• รางรถไฟ ECRL มาเลเซีย กับรถไฟไทยไม่เท่ากัน

    ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซีย (Dewan Rakyat) เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ตอบคำถามนายอะห์หมัด ฟาดลี ชะอารี สส.อำเภอปาเซร์มัส รัฐกลันตัน ที่ถามถึงความตั้งใจของรัฐบาลกลางมาเลเซียในการขยายเส้นทางโครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออกมาเลเซีย (East Coast Rail Link) หรือ ECRL ไปยังเมืองรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) พร้อมถามถึงการศึกษาทางเทคนิค และการประเมินความเสี่ยงต่อน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ นายโลคกล่าวว่า ยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากต้องศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายเส้นทางไปยังเมืองรันเตาปันยังก่อน

    แม้โครงการ ECRL อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ข้อเสนอขยายเส้นทางจากสถานีโกตาบารู (Kota Bharu) ไปยังเมืองรันเตาปันยัง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ซึ่งต้องเจรจาเพิ่มเติมกับจีน รวมทั้งผู้รับเหมาหลักอย่างบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชัน คอนสตรัคชัน หรือ CCCC ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี แต่รับไว้จะนำเสนอต่อไป อย่างไรก็ตาม โครงการนี้มีต้นทุนก่อสร้างที่สูง เนื่องจากแนวเส้นทางรถไฟส่วนใหญ่สร้างขึ้นบนโครงสร้างยกระดับ เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาน้ำท่วมให้น้อยที่สุด แต่พื้นที่เมืองรันเตาปันยัง หากโครงการ ECRL จะเชื่อมต่อกับประเทศไทย กระทรวงคมนาคมมาเลเซียแจ้งว่า พบปัญหาทางเทคนิค

    เพราะรางรถไฟที่ใช้ในโครงการ ECRL (ขนาด 1.435 เมตร) ต่างจากการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. (ขนาด 1 เมตร) จึงยังไม่เข้ากัน จำเป็นต้องมีพื้นที่ลานขนถ่ายสินค้า และเพื่อให้บูรณาการร่วมกัน รางรถไฟของ ร.ฟ.ท. ต้องติดกับรางรถไฟ ECRL เพื่อให้สามารถขนถ่ายสินค้าได้ ขณะนี้กำลังจัดทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เกี่ยวกับการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างมาเลเซียและไทยอย่างจริงจัง โดยข้อเสนอที่จะได้รับผลประโยชน์ระยะยาวที่ดีที่สุดแก่มาเลเซีย และกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนนั้น โครงการ ECRL จะต้องเชื่อมโยงกับประเทศไทย แทนที่จะสิ้นสุดที่เมืองรันเตาปันจังเท่านั้น

    โครงการ ECRL เชื่อมระหว่างสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ผ่านเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง ซึ่งมีท่าเรือตั้งอยู่ กับท่าเรือแคลง (Port Klang) รัฐสลังงอร์ ระยะทาง 665 กิโลเมตร ประกอบด้วยทางยกระดับยาว 154 กิโลเมตร อุโมงค์ 41 แห่ง และทางข้ามสัตว์ป่า 28 แห่ง มีแผนเปิดให้บริการระยะที่ 1 ระหว่างสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ถึงสถานีกอมบัค (Gombak) คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.2569 เริ่มให้บริการในเดือน ม.ค.2570 ส่วนระยะที่ 2 ไปยังท่าเรือแคลง คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.2570 และเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบในเดือน ม.ค.2571

    #Newskit
    รางรถไฟ ECRL มาเลเซีย กับรถไฟไทยไม่เท่ากัน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาเลเซีย (Dewan Rakyat) เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายแอนโทนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย ตอบคำถามนายอะห์หมัด ฟาดลี ชะอารี สส.อำเภอปาเซร์มัส รัฐกลันตัน ที่ถามถึงความตั้งใจของรัฐบาลกลางมาเลเซียในการขยายเส้นทางโครงการทางรถไฟเชื่อมชายฝั่งตะวันออกมาเลเซีย (East Coast Rail Link) หรือ ECRL ไปยังเมืองรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) พร้อมถามถึงการศึกษาทางเทคนิค และการประเมินความเสี่ยงต่อน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ นายโลคกล่าวว่า ยังไม่ได้ดำเนินการ เนื่องจากต้องศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายเส้นทางไปยังเมืองรันเตาปันยังก่อน แม้โครงการ ECRL อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่ข้อเสนอขยายเส้นทางจากสถานีโกตาบารู (Kota Bharu) ไปยังเมืองรันเตาปันยัง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ซึ่งต้องเจรจาเพิ่มเติมกับจีน รวมทั้งผู้รับเหมาหลักอย่างบริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชัน คอนสตรัคชัน หรือ CCCC ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี แต่รับไว้จะนำเสนอต่อไป อย่างไรก็ตาม โครงการนี้มีต้นทุนก่อสร้างที่สูง เนื่องจากแนวเส้นทางรถไฟส่วนใหญ่สร้างขึ้นบนโครงสร้างยกระดับ เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาน้ำท่วมให้น้อยที่สุด แต่พื้นที่เมืองรันเตาปันยัง หากโครงการ ECRL จะเชื่อมต่อกับประเทศไทย กระทรวงคมนาคมมาเลเซียแจ้งว่า พบปัญหาทางเทคนิค เพราะรางรถไฟที่ใช้ในโครงการ ECRL (ขนาด 1.435 เมตร) ต่างจากการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. (ขนาด 1 เมตร) จึงยังไม่เข้ากัน จำเป็นต้องมีพื้นที่ลานขนถ่ายสินค้า และเพื่อให้บูรณาการร่วมกัน รางรถไฟของ ร.ฟ.ท. ต้องติดกับรางรถไฟ ECRL เพื่อให้สามารถขนถ่ายสินค้าได้ ขณะนี้กำลังจัดทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เกี่ยวกับการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างมาเลเซียและไทยอย่างจริงจัง โดยข้อเสนอที่จะได้รับผลประโยชน์ระยะยาวที่ดีที่สุดแก่มาเลเซีย และกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนนั้น โครงการ ECRL จะต้องเชื่อมโยงกับประเทศไทย แทนที่จะสิ้นสุดที่เมืองรันเตาปันจังเท่านั้น โครงการ ECRL เชื่อมระหว่างสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ผ่านเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง ซึ่งมีท่าเรือตั้งอยู่ กับท่าเรือแคลง (Port Klang) รัฐสลังงอร์ ระยะทาง 665 กิโลเมตร ประกอบด้วยทางยกระดับยาว 154 กิโลเมตร อุโมงค์ 41 แห่ง และทางข้ามสัตว์ป่า 28 แห่ง มีแผนเปิดให้บริการระยะที่ 1 ระหว่างสถานีโกตาบารู รัฐกลันตัน ถึงสถานีกอมบัค (Gombak) คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.2569 เริ่มให้บริการในเดือน ม.ค.2570 ส่วนระยะที่ 2 ไปยังท่าเรือแคลง คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.2570 และเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบในเดือน ม.ค.2571 #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อถกเถียงอันน่าปวดหัวของคำว่า ขอม เขมร สยาม ไท ไต กับมุมมองความแตกต่างทางพันธุกรรม
    =================================================================
    ผมมักอ่านพบการโต้เถียงในเรื่องว่า ขอม เป็นใคร อยู่บ่อยๆ บ้างว่าคือ สยาม.. บ้างว่า คือ เขมร.. ทั้งที่ต่างก็เป็นชื่อสมมุติ มีความยืดหยุ่นมาก ชื่อส่วนใหญ่มักเป็นชื่อที่ผู้อื่นเรียก โดยมากมีความหมายไม่ดีมาก่อนและมีการเปลี่ยนผันไปตามกาลเวลา จึงอยากขออนุญาติเสนอความเห็นสักสองสตางค์ในมุมมองที่แตกต่างออกไป อาจจะยาวไปหน่อย ปกติมันควรใช้เวลาอธิบายสักสองชั่วโมง แต่ผมจะพยายามย่อให้สั้น
    .
    ผมคิดแบบเอาวิทยาศาสตร์เป็นตัวตั้ง ใช้ชีววิทยาพันธุกรรมเป็นแผนที่หลักในการสำรวจสิ่งต่างๆ ก็ด้วยเหตุผลว่า ดีเอ็นเอมนุษย์สามารถเชื่อมโยงมนุษย์ทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ว่าใครสืบสายเลือดมาทางสาแหรกไหนหรือใครมีอายุเก่าใหม่กว่ากัน เพราะในดีเอ็นเอมี time stamp อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า “genetic marker” ในมนุษย์ผู้ชายมียีนพ่อ Y chromosome DNA และยีนแม่ Mitochondreal DNA ปรากฏอยู่ในโครงสร้างของโปรตีนในเลือดเนื้อ.. ส่วนผู้หญิงมีแต่ยีนแม่ Mitochondrea DNA. ยีนพ่อและยีนแม่เหล่านี้มันไม่เคยหายไป มันอยู่ในตัวเราและสาวลึกไปสู่บรรพบุรุษต้นทางได้ ข้อมูลของความหนาแน่นของดีเอ็นเอประชากรโลกและ time stamp ที่บอกอายุของดีเอ็นเอ ก่อให้เกิดการคำนวณเส้นทางการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์โบราณได้ ทีมวิจัยด้านพันธุกรรมศาสตร์ของสแตนฟอร์ดที่บุกเบิกโดยศาสตราจารย์ Luca Cavalli Sforza ทำการพลอตเส้นทางอพยพของมนุษย์จากฐานข้อมูลนี้. ดังนั้นสำหรับผม… ชื่อทุกชื่อเป็นเพียงสิ่งสมมุติ ภาษาพูดไม่ใช่สิ่งยืนยันทางพันธุกรรม.
    .
    แสนกว่าปีก่อนมนุษย์อพยพออกจากบริเวณที่เป็นซาฮารันโบราณในแอฟริกา ห้าหมื่นกว่าปีก่อน… มนุษย์กลุ่มแรกที่อพยพออกจากแอฟริกาใช้เส้นทางเลาะชายฝั่งทะเลและอพยพมาถึงเอเชียโบราณบริเวณที่เรียกว่าแผ่นดินซุนดา ซึ่งผืนดินเชื่อมถึงกันหมดทั้งอุษาคเนย์ ไม่มีทะเลบริเวณอ่าวไทย ยีนพ่อหรือมนุษย์ผู้ชายที่มาถึงก่อนเป็นพวก YDNA Haplogroup C และยีนแม่คือ Mitochondreal M และ B คนพวกนี้เคยถูกเรียกว่าอะไรหรือพูดภาษาอะไรมาก่อนไม่รู้ได้ นักวิชาการสมัยใหม่นิยามว่าภาษาซาฮารันโบราณหรือโปรโตซาฮารันอนุมานจากบริเวณถิ่นฐานในแอฟริกาโบราณที่พวกเขาจากมา ส่วนหนึ่งจากคลื่นอพยพของพวกเขากลายเป็นพวกที่เริ่มอารยะธรรมสินธุที่บริเวณฮารัปปา-โมฮันจดาโรเมื่ออพยพผ่านอินเดียโบราณ ซึ่งต่อมาพวกนี้กลายเป็นสาแหรกของกลุ่มดราวิเดียน ทมิฬ สิงหล… ส่วนหนึ่งพลัดข้ามไปสู่เกาะเซนทิเนียล นิโคบาร์ ในอันดามัน ถูกกักกั้นตัดขาดอยู่กลางทะเล รู้จักกันในชื่อพวกอันดามันนิส… ส่วนหนึ่งเข้าสู่เมนแลนด์ซุนดากลายเป็นพวกปาปวน แล้วข้ามไปแผ่นดินซาฮุลโบราณหรือออสเตรเลียปัจจุบันกลายเป็นพวกที่เรียกว่าอะบอริจินิสท์… ส่วนหนึ่งอพยพขึ้นเหนือ แล้วกลับเข้าสู่เอเชียตะวันออกทางตอนบนเคลื่อนย้อนมาทางตะวันตกกลายเป็นพวกมองโกล ส่วนหนึ่งข้ามไปบุกเบิกเกาะญี่ปุ่นกลายเป็นพวกไอนุ ส่วนหนึ่งขึ้นเหนือไปและข้ามทะเลแบริ่งไปทวีปอเมริกาโบราณกลายเป็นพวกอินุอิตที่พบในอะลาสก้า… ไม่ว่าพวกเขาทั้งหมดนี้จะมีหรือเคยมีชื่อชาติพันธุ์อะไร เคยพูดภาษาอะไรและในที่สุดพูดภาษาอะไร พวกเขาล้วนมีบรรพบุรุษร่วมกัน มาจากมดลูกของบรรพบุรุษสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น มนุษย์ผู้ชายทั้งหมดจากชาติพันธุ์ที่กล่าวไปนี้ทั้งหมด แครี่ Y Chromosome DNA Haplogroup C. และเมื่อลองพิจารณาดูปัจจุบันนี้ เฉพาะพวกไอนุอย่างเดียว วันนี้พูดภาษาญี่ปุ่นและสำมะโนประชากรระบุว่าเป็นคนญี่ปุ่น จะเห็นว่าชื่อทางชาติพันธุ์หรือภาษาพูดไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าพวกเขาเป็นใคร (ไม่ต่างกับการพูดภาษาขอม ภาษาเขมร ภาษาไทย ก็ไม่ได้เป็นตัวชี้ว่าพวกเขาเป็นใครมาก่อนกันแน่)
    .
    สามหมื่นห้าพันกว่าปีก่อน คลื่นอพยพระลอกที่สองประกอบด้วยยีนพ่อคือ Y Chromosome Hg O ยีนแม่คือ Mt DNA Hg F และ D. อพยพมาตามเส้นทางโบราณสายอนาโตเลีย ยูเครน สู่เอเชียกลาง มาถึงบริเวณที่รู้จักกันในชื่อ Pamir Knot ซึ่งมีภูเขายักษ์สามลูกคือ ฮินดูกูช หิมาลัย และเทียนซานขวางหน้าพวกเขา อุปสรรคทางภูมิศาสตร์นี้บีบให้เส้นทางอพยพแตกออกเป็นสามทาง พวกหนึ่งขึ้นเหนือเลาะเทียนซานมุ่งสู่ไซบีเรียและอพยพข้ามแบริ่งไปทวีปอเมริกากลายเป็นพวกนาดิเนอินเดียนและอะมาไรด์อินเดียน… พวกหนึ่งผ่าที่ราบสูงทิเบตแล้วกระจายกันสู่บริเวณที่เป็นเสฉวน หยุนหนาน กวางสี ในปัจจุบัน กลายเป็นพวกชนเผ่าหิมาลายัน และชนเผ่ามากมายที่บันทึกจีนเรียกเยว่ร้อยเผ่า ในบรรดาพวกนี้ ผลการสำรวจดีเอ็นเอในประเทศจีนตอนใต้โดยศาสตราจารย์จินลีของประเทศจีน ปรากฏว่าไม่มีใครมียีนเก่าไปกว่าพวกข่าว้าและพวกผู้ยีซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งในตระกูลจ้วงเหนือ… พวกสุดท้ายกลุ่มที่สาม อพยพเลาะเทือกตะนาวศรีเข้าสู่ซุนดาโบราณ ลงมาปะทะสังสรรค์และผสานกับพวกอพยพคลื่นลูกแรกที่มาถึงก่อน ในบรรดาพวกนี้ทั้งหมด จากฐานข้อมูลดีเอ็นเอปัจุบันไม่มีใครมียีนเก่าไปกว่าพวกโอรังอัสลิ (นักวิชาการรุ่นใหม่เรียกว่า aslian) โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยในซาบาห์ บอร์เนียว ที่สำคัญไปกว่านั้น แม่พันธุ์ของพวกอพยพระลอกแรก คือ mt DNA B และ M เลือกพวกผู้ชายอัสเลียนเป็นพ่อพันธุ์ด้วนเหตุผลใดไม่ทราบ ทำให้ยีนพ่อเดิมของพวกคลื่นอพยพแรกคือพวก Y DNA Hg C ถูกเบียดผลักให้ออกจากเมนแลนด์ไปสู่เกาะแก่งโดยรอบ... ด้วยการที่ตระกูลนี้มีแม่พันธ์ุใหญ่ถึงสี่สาแหรก คือ mt DNA hg B / M / D / F ทำให้ยีนพ่อ Y DNA hg O กลายเป็นสาแหรกที่ใหญ่ที่สุดและมีลูกหลานยึดครองแผ่นดินเอเชียที่มีปริมาณประชากรมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเอเชียทั้งหมดจนถึงปัจจุบัน
    .
    ปัจจัยสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเกือบหมื่นปีที่แล้ว สิ้นสุดยุคน้ำแข็ง น้ำแข็งละลายและระดับน้ำสูงขึ้นจนท่วมแผ่นดินซุนดาโบราณสามครั้ง รวมแล้วประมาณ 120 เมตร ทำให้แผ่นดินซุนดาหายไปกว่าครึ่ง และทำให้เอเชียมีรูปร่างอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ผลจากน้ำท่วมโลกนี้ ทำให้ประชากรอัสเลียนโบราณ Y DNA O ในตอนล่างของคาบสมุทร อพยพหนีขึ้นเหนือไปรวมกับพวก Y DNA O ที่อยู่ทางตอนเหนือ บางส่วนอพยพหนีไปสู่เกาะต่างๆ โดยรอบ เกิดปรากฏการณ์ของ cultural transmission ที่หลากหลายและน่าทึ่ง
    .
    ทั้งหมดนี้คือวิทยาศาสตร์ที่บอกว่าเราเป็นใคร คนอุษาคเนย์ที่อยู่บนคาบสมุทรตอนล่างไม่ว่าจะถูกเรียกด้วยชื่ออะไร พูดภาษาอะไร พวกเขาล้วนมาจากพวกอัสเลียนอย่างเช่น เซมังซาไก มานิ โอรังลาโว้ย ดยัค อิฟูเกา บอนทอค…ฯลฯ ไม่ว่าต่อมาลูกหลานของพวกเขาจะกลายเป็นเซนอย เป็นข่า เป็นมอญ เป็นขอม เป็นละโว้ เป็นสยาม เป็นอโยธยา เป็นทวารวดี เป็นศรีโพธิ์ เป็นเขมรพระนคร…ฯลฯ. ชื่ออะไรก็ตามแต่... ผู้ชายของชื่อสมมุติพวกนี้ทั้งหมดล้วนมาจาก 'aslian' และบางกลุ่มยังมียีนแม่เป็นอะบอริจินิสท์ พวกเขาล้วนมีโครงสร้างทางโปรตีนในดีเอ็นเหมือนกันกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ต่างกันเพียงมิวเทชั่นเล็กน้อย ดังนั้น fact ง่ายๆ สำหรับผมพวกเขาคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O . สาแหรกวงศ์ตระกูลทีใหญ่ที่สุดในโลก
    .
    คนมอญ คนสยาม คนเขมร ไม่ว่าเก่าใหม่ มีชื่อเรียกว่าอะไร เคยมีชื่อเรียกว่าอะไร.. มนุษย์ผู้ชาย 'ส่วนใหญ่' แชร์ยีนพ่อ sub clan จาก Y DNA hg O2 คนพื้นถิ่นพวกนี้ที่เป็นประชากรทั่วไป โดยธรรมชาติจะแทบไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ถ้าไม่มีภัยพิบัติคุกคาม โรคระบาด หรือถูกกวาดต้อนย้ายไปเพราะมีสงคราม… เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนเขมรพระนครยุคโบราณพากันย้ายไปไหนบ้าง เพราะเมืองนครวัดประสบปัญหาเรื่องชลประทาน สุขาภิบาลและสุขอนามัย ในที่สุดมันล่มสลายและถูกทิ้งให้ร้างอยู่ในป่า จนแม้แต่คนเขมรส่วนใหญ่ในยุคอาณานิคมก็ไม่รู้ว่ามีนครโบราณอยู่ตรงนั้นตอนที่พวกทีมสำรวจของฝรั่งเศสไปพบเข้า เป็นไปได้ว่ายังอาจมีเชื้อพันธุ์จากประชากรโบราณบางส่วนยังคงอยู่ในบริเวณนั้นบ้าง แต่ไม่ได้แปลว่าคนกัมพูชาปัจจุบันสืบสายมาจากประชากรเมืองพระนคร
    .
    ลองคิดดูว่า สมมุติว่าหลังพระนครล่มสลาย ถ้าพวกเขาส่วนหนึ่งย้ายถิ่นฐานมาอยู่แถบลุ่มน้ำเจ้าพระยาส่วนหนึ่ง ในขณะที่บางส่วนที่อาจยังคงอยู่ในบริเวณโตนเลสาปส่วนหนึ่ง หากวันนี้มีการนำลูกหลานของทั้งสองพวกนี้มาตรวจดีเอ็นเอ ก็จะไม่แปลกใจเลยเมื่อพบว่าพวกเขาส่วนใหญ่มียีน O2 เหมือนกัน แต่พวกหนึ่งพูดไทย พวกหนึ่งพูดกัมพูชา ทั้งที่เมื่อสาวย้อนไปไกลขึ้นอีกล้วนมีรากลึกที่สุดมาจากอัสเลียนและพูดภาษาอัสเลียนมาก่อนทั้งคู่ วิทยาศาสตร์จะบอกอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้โดยไม่สนความสมมุติทั้งหลาย.. หากเป็นเช่นนี้ คำพูดที่ว่า ขอมพระนครคือสยาม และขอมพระนครคือเขมร ก็จะถูกต้องทั้งสองแง่
    .
    ถ้าเราลองมองดูเฉพาะ อยุธยา ที่จีนเรียกว่า "เสียน-หลอ" เพราะเป็นการรวมกันของสุโขทัยและละโว้ในความคิดจีน พวกสุโขทัยหรือที่จีนเรียก 'เสียน' อาศัยอยู่ทางเหนือ พวกนี้ก็เป็น Y DNA hg O เช่นกัน จัดเป็นกลุ่มเยว่ พูดภาษาจ้วงไต... ขณะที่พวกละโว้อโยธยาที่จีนเรียกหลอหู่ อาศัยอยู่ตอนกลางคาบสมุทรแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยา พวกนี้ก็เป็น Y DNA hg O เช่นกันอีก จัดเป็นสาแหรกอัสเลียนที่ไม่ต่างกับพวกอื่นที่อยู่ในคาบสมุทรมาเลย์ และพวกมอญ-เขมร. จะด้วยสาเหตุใดก็ตามที่พวกนี้ได้ปกครองเหนือชนพื้นเมืองหลายพงศ์เผ่า จะเป็นเพราะพวกเยว่รูปหล่อผิวขาวร่ำรวยกว่าหรืออย่างไรก็ไม่อาจทราบ คนพวกนี้ได้เป็นชนชั้นปกครองและเป็นผลให้ภาษาสกุลจ้วงไทกลายเป็นภาษากลางของหลอหู่ ทั้งที่คนพื้นเมืองหลายกลุ่มปะปนมีทั้งพูดอัสเลียนมาก่อน พูดขอมมาก่อน พูดข่ามาก่อน พูดมอญมาก่อน และประชากรชาวบ้านพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ย้ายไปไหน ชื่อเมืองอาจเปลี่ยน ชื่อคนอาจเปลี่ยน ชื่ออาณาจักรอาจเปลี่ยน ภาษาอาจเปลี่ยน แต่สาแหรกพันธุกรรมและความเชื่อมโยงกลับไม่เปลี่ยน ที่อัศจรรย์กว่านั้นคือ พวกที่อยู่ไกลกันมากอย่างเช่นพวกนากาในอัสสัม พวกอดิในอรุณาจัลประเทศ พวกดยัคในบอร์เนียว พวกบอนทอคในฟิลิปปินส์ พวกอตายาลในฟอร์โมซา พวกข่าว้าในหยุนหนานมีความเชื่อมโยงทางดีเอ็นเอใกล้ชิดกันมากอย่างน่าแปลกใจ แน่นอนผู้ชายของพวกเขาล้วนมียีน Y DNA hg O
    .
    เคสที่น่าสนใจ เคสนึงที่จะทำให้เห็นภาพปัจจัยทางสังคมศาสตร์มากขึ้นคือกรณีของพระนางจามเทวี พระนางไม่ได้เป็นเจ้านางของชนเผ่าไฮโซที่ไหน แต่เป็นผู้หญิงระดับสูงของพวกลั๊วะ และแน่ๆ คือเป็นนักรบด้วยเพราะนางพุ่งหอกชนะนักรบลั๊วะผู้ชายคนนึงที่หมายปองนาง แต่นางไปเลือกแต่งกับเจ้าชายจากเมืองเหนือแทน นักรบผู้นั้นก็เลยไปท้านางแข่งพุ่งหอกเดิมพันแต่งงานกันแต่ไม่อาจเอาชนะนางได้ การดองกันนี้ของเจ้าหญิงเผ่าลั๊วะกับเจ้านายหริภุญไชยเป็นการเมืองที่ทำให้คนเมืองเหนือที่พูดไทปกครองชนเผ่าเชื้อสายอัสเลียนที่พูดออสโตรเอเชียติคได้ ผ่านกาลเวลายาวนาน อัสเลียนกับไทดองกันเป็นประชากรชาติเดียวกันและพูดภาษาเดียวกัน ยาวมาจนทุกวันนี้
    .
    สำหรับผม การเอาข้อมูลเหล่านี้เป็นแผนที่วิจัย จะเห็นความเชื่อมโยงในอีกแง่มุมที่เราไม่เคยคิดมาก่อน ผมทำอย่างนี้ในเกือบทุกเรื่องที่ผมค้นคว้า และเมื่อใช้มันประกบเข้ากับสาขาความรู้อื่น เช่น ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ภาษาศาสตร์ นิรุกติศาสตร์ ธรณีวิทยา ศิลปะวัฒนธรรม หรือแม้แต่ปรัมปราคติ ถ้ามันเข้ากันได้ทั้งหมดโดยไม่มีข้อขัดแย้งซึ่งกันและกัน ในความเห็นผม มันน่าจะเป็นประวัติศาสตร์ที่มั่นคงที่สุด
    .
    เมื่อพิจารณาอย่างนี้ แนวคิดหนึ่งที่ถูกนำเสนอและดูจะมีน้ำหนักสุด คือแนวคิดที่เห็นว่า ขอม เป็นชื่อที่คนพื้นเมืองทางเหนือเรียกคนพื้นเมืองทางใต้ ประชากรพวกนี้บ้างอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นโบราณสักแคว้นหนึ่งหรือหลายแคว้น อาจปะปน เคลื่อนย้ายถ่ายเทไปมา บางพวกอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของฟูนัน อาจเป็นส่วนหนึ่งของมอญทวารวดี อาจเป็นส่วนหนึ่งของเขมรพระนคร เป็นส่วนหนึ่งของละโว้ เป็นส่วนหนึ่งอโยธยา เป็นส่วนหนึ่งของจาม.... แต่ความสมมุตินี้ได้จบสิ้นไปแล้วหลายร้อยปี ไม่ควรเอามาเป็นตัวชี้วัดปัจจุบัน ความเป็นจริงแท้เดียวที่ไม่เปลี่ยนแปรไป แม้ความสมมุติเหล่านั้นจะสิ้นสลายไปแล้วก็คือ ทั้งอุษาคเนย์ล้วนมียีนพ่อเดียวกันกว่า 70 เปอร์เซ็นต์คือ Y Chromosome DNA Haplogroup O เป็นสายพันธ์ุตระกูลใหญ่ที่มีรากมาจากหิมาลายัน ไป่เยว่และอัสเลียน และยังมีแม่จากต่างสาแหรกร่วมกับพวกดราวิเดียน อะบอริจินิสท์ ไอนุ โพลินิเชียน มองโกล และอินุอิต ถ้ายอมรับความจริงข้อนี้ ความขัดแย้งน่าจะยุติลง
    .
    อยากรู้ว่าประชากรเขมร หรือประชากรสยามคนไหนเคยเป็นส่วนหนึ่งของประชากรที่อาศัยในพื้นที่ใด มีความเก่าแก่แค่ไหนในตัวเขา และเขามาจากสาแหรกไหน เก่าแก่มากน้อยเพียงใด... ไม่ยาก สามารถอ่านได้จากรหัสมิวเทชั่นในพันธุกรรมของพวกเขา ที่ซึ่งจากฐานข้อมูลที่มีการรวบรวมอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมากว่าสามสิบปี อย่างเช่นของ familytreedna.org เราจะสามารถระบุความหนาแน่นของดีเอ็นเอในกลุ่มประชากรแต่ละพื้นที่ได้ ถ้าดีเอ็นเอของใครที่มาจากมิวเทชั่นของสาแหรกเก่าแก่นับพันปี (อย่างที่บอก ดีเอ็นเอมี time stamp) และพบหนาแน่นอยู่ในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาไปจนจรดแถบตะวันออกของกัมพูชาเวียตนามปัจจุบัน และพบว่าไม่เคยย้ายถิ่นฐานไปไกลจากพื้นที่แถบนั้นเลยมาหลายชั่วคนเกินกว่าสองสามร้อยปีมาแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าบรรพบุรุษพวกเขาอาจอยู่ในเขมรพระนครมาก่อน
    .
    เอา fact นี้เป็นตัวตั้ง แล้วเอาประวัติศาสตร์วางทาบลงไป
    =========================================================
    ข้อถกเถียงอันน่าปวดหัวของคำว่า ขอม เขมร สยาม ไท ไต กับมุมมองความแตกต่างทางพันธุกรรม ================================================================= ผมมักอ่านพบการโต้เถียงในเรื่องว่า ขอม เป็นใคร อยู่บ่อยๆ บ้างว่าคือ สยาม.. บ้างว่า คือ เขมร.. ทั้งที่ต่างก็เป็นชื่อสมมุติ มีความยืดหยุ่นมาก ชื่อส่วนใหญ่มักเป็นชื่อที่ผู้อื่นเรียก โดยมากมีความหมายไม่ดีมาก่อนและมีการเปลี่ยนผันไปตามกาลเวลา จึงอยากขออนุญาติเสนอความเห็นสักสองสตางค์ในมุมมองที่แตกต่างออกไป อาจจะยาวไปหน่อย ปกติมันควรใช้เวลาอธิบายสักสองชั่วโมง แต่ผมจะพยายามย่อให้สั้น . ผมคิดแบบเอาวิทยาศาสตร์เป็นตัวตั้ง ใช้ชีววิทยาพันธุกรรมเป็นแผนที่หลักในการสำรวจสิ่งต่างๆ ก็ด้วยเหตุผลว่า ดีเอ็นเอมนุษย์สามารถเชื่อมโยงมนุษย์ทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ว่าใครสืบสายเลือดมาทางสาแหรกไหนหรือใครมีอายุเก่าใหม่กว่ากัน เพราะในดีเอ็นเอมี time stamp อยู่ในสิ่งที่เรียกว่า “genetic marker” ในมนุษย์ผู้ชายมียีนพ่อ Y chromosome DNA และยีนแม่ Mitochondreal DNA ปรากฏอยู่ในโครงสร้างของโปรตีนในเลือดเนื้อ.. ส่วนผู้หญิงมีแต่ยีนแม่ Mitochondrea DNA. ยีนพ่อและยีนแม่เหล่านี้มันไม่เคยหายไป มันอยู่ในตัวเราและสาวลึกไปสู่บรรพบุรุษต้นทางได้ ข้อมูลของความหนาแน่นของดีเอ็นเอประชากรโลกและ time stamp ที่บอกอายุของดีเอ็นเอ ก่อให้เกิดการคำนวณเส้นทางการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์โบราณได้ ทีมวิจัยด้านพันธุกรรมศาสตร์ของสแตนฟอร์ดที่บุกเบิกโดยศาสตราจารย์ Luca Cavalli Sforza ทำการพลอตเส้นทางอพยพของมนุษย์จากฐานข้อมูลนี้. ดังนั้นสำหรับผม… ชื่อทุกชื่อเป็นเพียงสิ่งสมมุติ ภาษาพูดไม่ใช่สิ่งยืนยันทางพันธุกรรม. . แสนกว่าปีก่อนมนุษย์อพยพออกจากบริเวณที่เป็นซาฮารันโบราณในแอฟริกา ห้าหมื่นกว่าปีก่อน… มนุษย์กลุ่มแรกที่อพยพออกจากแอฟริกาใช้เส้นทางเลาะชายฝั่งทะเลและอพยพมาถึงเอเชียโบราณบริเวณที่เรียกว่าแผ่นดินซุนดา ซึ่งผืนดินเชื่อมถึงกันหมดทั้งอุษาคเนย์ ไม่มีทะเลบริเวณอ่าวไทย ยีนพ่อหรือมนุษย์ผู้ชายที่มาถึงก่อนเป็นพวก YDNA Haplogroup C และยีนแม่คือ Mitochondreal M และ B คนพวกนี้เคยถูกเรียกว่าอะไรหรือพูดภาษาอะไรมาก่อนไม่รู้ได้ นักวิชาการสมัยใหม่นิยามว่าภาษาซาฮารันโบราณหรือโปรโตซาฮารันอนุมานจากบริเวณถิ่นฐานในแอฟริกาโบราณที่พวกเขาจากมา ส่วนหนึ่งจากคลื่นอพยพของพวกเขากลายเป็นพวกที่เริ่มอารยะธรรมสินธุที่บริเวณฮารัปปา-โมฮันจดาโรเมื่ออพยพผ่านอินเดียโบราณ ซึ่งต่อมาพวกนี้กลายเป็นสาแหรกของกลุ่มดราวิเดียน ทมิฬ สิงหล… ส่วนหนึ่งพลัดข้ามไปสู่เกาะเซนทิเนียล นิโคบาร์ ในอันดามัน ถูกกักกั้นตัดขาดอยู่กลางทะเล รู้จักกันในชื่อพวกอันดามันนิส… ส่วนหนึ่งเข้าสู่เมนแลนด์ซุนดากลายเป็นพวกปาปวน แล้วข้ามไปแผ่นดินซาฮุลโบราณหรือออสเตรเลียปัจจุบันกลายเป็นพวกที่เรียกว่าอะบอริจินิสท์… ส่วนหนึ่งอพยพขึ้นเหนือ แล้วกลับเข้าสู่เอเชียตะวันออกทางตอนบนเคลื่อนย้อนมาทางตะวันตกกลายเป็นพวกมองโกล ส่วนหนึ่งข้ามไปบุกเบิกเกาะญี่ปุ่นกลายเป็นพวกไอนุ ส่วนหนึ่งขึ้นเหนือไปและข้ามทะเลแบริ่งไปทวีปอเมริกาโบราณกลายเป็นพวกอินุอิตที่พบในอะลาสก้า… ไม่ว่าพวกเขาทั้งหมดนี้จะมีหรือเคยมีชื่อชาติพันธุ์อะไร เคยพูดภาษาอะไรและในที่สุดพูดภาษาอะไร พวกเขาล้วนมีบรรพบุรุษร่วมกัน มาจากมดลูกของบรรพบุรุษสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น มนุษย์ผู้ชายทั้งหมดจากชาติพันธุ์ที่กล่าวไปนี้ทั้งหมด แครี่ Y Chromosome DNA Haplogroup C. และเมื่อลองพิจารณาดูปัจจุบันนี้ เฉพาะพวกไอนุอย่างเดียว วันนี้พูดภาษาญี่ปุ่นและสำมะโนประชากรระบุว่าเป็นคนญี่ปุ่น จะเห็นว่าชื่อทางชาติพันธุ์หรือภาษาพูดไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าพวกเขาเป็นใคร (ไม่ต่างกับการพูดภาษาขอม ภาษาเขมร ภาษาไทย ก็ไม่ได้เป็นตัวชี้ว่าพวกเขาเป็นใครมาก่อนกันแน่) . สามหมื่นห้าพันกว่าปีก่อน คลื่นอพยพระลอกที่สองประกอบด้วยยีนพ่อคือ Y Chromosome Hg O ยีนแม่คือ Mt DNA Hg F และ D. อพยพมาตามเส้นทางโบราณสายอนาโตเลีย ยูเครน สู่เอเชียกลาง มาถึงบริเวณที่รู้จักกันในชื่อ Pamir Knot ซึ่งมีภูเขายักษ์สามลูกคือ ฮินดูกูช หิมาลัย และเทียนซานขวางหน้าพวกเขา อุปสรรคทางภูมิศาสตร์นี้บีบให้เส้นทางอพยพแตกออกเป็นสามทาง พวกหนึ่งขึ้นเหนือเลาะเทียนซานมุ่งสู่ไซบีเรียและอพยพข้ามแบริ่งไปทวีปอเมริกากลายเป็นพวกนาดิเนอินเดียนและอะมาไรด์อินเดียน… พวกหนึ่งผ่าที่ราบสูงทิเบตแล้วกระจายกันสู่บริเวณที่เป็นเสฉวน หยุนหนาน กวางสี ในปัจจุบัน กลายเป็นพวกชนเผ่าหิมาลายัน และชนเผ่ามากมายที่บันทึกจีนเรียกเยว่ร้อยเผ่า ในบรรดาพวกนี้ ผลการสำรวจดีเอ็นเอในประเทศจีนตอนใต้โดยศาสตราจารย์จินลีของประเทศจีน ปรากฏว่าไม่มีใครมียีนเก่าไปกว่าพวกข่าว้าและพวกผู้ยีซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งในตระกูลจ้วงเหนือ… พวกสุดท้ายกลุ่มที่สาม อพยพเลาะเทือกตะนาวศรีเข้าสู่ซุนดาโบราณ ลงมาปะทะสังสรรค์และผสานกับพวกอพยพคลื่นลูกแรกที่มาถึงก่อน ในบรรดาพวกนี้ทั้งหมด จากฐานข้อมูลดีเอ็นเอปัจุบันไม่มีใครมียีนเก่าไปกว่าพวกโอรังอัสลิ (นักวิชาการรุ่นใหม่เรียกว่า aslian) โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยในซาบาห์ บอร์เนียว ที่สำคัญไปกว่านั้น แม่พันธุ์ของพวกอพยพระลอกแรก คือ mt DNA B และ M เลือกพวกผู้ชายอัสเลียนเป็นพ่อพันธุ์ด้วนเหตุผลใดไม่ทราบ ทำให้ยีนพ่อเดิมของพวกคลื่นอพยพแรกคือพวก Y DNA Hg C ถูกเบียดผลักให้ออกจากเมนแลนด์ไปสู่เกาะแก่งโดยรอบ... ด้วยการที่ตระกูลนี้มีแม่พันธ์ุใหญ่ถึงสี่สาแหรก คือ mt DNA hg B / M / D / F ทำให้ยีนพ่อ Y DNA hg O กลายเป็นสาแหรกที่ใหญ่ที่สุดและมีลูกหลานยึดครองแผ่นดินเอเชียที่มีปริมาณประชากรมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเอเชียทั้งหมดจนถึงปัจจุบัน . ปัจจัยสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเกือบหมื่นปีที่แล้ว สิ้นสุดยุคน้ำแข็ง น้ำแข็งละลายและระดับน้ำสูงขึ้นจนท่วมแผ่นดินซุนดาโบราณสามครั้ง รวมแล้วประมาณ 120 เมตร ทำให้แผ่นดินซุนดาหายไปกว่าครึ่ง และทำให้เอเชียมีรูปร่างอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ผลจากน้ำท่วมโลกนี้ ทำให้ประชากรอัสเลียนโบราณ Y DNA O ในตอนล่างของคาบสมุทร อพยพหนีขึ้นเหนือไปรวมกับพวก Y DNA O ที่อยู่ทางตอนเหนือ บางส่วนอพยพหนีไปสู่เกาะต่างๆ โดยรอบ เกิดปรากฏการณ์ของ cultural transmission ที่หลากหลายและน่าทึ่ง . ทั้งหมดนี้คือวิทยาศาสตร์ที่บอกว่าเราเป็นใคร คนอุษาคเนย์ที่อยู่บนคาบสมุทรตอนล่างไม่ว่าจะถูกเรียกด้วยชื่ออะไร พูดภาษาอะไร พวกเขาล้วนมาจากพวกอัสเลียนอย่างเช่น เซมังซาไก มานิ โอรังลาโว้ย ดยัค อิฟูเกา บอนทอค…ฯลฯ ไม่ว่าต่อมาลูกหลานของพวกเขาจะกลายเป็นเซนอย เป็นข่า เป็นมอญ เป็นขอม เป็นละโว้ เป็นสยาม เป็นอโยธยา เป็นทวารวดี เป็นศรีโพธิ์ เป็นเขมรพระนคร…ฯลฯ. ชื่ออะไรก็ตามแต่... ผู้ชายของชื่อสมมุติพวกนี้ทั้งหมดล้วนมาจาก 'aslian' และบางกลุ่มยังมียีนแม่เป็นอะบอริจินิสท์ พวกเขาล้วนมีโครงสร้างทางโปรตีนในดีเอ็นเหมือนกันกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ต่างกันเพียงมิวเทชั่นเล็กน้อย ดังนั้น fact ง่ายๆ สำหรับผมพวกเขาคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O . สาแหรกวงศ์ตระกูลทีใหญ่ที่สุดในโลก . คนมอญ คนสยาม คนเขมร ไม่ว่าเก่าใหม่ มีชื่อเรียกว่าอะไร เคยมีชื่อเรียกว่าอะไร.. มนุษย์ผู้ชาย 'ส่วนใหญ่' แชร์ยีนพ่อ sub clan จาก Y DNA hg O2 คนพื้นถิ่นพวกนี้ที่เป็นประชากรทั่วไป โดยธรรมชาติจะแทบไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ถ้าไม่มีภัยพิบัติคุกคาม โรคระบาด หรือถูกกวาดต้อนย้ายไปเพราะมีสงคราม… เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนเขมรพระนครยุคโบราณพากันย้ายไปไหนบ้าง เพราะเมืองนครวัดประสบปัญหาเรื่องชลประทาน สุขาภิบาลและสุขอนามัย ในที่สุดมันล่มสลายและถูกทิ้งให้ร้างอยู่ในป่า จนแม้แต่คนเขมรส่วนใหญ่ในยุคอาณานิคมก็ไม่รู้ว่ามีนครโบราณอยู่ตรงนั้นตอนที่พวกทีมสำรวจของฝรั่งเศสไปพบเข้า เป็นไปได้ว่ายังอาจมีเชื้อพันธุ์จากประชากรโบราณบางส่วนยังคงอยู่ในบริเวณนั้นบ้าง แต่ไม่ได้แปลว่าคนกัมพูชาปัจจุบันสืบสายมาจากประชากรเมืองพระนคร . ลองคิดดูว่า สมมุติว่าหลังพระนครล่มสลาย ถ้าพวกเขาส่วนหนึ่งย้ายถิ่นฐานมาอยู่แถบลุ่มน้ำเจ้าพระยาส่วนหนึ่ง ในขณะที่บางส่วนที่อาจยังคงอยู่ในบริเวณโตนเลสาปส่วนหนึ่ง หากวันนี้มีการนำลูกหลานของทั้งสองพวกนี้มาตรวจดีเอ็นเอ ก็จะไม่แปลกใจเลยเมื่อพบว่าพวกเขาส่วนใหญ่มียีน O2 เหมือนกัน แต่พวกหนึ่งพูดไทย พวกหนึ่งพูดกัมพูชา ทั้งที่เมื่อสาวย้อนไปไกลขึ้นอีกล้วนมีรากลึกที่สุดมาจากอัสเลียนและพูดภาษาอัสเลียนมาก่อนทั้งคู่ วิทยาศาสตร์จะบอกอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้โดยไม่สนความสมมุติทั้งหลาย.. หากเป็นเช่นนี้ คำพูดที่ว่า ขอมพระนครคือสยาม และขอมพระนครคือเขมร ก็จะถูกต้องทั้งสองแง่ . ถ้าเราลองมองดูเฉพาะ อยุธยา ที่จีนเรียกว่า "เสียน-หลอ" เพราะเป็นการรวมกันของสุโขทัยและละโว้ในความคิดจีน พวกสุโขทัยหรือที่จีนเรียก 'เสียน' อาศัยอยู่ทางเหนือ พวกนี้ก็เป็น Y DNA hg O เช่นกัน จัดเป็นกลุ่มเยว่ พูดภาษาจ้วงไต... ขณะที่พวกละโว้อโยธยาที่จีนเรียกหลอหู่ อาศัยอยู่ตอนกลางคาบสมุทรแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยา พวกนี้ก็เป็น Y DNA hg O เช่นกันอีก จัดเป็นสาแหรกอัสเลียนที่ไม่ต่างกับพวกอื่นที่อยู่ในคาบสมุทรมาเลย์ และพวกมอญ-เขมร. จะด้วยสาเหตุใดก็ตามที่พวกนี้ได้ปกครองเหนือชนพื้นเมืองหลายพงศ์เผ่า จะเป็นเพราะพวกเยว่รูปหล่อผิวขาวร่ำรวยกว่าหรืออย่างไรก็ไม่อาจทราบ คนพวกนี้ได้เป็นชนชั้นปกครองและเป็นผลให้ภาษาสกุลจ้วงไทกลายเป็นภาษากลางของหลอหู่ ทั้งที่คนพื้นเมืองหลายกลุ่มปะปนมีทั้งพูดอัสเลียนมาก่อน พูดขอมมาก่อน พูดข่ามาก่อน พูดมอญมาก่อน และประชากรชาวบ้านพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ย้ายไปไหน ชื่อเมืองอาจเปลี่ยน ชื่อคนอาจเปลี่ยน ชื่ออาณาจักรอาจเปลี่ยน ภาษาอาจเปลี่ยน แต่สาแหรกพันธุกรรมและความเชื่อมโยงกลับไม่เปลี่ยน ที่อัศจรรย์กว่านั้นคือ พวกที่อยู่ไกลกันมากอย่างเช่นพวกนากาในอัสสัม พวกอดิในอรุณาจัลประเทศ พวกดยัคในบอร์เนียว พวกบอนทอคในฟิลิปปินส์ พวกอตายาลในฟอร์โมซา พวกข่าว้าในหยุนหนานมีความเชื่อมโยงทางดีเอ็นเอใกล้ชิดกันมากอย่างน่าแปลกใจ แน่นอนผู้ชายของพวกเขาล้วนมียีน Y DNA hg O . เคสที่น่าสนใจ เคสนึงที่จะทำให้เห็นภาพปัจจัยทางสังคมศาสตร์มากขึ้นคือกรณีของพระนางจามเทวี พระนางไม่ได้เป็นเจ้านางของชนเผ่าไฮโซที่ไหน แต่เป็นผู้หญิงระดับสูงของพวกลั๊วะ และแน่ๆ คือเป็นนักรบด้วยเพราะนางพุ่งหอกชนะนักรบลั๊วะผู้ชายคนนึงที่หมายปองนาง แต่นางไปเลือกแต่งกับเจ้าชายจากเมืองเหนือแทน นักรบผู้นั้นก็เลยไปท้านางแข่งพุ่งหอกเดิมพันแต่งงานกันแต่ไม่อาจเอาชนะนางได้ การดองกันนี้ของเจ้าหญิงเผ่าลั๊วะกับเจ้านายหริภุญไชยเป็นการเมืองที่ทำให้คนเมืองเหนือที่พูดไทปกครองชนเผ่าเชื้อสายอัสเลียนที่พูดออสโตรเอเชียติคได้ ผ่านกาลเวลายาวนาน อัสเลียนกับไทดองกันเป็นประชากรชาติเดียวกันและพูดภาษาเดียวกัน ยาวมาจนทุกวันนี้ . สำหรับผม การเอาข้อมูลเหล่านี้เป็นแผนที่วิจัย จะเห็นความเชื่อมโยงในอีกแง่มุมที่เราไม่เคยคิดมาก่อน ผมทำอย่างนี้ในเกือบทุกเรื่องที่ผมค้นคว้า และเมื่อใช้มันประกบเข้ากับสาขาความรู้อื่น เช่น ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ภาษาศาสตร์ นิรุกติศาสตร์ ธรณีวิทยา ศิลปะวัฒนธรรม หรือแม้แต่ปรัมปราคติ ถ้ามันเข้ากันได้ทั้งหมดโดยไม่มีข้อขัดแย้งซึ่งกันและกัน ในความเห็นผม มันน่าจะเป็นประวัติศาสตร์ที่มั่นคงที่สุด . เมื่อพิจารณาอย่างนี้ แนวคิดหนึ่งที่ถูกนำเสนอและดูจะมีน้ำหนักสุด คือแนวคิดที่เห็นว่า ขอม เป็นชื่อที่คนพื้นเมืองทางเหนือเรียกคนพื้นเมืองทางใต้ ประชากรพวกนี้บ้างอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นโบราณสักแคว้นหนึ่งหรือหลายแคว้น อาจปะปน เคลื่อนย้ายถ่ายเทไปมา บางพวกอาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของฟูนัน อาจเป็นส่วนหนึ่งของมอญทวารวดี อาจเป็นส่วนหนึ่งของเขมรพระนคร เป็นส่วนหนึ่งของละโว้ เป็นส่วนหนึ่งอโยธยา เป็นส่วนหนึ่งของจาม.... แต่ความสมมุตินี้ได้จบสิ้นไปแล้วหลายร้อยปี ไม่ควรเอามาเป็นตัวชี้วัดปัจจุบัน ความเป็นจริงแท้เดียวที่ไม่เปลี่ยนแปรไป แม้ความสมมุติเหล่านั้นจะสิ้นสลายไปแล้วก็คือ ทั้งอุษาคเนย์ล้วนมียีนพ่อเดียวกันกว่า 70 เปอร์เซ็นต์คือ Y Chromosome DNA Haplogroup O เป็นสายพันธ์ุตระกูลใหญ่ที่มีรากมาจากหิมาลายัน ไป่เยว่และอัสเลียน และยังมีแม่จากต่างสาแหรกร่วมกับพวกดราวิเดียน อะบอริจินิสท์ ไอนุ โพลินิเชียน มองโกล และอินุอิต ถ้ายอมรับความจริงข้อนี้ ความขัดแย้งน่าจะยุติลง . อยากรู้ว่าประชากรเขมร หรือประชากรสยามคนไหนเคยเป็นส่วนหนึ่งของประชากรที่อาศัยในพื้นที่ใด มีความเก่าแก่แค่ไหนในตัวเขา และเขามาจากสาแหรกไหน เก่าแก่มากน้อยเพียงใด... ไม่ยาก สามารถอ่านได้จากรหัสมิวเทชั่นในพันธุกรรมของพวกเขา ที่ซึ่งจากฐานข้อมูลที่มีการรวบรวมอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมากว่าสามสิบปี อย่างเช่นของ familytreedna.org เราจะสามารถระบุความหนาแน่นของดีเอ็นเอในกลุ่มประชากรแต่ละพื้นที่ได้ ถ้าดีเอ็นเอของใครที่มาจากมิวเทชั่นของสาแหรกเก่าแก่นับพันปี (อย่างที่บอก ดีเอ็นเอมี time stamp) และพบหนาแน่นอยู่ในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาไปจนจรดแถบตะวันออกของกัมพูชาเวียตนามปัจจุบัน และพบว่าไม่เคยย้ายถิ่นฐานไปไกลจากพื้นที่แถบนั้นเลยมาหลายชั่วคนเกินกว่าสองสามร้อยปีมาแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าบรรพบุรุษพวกเขาอาจอยู่ในเขมรพระนครมาก่อน . เอา fact นี้เป็นตัวตั้ง แล้วเอาประวัติศาสตร์วางทาบลงไป =========================================================
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนกลับไปในวัยเด็กของผม เมื่อปี พ.ศ. 2526 กรุงเทพมหานครกำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ น้ำท่วมสูงจนชีวิตประจำวันหยุดชะงัก โรงเรียนต้องปิดเพราะถนนหลายสายอย่างรามคำแหงและสุขุมวิทกลายเป็นคลองชั่วคราว เรือพายวิ่งพล่านแทนรถยนต์ที่จมน้ำ บ้านของผมในย่านชานเมืองก็ไม่รอด น้ำทะลักเข้ามาจนบ่ายวันนั้นไฟฟ้าดับสนิท ทิ้งให้ผมเด็กน้อยนั่งเหงาไม่มีอะไรทำ ท่ามกลางเสียงฝนเทกระหน่ำและความเบื่อหน่ายที่แผ่ซ่าน ผมเลยแอบหยิบวิทยุทรานซิสเตอร์เก่าของพ่อมาลองเปิดฟัง เพื่อคลายความเซ็งในบ่ายวันนั้น แล้วเสียงเพลงบัลลาดเศร้าสร้อยก็ดังขึ้น

    "What have I got to do to make you love me? ...
    Sorry seems to be the hardest word"

    มันคือเพลง "Sorry Seems To Be The Hardest Word" ของ Elton John ที่ผมได้ยินครั้งแรก และมันฝังใจผมตั้งแต่นั้นมา เพลงนี้ไม่เพียงสะท้อนความสิ้นหวังจากน้ำท่วมที่ทำให้ทุกอย่าง "จบสิ้น" แต่ยังสอนให้ผมเข้าใจว่าคำว่า "ขอโทษ" นั้นพูดยากเพียงใด แม้ในสถานการณ์ที่ดูเรียบง่ายที่สุด

    อุทกภัยปีนั้นกินเวลายาวนานตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน สาเหตุจากพายุดีเปรสชันสองลูก เฮอร์เบิร์ตและคิม ที่ทำให้ฝนตกหนัก น้ำทะเลหนุนสูง และน้ำเหนือไหลบ่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าปกติถึง 2 เมตร ส่งผลให้กรุงเทพฯ และปริมณฑลจมน้ำ โรงเรียนและมหาวิทยาลัยอย่างรามคำแหงต้องเลื่อนสอบและเปิดเทอม การคมนาคมหยุดชะงัก ผู้คนต้องใช้เรือแทนรถ และรัฐบาลจัดรายการทีวีพิเศษขอรับบริจาคช่วยเหลือ สำหรับผม เพลงนี้กลายเป็น "เพื่อนคลายเหงา" ในบ่ายไฟดับ มันทำให้ผมสงสัยว่าทำไมคำง่ายๆ อย่าง "ขอโทษ" ถึงพูดยากนัก เหมือนกับน้ำท่วมที่ไม่อาจควบคุมได้

    เพลงนี้เกิดขึ้นในปี 1975 ที่ลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่แตกต่างจากปกติของ Elton John และ Bernie Taupin คู่หูนักแต่งเพลง โดยปกติ Taupin จะเขียนเนื้อก่อน แล้ว John จึงประพันธ์ทำนอง แต่ครั้งนี้ John นั่งเล่นเปียโนแล้วทำนองเศร้าสร้อยผุดขึ้นมาก่อน พร้อมวลี

    "What have I got to do to make you love me?"

    Taupin ได้ยินแล้วเติมคำว่า

    "Sorry seems to be the hardest word"

    เข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ และเขียนเนื้อที่เหลือเสร็จในไม่กี่นาที มันสะท้อนความเจ็บปวดของความสัมพันธ์ที่กำลังล่มสลาย ซึ่งอารมณ์ลึกซึ้งเกินกว่าถ่ายทอดเป็นคำพูดได้ทันที

    เมื่อปล่อยในปี 1976 เป็นซิงเกิลจากอัลบั้ม Blue Moves ซึ่งได้รับคำวิจารณ์หลากหลายเพราะเนื้อหาเศร้าและยาวเกินไป แต่ตัวเพลงกลับประสบความสำเร็จอย่างมาก ขึ้นอันดับ 6 ใน Billboard Hot 100 ของสหรัฐฯ อันดับ 1 ในชาร์ต Adult Contemporary ของสหรัฐฯ และแคนาดา อันดับ 3 ในแคนาดาและไอร์แลนด์ อันดับ 11 ในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย และได้รับการรับรอง Gold ในสหรัฐฯ (ยอดขายกว่า 1 ล้านชุด) และแคนาดา (75,000 ชุด) นักวิจารณ์จาก Billboard ชมว่าเสียงร้องของ John "จริงใจและน่าเชื่อถือจนเกือบเจ็บปวด" ขณะที่ Cash Box เรียกมันว่า "เพลงรักอ่อนโยนเกี่ยวกับการเลิกรา"

    เพลงนี้ไม่เคยจางหายจากวัฒนธรรมสมัยนิยม มันถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Slap Shot (1977) ในฉากเศร้าโศก Rush Hour 3 (2007) และ Gnomeo & Juliet (2011) เพื่อตอกย้ำธีมความขัดแย้งและการแยกจาก นอกจากนี้ ยังมีเวอร์ชันคัฟเวอร์มากกว่า 50 เวอร์ชัน จากศิลปินหลากแนวอย่าง Ray Charles (แจ๊ส), Mary J. Blige (โซล), และ Joe Cocker

    การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในปี 2002 เมื่อวงบอยแบนด์ Blue คัฟเวอร์เพลงนี้และเชิญ John มาร่วมร้อง ทำให้ขึ้นอันดับ 1 ใน UK Singles Chart (เพลงอันดับ 1 ลำดับที่ 3 ของ Blue และที่ 5 ของ John) อันดับ 1 ในฮังการีและเนเธอร์แลนด์ และท็อป 10 ในอีก 16 ประเทศ ได้รับ Gold ในหลายแห่งอย่างสหราชอาณาจักร (400,000 ชุด) และฝรั่งเศส (250,000 ชุด)

    แก่นแท้ของเพลงอยู่ที่จิตวิทยาของการขอโทษ ซึ่ง Taupin อธิบายว่าเป็นความพยายามช่วยชีวิตความสัมพันธ์ที่ตายไปแล้ว คำถามอย่าง "What do I say when it's all over?" แสดงความสิ้นหวังที่เป็นสากล ทำให้เพลงนี้ทรงพลังข้ามกาลเวลา

    สำหรับผม เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นเครื่องเตือนใจจากบ่ายน้ำท่วมปี 2526 ว่าความเจ็บปวดและการยอมรับจุดจบนั้นยากเพียงใด แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ที่ทำให้เราเติบโต มรดกของมันยังคงอยู่ เพราะศิลปะที่ซื่อสัตย์ต่ออารมณ์จะเชื่อมโยงผู้คนเสมอ

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/c3nScN89Klo?
    ย้อนกลับไปในวัยเด็กของผม เมื่อปี พ.ศ. 2526 🌧️ กรุงเทพมหานครกำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ น้ำท่วมสูงจนชีวิตประจำวันหยุดชะงัก โรงเรียนต้องปิดเพราะถนนหลายสายอย่างรามคำแหงและสุขุมวิทกลายเป็นคลองชั่วคราว เรือพายวิ่งพล่านแทนรถยนต์ที่จมน้ำ บ้านของผมในย่านชานเมืองก็ไม่รอด น้ำทะลักเข้ามาจนบ่ายวันนั้นไฟฟ้าดับสนิท ทิ้งให้ผมเด็กน้อยนั่งเหงาไม่มีอะไรทำ ท่ามกลางเสียงฝนเทกระหน่ำและความเบื่อหน่ายที่แผ่ซ่าน ผมเลยแอบหยิบวิทยุทรานซิสเตอร์เก่าของพ่อมาลองเปิดฟัง เพื่อคลายความเซ็งในบ่ายวันนั้น แล้วเสียงเพลงบัลลาดเศร้าสร้อยก็ดังขึ้น 🎤 "What have I got to do to make you love me? ... Sorry seems to be the hardest word" 🎶 มันคือเพลง "Sorry Seems To Be The Hardest Word" ของ Elton John ที่ผมได้ยินครั้งแรก และมันฝังใจผมตั้งแต่นั้นมา เพลงนี้ไม่เพียงสะท้อนความสิ้นหวังจากน้ำท่วมที่ทำให้ทุกอย่าง "จบสิ้น" แต่ยังสอนให้ผมเข้าใจว่าคำว่า "ขอโทษ" นั้นพูดยากเพียงใด แม้ในสถานการณ์ที่ดูเรียบง่ายที่สุด อุทกภัยปีนั้นกินเวลายาวนานตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน สาเหตุจากพายุดีเปรสชันสองลูก เฮอร์เบิร์ตและคิม ที่ทำให้ฝนตกหนัก น้ำทะเลหนุนสูง และน้ำเหนือไหลบ่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าปกติถึง 2 เมตร ส่งผลให้กรุงเทพฯ และปริมณฑลจมน้ำ โรงเรียนและมหาวิทยาลัยอย่างรามคำแหงต้องเลื่อนสอบและเปิดเทอม การคมนาคมหยุดชะงัก ผู้คนต้องใช้เรือแทนรถ และรัฐบาลจัดรายการทีวีพิเศษขอรับบริจาคช่วยเหลือ สำหรับผม เพลงนี้กลายเป็น "เพื่อนคลายเหงา" ในบ่ายไฟดับ มันทำให้ผมสงสัยว่าทำไมคำง่ายๆ อย่าง "ขอโทษ" ถึงพูดยากนัก เหมือนกับน้ำท่วมที่ไม่อาจควบคุมได้ เพลงนี้เกิดขึ้นในปี 1975 ที่ลอสแอนเจลิส 🎹 ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่แตกต่างจากปกติของ Elton John และ Bernie Taupin คู่หูนักแต่งเพลง โดยปกติ Taupin จะเขียนเนื้อก่อน แล้ว John จึงประพันธ์ทำนอง แต่ครั้งนี้ John นั่งเล่นเปียโนแล้วทำนองเศร้าสร้อยผุดขึ้นมาก่อน พร้อมวลี 🔖 "What have I got to do to make you love me?" Taupin ได้ยินแล้วเติมคำว่า 🔖 "Sorry seems to be the hardest word" เข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ และเขียนเนื้อที่เหลือเสร็จในไม่กี่นาที มันสะท้อนความเจ็บปวดของความสัมพันธ์ที่กำลังล่มสลาย ซึ่งอารมณ์ลึกซึ้งเกินกว่าถ่ายทอดเป็นคำพูดได้ทันที เมื่อปล่อยในปี 1976 เป็นซิงเกิลจากอัลบั้ม Blue Moves 📀 ซึ่งได้รับคำวิจารณ์หลากหลายเพราะเนื้อหาเศร้าและยาวเกินไป แต่ตัวเพลงกลับประสบความสำเร็จอย่างมาก ขึ้นอันดับ 6 ใน Billboard Hot 100 ของสหรัฐฯ อันดับ 1 ในชาร์ต Adult Contemporary ของสหรัฐฯ และแคนาดา อันดับ 3 ในแคนาดาและไอร์แลนด์ อันดับ 11 ในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย และได้รับการรับรอง Gold ในสหรัฐฯ (ยอดขายกว่า 1 ล้านชุด) และแคนาดา (75,000 ชุด) 📈 นักวิจารณ์จาก Billboard ชมว่าเสียงร้องของ John "จริงใจและน่าเชื่อถือจนเกือบเจ็บปวด" ขณะที่ Cash Box เรียกมันว่า "เพลงรักอ่อนโยนเกี่ยวกับการเลิกรา" เพลงนี้ไม่เคยจางหายจากวัฒนธรรมสมัยนิยม มันถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Slap Shot (1977) ในฉากเศร้าโศก Rush Hour 3 (2007) และ Gnomeo & Juliet (2011) เพื่อตอกย้ำธีมความขัดแย้งและการแยกจาก 🎥 นอกจากนี้ ยังมีเวอร์ชันคัฟเวอร์มากกว่า 50 เวอร์ชัน จากศิลปินหลากแนวอย่าง Ray Charles (แจ๊ส), Mary J. Blige (โซล), และ Joe Cocker การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในปี 2002 เมื่อวงบอยแบนด์ Blue คัฟเวอร์เพลงนี้และเชิญ John มาร่วมร้อง ทำให้ขึ้นอันดับ 1 ใน UK Singles Chart (เพลงอันดับ 1 ลำดับที่ 3 ของ Blue และที่ 5 ของ John) อันดับ 1 ในฮังการีและเนเธอร์แลนด์ และท็อป 10 ในอีก 16 ประเทศ ได้รับ Gold ในหลายแห่งอย่างสหราชอาณาจักร (400,000 ชุด) และฝรั่งเศส (250,000 ชุด) 🌟 แก่นแท้ของเพลงอยู่ที่จิตวิทยาของการขอโทษ ซึ่ง Taupin อธิบายว่าเป็นความพยายามช่วยชีวิตความสัมพันธ์ที่ตายไปแล้ว คำถามอย่าง "What do I say when it's all over?" แสดงความสิ้นหวังที่เป็นสากล ทำให้เพลงนี้ทรงพลังข้ามกาลเวลา 💔 สำหรับผม เพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นเครื่องเตือนใจจากบ่ายน้ำท่วมปี 2526 ว่าความเจ็บปวดและการยอมรับจุดจบนั้นยากเพียงใด แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ที่ทำให้เราเติบโต มรดกของมันยังคงอยู่ เพราะศิลปะที่ซื่อสัตย์ต่ออารมณ์จะเชื่อมโยงผู้คนเสมอ #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/c3nScN89Klo?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่า: การเดินทางสู่โลก IoT และบ้านอัจฉริยะ

    วันก่อนผมนั่งคุยกับเพื่อนๆ เรื่องบ้านอัจฉริยะ แล้วก็ย้อนคิดไปว่าจริงๆ แนวคิดนี้มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลยนะ หลายคนอาจคิดว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเพราะมี Wi-Fi หรือสมาร์ทโฟน แต่จริงๆ รากของมันมีมาตั้งแต่ร้อยกว่าปีก่อนแล้ว สมัยนั้นคนก็เริ่มคิดอยากควบคุมอะไรจากระยะไกล อย่างในปี 1832 ก็มีการประดิษฐ์โทรเลขแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ส่งสัญญาณควบคุมระยะไกลได้ หรือเทอร์โมสแตตแบบกลไกที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิบ้าน ซึ่งสำหรับยุคนั้นถือว่าล้ำสุดๆ

    เวลาผ่านมาถึงช่วงปี 1999 ก็มีคนตั้งชื่อให้ความคิดนี้ว่า “Internet of Things” หรือ IoT จุดพลิกผันจริงๆ มันเกิดราวปี 2008-2009 ที่จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีมากกว่าจำนวนคนบนโลกแล้ว จากนั้นทุกอย่างก็ระเบิดพลังเต็มที่เพราะมีสมาร์ทโฟน, Wi-Fi และคลาวด์ เข้ามาเสริม พูดง่ายๆ คือบ้านเริ่มมีสมอง คุยกันได้ และคุยกับเราผ่านเน็ตได้ด้วย

    เพื่อนบางคนถามว่าบ้านอัจฉริยะมันทำงานยังไง ผมก็บอกว่ามันเหมือนบ้านมีตา มีมือ และมีสมอง ตาก็คือพวกเซ็นเซอร์ ที่คอยจับว่าอุณหภูมิเท่าไหร่ แสงเพียงพอไหม หรือมีคนเดินผ่านไหม มือก็คือพวกมอเตอร์หรือสวิตช์ไฟ ที่ทำงานตามคำสั่ง ส่วนสมองก็คือศูนย์ควบคุม ที่คิด วิเคราะห์ แล้วสั่งการต่อไป

    ทุกวันนี้บ้านอัจฉริยะก็มีหลายค่ายใหญ่แข่งกัน อย่าง Amazon Alexa ที่รองรับอุปกรณ์ได้เยอะมาก Google Home ที่เก่งเรื่องฟังและเข้าใจภาษามนุษย์ หรือ Apple HomeKit ที่เน้นความปลอดภัย แต่ปัญหาคือแต่ละค่ายก็มีระบบของตัวเอง บางทีอุปกรณ์ไม่คุยกัน ต้องใช้หลายแอปเหมือนต้องพกรีโมทหลายอันอยู่บ้านเดียวกัน

    ในไทยเองกระแสนี้ก็มานะ ตลาด IoT โตเร็วมาก ภาครัฐก็มองว่าเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะในภาคการผลิต และเมืองอัจฉริยะ แต่แน่นอนว่ามันก็ยังมีอุปสรรค อย่างเรื่องความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ หรือปัญหาความปลอดภัย เพราะถ้าอุปกรณ์ถูกแฮ็กได้ก็อาจเปิดประตูบ้านเราได้เลย ซึ่งฟังดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน

    ที่น่าสนใจคือ ตอนนี้บ้านอัจฉริยะไม่ได้แค่ “ฟังคำสั่ง” อีกแล้ว แต่เริ่มใช้ AI เข้ามาช่วยตัดสินใจแทนเรา เช่น ตู้เย็นบางรุ่นของ Samsung ใช้ AI คอยสแกนของในตู้ แล้วแนะนำเมนูอาหาร หรือเตือนว่าอะไรใกล้หมดอายุ เครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ก็ใช้ AI ปรับรอบหมุนและปริมาณน้ำตามชนิดของผ้า เพื่อให้ซักได้สะอาดและประหยัดพลังงาน หรือแม้แต่ระบบตรวจจับน้ำรั่ว อย่าง Moen Flo ที่เรียนรู้รูปแบบการใช้น้ำในบ้าน แล้วสั่งปิดวาล์วอัตโนมัติถ้าพบว่ามีความผิดปกติ — ป้องกันน้ำท่วมบ้านได้ก่อนที่เราจะรู้ตัวเสียอีก

    อนาคตยังมีสิ่งน่าสนใจรออยู่ อย่างมาตรฐานใหม่ชื่อ Matter ที่ตั้งใจให้ทุกอุปกรณ์คุยกันได้โดยไม่ต้องสนใจยี่ห้อ ไหนจะการเอา AI มาผสมกับเทคโนโลยี Edge Computing ให้บ้านฉลาดพอจะเดาความต้องการของเรา เช่น เห็นฝนกำลังตกก็ปิดหน้าต่างให้เอง หรือเปิดเครื่องฟอกอากาศทันทีเมื่อเซ็นเซอร์จับว่ามีฝุ่น PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน หรือใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างโซลาร์เซลล์ เพื่อให้บ้านยั่งยืนและประหยัดพลังงานมากขึ้น

    คิดไปคิดมา จากบ้านธรรมดาที่มีแต่สวิตช์เปิดไฟ วันนี้เรามีบ้านที่คุยกับเราได้ คิดแทนเราได้ และอีกไม่นานมันจะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิต เหมือนที่ทุกบ้านมี Wi-Fi ในตอนนี้นั่นแหละ

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    🏠 เรื่องเล่า: การเดินทางสู่โลก IoT และบ้านอัจฉริยะ 🤖 ☕ วันก่อนผมนั่งคุยกับเพื่อนๆ เรื่องบ้านอัจฉริยะ แล้วก็ย้อนคิดไปว่าจริงๆ แนวคิดนี้มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลยนะ หลายคนอาจคิดว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเพราะมี Wi-Fi หรือสมาร์ทโฟน 📱 แต่จริงๆ รากของมันมีมาตั้งแต่ร้อยกว่าปีก่อนแล้ว สมัยนั้นคนก็เริ่มคิดอยากควบคุมอะไรจากระยะไกล อย่างในปี 1832 ก็มีการประดิษฐ์โทรเลขแม่เหล็กไฟฟ้า 📡 ที่ส่งสัญญาณควบคุมระยะไกลได้ หรือเทอร์โมสแตตแบบกลไกที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิบ้าน ซึ่งสำหรับยุคนั้นถือว่าล้ำสุดๆ เวลาผ่านมาถึงช่วงปี 1999 ก็มีคนตั้งชื่อให้ความคิดนี้ว่า “Internet of Things” หรือ IoT 🌐 จุดพลิกผันจริงๆ มันเกิดราวปี 2008-2009 ที่จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีมากกว่าจำนวนคนบนโลกแล้ว จากนั้นทุกอย่างก็ระเบิดพลังเต็มที่เพราะมีสมาร์ทโฟน, Wi-Fi และคลาวด์ ☁️ เข้ามาเสริม พูดง่ายๆ คือบ้านเริ่มมีสมอง คุยกันได้ และคุยกับเราผ่านเน็ตได้ด้วย เพื่อนบางคนถามว่าบ้านอัจฉริยะมันทำงานยังไง ผมก็บอกว่ามันเหมือนบ้านมีตา มีมือ และมีสมอง ตาก็คือพวกเซ็นเซอร์ 👀 ที่คอยจับว่าอุณหภูมิเท่าไหร่ แสงเพียงพอไหม หรือมีคนเดินผ่านไหม มือก็คือพวกมอเตอร์หรือสวิตช์ไฟ 🤖 ที่ทำงานตามคำสั่ง ส่วนสมองก็คือศูนย์ควบคุม 🧠 ที่คิด วิเคราะห์ แล้วสั่งการต่อไป ทุกวันนี้บ้านอัจฉริยะก็มีหลายค่ายใหญ่แข่งกัน อย่าง Amazon Alexa ที่รองรับอุปกรณ์ได้เยอะมาก Google Home ที่เก่งเรื่องฟังและเข้าใจภาษามนุษย์ 🗣️ หรือ Apple HomeKit ที่เน้นความปลอดภัย 🔒 แต่ปัญหาคือแต่ละค่ายก็มีระบบของตัวเอง บางทีอุปกรณ์ไม่คุยกัน ต้องใช้หลายแอปเหมือนต้องพกรีโมทหลายอันอยู่บ้านเดียวกัน ในไทยเองกระแสนี้ก็มานะ 🇹🇭 ตลาด IoT โตเร็วมาก ภาครัฐก็มองว่าเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะในภาคการผลิต 🏭 และเมืองอัจฉริยะ 🏙️ แต่แน่นอนว่ามันก็ยังมีอุปสรรค อย่างเรื่องความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ หรือปัญหาความปลอดภัย 🔐 เพราะถ้าอุปกรณ์ถูกแฮ็กได้ก็อาจเปิดประตูบ้านเราได้เลย ซึ่งฟังดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน ที่น่าสนใจคือ ตอนนี้บ้านอัจฉริยะไม่ได้แค่ “ฟังคำสั่ง” อีกแล้ว แต่เริ่มใช้ AI เข้ามาช่วยตัดสินใจแทนเรา เช่น ตู้เย็นบางรุ่นของ Samsung ใช้ AI คอยสแกนของในตู้ 🍎🥦 แล้วแนะนำเมนูอาหาร หรือเตือนว่าอะไรใกล้หมดอายุ เครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ก็ใช้ AI ปรับรอบหมุนและปริมาณน้ำตามชนิดของผ้า 👕 เพื่อให้ซักได้สะอาดและประหยัดพลังงาน หรือแม้แต่ระบบตรวจจับน้ำรั่ว 💧 อย่าง Moen Flo ที่เรียนรู้รูปแบบการใช้น้ำในบ้าน แล้วสั่งปิดวาล์วอัตโนมัติถ้าพบว่ามีความผิดปกติ — ป้องกันน้ำท่วมบ้านได้ก่อนที่เราจะรู้ตัวเสียอีก อนาคตยังมีสิ่งน่าสนใจรออยู่ อย่างมาตรฐานใหม่ชื่อ Matter 📜 ที่ตั้งใจให้ทุกอุปกรณ์คุยกันได้โดยไม่ต้องสนใจยี่ห้อ ไหนจะการเอา AI 🤖 มาผสมกับเทคโนโลยี Edge Computing 💻 ให้บ้านฉลาดพอจะเดาความต้องการของเรา เช่น เห็นฝนกำลังตกก็ปิดหน้าต่างให้เอง หรือเปิดเครื่องฟอกอากาศทันทีเมื่อเซ็นเซอร์จับว่ามีฝุ่น PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน หรือใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างโซลาร์เซลล์ 🌞 เพื่อให้บ้านยั่งยืนและประหยัดพลังงานมากขึ้น คิดไปคิดมา จากบ้านธรรมดาที่มีแต่สวิตช์เปิดไฟ วันนี้เรามีบ้านที่คุยกับเราได้ คิดแทนเราได้ และอีกไม่นานมันจะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิต เหมือนที่ทุกบ้านมี Wi-Fi 📶 ในตอนนี้นั่นแหละ #ลุงเขียนหลานอ่าน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ส่งต่อความห่วงใย มอบข้าวโอ๊ตผ่านกระทรวงแรงงาน กระจายสู่พื้นที่ประสบอุทกภัย 11 จังหวัด
    https://www.thai-tai.tv/news/20696/
    .
    #ไทยไท #มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ #กระทรวงแรงงาน #น้ำท่วม #อุทกภัย #พายุวิภา #ช่วยเหลือผู้ประสบภัย #น้ำใจคนไทย #ข้าวโอ๊ต
    มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ส่งต่อความห่วงใย มอบข้าวโอ๊ตผ่านกระทรวงแรงงาน กระจายสู่พื้นที่ประสบอุทกภัย 11 จังหวัด https://www.thai-tai.tv/news/20696/ . #ไทยไท #มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ #กระทรวงแรงงาน #น้ำท่วม #อุทกภัย #พายุวิภา #ช่วยเหลือผู้ประสบภัย #น้ำใจคนไทย #ข้าวโอ๊ต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 2

    จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์



    อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ

    แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร

    อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา

    ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย

    (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ)

    ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้

    รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย

    สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม…

    คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก

    สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน

    ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง

    ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม

    นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย

    ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว!

    พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง

    นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ

    หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ

    สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง

    อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ

    พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ!

    แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

    ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ

    Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ)

    Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม

    คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน

    ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว

    ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ

    การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว

    นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี

    ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้

    นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว

    แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง

    คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น!

    ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย

    ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น

    ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง


    คนเล่านิทาน
    ตอน 2 จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์ อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ) ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้ รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม… คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว! พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ! แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ) Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น! ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง คนเล่านิทาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 399 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชียงราย - ตึกริมฝั่งน้ำสายแนวพนังกั้นน้ำชั่วคราว เอาไม่อยู่..ฝนตกตอนเหนือน้ำสายเกิน 100 มม.หลากทะลักเหมือนปี 67 ทะลุเข้าท่วมแม่สายแล้วตั้งแต่ตีสามเศษ จนต้องระดมกำลังอุด-ย้ายข้าวของหนีกันโกลาหล แถมอีก 4 ชั่วโมง น้ำระลอกใหม่จ่อซ้ำ

    วันนี้ (28 ก.ค.68) ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทั้งในเขตภาคเหนือของประเทศไทยและรัฐฉานตะวันออก ประเทศเมียนมา ได้ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายซึ่งมีต้นแม่น้ำอยู่ในเขตรัฐฉานตะวันออกเพิ่มระดับสูงขึ้นและทะลักผ่านอาคารริมฝั่งที่ทำเป็นแนวป้องกันน้ำชั่วคราวของกรมการทหารช่าง ไหลเข้าท่วมบางชุมชนในเขต อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ จ.ท่าขี้เหล็ก แล้วตั้งแต่ 03.00 น.เศษที่ผ่านมา

    โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลิ่งได้ไหลผ่านตัวอาคารที่ยังไม่ได้รื้อถอนตรงชุมชนสายลมจอย ชุมชนเกาะทราย ฯลฯ ทะลักเข้าตลาดสายลมจอยส่วนฝั่งตะวันออกของสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ทะลักไปถึงตลาดไม้ลุงขน ชาวบ้านต้องพากันขนย้ายข้าวของหนีน้ำกันอย่างจ้าละหวั่นเพราะคาดไม่ถึงว่าน้ำจะฝ่าแนวป้องกันเข้ามาได้ รวมทั้งปริมาณน้ำมากเหมือนกับที่เคยทะลักเข้าท่วมชายแดนเมื่อปลายปี 2567 เช่นเดียวกับฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ที่มวลน้ำทะลุแนวพนังกันที่ก่อสร้างจนเข้าสู่บ้านปงถุน ตลาดท่าล้อ ฯลฯ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000071086

    #Thaitimes #MGROnline #น้ำท่วมแม่สาย #น้ำท่วมท่าขี้เหล็ก #น้ำสายทะลักท่วมแล้ว #เชียงราย
    เชียงราย - ตึกริมฝั่งน้ำสายแนวพนังกั้นน้ำชั่วคราว เอาไม่อยู่..ฝนตกตอนเหนือน้ำสายเกิน 100 มม.หลากทะลักเหมือนปี 67 ทะลุเข้าท่วมแม่สายแล้วตั้งแต่ตีสามเศษ จนต้องระดมกำลังอุด-ย้ายข้าวของหนีกันโกลาหล แถมอีก 4 ชั่วโมง น้ำระลอกใหม่จ่อซ้ำ • วันนี้ (28 ก.ค.68) ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทั้งในเขตภาคเหนือของประเทศไทยและรัฐฉานตะวันออก ประเทศเมียนมา ได้ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายซึ่งมีต้นแม่น้ำอยู่ในเขตรัฐฉานตะวันออกเพิ่มระดับสูงขึ้นและทะลักผ่านอาคารริมฝั่งที่ทำเป็นแนวป้องกันน้ำชั่วคราวของกรมการทหารช่าง ไหลเข้าท่วมบางชุมชนในเขต อ.แม่สาย จ.เชียงราย และ จ.ท่าขี้เหล็ก แล้วตั้งแต่ 03.00 น.เศษที่ผ่านมา • โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นจนล้นตลิ่งได้ไหลผ่านตัวอาคารที่ยังไม่ได้รื้อถอนตรงชุมชนสายลมจอย ชุมชนเกาะทราย ฯลฯ ทะลักเข้าตลาดสายลมจอยส่วนฝั่งตะวันออกของสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ทะลักไปถึงตลาดไม้ลุงขน ชาวบ้านต้องพากันขนย้ายข้าวของหนีน้ำกันอย่างจ้าละหวั่นเพราะคาดไม่ถึงว่าน้ำจะฝ่าแนวป้องกันเข้ามาได้ รวมทั้งปริมาณน้ำมากเหมือนกับที่เคยทะลักเข้าท่วมชายแดนเมื่อปลายปี 2567 เช่นเดียวกับฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ที่มวลน้ำทะลุแนวพนังกันที่ก่อสร้างจนเข้าสู่บ้านปงถุน ตลาดท่าล้อ ฯลฯ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000071086 • #Thaitimes #MGROnline #น้ำท่วมแม่สาย #น้ำท่วมท่าขี้เหล็ก #น้ำสายทะลักท่วมแล้ว #เชียงราย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • พายุโซนร้อนวิภาอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชันแล้ว แต่ฝนตกหนักและน้ำท่วมขังบางพื้นที่ของจังหวัดน่านและเชียงรายเมื่อคืนและเช้าวันนี้
    พายุโซนร้อนวิภาอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชันแล้ว แต่ฝนตกหนักและน้ำท่วมขังบางพื้นที่ของจังหวัดน่านและเชียงรายเมื่อคืนและเช้าวันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเบราว์เซอร์ที่คิดแทนเรา: เมื่อหน้าจอเว็บมี AI ช่วยตลอดทาง

    Dia ไม่ใช่แค่เบราว์เซอร์ทั่วไปอย่าง Chrome หรือ Safari — แต่เป็นเบราว์เซอร์ที่มีช่องแชต AI อยู่เคียงข้างหน้าต่างเว็บแบบ in-app โดยกด shortcut (Command+E) เพื่อเรียกกล่องคำถามขึ้นมาข้างหน้าเว็บ

    ตัวอย่างจากผู้ใช้:
    - อ่านข่าวน้ำท่วมในเท็กซัส → พิมพ์ถาม AI เพื่อขอสรุปและแหล่งข้อมูลเพิ่ม
    - ดูวิดีโอรีวิวอุปกรณ์ Jump Starter → ให้ AI ดึง transcript มาสรุปข้อเด่นโดยไม่ต้องดูเอง
    - เขียนบน Google Docs → ถาม AI ว่าใช้คำว่า “on the cusp” ถูกไหม แล้วรับคำตอบทันที

    ที่สำคัญ Dia เลือก “โมเดล AI ที่เหมาะที่สุด” ให้แบบอัตโนมัติ เช่นถามเรื่องโค้ด → ใช้ Claude Sonnet / ถามเรื่องภาษา → ใช้ GPT จาก OpenAI โดยไม่ต้องเลือกเอง

    สัปดาห์เดียวกันนี้ Perplexity ก็เปิดตัวเบราว์เซอร์ AI ชื่อ Comet และมีรายงานว่า OpenAI เตรียมออกเบราว์เซอร์ AI เช่นกัน แปลว่า “ยุคเบราว์เซอร์ฉลาด” กำลังมาเร็วมาก

    Dia เป็นเบราว์เซอร์ใหม่ที่รวมแชตบอท AI เข้ากับหน้าเว็บโดยตรง
    กด Command+E เพื่อเปิดหน้าต่าง AI เคียงข้างหน้าเว็บ

    Dia ดึงคำตอบจากหลายโมเดล AI เช่น ChatGPT, Gemini, Claude โดยเลือกให้ผู้ใช้อัตโนมัติ
    เช่นใช้ Claude ถามเรื่องโค้ด, ใช้ GPT ถามเรื่องภาษา

    ตัวเบราว์เซอร์สามารถสรุปวิดีโอ, ข่าว, และช่วยพิสูจน์อักษรได้ทันทีจากหน้าเว็บ
    ไม่ต้องเปิดแอป AI แยกหรือก็อปปี้เนื้อหาไปใส่ทีละขั้น

    Dia ยังไม่เปิดตัวทั่วไป แต่ให้ทดลองฟรีบน Mac แบบเชิญเท่านั้น
    จะเปิดแพ็กเกจ subscription เริ่มต้น $5/เดือนในอีกไม่กี่สัปดาห์

    เบราว์เซอร์ AI จาก Perplexity (Comet) และ OpenAI ก็ถูกพูดถึงในช่วงเวลาเดียวกัน
    แสดงถึงการแข่งขันในตลาด AI-powered browser กำลังร้อนแรง

    Google และ Apple ก็เริ่มใส่ฟีเจอร์ AI เล็ก ๆ เช่นการสรุปบทความใน Chrome และ Safari
    แต่ยังไม่ถึงระดับการรวม chatbot แบบ Dia

    นักลงทุนคาดว่า AI browser จะเป็น “จุดเริ่มต้นใหม่” ของการใช้งาน generative AI ในชีวิตประจำวัน
    แทนที่การใช้แบบเดิมที่ต้องเปิดแอป AI แยก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/23/is-ai-the-future-of-web-browsing
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบราว์เซอร์ที่คิดแทนเรา: เมื่อหน้าจอเว็บมี AI ช่วยตลอดทาง Dia ไม่ใช่แค่เบราว์เซอร์ทั่วไปอย่าง Chrome หรือ Safari — แต่เป็นเบราว์เซอร์ที่มีช่องแชต AI อยู่เคียงข้างหน้าต่างเว็บแบบ in-app โดยกด shortcut (Command+E) เพื่อเรียกกล่องคำถามขึ้นมาข้างหน้าเว็บ ตัวอย่างจากผู้ใช้: - อ่านข่าวน้ำท่วมในเท็กซัส → พิมพ์ถาม AI เพื่อขอสรุปและแหล่งข้อมูลเพิ่ม - ดูวิดีโอรีวิวอุปกรณ์ Jump Starter → ให้ AI ดึง transcript มาสรุปข้อเด่นโดยไม่ต้องดูเอง - เขียนบน Google Docs → ถาม AI ว่าใช้คำว่า “on the cusp” ถูกไหม แล้วรับคำตอบทันที ที่สำคัญ Dia เลือก “โมเดล AI ที่เหมาะที่สุด” ให้แบบอัตโนมัติ เช่นถามเรื่องโค้ด → ใช้ Claude Sonnet / ถามเรื่องภาษา → ใช้ GPT จาก OpenAI โดยไม่ต้องเลือกเอง สัปดาห์เดียวกันนี้ Perplexity ก็เปิดตัวเบราว์เซอร์ AI ชื่อ Comet และมีรายงานว่า OpenAI เตรียมออกเบราว์เซอร์ AI เช่นกัน แปลว่า “ยุคเบราว์เซอร์ฉลาด” กำลังมาเร็วมาก ✅ Dia เป็นเบราว์เซอร์ใหม่ที่รวมแชตบอท AI เข้ากับหน้าเว็บโดยตรง ➡️ กด Command+E เพื่อเปิดหน้าต่าง AI เคียงข้างหน้าเว็บ ✅ Dia ดึงคำตอบจากหลายโมเดล AI เช่น ChatGPT, Gemini, Claude โดยเลือกให้ผู้ใช้อัตโนมัติ ➡️ เช่นใช้ Claude ถามเรื่องโค้ด, ใช้ GPT ถามเรื่องภาษา ✅ ตัวเบราว์เซอร์สามารถสรุปวิดีโอ, ข่าว, และช่วยพิสูจน์อักษรได้ทันทีจากหน้าเว็บ ➡️ ไม่ต้องเปิดแอป AI แยกหรือก็อปปี้เนื้อหาไปใส่ทีละขั้น ✅ Dia ยังไม่เปิดตัวทั่วไป แต่ให้ทดลองฟรีบน Mac แบบเชิญเท่านั้น ➡️ จะเปิดแพ็กเกจ subscription เริ่มต้น $5/เดือนในอีกไม่กี่สัปดาห์ ✅ เบราว์เซอร์ AI จาก Perplexity (Comet) และ OpenAI ก็ถูกพูดถึงในช่วงเวลาเดียวกัน ➡️ แสดงถึงการแข่งขันในตลาด AI-powered browser กำลังร้อนแรง ✅ Google และ Apple ก็เริ่มใส่ฟีเจอร์ AI เล็ก ๆ เช่นการสรุปบทความใน Chrome และ Safari ➡️ แต่ยังไม่ถึงระดับการรวม chatbot แบบ Dia ✅ นักลงทุนคาดว่า AI browser จะเป็น “จุดเริ่มต้นใหม่” ของการใช้งาน generative AI ในชีวิตประจำวัน ➡️ แทนที่การใช้แบบเดิมที่ต้องเปิดแอป AI แยก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/23/is-ai-the-future-of-web-browsing
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Is AI the future of web browsing?
    A test of the app Dia illustrates that the humble web browser may be the path to making artificial intelligence more natural to use.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจอใหม่อีก 2 ทุ่น จุดเดิมที่ทหารไทยขาขาด ทีงนี้ไอ้ทอน ทิม เท้ง ไม่ไปจัดฉากถ่ายภาพเหมือนดับไฟป่าด้วยเครื่องพ่นยุงลายกับเยี่ยมน้ำท่วมตอนน้ำลด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เจอใหม่อีก 2 ทุ่น จุดเดิมที่ทหารไทยขาขาด ทีงนี้ไอ้ทอน ทิม เท้ง ไม่ไปจัดฉากถ่ายภาพเหมือนดับไฟป่าด้วยเครื่องพ่นยุงลายกับเยี่ยมน้ำท่วมตอนน้ำลด #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Angry
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเซิร์ฟเวอร์: Backup ไม่ใช่แค่การคัดลอก — ต้องวางแผนด้วย

    ผู้เขียน Stefano Marinelli ยกตัวอย่างเคสจริงที่เจอมา เช่น datacenter ไฟไหม้, ห้องเซิร์ฟเวอร์น้ำท่วม, หรือแผ่นดินไหวพังเครื่องไปหมด — และสามารถกู้คืนทั้งหมดได้ในไม่กี่ชั่วโมง ด้วยระบบ backup ที่ออกแบบไว้อย่างดี

    แนวคิดหลักคือ:
    - การแบ็กอัปต้อง “สามารถกู้คืนได้จริง” และรวดเร็ว
    - ไม่ควรผูกติดกับระบบ/ซอฟต์แวร์ใดเป็นพิเศษ
    - ต้องมีความสม่ำเสมอและตรวจสอบได้ตลอดเวลา

    บทความจึงเน้นให้เริ่มจากการตอบคำถามเชิงกลยุทธ์ เช่น:
    - ข้อมูลใดที่ “ต้องรอด” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    - จะยอม downtime ได้มากแค่ไหน
    - ขนาดพื้นที่จัดเก็บมีเท่าไร
    - อยาก backup ทั้ง disk หรือเฉพาะไฟล์

    โดยแบ่งทางเลือกออกเป็น 2 แนว:
    - Full Disk Backup (เช่น VM snapshot)
    - File-Level Backup (ใช้ rsync/tar เป็นต้น)

    รวมถึงอธิบายว่า “snapshot ก่อน backup” คือสิ่งสำคัญเพื่อให้ข้อมูลสอดคล้อง ไม่เกิดความเสียหายระหว่างการกู้คืน

    สุดท้ายพูดถึงสถาปัตยกรรมแบบ push หรือ pull ซึ่งผู้เขียนแนะนำว่าการ backup โดยให้ “เซิร์ฟเวอร์เป็นฝ่ายเรียกข้อมูลเอง” จะปลอดภัยกว่า หากสามารถออกแบบได้

    Backup ที่ดีต้องกู้คืนได้เร็ว ปลอดภัย และเป็นอิสระจากระบบที่ใช้
    ไม่ควรพึ่งเฉพาะ cloud หรือคิดว่า RAID คือ backup

    ต้องเริ่มจากการวางแผน เช่น ข้อมูลไหนสำคัญแค่ไหน
    และต้องการ downtime หรือระยะกู้คืนเท่าไร

    การเก็บ backup ไว้ในเครื่องเดียวกันกับข้อมูลจริงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
    หากเครื่องพังหรือไฟดับ จะไม่สามารถใช้งาน backup ได้

    เปรียบเทียบระหว่าง Full Disk Backup และ File Backup
    Full Disk ดีตรงกู้ทั้งระบบ แต่ใช้พื้นที่สูง ส่วน File ดีตรงยืดหยุ่นและเร็วกว่าบางกรณี

    Snapshot ของระบบไฟล์เป็นหัวใจของการทำ backup ที่สอดคล้อง
    เช่นใช้ ZFS, BTRFS, LVM หรือ VSS ใน Windows เพื่อเก็บสภาพแบบ freeze ก่อนคัดลอก

    สถาปัตยกรรม backup แบบ Pull จะปลอดภัยกว่า Push หากจัดการได้
    เพราะลดโอกาสที่ client จะเข้ามาลบ backup หากถูกโจมตี

    ควรมี snapshot ฝั่ง server backup เพื่อความปลอดภัยอีกชั้น
    ถ้า client ถูกเจาะ ระบบยังสามารถย้อนคืนได้ด้วย snapshot ฝั่ง server

    การคัดลอกไฟล์ของระบบที่เปิดใช้งานอยู่ (เช่น database) อาจใช้งานไม่ได้จริง
    ไฟล์ที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงจะไม่สามารถกู้คืนได้ และอาจ corrupt

    บาง snapshot เช่น LVM หรือ DattoBD อาจทำให้ระบบ freeze หากใช้ผิดจังหวะ
    โดยเฉพาะตอนลบ snapshot ระหว่าง I/O หนัก อาจต้อง reboot ระบบ

    การเก็บ backup ใกล้เกินไปจากระบบหลัก อาจสะดุดตอนต้องใช้ในเหตุฉุกเฉิน
    เช่น backup บน LAN หรือเครื่องเดียวกัน เมื่อภัยพิบัติเกิด อาจใช้ไม่ได้

    หากไม่มี snapshot ฝั่ง server backup แล้วโดน client เจาะลึก อาจลบข้อมูลหมดโดยไม่รู้ตัว
    ควรตั้งระบบ snapshot ฝั่ง server ไว้นานพอเพื่อระบุการโจมตีและกู้คืนได้

    https://it-notes.dragas.net/2025/07/18/make-your-own-backup-system-part-1-strategy-before-scripts/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเซิร์ฟเวอร์: Backup ไม่ใช่แค่การคัดลอก — ต้องวางแผนด้วย ผู้เขียน Stefano Marinelli ยกตัวอย่างเคสจริงที่เจอมา เช่น datacenter ไฟไหม้, ห้องเซิร์ฟเวอร์น้ำท่วม, หรือแผ่นดินไหวพังเครื่องไปหมด — และสามารถกู้คืนทั้งหมดได้ในไม่กี่ชั่วโมง ด้วยระบบ backup ที่ออกแบบไว้อย่างดี แนวคิดหลักคือ: - การแบ็กอัปต้อง “สามารถกู้คืนได้จริง” และรวดเร็ว - ไม่ควรผูกติดกับระบบ/ซอฟต์แวร์ใดเป็นพิเศษ - ต้องมีความสม่ำเสมอและตรวจสอบได้ตลอดเวลา บทความจึงเน้นให้เริ่มจากการตอบคำถามเชิงกลยุทธ์ เช่น: - ข้อมูลใดที่ “ต้องรอด” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น - จะยอม downtime ได้มากแค่ไหน - ขนาดพื้นที่จัดเก็บมีเท่าไร - อยาก backup ทั้ง disk หรือเฉพาะไฟล์ โดยแบ่งทางเลือกออกเป็น 2 แนว: - Full Disk Backup (เช่น VM snapshot) - File-Level Backup (ใช้ rsync/tar เป็นต้น) รวมถึงอธิบายว่า “snapshot ก่อน backup” คือสิ่งสำคัญเพื่อให้ข้อมูลสอดคล้อง ไม่เกิดความเสียหายระหว่างการกู้คืน สุดท้ายพูดถึงสถาปัตยกรรมแบบ push หรือ pull ซึ่งผู้เขียนแนะนำว่าการ backup โดยให้ “เซิร์ฟเวอร์เป็นฝ่ายเรียกข้อมูลเอง” จะปลอดภัยกว่า หากสามารถออกแบบได้ ✅ Backup ที่ดีต้องกู้คืนได้เร็ว ปลอดภัย และเป็นอิสระจากระบบที่ใช้ ➡️ ไม่ควรพึ่งเฉพาะ cloud หรือคิดว่า RAID คือ backup ✅ ต้องเริ่มจากการวางแผน เช่น ข้อมูลไหนสำคัญแค่ไหน ➡️ และต้องการ downtime หรือระยะกู้คืนเท่าไร ✅ การเก็บ backup ไว้ในเครื่องเดียวกันกับข้อมูลจริงเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ➡️ หากเครื่องพังหรือไฟดับ จะไม่สามารถใช้งาน backup ได้ ✅ เปรียบเทียบระหว่าง Full Disk Backup และ File Backup ➡️ Full Disk ดีตรงกู้ทั้งระบบ แต่ใช้พื้นที่สูง ส่วน File ดีตรงยืดหยุ่นและเร็วกว่าบางกรณี ✅ Snapshot ของระบบไฟล์เป็นหัวใจของการทำ backup ที่สอดคล้อง ➡️ เช่นใช้ ZFS, BTRFS, LVM หรือ VSS ใน Windows เพื่อเก็บสภาพแบบ freeze ก่อนคัดลอก ✅ สถาปัตยกรรม backup แบบ Pull จะปลอดภัยกว่า Push หากจัดการได้ ➡️ เพราะลดโอกาสที่ client จะเข้ามาลบ backup หากถูกโจมตี ✅ ควรมี snapshot ฝั่ง server backup เพื่อความปลอดภัยอีกชั้น ➡️ ถ้า client ถูกเจาะ ระบบยังสามารถย้อนคืนได้ด้วย snapshot ฝั่ง server ‼️ การคัดลอกไฟล์ของระบบที่เปิดใช้งานอยู่ (เช่น database) อาจใช้งานไม่ได้จริง ⛔ ไฟล์ที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงจะไม่สามารถกู้คืนได้ และอาจ corrupt ‼️ บาง snapshot เช่น LVM หรือ DattoBD อาจทำให้ระบบ freeze หากใช้ผิดจังหวะ ⛔ โดยเฉพาะตอนลบ snapshot ระหว่าง I/O หนัก อาจต้อง reboot ระบบ ‼️ การเก็บ backup ใกล้เกินไปจากระบบหลัก อาจสะดุดตอนต้องใช้ในเหตุฉุกเฉิน ⛔ เช่น backup บน LAN หรือเครื่องเดียวกัน เมื่อภัยพิบัติเกิด อาจใช้ไม่ได้ ‼️ หากไม่มี snapshot ฝั่ง server backup แล้วโดน client เจาะลึก อาจลบข้อมูลหมดโดยไม่รู้ตัว ⛔ ควรตั้งระบบ snapshot ฝั่ง server ไว้นานพอเพื่อระบุการโจมตีและกู้คืนได้ https://it-notes.dragas.net/2025/07/18/make-your-own-backup-system-part-1-strategy-before-scripts/
    IT-NOTES.DRAGAS.NET
    Make Your Own Backup System – Part 1: Strategy Before Scripts
    When a datacenter fire threatened 142 of my servers, my backup strategy had them back online in hours. This post shares my personal philosophy on creating a resilient system, focusing on the crucial planning that must happen before you write a single script.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • ** เลขปริศนาจาก <ปรปักษ์จำนน>**

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> คงจำได้ว่าพระเอกมีกล่องไม้ใบหนึ่งที่หวงมาก ห้ามนางเอกแตะต้อง และในซีรีส์นางเอกแสดงการปลดผนึกตัวล็อกของกล่องได้อย่างรวดเร็ว มือทำไปปากก็อธิบายไปว่าล็อก ‘จิ่วกง’ หรือ ‘จิ่วกงสั่ว’ นี้ประกอบด้วยชิ้นต่างๆ ที่แทนตัวเลข มีใจกลางเป็นเลข 5 ไม่ว่าจะบวกเลขในทิศทางใดก็จะได้ผลลัพท์เท่ากับ 15 พร้อมกับบอกว่าใครที่ได้เรียนคณิตศาสตร์มาก็ต้องทำได้

    บวกเลขขั้นพื้นฐาน ใครๆ ก็ทำได้ แต่เชื่อว่าพวกเรานึกภาพไม่ออกว่าคือภาพเลขอะไร วันนี้มาเฉลยค่ะ

    เขียนไปก็อ่านลำบาก ดูรูปประกอบ 2 เลยค่ะว่ามันคือภาพเลขอะไร ... เลขชุดนี้มีความพิเศษอย่างที่นางเอกว่า คือตรงกลางเป็นเลข 5 และเมื่อเอาเลขสามตัวมาบวกกันตามแนวต่างๆ จะได้ค่า 15 นั่นเอง และเลขชุดพิเศษตามภาพนี้เรียกว่า ‘จิ่วกงเก๋อ’ (九宫格) หรือ ‘จิ่วกงถู’ (九宫图) ถูกนำมาประดิษฐ์เป็นปริศนากระดานเลขให้เด็กเล่นเพื่อฝึกปรือทักษะการคำนวณและมีการพัฒนาความยากขึ้นไปอีกหลายขั้นจนเกิน 3x3 ช่องตามโบราณ

    เลขชุดเก้าช่องตามที่แสดงในรูปประกอบนี้พัฒนามาจากภาพวาดสองรูปในสมัยบรรพกาลคือ ‘เหอถู’ (河图) และ ‘ลั่วซู’ (洛书) (ดูรูปประกอบ 3) ที่มาของมันยังคงเป็นปริศนา แต่ตามตำนานเล่าว่าเมื่อครั้งต้าอวี่ช่วยโลกจากน้ำท่วมครั้งใหญ่เสร็จแล้วนั้น มีเต่ายักษ์โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำลั่ว บนกระดองหลังเต่าสลักลายจุดไว้ ถูกจำลองขึ้นมาเป็นภาพวาด ต่อมาเรียกรวมกันว่าเหอถูและลั่วซู บ้างก็ว่าทั้งสองภาพนี้เป็นการบันทึกการเรียงตัวของดาวโดยชนรุ่นบรรพกาล

    แต่ไม่ว่าเหอถูและลั่วซูจะมีที่มาอย่างไร สองภาพนี้ถูกศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียดมาตลอดทุกยุคทุกสมัยจนแตกแขนงเป็นหลายวิชา เช่น คณิตศาสตร์ โหราศาสตร์และดาราศาสตร์ ฯลฯ จนมีคำกล่าวว่าทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนอยู่ในสองภาพนี้ และมีการเอ่ยพาดพิงถึงสองภาพนี้ในหลายเอกสารโบราณ จวบจนปัจจุบันก็ยังมีการใช้คอมพิวเตอร์พัฒนาอัลกอริทึม (algorithm) ตามหลักการของเลขชุดจิ่วกงถูนี้ แต่จนใจที่เนื้อหานั้นยากเกินกว่าที่ Storyฯ จะเข้าใจและเอามาอธิบายต่อให้เพื่อนเพจฟังได้

    มีคนไปวิเคราะห์ความน่าทึ่งของตัวเลขจิ่วกงถูนี้เพิ่มเติม (ดูรูปประกอบ 4) จะเห็นว่าหากนับวนไปเรื่อยๆ มันจะมีค่าเท่ากันทุกแถว เพื่อนเพจที่ชอบการคำนวณลองไปทำต่อเพิ่มเติมว่าวนไปอีกหลายๆ หลักจะยังได้ผลลัพธ์เท่ากันเหมือนกันหมดหรือไม่ ทำแล้วมาบอกกล่าวกันหน่อยนะคะ

    และในเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> นี้ กล่องดังกล่าวมีตัวล็อกที่จะปลดได้ด้วยการแก้ปริศนาบนฝากล่องซึ่งมีเก้าช่องเหมือนกระดานเกมปัจจุบัน ล็อกดังกล่าวนี้จึงเรียกว่า ‘จิ่วกงสั่ว’ (九宫锁) นั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.marieclaire.com.tw/entertainment/tvshow/86397
    http://www.yrcc.gov.cn/hhwh/wxyc/202503/t20250320_440769.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/河图/7525
    http://www.360doc.com/content/21/0223/10/49937858_963504002.shtml

    #ปรปักษ์จำนน #จิ่วกงสั่ว #เลขปริศนา #จิ่วกงเก๋อ #เหอถู #ลั่วซู #สาระจีน
    ** เลขปริศนาจาก <ปรปักษ์จำนน>** สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> คงจำได้ว่าพระเอกมีกล่องไม้ใบหนึ่งที่หวงมาก ห้ามนางเอกแตะต้อง และในซีรีส์นางเอกแสดงการปลดผนึกตัวล็อกของกล่องได้อย่างรวดเร็ว มือทำไปปากก็อธิบายไปว่าล็อก ‘จิ่วกง’ หรือ ‘จิ่วกงสั่ว’ นี้ประกอบด้วยชิ้นต่างๆ ที่แทนตัวเลข มีใจกลางเป็นเลข 5 ไม่ว่าจะบวกเลขในทิศทางใดก็จะได้ผลลัพท์เท่ากับ 15 พร้อมกับบอกว่าใครที่ได้เรียนคณิตศาสตร์มาก็ต้องทำได้ บวกเลขขั้นพื้นฐาน ใครๆ ก็ทำได้ แต่เชื่อว่าพวกเรานึกภาพไม่ออกว่าคือภาพเลขอะไร วันนี้มาเฉลยค่ะ เขียนไปก็อ่านลำบาก ดูรูปประกอบ 2 เลยค่ะว่ามันคือภาพเลขอะไร ... เลขชุดนี้มีความพิเศษอย่างที่นางเอกว่า คือตรงกลางเป็นเลข 5 และเมื่อเอาเลขสามตัวมาบวกกันตามแนวต่างๆ จะได้ค่า 15 นั่นเอง และเลขชุดพิเศษตามภาพนี้เรียกว่า ‘จิ่วกงเก๋อ’ (九宫格) หรือ ‘จิ่วกงถู’ (九宫图) ถูกนำมาประดิษฐ์เป็นปริศนากระดานเลขให้เด็กเล่นเพื่อฝึกปรือทักษะการคำนวณและมีการพัฒนาความยากขึ้นไปอีกหลายขั้นจนเกิน 3x3 ช่องตามโบราณ เลขชุดเก้าช่องตามที่แสดงในรูปประกอบนี้พัฒนามาจากภาพวาดสองรูปในสมัยบรรพกาลคือ ‘เหอถู’ (河图) และ ‘ลั่วซู’ (洛书) (ดูรูปประกอบ 3) ที่มาของมันยังคงเป็นปริศนา แต่ตามตำนานเล่าว่าเมื่อครั้งต้าอวี่ช่วยโลกจากน้ำท่วมครั้งใหญ่เสร็จแล้วนั้น มีเต่ายักษ์โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำลั่ว บนกระดองหลังเต่าสลักลายจุดไว้ ถูกจำลองขึ้นมาเป็นภาพวาด ต่อมาเรียกรวมกันว่าเหอถูและลั่วซู บ้างก็ว่าทั้งสองภาพนี้เป็นการบันทึกการเรียงตัวของดาวโดยชนรุ่นบรรพกาล แต่ไม่ว่าเหอถูและลั่วซูจะมีที่มาอย่างไร สองภาพนี้ถูกศึกษาวิเคราะห์อย่างละเอียดมาตลอดทุกยุคทุกสมัยจนแตกแขนงเป็นหลายวิชา เช่น คณิตศาสตร์ โหราศาสตร์และดาราศาสตร์ ฯลฯ จนมีคำกล่าวว่าทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนอยู่ในสองภาพนี้ และมีการเอ่ยพาดพิงถึงสองภาพนี้ในหลายเอกสารโบราณ จวบจนปัจจุบันก็ยังมีการใช้คอมพิวเตอร์พัฒนาอัลกอริทึม (algorithm) ตามหลักการของเลขชุดจิ่วกงถูนี้ แต่จนใจที่เนื้อหานั้นยากเกินกว่าที่ Storyฯ จะเข้าใจและเอามาอธิบายต่อให้เพื่อนเพจฟังได้ มีคนไปวิเคราะห์ความน่าทึ่งของตัวเลขจิ่วกงถูนี้เพิ่มเติม (ดูรูปประกอบ 4) จะเห็นว่าหากนับวนไปเรื่อยๆ มันจะมีค่าเท่ากันทุกแถว เพื่อนเพจที่ชอบการคำนวณลองไปทำต่อเพิ่มเติมว่าวนไปอีกหลายๆ หลักจะยังได้ผลลัพธ์เท่ากันเหมือนกันหมดหรือไม่ ทำแล้วมาบอกกล่าวกันหน่อยนะคะ และในเรื่อง <ปรปักษ์จำนน> นี้ กล่องดังกล่าวมีตัวล็อกที่จะปลดได้ด้วยการแก้ปริศนาบนฝากล่องซึ่งมีเก้าช่องเหมือนกระดานเกมปัจจุบัน ล็อกดังกล่าวนี้จึงเรียกว่า ‘จิ่วกงสั่ว’ (九宫锁) นั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊กด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.marieclaire.com.tw/entertainment/tvshow/86397 http://www.yrcc.gov.cn/hhwh/wxyc/202503/t20250320_440769.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/河图/7525 http://www.360doc.com/content/21/0223/10/49937858_963504002.shtml #ปรปักษ์จำนน #จิ่วกงสั่ว #เลขปริศนา #จิ่วกงเก๋อ #เหอถู #ลั่วซู #สาระจีน
    WWW.MARIECLAIRE.COM.TW
    《折腰》5大幕後真相曝光:劉宇寧帶傷上陣,宋祖兒獲封「天選小喬」,女主首選竟是趙露思
    劉宇寧、宋祖兒《折腰》曾榮登「網友最期待古裝劇」冠軍,開播後果然不負眾望,收視與口碑雙雙飆高。劉宇寧成功擺脫古裝醜男標籤,獲讚「天選魏劭」;這兩年深陷逃稅風波的宋祖兒,也以聰慧絕美「小喬」華麗回歸,再掀話題熱潮。
    4 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 441 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70%
    ////////////////



    พยากรณ์อากาศ ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70%
    ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70%

    พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
    สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
    อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “วิภา”แล้ว และคาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนบนของประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในช่วงวันที่ 19-22 ก.ค. 68 ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
    ภาคเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ
    นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ
    นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
    ภาคกลาง

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สระบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

    ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
    ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
    ตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
    กรุงเทพและปริมณฑล

    มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส
    อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
    ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.




    #ฝนตกหนัก, #น้ำท่วม, #น้ำป่า, #พยากรณ์อากาศ
    ข่าวสืบสวน
    #LinFeilong
    #NanthapatWongyai #Inside
    #หลินเฟยหล林飛龍
    ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70% //////////////// พยากรณ์อากาศ ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70% ฝนฟ้าคะนองทั่วไทย 35 จว.อ่วม ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กทม.เจอฝน 70% พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “วิภา”แล้ว และคาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนบนของประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในช่วงวันที่ 19-22 ก.ค. 68 ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และกำแพงเพชร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สระบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นมา : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงไป : ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. #ฝนตกหนัก, #น้ำท่วม, #น้ำป่า, #พยากรณ์อากาศ ข่าวสืบสวน #LinFeilong #NanthapatWongyai #Inside #หลินเฟยหล林飛龍
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 482 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..เบื่อพวกสมุนขี้ข้าซาตานdeep stateปั่นบิตคอยน์จริง btcนี้สมควรไปวัดจริงๆได้แล้วปั่นราคาจนเกินเวลาแล้ว ขุดเหมืองเปลืองพลังงานไฟฟ้าด้วย,ผีบ้าขุดเหมืองทางอิเล็กทรอนิกส์ พวกนี้สิ้นคิดสุดๆ อยากทำให้โลกเสมือนจริงมีมูลค่าอ้างขุดเหมืองทองคำผ่านวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนสูงพะนะ พวกสิ้นเปลืองไฟฟ้าชาวบ้านชาวเมืองชาวโลกเขาชัดเจน,สื่อช่องฝ่ายมืดเต็มโลกในแต่ละประเทศปั่นกระแสหลอกลวงล่อลวงคนไปทางที่ผิด,เหมืองทองคำแท้จับต้องได้จริงต่างหากคือของจริง,สมมุติโลกไม่มีไฟฟ้าใช้โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ดาวเทียมตกร่วงเป็นว่าเล่น เน็ตดาวเทียมดับอนาถไร้ส่งคลื่นมือถือ เสาส่งพังทั่วโลกเพราะภัยพิบัติธรรมชาติ พวกมรึงจะสแกนแลกทองคำbtcเสมือนจริงแบบไหนแดกแลกอาหารซื้อจริงแบบไหน,ชาวบ้านมีทองคำจริงเต็มมือ สามารถแลกจ่ายกันกลางป่ากลางดงเมืองดงธรรมชาติได้หมด สภาพคล่องจริงต่างกันชัดเจน,ดูน้ำท่วมพายุถล่มจีนปีทีแล้วล่าสุดระบบโทรศัพท์พังทัังมลฑล รอสแกนจ่ายตังผ่านมือถือยืนยันตัวตนหามีตังเงินสดๆจ่ายเพิ่มสภาพคล่องจริงไม่ได้เลย,ซวยคือไม่มีอาหารแดกแม้มีตังเต็มมือถือ,btcบิตคอยน์ก็อันเดียวกัน คริปโคฯนี้ไร้ทองคำจริงค้ำประกันแบบบาทคอยน์อินทนนท์เราด้วยเลย,บิตคอยน์จึงมหากาฬแห่งคริปโตฯที่โคตรล่อลวงหลอกลวงประชาชนสุดๆ,ทรัมป์บัดสบ ตัวพ่อdeep stateอเมริกาสมควรจัดการจริงด้วย.
    ..บิตคอยน์จริงๆbricsสมควรลงนามตกลงชัดเจนร่วมกันว่า ในนามสามชิกbricsทุกๆประเทศจะร่วมกันแบนบิตคอยน์หรือไม่เป็นที่ยอมรับแลกเปลี่ยนในสมาชิกbricsใครมีครอบครองในประเทศไม่สามารถเข้าร่วมbricsได้และร่วมกันกำจัดbtcนี้ออกจากระบบไป,btcคือตัวฟอกเงินตัวพ่อ ตัวค้ามนุษย์ด้วย,อนาถในนักวิชาการวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุนจริงๆบัดสบมากๆตามตูดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีเพียงโลภตังเท่านั้น.,จริงๆธปท.แบงค์ชาติเราสมควรลงดาบเด็ดขาด จับกุมผู้ครอบครองคริปโตโทเคนลักษณะนี้ชัดเจนอย่างเป็นทางการได้แล้ว ,บิ้กดาต้าในมือมีตรึมเห็นทุกๆการเคลื่อนไหวในโลกเสมือนจริงหมดล่ะ,ไม่มีทองคำห่าอะไรจริงค้ำประกันด้วย,แต่ธปท.กลับตาบอดไม่กำจัดออกไปจริงจัง,นี้คือระบบตังชัดเจน,ถ้าประเทศไทยเข้าร่วมbricsคริปโตโทเคนที่ไร้ทองคำค้ำประกันทั้งหมดต้องดับไปทันที,ไทยมีตังดิจิดัลเดียวคือบาทคอยน์ก็พอแล้ว,อนาคตใช้bricsสกุลเงินดิจิดัลbricsอีกอาจเป็น1brics:1฿ไทยก็ว่า,1brics:1หยวนจีนก็ด้วย ก็คือ1บาท:1หยวนจีนนั้นเอง,สมาชิกbricsจะใช้สกุลเงินกลางมาตราฐานกลุ่มใช้แลกเปลี่ยนกันจริงในอนาคต,ทุกๆสกุลเงินสมาชิกbricsเอาตังของตนไปตีค่าใหม่,คือbricsตั้งค่าใหม่รับรองใหม่ เช่น4บาทไทยปัจจุบันแลกได้1brics,จากนั้นจะเป็นมูลค่าใหม่ที่1บาทbrics,จีนก็1หยวนแลกได้1bricsตีมูลค่าใหม่เป็น1หยวนbrics,เมื่อทุกๆประเทศเอาตังทั้งประเทศใครมันตีมูลค่าใหม่เสร็จ,กลุ่มสมาชิกbricsจะทำการซื้อขายได้เสรีที่1:1ทันที,นักท่องเที่ยวไทยไปจีนก็จะจ่ายตังไทย1บาทเสมือน1หยวนได้ทันที,นักท่องเที่ยวจีนมาไทยก็จ่ายตังที่1หยวนกับ1บาทไทยได้ทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายยังคงอัตลักษณ์ของตนเองไว้แต่มูลค่าตังตีมูลค่าใหม่แล้วให้มีค่าเท่ากันทุกๆประเทศสมาชิกbricsนั้นเอง,ซึ่งดำเนินการโดยผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆแล้วโดยใช้ทองคำค้ำประกันค่าเงินตนเองไว้ในอัตราที่สร้างความแข็งแกร่งในสมาชิกbricsร่วมกัน,
    ..จึงต้องทำลายคริปโตเถื่อนทั้งหมดทิ้งไป,หมดเวลาเล่นแล้วก็ว่า,bricsต้องตั้งค่ามาตราฐานสากลนี้เป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน,จีนมีbtcก็ต้องทำลายกำจัดจริงด้วย,รัสเชียมีก็ต้องทำลายกำจัดด้วย,คือคริปโตโทเคนใดๆที่ไม่ใช่บาทคอยน์ หยวนคอยน์ เป็นต้นของชาติสมาชิกของสกุลหลักชาติสมาชิกนั้นๆต้องห้ามปรากฎทุกๆกรณีในประเทศสมาชิก,ตัดตอนสร้างความโกลาหลวุ่นวายเสียสมดุลของระบบตังนั้นเอง.

    https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    ..เบื่อพวกสมุนขี้ข้าซาตานdeep stateปั่นบิตคอยน์จริง btcนี้สมควรไปวัดจริงๆได้แล้วปั่นราคาจนเกินเวลาแล้ว ขุดเหมืองเปลืองพลังงานไฟฟ้าด้วย,ผีบ้าขุดเหมืองทางอิเล็กทรอนิกส์ พวกนี้สิ้นคิดสุดๆ อยากทำให้โลกเสมือนจริงมีมูลค่าอ้างขุดเหมืองทองคำผ่านวงจรไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ต้นทุนสูงพะนะ พวกสิ้นเปลืองไฟฟ้าชาวบ้านชาวเมืองชาวโลกเขาชัดเจน,สื่อช่องฝ่ายมืดเต็มโลกในแต่ละประเทศปั่นกระแสหลอกลวงล่อลวงคนไปทางที่ผิด,เหมืองทองคำแท้จับต้องได้จริงต่างหากคือของจริง,สมมุติโลกไม่มีไฟฟ้าใช้โทรศัพท์มือถือใช้ไม่ได้ดาวเทียมตกร่วงเป็นว่าเล่น เน็ตดาวเทียมดับอนาถไร้ส่งคลื่นมือถือ เสาส่งพังทั่วโลกเพราะภัยพิบัติธรรมชาติ พวกมรึงจะสแกนแลกทองคำbtcเสมือนจริงแบบไหนแดกแลกอาหารซื้อจริงแบบไหน,ชาวบ้านมีทองคำจริงเต็มมือ สามารถแลกจ่ายกันกลางป่ากลางดงเมืองดงธรรมชาติได้หมด สภาพคล่องจริงต่างกันชัดเจน,ดูน้ำท่วมพายุถล่มจีนปีทีแล้วล่าสุดระบบโทรศัพท์พังทัังมลฑล รอสแกนจ่ายตังผ่านมือถือยืนยันตัวตนหามีตังเงินสดๆจ่ายเพิ่มสภาพคล่องจริงไม่ได้เลย,ซวยคือไม่มีอาหารแดกแม้มีตังเต็มมือถือ,btcบิตคอยน์ก็อันเดียวกัน คริปโคฯนี้ไร้ทองคำจริงค้ำประกันแบบบาทคอยน์อินทนนท์เราด้วยเลย,บิตคอยน์จึงมหากาฬแห่งคริปโตฯที่โคตรล่อลวงหลอกลวงประชาชนสุดๆ,ทรัมป์บัดสบ ตัวพ่อdeep stateอเมริกาสมควรจัดการจริงด้วย. ..บิตคอยน์จริงๆbricsสมควรลงนามตกลงชัดเจนร่วมกันว่า ในนามสามชิกbricsทุกๆประเทศจะร่วมกันแบนบิตคอยน์หรือไม่เป็นที่ยอมรับแลกเปลี่ยนในสมาชิกbricsใครมีครอบครองในประเทศไม่สามารถเข้าร่วมbricsได้และร่วมกันกำจัดbtcนี้ออกจากระบบไป,btcคือตัวฟอกเงินตัวพ่อ ตัวค้ามนุษย์ด้วย,อนาถในนักวิชาการวิเคราะห์ตลาดเงินตลาดทุนจริงๆบัดสบมากๆตามตูดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีเพียงโลภตังเท่านั้น.,จริงๆธปท.แบงค์ชาติเราสมควรลงดาบเด็ดขาด จับกุมผู้ครอบครองคริปโตโทเคนลักษณะนี้ชัดเจนอย่างเป็นทางการได้แล้ว ,บิ้กดาต้าในมือมีตรึมเห็นทุกๆการเคลื่อนไหวในโลกเสมือนจริงหมดล่ะ,ไม่มีทองคำห่าอะไรจริงค้ำประกันด้วย,แต่ธปท.กลับตาบอดไม่กำจัดออกไปจริงจัง,นี้คือระบบตังชัดเจน,ถ้าประเทศไทยเข้าร่วมbricsคริปโตโทเคนที่ไร้ทองคำค้ำประกันทั้งหมดต้องดับไปทันที,ไทยมีตังดิจิดัลเดียวคือบาทคอยน์ก็พอแล้ว,อนาคตใช้bricsสกุลเงินดิจิดัลbricsอีกอาจเป็น1brics:1฿ไทยก็ว่า,1brics:1หยวนจีนก็ด้วย ก็คือ1บาท:1หยวนจีนนั้นเอง,สมาชิกbricsจะใช้สกุลเงินกลางมาตราฐานกลุ่มใช้แลกเปลี่ยนกันจริงในอนาคต,ทุกๆสกุลเงินสมาชิกbricsเอาตังของตนไปตีค่าใหม่,คือbricsตั้งค่าใหม่รับรองใหม่ เช่น4บาทไทยปัจจุบันแลกได้1brics,จากนั้นจะเป็นมูลค่าใหม่ที่1บาทbrics,จีนก็1หยวนแลกได้1bricsตีมูลค่าใหม่เป็น1หยวนbrics,เมื่อทุกๆประเทศเอาตังทั้งประเทศใครมันตีมูลค่าใหม่เสร็จ,กลุ่มสมาชิกbricsจะทำการซื้อขายได้เสรีที่1:1ทันที,นักท่องเที่ยวไทยไปจีนก็จะจ่ายตังไทย1บาทเสมือน1หยวนได้ทันที,นักท่องเที่ยวจีนมาไทยก็จ่ายตังที่1หยวนกับ1บาทไทยได้ทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายยังคงอัตลักษณ์ของตนเองไว้แต่มูลค่าตังตีมูลค่าใหม่แล้วให้มีค่าเท่ากันทุกๆประเทศสมาชิกbricsนั้นเอง,ซึ่งดำเนินการโดยผู้นำผู้ปกครองประเทศนั้นๆแล้วโดยใช้ทองคำค้ำประกันค่าเงินตนเองไว้ในอัตราที่สร้างความแข็งแกร่งในสมาชิกbricsร่วมกัน, ..จึงต้องทำลายคริปโตเถื่อนทั้งหมดทิ้งไป,หมดเวลาเล่นแล้วก็ว่า,bricsต้องตั้งค่ามาตราฐานสากลนี้เป็นเงื่อนไขให้ชัดเจน,จีนมีbtcก็ต้องทำลายกำจัดจริงด้วย,รัสเชียมีก็ต้องทำลายกำจัดด้วย,คือคริปโตโทเคนใดๆที่ไม่ใช่บาทคอยน์ หยวนคอยน์ เป็นต้นของชาติสมาชิกของสกุลหลักชาติสมาชิกนั้นๆต้องห้ามปรากฎทุกๆกรณีในประเทศสมาชิก,ตัดตอนสร้างความโกลาหลวุ่นวายเสียสมดุลของระบบตังนั้นเอง. https://youtube.com/watch?v=bb_Ky9ejyoc&si=B5SEbHPqKcxQffzz
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ประชาชนดีหรือคนดีๆในสังคมไทยเราจะมีลักษณะนี้เกือบทุกๆคน,ซื่อสัตย์สุจริตแสวงหาไม่ฆ่าไม่ปล้นใครทำลายใครเพื่อดูแลชีวิตคนข้างหลังก็มาก,วัยรุ่น นักเรียนนักศึกษายุคต่างๆน่าจะซึ้ง หลายคนหาตังเล่าเรียนเองบวกกู้หนี้ยืมสินเล่าเรียนเพื่อได้ทำงานดีๆ,แต่ระบบอุปถัมภ์ในไทยและใต้โต๊ะซื้อซีซื้อตำแหน่งเด็กเส้นเด็กฝากเด็กมหาลัยกูมรึงรุ่นน้องใครมันรุ่นพี่ใครมรึงมากล้นเต็มระบบ,โอกาสคนอีก คลิปนี้บอกนัยยะอดีตผู้คนมากล้น อนาคตอาจกลับไปแบบนี้ทั้งประเทศก็ได้ อาทิภัยพิบัติธรรมชาติเต็มประเทศ น้ำท่วน แผ่นดินไหว ตึกถล่ม ลาวาใต้ดินตามรอยเลื่อนปะทุขึ้นมา ภาคเหนือไหลลงภาคกลาง อีสานบนไหลลงอีสานกลางสู่ใต้และตลอดแนวริมโขง,อาหารข้าปลาเสียหาย มีตังมากมายก็หาซื้อลำบากไม่ได้,ขาดแคลนไม่หมด ยิ่งน้ำสะอาดหลังภัยพิบัติอีกหรือขณะเจอแบบน้ำท่วม,ใครขุดอุโมงค์ใต้ดินก็ใช่จะรอด แผ่นดินไหวอาจบีดทำลายทางออกตายคาอุโมงค์ก็ได้ ระบบหายใจเสียหายขาดออกซิเจนไฟฟ้าไม่ทำงานแม้มีเครื่องช่วยหายใจก็ไม่รอดออกมาข้างบนไม่ได้ติดอุโมงค์นั้นล่ะ,แบบอุโมงค์รถไไฟ้าใต้ดินก็ด้วย,ปลอดภัยที่สุดอยู่ผิวดินถ้าไม่มีสงครามWWW3นิวเคลียร์นะ อาหารยิ่งอดอยากขาดแคลน1,000เท่า,ไม่รวมซอมบี้กลายพันธุ์จากวัคซีนโควิดอีก,วิกฤติยุโรปพังจากเจ้าสัวยุโรปเครือข่ายแม่ลูกมันก็โดนถึงเอเชียอาเชียนแล้ว,ตลาดการเงินพังแบบทรัมป์พังไม่มีตังจ่ายหนี้จึงรีดภาษีนำเข้าทั่วโลกไปจ่ายหนี้,
    ..จะต่างชาติแรงงานต่างด้าวหรือแรงงานไทย ทุกๆคนชาวบ้านไทบ้านที่ยากจนจะไม่มาค้าแรงงานเป็นทาสรับใช้ใครหรอก,เพราะโลกนี้ถูกออกแบบมาอย่างคนชั่วเลวต้องการปกครอง คนดีคนซื่อจะถูกทำให้มีสถานะแบบนี้หมด,เช่น มีบ่อน้ำมันเต็มประเทศ ก็ไม่บริหารจัดการทรัพยากรน้ำมันให้คนไทยร่ำรวยถ้วนหน้า พัฒนาคนพัฒนาทรัพยากรชาติมุ่งความสุขแก่คนในชาติตนแต่รัฐฐะในอดีตเลวชั่วกลับมุ่งประโยชน์มุ่งความสุขให้คนชาติอื่นแทนชาติไทยตนเอง,ทรัพยากรแบบน้ำมันแค่ขุดเจาะเอง ตั้งบริษัทใหม่รับผิดชอบแทน ปตท. ตั้งกระทรวงใหม่พอขุดเจาะเองและรองรับที่โมฆะสัญญาใดๆที่ตกลงกับอีกฝ่าย มันสามารถคืนความยุติธรรมแต่คนไทยได้หมดล่ะ,แต่เพราะผู้นำเรากากกระจอกอ่อนแอเกินไป คนไทยจึงลำบากยากเย็นยากจนเพิ่มขึ้นตลอดเวลา,บัตรคนจนก็บอกสถานะได้แล้วว่า คือบัตรคนจน และไม่ช่วยเหลืออะไรจริงห่าเหวเขาให้หยัดยืนพึ่งพาตนเองได้,ปล่อยวงเงินยืมแก่คนจนถือบัตรคนจนก็มีมั้ยให้เขานำไปประกอบอาชีพได้ เงินลงทุนปลูกผักสวนครัวขาย กัญชาเสรีส่งโรงพยาบาลเป็นต้น ไม่มีโครงการอะไรช่วยเหลือคนไทยจริงจังอะไรเลย,เลี้ยงพอกันตาย แต่มิให้เติบโตเพื่อปกครองง่าย,สไตล์วิถีปกครองที่เลวและล้มเหลว,ยุคนี้ ต้องวงเงินคนละ50,000บาทยืมได้เลยพร้อมในบัตร,กรอกวัตถุประสงค์การใช้ อนุมัติทันทีเขานำออกมาเตรียมวัตถุดิบอุปกรณ์ได้ค้าขายเลย,ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ผสมผสานพอเพียงก็ทำไป ขายของรถเข็ญก็ทำไป ซื้อผักผลไม้ทุเรียนขนุนมะพร้าวน้ำหอมผลไม้ปั่นชาไข่มุกก็ทำไป,จากนั้นอาจอัดวงเงินเพิ่มอีก10,000ฉุกเฉินให้เขายามจำเป็นได้,จากนั้นสามารถประเมอนผลงานได้ในอีก1-2ปีเสมือนวิจัยในตัว,แต่รัฐฐะกลับไม่ใส่ใจห่าอะไรเลย,จาก15ล้านคน คนละ10,000บาทก็ยังดีให้เขา ก็150,000ล้านบาทเอง,ทีจะช่วยเจ้าสัวนายทุนคนค้าส่วออกจากภาษีทรัมป์ยังจะช่วยพวกมันฟรีๆจากตังคลังหลวงชาติถึง200,000ล้านบาทเตรียมตังช่วยเหลือมันพะนะ,ตอนมันกำไรขึ้นท็อปเศรษฐี100อันดับแรก มันไม่เห็นส่งตังคืนเข้าคลังหลวงคืนประชาชนคนไทยจากภาษีที่จ่ายช่วยพวกมัน,ค่าล็อบบี้ยีสผีบ้านั้นอีกกว่า100ล้านบาทเสียไปฟรีๆนำมาช่วยปล่อยยืมให้คนถือบัตรคนจนอาจช่วยเหลือเขาได้หลายคนเลย,นี้คือการปกครองที่เป็นระบบปกครองที่พังและล้มเหลว.
    ..
    ..https://youtube.com/shorts/1Cr5nP5pkY0?si=GiMeKjXoH7vbhyUG
    ..ประชาชนดีหรือคนดีๆในสังคมไทยเราจะมีลักษณะนี้เกือบทุกๆคน,ซื่อสัตย์สุจริตแสวงหาไม่ฆ่าไม่ปล้นใครทำลายใครเพื่อดูแลชีวิตคนข้างหลังก็มาก,วัยรุ่น นักเรียนนักศึกษายุคต่างๆน่าจะซึ้ง หลายคนหาตังเล่าเรียนเองบวกกู้หนี้ยืมสินเล่าเรียนเพื่อได้ทำงานดีๆ,แต่ระบบอุปถัมภ์ในไทยและใต้โต๊ะซื้อซีซื้อตำแหน่งเด็กเส้นเด็กฝากเด็กมหาลัยกูมรึงรุ่นน้องใครมันรุ่นพี่ใครมรึงมากล้นเต็มระบบ,โอกาสคนอีก คลิปนี้บอกนัยยะอดีตผู้คนมากล้น อนาคตอาจกลับไปแบบนี้ทั้งประเทศก็ได้ อาทิภัยพิบัติธรรมชาติเต็มประเทศ น้ำท่วน แผ่นดินไหว ตึกถล่ม ลาวาใต้ดินตามรอยเลื่อนปะทุขึ้นมา ภาคเหนือไหลลงภาคกลาง อีสานบนไหลลงอีสานกลางสู่ใต้และตลอดแนวริมโขง,อาหารข้าปลาเสียหาย มีตังมากมายก็หาซื้อลำบากไม่ได้,ขาดแคลนไม่หมด ยิ่งน้ำสะอาดหลังภัยพิบัติอีกหรือขณะเจอแบบน้ำท่วม,ใครขุดอุโมงค์ใต้ดินก็ใช่จะรอด แผ่นดินไหวอาจบีดทำลายทางออกตายคาอุโมงค์ก็ได้ ระบบหายใจเสียหายขาดออกซิเจนไฟฟ้าไม่ทำงานแม้มีเครื่องช่วยหายใจก็ไม่รอดออกมาข้างบนไม่ได้ติดอุโมงค์นั้นล่ะ,แบบอุโมงค์รถไไฟ้าใต้ดินก็ด้วย,ปลอดภัยที่สุดอยู่ผิวดินถ้าไม่มีสงครามWWW3นิวเคลียร์นะ อาหารยิ่งอดอยากขาดแคลน1,000เท่า,ไม่รวมซอมบี้กลายพันธุ์จากวัคซีนโควิดอีก,วิกฤติยุโรปพังจากเจ้าสัวยุโรปเครือข่ายแม่ลูกมันก็โดนถึงเอเชียอาเชียนแล้ว,ตลาดการเงินพังแบบทรัมป์พังไม่มีตังจ่ายหนี้จึงรีดภาษีนำเข้าทั่วโลกไปจ่ายหนี้, ..จะต่างชาติแรงงานต่างด้าวหรือแรงงานไทย ทุกๆคนชาวบ้านไทบ้านที่ยากจนจะไม่มาค้าแรงงานเป็นทาสรับใช้ใครหรอก,เพราะโลกนี้ถูกออกแบบมาอย่างคนชั่วเลวต้องการปกครอง คนดีคนซื่อจะถูกทำให้มีสถานะแบบนี้หมด,เช่น มีบ่อน้ำมันเต็มประเทศ ก็ไม่บริหารจัดการทรัพยากรน้ำมันให้คนไทยร่ำรวยถ้วนหน้า พัฒนาคนพัฒนาทรัพยากรชาติมุ่งความสุขแก่คนในชาติตนแต่รัฐฐะในอดีตเลวชั่วกลับมุ่งประโยชน์มุ่งความสุขให้คนชาติอื่นแทนชาติไทยตนเอง,ทรัพยากรแบบน้ำมันแค่ขุดเจาะเอง ตั้งบริษัทใหม่รับผิดชอบแทน ปตท. ตั้งกระทรวงใหม่พอขุดเจาะเองและรองรับที่โมฆะสัญญาใดๆที่ตกลงกับอีกฝ่าย มันสามารถคืนความยุติธรรมแต่คนไทยได้หมดล่ะ,แต่เพราะผู้นำเรากากกระจอกอ่อนแอเกินไป คนไทยจึงลำบากยากเย็นยากจนเพิ่มขึ้นตลอดเวลา,บัตรคนจนก็บอกสถานะได้แล้วว่า คือบัตรคนจน และไม่ช่วยเหลืออะไรจริงห่าเหวเขาให้หยัดยืนพึ่งพาตนเองได้,ปล่อยวงเงินยืมแก่คนจนถือบัตรคนจนก็มีมั้ยให้เขานำไปประกอบอาชีพได้ เงินลงทุนปลูกผักสวนครัวขาย กัญชาเสรีส่งโรงพยาบาลเป็นต้น ไม่มีโครงการอะไรช่วยเหลือคนไทยจริงจังอะไรเลย,เลี้ยงพอกันตาย แต่มิให้เติบโตเพื่อปกครองง่าย,สไตล์วิถีปกครองที่เลวและล้มเหลว,ยุคนี้ ต้องวงเงินคนละ50,000บาทยืมได้เลยพร้อมในบัตร,กรอกวัตถุประสงค์การใช้ อนุมัติทันทีเขานำออกมาเตรียมวัตถุดิบอุปกรณ์ได้ค้าขายเลย,ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ผสมผสานพอเพียงก็ทำไป ขายของรถเข็ญก็ทำไป ซื้อผักผลไม้ทุเรียนขนุนมะพร้าวน้ำหอมผลไม้ปั่นชาไข่มุกก็ทำไป,จากนั้นอาจอัดวงเงินเพิ่มอีก10,000ฉุกเฉินให้เขายามจำเป็นได้,จากนั้นสามารถประเมอนผลงานได้ในอีก1-2ปีเสมือนวิจัยในตัว,แต่รัฐฐะกลับไม่ใส่ใจห่าอะไรเลย,จาก15ล้านคน คนละ10,000บาทก็ยังดีให้เขา ก็150,000ล้านบาทเอง,ทีจะช่วยเจ้าสัวนายทุนคนค้าส่วออกจากภาษีทรัมป์ยังจะช่วยพวกมันฟรีๆจากตังคลังหลวงชาติถึง200,000ล้านบาทเตรียมตังช่วยเหลือมันพะนะ,ตอนมันกำไรขึ้นท็อปเศรษฐี100อันดับแรก มันไม่เห็นส่งตังคืนเข้าคลังหลวงคืนประชาชนคนไทยจากภาษีที่จ่ายช่วยพวกมัน,ค่าล็อบบี้ยีสผีบ้านั้นอีกกว่า100ล้านบาทเสียไปฟรีๆนำมาช่วยปล่อยยืมให้คนถือบัตรคนจนอาจช่วยเหลือเขาได้หลายคนเลย,นี้คือการปกครองที่เป็นระบบปกครองที่พังและล้มเหลว. .. ..https://youtube.com/shorts/1Cr5nP5pkY0?si=GiMeKjXoH7vbhyUG
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 615 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ชัชชาติ" ตรวจงานแอบซุ่ม! ย้ำ "รามคำแหง 21" ดีขึ้น แต่ยังขอออดทนเพื่ออนาคตน้ำไม่ท่วม
    https://www.thai-tai.tv/news/20207/
    .
    #ชัชชาติสิทธิพันธุ์ #ผู้ว่าฯกทม #ซอยรามคำแหง21 #เขตวังทองหลาง #น้ำท่วม #ปรับปรุงถนน #กรุงเทพมหานคร #โครงสร้างพื้นฐาน #อดทนเพื่ออนาคต #ซอยนวศรี
    "ชัชชาติ" ตรวจงานแอบซุ่ม! ย้ำ "รามคำแหง 21" ดีขึ้น แต่ยังขอออดทนเพื่ออนาคตน้ำไม่ท่วม https://www.thai-tai.tv/news/20207/ . #ชัชชาติสิทธิพันธุ์ #ผู้ว่าฯกทม #ซอยรามคำแหง21 #เขตวังทองหลาง #น้ำท่วม #ปรับปรุงถนน #กรุงเทพมหานคร #โครงสร้างพื้นฐาน #อดทนเพื่ออนาคต #ซอยนวศรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเริ่มจาก Suhail Doshi อดีต CEO ของ Mixpanel ออกมาโพสต์เตือนบน X ว่า

    “ระวังผู้ชายชื่อ Soham Parekh เขาทำงานให้สตาร์ทอัป 3–4 แห่งพร้อมกัน และยังไม่หยุด แม้ผมจะไล่เขาออกตั้งแต่สัปดาห์แรก”

    หลังจากนั้นผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปอื่น ๆ ก็เริ่มออกมาเล่าประสบการณ์คล้ายกัน → Parekh มักจะทำผลงานได้ดีมากในการสัมภาษณ์ (ถึงขั้น “ชนะขาดจากผู้สมัคร 50 คน”) → ได้รับข้อเสนองานที่เงินเดือนสูงถึง $200,000 ต่อปี → แต่พอเริ่มงานจริง เขามักอ้างเหตุฉุกเฉินเช่น น้ำท่วม ป่วย หรือแม้แต่ “โดรนโจมตีตึก” แล้วไม่ส่งงาน

    บางคนตรวจพบจาก GitHub ว่าเขายัง commit โค้ดอยู่ ในช่วงที่อ้างว่าป่วย → และมีคลิปวิดีโอที่แสดงว่าเขาทำงานให้บริษัทอื่นอยู่จริง → มีหลายบริษัทในกลุ่ม Y Combinator ที่ค้นพบว่าจ้าง Parekh พร้อมกันโดยไม่รู้ตัว

    สุดท้าย Parekh ยอมรับแบบตรง ๆ ในรายการ TBPN ว่า

    “มันจริง ผมไม่ได้ภูมิใจ และไม่แนะนำใครทำตาม…แต่ผมทำเพราะสถานการณ์การเงินแย่มาก” และตอนนี้เขาประกาศว่าจะทำงานให้บริษัทเดียวเท่านั้น โดยได้รับโอกาสใหม่จากสตาร์ทอัปชื่อ Darwin ซึ่งออกมายืนยันว่า “เรายังเชื่อในความสามารถของเขา”

    https://www.techspot.com/news/108566-crushed-interview-silicon-valley-duped-software-engineer-secretly.html
    เรื่องเริ่มจาก Suhail Doshi อดีต CEO ของ Mixpanel ออกมาโพสต์เตือนบน X ว่า “ระวังผู้ชายชื่อ Soham Parekh เขาทำงานให้สตาร์ทอัป 3–4 แห่งพร้อมกัน และยังไม่หยุด แม้ผมจะไล่เขาออกตั้งแต่สัปดาห์แรก” หลังจากนั้นผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปอื่น ๆ ก็เริ่มออกมาเล่าประสบการณ์คล้ายกัน → Parekh มักจะทำผลงานได้ดีมากในการสัมภาษณ์ (ถึงขั้น “ชนะขาดจากผู้สมัคร 50 คน”) → ได้รับข้อเสนองานที่เงินเดือนสูงถึง $200,000 ต่อปี → แต่พอเริ่มงานจริง เขามักอ้างเหตุฉุกเฉินเช่น น้ำท่วม ป่วย หรือแม้แต่ “โดรนโจมตีตึก” แล้วไม่ส่งงาน บางคนตรวจพบจาก GitHub ว่าเขายัง commit โค้ดอยู่ ในช่วงที่อ้างว่าป่วย → และมีคลิปวิดีโอที่แสดงว่าเขาทำงานให้บริษัทอื่นอยู่จริง → มีหลายบริษัทในกลุ่ม Y Combinator ที่ค้นพบว่าจ้าง Parekh พร้อมกันโดยไม่รู้ตัว 😲 สุดท้าย Parekh ยอมรับแบบตรง ๆ ในรายการ TBPN ว่า “มันจริง ผมไม่ได้ภูมิใจ และไม่แนะนำใครทำตาม…แต่ผมทำเพราะสถานการณ์การเงินแย่มาก” และตอนนี้เขาประกาศว่าจะทำงานให้บริษัทเดียวเท่านั้น โดยได้รับโอกาสใหม่จากสตาร์ทอัปชื่อ Darwin ซึ่งออกมายืนยันว่า “เรายังเชื่อในความสามารถของเขา” https://www.techspot.com/news/108566-crushed-interview-silicon-valley-duped-software-engineer-secretly.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    "He crushed the interview": Silicon Valley duped by software engineer secretly working four jobs
    The story first gained traction when Suhail Doshi, co-founder and former CEO of Mixpanel, issued a public warning on X. "PSA: there's a guy named Soham Parekh...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​โอกาสแห่งโยคกรรม(แนวทางที่ชัดเจน)​ในการเห็นอริยสัจ
    สัทธรรมลำดับที่ : 1041
    ชื่อบทธรรม :- โอกาสแห่งโยคกรรมในการเห็นอริยสัจ บัดนี้ถึงพร้อมแล้ว
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1041
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --โอกาสแห่งโยคกรรมในการเห็นอริยสัจ บัดนี้ถึงพร้อมแล้ว
    --ภิกษุ ท. ! ถ้าสมมติว่า
    มหาปฐพีอันใหญ่หลวงนี้ มีน้ำท่วมถึงเป็น อันเดียวกันทั้งหมด;
    บุรุษคนหนึ่ง ทิ้งแอก (ไม่ไผ่?) ซึ่งมีรูปรูเจาะได้เพียงรูเดียว ลงไปในน้ำนั้น;
    ลมตะวันออกพัดให้ลอยไปทางทิศตะวันตก,
    ลมตะวันตก พัดให้ลอยไปทางทิศตะวันออก,
    ลมทิศเหนือพัดให้ลอยไปทางทิศใต้,
    ลมทิศใต้พัดให้ลอยไปทางทิศเหนือ,
    อยู่ดังนี้.
    ในน้ำนั้นมีเต่าตัวหนึ่ง ตาบอด ล่วงไปร้อยๆ ปี มันจะผุดขึ้นมาครั้งหนึ่งๆ.

    --ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย(ท.) จะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร
    : จะเป็นไปได้ไหม ที่เต่าตาบอด ร้อยปีจึงจะผุดขึ้นสักครั้งหนึ่ง
    จะพึงยื่นคอเข้าไปในรูซึ่งมีอยู่เพียงรูเดียวในแอกนั้น ?
    “ข้อนี้ ยากที่จะเป็นไปได้ พระเจ้าข้า !
    ที่เต่าตาบอดนั้น ร้อยปีผุดขึ้นเพียงครั้งเดียว
    จะ พึงยื่นคอเข้าไปในรูซึ่งมีอยู่เพียงรูเดียวในแอกนั้น”.
    --ภิกษุ ท. !
    ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกัน ที่ใครๆ จะพึงได้ความเป็นมนุษย์;
    ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกัน ที่ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ จะเกิดขึ้นในโลก ;
    ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกัน ที่ธรรมวินัยอันตถาคต ประกาศแล้วจะรุ่งเรืองไปทั่วโลก.

    --ภิกษุ ท. !
    แต่ว่า บัดนี้ ความเป็นมนุษย์ก็ได้แล้ว;
    http://etipitaka.com/read/pali/19/569/?keywords=มนุสฺสตฺตํ+ลภติ
    ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะก็บังเกิดขึ้นในโลกแล้ว; และ
    http://etipitaka.com/read/pali/19/569/?keywords=ตถาคโต+โลเก+อุปฺปชฺชติ
    ธรรมวินัยอันตถาคตประกาศแล้ว ก็รุ่งเรืองไปทั่วโลกแล้ว.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/569/?keywords=ตถาคตปฺปเวทิโต+ธมฺมวินโย+โลเก
    --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ http://etipitaka.com/read/pali/19/568/?keywords=โยโค+กรณีโย
    #พวกเธอพึงกระทำโยคกรรมเพื่อให้รู้ ว่า
    “นี้ ทุกข์;
    นี้ เหตุให้เกิดทุกข์;
    นี้ ความดับแห่งทุกข์;
    นี้ หนทางให้ถึงความดับแห่งทุกข์”
    ดังนี้เถิด.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/448/1744.
    http://etipitaka.com/read/thai/19/448/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%97%E0%B9%94%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๘/๑๗๔๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/19/568/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%97%E0%B9%94%E0%B9%94
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1041
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=90&id=1041
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=90
    ลำดับสาธยายธรรม : 90 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_90.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​โอกาสแห่งโยคกรรม(แนวทางที่ชัดเจน)​ในการเห็นอริยสัจ สัทธรรมลำดับที่ : 1041 ชื่อบทธรรม :- โอกาสแห่งโยคกรรมในการเห็นอริยสัจ บัดนี้ถึงพร้อมแล้ว https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1041 เนื้อความทั้งหมด :- --โอกาสแห่งโยคกรรมในการเห็นอริยสัจ บัดนี้ถึงพร้อมแล้ว --ภิกษุ ท. ! ถ้าสมมติว่า มหาปฐพีอันใหญ่หลวงนี้ มีน้ำท่วมถึงเป็น อันเดียวกันทั้งหมด; บุรุษคนหนึ่ง ทิ้งแอก (ไม่ไผ่?) ซึ่งมีรูปรูเจาะได้เพียงรูเดียว ลงไปในน้ำนั้น; ลมตะวันออกพัดให้ลอยไปทางทิศตะวันตก, ลมตะวันตก พัดให้ลอยไปทางทิศตะวันออก, ลมทิศเหนือพัดให้ลอยไปทางทิศใต้, ลมทิศใต้พัดให้ลอยไปทางทิศเหนือ, อยู่ดังนี้. ในน้ำนั้นมีเต่าตัวหนึ่ง ตาบอด ล่วงไปร้อยๆ ปี มันจะผุดขึ้นมาครั้งหนึ่งๆ. --ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลาย(ท.) จะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : จะเป็นไปได้ไหม ที่เต่าตาบอด ร้อยปีจึงจะผุดขึ้นสักครั้งหนึ่ง จะพึงยื่นคอเข้าไปในรูซึ่งมีอยู่เพียงรูเดียวในแอกนั้น ? “ข้อนี้ ยากที่จะเป็นไปได้ พระเจ้าข้า ! ที่เต่าตาบอดนั้น ร้อยปีผุดขึ้นเพียงครั้งเดียว จะ พึงยื่นคอเข้าไปในรูซึ่งมีอยู่เพียงรูเดียวในแอกนั้น”. --ภิกษุ ท. ! ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกัน ที่ใครๆ จะพึงได้ความเป็นมนุษย์; ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกัน ที่ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ จะเกิดขึ้นในโลก ; ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกัน ที่ธรรมวินัยอันตถาคต ประกาศแล้วจะรุ่งเรืองไปทั่วโลก. --ภิกษุ ท. ! แต่ว่า บัดนี้ ความเป็นมนุษย์ก็ได้แล้ว; http://etipitaka.com/read/pali/19/569/?keywords=มนุสฺสตฺตํ+ลภติ ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะก็บังเกิดขึ้นในโลกแล้ว; และ http://etipitaka.com/read/pali/19/569/?keywords=ตถาคโต+โลเก+อุปฺปชฺชติ ธรรมวินัยอันตถาคตประกาศแล้ว ก็รุ่งเรืองไปทั่วโลกแล้ว. http://etipitaka.com/read/pali/19/569/?keywords=ตถาคตปฺปเวทิโต+ธมฺมวินโย+โลเก --ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ http://etipitaka.com/read/pali/19/568/?keywords=โยโค+กรณีโย #พวกเธอพึงกระทำโยคกรรมเพื่อให้รู้ ว่า “นี้ ทุกข์; นี้ เหตุให้เกิดทุกข์; นี้ ความดับแห่งทุกข์; นี้ หนทางให้ถึงความดับแห่งทุกข์” ดังนี้เถิด.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. 19/448/1744. http://etipitaka.com/read/thai/19/448/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%97%E0%B9%94%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๘/๑๗๔๔. http://etipitaka.com/read/pali/19/568/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%97%E0%B9%94%E0%B9%94 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=1041 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=90&id=1041 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=90 ลำดับสาธยายธรรม : 90 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_90.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - โอกาสแห่งโยคกรรมในการเห็นอริยสัจ บัดนี้ถึงพร้อมแล้ว
    -โอกาสแห่งโยคกรรมในการเห็นอริยสัจ บัดนี้ถึงพร้อมแล้ว ภิกษุ ท. ! ถ้าสมมติว่า มหาปฐพีอันใหญ่หลวงนี้ มีน้ำท่วมถึงเป็น อันเดียวกันทั้งหมด; บุรุษคนหนึ่ง ทิ้งแอก (ไม่ไผ่?) ซึ่งมีรูปรูเจาะได้เพียงรูเดียว ลงไปในน้ำนั้น; ลมตะวันออกพัดให้ลอยไปทางทิศตะวันตก, ลมตะวันตก พัดให้ลอยไปทางทิศตะวันออก, ลมทิศเหนือพัดให้ลอยไปทางทิศใต้, ลมทิศใต้พัดให้ลอยไปทางทิศเหนือ, อยู่ดังนี้. ในน้ำนั้นมีเต่าตัวหนึ่ง ตาบอด ล่วงไปร้อยๆ ปี มันจะผุดขึ้นมาครั้งหนึ่งๆ. ภิกษุ ท. ! เธอ ท. จะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : จะเป็นไปได้ไหม ที่เต่าตาบอด ร้อยปีจึงจะผุดขึ้นสักครั้งหนึ่ง จะพึงยื่นคอเข้าไปในรูซึ่งมีอยู่เพียงรูเดียวในแอกนั้น ? “ข้อนี้ ยากที่จะเป็นไปได้ พระเจ้าข้า ! ที่เต่าตาบอดนั้น ร้อยปีผุดขึ้นเพียงครั้งเดียว จะ พึงยื่นคอเข้าไปในรูซึ่งมีอยู่เพียงรูเดียวในแอกนั้น”. ภิกษุ ท. ! ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกัน ที่ใครๆ จะพึงได้ความเป็นมนุษย์; ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกัน ที่ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ จะเกิดขึ้นในโลก ; ยากที่จะเป็นไปได้ ฉันเดียวกัน ที่ธรรมวินัยอันตถาคต ประกาศแล้วจะรุ่งเรืองไปทั่วโลก. ภิกษุ ท. ! แต่ว่า บัดนี้ ความเป็นมนุษย์ก็ได้แล้ว; ตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะก็บังเกิดขึ้นในโลกแล้ว; และธรรมวินัยอันตถาคตประกาศแล้ว ก็รุ่งเรืองไปทั่วโลกแล้ว. ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึงกระทำโยคกรรมเพื่อให้รู้ ว่า “นี้ ทุกข์; นี้ เหตุให้เกิดทุกข์; นี้ ความดับแห่งทุกข์; นี้หนทางให้ถึงความดับแห่งทุกข์” ดังนี้เถิด.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชียงราย - ชุมชนหมู่บ้านเขต 5 อำเภอของเชียงราย ทั้งพญาเม็งราย-เวียงเชียงรุ้ง-เทิง-เชียงแสน-เชียงของ กลายเป็นทะเลฉับพลัน..มูลนิธิกระจกเงางัดประสบการณ์ช่วยน้ำท่วมแม่สาย บินโดรนส่องเส้นทางน้ำป่าจากดอยสูงหลากทะลักท่วมบ้านเรือนเสียหายกว่า 4,000 ครัวเรือน

    ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำป่าจากเทือกเขาได้ไหลทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่ของ ต.แม่เปา และ ต.ตาดควัน อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย รวมทั้งบางส่วนของโรงพยาบาลเวียงเชียงรุ้ง-โรงพยาบาลเทิง ตั้งแต่เช้าวันนี้ (27 มิ.ย.) ล่าสุดระดับน้ำได้ค่อยๆ ลดลงและมวลน้ำไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติทาง ต.แม่ต๋ำ อ.พญาเม็งราย และ อ.เชียงของ เพื่อไหลลงสู่แม่น้ำโขงต่อไป

    ขณะที่มูลนิธิกระจกเงาได้นำโดรนบินสำรวจพื้นที่ พบมวลน้ำไหลมาจากเทือกเขาขุนน้ำห้วยแม่เปา-เทือกเขาโดยรอบที่สูงชันและสลับซับซ้อน คาดว่าได้เก็บมวลน้ำที่เกิดจากฝนตกหนักเอาไว้ก่อนทะลักลงสู่ชุมชนด้านล่างจนสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างอย่างรวดเร็ว และหลายพื้นที่โดยเฉพาะหมู่บ้านสันเจริญ หมู่ 1, บ้านสบเปา หมู่ 2, บ้านแม่เปา หมู่ 3, บ้านสันติคีรี หมู่ 6, บ้านแม่เปาเหนือ บ้านนาเจริญ หมู่ 11 หมู่ 12, บ้านสบเปาใหม่ หมู่ 14, บ้านแม่เปาใต้ หมู่ 16 และบ้านสบเปา หมู่ 20

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000060589

    #Thaitimes#MGROnline #น้ำท่วม #เชียงราย
    เชียงราย - ชุมชนหมู่บ้านเขต 5 อำเภอของเชียงราย ทั้งพญาเม็งราย-เวียงเชียงรุ้ง-เทิง-เชียงแสน-เชียงของ กลายเป็นทะเลฉับพลัน..มูลนิธิกระจกเงางัดประสบการณ์ช่วยน้ำท่วมแม่สาย บินโดรนส่องเส้นทางน้ำป่าจากดอยสูงหลากทะลักท่วมบ้านเรือนเสียหายกว่า 4,000 ครัวเรือน • ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำป่าจากเทือกเขาได้ไหลทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่ของ ต.แม่เปา และ ต.ตาดควัน อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย รวมทั้งบางส่วนของโรงพยาบาลเวียงเชียงรุ้ง-โรงพยาบาลเทิง ตั้งแต่เช้าวันนี้ (27 มิ.ย.) ล่าสุดระดับน้ำได้ค่อยๆ ลดลงและมวลน้ำไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติทาง ต.แม่ต๋ำ อ.พญาเม็งราย และ อ.เชียงของ เพื่อไหลลงสู่แม่น้ำโขงต่อไป • ขณะที่มูลนิธิกระจกเงาได้นำโดรนบินสำรวจพื้นที่ พบมวลน้ำไหลมาจากเทือกเขาขุนน้ำห้วยแม่เปา-เทือกเขาโดยรอบที่สูงชันและสลับซับซ้อน คาดว่าได้เก็บมวลน้ำที่เกิดจากฝนตกหนักเอาไว้ก่อนทะลักลงสู่ชุมชนด้านล่างจนสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้างอย่างรวดเร็ว และหลายพื้นที่โดยเฉพาะหมู่บ้านสันเจริญ หมู่ 1, บ้านสบเปา หมู่ 2, บ้านแม่เปา หมู่ 3, บ้านสันติคีรี หมู่ 6, บ้านแม่เปาเหนือ บ้านนาเจริญ หมู่ 11 หมู่ 12, บ้านสบเปาใหม่ หมู่ 14, บ้านแม่เปาใต้ หมู่ 16 และบ้านสบเปา หมู่ 20 • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000060589 • #Thaitimes#MGROnline #น้ำท่วม #เชียงราย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อนเพจที่ได้อ่านนิยาย/ดูละครเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> คงจำได้ว่า เป็นเรื่องราวแนวสืบสวนที่พูดถึงการใช้ข้อมูลจากบันทึกและทะเบียนต่างๆ มาใช้ในการแกะรอยคนร้าย มีหลายประเด็นที่ทำให้ Storyฯ สงสัยเลยต้องไปหาข้อมูลมาเพิ่ม

    เรื่องที่จะเล่าวันนี้มีความ ‘เอ๊ะ’ ตรงไหน เรามาดูจากคำพูดข้างล่างจากในละครเรื่องนี้
    ... สวีปินกล่าว “จากบันทึกทะเบียนบ้านของคนผู้นี้ เขาย้ายมาฉางอันเมื่อปีที่ยี่สิบหกในรัชศกก่อน จดทะเบียนในนามหลงปอ ต่อมาย้ายบ้านหลายครา เมื่อปีที่แล้วย้ายเข้าหวยหย่วนฟาง ที่ดูน่าสงสัยคือ เมื่อปลายปีรัชศกเทียนเป่าปีที่สอง มีการจัดทำสมุดทะเบียนใหม่ กำหนดให้ใส่รายละเอียดใบหน้าให้ชัดเจน แต่ทะเบียนของหลงปอยังคงเป็นทะเบียนเก่าสมัยรัชศกก่อน ไม่เคยระบุรายละเอียดหน้าตา”...

    เพื่อนเพจสงสัยเหมือนกันไหมว่า ทะเบียนราษฎร์ในสมัยราชวงศ์ถัง (รัชศกเทียนเป่าคือช่วงปีค.ศ. 742-756) ถึงขนาดมีรายละเอียดใบหน้าชัดเจนเชียวหรือ?

    ไปค้นข้อมูลมาจึงพบว่า การนับจำนวนประชากรในจีนโบราณมีมาตั้งแต่กว่าสองพันปีก่อนคริสตกาล เดิมเป็นการจัดเก็บข้อมูลเพื่อไว้เพื่อช่วยเหลือคนในยามเกิดอุทกภัยน้ำท่วม ไม่ปรากฏข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นเพียงการนับจำนวนประชากรหรือมีการบันทึกรายละเอียดมากกว่านั้น แต่ในสมัยราชวงศ์โจวตะวันออก (ปี 1045-771 ก่อนคริสตกาล) มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์ทุกสามปี รายละเอียดที่บันทึกไว้รวมถึงวันเกิด วันตาย เพศ และที่อยู่ของประชาชน

    ในสมัยฉิน มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์อย่างเข้มงวด นอกจากรายละเอียดข้างต้นยังมีการระบุเจ้าบ้าน ชื่อสามี-ภรรยา โดยวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อใช้ในการเก็บภาษีและเกณฑ์ทหาร

    ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 202 ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 221) ประชาชนมีหน้าที่รายงานข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงของสมาชิกในครอบครัวทุกปี โดยข้อมูลจะถูกตรวจสอบโดยทางการท้องถิ่นอีกครั้งก่อนจะรวบรวมส่งทางการส่วนกลาง รายละเอียดที่บันทึกรวมถึงชื่อแซ่ อายุ ภูมิลำเนาเดิม สถานะสมรส รายละเอียดหน้าตา รายได้ และจำนวนพื้นที่ของที่ดินที่ถือครอง หากจะย้ายบ้าน ต้องทำการรายงานกับที่ว่าการท้องถิ่นก่อนจึงจะย้ายออกได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคนพเนจร ซึ่งไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย (คือโดนฆ่าตายก็ไม่มีการสืบสวนเอาผิดคนฆ่า) ว่ากันว่าทะเบียนราษฏร์สมัยราชวงศ์ฮั่นนี้ละเอียดถูกต้องเชื่อถือได้มากกว่าครั้งใดที่จีนเคยทำมาในอดีต

    การจัดทำทะเบียนราษฎร์มีต่อมาเรื่อยๆ และมีการลงรายละเอียดมากขึ้นในยุคสมัยราชวงศ์ถัง (ซึ่งเรื่องราวของ <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> เกิดขึ้นในสมัยนี้) ในสมัยนั้น ทะเบียนราษฎร์คือการสรุปรวมข้อมูลของทะเบียนบ้านหรือที่เรียกว่า ‘โส่วสือ’ (手实) มีการจัดแยกหมวดหมู่ตามสถานะ กล่าวคือเป็นเจ้าบ้าน เป็นสมาชิกของตระกูล หรือเป็นผู้อยู่อาศัยในเรือนเช่นทาส บ่าว นักดนตรี ฯลฯ และมีการบันทึกรายละเอียดเพิ่มเติมของรูปพรรณสัณฐาน เช่นส่วนสูง สีผิว เป็นต้น โดยมีเพียงสมาชิกของตระกูลเท่านั้นที่จะมีสิทธิแยกออกมาจัดตั้งครัวเรือนใหม่ได้ (Storyฯ เพิ่งเข้าใจบริบทที่ว่าบางนิยายจีนโบราณกล่าวถึงการ ‘แยกบ้าน’ ของคนในตระกูลเดียวกันที่ฟังดูเป็นเรื่องราวใหญ่โต) สำหรับชาวไร่ชาวนา ข้อมูลจากโส่วสือยังถูกใช้ในการจัดสรรที่ดินทำกิน โดยอิงตามจำนวนสมาชิกในบ้าน

    ต่อมาในสมัยราชวงศ์หมิง มีการลงรายละเอียดเพิ่มเติมอีกคืออาชีพของคนในบ้าน เช่น นายช่าง ทหาร หรือข้าราชการ ฯลฯ และมีรายละเอียดรายรับและสินทรัพย์ของแต่ละคนเพิ่มเติม เช่นจำนวนที่ดิน บ้าน ร้านค้า รถม้า เรือ ฯลฯ ทะเบียนราษฎร์นี้เรียกว่า ‘หวงเช่อ’ (黄册) แปลตรงตัวว่าสมุดเหลือง เพราะมักใช้ปกสีเหลือง (โนว์... ไม่ใช่สมุดโทรศัพท์ Yellow Pages จ้า) อีกทั้งการนำข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์มาใช้เพิ่มดีกรีความเข้มข้น ใครจะเดินทางต้องพกเอกสารใบอนุญาตที่มีข้อมูลประจำตัวและบ้าน (Storyฯ นึกถึงในละครที่จะผ่านประตูเมืองแต่ละครั้งต้องควักเอกสารออกมาฉบับหนึ่ง)

    Storyฯ รู้สึกทึ่งว่า แบบแผนการบริหารงานบ้านเมืองในโลกปัจจุบัน จริงๆ แล้วไม่ได้หนีจากของโบราณที่มีมาหลายพันปีแล้วเลย คนโบราณช่างคิดช่างทำ เก่งจริง เพื่อนๆ ว่าไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://luvasianseries.blogspot.com/2020/10/longest-day-in-changan.html
    https://daydaynews.cc/zh-hans/history/160001.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/113664748
    http://www.naradafoundation.org/content/6526
    https://daydaynews.cc/zh-hans/history/160001.html

    #ฉางอันสิบสองชั่วยาม #ประวัติศาสตร์จีน #ทะเบียนราษฎร์จีน #ราชวงศ์ถัง
    เพื่อนเพจที่ได้อ่านนิยาย/ดูละครเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> คงจำได้ว่า เป็นเรื่องราวแนวสืบสวนที่พูดถึงการใช้ข้อมูลจากบันทึกและทะเบียนต่างๆ มาใช้ในการแกะรอยคนร้าย มีหลายประเด็นที่ทำให้ Storyฯ สงสัยเลยต้องไปหาข้อมูลมาเพิ่ม เรื่องที่จะเล่าวันนี้มีความ ‘เอ๊ะ’ ตรงไหน เรามาดูจากคำพูดข้างล่างจากในละครเรื่องนี้ ... สวีปินกล่าว “จากบันทึกทะเบียนบ้านของคนผู้นี้ เขาย้ายมาฉางอันเมื่อปีที่ยี่สิบหกในรัชศกก่อน จดทะเบียนในนามหลงปอ ต่อมาย้ายบ้านหลายครา เมื่อปีที่แล้วย้ายเข้าหวยหย่วนฟาง ที่ดูน่าสงสัยคือ เมื่อปลายปีรัชศกเทียนเป่าปีที่สอง มีการจัดทำสมุดทะเบียนใหม่ กำหนดให้ใส่รายละเอียดใบหน้าให้ชัดเจน แต่ทะเบียนของหลงปอยังคงเป็นทะเบียนเก่าสมัยรัชศกก่อน ไม่เคยระบุรายละเอียดหน้าตา”... เพื่อนเพจสงสัยเหมือนกันไหมว่า ทะเบียนราษฎร์ในสมัยราชวงศ์ถัง (รัชศกเทียนเป่าคือช่วงปีค.ศ. 742-756) ถึงขนาดมีรายละเอียดใบหน้าชัดเจนเชียวหรือ? ไปค้นข้อมูลมาจึงพบว่า การนับจำนวนประชากรในจีนโบราณมีมาตั้งแต่กว่าสองพันปีก่อนคริสตกาล เดิมเป็นการจัดเก็บข้อมูลเพื่อไว้เพื่อช่วยเหลือคนในยามเกิดอุทกภัยน้ำท่วม ไม่ปรากฏข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นเพียงการนับจำนวนประชากรหรือมีการบันทึกรายละเอียดมากกว่านั้น แต่ในสมัยราชวงศ์โจวตะวันออก (ปี 1045-771 ก่อนคริสตกาล) มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์ทุกสามปี รายละเอียดที่บันทึกไว้รวมถึงวันเกิด วันตาย เพศ และที่อยู่ของประชาชน ในสมัยฉิน มีการจัดทำทะเบียนราษฎร์อย่างเข้มงวด นอกจากรายละเอียดข้างต้นยังมีการระบุเจ้าบ้าน ชื่อสามี-ภรรยา โดยวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อใช้ในการเก็บภาษีและเกณฑ์ทหาร ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น (ปี 202 ก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 221) ประชาชนมีหน้าที่รายงานข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงของสมาชิกในครอบครัวทุกปี โดยข้อมูลจะถูกตรวจสอบโดยทางการท้องถิ่นอีกครั้งก่อนจะรวบรวมส่งทางการส่วนกลาง รายละเอียดที่บันทึกรวมถึงชื่อแซ่ อายุ ภูมิลำเนาเดิม สถานะสมรส รายละเอียดหน้าตา รายได้ และจำนวนพื้นที่ของที่ดินที่ถือครอง หากจะย้ายบ้าน ต้องทำการรายงานกับที่ว่าการท้องถิ่นก่อนจึงจะย้ายออกได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นคนพเนจร ซึ่งไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย (คือโดนฆ่าตายก็ไม่มีการสืบสวนเอาผิดคนฆ่า) ว่ากันว่าทะเบียนราษฏร์สมัยราชวงศ์ฮั่นนี้ละเอียดถูกต้องเชื่อถือได้มากกว่าครั้งใดที่จีนเคยทำมาในอดีต การจัดทำทะเบียนราษฎร์มีต่อมาเรื่อยๆ และมีการลงรายละเอียดมากขึ้นในยุคสมัยราชวงศ์ถัง (ซึ่งเรื่องราวของ <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> เกิดขึ้นในสมัยนี้) ในสมัยนั้น ทะเบียนราษฎร์คือการสรุปรวมข้อมูลของทะเบียนบ้านหรือที่เรียกว่า ‘โส่วสือ’ (手实) มีการจัดแยกหมวดหมู่ตามสถานะ กล่าวคือเป็นเจ้าบ้าน เป็นสมาชิกของตระกูล หรือเป็นผู้อยู่อาศัยในเรือนเช่นทาส บ่าว นักดนตรี ฯลฯ และมีการบันทึกรายละเอียดเพิ่มเติมของรูปพรรณสัณฐาน เช่นส่วนสูง สีผิว เป็นต้น โดยมีเพียงสมาชิกของตระกูลเท่านั้นที่จะมีสิทธิแยกออกมาจัดตั้งครัวเรือนใหม่ได้ (Storyฯ เพิ่งเข้าใจบริบทที่ว่าบางนิยายจีนโบราณกล่าวถึงการ ‘แยกบ้าน’ ของคนในตระกูลเดียวกันที่ฟังดูเป็นเรื่องราวใหญ่โต) สำหรับชาวไร่ชาวนา ข้อมูลจากโส่วสือยังถูกใช้ในการจัดสรรที่ดินทำกิน โดยอิงตามจำนวนสมาชิกในบ้าน ต่อมาในสมัยราชวงศ์หมิง มีการลงรายละเอียดเพิ่มเติมอีกคืออาชีพของคนในบ้าน เช่น นายช่าง ทหาร หรือข้าราชการ ฯลฯ และมีรายละเอียดรายรับและสินทรัพย์ของแต่ละคนเพิ่มเติม เช่นจำนวนที่ดิน บ้าน ร้านค้า รถม้า เรือ ฯลฯ ทะเบียนราษฎร์นี้เรียกว่า ‘หวงเช่อ’ (黄册) แปลตรงตัวว่าสมุดเหลือง เพราะมักใช้ปกสีเหลือง (โนว์... ไม่ใช่สมุดโทรศัพท์ Yellow Pages จ้า) อีกทั้งการนำข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์มาใช้เพิ่มดีกรีความเข้มข้น ใครจะเดินทางต้องพกเอกสารใบอนุญาตที่มีข้อมูลประจำตัวและบ้าน (Storyฯ นึกถึงในละครที่จะผ่านประตูเมืองแต่ละครั้งต้องควักเอกสารออกมาฉบับหนึ่ง) Storyฯ รู้สึกทึ่งว่า แบบแผนการบริหารงานบ้านเมืองในโลกปัจจุบัน จริงๆ แล้วไม่ได้หนีจากของโบราณที่มีมาหลายพันปีแล้วเลย คนโบราณช่างคิดช่างทำ เก่งจริง เพื่อนๆ ว่าไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://luvasianseries.blogspot.com/2020/10/longest-day-in-changan.html https://daydaynews.cc/zh-hans/history/160001.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/113664748 http://www.naradafoundation.org/content/6526 https://daydaynews.cc/zh-hans/history/160001.html #ฉางอันสิบสองชั่วยาม #ประวัติศาสตร์จีน #ทะเบียนราษฎร์จีน #ราชวงศ์ถัง
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 573 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝีเริ่มแตก ขบวนการขายชาติมานาน จะเริ่มผุดออกมาจากน้ำหนอง และไม่เกินความคาดหมายว่า การประชุม JBC ก็เป็นแค่ละคร ยื้อเวลาของสองตระกูล ที่กำลังเดินหมากมาถึงทางตัน

    ไทยไม่เคยรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503
    ไทยไม่เคยรับแผนที่ ที่มาตราส่วน1:200,000 ของเขมร

    แต่ตระกูลชิน ที่ไม่ใช่คนรักชาติและกลุ่มขบวนการขายชาติ ยอมรับทั้งอำนาจศาลโลกและแอบลงนาม MOU ยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของเขมร จนทำให้ไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหาร ให้กับเขมร และทำให้นาย วีระ สมความคิด ต้องติดคุกในเขมร และพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดยนาย อภิสิทธิ์ ต้องยอมทำตามเงื่อนไขของเขมร แค่เพื่อช่วยเหลือ สส.ตนเองไม่ให้ติดคุกที่เขมร ทำให้คนไทยเจ็บปวดใจกันทั้งประเทศ ยกเว้นแค่พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ที่ดีใจที่เห็นไทยเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร

    ขบวนการขายชาติ มีทั้งอดีตนักการฑูตไทย ที่ประจำอยู่ประเทศเขมร และนักการฑูตในปัจจุบัน รวมไปถึง รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง อัยการ ศาลและกลุ่มนายทุนเจ้าสัวเชื้อจีน ที่ขายชาติ ที่ทำงานรับใช้สองตระกูลชินกับตระกูลฮุนมานาน

    การแอบใช้เล่ห์เหลี่ยม หลอกคนไทยว่า หากเราลงนาม MOUกับเขมรและยอมรับแผนที่ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเอง ที่อัตราส่วน 1:200,000 ไทยจะได้ประโยชน์ จากพื้นที่เขมรเพิ่มขึ้นถึง 100ตารางวา
    แต่ในความเป็นจริงคนพวกนี้ วางแผนให้เขมรได้พื้นที่ประเทศไทยทั้งแนวตะเข็บชายแดน รวมกันมากถึงกว่า 2 ล้านไร่ หากไทยยอมรับแผนที่ของเขมร ที่เขียนขึ้นมาเอง แต่พรรคเพื่อไทยและตระกูลชิน ยอมรับเงื่อนไขของเขมรทั้งหมด เพราะเป็นญาติกัน

    การประชุม JBC ให้ยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ ก็แค่เล่นละครปาหี่ เพื่อประวิงเวลาหาทางส่งทักษิณ หนีออกนอกประเทศไปทางเขมรให้ได้เท่านั้น ในขณะที่ลิ่วล้อของทักษิณ ที่มีทั้งรัฐมนตรีและข้าราชการขายชาติ อัยการและศาล บางกลุ่มบางตัว ในประเทศไทย ก็พยายามดิ้นรน หาวิธีช่วยเหลือทักษิณ จนสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนว่า เกมนี้จะมีคนมองออกกันหมด และถึงเวลาที่จะจัดการสองตระกูลนี้ให้สาสม ที่บังอาจทำตัวขายชาติ จนไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร

    ***รอยแค้นนี้ฝังใจลึกมาช้านาน และใกล้จะถึงเวลากวาดล้างสองตระกูลนี้ให้สิ้นซากลง แบบหมดจรดและถาวร***

    ปัญหาของตระกูลชิน คือ ทักษิณ ต้องติดคุก และ ปปช.ชี้มูลความผิดต่อแพทองธาร ในคดีดิจิตอล วอลเล็ต ที่มีความผิดชัดเจน ที่เอาเงินภาษีรัฐไปแจก และทุจริตในเชิงนโยบาย ใช้เงินภาษีแผ่นดินไปแจกหาเสียงให้พรรคตนเอง และมีเจตนาทำผิดต่อเสถียรภาพทางการเงินและการคลัง

    ประเด็นมีสองทางคือ พ่อติดคุกและตามมาด้วยลูกสาวก็ต้องติดคุกตามพ่อ

    หรือ ต้องหนีออกนอกประเทศ ทั้งพ่อและลูกสาว และยอมให้รัฐบาลใหม่ ยึดทรัพย์ทั้งหมดของตระกูล ไปเป็นสมบัติของชาติ และตามไล่เช็ดปัดกวาด ลิ่วล้อลูกกระจ๊อก พวกกลุ่มขบวนการขายชาติ ให้หมดเกลี้ยง

    นี่คือทางตันของตระกูลชิน ที่กำลังเดินทางมาถึงปากเหว แม้จะพยายามสร้างภาพว่าตระกูลของตน ยังคงมีอำนาจทางการเมืองอยู่ก็ตาม ด้วยการสร้างภาพว่า กำลังปรับ ครม.อยู่ในตอนนี้ และพรรคเพื่อไทยยังมีอิทธิพลทางการเมืองอยู่ แต่เกมนี้ก็เป็นได้แค่เพียงฉากละครสั้นๆ ที่อีกไม่นาน ละครทั้งหมดก็ต้องถึงตอนจบในอีกไม่นาน อนุทิน จะเล่นเกมไปเป็นฝ่ายค้าน หากพรรคเพื่อไทย บีบจะเอากระทรวงมหาดไทยให้ได้ และบีบให้พรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคสีส้มแทน เพื่อขึ้นมาเป็นรัฐบาล และนั่นคือระเบิดเวลา ที่จะใช้โอกาสทำลายทั้งสองพรรคในคราเดียวกัน

    พรรคสีส้มเมื่อรวมกับพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาล พรรคสีส้มจะกลายเป็นสัญลักษณ์พรรคขายชาติในทันทีในสายตาของประชาชน และผลงานสุดห่วยแตกของพรรคเพื่อไทย กำลังดิ่งลงเหวอย่างหนัก หากพรรคไหนยังอยากจับมือกับพรรคนี้ โอกาสสูญพันธุ์ทางการเมืองมีสูงมาก

    และพรรคเพื่อไทยก็รู้ดีว่า หากเพื่อไทยรวมกับพรรคสีส้มเมื่อไหร่ และพรรคสีส้มก็รู้ดีไม่แพ้กันว่า****โอกาสสูงมาก หากสองพรรคนี้มารวมตัวกัน การปฏิวัติรัฐประหารจะเกิดขึ้นสูงมาก***

    นี่คือเกมที่พรรคเพื่อไทยกำลังถูกบีบ ให้กลายเป็นผีสัมภเวสีทางการเมือง ในขณะที่ภาคประชาชนและกองทัพ ก็กำลังเพ่งเล็ง ถึงพฤติกรรมของแพทองธารกับนายภูมิธรรม ต่อเจตนาและมีพฤติกรรมขายชาติและเอื้อผลประโยชน์ให้กับเขมร และกำลังเดินมาจนมุม เมื่อตระกูลฮุน ญาติฝั่งเขมร ก็กำลังจะพังพินาสทั้งตระกูลเช่นกัน

    และก็เป็นความจริงตามที่คาดการณ์เอาไว้ เขมรกำลังเผชิญน้ำท่วมอย่างหนักในหลายพื้นที่ จากปรากฏการณ์ Red Rain เข้าถล่มในหลายเมือง ทำให้อาวุธของเขมรจำนวนมาก ไปติดหล่มเคลื่อนที่ไม่ได้ กองทิ้งเป็นภูเขา แถมยังเกิดตึกถล่มอีก ไฟฟ้าเริ่มติดๆขัดๆ อินเตอร์เนตก็เริ่มใช้ไม่ได้ ผู้คนและกองทัพเขมรเริ่มขาดแคลนอาหารอย่างหนัก โรคมาลาเลียและไข้เลือดออก กำลังแพร่กระจายอย่างหนักกับทหารเขมรที่อยู่แนวหน้า บ่อนคาสิโนเริ่มร้าง
    คนเขมรไม่สามารถออกมาล่าสัตว์ป่าและอาหารป่าที่จะนำไปขายได้ในฝั่งไทย ผู้คนขาดเงินอย่างหนักที่จะเดินทางไปรักษาโรคได้ สะเบียงอาหารในประเทศก็เริ่มหร่อยหรอลง

    ล่าสุดฮุนมาเนต ก็โดนประธาน EU เรียกมาด่าและตำหนิอย่างรุนแรงว่า ชอบนำภาพที่ถ่ายคู่ผู้นำไปลงfacebook แล้วสร้างภาพเท็จและหลอกลวงคนเขมร และผู้นำฝรั่งเศส ก็ไม่เคยรับรู้แผนที่กระโปกของเขมร ที่อ้างเอาชื่อฝรั่งเศส มาเขียนแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 กับไทย แล้วบอกว่าฝรั่งเศสเป็นคนเขียเอง ซึ่งไม่เป็นความจริงสักอย่าง แถมเมื่อสืบสาวไปเรื่อยๆ ผู้นำฝรั่งเศสเอง เป็นผู้เตือนฮุนมาเนตอย่างแรง ที่เมืองนีซ ว่า ระวังจะเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารคืนให้กับประเทศไทยนะ เพราะไทยมีลายลักษณ์อักษร ในสัญญาแบ่งเขตแดนมาตั้งแต่สมัยยุคของ ร.5 แล้ว มีเสาแบ่งเขตแดนชัดเจนร่วมกัน และฝรั่งเศสก็จะไม่ยอมรับพื้นที่อัตราส่วน 1:200,000 ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเองด้วย

    ในขณะที่ประธาน UN ก็ออกมาซ้ำเติมตระกูลฮุนว่า เป็นเผด็จการทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดในภูมิภาคอาเซี่ยน เป็นตระกูลที่ผูกขาดอำนาจมานาน ใส่ร้ายและคอยทำร้ายฝ่ายค้าน เพื่ออำนาจของตระกูลตนเอง และถูก UN งดความช่วยเหลือเขมรในทุกด้านด้วย ซวยซ้ำซวยซ้อน

    ตระกูลฮุน กำลังทำให้บ้านเมืองตนเอง กำลังจะล่มจม หวังพึ่งมหาอำนาจก็ไม่มีใครสนใจสักประเทศ

    ผู้นำจีน แสดงความชัดเจน ไม่เข้าร่วมซ้อมรบทางทะเลกับเขมร เพราะรู้ไส้รู้พุงเขมรแล้ว ว่า ตระกูลฮุน ต้องเอาชื่อเสียงของจีน มาสร้างภาพให้เกิดความขัดแย้งกับไทย เลยสั่งสอนตบกะบาลตระกูลฮุน ด้วยการประกาศจะเข้าร่วมฝึกซ้อมเครื่องบินรบกับไทยในทันที

    และตามมาด้วยผู้นำอินโดนีเซีย ประกาศมีแผนจะเข้าร่วมซ้อมรบกับกองทัพไทยในอีกไม่นาน

    แต่ช้ากว่าผู้นำมาเลเซีย ที่ออกมาประกาศชัดเจนว่า จะขอเข้ามาทำการซ้อมรบทางทะเลกับกองทัพเรือไทย แถมใจดีเปิดด่านถาวรให้ไทย จากปัญหาเรื่องยาเสพติดที่มาเลเซียสั่งปิดด่านมานาน และยังขยายความร่วมมือทางการแพทย์ตามแนวชายแดนร่วมกันด้วย

    และในอีกไม่นาน การฝึกรบร่วมกันของกลุ่มประเทศอาเซี่ยน ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ที่ไม่มีเขมร ก็กำลังจะเกิดขึ้นตามมา

    แถมยังมีข่าวดีว่า รัสเซีย พร้อมจะส่งขีปนาวุธวิสัยไกล มาให้ไทยใช้ทดสอบแข่งกับอาวุธของค่ายตะวันตก ลองยิงไปสัก3-4 ลูก ลงไปที่กรุงพนมเปญ คงจะดีนะ

    และมีข่าวแว่วๆ ที่จะเป็นจริงว่า สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อาจเลือกกองทัพไทยเข้าฝึกซ้อมรบพิเศษร่วมกัน เหมือนจะวางรากฐานสร้างกลุ่ม NATO ในเขตภูมิถาคเอเซียในอนาคต

    ทะเลาะกับเขมรในช่วงนี้ มีแต่เรื่องดี้ดี เพราะมหาอำนาจโลกและกลุ่มประเทศของเอเซียและในอาเซี่ยน ยอมรับแสนยานุภาพทางทหารไทยกันหมดแล้ว

    ดูไปดูมา ไม่ได้มีแค่ไทย แต่เหมือนทั้งโลก กำลังช่วยกัน ถล่มซ้ำสองตระกูลนี้ ให้จมธรณีตายไปเลย
    ว่าไหม.

    CR. เดชา นฤนารท.
    15/6/68 10.32 น.
    ฝีเริ่มแตก ขบวนการขายชาติมานาน จะเริ่มผุดออกมาจากน้ำหนอง และไม่เกินความคาดหมายว่า การประชุม JBC ก็เป็นแค่ละคร ยื้อเวลาของสองตระกูล ที่กำลังเดินหมากมาถึงทางตัน ไทยไม่เคยรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503 ไทยไม่เคยรับแผนที่ ที่มาตราส่วน1:200,000 ของเขมร แต่ตระกูลชิน ที่ไม่ใช่คนรักชาติและกลุ่มขบวนการขายชาติ ยอมรับทั้งอำนาจศาลโลกและแอบลงนาม MOU ยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของเขมร จนทำให้ไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหาร ให้กับเขมร และทำให้นาย วีระ สมความคิด ต้องติดคุกในเขมร และพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดยนาย อภิสิทธิ์ ต้องยอมทำตามเงื่อนไขของเขมร แค่เพื่อช่วยเหลือ สส.ตนเองไม่ให้ติดคุกที่เขมร ทำให้คนไทยเจ็บปวดใจกันทั้งประเทศ ยกเว้นแค่พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ที่ดีใจที่เห็นไทยเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร ขบวนการขายชาติ มีทั้งอดีตนักการฑูตไทย ที่ประจำอยู่ประเทศเขมร และนักการฑูตในปัจจุบัน รวมไปถึง รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง อัยการ ศาลและกลุ่มนายทุนเจ้าสัวเชื้อจีน ที่ขายชาติ ที่ทำงานรับใช้สองตระกูลชินกับตระกูลฮุนมานาน การแอบใช้เล่ห์เหลี่ยม หลอกคนไทยว่า หากเราลงนาม MOUกับเขมรและยอมรับแผนที่ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเอง ที่อัตราส่วน 1:200,000 ไทยจะได้ประโยชน์ จากพื้นที่เขมรเพิ่มขึ้นถึง 100ตารางวา แต่ในความเป็นจริงคนพวกนี้ วางแผนให้เขมรได้พื้นที่ประเทศไทยทั้งแนวตะเข็บชายแดน รวมกันมากถึงกว่า 2 ล้านไร่ หากไทยยอมรับแผนที่ของเขมร ที่เขียนขึ้นมาเอง แต่พรรคเพื่อไทยและตระกูลชิน ยอมรับเงื่อนไขของเขมรทั้งหมด เพราะเป็นญาติกัน การประชุม JBC ให้ยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ ก็แค่เล่นละครปาหี่ เพื่อประวิงเวลาหาทางส่งทักษิณ หนีออกนอกประเทศไปทางเขมรให้ได้เท่านั้น ในขณะที่ลิ่วล้อของทักษิณ ที่มีทั้งรัฐมนตรีและข้าราชการขายชาติ อัยการและศาล บางกลุ่มบางตัว ในประเทศไทย ก็พยายามดิ้นรน หาวิธีช่วยเหลือทักษิณ จนสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนว่า เกมนี้จะมีคนมองออกกันหมด และถึงเวลาที่จะจัดการสองตระกูลนี้ให้สาสม ที่บังอาจทำตัวขายชาติ จนไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร ***รอยแค้นนี้ฝังใจลึกมาช้านาน และใกล้จะถึงเวลากวาดล้างสองตระกูลนี้ให้สิ้นซากลง แบบหมดจรดและถาวร*** ปัญหาของตระกูลชิน คือ ทักษิณ ต้องติดคุก และ ปปช.ชี้มูลความผิดต่อแพทองธาร ในคดีดิจิตอล วอลเล็ต ที่มีความผิดชัดเจน ที่เอาเงินภาษีรัฐไปแจก และทุจริตในเชิงนโยบาย ใช้เงินภาษีแผ่นดินไปแจกหาเสียงให้พรรคตนเอง และมีเจตนาทำผิดต่อเสถียรภาพทางการเงินและการคลัง ประเด็นมีสองทางคือ พ่อติดคุกและตามมาด้วยลูกสาวก็ต้องติดคุกตามพ่อ หรือ ต้องหนีออกนอกประเทศ ทั้งพ่อและลูกสาว และยอมให้รัฐบาลใหม่ ยึดทรัพย์ทั้งหมดของตระกูล ไปเป็นสมบัติของชาติ และตามไล่เช็ดปัดกวาด ลิ่วล้อลูกกระจ๊อก พวกกลุ่มขบวนการขายชาติ ให้หมดเกลี้ยง นี่คือทางตันของตระกูลชิน ที่กำลังเดินทางมาถึงปากเหว แม้จะพยายามสร้างภาพว่าตระกูลของตน ยังคงมีอำนาจทางการเมืองอยู่ก็ตาม ด้วยการสร้างภาพว่า กำลังปรับ ครม.อยู่ในตอนนี้ และพรรคเพื่อไทยยังมีอิทธิพลทางการเมืองอยู่ แต่เกมนี้ก็เป็นได้แค่เพียงฉากละครสั้นๆ ที่อีกไม่นาน ละครทั้งหมดก็ต้องถึงตอนจบในอีกไม่นาน อนุทิน จะเล่นเกมไปเป็นฝ่ายค้าน หากพรรคเพื่อไทย บีบจะเอากระทรวงมหาดไทยให้ได้ และบีบให้พรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคสีส้มแทน เพื่อขึ้นมาเป็นรัฐบาล และนั่นคือระเบิดเวลา ที่จะใช้โอกาสทำลายทั้งสองพรรคในคราเดียวกัน พรรคสีส้มเมื่อรวมกับพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาล พรรคสีส้มจะกลายเป็นสัญลักษณ์พรรคขายชาติในทันทีในสายตาของประชาชน และผลงานสุดห่วยแตกของพรรคเพื่อไทย กำลังดิ่งลงเหวอย่างหนัก หากพรรคไหนยังอยากจับมือกับพรรคนี้ โอกาสสูญพันธุ์ทางการเมืองมีสูงมาก และพรรคเพื่อไทยก็รู้ดีว่า หากเพื่อไทยรวมกับพรรคสีส้มเมื่อไหร่ และพรรคสีส้มก็รู้ดีไม่แพ้กันว่า****โอกาสสูงมาก หากสองพรรคนี้มารวมตัวกัน การปฏิวัติรัฐประหารจะเกิดขึ้นสูงมาก*** นี่คือเกมที่พรรคเพื่อไทยกำลังถูกบีบ ให้กลายเป็นผีสัมภเวสีทางการเมือง ในขณะที่ภาคประชาชนและกองทัพ ก็กำลังเพ่งเล็ง ถึงพฤติกรรมของแพทองธารกับนายภูมิธรรม ต่อเจตนาและมีพฤติกรรมขายชาติและเอื้อผลประโยชน์ให้กับเขมร และกำลังเดินมาจนมุม เมื่อตระกูลฮุน ญาติฝั่งเขมร ก็กำลังจะพังพินาสทั้งตระกูลเช่นกัน และก็เป็นความจริงตามที่คาดการณ์เอาไว้ เขมรกำลังเผชิญน้ำท่วมอย่างหนักในหลายพื้นที่ จากปรากฏการณ์ Red Rain เข้าถล่มในหลายเมือง ทำให้อาวุธของเขมรจำนวนมาก ไปติดหล่มเคลื่อนที่ไม่ได้ กองทิ้งเป็นภูเขา แถมยังเกิดตึกถล่มอีก ไฟฟ้าเริ่มติดๆขัดๆ อินเตอร์เนตก็เริ่มใช้ไม่ได้ ผู้คนและกองทัพเขมรเริ่มขาดแคลนอาหารอย่างหนัก โรคมาลาเลียและไข้เลือดออก กำลังแพร่กระจายอย่างหนักกับทหารเขมรที่อยู่แนวหน้า บ่อนคาสิโนเริ่มร้าง คนเขมรไม่สามารถออกมาล่าสัตว์ป่าและอาหารป่าที่จะนำไปขายได้ในฝั่งไทย ผู้คนขาดเงินอย่างหนักที่จะเดินทางไปรักษาโรคได้ สะเบียงอาหารในประเทศก็เริ่มหร่อยหรอลง ล่าสุดฮุนมาเนต ก็โดนประธาน EU เรียกมาด่าและตำหนิอย่างรุนแรงว่า ชอบนำภาพที่ถ่ายคู่ผู้นำไปลงfacebook แล้วสร้างภาพเท็จและหลอกลวงคนเขมร และผู้นำฝรั่งเศส ก็ไม่เคยรับรู้แผนที่กระโปกของเขมร ที่อ้างเอาชื่อฝรั่งเศส มาเขียนแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 กับไทย แล้วบอกว่าฝรั่งเศสเป็นคนเขียเอง ซึ่งไม่เป็นความจริงสักอย่าง แถมเมื่อสืบสาวไปเรื่อยๆ ผู้นำฝรั่งเศสเอง เป็นผู้เตือนฮุนมาเนตอย่างแรง ที่เมืองนีซ ว่า ระวังจะเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารคืนให้กับประเทศไทยนะ เพราะไทยมีลายลักษณ์อักษร ในสัญญาแบ่งเขตแดนมาตั้งแต่สมัยยุคของ ร.5 แล้ว มีเสาแบ่งเขตแดนชัดเจนร่วมกัน และฝรั่งเศสก็จะไม่ยอมรับพื้นที่อัตราส่วน 1:200,000 ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเองด้วย ในขณะที่ประธาน UN ก็ออกมาซ้ำเติมตระกูลฮุนว่า เป็นเผด็จการทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดในภูมิภาคอาเซี่ยน เป็นตระกูลที่ผูกขาดอำนาจมานาน ใส่ร้ายและคอยทำร้ายฝ่ายค้าน เพื่ออำนาจของตระกูลตนเอง และถูก UN งดความช่วยเหลือเขมรในทุกด้านด้วย ซวยซ้ำซวยซ้อน ตระกูลฮุน กำลังทำให้บ้านเมืองตนเอง กำลังจะล่มจม หวังพึ่งมหาอำนาจก็ไม่มีใครสนใจสักประเทศ ผู้นำจีน แสดงความชัดเจน ไม่เข้าร่วมซ้อมรบทางทะเลกับเขมร เพราะรู้ไส้รู้พุงเขมรแล้ว ว่า ตระกูลฮุน ต้องเอาชื่อเสียงของจีน มาสร้างภาพให้เกิดความขัดแย้งกับไทย เลยสั่งสอนตบกะบาลตระกูลฮุน ด้วยการประกาศจะเข้าร่วมฝึกซ้อมเครื่องบินรบกับไทยในทันที และตามมาด้วยผู้นำอินโดนีเซีย ประกาศมีแผนจะเข้าร่วมซ้อมรบกับกองทัพไทยในอีกไม่นาน แต่ช้ากว่าผู้นำมาเลเซีย ที่ออกมาประกาศชัดเจนว่า จะขอเข้ามาทำการซ้อมรบทางทะเลกับกองทัพเรือไทย แถมใจดีเปิดด่านถาวรให้ไทย จากปัญหาเรื่องยาเสพติดที่มาเลเซียสั่งปิดด่านมานาน และยังขยายความร่วมมือทางการแพทย์ตามแนวชายแดนร่วมกันด้วย และในอีกไม่นาน การฝึกรบร่วมกันของกลุ่มประเทศอาเซี่ยน ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ที่ไม่มีเขมร ก็กำลังจะเกิดขึ้นตามมา แถมยังมีข่าวดีว่า รัสเซีย พร้อมจะส่งขีปนาวุธวิสัยไกล มาให้ไทยใช้ทดสอบแข่งกับอาวุธของค่ายตะวันตก ลองยิงไปสัก3-4 ลูก ลงไปที่กรุงพนมเปญ คงจะดีนะ และมีข่าวแว่วๆ ที่จะเป็นจริงว่า สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อาจเลือกกองทัพไทยเข้าฝึกซ้อมรบพิเศษร่วมกัน เหมือนจะวางรากฐานสร้างกลุ่ม NATO ในเขตภูมิถาคเอเซียในอนาคต ทะเลาะกับเขมรในช่วงนี้ มีแต่เรื่องดี้ดี เพราะมหาอำนาจโลกและกลุ่มประเทศของเอเซียและในอาเซี่ยน ยอมรับแสนยานุภาพทางทหารไทยกันหมดแล้ว ดูไปดูมา ไม่ได้มีแค่ไทย แต่เหมือนทั้งโลก กำลังช่วยกัน ถล่มซ้ำสองตระกูลนี้ ให้จมธรณีตายไปเลย ว่าไหม. CR. เดชา นฤนารท. 15/6/68 10.32 น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 727 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ไม่มีอะไรบังเอิญ.
    ..เรื่องอีกมุม,อ่านเพลินๆ ที่เหลือขึ้นอยู่กับคุณไตร่ตรองเอง.

    ..Underground Warfare โดย ARIEL ทาง X

    คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ทำให้ร่างกายของคนทั้งร่างระเหยเมื่อสัมผัสหรือไม่? มันมืดสนิท โดยเฉพาะถ้าคุณอยู่ในระบบถ้ำใต้ดิน คุณเรียกมันว่าอะไรได้?

    “กำแพงแห่งความเสื่อมโทรม”? หรือ “กำแพงแห่งการระเหยที่อันตราย”? หรืออาจเรียกอีกอย่างว่า “สนามสลายตัวทางชีวภาพ” หรือ “กำแพงแห่งการละลายโมเลกุล” ฉันไม่แน่ใจ แต่เป็นสิ่งที่กองทัพของเราต้องเผชิญ และหลายคนก็เสียชีวิตด้วยวิธีนี้

    คุณลองนึกภาพดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่รู้ว่ากำแพงเหล่านี้อยู่ที่ไหนในระบบถ้ำหรืออุโมงค์ที่มืดสนิท ลองนึกภาพว่าไม่เพียงแต่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามนี้เท่านั้น แต่ยังต้องจัดการกับสิ่งที่อาจไร้มนุษยธรรมซึ่งหากินเวลากลางคืนและมองเห็นได้อย่างชัดเจนในความมืดด้วย?

    คุณรู้ไหมว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการกำจัดพวกโง่ๆ เหล่านี้และทำแผนที่พวกมัน? หลายทศวรรษที่ผ่านมา พวกเราหลายคนไม่อยากเห็นโลกนี้ในแบบที่มันเป็นจริงๆ คุณต้องเข้าใจว่าสงครามใต้ดินนั้นร้ายแรงกว่าสิ่งที่คุกคามบนพื้นผิวมาก

    การเผชิญหน้าระหว่าง Deep Springs และ Nevada Test Site อาจเป็นเรื่องใหญ่และวิกฤตที่สุด แผนที่ความผิดปกติของแรงโน้มถ่วงยังชี้ให้เห็นถึงการมีอยู่ของถ้ำขนาดใหญ่ใต้พื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย ตัวแทน "YF" ให้พิกัดต่อไปนี้เป็นตำแหน่งของสิ่งอำนวยความสะดวกการขยายตัวของ Deep Springs โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ฐานภูเขาซึ่งมีประตูทางเข้าไปยังสิ่งอำนวยความสะดวกใต้ดิน: N 37 22 30 - E 117 58 0; N 38 21 0 - E 115 35 0; N 35 39 0 - E 114 51 0; และ Yucca Lake: N 37 0 30 - E 116 7 0

    ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ "ไดแอน" อ้างว่าเธอเคยเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวหลายครั้งตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ระหว่างการเผชิญหน้าครั้งหนึ่ง เธอถูกส่งตัวผ่านลิฟต์แม่เหล็กไปยังสถานที่ร่วมระหว่างมนุษย์ต่างดาวและทหารใต้ศูนย์ทดสอบอาวุธกองทัพเรือทะเลสาบจีน ซึ่งเธอสังเกตเห็นมนุษย์และสัตว์จำนวนมากในกรงที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม นอกจากนี้ยังมีสถานที่ใต้ดินขนาดใหญ่ที่อาจอยู่ใต้ยอดเขา Argus และ/หรือ Southeast Peaks ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ Trona ในเขตอนุรักษ์ทะเลสาบจีน

    ตอนนี้คุณทุกคนควรทราบข้อเท็จจริงนี้แล้วเพราะฉันได้แสดงร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรที่เสนอในปี 2021 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร Christopher Smith เพื่อหยุดการทดลองลูกผสมระหว่างมนุษย์และสัตว์ สิ่งนี้ควรบอกทุกคนที่อ่านสิ่งนี้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่ทศวรรษ 1970 ฉันได้อธิบายว่าทั้งหมดนี้ทำอย่างไร

    นี่คือเหตุผลหนึ่งที่โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าเรากำลังเผชิญกับ "เครือข่ายค้าประเวณีโบราณ" เพื่อนๆ หากคุณรู้ว่ากองทัพของเรากำลังเผชิญกับอะไรอยู่ด้านล่างเราหลายไมล์ คุณคงจะให้อภัยได้มากขึ้นเล็กน้อยในการคาดหวังว่าการดำเนินการนี้จะดำเนินต่อไปโดยไม่บ่นว่าทำไมจึงใช้เวลานานมาก

    นี่เป็นองค์ประกอบอื่นนอกเหนือจากสิ่งที่เราเห็นบนพื้นผิวในแง่ขององค์ประกอบทางการเมือง เพราะเมื่อพวกเขาพบผู้คนที่ต้องการการช่วยเหลือ พวกเขาต้องเผชิญกับความเป็นไปได้ที่พวกเขากำลังพาไวรัสร้ายแรงมาด้วย หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาจำเป็นต้องล็อกดาวน์ เพราะมีแนวโน้มสูงมากที่กองทัพของเราเองจะตกเป็นเหยื่อของอันตรายนี้ หากเปิดห้องแล็บชีวภาพที่มีระดับการปนเปื้อนสูง ซึ่งไม่สามารถกลับขึ้นมาบนพื้นผิวได้

    โรคต่างๆ ที่นั่นจะทำให้เกิดโรคระบาดทั่วโลกอย่างแท้จริง ทำไมน่ะหรือ? เพราะนักวิทยาศาสตร์ด้านมืดกำลังเล่นกับสารเคมีที่ไม่ได้มาจากโลกใบนี้ด้วยซ้ำ เป็นสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ที่เราถือว่าอันตรายอยู่แล้ว

    ~T แก้ไข: คิดถึงแผ่นดินไหว คิดถึงน้ำท่วม คิดถึงอาวุธไมโครเวฟ

    ฉันบอกคุณแล้วว่าสงครามนี้จะดำเนินต่อไปอีกนานหลังจากที่ทรัมป์กลับมา แต่แล้วโลกก็จะรู้ อาเรียล

    ขออธิษฐานให้กองกำลังพันธมิตรโลกและกาแล็กซีของเรา

    แกะที่ไม่รู้เรื่องราวกำลังเผชิญกับปัญหาที่ไร้ค่าของตนเอง..

    ------------------------------------
    ⚔สงครามที่มองไม่เห็น⚔ ใน
    @DUMBSandUNDERGROUND

    สงครามที่มองไม่เห็น - กวาดล้างใต้ดินและช่วยเหลือเด็กและผู้ใหญ่

    https://rumble.com/v2ul25y-the-invisble-war-cleanout-the-underground-and-rescuing-children-and-adults.html
    ..ไม่มีอะไรบังเอิญ. ..เรื่องอีกมุม,อ่านเพลินๆ ที่เหลือขึ้นอยู่กับคุณไตร่ตรองเอง. ..Underground Warfare โดย ARIEL ทาง X คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ทำให้ร่างกายของคนทั้งร่างระเหยเมื่อสัมผัสหรือไม่? มันมืดสนิท โดยเฉพาะถ้าคุณอยู่ในระบบถ้ำใต้ดิน คุณเรียกมันว่าอะไรได้? “กำแพงแห่งความเสื่อมโทรม”? หรือ “กำแพงแห่งการระเหยที่อันตราย”? หรืออาจเรียกอีกอย่างว่า “สนามสลายตัวทางชีวภาพ” หรือ “กำแพงแห่งการละลายโมเลกุล” ฉันไม่แน่ใจ แต่เป็นสิ่งที่กองทัพของเราต้องเผชิญ และหลายคนก็เสียชีวิตด้วยวิธีนี้ คุณลองนึกภาพดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่รู้ว่ากำแพงเหล่านี้อยู่ที่ไหนในระบบถ้ำหรืออุโมงค์ที่มืดสนิท ลองนึกภาพว่าไม่เพียงแต่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามนี้เท่านั้น แต่ยังต้องจัดการกับสิ่งที่อาจไร้มนุษยธรรมซึ่งหากินเวลากลางคืนและมองเห็นได้อย่างชัดเจนในความมืดด้วย? คุณรู้ไหมว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการกำจัดพวกโง่ๆ เหล่านี้และทำแผนที่พวกมัน? หลายทศวรรษที่ผ่านมา พวกเราหลายคนไม่อยากเห็นโลกนี้ในแบบที่มันเป็นจริงๆ คุณต้องเข้าใจว่าสงครามใต้ดินนั้นร้ายแรงกว่าสิ่งที่คุกคามบนพื้นผิวมาก การเผชิญหน้าระหว่าง Deep Springs และ Nevada Test Site อาจเป็นเรื่องใหญ่และวิกฤตที่สุด แผนที่ความผิดปกติของแรงโน้มถ่วงยังชี้ให้เห็นถึงการมีอยู่ของถ้ำขนาดใหญ่ใต้พื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย ตัวแทน "YF" ให้พิกัดต่อไปนี้เป็นตำแหน่งของสิ่งอำนวยความสะดวกการขยายตัวของ Deep Springs โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ฐานภูเขาซึ่งมีประตูทางเข้าไปยังสิ่งอำนวยความสะดวกใต้ดิน: N 37 22 30 - E 117 58 0; N 38 21 0 - E 115 35 0; N 35 39 0 - E 114 51 0; และ Yucca Lake: N 37 0 30 - E 116 7 0 ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ "ไดแอน" อ้างว่าเธอเคยเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวหลายครั้งตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก ระหว่างการเผชิญหน้าครั้งหนึ่ง เธอถูกส่งตัวผ่านลิฟต์แม่เหล็กไปยังสถานที่ร่วมระหว่างมนุษย์ต่างดาวและทหารใต้ศูนย์ทดสอบอาวุธกองทัพเรือทะเลสาบจีน ซึ่งเธอสังเกตเห็นมนุษย์และสัตว์จำนวนมากในกรงที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม นอกจากนี้ยังมีสถานที่ใต้ดินขนาดใหญ่ที่อาจอยู่ใต้ยอดเขา Argus และ/หรือ Southeast Peaks ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ Trona ในเขตอนุรักษ์ทะเลสาบจีน ตอนนี้คุณทุกคนควรทราบข้อเท็จจริงนี้แล้วเพราะฉันได้แสดงร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรที่เสนอในปี 2021 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร Christopher Smith เพื่อหยุดการทดลองลูกผสมระหว่างมนุษย์และสัตว์ สิ่งนี้ควรบอกทุกคนที่อ่านสิ่งนี้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่ทศวรรษ 1970 ฉันได้อธิบายว่าทั้งหมดนี้ทำอย่างไร นี่คือเหตุผลหนึ่งที่โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าเรากำลังเผชิญกับ "เครือข่ายค้าประเวณีโบราณ" เพื่อนๆ หากคุณรู้ว่ากองทัพของเรากำลังเผชิญกับอะไรอยู่ด้านล่างเราหลายไมล์ คุณคงจะให้อภัยได้มากขึ้นเล็กน้อยในการคาดหวังว่าการดำเนินการนี้จะดำเนินต่อไปโดยไม่บ่นว่าทำไมจึงใช้เวลานานมาก นี่เป็นองค์ประกอบอื่นนอกเหนือจากสิ่งที่เราเห็นบนพื้นผิวในแง่ขององค์ประกอบทางการเมือง เพราะเมื่อพวกเขาพบผู้คนที่ต้องการการช่วยเหลือ พวกเขาต้องเผชิญกับความเป็นไปได้ที่พวกเขากำลังพาไวรัสร้ายแรงมาด้วย หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาจำเป็นต้องล็อกดาวน์ เพราะมีแนวโน้มสูงมากที่กองทัพของเราเองจะตกเป็นเหยื่อของอันตรายนี้ หากเปิดห้องแล็บชีวภาพที่มีระดับการปนเปื้อนสูง ซึ่งไม่สามารถกลับขึ้นมาบนพื้นผิวได้ โรคต่างๆ ที่นั่นจะทำให้เกิดโรคระบาดทั่วโลกอย่างแท้จริง ทำไมน่ะหรือ? เพราะนักวิทยาศาสตร์ด้านมืดกำลังเล่นกับสารเคมีที่ไม่ได้มาจากโลกใบนี้ด้วยซ้ำ เป็นสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ที่เราถือว่าอันตรายอยู่แล้ว ~T แก้ไข: คิดถึงแผ่นดินไหว คิดถึงน้ำท่วม คิดถึงอาวุธไมโครเวฟ ฉันบอกคุณแล้วว่าสงครามนี้จะดำเนินต่อไปอีกนานหลังจากที่ทรัมป์กลับมา แต่แล้วโลกก็จะรู้ อาเรียล ขออธิษฐานให้กองกำลังพันธมิตรโลกและกาแล็กซีของเรา แกะที่ไม่รู้เรื่องราวกำลังเผชิญกับปัญหาที่ไร้ค่าของตนเอง.. ------------------------------------ ⚔สงครามที่มองไม่เห็น⚔ ใน @DUMBSandUNDERGROUND สงครามที่มองไม่เห็น - กวาดล้างใต้ดินและช่วยเหลือเด็กและผู้ใหญ่ https://rumble.com/v2ul25y-the-invisble-war-cleanout-the-underground-and-rescuing-children-and-adults.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..มุมมองสายใต้ดินพวกฝ่ายแสง,เขาว่า ภาคอีสานหรือประเทศไทยทั้งหมดทั่วไทยล่ะ กทม.ก็ธรรมดาที่ไหน,เหนือก็ใช่ย่อย,แต่ในที่นี้จะพูดที่ภาคอีสานคร่าวๆ อีสานผีบ้าว่าว่ามีโพรงใต้อีสานตรึมเพราะเหี้ยฝ่ายมืดขุดทะลุไปถึงจีนโน้น อีสานใต้เขมรลาวเวียดนามตัวพ่อขนส่งอวัยวะมนุษย์ลงอุโมงค์ใต้ดินโพรงนี้ตรึม,เขมรจึงเป็นตัวเปิดหมากโชว์ก่อนว่าตัวพ่อฮับสาระพัดเถื่อนและค้ามนุษย์ตัวพ่อที่สองรองจากพม่า,และจีนฝ่ายมืดใช้ก่อการหรือย้ายมาจากพม่าก็ว่าที่เขมรนี้,มันขนลงอุโมงค์ใต้ดินตรึมอาจสมัยโอบามามาเยือนไทยล่ะขนอุปกรณ์ขุดเจาะมาด้วย อาจพร้อมกันหลายชุดที่ขุดอุโมงค์ใหญ่ใต้กทม.เรา สมัยหม่อมๆอะไรไม่รู้เป็นผู้ว่า ปัจจุบันอาจถูกเก็บแล้วหลังนอนบนเตียงพักหนึ่ง,มันเจาะกันอย่างบ้าคลั่งเลยล่ะ จนออกกฎหมายห้ามคนไทยเจาะบ่อบาดาลกันเองสบายใจต้องมาขอใบอนุญาตนะ ยุคไหนมีกฎนี้ยุคนั้นล่ะมันเริ่มขุดเจาะแล้ว,ก่อนโอบามามาอีกก็ด้วย,มันกลัวคนไทยเจาะลึกเกินไปแล้วไปถูกรูโพรงอุโมงค์มันทำให้อุปกรณ์กันอุโมงค์มันพังมันรั่ว,ทหารไทยที่เป็นขี้ข้าสมุนลูกน้องฝ่ายมืดจึงไม่กล้าเขาไปยุ่งหรือมองผ่านแบบคุ้มครองในตัว,ไม่ยึดคืนพื้นที่ ไม่ควบคุม ปล่อยรุกรานก็มีมุกสาระพัดให้มโนผีบ้าให้พอเชื่อบ้าๆได้,ลาวชั่งกิโลคนสาวคนเด็กขายกันตรึมที่เป็นข่าวเป็นคลิปหลุดออกมา,จีนเทาจีนแรปทีเลี่ยนหาวัตถุดิบไปให้นายมันแดกล่ะก่อนแดกก็เอามันส์ก่อนฆ่าเพราะอะดริโนโครมดี,สไตล์อิสลามมุสลิมสั่งสอนผ่านอนูนาคีสมุนลูกน้องแรปที่เลี่ยนสั่งอีกทีพวกนี้โง่กว่าแรปทีเลี่ยน,อาหรับเชื่ออนูนาคีสั่งสอนจนเกิดศาสนาผีบ้านี้ตรึม,ศาสนาดาเอาเด็ก6-7ขวบทำเมีย เอาแม่หม่ายทำเมีย เอาคนอ้วนทำเมีย เอามันส์แพะแกะก่อนฆ่า,เอากระเทยพวกสีรุ้งเกย์สองเพศตรึมเพราะแรปทีเลี่ยนไม่สนใจเพศ เอามันส์พอ,จึงใครแสดงโลโก้สีรุ้ง เสมือนพวกนี้เหี้ยโง่ถูกรีตลัทธิฝ่ายมืดตีเนียนปลุกเข้าพวกมันโง่ๆเหมือนเป็นฝ่ายมันไม่รู้ตัวโง่ๆนั้นล่ะ,แบบสีรุ้งbricsผีบ้าก็ทำเหมือนพวกสไตล์agenda2030หรือNWOนั้นล่ะ,ใครหลงไปใช่เป็นสัญลักษณ์องค์กรกลับหลังหันทันทีเน้อจะเป็นเครื่องชูสัญลักษณ์มันไปด้วย,ประเทศไทยเราไปทำสัญลักษณ์มันเยอะพอแล้ว ตาเดียวตาปีศาจแบบโซนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเราก็ด้วย,ดาวเทียมซูมได้ จะเห็นเป็นรูปตาปีศาจชัดเจน คนไทยไปใช้วงเวียนนั้นไปเพิ่มพลังงานฝ่ายมืดให้แข็งแกร่งก็ว่า มันดูดพลังงานประเทศเราดูดพลังงานคนไทยเราแบบไม่รู้ตัว,ถ้าเชื่อเรื่องพลังเรื่องความถี่เรื่องคลื่นคงเข้าใจ,อีสานอนาคตแบบหมอปลายทายคงไม่ผิด,อาจดินแยกดินยุบดินพังอาจลาวาดันออกมาก็ด้วย,มันอาจขุดเจาะรอไว้ด้วยตามแผน,ไหวตามอุโมงค์ใต้ดินทั่วอีสานนั้นล่ะ,นี้ภาคอื่นๆก็ไม่ได้น้อยหน้านะแม้แต่ลาวเขมรเวียดนามก็เถอะ,เขมรยุบจมหายทั้งประเทศลงทะเลก็ไอนี้มีส่วนด้วยในอัตราเร่ง.แต่อีสานเป็นโพรงเกลือหินยุคเก่าจึงแข็งแรงหน่อย.ญี่ปุ่นเหี้ยจึงทำmouลับๆยุคทหารยุคเก่าๆยึดอำนาจแล้วเสือกไปตกลงกับญี่ปุ่นเอากากนิวเคลียร์มาฝังทิ้งในโพรงเกลือโปรแตสบ้านเรา,มันระยำจริงๆนะถ้าเป็นจริงที่กูรูแฉ.
    ..มาส่วนตัวในด้านมโนตัวเองผีบ้าในฝันก็ว่า เคยฝันว่า อีสานตามลุ่มแม่น้ำโขง มีลาวาทะลุออกมาจากใต้ดินด้วยจริงๆคนหนีตายเต็มไปหมด,ตลอดแนวอาจจังหวัดติดลำน้ำแม่โขงนี้ล่ะ ไม่รู้จังหวัดไหน มันทะลุออกมากลางตัวเมืองอำเภอเมืองเลย,ทั้งน้ำลาวาแดงไหล,ทั้งน้ำท่วมร่วมด้วย,เห็นไฟความร้อนและน้ำสีแดงพุงสูงกว่า20-30เมตรด้วยล่ะ,คนตายเป็นอันมาก,เดินผ่านทางในการอพยพหนีตาย คนตายรอบๆทางผ่านเพื่ออพยพหนีมีศพเป็นอันมาก,,จังหวัดริมโขงทั้งหมดจึงน่าจะเฝ้าระวังไว้ก็ดี,นี้ฝันผีบ้านะ,เคยพูดมาหลายปีแล้วและฝันไม่กี่ปีมานี้ด้วย,หมอดูมาพูดอีกหลังตึกสตง.ถล่มว่าธรรมชาติเอาคืนแล้วก็ว่า,แต่ส่วนตัวเชื่อพวกเหี้ยฝ่ายมืดล่ะทำเองหมด มันสร้างแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินยุบแผ่นดินแยกได้หมดล่ะ มันมีเครื่องมืออุปกรณ์พร้อมหมดแล้วในยุคสมัยนี้,ติดตั้งครบทุกจุดทั่วโลกไม่เว้นแม้ที่ไทยเรา.
    ..
    ..https://youtube.com/shorts/IH6y26Xtqzg?si=xbH8Mni-_0mTcOYS
    ..มุมมองสายใต้ดินพวกฝ่ายแสง,เขาว่า ภาคอีสานหรือประเทศไทยทั้งหมดทั่วไทยล่ะ กทม.ก็ธรรมดาที่ไหน,เหนือก็ใช่ย่อย,แต่ในที่นี้จะพูดที่ภาคอีสานคร่าวๆ อีสานผีบ้าว่าว่ามีโพรงใต้อีสานตรึมเพราะเหี้ยฝ่ายมืดขุดทะลุไปถึงจีนโน้น อีสานใต้เขมรลาวเวียดนามตัวพ่อขนส่งอวัยวะมนุษย์ลงอุโมงค์ใต้ดินโพรงนี้ตรึม,เขมรจึงเป็นตัวเปิดหมากโชว์ก่อนว่าตัวพ่อฮับสาระพัดเถื่อนและค้ามนุษย์ตัวพ่อที่สองรองจากพม่า,และจีนฝ่ายมืดใช้ก่อการหรือย้ายมาจากพม่าก็ว่าที่เขมรนี้,มันขนลงอุโมงค์ใต้ดินตรึมอาจสมัยโอบามามาเยือนไทยล่ะขนอุปกรณ์ขุดเจาะมาด้วย อาจพร้อมกันหลายชุดที่ขุดอุโมงค์ใหญ่ใต้กทม.เรา สมัยหม่อมๆอะไรไม่รู้เป็นผู้ว่า ปัจจุบันอาจถูกเก็บแล้วหลังนอนบนเตียงพักหนึ่ง,มันเจาะกันอย่างบ้าคลั่งเลยล่ะ จนออกกฎหมายห้ามคนไทยเจาะบ่อบาดาลกันเองสบายใจต้องมาขอใบอนุญาตนะ ยุคไหนมีกฎนี้ยุคนั้นล่ะมันเริ่มขุดเจาะแล้ว,ก่อนโอบามามาอีกก็ด้วย,มันกลัวคนไทยเจาะลึกเกินไปแล้วไปถูกรูโพรงอุโมงค์มันทำให้อุปกรณ์กันอุโมงค์มันพังมันรั่ว,ทหารไทยที่เป็นขี้ข้าสมุนลูกน้องฝ่ายมืดจึงไม่กล้าเขาไปยุ่งหรือมองผ่านแบบคุ้มครองในตัว,ไม่ยึดคืนพื้นที่ ไม่ควบคุม ปล่อยรุกรานก็มีมุกสาระพัดให้มโนผีบ้าให้พอเชื่อบ้าๆได้,ลาวชั่งกิโลคนสาวคนเด็กขายกันตรึมที่เป็นข่าวเป็นคลิปหลุดออกมา,จีนเทาจีนแรปทีเลี่ยนหาวัตถุดิบไปให้นายมันแดกล่ะก่อนแดกก็เอามันส์ก่อนฆ่าเพราะอะดริโนโครมดี,สไตล์อิสลามมุสลิมสั่งสอนผ่านอนูนาคีสมุนลูกน้องแรปที่เลี่ยนสั่งอีกทีพวกนี้โง่กว่าแรปทีเลี่ยน,อาหรับเชื่ออนูนาคีสั่งสอนจนเกิดศาสนาผีบ้านี้ตรึม,ศาสนาดาเอาเด็ก6-7ขวบทำเมีย เอาแม่หม่ายทำเมีย เอาคนอ้วนทำเมีย เอามันส์แพะแกะก่อนฆ่า,เอากระเทยพวกสีรุ้งเกย์สองเพศตรึมเพราะแรปทีเลี่ยนไม่สนใจเพศ เอามันส์พอ,จึงใครแสดงโลโก้สีรุ้ง เสมือนพวกนี้เหี้ยโง่ถูกรีตลัทธิฝ่ายมืดตีเนียนปลุกเข้าพวกมันโง่ๆเหมือนเป็นฝ่ายมันไม่รู้ตัวโง่ๆนั้นล่ะ,แบบสีรุ้งbricsผีบ้าก็ทำเหมือนพวกสไตล์agenda2030หรือNWOนั้นล่ะ,ใครหลงไปใช่เป็นสัญลักษณ์องค์กรกลับหลังหันทันทีเน้อจะเป็นเครื่องชูสัญลักษณ์มันไปด้วย,ประเทศไทยเราไปทำสัญลักษณ์มันเยอะพอแล้ว ตาเดียวตาปีศาจแบบโซนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเราก็ด้วย,ดาวเทียมซูมได้ จะเห็นเป็นรูปตาปีศาจชัดเจน คนไทยไปใช้วงเวียนนั้นไปเพิ่มพลังงานฝ่ายมืดให้แข็งแกร่งก็ว่า มันดูดพลังงานประเทศเราดูดพลังงานคนไทยเราแบบไม่รู้ตัว,ถ้าเชื่อเรื่องพลังเรื่องความถี่เรื่องคลื่นคงเข้าใจ,อีสานอนาคตแบบหมอปลายทายคงไม่ผิด,อาจดินแยกดินยุบดินพังอาจลาวาดันออกมาก็ด้วย,มันอาจขุดเจาะรอไว้ด้วยตามแผน,ไหวตามอุโมงค์ใต้ดินทั่วอีสานนั้นล่ะ,นี้ภาคอื่นๆก็ไม่ได้น้อยหน้านะแม้แต่ลาวเขมรเวียดนามก็เถอะ,เขมรยุบจมหายทั้งประเทศลงทะเลก็ไอนี้มีส่วนด้วยในอัตราเร่ง.แต่อีสานเป็นโพรงเกลือหินยุคเก่าจึงแข็งแรงหน่อย.ญี่ปุ่นเหี้ยจึงทำmouลับๆยุคทหารยุคเก่าๆยึดอำนาจแล้วเสือกไปตกลงกับญี่ปุ่นเอากากนิวเคลียร์มาฝังทิ้งในโพรงเกลือโปรแตสบ้านเรา,มันระยำจริงๆนะถ้าเป็นจริงที่กูรูแฉ. ..มาส่วนตัวในด้านมโนตัวเองผีบ้าในฝันก็ว่า เคยฝันว่า อีสานตามลุ่มแม่น้ำโขง มีลาวาทะลุออกมาจากใต้ดินด้วยจริงๆคนหนีตายเต็มไปหมด,ตลอดแนวอาจจังหวัดติดลำน้ำแม่โขงนี้ล่ะ ไม่รู้จังหวัดไหน มันทะลุออกมากลางตัวเมืองอำเภอเมืองเลย,ทั้งน้ำลาวาแดงไหล,ทั้งน้ำท่วมร่วมด้วย,เห็นไฟความร้อนและน้ำสีแดงพุงสูงกว่า20-30เมตรด้วยล่ะ,คนตายเป็นอันมาก,เดินผ่านทางในการอพยพหนีตาย คนตายรอบๆทางผ่านเพื่ออพยพหนีมีศพเป็นอันมาก,,จังหวัดริมโขงทั้งหมดจึงน่าจะเฝ้าระวังไว้ก็ดี,นี้ฝันผีบ้านะ,เคยพูดมาหลายปีแล้วและฝันไม่กี่ปีมานี้ด้วย,หมอดูมาพูดอีกหลังตึกสตง.ถล่มว่าธรรมชาติเอาคืนแล้วก็ว่า,แต่ส่วนตัวเชื่อพวกเหี้ยฝ่ายมืดล่ะทำเองหมด มันสร้างแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินยุบแผ่นดินแยกได้หมดล่ะ มันมีเครื่องมืออุปกรณ์พร้อมหมดแล้วในยุคสมัยนี้,ติดตั้งครบทุกจุดทั่วโลกไม่เว้นแม้ที่ไทยเรา. .. ..https://youtube.com/shorts/IH6y26Xtqzg?si=xbH8Mni-_0mTcOYS
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ติดตามสถานการณ์ฝนถล่มกรุงคืนที่ผ่านมา วังทองหลางสูงสุด 104 มม. น้ำท่วมขังหลายจุด แต่ล่าสุดแห้งหมดแล้ว
    https://www.thai-tai.tv/news/19278/
    ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ติดตามสถานการณ์ฝนถล่มกรุงคืนที่ผ่านมา วังทองหลางสูงสุด 104 มม. น้ำท่วมขังหลายจุด แต่ล่าสุดแห้งหมดแล้ว https://www.thai-tai.tv/news/19278/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • การสังเกตธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก่อนเกิดภัยพิบัติเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยเตือนภัยล่วงหน้าได้ ต่อไปนี้เป็นวิธีการสังเกตตามประเภทภัยพิบัติ:

    ### **1. น้ำท่วม/ดินถล่ม**
    - **สังเกตระดับน้ำและสภาพน้ำ**:
    - น้ำในแม่น้ำ/ลำห้วยสูงขึ้นเร็วผิดปกติ หรือเปลี่ยนสีเป็นสีโคลนขุ่น
    - มีฟองอากาศหรือกลิ่นโคลนค่อนข้างฉุนบริเวณแหล่งน้ำ
    - **สภาพดินและสิ่งแวดล้อม**:
    - ดินบนภูเขาหรือทางลาดชันมีรอยแตกหรือนูนขึ้น
    - มีน้ำซึมออกมาจากเชิงเขาแม้ฝนไม่ตก
    - ต้นไม้เอียงล้มทิศทางเดียวกันหรือมีเสียงต้นไม้หัก
    - **พฤติกรรมสัตว์**:
    - หนู/งู อพยพขึ้นที่สูงผิดปกติ
    - มด/แมลงย้ายรังขึ้นที่สูง

    ### **2. แผ่นดินไหว**
    - **สัญญาณธรรมชาติ**:
    - **ท้องฟ้า**: แสงประหลาด (Earthquake Light) เช่น แสงสีฟ้า/เขียว (เกิดจากแรงเค้นทางธรณี)
    - **พฤติกรรมสัตว์**: สัตว์เลี้ยงตื่นตระหนก, นกบินวุ่นวาย, สัตว์เลื้อยคลานหนีออกมาจากรู
    - **ระดับน้ำ**: น้ำในบ่อ/บาดาลขุ่นหรือเปลี่ยนระดับกะทันหัน

    ### **3. สึนามิ**
    - **สัญญาณเตือนหลังแผ่นดินไหว**:
    - **น้ำทะเลถอยร่น**เร็วและไกลผิดปกติ (ชายหาดแห้งเกินปกติ)
    - ได้ยินเสียงคลื่นดังผิดปกติเหมือนรถไฟหรือเครื่องยนต์
    - **สัตว์ทะเล** เช่น ปลาหรือปูหนีขึ้นมาบนชายฝั่ง

    ### **4. พายุรุนแรง**
    - **สังเกตท้องฟ้าและบรรยากาศ**:
    - เมฆสีเขียวหรือดำคล้ำ (บ่งชี้ลูกเห็บหรือพายุทอร์นาโด)
    - ลมสงบกะทันหันก่อนพายุเข้า
    - **เมฆรูปฐานแบนเรียบ (Wall Cloud)** หรือเมฆหมุน

    ### **5. ภัยแล้ง**
    - **พืชพรรณธรรมชาติ**: ใบไม้เหี่ยว/เปลี่ยนสีเร็วกว่าฤดูกาล
    - **พฤติกรรมสัตว์**: สัตว์ป่าออกหาอาหารใกล้ชุมชน
    - **แหล่งน้ำ**: น้ำในบ่อ/หนองน้ำแห้งขอดเร็วผิดปกติ

    ### **แนวทางปฏิบัติเมื่อพบสัญญาณ**
    1. **ไม่ประมาท**: สัญญาณธรรมชาติไม่เสถียร 100% แต่ให้เตรียมพร้อม
    2. **ติดตามข้อมูล**: เช็คแอปฯ เตือนภัย (เช่น ThaiPBS, กรมอุตุนิยมวิทยา)
    3. **อพยพทันที** หาก:
    - ได้ยินเสียงคำรามใต้ดิน (ดินถล่ม)
    - น้ำทะเลถอยร่นผิดปกติ (สึนามิ)
    - แผ่นดินไหวรุนแรงจนยืนไม่ตรง

    ### **แหล่งข้อมูลไทย**
    - **แอปพลิเคชัน**: "THAI DISASTER ALERT" (โดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
    - **เว็บไซต์**: [กรมอุตุนิยมวิทยา](https://www.tmd.go.th), [กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย](https://www.disaster.go.th)

    > **ข้อควรระวัง**: สัญญาณธรรมชาติเป็นเพียงเครื่องเตือนเบื้องต้น **ต้องผสมผสานกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์** และระบบเตือนภัยของทางการเสมอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด!
    การสังเกตธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก่อนเกิดภัยพิบัติเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยเตือนภัยล่วงหน้าได้ ต่อไปนี้เป็นวิธีการสังเกตตามประเภทภัยพิบัติ: ### **1. น้ำท่วม/ดินถล่ม** - **สังเกตระดับน้ำและสภาพน้ำ**: - น้ำในแม่น้ำ/ลำห้วยสูงขึ้นเร็วผิดปกติ หรือเปลี่ยนสีเป็นสีโคลนขุ่น - มีฟองอากาศหรือกลิ่นโคลนค่อนข้างฉุนบริเวณแหล่งน้ำ - **สภาพดินและสิ่งแวดล้อม**: - ดินบนภูเขาหรือทางลาดชันมีรอยแตกหรือนูนขึ้น - มีน้ำซึมออกมาจากเชิงเขาแม้ฝนไม่ตก - ต้นไม้เอียงล้มทิศทางเดียวกันหรือมีเสียงต้นไม้หัก - **พฤติกรรมสัตว์**: - หนู/งู อพยพขึ้นที่สูงผิดปกติ - มด/แมลงย้ายรังขึ้นที่สูง ### **2. แผ่นดินไหว** - **สัญญาณธรรมชาติ**: - **ท้องฟ้า**: แสงประหลาด (Earthquake Light) เช่น แสงสีฟ้า/เขียว (เกิดจากแรงเค้นทางธรณี) - **พฤติกรรมสัตว์**: สัตว์เลี้ยงตื่นตระหนก, นกบินวุ่นวาย, สัตว์เลื้อยคลานหนีออกมาจากรู - **ระดับน้ำ**: น้ำในบ่อ/บาดาลขุ่นหรือเปลี่ยนระดับกะทันหัน ### **3. สึนามิ** - **สัญญาณเตือนหลังแผ่นดินไหว**: - **น้ำทะเลถอยร่น**เร็วและไกลผิดปกติ (ชายหาดแห้งเกินปกติ) - ได้ยินเสียงคลื่นดังผิดปกติเหมือนรถไฟหรือเครื่องยนต์ - **สัตว์ทะเล** เช่น ปลาหรือปูหนีขึ้นมาบนชายฝั่ง ### **4. พายุรุนแรง** - **สังเกตท้องฟ้าและบรรยากาศ**: - เมฆสีเขียวหรือดำคล้ำ (บ่งชี้ลูกเห็บหรือพายุทอร์นาโด) - ลมสงบกะทันหันก่อนพายุเข้า - **เมฆรูปฐานแบนเรียบ (Wall Cloud)** หรือเมฆหมุน ### **5. ภัยแล้ง** - **พืชพรรณธรรมชาติ**: ใบไม้เหี่ยว/เปลี่ยนสีเร็วกว่าฤดูกาล - **พฤติกรรมสัตว์**: สัตว์ป่าออกหาอาหารใกล้ชุมชน - **แหล่งน้ำ**: น้ำในบ่อ/หนองน้ำแห้งขอดเร็วผิดปกติ ### **แนวทางปฏิบัติเมื่อพบสัญญาณ** 1. **ไม่ประมาท**: สัญญาณธรรมชาติไม่เสถียร 100% แต่ให้เตรียมพร้อม 2. **ติดตามข้อมูล**: เช็คแอปฯ เตือนภัย (เช่น ThaiPBS, กรมอุตุนิยมวิทยา) 3. **อพยพทันที** หาก: - ได้ยินเสียงคำรามใต้ดิน (ดินถล่ม) - น้ำทะเลถอยร่นผิดปกติ (สึนามิ) - แผ่นดินไหวรุนแรงจนยืนไม่ตรง ### **แหล่งข้อมูลไทย** - **แอปพลิเคชัน**: "THAI DISASTER ALERT" (โดย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) - **เว็บไซต์**: [กรมอุตุนิยมวิทยา](https://www.tmd.go.th), [กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย](https://www.disaster.go.th) > **ข้อควรระวัง**: สัญญาณธรรมชาติเป็นเพียงเครื่องเตือนเบื้องต้น **ต้องผสมผสานกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์** และระบบเตือนภัยของทางการเสมอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 453 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts