• เนทันยาฮูตัดพ้อว่าคำโกหกที่มีต่ออิสราเอลนั้นแพร่กระจายเร็วกว่าความจริง:

    "การสร้างข่าวบิดเบือนมีอยู่ท่ามกลางพวกเรา คำโกหกใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการแพร่กระจายไปทั่วโลก คุณต้องต่อสู้กับมันด้วยอาวุธเดียวที่คุณมี นั่นคือความจริง

    คุณสามารถพูดอะไรก็ได้ในคำโกหก และมันจะถูกส่งต่อทันที แต่ความจริงนั้นช้ากว่าคำโกหกและยากที่จะตรวจสอบ เพราะคุณต้องได้รับความจริงอย่างแท้จริง และกว่าคุณจะทำแบบนั้นในยุคโซเชียลแบบนี้ คำโกหกนั้นมักก็แผ่ขยายไปทั่วโลกและวนเวียนอยู่แบบนั้น"
    เนทันยาฮูตัดพ้อว่าคำโกหกที่มีต่ออิสราเอลนั้นแพร่กระจายเร็วกว่าความจริง: "การสร้างข่าวบิดเบือนมีอยู่ท่ามกลางพวกเรา คำโกหกใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการแพร่กระจายไปทั่วโลก คุณต้องต่อสู้กับมันด้วยอาวุธเดียวที่คุณมี นั่นคือความจริง คุณสามารถพูดอะไรก็ได้ในคำโกหก และมันจะถูกส่งต่อทันที แต่ความจริงนั้นช้ากว่าคำโกหกและยากที่จะตรวจสอบ เพราะคุณต้องได้รับความจริงอย่างแท้จริง และกว่าคุณจะทำแบบนั้นในยุคโซเชียลแบบนี้ คำโกหกนั้นมักก็แผ่ขยายไปทั่วโลกและวนเวียนอยู่แบบนั้น"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นักเรียนไทยยุค AI: อยู่รอดอย่างไรในโลกที่เปลี่ยนเร็วกว่าเดิม?
    โลกยุคใหม่ไม่ได้รอใครอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อนวัตกรรมอย่าง AI เข้ามามีบทบาทในแทบทุกด้านของชีวิต ตั้งแต่การเรียน ไปจนถึงการทำงานในอนาคต และนักเรียนไทยจะต้องไม่ใช่แค่ “ปรับตัว” แต่ต้อง “เปลี่ยนวิธีคิด” เพื่อให้อยู่รอดและเติบโตในโลกที่ AI ครองเวที

    แล้วนักเรียนต้องพัฒนาอะไรบ้าง?
    1️⃣. AI Literacy – ทักษะความรู้เรื่อง AI
    ไม่ใช่แค่ใช้ ChatGPT ได้ แต่ต้องเข้าใจว่า AI ทำงานอย่างไร มีข้อดี ข้อจำกัด และ “อคติ” อย่างไรบ้าง นักเรียนต้องฝึกคิดแบบวิพากษ์ ไม่เชื่อทุกอย่างที่ AI บอกมา ต้องกล้าตั้งคำถาม และตรวจสอบแหล่งข้อมูลให้เป็น

    2️⃣. ทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา
    AI เก่งในเรื่อง “การจำและประมวลผล” แต่การตั้งคำถาม การตีความ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ยังเป็นทักษะของมนุษย์ นักเรียนควรฝึกคิดในเชิงลึก ฝึกตั้งสมมุติฐาน ทดลอง และปรับปรุง ไม่ใช่แค่หาคำตอบเร็วๆ จากอินเทอร์เน็ต

    3️⃣. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
    AI ช่วยเราคิดได้ แต่ไม่สามารถ “คิดแทนเราได้หมด” การสร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เขียนเรื่องราว แต่งเพลง ทำโครงการนวัตกรรม หรือผลงานศิลปะ ยังคงต้องใช้พลังความคิดของมนุษย์อย่างแท้จริง

    4️⃣. การทำงานร่วมกันกับ AI และมนุษย์
    นักเรียนในยุคนี้ต้องทำงานเป็นทีม ทั้งกับคนและกับเทคโนโลยี ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรใช้ AI ช่วย และเมื่อไรควรใช้หัวใจของมนุษย์ เช่น การฟังเพื่อน ความเข้าใจอารมณ์ หรือการทำโปรเจกต์ร่วมกัน

    5️⃣. จริยธรรมและความรับผิดชอบ
    การใช้ AI อย่างถูกจริยธรรมเป็นเรื่องใหญ่ เช่น ไม่คัดลอกเนื้อหาที่ AI สร้างมาโดยไม่เข้าใจ การเคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่น และรู้เท่าทัน Deepfake หรือข้อมูลบิดเบือนที่อาจเจอในชีวิตประจำวัน

    AI คือเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู
    หลายคนกลัวว่า AI จะมาแย่งงาน หรือทำให้คนไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป แต่ในความเป็นจริง AI คือ “เครื่องมือ” ที่ดีมาก ถ้าเราใช้เป็น มันจะช่วยให้เราเก่งขึ้น ไม่ใช่ถูกแทนที่

    เช่น:
    - นักเรียนสามารถใช้ AI ช่วยสรุปบทเรียน ติวสอบ หรือสร้างไอเดียสำหรับโปรเจกต์
    - ครูสามารถใช้ AI ช่วยตรวจข้อสอบ วางแผนบทเรียน และมีเวลาสอนนักเรียนแบบใกล้ชิดขึ้น
    - โรงเรียนหลายแห่งก็เริ่มใช้ AI อย่าง SplashLearn, ChatGPT หรือ Writable เพื่อช่วยให้การเรียนสนุกและเข้าถึงได้มากขึ้น

    แต่อย่าลืมความเสี่ยง
    แม้ว่า AI จะช่วยได้มาก แต่ก็มีความท้าทาย เช่น:
    - ความเครียดจากการอยู่กับหน้าจอนานๆ
    - ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือมีอคติจาก AI
    - ความเหลื่อมล้ำเรื่องอุปกรณ์และทักษะในบางพื้นที่ของประเทศ

    ดังนั้น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และภาครัฐต้องร่วมมือกัน สร้างระบบการเรียนรู้ที่ปลอดภัย เท่าเทียม และพัฒนาความรู้รอบด้านไปพร้อมกัน

    สรุปง่ายๆ สำหรับนักเรียนไทยในยุค AI:
    - อย่าใช้ AI แค่ “ให้มันทำให้” แต่ต้อง “ใช้มันเพื่อให้เราเก่งขึ้น”
    - พัฒนาให้รอบด้าน ทั้งสมอง จิตใจ และจริยธรรม
    - ฝึกเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะเทคโนโลยีจะไม่หยุดรอเราแน่นอน

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    🎓 นักเรียนไทยยุค AI: อยู่รอดอย่างไรในโลกที่เปลี่ยนเร็วกว่าเดิม? โลกยุคใหม่ไม่ได้รอใครอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อนวัตกรรมอย่าง AI เข้ามามีบทบาทในแทบทุกด้านของชีวิต ตั้งแต่การเรียน ไปจนถึงการทำงานในอนาคต และนักเรียนไทยจะต้องไม่ใช่แค่ “ปรับตัว” แต่ต้อง “เปลี่ยนวิธีคิด” เพื่อให้อยู่รอดและเติบโตในโลกที่ AI ครองเวที ✅ แล้วนักเรียนต้องพัฒนาอะไรบ้าง? 1️⃣. AI Literacy – ทักษะความรู้เรื่อง AI ไม่ใช่แค่ใช้ ChatGPT ได้ แต่ต้องเข้าใจว่า AI ทำงานอย่างไร มีข้อดี ข้อจำกัด และ “อคติ” อย่างไรบ้าง นักเรียนต้องฝึกคิดแบบวิพากษ์ ไม่เชื่อทุกอย่างที่ AI บอกมา ต้องกล้าตั้งคำถาม และตรวจสอบแหล่งข้อมูลให้เป็น 2️⃣. ทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา AI เก่งในเรื่อง “การจำและประมวลผล” แต่การตั้งคำถาม การตีความ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ยังเป็นทักษะของมนุษย์ นักเรียนควรฝึกคิดในเชิงลึก ฝึกตั้งสมมุติฐาน ทดลอง และปรับปรุง ไม่ใช่แค่หาคำตอบเร็วๆ จากอินเทอร์เน็ต 3️⃣. ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) AI ช่วยเราคิดได้ แต่ไม่สามารถ “คิดแทนเราได้หมด” การสร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เขียนเรื่องราว แต่งเพลง ทำโครงการนวัตกรรม หรือผลงานศิลปะ ยังคงต้องใช้พลังความคิดของมนุษย์อย่างแท้จริง 4️⃣. การทำงานร่วมกันกับ AI และมนุษย์ นักเรียนในยุคนี้ต้องทำงานเป็นทีม ทั้งกับคนและกับเทคโนโลยี ต้องรู้ว่าเมื่อไรควรใช้ AI ช่วย และเมื่อไรควรใช้หัวใจของมนุษย์ เช่น การฟังเพื่อน ความเข้าใจอารมณ์ หรือการทำโปรเจกต์ร่วมกัน 5️⃣. จริยธรรมและความรับผิดชอบ การใช้ AI อย่างถูกจริยธรรมเป็นเรื่องใหญ่ เช่น ไม่คัดลอกเนื้อหาที่ AI สร้างมาโดยไม่เข้าใจ การเคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่น และรู้เท่าทัน Deepfake หรือข้อมูลบิดเบือนที่อาจเจอในชีวิตประจำวัน 📌 AI คือเพื่อน ไม่ใช่ศัตรู หลายคนกลัวว่า AI จะมาแย่งงาน หรือทำให้คนไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป แต่ในความเป็นจริง AI คือ “เครื่องมือ” ที่ดีมาก ถ้าเราใช้เป็น มันจะช่วยให้เราเก่งขึ้น ไม่ใช่ถูกแทนที่ เช่น: - นักเรียนสามารถใช้ AI ช่วยสรุปบทเรียน ติวสอบ หรือสร้างไอเดียสำหรับโปรเจกต์ - ครูสามารถใช้ AI ช่วยตรวจข้อสอบ วางแผนบทเรียน และมีเวลาสอนนักเรียนแบบใกล้ชิดขึ้น - โรงเรียนหลายแห่งก็เริ่มใช้ AI อย่าง SplashLearn, ChatGPT หรือ Writable เพื่อช่วยให้การเรียนสนุกและเข้าถึงได้มากขึ้น 🚨 แต่อย่าลืมความเสี่ยง แม้ว่า AI จะช่วยได้มาก แต่ก็มีความท้าทาย เช่น: - ความเครียดจากการอยู่กับหน้าจอนานๆ - ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือมีอคติจาก AI - ความเหลื่อมล้ำเรื่องอุปกรณ์และทักษะในบางพื้นที่ของประเทศ ดังนั้น นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และภาครัฐต้องร่วมมือกัน สร้างระบบการเรียนรู้ที่ปลอดภัย เท่าเทียม และพัฒนาความรู้รอบด้านไปพร้อมกัน 💡 สรุปง่ายๆ สำหรับนักเรียนไทยในยุค AI: - อย่าใช้ AI แค่ “ให้มันทำให้” แต่ต้อง “ใช้มันเพื่อให้เราเก่งขึ้น” - พัฒนาให้รอบด้าน ทั้งสมอง จิตใจ และจริยธรรม - ฝึกเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะเทคโนโลยีจะไม่หยุดรอเราแน่นอน #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • VPN ฟรีที่ไม่ฟรี – มัลแวร์ขโมยข้อมูลแฝงใน GitHub

    นักวิจัยจาก Cyfirma พบแคมเปญมัลแวร์ใหม่ที่ใช้ GitHub เป็นช่องทางเผยแพร่ โดยปลอมตัวเป็นเครื่องมือยอดนิยม เช่น “Free VPN for PC” และ “Minecraft Skin Changer” เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านและคำแนะนำการติดตั้งอย่างละเอียด—ทำให้ดูน่าเชื่อถือ

    เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ Launch.exe ภายใน ZIP:
    - มัลแวร์จะถอดรหัสสตริง Base64 ที่ซ่อนด้วยข้อความภาษาฝรั่งเศส
    - สร้างไฟล์ DLL ชื่อ msvcp110.dll ในโฟลเดอร์ AppData
    - โหลด DLL แบบ dynamic และเรียกฟังก์ชัน GetGameData() เพื่อเริ่ม payload สุดท้าย

    มัลแวร์นี้คือ Lumma Stealer ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, โปรแกรมแชต, และกระเป๋าเงินคริปโต โดยใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น:
    - memory injection
    - DLL side-loading
    - sandbox evasion
    - process injection ผ่าน MSBuild.exe และ aspnet_regiis.exe

    การวิเคราะห์มัลแวร์ทำได้ยาก เพราะมีการใช้ anti-debugging เช่น IsDebuggerPresent() และการบิดเบือนโครงสร้างโค้ด

    ข้อมูลจากข่าว
    - มัลแวร์ Lumma Stealer ถูกปลอมเป็น VPN ฟรีและ Minecraft mods บน GitHub
    - ใช้ไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านและคำแนะนำการติดตั้งเพื่อหลอกผู้ใช้
    - เมื่อเปิดไฟล์ Launch.exe จะถอดรหัส Base64 และสร้าง DLL ใน AppData
    - DLL ถูกโหลดแบบ dynamic และเรียกฟังก์ชันเพื่อเริ่ม payload
    - ใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น memory injection, DLL side-loading, sandbox evasion
    - ใช้ process injection ผ่าน MSBuild.exe และ aspnet_regiis.exe
    - มัลแวร์สามารถขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, โปรแกรมแชต, และ crypto wallets
    - GitHub repository ที่ใช้ชื่อ SAMAIOEC เป็นแหล่งเผยแพร่หลัก

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ห้ามดาวน์โหลด VPN ฟรีหรือ game mods จากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ โดยเฉพาะ GitHub ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ
    - ไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านและคำแนะนำติดตั้งซับซ้อนควรถือว่าเป็นสัญญาณอันตราย
    - หลีกเลี่ยงการรันไฟล์ .exe จากแหล่งที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะในโฟลเดอร์ AppData
    - ควรใช้แอนติไวรัสที่มีระบบตรวจจับพฤติกรรม ไม่ใช่แค่การสแกนไฟล์
    - ตรวจสอบ Task Manager และระบบว่ามี MSBuild.exe หรือ aspnet_regiis.exe ทำงานผิดปกติหรือไม่
    - หากพบ DLL ในโฟลเดอร์ Roaming หรือ Temp ควรตรวจสอบทันที

    https://www.techradar.com/pro/criminals-are-using-a-dangerous-fake-free-vpn-to-spread-malware-via-github-heres-how-to-stay-safe
    VPN ฟรีที่ไม่ฟรี – มัลแวร์ขโมยข้อมูลแฝงใน GitHub นักวิจัยจาก Cyfirma พบแคมเปญมัลแวร์ใหม่ที่ใช้ GitHub เป็นช่องทางเผยแพร่ โดยปลอมตัวเป็นเครื่องมือยอดนิยม เช่น “Free VPN for PC” และ “Minecraft Skin Changer” เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านและคำแนะนำการติดตั้งอย่างละเอียด—ทำให้ดูน่าเชื่อถือ เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ Launch.exe ภายใน ZIP: - มัลแวร์จะถอดรหัสสตริง Base64 ที่ซ่อนด้วยข้อความภาษาฝรั่งเศส - สร้างไฟล์ DLL ชื่อ msvcp110.dll ในโฟลเดอร์ AppData - โหลด DLL แบบ dynamic และเรียกฟังก์ชัน GetGameData() เพื่อเริ่ม payload สุดท้าย มัลแวร์นี้คือ Lumma Stealer ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, โปรแกรมแชต, และกระเป๋าเงินคริปโต โดยใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น: - memory injection - DLL side-loading - sandbox evasion - process injection ผ่าน MSBuild.exe และ aspnet_regiis.exe การวิเคราะห์มัลแวร์ทำได้ยาก เพราะมีการใช้ anti-debugging เช่น IsDebuggerPresent() และการบิดเบือนโครงสร้างโค้ด ✅ ข้อมูลจากข่าว - มัลแวร์ Lumma Stealer ถูกปลอมเป็น VPN ฟรีและ Minecraft mods บน GitHub - ใช้ไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านและคำแนะนำการติดตั้งเพื่อหลอกผู้ใช้ - เมื่อเปิดไฟล์ Launch.exe จะถอดรหัส Base64 และสร้าง DLL ใน AppData - DLL ถูกโหลดแบบ dynamic และเรียกฟังก์ชันเพื่อเริ่ม payload - ใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น memory injection, DLL side-loading, sandbox evasion - ใช้ process injection ผ่าน MSBuild.exe และ aspnet_regiis.exe - มัลแวร์สามารถขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, โปรแกรมแชต, และ crypto wallets - GitHub repository ที่ใช้ชื่อ SAMAIOEC เป็นแหล่งเผยแพร่หลัก ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ห้ามดาวน์โหลด VPN ฟรีหรือ game mods จากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ โดยเฉพาะ GitHub ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ - ไฟล์ ZIP ที่มีรหัสผ่านและคำแนะนำติดตั้งซับซ้อนควรถือว่าเป็นสัญญาณอันตราย - หลีกเลี่ยงการรันไฟล์ .exe จากแหล่งที่ไม่รู้จัก โดยเฉพาะในโฟลเดอร์ AppData - ควรใช้แอนติไวรัสที่มีระบบตรวจจับพฤติกรรม ไม่ใช่แค่การสแกนไฟล์ - ตรวจสอบ Task Manager และระบบว่ามี MSBuild.exe หรือ aspnet_regiis.exe ทำงานผิดปกติหรือไม่ - หากพบ DLL ในโฟลเดอร์ Roaming หรือ Temp ควรตรวจสอบทันที https://www.techradar.com/pro/criminals-are-using-a-dangerous-fake-free-vpn-to-spread-malware-via-github-heres-how-to-stay-safe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบก.สอท.1 เผยคืบหน้าคดี “ก๊กอาน” เตรียมออกหมายจับเพิ่ม กลุ่มบัญชีม้า-ขบวนการฟอกเงิน เร่งตรวจสอบ “เชอรี่” ลูกสาวเชื่อมโยงเส้นเงินด้วยหรือไม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000066138

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ผบก.สอท.1 เผยคืบหน้าคดี “ก๊กอาน” เตรียมออกหมายจับเพิ่ม กลุ่มบัญชีม้า-ขบวนการฟอกเงิน เร่งตรวจสอบ “เชอรี่” ลูกสาวเชื่อมโยงเส้นเงินด้วยหรือไม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000066138 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิ่งเก่ง ยิ่งช้า? AI coding assistant อาจทำให้โปรแกรมเมอร์มือเก๋าทำงานช้าลง

    องค์กรวิจัยไม่แสวงกำไร METR (Model Evaluation & Threat Research) ได้ทำการศึกษาผลกระทบของ AI coding tools ต่อประสิทธิภาพของนักพัฒนา โดยติดตามนักพัฒนาโอเพ่นซอร์สที่มีประสบการณ์ 16 คน ขณะทำงานกับโค้ดที่พวกเขาคุ้นเคยมากกว่า 246 งานจริง ตั้งแต่การแก้บั๊กไปจนถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่

    ก่อนเริ่มงาน นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้พวกเขาทำงานเร็วขึ้น 24% และหลังจบงานก็ยังเชื่อว่าตัวเองเร็วขึ้น 20% เมื่อใช้ AI แต่ข้อมูลจริงกลับพบว่า พวกเขาใช้เวลานานขึ้นถึง 19% เมื่อใช้ AI coding assistant

    สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความล่าช้า ได้แก่:
    - ความคาดหวังเกินจริงต่อความสามารถของ AI
    - โค้ดที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ AI จะเข้าใจบริบทได้ดี
    - ความแม่นยำของโค้ดที่ AI สร้างยังไม่ดีพอ โดยนักพัฒนายอมรับโค้ดที่ AI เสนอเพียง 44%
    - ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขโค้ดที่ AI สร้าง
    - AI ไม่สามารถเข้าใจบริบทแฝงในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้ดี

    แม้ผลลัพธ์จะชี้ว่า AI ทำให้ช้าลง แต่ผู้เข้าร่วมหลายคนยังคงใช้ AI ต่อไป เพราะรู้สึกว่างานเขียนโค้ดมีความเครียดน้อยลง และกลายเป็นกระบวนการที่ “ไม่ต้องใช้พลังสมองมาก” เหมือนเดิม

    ข้อมูลจากข่าว
    - METR ศึกษานักพัฒนา 16 คนกับงานจริง 246 งานในโค้ดที่คุ้นเคย
    - นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้เร็วขึ้น 24% แต่จริง ๆ แล้วช้าลง 19%
    - ใช้ AI coding tools เช่น Cursor Pro ร่วมกับ Claude 3.5 หรือ 3.7 Sonnet
    - นักพัฒนายอมรับโค้ดจาก AI เพียง 44% และต้องใช้เวลาตรวจสอบมาก
    - AI เข้าใจบริบทของโค้ดขนาดใหญ่ได้ไม่ดี ทำให้เสนอคำตอบผิด
    - การศึกษามีความเข้มงวดและไม่มีอคติจากผู้วิจัย
    - ผู้เข้าร่วมได้รับค่าตอบแทน $150 ต่อชั่วโมงเพื่อความจริงจัง
    - แม้จะช้าลง แต่หลายคนยังใช้ AI เพราะช่วยลดความเครียดในการทำงาน

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - AI coding tools อาจไม่เหมาะกับนักพัฒนาที่มีประสบการณ์สูงและทำงานกับโค้ดที่ซับซ้อน
    - ความคาดหวังเกินจริงต่อ AI อาจทำให้เสียเวลาแทนที่จะได้ประโยชน์
    - การใช้ AI กับโปรเจกต์ขนาดใหญ่ต้องระวังเรื่องบริบทที่ AI อาจเข้าใจผิด
    - การตรวจสอบและแก้ไขโค้ดจาก AI อาจใช้เวลามากกว่าการเขียนเอง
    - ผลการศึกษานี้ไม่ควรนำไปใช้กับนักพัฒนาทุกระดับ เพราะ AI อาจมีประโยชน์มากกว่าสำหรับผู้เริ่มต้นหรือโปรเจกต์ขนาดเล็ก

    https://www.techspot.com/news/108651-experienced-developers-working-ai-tools-take-longer-complete.html
    ยิ่งเก่ง ยิ่งช้า? AI coding assistant อาจทำให้โปรแกรมเมอร์มือเก๋าทำงานช้าลง องค์กรวิจัยไม่แสวงกำไร METR (Model Evaluation & Threat Research) ได้ทำการศึกษาผลกระทบของ AI coding tools ต่อประสิทธิภาพของนักพัฒนา โดยติดตามนักพัฒนาโอเพ่นซอร์สที่มีประสบการณ์ 16 คน ขณะทำงานกับโค้ดที่พวกเขาคุ้นเคยมากกว่า 246 งานจริง ตั้งแต่การแก้บั๊กไปจนถึงการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ก่อนเริ่มงาน นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้พวกเขาทำงานเร็วขึ้น 24% และหลังจบงานก็ยังเชื่อว่าตัวเองเร็วขึ้น 20% เมื่อใช้ AI แต่ข้อมูลจริงกลับพบว่า พวกเขาใช้เวลานานขึ้นถึง 19% เมื่อใช้ AI coding assistant สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความล่าช้า ได้แก่: - ความคาดหวังเกินจริงต่อความสามารถของ AI - โค้ดที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ AI จะเข้าใจบริบทได้ดี - ความแม่นยำของโค้ดที่ AI สร้างยังไม่ดีพอ โดยนักพัฒนายอมรับโค้ดที่ AI เสนอเพียง 44% - ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบและแก้ไขโค้ดที่ AI สร้าง - AI ไม่สามารถเข้าใจบริบทแฝงในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้ดี แม้ผลลัพธ์จะชี้ว่า AI ทำให้ช้าลง แต่ผู้เข้าร่วมหลายคนยังคงใช้ AI ต่อไป เพราะรู้สึกว่างานเขียนโค้ดมีความเครียดน้อยลง และกลายเป็นกระบวนการที่ “ไม่ต้องใช้พลังสมองมาก” เหมือนเดิม ✅ ข้อมูลจากข่าว - METR ศึกษานักพัฒนา 16 คนกับงานจริง 246 งานในโค้ดที่คุ้นเคย - นักพัฒนาคาดว่า AI จะช่วยให้เร็วขึ้น 24% แต่จริง ๆ แล้วช้าลง 19% - ใช้ AI coding tools เช่น Cursor Pro ร่วมกับ Claude 3.5 หรือ 3.7 Sonnet - นักพัฒนายอมรับโค้ดจาก AI เพียง 44% และต้องใช้เวลาตรวจสอบมาก - AI เข้าใจบริบทของโค้ดขนาดใหญ่ได้ไม่ดี ทำให้เสนอคำตอบผิด - การศึกษามีความเข้มงวดและไม่มีอคติจากผู้วิจัย - ผู้เข้าร่วมได้รับค่าตอบแทน $150 ต่อชั่วโมงเพื่อความจริงจัง - แม้จะช้าลง แต่หลายคนยังใช้ AI เพราะช่วยลดความเครียดในการทำงาน ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - AI coding tools อาจไม่เหมาะกับนักพัฒนาที่มีประสบการณ์สูงและทำงานกับโค้ดที่ซับซ้อน - ความคาดหวังเกินจริงต่อ AI อาจทำให้เสียเวลาแทนที่จะได้ประโยชน์ - การใช้ AI กับโปรเจกต์ขนาดใหญ่ต้องระวังเรื่องบริบทที่ AI อาจเข้าใจผิด - การตรวจสอบและแก้ไขโค้ดจาก AI อาจใช้เวลามากกว่าการเขียนเอง - ผลการศึกษานี้ไม่ควรนำไปใช้กับนักพัฒนาทุกระดับ เพราะ AI อาจมีประโยชน์มากกว่าสำหรับผู้เริ่มต้นหรือโปรเจกต์ขนาดเล็ก https://www.techspot.com/news/108651-experienced-developers-working-ai-tools-take-longer-complete.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Study shows AI coding assistants actually slow down experienced developers
    The research, conducted by the non-profit Model Evaluation & Threat Research (METR), set out to measure the real-world impact of advanced AI tools on software development. Over...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจาก Oxford และ Lisbon ได้ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS รันการจำลอง 3D แบบเรียลไทม์ เพื่อศึกษาว่าเลเซอร์พลังสูงมีผลต่อ “สุญญากาศควอนตัม” อย่างไร ซึ่งจริง ๆ แล้วสุญญากาศไม่ได้ว่างเปล่า แต่เต็มไปด้วยอนุภาคเสมือน เช่น อิเล็กตรอน-โพซิตรอน ที่เกิดและดับในช่วงเวลาสั้น ๆ

    เมื่อยิงเลเซอร์สามชุดเข้าไปในสุญญากาศ จะเกิดปรากฏการณ์ “vacuum four-wave mixing” ซึ่งทำให้โฟตอนกระเด้งใส่กันและสร้างลำแสงที่สี่ขึ้นมา—เหมือนแสงเกิดจากความว่างเปล่า

    นี่ไม่ใช่แค่การจำลองเพื่อความรู้ แต่เป็นก้าวสำคัญในการยืนยันปรากฏการณ์ควอนตัมที่เคยเป็นแค่ทฤษฎี โดยใช้เลเซอร์ระดับ Petawatt ที่กำลังถูกติดตั้งทั่วโลก เช่น Vulcan 20-20 (UK), ELI (EU), SHINE และ SEL (จีน), OPAL (สหรัฐฯ)

    ทีมงานยังใช้ตัวแก้สมการแบบกึ่งคลาสสิกจาก Heisenberg-Euler Lagrangian เพื่อจำลองผลกระทบของสุญญากาศต่อแสง เช่น vacuum birefringence (การแยกแสงในสนามแม่เหล็กแรงสูง)

    ผลการจำลองตรงกับทฤษฎีเดิม และยังเผยรายละเอียดใหม่ เช่น รูปร่างของลำแสงที่เบี้ยวเล็กน้อย (astigmatism) และระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยา

    นอกจากยืนยันทฤษฎีควอนตัมแล้ว เครื่องมือนี้ยังอาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็น “สสารมืด” ที่ยังไม่มีใครเห็น

    ข้อมูลจากข่าว
    - นักวิจัย Oxford และ Lisbon สร้างแสงจากสุญญากาศโดยใช้เลเซอร์พลังสูง
    - ใช้ปรากฏการณ์ vacuum four-wave mixing ที่โฟตอนกระเด้งใส่กัน
    - สุญญากาศควอนตัมเต็มไปด้วยอนุภาคเสมือนที่เกิดและดับตลอดเวลา
    - ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS และตัวแก้สมการ Heisenberg-Euler Lagrangian
    - ผลการจำลองตรงกับทฤษฎี vacuum birefringence และเผยรายละเอียดใหม่
    - เลเซอร์ระดับ Petawatt เช่น Vulcan, ELI, SHINE, OPAL จะช่วยทดสอบทฤษฎีนี้ในโลกจริง
    - อาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ที่เกี่ยวข้องกับสสารมืด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ปรากฏการณ์นี้ยังอยู่ในขั้นจำลอง ต้องรอการทดลองจริงจากเลเซอร์ระดับ Petawatt
    - การสร้างแสงจากสุญญากาศต้องใช้พลังงานมหาศาลและเทคโนโลยีขั้นสูง
    - การค้นหาอนุภาคใหม่ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ต้องใช้เวลาและการตรวจสอบซ้ำ
    - การเข้าใจสุญญากาศควอนตัมต้องใช้ฟิสิกส์ระดับสูง ซึ่งอาจยังไม่เข้าถึงได้สำหรับผู้ทั่วไป
    - หากทฤษฎีนี้ถูกยืนยัน อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของแสงและสุญญากาศ

    https://www.neowin.net/news/oxford-scientists-create-light-from-darkness-and-no-its-not-magic/
    นักวิจัยจาก Oxford และ Lisbon ได้ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS รันการจำลอง 3D แบบเรียลไทม์ เพื่อศึกษาว่าเลเซอร์พลังสูงมีผลต่อ “สุญญากาศควอนตัม” อย่างไร ซึ่งจริง ๆ แล้วสุญญากาศไม่ได้ว่างเปล่า แต่เต็มไปด้วยอนุภาคเสมือน เช่น อิเล็กตรอน-โพซิตรอน ที่เกิดและดับในช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อยิงเลเซอร์สามชุดเข้าไปในสุญญากาศ จะเกิดปรากฏการณ์ “vacuum four-wave mixing” ซึ่งทำให้โฟตอนกระเด้งใส่กันและสร้างลำแสงที่สี่ขึ้นมา—เหมือนแสงเกิดจากความว่างเปล่า นี่ไม่ใช่แค่การจำลองเพื่อความรู้ แต่เป็นก้าวสำคัญในการยืนยันปรากฏการณ์ควอนตัมที่เคยเป็นแค่ทฤษฎี โดยใช้เลเซอร์ระดับ Petawatt ที่กำลังถูกติดตั้งทั่วโลก เช่น Vulcan 20-20 (UK), ELI (EU), SHINE และ SEL (จีน), OPAL (สหรัฐฯ) ทีมงานยังใช้ตัวแก้สมการแบบกึ่งคลาสสิกจาก Heisenberg-Euler Lagrangian เพื่อจำลองผลกระทบของสุญญากาศต่อแสง เช่น vacuum birefringence (การแยกแสงในสนามแม่เหล็กแรงสูง) ผลการจำลองตรงกับทฤษฎีเดิม และยังเผยรายละเอียดใหม่ เช่น รูปร่างของลำแสงที่เบี้ยวเล็กน้อย (astigmatism) และระยะเวลาการเกิดปฏิกิริยา นอกจากยืนยันทฤษฎีควอนตัมแล้ว เครื่องมือนี้ยังอาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็น “สสารมืด” ที่ยังไม่มีใครเห็น ✅ ข้อมูลจากข่าว - นักวิจัย Oxford และ Lisbon สร้างแสงจากสุญญากาศโดยใช้เลเซอร์พลังสูง - ใช้ปรากฏการณ์ vacuum four-wave mixing ที่โฟตอนกระเด้งใส่กัน - สุญญากาศควอนตัมเต็มไปด้วยอนุภาคเสมือนที่เกิดและดับตลอดเวลา - ใช้ซอฟต์แวร์ OSIRIS และตัวแก้สมการ Heisenberg-Euler Lagrangian - ผลการจำลองตรงกับทฤษฎี vacuum birefringence และเผยรายละเอียดใหม่ - เลเซอร์ระดับ Petawatt เช่น Vulcan, ELI, SHINE, OPAL จะช่วยทดสอบทฤษฎีนี้ในโลกจริง - อาจช่วยค้นหาอนุภาคใหม่ เช่น axions และ millicharged particles ที่เกี่ยวข้องกับสสารมืด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ปรากฏการณ์นี้ยังอยู่ในขั้นจำลอง ต้องรอการทดลองจริงจากเลเซอร์ระดับ Petawatt - การสร้างแสงจากสุญญากาศต้องใช้พลังงานมหาศาลและเทคโนโลยีขั้นสูง - การค้นหาอนุภาคใหม่ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ต้องใช้เวลาและการตรวจสอบซ้ำ - การเข้าใจสุญญากาศควอนตัมต้องใช้ฟิสิกส์ระดับสูง ซึ่งอาจยังไม่เข้าถึงได้สำหรับผู้ทั่วไป - หากทฤษฎีนี้ถูกยืนยัน อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติของแสงและสุญญากาศ https://www.neowin.net/news/oxford-scientists-create-light-from-darkness-and-no-its-not-magic/
    WWW.NEOWIN.NET
    Oxford scientists create light from "darkness" and no it's not magic
    Scientists over at the University of Oxford have managed to generate light out of "darkness" and there is no magic involved here, just pure science.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงงานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Physical Review D ซึ่งเสนอแนวคิดว่า “จุดกำเนิดของจักรวาล” อาจไม่ใช่ Big Bang อย่างที่เราเคยเชื่อกัน แต่เป็นการ “ดีดตัวกลับ” (bounce) จากการยุบตัวของมวลมหาศาลภายในหลุมดำ—เป็นการพลิกมุมมองต่อจักรวาลอย่างสิ้นเชิง

    นักฟิสิกส์จาก The Conversation และสถาบันวิจัยต่าง ๆ เสนอโมเดลใหม่ที่อธิบายว่าจักรวาลของเราอาจเกิดจากการยุบตัวของมวลมหาศาลภายในหลุมดำ ไม่ใช่จากการระเบิดของจุดเอกฐาน (singularity) แบบ Big Bang ที่เราเคยเชื่อ

    แนวคิดนี้ใช้หลักฟิสิกส์ควอนตัม โดยเฉพาะ “หลักการกีดกันของเฟอร์มิออน” (quantum exclusion principle) ซึ่งระบุว่าอนุภาคที่เหมือนกันไม่สามารถอยู่ในสถานะควอนตัมเดียวกันได้ ทำให้การยุบตัวของมวลไม่สามารถดำเนินต่อไปได้เรื่อย ๆ และเกิดการ “ดีดตัวกลับ” หรือ bounce

    หลังจาก bounce จักรวาลจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีแรงดันภายในทำหน้าที่คล้ายกับพลังงานมืดและการขยายตัวในยุค inflation ตามทฤษฎีดั้งเดิม

    โมเดลนี้ยังทำนายว่า:
    - จักรวาลมีความโค้งเล็กน้อย (Ωₖ ≈ −0.07 ± 0.02)
    - การดีดตัวเกิดภายในรัศมีความโน้มถ่วง r_S = 2GM ซึ่งทำหน้าที่คล้ายค่าคงที่จักรวาล (Λ)
    - ภายนอกยังดูเหมือนหลุมดำ Schwarzschild ปกติ

    ภารกิจในอนาคต เช่น Euclid และ Arrakihs อาจช่วยตรวจสอบความโค้งของจักรวาลและโครงสร้างที่หลงเหลือจากการดีดตัว เช่น เฮโลของดาวฤกษ์และกาแล็กซีบริวาร

    https://www.neowin.net/news/our-universes-origin-is-indeed-a-black-hole-and-not-the-big-bang-reckons-this-new-study/
    ข่าวนี้พูดถึงงานวิจัยใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Physical Review D ซึ่งเสนอแนวคิดว่า “จุดกำเนิดของจักรวาล” อาจไม่ใช่ Big Bang อย่างที่เราเคยเชื่อกัน แต่เป็นการ “ดีดตัวกลับ” (bounce) จากการยุบตัวของมวลมหาศาลภายในหลุมดำ—เป็นการพลิกมุมมองต่อจักรวาลอย่างสิ้นเชิง 🕳️🌌 นักฟิสิกส์จาก The Conversation และสถาบันวิจัยต่าง ๆ เสนอโมเดลใหม่ที่อธิบายว่าจักรวาลของเราอาจเกิดจากการยุบตัวของมวลมหาศาลภายในหลุมดำ ไม่ใช่จากการระเบิดของจุดเอกฐาน (singularity) แบบ Big Bang ที่เราเคยเชื่อ แนวคิดนี้ใช้หลักฟิสิกส์ควอนตัม โดยเฉพาะ “หลักการกีดกันของเฟอร์มิออน” (quantum exclusion principle) ซึ่งระบุว่าอนุภาคที่เหมือนกันไม่สามารถอยู่ในสถานะควอนตัมเดียวกันได้ ทำให้การยุบตัวของมวลไม่สามารถดำเนินต่อไปได้เรื่อย ๆ และเกิดการ “ดีดตัวกลับ” หรือ bounce หลังจาก bounce จักรวาลจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีแรงดันภายในทำหน้าที่คล้ายกับพลังงานมืดและการขยายตัวในยุค inflation ตามทฤษฎีดั้งเดิม โมเดลนี้ยังทำนายว่า: - จักรวาลมีความโค้งเล็กน้อย (Ωₖ ≈ −0.07 ± 0.02) - การดีดตัวเกิดภายในรัศมีความโน้มถ่วง r_S = 2GM ซึ่งทำหน้าที่คล้ายค่าคงที่จักรวาล (Λ) - ภายนอกยังดูเหมือนหลุมดำ Schwarzschild ปกติ ภารกิจในอนาคต เช่น Euclid และ Arrakihs อาจช่วยตรวจสอบความโค้งของจักรวาลและโครงสร้างที่หลงเหลือจากการดีดตัว เช่น เฮโลของดาวฤกษ์และกาแล็กซีบริวาร https://www.neowin.net/news/our-universes-origin-is-indeed-a-black-hole-and-not-the-big-bang-reckons-this-new-study/
    WWW.NEOWIN.NET
    Our Universe's origin is indeed a Black Hole and not the Big Bang, reckons this new study
    The Big Bang may not be the beginning—new research suggests our universe could have bounced from a collapsing black hole.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผิดความมั่นคง สำนวนคลิปฮุนเซนถึงอัยการ : [THE MESSAGE]
    พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นำสำนวนคดีคลิปเสียงนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา คุยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม มีความหนา 50 หน้า มอบให้อัยการสูงสุดพิจารณาฟ้องต่อศาล โดยนายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รับมอบ ชี้เข้าข่ายความผิดม.116 เกี่ยวกับความมั่นคงของราชอาณาจักร และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตรวจสอบ พบเฟสบุ๊กชื่อ "Samdech Hun Sen of Cambodia" โพสต์ข้อความและปล่อยคลิปเสียง
    มีแอดมินเพจมากกว่า 1 คน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ามีนายฮุน เซน ร่วมด้วยหรือไม่ ทำงานเป็นขั้นเป็นตอนอยู่ในกัมพูชา ยืนยัน ไม่ได้ฟ้องแก้เกี้ยว สอบสวนพบกระทำความผิดจริง มีพฤติการณ์โพสต์ต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหวังผลบางอย่าง ยอมรับ เป็นคดีที่ละเอียดอ่อน อาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงต้องทำสำนวนคดีอย่างรอบคอบ เป็นไปตามพยานหลักฐานที่มี
    ผิดความมั่นคง สำนวนคลิปฮุนเซนถึงอัยการ : [THE MESSAGE] พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นำสำนวนคดีคลิปเสียงนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา คุยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม มีความหนา 50 หน้า มอบให้อัยการสูงสุดพิจารณาฟ้องต่อศาล โดยนายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รับมอบ ชี้เข้าข่ายความผิดม.116 เกี่ยวกับความมั่นคงของราชอาณาจักร และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตรวจสอบ พบเฟสบุ๊กชื่อ "Samdech Hun Sen of Cambodia" โพสต์ข้อความและปล่อยคลิปเสียง มีแอดมินเพจมากกว่า 1 คน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ามีนายฮุน เซน ร่วมด้วยหรือไม่ ทำงานเป็นขั้นเป็นตอนอยู่ในกัมพูชา ยืนยัน ไม่ได้ฟ้องแก้เกี้ยว สอบสวนพบกระทำความผิดจริง มีพฤติการณ์โพสต์ต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหวังผลบางอย่าง ยอมรับ เป็นคดีที่ละเอียดอ่อน อาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงต้องทำสำนวนคดีอย่างรอบคอบ เป็นไปตามพยานหลักฐานที่มี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ อยุธยา สึกจากความเป็นพระรายที่ 8 หลังตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. บุกตรวจสอบบัญชีวัด พัวพันสีกากอล์ฟ ยอมรับพลาด อ่อนต่อโลก เชื่อใจ อ้างพระผู้ใหญ่ โอนเงินให้กว่า 12 ล้าน หนึ่งในนั้นเป็นเงินวัดราว 4 แสนบาท ขณะที่สำนักพุทธฯ อัปเดตยอดถึงครึ่งวันเช้า พระสึกเพราะสีกากอล์ฟไปแล้ว 7 รูป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000066095

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ อยุธยา สึกจากความเป็นพระรายที่ 8 หลังตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. บุกตรวจสอบบัญชีวัด พัวพันสีกากอล์ฟ ยอมรับพลาด อ่อนต่อโลก เชื่อใจ อ้างพระผู้ใหญ่ โอนเงินให้กว่า 12 ล้าน หนึ่งในนั้นเป็นเงินวัดราว 4 แสนบาท ขณะที่สำนักพุทธฯ อัปเดตยอดถึงครึ่งวันเช้า พระสึกเพราะสีกากอล์ฟไปแล้ว 7 รูป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000066095 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปปป.ลุยตรวจสอบวัดใหม่จอมปราสาท สมุทรสาคร หลังปรากฏเส้นเงินเจ้าอาวาสโอนให้ "สีกากอล์ฟ" 1 ล้านกว่าบาท ด้านพระลูกวัดแจ้งว่าเจ้าตัวชิ่งออกจากวัดหลายวันแล้ว พรุ่งนี้ลุยต่อวัดชูจิตฯ เมืองกรุงเก่า หลังเจ้าอาวาสประสานขอชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065825

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ปปป.ลุยตรวจสอบวัดใหม่จอมปราสาท สมุทรสาคร หลังปรากฏเส้นเงินเจ้าอาวาสโอนให้ "สีกากอล์ฟ" 1 ล้านกว่าบาท ด้านพระลูกวัดแจ้งว่าเจ้าตัวชิ่งออกจากวัดหลายวันแล้ว พรุ่งนี้ลุยต่อวัดชูจิตฯ เมืองกรุงเก่า หลังเจ้าอาวาสประสานขอชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065825 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดือด! ชาวกำแพงเพชรบุกร้อง "พรรคประชาชน" จี้สอบ "รักชนก" โพสต์ปมงบน้ำ ถามทำไมต้องเอาความเดือดร้อนปชช.เกี่ยว!
    https://www.thai-tai.tv/news/20235/
    .
    #รักชนกศรีนอก #ไผ่ลิกค์ #กำแพงเพชร #งบประมาณ69 #พรรคประชาชน #เกษตรกรเดือดร้อน #การเมือง #ตรวจสอบงบ
    เดือด! ชาวกำแพงเพชรบุกร้อง "พรรคประชาชน" จี้สอบ "รักชนก" โพสต์ปมงบน้ำ ถามทำไมต้องเอาความเดือดร้อนปชช.เกี่ยว! https://www.thai-tai.tv/news/20235/ . #รักชนกศรีนอก #ไผ่ลิกค์ #กำแพงเพชร #งบประมาณ69 #พรรคประชาชน #เกษตรกรเดือดร้อน #การเมือง #ตรวจสอบงบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เรืองไกร" ร้อง ป.ป.ช. สอบ "พิชัย" ปมเชิญ "ทักษิณ" ถกงานรัฐ ชี้อาจผิดจริยธรรม 5 ข้อ!
    https://www.thai-tai.tv/news/20232/
    .
    #เรืองไกรลีกิจวัฒนะ #พิชัยชุณหวชิร #ทักษิณชินวัตร #ปปช #มาตรฐานจริยธรรม #บ้านพิษณุโลก #การเมือง #ตรวจสอบ
    "เรืองไกร" ร้อง ป.ป.ช. สอบ "พิชัย" ปมเชิญ "ทักษิณ" ถกงานรัฐ ชี้อาจผิดจริยธรรม 5 ข้อ! https://www.thai-tai.tv/news/20232/ . #เรืองไกรลีกิจวัฒนะ #พิชัยชุณหวชิร #ทักษิณชินวัตร #ปปช #มาตรฐานจริยธรรม #บ้านพิษณุโลก #การเมือง #ตรวจสอบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจ ปปป. เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบ 4 วัดดัง หาเส้นทางการเงินเชื่อมโยง "สีกากอล์ฟ" ตะลึง! พบพระวัดชูจิตฯ เคยโอนให้กว่า 11 ล้านบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065647

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจ ปปป. เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบ 4 วัดดัง หาเส้นทางการเงินเชื่อมโยง "สีกากอล์ฟ" ตะลึง! พบพระวัดชูจิตฯ เคยโอนให้กว่า 11 ล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065647 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 517 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจ ปปป. เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบ 4 วัดดัง หาเส้นทางการเงินเชื่อมโยง "สีกากอล์ฟ" ตะลึง! พบพระวัดชูจิตฯ เคยโอนให้กว่า 11 ล้านบาท

    วันนี้ ( 12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เตรียมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ บก.ปปป. ปูพรมลงพื้นที่เข้าตรวจสอบวัดชื่อดังจำนวน 4 แห่ง ที่มีพระลูกวัดหรือพระชั้นผู้ใหญ่ของวัดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันธ์กับสีกากอล์ฟ ประกอบด้วย วัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา , วัดใหญ่จอมประสาท จ.สมุทรสาคร , วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร และ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร

    สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้ก็เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเส้นทางการเงินต่าง ๆ ของวัดมาดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด แม้ในทางพฤติกรรมจะยังไม่พบหลักฐานการกระทำความผิดทางวินัยสงฆ์เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสีกากอล์ฟก็ตาม แต่เนื่องจากมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระลูกวัด หรือ พระชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้บางรายมีเส้นเงินเชื่อมโยงกับสีกากอล์ฟ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเงินที่พระเหล่านี้โอนไปให้กับสีกากอล์ฟนั้นเป็นเงินของวัดหรือไม่ และ มีที่ไปที่มาของเงินอย่างไร โดยเฉพาะในส่วนของพระวัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีการตรวจสอบพบว่าเคยมีการโอนเงินให้กับสีกากอล์ฟ รวมเป็นเงินกว่า 11 ล้านบาท จึงต้องมีการตรวจสอบยอดเงินดังกล่าวนี้อย่างละเอียด เพื่อให้หายเคลือบแคลงข้อสงสัย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065647

    #Thaitimes #MGROnline #สีกากอล์ฟ
    ตำรวจ ปปป. เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบ 4 วัดดัง หาเส้นทางการเงินเชื่อมโยง "สีกากอล์ฟ" ตะลึง! พบพระวัดชูจิตฯ เคยโอนให้กว่า 11 ล้านบาท • วันนี้ ( 12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เตรียมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ บก.ปปป. ปูพรมลงพื้นที่เข้าตรวจสอบวัดชื่อดังจำนวน 4 แห่ง ที่มีพระลูกวัดหรือพระชั้นผู้ใหญ่ของวัดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันธ์กับสีกากอล์ฟ ประกอบด้วย วัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา , วัดใหญ่จอมประสาท จ.สมุทรสาคร , วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร และ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร • สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้ก็เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเส้นทางการเงินต่าง ๆ ของวัดมาดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด แม้ในทางพฤติกรรมจะยังไม่พบหลักฐานการกระทำความผิดทางวินัยสงฆ์เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับสีกากอล์ฟก็ตาม แต่เนื่องจากมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระลูกวัด หรือ พระชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้บางรายมีเส้นเงินเชื่อมโยงกับสีกากอล์ฟ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเงินที่พระเหล่านี้โอนไปให้กับสีกากอล์ฟนั้นเป็นเงินของวัดหรือไม่ และ มีที่ไปที่มาของเงินอย่างไร โดยเฉพาะในส่วนของพระวัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีการตรวจสอบพบว่าเคยมีการโอนเงินให้กับสีกากอล์ฟ รวมเป็นเงินกว่า 11 ล้านบาท จึงต้องมีการตรวจสอบยอดเงินดังกล่าวนี้อย่างละเอียด เพื่อให้หายเคลือบแคลงข้อสงสัย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065647 • #Thaitimes #MGROnline #สีกากอล์ฟ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?
    #12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง

    สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว

    เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย

    บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย

    จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน

    นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์

    ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”

    การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง

    การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย

    ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน

    อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน

    “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ”

    แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

    นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย

    ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ

    ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา

    ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา

    เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย

    แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?

    คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น

    ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม?

    นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป

    โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก

    แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ

    โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้

    ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"

    โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด

    ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

    ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ

    หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก

    แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ

    ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา

    ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง"

    คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า

    หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้

    ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย

    ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ

    การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้

    ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา

    การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น

    ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน

    การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้

    แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด

    จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง

    สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา

    การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน

    นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย

    เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน

    โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า

    กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ
    🤠#เหตุใดโจโฉจึงยืนกรานที่จะฆ่าหมอฮวาโถว(华佗)?🤠 🤠#12ปีต่อมาเขาก็พบว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้อง🤠 สามก๊ก หรือ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้(Romance of the Three Kingdoms三国演义)เป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์วรรณกรรมจีนที่ใครๆ ก็รู้จัก หนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากมายซึ่งชวนติดตาม ในงานนี้ ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะระหว่างตัวเอกและตัวประกอบอย่างชัดเจน เพราะในใจของผู้อ่านที่ชื่นชอบผลงานชิ้นนี้ ตัวละครแต่ละตัวจะเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์เฉพาะตัว เชื่อว่าหลายๆ คนคิดเหมือนกันว่าตัวละครที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุดคือโจโฉ(曹操) บางคนมองว่าเขาเป็นรัฐมนตรีที่ฉลาดและสามารถควบคุมสถานการณ์ในยามยากลำบากได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเขาเป็นคนร้ายที่ทรยศและวางแผนร้าย บางทีในสายตาของโจโฉ(曹操) ความซื่อสัตย์ภักดีและการทรยศคตโกงอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาแสวงหาคือการรวมประเทศเป็นหนึ่ง และปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบรรลุการรวมกันเป็นหนึ่งคือความแข็งแกร่งและความสามารถ ด้วยค่านิยมที่ว่า “ผู้มีความสามารถคือประมุข” เขาจึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าที่จะยึดติดกับข้อจำกัดทางศีลธรรมแบบเดิมๆ สิ่งนี้ยังทำให้วิธีการทำสิ่งต่างๆ (曹操) มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์และมักจะผสมผสาน และไม่ยึดหลักเกณฑ์ธรรมดาด้วย จากมุมมองของผู้คนในปัจจุบัน เขาสามารถถูกมองว่าเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้าและแนวคิดทางเลือกอีกแนวทางหนึ่ง หากต้องการเข้าใจความซับซ้อนของสามก๊ก(三国)อย่างแท้จริง ต้องเข้าใจความภายในใจของโจโฉ(曹操)และวิธีการจัดการกับผู้คนพร้อมกับการปฏิบัติวานของเขาเสียก่อน นอกจากนี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จำนวนมากในช่วงยุคสามก๊ก(三国)มีปฏิสัมพันธ์สำคัญกับโจโฉ(曹操) และทั้งหมดนี้คนที่คลาสสิกที่สุดคือหมอฮวาโถว(华佗)ผู้โด่งดัง ดังที่เราทราบกันดีว่า ฮวาโถว(华佗)เสียชีวิตในท้ายที่สุดจากน้ำมือของโจโฉ(曹操) แต่หากเราหยุดอยู่แค่คำคร่ำครวญเรื่อง "หมอชื่อดังถูกฆ่า" เท่านั้น มันก็จะดูผิวเผินเกินไป ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง มันดูจะซับซ้อนกว่าการที่จะเอาแต่แค่ระบายอารมณ์เพียงอย่างเดียว แม้จากมุมมองบางประการ การตัดสินใจเช่นนี้อาจสมเหตุสมผลในสมัยขณะนั้น เพื่อที่จะชี้แจงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากฮวาโถว(华佗) ปราชญ์ทางการแพทย์ 🥰ฮวาโถว(华佗) เป็นหนึ่งในสี่หมอผู้ยิ่งใหญ่ในจีนโบราณ ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮฮวาโถว(华佗)ได้แก่ การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”และนิทานปรัมปราเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”🥰 การออกกำลังกายห้าอย่างลอกเลียนท่าทางตามสัตว์ “อู๋ชินซี(Wuqinxi五禽戏)” เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เก่าแก่ที่สุดที่คิดค้นโดยฮวาโถว(华佗)ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ฮวาโถว(华佗)ทราบดีถึงความสำคัญของการออกกำลังกายของมนุษย์ต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้การออกกำลังกายเป็นจังหวะและสอดประสานกัน และเน้นย้ำถึงการผสมผสานระหว่างการรับประทานอาหารที่เหมาะสมและการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง การออกกำลังกายชุดนี้จะช่วยยืดเหยียดและออกกำลังกายไหล่ คอ ท้อง หลัง และแขนขาได้อย่างเต็มที่ โดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ เสือ กวาง หมี ลิง และนก ฮวาโถว(华佗)สนับสนุนให้ “เดินตามธรรมชาติ เดินตามทางแห่งสวรรค์” ซึ่งไม่เพียงป้องกันโรคได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสบายกายและใจและเพิ่มความอยากอาหารอีกด้วย ศิษย์ของท่านอาจารย์หวู่ปู้(吴普)ยืนกรานที่จะฝึกท่าบริหารสัตว์ทั้งห้าทุกวัน และในที่สุดก็ได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี โดยมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี คงทราบดีว่าในสมัยโบราณ เมื่ออายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 40 หรือ 50 ปีเท่านั้น การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีพลังมากขนาดนี้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ท่าบริหารสัตว์ทั้งห้ายังคงได้รับความนิยมตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงได้รับการเคารพและสืบทอดโดยแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิมหลายคน อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน “ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”ที่ฮวาโถว(华佗)คิดค้นขึ้นเป็นยาชาที่รับประทานร่วมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถทำให้คนไข้หมดสติชั่วคราว ช่วยให้ทำการผ่าตัดรักษาผู้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนจีนแบบดั้งเดิม วิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าและสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ และถือได้ว่าเป็นผลงานบุกเบิกของการผ่าตัดแบบจีนโบราณ อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่อง “กวนอู(关羽)ขูดกระดูกรักษาพิษ”เขาไม่ได้รับใช้“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ฮวาโถว(华佗)และกวนอูกำลังดื่มเหล้าและเล่นหมากรุกเพื่อผ่อนคลายก่อนที่เขาจะกล้าขูดพิษลูกศรออกจากกระดูก หนังสือเล่มนี้บรรยายว่าใบมีดเสียดสีกับกระดูก ทำให้เกิดเสียง “เสียดสี” และเลือดออก แต่กวนอู(关羽)ไม่แสดงความกลัว ทำให้ฮวาโถว(华佗)อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพเป็นเทพเจ้าจริงๆ” แม้ว่า“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”จะไม่ได้ถูกใช้กับกวนอู(关羽) แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและกล้าหาญของเขา น่าเสียดายที่ปฏิบัติการนี้อาจเป็นเครื่องพิสูจน์ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดของ“ผง หม่าเฟยซาน( Chinese Canna Med麻沸散)”แต่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง นอกเหนือจากทักษะทางการแพทย์แล้ว ฮวาโถว(华佗)ยังเป็นบุคคลที่มีความรู้และความสามารถอีกด้วย ในช่วงต้นยุคสามก๊ก(三国) ผู้ที่ต้องการเข้าสู่ตำแหน่งทางการมักจะอาศัยระบบการแนะนำมากกว่าระบบการสอบของจักรพรรดิในยุคหลัง ระบบการแนะนำไม่เพียงแต่ประเมินระดับความรู้การศึกษาเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้ต้องได้รับการแนะนำจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่มีฐานะหรือบุคคลที่มีคุณธรรมสูง ยิ่งตำแหน่งทางการของผู้แนะนำสูงขึ้นเท่าใด ผู้ที่ได้รับการแนะนำก็จะได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แพทย์ไม่ได้มีสถานะทางสังคมที่สูงส่งในสมัยนั้น ภายใต้แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า นักวิชาการ ชาวนา พ่อค้า และช่างฝีมือ มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางข้าราชการเท่านั้นที่ได้รับการเคารพนับถือ แพทย์ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่ชนชั้น ได้แก่ นักวิชาการ เกษตรกร พ่อค้า และช่างฝีมือเสียด้วยซ้ำ และสถานะของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับพ่อมดแม่มด นักแสดง และอาชีพบริการอื่นๆ ฮวาโถว(华佗)มีความขยันพรากเพียรเรียนหนักมาตั้งแต่เด็ก และมีความต้องการที่จะประกอบอาชีพข้าราชการ ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งบันทึกไว้ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ว่า "แต่ก่อนข้าเป็นนักวิชาการ แต่ข้าหาเลี้ยงชีพด้วยการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ และข้าก็มักจะรู้สึกผิดหวังเสียใจ" นั่นหมายความว่าเขาต้องการมีอาชีพทางข้าราชการที่ราบรื่น อย่างไรก็ตาม เขาพลาดโอกาสที่จะเข้าสู่ตำแหน่งทางข้าราชการเพราะมีอาชีพทางการแพทย์ของเขา ทักษะทางการแพทย์ของเขาทำให้เขามีชื่อเสียง ผู้คนมากมายต่างเข้ามาหาเขาราวกับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ฮวาโถว(华佗)ยังไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ข้าราชการท้องถิ่นเหล่านั้นจะเป็นผู้แนะนำ โดยคิดว่าคำแนะนำเหล่านั้นจะไม่ช่วยให้เขาได้ไปสู่ตำแหน่งสูงได้ จึงละทิ้งโอกาสที่จะเป็นข้าราชการระดับล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงปรารถนาที่จะประกอบอาชีพในสายข้าราชการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิทยาที่ขัดแย้งกันในสมัยโบราณที่ว่า "หมอไม่รักษาให้ตัวเอง" แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องยากที่จะหลุดพ้นจากความคิดเรื่องลำดับชั้นของสังคมศักดินา เมื่อชื่อเสียงเลื่องลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ระดับตำแหน่งคนไข้ของฮวาโถว(华佗)ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมไปถึงผู้ปกครองสูงสุดอย่างโจโฉ(曹操)ด้วย 🥰แล้วฮวาโถว(华佗)ถูกโจโฉ(曹操)บังคับให้รักษาจริงหรือ? เขาเป็นคนริเริ่มสมยอมในเรื่องนี้หรือเปล่า?🥰 คำตอบอาจจะใช่ก็ได้ เพราะฮวาโถว(华佗)ก็หวังที่จะได้ทำงานในหน่วยงานรัฐบาล แต่เนื่องจากคนที่แนะนำเขามีฐานะต่ำต้อย เขาจึงหางานได้ยาก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงขยายเครือข่ายด้วยการประกอบวิชาชีพแพทย์เท่านั้น 🥰ใครจะมีพลังอำนาจมากกว่าโจโฉในเวลานี้? ถ้าเขาได้รับการชื่นชมจากโจโฉ(曹操)นั่นไม่ใช่เหมือนกับว่าเขาจะต้องโด่งดังชั่วข้ามคืนใช่ไหม? 🥰 นอกจากนี้ ฮวาโถว(华佗)ยังมั่นใจในทักษะทางการแพทย์ของตน และเชื่อว่าตนสามารถรักษาอาการปวดหัวของโจโฉ(曹操)ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำเชิญอย่างเป็นทางการของโจโฉ(曹操) ฮวาโถว(华佗)จึงอาสาไป โจโฉ(曹操)ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากการทำงานหนักในกิจการราชการและสงครามเป็นเวลานาน หลังจากที่ฮวาโถว(华佗)เดินทางมาถึง เขาได้ใช้การฝังเข็มเพื่อบรรเทาอาการป่วยลงอย่างมาก ซึ่งทำให้โจโฉ(曹操)มีความสุขมาก แต่โจโฉ(曹操)ต้องการการรักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่บรรเทาให้หายลงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับคำร้องขอนี้ ฮวาโถว(华佗)ยอมรับว่าเขาสามารถใช้การฝังเข็มเพื่อชะลอโรคลงเท่านั้น ถ้าต้องการรักษาให้หายขาด จำเป็นต้องทำการผ่าตัดกระโหลกศีรษะ โจโฉ(曹操)โกรธมากเมื่อฮวาโถว(华佗)พูดเช่นนี้ การผ่าตัดกระโหลกศีรษะถือเป็นเรื่องที่พบได้ยากและอันตรายมากในสมัยนั้น และไม่มีใครกล้าลองโดยง่าย นิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操)ทำให้เขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของฮวาโถว(华佗)ได้ 🥰ใน "บันทึกซานกั๋วจื้อ(Records of the Three Kingdoms三国志)" ได้บันทึกไว้ในหลายตอนถึงลักษณะบุคลิกนิสัยขี้ระแวงของโจโฉ(曹操) ในช่วงแรกๆ เขาล้มเหลวในการลอบสังหารตั๋งโต๊ะ(Dong Zhuo董卓) ขณะที่กำลังหลบหนี เขาได้ฆ่า ลิแปะเฉีย หรือ ลฺหวี่โป๋เชอ (Lü Boshe呂伯奢) เพื่อนที่ดีของพ่อของเขาและครอบครัวทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาอันโหดร้ายของเขาที่ว่า "ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่าปล่อยให้โลกทรยศข้า"🥰 โจโฉ(曹操)ระมัดระวังชีวิตของตนเองอย่างมาก และถึงขั้นระแวงการกระทำอันดีงามขององครักษ์ ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าองครักษ์ส่วนตัวเพราะความเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามความปลอดภัยของเขา และการผ่าตัดกระโหลกศีรษะเป็นเพียงภัยคุกคามในสายตาของเขาและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ในทางกลับกัน โจโฉ(曹操)ก็มีความสงสัยในนิสัยของฮวาโถว(华佗)เช่นกัน โดยคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งยโสและหลงตัวเอง และเขาอาจมีเจตนาอื่นใดที่เสนอวิธีการรักษาที่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้น โจโฉ(曹操)จึงเลือกการรักษาแบบประคับประคองและให้ฮวาโถว(华佗)ทำการฝังเข็มเป็นประจำเพื่อบรรเทาอาการ หลังจากเวลาผ่านไปนาน ฮวาโถว(华佗)เห็นว่าโจโฉไม่ยอมรับการผ่าตัด และไม่มีความตั้งใจที่จะให้เขาได้รับตำแหน่งสูงๆ และเงินเดือนที่สูง จึงขอลาและกลับบ้านโดยอ้างว่าภรรยาของเขาป่วยหนัก แม้ว่าโจโฉ(曹操)จะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยังคงเห็นชอบ ต่อมาอาการปวดหัวของโจโฉก็กลับมาอีก เขาจึงส่งคนไปขอให้ฮัวโต่วกลับมารักษาให้อีกหลายครั้ง แต่ฮวาโถว(华佗)กลับปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดโจโฉ(曹操)ก็ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าภรรยาของฮวาโถว(华佗)ไม่ได้ป่วย แต่ฮวาโถว(华佗)ไม่เต็มใจที่จะกลับมา ด้วยความโกรธ โจโฉ(曹操)จึงให้ควบคุมตัวฮวาโถว(华佗)และจำคุกในข้อกล่าวหา "ไม่ให้ความเคารพอย่างยิ่ง" และ "ฝ่าฝืนคำสั่ง" คนใกล้ชิดของเขาได้แนะนำให้โจโฉ(曹操)เมตตา แต่โจโฉ(曹操)กลับมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา หมอผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้จึงได้เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้า 🥰หลังจากสังหารฮัวโตวแล้ว โจโฉเคยเสียใจบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม อาการปวดหัวของเขาก็ยังไม่สามารถรักษาหายได้🥰 ความขี้ระแวงสงสัยและความโกรธในเรื่องทางจิตใจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความเจ็บปวดทางกายเสียอีก อาจจะบางทีเมื่อความเจ็บปวดกลับมาอีกครั้ง เขาอาจจะนึกถึงฮวาโถว(华佗) แต่เขาไม่เคยนึกเสียใจเลย ในสายตาของโจโฉ(曹操) หมอเป็นเพียงเครื่องมือและคนรับใช้ ไม่คู่ควรแก่การเคารพนับถือ หากฮวาโถว(华佗)กล้าคุกคามชีวิตตนเอง มันจะเป็นความท้าทายต่ออำนาจของเขา และจะไม่มีวันได้รับการยอมรับ การฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นเพียงการแสดงอำนาจและเป็นการเตือนทุกคนว่าไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใครก็ไม่มีใครสามารถล่วงเกินเขาได้ 🥰ในเวลานั้น โจโฉ(曹操)กำลังเตรียมตัวสำหรับการรบที่เซ็กเพ็ก ผาแดง (Red Cliffs or Chib赤壁之戰) และจำเป็นต้องรักษาขวัญกำลังใจของกองทหารของเขา เสริมสร้างชื่อเสียง และสร้างศักดิ์ศรีที่ไม่สามารถละเมิดได้ของเขา🥰 การไม่ควรปล่อยให้แพทย์ควบคุมร่างกายและชีวิตของตนเองโดยเด็ดขาด ดังนั้นการฆ่าฮวาโถว(华佗)จึงกลายเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่จำเป็น ขณะที่สงครามกำลังใกล้เข้ามา โจโฉ(曹操)ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขอให้ฆ่าฮวาโถว(华佗)อยู่เคียงข้างเพื่อรับการรักษา แม้ภายนอกจะแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจสุขภาพของตนเอง แต่แท้จริงแล้ว นี่ถือเป็นการประกาศถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อโลกภายนอกด้วยเช่นกัน การสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)เป็นการส่งสัญญาณทางอ้อมว่า "ฉันไม่กลัว" ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพมั่นคงและปราบปรามศัตรูได้ แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะพ่ายแพ้ในยุทธการที่ผาแดง (Red Cliffs 赤壁之戰)แต่ก็ถือเป็นความผิดพลาดทางยุทธวิธี และไม่มีผลต่อเสถียรภาพของสงครามจิตวิทยาแต่อย่างใด 🥰จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ การตัดสินใจของโจโฉ(曹操)ที่จะสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)นั้นถูกต้องหรือไม่นั้นเป็นคำถามที่ควรค่าแก่การหารือถกเถียง🥰 สิบสองปีต่อมา โจผี หรือ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ได้สืบทอดบัลลังก์และสืบสานสไตล์ที่เด็ดขาดและเข้มแข็งของบิดาของเขา การกระทำของบิดาของเขาในการสังหารฆ่าฮวาโถว(华佗)แสดงให้โลกเห็นถึงการควบคุมที่แท้จริงของตระกูลเฉา(Cao曹)และสถานะการปกครองที่ไม่อาจท้าทายได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของ เฉาพี (Cao Pi曹丕)ในหัวข้อ"ศิลปศาสตร์ของจักรพรรดิ(帝王学)" อีกด้วย เฉาพี (Cao Pi曹丕)สืบทอดเจตนารมณ์ และใช้การยับยั้งป้องปรามเพื่อปราบปราม สุมาอี้ หรือ ซือหม่าอี้(Sima Yi司马懿) เพื่อให้แน่ใจว่าการสืบทอดบัลลังก์ของตระกูลเฉา(Cao曹)จะมั่นคงและสืบสานราชวงศ์ต่อไปเป็นเวลาสามชั่วอายุคน 💓โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า💓 😍กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ😍
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารเมียนมา ต้านกองกำลัง KNLA ไม่ไหว ฐานอุเกรทะ จ.เมียวดี ใกล้อำเภอพบพระ ตาก จนแตกหนีข้ามมาฝั่งไทยเกือบ 100 คน

    เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 ก.ค.68 พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ผบ.ฉก.ราขมนู) เปิดเผยว่า บ่ายวันนี้ กกล.KNLA ได้รวมกำลังเข้าตีที่ตั้งของทหารเมียนมา ฐานอุเกรทะ ด้วยการใช้โดรนโจมตีทิ้งระเบิด และนำกำลังเข้าประชิดฐาน โดย ทหารเมียน มาพยายามยิงต่อสู้และร้องขออาวุธยิงสนับสนุนเพื่อป้องกันฐาน แต่ไม่สามารถต้านทานได้

    ส่งผลให้ทหารเมียนมา จำนวนเกือบ 100 คน ได้ทำการถอนตัวออกจาก ฐานอุเกรทะ อ.ซูการี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมาข้ามมายังฝั่งไทย บริเวณ บ.วาเล่ย์ใต้ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก
    โดย หน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ฉก.ราชมนู) กองกำลังนเรศวร (กกล.นเรศวร) ได้ทำการควบคุมตัว, ปลดอาวุธ,ตรวจสอบความปลอดภัย ,รักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ, ให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม และดำเนินกรรมวิธีตามขั้นตอนต่อไป

    จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ข้ามมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 467 คน โดยหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ร่วมกับฝ่ายปกครอง , จนท.ตร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูและความปลอดภัย และให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม

    ทั้งนี้ ฉก.ราชมนู กกล.นเรศวร ยังคงเพิ่มเติมกำลัง ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ , นำอาวุธยิงสนับสนุนเข้าที่ตั้งตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน อย่างเต็มกำลังความสามารถตลอด 24 ชั่วโมง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065626

    #Thaitimes #MGROnline #ทหารเมียนมา #กองกำลังKNLA
    ทหารเมียนมา ต้านกองกำลัง KNLA ไม่ไหว ฐานอุเกรทะ จ.เมียวดี ใกล้อำเภอพบพระ ตาก จนแตกหนีข้ามมาฝั่งไทยเกือบ 100 คน • เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 ก.ค.68 พ.อ.ณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ผบ.ฉก.ราขมนู) เปิดเผยว่า บ่ายวันนี้ กกล.KNLA ได้รวมกำลังเข้าตีที่ตั้งของทหารเมียนมา ฐานอุเกรทะ ด้วยการใช้โดรนโจมตีทิ้งระเบิด และนำกำลังเข้าประชิดฐาน โดย ทหารเมียน มาพยายามยิงต่อสู้และร้องขออาวุธยิงสนับสนุนเพื่อป้องกันฐาน แต่ไม่สามารถต้านทานได้ • ส่งผลให้ทหารเมียนมา จำนวนเกือบ 100 คน ได้ทำการถอนตัวออกจาก ฐานอุเกรทะ อ.ซูการี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมาข้ามมายังฝั่งไทย บริเวณ บ.วาเล่ย์ใต้ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก โดย หน่วยเฉพาะกิจราชมนู (ฉก.ราชมนู) กองกำลังนเรศวร (กกล.นเรศวร) ได้ทำการควบคุมตัว, ปลดอาวุธ,ตรวจสอบความปลอดภัย ,รักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ, ให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม และดำเนินกรรมวิธีตามขั้นตอนต่อไป • จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ข้ามมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 467 คน โดยหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ร่วมกับฝ่ายปกครอง , จนท.ตร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูและความปลอดภัย และให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม • ทั้งนี้ ฉก.ราชมนู กกล.นเรศวร ยังคงเพิ่มเติมกำลัง ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจ , นำอาวุธยิงสนับสนุนเข้าที่ตั้งตามแผนเผชิญเหตุ เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน อย่างเต็มกำลังความสามารถตลอด 24 ชั่วโมง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000065626 • #Thaitimes #MGROnline #ทหารเมียนมา #กองกำลังKNLA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิศวกรรัสเซียลอบขโมยข้อมูลชิปจาก ASML และ NXP – ถูกตัดสินจำคุกในเนเธอร์แลนด์

    German Aksenov อดีตวิศวกรวัย 43 ปี ซึ่งเคยทำงานให้กับ ASML และ NXP ถูกศาลเนเธอร์แลนด์ตัดสินจำคุก 3 ปี ฐานลักลอบนำข้อมูลลับด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ส่งต่อให้กับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย (FSB)

    Aksenov ไม่ใช่แฮกเกอร์ แต่ใช้วิธีแบบดั้งเดิม:
    - คัดลอกไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท
    - เก็บไว้ใน USB และฮาร์ดดิสก์
    - นำอุปกรณ์เหล่านั้นเดินทางไปมอสโก และส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ FSB

    เขาอ้างว่าเก็บไฟล์ไว้เพื่อ “พัฒนาความรู้ด้านอาชีพ” และไม่ได้ตั้งใจเป็นสายลับ แต่ศาลเห็นว่าการกระทำของเขาละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปที่มีต่อรัสเซียตั้งแต่ปี 2014

    ASML เป็นผู้ผลิตเครื่อง EUV lithography เพียงรายเดียวในโลก ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตชิประดับสูง ส่วน NXP เป็นผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่ร่วมพัฒนาเทคโนโลยี NFC กับ Sony ทำให้ทั้งสองบริษัทเป็นเป้าหมายสำคัญของการจารกรรมทางอุตสาหกรรม

    แม้จะไม่มีหลักฐานว่า Aksenov ได้รับค่าตอบแทนจากการกระทำดังกล่าว แต่ศาลยังคงลงโทษจำคุก โดยเปิดโอกาสให้เขายื่นอุทธรณ์ภายใน 14 วัน

    ข้อมูลจากข่าว
    - German Aksenov อดีตวิศวกรของ ASML และ NXP ถูกตัดสินจำคุก 3 ปีในเนเธอร์แลนด์
    - เขาลักลอบนำข้อมูลลับด้านการผลิตชิปส่งต่อให้กับ FSB ของรัสเซีย
    - ใช้วิธีคัดลอกไฟล์ลง USB และฮาร์ดดิสก์ แล้วนำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ในมอสโก
    - อ้างว่าเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาความรู้ด้านอาชีพ ไม่ได้ตั้งใจเป็นสายลับ
    - ศาลลงโทษจำคุก แม้ไม่มีหลักฐานว่าได้รับค่าตอบแทน
    - ASML และ NXP เป็นเป้าหมายสำคัญของการจารกรรมด้านเทคโนโลยี
    - NXP ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สอบสวน ส่วน ASML ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การลักลอบขโมยข้อมูลจากภายในองค์กรยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง
    - การส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์พกพา เช่น USB ยังเป็นช่องโหว่ที่หลายองค์กรมองข้าม
    - การละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมายที่รุนแรง
    - บริษัทเทคโนโลยีควรมีระบบตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลภายในอย่างเข้มงวด
    - พนักงานควรได้รับการอบรมเรื่องจริยธรรมและความปลอดภัยของข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

    https://www.techspot.com/news/108642-russian-engineer-jailed-stealing-chipmaking-secrets-asml-nxp.html
    วิศวกรรัสเซียลอบขโมยข้อมูลชิปจาก ASML และ NXP – ถูกตัดสินจำคุกในเนเธอร์แลนด์ German Aksenov อดีตวิศวกรวัย 43 ปี ซึ่งเคยทำงานให้กับ ASML และ NXP ถูกศาลเนเธอร์แลนด์ตัดสินจำคุก 3 ปี ฐานลักลอบนำข้อมูลลับด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ส่งต่อให้กับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย (FSB) Aksenov ไม่ใช่แฮกเกอร์ แต่ใช้วิธีแบบดั้งเดิม: - คัดลอกไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท - เก็บไว้ใน USB และฮาร์ดดิสก์ - นำอุปกรณ์เหล่านั้นเดินทางไปมอสโก และส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ FSB เขาอ้างว่าเก็บไฟล์ไว้เพื่อ “พัฒนาความรู้ด้านอาชีพ” และไม่ได้ตั้งใจเป็นสายลับ แต่ศาลเห็นว่าการกระทำของเขาละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปที่มีต่อรัสเซียตั้งแต่ปี 2014 ASML เป็นผู้ผลิตเครื่อง EUV lithography เพียงรายเดียวในโลก ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตชิประดับสูง ส่วน NXP เป็นผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่ร่วมพัฒนาเทคโนโลยี NFC กับ Sony ทำให้ทั้งสองบริษัทเป็นเป้าหมายสำคัญของการจารกรรมทางอุตสาหกรรม แม้จะไม่มีหลักฐานว่า Aksenov ได้รับค่าตอบแทนจากการกระทำดังกล่าว แต่ศาลยังคงลงโทษจำคุก โดยเปิดโอกาสให้เขายื่นอุทธรณ์ภายใน 14 วัน ✅ ข้อมูลจากข่าว - German Aksenov อดีตวิศวกรของ ASML และ NXP ถูกตัดสินจำคุก 3 ปีในเนเธอร์แลนด์ - เขาลักลอบนำข้อมูลลับด้านการผลิตชิปส่งต่อให้กับ FSB ของรัสเซีย - ใช้วิธีคัดลอกไฟล์ลง USB และฮาร์ดดิสก์ แล้วนำไปมอบให้เจ้าหน้าที่ในมอสโก - อ้างว่าเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาความรู้ด้านอาชีพ ไม่ได้ตั้งใจเป็นสายลับ - ศาลลงโทษจำคุก แม้ไม่มีหลักฐานว่าได้รับค่าตอบแทน - ASML และ NXP เป็นเป้าหมายสำคัญของการจารกรรมด้านเทคโนโลยี - NXP ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สอบสวน ส่วน ASML ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การลักลอบขโมยข้อมูลจากภายในองค์กรยังคงเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง - การส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์พกพา เช่น USB ยังเป็นช่องโหว่ที่หลายองค์กรมองข้าม - การละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมายที่รุนแรง - บริษัทเทคโนโลยีควรมีระบบตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลภายในอย่างเข้มงวด - พนักงานควรได้รับการอบรมเรื่องจริยธรรมและความปลอดภัยของข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ https://www.techspot.com/news/108642-russian-engineer-jailed-stealing-chipmaking-secrets-asml-nxp.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Former ASML and NXP engineer jailed for leaking chipmaking secrets to Russia
    German Aksenov, a 43-year-old former employee of ASML and NXP, has been sentenced to three years in prison for sharing sensitive chip manufacturing documents with a contact...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข้อมูลบูมในจอร์เจีย – เทคโนโลยีมา น้ำหาย คนอยู่ลำบาก

    ในชนบทของรัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ พื้นที่ที่เคยเงียบสงบและเต็มไปด้วยต้นไม้ กำลังถูกแทนที่ด้วยอาคารขนาดใหญ่ไร้หน้าต่างที่เต็มไปด้วยเซิร์ฟเวอร์—ศูนย์ข้อมูลที่เป็นหัวใจของโลกดิจิทัลยุคใหม่ โดยเฉพาะในยุค AI และคลาวด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

    แต่เบื้องหลังความก้าวหน้ากลับมีปัญหาใหญ่: การใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อนให้เซิร์ฟเวอร์ โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน ศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่งอาจใช้น้ำถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้น้ำของทั้งเมือง

    ในเมือง Mansfield ชาวบ้านบางคน เช่น Beverly Morris ซึ่งอาศัยอยู่ห่างจากศูนย์ข้อมูลของ Meta เพียง 400 หลา บ่นว่าบ้านของเธอไม่มีน้ำใช้ และไม่สามารถดื่มน้ำจากบ่อได้อีกต่อไป

    แม้บริษัทต่าง ๆ จะอ้างว่ามีการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด และบางแห่งลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น liquid cooling หรือการเก็บน้ำฝน แต่ชาวบ้านยังคงไม่ไว้วางใจ และรู้สึกว่าคุณภาพชีวิตของพวกเขาถูกลดทอนเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทเทคโนโลยี

    ปัญหานี้ไม่ได้เกิดแค่ในจอร์เจีย แต่กำลังลุกลามไปทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปัญหาภัยแล้ง และคาดว่าการใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

    ข้อมูลจากข่าว
    - ศูนย์ข้อมูลในจอร์เจียขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบรับการเติบโตของ AI และคลาวด์
    - ใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อน โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน
    - ชาวบ้านใน Mansfield รายงานว่าบ่อบ้านแห้งและไม่สามารถใช้น้ำได้
    - บริษัทต่าง ๆ อ้างว่ามีการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมและลงทุนในเทคโนโลยีลดการใช้น้ำ
    - มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น liquid cooling และ rainwater harvesting
    - ปัญหานี้เกิดในหลายรัฐของสหรัฐฯ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีภัยแล้ง
    - คาดว่าการใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอนาคต

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลอาจกระทบต่อแหล่งน้ำของชุมชนโดยตรง
    - การตรวจสอบสิ่งแวดล้อมที่บริษัทจัดจ้างอาจไม่เป็นกลางหรือโปร่งใส
    - ชาวบ้านบางรายยังคงใช้ “น้ำที่ไม่มั่นใจ” ในการปรุงอาหารและแปรงฟัน
    - การเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอาจไม่สมดุลกับคุณภาพชีวิตของประชาชน
    - หากไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวด การขยายตัวของศูนย์ข้อมูลอาจทำลายระบบนิเวศท้องถิ่น

    https://www.techspot.com/news/108634-data-center-boom-georgia-sparks-water-worries-resident.html
    ศูนย์ข้อมูลบูมในจอร์เจีย – เทคโนโลยีมา น้ำหาย คนอยู่ลำบาก ในชนบทของรัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ พื้นที่ที่เคยเงียบสงบและเต็มไปด้วยต้นไม้ กำลังถูกแทนที่ด้วยอาคารขนาดใหญ่ไร้หน้าต่างที่เต็มไปด้วยเซิร์ฟเวอร์—ศูนย์ข้อมูลที่เป็นหัวใจของโลกดิจิทัลยุคใหม่ โดยเฉพาะในยุค AI และคลาวด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เบื้องหลังความก้าวหน้ากลับมีปัญหาใหญ่: การใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อนให้เซิร์ฟเวอร์ โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน ศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่งอาจใช้น้ำถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับการใช้น้ำของทั้งเมือง ในเมือง Mansfield ชาวบ้านบางคน เช่น Beverly Morris ซึ่งอาศัยอยู่ห่างจากศูนย์ข้อมูลของ Meta เพียง 400 หลา บ่นว่าบ้านของเธอไม่มีน้ำใช้ และไม่สามารถดื่มน้ำจากบ่อได้อีกต่อไป แม้บริษัทต่าง ๆ จะอ้างว่ามีการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด และบางแห่งลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ เช่น liquid cooling หรือการเก็บน้ำฝน แต่ชาวบ้านยังคงไม่ไว้วางใจ และรู้สึกว่าคุณภาพชีวิตของพวกเขาถูกลดทอนเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทเทคโนโลยี ปัญหานี้ไม่ได้เกิดแค่ในจอร์เจีย แต่กำลังลุกลามไปทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีปัญหาภัยแล้ง และคาดว่าการใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ✅ ข้อมูลจากข่าว - ศูนย์ข้อมูลในจอร์เจียขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบรับการเติบโตของ AI และคลาวด์ - ใช้น้ำมหาศาลเพื่อระบายความร้อน โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน - ชาวบ้านใน Mansfield รายงานว่าบ่อบ้านแห้งและไม่สามารถใช้น้ำได้ - บริษัทต่าง ๆ อ้างว่ามีการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมและลงทุนในเทคโนโลยีลดการใช้น้ำ - มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น liquid cooling และ rainwater harvesting - ปัญหานี้เกิดในหลายรัฐของสหรัฐฯ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีภัยแล้ง - คาดว่าการใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอนาคต ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การใช้น้ำของศูนย์ข้อมูลอาจกระทบต่อแหล่งน้ำของชุมชนโดยตรง - การตรวจสอบสิ่งแวดล้อมที่บริษัทจัดจ้างอาจไม่เป็นกลางหรือโปร่งใส - ชาวบ้านบางรายยังคงใช้ “น้ำที่ไม่มั่นใจ” ในการปรุงอาหารและแปรงฟัน - การเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอาจไม่สมดุลกับคุณภาพชีวิตของประชาชน - หากไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวด การขยายตัวของศูนย์ข้อมูลอาจทำลายระบบนิเวศท้องถิ่น https://www.techspot.com/news/108634-data-center-boom-georgia-sparks-water-worries-resident.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Data center boom in Georgia sparks water worries and resident backlash
    The rise of data centers is closely tied to the rapid growth of artificial intelligence and cloud computing. But as the demand for digital services increases, so...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • ESMA เตือนบริษัทคริปโต – อย่าใช้คำว่า “ถูกกำกับดูแล” หลอกผู้บริโภค

    เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2025 ESMA (European Securities and Markets Authority) ได้ออกแถลงการณ์เตือนบริษัทคริปโตทั่วสหภาพยุโรปว่าไม่ควรใช้สถานะ “ได้รับใบอนุญาต” ภายใต้กฎ MiCA (Markets in Crypto-Assets) เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้บริโภค

    หลายบริษัทคริปโต (CASPs) เสนอทั้งผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA บนแพลตฟอร์มเดียวกัน เช่น การลงทุนในทองคำหรือการให้กู้ยืมคริปโต ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าทุกบริการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย

    ESMA ระบุว่าบางบริษัทถึงขั้นใช้ใบอนุญาต MiCA เป็น “เครื่องมือส่งเสริมการขาย” และสร้างความสับสนระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการกำกับกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการกำกับ

    นอกจากนี้ ESMA ยังออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับความรู้และความสามารถของพนักงานที่ทำหน้าที่ประเมินบริษัทคริปโต เพื่อให้การออกใบอนุญาตมีความรัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากพบว่า Malta Financial Services Authority มีการประเมินความเสี่ยงของบริษัทคริปโตบางแห่งอย่างไม่ละเอียดพอ

    ข้อมูลจากข่าว
    - ESMA เตือนบริษัทคริปโตว่าไม่ควรใช้สถานะ “ได้รับการกำกับ” เป็นเครื่องมือทางการตลาด
    - กฎ MiCA ของ EU มีข้อกำหนดด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน เช่น การจัดการสินทรัพย์และการรับเรื่องร้องเรียน
    - CASPs บางแห่งเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA เช่น การลงทุนในทองคำหรือการให้กู้ยืมคริปโต
    - ESMA ระบุว่าการเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งแบบกำกับและไม่กำกับบนแพลตฟอร์มเดียวกันสร้างความเสี่ยงต่อผู้บริโภค
    - ESMA ออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับความรู้ของพนักงานที่ประเมินบริษัทคริปโต
    - การตรวจสอบในมอลตาพบว่ามีการอนุญาตบริษัทคริปโตโดยไม่ประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียด

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ผู้บริโภคอาจเข้าใจผิดว่าทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทคริปโตได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
    - การใช้ใบอนุญาต MiCA เป็นเครื่องมือส่งเสริมการขายอาจนำไปสู่การหลอกลวง
    - ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA เช่น crypto lending ไม่มีการคุ้มครองหากเกิดปัญหา
    - การออกใบอนุญาตที่ไม่รัดกุมอาจเปิดช่องให้บริษัทที่มีความเสี่ยงสูงเข้าสู่ตลาด
    - นักลงทุนควรตรวจสอบว่าแต่ละบริการของบริษัทคริปโตอยู่ภายใต้กฎ MiCA หรือไม่ ก่อนตัดสินใจลงทุน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/11/european-securities-regulator-warns-about-crypto-firms-misleading-customers
    ESMA เตือนบริษัทคริปโต – อย่าใช้คำว่า “ถูกกำกับดูแล” หลอกผู้บริโภค เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2025 ESMA (European Securities and Markets Authority) ได้ออกแถลงการณ์เตือนบริษัทคริปโตทั่วสหภาพยุโรปว่าไม่ควรใช้สถานะ “ได้รับใบอนุญาต” ภายใต้กฎ MiCA (Markets in Crypto-Assets) เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้บริโภค หลายบริษัทคริปโต (CASPs) เสนอทั้งผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล และผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA บนแพลตฟอร์มเดียวกัน เช่น การลงทุนในทองคำหรือการให้กู้ยืมคริปโต ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิดว่าทุกบริการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ESMA ระบุว่าบางบริษัทถึงขั้นใช้ใบอนุญาต MiCA เป็น “เครื่องมือส่งเสริมการขาย” และสร้างความสับสนระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการกำกับกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการกำกับ นอกจากนี้ ESMA ยังออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับความรู้และความสามารถของพนักงานที่ทำหน้าที่ประเมินบริษัทคริปโต เพื่อให้การออกใบอนุญาตมีความรัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากพบว่า Malta Financial Services Authority มีการประเมินความเสี่ยงของบริษัทคริปโตบางแห่งอย่างไม่ละเอียดพอ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ESMA เตือนบริษัทคริปโตว่าไม่ควรใช้สถานะ “ได้รับการกำกับ” เป็นเครื่องมือทางการตลาด - กฎ MiCA ของ EU มีข้อกำหนดด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน เช่น การจัดการสินทรัพย์และการรับเรื่องร้องเรียน - CASPs บางแห่งเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA เช่น การลงทุนในทองคำหรือการให้กู้ยืมคริปโต - ESMA ระบุว่าการเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งแบบกำกับและไม่กำกับบนแพลตฟอร์มเดียวกันสร้างความเสี่ยงต่อผู้บริโภค - ESMA ออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับความรู้ของพนักงานที่ประเมินบริษัทคริปโต - การตรวจสอบในมอลตาพบว่ามีการอนุญาตบริษัทคริปโตโดยไม่ประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียด ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ผู้บริโภคอาจเข้าใจผิดว่าทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทคริปโตได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย - การใช้ใบอนุญาต MiCA เป็นเครื่องมือส่งเสริมการขายอาจนำไปสู่การหลอกลวง - ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MiCA เช่น crypto lending ไม่มีการคุ้มครองหากเกิดปัญหา - การออกใบอนุญาตที่ไม่รัดกุมอาจเปิดช่องให้บริษัทที่มีความเสี่ยงสูงเข้าสู่ตลาด - นักลงทุนควรตรวจสอบว่าแต่ละบริการของบริษัทคริปโตอยู่ภายใต้กฎ MiCA หรือไม่ ก่อนตัดสินใจลงทุน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/11/european-securities-regulator-warns-about-crypto-firms-misleading-customers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    European securities regulator warns about crypto firms misleading customers
    PARIS (Reuters) -Europe's securities regulator warned crypto companies on Friday not to mislead customers about the extent to which their products are regulated - the latest sign of European authorities trying to limit crypto-related risks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่เริ่มปรากฏตัวตั้งแต่ปี 2022 โดยใช้วิธี SIM-swapping และ ransomware โจมตีบริษัทโทรคมนาคมและบันเทิง เช่น MGM Resorts และ Caesars Entertainment แต่ในปี 2025 พวกเขาขยายเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมค้าปลีก (Marks & Spencer, Harrods) และสายการบิน (Hawaiian, Qantas) สร้างความเสียหายหลายล้านดอลลาร์

    เทคนิคที่ใช้ล่าสุดคือการหลอกพนักงาน help desk ด้วยข้อมูลส่วนตัวของผู้บริหาร เช่น วันเกิดและเลขประกันสังคม เพื่อรีเซ็ตอุปกรณ์และเข้าถึงบัญชีระดับสูง จากนั้นใช้สิทธิ์นั้นเจาะระบบ Entra ID (Azure AD), SharePoint, Horizon VDI และ VPN เพื่อควบคุมระบบทั้งหมด

    เมื่อถูกตรวจจับ กลุ่มนี้ไม่หนี แต่กลับโจมตีระบบอย่างเปิดเผย เช่น ลบกฎไฟร์วอลล์ของ Azure และปิด domain controller เพื่อขัดขวางการกู้คืนระบบ

    นักวิจัยจาก Rapid7 และ ReliaQuest พบว่า Scattered Spider:
    - ใช้เครื่องมือเช่น ngrok และ Teleport เพื่อสร้างช่องทางลับ
    - ใช้ IAM role enumeration และ EC2 Serial Console เพื่อเจาะระบบ AWS
    - ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบที่ถูกแฮกเพื่อดึงข้อมูลจาก CyberArk password vault กว่า 1,400 รายการ

    แม้ Microsoft จะเข้ามาช่วยกู้คืนระบบได้ในที่สุด แต่เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของกลุ่มแฮกเกอร์ที่ผสมผสาน “การหลอกมนุษย์” กับ “การเจาะระบบเทคนิค” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลจากข่าว
    - Scattered Spider เริ่มโจมตีตั้งแต่ปี 2022 โดยใช้ SIM-swapping และ ransomware
    - ขยายเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมค้าปลีกและสายการบินในปี 2025
    - ใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้บริหารเพื่อหลอก help desk และเข้าถึงบัญชีระดับสูง
    - เจาะระบบ Entra ID, SharePoint, Horizon VDI, VPN และ CyberArk
    - ใช้เครื่องมือเช่น ngrok, Teleport, EC2 Serial Console และ IAM role enumeration
    - ลบกฎไฟร์วอลล์ Azure และปิด domain controller เพื่อขัดขวางการกู้คืน
    - Microsoft ต้องเข้ามาช่วยกู้คืนระบบ
    - Rapid7 และ ReliaQuest แนะนำให้ใช้ MFA แบบต้าน phishing และจำกัดสิทธิ์ผู้ใช้งาน

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การหลอก help desk ด้วยข้อมูลส่วนตัวยังคงเป็นช่องโหว่ใหญ่ขององค์กร
    - บัญชีผู้บริหารมักมีสิทธิ์มากเกินไป ทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้ง่าย
    - การใช้เครื่องมือ legitimate เช่น Teleport อาจหลบการตรวจจับได้
    - หากไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์และพฤติกรรมผู้ใช้อย่างสม่ำเสมอ องค์กรอาจไม่รู้ตัวว่าถูกแฮก
    - การพึ่งพา endpoint detection เพียงอย่างเดียวไม่สามารถป้องกันการเจาะระบบแบบนี้ได้
    - องค์กรควรฝึกอบรมพนักงานเรื่อง social engineering และมีระบบตรวจสอบการรีเซ็ตบัญชีที่เข้มงวด

    https://www.csoonline.com/article/4020567/anatomy-of-a-scattered-spider-attack-a-growing-ransomware-threat-evolves.html
    Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่เริ่มปรากฏตัวตั้งแต่ปี 2022 โดยใช้วิธี SIM-swapping และ ransomware โจมตีบริษัทโทรคมนาคมและบันเทิง เช่น MGM Resorts และ Caesars Entertainment แต่ในปี 2025 พวกเขาขยายเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมค้าปลีก (Marks & Spencer, Harrods) และสายการบิน (Hawaiian, Qantas) สร้างความเสียหายหลายล้านดอลลาร์ เทคนิคที่ใช้ล่าสุดคือการหลอกพนักงาน help desk ด้วยข้อมูลส่วนตัวของผู้บริหาร เช่น วันเกิดและเลขประกันสังคม เพื่อรีเซ็ตอุปกรณ์และเข้าถึงบัญชีระดับสูง จากนั้นใช้สิทธิ์นั้นเจาะระบบ Entra ID (Azure AD), SharePoint, Horizon VDI และ VPN เพื่อควบคุมระบบทั้งหมด เมื่อถูกตรวจจับ กลุ่มนี้ไม่หนี แต่กลับโจมตีระบบอย่างเปิดเผย เช่น ลบกฎไฟร์วอลล์ของ Azure และปิด domain controller เพื่อขัดขวางการกู้คืนระบบ นักวิจัยจาก Rapid7 และ ReliaQuest พบว่า Scattered Spider: - ใช้เครื่องมือเช่น ngrok และ Teleport เพื่อสร้างช่องทางลับ - ใช้ IAM role enumeration และ EC2 Serial Console เพื่อเจาะระบบ AWS - ใช้บัญชีผู้ดูแลระบบที่ถูกแฮกเพื่อดึงข้อมูลจาก CyberArk password vault กว่า 1,400 รายการ แม้ Microsoft จะเข้ามาช่วยกู้คืนระบบได้ในที่สุด แต่เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของกลุ่มแฮกเกอร์ที่ผสมผสาน “การหลอกมนุษย์” กับ “การเจาะระบบเทคนิค” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Scattered Spider เริ่มโจมตีตั้งแต่ปี 2022 โดยใช้ SIM-swapping และ ransomware - ขยายเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมค้าปลีกและสายการบินในปี 2025 - ใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้บริหารเพื่อหลอก help desk และเข้าถึงบัญชีระดับสูง - เจาะระบบ Entra ID, SharePoint, Horizon VDI, VPN และ CyberArk - ใช้เครื่องมือเช่น ngrok, Teleport, EC2 Serial Console และ IAM role enumeration - ลบกฎไฟร์วอลล์ Azure และปิด domain controller เพื่อขัดขวางการกู้คืน - Microsoft ต้องเข้ามาช่วยกู้คืนระบบ - Rapid7 และ ReliaQuest แนะนำให้ใช้ MFA แบบต้าน phishing และจำกัดสิทธิ์ผู้ใช้งาน ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การหลอก help desk ด้วยข้อมูลส่วนตัวยังคงเป็นช่องโหว่ใหญ่ขององค์กร - บัญชีผู้บริหารมักมีสิทธิ์มากเกินไป ทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้ง่าย - การใช้เครื่องมือ legitimate เช่น Teleport อาจหลบการตรวจจับได้ - หากไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์และพฤติกรรมผู้ใช้อย่างสม่ำเสมอ องค์กรอาจไม่รู้ตัวว่าถูกแฮก - การพึ่งพา endpoint detection เพียงอย่างเดียวไม่สามารถป้องกันการเจาะระบบแบบนี้ได้ - องค์กรควรฝึกอบรมพนักงานเรื่อง social engineering และมีระบบตรวจสอบการรีเซ็ตบัญชีที่เข้มงวด https://www.csoonline.com/article/4020567/anatomy-of-a-scattered-spider-attack-a-growing-ransomware-threat-evolves.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Anatomy of a Scattered Spider attack: A growing ransomware threat evolves
    The cybercriminal group has broadened its attack scope across several new industries, bringing valid credentials to bear on help desks before leveraging its new learnings of cloud intrusion tradecraft to set the stage for ransomware.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วยกันฝันออกแบบรัฐธรรมนูญ โดยดำรงไว้ซึ่งหมวดพระมหากษัตริย์ และความมั่นคงแห่งชาติ

    ไม่ต้องมีพรรคการเมือง เป็นประชาธิปไตยแบบไทย

    หมวดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง:
    ----------------------------------
    1) เป็นผู้มี หรือเคยมีประวัติการเสียภาษี หรือมียอดรวมภาษีมูลค่าเพิ่มสะสม ปีละสามหมื่นบาทขึ้นไป
    2) มีอายุครบหรือเกิน 18 ปีบริบูรณ์
    3) เป็นผู้มีสัญชาติไทย ไม่มีสัญชาติอื่น


    หมวดผู้สมัคร สส. เลือกตั้ง:
    -----------------------------------------
    1) มีอายุเกิน 30 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 70ปีบริบูรณ์
    2) มีประวัติสร้างชื่อเสียง ระดับชาติ, ปราชญ์ชาวบ้าน, บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์เป็นหลักฐาน ติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 5ปีภาษี หรือสำเร็จการศึกษาขั้นต่ำปริญญาตรี จากสถาบันการศึกษาที่ กพ. รับรอง
    3) เป็นผู้ไม่มีประวัติประพฤติผิดจริยธรรม ทุจริตคอรัปชั่น บ่อนทำลายสังคม ศาสนา และแผ่นดิน ไม่ว่าศาลจะตัดสินหรือไม่ แต่วิญญูชนประจักษ์ได้


    หมวดผู้สมัคร นายกฯ รมต. เลือกตั้ง:
    ------------------------------------------------------
    1) มีคุณสมบัติเหมือน ผู้สมัคร สส.
    2) เป็นตำแหน่งหน้าที่แยกสมัครต่างจาก ผู้สมัคร สส. โดยผู้สมัครเลือกตั้ง หน้าที่ นายกฯ หรือ รมต. จะต้องเลือกสมัครในหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งเท่านั้น
    3) ผู้สมัคร มีหน้าที่แสดงวิสัยทัศน์ และแผนการดำเนินงานไม่ต่ำกว่า 10ข้อ ลงสื่อสารให้สามารถตรวจสอบ
    4) คะแนนมาจากทั่วประเทศ


    หมวด สว. ส่วนโควตา:
    1) ผู้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ, ปลัดกระทรวง, ตัวแทนศิลปินแห่งชาติทุกสาขา, อาจารย์ผู้มีผลงานวิจัยระดับชาติหรือระดับโลก, อดีตนักเรียนนักศึกษาที่เคยเข้าชิงแข่งขันทางการศึกษาระดับโลก เช่น แข่งขันคณิตศาสตร์ ชีววิทยา เคมี สิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เคยมี เกมส์, อดีตนักกีฬาทีมชาติไทยที่ผ่านสนามเอเชี่ยนเกมส์ขึ้นไป หลายๆ ประเภท
    2) มีอายุไม่เกิน 76ปีบริบูรณ์
    3) เป็นผู้ไม่มีประวัติประพฤติผิดจริยธรรม ทุจริตคอรัปชั่น บ่อนทำลายสังคม ศาสนา และแผ่นดิน ไม่ว่าศาลจะตัดสินหรือไม่ แต่วิญญูชนประจักษ์ได้
    4) ไม่เป็นผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อน กับ สส. นายกฯ หรือ รมต. เช่น เป็นคนในครอบครัว สามีภรรยา พ่อแม่ พี่น้องในสายเลือด, ไม่เป็นหุ้นส่วน


    ทุกผู้ที่ได้การคัดเลือก จะต้องมีความละอายชั่ว ศีลธรรม หากพบว่ากระทำผิด จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยทันทีไม่สามารถยืดเยื้อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

    ผู้ช่วย สส. รมต. จะมีได้ไม่เกินกี่คน รายชื่อผู้ช่วย ต้องประกาศ ให้สาธารณะตรวจสอบได้โดยสะดวก

    ช่วยกันฝันออกแบบรัฐธรรมนูญ โดยดำรงไว้ซึ่งหมวดพระมหากษัตริย์ และความมั่นคงแห่งชาติ ไม่ต้องมีพรรคการเมือง เป็นประชาธิปไตยแบบไทย หมวดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง: ---------------------------------- 1) เป็นผู้มี หรือเคยมีประวัติการเสียภาษี หรือมียอดรวมภาษีมูลค่าเพิ่มสะสม ปีละสามหมื่นบาทขึ้นไป 2) มีอายุครบหรือเกิน 18 ปีบริบูรณ์ 3) เป็นผู้มีสัญชาติไทย ไม่มีสัญชาติอื่น หมวดผู้สมัคร สส. เลือกตั้ง: ----------------------------------------- 1) มีอายุเกิน 30 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 70ปีบริบูรณ์ 2) มีประวัติสร้างชื่อเสียง ระดับชาติ, ปราชญ์ชาวบ้าน, บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์เป็นหลักฐาน ติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 5ปีภาษี หรือสำเร็จการศึกษาขั้นต่ำปริญญาตรี จากสถาบันการศึกษาที่ กพ. รับรอง 3) เป็นผู้ไม่มีประวัติประพฤติผิดจริยธรรม ทุจริตคอรัปชั่น บ่อนทำลายสังคม ศาสนา และแผ่นดิน ไม่ว่าศาลจะตัดสินหรือไม่ แต่วิญญูชนประจักษ์ได้ หมวดผู้สมัคร นายกฯ รมต. เลือกตั้ง: ------------------------------------------------------ 1) มีคุณสมบัติเหมือน ผู้สมัคร สส. 2) เป็นตำแหน่งหน้าที่แยกสมัครต่างจาก ผู้สมัคร สส. โดยผู้สมัครเลือกตั้ง หน้าที่ นายกฯ หรือ รมต. จะต้องเลือกสมัครในหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งเท่านั้น 3) ผู้สมัคร มีหน้าที่แสดงวิสัยทัศน์ และแผนการดำเนินงานไม่ต่ำกว่า 10ข้อ ลงสื่อสารให้สามารถตรวจสอบ 4) คะแนนมาจากทั่วประเทศ หมวด สว. ส่วนโควตา: 1) ผู้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ, ปลัดกระทรวง, ตัวแทนศิลปินแห่งชาติทุกสาขา, อาจารย์ผู้มีผลงานวิจัยระดับชาติหรือระดับโลก, อดีตนักเรียนนักศึกษาที่เคยเข้าชิงแข่งขันทางการศึกษาระดับโลก เช่น แข่งขันคณิตศาสตร์ ชีววิทยา เคมี สิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เคยมี เกมส์, อดีตนักกีฬาทีมชาติไทยที่ผ่านสนามเอเชี่ยนเกมส์ขึ้นไป หลายๆ ประเภท 2) มีอายุไม่เกิน 76ปีบริบูรณ์ 3) เป็นผู้ไม่มีประวัติประพฤติผิดจริยธรรม ทุจริตคอรัปชั่น บ่อนทำลายสังคม ศาสนา และแผ่นดิน ไม่ว่าศาลจะตัดสินหรือไม่ แต่วิญญูชนประจักษ์ได้ 4) ไม่เป็นผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อน กับ สส. นายกฯ หรือ รมต. เช่น เป็นคนในครอบครัว สามีภรรยา พ่อแม่ พี่น้องในสายเลือด, ไม่เป็นหุ้นส่วน ทุกผู้ที่ได้การคัดเลือก จะต้องมีความละอายชั่ว ศีลธรรม หากพบว่ากระทำผิด จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยทันทีไม่สามารถยืดเยื้อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ผู้ช่วย สส. รมต. จะมีได้ไม่เกินกี่คน รายชื่อผู้ช่วย ต้องประกาศ ให้สาธารณะตรวจสอบได้โดยสะดวก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากอิสราเอลใช้กำลังเข้าครอบครองพื้นที่ในกาซา ดินแดนบรรพบุรุษขของชาวปาเลสไตน์ได้เกินกว่า 80% ขณะนี้อิสราเอลได้มุ่งเป้าหมายไปในดินแดนในเขตเวสต์แบงก์

    อิสราเอลยื่นศาลสูงขออนุมัติการรื้อถอนหมู่บ้านของชาวปาเลสไตน์ 12 แห่ง ในพื้นที่ "มาซาเฟอร์ ยัตตา" เขตเฮบรอน (Hebron) ทางใต้ของเวสต์แบงก์ เพื่อขับไล่พลเมืองมากกว่า 1,200 คน ออกจากพื้นที่ โดยอ้างว่าต้องการใช้เป็นเขตซ้อมรบ แต่หลักฐานบ่งชี้ว่าไม่เคยมีการซ้อมรบอยา่างจริงจัง แต่รัฐบาลอิสราเอลปล่อยให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานยึดครองเพื่อทำเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและปศุสัตว์ป้อนสู่อิสราเอล ซึ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์ถูกตัดขาดจากพื้นที่เกษตรของพวกเขา ที่เป็นแหล่งรายได้หลัก

    AI Jazeera รายงานว่า นับตั้งแต่ปี 1967 อิสราเอลเปลี่ยนสถานะพื้นที่กว่า 1 ใน 3 ของเขตเวสต์แบงก์เป็นเขตทหาร แต่การตรวจสอบพบว่าร้อยละ 80 ของเขตเหล่านั้นไม่เคยมีการฝึกหรือซ้อมทางทหารเกิดขึ้นจริง สะท้อนถึงชาวปาเลสไตน์ที่กำลังเผชิญการสูญเสียดินแดนที่เป็นถิ่นฐานมรดกตกทอดหลายชั่วอายุคนของบรรพบุรุษพวกเขา
    หลังจากอิสราเอลใช้กำลังเข้าครอบครองพื้นที่ในกาซา ดินแดนบรรพบุรุษขของชาวปาเลสไตน์ได้เกินกว่า 80% ขณะนี้อิสราเอลได้มุ่งเป้าหมายไปในดินแดนในเขตเวสต์แบงก์ อิสราเอลยื่นศาลสูงขออนุมัติการรื้อถอนหมู่บ้านของชาวปาเลสไตน์ 12 แห่ง ในพื้นที่ "มาซาเฟอร์ ยัตตา" เขตเฮบรอน (Hebron) ทางใต้ของเวสต์แบงก์ เพื่อขับไล่พลเมืองมากกว่า 1,200 คน ออกจากพื้นที่ โดยอ้างว่าต้องการใช้เป็นเขตซ้อมรบ แต่หลักฐานบ่งชี้ว่าไม่เคยมีการซ้อมรบอยา่างจริงจัง แต่รัฐบาลอิสราเอลปล่อยให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานยึดครองเพื่อทำเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและปศุสัตว์ป้อนสู่อิสราเอล ซึ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์ถูกตัดขาดจากพื้นที่เกษตรของพวกเขา ที่เป็นแหล่งรายได้หลัก AI Jazeera รายงานว่า นับตั้งแต่ปี 1967 อิสราเอลเปลี่ยนสถานะพื้นที่กว่า 1 ใน 3 ของเขตเวสต์แบงก์เป็นเขตทหาร แต่การตรวจสอบพบว่าร้อยละ 80 ของเขตเหล่านั้นไม่เคยมีการฝึกหรือซ้อมทางทหารเกิดขึ้นจริง สะท้อนถึงชาวปาเลสไตน์ที่กำลังเผชิญการสูญเสียดินแดนที่เป็นถิ่นฐานมรดกตกทอดหลายชั่วอายุคนของบรรพบุรุษพวกเขา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.วัฒนธรรม กัมพูชา โร่ฟ้อง ยูเนสโก ตรวจสอบไทย สร้างวัดภูม่านฟ้า
    https://www.thai-tai.tv/news/20194/
    .
    #วัดภูม่านฟ้า #นครวัด #บุรีรัมย์ #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกโลก #วัฒนธรรมเขมร #สถาปัตยกรรมไทย #การต่างประเทศ #ประเด็นร้อน
    รมว.วัฒนธรรม กัมพูชา โร่ฟ้อง ยูเนสโก ตรวจสอบไทย สร้างวัดภูม่านฟ้า https://www.thai-tai.tv/news/20194/ . #วัดภูม่านฟ้า #นครวัด #บุรีรัมย์ #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกโลก #วัฒนธรรมเขมร #สถาปัตยกรรมไทย #การต่างประเทศ #ประเด็นร้อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • Outlook ล่มทั่วโลก – Microsoft เร่งแก้ไขหลังผู้ใช้เดือดร้อนหลายชั่วโมง

    ช่วงเย็นวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 ตามเวลา UTC ผู้ใช้ Outlook ทั่วโลกเริ่มรายงานปัญหาไม่สามารถเข้าถึงอีเมลได้ ไม่ว่าจะผ่านเว็บเบราว์เซอร์ แอปมือถือ หรือโปรแกรม Outlook บนเดสก์ท็อป โดยเฉพาะในช่วงเช้าของฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเวลาทำงาน ทำให้เกิดความวุ่นวายในการติดต่อสื่อสารขององค์กรและบุคคลทั่วไป

    Microsoft ยืนยันว่าปัญหาเกิดจากการตั้งค่าระบบ authentication ที่ผิดพลาด และได้เริ่ม deploy การแก้ไขแบบเร่งด่วนในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด พร้อมตรวจสอบการตั้งค่าคอนฟิกเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าระบบกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย

    แม้จะใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ในที่สุด Microsoft ก็ประกาศว่าได้แก้ไขปัญหาในโครงสร้างพื้นฐานเป้าหมายแล้ว และกำลังขยายการ deploy ไปยังผู้ใช้ทั่วโลก โดยผู้ดูแลระบบสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากรหัสเหตุการณ์ EX1112414 ใน Microsoft 365 Admin Center

    https://www.techradar.com/pro/live/outlook-down-microsoft-email-platform-apparently-suffering-major-outage-heres-what-we-know
    Outlook ล่มทั่วโลก – Microsoft เร่งแก้ไขหลังผู้ใช้เดือดร้อนหลายชั่วโมง ช่วงเย็นวันที่ 10 กรกฎาคม 2025 ตามเวลา UTC ผู้ใช้ Outlook ทั่วโลกเริ่มรายงานปัญหาไม่สามารถเข้าถึงอีเมลได้ ไม่ว่าจะผ่านเว็บเบราว์เซอร์ แอปมือถือ หรือโปรแกรม Outlook บนเดสก์ท็อป โดยเฉพาะในช่วงเช้าของฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเวลาทำงาน ทำให้เกิดความวุ่นวายในการติดต่อสื่อสารขององค์กรและบุคคลทั่วไป Microsoft ยืนยันว่าปัญหาเกิดจากการตั้งค่าระบบ authentication ที่ผิดพลาด และได้เริ่ม deploy การแก้ไขแบบเร่งด่วนในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด พร้อมตรวจสอบการตั้งค่าคอนฟิกเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าระบบกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย แม้จะใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ในที่สุด Microsoft ก็ประกาศว่าได้แก้ไขปัญหาในโครงสร้างพื้นฐานเป้าหมายแล้ว และกำลังขยายการ deploy ไปยังผู้ใช้ทั่วโลก โดยผู้ดูแลระบบสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากรหัสเหตุการณ์ EX1112414 ใน Microsoft 365 Admin Center https://www.techradar.com/pro/live/outlook-down-microsoft-email-platform-apparently-suffering-major-outage-heres-what-we-know
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนขยายเบราว์เซอร์แอบใช้เครื่องคุณขุดข้อมูล – เกือบล้านคนตกเป็นเหยื่อ

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Security Annex พบว่า มีส่วนขยายเบราว์เซอร์กว่า 245 รายการที่ถูกติดตั้งในอุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งนอกจากทำหน้าที่ตามที่โฆษณาไว้ เช่น จัดการ bookmarks หรือเพิ่มเสียงลำโพงแล้ว ยังแอบฝัง JavaScript library ชื่อว่า MellowTel-js

    MellowTel-js เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ AWS ภายนอกเพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้ เช่น ตำแหน่ง, แบนด์วิดท์, และสถานะเบราว์เซอร์ จากนั้นจะฝัง iframe ลับในหน้าเว็บที่ผู้ใช้เปิด และโหลดเว็บไซต์อื่นตามคำสั่งจากระบบของ MellowTel

    เป้าหมายคือการใช้เครื่องของผู้ใช้เป็น “บ็อตขุดข้อมูล” (web scraping bot) ให้กับบริษัท Olostep ซึ่งให้บริการ scraping API แบบความเร็วสูง โดยสามารถส่งคำขอได้ถึง 100,000 ครั้งพร้อมกัน โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลย

    แม้ผู้ก่อตั้ง MellowTel จะอ้างว่าไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัว และไม่ได้ฝังโฆษณาหรือลิงก์พันธมิตร แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่าโครงสร้างนี้ “เสี่ยงต่อการถูกใช้ในทางที่ผิด” โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ VPN หรือเครือข่ายภายใน

    บางส่วนขยายถูกลบออกหรืออัปเดตให้ปลอดภัยแล้ว แต่หลายรายการยังคงใช้งานอยู่ และผู้ใช้ควรตรวจสอบรายชื่อส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบทันที

    ข้อมูลจากข่าว
    - พบส่วนขยายเบราว์เซอร์ 245 รายการที่ฝัง MellowTel-js และติดตั้งในอุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่อง
    - ส่วนขยายเหล่านี้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ AWS เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้และฝัง iframe ลับ
    - ใช้เครื่องของผู้ใช้เป็นบ็อตสำหรับ web scraping โดยบริษัท Olostep
    - Olostep ให้บริการ scraping API ที่สามารถส่งคำขอได้ถึง 100,000 ครั้งพร้อมกัน
    - ผู้พัฒนา extension ได้รับส่วนแบ่งรายได้ 55% จากการใช้งาน scraping
    - บางส่วนขยายถูกลบหรืออัปเดตแล้ว แต่หลายรายการยังคงใช้งานอยู่

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - ส่วนขยายที่ดูปลอดภัยอาจแอบใช้เครื่องของคุณเป็นบ็อตโดยไม่รู้ตัว
    - การฝัง iframe และลบ security headers อาจทำให้เบราว์เซอร์เสี่ยงต่อการโจมตี
    - หากใช้งานในองค์กร อาจเปิดช่องให้เข้าถึงทรัพยากรภายในหรือปลอมแปลงทราฟฟิก
    - การแชร์แบนด์วิดท์โดยไม่รู้ตัวอาจกระทบต่อความเร็วอินเทอร์เน็ตและความปลอดภัย
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบรายชื่อส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบ และลบออกทันทีหากพบ
    - องค์กรควรมีนโยบายควบคุมการติดตั้งส่วนขยายในเบราว์เซอร์ของพนักงาน

    https://www.techradar.com/pro/security/nearly-a-million-browsers-affected-by-more-malicious-browser-extensions
    ส่วนขยายเบราว์เซอร์แอบใช้เครื่องคุณขุดข้อมูล – เกือบล้านคนตกเป็นเหยื่อ นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Security Annex พบว่า มีส่วนขยายเบราว์เซอร์กว่า 245 รายการที่ถูกติดตั้งในอุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งนอกจากทำหน้าที่ตามที่โฆษณาไว้ เช่น จัดการ bookmarks หรือเพิ่มเสียงลำโพงแล้ว ยังแอบฝัง JavaScript library ชื่อว่า MellowTel-js MellowTel-js เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ AWS ภายนอกเพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้ เช่น ตำแหน่ง, แบนด์วิดท์, และสถานะเบราว์เซอร์ จากนั้นจะฝัง iframe ลับในหน้าเว็บที่ผู้ใช้เปิด และโหลดเว็บไซต์อื่นตามคำสั่งจากระบบของ MellowTel เป้าหมายคือการใช้เครื่องของผู้ใช้เป็น “บ็อตขุดข้อมูล” (web scraping bot) ให้กับบริษัท Olostep ซึ่งให้บริการ scraping API แบบความเร็วสูง โดยสามารถส่งคำขอได้ถึง 100,000 ครั้งพร้อมกัน โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวเลย แม้ผู้ก่อตั้ง MellowTel จะอ้างว่าไม่ได้เก็บข้อมูลส่วนตัว และไม่ได้ฝังโฆษณาหรือลิงก์พันธมิตร แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่าโครงสร้างนี้ “เสี่ยงต่อการถูกใช้ในทางที่ผิด” โดยเฉพาะในองค์กรที่ใช้ VPN หรือเครือข่ายภายใน บางส่วนขยายถูกลบออกหรืออัปเดตให้ปลอดภัยแล้ว แต่หลายรายการยังคงใช้งานอยู่ และผู้ใช้ควรตรวจสอบรายชื่อส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบทันที ✅ ข้อมูลจากข่าว - พบส่วนขยายเบราว์เซอร์ 245 รายการที่ฝัง MellowTel-js และติดตั้งในอุปกรณ์เกือบ 1 ล้านเครื่อง - ส่วนขยายเหล่านี้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ AWS เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้และฝัง iframe ลับ - ใช้เครื่องของผู้ใช้เป็นบ็อตสำหรับ web scraping โดยบริษัท Olostep - Olostep ให้บริการ scraping API ที่สามารถส่งคำขอได้ถึง 100,000 ครั้งพร้อมกัน - ผู้พัฒนา extension ได้รับส่วนแบ่งรายได้ 55% จากการใช้งาน scraping - บางส่วนขยายถูกลบหรืออัปเดตแล้ว แต่หลายรายการยังคงใช้งานอยู่ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - ส่วนขยายที่ดูปลอดภัยอาจแอบใช้เครื่องของคุณเป็นบ็อตโดยไม่รู้ตัว - การฝัง iframe และลบ security headers อาจทำให้เบราว์เซอร์เสี่ยงต่อการโจมตี - หากใช้งานในองค์กร อาจเปิดช่องให้เข้าถึงทรัพยากรภายในหรือปลอมแปลงทราฟฟิก - การแชร์แบนด์วิดท์โดยไม่รู้ตัวอาจกระทบต่อความเร็วอินเทอร์เน็ตและความปลอดภัย - ผู้ใช้ควรตรวจสอบรายชื่อส่วนขยายที่ได้รับผลกระทบ และลบออกทันทีหากพบ - องค์กรควรมีนโยบายควบคุมการติดตั้งส่วนขยายในเบราว์เซอร์ของพนักงาน https://www.techradar.com/pro/security/nearly-a-million-browsers-affected-by-more-malicious-browser-extensions
    WWW.TECHRADAR.COM
    Nearly a million browsers affected by more malicious browser extensions - here's what we know
    Hundreds of extensions were found, putting almost a million people at risk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts