• เปิดปริศนา "คลังทองคำ Fort Knox" ที่ซ่อนความลับมากว่า 90 ปี!

    อีลอน มัสก์' พร้อมนำทีม DOGE เปิดกล่องแพนดอร่า 'Fort Knox' ด้วยการถ่ายทอดสดตรวจสอบคลังทองคำ 4,584 ตัน มูลค่า 4.25 แสนล้าน$ ท่ามกลางทฤษฎีเขย่าขวัญ "โดนขโมย?" "เป็นทังสเตนปลอม?" แม้แต่ 'วุฒิสมาชิกแรนด์ พอล' ยังพยายามเข้าดูมา 10 ปีไม่สำเร็จ การเปิดเผยครั้งนี้อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์การเงินโลกตลอดกาล!

    ความลับ 90 ปีกำลังจะถูกเปิดเผย! อีลอน มัสก์ ท้าท้ายตรวจสอบคลังทองคำ "Fort Knox" พร้อมถ่ายทอดสด ท่ามกลางทฤษฎีสะเทือนโลกการเงิน

    เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อมัสก์โพสต์คำถามที่ไม่มีใครกล้าถาม "ใครยืนยันได้ว่าทองคำไม่ได้ถูกขโมยไปจาก Fort Knox?" พร้อมแชร์มีมว่า "และมันหายไปแล้ว" จุดประกายข้อสงสัยเกี่ยวกับทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลกว่า 425,000 ล้านดอลลาร์ของสหรัฐฯ
    วุฒิสมาชิกแรนด์ พอล ยอมรับว่าพยายามขอเข้าดูทองคำมานานถึง 10 ปีแต่ไม่สำเร็จ! ขณะที่พ่อของเขา อดีต ส.ส. รอน พอล ก็เคยพยายามยื่นขอตรวจสอบทองคำแท่งกว่า 700,000 แท่งในปี 2554 แต่ถูกปฏิเสธเช่นกัน
    ทฤษฎีที่น่าสะพรึงได้ถูกเสนอจากผู้เชี่ยวชาญหลายคน: ทองคำอาจเป็นเพียง "ทังสเตนชุบทอง" เพราะมีน้ำหนักเท่ากัน ยากต่อการตรวจพบ

    ตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์อาจบงการให้ธนาคารกลางขายทองคำไปตั้งแต่ยุค 70s
    คณะกรรมการทองคำในสมัยประธานาธิบดีเรแกน (1982) อาจพบว่าไม่มีทองคำเหลือแล้ว
    น่าแปลกใจที่ตลอด 90 ปี มีเพียง 3 ครั้งเท่านั้นที่มีการเข้าตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2560 โดยรัฐมนตรีคลัง สตีเวน มนูชิน แต่ไม่มีหลักฐานที่เปิดเผยต่อสาธารณะเลย

    การถ่ายทอดสดตรวจสอบของมัสก์อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์การเงินโลกและความเชื่อมั่นในระบบทองคำ หากพบว่าทฤษฎีเหล่านี้เป็นความจริง!

    https://www.imctnews.com/news_details-news-6829.html
    เปิดปริศนา "คลังทองคำ Fort Knox" ที่ซ่อนความลับมากว่า 90 ปี! อีลอน มัสก์' พร้อมนำทีม DOGE เปิดกล่องแพนดอร่า 'Fort Knox' ด้วยการถ่ายทอดสดตรวจสอบคลังทองคำ 4,584 ตัน มูลค่า 4.25 แสนล้าน$ ท่ามกลางทฤษฎีเขย่าขวัญ "โดนขโมย?" "เป็นทังสเตนปลอม?" แม้แต่ 'วุฒิสมาชิกแรนด์ พอล' ยังพยายามเข้าดูมา 10 ปีไม่สำเร็จ การเปิดเผยครั้งนี้อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์การเงินโลกตลอดกาล! ความลับ 90 ปีกำลังจะถูกเปิดเผย! อีลอน มัสก์ ท้าท้ายตรวจสอบคลังทองคำ "Fort Knox" พร้อมถ่ายทอดสด ท่ามกลางทฤษฎีสะเทือนโลกการเงิน เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อมัสก์โพสต์คำถามที่ไม่มีใครกล้าถาม "ใครยืนยันได้ว่าทองคำไม่ได้ถูกขโมยไปจาก Fort Knox?" พร้อมแชร์มีมว่า "และมันหายไปแล้ว" จุดประกายข้อสงสัยเกี่ยวกับทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลกว่า 425,000 ล้านดอลลาร์ของสหรัฐฯ วุฒิสมาชิกแรนด์ พอล ยอมรับว่าพยายามขอเข้าดูทองคำมานานถึง 10 ปีแต่ไม่สำเร็จ! ขณะที่พ่อของเขา อดีต ส.ส. รอน พอล ก็เคยพยายามยื่นขอตรวจสอบทองคำแท่งกว่า 700,000 แท่งในปี 2554 แต่ถูกปฏิเสธเช่นกัน ทฤษฎีที่น่าสะพรึงได้ถูกเสนอจากผู้เชี่ยวชาญหลายคน: ทองคำอาจเป็นเพียง "ทังสเตนชุบทอง" เพราะมีน้ำหนักเท่ากัน ยากต่อการตรวจพบ ตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์อาจบงการให้ธนาคารกลางขายทองคำไปตั้งแต่ยุค 70s คณะกรรมการทองคำในสมัยประธานาธิบดีเรแกน (1982) อาจพบว่าไม่มีทองคำเหลือแล้ว น่าแปลกใจที่ตลอด 90 ปี มีเพียง 3 ครั้งเท่านั้นที่มีการเข้าตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2560 โดยรัฐมนตรีคลัง สตีเวน มนูชิน แต่ไม่มีหลักฐานที่เปิดเผยต่อสาธารณะเลย การถ่ายทอดสดตรวจสอบของมัสก์อาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์การเงินโลกและความเชื่อมั่นในระบบทองคำ หากพบว่าทฤษฎีเหล่านี้เป็นความจริง! https://www.imctnews.com/news_details-news-6829.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • สว แรนด์ พอลเชิญให้อีลอน มัสก์ตรวนสอบทองคำสำรองที่Fort Knox
    18-2-2025
    วุฒิสมาชิกแรนด์ พอล ได้เชิญอีลอน มัสก์ มายังรัฐเคนทักกีของเขา เพื่อตรวจสอบทองคำสำรองที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
    บัญชี X ของสว. พอล ที่มีผู้ติดตาม 2 ล้านคน ได้ขอให้หัวหน้าหน่วยงาน Department of Government Efficiency (DOGE) เล็งไปที่ Fort Knox เพื่อตรวจสอบว่าทองคำสำรองของสหรัฐฯ ยังอยู่ในที่เก็บหรือไม่
    มัสก์ตั้งคำถามว่าทำไมไม่มีการตรวจสอบทองคำสำรองทุกปี ซึ่งทำให้เกิดการคาดคะเนว่าเขาอาจจะเข้าไปตรวจสอบฐานทัพที่มีห้องนิรภัยที่บรรจุทองคำสำรองของสหรัฐฯ
    ตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งและแต่งตั้งมัสก์ให้มีอำนาจในวอชิงตัน มหาเศรษฐีคนนี้ก็ได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดงบประมาณในหลายหน่วยงานที่ทั้งคู่เห็นว่าจะช่วยลด "การใช้งบประมาณที่สิ้นเปลือง" ของรัฐบาลกลาง รวมท้ังกำจัดการคอรัปชั่น
    มัสก์ช่วยยกเลิก USAID อย่างสมบูรณ์ โดยไล่พนักงานหรือทำให้พนักงานกว่า 10,000 คนตกอยู่ในสภาพที่ไม่แน่นอน และยังตัดงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ในหน่วยงานเช่นกระทรวงศึกษาธิการ และไล่เจ้าหน้าที่การเงินระดับสูงของ FEMA ออกสี่คน
    "คงจะเป็นการดีถ้าอีลอน มัสก์ สามารถเข้าไปดูภายใน Fort Knox เพื่อตรวจสอบว่าทองคำ 4,580 ตันของสหรัฐฯ ยังอยู่ที่นั่นหรือไม่" Zero Hedge โพสต์บน X "ครั้งสุดท้ายที่มีคนตรวจสอบคือ 50 ปีที่แล้วในปี 1974"
    มัสก์ตอบกลับโพสต์นี้ด้วยคำถามว่า "แน่นอนว่ามันควรถูกตรวจสอบอย่างน้อยทุกปีใช่ไหม?"
    แต่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน แรนด์ พอล จากเคนทักกี ตอบว่า "ไม่" และเชิญชวนมัสก์ให้ "ทำเลย" โดยให้ทีม DOGE ของเขาดำเนินการตรวจสอบทองคำสำรองที่ฐานทัพ Fort Knox
    ห้องนิรภัย Bullion Depository เก็บทองคำประมาณ 147 ล้านทรอยออนซ์ ซึ่งคิดเป็นกว่า 56.35% ของทองคำทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครอง
    ตำรวจ U.S. Mint มีหน้าที่ปกป้องทองคำสำรองนี้
    ทองคำสำรองในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับทองคำสำรองทั่วไป ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเสถียรภาพในระบบการเงินต่อความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ทองเก็บมูลค่าที่จับต้องได้และช่วยป้องกันอัตราเงินเฟ้อ โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนในสกุลเงินของประเทศ แม้ว่ามาตรฐานทองคำจะไม่ใช่ระบบเศรษฐกิจที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแล้วก็ตาม
    ในขณะที่โพสต์บน X ระบุว่าการตรวจสอบทองคำครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 1974 แต่ก็มีการตรวจสอบอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2017 เมื่อวุฒิสมาชิกมิทช์ แมคคอนเนลล์ จากเคนทักกี นำกลุ่มเล็กๆ รวมถึงรัฐมนตรีคลังสตีเวน มนูชิน ในขณะนั้น เข้าไปในห้องนิรภัย
    หลังจากนั้น มีภาพขาวดำคุณภาพต่ำของมนูชินในห้องนิรภัยถูกเผยแพร่ โดยมีทองคำแท่งอยู่เบื้องหลัง
    มนูชินเป็นหัวหน้ากระทรวงการคลังคนแรกที่เข้าไปเยี่ยมชมห้องนิรภัยนี้ตั้งแต่ปี 1948
    การตรวจสอบครั้งแรกของห้องนิรภัยเกิดขึ้นในปี 1943 โดยประธานาธิบดีแฟรงคลิน โรสเวลต์ หลังจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่และในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
    การตรวจสอบในปี 1974 ที่กล่าวถึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ทฤษฎีสมคบคิดที่แพร่กระจายในเวลานั้น ซึ่งอ้างว่าชนชั้นนำได้ลักลอบนำทองคำออกไปและห้องนิรภัยว่างเปล่า
    สมาชิกรัฐสภาและสื่อมวลชนได้ร่วมทัวร์นำโดยผู้อำนวยการ U.S. Mint ในขณะนั้น เพื่อพิสูจน์ให้สาธารณชนเห็นว่าทองคำยังอยู่ที่นั่น
    อย่างไรก็ดี ไม่เคยมีการตรวจนับทองคำแท่งในตู้นิรภัยอย่างจริงๆจังๆโดยหน่วยงานอิสระ
    ที่มา
    https://www.dailymail.co.uk/.../gold-reserve-doge-audit...
    สว แรนด์ พอลเชิญให้อีลอน มัสก์ตรวนสอบทองคำสำรองที่Fort Knox 18-2-2025 วุฒิสมาชิกแรนด์ พอล ได้เชิญอีลอน มัสก์ มายังรัฐเคนทักกีของเขา เพื่อตรวจสอบทองคำสำรองที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ บัญชี X ของสว. พอล ที่มีผู้ติดตาม 2 ล้านคน ได้ขอให้หัวหน้าหน่วยงาน Department of Government Efficiency (DOGE) เล็งไปที่ Fort Knox เพื่อตรวจสอบว่าทองคำสำรองของสหรัฐฯ ยังอยู่ในที่เก็บหรือไม่ มัสก์ตั้งคำถามว่าทำไมไม่มีการตรวจสอบทองคำสำรองทุกปี ซึ่งทำให้เกิดการคาดคะเนว่าเขาอาจจะเข้าไปตรวจสอบฐานทัพที่มีห้องนิรภัยที่บรรจุทองคำสำรองของสหรัฐฯ ตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งและแต่งตั้งมัสก์ให้มีอำนาจในวอชิงตัน มหาเศรษฐีคนนี้ก็ได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดงบประมาณในหลายหน่วยงานที่ทั้งคู่เห็นว่าจะช่วยลด "การใช้งบประมาณที่สิ้นเปลือง" ของรัฐบาลกลาง รวมท้ังกำจัดการคอรัปชั่น มัสก์ช่วยยกเลิก USAID อย่างสมบูรณ์ โดยไล่พนักงานหรือทำให้พนักงานกว่า 10,000 คนตกอยู่ในสภาพที่ไม่แน่นอน และยังตัดงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ในหน่วยงานเช่นกระทรวงศึกษาธิการ และไล่เจ้าหน้าที่การเงินระดับสูงของ FEMA ออกสี่คน "คงจะเป็นการดีถ้าอีลอน มัสก์ สามารถเข้าไปดูภายใน Fort Knox เพื่อตรวจสอบว่าทองคำ 4,580 ตันของสหรัฐฯ ยังอยู่ที่นั่นหรือไม่" Zero Hedge โพสต์บน X "ครั้งสุดท้ายที่มีคนตรวจสอบคือ 50 ปีที่แล้วในปี 1974" มัสก์ตอบกลับโพสต์นี้ด้วยคำถามว่า "แน่นอนว่ามันควรถูกตรวจสอบอย่างน้อยทุกปีใช่ไหม?" แต่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน แรนด์ พอล จากเคนทักกี ตอบว่า "ไม่" และเชิญชวนมัสก์ให้ "ทำเลย" โดยให้ทีม DOGE ของเขาดำเนินการตรวจสอบทองคำสำรองที่ฐานทัพ Fort Knox ห้องนิรภัย Bullion Depository เก็บทองคำประมาณ 147 ล้านทรอยออนซ์ ซึ่งคิดเป็นกว่า 56.35% ของทองคำทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครอง ตำรวจ U.S. Mint มีหน้าที่ปกป้องทองคำสำรองนี้ ทองคำสำรองในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับทองคำสำรองทั่วไป ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเสถียรภาพในระบบการเงินต่อความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ทองเก็บมูลค่าที่จับต้องได้และช่วยป้องกันอัตราเงินเฟ้อ โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนในสกุลเงินของประเทศ แม้ว่ามาตรฐานทองคำจะไม่ใช่ระบบเศรษฐกิจที่ใช้อยู่ในปัจจุบันแล้วก็ตาม ในขณะที่โพสต์บน X ระบุว่าการตรวจสอบทองคำครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 1974 แต่ก็มีการตรวจสอบอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2017 เมื่อวุฒิสมาชิกมิทช์ แมคคอนเนลล์ จากเคนทักกี นำกลุ่มเล็กๆ รวมถึงรัฐมนตรีคลังสตีเวน มนูชิน ในขณะนั้น เข้าไปในห้องนิรภัย หลังจากนั้น มีภาพขาวดำคุณภาพต่ำของมนูชินในห้องนิรภัยถูกเผยแพร่ โดยมีทองคำแท่งอยู่เบื้องหลัง มนูชินเป็นหัวหน้ากระทรวงการคลังคนแรกที่เข้าไปเยี่ยมชมห้องนิรภัยนี้ตั้งแต่ปี 1948 การตรวจสอบครั้งแรกของห้องนิรภัยเกิดขึ้นในปี 1943 โดยประธานาธิบดีแฟรงคลิน โรสเวลต์ หลังจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่และในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การตรวจสอบในปี 1974 ที่กล่าวถึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้ทฤษฎีสมคบคิดที่แพร่กระจายในเวลานั้น ซึ่งอ้างว่าชนชั้นนำได้ลักลอบนำทองคำออกไปและห้องนิรภัยว่างเปล่า สมาชิกรัฐสภาและสื่อมวลชนได้ร่วมทัวร์นำโดยผู้อำนวยการ U.S. Mint ในขณะนั้น เพื่อพิสูจน์ให้สาธารณชนเห็นว่าทองคำยังอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ดี ไม่เคยมีการตรวจนับทองคำแท่งในตู้นิรภัยอย่างจริงๆจังๆโดยหน่วยงานอิสระ ที่มา https://www.dailymail.co.uk/.../gold-reserve-doge-audit...
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองคำ

    สภาทองคำโลก: ดีมานด์พุ่งทำสถิติ จากแรงซื้อตุนจากธนาคารกลางทั่วโลก ปีนี้จะเดินหน้าปรับตัวสูงขึ้น มีการซื้อทองเกิน 1 พันตัน/ปี 3 ปีต่อเนื่อง ตุรกิ (75 ตัน) อินเดีย
    ทองอังกฤษ เทรดที่ราคาต่ำกว่าตลาด ~$5/ออนซ์ เนื่องจากมีการเทขาย กังวลเรื่องภาษี ต้องการย้ายการถือครองคำไปสหรัฐเนื่องจากมีราคาสูงกว่า การส่งมอบทองคำแท่งที่ล่าช้าของ BoE ราคาค่าเช่าพื้นที่ gold vault สูงขึ้น BoE ระบุ กำลังติดตามปัญหาและแก้ปัญหาเรื่องการขนส่งที่เป็นคอขวด

    ราคาทองคำ มีโอกาสไปต่อ ดีมานด์ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังมี และเป็นดีมานด์ที่มาจากหลายทาง เช่น ธนาคารกลาง นักลงทุน ความต้องการกระจายความเสี่ยงของการถือสินทรัพย์ ให้เป้าหมายราคาที่ $3020/ออนซ์



    ทองคำ สภาทองคำโลก: ดีมานด์พุ่งทำสถิติ จากแรงซื้อตุนจากธนาคารกลางทั่วโลก ปีนี้จะเดินหน้าปรับตัวสูงขึ้น มีการซื้อทองเกิน 1 พันตัน/ปี 3 ปีต่อเนื่อง ตุรกิ (75 ตัน) อินเดีย ทองอังกฤษ เทรดที่ราคาต่ำกว่าตลาด ~$5/ออนซ์ เนื่องจากมีการเทขาย กังวลเรื่องภาษี ต้องการย้ายการถือครองคำไปสหรัฐเนื่องจากมีราคาสูงกว่า การส่งมอบทองคำแท่งที่ล่าช้าของ BoE ราคาค่าเช่าพื้นที่ gold vault สูงขึ้น BoE ระบุ กำลังติดตามปัญหาและแก้ปัญหาเรื่องการขนส่งที่เป็นคอขวด ราคาทองคำ มีโอกาสไปต่อ ดีมานด์ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังมี และเป็นดีมานด์ที่มาจากหลายทาง เช่น ธนาคารกลาง นักลงทุน ความต้องการกระจายความเสี่ยงของการถือสินทรัพย์ ให้เป้าหมายราคาที่ $3020/ออนซ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลาดสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (ทองกระดาษ)
    ปกติจะ rollover สัญญา ไม่รับมอบทองคำจริง (ทองแท่ง)

    จากข่าวมีการขอยืมทองคำแท่งจากลอนดอน นำไปสู่การยืดระยะเวลาส่งมอบไปเป็นหลักเดือน (4-8 สัปดาห์)
    และมีข่าวการเคลื่อนไหวของทองแท่งที่แมนฮัตตัน ซึ่งเป็นคลังเก็บทองคำขนาดใหญ่ที่สหรัฐ (ระดับการถือครองทองคำ-แท่ง- พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์)

    ตอนนี้ตัวเลขการขอรับทองคำจริงจากตลาดซื้อขายล่วงหน้าพุ่งสูงสุด (เป็นอันดับ 2) นับจากปี 1994
    และการเคลื่อนไหวขอรับทองคำจริง ไม่ rollover สัญญา ทำให้นักลงทุนที่ซื้อสัญญา short ไว้ต้องทำ short covering

    อ้างอิงตัวเลขทางเทคนิค ถ้าราคาเบรค $2800 แล้วยืนได้ 2 - 3 วัน เป็นการยืนยันขาขึ้นราคาทองคำ เป้าราคาถัดไป $2900 $3000


    ตลาดสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (ทองกระดาษ) ปกติจะ rollover สัญญา ไม่รับมอบทองคำจริง (ทองแท่ง) จากข่าวมีการขอยืมทองคำแท่งจากลอนดอน นำไปสู่การยืดระยะเวลาส่งมอบไปเป็นหลักเดือน (4-8 สัปดาห์) และมีข่าวการเคลื่อนไหวของทองแท่งที่แมนฮัตตัน ซึ่งเป็นคลังเก็บทองคำขนาดใหญ่ที่สหรัฐ (ระดับการถือครองทองคำ-แท่ง- พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์) ตอนนี้ตัวเลขการขอรับทองคำจริงจากตลาดซื้อขายล่วงหน้าพุ่งสูงสุด (เป็นอันดับ 2) นับจากปี 1994 และการเคลื่อนไหวขอรับทองคำจริง ไม่ rollover สัญญา ทำให้นักลงทุนที่ซื้อสัญญา short ไว้ต้องทำ short covering อ้างอิงตัวเลขทางเทคนิค ถ้าราคาเบรค $2800 แล้วยืนได้ 2 - 3 วัน เป็นการยืนยันขาขึ้นราคาทองคำ เป้าราคาถัดไป $2900 $3000
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน "ชัยธวัช" อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลรวย 19.3 ล้านบาท ‘อภิชาติ ศิริสุนทร’ 13.2 ล้านบาท ‘ก่อแก้ว พิกุลทอง’ อู้ฟู่ 263 ล้านบาท มีหนี้สินแค่แสนกว่าบาท เก็บปืน เครื่องประดับ นาฬิกาหรู ทองคำแท่ง กระเป๋าแบรนด์เนมเพียบ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111988

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน "ชัยธวัช" อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลรวย 19.3 ล้านบาท ‘อภิชาติ ศิริสุนทร’ 13.2 ล้านบาท ‘ก่อแก้ว พิกุลทอง’ อู้ฟู่ 263 ล้านบาท มีหนี้สินแค่แสนกว่าบาท เก็บปืน เครื่องประดับ นาฬิกาหรู ทองคำแท่ง กระเป๋าแบรนด์เนมเพียบ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111988 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Yay
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1774 มุมมอง 1 รีวิว
  • กลิ่นตุๆ เบื้องหลัง “หนิง” อดีต อจ.พิเศษ รร.นายร้อยตำรวจ แจ้งความ “มาดามกุ๊บ” เมีย “บิ๊กโจ๊ก” ลักทรัพย์ในคอนโด เป็นทองคำแท่ง-เงินสดมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท พร้อมแฉเป็นชู้กับสามี เผยพิรุธ บอกเห็นถุงเงิน 100 ล้านวางในห้อง ทำไมไม่เอะใจ แถมไม่อาละวาดเมื่อรู้ว่าผัวมีชู้ แค่คุยกันจบง่ายๆ น่าสงสัยโยงทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติของบิ๊กโจ๊กหรือไม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105804

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กลิ่นตุๆ เบื้องหลัง “หนิง” อดีต อจ.พิเศษ รร.นายร้อยตำรวจ แจ้งความ “มาดามกุ๊บ” เมีย “บิ๊กโจ๊ก” ลักทรัพย์ในคอนโด เป็นทองคำแท่ง-เงินสดมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท พร้อมแฉเป็นชู้กับสามี เผยพิรุธ บอกเห็นถุงเงิน 100 ล้านวางในห้อง ทำไมไม่เอะใจ แถมไม่อาละวาดเมื่อรู้ว่าผัวมีชู้ แค่คุยกันจบง่ายๆ น่าสงสัยโยงทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติของบิ๊กโจ๊กหรือไม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105804 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Angry
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2313 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาทอง (96.5%) ขายปลีกในประเทศเช้านี้ปรับเพิ่มขึ้นรวม 3 ครั้ง รวม 150 บาท ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นไปทำสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

    โดยสมาคมค้าทองคำ รายงานว่า เปิดตลาดเช้านี้เมื่อเวลา 09.04 น. ราคาทองขายปลีกในประเทศทรงตัวจากวานนี้ โดยทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาททองคำละ 43,150 บาท ขายออกบาททองคำละ 43,250 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 42,372.20 บาท ขายออกบาททองคำละ 43,750 บาท

    จากนั้นทยอยปรับขึ้นรวม 3 ครั้ง ครั้งละ 50 บาท โดยเมื่อเวลา 11.13 น. ทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาททองคำละ 43,300 บาท ขายออกบาททองคำละ 43,400 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 42,523.80 บาท ขายออกบาททองคำละ 43,900 บาท

    บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทำ All-time high ที่ระดับ 2,740 ดอลลาร์ เนื่องจากสถานการณ์ตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มรุนแรง ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ UBS คาดว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและการคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,900 ดอลลาร์/ออนซ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้า

    อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์จะแข็งค่าต่อเนื่อง และ Bond Yield พุ่งขึ้นกดดันราคาทองคำ ทำให้ราคาทองคำได้ปิดตลาดลบเล็กน้อย ส่วนกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม

    ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ปรับตัวขึ้นแรงทะลุ 43,000 บาท และทำ All-time high อีกครั้งที่ราคา 43,250 บาท จากราคาทองคำโลกที่ทำ All-time high และเงินบาทอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว โดยเงินบาทอ่อนค่าตามภูมิภาค ตามแรงซื้อดอลลาร์ ทำให้แนวโน้มราคาทองคำแท่งมีทิศทางปรับตัวขึ้น

    #MGROnline #ราคาทอง
    ราคาทอง (96.5%) ขายปลีกในประเทศเช้านี้ปรับเพิ่มขึ้นรวม 3 ครั้ง รวม 150 บาท ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นไปทำสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ • โดยสมาคมค้าทองคำ รายงานว่า เปิดตลาดเช้านี้เมื่อเวลา 09.04 น. ราคาทองขายปลีกในประเทศทรงตัวจากวานนี้ โดยทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาททองคำละ 43,150 บาท ขายออกบาททองคำละ 43,250 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 42,372.20 บาท ขายออกบาททองคำละ 43,750 บาท • จากนั้นทยอยปรับขึ้นรวม 3 ครั้ง ครั้งละ 50 บาท โดยเมื่อเวลา 11.13 น. ทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาททองคำละ 43,300 บาท ขายออกบาททองคำละ 43,400 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาททองคำละ 42,523.80 บาท ขายออกบาททองคำละ 43,900 บาท • บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทำ All-time high ที่ระดับ 2,740 ดอลลาร์ เนื่องจากสถานการณ์ตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มรุนแรง ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ UBS คาดว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและการคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,900 ดอลลาร์/ออนซ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้า • อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์จะแข็งค่าต่อเนื่อง และ Bond Yield พุ่งขึ้นกดดันราคาทองคำ ทำให้ราคาทองคำได้ปิดตลาดลบเล็กน้อย ส่วนกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม • ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ปรับตัวขึ้นแรงทะลุ 43,000 บาท และทำ All-time high อีกครั้งที่ราคา 43,250 บาท จากราคาทองคำโลกที่ทำ All-time high และเงินบาทอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว โดยเงินบาทอ่อนค่าตามภูมิภาค ตามแรงซื้อดอลลาร์ ทำให้แนวโน้มราคาทองคำแท่งมีทิศทางปรับตัวขึ้น • #MGROnline #ราคาทอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาทองคำที่พุ่งสูงสะท้อนทางเลือกใหม่ ที่ตะวันตกต้องตื่นรับรู้

    ประเทศตะวันตกควรให้ความสำคัญกับราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องของโลหะมีค่าสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในทางเลือกอื่นนอกเหนือจากระบบการเงินที่ใช้เงินดอลลาร์ ตามที่ Mohamed El-Erian อดีต CEO ของ PIMCO และประธานคนปัจจุบันของ Queens' College แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้เขียนในบทความ

    “มีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นกับราคาทองคำในปีที่ผ่านมา” El-Erian เขียนใน Financial Times เมื่อวันจันทร์ “ทองคำการสร้างระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดูเหมือนว่าทองคำจะแยกตัวออกจากปัจจัยที่มีอิทธิพลทางประวัติศาสตร์แบบดั้งเดิม เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และเงินดอลลาร์ ยิ่งไปกว่านั้น ความสม่ำเสมอของการเพิ่มขึ้นนั้นตรงกันข้ามกับความผันผวนในสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญ”

    เขากล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ 'ทุกสภาพบรรยากาศ' บ่งชี้ถึงการมีอยู่ของบางสิ่งที่นอกเหนือไปจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การเลือกตั้ง และภูมิรัฐศาสตร์ในระยะสั้น “มันสะท้อนแนวโน้มพฤติกรรมที่ต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนและประเทศ “มหาอำนาจกลาง” รวมถึงประเทศอื่นๆ และเป็นกระแสที่ชาติตะวันตกควรให้ความสนใจให้มากขึ้น”

    El-Erian ตั้งข้อสังเกตว่าราคาทองคำหนึ่งออนซ์เพิ่มขึ้นจาก 1,947 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นมากกว่า 2,700 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา “สิ่งที่น่าสนใจคือ ราคาที่เพิ่มขึ้นนี้ค่อนข้างเป็นเส้นตรง โดยแม้ราคาจะมีการดึงกลับแต่ก็เพื่อดึงดูดผู้ซื้อมากขึ้น” เขากล่าว “มันเกิดขึ้นแม้ว่าอัตรานโยบายที่คาดหวังจะผันผวนอย่างมาก มีความผันผวนอย่างกว้างขวางสำหรับอัตราผลตอบแทนของสหรัฐ อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง และความผันผวนของค่าเงิน”

    “บางคนอาจมองข้ามผลการดำเนินงานของทองคำ โดยมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของราคาสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นโดยทั่วไป ซึ่งดัชนี S&P ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเป็นตัวอย่าง” เขากล่าว “แต่ความสัมพันธ์นั้นก็ไม่ธรรมดา คนอื่นๆ อาจมองว่าเป็นเพราะความเสี่ยงของความขัดแย้งทางทหารที่ทำให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากเสียชีวิตและความเป็นอยู่ของตน ร่วมกับการทำลายโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ การเดินทางของราคาทองคำยังชี้ให้เห็นว่าอาจมีอะไรเกิดขึ้นอีกมากมาย”

    El-Erian ชี้ว่าการซื้อทองคำแท่งอย่างต่อเนื่องโดยธนาคารกลางเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนความแข็งแกร่งของทองคำ “การซื้อดังกล่าวดูเหมือนจะไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกับความปรารถนาของคนจำนวนมากที่จะค่อยๆ กระจายการถือครองทุนสำรองของตนออกจากการครอบงำเงินดอลลาร์ที่มีนัยสำคัญ แม้ว่าอเมริกาจะมี ‘ความพิเศษทางเศรษฐกิจ’ ของอเมริกาก็ตาม” เขาเขียน “ยังมีความสนใจในการสำรวจทางเลือกที่เป็นไปได้นอกเหนือจากระบบการชำระเงินแบบดอลลาร์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสถาปัตยกรรมระหว่างประเทศมาเป็นเวลา 80 ปี”

    “ถามว่าทำไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น และโดยปกติแล้วคุณจะได้รับคำตอบที่กล่าวถึงการสูญเสียความมั่นใจในการจัดการระเบียบโลกของอเมริกาและการพัฒนาเฉพาะสองประการ” เขากล่าว “คุณจะได้ฟังเกี่ยวกับการใช้ภาษีการค้าและการคว่ำบาตรการลงทุนของอเมริกา ควบคู่ไปกับความสนใจที่ลดลงในระบบพหุภาคีที่ยึดหลักกฎเกณฑ์ซึ่งอเมริกามีบทบาทสำคัญในการออกแบบเมื่อ 80 ปีที่แล้ว”
    อีกปัจจัยหนึ่งเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยที่เอล-เอเรียนเชื่อว่าสหรัฐฯ ถูกมองว่ามีนโยบายไม่สอดคล้องกันในการสนับสนุนสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศ “การรับรู้นี้ขยายวงกว้างขึ้นจากการที่สหรัฐฯ ปกป้องพันธมิตรหลักของตนจากการตอบสนองต่อการกระทำที่ถูกประณามอย่างกว้างขวางในประชาคมระหว่างประเทศ” เขาเขียน

    “สิ่งที่เป็นเดิมพันที่นี่ไม่ใช่แค่การพังทลายของบทบาทที่โดดเด่นของดอลลาร์ แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในการดำเนินงานของระบบโลกด้วย” เขาเขียน “ไม่มีสกุลเงินหรือระบบการชำระเงินอื่นใดที่สามารถและเต็มใจที่จะแทนที่ดอลลาร์ที่เป็นแกนหลักของระบบ และมีข้อ จำกัด ในทางปฏิบัติในการสำรองการกระจายความเสี่ยง แต่มีการสร้างท่อเล็กๆ จำนวนมากขึ้นเพื่อพันรอบแกนกลางนี้ และประเทศต่างๆ ก็มีความสนใจและมีส่วนร่วมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ”

    El-Erian กล่าวว่าการขึ้นราคาทองคำในปัจจุบัน “ไม่ใช่แค่ไม่ธรรมดาในแง่ของอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเงินแบบดั้งเดิม” แต่ยังเหนือกว่าอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เข้มงวดเพื่อจับปรากฏการณ์ในวงกว้างซึ่งกำลังสร้างโมเมนตัมทางโลก”

    เนื่องจากเส้นทางทางเลือกสำหรับการเงินระหว่างประเทศพัฒนาและเติบโต สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดการกระจายตัวของระบบโลก และการพังทลายของอำนาจของเงินดอลลาร์และระบบการเงินของสหรัฐอเมริกา “นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสามารถของสหรัฐฯ ในการมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ และบ่อนทำลายความมั่นคงของสหรัฐเอง” เขากล่าว

    “นี่เป็นปรากฏการณ์ที่รัฐบาลตะวันตกควรให้ความสำคัญมากขึ้น” เอล-เอเรียนสรุป “และเป็นสิ่งหนึ่งที่ยังมีเวลาแก้ไข แม้ว่าจะไม่ได้มากเท่าที่บางคนคาดหวังก็ตาม”
    ที่มา Kitco
    ราคาทองคำที่พุ่งสูงสะท้อนทางเลือกใหม่ ที่ตะวันตกต้องตื่นรับรู้ ประเทศตะวันตกควรให้ความสำคัญกับราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องของโลหะมีค่าสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นในทางเลือกอื่นนอกเหนือจากระบบการเงินที่ใช้เงินดอลลาร์ ตามที่ Mohamed El-Erian อดีต CEO ของ PIMCO และประธานคนปัจจุบันของ Queens' College แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้เขียนในบทความ “มีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นกับราคาทองคำในปีที่ผ่านมา” El-Erian เขียนใน Financial Times เมื่อวันจันทร์ “ทองคำการสร้างระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดูเหมือนว่าทองคำจะแยกตัวออกจากปัจจัยที่มีอิทธิพลทางประวัติศาสตร์แบบดั้งเดิม เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ และเงินดอลลาร์ ยิ่งไปกว่านั้น ความสม่ำเสมอของการเพิ่มขึ้นนั้นตรงกันข้ามกับความผันผวนในสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญ” เขากล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ 'ทุกสภาพบรรยากาศ' บ่งชี้ถึงการมีอยู่ของบางสิ่งที่นอกเหนือไปจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การเลือกตั้ง และภูมิรัฐศาสตร์ในระยะสั้น “มันสะท้อนแนวโน้มพฤติกรรมที่ต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนและประเทศ “มหาอำนาจกลาง” รวมถึงประเทศอื่นๆ และเป็นกระแสที่ชาติตะวันตกควรให้ความสนใจให้มากขึ้น” El-Erian ตั้งข้อสังเกตว่าราคาทองคำหนึ่งออนซ์เพิ่มขึ้นจาก 1,947 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นมากกว่า 2,700 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา “สิ่งที่น่าสนใจคือ ราคาที่เพิ่มขึ้นนี้ค่อนข้างเป็นเส้นตรง โดยแม้ราคาจะมีการดึงกลับแต่ก็เพื่อดึงดูดผู้ซื้อมากขึ้น” เขากล่าว “มันเกิดขึ้นแม้ว่าอัตรานโยบายที่คาดหวังจะผันผวนอย่างมาก มีความผันผวนอย่างกว้างขวางสำหรับอัตราผลตอบแทนของสหรัฐ อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง และความผันผวนของค่าเงิน” “บางคนอาจมองข้ามผลการดำเนินงานของทองคำ โดยมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของราคาสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นโดยทั่วไป ซึ่งดัชนี S&P ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเป็นตัวอย่าง” เขากล่าว “แต่ความสัมพันธ์นั้นก็ไม่ธรรมดา คนอื่นๆ อาจมองว่าเป็นเพราะความเสี่ยงของความขัดแย้งทางทหารที่ทำให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากเสียชีวิตและความเป็นอยู่ของตน ร่วมกับการทำลายโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ การเดินทางของราคาทองคำยังชี้ให้เห็นว่าอาจมีอะไรเกิดขึ้นอีกมากมาย” El-Erian ชี้ว่าการซื้อทองคำแท่งอย่างต่อเนื่องโดยธนาคารกลางเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนความแข็งแกร่งของทองคำ “การซื้อดังกล่าวดูเหมือนจะไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกับความปรารถนาของคนจำนวนมากที่จะค่อยๆ กระจายการถือครองทุนสำรองของตนออกจากการครอบงำเงินดอลลาร์ที่มีนัยสำคัญ แม้ว่าอเมริกาจะมี ‘ความพิเศษทางเศรษฐกิจ’ ของอเมริกาก็ตาม” เขาเขียน “ยังมีความสนใจในการสำรวจทางเลือกที่เป็นไปได้นอกเหนือจากระบบการชำระเงินแบบดอลลาร์ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสถาปัตยกรรมระหว่างประเทศมาเป็นเวลา 80 ปี” “ถามว่าทำไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น และโดยปกติแล้วคุณจะได้รับคำตอบที่กล่าวถึงการสูญเสียความมั่นใจในการจัดการระเบียบโลกของอเมริกาและการพัฒนาเฉพาะสองประการ” เขากล่าว “คุณจะได้ฟังเกี่ยวกับการใช้ภาษีการค้าและการคว่ำบาตรการลงทุนของอเมริกา ควบคู่ไปกับความสนใจที่ลดลงในระบบพหุภาคีที่ยึดหลักกฎเกณฑ์ซึ่งอเมริกามีบทบาทสำคัญในการออกแบบเมื่อ 80 ปีที่แล้ว” อีกปัจจัยหนึ่งเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยที่เอล-เอเรียนเชื่อว่าสหรัฐฯ ถูกมองว่ามีนโยบายไม่สอดคล้องกันในการสนับสนุนสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศ “การรับรู้นี้ขยายวงกว้างขึ้นจากการที่สหรัฐฯ ปกป้องพันธมิตรหลักของตนจากการตอบสนองต่อการกระทำที่ถูกประณามอย่างกว้างขวางในประชาคมระหว่างประเทศ” เขาเขียน “สิ่งที่เป็นเดิมพันที่นี่ไม่ใช่แค่การพังทลายของบทบาทที่โดดเด่นของดอลลาร์ แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในการดำเนินงานของระบบโลกด้วย” เขาเขียน “ไม่มีสกุลเงินหรือระบบการชำระเงินอื่นใดที่สามารถและเต็มใจที่จะแทนที่ดอลลาร์ที่เป็นแกนหลักของระบบ และมีข้อ จำกัด ในทางปฏิบัติในการสำรองการกระจายความเสี่ยง แต่มีการสร้างท่อเล็กๆ จำนวนมากขึ้นเพื่อพันรอบแกนกลางนี้ และประเทศต่างๆ ก็มีความสนใจและมีส่วนร่วมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ” El-Erian กล่าวว่าการขึ้นราคาทองคำในปัจจุบัน “ไม่ใช่แค่ไม่ธรรมดาในแง่ของอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเงินแบบดั้งเดิม” แต่ยังเหนือกว่าอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เข้มงวดเพื่อจับปรากฏการณ์ในวงกว้างซึ่งกำลังสร้างโมเมนตัมทางโลก” เนื่องจากเส้นทางทางเลือกสำหรับการเงินระหว่างประเทศพัฒนาและเติบโต สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดการกระจายตัวของระบบโลก และการพังทลายของอำนาจของเงินดอลลาร์และระบบการเงินของสหรัฐอเมริกา “นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสามารถของสหรัฐฯ ในการมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ และบ่อนทำลายความมั่นคงของสหรัฐเอง” เขากล่าว “นี่เป็นปรากฏการณ์ที่รัฐบาลตะวันตกควรให้ความสำคัญมากขึ้น” เอล-เอเรียนสรุป “และเป็นสิ่งหนึ่งที่ยังมีเวลาแก้ไข แม้ว่าจะไม่ได้มากเท่าที่บางคนคาดหวังก็ตาม” ที่มา Kitco
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    16
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1473 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥ทองคำ : สัญญาซื้อขายทองคำ
    ได้ทำสถิติสูงสุด ที่ราคา 2728.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 0.76%
    และ ราคาทองคำแท่งได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 30%
    ในช่วง 10 เดือน ของปี 2567 นี้

    สำหรับเหตุผลที่ทำให้ ราคาทองคำ และ สัญญาซื้อขาย
    ทองคำ ได้ปรับตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากเหตุผลหลักๆ คือ

    🚩1. ความกังวลของสงครามในตะวันออกกลาง ที่มีโอกาส
    จะแผ่ขยายเป็นสงครามที่กว้างมากขึ้น และไม่รู้จะสงบ
    เมื่อไหร่ ล่าสุดกลุ่มฮิซบอลเลาะเผยจะยกระดับสงคราม
    กับอิสราเอล ทำให้นักลงทุนแห่ตุนซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
    เพื่อลดความเสี่ยง

    🚩2. ความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
    ที่กำลังจะมาถึงในต้นเดือนหน้า รวมทั้งความควาดหวัง
    ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง
    สหรัฐ ที่มีการคาดการณ์ว่า จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
    ลงอีกครั้งในเร็วๆนี้ ก็มีส่วนสำคัญทำให้ราคาทองคำ
    ได้ปรับตัวสูงขึ้น

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทองคำ #Gold
    #thaitimes
    💥💥ทองคำ : สัญญาซื้อขายทองคำ ได้ทำสถิติสูงสุด ที่ราคา 2728.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 0.76% และ ราคาทองคำแท่งได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 30% ในช่วง 10 เดือน ของปี 2567 นี้ สำหรับเหตุผลที่ทำให้ ราคาทองคำ และ สัญญาซื้อขาย ทองคำ ได้ปรับตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากเหตุผลหลักๆ คือ 🚩1. ความกังวลของสงครามในตะวันออกกลาง ที่มีโอกาส จะแผ่ขยายเป็นสงครามที่กว้างมากขึ้น และไม่รู้จะสงบ เมื่อไหร่ ล่าสุดกลุ่มฮิซบอลเลาะเผยจะยกระดับสงคราม กับอิสราเอล ทำให้นักลงทุนแห่ตุนซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยง 🚩2. ความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่กำลังจะมาถึงในต้นเดือนหน้า รวมทั้งความควาดหวัง ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง สหรัฐ ที่มีการคาดการณ์ว่า จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลงอีกครั้งในเร็วๆนี้ ก็มีส่วนสำคัญทำให้ราคาทองคำ ได้ปรับตัวสูงขึ้น #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ทองคำ #Gold #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 670 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต่อเรื่องพี่ปูอีกนิด…..แค้นนี้………กี่ปีก็ไม่สาย……!!

    อย่าซีเรียสนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรอย่างที่จั่วหัวไว้หรอก แต่อยากให้อ่านเป็นบทเรียนสำหรับหญิงๆว่า……จะพูดจะจาอะไรต้องระวังให้มากถึงมากที่สุด
    เพราะมันทำให้ใครคนหนึ่งถึงกับตกจากสวรรค์เลยทันที
    ตกเฉยๆก็คงไม่กระไร……แต่นี่เข้าขั้นอับอายและหาทางกลับแทบไม่ได้เลย

    ดิฉันกำลังพูดถึง คู่เชือดคู่เฉือนแห่งปี มาดาม ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกาและ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย (พูดถึงอีกแล้ว)
    ที่คนทั้งสองศรศิลป์ไม่กินกันตั้งแต่ยังไม่เจอหน้าด้วยซ้ำ เพราะมาดาม คลินตัน
    เธอช่างกระหายสงครามอย่างออกนอกหน้า ไม่ว่าจะมีการสัมภาษณ์ครั้งใด เธอจะต้องพาดพิงถึงการแทรกแซงของรัสเซีย รวมไปถึวการวิจารณ์ปูตินอย่างเปิดเผย
    เมื่อตอนต้นปี 2016 ที่เธอเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต เพื่อชิงประธานาธิบดี เธอใช้การหาเสียงด้วยการโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งในเรื่องของความโหดร้ายในสงครามซีเรีย
    ว่า
    “ปูตินเป็นคนที่ไม่มีหัวจิตหัวใจ เพราะเขาเคยเป็นเคจีบีมาก่อน”

    ซึ่งข้อความนี้……ปูตินได้ออกอากาศให้สัมภาษณ์โต้กลับไปว่า
    “คนที่เป็นผู้นำ เขาไม่ได้ใช้หัวใจในการบริหารประเทศ เขาใช้สมอง!!”

    สื่อเองก็ช่างกระไร……ชอบนักที่จะคอยถาม คอยจี้ให้แต่ละฝ่ายออกมาแสดงความเห็นต่อกัน ทางฝ่ายชายมักจะนิ่งๆ ตอบสั้นๆ
    แต่ฝ่ายหญิงมักจะสาวยืดเสมอ มีทั้งประชดประชัน และ ดิสเครคิต
    จนปูตินเริ่มจะเชื่อแล้วว่า การเดินขบวนที่เกิดขึ้นบ่อยๆในรัสเซีย น่าจะเกิดจากการแทรกแซงจากภายนอกแน่นอน เพราะตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมา รัสเซียมีการเดินขบวนบ่อยมาก และฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล เช่นสื่ออิสระหัวรุนแรง อย่าง Anna Politkovskaya**

    หรือ นักการเมือง Boris Nemtsov***
    ปี 2014 ที่รัสเซียได้ขยายเชื่อมกับ ไครเมียได้สำเร็จ เพราะตลอดเวลา 10ปีที่ผ่านมา รัสเซียพยายามที่จะต่อติดกับทั้งยุโรปและตะวันออกกลาง
    มาดามคลินตันก็โวยวาย กล่าวหาว่า นั่นคือการกระทำของฮิตเล่อร์ชัดๆ
    และเธอได้พยายามล็อบบี้ขัดขวางทุกวิถีทาง

    นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เรียกว่าไม่เกรงใจกันแล้ว

    จนเถึงคราวที่มาดามคลินตันลงเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ดูเหมือนว่า
    เส้นทางนี้ไม่มีพลาด ยิ่งมาเจอคู่แข่งขันที่เป็นเจ้าพ่อวงการนางงาม ท่าทางวิปลาส พูดจาไม่มีหูรูด……นาย Donald Trump ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานทางการเมืองมาก่อน
    เธอและครอบครัวมั่นใจเต็มร้อย ว่าประชากรชาวอเมริกันเกือบทั้งประเทศอยู่ฝ่ายเธอ
    ขนาด Chelsea ธิดาสาวคนเดียวของเธอ ยังประกาศเปิดตัวเธอบนเวที พร้อมทั้งต่อด้วยว่า The next President of the United States of America..
    เสียงในโพล……ก็มาแบบนั้นจริงๆ

    แต่ที่เครมลิน……ทุกคนเชียร์ทรัมป์……รวมทั้งมั่นใจกันอย่างเต็มที่ว่า ตำแหน่งประธานาธิบดีจะต้องเป็นนายทรัมป์แน่นอน…

    ไม่กี่อาทิตย์ก่อนที่จะมีการลงคะแนนเสียง……สิ่งประหลาดได้เกิดขึ้นทางสื่อออนไลน์ นั่นคือ Wikileaks ที่ได้มีการเปิดเผยข้อความจากอีเมล์ของ
    มาดามคลินตันที่ติดต่อกับผู้คนต่างๆ กว่าร้อยฉบับ ล้วนแต่เป็นสาระสำคัญยิ่ง
    เช่นการสนับสนุนสงคราม, ด่ายิว, รับสินบน, รับเงินสนับสนุนจากแหล่งที่ไม่สุจริต, รับเงินจากต่างประเทศเพื่อแลกกับผลประโยชน์ (ในสมัยที่นั่งกลาโหม)
    ทั้งหมดนี้...มาจากฝีมือใครก็ไม่รู้……แต่ต้องเป็นมือแฮคระดับเทพเท่านั้นที่จะทำได้

    ผลคือ……คะแนนของมาดามที่ว่านำมาลิ่วๆนั้น ตกฮวบลงอย่างน่าใจหาย
    วินาทีสุดท้ายคะแนนของกลุ่มที่รอการตัดสินใจได้เทไปให้ทางนายทรัมป์จนหมด เขาชนะไปแบบเฉือนกันปลายจมูก……
    อเมริกา ได้นายทรัมป์มาเป็นประธานาธิบดี
    มาดามคลินตัน จุกจนพูดไม่ออก……เพราะมันหมายถึงสิ่งที่ตั้งความหวังมาตลอดชีวิตว่าจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศนั้นหายวับไปต่อหน้าต่อตา เพราะอีเมล์จำนวนร้อยฉบับเหล่านั้น มันได้เปิดหน้ากากเธอจนหมดสิ้น……

    วันนั้น……ทางเครมลินได้รอฟังผลการเลือกตั้งเช่นกัน พร้อมเหล้ายาปลาปิ้ง กับแกล้มพร้อม เตรียมฉลองเหมือนจะรู้ว่า รถหมูคว่ำแน่……!!!

    นี่คือการ”เอาคืน” แบบย้อนเกล็ดที่เจ็บแสบที่สุด………ที่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย

    การเอาคืนในระบบปูตินนั้น……มาได้หลายรูปแบบ อย่างที่ยกชื่อมาเป็นตัวอย่างสองคนข้างบน คนแรก

    Anna Politkovskaya อายุ 48 ปีเป็น อเมริกัน-รัสเซีย ทำงานสื่ออิสระในสายของ Human Rights Watch ที่เอาตัวเองเข้าไปคลุกคลีในสนามรบของสงคราม
    Chechen แล้วส่งข่าวรายงานสู่สื่อใหญ่อเมริกา
    เธอได้รับการเตือนแบบเป็นระยะ นับตั้งแต่ถูกวางยาให้ป่วย, คุมขัง แต่ก็ไม่ได้ผล
    ในที่สุด……เธอได้เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารในบริเวณที่พักของเธอเอง
    ในปี 2006
    คาดว่า……ทางรัสเซียคงหมดความอดทนหลังจากที่จับได้ว่า เธอได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาย Boris Berezovsky เจ้าพ่อสื่อโทรทัศน์ตัวการสำคัญที่หลบหนีไปอยู่ที่อังกฤษ
    หมายเหตุ เรื่องของนาย Boris นี้ ดิฉันเคยเล่าไปแล้ว...

    คนต่อมาคือนาย Boris Nemtsov ที่เคยเป็นอธิบดี (ในรัฐบาลของ ประธานาธิบดี Yeltzin) ที่ต่อต้านปูตินอย่างเปิดเผย อีกทั้งเขาได้พยายามหาพวกจากฝั่งอเมริกาและอังกฤษเพื่อ ช่วยกระจายข่าวต่อ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ปูตินคือบุคคลที่รวยที่สุดในโลก มีบ้านราคาพันล้านเหรียญ มีเรือสำราญ และอีกสารพัดที่จะมี
    วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015 สองวันก่อนที่เขาจะขึ้นเวทีการอภิปรายใหญ่เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสของรัฐบาล เวลาเที่ยงคืนเศษ เขากับแฟนสาวเดินข้ามสะพานบริเวณหน้าพระราชวังเครมลิน
    มีรถแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ แล้วเขาก็ล้มลงไป……สิ้นใจด้วยกระสุนที่ยิงเข้ากลางหลังสี่นัด
    งานนี้เป็นงานดี ฝีมือเนี๊ยบ……เพราะแฟนสาวที่เดินเคลียคลออยู่ข้างๆนั้น ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาโดนยิง คิดว่าสะดุดอะไรล้มลง...ไม่มียินเสียงอะไรทั้งสิ้น

    ฟังแล้วก็ต้องทำใจนะคะ……นี่คือด้านมืดของมนุษย์ มีพระคุณแล้วก็ต้องมีพระเดช แล้วยังต้องมีการเก็บกวาดสิ่งที่เรียกว่าเสี้ยนหนาม กีดขวางทางเดิน
    ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกล……ก็ใช้แฮ๊คเคอร์

    แต่พี่รัสเซียนี่ เขาเอามาใช้ทุกอย่าง……ระยะหลังนี่ หนักไปทางยาพิษชนิดที่นักเคมีต้องค้นตำราแก้……

    ขนาดเก่งกล้าสารพัด มาเสียเชิงให้เป็นที่ขบขันได้ จากข่าวเรื่องทองคำแท่ง หนักกว่า 3.4 ตัน ร่วงลงมากจากเครื่องบินขณะที่กำลังวิ่งบนลู่ เพื่อที่จะเหินขึ้นฟ้า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้
    ชาวบ้านอเมริกันเขาว่า
    “โธ่เอ๊ยย……ขนาดขนทองยังเอาเครื่องบินผุๆมาใช้………ไหนคุยว่าสร้างจรวดไง?”


    Wiwanda W. Vichit
    ต่อเรื่องพี่ปูอีกนิด…..แค้นนี้………กี่ปีก็ไม่สาย……!! อย่าซีเรียสนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรอย่างที่จั่วหัวไว้หรอก แต่อยากให้อ่านเป็นบทเรียนสำหรับหญิงๆว่า……จะพูดจะจาอะไรต้องระวังให้มากถึงมากที่สุด เพราะมันทำให้ใครคนหนึ่งถึงกับตกจากสวรรค์เลยทันที ตกเฉยๆก็คงไม่กระไร……แต่นี่เข้าขั้นอับอายและหาทางกลับแทบไม่ได้เลย ดิฉันกำลังพูดถึง คู่เชือดคู่เฉือนแห่งปี มาดาม ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกาและ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย (พูดถึงอีกแล้ว) ที่คนทั้งสองศรศิลป์ไม่กินกันตั้งแต่ยังไม่เจอหน้าด้วยซ้ำ เพราะมาดาม คลินตัน เธอช่างกระหายสงครามอย่างออกนอกหน้า ไม่ว่าจะมีการสัมภาษณ์ครั้งใด เธอจะต้องพาดพิงถึงการแทรกแซงของรัสเซีย รวมไปถึวการวิจารณ์ปูตินอย่างเปิดเผย เมื่อตอนต้นปี 2016 ที่เธอเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต เพื่อชิงประธานาธิบดี เธอใช้การหาเสียงด้วยการโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งในเรื่องของความโหดร้ายในสงครามซีเรีย ว่า “ปูตินเป็นคนที่ไม่มีหัวจิตหัวใจ เพราะเขาเคยเป็นเคจีบีมาก่อน” ซึ่งข้อความนี้……ปูตินได้ออกอากาศให้สัมภาษณ์โต้กลับไปว่า “คนที่เป็นผู้นำ เขาไม่ได้ใช้หัวใจในการบริหารประเทศ เขาใช้สมอง!!” สื่อเองก็ช่างกระไร……ชอบนักที่จะคอยถาม คอยจี้ให้แต่ละฝ่ายออกมาแสดงความเห็นต่อกัน ทางฝ่ายชายมักจะนิ่งๆ ตอบสั้นๆ แต่ฝ่ายหญิงมักจะสาวยืดเสมอ มีทั้งประชดประชัน และ ดิสเครคิต จนปูตินเริ่มจะเชื่อแล้วว่า การเดินขบวนที่เกิดขึ้นบ่อยๆในรัสเซีย น่าจะเกิดจากการแทรกแซงจากภายนอกแน่นอน เพราะตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมา รัสเซียมีการเดินขบวนบ่อยมาก และฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล เช่นสื่ออิสระหัวรุนแรง อย่าง Anna Politkovskaya** หรือ นักการเมือง Boris Nemtsov*** ปี 2014 ที่รัสเซียได้ขยายเชื่อมกับ ไครเมียได้สำเร็จ เพราะตลอดเวลา 10ปีที่ผ่านมา รัสเซียพยายามที่จะต่อติดกับทั้งยุโรปและตะวันออกกลาง มาดามคลินตันก็โวยวาย กล่าวหาว่า นั่นคือการกระทำของฮิตเล่อร์ชัดๆ และเธอได้พยายามล็อบบี้ขัดขวางทุกวิถีทาง นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เรียกว่าไม่เกรงใจกันแล้ว จนเถึงคราวที่มาดามคลินตันลงเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ดูเหมือนว่า เส้นทางนี้ไม่มีพลาด ยิ่งมาเจอคู่แข่งขันที่เป็นเจ้าพ่อวงการนางงาม ท่าทางวิปลาส พูดจาไม่มีหูรูด……นาย Donald Trump ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานทางการเมืองมาก่อน เธอและครอบครัวมั่นใจเต็มร้อย ว่าประชากรชาวอเมริกันเกือบทั้งประเทศอยู่ฝ่ายเธอ ขนาด Chelsea ธิดาสาวคนเดียวของเธอ ยังประกาศเปิดตัวเธอบนเวที พร้อมทั้งต่อด้วยว่า The next President of the United States of America.. เสียงในโพล……ก็มาแบบนั้นจริงๆ แต่ที่เครมลิน……ทุกคนเชียร์ทรัมป์……รวมทั้งมั่นใจกันอย่างเต็มที่ว่า ตำแหน่งประธานาธิบดีจะต้องเป็นนายทรัมป์แน่นอน… ไม่กี่อาทิตย์ก่อนที่จะมีการลงคะแนนเสียง……สิ่งประหลาดได้เกิดขึ้นทางสื่อออนไลน์ นั่นคือ Wikileaks ที่ได้มีการเปิดเผยข้อความจากอีเมล์ของ มาดามคลินตันที่ติดต่อกับผู้คนต่างๆ กว่าร้อยฉบับ ล้วนแต่เป็นสาระสำคัญยิ่ง เช่นการสนับสนุนสงคราม, ด่ายิว, รับสินบน, รับเงินสนับสนุนจากแหล่งที่ไม่สุจริต, รับเงินจากต่างประเทศเพื่อแลกกับผลประโยชน์ (ในสมัยที่นั่งกลาโหม) ทั้งหมดนี้...มาจากฝีมือใครก็ไม่รู้……แต่ต้องเป็นมือแฮคระดับเทพเท่านั้นที่จะทำได้ ผลคือ……คะแนนของมาดามที่ว่านำมาลิ่วๆนั้น ตกฮวบลงอย่างน่าใจหาย วินาทีสุดท้ายคะแนนของกลุ่มที่รอการตัดสินใจได้เทไปให้ทางนายทรัมป์จนหมด เขาชนะไปแบบเฉือนกันปลายจมูก…… อเมริกา ได้นายทรัมป์มาเป็นประธานาธิบดี มาดามคลินตัน จุกจนพูดไม่ออก……เพราะมันหมายถึงสิ่งที่ตั้งความหวังมาตลอดชีวิตว่าจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศนั้นหายวับไปต่อหน้าต่อตา เพราะอีเมล์จำนวนร้อยฉบับเหล่านั้น มันได้เปิดหน้ากากเธอจนหมดสิ้น…… วันนั้น……ทางเครมลินได้รอฟังผลการเลือกตั้งเช่นกัน พร้อมเหล้ายาปลาปิ้ง กับแกล้มพร้อม เตรียมฉลองเหมือนจะรู้ว่า รถหมูคว่ำแน่……!!! นี่คือการ”เอาคืน” แบบย้อนเกล็ดที่เจ็บแสบที่สุด………ที่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย การเอาคืนในระบบปูตินนั้น……มาได้หลายรูปแบบ อย่างที่ยกชื่อมาเป็นตัวอย่างสองคนข้างบน คนแรก Anna Politkovskaya อายุ 48 ปีเป็น อเมริกัน-รัสเซีย ทำงานสื่ออิสระในสายของ Human Rights Watch ที่เอาตัวเองเข้าไปคลุกคลีในสนามรบของสงคราม Chechen แล้วส่งข่าวรายงานสู่สื่อใหญ่อเมริกา เธอได้รับการเตือนแบบเป็นระยะ นับตั้งแต่ถูกวางยาให้ป่วย, คุมขัง แต่ก็ไม่ได้ผล ในที่สุด……เธอได้เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารในบริเวณที่พักของเธอเอง ในปี 2006 คาดว่า……ทางรัสเซียคงหมดความอดทนหลังจากที่จับได้ว่า เธอได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาย Boris Berezovsky เจ้าพ่อสื่อโทรทัศน์ตัวการสำคัญที่หลบหนีไปอยู่ที่อังกฤษ หมายเหตุ เรื่องของนาย Boris นี้ ดิฉันเคยเล่าไปแล้ว... คนต่อมาคือนาย Boris Nemtsov ที่เคยเป็นอธิบดี (ในรัฐบาลของ ประธานาธิบดี Yeltzin) ที่ต่อต้านปูตินอย่างเปิดเผย อีกทั้งเขาได้พยายามหาพวกจากฝั่งอเมริกาและอังกฤษเพื่อ ช่วยกระจายข่าวต่อ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ปูตินคือบุคคลที่รวยที่สุดในโลก มีบ้านราคาพันล้านเหรียญ มีเรือสำราญ และอีกสารพัดที่จะมี วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015 สองวันก่อนที่เขาจะขึ้นเวทีการอภิปรายใหญ่เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสของรัฐบาล เวลาเที่ยงคืนเศษ เขากับแฟนสาวเดินข้ามสะพานบริเวณหน้าพระราชวังเครมลิน มีรถแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ แล้วเขาก็ล้มลงไป……สิ้นใจด้วยกระสุนที่ยิงเข้ากลางหลังสี่นัด งานนี้เป็นงานดี ฝีมือเนี๊ยบ……เพราะแฟนสาวที่เดินเคลียคลออยู่ข้างๆนั้น ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาโดนยิง คิดว่าสะดุดอะไรล้มลง...ไม่มียินเสียงอะไรทั้งสิ้น ฟังแล้วก็ต้องทำใจนะคะ……นี่คือด้านมืดของมนุษย์ มีพระคุณแล้วก็ต้องมีพระเดช แล้วยังต้องมีการเก็บกวาดสิ่งที่เรียกว่าเสี้ยนหนาม กีดขวางทางเดิน ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกล……ก็ใช้แฮ๊คเคอร์ แต่พี่รัสเซียนี่ เขาเอามาใช้ทุกอย่าง……ระยะหลังนี่ หนักไปทางยาพิษชนิดที่นักเคมีต้องค้นตำราแก้…… ขนาดเก่งกล้าสารพัด มาเสียเชิงให้เป็นที่ขบขันได้ จากข่าวเรื่องทองคำแท่ง หนักกว่า 3.4 ตัน ร่วงลงมากจากเครื่องบินขณะที่กำลังวิ่งบนลู่ เพื่อที่จะเหินขึ้นฟ้า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ ชาวบ้านอเมริกันเขาว่า “โธ่เอ๊ยย……ขนาดขนทองยังเอาเครื่องบินผุๆมาใช้………ไหนคุยว่าสร้างจรวดไง?” Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายได้ไม่สอดคล้องกับทรัพย์สิน..ที่ปรากฏ

    ยกตัวอย่าง..ปี 2564
    -แจ้งรายได้รวม 325 ล้านบาทเศษ

    -แจ้งต้นทุนขาย 299 ล้านบาทเศษ

    -แจ้งรายจ่ายรวม 320 ล้านบาทเศษ

    -แจ้งมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 3,915,683.87

    ถ้ามองดูผ่านๆบัญชีงบการเงินก็ดูปกติ แต่ถ้าเอาคดีที่เจ้าของบริษัทถูกจับกุมมามาเทียบกับงบการเงิน..โป๊ะแรงส์

    ต้นทุนขาย 299 ล้านบาทเศษที่แจ้งในงบดุลนี้คือ..ทองคำแท้ 96.5%ถึง ทองคำแท้ 99.9%

    แล้วถ้าความจริงแล้วมันคือทองเปอร์เซ็นต์ต่ำที่ต้นทุนจริงๆคือไม่ถึง 299 ล้านบาทเศษ = แจ้งต้นทุนอันเป็นเท็จ

    แจ้งต้นทุนเท็จไปเท่าไหร่ก็เป็นกำไรเท่านั้น

    ยกตัวอย่างเช่นซื้อทองเปอร์เซ็นต์ต่ำมาในราคา 100 ล้านบาท แต่แจ้งต้นทุนเท่าทองคำ96.5% ที่ราคา 300 ล้านบาท ก็จะมีเงินกำไรจากส่วนที่แจ้งเท็จ 200 ล้านบาทที่ผ่านการเสียภาษีแล้ว

    เอ๊ะ งง กำไรเท็จ 200 ล้านมันจะได้มายังไงครับเนี่ย.?
    -ก็เอาทองเปอร์เซ็นต่ำมาขายในราคาทอง 96.5%นั่นไงครับ

    คราวนี้ลองมาดูต้นทุนของนางตั๊ก-นายเบียร์ ที่แจ้งต้นทุนไว้ที่ 299 ล้านบาทเศษ แล้วขายได้ 325 ล้านบาทเศษเท่ากับกำไรประมาณ 8%

    ขายได้ 325 ล้านบาทเศษ มีรายจ่าย 320 ล้านบาทเศษ คิดเป็นค่าต้นทุนทองคำ 299 ล้านบาทที่เหลือเป็นค่าบริหารจัดการ 30 ล้านบาท

    เสียภาษีไป 978,920.97 เหลือกำไรสุทธิ 3.9 ล้านบาทเศษ คิดเป็นกำไรสุทธิ 1.3% ดูเผินๆโคตรสมเหตุสมผลเลยร้านทองมีกำไรสุทธิ 1.3%

    แต่ถ้าสมมุติต้นทุนที่แท้ของทองเปอร์เซ็นต์ต่ำของนางตั๊ก-นายเบีย มันมีต้นทุนจริงๆแค่ 99 ล้านบาทเศษ

    บริษัทเคทูเอ็น โกลด์ ก็จะมีกำไรจริงๆถึง 200 ล้านบาทเศษ ไม่ใช่ 3.9 ล้านตามที่เห็นในบัญชีงบการเงิน

    แล้วนางตั๊ก-นายเบียร์ ไปเอาเงินทุนระดับ 100 ล้านมาจากไหน.?
    -เงินบิ๊ก จ.(ที่ไม่ใช่ จ.โจ๊ก)กับเงินจากเจ้าของเว็บพนันที่เอาเงินมาฟอกผ่านอาหารเสริม ทองคำ แก๊งตั๊ก-เบียร์

    จากการตรวจสอบเจอในตอนนึ้ ตั๊ก-เบียร์ เคยมีชื่อครอบครองรวม 10 บริษัท มีรายได้รวมกัน 18 ล้านเศษ แจ้งขาดทุนรวมกัน 4 ล้านเศษ

    เหลือรายได้ประมาณ 14 ล้าน.? พรีสสส แล้วไปเอาเงินจากไหนมาซื้อรถ-กระเป๋า-บ้าน-ที่ดินมูลค่ารวมเป็นพันล้าน.?

    คำตอบ..เงินที่แจ้งต้นทุนเท็จ เงินที่ฟอกแล้วรับเป็นเงินสดเป็นทองคำแท่งวนลูปกลับมาเป็นเงินนอกบัญชีที่ไม่มีแจ้งไว้ในระบบ..นั่นเอง
    --------
    นางสาว หงส์ลดา เรืองอร่าม (เป็นทอม)คือน้องสาวแท้ๆของนาย เบียร์

    และนางหงส์คือหลัวเก่าของเมียหรั่ง หรือแต่เดิมตอนทำงานกลางคืนใช้ชื่อ..น้องโบนัส

    ทึ่มาของชื่อเมียหรั่ง นางเล่าว่าไปเที่ยวทะเลแล้วมีคนทักว่าคล้ายเมียฝรั่งเลยตั้งชื่อเฟซว่าเมียหรั่ง ถถถ

    พูดง่ายๆก็คือแต่แรกเริ่มที่ร่วมกันออกต้มตุ๋นผู้คนน้องโบนัสมีสถานะเป็นน้องสะไภ้ของนายเบียร์-นางตั๊ก นั่นเอง

    ตอนหน้าจะมาลงรายละเอียดของเมียหรั่งหรือน้องโบนัส-น้องหงส์

    แล้วตามด้วยคู่ของ นุช-เอก บางเตย แล้วแถมด้วยเรื่องของ“ซ้อฝิ่น แก๊งสาวส่งด่วน”หวานใจของ #ทิดหยั่ง

    สวัสดี
    @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    รายได้ไม่สอดคล้องกับทรัพย์สิน..ที่ปรากฏ ยกตัวอย่าง..ปี 2564 -แจ้งรายได้รวม 325 ล้านบาทเศษ -แจ้งต้นทุนขาย 299 ล้านบาทเศษ -แจ้งรายจ่ายรวม 320 ล้านบาทเศษ -แจ้งมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 3,915,683.87 ถ้ามองดูผ่านๆบัญชีงบการเงินก็ดูปกติ แต่ถ้าเอาคดีที่เจ้าของบริษัทถูกจับกุมมามาเทียบกับงบการเงิน..โป๊ะแรงส์ ต้นทุนขาย 299 ล้านบาทเศษที่แจ้งในงบดุลนี้คือ..ทองคำแท้ 96.5%ถึง ทองคำแท้ 99.9% แล้วถ้าความจริงแล้วมันคือทองเปอร์เซ็นต์ต่ำที่ต้นทุนจริงๆคือไม่ถึง 299 ล้านบาทเศษ = แจ้งต้นทุนอันเป็นเท็จ แจ้งต้นทุนเท็จไปเท่าไหร่ก็เป็นกำไรเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นซื้อทองเปอร์เซ็นต์ต่ำมาในราคา 100 ล้านบาท แต่แจ้งต้นทุนเท่าทองคำ96.5% ที่ราคา 300 ล้านบาท ก็จะมีเงินกำไรจากส่วนที่แจ้งเท็จ 200 ล้านบาทที่ผ่านการเสียภาษีแล้ว เอ๊ะ งง กำไรเท็จ 200 ล้านมันจะได้มายังไงครับเนี่ย.? -ก็เอาทองเปอร์เซ็นต่ำมาขายในราคาทอง 96.5%นั่นไงครับ คราวนี้ลองมาดูต้นทุนของนางตั๊ก-นายเบียร์ ที่แจ้งต้นทุนไว้ที่ 299 ล้านบาทเศษ แล้วขายได้ 325 ล้านบาทเศษเท่ากับกำไรประมาณ 8% ขายได้ 325 ล้านบาทเศษ มีรายจ่าย 320 ล้านบาทเศษ คิดเป็นค่าต้นทุนทองคำ 299 ล้านบาทที่เหลือเป็นค่าบริหารจัดการ 30 ล้านบาท เสียภาษีไป 978,920.97 เหลือกำไรสุทธิ 3.9 ล้านบาทเศษ คิดเป็นกำไรสุทธิ 1.3% ดูเผินๆโคตรสมเหตุสมผลเลยร้านทองมีกำไรสุทธิ 1.3% แต่ถ้าสมมุติต้นทุนที่แท้ของทองเปอร์เซ็นต์ต่ำของนางตั๊ก-นายเบีย มันมีต้นทุนจริงๆแค่ 99 ล้านบาทเศษ บริษัทเคทูเอ็น โกลด์ ก็จะมีกำไรจริงๆถึง 200 ล้านบาทเศษ ไม่ใช่ 3.9 ล้านตามที่เห็นในบัญชีงบการเงิน แล้วนางตั๊ก-นายเบียร์ ไปเอาเงินทุนระดับ 100 ล้านมาจากไหน.? -เงินบิ๊ก จ.(ที่ไม่ใช่ จ.โจ๊ก)กับเงินจากเจ้าของเว็บพนันที่เอาเงินมาฟอกผ่านอาหารเสริม ทองคำ แก๊งตั๊ก-เบียร์ จากการตรวจสอบเจอในตอนนึ้ ตั๊ก-เบียร์ เคยมีชื่อครอบครองรวม 10 บริษัท มีรายได้รวมกัน 18 ล้านเศษ แจ้งขาดทุนรวมกัน 4 ล้านเศษ เหลือรายได้ประมาณ 14 ล้าน.? พรีสสส แล้วไปเอาเงินจากไหนมาซื้อรถ-กระเป๋า-บ้าน-ที่ดินมูลค่ารวมเป็นพันล้าน.? คำตอบ..เงินที่แจ้งต้นทุนเท็จ เงินที่ฟอกแล้วรับเป็นเงินสดเป็นทองคำแท่งวนลูปกลับมาเป็นเงินนอกบัญชีที่ไม่มีแจ้งไว้ในระบบ..นั่นเอง -------- นางสาว หงส์ลดา เรืองอร่าม (เป็นทอม)คือน้องสาวแท้ๆของนาย เบียร์ และนางหงส์คือหลัวเก่าของเมียหรั่ง หรือแต่เดิมตอนทำงานกลางคืนใช้ชื่อ..น้องโบนัส ทึ่มาของชื่อเมียหรั่ง นางเล่าว่าไปเที่ยวทะเลแล้วมีคนทักว่าคล้ายเมียฝรั่งเลยตั้งชื่อเฟซว่าเมียหรั่ง ถถถ พูดง่ายๆก็คือแต่แรกเริ่มที่ร่วมกันออกต้มตุ๋นผู้คนน้องโบนัสมีสถานะเป็นน้องสะไภ้ของนายเบียร์-นางตั๊ก นั่นเอง ตอนหน้าจะมาลงรายละเอียดของเมียหรั่งหรือน้องโบนัส-น้องหงส์ แล้วตามด้วยคู่ของ นุช-เอก บางเตย แล้วแถมด้วยเรื่องของ“ซ้อฝิ่น แก๊งสาวส่งด่วน”หวานใจของ #ทิดหยั่ง สวัสดี @ไร้เงา แต่เร้าตรีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 456 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1 ตุลาคม 2567-รายงานจากเพจเฟซบุ๊ก สายัณห์ รุจิรโมรา ชี้ประเด็น การ audit การถือครองและการตรวจคุณภาพ (assay)ของจำนวนทองคำในคลังของรัฐบาลสหรัฐที่Fort Knox ตลอดถึงธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทองคำสำรองทั้งหมดนี้

    “ moneymetals
    50-Year Anniversary of the Notorious “Show Audit” of Fort Knox Gold
    การตรวจสอบปริมาณทองคำสำรองสหรัฐที่ Fort Knox เมื่อ 50 ปีก่อน เป็นเพียงทีวีโชว์ ..."show audit"

    Matthew Cortez. Sept 23, 2024

    เงินเฟ้อเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ตอนนี้กำลังกระจายไปทั่ว มันสูบความมั่งคั่งของผู้ออมเงินผ่านอำนาจซื้อของ "เงิน" ปีแล้วปีเล่า

    ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางทั่วโลก -ตั้งแต่ซาอุดิอราเบีย ยันถึงจีน และทั้งโลก- ต่างก็แข่งกันซื้อทองคำอย่างเร่งด่วน หลายประเทศเช่นพวกกลุ่ม BRICS ถึงขนาดคิดที่จะเลิกใช้ดอลลาร์ในการค้ากันแล้ว

    และเมื่อสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์เกิดความไม่แน่นอน ทั้งนักลงทุน ธุรกิจเอกชน และหน่วยงานของรัฐบาลต่างก็ถือทองคำเพื่อเป็นการปกป้องตนเองให้พ้นจากอิทธิพลจากเงินเฟ้อ

    จากรายงานที่เรารับรู้มาตลอด ทองคำรีเสิร์ฟของสหรัฐมีอยู่ 8,133 ตัน เกือบทั้งหมดนั้นเก็บรักษาที่คลังของรัฐบาลสหรัฐ (Bullion Depository) ที่ Fort Knox, Kentucky ...คลังนี้ถือเป็นสัญญลักษณ์ของสถานะอำนาจทางการเงินที่แข็งแกร่งของอเมริกาที่มีต่อทั้งโลก

    ทุนสำรองทองคำของสหรัฐนี้ไม่มีการตรวจสอบที่เชื่อถือได้มาตั้งแต่ปี 1974 ...ไม่นานหลังจากที่อเมริกาฉีกสัญญา Bretton Woods ที่ทำให้สถานะการถือครองทองคำของอเมริกาเป็นที่น่าเคลิอบแคลงสงสัย ที่จริงแล้ว การ audit ครั้งที่เกิดก่อนหน้าปี 1974 ก็ไม่น่าเชื่อถือเหมือนกัน

    นี่ก็ครบรอบ 50 ปีแล้วที่ประชาชนยังคงอยู่กับความน่าสงสัย คำถามก็ยังคงอยู่...ทองคำทั้งหมดของอเมริกา ยังอยู่มั้ย?

    ประวัติศาสตร์ของคลัง Bullion Depository ของสหรัฐที่ Kentucky

    ก่อสร้างปี 1936 เพื่อสนับสนุนคำสั่ง ปธน. ที่ 6102 (Executive Order 6102) ของปธน. รูสเวลท์ที่บังคับให้ประชาขนแลกทองคำของตนเป็นเงินกระดาษ ...คลังนี้ถูกเรียกตามสถานที่ตั้งว่า Fort Knox

    U.S. Bullion Depository แห่งนี้อยู่ใจกลางประเทศที่ห่างไกลจากชายฝั่งประเทศ เพื่อความปลอดภัยกรณีที่ถูกรุกราน

    ประตูของคลังแห่งนี้หนาถึง 21 นิ้ว ก่อสร้างด้วยเหล็กกล้าถึง 1,420 ตัน มันถูกออกแบบเป็นการเฉพาะเพื่อเก็บรักษาทองคำนับล้านๆ ออนซ์ (เป็นทองคำแท่งที่หลอมมาจากเหรียญ) ทีได้รับมาจากประชาชนสหรัฐ ตามคำสั่ง 6102 กับทองที่ยึดเข้ามาดื้อ ๆ จากประเทศในยุโรป ที่ถูกทำลายจากสงคราม

    ตั้งแต่เมื่อ 50 ปีมาแล้ว ที่ประชาชนอเมริกันก็แคลงใจว่าในคลังยังมีทองคำอยู่จริงหรือ?

    ตอนนั้นมีหลายทฤษฎีที่เกี่ยวกับทองคำเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่ว ...ทฤษฎีหนึ่งที่นักฏหมายคนหนึ่งในวอชิงตันให้สัมภาษณ์สื่อ The National Tattler ว่า ทองคำมูลค่า $20,000 ล้านอันตรธานไปจากคลังของรัฐบาลแห่งนี้ ข่าวนี้แพร่ไปทั่วคองเกรสอย่างรวดเร็ว

    คนอเมริกันจำนวนมากข้องใจกับคลังแห่งนี้ คิดว่าทองคำน่าจะหมดไปแล้ว จากการถูกต่างประเทศแลกคืนตลอดหลายปีก่อนหน้านั้น

    The “Show Audit” of Fort Knox Gold in 1974 Created More Questions

    รัฐบาลแก้เกม โดยจัดให้มีการ "Show Audit" ของ Fort Knox Gold เมื่อวันที่ 23 กันยายน 1974 กระทรวงคลังเปิดห้องเก็บทองคำโชว์ แต่เปิดแค่ 1 ห้องจากทั้งหมด 15 ห้อง ให้นักการเมืองและนักข่าวเข้าชมทองคำอย่างใกล้ชิด เพื่อยืนยันว่ามันยังอยู่ ....ดูยังไง ๆ มันก็เป็นรายการทีวีโชว์ ไม่ใช่ audit ...(ผมจะแชร์ลิ้งค์ คลิปส่วนหนึ่งในคอมเมนท์ครับ)

    รายการโชว์ที่มีคลิปรวมกันประมาณสองชั่วโมง เต็มไปด้วยรอยยิ้มของนักการเมืองและนักข่าว ที่มองดูทองคำแท่งที่กองเต็มรวม..สูงถึงเพดานในห้องเก็บนั้น

    ตลอดช่วงของการเข้าชม กลับไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องของ serial# ของทองคำแต่ละแท่ง หรือผลการตรวจสอบความบริสุทธิ์ (assay) หรือแม้แต่หลักฐานความเป็นเจ้าของของรัฐบาลสหรัฐ ....(ตอนนั้นยังมีการรับฝากจากรัฐบาลต่างประเทศอยู่มาก)

    นี่เป็นรายการทีวีที่ออกอากาศปี 1974 มากกว่าจะเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือ..แสดงจำนวนทองคำของสหรัฐในคลัง

    หลายสิบปีหลังจากนั้น มันก็ยังคงอึมครึมอยู่อย่างนั้น Fed ก็ยังพิมพ์เงินต่อไป ...ธนาคารกลางทั่วโลกก็เก็บสะสมทองคำกันต่อไป ....คนอเมริกันก็ยังเซ่อ..ไม่รู้อะไรเหมือนเดิมอยู่ต่อไป

    เมื่อปี 2021 สมาชิกสภา Alex Mooney (WV - R) เสนอออกกฎหมายให้มีการ audit การถือครอง ..การตรวจคุณภาพ (assay) และจำนวนทองคำของรัฐบาลสหรัฐ ตลอดถึงธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทองคำสำรองทั้งหมดนี้ ...แต่เรื่องก็เงียบไป น่าจะต้องมีการเสนออีกในปีต่อ ๆ ไป

    คลิป "show audit" ผมแปะไว้ที่คอมเมนท์ครับ

    https://www.moneymetals.com/news/2024/09/23/50-year-anniversary-of-the-notorious-show-audit-of-fort-knox-gold-003484

    #Thaitimes
    1 ตุลาคม 2567-รายงานจากเพจเฟซบุ๊ก สายัณห์ รุจิรโมรา ชี้ประเด็น การ audit การถือครองและการตรวจคุณภาพ (assay)ของจำนวนทองคำในคลังของรัฐบาลสหรัฐที่Fort Knox ตลอดถึงธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทองคำสำรองทั้งหมดนี้ “ moneymetals 50-Year Anniversary of the Notorious “Show Audit” of Fort Knox Gold การตรวจสอบปริมาณทองคำสำรองสหรัฐที่ Fort Knox เมื่อ 50 ปีก่อน เป็นเพียงทีวีโชว์ ..."show audit" Matthew Cortez. Sept 23, 2024 เงินเฟ้อเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ตอนนี้กำลังกระจายไปทั่ว มันสูบความมั่งคั่งของผู้ออมเงินผ่านอำนาจซื้อของ "เงิน" ปีแล้วปีเล่า ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางทั่วโลก -ตั้งแต่ซาอุดิอราเบีย ยันถึงจีน และทั้งโลก- ต่างก็แข่งกันซื้อทองคำอย่างเร่งด่วน หลายประเทศเช่นพวกกลุ่ม BRICS ถึงขนาดคิดที่จะเลิกใช้ดอลลาร์ในการค้ากันแล้ว และเมื่อสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์เกิดความไม่แน่นอน ทั้งนักลงทุน ธุรกิจเอกชน และหน่วยงานของรัฐบาลต่างก็ถือทองคำเพื่อเป็นการปกป้องตนเองให้พ้นจากอิทธิพลจากเงินเฟ้อ จากรายงานที่เรารับรู้มาตลอด ทองคำรีเสิร์ฟของสหรัฐมีอยู่ 8,133 ตัน เกือบทั้งหมดนั้นเก็บรักษาที่คลังของรัฐบาลสหรัฐ (Bullion Depository) ที่ Fort Knox, Kentucky ...คลังนี้ถือเป็นสัญญลักษณ์ของสถานะอำนาจทางการเงินที่แข็งแกร่งของอเมริกาที่มีต่อทั้งโลก ทุนสำรองทองคำของสหรัฐนี้ไม่มีการตรวจสอบที่เชื่อถือได้มาตั้งแต่ปี 1974 ...ไม่นานหลังจากที่อเมริกาฉีกสัญญา Bretton Woods ที่ทำให้สถานะการถือครองทองคำของอเมริกาเป็นที่น่าเคลิอบแคลงสงสัย ที่จริงแล้ว การ audit ครั้งที่เกิดก่อนหน้าปี 1974 ก็ไม่น่าเชื่อถือเหมือนกัน นี่ก็ครบรอบ 50 ปีแล้วที่ประชาชนยังคงอยู่กับความน่าสงสัย คำถามก็ยังคงอยู่...ทองคำทั้งหมดของอเมริกา ยังอยู่มั้ย? ประวัติศาสตร์ของคลัง Bullion Depository ของสหรัฐที่ Kentucky ก่อสร้างปี 1936 เพื่อสนับสนุนคำสั่ง ปธน. ที่ 6102 (Executive Order 6102) ของปธน. รูสเวลท์ที่บังคับให้ประชาขนแลกทองคำของตนเป็นเงินกระดาษ ...คลังนี้ถูกเรียกตามสถานที่ตั้งว่า Fort Knox U.S. Bullion Depository แห่งนี้อยู่ใจกลางประเทศที่ห่างไกลจากชายฝั่งประเทศ เพื่อความปลอดภัยกรณีที่ถูกรุกราน ประตูของคลังแห่งนี้หนาถึง 21 นิ้ว ก่อสร้างด้วยเหล็กกล้าถึง 1,420 ตัน มันถูกออกแบบเป็นการเฉพาะเพื่อเก็บรักษาทองคำนับล้านๆ ออนซ์ (เป็นทองคำแท่งที่หลอมมาจากเหรียญ) ทีได้รับมาจากประชาชนสหรัฐ ตามคำสั่ง 6102 กับทองที่ยึดเข้ามาดื้อ ๆ จากประเทศในยุโรป ที่ถูกทำลายจากสงคราม ตั้งแต่เมื่อ 50 ปีมาแล้ว ที่ประชาชนอเมริกันก็แคลงใจว่าในคลังยังมีทองคำอยู่จริงหรือ? ตอนนั้นมีหลายทฤษฎีที่เกี่ยวกับทองคำเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่ว ...ทฤษฎีหนึ่งที่นักฏหมายคนหนึ่งในวอชิงตันให้สัมภาษณ์สื่อ The National Tattler ว่า ทองคำมูลค่า $20,000 ล้านอันตรธานไปจากคลังของรัฐบาลแห่งนี้ ข่าวนี้แพร่ไปทั่วคองเกรสอย่างรวดเร็ว คนอเมริกันจำนวนมากข้องใจกับคลังแห่งนี้ คิดว่าทองคำน่าจะหมดไปแล้ว จากการถูกต่างประเทศแลกคืนตลอดหลายปีก่อนหน้านั้น The “Show Audit” of Fort Knox Gold in 1974 Created More Questions รัฐบาลแก้เกม โดยจัดให้มีการ "Show Audit" ของ Fort Knox Gold เมื่อวันที่ 23 กันยายน 1974 กระทรวงคลังเปิดห้องเก็บทองคำโชว์ แต่เปิดแค่ 1 ห้องจากทั้งหมด 15 ห้อง ให้นักการเมืองและนักข่าวเข้าชมทองคำอย่างใกล้ชิด เพื่อยืนยันว่ามันยังอยู่ ....ดูยังไง ๆ มันก็เป็นรายการทีวีโชว์ ไม่ใช่ audit ...(ผมจะแชร์ลิ้งค์ คลิปส่วนหนึ่งในคอมเมนท์ครับ) รายการโชว์ที่มีคลิปรวมกันประมาณสองชั่วโมง เต็มไปด้วยรอยยิ้มของนักการเมืองและนักข่าว ที่มองดูทองคำแท่งที่กองเต็มรวม..สูงถึงเพดานในห้องเก็บนั้น ตลอดช่วงของการเข้าชม กลับไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องของ serial# ของทองคำแต่ละแท่ง หรือผลการตรวจสอบความบริสุทธิ์ (assay) หรือแม้แต่หลักฐานความเป็นเจ้าของของรัฐบาลสหรัฐ ....(ตอนนั้นยังมีการรับฝากจากรัฐบาลต่างประเทศอยู่มาก) นี่เป็นรายการทีวีที่ออกอากาศปี 1974 มากกว่าจะเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือ..แสดงจำนวนทองคำของสหรัฐในคลัง หลายสิบปีหลังจากนั้น มันก็ยังคงอึมครึมอยู่อย่างนั้น Fed ก็ยังพิมพ์เงินต่อไป ...ธนาคารกลางทั่วโลกก็เก็บสะสมทองคำกันต่อไป ....คนอเมริกันก็ยังเซ่อ..ไม่รู้อะไรเหมือนเดิมอยู่ต่อไป เมื่อปี 2021 สมาชิกสภา Alex Mooney (WV - R) เสนอออกกฎหมายให้มีการ audit การถือครอง ..การตรวจคุณภาพ (assay) และจำนวนทองคำของรัฐบาลสหรัฐ ตลอดถึงธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทองคำสำรองทั้งหมดนี้ ...แต่เรื่องก็เงียบไป น่าจะต้องมีการเสนออีกในปีต่อ ๆ ไป คลิป "show audit" ผมแปะไว้ที่คอมเมนท์ครับ https://www.moneymetals.com/news/2024/09/23/50-year-anniversary-of-the-notorious-show-audit-of-fort-knox-gold-003484 #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 949 มุมมอง 1 รีวิว
  • ต่อเรื่องพี่ปูอีกนิด…..แค้นนี้………กี่ปีก็ไม่สาย……!!

    อย่าซีเรียสนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรอย่างที่จั่วหัวไว้หรอก แต่อยากให้อ่านเป็นบทเรียนสำหรับหญิงๆว่า……จะพูดจะจาอะไรต้องระวังให้มากถึงมากที่สุด
    เพราะมันทำให้ใครคนหนึ่งถึงกับตกจากสวรรค์เลยทันที
    ตกเฉยๆก็คงไม่กระไร……แต่นี่เข้าขั้นอับอายและหาทางกลับแทบไม่ได้เลย

    ดิฉันกำลังพูดถึง คู่เชือดคู่เฉือนแห่งปี มาดาม ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกาและ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย (พูดถึงอีกแล้ว)
    ที่คนทั้งสองศรศิลป์ไม่กินกันตั้งแต่ยังไม่เจอหน้าด้วยซ้ำ เพราะมาดาม คลินตัน
    เธอช่างกระหายสงครามอย่างออกนอกหน้า ไม่ว่าจะมีการสัมภาษณ์ครั้งใด เธอจะต้องพาดพิงถึงการแทรกแซงของรัสเซีย รวมไปถึวการวิจารณ์ปูตินอย่างเปิดเผย
    เมื่อตอนต้นปี 2016 ที่เธอเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต เพื่อชิงประธานาธิบดี เธอใช้การหาเสียงด้วยการโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งในเรื่องของความโหดร้ายในสงครามซีเรีย
    ว่า
    “ปูตินเป็นคนที่ไม่มีหัวจิตหัวใจ เพราะเขาเคยเป็นเคจีบีมาก่อน”

    ซึ่งข้อความนี้……ปูตินได้ออกอากาศให้สัมภาษณ์โต้กลับไปว่า
    “คนที่เป็นผู้นำ เขาไม่ได้ใช้หัวใจในการบริหารประเทศ เขาใช้สมอง!!”

    สื่อเองก็ช่างกระไร……ชอบนักที่จะคอยถาม คอยจี้ให้แต่ละฝ่ายออกมาแสดงความเห็นต่อกัน ทางฝ่ายชายมักจะนิ่งๆ ตอบสั้นๆ
    แต่ฝ่ายหญิงมักจะสาวยืดเสมอ มีทั้งประชดประชัน และ ดิสเครคิต
    จนปูตินเริ่มจะเชื่อแล้วว่า การเดินขบวนที่เกิดขึ้นบ่อยๆในรัสเซีย น่าจะเกิดจากการแทรกแซงจากภายนอกแน่นอน เพราะตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมา รัสเซียมีการเดินขบวนบ่อยมาก และฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล เช่นสื่ออิสระหัวรุนแรง อย่าง Anna Politkovskaya**

    หรือ นักการเมือง Boris Nemtsov***
    ปี 2014 ที่รัสเซียได้ขยายเชื่อมกับ ไครเมียได้สำเร็จ เพราะตลอดเวลา 10ปีที่ผ่านมา รัสเซียพยายามที่จะต่อติดกับทั้งยุโรปและตะวันออกกลาง
    มาดามคลินตันก็โวยวาย กล่าวหาว่า นั่นคือการกระทำของฮิตเล่อร์ชัดๆ
    และเธอได้พยายามล็อบบี้ขัดขวางทุกวิถีทาง

    นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เรียกว่าไม่เกรงใจกันแล้ว

    จนเถึงคราวที่มาดามคลินตันลงเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ดูเหมือนว่า
    เส้นทางนี้ไม่มีพลาด ยิ่งมาเจอคู่แข่งขันที่เป็นเจ้าพ่อวงการนางงาม ท่าทางวิปลาส พูดจาไม่มีหูรูด……นาย Donald Trump ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานทางการเมืองมาก่อน
    เธอและครอบครัวมั่นใจเต็มร้อย ว่าประชากรชาวอเมริกันเกือบทั้งประเทศอยู่ฝ่ายเธอ
    ขนาด Chelsea ธิดาสาวคนเดียวของเธอ ยังประกาศเปิดตัวเธอบนเวที พร้อมทั้งต่อด้วยว่า The next President of the United States of America..
    เสียงในโพล……ก็มาแบบนั้นจริงๆ

    แต่ที่เครมลิน……ทุกคนเชียร์ทรัมป์……รวมทั้งมั่นใจกันอย่างเต็มที่ว่า ตำแหน่งประธานาธิบดีจะต้องเป็นนายทรัมป์แน่นอน…

    ไม่กี่อาทิตย์ก่อนที่จะมีการลงคะแนนเสียง……สิ่งประหลาดได้เกิดขึ้นทางสื่อออนไลน์ นั่นคือ Wikileaks ที่ได้มีการเปิดเผยข้อความจากอีเมล์ของ
    มาดามคลินตันที่ติดต่อกับผู้คนต่างๆ กว่าร้อยฉบับ ล้วนแต่เป็นสาระสำคัญยิ่ง
    เช่นการสนับสนุนสงคราม, ด่ายิว, รับสินบน, รับเงินสนับสนุนจากแหล่งที่ไม่สุจริต, รับเงินจากต่างประเทศเพื่อแลกกับผลประโยชน์ (ในสมัยที่นั่งกลาโหม)
    ทั้งหมดนี้...มาจากฝีมือใครก็ไม่รู้……แต่ต้องเป็นมือแฮคระดับเทพเท่านั้นที่จะทำได้

    ผลคือ……คะแนนของมาดามที่ว่านำมาลิ่วๆนั้น ตกฮวบลงอย่างน่าใจหาย
    วินาทีสุดท้ายคะแนนของกลุ่มที่รอการตัดสินใจได้เทไปให้ทางนายทรัมป์จนหมด เขาชนะไปแบบเฉือนกันปลายจมูก……
    อเมริกา ได้นายทรัมป์มาเป็นประธานาธิบดี
    มาดามคลินตัน จุกจนพูดไม่ออก……เพราะมันหมายถึงสิ่งที่ตั้งความหวังมาตลอดชีวิตว่าจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศนั้นหายวับไปต่อหน้าต่อตา เพราะอีเมล์จำนวนร้อยฉบับเหล่านั้น มันได้เปิดหน้ากากเธอจนหมดสิ้น……

    วันนั้น……ทางเครมลินได้รอฟังผลการเลือกตั้งเช่นกัน พร้อมเหล้ายาปลาปิ้ง กับแกล้มพร้อม เตรียมฉลองเหมือนจะรู้ว่า รถหมูคว่ำแน่……!!!

    นี่คือการ”เอาคืน” แบบย้อนเกล็ดที่เจ็บแสบที่สุด………ที่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย

    การเอาคืนในระบบปูตินนั้น……มาได้หลายรูปแบบ อย่างที่ยกชื่อมาเป็นตัวอย่างสองคนข้างบน คนแรก

    Anna Politkovskaya อายุ 48 ปีเป็น อเมริกัน-รัสเซีย ทำงานสื่ออิสระในสายของ Human Rights Watch ที่เอาตัวเองเข้าไปคลุกคลีในสนามรบของสงคราม
    Chechen แล้วส่งข่าวรายงานสู่สื่อใหญ่อเมริกา
    เธอได้รับการเตือนแบบเป็นระยะ นับตั้งแต่ถูกวางยาให้ป่วย, คุมขัง แต่ก็ไม่ได้ผล
    ในที่สุด……เธอได้เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารในบริเวณที่พักของเธอเอง
    ในปี 2006
    คาดว่า……ทางรัสเซียคงหมดความอดทนหลังจากที่จับได้ว่า เธอได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาย Boris Berezovsky เจ้าพ่อสื่อโทรทัศน์ตัวการสำคัญที่หลบหนีไปอยู่ที่อังกฤษ
    หมายเหตุ เรื่องของนาย Boris นี้ ดิฉันเคยเล่าไปแล้ว...

    คนต่อมาคือนาย Boris Nemtsov ที่เคยเป็นอธิบดี (ในรัฐบาลของ ประธานาธิบดี Yeltzin) ที่ต่อต้านปูตินอย่างเปิดเผย อีกทั้งเขาได้พยายามหาพวกจากฝั่งอเมริกาและอังกฤษเพื่อ ช่วยกระจายข่าวต่อ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ปูตินคือบุคคลที่รวยที่สุดในโลก มีบ้านราคาพันล้านเหรียญ มีเรือสำราญ และอีกสารพัดที่จะมี
    วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015 สองวันก่อนที่เขาจะขึ้นเวทีการอภิปรายใหญ่เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสของรัฐบาล เวลาเที่ยงคืนเศษ เขากับแฟนสาวเดินข้ามสะพานบริเวณหน้าพระราชวังเครมลิน
    มีรถแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ แล้วเขาก็ล้มลงไป……สิ้นใจด้วยกระสุนที่ยิงเข้ากลางหลังสี่นัด
    งานนี้เป็นงานดี ฝีมือเนี๊ยบ……เพราะแฟนสาวที่เดินเคลียคลออยู่ข้างๆนั้น ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาโดนยิง คิดว่าสะดุดอะไรล้มลง...ไม่มียินเสียงอะไรทั้งสิ้น

    ฟังแล้วก็ต้องทำใจนะคะ……นี่คือด้านมืดของมนุษย์ มีพระคุณแล้วก็ต้องมีพระเดช แล้วยังต้องมีการเก็บกวาดสิ่งที่เรียกว่าเสี้ยนหนาม กีดขวางทางเดิน
    ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกล……ก็ใช้แฮ๊คเคอร์

    แต่พี่รัสเซียนี่ เขาเอามาใช้ทุกอย่าง……ระยะหลังนี่ หนักไปทางยาพิษชนิดที่นักเคมีต้องค้นตำราแก้……

    ขนาดเก่งกล้าสารพัด มาเสียเชิงให้เป็นที่ขบขันได้ จากข่าวเรื่องทองคำแท่ง หนักกว่า 3.4 ตัน ร่วงลงมากจากเครื่องบินขณะที่กำลังวิ่งบนลู่ เพื่อที่จะเหินขึ้นฟ้า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้
    ชาวบ้านอเมริกันเขาว่า
    “โธ่เอ๊ยย……ขนาดขนทองยังเอาเครื่องบินผุๆมาใช้………ไหนคุยว่าสร้างจรวดไง?”

    Wiwanda W. Vichit
    ต่อเรื่องพี่ปูอีกนิด…..แค้นนี้………กี่ปีก็ไม่สาย……!! อย่าซีเรียสนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรอย่างที่จั่วหัวไว้หรอก แต่อยากให้อ่านเป็นบทเรียนสำหรับหญิงๆว่า……จะพูดจะจาอะไรต้องระวังให้มากถึงมากที่สุด เพราะมันทำให้ใครคนหนึ่งถึงกับตกจากสวรรค์เลยทันที ตกเฉยๆก็คงไม่กระไร……แต่นี่เข้าขั้นอับอายและหาทางกลับแทบไม่ได้เลย ดิฉันกำลังพูดถึง คู่เชือดคู่เฉือนแห่งปี มาดาม ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกาและ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย (พูดถึงอีกแล้ว) ที่คนทั้งสองศรศิลป์ไม่กินกันตั้งแต่ยังไม่เจอหน้าด้วยซ้ำ เพราะมาดาม คลินตัน เธอช่างกระหายสงครามอย่างออกนอกหน้า ไม่ว่าจะมีการสัมภาษณ์ครั้งใด เธอจะต้องพาดพิงถึงการแทรกแซงของรัสเซีย รวมไปถึวการวิจารณ์ปูตินอย่างเปิดเผย เมื่อตอนต้นปี 2016 ที่เธอเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต เพื่อชิงประธานาธิบดี เธอใช้การหาเสียงด้วยการโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งในเรื่องของความโหดร้ายในสงครามซีเรีย ว่า “ปูตินเป็นคนที่ไม่มีหัวจิตหัวใจ เพราะเขาเคยเป็นเคจีบีมาก่อน” ซึ่งข้อความนี้……ปูตินได้ออกอากาศให้สัมภาษณ์โต้กลับไปว่า “คนที่เป็นผู้นำ เขาไม่ได้ใช้หัวใจในการบริหารประเทศ เขาใช้สมอง!!” สื่อเองก็ช่างกระไร……ชอบนักที่จะคอยถาม คอยจี้ให้แต่ละฝ่ายออกมาแสดงความเห็นต่อกัน ทางฝ่ายชายมักจะนิ่งๆ ตอบสั้นๆ แต่ฝ่ายหญิงมักจะสาวยืดเสมอ มีทั้งประชดประชัน และ ดิสเครคิต จนปูตินเริ่มจะเชื่อแล้วว่า การเดินขบวนที่เกิดขึ้นบ่อยๆในรัสเซีย น่าจะเกิดจากการแทรกแซงจากภายนอกแน่นอน เพราะตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมา รัสเซียมีการเดินขบวนบ่อยมาก และฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล เช่นสื่ออิสระหัวรุนแรง อย่าง Anna Politkovskaya** หรือ นักการเมือง Boris Nemtsov*** ปี 2014 ที่รัสเซียได้ขยายเชื่อมกับ ไครเมียได้สำเร็จ เพราะตลอดเวลา 10ปีที่ผ่านมา รัสเซียพยายามที่จะต่อติดกับทั้งยุโรปและตะวันออกกลาง มาดามคลินตันก็โวยวาย กล่าวหาว่า นั่นคือการกระทำของฮิตเล่อร์ชัดๆ และเธอได้พยายามล็อบบี้ขัดขวางทุกวิถีทาง นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เรียกว่าไม่เกรงใจกันแล้ว จนเถึงคราวที่มาดามคลินตันลงเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ดูเหมือนว่า เส้นทางนี้ไม่มีพลาด ยิ่งมาเจอคู่แข่งขันที่เป็นเจ้าพ่อวงการนางงาม ท่าทางวิปลาส พูดจาไม่มีหูรูด……นาย Donald Trump ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานทางการเมืองมาก่อน เธอและครอบครัวมั่นใจเต็มร้อย ว่าประชากรชาวอเมริกันเกือบทั้งประเทศอยู่ฝ่ายเธอ ขนาด Chelsea ธิดาสาวคนเดียวของเธอ ยังประกาศเปิดตัวเธอบนเวที พร้อมทั้งต่อด้วยว่า The next President of the United States of America.. เสียงในโพล……ก็มาแบบนั้นจริงๆ แต่ที่เครมลิน……ทุกคนเชียร์ทรัมป์……รวมทั้งมั่นใจกันอย่างเต็มที่ว่า ตำแหน่งประธานาธิบดีจะต้องเป็นนายทรัมป์แน่นอน… ไม่กี่อาทิตย์ก่อนที่จะมีการลงคะแนนเสียง……สิ่งประหลาดได้เกิดขึ้นทางสื่อออนไลน์ นั่นคือ Wikileaks ที่ได้มีการเปิดเผยข้อความจากอีเมล์ของ มาดามคลินตันที่ติดต่อกับผู้คนต่างๆ กว่าร้อยฉบับ ล้วนแต่เป็นสาระสำคัญยิ่ง เช่นการสนับสนุนสงคราม, ด่ายิว, รับสินบน, รับเงินสนับสนุนจากแหล่งที่ไม่สุจริต, รับเงินจากต่างประเทศเพื่อแลกกับผลประโยชน์ (ในสมัยที่นั่งกลาโหม) ทั้งหมดนี้...มาจากฝีมือใครก็ไม่รู้……แต่ต้องเป็นมือแฮคระดับเทพเท่านั้นที่จะทำได้ ผลคือ……คะแนนของมาดามที่ว่านำมาลิ่วๆนั้น ตกฮวบลงอย่างน่าใจหาย วินาทีสุดท้ายคะแนนของกลุ่มที่รอการตัดสินใจได้เทไปให้ทางนายทรัมป์จนหมด เขาชนะไปแบบเฉือนกันปลายจมูก…… อเมริกา ได้นายทรัมป์มาเป็นประธานาธิบดี มาดามคลินตัน จุกจนพูดไม่ออก……เพราะมันหมายถึงสิ่งที่ตั้งความหวังมาตลอดชีวิตว่าจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศนั้นหายวับไปต่อหน้าต่อตา เพราะอีเมล์จำนวนร้อยฉบับเหล่านั้น มันได้เปิดหน้ากากเธอจนหมดสิ้น…… วันนั้น……ทางเครมลินได้รอฟังผลการเลือกตั้งเช่นกัน พร้อมเหล้ายาปลาปิ้ง กับแกล้มพร้อม เตรียมฉลองเหมือนจะรู้ว่า รถหมูคว่ำแน่……!!! นี่คือการ”เอาคืน” แบบย้อนเกล็ดที่เจ็บแสบที่สุด………ที่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย การเอาคืนในระบบปูตินนั้น……มาได้หลายรูปแบบ อย่างที่ยกชื่อมาเป็นตัวอย่างสองคนข้างบน คนแรก Anna Politkovskaya อายุ 48 ปีเป็น อเมริกัน-รัสเซีย ทำงานสื่ออิสระในสายของ Human Rights Watch ที่เอาตัวเองเข้าไปคลุกคลีในสนามรบของสงคราม Chechen แล้วส่งข่าวรายงานสู่สื่อใหญ่อเมริกา เธอได้รับการเตือนแบบเป็นระยะ นับตั้งแต่ถูกวางยาให้ป่วย, คุมขัง แต่ก็ไม่ได้ผล ในที่สุด……เธอได้เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารในบริเวณที่พักของเธอเอง ในปี 2006 คาดว่า……ทางรัสเซียคงหมดความอดทนหลังจากที่จับได้ว่า เธอได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาย Boris Berezovsky เจ้าพ่อสื่อโทรทัศน์ตัวการสำคัญที่หลบหนีไปอยู่ที่อังกฤษ หมายเหตุ เรื่องของนาย Boris นี้ ดิฉันเคยเล่าไปแล้ว... คนต่อมาคือนาย Boris Nemtsov ที่เคยเป็นอธิบดี (ในรัฐบาลของ ประธานาธิบดี Yeltzin) ที่ต่อต้านปูตินอย่างเปิดเผย อีกทั้งเขาได้พยายามหาพวกจากฝั่งอเมริกาและอังกฤษเพื่อ ช่วยกระจายข่าวต่อ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ปูตินคือบุคคลที่รวยที่สุดในโลก มีบ้านราคาพันล้านเหรียญ มีเรือสำราญ และอีกสารพัดที่จะมี วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015 สองวันก่อนที่เขาจะขึ้นเวทีการอภิปรายใหญ่เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสของรัฐบาล เวลาเที่ยงคืนเศษ เขากับแฟนสาวเดินข้ามสะพานบริเวณหน้าพระราชวังเครมลิน มีรถแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ แล้วเขาก็ล้มลงไป……สิ้นใจด้วยกระสุนที่ยิงเข้ากลางหลังสี่นัด งานนี้เป็นงานดี ฝีมือเนี๊ยบ……เพราะแฟนสาวที่เดินเคลียคลออยู่ข้างๆนั้น ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาโดนยิง คิดว่าสะดุดอะไรล้มลง...ไม่มียินเสียงอะไรทั้งสิ้น ฟังแล้วก็ต้องทำใจนะคะ……นี่คือด้านมืดของมนุษย์ มีพระคุณแล้วก็ต้องมีพระเดช แล้วยังต้องมีการเก็บกวาดสิ่งที่เรียกว่าเสี้ยนหนาม กีดขวางทางเดิน ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกล……ก็ใช้แฮ๊คเคอร์ แต่พี่รัสเซียนี่ เขาเอามาใช้ทุกอย่าง……ระยะหลังนี่ หนักไปทางยาพิษชนิดที่นักเคมีต้องค้นตำราแก้…… ขนาดเก่งกล้าสารพัด มาเสียเชิงให้เป็นที่ขบขันได้ จากข่าวเรื่องทองคำแท่ง หนักกว่า 3.4 ตัน ร่วงลงมากจากเครื่องบินขณะที่กำลังวิ่งบนลู่ เพื่อที่จะเหินขึ้นฟ้า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ ชาวบ้านอเมริกันเขาว่า “โธ่เอ๊ยย……ขนาดขนทองยังเอาเครื่องบินผุๆมาใช้………ไหนคุยว่าสร้างจรวดไง?” Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 758 มุมมอง 0 รีวิว
  • ป.ป.ช.เผย ศาลฎีกาพิพากษายึดทรัพย์และทองคำแท่ง “สาธิต รังคสิริ” อดีตอธิบดีกรมสรรพากร มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน จากคดีร่ำรวยผิดปกติ
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000067481

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ป.ป.ช.เผย ศาลฎีกาพิพากษายึดทรัพย์และทองคำแท่ง “สาธิต รังคสิริ” อดีตอธิบดีกรมสรรพากร มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน จากคดีร่ำรวยผิดปกติ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000067481 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    17
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1345 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาทองคำแท่งวันพุธที่ 24 เม.ย. 67 ครั้งที่ 1 เวลา 09:06 น. [+100] ร้านทองซื้อเข้าบาทละ 40,350 ขายออกบาทละ 40,450

    https://www.goldtraders.or.th #ทองคำ #ราคาทอง #ทองคำแท่ง #ทองคำวันนี้
    ราคาทองคำแท่งวันพุธที่ 24 เม.ย. 67 ครั้งที่ 1 เวลา 09:06 น. [+100] ร้านทองซื้อเข้าบาทละ 40,350 ขายออกบาทละ 40,450 https://www.goldtraders.or.th #ทองคำ #ราคาทอง #ทองคำแท่ง #ทองคำวันนี้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1117 มุมมอง 0 รีวิว
  • โลกร้อน-เดือด ไข่ไก่แพง ทองคำพุ่ง

    ยุคข้าวหมากแพงอะไรต่อมิอะไรก็จะดูแพงไปเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาราคาไข่ไก่ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวของประชาชนทั่วไปมากที่สุด ไปจนถึงทองแพงที่อาจเป็นปัญหาของคนจำนวนหนึ่งเท่านั้น

    เริ่มกันที่ราคาไข่ไก่ เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ 4 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด ได้ออกประกาศราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเกษตรกร วันที่ 17 เม.ย. 2567 อยู่ที่ฟองละ 3.60 บาท

    การประกาศเช่นนี้ทำให้ราคาไข่ไก่ปรับขึ้นแผงละ 6 บาท โดยข้อมูลจากสมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไทย พบว่า ราคาไข่ไก่ขายส่ง เบอร์ 0 ราคา 4.40 บาทต่อฟอง, ไข่ไก่เบอร์ 1 ราคา 4.20 บาทต่อฟอง, ไข่ไก่เบอร์ 2 ราคา 4 บาทต่อฟอง ส่วนราคาขายปลีก ราคาไข่ไก่ขายส่ง เบอร์ 0 ราคา 5 บาทต่อฟอง, ไข่ไก่เบอร์ 1 ราคา 4.70 บาทต่อฟอง ,ไข่ไก่เบอร์ 2 ราคา 4.40 บาทต่อฟอง

    สำหรับสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาไข่พุ่งสูงขึ้นมาจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดมากกว่าทุกปี จนส่งผลให้แม่ไก่ออกไข่ลดลง ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการที่เลี้ยงไก่แบบเล้าเปิดไม่อาจควบคุมอุณหภูมิได้ จึงเป็นเหตุให้ปริมาณผลผลิตลดลง

    สลับมากันที่ราคาทอง ซึ่งด้านหนึ่งอาจเป็นโอกาสของนักเก็งกำไร โดยตลอดเมื่อวันที่ 16 เมษายน มีการปรับขึ้นลงของราคารวมทั้งหมด 10 ครั้ง ทองคำแท่ง รับซื้อ 41,100 บาท ขายออก 41,200. บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 40,355 ขายออก 41,700 เท่ากับว่าตลอดเดือนเมษายนราคาทองคำปรับขึ้นแล้วรวม 2,650 บาท

    ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง คือ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และความผันผวนของเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา
    โลกร้อน-เดือด ไข่ไก่แพง ทองคำพุ่ง ยุคข้าวหมากแพงอะไรต่อมิอะไรก็จะดูแพงไปเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาราคาไข่ไก่ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวของประชาชนทั่วไปมากที่สุด ไปจนถึงทองแพงที่อาจเป็นปัญหาของคนจำนวนหนึ่งเท่านั้น เริ่มกันที่ราคาไข่ไก่ เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ 4 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด ได้ออกประกาศราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเกษตรกร วันที่ 17 เม.ย. 2567 อยู่ที่ฟองละ 3.60 บาท การประกาศเช่นนี้ทำให้ราคาไข่ไก่ปรับขึ้นแผงละ 6 บาท โดยข้อมูลจากสมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไทย พบว่า ราคาไข่ไก่ขายส่ง เบอร์ 0 ราคา 4.40 บาทต่อฟอง, ไข่ไก่เบอร์ 1 ราคา 4.20 บาทต่อฟอง, ไข่ไก่เบอร์ 2 ราคา 4 บาทต่อฟอง ส่วนราคาขายปลีก ราคาไข่ไก่ขายส่ง เบอร์ 0 ราคา 5 บาทต่อฟอง, ไข่ไก่เบอร์ 1 ราคา 4.70 บาทต่อฟอง ,ไข่ไก่เบอร์ 2 ราคา 4.40 บาทต่อฟอง สำหรับสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาไข่พุ่งสูงขึ้นมาจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดมากกว่าทุกปี จนส่งผลให้แม่ไก่ออกไข่ลดลง ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการที่เลี้ยงไก่แบบเล้าเปิดไม่อาจควบคุมอุณหภูมิได้ จึงเป็นเหตุให้ปริมาณผลผลิตลดลง สลับมากันที่ราคาทอง ซึ่งด้านหนึ่งอาจเป็นโอกาสของนักเก็งกำไร โดยตลอดเมื่อวันที่ 16 เมษายน มีการปรับขึ้นลงของราคารวมทั้งหมด 10 ครั้ง ทองคำแท่ง รับซื้อ 41,100 บาท ขายออก 41,200. บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 40,355 ขายออก 41,700 เท่ากับว่าตลอดเดือนเมษายนราคาทองคำปรับขึ้นแล้วรวม 2,650 บาท ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง คือ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และความผันผวนของเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา
    Love
    Haha
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2062 มุมมอง 0 รีวิว