โดยมีความจุ RAM ตั้งแต่ 8GB, 16GB, ถึง 32GB และความจุของพื้นที่เก็บข้อมูลสามารถเพิ่มได้ถึง 2TB มาพร้อมกับพอร์ต Ethernet แบบ 2.5G จำนวน 4 พอร์ต, พอร์ต USB-A 3.2 จำนวน 2 พอร์ต, พอร์ต USB-C 3.2 จำนวน 2 พอร์ต และพอร์ต HDMI 2.0 ที่สามารถเชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์ 4K ได้ นอกจากจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานทั่วไปแล้ว GenMachine Zhi ยังสามารถใช้งานเป็น NAS (Network-Attached Storage) ได้อีกด้วย เครื่องนี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 11 ทำให้เหมาะสำหรับครัวเรือนที่ใช้งาน Microsoft และยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Linux ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.2 เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน https://www.techradar.com/pro/this-is-the-smallest-amd-pc-ive-ever-seen-mysterious-manufacturer-uses-ryzen-3-apu-with-surprising-results
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภายใต้แรงบีบจากทรัมป์ บริษัท CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ของเจ้าสัวฮ่องกง ลีกาชิง วันอังคาร (4 มี.ค.) แถลงยอมขายทิ้งหุ้น 90% คุมท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆ ใน 23 ประเทศทั่วโลกที่อาจรวมถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยไปให้บริษัทกิจการค้าร่วมอเมริกันของ BlackRock ตามข้อตกลงมหาศาลมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    เอเอฟพีรายงานวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า บริษัทบริหารท่าเรือข้ามชาติชื่อดังของฮ่องกง CK Hutchison Holdings แถลงว่า ทางบริษัทยอมตกลงที่จะขายทิ้งหุ้น 90% ที่ถือในบริษัทการท่าปานามา (Panama Ports Company) และท่าเรืออื่นๆ เป็นจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในจีนไปให้บริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังสหรัฐฯ BlackRock เป็นมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    บลูมเบิร์กชี้ว่า การขายทิ้งที่ท่าเรือปานามาของเจ้าสัวลีกาชิงครั้งนี้เป็นเสมือนการหยิบยื่นชัยชนะให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์
    .
    ขณะที่ CNBC ของสหรัฐฯ รายงานว่า ข้อตกลงจะเห็นกิจการค้าร่วมอเมริกันภายใต้การนำของบริษัท BlackRock และรวมบริษัท Global Infrastructure Partners และบริษัท Terminal Investment จะเข้าควบคุม 80% ของผลประโยชน์ในท่าเรือปานามา 2 ท่าของ CK ฮัตชิสันคิดเป็นมูลค่า 14.21 พันล้านดอลลาร์
    .
    นอกจากนี้ กิจการค้าร่วมอเมริกันจะเข้าควบคุมท่าเรืออื่น 43 ท่าประกอบด้วยท่าเทียบเรือ 199 ท่าในทั้งหมด 23 ประเทศทั่วโลกโดยทั้งหมดตามข้อตกลงที่ 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    CNBC ชี้ว่า ข้อตกลงการขายทิ้งการบริหารท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆ ใน 23 ประเทศของ CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ต่อผลประโยชน์ของ 'ฮัตชิสัน พอร์ท โฮลดิ้งส์ ทรัสต์' (Hutchison Port Holdings Trust) ที่ควบคุมท่าเรือต่างๆ ในฮ่องกงและเมืองเซินเจิ้นในทางใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่หรือ ท่าเรืออื่นๆ ภายในจีน อ้างอิงจากแถลงการณ์บริษัท CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์
    .
    ทั้งนี้พบว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ เป็นผู้บริหารท่าเรือในภาคตะวันออกของประเทศไทย อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของบริษัทพบว่ามีชื่อเป็นผู้บริหารเทอร์มินอล A2 ของท่าเรือแหลมบังในไทยมาตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้ชื่อบริษัท Hutchison Ports Thailand แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การควบคุมพอร์ตท่าเรือแหลมฉบังนี้รวมอยู่ในข้อตกลง 19 พันล้านดอลลาร์ที่ทำไว้กับ BlackRock ของสหรัฐฯ หรือไม่
    .
    เว็บไซต์ของ Hutchison Ports Thailand กล่าวว่า
    .
    “ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 เพื่อควบรวมการบริหารจัดการท่าเทียบเรือภายใต้การปฏิบัติการของบริษัท Hutchison Ports ในท่าเรือแหลมฉบังเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยบริษัท Thai Laemchabang Terminal (TLT) และบริษัท Hutchison Laemchabang Terminal (HLT)”
    .
    และเสริมว่า
    .
    “โดยท่าเทียบเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดของเราที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย เช่น เขตอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นที่ตั้งของบริษัทและโรงงานผู้ผลิตสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยหลายแห่ง”
    .
    เอเอฟพีรายงานต่อว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ ได้บริหารท่า Balboa และท่า Cristobal ที่มหาสมุทรแปซิฟิกและที่ปลายสุดของมหาสมุทรแอตแลนติกของคลองเชื่อมมหาสมุทรทั้ง 2 เข้าด้วยกัน
    .
    แต่ทว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา เขาได้ออกมาอ้างว่าจีนเข้าควบคุมคลองปานามาเส้นเลือดหลักของการขนส่งทางทะเลของโลกที่สำคัญ
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า ทรัมป์ถึงขั้นปฏิเสธที่จะไม่ทิ้งช่องทางการใช้กำลังทหารเพื่อเข้ารุกรานปานามาเพื่อให้สหรัฐฯ กลับมาควบคุมคลองปานามาที่สหรัฐฯ เป็นผู้ขุดได้อีกครั้งหลังเคยส่งมอบกลับคืนให้เจ้าของประเทศในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021234
    ..............
    Sondhi X
    ภายใต้แรงบีบจากทรัมป์ บริษัท CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ของเจ้าสัวฮ่องกง ลีกาชิง วันอังคาร (4 มี.ค.) แถลงยอมขายทิ้งหุ้น 90% คุมท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆ ใน 23 ประเทศทั่วโลกที่อาจรวมถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยไปให้บริษัทกิจการค้าร่วมอเมริกันของ BlackRock ตามข้อตกลงมหาศาลมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ . เอเอฟพีรายงานวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า บริษัทบริหารท่าเรือข้ามชาติชื่อดังของฮ่องกง CK Hutchison Holdings แถลงว่า ทางบริษัทยอมตกลงที่จะขายทิ้งหุ้น 90% ที่ถือในบริษัทการท่าปานามา (Panama Ports Company) และท่าเรืออื่นๆ เป็นจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในจีนไปให้บริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังสหรัฐฯ BlackRock เป็นมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ . บลูมเบิร์กชี้ว่า การขายทิ้งที่ท่าเรือปานามาของเจ้าสัวลีกาชิงครั้งนี้เป็นเสมือนการหยิบยื่นชัยชนะให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ . ขณะที่ CNBC ของสหรัฐฯ รายงานว่า ข้อตกลงจะเห็นกิจการค้าร่วมอเมริกันภายใต้การนำของบริษัท BlackRock และรวมบริษัท Global Infrastructure Partners และบริษัท Terminal Investment จะเข้าควบคุม 80% ของผลประโยชน์ในท่าเรือปานามา 2 ท่าของ CK ฮัตชิสันคิดเป็นมูลค่า 14.21 พันล้านดอลลาร์ . นอกจากนี้ กิจการค้าร่วมอเมริกันจะเข้าควบคุมท่าเรืออื่น 43 ท่าประกอบด้วยท่าเทียบเรือ 199 ท่าในทั้งหมด 23 ประเทศทั่วโลกโดยทั้งหมดตามข้อตกลงที่ 19 พันล้านดอลลาร์ . CNBC ชี้ว่า ข้อตกลงการขายทิ้งการบริหารท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆ ใน 23 ประเทศของ CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ต่อผลประโยชน์ของ 'ฮัตชิสัน พอร์ท โฮลดิ้งส์ ทรัสต์' (Hutchison Port Holdings Trust) ที่ควบคุมท่าเรือต่างๆ ในฮ่องกงและเมืองเซินเจิ้นในทางใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่หรือ ท่าเรืออื่นๆ ภายในจีน อ้างอิงจากแถลงการณ์บริษัท CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ . ทั้งนี้พบว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ เป็นผู้บริหารท่าเรือในภาคตะวันออกของประเทศไทย อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของบริษัทพบว่ามีชื่อเป็นผู้บริหารเทอร์มินอล A2 ของท่าเรือแหลมบังในไทยมาตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้ชื่อบริษัท Hutchison Ports Thailand แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การควบคุมพอร์ตท่าเรือแหลมฉบังนี้รวมอยู่ในข้อตกลง 19 พันล้านดอลลาร์ที่ทำไว้กับ BlackRock ของสหรัฐฯ หรือไม่ . เว็บไซต์ของ Hutchison Ports Thailand กล่าวว่า . “ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 เพื่อควบรวมการบริหารจัดการท่าเทียบเรือภายใต้การปฏิบัติการของบริษัท Hutchison Ports ในท่าเรือแหลมฉบังเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยบริษัท Thai Laemchabang Terminal (TLT) และบริษัท Hutchison Laemchabang Terminal (HLT)” . และเสริมว่า . “โดยท่าเทียบเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดของเราที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย เช่น เขตอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นที่ตั้งของบริษัทและโรงงานผู้ผลิตสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยหลายแห่ง” . เอเอฟพีรายงานต่อว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ ได้บริหารท่า Balboa และท่า Cristobal ที่มหาสมุทรแปซิฟิกและที่ปลายสุดของมหาสมุทรแอตแลนติกของคลองเชื่อมมหาสมุทรทั้ง 2 เข้าด้วยกัน . แต่ทว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา เขาได้ออกมาอ้างว่าจีนเข้าควบคุมคลองปานามาเส้นเลือดหลักของการขนส่งทางทะเลของโลกที่สำคัญ . เอเอฟพีชี้ว่า ทรัมป์ถึงขั้นปฏิเสธที่จะไม่ทิ้งช่องทางการใช้กำลังทหารเพื่อเข้ารุกรานปานามาเพื่อให้สหรัฐฯ กลับมาควบคุมคลองปานามาที่สหรัฐฯ เป็นผู้ขุดได้อีกครั้งหลังเคยส่งมอบกลับคืนให้เจ้าของประเทศในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021234 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    Angry
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 906 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานพิเศษจากเพจAround the World เมื่อ5 มีนาคมระบุว่าบีบสำเร็จ! “CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์” ของเจ้าสัว “ลีกาชิง” ยอมตัดใจขายทิ้งหุ้น 90% คุมคลองปานามาและในอีก 23 ประเทศทั่วโลกให้บ.อเมริกัน BlackRock มีสิทธิ์สะเทือน "แหลมฉบัง" ของไทย
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเอฟพี/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ – ภายใต้แรงบีบจากทรัมป์ บริษัท CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ของเจ้าสัวฮ่องกง ลีกาชิง วันอังคาร(4 มี.ค) แถลงยอมขายทิ้งหุ้น 90% คุมท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆใน 23 ประเทศทั่วโลกที่อาจรวมถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยไปให้บริษัทกิจการค้าร่วมอเมริกันของ BlackRock ตามข้อตกลงมหาศาลมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    เอเอฟพีรายงานวันอังคาร(4 มี.ค)ว่า บริษัทบริหารท่าเรือข้ามชาติชื่อดังของฮ่องกง CK Hutchison Holdings แถลงว่า ทางบริษัทยอมตกลงที่จะขายทิ้งหุ้น 90% ที่ถือในบริษัทการท่าปานามา (Panama Ports Company) และท่าเรืออื่นๆเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในจีนไปให้กับบริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังสหรัฐฯ BlackRock เป็นมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    บลูมเบิร์กชี้ว่า การขายทิ้งที่ท่าเรือปานามาของเจ้าสัวลีกาชิงครั้งนี้เป็นเสมือนการหยิบยื่นชัยชนะให้กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์
    .
    ขณะที่ CNBC ของสหรัฐฯรายงานว่า ข้อตกลงจะเห็นกิจการค้าร่วมอเมริกันภายใต้การนำของบริษัท BlackRock และรวมบริษัท Global Infrastructure Partners และบริษัท Terminal Investment จะเข้าควบคุม 80% ของผลประโยชน์ในท่าเรือปานามา 2 ท่าของ CK ฮัตชิสันคิดเป็นมูลค่า 14.21 พันล้านดอลลาร์
    .
    นอกจากนี้กิจการค้าร่วมอเมริกันจะเข้าควบคุมท่าเรืออื่น 43 ท่าประกอบด้วยท่าเทียบเรือ 199 ท่าในทั้งหมด 23 ประเทศทั่วโลกโดยทั้งหมดตามข้อตกลงที่ 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    CNBC ชี้ว่า ข้อตกลงการขายทิ้งการบริหารท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆใน 23 ประเทศของ CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆต่อผลประโยชน์ของฮัตชิสัน พอร์ท โฮลดิ้งส์ ทรัสต์ (Hutchison Port Holdings Trust) ที่ควบคุมท่าเรือต่างๆในฮ่องกงและเมืองเซินเจิ้นในทางใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่หรือ ท่าเรืออื่นๆภายในจีน อ้างอิงจากแถลงการณ์บริษัท CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์
    .
    ทั้งนี้พบว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ เป็นผู้บริหารท่าเรือในภาคตะวันออกของประเทศไทย อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของบริษัทพบว่ามีชื่อเป็นผู้บริหารเทอร์มินอล A2 ของท่าเรือแหลมบังในไทยมาตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้ชื่อบริษัท Hutchison Ports Thailand แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การควบคุมพอร์ทท่าเรือแหลมฉบังนี้รวมอยู่ในข้อตกลง 19 พันล้านดอลลาร์ที่ทำไว้กับ BlackRock ของสหรัฐฯหรือไม่
    .
    เว็บไซต์ของ Hutchison Ports Thailand กล่าวว่า
    .
    “ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 เพื่อควบรวมการบริหารจัดการท่าเทียบเรือภายใต้การปฏิบัติการของบริษัท Hutchison Ports ในท่าเรือแหลมฉบังเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยบริษัท Thai Laemchabang Terminal (TLT) และบริษัท Hutchison Laemchabang Terminal (HLT)”
    .
    และเสริมว่า
    .
    “โดยท่าเทียบเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดของเราที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย อาทิ เขตอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นที่ตั้งของบริษัทและโรงงานผู้ผลิตสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยหลายแห่ง”
    .
    เอเอฟพีรายงานต่อว่า CKฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ ได้บริหารท่า Balboa และท่า Cristobal ที่มหาสมุทรแปซิฟิกและที่ท้ายสุดของมหาสมุทรแอตแลนติกทของคลองเชื่อมมหาสมุทรทั้ง 2 เข้าด้วยกัน
    .
    แต่ทว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา เขาได้ออกมาอ้างว่าจีนเข้าควบคุมคลองปานามาเส้นเลือดหลักของการขนส่งทางทะเลของโลกที่สำคัญ
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า ทรัมป์ถึงขั้นปฎิเสธที่จะไม่ทิ้งช่องทางการใช้กำลังทหารเพื่อเข้ารุกรานปานามาเพื่อให้สหรัฐฯกลับมาควบคุมคลองปานามาที่สหรัฐฯเป็นผู้ขุดได้อีกครั้งหลังเคยส่งมอบกลับคืนให้กับเจ้าของประเทศในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์
    รายงานพิเศษจากเพจAround the World เมื่อ5 มีนาคมระบุว่าบีบสำเร็จ! “CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์” ของเจ้าสัว “ลีกาชิง” ยอมตัดใจขายทิ้งหุ้น 90% คุมคลองปานามาและในอีก 23 ประเทศทั่วโลกให้บ.อเมริกัน BlackRock มีสิทธิ์สะเทือน "แหลมฉบัง" ของไทย . . . . . เอเอฟพี/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ – ภายใต้แรงบีบจากทรัมป์ บริษัท CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ของเจ้าสัวฮ่องกง ลีกาชิง วันอังคาร(4 มี.ค) แถลงยอมขายทิ้งหุ้น 90% คุมท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆใน 23 ประเทศทั่วโลกที่อาจรวมถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยไปให้บริษัทกิจการค้าร่วมอเมริกันของ BlackRock ตามข้อตกลงมหาศาลมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ . เอเอฟพีรายงานวันอังคาร(4 มี.ค)ว่า บริษัทบริหารท่าเรือข้ามชาติชื่อดังของฮ่องกง CK Hutchison Holdings แถลงว่า ทางบริษัทยอมตกลงที่จะขายทิ้งหุ้น 90% ที่ถือในบริษัทการท่าปานามา (Panama Ports Company) และท่าเรืออื่นๆเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในจีนไปให้กับบริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังสหรัฐฯ BlackRock เป็นมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ . บลูมเบิร์กชี้ว่า การขายทิ้งที่ท่าเรือปานามาของเจ้าสัวลีกาชิงครั้งนี้เป็นเสมือนการหยิบยื่นชัยชนะให้กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ . ขณะที่ CNBC ของสหรัฐฯรายงานว่า ข้อตกลงจะเห็นกิจการค้าร่วมอเมริกันภายใต้การนำของบริษัท BlackRock และรวมบริษัท Global Infrastructure Partners และบริษัท Terminal Investment จะเข้าควบคุม 80% ของผลประโยชน์ในท่าเรือปานามา 2 ท่าของ CK ฮัตชิสันคิดเป็นมูลค่า 14.21 พันล้านดอลลาร์ . นอกจากนี้กิจการค้าร่วมอเมริกันจะเข้าควบคุมท่าเรืออื่น 43 ท่าประกอบด้วยท่าเทียบเรือ 199 ท่าในทั้งหมด 23 ประเทศทั่วโลกโดยทั้งหมดตามข้อตกลงที่ 19 พันล้านดอลลาร์ . CNBC ชี้ว่า ข้อตกลงการขายทิ้งการบริหารท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆใน 23 ประเทศของ CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆต่อผลประโยชน์ของฮัตชิสัน พอร์ท โฮลดิ้งส์ ทรัสต์ (Hutchison Port Holdings Trust) ที่ควบคุมท่าเรือต่างๆในฮ่องกงและเมืองเซินเจิ้นในทางใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่หรือ ท่าเรืออื่นๆภายในจีน อ้างอิงจากแถลงการณ์บริษัท CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ . ทั้งนี้พบว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ เป็นผู้บริหารท่าเรือในภาคตะวันออกของประเทศไทย อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของบริษัทพบว่ามีชื่อเป็นผู้บริหารเทอร์มินอล A2 ของท่าเรือแหลมบังในไทยมาตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้ชื่อบริษัท Hutchison Ports Thailand แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การควบคุมพอร์ทท่าเรือแหลมฉบังนี้รวมอยู่ในข้อตกลง 19 พันล้านดอลลาร์ที่ทำไว้กับ BlackRock ของสหรัฐฯหรือไม่ . เว็บไซต์ของ Hutchison Ports Thailand กล่าวว่า . “ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 เพื่อควบรวมการบริหารจัดการท่าเทียบเรือภายใต้การปฏิบัติการของบริษัท Hutchison Ports ในท่าเรือแหลมฉบังเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยบริษัท Thai Laemchabang Terminal (TLT) และบริษัท Hutchison Laemchabang Terminal (HLT)” . และเสริมว่า . “โดยท่าเทียบเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดของเราที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย อาทิ เขตอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นที่ตั้งของบริษัทและโรงงานผู้ผลิตสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยหลายแห่ง” . เอเอฟพีรายงานต่อว่า CKฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ ได้บริหารท่า Balboa และท่า Cristobal ที่มหาสมุทรแปซิฟิกและที่ท้ายสุดของมหาสมุทรแอตแลนติกทของคลองเชื่อมมหาสมุทรทั้ง 2 เข้าด้วยกัน . แต่ทว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา เขาได้ออกมาอ้างว่าจีนเข้าควบคุมคลองปานามาเส้นเลือดหลักของการขนส่งทางทะเลของโลกที่สำคัญ . เอเอฟพีชี้ว่า ทรัมป์ถึงขั้นปฎิเสธที่จะไม่ทิ้งช่องทางการใช้กำลังทหารเพื่อเข้ารุกรานปานามาเพื่อให้สหรัฐฯกลับมาควบคุมคลองปานามาที่สหรัฐฯเป็นผู้ขุดได้อีกครั้งหลังเคยส่งมอบกลับคืนให้กับเจ้าของประเทศในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อไม่นานมานี้ AMD ได้ประกาศเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ RX 9070 ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ใช้งานจะต้องมีระบบที่รองรับ UEFI สำหรับการใช้งานที่สมบูรณ์แบบ เท่ากับว่า AMD จะไม่สนับสนุนการใช้งานกราฟิกการ์ดตัวใหม่นี้กับระบบที่ยังใช้ BIOS หรือโหมด CSM ซึ่งเป็นระบบเก่าอีกต่อไป

    ก่อนหน้านี้ BIOS เป็นระบบที่ใช้ในเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์เพื่อทำการบูตเครื่อง แต่ว่า UEFI ได้เข้ามาแทนที่ด้วยความสามารถที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการมี GUI (Graphic User Interface) ที่สวยงามและใช้งานง่ายขึ้น การสนับสนุนฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่กว่า 2.2TB และระบบ Secure Boot ที่ทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์มีความปลอดภัยมากขึ้น

    ในปัจจุบัน CPU และเมนบอร์ดส่วนใหญ่ที่ผลิตออกมารองรับระบบ UEFI ทั้งหมด แต่สิ่งที่ต้องระวังคือการแบ่งพาร์ติชันฮาร์ดดิสก์ของคุณ หากยังใช้แบบ MBR คุณจะต้องเปลี่ยนเป็นแบบ GPT ซึ่งเป็นที่จำเป็นสำหรับ UEFI ในการบูตเครื่อง

    ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ AMD ต้องการให้ผู้ใช้งานกราฟิกการ์ด RX 9070 มีประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยมีฟีเจอร์ที่สำคัญอย่าง Smart Access Memory ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกราฟิกการ์ด และลดปัญหาการใช้งานที่อาจเกิดขึ้น เช่น การเกิดหน้าจอสีน้ำเงิน (BSOD)

    ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนจะซื้อกราฟิกการ์ด RX 9070 อย่าลืมตรวจสอบระบบของคุณให้แน่ใจว่ารองรับ UEFI และได้ทำการตั้งค่าฮาร์ดดิสก์ให้เป็นแบบ GPT แล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุดจากกราฟิกการ์ดตัวใหม่นี้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-new-rx-9000-gpus-only-officially-support-uefi-systems
    เมื่อไม่นานมานี้ AMD ได้ประกาศเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ RX 9070 ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ใช้งานจะต้องมีระบบที่รองรับ UEFI สำหรับการใช้งานที่สมบูรณ์แบบ เท่ากับว่า AMD จะไม่สนับสนุนการใช้งานกราฟิกการ์ดตัวใหม่นี้กับระบบที่ยังใช้ BIOS หรือโหมด CSM ซึ่งเป็นระบบเก่าอีกต่อไป ก่อนหน้านี้ BIOS เป็นระบบที่ใช้ในเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์เพื่อทำการบูตเครื่อง แต่ว่า UEFI ได้เข้ามาแทนที่ด้วยความสามารถที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการมี GUI (Graphic User Interface) ที่สวยงามและใช้งานง่ายขึ้น การสนับสนุนฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่กว่า 2.2TB และระบบ Secure Boot ที่ทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์มีความปลอดภัยมากขึ้น ในปัจจุบัน CPU และเมนบอร์ดส่วนใหญ่ที่ผลิตออกมารองรับระบบ UEFI ทั้งหมด แต่สิ่งที่ต้องระวังคือการแบ่งพาร์ติชันฮาร์ดดิสก์ของคุณ หากยังใช้แบบ MBR คุณจะต้องเปลี่ยนเป็นแบบ GPT ซึ่งเป็นที่จำเป็นสำหรับ UEFI ในการบูตเครื่อง ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ AMD ต้องการให้ผู้ใช้งานกราฟิกการ์ด RX 9070 มีประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยมีฟีเจอร์ที่สำคัญอย่าง Smart Access Memory ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกราฟิกการ์ด และลดปัญหาการใช้งานที่อาจเกิดขึ้น เช่น การเกิดหน้าจอสีน้ำเงิน (BSOD) ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนจะซื้อกราฟิกการ์ด RX 9070 อย่าลืมตรวจสอบระบบของคุณให้แน่ใจว่ารองรับ UEFI และได้ทำการตั้งค่าฮาร์ดดิสก์ให้เป็นแบบ GPT แล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุดจากกราฟิกการ์ดตัวใหม่นี้ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-new-rx-9000-gpus-only-officially-support-uefi-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชาติยุโรปแสดงท่าทีขึงขัง ประชุมซัมมิตกันโดยมีเซเลนสกีเข้าร่วมด้วยที่ลอนดอน ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงและจัดตั้งแนวร่วมป้องกันสันติภาพในยูเครน พร้อมร่างเงื่อนไขข้อตกลงสันติภาพที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ เตรียมยื่นเสนอต่ออเมริกา โดยที่มาครงแย้มว่า อาจมีการพักการสู้รบทางอากาศและทางทะเลนาน 1 เดือน ทว่าสหราชอาณาจักรกลับบอกว่าเป็นเพียง 1 ในข้อเสนอซึ่งยังไม่มีการลงมติ ส่วนในอีกด้านหนึ่งรัสเซียเยาะยุโรปไม่ได้มีแผนการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และสิ่งหนึ่งที่เคียฟแน่ใจได้ว่าเป็นความคืบหน้าหนึ่งเดียวอยู่ในขณะนี้ คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา
    .
    การหารือว่าด้วยวิกฤตยูเครนในกรุงลอนดอนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ของพวกผู้นำ 18 ชาติ ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นชาติยุโรป เกิดขึ้นในช่วงเวลาอ่อนไหวอย่างยิ่งสำหรับยูเครนที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนของอเมริกาในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 4
    .
    วันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.พ.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ตำหนิโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนว่า ไม่ตระหนักบุญคุณอเมริกาและไม่พร้อมทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียต่อหน้าผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาว กระตุ้นความกังวลว่า เขากำลังบีบให้เคียฟทำข้อตกลงสันติภาพอโดยมอบสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียต้องการ
    .
    ทว่า ท่าทีของพวกผู้นำยุโรปเหล่านี้ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “กลุ่มพันธมิตรของผู้ที่เต็มใจร่วมมือกัน” (Coalition of the willing) ยังคงประกาศให้การสนับสนุนเคียฟเหนียวแน่น โดยเซเลนสกีโพสต์บนแพลตฟอร์มเทเลแกรมภายหลังการประชุมสุดยอดเมื่อวันอาทิตย์ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องผลักดันสันติภาพ และในอนาคตอันใกล้จะมีการร่างจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องบรรลุและเงื่อนไขที่จะไม่มีการประนีประนอมเพื่อเสนอต่ออเมริกา
    .
    นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของสหราชอาณาจักร เจ้าภาพการประชุมซิมมิตครั้งนี้ ขานรับว่า สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ จะร่วมมือกับยูเครนเพื่อทำให้สงครามยุติลง
    .
    สตาร์เมอร์สำทับว่า ยุโรปต้องพยายามมากขึ้น ขณะที่ไม่มีหลักประกันว่า อเมริกาจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยหรือไม่
    .
    กระนั้น สตาร์เมอร์ที่ได้พบกับทรัมป์ในบรรยากาศที่ชื่นมื่น วันสองวันก่อนหน้าเหตุการณ์ปะทะคารมเดือดที่ทำเนียบขาว ยังคงยืนยันแก้ต่างให้สหรัฐฯ ว่า อเมริกาไม่ใช่พันธมิตรที่พึ่งพาไม่ได้ และข้อตกลงใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับยูเครน จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากอเมริกา
    .
    ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร หลังกลับถึงปารีสว่า ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรต้องการเสนอข้อตกลงหยุดยิงทางอากาศและทางทะเล รวมทั้งระงับการโจมตีพวกโครงสร้างพื้นฐาน เป็นเวลานาน 1 เดือน และยังเตรียมพร้อมส่งทหารไปช่วยกำกับดูแลการหยุดยิงในยูเครน
    .
    มาครงอธิบายว่า สาเหตุที่ข้อตกลงหยุดยิงไม่ครอบคลุมการสู้รบภาคพื้นดินอย่างน้อยในระยะแรกนั้นเนื่องจากแนวรบที่ค่อนข้างกว้างจนยากที่จะบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงได้ ส่วนการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครนคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้
    .
    ผู้นำฝรั่งเศสยังเสนอแนะให้ชาติยุโรปเพิ่มงบประมาณกลาโหมขึ้นสู่ระดับเท่ากับ 3-3.5% ของจีดีพีของประเทศตนเอง เพื่อรับมือการเปลี่ยนท่าทีของอเมริกาและปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ (3) รัฐมนตรีทบวงกองทัพของสหราชอาณาจักร ลุก พอลลาร์ด กลับแสดงท่าทีไม่ยืนยันรับรองแนวความคิดเรื่องหยุดยิงที่มาครงพูด โดยเขากล่าวกับสื่อบีบีซีว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นแผนการที่สหราชอาณาจักรรับรองแล้วในเวลานี้ แต่เป็นหนึ่งในทางเลือกต่างๆ จำนวนหนึ่งที่กำลังมีการหารือกันเป็นการภายในระหว่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเหล่าพันธมิตรอีกจำนวนหนึ่ง
    .
    ขณะที่ภายหลังการประชุมผู้นำยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ออกมาเตือนว่า ยุโรปต้องเร่งติดอาวุธเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ทั้งนี้ แดร์ ไลเอิน ได้ชื่อว่าเป็นพวกเหยี่ยวแข็งกร้าวกับรัสเซีย และไม่เป็นที่พอใจของทำเนียบขาวในปัจจุบัน
    .
    ทางฝ่ายนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ ของโปแลนด์ เรียกร้องอเมริกาและยุโรปแสดงให้ปูตินเห็นว่า ตะวันตกไม่เคยคิดอ่อนข้อก่อนที่ผู้นำรัสเซียจะแบล็กเมล์และรุกรานยูเครน
    .
    อย่างไรก็ดี ทางด้านทรัมป์กลับกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า อเมริกาควรกังวลกับปูตินน้อยลง และกังวลกับอาชญากรรมในประเทศให้มากขึ้น
    .
    วันเดียวกันนั้น คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกผู้ทรงอิทธิพลในรัฐสภารัสเซีย โพสต์บนเทเลแกรมว่า การประชุมที่ลอนดอน เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนความล้มเหลวของนโยบายแห่งการเสี้ยมให้ยูเครนตีกับรัสเซีย ที่สหราชอาณาจักร และอเมริกาใช้มาเป็นเวลานาน 10 ปี ให้กลายเป็นความสำเร็จ
    .
    โคซาเชฟที่รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาสูงรัสเซีย สำทับว่า ยุโรปไม่มีแผนการอะไรเลย และสิ่งหนึ่งที่ยูเครนวางใจได้ก็คือ ความคืบหน้าหนึ่งเดียวขณะนี้คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา
    .
    นอกจากนั้น ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ยังโพสต์บนเอ็กซ์ก่อนที่การประชุมที่ลอนดอนจะปิดฉากลงว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการตกลงสวามิภักดิ์ต่อพวกนาซีที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ ในเคียฟ และเป็นความคิดที่น่าอัปยศ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020856
    ..............
    Sondhi X
    ชาติยุโรปแสดงท่าทีขึงขัง ประชุมซัมมิตกันโดยมีเซเลนสกีเข้าร่วมด้วยที่ลอนดอน ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงและจัดตั้งแนวร่วมป้องกันสันติภาพในยูเครน พร้อมร่างเงื่อนไขข้อตกลงสันติภาพที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ เตรียมยื่นเสนอต่ออเมริกา โดยที่มาครงแย้มว่า อาจมีการพักการสู้รบทางอากาศและทางทะเลนาน 1 เดือน ทว่าสหราชอาณาจักรกลับบอกว่าเป็นเพียง 1 ในข้อเสนอซึ่งยังไม่มีการลงมติ ส่วนในอีกด้านหนึ่งรัสเซียเยาะยุโรปไม่ได้มีแผนการอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน และสิ่งหนึ่งที่เคียฟแน่ใจได้ว่าเป็นความคืบหน้าหนึ่งเดียวอยู่ในขณะนี้ คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา . การหารือว่าด้วยวิกฤตยูเครนในกรุงลอนดอนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ของพวกผู้นำ 18 ชาติ ซึ่งแทบทั้งหมดเป็นชาติยุโรป เกิดขึ้นในช่วงเวลาอ่อนไหวอย่างยิ่งสำหรับยูเครนที่กำลังเผชิญความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการสนับสนุนของอเมริกาในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซียที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 4 . วันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.พ.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ตำหนิโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนว่า ไม่ตระหนักบุญคุณอเมริกาและไม่พร้อมทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียต่อหน้าผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาว กระตุ้นความกังวลว่า เขากำลังบีบให้เคียฟทำข้อตกลงสันติภาพอโดยมอบสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียต้องการ . ทว่า ท่าทีของพวกผู้นำยุโรปเหล่านี้ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “กลุ่มพันธมิตรของผู้ที่เต็มใจร่วมมือกัน” (Coalition of the willing) ยังคงประกาศให้การสนับสนุนเคียฟเหนียวแน่น โดยเซเลนสกีโพสต์บนแพลตฟอร์มเทเลแกรมภายหลังการประชุมสุดยอดเมื่อวันอาทิตย์ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องผลักดันสันติภาพ และในอนาคตอันใกล้จะมีการร่างจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายที่ต้องบรรลุและเงื่อนไขที่จะไม่มีการประนีประนอมเพื่อเสนอต่ออเมริกา . นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของสหราชอาณาจักร เจ้าภาพการประชุมซิมมิตครั้งนี้ ขานรับว่า สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ จะร่วมมือกับยูเครนเพื่อทำให้สงครามยุติลง . สตาร์เมอร์สำทับว่า ยุโรปต้องพยายามมากขึ้น ขณะที่ไม่มีหลักประกันว่า อเมริกาจะเข้ามามีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ . กระนั้น สตาร์เมอร์ที่ได้พบกับทรัมป์ในบรรยากาศที่ชื่นมื่น วันสองวันก่อนหน้าเหตุการณ์ปะทะคารมเดือดที่ทำเนียบขาว ยังคงยืนยันแก้ต่างให้สหรัฐฯ ว่า อเมริกาไม่ใช่พันธมิตรที่พึ่งพาไม่ได้ และข้อตกลงใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับยูเครน จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเข้มแข็งจากอเมริกา . ด้านประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร หลังกลับถึงปารีสว่า ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรต้องการเสนอข้อตกลงหยุดยิงทางอากาศและทางทะเล รวมทั้งระงับการโจมตีพวกโครงสร้างพื้นฐาน เป็นเวลานาน 1 เดือน และยังเตรียมพร้อมส่งทหารไปช่วยกำกับดูแลการหยุดยิงในยูเครน . มาครงอธิบายว่า สาเหตุที่ข้อตกลงหยุดยิงไม่ครอบคลุมการสู้รบภาคพื้นดินอย่างน้อยในระยะแรกนั้นเนื่องจากแนวรบที่ค่อนข้างกว้างจนยากที่จะบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงได้ ส่วนการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครนคงยังไม่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ . ผู้นำฝรั่งเศสยังเสนอแนะให้ชาติยุโรปเพิ่มงบประมาณกลาโหมขึ้นสู่ระดับเท่ากับ 3-3.5% ของจีดีพีของประเทศตนเอง เพื่อรับมือการเปลี่ยนท่าทีของอเมริกาและปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย . อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ (3) รัฐมนตรีทบวงกองทัพของสหราชอาณาจักร ลุก พอลลาร์ด กลับแสดงท่าทีไม่ยืนยันรับรองแนวความคิดเรื่องหยุดยิงที่มาครงพูด โดยเขากล่าวกับสื่อบีบีซีว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นแผนการที่สหราชอาณาจักรรับรองแล้วในเวลานี้ แต่เป็นหนึ่งในทางเลือกต่างๆ จำนวนหนึ่งที่กำลังมีการหารือกันเป็นการภายในระหว่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเหล่าพันธมิตรอีกจำนวนหนึ่ง . ขณะที่ภายหลังการประชุมผู้นำยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ออกมาเตือนว่า ยุโรปต้องเร่งติดอาวุธเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ทั้งนี้ แดร์ ไลเอิน ได้ชื่อว่าเป็นพวกเหยี่ยวแข็งกร้าวกับรัสเซีย และไม่เป็นที่พอใจของทำเนียบขาวในปัจจุบัน . ทางฝ่ายนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ ของโปแลนด์ เรียกร้องอเมริกาและยุโรปแสดงให้ปูตินเห็นว่า ตะวันตกไม่เคยคิดอ่อนข้อก่อนที่ผู้นำรัสเซียจะแบล็กเมล์และรุกรานยูเครน . อย่างไรก็ดี ทางด้านทรัมป์กลับกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า อเมริกาควรกังวลกับปูตินน้อยลง และกังวลกับอาชญากรรมในประเทศให้มากขึ้น . วันเดียวกันนั้น คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกผู้ทรงอิทธิพลในรัฐสภารัสเซีย โพสต์บนเทเลแกรมว่า การประชุมที่ลอนดอน เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนความล้มเหลวของนโยบายแห่งการเสี้ยมให้ยูเครนตีกับรัสเซีย ที่สหราชอาณาจักร และอเมริกาใช้มาเป็นเวลานาน 10 ปี ให้กลายเป็นความสำเร็จ . โคซาเชฟที่รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาสูงรัสเซีย สำทับว่า ยุโรปไม่มีแผนการอะไรเลย และสิ่งหนึ่งที่ยูเครนวางใจได้ก็คือ ความคืบหน้าหนึ่งเดียวขณะนี้คือความสัมพันธ์รัสเซีย-อเมริกา . นอกจากนั้น ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ยังโพสต์บนเอ็กซ์ก่อนที่การประชุมที่ลอนดอนจะปิดฉากลงว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการตกลงสวามิภักดิ์ต่อพวกนาซีที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ ในเคียฟ และเป็นความคิดที่น่าอัปยศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020856 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 978 มุมมอง 0 รีวิว
  • ASUS ได้เปิดตัว ExpertCenter PN54 ซึ่งเป็นมินิพีซี Copilot+ ที่ใช้หน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series โดยการ์ดกราฟิก AMD Radeon ก็มาพร้อมกับพีซีรุ่นนี้ด้วย

    ExpertCenter PN54 ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานที่ต้องใช้ข้อมูลมากและแอปพลิเคชันที่ใช้ AI เช่น การสร้างเนื้อหาด้วย AI การคอมไพล์โค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล และการประชุม ด้วยหน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series รุ่นใหม่ที่มีแรมในชิปเพิ่มขึ้นถึง 50% และใช้เทคโนโลยี AMD Zen 5 ที่ออกแบบมาจากหน่วยประมวลผลเดสก์ท็อป ทำให้พีซีนี้มีประสิทธิภาพสูงและรองรับการทำงานที่หลากหลาย

    นอกจากนี้ ExpertCenter PN54 ยังมีการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมมาก เช่น WiFi 7, Bluetooth 5.4, และพอร์ต USB ถึง 6 พอร์ต รวมถึงยังรองรับการแสดงผลถึง 4 หน้าจอ 4K ทำให้การใช้งานในพื้นที่จำกัดหรือการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวสามารถทำได้ง่ายขึ้น

    จุดเด่นคือคุณสมบัติ AI ของ Copilot+ ที่สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การค้นหาข้อความและอีเมลเก่า การแปลคำบรรยายแบบเรียลไทม์ถึง 44 ภาษา และการสร้างงานศิลปะกราฟิกด้วยการพิมพ์คำสั่งง่าย ๆ คุณสมบัติเหล่านี้สามารถเปิดใช้งานได้ผ่านปุ่ม Copilot หรือใช้คำสั่งเสียงผ่านลำโพงและไมโครโฟนในตัว

    ที่น่าสนใจคือ ExpertCenter PN54 มีการออกแบบที่แข็งแรงทนทานและผ่านการทดสอบความคงทนในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อย่างเข้มงวด รวมถึงยังมีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น การล็อกอินด้วยลายนิ้วมือและเทคโนโลยี Trusted Platform Module (TPM) เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการปกป้องข้อมูลสำคัญ

    https://www.techpowerup.com/333490/asus-intros-expertcenter-pn54-copilot-mini-pc-with-amd-ryzen-ai-300-series-processors
    ASUS ได้เปิดตัว ExpertCenter PN54 ซึ่งเป็นมินิพีซี Copilot+ ที่ใช้หน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series โดยการ์ดกราฟิก AMD Radeon ก็มาพร้อมกับพีซีรุ่นนี้ด้วย ExpertCenter PN54 ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานที่ต้องใช้ข้อมูลมากและแอปพลิเคชันที่ใช้ AI เช่น การสร้างเนื้อหาด้วย AI การคอมไพล์โค้ด การวิเคราะห์ข้อมูล และการประชุม ด้วยหน่วยประมวลผล AMD Ryzen AI 300 Series รุ่นใหม่ที่มีแรมในชิปเพิ่มขึ้นถึง 50% และใช้เทคโนโลยี AMD Zen 5 ที่ออกแบบมาจากหน่วยประมวลผลเดสก์ท็อป ทำให้พีซีนี้มีประสิทธิภาพสูงและรองรับการทำงานที่หลากหลาย นอกจากนี้ ExpertCenter PN54 ยังมีการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมมาก เช่น WiFi 7, Bluetooth 5.4, และพอร์ต USB ถึง 6 พอร์ต รวมถึงยังรองรับการแสดงผลถึง 4 หน้าจอ 4K ทำให้การใช้งานในพื้นที่จำกัดหรือการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายตัวสามารถทำได้ง่ายขึ้น จุดเด่นคือคุณสมบัติ AI ของ Copilot+ ที่สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การค้นหาข้อความและอีเมลเก่า การแปลคำบรรยายแบบเรียลไทม์ถึง 44 ภาษา และการสร้างงานศิลปะกราฟิกด้วยการพิมพ์คำสั่งง่าย ๆ คุณสมบัติเหล่านี้สามารถเปิดใช้งานได้ผ่านปุ่ม Copilot หรือใช้คำสั่งเสียงผ่านลำโพงและไมโครโฟนในตัว ที่น่าสนใจคือ ExpertCenter PN54 มีการออกแบบที่แข็งแรงทนทานและผ่านการทดสอบความคงทนในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อย่างเข้มงวด รวมถึงยังมีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย เช่น การล็อกอินด้วยลายนิ้วมือและเทคโนโลยี Trusted Platform Module (TPM) เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการปกป้องข้อมูลสำคัญ https://www.techpowerup.com/333490/asus-intros-expertcenter-pn54-copilot-mini-pc-with-amd-ryzen-ai-300-series-processors
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    ASUS Intros ExpertCenter PN54 Copilot+ mini PC with AMD Ryzen AI 300 Series Processors
    ASUS today announced ExpertCenter PN54, a high-performance Copilot+ mini PC powered by AMD Ryzen AI 300 Series processors and AMD Radeon graphics. ExpertCenter PN54 offers extensive connectivity, including WiFi 7 and Bluetooth 5.4, and is able to support up to four 4K displays. This mini PC enables ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวที่น่าสนใจจาก Tom's Hardware เกี่ยวกับการที่จำนวนผู้ใช้ Steam ที่ใช้งานภาษาจีนกลางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้การสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam แสดงผลที่ผิดปกติ

    การสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้ที่เลือกภาษาจีนกลางเป็นภาษาหลักถึง 20.88% ทำให้ภาษาจีนกลางขึ้นแท่นเป็นภาษาที่มีผู้ใช้มากที่สุดบนแพลตฟอร์ม Steam และทำให้ภาษาอังกฤษตกเป็นที่สองที่ 23.79% เรื่องนี้อาจเกิดจากการรวมจำนวนผู้ใช้จากทั้ง Steam เวอร์ชันสากลและเวอร์ชันจีน ซึ่งอาจมีผลทำให้จำนวนผู้ใช้ภาษาจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    การเพิ่มขึ้นของผู้ใช้ภาษาจีนยังส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้กัน ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10.47% แม้ว่าระบบปฏิบัติการ Windows 11 จะได้รับความนิยมมากขึ้นในส่วนอื่นของโลก อีกทั้งยังพบว่าจำนวนผู้ใช้ที่มี RAM ขนาด 32GB เพิ่มขึ้นเป็น 46.94% จากเดิมที่ 16GB เป็นขนาดที่ได้รับความนิยม

    สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ผู้ใช้ภาษาจีนมีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของเกม โดยหน้าจอความละเอียด 1440p กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น และการ์ดกราฟิกที่มี VRAM ขนาด 8GB และ 12GB ก็มีการเพิ่มขึ้นเช่นกัน

    https://www.tomshardware.com/desktops/gaming-pcs/huge-os-and-ram-usage-swings-in-steam-survey-likely-to-have-been-influenced-by-china-influx
    มีข่าวที่น่าสนใจจาก Tom's Hardware เกี่ยวกับการที่จำนวนผู้ใช้ Steam ที่ใช้งานภาษาจีนกลางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้การสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam แสดงผลที่ผิดปกติ การสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์พบว่ามีการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้ที่เลือกภาษาจีนกลางเป็นภาษาหลักถึง 20.88% ทำให้ภาษาจีนกลางขึ้นแท่นเป็นภาษาที่มีผู้ใช้มากที่สุดบนแพลตฟอร์ม Steam และทำให้ภาษาอังกฤษตกเป็นที่สองที่ 23.79% เรื่องนี้อาจเกิดจากการรวมจำนวนผู้ใช้จากทั้ง Steam เวอร์ชันสากลและเวอร์ชันจีน ซึ่งอาจมีผลทำให้จำนวนผู้ใช้ภาษาจีนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเพิ่มขึ้นของผู้ใช้ภาษาจีนยังส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้กัน ผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10.47% แม้ว่าระบบปฏิบัติการ Windows 11 จะได้รับความนิยมมากขึ้นในส่วนอื่นของโลก อีกทั้งยังพบว่าจำนวนผู้ใช้ที่มี RAM ขนาด 32GB เพิ่มขึ้นเป็น 46.94% จากเดิมที่ 16GB เป็นขนาดที่ได้รับความนิยม สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ผู้ใช้ภาษาจีนมีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของเกม โดยหน้าจอความละเอียด 1440p กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น และการ์ดกราฟิกที่มี VRAM ขนาด 8GB และ 12GB ก็มีการเพิ่มขึ้นเช่นกัน https://www.tomshardware.com/desktops/gaming-pcs/huge-os-and-ram-usage-swings-in-steam-survey-likely-to-have-been-influenced-by-china-influx
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวใหม่จาก Tom's Hardware เกี่ยวกับโปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปของ Qualcomm, Snapdragon X2 ที่จะมาพร้อมกับคอร์ที่เพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 18 คอร์ ข้อมูลนี้เผยแพร่โดยเว็บไซต์ WinFuture ของเยอรมัน ซึ่งยังระบุว่าโปรเซสเซอร์ SC8480XP รุ่นใหม่นี้ จะมีการผสานรวม RAM ขนาด 48GB ของ SK hynix และ SSD ขนาด 1TB บนระบบในแพ็คเกจ (SiP) รวมถึงการทดสอบระบบระบายความร้อนที่มีขนาด 120 มิลลิเมตร

    โปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอประสิทธิภาพที่สูงขึ้นสำหรับแล็ปท็อประดับไฮเอนด์และเดสก์ท็อป ด้วยคอร์ที่เพิ่มขึ้น 50% จากรุ่นก่อน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการประมวลผลหลายงานได้มากขึ้น

    นอกจากนี้ Qualcomm ยังมีแผนที่จะเปิดตัวโปรเซสเซอร์นี้ในแบรนด์ใหม่ "Snapdragon X2 Ultra Premium" ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเสนอในงาน Mobile World Congress (MWC) ที่บาร์เซโลนา

    การเพิ่มจำนวนคอร์ในโปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกที่สูง การทำงานที่ต้องการการประมวลผลหลายงาน หรือการใช้โปรแกรมที่ต้องการทรัพยากรสูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/next-gen-snapdragon-x2-chips-for-pcs-to-boost-core-count-from-12-to-18-says-report
    มีข่าวใหม่จาก Tom's Hardware เกี่ยวกับโปรเซสเซอร์รุ่นต่อไปของ Qualcomm, Snapdragon X2 ที่จะมาพร้อมกับคอร์ที่เพิ่มขึ้นจาก 12 เป็น 18 คอร์ ข้อมูลนี้เผยแพร่โดยเว็บไซต์ WinFuture ของเยอรมัน ซึ่งยังระบุว่าโปรเซสเซอร์ SC8480XP รุ่นใหม่นี้ จะมีการผสานรวม RAM ขนาด 48GB ของ SK hynix และ SSD ขนาด 1TB บนระบบในแพ็คเกจ (SiP) รวมถึงการทดสอบระบบระบายความร้อนที่มีขนาด 120 มิลลิเมตร โปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอประสิทธิภาพที่สูงขึ้นสำหรับแล็ปท็อประดับไฮเอนด์และเดสก์ท็อป ด้วยคอร์ที่เพิ่มขึ้น 50% จากรุ่นก่อน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในการประมวลผลหลายงานได้มากขึ้น นอกจากนี้ Qualcomm ยังมีแผนที่จะเปิดตัวโปรเซสเซอร์นี้ในแบรนด์ใหม่ "Snapdragon X2 Ultra Premium" ซึ่งคาดว่าจะมีการนำเสนอในงาน Mobile World Congress (MWC) ที่บาร์เซโลนา การเพิ่มจำนวนคอร์ในโปรเซสเซอร์ Snapdragon X2 นี้ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกที่สูง การทำงานที่ต้องการการประมวลผลหลายงาน หรือการใช้โปรแกรมที่ต้องการทรัพยากรสูง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/next-gen-snapdragon-x2-chips-for-pcs-to-boost-core-count-from-12-to-18-says-report
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Next-gen Snapdragon X2 chips for PCs to boost core count from 12 to 18, says report
    And the first 'Oryon v3' chip may be the previously flagged SC8480XP.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อสหรัฐฯ วิเคราะห์เครื่องบินขับไล่ล่องหนรุ่นใหม่ของจีน J-35A (เจียน-35เอ) ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานแสดงอากาศยานเมืองจูไห่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 อาจทำลายสมดุลอำนาจทางอากาศของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยเครื่องรุ่นนี้มีขีดความสามารถล่องหนใกล้เคียงกับ F-35 ของสหรัฐฯ และจะทำหน้าที่เคียงคู่กับ J-20 เพื่อสร้างยุทธวิธี “เครือข่ายพิฆาตทางอากาศ” (Kill chain) ของกองทัพอากาศจีน
    .
    รายงานล่าสุดจากนิตยสาร National Interest ของสหรัฐฯ ชี้ว่ากองทัพอากาศจีนพัฒนาอย่างรวดเร็วมากในรอบทศวรรษที่ผ่านมา จีนสามารถผลิตทั้ง J-20 และ J-35A จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ตรงข้ามกับกระบวนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ที่ยังล่าช้าและซับซ้อน การเปิดตัว J-35A จึงกลายเป็นสัญญาณเตือนกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในเอเชียว่าอำนาจทางอากาศที่เหนือชั้นของตนกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก
    .
    ด้านนายพลจิลมาร์รี่ ฮอสเตจ ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เคยระบุในปี 2556 ว่า อำนาจทางอากาศหมายถึงการปฏิบัติการที่เสรีไร้ข้อจำกัดในน่านฟ้า ทว่าด้วยศักยภาพใหม่ของจีน ไม่เพียงแต่ทำให้อำนาจนี้สั่นคลอน แต่ยังอาจถึงขั้นสูญเสียการครอบครองท้องฟ้าในแถบนี้ไปโดยสิ้นเชิง
    .
    J-35A เป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดกลาง เครื่องยนต์คู่ ถูกออกแบบด้วยเทคนิคขั้นสูง มีความสามารถล่องหนสูงจากลักษณะทางกายภาพที่ซ่อนใบพัดเครื่องยนต์จากเรดาร์ ระบบช่องรับอากาศแบบไร้ขอบ (DSI) รูปตัว S และพื้นผิวเครื่องที่ราบเรียบแนบสนิทไม่มีรอยต่อ นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่าศักยภาพล่องหนของ J-35A ใกล้เคียงหรืออาจเทียบเท่ากับ F-35 ของสหรัฐฯ แล้ว
    .
    ถึงแม้รายละเอียดสมรรถนะที่แท้จริงของ J-35A ยังถือเป็นข้อมูลลับสูงสุด แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิเคราะห์สหรัฐฯ ระบุชัดคือ แม้เครื่องบินจีนจะมีศักยภาพใกล้เคียงสหรัฐฯ แต่ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ทำให้ในการรบที่ใกล้ชายฝั่งจีน เครื่องบินของจีนย่อมมีข้อได้เปรียบมหาศาล ทั้งเรื่องการส่งกำลังบำรุงและความสามารถในการเสริมกำลังอย่างรวดเร็วผ่านระบบป้องกันและต่อต้านการเข้าถึงพื้นที่ (Anti-Access/Area Denial: A2/AD) ของจีน
    .
    อีกด้านหนึ่ง หวัง หย่งชิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเครื่องบินรบจากสถาบันการบินเสิ่นหยาง (Shenyang Aircraft Corporation) ของจีน ออกมาระบุในรายการสัมภาษณ์ว่า J-35A มีบทบาทเหมือน “การ์ดจ่ายบอล” ในทีมบาสเกตบอล ซึ่งไม่เพียงทำคะแนนได้เอง ยังสามารถเชื่อมโยงยุทโธปกรณ์อื่นๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเปิดเผยเบื้องหลังการออกแบบเครื่องบินรบว่ามีการดึงศิลปินมาออกแบบลายพรางบนตัวเครื่องด้วย เพื่อประสิทธิภาพการพรางตัวทางสายตา และย้ำว่าการออกแบบเครื่องบินรบที่ดีที่สุดนั้นไม่ได้อยู่ที่การรวมเทคโนโลยีขั้นสูงทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน แต่ต้องอยู่ที่ภาพรวมและระบบการปฏิบัติการของเครื่องบินที่ต้องสามารถทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ดีที่สุด
    .
    การเปิดตัวของ J-35A และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ของจีนในครั้งนี้ นับเป็นการส่งสัญญาณที่สหรัฐฯ ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป ในยุคที่การแข่งขันด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ทางอากาศของมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020445
    ..............
    Sondhi X
    สื่อสหรัฐฯ วิเคราะห์เครื่องบินขับไล่ล่องหนรุ่นใหม่ของจีน J-35A (เจียน-35เอ) ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานแสดงอากาศยานเมืองจูไห่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 อาจทำลายสมดุลอำนาจทางอากาศของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยเครื่องรุ่นนี้มีขีดความสามารถล่องหนใกล้เคียงกับ F-35 ของสหรัฐฯ และจะทำหน้าที่เคียงคู่กับ J-20 เพื่อสร้างยุทธวิธี “เครือข่ายพิฆาตทางอากาศ” (Kill chain) ของกองทัพอากาศจีน . รายงานล่าสุดจากนิตยสาร National Interest ของสหรัฐฯ ชี้ว่ากองทัพอากาศจีนพัฒนาอย่างรวดเร็วมากในรอบทศวรรษที่ผ่านมา จีนสามารถผลิตทั้ง J-20 และ J-35A จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ตรงข้ามกับกระบวนการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ที่ยังล่าช้าและซับซ้อน การเปิดตัว J-35A จึงกลายเป็นสัญญาณเตือนกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในเอเชียว่าอำนาจทางอากาศที่เหนือชั้นของตนกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก . ด้านนายพลจิลมาร์รี่ ฮอสเตจ ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เคยระบุในปี 2556 ว่า อำนาจทางอากาศหมายถึงการปฏิบัติการที่เสรีไร้ข้อจำกัดในน่านฟ้า ทว่าด้วยศักยภาพใหม่ของจีน ไม่เพียงแต่ทำให้อำนาจนี้สั่นคลอน แต่ยังอาจถึงขั้นสูญเสียการครอบครองท้องฟ้าในแถบนี้ไปโดยสิ้นเชิง . J-35A เป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดกลาง เครื่องยนต์คู่ ถูกออกแบบด้วยเทคนิคขั้นสูง มีความสามารถล่องหนสูงจากลักษณะทางกายภาพที่ซ่อนใบพัดเครื่องยนต์จากเรดาร์ ระบบช่องรับอากาศแบบไร้ขอบ (DSI) รูปตัว S และพื้นผิวเครื่องที่ราบเรียบแนบสนิทไม่มีรอยต่อ นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่าศักยภาพล่องหนของ J-35A ใกล้เคียงหรืออาจเทียบเท่ากับ F-35 ของสหรัฐฯ แล้ว . ถึงแม้รายละเอียดสมรรถนะที่แท้จริงของ J-35A ยังถือเป็นข้อมูลลับสูงสุด แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิเคราะห์สหรัฐฯ ระบุชัดคือ แม้เครื่องบินจีนจะมีศักยภาพใกล้เคียงสหรัฐฯ แต่ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ทำให้ในการรบที่ใกล้ชายฝั่งจีน เครื่องบินของจีนย่อมมีข้อได้เปรียบมหาศาล ทั้งเรื่องการส่งกำลังบำรุงและความสามารถในการเสริมกำลังอย่างรวดเร็วผ่านระบบป้องกันและต่อต้านการเข้าถึงพื้นที่ (Anti-Access/Area Denial: A2/AD) ของจีน . อีกด้านหนึ่ง หวัง หย่งชิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเครื่องบินรบจากสถาบันการบินเสิ่นหยาง (Shenyang Aircraft Corporation) ของจีน ออกมาระบุในรายการสัมภาษณ์ว่า J-35A มีบทบาทเหมือน “การ์ดจ่ายบอล” ในทีมบาสเกตบอล ซึ่งไม่เพียงทำคะแนนได้เอง ยังสามารถเชื่อมโยงยุทโธปกรณ์อื่นๆ ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเปิดเผยเบื้องหลังการออกแบบเครื่องบินรบว่ามีการดึงศิลปินมาออกแบบลายพรางบนตัวเครื่องด้วย เพื่อประสิทธิภาพการพรางตัวทางสายตา และย้ำว่าการออกแบบเครื่องบินรบที่ดีที่สุดนั้นไม่ได้อยู่ที่การรวมเทคโนโลยีขั้นสูงทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน แต่ต้องอยู่ที่ภาพรวมและระบบการปฏิบัติการของเครื่องบินที่ต้องสามารถทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ดีที่สุด . การเปิดตัวของ J-35A และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ของจีนในครั้งนี้ นับเป็นการส่งสัญญาณที่สหรัฐฯ ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป ในยุคที่การแข่งขันด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ทางอากาศของมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020445 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝรั่งเศสและสหราอาณาจักร เสนอข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนในยูเครน "ทั้งทางอากาศ ทะเลและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน" ตามหลังการหารือฉุกเฉินในลอนดอน จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส
    .
    ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ลา ฟิกาโร ของฝรั่งเศส ทางมาครง บอกว่าอย่างน้อยๆ ในเบื้องต้น ข้อตกลงดังกล่าวจะไม่ครอบคลุมถึงการสู้รบในภาคพื้น
    .
    "ปัญหาคือ จะเป็นเรื่องยากมากที่จะตรวจสอบว่าข้อตกลงได้รับความเคารพหรือไม่ สืบเนื่องจากขนาดของแนวหน้า" เขากล่าว พร้อมระบุกองกำลังสันติภาพจะถูกส่งเข้าประจำการหลังจากนั้น "จะยังไม่มีทหารยุโรปในแผ่นดินของยูเครน ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้"
    .
    มาครง แนะนำว่าบรรดาชาติยุโรปควรปรับเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเป็นระหว่าง 3.0% ถึง 3.5% ของจีดีพี ขานรับต่อลำดับความสำคัญที่เปลี่ยนไปของวอชิงตัน และยุทธาภิวัฒน์ของรัสเซีย "สำหรับ 3 ปี รัสเซียใช้จ่ายเงินด้านกลาโหม 10% ของจีดีพี" เขาบอกกับสื่อท้องถิ่น "ดังนั้น เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดจากนี้"
    .
    ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของอิตาลีแยกกัน มาครงบอกด้วยว่ายุโรปจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากอิตาลี ในการคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน
    .
    ณ ที่ประชุมวิกฤตเมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี ดูเหมือนปฏิเสธแนวโน้มที่ประเทศของเธอจะสนับสนุนกองกำลังสันติภาพใดๆ ในยูเครน โดยบอกว่า "มันไม่เคยอยู่ในวาระการพิจารณา"
    .
    "เราต้องการอิตาลี อิตาลีที่ผู้เข้มแข็ง ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับฝรั่งเศส กับเยอรมนี" มาครงกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..
    ..............
    Sondhi X
    ฝรั่งเศสและสหราอาณาจักร เสนอข้อตกลงหยุดยิง 1 เดือนในยูเครน "ทั้งทางอากาศ ทะเลและโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน" ตามหลังการหารือฉุกเฉินในลอนดอน จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส . ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ลา ฟิกาโร ของฝรั่งเศส ทางมาครง บอกว่าอย่างน้อยๆ ในเบื้องต้น ข้อตกลงดังกล่าวจะไม่ครอบคลุมถึงการสู้รบในภาคพื้น . "ปัญหาคือ จะเป็นเรื่องยากมากที่จะตรวจสอบว่าข้อตกลงได้รับความเคารพหรือไม่ สืบเนื่องจากขนาดของแนวหน้า" เขากล่าว พร้อมระบุกองกำลังสันติภาพจะถูกส่งเข้าประจำการหลังจากนั้น "จะยังไม่มีทหารยุโรปในแผ่นดินของยูเครน ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้" . มาครง แนะนำว่าบรรดาชาติยุโรปควรปรับเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเป็นระหว่าง 3.0% ถึง 3.5% ของจีดีพี ขานรับต่อลำดับความสำคัญที่เปลี่ยนไปของวอชิงตัน และยุทธาภิวัฒน์ของรัสเซีย "สำหรับ 3 ปี รัสเซียใช้จ่ายเงินด้านกลาโหม 10% ของจีดีพี" เขาบอกกับสื่อท้องถิ่น "ดังนั้น เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นถัดจากนี้" . ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของอิตาลีแยกกัน มาครงบอกด้วยว่ายุโรปจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากอิตาลี ในการคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน . ณ ที่ประชุมวิกฤตเมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี ดูเหมือนปฏิเสธแนวโน้มที่ประเทศของเธอจะสนับสนุนกองกำลังสันติภาพใดๆ ในยูเครน โดยบอกว่า "มันไม่เคยอยู่ในวาระการพิจารณา" . "เราต้องการอิตาลี อิตาลีที่ผู้เข้มแข็ง ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับฝรั่งเศส กับเยอรมนี" มาครงกล่าว . อ่านเพิ่มเติม.. .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 927 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD Ryzen AI Max+ Pro 395 "Strix Halo" ได้รับการทดสอบใน CPU Mark ผลการทดสอบเผยให้เห็นว่าซีพียูรุ่นนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่า Intel Core i9 14900HX ถึง 9% ในการทดสอบหลาย ๆ ด้าน และยังมีความเร็วในการประมวลผลแบบ single-core สูงกว่าด้วย

    ซีพียู AMD Ryzen AI Max+ Pro 395 ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการทั้งในด้านการทำงานและการเล่นเกม โดยเฉพาะการใช้กราฟิกในตัวที่มีประสิทธิภาพสูง ซีพียูรุ่นนี้มีหน่วยความจำ LPDDR5X-8533 MT/s ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง

    ที่น่าสนใจคือ ซีพียูรุ่นนี้สามารถเอาชนะซีพียูรุ่นก่อนของ AMD อย่าง Ryzen 9 7945HX ได้ในการทดสอบแบบ single-core แม้ว่าจะยังตามหลังในการทดสอบแบบ multi-core อยู่ก็ตาม

    ในด้านการพัฒนากราฟิก AMD ยังได้เปิดตัว Radeon 8060S ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Radeon 610M ซึ่งทำให้ซีพียู Ryzen AI Max+ Pro 395 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพทั้งในด้านการทำงานและการเล่นเกม

    https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-max-395-strix-halo-benchmarked-in-cpu-mark-outperforms-core-i9-14900hx/
    AMD Ryzen AI Max+ Pro 395 "Strix Halo" ได้รับการทดสอบใน CPU Mark ผลการทดสอบเผยให้เห็นว่าซีพียูรุ่นนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่า Intel Core i9 14900HX ถึง 9% ในการทดสอบหลาย ๆ ด้าน และยังมีความเร็วในการประมวลผลแบบ single-core สูงกว่าด้วย ซีพียู AMD Ryzen AI Max+ Pro 395 ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการทั้งในด้านการทำงานและการเล่นเกม โดยเฉพาะการใช้กราฟิกในตัวที่มีประสิทธิภาพสูง ซีพียูรุ่นนี้มีหน่วยความจำ LPDDR5X-8533 MT/s ที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ที่น่าสนใจคือ ซีพียูรุ่นนี้สามารถเอาชนะซีพียูรุ่นก่อนของ AMD อย่าง Ryzen 9 7945HX ได้ในการทดสอบแบบ single-core แม้ว่าจะยังตามหลังในการทดสอบแบบ multi-core อยู่ก็ตาม ในด้านการพัฒนากราฟิก AMD ยังได้เปิดตัว Radeon 8060S ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Radeon 610M ซึ่งทำให้ซีพียู Ryzen AI Max+ Pro 395 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพทั้งในด้านการทำงานและการเล่นเกม https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-max-395-strix-halo-benchmarked-in-cpu-mark-outperforms-core-i9-14900hx/
    WCCFTECH.COM
    AMD Ryzen AI Max+ Pro 395 "Strix Halo Benchmarked In CPU Mark, Outperforms Core i9 14900HX By 9%
    AMD's flagship Strix Point CPU, the Ryzen AI MAX+ 395, delivers impressive single & multi-core scores as seen in CPU mark tests.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวที่น่าสนใจจาก TechSpot เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีกราฟิก RDNA 4 และ FSR 4 ของ AMD ที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม

    ในการประกาศล่าสุด AMD ได้ระบุว่าสถาปัตยกรรม RDNA 4 มีการออกแบบให้เหมาะสำหรับการแสดงผลความละเอียดสูง โดยชิปกราฟิกใหม่ Radeon 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RX 7900 GRE ถึง 42% เมื่อเล่นเกมที่ความละเอียด 4K Ultra และสูงกว่า 38% ที่ความละเอียด 1440p แม้ว่าอัตราการเพิ่มประสิทธิภาพที่ 1440p จะต่ำกว่า 4K แต่ก็ยังเป็นการเพิ่มที่น่าทึ่ง

    สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการเปิดตัวเทคโนโลยี FSR 4 (FidelityFX Super Resolution) ของ AMD ซึ่งเป็นการอัพสเกลภาพแบบใหม่ที่ใช้ AI ในการประมวลผล โดยในงาน CES ที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า FSR 4 นั้นมีประสิทธิภาพในการอัพสเกลภาพจากความละเอียดต่ำได้ดีกว่ารุ่นก่อน ๆ มาก

    FSR 4 ใช้การประมวลผลแบบ FP8 ซึ่งเป็นความสามารถที่ถูกเพิ่มเข้ามาในสถาปัตยกรรม RDNA 4 ช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น แต่ยังมีข้อจำกัดว่าจะใช้งานได้เฉพาะกับชิปกราฟิก RDNA 4 เท่านั้นในตอนเริ่มต้น

    นอกจากนี้ FSR 4 ยังได้มีการปรับปรุงให้รองรับกับเกมมากกว่า 30 เกมในวันเปิดตัว รวมถึงเกมดังเช่น Kingdom Come: Deliverance 2, Spider-Man 2 และ Call of Duty: Black Ops 6 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาสถาปัตยกรรมกราฟิก

    https://www.techspot.com/news/106978-closer-look-amd-rdna-4-fsr-4-upscaling.html
    มีข่าวที่น่าสนใจจาก TechSpot เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีกราฟิก RDNA 4 และ FSR 4 ของ AMD ที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม ในการประกาศล่าสุด AMD ได้ระบุว่าสถาปัตยกรรม RDNA 4 มีการออกแบบให้เหมาะสำหรับการแสดงผลความละเอียดสูง โดยชิปกราฟิกใหม่ Radeon 9070 XT มีประสิทธิภาพสูงกว่า RX 7900 GRE ถึง 42% เมื่อเล่นเกมที่ความละเอียด 4K Ultra และสูงกว่า 38% ที่ความละเอียด 1440p แม้ว่าอัตราการเพิ่มประสิทธิภาพที่ 1440p จะต่ำกว่า 4K แต่ก็ยังเป็นการเพิ่มที่น่าทึ่ง สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการเปิดตัวเทคโนโลยี FSR 4 (FidelityFX Super Resolution) ของ AMD ซึ่งเป็นการอัพสเกลภาพแบบใหม่ที่ใช้ AI ในการประมวลผล โดยในงาน CES ที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า FSR 4 นั้นมีประสิทธิภาพในการอัพสเกลภาพจากความละเอียดต่ำได้ดีกว่ารุ่นก่อน ๆ มาก FSR 4 ใช้การประมวลผลแบบ FP8 ซึ่งเป็นความสามารถที่ถูกเพิ่มเข้ามาในสถาปัตยกรรม RDNA 4 ช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น แต่ยังมีข้อจำกัดว่าจะใช้งานได้เฉพาะกับชิปกราฟิก RDNA 4 เท่านั้นในตอนเริ่มต้น นอกจากนี้ FSR 4 ยังได้มีการปรับปรุงให้รองรับกับเกมมากกว่า 30 เกมในวันเปิดตัว รวมถึงเกมดังเช่น Kingdom Come: Deliverance 2, Spider-Man 2 และ Call of Duty: Black Ops 6 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาสถาปัตยกรรมกราฟิก https://www.techspot.com/news/106978-closer-look-amd-rdna-4-fsr-4-upscaling.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    A closer look at AMD's RDNA 4 and FSR 4 Upscaling
    After our initial analysis of the Radeon RX 9000 series announcement yesterday and the potential performance implications, let's put pricing aside and focus on some of the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD RDNA 4 ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมระดับสูงและการประมวลผลทางกราฟิก โดยมีคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่น การเพิ่มความสามารถในการแรสเตอร์ไรเซชั่น การประมวลผลคอมพิวเตอร์ และการประมวลผลแสง Ray Tracing

    การปรับปรุงของ RDNA 4 ประกอบด้วย:
    - การเพิ่มประสิทธิภาพในการแรสเตอร์ไรเซชั่นและการประมวลผล
    - ประสิทธิภาพในการประมวลผลแสง Ray Tracing ที่ดีกว่ารุ่นก่อน
    - การรองรับการประมวลผลทางแมทริกซ์ที่มีประสิทธิภาพสูง

    สิ่งที่น่าสนใจคือสถาปัตยกรรม RDNA 4 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในส่วนของ Core IPs ใหม่ โดยมีการปรับปรุงการประมวลผลแบบ SIMD และการประมวลผลทางแมทริกซ์ ซึ่งช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นมาก

    นอกจากนี้ AMD ยังได้พัฒนาเครื่องมือประมวลผลแสง Ray Tracing แบบใหม่ที่มีความสามารถในการแรสเตอร์ไรเซชั่นสูงขึ้น ซึ่งช่วยให้การประมวลผลภาพมีคุณภาพสูงขึ้นและมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีขึ้น

    ในด้านการประมวลผลกราฟิก AMD ได้พัฒนาเครื่องมือประมวลผลแมทริกซ์รุ่นที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น อัตราการประมวลผล Tensor Dense ที่ดีขึ้น และการรองรับข้อมูลแบบ float 8b ซึ่งช่วยให้การประมวลผลภาพและการสร้างภาพมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

    ในการสรุปสถาปัตยกรรม RDNA 4 นี้ มีการปรับปรุงในหลายด้านที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้การประมวลผลกราฟิกมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและเหมาะสำหรับนักเล่นเกมและนักพัฒนาคอนเทนต์ที่ต้องการประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น

    https://wccftech.com/amd-rdna-4-architecture-deep-dive-new-compute-units-raytracing-cores-ai-enhancements-path-tracing/
    AMD RDNA 4 ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมระดับสูงและการประมวลผลทางกราฟิก โดยมีคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่น การเพิ่มความสามารถในการแรสเตอร์ไรเซชั่น การประมวลผลคอมพิวเตอร์ และการประมวลผลแสง Ray Tracing การปรับปรุงของ RDNA 4 ประกอบด้วย: - การเพิ่มประสิทธิภาพในการแรสเตอร์ไรเซชั่นและการประมวลผล - ประสิทธิภาพในการประมวลผลแสง Ray Tracing ที่ดีกว่ารุ่นก่อน - การรองรับการประมวลผลทางแมทริกซ์ที่มีประสิทธิภาพสูง สิ่งที่น่าสนใจคือสถาปัตยกรรม RDNA 4 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในส่วนของ Core IPs ใหม่ โดยมีการปรับปรุงการประมวลผลแบบ SIMD และการประมวลผลทางแมทริกซ์ ซึ่งช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นมาก นอกจากนี้ AMD ยังได้พัฒนาเครื่องมือประมวลผลแสง Ray Tracing แบบใหม่ที่มีความสามารถในการแรสเตอร์ไรเซชั่นสูงขึ้น ซึ่งช่วยให้การประมวลผลภาพมีคุณภาพสูงขึ้นและมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีขึ้น ในด้านการประมวลผลกราฟิก AMD ได้พัฒนาเครื่องมือประมวลผลแมทริกซ์รุ่นที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น อัตราการประมวลผล Tensor Dense ที่ดีขึ้น และการรองรับข้อมูลแบบ float 8b ซึ่งช่วยให้การประมวลผลภาพและการสร้างภาพมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ในการสรุปสถาปัตยกรรม RDNA 4 นี้ มีการปรับปรุงในหลายด้านที่สำคัญ ซึ่งช่วยให้การประมวลผลกราฟิกมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและเหมาะสำหรับนักเล่นเกมและนักพัฒนาคอนเทนต์ที่ต้องการประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น https://wccftech.com/amd-rdna-4-architecture-deep-dive-new-compute-units-raytracing-cores-ai-enhancements-path-tracing/
    WCCFTECH.COM
    AMD RDNA 4 Architecture Deep-Dive: New Compute Units, Upgraded Raytracing Cores, AI Enhancements, & Path Tracing
    AMD has finally unveiled the full architectural details of its next-gen RDNA 4 GPU architecture, which is built from the ground for gamers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD จะไม่รองรับ ROCm สำหรับการ์ดกราฟิก RDNA 4 ที่จะเปิดตัวใหม่ในช่วงแรกของการเปิดตัว RDNA 4 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมกราฟิกใหม่ล่าสุดของ AMD มีกำหนดเปิดตัวในเดือนมีนาคมนี้ การขาดการสนับสนุน ROCm อาจใช้เวลาหลายวัน สัปดาห์ หรือแม้กระทั่งเดือนกว่าที่จะได้รับการรองรับอย่างเป็นทางการ

    ROCm หรือ Radeon Open Compute Ecosystem เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สของ AMD ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการทำงานแบบ HPC และ AI สำหรับผลิตภัณฑ์ระดับผู้บริโภค ROCm ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกในภาคธุรกิจมืออาชีพ แต่ยังคงล้าหลังเมื่อเทียบกับ CUDA ของ Nvidia ซึ่งมีการรองรับสำหรับผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก

    การ์ดกราฟิก RX 9070 XT และ RX 9070 อาจไม่ได้รับการรองรับ ROCm อย่างเป็นทางการในช่วงเปิดตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าการใช้งานซอฟต์แวร์นี้จะไม่ทำงานได้เลย

    สิ่งที่น่าสนใจคือแม้ว่า ROCm จะไม่ได้รับการรองรับทันทีในช่วงเปิดตัว แต่การพัฒนาของ RDNA 4 ยังคงมีความสำคัญและนำเสนอคุณสมบัติที่น่าตื่นเต้นมากมาย AMD กำลังมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และขยายการสนับสนุนซอฟต์แวร์เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้งาน

    เป็นเรื่องที่น่าติดตามว่า AMD จะจัดการกับการรองรับ ROCm สำหรับการ์ดกราฟิก RDNA 4 อย่างไร และการพัฒนานี้จะมีผลกระทบต่อวงการการ์ดกราฟิกและเทคโนโลยีอย่างไรบ้าง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-software-stack-remains-a-weak-spot-rocm-wont-support-rdna-4-at-launch
    AMD จะไม่รองรับ ROCm สำหรับการ์ดกราฟิก RDNA 4 ที่จะเปิดตัวใหม่ในช่วงแรกของการเปิดตัว RDNA 4 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมกราฟิกใหม่ล่าสุดของ AMD มีกำหนดเปิดตัวในเดือนมีนาคมนี้ การขาดการสนับสนุน ROCm อาจใช้เวลาหลายวัน สัปดาห์ หรือแม้กระทั่งเดือนกว่าที่จะได้รับการรองรับอย่างเป็นทางการ ROCm หรือ Radeon Open Compute Ecosystem เป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สของ AMD ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการทำงานแบบ HPC และ AI สำหรับผลิตภัณฑ์ระดับผู้บริโภค ROCm ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกในภาคธุรกิจมืออาชีพ แต่ยังคงล้าหลังเมื่อเทียบกับ CUDA ของ Nvidia ซึ่งมีการรองรับสำหรับผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก การ์ดกราฟิก RX 9070 XT และ RX 9070 อาจไม่ได้รับการรองรับ ROCm อย่างเป็นทางการในช่วงเปิดตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าการใช้งานซอฟต์แวร์นี้จะไม่ทำงานได้เลย สิ่งที่น่าสนใจคือแม้ว่า ROCm จะไม่ได้รับการรองรับทันทีในช่วงเปิดตัว แต่การพัฒนาของ RDNA 4 ยังคงมีความสำคัญและนำเสนอคุณสมบัติที่น่าตื่นเต้นมากมาย AMD กำลังมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และขยายการสนับสนุนซอฟต์แวร์เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้งาน เป็นเรื่องที่น่าติดตามว่า AMD จะจัดการกับการรองรับ ROCm สำหรับการ์ดกราฟิก RDNA 4 อย่างไร และการพัฒนานี้จะมีผลกระทบต่อวงการการ์ดกราฟิกและเทคโนโลยีอย่างไรบ้าง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-software-stack-remains-a-weak-spot-rocm-wont-support-rdna-4-at-launch
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD เพิ่งเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับชิปกราฟิกตัวใหม่ในตระกูล Radeon RX 9000 ที่ใช้เทคโนโลยี RDNA 4 หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ Navi 48 ซึ่งเป็นชิปกราฟิกที่มีความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์สูงถึง 150 ล้านทรานซิสเตอร์ต่อมิลลิเมตร² เมื่อเทียบกับชิป GB203 ของ Nvidia ที่มีความหนาแน่น 120 ล้านทรานซิสเตอร์ต่อมิลลิเมตร² โดย Navi 48 มีขนาดไดต่ำกว่าที่ประมาณ 357 มิลลิเมตร² ในขณะที่ GB203 ของ Nvidia มีขนาดใหญ่กว่า

    นอกจากนั้น Navi 48 มีทรานซิสเตอร์ถึง 53.9 พันล้านตัว ซึ่งมากกว่าทรานซิสเตอร์ 45.6 พันล้านตัวของ GB203 อย่างมาก การออกแบบนี้ทำให้ Navi 48 มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยการเพิ่มแคช L3 ขนาด 64MB บนชิปนี้ นอกจากนี้ AMD ยังมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีการประมวลผลกราฟิกเช่น Ray Tracing และ FidelityFX Super Resolution (FSR) 4 ที่ทันสมัยขึ้น

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ AMD ตัดสินใจกลับมาใช้การออกแบบชิปแบบ Monolithic Die หลังจากที่เคยใช้การออกแบบแบบ Chiplet Style ใน RDNA 3 ซึ่งการตัดสินใจนี้ไม่ได้ลดความหนาแน่นหรือประสิทธิภาพของชิปลง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-rdna4-navi-48-is-25-percent-denser-than-nvidia-blackwell-gpus-53-9-billion-transistors-in-a-die-smaller-than-gb203
    AMD เพิ่งเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับชิปกราฟิกตัวใหม่ในตระกูล Radeon RX 9000 ที่ใช้เทคโนโลยี RDNA 4 หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ Navi 48 ซึ่งเป็นชิปกราฟิกที่มีความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์สูงถึง 150 ล้านทรานซิสเตอร์ต่อมิลลิเมตร² เมื่อเทียบกับชิป GB203 ของ Nvidia ที่มีความหนาแน่น 120 ล้านทรานซิสเตอร์ต่อมิลลิเมตร² โดย Navi 48 มีขนาดไดต่ำกว่าที่ประมาณ 357 มิลลิเมตร² ในขณะที่ GB203 ของ Nvidia มีขนาดใหญ่กว่า นอกจากนั้น Navi 48 มีทรานซิสเตอร์ถึง 53.9 พันล้านตัว ซึ่งมากกว่าทรานซิสเตอร์ 45.6 พันล้านตัวของ GB203 อย่างมาก การออกแบบนี้ทำให้ Navi 48 มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยการเพิ่มแคช L3 ขนาด 64MB บนชิปนี้ นอกจากนี้ AMD ยังมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีการประมวลผลกราฟิกเช่น Ray Tracing และ FidelityFX Super Resolution (FSR) 4 ที่ทันสมัยขึ้น สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ AMD ตัดสินใจกลับมาใช้การออกแบบชิปแบบ Monolithic Die หลังจากที่เคยใช้การออกแบบแบบ Chiplet Style ใน RDNA 3 ซึ่งการตัดสินใจนี้ไม่ได้ลดความหนาแน่นหรือประสิทธิภาพของชิปลง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-rdna4-navi-48-is-25-percent-denser-than-nvidia-blackwell-gpus-53-9-billion-transistors-in-a-die-smaller-than-gb203
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sam Altman CEO ของ OpenAI ได้กล่าวว่าการเปิดตัวของ GPT-4.5 ต้องถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากขาดแคลนหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPUs) ที่จำเป็นต่อการใช้งานโมเดลนี้ อย่างไรก็ตาม มีการเตรียมส่งมอบ GPUs หลายหมื่นตัวในสัปดาห์หน้าเพื่อรองรับการขยายโมเดล GPT-4.5 ให้แก่ผู้ใช้ทั่วไป

    เรื่องที่น่าสนใจคือ OpenAI และ Microsoft กำลังสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่มีมูลค่าสูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีโครงการขยายศูนย์ข้อมูลอื่น ๆ ทั่วโลกที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผล AI อย่างมากมาย

    นอกจากนั้น บริษัทผู้ผลิตชิป Nvidia ก็กำลังมีความต้องการสูงเนื่องจากหน่วยประมวลผลรุ่น Blackwell ของพวกเขาถูกขายหมดจนถึงเดือนตุลาคมปีนี้ การขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ Microsoft CEO Satya Nadella กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการสร้างระบบ AI มากเกินไป แต่ในขณะเดียวกันโมเดล AI ก็กำลังพัฒนาและต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้นเรื่อย ๆ

    ความเป็นจริงที่น่าตื่นเต้นคือการพัฒนา AI อย่าง GPT-4.5 ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก แต่มีค่าใช้จ่ายสูงอย่างมากเช่นกัน ทำให้การใช้งานโมเดลนี้จะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการพัฒนา AI ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-has-run-out-of-gpus-says-sam-altman-gpt-4-5-rollout-delayed-due-to-lack-of-processing-power
    Sam Altman CEO ของ OpenAI ได้กล่าวว่าการเปิดตัวของ GPT-4.5 ต้องถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากขาดแคลนหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPUs) ที่จำเป็นต่อการใช้งานโมเดลนี้ อย่างไรก็ตาม มีการเตรียมส่งมอบ GPUs หลายหมื่นตัวในสัปดาห์หน้าเพื่อรองรับการขยายโมเดล GPT-4.5 ให้แก่ผู้ใช้ทั่วไป เรื่องที่น่าสนใจคือ OpenAI และ Microsoft กำลังสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่มีมูลค่าสูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีโครงการขยายศูนย์ข้อมูลอื่น ๆ ทั่วโลกที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผล AI อย่างมากมาย นอกจากนั้น บริษัทผู้ผลิตชิป Nvidia ก็กำลังมีความต้องการสูงเนื่องจากหน่วยประมวลผลรุ่น Blackwell ของพวกเขาถูกขายหมดจนถึงเดือนตุลาคมปีนี้ การขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ Microsoft CEO Satya Nadella กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการสร้างระบบ AI มากเกินไป แต่ในขณะเดียวกันโมเดล AI ก็กำลังพัฒนาและต้องการพลังการประมวลผลมากขึ้นเรื่อย ๆ ความเป็นจริงที่น่าตื่นเต้นคือการพัฒนา AI อย่าง GPT-4.5 ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก แต่มีค่าใช้จ่ายสูงอย่างมากเช่นกัน ทำให้การใช้งานโมเดลนี้จะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการพัฒนา AI ในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-has-run-out-of-gpus-says-sam-altman-gpt-4-5-rollout-delayed-due-to-lack-of-processing-power
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้เปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ในซีรีส์ Radeon RX 9070 แล้ว.... (สักที) ซึ่งจะประกอบด้วยรุ่น RX 9070 XT และ RX 9070 โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 6 มีนาคมนี้

    รายละเอียดของการ์ดจอรุ่นใหม่
    - Radeon RX 9070 XT มีราคาเริ่มต้นที่ $599
    - Radeon RX 9070 มีราคาเริ่มต้นที่ $549

    ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับหน่วยความจำ VRAM ขนาด 16GB และการเชื่อมต่อแบบ PCIe 5.0

    การ์ดจอรุ่น RX 9070 XT ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในด้านการเรย์เทรซิ่งและการประมวลผลกราฟิกที่มีความละเอียดสูง ในการทดสอบภายในของ AMD การ์ดจอนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่า RX 7900 GRE ถึง 42% เมื่อใช้งานในกราฟิกที่มีความละเอียด 4K แบบเนทีฟ นอกจากนี้ AMD ยังกล่าวว่ารุ่นนี้สามารถแข่งขันกับ Nvidia RTX 5070 Ti ได้ในหลายเกม และมีความเร็วมากกว่า 24% ในเกมเช่น Call of Duty Black Ops 6

    RX 9070 XT ยังเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเรย์เทรซิ่ง โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 Ti ประมาณ 8% แต่อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงว่า สถิติเหล่านี้มาจากการทดสอบของ AMD เองและยังไม่ได้นำปัจจัยอื่นๆ เช่น เทคโนโลยี Multi-Frame Generation ของ Nvidia มาคำนวณ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ต้องรอการทดสอบจากผู้ใช้งานจริงเพิ่มเติม

    การเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นนี้ทำให้ตลาดการ์ดจอมีการแข่งขันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของการ์ดจอราคาประหยัด RX 9070 XT ถูกคาดหวังว่าจะเป็นการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5070 Ti ที่มีราคาสูงถึง $749 ความพร้อมในการจำหน่ายและราคาที่ต่ำกว่า อาจทำให้ RX 9070 XT กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาประหยัด

    ลุงสรุปให้ว่า ถ้าขายราคานี้ +15% เป็นค่าภาษีและกำไร... ซื้อโลด!!!!

    https://www.techradar.com/computing/gpu/finally-we-have-some-gpu-competition-amd-announces-the-radeon-rx-9070-xt-march-6-launch-date-starting-at-usd599-alongside-the-rx-9070-at-usd549
    AMD ได้เปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ในซีรีส์ Radeon RX 9070 แล้ว.... (สักที) ซึ่งจะประกอบด้วยรุ่น RX 9070 XT และ RX 9070 โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 6 มีนาคมนี้ รายละเอียดของการ์ดจอรุ่นใหม่ - Radeon RX 9070 XT มีราคาเริ่มต้นที่ $599 - Radeon RX 9070 มีราคาเริ่มต้นที่ $549 ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับหน่วยความจำ VRAM ขนาด 16GB และการเชื่อมต่อแบบ PCIe 5.0 การ์ดจอรุ่น RX 9070 XT ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในด้านการเรย์เทรซิ่งและการประมวลผลกราฟิกที่มีความละเอียดสูง ในการทดสอบภายในของ AMD การ์ดจอนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่า RX 7900 GRE ถึง 42% เมื่อใช้งานในกราฟิกที่มีความละเอียด 4K แบบเนทีฟ นอกจากนี้ AMD ยังกล่าวว่ารุ่นนี้สามารถแข่งขันกับ Nvidia RTX 5070 Ti ได้ในหลายเกม และมีความเร็วมากกว่า 24% ในเกมเช่น Call of Duty Black Ops 6 RX 9070 XT ยังเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเรย์เทรซิ่ง โดยมีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 5070 Ti ประมาณ 8% แต่อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงว่า สถิติเหล่านี้มาจากการทดสอบของ AMD เองและยังไม่ได้นำปัจจัยอื่นๆ เช่น เทคโนโลยี Multi-Frame Generation ของ Nvidia มาคำนวณ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ต้องรอการทดสอบจากผู้ใช้งานจริงเพิ่มเติม การเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นนี้ทำให้ตลาดการ์ดจอมีการแข่งขันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของการ์ดจอราคาประหยัด RX 9070 XT ถูกคาดหวังว่าจะเป็นการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5070 Ti ที่มีราคาสูงถึง $749 ความพร้อมในการจำหน่ายและราคาที่ต่ำกว่า อาจทำให้ RX 9070 XT กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงในราคาประหยัด ลุงสรุปให้ว่า ถ้าขายราคานี้ +15% เป็นค่าภาษีและกำไร... ซื้อโลด!!!! https://www.techradar.com/computing/gpu/finally-we-have-some-gpu-competition-amd-announces-the-radeon-rx-9070-xt-march-6-launch-date-starting-at-usd599-alongside-the-rx-9070-at-usd549
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • 39 ปี ลอบสังหารนายกสวีเดน "อูลอฟ พัลเมอ" คดีปริศนาที่ใช้เวลาสืบสวนนาน 34 ปี

    🕵️‍♂️ เหตุการณ์ลอบสังหารผู้นำประเทศ ที่เป็นปริศนายาวนานที่สุดในโลก ย้อนไปเมื่อ 39 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 สวีเดนต้องเผชิญกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อ "อูลอฟ พัลเมอ" (Olof Palme) นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ถูกลอบสังหารกลางกรุงสต็อกโฮล์ม คดีนี้ใช้เวลาสืบสวนนานถึง 34 ปี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะประกาศปิดคดี โดยมีการตั้งข้อสงสัยว่า "สตีก เอ็งสเตริม" (Stig Engström) เป็นผู้ก่อเหตุ แต่เจ้าตัวเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2543

    นี่คือหนึ่งในคดีฆาตกรรมทางการเมือง ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และยังคงเป็นที่ถกเถียง ในแวดวงกฎหมายและสื่อมวลชน มาจนถึงปัจจุบัน

    🔎 นายกรัฐมนตรีสวีเดน ผู้ทรงอิทธิพลและขั้วขัดแย้ง ✨ "สเวน อูลอฟ โยอาคิม พัลเมอ" (Sven Olof Joachim Palme) เกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2470 เป็นนักการเมืองคนสำคัญของสวีเดน และเป็นผู้นำของพรรคสังคมประชาธิปไตยสวีเดน (Social Democrats - SAP)

    📌 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย
    - วาระแรก พ.ศ. 2512 - 2519
    - วาระที่สอง พ.ศ. 2525 - 2529

    นายกพัลเมอเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้า สนับสนุนสิทธิแรงงาน สวัสดิการสังคม และต่อต้านสงคราม มีนโยบายที่ไม่ฝักใฝ่ขั้วมหาอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา หรือสหภาพโซเวียต ทำให้ถูกมองว่า เป็นบุคคลที่ "แตกต่าง" ในเวทีการเมืองโลก

    🌍 นักการเมืองที่กล้าท้าทายอำนาจโลก นายกพัลเมอเป็นผู้นำชาวตะวันตกคนแรกที่
    ✅ เดินทางไปเยือนคิวบา และพบกับ "ฟิเดล คาสโตร" หลังการปฏิวัติคิวบา
    ✅ วิพากษ์วิจารณ์ลัทธิจักรวรรดินิยม และการปกครองแบบเผด็จการ
    ✅ ต่อต้านระบอบแบ่งแยกสีผิวในแอฟริกาใต้
    ✅ เปรียบเทียบการทิ้งระเบิดฮานอยของสหรัฐฯ กับ "อาชญากรรมสงคราม"

    📢 ความกล้าของนายกพัลเมอ ทำให้มีทั้งผู้สนับสนุนและศัตรูมากมาย และนั่นอาจเป็นสาเหตุ ที่นำไปสู่การลอบสังหารในท้ายที่สุด

    🔫 คืนสังหาร 28 กุมภาพันธ์ 2529 คืนวันศุกร์ที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์สวีเดนตลอดกาล 🌃

    📍 เหตุเกิดที่ถนนสเวียแวเกน (Sveavägen) หนึ่งในถนนที่คึกคักที่สุด ของกรุงสต็อกโฮล์ม

    🚶‍♂️ ไม่มีการ์ดคุ้มกัน ในคืนนั้น นายกพัลเมอและภรรยา "ลิสเบต พัลเมอ" (Lisbeth Palme) ตัดสินใจไปชมภาพยนตร์ "The Mozart Brothers" โดย ไม่ได้มีบอดี้การ์ดไปด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับนายกพัลเมอ

    🕵️‍♂️ มือปืนลอบสังหาร เวลา 23.21 น. นายกพัลเมอและภรรยา เดินออกจากโรงภาพยนตร์ มือปืนเดินปรี่เข้ามาจากด้านหลัง และจ่อยิงนายกพัลเมอเข้ากลางหลังหนึ่งนัด ด้วยปืนลูกโม่ .357 แม็กนัม เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ และจ่อยิงภรรยานายกพัลเมออีกหนึ่งนัด แล้วหลบหนีไป โดยไม่มีใครสามารถจับตัวได้

    💥 การลอบสังหารครั้งนี้ เป็นการฆาตกรรมผู้นำประเทศสวีเดนครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2335 ใช้เวลาสืบสวนที่ยาวนาน 34 ปี 🏛️

    🔍 การสอบสวนครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์สวีเดน มีพยานถูกสอบปากคำหลายพันคน บุคคลที่ถูกสอบสวนในฐานะผู้ต้องสงสัย มากกว่า 130 ราย คดีนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบตำรวจ และกฎหมายของสวีเดน

    👤 ผู้ต้องสงสัยรายแรก "คริสเตอร์ เพ็ตเตอช็อน"
    ปี 2531 ตำรวจจับกุม "คริสเตอร์ เพ็ตเตอช็อน" (Christer Pettersson) ชายติดยาในพื้นที่ และศาลตัดสินว่า มีความผิดฐานฆาตกรรม

    ❌ แต่ภายหลัง ศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสิน และปล่อยตัวเขาเป็นอิสระ เนื่องจาก
    1️⃣ ไม่มีหลักฐานชัดเจน
    2️⃣ อาวุธที่ใช้ก่อเหตุไม่เคยถูกพบ
    3️⃣ แรงจูงใจในการสังหารไม่ชัดเจน

    เพ็ตเตอช็อนเสียชีวิตในปี 2547 ทำให้การสืบสวน หวนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

    🛑 ปิดคดีในปี 2563: ฆาตกรคือ "สกันเดียแมน"?
    🔎 ในเดือน มิถุนายน 2563 คณะอัยการสวีเดนประกาศว่า

    👉 สตีก เอ็งสเตริม (Stig Engström) หรือ "สกันเดียแมน" เป็นผู้ต้องสงสัยหลัก

    👨‍💼 "สกันเดียแมน" เป็นนักออกแบบกราฟิก ทำงานที่บริษัท "สกันเดีย" (Skandia) ใกล้ที่เกิดเหตุ มีทักษะในการใช้ปืน ได้วิพากษ์วิจารณ์นายกพัลเมออย่างรุนแรง อีกทั้งยังมีปัญหาด้านการเงิน และติดสุรา

    💀 แต่ปัญหาคือ เอ็งสเตริมเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2543 ทำให้ ไม่มีทางนำตัวมาพิจารณาคดีในชั้นศาลได้

    📢 "การสืบสวนจึงถูกปิด โดยไม่มีการตั้งข้อหาใด ๆ"

    🤔 คำถามที่ยังไร้คำตอบ
    ❓ แรงจูงใจของฆาตกรคืออะไร?
    ❓ เป็นแผนลอบสังหาร จากรัฐบาลเผด็จการหรือไม่?
    ❓ มีองค์กรลับอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า?
    ❓ เหตุใดตำรวจถึงใช้เวลานานถึง 34 ปี ในการสรุปคดีนี้?

    แม้ว่าอัยการจะปิดคดีนี้ไปแล้ว แต่ข้อสงสัยมากมายยังคงอยู่ ทำให้เหตุการณ์นี้กลายเป็น "ปริศนาแห่งสวีเดน" ที่จะถูกพูดถึงไปอีกนาน

    🔥 คดีฆาตกรรมที่สะเทือนโลก
    📌 "อูลอฟ พัลเมอ" เป็นนายกฯ ที่มีอุดมการณ์ชัดเจน
    📌 ถูกลอบสังหารกลางกรุงสต็อกโฮล์ม ในปี 2529
    📌 คดีนี้สืบสวนนาน 34 ปี ก่อนสรุปว่า "สตีก เอ็งสเตริม" เป็นมือปืน
    📌 คดีถูกปิด แต่คำถามมากมาย ยังคงไม่มีคำตอบ

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 282037 ก.พ. 2568

    #OlofPalme #ฆาตกรรมปริศนา #ลอบสังหาร #คดีดัง #สวีเดน #TrueCrime
    39 ปี ลอบสังหารนายกสวีเดน "อูลอฟ พัลเมอ" คดีปริศนาที่ใช้เวลาสืบสวนนาน 34 ปี 🕵️‍♂️ เหตุการณ์ลอบสังหารผู้นำประเทศ ที่เป็นปริศนายาวนานที่สุดในโลก ย้อนไปเมื่อ 39 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 สวีเดนต้องเผชิญกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อ "อูลอฟ พัลเมอ" (Olof Palme) นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ถูกลอบสังหารกลางกรุงสต็อกโฮล์ม คดีนี้ใช้เวลาสืบสวนนานถึง 34 ปี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะประกาศปิดคดี โดยมีการตั้งข้อสงสัยว่า "สตีก เอ็งสเตริม" (Stig Engström) เป็นผู้ก่อเหตุ แต่เจ้าตัวเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2543 นี่คือหนึ่งในคดีฆาตกรรมทางการเมือง ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และยังคงเป็นที่ถกเถียง ในแวดวงกฎหมายและสื่อมวลชน มาจนถึงปัจจุบัน 🔎 นายกรัฐมนตรีสวีเดน ผู้ทรงอิทธิพลและขั้วขัดแย้ง ✨ "สเวน อูลอฟ โยอาคิม พัลเมอ" (Sven Olof Joachim Palme) เกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2470 เป็นนักการเมืองคนสำคัญของสวีเดน และเป็นผู้นำของพรรคสังคมประชาธิปไตยสวีเดน (Social Democrats - SAP) 📌 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย - วาระแรก พ.ศ. 2512 - 2519 - วาระที่สอง พ.ศ. 2525 - 2529 นายกพัลเมอเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้า สนับสนุนสิทธิแรงงาน สวัสดิการสังคม และต่อต้านสงคราม มีนโยบายที่ไม่ฝักใฝ่ขั้วมหาอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา หรือสหภาพโซเวียต ทำให้ถูกมองว่า เป็นบุคคลที่ "แตกต่าง" ในเวทีการเมืองโลก 🌍 นักการเมืองที่กล้าท้าทายอำนาจโลก นายกพัลเมอเป็นผู้นำชาวตะวันตกคนแรกที่ ✅ เดินทางไปเยือนคิวบา และพบกับ "ฟิเดล คาสโตร" หลังการปฏิวัติคิวบา ✅ วิพากษ์วิจารณ์ลัทธิจักรวรรดินิยม และการปกครองแบบเผด็จการ ✅ ต่อต้านระบอบแบ่งแยกสีผิวในแอฟริกาใต้ ✅ เปรียบเทียบการทิ้งระเบิดฮานอยของสหรัฐฯ กับ "อาชญากรรมสงคราม" 📢 ความกล้าของนายกพัลเมอ ทำให้มีทั้งผู้สนับสนุนและศัตรูมากมาย และนั่นอาจเป็นสาเหตุ ที่นำไปสู่การลอบสังหารในท้ายที่สุด 🔫 คืนสังหาร 28 กุมภาพันธ์ 2529 คืนวันศุกร์ที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์สวีเดนตลอดกาล 🌃 📍 เหตุเกิดที่ถนนสเวียแวเกน (Sveavägen) หนึ่งในถนนที่คึกคักที่สุด ของกรุงสต็อกโฮล์ม 🚶‍♂️ ไม่มีการ์ดคุ้มกัน ในคืนนั้น นายกพัลเมอและภรรยา "ลิสเบต พัลเมอ" (Lisbeth Palme) ตัดสินใจไปชมภาพยนตร์ "The Mozart Brothers" โดย ไม่ได้มีบอดี้การ์ดไปด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับนายกพัลเมอ 🕵️‍♂️ มือปืนลอบสังหาร เวลา 23.21 น. นายกพัลเมอและภรรยา เดินออกจากโรงภาพยนตร์ มือปืนเดินปรี่เข้ามาจากด้านหลัง และจ่อยิงนายกพัลเมอเข้ากลางหลังหนึ่งนัด ด้วยปืนลูกโม่ .357 แม็กนัม เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ และจ่อยิงภรรยานายกพัลเมออีกหนึ่งนัด แล้วหลบหนีไป โดยไม่มีใครสามารถจับตัวได้ 💥 การลอบสังหารครั้งนี้ เป็นการฆาตกรรมผู้นำประเทศสวีเดนครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2335 ใช้เวลาสืบสวนที่ยาวนาน 34 ปี 🏛️ 🔍 การสอบสวนครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์สวีเดน มีพยานถูกสอบปากคำหลายพันคน บุคคลที่ถูกสอบสวนในฐานะผู้ต้องสงสัย มากกว่า 130 ราย คดีนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบตำรวจ และกฎหมายของสวีเดน 👤 ผู้ต้องสงสัยรายแรก "คริสเตอร์ เพ็ตเตอช็อน" ปี 2531 ตำรวจจับกุม "คริสเตอร์ เพ็ตเตอช็อน" (Christer Pettersson) ชายติดยาในพื้นที่ และศาลตัดสินว่า มีความผิดฐานฆาตกรรม ❌ แต่ภายหลัง ศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสิน และปล่อยตัวเขาเป็นอิสระ เนื่องจาก 1️⃣ ไม่มีหลักฐานชัดเจน 2️⃣ อาวุธที่ใช้ก่อเหตุไม่เคยถูกพบ 3️⃣ แรงจูงใจในการสังหารไม่ชัดเจน เพ็ตเตอช็อนเสียชีวิตในปี 2547 ทำให้การสืบสวน หวนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง 🛑 ปิดคดีในปี 2563: ฆาตกรคือ "สกันเดียแมน"? 🔎 ในเดือน มิถุนายน 2563 คณะอัยการสวีเดนประกาศว่า 👉 สตีก เอ็งสเตริม (Stig Engström) หรือ "สกันเดียแมน" เป็นผู้ต้องสงสัยหลัก 👨‍💼 "สกันเดียแมน" เป็นนักออกแบบกราฟิก ทำงานที่บริษัท "สกันเดีย" (Skandia) ใกล้ที่เกิดเหตุ มีทักษะในการใช้ปืน ได้วิพากษ์วิจารณ์นายกพัลเมออย่างรุนแรง อีกทั้งยังมีปัญหาด้านการเงิน และติดสุรา 💀 แต่ปัญหาคือ เอ็งสเตริมเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2543 ทำให้ ไม่มีทางนำตัวมาพิจารณาคดีในชั้นศาลได้ 📢 "การสืบสวนจึงถูกปิด โดยไม่มีการตั้งข้อหาใด ๆ" 🤔 คำถามที่ยังไร้คำตอบ ❓ แรงจูงใจของฆาตกรคืออะไร? ❓ เป็นแผนลอบสังหาร จากรัฐบาลเผด็จการหรือไม่? ❓ มีองค์กรลับอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า? ❓ เหตุใดตำรวจถึงใช้เวลานานถึง 34 ปี ในการสรุปคดีนี้? แม้ว่าอัยการจะปิดคดีนี้ไปแล้ว แต่ข้อสงสัยมากมายยังคงอยู่ ทำให้เหตุการณ์นี้กลายเป็น "ปริศนาแห่งสวีเดน" ที่จะถูกพูดถึงไปอีกนาน 🔥 คดีฆาตกรรมที่สะเทือนโลก 📌 "อูลอฟ พัลเมอ" เป็นนายกฯ ที่มีอุดมการณ์ชัดเจน 📌 ถูกลอบสังหารกลางกรุงสต็อกโฮล์ม ในปี 2529 📌 คดีนี้สืบสวนนาน 34 ปี ก่อนสรุปว่า "สตีก เอ็งสเตริม" เป็นมือปืน 📌 คดีถูกปิด แต่คำถามมากมาย ยังคงไม่มีคำตอบ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 282037 ก.พ. 2568 #OlofPalme #ฆาตกรรมปริศนา #ลอบสังหาร #คดีดัง #สวีเดน #TrueCrime
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • Solidigm ได้เปิดตัว SSD รุ่นใหม่ที่มีความจุสูงถึง 122.88TB เป็นครั้งแรกในโลก โดยมีชื่อรุ่นว่า Solidigm D5-P5336 SSD รุ่นนี้ถูกใช้ในการทดสอบการรันโมเดล AI บนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก Nvidia Jetson Orin Nano Super

    Solidigm D5-P5336 เป็น SSD แบบ QLC ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อแบบ PCIe Gen 4 โดยมีความเร็วในการอ่านแบบลำดับสูงสุดที่ 7.1 GB/s และความเร็วในการเขียนแบบลำดับสูงสุดที่ 3.3 GB/s รวมถึงประสิทธิภาพการอ่านแบบสุ่มสูงถึง 1,269,000 IOPS ซึ่งทำให้ SSD นี้มีประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากและใช้งานในงานประมวลผลที่ซับซ้อนได้ดีมาก

    การทดสอบการรันโมเดล AI ทีมงานจาก StorageReview ได้ทำการทดสอบ Nvidia Jetson Orin Nano Super ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์บอร์ดเดี่ยวขนาดเล็กที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI ที่มีซีพียู 6 คอร์, GPU Ampere 1024 คอร์, และ RAM LPDDR5 ขนาด 8GB โดยใช้ SSD Solidigm D5-P5336 เพื่อรันโมเดล AI ที่ซับซ้อน

    เนื่องจากข้อจำกัดของหน่วยความจำกราฟิกบน Nano Super ทำให้การรันโมเดลที่มีพารามิเตอร์พันล้านต้องใช้วิธีการที่นวัตกรรม ทีมงานได้ใช้เทคนิคการโหลดเลเยอร์โมเดลแบบไดนามิกเพื่อข้ามข้อจำกัดนี้ และสามารถรันโมเดล DeepSeek R1 70B Distilled ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าที่สามารถรันบน Nano Super ปกติถึง 45 เท่า

    ความท้าทายในการทดสอบ การทดสอบพบว่าการประมวลผลด้วย Nano Super มีข้อจำกัดในด้านความเร็ว เนื่องจากการเชื่อมต่อแบบ PCIe Gen 3 ทำให้ SSD ไม่สามารถแสดงศักยภาพสูงสุดได้ อย่างไรก็ตาม Nano Super ยังสามารถทำความเร็วในการอ่านได้สูงถึง 2.5GB/s และสามารถรันโมเดล AI ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ แม้ว่าจะใช้เวลาในการสร้างโทเค็นนานถึง 4.5 นาทีต่อโทเค็น ซึ่งไม่เหมาะสำหรับการใช้งาน AI แบบเรียลไทม์

    https://www.techradar.com/pro/worlds-first-122-88tb-ssd-gets-reviewed-with-two-very-odd-bedfellows-the-controversial-deepseek-and-nvidias-jetson-orin-ai-sbc
    Solidigm ได้เปิดตัว SSD รุ่นใหม่ที่มีความจุสูงถึง 122.88TB เป็นครั้งแรกในโลก โดยมีชื่อรุ่นว่า Solidigm D5-P5336 SSD รุ่นนี้ถูกใช้ในการทดสอบการรันโมเดล AI บนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก Nvidia Jetson Orin Nano Super Solidigm D5-P5336 เป็น SSD แบบ QLC ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อแบบ PCIe Gen 4 โดยมีความเร็วในการอ่านแบบลำดับสูงสุดที่ 7.1 GB/s และความเร็วในการเขียนแบบลำดับสูงสุดที่ 3.3 GB/s รวมถึงประสิทธิภาพการอ่านแบบสุ่มสูงถึง 1,269,000 IOPS ซึ่งทำให้ SSD นี้มีประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากและใช้งานในงานประมวลผลที่ซับซ้อนได้ดีมาก การทดสอบการรันโมเดล AI ทีมงานจาก StorageReview ได้ทำการทดสอบ Nvidia Jetson Orin Nano Super ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์บอร์ดเดี่ยวขนาดเล็กที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI ที่มีซีพียู 6 คอร์, GPU Ampere 1024 คอร์, และ RAM LPDDR5 ขนาด 8GB โดยใช้ SSD Solidigm D5-P5336 เพื่อรันโมเดล AI ที่ซับซ้อน เนื่องจากข้อจำกัดของหน่วยความจำกราฟิกบน Nano Super ทำให้การรันโมเดลที่มีพารามิเตอร์พันล้านต้องใช้วิธีการที่นวัตกรรม ทีมงานได้ใช้เทคนิคการโหลดเลเยอร์โมเดลแบบไดนามิกเพื่อข้ามข้อจำกัดนี้ และสามารถรันโมเดล DeepSeek R1 70B Distilled ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าที่สามารถรันบน Nano Super ปกติถึง 45 เท่า ความท้าทายในการทดสอบ การทดสอบพบว่าการประมวลผลด้วย Nano Super มีข้อจำกัดในด้านความเร็ว เนื่องจากการเชื่อมต่อแบบ PCIe Gen 3 ทำให้ SSD ไม่สามารถแสดงศักยภาพสูงสุดได้ อย่างไรก็ตาม Nano Super ยังสามารถทำความเร็วในการอ่านได้สูงถึง 2.5GB/s และสามารถรันโมเดล AI ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ แม้ว่าจะใช้เวลาในการสร้างโทเค็นนานถึง 4.5 นาทีต่อโทเค็น ซึ่งไม่เหมาะสำหรับการใช้งาน AI แบบเรียลไทม์ https://www.techradar.com/pro/worlds-first-122-88tb-ssd-gets-reviewed-with-two-very-odd-bedfellows-the-controversial-deepseek-and-nvidias-jetson-orin-ai-sbc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้เปิดตัวเทคโนโลยี FSR 4 สำหรับการเพิ่มคุณภาพภาพเกม ซึ่งจะสามารถรองรับเกมมากกว่า 30 เกมเมื่อเปิดตัว และมีแผนที่จะรองรับถึง 75 เกมภายในสิ้นปีนี้

    FSR 4 (FidelityFX Super Resolution 4) เป็นเทคโนโลยีการเพิ่มความละเอียดของภาพที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างภาพที่คมชัดและมีรายละเอียดสูงขึ้นจากภาพต้นฉบับที่มีความละเอียดต่ำกว่า โดยเทคโนโลยีนี้จะถูกใช้ร่วมกับกราฟิกการ์ด Radeon RX 9070 รุ่นใหม่ที่ AMD จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้

    มีการรายงานว่าเกมที่คาดว่าจะรองรับ FSR 4 ตั้งแต่เปิดตัว ได้แก่:
    - Call of Duty: Black Ops 6
    - Marvel Rivals
    - Civilization 7
    - Horizon Zero Dawn Remastered
    - และอีกหลายเกม

    นอกจากนี้, FSR 4 ยังมีการปรับปรุงคุณภาพภาพอย่างมีนัยสำคัญจาก FSR 3.1 เช่นในเกม Ratchet & Clank: Rift Apart ที่ถูกนำมาแสดงในงาน CES ล่าสุด ความสามารถในการเพิ่มความละเอียดของ FSR 4 ทำให้ภาพเกมมีคุณภาพใกล้เคียงกับ Nvidia DLSS ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่คล้ายกันของคู่แข่ง

    การที่ AMD ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างภาพใหม่จากข้อมูลเดิมช่วยให้เกมมีประสิทธิภาพและความสวยงามที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องใช้พลังงานมากเกินไป ทำให้การเล่นเกมบนกราฟิกการ์ดของ AMD มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

    นอกจากเกมที่รองรับอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถปรับใช้ FSR 4 ในเกมที่รองรับ FSR 3.1 โดยการเปิดใช้งานผ่านตัวเลือกในเกม ทำให้มีเกมหลายร้อยเกมที่อาจรองรับ FSR 4 ในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/106956-amd-fsr4-support-over-30-games-launch-75.html
    AMD ได้เปิดตัวเทคโนโลยี FSR 4 สำหรับการเพิ่มคุณภาพภาพเกม ซึ่งจะสามารถรองรับเกมมากกว่า 30 เกมเมื่อเปิดตัว และมีแผนที่จะรองรับถึง 75 เกมภายในสิ้นปีนี้ FSR 4 (FidelityFX Super Resolution 4) เป็นเทคโนโลยีการเพิ่มความละเอียดของภาพที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างภาพที่คมชัดและมีรายละเอียดสูงขึ้นจากภาพต้นฉบับที่มีความละเอียดต่ำกว่า โดยเทคโนโลยีนี้จะถูกใช้ร่วมกับกราฟิกการ์ด Radeon RX 9070 รุ่นใหม่ที่ AMD จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ มีการรายงานว่าเกมที่คาดว่าจะรองรับ FSR 4 ตั้งแต่เปิดตัว ได้แก่: - Call of Duty: Black Ops 6 - Marvel Rivals - Civilization 7 - Horizon Zero Dawn Remastered - และอีกหลายเกม นอกจากนี้, FSR 4 ยังมีการปรับปรุงคุณภาพภาพอย่างมีนัยสำคัญจาก FSR 3.1 เช่นในเกม Ratchet & Clank: Rift Apart ที่ถูกนำมาแสดงในงาน CES ล่าสุด ความสามารถในการเพิ่มความละเอียดของ FSR 4 ทำให้ภาพเกมมีคุณภาพใกล้เคียงกับ Nvidia DLSS ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่คล้ายกันของคู่แข่ง การที่ AMD ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างภาพใหม่จากข้อมูลเดิมช่วยให้เกมมีประสิทธิภาพและความสวยงามที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องใช้พลังงานมากเกินไป ทำให้การเล่นเกมบนกราฟิกการ์ดของ AMD มีประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากเกมที่รองรับอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถปรับใช้ FSR 4 ในเกมที่รองรับ FSR 3.1 โดยการเปิดใช้งานผ่านตัวเลือกในเกม ทำให้มีเกมหลายร้อยเกมที่อาจรองรับ FSR 4 ในอนาคต https://www.techspot.com/news/106956-amd-fsr4-support-over-30-games-launch-75.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD FSR 4 to support over 30 games at launch, 75 by the end of the year
    VideoCardz has leaked more information regarding AMD's upcoming Radeon RX 9070 graphics cards. The outlet recently published an allegedly official list of around 35 games supporting the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • Jim Keller นักออกแบบ CPU ที่มีชื่อเสียงและซีอีโอของ Tenstorrent ได้ประกาศว่าเขาได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะกรรมการของ AheadComputing ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยอดีตวิศวกร Intel เพื่อพัฒนาโปรเซสเซอร์ประยุกต์ใหม่ ๆ ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V

    AheadComputing ก่อตั้งโดยทีมวิศวกรจาก Intel's Advanced Architecture Development Group ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงในการออกแบบและพัฒนาสถาปัตยกรรม CPU ในการใช้สำหรับเดสก์ท็อป แล็ปท็อป และเซิร์ฟเวอร์ โดยเน้นที่สถาปัตยกรรมไมโครของ CPU, การประมวลผลหน่วยความจำ และการใช้งาน AI/ML

    Debbie Marr ซีอีโอของ AheadComputing มีประวัติการทำงานที่น่าทึ่งที่ Intel เธอเป็นหนึ่งในนักออกแบบกราฟิกซุปเปอร์ VGA ของ Intel และเป็นหนึ่งในนักออกแบบ CPU รุ่นแรก ๆ ของ Intel เช่น Intel 386SL และ Pentium Pro นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยี Hyper-Threading และเป็นหัวหน้าสถาปนิก CPU สำหรับ Intel Haswell และ Icelake

    จุดสำคัญของข่าวนี้ คือ การที่ AheadComputing ได้ระดมทุนเบื้องต้นจำนวน 21.5 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปพัฒนาสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ใหม่ที่เน้นการใช้งานในด้าน AI, การประมวลผลบนคลาวด์ และอุปกรณ์ที่ใช้ใน Edge

    Greg Reichow หุ้นส่วนจาก Eclipse Ventures กล่าวถึงทีมผู้นำของ AheadComputing ว่า "ทีมของเรามีความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนในอุตสาหกรรมการคำนวณปัจจุบัน" และเขายังเน้นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างคอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/jim-keller-joins-ex-intel-chip-designers-in-risc-v-startup-focused-on-breakthrough-cpus
    Jim Keller นักออกแบบ CPU ที่มีชื่อเสียงและซีอีโอของ Tenstorrent ได้ประกาศว่าเขาได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะกรรมการของ AheadComputing ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยอดีตวิศวกร Intel เพื่อพัฒนาโปรเซสเซอร์ประยุกต์ใหม่ ๆ ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V AheadComputing ก่อตั้งโดยทีมวิศวกรจาก Intel's Advanced Architecture Development Group ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูงในการออกแบบและพัฒนาสถาปัตยกรรม CPU ในการใช้สำหรับเดสก์ท็อป แล็ปท็อป และเซิร์ฟเวอร์ โดยเน้นที่สถาปัตยกรรมไมโครของ CPU, การประมวลผลหน่วยความจำ และการใช้งาน AI/ML Debbie Marr ซีอีโอของ AheadComputing มีประวัติการทำงานที่น่าทึ่งที่ Intel เธอเป็นหนึ่งในนักออกแบบกราฟิกซุปเปอร์ VGA ของ Intel และเป็นหนึ่งในนักออกแบบ CPU รุ่นแรก ๆ ของ Intel เช่น Intel 386SL และ Pentium Pro นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยี Hyper-Threading และเป็นหัวหน้าสถาปนิก CPU สำหรับ Intel Haswell และ Icelake จุดสำคัญของข่าวนี้ คือ การที่ AheadComputing ได้ระดมทุนเบื้องต้นจำนวน 21.5 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปพัฒนาสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ใหม่ที่เน้นการใช้งานในด้าน AI, การประมวลผลบนคลาวด์ และอุปกรณ์ที่ใช้ใน Edge Greg Reichow หุ้นส่วนจาก Eclipse Ventures กล่าวถึงทีมผู้นำของ AheadComputing ว่า "ทีมของเรามีความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนในอุตสาหกรรมการคำนวณปัจจุบัน" และเขายังเน้นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างคอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/jim-keller-joins-ex-intel-chip-designers-in-risc-v-startup-focused-on-breakthrough-cpus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • Framework ได้เปิดตัวพีซีแบบตั้งโต๊ะรุ่นแรกของบริษัท ซึ่งเป็นระบบ mini-ITX ที่ใช้โปรเซสเซอร์ตระกูล Ryzen AI Max ของ AMD โดยพีซี Framework Desktop มาพร้อมกับทางเลือกโปรเซสเซอร์สองรุ่นคือ Ryzen AI Max 385 (8 คอร์ / 16 เธรด) หรือ AI Max+ 395 (16 คอร์ / 32 เธรด) และมีกราฟิก Radeon 8060S รวมถึงรองรับหน่วยความจำ LPDDR5x สูงสุดถึง 128 GB

    อย่างไรก็ตาม, ส่วนประกอบสำคัญเช่น CPU, GPU และหน่วยความจำถูกบัดกรีลงบนเมนบอร์ด ซึ่งไม่ตรงกับสิ่งที่ Framework เคยส่งเสริมในเรื่องของสิทธิในการซ่อมแซม (right to repair) ความยืดหยุ่นในการอัปเกรดถูกลดลง เนื่องจากต้องการรองรับการผ่านช่องสัญญาณหน่วยความจำที่มีความเร็วสูงถึง 256 GB/s

    แต่ผู้ใช้ยังสามารถเลือกใช้ตัวเคส Mini-ITX ของ Framework หรือหาเคสที่เข้ากันเองได้ นอกจากนี้ Framework ยังมีการร่วมมือกับ Cooler Master และ Noctua ในการพัฒนาพัดลม และผู้ใช้ยังสามารถเลือกพัดลมที่ต้องการเองได้เช่นกัน

    Framework กล่าวว่าจะมีคู่มือการติดตั้งและวิดีโอแนะนำเพื่อช่วยผู้ใช้ใหม่ในการเริ่มต้นใช้งาน พีซี Framework Desktop สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้แล้ว โดยราคาเริ่มต้นที่ $1,099 สำหรับเครื่องที่มาพร้อมกับ Ryzen AI Max 385 และหน่วยความจำ 32 GB และสูงสุดถึง $1,999 สำหรับรุ่นที่มี Ryzen AI Max+ 395 และหน่วยความจำ 128 GB

    นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกในการสั่งจองเฉพาะคอมโบ CPU, เมนบอร์ด และหน่วยความจำในราคาเริ่มต้นที่ $799 สำหรับพีซีที่สั่งจองในขณะนี้คาดว่าจะเริ่มจัดส่งในไตรมาสที่สามของปี 2025

    https://www.techspot.com/news/106934-framework-first-ever-desktop-pc-packs-amd-ryzen.html
    Framework ได้เปิดตัวพีซีแบบตั้งโต๊ะรุ่นแรกของบริษัท ซึ่งเป็นระบบ mini-ITX ที่ใช้โปรเซสเซอร์ตระกูล Ryzen AI Max ของ AMD โดยพีซี Framework Desktop มาพร้อมกับทางเลือกโปรเซสเซอร์สองรุ่นคือ Ryzen AI Max 385 (8 คอร์ / 16 เธรด) หรือ AI Max+ 395 (16 คอร์ / 32 เธรด) และมีกราฟิก Radeon 8060S รวมถึงรองรับหน่วยความจำ LPDDR5x สูงสุดถึง 128 GB อย่างไรก็ตาม, ส่วนประกอบสำคัญเช่น CPU, GPU และหน่วยความจำถูกบัดกรีลงบนเมนบอร์ด ซึ่งไม่ตรงกับสิ่งที่ Framework เคยส่งเสริมในเรื่องของสิทธิในการซ่อมแซม (right to repair) ความยืดหยุ่นในการอัปเกรดถูกลดลง เนื่องจากต้องการรองรับการผ่านช่องสัญญาณหน่วยความจำที่มีความเร็วสูงถึง 256 GB/s แต่ผู้ใช้ยังสามารถเลือกใช้ตัวเคส Mini-ITX ของ Framework หรือหาเคสที่เข้ากันเองได้ นอกจากนี้ Framework ยังมีการร่วมมือกับ Cooler Master และ Noctua ในการพัฒนาพัดลม และผู้ใช้ยังสามารถเลือกพัดลมที่ต้องการเองได้เช่นกัน Framework กล่าวว่าจะมีคู่มือการติดตั้งและวิดีโอแนะนำเพื่อช่วยผู้ใช้ใหม่ในการเริ่มต้นใช้งาน พีซี Framework Desktop สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้แล้ว โดยราคาเริ่มต้นที่ $1,099 สำหรับเครื่องที่มาพร้อมกับ Ryzen AI Max 385 และหน่วยความจำ 32 GB และสูงสุดถึง $1,999 สำหรับรุ่นที่มี Ryzen AI Max+ 395 และหน่วยความจำ 128 GB นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกในการสั่งจองเฉพาะคอมโบ CPU, เมนบอร์ด และหน่วยความจำในราคาเริ่มต้นที่ $799 สำหรับพีซีที่สั่งจองในขณะนี้คาดว่าจะเริ่มจัดส่งในไตรมาสที่สามของปี 2025 https://www.techspot.com/news/106934-framework-first-ever-desktop-pc-packs-amd-ryzen.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Framework's first-ever desktop PC packs AMD's Ryzen AI Max, priced from $1,099
    Notably, the components are soldered into place – not exactly what you'd expect from a company that champions the right to repair movement. In fact, a standard...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Imagination Technologies ได้ประกาศเปิดตัว GPU IP รุ่นใหม่ Imagination DXTP ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า DXT โดย DXTP นี้มุ่งเน้นการใช้งานในตลาดที่ต้องการพลังงานต่ำ เช่น แล็ปท็อป และอุปกรณ์มือถือ

    Imagination DXTP จะมีสองรุ่นย่อย คือ DXTP-48-1536 และ DXTP-64-2048 ทั้งสองรุ่นมีการสนับสนุนซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์ที่เหมือนกัน โดยรองรับ Vulkan 1.4 และ OpenGL 4.6 และ OpenCL 3.0 ที่ถูกปรับปรุงอย่างดีเยี่ยม เพื่อให้สามารถใช้งาน GPU ได้ถึง 80% ในงานประจำวัน

    GPU เหล่านี้มีความสามารถในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (asynchronous multitasking) ทำให้สามารถทำงานกราฟิกและ AI พร้อมกันได้ นอกจากนี้ DXTP ยังมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่ 1 GHz และมีประสิทธิภาพในการประมวลผล FP32 FLOPs/Clock อยู่ที่ 1,536 และ 2,048 สำหรับรุ่น DXTP-48-1536 และ DXTP-64-2048 ตามลำดับ

    Imagination DXTP ยังรองรับระบบปฏิบัติการ Linux และ Android แต่ยังไม่มีการสนับสนุน Windows และ MacOS เนื่องจากเป็นฝันที่ยังไม่เป็นจริงสำหรับ Windows บน RISC-V อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์ Linux ที่ใช้พลังงานต่ำอาจเป็นเป้าหมายหนึ่งสำหรับการใช้งาน DXTP ในอนาคต

    Imagination หวังว่า DXTP จะนำความสามารถ AI ไปสู่ผลิตภัณฑ์ของพันธมิตรหลายราย เช่น สมาร์ทโฟน และพีซี โดย DXTP จะเป็นสมาชิกใหม่ของตระกูล D-Series GPU ของ Imagination ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้การเล่นเกมบนเดสก์ท็อปที่มีพลังงานต่ำเป็นไปได้

    แม้ว่า DXTP จะยังอยู่ในระยะเริ่มต้นการผลิต แต่ Imagination คาดหวังว่าจะเห็นการใช้งานในผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคในปีต่อไป บริษัทหวังว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของอุปกรณ์มือถือและคอมพิวเตอร์ที่ใช้พลังงานต่ำ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/imagination-reveals-new-power-efficient-dxtp-gpu-for-laptops-and-mobile-devices
    บริษัท Imagination Technologies ได้ประกาศเปิดตัว GPU IP รุ่นใหม่ Imagination DXTP ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า DXT โดย DXTP นี้มุ่งเน้นการใช้งานในตลาดที่ต้องการพลังงานต่ำ เช่น แล็ปท็อป และอุปกรณ์มือถือ Imagination DXTP จะมีสองรุ่นย่อย คือ DXTP-48-1536 และ DXTP-64-2048 ทั้งสองรุ่นมีการสนับสนุนซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์ที่เหมือนกัน โดยรองรับ Vulkan 1.4 และ OpenGL 4.6 และ OpenCL 3.0 ที่ถูกปรับปรุงอย่างดีเยี่ยม เพื่อให้สามารถใช้งาน GPU ได้ถึง 80% ในงานประจำวัน GPU เหล่านี้มีความสามารถในการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (asynchronous multitasking) ทำให้สามารถทำงานกราฟิกและ AI พร้อมกันได้ นอกจากนี้ DXTP ยังมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่ 1 GHz และมีประสิทธิภาพในการประมวลผล FP32 FLOPs/Clock อยู่ที่ 1,536 และ 2,048 สำหรับรุ่น DXTP-48-1536 และ DXTP-64-2048 ตามลำดับ Imagination DXTP ยังรองรับระบบปฏิบัติการ Linux และ Android แต่ยังไม่มีการสนับสนุน Windows และ MacOS เนื่องจากเป็นฝันที่ยังไม่เป็นจริงสำหรับ Windows บน RISC-V อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์ Linux ที่ใช้พลังงานต่ำอาจเป็นเป้าหมายหนึ่งสำหรับการใช้งาน DXTP ในอนาคต Imagination หวังว่า DXTP จะนำความสามารถ AI ไปสู่ผลิตภัณฑ์ของพันธมิตรหลายราย เช่น สมาร์ทโฟน และพีซี โดย DXTP จะเป็นสมาชิกใหม่ของตระกูล D-Series GPU ของ Imagination ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้การเล่นเกมบนเดสก์ท็อปที่มีพลังงานต่ำเป็นไปได้ แม้ว่า DXTP จะยังอยู่ในระยะเริ่มต้นการผลิต แต่ Imagination คาดหวังว่าจะเห็นการใช้งานในผลิตภัณฑ์ผู้บริโภคในปีต่อไป บริษัทหวังว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของอุปกรณ์มือถือและคอมพิวเตอร์ที่ใช้พลังงานต่ำ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/imagination-reveals-new-power-efficient-dxtp-gpu-for-laptops-and-mobile-devices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • Raja Koduri อดีตผู้บริหารของ Intel ที่เคยรับผิดชอบกลุ่มกราฟิกของบริษัท ได้ออกมาพูดถึงปัญหาภายในของ Intel ที่ทำให้นวัตกรรมไม่สามารถก้าวหน้าได้ โดยเขายกตัวอย่างโปรเจ็กต์ Falcon Shores ว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปัญหานี้

    Koduri อธิบายว่า Intel มีเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาหลายอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงตลาดได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในศูนย์ข้อมูล อุปกรณ์ปลายทาง หรืออุปกรณ์ส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักคือผู้นำบริษัทที่ไม่สามารถทำให้ Intel ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมได้ ซึ่งเขากล่าวถึงการตัดสินใจทางการเมืองและกระบวนการที่ทำให้การพัฒนาช้าลง

    ในบทความที่เขาโพสต์ใน X, Koduri กล่าวถึงปัญหาที่เขาเรียกว่า "งูในสเปรดชีตและพาวเวอร์พอยต์" ที่หมายถึงการตัดสินใจที่เกิดขึ้นจากกระบวนการบริหารที่ซับซ้อนและไม่เข้าใจถึงความสำคัญของประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งทำให้ความพยายามในการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ ต้องหยุดชะงัก

    Koduri ยังกล่าวถึงอดีต CEO Andy Grove ว่าเป็นคนเดียวที่เข้าใจถึงรายละเอียดของทุกชั้นในองค์กรของ Intel และเขาเชื่อว่า Intel ยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันกับ NVIDIA ในระยะยาว แต่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าความคาดหวังเท่านั้น

    ตัวอย่างที่ Koduri ยกขึ้นมาคือโปรเจ็กต์ Rialto Bridge และ Falcon Shores ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดที่มุ่งเน้นการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและ AI หาก Intel เปิดตัว Rialto Bridge ในปี 2024 น่าจะทำให้พวกเขาสามารถแข่งขันกับ NVIDIA Hopper H100 ได้อย่างสบาย แต่พวกเขากลับไม่สามารถจับโอกาสนั้นได้ ทำให้รายได้ในส่วนของ AI ต่ำที่สุดในบรรดาคู่แข่ง

    Koduri ได้เสนอแนะวิธีการที่เขาเชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อน Intel ไปข้างหน้าได้และหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ในอนาคตประกอบด้วย

    1) การลดกระบวนการตัดสินใจที่ซับซ้อน: Koduri กล่าวว่ากระบวนการบริหารที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดและความซับซ้อนเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ Intel ไม่สามารถก้าวหน้าได้ เขาแนะนำว่า Intel ควรปรับลดขั้นตอนการตัดสินใจให้น้อยลงและให้ความสำคัญกับผลลัพธ์จริงจังมากขึ้น

    2) การปรับปรุงการวิจัยและพัฒนา: Intel ควรมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเน้นการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่กลัวความล้มเหลว Koduri เชื่อว่าการทดลองและนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้บริษัทก้าวหน้าได้

    3) การนำโครงการที่ถูกยกเลิกกลับมาใช้ใหม่: Koduri กล่าวว่าโครงการบางโครงการที่ถูกยกเลิก เช่น Rialto Bridge และ Falcon Shores นั้นมีศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่ง แต่กลับไม่สามารถเปิดตัวได้เนื่องจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด เขาแนะนำให้พิจารณาการนำโครงการเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่

    4) การเสริมสร้างทีมงานที่มีความสามารถ: Koduri เน้นถึงความสำคัญของการมีทีมงานที่มีความสามารถและมีความรับผิดชอบในทุกชั้นขององค์กร เขาเชื่อว่าการให้ทีมงานมีอิสระในการทำงานและการสนับสนุนที่เพียงพอจะทำให้บริษัทสามารถก้าวข้ามความท้าทายได้

    5) การลดความกลัวในการทดลอง: Koduri กล่าวว่าควรสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทดลองและการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่ต้องกลัวความล้มเหลว การพัฒนานวัตกรรมต้องการความกล้าในการทดลองและการเรียนรู้จากความผิดพลาด

    https://wccftech.com/intel-ex-exec-raja-koduri-says-you-dont-learn-without-shipping/
    Raja Koduri อดีตผู้บริหารของ Intel ที่เคยรับผิดชอบกลุ่มกราฟิกของบริษัท ได้ออกมาพูดถึงปัญหาภายในของ Intel ที่ทำให้นวัตกรรมไม่สามารถก้าวหน้าได้ โดยเขายกตัวอย่างโปรเจ็กต์ Falcon Shores ว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปัญหานี้ Koduri อธิบายว่า Intel มีเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาหลายอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงตลาดได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในศูนย์ข้อมูล อุปกรณ์ปลายทาง หรืออุปกรณ์ส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักคือผู้นำบริษัทที่ไม่สามารถทำให้ Intel ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมได้ ซึ่งเขากล่าวถึงการตัดสินใจทางการเมืองและกระบวนการที่ทำให้การพัฒนาช้าลง ในบทความที่เขาโพสต์ใน X, Koduri กล่าวถึงปัญหาที่เขาเรียกว่า "งูในสเปรดชีตและพาวเวอร์พอยต์" ที่หมายถึงการตัดสินใจที่เกิดขึ้นจากกระบวนการบริหารที่ซับซ้อนและไม่เข้าใจถึงความสำคัญของประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งทำให้ความพยายามในการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ ต้องหยุดชะงัก Koduri ยังกล่าวถึงอดีต CEO Andy Grove ว่าเป็นคนเดียวที่เข้าใจถึงรายละเอียดของทุกชั้นในองค์กรของ Intel และเขาเชื่อว่า Intel ยังคงมีศักยภาพในการแข่งขันกับ NVIDIA ในระยะยาว แต่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าความคาดหวังเท่านั้น ตัวอย่างที่ Koduri ยกขึ้นมาคือโปรเจ็กต์ Rialto Bridge และ Falcon Shores ซึ่งเป็นกราฟิกการ์ดที่มุ่งเน้นการประมวลผลประสิทธิภาพสูงและ AI หาก Intel เปิดตัว Rialto Bridge ในปี 2024 น่าจะทำให้พวกเขาสามารถแข่งขันกับ NVIDIA Hopper H100 ได้อย่างสบาย แต่พวกเขากลับไม่สามารถจับโอกาสนั้นได้ ทำให้รายได้ในส่วนของ AI ต่ำที่สุดในบรรดาคู่แข่ง Koduri ได้เสนอแนะวิธีการที่เขาเชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อน Intel ไปข้างหน้าได้และหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ในอนาคตประกอบด้วย 1) การลดกระบวนการตัดสินใจที่ซับซ้อน: Koduri กล่าวว่ากระบวนการบริหารที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดและความซับซ้อนเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ Intel ไม่สามารถก้าวหน้าได้ เขาแนะนำว่า Intel ควรปรับลดขั้นตอนการตัดสินใจให้น้อยลงและให้ความสำคัญกับผลลัพธ์จริงจังมากขึ้น 2) การปรับปรุงการวิจัยและพัฒนา: Intel ควรมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และเน้นการทดลองนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่กลัวความล้มเหลว Koduri เชื่อว่าการทดลองและนวัตกรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้บริษัทก้าวหน้าได้ 3) การนำโครงการที่ถูกยกเลิกกลับมาใช้ใหม่: Koduri กล่าวว่าโครงการบางโครงการที่ถูกยกเลิก เช่น Rialto Bridge และ Falcon Shores นั้นมีศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่ง แต่กลับไม่สามารถเปิดตัวได้เนื่องจากการตัดสินใจที่ผิดพลาด เขาแนะนำให้พิจารณาการนำโครงการเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่ 4) การเสริมสร้างทีมงานที่มีความสามารถ: Koduri เน้นถึงความสำคัญของการมีทีมงานที่มีความสามารถและมีความรับผิดชอบในทุกชั้นขององค์กร เขาเชื่อว่าการให้ทีมงานมีอิสระในการทำงานและการสนับสนุนที่เพียงพอจะทำให้บริษัทสามารถก้าวข้ามความท้าทายได้ 5) การลดความกลัวในการทดลอง: Koduri กล่าวว่าควรสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทดลองและการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยไม่ต้องกลัวความล้มเหลว การพัฒนานวัตกรรมต้องการความกล้าในการทดลองและการเรียนรู้จากความผิดพลาด https://wccftech.com/intel-ex-exec-raja-koduri-says-you-dont-learn-without-shipping/
    WCCFTECH.COM
    Intel's Ex-Exec Raja Koduri Says "You Don't Learn Without Shipping"; Gives A Rundown Into What's Wrong With Team Blue & How Intel Is Held Back By Bureaucratic Snakes
    Intel's former executive Raja Koduri has revealed that Team Blue's internal structure "stifles innovation", citing Falcon Shores as example.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts