• คปท. ฟาดซ้ำ! จี้ ครม. ลาออกทั้งคณะ หลัง "ทักษิณ" แทรกแซงอำนาจรัฐอย่างเปิดเผย ซ้ำรอยนายกฯ "อุ๊งอิ๊ง" ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
    https://www.thai-tai.tv/news/20229/
    .
    #คปท #รัฐบาลแพทองธาร #ทักษิณชินวัตร #แทรกแซงอำนาจรัฐ #ปฏิรูปประเทศไทย #ศาลรัฐธรรมนูญ #ประชาธิปไตย #การเมืองไทย #อธิปไตยของปวงชน #กกต
    คปท. ฟาดซ้ำ! จี้ ครม. ลาออกทั้งคณะ หลัง "ทักษิณ" แทรกแซงอำนาจรัฐอย่างเปิดเผย ซ้ำรอยนายกฯ "อุ๊งอิ๊ง" ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ https://www.thai-tai.tv/news/20229/ . #คปท #รัฐบาลแพทองธาร #ทักษิณชินวัตร #แทรกแซงอำนาจรัฐ #ปฏิรูปประเทศไทย #ศาลรัฐธรรมนูญ #ประชาธิปไตย #การเมืองไทย #อธิปไตยของปวงชน #กกต
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ แถลงความคืบหน้า การจัดกิจกรรม “ความรักชาติไทย” #28มิถุนามาแน่ : คนเคาะข่าว 24-06-68
    : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน
    : จตุพร พรหมพันธุ์
    : พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
    : ประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.)
    : แก้วสรร อติโพธิ
    : พิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)
    กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ แถลงความคืบหน้า การจัดกิจกรรม “ความรักชาติไทย” #28มิถุนามาแน่ : คนเคาะข่าว 24-06-68 : ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน : จตุพร พรหมพันธุ์ : พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย : ประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) : แก้วสรร อติโพธิ : พิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 301 Views 11 0 Reviews
  • THE ANWAR’S DISGUSTING ADVISOR

    เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว สำหรับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพในปี 2568 ทั้งที่นายทักษิณเพิ่งได้รับการพักโทษอย่างน่ากังขาจากคดีทุจริต 3 คดี โดยที่ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว กลับอาศัยอยู่ที่ห้องพักสุดหรูบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจด้วยข้ออ้างอาการป่วยขั้นวิกฤต เป็นบุคคลน่ารังเกียจในสายตาชาวไทยที่ยึดถือความยุติธรรม และตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาที่ปรึกษารายนี้ไม่มีผลงานใดเป็นรูปธรรม นอกจากใช้เป็นข้ออ้าง ขออนุญาตศาลอาญาเดินทางออกนอกประเทศ

    เมื่อวันที่ 14 พ.ค. เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ ชุมนุมหน้าอาคารโครนอส สาทร ทาวเวอร์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือผ่านสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ทบทวนการแต่งตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ทั้งที่ปัจจุบันนายทักษิณเป็นจำเลยในคดีอาญา มาตรา 112 รวมทั้งนายทักษิณเคยให้การรับสารภาพและถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก โดยคดีถึงที่สุดแล้ว ในคดีทุจริตคอร์รัปชันเมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถูกประชาชนคนไทยมีคำถามกับสิ่งที่นายทักษิณอ้างว่าป่วยวิกฤตและไม่เข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว

    คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และศาลฎีกาได้เริ่มกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงว่า การบังคับโทษนายทักษิณเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ดังนั้น นายทักษิณที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียนที่นายอันวาร์แต่งตั้ง จึงเป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินการทางกฎหมายของประเทศไทย และถูกดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงจากศาลไทยซึ่งอาจจะนำมาสู่การลงโทษผู้กระทำความผิด หรือแม้แต่การลงโทษนายทักษิณอีกครั้งหนึ่ง

    "เกรงว่าด้วยตำแหน่งที่นายอันวาร์แต่งตั้งให้นายทักษิณเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน จะกลายเป็นเงื่อนไขใช้เป็นข้ออ้างในการเดินทางออกนอกประเทศของนายทักษิณ แล้วไม่กลับมาสู่การพิสูจน์ความจริงเหมือนที่นายทักษิณเคยกระทำมาแล้ว ซึ่งก็จะกลายเป็นการใช้ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายอันวาร์ มาบดบังกระบวนการยุติธรรมของไทย อันเป็นการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดมิตรไมตรีของสองประเทศอันมีมาช้านาน จึงขอให้ทบทวนการแต่งตั้งนายทักษิณ เพื่อธํารงไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมืองของประเทศอาเซียน และให้กระบวนการยุติธรรมไทยมีความศักดิ์สิทธิ์ เหมือนทุกประเทศมีกระบวนการยุติธรรมในประเทศของตนเอง"

    #Newskit
    THE ANWAR’S DISGUSTING ADVISOR เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว สำหรับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพในปี 2568 ทั้งที่นายทักษิณเพิ่งได้รับการพักโทษอย่างน่ากังขาจากคดีทุจริต 3 คดี โดยที่ไม่เคยติดคุกแม้แต่วันเดียว กลับอาศัยอยู่ที่ห้องพักสุดหรูบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจด้วยข้ออ้างอาการป่วยขั้นวิกฤต เป็นบุคคลน่ารังเกียจในสายตาชาวไทยที่ยึดถือความยุติธรรม และตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาที่ปรึกษารายนี้ไม่มีผลงานใดเป็นรูปธรรม นอกจากใช้เป็นข้ออ้าง ขออนุญาตศาลอาญาเดินทางออกนอกประเทศ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ ชุมนุมหน้าอาคารโครนอส สาทร ทาวเวอร์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือผ่านสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ทบทวนการแต่งตั้งนายทักษิณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ทั้งที่ปัจจุบันนายทักษิณเป็นจำเลยในคดีอาญา มาตรา 112 รวมทั้งนายทักษิณเคยให้การรับสารภาพและถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก โดยคดีถึงที่สุดแล้ว ในคดีทุจริตคอร์รัปชันเมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถูกประชาชนคนไทยมีคำถามกับสิ่งที่นายทักษิณอ้างว่าป่วยวิกฤตและไม่เข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และศาลฎีกาได้เริ่มกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงว่า การบังคับโทษนายทักษิณเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ดังนั้น นายทักษิณที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียนที่นายอันวาร์แต่งตั้ง จึงเป็นบุคคลที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินการทางกฎหมายของประเทศไทย และถูกดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงจากศาลไทยซึ่งอาจจะนำมาสู่การลงโทษผู้กระทำความผิด หรือแม้แต่การลงโทษนายทักษิณอีกครั้งหนึ่ง "เกรงว่าด้วยตำแหน่งที่นายอันวาร์แต่งตั้งให้นายทักษิณเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน จะกลายเป็นเงื่อนไขใช้เป็นข้ออ้างในการเดินทางออกนอกประเทศของนายทักษิณ แล้วไม่กลับมาสู่การพิสูจน์ความจริงเหมือนที่นายทักษิณเคยกระทำมาแล้ว ซึ่งก็จะกลายเป็นการใช้ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายอันวาร์ มาบดบังกระบวนการยุติธรรมของไทย อันเป็นการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดมิตรไมตรีของสองประเทศอันมีมาช้านาน จึงขอให้ทบทวนการแต่งตั้งนายทักษิณ เพื่อธํารงไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมืองของประเทศอาเซียน และให้กระบวนการยุติธรรมไทยมีความศักดิ์สิทธิ์ เหมือนทุกประเทศมีกระบวนการยุติธรรมในประเทศของตนเอง" #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 628 Views 0 Reviews
  • เปิดร่างกฎหมายกาสิโน ขีดเส้นให้มีแค่ 10% เท่านั้น ภาคประชาชนค้านเต็มกำลัง
    .
    มาถึงชั่วโมงนี้แม้ว่าจะมีกระแสต่อต้านการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย แต่คงเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะทบทวนตามข้อเรียกร้องของภาคประชาชน ภายหลังล่าสุดเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ปี พ.ศ. .... หรือ​ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นร่างผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา วาระที่ 1 เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์​ -​ 1 มีนาคม​ 2568
    .
    สาระสำคัญในพระราชบัญญัติ​ดังกล่าว​ มีการระบุสัดส่วนชัดเจนของกาสิโนตามมาตรา 18 ( 6)​ ที่กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร ทั้งนี้ ต้องไม่เกินร้อยละสิบของที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ในกรณีที่กาสิโนตั้งอยู่ในอาคารใดให้นับจากพื้นที่อาคารนั้นทั้งหมด
    .
    นอกจากนี้ มาตรา 46 ในการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ต้องกำหนดให้มีใบอนุญาตตามจำนวนกิจการหรือธุรกิจในสถานบันเทิงตามที่ระบุไว้ในบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้อย่างน้อยสี่ประเภท ร่วมกับกาสิโน และให้ถือว่าผู้ได้รับใบอนุญาตในกิจการใดกิจการหนึ่ง เป็นผู้ได้รับอนุญาตในกิจการอื่นที่ประกอบกันเป็นสถานบันเทิงครบวงจร โดยไม่ต้องยื่นคำขอมีใบอนุญาตเป็นรายกิจการใหม่อีก และให้ระบุการได้รับอนุญาตสำหรับกิจการที่ได้รับอนุญาตหรือใบอนุญาตอื่นให้ชัดแจ้งไว้ในใบอนุญาตทุกใบด้วย
    .
    มาตรา 63 ผู้รับใบอนุญาตจะต้องดำเนินการดังนี้ (1) จัดให้มีเขตบริเวณของกาสิโนซึ่งแยกเป็นเอกเทศจากสถานประกอบธุรกิจสถานบันเทิงอื่นโดยมีรั้วและประตูทางเข้าแยกจากสถานประกอบธุรกิจอื่น เว้นแต่เป็นธุรกิจที่อยู่ในกาสิโนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าเล่นพนัน (2) มีการควบคุมการเข้าออกโดย มีการตรวจสอบและลงทะเบียนหนังสือเดินทางหรือบัตรประชาชนหรือเอกสารระบุตัวตนอื่น พร้อมทั้งภาพถ่ายใบหน้า(4) ตรวจสอบผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันให้เป็นไปตามมาตรา 64 และมาตรา 65
    .
    ด้าน กลุ่มเครือข่ายประชาชน นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล และ นายนัสเซอร์ ยีหมะ ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นายใจเพชร กล้าจน ตัวแทนกองทัพธรรม และ นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการเปิดกาสิโนในประเทศไทย
    .
    เนื้อหาในหนังสือระบุว่า ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี แต่พบว่ามีการบรรจุ “กาสิโน” ไว้ในร่างกฎหมายดังกล่าวด้วย ซึ่งกลุ่มผู้คัดค้านเปรียบเปรยว่า เป็นเหมือนการแอบผสมสารพิษลงในอาหาร แม้จะมีสัดส่วนเพียง 10% ของพื้นที่สถานบันเทิงตามมาตรา 18 (6) ของร่างกฎหมาย แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้
    .
    การพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งกาสิโน เพราะธุรกิจการพนันมีแต่จะทำให้คุณภาพของสังคมไทยเสื่อมโทรมลง และนำไปสู่ปัญหาสังคมในอนาคต พวกเขาจึงเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาข้อเสนอของภาคประชาชนและแจ้งไปยังคณะรัฐมนตรีให้รับทราบถึงความห่วงใยของประชาชนต่อเรื่องนี้
    ..............
    Sondhi X
    เปิดร่างกฎหมายกาสิโน ขีดเส้นให้มีแค่ 10% เท่านั้น ภาคประชาชนค้านเต็มกำลัง . มาถึงชั่วโมงนี้แม้ว่าจะมีกระแสต่อต้านการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย แต่คงเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะทบทวนตามข้อเรียกร้องของภาคประชาชน ภายหลังล่าสุดเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ปี พ.ศ. .... หรือ​ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นร่างผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา วาระที่ 1 เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์​ -​ 1 มีนาคม​ 2568 . สาระสำคัญในพระราชบัญญัติ​ดังกล่าว​ มีการระบุสัดส่วนชัดเจนของกาสิโนตามมาตรา 18 ( 6)​ ที่กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจร ทั้งนี้ ต้องไม่เกินร้อยละสิบของที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ในกรณีที่กาสิโนตั้งอยู่ในอาคารใดให้นับจากพื้นที่อาคารนั้นทั้งหมด . นอกจากนี้ มาตรา 46 ในการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ต้องกำหนดให้มีใบอนุญาตตามจำนวนกิจการหรือธุรกิจในสถานบันเทิงตามที่ระบุไว้ในบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้อย่างน้อยสี่ประเภท ร่วมกับกาสิโน และให้ถือว่าผู้ได้รับใบอนุญาตในกิจการใดกิจการหนึ่ง เป็นผู้ได้รับอนุญาตในกิจการอื่นที่ประกอบกันเป็นสถานบันเทิงครบวงจร โดยไม่ต้องยื่นคำขอมีใบอนุญาตเป็นรายกิจการใหม่อีก และให้ระบุการได้รับอนุญาตสำหรับกิจการที่ได้รับอนุญาตหรือใบอนุญาตอื่นให้ชัดแจ้งไว้ในใบอนุญาตทุกใบด้วย . มาตรา 63 ผู้รับใบอนุญาตจะต้องดำเนินการดังนี้ (1) จัดให้มีเขตบริเวณของกาสิโนซึ่งแยกเป็นเอกเทศจากสถานประกอบธุรกิจสถานบันเทิงอื่นโดยมีรั้วและประตูทางเข้าแยกจากสถานประกอบธุรกิจอื่น เว้นแต่เป็นธุรกิจที่อยู่ในกาสิโนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าเล่นพนัน (2) มีการควบคุมการเข้าออกโดย มีการตรวจสอบและลงทะเบียนหนังสือเดินทางหรือบัตรประชาชนหรือเอกสารระบุตัวตนอื่น พร้อมทั้งภาพถ่ายใบหน้า(4) ตรวจสอบผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันให้เป็นไปตามมาตรา 64 และมาตรา 65 . ด้าน กลุ่มเครือข่ายประชาชน นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล และ นายนัสเซอร์ ยีหมะ ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นายใจเพชร กล้าจน ตัวแทนกองทัพธรรม และ นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านการเปิดกาสิโนในประเทศไทย . เนื้อหาในหนังสือระบุว่า ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี แต่พบว่ามีการบรรจุ “กาสิโน” ไว้ในร่างกฎหมายดังกล่าวด้วย ซึ่งกลุ่มผู้คัดค้านเปรียบเปรยว่า เป็นเหมือนการแอบผสมสารพิษลงในอาหาร แม้จะมีสัดส่วนเพียง 10% ของพื้นที่สถานบันเทิงตามมาตรา 18 (6) ของร่างกฎหมาย แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ . การพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวตามนโยบายรัฐบาล ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งกาสิโน เพราะธุรกิจการพนันมีแต่จะทำให้คุณภาพของสังคมไทยเสื่อมโทรมลง และนำไปสู่ปัญหาสังคมในอนาคต พวกเขาจึงเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาข้อเสนอของภาคประชาชนและแจ้งไปยังคณะรัฐมนตรีให้รับทราบถึงความห่วงใยของประชาชนต่อเรื่องนี้ .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    Love
    12
    3 Comments 1 Shares 2836 Views 0 Reviews
  • สะพัดปลัดกระทรวงการคลังระบุ "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" ไม่ผ่านคุณสมบัติประธานบอร์แบงก์ชาติ แต่ให้ไปถาม "พิชัย" เอาเอง คาดขัดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งทางการเมืองและพรรคการเมือง เผย 2 แนวทาง เลือก "กุลิศ สมบัติศิริ" อดีตปลัดพลังงาน 1 ในแคนดิเดตที่เหลือ หรือคัดเลือกกันใหม่ตั้งแต่ต้น
    .
    วันนี้ (24 ธ.ค.) หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าว นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้รับทราบผลการตีความทางกฎหมายจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.คลัง และอดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่วนรายละเอียดในฐานะปลัดกระทรวงการคลังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เนื่องจากเป็นอำนาจของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยข้อมูล
    .
    “มีการคอนเฟิร์มแล้วว่า นายกิตติรัตน์ ไม่ผ่านคุณสมบัติ รายละเอียดต้องไปถามรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง” นายลวรณ กล่าว
    .
    ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีดังกล่าวยังไม่เคยเกิดปัญหาแบบนี้มาก่อน ส่วนแนวทางการสรรหาประธานบอร์ดแบงก์ชาติขั้นตอนต่อไปอาจจะออกมาสองแนวทางคือ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และในฐานะประธานคัดเลือก ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย อาจจะเลือกนายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน ให้ รมว.คลังพิจารณา หรืออีกแนวทางคือ เริ่มการคัดเลือกกันใหม่ตั้งแต่ต้น
    .
    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับรายชื่อที่เข้ารับการคัดเลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย มี 3 ราย คือ นายกิตติรัตน์ เสนอโดยกระทรวงการคลัง นายกุลิศ เสนอโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และนายสุรพล นิติไกรพจน์ ศาสตราจารย์ประจำสาขากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
    .
    ปรากฎว่าที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาฯ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2567 มีมติเลือกนายกิตติรัตน์เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หลังการประชุมผ่านไป 5 ชั่วโมง แต่ไม่มีกรรมการคนใดออกมาให้สัมภาษณ์ รวมทั้งนายสถิตย์เอง ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก็เดินทางกลับไปในทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ซึ่งในวันดังกล่าวได้มีตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์ที่น้อมนำธรรมองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ยื่นหนังสือคัดค้านนายกิตติรัตน์ และมีผู้ชุมนุมจากกองทัพธรรม ร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ปักหลักชุมนุมหน้าธนาคารแห่งประเทศไทย บางขุนพรหม
    .
    ทั้งนี้ คาดว่าสาเหตุที่นายกิตติรัตน์ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากเมื่อพิจารณาจาก คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย 2485 ข้อ 4 ระบุไว้ว่า "ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี" และข้อ 5 ระบุว่า "ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วหนึ่งปี"
    .
    หากพิจารณาจากตำแหน่งในทางการเมืองของนายกิตติรัตน์ ทั้งในบทบาทของประธานที่ปรึกษาของนายกฯ ในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย จึงน่าจะเข้าข่ายขัดคุณสมบัติ และอาจจะกลายเป็นปัญหาหากมีผู้ร้องว่าเป็นการแต่งตั้งที่ขัดกฎหมายดังกล่าว
    .
    ก่อนหน้านี้ นายพิชัย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 ว่า เรื่องดังกล่าวอาจล่าช้าและจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในช่วงเดือน ม.ค. 2568
    ..............
    Sondhi X
    สะพัดปลัดกระทรวงการคลังระบุ "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" ไม่ผ่านคุณสมบัติประธานบอร์แบงก์ชาติ แต่ให้ไปถาม "พิชัย" เอาเอง คาดขัดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งทางการเมืองและพรรคการเมือง เผย 2 แนวทาง เลือก "กุลิศ สมบัติศิริ" อดีตปลัดพลังงาน 1 ในแคนดิเดตที่เหลือ หรือคัดเลือกกันใหม่ตั้งแต่ต้น . วันนี้ (24 ธ.ค.) หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าว นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้รับทราบผลการตีความทางกฎหมายจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.คลัง และอดีตผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่วนรายละเอียดในฐานะปลัดกระทรวงการคลังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เนื่องจากเป็นอำนาจของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยข้อมูล . “มีการคอนเฟิร์มแล้วว่า นายกิตติรัตน์ ไม่ผ่านคุณสมบัติ รายละเอียดต้องไปถามรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง” นายลวรณ กล่าว . ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีดังกล่าวยังไม่เคยเกิดปัญหาแบบนี้มาก่อน ส่วนแนวทางการสรรหาประธานบอร์ดแบงก์ชาติขั้นตอนต่อไปอาจจะออกมาสองแนวทางคือ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และในฐานะประธานคัดเลือก ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย อาจจะเลือกนายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน ให้ รมว.คลังพิจารณา หรืออีกแนวทางคือ เริ่มการคัดเลือกกันใหม่ตั้งแต่ต้น . รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับรายชื่อที่เข้ารับการคัดเลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย มี 3 ราย คือ นายกิตติรัตน์ เสนอโดยกระทรวงการคลัง นายกุลิศ เสนอโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และนายสุรพล นิติไกรพจน์ ศาสตราจารย์ประจำสาขากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอโดยธนาคารแห่งประเทศไทย . ปรากฎว่าที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาฯ เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2567 มีมติเลือกนายกิตติรัตน์เป็นประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย หลังการประชุมผ่านไป 5 ชั่วโมง แต่ไม่มีกรรมการคนใดออกมาให้สัมภาษณ์ รวมทั้งนายสถิตย์เอง ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก็เดินทางกลับไปในทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ซึ่งในวันดังกล่าวได้มีตัวแทนคณะศิษยานุศิษย์ที่น้อมนำธรรมองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ยื่นหนังสือคัดค้านนายกิตติรัตน์ และมีผู้ชุมนุมจากกองทัพธรรม ร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ปักหลักชุมนุมหน้าธนาคารแห่งประเทศไทย บางขุนพรหม . ทั้งนี้ คาดว่าสาเหตุที่นายกิตติรัตน์ขาดคุณสมบัติ เนื่องจากเมื่อพิจารณาจาก คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย 2485 ข้อ 4 ระบุไว้ว่า "ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี" และข้อ 5 ระบุว่า "ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วหนึ่งปี" . หากพิจารณาจากตำแหน่งในทางการเมืองของนายกิตติรัตน์ ทั้งในบทบาทของประธานที่ปรึกษาของนายกฯ ในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย จึงน่าจะเข้าข่ายขัดคุณสมบัติ และอาจจะกลายเป็นปัญหาหากมีผู้ร้องว่าเป็นการแต่งตั้งที่ขัดกฎหมายดังกล่าว . ก่อนหน้านี้ นายพิชัย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 ว่า เรื่องดังกล่าวอาจล่าช้าและจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในช่วงเดือน ม.ค. 2568 .............. Sondhi X
    Like
    6
    1 Comments 0 Shares 2087 Views 0 Reviews
  • เครือข่ายภาคประชาชนกับการตรวจสอบระบอบทักษิณ : คนเคาะข่าว 19-12-67
    : พิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)
    : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ
    #คนเคาะข่าว
    เครือข่ายภาคประชาชนกับการตรวจสอบระบอบทักษิณ : คนเคาะข่าว 19-12-67 : พิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ #คนเคาะข่าว
    Like
    Yay
    2
    0 Comments 0 Shares 725 Views 6 0 Reviews
  • สัประยุทธ์ “ธรรมะ-อธรรม” #เปลวสีเงินplewเปลว สีเงิน“กฎหมาย” มีไว้สร้างสมดุลทาง “สังคมเป็นธรรม”แต่ทุกวันนี้คนใน “๓ สถาบันอำนาจ” คือ อำนาจนิติบัญญัติ, อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ “บางคน”ใช้กฎหมายสร้าง “สังคมอยุติธรรม” ทำลายสมดุลความเป็นคนที่เท่าเทียมทางกฎหมาย จนเกิดคำว่า “ป่วยทิพย์-คุกทิพย์”บ่งบอกถึง “เลือกปฎิบัติ-สองมาตรฐาน” ซึ่งชาวบ้านทั่วไป ไม่มีสิทธิได้รับโอกาสนั้น (เว้นแต่มีเงิน)คนใน ๓ สถาบันอำนาจเท่านั้น….ที่จะทำให้ “สังคมเป็นธรรม” กลายเป็น “สังคมระยำ” เช่นนั้นได้!มันก็แปลก คนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนที่เรียกเรียก “เจ้าหน้าที่รัฐ” กลับมีอำนาจ “เหนือชีวิตประชาชน”นายจ้าง คือคนเสียภาษีแท้ๆ กลับถูก “ส้นตีนอำนาจ” ยัดปากตลอดกาลแค่จะคุกเข่า ยกสองมืออ่อนล้า วอนเมตตาและความเป็นธรรม ก็ยังถูกตราหน้า “พวกทำให้บ้านเมืองเสียโอกาส”โอกาสโกงบ้าน-กินเมืองละก็ใช่แต่ไมใช่โอกาสคืนความชอบธรรมให้กับบ้านเมือง!สังคมชาติที่ผู้คน “ตัวใคร-ตัวมัน” เห็นประโยชน์ชาติ ไม่ใช่ประโยชน์กู แล้วต่างทอดธุระและชาวบ้านก็เอาแต่ “ชะแง้รอแจก”ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ สยบยอมโจร ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่เป็นกุญแจไข เปิดทางให้มัน “ปล้นบ้าน-ชำเราเมือง” จนย่ามใจ กร่างใหญ่คับประเทศผมก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทำได้เพียง “รักบ้าน-รักเมือง” ด้วยปากไปวันๆเมื่อสัปดาห์ก่อน เห็นคนที่ไม่เอาแต่นั่งทอดถอนใจอย่างผม เขาเห็นการประทำย่ำยีบ้านเมืองจากไอ้ตัวกาลีเมืองแล้ว พวกเขาร้อนใจนัดกันไปคุยตามประสาคนห่วงบ้าน-ห่วงเมือง ผมอ่านข่าว ก็มีท่านเหล่านี้แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, ขวัญสรวง อติโพธิ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอมจตุพร พรหมพันธุ์, ทนายนกเขา, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พิชิต ไชยมงคล,สาวิทย์ แก้วหวาน, ประสาร มฤคพิทักษ์, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์สมชาย แสวงการ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, ปรีดา เตียสุวรรณ์ และฯลฯหลายท่าน รู้จักมักคุ้น หลายท่านได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยพบสรุป ท่านเหล่านั้น มีที่มาเดียวกันบ้าง ต่างกันบ้าง คิดและทำเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้างแต่ที่สุดแล้ว หนีหลักธรรมชาติไม่พ้นธรรมะ คือธรรมชาติ สิ่งจัดสรรมนุษย์คือธรรมชาติ รวงข้าว เมื่อแก่ ย่อมค้อมรวงบัว เกิดจากโคลนตม เมื่อพ้นน้ำ ย่อมปลดเปลื้องจากโคลนตม พิสุทธิ์แทนใจ บูชาธรรมคณะบุคคลเหล่านั้น ก็ประมาณนี้ …..ในความต่างที่มา ที่คิด ที่ทำ ในความเป็นบัณฑิตแห่งธาตุคน ที่สุดแล้ว คนธาตุบัณฑิตย่อมไหลรวมในหมู่บัณฑิตด้วยกันจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าอะไรดีล่ะ?เพราะมีทั้ง พันธมิตรฯ ทั้ง กปปส. ทั้งกลุ่มหลอมรวม ทั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ทั้งกลุ่มสันติอโศกเรียกคณะ “ปชพช.” ดีมั้ย ….เป็นอักษรรวมความเพื่อให้ “เรียกง่าย-จำง่าย”ปชพช. “คณะปัญญาชนพิทักษ์ชาติ” ดูเหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวาน (๑๘ ธค.๖๗)คือ คณะปัญญาชนพากันเดินไปที่ “สำนักงานคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ “​(ป.ป.ช.​)ไม่ได้ไปก่อกวน ก้าวร้าว เยี่ยงอันธพาลเมือง แต่ไปเยี่ยงบัณฑิต กระทำเยี่ยงบัณฑิตเพื่อยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.ตระหนักคิด กรณี ป.ป.ช.​ รับพิจารณาข้อกล่าวหา….“นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำ แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ รวม ๑๒ คนส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ​ให้ป.ป.ช.เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ ในหนังสือ มี ๔ ข้อ๑.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่า มีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าวและยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งพิธีการทั้งหมดนี้ ขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไร ก็ไม่ได้รับจึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน๒.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้าง นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้แต่ปรากฏว่า หลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่าการพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย๓.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษแต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่งครัดปล่อยให้กระบวนการทุจริต ตัดทอนโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสานเป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา๔.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ ๒ ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และหัวหน้าขบวนการ ก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้ แทนที่จะยอมรับโทษกลับหลีกเลี่ยง แสดงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วยถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ“นี่คือหายนะที่เห็นได้ชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง”ขณะเดียวกัน ​”คณะปชพช.” ยังบอกว่า….จะยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ทั้ง ​”พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง” ​รมว.ยุติธรรม และ “​นางพงษ์สวาท นีละโยธิน” ปลัดฯ ยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​อาจารย์ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์และรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวต่อหน้าเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า“มั่นใจในการทำงาน ป.ป.ช.และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูก-ที่ควร​ จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่​และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานพร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ​หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังและหากไม่มีการขังตามหมายต้องออกหมายใหม่ กลับไปเข้าคุกเป็นอำนาจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง” ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้“จุดสำคัญ ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช.เพราะคดีนี้ เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณ​ เตรียมตัวได้​”อาจารย์แก้วสรร ยังสัมโมทนียกถาว่า “หากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะยอมกราบเลย”“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำนปช.ผู้พ้นขอบเหวคืนสู่ฟากฝั่ง กล่าวว่า“มาให้กำลังใจป.ป.ช.ทั้งมีความไม่สบายใจในอนาคต เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเองวันนี้มาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน ๑๒ คนนี้ ใครไม่ผิด คือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ “ดำเป็นขาว- ขาวเป็นดำ” แต่ต้องการมาให้ “ถูกเป็นถูก-ผิดเป็นผิด, ดีเป็นดี- ชั่วเป็นชั่ว”ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวน วันนี้ “ยังไม่ไว้ใจป.ป.ช.” จนกว่าจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถึงวันนั้น ผมและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้งขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน….”ครับ….ผมก็เกรงว่า คุณจตุพรจะเห็นแต่ “ขนมจีน” เท่านั้นแหละ ตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา ๕๑ ให้กรอบเวลาไว้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนเองทั้งคณะ ต้องทำให้เสร็จภายใน ๒ ปี ถ้าไม่เสร็จ ขยายเวลาได้อีก ๑ ปีสรุป “รอไปอีก ๓ ปี” กว่าจะเสร็จขั้นไต่สวน!ตอนนี้ ป.ป.ช.ครบวาระ ๓ ท่าน อยู่ช่วงกรรมการสรรหากำลังพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร กว่าจะได้ครบ ก็คงกลางปีหน้าโน่นและถ้าถึงขั้นชี้มูลความผิด ต้องเรียก ๑๒ ผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ กี่ปีถึงครบ ๑๒ ปากล่ะ ?เอาว่า “๕ ปี” เร็วสุด!ที่อาจารย์แก้วสรรบอก “คิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน” นั้นรออีก ๕-๘ ปี นานมั้ย?เห็นที คณะปชพช.คงต้องทำหน้าที่ “ไม้แยงก้น” ป.ป.ช.เป็นรายการ “ทวงถามรายเดือน” แล้วหละไม่งั้น “กราบป.ป.ช.” ของอาจารย์แก้วสรรสู้ “กราบแผ่นดิน” ของ “พระเจ้ามูลเมือง” ผู้กลับชาติมาเกิดไม่ได้หรอก!เปลว สีเงิน๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    สัประยุทธ์ “ธรรมะ-อธรรม” #เปลวสีเงินplewเปลว สีเงิน“กฎหมาย” มีไว้สร้างสมดุลทาง “สังคมเป็นธรรม”แต่ทุกวันนี้คนใน “๓ สถาบันอำนาจ” คือ อำนาจนิติบัญญัติ, อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ “บางคน”ใช้กฎหมายสร้าง “สังคมอยุติธรรม” ทำลายสมดุลความเป็นคนที่เท่าเทียมทางกฎหมาย จนเกิดคำว่า “ป่วยทิพย์-คุกทิพย์”บ่งบอกถึง “เลือกปฎิบัติ-สองมาตรฐาน” ซึ่งชาวบ้านทั่วไป ไม่มีสิทธิได้รับโอกาสนั้น (เว้นแต่มีเงิน)คนใน ๓ สถาบันอำนาจเท่านั้น….ที่จะทำให้ “สังคมเป็นธรรม” กลายเป็น “สังคมระยำ” เช่นนั้นได้!มันก็แปลก คนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนที่เรียกเรียก “เจ้าหน้าที่รัฐ” กลับมีอำนาจ “เหนือชีวิตประชาชน”นายจ้าง คือคนเสียภาษีแท้ๆ กลับถูก “ส้นตีนอำนาจ” ยัดปากตลอดกาลแค่จะคุกเข่า ยกสองมืออ่อนล้า วอนเมตตาและความเป็นธรรม ก็ยังถูกตราหน้า “พวกทำให้บ้านเมืองเสียโอกาส”โอกาสโกงบ้าน-กินเมืองละก็ใช่แต่ไมใช่โอกาสคืนความชอบธรรมให้กับบ้านเมือง!สังคมชาติที่ผู้คน “ตัวใคร-ตัวมัน” เห็นประโยชน์ชาติ ไม่ใช่ประโยชน์กู แล้วต่างทอดธุระและชาวบ้านก็เอาแต่ “ชะแง้รอแจก”ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ สยบยอมโจร ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่เป็นกุญแจไข เปิดทางให้มัน “ปล้นบ้าน-ชำเราเมือง” จนย่ามใจ กร่างใหญ่คับประเทศผมก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทำได้เพียง “รักบ้าน-รักเมือง” ด้วยปากไปวันๆเมื่อสัปดาห์ก่อน เห็นคนที่ไม่เอาแต่นั่งทอดถอนใจอย่างผม เขาเห็นการประทำย่ำยีบ้านเมืองจากไอ้ตัวกาลีเมืองแล้ว พวกเขาร้อนใจนัดกันไปคุยตามประสาคนห่วงบ้าน-ห่วงเมือง ผมอ่านข่าว ก็มีท่านเหล่านี้แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, ขวัญสรวง อติโพธิ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอมจตุพร พรหมพันธุ์, ทนายนกเขา, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พิชิต ไชยมงคล,สาวิทย์ แก้วหวาน, ประสาร มฤคพิทักษ์, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์สมชาย แสวงการ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, ปรีดา เตียสุวรรณ์ และฯลฯหลายท่าน รู้จักมักคุ้น หลายท่านได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยพบสรุป ท่านเหล่านั้น มีที่มาเดียวกันบ้าง ต่างกันบ้าง คิดและทำเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้างแต่ที่สุดแล้ว หนีหลักธรรมชาติไม่พ้นธรรมะ คือธรรมชาติ สิ่งจัดสรรมนุษย์คือธรรมชาติ รวงข้าว เมื่อแก่ ย่อมค้อมรวงบัว เกิดจากโคลนตม เมื่อพ้นน้ำ ย่อมปลดเปลื้องจากโคลนตม พิสุทธิ์แทนใจ บูชาธรรมคณะบุคคลเหล่านั้น ก็ประมาณนี้ …..ในความต่างที่มา ที่คิด ที่ทำ ในความเป็นบัณฑิตแห่งธาตุคน ที่สุดแล้ว คนธาตุบัณฑิตย่อมไหลรวมในหมู่บัณฑิตด้วยกันจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าอะไรดีล่ะ?เพราะมีทั้ง พันธมิตรฯ ทั้ง กปปส. ทั้งกลุ่มหลอมรวม ทั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ทั้งกลุ่มสันติอโศกเรียกคณะ “ปชพช.” ดีมั้ย ….เป็นอักษรรวมความเพื่อให้ “เรียกง่าย-จำง่าย”ปชพช. “คณะปัญญาชนพิทักษ์ชาติ” ดูเหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวาน (๑๘ ธค.๖๗)คือ คณะปัญญาชนพากันเดินไปที่ “สำนักงานคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ “​(ป.ป.ช.​)ไม่ได้ไปก่อกวน ก้าวร้าว เยี่ยงอันธพาลเมือง แต่ไปเยี่ยงบัณฑิต กระทำเยี่ยงบัณฑิตเพื่อยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.ตระหนักคิด กรณี ป.ป.ช.​ รับพิจารณาข้อกล่าวหา….“นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำ แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ รวม ๑๒ คนส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ​ให้ป.ป.ช.เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ ในหนังสือ มี ๔ ข้อ๑.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่า มีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าวและยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งพิธีการทั้งหมดนี้ ขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไร ก็ไม่ได้รับจึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน๒.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้าง นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้แต่ปรากฏว่า หลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่าการพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย๓.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษแต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่งครัดปล่อยให้กระบวนการทุจริต ตัดทอนโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสานเป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา๔.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ ๒ ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และหัวหน้าขบวนการ ก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้ แทนที่จะยอมรับโทษกลับหลีกเลี่ยง แสดงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วยถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ“นี่คือหายนะที่เห็นได้ชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง”ขณะเดียวกัน ​”คณะปชพช.” ยังบอกว่า….จะยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ทั้ง ​”พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง” ​รมว.ยุติธรรม และ “​นางพงษ์สวาท นีละโยธิน” ปลัดฯ ยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​อาจารย์ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์และรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวต่อหน้าเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า“มั่นใจในการทำงาน ป.ป.ช.และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูก-ที่ควร​ จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่​และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานพร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ​หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังและหากไม่มีการขังตามหมายต้องออกหมายใหม่ กลับไปเข้าคุกเป็นอำนาจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง” ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้“จุดสำคัญ ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช.เพราะคดีนี้ เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณ​ เตรียมตัวได้​”อาจารย์แก้วสรร ยังสัมโมทนียกถาว่า “หากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะยอมกราบเลย”“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำนปช.ผู้พ้นขอบเหวคืนสู่ฟากฝั่ง กล่าวว่า“มาให้กำลังใจป.ป.ช.ทั้งมีความไม่สบายใจในอนาคต เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเองวันนี้มาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน ๑๒ คนนี้ ใครไม่ผิด คือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ “ดำเป็นขาว- ขาวเป็นดำ” แต่ต้องการมาให้ “ถูกเป็นถูก-ผิดเป็นผิด, ดีเป็นดี- ชั่วเป็นชั่ว”ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวน วันนี้ “ยังไม่ไว้ใจป.ป.ช.” จนกว่าจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถึงวันนั้น ผมและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้งขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน….”ครับ….ผมก็เกรงว่า คุณจตุพรจะเห็นแต่ “ขนมจีน” เท่านั้นแหละ ตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา ๕๑ ให้กรอบเวลาไว้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนเองทั้งคณะ ต้องทำให้เสร็จภายใน ๒ ปี ถ้าไม่เสร็จ ขยายเวลาได้อีก ๑ ปีสรุป “รอไปอีก ๓ ปี” กว่าจะเสร็จขั้นไต่สวน!ตอนนี้ ป.ป.ช.ครบวาระ ๓ ท่าน อยู่ช่วงกรรมการสรรหากำลังพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร กว่าจะได้ครบ ก็คงกลางปีหน้าโน่นและถ้าถึงขั้นชี้มูลความผิด ต้องเรียก ๑๒ ผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ กี่ปีถึงครบ ๑๒ ปากล่ะ ?เอาว่า “๕ ปี” เร็วสุด!ที่อาจารย์แก้วสรรบอก “คิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน” นั้นรออีก ๕-๘ ปี นานมั้ย?เห็นที คณะปชพช.คงต้องทำหน้าที่ “ไม้แยงก้น” ป.ป.ช.เป็นรายการ “ทวงถามรายเดือน” แล้วหละไม่งั้น “กราบป.ป.ช.” ของอาจารย์แก้วสรรสู้ “กราบแผ่นดิน” ของ “พระเจ้ามูลเมือง” ผู้กลับชาติมาเกิดไม่ได้หรอก!เปลว สีเงิน๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    Love
    Like
    Yay
    4
    0 Comments 1 Shares 1984 Views 0 Reviews
  • 7พฤศจิกายน2567-ภารกิจ คปท. ติดตามกรณี MOU44 / นักโทษชั้น14 / เลือกบอร์ดแบงก์ชาติ : คนเคาะข่าว 07-11-67
    : พิชิต ชัยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)
    : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ

    https://youtu.be/SCEB9pIUElw?si=oiToNRkJTCXpFXWX

    #Thaitimes
    7พฤศจิกายน2567-ภารกิจ คปท. ติดตามกรณี MOU44 / นักโทษชั้น14 / เลือกบอร์ดแบงก์ชาติ : คนเคาะข่าว 07-11-67 : พิชิต ชัยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ https://youtu.be/SCEB9pIUElw?si=oiToNRkJTCXpFXWX #Thaitimes
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 1169 Views 0 Reviews
  • ภารกิจ คปท. ติดตามกรณี MOU44 / นักโทษชั้น14 / เลือกบอร์ดแบงก์ชาติ : คนเคาะข่าว 07-11-67
    : พิชิต ชัยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)
    : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ
    #คนเคาะข่าว
    ภารกิจ คปท. ติดตามกรณี MOU44 / นักโทษชั้น14 / เลือกบอร์ดแบงก์ชาติ : คนเคาะข่าว 07-11-67 : พิชิต ชัยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ #คนเคาะข่าว
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 872 Views 103 0 Reviews