• 34 ปี ตรวจสอบทรัพย์สิน "10 รัฐมนตรี" จากยึดทรัพย์สู่พฤษภาทมิฬ! ศาลฎีกาสั่งเพิกถอน... คำสั่งยึดทรัพย์

    📌 ย้อนรอยประวัติศาสตร์การเมืองไทยเมื่อ 34 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ได้ออกคำสั่งจัดตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน (คตส.) ภายใต้การนำของ พลเอกสิทธิ จิรโรจน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีเป้าหมาย เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินของนักการเมือง ในรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ว่ามีการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่

    🚨 ผลจากการตรวจสอบ รสช. ได้มีคำสั่ง ยึดทรัพย์รัฐมนตรี 10 ราย ซึ่งกลายเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่เชื่อมโยงไปสู่ความไม่พอใจ ของประชาชน จนกระทั่งนำไปสู่ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และการฟ้องร้องในศาลฎีกา ในเวลาต่อมา

    🔍 การตรวจสอบทรัพย์สินนักการเมือง ในปี 2534
    📅 เหตุการณ์สำคัญ
    วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 รสช. ก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
    วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2534 รสช. แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน (คตส.) โดย คตส. ตรวจสอบนักการเมือง 25 ราย และมีคำสั่ง ยึดทรัพย์ 10 ราย

    🏛️ รายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกยึดทรัพย์
    1️⃣ นายเสนาะ เทียนทอง 62.7 ล้านบาท
    2️⃣ นายมนตรี พงษ์พานิช
    3️⃣ นายบรรหาร ศิลปอาชา
    4️⃣ นายณรงค์ วงศ์วรรณ
    5️⃣ พล.ต.ท. วิโรจน์ เปาอินทร์
    6️⃣ นายสุธี อากาศฤกษ์
    7️⃣ พล.อ. เหรียญ ดิษฐบรรจง
    8️⃣ นายชัยเชต สุนทรพิพิธ
    9️⃣ นายอำนวย วงศ์วิเชียร
    🔟 นายไพศาล กุมาลย์วิสัย

    💬 แม้ว่านักการเมืองบางราย จะพยายามต่อสู้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ แต่กระบวนการยึดทรัพย์ ก็สร้าง ผลกระทบต่อชื่อเสียง และภาพลักษณ์เป็นอย่างมาก

    🏛️ คำให้การจากป๋าเหนาะ "เสนาะ เทียนทอง" หนึ่งในผู้ถูกยึดทรัพย์
    📌 ป๋าเหนาะเป็นหนึ่งในนักการเมือง ที่ถูกยึดทรัพย์ 62.7 ล้านบาท เจ้าตัวเล่าว่าไม่ได้พยายาม "วิ่งเต้น" เพื่อให้พ้นข้อกล่าวหา และเลือกที่จะต่อสู้ตามกระบวนการ

    🗣️ “ตอนนั้นผมมีเงินแค่ 30 ล้าน และเป็นเงินเก่าของผมเอง ไม่ได้ร่ำรวยผิดปกติ”

    🗣️ “แม้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี แต่ผมไม่ได้เซ็นหนังสืออะไรเลย เพราะผมมองว่ารัฐบาลนี้ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง”

    ⚖️ จากการยึดทรัพย์ สู่ พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535
    🔥 เหตุการณ์บานปลาย จากความไม่พอใจของประชาชน ต่อรัฐบาล พลเอกสุจินดา คราประยูร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำ รสช.

    📌 เหตุการณ์สำคัญ:
    เมษายน 2535 รัฐบาลประกาศให้ พลเอกสุจินดา เป็นนายกรัฐมนตรี
    17 พฤษภาคม 2535 ประชาชนเดินขบวนต่อต้าน เกิดการสลายการชุมนุมรุนแรง
    พฤษภาทมิฬ 2535 มีผู้เสียชีวิต และสูญหายจำนวนมาก

    🎤 พลเอก สุจินดา ออกมาประกาศ "ยอมเสียสัตย์เพื่อชาติ" และลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

    ⚖️ ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนคำสั่งยึดทรัพย์ พ.ศ. 2536
    📌 หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ นักการเมืองที่ถูกยึดทรัพย์ ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกา เพื่อให้พิจารณาว่าคำสั่งของ รสช. และ คตส. เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่

    ⚖️ วันที่ 26 มีนาคม 2536 ศาลฎีกาตัดสินว่า
    ✅ คำสั่งยึดทรัพย์ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    ✅ ให้ เพิกถอนคำสั่งยึดทรัพย์ และคืนทรัพย์สินทั้งหมด ให้กับผู้ถูกกล่าวหา

    📌 ผลกระทบของคำตัดสิน สะท้อนให้เห็นถึงการใช้อำนาจของ รสช. ที่อาจเกินขอบเขต ทำให้รัฐประหาร และการใช้อำนาจยึดทรัพย์ กลายเป็นข้อถกเถียงทางกฎหมาย และสิทธิประชาชน

    🔎 บทเรียนจากอดีต สู่อนาคตการเมืองไทย
    📢 3 ประเด็นที่ต้องเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้
    1️⃣ "อำนาจ" ต้องมาพร้อม "ความชอบธรรม" การใช้กฎหมายตรวจสอบนักการเมือง เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องโปร่งใสและยุติธรรม

    2️⃣ ประชาชนคือพลังขับเคลื่อนประชาธิปไตย การลุกขึ้นต่อต้าน ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ สะท้อนพลังของประชาชน ในการปกป้องสิทธิของตนเอง

    3️⃣ การเมืองไทยต้องก้าวข้ามวังวนอำนาจ หากการเมืองไทยยังคงมีการรัฐประหาร และใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ก็อาจนำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคตอีกครั้ง

    📌 34 ปี แห่งบทเรียนทางการเมืองไทย
    📍 การตรวจสอบทรัพย์สินในปี 2534 เป็นจุดเริ่มต้นของ "เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ" และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ครั้งสำคัญ
    📍 แม้สุดท้ายศาลฎีกา จะสั่งเพิกถอนคำสั่งยึดทรัพย์ แต่บทเรียนจากอดีต ยังคงส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน
    📍 ประชาชนต้องตื่นตัว และตรวจสอบอำนาจรัฐเสมอ เพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251309 ก.พ. 2568

    🔗 #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #พฤษภาทมิฬ #รัฐประหาร2534 #ตรวจสอบทรัพย์สิน #เสนาะเทียนทอง #ยึดทรัพย์รัฐมนตรี #ศาลฎีกา #ประชาธิปไตยไทย #รสช #สุจินดาคราประยูร
    34 ปี ตรวจสอบทรัพย์สิน "10 รัฐมนตรี" จากยึดทรัพย์สู่พฤษภาทมิฬ! ศาลฎีกาสั่งเพิกถอน... คำสั่งยึดทรัพย์ 📌 ย้อนรอยประวัติศาสตร์การเมืองไทยเมื่อ 34 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ได้ออกคำสั่งจัดตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน (คตส.) ภายใต้การนำของ พลเอกสิทธิ จิรโรจน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีเป้าหมาย เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินของนักการเมือง ในรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ว่ามีการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ 🚨 ผลจากการตรวจสอบ รสช. ได้มีคำสั่ง ยึดทรัพย์รัฐมนตรี 10 ราย ซึ่งกลายเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่เชื่อมโยงไปสู่ความไม่พอใจ ของประชาชน จนกระทั่งนำไปสู่ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และการฟ้องร้องในศาลฎีกา ในเวลาต่อมา 🔍 การตรวจสอบทรัพย์สินนักการเมือง ในปี 2534 📅 เหตุการณ์สำคัญ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 รสช. ก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2534 รสช. แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน (คตส.) โดย คตส. ตรวจสอบนักการเมือง 25 ราย และมีคำสั่ง ยึดทรัพย์ 10 ราย 🏛️ รายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกยึดทรัพย์ 1️⃣ นายเสนาะ เทียนทอง 62.7 ล้านบาท 2️⃣ นายมนตรี พงษ์พานิช 3️⃣ นายบรรหาร ศิลปอาชา 4️⃣ นายณรงค์ วงศ์วรรณ 5️⃣ พล.ต.ท. วิโรจน์ เปาอินทร์ 6️⃣ นายสุธี อากาศฤกษ์ 7️⃣ พล.อ. เหรียญ ดิษฐบรรจง 8️⃣ นายชัยเชต สุนทรพิพิธ 9️⃣ นายอำนวย วงศ์วิเชียร 🔟 นายไพศาล กุมาลย์วิสัย 💬 แม้ว่านักการเมืองบางราย จะพยายามต่อสู้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ แต่กระบวนการยึดทรัพย์ ก็สร้าง ผลกระทบต่อชื่อเสียง และภาพลักษณ์เป็นอย่างมาก 🏛️ คำให้การจากป๋าเหนาะ "เสนาะ เทียนทอง" หนึ่งในผู้ถูกยึดทรัพย์ 📌 ป๋าเหนาะเป็นหนึ่งในนักการเมือง ที่ถูกยึดทรัพย์ 62.7 ล้านบาท เจ้าตัวเล่าว่าไม่ได้พยายาม "วิ่งเต้น" เพื่อให้พ้นข้อกล่าวหา และเลือกที่จะต่อสู้ตามกระบวนการ 🗣️ “ตอนนั้นผมมีเงินแค่ 30 ล้าน และเป็นเงินเก่าของผมเอง ไม่ได้ร่ำรวยผิดปกติ” 🗣️ “แม้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี แต่ผมไม่ได้เซ็นหนังสืออะไรเลย เพราะผมมองว่ารัฐบาลนี้ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง” ⚖️ จากการยึดทรัพย์ สู่ พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 🔥 เหตุการณ์บานปลาย จากความไม่พอใจของประชาชน ต่อรัฐบาล พลเอกสุจินดา คราประยูร ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำ รสช. 📌 เหตุการณ์สำคัญ: เมษายน 2535 รัฐบาลประกาศให้ พลเอกสุจินดา เป็นนายกรัฐมนตรี 17 พฤษภาคม 2535 ประชาชนเดินขบวนต่อต้าน เกิดการสลายการชุมนุมรุนแรง พฤษภาทมิฬ 2535 มีผู้เสียชีวิต และสูญหายจำนวนมาก 🎤 พลเอก สุจินดา ออกมาประกาศ "ยอมเสียสัตย์เพื่อชาติ" และลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ⚖️ ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนคำสั่งยึดทรัพย์ พ.ศ. 2536 📌 หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ นักการเมืองที่ถูกยึดทรัพย์ ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกา เพื่อให้พิจารณาว่าคำสั่งของ รสช. และ คตส. เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ⚖️ วันที่ 26 มีนาคม 2536 ศาลฎีกาตัดสินว่า ✅ คำสั่งยึดทรัพย์ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ✅ ให้ เพิกถอนคำสั่งยึดทรัพย์ และคืนทรัพย์สินทั้งหมด ให้กับผู้ถูกกล่าวหา 📌 ผลกระทบของคำตัดสิน สะท้อนให้เห็นถึงการใช้อำนาจของ รสช. ที่อาจเกินขอบเขต ทำให้รัฐประหาร และการใช้อำนาจยึดทรัพย์ กลายเป็นข้อถกเถียงทางกฎหมาย และสิทธิประชาชน 🔎 บทเรียนจากอดีต สู่อนาคตการเมืองไทย 📢 3 ประเด็นที่ต้องเรียนรู้จากเหตุการณ์นี้ 1️⃣ "อำนาจ" ต้องมาพร้อม "ความชอบธรรม" การใช้กฎหมายตรวจสอบนักการเมือง เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องโปร่งใสและยุติธรรม 2️⃣ ประชาชนคือพลังขับเคลื่อนประชาธิปไตย การลุกขึ้นต่อต้าน ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ สะท้อนพลังของประชาชน ในการปกป้องสิทธิของตนเอง 3️⃣ การเมืองไทยต้องก้าวข้ามวังวนอำนาจ หากการเมืองไทยยังคงมีการรัฐประหาร และใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ก็อาจนำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคตอีกครั้ง 📌 34 ปี แห่งบทเรียนทางการเมืองไทย 📍 การตรวจสอบทรัพย์สินในปี 2534 เป็นจุดเริ่มต้นของ "เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ" และการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ครั้งสำคัญ 📍 แม้สุดท้ายศาลฎีกา จะสั่งเพิกถอนคำสั่งยึดทรัพย์ แต่บทเรียนจากอดีต ยังคงส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน 📍 ประชาชนต้องตื่นตัว และตรวจสอบอำนาจรัฐเสมอ เพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251309 ก.พ. 2568 🔗 #ประวัติศาสตร์การเมืองไทย #พฤษภาทมิฬ #รัฐประหาร2534 #ตรวจสอบทรัพย์สิน #เสนาะเทียนทอง #ยึดทรัพย์รัฐมนตรี #ศาลฎีกา #ประชาธิปไตยไทย #รสช #สุจินดาคราประยูร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10/1/68

    รวย..อย่างชินวัตร
    ตอน ๑ : “รวยลับๆร่อๆ”
    แก้วสรร อติโพธิ

    ถาม มาดามแพ ผู้เป็นนายกฯ ทำมาหากินอะไร พอแจ้งทรัพย์สินแล้ว พบว่ารวยถึง ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท
    ตอบ ทรัพย์สินกองนี้ ในฐานะที่เคยตรวจสอบทรัพย์สินเมื่อครั้งเป็น คตส.มาก่อน ผมพบว่าที่น่าสนใจเป็นกองแรกเลยคือ หนี้สินกว่า ๔,๐๐๐ ล้านบาท ที่ปรากฏตัวเจ้าหนี้เป็น คนในครอบครัวชินวัตร แทบทั้งนั้น จึงต้องตรวจสอบต่อไปให้ชัดว่ามาจากการซุกหุ้ น เหมือนคราวทักษิณซุกหุ้ นชินคอร์ป แล้ว
    ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี ๒๕๔๔ หรือไม่
    ถาม ซุกหุ้นคราวขึ้นเป็น นายกฯ นั้น ทักษิณเขาทำอย่างไร

    ตอบ เขาทำเป็นขายหุ้นชินคอร์ปที่ชินวัตรถืออยู่ ๔๙.๖ % ให้ลูกและน้องสาวจนหมด ราคาตลาดหุ้นละ ๑๕๐ บาท แต่ขายให้ในราคาทุน ๑๐ บาท ผู้ซื้อก็ทำหลักฐานว่าไม่มีตังค์ ต้องกู้นเงินผู้ขายมาให้

    ผู้ขาย จากนั้นผู้ซื้อก็เปิดบัญชีรับเงินปันผลขึ้นมาโดยเฉพาะ เงินเข้าเมื่อใดก็ส่งให้ผู้ขายหมด
    อ้างว่าเป็นการผ่อนชำระค่าหุ้น ผ่อนไปทุกปีจนท่วมยอดเงินกู้ เลย ภาพทางบัญชีอย่างนี้ คุณ
    เชื่อว่ามีการซื้อขายหุ้ นจริงไหม

    ถาม ไม่เชื่อครับ มันเป็นแค่การเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นชินคอร์ปในหมู่ชินวัตร เพื่อให้หัวหน้าครอบครัวขึ้นเป็นนายกฯ โดยไม่ผิดกฎหมายเพราะไม่มีชื่อถือหุ้นสัมปทานอีกต่อไปเท่านั้น

    ตอบ ในสภาพซุกหุ้นกันอย่างนี้ คุณว่าถ้าลูกทักษิณ ขึ้นเป็นนายกฯ เขาจะต้องแจ้ งทรัพย์สินอย่างไร
    ถาม แจ้งว่าถือหุ้นชินคอร์ป ขณะเดียวกันก็เป็นลูกหนี้เงินกู้ จากพ่อด้วย

    ตอบ ถูกต้องครับ แจ้งเมื่อไหร่ภาพเด็กรวยเละ ที่ขึ้นเป็น นายกฯ ก็จะปรากฏให้งงกันทั้งประเทศว่ารวยได้อย่างไรกันในที่สุดถ้าชินวัตรยังรวยแบบลับๆร่อๆอยู่จนทุกวันนี้ จริงอย่างที่ผมสงสัย ยอดหนี้สิน ๔,๐๐๐ ล้าน ในบัญชีทรัพย์สินวันนี้ของ มาดามแพ ที่ปรากฏเคียงข้างคู่กับยอดเงินลงทุนกว่า ๑๐,๐๐๐ ล้าน จึงน่าสงสัยมากๆ ว่าทรัพย์สินสองยอดนี้แท้ที่จริงแล้ว มาจากพฤติการณ์ที่มาดามแพถูกชินวัตรใช้ชื่อ

    ซุกหุ้นเป็นหมื่นล้านก็เป็นได้คุณว่าใช่หรือไม่
    ถาม ถ้าเป็นอย่างนี้ แท้จริงแล้วเธอก็ไม่ได้ เป็นเจ้าของสินทรัพย์ หรือ เป็นลูกหนี้ใครเลยก็ได้ปปช.มีอำนาจตรวจสอบไหมครับว่า บัญชีนี้จริงเท็จหรือไม่ ประการใด

    ตอบ ต้องตรวจหมดทุกกรณี ว่าได้หุ้นแต่ละก้อนมาอย่างไรจากใคร เอาเงินที่ไหนมาซื้อ ใช่เงินกู้ กู้อนนี้หรือไม่ คนให้กู้คือคนที่ขายหุ้นให้ ใช่หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ ซตพ.ว่าซุกหุ้นแน่นอน


    ถาม มาดามแพ ยังมีชื่อถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์อยู่หรือไม่ครับ
    ตอบ ทราบข่าวว่าขายไปแล้ว ต้องสอบว่าคนซื้อเป็น นอมินีหรือเปล่า หุ้นอัลไพน์นี้โดนชินวัตรฟอกมาตลอด ตอนแรกเมื่อซื้อจากนายเสนาะ ก็ใช้ชื่อคนใช้คนขับรถ ถือหุ้นก่อน หลังเกิดคดีซุกหุ้นชิน คอร์ป และลูกบรรลุนิติภาวะ ถึงเปลี่ยนมาเป็นชื่อมาดามแพ แล้วเปลี่ยนไปอีกเมื่อมาดามโผล่มาเล่นการเมืองในที่สุด
    ถาม นอกจากหุ้นชินคอร์ป หุ้นอัลไพน์แล้ว มีหุ้นอื่นอีกไหมครับ

    ตอบ ก็มีหุ้นธนาคารทหารไทยอีกก้อน ที่พอธนาคารซวดเซในปี ๒๕๔๕ จนกระทรวงการคลังต้องวางแผนอัดเงินเพิ่มให้หมื่นล้าน โดยจะให้ควบรวมกับไอเอฟซีทีด้วย แต่ปรากฏว่าก่อนจะลงมือจริง ก็มีการนำเงินปันผลชินคอร์ปของชินวัตร ๔๐๐ ล้านบาท ที่อยู่ในบัญชีธนาคารของโอ๊ค ไปช้อนซื้อหุ้นธนาคารทหารไทยขนานใหญ่ ในชื่อโอ๊คเสียก่อน จากนั้นพอ กระทรวงคลังอัดเงินและ
    ควบรวมแล้ว ราคาหุ้นก็พุ่งสูงลิ่ว แต่ครั้นผลการประเมินภายใน พบว่าผลประกอบการธนาคารไม่กระเตื้อง ชินวัตรก็ออกตัวเร่งทะยอยขายหุ้นธนาคารทหารไทยของชินวัตรในชื่อโอ๊คจนหมด พอหุ้นร่วง แมงเม่าปีกไหม้หมด ก็มีแต่ชินวัตรกำไรอยู่เจ้าเดียวรวม ๗๐ ล้านบาท

    ถาม เห็นตอนควบไอเอฟซีที ก็มีการขายตึกไอเอฟซีที ให้คุณหญิงชินวัตร ด้วยใช่ไหมครับ

    ตอบ ครับ เขาซื้อไปในราคา ๔๒๐ ล้านบาท ต่ำกว่าตลาด ๑๐๐ ล้าน แล้วเอามาให้พรรคชินวัตร ชื่อไทยรักไทยเช่าอยู่จนทุกวันนี้

    ถาม ทราบว่าตอนขายหุ้นชินคอร์ปยกล๊อต ให้เทมาเส็คเมื่อปี ๒๕๔๙ นั้น ก็รวยลับๆร่อๆ กันอีกหรือครับ

    ตอบ ชินวัตรเขาไปจดทะเบียนตั้งบริษัทที่เกาะฟอกเงินชื่อ บริติชเวอร์จิ้น ตั้งเป็นบริษัทชื่อ “วินมาร์ค” คอยเล่นหุ้นไทยอยู่ต่างประเทศผ่านธนาคารสิงค์โปร์ มาตลอด มาในปลายปี ๒๕๔๘ เมื่อให้ สส.ข้าทาสในสภาแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นโทรคมนาคมได้ ๔๙% จนทักษิณเจรจาตกลงเป็นการลับขายหุ้นยกล้อตให้เทมาเส็ค ในราคาหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาท

    จะได้เงินขายหุ้นโดยเปิดเผยกว่า ๗.๓ หมื่นล้านแล้ว ถึงตรงมกราคม ๒๕๔๙ นี้ ก็มีการลงมือรวย ลับๆร่อๆอีก จนได้เงินไปเฉยๆอีกก้อนหนึ่ง เป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท
    ถาม เขาทำอย่างไรครับ

    ตอบ ตามกฎหมายนั้น เมื่อเทมาเส็คซื้อหุ้นก้อนใหญ่ จนหุ้นเปลี่ยนมือถึง ๔๙% อย่างนี้ ก็หุ้นชินคอร์ปจากผู้ถือหุ้นทั่วไป ในราคาที่ซื้อจากชินวัตร คือหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาทด้วย แต่เมื่อชินวัตรทราบล่วงหน้า ก็เลยให้วินมาร์ค กว้านซื้อหุ้ นชินคอร์ป เข้าบัญชีธนาคารในสิงค์โปร์ก่อนเป็นการใหญ่ ในราคาตลาดขณะนั้น ที่หุ้นละ ๓๙ บาท กว้านอยู่ ๑ เดือน จนถือหุ้นชินคอร์ปในมือได้ ๑๑๔ ล้านหุ้น พอประกาศซื้อขายและเปิดรับซื้อ เขาก็เอาหุ้ นที่กวาดไว้ ล่วงหน้ามาขายได้เงินที่รวยลับๆร่อๆ ฉกฉวยเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยไป รวมเป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ในที่สุด

    ถาม เห็นทักษิณเขาคุยที่เวทีเชียงรายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า ก่อนมาเล่นการเมืองเขาก็รวยที่สุดในประเทศไทย มีสินทรัพย์กว่า ๖ หมื่นล้านอยู่แล้ว
    ตอบ เมื่อขึ้นเป็นรองนายกฯในรัฐบาล พลเอก ชวลิต เมื่อ ปี ๒๕๔๐ ผมเห็นเขาแจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ ๔ หมื่นล้านบาท นี่แสดงว่าเงินพร่องไป ๒ หมื่นบาทเลยเชียวหรือ
    ถาม อาจลดลง เพราะซุกหุ้นชินคอร์ปไว้ กับคนรถ คนใช้แล้วก็ได้

    ตอบ เอาเถอะครับ เขาจะรวยมาก่อน รวยอย่างไร เห็นเขาลือกันว่ารวยมาจากคราวลดค่าเงินบาทก็ได้
    จริงเท็จ ผมไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ หลังตั้งพรรคลงเล่นการเมืองแล้ว เขาไม่ได้จนลงอย่างที่พูดเลย ก็
    แล้วกันครับ มันมีทั้งรวยโดยเปิดเผยและลับๆร่อๆ มาวันนี้ก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างลับๆร่อๆอีก

    ถาม หมายความว่า นอกจากซุกหุ้นแล้ว มาวันนี้ทักษิณเขายังซุกตำแหน่งนายกฯ ไว้ ในชื่อลูกด้วยอย่างนั้นหรือ มีประเทศไหนที่ผู้นำเป็นนายกฯโดยปกปิดชื่อไว้ ครับ

    ตอบ มีประเทศไทยนี่แหละครับ นี่ผมก็รอดูผลสอบของ กกต.อยู่ทุกวันนะครับว่า ข้อหาทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทยนี่ เขาสอบสวนกันไปถึงไหนแล้ว
    ถาม กกต.นี่น่าจะย่อมาจาก “กูกลอกตา ” ไม่รู้ไม่เห็นซะดีกว่า ไม่ไหวเลยทำงานกันช้าเหลือเกินครับ

    แล้ววนี่บ้านเมืองจะไปทางไหนได้มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี คนมีอำนาจก็ไม่ต้องรับผิดชอบ คนรับผิดชอบก็ไม่มีอำนาจ ให้สัมภาษณ์ทีไรก็เป็นเช่นสโนว์ไวท์ ต้องให้ พี่เลี้ยงทั้ง ๗ ยืนลุ้นตาลุกโพลงคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา มาวันนี้ สโนว์ไวท์ปลาสติกนี้ก็ยังรวยลับๆร่อๆอีก

    ตอบ คุณรออ่าน “รวย..อย่างชินวัตร” ตอน ๒ : “ รวย โดยมิชอบ” กับ ตอน ๓ : “ รวยจนบ้านเมือง ชิบหาย” ก็แล้วกันครับ
    10/1/68 รวย..อย่างชินวัตร ตอน ๑ : “รวยลับๆร่อๆ” แก้วสรร อติโพธิ ถาม มาดามแพ ผู้เป็นนายกฯ ทำมาหากินอะไร พอแจ้งทรัพย์สินแล้ว พบว่ารวยถึง ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท ตอบ ทรัพย์สินกองนี้ ในฐานะที่เคยตรวจสอบทรัพย์สินเมื่อครั้งเป็น คตส.มาก่อน ผมพบว่าที่น่าสนใจเป็นกองแรกเลยคือ หนี้สินกว่า ๔,๐๐๐ ล้านบาท ที่ปรากฏตัวเจ้าหนี้เป็น คนในครอบครัวชินวัตร แทบทั้งนั้น จึงต้องตรวจสอบต่อไปให้ชัดว่ามาจากการซุกหุ้ น เหมือนคราวทักษิณซุกหุ้ นชินคอร์ป แล้ว ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี ๒๕๔๔ หรือไม่ ถาม ซุกหุ้นคราวขึ้นเป็น นายกฯ นั้น ทักษิณเขาทำอย่างไร ตอบ เขาทำเป็นขายหุ้นชินคอร์ปที่ชินวัตรถืออยู่ ๔๙.๖ % ให้ลูกและน้องสาวจนหมด ราคาตลาดหุ้นละ ๑๕๐ บาท แต่ขายให้ในราคาทุน ๑๐ บาท ผู้ซื้อก็ทำหลักฐานว่าไม่มีตังค์ ต้องกู้นเงินผู้ขายมาให้ ผู้ขาย จากนั้นผู้ซื้อก็เปิดบัญชีรับเงินปันผลขึ้นมาโดยเฉพาะ เงินเข้าเมื่อใดก็ส่งให้ผู้ขายหมด อ้างว่าเป็นการผ่อนชำระค่าหุ้น ผ่อนไปทุกปีจนท่วมยอดเงินกู้ เลย ภาพทางบัญชีอย่างนี้ คุณ เชื่อว่ามีการซื้อขายหุ้ นจริงไหม ถาม ไม่เชื่อครับ มันเป็นแค่การเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นชินคอร์ปในหมู่ชินวัตร เพื่อให้หัวหน้าครอบครัวขึ้นเป็นนายกฯ โดยไม่ผิดกฎหมายเพราะไม่มีชื่อถือหุ้นสัมปทานอีกต่อไปเท่านั้น ตอบ ในสภาพซุกหุ้นกันอย่างนี้ คุณว่าถ้าลูกทักษิณ ขึ้นเป็นนายกฯ เขาจะต้องแจ้ งทรัพย์สินอย่างไร ถาม แจ้งว่าถือหุ้นชินคอร์ป ขณะเดียวกันก็เป็นลูกหนี้เงินกู้ จากพ่อด้วย ตอบ ถูกต้องครับ แจ้งเมื่อไหร่ภาพเด็กรวยเละ ที่ขึ้นเป็น นายกฯ ก็จะปรากฏให้งงกันทั้งประเทศว่ารวยได้อย่างไรกันในที่สุดถ้าชินวัตรยังรวยแบบลับๆร่อๆอยู่จนทุกวันนี้ จริงอย่างที่ผมสงสัย ยอดหนี้สิน ๔,๐๐๐ ล้าน ในบัญชีทรัพย์สินวันนี้ของ มาดามแพ ที่ปรากฏเคียงข้างคู่กับยอดเงินลงทุนกว่า ๑๐,๐๐๐ ล้าน จึงน่าสงสัยมากๆ ว่าทรัพย์สินสองยอดนี้แท้ที่จริงแล้ว มาจากพฤติการณ์ที่มาดามแพถูกชินวัตรใช้ชื่อ ซุกหุ้นเป็นหมื่นล้านก็เป็นได้คุณว่าใช่หรือไม่ ถาม ถ้าเป็นอย่างนี้ แท้จริงแล้วเธอก็ไม่ได้ เป็นเจ้าของสินทรัพย์ หรือ เป็นลูกหนี้ใครเลยก็ได้ปปช.มีอำนาจตรวจสอบไหมครับว่า บัญชีนี้จริงเท็จหรือไม่ ประการใด ตอบ ต้องตรวจหมดทุกกรณี ว่าได้หุ้นแต่ละก้อนมาอย่างไรจากใคร เอาเงินที่ไหนมาซื้อ ใช่เงินกู้ กู้อนนี้หรือไม่ คนให้กู้คือคนที่ขายหุ้นให้ ใช่หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ ซตพ.ว่าซุกหุ้นแน่นอน ถาม มาดามแพ ยังมีชื่อถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์อยู่หรือไม่ครับ ตอบ ทราบข่าวว่าขายไปแล้ว ต้องสอบว่าคนซื้อเป็น นอมินีหรือเปล่า หุ้นอัลไพน์นี้โดนชินวัตรฟอกมาตลอด ตอนแรกเมื่อซื้อจากนายเสนาะ ก็ใช้ชื่อคนใช้คนขับรถ ถือหุ้นก่อน หลังเกิดคดีซุกหุ้นชิน คอร์ป และลูกบรรลุนิติภาวะ ถึงเปลี่ยนมาเป็นชื่อมาดามแพ แล้วเปลี่ยนไปอีกเมื่อมาดามโผล่มาเล่นการเมืองในที่สุด ถาม นอกจากหุ้นชินคอร์ป หุ้นอัลไพน์แล้ว มีหุ้นอื่นอีกไหมครับ ตอบ ก็มีหุ้นธนาคารทหารไทยอีกก้อน ที่พอธนาคารซวดเซในปี ๒๕๔๕ จนกระทรวงการคลังต้องวางแผนอัดเงินเพิ่มให้หมื่นล้าน โดยจะให้ควบรวมกับไอเอฟซีทีด้วย แต่ปรากฏว่าก่อนจะลงมือจริง ก็มีการนำเงินปันผลชินคอร์ปของชินวัตร ๔๐๐ ล้านบาท ที่อยู่ในบัญชีธนาคารของโอ๊ค ไปช้อนซื้อหุ้นธนาคารทหารไทยขนานใหญ่ ในชื่อโอ๊คเสียก่อน จากนั้นพอ กระทรวงคลังอัดเงินและ ควบรวมแล้ว ราคาหุ้นก็พุ่งสูงลิ่ว แต่ครั้นผลการประเมินภายใน พบว่าผลประกอบการธนาคารไม่กระเตื้อง ชินวัตรก็ออกตัวเร่งทะยอยขายหุ้นธนาคารทหารไทยของชินวัตรในชื่อโอ๊คจนหมด พอหุ้นร่วง แมงเม่าปีกไหม้หมด ก็มีแต่ชินวัตรกำไรอยู่เจ้าเดียวรวม ๗๐ ล้านบาท ถาม เห็นตอนควบไอเอฟซีที ก็มีการขายตึกไอเอฟซีที ให้คุณหญิงชินวัตร ด้วยใช่ไหมครับ ตอบ ครับ เขาซื้อไปในราคา ๔๒๐ ล้านบาท ต่ำกว่าตลาด ๑๐๐ ล้าน แล้วเอามาให้พรรคชินวัตร ชื่อไทยรักไทยเช่าอยู่จนทุกวันนี้ ถาม ทราบว่าตอนขายหุ้นชินคอร์ปยกล๊อต ให้เทมาเส็คเมื่อปี ๒๕๔๙ นั้น ก็รวยลับๆร่อๆ กันอีกหรือครับ ตอบ ชินวัตรเขาไปจดทะเบียนตั้งบริษัทที่เกาะฟอกเงินชื่อ บริติชเวอร์จิ้น ตั้งเป็นบริษัทชื่อ “วินมาร์ค” คอยเล่นหุ้นไทยอยู่ต่างประเทศผ่านธนาคารสิงค์โปร์ มาตลอด มาในปลายปี ๒๕๔๘ เมื่อให้ สส.ข้าทาสในสภาแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นโทรคมนาคมได้ ๔๙% จนทักษิณเจรจาตกลงเป็นการลับขายหุ้นยกล้อตให้เทมาเส็ค ในราคาหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาท จะได้เงินขายหุ้นโดยเปิดเผยกว่า ๗.๓ หมื่นล้านแล้ว ถึงตรงมกราคม ๒๕๔๙ นี้ ก็มีการลงมือรวย ลับๆร่อๆอีก จนได้เงินไปเฉยๆอีกก้อนหนึ่ง เป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ถาม เขาทำอย่างไรครับ ตอบ ตามกฎหมายนั้น เมื่อเทมาเส็คซื้อหุ้นก้อนใหญ่ จนหุ้นเปลี่ยนมือถึง ๔๙% อย่างนี้ ก็หุ้นชินคอร์ปจากผู้ถือหุ้นทั่วไป ในราคาที่ซื้อจากชินวัตร คือหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาทด้วย แต่เมื่อชินวัตรทราบล่วงหน้า ก็เลยให้วินมาร์ค กว้านซื้อหุ้ นชินคอร์ป เข้าบัญชีธนาคารในสิงค์โปร์ก่อนเป็นการใหญ่ ในราคาตลาดขณะนั้น ที่หุ้นละ ๓๙ บาท กว้านอยู่ ๑ เดือน จนถือหุ้นชินคอร์ปในมือได้ ๑๑๔ ล้านหุ้น พอประกาศซื้อขายและเปิดรับซื้อ เขาก็เอาหุ้ นที่กวาดไว้ ล่วงหน้ามาขายได้เงินที่รวยลับๆร่อๆ ฉกฉวยเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยไป รวมเป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ในที่สุด ถาม เห็นทักษิณเขาคุยที่เวทีเชียงรายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า ก่อนมาเล่นการเมืองเขาก็รวยที่สุดในประเทศไทย มีสินทรัพย์กว่า ๖ หมื่นล้านอยู่แล้ว ตอบ เมื่อขึ้นเป็นรองนายกฯในรัฐบาล พลเอก ชวลิต เมื่อ ปี ๒๕๔๐ ผมเห็นเขาแจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ ๔ หมื่นล้านบาท นี่แสดงว่าเงินพร่องไป ๒ หมื่นบาทเลยเชียวหรือ ถาม อาจลดลง เพราะซุกหุ้นชินคอร์ปไว้ กับคนรถ คนใช้แล้วก็ได้ ตอบ เอาเถอะครับ เขาจะรวยมาก่อน รวยอย่างไร เห็นเขาลือกันว่ารวยมาจากคราวลดค่าเงินบาทก็ได้ จริงเท็จ ผมไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ หลังตั้งพรรคลงเล่นการเมืองแล้ว เขาไม่ได้จนลงอย่างที่พูดเลย ก็ แล้วกันครับ มันมีทั้งรวยโดยเปิดเผยและลับๆร่อๆ มาวันนี้ก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างลับๆร่อๆอีก ถาม หมายความว่า นอกจากซุกหุ้นแล้ว มาวันนี้ทักษิณเขายังซุกตำแหน่งนายกฯ ไว้ ในชื่อลูกด้วยอย่างนั้นหรือ มีประเทศไหนที่ผู้นำเป็นนายกฯโดยปกปิดชื่อไว้ ครับ ตอบ มีประเทศไทยนี่แหละครับ นี่ผมก็รอดูผลสอบของ กกต.อยู่ทุกวันนะครับว่า ข้อหาทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทยนี่ เขาสอบสวนกันไปถึงไหนแล้ว ถาม กกต.นี่น่าจะย่อมาจาก “กูกลอกตา ” ไม่รู้ไม่เห็นซะดีกว่า ไม่ไหวเลยทำงานกันช้าเหลือเกินครับ แล้ววนี่บ้านเมืองจะไปทางไหนได้มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี คนมีอำนาจก็ไม่ต้องรับผิดชอบ คนรับผิดชอบก็ไม่มีอำนาจ ให้สัมภาษณ์ทีไรก็เป็นเช่นสโนว์ไวท์ ต้องให้ พี่เลี้ยงทั้ง ๗ ยืนลุ้นตาลุกโพลงคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา มาวันนี้ สโนว์ไวท์ปลาสติกนี้ก็ยังรวยลับๆร่อๆอีก ตอบ คุณรออ่าน “รวย..อย่างชินวัตร” ตอน ๒ : “ รวย โดยมิชอบ” กับ ตอน ๓ : “ รวยจนบ้านเมือง ชิบหาย” ก็แล้วกันครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 673 มุมมอง 0 รีวิว
  • ๗ ม.ค.๖๘ - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "รวย..อย่างชินวัตร" มีเนื้อหาดังนี้

    ตอน ๑ : “รวยลับๆร่อๆ”
    ถาม
    มาดามแพ ผู้เป็นนายกฯ ทำมาหากินอะไร พอแจ้งทรัพย์สินแล้ว พบว่ารวยถึง ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท
    ตอบ
    ทรัพย์สินกองนี้ ในฐานะที่เคยตรวจสอบทรัพย์สินเมื่อครั้งเป็น คตส.มาก่อน ผมพบว่าที่น่าสนใจเป็นกองแรกเลยคือ หนี้สินกว่า ๔,๐๐๐ ล้านบาท ที่ปรากฏตัวเจ้าหนี้เป็น คนในครอบครัวชินวัตร แทบทั้งนั้น จึงต้องตรวจสอบต่อไปให้ชัดว่ามาจากการซุกหุ้น เหมือนคราวทักษิณซุกหุ้นชินคอร์ป แล้วขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี ๒๕๔๔ หรือไม่

    ถาม
    ซุกหุ้นคราวขึ้นเป็น นายกฯ นั้น ทักษิณเขาทำอย่างไร
    ตอบ
    เขาทำเป็นขายหุ้นชินคอร์ปที่ชินวัตรถืออยู่ ๔๙.๖ % ให้ลูกและน้องสาวจนหมด ราคาตลาดหุ้นละ ๑๕๐ บาท แต่ขายให้ในราคาทุน ๑๐ บาท ผู้ซื้อก็ทำหลักฐานว่าไม่มีตังค์ ต้องกู้เงินผู้ขายมาให้ผู้ขาย จากนั้นผู้ซื้อก็เปิดบัญชีรับเงินปันผลขึ้นมาโดยเฉพาะ เงินเข้าเมื่อใดก็ส่งให้ผู้ขายหมด อ้างว่าเป็นการผ่อนชำระค่าหุ้น ผ่อนไปทุกปีจนท่วมยอดเงินกู้เลย ภาพทางบัญชีอย่างนี้ คุณเชื่อว่ามีการซื้อขายหุ้นจริงไหม

    ถาม
    ไม่เชื่อครับ มันเป็นแค่การเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นชินคอร์ปในหมู่ชินวัตร เพื่อให้หัวหน้าครอบครัวขึ้นเป็นนายกฯ โดยไม่ผิดกฎหมายเพราะไม่มีชื่อถือหุ้นสัมปทานอีกต่อไปเท่านั้น
    ตอบ
    ในสภาพซุกหุ้นกันอย่างนี้ คุณว่าถ้าลูกทักษิณ ขึ้นเป็นนายกฯ เขาจะต้องแจ้งทรัพย์สินอย่างไร

    ถาม
    แจ้งว่าถือหุ้นชินคอร์ป ขณะเดียวกันก็เป็นลูกหนี้เงินกู้จากพ่อด้วย
    ตอบ
    ถูกต้องครับ แจ้งเมื่อไหร่ภาพเด็กรวยเละ ที่ขึ้นเป็น นายกฯ ก็จะปรากฏให้งงกันทั้งประเทศว่ารวยได้อย่างไรกันในที่สุด
    ถ้าชินวัตรยังรวยแบบลับๆร่อๆอยู่จนทุกวันนี้ จริงอย่างที่ผมสงสัย ยอดหนี้สิน ๔,๐๐๐ ล้าน ในบัญชีทรัพย์สินวันนี้ของ มาดามแพ ที่ปรากฏเคียงข้างคู่กับยอดเงินลงทุนกว่า ๑๐,๐๐๐ ล้าน จึงน่าสงสัยมากๆ ว่า ทรัพย์สินสองยอดนี้แท้ที่จริงแล้ว มาจากพฤติการณ์ที่มาดามแพถูกชินวัตรใช้ชื่อซุกหุ้นเป็นหมื่นล้านก็เป็นได้ คุณว่าใช่หรือไม่

    ถาม
    ถ้าเป็นอย่างนี้ แท้จริงแล้วเธอก็ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ หรือ เป็นลูกหนี้ใครเลยก็ได้ ปปช.มีอำนาจตรวจสอบไหมครับว่า บัญชีนี้จริงเท็จหรือไม่ ประการใด
    ตอบ
    ต้องตรวจหมดทุกกรณี ว่าได้หุ้นแต่ละก้อนมาอย่างไรจากใคร เอาเงินที่ไหนมาซื้อ ใช่เงินกู้ก้อนนี้หรือไม่ คนให้กู้คือคนที่ขายหุ้นให้ใช่หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ ซตพ.ว่าซุกหุ้นแน่นอน

    ถาม
    มาดามแพ ยังมีชื่อถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์อยู่หรือไม่ครับ
    ตอบ
    ทราบข่าวว่าขายไปแล้ว ต้องสอบว่าคนซื้อเป็น นอมินีหรือเปล่า หุ้นอัลไพน์นี้โดนชินวัตรฟอกมาตลอด ตอนแรกเมื่อซื้อจากนายเสนาะ ก็ใช้ชื่อคนใช้ คนขับรถ ถือหุ้นก่อน หลังเกิดคดีซุกหุ้นชินคอร์ป และลูกบรรลุนิติภาวะ ถึงเปลี่ยนมาเป็นชื่อมาดามแพ แล้วเปลี่ยนไปอีกเมื่อมาดามโผล่มาเล่นการเมืองในที่สุด

    ถาม
    นอกจากหุ้นชินคอร์ป หุ้นอัลไพน์แล้ว มีหุ้นอื่นอีกไหมครับ
    ตอบ
    ก็มีหุ้นธนาคารทหารไทยอีกก้อน ที่พอธนาคารซวดเซในปี ๒๕๔๕ จนกระทรวงการคลังต้องวางแผนอัดเงินเพิ่มให้หมื่นล้าน โดยจะให้ควบรวมกับไอเอฟซีทีด้วย แต่ปรากฏว่าก่อนจะลงมือจริง ก็มีการนำเงินปันผลชินคอร์ปของชินวัตร ๔๐๐ ล้านบาท ที่อยู่ในบัญชีธนาคารของโอ๊ค ไปช้อนซื้อหุ้นธนาคารทหารไทยขนานใหญ่ ในชื่อโอ๊คเสียก่อน จากนั้นพอกระทรวงคลังอัดเงินและควบรวมแล้ว ราคาหุ้นก็พุ่งสูงลิ่ว แต่ครั้นผลการประเมินภายใน พบว่าผลประกอบการธนาคารไม่กระเตื้อง ชินวัตรก็ออกตัวเร่งทะยอยขายหุ้นธนาคารทหารไทยของชินวัตรในชื่อโอ๊คจนหมด พอหุ้นร่วง แมงเม่าปีกไหม้หมด ก็มีแต่ชินวัตรกำไรอยู่เจ้าเดียวรวม ๗๐ ล้านบาท

    ถาม
    เห็นตอนควบไอเอฟซีที ก็มีการขายตึกไอเอฟซีที ให้คุณหญิงชินวัตร ด้วยใช่ไหมครับ
    ตอบ
    ครับ เขาซื้อไปในราคา ๔๒๐ ล้านบาท ต่ำกว่าตลาด ๑๐๐ ล้าน แล้วเอามาให้พรรคชินวัตร ชื่อไทยรักไทยเช่าอยู่จนทุกวันนี้

    ถาม
    ทราบว่าตอนขายหุ้นชินคอร์ปยกล้อต ให้เทมาเส็คเมื่อปี ๒๕๔๙ นั้น ก็รวยลับๆร่อๆ กันอีกหรือครับ
    ตอบ
    ชินวัตรเขาไปจดทะเบียนตั้งบริษัทที่เกาะฟอกเงินชื่อ บริติชเวอร์จิ้น ตั้งเป็นบริษัทชื่อ “วินมาร์ค”คอยเล่นหุ้นไทยอยู่ต่างประเทศผ่านธนาคารสิงค์โปร์ มาตลอด
    มาในปลายปี ๒๕๔๘ เมื่อให้ สส.ข้าทาสในสภาแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นโทรคมนาคมได้ ๔๙% จนทักษิณเจรจาตกลงเป็นการลับขายหุ้นยกล้อตให้เทมาเส็ค ในราคาหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาท จะได้เงินขายหุ้นโดยเปิดเผยกว่า ๗.๓ หมื่นล้านแล้ว ถึงตรงมกราคม ๒๕๔๙ นี้ ก็มีการลงมือรวยลับๆร่อๆอีก จนได้เงินไปเฉยๆอีกก้อนหนึ่ง เป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท

    ถาม
    เขาทำอย่างไรครับ
    ตอบ
    ตามกฎหมายนั้น เมื่อเทมาเส็คซื้อหุ้นก้อนใหญ่ จนหุ้นเปลี่ยนมือถึง ๔๙% อย่างนี้ ก็ต้องตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นชินคอร์ปจากผู้ถือหุ้นทั่วไป ในราคาที่ซื้อจากชินวัตร คือหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาทด้วย แต่เมื่อชินวัตรทราบล่วงหน้า ก็เลยให้วินมาร์ค กว้านซื้อหุ้นชินคอร์ป เข้าบัญชีธนาคารในสิงค์โปร์ก่อนเป็นการใหญ่ ในราคาตลาดขณะนั้น ที่หุ้นละ ๓๙ บาท กว้านอยู่ ๑ เดือน จนถือหุ้นชินคอร์ปในมือได้ ๑๑๔ ล้านหุ้น พอประกาศซื้อขายและเปิดรับซื้อ เขาก็เอาหุ้นที่กวาดไว้ล่วงหน้ามาขาย ได้เงินที่รวยลับๆร่อๆ ฉกฉวยเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยไป รวมเป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ในที่สุด

    ถาม
    เห็นทักษิณเขาคุยที่เวทีเชียงรายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า ก่อนมาเล่นการเมืองเขาก็รวยที่สุดในประเทศไทย มีสินทรัพย์กว่า ๖ หมื่นล้านอยู่แล้ว
    ตอบ
    เมื่อขึ้นเป็นรองนายกฯในรัฐบาล พลเอก ชวลิต เมื่อ ปี ๒๕๔๐ ผมเห็นเขาแจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ ๔ หมื่นล้านบาท นี่แสดงว่าเงินพร่องไป ๒ หมื่นบาทเลยเชียวหรือ

    ถาม
    อาจลดลง เพราะซุกหุ้นชินคอร์ปไว้กับคนรถ คนใช้แล้วก็ได้
    ตอบ
    เอาเถอะครับ เขาจะรวยมาก่อน รวยอย่างไร เห็นเขาลือกันว่ารวยมาจากคราวลดค่าเงินบาทก็ได้ จริงเท็จ ผมไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ หลังตั้งพรรคลงเล่นการเมืองแล้ว เขาไม่ได้จนลงอย่างที่พูดเลย ก็แล้วกันครับ มันมีทั้งรวยโดยเปิดเผยและลับๆร่อๆ มาวันนี้ก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างลับๆร่อๆอีก

    ถาม
    หมายความว่า นอกจากซุกหุ้นแล้ว มาวันนี้ทักษิณเขายังซุกตำแหน่งนายกฯ ไว้ในชื่อลูกด้วย อย่างนั้นหรือ มีประเทศไหนที่ผู้นำเป็นนายกฯโดยปกปิดชื่อไว้ครับ
    ตอบ
    มีประเทศไทยนี่แหละครับ นี่ผมก็รอดูผลสอบของ กกต.อยู่ทุกวันนะครับว่า ข้อหาทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทยนี่ เขาสอบสวนกันไปถึงไหนแล้ว

    ถาม
    กกต.นี่น่าจะย่อมาจาก “กูกลอกตา ” ไม่รู้ไม่เห็นซะดีกว่า ไม่ไหวเลยทำงานกันช้าเหลือเกินครับ แล้วนี่บ้านเมืองจะไปทางไหนได้ มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี คนมีอำนาจก็ไม่ต้องรับผิดชอบ คนรับผิดชอบก็ไม่มีอำนาจ ให้สัมภาษณ์ทีไรก็เป็นเช่นสโนวไวท์ ต้องให้พี่เลี้ยงทั้ง ๗ ยืนลุ้นตาลุกโพลงคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา มาวันนี้ สโนว์ไวท์ปลาสติกนี้ก็ยังรวยลับๆร่อๆอีก
    ตอบ
    คุณรออ่าน “รวย..อย่างชินวัตร” ตอน ๒ : “รวยโดยมิชอบ” กับ ตอน ๓ : “รวยจนบ้านเมืองชิบหาย”
    แล้วกันครับ.
    ๗ ม.ค.๖๘ - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "รวย..อย่างชินวัตร" มีเนื้อหาดังนี้ ตอน ๑ : “รวยลับๆร่อๆ” ถาม มาดามแพ ผู้เป็นนายกฯ ทำมาหากินอะไร พอแจ้งทรัพย์สินแล้ว พบว่ารวยถึง ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท ตอบ ทรัพย์สินกองนี้ ในฐานะที่เคยตรวจสอบทรัพย์สินเมื่อครั้งเป็น คตส.มาก่อน ผมพบว่าที่น่าสนใจเป็นกองแรกเลยคือ หนี้สินกว่า ๔,๐๐๐ ล้านบาท ที่ปรากฏตัวเจ้าหนี้เป็น คนในครอบครัวชินวัตร แทบทั้งนั้น จึงต้องตรวจสอบต่อไปให้ชัดว่ามาจากการซุกหุ้น เหมือนคราวทักษิณซุกหุ้นชินคอร์ป แล้วขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี ๒๕๔๔ หรือไม่ ถาม ซุกหุ้นคราวขึ้นเป็น นายกฯ นั้น ทักษิณเขาทำอย่างไร ตอบ เขาทำเป็นขายหุ้นชินคอร์ปที่ชินวัตรถืออยู่ ๔๙.๖ % ให้ลูกและน้องสาวจนหมด ราคาตลาดหุ้นละ ๑๕๐ บาท แต่ขายให้ในราคาทุน ๑๐ บาท ผู้ซื้อก็ทำหลักฐานว่าไม่มีตังค์ ต้องกู้เงินผู้ขายมาให้ผู้ขาย จากนั้นผู้ซื้อก็เปิดบัญชีรับเงินปันผลขึ้นมาโดยเฉพาะ เงินเข้าเมื่อใดก็ส่งให้ผู้ขายหมด อ้างว่าเป็นการผ่อนชำระค่าหุ้น ผ่อนไปทุกปีจนท่วมยอดเงินกู้เลย ภาพทางบัญชีอย่างนี้ คุณเชื่อว่ามีการซื้อขายหุ้นจริงไหม ถาม ไม่เชื่อครับ มันเป็นแค่การเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นชินคอร์ปในหมู่ชินวัตร เพื่อให้หัวหน้าครอบครัวขึ้นเป็นนายกฯ โดยไม่ผิดกฎหมายเพราะไม่มีชื่อถือหุ้นสัมปทานอีกต่อไปเท่านั้น ตอบ ในสภาพซุกหุ้นกันอย่างนี้ คุณว่าถ้าลูกทักษิณ ขึ้นเป็นนายกฯ เขาจะต้องแจ้งทรัพย์สินอย่างไร ถาม แจ้งว่าถือหุ้นชินคอร์ป ขณะเดียวกันก็เป็นลูกหนี้เงินกู้จากพ่อด้วย ตอบ ถูกต้องครับ แจ้งเมื่อไหร่ภาพเด็กรวยเละ ที่ขึ้นเป็น นายกฯ ก็จะปรากฏให้งงกันทั้งประเทศว่ารวยได้อย่างไรกันในที่สุด ถ้าชินวัตรยังรวยแบบลับๆร่อๆอยู่จนทุกวันนี้ จริงอย่างที่ผมสงสัย ยอดหนี้สิน ๔,๐๐๐ ล้าน ในบัญชีทรัพย์สินวันนี้ของ มาดามแพ ที่ปรากฏเคียงข้างคู่กับยอดเงินลงทุนกว่า ๑๐,๐๐๐ ล้าน จึงน่าสงสัยมากๆ ว่า ทรัพย์สินสองยอดนี้แท้ที่จริงแล้ว มาจากพฤติการณ์ที่มาดามแพถูกชินวัตรใช้ชื่อซุกหุ้นเป็นหมื่นล้านก็เป็นได้ คุณว่าใช่หรือไม่ ถาม ถ้าเป็นอย่างนี้ แท้จริงแล้วเธอก็ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ หรือ เป็นลูกหนี้ใครเลยก็ได้ ปปช.มีอำนาจตรวจสอบไหมครับว่า บัญชีนี้จริงเท็จหรือไม่ ประการใด ตอบ ต้องตรวจหมดทุกกรณี ว่าได้หุ้นแต่ละก้อนมาอย่างไรจากใคร เอาเงินที่ไหนมาซื้อ ใช่เงินกู้ก้อนนี้หรือไม่ คนให้กู้คือคนที่ขายหุ้นให้ใช่หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ ซตพ.ว่าซุกหุ้นแน่นอน ถาม มาดามแพ ยังมีชื่อถือหุ้นสนามกอล์ฟอัลไพน์อยู่หรือไม่ครับ ตอบ ทราบข่าวว่าขายไปแล้ว ต้องสอบว่าคนซื้อเป็น นอมินีหรือเปล่า หุ้นอัลไพน์นี้โดนชินวัตรฟอกมาตลอด ตอนแรกเมื่อซื้อจากนายเสนาะ ก็ใช้ชื่อคนใช้ คนขับรถ ถือหุ้นก่อน หลังเกิดคดีซุกหุ้นชินคอร์ป และลูกบรรลุนิติภาวะ ถึงเปลี่ยนมาเป็นชื่อมาดามแพ แล้วเปลี่ยนไปอีกเมื่อมาดามโผล่มาเล่นการเมืองในที่สุด ถาม นอกจากหุ้นชินคอร์ป หุ้นอัลไพน์แล้ว มีหุ้นอื่นอีกไหมครับ ตอบ ก็มีหุ้นธนาคารทหารไทยอีกก้อน ที่พอธนาคารซวดเซในปี ๒๕๔๕ จนกระทรวงการคลังต้องวางแผนอัดเงินเพิ่มให้หมื่นล้าน โดยจะให้ควบรวมกับไอเอฟซีทีด้วย แต่ปรากฏว่าก่อนจะลงมือจริง ก็มีการนำเงินปันผลชินคอร์ปของชินวัตร ๔๐๐ ล้านบาท ที่อยู่ในบัญชีธนาคารของโอ๊ค ไปช้อนซื้อหุ้นธนาคารทหารไทยขนานใหญ่ ในชื่อโอ๊คเสียก่อน จากนั้นพอกระทรวงคลังอัดเงินและควบรวมแล้ว ราคาหุ้นก็พุ่งสูงลิ่ว แต่ครั้นผลการประเมินภายใน พบว่าผลประกอบการธนาคารไม่กระเตื้อง ชินวัตรก็ออกตัวเร่งทะยอยขายหุ้นธนาคารทหารไทยของชินวัตรในชื่อโอ๊คจนหมด พอหุ้นร่วง แมงเม่าปีกไหม้หมด ก็มีแต่ชินวัตรกำไรอยู่เจ้าเดียวรวม ๗๐ ล้านบาท ถาม เห็นตอนควบไอเอฟซีที ก็มีการขายตึกไอเอฟซีที ให้คุณหญิงชินวัตร ด้วยใช่ไหมครับ ตอบ ครับ เขาซื้อไปในราคา ๔๒๐ ล้านบาท ต่ำกว่าตลาด ๑๐๐ ล้าน แล้วเอามาให้พรรคชินวัตร ชื่อไทยรักไทยเช่าอยู่จนทุกวันนี้ ถาม ทราบว่าตอนขายหุ้นชินคอร์ปยกล้อต ให้เทมาเส็คเมื่อปี ๒๕๔๙ นั้น ก็รวยลับๆร่อๆ กันอีกหรือครับ ตอบ ชินวัตรเขาไปจดทะเบียนตั้งบริษัทที่เกาะฟอกเงินชื่อ บริติชเวอร์จิ้น ตั้งเป็นบริษัทชื่อ “วินมาร์ค”คอยเล่นหุ้นไทยอยู่ต่างประเทศผ่านธนาคารสิงค์โปร์ มาตลอด มาในปลายปี ๒๕๔๘ เมื่อให้ สส.ข้าทาสในสภาแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นโทรคมนาคมได้ ๔๙% จนทักษิณเจรจาตกลงเป็นการลับขายหุ้นยกล้อตให้เทมาเส็ค ในราคาหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาท จะได้เงินขายหุ้นโดยเปิดเผยกว่า ๗.๓ หมื่นล้านแล้ว ถึงตรงมกราคม ๒๕๔๙ นี้ ก็มีการลงมือรวยลับๆร่อๆอีก จนได้เงินไปเฉยๆอีกก้อนหนึ่ง เป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ถาม เขาทำอย่างไรครับ ตอบ ตามกฎหมายนั้น เมื่อเทมาเส็คซื้อหุ้นก้อนใหญ่ จนหุ้นเปลี่ยนมือถึง ๔๙% อย่างนี้ ก็ต้องตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นชินคอร์ปจากผู้ถือหุ้นทั่วไป ในราคาที่ซื้อจากชินวัตร คือหุ้นละ ๔๙.๒๕ บาทด้วย แต่เมื่อชินวัตรทราบล่วงหน้า ก็เลยให้วินมาร์ค กว้านซื้อหุ้นชินคอร์ป เข้าบัญชีธนาคารในสิงค์โปร์ก่อนเป็นการใหญ่ ในราคาตลาดขณะนั้น ที่หุ้นละ ๓๙ บาท กว้านอยู่ ๑ เดือน จนถือหุ้นชินคอร์ปในมือได้ ๑๑๔ ล้านหุ้น พอประกาศซื้อขายและเปิดรับซื้อ เขาก็เอาหุ้นที่กวาดไว้ล่วงหน้ามาขาย ได้เงินที่รวยลับๆร่อๆ ฉกฉวยเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยไป รวมเป็นเงิน ๕๐๐ ล้านบาท ในที่สุด ถาม เห็นทักษิณเขาคุยที่เวทีเชียงรายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า ก่อนมาเล่นการเมืองเขาก็รวยที่สุดในประเทศไทย มีสินทรัพย์กว่า ๖ หมื่นล้านอยู่แล้ว ตอบ เมื่อขึ้นเป็นรองนายกฯในรัฐบาล พลเอก ชวลิต เมื่อ ปี ๒๕๔๐ ผมเห็นเขาแจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้ ๔ หมื่นล้านบาท นี่แสดงว่าเงินพร่องไป ๒ หมื่นบาทเลยเชียวหรือ ถาม อาจลดลง เพราะซุกหุ้นชินคอร์ปไว้กับคนรถ คนใช้แล้วก็ได้ ตอบ เอาเถอะครับ เขาจะรวยมาก่อน รวยอย่างไร เห็นเขาลือกันว่ารวยมาจากคราวลดค่าเงินบาทก็ได้ จริงเท็จ ผมไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ หลังตั้งพรรคลงเล่นการเมืองแล้ว เขาไม่ได้จนลงอย่างที่พูดเลย ก็แล้วกันครับ มันมีทั้งรวยโดยเปิดเผยและลับๆร่อๆ มาวันนี้ก็ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างลับๆร่อๆอีก ถาม หมายความว่า นอกจากซุกหุ้นแล้ว มาวันนี้ทักษิณเขายังซุกตำแหน่งนายกฯ ไว้ในชื่อลูกด้วย อย่างนั้นหรือ มีประเทศไหนที่ผู้นำเป็นนายกฯโดยปกปิดชื่อไว้ครับ ตอบ มีประเทศไทยนี่แหละครับ นี่ผมก็รอดูผลสอบของ กกต.อยู่ทุกวันนะครับว่า ข้อหาทักษิณครอบงำพรรคเพื่อไทยนี่ เขาสอบสวนกันไปถึงไหนแล้ว ถาม กกต.นี่น่าจะย่อมาจาก “กูกลอกตา ” ไม่รู้ไม่เห็นซะดีกว่า ไม่ไหวเลยทำงานกันช้าเหลือเกินครับ แล้วนี่บ้านเมืองจะไปทางไหนได้ มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี คนมีอำนาจก็ไม่ต้องรับผิดชอบ คนรับผิดชอบก็ไม่มีอำนาจ ให้สัมภาษณ์ทีไรก็เป็นเช่นสโนวไวท์ ต้องให้พี่เลี้ยงทั้ง ๗ ยืนลุ้นตาลุกโพลงคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา มาวันนี้ สโนว์ไวท์ปลาสติกนี้ก็ยังรวยลับๆร่อๆอีก ตอบ คุณรออ่าน “รวย..อย่างชินวัตร” ตอน ๒ : “รวยโดยมิชอบ” กับ ตอน ๓ : “รวยจนบ้านเมืองชิบหาย” แล้วกันครับ.
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 735 มุมมอง 0 รีวิว
  • กฤษณะพงศ์ บุก ป.ป.ช.ขอเปลี่ยนตัวคณะทำงานคดี บิ๊กโจ๊กเก็บส่วยคาราโอเกะ เผยพร้อมเป็นพยานให้การด้วยตนเอง

    จากกรณี พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คือ นายสมบัติ ธรธรรม อดีตอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหา ประจำสำนักการไต่สวนทุจริตภาครัฐ 1 และ 2, นายจัตุรงค์ พานิชเจริญ เจ้าหน้าที่ไต่สวน สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐวิสาหกิจ 2 และ นางสาวอารยา งามล้วน เจ้าหน้าที่สำนัก ตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 3 ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด” โดยกองบังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น

    ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (6 ธ.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รองผู้บังคับการกองร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เตรียมเอกสารเดินทางไปที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดนนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และประสงค์ให้การเป็นพยานปากสำคัญในคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.กับพวกถูกกล่าวหาเรื่องเรียกรับเงินจากส่วยร้านคาราโอเกะ ตั้งแต่ในสมัยดำรงค์ตำแหน่งเป็นผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) โดย พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเพื่อขอให้เปลี่ยนตัวจาก นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ ที่เป็นหัวหน้าคณะซึ่งมี นายสมบัติ ธรธรรม เป็นอนุกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000117536

    #MGROnline #บิ๊กโจ๊ก #เก็บส่วย #คาราโอเกะ
    กฤษณะพงศ์ บุก ป.ป.ช.ขอเปลี่ยนตัวคณะทำงานคดี บิ๊กโจ๊กเก็บส่วยคาราโอเกะ เผยพร้อมเป็นพยานให้การด้วยตนเอง • จากกรณี พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ รองผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.) ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คือ นายสมบัติ ธรธรรม อดีตอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหา ประจำสำนักการไต่สวนทุจริตภาครัฐ 1 และ 2, นายจัตุรงค์ พานิชเจริญ เจ้าหน้าที่ไต่สวน สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐวิสาหกิจ 2 และ นางสาวอารยา งามล้วน เจ้าหน้าที่สำนัก ตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 3 ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และมีข้าราชการตำรวจระดับสูงร่วมกันกระทำความผิดฐาน "สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด” โดยกองบังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับเรื่องไว้ดำเนินการแล้วนั้น • ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (6 ธ.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รองผู้บังคับการกองร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เตรียมเอกสารเดินทางไปที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดนนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และประสงค์ให้การเป็นพยานปากสำคัญในคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.กับพวกถูกกล่าวหาเรื่องเรียกรับเงินจากส่วยร้านคาราโอเกะ ตั้งแต่ในสมัยดำรงค์ตำแหน่งเป็นผู้กำกับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) โดย พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเพื่อขอให้เปลี่ยนตัวจาก นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ ที่เป็นหัวหน้าคณะซึ่งมี นายสมบัติ ธรธรรม เป็นอนุกรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000117536 • #MGROnline #บิ๊กโจ๊ก #เก็บส่วย #คาราโอเกะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำนานยุคทักษิณ ใบสั่งปปง.สอบสื่อฯ

    การเสียชีวิตของสื่อมวลชนอาวุโส โสภณ องค์การณ์ มีเรื่องเล่าขานบนเส้นทางน้ำหมึก ในยุคที่ยังไม่มีสื่อโซเชียลฯ มีเพียงหนังสือพิมพ์ทำหน้าที่หมาเฝ้าบ้าน สะท้อนความเป็นไปของบ้านเมือง ย้อนกลับไปในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ปี 2544-2549 เสรีภาพสื่อมวลชนถูกกดดันจากโฆษณา สื่อไหนเชียร์รัฐบาลก็จะมีงบโฆษณาให้อย่างน้อย 20 ล้านบาท แต่ถ้าสื่อไหนวิจารณ์รัฐบาลก็จะถูกแทรกแซงต่างๆ นานา ตามไปกดดันนายทุนหนังสือพิมพ์ให้ปลดคอลัมนิสต์ หากไม่ทำตามก็จะสั่งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจถอนโฆษณาให้หมด

    ปี 2545 มีการตีแผ่เอกสารที่ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ขณะเป็นผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศและติดตามประเมินผล สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ออกคำสั่งลงวันที่ 25 ก.พ. 2545 ให้ธนาคารแจ้งข้อมูลรายการฝาก-ถอนเงินและยอดคงเหลือในบัญชีของบุคคลและนิติบุคคล 35 ราย และครอบครัว หนึ่งในนั้นคือสื่อมวลชนที่วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ ได้แก่ เครือเนชั่น นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น นายเทพชัย หย่อง นายโสภณ องค์การณ์ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ นายโรจน์ งามแม้น (เปลว สีเงิน) นายวารินทร์ พูนศิริวงศ์ ผู้บริหารหนังสือพิมพ์แนวหน้า

    คำสั่งดังกล่าวเป็นที่วิจารณ์ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ ผอ.ศูนย์สารสนเทศฯ ไม่มีอำนาจออกคำสั่ง และถ้าตรวจสอบต้องปรากฏว่ามีการทำความผิดอาญาใน 7 ความผิดมูลฐาน แม้นายทักษิณปฎิเสธว่าไม่มีการตรวจสอบทรัพย์สินสื่อมวลชนและครอบครัว แต่ก็มีรายงานว่า คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีเป็นผู้สั่งการ

    ต่อมานายสุทธิชัย นายเทพชัย และนายโสภณ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2545 ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งตรวจสอบข้อมูลธุรกรรม พร้อมขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว กระทั่งวันที่ 14 มี.ค. 2545 ศาลปกครองกลางออกคำสั่งทุเลาให้ยุติการตรวจสอบธุรกรรมการเงิน จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างอื่น โดยสำนวนคดีพบว่าในการไต่สวน พ.ต.อ.สีหนาท อ้างว่าได้รับการร้องเรียนจากบุคคลภายนอกเพราะสงสัยว่าจะฟอกเงิน แต่ศาลเห็นว่าเป็นบัตรสนเท่ห์ เชื่อถือไม่ได้ ซ้ำร้ายผู้ใช้อำนาจตามกฎหมายอาจทำขึ้นมาเองเพื่อคุกคามสิทธิเสรีภาพ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2545 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้จำหน่ายคดี เนื่องจาก ป.ป.ง.มีหนังสือแจ้งต่อศาลว่าสั่งยุติการตรวจสอบกับธนาคารพาณิชย์แล้ว ขณะที่ พ.ต.อ.สีหนาท แก้เกมให้ พ.ต.อ.ยุทธบูล ดิสสะมาน แจ้งความดำเนินคดีบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เดอะเนชั่น และคมชัดลึก ข้อหาเผยความลับของทางราชการ แต่อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้อง

    #Newskit #ทักษิณชินวัตร #สื่อมวลชน
    ตำนานยุคทักษิณ ใบสั่งปปง.สอบสื่อฯ การเสียชีวิตของสื่อมวลชนอาวุโส โสภณ องค์การณ์ มีเรื่องเล่าขานบนเส้นทางน้ำหมึก ในยุคที่ยังไม่มีสื่อโซเชียลฯ มีเพียงหนังสือพิมพ์ทำหน้าที่หมาเฝ้าบ้าน สะท้อนความเป็นไปของบ้านเมือง ย้อนกลับไปในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ปี 2544-2549 เสรีภาพสื่อมวลชนถูกกดดันจากโฆษณา สื่อไหนเชียร์รัฐบาลก็จะมีงบโฆษณาให้อย่างน้อย 20 ล้านบาท แต่ถ้าสื่อไหนวิจารณ์รัฐบาลก็จะถูกแทรกแซงต่างๆ นานา ตามไปกดดันนายทุนหนังสือพิมพ์ให้ปลดคอลัมนิสต์ หากไม่ทำตามก็จะสั่งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจถอนโฆษณาให้หมด ปี 2545 มีการตีแผ่เอกสารที่ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ขณะเป็นผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศและติดตามประเมินผล สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ออกคำสั่งลงวันที่ 25 ก.พ. 2545 ให้ธนาคารแจ้งข้อมูลรายการฝาก-ถอนเงินและยอดคงเหลือในบัญชีของบุคคลและนิติบุคคล 35 ราย และครอบครัว หนึ่งในนั้นคือสื่อมวลชนที่วิจารณ์รัฐบาลทักษิณ ได้แก่ เครือเนชั่น นายสุทธิชัย แซ่หยุ่น นายเทพชัย หย่อง นายโสภณ องค์การณ์ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ นายโรจน์ งามแม้น (เปลว สีเงิน) นายวารินทร์ พูนศิริวงศ์ ผู้บริหารหนังสือพิมพ์แนวหน้า คำสั่งดังกล่าวเป็นที่วิจารณ์ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ ผอ.ศูนย์สารสนเทศฯ ไม่มีอำนาจออกคำสั่ง และถ้าตรวจสอบต้องปรากฏว่ามีการทำความผิดอาญาใน 7 ความผิดมูลฐาน แม้นายทักษิณปฎิเสธว่าไม่มีการตรวจสอบทรัพย์สินสื่อมวลชนและครอบครัว แต่ก็มีรายงานว่า คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีเป็นผู้สั่งการ ต่อมานายสุทธิชัย นายเทพชัย และนายโสภณ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2545 ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งตรวจสอบข้อมูลธุรกรรม พร้อมขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว กระทั่งวันที่ 14 มี.ค. 2545 ศาลปกครองกลางออกคำสั่งทุเลาให้ยุติการตรวจสอบธุรกรรมการเงิน จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างอื่น โดยสำนวนคดีพบว่าในการไต่สวน พ.ต.อ.สีหนาท อ้างว่าได้รับการร้องเรียนจากบุคคลภายนอกเพราะสงสัยว่าจะฟอกเงิน แต่ศาลเห็นว่าเป็นบัตรสนเท่ห์ เชื่อถือไม่ได้ ซ้ำร้ายผู้ใช้อำนาจตามกฎหมายอาจทำขึ้นมาเองเพื่อคุกคามสิทธิเสรีภาพ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2545 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้จำหน่ายคดี เนื่องจาก ป.ป.ง.มีหนังสือแจ้งต่อศาลว่าสั่งยุติการตรวจสอบกับธนาคารพาณิชย์แล้ว ขณะที่ พ.ต.อ.สีหนาท แก้เกมให้ พ.ต.อ.ยุทธบูล ดิสสะมาน แจ้งความดำเนินคดีบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เดอะเนชั่น และคมชัดลึก ข้อหาเผยความลับของทางราชการ แต่อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้อง #Newskit #ทักษิณชินวัตร #สื่อมวลชน
    Like
    Angry
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 908 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เลขา ปปง." เผย คณะกรรมการธุรกรรม เตรียมตรวจสอบทรัพย์สิน "บอสพอล" และผู้บริหาร "ดิไอคอน" 17 ต.ค. พบเข้าข่ายกระทำผิดจ่อยึดอายัดทรัพย์ทันที

    อ่านต่อ...https://news1live.com/detail/9670000098964

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "เลขา ปปง." เผย คณะกรรมการธุรกรรม เตรียมตรวจสอบทรัพย์สิน "บอสพอล" และผู้บริหาร "ดิไอคอน" 17 ต.ค. พบเข้าข่ายกระทำผิดจ่อยึดอายัดทรัพย์ทันที อ่านต่อ...https://news1live.com/detail/9670000098964 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1796 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.กำชับคดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” เร่งรวบรวมหลักฐานทุกมิติ หลังมีข่าวตำรวจร่วมเป็นโค้ช ประสาน ปปง.ตรวจสอบทรัพย์สิน ย้ำตำรวจต้องอยู่เคียงข้างเป็นที่พึ่งประชาชน เตรียมตรวจค้นบริษัทหาหลักฐานเพิ่มเติม แนะผู้เสียหายให้เข้ามาแจ้งความเพิ่มท้องที่ใดก็ได้ทั่วประเทศ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000098267

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร.กำชับคดี “ดิไอคอนกรุ๊ป” เร่งรวบรวมหลักฐานทุกมิติ หลังมีข่าวตำรวจร่วมเป็นโค้ช ประสาน ปปง.ตรวจสอบทรัพย์สิน ย้ำตำรวจต้องอยู่เคียงข้างเป็นที่พึ่งประชาชน เตรียมตรวจค้นบริษัทหาหลักฐานเพิ่มเติม แนะผู้เสียหายให้เข้ามาแจ้งความเพิ่มท้องที่ใดก็ได้ทั่วประเทศ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000098267 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Yay
    19
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2065 มุมมอง 0 รีวิว