• ทิศต้องห้าม.....ประจำเดือนมิถุนายน 2568

    ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 5 เดือนมิถุนายน ไปจนถึง วันอาทิตย์ที่ 6 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568 สิ่งสำคัญคือ ควรเลี่ยงต่อการกระทบ ทุบ ตอก ขุด เจาะ ในตำแหน่งวิบากทิศทาง ดังนี้

    1. ทิศแตกสลาย 月破(ง๊วยผั่ว) ทิศเหนือ 坎卦(ข่ำข่วย) ราศี 子(จื้อ) ตั้งแต่รัศมี 352.5 ถึง 7.5 องศา

    2. ทิศ 3 อสูร 月三煞(หง่วยซาสั่วะ) ตั้งแต่ ทิศตะวันตก/เหนือ 乾卦(เคี้ยงข่วย) รัศมี 315 องศา ถึง ทิศตะวันออก/เหนือ 艮卦(กึ่งข่วย) รัศมี 45 องศา

    3. ทิศ 5 เหลือง 五黃(โหงวอี๊ง) ทิศตะวันออก 震卦(จิ้งข่วย) ตั้งแต่รัศมี 67.5 ถึง 112.5 องศา

    ดังนั้นหากกระทบสะเทือนถึงดินที่อัดอั้นด้วยกระแสพลังร้ายอันรุนแรงรอเพียงแค่การปลดปล่อย ด้วยการทุบ ตอก ขุด เจาะ ในตำแหน่งวิบากทิศทางดังที่กล่าวไว้ในข้างต้น ส่งผลให้ท่านที่ชะตาตก ชีวิตจะเกิดวิกฤต กลุ้ม วุ่นวาย มากอุปสรรคปัญหา ขัดแย้ง แตกแยก ถูกแทงหลัง ปองร้าย จี้ ปล้น ขโมย เสียทรัพย์อย่างไม่จำเป็น พัวพันเรื่องคดีความจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล หรือเกิดเจ็บป่วย ต้องผ่าตัดรักษาอาการ หรือจะบาดเจ็บจนเลือดตกยางออกจากอุบัติเหตุเภทภัยที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะบุคคลที่เกิดปีชวดพึงระวังเป็นพิเศษ
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ทิศต้องห้าม.....ประจำเดือนมิถุนายน 2568 ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 5 เดือนมิถุนายน ไปจนถึง วันอาทิตย์ที่ 6 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568 สิ่งสำคัญคือ ควรเลี่ยงต่อการกระทบ ทุบ ตอก ขุด เจาะ ในตำแหน่งวิบากทิศทาง ดังนี้ 1. ทิศแตกสลาย 月破(ง๊วยผั่ว) ทิศเหนือ 坎卦(ข่ำข่วย) ราศี 子(จื้อ) ตั้งแต่รัศมี 352.5 ถึง 7.5 องศา 2. ทิศ 3 อสูร 月三煞(หง่วยซาสั่วะ) ตั้งแต่ ทิศตะวันตก/เหนือ 乾卦(เคี้ยงข่วย) รัศมี 315 องศา ถึง ทิศตะวันออก/เหนือ 艮卦(กึ่งข่วย) รัศมี 45 องศา 3. ทิศ 5 เหลือง 五黃(โหงวอี๊ง) ทิศตะวันออก 震卦(จิ้งข่วย) ตั้งแต่รัศมี 67.5 ถึง 112.5 องศา ดังนั้นหากกระทบสะเทือนถึงดินที่อัดอั้นด้วยกระแสพลังร้ายอันรุนแรงรอเพียงแค่การปลดปล่อย ด้วยการทุบ ตอก ขุด เจาะ ในตำแหน่งวิบากทิศทางดังที่กล่าวไว้ในข้างต้น ส่งผลให้ท่านที่ชะตาตก ชีวิตจะเกิดวิกฤต กลุ้ม วุ่นวาย มากอุปสรรคปัญหา ขัดแย้ง แตกแยก ถูกแทงหลัง ปองร้าย จี้ ปล้น ขโมย เสียทรัพย์อย่างไม่จำเป็น พัวพันเรื่องคดีความจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล หรือเกิดเจ็บป่วย ต้องผ่าตัดรักษาอาการ หรือจะบาดเจ็บจนเลือดตกยางออกจากอุบัติเหตุเภทภัยที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะบุคคลที่เกิดปีชวดพึงระวังเป็นพิเศษ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • เหรียญเม็ดแตงหลวงพ่อปราบ รุ่นแรก วัดพุทธภูมิ จ.ยะลา ปี2521
    เหรียญเม็ดแตงหลวงพ่อปราบ รุ่นแรก เนื้อทองแดงรมดำ วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง จ.ยะลา ปี2521 //พระดีพิธีใหญ่ หายาก //พระสถาพสวย พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    "" เหรียญขนาดเล็ก เหมาะก็บเด็ก ผู้หญิง หรือ ลูกหลาน ไว้คุ้มครอง คนที่ท่านห่วงใย ครับ ""^o^

    ** พุทธคุณเมตตามหานิยม อุดมโชคโภคทรัพย์ แคล้วคลาด และป้องกันคุณไสยต่างๆ ช่วยส่งเสริมให้อุดมสมบูรณ์ในเรื่องโภคทรัพย์และมีโชคมีลาภทางด้านการเงิน อีกทั้งยังช่วยทำให้ผู้ครอบครองบูชานั้นแคล้วคลาดปลอดภัย >>

    ** หลวงพ่อพระปราบ (หลวงพ่อปราบประทุษฐพ่าย) พระเกจิศักดิ์สิทธิ์เมืองยะลา ท่านเป็นตำรวจจอมขมังเวทย์ ปราบโจรทั่วแผ่นดิน จนกระทั่งในปี 2459 ท่านได้ลาออกจากราชการ มาบวชที่วัดพุทธภูมิ ชื่อเสียงของท่านโด่งดังในเรื่องอาคมขลัง มีคนมาขอของขลังเป็นจำนวนมาก >>


    * พระสถาพสวย พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญเม็ดแตงหลวงพ่อปราบ รุ่นแรก วัดพุทธภูมิ จ.ยะลา ปี2521 เหรียญเม็ดแตงหลวงพ่อปราบ รุ่นแรก เนื้อทองแดงรมดำ วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง จ.ยะลา ปี2521 //พระดีพิธีใหญ่ หายาก //พระสถาพสวย พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> "" เหรียญขนาดเล็ก เหมาะก็บเด็ก ผู้หญิง หรือ ลูกหลาน ไว้คุ้มครอง คนที่ท่านห่วงใย ครับ ""^o^ ** พุทธคุณเมตตามหานิยม อุดมโชคโภคทรัพย์ แคล้วคลาด และป้องกันคุณไสยต่างๆ ช่วยส่งเสริมให้อุดมสมบูรณ์ในเรื่องโภคทรัพย์และมีโชคมีลาภทางด้านการเงิน อีกทั้งยังช่วยทำให้ผู้ครอบครองบูชานั้นแคล้วคลาดปลอดภัย >> ** หลวงพ่อพระปราบ (หลวงพ่อปราบประทุษฐพ่าย) พระเกจิศักดิ์สิทธิ์เมืองยะลา ท่านเป็นตำรวจจอมขมังเวทย์ ปราบโจรทั่วแผ่นดิน จนกระทั่งในปี 2459 ท่านได้ลาออกจากราชการ มาบวชที่วัดพุทธภูมิ ชื่อเสียงของท่านโด่งดังในเรื่องอาคมขลัง มีคนมาขอของขลังเป็นจำนวนมาก >> * พระสถาพสวย พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • นิทานเทรดกราฟ EP.1: ศึก H4 – แดงปะทะเขียว
    ณ ดินแดนแห่งกราฟที่มีนามว่า “ตลาดโลก”
    ดินแดนที่เส้นทางแห่งราคาเปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสุด
    กลางสนามรบโบราณชื่อว่า “H4”
    การต่อสู้ระหว่างสองขั้วพลังได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง...
    เขาคือ “พุ่งทะยาน” – แท่งเขียวผู้กล้าหาญ
    เกิดจากพลังความหวังของเทรดเดอร์ผู้ศรัทธาในแนวโน้มขาขึ้น
    ถือดาบแห่ง “Buy Momentum” อันเรืองแสง
    พร้อมผ้าคลุมแห่งเทรนด์ไลน์ที่พัดสะบัดด้วยแรงอารมณ์ตลาด
    อีกฝ่ายคือ “ถล่มร่วง” – แท่งแดงจอมโหด
    ถือขวานเพลิงแห่ง “แรงขาย” ที่ลุกโชนด้วยข่าวร้ายและความกลัว
    มันไม่เคยปรานีแม้แต่แท่งเล็ก ๆ
    ทุกครั้งที่มันปรากฏ เส้นแนวรับต่างก็สั่นคลอน
    ทั้งสองเผชิญหน้ากันกลางสมรภูมิ
    พื้นกราฟปูด้วยเส้น EMA และเส้นแนวโน้มที่บิดเบี้ยวจากความผันผวน
    เสียงตะโกนจากเหล่าอินดิเคเตอร์ดังก้อง...
    “RSI เริ่มโอเวอร์บ๊ายแล้ว!”
    “MACD กำลังจะตัดขึ้น!”
    แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าใครจะชนะศึกนี้
    นี่คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์การต่อสู้
    ระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย
    ระหว่างความหวังและความกลัว
    ณ เวลานี้ H4 คือสมรภูมิที่ไม่มีผู้ใดถอย
    ---
    ในบริบทของการเทรดหรือการวิเคราะห์กราฟ “H4” หมายถึง:
    > 🔹 Timeframe 4 ชั่วโมง (H = Hour, 4 = 4 ชั่วโมง)
    รายละเอียด:
    ในกราฟ H4 แต่ละแท่งเทียน (candlestick) แสดงข้อมูลราคาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 4 ชั่วโมง
    ข้อมูลแต่ละแท่งจะประกอบด้วย:
    ราคาเปิด (Open)
    ราคาปิด (Close)
    ราคาสูงสุด (High)
    ราคาต่ำสุด (Low)
    ใช้ทำอะไร:
    เหมาะสำหรับการวิเคราะห์เทรนด์ระยะ กลาง
    นักเทรดนิยมใช้ H4 เพื่อดูแนวโน้มภาพรวมก่อนจะเข้าเทรดใน timeframe ย่อย (เช่น M15 หรือ H1)
    มักใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ เช่น EMA, MACD, RSI เพื่อดูความแข็งแรงของแนวโน้ม
    ตัวอย่าง:
    ถ้าแท่งเทียน H4 ปิดเป็นแท่งเขียวยาวหลายแท่งติดกัน แสดงว่าในช่วงหลายชั่วโมงล่าสุดมีแรงซื้อชัดเจน
    นิทานเทรดกราฟ EP.1: ศึก H4 – แดงปะทะเขียว ณ ดินแดนแห่งกราฟที่มีนามว่า “ตลาดโลก” ดินแดนที่เส้นทางแห่งราคาเปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสุด กลางสนามรบโบราณชื่อว่า “H4” การต่อสู้ระหว่างสองขั้วพลังได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง... เขาคือ “พุ่งทะยาน” – แท่งเขียวผู้กล้าหาญ เกิดจากพลังความหวังของเทรดเดอร์ผู้ศรัทธาในแนวโน้มขาขึ้น ถือดาบแห่ง “Buy Momentum” อันเรืองแสง พร้อมผ้าคลุมแห่งเทรนด์ไลน์ที่พัดสะบัดด้วยแรงอารมณ์ตลาด อีกฝ่ายคือ “ถล่มร่วง” – แท่งแดงจอมโหด ถือขวานเพลิงแห่ง “แรงขาย” ที่ลุกโชนด้วยข่าวร้ายและความกลัว มันไม่เคยปรานีแม้แต่แท่งเล็ก ๆ ทุกครั้งที่มันปรากฏ เส้นแนวรับต่างก็สั่นคลอน ทั้งสองเผชิญหน้ากันกลางสมรภูมิ พื้นกราฟปูด้วยเส้น EMA และเส้นแนวโน้มที่บิดเบี้ยวจากความผันผวน เสียงตะโกนจากเหล่าอินดิเคเตอร์ดังก้อง... “RSI เริ่มโอเวอร์บ๊ายแล้ว!” “MACD กำลังจะตัดขึ้น!” แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าใครจะชนะศึกนี้ นี่คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์การต่อสู้ ระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย ระหว่างความหวังและความกลัว ณ เวลานี้ H4 คือสมรภูมิที่ไม่มีผู้ใดถอย --- ในบริบทของการเทรดหรือการวิเคราะห์กราฟ “H4” หมายถึง: > 🔹 Timeframe 4 ชั่วโมง (H = Hour, 4 = 4 ชั่วโมง) รายละเอียด: ในกราฟ H4 แต่ละแท่งเทียน (candlestick) แสดงข้อมูลราคาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 4 ชั่วโมง ข้อมูลแต่ละแท่งจะประกอบด้วย: ราคาเปิด (Open) ราคาปิด (Close) ราคาสูงสุด (High) ราคาต่ำสุด (Low) ใช้ทำอะไร: เหมาะสำหรับการวิเคราะห์เทรนด์ระยะ กลาง นักเทรดนิยมใช้ H4 เพื่อดูแนวโน้มภาพรวมก่อนจะเข้าเทรดใน timeframe ย่อย (เช่น M15 หรือ H1) มักใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์ เช่น EMA, MACD, RSI เพื่อดูความแข็งแรงของแนวโน้ม ตัวอย่าง: ถ้าแท่งเทียน H4 ปิดเป็นแท่งเขียวยาวหลายแท่งติดกัน แสดงว่าในช่วงหลายชั่วโมงล่าสุดมีแรงซื้อชัดเจน
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • ..มนุษย์โง่ลงจริงๆนั้นล่ะ,โง่จากกระบวนการปกครองเพื่อปกครองคนโง่ง่ายกว่าคนไม่โง่,ใช่กฎหมายปกครองคนโง่สะดวกสบายกว่าคนไม่โง่,ควบคุมคนโง่ง่ายกว่าคนไม่โง่,คนโง่มีลักษณะความเป็นทาสที่เชื่อฟังมากกว่าคนไม่โง่ในสายตาของชนชั้นปกครองแบบรัฐบาลที่ปกครองประเทศนั้นๆ,ปัจจุบันอีลิทdeep stateชั่วเลวได้ควบคุมปกครองผู้นำผู้ปกครองในแต่ละประเทศทั่วโลกแล้ว,จึงเป็นไปเพื่อปกครองมนุษย์ให้โง่แบบเชิงฝูงชนได้ง่าย ไปไหนไปด้วยกันไปทางเดียวกันแบบเหมือนคนโง่เข้าใจว่าตนเองตัดสินใจเองไร้บังคับและเต็มใจทำอย่างชาญฉลาดแล้วก็ว่าแต่หารู้ไม่ว่ามันคือกับดักในกรอบความโง่ขององค์รวมทั้งหมดรอบโลกหรือทั่วโลก,ใครที่หลุดงานฉลาดคิดค้นความฉลาดออกมาสาระพัดจะถูกรัฐบาลประเทศนั้นๆกำจัดทิ้งหรือปิดกั้นหรือสร้างเงื่อนไขกติกามิให้มีบริบทออกสู่สาธารณะเพื่อกระจายความฉลาดสร้งสรรค์ให้ขยายกว้างขวางหรือต่อยอดใดๆได้,จะปล่อยควบคุมให้รู้หรือไม่ให้รู้จากรัฐบาลสแกนก่อนเท่านัันจึงจะให้เผยแผ่ออกสู่สาธารณะได้,หรือสร้างกลไกราคาสิ่งนั้นๆแพงมหาศาลโดยอ้างความคิดสร้างสรรค์นัันทำราคารายได้หาผลประโยชน์แก่มันได้,นี้คือตย.วิถีปกครองควบคุมมนุษย์อีกมุมด้าน ทำโง่ลงแบบไม่รู้ตัวทีละนิดให้สะดวกแก่การปกครอง ใครต่อต้านไม่เห็นด้วยก็เอากฎหมายเขียนดักการกระทำลงโทษกำจัดคนแบบนั้นเนียนๆอย่างชอบธรรมในสายตาคนทั่วไปว่าปกครองตามกติกาซึ่งกติกาต่างๆมันเองตีตราออกมาเพื่อมิให้คนคัดค้านเพื่อมิให้เห็นต่างเพื่อสะดวกต่อการทำคนให้โง่ลงเรื่อยๆได้ดีผ่านกาลเวลาในแต่ละยุคสมัยจนควบคุมเบ็ดเสร็จ,ยิ่งถ้าไทยเราหรือย่อมาไทยหากdeep stateโลกปกครองประเทศไทยหลังฉากจริง เช่นบ่อน้ำมันเต็มประเทศไทยมันก็ยึดครอบครองเอาเองแทนคนไทยหมดบนแผ่นดินไทยที่อ้างว่าต่างชาติมาลงทุนในนามได้สัมปทานแดกจากต่างชาติ นักวิชาการเต็มบ้านเต็มเมืองไม่กล้าออกมาพูดผ่านสื่อหลักไทยสักแอะ,ข้าราชการและสส.เต็มบ้านเต็มเมืองก็ไม่ออกมาประชุมบอกความจริงอะไรแก่ประชาชนว่าคนไทยภูกเอาเปรียบและเสียเปรียบแต่แรก,ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์กำไรกลับทำกำไรดีขึ้นเสมอ,แต่ประชาชนใช้น้ำมันราคาแพงเสีย สินค้าทั่วประเทศแบะบริการแพงทั่วหน้าพร้อมกันในทุกๆครั้งที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นเพื่อทำกำไร,เมื่อผิดพลาดก็ไม่เอาปตท.ออกจากตลาดSETหรือยุบการทำหน้าที่ของปตท.ไปมิให้มีบทบาทใดๆต่อพลังงานไทยเพราะเสมือนเอกชนเต็มตัวไปแล้วในความเป็นจริงเช่นนั้นโรงเรียนหรือรัฐวิสาหกิจอื่นๆก็เข้าตลาดsetไปหมดแล้ว,ตลาดsetจริงๆคือเอกชนเท่านั้นเข้าไปเล่น,หน่วยงานรัฐทุกๆกรณีห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวทุกๆกรณี,เพราะในอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบมันส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประชาชนทั้งประเทศ,นี้คือวิถีทำประชาชนให้โง่ให้การปกครองทำได้สำเร็จอีกมุม,ทรัพยากรมากมายมีค่าของประเทศไทยด้วยวิถีปกครองที่deep stateสากลโลกข้ามชาติปกครองหลังฉากเรื่อยมาจึงเป็นอันมากถูกผ่องถ่ายทัังความมั่งคั่งร่ำรวยจนมั่นคงจากประชาชนไทยไปเป็นของต่างชาติหรือเอกชนไทยเองที่เลวชั่วหรือเป็นสมุนรับใช้หรือเป็นนอมินีในหมากมุกอีกตัวในวางสนุ๊คสร้างภาพว่ามิใช่ของต่างชาตินะก็ว่า,ตลอดวิถีการออกกฎหมายมากมายเป็นไปเพื่อควบคุมทาสควบคุมให้คนโง่ขึ้น ตัดขาการพึ่งพาตนเอง และทำให้ยากจนยิ่งสะดวกปกครอง,อาทิ ค่าปรับมากๆในกฎหมายจราจรที่คนใช้มากๆง่ายๆวันนี้ปรับ2,000บาททั้งคนขับขี่และคนนั่งมาด้วยหากไม่สวมหมวกกันน็อค,จริงๆมันชีวิตเขา เขาสามารถทำวิถีชีวิตเขาอิสระเสรีได้หมด อยากใส่หรือไม่อยากใส่คือสิทธิ์อธิไปไตยส่วนตัวเขา ความเสี่ยงปัจเจกบุคคลเขา จะเป็นจะตายเขารับทราบรับรู้เองคนใช้มากๆคือกำไรคือผลประโยชน์แน่นอน ค่าไฟฟ้าเอยที่รัฐบาลผ่องถ่ายการผลิตไฟฟ้าหรือรับซื้อไฟฟ้าแพงๆจากเอกชนมาขายให้ครัวเรือนคนไทยแพงๆแทนได้ซึ่งกูรูมากมายออกมาแฉแล้ว ราคาน้ำมันขึ้นเอย การห้ามเผาฟางในนาข้าวอีกควบคุมคนทีละน้อยมิให้รู้ตัว หรือห้ามจับปลาของชาวบ้านในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเองยิ่งในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพงทำมาหากินลำบากเศรษฐกิจทั่วโลกพัง ตังขาดมือ ร่ำรวยหนี้สิน ตังหาลำบาก ทองแพงขึ้น คนตกงานมากมหาศาล โรงงานย้ายฐานการผลิตและปิดตัวในไทยมากมาย ร้านค้าร้านอาหารจำนวนมากปิดตัวลงเรื่อยๆคนตกงานในอัตราเร่งผิดปกติในขณะที่รายได้คนลงลดทันทีแน่นอน จำเป็นต้องพึ่งตนเองและธรรมชาติในอีกมุมมองของปากท้องของชาวบ้านเสือกห้ามพึ่งพาตนเองหากินในแหล่งธรรมชาติ มุกอีลิทปกครองต่อคนโง่จึงสร้างกติกาเนียนๆมากมายจริงๆนะ ลดบทบาทมิให้ผู้คนหากินพึ่งตนเองได้ ยิ่งคนชาวบ้านยากจนยิ่งสะดวกต่อเอาอ้างข้อกฎหมายเขียนกฎหมายออกมาไปบังคับใช้ประชาชน,เก็บเห็ดในป่าสงวนเอยกลัวคนเข้าไปเห็นการกระทำชั่วในป่า,อดีตถ้าพรบ.เมล็ดพันธ์เกิดขึ้นได้จริงประชาชนยิ่งอาจปลูกนั้นนี้กินเองลำบากอาจติดคุกอีกหากเอกชนเล่นงานเหมือนต่างชาติ ฉีกเมล็ดพันธ์เอกชนไว้ทำพันธ์ุปลูกต่อเป็นการผิดกฎหมายละอองเกษรปลิวไปผสมพันธุ์ไร่นาชาวบ้านต่างชาติมันยังฟ้องว่าชาวบ้านผิดได้,นี้เกิดในยุคยึดอำนาจนะถ้าพรบ.นี้ผ่านออกมาได้ ประชาชนประท้วงจึงถอนทิ้ง,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอีกหรือพรบ.คาร์เครดิตก็ด้วยตัวควบคุมทาสมนุษย์อีกตัว ช่วงหนึ่งแบงค์โปรมาก หมายเอาคาร์บอนเครดิตใช้ร่วมกับการพิจารณาสินเชื่อเงินกู้เลยล่ะและอนาคตพวกมันเครือข่ายเอกชนในหลายๆวงการอุตสาหกรรมพร้อมใจกันร่วมเอาไปใช้เลยล่ะ คุณมีคาร์บอนเครดิตเท่าไรก็ว่า,แทนตังในอนาคตก็ว่าอีก,
    ..มันคือภัยเนียนๆที่ร้ายกาจมาก มิใช่คนโง่ลงแต่ถูกทำให้โง่ลงผ่านกระบวนการกฎหมาย ,และกฎหมายถูกบรรญัติขึ้นสมมุติขึ้นเพื่อเป็นข้ออ้างในการใช้ควบคุมผู้คนและอ้างว่าใช้บังคับร่วมกัน,จริงๆใช้บังคับคนโง่เพื่อควบคุมผู้คนปกครอง,ปกครองในวิถีปกครองได้ง่ายขึ้นของชนชั้นdeep stateอีลิทและเดอะแก๊งมันทั้งหมด.

    https://youtube.com/shorts/3ZRqhoMbdV4?si=kuUTM-AlatbhznZ_
    ..มนุษย์โง่ลงจริงๆนั้นล่ะ,โง่จากกระบวนการปกครองเพื่อปกครองคนโง่ง่ายกว่าคนไม่โง่,ใช่กฎหมายปกครองคนโง่สะดวกสบายกว่าคนไม่โง่,ควบคุมคนโง่ง่ายกว่าคนไม่โง่,คนโง่มีลักษณะความเป็นทาสที่เชื่อฟังมากกว่าคนไม่โง่ในสายตาของชนชั้นปกครองแบบรัฐบาลที่ปกครองประเทศนั้นๆ,ปัจจุบันอีลิทdeep stateชั่วเลวได้ควบคุมปกครองผู้นำผู้ปกครองในแต่ละประเทศทั่วโลกแล้ว,จึงเป็นไปเพื่อปกครองมนุษย์ให้โง่แบบเชิงฝูงชนได้ง่าย ไปไหนไปด้วยกันไปทางเดียวกันแบบเหมือนคนโง่เข้าใจว่าตนเองตัดสินใจเองไร้บังคับและเต็มใจทำอย่างชาญฉลาดแล้วก็ว่าแต่หารู้ไม่ว่ามันคือกับดักในกรอบความโง่ขององค์รวมทั้งหมดรอบโลกหรือทั่วโลก,ใครที่หลุดงานฉลาดคิดค้นความฉลาดออกมาสาระพัดจะถูกรัฐบาลประเทศนั้นๆกำจัดทิ้งหรือปิดกั้นหรือสร้างเงื่อนไขกติกามิให้มีบริบทออกสู่สาธารณะเพื่อกระจายความฉลาดสร้งสรรค์ให้ขยายกว้างขวางหรือต่อยอดใดๆได้,จะปล่อยควบคุมให้รู้หรือไม่ให้รู้จากรัฐบาลสแกนก่อนเท่านัันจึงจะให้เผยแผ่ออกสู่สาธารณะได้,หรือสร้างกลไกราคาสิ่งนั้นๆแพงมหาศาลโดยอ้างความคิดสร้างสรรค์นัันทำราคารายได้หาผลประโยชน์แก่มันได้,นี้คือตย.วิถีปกครองควบคุมมนุษย์อีกมุมด้าน ทำโง่ลงแบบไม่รู้ตัวทีละนิดให้สะดวกแก่การปกครอง ใครต่อต้านไม่เห็นด้วยก็เอากฎหมายเขียนดักการกระทำลงโทษกำจัดคนแบบนั้นเนียนๆอย่างชอบธรรมในสายตาคนทั่วไปว่าปกครองตามกติกาซึ่งกติกาต่างๆมันเองตีตราออกมาเพื่อมิให้คนคัดค้านเพื่อมิให้เห็นต่างเพื่อสะดวกต่อการทำคนให้โง่ลงเรื่อยๆได้ดีผ่านกาลเวลาในแต่ละยุคสมัยจนควบคุมเบ็ดเสร็จ,ยิ่งถ้าไทยเราหรือย่อมาไทยหากdeep stateโลกปกครองประเทศไทยหลังฉากจริง เช่นบ่อน้ำมันเต็มประเทศไทยมันก็ยึดครอบครองเอาเองแทนคนไทยหมดบนแผ่นดินไทยที่อ้างว่าต่างชาติมาลงทุนในนามได้สัมปทานแดกจากต่างชาติ นักวิชาการเต็มบ้านเต็มเมืองไม่กล้าออกมาพูดผ่านสื่อหลักไทยสักแอะ,ข้าราชการและสส.เต็มบ้านเต็มเมืองก็ไม่ออกมาประชุมบอกความจริงอะไรแก่ประชาชนว่าคนไทยภูกเอาเปรียบและเสียเปรียบแต่แรก,ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์กำไรกลับทำกำไรดีขึ้นเสมอ,แต่ประชาชนใช้น้ำมันราคาแพงเสีย สินค้าทั่วประเทศแบะบริการแพงทั่วหน้าพร้อมกันในทุกๆครั้งที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นเพื่อทำกำไร,เมื่อผิดพลาดก็ไม่เอาปตท.ออกจากตลาดSETหรือยุบการทำหน้าที่ของปตท.ไปมิให้มีบทบาทใดๆต่อพลังงานไทยเพราะเสมือนเอกชนเต็มตัวไปแล้วในความเป็นจริงเช่นนั้นโรงเรียนหรือรัฐวิสาหกิจอื่นๆก็เข้าตลาดsetไปหมดแล้ว,ตลาดsetจริงๆคือเอกชนเท่านั้นเข้าไปเล่น,หน่วยงานรัฐทุกๆกรณีห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวทุกๆกรณี,เพราะในอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบมันส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประชาชนทั้งประเทศ,นี้คือวิถีทำประชาชนให้โง่ให้การปกครองทำได้สำเร็จอีกมุม,ทรัพยากรมากมายมีค่าของประเทศไทยด้วยวิถีปกครองที่deep stateสากลโลกข้ามชาติปกครองหลังฉากเรื่อยมาจึงเป็นอันมากถูกผ่องถ่ายทัังความมั่งคั่งร่ำรวยจนมั่นคงจากประชาชนไทยไปเป็นของต่างชาติหรือเอกชนไทยเองที่เลวชั่วหรือเป็นสมุนรับใช้หรือเป็นนอมินีในหมากมุกอีกตัวในวางสนุ๊คสร้างภาพว่ามิใช่ของต่างชาตินะก็ว่า,ตลอดวิถีการออกกฎหมายมากมายเป็นไปเพื่อควบคุมทาสควบคุมให้คนโง่ขึ้น ตัดขาการพึ่งพาตนเอง และทำให้ยากจนยิ่งสะดวกปกครอง,อาทิ ค่าปรับมากๆในกฎหมายจราจรที่คนใช้มากๆง่ายๆวันนี้ปรับ2,000บาททั้งคนขับขี่และคนนั่งมาด้วยหากไม่สวมหมวกกันน็อค,จริงๆมันชีวิตเขา เขาสามารถทำวิถีชีวิตเขาอิสระเสรีได้หมด อยากใส่หรือไม่อยากใส่คือสิทธิ์อธิไปไตยส่วนตัวเขา ความเสี่ยงปัจเจกบุคคลเขา จะเป็นจะตายเขารับทราบรับรู้เองคนใช้มากๆคือกำไรคือผลประโยชน์แน่นอน ค่าไฟฟ้าเอยที่รัฐบาลผ่องถ่ายการผลิตไฟฟ้าหรือรับซื้อไฟฟ้าแพงๆจากเอกชนมาขายให้ครัวเรือนคนไทยแพงๆแทนได้ซึ่งกูรูมากมายออกมาแฉแล้ว ราคาน้ำมันขึ้นเอย การห้ามเผาฟางในนาข้าวอีกควบคุมคนทีละน้อยมิให้รู้ตัว หรือห้ามจับปลาของชาวบ้านในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเองยิ่งในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพงทำมาหากินลำบากเศรษฐกิจทั่วโลกพัง ตังขาดมือ ร่ำรวยหนี้สิน ตังหาลำบาก ทองแพงขึ้น คนตกงานมากมหาศาล โรงงานย้ายฐานการผลิตและปิดตัวในไทยมากมาย ร้านค้าร้านอาหารจำนวนมากปิดตัวลงเรื่อยๆคนตกงานในอัตราเร่งผิดปกติในขณะที่รายได้คนลงลดทันทีแน่นอน จำเป็นต้องพึ่งตนเองและธรรมชาติในอีกมุมมองของปากท้องของชาวบ้านเสือกห้ามพึ่งพาตนเองหากินในแหล่งธรรมชาติ มุกอีลิทปกครองต่อคนโง่จึงสร้างกติกาเนียนๆมากมายจริงๆนะ ลดบทบาทมิให้ผู้คนหากินพึ่งตนเองได้ ยิ่งคนชาวบ้านยากจนยิ่งสะดวกต่อเอาอ้างข้อกฎหมายเขียนกฎหมายออกมาไปบังคับใช้ประชาชน,เก็บเห็ดในป่าสงวนเอยกลัวคนเข้าไปเห็นการกระทำชั่วในป่า,อดีตถ้าพรบ.เมล็ดพันธ์เกิดขึ้นได้จริงประชาชนยิ่งอาจปลูกนั้นนี้กินเองลำบากอาจติดคุกอีกหากเอกชนเล่นงานเหมือนต่างชาติ ฉีกเมล็ดพันธ์เอกชนไว้ทำพันธ์ุปลูกต่อเป็นการผิดกฎหมายละอองเกษรปลิวไปผสมพันธุ์ไร่นาชาวบ้านต่างชาติมันยังฟ้องว่าชาวบ้านผิดได้,นี้เกิดในยุคยึดอำนาจนะถ้าพรบ.นี้ผ่านออกมาได้ ประชาชนประท้วงจึงถอนทิ้ง,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอีกหรือพรบ.คาร์เครดิตก็ด้วยตัวควบคุมทาสมนุษย์อีกตัว ช่วงหนึ่งแบงค์โปรมาก หมายเอาคาร์บอนเครดิตใช้ร่วมกับการพิจารณาสินเชื่อเงินกู้เลยล่ะและอนาคตพวกมันเครือข่ายเอกชนในหลายๆวงการอุตสาหกรรมพร้อมใจกันร่วมเอาไปใช้เลยล่ะ คุณมีคาร์บอนเครดิตเท่าไรก็ว่า,แทนตังในอนาคตก็ว่าอีก, ..มันคือภัยเนียนๆที่ร้ายกาจมาก มิใช่คนโง่ลงแต่ถูกทำให้โง่ลงผ่านกระบวนการกฎหมาย ,และกฎหมายถูกบรรญัติขึ้นสมมุติขึ้นเพื่อเป็นข้ออ้างในการใช้ควบคุมผู้คนและอ้างว่าใช้บังคับร่วมกัน,จริงๆใช้บังคับคนโง่เพื่อควบคุมผู้คนปกครอง,ปกครองในวิถีปกครองได้ง่ายขึ้นของชนชั้นdeep stateอีลิทและเดอะแก๊งมันทั้งหมด. https://youtube.com/shorts/3ZRqhoMbdV4?si=kuUTM-AlatbhznZ_
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • แหล่งข่าวซาอุดีอาระเบียเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซาอุด รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย จำเป็นต้องเลื่อนแผนการเดินทางเยือนเขตเวสต์แบงก์ออกไป เนื่องจากอิสราเอลขัดขวางเส้นทางการเดินทางดังกล่าว

    อิสราเอลให้เหตุผลถึงการขัดขวางดังกล่าวว่า อิสราเอลจะไม่ให้ความร่วมมือกับการเคลื่อนไหวใดๆที่เป็นสัญญาณอันตรายต่อความมั่นคงขอวอิสราเอล โดยในครั้งนี้อิสราเอลอ้างว่าประธานาธิบดีอับบาสของปาเลสไตน์เตรียมใช้การเยือนของเจ้าชายไฟซาล ในการพัฒนาสถานะรัฐของปาเลสไตน์
    แหล่งข่าวซาอุดีอาระเบียเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซาอุด รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย จำเป็นต้องเลื่อนแผนการเดินทางเยือนเขตเวสต์แบงก์ออกไป เนื่องจากอิสราเอลขัดขวางเส้นทางการเดินทางดังกล่าว อิสราเอลให้เหตุผลถึงการขัดขวางดังกล่าวว่า อิสราเอลจะไม่ให้ความร่วมมือกับการเคลื่อนไหวใดๆที่เป็นสัญญาณอันตรายต่อความมั่นคงขอวอิสราเอล โดยในครั้งนี้อิสราเอลอ้างว่าประธานาธิบดีอับบาสของปาเลสไตน์เตรียมใช้การเยือนของเจ้าชายไฟซาล ในการพัฒนาสถานะรัฐของปาเลสไตน์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • **ภาพวาด 24 กตัญญู**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’

    ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย

    เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง

    24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ):

    1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป

    2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา

    3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป

    4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป

    5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ

    6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก

    7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม

    8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา

    9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง

    10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา

    11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น

    12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป

    13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้

    14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว

    15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป

    16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน

    17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย

    18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย

    19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย

    20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด

    21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่

    22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย

    23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ

    24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน

    อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm
    http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html

    #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    **ภาพวาด 24 กตัญญู** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’ ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง 24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ): 1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป 2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา 3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป 4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป 5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ 6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก 7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม 8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา 9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง 10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา 11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น 12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป 13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้ 14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว 15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป 16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน 17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย 18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย 19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย 20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด 21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่ 22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย 23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ 24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00 http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    NEWS.QQ.COM
    《九重紫》暴露了他好身材,长相人畜无害,却脱衣有肉穿衣显瘦_腾讯新闻
    由孟子义、李昀锐主演的电视剧《九重紫》,自开播以来,热度迅速攀升,播到15集,站内热度破了29000,有望展望30000了。 这个成绩在今年古装剧中是相当牛了,要知道,腾讯今年的古装剧热度....
    3 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.123 : อาเซียน ใน สมรภูมิ AI
    .
    สัปดาห์นี้ทีมงานบูรพาไม่แพ้ เดินทางไปที่มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เพื่อร่วมการสัมมนาที่จัดขึ้นโดย Asean China Centre ในเรื่อง “การใช้เอไอ เพิ่มความร่วมมือด้านการสื่อสารในภูมิภาค”
    .
    พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้เราจะมาถ่ายทอดมุมมองของประเทศจีน และ ประเทศอาเซียน ว่ามีการใช้งานเอไออย่างไรบ้าง รวมถึงว่า เอไอส่งผลกระทบอย่างไรต่อการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในประเทศอาเซียน เพราะว่าเอไอกำลังกลายเป็น สมรภูมิใหม่ ทั้งในด้านการแข่งขันทางเทคโนโลยี และอิทธิพลระหว่างประเทศอีกด้วย
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=3c_9FiYlkLI
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #จีนอาเซียน #ปัญญาประดิษฐ์ #AI
    บูรพาไม่แพ้ Ep.123 : อาเซียน ใน สมรภูมิ AI . สัปดาห์นี้ทีมงานบูรพาไม่แพ้ เดินทางไปที่มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เพื่อร่วมการสัมมนาที่จัดขึ้นโดย Asean China Centre ในเรื่อง “การใช้เอไอ เพิ่มความร่วมมือด้านการสื่อสารในภูมิภาค” . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้เราจะมาถ่ายทอดมุมมองของประเทศจีน และ ประเทศอาเซียน ว่ามีการใช้งานเอไออย่างไรบ้าง รวมถึงว่า เอไอส่งผลกระทบอย่างไรต่อการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในประเทศอาเซียน เพราะว่าเอไอกำลังกลายเป็น สมรภูมิใหม่ ทั้งในด้านการแข่งขันทางเทคโนโลยี และอิทธิพลระหว่างประเทศอีกด้วย . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=3c_9FiYlkLI . #บูรพาไม่แพ้ #จีนอาเซียน #ปัญญาประดิษฐ์ #AI
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • ดิน น้ำ ลมไฟในร่างกายเราเกิดมาจากการปฏิสนธิ ภาษาบาลี ก่อขึ้นเป็นรูปร่าง (สัตว์ก็ปฏิสนธิ) สวยงาม ที่ภาษาพูด มีวัฒนธรรมฯ พิเศษกว่าสัตว์ทุกชนิดบนโลก แต่ฆ่ากันยิ่งกว่าสัตว์..
    ดิน น้ำ ลมไฟในร่างกายเราเกิดมาจากการปฏิสนธิ ภาษาบาลี ก่อขึ้นเป็นรูปร่าง (สัตว์ก็ปฏิสนธิ) สวยงาม ที่ภาษาพูด มีวัฒนธรรมฯ พิเศษกว่าสัตว์ทุกชนิดบนโลก แต่ฆ่ากันยิ่งกว่าสัตว์..
    0 Comments 0 Shares 24 Views 0 Reviews
  • กองทัพว้าใต้ที่มีพื้นที่ติดกับภาคเหนือของไทย นำทหารใหม่ 2,000 นาย เดินสวนสนามแสดงแสนยานุภาพ ในวันเดียวกับที่ทักษิณ ชินวัตร ประกาศกร้าว ขู่จะจัดการว้าแดงด้วยตัวเอง

    วานนี้ (30 พ.ค.) เพจ Wa News Land ที่เป็นกระบอกเสียงของกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมา ได้เผยแพร่ภาพพิธีสวนสนามและปฏิญานตนของทหารใหม่ สังกัดเขตทหาร 171 หรือกองทัพว้าใต้ ซึ่งเพิ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ไปพูดในงานปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ"ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน" ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)

    โดยเนื้อหาในการปาฐกถาวันนั้น นายทักษิณได้กล่าวว่าพื้นที่ของกองทัพว้าในรัฐฉาน ถูกใช้เป็นแหล่งผลิตยาเสพติดหลักที่ส่งเข้ามาขายในประเทศไทย พร้อมขู่ว่าจะเข้าไปจัดการกับกองทัพว้าด้วยตนเอง เพราะถือว่าเป็นศัตรู

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000051097

    #MGROnline #กองทัพว้าใต้

    กองทัพว้าใต้ที่มีพื้นที่ติดกับภาคเหนือของไทย นำทหารใหม่ 2,000 นาย เดินสวนสนามแสดงแสนยานุภาพ ในวันเดียวกับที่ทักษิณ ชินวัตร ประกาศกร้าว ขู่จะจัดการว้าแดงด้วยตัวเอง • วานนี้ (30 พ.ค.) เพจ Wa News Land ที่เป็นกระบอกเสียงของกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมา ได้เผยแพร่ภาพพิธีสวนสนามและปฏิญานตนของทหารใหม่ สังกัดเขตทหาร 171 หรือกองทัพว้าใต้ ซึ่งเพิ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ไปพูดในงานปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ"ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน" ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) • โดยเนื้อหาในการปาฐกถาวันนั้น นายทักษิณได้กล่าวว่าพื้นที่ของกองทัพว้าในรัฐฉาน ถูกใช้เป็นแหล่งผลิตยาเสพติดหลักที่ส่งเข้ามาขายในประเทศไทย พร้อมขู่ว่าจะเข้าไปจัดการกับกองทัพว้าด้วยตนเอง เพราะถือว่าเป็นศัตรู • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000051097 • #MGROnline #กองทัพว้าใต้
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • Maria Zakharova โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวถึงการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กำลังจะมีขึ้นในอิสตันบูล:

    ➡️จะไม่มีบุคคลที่สามมีส่วนร่วมในการเจรจาจากบุคคลที่สาม ไม่ว่าจะเป็นตุรกีหรือประเทศอื่นใด

    ➡️คณะผู้แทนรัสเซียจะเดินทางมาถึงอิสตันบูลในวันที่ 2 มิถุนายน พร้อมกับบันทึกข้อตกลงหยุดยิงและข้อเสนอเพิ่มเติม

    ➡️รัสเซียทราบแล้วถึงข้อความของ Kellogg ผู้แทนพิศษของทรัมป์เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เยอรมนี และฝรั่งเศสกำลังเดินทางมาอิสตันบูลในวันนั้นเช่นกัน

    ➡️แต่มอสโกยังมองไม่เห็นความจำเป็นถึงความเชื่อมโยงที่ต้องให้ประเทศเหล่านั้นเข้ามามีส่วนร่วมระหว่างการเจรจาโดยตรงกับยูเครน
    Maria Zakharova โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวถึงการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กำลังจะมีขึ้นในอิสตันบูล: ➡️จะไม่มีบุคคลที่สามมีส่วนร่วมในการเจรจาจากบุคคลที่สาม ไม่ว่าจะเป็นตุรกีหรือประเทศอื่นใด ➡️คณะผู้แทนรัสเซียจะเดินทางมาถึงอิสตันบูลในวันที่ 2 มิถุนายน พร้อมกับบันทึกข้อตกลงหยุดยิงและข้อเสนอเพิ่มเติม ➡️รัสเซียทราบแล้วถึงข้อความของ Kellogg ผู้แทนพิศษของทรัมป์เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เยอรมนี และฝรั่งเศสกำลังเดินทางมาอิสตันบูลในวันนั้นเช่นกัน ➡️แต่มอสโกยังมองไม่เห็นความจำเป็นถึงความเชื่อมโยงที่ต้องให้ประเทศเหล่านั้นเข้ามามีส่วนร่วมระหว่างการเจรจาโดยตรงกับยูเครน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • มันก็ใกล้เข้ามาแล้วหนายอดดวงใจ
    ได้กลับไปอยู่ข้างในซะที
    อยู่ในนั้นมันไม่ต้องพล่านอย่างนี้
    นั่นแหละดีจะทำให้โลกพัฒนา
    อยู่ข้างในอย่าได้มีวันรื่นรมย์
    ให้มันสมกับที่เธอทำชั่วช้า
    เอาไปขังกักไว้ข้างในห้องกรง
    ตามประสงค์คนทั่วกันทั้งพารา
    ค่อยออกมาค่อยออกมาตอนตาย
    มันก็ใกล้เข้ามาแล้วหนายอดดวงใจ
    ได้กลับไปอยู่ข้างในสบาย
    อยู่ในนั้นไปชั่วฟ้าดินสลาย
    หากไม่ตายก็อย่าได้หามออกมา
    https://youtu.be/0AoZkHFiSFA
    มันก็ใกล้เข้ามาแล้วหนายอดดวงใจ ได้กลับไปอยู่ข้างในซะที อยู่ในนั้นมันไม่ต้องพล่านอย่างนี้ นั่นแหละดีจะทำให้โลกพัฒนา อยู่ข้างในอย่าได้มีวันรื่นรมย์ ให้มันสมกับที่เธอทำชั่วช้า เอาไปขังกักไว้ข้างในห้องกรง ตามประสงค์คนทั่วกันทั้งพารา ค่อยออกมาค่อยออกมาตอนตาย มันก็ใกล้เข้ามาแล้วหนายอดดวงใจ ได้กลับไปอยู่ข้างในสบาย อยู่ในนั้นไปชั่วฟ้าดินสลาย หากไม่ตายก็อย่าได้หามออกมา https://youtu.be/0AoZkHFiSFA
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • อเวจี แปลว่า: "ปราศจากคลื่น"หรือ "ไม่มีการหยุดพัก" (ลงโทษไม่มีการพัก)) คือนรกขุมที่ลึกที่สุดในบรรดามหานรก 8 ขุมที่ปรากฏในพระไตรปิฎกChoawalit Chotwattanaphong ถือเป็นหนึ่งในนรกตามศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูในภายหลัง[2] ในศาสนาพุทธสื่อถึงดินแดนนรกชั้นต่ำสุดที่ผู้มีบาปกรรมอันร้ายแรงมีความทุกข์ทรมานสุด[3] กล่าวกันว่าแต่ละด้านยาว 20,000 โยชน์ (240,000 ถึง 300,000 กิโลเมตร) อยู่ใต้อรูปภูมิ[4] ในศาสนาฮินดู อเวจีเป็นหนึ่งใน 28 ขุมนรกในดินแดนของพระยม ผู้ที่อยู่ในนี้เคยเป็นพยานเท็จและให้ความเท็จขณะทำธุรกิจหรือให้การกุศล[5]
    อเวจี แปลว่า: "ปราศจากคลื่น"หรือ "ไม่มีการหยุดพัก" (ลงโทษไม่มีการพัก)) คือนรกขุมที่ลึกที่สุดในบรรดามหานรก 8 ขุมที่ปรากฏในพระไตรปิฎก[1] ถือเป็นหนึ่งในนรกตามศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูในภายหลัง[2] ในศาสนาพุทธสื่อถึงดินแดนนรกชั้นต่ำสุดที่ผู้มีบาปกรรมอันร้ายแรงมีความทุกข์ทรมานสุด[3] กล่าวกันว่าแต่ละด้านยาว 20,000 โยชน์ (240,000 ถึง 300,000 กิโลเมตร) อยู่ใต้อรูปภูมิ[4] ในศาสนาฮินดู อเวจีเป็นหนึ่งใน 28 ขุมนรกในดินแดนของพระยม ผู้ที่อยู่ในนี้เคยเป็นพยานเท็จและให้ความเท็จขณะทำธุรกิจหรือให้การกุศล[5]
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • 🕯️ อธิษฐานแบบพุทธ...ไม่ได้ขอให้ “ได้” แต่ขอให้ “เป็น”

    เราโตมากับการสอนว่า
    “ทำบุญแล้วก็ขอให้ถูกหวย ขอให้รวย ขอให้เจอคนดี ขอให้สมหวังในรัก...”
    ฟังดูดี...แต่จริงๆ แล้วอันตรายไม่น้อย
    เพราะมันปลูกนิสัย “รอรับ” มากกว่า “ลุกขึ้นทำ”

    💬 อธิษฐานแบบขอทำ ไม่ใช่ขอรับ

    การอธิษฐานตามแนวพุทธ
    ไม่ใช่ขอให้ได้สิ่งนั้นสิ่งนี้จากฟ้า
    แต่คือการเปล่งเจตนาอย่างรู้ตัว
    ในจิตที่สว่าง สดชื่นหลังทำความดี
    เพื่อ หนุนใจให้ลงมือทำในสิ่งที่ถูกต้อง

    “ขอให้บุญนี้ ช่วยให้ใจไม่ย่อท้อ
    ขอให้ความดีที่ทำ เป็นแรงค้ำให้ก้าวเดินด้วยตัวเอง”

    🌱 ขอให้เกิดผลทางใจ ไม่ใช่ผลทางกาย

    ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของการอธิษฐาน
    ไม่ใช่บ้าน รถ เงินทอง
    แต่คือ ใจที่มั่นคงขึ้น สว่างขึ้น แข็งแกร่งขึ้น
    เมื่ออธิษฐานในจังหวะที่จิตละเอียด
    จะเป็นแรงสั่นสะเทือนที่มีพลังที่สุด

    “ขอให้ข้าพเจ้า…เลิกฟุ้งซ่านได้
    เพราะรู้สึกถึงใจอ่อนโยนที่เกิดจากการกราบพระ”

    🪷 อธิษฐานให้ปล่อย ไม่ใช่ผูก

    การอธิษฐานที่ลึกที่สุด
    ไม่ใช่ “ขอให้ได้ชาติหน้าดีๆ”
    แต่คือ “ขอให้ปล่อยวางได้ก่อนหมดลมหายใจ”
    เพราะนั่นแหละ…คือ การไม่ผูกกรรมเพิ่ม

    “ขอให้บุญที่ทำทั้งหมด เป็นเหตุให้ใจนี้
    ยอมคืนขันธ์ทั้งหลายได้ด้วยความสงบ”

    ✨ ธรรมแท้ไม่สอนให้ขอพร
    แต่สอนให้ ใช้พรในใจเราเองให้เต็มกำลัง

    จะอธิษฐานอะไรก็ตาม
    ขอให้ลงท้ายด้วย...การเป็นคนที่กล้าทำ กล้าปล่อย
    และกล้ารับผิดชอบชีวิตตนเองอย่างแท้จริง
    🕯️ อธิษฐานแบบพุทธ...ไม่ได้ขอให้ “ได้” แต่ขอให้ “เป็น” เราโตมากับการสอนว่า “ทำบุญแล้วก็ขอให้ถูกหวย ขอให้รวย ขอให้เจอคนดี ขอให้สมหวังในรัก...” ฟังดูดี...แต่จริงๆ แล้วอันตรายไม่น้อย เพราะมันปลูกนิสัย “รอรับ” มากกว่า “ลุกขึ้นทำ” 💬 อธิษฐานแบบขอทำ ไม่ใช่ขอรับ การอธิษฐานตามแนวพุทธ ไม่ใช่ขอให้ได้สิ่งนั้นสิ่งนี้จากฟ้า แต่คือการเปล่งเจตนาอย่างรู้ตัว ในจิตที่สว่าง สดชื่นหลังทำความดี เพื่อ หนุนใจให้ลงมือทำในสิ่งที่ถูกต้อง “ขอให้บุญนี้ ช่วยให้ใจไม่ย่อท้อ ขอให้ความดีที่ทำ เป็นแรงค้ำให้ก้าวเดินด้วยตัวเอง” 🌱 ขอให้เกิดผลทางใจ ไม่ใช่ผลทางกาย ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของการอธิษฐาน ไม่ใช่บ้าน รถ เงินทอง แต่คือ ใจที่มั่นคงขึ้น สว่างขึ้น แข็งแกร่งขึ้น เมื่ออธิษฐานในจังหวะที่จิตละเอียด จะเป็นแรงสั่นสะเทือนที่มีพลังที่สุด “ขอให้ข้าพเจ้า…เลิกฟุ้งซ่านได้ เพราะรู้สึกถึงใจอ่อนโยนที่เกิดจากการกราบพระ” 🪷 อธิษฐานให้ปล่อย ไม่ใช่ผูก การอธิษฐานที่ลึกที่สุด ไม่ใช่ “ขอให้ได้ชาติหน้าดีๆ” แต่คือ “ขอให้ปล่อยวางได้ก่อนหมดลมหายใจ” เพราะนั่นแหละ…คือ การไม่ผูกกรรมเพิ่ม “ขอให้บุญที่ทำทั้งหมด เป็นเหตุให้ใจนี้ ยอมคืนขันธ์ทั้งหลายได้ด้วยความสงบ” ✨ ธรรมแท้ไม่สอนให้ขอพร แต่สอนให้ ใช้พรในใจเราเองให้เต็มกำลัง จะอธิษฐานอะไรก็ตาม ขอให้ลงท้ายด้วย...การเป็นคนที่กล้าทำ กล้าปล่อย และกล้ารับผิดชอบชีวิตตนเองอย่างแท้จริง
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​กามเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้
    สัทธรรมลำดับที่ : 268
    ชื่อบทธรรม :- กามเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=268
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --กามเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้
    --คฤหบดี ! เปรียบเหมือนป่าใหญ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลหมู่บ้านหรือนิคมนัก.
    ในป่าใหญ่นั้น มีต้นไม้ ซึ่งมีผลน่ากินด้วย ดกด้วย,
    ส่วนผลที่หล่นอยู่ตามพื้นดินไม่มีเลย.
    ครั้งนั้น
    -มีบุรุษผู้หนึ่งผ่านมา เป็นผู้ต้องการด้วยผลไม้ เที่ยวแสวงหาผลไม้อยู่,
    เขาเข้าไปยังป่านั้นแล้ว พบต้นไม้ต้นนั้นแล้วคิดว่า
    “ต้นไม้นี้มีผลน่ากินด้วย ดกด้วย ส่วนผลที่หล่นอยู่ตามพื้นดินไม่มีเลย
    และเราก็รู้จักวิธีขึ้นต้นไม้อยู่,
    ถ้าไฉน เราขึ้นสู่ต้นไม้นี้แล้ว จะพึงกินผลไม้ตามความพอใจด้วย
    จะพึงยังห่อให้เต็มด้วย”
    ดังนี้แล้ว
    เขาก็ขึ้นสู่ต้นไม้นั้น เก็บกินตามความพอใจด้วย ห่อจนเต็มห่อด้วย.
    ในลำดับนั้นเอง
    -บุรุษคนที่สอง ซึ่งเป็นผู้ต้องการด้วยผลไม้ เที่ยวแสวงหาผลไม้อย่างเดียวกัน
    ถือขวานคมผ่านมาที่นั้น,
    เขาเข้าไปยังป่านั้นแล้วก็พบต้นไม้ต้นเดียวนั้น ซึ่งมีผลน่ากินด้วย ดกด้วย,
    เขาจึง คิดว่า
    “ต้นไม้นี้ มีผลน่ากินด้วย ดกด้วย ส่วนผลที่หล่นอยู่ตามพื้นดินไม่มีเลย
    และเราก็ไม่รู้จักวิธีขึ้นต้นไม้,
    ถ้าไฉน เราจะโค่นมันที่โคน แล้วจะพึงกินผลไม้ตามความพอใจด้วย
    จะพึงยังห่อให้เต็มด้วย”
    ดังนี้แล้ว เขาจึงโค่นต้นไม้นั้นที่โคน.
    --คฤหบดี ! ท่านจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร ?
    บุรุษผู้ขึ้นอยู่บนต้นไม้คนแรก,
    ถ้าเขาไม่รีบลงมาโดยเร็วไซร้,
    เมื่อต้นไม้นั้นล้มลง,
    เขาก็จะต้องมือหักบ้าง เท้าหักบ้าง
    หรืออวัยวะน้อยใหญ่ส่วนใดส่วนหนึ่งหักบ้าง โดยแท้.
    บุรุษผู้นั้น ก็จะถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย
    เพราะข้อนั้น เป็นเหตุ มิใช่หรือ ?
    --“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    --คฤหบดี ! ด้วยเหตุนี้แหละ
    สาวกของพระอริยเจ้า ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้ ว่า
    “กามทั้งหลาย อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วว่า
    #มีอุปมาด้วยผลไม้ เป็นสิ่งที่ให้เกิดทุกข์มาก
    http://etipitaka.com/read/pali/13/45/?keywords=รุกฺขผลูปมา+กามา
    ทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษ อย่างยิ่ง”
    ดังนี้,
    ครั้นเห็นกามนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้แล้ว
    ก็เว้นเสียโดยเด็ดขาด ซึ่งความเพ่ง มีประการต่าง ๆ อันอาศัยอารมณ์ต่าง ๆ (กามคุณห้า),
    แล้วเจริญซึ่งความเพ่งอันเดียว อันอาศัยอารมณ์อันเดียว
    (เช่นเจริญอุเบกขาที่เป็นองค์ของจตุตถฌาน)
    อันเป็นที่ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือของ อุปาทานอันมีอยู่ในเหยื่อโลก
    โดยประการทั้งปวง แล.-

    #ทุกขสมุทัย#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ม. ม. 13/39/53.
    http://etipitaka.com/read/thai/13/39/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ม. ม. ๑๓/๔๔/๕๓.
    http://etipitaka.com/read/pali/13/44/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%93
    ศึกษาเพิ่มเติม....
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=268
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=268
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18
    ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    อริยสาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​กามเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้ สัทธรรมลำดับที่ : 268 ชื่อบทธรรม :- กามเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=268 เนื้อความทั้งหมด :- --กามเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้ --คฤหบดี ! เปรียบเหมือนป่าใหญ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลหมู่บ้านหรือนิคมนัก. ในป่าใหญ่นั้น มีต้นไม้ ซึ่งมีผลน่ากินด้วย ดกด้วย, ส่วนผลที่หล่นอยู่ตามพื้นดินไม่มีเลย. ครั้งนั้น -มีบุรุษผู้หนึ่งผ่านมา เป็นผู้ต้องการด้วยผลไม้ เที่ยวแสวงหาผลไม้อยู่, เขาเข้าไปยังป่านั้นแล้ว พบต้นไม้ต้นนั้นแล้วคิดว่า “ต้นไม้นี้มีผลน่ากินด้วย ดกด้วย ส่วนผลที่หล่นอยู่ตามพื้นดินไม่มีเลย และเราก็รู้จักวิธีขึ้นต้นไม้อยู่, ถ้าไฉน เราขึ้นสู่ต้นไม้นี้แล้ว จะพึงกินผลไม้ตามความพอใจด้วย จะพึงยังห่อให้เต็มด้วย” ดังนี้แล้ว เขาก็ขึ้นสู่ต้นไม้นั้น เก็บกินตามความพอใจด้วย ห่อจนเต็มห่อด้วย. ในลำดับนั้นเอง -บุรุษคนที่สอง ซึ่งเป็นผู้ต้องการด้วยผลไม้ เที่ยวแสวงหาผลไม้อย่างเดียวกัน ถือขวานคมผ่านมาที่นั้น, เขาเข้าไปยังป่านั้นแล้วก็พบต้นไม้ต้นเดียวนั้น ซึ่งมีผลน่ากินด้วย ดกด้วย, เขาจึง คิดว่า “ต้นไม้นี้ มีผลน่ากินด้วย ดกด้วย ส่วนผลที่หล่นอยู่ตามพื้นดินไม่มีเลย และเราก็ไม่รู้จักวิธีขึ้นต้นไม้, ถ้าไฉน เราจะโค่นมันที่โคน แล้วจะพึงกินผลไม้ตามความพอใจด้วย จะพึงยังห่อให้เต็มด้วย” ดังนี้แล้ว เขาจึงโค่นต้นไม้นั้นที่โคน. --คฤหบดี ! ท่านจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร ? บุรุษผู้ขึ้นอยู่บนต้นไม้คนแรก, ถ้าเขาไม่รีบลงมาโดยเร็วไซร้, เมื่อต้นไม้นั้นล้มลง, เขาก็จะต้องมือหักบ้าง เท้าหักบ้าง หรืออวัยวะน้อยใหญ่ส่วนใดส่วนหนึ่งหักบ้าง โดยแท้. บุรุษผู้นั้น ก็จะถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย เพราะข้อนั้น เป็นเหตุ มิใช่หรือ ? --“อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” --คฤหบดี ! ด้วยเหตุนี้แหละ สาวกของพระอริยเจ้า ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้ ว่า “กามทั้งหลาย อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วว่า #มีอุปมาด้วยผลไม้ เป็นสิ่งที่ให้เกิดทุกข์มาก http://etipitaka.com/read/pali/13/45/?keywords=รุกฺขผลูปมา+กามา ทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษ อย่างยิ่ง” ดังนี้, ครั้นเห็นกามนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้แล้ว ก็เว้นเสียโดยเด็ดขาด ซึ่งความเพ่ง มีประการต่าง ๆ อันอาศัยอารมณ์ต่าง ๆ (กามคุณห้า), แล้วเจริญซึ่งความเพ่งอันเดียว อันอาศัยอารมณ์อันเดียว (เช่นเจริญอุเบกขาที่เป็นองค์ของจตุตถฌาน) อันเป็นที่ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือของ อุปาทานอันมีอยู่ในเหยื่อโลก โดยประการทั้งปวง แล.- #ทุกขสมุทัย​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ม. ม. 13/39/53. http://etipitaka.com/read/thai/13/39/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ม. ม. ๑๓/๔๔/๕๓. http://etipitaka.com/read/pali/13/44/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=268 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=268 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18 ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - กามเปรียบด้วยผลไม้
    -กามเปรียบด้วยผลไม้ คฤหบดี ! เปรียบเหมือนป่าใหญ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลหมู่บ้านหรือนิคมนัก. ในป่าใหญ่นั้น มีต้นไม้ ซึ่งมีผลน่ากินด้วย ดกด้วย, ส่วนผลที่หล่นอยู่ตามพื้นดินไม่มีเลย. ครั้งนั้น มีบุรุษผู้หนึ่งผ่านมา เป็นผู้ต้องการด้วยผลไม้ เที่ยว แสวงหาผลไม้อยู่, เขาเข้าไปยังป่านั้นแล้ว พบต้นไม้ต้นนั้นแล้วคิดว่า “ต้นไม้นี้มีผลน่ากินด้วย ดกด้วย ส่วนผลที่หล่นอยู่ตามพื้นดินไม่มีเลย และเราก็รู้จักวิธีขึ้นต้นไม้อยู่, ถ้าไฉน เราขึ้นสู่ต้นไม้นี้แล้ว จะพึงกินผลไม้ตามความพอใจ ด้วย จะพึงยังห่อให้เต็มด้วย” ดังนี้แล้ว เขาก็ขึ้นสู่ต้นไม้นั้น เก็บกินตามความพอใจด้วย ห่อจนเต็มห่อด้วย. ในลำดับนั้นเอง บุรุษคนที่สอง ซึ่งเป็นผู้ต้องการด้วยผลไม้ เที่ยวแสวงหาผลไม้อย่างเดียวกัน ถือขวานคมผ่านมาที่นั้น, เขาเข้าไปยังป่านั้นแล้วก็พบต้นไม้ต้นเดียวนั้น ซึ่งมีผลน่ากินด้วย ดกด้วย, เขาจึง คิดว่า “ต้นไม้นี้ มีผลน่ากินด้วย ดกด้วย ส่วนผลที่หล่นอยู่ตามพื้นดินไม่มีเลย และเราก็ไม่รู้จักวิธีขึ้นต้นไม้, ถ้าไฉน เราจะโค่นมันที่โคน แล้วจะพึงกินผลไม้ตามความพอใจด้วย จะพึงยังห่อให้เต็มด้วย” ดังนี้แล้ว เขาจึงโค่นต้นไม้นั้นที่โคน. คฤหบดี ! ท่านจะสำคัญความข้อนั้นว่าอย่างไร ? บุรุษผู้ขึ้นอยู่บนต้นไม้คนแรก, ถ้าเขาไม่รีบลงมาโดยเร็วไซร้, เมื่อต้นไม้นั้นล้มลง, เขาก็จะต้องมือหักบ้าง เท้าหักบ้าง หรืออวัยวะน้อยใหญ่ส่วนใดส่วนหนึ่งหักบ้าง โดยแท้. บุรุษผู้นั้น ก็จะถึงซึ่งความตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย เพราะข้อนั้น เป็นเหตุ มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” คฤหบดี ! ด้วยเหตุนี้แหละ สาวกของพระอริยเจ้า ย่อมพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ดังนี้ ว่า “กามทั้งหลาย อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วว่า มีอุปมาด้วยผลไม้ เป็นสิ่งที่ให้เกิดทุกข์มาก ทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษ อย่างยิ่ง” ดังนี้, ครั้นเห็นกามนั้น ด้วยปัญญาอันชอบ ตามที่เป็นจริงอย่างนี้ แล้ว ก็เว้นเสียโดยเด็ดขาด ซึ่งความเพ่ง มีประการต่าง ๆ อันอาศัยอารมณ์ต่าง ๆ (กามคุณห้า), แล้วเจริญซึ่งความเพ่งอันเดียว อันอาศัยอารมณ์อันเดียว (เช่นเจริญอุเบกขาที่เป็นองค์ของจตุตถฌาน) อันเป็นที่ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือของ อุปาทานอันมีอยู่ในเหยื่อโลก โดยประการทั้งปวง แล.
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • เหยื่อนักแสดง จากรักแรกพบสู่ตราบาป

    ในวันที่ 16 มิ.ย. เอียน ฟาง เหวยจี้ (Ian Fang Weijie) อดีตนักแสดงค่ายมีเดียคอร์ป (Mediacorp) สิงคโปร์ สัญชาติจีนวัย 35 ปี จะต้องเข้าไปรับโทษจำคุก 40 เดือน ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน หลังแม่ของเหยื่อ ซึ่งเป็นเยาวชนหญิงวัย 15 ปี แจ้งความว่าลูกสาวถูกอดีตนักแสดงหนุ่มล่วงละเมิดทางเพศมาแล้ว 5 ครั้ง ส่วนใหญ่ไม่ป้องกัน ก่อนที่ลูกสาวจะมีอาการเจ็บที่อวัยวะเพศ และตรวจพบว่าติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    แม่ของเหยื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น 8Days ของสิงคโปร์ ว่า ลูกสาวรู้จักกับเอียน ฟาง เมื่อปี 2567 จากงานบันเทิงงานหนึ่ง ขณะเป็นครูสอนการแสดง เมื่อถามลูกสาวถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ก็เปิดเผยว่า เอียน ฟาง ยอมวิ่งไปสองถนนเพื่อซื้อชาไข่มุกให้ และยอมเดินไปส่งกลับบ้านหลังเลิกเรียน แม้จะต้องเดินเท้านานแค่ไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกสาวรู้สึกว่าเป็น "รักครั้งแรก" ที่เริ่มสั่นไหว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกลอุบายที่ทำให้ลูกสาวมีความสุข ด้วยการให้ลูกสาวสักรอยจูบสีแดงไว้บนไหล่ของเขา

    ก่อนที่รูปรอยสักดังกล่าวจะปรากฎในโซเชียลมีเดียของเขา พร้อมคำบรรยาย "น้ำตาจะไหลก่อนที่จะพูดออกมาได้" หลังถูกจับกุมและได้ประกันตัว แม่ของเหยื่อเชื่อว่าแสร้งทำเป็นสงสารและเสียใจเพื่อให้คนอื่นเห็นใจ และเรียกร้องความสนใจไปยังลูกสาว

    เมื่อเอียน ฟาง พาลูกสาวออกไปข้างนอก เขาไม่เคยปรากฎตัวในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยอีกเลย แต่ทำตัวเป็นคนเรียบง่ายเหมือนคนดังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครจำหน้าได้ พร้อมบังคับให้ลูกสาวใส่หน้ากากและแว่นกันแดด ทำให้ลูกสาวคิดว่าดูมีเสน่ห์ เหมือนดาราที่ถูกปาปารัสซี่ติดตาม แถมยังพาลูกสาวไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่เอียน ฟาง จะได้รับสิทธิ์ทานฟรีในฐานะนักแสดง ทำให้ลูกสาวคิดว่าเขาเป็นคนดังจริงๆ เพราะเขาไม่เคยต้องจ่ายเงินค่าอาหารมื้อนั้นแม้แต่เหรียญเดียว

    นอกจากนี้ เอียน ฟาง มักจะคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับชื่อเสียงของเขา บอกว่าแฟนคลับชื่นชอบเขา และมักจะมอบของขวัญให้เขาอยู่เสมอ อ้างว่าของใช้ในบ้านและเสื้อผ้าหลายชิ้นเป็นของขวัญที่แฟนคลับมอบให้ รวมทั้งยังมีวิธีเกี้ยวพาราสีอื่นๆ เช่น พยายามค้นหาว่าผู้หญิงคนนี้ชอบอาหารอะไร แล้วไปซื้ออาหารแช่แข็งจากซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นก็ลงมือทำอาหารเอง แล้วบอกผู้หญิงว่า อาหารนั้นทำขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับเธอ

    ตามรายงานข่าวระบุว่า หลังเอียน ฟาง ถูกจับกุม พยายามติดต่อเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดียหลายครั้ง โน้มน้าวให้แม่ถอนแจ้งความ บอกว่าถ้าติดคุกจะฆ่าตัวตาย ขณะที่เหยื่อต้องรักษาอาการทางจิต เพราะสูญเสียความมั่นใจและไม่มีความสุขอีกต่อไป

    #Newskit

    หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 4 มิ.ย. 2568
    เหยื่อนักแสดง จากรักแรกพบสู่ตราบาป ในวันที่ 16 มิ.ย. เอียน ฟาง เหวยจี้ (Ian Fang Weijie) อดีตนักแสดงค่ายมีเดียคอร์ป (Mediacorp) สิงคโปร์ สัญชาติจีนวัย 35 ปี จะต้องเข้าไปรับโทษจำคุก 40 เดือน ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน หลังแม่ของเหยื่อ ซึ่งเป็นเยาวชนหญิงวัย 15 ปี แจ้งความว่าลูกสาวถูกอดีตนักแสดงหนุ่มล่วงละเมิดทางเพศมาแล้ว 5 ครั้ง ส่วนใหญ่ไม่ป้องกัน ก่อนที่ลูกสาวจะมีอาการเจ็บที่อวัยวะเพศ และตรวจพบว่าติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แม่ของเหยื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น 8Days ของสิงคโปร์ ว่า ลูกสาวรู้จักกับเอียน ฟาง เมื่อปี 2567 จากงานบันเทิงงานหนึ่ง ขณะเป็นครูสอนการแสดง เมื่อถามลูกสาวถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ก็เปิดเผยว่า เอียน ฟาง ยอมวิ่งไปสองถนนเพื่อซื้อชาไข่มุกให้ และยอมเดินไปส่งกลับบ้านหลังเลิกเรียน แม้จะต้องเดินเท้านานแค่ไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกสาวรู้สึกว่าเป็น "รักครั้งแรก" ที่เริ่มสั่นไหว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกลอุบายที่ทำให้ลูกสาวมีความสุข ด้วยการให้ลูกสาวสักรอยจูบสีแดงไว้บนไหล่ของเขา ก่อนที่รูปรอยสักดังกล่าวจะปรากฎในโซเชียลมีเดียของเขา พร้อมคำบรรยาย "น้ำตาจะไหลก่อนที่จะพูดออกมาได้" หลังถูกจับกุมและได้ประกันตัว แม่ของเหยื่อเชื่อว่าแสร้งทำเป็นสงสารและเสียใจเพื่อให้คนอื่นเห็นใจ และเรียกร้องความสนใจไปยังลูกสาว เมื่อเอียน ฟาง พาลูกสาวออกไปข้างนอก เขาไม่เคยปรากฎตัวในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยอีกเลย แต่ทำตัวเป็นคนเรียบง่ายเหมือนคนดังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครจำหน้าได้ พร้อมบังคับให้ลูกสาวใส่หน้ากากและแว่นกันแดด ทำให้ลูกสาวคิดว่าดูมีเสน่ห์ เหมือนดาราที่ถูกปาปารัสซี่ติดตาม แถมยังพาลูกสาวไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่เอียน ฟาง จะได้รับสิทธิ์ทานฟรีในฐานะนักแสดง ทำให้ลูกสาวคิดว่าเขาเป็นคนดังจริงๆ เพราะเขาไม่เคยต้องจ่ายเงินค่าอาหารมื้อนั้นแม้แต่เหรียญเดียว นอกจากนี้ เอียน ฟาง มักจะคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับชื่อเสียงของเขา บอกว่าแฟนคลับชื่นชอบเขา และมักจะมอบของขวัญให้เขาอยู่เสมอ อ้างว่าของใช้ในบ้านและเสื้อผ้าหลายชิ้นเป็นของขวัญที่แฟนคลับมอบให้ รวมทั้งยังมีวิธีเกี้ยวพาราสีอื่นๆ เช่น พยายามค้นหาว่าผู้หญิงคนนี้ชอบอาหารอะไร แล้วไปซื้ออาหารแช่แข็งจากซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นก็ลงมือทำอาหารเอง แล้วบอกผู้หญิงว่า อาหารนั้นทำขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับเธอ ตามรายงานข่าวระบุว่า หลังเอียน ฟาง ถูกจับกุม พยายามติดต่อเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดียหลายครั้ง โน้มน้าวให้แม่ถอนแจ้งความ บอกว่าถ้าติดคุกจะฆ่าตัวตาย ขณะที่เหยื่อต้องรักษาอาการทางจิต เพราะสูญเสียความมั่นใจและไม่มีความสุขอีกต่อไป #Newskit หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 4 มิ.ย. 2568
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • 'ฮุนเซน' ปากแจ๋วกลางดึก โพสต์ถึงคนไทย! ลั่นกองทัพกัมพูชาจะถอนกำลังออกจากแผ่นดินเขมรได้ยังไง!? พร้อมท้าไทยขึ้นศาลโลก ล่าสุดเข้าเพจของฮุนเซนไม่ได้แล้ว คาดว่าบล็อก IP ประเทศไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/19091/
    'ฮุนเซน' ปากแจ๋วกลางดึก โพสต์ถึงคนไทย! ลั่นกองทัพกัมพูชาจะถอนกำลังออกจากแผ่นดินเขมรได้ยังไง!? พร้อมท้าไทยขึ้นศาลโลก ล่าสุดเข้าเพจของฮุนเซนไม่ได้แล้ว คาดว่าบล็อก IP ประเทศไทย https://www.thai-tai.tv/news/19091/
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • ..มุกควบคุมทาสนี้มันสามารถมาได้หลากหลายลักษณะยิ่งโดยเฉพาะผ่านข้อกฎหมายให้ชอบธรรมยิ่งดี,จริงๆการใส่หรือไม่ใส่หมวกกันน็อคมันคือสิทธิอธิปไตยบุคคลใครมัน,เขาจะเป็นจะตายก็อธิปไตยเขา สิทธิของเขา,นี้คือสไตล์โยนหินถามทางควบคุมทาส ไม่ต่างจากบังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัยสมัยยุคโควิด,แต่นั้นเพียงชั่วคราวไม่สามารถอ้างบังคับให้ต่อเนื่องแบบบังคับต้องใส่ต้องสวมหมวกกันน็อคได้,มีกฎหมายปัญญาอ่อนมากมายออกมาเพื่อควบคุมมนุษย์,ยุคโบราณฝรั่งมักให้ทาสใส่หน้ากากปิดปากปิดหน้าไว้ ให้เป็นสัญลักษณ์เชิงสร้างชนชั้นความหมาย,จริงๆกฎหมายที่น่าออกมาตีตราบังคับใช้คือที่ดินไทยทั้งหมดต่างชาติห้ามถือครองทุกๆกรณีแม้จะถือผ่านนอมินีก็ตาม,ยกเลิกการให้ต่างชาติเช่าที่ดินไทยอสังหาริมทรัพย์ไทยรวม99ปีก็ด้วยหรือกล้าหาญเขียนกฎหมายยกเลิกสัญญาสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดที่ไม่ชอบธรรมต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศและไม่ยุติธรรมต่อคนไทยที่ต้องใช้น้ำมันราคาแพงทั้งกระทบเป็นลูกโซ่ต่อสินค้าค่าครองชีพแพงทั้งระบบทั้งหมดลามไปทั่วประเทศก็ว่า,นี้สมควรเขียนกฎหมายที่มีคุณมีสาระต่อประโยชน์จริงสู่ประเทศและประชาชนมิใช่หมายดูดตังค่าปรับกว่า2,000บาทออกจากกระเป๋าประชาชน,และกฎหมายนี้กระทรวงทบวงกรมที่ตีตราใช้สมควรให้ตกไปโมฆะห้ามมีผลบังคับใช้ทันที,มีมากมายที่กฎหมายเป็นไปเพื่อสร้างความลำบากใจลำบากกายลำบากตังในกระเป๋าของประชาชน เสมือนปล้นชิงทรัพย์จากประชาชนให้ชอบธรรมผ่านทางกฎหมายโดยอ้างเอาบ้านเอาเมืองเป็นตัวชูสร้างเรื่อง,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลว เบียดเบียนให้ประชาชนยากจนตังทุกข์ร้อนในสัมมาชีวิตในการดำรงชีพ,ทั้งผีบ้าใบอนุญาตมากมายบวกเก็บเรี่ยไรค่าธรรมเนียมตังกับประชาชนอีก.,
    ..วิถีปกครองแบบนี้ในยุคล้ำสมัยหน้าไม่สมควรจะมีจริงๆ.

    https://youtube.com/shorts/MgUf9oXDl30?si=Y6Avj50MQuQ0D1fn
    ..มุกควบคุมทาสนี้มันสามารถมาได้หลากหลายลักษณะยิ่งโดยเฉพาะผ่านข้อกฎหมายให้ชอบธรรมยิ่งดี,จริงๆการใส่หรือไม่ใส่หมวกกันน็อคมันคือสิทธิอธิปไตยบุคคลใครมัน,เขาจะเป็นจะตายก็อธิปไตยเขา สิทธิของเขา,นี้คือสไตล์โยนหินถามทางควบคุมทาส ไม่ต่างจากบังคับการสวมใส่หน้ากากอนามัยสมัยยุคโควิด,แต่นั้นเพียงชั่วคราวไม่สามารถอ้างบังคับให้ต่อเนื่องแบบบังคับต้องใส่ต้องสวมหมวกกันน็อคได้,มีกฎหมายปัญญาอ่อนมากมายออกมาเพื่อควบคุมมนุษย์,ยุคโบราณฝรั่งมักให้ทาสใส่หน้ากากปิดปากปิดหน้าไว้ ให้เป็นสัญลักษณ์เชิงสร้างชนชั้นความหมาย,จริงๆกฎหมายที่น่าออกมาตีตราบังคับใช้คือที่ดินไทยทั้งหมดต่างชาติห้ามถือครองทุกๆกรณีแม้จะถือผ่านนอมินีก็ตาม,ยกเลิกการให้ต่างชาติเช่าที่ดินไทยอสังหาริมทรัพย์ไทยรวม99ปีก็ด้วยหรือกล้าหาญเขียนกฎหมายยกเลิกสัญญาสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดที่ไม่ชอบธรรมต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศและไม่ยุติธรรมต่อคนไทยที่ต้องใช้น้ำมันราคาแพงทั้งกระทบเป็นลูกโซ่ต่อสินค้าค่าครองชีพแพงทั้งระบบทั้งหมดลามไปทั่วประเทศก็ว่า,นี้สมควรเขียนกฎหมายที่มีคุณมีสาระต่อประโยชน์จริงสู่ประเทศและประชาชนมิใช่หมายดูดตังค่าปรับกว่า2,000บาทออกจากกระเป๋าประชาชน,และกฎหมายนี้กระทรวงทบวงกรมที่ตีตราใช้สมควรให้ตกไปโมฆะห้ามมีผลบังคับใช้ทันที,มีมากมายที่กฎหมายเป็นไปเพื่อสร้างความลำบากใจลำบากกายลำบากตังในกระเป๋าของประชาชน เสมือนปล้นชิงทรัพย์จากประชาชนให้ชอบธรรมผ่านทางกฎหมายโดยอ้างเอาบ้านเอาเมืองเป็นตัวชูสร้างเรื่อง,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลว เบียดเบียนให้ประชาชนยากจนตังทุกข์ร้อนในสัมมาชีวิตในการดำรงชีพ,ทั้งผีบ้าใบอนุญาตมากมายบวกเก็บเรี่ยไรค่าธรรมเนียมตังกับประชาชนอีก., ..วิถีปกครองแบบนี้ในยุคล้ำสมัยหน้าไม่สมควรจะมีจริงๆ. https://youtube.com/shorts/MgUf9oXDl30?si=Y6Avj50MQuQ0D1fn
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • 2/
    👉วิดีโอ1 - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซาเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดของอิสราเอลที่ค่ายผู้ลี้ภัยเอลบูเรจเกือบ 20 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 184 ราย

    👉วิดีโอ2 - สภาพเมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของกาซา กลายเป็นทุ่งโล่งโดยปราศจากอาคารบ้านพักของประชาชน ซึ่งถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ

    👉ขณะเดียวกัน มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศที่สิงคโปร์ว่า จะยอมรับรัฐปาเลสไตน์เป็นเอกราช ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ทางศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นความจำเป็นทางการเมืองที่อิสราเอลต้องตระหนักอีกด้วย

    👉อิสราเอล คัทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล กล่าวตอบโต้ประธานาธิบดีมาครง ทันที โดยประกาศกลางเวสต์แบงก์จะสร้าง "รัฐอิสราเอลที่มีแต่ชุมชนยิว" ซึ่งเป็นการประกาศย้ำอีกครั้งเพียงหนึ่งวัน หลังจากอิสราเอลประกาศการสร้างนิคมใหม่ 22 แห่งบนดินแดนนี้
    .
    👉การกระทำของอิสราเอล หลายฝ่ายที่เคยเข้าข้าง เริ่มตระหนักแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ มันเกินขอบเขตของการตอบโต้ไปไกลกว่าจะกลับตัว แม้ว่าเริ่มต้นเกือบทั้งโลกจะเห็นใจอิสราเอล ที่ต้องพบกับการสูญเสียประชาชนไป 1200 ราย ในเดือนตุลาคม 2023 และเกือบทั้งหมดสนับสนุนอิสราเอลในการตอบโต้

    👉 แต่การลงโทษและการตอบโต้ ต้องมีกฎเกณฑ์ ระยะเวลา และขอบเขตภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ควรมีใครใช้ข้ออ้างแห่งการสูญเสียของตนเอง เพื่อทำลายล้างประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยึดครองดินแดนของพวกเขา

    2/ 👉วิดีโอ1 - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซาเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดของอิสราเอลที่ค่ายผู้ลี้ภัยเอลบูเรจเกือบ 20 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 184 ราย 👉วิดีโอ2 - สภาพเมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของกาซา กลายเป็นทุ่งโล่งโดยปราศจากอาคารบ้านพักของประชาชน ซึ่งถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ 👉ขณะเดียวกัน มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศที่สิงคโปร์ว่า จะยอมรับรัฐปาเลสไตน์เป็นเอกราช ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ทางศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นความจำเป็นทางการเมืองที่อิสราเอลต้องตระหนักอีกด้วย 👉อิสราเอล คัทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล กล่าวตอบโต้ประธานาธิบดีมาครง ทันที โดยประกาศกลางเวสต์แบงก์จะสร้าง "รัฐอิสราเอลที่มีแต่ชุมชนยิว" ซึ่งเป็นการประกาศย้ำอีกครั้งเพียงหนึ่งวัน หลังจากอิสราเอลประกาศการสร้างนิคมใหม่ 22 แห่งบนดินแดนนี้ . 👉การกระทำของอิสราเอล หลายฝ่ายที่เคยเข้าข้าง เริ่มตระหนักแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ มันเกินขอบเขตของการตอบโต้ไปไกลกว่าจะกลับตัว แม้ว่าเริ่มต้นเกือบทั้งโลกจะเห็นใจอิสราเอล ที่ต้องพบกับการสูญเสียประชาชนไป 1200 ราย ในเดือนตุลาคม 2023 และเกือบทั้งหมดสนับสนุนอิสราเอลในการตอบโต้ 👉 แต่การลงโทษและการตอบโต้ ต้องมีกฎเกณฑ์ ระยะเวลา และขอบเขตภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ควรมีใครใช้ข้ออ้างแห่งการสูญเสียของตนเอง เพื่อทำลายล้างประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยึดครองดินแดนของพวกเขา
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • 1/
    👉วิดีโอ1 - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซาเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดของอิสราเอลที่ค่ายผู้ลี้ภัยเอลบูเรจเกือบ 20 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 184 ราย

    👉วิดีโอ2 - สภาพเมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของกาซา กลายเป็นทุ่งโล่งโดยปราศจากอาคารบ้านพักของประชาชน ซึ่งถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ

    👉ขณะเดียวกัน มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศที่สิงคโปร์ว่า จะยอมรับรัฐปาเลสไตน์เป็นเอกราช ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ทางศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นความจำเป็นทางการเมืองที่อิสราเอลต้องตระหนักอีกด้วย

    👉อิสราเอล คัทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล กล่าวตอบโต้ประธานาธิบดีมาครง ทันที โดยประกาศกลางเวสต์แบงก์จะสร้าง "รัฐอิสราเอลที่มีแต่ชุมชนยิว" ซึ่งเป็นการประกาศย้ำอีกครั้งเพียงหนึ่งวัน หลังจากอิสราเอลประกาศการสร้างนิคมใหม่ 22 แห่งบนดินแดนนี้
    .
    👉การกระทำของอิสราเอล หลายฝ่ายที่เคยเข้าข้าง เริ่มตระหนักแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ มันเกินขอบเขตของการตอบโต้ไปไกลกว่าจะกลับตัว แม้ว่าเริ่มต้นเกือบทั้งโลกจะเห็นใจอิสราเอล ที่ต้องพบกับการสูญเสียประชาชนไป 1200 ราย ในเดือนตุลาคม 2023 และเกือบทั้งหมดสนับสนุนอิสราเอลในการตอบโต้

    👉 แต่การลงโทษและการตอบโต้ ต้องมีกฎเกณฑ์ ระยะเวลา และขอบเขตภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ควรมีใครใช้ข้ออ้างแห่งการสูญเสียของตนเอง เพื่อทำลายล้างประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยึดครองดินแดนของพวกเขา

    1/ 👉วิดีโอ1 - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกาซาเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดของอิสราเอลที่ค่ายผู้ลี้ภัยเอลบูเรจเกือบ 20 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 184 ราย 👉วิดีโอ2 - สภาพเมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของกาซา กลายเป็นทุ่งโล่งโดยปราศจากอาคารบ้านพักของประชาชน ซึ่งถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ 👉ขณะเดียวกัน มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศที่สิงคโปร์ว่า จะยอมรับรัฐปาเลสไตน์เป็นเอกราช ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ทางศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นความจำเป็นทางการเมืองที่อิสราเอลต้องตระหนักอีกด้วย 👉อิสราเอล คัทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล กล่าวตอบโต้ประธานาธิบดีมาครง ทันที โดยประกาศกลางเวสต์แบงก์จะสร้าง "รัฐอิสราเอลที่มีแต่ชุมชนยิว" ซึ่งเป็นการประกาศย้ำอีกครั้งเพียงหนึ่งวัน หลังจากอิสราเอลประกาศการสร้างนิคมใหม่ 22 แห่งบนดินแดนนี้ . 👉การกระทำของอิสราเอล หลายฝ่ายที่เคยเข้าข้าง เริ่มตระหนักแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ มันเกินขอบเขตของการตอบโต้ไปไกลกว่าจะกลับตัว แม้ว่าเริ่มต้นเกือบทั้งโลกจะเห็นใจอิสราเอล ที่ต้องพบกับการสูญเสียประชาชนไป 1200 ราย ในเดือนตุลาคม 2023 และเกือบทั้งหมดสนับสนุนอิสราเอลในการตอบโต้ 👉 แต่การลงโทษและการตอบโต้ ต้องมีกฎเกณฑ์ ระยะเวลา และขอบเขตภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ควรมีใครใช้ข้ออ้างแห่งการสูญเสียของตนเอง เพื่อทำลายล้างประชาชนผู้บริสุทธิ์ และยึดครองดินแดนของพวกเขา
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 223 Views 16 0 Reviews
  • บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง
    ----------------------------
    สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า
    นี่เป็นคำพยากรณ์...
    .
    อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น
    .
    แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น..
    .
    ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน.
    .
    เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
    และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง
    .
    คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง.
    .
    วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า
    .
    สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง..
    .
    ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ
    .
    ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป"..
    .
    งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ.
    .
    กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย.
    .
    ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้..
    .
    แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง
    .
    แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง.
    .
    นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป!
    .
    หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง
    .
    ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค.
    .
    นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต
    นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร?
    .
    ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น..
    .
    หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้.
    .
    แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา
    .
    พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย
    มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
    จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด
    .
    ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา -
    .
    อัพเดทข้อมูลในปี 2566
    --------------------------
    - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ
    - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่
    - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก
    --------------------------
    บทความเก่าขอนำมาโพสอีกครั้ง ---------------------------- สงครามน้ำจะมาถึงในไม่ช้า นี่เป็นคำพยากรณ์... . อันที่จริงผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ราวปี 2003 ผมเคยพยายามที่จะทำโครงการหนึ่งชื่อ Voices of Asia รวมทั้งเคยหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเรื่องแม่น้ำ.. มันไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ แต่ยังคงเป็นสิ่งที่วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดผมเสมอมา ความกังวลนี้มาจากการได้อ่านข้อมูลที่เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติน้ำในเอธิโอเปียในช่วงเวลานั้น . แม่น้ำไนล์ เป็นที่รู้ดีมานานแล้วว่า คือกระแสโลหิตที่หล่อเลี้ยงแอฟริกาตอนบน และมันไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการเลย นับแต่ซาฮาร่าโบราณที่เคยอุดมสมบูรณ์ในยุคโบราณได้แปรเปลี่ยนเป็นทะเลทราย และบรรพบุรุษของโฮโมเซเปี้ยนส์เริ่มอพยพหนีออกมาจากที่นั่น.. ซาฮาร่าแห้งแล้งลงเรื่อยๆ ผ่านเวลาแสนปีจนถึงปัจจุบัน.. ยิ่งเมื่อภาวะวิกฤติโลกร้อนและอุณหภูมิโลกและอากาศเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ มันก็ยิ่งเหือดแห้งลงกว่าเดิม และยิ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการมากยิ่งขึ้น.. . ต้นกำเนิดของแม่น้ำสายนี้อยู่ในเอธิโอเปีย. ประเทศอันแสนยากจน พวกเขาส่วนใหญ่ยากจนแสนเข็ญจริงๆ และแม้ว่าแม่น้ำนี้จะกำเนิดจากดินแดนแห่งนี้ แต่พวกเขาในพื้นที่ห่างไกลกลับยากลำบากและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาเป็นปัจจัยพื้นฐานเพื่อเอาชีวิตรอด นั่นคือใช้ในการทำเกษตรกรรม. พวกเขาคงจะมีโอกาสรอดมากขึ้น ถ้าเพียงพวกเขาจะทำเขื่อนเพื่อที่จะกักและชะลอน้ำไว้บ้างสำหรับการเพาะปลูกเท่าที่จำเป็น แต่การทำเช่นนั้น.. สร้างความวิตกว่าน้ำจะยิ่งไม่เพียงพอแก่ประเทศอื่นที่ใช้แม่น้ำนี้ร่วมกัน เช่น อียิปต์ และ ซูดาน.. สองประเทศนี้มีแสนยานุภาพ มีขีปนาวุธ และเครื่องบินรบทันสมัยอย่างเอฟสิบหก ทันทีที่เอธิโอเปียสร้างเขื่อน มันจะถูกยิงถล่มเป็นผุยผง.. ประชาชนเอธิโอเปียไม่อาจทำอย่างไรได้ นอกจากจ้องมองแม่น้ำของพวกเขาด้วยความสิ้นหวังและล้มลงตายกับพื้นดิน. . เหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นที่อื่นอีก อย่างแน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว และมันอาจเกิดขึ้นกับเรา คุณและผม... สักวันหนึ่ง . คนไทยอย่างเราอาจมองเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องไกลตัว เราใช้น้ำอย่างสบายใจและฟุ่มเฟือย เราเดินเข้าห้าง เข้ามินิมาร์ตที่มีน้ำดื่มบรรจุขวดมากมายเรียงรายเต็มหิ้งให้เลือก จนเราอาจลืมข้อเท็จจริงและเผลอคิดไปได้ว่า น้ำนี้จะไม่มีวันหมด และมันจะรอเราอยู่บนหิ้งนั้นชั่วนิรันดร์.. นั่นเป็นความคิดที่โง่เขลาสิ้นดีและไม่เป็นความจริง. . วันนึง ..จะไม่มีน้ำแม้สักครึ่งขวดเหลืออยู่บนหิ้งพวกนั้น และวันนั้นอาจมาถึงในไม่ช้า . สมัยเด็ก ผมโตมาบนถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ บ้านพ่ออยู่ติดแม่น้ำหน้าท่าพระอาทิตย์ ส่วนบ้านแม่อยู่ตรอกวัดสังเวช อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเลย. ยุคนั้น ที่บ้านแม่ตักน้ำจากแม่น้ำแล้วกวนด้วยสารส้มใช้เป็นประจำ นำมาต้ม แล้วใช้ปรุงอาหารได้.. น้ำดื่มคือน้ำฝนที่รองใส่โอ่ง.. . ทุกวันนี้เราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบนอาจจะยังคงสะอาดพอควร แต่ตอนกลางนั้นมีการปนเปื้อนอยู่หลายจุดตลอดเส้นทาง.. ไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำตอนล่าง ที่ไหลผ่านเมืองใหญ่อย่างอยุธยาและกรุงเทพเลย พวกมันล้วนอุดมด้วยสารพิษอย่างเช่น ปรอท โลหะหนัก และสารเคมีสารพัด เช่น แคดเมี่ยม ฯลฯ พวกมันถูกปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่เรียงรายตามริมแม่น้ำ ผสมโรงด้วยขยะพิษที่ประชาชนปล่อยลงไป ทั้งจากเคมีที่ใช้ประจำวันและยาฆ่าแมลง จากวัตถุมีพิษอื่นๆ เช่น อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ . ขณะที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเคยชินกับสิ่งเหล่านี้และไม่สนใจเพิกเฉยปัญหาของมัน หายนะกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ มาสู่เราโดยไม่รู้ตัว.. ในภาวะปกตินี้ บ้านเมืองที่มีระบบรองรับ ก็ขับเคลื่อนหน่วยงานกลไกของมันไปตามสถานะที่ยังคงเลื่อนไหลไปได้ตามสภาพที่มี คนทั่วไปนั้นไม่ได้สนใจจะไปรับรู้ว่า กลไกเหล่านั้นขับเคลื่อนได้ดีแค่ไหน? ปลอดภัยแค่ไหน? ได้มาตรฐานแค่ไหน?.. พวกเขาสนใจแค่เรื่องตัวเองและคงคิดแค่ว่า "มีใครสักคนที่รับผิดชอบสิ่งเหล่านี้อยู่ และไม่ใช่ภาระที่ฉันจะเอามาใส่ใจ.." คงมีใครกำลังดูแลมันอยู่และมันก็คงดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร "ตลอดไป".. . งั้นสินะ? โอ้.. ฉันมีการประปานครหลวง กองบำบัดน้ำเสีย กระทรวงสาธารณะสุข กรมประมง เทศบาลเมือง การท่า.. ฯลฯ พวกเขาคงทำทุกอย่างได้ราบรื่นไม่มีปัญหา คนทั้งหลายไม่สำเหนียกว่า จักรเฟืองพวกนี้มีวันหยุดชะงักได้ และเมื่อวันนึงเกิดหายนะภัยพิบัติสักอย่างขึ้น เช่น สงครามโลก ภัยจากอวกาศภายนอกอย่างอุกกาบาต แผ่นดินไหวรุนแรง ซุปเปอร์อีรัพชั่น สภาพอากาศวิกฤติ ยุคน้ำแข็ง.. ฯ ระบบที่ขับเคลื่อนไปทั้งหมดนี้ อาจล่มสลายได้ในชั่วข้ามคืน และเมื่อมันเกิดขึ้น คำถามง่ายๆ ที่สุดที่ไม่มีใครคิดอย่างเช่น.. จะยังจะมีน้ำบรรจุขวดอยู่บนหิ้งในห้างร้านอยู่ไหม? อาจตามมาด้วยคำตอบที่แย่เกินกว่าจะยอมรับ. . กรณีนี้ ถ้าเราไม่มีน้ำดื่มให้ซื้อหาอีกต่อไป ถามว่าเราจะทำอย่างไร? จะดื่มน้ำจากแม่น้ำลำคลองอย่างที่คนโบราณเคยทำได้ไหม? ทำไม่ได้แน่นอน ถ้ามันเป็นพิษ.. เว้นแต่คนจะหมดสิ้นหนทางและความตายเป็นการปลดปล่อยจากความทุกข์ยาก.. ยิ่งเมื่อระบบเมืองและรัฐที่ขับเคลื่อนชาติต้องล่มสลายเพราะหายนะที่กล่าวไป จะเอางบประมาณ จะเอาอุปกรณ์ จะเอาวัตถุดิบ จะเอาเทคโนโลยี่ที่ไหนกัน มาเยียวยาแม่น้ำให้กลับมาดีดังเดิมและสามารถใช้กินใช้ดื่มได้อีก? ถ้าเราไม่แก้ไขเสียแต่ตอนนี้ จนกระทั่งเราไปถึงจุดนั้น แม่น้ำก็จะไม่สามารถกู้คืนได้อีกเลย. . ครั้งหนึ่ง แม่น้ำโวลกาในรัสเซียนั้น เคยวิกฤติถึงขั้นอันตรายจนกินใช้ไม่ได้เลยอย่างสิ้นเชิง ปลาในแม่น้ำเต็มไปด้วยพิษ แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน แม้ใช้เวลานับสิบปีในการพยายามกู้แม่น้ำสายนี้ ในที่สุดแม่น้ำนี้ก็กลับมาดีจนใช้ได้ในที่สุด แม้มันจะไม่ดีพอที่จะดื่มมันได้ก็ตามในตอนนี้.. . แน่นอนว่า แม่น้ำเจ้าพระยานั้นยังไม่เลวร้ายขนาดนั้น และมันเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะฟื้นคืนชีวิตแก่มันอย่างสมบูรณ์ หากเราจะถือว่านี่คือวาระแห่งชาติ และร่วมมือกันฟื้นฟูอย่างจริงจัง . แม่น้ำเจ้าพระยานั้น มีต้นกำเนิดจากป่าต้นน้ำทางภาคเหนือสี่แห่ง ซึ่งคือหัวใจที่ให้ชีวิตแก่แควทั้งสี่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน.. นี่นับเป็นความโชคดีของคนไทยเหลือคณานับ ที่ต้นแม่น้ำสายใหญ่นี้อยู่ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในประเทศอื่น. นี่เป็นทรัพยากรเลอค่าที่สุด ที่จะพยุงชีวิตให้แก่ชาตินี้ แม้แต่คนโง่ที่สุดก็ควรจะเห็นความสำคัญในจุดนี้ได้. การฟื้นฟูแม่น้ำต้องเริ่มจากป่าต้นน้ำของมัน จะต้องไม่มีการทำลายอีก จะต้องฟื้นฟูป่าเหล่านี้ให้กลับมา จากนั้นฟื้นฟูแม่น้ำแควทั้งสี่ เชื่อมไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน จนจรดเจ้าพระยาตอนล่าง. . นี่แหละคือชีพจรชีวิตของสยามประเทศ นี่คือหนทางที่จะทำให้เราอยู่รอดได้ หากวันนึงหายนะน้ำเกิดขึ้นและนำไปสู่จุดที่กลายเป็นสงครามแย่งชิงน้ำ ดังนั้นฟื้นฟูมันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป! . หากคุณติดตามข่าว พระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ฯ ท่านทรงไล่ฟื้นฟูคลองในกรุงเทพไล่เรียงไปทีละสาย หลายสายบัดนี้ได้กลับมาสะอาดดังเดิม หากแม่น้ำฟื้นคืนชีวิต คลองทั้งหลายเหล่านี้จะยิ่งหล่อเลี้ยงไปยังแขนงน้อยใหญ่ให้แก่เมือง . ลองดูภาพแผนที่ เมื่อเราพิจารณาดูแผนที่ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งแสดงแม่น้ำสายใหญ่ๆ ในเอเชีย มันต่างกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้นน้ำอยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดนั้นล้วนมีต้นกำเนิดอยู่ในทิเบต แม่น้ำทั้งหมดนี้คือสายโลหิตที่เลี้ยงเอเชีย มันไม่ได้มีความสำคัญแค่เป็นจุดกำเนิดวัฒนธรรมอันเก่าแก่ลึกล้ำ มันเป็นหัวใจที่หล่อเลี้ยงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และมันยังเป็นปัจจัยสำคัญหลายอย่างโดยเฉพาะทางภูมิรัฐศาสตร์และความมั่นคงของภูมิภาค. . นี่คือเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมจีนจึงต้องปกป้องให้ทิเบตสุดชีวิต นี่เป็นอาณาเขตที่อ่อนไหวและหวงแหนยิ่งของจีน. เพราะอะไร? . ดินแดนนี้เป็นดังเขตกันชนที่ต้องเฝ้าระวังการรุกล้ำครอบงำจากโลกฝั่งตะวันตก ที่อาจแทรกทะลุผ่านเอเชียกลางเข้ามาได้. ดินแดนเปราะบางบางส่วนที่เป็นประตูเข้ามาสู่ดินแดนแถบนี้ ถูกแทรกแซงครอบงำจากตะวันตกไปบ้างแล้ว เช่น อัฟกานิสถาน คาซัคสถาน ทาจิกิสถาน... มหาอำนาจตะวันตกนั้นมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามามีอิทธิพลเหนือทิเบตให้ได้ ด้วยกลยุทธมากมายหลายอย่าง แม้กระทั่งด้วยวิธีการใช้พรอพพาแกนดามากมาย เช่น ฟรีทิเบต เป็นต้น. แม้เราจะเคารพรักองค์ดาไลลามะและเห็นใจพุทธศาสนิกชน ประชากรชาวทิเบตเพียงใด แต่เราก็จำเป็นต้องไตร่ตรองในความเปราะบางของสถานะการณ์เช่นนี้อย่างระมัดระวัง. จีนนั้นมีเหตุผลเช่นไร ในการที่จะปกป้องพื้นที่นี้เอาไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนอย่างสุดกำลังความสามารถ เราสามารถพิจารณาได้จากแผนที่ที่เห็น.. . หากมหาอำนาจตะวันตกใดก็ตามเข้ามายึดครองควบคุมทิเบต ไม่เพียงแค่จีนเท่านั้นที่จะเส่ียงต่อความมั่นคง.. แต่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่า และบางส่วนของอินเดีย อาจตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากได้. ใครครอบครองทิเบต ผู้นั้นกุมชะตาเอเชีย เท่าที่ผ่านมานับพันปี แม้มีความไม่น่ายินดีกับการจัดการทรัพยากรต้นน้ำของจีนนัก แต่จีนก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ชั่วร้ายที่จะฉกฉวยประโยชน์จากสายเลือดใหญ่เหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเรายังอยู่ร่วมกันมาได้นับพันปี แต่เราไม่อาจคาดการได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมหาอำนาจอื่น เข้ามามีอำนาจในการควบคุมแม่น้ำสายใหญ่เหล่านี้. . แน่นอนว่า เวลาเปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน.. ทั้งมนุษย์ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติ ทั้งสถานะการณ์โลกและนอกโลก.. เราไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราได้แต่ตัดสินใจจากพื้นฐานที่เป็นประสบการณ์ของเราจากประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ผ่านมา . พระพุทธองค์ตรัสว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมไปตามเหตุและปัจจัย มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป จงมีสติปัญญาที่จะพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะสิ่งต่างๆ ให้ถี่ถ้วนและพร้อมที่จะตัดสินใจ แก้ไขมันอย่างทันท่วงที โดยเลือกทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด . ด้วยความปรารถนาดีและห่วงใยทุกท่าน - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - . อัพเดทข้อมูลในปี 2566 -------------------------- - แม่น้ำโวลก้าในเวลานี้มีสภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม โลหะหนักเป็นพิษลดสู่ปริมาณที่ต่ำลงอย่างมีนัยยะ - พื้นที่ในเอเชียกลางที่เคยถูกแทรกแซงครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก เช่นอัฟกานิสถานและปากีสถาน กำลังเป็นอิสระและฟื้นฟูโดยความช่วยเหลือของจีนและรัสเซีย เส้นทางลำเลียงยาเสพติดของซีไอเอในเอเชียกลางถูกกำจัด และเอเชียกลางทั้งหมดผนึกเป็นส่วนเดียวกับพันธมิตรรัสเซีย-จีน เดินหน้าไปสู่ความเจริญของโครงการ One Belt One Road นั่นหมายความว่าแหล่งน้ำในทิเบตในเวลานี้ ได้รอดพ้นจากความเสี่ยงในการเข้าแทรกแซงของมหาอำนาจตะวันตกแล้ว และมันจะกลายเป็นพื้นที่ที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่ - เอธิโอเปีย เข้าร่วมสมาขิก BRICS นั่นหมายความว่า ในที่สุดชาติที่น่าสงสารนี้จะได้ลืมตาอ้าปากเสียที และจีนกำลังเข้าช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับชาติอื่นๆ ในแอฟริกา หลังจากหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานจากการถูกเอาเปรียบขูดรีดทรัพยากรโดยมหาทุนตะวันตก --------------------------
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报)
    ความมีอยู่ว่า
    ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว”
    หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน...
    - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง

    คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา

    เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด?

    ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ

    จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ

    ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ

    ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน

    จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ

    ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว

    ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html
    https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html
    http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml
    http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm
    https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html

    #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    Storyฯ ดูละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ไม่จบ แต่ได้อ่านนิยายและรู้สึกเตะตากับสิ่งที่เรียกว่า “เฉาเป้า” (朝报) ความมีอยู่ว่า ... สามวันให้หลัง จางเฉิงเจ้ายื่นหนังสือเฉาเป้าให้ข้าพเจ้า พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “องค์ฮ่องเต้ (กวนเจีย) ทรงมีบรมราชานุญาติให้หวางก่งเฉินกลับอิ๋งโจวแล้ว” หนังสือเฉาเป้าเป็นหนังสือข่าวที่จัดทำขึ้นโดยหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วน มีการจดบันทึกพระราชโองการล่าสุดขององค์ฮ่องเต้ รวมถึงข่าวสำคัญในพระราชวัง การปรับเปลี่ยนแต่งตั้งโยกย้ายขุนนาง ข่าวสถานการณ์ศึก เป็นต้น หลังจากมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลแล้ว จิ้งโจ้วย่วนจึงจัดคัดลอกขึ้นเพื่อประกาศต่อสาธารณะชน โดยส่งมอบให้ข้าราชสำนักหน่วยงานต่างๆ ไว้อ่าน... - จากเรื่อง <จองจำเดียวดายในนคร> ผู้แต่ง หมี่หลานเลดี้ (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) (หมายเหตุ ละครเรื่อง <วังเดียวดาย> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) เพื่อนเพจแฟนละครจีนโบราณต้องคุ้นเคยกับประกาศติดบอร์ดให้ชาวบ้านอ่าน เมื่อได้มาอ่านนิยายเรื่องนี้ Storyฯ จึงรู้ว่า จริงๆ แล้วจีนโบราณมีสิ่งที่คล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ‘เฉาเป้า’ นี้เอง คำว่า ‘เฉา’ ในที่นี่หมายถึงราชสำนักดังนั้น ‘เฉาเป้า’ จึงเป็นเอกสารที่สรุปย่อข่าวสารจากราชสำนัก โดยมีสาระสำคัญคือพระราชกรณียกิจของฮ่องเต้ ข่าวราชทูต และข่าวอื่นๆ ดังที่กล่าวถึงในบทความจากนิยายข้างต้น หน้าตาคล้ายคลึงกับหนังสือพิมพ์ปัจจุบันคือเป็นกระดาษหนึ่งหรือสองแผ่นพับทบเอา เรื่อง <วังเดียวดาย> นี้เป็นเรื่องราวในยุคสมัยราชวงศ์ซ่ง Storyฯ จึงเกิดความเอ๊ะว่า เฉาเป้ามีมาตั้งแต่เมื่อใด? ‘เฉาเป้า’ แรกปรากฏในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 202 ก่อนคริตสกาลจนถึงค.ศ. 220) เรียกว่า ‘ตี่เป้า’ (邸报) หรือ ‘ตี่เช้า’ (邸抄) เริ่มแรกเขียนบนไม้ไผ่ ต่อมาเมื่อมีการคิดค้นกระดาษแล้วก็เปลี่ยนมาเขียนบนกระดาษ จากนั้นมาก็มีใช้กันต่อเนื่องมาตลอดยุคสมัยราชวงศ์ถัง ซ่ง หยวน หมิงและชิง โดยวัตถุประสงค์และเนื้อหาสาระยังคล้ายคลึงเดิม การจัดทำเฉาเป้าสิ้นสุดลงเมื่อปีค.ศ. 1912 เมื่อฮ่องเต้องค์สุดท้ายของจีนทรงสละราชสมบัติ ในสมัยราชวงศ์ถังนั้น การจัดทำตี่เป้าเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน ‘จิ้งโจ้วกวน’ (进奏官) ซึ่งข่าวสารจากแต่ละพื้นที่จะส่งมายังขุนนางตัวแทนพื้นที่ที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก่อนส่งต่อให้จิ้งโจ้วกวนเป็นผู้รวมรวมและเรียบเรียงก่อนจะคัดลอกขึ้นเป็นหลายฉบับด้วยมือ แต่ระบบการจัดทำแบบนี้ต้องผ่านตัวแทนของแต่ละพื้นที่ในเมืองหลวง ทำให้เกิดความไม่สมบูรณ์ของข่าวเมื่อผ่านตัวกลางที่อาจเพิกเฉยต่อข้อมูลที่ได้รับ ดังนั้นในรัชสมัยของฮ่องเต้ไท่จง (ฮ่องเต้องค์ที่สองของราชวงศ์ซ่ง) จึงมีการก่อตั้งหน่วยงานจิ้งโจ้วย่วนขึ้นโดยสังกัด ‘เหมินเซี่ยเสิ่ง’ (หรือ ‘แผนกใต้ประตู’ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบราชการ ตรวจราชโองการและคำสั่งราชการ ถวายความเห็นต่อฮ่องเต้) มีคนในสังกัดตรง จึงรวบรวมข่าวจากทุกพื้นที่โดยตรง ส่วนปริมาณเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นโดยรวมถึงบทความถวายฮ่องเต้ที่น่าสนใจ ประกาศชื่นชมหรือตกรางวัลขุนนาง ฯลฯ เดิมเป็นหนังสือประกาศรายเดือน ต่อมาจึงจัดทำเป็นรายวัน จิ้งโจ้วย่วนนี้มีหน้าที่รวมรวม ตรวจทานและอนุมัติบทความก่อนที่จะเผยแพร่ ซึ่งก็คือการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลกลางนั่นเอง อะไรบ้างที่โดนเซ็นเซอร์? มีรายละเอียดข้อพิพาทระหว่างรัฐและข่าวสารการศึกที่ลับ ข่าวเกี่ยวกับอาเพศหรือภัยพิบัติในแผ่นดิน ข่าวเกี่ยวกับวังหลังหรือเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ และข่าวเกี่ยวกับฎีกาที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติ ในสมัยซ่งนี้เริ่มมีการใช้ปั๊มพิมพ์แทนการคัดมือและเกิดสิ่งพิมพ์อีกแบบที่ฮ็อตสุดๆ ออกมาวางขาย มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวเป้า’ ซึ่งตีพิมพ์เรื่องซุบซิบที่ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์และรัฐบาลกวาดล้างไม่หมด ว่ากันว่าเรื่องบางเรื่องเพิ่งมีมติในที่ประชุมท้องพระโรง ยังไม่ได้รายงานในเฉาเป้า แต่เสี่ยวเป้าก็รายงานจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ต่อมาเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์หมิงจึงใช้ระบบการจัดพิมพ์เฉาเป้าแบบฝรั่ง และเมื่อถึงสมัยปลายราชวงศ์ชิงก็มีการจัดทำเอกสารข่าวของทางการขึ้นเพิ่มอีกหนึ่งฉบับซึ่งมีข้อมูลมากขึ้น เรียกว่า ‘จิงเป้า’ (京报) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.chinadaily.com.cn/a/202005/12/WS5eba135da310a8b241155126_4.html https://new.qq.com/omn/20190726/20190726A0A62F00.html http://history.sina.com.cn/bk/gds/2014-08-17/182397940.shtml http://www.xinhuanet.com/zgjx/2010-10/08/c_13546664.htm https://new.qq.com/omn/20201215/20201215A005FX00.html #วังเดียวดาย #เฉาเป้า #ตี่เป้า #เสี่ยวเป้า #จิงเป้า #หนังสือพิมพ์จีนโบราณ #จิ้งโจ้วย่วน #จิ้งโจ้วกวน #ราชวงศ์ถัง #ราชวงศ์ซ่ง
    1 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กองบัญชาการทหารสูงสุดกัมพูชาออกแถลงการณ์ ผลการหารือระหว่าง พล.อ.เมา โซะพัน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการกองทัพบกกัมพูชา และ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทเรื่องเขตแดน มีข้อสรุปคือ 1.แก้ไขสถานการณ์ผ่านกลไกที่มี รวมถึงบันทึกความเข้าใจ พ.ศ. 2543 ว่าด้วยการวัดและกำหนดเขตแดนทางบกกัมพูชา-ไทย 2.แก้ปัญหาทั้งหมดผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม(JBC) 3.ฝ่ายกัมพูชาเรียกร้องให้เคารพในอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดง เพื่อหลีกเลี่ยงการสู้รบ และ 4.ฝ่ายกัมพูชาจะไม่ถอย และยืนหยัดโดยปราศจากอาวุธในจุดที่เกิดความขัดแย้ง เนื่องจากเป็นจุดที่ฝ่ายกัมพูชาได้ยืนหยัดมาตั้งแต่ก่อนลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการวัด และกำหนดเขตแดนทางบก ระหว่างกัมพูชาและไทย เมื่อ พ.ศ. 2543 โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องและยอมรับในทั้ง 4 ข้อข้างต้น

    -ใบเสร็จเป็นหลักฐานไม่ได้
    -งบอัดฉีดสูงเท่า 7 ตึก สตง.
    -ประชุมลับเลือก ป.ป.ช.
    -ออกหมายเรียกฮั๊ว สว. ล๊อต 5
    สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กองบัญชาการทหารสูงสุดกัมพูชาออกแถลงการณ์ ผลการหารือระหว่าง พล.อ.เมา โซะพัน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการกองทัพบกกัมพูชา และ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทเรื่องเขตแดน มีข้อสรุปคือ 1.แก้ไขสถานการณ์ผ่านกลไกที่มี รวมถึงบันทึกความเข้าใจ พ.ศ. 2543 ว่าด้วยการวัดและกำหนดเขตแดนทางบกกัมพูชา-ไทย 2.แก้ปัญหาทั้งหมดผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม(JBC) 3.ฝ่ายกัมพูชาเรียกร้องให้เคารพในอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดง เพื่อหลีกเลี่ยงการสู้รบ และ 4.ฝ่ายกัมพูชาจะไม่ถอย และยืนหยัดโดยปราศจากอาวุธในจุดที่เกิดความขัดแย้ง เนื่องจากเป็นจุดที่ฝ่ายกัมพูชาได้ยืนหยัดมาตั้งแต่ก่อนลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการวัด และกำหนดเขตแดนทางบก ระหว่างกัมพูชาและไทย เมื่อ พ.ศ. 2543 โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องและยอมรับในทั้ง 4 ข้อข้างต้น -ใบเสร็จเป็นหลักฐานไม่ได้ -งบอัดฉีดสูงเท่า 7 ตึก สตง. -ประชุมลับเลือก ป.ป.ช. -ออกหมายเรียกฮั๊ว สว. ล๊อต 5
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 464 Views 30 0 Reviews
  • รถไฟฟ้าสายสีแดง เปิดบริการ Pet Friendly Train ให้สัตว์เลี้ยงร่วมเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 นี้!
    https://www.thai-tai.tv/news/19077/
    รถไฟฟ้าสายสีแดง เปิดบริการ Pet Friendly Train ให้สัตว์เลี้ยงร่วมเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 นี้! https://www.thai-tai.tv/news/19077/
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 Reviews
  • 407 ล้าน! ทรัพย์สิน 'พรยศ กลั่นกรอง' อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ที่ดิน 279 ล. รายได้ 1.3 ล./ปี
    https://www.thai-tai.tv/news/19074/
    407 ล้าน! ทรัพย์สิน 'พรยศ กลั่นกรอง' อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ที่ดิน 279 ล. รายได้ 1.3 ล./ปี https://www.thai-tai.tv/news/19074/
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • ยิวไม่เคยคิดไม่เคยพูดว่า จะทำสนามรบเป็นสนามการค้า ยิวไม่เคยคิดไม่เคยพูดว่า จะทำสนามรบเป็นสนามตะกร้อ (ทักษิณพูดแล้ว)
    มีแต่ประเทศเราที่คิดแล้วพูด แล้วก็ยกแผ่นดินให้เขมร
    ยิวไม่เคยคิดไม่เคยพูดว่า จะทำสนามรบเป็นสนามการค้า ยิวไม่เคยคิดไม่เคยพูดว่า จะทำสนามรบเป็นสนามตะกร้อ (ทักษิณพูดแล้ว) มีแต่ประเทศเราที่คิดแล้วพูด แล้วก็ยกแผ่นดินให้เขมร
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
More Results