• ในท่ามกลางความตึงเครียดของการขึ้นภาษีของทรัมพ์ต่อชาวโลก โดยเฉพาะกับจีนที่ตามมาด้วยการตอบโต้อย่างถึงพริกถึงขิง
    เขาพูดกัน "นี่คือสงครามการค้า"
    เหล่าบรรดาข้าทาสผู้สวามิภักดิ์ใต้อุ้งตีนอเมริกาพากันถ่มถุย
    "จีนจะต้องย่อยยับในคราวนี้"......
    .
    พวกนี้ไม่ได้สำเหนียกในข้อเท็จจริงที่ว่า
    ประชากรจีนโพ้นทะเล กระจายไปในโลกตั้งแต่ยุคกลางของยุโรปแล้ว
    ก่อนยุคการล่าอาณานิคม ประชากรจีนโพ้นทะเลก็อยู่ในทุกแห่งหน
    ทำงานหนักและขยันขันแข็ง อดทน ไม่เกี่ยงความลำบาก
    พรสวรรค์ในด้านการค้าขายเป็นที่ประจักษ์เพราะฝังรากลึกอยู่ในทุกดินแดน
    เส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกยุคโบราณคือเส้นทางสายไหมของจีน
    พวกเขาไม่ได้ไปด้วยการรุกราน ยึดครองดินแดนต่างๆ ด้วยแสนยานุภาพ
    แต่พวกเขาแพร่กระจายไปพร้อมกับแรงงานและการค้าขาย
    และมักตั้งตัวขึ้นมากลายเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่งกว่าชนชาติอื่นอยู่ในทุกทวีป
    .
    ก่อนการออกท่องสมุทรไปของพ่อค้าชาวยุโรปและอาหรับ
    นายพลเรือผู้หนึ่งของจีนนาม เจิ้งเหอ ออกเดินทางสมุทรยาตราด้วยกองเรือมหาสมบัติที่มีขนาดมหึมากว่าสามร้อยลำ ออกค้าขายไปทั่วทุกคาบสมุทร นักวิชาการหลายคนสันนิษฐานว่ากองเรือของเขาอาจไปถึงทวีปอเมริกาก่อนใคร แต่ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์จีนและประวัติศาสตร์ดินแดนที่เขาเดินทางไปถึงก็ชัดเจนแจ่มแจ้งมากพอถึงความยิ่งใหญ่ของความรู้และพรสวรรค์ทางการค้า
    .
    ตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1405 ในรัชกาลจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง.. เจิ้งเหอ ออกเดินทางเพื่อทำการค้าและสำรวจโลกทั้งสิ้น 7 ครั้ง ยาวนานและกินเวลาราว 28 ปี ไปถึงดินแดนต่างๆ ราว 37 ประเทศ ท่องมหาสมุทรไปมากกว่า 50,000 กิโลเมตร เรือสำเภา "เป่าฉวน" หรือที่เรียกว่าเรือมหาสมบัติของเขา ต่อขึ้นที่เมืองนานกิง มันมีขนาดราว 400 ฟุต ใหญ่กว่าเรือซานตามาเรียของโคลัมบัสซึ่งยาวแค่ 85 ฟุตถึง 5 เท่า กองเรือของเขาประกอบด้วยเรือขนาดใหญ่ 60 ลำ และเรือขนาดเล็กอีก 255 ลำ ประมาณว่ามีลูกเรือทั้งหมดกว่า 27,870 คน เดินทางผ่านชายฝั่งฟุเกี้ยน ท่องไปยังอาณาจักรต่างๆ เช่น จามปา เสียนหลอ (สยาม) มะละกา สมุทรา ชวา สุมาตรา ลังกา กาลิกัต... ผ่านทะเลอันดามัน เลาะฝั่งทะเลตะวันออกของชมพูทวีปเพื่อซื้อขายเครื่องเทศ ไปจนถึงเปอร์เซียและแอฟริกา หลักฐานปรากฏให้เห็นจากบันทึก ภาพเขียน และจากเครื่องบรรณาการที่เขานำกลับไปถวายจักรพรรดิหย่งเล่อ ซึ่งได้รวมเอา สิงโต เสือดาว นกกระจอกเทศ ม้าลาย และยีราฟ ซึ่งเป็นสัตว์จากดินแดนเหล่านั้น
    .
    เจิ้งเหอ เดิมแช่หม่า เป็นมุสลิมเชื้อสายตระกูลขุนนางใหญ่จากอุซเบกที่อาศัยในยูนนาน มีชื่อมุสลิมว่า มูฮัมมัด อับดุลญับบารฺ ต่อมาจักรพรรดิหย่งเล่อพระราชทานแซ่เจิ้ง จากบันทึกประมาณเวลาว่าเขามาถึงอยุธยาราวรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราช แต่คนไทยรู้จักในอีกชื่อว่า เจ้าพ่อซำปอกง ซึ่ง ซำปอกง นี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของเขา วัดที่มีชื่อว่าวัดซำปอกงหรือวัดพนัญเชิงวรวิหารในจังหวัดอยุธยานี้ เขาเป็นผู้สร้างขึ้น นอกจากนั้นยังพบหลักฐานว่าเจิ้งเหอมีความเลื่อมใสในศาสนาพุทธด้วยการถวายพระสูตรให้แก่วัดเก้าแห่ง แต่กระนั้น เจิ้งเหอเมื่อวายชนม์ก็ยังมีสถานะเป็นมุสลิม เพราะมีสุสานอย่างมุสลิมอยู่บนภูเขาที่นานกิง เขาเสียชีวิตที่อินเดียในปี 1432 เชื่อกันว่า อาจเป็นเพราะทัศนคติที่เปิดกว้างทางศาสนาของเขา จึงทำให้เขาเข้าไปมีส่วนในการยุติความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างศาสนาอิสลามของพ่อค้าและศาสนาพื้นถิ่นตามเมืองท่าต่างๆ ที่เขาผ่านไปหลายแห่ง ทำให้เมืองท่าเหล่านั้นยอมรับในความหลากหลายทางศาสนามากขึ้น
    .
    เจิ้งเหอแม้จะเป็นขันที แต่พี่ชายของเขาได้ยกลูกชายและลูกสาวให้แก่เขา ปัจจุบันนี้มีทายาทในสกุลเจิ้งของเขาบางส่วนจากครอบครัวของทายาทรุ่นหลังที่ชื่อ เจิ้งชงหลิ่ง ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย พวกเขายังคงเป็นมุสลิม ในหลวงรัชกาลที่หกพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ เจิ้งชงหลิ่ง ว่า ขุนชวงเลียงฦๅเกียรติ ลูกหลานของเขาใช้นามสกุล วงศ์ลือเกียรติ
    .
    รูปปั้นหินที่เห็นจากภาพประกอบ เป็นอนุสาวรีย์ของเจิ้งเหอที่มะละกา ประเทศมาเลเซีย อย่างที่เคยเล่า มีหลักฐานว่าเมืองท่าโบราณแห่งนี้เขาเป็นคนตั้งขึ้น
    .
    เรื่องของเจิ้งเหอ ยังถูกหยิบมาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยนายพลเรือดำน้ำคนหนึ่งของราชนาวีอังกฤษ ชื่อ Gavin Menzies ที่ซึ่งปกติเรือดำน้ำของเขามีหน้าที่ลาดตระเวณไปทั่วโลกด้วยการดำอย่างเงียบเชียบ แต่คิดว่าเขาคงจะว่างมากนั่นแหละในภาวะที่โลกในช่วงนั้นไม่มีความตึงเครียด เขาจึงเปลี่ยนมาลอยลำวิ่งบนผิวน้ำแล้วเริ่มวิเคราะห์ทัศนียภาพชายฝั่งเทียบกับแผนที่โบราณต่างๆ ซึ่งต่อมามันนำมาด้วยสมมุติฐานของเขาที่เขย่าโลกว่า นักเดินเรือฝรั่งในยุคแรกๆ ของ Maritime เช่น วาสโกเดอกามา เจ้าชายเฮนรี่ โคลัมบัส..ฯ ล้วนเดินเรือด้วยแผนที่ที่คัดลอกมาจากแผนที่ของกองเรือเจิ้งเหอ เขาเขียนหนังสือยาว 500 หน้าชื่อ 1421 และแน่นอนว่า นี่เป็นการทำให้ประวัติศาสตร์การท่องสมุทรของชาวยุโรปเสื่อมเสียไปจากค่านิยมเดิม เกวิน เมนซีส์ถูกถล่มจากนักวิชาการตะวันตกแบบรุมสกรัม แต่น้าแกไม่สน หนังสือของแกติดอันดับขายดีมากอย่างรวดเร็ว และเขายักไหล่ใส่ "พวกคุณจะต่อต้านอย่างไรก็ว่าไป แต่ประชาชนอยู่กับผม..."
    .
    กลับไปที่จั่วหัว...
    อย่างที่เห็น พรสวรรค์ในด้านการค้าของจีนนั้น เป็นที่ประจักษ์ในประวัติศาสตร์โลกนับพันปี ชาติยุโรปลืมข้อเท็จจริงว่านวัตกรรมมากมายที่พวกเขาใช้ มีต้นกำเนิดมาจากจีน โดยเฉพาะแสนยานุภาพที่พวกฝรั่งนำไปใช้พิชิตชนชาติที่อ่อนแอกว่าอย่างเช่น ดินปืน ถ้าไม่มีดินปืน ก็ไม่มีปืน ไม่มีระเบิด นอกจากนั้นพวกตะวันตกยังโขมยความรู้จากจีนทุกวิถีทางตั้งแต่ยุคของมาร์โคโปโล โขมยแม้กระทั่งใบชา และพวกยุโรปรู้ดีว่าไม่อาจเอาชนะจีนอย่างขาวสะอาดได้ จึงใช้กลยุทธอันต่ำช้าด้วยการมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่จีนไม่เคยลืม และเตรียมตัวให้พร้อมมาตลอดนับสิบปีของการปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู
    .
    สงครามการค้าในตอนนี้ ที่ซึ่ง...
    - จีนถือครองพันธบัตรสหรัฐอยู่ 759,000 ล้านดอลลาร์
    - สหรัฐเป็นหนี้จีนอยู่อีกมหาศาลและไม่มีปัญญาใช้คืน
    - ซัพพลายเชนมากมายของสหรัฐมาจากจีนเป็นส่วนใหญ่
    - แรงงานในสหรัฐแทบไม่มีเลย แถมราคาแพงและไม่มีคุณภาพ
    จะผลิตอะไรเองก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาทักษะอีกนาน
    -ใครจะมาลงทุนเปิดโรงงานในอเมริกา ในเมื่อค่าแรงจะแพงมากแต่ด้อยทักษะ ง่อยและทำอะไรเองไม่เป็นมานานแล้ว
    - ถ้าแกผลิตเองไม่ได้แต่เที่ยวโขกภาษีจากคู่ค้าชาติอื่น สิ่งของที่คนอเมริกันต้องใช้ จะต้องจ่ายแพงทบทวี แม้กระทั่งกระดาษเช็ดขี้ที่พวกเอ็งเคยชักดิ้นชักงอเมื่อมันขาดตลาดตอนช่วงโควิดระบาด
    - ไอ้เบื้อกพวกนี้คงจำไม่ได้ว่าช่วงโควิด จีนห้ามเรือสินค้าต่างชาติเข้าเทียบท่า จนพวกนี้ไปออกันอยู่กลางทะเลหลายพันลำ เดือดร้อนชิบหายวายป่วง แต่จีนไม่เดือดร้อนอะไร
    - จีนมีประชากร 1400 ล้านคน เขาซื้อขายกันเองก็พอจะอยู่กันได้แล้ว แต่วันนี้จีนแบนไม่ให้หนังฮอลลีวู๊ดเข้าฉายในประเทศ ลูกค้า 1400 ล้านคนหายไปกับตา เดี๋ยวคงตามมาด้วยการแบนแบรนด์อื่นอย่าง KFC McDonald...
    - กลายเป็นว่า คนอเมริกันจะกลายเป็นผู้ใช้ iPhone ที่ต้องจ่ายแพงกว่าใครในโลก เพราะมันผลิตในจีน คิดว่าอินเดียจะพร้อมในการเปิดโรงงานใหม่ในปีนี้หรือ?
    - จีนผลิตไมโครชิพเองแล้ว มีขนาดเล็กกว่า มีประสิทธิภาพและความเร็วเหนือกว่าชิพของตะวันตก
    - จีนมีระบบปฏิบัติการโมบายล์ของจีนเองที่ทำงานได้ดีกว่าแอนดรอยด์เรียกว่า ฮาร์โมนี่
    - จีนพัฒนาระบบเชื่อมต่อดาวเทียมเป๋ยโต่ที่ล้ำหน้ากว่าจีพีเอสของตะวันตกมาก
    - จีนพัฒนาระบบชื่อ Near Link ที่ล้ำหน้าระบบ Bluetooth ไปไกลกว่าหลายเท่า
    - เอไอจีนแซงเอไอของตะวันตกไปแล้วเช่นกัน
    - แสนยานุภาพจีนกำลังแซงตะวันตกทุกนาทีที่ผ่านไป
    - เส้นทางการค้าใหม่ที่เรียก One Belt One Road ครอบคลุมเครือข่ายการค้าที่กว้างขวางที่สุดในโลก โดยที่จีนไม่จำเป็นต้องค้าขายกับอเมริกา
    - ความก้าวหน้าทางโลจิสติกของจีนแซงอเมริกาไปนานแล้ว ในโลกนี้ไม่มีใครมีระบบรถไฟความเร็วสูงที่ดีเท่าจีน
    - ตลาดรถไฟฟ้าในโลก จีนคืออันดับหนึ่ง
    - เทคโนโลยีอวกาศของจีนแซงนาซ่าไปแล้ว จีนมีสถานีอวกาศของตัวเองที่ทันสมัยและก้าวหน้ากว่าชาติตะวันตก ในเวลาเดียวกันนี้พวกเขากำลังสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์ที่โลกไม่เคยมองเห็น
    blablablabla......
    .
    ที่ร่ายมานี่ สงครามนี้จะลงเอยยังไง คนไทยก็ซวยอยู่ดี ขอให้รู้ไว้เถอะ
    ยิ่งไปเลียมัน พวกแกก็ยิ่งเจ็บตัวหนัก
    แจกฟรีแล้วยังไม่ได้อะไรแบบเวียตนามเอาไหม
    เจ็บปวดหน่อย มันไม่ซื้อเรา ก็ไปขายคนอื่น
    ก็ให้มันเจ็บปวดบ้าง ด้วยการไม่ซื้อมัน
    เราตัวเล็ก ยักษ์ตีกันย่อมต้องโดนลูกหลง
    ต้องเอาความตัวเล็กมาเป็นความได้เปรียบ
    และเรามีความอุดมสมบูรณ์เป็นทรัพย์สมบัติ
    ใครมีไก่ มีไข่ มีผัก มีปลา คุณรอดแล้ว
    ให้พรุ่งนี้แม่งยิงปรมาณูกันก็เถอะ
    ส่วนไอ้พวกโง่ ไอ้พวกเด็กเมื่อวาน เชื่อแต่เรื่องไร้สาระ
    ไม่ดูแลป้องกันประเทศ ชักนำภัยเข้าสู่ชาติบ้านเมือง
    มึงตายแน่ มีสาเหตุให้มึงตายเป็นร้อยเหตุ
    ในท่ามกลางความตึงเครียดของการขึ้นภาษีของทรัมพ์ต่อชาวโลก โดยเฉพาะกับจีนที่ตามมาด้วยการตอบโต้อย่างถึงพริกถึงขิง เขาพูดกัน "นี่คือสงครามการค้า" เหล่าบรรดาข้าทาสผู้สวามิภักดิ์ใต้อุ้งตีนอเมริกาพากันถ่มถุย "จีนจะต้องย่อยยับในคราวนี้"...... . พวกนี้ไม่ได้สำเหนียกในข้อเท็จจริงที่ว่า ประชากรจีนโพ้นทะเล กระจายไปในโลกตั้งแต่ยุคกลางของยุโรปแล้ว ก่อนยุคการล่าอาณานิคม ประชากรจีนโพ้นทะเลก็อยู่ในทุกแห่งหน ทำงานหนักและขยันขันแข็ง อดทน ไม่เกี่ยงความลำบาก พรสวรรค์ในด้านการค้าขายเป็นที่ประจักษ์เพราะฝังรากลึกอยู่ในทุกดินแดน เส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกยุคโบราณคือเส้นทางสายไหมของจีน พวกเขาไม่ได้ไปด้วยการรุกราน ยึดครองดินแดนต่างๆ ด้วยแสนยานุภาพ แต่พวกเขาแพร่กระจายไปพร้อมกับแรงงานและการค้าขาย และมักตั้งตัวขึ้นมากลายเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่งกว่าชนชาติอื่นอยู่ในทุกทวีป . ก่อนการออกท่องสมุทรไปของพ่อค้าชาวยุโรปและอาหรับ นายพลเรือผู้หนึ่งของจีนนาม เจิ้งเหอ ออกเดินทางสมุทรยาตราด้วยกองเรือมหาสมบัติที่มีขนาดมหึมากว่าสามร้อยลำ ออกค้าขายไปทั่วทุกคาบสมุทร นักวิชาการหลายคนสันนิษฐานว่ากองเรือของเขาอาจไปถึงทวีปอเมริกาก่อนใคร แต่ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์จีนและประวัติศาสตร์ดินแดนที่เขาเดินทางไปถึงก็ชัดเจนแจ่มแจ้งมากพอถึงความยิ่งใหญ่ของความรู้และพรสวรรค์ทางการค้า . ตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1405 ในรัชกาลจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง.. เจิ้งเหอ ออกเดินทางเพื่อทำการค้าและสำรวจโลกทั้งสิ้น 7 ครั้ง ยาวนานและกินเวลาราว 28 ปี ไปถึงดินแดนต่างๆ ราว 37 ประเทศ ท่องมหาสมุทรไปมากกว่า 50,000 กิโลเมตร เรือสำเภา "เป่าฉวน" หรือที่เรียกว่าเรือมหาสมบัติของเขา ต่อขึ้นที่เมืองนานกิง มันมีขนาดราว 400 ฟุต ใหญ่กว่าเรือซานตามาเรียของโคลัมบัสซึ่งยาวแค่ 85 ฟุตถึง 5 เท่า กองเรือของเขาประกอบด้วยเรือขนาดใหญ่ 60 ลำ และเรือขนาดเล็กอีก 255 ลำ ประมาณว่ามีลูกเรือทั้งหมดกว่า 27,870 คน เดินทางผ่านชายฝั่งฟุเกี้ยน ท่องไปยังอาณาจักรต่างๆ เช่น จามปา เสียนหลอ (สยาม) มะละกา สมุทรา ชวา สุมาตรา ลังกา กาลิกัต... ผ่านทะเลอันดามัน เลาะฝั่งทะเลตะวันออกของชมพูทวีปเพื่อซื้อขายเครื่องเทศ ไปจนถึงเปอร์เซียและแอฟริกา หลักฐานปรากฏให้เห็นจากบันทึก ภาพเขียน และจากเครื่องบรรณาการที่เขานำกลับไปถวายจักรพรรดิหย่งเล่อ ซึ่งได้รวมเอา สิงโต เสือดาว นกกระจอกเทศ ม้าลาย และยีราฟ ซึ่งเป็นสัตว์จากดินแดนเหล่านั้น . เจิ้งเหอ เดิมแช่หม่า เป็นมุสลิมเชื้อสายตระกูลขุนนางใหญ่จากอุซเบกที่อาศัยในยูนนาน มีชื่อมุสลิมว่า มูฮัมมัด อับดุลญับบารฺ ต่อมาจักรพรรดิหย่งเล่อพระราชทานแซ่เจิ้ง จากบันทึกประมาณเวลาว่าเขามาถึงอยุธยาราวรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราช แต่คนไทยรู้จักในอีกชื่อว่า เจ้าพ่อซำปอกง ซึ่ง ซำปอกง นี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของเขา วัดที่มีชื่อว่าวัดซำปอกงหรือวัดพนัญเชิงวรวิหารในจังหวัดอยุธยานี้ เขาเป็นผู้สร้างขึ้น นอกจากนั้นยังพบหลักฐานว่าเจิ้งเหอมีความเลื่อมใสในศาสนาพุทธด้วยการถวายพระสูตรให้แก่วัดเก้าแห่ง แต่กระนั้น เจิ้งเหอเมื่อวายชนม์ก็ยังมีสถานะเป็นมุสลิม เพราะมีสุสานอย่างมุสลิมอยู่บนภูเขาที่นานกิง เขาเสียชีวิตที่อินเดียในปี 1432 เชื่อกันว่า อาจเป็นเพราะทัศนคติที่เปิดกว้างทางศาสนาของเขา จึงทำให้เขาเข้าไปมีส่วนในการยุติความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างศาสนาอิสลามของพ่อค้าและศาสนาพื้นถิ่นตามเมืองท่าต่างๆ ที่เขาผ่านไปหลายแห่ง ทำให้เมืองท่าเหล่านั้นยอมรับในความหลากหลายทางศาสนามากขึ้น . เจิ้งเหอแม้จะเป็นขันที แต่พี่ชายของเขาได้ยกลูกชายและลูกสาวให้แก่เขา ปัจจุบันนี้มีทายาทในสกุลเจิ้งของเขาบางส่วนจากครอบครัวของทายาทรุ่นหลังที่ชื่อ เจิ้งชงหลิ่ง ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย พวกเขายังคงเป็นมุสลิม ในหลวงรัชกาลที่หกพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ เจิ้งชงหลิ่ง ว่า ขุนชวงเลียงฦๅเกียรติ ลูกหลานของเขาใช้นามสกุล วงศ์ลือเกียรติ . รูปปั้นหินที่เห็นจากภาพประกอบ เป็นอนุสาวรีย์ของเจิ้งเหอที่มะละกา ประเทศมาเลเซีย อย่างที่เคยเล่า มีหลักฐานว่าเมืองท่าโบราณแห่งนี้เขาเป็นคนตั้งขึ้น . เรื่องของเจิ้งเหอ ยังถูกหยิบมาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยนายพลเรือดำน้ำคนหนึ่งของราชนาวีอังกฤษ ชื่อ Gavin Menzies ที่ซึ่งปกติเรือดำน้ำของเขามีหน้าที่ลาดตระเวณไปทั่วโลกด้วยการดำอย่างเงียบเชียบ แต่คิดว่าเขาคงจะว่างมากนั่นแหละในภาวะที่โลกในช่วงนั้นไม่มีความตึงเครียด เขาจึงเปลี่ยนมาลอยลำวิ่งบนผิวน้ำแล้วเริ่มวิเคราะห์ทัศนียภาพชายฝั่งเทียบกับแผนที่โบราณต่างๆ ซึ่งต่อมามันนำมาด้วยสมมุติฐานของเขาที่เขย่าโลกว่า นักเดินเรือฝรั่งในยุคแรกๆ ของ Maritime เช่น วาสโกเดอกามา เจ้าชายเฮนรี่ โคลัมบัส..ฯ ล้วนเดินเรือด้วยแผนที่ที่คัดลอกมาจากแผนที่ของกองเรือเจิ้งเหอ เขาเขียนหนังสือยาว 500 หน้าชื่อ 1421 และแน่นอนว่า นี่เป็นการทำให้ประวัติศาสตร์การท่องสมุทรของชาวยุโรปเสื่อมเสียไปจากค่านิยมเดิม เกวิน เมนซีส์ถูกถล่มจากนักวิชาการตะวันตกแบบรุมสกรัม แต่น้าแกไม่สน หนังสือของแกติดอันดับขายดีมากอย่างรวดเร็ว และเขายักไหล่ใส่ "พวกคุณจะต่อต้านอย่างไรก็ว่าไป แต่ประชาชนอยู่กับผม..." . กลับไปที่จั่วหัว... อย่างที่เห็น พรสวรรค์ในด้านการค้าของจีนนั้น เป็นที่ประจักษ์ในประวัติศาสตร์โลกนับพันปี ชาติยุโรปลืมข้อเท็จจริงว่านวัตกรรมมากมายที่พวกเขาใช้ มีต้นกำเนิดมาจากจีน โดยเฉพาะแสนยานุภาพที่พวกฝรั่งนำไปใช้พิชิตชนชาติที่อ่อนแอกว่าอย่างเช่น ดินปืน ถ้าไม่มีดินปืน ก็ไม่มีปืน ไม่มีระเบิด นอกจากนั้นพวกตะวันตกยังโขมยความรู้จากจีนทุกวิถีทางตั้งแต่ยุคของมาร์โคโปโล โขมยแม้กระทั่งใบชา และพวกยุโรปรู้ดีว่าไม่อาจเอาชนะจีนอย่างขาวสะอาดได้ จึงใช้กลยุทธอันต่ำช้าด้วยการมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่จีนไม่เคยลืม และเตรียมตัวให้พร้อมมาตลอดนับสิบปีของการปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู . สงครามการค้าในตอนนี้ ที่ซึ่ง... - จีนถือครองพันธบัตรสหรัฐอยู่ 759,000 ล้านดอลลาร์ - สหรัฐเป็นหนี้จีนอยู่อีกมหาศาลและไม่มีปัญญาใช้คืน - ซัพพลายเชนมากมายของสหรัฐมาจากจีนเป็นส่วนใหญ่ - แรงงานในสหรัฐแทบไม่มีเลย แถมราคาแพงและไม่มีคุณภาพ จะผลิตอะไรเองก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาทักษะอีกนาน -ใครจะมาลงทุนเปิดโรงงานในอเมริกา ในเมื่อค่าแรงจะแพงมากแต่ด้อยทักษะ ง่อยและทำอะไรเองไม่เป็นมานานแล้ว - ถ้าแกผลิตเองไม่ได้แต่เที่ยวโขกภาษีจากคู่ค้าชาติอื่น สิ่งของที่คนอเมริกันต้องใช้ จะต้องจ่ายแพงทบทวี แม้กระทั่งกระดาษเช็ดขี้ที่พวกเอ็งเคยชักดิ้นชักงอเมื่อมันขาดตลาดตอนช่วงโควิดระบาด - ไอ้เบื้อกพวกนี้คงจำไม่ได้ว่าช่วงโควิด จีนห้ามเรือสินค้าต่างชาติเข้าเทียบท่า จนพวกนี้ไปออกันอยู่กลางทะเลหลายพันลำ เดือดร้อนชิบหายวายป่วง แต่จีนไม่เดือดร้อนอะไร - จีนมีประชากร 1400 ล้านคน เขาซื้อขายกันเองก็พอจะอยู่กันได้แล้ว แต่วันนี้จีนแบนไม่ให้หนังฮอลลีวู๊ดเข้าฉายในประเทศ ลูกค้า 1400 ล้านคนหายไปกับตา เดี๋ยวคงตามมาด้วยการแบนแบรนด์อื่นอย่าง KFC McDonald... - กลายเป็นว่า คนอเมริกันจะกลายเป็นผู้ใช้ iPhone ที่ต้องจ่ายแพงกว่าใครในโลก เพราะมันผลิตในจีน คิดว่าอินเดียจะพร้อมในการเปิดโรงงานใหม่ในปีนี้หรือ? - จีนผลิตไมโครชิพเองแล้ว มีขนาดเล็กกว่า มีประสิทธิภาพและความเร็วเหนือกว่าชิพของตะวันตก - จีนมีระบบปฏิบัติการโมบายล์ของจีนเองที่ทำงานได้ดีกว่าแอนดรอยด์เรียกว่า ฮาร์โมนี่ - จีนพัฒนาระบบเชื่อมต่อดาวเทียมเป๋ยโต่ที่ล้ำหน้ากว่าจีพีเอสของตะวันตกมาก - จีนพัฒนาระบบชื่อ Near Link ที่ล้ำหน้าระบบ Bluetooth ไปไกลกว่าหลายเท่า - เอไอจีนแซงเอไอของตะวันตกไปแล้วเช่นกัน - แสนยานุภาพจีนกำลังแซงตะวันตกทุกนาทีที่ผ่านไป - เส้นทางการค้าใหม่ที่เรียก One Belt One Road ครอบคลุมเครือข่ายการค้าที่กว้างขวางที่สุดในโลก โดยที่จีนไม่จำเป็นต้องค้าขายกับอเมริกา - ความก้าวหน้าทางโลจิสติกของจีนแซงอเมริกาไปนานแล้ว ในโลกนี้ไม่มีใครมีระบบรถไฟความเร็วสูงที่ดีเท่าจีน - ตลาดรถไฟฟ้าในโลก จีนคืออันดับหนึ่ง - เทคโนโลยีอวกาศของจีนแซงนาซ่าไปแล้ว จีนมีสถานีอวกาศของตัวเองที่ทันสมัยและก้าวหน้ากว่าชาติตะวันตก ในเวลาเดียวกันนี้พวกเขากำลังสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์ที่โลกไม่เคยมองเห็น blablablabla...... . ที่ร่ายมานี่ สงครามนี้จะลงเอยยังไง คนไทยก็ซวยอยู่ดี ขอให้รู้ไว้เถอะ ยิ่งไปเลียมัน พวกแกก็ยิ่งเจ็บตัวหนัก แจกฟรีแล้วยังไม่ได้อะไรแบบเวียตนามเอาไหม เจ็บปวดหน่อย มันไม่ซื้อเรา ก็ไปขายคนอื่น ก็ให้มันเจ็บปวดบ้าง ด้วยการไม่ซื้อมัน เราตัวเล็ก ยักษ์ตีกันย่อมต้องโดนลูกหลง ต้องเอาความตัวเล็กมาเป็นความได้เปรียบ และเรามีความอุดมสมบูรณ์เป็นทรัพย์สมบัติ ใครมีไก่ มีไข่ มีผัก มีปลา คุณรอดแล้ว ให้พรุ่งนี้แม่งยิงปรมาณูกันก็เถอะ ส่วนไอ้พวกโง่ ไอ้พวกเด็กเมื่อวาน เชื่อแต่เรื่องไร้สาระ ไม่ดูแลป้องกันประเทศ ชักนำภัยเข้าสู่ชาติบ้านเมือง มึงตายแน่ มีสาเหตุให้มึงตายเป็นร้อยเหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีคนถามผม ว่าผมใช้คำว่า sleeper บ่อยครั้ง หมายถึงอะไร?
    .
    ในกรณีนี้ หมายถึง จารชนชนิดหนึ่ง ทั้งที่เป็นเป็นคนต่างชาติและคนในชาติที่ถูกปล่อยให้กบดานไว้ในพื้นที่เป้าหมาย หากไม่มีการเรียกใช้งานก็ประกอบอาชีพใช้ชีวิตไปตามปกติ จนกว่าจะมีงานให้ทำก็จะถูกปลุกขึ้นมาใช้งาน (เรียกว่าสลีปเปอร์ก็เพราะเหตุนี้) งานที่ให้ไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบสายลับในหนังนะ บางทีอาจง่ายๆ เช่นแค่ไปฟังเขาคุยกันแล้วมารายงานว่าได้ยินอะไรมา... ไม่ใช่ว่าจู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาวางระเบิด (ซึ่งแบบนี้ก็มี) มีหลายรายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นสลีปเปอร์ ดังนั้นพวกนี้จึงมีหลายระดับ อาจจะผูกกันไว้ด้วยการสร้างบุญคุณต่อกันไว้ ช่วยเหลือการเงินการงานต่างๆ จนถึงพวกที่ถูกคัดกรองเข้ามาทำงานแต่ละด้านที่มีความเหมาะสมกับคนคนนั้นตามความถนัดต่างกัน ซึ่งมีมิติความซับซ้อนกว่าที่คนทั่วไปจะคาดคิด เช่น อาจเป็นพ่อค้าที่ต้องเดินทางไปหลายที่เพื่อส่งสินค้า ดังนั้นการเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆ จึงดูมีเหตุผล คนที่มีอาชีพในลักษณะคล้ายกันนี้จึงเหมาะในการไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้กว้างขวางกว่า ก็อย่างเช่น นักมานุษยวิทยา นักทำสารคดี นักพูด วิทยากร นักวิชาการสำรวจภาคสนาม นักสร้างภาพยนตร์ เอ็นจีโอ อาสาสมัคร มิชชันนารี... ฯ ในระดับปฏิบัติการ อาจแฝงตัวมาสร้างความสัมพันธ์ให้คนทั่วไปรู้สึกไว้วางใจ จารชนประเภทนี้เขานิยามว่าสร้างความไว้วางใจนานหลายปีเพื่อทรยศเพียงครั้งเดียว แล้วก็ถอนตัวออกไป พวกนี้มีเครือข่ายกระจายไปทั่ว ฝังรากลึกมานาน
    .
    เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด ตัวอย่างเช่นสมัยพระนารายณ์มหาราช อยุธยา มีจารชนฝังตัวอยู่เต็มไปหมด มาในคราบทูต มาในคราบบาดหลวงสอนศาสนา บันทึกการเดินทางที่เรารู้จักกันมากมายตัวอย่างเช่น จดหมายเหตุลาลูแบร์ ที่จริงเป็นข้อมูลข่าวกรอง intelligence แจกแจงรายละเอียดทุกด้านของอยุธยาตั้งแต่ชีวิตความเป็นอยู่ จุดเด่น จุดด้อย สภาพแวดล้อมภูมิประเทศ แหล่งอาหาร ทรัพยากรต่างๆ ชัยภูมิทางการรบ เช่น ป้อม ค่ายคู กำลังทหาร และศักยภาพทางการรบ พืชพันธ์สัตว์ต่างๆ.... ทั้งหมดรวบรวมเพื่อยื่นต่อพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่กษัตริย์ฝรั่งเศส แน่นอนว่าลาลูแบร์ที่เป็นราชทูตนี่ก็เป็นจารชนนั่นแหละ มาต่อหน้าเป็นทูต แต่กระทำลับหลังในการประสานกับกองทหารฝรั่งเศสเตรียมการจะโจมตีสยาม ในเวลานั้นมีบาดหลวงนิกายเยซูอิตอีกหลายคนที่เป็นจารชนประเภทสลีปเปอร์นี่แหละ แฝงตัวทำทีเป็นสอนศาสนาไป พอลาลูแบร์มาถึง สลีปเปอร์พวกนี้ก็ทำการประสานส่งต่อข้อมูลรายงานข่าวกรองให้พวกตนทราบ ดังที่ปรากฏจดหมายลับที่ซ่อนอยู่ในหอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศสอันเป็นเหตุให้นักเขียนฝรั่งคนหนึ่งที่ไปพบเข้า เขียนหนังสือเรื่อง "รุกสยามในนามพระเจ้า" ที่ผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้ว
    .
    แต่โทษที อยากจะบอกว่า สยาม หาได้หมูไม่ ขณะที่นโยบายในการล้างสมองของพวกไอโอเยซูอิตกำลังพยายามหว่านล้อมชักจูงพระนารายณ์ให้ทรงเข้ารีต ท่านทรงตรัสตอบอย่างชาญฉลาดว่า โอ้พระเจ้าของท่านช่างวิเศษล้ำจริงๆ พวกท่านอย่าห่วงเลย หากพระเจ้าของท่านวิเศษอย่างที่ท่านกล่าว เชื่อว่ากฤษฎาภินิหารของท่านจะต้องบันดาลให้ฉันเปลี่ยนไปนับถือศาสนาของท่านแน่นอน... ป๊าด! เป็นคำตอบที่แสนจะอัจฉริยะ. ขณะเดียวกัน ฝั่ง counter strike พระเพทราชาและทีมอินเทลของท่านก็มีข้อมูลของจารชนพวกนี้ทุกอย่าง และทีมไอโอของพระเพทราชาท่านก็ไม่ใช่ไก่อ่อนในการที่จะต้านการครอบงำแทรกแซงของฝรั่งทั้งด้านงานจารกรรมและด้านยุทธศาสตร์ ผลก็คืองานของสลีปเปอร์และเจ้าหน้าที่สนามของฝรั่งเศสไม่ได้ผล จารชนสองหน้าอย่างกองสตองฟอลคอนจบด้วยความตาย แผนการโจมตีป้อมบางกอกล้มเหลว ม้วนเสื่อกลับไป นี่...จะเห็นว่างานจารกรรมและการใช้ไอโอไม่ได้เพิ่งจะมีในยุคนี้นะเธอ
    .
    ในงานลับลวงพรางพวกนี้ มีคนจำนวนหนึ่งถูกเลือกเป็นหัวโจก เขาเรียก recruiter เพราะมีหน้าที่คัดเลือกจัดหาสลีปเปอร์ มีการศึกษาข้อมูลบุคคลการล้วงลึก ลูกเต้าเหล่าใคร มีความคิด สติปัญญาระดับไหน มีแนวโน้มจะนิยมชาติที่วางแผนร้ายนี้มากกว่าชาติตัวเองไหม มีปม มีปัญหาส่วนตัวอย่างไร ทัศนคติ สภาพจิต ปูมหลัง คอนเน็คชั่น ศักยภาพในการทำหน้าที่ได้รับมอบหมาย ฯลฯ จะเฝ้าติดตามดูจนเห็นว่าน่าจะโอเค ก็จะชักชวนให้เข้าในเครือข่ายทีละนิด จากวงนอกๆ ก็จะขยับเข้าชั้นในมาเรื่อยๆ ตามการพิสูจน์ตัวเอง ในเมืองไทยมีมานานหลายสิบปีแล้ว มีกันอยู่หลายวง ผูกโยงกับหน่วยงานข้ามชาติในท้องถิ่นเล็กๆ ตั้งแต่มูลนิธินี่นั่น ไปจนถึงเอ็นจีโอ หน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย พวกหน่วยที่มีอักษรตัวย่อทั้งหลายแหล่ ไปจนถึงองค์กรที่ใหญ่ขึ้น จนถึงฟันดิ้งระดับโลก ตัวอย่างเช่น ฟุลไบร๊ท์ ร็อกกี้เฟลเลอร์...เป็นต้น
    .
    พวกนี้จะมีแหล่งนัดพบของเขาที่จะไปพบกันเป็นประจำ หัวหน้าจะเปิดเลี้ยงกินดื่มไม่อั้น มีการแชร์ข้อมูลแสดงผลงาน แนวคิด พรีเซนเตชั่น รุ่นพี่อาจเอารุ่นน้องหน้าใหม่มาเสนอตัวให้ recruiter พิจารณา ในบ้านเรามีอยู่หลายวงหลายสาย ไม่ใช่แค่สายผู้ดีสายลึงค์สายถั่ว... คนจมูกดีๆ จะรู้ว่ามีที่ไหนบ้าง เพราะขณะที่พวกมันสร้างสลีปเปอร์ อีกฝ่ายเขาก็เอาสลีปเปอร์เขาไปฝังอยู่ในพวกมึงเช่นกัน 5555
    .
    พวกที่อยู่มานานฝังรากลึก แน่นอนว่าผลประโยชน์มันมากมันเฟื่องฟู ดังนั้น การที่อยู่สุขสบายมาช้านาน จู่ๆ ท่อน้ำโดนตัด มันก็ต้องดิ้น เคยได้อยู่เท่านั้นเท่านี้จนติดสันดาน จู่ๆ หายไป มันกลับไปจุดเดิมยาก พอเสียจริตก็เผยตัว ไอ้พวกลูกกะจ้อยรองลงไปก็ยิ่งเดือดร้อนกว่า....
    .
    5555 ตอนนี้ก็จะเห็นมันออกมาดิ้นกันเยอะหน่อย
    .
    อย่ามาเล่นบทตอแหลเลยแกร....
    พวกมึงมีจารชน มีสลีปเปอร์ มีเจ้าหน้าสนามระดับปฏิบัติการ
    ประเทศไทยก็มีจารชน มีสลีปเปอร์ มีเจ้าหน้าที่สนามระดับปฏิบัติการ
    บางทีที่พวกมึงคิดว่าตัวเองหลับอยู่ซ่อนอยู่เขาคงไม่รู้... ที่จริงเขารู้
    บางทีที่พวกมึงคิดว่าเขาหลับอยู่ เขาอาจตื่นมาตามดูพวกมึงทุกวันจนรู้ว่ามึงขี้กี่ครั้ง
    อย่าว่าแต่จู่ๆ มึงก็พากันออกมาดิ้นโชว์ตัวให้ชาวบ้านเขารู้กันเองเลย
    .
    ไอ้พวกขายชาติ!
    .
    ลืมบอกไปว่า ในบรรดา sleeper มีพวก unclassified อยู่มากทีเดียว
    พวกกระจอกพวกนี้ จะพยายามอย่างมากที่จะยกระดับขึ้นไป
    แต่แม้จะพยายามเท่าใด ปัญญาและคุณสมบัติก็ไม่เ
    มีคนถามผม ว่าผมใช้คำว่า sleeper บ่อยครั้ง หมายถึงอะไร? . ในกรณีนี้ หมายถึง จารชนชนิดหนึ่ง ทั้งที่เป็นเป็นคนต่างชาติและคนในชาติที่ถูกปล่อยให้กบดานไว้ในพื้นที่เป้าหมาย หากไม่มีการเรียกใช้งานก็ประกอบอาชีพใช้ชีวิตไปตามปกติ จนกว่าจะมีงานให้ทำก็จะถูกปลุกขึ้นมาใช้งาน (เรียกว่าสลีปเปอร์ก็เพราะเหตุนี้) งานที่ให้ไม่ใช่ว่าจะเป็นแบบสายลับในหนังนะ บางทีอาจง่ายๆ เช่นแค่ไปฟังเขาคุยกันแล้วมารายงานว่าได้ยินอะไรมา... ไม่ใช่ว่าจู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาวางระเบิด (ซึ่งแบบนี้ก็มี) มีหลายรายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นสลีปเปอร์ ดังนั้นพวกนี้จึงมีหลายระดับ อาจจะผูกกันไว้ด้วยการสร้างบุญคุณต่อกันไว้ ช่วยเหลือการเงินการงานต่างๆ จนถึงพวกที่ถูกคัดกรองเข้ามาทำงานแต่ละด้านที่มีความเหมาะสมกับคนคนนั้นตามความถนัดต่างกัน ซึ่งมีมิติความซับซ้อนกว่าที่คนทั่วไปจะคาดคิด เช่น อาจเป็นพ่อค้าที่ต้องเดินทางไปหลายที่เพื่อส่งสินค้า ดังนั้นการเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆ จึงดูมีเหตุผล คนที่มีอาชีพในลักษณะคล้ายกันนี้จึงเหมาะในการไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้กว้างขวางกว่า ก็อย่างเช่น นักมานุษยวิทยา นักทำสารคดี นักพูด วิทยากร นักวิชาการสำรวจภาคสนาม นักสร้างภาพยนตร์ เอ็นจีโอ อาสาสมัคร มิชชันนารี... ฯ ในระดับปฏิบัติการ อาจแฝงตัวมาสร้างความสัมพันธ์ให้คนทั่วไปรู้สึกไว้วางใจ จารชนประเภทนี้เขานิยามว่าสร้างความไว้วางใจนานหลายปีเพื่อทรยศเพียงครั้งเดียว แล้วก็ถอนตัวออกไป พวกนี้มีเครือข่ายกระจายไปทั่ว ฝังรากลึกมานาน . เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด ตัวอย่างเช่นสมัยพระนารายณ์มหาราช อยุธยา มีจารชนฝังตัวอยู่เต็มไปหมด มาในคราบทูต มาในคราบบาดหลวงสอนศาสนา บันทึกการเดินทางที่เรารู้จักกันมากมายตัวอย่างเช่น จดหมายเหตุลาลูแบร์ ที่จริงเป็นข้อมูลข่าวกรอง intelligence แจกแจงรายละเอียดทุกด้านของอยุธยาตั้งแต่ชีวิตความเป็นอยู่ จุดเด่น จุดด้อย สภาพแวดล้อมภูมิประเทศ แหล่งอาหาร ทรัพยากรต่างๆ ชัยภูมิทางการรบ เช่น ป้อม ค่ายคู กำลังทหาร และศักยภาพทางการรบ พืชพันธ์สัตว์ต่างๆ.... ทั้งหมดรวบรวมเพื่อยื่นต่อพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่กษัตริย์ฝรั่งเศส แน่นอนว่าลาลูแบร์ที่เป็นราชทูตนี่ก็เป็นจารชนนั่นแหละ มาต่อหน้าเป็นทูต แต่กระทำลับหลังในการประสานกับกองทหารฝรั่งเศสเตรียมการจะโจมตีสยาม ในเวลานั้นมีบาดหลวงนิกายเยซูอิตอีกหลายคนที่เป็นจารชนประเภทสลีปเปอร์นี่แหละ แฝงตัวทำทีเป็นสอนศาสนาไป พอลาลูแบร์มาถึง สลีปเปอร์พวกนี้ก็ทำการประสานส่งต่อข้อมูลรายงานข่าวกรองให้พวกตนทราบ ดังที่ปรากฏจดหมายลับที่ซ่อนอยู่ในหอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศสอันเป็นเหตุให้นักเขียนฝรั่งคนหนึ่งที่ไปพบเข้า เขียนหนังสือเรื่อง "รุกสยามในนามพระเจ้า" ที่ผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้ว . แต่โทษที อยากจะบอกว่า สยาม หาได้หมูไม่ ขณะที่นโยบายในการล้างสมองของพวกไอโอเยซูอิตกำลังพยายามหว่านล้อมชักจูงพระนารายณ์ให้ทรงเข้ารีต ท่านทรงตรัสตอบอย่างชาญฉลาดว่า โอ้พระเจ้าของท่านช่างวิเศษล้ำจริงๆ พวกท่านอย่าห่วงเลย หากพระเจ้าของท่านวิเศษอย่างที่ท่านกล่าว เชื่อว่ากฤษฎาภินิหารของท่านจะต้องบันดาลให้ฉันเปลี่ยนไปนับถือศาสนาของท่านแน่นอน... ป๊าด! เป็นคำตอบที่แสนจะอัจฉริยะ. ขณะเดียวกัน ฝั่ง counter strike พระเพทราชาและทีมอินเทลของท่านก็มีข้อมูลของจารชนพวกนี้ทุกอย่าง และทีมไอโอของพระเพทราชาท่านก็ไม่ใช่ไก่อ่อนในการที่จะต้านการครอบงำแทรกแซงของฝรั่งทั้งด้านงานจารกรรมและด้านยุทธศาสตร์ ผลก็คืองานของสลีปเปอร์และเจ้าหน้าที่สนามของฝรั่งเศสไม่ได้ผล จารชนสองหน้าอย่างกองสตองฟอลคอนจบด้วยความตาย แผนการโจมตีป้อมบางกอกล้มเหลว ม้วนเสื่อกลับไป นี่...จะเห็นว่างานจารกรรมและการใช้ไอโอไม่ได้เพิ่งจะมีในยุคนี้นะเธอ . ในงานลับลวงพรางพวกนี้ มีคนจำนวนหนึ่งถูกเลือกเป็นหัวโจก เขาเรียก recruiter เพราะมีหน้าที่คัดเลือกจัดหาสลีปเปอร์ มีการศึกษาข้อมูลบุคคลการล้วงลึก ลูกเต้าเหล่าใคร มีความคิด สติปัญญาระดับไหน มีแนวโน้มจะนิยมชาติที่วางแผนร้ายนี้มากกว่าชาติตัวเองไหม มีปม มีปัญหาส่วนตัวอย่างไร ทัศนคติ สภาพจิต ปูมหลัง คอนเน็คชั่น ศักยภาพในการทำหน้าที่ได้รับมอบหมาย ฯลฯ จะเฝ้าติดตามดูจนเห็นว่าน่าจะโอเค ก็จะชักชวนให้เข้าในเครือข่ายทีละนิด จากวงนอกๆ ก็จะขยับเข้าชั้นในมาเรื่อยๆ ตามการพิสูจน์ตัวเอง ในเมืองไทยมีมานานหลายสิบปีแล้ว มีกันอยู่หลายวง ผูกโยงกับหน่วยงานข้ามชาติในท้องถิ่นเล็กๆ ตั้งแต่มูลนิธินี่นั่น ไปจนถึงเอ็นจีโอ หน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย พวกหน่วยที่มีอักษรตัวย่อทั้งหลายแหล่ ไปจนถึงองค์กรที่ใหญ่ขึ้น จนถึงฟันดิ้งระดับโลก ตัวอย่างเช่น ฟุลไบร๊ท์ ร็อกกี้เฟลเลอร์...เป็นต้น . พวกนี้จะมีแหล่งนัดพบของเขาที่จะไปพบกันเป็นประจำ หัวหน้าจะเปิดเลี้ยงกินดื่มไม่อั้น มีการแชร์ข้อมูลแสดงผลงาน แนวคิด พรีเซนเตชั่น รุ่นพี่อาจเอารุ่นน้องหน้าใหม่มาเสนอตัวให้ recruiter พิจารณา ในบ้านเรามีอยู่หลายวงหลายสาย ไม่ใช่แค่สายผู้ดีสายลึงค์สายถั่ว... คนจมูกดีๆ จะรู้ว่ามีที่ไหนบ้าง เพราะขณะที่พวกมันสร้างสลีปเปอร์ อีกฝ่ายเขาก็เอาสลีปเปอร์เขาไปฝังอยู่ในพวกมึงเช่นกัน 5555 . พวกที่อยู่มานานฝังรากลึก แน่นอนว่าผลประโยชน์มันมากมันเฟื่องฟู ดังนั้น การที่อยู่สุขสบายมาช้านาน จู่ๆ ท่อน้ำโดนตัด มันก็ต้องดิ้น เคยได้อยู่เท่านั้นเท่านี้จนติดสันดาน จู่ๆ หายไป มันกลับไปจุดเดิมยาก พอเสียจริตก็เผยตัว ไอ้พวกลูกกะจ้อยรองลงไปก็ยิ่งเดือดร้อนกว่า.... . 5555 ตอนนี้ก็จะเห็นมันออกมาดิ้นกันเยอะหน่อย . อย่ามาเล่นบทตอแหลเลยแกร.... พวกมึงมีจารชน มีสลีปเปอร์ มีเจ้าหน้าสนามระดับปฏิบัติการ ประเทศไทยก็มีจารชน มีสลีปเปอร์ มีเจ้าหน้าที่สนามระดับปฏิบัติการ บางทีที่พวกมึงคิดว่าตัวเองหลับอยู่ซ่อนอยู่เขาคงไม่รู้... ที่จริงเขารู้ บางทีที่พวกมึงคิดว่าเขาหลับอยู่ เขาอาจตื่นมาตามดูพวกมึงทุกวันจนรู้ว่ามึงขี้กี่ครั้ง อย่าว่าแต่จู่ๆ มึงก็พากันออกมาดิ้นโชว์ตัวให้ชาวบ้านเขารู้กันเองเลย . ไอ้พวกขายชาติ! . ลืมบอกไปว่า ในบรรดา sleeper มีพวก unclassified อยู่มากทีเดียว พวกกระจอกพวกนี้ จะพยายามอย่างมากที่จะยกระดับขึ้นไป แต่แม้จะพยายามเท่าใด ปัญญาและคุณสมบัติก็ไม่เ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..จริงๆคลิปนี้สามารถทำลายกำลังใจคนรุ่นต่อไปเพื่อพึ่งพาตนเอง สร้างรายได้ทางการเกษตรกันเลยก็ว่า,อาจภาพเกษตรพอเพียงเสียเลยด้วยเพื่อพอจะมีรายได้มีกำไรพอยังชีพ ทำเกษตรขาดทุนหมดตังหมดกำลังใจกันเลย พ่อแม่ด่าอีกแฟนเมียเหยียบซ้ำด้วย พอจะเท่จะซื้อของใช้ซื้อพืชผักอื่นๆมาต่อยอดปลูกทำอีก&ซื้อข้าวของสินค้าอื่นๆสนองวัตถุธาตุอารมณ์ความรู้สึกตนแบบมนุษย์คนธรรมดาสามัญทั่วไปแบบเราๆได้,ทำไปก็ขาดทุน ตังลงทุนไปจมหายทิ้งละลายหมด เวลาที่เสียไป ชีวิตที่สั้นลงอีกแก่ชราไปภายหน้า สังขารเสื่อมลง กับเงินกับตังเฉลี่ยไม่พอจ่ายในภาระต่างๆแต่ละวันเดือนปีรอตรึมที่ตั้งด่านรอรับตัง&ไถ่ตังไถ่เงินอยู่โดยเฉพาะยิ่งภาระหนี้นอกระบบ, พืชผลการเกษตรตายด้วยโรคด้วยภัยธรรมชาติอีก เสี่ยงสูงในการขาดทุน,บวกรายได้ประจำแบบกินเงินเดือนสไตล์ข้าราชการรัฐก็ไม่มี,พอรอเก็บผลผลิตได้ก็ไม่มีทุกๆเดือนด้วยพอหักกลบลบหนี้ขาดทุนได้หรือลุกสู้ใหม่ปรับปรุงขยายสายงานพืชผลตัวใหม่เสริมผสมผสานกันต่อได้แบบไร่นาสวนผสมนั้น,แต่เหี้ยทั้งหมดมันจ่ายด้วยตังด้วยเงินทั้งหมดนะอะไรๆต้องซื้อมาลงทุนทำเกษตรก็ว่าในสถานะการณ์เวลายุคปัจจุบันนี้.

    ..คนไทบ้านปกติไม่มีเงินไม่มีทุนไม่มีตังปกติอยู่บวกกู้ตังธกส.จ่ายต้นจ่ายดอกเบี้ยแบงค์อีก ไม่รวมนอกระบบอื่นๆอีกนะ จะขนาดไหน,วงจรคนชาวเกษตรจึงไม่ร่ำรวยไง บวกยุคนีัค่าใช้จ่ายรอบด้านต้นทุนแพงรอบทิศรอบตัวอีก ไม่พอกินพอใช้อะไรหรอก ส่วนน้อยมากจะยืนได้ที่ออกมาโชว์ออฟช่องต่างๆ แต่ส่วนที่ล้มเหลวมันใต้ภูเขาน้ำแข็งเลยล่ะ เห็นปลายยอดภูเขาเปรียบพวกนั่งอยู่หอคอยงาช้างก็ได้ อาทิเช่นพวกข้าราชการมีเงินเดือนประจำพอโยกตังนั้นนี้ทันจนเดินได้ก็ว่า,พวกได้รับทุนโครงการเงินทุนเบื้องต้นสนับสนุนสาระพัดด้านการเกษตรช่วยงานการเข้าร่วมโครงการหลวงโครงการรัฐได้ทันเช่นโคกหนองนาโมเดล ทุนขุดสระทุนขุดคลองคอดไก่คนละกว่าแสนสองแสนบาทโน้นในอดีตและทางเกษตรช่วยต่างๆจนยืนได้ ใครได้อีกฝันเลยจะไทบ้าน ส่วนมากผู้นำชุมชนคณะกรรมการชุมชนหรือข้าราชการรัฐหลวงชิงตัดหน้าลงทะเบียนได้โครงการไปก่อนหรือในเครือญาติพี่น้องพวกนี้เพราะรับรู้ข่าวสารข้อมูลก่อนชิงตัดหน้ารับไปทำก่อน,เนียนๆก็ว่า ทำให้ดูเป็นตัวอย่างชาวบ้านแต่เหี้ยแค่ตังขุดสระเป็นหมื่นเป็นแสนสไตล์โมเดลโคกหนองนา ชาวบ้านมีตังที่ไหน และพวกนี้ก็ใช้ตังเริ่มต้นจริงด้วยตังตนเองที่ไหน ก็โครงการช่วยเหลือหมดเช่นกันตอนเริ่มต้น,หรือผีบ้าบ้าคนมีตังหน่อย ร่ำรวยเกินชาวบ้านหน่อยโชว์สักหน่อยก็ว่ามีตังเหลือหลายจากการค้าการทำธุรกืจกิจการอื่นสำเร็จ ตังไร้หนี้บีบหลัง เงินเย็นๆรอผลผลิตได้ ทำสบายๆสไตล์คนเกษตรยุคโบราณไม่ดิ้นรนอะไรมากตามหนี้กดดันต้องใช้ให้เร็วก็ว่า.
    ..ปัญหาชาวเกษตรแก้ง่ายมาก คือลดต้นทุนคนเกษตรจากรัฐส่งเสริมจริงจัง น้ำมันแพงคือต้นทุนหลักไม่ต่างจากทุกๆภาคกิจการธุรกิจอุตสาหกรรมหรอก,ชาวเกษตรหากรัฐไม่ช่วยในการลดต้นทุนทางตรงจากพ่อค้าที่ขายอุปกรณ์วัตถุดิบทางการเกษตรต่างๆลงได้ ตลอดต้นทุนเครื่องจักรทุ่นแรงราคาต่ำจริงเข้าถึงง่าย ราคาเสรีไม่กดราคาปั่นราคา,สาระพัดวิถีเกษตรจะมีค่าใช้จ่ายทำเกษตรไม่แพงอะไรเลย,
    ..รถไถ่นาเติมน้ำมันลิตรละ1บาท เติมถัง20-50ลิตร ใช้ตลอด50-100ไร่ไถ่นาสบาย,ค่าจ้างจะไม่แพง,ราคารถไถไทยทำเองจากโรงงานรัฐบาลส่งเสริมผลทำช่วยนำเข้าเสรีไม่แพงอีกในวัตถุดิบผลิตรถไถนาหรือสาระพัดเครื่องจักรทุ่นแรงต่างๆอาจคันละไม่กี่4-5หมื่นบาทเลยจากรถไถราคาปกติที่คันละ4-5แสนบาทหรือรถไถเดินตามปกติ2-3หมื่นบาทอาจเหลือแค่2-3พันบาทเลย,เพราะรัฐส่งเสริมจัดหาเต็มที่ทำทุกๆวิถีทางลดต้นทุนช่วยชาวเกษตรไทย,หรือยึดบ่อน้ำมัน บ่อน้ำมันส่งเข้าโรงกลั่น กลั่นได้ปุ๋ยมา ก็แจกจ่ายฟรีๆแก่คนไทยหรือมุ่งตรงคนเกษตรให้ได้รับมากหน่อยคนละ1กระสอบต่อไร่ทุกๆปีฟรีๆก็ได้,หรือนำเข้าปุ๋ยเสรี ราคาอาจเหลือแค่กระสอบละ20-30บาทก็ได้,ต้นทุนเราถูก รวมตัวเป็นสมาคม ทั้งระดับชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดสู่ระดับภาคระดับชาติส่งออกเป็นเครือข่ายตรงผ่านสมาคม ราคาส่งออกนอก มิใช่ราคาภายในประเทศ ข้าวปกติขายตันละ400-800$ก็ได้ที่ต่างประเทศราคาตลาดโลกก็ว่า,แต่ขายจริงในไทยแค่ตันละ2-3พันบาทกันเองจะเป็นอะไรหรือถุง5-10กก.ถุงละ5-10บาทเราก็ขายได้,ซึ่งสมาคมเราจัดสรรบริหารจัดการเอง ชาวนาส่งขายข้าวทั้งหมดเองแก่สมาคม เก็บไว้กินเองตามสบายใจ สมาคมรับซื้อเพื่อแปรรูปข้าวส่งนอกก็ให้ราคาสูงแก่ชาวนาทันทีได้ตามราคาตลาดโลกเลย,เช่น60%รับซื้อราคาตลาดโลกขายนอก,40%รับซื้อแปรรูปขายในไทยเองราคาถูกๆช่วยคนไทยเราด้านความมั่นคงทางอาหารเลี้ยงในชาติไทยเราเอง,ชาวบ้านขายข้าว10ตัน 6ตันคิดตันละ40,000บาท,4ตันคิดตันละ2,000บาท ก็ว่า,หากคลังสมดุลข้าวภายในประเทศมากก็ลดเป็น80:20 ,รับซื้อจากชาวนา8ตันส่งนอกละ40,000บาท=320,000บาท,รับซื้อขายในประเทศ2ตันๆละ2,000บาท=4,000บาท รวมชาวนาได้324,000บาทก็ยังกำไรดีกว่าเมื่อ เทียบตันละ15,000สูงสุดแบบมโนๆในยุคปัจจุบันคือ150,000บาทต่อ10ตัน มันก็คนละเรื่องเช่นกัน 2ตันคือเสียสละเฉลี่ยเลี้ยงคนไทยลูกหลานเราเองในการสร้างชาติพัฒนาชาติให้มีแรงกำลังกายด้านอาหารข้าวปลาสร้างชาติไทยร่วมกันต่อไปนั้นเองสนับสนุนสัมมาอาชีพอื่นร่วมกัน.
    ..ไม่ว่าจะอาชีพเกษตรด้านไหน นี้คือสงครามภายในประเทศไทยตนเองกับผู้ปกครองชาติไทยตนเองชัดเจน ที่กำลังมองคนเกษตรไทยคือภัยอันตรายของประเทศเอง ขัดขวางภาคเหล็กปูนอิฐเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมต่างๆผลิตสินค้าที่สร้างกำไรน้อยมันว่า,พอเกษตรกรจะขายข้าวสักกก.ละแสนบาท อาจต้องมาควบคุมพะนะ,ทองคำบาทละ4-5หมื่นกินไม่ได้เสือกแพง,ข้าวกินได้เสือกถูก,พืชผักถั่วเสือกถูก,จริงๆวิธีแก้ตาแก้มัดพวกนี้ต้องผูกค่าอ้างอิงใส่มันเลย เช่นทองคำ1บาท ราคา50,000บาทคือฐาน,ข้าว1ตันราคา50,000บาทคือฐานด้วย,อนาคตราคาลดราคาลงหรือเพิ่มขึ้นให้ใช้ราคาทองคำเป็นฐานให้อ้างอิงกำหนดราคาข้าวขายในตลาดด้วยเรียลไทม์เลย,ทองคำราคาลงที่1บาท25,000บาท,ข้าวก็จะลดลงทันทีเช่นกันที่1ตัน ราคา25,000บาท.นี้ต้องแก้แบบนี้,สินค้าเกษตรจะไม่ถูกด้อยค่าอีก,มีฐานอ้างอิงด้วย,โลกเรามันผีบ้า หาว่าขายข้าวราคาต่ำๆเป็นจิตสำนึกรักกันเองในประเทศ สินค้าควบคุมป้องกันความเดือดร้อนแก่คนหมู่มากที่ต้องจำเป็นกินข้าวกันทุกๆวัน,แต่จิตสำนึกห่วงใยชาวนาผู้ผลิตข้าวให้คนกินกลับไม่สนใจในความทุกข์ยากเดือดร้อนจนยากจนในความเสียสละของชาวนานั้น เอาเปรียบตัวนำการเอาเปรียบเองด้วยซ้ำคือรัฐบาลเองไม่ข่วย ไม่ควบคุม ไม่ลดต้นทุนวัตถุดิบรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับที่ชาวนาใช้ปลูกข้าวเพื่อผลิตข้าวให้คนทั้งประเทศกิน,อนาคตอวยนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมากินเมื่อเจอวิกฤติเขาไม่ส่งข้าวมาให้ชาติไทยตนเองแดกจะเกิดอะไรขึ้น,ทั้งประเทศเลิกเป็นคนชาวนาชาวเกษตรอีกเพราะทำธุรกิจกิจการภาคอื่นๆอุตสาหกรรมอื่นที่มิใช้ภาคเกษตรย่อลงมาย่อยคือชาวนาก็ซวยบรรลัยไร้แดกทั้งประเทศ,ความมั่นคงทางอาหารไม่มีตัดเสบียงทางการรบเห็นๆแพ้ศึกสงครามแน่นอนเพราะผีบ้าตามแต่อุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีAIหุ่นยนต์ ตนเสือกคือคนแท้ๆต้อกแดกข้าวแดกอาหารมิใช่ไฟฟ้าแบบหุ่นยนต์หรือAIในเน็ตในออนไลน์ พินาศคือเราคนเป็นๆนี้ล่ะ,
    ..ผู้นำจึงสำคัญจริงๆ ปลดปล่อยอิสระวัตถุดิบสมบัติชาติทรัพยากรชาติที่มีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยเราดั่งเดิม เราจะมีวิถีชีวิตที่ดีแน่นอน แม้จะสัมมาอาชีพใดๆก็ไม่ต้องแบกภาระต้นทุนสูงใดๆอีกต่อไป เพราะทุกๆคนช่วยกันคิดอ่านร่วมแก้ไขขจัดปัญหาต่างๆออกไป,กำไรแค่100-200บาทอาจมีความสุขโคตรมหาศาลก็ว่า เพราะไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาใช้หนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาชำระค่าใช้จ่ายสาระพัดทาง อาทิเปิดเทอมลูกหลาน รัฐบาลส่งเสริมเรียนฟรีหมด ชุดนักเรียน อุปกรณ์การศึกษา ค่าใช้จ่ายใดๆผู้ปกครองไม่ต้องจ่าย,เรียนคอมฯเรียนภาษาเรียนAIนวัตกรรมล้ำไหนฟรีหมด อาหารที่พักฟรี รถรับส่งไปกลับฟรี,ใช้กายใจตั้งใจเรียนรู้องค์รู้ต่างๆแค่นั้น จบมามีตังมีทุนเริ่มต้นสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีอีกฟรีเป็นต้น ค่างานศพใครตายก็ไม่ต้องเรี่ยไรจ่ายในแต่ละหมู่บ้าน รัฐรันระบบตรวจพบเจออำเภอคีย์แจ้งทราบ เคลมจ่ายศพมรณะทุกๆกรณีรายละ1ล้านบาทเรียลไทม์ก็ยังได้ ชาติไทยโคตรร่ำรวยจริงๆนะ แต่วิถีปกครองเรามันกาก&ผู้ปกครองกากเขลาโง่กระจอก,จนยกทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลแก่คนอื่นชาติอื่นไปยึดครองแทนคนไทย.

    ..วิถีเกษตรเราล้มเหลวก็ได้ ดูหน่วยงานรัฐเราสิ ขี้ข้าคนเจ้าสัวตรึม,สมัยประท้วงพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ นักวิชการเกษตรต่างๆทั่วไทยกลับไม่เร่งรีบลุกนำประท้วงความอยุติธรรมให้แก่คนภาคชาวเกษตรจริงอะไร จนเขาต้องนำทัพประท้วงช่วยเหลือกันเอง การยุบทุบทิ้งกระทรวงทบวงกรมสายงานเกษตรของภาครัฐทั้งหมดถูกต้องที่สุด มันคือวิถีทางเดียวจะล้างทำลายเผาไหม้จริงในรากเหง้าอิทธิอำนาจหยั่งลึกทุกๆมิติในวงการนี้ทั้งแผ่นดินไทยได้จริงทั้งหมด ย้ำมันวางรากลึกกัดกันวงจรชาวเกษตรไทยจนพินาศถึงปัจจุบันนีัจริงๆ.

    ..https://youtube.com/watch?v=topV7JVUnmE&si=mhL49JRpZO7BJ7BR
    ..จริงๆคลิปนี้สามารถทำลายกำลังใจคนรุ่นต่อไปเพื่อพึ่งพาตนเอง สร้างรายได้ทางการเกษตรกันเลยก็ว่า,อาจภาพเกษตรพอเพียงเสียเลยด้วยเพื่อพอจะมีรายได้มีกำไรพอยังชีพ ทำเกษตรขาดทุนหมดตังหมดกำลังใจกันเลย พ่อแม่ด่าอีกแฟนเมียเหยียบซ้ำด้วย พอจะเท่จะซื้อของใช้ซื้อพืชผักอื่นๆมาต่อยอดปลูกทำอีก&ซื้อข้าวของสินค้าอื่นๆสนองวัตถุธาตุอารมณ์ความรู้สึกตนแบบมนุษย์คนธรรมดาสามัญทั่วไปแบบเราๆได้,ทำไปก็ขาดทุน ตังลงทุนไปจมหายทิ้งละลายหมด เวลาที่เสียไป ชีวิตที่สั้นลงอีกแก่ชราไปภายหน้า สังขารเสื่อมลง กับเงินกับตังเฉลี่ยไม่พอจ่ายในภาระต่างๆแต่ละวันเดือนปีรอตรึมที่ตั้งด่านรอรับตัง&ไถ่ตังไถ่เงินอยู่โดยเฉพาะยิ่งภาระหนี้นอกระบบ, พืชผลการเกษตรตายด้วยโรคด้วยภัยธรรมชาติอีก เสี่ยงสูงในการขาดทุน,บวกรายได้ประจำแบบกินเงินเดือนสไตล์ข้าราชการรัฐก็ไม่มี,พอรอเก็บผลผลิตได้ก็ไม่มีทุกๆเดือนด้วยพอหักกลบลบหนี้ขาดทุนได้หรือลุกสู้ใหม่ปรับปรุงขยายสายงานพืชผลตัวใหม่เสริมผสมผสานกันต่อได้แบบไร่นาสวนผสมนั้น,แต่เหี้ยทั้งหมดมันจ่ายด้วยตังด้วยเงินทั้งหมดนะอะไรๆต้องซื้อมาลงทุนทำเกษตรก็ว่าในสถานะการณ์เวลายุคปัจจุบันนี้. ..คนไทบ้านปกติไม่มีเงินไม่มีทุนไม่มีตังปกติอยู่บวกกู้ตังธกส.จ่ายต้นจ่ายดอกเบี้ยแบงค์อีก ไม่รวมนอกระบบอื่นๆอีกนะ จะขนาดไหน,วงจรคนชาวเกษตรจึงไม่ร่ำรวยไง บวกยุคนีัค่าใช้จ่ายรอบด้านต้นทุนแพงรอบทิศรอบตัวอีก ไม่พอกินพอใช้อะไรหรอก ส่วนน้อยมากจะยืนได้ที่ออกมาโชว์ออฟช่องต่างๆ แต่ส่วนที่ล้มเหลวมันใต้ภูเขาน้ำแข็งเลยล่ะ เห็นปลายยอดภูเขาเปรียบพวกนั่งอยู่หอคอยงาช้างก็ได้ อาทิเช่นพวกข้าราชการมีเงินเดือนประจำพอโยกตังนั้นนี้ทันจนเดินได้ก็ว่า,พวกได้รับทุนโครงการเงินทุนเบื้องต้นสนับสนุนสาระพัดด้านการเกษตรช่วยงานการเข้าร่วมโครงการหลวงโครงการรัฐได้ทันเช่นโคกหนองนาโมเดล ทุนขุดสระทุนขุดคลองคอดไก่คนละกว่าแสนสองแสนบาทโน้นในอดีตและทางเกษตรช่วยต่างๆจนยืนได้ ใครได้อีกฝันเลยจะไทบ้าน ส่วนมากผู้นำชุมชนคณะกรรมการชุมชนหรือข้าราชการรัฐหลวงชิงตัดหน้าลงทะเบียนได้โครงการไปก่อนหรือในเครือญาติพี่น้องพวกนี้เพราะรับรู้ข่าวสารข้อมูลก่อนชิงตัดหน้ารับไปทำก่อน,เนียนๆก็ว่า ทำให้ดูเป็นตัวอย่างชาวบ้านแต่เหี้ยแค่ตังขุดสระเป็นหมื่นเป็นแสนสไตล์โมเดลโคกหนองนา ชาวบ้านมีตังที่ไหน และพวกนี้ก็ใช้ตังเริ่มต้นจริงด้วยตังตนเองที่ไหน ก็โครงการช่วยเหลือหมดเช่นกันตอนเริ่มต้น,หรือผีบ้าบ้าคนมีตังหน่อย ร่ำรวยเกินชาวบ้านหน่อยโชว์สักหน่อยก็ว่ามีตังเหลือหลายจากการค้าการทำธุรกืจกิจการอื่นสำเร็จ ตังไร้หนี้บีบหลัง เงินเย็นๆรอผลผลิตได้ ทำสบายๆสไตล์คนเกษตรยุคโบราณไม่ดิ้นรนอะไรมากตามหนี้กดดันต้องใช้ให้เร็วก็ว่า. ..ปัญหาชาวเกษตรแก้ง่ายมาก คือลดต้นทุนคนเกษตรจากรัฐส่งเสริมจริงจัง น้ำมันแพงคือต้นทุนหลักไม่ต่างจากทุกๆภาคกิจการธุรกิจอุตสาหกรรมหรอก,ชาวเกษตรหากรัฐไม่ช่วยในการลดต้นทุนทางตรงจากพ่อค้าที่ขายอุปกรณ์วัตถุดิบทางการเกษตรต่างๆลงได้ ตลอดต้นทุนเครื่องจักรทุ่นแรงราคาต่ำจริงเข้าถึงง่าย ราคาเสรีไม่กดราคาปั่นราคา,สาระพัดวิถีเกษตรจะมีค่าใช้จ่ายทำเกษตรไม่แพงอะไรเลย, ..รถไถ่นาเติมน้ำมันลิตรละ1บาท เติมถัง20-50ลิตร ใช้ตลอด50-100ไร่ไถ่นาสบาย,ค่าจ้างจะไม่แพง,ราคารถไถไทยทำเองจากโรงงานรัฐบาลส่งเสริมผลทำช่วยนำเข้าเสรีไม่แพงอีกในวัตถุดิบผลิตรถไถนาหรือสาระพัดเครื่องจักรทุ่นแรงต่างๆอาจคันละไม่กี่4-5หมื่นบาทเลยจากรถไถราคาปกติที่คันละ4-5แสนบาทหรือรถไถเดินตามปกติ2-3หมื่นบาทอาจเหลือแค่2-3พันบาทเลย,เพราะรัฐส่งเสริมจัดหาเต็มที่ทำทุกๆวิถีทางลดต้นทุนช่วยชาวเกษตรไทย,หรือยึดบ่อน้ำมัน บ่อน้ำมันส่งเข้าโรงกลั่น กลั่นได้ปุ๋ยมา ก็แจกจ่ายฟรีๆแก่คนไทยหรือมุ่งตรงคนเกษตรให้ได้รับมากหน่อยคนละ1กระสอบต่อไร่ทุกๆปีฟรีๆก็ได้,หรือนำเข้าปุ๋ยเสรี ราคาอาจเหลือแค่กระสอบละ20-30บาทก็ได้,ต้นทุนเราถูก รวมตัวเป็นสมาคม ทั้งระดับชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดสู่ระดับภาคระดับชาติส่งออกเป็นเครือข่ายตรงผ่านสมาคม ราคาส่งออกนอก มิใช่ราคาภายในประเทศ ข้าวปกติขายตันละ400-800$ก็ได้ที่ต่างประเทศราคาตลาดโลกก็ว่า,แต่ขายจริงในไทยแค่ตันละ2-3พันบาทกันเองจะเป็นอะไรหรือถุง5-10กก.ถุงละ5-10บาทเราก็ขายได้,ซึ่งสมาคมเราจัดสรรบริหารจัดการเอง ชาวนาส่งขายข้าวทั้งหมดเองแก่สมาคม เก็บไว้กินเองตามสบายใจ สมาคมรับซื้อเพื่อแปรรูปข้าวส่งนอกก็ให้ราคาสูงแก่ชาวนาทันทีได้ตามราคาตลาดโลกเลย,เช่น60%รับซื้อราคาตลาดโลกขายนอก,40%รับซื้อแปรรูปขายในไทยเองราคาถูกๆช่วยคนไทยเราด้านความมั่นคงทางอาหารเลี้ยงในชาติไทยเราเอง,ชาวบ้านขายข้าว10ตัน 6ตันคิดตันละ40,000บาท,4ตันคิดตันละ2,000บาท ก็ว่า,หากคลังสมดุลข้าวภายในประเทศมากก็ลดเป็น80:20 ,รับซื้อจากชาวนา8ตันส่งนอกละ40,000บาท=320,000บาท,รับซื้อขายในประเทศ2ตันๆละ2,000บาท=4,000บาท รวมชาวนาได้324,000บาทก็ยังกำไรดีกว่าเมื่อ เทียบตันละ15,000สูงสุดแบบมโนๆในยุคปัจจุบันคือ150,000บาทต่อ10ตัน มันก็คนละเรื่องเช่นกัน 2ตันคือเสียสละเฉลี่ยเลี้ยงคนไทยลูกหลานเราเองในการสร้างชาติพัฒนาชาติให้มีแรงกำลังกายด้านอาหารข้าวปลาสร้างชาติไทยร่วมกันต่อไปนั้นเองสนับสนุนสัมมาอาชีพอื่นร่วมกัน. ..ไม่ว่าจะอาชีพเกษตรด้านไหน นี้คือสงครามภายในประเทศไทยตนเองกับผู้ปกครองชาติไทยตนเองชัดเจน ที่กำลังมองคนเกษตรไทยคือภัยอันตรายของประเทศเอง ขัดขวางภาคเหล็กปูนอิฐเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมต่างๆผลิตสินค้าที่สร้างกำไรน้อยมันว่า,พอเกษตรกรจะขายข้าวสักกก.ละแสนบาท อาจต้องมาควบคุมพะนะ,ทองคำบาทละ4-5หมื่นกินไม่ได้เสือกแพง,ข้าวกินได้เสือกถูก,พืชผักถั่วเสือกถูก,จริงๆวิธีแก้ตาแก้มัดพวกนี้ต้องผูกค่าอ้างอิงใส่มันเลย เช่นทองคำ1บาท ราคา50,000บาทคือฐาน,ข้าว1ตันราคา50,000บาทคือฐานด้วย,อนาคตราคาลดราคาลงหรือเพิ่มขึ้นให้ใช้ราคาทองคำเป็นฐานให้อ้างอิงกำหนดราคาข้าวขายในตลาดด้วยเรียลไทม์เลย,ทองคำราคาลงที่1บาท25,000บาท,ข้าวก็จะลดลงทันทีเช่นกันที่1ตัน ราคา25,000บาท.นี้ต้องแก้แบบนี้,สินค้าเกษตรจะไม่ถูกด้อยค่าอีก,มีฐานอ้างอิงด้วย,โลกเรามันผีบ้า หาว่าขายข้าวราคาต่ำๆเป็นจิตสำนึกรักกันเองในประเทศ สินค้าควบคุมป้องกันความเดือดร้อนแก่คนหมู่มากที่ต้องจำเป็นกินข้าวกันทุกๆวัน,แต่จิตสำนึกห่วงใยชาวนาผู้ผลิตข้าวให้คนกินกลับไม่สนใจในความทุกข์ยากเดือดร้อนจนยากจนในความเสียสละของชาวนานั้น เอาเปรียบตัวนำการเอาเปรียบเองด้วยซ้ำคือรัฐบาลเองไม่ข่วย ไม่ควบคุม ไม่ลดต้นทุนวัตถุดิบรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับที่ชาวนาใช้ปลูกข้าวเพื่อผลิตข้าวให้คนทั้งประเทศกิน,อนาคตอวยนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมากินเมื่อเจอวิกฤติเขาไม่ส่งข้าวมาให้ชาติไทยตนเองแดกจะเกิดอะไรขึ้น,ทั้งประเทศเลิกเป็นคนชาวนาชาวเกษตรอีกเพราะทำธุรกิจกิจการภาคอื่นๆอุตสาหกรรมอื่นที่มิใช้ภาคเกษตรย่อลงมาย่อยคือชาวนาก็ซวยบรรลัยไร้แดกทั้งประเทศ,ความมั่นคงทางอาหารไม่มีตัดเสบียงทางการรบเห็นๆแพ้ศึกสงครามแน่นอนเพราะผีบ้าตามแต่อุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีAIหุ่นยนต์ ตนเสือกคือคนแท้ๆต้อกแดกข้าวแดกอาหารมิใช่ไฟฟ้าแบบหุ่นยนต์หรือAIในเน็ตในออนไลน์ พินาศคือเราคนเป็นๆนี้ล่ะ, ..ผู้นำจึงสำคัญจริงๆ ปลดปล่อยอิสระวัตถุดิบสมบัติชาติทรัพยากรชาติที่มีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยเราดั่งเดิม เราจะมีวิถีชีวิตที่ดีแน่นอน แม้จะสัมมาอาชีพใดๆก็ไม่ต้องแบกภาระต้นทุนสูงใดๆอีกต่อไป เพราะทุกๆคนช่วยกันคิดอ่านร่วมแก้ไขขจัดปัญหาต่างๆออกไป,กำไรแค่100-200บาทอาจมีความสุขโคตรมหาศาลก็ว่า เพราะไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาใช้หนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาชำระค่าใช้จ่ายสาระพัดทาง อาทิเปิดเทอมลูกหลาน รัฐบาลส่งเสริมเรียนฟรีหมด ชุดนักเรียน อุปกรณ์การศึกษา ค่าใช้จ่ายใดๆผู้ปกครองไม่ต้องจ่าย,เรียนคอมฯเรียนภาษาเรียนAIนวัตกรรมล้ำไหนฟรีหมด อาหารที่พักฟรี รถรับส่งไปกลับฟรี,ใช้กายใจตั้งใจเรียนรู้องค์รู้ต่างๆแค่นั้น จบมามีตังมีทุนเริ่มต้นสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีอีกฟรีเป็นต้น ค่างานศพใครตายก็ไม่ต้องเรี่ยไรจ่ายในแต่ละหมู่บ้าน รัฐรันระบบตรวจพบเจออำเภอคีย์แจ้งทราบ เคลมจ่ายศพมรณะทุกๆกรณีรายละ1ล้านบาทเรียลไทม์ก็ยังได้ ชาติไทยโคตรร่ำรวยจริงๆนะ แต่วิถีปกครองเรามันกาก&ผู้ปกครองกากเขลาโง่กระจอก,จนยกทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลแก่คนอื่นชาติอื่นไปยึดครองแทนคนไทย. ..วิถีเกษตรเราล้มเหลวก็ได้ ดูหน่วยงานรัฐเราสิ ขี้ข้าคนเจ้าสัวตรึม,สมัยประท้วงพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ นักวิชการเกษตรต่างๆทั่วไทยกลับไม่เร่งรีบลุกนำประท้วงความอยุติธรรมให้แก่คนภาคชาวเกษตรจริงอะไร จนเขาต้องนำทัพประท้วงช่วยเหลือกันเอง การยุบทุบทิ้งกระทรวงทบวงกรมสายงานเกษตรของภาครัฐทั้งหมดถูกต้องที่สุด มันคือวิถีทางเดียวจะล้างทำลายเผาไหม้จริงในรากเหง้าอิทธิอำนาจหยั่งลึกทุกๆมิติในวงการนี้ทั้งแผ่นดินไทยได้จริงทั้งหมด ย้ำมันวางรากลึกกัดกันวงจรชาวเกษตรไทยจนพินาศถึงปัจจุบันนีัจริงๆ. ..https://youtube.com/watch?v=topV7JVUnmE&si=mhL49JRpZO7BJ7BR
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..มโนเล่นๆ อาจร่ายยาวเพลินๆก็ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยแก่ผู้ที่ล็อกอินผ่านมาเจอ.

    ....เอาจริงๆนะ ชุมชนthaitimeตั้งเป็นชุมชนเตรียมอุดมจัดตั้งคณะบริหารชาติภาคมหาประชาชนเลย,หรือฮับศูนย์กลางแหล่งลงทะเบียนรับสมาชิกภาคประชาชนคนไทยเราเพื่อนำไปสู่การตั้งพรรคการเมืองภาคประชาชนก็ว่า,ใช้แอปแพลตฟอร์มthaitimeนี้เป็นรุ่นทดลองทดสอบโมเดลสำรวจความต้องการก่อนก็ได้ หรือว่าที่พรรคการเมืองตัวแทนภาคประชาชนคนไทยจริงจังในอนาคตนั้นเอง,ลงทะเบียนสำรวจความสนใจเบื้องต้นก็ได้ แบบกดลงมติเห็นด้วยไม่เห็นด้วยได้เลย,เช่นใครก็ตามเข้ามาใช้thaitimeสามารถมีอีกช่องทางเลือกหนึ่งว่า ปุ่มรับลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมเป็นว่าที่สมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนคนไทยระดับทั้งคนประเภทไทบ้านออฟไลน์และออนไลน์ได้เพียงให้ลูกหลานลงทะเบียนในช่องสำรวจร่วมจัดตั้งพรรคนี้อย่างยินยอมเต็มใจได้ ก็สามารถให้คนที่เข้ามาใช้ช่วยกดลงมติเห็นด้วยได้และเข้าไปลงทะเบียนรุ่นโมเดลทดลองเป็นว่าที่สมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนได้,เช่นคนมาเล่นthaitimeตลอดปีและลงทะเบียนเป็นสมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนอย่างเต็มใจถึง 30-40ล้านคน แพลตฟอร์มนี้สมาชิกประเมินและประมวลผลติดตามได้ทันที ส่งสิทธิการยืนยันตัวตนจริงจังอีกครั้งว่าจากสถานะว่าที่สมาชิกจะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนอย่างสมบูรณ์แล้วนะเมื่อกดปุ่มยืนยันตามนี้ ระบบจะรันรายชื่อสมาชิกที่ลงทะเบียนไว้แล้วว่าที่สมาชิกนั้นเป็นสมาชิกจริง100%ทันทีเพื่อความเป็นพรรคการเมืองภาคประชาชนจะได้สมบูรณ์จริงต่อไป,
    ..เลือกตั้งสมัยหน้า (อาจแค่สมาชิกและครอบครัวคนที่เป็นหนี้กยศ.อาจเป็นสมาชิกพรรคทั้งหมดด้วยกว่า6ถึง10ล้านคนเครือญาติพี่น้องเขาที่มีสิทธิ์กาเลือกตั้งได้)ไทบ้าน&ประชาชนทั่วประเทศสามารถสื่อสารการบริหารจัดการปกครองประเทศร่วมกันผ่านแอปนี้ได้ทันที,อาจใช้ระบบควอนตัมบริหารจัดการข้อมูลดาต้าสมาชิกและปัญหาคำถามใดเพื่อขจัดปัญหาที่ไม่ดีในอนาคตได้อย่างราบรื่น,เช่นลงมติว่า พรรคthatimeถึงเวลายึดคืนบ่อปิโตรเลียมไทยที่ถูกปล้นนานมาแล้วคืนสู่สามัญเดิมในอธิปไตยชาติไทยเถอะก็ว่า โมฆะสัมปทานทั้งหมดก็ว่า เป็นต้น,หรือล้างหนีักยศ.เลย กว่าแบบอเมริกาสมัยไบเดนทำคือล้างหนี้ช่วยนักเรียนนักศึกษาอเมริกาขั้นต่ำของเขาจริงต่อคนที่10,000$หรือ350,000บาทต่อหนี้กยศ.คนอเมริกาต่อคน และแบบสูงสุดมีเงื่อนไขบ้างที่20,000$หรือ700,000บาทต่อคนของประเทศเขาอเมริกา,แต่ชาติไทยเราอาจล้างหนี้และยกเลิกหนี้แก่เยาวชนไทยเราทั้งหมดได้สบายมาก,สู่ยุคการศึกษาที่ประเทศเรา ใครคนไทยอยากเรียนไม่ต้องมีหนี้นั้นเองได้แล้ว,ยุบกยศ.ทิ้งเลยด้วย กูรูบ้างท่านบอกว่า สัญลักษณ์กยศ.หากดูดีๆมันคือโลโก้สไตล์สัญลักษณ์ปิระมิทของพวกซาตานฝ่ายมืด จะเป็นไปเพื่อกดขี่ บังคับข่มเหงในองค์กรหน่วยงานนั้นๆที่ทำโลโก้สัญลักษณ์บอกแสดงออกมา,กยศ.ไทยเราปกติไม่เคยทำตราโลโก้องค์กรแบบที่ว่านั้น แต่พึ่งมาเปรียบใหม่ๆช่วงฝ่ายแสงกับฝ่ายมืดรบกันจริงจังแบบเปิดเผยเปิดหน้าชัดเจนไม่แอบซ่อนเหมือนดั่งในอดีตแล้ว,มันจึงเสมือนชัดเจนเจาะจงว่ากยศ.ไทยที่โทนี่คิดค้นสร้างทำในยุคตนขึ้นปกครองมีการวางแผนเพื่อกดขี่เยาวชนนักศึกษาไทยด้วยทาสหนี้ทาสตังมานานแล้วคือมุกวางหมากวางเกมส์นี้สร้างขึ้นเพื่องานนีัหวังผลชัดเจนนั้นเองและผลลัพธ์ชัดแจ้งคือยุคปัจจุบันนี้ล่ะ,สิ่งใดที่ฝ่ายมืดทำขึ้นมันมุ่งใช้งานไปทางไม่ดีแน่นอน,เมื่อเยาวชนคนรุ่นต่อไปจมในกับดักหนี้แต่แรกเริ่มเรียนเริ่มทำงาน ชาติจะอ่อนแอย่อมง่ายมากแบบเห็นชัดในปัจจุบันผ่านเยาวชนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในสังคมชุมชนตนอยู่ในคอกหนี้กรอบหนี้ทัังบีบในหนี้ที่อยู่ในระบบ บีบจนต้องมาพึ่งหนีัฝ่ายมืดฝ่ายนอกระบบที่ก็เป็นของพวกมันสร้างวางแผนรอดักทางเตรียมไว้แล้ว,สุดท้ายเยาวชนไทยติดหนี้ทัังในระบบ ถูกเล่นงานทั้งพวกหนี้นอกระบบ และถูกเอารัดเอาเปรียบในระบบธุรการงานราชการจากการทำเรื่องในหน่วยงานอื่นๆอีก พวกทวงหนี้จนถึงยึดทรัพย์บังคับขาย ต่างได้ตังได้เงินทองจากทาสหนี้ทาสตังในระบบและนอกระบบสิ้น,ซวยและเหยื่อที่ดีคือเยาวชนเด็กนักเรียนนักศึกษาเราแม้เติบโตเข้าสังคมระบบกลไกสัมมาอาชีพชอบระดับประเทศ ก็จะตายเพราะสัมมาอาชีพชั่วเลวของคนฝ่ายมารมืดซาตานที่อยู่เป็นองค์กรเลวระดับใหญ่มีอำนาจในระดับชาติ ปะปนในหน่วยงานระบยราชการที่ล้มเหลวอีก ซวยคือประชาชน ลูกหลานและผู้ปกครองเขา,จึงทำลายกยศ.ที่ฝ่ายมืดจัดตั้งดีที่สุด ตัดตอนจบเรื่องทันที เพราะเมื่อเหตุเลว ผลยอมเลวตามมาชัดเจน,ฝ่ายมืดก่อตั้ง มันจะดีได้อย่างไร กฎหมายใดๆกติกาเงื่อนไขใดๆมันย่อมสนองที่ต้นเหตุเป้าหมายการจัดตั้งก่อตั้งขึ้นมา,แก้แบบใดๆก็ไม่ใช่ทาง,ทุบก่อตัังใหม่จากฝ่ายแสงฝ่ายดีทำเอง เหตุเพื้อก่อมาดี ผลย่อมได้ดีตามมาจากเหตุ,อาทิ กยศ.ยุบทุบทิ้ง เกิดใหม่ว่า กองทุนการศึกษาแห่งชาติไทย กศช. เป้าหมาย คนไทยทุกๆคนสามารถเรียนฟรีตลอดชีพ ขั้นต่ำสูงสุดตามใจต้องการเช่นป.เอกในหมู่วัยเล่าเรียน,ในหมู่ประชาชนทั่วไป มีสถาบันฝึกทักษะสัมมาอาชีพเกือบทุกๆประเภทเพื่อให้ประชาชนคนไทยพึ่งพาสัมมาอาชีพตนเองยืนด้วยขาตนเองได้จริง มีทุนสัมมาอาชีพเริ่มต้นให้ทุกๆคน ตั้งแต่เยาวชนนักเรียนนักศึกษาเราที่จบใหม่ๆหรือประชาชนทั่วไปที่ผ่านการฝึกอบรบทักษะอาชีพใดๆที่สนใจ ไร้ทุนตังตั้งสัมมาอาชีพ สามารถยืมฟรีๆได้ ไม่มีดอกเบี้ย,มีรายได้ในสัมมาอาชีพนั้นๆที่เหลือใช้สามารถฝากตังไร้ดอกเบี้ยเงินฝากที่กองทุนสัมมาอาชีพ ฝากถอนสร้างสภาพคล่องได้เองตลอดเวลา,เช่นแต่ละหมู่บ้าน80,000ชุมชนทั่วประเทศ,แบงค์ชาติโอนตังเข้ากองทุนสัมมาอาชีพแต่ละชุมชนๆละ10ล้านบาทเบื้องต้นให้คนในชุมชนนั้นๆมายืมไปสร้างสัมมาอาชีพได้ในแต่ละปี เป็นตัง800,000ล้านบาทต่อปีเอง เทียบกับรายได้จากบ่อน้ำมัน เหมืองแร่ทองคำ แร่ทรัพยากรมีค่ามากมายบนแผ่นดินไทย มันมีตังมากมายมหาศาลกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีแน่นอนถ้าบริหารจัดการแบบไม่ทุจริตโกงกินแผ่นดินไทยในปัจจุบัน,1ชุมชนไทบ้าน คนสนใจไปสร้างสัมมาอาชีพต่างๆในชุมชนตนเองอาจคนละ100,000บาทยืมสูงสุดก็ช่วยได้100คนหรือ100ครัวเรือนต่อปีเลย,ชุมชนนัันๆปลูกเลี้ยงนั้นนีัส่งออก ยืนด้วยขาตนเองได้มาคืนตังในปีที่สามทันที10ล้านบาทก็สามารถปล่อยยืมหมุนเวียนในชุมชนได้ตลอดเวลาอีก,บวกคน100คนนั้นๆมีรายได้รวมต่อปีเกิน1ล้านบาทอีกเหลือใช้อาจมาแบ่งฝากหมุนเวียนตลอดปีคนละ500,000บาทก็50ล้านบาทประจำชุมชนท้องถิ่นนั้นๆเลย,ความสามัคคีในชุมชนจะแน่นหนาเป็นเครือข่ายกว่า80,000หมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศอีก,มีตลาดออนไลน์แบบแพลตฟอร์มthatimeส่งเสริมสนับสนุนการค้าเสรีบนโลกออนไลน์ทั่วโลกอีกจะเกิดอะไรขึ้น ตังหมุนเวียนซื้อขายในแอปอาจกว่า1ล้านล้านบาทต่อวันทั่วโลกก็ได้,ไม่รวมตลาดออฟไลน์แบบตลาดร้านค้าชุมชนหมู่บ้านอีก แบบกองทุนร้านค้าชุมชนในหลายๆหมู่บ้านยังมีเปิดค้าขายของใช้สอยในชุมชนอยู่,สามารถใช้ตังกองทุนฯไปสร้างตลาดชุมชนประจำอำเภอ จังหวัดเป็บฮับพบเจอกันต่อคนซื้อคนขายราคาไม่แพงตรงจากผู้ผลิตอีก แผงผักแผงปลาแผงผลไม้สาระพัดอาหารอุปโภคบริโภค ประชาชนสัมมาอาชีพมีตัง นำตังมากมายมาฝากไว้ในกองทุนอีก กองทุนตังล้นระบบสถาบันแน่นอน ปกติตังสะพัดทั้งประเทศกว่า40-50ล้านล้านบาทต่อปี อนาคตทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ในประเทศ อาจกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีในประเทศไทยบวกทั่วโลกเข้าไทยจะขนาดไหน,เราไม่ต้องขุดสมบัติชาติทรัพยากรแผ่นดินไทยขึ้นมาอีกก็ได้ ต่อยอดอะไรๆต่อไปได้สาระพัดเลย,ฮับโรงพยาบาลโลกที่มีทั้งแบบสมุนไพรไทยผสมผสานล้ำๆเทคโนโลยีโลกAIหุ่นยนต์ชีวภาพ&มนุษย์กึ่งหุ่นยนต์AIซึ่งคนเราอาจพิการตาแขนขาอาจใช้แขนขาจักรกลผสมผสานรักษาทางการแพทย์ได้ลงตัวในไทยเราเติมเต็มตอบโจทย์ผู้คนทั่วโลกให้มารักษาในไทยอย่างสบายใจสะดวกสบายปลอดภัยในสุขภาพร่างกายได้เป็นต้น,สงกรานต์ไทยกินขาดแล้วด้านมิติท่องเที่ยวในช่วงหนึ่งๆ ต่อยอดขายอะไรต่อมิอะไรมากมายในไทยอีก ร่ำรวยโคตรๆก็ว่า,เราจะชัดเจนว่า การปกครองเราเองล้มเหลว ปกครองที่ผิดพลาดและไม่ยอมแก้ไขปรับปรุง มั่นคงให้คนไทยตนเองยากจนทุกข์ยาก,ทาสตังทาสหนี้ ทาสค่าครองชีพแพงในแบบไทยๆภายในไทยเราเองจึงต้องทำลายสถานะทาสนี้ทั้งหมดทันที,พักงานนักการเมืองทั้งหมด สส.สว.ทั้งหมด,ยุบองค์กรกยศ.หรือทุบทิ้งกยศ.ไทยด้วยก็ว่า, อเมริกาล้างหนี้เรียนสมัยไบเดนกว่า350,000บาทต่อคนได้ ทัังที่สภาพหนี้เขากว่า30ล้านล้าน$ยังสามารถทำได้,มองมาไทย สว.ยินยอมลงมติล้างหนี้เยาวชนไทยจากกยศ.ที่ก่อตั้งมาอย่างผิดพลาด หากสว.ตัดสินใจจริง &จริงใจในการห่วงใยเยาวชนไทยจริง จะตัดสินใจกล้าหาญโดยไม่ยาก,และสามารถคิดอ่านตัังหน่วยงานใหม่ให้เยาวชนไทยได้เล่าเรียนฟรีๆสูงๆโดยไม่ต้องมีหนี้สินติดตัวเป็นกำลังของชาติได้สบาย,
    ..thaitimeหากปลุกติดจริงแบบจุดเทียนช่วงสมัยพันธมิตรขับไล่โทนี่ออกจากประเทศได้สำเร็จและหากทำสุดซอย ยึดอำนาจในภาคมหาประชาชนด้วยได้สำเร็จ อาจไม่เสียของแบบทหารยึดอำนาจทั้งในอดีตและสมัยยึดอำนาจล่าสุดนั้นด้วยเสียของมากๆ ขายที่ดินให้ต่างชาติไร่ละ40ล้านบาทก็สามารถทำได้ ให้ต่างชาติเช่าที่ดินไทยแบบฮ่องกง99ปีก็สำเร็จจากทีมคณะยึดอำนาจไม้ต่อดำรงอำนาจการปกครองไทย ตลอดปล่อยสัมปทานสองแปลงอ่าวไทยให้คนอื่นจยชาติซาอุฯออกหน้าอย่างน่าเกียจด้วยปลื้มใจสำเร็จจะยึดสัมปทานน้ำมันไทยได้จนกะสร้างคลังแสงน้ำมันขนาดใหญ่ในไทยโน้น เหมืองทองคำก็ปล่อยให้ขุดต่อทั้งที่มีคดีกว่า15คดี,ผูกขาดพรบ.เม็ดพันธุ์ให้เอกชนยึดครองถ้าเกษตรกรฉีกซองเก็บเอาทำพันธุ์พืชต่อมีสิทธิ์ติดคุกทันทีแบบซาตานเอกชนฝรั่งทำสำเร็จแล้วโน้นก็ด้วยจะผ่านพรบ.500นี้ให้ได้จนประชาชนไม่ยอม ออกมาประท้วงจึงถอนพรบ.เหี้ยโจร500นี้ออกไปอีกตัว,นี้ยุคทหารอุบาทก์ยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญเก่งมากกล้ามากทุกๆยุคการยึดอำนาจรัฐประหารแต่ไม่กล้าขี้ขลาด&เขลากากกระจอกไม่กล้าแม้แต่จะฉีกกฎหมายลูกๆหลานๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยตนเอง ปล้นชิงสมบัติทรัพยากรชาติไทยตนผ่านกฎหมายลูกกระทรวงทบวงกรมขี้ข้าทาสสัมปทานนั้นเลย เก่งกล้าแต่จะฉีกกฎหมายแม่รัฐธรรมนูญ มันเหี้ยมั้ยการปกครองไทยเรา,
    ..
    ..จริงๆthaitimeจึงสมควรที่เป็นเทียนชัยรุ่นบุกเบิกวางรากฐานที่ดีของภาคประชาชนคนไทยเราได้,ยิ่งมีนโยบายชัดไม่แสวงหากำไรมุ่งทำรายได้ผลประโยชน์ต่อสาธารณะมาเป็นของตัวของตนยิ่งจะเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงคุณค่าแน่นอน,
    ..อาทิ ใครอยากจะร่วมจัดตั้งพรรคthaitimeภาคมหาชนคนไทยจริงก็มาลงทะเบียนเป็นสมาชิกพรรคที่นี้,มี40ล้านคนคือ40ล้านเสียงกาเลือกนายกภาคมหาประชาชนไทยจึงสะดวกต่อการสื่อสารแน่นอน,
    ..thaitimeเป็นแอปตลาดออนไลน์ของกองทุนตังสัมมาอาชีพคนไทยอีกยิ่งจะขนาดไหน,เลิกใช้แพลตฟอร์มอื่นๆของฝ่ายเอกชนต่างชาติอื่นๆจะแอปใดๆอีก มาพูดคุยแลกเปลี่ยนค้าขายออนไลน์ติดตระกร้าอิสระเสรีจะขนาดไหน,โฆษณาต่างๆตามมาตรึม มาช่วยคนพัฒนาแอปมีรายได้กำลังบริหารจัดการแอปมหาชนเราเสรีอีก,อาจอนาคตกว่าเดือนละ10ล้านบาทเข้าคนทำงานแอป แอปเรายิ่งต่อยอดแตกอำนวยความสะดวกเชิงบวกการทำตลาดค้าขายออนไลน์เสรีแก่ชุมชนสังคมแอปไทยนี้แน่นอนทั้งเปิดกว้างเสรีการค้าขายแลกเปลี่ยนทั่วโลกอีก คนทั้งโลกมาร่วมกันใช้แอปนี้ของไทยสัก5,000ล้านคนก็สุดยอดมากแล้ว พากันค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าการตลาดสาระพัดในแอปนี้อีก,คนไทยเรายิงสินค้าไทย&บริการไทยติดตาทั่วโลกได้สบายพันธมิตรการค้าเสรีกับชาวไทยคตธรรมดาเราอีก ขายตรงจากต้นน้ำถึงปลายน้ำเลย อาทิต่างชาติมาเห็นชุมชนหมู่บ้านเราปลูกพืชอินทรีย์ปลอดภัย สั่งซื้อยกชุมชนยกอำเภอ ตังกว่า10,000ล้าน$&หยวนหรือบาทไทยจะขนาดไหน,ตะวันตกขาดสินค้า ยุโรปขาดอาหาร สินค้าไทยมิตรทั่วโลกสั่งตรึม77จังหวัดๆละ100,000ล้านเหรียญหรือหยวนหรือบาทไทย,ในแต่ละเดือนๆ รวยร่ำๆเลยนะ,กองทุนสัมมาอาชีพที่แบงค์ชาติอัดให้ชุมชนละๆ10ล้านบาทหมุนเวียนต่อเนื่องคืนทุนต่อเนื่องในชุมชนแทบตลอดไปไม่เรียกคืนให้งอกเงยสบายมากๆ,
    ..พื้นฐานจริงๆคือฐานเยาวชนการศึกษาเรานี้ล่ะ เรียนไม่ต้องมีหนี้ติดตัวบวกอัดเงินส่งเสริมสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีประยุกต์ทำได้หมด,บางคนอาจจบมารวมกลุ่มสมาคมขนาดใหญ่พัฒนาสร้างยานอวกาศบินออกนอกโลกโดยฝีมือเยาวชนไทยรุ่นท่องเที่ยวขนาดเล็กไม่เกิน10ที่นั่งก็อาจสบายมากเป็นต้น,ผีบ้าผู้ปกครองไทยกาก&กระจอกเสือกไม่ตั้งกยศ.ให้คนที่อยากเรียนไปเป็นทาสตังทาสหนี้สู่ทาสแรงงานรับใช้กดขี่อิสระภาพสัมมาอาชีพและความคิดล้ำๆคนไทย,ทัังที่แค่ยึดบ่อน้ำมันคืนบ่อทองคำคืนมาทำมาขายเองก็ร่ำรวยมหาศาลขนาดไหนแล้ว พะสาเศษตังไม่ถึงล้านล้านบาทนี้,เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่มาดูดน้ำมันลงเรือมันไม่กี่ลำแบบเถื่อนๆลับที่พวกได้สัมปทานไปทำตรึมแน่นอนจนกูรูมากมายออกมาแฉตรึม ตีเป็นตังต่อปีอาจมากกว่า100ล้านล้านบาทที่หายไปจากแผ่นดินไทยจนถึงปัจจุบันโน้น.,ยุบกยศทิ้งเถอะ,ไบเดนว่ากากๆยังล้างหนี้ช่วยเยาวชนคนอเมริกาถึงคนละ10,000-20,000$ต่อคนโน้นหรือตังไทย35฿:1$คือ350,000-700,000บาทต่อคนโน้น,แบบไม่ต้องทวงตามหนี้ค่ายืมเล่าเรียนอะไรเลย,เขาลงทุนในเยาวชนลูกหลานเขาเอง เลี้ยงลูกหลานเขาเองจะเป็นอะไร,ย่อมาดูไทยเราอุบาทก์บัดสบ&เหี้ยกากกระจอกตั้งแต่ยกบ่อน้ำมันเต็มประเทศให้เอกชนชาติอื่นหรือหัวดำเอกชนปลอมเป็นต่างชาติก็เถอะหรือบ่อทองคำตรึมก็ด้วยลากยาวทับถมมหาศาลทั่อ่าวไทยเราอีก มันโคตรร่ำรวยมหาศาลเสือกปกครองบ้านเมืองไทยตนเองให้เก็กๆลูกหลานเยาวชนไทยตนนักเรียนนักศุกษาตนมรึงๆอยากเรียนอะไรใส่ความรู้องค์รู้ใส่หัวใส่มันสมองฝึกเหี้ยอะไรทักษะมรึงๆอยากเรียนสูงๆบนแผ่นดินไทยตนมรึงนี้ต้องเป็นหนี้ต้องมีหนี้ต้องติดหนี้โว้ย,ชนชั้นไพร่ประชาชนธรรมดาสามัญลูกตาสีตาสายามาทวดวัวควายสะพายวัวควายเคยเลิกทาสขี้ข้ารับใช้มา,ไม่ได้เป็นไม่ใช่แบบชนชั้นอำมาตย์ขุนนางเจ้าพระมีโรงเรียนทุนโรงเรียนชนชั้นคนปกครองอำมาตย์ขุนนางเจ้าพระยาแบบกูมีตังมากมายกองเป็นภูเขาตำแหน่งราชการใหญ่โตคับเมือง คหบดีพ่อค้าร่ำรวยผูกขาดวงการาชหลวงฝ่ายครองเมืองแบบพวกกู&โควต้าเพียบ&อุปถัมภพตรึม&เส้นสายอัพเกรดเรเวลแบบใดๆกูมีหมดแบบพวกกูชนชั้นปกครอง ไม่ใช่แบบพวกมรึงชนชั้นทาสไพร่พวกเลิกทาสสืบเชื้อสายรับใช้ขี้ข้ามาถึงปัจจุบัน มีอิสระไทหน่อยนิดต้องมีเป็นหนี้มีหนี้ อยากเรียนเพราะจนต้องมีหนี้ติดตัวโว้ย&ว่ะ!!!,นี้คือประเทศกูมี.,อยากเรียนต้องเป็นหนีันะประชาชนคนจนๆธรรมดา&ดิ้นรนหาแดกหางานเอาเองนะ กรมแรงงานหน่วยกูมีไม่ประสานงานเหี้ยหาอะไรหรอกระหว่างจะจบเรียน,&ไม่ควบคุมแรงงานกิจการบริษัทใดๆด้วย,คนไทยจริงๆต้องได้งานก่อนทำงานก่อน,อยากจ้างต่างชาติต่างด้าวก็ไปตั้งกิจการบริษัทโรงงานที่ประเทศต่างด้าวต่างชาตินั้น,กรมแรงงานสมควรยุบไปด้วย.,โรงงานใดๆจะเปิดโรงงานเปิดกิจการเปิดบริษัทต้องมาขอคนงานตรงผ่านกระทรวงแรงงานจัดสรรคนไทยลงไปทำงานหรือติดต่อคนงานไทยนั้นๆไปพบกรมจัดสรรคนงานก่อนตนจึงค่อยอนุมัตรับคนที่ตนต้องการได้มาทำที่ตนและตรงเงื่อนไขว่าต้องจ้างคนไทยก่อนทุกๆกรณี ไม่พอจึงจ้างต่างด้าวโดยต้องขออนุญาต อนุมัติจากกระทรวงทบวงกรมและสังเกตุประพฤติคนงานต่างด้าวก่อนทุกๆกรณี&สแกนคุณสมบัติทั้งหมดทั้งเข้าเมืองถูกต้อง ไม่มีคดีก่ออาชญากรรมต่างๆทั้งในประเทศต้นทางและในไทย และอื่นๆตรึม&ซึ่งคนไทยต้องมีงานทำก่อนทุกๆกรณีก่อนคนต่างชาติต่างด้าว&ติดตามสุขภาพการทำงานของคนงานไทยตนด้วย,กรมแรงงานเราเลอะเทอะ โรงงานต่างชาติเอาแรงงานชาติมันมาทำเต็มโรงงานบนแผ่นดินไทย แย่งที่ดินที่อาศัยคนไทยแย่งอากาศหายใจคนไทย แย่งชิงน้ำเพื่อสนองภาคอุตสาหกรรมโรงงานต่างๆไปจากคนไทยและมากมายที่ดินที่ประเทศเสียอธิปไตยจากเขตเศรษฐกิจพิเศษผีบ้ามากมายที่มุกมันอ้างทำอ้างสร้างขึ้น,คนไทยธรรมดาเข้าพื้นที่มันไปดูสิ่งผิดปกติได้ที่ไหน.เป็นดินแดนปกครองตนเอง&ที่อยู่มันไปเลยเป็นเขตอธิปไตยกว่าสถานฑูตอีกล่ะ.นี้คือการปกครอง&วิถีปกครองที่ผิดพลาด&ล้มเหลว&กากบวกเหี้ยไปยกอธิปไตยไทยมากมายแก่คนอื่นชาติอื่นนั้นเอง,จึงต้องโมฆะทั้งหมดเพื่อคืนสู่สามัญแก่ประเทศไทยเรา.,หรือทั้งประเทศไทยทั้งหมดคนไทยย้ายไปประเทศจีนประเทศอินโดอินเดีย ไปอยู่ในบ้านในเมืองคนอื่นมั้ยล่ะ,เขาคงถีบออกมาทั้งหมดล่ะ,แผ่นดินไทยเสือกไม่รักษาหวงแหนปกป้องร่วมกันไว้แล้วเราจะถอยจะย้ายจะไปอยู่ไหนล่ะ,ที่ตั้งเดิมเรามีปัจจุบันแล้ว เขาเข้ามารุกมาบุกจะมามุกใดๆเราก็โมฆะขับไล่ได้หมดล่ะจะเกรงใจทำพ่อทำโคตรพ่อโคตรแมร่งมันอะไร เราถอยหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วนะ,เยาวชนไทยเขาจะทำลายผ่านตังผ่านระบบการศึกษาผ่านมุกหนี้ตังคนอยากเรียน,แก้มุกมันเลยคือยุบทิ้งล้างไพ่มันทันทีคือยุบกยศ. ปลดปล่อยเด็กๆเยาวชนคนที่เติบโตเป็นประชาชนคนไทยเราเองเป็นอิสระภาพจะกั้กเอาดูหรูทำเท่ห่าสวรรค์วิมานห่าอะไร เสียบ่อน้ำมันเสียบ่อทองคำมากมายตีเป็นเงินโคตรมหาศาลเสือกเสียดายตังกะทวงหนี้ทำไมแก่ลูกๆหลานคนไทยตนเอง,พวกโกงปล้นชาติแบบนักการเมืองเลวข้าราชการชั่วตีค่าเป็นเงินเป็นตังอาจกว่า100ล้านล้านบาทแล้วถึงปัจจุบันที่เราสูญเสียไปทางลับๆใต้บัญชีใต้ดินต่างๆไม่รวมกรณีฟอกตังในอดีตแบบเกาะเคแมนหรือเกาะเถื่อนๆต่างๆทั่วโลกที่ชนชั้นผู้ดีชนชั้นปกครองเจ้าสัวเจ้าพระลูกหลานคนสถุนต่อแผ่นดินไทยไปเปิดกิจการบริษัทไว้อีกนะ,
    ..มโนเล่นๆ สมมุติพรรคthaitimeได้เป็นนายกฯปกครองประเทศ นอกจากนโยบายหลักข้อแรกที่อยากให้ตั้งชัดเจนคือนยึดคืนวัตถุดิบทรัพยากรพัฒนาชาติไทยทั้งหมดยึดกลับคืนมา.ข้อที่สองคือยุบกยศ.ทิ้ง&ล้างหนี้นักเรียนนักศึกษาคนไทยทั้งหมดทุกๆกรณี แล้วตั้งกองทุนการศึกษาแห่งชาติไทย(กศช.)ขึ้นมาแทน,ที่สามคือล้างหนี้ประชาชนธรรมดาทั้งหมดคืนอิสระภาพแห่งชีวิตให้ทุกๆเป็นอิสระแห่งหนี้สินจริงๆจังๆ. ยุคอนาคตเชื่อว่าเราประเทศเราประชาชนคนไทยไม่แพ้ใครๆในโลกแน่นอน เพราะคนอัจฉริยะมากมายจะมาเกิดบนแผ่นดินไทยเป็นอันมาก,ด้วยสนามแม่เหล็กโลกพลิกเปลี่ยนก็ด้วยทำให้มันสมองตานัยเราคนไทยเปิดอัตโนมัติแบบไม่รู้ตัวก็ด้วย,ทั้งพื้นฐานรากเหง้าเรามีภูมิจิตภูมิธรรมเป็นเอกอยู่แล้วด้วย.

    https://youtube.com/live/e8H6CbIqBhw?si=_3UqmfFzhuI8-pW8


    ..มโนเล่นๆ อาจร่ายยาวเพลินๆก็ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยแก่ผู้ที่ล็อกอินผ่านมาเจอ. ....เอาจริงๆนะ ชุมชนthaitimeตั้งเป็นชุมชนเตรียมอุดมจัดตั้งคณะบริหารชาติภาคมหาประชาชนเลย,หรือฮับศูนย์กลางแหล่งลงทะเบียนรับสมาชิกภาคประชาชนคนไทยเราเพื่อนำไปสู่การตั้งพรรคการเมืองภาคประชาชนก็ว่า,ใช้แอปแพลตฟอร์มthaitimeนี้เป็นรุ่นทดลองทดสอบโมเดลสำรวจความต้องการก่อนก็ได้ หรือว่าที่พรรคการเมืองตัวแทนภาคประชาชนคนไทยจริงจังในอนาคตนั้นเอง,ลงทะเบียนสำรวจความสนใจเบื้องต้นก็ได้ แบบกดลงมติเห็นด้วยไม่เห็นด้วยได้เลย,เช่นใครก็ตามเข้ามาใช้thaitimeสามารถมีอีกช่องทางเลือกหนึ่งว่า ปุ่มรับลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมเป็นว่าที่สมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนคนไทยระดับทั้งคนประเภทไทบ้านออฟไลน์และออนไลน์ได้เพียงให้ลูกหลานลงทะเบียนในช่องสำรวจร่วมจัดตั้งพรรคนี้อย่างยินยอมเต็มใจได้ ก็สามารถให้คนที่เข้ามาใช้ช่วยกดลงมติเห็นด้วยได้และเข้าไปลงทะเบียนรุ่นโมเดลทดลองเป็นว่าที่สมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนได้,เช่นคนมาเล่นthaitimeตลอดปีและลงทะเบียนเป็นสมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนอย่างเต็มใจถึง 30-40ล้านคน แพลตฟอร์มนี้สมาชิกประเมินและประมวลผลติดตามได้ทันที ส่งสิทธิการยืนยันตัวตนจริงจังอีกครั้งว่าจากสถานะว่าที่สมาชิกจะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนอย่างสมบูรณ์แล้วนะเมื่อกดปุ่มยืนยันตามนี้ ระบบจะรันรายชื่อสมาชิกที่ลงทะเบียนไว้แล้วว่าที่สมาชิกนั้นเป็นสมาชิกจริง100%ทันทีเพื่อความเป็นพรรคการเมืองภาคประชาชนจะได้สมบูรณ์จริงต่อไป, ..เลือกตั้งสมัยหน้า (อาจแค่สมาชิกและครอบครัวคนที่เป็นหนี้กยศ.อาจเป็นสมาชิกพรรคทั้งหมดด้วยกว่า6ถึง10ล้านคนเครือญาติพี่น้องเขาที่มีสิทธิ์กาเลือกตั้งได้)ไทบ้าน&ประชาชนทั่วประเทศสามารถสื่อสารการบริหารจัดการปกครองประเทศร่วมกันผ่านแอปนี้ได้ทันที,อาจใช้ระบบควอนตัมบริหารจัดการข้อมูลดาต้าสมาชิกและปัญหาคำถามใดเพื่อขจัดปัญหาที่ไม่ดีในอนาคตได้อย่างราบรื่น,เช่นลงมติว่า พรรคthatimeถึงเวลายึดคืนบ่อปิโตรเลียมไทยที่ถูกปล้นนานมาแล้วคืนสู่สามัญเดิมในอธิปไตยชาติไทยเถอะก็ว่า โมฆะสัมปทานทั้งหมดก็ว่า เป็นต้น,หรือล้างหนีักยศ.เลย กว่าแบบอเมริกาสมัยไบเดนทำคือล้างหนี้ช่วยนักเรียนนักศึกษาอเมริกาขั้นต่ำของเขาจริงต่อคนที่10,000$หรือ350,000บาทต่อหนี้กยศ.คนอเมริกาต่อคน และแบบสูงสุดมีเงื่อนไขบ้างที่20,000$หรือ700,000บาทต่อคนของประเทศเขาอเมริกา,แต่ชาติไทยเราอาจล้างหนี้และยกเลิกหนี้แก่เยาวชนไทยเราทั้งหมดได้สบายมาก,สู่ยุคการศึกษาที่ประเทศเรา ใครคนไทยอยากเรียนไม่ต้องมีหนี้นั้นเองได้แล้ว,ยุบกยศ.ทิ้งเลยด้วย กูรูบ้างท่านบอกว่า สัญลักษณ์กยศ.หากดูดีๆมันคือโลโก้สไตล์สัญลักษณ์ปิระมิทของพวกซาตานฝ่ายมืด จะเป็นไปเพื่อกดขี่ บังคับข่มเหงในองค์กรหน่วยงานนั้นๆที่ทำโลโก้สัญลักษณ์บอกแสดงออกมา,กยศ.ไทยเราปกติไม่เคยทำตราโลโก้องค์กรแบบที่ว่านั้น แต่พึ่งมาเปรียบใหม่ๆช่วงฝ่ายแสงกับฝ่ายมืดรบกันจริงจังแบบเปิดเผยเปิดหน้าชัดเจนไม่แอบซ่อนเหมือนดั่งในอดีตแล้ว,มันจึงเสมือนชัดเจนเจาะจงว่ากยศ.ไทยที่โทนี่คิดค้นสร้างทำในยุคตนขึ้นปกครองมีการวางแผนเพื่อกดขี่เยาวชนนักศึกษาไทยด้วยทาสหนี้ทาสตังมานานแล้วคือมุกวางหมากวางเกมส์นี้สร้างขึ้นเพื่องานนีัหวังผลชัดเจนนั้นเองและผลลัพธ์ชัดแจ้งคือยุคปัจจุบันนี้ล่ะ,สิ่งใดที่ฝ่ายมืดทำขึ้นมันมุ่งใช้งานไปทางไม่ดีแน่นอน,เมื่อเยาวชนคนรุ่นต่อไปจมในกับดักหนี้แต่แรกเริ่มเรียนเริ่มทำงาน ชาติจะอ่อนแอย่อมง่ายมากแบบเห็นชัดในปัจจุบันผ่านเยาวชนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในสังคมชุมชนตนอยู่ในคอกหนี้กรอบหนี้ทัังบีบในหนี้ที่อยู่ในระบบ บีบจนต้องมาพึ่งหนีัฝ่ายมืดฝ่ายนอกระบบที่ก็เป็นของพวกมันสร้างวางแผนรอดักทางเตรียมไว้แล้ว,สุดท้ายเยาวชนไทยติดหนี้ทัังในระบบ ถูกเล่นงานทั้งพวกหนี้นอกระบบ และถูกเอารัดเอาเปรียบในระบบธุรการงานราชการจากการทำเรื่องในหน่วยงานอื่นๆอีก พวกทวงหนี้จนถึงยึดทรัพย์บังคับขาย ต่างได้ตังได้เงินทองจากทาสหนี้ทาสตังในระบบและนอกระบบสิ้น,ซวยและเหยื่อที่ดีคือเยาวชนเด็กนักเรียนนักศึกษาเราแม้เติบโตเข้าสังคมระบบกลไกสัมมาอาชีพชอบระดับประเทศ ก็จะตายเพราะสัมมาอาชีพชั่วเลวของคนฝ่ายมารมืดซาตานที่อยู่เป็นองค์กรเลวระดับใหญ่มีอำนาจในระดับชาติ ปะปนในหน่วยงานระบยราชการที่ล้มเหลวอีก ซวยคือประชาชน ลูกหลานและผู้ปกครองเขา,จึงทำลายกยศ.ที่ฝ่ายมืดจัดตั้งดีที่สุด ตัดตอนจบเรื่องทันที เพราะเมื่อเหตุเลว ผลยอมเลวตามมาชัดเจน,ฝ่ายมืดก่อตั้ง มันจะดีได้อย่างไร กฎหมายใดๆกติกาเงื่อนไขใดๆมันย่อมสนองที่ต้นเหตุเป้าหมายการจัดตั้งก่อตั้งขึ้นมา,แก้แบบใดๆก็ไม่ใช่ทาง,ทุบก่อตัังใหม่จากฝ่ายแสงฝ่ายดีทำเอง เหตุเพื้อก่อมาดี ผลย่อมได้ดีตามมาจากเหตุ,อาทิ กยศ.ยุบทุบทิ้ง เกิดใหม่ว่า กองทุนการศึกษาแห่งชาติไทย กศช. เป้าหมาย คนไทยทุกๆคนสามารถเรียนฟรีตลอดชีพ ขั้นต่ำสูงสุดตามใจต้องการเช่นป.เอกในหมู่วัยเล่าเรียน,ในหมู่ประชาชนทั่วไป มีสถาบันฝึกทักษะสัมมาอาชีพเกือบทุกๆประเภทเพื่อให้ประชาชนคนไทยพึ่งพาสัมมาอาชีพตนเองยืนด้วยขาตนเองได้จริง มีทุนสัมมาอาชีพเริ่มต้นให้ทุกๆคน ตั้งแต่เยาวชนนักเรียนนักศึกษาเราที่จบใหม่ๆหรือประชาชนทั่วไปที่ผ่านการฝึกอบรบทักษะอาชีพใดๆที่สนใจ ไร้ทุนตังตั้งสัมมาอาชีพ สามารถยืมฟรีๆได้ ไม่มีดอกเบี้ย,มีรายได้ในสัมมาอาชีพนั้นๆที่เหลือใช้สามารถฝากตังไร้ดอกเบี้ยเงินฝากที่กองทุนสัมมาอาชีพ ฝากถอนสร้างสภาพคล่องได้เองตลอดเวลา,เช่นแต่ละหมู่บ้าน80,000ชุมชนทั่วประเทศ,แบงค์ชาติโอนตังเข้ากองทุนสัมมาอาชีพแต่ละชุมชนๆละ10ล้านบาทเบื้องต้นให้คนในชุมชนนั้นๆมายืมไปสร้างสัมมาอาชีพได้ในแต่ละปี เป็นตัง800,000ล้านบาทต่อปีเอง เทียบกับรายได้จากบ่อน้ำมัน เหมืองแร่ทองคำ แร่ทรัพยากรมีค่ามากมายบนแผ่นดินไทย มันมีตังมากมายมหาศาลกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีแน่นอนถ้าบริหารจัดการแบบไม่ทุจริตโกงกินแผ่นดินไทยในปัจจุบัน,1ชุมชนไทบ้าน คนสนใจไปสร้างสัมมาอาชีพต่างๆในชุมชนตนเองอาจคนละ100,000บาทยืมสูงสุดก็ช่วยได้100คนหรือ100ครัวเรือนต่อปีเลย,ชุมชนนัันๆปลูกเลี้ยงนั้นนีัส่งออก ยืนด้วยขาตนเองได้มาคืนตังในปีที่สามทันที10ล้านบาทก็สามารถปล่อยยืมหมุนเวียนในชุมชนได้ตลอดเวลาอีก,บวกคน100คนนั้นๆมีรายได้รวมต่อปีเกิน1ล้านบาทอีกเหลือใช้อาจมาแบ่งฝากหมุนเวียนตลอดปีคนละ500,000บาทก็50ล้านบาทประจำชุมชนท้องถิ่นนั้นๆเลย,ความสามัคคีในชุมชนจะแน่นหนาเป็นเครือข่ายกว่า80,000หมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศอีก,มีตลาดออนไลน์แบบแพลตฟอร์มthatimeส่งเสริมสนับสนุนการค้าเสรีบนโลกออนไลน์ทั่วโลกอีกจะเกิดอะไรขึ้น ตังหมุนเวียนซื้อขายในแอปอาจกว่า1ล้านล้านบาทต่อวันทั่วโลกก็ได้,ไม่รวมตลาดออฟไลน์แบบตลาดร้านค้าชุมชนหมู่บ้านอีก แบบกองทุนร้านค้าชุมชนในหลายๆหมู่บ้านยังมีเปิดค้าขายของใช้สอยในชุมชนอยู่,สามารถใช้ตังกองทุนฯไปสร้างตลาดชุมชนประจำอำเภอ จังหวัดเป็บฮับพบเจอกันต่อคนซื้อคนขายราคาไม่แพงตรงจากผู้ผลิตอีก แผงผักแผงปลาแผงผลไม้สาระพัดอาหารอุปโภคบริโภค ประชาชนสัมมาอาชีพมีตัง นำตังมากมายมาฝากไว้ในกองทุนอีก กองทุนตังล้นระบบสถาบันแน่นอน ปกติตังสะพัดทั้งประเทศกว่า40-50ล้านล้านบาทต่อปี อนาคตทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ในประเทศ อาจกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีในประเทศไทยบวกทั่วโลกเข้าไทยจะขนาดไหน,เราไม่ต้องขุดสมบัติชาติทรัพยากรแผ่นดินไทยขึ้นมาอีกก็ได้ ต่อยอดอะไรๆต่อไปได้สาระพัดเลย,ฮับโรงพยาบาลโลกที่มีทั้งแบบสมุนไพรไทยผสมผสานล้ำๆเทคโนโลยีโลกAIหุ่นยนต์ชีวภาพ&มนุษย์กึ่งหุ่นยนต์AIซึ่งคนเราอาจพิการตาแขนขาอาจใช้แขนขาจักรกลผสมผสานรักษาทางการแพทย์ได้ลงตัวในไทยเราเติมเต็มตอบโจทย์ผู้คนทั่วโลกให้มารักษาในไทยอย่างสบายใจสะดวกสบายปลอดภัยในสุขภาพร่างกายได้เป็นต้น,สงกรานต์ไทยกินขาดแล้วด้านมิติท่องเที่ยวในช่วงหนึ่งๆ ต่อยอดขายอะไรต่อมิอะไรมากมายในไทยอีก ร่ำรวยโคตรๆก็ว่า,เราจะชัดเจนว่า การปกครองเราเองล้มเหลว ปกครองที่ผิดพลาดและไม่ยอมแก้ไขปรับปรุง มั่นคงให้คนไทยตนเองยากจนทุกข์ยาก,ทาสตังทาสหนี้ ทาสค่าครองชีพแพงในแบบไทยๆภายในไทยเราเองจึงต้องทำลายสถานะทาสนี้ทั้งหมดทันที,พักงานนักการเมืองทั้งหมด สส.สว.ทั้งหมด,ยุบองค์กรกยศ.หรือทุบทิ้งกยศ.ไทยด้วยก็ว่า, อเมริกาล้างหนี้เรียนสมัยไบเดนกว่า350,000บาทต่อคนได้ ทัังที่สภาพหนี้เขากว่า30ล้านล้าน$ยังสามารถทำได้,มองมาไทย สว.ยินยอมลงมติล้างหนี้เยาวชนไทยจากกยศ.ที่ก่อตั้งมาอย่างผิดพลาด หากสว.ตัดสินใจจริง &จริงใจในการห่วงใยเยาวชนไทยจริง จะตัดสินใจกล้าหาญโดยไม่ยาก,และสามารถคิดอ่านตัังหน่วยงานใหม่ให้เยาวชนไทยได้เล่าเรียนฟรีๆสูงๆโดยไม่ต้องมีหนี้สินติดตัวเป็นกำลังของชาติได้สบาย, ..thaitimeหากปลุกติดจริงแบบจุดเทียนช่วงสมัยพันธมิตรขับไล่โทนี่ออกจากประเทศได้สำเร็จและหากทำสุดซอย ยึดอำนาจในภาคมหาประชาชนด้วยได้สำเร็จ อาจไม่เสียของแบบทหารยึดอำนาจทั้งในอดีตและสมัยยึดอำนาจล่าสุดนั้นด้วยเสียของมากๆ ขายที่ดินให้ต่างชาติไร่ละ40ล้านบาทก็สามารถทำได้ ให้ต่างชาติเช่าที่ดินไทยแบบฮ่องกง99ปีก็สำเร็จจากทีมคณะยึดอำนาจไม้ต่อดำรงอำนาจการปกครองไทย ตลอดปล่อยสัมปทานสองแปลงอ่าวไทยให้คนอื่นจยชาติซาอุฯออกหน้าอย่างน่าเกียจด้วยปลื้มใจสำเร็จจะยึดสัมปทานน้ำมันไทยได้จนกะสร้างคลังแสงน้ำมันขนาดใหญ่ในไทยโน้น เหมืองทองคำก็ปล่อยให้ขุดต่อทั้งที่มีคดีกว่า15คดี,ผูกขาดพรบ.เม็ดพันธุ์ให้เอกชนยึดครองถ้าเกษตรกรฉีกซองเก็บเอาทำพันธุ์พืชต่อมีสิทธิ์ติดคุกทันทีแบบซาตานเอกชนฝรั่งทำสำเร็จแล้วโน้นก็ด้วยจะผ่านพรบ.500นี้ให้ได้จนประชาชนไม่ยอม ออกมาประท้วงจึงถอนพรบ.เหี้ยโจร500นี้ออกไปอีกตัว,นี้ยุคทหารอุบาทก์ยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญเก่งมากกล้ามากทุกๆยุคการยึดอำนาจรัฐประหารแต่ไม่กล้าขี้ขลาด&เขลากากกระจอกไม่กล้าแม้แต่จะฉีกกฎหมายลูกๆหลานๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยตนเอง ปล้นชิงสมบัติทรัพยากรชาติไทยตนผ่านกฎหมายลูกกระทรวงทบวงกรมขี้ข้าทาสสัมปทานนั้นเลย เก่งกล้าแต่จะฉีกกฎหมายแม่รัฐธรรมนูญ มันเหี้ยมั้ยการปกครองไทยเรา, .. ..จริงๆthaitimeจึงสมควรที่เป็นเทียนชัยรุ่นบุกเบิกวางรากฐานที่ดีของภาคประชาชนคนไทยเราได้,ยิ่งมีนโยบายชัดไม่แสวงหากำไรมุ่งทำรายได้ผลประโยชน์ต่อสาธารณะมาเป็นของตัวของตนยิ่งจะเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงคุณค่าแน่นอน, ..อาทิ ใครอยากจะร่วมจัดตั้งพรรคthaitimeภาคมหาชนคนไทยจริงก็มาลงทะเบียนเป็นสมาชิกพรรคที่นี้,มี40ล้านคนคือ40ล้านเสียงกาเลือกนายกภาคมหาประชาชนไทยจึงสะดวกต่อการสื่อสารแน่นอน, ..thaitimeเป็นแอปตลาดออนไลน์ของกองทุนตังสัมมาอาชีพคนไทยอีกยิ่งจะขนาดไหน,เลิกใช้แพลตฟอร์มอื่นๆของฝ่ายเอกชนต่างชาติอื่นๆจะแอปใดๆอีก มาพูดคุยแลกเปลี่ยนค้าขายออนไลน์ติดตระกร้าอิสระเสรีจะขนาดไหน,โฆษณาต่างๆตามมาตรึม มาช่วยคนพัฒนาแอปมีรายได้กำลังบริหารจัดการแอปมหาชนเราเสรีอีก,อาจอนาคตกว่าเดือนละ10ล้านบาทเข้าคนทำงานแอป แอปเรายิ่งต่อยอดแตกอำนวยความสะดวกเชิงบวกการทำตลาดค้าขายออนไลน์เสรีแก่ชุมชนสังคมแอปไทยนี้แน่นอนทั้งเปิดกว้างเสรีการค้าขายแลกเปลี่ยนทั่วโลกอีก คนทั้งโลกมาร่วมกันใช้แอปนี้ของไทยสัก5,000ล้านคนก็สุดยอดมากแล้ว พากันค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าการตลาดสาระพัดในแอปนี้อีก,คนไทยเรายิงสินค้าไทย&บริการไทยติดตาทั่วโลกได้สบายพันธมิตรการค้าเสรีกับชาวไทยคตธรรมดาเราอีก ขายตรงจากต้นน้ำถึงปลายน้ำเลย อาทิต่างชาติมาเห็นชุมชนหมู่บ้านเราปลูกพืชอินทรีย์ปลอดภัย สั่งซื้อยกชุมชนยกอำเภอ ตังกว่า10,000ล้าน$&หยวนหรือบาทไทยจะขนาดไหน,ตะวันตกขาดสินค้า ยุโรปขาดอาหาร สินค้าไทยมิตรทั่วโลกสั่งตรึม77จังหวัดๆละ100,000ล้านเหรียญหรือหยวนหรือบาทไทย,ในแต่ละเดือนๆ รวยร่ำๆเลยนะ,กองทุนสัมมาอาชีพที่แบงค์ชาติอัดให้ชุมชนละๆ10ล้านบาทหมุนเวียนต่อเนื่องคืนทุนต่อเนื่องในชุมชนแทบตลอดไปไม่เรียกคืนให้งอกเงยสบายมากๆ, ..พื้นฐานจริงๆคือฐานเยาวชนการศึกษาเรานี้ล่ะ เรียนไม่ต้องมีหนี้ติดตัวบวกอัดเงินส่งเสริมสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีประยุกต์ทำได้หมด,บางคนอาจจบมารวมกลุ่มสมาคมขนาดใหญ่พัฒนาสร้างยานอวกาศบินออกนอกโลกโดยฝีมือเยาวชนไทยรุ่นท่องเที่ยวขนาดเล็กไม่เกิน10ที่นั่งก็อาจสบายมากเป็นต้น,ผีบ้าผู้ปกครองไทยกาก&กระจอกเสือกไม่ตั้งกยศ.ให้คนที่อยากเรียนไปเป็นทาสตังทาสหนี้สู่ทาสแรงงานรับใช้กดขี่อิสระภาพสัมมาอาชีพและความคิดล้ำๆคนไทย,ทัังที่แค่ยึดบ่อน้ำมันคืนบ่อทองคำคืนมาทำมาขายเองก็ร่ำรวยมหาศาลขนาดไหนแล้ว พะสาเศษตังไม่ถึงล้านล้านบาทนี้,เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่มาดูดน้ำมันลงเรือมันไม่กี่ลำแบบเถื่อนๆลับที่พวกได้สัมปทานไปทำตรึมแน่นอนจนกูรูมากมายออกมาแฉตรึม ตีเป็นตังต่อปีอาจมากกว่า100ล้านล้านบาทที่หายไปจากแผ่นดินไทยจนถึงปัจจุบันโน้น.,ยุบกยศทิ้งเถอะ,ไบเดนว่ากากๆยังล้างหนี้ช่วยเยาวชนคนอเมริกาถึงคนละ10,000-20,000$ต่อคนโน้นหรือตังไทย35฿:1$คือ350,000-700,000บาทต่อคนโน้น,แบบไม่ต้องทวงตามหนี้ค่ายืมเล่าเรียนอะไรเลย,เขาลงทุนในเยาวชนลูกหลานเขาเอง เลี้ยงลูกหลานเขาเองจะเป็นอะไร,ย่อมาดูไทยเราอุบาทก์บัดสบ&เหี้ยกากกระจอกตั้งแต่ยกบ่อน้ำมันเต็มประเทศให้เอกชนชาติอื่นหรือหัวดำเอกชนปลอมเป็นต่างชาติก็เถอะหรือบ่อทองคำตรึมก็ด้วยลากยาวทับถมมหาศาลทั่อ่าวไทยเราอีก มันโคตรร่ำรวยมหาศาลเสือกปกครองบ้านเมืองไทยตนเองให้เก็กๆลูกหลานเยาวชนไทยตนนักเรียนนักศุกษาตนมรึงๆอยากเรียนอะไรใส่ความรู้องค์รู้ใส่หัวใส่มันสมองฝึกเหี้ยอะไรทักษะมรึงๆอยากเรียนสูงๆบนแผ่นดินไทยตนมรึงนี้ต้องเป็นหนี้ต้องมีหนี้ต้องติดหนี้โว้ย,ชนชั้นไพร่ประชาชนธรรมดาสามัญลูกตาสีตาสายามาทวดวัวควายสะพายวัวควายเคยเลิกทาสขี้ข้ารับใช้มา,ไม่ได้เป็นไม่ใช่แบบชนชั้นอำมาตย์ขุนนางเจ้าพระมีโรงเรียนทุนโรงเรียนชนชั้นคนปกครองอำมาตย์ขุนนางเจ้าพระยาแบบกูมีตังมากมายกองเป็นภูเขาตำแหน่งราชการใหญ่โตคับเมือง คหบดีพ่อค้าร่ำรวยผูกขาดวงการาชหลวงฝ่ายครองเมืองแบบพวกกู&โควต้าเพียบ&อุปถัมภพตรึม&เส้นสายอัพเกรดเรเวลแบบใดๆกูมีหมดแบบพวกกูชนชั้นปกครอง ไม่ใช่แบบพวกมรึงชนชั้นทาสไพร่พวกเลิกทาสสืบเชื้อสายรับใช้ขี้ข้ามาถึงปัจจุบัน มีอิสระไทหน่อยนิดต้องมีเป็นหนี้มีหนี้ อยากเรียนเพราะจนต้องมีหนี้ติดตัวโว้ย&ว่ะ!!!,นี้คือประเทศกูมี.,อยากเรียนต้องเป็นหนีันะประชาชนคนจนๆธรรมดา&ดิ้นรนหาแดกหางานเอาเองนะ กรมแรงงานหน่วยกูมีไม่ประสานงานเหี้ยหาอะไรหรอกระหว่างจะจบเรียน,&ไม่ควบคุมแรงงานกิจการบริษัทใดๆด้วย,คนไทยจริงๆต้องได้งานก่อนทำงานก่อน,อยากจ้างต่างชาติต่างด้าวก็ไปตั้งกิจการบริษัทโรงงานที่ประเทศต่างด้าวต่างชาตินั้น,กรมแรงงานสมควรยุบไปด้วย.,โรงงานใดๆจะเปิดโรงงานเปิดกิจการเปิดบริษัทต้องมาขอคนงานตรงผ่านกระทรวงแรงงานจัดสรรคนไทยลงไปทำงานหรือติดต่อคนงานไทยนั้นๆไปพบกรมจัดสรรคนงานก่อนตนจึงค่อยอนุมัตรับคนที่ตนต้องการได้มาทำที่ตนและตรงเงื่อนไขว่าต้องจ้างคนไทยก่อนทุกๆกรณี ไม่พอจึงจ้างต่างด้าวโดยต้องขออนุญาต อนุมัติจากกระทรวงทบวงกรมและสังเกตุประพฤติคนงานต่างด้าวก่อนทุกๆกรณี&สแกนคุณสมบัติทั้งหมดทั้งเข้าเมืองถูกต้อง ไม่มีคดีก่ออาชญากรรมต่างๆทั้งในประเทศต้นทางและในไทย และอื่นๆตรึม&ซึ่งคนไทยต้องมีงานทำก่อนทุกๆกรณีก่อนคนต่างชาติต่างด้าว&ติดตามสุขภาพการทำงานของคนงานไทยตนด้วย,กรมแรงงานเราเลอะเทอะ โรงงานต่างชาติเอาแรงงานชาติมันมาทำเต็มโรงงานบนแผ่นดินไทย แย่งที่ดินที่อาศัยคนไทยแย่งอากาศหายใจคนไทย แย่งชิงน้ำเพื่อสนองภาคอุตสาหกรรมโรงงานต่างๆไปจากคนไทยและมากมายที่ดินที่ประเทศเสียอธิปไตยจากเขตเศรษฐกิจพิเศษผีบ้ามากมายที่มุกมันอ้างทำอ้างสร้างขึ้น,คนไทยธรรมดาเข้าพื้นที่มันไปดูสิ่งผิดปกติได้ที่ไหน.เป็นดินแดนปกครองตนเอง&ที่อยู่มันไปเลยเป็นเขตอธิปไตยกว่าสถานฑูตอีกล่ะ.นี้คือการปกครอง&วิถีปกครองที่ผิดพลาด&ล้มเหลว&กากบวกเหี้ยไปยกอธิปไตยไทยมากมายแก่คนอื่นชาติอื่นนั้นเอง,จึงต้องโมฆะทั้งหมดเพื่อคืนสู่สามัญแก่ประเทศไทยเรา.,หรือทั้งประเทศไทยทั้งหมดคนไทยย้ายไปประเทศจีนประเทศอินโดอินเดีย ไปอยู่ในบ้านในเมืองคนอื่นมั้ยล่ะ,เขาคงถีบออกมาทั้งหมดล่ะ,แผ่นดินไทยเสือกไม่รักษาหวงแหนปกป้องร่วมกันไว้แล้วเราจะถอยจะย้ายจะไปอยู่ไหนล่ะ,ที่ตั้งเดิมเรามีปัจจุบันแล้ว เขาเข้ามารุกมาบุกจะมามุกใดๆเราก็โมฆะขับไล่ได้หมดล่ะจะเกรงใจทำพ่อทำโคตรพ่อโคตรแมร่งมันอะไร เราถอยหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วนะ,เยาวชนไทยเขาจะทำลายผ่านตังผ่านระบบการศึกษาผ่านมุกหนี้ตังคนอยากเรียน,แก้มุกมันเลยคือยุบทิ้งล้างไพ่มันทันทีคือยุบกยศ. ปลดปล่อยเด็กๆเยาวชนคนที่เติบโตเป็นประชาชนคนไทยเราเองเป็นอิสระภาพจะกั้กเอาดูหรูทำเท่ห่าสวรรค์วิมานห่าอะไร เสียบ่อน้ำมันเสียบ่อทองคำมากมายตีเป็นเงินโคตรมหาศาลเสือกเสียดายตังกะทวงหนี้ทำไมแก่ลูกๆหลานคนไทยตนเอง,พวกโกงปล้นชาติแบบนักการเมืองเลวข้าราชการชั่วตีค่าเป็นเงินเป็นตังอาจกว่า100ล้านล้านบาทแล้วถึงปัจจุบันที่เราสูญเสียไปทางลับๆใต้บัญชีใต้ดินต่างๆไม่รวมกรณีฟอกตังในอดีตแบบเกาะเคแมนหรือเกาะเถื่อนๆต่างๆทั่วโลกที่ชนชั้นผู้ดีชนชั้นปกครองเจ้าสัวเจ้าพระลูกหลานคนสถุนต่อแผ่นดินไทยไปเปิดกิจการบริษัทไว้อีกนะ, ..มโนเล่นๆ สมมุติพรรคthaitimeได้เป็นนายกฯปกครองประเทศ นอกจากนโยบายหลักข้อแรกที่อยากให้ตั้งชัดเจนคือนยึดคืนวัตถุดิบทรัพยากรพัฒนาชาติไทยทั้งหมดยึดกลับคืนมา.ข้อที่สองคือยุบกยศ.ทิ้ง&ล้างหนี้นักเรียนนักศึกษาคนไทยทั้งหมดทุกๆกรณี แล้วตั้งกองทุนการศึกษาแห่งชาติไทย(กศช.)ขึ้นมาแทน,ที่สามคือล้างหนี้ประชาชนธรรมดาทั้งหมดคืนอิสระภาพแห่งชีวิตให้ทุกๆเป็นอิสระแห่งหนี้สินจริงๆจังๆ. ยุคอนาคตเชื่อว่าเราประเทศเราประชาชนคนไทยไม่แพ้ใครๆในโลกแน่นอน เพราะคนอัจฉริยะมากมายจะมาเกิดบนแผ่นดินไทยเป็นอันมาก,ด้วยสนามแม่เหล็กโลกพลิกเปลี่ยนก็ด้วยทำให้มันสมองตานัยเราคนไทยเปิดอัตโนมัติแบบไม่รู้ตัวก็ด้วย,ทั้งพื้นฐานรากเหง้าเรามีภูมิจิตภูมิธรรมเป็นเอกอยู่แล้วด้วย. https://youtube.com/live/e8H6CbIqBhw?si=_3UqmfFzhuI8-pW8
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..น่าสงสารไทบ้าน&ชาวนาตาดำๆแบบคนไทยเราจริงๆ,ไร้การส่งเสริมสนับสนุนชาวนาจริง,ปุ๋ยแพง ต้นทุนแพง ราคาขายให้พ่อค้าก็ได้แค่ราคากิโลกรัมละไม่กี่บาท จนราคาข้าวตกต่ำมากๆในปัจจุบัน กก.ละ800บาทแบบเห็ดเผาะก็ไม่,กก.ละ40บาทแบบพ่อค้าคนกลางอัดใส่ถุงขายส่งก็ไม่ เดินกดราคากันไม่เกิน10บาทต่อกก. 15บาทต่อกก.หรือ15,000บาทต่อตันของข้าวนาปีปัจจุบันก็ไร้เห็น,อวยให้แต่นายทุนนอมินีต่างชาติพวกทำนาปรังก็ว่า ซึ่งเอาเข้าจริงๆนะนาปรังส่วนใหญ่จริงๆคือของต่างชาติส่วนมากทำ,คนไทยจริงๆไม่เท่าไรบวกกดราคาข้าวนาปรังคนไทยแท้ๆที่ไม่ใช่นอมินีต่างชาติอีก,
    ..อ้างp.m2.5เพื่อควบคุมวิถีคนเกษตรชาวไทยเรา ไปเพิ่มต้นทุนการผลิตอีก ไทบ้านส่วนมากเขาอยู่โคกอยู่ลุ่มกระทบหมด เอาตังที่ไหนไปจ้างกำจัดไถ่ฟางกัน ปั่นนาก็ใช้ตัง ไถ่ฟางปั่นฟางแช่น้ำก็ใช้ตัง ค่าน้ำมันดูดน้ำอีก บางพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีน้ำหรอก พวกหินแฮ่ดินนาดินแดงยิ่งโหดโคกภูเต็มๆวัวควายก็ไม่มี อัดขายฟางก็ใช้ตัง คนซื้อจริงก็ไม่กี่ที่กี่เขตแหล่งวัวควายนั้นๆ จะฟางก็เถอะ หญ้าในนาในคันนาเขาอีกตรึม ลำบากแน่นอนเมื่อฤดูการทำนาใหม่มาถึง,สิบปีร้อยปีไม่มีปัญหาp.m.2.5ชาวนาก็ทำนาปกติเรื่อยมา จริงๆคืออุตสาหกรรมต่างหากบวกพ่นพิษเต็มท้องฟ้าอีกที่เจาะจงคนเมืองกรุง คนอำนาจกรุงที่โง่เขลาก็เสือกออกกฎหมายกดขี่ประชาชนควบคุมสบายใจทำลายวิถีพึ่งพาตนเองในตัวช่วยนายทุนนะสิ,เกษตรคือแหล่งหาอาหารของทุกๆชีวิต บ้านใดเมืองใดทำลายวิถีเกษตรตนแสดงว่าบ้านเมืองนั้นล่มสะลายล้มเหลวในการปกครองของตนทันที ประชาชนจะสิ้นการดูแลพึ่งพาตนเองหาเลี้ยงชีพดำรงชีพแก่ตนเองไม่ได้ กำแพงบีบกั้นเพิ่มทางปิดมากขึ้นเรื่อยๆทุนสามานย์จะได้ประโยชน์ในที่สุดทั้งขีัข้าทาสแรงงานทาสวังวนตังเพื่อซื้อกินอยู่จะอยู่ในการควบคุมของมัน เพราะร้านที่ซื้อกินอยู่ก็ร้านพวกนายทุนอีก ไม่มีร้านชาวบ้านเลยสักร้าน อาหารไก่หมูก็ไม่มีชาวบ้านไหนปลูกเลี้ยงไก่หมูมาขายในชุมชนได้อีกเพราะนายทุนเขียนกฎหมายสร้างกำแพงเงื่อนไขการเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูมาขายแข่งกันตนดักไว้หมดแล้ว,ชาวบ้านจะอิสระทำนั้นนี้แบบเดิมๆฝันไปเลย,พืชผักอาหารรัฐฐะเองคือคนทรยศประชาชนในครอบคีัวตนเอง,ไม่ควบคุมพ่อค้าคนกลางที่เอาเปรียบกดขี่ราคาสินค้าเกษตรคนไทยตน ไม่ส่งเสริมสนับสนุนเทคโนโลยีต้นทุนต่ำใดๆให้เข้าถึงสะดวกสบายในกระบวนการผลิตทำสร้างแหล่งอาหาร ต้นทุนรอบด้านคนเกษตรไทยถูกปั่นราคาจนสูงขึ้นจากนายทุนกำหนดราคาเอง มันยังกก.ละ0.90บาทเลยพะสาอย่างอื่น เดิมในอดีตสูงสุงกว่า5บาทต่อกก.,ที่ดินมากมายจริงๆรัฐควรปฏิรูปกฎหมายที่ดินกันจริงๆฉีกกฎหมายเก่าทั้งหมดทิ้งไป เขียนใหม่ว่า อาทิเช่น ชาวบ้านคนไทยสามารถมีที่ดินได้สูงสุดคนละไม่เกิน30ไร่รวมกันทุกๆแปลงทุกๆพื้นที่ครอบครองทั่วประเทศไทย,เอกชนบริษัทต่างๆก็ด้วยไม่ว่าสถานะกิจการอะไรใดๆแบบมหาชนก็ชั่ง สามารถมีที่ดินได้ไม่เกิน100ไร่ทุกๆกรณีในการดำเนินกิจการทำตังทำค้าขายใดๆ,ต่างชาติใดๆคนต่างชาติใดทุกๆกรณี ไม่มีสิทธิถือครองมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินไทยทุกๆกรณี,แม้เช่าที่ดินก็ต้องได้รับอนุญาตจากชุมชนท้องถิ่นนั้นๆลงประชามติทุกๆปีประเมินสิทธิ์ว่าไม่เป็นภัยอันตรายต่อชุมชนนั้นๆตลอดถึงความมั่นคงของชาติด้วย,ปัจจุบันเลอะเทอะมาก โรงงานจีนโรงงานต่างชาติเต็มแผ่นดินไทยไปหมดคือต้นเหตุp.m2.5ที่แท้จริงและมุกชื่อนี้มีการเรียกมาไม่กี่ปีนี้เองอีกด้วย ปูทางเพื้อควบคุมผ่านกฎหมายคาร์บอนเครดิตที่พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจัดวางแผนควบคุมคนไทยทั้งประเทศแค่นั้น,
    ..จริงๆดูชัดๆแบบมหาภาคคือต้องการทำลายแหล่งอาหารคนไทยด้านการเกษตรภายในชาติไทยทั้งหมดนี้ล่ะมิให้สามารถพึ่งพาตนเองได้,โดยรัฐบาลเลวทายาทคณะกบฎ2475ปูสร้างทำไว้ถึงปัจจุบันแค่นั้น เช่นนั้นบ่อน้ำมันไทยจะยกให้ต่างชาติทำสินค้าแพงทั้งแผ่นดินได้อย่างไร,โจมตีอาหารคู่ขนานทำลายโจมตีภายในด้านอื่นๆให้ประเทศไทยเราอ่อนแอลงย่อมง่ายมากในยุคปัจจุบันนี้ที่ขนาดอดีตนายกคนเก่ายังหลุดไปเพราะข้อหาไม่ซื่อสัตย์นี้เอง,คาสิโนจะเอาให้ได้อีก ,ปั่นป่วนสร้างโกลาหลความไม่สงบสุขรอบทิศเพราะตัดกำลังการตั้งรับคนเจ้าหน้าที่คนดีคนไทยเราอีกให้แตกทัพไปตั้งขบวนตั้งรับศึกหลายทิศทางให้สับสนให้ได้,ตัดกำลังก็ว่า,จึงจริงๆเมื่อไร้ความเกรงใจและทรยศชาติไทยแผ่นดินไทยชัดเจนขนาดนี้แล้ว ตัดตอนถีบลงจากอำนาจที่ถือที่สร้างปั่นป่วนไปวันๆนี้ลงเถอะ ,ความสงบสุขมากมายหลายด้านมิติจะกลับมาแล้วเคลียร์กำจัดปัญหาอื่นๆทิ้งทีละตัวได้อย่างง่ายดายในอนาคตแน่นอน,
    ..ในมุมการอาหารความมั่นคงทางชีวิตด้านอาหารคนไทย เช่นข้าวคือหัวใจหลักคนไทยโดยพื้นฐานของชาติแล้วต้องนายกพระราชทานให้รีบเร่งช่วยเหลือส่งเสริมสายงานเกษตรอย่างเต็มที่ ยุบธกส.ทิ้งไปเลย ยุบกระทรวงเกษตรด้วยล้างอำนาจตำแหน่งอิทธิพลเก่าทั้งหมดได้ทันที,ตั้งกระทรวงพืช&สัตว์ไทยแทน,ตรงตัวเลย ค่อยแยกย่อยลงไป ยุบสภาเกษตรกรแห่งชาติทิ้งด้วย ไร้ค่าราคา,ไม่สร้างประโยชน์จริงอะไร สิ้นเปลืองงบหลวง,ตั้งกองทุนตลาดชุมชนสากลแต่ละหมู่บ้านขึ้นทุกๆหมู่บ้านเป็นเครือข่ายจริงจังใน7-8หมื่นหมู่บ้านชุมชนนั้นทั้งตลาดออฟไลน์และออนไลน์ช่วยสร้างระบบให้ในตัวรองรับการค้าขายชาวบ้านทั่วไทยระดับสากลทั่วโลกก็ได้อีก,ขายสินค้าเกษตรร่วมกันเป็นหลัก&สินค้าอุปโภคบริโภคอื่นทั้งหมดทั้งหลายอิสระเสรีส่งเสริมสัมมาอาชีพคนไทยเป็นรองร่วมกันเป็นเครือข่าย แน่นอนเม็ดเงินมหาศาลกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีสะพัดจะหมุนเวียนจริงในเครือข่ายชุมชนคนไทยเราจริง พึ่งพาตนเองเป็นเครือข่ายกันและกัน สู่ชาติพึ่งพาตนเองได้ทันทีด้วย ทุกๆคนไทยจะยืนด้วยขาตนเองในทุกๆสัมมาอาชีพโดยมีฐานที่แข็งแกร่งด้านความมั่นคงทางอาหารเราอยู่พื้นรองรับไว้หมดว่าทุกๆคนไทยมีอาหารราคาถูกไม่แพงกินตลอดชีวิตแน่นอนคู่ขนานความร่ำรวยมั่งคั่งทางวัตถุธาตุบวกศีลธรรมดีงามในใจคนไทยเรามีเป็นพื้นฐานปกติดีอยู่แล้วอีกด้วย,ใครจะมาสร้างชาติไทยได้ดีเยี่ยมจริงกว่าคนไทยเราล่ะบนแผ่นดินไทยเราเองนี้อีกด้วย.
    https://youtube.com/shorts/dvQ5mdyo9EM?si=dTfhGMXBP1h1rzkH
    ..น่าสงสารไทบ้าน&ชาวนาตาดำๆแบบคนไทยเราจริงๆ,ไร้การส่งเสริมสนับสนุนชาวนาจริง,ปุ๋ยแพง ต้นทุนแพง ราคาขายให้พ่อค้าก็ได้แค่ราคากิโลกรัมละไม่กี่บาท จนราคาข้าวตกต่ำมากๆในปัจจุบัน กก.ละ800บาทแบบเห็ดเผาะก็ไม่,กก.ละ40บาทแบบพ่อค้าคนกลางอัดใส่ถุงขายส่งก็ไม่ เดินกดราคากันไม่เกิน10บาทต่อกก. 15บาทต่อกก.หรือ15,000บาทต่อตันของข้าวนาปีปัจจุบันก็ไร้เห็น,อวยให้แต่นายทุนนอมินีต่างชาติพวกทำนาปรังก็ว่า ซึ่งเอาเข้าจริงๆนะนาปรังส่วนใหญ่จริงๆคือของต่างชาติส่วนมากทำ,คนไทยจริงๆไม่เท่าไรบวกกดราคาข้าวนาปรังคนไทยแท้ๆที่ไม่ใช่นอมินีต่างชาติอีก, ..อ้างp.m2.5เพื่อควบคุมวิถีคนเกษตรชาวไทยเรา ไปเพิ่มต้นทุนการผลิตอีก ไทบ้านส่วนมากเขาอยู่โคกอยู่ลุ่มกระทบหมด เอาตังที่ไหนไปจ้างกำจัดไถ่ฟางกัน ปั่นนาก็ใช้ตัง ไถ่ฟางปั่นฟางแช่น้ำก็ใช้ตัง ค่าน้ำมันดูดน้ำอีก บางพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีน้ำหรอก พวกหินแฮ่ดินนาดินแดงยิ่งโหดโคกภูเต็มๆวัวควายก็ไม่มี อัดขายฟางก็ใช้ตัง คนซื้อจริงก็ไม่กี่ที่กี่เขตแหล่งวัวควายนั้นๆ จะฟางก็เถอะ หญ้าในนาในคันนาเขาอีกตรึม ลำบากแน่นอนเมื่อฤดูการทำนาใหม่มาถึง,สิบปีร้อยปีไม่มีปัญหาp.m.2.5ชาวนาก็ทำนาปกติเรื่อยมา จริงๆคืออุตสาหกรรมต่างหากบวกพ่นพิษเต็มท้องฟ้าอีกที่เจาะจงคนเมืองกรุง คนอำนาจกรุงที่โง่เขลาก็เสือกออกกฎหมายกดขี่ประชาชนควบคุมสบายใจทำลายวิถีพึ่งพาตนเองในตัวช่วยนายทุนนะสิ,เกษตรคือแหล่งหาอาหารของทุกๆชีวิต บ้านใดเมืองใดทำลายวิถีเกษตรตนแสดงว่าบ้านเมืองนั้นล่มสะลายล้มเหลวในการปกครองของตนทันที ประชาชนจะสิ้นการดูแลพึ่งพาตนเองหาเลี้ยงชีพดำรงชีพแก่ตนเองไม่ได้ กำแพงบีบกั้นเพิ่มทางปิดมากขึ้นเรื่อยๆทุนสามานย์จะได้ประโยชน์ในที่สุดทั้งขีัข้าทาสแรงงานทาสวังวนตังเพื่อซื้อกินอยู่จะอยู่ในการควบคุมของมัน เพราะร้านที่ซื้อกินอยู่ก็ร้านพวกนายทุนอีก ไม่มีร้านชาวบ้านเลยสักร้าน อาหารไก่หมูก็ไม่มีชาวบ้านไหนปลูกเลี้ยงไก่หมูมาขายในชุมชนได้อีกเพราะนายทุนเขียนกฎหมายสร้างกำแพงเงื่อนไขการเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูมาขายแข่งกันตนดักไว้หมดแล้ว,ชาวบ้านจะอิสระทำนั้นนี้แบบเดิมๆฝันไปเลย,พืชผักอาหารรัฐฐะเองคือคนทรยศประชาชนในครอบคีัวตนเอง,ไม่ควบคุมพ่อค้าคนกลางที่เอาเปรียบกดขี่ราคาสินค้าเกษตรคนไทยตน ไม่ส่งเสริมสนับสนุนเทคโนโลยีต้นทุนต่ำใดๆให้เข้าถึงสะดวกสบายในกระบวนการผลิตทำสร้างแหล่งอาหาร ต้นทุนรอบด้านคนเกษตรไทยถูกปั่นราคาจนสูงขึ้นจากนายทุนกำหนดราคาเอง มันยังกก.ละ0.90บาทเลยพะสาอย่างอื่น เดิมในอดีตสูงสุงกว่า5บาทต่อกก.,ที่ดินมากมายจริงๆรัฐควรปฏิรูปกฎหมายที่ดินกันจริงๆฉีกกฎหมายเก่าทั้งหมดทิ้งไป เขียนใหม่ว่า อาทิเช่น ชาวบ้านคนไทยสามารถมีที่ดินได้สูงสุดคนละไม่เกิน30ไร่รวมกันทุกๆแปลงทุกๆพื้นที่ครอบครองทั่วประเทศไทย,เอกชนบริษัทต่างๆก็ด้วยไม่ว่าสถานะกิจการอะไรใดๆแบบมหาชนก็ชั่ง สามารถมีที่ดินได้ไม่เกิน100ไร่ทุกๆกรณีในการดำเนินกิจการทำตังทำค้าขายใดๆ,ต่างชาติใดๆคนต่างชาติใดทุกๆกรณี ไม่มีสิทธิถือครองมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินไทยทุกๆกรณี,แม้เช่าที่ดินก็ต้องได้รับอนุญาตจากชุมชนท้องถิ่นนั้นๆลงประชามติทุกๆปีประเมินสิทธิ์ว่าไม่เป็นภัยอันตรายต่อชุมชนนั้นๆตลอดถึงความมั่นคงของชาติด้วย,ปัจจุบันเลอะเทอะมาก โรงงานจีนโรงงานต่างชาติเต็มแผ่นดินไทยไปหมดคือต้นเหตุp.m2.5ที่แท้จริงและมุกชื่อนี้มีการเรียกมาไม่กี่ปีนี้เองอีกด้วย ปูทางเพื้อควบคุมผ่านกฎหมายคาร์บอนเครดิตที่พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจัดวางแผนควบคุมคนไทยทั้งประเทศแค่นั้น, ..จริงๆดูชัดๆแบบมหาภาคคือต้องการทำลายแหล่งอาหารคนไทยด้านการเกษตรภายในชาติไทยทั้งหมดนี้ล่ะมิให้สามารถพึ่งพาตนเองได้,โดยรัฐบาลเลวทายาทคณะกบฎ2475ปูสร้างทำไว้ถึงปัจจุบันแค่นั้น เช่นนั้นบ่อน้ำมันไทยจะยกให้ต่างชาติทำสินค้าแพงทั้งแผ่นดินได้อย่างไร,โจมตีอาหารคู่ขนานทำลายโจมตีภายในด้านอื่นๆให้ประเทศไทยเราอ่อนแอลงย่อมง่ายมากในยุคปัจจุบันนี้ที่ขนาดอดีตนายกคนเก่ายังหลุดไปเพราะข้อหาไม่ซื่อสัตย์นี้เอง,คาสิโนจะเอาให้ได้อีก ,ปั่นป่วนสร้างโกลาหลความไม่สงบสุขรอบทิศเพราะตัดกำลังการตั้งรับคนเจ้าหน้าที่คนดีคนไทยเราอีกให้แตกทัพไปตั้งขบวนตั้งรับศึกหลายทิศทางให้สับสนให้ได้,ตัดกำลังก็ว่า,จึงจริงๆเมื่อไร้ความเกรงใจและทรยศชาติไทยแผ่นดินไทยชัดเจนขนาดนี้แล้ว ตัดตอนถีบลงจากอำนาจที่ถือที่สร้างปั่นป่วนไปวันๆนี้ลงเถอะ ,ความสงบสุขมากมายหลายด้านมิติจะกลับมาแล้วเคลียร์กำจัดปัญหาอื่นๆทิ้งทีละตัวได้อย่างง่ายดายในอนาคตแน่นอน, ..ในมุมการอาหารความมั่นคงทางชีวิตด้านอาหารคนไทย เช่นข้าวคือหัวใจหลักคนไทยโดยพื้นฐานของชาติแล้วต้องนายกพระราชทานให้รีบเร่งช่วยเหลือส่งเสริมสายงานเกษตรอย่างเต็มที่ ยุบธกส.ทิ้งไปเลย ยุบกระทรวงเกษตรด้วยล้างอำนาจตำแหน่งอิทธิพลเก่าทั้งหมดได้ทันที,ตั้งกระทรวงพืช&สัตว์ไทยแทน,ตรงตัวเลย ค่อยแยกย่อยลงไป ยุบสภาเกษตรกรแห่งชาติทิ้งด้วย ไร้ค่าราคา,ไม่สร้างประโยชน์จริงอะไร สิ้นเปลืองงบหลวง,ตั้งกองทุนตลาดชุมชนสากลแต่ละหมู่บ้านขึ้นทุกๆหมู่บ้านเป็นเครือข่ายจริงจังใน7-8หมื่นหมู่บ้านชุมชนนั้นทั้งตลาดออฟไลน์และออนไลน์ช่วยสร้างระบบให้ในตัวรองรับการค้าขายชาวบ้านทั่วไทยระดับสากลทั่วโลกก็ได้อีก,ขายสินค้าเกษตรร่วมกันเป็นหลัก&สินค้าอุปโภคบริโภคอื่นทั้งหมดทั้งหลายอิสระเสรีส่งเสริมสัมมาอาชีพคนไทยเป็นรองร่วมกันเป็นเครือข่าย แน่นอนเม็ดเงินมหาศาลกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีสะพัดจะหมุนเวียนจริงในเครือข่ายชุมชนคนไทยเราจริง พึ่งพาตนเองเป็นเครือข่ายกันและกัน สู่ชาติพึ่งพาตนเองได้ทันทีด้วย ทุกๆคนไทยจะยืนด้วยขาตนเองในทุกๆสัมมาอาชีพโดยมีฐานที่แข็งแกร่งด้านความมั่นคงทางอาหารเราอยู่พื้นรองรับไว้หมดว่าทุกๆคนไทยมีอาหารราคาถูกไม่แพงกินตลอดชีวิตแน่นอนคู่ขนานความร่ำรวยมั่งคั่งทางวัตถุธาตุบวกศีลธรรมดีงามในใจคนไทยเรามีเป็นพื้นฐานปกติดีอยู่แล้วอีกด้วย,ใครจะมาสร้างชาติไทยได้ดีเยี่ยมจริงกว่าคนไทยเราล่ะบนแผ่นดินไทยเราเองนี้อีกด้วย. https://youtube.com/shorts/dvQ5mdyo9EM?si=dTfhGMXBP1h1rzkH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าพรรคส้มอยากจะปราบอะไร...
    .
    ให้เริ่มปราบปราม พ่อค้าเสพย์ติด พ่อค้ายาบ้า ในพรรคตัวเองก่อนเลย...
    .
    พรรคของคนรุ่นใหม่ หรือ พรรคค้ายาบ้า กันแน่...???
    ถ้าพรรคส้มอยากจะปราบอะไร... . ให้เริ่มปราบปราม พ่อค้าเสพย์ติด พ่อค้ายาบ้า ในพรรคตัวเองก่อนเลย... . พรรคของคนรุ่นใหม่ หรือ พรรคค้ายาบ้า กันแน่...???
    รวบผู้สมัคร สท.พรรคส้ม ร่วมแก๊งค้ายาบ้าเกือบ 5 แสนเม็ดพร้อมไอซ์-ยาเค ปชน.ร่อนแถลงการณ์เฉดหัวพ้นทีม ขอโทษ ปชช.

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000042834

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์ที่แล้วคุยเรื่องชีวประวัติ วันนี้เลยมาคุยให้ฟังถึงเรื่องราวของคนในตำนานอีกคู่หนึ่ง

    เพื่อนเพจที่ได้ติดตามละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> คงจำได้ถึงหนึ่งในตัวละครที่มีบทบาทเด่นคือเฟิ่งชีอู๋ ประมุขตระกูลเฟิ่งแห่งยงโจวผู้ดำรงตำแหน่ง ‘ซ่างซู’ (ขุนนางระดับเสนาธิการ) ในฉากที่นางได้เข้าพบกับท่านชายสองเฟิงหลันซี (พระเอก) ได้แสดงการสวามิภักดิ์ผ่านการเปรียบเปรยถึงซือหม่าเซียงหรูและจั๋วเหวินจวิน

    ความมีอยู่ว่า...
    ท่านชายสอง: ซือหม่าเซียงหรูต้องกักตัวเพราะป่วย เช่นเดียวกับข้า ตัวอยู่ในที่มืดมิด
    เฟิ่งชีอู๋: แทนที่จะอยู่ในที่มืด มิสู้จุดโคมเดินทาง หากท่านคิดเป็นซือหม่าเซียงหรู ข้ายอมเป็นจั๋วเหวินจวิน (ภรรยาของซือหม่าเซียงหรู) จุดโคมให้ท่าน
    - ถอดบทสนทนาจะละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ตามซับไทย

    หากใครไม่ทราบเรื่องราวของซือหม่าเซียงหรูและจั๋วเหวินจวินคงจะไม่เข้าใจความนัยของบทสนทนาข้างต้นนี้ วันนี้เลยนำเรื่องราวของทั้งคู่มาเล่าให้ฟังอย่างย่อ

    ซือหม่าเซียงหรู (179-117 ปีก่อนคริสตกาล สมัยราชวงศ์ฮั่น) เป็นคนพื้นเพเสฉวน สันทัดด้านอักษรและดนตรีจนได้เป็นอาจารย์ ต่อมาเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อหาหนทางเข้ารับราชการ แต่ด้วยพื้นเพครอบครัวยากจนจึงไม่ได้รับความสนใจนัก สุดท้ายถอดใจอำลาเมืองหลวงไปอาศัยอยู่ที่เมืองหลิงฉยงตามคำชวนของสหายนามว่า ‘หวางจี๋’ เป็นผู้ว่าการเขตหลิงฉยง

    ที่หลิงฉยง ซือหม่าเซียงหรูแสร้งทำเป็นป่วย วันๆ ไม่ยอมพบใคร โดยมีหวางจี๋คอยไปเยี่ยมเยียนทุกวัน จนเกิดเป็นภาพลักษณ์ว่าซือหม่าเซียงหรูเป็นแขกพิเศษของหวางจี๋ ได้รับความสนใจจากผู้คนไม่น้อย

    หนึ่งในนั้นคือคหบดีพ่อค้านามว่า ‘จั๋วหวางซุน’ เขามีลูกสาวคือจั๋วเหวินจวิน นางออกเรือนไปได้ไม่นานก็เป็นหม้ายจึงกลับมาอยู่กับบิดา ยามนั้นนางอายุเพียงสิบเจ็ด เลื่องชื่อด้วยโฉมงามและความสามารถด้านการดนตรีและโคลงกลอน

    อยู่มาวันหนึ่งจั๋วหวางซุนได้จัดงานเลี้ยงขึ้นโดยตั้งใจเชิญหวางจี๋และซือหม่าเซียงหรูมาเป็นแขก หวางจี๋ถึงขนาดไปเชิญซือหม่าเซียงหรูด้วยตนเอง เขาจึงยอมมาร่วมงาน และเพื่อเป็นการสนองการต้อนรับอันอบอุ่น เขาบรรเลงเพลงพิณ ‘หงส์วอนหาคู่’

    การเล่นพิณครั้งนี้ ไม่ว่าเป็นแผนหรือไม่ แต่ผลก็คือจั๋วเหวินจวินที่มาแอบดูเขาที่หลังฉากและได้ยินเพลงพิณขอรักของเขาเข้าก็ตกหลุมรัก คืนนั้นนางหนีตามเขากลับไปเมืองหลวง ที่นั่นจั๋วเหวินจวินค้นพบความจริงแล้วว่าเขายากจนมาก บ้านของเขามีเพียงสี่ผนังที่ว่างเปล่า แต่นางก็ไม่ทิ้งเขา ใช้ชีวิตแบบกัดก้อนเกลือกินอยู่กับเขาโดยอาศัยเงินและเครื่องประดับที่นางพกติดตัวมา ส่วนจั๋วหวางซุนเมื่อได้ข่าวก็ทั้งอับอายทั้งเสียใจถึงกับตัดขาดไม่ยอมให้เงินช่วยเหลือลูกสาวแม้แต่แดงเดียว

    ต่อมาเงินหมด จั๋วเหวินจวินคิดแล้วว่าอยู่เมืองหลวงต่อไปก็ไม่มีหนทาง จึงชวนซือหม่าเซียงหรูกลับมาที่เมืองหลิงฉยง พวกเขาขายรถม้าซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายเพื่อเปิดร้านเหล้าเล็กๆ แห่งหนึ่งช่วยกันทำมาหากิน ทั้งสองทำงานหนักแต่ก็ใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข สุดท้ายจั๋วหวางซุนใจอ่อนจึงมอบเงินและบ่าวให้จำนวนไม่น้อยเป็นเงินรับขวัญเขยคนนี้ พอที่ทั้งสองจะกลับไปเมืองหลวงซื้อที่ดินและใช้ชีวิตได้อย่างคนมีอันจะกิน

    ในช่วงเวลานั้นเอง บทประพันธ์ ‘จื่อซวีฟู่’ ของซือหม่าเซียงหรูเป็นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นอู่ตี้ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางผู้ติดตามใกล้ชิด ต่อมาหน้าที่การงานยิ่งเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นคนเนื้อหอม จึงเกิดความคิดที่จะรับอนุ แต่ต่อมาจั๋วเหวินจวินแต่งกลอนทำให้เขารำลึกถึงความหลังและเปลี่ยนความคิด (Storyฯ เคยคุยถึงเรื่อง ‘ลำนำผมขาว’ นี้ไปแล้ว ไปหาอ่านย้อนหลังนะคะ)

    ดังนั้น บทสนทนาละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ข้างต้น ไม่เพียงแต่แสดงเจตจำนงของเฟิ่งชีอู๋ที่จะยอมเป็นภรรยาของพระเอก หากแต่ยังสะท้อนถึงความนัยว่า นางยอมใช้ทุกสิ่งอย่างที่นางมีเพื่อช่วยสนับสนุนเขา ไม่ทิ้งไม่หนี จะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปตลอดโดยไม่แคร์ว่าผู้อื่นจะมองอย่างไร

    Storyฯ คิดว่านี่เป็นคำสวามิภักดิ์ที่จริงใจที่สุดเท่าที่สตรีนางหนึ่งจะมอบให้ชายใดได้แล้ว เพื่อนเพจคิดเหมือนกันไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://auete.com/Tv/wangju/qieshitianxia/
    https://kknews.cc/zh-cn/entertainment/6ggbbpm.html
    https://kknews.cc/history/y39v3qk.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/卓文君/823759
    http://history.sina.com.cn/his/zl/2014-09-29/1551102344_2.shtml
    http://www.renwugushi.com/qinhan/a1043.html
    https://www.gugong.net/wenhua/34904.html

    #เทียบท้าปฐพี #เฟิ่งชีอู๋ #จั๋วเหวินจวิน #ซือหม่าเซียงหรู #กวีเอกราชวงศ์ฮั่น
    สัปดาห์ที่แล้วคุยเรื่องชีวประวัติ วันนี้เลยมาคุยให้ฟังถึงเรื่องราวของคนในตำนานอีกคู่หนึ่ง เพื่อนเพจที่ได้ติดตามละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> คงจำได้ถึงหนึ่งในตัวละครที่มีบทบาทเด่นคือเฟิ่งชีอู๋ ประมุขตระกูลเฟิ่งแห่งยงโจวผู้ดำรงตำแหน่ง ‘ซ่างซู’ (ขุนนางระดับเสนาธิการ) ในฉากที่นางได้เข้าพบกับท่านชายสองเฟิงหลันซี (พระเอก) ได้แสดงการสวามิภักดิ์ผ่านการเปรียบเปรยถึงซือหม่าเซียงหรูและจั๋วเหวินจวิน ความมีอยู่ว่า... ท่านชายสอง: ซือหม่าเซียงหรูต้องกักตัวเพราะป่วย เช่นเดียวกับข้า ตัวอยู่ในที่มืดมิด เฟิ่งชีอู๋: แทนที่จะอยู่ในที่มืด มิสู้จุดโคมเดินทาง หากท่านคิดเป็นซือหม่าเซียงหรู ข้ายอมเป็นจั๋วเหวินจวิน (ภรรยาของซือหม่าเซียงหรู) จุดโคมให้ท่าน - ถอดบทสนทนาจะละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ตามซับไทย หากใครไม่ทราบเรื่องราวของซือหม่าเซียงหรูและจั๋วเหวินจวินคงจะไม่เข้าใจความนัยของบทสนทนาข้างต้นนี้ วันนี้เลยนำเรื่องราวของทั้งคู่มาเล่าให้ฟังอย่างย่อ ซือหม่าเซียงหรู (179-117 ปีก่อนคริสตกาล สมัยราชวงศ์ฮั่น) เป็นคนพื้นเพเสฉวน สันทัดด้านอักษรและดนตรีจนได้เป็นอาจารย์ ต่อมาเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อหาหนทางเข้ารับราชการ แต่ด้วยพื้นเพครอบครัวยากจนจึงไม่ได้รับความสนใจนัก สุดท้ายถอดใจอำลาเมืองหลวงไปอาศัยอยู่ที่เมืองหลิงฉยงตามคำชวนของสหายนามว่า ‘หวางจี๋’ เป็นผู้ว่าการเขตหลิงฉยง ที่หลิงฉยง ซือหม่าเซียงหรูแสร้งทำเป็นป่วย วันๆ ไม่ยอมพบใคร โดยมีหวางจี๋คอยไปเยี่ยมเยียนทุกวัน จนเกิดเป็นภาพลักษณ์ว่าซือหม่าเซียงหรูเป็นแขกพิเศษของหวางจี๋ ได้รับความสนใจจากผู้คนไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือคหบดีพ่อค้านามว่า ‘จั๋วหวางซุน’ เขามีลูกสาวคือจั๋วเหวินจวิน นางออกเรือนไปได้ไม่นานก็เป็นหม้ายจึงกลับมาอยู่กับบิดา ยามนั้นนางอายุเพียงสิบเจ็ด เลื่องชื่อด้วยโฉมงามและความสามารถด้านการดนตรีและโคลงกลอน อยู่มาวันหนึ่งจั๋วหวางซุนได้จัดงานเลี้ยงขึ้นโดยตั้งใจเชิญหวางจี๋และซือหม่าเซียงหรูมาเป็นแขก หวางจี๋ถึงขนาดไปเชิญซือหม่าเซียงหรูด้วยตนเอง เขาจึงยอมมาร่วมงาน และเพื่อเป็นการสนองการต้อนรับอันอบอุ่น เขาบรรเลงเพลงพิณ ‘หงส์วอนหาคู่’ การเล่นพิณครั้งนี้ ไม่ว่าเป็นแผนหรือไม่ แต่ผลก็คือจั๋วเหวินจวินที่มาแอบดูเขาที่หลังฉากและได้ยินเพลงพิณขอรักของเขาเข้าก็ตกหลุมรัก คืนนั้นนางหนีตามเขากลับไปเมืองหลวง ที่นั่นจั๋วเหวินจวินค้นพบความจริงแล้วว่าเขายากจนมาก บ้านของเขามีเพียงสี่ผนังที่ว่างเปล่า แต่นางก็ไม่ทิ้งเขา ใช้ชีวิตแบบกัดก้อนเกลือกินอยู่กับเขาโดยอาศัยเงินและเครื่องประดับที่นางพกติดตัวมา ส่วนจั๋วหวางซุนเมื่อได้ข่าวก็ทั้งอับอายทั้งเสียใจถึงกับตัดขาดไม่ยอมให้เงินช่วยเหลือลูกสาวแม้แต่แดงเดียว ต่อมาเงินหมด จั๋วเหวินจวินคิดแล้วว่าอยู่เมืองหลวงต่อไปก็ไม่มีหนทาง จึงชวนซือหม่าเซียงหรูกลับมาที่เมืองหลิงฉยง พวกเขาขายรถม้าซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายเพื่อเปิดร้านเหล้าเล็กๆ แห่งหนึ่งช่วยกันทำมาหากิน ทั้งสองทำงานหนักแต่ก็ใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุข สุดท้ายจั๋วหวางซุนใจอ่อนจึงมอบเงินและบ่าวให้จำนวนไม่น้อยเป็นเงินรับขวัญเขยคนนี้ พอที่ทั้งสองจะกลับไปเมืองหลวงซื้อที่ดินและใช้ชีวิตได้อย่างคนมีอันจะกิน ในช่วงเวลานั้นเอง บทประพันธ์ ‘จื่อซวีฟู่’ ของซือหม่าเซียงหรูเป็นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นอู่ตี้ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางผู้ติดตามใกล้ชิด ต่อมาหน้าที่การงานยิ่งเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นคนเนื้อหอม จึงเกิดความคิดที่จะรับอนุ แต่ต่อมาจั๋วเหวินจวินแต่งกลอนทำให้เขารำลึกถึงความหลังและเปลี่ยนความคิด (Storyฯ เคยคุยถึงเรื่อง ‘ลำนำผมขาว’ นี้ไปแล้ว ไปหาอ่านย้อนหลังนะคะ) ดังนั้น บทสนทนาละครเรื่อง <เทียบท้าปฐพี> ข้างต้น ไม่เพียงแต่แสดงเจตจำนงของเฟิ่งชีอู๋ที่จะยอมเป็นภรรยาของพระเอก หากแต่ยังสะท้อนถึงความนัยว่า นางยอมใช้ทุกสิ่งอย่างที่นางมีเพื่อช่วยสนับสนุนเขา ไม่ทิ้งไม่หนี จะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปตลอดโดยไม่แคร์ว่าผู้อื่นจะมองอย่างไร Storyฯ คิดว่านี่เป็นคำสวามิภักดิ์ที่จริงใจที่สุดเท่าที่สตรีนางหนึ่งจะมอบให้ชายใดได้แล้ว เพื่อนเพจคิดเหมือนกันไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://auete.com/Tv/wangju/qieshitianxia/ https://kknews.cc/zh-cn/entertainment/6ggbbpm.html https://kknews.cc/history/y39v3qk.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/卓文君/823759 http://history.sina.com.cn/his/zl/2014-09-29/1551102344_2.shtml http://www.renwugushi.com/qinhan/a1043.html https://www.gugong.net/wenhua/34904.html #เทียบท้าปฐพี #เฟิ่งชีอู๋ #จั๋วเหวินจวิน #ซือหม่าเซียงหรู #กวีเอกราชวงศ์ฮั่น
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • 02-05-68/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.32(สิ้นเสียงระฆัง..ก็ใส่กันยับสิจ๊ะ)

    ถามจริง? มรึงล่อกูฮาแต่เช้าเลยน่ะเนี่ย? อะไรน่ะ NATO วางแผนลับยึดคาลินินกราด จริงดิ? ว๊ายๆ กูต้องวิ่งไปไหนเนี่ย? ปูติน ลูคาเชนโก กวักมือเรียก "มาให้ไวเลย ดีออก" ISKANDER ล้นทะลักคลังแสงอยู่ ต้องปล่อยออกบ้าง กำลังหาเหยื่อพอดี จุดที่เล็กที่สุด นั่นคือเหยื่อล่อที่ดีที่สุด มรึงรู้มั้ยว่า คาลินินกราด ที่อยู่ท่ามกลางชาตินาโต้ EU ซ่อนเหี้ยอะไรไว้บ้าง รู้แล้วจะหนาวขี้? มินิคุ๊กกี้ รสชาเขียวเพี๊ยบ อยากลองชิมก่อนซักลูกมั้ยล่ะ? อีโปลโดนก่อนเพื่อน ใครหนุนโดนตามทีหลัง? ข่าวปล่อยทั้งนั้น เพื่อดึงความสนใจออกห่างเยรูซาเล็ม และเคียฟ มุกโคตรเก่า?

    มาล่ะ! สายปั่น กระแสมาเต็ม เขี่ยอีลูกสาวร่านหน้าเหลี่ยมกระเด็นเก้าอี้ แคนดิเดท ยังเหมือนเดิม ลุงตู่ ลุงป้อม ลุงพี ใครเขียนสคริปต์ให้ฟ่ะเนี่ย? ความในใจเพ่หย่าย ขอกูซัก 90 วันก็ยังดี ไอ้น้อง เพื่อประดับเป็นบารมีตระกูล ชงคนเป็นนายกมาเยอะแล้ว แต่ตัวเองได้แต่เหลียวหลังมอง ส่วนอีแดง อีส้มเน่า อีน้ำเงิน กำลังจะโดนพิษกรรมเก่าล่ออยู่ ศาลกระดิกตรีนรอเชือด ไม่เห็นเหรอ? เจ้าสัวยังติดคุก 24 ปี ได้ ยุคนี้ อย่ามองข้ามความปลอดภัย เพราะสัญญานตรงจากเหนือใต้หล้าไฟเขียวล้างบางสิ่งสกปรกโสมมแล้วจ๊ะ DSI คิดการณ์ใหญ่ ล้างบางปทุมวันแม่งซะเลย จริงดิ?

    มรึงรู้มั้ยว่า? "คดีออกโฉนดที่ดินสนามกอล์ฟทับที่ป่าสงวน" ที่โดนกันวันนี้ เค้าชงเพื่อปูทางให้ใครกันล่ะ? มองออกยัง? เก้าอี้ อีนายกฯเถื่อน มันปลิวตั้งแต่ตราศาลประทับรับฟ้องแล้ว อะไรที่เคยยึดไป ต้องคืนแผ่นดินทั้งหมด ไม่ได้ขอ แต่เป็นคำสั่งจ๊ะ? ใช่ มันถึงเวลาสะสางความอัปรีย์จัญไรแผ่นดินออกไปให้พ้นได้แล้ว เชือดเหี้ยให้เหี้ยดูก่อน เพื่อส่งสัญญานให้มรึงเตรียมเผ่นไงล่ะ ก็บอกแล้วว่า จ่ายครบ จบจริง ไสหัวไปซะ มันจะมาช่วงเวลาเดียวกับที่ศาลไต่สวนอีเหลี่ยมชาติหมานั่นแหละ ชั้น 14 ไม่รอด มันชัดเจนยิ่งกว่าอะไรซะอีก พ่วง "เท็จทูล" อันนี้ อาญาตรง ใครจะโง่อยู่รอโดนเชือดกันล่ะ มันถึงไปคุยเตรียมบ้านใหม่อยู่ในพนมเปญไง อีขะแมร์รับอุ้ม แต่อีกไม่นาน อีฮุนเซน ก็จะไม่รอดเช่นกัน มรึงเตรียมคิดหาทางหนีไว้ก่อนเลย?

    "ทหารไทย"ดัดนิสัย" ทหารกัมพูชา ปิดด่านช่องอานม้า หลังพยายามรุกล้ำดินแดน พาดหัวข่าวแบบนี้ เห็นชัดว่าอะไร? สินค้าไทยเป็นที่นิยมใช้กันทั่งประเทศอีขะแมร์ ปิดด่าน สิ่งที่มรึงโดนก่อน 3 เด้งคือ 1.นักพนัน 2.พ่อค้าขาจร 3.สินค้าไทย รู้มั้ยว่า ตามพรมแดน เงินบาทเรามันที่เป็นหอมหวล เป็นที่ต้องการของชาติอาเซียนทั้งหมด อีฮุนเซนนับงานใครมา เพื่อปั่นกระแสพรมแดนไทย-ขะแมร์ ทั้งหมด เพื่อเบี่ยงเบนชั้น 14 และคดีสนามกอล์ฟ ที่จะทำเก้าอี้นายกฯเถื่อนลูกสาวร่านหักคาจอ มันเตรียมเผ่นเข้าไปหาอีฮุนเซนชัวร์ แล้วใครบอกมรึงล่ะว่า ทหารเค้าไม่รู้ อาจมีการหักหลังตามมา อยู่ขะแมร์ เท่ากับเข้าถ้ำเสือ หากทรยศปุ๊บ อีเหลี่ยมตายทั้งเป็น ดิ้นไม่หลุด เอาเป็นตัวประกัน รีดทรัพย์เท่าไหร่ก็ได้ เหี้ยกินเหี้ยไม่ใช่เรื่องใหม่ กรรมมันทันตาเห็น ไมต้องรอนาน อีเหลี่ยมระแวงหนัก ปราสาทจะแดร๊กแล้วจ๊ะ กลัวไปหมด?

    เบื้องหลังศาลฎีกา ไต่สวนเอง ท้าพิสูจน์ความจริงเอง ชั้น 14 ใครตอแหล 3 กระทงมาแน่มรึง? ชาญชัย..นั่นแค่ตัวชง ตัวตบอยู่ที่เสรีจ๊ะ ขึ้นศาลปุ๊บ แถต่อไม่ได้ กล้องวงจรปิดต้องเปิดหมด ลายเซ้นต์ใคร รับผิดไปตามวาระ ต่างกรรม ต่างเวลา นี่ต่างหากคือหมัดน็อค ใครฟ้อง..เหี้ยมันแถได้หมด แต่หากศาลของดูเอง พิสูจน์เอง ว่าไม่มีการบังคับใช้กฎหมายตามคำพิพากษา รู้มั้ยว่า อะไรจะเกิดขึ้น ตายยกกรมคุก ตายยกปทุมวัน ตายยกสภาแพทย์ ตายยกคนเสนอยื่นถวายอภัยลดโทษ หรือทั้งหมด เค้าจัดฉากเตรียมรอไว้อยู่นานแล้ว เพื่อรอวันนี้ จะล่อเหี้ย มรึงต้องเอาให้ตายคาตรีน ยึดทรัพย์ทั้งหมดในแผ่นดินนี้ และค่อยตามไปยึดในเกาะแคริบเบี้ยน สืบไม่ยากดอก เค้ารู้หมดแล้ว ว่ามรึงเอาไปแปรรูปเป็นอะไรบ้าง?

    เมื่ออีทรัมปป์ ตั้งใจพลาดให้จีน เมื่อชงให้มรึงตบ สิ่งที่ตามมาคือ ดิสเครดิตอเมริโกย เป็นไปตามแผน TRUMP LAND ไม่ทุบให้แตกสลายก่อน มันจะแยกดินแดนได้มั้ยล่ะ? เพราะอีกไม่นาน หน่วยความมั่นคงรัฐ จะปะทะ กับกองทัพของรัฐบาลกลางสหรัฐ ผลคือ CIVIL WAR แบบในหนังนั่นแหละ อีทรัมปป์ไม่ตายภายในวันที่ 12 เมษายน ตามที่อีการ์ตูนซิมป์สันกาหัวไว้ ส่งสัญญาน พลิกเกมส์นรก จีนเล่นบทพระเอก อีทรัมปป์เล่นบทผู้ร้าย ส่วนอีโง่ยุโรป เล่นบทตัวอิจฉา ส่วนศรีธนญชัย เล่นบทตีกิน ตีเนียน เผลอเป็นล้าง เมาเป็นเสียบ ทั้งหม่อง และอีขะแมร์ เป็นแค่ตัวเบี่ยงเบนความสนใจ เป้าหมายแท้จริงคือ "อโยธยา" ที่เหี้ยยิวอยากจะแดร๊กจนคลั่ง อียิวแห่ทะลักกันเข้ามา นีโอนาซี เหี้ยไอซิสทั้งนั้น หน่วยข่าวกรองเค้ารู้ ยิ่งจัดการง่ายขึ้น เพราะที่นี่อำนาจเป็นของเราเอง ใช้ต่อรองเจรจาไงล่ะ? อยากให้ส่งตัวมั้ย?

    นับ 1 เศรษฐกิจพอเพียง "โมเดลโลกใหม่จ๊ะ" ภูฎาน นำสิ่งที่พ่อร.9 สร้างไปต่อยอด ผู้มีปัญญา ย่อมรู้เห็น เพื่อนบ้าน นานาชาติต่างคิด เราทำอะไรอยู่เนี่ย? ปากท้อง ปัจจัย 4 คือเรื่องสำคัญที่สุด ที่ชีวิตต้องมี ต้องการ แล้วไอ้สิ่งปลอมปนที่เข้ามา ทำให้เราห่างจากสิ่งที่เป็นปัจจัยหลัก ไทยโมเดล จะนำโลกสู่ยุคใหม่ ไทยจะเป็นผู้นำโลกเหรอ? มรึงอย่าได้ดูถูกเชียว วัฒนธรรมไทย น้ำใจคนไทย เมตตาธรรม รากเหง้าไทย มันโดนใจคนทั้งโลก มรึงเห็นได้จาก SOFT POWER THAI ที่แรงสุดลิ่มทิ่มประตู ชุดไทยใส่แล้วสวย ชุดนักเรียนใส่แล้วเท่ห์ อาหาร ขนมไทย ยกนิ้วให้ทั้งโลก

    ปล.หลายเดือนก่อน เคยเห็นแล้ว ข่าวเรื่องชุดล่องหนกองทัพจีน มันล่องหนได้จริง เหมือนมรึงมองไม่เห็นใครเลย ทั้งๆ ที่กองทัพนับร้อย ยืนอยู่หน้ามรึงเนี่ยน่ะ? แล้วจีนต่อยอด เอาไปคลุมเครื่องบิน รถถัง หรือฐานบัญชาการลับอะไรก็ได้ มันคือแผ่นสะท้อนให้ตาเราเข้าใจว่ามันไม่มีอยู่ตรงนั้น ใช้ในสมรภูมิล่ะ มันแน่ ปืนจ่อหัวอยู่นับ 100 กระบอก ศัตรูยังแดร๊กเบียร์ เต้นรำอยู่เลย เหี้ยมะกัน กรี๊ดสนั่น มรึงจะทะลุอวกาศไปถึงไหน ไอ้สัส! ข้ามวิกแป๊บ : ปัญหาชายแดนใต้ แก้ไม่ยาก แค่เจ้ามือ กับคนแทง ให้มันวินวินทั้งคู่ คือจบทันที นัยยะคือ ท่อน้ำเลี้ยงคือรายได้หลัก เมื่อไม่ให้ทำต่อ คนพวกนั้นจะไปไหนได้อีก? ตัดวงจรน้ำเลี้ยงแล้วเปลี่ยนขาจร มาเป็นหน่วยลับแทน ใช้ศัตรูสืบจับศัตรูอีกที และภัยแผ่นดิน แม่งซะเลย มีให้แค่ 2 ทางเลือก จะเข้ากับกู หรือจะให้กูยิงทิ้ง มรึงจะเลือกอะไร? เครือข่ายใคร เค้ารู้หมดแล้ว แค่จะทำตอนไหน ยังไง เท่านั้นเอง? ไม่ต้องไปแตะเหี้ยอะไรมากดอก แค่จัดระเบียบให้เหมือนเดิมก็รอดแล้ว ปัญหาเกิดจากคนใน ย้ายคนชั่วออกไป ทุกอย่างก็จะปกติเอง

    หมี CNN(กูเคยบอกแล้วชิมิ? อะไรที่มรึงไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น จะได้เจอ ได้เห็นหมด เพราะกลียุค อะไรก็เกิดขึ้นได้ ครั้งแรก ที่ศาลฎีกาประกาศไต่สวนเอง ไปถามนักกฎหมายดูสิ แล้วมรึงจะช็อค "แปลว่าอะไร" ขนาดศาลท่าน ยังเอือมระอากับความบัดซบข้าราชการไทยเองเลย ทั้งอีกรมคุก อีอัยกวย อีสภาแพทย์ อีคนยื่นประทานอภัยลดโทษ ทั้งหมดเป็นขบวนการ วังรู้ วังเห็น ถึงได้ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นไงล่ะ เพื่อตามเช็คบิลย้อนหลัง หากไม่เล่นตามน้ำ แล้วมรึงจะเอาหลักฐานไหน มาระบุว่ามันผิดจริง และโทษรุนแรงกันล่ะ? เห็นเต็มตายัง? ตอนแรก ดิ้นทุรนทุรายกันหย่าย อีเหลี่ยมไม่มีใครทำอะไรมันได้ แล้วมรึงมาดูตอนนี้สิ สภาพมันวันนี้สิ เตรียมเผ่น แต่จะเผ่นได้หรือไม่ ต้องจ่ายครบ จบจริงเท่านั้น เค้าล็อคคอมันอยู่ตอนนี้ คุกถึงตายน่ะมรึง เผ่นชัวร์ แต่ต้องจ่ายขนาดไหนกันล่ะ คืนเงินแผ่นดินที่มรึงโกงมาให้หมดซะ)
    02 พฤษภาคม 68
    12.25 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    02-05-68/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.32(สิ้นเสียงระฆัง..ก็ใส่กันยับสิจ๊ะ) ถามจริง? มรึงล่อกูฮาแต่เช้าเลยน่ะเนี่ย? อะไรน่ะ NATO วางแผนลับยึดคาลินินกราด จริงดิ? ว๊ายๆ กูต้องวิ่งไปไหนเนี่ย? ปูติน ลูคาเชนโก กวักมือเรียก "มาให้ไวเลย ดีออก" ISKANDER ล้นทะลักคลังแสงอยู่ ต้องปล่อยออกบ้าง กำลังหาเหยื่อพอดี จุดที่เล็กที่สุด นั่นคือเหยื่อล่อที่ดีที่สุด มรึงรู้มั้ยว่า คาลินินกราด ที่อยู่ท่ามกลางชาตินาโต้ EU ซ่อนเหี้ยอะไรไว้บ้าง รู้แล้วจะหนาวขี้? มินิคุ๊กกี้ รสชาเขียวเพี๊ยบ อยากลองชิมก่อนซักลูกมั้ยล่ะ? อีโปลโดนก่อนเพื่อน ใครหนุนโดนตามทีหลัง? ข่าวปล่อยทั้งนั้น เพื่อดึงความสนใจออกห่างเยรูซาเล็ม และเคียฟ มุกโคตรเก่า? มาล่ะ! สายปั่น กระแสมาเต็ม เขี่ยอีลูกสาวร่านหน้าเหลี่ยมกระเด็นเก้าอี้ แคนดิเดท ยังเหมือนเดิม ลุงตู่ ลุงป้อม ลุงพี ใครเขียนสคริปต์ให้ฟ่ะเนี่ย? ความในใจเพ่หย่าย ขอกูซัก 90 วันก็ยังดี ไอ้น้อง เพื่อประดับเป็นบารมีตระกูล ชงคนเป็นนายกมาเยอะแล้ว แต่ตัวเองได้แต่เหลียวหลังมอง ส่วนอีแดง อีส้มเน่า อีน้ำเงิน กำลังจะโดนพิษกรรมเก่าล่ออยู่ ศาลกระดิกตรีนรอเชือด ไม่เห็นเหรอ? เจ้าสัวยังติดคุก 24 ปี ได้ ยุคนี้ อย่ามองข้ามความปลอดภัย เพราะสัญญานตรงจากเหนือใต้หล้าไฟเขียวล้างบางสิ่งสกปรกโสมมแล้วจ๊ะ DSI คิดการณ์ใหญ่ ล้างบางปทุมวันแม่งซะเลย จริงดิ? มรึงรู้มั้ยว่า? "คดีออกโฉนดที่ดินสนามกอล์ฟทับที่ป่าสงวน" ที่โดนกันวันนี้ เค้าชงเพื่อปูทางให้ใครกันล่ะ? มองออกยัง? เก้าอี้ อีนายกฯเถื่อน มันปลิวตั้งแต่ตราศาลประทับรับฟ้องแล้ว อะไรที่เคยยึดไป ต้องคืนแผ่นดินทั้งหมด ไม่ได้ขอ แต่เป็นคำสั่งจ๊ะ? ใช่ มันถึงเวลาสะสางความอัปรีย์จัญไรแผ่นดินออกไปให้พ้นได้แล้ว เชือดเหี้ยให้เหี้ยดูก่อน เพื่อส่งสัญญานให้มรึงเตรียมเผ่นไงล่ะ ก็บอกแล้วว่า จ่ายครบ จบจริง ไสหัวไปซะ มันจะมาช่วงเวลาเดียวกับที่ศาลไต่สวนอีเหลี่ยมชาติหมานั่นแหละ ชั้น 14 ไม่รอด มันชัดเจนยิ่งกว่าอะไรซะอีก พ่วง "เท็จทูล" อันนี้ อาญาตรง ใครจะโง่อยู่รอโดนเชือดกันล่ะ มันถึงไปคุยเตรียมบ้านใหม่อยู่ในพนมเปญไง อีขะแมร์รับอุ้ม แต่อีกไม่นาน อีฮุนเซน ก็จะไม่รอดเช่นกัน มรึงเตรียมคิดหาทางหนีไว้ก่อนเลย? "ทหารไทย"ดัดนิสัย" ทหารกัมพูชา ปิดด่านช่องอานม้า หลังพยายามรุกล้ำดินแดน พาดหัวข่าวแบบนี้ เห็นชัดว่าอะไร? สินค้าไทยเป็นที่นิยมใช้กันทั่งประเทศอีขะแมร์ ปิดด่าน สิ่งที่มรึงโดนก่อน 3 เด้งคือ 1.นักพนัน 2.พ่อค้าขาจร 3.สินค้าไทย รู้มั้ยว่า ตามพรมแดน เงินบาทเรามันที่เป็นหอมหวล เป็นที่ต้องการของชาติอาเซียนทั้งหมด อีฮุนเซนนับงานใครมา เพื่อปั่นกระแสพรมแดนไทย-ขะแมร์ ทั้งหมด เพื่อเบี่ยงเบนชั้น 14 และคดีสนามกอล์ฟ ที่จะทำเก้าอี้นายกฯเถื่อนลูกสาวร่านหักคาจอ มันเตรียมเผ่นเข้าไปหาอีฮุนเซนชัวร์ แล้วใครบอกมรึงล่ะว่า ทหารเค้าไม่รู้ อาจมีการหักหลังตามมา อยู่ขะแมร์ เท่ากับเข้าถ้ำเสือ หากทรยศปุ๊บ อีเหลี่ยมตายทั้งเป็น ดิ้นไม่หลุด เอาเป็นตัวประกัน รีดทรัพย์เท่าไหร่ก็ได้ เหี้ยกินเหี้ยไม่ใช่เรื่องใหม่ กรรมมันทันตาเห็น ไมต้องรอนาน อีเหลี่ยมระแวงหนัก ปราสาทจะแดร๊กแล้วจ๊ะ กลัวไปหมด? เบื้องหลังศาลฎีกา ไต่สวนเอง ท้าพิสูจน์ความจริงเอง ชั้น 14 ใครตอแหล 3 กระทงมาแน่มรึง? ชาญชัย..นั่นแค่ตัวชง ตัวตบอยู่ที่เสรีจ๊ะ ขึ้นศาลปุ๊บ แถต่อไม่ได้ กล้องวงจรปิดต้องเปิดหมด ลายเซ้นต์ใคร รับผิดไปตามวาระ ต่างกรรม ต่างเวลา นี่ต่างหากคือหมัดน็อค ใครฟ้อง..เหี้ยมันแถได้หมด แต่หากศาลของดูเอง พิสูจน์เอง ว่าไม่มีการบังคับใช้กฎหมายตามคำพิพากษา รู้มั้ยว่า อะไรจะเกิดขึ้น ตายยกกรมคุก ตายยกปทุมวัน ตายยกสภาแพทย์ ตายยกคนเสนอยื่นถวายอภัยลดโทษ หรือทั้งหมด เค้าจัดฉากเตรียมรอไว้อยู่นานแล้ว เพื่อรอวันนี้ จะล่อเหี้ย มรึงต้องเอาให้ตายคาตรีน ยึดทรัพย์ทั้งหมดในแผ่นดินนี้ และค่อยตามไปยึดในเกาะแคริบเบี้ยน สืบไม่ยากดอก เค้ารู้หมดแล้ว ว่ามรึงเอาไปแปรรูปเป็นอะไรบ้าง? เมื่ออีทรัมปป์ ตั้งใจพลาดให้จีน เมื่อชงให้มรึงตบ สิ่งที่ตามมาคือ ดิสเครดิตอเมริโกย เป็นไปตามแผน TRUMP LAND ไม่ทุบให้แตกสลายก่อน มันจะแยกดินแดนได้มั้ยล่ะ? เพราะอีกไม่นาน หน่วยความมั่นคงรัฐ จะปะทะ กับกองทัพของรัฐบาลกลางสหรัฐ ผลคือ CIVIL WAR แบบในหนังนั่นแหละ อีทรัมปป์ไม่ตายภายในวันที่ 12 เมษายน ตามที่อีการ์ตูนซิมป์สันกาหัวไว้ ส่งสัญญาน พลิกเกมส์นรก จีนเล่นบทพระเอก อีทรัมปป์เล่นบทผู้ร้าย ส่วนอีโง่ยุโรป เล่นบทตัวอิจฉา ส่วนศรีธนญชัย เล่นบทตีกิน ตีเนียน เผลอเป็นล้าง เมาเป็นเสียบ ทั้งหม่อง และอีขะแมร์ เป็นแค่ตัวเบี่ยงเบนความสนใจ เป้าหมายแท้จริงคือ "อโยธยา" ที่เหี้ยยิวอยากจะแดร๊กจนคลั่ง อียิวแห่ทะลักกันเข้ามา นีโอนาซี เหี้ยไอซิสทั้งนั้น หน่วยข่าวกรองเค้ารู้ ยิ่งจัดการง่ายขึ้น เพราะที่นี่อำนาจเป็นของเราเอง ใช้ต่อรองเจรจาไงล่ะ? อยากให้ส่งตัวมั้ย? นับ 1 เศรษฐกิจพอเพียง "โมเดลโลกใหม่จ๊ะ" ภูฎาน นำสิ่งที่พ่อร.9 สร้างไปต่อยอด ผู้มีปัญญา ย่อมรู้เห็น เพื่อนบ้าน นานาชาติต่างคิด เราทำอะไรอยู่เนี่ย? ปากท้อง ปัจจัย 4 คือเรื่องสำคัญที่สุด ที่ชีวิตต้องมี ต้องการ แล้วไอ้สิ่งปลอมปนที่เข้ามา ทำให้เราห่างจากสิ่งที่เป็นปัจจัยหลัก ไทยโมเดล จะนำโลกสู่ยุคใหม่ ไทยจะเป็นผู้นำโลกเหรอ? มรึงอย่าได้ดูถูกเชียว วัฒนธรรมไทย น้ำใจคนไทย เมตตาธรรม รากเหง้าไทย มันโดนใจคนทั้งโลก มรึงเห็นได้จาก SOFT POWER THAI ที่แรงสุดลิ่มทิ่มประตู ชุดไทยใส่แล้วสวย ชุดนักเรียนใส่แล้วเท่ห์ อาหาร ขนมไทย ยกนิ้วให้ทั้งโลก ปล.หลายเดือนก่อน เคยเห็นแล้ว ข่าวเรื่องชุดล่องหนกองทัพจีน มันล่องหนได้จริง เหมือนมรึงมองไม่เห็นใครเลย ทั้งๆ ที่กองทัพนับร้อย ยืนอยู่หน้ามรึงเนี่ยน่ะ? แล้วจีนต่อยอด เอาไปคลุมเครื่องบิน รถถัง หรือฐานบัญชาการลับอะไรก็ได้ มันคือแผ่นสะท้อนให้ตาเราเข้าใจว่ามันไม่มีอยู่ตรงนั้น ใช้ในสมรภูมิล่ะ มันแน่ ปืนจ่อหัวอยู่นับ 100 กระบอก ศัตรูยังแดร๊กเบียร์ เต้นรำอยู่เลย เหี้ยมะกัน กรี๊ดสนั่น มรึงจะทะลุอวกาศไปถึงไหน ไอ้สัส! ข้ามวิกแป๊บ : ปัญหาชายแดนใต้ แก้ไม่ยาก แค่เจ้ามือ กับคนแทง ให้มันวินวินทั้งคู่ คือจบทันที นัยยะคือ ท่อน้ำเลี้ยงคือรายได้หลัก เมื่อไม่ให้ทำต่อ คนพวกนั้นจะไปไหนได้อีก? ตัดวงจรน้ำเลี้ยงแล้วเปลี่ยนขาจร มาเป็นหน่วยลับแทน ใช้ศัตรูสืบจับศัตรูอีกที และภัยแผ่นดิน แม่งซะเลย มีให้แค่ 2 ทางเลือก จะเข้ากับกู หรือจะให้กูยิงทิ้ง มรึงจะเลือกอะไร? เครือข่ายใคร เค้ารู้หมดแล้ว แค่จะทำตอนไหน ยังไง เท่านั้นเอง? ไม่ต้องไปแตะเหี้ยอะไรมากดอก แค่จัดระเบียบให้เหมือนเดิมก็รอดแล้ว ปัญหาเกิดจากคนใน ย้ายคนชั่วออกไป ทุกอย่างก็จะปกติเอง หมี CNN(กูเคยบอกแล้วชิมิ? อะไรที่มรึงไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น จะได้เจอ ได้เห็นหมด เพราะกลียุค อะไรก็เกิดขึ้นได้ ครั้งแรก ที่ศาลฎีกาประกาศไต่สวนเอง ไปถามนักกฎหมายดูสิ แล้วมรึงจะช็อค "แปลว่าอะไร" ขนาดศาลท่าน ยังเอือมระอากับความบัดซบข้าราชการไทยเองเลย ทั้งอีกรมคุก อีอัยกวย อีสภาแพทย์ อีคนยื่นประทานอภัยลดโทษ ทั้งหมดเป็นขบวนการ วังรู้ วังเห็น ถึงได้ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นไงล่ะ เพื่อตามเช็คบิลย้อนหลัง หากไม่เล่นตามน้ำ แล้วมรึงจะเอาหลักฐานไหน มาระบุว่ามันผิดจริง และโทษรุนแรงกันล่ะ? เห็นเต็มตายัง? ตอนแรก ดิ้นทุรนทุรายกันหย่าย อีเหลี่ยมไม่มีใครทำอะไรมันได้ แล้วมรึงมาดูตอนนี้สิ สภาพมันวันนี้สิ เตรียมเผ่น แต่จะเผ่นได้หรือไม่ ต้องจ่ายครบ จบจริงเท่านั้น เค้าล็อคคอมันอยู่ตอนนี้ คุกถึงตายน่ะมรึง เผ่นชัวร์ แต่ต้องจ่ายขนาดไหนกันล่ะ คืนเงินแผ่นดินที่มรึงโกงมาให้หมดซะ) 02 พฤษภาคม 68 12.25 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 0 รีวิว
  • จระเข้โทน รุ่น2 เนื้อตะกั่ว ตอกโค๊ตหัวอุ ตอกโค็ด ทบ. (ตอกโค็ด คมชัด ลึกๆ) หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย ปี2516 // จระเข้ รุ่นดังและสร้างชื่อเสียงให้ท่านเป็นอย่างสูง สร้างทั้งสิ้นจำนวน 100,999 ตัว การสร้างจระเข้โทนครั้งนี้ จัดว่าสร้างเป็นกรณีพิเศษ รุ่นไตรมาส เพราะอธิษฐานจิตในพรรษา 3 เดือน // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //

    ** พุทธคุณ เป็นมหาอำนาจ ศัตรูเกรงขาม ปกป้องคุ้มครอง แคล้วคลาด ภัยอันตรายต่างๆ คุ้มครอง ป้องกัน ภูตผีปิศาจเกรงกลัว แก้-กัน เสนียดจัญไร ถอนเสน่ห์ยาแฝดต่างๆ(โดยการทำน้ำมนต์แช่ลงไปในน้ำแล้วนำมาดื่ม มาอาบ มีอำนาจปกป้องภัยทั้งทางบก และทางน้ำ ป้องกันสัตว์เลื้อยคลาน ดีทางเมตตา ค้าขาย >>

    ** ก่อนเราจะออกไปไหนมาไหน ต้องปลุกด้วยคาถาย่อ ๆ คือ " อิสวาสุ "ภาวนา 3 คาบ 7 คาบ

    ** ประวัติ พ่อค้า ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ได้มาขอร้องให้หลวงปู่สร้างรุ่นที่ 2 ขึ้น ทำการปลุกเสก 3 เดือน (ไตรมาส) หลวงพ่อสนิทท่านสนใจทางไสยศาสตร์และโหราศาสตร์ได้เสาะแสวงหาอาจารย์ร่ำเรียนคัมภีร์ เลขยันต์ เวทมนต์ คาถาอาคมขลังสรรพวิยาคุณต่างๆจนแตกฉาน ชำนิชนาญด้านสรรพคุณไสยด้านถูกกระทำย่ำยีจากศัตรู รู้รอบด้านการแก้สรรพพิษ ยาเบื่อ ยาเมา และยาสั่ง จาก “ หลวงพ่อดำ วัดกุฎิ หลวงพ่อสนิทท่านมีศักดิ์เป็นหลานของ พระอาจารย์เส็ง ซื่อสัตย์ ซึ่งพระอาจารย์เส็งท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดสันทรีย์ ตั้งแต่ปี 2435 จนถึง 2476 และท่านได้ลาสิกขาบท ซึ่งต่อมาเมื่อหลวงพ่อสนิท มาฝากตัวร่ำเรียนวิชาจระเข้โทนที่วัดสันทรีย์ ซึ่งหลังจากท่านได้ลาสิกขาบทแล้วท่านได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้หลวงพ่อสนิทจนหมดสิ้น และท่านได้ถ่ายทอดวิชาจระเข้โทนจนสำเร็จ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    จระเข้โทน รุ่น2 เนื้อตะกั่ว ตอกโค๊ตหัวอุ ตอกโค็ด ทบ. (ตอกโค็ด คมชัด ลึกๆ) หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย ปี2516 // จระเข้ รุ่นดังและสร้างชื่อเสียงให้ท่านเป็นอย่างสูง สร้างทั้งสิ้นจำนวน 100,999 ตัว การสร้างจระเข้โทนครั้งนี้ จัดว่าสร้างเป็นกรณีพิเศษ รุ่นไตรมาส เพราะอธิษฐานจิตในพรรษา 3 เดือน // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ // ** พุทธคุณ เป็นมหาอำนาจ ศัตรูเกรงขาม ปกป้องคุ้มครอง แคล้วคลาด ภัยอันตรายต่างๆ คุ้มครอง ป้องกัน ภูตผีปิศาจเกรงกลัว แก้-กัน เสนียดจัญไร ถอนเสน่ห์ยาแฝดต่างๆ(โดยการทำน้ำมนต์แช่ลงไปในน้ำแล้วนำมาดื่ม มาอาบ มีอำนาจปกป้องภัยทั้งทางบก และทางน้ำ ป้องกันสัตว์เลื้อยคลาน ดีทางเมตตา ค้าขาย >> ** ก่อนเราจะออกไปไหนมาไหน ต้องปลุกด้วยคาถาย่อ ๆ คือ " อิสวาสุ "ภาวนา 3 คาบ 7 คาบ ** ประวัติ พ่อค้า ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ได้มาขอร้องให้หลวงปู่สร้างรุ่นที่ 2 ขึ้น ทำการปลุกเสก 3 เดือน (ไตรมาส) หลวงพ่อสนิทท่านสนใจทางไสยศาสตร์และโหราศาสตร์ได้เสาะแสวงหาอาจารย์ร่ำเรียนคัมภีร์ เลขยันต์ เวทมนต์ คาถาอาคมขลังสรรพวิยาคุณต่างๆจนแตกฉาน ชำนิชนาญด้านสรรพคุณไสยด้านถูกกระทำย่ำยีจากศัตรู รู้รอบด้านการแก้สรรพพิษ ยาเบื่อ ยาเมา และยาสั่ง จาก “ หลวงพ่อดำ วัดกุฎิ หลวงพ่อสนิทท่านมีศักดิ์เป็นหลานของ พระอาจารย์เส็ง ซื่อสัตย์ ซึ่งพระอาจารย์เส็งท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดสันทรีย์ ตั้งแต่ปี 2435 จนถึง 2476 และท่านได้ลาสิกขาบท ซึ่งต่อมาเมื่อหลวงพ่อสนิท มาฝากตัวร่ำเรียนวิชาจระเข้โทนที่วัดสันทรีย์ ซึ่งหลังจากท่านได้ลาสิกขาบทแล้วท่านได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้หลวงพ่อสนิทจนหมดสิ้น และท่านได้ถ่ายทอดวิชาจระเข้โทนจนสำเร็จ >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • พ่อค้าขายปลา (เต็มเรื่อง) พากย์ไทย
    พ่อค้าขายปลา (เต็มเรื่อง) พากย์ไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • **เรื่องราวของสามีภรรยาชาวอินเดียในสมัยพุทธกาล**

    ในเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล มีคู่สามีภรรยาชาวอินเดียคู่หนึ่งที่ชาวเมืองต่างรู้จักดีในความแตกต่างของพวกเขา **สามีชื่อ "สุทัตตะ"** เป็นพ่อค้าขายผ้าไหมผู้พูดน้อย นิ่งๆ แต่มีจิตใจศรัทธาในพระพุทธเจ้า ส่วน **ภรรยาชื่อ "นันทา"** เป็นหญิงขี้บ่น ปากจัด และไม่เชื่อเรื่องการบวชหรือการทำบุญ เธอคิดว่าชีวิตนี้ต้องสะสมทรัพย์เท่านั้น จึงเถียงสามีประจำเรื่องการไปวัด

    ### **วันแรกที่สุทัตตะพานันทาไปฟังธรรม**
    วันหนึ่ง สุทัตตะชวนนันทาไปฟังพระพุทธเจ้าทเทศน์ที่วัดเชตวัน แต่เธอตอบเสียงหลงว่า:
    "อีกแล้วเหรอ?! พ่อบ้านก็ไม่เห็นห่วงสมบัติ ทุกเย็นไม่คิดแต่จะไปวัด ถ้าพระพุทธเจ้าสอนดีจริง ทำไมเรายังไม่รวยล่ะ?!"

    สุทัตตะยิ้มน้อยๆ แล้วพูดเบาๆ: "พระองค์สอนว่า ความร่ำรวยไม่ใช่จุดจบของชีวิต..."

    นันทาตะโกน: "แล้วอะไรล่ะคือจุดจบ?! การยืนตากแดดฟังคนๆหนึ่งพูดเรื่องไม่จริง?!"

    แต่สุดท้าย เธอก็ถูกเพื่อนบ้านชักชวนให้ไปด้วยเพราะอยากรู้ว่าพระพุทธเจ้าดึงดูดคนได้อย่างไร

    ### **นันทาพบพระพุทธเจ้า**
    เมื่อไปถึง นันทายังบ่นพึมพำว่า "ร้อนจะตาย..." แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเริ่มเทศน์ พระองค์ตรัสด้วยเสียงอันสุขุม:

    "ดูก่อนอุบาสิกา บางคนสะสมทรัพย์แต่ใจจน บางคนมีน้อยแต่ใจเป็นสุข..."

    นันทาซึ่งกำลังนั่งกอดอกอยู่ ก็สะดุ้งเมื่อรู้สึกเหมือนพระองค์ตรัสตรงถึงเธอ! พระพุทธเจ้าตรัสต่อเรื่อง **"ความทุกข์เกิดจากความยึดมั่น"** และเล่านิทานเปรียบเทียบถึงพ่อค้าคนหนึ่งที่โกรธเพราะเรือแตก แต่กลับโชคดีที่ถูกพัดเข้าฝั่ง เพราะไม่ยึดติดกับของที่สูญเสีย

    นันทาค่อยๆ หยุดบ่น เริ่มฟังด้วยความสนใจ แม้จะยังไม่พูดอะไร แต่ใจเธอเริ่มสั่นสะเทือน

    ### **การเปลี่ยนแปลง**
    หลังจากวันนั้น นันทายังเป็นคนปากกล้า แต่เริ่มถามสามีเรื่องธรรมะบ้าง และบางครั้งก็แอบไปวัดคนเดียวโดยไม่บอกสุทัตตะ! เพื่อนบ้านถึงกับตกใจเมื่อเห็นนันทาช่วยตักบาตรพระ แทนที่จะนั่งบ่นเรื่องเสียเงิน

    สุทัตตะยิ้มพอใจ แต่เขาก็ไม่พูดมาก 只是พูดว่า: "วันนี้ภรรยาดูสงบจัง..."

    นันทาหัวเราะแล้วตอบ: "ก็เพราะฉันเริ่มเข้าใจว่า การไม่บ่นทำให้ชีวิตง่ายขึ้นไง!"

    ### **บทเรียนที่ได้**
    เรื่องราวของทั้งสองสอนให้เห็นว่า **ความศรัทธาไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในทันที** และแม้แต่คนขี้บ่นที่สุด ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อได้พบคำสอนที่ใช่ แม้พระพุทธเจ้าจะไม่ทรงบังคับใครให้เชื่อ แต่พระธรรมย่อมดึงดูดใจผู้ที่พร้อมรับ

    และนั่นคือชีวิตคู่ของสุทัตตะกับนันทา ที่ยังคงเถียงกันบ้าง แต่ครั้งนี้... เธอเริ่มเถียงด้วยหลักธรรมแทน!

    *(จบ)*

    > หมายเหตุ: เรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อแสดงวิถีชีวิตและความเชื่อในสมัยพุทธกาลผ่านมุมมองสามัญชน ไม่ได้อ้างอิงจากพระสูตรโดยตรง แต่สอดคล้องกับแนวคิดทางพุทธศาสนาเรื่องการเปลี่ยนแปลงและการละทิ้งความยึดมั่น
    **เรื่องราวของสามีภรรยาชาวอินเดียในสมัยพุทธกาล** ในเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล มีคู่สามีภรรยาชาวอินเดียคู่หนึ่งที่ชาวเมืองต่างรู้จักดีในความแตกต่างของพวกเขา **สามีชื่อ "สุทัตตะ"** เป็นพ่อค้าขายผ้าไหมผู้พูดน้อย นิ่งๆ แต่มีจิตใจศรัทธาในพระพุทธเจ้า ส่วน **ภรรยาชื่อ "นันทา"** เป็นหญิงขี้บ่น ปากจัด และไม่เชื่อเรื่องการบวชหรือการทำบุญ เธอคิดว่าชีวิตนี้ต้องสะสมทรัพย์เท่านั้น จึงเถียงสามีประจำเรื่องการไปวัด ### **วันแรกที่สุทัตตะพานันทาไปฟังธรรม** วันหนึ่ง สุทัตตะชวนนันทาไปฟังพระพุทธเจ้าทเทศน์ที่วัดเชตวัน แต่เธอตอบเสียงหลงว่า: "อีกแล้วเหรอ?! พ่อบ้านก็ไม่เห็นห่วงสมบัติ ทุกเย็นไม่คิดแต่จะไปวัด ถ้าพระพุทธเจ้าสอนดีจริง ทำไมเรายังไม่รวยล่ะ?!" สุทัตตะยิ้มน้อยๆ แล้วพูดเบาๆ: "พระองค์สอนว่า ความร่ำรวยไม่ใช่จุดจบของชีวิต..." นันทาตะโกน: "แล้วอะไรล่ะคือจุดจบ?! การยืนตากแดดฟังคนๆหนึ่งพูดเรื่องไม่จริง?!" แต่สุดท้าย เธอก็ถูกเพื่อนบ้านชักชวนให้ไปด้วยเพราะอยากรู้ว่าพระพุทธเจ้าดึงดูดคนได้อย่างไร ### **นันทาพบพระพุทธเจ้า** เมื่อไปถึง นันทายังบ่นพึมพำว่า "ร้อนจะตาย..." แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเริ่มเทศน์ พระองค์ตรัสด้วยเสียงอันสุขุม: "ดูก่อนอุบาสิกา บางคนสะสมทรัพย์แต่ใจจน บางคนมีน้อยแต่ใจเป็นสุข..." นันทาซึ่งกำลังนั่งกอดอกอยู่ ก็สะดุ้งเมื่อรู้สึกเหมือนพระองค์ตรัสตรงถึงเธอ! พระพุทธเจ้าตรัสต่อเรื่อง **"ความทุกข์เกิดจากความยึดมั่น"** และเล่านิทานเปรียบเทียบถึงพ่อค้าคนหนึ่งที่โกรธเพราะเรือแตก แต่กลับโชคดีที่ถูกพัดเข้าฝั่ง เพราะไม่ยึดติดกับของที่สูญเสีย นันทาค่อยๆ หยุดบ่น เริ่มฟังด้วยความสนใจ แม้จะยังไม่พูดอะไร แต่ใจเธอเริ่มสั่นสะเทือน ### **การเปลี่ยนแปลง** หลังจากวันนั้น นันทายังเป็นคนปากกล้า แต่เริ่มถามสามีเรื่องธรรมะบ้าง และบางครั้งก็แอบไปวัดคนเดียวโดยไม่บอกสุทัตตะ! เพื่อนบ้านถึงกับตกใจเมื่อเห็นนันทาช่วยตักบาตรพระ แทนที่จะนั่งบ่นเรื่องเสียเงิน สุทัตตะยิ้มพอใจ แต่เขาก็ไม่พูดมาก 只是พูดว่า: "วันนี้ภรรยาดูสงบจัง..." นันทาหัวเราะแล้วตอบ: "ก็เพราะฉันเริ่มเข้าใจว่า การไม่บ่นทำให้ชีวิตง่ายขึ้นไง!" ### **บทเรียนที่ได้** เรื่องราวของทั้งสองสอนให้เห็นว่า **ความศรัทธาไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในทันที** และแม้แต่คนขี้บ่นที่สุด ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อได้พบคำสอนที่ใช่ แม้พระพุทธเจ้าจะไม่ทรงบังคับใครให้เชื่อ แต่พระธรรมย่อมดึงดูดใจผู้ที่พร้อมรับ และนั่นคือชีวิตคู่ของสุทัตตะกับนันทา ที่ยังคงเถียงกันบ้าง แต่ครั้งนี้... เธอเริ่มเถียงด้วยหลักธรรมแทน! *(จบ)* > หมายเหตุ: เรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อแสดงวิถีชีวิตและความเชื่อในสมัยพุทธกาลผ่านมุมมองสามัญชน ไม่ได้อ้างอิงจากพระสูตรโดยตรง แต่สอดคล้องกับแนวคิดทางพุทธศาสนาเรื่องการเปลี่ยนแปลงและการละทิ้งความยึดมั่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อนเพจที่ได้ดูละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> จะเห็นว่าส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องกล่าวถึงความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเกี่ยวกับสถานะ ‘นางรับใช้ในวงดนตรี’ ของตัวละคร ซ่งอิ่นจาง และความพยายามที่จะหลุดพ้นจากสถานะนี้

    วันนี้เรามาคุยกันเรื่องสถานะ ‘นางรับใช้ในวงดนตรี’ ซึ่งในภาษาจีนอาจเรียกอย่างสุภาพว่า ‘เยวี่ยกง’ (乐工 แปลตรงตัวว่า เพลง/ดนตรี + แรงงาน) หรือเรียกอย่างไม่อ้อมค้อมว่า ‘เยวี่ยจี้’ หรือ ‘นางดนตรี’ (乐妓) ซึ่งเป็นคำเรียกรวมของสตรีที่อาศัยร้องรำทำเพลงยังชีพ ในสมัยโบราณจัดเป็นนางคณิกาประเภทหนึ่ง

    แล้วทำไมในละครจึงเรียกเป็น ‘นางรับใช้ในวงดนตรี’? Storyฯ ไม่อาจคาดเดาความคิดของผู้แปลซับไทยในละคร แต่ในภาษาจีนสถานะนี้ผูกติดกับสิ่งที่เรียกว่า ‘เยวี่ยจี๋’ (乐籍 แปลตรงตัวว่า เพลง/ดนตรี + ทะเบียน) ซึ่ง Storyฯ ไม่เห็นมีแปลไว้ในซับไทยของละคร

    ‘เยวี่ยจี๋’ หรือทะเบียนนักดนตรีนี้คืออะไร?

    เพื่อนเพจที่เป็นแฟนนิยายและละครจีนโบราณอาจเคยเห็นฉากที่ขุนนางใหญ่ถูกลงทัณฑ์ทั้งบ้าน ทรัพย์สินถูกยึด คนในบ้านถูกจับไปเป็นทาส เยวี่ยจี๋นี้เป็นทะเบียนชื่อของลูกเมียของขุนนางที่ถูกลงทัณฑ์สถานหนัก พวกเขาเหล่านี้ถูกขึ้นชื่อเป็นทาสรับใช้ของหลวง มีหน้าที่ร้องรำทำเพลงปรนนิบัติขุนนางและแขกเหรื่อในงานรื่นเริง โดยได้รับเงินหลวง เขาเหล่านี้เมื่อโดนเรียกตัวต้องไปปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สามารถปฏิเสธได้ โดยมีหน้าที่แตกต่างกันไปและบางคนอาจถูกบังคับให้เป็นนางบำเรอกาม

    การลงทัณฑ์โดยขึ้นทะเบียนเยวี่ยจี๋นี้มีมาแต่สมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (ค.ศ. 386-535) ในสมัยถัง-ซ่ง ‘เยวี่ยจี๋’ อยู่ภายใต้การบริหารงานของ ‘เจียวฟาง’/教坊 หรือที่ในละครแปลว่าสำนักการสังคีต

    คนที่มีชื่ออยู่ในเยวี่ยจี๋ถือว่ามีโทษติดตัวไม่มีอิสระ มีสถานะในสังคมต่ำต้อยเยี่ยงทาส จัดเป็น ‘ชนชั้นต่ำ’ หรือ ‘เจี้ยนหมิน’(贱民) ประเภทหนึ่ง (หมายเหตุ บ่าว ทาสและนักโทษจัดอยู่ในกลุ่มชนชั้นต่ำนี้) เมื่อมีลูก ลูกก็จะถูกบันทึกชื่อเข้าเยวี่ยจี๋ด้วย เรียกได้ว่าเป็นทาสที่มีโทษติดตัวไปทุกรุ่นเว้นแต่จะได้รับการเปลี่ยนสถานะ

    การเปลี่ยนสถานะทำได้สองแบบ แบบแรกคือการได้รับการอนุมัติจากทางการให้เปลี่ยนสถานะเป็นคนธรรมดาหรือที่เรียกว่า ‘เหลียงหมิน’/良民 (ตัวอย่างเช่นนางเอกในละครนี้) ซึ่งทำได้ไม่ง่าย และแบบที่สองคือมีพ่อค้ารับเป็นภรรยาหรือมีขุนนางรับเป็นอนุภรรยา ซึ่งจะมีการถอดถอนชื่อออกจากเยวี่ยจี๋ เมื่อคนเป็นแม่ได้ปรับสถานะแล้วบุตรจึงจะเป็นไทได้ (แต่อย่างที่ Storyฯ เคยเล่าเกี่ยวกับเรื่องประเภทของอนุภรรยา คนที่เคยมีโทษติดตัวหรือเป็นลูกนักโทษจะมีสถานะเป็นอนุชั้นต่ำ สามารถยกให้กันฟรีๆ หรือขายออกไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่อย่างน้อยลูกก็จะได้รับการยกย่องในระดับหนึ่งตามสถานะของบิดา)

    สรุปสั้นๆ ได้ว่า นางดนตรีที่มีชื่ออยู่ในเยวี่ยจี๋จัดเป็นชนชั้นต่ำที่เรียกว่า ‘เจี้ยนหมิน’ ไม่มีอิสระและไม่มีสิทธิใดๆ ทางสังคม แต่หากโชคดีก็จะได้เปลี่ยนสถานะกลับมาเป็นชนชั้นธรรมดาหรือที่เรียกว่า ‘เหลียงหมิน’

    ต่อมาในรัชสมัยขององค์ยงเจิ้งแห่งราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1723) ทรงมีพระราชโองการให้ทุกคนที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนเจี้ยนหมินทุกชนิด (รวมถึงเยวี่ยจี๋ด้วย) ได้รับการปรับสถานะเป็นเหลียงหมิน ถือว่าได้เป็นไทแก่ตัว

    ขออภัยที่มีศัพท์จีนหลายคำไปหน่อย แต่ Storyฯ หวังว่าบทความนี้จะให้ความเข้าใจมากขึ้นถึงบริบทของชนชั้นทางสังคมที่เพื่อนเพจมักเห็นในละครและนิยายจีนโบราณหลายเรื่องค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://read01.com/zh-sg/DR3eMEa.html#.YxlwKnZBy5d
    https://min.news/zh-sg/culture/5b42ca6d45e1a79dcddf84da55d9dce2.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/%E4%B9%90%E7%B1%8D/10852116
    https://www.sohu.com/a/222355523_99902358
    https://www.163.com/dy/article/HACKL2VE0514R9P4.html

    #สามบุปผา #นางรับใช้ในวงดนตรี #เยวี่ยจี๋ #เจี้ยนหมิน #เหลียงหมิน
    เพื่อนเพจที่ได้ดูละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> จะเห็นว่าส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องกล่าวถึงความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเกี่ยวกับสถานะ ‘นางรับใช้ในวงดนตรี’ ของตัวละคร ซ่งอิ่นจาง และความพยายามที่จะหลุดพ้นจากสถานะนี้ วันนี้เรามาคุยกันเรื่องสถานะ ‘นางรับใช้ในวงดนตรี’ ซึ่งในภาษาจีนอาจเรียกอย่างสุภาพว่า ‘เยวี่ยกง’ (乐工 แปลตรงตัวว่า เพลง/ดนตรี + แรงงาน) หรือเรียกอย่างไม่อ้อมค้อมว่า ‘เยวี่ยจี้’ หรือ ‘นางดนตรี’ (乐妓) ซึ่งเป็นคำเรียกรวมของสตรีที่อาศัยร้องรำทำเพลงยังชีพ ในสมัยโบราณจัดเป็นนางคณิกาประเภทหนึ่ง แล้วทำไมในละครจึงเรียกเป็น ‘นางรับใช้ในวงดนตรี’? Storyฯ ไม่อาจคาดเดาความคิดของผู้แปลซับไทยในละคร แต่ในภาษาจีนสถานะนี้ผูกติดกับสิ่งที่เรียกว่า ‘เยวี่ยจี๋’ (乐籍 แปลตรงตัวว่า เพลง/ดนตรี + ทะเบียน) ซึ่ง Storyฯ ไม่เห็นมีแปลไว้ในซับไทยของละคร ‘เยวี่ยจี๋’ หรือทะเบียนนักดนตรีนี้คืออะไร? เพื่อนเพจที่เป็นแฟนนิยายและละครจีนโบราณอาจเคยเห็นฉากที่ขุนนางใหญ่ถูกลงทัณฑ์ทั้งบ้าน ทรัพย์สินถูกยึด คนในบ้านถูกจับไปเป็นทาส เยวี่ยจี๋นี้เป็นทะเบียนชื่อของลูกเมียของขุนนางที่ถูกลงทัณฑ์สถานหนัก พวกเขาเหล่านี้ถูกขึ้นชื่อเป็นทาสรับใช้ของหลวง มีหน้าที่ร้องรำทำเพลงปรนนิบัติขุนนางและแขกเหรื่อในงานรื่นเริง โดยได้รับเงินหลวง เขาเหล่านี้เมื่อโดนเรียกตัวต้องไปปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สามารถปฏิเสธได้ โดยมีหน้าที่แตกต่างกันไปและบางคนอาจถูกบังคับให้เป็นนางบำเรอกาม การลงทัณฑ์โดยขึ้นทะเบียนเยวี่ยจี๋นี้มีมาแต่สมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (ค.ศ. 386-535) ในสมัยถัง-ซ่ง ‘เยวี่ยจี๋’ อยู่ภายใต้การบริหารงานของ ‘เจียวฟาง’/教坊 หรือที่ในละครแปลว่าสำนักการสังคีต คนที่มีชื่ออยู่ในเยวี่ยจี๋ถือว่ามีโทษติดตัวไม่มีอิสระ มีสถานะในสังคมต่ำต้อยเยี่ยงทาส จัดเป็น ‘ชนชั้นต่ำ’ หรือ ‘เจี้ยนหมิน’(贱民) ประเภทหนึ่ง (หมายเหตุ บ่าว ทาสและนักโทษจัดอยู่ในกลุ่มชนชั้นต่ำนี้) เมื่อมีลูก ลูกก็จะถูกบันทึกชื่อเข้าเยวี่ยจี๋ด้วย เรียกได้ว่าเป็นทาสที่มีโทษติดตัวไปทุกรุ่นเว้นแต่จะได้รับการเปลี่ยนสถานะ การเปลี่ยนสถานะทำได้สองแบบ แบบแรกคือการได้รับการอนุมัติจากทางการให้เปลี่ยนสถานะเป็นคนธรรมดาหรือที่เรียกว่า ‘เหลียงหมิน’/良民 (ตัวอย่างเช่นนางเอกในละครนี้) ซึ่งทำได้ไม่ง่าย และแบบที่สองคือมีพ่อค้ารับเป็นภรรยาหรือมีขุนนางรับเป็นอนุภรรยา ซึ่งจะมีการถอดถอนชื่อออกจากเยวี่ยจี๋ เมื่อคนเป็นแม่ได้ปรับสถานะแล้วบุตรจึงจะเป็นไทได้ (แต่อย่างที่ Storyฯ เคยเล่าเกี่ยวกับเรื่องประเภทของอนุภรรยา คนที่เคยมีโทษติดตัวหรือเป็นลูกนักโทษจะมีสถานะเป็นอนุชั้นต่ำ สามารถยกให้กันฟรีๆ หรือขายออกไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่อย่างน้อยลูกก็จะได้รับการยกย่องในระดับหนึ่งตามสถานะของบิดา) สรุปสั้นๆ ได้ว่า นางดนตรีที่มีชื่ออยู่ในเยวี่ยจี๋จัดเป็นชนชั้นต่ำที่เรียกว่า ‘เจี้ยนหมิน’ ไม่มีอิสระและไม่มีสิทธิใดๆ ทางสังคม แต่หากโชคดีก็จะได้เปลี่ยนสถานะกลับมาเป็นชนชั้นธรรมดาหรือที่เรียกว่า ‘เหลียงหมิน’ ต่อมาในรัชสมัยขององค์ยงเจิ้งแห่งราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1723) ทรงมีพระราชโองการให้ทุกคนที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนเจี้ยนหมินทุกชนิด (รวมถึงเยวี่ยจี๋ด้วย) ได้รับการปรับสถานะเป็นเหลียงหมิน ถือว่าได้เป็นไทแก่ตัว ขออภัยที่มีศัพท์จีนหลายคำไปหน่อย แต่ Storyฯ หวังว่าบทความนี้จะให้ความเข้าใจมากขึ้นถึงบริบทของชนชั้นทางสังคมที่เพื่อนเพจมักเห็นในละครและนิยายจีนโบราณหลายเรื่องค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://read01.com/zh-sg/DR3eMEa.html#.YxlwKnZBy5d https://min.news/zh-sg/culture/5b42ca6d45e1a79dcddf84da55d9dce2.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/%E4%B9%90%E7%B1%8D/10852116 https://www.sohu.com/a/222355523_99902358 https://www.163.com/dy/article/HACKL2VE0514R9P4.html #สามบุปผา #นางรับใช้ในวงดนตรี #เยวี่ยจี๋ #เจี้ยนหมิน #เหลียงหมิน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 0 รีวิว
  • 9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี”

    📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน

    แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา

    🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭

    👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥)

    👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์

    แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น

    🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด
    ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
    🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์

    จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪

    🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️

    🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰

    บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น

    👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

    🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

    แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน

    💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก

    ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️

    ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦

    อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢

    ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗

    แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์

    🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า

    “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง”

    🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง

    สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที

    📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ

    “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้

    “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ

    นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้

    📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉

    จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์

    จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568

    🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี” 📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา 🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭 👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥) 👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์ แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น 🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์ จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪 🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️ 🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰 บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น 👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน 💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦 อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢 ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗 แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์ 🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง” 🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที 📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้ “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้ 📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉 จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์ จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568 🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 662 มุมมอง 0 รีวิว
  • 170 ปี สนธิสัญญาเบาว์ริง เปิดประเทศสู่เศรษฐกิจโลก ประโยชน์ไม่สมดุล ทุนต่างชาติครอบงำ ไม่ยุติธรรม! ไทยทำไม่ได้ที่อังกฤษ เปิดประเทศสู่โลก แต่ปิดความเท่าเทียม? 🇹🇭⚖️

    📚 สนธิสัญญาเบาว์ริงไม่ใช่แค่เรื่องในอดีต แต่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นำไทยเข้าสู่เวทีเศรษฐกิจโลก ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียม เปิดประตูสู่ความทันสมัย แต่ปิดโอกาสของความเสมอภาค ในการเจรจากับชาติตะวันตก ⚖️

    🧭 สนธิสัญญาที่เปิดประเทศ แต่ปิดความเสมอภาค ในวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงนามในสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีกับอังกฤษ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของไทย สู่โลกทุนนิยม 🌍

    แต่ภายใต้การเปิดเสรีนั้น กลับมีเงื่อนไขที่ไทยเสียเปรียบ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การปกครอง และกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้สนธิสัญญานี้ถูกวิพากษ์ว่าเป็น "สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม"

    📜 “Treaty of Friendship and Commerce between the British Empire and the Kingdom of Siam” หรือ Bowring Treaty คือข้อตกลงระหว่างไทย หรือราชอาณาจักรสยามในสมัยนั้น กับอังกฤษ ที่ลงนามเมื่อวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398

    จุดเด่นของสนธิสัญญานี้ คือการเปิดให้พ่อค้าชาวอังกฤษ สามารถค้าขายอย่างเสรีในสยาม และได้รับ “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” (Extraterritorial Rights) 🛂

    กล่าวคือ คนในบังคับอังกฤษที่อยู่ในไทย จะไม่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย แต่ขึ้นกับศาลของอังกฤษเอง

    นอกจากนี้ สนธิสัญญายังเปิดทางให้พ่อค้าต่างชาติ ตั้งรกราก ซื้อขายทรัพย์สิน และถือครองที่ดินในบางพื้นที่ได้ด้วย

    💼 เหตุผลเบื้องหลัง อังกฤษต้องการอะไรกันแน่? หลายคนอาจเข้าใจว่า อังกฤษต้องการแค่เปิดตลาดการค้า แต่เบื้องหลังของข้อตกลงนี้ กลับลึกซึ้งกว่านั้นมาก…

    ผลประโยชน์จากการค้าฝิ่น อังกฤษต้องการสร้างเส้นทางการค้าฝิ่น ที่มั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องการให้สยามเป็นทางผ่านการค้ากับจีน ฮ่องกง และอินเดีย 🚢 อำนาจและอิทธิพลทางการทูต

    หลังสงครามฝิ่นครั้งแรก จีนพ่ายแพ้ อังกฤษต้องการป้องกันไม่ให้เกิด “สยามเป็นจีนลำดับต่อไป” เบาว์ริงใช้วิธี “ทูตนุ่ม” มากกว่าการใช้กำลังทหาร

    ประโยชน์จากภาษีต่ำ ตามสนธิสัญญา ไทยเก็บภาษีนำเข้าได้แค่ 3% เท่านั้น ‼️ ฝิ่นไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ต้องขายให้กับเจ้าภาษีเท่านั้น

    👑 ทำไมสยามถึงยอมเซ็น? พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะล้าหลัง เมื่อเทียบกับชาติตะวันตก หากไม่ยอมเปิดประเทศ อาจตกเป็นอาณานิคมเหมือนจีน พม่า หรืออินเดียได้

    การเปิดการค้าเสรี จะช่วยให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจาก “การส่งออกข้าว” ชาวนาก็จะมีเงินมากขึ้น ข้าวจะกลายเป็นสินค้าส่งออกของไทย สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาล... 🧺🌾

    🔍 ผลกระทบที่ตามมา เปิดเสรี หรือเปิดโอกาสให้ต่างชาติครอบงำ? ภายหลังการลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริง มีเรือต่างประเทศ เข้ามาค้าขายกว่า 100 ลำในปีเดียว ระบบเงินเหรียญ แทนพดด้วง เริ่มใช้อย่างเป็นระบบ เกิดการลงทุนของต่างชาติ เช่น โรงสี โรงเลื่อยไม้ โรงน้ำตาล

    ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ราคาข้าวพุ่ง จาก 3–5 บาท ต่อเกวียน เป็น 16–20 บาท ต่อเกวียน ราษฎรสามารถ “จำนอง” หรือ “ขายฝาก” ที่ดินของตนได้ ชาวต่างชาติสามารถเช่า หรือซื้อที่ดินได้ในพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด 🏘️

    📈 ข้อดีของสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่น้อยคนนึกถึง...
    ✅ เปิดประตูการค้าเสรี
    ✅ ช่วยให้ไทยพัฒนาวิทยาการตะวันตก
    ✅ ราษฎรมีรายได้จากการค้าข้าว
    ✅ กระตุ้นการพัฒนาเมือง ถนนเจริญกรุง สีลม เริ่มก่อสร้าง
    ✅ ทำให้มีการแข่งขันทางการค้า → ราคาสินค้าลดลง

    📌 สินค้าไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เช่น ข้าว ไม้สัก งาช้าง

    😞 ข้อเสียเปรียบของไทย ในสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่ถูกซ่อนไว้

    ❌ เสียสิทธิเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเก็บภาษีนำเข้าตามต้องการได้ ต้องเปิดตลาดสินค้าให้ต่างชาติ โดยไม่มีข้อจำกัด

    ❌ เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต คนอังกฤษไม่ต้องขึ้นศาลไทย ทำให้ศาลไทยไม่มีอำนาจเต็มที่

    ❌ ทุนต่างชาติเข้ามาครอบงำเศรษฐกิจ ตั้งโรงงาน โรงสี โรงเลื่อยไม้ ฯลฯ โดยคนไทยแข่งขันไม่ได้

    ❌ คนไทยไม่สามารถทำการค้าในอังกฤษได้ ไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียม เหมือนที่อังกฤษได้จากไทย

    ⚖️ ทำไมถึงเรียกว่า “สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม”?
    📍 ถูกเซ็นภายใต้แรงกดดัน จากอำนาจจักรวรรดิ
    📍 ไม่มีความเสมอภาคระหว่างสองประเทศ
    📍 ไทยไม่สามารถต่อรองเงื่อนไขได้มากนัก
    📍 คล้ายกับ “สนธิสัญญานานกิง” ที่จีนถูกบังคับให้เซ็นหลังสงครามฝิ่น

    📚 บทเรียนที่ไทยได้จากอดีต

    🇹🇭 สนธิสัญญาเบาว์ริง เป็นแรงผลักดันให้ไทยเร่งพัฒนา ปฏิรูประบบราชการ ระบบศาล และกฎหมาย เปิดการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาในภายหลัง โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 5 ส่งผลถึงการรักษาเอกราชของไทย ในขณะที่เพื่อนบ้านหลายประเทศ กลายเป็นอาณานิคม

    ✨ ไทยเสียเปรียบวันนี้ เพื่อไม่เสียประเทศในวันหน้า?

    “ไม่เสมอภาค แต่จำเป็น” คือคำจำกัดความที่ดีที่สุด ของสนธิสัญญาเบาว์ริง

    ถึงแม้สัญญาฉบับนี้ จะเต็มไปด้วยข้อเสียเปรียบ แต่ก็นำมาซึ่งการรอดพ้นจากอาณานิคม การเปิดประตูสู่โลกสมัยใหม่ การเตรียมประเทศ เข้าสู่ยุคการปฏิรูปในรัชกาลที่ 5

    สนธิสัญญาเบาว์ริงจึงเป็นเหมือน "ดาบสองคม" ที่ทั้งให้คุณและโทษ ในเวลาเดียวกัน ⚔️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181147 เม.ย. 2568

    📌 #สนธิสัญญาเบาว์ริง #เปิดประเทศแต่ไม่เปิดโอกาส #ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย
    #ThailandHistory #BowringTreaty #เปิดเสรีไม่เท่าเทียม
    #ThailandTradeHistory #อธิปไตยไทย #อังกฤษในไทย
    #โลกาภิวัตน์กับไทย
    170 ปี สนธิสัญญาเบาว์ริง เปิดประเทศสู่เศรษฐกิจโลก ประโยชน์ไม่สมดุล ทุนต่างชาติครอบงำ ไม่ยุติธรรม! ไทยทำไม่ได้ที่อังกฤษ เปิดประเทศสู่โลก แต่ปิดความเท่าเทียม? 🇹🇭⚖️ 📚 สนธิสัญญาเบาว์ริงไม่ใช่แค่เรื่องในอดีต แต่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นำไทยเข้าสู่เวทีเศรษฐกิจโลก ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียม เปิดประตูสู่ความทันสมัย แต่ปิดโอกาสของความเสมอภาค ในการเจรจากับชาติตะวันตก ⚖️ 🧭 สนธิสัญญาที่เปิดประเทศ แต่ปิดความเสมอภาค ในวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงนามในสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีกับอังกฤษ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของไทย สู่โลกทุนนิยม 🌍 แต่ภายใต้การเปิดเสรีนั้น กลับมีเงื่อนไขที่ไทยเสียเปรียบ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การปกครอง และกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้สนธิสัญญานี้ถูกวิพากษ์ว่าเป็น "สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม" 📜 “Treaty of Friendship and Commerce between the British Empire and the Kingdom of Siam” หรือ Bowring Treaty คือข้อตกลงระหว่างไทย หรือราชอาณาจักรสยามในสมัยนั้น กับอังกฤษ ที่ลงนามเมื่อวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 จุดเด่นของสนธิสัญญานี้ คือการเปิดให้พ่อค้าชาวอังกฤษ สามารถค้าขายอย่างเสรีในสยาม และได้รับ “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” (Extraterritorial Rights) 🛂 กล่าวคือ คนในบังคับอังกฤษที่อยู่ในไทย จะไม่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย แต่ขึ้นกับศาลของอังกฤษเอง นอกจากนี้ สนธิสัญญายังเปิดทางให้พ่อค้าต่างชาติ ตั้งรกราก ซื้อขายทรัพย์สิน และถือครองที่ดินในบางพื้นที่ได้ด้วย 💼 เหตุผลเบื้องหลัง อังกฤษต้องการอะไรกันแน่? หลายคนอาจเข้าใจว่า อังกฤษต้องการแค่เปิดตลาดการค้า แต่เบื้องหลังของข้อตกลงนี้ กลับลึกซึ้งกว่านั้นมาก… ผลประโยชน์จากการค้าฝิ่น อังกฤษต้องการสร้างเส้นทางการค้าฝิ่น ที่มั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องการให้สยามเป็นทางผ่านการค้ากับจีน ฮ่องกง และอินเดีย 🚢 อำนาจและอิทธิพลทางการทูต หลังสงครามฝิ่นครั้งแรก จีนพ่ายแพ้ อังกฤษต้องการป้องกันไม่ให้เกิด “สยามเป็นจีนลำดับต่อไป” เบาว์ริงใช้วิธี “ทูตนุ่ม” มากกว่าการใช้กำลังทหาร ประโยชน์จากภาษีต่ำ ตามสนธิสัญญา ไทยเก็บภาษีนำเข้าได้แค่ 3% เท่านั้น ‼️ ฝิ่นไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ต้องขายให้กับเจ้าภาษีเท่านั้น 👑 ทำไมสยามถึงยอมเซ็น? พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะล้าหลัง เมื่อเทียบกับชาติตะวันตก หากไม่ยอมเปิดประเทศ อาจตกเป็นอาณานิคมเหมือนจีน พม่า หรืออินเดียได้ การเปิดการค้าเสรี จะช่วยให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจาก “การส่งออกข้าว” ชาวนาก็จะมีเงินมากขึ้น ข้าวจะกลายเป็นสินค้าส่งออกของไทย สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาล... 🧺🌾 🔍 ผลกระทบที่ตามมา เปิดเสรี หรือเปิดโอกาสให้ต่างชาติครอบงำ? ภายหลังการลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริง มีเรือต่างประเทศ เข้ามาค้าขายกว่า 100 ลำในปีเดียว ระบบเงินเหรียญ แทนพดด้วง เริ่มใช้อย่างเป็นระบบ เกิดการลงทุนของต่างชาติ เช่น โรงสี โรงเลื่อยไม้ โรงน้ำตาล ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ราคาข้าวพุ่ง จาก 3–5 บาท ต่อเกวียน เป็น 16–20 บาท ต่อเกวียน ราษฎรสามารถ “จำนอง” หรือ “ขายฝาก” ที่ดินของตนได้ ชาวต่างชาติสามารถเช่า หรือซื้อที่ดินได้ในพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด 🏘️ 📈 ข้อดีของสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่น้อยคนนึกถึง... ✅ เปิดประตูการค้าเสรี ✅ ช่วยให้ไทยพัฒนาวิทยาการตะวันตก ✅ ราษฎรมีรายได้จากการค้าข้าว ✅ กระตุ้นการพัฒนาเมือง ถนนเจริญกรุง สีลม เริ่มก่อสร้าง ✅ ทำให้มีการแข่งขันทางการค้า → ราคาสินค้าลดลง 📌 สินค้าไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เช่น ข้าว ไม้สัก งาช้าง 😞 ข้อเสียเปรียบของไทย ในสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่ถูกซ่อนไว้ ❌ เสียสิทธิเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเก็บภาษีนำเข้าตามต้องการได้ ต้องเปิดตลาดสินค้าให้ต่างชาติ โดยไม่มีข้อจำกัด ❌ เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต คนอังกฤษไม่ต้องขึ้นศาลไทย ทำให้ศาลไทยไม่มีอำนาจเต็มที่ ❌ ทุนต่างชาติเข้ามาครอบงำเศรษฐกิจ ตั้งโรงงาน โรงสี โรงเลื่อยไม้ ฯลฯ โดยคนไทยแข่งขันไม่ได้ ❌ คนไทยไม่สามารถทำการค้าในอังกฤษได้ ไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียม เหมือนที่อังกฤษได้จากไทย ⚖️ ทำไมถึงเรียกว่า “สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม”? 📍 ถูกเซ็นภายใต้แรงกดดัน จากอำนาจจักรวรรดิ 📍 ไม่มีความเสมอภาคระหว่างสองประเทศ 📍 ไทยไม่สามารถต่อรองเงื่อนไขได้มากนัก 📍 คล้ายกับ “สนธิสัญญานานกิง” ที่จีนถูกบังคับให้เซ็นหลังสงครามฝิ่น 📚 บทเรียนที่ไทยได้จากอดีต 🇹🇭 สนธิสัญญาเบาว์ริง เป็นแรงผลักดันให้ไทยเร่งพัฒนา ปฏิรูประบบราชการ ระบบศาล และกฎหมาย เปิดการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาในภายหลัง โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 5 ส่งผลถึงการรักษาเอกราชของไทย ในขณะที่เพื่อนบ้านหลายประเทศ กลายเป็นอาณานิคม ✨ ไทยเสียเปรียบวันนี้ เพื่อไม่เสียประเทศในวันหน้า? “ไม่เสมอภาค แต่จำเป็น” คือคำจำกัดความที่ดีที่สุด ของสนธิสัญญาเบาว์ริง ถึงแม้สัญญาฉบับนี้ จะเต็มไปด้วยข้อเสียเปรียบ แต่ก็นำมาซึ่งการรอดพ้นจากอาณานิคม การเปิดประตูสู่โลกสมัยใหม่ การเตรียมประเทศ เข้าสู่ยุคการปฏิรูปในรัชกาลที่ 5 สนธิสัญญาเบาว์ริงจึงเป็นเหมือน "ดาบสองคม" ที่ทั้งให้คุณและโทษ ในเวลาเดียวกัน ⚔️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181147 เม.ย. 2568 📌 #สนธิสัญญาเบาว์ริง #เปิดประเทศแต่ไม่เปิดโอกาส #ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย #ThailandHistory #BowringTreaty #เปิดเสรีไม่เท่าเทียม #ThailandTradeHistory #อธิปไตยไทย #อังกฤษในไทย #โลกาภิวัตน์กับไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 755 มุมมอง 0 รีวิว
  • 24 ปี ประหารชีวิต ‘สมคิด นามแก้ว’ นักโทษคดียาบ้าคนแรก ที่ถูกประหาร ด้วยการยิงเป้า” เสียงครวญสะท้านใจ “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต มันไม่คุ้มเลย” แง่คิดที่เตือนให้รู้คุณค่าของชีวิต

    “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้า คนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านไป ภายใต้บรรยากาศอันน่าสะเทือนใจ ของการเปลี่ยนแปลงสังคม การปราบปรามยาเสพติด ชีวิตมีค่ามากกว่าเงินทอง และความจำเป็นในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด อย่างเด็ดขาด

    ในโลกที่ความมีค่าแห่งชีวิต ศีลธรรม ถูกท้าทายด้วยความโลภ และความอยากรวย เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมานั้น ยังคงสะเทือนใจคนไทยทุกวันนี้ 😢

    ย้อนไปเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมา ในบ่ายวันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 ที่แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศ ต้องจ้องมองและตั้งคำถาม ถึงความหมายของความถูกต้อง และความยุติธรรมในสังคม อย่างลึกซึ้ง

    ยาบ้าและปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดทุกชนิด ต่างก็เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในทุกชั้นสังคม แต่ยาบ้าในสมัยนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่คลุ้มคลั่ง และทำให้ผู้เสพมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและสังคมทั่วไป

    นายสมคิด นามแก้ว ได้ถูกจับในคดีมียาเสพติด โดยมีหลักฐานแน่ชัดว่า ต้องขนส่งยาบ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสืบสวน ที่เชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และในขณะที่ระบบการปราบปรามยาเสพติด เริ่มเข้มงวดขึ้น เพื่อยับยั้งอาชญากรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายาบ้าในสังคม 👮‍♂️

    ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวด เกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยหลักฐานและการรับสารภาพ มักนำไปสู่โทษที่ร้ายแรงที่สุดในบางกรณี โดยเฉพาะในคดียาบ้า ที่มักจะมีมาตรการประหารชีวิต สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีจุดประสงค์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือน ให้กับผู้ที่คิดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการค้า และเสพติดยาเสพติด

    ในคดีของสมคิด ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดไม่ได้เกิดจาก ความประมาทเลินเล่อเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการกระทำ ที่บ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การกระทำความผิดในฐานะที่เป็น “นักโทษคดียาบ้า” นั้น จะต้องได้รับโทษในระดับสูงสุด ซึ่งก็คือการประหารชีวิต ตามที่ได้เกิดขึ้นจริงในวันนั้น

    ในช่วงเวลานั้น ยาบ้าเป็นที่แพร่หลายในสังคมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชั้นคนทำงานข้างนอก หรือแม้แต่ในวงการขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของเครือข่ายค้ายาเสพติด ทำให้การปราบปรามเป็นเรื่องท้าทาย และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังทำให้เกิดความรู้สึกสับสนในสังคม ที่มองเห็นภาพของความยุติธรรม ที่อาจไม่ชัดเจนในบางครั้ง

    เหตุการณ์ของคดีนี้ เริ่มต้นในกลางดึกวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2540 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูล เกี่ยวกับการลำเลียงยาบ้าปริมาณมาก จากพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่านทางหลวงหมายเลข 103

    เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองบังคับการทางหลวง 5 จังหวัดพะเยา ได้ตั้งด่านสกัด ที่ตู้ยามตำรวจทางหลวงร้องกวาง ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ตามข้อมูลที่ได้รับ และมีรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่าสีน้ำตาล ทะเบียน 3ว-8505 กทม. วิ่งเข้ามาที่จุดสกัด เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้รถหยุด เพื่อทำการตรวจค้น

    ในขณะตรวจค้น นายสมคิด ซึ่งในตอนนั้นอายุ 31 ปี พักอาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้แสดงออกถึงพิรุธ ด้วยการกล่าวว่า “ในรถไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย” และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองเกลียดยาบ้ามากที่สุด” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการค้นอย่างละเอียด พบยาบ้าบรรจุในห่อพลาสติก ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในรถ ทั้งที่ประตูรถและใต้เบาะนั่ง พบว่ามียาบ้าปริมาณถึง 203 ห่อ ๆ ละ 2,000 เม็ด รวมเป็นจำนวน 406,000 เม็ด ซึ่งมีสีสันปรากฏเป็นสีส้มและเขียว ประทับตัวอักษรว่า “wy” โดยมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท จึงติดสินบนตำรวจ 5 ล้านบาท แต่ตำรวจไม่เล่นด้วย🚔

    หลังจากจับกุม ในขั้นตอนการสอบสวน นายสมคิดได้ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าจากพ่อค้ายาเสพติด ด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท เพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    เหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ เผยให้เห็นว่า แม้จะมีกำไรในทางการค้ายาเสพติด แต่ในความเป็นจริงแล้ว “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” นั้นไม่คุ้มค่าเลย เพราะชีวิตที่ถูกประหารนั้น เป็นชีวิตที่จบลงไปในพริบตา ไม่มีวันได้กลับคืน หรือแก้ไขได้หลังจากนั้น

    นายสมคิดถูกส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ในศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยในชั้นต้นศาลเห็นว่า แม้จะมีการรับสารภาพ แต่การกระทำของนายสมคิดนั้นทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรง ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้พิพากษาให้ลงโทษในระดับสูงสุด นั่นคือโทษประหารชีวิต

    หลังจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นายสมคิดได้ดำเนินการอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถวายฎีกา ทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2543

    นายสมคิดได้ให้เหตุผลว่า “ตนมีการรับสารภาพมาตั้งแต่แรก และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน” รวมทั้งระบุว่า ตนได้กระทำเ พราะต้องการหาเงินมารักษาพยาบาลพี่สาว ที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ยากจน แต่ข้ออ้างเหล่านี้ถู กศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปฏิเสธ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยกล่าวว่าเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเปรียบเทียบ กับประโยชน์ส่วนรวมของสังคมได้

    ในกระบวนการพิจารณา ศาลได้พิจารณาหลักฐาน และพฤติกรรมของนายสมคิด ที่ชัดเจนว่าเป็นผู้รับจ้างขนยาบ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้า และการค้ายาเสพติด ที่สร้างความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม การที่นายสมคิดพยายามให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่า ระบบค้ายาเสพติด มีการแทรกซึมลึกในสังคม

    ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อเรื่องนั้นถูกส่งต่อมายังศาลฎีกา คำพิพากษาก็ยังคงยืนหยัด นำมาซึ่งวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 เป็นวันที่ประหารชีวิตเกิดขึ้นจริง

    วันประหารชีวิตของนายสมคิด นามแก้ว ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดความสลดใจ และสะเทือนใจคนไทยอย่างแท้จริง โดยรายละเอียดในวันนั้นถูกบันทึกไว้ในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของเจ้าหน้าที่ หรือรายงานของนักข่าว ภาพความทุกข์ และความหวาดกลัวของนักโทษที่ต้องรอประหาร ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักแน่น ในการปราบปรามยาเสพติดในสมัยนั้น

    ในช่วงบ่ายของวันประหาร ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ต่างเข้ามาจัดเตรียมสิ่งของ ที่จำเป็นสำหรับการประหารชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้ขั้นตอนทั้งหมด เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นความลับ เมื่อถึงเวลาที่นายสมคิด ถูกเบิกตัวออกจากห้องคุม ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเงียบสงัด และบรรยากาศที่หนักอึ้ง

    นายสมคิดในวันนั้น แสดงอาการที่ชัดเจนว่า รู้สึกกลัวและทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายที่เริ่มอ่อนแรง และจิตใจที่สั่นคลอน ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายของการเดิน จากห้องคุมไปสู่หลักประหาร นายสมคิดยังคงตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของตนเอง “ผมเป็นคนแรกที่ถูกประหาร เพราะคดียาบ้าใช่ไหมครับ” และยังได้เตือนผู้อื่น เกี่ยวกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่อาจนำมาซึ่งความทุกข์ และความเสียหายต่อชีวิต 😔

    ระหว่างทาง ในขณะที่นายสมคิดถูกนำไปประหาร มีการสนทนาที่บ่งบอกถึงความทรงจำ และความเจ็บปวดภายในจิตใจของเขา รวมถึงการแฉข้อเท็จจริงของเครือข่ายค้ายาเสพติด ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองในระดับท้องถิ่น “ถ้าจะปราบยาเสพติดให้หมดไปจริงๆ ก็ต้องเอาคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในทุกระดับออกไป” นายสมคิดกล่าว ในช่วงเวลาที่อารมณ์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ และความรู้สึกที่อยากจะบอกต่อสังคม

    ผู้คุมในวันนั้น ได้พยายามปลอบใจนายสมคิดว่า “อย่างน้อยสมคิดยังได้ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นครั้งสุดท้าย” แม้ว่าจะมองในแง่ของการเป็นบทเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่คำพูดเหล่านี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของจิตใจ ระหว่างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของมนุษย์

    ในห้องประหาร ที่จัดเตรียมขึ้นอย่างเคร่งครัด นายสมคิดถูกนำเข้ามาในห้องที่แสงไฟสลัว ๆ และบรรยากาศเงียบสงัด ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ทำการเตรียมเครื่องมือ และตรวจสอบความพร้อมในทุกขั้นตอน ก่อนที่หัวหน้าชุดประหารจะโบกธงแดง เพื่อเริ่มกระบวนการประหาร

    ในช่วงเวลานั้น ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ต่างมีความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างหน้าที่ และความสำนึกในความทุกข์ทรมานของนายสมคิด ขณะที่นายสมคิดเอง ก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ในการรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา ทั้งความรัก ความฝัน และความผิดพลาด ที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป

    คำบอกลาและพินัยกรรมของนายสมคิด เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงข้อคิดที่ว่า “ชีวิตมนุษย์มีค่า เกินกว่าจะถูกแลกด้วยเงินเพียงเพราะความจน หรือความสิ้นหวัง” เขาได้ฝากท้ายจดหมายถึงญาติพี่น้องว่า “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ซึ่งเป็นคำเตือนที่หวังว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่น เดินตามรอยเท้าของเขาในอนาคต

    แม้คดีของนายสมคิด นามแก้ว จะเกิดขึ้นเมื่อกว่า 24 ปี ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบ และบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ ยังคงสะท้อนอยู่ในสังคมไทยในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการปราบปรามยาเสพติด และการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์

    คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับนโยบาย และวิธีการปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับบทเรียนอันทรงคุณค่าจากการจับกุม และการดำเนินคดีที่เป็นแบบอย่าง แม้ว่าจะมีความท้าทาย จากเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อน แต่การดำเนินการที่เข้มแข็ง และเด็ดขาดในคดีนี้ ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไม่มีทางที่ผู้กระทำผิด จะหลุดพ้นไปจากกฎหมาย

    นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการลงโทษสูงสุด อย่างการประหารชีวิต ได้เป็นเครื่องมือทางจิตวิทยา ที่ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดต้องคิดทบทวนถึงความเสี่ยง และผลที่ตามมา หากตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมดังกล่าว

    หนึ่งในแง่คิดที่ทรงพลัง จากเหตุการณ์ของนายสมคิด คือ “ชีวิตมนุษย์มีค่าเกินกว่าจะแลกด้วยเงิน” เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ นายสมคิดได้รับเงินค่าจ้างเ 50,000 บาท เพื่อการขนส่งยาบ้า แต่ท้ายที่สุดค่าใช้จ่ายนั้น กลับสูงกว่ามาก เมื่อชีวิตของเขา ถูกสังหารไปในพริบตา

    เหตุการณ์ครั้งนี้เตือนใจให้กับทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความยากจน หรือความท้าทายใด ๆ ในชีวิต การก้าวเข้าสู่เส้นทางผิดกฎหมาย ด้วยเงินทองเพียงไม่กี่บาทนั้น ไม่สามารถชดเชยค่าของชีวิต และความมีคุณค่าที่แท้จริงได้

    ในมุมมองของสังคม สิ่งนี้ยังเป็นการเผยให้เห็นถึง ความจำเป็นในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ในระบบเศรษฐกิจ และสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคน มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต หรือกระทำความผิดเพื่อความอยู่รอด

    นอกจากความเสียหาย ที่เกิดกับตัวนายสมคิดแล้ว คดีนี้ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องของเขาอีกด้วย ภาพของคนในบ้าน ที่ต้องสูญเสียสมาชิกอันมีค่าไป จากการกระทำที่นำไปสู่การประหารชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสีย ทั้งทางด้านอารมณ์ และชื่อเสียงในสังคม

    การที่คนรอบข้าง ต้องเผชิญกับความสลด จากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวนั้น ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ของการมีคุณค่าชีวิต และความจำเป็นในการสนับสนุน และช่วยเหลือกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผ่านนโยบายสังคมที่เข้มแข็ง หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด

    ในหลายช่วงของเรื่องราวนี้ อารมณ์และความรู้สึก ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด ทั้งความกลัว ความเสียใจ และความหวาดกลัวของนายสมคิด ในนาทีสุดท้าย และความเหงาเศร้าใจของผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเผชิญกับการปฏิบัติหน้าที่หนักอึ้ง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องหันมาสำรวจ และตั้งคำถามว่า “เราจะทำอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก?”

    สังคมไทยในปัจจุบัน ยังคงต้องรับมือกับปัญหายาบ้า และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีมาตรการส่งเสริมคุณค่าชีวิต การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรมเหล่านั้น โดยที่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น

    เหตุการณ์ของนายสมคิด นามแก้ว ได้เปิดเผยประเด็นสำคัญทางจริยธรรม ที่สังคมไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะในแง่ของการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ และการตัดสินใจที่มีผลตามมาตลอดชีพ

    ในสังคมที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยังคงมีอยู่ ความจนหรือความจำเป็นบางครั้ง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำผิด แต่เหตุการณ์ของนายสมคิด สอนเราให้เห็นว่า การกระทำผิดไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะมีเหตุผลส่วนตัว ที่น่าสงสารเพียงใดก็ตาม

    “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” เป็นวาทะที่ชัดเจนที่เตือนใจว่า ค่าใช้จ่ายในชีวิตนั้น สูงเกินกว่าที่จะวัดด้วยเงินทอง ใครที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ควรได้รับความช่วยเหลือจากสังคม มากกว่าที่จะถูกผลัก ให้เข้าสู่เส้นทางที่ไร้ทางออก

    การลงโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด อาจดูเหมือนเป็นการลงโทษที่รุนแรง แต่ในมุมมองของสังคมไทยในขณะนั้นแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เครือข่ายค้ายาเสพติด เติบโตและแพร่กระจาย

    อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็มีความถกเถียงกันในหลายมุมมอง เกี่ยวกับความถูกต้องของการลงโทษสูงสุดนี้ ว่าจะสามารถช่วยลดอาชญากรรมในระยะยาว ได้จริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นจากคดีของนายสมคิดคือ การลงโทษอย่างเด็ดขาดนั้น เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวด ของระบบยุติธรรมในยุคนั้น

    หากเรามองในแง่ของการป้องกัน การลงโทษที่รุนแรง ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการกระทำผิด ได้ในระยะยาว สังคมจำเป็นต้องหันมาสนับสนุนการศึกษา สวัสดิการ และระบบช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ

    ในบทเรียนจากคดีนี้ เราได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาสังคมในมิติ ที่ลึกกว่าเพียงการลงโทษนั้น สำคัญมาก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ทุกคน มีโอกาสทางการศึกษา และการพัฒนาตนเอง อาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการป้องกันไม่ให้เกิดคดี ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต

    เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต 24 ปีที่ผ่านมา คดีของนายสมคิด นามแก้ว ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้กับสังคมไทย ถึงความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ และความรับผิดชอบ ที่เราต้องมีต่อกันในฐานะสมาชิกของสังคม

    แม้ว่าในนาทีสุดท้ายของชีวิต นายสมคิดจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน และความกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คำพูดและการกระทำของเขา กลับเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า สำหรับคนไทยทุกคน “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” คือคำเตือนที่เกิดจากความเจ็บปวดส่วนตัว ที่สุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเสียงเตือนถึงความผิดพลาด ที่อาจส่งผลให้ชีวิตของเรา และคนที่เรารักต้องจบลงในพริบตา

    การประหารชีวิตในคดีนี้ ทำให้เราได้ตระหนักว่า การเลือกทางเดินในชีวิตนั้น สำคัญมากกว่าเงินทอง หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ เพราะเมื่อชีวิตถูกใช้ไปแล้ว เราจะไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้อีก 😔

    สังคมไทยในปัจจุบัน ย่อมต้องหันมาสนับสนุนกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณค่าแ ละถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด การสนับสนุนให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง รวมถึงการส่งเสริมค่านิยมในด้านความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรม

    ในมุมมองนี้ คดีของนายสมคิด ไม่ได้เป็นเพียงคดีของนักโทษ ที่ถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน ที่ต้องคิดทบทวน ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ชีวิตมีค่า” เมื่อชีวิตของเราถูกกีดกันด้วยความผิดพลาด ในเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนความเสียหาย ที่เกิดขึ้นได้ในภายหลัง

    เพื่อป้องกันไม่ให้มีคดีที่คล้ายคลึงกัน เกิดขึ้นอีกในอนาคต จำเป็นต้องมีการสร้างระบบ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม อย่างครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาเรื่องผลกระทบของยาเสพติด การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มคนที่อาจตกเป็นเหยื่อของความยากจน และการล่อลวงของเครือข่ายค้ายาเสพติด

    นอกจากนี้ การให้ความรู้ และสร้างจิตสำนึกในสังคมว่า “การแลกเปลี่ยนชีวิตมนุษย์เพื่อเงิน” นั้นไม่มีค่าเทียบเท่ากับความมีชีวิตอยู่ และความสมบูรณ์ของจิตใจ จะช่วยลดโอกาสให้คนเข้าสู่แนวทางที่ผิด และนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ดีขึ้น อย่างแท้จริง

    เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความจริง ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป ในแง่ของคุณค่าชีวิต และผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการกระทำผิดกฎหมาย 🤔 ชีวิตที่ถูกแลกด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั้นไม่มีค่า เมื่อเทียบกับความรักและความสัมพันธ์ของคนรอบข้า งที่สูญเสียไปไปพร้อมกัน

    ทั้งนี้ คดีนี้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า ที่สังคมไทยไม่ควรลืม และเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก หรือมีความยากจน แต่ทางออกที่ถูกต้องคือ การมองหาแนวทางช่วยเหลือ และการพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่การเลือกเส้นทาง ที่นำพามาซึ่งความผิดพลาด และจุดจบที่น่าเศร้า

    เหตุการณ์ประหารชีวิต “สมคิด นามแก้ว” ในคดีคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงคุณค่าให้กับคนไทยในทุกยุคสมัย แม้จะผ่านไปนาน 24 ปี แต่บาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นในแง่มุมของการต่อสู้กับยาเสพติด และการรักษาคุณค่าของชีวิตมนุษย์

    จากคดีนี้เราได้เรียนรู้ว่า "ชีวิตมีค่า" และไม่ควรนำมาแลกเปลี่ยนกับเงินทอง แม้เพียงเล็กน้อย เพราะผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือความสูญเสีย ที่ไม่อาจชดเชยได้ทั้งในทางกายและจิตใจ

    สิ่งที่เราได้จากเรื่องราวของสมคิด คือการตระหนักในความสำคัญ ของการเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง การช่วยเหลือ และสนับสนุนกันในสังคม ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความยากจน เราควรเลือกที่จะอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และมีความหมาย แม้ทางเดินจะยากลำบาก แต่ความมีคุณค่าในชีวิตและความจริงใจ จะนำเราไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เส้นทางที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยนชีวิตอันมีค่า เพื่อเงินทองที่ว่างเปล่า

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121635 เม.ย. 2568

    #24ปีประหาร #สมคิดนามแก้ว #นักโทษคดียาบ้า #ปราบยาเสพติด #ชีวิตมีค่า #คดียาบ้า #ยับยั้งอาชญากรรม #สังคมปลอดภัย #อาลัยในชีวิต #ความจริงที่ไม่ควรลืม
    24 ปี ประหารชีวิต ‘สมคิด นามแก้ว’ นักโทษคดียาบ้าคนแรก ที่ถูกประหาร ด้วยการยิงเป้า” เสียงครวญสะท้านใจ “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต มันไม่คุ้มเลย” แง่คิดที่เตือนให้รู้คุณค่าของชีวิต “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้า คนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านไป ภายใต้บรรยากาศอันน่าสะเทือนใจ ของการเปลี่ยนแปลงสังคม การปราบปรามยาเสพติด ชีวิตมีค่ามากกว่าเงินทอง และความจำเป็นในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ในโลกที่ความมีค่าแห่งชีวิต ศีลธรรม ถูกท้าทายด้วยความโลภ และความอยากรวย เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมานั้น ยังคงสะเทือนใจคนไทยทุกวันนี้ 😢 ย้อนไปเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมา ในบ่ายวันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 ที่แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศ ต้องจ้องมองและตั้งคำถาม ถึงความหมายของความถูกต้อง และความยุติธรรมในสังคม อย่างลึกซึ้ง ยาบ้าและปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดทุกชนิด ต่างก็เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในทุกชั้นสังคม แต่ยาบ้าในสมัยนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่คลุ้มคลั่ง และทำให้ผู้เสพมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและสังคมทั่วไป นายสมคิด นามแก้ว ได้ถูกจับในคดีมียาเสพติด โดยมีหลักฐานแน่ชัดว่า ต้องขนส่งยาบ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสืบสวน ที่เชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และในขณะที่ระบบการปราบปรามยาเสพติด เริ่มเข้มงวดขึ้น เพื่อยับยั้งอาชญากรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายาบ้าในสังคม 👮‍♂️ ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวด เกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยหลักฐานและการรับสารภาพ มักนำไปสู่โทษที่ร้ายแรงที่สุดในบางกรณี โดยเฉพาะในคดียาบ้า ที่มักจะมีมาตรการประหารชีวิต สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีจุดประสงค์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือน ให้กับผู้ที่คิดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการค้า และเสพติดยาเสพติด ในคดีของสมคิด ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดไม่ได้เกิดจาก ความประมาทเลินเล่อเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการกระทำ ที่บ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การกระทำความผิดในฐานะที่เป็น “นักโทษคดียาบ้า” นั้น จะต้องได้รับโทษในระดับสูงสุด ซึ่งก็คือการประหารชีวิต ตามที่ได้เกิดขึ้นจริงในวันนั้น ในช่วงเวลานั้น ยาบ้าเป็นที่แพร่หลายในสังคมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชั้นคนทำงานข้างนอก หรือแม้แต่ในวงการขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของเครือข่ายค้ายาเสพติด ทำให้การปราบปรามเป็นเรื่องท้าทาย และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังทำให้เกิดความรู้สึกสับสนในสังคม ที่มองเห็นภาพของความยุติธรรม ที่อาจไม่ชัดเจนในบางครั้ง เหตุการณ์ของคดีนี้ เริ่มต้นในกลางดึกวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2540 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูล เกี่ยวกับการลำเลียงยาบ้าปริมาณมาก จากพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่านทางหลวงหมายเลข 103 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองบังคับการทางหลวง 5 จังหวัดพะเยา ได้ตั้งด่านสกัด ที่ตู้ยามตำรวจทางหลวงร้องกวาง ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ตามข้อมูลที่ได้รับ และมีรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่าสีน้ำตาล ทะเบียน 3ว-8505 กทม. วิ่งเข้ามาที่จุดสกัด เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้รถหยุด เพื่อทำการตรวจค้น ในขณะตรวจค้น นายสมคิด ซึ่งในตอนนั้นอายุ 31 ปี พักอาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้แสดงออกถึงพิรุธ ด้วยการกล่าวว่า “ในรถไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย” และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองเกลียดยาบ้ามากที่สุด” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการค้นอย่างละเอียด พบยาบ้าบรรจุในห่อพลาสติก ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในรถ ทั้งที่ประตูรถและใต้เบาะนั่ง พบว่ามียาบ้าปริมาณถึง 203 ห่อ ๆ ละ 2,000 เม็ด รวมเป็นจำนวน 406,000 เม็ด ซึ่งมีสีสันปรากฏเป็นสีส้มและเขียว ประทับตัวอักษรว่า “wy” โดยมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท จึงติดสินบนตำรวจ 5 ล้านบาท แต่ตำรวจไม่เล่นด้วย🚔 หลังจากจับกุม ในขั้นตอนการสอบสวน นายสมคิดได้ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าจากพ่อค้ายาเสพติด ด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท เพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ เผยให้เห็นว่า แม้จะมีกำไรในทางการค้ายาเสพติด แต่ในความเป็นจริงแล้ว “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” นั้นไม่คุ้มค่าเลย เพราะชีวิตที่ถูกประหารนั้น เป็นชีวิตที่จบลงไปในพริบตา ไม่มีวันได้กลับคืน หรือแก้ไขได้หลังจากนั้น นายสมคิดถูกส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ในศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยในชั้นต้นศาลเห็นว่า แม้จะมีการรับสารภาพ แต่การกระทำของนายสมคิดนั้นทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรง ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้พิพากษาให้ลงโทษในระดับสูงสุด นั่นคือโทษประหารชีวิต หลังจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นายสมคิดได้ดำเนินการอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถวายฎีกา ทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2543 นายสมคิดได้ให้เหตุผลว่า “ตนมีการรับสารภาพมาตั้งแต่แรก และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน” รวมทั้งระบุว่า ตนได้กระทำเ พราะต้องการหาเงินมารักษาพยาบาลพี่สาว ที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ยากจน แต่ข้ออ้างเหล่านี้ถู กศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปฏิเสธ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยกล่าวว่าเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเปรียบเทียบ กับประโยชน์ส่วนรวมของสังคมได้ ในกระบวนการพิจารณา ศาลได้พิจารณาหลักฐาน และพฤติกรรมของนายสมคิด ที่ชัดเจนว่าเป็นผู้รับจ้างขนยาบ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้า และการค้ายาเสพติด ที่สร้างความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม การที่นายสมคิดพยายามให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่า ระบบค้ายาเสพติด มีการแทรกซึมลึกในสังคม ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อเรื่องนั้นถูกส่งต่อมายังศาลฎีกา คำพิพากษาก็ยังคงยืนหยัด นำมาซึ่งวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 เป็นวันที่ประหารชีวิตเกิดขึ้นจริง วันประหารชีวิตของนายสมคิด นามแก้ว ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดความสลดใจ และสะเทือนใจคนไทยอย่างแท้จริง โดยรายละเอียดในวันนั้นถูกบันทึกไว้ในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของเจ้าหน้าที่ หรือรายงานของนักข่าว ภาพความทุกข์ และความหวาดกลัวของนักโทษที่ต้องรอประหาร ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักแน่น ในการปราบปรามยาเสพติดในสมัยนั้น ในช่วงบ่ายของวันประหาร ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ต่างเข้ามาจัดเตรียมสิ่งของ ที่จำเป็นสำหรับการประหารชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้ขั้นตอนทั้งหมด เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นความลับ เมื่อถึงเวลาที่นายสมคิด ถูกเบิกตัวออกจากห้องคุม ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเงียบสงัด และบรรยากาศที่หนักอึ้ง นายสมคิดในวันนั้น แสดงอาการที่ชัดเจนว่า รู้สึกกลัวและทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายที่เริ่มอ่อนแรง และจิตใจที่สั่นคลอน ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายของการเดิน จากห้องคุมไปสู่หลักประหาร นายสมคิดยังคงตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของตนเอง “ผมเป็นคนแรกที่ถูกประหาร เพราะคดียาบ้าใช่ไหมครับ” และยังได้เตือนผู้อื่น เกี่ยวกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่อาจนำมาซึ่งความทุกข์ และความเสียหายต่อชีวิต 😔 ระหว่างทาง ในขณะที่นายสมคิดถูกนำไปประหาร มีการสนทนาที่บ่งบอกถึงความทรงจำ และความเจ็บปวดภายในจิตใจของเขา รวมถึงการแฉข้อเท็จจริงของเครือข่ายค้ายาเสพติด ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองในระดับท้องถิ่น “ถ้าจะปราบยาเสพติดให้หมดไปจริงๆ ก็ต้องเอาคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในทุกระดับออกไป” นายสมคิดกล่าว ในช่วงเวลาที่อารมณ์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ และความรู้สึกที่อยากจะบอกต่อสังคม ผู้คุมในวันนั้น ได้พยายามปลอบใจนายสมคิดว่า “อย่างน้อยสมคิดยังได้ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นครั้งสุดท้าย” แม้ว่าจะมองในแง่ของการเป็นบทเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่คำพูดเหล่านี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของจิตใจ ระหว่างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของมนุษย์ ในห้องประหาร ที่จัดเตรียมขึ้นอย่างเคร่งครัด นายสมคิดถูกนำเข้ามาในห้องที่แสงไฟสลัว ๆ และบรรยากาศเงียบสงัด ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ทำการเตรียมเครื่องมือ และตรวจสอบความพร้อมในทุกขั้นตอน ก่อนที่หัวหน้าชุดประหารจะโบกธงแดง เพื่อเริ่มกระบวนการประหาร ในช่วงเวลานั้น ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ต่างมีความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างหน้าที่ และความสำนึกในความทุกข์ทรมานของนายสมคิด ขณะที่นายสมคิดเอง ก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ในการรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา ทั้งความรัก ความฝัน และความผิดพลาด ที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป คำบอกลาและพินัยกรรมของนายสมคิด เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงข้อคิดที่ว่า “ชีวิตมนุษย์มีค่า เกินกว่าจะถูกแลกด้วยเงินเพียงเพราะความจน หรือความสิ้นหวัง” เขาได้ฝากท้ายจดหมายถึงญาติพี่น้องว่า “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ซึ่งเป็นคำเตือนที่หวังว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่น เดินตามรอยเท้าของเขาในอนาคต แม้คดีของนายสมคิด นามแก้ว จะเกิดขึ้นเมื่อกว่า 24 ปี ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบ และบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ ยังคงสะท้อนอยู่ในสังคมไทยในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการปราบปรามยาเสพติด และการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์ คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับนโยบาย และวิธีการปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับบทเรียนอันทรงคุณค่าจากการจับกุม และการดำเนินคดีที่เป็นแบบอย่าง แม้ว่าจะมีความท้าทาย จากเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อน แต่การดำเนินการที่เข้มแข็ง และเด็ดขาดในคดีนี้ ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไม่มีทางที่ผู้กระทำผิด จะหลุดพ้นไปจากกฎหมาย นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการลงโทษสูงสุด อย่างการประหารชีวิต ได้เป็นเครื่องมือทางจิตวิทยา ที่ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดต้องคิดทบทวนถึงความเสี่ยง และผลที่ตามมา หากตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมดังกล่าว หนึ่งในแง่คิดที่ทรงพลัง จากเหตุการณ์ของนายสมคิด คือ “ชีวิตมนุษย์มีค่าเกินกว่าจะแลกด้วยเงิน” เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ นายสมคิดได้รับเงินค่าจ้างเ 50,000 บาท เพื่อการขนส่งยาบ้า แต่ท้ายที่สุดค่าใช้จ่ายนั้น กลับสูงกว่ามาก เมื่อชีวิตของเขา ถูกสังหารไปในพริบตา เหตุการณ์ครั้งนี้เตือนใจให้กับทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความยากจน หรือความท้าทายใด ๆ ในชีวิต การก้าวเข้าสู่เส้นทางผิดกฎหมาย ด้วยเงินทองเพียงไม่กี่บาทนั้น ไม่สามารถชดเชยค่าของชีวิต และความมีคุณค่าที่แท้จริงได้ ในมุมมองของสังคม สิ่งนี้ยังเป็นการเผยให้เห็นถึง ความจำเป็นในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ในระบบเศรษฐกิจ และสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคน มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต หรือกระทำความผิดเพื่อความอยู่รอด นอกจากความเสียหาย ที่เกิดกับตัวนายสมคิดแล้ว คดีนี้ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องของเขาอีกด้วย ภาพของคนในบ้าน ที่ต้องสูญเสียสมาชิกอันมีค่าไป จากการกระทำที่นำไปสู่การประหารชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสีย ทั้งทางด้านอารมณ์ และชื่อเสียงในสังคม การที่คนรอบข้าง ต้องเผชิญกับความสลด จากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวนั้น ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ของการมีคุณค่าชีวิต และความจำเป็นในการสนับสนุน และช่วยเหลือกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผ่านนโยบายสังคมที่เข้มแข็ง หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด ในหลายช่วงของเรื่องราวนี้ อารมณ์และความรู้สึก ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด ทั้งความกลัว ความเสียใจ และความหวาดกลัวของนายสมคิด ในนาทีสุดท้าย และความเหงาเศร้าใจของผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเผชิญกับการปฏิบัติหน้าที่หนักอึ้ง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องหันมาสำรวจ และตั้งคำถามว่า “เราจะทำอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก?” สังคมไทยในปัจจุบัน ยังคงต้องรับมือกับปัญหายาบ้า และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีมาตรการส่งเสริมคุณค่าชีวิต การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรมเหล่านั้น โดยที่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น เหตุการณ์ของนายสมคิด นามแก้ว ได้เปิดเผยประเด็นสำคัญทางจริยธรรม ที่สังคมไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะในแง่ของการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ และการตัดสินใจที่มีผลตามมาตลอดชีพ ในสังคมที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยังคงมีอยู่ ความจนหรือความจำเป็นบางครั้ง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำผิด แต่เหตุการณ์ของนายสมคิด สอนเราให้เห็นว่า การกระทำผิดไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะมีเหตุผลส่วนตัว ที่น่าสงสารเพียงใดก็ตาม “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” เป็นวาทะที่ชัดเจนที่เตือนใจว่า ค่าใช้จ่ายในชีวิตนั้น สูงเกินกว่าที่จะวัดด้วยเงินทอง ใครที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ควรได้รับความช่วยเหลือจากสังคม มากกว่าที่จะถูกผลัก ให้เข้าสู่เส้นทางที่ไร้ทางออก การลงโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด อาจดูเหมือนเป็นการลงโทษที่รุนแรง แต่ในมุมมองของสังคมไทยในขณะนั้นแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เครือข่ายค้ายาเสพติด เติบโตและแพร่กระจาย อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็มีความถกเถียงกันในหลายมุมมอง เกี่ยวกับความถูกต้องของการลงโทษสูงสุดนี้ ว่าจะสามารถช่วยลดอาชญากรรมในระยะยาว ได้จริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นจากคดีของนายสมคิดคือ การลงโทษอย่างเด็ดขาดนั้น เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวด ของระบบยุติธรรมในยุคนั้น หากเรามองในแง่ของการป้องกัน การลงโทษที่รุนแรง ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการกระทำผิด ได้ในระยะยาว สังคมจำเป็นต้องหันมาสนับสนุนการศึกษา สวัสดิการ และระบบช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ ในบทเรียนจากคดีนี้ เราได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาสังคมในมิติ ที่ลึกกว่าเพียงการลงโทษนั้น สำคัญมาก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ทุกคน มีโอกาสทางการศึกษา และการพัฒนาตนเอง อาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการป้องกันไม่ให้เกิดคดี ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต 24 ปีที่ผ่านมา คดีของนายสมคิด นามแก้ว ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้กับสังคมไทย ถึงความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ และความรับผิดชอบ ที่เราต้องมีต่อกันในฐานะสมาชิกของสังคม แม้ว่าในนาทีสุดท้ายของชีวิต นายสมคิดจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน และความกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คำพูดและการกระทำของเขา กลับเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า สำหรับคนไทยทุกคน “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” คือคำเตือนที่เกิดจากความเจ็บปวดส่วนตัว ที่สุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเสียงเตือนถึงความผิดพลาด ที่อาจส่งผลให้ชีวิตของเรา และคนที่เรารักต้องจบลงในพริบตา การประหารชีวิตในคดีนี้ ทำให้เราได้ตระหนักว่า การเลือกทางเดินในชีวิตนั้น สำคัญมากกว่าเงินทอง หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ เพราะเมื่อชีวิตถูกใช้ไปแล้ว เราจะไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้อีก 😔 สังคมไทยในปัจจุบัน ย่อมต้องหันมาสนับสนุนกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณค่าแ ละถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด การสนับสนุนให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง รวมถึงการส่งเสริมค่านิยมในด้านความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรม ในมุมมองนี้ คดีของนายสมคิด ไม่ได้เป็นเพียงคดีของนักโทษ ที่ถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน ที่ต้องคิดทบทวน ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ชีวิตมีค่า” เมื่อชีวิตของเราถูกกีดกันด้วยความผิดพลาด ในเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนความเสียหาย ที่เกิดขึ้นได้ในภายหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้มีคดีที่คล้ายคลึงกัน เกิดขึ้นอีกในอนาคต จำเป็นต้องมีการสร้างระบบ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม อย่างครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาเรื่องผลกระทบของยาเสพติด การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มคนที่อาจตกเป็นเหยื่อของความยากจน และการล่อลวงของเครือข่ายค้ายาเสพติด นอกจากนี้ การให้ความรู้ และสร้างจิตสำนึกในสังคมว่า “การแลกเปลี่ยนชีวิตมนุษย์เพื่อเงิน” นั้นไม่มีค่าเทียบเท่ากับความมีชีวิตอยู่ และความสมบูรณ์ของจิตใจ จะช่วยลดโอกาสให้คนเข้าสู่แนวทางที่ผิด และนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ดีขึ้น อย่างแท้จริง เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความจริง ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป ในแง่ของคุณค่าชีวิต และผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการกระทำผิดกฎหมาย 🤔 ชีวิตที่ถูกแลกด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั้นไม่มีค่า เมื่อเทียบกับความรักและความสัมพันธ์ของคนรอบข้า งที่สูญเสียไปไปพร้อมกัน ทั้งนี้ คดีนี้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า ที่สังคมไทยไม่ควรลืม และเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก หรือมีความยากจน แต่ทางออกที่ถูกต้องคือ การมองหาแนวทางช่วยเหลือ และการพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่การเลือกเส้นทาง ที่นำพามาซึ่งความผิดพลาด และจุดจบที่น่าเศร้า เหตุการณ์ประหารชีวิต “สมคิด นามแก้ว” ในคดีคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงคุณค่าให้กับคนไทยในทุกยุคสมัย แม้จะผ่านไปนาน 24 ปี แต่บาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นในแง่มุมของการต่อสู้กับยาเสพติด และการรักษาคุณค่าของชีวิตมนุษย์ จากคดีนี้เราได้เรียนรู้ว่า "ชีวิตมีค่า" และไม่ควรนำมาแลกเปลี่ยนกับเงินทอง แม้เพียงเล็กน้อย เพราะผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือความสูญเสีย ที่ไม่อาจชดเชยได้ทั้งในทางกายและจิตใจ สิ่งที่เราได้จากเรื่องราวของสมคิด คือการตระหนักในความสำคัญ ของการเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง การช่วยเหลือ และสนับสนุนกันในสังคม ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความยากจน เราควรเลือกที่จะอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และมีความหมาย แม้ทางเดินจะยากลำบาก แต่ความมีคุณค่าในชีวิตและความจริงใจ จะนำเราไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เส้นทางที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยนชีวิตอันมีค่า เพื่อเงินทองที่ว่างเปล่า ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121635 เม.ย. 2568 #24ปีประหาร #สมคิดนามแก้ว #นักโทษคดียาบ้า #ปราบยาเสพติด #ชีวิตมีค่า #คดียาบ้า #ยับยั้งอาชญากรรม #สังคมปลอดภัย #อาลัยในชีวิต #ความจริงที่ไม่ควรลืม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1129 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่าขี้เหล็ก – พ่อค้าแม่ขายชาวท่าขี้เหล็ก พากันตั้งซุ้ม-เพิงแพร้านค้า รับคนเที่ยวฉลอง “ตะจาน หรือติงจาน” สงกรานต์เมียนมาเต็มสองฝั่งน้ำสายตลอดเดือนเมษาฯนี้

    Tachileik News Agency รายงานว่าขณะนี้ริมแม่น้ำสาย ชายแดนไทย-เมียนมา เขต จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา มีการตั้งซ้ำ-เพิงแพร้านค้าหนาแน่น เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวและเตรียมเฉลิมฉลองเทศกาล "ตะจาน หรือติงจาน" หรือสงกรานต์ในประเทศเมียนมา ที่จะมีไปตลอดเดือน เม.ย.นี้ ทั้งในแม่น้ำสาย น้ำลอยต่อคำ น้ำฮอก ฯลฯ

    โดยเฉพาะบริเวณบ้านดอยต่อคำ ซึ่งแม่น้ำสายอยู่ในเขตท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาทั้ง 2 ฝั่ง มีการทำเพิงไม้ไผ่และจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้เล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างคึกคักเต็มพื้นที่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9680000034129

    #MGROnline #ท่าขี้เหล็ก #ตะจาน #ติงจาน #สงกรานต์เมียนมา
    ท่าขี้เหล็ก – พ่อค้าแม่ขายชาวท่าขี้เหล็ก พากันตั้งซุ้ม-เพิงแพร้านค้า รับคนเที่ยวฉลอง “ตะจาน หรือติงจาน” สงกรานต์เมียนมาเต็มสองฝั่งน้ำสายตลอดเดือนเมษาฯนี้ • Tachileik News Agency รายงานว่าขณะนี้ริมแม่น้ำสาย ชายแดนไทย-เมียนมา เขต จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา มีการตั้งซ้ำ-เพิงแพร้านค้าหนาแน่น เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวและเตรียมเฉลิมฉลองเทศกาล "ตะจาน หรือติงจาน" หรือสงกรานต์ในประเทศเมียนมา ที่จะมีไปตลอดเดือน เม.ย.นี้ ทั้งในแม่น้ำสาย น้ำลอยต่อคำ น้ำฮอก ฯลฯ • โดยเฉพาะบริเวณบ้านดอยต่อคำ ซึ่งแม่น้ำสายอยู่ในเขตท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาทั้ง 2 ฝั่ง มีการทำเพิงไม้ไผ่และจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้เล่นน้ำคลายร้อนกันอย่างคึกคักเต็มพื้นที่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9680000034129 • #MGROnline #ท่าขี้เหล็ก #ตะจาน #ติงจาน #สงกรานต์เมียนมา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สร้างชุมชนthaitimeกัน

    ..ใครคือนักรบชาติไทยจะแนวไหน อย่างไร อิสระแบบใด ติด# ว่า" #สร้างชุมชนthaitimeกัน " ,ในช่องทางเพจบ้านใครมันคงดี จะfb line ติ๊กต๊อก อะไรไหนๆเพิ่มช่องทางสื่อสารไร้เผด็จการปิดกั้นเสรีการแสดงออกและคิดเห็นเราอีกช่องคงดี,thaitime กำลังปรับปรุงให้ใช้งานสะดวกขึ้นแน่นอน ขนาดเปิดคลิปทูปๆยังเล่นได้เลย ไม่ต้องเด้งไปแอปทูปๆมัน สะดวกอีกมิติการพัฒนา,แม้ค่อยๆก้าวเดินมาใหม่ก็จะดีขึ้นแน่ๆ คนไทยสัก40ล้านคนไทยมาร่วมกันใช้มันก็ตื่นรู้อะไรต่างๆได้มากมายเลย,ช่องรายการต่างๆบนแพลตฟอร์มอื่นย้ายมาใช้ที่thaitimeไม่มุ่งหวังกำไรอะไร มันย่อมดีแน่,
    ..อนาคตอาจเป็นกองทุนร้านค้าชุมชนคนไทยออนไลน์ก็ได้,ตลาดชุมชนออนไลน์เป็นพื้นที่ขายของออนไลน์ช่วยเหลือคนไทยฟรีๆด้านแพลตฟอร์มเชื่อมคนซื้อคนขายทางตรงก็ได้,เป็นสถาบันกองทุนตั้นตนเริ่มสัมมาอาชีพคนไทยก็ได้,เป็นแหล่งฮับสาระพัดองค์รู้ต่างๆที่ชุมชนthaitimeนี้ทั่วโลกก็ได้,ทั่วโลกต้องการอะไรจะสินค้า&บริการด้านไหนสามารถมาตลาดชุมชนออนไลน์ตรงนี้ของคนไทยได้หรือเข้ามาใช้ร่วมกันฟรีทั่วโลกก็ได้,เมื่อจุดยืนชัดเจนไม่มุ่งหวังผลประโยชน์กำไร เป็นสาธารณะเพื่อชุมชนคนไทย มันไปได้ดีแน่,ระดมจัดตั้งเป็นแพลตฟอร์มกองทุนตังคนไทยยืมกันฟรีๆก็ได้แบบชวนแบงค์ชาติมาเป็นเจ้าภาพร่วม,บัญชีตังQFSดิจิดัลที่แพลตฟอร์มรวมศูนย์ก็ได้,ฝากถอนตัดจ่ายออนไลน์ออฟไลน์ได้หมดแม้ไร้เน็ต,
    ..คนใช้thaitimeมีบัญชีตังQFSด้วยจะขนาดไหน,แบงค์ส่งเสริมเงินเริ่มต้นสัมมาอาชีพคนไทยอนาคตผ่านกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านthaitimeจริงจังจะขนาดไหน อาทิไทยมี80,000หมู่บ้าน แบงค์สร้างโครงการนี้ขึ้นทดลองสัก20,000หมู่บ้านๆละ10ล้านบาท คนชุมชนนั้นต้องสมัครสมาชิกthaitimeด้วย สแกนจ่ายตังตัดบัญชีQFSที่แอปthaitimeได้เลย,ทั้งแบบออนไลน์และตลาดร้านค้าชุมชนในหมู่บ้านนั้นๆที่แบงค์อนุมัติร่วมโครงการ,ขายของออนไลน์ได้ก็เข้าบัญชีQFSเลยของชาวบ้านจะสินค้าเกษตรที่ขายได้หรือใดๆ,ฝากตังก็ได้ถอนเงินสดก็ได้ผ่านสาขาสถานที่จริงคือร้านค้าชุมชนตนในแต่ละหมู่บ้านนั้น,ตังจะหมุนเวียนในชุมชนนั้นๆหรือภายในประเทศอย่างเดียว,ในเบื้องต้นที่เริ่มโครงการ,เงินที่คนจะฝากก็สนใจมาฝากมาเป็นสมาชิกthaitime ระดมทุนได้ด้วย,อนาคตก็ออกเป็นหุ้นสมาชิก เป็นเจ้าของกรรมสิทธิจริงร่วมกันก่อตั้งอย่างเป็นทางการ,หรือเริ่มต้นทำแบบนี้ก่อนก็ได้,เงินที่สะพัดในประเทศไทยปกติกว่า40-50ล้านล้านบาทต่อปีก็จะเข้ามาในชุมชนคนไทยอย่างมีระบบระเบียบ ,โครงการอะไรดีๆเช่นโคกหนองนาโมเดล ยื่นลงทะเบียนออนไลน์คัดกรองส่งเสริมกันได้สะดวก,ตังใครสำเร็จเช่นขายสินค้าเกษตรได้ก็มาร่วมฝากไว้ที่แอปเรา มีแบงค์ชาติค้ำสถานะ,ขายทุเรียนมีสัก1,000-2,000คนมูลค้าได้กำไรกว่า10,000-20,000ล้านบาทอาจร่วมมาฝากเพิ่มสภาพคล่องปล่อยคนสัมมาอาชีพอื่นๆมายืมตังทำทุนสร้างตนเองฟรีดอกเบี้ย,ส่งแค่เงินต้นในปีที่สองก็ว่า,ปลูกสร้างทำเสร็จ เราสร้างแพลตฟอร์มการตลาดรองรับช่วยกัน,ขายได้ตังก็มีสถานที่เก็บที่แบงค์ค้ำประกันให้ อาจโอนออโต้เก็บตรงที่แบงค์ชาติส่วนกลางเลย,ตังกว่า100ล้านล้านบาท หมุนช่วยเหลือสมาชิกคนไทยสร้างสัมมาอาชีพพึ่งพาตนเองได้จริงด้วยตนเองเหลือล้นล่ะ,แบงค์เอกชนอาศัยตังนี้ไปปั่นทำกำไรอะไรก็ไม่ได้,ตั้งเงินปล่อยยืมเรียลไทม์รายวินาทีรายวันก็ได้เช่นวันนี้ใครอยากยืมไปทำเกษตรสร้างอาชีพเริ่มต้น สองปีหลังค่อยมาผ่อนจ่ายเงินต้น ให้คนละ1,000,000บาท ทุนโครงการรออนุมัติวันนี้เพียง10,000,000,000บาทแค่นั้น,ช่วยคนไทยได้10,000คนต่อวันโน้น,เขาเอาตัง500,000แรกลงทุนอาชีพปลูกพืชผักของเราสไตล์ล้ำๆหรือธรรมชาติแบบไหนก็ตาม อีก500,000คือรายจ่ายค่ากินอยู่ดำรงชีพรอเก็บเกี่ยวผลผลิต,จบ2ปีกำไร200,000บาทคืนตังทั้งหมดได้บวกอุปกรณ์ทุนเดิมยังสร้างรายได้ต่อยอดอื่นๆได้อีกก็มั่นคงนะสิ,ตัง10,000ล้านสามารถปล่อยยืมคนไทยคนต่อไปได้ต่ออีกโน้น,พวกนี้ชวนญาติพี่น้องมาฝากมาออมตังอีก แม่ค้าพ่อค้ามาฝากตังอีก ตังมีแต่จะเพิ่มขึ้น,ค้าขายต่างประเทศขายออนไลน์ได้กำไรคนละ100ล้านบาท ทำสำเร็จกว่า100,000คนไทย เอาตังมาฝากเก็บในกองทุนเราเองอีกคือ10ล้านล้านบาทเลยนะในเดือนนั้นไตรมาสนั้นครึ่งปีนั้นหรือตลอดปีก็ตาม,สรุปกองทุนชุมชนเราอาจหมุนเวียนกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีใครจะรู้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์.จึงมาร่วมสร้างthaitimeเป็นพันธมิตรรักคนไทยเราร่วมกันดีที่สุด.คนดีคนเก่งมากมายสร้างสรรค์จะพัฒนาแพลตฟอร์มนี้ให้ยอดเยี่ยมได้สบายล่ะ,คนไทยเราอัจฉริยะเยอะนะ.

    #สร้างชุมชนthaitimeกัน ..ใครคือนักรบชาติไทยจะแนวไหน อย่างไร อิสระแบบใด ติด# ว่า" #สร้างชุมชนthaitimeกัน " ,ในช่องทางเพจบ้านใครมันคงดี จะfb line ติ๊กต๊อก อะไรไหนๆเพิ่มช่องทางสื่อสารไร้เผด็จการปิดกั้นเสรีการแสดงออกและคิดเห็นเราอีกช่องคงดี,thaitime กำลังปรับปรุงให้ใช้งานสะดวกขึ้นแน่นอน ขนาดเปิดคลิปทูปๆยังเล่นได้เลย ไม่ต้องเด้งไปแอปทูปๆมัน สะดวกอีกมิติการพัฒนา,แม้ค่อยๆก้าวเดินมาใหม่ก็จะดีขึ้นแน่ๆ คนไทยสัก40ล้านคนไทยมาร่วมกันใช้มันก็ตื่นรู้อะไรต่างๆได้มากมายเลย,ช่องรายการต่างๆบนแพลตฟอร์มอื่นย้ายมาใช้ที่thaitimeไม่มุ่งหวังกำไรอะไร มันย่อมดีแน่, ..อนาคตอาจเป็นกองทุนร้านค้าชุมชนคนไทยออนไลน์ก็ได้,ตลาดชุมชนออนไลน์เป็นพื้นที่ขายของออนไลน์ช่วยเหลือคนไทยฟรีๆด้านแพลตฟอร์มเชื่อมคนซื้อคนขายทางตรงก็ได้,เป็นสถาบันกองทุนตั้นตนเริ่มสัมมาอาชีพคนไทยก็ได้,เป็นแหล่งฮับสาระพัดองค์รู้ต่างๆที่ชุมชนthaitimeนี้ทั่วโลกก็ได้,ทั่วโลกต้องการอะไรจะสินค้า&บริการด้านไหนสามารถมาตลาดชุมชนออนไลน์ตรงนี้ของคนไทยได้หรือเข้ามาใช้ร่วมกันฟรีทั่วโลกก็ได้,เมื่อจุดยืนชัดเจนไม่มุ่งหวังผลประโยชน์กำไร เป็นสาธารณะเพื่อชุมชนคนไทย มันไปได้ดีแน่,ระดมจัดตั้งเป็นแพลตฟอร์มกองทุนตังคนไทยยืมกันฟรีๆก็ได้แบบชวนแบงค์ชาติมาเป็นเจ้าภาพร่วม,บัญชีตังQFSดิจิดัลที่แพลตฟอร์มรวมศูนย์ก็ได้,ฝากถอนตัดจ่ายออนไลน์ออฟไลน์ได้หมดแม้ไร้เน็ต, ..คนใช้thaitimeมีบัญชีตังQFSด้วยจะขนาดไหน,แบงค์ส่งเสริมเงินเริ่มต้นสัมมาอาชีพคนไทยอนาคตผ่านกองทุนร้านค้าชุมชนหมู่บ้านthaitimeจริงจังจะขนาดไหน อาทิไทยมี80,000หมู่บ้าน แบงค์สร้างโครงการนี้ขึ้นทดลองสัก20,000หมู่บ้านๆละ10ล้านบาท คนชุมชนนั้นต้องสมัครสมาชิกthaitimeด้วย สแกนจ่ายตังตัดบัญชีQFSที่แอปthaitimeได้เลย,ทั้งแบบออนไลน์และตลาดร้านค้าชุมชนในหมู่บ้านนั้นๆที่แบงค์อนุมัติร่วมโครงการ,ขายของออนไลน์ได้ก็เข้าบัญชีQFSเลยของชาวบ้านจะสินค้าเกษตรที่ขายได้หรือใดๆ,ฝากตังก็ได้ถอนเงินสดก็ได้ผ่านสาขาสถานที่จริงคือร้านค้าชุมชนตนในแต่ละหมู่บ้านนั้น,ตังจะหมุนเวียนในชุมชนนั้นๆหรือภายในประเทศอย่างเดียว,ในเบื้องต้นที่เริ่มโครงการ,เงินที่คนจะฝากก็สนใจมาฝากมาเป็นสมาชิกthaitime ระดมทุนได้ด้วย,อนาคตก็ออกเป็นหุ้นสมาชิก เป็นเจ้าของกรรมสิทธิจริงร่วมกันก่อตั้งอย่างเป็นทางการ,หรือเริ่มต้นทำแบบนี้ก่อนก็ได้,เงินที่สะพัดในประเทศไทยปกติกว่า40-50ล้านล้านบาทต่อปีก็จะเข้ามาในชุมชนคนไทยอย่างมีระบบระเบียบ ,โครงการอะไรดีๆเช่นโคกหนองนาโมเดล ยื่นลงทะเบียนออนไลน์คัดกรองส่งเสริมกันได้สะดวก,ตังใครสำเร็จเช่นขายสินค้าเกษตรได้ก็มาร่วมฝากไว้ที่แอปเรา มีแบงค์ชาติค้ำสถานะ,ขายทุเรียนมีสัก1,000-2,000คนมูลค้าได้กำไรกว่า10,000-20,000ล้านบาทอาจร่วมมาฝากเพิ่มสภาพคล่องปล่อยคนสัมมาอาชีพอื่นๆมายืมตังทำทุนสร้างตนเองฟรีดอกเบี้ย,ส่งแค่เงินต้นในปีที่สองก็ว่า,ปลูกสร้างทำเสร็จ เราสร้างแพลตฟอร์มการตลาดรองรับช่วยกัน,ขายได้ตังก็มีสถานที่เก็บที่แบงค์ค้ำประกันให้ อาจโอนออโต้เก็บตรงที่แบงค์ชาติส่วนกลางเลย,ตังกว่า100ล้านล้านบาท หมุนช่วยเหลือสมาชิกคนไทยสร้างสัมมาอาชีพพึ่งพาตนเองได้จริงด้วยตนเองเหลือล้นล่ะ,แบงค์เอกชนอาศัยตังนี้ไปปั่นทำกำไรอะไรก็ไม่ได้,ตั้งเงินปล่อยยืมเรียลไทม์รายวินาทีรายวันก็ได้เช่นวันนี้ใครอยากยืมไปทำเกษตรสร้างอาชีพเริ่มต้น สองปีหลังค่อยมาผ่อนจ่ายเงินต้น ให้คนละ1,000,000บาท ทุนโครงการรออนุมัติวันนี้เพียง10,000,000,000บาทแค่นั้น,ช่วยคนไทยได้10,000คนต่อวันโน้น,เขาเอาตัง500,000แรกลงทุนอาชีพปลูกพืชผักของเราสไตล์ล้ำๆหรือธรรมชาติแบบไหนก็ตาม อีก500,000คือรายจ่ายค่ากินอยู่ดำรงชีพรอเก็บเกี่ยวผลผลิต,จบ2ปีกำไร200,000บาทคืนตังทั้งหมดได้บวกอุปกรณ์ทุนเดิมยังสร้างรายได้ต่อยอดอื่นๆได้อีกก็มั่นคงนะสิ,ตัง10,000ล้านสามารถปล่อยยืมคนไทยคนต่อไปได้ต่ออีกโน้น,พวกนี้ชวนญาติพี่น้องมาฝากมาออมตังอีก แม่ค้าพ่อค้ามาฝากตังอีก ตังมีแต่จะเพิ่มขึ้น,ค้าขายต่างประเทศขายออนไลน์ได้กำไรคนละ100ล้านบาท ทำสำเร็จกว่า100,000คนไทย เอาตังมาฝากเก็บในกองทุนเราเองอีกคือ10ล้านล้านบาทเลยนะในเดือนนั้นไตรมาสนั้นครึ่งปีนั้นหรือตลอดปีก็ตาม,สรุปกองทุนชุมชนเราอาจหมุนเวียนกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีใครจะรู้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์.จึงมาร่วมสร้างthaitimeเป็นพันธมิตรรักคนไทยเราร่วมกันดีที่สุด.คนดีคนเก่งมากมายสร้างสรรค์จะพัฒนาแพลตฟอร์มนี้ให้ยอดเยี่ยมได้สบายล่ะ,คนไทยเราอัจฉริยะเยอะนะ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 468 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูเตอร์เต้โยนระเบิดนิวเคลียร์ใส่ ศาลอาญาระหว่างประเทศ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์รวม 3 ลูกใหญ่ๆ มีอะไรมาดูกันเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2025 ดูเตอร์เตปรากฏตัวในศาลด้วยรถเข็น เมื่อผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศอ่านคำกล่าวหาเรื่อง "อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ" เสร็จ ชายวัย 79 ปี อดีต ปธน.ดูเตอร์เต้ แห่งฟิลิปปินส์ ก็โยนระเบิดนิวเคลียร์ข้อมูล 3 ลูกใส่ผู้พิพากษาอย่างกะทันหันว่า "กองทัพสหรัฐรับคำสั่งจากรัฐบาลสหรัฐ สังหารพลเรือน 350,000 คนในอัฟกานิสถาน ศาลอาญาระหว่างประเทศแกล้งทำเป็นตาบอดมา 20 ปี! อิสราเอลทิ้งระเบิดใส่ชาวปาเลสไตน์ โดยเฉพาะเด็กเสียชีวิตไป 50,000 คนในฉนวนกาซา หมายจับของคุณอยู่ที่ไหน?" ผู้เฒ่าดูเตอร์เต้ แสดงให้เห็นถึงหลักฐานที่แท้จริงของการควบคุมยาเสพติดในเมืองดาเวาในศาล และการติดตามของโรงเรียนอนุบาลแสดงให้เห็นว่าอัตราการก่ออาชญากรรมลดลง 73% หลังจากมีการห้ามยาเสพติด ผู้พิพากษาประธานศาลอาญาระหว่างประเทศรีบเคาะค้อนเพื่อหยุดเขา แต่ดูเตอร์เต้กลับหยิบภาพถ่ายชุดหนึ่งออกมา เป็นศพของเด็กที่ถูกพ่อค้ายาฆ่าตาย และสถานที่เกิดเหตุระเบิดของโดรนสหรัฐในอัฟกานิสถาน ถามว่า "ฝ่ายไหนต่อต้านมนุษย์มากกว่ากัน" ผู้ชมต่างโห่ร้องแสดงความยินดี และชาวฟิลิปปินส์ที่อาศัยอยู่ต่างประเทศก็ตะโกนว่า "ประธานาธิบดีจงเจริญ" และเจ้าหน้าที่บังคับคดีก็ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ รัฐบาลของมาร์กอส จูเนียร์ กำลังอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เดิมทีต้องการใช้ศาลอาญาระหว่างประเทศโค่นล้มคู่ต่อสู้ทางการเมือง แต่กลับทำให้คะแนนนิยมของซาราห์ รองประธานาธิบดีพุ่งสูงถึง 39% ดูเตอร์เต้ สัญญาในศาลว่า "หากฉันถูกตัดสินว่ามีความผิด โปรดนำไบเดนและเนทันยาฮูมาขึ้นศาลด้วย!" คำกล่าวนี้เผยให้เห็นหน้ากากอันหน้าซื่อใจคดของศาลอาญาระหว่างประเทศที่ "โจมตียุงเท่านั้น ไม่โจมตีเสือ" ทำให้ศาลอาญาระหว่างประเทศอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นเดียวกัน การจะตัดสินว่า ดูเตอร์เต้ มีความผิดหรือไม่เริ่มมีปัญหา ? ประเทศโลกทางใต้เตรียมถอนตัวออกจากกลุ่มพร้อมกัน จึงไม่ใช่มีความผิด?นักการเงินตะวันตกตัดเงินทุนหลายร้อยล้านยูโร การพิจารณาคดีแห่งศตวรรษนี้ในที่สุดก็กลายเป็นกระจกวิเศษที่เผยให้เห็นฝีหนองของความยุติธรรมระหว่างประเทศและรุ่งอรุณของระเบียบโลกใหม่ ชัยโย ชัยโย ชัยโย !!!Cr. K.Soms..Cr. Paisan Apacnews#Save112#Saveรัฐธรรมนูญ2560#ไม่เอาคนหนักแผ่นดิน#ธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม#ThammasatPitakTham
    ดูเตอร์เต้โยนระเบิดนิวเคลียร์ใส่ ศาลอาญาระหว่างประเทศ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์รวม 3 ลูกใหญ่ๆ มีอะไรมาดูกันเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2025 ดูเตอร์เตปรากฏตัวในศาลด้วยรถเข็น เมื่อผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศอ่านคำกล่าวหาเรื่อง "อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ" เสร็จ ชายวัย 79 ปี อดีต ปธน.ดูเตอร์เต้ แห่งฟิลิปปินส์ ก็โยนระเบิดนิวเคลียร์ข้อมูล 3 ลูกใส่ผู้พิพากษาอย่างกะทันหันว่า "กองทัพสหรัฐรับคำสั่งจากรัฐบาลสหรัฐ สังหารพลเรือน 350,000 คนในอัฟกานิสถาน ศาลอาญาระหว่างประเทศแกล้งทำเป็นตาบอดมา 20 ปี! อิสราเอลทิ้งระเบิดใส่ชาวปาเลสไตน์ โดยเฉพาะเด็กเสียชีวิตไป 50,000 คนในฉนวนกาซา หมายจับของคุณอยู่ที่ไหน?" ผู้เฒ่าดูเตอร์เต้ แสดงให้เห็นถึงหลักฐานที่แท้จริงของการควบคุมยาเสพติดในเมืองดาเวาในศาล และการติดตามของโรงเรียนอนุบาลแสดงให้เห็นว่าอัตราการก่ออาชญากรรมลดลง 73% หลังจากมีการห้ามยาเสพติด ผู้พิพากษาประธานศาลอาญาระหว่างประเทศรีบเคาะค้อนเพื่อหยุดเขา แต่ดูเตอร์เต้กลับหยิบภาพถ่ายชุดหนึ่งออกมา เป็นศพของเด็กที่ถูกพ่อค้ายาฆ่าตาย และสถานที่เกิดเหตุระเบิดของโดรนสหรัฐในอัฟกานิสถาน ถามว่า "ฝ่ายไหนต่อต้านมนุษย์มากกว่ากัน" ผู้ชมต่างโห่ร้องแสดงความยินดี และชาวฟิลิปปินส์ที่อาศัยอยู่ต่างประเทศก็ตะโกนว่า "ประธานาธิบดีจงเจริญ" และเจ้าหน้าที่บังคับคดีก็ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ รัฐบาลของมาร์กอส จูเนียร์ กำลังอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เดิมทีต้องการใช้ศาลอาญาระหว่างประเทศโค่นล้มคู่ต่อสู้ทางการเมือง แต่กลับทำให้คะแนนนิยมของซาราห์ รองประธานาธิบดีพุ่งสูงถึง 39% ดูเตอร์เต้ สัญญาในศาลว่า "หากฉันถูกตัดสินว่ามีความผิด โปรดนำไบเดนและเนทันยาฮูมาขึ้นศาลด้วย!" คำกล่าวนี้เผยให้เห็นหน้ากากอันหน้าซื่อใจคดของศาลอาญาระหว่างประเทศที่ "โจมตียุงเท่านั้น ไม่โจมตีเสือ" ทำให้ศาลอาญาระหว่างประเทศอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นเดียวกัน การจะตัดสินว่า ดูเตอร์เต้ มีความผิดหรือไม่เริ่มมีปัญหา ? ประเทศโลกทางใต้เตรียมถอนตัวออกจากกลุ่มพร้อมกัน จึงไม่ใช่มีความผิด?นักการเงินตะวันตกตัดเงินทุนหลายร้อยล้านยูโร การพิจารณาคดีแห่งศตวรรษนี้ในที่สุดก็กลายเป็นกระจกวิเศษที่เผยให้เห็นฝีหนองของความยุติธรรมระหว่างประเทศและรุ่งอรุณของระเบียบโลกใหม่ ชัยโย ชัยโย ชัยโย !!!Cr. K.Soms..Cr. Paisan Apacnews#Save112#Saveรัฐธรรมนูญ2560#ไม่เอาคนหนักแผ่นดิน#ธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม#ThammasatPitakTham
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 685 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้วันเวลาจะผ่านไปกว่า 32 ปีแล้วก็ตาม แต่คดี เพชรซาอุฯ ก็ยังถูกกลับเอามาเล่าขานกันอีกครั้ง
    .
    ตำนานเครื่องเพชรที่ถูกพูดถึงมากเรื่องหนึ่งในสังคมไทยโดย คดี เพชรซาอุฯ นั้นเกิดขึ้นครั้งแรกเกิดปี พ.ศ. 2532 นายเกรียงไกร เตชะโม่ง คนงานทำความสะอาดในพระราชวังของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด ได้โจรกรรมเพชร ทอง และอัญมณี ที่ถูกวางไว้อย่างไม่เป็นที่เป็นทาง จากพระราชวัง โดยอาศัยช่วงเวลาที่เจ้าชายแปรพระราชฐานไปต่างประเทศ แอบนำถุงกระสอบขนาดใหญ่เข้าไปในพระราชวัง ซ่อนตัวอยู่ภายในพระราชวังจนถึงเวลากลางคืน แล้วจึงทำการขโมยเครื่องเพชรใส่ถุงกระสอบแล้วโยนถุงกระสอบลงมาออกนอกกำแพงพระราชวัง จากนั้นนำส่งประเทศไทยโดยการส่งปะปนมากับเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัว ทำให้ ยากจะตรวจสอบได้
    .
    แต่สุดท้าย นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ได้ถูก ตำรวจจับกุมได้ในเวลาต่อมา โดย ชุดจับกุมของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ และยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พร้อมช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการตามเพชรทั้งหมดกลับคืนอีกด้วย
    .
    ---------------
    ไม่เคยมี "เพชรสีน้ำเงินมาแต่แรก"
    ---------------
    .
    อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มมี "คดีเพชรซาอุ" มีการพูดถึง เครื่องเพชร ชุดหนึ่ง คือ "เพชรสีน้ำเงิน"( เครื่องเพชรบลูไดมอนด์) ซึ่งแท้จริงแล้วมีปรากฎแต่ในการนำเสนอข่าวภายในประเทศไทยเท่านั้น ที่แม้แต่ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรัตน์ ผช.อตร. เจ้าของคดี ยังถามถามสื่อมวลชนเองว่า "ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ตนไม่เคยได้ยิน หรือเห็นมาก่อนเลย" จากนั้นก็มีการไปเอารูปภริยาอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น พล.ต.อ. แสวง ธีระสวัสดิ์ ภาพใน น.ส.พ. ฉบับหนึ่ง ผู้หญิงสวมสร้อยคอที่มีจี้เป็นอัญมณีสีน้ำเงินล้อมเพชรและทอง ปรากฏตัวในงานเลี้ยงงานหนึ่ง ใช้ชื่อ "งานเลี้ยงบลูไดมอนด์" แล้วก็ลือกันตามมาว่าเป็นเพชรบลูไดมอนด์ของเจ้าฟ้าชายไฟซาล เรื่องราวนี้ดังไปถึงหู ทางการของประเทศซาอุฯ เลยส่งสายสืบลับของซาอุฯมาตรวจสอบเพิ่มเติม จนพบว่า ในความเป็นจริงแล้วเพชรบลูไดมอนด์ ในข่าวเป็นเพียง วัตถุที่ทำด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่นำมาประดิษฐ์เข้าคู่กับเพชรและทอง เท่านั้น คดีเพชรบลูไดมอนด์จึงจบไป...
    .
    ส่วน นายเกรียงไกร เตชะโม่ง จำเลยได้สารภาพว่า ได้แบ่งเครื่องเพชรให้กับเพื่อนที่มีส่วนรู้เห็นโดยไม่ได้แยกแยะ ชนิดสี ประเภทใดๆก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยแยกทองและหินออกจากกัน เนื่องจาก นาย เกรียงไกร ทราบมูลค่าของทองดีแต่ไม่ทราบมูลของเพชรพลอยที่ประดับ หินบางส่วนถูกทุบให้แตกเพื่อแยกประเภทคร่าวๆตามความเข้าใจว่าเพชรเป็นของแข็ง หากไม่แตกก็จะเก็บเอาไว้ขายนั้นเอง จากนั้นจึงนำไปขายให้พ่อค้าเพชรและทองตามลำดับ
    .
    ในช่วงเวลาระหว่างการดำเนินคดี นายเกรียงไกร เตชะโม่ง จำเลยในคดีลักเพชรของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด อธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจเอกประทิน สันติประภพ มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบคือ (สิงเหนือ ) พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ออกติดตามเครื่องเพชรคืนให้แก่รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย โดยตามหาและส่งคืนกลับไปทั้งหมด ผลงานของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศในครั้งนั้นสร้างชื่อเสียงมากจนได้รับการยกย่องจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ให้เป็นแขกพิเศษ
    .
    อย่างไรก็ตามมีประเด็นต่อมา คือการส่งคืนเครื่องเพชรจำนวนมากในครั้งนั้นกลับไม่ครบ-และบางส่วนปลอม เลยมีการรื้อคดีกลับมาตรวจสอบอีกครั้ง จากคำให้การของนายเกรียงไกร ที่บอกว่า ได้โจรกรรมเครื่องเพชรของเจ้าชายไฟซาล แล้วนำเข้ามาขายในประเทศไทย โดยขายให้ นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ จึงพุ่งเป้าไปที่ นายสันติ เพื่อตามทวงคืน เครื่องเพชรส่วนที่เหลือ แต่นายสันติ ได้ปฎิเสธ พล.ต.ท.ชลอจึงจับลูกและภารยาของนายสันติ เป็นตัวประกันเพื่อบีบบังคับให้ นายสันติบอกที่ซ่อนของเพชรที่เหลือ แต่ก็ไม่เป็นผล ...ประจวบกับเหตุการณ์เวลานั้นมีการคุกคามตัวประกัน จึงมีการสังหารตัวประกันแล้วจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุ แต่ในภายหลัง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศถูกจับกุมในคดี สังหาร ครอบครัว ศรีธนะขัณฑ์ เลยได้รับโทษประหารชีวิต ...(ซึ่งปัจจุบัน ได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่จำคุกมาได้ 19ปี)
    .
    เมื่อมีการพยายามพูดถึง เพชรบลูไดมอนด์และเพชรที่เหลือจากซาอุฯ อีกครั้ง มีการตรวจสอบ ย้อนกลับซ้ำอีกครั้ง จึงพบว่า ทางซาอุฯไม่สามารถระบุรูปลักษณ์ของ เพชรบลูไดมอนด์ และไม่มีใครทั้ง นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ,นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ทางการไทย ต่างไม่เคยพบเห็นเพชรบลูไดมอนด์ เลยจึงได้ข้อสรุปว่าเพชรบลูไดมอนด์ ไม่เคยอยู่ในประเทศไทย
    .
    เรื่องราว เพชรซาอุฯ มีข้อเท็จจริงแต่เพียงเท่านี้...
    .
    ------------------------
    กำเนิดข่าวลือเพชรซาอุรอบที่สอง
    ------------------------
    .
    อย่างไรก็ตาม ในปี2551 ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง มีการยกเรื่อง เพชรสีน้ำเงิน เอาขึ้นมาอีกครั้ง บนเวทีสนามหลวง เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2551
    .
    ทั้งบนเวที และ ในลักษณะข่าวลือ โดยบนเวทีชุมนุมนั้นจะปรากฎ ภาพ แหวนเพชรสีน้ำเงินถูกสวมอยู่ในอุ้งเท้าไดโนเสาร์ ซึ่งในการชุมนุมครั้งนั้น มี หนึ่งในผู้ปราศรัย คือ(เสือใต้) พล.ต.อ สล้าง บุนนาค นายตำรวจยุคเดียวกับ (สิงเหนือ)พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ
    .
    ส่วนข่าวลือและภาพที่ถูกแชร์กันใส่สังคมออนไลน์ในช่วงปี 2553 คือภาพ เพชรสีน้ำเงิน หน้าต่างๆกันออกไปทั้งแบบที่เป็นแหวนเพชร และ สร้อยคอ โดยมีการระบุในข่าวลือว่าเป็น เพชรบลูไดมอนด์จากคดีเพชรซาอุฯ โดยมีการนำเอาภาพของสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่9 ทรงพระศอประดับอัญมณีสีฟ้าในการแชร์พร้อมเรื่องราวข่าวเท็จเกี่ยวกับการขโมยเพชรสีน้ำเงินจากราชวงศ์ซาอุฯ จนกลายเป็นข่าวลือให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแยบยล
    .
    ในความเป็นจริงแล้วไม่เคยมีใครเคยเห็น เพชรบลูไดมอนด์ ว่าอยู่ในสภาพแหวนหรือสอยคอ และมีจำนวนกี่เม็ดกันแน่
    .
    หากพิจารณาภาพเพชรสีน้ำเงินที่เผยแพร่ในช่วงนี้ก็จะพบว่าเป็นเพียงการนำภาพ เครื่องเพชรที่มีลักษณะใกล้เคียงมาตัดต่อพร้อมประกอบกับเรื่องราวข่าวลือเท่านั้น โดยภาพที่ปรากฏประจำคือ Hope Diamond ของฝรั่งเศส ทั้งนี้ Hope Diamond มีประวัติน่าสนใจมาก เพราะ เป็นเพชรสีน้ำเงินที่ถูกตัดออกมาจาก เพชรเม็ดยักของ ราชวงศ์ฝรั่งเศส ที่ชื่อว่า French Blue (Le bleu de France) ตั้งแต่สมัยปฎิวัติฝรั่งเศส โดยแหล่งกำเนิดของ French Blue (Le bleu de France) นั้นมาจากเหมืองในเมืองกอลคอนดา (Golconda) ในประเทศอินเดีย ตั้งแต่ ปี 1664
    .
    แต่ด้วยประวัติของผู้ครอบครองเพชรสีน้ำเงิน ที่ล้วนเป็นคนใหญ่คนโต และเสียชีวิตฉับพลันจึงทำให้กลายเป็นตำนานเพชรต้องสาป ซึ่งปัจจุบัน เพชรเม็ดนี้ อยู่ในพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน
    .
    ส่วนอีกภาพที่นิยมแชร์พร้อมกับข่าวลือคำสาปเพชรซาอุฯ คือภาพของ "Heart of the Ocean" หรือในภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า "Le Cœur de la Mer" เพชรสีน้ำเงินรูปทรงหัวใจ เป็นเครืองประดับที่สวยงามมาก แต่น่าเสียดายว่า แท้จริงแล้ว"Heart of the Ocean"เป็นเพชรที่เกิดมาจาก การจินตนาการของผู้กำกับภาพยนต์ ไททานิค โดย "Heart of the Ocean" นั้นถูกจินตนาการขึ้นโดยอ้างอิง ประวัติ Hope Diamond ของฝรั่งเศส และถูกจินตนาการไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการจมเรือในภาพยนตร์ไททานิค
    .
    ส่วนภาพสำคัญและมักถูกตกเป็นเป้าโจมตีของข่าวเท็จก็คือภาพของ สมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรง พระศอไพลินสีน้ำเงิน(ไม่ใช่เพชร) เป็นภาพตั้งแต่ ปี 2500 ขณะทรงเยือนสหรัฐอเมริกา ซึ่งพระศอไพลินสีน้ำเงินนั้นเป็นมรดกตกทอดมาจากสมเด็จพระพันปีหลวง
    .
    และ แน่นอนว่า ภาพของ สมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรง พระศอไพลินสีน้ำเงิน เป็นภาพที่เกิดขึ้นก่อน คดีเพชรซาอุฯ ถึง 32 ปี
    .
    ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ เพชรบลูไดมอนด์ จากคดีเพชรซาอุฯปี 2532 จะย้อน เวลาไปปรากฎในปี 2500 ได้โดยเด็ดขาด
    ---------------------------------
    แหล่งข้อมูล
    - https://www.git.or.th/g20130410.html
    - http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=3585&read=true&count=true
    - https://www.facebook.com/siamgreatwarriors/posts/1591058431203175?
    - https://www.facebook.com/boraannaanma/photos/a.1721168658137287/2367376280183185/?type=3&theater
    - https://th.wikipedia.org/wiki/เพชรโฮป
    - https://www.facebook.com/726502237386172/posts/3507440415958993/
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    แม้วันเวลาจะผ่านไปกว่า 32 ปีแล้วก็ตาม แต่คดี เพชรซาอุฯ ก็ยังถูกกลับเอามาเล่าขานกันอีกครั้ง . ตำนานเครื่องเพชรที่ถูกพูดถึงมากเรื่องหนึ่งในสังคมไทยโดย คดี เพชรซาอุฯ นั้นเกิดขึ้นครั้งแรกเกิดปี พ.ศ. 2532 นายเกรียงไกร เตชะโม่ง คนงานทำความสะอาดในพระราชวังของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด ได้โจรกรรมเพชร ทอง และอัญมณี ที่ถูกวางไว้อย่างไม่เป็นที่เป็นทาง จากพระราชวัง โดยอาศัยช่วงเวลาที่เจ้าชายแปรพระราชฐานไปต่างประเทศ แอบนำถุงกระสอบขนาดใหญ่เข้าไปในพระราชวัง ซ่อนตัวอยู่ภายในพระราชวังจนถึงเวลากลางคืน แล้วจึงทำการขโมยเครื่องเพชรใส่ถุงกระสอบแล้วโยนถุงกระสอบลงมาออกนอกกำแพงพระราชวัง จากนั้นนำส่งประเทศไทยโดยการส่งปะปนมากับเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัว ทำให้ ยากจะตรวจสอบได้ . แต่สุดท้าย นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ได้ถูก ตำรวจจับกุมได้ในเวลาต่อมา โดย ชุดจับกุมของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ และยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พร้อมช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการตามเพชรทั้งหมดกลับคืนอีกด้วย . --------------- ไม่เคยมี "เพชรสีน้ำเงินมาแต่แรก" --------------- . อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มมี "คดีเพชรซาอุ" มีการพูดถึง เครื่องเพชร ชุดหนึ่ง คือ "เพชรสีน้ำเงิน"( เครื่องเพชรบลูไดมอนด์) ซึ่งแท้จริงแล้วมีปรากฎแต่ในการนำเสนอข่าวภายในประเทศไทยเท่านั้น ที่แม้แต่ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรัตน์ ผช.อตร. เจ้าของคดี ยังถามถามสื่อมวลชนเองว่า "ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ตนไม่เคยได้ยิน หรือเห็นมาก่อนเลย" จากนั้นก็มีการไปเอารูปภริยาอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น พล.ต.อ. แสวง ธีระสวัสดิ์ ภาพใน น.ส.พ. ฉบับหนึ่ง ผู้หญิงสวมสร้อยคอที่มีจี้เป็นอัญมณีสีน้ำเงินล้อมเพชรและทอง ปรากฏตัวในงานเลี้ยงงานหนึ่ง ใช้ชื่อ "งานเลี้ยงบลูไดมอนด์" แล้วก็ลือกันตามมาว่าเป็นเพชรบลูไดมอนด์ของเจ้าฟ้าชายไฟซาล เรื่องราวนี้ดังไปถึงหู ทางการของประเทศซาอุฯ เลยส่งสายสืบลับของซาอุฯมาตรวจสอบเพิ่มเติม จนพบว่า ในความเป็นจริงแล้วเพชรบลูไดมอนด์ ในข่าวเป็นเพียง วัตถุที่ทำด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่นำมาประดิษฐ์เข้าคู่กับเพชรและทอง เท่านั้น คดีเพชรบลูไดมอนด์จึงจบไป... . ส่วน นายเกรียงไกร เตชะโม่ง จำเลยได้สารภาพว่า ได้แบ่งเครื่องเพชรให้กับเพื่อนที่มีส่วนรู้เห็นโดยไม่ได้แยกแยะ ชนิดสี ประเภทใดๆก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยแยกทองและหินออกจากกัน เนื่องจาก นาย เกรียงไกร ทราบมูลค่าของทองดีแต่ไม่ทราบมูลของเพชรพลอยที่ประดับ หินบางส่วนถูกทุบให้แตกเพื่อแยกประเภทคร่าวๆตามความเข้าใจว่าเพชรเป็นของแข็ง หากไม่แตกก็จะเก็บเอาไว้ขายนั้นเอง จากนั้นจึงนำไปขายให้พ่อค้าเพชรและทองตามลำดับ . ในช่วงเวลาระหว่างการดำเนินคดี นายเกรียงไกร เตชะโม่ง จำเลยในคดีลักเพชรของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด อธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจเอกประทิน สันติประภพ มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบคือ (สิงเหนือ ) พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ออกติดตามเครื่องเพชรคืนให้แก่รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย โดยตามหาและส่งคืนกลับไปทั้งหมด ผลงานของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศในครั้งนั้นสร้างชื่อเสียงมากจนได้รับการยกย่องจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ให้เป็นแขกพิเศษ . อย่างไรก็ตามมีประเด็นต่อมา คือการส่งคืนเครื่องเพชรจำนวนมากในครั้งนั้นกลับไม่ครบ-และบางส่วนปลอม เลยมีการรื้อคดีกลับมาตรวจสอบอีกครั้ง จากคำให้การของนายเกรียงไกร ที่บอกว่า ได้โจรกรรมเครื่องเพชรของเจ้าชายไฟซาล แล้วนำเข้ามาขายในประเทศไทย โดยขายให้ นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ จึงพุ่งเป้าไปที่ นายสันติ เพื่อตามทวงคืน เครื่องเพชรส่วนที่เหลือ แต่นายสันติ ได้ปฎิเสธ พล.ต.ท.ชลอจึงจับลูกและภารยาของนายสันติ เป็นตัวประกันเพื่อบีบบังคับให้ นายสันติบอกที่ซ่อนของเพชรที่เหลือ แต่ก็ไม่เป็นผล ...ประจวบกับเหตุการณ์เวลานั้นมีการคุกคามตัวประกัน จึงมีการสังหารตัวประกันแล้วจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุ แต่ในภายหลัง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศถูกจับกุมในคดี สังหาร ครอบครัว ศรีธนะขัณฑ์ เลยได้รับโทษประหารชีวิต ...(ซึ่งปัจจุบัน ได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่จำคุกมาได้ 19ปี) . เมื่อมีการพยายามพูดถึง เพชรบลูไดมอนด์และเพชรที่เหลือจากซาอุฯ อีกครั้ง มีการตรวจสอบ ย้อนกลับซ้ำอีกครั้ง จึงพบว่า ทางซาอุฯไม่สามารถระบุรูปลักษณ์ของ เพชรบลูไดมอนด์ และไม่มีใครทั้ง นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ,นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ทางการไทย ต่างไม่เคยพบเห็นเพชรบลูไดมอนด์ เลยจึงได้ข้อสรุปว่าเพชรบลูไดมอนด์ ไม่เคยอยู่ในประเทศไทย . เรื่องราว เพชรซาอุฯ มีข้อเท็จจริงแต่เพียงเท่านี้... . ------------------------ กำเนิดข่าวลือเพชรซาอุรอบที่สอง ------------------------ . อย่างไรก็ตาม ในปี2551 ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง มีการยกเรื่อง เพชรสีน้ำเงิน เอาขึ้นมาอีกครั้ง บนเวทีสนามหลวง เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2551 . ทั้งบนเวที และ ในลักษณะข่าวลือ โดยบนเวทีชุมนุมนั้นจะปรากฎ ภาพ แหวนเพชรสีน้ำเงินถูกสวมอยู่ในอุ้งเท้าไดโนเสาร์ ซึ่งในการชุมนุมครั้งนั้น มี หนึ่งในผู้ปราศรัย คือ(เสือใต้) พล.ต.อ สล้าง บุนนาค นายตำรวจยุคเดียวกับ (สิงเหนือ)พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ . ส่วนข่าวลือและภาพที่ถูกแชร์กันใส่สังคมออนไลน์ในช่วงปี 2553 คือภาพ เพชรสีน้ำเงิน หน้าต่างๆกันออกไปทั้งแบบที่เป็นแหวนเพชร และ สร้อยคอ โดยมีการระบุในข่าวลือว่าเป็น เพชรบลูไดมอนด์จากคดีเพชรซาอุฯ โดยมีการนำเอาภาพของสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่9 ทรงพระศอประดับอัญมณีสีฟ้าในการแชร์พร้อมเรื่องราวข่าวเท็จเกี่ยวกับการขโมยเพชรสีน้ำเงินจากราชวงศ์ซาอุฯ จนกลายเป็นข่าวลือให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแยบยล . ในความเป็นจริงแล้วไม่เคยมีใครเคยเห็น เพชรบลูไดมอนด์ ว่าอยู่ในสภาพแหวนหรือสอยคอ และมีจำนวนกี่เม็ดกันแน่ . หากพิจารณาภาพเพชรสีน้ำเงินที่เผยแพร่ในช่วงนี้ก็จะพบว่าเป็นเพียงการนำภาพ เครื่องเพชรที่มีลักษณะใกล้เคียงมาตัดต่อพร้อมประกอบกับเรื่องราวข่าวลือเท่านั้น โดยภาพที่ปรากฏประจำคือ Hope Diamond ของฝรั่งเศส ทั้งนี้ Hope Diamond มีประวัติน่าสนใจมาก เพราะ เป็นเพชรสีน้ำเงินที่ถูกตัดออกมาจาก เพชรเม็ดยักของ ราชวงศ์ฝรั่งเศส ที่ชื่อว่า French Blue (Le bleu de France) ตั้งแต่สมัยปฎิวัติฝรั่งเศส โดยแหล่งกำเนิดของ French Blue (Le bleu de France) นั้นมาจากเหมืองในเมืองกอลคอนดา (Golconda) ในประเทศอินเดีย ตั้งแต่ ปี 1664 . แต่ด้วยประวัติของผู้ครอบครองเพชรสีน้ำเงิน ที่ล้วนเป็นคนใหญ่คนโต และเสียชีวิตฉับพลันจึงทำให้กลายเป็นตำนานเพชรต้องสาป ซึ่งปัจจุบัน เพชรเม็ดนี้ อยู่ในพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน . ส่วนอีกภาพที่นิยมแชร์พร้อมกับข่าวลือคำสาปเพชรซาอุฯ คือภาพของ "Heart of the Ocean" หรือในภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า "Le Cœur de la Mer" เพชรสีน้ำเงินรูปทรงหัวใจ เป็นเครืองประดับที่สวยงามมาก แต่น่าเสียดายว่า แท้จริงแล้ว"Heart of the Ocean"เป็นเพชรที่เกิดมาจาก การจินตนาการของผู้กำกับภาพยนต์ ไททานิค โดย "Heart of the Ocean" นั้นถูกจินตนาการขึ้นโดยอ้างอิง ประวัติ Hope Diamond ของฝรั่งเศส และถูกจินตนาการไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการจมเรือในภาพยนตร์ไททานิค . ส่วนภาพสำคัญและมักถูกตกเป็นเป้าโจมตีของข่าวเท็จก็คือภาพของ สมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรง พระศอไพลินสีน้ำเงิน(ไม่ใช่เพชร) เป็นภาพตั้งแต่ ปี 2500 ขณะทรงเยือนสหรัฐอเมริกา ซึ่งพระศอไพลินสีน้ำเงินนั้นเป็นมรดกตกทอดมาจากสมเด็จพระพันปีหลวง . และ แน่นอนว่า ภาพของ สมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรง พระศอไพลินสีน้ำเงิน เป็นภาพที่เกิดขึ้นก่อน คดีเพชรซาอุฯ ถึง 32 ปี . ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ เพชรบลูไดมอนด์ จากคดีเพชรซาอุฯปี 2532 จะย้อน เวลาไปปรากฎในปี 2500 ได้โดยเด็ดขาด --------------------------------- แหล่งข้อมูล - https://www.git.or.th/g20130410.html - http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=3585&read=true&count=true - https://www.facebook.com/siamgreatwarriors/posts/1591058431203175? - https://www.facebook.com/boraannaanma/photos/a.1721168658137287/2367376280183185/?type=3&theater - https://th.wikipedia.org/wiki/เพชรโฮป - https://www.facebook.com/726502237386172/posts/3507440415958993/ ------------------------------- ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่ Website : http://www.thailandvision.co Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1275 มุมมอง 0 รีวิว
  • (มีคลิป) 'ชัชชาติ' แจง หลังปิดฉากคืนฟุตปาธ ‘ตลาดคลองเตย 1’ พ่อค้าบอกไม่เคยจ่ายค่าเช่า จ่ายค่าปรับกับเทศกิจ ใช้ชีวิตแบบนี้กันมาตลอด
    https://www.thai-tai.tv/news/17724/
    (มีคลิป) 'ชัชชาติ' แจง หลังปิดฉากคืนฟุตปาธ ‘ตลาดคลองเตย 1’ พ่อค้าบอกไม่เคยจ่ายค่าเช่า จ่ายค่าปรับกับเทศกิจ ใช้ชีวิตแบบนี้กันมาตลอด https://www.thai-tai.tv/news/17724/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## สรุป ประเด็นเกี่ยวข้องกับ สงครามยูเครน ##
    ..
    ..
    อังกฤษ และ ฝรั่งเศส ระดมพลเตรียมส่งทหารเข้าไปใน ยูเครน
    .
    ขณะที่ อิตาลี ไม่เห็นด้วย และ สนับสนุนแนวทางการเจรจาของ ทรัมป์
    .
    แน่นอนว่า ยูโรป อีกหลายประเทศ สนับสนุน การรวมตัวจัดตั้งกองกำลังขึ้นเพื่อจัดการ รัสเซีย หลัง อเมริกา มีท่าที ละทิ้ง NATO
    .
    ทรัมป์ คือ พ่อค้า เขาคำนวณถึงผลได้ผลเสีย เขามีเป้าหมายทางเศรษฐกิจ ดังนั้นกิจกรรมใดที่สิ้นเปลื้องทรัพยากรโดยใช่เหตุ ทรัมป์ จะตัดออกทั้งหมด
    .
    เช่น งบประมาณสนับสนุน USAID และ NED กระทั่ง VOA เพราะองค์กรเหล่านี้ ใช้เงินจำนวนมหาศาล
    .
    เช่น
    .
    USAID ใช้เงินหลายหมื่นล้านในปีที่แล้ว สนับสนุน กลุ่มบุคคลในประเทศอื่น เพื่อแทรกซึม แทรกแซง กิจการภายใน และ การเมืองภายในประเทศอื่น
    .
    รวมไปถึง NED และ CIA ก็เช่นกัน
    .
    ส่วน VOA เป็น สถานีข่าว Propaganda สำหรับ โฆษณาชวนเชื่อ สร้างข่าวเท็จใส่ร้ายศัตรูของ อเมริกา และ เพื่อประโยชน์ทางการเมือง ของ อเมริกา
    .
    รวม 3-4 องค์กรนี้ ใช้งบปาเข้าไปเป็นแสนล้านดอลลาร์
    .
    กระทั่งมาถึง องค์กร NATO ที่ อเมริกา ใช้งบประมาณ แบกไว้ เกิน 60% ของสมาชิก NATO ทั้งหมด
    .
    ทรัมป์ พูดไม่ผิด ทำไม อเมริกา ต้องแบก NATO เพราะเพื่อปัญหา "ขี้ขึ้นสมองของยุโรป" ถ้า ยุโรป กลัว รัสเซีย จะรุกราน ก็จ่ายเงินเองสิ
    .
    ก่อนหน้านี้ อเมริกา ปกครองโดย พวกซ้ายจัด จึงแสร้งทำตัวราวกับเป็นนักบุญ (แต่ทำชั่วทุกวัน)
    .
    และ แน่นอนว่าต้องการวางตัวเป็นพี่ใหญ่ เป็นนักเลงคุมตรอก และ ต้องการควบคุมโลก และ เขียนระเบียบโลก ที่เอาเปรียบคนอื่นเสมอมาตลอดไป
    .
    อเมริกา จึงเป็นประเทศเดียวที่ใช้งบประมาณทางการทหาร เป็นอันดับ 1 ซึ่งมากกว่า อันดับ 2-7 รวมกัน
    .
    เพราะเหตุนี้ ทรัมป์ มองว่า เป็นเหตุผลให้ถ่วง อเมริกา ไม่สามารถพัฒนาประเทศได้เลย กระทั่งถูก จีน หายใจรดต้นคอ และ แซงไปในหลายด้านแล้ว
    .
    ขณะเดียวกันกับที่ ทรัมป์ ขอเจรจาหยุดยิง 30 วัน ในยูเครน ปูติน เองก็ไม่ได้โง่ เขารู้ว่า ยูโรปกำลังทำอะไร ฝรั่งเศส กับ อังกฤษ ห้าวเป้ง ปากดีขนาดไหน
    .
    ปูติน มีประสบการณ์ ก่อนหน้านี้ ที่เคยโดน อเมริกา และ ยุโรป รวมหัวกันหลอกเขา ในสนธิสัญญากรุงมินสก์
    .
    ซึ่ง แองเกลลา เมอร์เคิล ยอมรับเองกับปากว่า "เราหลอกรัสเซีย"
    .
    หลอกในที่นี้คือ หลอกให้ รัสเซีย เซ็นสัญญากรุงมินสก์ ให้หยุดยิงกัน ระหว่างประชาชนในแคว้นดอนบาส กับ พวกนีโอนาซี ยื้อเวลา ให้พวก นีโอนาซี และ ยูเครน สะสมกำลังรบกระทั่ง ยูเครน พร้อมจะรบกับ รัสเซีย (แต่ รัสเซีย ดันบุกก่อน)
    .
    ทั้งหมดมันส่อ มีแสดงชัดว่า ยุโรป เองนั่นแหล่ะ ที่ต้องการจัดการ รัสเซีย และ อเมริกา ก็ใช้ประโยชน์จากความ ประสาทแดก ขี้ขึ้นสมอง ของ ยุโรป ในการหาประโยชน์...
    .
    ปูติน ไม่ได้โง่ครับ เขาไม่ได้ต้องการครอบครอง ยูเครน ทั่งหมด รัสเซีย พูดมานานแล้วว่า ต้องการให้ ยูเครน เป็น บัฟเฟอร์สเตท เป็นรัฐที่เป็นกลาง ไม่ฝั่กใฝ่ฝ่ายใด
    .
    และ ยูเครน ก็กว้างใหญ่เกินไป ที่ รัสเซีย จะใช้ทหารเข้าไปยึดครองพื้นที่ทั้งหมด ปูติน คือ อดีตสายลับ KGB ความฉลาดนั้นไม่ต้องสงสัย ฉลาดกว่าผู้ปกครองหลายประเทศเยอะ
    .
    รัสเซีย ไม่ได้เป็นภัยของใครเลย ขณะเดียวกัน ในยุคใหม่ที่ ปูติน ปกครองรัสเซีย รัสเซีย เริ่มกลับมามีที่ยืนในเวทีโลก ทำการค้า และ ส่งน้ำมัน ก๊าซ และ ธัญพืชให้ยูโรป
    .
    ยูโรป เองต่างหากที่มีจิตใต้สำนึก หวาดระแวงจนถึงขั้น ขี้ขึ้นสมอง และ อเมริกา ก็ไม่ต้องการให้ รัสเซีย แข็งแรงขึ้น จึงสามารถใช้ประโยชน์จากการนี้เสมอมา...
    .
    สรุป ปูนติน น่าจะต้องการ การหยุดยิงถาวร พร้อมแพ็กเกจเพิ่มเติม เช่น ห้าม ยูเครน เข้า NATO ชั่วกาลปาวสาน ยกเลิกการคว่ำบาตรทางการค้า ต้องคืนทรัพสินของรัสเซียที่ยึดไป รับรอง ไครเมียร์ และ แคว้นที่รัสเซียยึดครองได้แล้ว เป็นแผ่นดินของรัสเซีย ห้ามมีทหาร NATO ใน ยูเครน
    ## สรุป ประเด็นเกี่ยวข้องกับ สงครามยูเครน ## .. .. อังกฤษ และ ฝรั่งเศส ระดมพลเตรียมส่งทหารเข้าไปใน ยูเครน . ขณะที่ อิตาลี ไม่เห็นด้วย และ สนับสนุนแนวทางการเจรจาของ ทรัมป์ . แน่นอนว่า ยูโรป อีกหลายประเทศ สนับสนุน การรวมตัวจัดตั้งกองกำลังขึ้นเพื่อจัดการ รัสเซีย หลัง อเมริกา มีท่าที ละทิ้ง NATO . ทรัมป์ คือ พ่อค้า เขาคำนวณถึงผลได้ผลเสีย เขามีเป้าหมายทางเศรษฐกิจ ดังนั้นกิจกรรมใดที่สิ้นเปลื้องทรัพยากรโดยใช่เหตุ ทรัมป์ จะตัดออกทั้งหมด . เช่น งบประมาณสนับสนุน USAID และ NED กระทั่ง VOA เพราะองค์กรเหล่านี้ ใช้เงินจำนวนมหาศาล . เช่น . USAID ใช้เงินหลายหมื่นล้านในปีที่แล้ว สนับสนุน กลุ่มบุคคลในประเทศอื่น เพื่อแทรกซึม แทรกแซง กิจการภายใน และ การเมืองภายในประเทศอื่น . รวมไปถึง NED และ CIA ก็เช่นกัน . ส่วน VOA เป็น สถานีข่าว Propaganda สำหรับ โฆษณาชวนเชื่อ สร้างข่าวเท็จใส่ร้ายศัตรูของ อเมริกา และ เพื่อประโยชน์ทางการเมือง ของ อเมริกา . รวม 3-4 องค์กรนี้ ใช้งบปาเข้าไปเป็นแสนล้านดอลลาร์ . กระทั่งมาถึง องค์กร NATO ที่ อเมริกา ใช้งบประมาณ แบกไว้ เกิน 60% ของสมาชิก NATO ทั้งหมด . ทรัมป์ พูดไม่ผิด ทำไม อเมริกา ต้องแบก NATO เพราะเพื่อปัญหา "ขี้ขึ้นสมองของยุโรป" ถ้า ยุโรป กลัว รัสเซีย จะรุกราน ก็จ่ายเงินเองสิ . ก่อนหน้านี้ อเมริกา ปกครองโดย พวกซ้ายจัด จึงแสร้งทำตัวราวกับเป็นนักบุญ (แต่ทำชั่วทุกวัน) . และ แน่นอนว่าต้องการวางตัวเป็นพี่ใหญ่ เป็นนักเลงคุมตรอก และ ต้องการควบคุมโลก และ เขียนระเบียบโลก ที่เอาเปรียบคนอื่นเสมอมาตลอดไป . อเมริกา จึงเป็นประเทศเดียวที่ใช้งบประมาณทางการทหาร เป็นอันดับ 1 ซึ่งมากกว่า อันดับ 2-7 รวมกัน . เพราะเหตุนี้ ทรัมป์ มองว่า เป็นเหตุผลให้ถ่วง อเมริกา ไม่สามารถพัฒนาประเทศได้เลย กระทั่งถูก จีน หายใจรดต้นคอ และ แซงไปในหลายด้านแล้ว . ขณะเดียวกันกับที่ ทรัมป์ ขอเจรจาหยุดยิง 30 วัน ในยูเครน ปูติน เองก็ไม่ได้โง่ เขารู้ว่า ยูโรปกำลังทำอะไร ฝรั่งเศส กับ อังกฤษ ห้าวเป้ง ปากดีขนาดไหน . ปูติน มีประสบการณ์ ก่อนหน้านี้ ที่เคยโดน อเมริกา และ ยุโรป รวมหัวกันหลอกเขา ในสนธิสัญญากรุงมินสก์ . ซึ่ง แองเกลลา เมอร์เคิล ยอมรับเองกับปากว่า "เราหลอกรัสเซีย" . หลอกในที่นี้คือ หลอกให้ รัสเซีย เซ็นสัญญากรุงมินสก์ ให้หยุดยิงกัน ระหว่างประชาชนในแคว้นดอนบาส กับ พวกนีโอนาซี ยื้อเวลา ให้พวก นีโอนาซี และ ยูเครน สะสมกำลังรบกระทั่ง ยูเครน พร้อมจะรบกับ รัสเซีย (แต่ รัสเซีย ดันบุกก่อน) . ทั้งหมดมันส่อ มีแสดงชัดว่า ยุโรป เองนั่นแหล่ะ ที่ต้องการจัดการ รัสเซีย และ อเมริกา ก็ใช้ประโยชน์จากความ ประสาทแดก ขี้ขึ้นสมอง ของ ยุโรป ในการหาประโยชน์... . ปูติน ไม่ได้โง่ครับ เขาไม่ได้ต้องการครอบครอง ยูเครน ทั่งหมด รัสเซีย พูดมานานแล้วว่า ต้องการให้ ยูเครน เป็น บัฟเฟอร์สเตท เป็นรัฐที่เป็นกลาง ไม่ฝั่กใฝ่ฝ่ายใด . และ ยูเครน ก็กว้างใหญ่เกินไป ที่ รัสเซีย จะใช้ทหารเข้าไปยึดครองพื้นที่ทั้งหมด ปูติน คือ อดีตสายลับ KGB ความฉลาดนั้นไม่ต้องสงสัย ฉลาดกว่าผู้ปกครองหลายประเทศเยอะ . รัสเซีย ไม่ได้เป็นภัยของใครเลย ขณะเดียวกัน ในยุคใหม่ที่ ปูติน ปกครองรัสเซีย รัสเซีย เริ่มกลับมามีที่ยืนในเวทีโลก ทำการค้า และ ส่งน้ำมัน ก๊าซ และ ธัญพืชให้ยูโรป . ยูโรป เองต่างหากที่มีจิตใต้สำนึก หวาดระแวงจนถึงขั้น ขี้ขึ้นสมอง และ อเมริกา ก็ไม่ต้องการให้ รัสเซีย แข็งแรงขึ้น จึงสามารถใช้ประโยชน์จากการนี้เสมอมา... . สรุป ปูนติน น่าจะต้องการ การหยุดยิงถาวร พร้อมแพ็กเกจเพิ่มเติม เช่น ห้าม ยูเครน เข้า NATO ชั่วกาลปาวสาน ยกเลิกการคว่ำบาตรทางการค้า ต้องคืนทรัพสินของรัสเซียที่ยึดไป รับรอง ไครเมียร์ และ แคว้นที่รัสเซียยึดครองได้แล้ว เป็นแผ่นดินของรัสเซีย ห้ามมีทหาร NATO ใน ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 732 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชียงราย - ผ่าอาณาจักร “เสี่ยจิว” หนุ่มลูกครึ่งจีน-ชาติพันธุ์ลาหู่ จากดอยแม่สลอง-ป่าตึง แม่จัน..ชื่อโผล่เป็นพ่อค้ายาแถวหน้ามา 3 ปี พบพฤติกรรมชอบสวมเสื้อซาฟารี-อ้างติดยศ “พันตรี” คุมอดีตสิบเอกรบพิเศษ พร้อมลูกน้องค้ายา-ขนไอซ์ ซุกอำพรางรถดัดแปลงเป็นรถทหาร ค้นรังเจอทั้งปืน-เครื่องกระสุน-ระเบิด ฯลฯ เหมือนคลังแสงขนาดย่อม แถมมีเครื่องแบบทหารปักชื่อพร้อมสรรพ

    กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.เชียงราย บก.สส.ภ.5 ร่วมกับทั้ง สภ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย และ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย ยึดไอซ์ประมาณ 1,500 กิโลกรัม ซุกซ่อนในถัง 200 ลิตรที่เก็บไว้บนรถบรรทุก 6 ล้อดัดแปลงคล้ายรถขนส่งทหารติดทะเบียนกงจักร และจับผู้ต้องหาได้ 7 คน โดย 2 คนที่ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บเป็นอดีตทหารรบพิเศษยศสิบเอกที่ถูกปลดออกจากราชการแล้ว เหตุเกิดวันที่ 7-8 มี.ค. 2568 นั้น

    เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.5 ระบุว่าเครือข่ายนี้เป็นของ "เสี่ยจิว" นายชุติธัญญ์ อายุ 40 ปี เป็นลูกครึ่งจีนและลาหู่ มีพื้นเพเดิมอยู่บนดอยแม่สลอง-ป่าตึง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งตัวจริง ส่วนคนอื่นๆ เป็นเพียงลูกน้อง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000023064

    #MGROnline #เชียงราย #เสี่ยจิว #ดอยแม่สลอง #พ่อค้ายา #พันตรี #อดีตสิบเอกรบพิเศษ #รถดัดแปลง #รถทหาร
    เชียงราย - ผ่าอาณาจักร “เสี่ยจิว” หนุ่มลูกครึ่งจีน-ชาติพันธุ์ลาหู่ จากดอยแม่สลอง-ป่าตึง แม่จัน..ชื่อโผล่เป็นพ่อค้ายาแถวหน้ามา 3 ปี พบพฤติกรรมชอบสวมเสื้อซาฟารี-อ้างติดยศ “พันตรี” คุมอดีตสิบเอกรบพิเศษ พร้อมลูกน้องค้ายา-ขนไอซ์ ซุกอำพรางรถดัดแปลงเป็นรถทหาร ค้นรังเจอทั้งปืน-เครื่องกระสุน-ระเบิด ฯลฯ เหมือนคลังแสงขนาดย่อม แถมมีเครื่องแบบทหารปักชื่อพร้อมสรรพ • กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.เชียงราย บก.สส.ภ.5 ร่วมกับทั้ง สภ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย และ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย ยึดไอซ์ประมาณ 1,500 กิโลกรัม ซุกซ่อนในถัง 200 ลิตรที่เก็บไว้บนรถบรรทุก 6 ล้อดัดแปลงคล้ายรถขนส่งทหารติดทะเบียนกงจักร และจับผู้ต้องหาได้ 7 คน โดย 2 คนที่ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บเป็นอดีตทหารรบพิเศษยศสิบเอกที่ถูกปลดออกจากราชการแล้ว เหตุเกิดวันที่ 7-8 มี.ค. 2568 นั้น • เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.5 ระบุว่าเครือข่ายนี้เป็นของ "เสี่ยจิว" นายชุติธัญญ์ อายุ 40 ปี เป็นลูกครึ่งจีนและลาหู่ มีพื้นเพเดิมอยู่บนดอยแม่สลอง-ป่าตึง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งตัวจริง ส่วนคนอื่นๆ เป็นเพียงลูกน้อง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000023064 • #MGROnline #เชียงราย #เสี่ยจิว #ดอยแม่สลอง #พ่อค้ายา #พันตรี #อดีตสิบเอกรบพิเศษ #รถดัดแปลง #รถทหาร
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 724 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผ่าอาณาจักร “เสี่ยจิว” หนุ่มลูกครึ่งจีน-ชาติพันธุ์ลาหู่ จากดอยแม่สลอง-ป่าตึง แม่จัน..ชื่อโผล่เป็นพ่อค้ายาแถวหน้ามา 3 ปี พบพฤติกรรมชอบสวมเสื้อซาฟารี-อ้างติดยศ “พันตรี” คุมอดีตสิบเอกรบพิเศษ พร้อมลูกน้องค้ายา-ขนไอซ์ ซุกอำพรางรถดัดแปลงเป็นรถทหาร ค้นรังเจอทั้งปืน-เครื่องกระสุน-ระเบิด ฯลฯ เหมือนคลังแสงขนาดย่อม แถมมีเครื่องแบบทหารปักชื่อพร้อมสรรพ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023064

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผ่าอาณาจักร “เสี่ยจิว” หนุ่มลูกครึ่งจีน-ชาติพันธุ์ลาหู่ จากดอยแม่สลอง-ป่าตึง แม่จัน..ชื่อโผล่เป็นพ่อค้ายาแถวหน้ามา 3 ปี พบพฤติกรรมชอบสวมเสื้อซาฟารี-อ้างติดยศ “พันตรี” คุมอดีตสิบเอกรบพิเศษ พร้อมลูกน้องค้ายา-ขนไอซ์ ซุกอำพรางรถดัดแปลงเป็นรถทหาร ค้นรังเจอทั้งปืน-เครื่องกระสุน-ระเบิด ฯลฯ เหมือนคลังแสงขนาดย่อม แถมมีเครื่องแบบทหารปักชื่อพร้อมสรรพ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023064 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1124 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตามรอยเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> ผ่านเส้นทางสายไหม

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> คงจำได้ว่าฉากหลังของเรื่องคือการค้าอัญมณีในสมัยถัง ซึ่งเส้นทางการเดินทางมีทั้งการเดินเรือทะเลและข้ามทะเลทรายเข้าเขตซีอวี้ ชวนให้ Storyฯ งงไม่น้อยเลยลองไปหาข้อมูลดู

    มีบทสัมภาษณ์ของศาสตราจารย์ท่านหนึ่งของมหาวิทยาลัยเหอหนานกล่าวไว้ว่าจริงๆ แล้วซีรีส์เรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> นี้คือการเดินทางผ่านเส้นทางสายไหม ซึ่งก็ตรงกับตอนจบของเรื่องที่กล่าวถึงการพัฒนาด้านการค้าผ่านเส้นทางสายไหม

    Storyฯ เลยลองเอาการเดินทางของพระเอกนางเอกจากในซีรีส์มาปักหมุดลง เราลองมาดูกันค่ะ

    มีบทความและแผนที่เกี่ยวกับเส้นทางสายไหมจำนวนไม่น้อยในหลากหลายภาษา ดังนั้น Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียด แต่จากการเปรียบเทียบดู Storyฯ พบว่ามีความแตกต่างกันบ้าง จึงขอใช้เวอร์ชั่นที่แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์หนิงเซี่ยกู้หยวนเป็นหลักเพราะถือว่าเป็นไปตามข้อมูลประวัติศาสตร์ที่จีนบันทึกเอง (ดูรูปประกอบ 2) เราจะเห็นว่าเส้นทางสายไหมมีเส้นทางบกและเส้นทางทะเล และเส้นทางบกไม่ได้จบลงที่เมืองฉางอัน (ซีอันปัจจุบัน) อย่างที่หลายคนเข้าใจ หากแต่มีการเชื่อมต่อไปจรดทะเลเชื่อมต่อเข้ากับเส้นทางทะเล

    Storyฯ ลองใส่ข้อมูลอื่นเพิ่มเข้าไปในแผนที่เต็มนี้ (ดูรูปประกอบ 1) ก่อนอื่นคือใส่แผนที่ของราชวงศ์ถังซ้อนลงไปเพื่อให้เห็นภาพอาณาเขตโดยคร่าว ทั้งนี้ตลอดสามร้อยกว่าปีการปกครองของถังในเขตซีอวี้ (ซินเกียงปัจจุบัน) แตกต่างกันไป เลยลองใช้แผนที่ของช่วงประมาณปีค.ศ. 700 ก็จะเห็นเขตพื้นที่ซีอวี้ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือที่มีเมืองตุนหวงเป็นเสมือนประตูทางผ่าน จากนั้นใส่เขตพื้นที่มณฑลหยางโจวในสมัยนั้นซึ่งอยู่ทางใต้ของแผนที่ติดทะเล (คือเส้นประเล็กๆ) (หมายเหตุ เส้นขอบทั้งหมดอาจไม่เป๊ะด้วยข้อจำกัดการวาดของ Storyฯ เอง)

    เมื่อใส่เสร็จแล้วก็เห็นได้เลยว่าตวนอู่และเยี่ยจื่อจิงของเราในเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> เขาเดินทางตามเส้นทางสายใหม่จริงๆ

    เริ่มกันที่ด้านล่างของแผนที่ซึ่งเป็นแถบพื้นที่เหอผู่อันเป็นแหล่งเก็บมุกทะเล (ปัจจุบันเรียกเป๋ยไห่ คือพื้นที่สีแดง) ที่นี่เป็นฉากเริ่มต้นของเรื่อง (ย้อนอ่านเรื่องการเก็บมุกได้จากบทความสัปดาห์ที่แล้ว) จากนั้นเดินทางผ่านกวางเจาขึ้นเหนือและสู้รบปรบมือกับคนตระกูลชุยและศัตรูอื่นเป็นระยะตั้งแต่เมืองซ่าวโจวถึงเมืองอู่หลิง จากนั้นเดินทางเรื่อยขึ้นไปจนถึงเมืองเปี้ยนโจวซึ่งคือเมืองไคฟงปัจจุบัน แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านนครฉางอัน ข้ามเขตทะเลทรายเข้าเขตซีอวี้ซึ่งการเข้าเขตซีอวี้ในสมัยนั้นจะผ่านเมืองตุนหวง ณ จุดนี้ เรื่องราวผ่านไปแล้วประมาณ 1/3 ของเรื่อง

    หลังจากนั้นเหล่าตัวละครกลับมาจากซีอวี้แล้วเดินทางมาถึงเมืองหยางโจวข้ามผ่านระยะทางอย่างไกลได้อย่างไรไม่ทราบได้ Storyฯ ดูจากแผนที่แล้วน่าจะย้อนกลับมาทางเมืองเปี้ยนเฉิงและจากจุดนั้นมีเส้นทาง (ที่ไม่ใช่เส้นทางสายไหมและไม่ได้วาดไว้ในรูปประกอบ) เชื่อมลงมายังเมืองหยางโจว ซึ่งมีทั้งเส้นทางบกและเส้นทางคลองใหญ่ต้าอวิ้นเหอที่สามารถใช้ได้ (หมายเหตุ เส้นทางต้าอวิ้นเหอมีการเปลี่ยนแปลงไปในยุคสมัยหมิงเป็นต้นมา) และเรื่องราวที่เหลือของเรื่องก็จะมีฉากหลังอยู่ที่การค้าอัญมณีที่เมืองหยางโจวนี้

    ในเรื่องมีกล่าวถึงอัญมณีหนึ่งที่น่าสนใจชื่อว่า ‘เซ่อเซ่อ’ (瑟瑟 ไม่แน่ใจว่าแปลซับไทยไว้ว่าอย่างไร) ซึ่งเป็นพลอยประเภท Beryl Stone มีสีเขียวฟ้าและฟ้า บอกว่าเป็นพลอยที่มีค่าหายากมาก ในความเป็นจริง Beryl Stone แบ่งเป็นประเภทย่อยอีกตามสี แต่เรามักเรียกรวมพลอยสีฟ้าเขียวว่าพลอยอะความารีน (Aquamarine) และในละครมีการกล่าวว่าพลอยเซ่อเซ่อเกรดดีส่วนใหญ่มาจากเขตซีอวี้ แต่แถวหยางโจวก็พอให้หาซื้อได้ ซึ่งเป็นข้อมูลจริงตามประวัติศาสตร์ เพราะพลอยเซ่อเซ่อในจีนหาได้ในสามพื้นที่หลักคือซินเกียง (ซีอวี้) ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ และที่ยูนนานและหูเป่ย (ไม่ไกลจากเมืองอู่หลิงในภาพ ซึ่งเป็นจุดที่น้องชุยสือจิ่วของเราถูกจับขังในเหมือง)

    เมืองหยางโจวเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการคมนาคมทั้งทางบกและทางเรือของจีนโบราณ จึงไม่แปลกที่เรามักเห็นในซีรีส์และนิยายจีนโบราณกล่าวถึงหยางโจวว่าเป็นเขตค้าขายมีตระกูลพ่อค้าร่ำรวย ที่นี่ไม่เพียงเป็นจุดเชื่อมเส้นทางสายไหมทางบกและทะเลโดยผ่านแม่น้ำแยงซีเกียง และยังมีคลองต้าอวิ้นเหอเชื่อมขึ้นเหนือ ในสมัยถังที่นี่เป็นศูนย์กลางการค้าเสบียงอาหาร เกลือและเหล็กไปยังพื้นที่ต่างๆ ของจีน อีกทั้งค้าขายส่งออกผ้าไหมและงานกระเบื้องรวมถึงนำเข้าสินค้าหลากชนิดผ่านเส้นทางบกและเรือ นอกจากนี้ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องงานช่างงานฝีมือและมีการพบเจอซากเรือสมัยถังพร้อมเครื่องประดับมากมายที่แสดงให้เห็นว่าในสมัยถังมีการค้าขายเครื่องประดับด้วยเช่นกัน

    หวังว่าเพื่อนเพจจะเห็นภาพแล้วว่าการเดินเรื่องของ <ม่านมุกม่านหยก> ผ่านพื้นที่ไหนบ้าง และทำไมเหล่าคู่อริทางการค้าจึงพบหน้ากันบ่อย... เพราะทุกคนล้วนค้าขายและใช้เส้นทางสายไหมกันนั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://m.bjnews.com.cn/detail/1730788116168379.html
    https://www.chinadiscovery.com/assets/images/silk-road/history/tang-silk-road-map-llsboc-qunar.jpg
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.163.com/dy/article/JG5GE87L0512D3VJ.html
    https://www.163.com/dy/article/JGCT7TAP0530WJTO.html
    https://baike.baidu.com/item/扬州市
    https://turnstone.ca/rom186be.htm

    #ม่านมุกม่านหยก #เส้นทางสายไหม #พลอยจีน #หยางโจว #สาระจีน
    ตามรอยเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> ผ่านเส้นทางสายไหม สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> คงจำได้ว่าฉากหลังของเรื่องคือการค้าอัญมณีในสมัยถัง ซึ่งเส้นทางการเดินทางมีทั้งการเดินเรือทะเลและข้ามทะเลทรายเข้าเขตซีอวี้ ชวนให้ Storyฯ งงไม่น้อยเลยลองไปหาข้อมูลดู มีบทสัมภาษณ์ของศาสตราจารย์ท่านหนึ่งของมหาวิทยาลัยเหอหนานกล่าวไว้ว่าจริงๆ แล้วซีรีส์เรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> นี้คือการเดินทางผ่านเส้นทางสายไหม ซึ่งก็ตรงกับตอนจบของเรื่องที่กล่าวถึงการพัฒนาด้านการค้าผ่านเส้นทางสายไหม Storyฯ เลยลองเอาการเดินทางของพระเอกนางเอกจากในซีรีส์มาปักหมุดลง เราลองมาดูกันค่ะ มีบทความและแผนที่เกี่ยวกับเส้นทางสายไหมจำนวนไม่น้อยในหลากหลายภาษา ดังนั้น Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียด แต่จากการเปรียบเทียบดู Storyฯ พบว่ามีความแตกต่างกันบ้าง จึงขอใช้เวอร์ชั่นที่แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์หนิงเซี่ยกู้หยวนเป็นหลักเพราะถือว่าเป็นไปตามข้อมูลประวัติศาสตร์ที่จีนบันทึกเอง (ดูรูปประกอบ 2) เราจะเห็นว่าเส้นทางสายไหมมีเส้นทางบกและเส้นทางทะเล และเส้นทางบกไม่ได้จบลงที่เมืองฉางอัน (ซีอันปัจจุบัน) อย่างที่หลายคนเข้าใจ หากแต่มีการเชื่อมต่อไปจรดทะเลเชื่อมต่อเข้ากับเส้นทางทะเล Storyฯ ลองใส่ข้อมูลอื่นเพิ่มเข้าไปในแผนที่เต็มนี้ (ดูรูปประกอบ 1) ก่อนอื่นคือใส่แผนที่ของราชวงศ์ถังซ้อนลงไปเพื่อให้เห็นภาพอาณาเขตโดยคร่าว ทั้งนี้ตลอดสามร้อยกว่าปีการปกครองของถังในเขตซีอวี้ (ซินเกียงปัจจุบัน) แตกต่างกันไป เลยลองใช้แผนที่ของช่วงประมาณปีค.ศ. 700 ก็จะเห็นเขตพื้นที่ซีอวี้ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือที่มีเมืองตุนหวงเป็นเสมือนประตูทางผ่าน จากนั้นใส่เขตพื้นที่มณฑลหยางโจวในสมัยนั้นซึ่งอยู่ทางใต้ของแผนที่ติดทะเล (คือเส้นประเล็กๆ) (หมายเหตุ เส้นขอบทั้งหมดอาจไม่เป๊ะด้วยข้อจำกัดการวาดของ Storyฯ เอง) เมื่อใส่เสร็จแล้วก็เห็นได้เลยว่าตวนอู่และเยี่ยจื่อจิงของเราในเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> เขาเดินทางตามเส้นทางสายใหม่จริงๆ เริ่มกันที่ด้านล่างของแผนที่ซึ่งเป็นแถบพื้นที่เหอผู่อันเป็นแหล่งเก็บมุกทะเล (ปัจจุบันเรียกเป๋ยไห่ คือพื้นที่สีแดง) ที่นี่เป็นฉากเริ่มต้นของเรื่อง (ย้อนอ่านเรื่องการเก็บมุกได้จากบทความสัปดาห์ที่แล้ว) จากนั้นเดินทางผ่านกวางเจาขึ้นเหนือและสู้รบปรบมือกับคนตระกูลชุยและศัตรูอื่นเป็นระยะตั้งแต่เมืองซ่าวโจวถึงเมืองอู่หลิง จากนั้นเดินทางเรื่อยขึ้นไปจนถึงเมืองเปี้ยนโจวซึ่งคือเมืองไคฟงปัจจุบัน แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านนครฉางอัน ข้ามเขตทะเลทรายเข้าเขตซีอวี้ซึ่งการเข้าเขตซีอวี้ในสมัยนั้นจะผ่านเมืองตุนหวง ณ จุดนี้ เรื่องราวผ่านไปแล้วประมาณ 1/3 ของเรื่อง หลังจากนั้นเหล่าตัวละครกลับมาจากซีอวี้แล้วเดินทางมาถึงเมืองหยางโจวข้ามผ่านระยะทางอย่างไกลได้อย่างไรไม่ทราบได้ Storyฯ ดูจากแผนที่แล้วน่าจะย้อนกลับมาทางเมืองเปี้ยนเฉิงและจากจุดนั้นมีเส้นทาง (ที่ไม่ใช่เส้นทางสายไหมและไม่ได้วาดไว้ในรูปประกอบ) เชื่อมลงมายังเมืองหยางโจว ซึ่งมีทั้งเส้นทางบกและเส้นทางคลองใหญ่ต้าอวิ้นเหอที่สามารถใช้ได้ (หมายเหตุ เส้นทางต้าอวิ้นเหอมีการเปลี่ยนแปลงไปในยุคสมัยหมิงเป็นต้นมา) และเรื่องราวที่เหลือของเรื่องก็จะมีฉากหลังอยู่ที่การค้าอัญมณีที่เมืองหยางโจวนี้ ในเรื่องมีกล่าวถึงอัญมณีหนึ่งที่น่าสนใจชื่อว่า ‘เซ่อเซ่อ’ (瑟瑟 ไม่แน่ใจว่าแปลซับไทยไว้ว่าอย่างไร) ซึ่งเป็นพลอยประเภท Beryl Stone มีสีเขียวฟ้าและฟ้า บอกว่าเป็นพลอยที่มีค่าหายากมาก ในความเป็นจริง Beryl Stone แบ่งเป็นประเภทย่อยอีกตามสี แต่เรามักเรียกรวมพลอยสีฟ้าเขียวว่าพลอยอะความารีน (Aquamarine) และในละครมีการกล่าวว่าพลอยเซ่อเซ่อเกรดดีส่วนใหญ่มาจากเขตซีอวี้ แต่แถวหยางโจวก็พอให้หาซื้อได้ ซึ่งเป็นข้อมูลจริงตามประวัติศาสตร์ เพราะพลอยเซ่อเซ่อในจีนหาได้ในสามพื้นที่หลักคือซินเกียง (ซีอวี้) ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ และที่ยูนนานและหูเป่ย (ไม่ไกลจากเมืองอู่หลิงในภาพ ซึ่งเป็นจุดที่น้องชุยสือจิ่วของเราถูกจับขังในเหมือง) เมืองหยางโจวเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการคมนาคมทั้งทางบกและทางเรือของจีนโบราณ จึงไม่แปลกที่เรามักเห็นในซีรีส์และนิยายจีนโบราณกล่าวถึงหยางโจวว่าเป็นเขตค้าขายมีตระกูลพ่อค้าร่ำรวย ที่นี่ไม่เพียงเป็นจุดเชื่อมเส้นทางสายไหมทางบกและทะเลโดยผ่านแม่น้ำแยงซีเกียง และยังมีคลองต้าอวิ้นเหอเชื่อมขึ้นเหนือ ในสมัยถังที่นี่เป็นศูนย์กลางการค้าเสบียงอาหาร เกลือและเหล็กไปยังพื้นที่ต่างๆ ของจีน อีกทั้งค้าขายส่งออกผ้าไหมและงานกระเบื้องรวมถึงนำเข้าสินค้าหลากชนิดผ่านเส้นทางบกและเรือ นอกจากนี้ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องงานช่างงานฝีมือและมีการพบเจอซากเรือสมัยถังพร้อมเครื่องประดับมากมายที่แสดงให้เห็นว่าในสมัยถังมีการค้าขายเครื่องประดับด้วยเช่นกัน หวังว่าเพื่อนเพจจะเห็นภาพแล้วว่าการเดินเรื่องของ <ม่านมุกม่านหยก> ผ่านพื้นที่ไหนบ้าง และทำไมเหล่าคู่อริทางการค้าจึงพบหน้ากันบ่อย... เพราะทุกคนล้วนค้าขายและใช้เส้นทางสายไหมกันนั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://m.bjnews.com.cn/detail/1730788116168379.html https://www.chinadiscovery.com/assets/images/silk-road/history/tang-silk-road-map-llsboc-qunar.jpg Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.163.com/dy/article/JG5GE87L0512D3VJ.html https://www.163.com/dy/article/JGCT7TAP0530WJTO.html https://baike.baidu.com/item/扬州市 https://turnstone.ca/rom186be.htm #ม่านมุกม่านหยก #เส้นทางสายไหม #พลอยจีน #หยางโจว #สาระจีน
    M.BJNEWS.COM.CN
    赵露思、刘宇宁新剧《珠帘玉幕》今日卫视开播
    赵露思、刘宇宁新剧《珠帘玉幕》今日卫视开播
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1199 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาหากใครได้ขับรถไปทางเส้นสุขุมวิท บริเวณจุดเชื่อมต่อระยอง – จันทบุรี เราอาจได้เห็นล้งทุเรียนมากมายริมถนนสุขุมวิท และยิ่งใครได้เดินทางมาช่วงมีนาคม – เมษายน ก็จะได้สัมผัสประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยรถขนทุเรียนรายล้อม ล้งทุเรียนที่คึกคักตลอดวันตลอดคืน หรือแม้แต่การชิงตัดราคากันบนถนนระหว่างรถจอดติดไฟแดงเอง ก็เป็นเหตุการณ์ที่คนในพื้นที่คุ้นเคยกันดี หรือหลายคนอาจจะเคยได้ยินอย่างอาชีพคนวิ่งทุเรียนย้อนกลับไปก่อนการเฟื่องฟูของล้งทุเรียนที่หมายถึงพ่อค้าคนกลางที่เป็นเหมือนโรงคัดแยกและบรรจุทุเรียนเพื่อส่งไปขายต่อ จริงๆ แล้ว ‘ล้ง’ นั้นถูกใช้งานกับการเป็นพ่อค้าคนกลางสำหรับผลไม้ประเภทอื่นๆ ด้วยจากข้อมูลในรายงานศึกษา ได้ชี้ให้เห็นตัวเลขว่า ก่อนปี พ.ศ. 2550 ทุเรียนส่วนใหญ่ยังเน้นบริโภคในประเทศ โดยส่งออกน้อยกว่า 30% ของผลผลิตทั้งหมด แต่หลังปี พ.ศ. 2555 เป็นต้นมา เมื่อเริ่มมีความต้องการจากตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ทำให้ล้งเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยแรกเริ่มมีล้งของคนไทย ล้งของคนจีน และล้งของคนเวียดนาม จนกระทั่งตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 70% ของผลผลิตทั้งหมด นำไปสู่การเปลี่ยนวิถีการขายทุเรียนที่เน้นเหมาสวนส่งให้ล้ง มีนายหน้าตกลงราคาก่อนผลผลิตจะออกผลและส่งขายโดยข้อมูลในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 กองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวิชาการเกษตร ได้แสดงสถิติไว้ว่า ล้งที่ส่งออกไปขายที่จีนทั่วประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 2,122 ราย หากสโคปลงมาที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออกแบ่งเป็น จันทบุรี 909 ราย ระยอง 50 ราย และตราด 29 ราย รวมเป็น 988 ราย หรือคิดเป็น 42.84% ของจำนวนล้งทั้งประเทศแต่นี่เป็นเพียงตัวเลขที่มีการขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานรัฐเท่านั้น เพราะตามรายงานศึกษาของ Land Watch และ EEC Watch พบว่า ในการรายงานข่าวจากสำนักข่าว ThaiPBS ได้ลงพื้นที่สอบถามเจ้าของสวนทุเรียน และพบว่าจำนวนล้งใน 3 จังหวัด จันทบุรี ระยอง ตราด นั้นมีมากกว่า 1,200 ล้งในรายงานศึกษายังได้อธิบายรูปแบบการทำธุรกิจของล้ง โดยแบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ ล้งจีน ล้งไทย และล้งไทยที่มีการร่วมทุนกับต่างชาติ (ซึ่งก็คือจีน) โดยในรูปแบบที่เป็นการร่วมทุน จะมาในลักษณะของ ทุนต่างชาติเป็นผู้ลงเงิน ส่วนคนไทยจะเป็นคนจัดหาลูกทุเรียน และจัดการเรื่องส่งออกโดยข้อมูลจากแหล่งข้อมูลในพื้นที่กรณีศึกษา พบว่า ล้งที่เป็นการร่วมทุนจะตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอเขาคิชกูฏ จ.จันทบุรี ในขณะที่ล้งจีน 100% จะพบได้ที่อำเภอท่าใหม่ และอำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี โดยใช้ทุนหมุนเวียนวันละไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท โดยใน 3 จังหวัดภาคตะวันออกมีการคาดการณ์ว่ามีล้งจีนกว่า 600 ล้ง ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร แต่ก็ยังมีที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีกมากเช่นกันในขณะที่ล้งไทยส่วนใหญ่ จะเป็นคนมีตำแหน่งอย่างผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน โดยจะเป็นพ่อค้าคนกลางส่งต่อให้กับบริษัทส่งออกของจีนอีกทอดหนึ่ง และมักใช้วิธีการซื้อผ่านการ ‘เกี๊ยว’ หรือมัดจำเอาไว้กับสวนทุเรียนตั้งแต่ช่วงออกดอกหรือที่เรียกว่าช่วง หางแย้ โดยอาศัยความเป็นคนในพื้นที่ในการมีข้อมูลว่าบ้านไหนทำสวน และล้งไทยจะต้องหาให้ได้ตามดีลที่มักนับหน่วยเป็นเต็ม 1 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือประมาณ 18 ตันปัจจุบันจากรายงานข่าวของ ThaiPBS ในเดือนมีนาคม 2567 พบว่าในจังหวัดจันทบุรีมีล้งไทยเหลือไม่ถึง 10% ของจำนวนล้งในจันทบุรี ส่วนใหญ่ได้ผันตัวเป็นล้งที่ร่วมทุนระหว่างไทย-จีน ไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าแม้ล้งจะเป็นผู้กำหนดราคาคนสำคัญ แต่ทุนจีนมองการณ์ไกลกว่านั้น โดยเริ่มทำล้งที่มีสวนทุเรียนไปด้วยนั่นเอง‘เขา’ มาซื้อสวนทุเรียนจากปลายน้ำอย่างการรับซื้อผลทุเรียน สู่กลางน้ำที่เป็นพ่อค้าคนกลางเองในการเป็นล้ง การทำธุรกิจทุเรียนของจีนได้รุกคืบเข้ามาในอุตสาหกรรมทุเรียนของไทยสู่ต้นน้ำ หรือคือการเป็นผู้ผลิตเสียเอง โดยเริ่มมีการครอบครองสวนทุเรียนโดยทุนจีน ซึ่งจากรายงานศึกษานี้พบว่ากลุ่มทุนจีนที่มาทำธุรกิจล้งทุเรียนมักเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่มาซื้อสวนทุเรียนและทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็นการรับประกันว่าจะมีผลผลิตสำหรับการส่งออกที่เพียงพอ แต่อีกเหตุผลที่สำคัญกว่าก็คือการทำกำไรมหาศาล เนื่องจากสามารถกำหนดราคาได้เอง และควบคุมตลาดได้เบ็ดเสร็จโดยในรายงานศึกษาได้นำเสนอวิธีการครอบครองที่ดินของทุนจีน โดยพื้นที่ที่ทุนจีนเล็งไว้มักมีลักษณะที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำเนื่องจากทุเรียนต้องใช้น้ำจำนวนมากในการดูแล นอกจากนี้ทุนจีนมักไม่สนใจที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์เนื่องจากมีราคาสูง แต่มักเลือกที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ เช่นในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติซึ่งการเริ่มต้นเข้าไปครอบครองทำสวนทุเรียนจะเริ่มจากมีนายหน้าคนไทยที่คอยเป็นนอมินีให้ทุนจีนโพสต์ตามหาที่ดินตามกบุ่มซื้อ-ขายที่ดินในโซเชียลมีเดีย และมีนายหน้าคนไทยเข้ามาคอมเมนต์เสนอขายที่ดิน ซึ่งนายหน้าที่มาขายที่ดินส่วนใหญ่ก็มักเป็นผู้นำชุมชน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนันที่รู้จักพื้นที่เป็นอย่างดีหลังจากได้ข้อมูลที่ดินก็จะมีการนัดแนะ และคนจีนจะเข้าไปดูพื้นที่และตัดสินใจด้วยตัวเองทันทีไม่ผ่านนายหน้า โดยมีข้อสังเกตว่าบางครั้งในการซื้อขายบนโซเชียลมีเดียเอง ก็อาจเป็นคนจีนที่ใช้แอคเคาต์อวตารเป็นคนไทยเพื่อลดค่าใช้จ่ายผ่านนายหน้า ซึ่งที่ดินที่ทุนจีนสนใจมักเป็นสวนที่ต้นทุเรียนให้ผลผลิตแล้ว หลังจากถูกใจในที่ดินก็มีการตกลงซื้อขาย ทำสัญญาเป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษ มีทนายมาร่วมในกระบวนการ โดยจะดำเนินการทำสัญญาที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน และมีผู้ใหญ่บ้านเป็นพยาน เพื่อเป็นหลักประกันว่าที่ดินนี้เชื่อถือได้ โดยผู้ใหญ่บ้านก็จะได้รับเงินในการทำสัญญาครั้งละ 3,000 – 5,000 บาทhttps://epigramnews.co/environment/cross-border-land-acquisition-by-chinese-capital/
    ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาหากใครได้ขับรถไปทางเส้นสุขุมวิท บริเวณจุดเชื่อมต่อระยอง – จันทบุรี เราอาจได้เห็นล้งทุเรียนมากมายริมถนนสุขุมวิท และยิ่งใครได้เดินทางมาช่วงมีนาคม – เมษายน ก็จะได้สัมผัสประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยรถขนทุเรียนรายล้อม ล้งทุเรียนที่คึกคักตลอดวันตลอดคืน หรือแม้แต่การชิงตัดราคากันบนถนนระหว่างรถจอดติดไฟแดงเอง ก็เป็นเหตุการณ์ที่คนในพื้นที่คุ้นเคยกันดี หรือหลายคนอาจจะเคยได้ยินอย่างอาชีพคนวิ่งทุเรียนย้อนกลับไปก่อนการเฟื่องฟูของล้งทุเรียนที่หมายถึงพ่อค้าคนกลางที่เป็นเหมือนโรงคัดแยกและบรรจุทุเรียนเพื่อส่งไปขายต่อ จริงๆ แล้ว ‘ล้ง’ นั้นถูกใช้งานกับการเป็นพ่อค้าคนกลางสำหรับผลไม้ประเภทอื่นๆ ด้วยจากข้อมูลในรายงานศึกษา ได้ชี้ให้เห็นตัวเลขว่า ก่อนปี พ.ศ. 2550 ทุเรียนส่วนใหญ่ยังเน้นบริโภคในประเทศ โดยส่งออกน้อยกว่า 30% ของผลผลิตทั้งหมด แต่หลังปี พ.ศ. 2555 เป็นต้นมา เมื่อเริ่มมีความต้องการจากตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ทำให้ล้งเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยแรกเริ่มมีล้งของคนไทย ล้งของคนจีน และล้งของคนเวียดนาม จนกระทั่งตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 70% ของผลผลิตทั้งหมด นำไปสู่การเปลี่ยนวิถีการขายทุเรียนที่เน้นเหมาสวนส่งให้ล้ง มีนายหน้าตกลงราคาก่อนผลผลิตจะออกผลและส่งขายโดยข้อมูลในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 กองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช กรมวิชาการเกษตร ได้แสดงสถิติไว้ว่า ล้งที่ส่งออกไปขายที่จีนทั่วประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 2,122 ราย หากสโคปลงมาที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออกแบ่งเป็น จันทบุรี 909 ราย ระยอง 50 ราย และตราด 29 ราย รวมเป็น 988 ราย หรือคิดเป็น 42.84% ของจำนวนล้งทั้งประเทศแต่นี่เป็นเพียงตัวเลขที่มีการขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานรัฐเท่านั้น เพราะตามรายงานศึกษาของ Land Watch และ EEC Watch พบว่า ในการรายงานข่าวจากสำนักข่าว ThaiPBS ได้ลงพื้นที่สอบถามเจ้าของสวนทุเรียน และพบว่าจำนวนล้งใน 3 จังหวัด จันทบุรี ระยอง ตราด นั้นมีมากกว่า 1,200 ล้งในรายงานศึกษายังได้อธิบายรูปแบบการทำธุรกิจของล้ง โดยแบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ ล้งจีน ล้งไทย และล้งไทยที่มีการร่วมทุนกับต่างชาติ (ซึ่งก็คือจีน) โดยในรูปแบบที่เป็นการร่วมทุน จะมาในลักษณะของ ทุนต่างชาติเป็นผู้ลงเงิน ส่วนคนไทยจะเป็นคนจัดหาลูกทุเรียน และจัดการเรื่องส่งออกโดยข้อมูลจากแหล่งข้อมูลในพื้นที่กรณีศึกษา พบว่า ล้งที่เป็นการร่วมทุนจะตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอเขาคิชกูฏ จ.จันทบุรี ในขณะที่ล้งจีน 100% จะพบได้ที่อำเภอท่าใหม่ และอำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี โดยใช้ทุนหมุนเวียนวันละไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท โดยใน 3 จังหวัดภาคตะวันออกมีการคาดการณ์ว่ามีล้งจีนกว่า 600 ล้ง ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร แต่ก็ยังมีที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีกมากเช่นกันในขณะที่ล้งไทยส่วนใหญ่ จะเป็นคนมีตำแหน่งอย่างผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน โดยจะเป็นพ่อค้าคนกลางส่งต่อให้กับบริษัทส่งออกของจีนอีกทอดหนึ่ง และมักใช้วิธีการซื้อผ่านการ ‘เกี๊ยว’ หรือมัดจำเอาไว้กับสวนทุเรียนตั้งแต่ช่วงออกดอกหรือที่เรียกว่าช่วง หางแย้ โดยอาศัยความเป็นคนในพื้นที่ในการมีข้อมูลว่าบ้านไหนทำสวน และล้งไทยจะต้องหาให้ได้ตามดีลที่มักนับหน่วยเป็นเต็ม 1 ตู้คอนเทนเนอร์ หรือประมาณ 18 ตันปัจจุบันจากรายงานข่าวของ ThaiPBS ในเดือนมีนาคม 2567 พบว่าในจังหวัดจันทบุรีมีล้งไทยเหลือไม่ถึง 10% ของจำนวนล้งในจันทบุรี ส่วนใหญ่ได้ผันตัวเป็นล้งที่ร่วมทุนระหว่างไทย-จีน ไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าแม้ล้งจะเป็นผู้กำหนดราคาคนสำคัญ แต่ทุนจีนมองการณ์ไกลกว่านั้น โดยเริ่มทำล้งที่มีสวนทุเรียนไปด้วยนั่นเอง‘เขา’ มาซื้อสวนทุเรียนจากปลายน้ำอย่างการรับซื้อผลทุเรียน สู่กลางน้ำที่เป็นพ่อค้าคนกลางเองในการเป็นล้ง การทำธุรกิจทุเรียนของจีนได้รุกคืบเข้ามาในอุตสาหกรรมทุเรียนของไทยสู่ต้นน้ำ หรือคือการเป็นผู้ผลิตเสียเอง โดยเริ่มมีการครอบครองสวนทุเรียนโดยทุนจีน ซึ่งจากรายงานศึกษานี้พบว่ากลุ่มทุนจีนที่มาทำธุรกิจล้งทุเรียนมักเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่มาซื้อสวนทุเรียนและทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็นการรับประกันว่าจะมีผลผลิตสำหรับการส่งออกที่เพียงพอ แต่อีกเหตุผลที่สำคัญกว่าก็คือการทำกำไรมหาศาล เนื่องจากสามารถกำหนดราคาได้เอง และควบคุมตลาดได้เบ็ดเสร็จโดยในรายงานศึกษาได้นำเสนอวิธีการครอบครองที่ดินของทุนจีน โดยพื้นที่ที่ทุนจีนเล็งไว้มักมีลักษณะที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำเนื่องจากทุเรียนต้องใช้น้ำจำนวนมากในการดูแล นอกจากนี้ทุนจีนมักไม่สนใจที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์เนื่องจากมีราคาสูง แต่มักเลือกที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ เช่นในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติซึ่งการเริ่มต้นเข้าไปครอบครองทำสวนทุเรียนจะเริ่มจากมีนายหน้าคนไทยที่คอยเป็นนอมินีให้ทุนจีนโพสต์ตามหาที่ดินตามกบุ่มซื้อ-ขายที่ดินในโซเชียลมีเดีย และมีนายหน้าคนไทยเข้ามาคอมเมนต์เสนอขายที่ดิน ซึ่งนายหน้าที่มาขายที่ดินส่วนใหญ่ก็มักเป็นผู้นำชุมชน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนันที่รู้จักพื้นที่เป็นอย่างดีหลังจากได้ข้อมูลที่ดินก็จะมีการนัดแนะ และคนจีนจะเข้าไปดูพื้นที่และตัดสินใจด้วยตัวเองทันทีไม่ผ่านนายหน้า โดยมีข้อสังเกตว่าบางครั้งในการซื้อขายบนโซเชียลมีเดียเอง ก็อาจเป็นคนจีนที่ใช้แอคเคาต์อวตารเป็นคนไทยเพื่อลดค่าใช้จ่ายผ่านนายหน้า ซึ่งที่ดินที่ทุนจีนสนใจมักเป็นสวนที่ต้นทุเรียนให้ผลผลิตแล้ว หลังจากถูกใจในที่ดินก็มีการตกลงซื้อขาย ทำสัญญาเป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษ มีทนายมาร่วมในกระบวนการ โดยจะดำเนินการทำสัญญาที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน และมีผู้ใหญ่บ้านเป็นพยาน เพื่อเป็นหลักประกันว่าที่ดินนี้เชื่อถือได้ โดยผู้ใหญ่บ้านก็จะได้รับเงินในการทำสัญญาครั้งละ 3,000 – 5,000 บาทhttps://epigramnews.co/environment/cross-border-land-acquisition-by-chinese-capital/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 715 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts