• ..นี้คือภาวะสงครามชัดเจน
    ..ต่อไปนี้ ประเทศไทยจากถูกรุกรานคุกคามมิอาจเป็นฝ่ายตั้งรับได้อีกแล้วหรือเกรงใจใดๆอีกต่อไปจากเขมรตั้งจุดยิงระเบิดในพื้นที่ชุมชน,หน้าที่ของชุมชนคนเขมรนั้นมีสถานะเดียวคือวิ่งหนีให้ทันจากที่รถทหารเขมรจอดยิงระเบิดตรงรัศมีบริเวณนั้นๆในที่ชุมชนนั่นๆ,ทหารไทยหรือทางรัฐบาลต้องประกาศอย่างเป็นทางการเชิงรุกหรือทำหนังสือส่งถึงทุกๆสถานฑูตในไทยและที่สำคัญจำเป็นว่า,เราจำเป็นต้องทำลายรถยิงจรวดที่ทหารเขมรใช้เป็นจุดยิงในที่ชุมชนนั้นๆ รัฐบาลเขมรมีหน้าที่เดียวต้องบอกประชาชนเขมรตนให้หนีทันทีจากจุดบริเวณนั้นที่รถยิงระเบิดตนใช้ยิงจรวดหรือประชาชนเขมรต้องรีบหนีอัตโนมัติทันทีที่ทหารเขมรตนใช้ตนเป็นโล่อย่างไร้มนุษยธรรมต่อตนเองกับประชาชนเขมรตนเอง,ทหารไทยจะปฏิบัติการอย่างสบายใจทันทีเพราะเราแจ้งล่วงหน้าผ่านทุกๆฑูตในประเทศไทยแล้วเพื่อภาวะสงครามนี้,และจะไม่ใช่เป็นการตั้งรับอีกต่อไป,เป้าหมายคือไล่ล่าสังการบอสเขมรทุกๆตัว หัวหน้าสั่งกำลังพลทำสงครามทุกๆตัว นายพลทุกๆตัวภายในประเทศเขมรต้องถูกไล่ล่าสังหารทั้งหมดตลอดจนฮุนเซนฮุนมาเนตด้วย,เราจะจบสงครามด้วยการยึดประเทศเขมรทันที.
    ..ประเทศไทยในนามทหารไทยเมื่อสงครามเกิดในขณะนี้แล้ว เรามิอาจตั้งรับอีกต่อไปได้แล้ว เขมรหมายสังหารประชาชนคนไทยนี้คือภาวะสงครามชัดเจน ทหารไทยต้องรุกเข้าไปถึงใจกลางประเทศเขมรทันทีผ่านระเบิดจรวดนำวิถีที่เชื่อว่าเป็นฐานอำนวยการสงครามของเขมรต้องระเบิดทิ้งทั้งหมดโดยเร็วเพื่อจบสงครามนี้,ตลอดบุกยึดประเทศเขมรด้วยทันที,ทหารเขมรทั้งหมดต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองก่อโดยเฉพาะระดับสั่งการทหารขึ้นไปทัังหมดคือนายพลแม่ทัพเขมรทุกๆตัวต้องถูกประหารชีวิต,ที่เป็นอาชญากรก่อสงครามนี้ที่เริ่มก่อน ฮุนเซนฮุนมาเนตต้องตายสถานเดียวด้วย,ทุกๆจุดที่เป็นคลังอาวุธฐานกองกำลังตลอดไฟฟ้าแหล่งให้พลังงานทั้งหมดของเขมรต้องถูกทำลายทันที,ทหารไทยใจอ่อนไม่ได้จริงๆ นี้คือสงครามแล้ว เขมรยิงเราก่อนรุกรานเราก่อน,หากรัฐบาลขลาดกลัวไม่เต็มในยุทธสงครามกับทหารต้องยึดอำนาจเพื่อปกป้องอธิปไตยชาติไทยเร่งด่วนทันที,ให้คณะรวมพลังแผ่นดินไทยขึ้นบริหารประเทศไทยและเจรจาทางภาวะสงครามชี้แจ้งอย่างเต็มที่เปืดความจริงทั้งหมดต่อชาวโลกถึงความไร้มนุษยธรรมของประเทศเขมรขนาดไหนทันที,ไม่สามารถเก็บรัฐบาลที่ไม่สนับทหารไทยตนเองไว้สนับสนุนงบประมาณเครื่องมือยุทโธปกรณ์ทางทหารด้วยเช่นนำเข้าโดรนลาดตะเวนโครนจู่โจมๆตีโดรนป้องกันโดรนพลีชีพลดการสูญเสียทหารลาดตะเวนเดินลงพื้นที่เราแบบไม่จำเป็นนั้นเอง,ไม่สามารถเก็บรัฐบาลที่ไร้ความสามารถปกป้องอธิปไตยไทยตนไว้ได้อีก,คืออ้างทำเหี้ยอะไรไม่ถูกไม่ได้,ต้องออกไปทันที ให้คนที่มีความสามารถทำถูกมาทำแทน,
    ..ทหารไทยต้องรุกฆาตยึดเขมรทันที ไล่ล่าสังหารแม่ทัพศัตรูจริงจังมิใช่ทำเช่นปัจจุบันได้อีก,ฮุนมาเนตฮุนเซนคือเป้าหมายการเก็บการไล่ล่าสังหารเด็ดชีพทันที,สายลับเราต้องลงพื้นที่เข้าจัดการอีกทางด้วย,วัยรุ่นเขมรทุบตีวัยรุ่นไทยเพื่องานนี้ด้วย,ห้ามใจอ่อนกับประชาชนเขมรเด็ดขาด,ห้ามรับชาวเขมรเข้ามาฝั่งไทย,ไม่มีมนุษยธรรมลักษณะนี้เด็ดขาด คนเขมรอพยพมาไทยห้ามรับเข้ามาเลี้ยงดูช่วยเหลือเป็นภาระค่าใช้จ่ายเรา,เป็นหน้าที่รัฐบาลมันเขมรเอง,การใจอ่อนที่ไม่ใช่เรื่อง,เขมรก่อเรื่องก่อนห้ามโลกสวยเด็ดขาด,ทรัพยากรบุคคลเราต้องมาเสียเวลารับประชาชนเขมรห่านี้ดูแลพวกห่านี้มันใช่เหรอผลักดันกลับให้หมด,ไทยตัดสายสัมพันธ์จริงในตอนนี้เวลานี้,คนทรยศสมยอมกับเขมรอย่าสร้างภาพทำลายชาติตนเองเด็ดขาด,
    ..ฝูงบินเราต้องทำลายศูนย์รัฐบาลเขมรทั้งหมดเพราะนี้คือสงครามกับเขมรจริงแล้วคือภาวะสงครามที่ตั้งใจยิงประชาชนคนไทยที่นำโดยสั่งการโดยรัฐบาลเขมร,ทุกๆศูนย์ราชการเขมรต้องถูกทำลายตลอดระบบเน็ตสื่อสารเขมรต้องถูกทำลาย ศูนย์คอมฯเขมรต้องถูกทำลายทั้งหมด ตึกศูนย์คอมฯสื่อทางเน็ตทางคอมฯแบบที่ใช้ฐานเดอะแก๊งคอลเซนเตอร์ทำIOกับทหารไทยต้องถูกทำลายระเบิดทิ้งทั้งหมดเพราะทั้งหมดรัฐบาลเขมรดูแลควบคุมกำกับทั้งหมด ตลอดบ่อนคาสิโนทั่งหมดของเขมรฝูงบินทหารไทยต้องถูกกำจัดด้วยเพราะนั้นคือฐานปฏิบัติการIOทางเน็ตทางคอมฯทางการสื่อสารเขมรแน่นอนอาจอยู่ชั้นใต้ดินและชั้นบนของตึกสูงสุดทุกๆตึกบ่อนคาสิโนนั่นด้วย,นี้คือสงคราม ทหารไทยเราต้องจบสงครามนี้ให้รวดเร็วตัดตังสนับสนุนรัฐบาลเขมรด้วย,ยึดต้องยึดทำลายทั้งหมดจริงๆ,มันใช้ตังเถื่อนๆตังฟอกเงินเถื่อนๆนี้สนับสนุนเป็นทุนทางสงครามแน่นอน,
    ..ทหารไทยต้องตั้งโจทย์ใหม่ทันที คือต่อไปนี้มิใช่การตั้งรับแต่คือการบุกเพื่อทำลายศัตรูของจริง,เช่นนั้นจะไม่จบสงครามนี้เลย,บุกกวาดล้างทำลายศัตรูทางสงครามที่หมายยึดแผ่นดินไทยเราโดยมารุกรานคุกคามไทยเราก่อนไม่จบไม่สิ้นยั่วยุเราตลอดนั่นเอง,การเปิดทางที่ดีคือจรวดขีปนาวุธทำลายล้างฐานที่ว่ามาทั้งหมดนั้นเองสั่งการไม่ได้ทางทหาร,ไม่มีไฟฟ้าใช้ทางทหาร ไม่มีเสบียงอาหารในภาวะสงครามกับไทย,การสื่อสารทั้งประเทศเขมรถูกตัดขาด,มันจะสื่อสารกับทหารมันลำบากทันทีระบบการรบจะแตกกระจาย,ไล่ล่าฮุนเซนฮุนมาเนตตั้งรางวัลค่าหัวให้ชาวเขมรเองก็ได้ที่เกียจชังฮุนเซนฮุนมาเนตอยู่แล้วหากบอกพิกัดถูกและทหารไทยล็อกเป้าระเบิดกพจัดทำลายได้สำเร็จรับไปเลยคนละ100ล้านบาทเป็นต้น ประกาศค่าหัวคนสองคนนี้ได้เลยให้มาช่วยกำจัดความไม่สงบในประเทศตนและอาเชียนเราเอง,คนลาว คนเวียดนาม คนพม่า ใครก็ตามที่ให้ข้อมูลใกล้เคียงรับ1ล้านบาท ทำลายเป้าหมายได้รับ100ล้านบาทจากประเทศไทย,ลงมือเองรับ1,000ล้านบาทหากสามารถเอาหัวมาได้ เป็นต้น


    .https://youtube.com/watch?v=2BHq4hyWW2I&si=CN1OoyPkZRbJMclu
    ..https://youtube.com/watch?v=2BHq4hyWW2I&si=CN1OoyPkZRbJMclu
    ..นี้คือภาวะสงครามชัดเจน ..ต่อไปนี้ ประเทศไทยจากถูกรุกรานคุกคามมิอาจเป็นฝ่ายตั้งรับได้อีกแล้วหรือเกรงใจใดๆอีกต่อไปจากเขมรตั้งจุดยิงระเบิดในพื้นที่ชุมชน,หน้าที่ของชุมชนคนเขมรนั้นมีสถานะเดียวคือวิ่งหนีให้ทันจากที่รถทหารเขมรจอดยิงระเบิดตรงรัศมีบริเวณนั้นๆในที่ชุมชนนั่นๆ,ทหารไทยหรือทางรัฐบาลต้องประกาศอย่างเป็นทางการเชิงรุกหรือทำหนังสือส่งถึงทุกๆสถานฑูตในไทยและที่สำคัญจำเป็นว่า,เราจำเป็นต้องทำลายรถยิงจรวดที่ทหารเขมรใช้เป็นจุดยิงในที่ชุมชนนั้นๆ รัฐบาลเขมรมีหน้าที่เดียวต้องบอกประชาชนเขมรตนให้หนีทันทีจากจุดบริเวณนั้นที่รถยิงระเบิดตนใช้ยิงจรวดหรือประชาชนเขมรต้องรีบหนีอัตโนมัติทันทีที่ทหารเขมรตนใช้ตนเป็นโล่อย่างไร้มนุษยธรรมต่อตนเองกับประชาชนเขมรตนเอง,ทหารไทยจะปฏิบัติการอย่างสบายใจทันทีเพราะเราแจ้งล่วงหน้าผ่านทุกๆฑูตในประเทศไทยแล้วเพื่อภาวะสงครามนี้,และจะไม่ใช่เป็นการตั้งรับอีกต่อไป,เป้าหมายคือไล่ล่าสังการบอสเขมรทุกๆตัว หัวหน้าสั่งกำลังพลทำสงครามทุกๆตัว นายพลทุกๆตัวภายในประเทศเขมรต้องถูกไล่ล่าสังหารทั้งหมดตลอดจนฮุนเซนฮุนมาเนตด้วย,เราจะจบสงครามด้วยการยึดประเทศเขมรทันที. ..ประเทศไทยในนามทหารไทยเมื่อสงครามเกิดในขณะนี้แล้ว เรามิอาจตั้งรับอีกต่อไปได้แล้ว เขมรหมายสังหารประชาชนคนไทยนี้คือภาวะสงครามชัดเจน ทหารไทยต้องรุกเข้าไปถึงใจกลางประเทศเขมรทันทีผ่านระเบิดจรวดนำวิถีที่เชื่อว่าเป็นฐานอำนวยการสงครามของเขมรต้องระเบิดทิ้งทั้งหมดโดยเร็วเพื่อจบสงครามนี้,ตลอดบุกยึดประเทศเขมรด้วยทันที,ทหารเขมรทั้งหมดต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองก่อโดยเฉพาะระดับสั่งการทหารขึ้นไปทัังหมดคือนายพลแม่ทัพเขมรทุกๆตัวต้องถูกประหารชีวิต,ที่เป็นอาชญากรก่อสงครามนี้ที่เริ่มก่อน ฮุนเซนฮุนมาเนตต้องตายสถานเดียวด้วย,ทุกๆจุดที่เป็นคลังอาวุธฐานกองกำลังตลอดไฟฟ้าแหล่งให้พลังงานทั้งหมดของเขมรต้องถูกทำลายทันที,ทหารไทยใจอ่อนไม่ได้จริงๆ นี้คือสงครามแล้ว เขมรยิงเราก่อนรุกรานเราก่อน,หากรัฐบาลขลาดกลัวไม่เต็มในยุทธสงครามกับทหารต้องยึดอำนาจเพื่อปกป้องอธิปไตยชาติไทยเร่งด่วนทันที,ให้คณะรวมพลังแผ่นดินไทยขึ้นบริหารประเทศไทยและเจรจาทางภาวะสงครามชี้แจ้งอย่างเต็มที่เปืดความจริงทั้งหมดต่อชาวโลกถึงความไร้มนุษยธรรมของประเทศเขมรขนาดไหนทันที,ไม่สามารถเก็บรัฐบาลที่ไม่สนับทหารไทยตนเองไว้สนับสนุนงบประมาณเครื่องมือยุทโธปกรณ์ทางทหารด้วยเช่นนำเข้าโดรนลาดตะเวนโครนจู่โจมๆตีโดรนป้องกันโดรนพลีชีพลดการสูญเสียทหารลาดตะเวนเดินลงพื้นที่เราแบบไม่จำเป็นนั้นเอง,ไม่สามารถเก็บรัฐบาลที่ไร้ความสามารถปกป้องอธิปไตยไทยตนไว้ได้อีก,คืออ้างทำเหี้ยอะไรไม่ถูกไม่ได้,ต้องออกไปทันที ให้คนที่มีความสามารถทำถูกมาทำแทน, ..ทหารไทยต้องรุกฆาตยึดเขมรทันที ไล่ล่าสังหารแม่ทัพศัตรูจริงจังมิใช่ทำเช่นปัจจุบันได้อีก,ฮุนมาเนตฮุนเซนคือเป้าหมายการเก็บการไล่ล่าสังหารเด็ดชีพทันที,สายลับเราต้องลงพื้นที่เข้าจัดการอีกทางด้วย,วัยรุ่นเขมรทุบตีวัยรุ่นไทยเพื่องานนี้ด้วย,ห้ามใจอ่อนกับประชาชนเขมรเด็ดขาด,ห้ามรับชาวเขมรเข้ามาฝั่งไทย,ไม่มีมนุษยธรรมลักษณะนี้เด็ดขาด คนเขมรอพยพมาไทยห้ามรับเข้ามาเลี้ยงดูช่วยเหลือเป็นภาระค่าใช้จ่ายเรา,เป็นหน้าที่รัฐบาลมันเขมรเอง,การใจอ่อนที่ไม่ใช่เรื่อง,เขมรก่อเรื่องก่อนห้ามโลกสวยเด็ดขาด,ทรัพยากรบุคคลเราต้องมาเสียเวลารับประชาชนเขมรห่านี้ดูแลพวกห่านี้มันใช่เหรอผลักดันกลับให้หมด,ไทยตัดสายสัมพันธ์จริงในตอนนี้เวลานี้,คนทรยศสมยอมกับเขมรอย่าสร้างภาพทำลายชาติตนเองเด็ดขาด, ..ฝูงบินเราต้องทำลายศูนย์รัฐบาลเขมรทั้งหมดเพราะนี้คือสงครามกับเขมรจริงแล้วคือภาวะสงครามที่ตั้งใจยิงประชาชนคนไทยที่นำโดยสั่งการโดยรัฐบาลเขมร,ทุกๆศูนย์ราชการเขมรต้องถูกทำลายตลอดระบบเน็ตสื่อสารเขมรต้องถูกทำลาย ศูนย์คอมฯเขมรต้องถูกทำลายทั้งหมด ตึกศูนย์คอมฯสื่อทางเน็ตทางคอมฯแบบที่ใช้ฐานเดอะแก๊งคอลเซนเตอร์ทำIOกับทหารไทยต้องถูกทำลายระเบิดทิ้งทั้งหมดเพราะทั้งหมดรัฐบาลเขมรดูแลควบคุมกำกับทั้งหมด ตลอดบ่อนคาสิโนทั่งหมดของเขมรฝูงบินทหารไทยต้องถูกกำจัดด้วยเพราะนั้นคือฐานปฏิบัติการIOทางเน็ตทางคอมฯทางการสื่อสารเขมรแน่นอนอาจอยู่ชั้นใต้ดินและชั้นบนของตึกสูงสุดทุกๆตึกบ่อนคาสิโนนั่นด้วย,นี้คือสงคราม ทหารไทยเราต้องจบสงครามนี้ให้รวดเร็วตัดตังสนับสนุนรัฐบาลเขมรด้วย,ยึดต้องยึดทำลายทั้งหมดจริงๆ,มันใช้ตังเถื่อนๆตังฟอกเงินเถื่อนๆนี้สนับสนุนเป็นทุนทางสงครามแน่นอน, ..ทหารไทยต้องตั้งโจทย์ใหม่ทันที คือต่อไปนี้มิใช่การตั้งรับแต่คือการบุกเพื่อทำลายศัตรูของจริง,เช่นนั้นจะไม่จบสงครามนี้เลย,บุกกวาดล้างทำลายศัตรูทางสงครามที่หมายยึดแผ่นดินไทยเราโดยมารุกรานคุกคามไทยเราก่อนไม่จบไม่สิ้นยั่วยุเราตลอดนั่นเอง,การเปิดทางที่ดีคือจรวดขีปนาวุธทำลายล้างฐานที่ว่ามาทั้งหมดนั้นเองสั่งการไม่ได้ทางทหาร,ไม่มีไฟฟ้าใช้ทางทหาร ไม่มีเสบียงอาหารในภาวะสงครามกับไทย,การสื่อสารทั้งประเทศเขมรถูกตัดขาด,มันจะสื่อสารกับทหารมันลำบากทันทีระบบการรบจะแตกกระจาย,ไล่ล่าฮุนเซนฮุนมาเนตตั้งรางวัลค่าหัวให้ชาวเขมรเองก็ได้ที่เกียจชังฮุนเซนฮุนมาเนตอยู่แล้วหากบอกพิกัดถูกและทหารไทยล็อกเป้าระเบิดกพจัดทำลายได้สำเร็จรับไปเลยคนละ100ล้านบาทเป็นต้น ประกาศค่าหัวคนสองคนนี้ได้เลยให้มาช่วยกำจัดความไม่สงบในประเทศตนและอาเชียนเราเอง,คนลาว คนเวียดนาม คนพม่า ใครก็ตามที่ให้ข้อมูลใกล้เคียงรับ1ล้านบาท ทำลายเป้าหมายได้รับ100ล้านบาทจากประเทศไทย,ลงมือเองรับ1,000ล้านบาทหากสามารถเอาหัวมาได้ เป็นต้น .https://youtube.com/watch?v=2BHq4hyWW2I&si=CN1OoyPkZRbJMclu ..https://youtube.com/watch?v=2BHq4hyWW2I&si=CN1OoyPkZRbJMclu
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • สถาบันยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ International Institute for Strategic Studies (IISS) แห่งสหราชอาณาจักร ระบุไว้เมื่อต้นปี 2025 ขณะเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับจำนวนกำลังพลของกองทัพทั่วโลก ว่า ไทยมี “กองทัพขนาดใหญ่และได้รับงบประมาณสนับสนุนอย่างดี"

    งบประมาณกลาโหมของไทยในปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ กัมพูชา มีงบประมาณต่ำกว่ามาก อยู่ที่เพียง 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายงานของ IISS

    1. กองทัพอากาศ
    IISS ระบุว่า “กองทัพอากาศของไทย ถือเป็นหนึ่งในกองทัพอากาศที่มีอุปกรณ์และการฝึกอบรมดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

    ณ ต้นปี 2025 ไทยมี เครื่องบินรบที่พร้อมปฏิบัติการ 112 ลำ รวมถึง F-16 จำนวน 46 ลำ (หลายรุ่น)

    นอกจากนี้ ไทยยังมี เครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 4 แบบ Gripen ของสวีเดน จำนวนหนึ่ง
    แม้ Gripen และ F-16 จะไม่ใช่เครื่องบินรุ่นที่ 5 (เช่น F-35 หรือ F-22) แต่ถ้าบำรุงรักษาอย่างดี ก็ถือว่ามีขีดความสามารถสูง

    ไทยกำลังทยอยปลดประจำการ F-16 รุ่นเก่า และเพิ่มจำนวน Gripen แทน
    กองทัพอากาศไทยที่มีกำลังพลประมาณ 46,000 นาย ยังมี เครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้าแบบ Erieye 2 ลำ ซึ่งทำงานร่วมกับ Gripen

    กัมพูชาไม่มีเครื่องบินขับไล่ ภายใต้กองทัพอากาศขนาดเล็กเพียง 1,500 นาย แต่มี เฮลิคอปเตอร์ 26 ลำ หลายประเภท

    จอห์น เฮมมิงส์ รองผู้อำนวยการด้านภูมิรัฐศาสตร์แห่งสถาบัน Council on Geostrategy สหราชอาณาจักร กล่าวว่า:

    “กองทัพอากาศไทยมี F-16 จากสหรัฐฯ ซึ่งใช้โจมตีเป้าหมายทางทหารของกัมพูชาเมื่อวันพุธโดยไม่มีแรงต้าน ขณะที่กัมพูชาไม่มีเครื่องบินขับไล่ประจำการเลย”

    2. กองทัพบกและกองทัพเรือ
    ตามข้อมูลจาก IISS:

    กองทัพบกกัมพูชา มีทหารประมาณ 75,000 นาย และ รถถังราว 200 คัน

    ในจำนวนนี้มี รถถังหลักประมาณ 50 คัน เป็นรุ่น T-54 ของจีน (ซึ่งพัฒนาจากโซเวียตรุ่น T-54)

    อีก 150 คันขึ้นไป เป็นรถถังรุ่น T-54 และ T-55 (รุ่นเก่าจากยุค 1950)

    กัมพูชายังมี รถรบทหารราบแบบ BMP-1 จำนวน 70 คัน ซึ่งเป็นรถสะเทินน้ำสะเทินบกรุ่นโซเวียตที่เคยถูกใช้ในยุโรปตะวันออกโดยรัสเซียและยูเครน

    กองทัพบกไทย มีทหารประจำการ 130,000 นาย และมีเกณฑ์ทหารเพิ่มใกล้เคียงอีกจำนวนหนึ่ง

    มีรถถังหลักประมาณ 400 คัน ส่วนใหญ่เป็นรถถังสัญชาติสหรัฐฯ รุ่นเก่า

    ไทยยังมี เรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ และ เรือฟริเกต 7 ลำ

    กัมพูชาไม่มีเรือรบ หรือกองทัพเรือในเชิงยุทธศาสตร์

    เฮมมิงส์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า:

    “ไทยมีรถถังหลักที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาค เช่น VT4 จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะที่กัมพูชายังคงใช้ T-54 จากยุคปี 1950 เป็นหลัก”

    ทั้งสองประเทศมีอาวุธปืนใหญ่ในรูปแบบต่าง ๆ:

    ระบบจรวดนำวิถีแบบติดตั้งบนรถยนต์

    ปืนใหญ่ลากจูงทั่วไป

    “ระบบของกัมพูชาส่วนใหญ่ยังคงใช้ของเก่า เช่น BM-21 จากยุคสงครามเย็น และมีระบบจากจีนยุค 1990 ปะปนอยู่เล็กน้อย
    ส่วนของไทย มีส่วนผสมของระบบจากสหรัฐฯ อิสราเอล และจีน ซึ่งบางระบบเป็นของใหม่กว่า”

    ที่มา : How Thailand and Cambodia's Militaries Compare, Newsweek, Jul 25, 2025
    สถาบันยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ International Institute for Strategic Studies (IISS) แห่งสหราชอาณาจักร ระบุไว้เมื่อต้นปี 2025 ขณะเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับจำนวนกำลังพลของกองทัพทั่วโลก ว่า ไทยมี “กองทัพขนาดใหญ่และได้รับงบประมาณสนับสนุนอย่างดี" งบประมาณกลาโหมของไทยในปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ กัมพูชา มีงบประมาณต่ำกว่ามาก อยู่ที่เพียง 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายงานของ IISS 1. กองทัพอากาศ IISS ระบุว่า “กองทัพอากาศของไทย ถือเป็นหนึ่งในกองทัพอากาศที่มีอุปกรณ์และการฝึกอบรมดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ณ ต้นปี 2025 ไทยมี เครื่องบินรบที่พร้อมปฏิบัติการ 112 ลำ รวมถึง F-16 จำนวน 46 ลำ (หลายรุ่น) นอกจากนี้ ไทยยังมี เครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 4 แบบ Gripen ของสวีเดน จำนวนหนึ่ง แม้ Gripen และ F-16 จะไม่ใช่เครื่องบินรุ่นที่ 5 (เช่น F-35 หรือ F-22) แต่ถ้าบำรุงรักษาอย่างดี ก็ถือว่ามีขีดความสามารถสูง ไทยกำลังทยอยปลดประจำการ F-16 รุ่นเก่า และเพิ่มจำนวน Gripen แทน กองทัพอากาศไทยที่มีกำลังพลประมาณ 46,000 นาย ยังมี เครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้าแบบ Erieye 2 ลำ ซึ่งทำงานร่วมกับ Gripen กัมพูชาไม่มีเครื่องบินขับไล่ ภายใต้กองทัพอากาศขนาดเล็กเพียง 1,500 นาย แต่มี เฮลิคอปเตอร์ 26 ลำ หลายประเภท จอห์น เฮมมิงส์ รองผู้อำนวยการด้านภูมิรัฐศาสตร์แห่งสถาบัน Council on Geostrategy สหราชอาณาจักร กล่าวว่า: “กองทัพอากาศไทยมี F-16 จากสหรัฐฯ ซึ่งใช้โจมตีเป้าหมายทางทหารของกัมพูชาเมื่อวันพุธโดยไม่มีแรงต้าน ขณะที่กัมพูชาไม่มีเครื่องบินขับไล่ประจำการเลย” 2. กองทัพบกและกองทัพเรือ ตามข้อมูลจาก IISS: กองทัพบกกัมพูชา มีทหารประมาณ 75,000 นาย และ รถถังราว 200 คัน ในจำนวนนี้มี รถถังหลักประมาณ 50 คัน เป็นรุ่น T-54 ของจีน (ซึ่งพัฒนาจากโซเวียตรุ่น T-54) อีก 150 คันขึ้นไป เป็นรถถังรุ่น T-54 และ T-55 (รุ่นเก่าจากยุค 1950) กัมพูชายังมี รถรบทหารราบแบบ BMP-1 จำนวน 70 คัน ซึ่งเป็นรถสะเทินน้ำสะเทินบกรุ่นโซเวียตที่เคยถูกใช้ในยุโรปตะวันออกโดยรัสเซียและยูเครน กองทัพบกไทย มีทหารประจำการ 130,000 นาย และมีเกณฑ์ทหารเพิ่มใกล้เคียงอีกจำนวนหนึ่ง มีรถถังหลักประมาณ 400 คัน ส่วนใหญ่เป็นรถถังสัญชาติสหรัฐฯ รุ่นเก่า ไทยยังมี เรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ และ เรือฟริเกต 7 ลำ กัมพูชาไม่มีเรือรบ หรือกองทัพเรือในเชิงยุทธศาสตร์ เฮมมิงส์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า: “ไทยมีรถถังหลักที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาค เช่น VT4 จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะที่กัมพูชายังคงใช้ T-54 จากยุคปี 1950 เป็นหลัก” ทั้งสองประเทศมีอาวุธปืนใหญ่ในรูปแบบต่าง ๆ: ระบบจรวดนำวิถีแบบติดตั้งบนรถยนต์ ปืนใหญ่ลากจูงทั่วไป “ระบบของกัมพูชาส่วนใหญ่ยังคงใช้ของเก่า เช่น BM-21 จากยุคสงครามเย็น และมีระบบจากจีนยุค 1990 ปะปนอยู่เล็กน้อย ส่วนของไทย มีส่วนผสมของระบบจากสหรัฐฯ อิสราเอล และจีน ซึ่งบางระบบเป็นของใหม่กว่า” ที่มา : How Thailand and Cambodia's Militaries Compare, Newsweek, Jul 25, 2025
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • หน่วยปฏิบัติการพิเศษของลาวเผยรายงานโดนลูกหลง! ปืนใหญ่ 10 ลูก ไม่ทราบฝ่ายตกใส่ พบบ้านพัง 1 หลัง ในเขตพื้นที่แขวงจำปาสัก โดยมีรายละเอียดดังนี้

    เมื่อวันที่ 24-25/07/2568 เวลา 9.40 น. กองกำลังกัมพูชาและไทยปะทะกัน โดยมีปืนใหญ่ 10 กระบอก ตกในดินแดนลาว แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าฝ่ายใดเป็นผู้ยิง ปืนใหญ่ 1 กระบอก ถูกยิงตกที่ห้องน้ำบริเวณจุดป่าแปก ทำลายบ้านเรือน 1 หลัง และกระสุนอีก 1 กระบอก ตกที่ห้องครัวบริเวณจุดมะขามป้อม นอกจากนี้ยังได้โจมตีด้านหลังและด้านข้างทั้ง 2 ของสามเหลี่ยมโมลาคัตอีกด้วย

    ดังนั้น : โปรดรายงานไปยังอธิบดีกรมทหารราบที่ 49 กรมเสนาธิการทหารบก เพื่อทราบ

    ສິງຄຳ ພອງເດດ

    สิงคำ พองเดด

    หัวหน้ากองปฏิบัติการพิเศษ กรมทหารราบที่ 49 จังหวัดจำปาสัก

    ล่าสุด ทางเพจ กองทัพบกทันกระแส โพสต์ข้อความล่าสุด ฝ่ายไทยขอแสดงความเสียใจ กับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมเน้นย้ำ! มั่นใจในความแม่นยำของยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทย โดยมุ่งเป้าทางทหารกัมพูชาเท่านั้น!

    อย่างไรก็ตาม คงต้องรอการชี้แจงอย่างเป็นทางการอีกครั้งจากกองบัญชาการกองทัพไทย

    หน่วยปฏิบัติการพิเศษของลาวเผยรายงานโดนลูกหลง! ปืนใหญ่ 10 ลูก ไม่ทราบฝ่ายตกใส่ พบบ้านพัง 1 หลัง ในเขตพื้นที่แขวงจำปาสัก โดยมีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 24-25/07/2568 เวลา 9.40 น. กองกำลังกัมพูชาและไทยปะทะกัน โดยมีปืนใหญ่ 10 กระบอก ตกในดินแดนลาว แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าฝ่ายใดเป็นผู้ยิง ปืนใหญ่ 1 กระบอก ถูกยิงตกที่ห้องน้ำบริเวณจุดป่าแปก ทำลายบ้านเรือน 1 หลัง และกระสุนอีก 1 กระบอก ตกที่ห้องครัวบริเวณจุดมะขามป้อม นอกจากนี้ยังได้โจมตีด้านหลังและด้านข้างทั้ง 2 ของสามเหลี่ยมโมลาคัตอีกด้วย ดังนั้น : โปรดรายงานไปยังอธิบดีกรมทหารราบที่ 49 กรมเสนาธิการทหารบก เพื่อทราบ ສິງຄຳ ພອງເດດ สิงคำ พองเดด หัวหน้ากองปฏิบัติการพิเศษ กรมทหารราบที่ 49 จังหวัดจำปาสัก 👉ล่าสุด ทางเพจ กองทัพบกทันกระแส โพสต์ข้อความล่าสุด ฝ่ายไทยขอแสดงความเสียใจ กับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมเน้นย้ำ! มั่นใจในความแม่นยำของยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทย โดยมุ่งเป้าทางทหารกัมพูชาเท่านั้น! อย่างไรก็ตาม คงต้องรอการชี้แจงอย่างเป็นทางการอีกครั้งจากกองบัญชาการกองทัพไทย
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • จีนยันไม่หนุนเขมรโจมตีไทย! เผย "ยุทโธปกรณ์จีนในกัมพูชา" มาจากความร่วมมือในอดีต
    https://www.thai-tai.tv/news/20555/
    .
    #ความสัมพันธ์ไทยจีน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ยุทโธปกรณ์จีน #ข่าวปลอม #สถานทูตไทยปักกิ่ง #OfficeofDefenceandArmy #MilitaryCooperation #กองทัพไทย #กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน #พันเอกศิวัตม์รัตนอนันต์
    จีนยันไม่หนุนเขมรโจมตีไทย! เผย "ยุทโธปกรณ์จีนในกัมพูชา" มาจากความร่วมมือในอดีต https://www.thai-tai.tv/news/20555/ . #ความสัมพันธ์ไทยจีน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ยุทโธปกรณ์จีน #ข่าวปลอม #สถานทูตไทยปักกิ่ง #OfficeofDefenceandArmy #MilitaryCooperation #กองทัพไทย #กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน #พันเอกศิวัตม์รัตนอนันต์
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • พริกแห้งป่นละเอียด สม่ำเสมอ ไม่ติดขัด! ด้วย "เครื่องบดอาหาร เบอร์ 42" จาก ย. ยงฮะเฮง!
    เคยไหมที่อยากได้พริกป่นคุณภาพดี บดเองสดใหม่ แต่เครื่องบดไม่ตอบโจทย์? วันนี้เรามีวิดีโอสาธิตการทำงานสุดเจ๋งของ เครื่องบดอาหารเบอร์ 42 สเตนเลส Bonny ที่จะทำให้คุณทึ่งในประสิทธิภาพ!

    ในคลิปนี้ เราจะพาคุณไปดูการบดพริกแห้งคั่วด้วยเครื่องบดเบอร์ 42 ที่ให้ผลลัพธ์ละเอียดถึง 4.5 มม. เนื้อพริกป่นที่ได้ สวยงาม ละเอียดสม่ำเสมอ น่าใช้สุดๆ! บอกเลยว่างานบดพริกของคุณจะง่ายขึ้นอีกเยอะ!

    ข้อมูลเครื่องบดอาหาร เบอร์ 42 สแตนเลส
    กำลังมอเตอร์: 5 แรงม้า (HP)
    แรงดันไฟฟ้า: 380 โวลต์ (V) / ระบบไฟ 3 เฟส + สายดิน 1 เส้น
    ขนาดเครื่อง (กว้างxยาวxสูง): 1095 x 535 x 955 มม.
    กำลังการผลิต: 300 - 500 กิโลกรัม/ชั่วโมง (KG/H)
    การขับเคลื่อน: ขับเคลื่อนด้วยสายพาน 3 เส้น และทดด้วยโซ่ 2 เส้น

    คุณสมบัติเด่น:
    มีกล่องกันน้ำป้องกันระบบแม่เหล็กคอนแทคเตอร์ (มอเตอร์ไม่โอเวอร์โหลด)
    ปุ่มควบคุมการทำงานครบครัน: ปุ่มกดหยุดฉุกเฉิน, ปุ่มเดินหน้า-ถอยหลัง
    ได้มาตรฐาน GMP: ออกแบบมาเพื่อสุขอนามัยที่ดี ทำความสะอาดง่าย ตอบโจทย์มาตรฐานโรงงาน
    ดูแลรักษาง่าย: มีอะไหล่ภายในหลากหลายรูปแบบ รองรับการใช้งานและบำรุงรักษา
    ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหาร หรือต้องการเครื่องบดคุณภาพเยี่ยมไว้ใช้งาน เครื่องบดอาหารเบอร์ 42 คือคำตอบของคุณ!

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    สนใจสินค้าเครื่องไหน? เข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ!
    เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำเครื่องจักรสำหรับอาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน ทั้งเครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ

    เวลาเปิดทำการ:
    จันทร์-ศุกร์: 8.00 - 17.00 น.
    วันเสาร์: 8.00 - 16.00 น.
    แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/1SDJGYWvwkPy7CAJA

    ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อ ได้หลายช่องทาง!
    โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    แชทเลย! Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/5H812n9
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    E-mail: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดพริกแห้ง #พริกป่น #เครื่องบดสเตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดขนาดใหญ่ #เครื่องบดเนื้อ #เครื่องบดผัก #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดอาหารเบอร์42 #ยยงฮะเฮง #BONNY #ธุรกิจอาหาร #อุปกรณ์ครัว #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #โรงงานผลิตพริกป่น #วัตถุดิบอาหาร #เครื่องเทศ #เครื่องจักรคุณภาพ #ทำอาหารง่ายๆ #ครัวร้านอาหาร #ผู้ประกอบการอาหาร #การผลิตอาหาร #บดละเอียด #เครื่องบดกำลังสูง
    🌶️✨ พริกแห้งป่นละเอียด สม่ำเสมอ ไม่ติดขัด! ด้วย "เครื่องบดอาหาร เบอร์ 42" จาก ย. ยงฮะเฮง! ✨🌶️ เคยไหมที่อยากได้พริกป่นคุณภาพดี บดเองสดใหม่ แต่เครื่องบดไม่ตอบโจทย์? วันนี้เรามีวิดีโอสาธิตการทำงานสุดเจ๋งของ เครื่องบดอาหารเบอร์ 42 สเตนเลส Bonny ที่จะทำให้คุณทึ่งในประสิทธิภาพ! ในคลิปนี้ เราจะพาคุณไปดูการบดพริกแห้งคั่วด้วยเครื่องบดเบอร์ 42 ที่ให้ผลลัพธ์ละเอียดถึง 4.5 มม. เนื้อพริกป่นที่ได้ สวยงาม ละเอียดสม่ำเสมอ น่าใช้สุดๆ! บอกเลยว่างานบดพริกของคุณจะง่ายขึ้นอีกเยอะ! ข้อมูลเครื่องบดอาหาร เบอร์ 42 สแตนเลส 📍 กำลังมอเตอร์: 5 แรงม้า (HP) 📍 แรงดันไฟฟ้า: 380 โวลต์ (V) / ระบบไฟ 3 เฟส + สายดิน 1 เส้น 📍 ขนาดเครื่อง (กว้างxยาวxสูง): 1095 x 535 x 955 มม. 📍 กำลังการผลิต: 300 - 500 กิโลกรัม/ชั่วโมง (KG/H) 📍 การขับเคลื่อน: ขับเคลื่อนด้วยสายพาน 3 เส้น และทดด้วยโซ่ 2 เส้น คุณสมบัติเด่น: 📍 มีกล่องกันน้ำป้องกันระบบแม่เหล็กคอนแทคเตอร์ (มอเตอร์ไม่โอเวอร์โหลด) 📍 ปุ่มควบคุมการทำงานครบครัน: ปุ่มกดหยุดฉุกเฉิน, ปุ่มเดินหน้า-ถอยหลัง 📍 ได้มาตรฐาน GMP: ออกแบบมาเพื่อสุขอนามัยที่ดี ทำความสะอาดง่าย ตอบโจทย์มาตรฐานโรงงาน 📍 ดูแลรักษาง่าย: มีอะไหล่ภายในหลากหลายรูปแบบ รองรับการใช้งานและบำรุงรักษา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหาร หรือต้องการเครื่องบดคุณภาพเยี่ยมไว้ใช้งาน เครื่องบดอาหารเบอร์ 42 คือคำตอบของคุณ! #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY 📍 สนใจสินค้าเครื่องไหน? เข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ! เรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำเครื่องจักรสำหรับอาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน ทั้งเครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ ⏰ เวลาเปิดทำการ: จันทร์-ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. วันเสาร์: 8.00 - 16.00 น. 🗺️ แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/1SDJGYWvwkPy7CAJA 📞 ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม หรือสั่งซื้อ ได้หลายช่องทาง! โทร: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 แชทเลย! Messenger: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/5H812n9 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com E-mail: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดพริกแห้ง #พริกป่น #เครื่องบดสเตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดขนาดใหญ่ #เครื่องบดเนื้อ #เครื่องบดผัก #เครื่องบดสมุนไพร #เครื่องบดอาหารเบอร์42 #ยยงฮะเฮง #BONNY #ธุรกิจอาหาร #อุปกรณ์ครัว #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #โรงงานผลิตพริกป่น #วัตถุดิบอาหาร #เครื่องเทศ #เครื่องจักรคุณภาพ #ทำอาหารง่ายๆ #ครัวร้านอาหาร #ผู้ประกอบการอาหาร #การผลิตอาหาร #บดละเอียด #เครื่องบดกำลังสูง
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อข้อมือกลายเป็นเมาส์และคีย์บอร์ด

    ลองจินตนาการว่าแค่ “คิดจะพิมพ์” หรือ “ตั้งใจจะคลิก” ก็สามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้ทันที—ไม่ต้องแตะหน้าจอ ไม่ต้องจับเมาส์ นี่คือสิ่งที่ Meta กำลังพัฒนาอยู่ใน Reality Labs: สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี EMG (Electromyography) เพื่ออ่านสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเมื่อเราตั้งใจจะขยับนิ้ว

    Thomas Reardon หัวหน้าทีมวิจัยของ Meta บอกว่า “คุณไม่จำเป็นต้องขยับจริง ๆ แค่ตั้งใจจะขยับก็พอ” เพราะสัญญาณจากสมองจะถูกส่งไปยังกล้ามเนื้อก่อนที่เราจะเคลื่อนไหวจริง และสายรัดนี้สามารถจับสัญญาณเหล่านั้นได้แม้ไม่มีการเคลื่อนไหวให้เห็น

    เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คนทั่วไปควบคุมอุปกรณ์ได้แบบไร้สัมผัส แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ด้วยเจตนาที่แฝงอยู่ในกล้ามเนื้อ แม้จะเป็นเพียงสัญญาณเบา ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้

    Meta ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้งานกว่า 10,000 คนในการฝึก AI ให้สามารถแปลสัญญาณกล้ามเนื้อเป็นคำสั่งได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องปรับแต่งเฉพาะบุคคล ทำให้ใครก็สามารถใช้งานได้ทันที

    Meta พัฒนาอุปกรณ์ควบคุมคอมพิวเตอร์ผ่านข้อมือ
    ใช้เทคโนโลยี EMG ตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อ
    ไม่ต้องขยับจริง แค่ “ตั้งใจ” ก็สามารถสั่งงานได้

    ไม่ต้องผ่าตัดหรือฝึกใช้งาน
    ต่างจากเทคโนโลยีอย่าง Neuralink ที่ต้องฝังอุปกรณ์ในสมอง
    ผู้ใช้สามารถสวมใส่และใช้งานได้ทันที

    ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้กว่า 10,000 คน
    ทำให้ระบบสามารถทำงานกับผู้ใช้ใหม่ได้ทันที
    รองรับการพิมพ์ในอากาศ การเลื่อนเมาส์ และเปิดแอป

    ช่วยผู้พิการใช้งานเทคโนโลยี
    ทดสอบกับผู้มีอาการบาดเจ็บไขสันหลังที่มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon
    แม้มีอัมพาตมือ ก็ยังมีสัญญาณกล้ามเนื้อให้ระบบแปลคำสั่งได้

    ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature
    เปิดเผยข้อมูล EMG กว่า 100 ชั่วโมงให้ชุมชนวิทยาศาสตร์นำไปต่อยอด

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    การแปล “เจตนา” อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
    หากข้อมูลกล้ามเนื้อถูกเก็บหรือวิเคราะห์โดยบุคคลที่สาม อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม

    การพึ่งพา AI มากเกินไป
    อาจเกิด “automation bias” คือเชื่อคำสั่งจาก AI โดยไม่ตรวจสอบ
    เสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดในสถานการณ์สำคัญ

    ผลกระทบต่อแรงงานและอุปกรณ์เดิม
    เมาส์ คีย์บอร์ด และหน้าจอสัมผัสอาจถูกลดบทบาท
    อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และแรงงานที่เกี่ยวข้อง

    https://www.techspot.com/news/108797-meta-builds-wristband-can-control-devices-flick-wrist.html
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อข้อมือกลายเป็นเมาส์และคีย์บอร์ด ลองจินตนาการว่าแค่ “คิดจะพิมพ์” หรือ “ตั้งใจจะคลิก” ก็สามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้ทันที—ไม่ต้องแตะหน้าจอ ไม่ต้องจับเมาส์ นี่คือสิ่งที่ Meta กำลังพัฒนาอยู่ใน Reality Labs: สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี EMG (Electromyography) เพื่ออ่านสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเมื่อเราตั้งใจจะขยับนิ้ว Thomas Reardon หัวหน้าทีมวิจัยของ Meta บอกว่า “คุณไม่จำเป็นต้องขยับจริง ๆ แค่ตั้งใจจะขยับก็พอ” เพราะสัญญาณจากสมองจะถูกส่งไปยังกล้ามเนื้อก่อนที่เราจะเคลื่อนไหวจริง และสายรัดนี้สามารถจับสัญญาณเหล่านั้นได้แม้ไม่มีการเคลื่อนไหวให้เห็น เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คนทั่วไปควบคุมอุปกรณ์ได้แบบไร้สัมผัส แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ด้วยเจตนาที่แฝงอยู่ในกล้ามเนื้อ แม้จะเป็นเพียงสัญญาณเบา ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ Meta ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้งานกว่า 10,000 คนในการฝึก AI ให้สามารถแปลสัญญาณกล้ามเนื้อเป็นคำสั่งได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องปรับแต่งเฉพาะบุคคล ทำให้ใครก็สามารถใช้งานได้ทันที ✅ Meta พัฒนาอุปกรณ์ควบคุมคอมพิวเตอร์ผ่านข้อมือ ➡️ ใช้เทคโนโลยี EMG ตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อ ➡️ ไม่ต้องขยับจริง แค่ “ตั้งใจ” ก็สามารถสั่งงานได้ ✅ ไม่ต้องผ่าตัดหรือฝึกใช้งาน ➡️ ต่างจากเทคโนโลยีอย่าง Neuralink ที่ต้องฝังอุปกรณ์ในสมอง ➡️ ผู้ใช้สามารถสวมใส่และใช้งานได้ทันที ✅ ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้กว่า 10,000 คน ➡️ ทำให้ระบบสามารถทำงานกับผู้ใช้ใหม่ได้ทันที ➡️ รองรับการพิมพ์ในอากาศ การเลื่อนเมาส์ และเปิดแอป ✅ ช่วยผู้พิการใช้งานเทคโนโลยี ➡️ ทดสอบกับผู้มีอาการบาดเจ็บไขสันหลังที่มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon ➡️ แม้มีอัมพาตมือ ก็ยังมีสัญญาณกล้ามเนื้อให้ระบบแปลคำสั่งได้ ✅ ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature ➡️ เปิดเผยข้อมูล EMG กว่า 100 ชั่วโมงให้ชุมชนวิทยาศาสตร์นำไปต่อยอด ‼️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว ⛔ การแปล “เจตนา” อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ⛔ หากข้อมูลกล้ามเนื้อถูกเก็บหรือวิเคราะห์โดยบุคคลที่สาม อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ‼️ การพึ่งพา AI มากเกินไป ⛔ อาจเกิด “automation bias” คือเชื่อคำสั่งจาก AI โดยไม่ตรวจสอบ ⛔ เสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดในสถานการณ์สำคัญ ‼️ ผลกระทบต่อแรงงานและอุปกรณ์เดิม ⛔ เมาส์ คีย์บอร์ด และหน้าจอสัมผัสอาจถูกลดบทบาท ⛔ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และแรงงานที่เกี่ยวข้อง https://www.techspot.com/news/108797-meta-builds-wristband-can-control-devices-flick-wrist.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Meta builds wristband that can control devices with a flick of the wrist
    This technology draws on the field of electromyography, or EMG, which measures muscle activity by detecting the electrical signals generated as the brain sends commands to muscle...
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากคลื่นไร้สาย: Wi-Fi 8 ไม่เน้นเร็ว แต่เน้น “ไม่หลุด”

    Tom’s Hardware รายงานว่า Wi-Fi 8 (มาตรฐาน IEEE 802.11bn) กำลังพัฒนาโดยเน้น “ความเสถียรสูงสุด” (Ultra High Reliability - UHR) มากกว่าความเร็ว ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากรุ่นก่อนหน้า โดยมุ่งหวังให้การเชื่อมต่อไร้สายมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น สัญญาณอ่อน, การรบกวน, หรือการเคลื่อนที่ของผู้ใช้งาน

    ในอดีต Wi-Fi แข่งกันเรื่องความเร็ว แต่ Wi-Fi 8 กลับเลือกเส้นทางใหม่ — มุ่งเน้นความเสถียรและความน่าเชื่อถือของการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่สัญญาณไม่ดี เช่น ในโรงงาน, สนามบิน, หรืออาคารที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น

    IEEE และ Qualcomm ร่วมกันกำหนดเป้าหมายของ Wi-Fi 8 ภายใต้แนวคิด “Ultra High Reliability” ซึ่งประกอบด้วย:
    - เพิ่ม throughput จริงในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายขึ้น 25%
    - ลด latency ที่ระดับ 95th percentile ลง 25% เพื่อรองรับงานที่ต้องการความเร็วตอบสนองสูง เช่น AR, automation, และ AI
    - ลดการสูญเสียแพ็กเก็ต (packet loss) ลง 25% โดยเฉพาะเมื่ออุปกรณ์เคลื่อนที่ระหว่าง access point

    Wi-Fi 8 ยังคงใช้พื้นฐานเดียวกับ Wi-Fi 7 เช่น รองรับคลื่น 2, 4, 5 และ 6 GHz, ใช้ 4096-QAM, MU-MIMO, OFDMA และช่องสัญญาณกว้างสูงสุด 320 MHz แต่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น:
    - Coordinated Spatial Reuse (Co-SR)
    - Coordinated Beamforming (Co-BF)
    - Dynamic Sub-Channel Operation (DSO)
    - Enhanced Modulation Coding Scheme (MCS)

    มาตรฐาน Wi-Fi 8 จะเริ่มรับรองในปี 2028 โดยคาดว่าจะมีผลกระทบต่อทั้งภาคอุตสาหกรรม, สาธารณะ, และการใช้งานในบ้าน

    https://www.tomshardware.com/networking/next-gen-wi-fi-8-focuses-on-reliability-instead-of-speed-ultra-high-reliability-initiative-boosts-performance-lowers-latency-and-packet-loss-in-challenging-conditions
    🎙️ เรื่องเล่าจากคลื่นไร้สาย: Wi-Fi 8 ไม่เน้นเร็ว แต่เน้น “ไม่หลุด” Tom’s Hardware รายงานว่า Wi-Fi 8 (มาตรฐาน IEEE 802.11bn) กำลังพัฒนาโดยเน้น “ความเสถียรสูงสุด” (Ultra High Reliability - UHR) มากกว่าความเร็ว ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากรุ่นก่อนหน้า โดยมุ่งหวังให้การเชื่อมต่อไร้สายมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น สัญญาณอ่อน, การรบกวน, หรือการเคลื่อนที่ของผู้ใช้งาน ในอดีต Wi-Fi แข่งกันเรื่องความเร็ว แต่ Wi-Fi 8 กลับเลือกเส้นทางใหม่ — มุ่งเน้นความเสถียรและความน่าเชื่อถือของการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่สัญญาณไม่ดี เช่น ในโรงงาน, สนามบิน, หรืออาคารที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น IEEE และ Qualcomm ร่วมกันกำหนดเป้าหมายของ Wi-Fi 8 ภายใต้แนวคิด “Ultra High Reliability” ซึ่งประกอบด้วย: - เพิ่ม throughput จริงในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายขึ้น 25% - ลด latency ที่ระดับ 95th percentile ลง 25% เพื่อรองรับงานที่ต้องการความเร็วตอบสนองสูง เช่น AR, automation, และ AI - ลดการสูญเสียแพ็กเก็ต (packet loss) ลง 25% โดยเฉพาะเมื่ออุปกรณ์เคลื่อนที่ระหว่าง access point Wi-Fi 8 ยังคงใช้พื้นฐานเดียวกับ Wi-Fi 7 เช่น รองรับคลื่น 2, 4, 5 และ 6 GHz, ใช้ 4096-QAM, MU-MIMO, OFDMA และช่องสัญญาณกว้างสูงสุด 320 MHz แต่เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น: - Coordinated Spatial Reuse (Co-SR) - Coordinated Beamforming (Co-BF) - Dynamic Sub-Channel Operation (DSO) - Enhanced Modulation Coding Scheme (MCS) มาตรฐาน Wi-Fi 8 จะเริ่มรับรองในปี 2028 โดยคาดว่าจะมีผลกระทบต่อทั้งภาคอุตสาหกรรม, สาธารณะ, และการใช้งานในบ้าน https://www.tomshardware.com/networking/next-gen-wi-fi-8-focuses-on-reliability-instead-of-speed-ultra-high-reliability-initiative-boosts-performance-lowers-latency-and-packet-loss-in-challenging-conditions
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกเลเซอร์: เมื่อแสงกลายเป็นทางลัดของข้อมูล

    TechRadar รายงานความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนา “ชิปโฟโตนิกส์” ที่ใช้เลเซอร์ควอนตัมดอท (Quantum Dot Lasers) ซึ่งสามารถทำงานบนซิลิคอนได้โดยตรง โดยไม่ต้องออกแบบระบบใหม่ทั้งหมด และยังทนความร้อนได้ดีเยี่ยม เหมาะกับการใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์อัจฉริยะในอนาคต

    ลองจินตนาการว่าในอนาคต ชิปที่อยู่ในสมาร์ทโฟนหรือโน้ตบุ๊กของคุณจะไม่ส่งข้อมูลด้วยไฟฟ้า แต่ใช้ “แสง” แทน ซึ่งเร็วกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่า แต่ปัญหาคือการรวมเลเซอร์เข้ากับซิลิคอนนั้นยากมาก เพราะวัสดุไม่เข้ากัน

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย นำโดย Rosalyn Koscica ได้แก้ปัญหานี้ด้วย 3 กลยุทธ์:

    1️⃣ ใช้การเติบโตแบบสองขั้นตอน (MOCVD + MBE) เพื่อสร้างเลเซอร์ควอนตัมดอทบนซิลิคอน

    2️⃣ เติมช่องว่างด้วยโพลิเมอร์เพื่อลดการกระจายของแสง

    3️⃣ ใช้การออกแบบเลเซอร์แบบ pocket laser ที่เล็กและแม่นยำ

    ผลลัพธ์คือเลเซอร์ที่ทำงานได้ในช่วง O-band (เหมาะกับการสื่อสารข้อมูล) ทนความร้อนได้ถึง 105°C และมีอายุการใช้งานกว่า 6 ปี โดยไม่ต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อน

    ที่สำคัญคือกระบวนการนี้สามารถผลิตในโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วไปได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างชิป ทำให้มีโอกาสผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/a-new-trick-for-merging-lasers-with-silicon-could-finally-make-photonic-chips-cheap-fast-and-ready-for-mass-production
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเลเซอร์: เมื่อแสงกลายเป็นทางลัดของข้อมูล TechRadar รายงานความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนา “ชิปโฟโตนิกส์” ที่ใช้เลเซอร์ควอนตัมดอท (Quantum Dot Lasers) ซึ่งสามารถทำงานบนซิลิคอนได้โดยตรง โดยไม่ต้องออกแบบระบบใหม่ทั้งหมด และยังทนความร้อนได้ดีเยี่ยม เหมาะกับการใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์อัจฉริยะในอนาคต ลองจินตนาการว่าในอนาคต ชิปที่อยู่ในสมาร์ทโฟนหรือโน้ตบุ๊กของคุณจะไม่ส่งข้อมูลด้วยไฟฟ้า แต่ใช้ “แสง” แทน ซึ่งเร็วกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่า แต่ปัญหาคือการรวมเลเซอร์เข้ากับซิลิคอนนั้นยากมาก เพราะวัสดุไม่เข้ากัน ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย นำโดย Rosalyn Koscica ได้แก้ปัญหานี้ด้วย 3 กลยุทธ์: 1️⃣ ใช้การเติบโตแบบสองขั้นตอน (MOCVD + MBE) เพื่อสร้างเลเซอร์ควอนตัมดอทบนซิลิคอน 2️⃣ เติมช่องว่างด้วยโพลิเมอร์เพื่อลดการกระจายของแสง 3️⃣ ใช้การออกแบบเลเซอร์แบบ pocket laser ที่เล็กและแม่นยำ ผลลัพธ์คือเลเซอร์ที่ทำงานได้ในช่วง O-band (เหมาะกับการสื่อสารข้อมูล) ทนความร้อนได้ถึง 105°C และมีอายุการใช้งานกว่า 6 ปี โดยไม่ต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อน ที่สำคัญคือกระบวนการนี้สามารถผลิตในโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วไปได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างชิป ทำให้มีโอกาสผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้น https://www.techradar.com/pro/a-new-trick-for-merging-lasers-with-silicon-could-finally-make-photonic-chips-cheap-fast-and-ready-for-mass-production
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากชิปที่แพงขึ้นเพราะข้ามมหาสมุทร: เมื่อการผลิตในอเมริกายังไม่พร้อมสำหรับสงคราม AI

    TSMC ขยายโรงงานในสหรัฐฯ อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในรัฐแอริโซนา หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ผลักดันให้ลดการพึ่งพาไต้หวันในยุคของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์

    แต่ Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่า:
    - การผลิตชิปจากโรงงาน TSMC ในสหรัฐฯ มีต้นทุนสูงกว่าจากไต้หวันถึง 20%
    - สาเหตุหลักคือค่าแรงที่แพง, ค่าขนส่งอุปกรณ์, และความไม่พร้อมของห่วงโซ่อุปทานในประเทศ

    แม้จะมีต้นทุนสูง แต่บริษัทเทคโนโลยีอย่าง AMD และ NVIDIA ก็ยังต้องสั่งผลิตจากโรงงานในสหรัฐฯ เพราะ:
    - โรงงานในไต้หวันผลิตเต็มกำลังแล้ว
    - ความต้องการชิป AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    - AMD คาดว่าตลาด accelerator จะมีมูลค่าถึง $500 พันล้านภายใน 5 ปี

    AMD เป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ของ TSMC US โดย:
    - สั่งผลิตชิป 4nm สำหรับ EPYC Venice CPU
    - มีแผนขยายไปถึง 2nm ในอนาคต

    TSMC วางแผนจะผลิตชิปขั้นสูงกว่า 30% จากโรงงานในแอริโซนา และอาจใช้โดรนในการตรวจสอบโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่าการผลิตชิปจาก TSMC US มีต้นทุนสูงกว่าจากไต้หวันถึง 20%
    สาเหตุหลักคือค่าแรง, ค่าขนส่งอุปกรณ์, และความไม่พร้อมของ supply chain

    TSMC ขยายโรงงานในรัฐแอริโซนาอย่างรวดเร็วหลังได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ
    เพื่อลดการพึ่งพาไต้หวันในด้านการผลิตชิปขั้นสูง

    AMD เป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ของ TSMC US โดยสั่งผลิตชิป 4nm และมีแผนขยายไปถึง 2nm
    ใช้สำหรับ EPYC Venice CPU ในตลาด data center

    Lisa Su คาดว่าตลาด accelerator จะมีมูลค่าถึง $500 พันล้านภายใน 5 ปี
    สะท้อนความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    TSMC วางแผนจะผลิตชิปขั้นสูงกว่า 30% จากโรงงานในแอริโซนา
    และอาจใช้โดรนในการตรวจสอบโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    https://wccftech.com/amd-ceo-lisa-su-says-sourcing-ai-chips-from-tsmc-us-plants-is-more-expensive/
    🎙️ เรื่องเล่าจากชิปที่แพงขึ้นเพราะข้ามมหาสมุทร: เมื่อการผลิตในอเมริกายังไม่พร้อมสำหรับสงคราม AI TSMC ขยายโรงงานในสหรัฐฯ อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในรัฐแอริโซนา หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ผลักดันให้ลดการพึ่งพาไต้หวันในยุคของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่า: - การผลิตชิปจากโรงงาน TSMC ในสหรัฐฯ มีต้นทุนสูงกว่าจากไต้หวันถึง 20% - สาเหตุหลักคือค่าแรงที่แพง, ค่าขนส่งอุปกรณ์, และความไม่พร้อมของห่วงโซ่อุปทานในประเทศ แม้จะมีต้นทุนสูง แต่บริษัทเทคโนโลยีอย่าง AMD และ NVIDIA ก็ยังต้องสั่งผลิตจากโรงงานในสหรัฐฯ เพราะ: - โรงงานในไต้หวันผลิตเต็มกำลังแล้ว - ความต้องการชิป AI เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว - AMD คาดว่าตลาด accelerator จะมีมูลค่าถึง $500 พันล้านภายใน 5 ปี AMD เป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ของ TSMC US โดย: - สั่งผลิตชิป 4nm สำหรับ EPYC Venice CPU - มีแผนขยายไปถึง 2nm ในอนาคต TSMC วางแผนจะผลิตชิปขั้นสูงกว่า 30% จากโรงงานในแอริโซนา และอาจใช้โดรนในการตรวจสอบโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ Lisa Su ซีอีโอของ AMD ระบุว่าการผลิตชิปจาก TSMC US มีต้นทุนสูงกว่าจากไต้หวันถึง 20% ➡️ สาเหตุหลักคือค่าแรง, ค่าขนส่งอุปกรณ์, และความไม่พร้อมของ supply chain ✅ TSMC ขยายโรงงานในรัฐแอริโซนาอย่างรวดเร็วหลังได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ➡️ เพื่อลดการพึ่งพาไต้หวันในด้านการผลิตชิปขั้นสูง ✅ AMD เป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ของ TSMC US โดยสั่งผลิตชิป 4nm และมีแผนขยายไปถึง 2nm ➡️ ใช้สำหรับ EPYC Venice CPU ในตลาด data center ✅ Lisa Su คาดว่าตลาด accelerator จะมีมูลค่าถึง $500 พันล้านภายใน 5 ปี ➡️ สะท้อนความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ✅ TSMC วางแผนจะผลิตชิปขั้นสูงกว่า 30% จากโรงงานในแอริโซนา ➡️ และอาจใช้โดรนในการตรวจสอบโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ https://wccftech.com/amd-ceo-lisa-su-says-sourcing-ai-chips-from-tsmc-us-plants-is-more-expensive/
    WCCFTECH.COM
    AMD CEO Lisa Su Says Sourcing AI Chips From TSMC’s U.S. Plants Is 20% More Expensive, Highlighting the Complications of Building Supply Chains in America
    While TSMC US operations are seeing massive attraction from American clients, AMD's CEO Lisa Su says it is still a very expensive venture.
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโรงงานที่กำลังโตแต่ยังไม่พร้อม: เมื่อ CXMT พยายามผลิต DDR5 ท่ามกลางแรงกดดันจากเทคโนโลยีและการเมือง

    CXMT เริ่มผลิต DDR5 ตั้งแต่ปลายปี 2024 โดยใช้เทคโนโลยี G4 node ขนาด 16nm ซึ่งล้าหลังกว่าคู่แข่งอย่าง Samsung ที่ใช้ 10nm-class node รุ่นที่ 3 ทำให้:
    - ขนาดชิปใหญ่ขึ้น 40%
    - ต้นทุนการผลิตสูงกว่า
    - ไม่สามารถ “ท่วมตลาด” ด้วยราคาถูกได้ตามที่หลายฝ่ายกังวล

    นอกจากนี้ยังพบปัญหา:
    - ความไม่เสถียรเมื่อใช้งานที่อุณหภูมิสูง (60°C) และต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
    - ต้องออกแบบ photomask ใหม่เพื่อแก้ปัญหา — ซึ่งมีต้นทุนสูง
    - แม้จะปรับปรุงแล้วและคุณภาพใกล้เคียงกับ Nanya แต่ yield ยังต่ำเพียง 50% ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการผลิตเชิงพาณิชย์

    CXMT มีแผนขยายกำลังผลิตจาก 170,000 wafer ต่อเดือนในปี 2024 เป็น 280,000 wafer ภายในปลายปี 2025 โดยใช้เงินทุนจากรัฐบาลจีน — แต่การพึ่งพาเครื่องมือจากสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และยุโรป อาจทำให้แผนนี้สะดุด หากถูกจำกัดการส่งออกหรือการซ่อมบำรุง

    CXMT เลื่อนการผลิต DDR5 แบบปริมาณมากไปเป็นปลายปี 2025
    เดิมคาดว่าจะเริ่มกลางปี แต่ yield ยังต่ำเพียง 50%

    ใช้เทคโนโลยี G4 node ขนาด 16nm ซึ่งล้าหลังกว่าคู่แข่ง
    ทำให้ชิปใหญ่ขึ้น 40% และต้นทุนสูงกว่า Samsung

    พบปัญหาความไม่เสถียรที่อุณหภูมิสูงและต่ำ
    ต้องออกแบบ photomask ใหม่เพื่อแก้ปัญหา

    คุณภาพของ DDR5 ล่าสุดใกล้เคียงกับ Nanya จากไต้หวัน
    หากได้รับการรับรองจากผู้ผลิต PC จะถือว่า “ปิดช่องว่าง” กับคู่แข่ง

    CXMT มีแผนขยายกำลังผลิตจาก 170K → 280K wafer ต่อเดือนภายในปี 2025
    ใช้เงินทุนจากรัฐบาลจีนเพื่อสร้างความพึ่งพาตนเองด้านเซมิคอนดักเตอร์

    Localization ของเครื่องมือในโรงงาน CXMT ยังอยู่ที่ 20%
    พึ่งพาอุปกรณ์จากสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และยุโรปเป็นหลัก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/chinas-cxmt-reportedly-delays-mass-production-of-ddr5-chips-to-late-2025-state-backed-manufacturer-could-still-be-disruptive-market-force
    🎙️ เรื่องเล่าจากโรงงานที่กำลังโตแต่ยังไม่พร้อม: เมื่อ CXMT พยายามผลิต DDR5 ท่ามกลางแรงกดดันจากเทคโนโลยีและการเมือง CXMT เริ่มผลิต DDR5 ตั้งแต่ปลายปี 2024 โดยใช้เทคโนโลยี G4 node ขนาด 16nm ซึ่งล้าหลังกว่าคู่แข่งอย่าง Samsung ที่ใช้ 10nm-class node รุ่นที่ 3 ทำให้: - ขนาดชิปใหญ่ขึ้น 40% - ต้นทุนการผลิตสูงกว่า - ไม่สามารถ “ท่วมตลาด” ด้วยราคาถูกได้ตามที่หลายฝ่ายกังวล นอกจากนี้ยังพบปัญหา: - ความไม่เสถียรเมื่อใช้งานที่อุณหภูมิสูง (60°C) และต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง - ต้องออกแบบ photomask ใหม่เพื่อแก้ปัญหา — ซึ่งมีต้นทุนสูง - แม้จะปรับปรุงแล้วและคุณภาพใกล้เคียงกับ Nanya แต่ yield ยังต่ำเพียง 50% ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการผลิตเชิงพาณิชย์ CXMT มีแผนขยายกำลังผลิตจาก 170,000 wafer ต่อเดือนในปี 2024 เป็น 280,000 wafer ภายในปลายปี 2025 โดยใช้เงินทุนจากรัฐบาลจีน — แต่การพึ่งพาเครื่องมือจากสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และยุโรป อาจทำให้แผนนี้สะดุด หากถูกจำกัดการส่งออกหรือการซ่อมบำรุง ✅ CXMT เลื่อนการผลิต DDR5 แบบปริมาณมากไปเป็นปลายปี 2025 ➡️ เดิมคาดว่าจะเริ่มกลางปี แต่ yield ยังต่ำเพียง 50% ✅ ใช้เทคโนโลยี G4 node ขนาด 16nm ซึ่งล้าหลังกว่าคู่แข่ง ➡️ ทำให้ชิปใหญ่ขึ้น 40% และต้นทุนสูงกว่า Samsung ✅ พบปัญหาความไม่เสถียรที่อุณหภูมิสูงและต่ำ ➡️ ต้องออกแบบ photomask ใหม่เพื่อแก้ปัญหา ✅ คุณภาพของ DDR5 ล่าสุดใกล้เคียงกับ Nanya จากไต้หวัน ➡️ หากได้รับการรับรองจากผู้ผลิต PC จะถือว่า “ปิดช่องว่าง” กับคู่แข่ง ✅ CXMT มีแผนขยายกำลังผลิตจาก 170K → 280K wafer ต่อเดือนภายในปี 2025 ➡️ ใช้เงินทุนจากรัฐบาลจีนเพื่อสร้างความพึ่งพาตนเองด้านเซมิคอนดักเตอร์ ✅ Localization ของเครื่องมือในโรงงาน CXMT ยังอยู่ที่ 20% ➡️ พึ่งพาอุปกรณ์จากสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และยุโรปเป็นหลัก https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/chinas-cxmt-reportedly-delays-mass-production-of-ddr5-chips-to-late-2025-state-backed-manufacturer-could-still-be-disruptive-market-force
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเมาส์ที่ไม่ควรมีพิษ: เมื่อไฟล์จากเว็บทางการกลายเป็นช่องทางแพร่มัลแวร์

    เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อผู้ใช้ Reddit ดาวน์โหลดเครื่องมือปรับแต่งเมาส์ OP1w 4K V2 จากเว็บไซต์ของ Endgame Gear เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2025 แล้วพบพฤติกรรมผิดปกติในระบบ

    หลังตรวจสอบ พบว่าไฟล์นั้นถูกฝังมัลแวร์ XRed ซึ่งเป็น backdoor trojan ที่มีความสามารถขั้นสูง:
    - ขโมยข้อมูลระบบและส่งออกผ่าน SMTP
    - สร้างโฟลเดอร์ซ่อนที่ C:\ProgramData\Synaptics\
    - แก้ไข Windows Registry เพื่อให้มัลแวร์อยู่รอดหลังรีสตาร์ต
    - แพร่กระจายผ่าน USB เหมือนหนอน (worm)

    ผู้ใช้พบว่า Endgame เปลี่ยนลิงก์ดาวน์โหลดระหว่างวันที่ 2–17 กรกฎาคม โดยไม่แจ้งเตือนใด ๆ และลบไฟล์ติดมัลแวร์ออกอย่างเงียบ ๆ

    แม้บริษัทจะออกแถลงการณ์ยอมรับว่ามีการติดมัลแวร์จริง และให้คำแนะนำในการตรวจสอบและลบออกจากระบบ แต่ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบกำลังเตรียมยื่นเรื่องต่อ ICO (Information Commissioner’s Office) ในสหราชอาณาจักร โดยอ้างว่าเป็นการละเมิด GDPR เพราะบริษัทไม่แจ้งเหตุการณ์ต่อสาธารณะทันที

    Endgame Gear แจกจ่ายไฟล์ปรับแต่งเมาส์ OP1w 4K V2 ที่มีมัลแวร์ XRed ฝังอยู่
    ไฟล์ถูกดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ทางการ ไม่ใช่ mirror หรือ third-party

    XRed เป็น backdoor trojan ที่สามารถขโมยข้อมูลและอยู่รอดในระบบ
    ใช้โฟลเดอร์ซ่อน, แก้ Registry, และแพร่ผ่าน USB

    ผู้ใช้พบไฟล์ Synaptics.exe ที่ติดมัลแวร์ใน C:\ProgramData\Synaptics\
    เป็นตำแหน่งที่มัลแวร์ใช้ซ่อนตัว

    Endgame เปลี่ยนลิงก์ดาวน์โหลดระหว่างวันที่ 2–17 กรกฎาคม โดยไม่แจ้งเตือน
    ผู้ใช้พบว่าไฟล์ก่อนวันที่ 17 เป็นเวอร์ชันที่ติดมัลแวร์

    บริษัทออกแถลงการณ์ยอมรับว่ามีการติดมัลแวร์ และให้คำแนะนำในการลบออก
    ระบุว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะไฟล์นั้น และไฟล์อื่นปลอดภัย

    ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบเตรียมยื่นเรื่องต่อ ICO โดยอ้างว่าเป็นการละเมิด GDPR
    เพราะบริษัทไม่แจ้งเหตุการณ์ต่อสาธารณะทันที

    ไฟล์ติดมัลแวร์มาจากเว็บไซต์ทางการของ Endgame Gear
    แสดงถึงความเสี่ยงจาก supply chain compromise หรือการจัดการไฟล์ที่ประมาท

    บริษัทเปลี่ยนไฟล์โดยไม่แจ้งเตือนหรือออกประกาศต่อสาธารณะ
    อาจเข้าข่ายละเมิด GDPR ซึ่งกำหนดให้ต้องแจ้งเหตุการณ์ที่กระทบต่อข้อมูลส่วนตัว

    XRed มีความสามารถในการอยู่รอดหลังรีสตาร์ตและแพร่ผ่าน USB
    อาจทำให้มัลแวร์กระจายไปยังอุปกรณ์อื่นโดยไม่รู้ตัว

    การไม่ตรวจสอบไฟล์ก่อนปล่อยให้ดาวน์โหลดจาก CDN เป็นความเสี่ยงร้ายแรง
    อาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ supply chain ในอนาคต

    ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่รู้ว่าระบบติดมัลแวร์ เพราะไม่มีการแจ้งเตือนจากบริษัท
    ควรตรวจสอบไฟล์ที่ดาวน์โหลดระหว่างวันที่ 2–17 กรกฎาคม และลบออกทันที

    https://www.techspot.com/news/108773-malware-found-endgame-gear-official-mouse-configuration-utility.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากเมาส์ที่ไม่ควรมีพิษ: เมื่อไฟล์จากเว็บทางการกลายเป็นช่องทางแพร่มัลแวร์ เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อผู้ใช้ Reddit ดาวน์โหลดเครื่องมือปรับแต่งเมาส์ OP1w 4K V2 จากเว็บไซต์ของ Endgame Gear เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2025 แล้วพบพฤติกรรมผิดปกติในระบบ หลังตรวจสอบ พบว่าไฟล์นั้นถูกฝังมัลแวร์ XRed ซึ่งเป็น backdoor trojan ที่มีความสามารถขั้นสูง: - ขโมยข้อมูลระบบและส่งออกผ่าน SMTP - สร้างโฟลเดอร์ซ่อนที่ C:\ProgramData\Synaptics\ - แก้ไข Windows Registry เพื่อให้มัลแวร์อยู่รอดหลังรีสตาร์ต - แพร่กระจายผ่าน USB เหมือนหนอน (worm) ผู้ใช้พบว่า Endgame เปลี่ยนลิงก์ดาวน์โหลดระหว่างวันที่ 2–17 กรกฎาคม โดยไม่แจ้งเตือนใด ๆ และลบไฟล์ติดมัลแวร์ออกอย่างเงียบ ๆ แม้บริษัทจะออกแถลงการณ์ยอมรับว่ามีการติดมัลแวร์จริง และให้คำแนะนำในการตรวจสอบและลบออกจากระบบ แต่ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบกำลังเตรียมยื่นเรื่องต่อ ICO (Information Commissioner’s Office) ในสหราชอาณาจักร โดยอ้างว่าเป็นการละเมิด GDPR เพราะบริษัทไม่แจ้งเหตุการณ์ต่อสาธารณะทันที ✅ Endgame Gear แจกจ่ายไฟล์ปรับแต่งเมาส์ OP1w 4K V2 ที่มีมัลแวร์ XRed ฝังอยู่ ➡️ ไฟล์ถูกดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ทางการ ไม่ใช่ mirror หรือ third-party ✅ XRed เป็น backdoor trojan ที่สามารถขโมยข้อมูลและอยู่รอดในระบบ ➡️ ใช้โฟลเดอร์ซ่อน, แก้ Registry, และแพร่ผ่าน USB ✅ ผู้ใช้พบไฟล์ Synaptics.exe ที่ติดมัลแวร์ใน C:\ProgramData\Synaptics\ ➡️ เป็นตำแหน่งที่มัลแวร์ใช้ซ่อนตัว ✅ Endgame เปลี่ยนลิงก์ดาวน์โหลดระหว่างวันที่ 2–17 กรกฎาคม โดยไม่แจ้งเตือน ➡️ ผู้ใช้พบว่าไฟล์ก่อนวันที่ 17 เป็นเวอร์ชันที่ติดมัลแวร์ ✅ บริษัทออกแถลงการณ์ยอมรับว่ามีการติดมัลแวร์ และให้คำแนะนำในการลบออก ➡️ ระบุว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะไฟล์นั้น และไฟล์อื่นปลอดภัย ✅ ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบเตรียมยื่นเรื่องต่อ ICO โดยอ้างว่าเป็นการละเมิด GDPR ➡️ เพราะบริษัทไม่แจ้งเหตุการณ์ต่อสาธารณะทันที ‼️ ไฟล์ติดมัลแวร์มาจากเว็บไซต์ทางการของ Endgame Gear ⛔ แสดงถึงความเสี่ยงจาก supply chain compromise หรือการจัดการไฟล์ที่ประมาท ‼️ บริษัทเปลี่ยนไฟล์โดยไม่แจ้งเตือนหรือออกประกาศต่อสาธารณะ ⛔ อาจเข้าข่ายละเมิด GDPR ซึ่งกำหนดให้ต้องแจ้งเหตุการณ์ที่กระทบต่อข้อมูลส่วนตัว ‼️ XRed มีความสามารถในการอยู่รอดหลังรีสตาร์ตและแพร่ผ่าน USB ⛔ อาจทำให้มัลแวร์กระจายไปยังอุปกรณ์อื่นโดยไม่รู้ตัว ‼️ การไม่ตรวจสอบไฟล์ก่อนปล่อยให้ดาวน์โหลดจาก CDN เป็นความเสี่ยงร้ายแรง ⛔ อาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ supply chain ในอนาคต ‼️ ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่รู้ว่าระบบติดมัลแวร์ เพราะไม่มีการแจ้งเตือนจากบริษัท ⛔ ควรตรวจสอบไฟล์ที่ดาวน์โหลดระหว่างวันที่ 2–17 กรกฎาคม และลบออกทันที https://www.techspot.com/news/108773-malware-found-endgame-gear-official-mouse-configuration-utility.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Malware found in Endgame's mouse config utility
    Endgame Gear recently distributed a malicious software package bundled with the official configuration tool for its OP1w 4K V2 wireless gaming mouse. Customers discovered the issue the...
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากคลื่นที่มองไม่เห็น: เมื่อ Wi-Fi กลายเป็นเครื่องมือระบุตัวตนโดยไม่ต้องเห็นหน้า

    เทคโนโลยี WhoFi ใช้หลักการว่า:
    - เมื่อสัญญาณ Wi-Fi เดินทางผ่านพื้นที่ มันจะถูกเปลี่ยนแปลงโดยวัตถุและร่างกายมนุษย์
    - การเปลี่ยนแปลงของคลื่น (amplitude และ phase) มีลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล
    - ระบบ deep learning สามารถเรียนรู้ “ลายเซ็น” ของแต่ละคนจากการรบกวนสัญญาณ

    นักวิจัยฝึกโมเดล transformer-based neural network บนชุดข้อมูล NTU-Fi ซึ่งใช้ในการวิจัยด้าน human sensing ด้วย Wi-Fi และได้ผลแม่นยำถึง 95.5% ในการระบุตัวบุคคล แม้จะเปลี่ยนสถานที่หรือสภาพแวดล้อม

    เทคโนโลยีนี้ถือว่าก้าวหน้ากว่า EyeFi ที่เคยเปิดตัวในปี 2020 ซึ่งมีความแม่นยำเพียง 75% และยังสามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่ไม่มีอุปกรณ์หรือกล้องติดตั้งไว้

    แม้จะยังอยู่ในขั้นวิจัย แต่ WhoFi เปิดประเด็นด้านจริยธรรมอย่างหนัก เพราะ:
    - Wi-Fi เป็นสัญญาณที่ “มองไม่เห็น” และผู้ใช้ไม่รู้ว่ากำลังถูกติดตาม
    - การระบุตัวตนโดยไม่ต้องขออนุญาตอาจนำไปสู่การสอดแนมแบบลับ
    - นักวิจัยยืนยันว่า WhoFi ไม่เก็บข้อมูลส่วนตัว แต่ก็ยอมรับว่ามีความเสี่ยงหากถูกนำไปใช้โดยไม่มีมาตรการควบคุม

    นักวิจัยจาก La Sapienza University พัฒนาเทคโนโลยี WhoFi เพื่อระบุตัวบุคคลจากการรบกวนสัญญาณ Wi-Fi
    ไม่ต้องใช้กล้อง, อุปกรณ์สวมใส่ หรือข้อมูลส่วนตัว

    ใช้การเปลี่ยนแปลงของคลื่น Wi-Fi (amplitude และ phase) เป็น “ลายเซ็นชีวภาพ”
    ระบบ deep learning เรียนรู้จากการรบกวนที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน

    ทดสอบบนชุดข้อมูล NTU-Fi ได้ความแม่นยำถึง 95.5%
    ใช้โมเดล transformer-based deep neural network

    เทคโนโลยีนี้สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่ไม่มีอุปกรณ์หรือกล้อง
    เหมาะสำหรับการติดตามในพื้นที่เปิดหรือระบบอัตโนมัติ

    WhoFi ถือว่าก้าวหน้ากว่า EyeFi ที่เปิดตัวในปี 2020 ซึ่งมีความแม่นยำ 75%
    และสามารถใช้งานข้ามสถานที่ได้อย่างเสถียร

    นักวิจัยยืนยันว่า WhoFi ไม่เก็บข้อมูลส่วนตัวหรือภาพ
    แต่ยอมรับว่ามีความเสี่ยงหากไม่มีมาตรการควบคุม

    https://www.techspot.com/news/108775-scientists-develop-method-identify-people-how-their-bodies.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากคลื่นที่มองไม่เห็น: เมื่อ Wi-Fi กลายเป็นเครื่องมือระบุตัวตนโดยไม่ต้องเห็นหน้า เทคโนโลยี WhoFi ใช้หลักการว่า: - เมื่อสัญญาณ Wi-Fi เดินทางผ่านพื้นที่ มันจะถูกเปลี่ยนแปลงโดยวัตถุและร่างกายมนุษย์ - การเปลี่ยนแปลงของคลื่น (amplitude และ phase) มีลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล - ระบบ deep learning สามารถเรียนรู้ “ลายเซ็น” ของแต่ละคนจากการรบกวนสัญญาณ นักวิจัยฝึกโมเดล transformer-based neural network บนชุดข้อมูล NTU-Fi ซึ่งใช้ในการวิจัยด้าน human sensing ด้วย Wi-Fi และได้ผลแม่นยำถึง 95.5% ในการระบุตัวบุคคล แม้จะเปลี่ยนสถานที่หรือสภาพแวดล้อม เทคโนโลยีนี้ถือว่าก้าวหน้ากว่า EyeFi ที่เคยเปิดตัวในปี 2020 ซึ่งมีความแม่นยำเพียง 75% และยังสามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่ไม่มีอุปกรณ์หรือกล้องติดตั้งไว้ แม้จะยังอยู่ในขั้นวิจัย แต่ WhoFi เปิดประเด็นด้านจริยธรรมอย่างหนัก เพราะ: - Wi-Fi เป็นสัญญาณที่ “มองไม่เห็น” และผู้ใช้ไม่รู้ว่ากำลังถูกติดตาม - การระบุตัวตนโดยไม่ต้องขออนุญาตอาจนำไปสู่การสอดแนมแบบลับ - นักวิจัยยืนยันว่า WhoFi ไม่เก็บข้อมูลส่วนตัว แต่ก็ยอมรับว่ามีความเสี่ยงหากถูกนำไปใช้โดยไม่มีมาตรการควบคุม ✅ นักวิจัยจาก La Sapienza University พัฒนาเทคโนโลยี WhoFi เพื่อระบุตัวบุคคลจากการรบกวนสัญญาณ Wi-Fi ➡️ ไม่ต้องใช้กล้อง, อุปกรณ์สวมใส่ หรือข้อมูลส่วนตัว ✅ ใช้การเปลี่ยนแปลงของคลื่น Wi-Fi (amplitude และ phase) เป็น “ลายเซ็นชีวภาพ” ➡️ ระบบ deep learning เรียนรู้จากการรบกวนที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน ✅ ทดสอบบนชุดข้อมูล NTU-Fi ได้ความแม่นยำถึง 95.5% ➡️ ใช้โมเดล transformer-based deep neural network ✅ เทคโนโลยีนี้สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่ไม่มีอุปกรณ์หรือกล้อง ➡️ เหมาะสำหรับการติดตามในพื้นที่เปิดหรือระบบอัตโนมัติ ✅ WhoFi ถือว่าก้าวหน้ากว่า EyeFi ที่เปิดตัวในปี 2020 ซึ่งมีความแม่นยำ 75% ➡️ และสามารถใช้งานข้ามสถานที่ได้อย่างเสถียร ✅ นักวิจัยยืนยันว่า WhoFi ไม่เก็บข้อมูลส่วนตัวหรือภาพ ➡️ แต่ยอมรับว่ามีความเสี่ยงหากไม่มีมาตรการควบคุม https://www.techspot.com/news/108775-scientists-develop-method-identify-people-how-their-bodies.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Scientists develop method to identify people by how their bodies disrupt Wi-Fi
    Researchers at La Sapienza University of Rome have developed a method they say can re-identify individuals based solely on how their bodies disrupt Wi-Fi signals – a...
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากศูนย์กลางใหม่ของ AI: เมื่ออินเดียกลายเป็น “สมองส่วนกลาง” ของบริษัทระดับโลก

    อินเดียเคยถูกมองว่าเป็นแหล่ง “แรงงานราคาถูก” สำหรับงาน back-office แต่ตอนนี้ GCCs กลายเป็นศูนย์กลางด้าน AI ที่มีบทบาทสำคัญ เช่น:
    - วิเคราะห์ข้อมูลจากอุปกรณ์อุตสาหกรรม
    - แนะนำสินค้าแบบ personalized
    - ควบคุมระบบจากระยะไกล เช่น ตู้เย็นของ Tesco ทั่วโลก

    Tesco เป็นตัวอย่างชัดเจน: จากเดิมที่ใช้ศูนย์ Bengaluru เพื่อลดต้นทุน ตอนนี้มีพนักงาน 5,000 คนที่ใช้ AI วิเคราะห์อุณหภูมิตู้เย็นทั่วโลก และช่วยลดการสูญเสียอาหารได้หลายล้านปอนด์ต่อปี

    บริษัทอย่าง McDonald’s และ Bupa กำลังตั้ง GCCs เพื่อรับมือกับปัญหาการจ้างงานด้าน AI ในตลาดตะวันตกที่มีต้นทุนสูงและบุคลากรขาดแคลน

    แม้อินเดียจะยังตามหลังสหรัฐฯ และจีนในด้านนวัตกรรม AI แต่ GCCs สามารถใช้โมเดลจากบริษัทแม่ เช่น LLMs และเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง เพื่อสร้างคุณค่าใหม่กลับไปยังสำนักงานใหญ่

    การเติบโตของ GCCs:
    - รายได้จาก back-office เพิ่มจาก $11.5B ในปี 2010 เป็น $65B ในปี 2021
    - พนักงานเพิ่มจาก 400,000 เป็น 1.8 ล้านคน
    - คาดว่าจะถึง $100B ในปี 2030
    - งานด้าน R&D เพิ่มจาก 45% เป็น 55% ของรายได้ในช่วง 8 ปี

    รัฐ Karnataka ซึ่งมี GCCs มากที่สุดในอินเดีย (40%) กำลังผลักดันให้ประเทศกลายเป็น “ระบบนิเวศแห่งนวัตกรรม” ไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการ

    https://www.techspot.com/news/108762-ai-hiring-woes-pushing-companies-like-mcdonald-bupa.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากศูนย์กลางใหม่ของ AI: เมื่ออินเดียกลายเป็น “สมองส่วนกลาง” ของบริษัทระดับโลก อินเดียเคยถูกมองว่าเป็นแหล่ง “แรงงานราคาถูก” สำหรับงาน back-office แต่ตอนนี้ GCCs กลายเป็นศูนย์กลางด้าน AI ที่มีบทบาทสำคัญ เช่น: - วิเคราะห์ข้อมูลจากอุปกรณ์อุตสาหกรรม - แนะนำสินค้าแบบ personalized - ควบคุมระบบจากระยะไกล เช่น ตู้เย็นของ Tesco ทั่วโลก Tesco เป็นตัวอย่างชัดเจน: จากเดิมที่ใช้ศูนย์ Bengaluru เพื่อลดต้นทุน ตอนนี้มีพนักงาน 5,000 คนที่ใช้ AI วิเคราะห์อุณหภูมิตู้เย็นทั่วโลก และช่วยลดการสูญเสียอาหารได้หลายล้านปอนด์ต่อปี บริษัทอย่าง McDonald’s และ Bupa กำลังตั้ง GCCs เพื่อรับมือกับปัญหาการจ้างงานด้าน AI ในตลาดตะวันตกที่มีต้นทุนสูงและบุคลากรขาดแคลน แม้อินเดียจะยังตามหลังสหรัฐฯ และจีนในด้านนวัตกรรม AI แต่ GCCs สามารถใช้โมเดลจากบริษัทแม่ เช่น LLMs และเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง เพื่อสร้างคุณค่าใหม่กลับไปยังสำนักงานใหญ่ การเติบโตของ GCCs: - รายได้จาก back-office เพิ่มจาก $11.5B ในปี 2010 เป็น $65B ในปี 2021 - พนักงานเพิ่มจาก 400,000 เป็น 1.8 ล้านคน - คาดว่าจะถึง $100B ในปี 2030 - งานด้าน R&D เพิ่มจาก 45% เป็น 55% ของรายได้ในช่วง 8 ปี รัฐ Karnataka ซึ่งมี GCCs มากที่สุดในอินเดีย (40%) กำลังผลักดันให้ประเทศกลายเป็น “ระบบนิเวศแห่งนวัตกรรม” ไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการ https://www.techspot.com/news/108762-ai-hiring-woes-pushing-companies-like-mcdonald-bupa.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AI hiring woes are pushing some companies like McDonald's and Bupa to India's "tech hubs"
    The movement is not simply a play for lower labor costs; it reflects an escalating need for advanced AI abilities that are in short supply at home...
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • จะเป็นฟองสบู่ AI หรือเปล่านะ

    เรื่องเล่าจาก AI ที่ไม่ขอข้อมูลเรา: เมื่อ Proton สร้าง Lumo เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว

    Lumo เป็นแชตบอทคล้าย ChatGPT หรือ Copilot แต่เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว:
    - ไม่เก็บ log การสนทนา
    - แชตถูกเข้ารหัสและเก็บไว้เฉพาะในอุปกรณ์ของผู้ใช้
    - ไม่แชร์ข้อมูลกับบุคคลที่สาม, โฆษณา หรือรัฐบาล
    - ไม่ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการเทรนโมเดล AI

    แม้จะไม่มีฟีเจอร์ขั้นสูงอย่าง voice mode หรือ image generation แต่ Lumo รองรับ:
    - การวิเคราะห์ไฟล์ที่อัปโหลด
    - การเข้าถึงเอกสารใน Proton Drive
    - การค้นหาข้อมูลผ่าน search engine ที่เน้นความเป็นส่วนตัว (เปิดใช้งานได้ตามต้องการ)

    Lumo มีให้ใช้งานใน 3 ระดับ:

    1️⃣ Guest mode — ไม่ต้องสมัคร Proton แต่จำกัดจำนวนคำถามต่อสัปดาห์
    2️⃣ Free Proton account — ถามได้มากขึ้น, เข้าถึงประวัติแชต, อัปโหลดไฟล์ได้
    3️⃣ Lumo Plus — $12.99/เดือน หรือ $119.88/ปี พร้อมฟีเจอร์เต็ม เช่น unlimited chats, extended history, และอัปโหลดไฟล์ขนาดใหญ่

    Andy Yen ซีอีโอของ Proton กล่าวว่า:
    “AI ไม่ควรกลายเป็นเครื่องมือสอดแนมที่ทรงพลังที่สุดในโลก — เราสร้าง Lumo เพื่อให้ผู้ใช้มาก่อนผลกำไร”

    Proton เปิดตัวผู้ช่วย AI ชื่อ Lumo ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
    ไม่เก็บ log, เข้ารหัสแชต, และไม่ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการเทรนโมเดล

    Lumo รองรับการวิเคราะห์ไฟล์และเข้าถึง Proton Drive
    ช่วยให้ใช้งานกับเอกสารส่วนตัวได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูล

    รองรับการค้นหาข้อมูลผ่าน search engine ที่เน้นความเป็นส่วนตัว
    เปิดใช้งานได้ตามต้องการเพื่อควบคุมความเสี่ยง

    มีให้ใช้งานใน 3 ระดับ: Guest, Free Account, และ Lumo Plus
    Lumo Plus ราคา $12.99/เดือน หรือ $119.88/ปี พร้อมฟีเจอร์เต็ม

    Andy Yen ซีอีโอของ Proton ย้ำว่า Lumo คือทางเลือกที่ไม่เอาข้อมูลผู้ใช้ไปแลกกับ AI
    เป็นการตอบโต้แนวทางของ Big Tech ที่ใช้ AI เพื่อเก็บข้อมูล

    Lumo ใช้โมเดล LLM แบบโอเพ่นซอร์ส
    เพิ่มความโปร่งใสและตรวจสอบได้

    Lumo ยังไม่มีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น voice mode หรือ image generation
    อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความสามารถแบบมัลติมีเดีย

    Guest mode มีข้อจำกัดด้านจำนวนคำถามและฟีเจอร์
    ผู้ใช้ต้องสมัคร Proton เพื่อใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ

    แม้จะไม่เก็บ log แต่การวิเคราะห์ไฟล์ยังต้องอาศัยความเชื่อมั่นในระบบ
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบว่าไฟล์ที่อัปโหลดไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคลอื่น

    การใช้ search engine ภายนอกแม้จะเน้นความเป็นส่วนตัว ก็ยังมีความเสี่ยงหากเปิดใช้งานโดยไม่ระวัง
    ควรเลือก search engine ที่มีนโยบายชัดเจน เช่น DuckDuckGo หรือ Startpage

    การใช้โมเดลโอเพ่นซอร์สอาจมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำเมื่อเทียบกับโมเดลเชิงพาณิชย์
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบคำตอบก่อนนำไปใช้งานจริง โดยเฉพาะในบริบทสำคัญ

    https://www.neowin.net/news/proton-launches-lumo-privacy-focused-ai-assistant-with-encrypted-chats/
    จะเป็นฟองสบู่ AI หรือเปล่านะ 🎙️ เรื่องเล่าจาก AI ที่ไม่ขอข้อมูลเรา: เมื่อ Proton สร้าง Lumo เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว Lumo เป็นแชตบอทคล้าย ChatGPT หรือ Copilot แต่เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว: - ไม่เก็บ log การสนทนา - แชตถูกเข้ารหัสและเก็บไว้เฉพาะในอุปกรณ์ของผู้ใช้ - ไม่แชร์ข้อมูลกับบุคคลที่สาม, โฆษณา หรือรัฐบาล - ไม่ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการเทรนโมเดล AI แม้จะไม่มีฟีเจอร์ขั้นสูงอย่าง voice mode หรือ image generation แต่ Lumo รองรับ: - การวิเคราะห์ไฟล์ที่อัปโหลด - การเข้าถึงเอกสารใน Proton Drive - การค้นหาข้อมูลผ่าน search engine ที่เน้นความเป็นส่วนตัว (เปิดใช้งานได้ตามต้องการ) Lumo มีให้ใช้งานใน 3 ระดับ: 1️⃣ Guest mode — ไม่ต้องสมัคร Proton แต่จำกัดจำนวนคำถามต่อสัปดาห์ 2️⃣ Free Proton account — ถามได้มากขึ้น, เข้าถึงประวัติแชต, อัปโหลดไฟล์ได้ 3️⃣ Lumo Plus — $12.99/เดือน หรือ $119.88/ปี พร้อมฟีเจอร์เต็ม เช่น unlimited chats, extended history, และอัปโหลดไฟล์ขนาดใหญ่ Andy Yen ซีอีโอของ Proton กล่าวว่า: 🔖 “AI ไม่ควรกลายเป็นเครื่องมือสอดแนมที่ทรงพลังที่สุดในโลก — เราสร้าง Lumo เพื่อให้ผู้ใช้มาก่อนผลกำไร” ✅ Proton เปิดตัวผู้ช่วย AI ชื่อ Lumo ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ➡️ ไม่เก็บ log, เข้ารหัสแชต, และไม่ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในการเทรนโมเดล ✅ Lumo รองรับการวิเคราะห์ไฟล์และเข้าถึง Proton Drive ➡️ ช่วยให้ใช้งานกับเอกสารส่วนตัวได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูล ✅ รองรับการค้นหาข้อมูลผ่าน search engine ที่เน้นความเป็นส่วนตัว ➡️ เปิดใช้งานได้ตามต้องการเพื่อควบคุมความเสี่ยง ✅ มีให้ใช้งานใน 3 ระดับ: Guest, Free Account, และ Lumo Plus ➡️ Lumo Plus ราคา $12.99/เดือน หรือ $119.88/ปี พร้อมฟีเจอร์เต็ม ✅ Andy Yen ซีอีโอของ Proton ย้ำว่า Lumo คือทางเลือกที่ไม่เอาข้อมูลผู้ใช้ไปแลกกับ AI ➡️ เป็นการตอบโต้แนวทางของ Big Tech ที่ใช้ AI เพื่อเก็บข้อมูล ✅ Lumo ใช้โมเดล LLM แบบโอเพ่นซอร์ส ➡️ เพิ่มความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ‼️ Lumo ยังไม่มีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น voice mode หรือ image generation ⛔ อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความสามารถแบบมัลติมีเดีย ‼️ Guest mode มีข้อจำกัดด้านจำนวนคำถามและฟีเจอร์ ⛔ ผู้ใช้ต้องสมัคร Proton เพื่อใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ‼️ แม้จะไม่เก็บ log แต่การวิเคราะห์ไฟล์ยังต้องอาศัยความเชื่อมั่นในระบบ ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบว่าไฟล์ที่อัปโหลดไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคลอื่น ‼️ การใช้ search engine ภายนอกแม้จะเน้นความเป็นส่วนตัว ก็ยังมีความเสี่ยงหากเปิดใช้งานโดยไม่ระวัง ⛔ ควรเลือก search engine ที่มีนโยบายชัดเจน เช่น DuckDuckGo หรือ Startpage ‼️ การใช้โมเดลโอเพ่นซอร์สอาจมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำเมื่อเทียบกับโมเดลเชิงพาณิชย์ ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบคำตอบก่อนนำไปใช้งานจริง โดยเฉพาะในบริบทสำคัญ https://www.neowin.net/news/proton-launches-lumo-privacy-focused-ai-assistant-with-encrypted-chats/
    WWW.NEOWIN.NET
    Proton launches Lumo, privacy-focused AI assistant with encrypted chats
    In the sea of AI assistants and chatbots, Proton's new Lumo stands out by offering users privacy and confidentiality.
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
  • ทบ.ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน-ประชาชน งดเผยแพร่ภาพ- ข้อมูล
    ปฏิบัติการทางทหาร การลำเลียงอาวุธ การระดมกำลังทหาร เพื่อความมั่นคงของชาติและความได้เปรียบในการสู้รบ
    .
    พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทุกท่าน งดการบันทึกภาพนิ่ง คลิปวิดีโอ หรือการเผยแพร่ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายกำลังพล ยุทโธปกรณ์ หรือยานพาหนะทางทหารขนาดใหญ่ รวมถึงการระบุสถานที่หรือเส้นทางการเคลื่อนย้าย ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ผ่านช่องทางสื่อสาธารณะหรือสื่อออนไลน์ ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

    ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลด้านความมั่นคงถูกนำไปใช้โดยกลุ่มผู้ไม่หวังดี อันอาจนำไปสู่ การบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือสร้างความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของภารกิจทางทหาร

    กองทัพบกตระหนักถึง ความสำคัญของการดำเนินภารกิจด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัย และมีเอกภาพ จึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน ในการหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจของกำลังพลในพื้นที่ และเพื่อให้กองทัพสามารถทำหน้าที่ในการพิทักษ์อธิปไตย และดูแลความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบพื้นที่ปฏิบัติการได้อย่างเต็มศักยภาพ

    กองทัพบกขอขอบคุณในความเข้าใจ ร่วมมือ และกำลังใจที่ประชาชนมีให้แก่กำลังพลเสมอมา และขอยืนยันว่ากองทัพจะปฏิบัติภารกิจในการปกป้องประเทศชาติด้วยความเสียสละและมุ่งมั่น เพื่อสร้างความสงบสุขให้แก่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ
    ทบ.ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน-ประชาชน งดเผยแพร่ภาพ- ข้อมูล ปฏิบัติการทางทหาร การลำเลียงอาวุธ การระดมกำลังทหาร เพื่อความมั่นคงของชาติและความได้เปรียบในการสู้รบ . พันเอกริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทุกท่าน งดการบันทึกภาพนิ่ง คลิปวิดีโอ หรือการเผยแพร่ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายกำลังพล ยุทโธปกรณ์ หรือยานพาหนะทางทหารขนาดใหญ่ รวมถึงการระบุสถานที่หรือเส้นทางการเคลื่อนย้าย ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ผ่านช่องทางสื่อสาธารณะหรือสื่อออนไลน์ ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลด้านความมั่นคงถูกนำไปใช้โดยกลุ่มผู้ไม่หวังดี อันอาจนำไปสู่ การบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือสร้างความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของภารกิจทางทหาร กองทัพบกตระหนักถึง ความสำคัญของการดำเนินภารกิจด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัย และมีเอกภาพ จึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน ในการหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจของกำลังพลในพื้นที่ และเพื่อให้กองทัพสามารถทำหน้าที่ในการพิทักษ์อธิปไตย และดูแลความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบพื้นที่ปฏิบัติการได้อย่างเต็มศักยภาพ กองทัพบกขอขอบคุณในความเข้าใจ ร่วมมือ และกำลังใจที่ประชาชนมีให้แก่กำลังพลเสมอมา และขอยืนยันว่ากองทัพจะปฏิบัติภารกิจในการปกป้องประเทศชาติด้วยความเสียสละและมุ่งมั่น เพื่อสร้างความสงบสุขให้แก่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • "แผนจักรพงษ์ภูวนาถ"

    สำหรับแผนจักรพงษ์ภูวนารถ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เตรียมทหารรุ่น 21 อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก มีส่วนเขียนแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ในการเปิดศึกเขาพระวิหาร เมื่อปี 2554 ทำให้กองทัพกัมพูชาย่อยยับ ราบเป็นหน้ากลอง เลิกตอแยกับกองทัพไทยมาร่วม 10 ปี

    แผนจักรพงษ์ภูวนาถ ยุทธวิธีทางทหาร งัดไม้แข็งโต้กลับกัมพูชา มีหลักการคร่าวๆ ดังนี้
    การเตรียมความพร้อม
    การสั่งการและเตรียมกำลังพล ผบ.ทบ. สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 และ 2เตรียมความพร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีเมื่อมีการสั่งการ

    ประสานงานข่าวกรอง มีการดำเนินการตามการฝึกในแผนป้องกันประเทศ โดยเฉพาะด้านการข่าวกรอง เพื่อรวบรวมข้อมูลสถานการณ์และประเมินภัยคุกคาม

    การเตรียมกลไกตอบโต้ กองทัพบกจะเตรียมพร้อมใช้ทุกกลไกที่มีอยู่เพื่อปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน

    การปฏิบัติการเมื่อเกิดเหตุการณ์
    การประเมินสถานการณ์และลงพื้นที่ ผู้บังคับบัญชาระดับสูง เช่น ผบ.ทบ. อาจจะลงพื้นที่เพื่อบัญชาการและติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและตัดสินใจในการดำเนินการ

    การดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม แผนนี้จะเน้นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ

    การตอบโต้ หากจำเป็น แม้จะเน้นการแก้ไขปัญหา แต่กองทัพบกก็ยืนยันว่าจะต่อสู้ทุกวิถีทางด้วยกลไกที่มีอยู่ หากมีความจำเป็นในการตอบโต้

    หลักการสำคัญของแผนจักรพงษ์ภูวนาถ
    -ปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ เป็นหลักการสำคัญที่สุดในการดำเนินการใด ๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์และอธิปไตยของประเทศไทย

    -ปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน เน้นการดูแลและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ชายแดน

    -แก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เป็นแผนที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนอย่างมีแบบแผนและประสิทธิภาพ

    -ใช้กลไกที่เหมาะสม ดำเนินการตามกรอบและกลไกที่เหมาะสม ไม่ได้มุ่งเน้นการใช้กำลังโดยทันที แต่พร้อมที่จะตอบโต้หากมีความจำเป็น
    "แผนจักรพงษ์ภูวนาถ" สำหรับแผนจักรพงษ์ภูวนารถ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เตรียมทหารรุ่น 21 อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก มีส่วนเขียนแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ในการเปิดศึกเขาพระวิหาร เมื่อปี 2554 ทำให้กองทัพกัมพูชาย่อยยับ ราบเป็นหน้ากลอง เลิกตอแยกับกองทัพไทยมาร่วม 10 ปี แผนจักรพงษ์ภูวนาถ ยุทธวิธีทางทหาร งัดไม้แข็งโต้กลับกัมพูชา มีหลักการคร่าวๆ ดังนี้ 👉การเตรียมความพร้อม การสั่งการและเตรียมกำลังพล ผบ.ทบ. สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 และ 2เตรียมความพร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีเมื่อมีการสั่งการ ประสานงานข่าวกรอง มีการดำเนินการตามการฝึกในแผนป้องกันประเทศ โดยเฉพาะด้านการข่าวกรอง เพื่อรวบรวมข้อมูลสถานการณ์และประเมินภัยคุกคาม การเตรียมกลไกตอบโต้ กองทัพบกจะเตรียมพร้อมใช้ทุกกลไกที่มีอยู่เพื่อปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน 👉การปฏิบัติการเมื่อเกิดเหตุการณ์ การประเมินสถานการณ์และลงพื้นที่ ผู้บังคับบัญชาระดับสูง เช่น ผบ.ทบ. อาจจะลงพื้นที่เพื่อบัญชาการและติดตามสถานการณ์ด้วยตนเอง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและตัดสินใจในการดำเนินการ การดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม แผนนี้จะเน้นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะดำเนินการตามกรอบที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ การตอบโต้ หากจำเป็น แม้จะเน้นการแก้ไขปัญหา แต่กองทัพบกก็ยืนยันว่าจะต่อสู้ทุกวิถีทางด้วยกลไกที่มีอยู่ หากมีความจำเป็นในการตอบโต้ 👉หลักการสำคัญของแผนจักรพงษ์ภูวนาถ -ปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ เป็นหลักการสำคัญที่สุดในการดำเนินการใด ๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์และอธิปไตยของประเทศไทย -ปกป้องความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน เน้นการดูแลและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ชายแดน -แก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เป็นแผนที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนอย่างมีแบบแผนและประสิทธิภาพ -ใช้กลไกที่เหมาะสม ดำเนินการตามกรอบและกลไกที่เหมาะสม ไม่ได้มุ่งเน้นการใช้กำลังโดยทันที แต่พร้อมที่จะตอบโต้หากมีความจำเป็น
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากบ้านที่ไม่ฉลาดอีกต่อไป: เมื่อ Google Home กลายเป็นระบบที่ผู้ใช้ต้อง “รีเซ็ตทั้งบ้าน” ทุก 48 ชั่วโมง

    ผู้ใช้ Reddit และ Google Support Forum หลายรายรายงานว่า:
    - Nest Hub ไม่สามารถระบุห้องหรืออุปกรณ์ได้
    - คำสั่งเสียงถูกส่งไปยังอุปกรณ์ผิด
    - กลุ่มอุปกรณ์หายไปจากระบบ
    - ต้องถอดปลั๊กทุกอุปกรณ์แล้วเสียบใหม่ทุก 2 วันเพื่อให้ระบบกลับมาใช้ได้

    โพสต์หนึ่งใน Reddit ชื่อ “The Enshittification of Google Home” ได้รับเกือบ 500 upvotes ภายใน 19 ชั่วโมง และมีผู้ร่วมแชร์ประสบการณ์จำนวนมาก — ทั้งหมดสะท้อนว่า Google Home กลายเป็นระบบที่ไม่เสถียรและขาดการดูแล

    ผู้ใช้บางคนตั้งข้อสงสัยว่า Google อาจ “ปล่อยให้ระบบเสื่อม” เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์รุ่นใหม่ที่ใช้ Gemini AI

    ปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับ Google เท่านั้น:
    - Apple autocorrect เริ่มแก้คำผิดบ่อยขึ้น เช่น “bomb” กลายเป็น “Bob”
    - Amazon Alexa ลืมอุปกรณ์หรือไม่ตอบคำสั่งพื้นฐาน
    - ผู้ใช้ต้องหาทางแก้เอง เช่นใช้ระบบ homebrew หรือ workaround

    ผู้ใช้ Google Home รายงานปัญหาจำนวนมาก เช่นอุปกรณ์หาย, คำสั่งผิด, และระบบไม่เสถียร
    ต้องรีเซ็ตระบบทั้งบ้านทุก 48 ชั่วโมงเพื่อให้กลับมาใช้งานได้

    โพสต์ใน Reddit เรื่อง “enshittification” ได้รับความสนใจสูงและมีผู้ร่วมแชร์ประสบการณ์จำนวนมาก
    สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้เกิดกับผู้ใช้บางราย แต่เป็นปัญหาเชิงระบบ

    Google ตอบกลับด้วยข้อความทั่วไป เช่น “เรากำลังตรวจสอบ” โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน
    ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าไม่มีการแก้ไขจริง

    ผู้ใช้บางคนสงสัยว่า Google อาจปล่อยให้ระบบเสื่อมเพื่อผลักดันอุปกรณ์ Gemini
    เป็นการสร้างแรงจูงใจให้เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ใหม่

    ปัญหานี้เกิดกับบริษัทเทคโนโลยีหลายราย เช่น Apple และ Amazon
    แสดงถึงการเสื่อมถอยของมาตรฐานในวงการสมาร์ตโฮม

    ผู้ใช้เริ่มหันไปใช้ระบบ homebrew หรือ workaround เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
    เช่นใช้ Home Assistant หรือระบบควบคุมแบบ local

    https://www.techspot.com/news/108767-redditors-fed-up-google-home-growing-list-glitches.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากบ้านที่ไม่ฉลาดอีกต่อไป: เมื่อ Google Home กลายเป็นระบบที่ผู้ใช้ต้อง “รีเซ็ตทั้งบ้าน” ทุก 48 ชั่วโมง ผู้ใช้ Reddit และ Google Support Forum หลายรายรายงานว่า: - Nest Hub ไม่สามารถระบุห้องหรืออุปกรณ์ได้ - คำสั่งเสียงถูกส่งไปยังอุปกรณ์ผิด - กลุ่มอุปกรณ์หายไปจากระบบ - ต้องถอดปลั๊กทุกอุปกรณ์แล้วเสียบใหม่ทุก 2 วันเพื่อให้ระบบกลับมาใช้ได้ โพสต์หนึ่งใน Reddit ชื่อ “The Enshittification of Google Home” ได้รับเกือบ 500 upvotes ภายใน 19 ชั่วโมง และมีผู้ร่วมแชร์ประสบการณ์จำนวนมาก — ทั้งหมดสะท้อนว่า Google Home กลายเป็นระบบที่ไม่เสถียรและขาดการดูแล ผู้ใช้บางคนตั้งข้อสงสัยว่า Google อาจ “ปล่อยให้ระบบเสื่อม” เพื่อผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์รุ่นใหม่ที่ใช้ Gemini AI ปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับ Google เท่านั้น: - Apple autocorrect เริ่มแก้คำผิดบ่อยขึ้น เช่น “bomb” กลายเป็น “Bob” - Amazon Alexa ลืมอุปกรณ์หรือไม่ตอบคำสั่งพื้นฐาน - ผู้ใช้ต้องหาทางแก้เอง เช่นใช้ระบบ homebrew หรือ workaround ✅ ผู้ใช้ Google Home รายงานปัญหาจำนวนมาก เช่นอุปกรณ์หาย, คำสั่งผิด, และระบบไม่เสถียร ➡️ ต้องรีเซ็ตระบบทั้งบ้านทุก 48 ชั่วโมงเพื่อให้กลับมาใช้งานได้ ✅ โพสต์ใน Reddit เรื่อง “enshittification” ได้รับความสนใจสูงและมีผู้ร่วมแชร์ประสบการณ์จำนวนมาก ➡️ สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้เกิดกับผู้ใช้บางราย แต่เป็นปัญหาเชิงระบบ ✅ Google ตอบกลับด้วยข้อความทั่วไป เช่น “เรากำลังตรวจสอบ” โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน ➡️ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าไม่มีการแก้ไขจริง ✅ ผู้ใช้บางคนสงสัยว่า Google อาจปล่อยให้ระบบเสื่อมเพื่อผลักดันอุปกรณ์ Gemini ➡️ เป็นการสร้างแรงจูงใจให้เปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ใหม่ ✅ ปัญหานี้เกิดกับบริษัทเทคโนโลยีหลายราย เช่น Apple และ Amazon ➡️ แสดงถึงการเสื่อมถอยของมาตรฐานในวงการสมาร์ตโฮม ✅ ผู้ใช้เริ่มหันไปใช้ระบบ homebrew หรือ workaround เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ➡️ เช่นใช้ Home Assistant หรือระบบควบคุมแบบ local https://www.techspot.com/news/108767-redditors-fed-up-google-home-growing-list-glitches.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Smart home, dumb problems: The enshittification of Google Home is real
    If your Nest Hub decided this week that your living room no longer exists, or your Google speaker insists on playing Spotify on every device in the...
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเมนบอร์ดไซส์เล็ก: เมื่อ “Strix Halo” มาอยู่ในร่างบางพร้อม RAM 128GB

    Sixunited เปิดตัวเมนบอร์ดรหัส STHT1 ที่ใช้ซีพียู Strix Halo (Ryzen AI Max) ซึ่งเป็นรุ่นเดสก์ท็อปที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และกราฟิก RDNA 3.5 โดยซีพียูมีให้เลือกตั้งแต่ 8 ถึง 16 คอร์ ส่วนกราฟิก Radeon 8060S มีถึง 40 compute units — เทียบเท่ากับ GPU แบบแยกระดับกลาง

    เมนบอร์ดนี้ยังจัดเต็มแรม LPDDR5X ขนาด 128GB แบบ on-board (ฝังไว้) โดยใช้ชิป 16GB × 8 ตัว ล้อมรอบซีพียู ซึ่งแม้จะไม่สามารถอัปเกรดได้ แต่ก็เพียงพอสำหรับงาน AI inference, training เบื้องต้น หรือการสร้าง content ที่กิน RAM มาก

    จุดเด่นอีกอย่างคือขนาด “thin Mini-ITX” ขนาด 170×170 มม. แต่ความสูง (z-height) ต่ำมาก เหมาะกับเคสบาง หรือ AIO ที่ต้องการประหยัดพื้นที่

    เมนบอร์ด STHT1 จาก Sixunited ใช้ AMD Ryzen AI Max 300-series “Strix Halo”
    ซีพียู Zen 5 พร้อมกราฟิก RDNA 3.5 สูงสุด 16 คอร์ และ 40 CU

    แรม LPDDR5X ขนาด 128GB ติดตั้งแบบฝังบนบอร์ด
    ใช้ชิป 16GB × 8 ตัว ล้อมรอบตัวซีพียู

    ใช้ฟอร์มแฟกเตอร์ thin Mini-ITX ขนาด 170×170 มม. แต่บางกว่าปกติ
    เหมาะสำหรับเคส AIO และ SFF ที่มีพื้นที่จำกัด

    รองรับการติดตั้ง SSD M.2 แบบ PCIe 4.0 ได้ 2 ตัว
    สำหรับ M.2 2280 และมีสล็อต M.2 เพิ่มสำหรับโมดูล Wi-Fi (2230)

    มีพอร์ต HDMI 2.1 ×2 และ VGA ที่สามารถปรับเป็น DisplayPort หรือ COM ได้
    รองรับการต่อจอหลายแบบตามความต้องการ

    มีพอร์ต USB 3.2 Gen 2 ×2 และ USB 2.0 ×2 พร้อม header เพิ่มขยาย
    รองรับการต่ออุปกรณ์เสริม

    ใช้ไฟผ่านพอร์ต DC IN ขนาด 19V สำหรับการจ่ายพลังงานตรง
    รองรับซีพียูที่มีค่า cTDP ตั้งแต่ 45–120W ได้สบาย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amd-strix-halo-mini-itx-motherboard-flaunts-128gb-lpddr5x-add-a-cpu-cooler-boot-drive-and-power-supply-for-a-slim-gaming-or-ai-rig
    🎙️ เรื่องเล่าจากเมนบอร์ดไซส์เล็ก: เมื่อ “Strix Halo” มาอยู่ในร่างบางพร้อม RAM 128GB Sixunited เปิดตัวเมนบอร์ดรหัส STHT1 ที่ใช้ซีพียู Strix Halo (Ryzen AI Max) ซึ่งเป็นรุ่นเดสก์ท็อปที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และกราฟิก RDNA 3.5 โดยซีพียูมีให้เลือกตั้งแต่ 8 ถึง 16 คอร์ ส่วนกราฟิก Radeon 8060S มีถึง 40 compute units — เทียบเท่ากับ GPU แบบแยกระดับกลาง เมนบอร์ดนี้ยังจัดเต็มแรม LPDDR5X ขนาด 128GB แบบ on-board (ฝังไว้) โดยใช้ชิป 16GB × 8 ตัว ล้อมรอบซีพียู ซึ่งแม้จะไม่สามารถอัปเกรดได้ แต่ก็เพียงพอสำหรับงาน AI inference, training เบื้องต้น หรือการสร้าง content ที่กิน RAM มาก จุดเด่นอีกอย่างคือขนาด “thin Mini-ITX” ขนาด 170×170 มม. แต่ความสูง (z-height) ต่ำมาก เหมาะกับเคสบาง หรือ AIO ที่ต้องการประหยัดพื้นที่ ✅ เมนบอร์ด STHT1 จาก Sixunited ใช้ AMD Ryzen AI Max 300-series “Strix Halo” ➡️ ซีพียู Zen 5 พร้อมกราฟิก RDNA 3.5 สูงสุด 16 คอร์ และ 40 CU ✅ แรม LPDDR5X ขนาด 128GB ติดตั้งแบบฝังบนบอร์ด ➡️ ใช้ชิป 16GB × 8 ตัว ล้อมรอบตัวซีพียู ✅ ใช้ฟอร์มแฟกเตอร์ thin Mini-ITX ขนาด 170×170 มม. แต่บางกว่าปกติ ➡️ เหมาะสำหรับเคส AIO และ SFF ที่มีพื้นที่จำกัด ✅ รองรับการติดตั้ง SSD M.2 แบบ PCIe 4.0 ได้ 2 ตัว ➡️ สำหรับ M.2 2280 และมีสล็อต M.2 เพิ่มสำหรับโมดูล Wi-Fi (2230) ✅ มีพอร์ต HDMI 2.1 ×2 และ VGA ที่สามารถปรับเป็น DisplayPort หรือ COM ได้ ➡️ รองรับการต่อจอหลายแบบตามความต้องการ ✅ มีพอร์ต USB 3.2 Gen 2 ×2 และ USB 2.0 ×2 พร้อม header เพิ่มขยาย ➡️ รองรับการต่ออุปกรณ์เสริม ✅ ใช้ไฟผ่านพอร์ต DC IN ขนาด 19V สำหรับการจ่ายพลังงานตรง ➡️ รองรับซีพียูที่มีค่า cTDP ตั้งแต่ 45–120W ได้สบาย https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amd-strix-halo-mini-itx-motherboard-flaunts-128gb-lpddr5x-add-a-cpu-cooler-boot-drive-and-power-supply-for-a-slim-gaming-or-ai-rig
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเบราว์เซอร์ที่คิดแทนเรา: เมื่อหน้าจอเว็บมี AI ช่วยตลอดทาง

    Dia ไม่ใช่แค่เบราว์เซอร์ทั่วไปอย่าง Chrome หรือ Safari — แต่เป็นเบราว์เซอร์ที่มีช่องแชต AI อยู่เคียงข้างหน้าต่างเว็บแบบ in-app โดยกด shortcut (Command+E) เพื่อเรียกกล่องคำถามขึ้นมาข้างหน้าเว็บ

    ตัวอย่างจากผู้ใช้:
    - อ่านข่าวน้ำท่วมในเท็กซัส → พิมพ์ถาม AI เพื่อขอสรุปและแหล่งข้อมูลเพิ่ม
    - ดูวิดีโอรีวิวอุปกรณ์ Jump Starter → ให้ AI ดึง transcript มาสรุปข้อเด่นโดยไม่ต้องดูเอง
    - เขียนบน Google Docs → ถาม AI ว่าใช้คำว่า “on the cusp” ถูกไหม แล้วรับคำตอบทันที

    ที่สำคัญ Dia เลือก “โมเดล AI ที่เหมาะที่สุด” ให้แบบอัตโนมัติ เช่นถามเรื่องโค้ด → ใช้ Claude Sonnet / ถามเรื่องภาษา → ใช้ GPT จาก OpenAI โดยไม่ต้องเลือกเอง

    สัปดาห์เดียวกันนี้ Perplexity ก็เปิดตัวเบราว์เซอร์ AI ชื่อ Comet และมีรายงานว่า OpenAI เตรียมออกเบราว์เซอร์ AI เช่นกัน แปลว่า “ยุคเบราว์เซอร์ฉลาด” กำลังมาเร็วมาก

    Dia เป็นเบราว์เซอร์ใหม่ที่รวมแชตบอท AI เข้ากับหน้าเว็บโดยตรง
    กด Command+E เพื่อเปิดหน้าต่าง AI เคียงข้างหน้าเว็บ

    Dia ดึงคำตอบจากหลายโมเดล AI เช่น ChatGPT, Gemini, Claude โดยเลือกให้ผู้ใช้อัตโนมัติ
    เช่นใช้ Claude ถามเรื่องโค้ด, ใช้ GPT ถามเรื่องภาษา

    ตัวเบราว์เซอร์สามารถสรุปวิดีโอ, ข่าว, และช่วยพิสูจน์อักษรได้ทันทีจากหน้าเว็บ
    ไม่ต้องเปิดแอป AI แยกหรือก็อปปี้เนื้อหาไปใส่ทีละขั้น

    Dia ยังไม่เปิดตัวทั่วไป แต่ให้ทดลองฟรีบน Mac แบบเชิญเท่านั้น
    จะเปิดแพ็กเกจ subscription เริ่มต้น $5/เดือนในอีกไม่กี่สัปดาห์

    เบราว์เซอร์ AI จาก Perplexity (Comet) และ OpenAI ก็ถูกพูดถึงในช่วงเวลาเดียวกัน
    แสดงถึงการแข่งขันในตลาด AI-powered browser กำลังร้อนแรง

    Google และ Apple ก็เริ่มใส่ฟีเจอร์ AI เล็ก ๆ เช่นการสรุปบทความใน Chrome และ Safari
    แต่ยังไม่ถึงระดับการรวม chatbot แบบ Dia

    นักลงทุนคาดว่า AI browser จะเป็น “จุดเริ่มต้นใหม่” ของการใช้งาน generative AI ในชีวิตประจำวัน
    แทนที่การใช้แบบเดิมที่ต้องเปิดแอป AI แยก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/23/is-ai-the-future-of-web-browsing
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบราว์เซอร์ที่คิดแทนเรา: เมื่อหน้าจอเว็บมี AI ช่วยตลอดทาง Dia ไม่ใช่แค่เบราว์เซอร์ทั่วไปอย่าง Chrome หรือ Safari — แต่เป็นเบราว์เซอร์ที่มีช่องแชต AI อยู่เคียงข้างหน้าต่างเว็บแบบ in-app โดยกด shortcut (Command+E) เพื่อเรียกกล่องคำถามขึ้นมาข้างหน้าเว็บ ตัวอย่างจากผู้ใช้: - อ่านข่าวน้ำท่วมในเท็กซัส → พิมพ์ถาม AI เพื่อขอสรุปและแหล่งข้อมูลเพิ่ม - ดูวิดีโอรีวิวอุปกรณ์ Jump Starter → ให้ AI ดึง transcript มาสรุปข้อเด่นโดยไม่ต้องดูเอง - เขียนบน Google Docs → ถาม AI ว่าใช้คำว่า “on the cusp” ถูกไหม แล้วรับคำตอบทันที ที่สำคัญ Dia เลือก “โมเดล AI ที่เหมาะที่สุด” ให้แบบอัตโนมัติ เช่นถามเรื่องโค้ด → ใช้ Claude Sonnet / ถามเรื่องภาษา → ใช้ GPT จาก OpenAI โดยไม่ต้องเลือกเอง สัปดาห์เดียวกันนี้ Perplexity ก็เปิดตัวเบราว์เซอร์ AI ชื่อ Comet และมีรายงานว่า OpenAI เตรียมออกเบราว์เซอร์ AI เช่นกัน แปลว่า “ยุคเบราว์เซอร์ฉลาด” กำลังมาเร็วมาก ✅ Dia เป็นเบราว์เซอร์ใหม่ที่รวมแชตบอท AI เข้ากับหน้าเว็บโดยตรง ➡️ กด Command+E เพื่อเปิดหน้าต่าง AI เคียงข้างหน้าเว็บ ✅ Dia ดึงคำตอบจากหลายโมเดล AI เช่น ChatGPT, Gemini, Claude โดยเลือกให้ผู้ใช้อัตโนมัติ ➡️ เช่นใช้ Claude ถามเรื่องโค้ด, ใช้ GPT ถามเรื่องภาษา ✅ ตัวเบราว์เซอร์สามารถสรุปวิดีโอ, ข่าว, และช่วยพิสูจน์อักษรได้ทันทีจากหน้าเว็บ ➡️ ไม่ต้องเปิดแอป AI แยกหรือก็อปปี้เนื้อหาไปใส่ทีละขั้น ✅ Dia ยังไม่เปิดตัวทั่วไป แต่ให้ทดลองฟรีบน Mac แบบเชิญเท่านั้น ➡️ จะเปิดแพ็กเกจ subscription เริ่มต้น $5/เดือนในอีกไม่กี่สัปดาห์ ✅ เบราว์เซอร์ AI จาก Perplexity (Comet) และ OpenAI ก็ถูกพูดถึงในช่วงเวลาเดียวกัน ➡️ แสดงถึงการแข่งขันในตลาด AI-powered browser กำลังร้อนแรง ✅ Google และ Apple ก็เริ่มใส่ฟีเจอร์ AI เล็ก ๆ เช่นการสรุปบทความใน Chrome และ Safari ➡️ แต่ยังไม่ถึงระดับการรวม chatbot แบบ Dia ✅ นักลงทุนคาดว่า AI browser จะเป็น “จุดเริ่มต้นใหม่” ของการใช้งาน generative AI ในชีวิตประจำวัน ➡️ แทนที่การใช้แบบเดิมที่ต้องเปิดแอป AI แยก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/23/is-ai-the-future-of-web-browsing
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Is AI the future of web browsing?
    A test of the app Dia illustrates that the humble web browser may be the path to making artificial intelligence more natural to use.
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบโดรนลาดตระเวน มูลค่า 10 ล้านบาท จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เสริมภารกิจป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา เผยอุปกรณ์สาธารณูปโภคอื่นๆ อาทิ ห้องน้ำสําเร็จรูปเครื่องปั่นไฟ, แบตเตอรี่, โซลาร์เซลล์ , เสื้อรองในทหารและถุงเท้า เป็นต้น ทางมูลนิธิฯ อยู่ระหว่างเตรียมการจัดหา

    วันนี้ (22 ก.ค.68) เวลา 08.30 น. ณ ห้องรับรอง 211 กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับมอบอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน (Drone) สำหรับลาดตระเวน มูลค่า 10,190,160 บาท จาก อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมด้วย ทนายนิติธร ล้ำเหลือ, คุณจตุพร พรหมพันธุ์ และคุณสมชาย แสวงการ จากกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการลาดตระเวนของหน่วยทหาร ให้สามารถเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และตอบโต้ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมความปลอดภัยของกำลังพลและสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เสี่ยงอย่างยั่งยืนต่อไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000068949

    #Thaitimes #MGROnline #โดรนลาดตระเวน #อากาศยานไร้คนขับ #โดรน #สำหรับลาดตระเวน
    แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบโดรนลาดตระเวน มูลค่า 10 ล้านบาท จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เสริมภารกิจป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา เผยอุปกรณ์สาธารณูปโภคอื่นๆ อาทิ ห้องน้ำสําเร็จรูปเครื่องปั่นไฟ, แบตเตอรี่, โซลาร์เซลล์ , เสื้อรองในทหารและถุงเท้า เป็นต้น ทางมูลนิธิฯ อยู่ระหว่างเตรียมการจัดหา • วันนี้ (22 ก.ค.68) เวลา 08.30 น. ณ ห้องรับรอง 211 กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับมอบอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน (Drone) สำหรับลาดตระเวน มูลค่า 10,190,160 บาท จาก อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมด้วย ทนายนิติธร ล้ำเหลือ, คุณจตุพร พรหมพันธุ์ และคุณสมชาย แสวงการ จากกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการลาดตระเวนของหน่วยทหาร ให้สามารถเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และตอบโต้ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมความปลอดภัยของกำลังพลและสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เสี่ยงอย่างยั่งยืนต่อไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000068949 • #Thaitimes #MGROnline #โดรนลาดตระเวน #อากาศยานไร้คนขับ #โดรน #สำหรับลาดตระเวน
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบโดรนลาดตระเวน มูลค่า 10 ล้านบาท จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เสริมภารกิจป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา เผยอุปกรณ์สาธารณูปโภคอื่นๆ อาทิ ห้องน้ำสําเร็จรูปเครื่องปั่นไฟ, แบตเตอรี่, โซลาร์เซลล์ , เสื้อรองในทหารและถุงเท้า เป็นต้น ทางมูลนิธิฯ อยู่ระหว่างเตรียมการจัดหา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068954

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบโดรนลาดตระเวน มูลค่า 10 ล้านบาท จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เสริมภารกิจป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา เผยอุปกรณ์สาธารณูปโภคอื่นๆ อาทิ ห้องน้ำสําเร็จรูปเครื่องปั่นไฟ, แบตเตอรี่, โซลาร์เซลล์ , เสื้อรองในทหารและถุงเท้า เป็นต้น ทางมูลนิธิฯ อยู่ระหว่างเตรียมการจัดหา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068954 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 Comments 0 Shares 316 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากคีย์ที่หมดอายุ: เมื่อการบูตอย่างปลอดภัยกลายเป็นอุปสรรคของผู้ใช้ Linux

    Secure Boot เป็นฟีเจอร์ในระบบ UEFI ที่ช่วยให้เครื่องบูตเฉพาะซอฟต์แวร์ที่ได้รับการเซ็นรับรองจากผู้ผลิต — โดย Microsoft เป็นผู้เซ็น bootloader สำหรับ Linux หลายดิสโทรผ่านระบบ “shim” เพื่อให้สามารถใช้งาน Secure Boot ได้

    แต่ในเดือนกันยายนนี้:
    - คีย์ที่ใช้เซ็น bootloader จะหมดอายุ
    - คีย์ใหม่ถูกออกตั้งแต่ปี 2023 แต่ยังไม่ถูกติดตั้งในอุปกรณ์ส่วนใหญ่
    - การติดตั้งคีย์ใหม่ต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์หรือฐานข้อมูล KEK ซึ่งผู้ผลิตอาจไม่ทำ

    ผลคือ:
    - Linux บางดิสโทรอาจไม่สามารถใช้ Secure Boot ได้
    - ผู้ใช้ต้องปิด Secure Boot หรือเซ็นคีย์เอง
    - อุปกรณ์บางรุ่นอาจไม่สามารถบูต Linux ได้เลย หากไม่มีการอัปเดตจากผู้ผลิต

    Microsoft จะหยุดใช้คีย์เดิมในการเซ็น bootloader สำหรับ Secure Boot วันที่ 11 กันยายน 2025
    ส่งผลต่อระบบปฏิบัติการที่ใช้ shim เช่น Ubuntu, Fedora, FreeBSD

    คีย์ใหม่ถูกออกตั้งแต่ปี 2023 แต่ยังไม่ถูกติดตั้งในอุปกรณ์ส่วนใหญ่
    ต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์หรือฐานข้อมูล KEK เพื่อรองรับ

    ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ต้องออกอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อรองรับคีย์ใหม่
    แต่หลายรายอาจไม่สนใจ เพราะผู้ใช้ Linux เป็นส่วนน้อย

    Secure Boot ใช้ฐานข้อมูล db, dbx, KEK และ PK ที่ถูกล็อกไว้ใน NV-RAM
    ต้องใช้คีย์ที่ถูกต้องในการอัปเดตหรือปิดฟีเจอร์

    ดิสโทรบางรายเลือกไม่รองรับ Secure Boot เช่น NetBSD, OpenBSD
    ส่วน Linux และ FreeBSD ใช้ shim ที่เซ็นโดย Microsoft

    ผู้ใช้สามารถปิด Secure Boot หรือเซ็นคีย์เองได้
    แต่ต้องมีความรู้ด้าน UEFI และการจัดการคีย์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/microsoft-signing-key-required-for-secure-boot-uefi-bootloader-expires-in-september-which-could-be-problematic-for-linux-users
    🎙️ เรื่องเล่าจากคีย์ที่หมดอายุ: เมื่อการบูตอย่างปลอดภัยกลายเป็นอุปสรรคของผู้ใช้ Linux Secure Boot เป็นฟีเจอร์ในระบบ UEFI ที่ช่วยให้เครื่องบูตเฉพาะซอฟต์แวร์ที่ได้รับการเซ็นรับรองจากผู้ผลิต — โดย Microsoft เป็นผู้เซ็น bootloader สำหรับ Linux หลายดิสโทรผ่านระบบ “shim” เพื่อให้สามารถใช้งาน Secure Boot ได้ แต่ในเดือนกันยายนนี้: - คีย์ที่ใช้เซ็น bootloader จะหมดอายุ - คีย์ใหม่ถูกออกตั้งแต่ปี 2023 แต่ยังไม่ถูกติดตั้งในอุปกรณ์ส่วนใหญ่ - การติดตั้งคีย์ใหม่ต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์หรือฐานข้อมูล KEK ซึ่งผู้ผลิตอาจไม่ทำ ผลคือ: - Linux บางดิสโทรอาจไม่สามารถใช้ Secure Boot ได้ - ผู้ใช้ต้องปิด Secure Boot หรือเซ็นคีย์เอง - อุปกรณ์บางรุ่นอาจไม่สามารถบูต Linux ได้เลย หากไม่มีการอัปเดตจากผู้ผลิต ✅ Microsoft จะหยุดใช้คีย์เดิมในการเซ็น bootloader สำหรับ Secure Boot วันที่ 11 กันยายน 2025 ➡️ ส่งผลต่อระบบปฏิบัติการที่ใช้ shim เช่น Ubuntu, Fedora, FreeBSD ✅ คีย์ใหม่ถูกออกตั้งแต่ปี 2023 แต่ยังไม่ถูกติดตั้งในอุปกรณ์ส่วนใหญ่ ➡️ ต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์หรือฐานข้อมูล KEK เพื่อรองรับ ✅ ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ต้องออกอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อรองรับคีย์ใหม่ ➡️ แต่หลายรายอาจไม่สนใจ เพราะผู้ใช้ Linux เป็นส่วนน้อย ✅ Secure Boot ใช้ฐานข้อมูล db, dbx, KEK และ PK ที่ถูกล็อกไว้ใน NV-RAM ➡️ ต้องใช้คีย์ที่ถูกต้องในการอัปเดตหรือปิดฟีเจอร์ ✅ ดิสโทรบางรายเลือกไม่รองรับ Secure Boot เช่น NetBSD, OpenBSD ➡️ ส่วน Linux และ FreeBSD ใช้ shim ที่เซ็นโดย Microsoft ✅ ผู้ใช้สามารถปิด Secure Boot หรือเซ็นคีย์เองได้ ➡️ แต่ต้องมีความรู้ด้าน UEFI และการจัดการคีย์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/microsoft-signing-key-required-for-secure-boot-uefi-bootloader-expires-in-september-which-could-be-problematic-for-linux-users
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Microsoft's Secure Boot UEFI bootloader signing key expires in September, posing problems for Linux users
    A new key was issued in 2023, but it might not be well-supported ahead of the original key's expiration.
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากรหัสลับในเฟิร์มแวร์: เมื่อ Wi-Fi ธุรกิจกลายเป็นช่องทางให้แฮกเกอร์เข้าระบบ

    ช่องโหว่หลักคือ CVE-2025-37103 ซึ่งมีคะแนนความรุนแรงถึง 9.8/10 (ระดับวิกฤต) โดยเกิดจากการที่มีบัญชีแอดมินแบบ hardcoded อยู่ในเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์ — ใครก็ตามที่รู้รหัสนี้สามารถ:
    - เข้าสู่ระบบในฐานะแอดมิน
    - เปลี่ยนการตั้งค่า
    - ติดตั้งมัลแวร์
    - ควบคุมอุปกรณ์และเครือข่ายที่เชื่อมต่อ

    ช่องโหว่นี้ไม่มีวิธีแก้ชั่วคราว (no workaround) นอกจากการติดตั้งแพตช์ล่าสุดเท่านั้น

    นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่รองอีกตัวคือ CVE-2025-37102 ซึ่งเป็นช่องโหว่ command injection ที่เปิดให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูงสามารถรันคำสั่งบนระบบปฏิบัติการได้โดยตรง — มีคะแนนความรุนแรง 7.2/10 (ระดับสูง)

    HPE พบช่องโหว่ร้ายแรงใน Aruba Instant On Access Points และออกแพตช์แล้ว
    ช่องโหว่หลักคือ CVE-2025-37103 ที่มีรหัสแอดมินแบบ hardcoded ในเฟิร์มแวร์

    ช่องโหว่นี้เปิดให้แฮกเกอร์เข้าถึงอุปกรณ์ในฐานะแอดมินโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน
    สามารถเปลี่ยนการตั้งค่า, ติดตั้งมัลแวร์ และควบคุมเครือข่ายได้

    ช่องโหว่รองคือ CVE-2025-37102 เป็น command injection สำหรับผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูง
    สามารถรันคำสั่งบนระบบปฏิบัติการได้โดยตรง

    Aruba Instant On เป็นอุปกรณ์ Wi-Fi สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่เน้นความง่ายและความปลอดภัย
    แต่ช่องโหว่นี้ทำให้ความปลอดภัยถูกลดลงอย่างมาก

    ช่องโหว่ทั้งสองไม่มีวิธีแก้ชั่วคราว ต้องติดตั้งแพตช์เท่านั้น
    HPE แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี

    ช่องโหว่แบบ hardcoded credential มักเกิดจากการตั้งค่าชั่วคราวในช่วงพัฒนา
    หากทีม DevSecOps ไม่ลบออกก่อนปล่อยผลิตภัณฑ์ จะกลายเป็นช่องโหว่ถาวร

    ช่องโหว่ CVE-2025-37103 มีความรุนแรงระดับวิกฤตและสามารถถูกใช้โจมตีจากระยะไกล
    หากไม่อัปเดตแพตช์ อุปกรณ์อาจถูกควบคุมโดยแฮกเกอร์ทันที

    ไม่มีวิธีแก้ชั่วคราวสำหรับช่องโหว่ทั้งสอง
    การป้องกันต้องอาศัยการติดตั้งแพตช์เท่านั้น

    ช่องโหว่ command injection อาจถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่นเพื่อเจาะระบบลึกขึ้น
    โดยเฉพาะในระบบที่มีผู้ใช้หลายระดับสิทธิ์

    การมีรหัสแอดมินแบบ hardcoded เป็นความผิดพลาดด้านความปลอดภัยที่ไม่ควรเกิดขึ้น
    แสดงถึงการขาดการตรวจสอบในกระบวนการพัฒนาและปล่อยผลิตภัณฑ์

    อุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการอัปเดตอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีทั้งเครือข่าย
    โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีทีมรักษาความปลอดภัยเฉพาะทาง

    https://www.techradar.com/pro/security/hpe-warns-hardcoded-passwords-in-aruba-hardware-could-be-a-security-risk
    🎙️ เรื่องเล่าจากรหัสลับในเฟิร์มแวร์: เมื่อ Wi-Fi ธุรกิจกลายเป็นช่องทางให้แฮกเกอร์เข้าระบบ ช่องโหว่หลักคือ CVE-2025-37103 ซึ่งมีคะแนนความรุนแรงถึง 9.8/10 (ระดับวิกฤต) โดยเกิดจากการที่มีบัญชีแอดมินแบบ hardcoded อยู่ในเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์ — ใครก็ตามที่รู้รหัสนี้สามารถ: - เข้าสู่ระบบในฐานะแอดมิน - เปลี่ยนการตั้งค่า - ติดตั้งมัลแวร์ - ควบคุมอุปกรณ์และเครือข่ายที่เชื่อมต่อ ช่องโหว่นี้ไม่มีวิธีแก้ชั่วคราว (no workaround) นอกจากการติดตั้งแพตช์ล่าสุดเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่รองอีกตัวคือ CVE-2025-37102 ซึ่งเป็นช่องโหว่ command injection ที่เปิดให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูงสามารถรันคำสั่งบนระบบปฏิบัติการได้โดยตรง — มีคะแนนความรุนแรง 7.2/10 (ระดับสูง) ✅ HPE พบช่องโหว่ร้ายแรงใน Aruba Instant On Access Points และออกแพตช์แล้ว ➡️ ช่องโหว่หลักคือ CVE-2025-37103 ที่มีรหัสแอดมินแบบ hardcoded ในเฟิร์มแวร์ ✅ ช่องโหว่นี้เปิดให้แฮกเกอร์เข้าถึงอุปกรณ์ในฐานะแอดมินโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ➡️ สามารถเปลี่ยนการตั้งค่า, ติดตั้งมัลแวร์ และควบคุมเครือข่ายได้ ✅ ช่องโหว่รองคือ CVE-2025-37102 เป็น command injection สำหรับผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สูง ➡️ สามารถรันคำสั่งบนระบบปฏิบัติการได้โดยตรง ✅ Aruba Instant On เป็นอุปกรณ์ Wi-Fi สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่เน้นความง่ายและความปลอดภัย ➡️ แต่ช่องโหว่นี้ทำให้ความปลอดภัยถูกลดลงอย่างมาก ✅ ช่องโหว่ทั้งสองไม่มีวิธีแก้ชั่วคราว ต้องติดตั้งแพตช์เท่านั้น ➡️ HPE แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี ✅ ช่องโหว่แบบ hardcoded credential มักเกิดจากการตั้งค่าชั่วคราวในช่วงพัฒนา ➡️ หากทีม DevSecOps ไม่ลบออกก่อนปล่อยผลิตภัณฑ์ จะกลายเป็นช่องโหว่ถาวร ‼️ ช่องโหว่ CVE-2025-37103 มีความรุนแรงระดับวิกฤตและสามารถถูกใช้โจมตีจากระยะไกล ⛔ หากไม่อัปเดตแพตช์ อุปกรณ์อาจถูกควบคุมโดยแฮกเกอร์ทันที ‼️ ไม่มีวิธีแก้ชั่วคราวสำหรับช่องโหว่ทั้งสอง ⛔ การป้องกันต้องอาศัยการติดตั้งแพตช์เท่านั้น ‼️ ช่องโหว่ command injection อาจถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่นเพื่อเจาะระบบลึกขึ้น ⛔ โดยเฉพาะในระบบที่มีผู้ใช้หลายระดับสิทธิ์ ‼️ การมีรหัสแอดมินแบบ hardcoded เป็นความผิดพลาดด้านความปลอดภัยที่ไม่ควรเกิดขึ้น ⛔ แสดงถึงการขาดการตรวจสอบในกระบวนการพัฒนาและปล่อยผลิตภัณฑ์ ‼️ อุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการอัปเดตอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการโจมตีทั้งเครือข่าย ⛔ โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีทีมรักษาความปลอดภัยเฉพาะทาง https://www.techradar.com/pro/security/hpe-warns-hardcoded-passwords-in-aruba-hardware-could-be-a-security-risk
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโรงงานชิป: เมื่อ TSMC ต้องเร่งผลิตชิปเล็กที่สุดในโลกให้ทันความต้องการ

    TSMC เริ่มผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรในปี 2025 โดยตั้งเป้าเริ่มต้นที่ 40,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือน และจะเพิ่มเป็น 100,000 แผ่นในปี 2026 — แต่ด้วยความต้องการจากบริษัทอย่าง Apple, NVIDIA, Intel, AMD และ MediaTek ที่ใช้ชิปเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์ AI, มือถือ และเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ TSMC อาจต้องเพิ่มกำลังการผลิตถึง 5 เท่าในปี 2027

    หากแผนนี้สำเร็จ:
    - จะเป็นการผลิตชิปขนาด sub-7nm ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ TSMC
    - ต้องใช้โรงงานถึง 8 แห่ง โดยมีโรงงานหลักอยู่ที่ F22 ในเมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน

    แม้ Samsung จะมีเทคโนโลยีใกล้เคียง แต่ TSMC ยังครองตลาดด้วยอัตราการผลิตที่สูงกว่าและ yield ที่ดีกว่า — ทำให้กลายเป็นผู้ผลิตชิประดับสูงสำหรับลูกค้าภายนอกเพียงรายเดียวในโลก

    TSMC อาจเพิ่มกำลังผลิตชิป 2nm เป็น 200,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือนภายในปี 2027
    เริ่มต้นที่ 40,000 แผ่นในปี 2025 และเพิ่มเป็น 100,000 แผ่นในปี 2026

    ความต้องการมาจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ เช่น Apple, NVIDIA, Intel, AMD และ MediaTek
    ใช้ในผลิตภัณฑ์ AI, มือถือ, เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ประมวลผลขั้นสูง

    Apple มักได้รับล็อตแรกของชิปใหม่ เพราะไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด
    ส่วน AMD และ NVIDIA จะใช้หลังจาก TSMC ปรับปรุงการผลิตให้เสถียร

    หากผลิตถึง 200,000 แผ่น จะเป็นระดับสูงสุดในกลุ่ม sub-7nm ของ TSMC
    ต้องใช้โรงงานถึง 8 แห่ง โดยโรงงานหลักคือ F22 ที่เกาสง

    TSMC เป็นผู้ผลิตชิป 2nm รายเดียวที่ให้บริการภายนอกด้วย yield สูง
    Samsung มีเทคโนโลยีใกล้เคียงแต่ yield ยังต่ำกว่า

    https://wccftech.com/tsmc-worlds-largest-contract-chipmaker-nvidia-ai-supplier-could-boost-output-to-200000-wafers-per-month-report/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโรงงานชิป: เมื่อ TSMC ต้องเร่งผลิตชิปเล็กที่สุดในโลกให้ทันความต้องการ TSMC เริ่มผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตรในปี 2025 โดยตั้งเป้าเริ่มต้นที่ 40,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือน และจะเพิ่มเป็น 100,000 แผ่นในปี 2026 — แต่ด้วยความต้องการจากบริษัทอย่าง Apple, NVIDIA, Intel, AMD และ MediaTek ที่ใช้ชิปเหล่านี้ในผลิตภัณฑ์ AI, มือถือ และเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ TSMC อาจต้องเพิ่มกำลังการผลิตถึง 5 เท่าในปี 2027 หากแผนนี้สำเร็จ: - จะเป็นการผลิตชิปขนาด sub-7nm ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ TSMC - ต้องใช้โรงงานถึง 8 แห่ง โดยมีโรงงานหลักอยู่ที่ F22 ในเมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน แม้ Samsung จะมีเทคโนโลยีใกล้เคียง แต่ TSMC ยังครองตลาดด้วยอัตราการผลิตที่สูงกว่าและ yield ที่ดีกว่า — ทำให้กลายเป็นผู้ผลิตชิประดับสูงสำหรับลูกค้าภายนอกเพียงรายเดียวในโลก ✅ TSMC อาจเพิ่มกำลังผลิตชิป 2nm เป็น 200,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือนภายในปี 2027 ➡️ เริ่มต้นที่ 40,000 แผ่นในปี 2025 และเพิ่มเป็น 100,000 แผ่นในปี 2026 ✅ ความต้องการมาจากบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ เช่น Apple, NVIDIA, Intel, AMD และ MediaTek ➡️ ใช้ในผลิตภัณฑ์ AI, มือถือ, เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์ประมวลผลขั้นสูง ✅ Apple มักได้รับล็อตแรกของชิปใหม่ เพราะไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ➡️ ส่วน AMD และ NVIDIA จะใช้หลังจาก TSMC ปรับปรุงการผลิตให้เสถียร ✅ หากผลิตถึง 200,000 แผ่น จะเป็นระดับสูงสุดในกลุ่ม sub-7nm ของ TSMC ➡️ ต้องใช้โรงงานถึง 8 แห่ง โดยโรงงานหลักคือ F22 ที่เกาสง ✅ TSMC เป็นผู้ผลิตชิป 2nm รายเดียวที่ให้บริการภายนอกด้วย yield สูง ➡️ Samsung มีเทคโนโลยีใกล้เคียงแต่ yield ยังต่ำกว่า https://wccftech.com/tsmc-worlds-largest-contract-chipmaker-nvidia-ai-supplier-could-boost-output-to-200000-wafers-per-month-report/
    WCCFTECH.COM
    TSMC, World's Largest Contract Chipmaker & NVIDIA AI Supplier, Could Boost Output To 200,000 Wafers Per Month - Report
    TSMC may expand 2-nanometer wafer production to 200,000 per month by 2027 due to strong demand from Apple, NVIDIA, and Intel.
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากตู้เย็นแห่งอนาคต: เมื่อความเย็นไม่ต้องพึ่งสารเคมีอีกต่อไป

    Samsung ได้พัฒนาอุปกรณ์ Peltier แบบฟิล์มบางร่วมกับ Johns Hopkins APL ซึ่งใช้หลักการ “Peltier effect” คือการถ่ายเทความร้อนผ่านกระแสไฟฟ้า — ด้านหนึ่งดูดความร้อน อีกด้านปล่อยออก โดยไม่ต้องใช้สารทำความเย็นเลย

    เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในตู้เย็นรุ่น Bespoke AI Hybrid Refrigerator ที่เปิดตัวในปี 2024 ซึ่งใช้ระบบไฮบริดระหว่างคอมเพรสเซอร์และ Peltier โดยเลือกใช้งานตามสถานการณ์ เช่น:
    - ใช้คอมเพรสเซอร์ในสภาวะปกติ
    - ใช้ Peltier เมื่อมีการแช่ของร้อนหรือปริมาณมาก
    - ใช้ Peltier ระหว่างการละลายน้ำแข็ง เพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่

    ล่าสุด Samsung ได้พัฒนา Peltier แบบฟิล์มบางที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 75% และลดการใช้พลังงานได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับมาตรฐานประหยัดพลังงานระดับสูงสุดของเกาหลี

    เป้าหมายระยะยาวคือการสร้างตู้เย็นที่ใช้ Peltier เพียงอย่างเดียว โดยไม่ต้องพึ่งสารทำความเย็นเลย — เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นและการออกแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น

    Samsung ร่วมกับ Johns Hopkins APL พัฒนาอุปกรณ์ Peltier แบบฟิล์มบาง
    ใช้เทคโนโลยีนาโนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความร้อนสะสม

    Peltier cooling ใช้ไฟฟ้าในการถ่ายเทความร้อน ไม่ต้องใช้สารทำความเย็น
    ทำให้ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและออกแบบตู้เย็นได้ยืดหยุ่นมากขึ้น

    Bespoke AI Hybrid Refrigerator ใช้ระบบไฮบริดระหว่างคอมเพรสเซอร์และ Peltier
    เลือกใช้งานตามสถานการณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดพลังงาน

    Peltier ถูกติดตั้งด้านบนของตู้เย็น ส่วนคอมเพรสเซอร์อยู่ด้านล่าง
    ลดการรบกวนกันของความร้อนและเพิ่มความเสถียรของอุณหภูมิภายใน

    ประสิทธิภาพของ Peltier รุ่นใหม่สูงขึ้น 75% และลดพลังงานได้ถึง 30%
    เมื่อเทียบกับเกณฑ์ประหยัดพลังงานระดับสูงสุดของเกาหลี

    Samsung ตั้งเป้าพัฒนา “ตู้เย็นที่ไม่มีสารทำความเย็นเลย” ในอนาคต
    โดยใช้ Peltier cooling ร่วมกับ AI, การพิมพ์ 3D และเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์

    Peltier cooling ยังมีข้อจำกัดด้านกำลังทำความเย็นเมื่อเทียบกับคอมเพรสเซอร์
    ต้องใช้ร่วมกับระบบอื่นในช่วงแรกก่อนจะพัฒนาให้ใช้เดี่ยวได้

    การถ่ายเทความร้อนของ Peltier ต้องควบคุมอุณหภูมิทั้งสองด้านอย่างแม่นยำ
    หากไม่จัดการดี ประสิทธิภาพจะลดลงอย่างมาก

    การใช้วัสดุฟิล์มบางอาจมีปัญหาเรื่องความทนทานและการผลิตเชิงอุตสาหกรรม
    ต้องพัฒนาเทคนิคการประกอบและวัสดุเสริมเพื่อให้ใช้งานได้จริง

    ตู้เย็นรุ่นใหม่ยังจำกัดเฉพาะบางประเทศ เช่น เกาหลี สหรัฐฯ และยุโรป
    ต้องปรับให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น เช่นในอินเดียหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    https://news.samsung.com/global/interview-staying-cool-without-refrigerants-how-samsung-is-pioneering-next-generation-peltier-cooling
    🎙️ เรื่องเล่าจากตู้เย็นแห่งอนาคต: เมื่อความเย็นไม่ต้องพึ่งสารเคมีอีกต่อไป Samsung ได้พัฒนาอุปกรณ์ Peltier แบบฟิล์มบางร่วมกับ Johns Hopkins APL ซึ่งใช้หลักการ “Peltier effect” คือการถ่ายเทความร้อนผ่านกระแสไฟฟ้า — ด้านหนึ่งดูดความร้อน อีกด้านปล่อยออก โดยไม่ต้องใช้สารทำความเย็นเลย เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในตู้เย็นรุ่น Bespoke AI Hybrid Refrigerator ที่เปิดตัวในปี 2024 ซึ่งใช้ระบบไฮบริดระหว่างคอมเพรสเซอร์และ Peltier โดยเลือกใช้งานตามสถานการณ์ เช่น: - ใช้คอมเพรสเซอร์ในสภาวะปกติ - ใช้ Peltier เมื่อมีการแช่ของร้อนหรือปริมาณมาก - ใช้ Peltier ระหว่างการละลายน้ำแข็ง เพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่ ล่าสุด Samsung ได้พัฒนา Peltier แบบฟิล์มบางที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 75% และลดการใช้พลังงานได้ถึง 30% เมื่อเทียบกับมาตรฐานประหยัดพลังงานระดับสูงสุดของเกาหลี เป้าหมายระยะยาวคือการสร้างตู้เย็นที่ใช้ Peltier เพียงอย่างเดียว โดยไม่ต้องพึ่งสารทำความเย็นเลย — เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นและการออกแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ✅ Samsung ร่วมกับ Johns Hopkins APL พัฒนาอุปกรณ์ Peltier แบบฟิล์มบาง ➡️ ใช้เทคโนโลยีนาโนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความร้อนสะสม ✅ Peltier cooling ใช้ไฟฟ้าในการถ่ายเทความร้อน ไม่ต้องใช้สารทำความเย็น ➡️ ทำให้ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและออกแบบตู้เย็นได้ยืดหยุ่นมากขึ้น ✅ Bespoke AI Hybrid Refrigerator ใช้ระบบไฮบริดระหว่างคอมเพรสเซอร์และ Peltier ➡️ เลือกใช้งานตามสถานการณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดพลังงาน ✅ Peltier ถูกติดตั้งด้านบนของตู้เย็น ส่วนคอมเพรสเซอร์อยู่ด้านล่าง ➡️ ลดการรบกวนกันของความร้อนและเพิ่มความเสถียรของอุณหภูมิภายใน ✅ ประสิทธิภาพของ Peltier รุ่นใหม่สูงขึ้น 75% และลดพลังงานได้ถึง 30% ➡️ เมื่อเทียบกับเกณฑ์ประหยัดพลังงานระดับสูงสุดของเกาหลี ✅ Samsung ตั้งเป้าพัฒนา “ตู้เย็นที่ไม่มีสารทำความเย็นเลย” ในอนาคต ➡️ โดยใช้ Peltier cooling ร่วมกับ AI, การพิมพ์ 3D และเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ ‼️ Peltier cooling ยังมีข้อจำกัดด้านกำลังทำความเย็นเมื่อเทียบกับคอมเพรสเซอร์ ⛔ ต้องใช้ร่วมกับระบบอื่นในช่วงแรกก่อนจะพัฒนาให้ใช้เดี่ยวได้ ‼️ การถ่ายเทความร้อนของ Peltier ต้องควบคุมอุณหภูมิทั้งสองด้านอย่างแม่นยำ ⛔ หากไม่จัดการดี ประสิทธิภาพจะลดลงอย่างมาก ‼️ การใช้วัสดุฟิล์มบางอาจมีปัญหาเรื่องความทนทานและการผลิตเชิงอุตสาหกรรม ⛔ ต้องพัฒนาเทคนิคการประกอบและวัสดุเสริมเพื่อให้ใช้งานได้จริง ‼️ ตู้เย็นรุ่นใหม่ยังจำกัดเฉพาะบางประเทศ เช่น เกาหลี สหรัฐฯ และยุโรป ⛔ ต้องปรับให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น เช่นในอินเดียหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ https://news.samsung.com/global/interview-staying-cool-without-refrigerants-how-samsung-is-pioneering-next-generation-peltier-cooling
    NEWS.SAMSUNG.COM
    [Interview] Staying Cool Without Refrigerants: How Samsung Is Pioneering Next-Generation Peltier Cooling
    On June 28, Samsung Electronics, together with the Johns Hopkins University Applied Physics Laboratory (APL), published a paper on next-generation Peltier
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
More Results