• คดี “Bitcoin Queen” – ฟอกเงินกว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์

    เรื่องราวของ Zhimin Qian หรือที่รู้จักกันว่า “Bitcoin Queen” กลายเป็นข่าวใหญ่ในอังกฤษ เธอถูกตัดสินจำคุกเกือบ 12 ปี หลังจากฟอกเงินผ่านคริปโตมูลค่ากว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลอกนักลงทุนกว่า 128,000 รายในจีนระหว่างปี 2014–2017 ก่อนหลบหนีไปหลายประเทศด้วยพาสปอร์ตปลอม

    การสืบสวนเริ่มต้นเมื่อเธอพยายามซื้ออสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนด้วย Bitcoin ทำให้ตำรวจเริ่มติดตามและยึดได้กว่า 61,000 Bitcoin ซึ่งถือเป็นการยึดคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ช่วงนั้น แม้เธอจะใช้ชีวิตหรูหราและเดินทางหลบเลี่ยงประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่สุดท้ายก็ถูกจับในอังกฤษ

    สิ่งที่น่าสนใจคือ เธอเคยวางแผนจะขาย Bitcoin เดือนละ 250,000 ดอลลาร์เพื่อใช้ชีวิต และถึงขั้นฝันอยากเป็น “ราชินีแห่ง Liberland” ประเทศเล็ก ๆ ระหว่างโครเอเชียและเซอร์เบีย แต่ความฝันก็จบลงเมื่อถูกจับและตัดสินโทษหนัก ปัจจุบันยังมีข้อถกเถียงว่าจีนและอังกฤษจะจัดการคืนเงินให้ผู้เสียหายอย่างไร

    สรุปประเด็น
    Zhimin Qian ถูกตัดสินจำคุกเกือบ 12 ปี
    ฟอกเงินผ่านคริปโตมูลค่ากว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์

    ตำรวจอังกฤษยึดได้กว่า 61,000 Bitcoin
    ถือเป็นการยึดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

    เธอใช้ชีวิตหรูหราและหลบหนีหลายประเทศ
    เลี่ยงประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ผู้เสียหายกว่า 128,000 รายยังไม่แน่ว่าจะได้เงินคืน
    การจัดการระหว่างรัฐบาลจีนและอังกฤษยังไม่ชัดเจน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-queen-who-laundered-usd5-6-billion-in-illicit-funds-through-crypto-gets-nearly-12-years-in-prison-uk-court-hands-down-sentence
    💰 คดี “Bitcoin Queen” – ฟอกเงินกว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์ เรื่องราวของ Zhimin Qian หรือที่รู้จักกันว่า “Bitcoin Queen” กลายเป็นข่าวใหญ่ในอังกฤษ เธอถูกตัดสินจำคุกเกือบ 12 ปี หลังจากฟอกเงินผ่านคริปโตมูลค่ากว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลอกนักลงทุนกว่า 128,000 รายในจีนระหว่างปี 2014–2017 ก่อนหลบหนีไปหลายประเทศด้วยพาสปอร์ตปลอม การสืบสวนเริ่มต้นเมื่อเธอพยายามซื้ออสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนด้วย Bitcoin ทำให้ตำรวจเริ่มติดตามและยึดได้กว่า 61,000 Bitcoin ซึ่งถือเป็นการยึดคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ช่วงนั้น แม้เธอจะใช้ชีวิตหรูหราและเดินทางหลบเลี่ยงประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่สุดท้ายก็ถูกจับในอังกฤษ สิ่งที่น่าสนใจคือ เธอเคยวางแผนจะขาย Bitcoin เดือนละ 250,000 ดอลลาร์เพื่อใช้ชีวิต และถึงขั้นฝันอยากเป็น “ราชินีแห่ง Liberland” ประเทศเล็ก ๆ ระหว่างโครเอเชียและเซอร์เบีย แต่ความฝันก็จบลงเมื่อถูกจับและตัดสินโทษหนัก ปัจจุบันยังมีข้อถกเถียงว่าจีนและอังกฤษจะจัดการคืนเงินให้ผู้เสียหายอย่างไร 📌 สรุปประเด็น ✅ Zhimin Qian ถูกตัดสินจำคุกเกือบ 12 ปี ➡️ ฟอกเงินผ่านคริปโตมูลค่ากว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์ ✅ ตำรวจอังกฤษยึดได้กว่า 61,000 Bitcoin ➡️ ถือเป็นการยึดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ✅ เธอใช้ชีวิตหรูหราและหลบหนีหลายประเทศ ➡️ เลี่ยงประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ‼️ ผู้เสียหายกว่า 128,000 รายยังไม่แน่ว่าจะได้เงินคืน ⛔ การจัดการระหว่างรัฐบาลจีนและอังกฤษยังไม่ชัดเจน https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-queen-who-laundered-usd5-6-billion-in-illicit-funds-through-crypto-gets-nearly-12-years-in-prison-uk-court-hands-down-sentence
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.23

    ในทางกฎหมาย สถานะของ "จำเลย" ถือเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการยุติธรรม เพราะจำเลยคือบุคคลผู้ซึ่งถูกยื่นฟ้องหรือถูกกล่าวหาอย่างเป็นทางการในศาล ไม่ว่าจะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎหมายอาญา หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ระหว่างบุคคลตามกฎหมายแพ่ง การเป็นจำเลยจึงมิใช่คำตัดสินว่าบุคคลนั้นกระทำความผิดแล้ว แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการที่เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างละเอียดรอบด้านตามหลักการที่ว่าบุคคลนั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีการพิสูจน์เป็นอย่างอื่น บทบาทของจำเลยภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมายวิธีพิจารณาความ คือการใช้สิทธิในการแก้ต่างและนำเสนอพยานหลักฐานเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานที่รับประกันความยุติธรรมและเสมอภาคในชั้นศาล การทำความเข้าใจสถานะนี้อย่างลึกซึ้งจึงเป็นการทำความเข้าใจรากฐานของความเที่ยงธรรมในสังคมไทย

    ความแตกต่างระหว่างจำเลยในคดีอาญาและคดีแพ่งนั้นมีความสำคัญยิ่งในทางปฏิบัติ ในคดีอาญา จำเลยต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาที่รัฐเป็นผู้ฟ้องร้องแทนประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและลงโทษผู้กระทำความผิด ผลลัพธ์ของการพิจารณาคดีอาญาอาจนำไปสู่โทษทางร่างกายหรือการจำกัดอิสรภาพ เช่น การจำคุกหรือโทษปรับ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตจำเลยโดยตรง ดังนั้น กฎหมายจึงให้ความคุ้มครองสิทธิจำเลยในคดีอาญาอย่างเข้มงวด เช่น สิทธิในการมีทนายความ สิทธิที่จะไม่ให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเอง และภาระการพิสูจน์ที่ตกอยู่แก่โจทก์อย่างหนักแน่น ขณะที่จำเลยในคดีแพ่งนั้นต้องเผชิญกับข้อเรียกร้องหรือคำขอให้ปฏิบัติการตามกฎหมายจากบุคคลอื่นหรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน ความรับผิดตามสัญญา หรือการชดใช้ค่าเสียหาย ผลลัพธ์ของคดีแพ่งจึงเป็นเรื่องของการจัดการความสัมพันธ์ทางกฎหมายและภาระทางการเงินเป็นหลัก แม้ว่าทั้งสองกรณีจะเป็นสถานะ "จำเลย" เหมือนกัน แต่ลักษณะของข้อกล่าวหาและผลทางกฎหมายที่ตามมานั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งกำหนดวิธีการต่อสู้คดีและระดับความคุ้มครองทางกฎหมายที่จำเลยจะได้รับ

    ในท้ายที่สุด สถานะของ "จำเลย" ไม่ว่าในคดีใดก็ตาม เป็นเพียงเครื่องบ่งชี้ว่าบุคคลนั้นได้เข้าสู่สนามของการพิสูจน์ความจริงภายใต้ระบบกฎหมายแล้ว การที่กฎหมายกำหนดให้ทุกคนมีสิทธิในการต่อสู้คดีและมีสิทธิที่จะได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด เป็นหลักประกันที่สำคัญที่สุดของหลักนิติธรรม การรับรู้และเคารพต่อสถานะของจำเลย รวมถึงการให้เกียรติในสิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรม จึงเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของสังคม เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างโปร่งใส เที่ยงตรง และธำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของระบบกฎหมายโดยรวม
    บทความกฎหมาย EP.23 ในทางกฎหมาย สถานะของ "จำเลย" ถือเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการยุติธรรม เพราะจำเลยคือบุคคลผู้ซึ่งถูกยื่นฟ้องหรือถูกกล่าวหาอย่างเป็นทางการในศาล ไม่ว่าจะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎหมายอาญา หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ระหว่างบุคคลตามกฎหมายแพ่ง การเป็นจำเลยจึงมิใช่คำตัดสินว่าบุคคลนั้นกระทำความผิดแล้ว แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการที่เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างละเอียดรอบด้านตามหลักการที่ว่าบุคคลนั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีการพิสูจน์เป็นอย่างอื่น บทบาทของจำเลยภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมายวิธีพิจารณาความ คือการใช้สิทธิในการแก้ต่างและนำเสนอพยานหลักฐานเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานที่รับประกันความยุติธรรมและเสมอภาคในชั้นศาล การทำความเข้าใจสถานะนี้อย่างลึกซึ้งจึงเป็นการทำความเข้าใจรากฐานของความเที่ยงธรรมในสังคมไทย ความแตกต่างระหว่างจำเลยในคดีอาญาและคดีแพ่งนั้นมีความสำคัญยิ่งในทางปฏิบัติ ในคดีอาญา จำเลยต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาที่รัฐเป็นผู้ฟ้องร้องแทนประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและลงโทษผู้กระทำความผิด ผลลัพธ์ของการพิจารณาคดีอาญาอาจนำไปสู่โทษทางร่างกายหรือการจำกัดอิสรภาพ เช่น การจำคุกหรือโทษปรับ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตจำเลยโดยตรง ดังนั้น กฎหมายจึงให้ความคุ้มครองสิทธิจำเลยในคดีอาญาอย่างเข้มงวด เช่น สิทธิในการมีทนายความ สิทธิที่จะไม่ให้การเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเอง และภาระการพิสูจน์ที่ตกอยู่แก่โจทก์อย่างหนักแน่น ขณะที่จำเลยในคดีแพ่งนั้นต้องเผชิญกับข้อเรียกร้องหรือคำขอให้ปฏิบัติการตามกฎหมายจากบุคคลอื่นหรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน ความรับผิดตามสัญญา หรือการชดใช้ค่าเสียหาย ผลลัพธ์ของคดีแพ่งจึงเป็นเรื่องของการจัดการความสัมพันธ์ทางกฎหมายและภาระทางการเงินเป็นหลัก แม้ว่าทั้งสองกรณีจะเป็นสถานะ "จำเลย" เหมือนกัน แต่ลักษณะของข้อกล่าวหาและผลทางกฎหมายที่ตามมานั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งกำหนดวิธีการต่อสู้คดีและระดับความคุ้มครองทางกฎหมายที่จำเลยจะได้รับ ในท้ายที่สุด สถานะของ "จำเลย" ไม่ว่าในคดีใดก็ตาม เป็นเพียงเครื่องบ่งชี้ว่าบุคคลนั้นได้เข้าสู่สนามของการพิสูจน์ความจริงภายใต้ระบบกฎหมายแล้ว การที่กฎหมายกำหนดให้ทุกคนมีสิทธิในการต่อสู้คดีและมีสิทธิที่จะได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด เป็นหลักประกันที่สำคัญที่สุดของหลักนิติธรรม การรับรู้และเคารพต่อสถานะของจำเลย รวมถึงการให้เกียรติในสิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรม จึงเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของสังคม เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างโปร่งใส เที่ยงตรง และธำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของระบบกฎหมายโดยรวม
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.22

    อำนาจแห่งการพรากชีวิต การฆาตกรรมคือความมืดมนที่สุดของการกระทำมนุษย์ มันคือการตัดสินใจอย่างจงใจและเลือดเย็นที่จะยุติการมีอยู่ของผู้อื่น การกระทำนี้มิใช่เพียงการละเมิดกฎหมายอาญา แต่เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานที่สุดของศีลธรรมจริยธรรมที่มนุษย์พึงมีต่อกัน กฎหมายของทุกประเทศล้วนถือว่าการฆ่าผู้อื่นเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุด เพราะเป็นการทำลายสิทธิที่ไม่อาจโอนได้และไม่อาจเรียกคืนได้นั่นคือสิทธิในการมีชีวิต การกระทำโดยเจตนาให้ผู้อื่นตายนั้นแตกต่างจากการกระทำอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากมันเป็นการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสร้างความสูญเสียที่ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ ความรุนแรงของบทลงโทษทางกฎหมายที่กำหนดไว้สำหรับการฆาตกรรม ไม่ว่าจะเป็นโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดว่า สังคมถือว่าการกระทำนี้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของส่วนรวม การฆาตกรรมสั่นสะเทือนความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้ผู้คนหวาดระแวง และทำลายใยแห่งความไว้ใจที่ผูกพันผู้คนไว้ด้วยกัน

    การฆาตกรรมจึงไม่ใช่แค่คดีความส่วนบุคคล แต่เป็นบาดแผลทางสังคมที่ต้องได้รับการเยียวยาด้วยความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด เมื่อมีผู้ใดก้าวข้ามเส้นแบ่งแห่งความมีสติและกระทำสิ่งที่มิอาจให้อภัยได้เช่นนี้ ระบบยุติธรรมต้องทำหน้าที่ด้วยความเด็ดขาด รวดเร็ว และเป็นธรรม เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษทัณฑ์ที่สาสมกับความผิดที่ได้ก่อขึ้น การลงโทษที่หนักหน่วงนั้นมีจุดประสงค์เพื่อการยับยั้งการกระทำผิดซ้ำในอนาคต และเพื่อส่งสัญญาณอันหนักแน่นไปยังสังคมว่า ชีวิตของพลเมืองทุกคนนั้นมีค่าและได้รับการคุ้มครองอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักนิติรัฐ นอกเหนือจากการลงโทษแล้ว สังคมยังต้องพิจารณาถึงรากเหง้าของปัญหาความรุนแรงในเชิงโครงสร้างและจิตวิทยา เพื่อหาทางป้องกันและลดเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดเช่นนี้ในระยะยาว

    ดังนั้น การฆาตกรรม คือ การกระทำที่โหดร้ายและเป็นความผิดร้ายแรงที่สุดที่เกิดจากเจตนาชั่วร้ายของมนุษย์ การตอบสนองของสังคมและกฎหมายต้องเป็นไปอย่างหนักแน่นและไม่ประนีประนอม เพื่อปกป้องสิทธิในการมีชีวิตของทุกคน และเพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักการแห่งความยุติธรรมที่ว่า ไม่มีใครมีอำนาจเหนือชีวิตของผู้อื่น การรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตคือหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีอารยะ
    บทความกฎหมาย EP.22 อำนาจแห่งการพรากชีวิต การฆาตกรรมคือความมืดมนที่สุดของการกระทำมนุษย์ มันคือการตัดสินใจอย่างจงใจและเลือดเย็นที่จะยุติการมีอยู่ของผู้อื่น การกระทำนี้มิใช่เพียงการละเมิดกฎหมายอาญา แต่เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานที่สุดของศีลธรรมจริยธรรมที่มนุษย์พึงมีต่อกัน กฎหมายของทุกประเทศล้วนถือว่าการฆ่าผู้อื่นเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุด เพราะเป็นการทำลายสิทธิที่ไม่อาจโอนได้และไม่อาจเรียกคืนได้นั่นคือสิทธิในการมีชีวิต การกระทำโดยเจตนาให้ผู้อื่นตายนั้นแตกต่างจากการกระทำอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากมันเป็นการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสร้างความสูญเสียที่ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ ความรุนแรงของบทลงโทษทางกฎหมายที่กำหนดไว้สำหรับการฆาตกรรม ไม่ว่าจะเป็นโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดว่า สังคมถือว่าการกระทำนี้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของส่วนรวม การฆาตกรรมสั่นสะเทือนความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้ผู้คนหวาดระแวง และทำลายใยแห่งความไว้ใจที่ผูกพันผู้คนไว้ด้วยกัน การฆาตกรรมจึงไม่ใช่แค่คดีความส่วนบุคคล แต่เป็นบาดแผลทางสังคมที่ต้องได้รับการเยียวยาด้วยความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด เมื่อมีผู้ใดก้าวข้ามเส้นแบ่งแห่งความมีสติและกระทำสิ่งที่มิอาจให้อภัยได้เช่นนี้ ระบบยุติธรรมต้องทำหน้าที่ด้วยความเด็ดขาด รวดเร็ว และเป็นธรรม เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษทัณฑ์ที่สาสมกับความผิดที่ได้ก่อขึ้น การลงโทษที่หนักหน่วงนั้นมีจุดประสงค์เพื่อการยับยั้งการกระทำผิดซ้ำในอนาคต และเพื่อส่งสัญญาณอันหนักแน่นไปยังสังคมว่า ชีวิตของพลเมืองทุกคนนั้นมีค่าและได้รับการคุ้มครองอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักนิติรัฐ นอกเหนือจากการลงโทษแล้ว สังคมยังต้องพิจารณาถึงรากเหง้าของปัญหาความรุนแรงในเชิงโครงสร้างและจิตวิทยา เพื่อหาทางป้องกันและลดเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดเช่นนี้ในระยะยาว ดังนั้น การฆาตกรรม คือ การกระทำที่โหดร้ายและเป็นความผิดร้ายแรงที่สุดที่เกิดจากเจตนาชั่วร้ายของมนุษย์ การตอบสนองของสังคมและกฎหมายต้องเป็นไปอย่างหนักแน่นและไม่ประนีประนอม เพื่อปกป้องสิทธิในการมีชีวิตของทุกคน และเพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักการแห่งความยุติธรรมที่ว่า ไม่มีใครมีอำนาจเหนือชีวิตของผู้อื่น การรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตคือหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีอารยะ
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • ศาลจังหวัดพัทยาออกหมายขัง "นิสิต สินธุไพร" อดีตแกนนำ นปช. คดีนำม็อบเสื้อแดงบุกโรงแรมรอยัล คลิฟบีช พัทยา ขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เมื่อปี 2552 ส่งตัวไปเรือนจำพิเศษพัทยา รับโทษจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา ปรับ 200 บาท ตามคำพิพากษาศาลฎีกา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106830

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    ศาลจังหวัดพัทยาออกหมายขัง "นิสิต สินธุไพร" อดีตแกนนำ นปช. คดีนำม็อบเสื้อแดงบุกโรงแรมรอยัล คลิฟบีช พัทยา ขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เมื่อปี 2552 ส่งตัวไปเรือนจำพิเศษพัทยา รับโทษจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา ปรับ 200 บาท ตามคำพิพากษาศาลฎีกา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106830 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 332 Views 0 Reviews
  • รวบ “นิสิต สินธุไพร” อดีต สส.ร้อยเอ็ด–แกนนำ นปช. หลังหนีหมายจับคดีบุกประชุมอาเซียนซัมมิท พัทยา ปี 52 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 4 ปี ล่าสุดถูกจับที่ร้อยเอ็ด ส่งตัวดำเนินคดีที่ศาลพัทยา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106635

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    รวบ “นิสิต สินธุไพร” อดีต สส.ร้อยเอ็ด–แกนนำ นปช. หลังหนีหมายจับคดีบุกประชุมอาเซียนซัมมิท พัทยา ปี 52 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 4 ปี ล่าสุดถูกจับที่ร้อยเอ็ด ส่งตัวดำเนินคดีที่ศาลพัทยา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106635 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 1 Shares 376 Views 0 Reviews
  • เมื่อกฎหมายไซเบอร์กลายเป็นเครื่องมือปราบนักข่าว

    บทความจาก Columbia Journalism Review เปิดเผยว่า กฎหมายไซเบอร์ที่ออกแบบมาเพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ กำลังถูกใช้เพื่อกดขี่เสรีภาพสื่อในหลายประเทศ โดยเฉพาะในแอฟริกาและตะวันออกกลาง เช่น ไนจีเรีย ปากีสถาน จอร์แดน และไนเจอร์

    ตัวอย่างที่เด่นชัดคือกรณีของ Daniel Ojukwu นักข่าววัย 26 ปีจากไนจีเรีย ที่ถูกจับกุมโดยไม่มีการแจ้งข้อหาอย่างชัดเจน หลังจากเขาเขียนบทความเกี่ยวกับการทุจริตในสำนักงานประธานาธิบดี เขาถูกกล่าวหาว่าละเมิด Cybercrime Act ปี 2015 ซึ่งมีบทบัญญัติที่คลุมเครือ เช่น ห้ามเผยแพร่ข้อมูล “น่ารำคาญ” หรือ “หยาบคาย” ทางออนไลน์

    แม้จะมีการแก้ไขกฎหมายในปี 2024 แต่ข้อความใหม่ยังคงเปิดช่องให้ตีความได้กว้าง เช่น การเผยแพร่ข้อมูล “เท็จโดยเจตนา” ที่อาจ “ทำให้เกิดความวุ่นวาย” หรือ “คุกคามชีวิต” ซึ่งยังคงถูกใช้เล่นงานนักข่าวสายสืบสวนอย่างต่อเนื่อง

    ประเทศอื่นก็มีแนวโน้มคล้ายกัน เช่น:
    ไนเจอร์ กลับมาใช้โทษจำคุกสำหรับการหมิ่นประมาทและเผยแพร่ข้อมูลที่ “กระทบศักดิ์ศรีมนุษย์”
    จอร์แดน ดำเนินคดีนักข่าวอย่างน้อย 15 คนภายใต้กฎหมายไซเบอร์ฉบับขยายปี 2023
    ปากีสถานและตุรกี ใช้กฎหมาย “ต่อต้านข่าวปลอม” เพื่อควบคุมเนื้อหาสื่อ

    นักวิจัยจาก Citizen Lab เตือนว่า กฎหมายเหล่านี้ไม่ได้ช่วยลดข่าวปลอมจริง ๆ แต่กลับเพิ่มอำนาจให้รัฐบาลควบคุมเนื้อหาที่ไม่พึงประสงค์ และเมื่อประเทศประชาธิปไตยก็เริ่มออกกฎหมายคล้ายกัน ก็ยิ่งเปิดช่องให้รัฐบาลเผด็จการใช้เป็นข้ออ้างในการเซ็นเซอร์

    กฎหมายไซเบอร์ถูกใช้เพื่อปราบปรามนักข่าวในหลายประเทศ
    โดยเฉพาะผู้ที่เปิดโปงการทุจริตหรือวิพากษ์รัฐบาล

    Cybercrime Act ของไนจีเรียมีบทบัญญัติคลุมเครือ
    เช่น “ข้อมูลเท็จที่คุกคามชีวิต” หรือ “น่ารำคาญ”
    เปิดช่องให้ตีความและใช้เล่นงานนักข่าว

    นักข่าวถูกจับกุมโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน
    เช่นกรณี Daniel Ojukwu และทีม Informant247
    ถูกควบคุมตัวร่วมกับนักโทษทั่วไปในสภาพแย่

    กฎหมายคล้ายกันถูกใช้ในไนเจอร์ จอร์แดน ปากีสถาน และตุรกี
    เพิ่มโทษจำคุกสำหรับการเผยแพร่ข้อมูลที่ “กระทบความสงบ”
    ใช้ข้อหา “ข่าวปลอม” เป็นเครื่องมือควบคุมสื่อ

    นักวิจัยเตือนว่ากฎหมายเหล่านี้ไม่ช่วยลด misinformation
    แต่เพิ่มอำนาจให้รัฐบาลควบคุมเนื้อหา
    ประเทศประชาธิปไตยที่ออกกฎหมายคล้ายกันยิ่งเปิดช่องให้เผด็จการเลียนแบบ

    https://www.cjr.org/analysis/nigeria-pakistan-jordan-cybercrime-laws-journalism.php
    🛑 เมื่อกฎหมายไซเบอร์กลายเป็นเครื่องมือปราบนักข่าว บทความจาก Columbia Journalism Review เปิดเผยว่า กฎหมายไซเบอร์ที่ออกแบบมาเพื่อปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ กำลังถูกใช้เพื่อกดขี่เสรีภาพสื่อในหลายประเทศ โดยเฉพาะในแอฟริกาและตะวันออกกลาง เช่น ไนจีเรีย ปากีสถาน จอร์แดน และไนเจอร์ ตัวอย่างที่เด่นชัดคือกรณีของ Daniel Ojukwu นักข่าววัย 26 ปีจากไนจีเรีย ที่ถูกจับกุมโดยไม่มีการแจ้งข้อหาอย่างชัดเจน หลังจากเขาเขียนบทความเกี่ยวกับการทุจริตในสำนักงานประธานาธิบดี เขาถูกกล่าวหาว่าละเมิด Cybercrime Act ปี 2015 ซึ่งมีบทบัญญัติที่คลุมเครือ เช่น ห้ามเผยแพร่ข้อมูล “น่ารำคาญ” หรือ “หยาบคาย” ทางออนไลน์ แม้จะมีการแก้ไขกฎหมายในปี 2024 แต่ข้อความใหม่ยังคงเปิดช่องให้ตีความได้กว้าง เช่น การเผยแพร่ข้อมูล “เท็จโดยเจตนา” ที่อาจ “ทำให้เกิดความวุ่นวาย” หรือ “คุกคามชีวิต” ซึ่งยังคงถูกใช้เล่นงานนักข่าวสายสืบสวนอย่างต่อเนื่อง ประเทศอื่นก็มีแนวโน้มคล้ายกัน เช่น: 🎃 ไนเจอร์ กลับมาใช้โทษจำคุกสำหรับการหมิ่นประมาทและเผยแพร่ข้อมูลที่ “กระทบศักดิ์ศรีมนุษย์” 🎃 จอร์แดน ดำเนินคดีนักข่าวอย่างน้อย 15 คนภายใต้กฎหมายไซเบอร์ฉบับขยายปี 2023 🎃 ปากีสถานและตุรกี ใช้กฎหมาย “ต่อต้านข่าวปลอม” เพื่อควบคุมเนื้อหาสื่อ นักวิจัยจาก Citizen Lab เตือนว่า กฎหมายเหล่านี้ไม่ได้ช่วยลดข่าวปลอมจริง ๆ แต่กลับเพิ่มอำนาจให้รัฐบาลควบคุมเนื้อหาที่ไม่พึงประสงค์ และเมื่อประเทศประชาธิปไตยก็เริ่มออกกฎหมายคล้ายกัน ก็ยิ่งเปิดช่องให้รัฐบาลเผด็จการใช้เป็นข้ออ้างในการเซ็นเซอร์ ✅ กฎหมายไซเบอร์ถูกใช้เพื่อปราบปรามนักข่าวในหลายประเทศ ➡️ โดยเฉพาะผู้ที่เปิดโปงการทุจริตหรือวิพากษ์รัฐบาล ✅ Cybercrime Act ของไนจีเรียมีบทบัญญัติคลุมเครือ ➡️ เช่น “ข้อมูลเท็จที่คุกคามชีวิต” หรือ “น่ารำคาญ” ➡️ เปิดช่องให้ตีความและใช้เล่นงานนักข่าว ✅ นักข่าวถูกจับกุมโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน ➡️ เช่นกรณี Daniel Ojukwu และทีม Informant247 ➡️ ถูกควบคุมตัวร่วมกับนักโทษทั่วไปในสภาพแย่ ✅ กฎหมายคล้ายกันถูกใช้ในไนเจอร์ จอร์แดน ปากีสถาน และตุรกี ➡️ เพิ่มโทษจำคุกสำหรับการเผยแพร่ข้อมูลที่ “กระทบความสงบ” ➡️ ใช้ข้อหา “ข่าวปลอม” เป็นเครื่องมือควบคุมสื่อ ✅ นักวิจัยเตือนว่ากฎหมายเหล่านี้ไม่ช่วยลด misinformation ➡️ แต่เพิ่มอำนาจให้รัฐบาลควบคุมเนื้อหา ➡️ ประเทศประชาธิปไตยที่ออกกฎหมายคล้ายกันยิ่งเปิดช่องให้เผด็จการเลียนแบบ https://www.cjr.org/analysis/nigeria-pakistan-jordan-cybercrime-laws-journalism.php
    WWW.CJR.ORG
    How anti-cybercrime laws are being weaponized to repress journalism.
    Across the world, well-meaning laws intended to reduce online fraud and other scourges of the internet are being put to a very different use.
    0 Comments 0 Shares 217 Views 0 Reviews
  • Namewee แร็ปเปอร์มาเลย์ฯ ถูกกล่าวหาคดียาเสพติด

    กลายเป็นข่าวดังในมาเลเซียและเอเชีย เมื่อ เนมวี (Namewee) หรือนายวี เหมิง จือ (Wee Meng Chee) แร็ปเปอร์ นักร้อง และนักแสดงชาวมาเลเซียวัย 41 ปี ถูกตั้งข้อหาเสพและครอบครองยาเสพติด ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น นิวสเตรทไทมส์ (NST) เปิดเผยว่า ดาโต๊ะ ฟาดิล มาร์ซุส ผู้บัญชาการตำรวจกรุงกัวลาลัมเปอร์ ยืนยันว่าเจ้าตัวถูกจับกุมเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 ต.ค. ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง จากการตรวจค้นพบยาเม็ด 9 เม็ด ซึ่งสงสัยว่าเป็นยาอี (Ecstasy) นอกจากนี้ ผลตรวจสารเสพติดในร่างกายของนายวี พบสารแอมเฟตามีน เมทแอมเฟตามีน เคตามีน และ THC

    เมื่อวันที่ 24 ต.ค. นายวีถูกตั้งข้อหา 2 ข้อหา ภายใต้พระราชบัญญัติยาเสพติดอันตราย ว่าด้วยการครอบครองและการเสพยาเสพติดของมาเลเซีย โดยมาตรา 39A(1) โทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 5 ปี และโบยไม่เกิน 9 ครั้ง หากศาลพิพากษาว่ามีความผิด ส่วนมาตรา 15(1)(a) ว่าด้วยการเสพยาเสพติด กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 ริงกิต หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งนายวีให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และได้รับการประกันตัว โดยมีผู้ค้ำประกันหนึ่งรายต่อหนึ่งข้อหา ศาลกำหนดวงเงินประกันตัวไว้ที่ 4,000 ริงกิตต่อข้อหา รวม 8,000 ริงกิต (ประมาณ 62,000 บาท) และนัดฟังการพิจารณาคดีในวันที่ 18 ธ.ค.

    ด้านเจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ยืนยันว่าไม่ได้เสพและครอบครองยาเสพติด อย่างมากก็แค่ดื่มสุราบ่อยเท่านั้น รอให้รายงานของตำรวจออกมาก็จะรู้ความจริง คาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 เดือน ที่ยังไม่ตอบก่อนหน้านี้เพราะคดียังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาตนยังถูกแบล็กเมล์ พร้อมกันนี้ ยังกล่าวถึงการเสียชีวิตของอินฟลูเอนเซอร์สาวแนวเซ็กซี่ Nurse Goddess (เทพธิดาพยาบาล) คือ น.ส.ไอริส เซียะ (Iris Hsieh) ชาวไต้หวันวัย 31 ปี ที่เสียชีวิตในโรงแรมเดียวกันนี้ ว่า รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และตำหนิว่ารถพยาบาลมาช้าเกือบ 1 ชั่วโมงอีกด้วย

    สำหรับเนมวี เป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน เกิดที่เมืองมัวร์ รัฐยะโฮร์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาการสื่อสารมวลชน ที่มหาวิทยาลัยหมิงชวน ไต้หวัน มีชื่อเสียงในไทยจากเพลง Thai Love Song และ Thai Cha Cha ฟีเจอริ่งกับ บี้ เดอะสกา (นายกฤษณ์ บุญญะรัง) เผยแพร่เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมาเคยมีข้อกล่าวหาเรื่องมิวสิควิดีโอเพลง Oh My God ถูกวิจารณ์ว่าดูหมิ่นความอ่อนไหวทางศาสนา และการออกเพลง Fragile ล้อเลียนชาตินิยมจีนและประเด็นทางการเมืองละเอียดอ่อน กลายเป็นเพลงต้องห้ามในจีน

    #Newskit
    Namewee แร็ปเปอร์มาเลย์ฯ ถูกกล่าวหาคดียาเสพติด กลายเป็นข่าวดังในมาเลเซียและเอเชีย เมื่อ เนมวี (Namewee) หรือนายวี เหมิง จือ (Wee Meng Chee) แร็ปเปอร์ นักร้อง และนักแสดงชาวมาเลเซียวัย 41 ปี ถูกตั้งข้อหาเสพและครอบครองยาเสพติด ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น นิวสเตรทไทมส์ (NST) เปิดเผยว่า ดาโต๊ะ ฟาดิล มาร์ซุส ผู้บัญชาการตำรวจกรุงกัวลาลัมเปอร์ ยืนยันว่าเจ้าตัวถูกจับกุมเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 ต.ค. ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง จากการตรวจค้นพบยาเม็ด 9 เม็ด ซึ่งสงสัยว่าเป็นยาอี (Ecstasy) นอกจากนี้ ผลตรวจสารเสพติดในร่างกายของนายวี พบสารแอมเฟตามีน เมทแอมเฟตามีน เคตามีน และ THC เมื่อวันที่ 24 ต.ค. นายวีถูกตั้งข้อหา 2 ข้อหา ภายใต้พระราชบัญญัติยาเสพติดอันตราย ว่าด้วยการครอบครองและการเสพยาเสพติดของมาเลเซีย โดยมาตรา 39A(1) โทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 5 ปี และโบยไม่เกิน 9 ครั้ง หากศาลพิพากษาว่ามีความผิด ส่วนมาตรา 15(1)(a) ว่าด้วยการเสพยาเสพติด กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 ริงกิต หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งนายวีให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และได้รับการประกันตัว โดยมีผู้ค้ำประกันหนึ่งรายต่อหนึ่งข้อหา ศาลกำหนดวงเงินประกันตัวไว้ที่ 4,000 ริงกิตต่อข้อหา รวม 8,000 ริงกิต (ประมาณ 62,000 บาท) และนัดฟังการพิจารณาคดีในวันที่ 18 ธ.ค. ด้านเจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ยืนยันว่าไม่ได้เสพและครอบครองยาเสพติด อย่างมากก็แค่ดื่มสุราบ่อยเท่านั้น รอให้รายงานของตำรวจออกมาก็จะรู้ความจริง คาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 เดือน ที่ยังไม่ตอบก่อนหน้านี้เพราะคดียังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาตนยังถูกแบล็กเมล์ พร้อมกันนี้ ยังกล่าวถึงการเสียชีวิตของอินฟลูเอนเซอร์สาวแนวเซ็กซี่ Nurse Goddess (เทพธิดาพยาบาล) คือ น.ส.ไอริส เซียะ (Iris Hsieh) ชาวไต้หวันวัย 31 ปี ที่เสียชีวิตในโรงแรมเดียวกันนี้ ว่า รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และตำหนิว่ารถพยาบาลมาช้าเกือบ 1 ชั่วโมงอีกด้วย สำหรับเนมวี เป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน เกิดที่เมืองมัวร์ รัฐยะโฮร์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาการสื่อสารมวลชน ที่มหาวิทยาลัยหมิงชวน ไต้หวัน มีชื่อเสียงในไทยจากเพลง Thai Love Song และ Thai Cha Cha ฟีเจอริ่งกับ บี้ เดอะสกา (นายกฤษณ์ บุญญะรัง) เผยแพร่เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมาเคยมีข้อกล่าวหาเรื่องมิวสิควิดีโอเพลง Oh My God ถูกวิจารณ์ว่าดูหมิ่นความอ่อนไหวทางศาสนา และการออกเพลง Fragile ล้อเลียนชาตินิยมจีนและประเด็นทางการเมืองละเอียดอ่อน กลายเป็นเพลงต้องห้ามในจีน #Newskit
    1 Comments 0 Shares 328 Views 0 Reviews
  • รัสเซียจับผู้พัฒนา Meduza Stealer หลังแฮกระบบรัฐบาล — จุดเปลี่ยนจาก “ปล่อยผ่าน” สู่ “จัดการจริง”

    เจ้าหน้าที่รัสเซียบุกจับกลุ่มแฮกเกอร์ผู้พัฒนา Meduza Stealer ซึ่งเป็นมัลแวร์แบบ MaaS (Malware-as-a-Service) ที่ใช้ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, กระเป๋าคริปโต, และแอปแชท โดยการจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังกลุ่มแฮกเกอร์ละเมิด “กฎเงียบ” ด้วยการโจมตีหน่วยงานรัฐในประเทศ

    Meduza Stealer เป็นมัลแวร์ที่เริ่มขายตั้งแต่กลางปี 2023 โดยมีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น:
    ขโมยรหัสผ่านจากเบราว์เซอร์กว่า 100 ตัวและโปรแกรมจัดการรหัสผ่าน 27 ตัว
    ดึงข้อมูลจากกระเป๋าคริปโตมากกว่า 100 แบบ
    เจาะข้อมูลจาก Telegram และ Steam
    ใช้การเข้ารหัส ChaCha20 และระบบหลบ VM เพื่อหลบการวิเคราะห์

    ราคาขายอยู่ที่ $199/เดือน หรือ $1,199 แบบตลอดชีพ และถูกขายผ่าน Telegram และฟอรั่มใต้ดิน

    แต่จุดเปลี่ยนคือการที่กลุ่มนี้ตัดสินใจโจมตีหน่วยงานรัฐบาลในภูมิภาค Astrakhan ซึ่งขัดกับ “กฎเงียบ” ของแฮกเกอร์รัสเซียที่มักตั้ง geo-filter เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีในประเทศตนเอง, คาซัคสถาน และเบลารุส เพื่อไม่ให้ถูกจับ

    ผลคือเจ้าหน้าที่รัสเซียบุกจับผู้ต้องสงสัย 3 คน พร้อมยึดคอมพิวเตอร์, โทรศัพท์ และบัตรธนาคาร โดยหนึ่งในผู้ต้องสงสัยถูกจับขณะใส่ชุดนอน Hello Kitty

    นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มนี้พัฒนา “มัลแวร์ตัวที่สอง” ที่สามารถปิดระบบป้องกันและสร้าง botnet ได้ หากถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี

    รายละเอียดของ Meduza Stealer
    เป็นมัลแวร์แบบ MaaS ที่ขายผ่าน Telegram
    ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, กระเป๋าคริปโต, Telegram และ Steam
    ใช้การเข้ารหัส ChaCha20 และหลบ VM
    ราคาขาย $199/เดือน หรือ $1,199 แบบตลอดชีพ

    เหตุการณ์การจับกุม
    เกิดขึ้นหลังกลุ่มแฮกเกอร์โจมตีหน่วยงานรัฐใน Astrakhan
    ขัดกับกฎเงียบที่ห้ามโจมตีภายในประเทศ
    เจ้าหน้าที่จับผู้ต้องสงสัย 3 คน พร้อมยึดอุปกรณ์
    พบมัลแวร์ตัวที่สองที่ใช้สร้าง botnet

    สัญญาณจากรัฐบาลรัสเซีย
    เปลี่ยนจาก “ปล่อยผ่าน” เป็น “จัดการจริง”
    ใช้การจับกุมเพื่อควบคุมแฮกเกอร์ในประเทศ
    สอดคล้องกับรายงานจาก Recorded Future ว่ารัสเซียเริ่มจัดการแฮกเกอร์ที่ “ดังเกินไป” หรือ “ไม่สะดวกทางการเมือง”

    https://hackread.com/russia-arrests-meduza-stealer-developers/
    🇷🇺💻 รัสเซียจับผู้พัฒนา Meduza Stealer หลังแฮกระบบรัฐบาล — จุดเปลี่ยนจาก “ปล่อยผ่าน” สู่ “จัดการจริง” เจ้าหน้าที่รัสเซียบุกจับกลุ่มแฮกเกอร์ผู้พัฒนา Meduza Stealer ซึ่งเป็นมัลแวร์แบบ MaaS (Malware-as-a-Service) ที่ใช้ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, กระเป๋าคริปโต, และแอปแชท โดยการจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังกลุ่มแฮกเกอร์ละเมิด “กฎเงียบ” ด้วยการโจมตีหน่วยงานรัฐในประเทศ Meduza Stealer เป็นมัลแวร์ที่เริ่มขายตั้งแต่กลางปี 2023 โดยมีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น: 🎗️ ขโมยรหัสผ่านจากเบราว์เซอร์กว่า 100 ตัวและโปรแกรมจัดการรหัสผ่าน 27 ตัว 🎗️ ดึงข้อมูลจากกระเป๋าคริปโตมากกว่า 100 แบบ 🎗️ เจาะข้อมูลจาก Telegram และ Steam 🎗️ ใช้การเข้ารหัส ChaCha20 และระบบหลบ VM เพื่อหลบการวิเคราะห์ ราคาขายอยู่ที่ $199/เดือน หรือ $1,199 แบบตลอดชีพ และถูกขายผ่าน Telegram และฟอรั่มใต้ดิน แต่จุดเปลี่ยนคือการที่กลุ่มนี้ตัดสินใจโจมตีหน่วยงานรัฐบาลในภูมิภาค Astrakhan ซึ่งขัดกับ “กฎเงียบ” ของแฮกเกอร์รัสเซียที่มักตั้ง geo-filter เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีในประเทศตนเอง, คาซัคสถาน และเบลารุส เพื่อไม่ให้ถูกจับ ผลคือเจ้าหน้าที่รัสเซียบุกจับผู้ต้องสงสัย 3 คน พร้อมยึดคอมพิวเตอร์, โทรศัพท์ และบัตรธนาคาร โดยหนึ่งในผู้ต้องสงสัยถูกจับขณะใส่ชุดนอน Hello Kitty นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มนี้พัฒนา “มัลแวร์ตัวที่สอง” ที่สามารถปิดระบบป้องกันและสร้าง botnet ได้ หากถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ✅ รายละเอียดของ Meduza Stealer ➡️ เป็นมัลแวร์แบบ MaaS ที่ขายผ่าน Telegram ➡️ ขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์, กระเป๋าคริปโต, Telegram และ Steam ➡️ ใช้การเข้ารหัส ChaCha20 และหลบ VM ➡️ ราคาขาย $199/เดือน หรือ $1,199 แบบตลอดชีพ ✅ เหตุการณ์การจับกุม ➡️ เกิดขึ้นหลังกลุ่มแฮกเกอร์โจมตีหน่วยงานรัฐใน Astrakhan ➡️ ขัดกับกฎเงียบที่ห้ามโจมตีภายในประเทศ ➡️ เจ้าหน้าที่จับผู้ต้องสงสัย 3 คน พร้อมยึดอุปกรณ์ ➡️ พบมัลแวร์ตัวที่สองที่ใช้สร้าง botnet ✅ สัญญาณจากรัฐบาลรัสเซีย ➡️ เปลี่ยนจาก “ปล่อยผ่าน” เป็น “จัดการจริง” ➡️ ใช้การจับกุมเพื่อควบคุมแฮกเกอร์ในประเทศ ➡️ สอดคล้องกับรายงานจาก Recorded Future ว่ารัสเซียเริ่มจัดการแฮกเกอร์ที่ “ดังเกินไป” หรือ “ไม่สะดวกทางการเมือง” https://hackread.com/russia-arrests-meduza-stealer-developers/
    HACKREAD.COM
    Russia Arrests Meduza Stealer Developers After Government Hack
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • ไต้หวันเพิ่มโทษทำลายสายเคเบิลใต้น้ำ: จำคุกสูงสุด 7 ปี ปรับกว่า 325,000 ดอลลาร์!

    รัฐบาลไต้หวันเสนอร่างกฎหมายใหม่เพิ่มโทษผู้ที่ทำลายสายเคเบิลใต้น้ำ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านการสื่อสาร โดยมีบทลงโทษสูงสุดถึง 7 ปี และปรับกว่า 10 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 325,000 ดอลลาร์สหรัฐ)

    สายเคเบิลใต้น้ำไม่ใช่แค่ท่อส่งข้อมูลระหว่างประเทศ แต่เป็นเส้นเลือดหลักของการสื่อสารระหว่างไต้หวันกับโลกภายนอก โดยเฉพาะกับพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่สายเคเบิลเหล่านี้ถูกตัดหรือเสียหายหลายครั้ง โดยมีข้อสงสัยว่ามาจากเรือสินค้าจีนที่จงใจทำลาย

    เพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้ รัฐบาลไต้หวันจึงเสนอ “กฎหมายสายเคเบิลใต้น้ำ 7 ฉบับ” ที่เพิ่มบทลงโทษอย่างชัดเจน:
    ผู้ที่จงใจทำลาย: จำคุกสูงสุด 7 ปี และปรับ 10 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน
    ผู้ที่ทำลายโดยไม่ตั้งใจ: จำคุก 6 เดือน และปรับ 2 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน
    เรือที่เกี่ยวข้อง: รัฐบาลมีสิทธิ์ยึดเรือทันที ไม่ว่าผู้ถือกรรมสิทธิ์จะเป็นใคร

    นอกจากนี้ กฎหมายยังบังคับให้เรือทุกลำต้องติดตั้งระบบระบุตัวอัตโนมัติ (AIS) และให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนที่แสดงตำแหน่งสายเคเบิลใต้น้ำ เพื่อป้องกันความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ

    แม้การเปิดเผยตำแหน่งสายเคเบิลอาจดูเสี่ยง แต่รัฐบาลมองว่า “ฝ่ายตรงข้ามน่าจะรู้ตำแหน่งอยู่แล้ว” การเปิดเผยต่อสาธารณะจะช่วยลดความผิดพลาดจากเรือทั่วไปที่ไม่รู้ว่ากำลังแล่นผ่านโครงสร้างสำคัญ

    นี่คือการส่งสัญญาณว่า “ข้อมูลคืออธิปไตย” และไต้หวันจะไม่ยอมให้โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารถูกคุกคามอีกต่อไป ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม

    https://www.tomshardware.com/networking/taiwan-increases-penalty-for-damaging-undersea-cables-offenders-face-up-to-7-years-in-prison-and-usd325-000-in-fines
    🌐⚖️ ไต้หวันเพิ่มโทษทำลายสายเคเบิลใต้น้ำ: จำคุกสูงสุด 7 ปี ปรับกว่า 325,000 ดอลลาร์! รัฐบาลไต้หวันเสนอร่างกฎหมายใหม่เพิ่มโทษผู้ที่ทำลายสายเคเบิลใต้น้ำ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านการสื่อสาร โดยมีบทลงโทษสูงสุดถึง 7 ปี และปรับกว่า 10 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 325,000 ดอลลาร์สหรัฐ) สายเคเบิลใต้น้ำไม่ใช่แค่ท่อส่งข้อมูลระหว่างประเทศ แต่เป็นเส้นเลือดหลักของการสื่อสารระหว่างไต้หวันกับโลกภายนอก โดยเฉพาะกับพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่สายเคเบิลเหล่านี้ถูกตัดหรือเสียหายหลายครั้ง โดยมีข้อสงสัยว่ามาจากเรือสินค้าจีนที่จงใจทำลาย เพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้ รัฐบาลไต้หวันจึงเสนอ “กฎหมายสายเคเบิลใต้น้ำ 7 ฉบับ” ที่เพิ่มบทลงโทษอย่างชัดเจน: 📍 ผู้ที่จงใจทำลาย: จำคุกสูงสุด 7 ปี และปรับ 10 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน 📍 ผู้ที่ทำลายโดยไม่ตั้งใจ: จำคุก 6 เดือน และปรับ 2 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน 📍 เรือที่เกี่ยวข้อง: รัฐบาลมีสิทธิ์ยึดเรือทันที ไม่ว่าผู้ถือกรรมสิทธิ์จะเป็นใคร นอกจากนี้ กฎหมายยังบังคับให้เรือทุกลำต้องติดตั้งระบบระบุตัวอัตโนมัติ (AIS) และให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนที่แสดงตำแหน่งสายเคเบิลใต้น้ำ เพื่อป้องกันความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ แม้การเปิดเผยตำแหน่งสายเคเบิลอาจดูเสี่ยง แต่รัฐบาลมองว่า “ฝ่ายตรงข้ามน่าจะรู้ตำแหน่งอยู่แล้ว” การเปิดเผยต่อสาธารณะจะช่วยลดความผิดพลาดจากเรือทั่วไปที่ไม่รู้ว่ากำลังแล่นผ่านโครงสร้างสำคัญ นี่คือการส่งสัญญาณว่า “ข้อมูลคืออธิปไตย” และไต้หวันจะไม่ยอมให้โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารถูกคุกคามอีกต่อไป ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม https://www.tomshardware.com/networking/taiwan-increases-penalty-for-damaging-undersea-cables-offenders-face-up-to-7-years-in-prison-and-usd325-000-in-fines
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 Reviews
  • สมใจทะลุวัง ศาลสั่งจำคุก "ใบปอ ทะลุวัง" 3 ปี ร่วมกิจกรรมทำโพลหมิ่นสถาบัน ในปี 65 ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา โดยคดีนี้ยังมีจำเลยทะลุวังอีก 2 คน คือ เมนูทะลุวัง ซึ่งหลบหนีลี้ภัย และบุ้งทะลุวัง ที่ชิงลาโลกไปก่อนแล้ว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    สมใจทะลุวัง ศาลสั่งจำคุก "ใบปอ ทะลุวัง" 3 ปี ร่วมกิจกรรมทำโพลหมิ่นสถาบัน ในปี 65 ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา โดยคดีนี้ยังมีจำเลยทะลุวังอีก 2 คน คือ เมนูทะลุวัง ซึ่งหลบหนีลี้ภัย และบุ้งทะลุวัง ที่ชิงลาโลกไปก่อนแล้ว #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 149 Views 0 Reviews
  • “สหรัฐฯ เสนอแบน VPN – นักเคลื่อนไหวทั่วโลกลุกฮือจัด ‘VPN Day of Action’ ต้านกฎหมายเซ็นเซอร์”

    ในเดือนกันยายน 2025 รัฐมิชิแกนของสหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมายชื่อว่า Anticorruption of Public Morals Act ซึ่งมีเนื้อหาห้ามการเผยแพร่เนื้อหาที่ถูกมองว่า “บ่อนทำลายศีลธรรม” เช่น ภาพคนข้ามเพศ, สื่อลามก, ASMR และภาพกราฟิกต่าง ๆ พร้อมบทลงโทษทั้งปรับและจำคุกสำหรับผู้โพสต์และแพลตฟอร์มที่เผยแพร่

    แต่ที่น่ากังวลกว่านั้นคือ กฎหมายนี้ยังเสนอให้ แบนเครื่องมือหลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์ เช่น VPN, proxy และ encrypted tunneling ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและเข้าถึงข้อมูลในประเทศที่มีการควบคุมเนื้อหา

    แม้กฎหมายนี้จะยังไม่ผ่าน แต่ก็จุดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรง โดยองค์กร Fight for the Future ได้จัดกิจกรรม VPN Day of Action ซึ่งมีผู้ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกมากกว่า 15,000 คน เพื่อเรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ ปกป้องสิทธิในการใช้ VPN

    นักเคลื่อนไหวชี้ว่า VPN ไม่ใช่แค่เครื่องมือหลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ โดยเฉพาะในยุคที่การโจมตีทางไซเบอร์จากรัฐและกลุ่มอาชญากรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    ตัวอย่างเช่น ในเดือนกันยายน 2025 นักเคลื่อนไหวในเนปาลใช้ VPN เพื่อจัดการประท้วงผ่านโซเชียลมีเดีย แม้รัฐบาลจะพยายามบล็อกแพลตฟอร์มเหล่านั้นก็ตาม

    รายละเอียดร่างกฎหมายในมิชิแกน
    ชื่อว่า Anticorruption of Public Morals Act
    ห้ามเผยแพร่เนื้อหาที่ถูกมองว่า “บ่อนทำลายศีลธรรม”
    รวมถึงภาพคนข้ามเพศ, สื่อลามก, ASMR และภาพกราฟิก
    เสนอแบน VPN, proxy และ encrypted tunneling
    มีบทลงโทษทั้งปรับและจำคุกสำหรับผู้โพสต์และแพลตฟอร์ม

    การตอบโต้จากนักเคลื่อนไหว
    องค์กร Fight for the Future จัด VPN Day of Action
    มีผู้ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกมากกว่า 15,000 คน
    เรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ ปกป้องสิทธิในการใช้ VPN
    ชี้ว่า VPN เป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาความปลอดภัยและเสรีภาพ
    ยกตัวอย่างการใช้ VPN ในการจัดการประท้วงในเนปาล

    บริบททางการเมืองและเทคโนโลยี
    กฎหมายนี้สะท้อนแนวโน้มการเซ็นเซอร์ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ และยุโรป
    สหราชอาณาจักรก็เคยเสนอจำกัด VPN หลังยอดดาวน์โหลดพุ่ง
    การแบน VPN อาจทำให้สหรัฐฯ ถูกเปรียบเทียบกับรัฐเผด็จการ เช่น รัสเซีย, อิหร่าน, เกาหลีเหนือ
    VPN เป็นเครื่องมือสำคัญในโลกไซเบอร์ที่เต็มไปด้วยภัยคุกคาม

    https://www.slashgear.com/1998517/us-states-vpn-ban-protests-day-of-action/
    🛡️ “สหรัฐฯ เสนอแบน VPN – นักเคลื่อนไหวทั่วโลกลุกฮือจัด ‘VPN Day of Action’ ต้านกฎหมายเซ็นเซอร์” ในเดือนกันยายน 2025 รัฐมิชิแกนของสหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมายชื่อว่า Anticorruption of Public Morals Act ซึ่งมีเนื้อหาห้ามการเผยแพร่เนื้อหาที่ถูกมองว่า “บ่อนทำลายศีลธรรม” เช่น ภาพคนข้ามเพศ, สื่อลามก, ASMR และภาพกราฟิกต่าง ๆ พร้อมบทลงโทษทั้งปรับและจำคุกสำหรับผู้โพสต์และแพลตฟอร์มที่เผยแพร่ แต่ที่น่ากังวลกว่านั้นคือ กฎหมายนี้ยังเสนอให้ แบนเครื่องมือหลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์ เช่น VPN, proxy และ encrypted tunneling ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและเข้าถึงข้อมูลในประเทศที่มีการควบคุมเนื้อหา แม้กฎหมายนี้จะยังไม่ผ่าน แต่ก็จุดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรง โดยองค์กร Fight for the Future ได้จัดกิจกรรม VPN Day of Action ซึ่งมีผู้ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกมากกว่า 15,000 คน เพื่อเรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ ปกป้องสิทธิในการใช้ VPN นักเคลื่อนไหวชี้ว่า VPN ไม่ใช่แค่เครื่องมือหลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ โดยเฉพาะในยุคที่การโจมตีทางไซเบอร์จากรัฐและกลุ่มอาชญากรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ในเดือนกันยายน 2025 นักเคลื่อนไหวในเนปาลใช้ VPN เพื่อจัดการประท้วงผ่านโซเชียลมีเดีย แม้รัฐบาลจะพยายามบล็อกแพลตฟอร์มเหล่านั้นก็ตาม ✅ รายละเอียดร่างกฎหมายในมิชิแกน ➡️ ชื่อว่า Anticorruption of Public Morals Act ➡️ ห้ามเผยแพร่เนื้อหาที่ถูกมองว่า “บ่อนทำลายศีลธรรม” ➡️ รวมถึงภาพคนข้ามเพศ, สื่อลามก, ASMR และภาพกราฟิก ➡️ เสนอแบน VPN, proxy และ encrypted tunneling ➡️ มีบทลงโทษทั้งปรับและจำคุกสำหรับผู้โพสต์และแพลตฟอร์ม ✅ การตอบโต้จากนักเคลื่อนไหว ➡️ องค์กร Fight for the Future จัด VPN Day of Action ➡️ มีผู้ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกมากกว่า 15,000 คน ➡️ เรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ ปกป้องสิทธิในการใช้ VPN ➡️ ชี้ว่า VPN เป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาความปลอดภัยและเสรีภาพ ➡️ ยกตัวอย่างการใช้ VPN ในการจัดการประท้วงในเนปาล ✅ บริบททางการเมืองและเทคโนโลยี ➡️ กฎหมายนี้สะท้อนแนวโน้มการเซ็นเซอร์ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ และยุโรป ➡️ สหราชอาณาจักรก็เคยเสนอจำกัด VPN หลังยอดดาวน์โหลดพุ่ง ➡️ การแบน VPN อาจทำให้สหรัฐฯ ถูกเปรียบเทียบกับรัฐเผด็จการ เช่น รัสเซีย, อิหร่าน, เกาหลีเหนือ ➡️ VPN เป็นเครื่องมือสำคัญในโลกไซเบอร์ที่เต็มไปด้วยภัยคุกคาม https://www.slashgear.com/1998517/us-states-vpn-ban-protests-day-of-action/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    US States Want To Ban VPNs, But Citizens Are Already Fighting Back - SlashGear
    The Michigan ban is about more than moderating content. VPNs play an essential role in protecting citizens' right to access and share information.
    0 Comments 0 Shares 322 Views 0 Reviews
  • ด่วน!! สหรัฐฯ สั่งยึด Bitcoin มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (4.9 แสนล้านบาท) ของนายเฉิน จื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา ซึ่งมีฐานเปิดศูนย์หลอกลวงในกัมพูชา บังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกาย ทรมานและฉ้อโกงเงินดิจิทัล หนึ่งในท่อน้ำเลี้ยงของฮุนเซน ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า เป็น "การริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ"
    .
    มีรานงานล่าสุดว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) สั่งยึด Bitcoin ของนายเฉินจื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา มูลค่าหลายพันล้านจากกลโกงคริปโต ครั้งใหญ่ในกัมพูชา
    .
    นายเฉิน จื้อ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าดำเนินค่ายแรงงานบังคับในกัมพูชา โดยบังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกายและทรมาน ที่ถูกค้ามนุษย์ดำเนินการฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล และสามารถกวาดเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์
    .
    สหรัฐ กล่าวว่า เฉิน จื้อ แห่ง Prince Holding Group และพวกพ้องของเขาถูกกล่าวหาว่าสร้างรายได้มากถึง 30 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวันจากการหลอกลวงครั้งหนึ่ง และฉินเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และบิดาของเขา อดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และได้รับเกียรติด้วยบรรดาศักดิ์ “ออกญา” ซึ่งเทียบเท่ากับขุนนางอังกฤษ และไทยในอดีต
    .
    เฉิน จื้อ ชายวัย 37 ปี ซึ่งรู้จักกันในชื่อวินเซนต์ เป็นผู้ก่อตั้ง Prince Holding Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่ทางการระบุว่าทำหน้าที่เป็นฉากหน้าของ "หนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย" ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
    .
    กระทรวงยุติธรรมยังได้ยื่นฟ้องริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยยึด Bitcoin ได้ประมาณ 127,271 บิตคอยน์ คิดเป็นมูลค่าราว 15,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 4.9 แสนล้านบาท ในราคาปัจจุบัน
    .
    “การดำเนินการในวันนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่สำคัญที่สุดในการปราบปรามการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงทางการเงินผ่านไซเบอร์ ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงระดับโลก” อัยการสูงสุด แพม บอนดี กล่าว
    .
    มีรายงานว่าเฉินได้สั่งการให้มีการบังคับใช้แรงงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกัมพูชา โดยมีการกักขังแรงงานค้ามนุษย์หลายร้อยคนไว้ในสถานที่คล้ายเรือนจำที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและลวดหนาม
    .
    ปีที่แล้ว ชาวอเมริกันสูญเสียเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับการหลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 66% จากปี 2023 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุ และเรียก Prince Holding Group ว่าเป็น “ผู้เล่นหลัก” ในอุตสาหกรรมนี้ ทางการจีนได้ดำเนินการสืบสวนบริษัทนี้ในข้อหาหลอกลวงทางไซเบอร์และการฟอกเงินมาตั้งแต่ต้นปี 2020 ตามบันทึกของศาลที่ตรวจสอบโดยสถาบันสันติภาพสหรัฐฯ
    .
    ภายใต้การคุกคามของความรุนแรง พวกเขาถูกบังคับให้ดำเนินการตามกลลวงที่เรียกว่า "การฆ่าหมู" ซึ่งเป็นแผนการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างความไว้วางใจกับเหยื่อในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะขโมยเงินของพวกเขาไป แผนการดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลก ทำให้เกิดการสูญเสียนับพันล้าน
    .
    ศูนย์หลอกลวงทั่วทั้งกัมพูชา เมียนมาร์ และภูมิภาคอื่นๆ ใช้โฆษณาหางานปลอมเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ ซึ่งหลายคนเป็นชาวจีน ให้มาทำงานในสถานที่ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ โดยคนเหล่านี้ถูกบังคับให้ฉ้อโกงทางออนไลน์ภายใต้ภัยคุกคามของการทรมาน
    .
    เฉินเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ติดตามผลกำไรและแผนการต่างๆ และยังมีภาพการทุบตีและการทรมานเหยื่ออีกด้วย เขาพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับการลงโทษผู้ที่ “ก่อปัญหา” แต่เน้นย้ำว่าคนงาน “ไม่ควรถูกตีจนตาย” ผู้หลอกลวงมักติดต่อเหยื่อผ่านแอปส่งข้อความหรือโซเชียลมีเดีย โดยสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงจากการลงทุน ตามที่ฟ้องระบุ
    .
    นับตั้งแต่ประมาณปี 2015 Prince Group ได้ดำเนินกิจการในกว่า 30 ประเทศภายใต้ข้ออ้างของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน และผู้บริโภคที่ถูกกฎหมาย อัยการกล่าว
    .
    เฉินและผู้บริหารระดับสูงถูกกล่าวหาว่าใช้อิทธิพลทางการเมืองและติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหลายประเทศเพื่อปกป้องการดำเนินงาน รายได้ส่วนหนึ่งถูกฟอกเงินผ่านการพนันและการขุดสกุลเงินดิจิทัลของ Prince Group เอง
    .
    เจ้าหน้าที่เผยว่าเงินที่ถูกขโมยไปนั้นจะถูกนำไปใช้ในการซื้อของหรูหราต่างๆ รวมถึงนาฬิกา เรือยอทช์ เครื่องบินส่วนตัว บ้านพักตากอากาศ และภาพวาดของปิกัสโซที่ซื้อจากบ้านประมูลแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก
    .
    เฉินอาจต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 40 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงทางสายโทรศัพท์และสมคบคิดฟอกเงิน
    .
    ในการดำเนินการประสานงานกัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อังกฤษได้อายัดทรัพย์สิน 19 แห่งในลอนดอน มูลค่ากว่า 100 ล้านปอนด์ ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายของเฉิน รวมถึงคฤหาสน์มูลค่า 12 ล้านปอนด์ในลอนดอนตอนเหนือ
    .
    มาตรการคว่ำบาตรยังมุ่งเป้าไปที่ Qiu Wei Ren ผู้ร่วมงานของ Chen ซึ่งเป็นคนสัญชาติจีนที่มีสัญชาติกัมพูชา ไซปรัส และฮ่องกงอีกด้วย
    .
    การสืบสวนของ AFP เมื่อวันอังคารพบว่าศูนย์หลอกลวงในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่เดือนหลังจากการปราบปรามในประเทศดังกล่าว
    .
    จีน ไทย และเมียนมาร์ บังคับให้กองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลทหารของเมียนมาร์ซึ่งปกป้องศูนย์เหล่านี้สัญญาว่าจะปิดศูนย์เหล่านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยปล่อยตัวผู้คนไปประมาณ 7,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองจีน
    .
    แต่ระบบคอลเซ็นเตอร์แบบโหดกำลังกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในเมียนมาร์ โดยขณะนี้ใช้ระบบดาวเทียม Starlink ของ Elon Musk เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
    ด่วน!! สหรัฐฯ สั่งยึด Bitcoin มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (4.9 แสนล้านบาท) ของนายเฉิน จื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา ซึ่งมีฐานเปิดศูนย์หลอกลวงในกัมพูชา บังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกาย ทรมานและฉ้อโกงเงินดิจิทัล หนึ่งในท่อน้ำเลี้ยงของฮุนเซน ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า เป็น "การริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ" . มีรานงานล่าสุดว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) สั่งยึด Bitcoin ของนายเฉินจื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา มูลค่าหลายพันล้านจากกลโกงคริปโต ครั้งใหญ่ในกัมพูชา . นายเฉิน จื้อ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าดำเนินค่ายแรงงานบังคับในกัมพูชา โดยบังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกายและทรมาน ที่ถูกค้ามนุษย์ดำเนินการฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล และสามารถกวาดเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์ . สหรัฐ กล่าวว่า เฉิน จื้อ แห่ง Prince Holding Group และพวกพ้องของเขาถูกกล่าวหาว่าสร้างรายได้มากถึง 30 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวันจากการหลอกลวงครั้งหนึ่ง และฉินเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และบิดาของเขา อดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และได้รับเกียรติด้วยบรรดาศักดิ์ “ออกญา” ซึ่งเทียบเท่ากับขุนนางอังกฤษ และไทยในอดีต . เฉิน จื้อ ชายวัย 37 ปี ซึ่งรู้จักกันในชื่อวินเซนต์ เป็นผู้ก่อตั้ง Prince Holding Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่ทางการระบุว่าทำหน้าที่เป็นฉากหน้าของ "หนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย" ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ . กระทรวงยุติธรรมยังได้ยื่นฟ้องริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยยึด Bitcoin ได้ประมาณ 127,271 บิตคอยน์ คิดเป็นมูลค่าราว 15,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 4.9 แสนล้านบาท ในราคาปัจจุบัน . “การดำเนินการในวันนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่สำคัญที่สุดในการปราบปรามการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงทางการเงินผ่านไซเบอร์ ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงระดับโลก” อัยการสูงสุด แพม บอนดี กล่าว . มีรายงานว่าเฉินได้สั่งการให้มีการบังคับใช้แรงงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกัมพูชา โดยมีการกักขังแรงงานค้ามนุษย์หลายร้อยคนไว้ในสถานที่คล้ายเรือนจำที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและลวดหนาม . ปีที่แล้ว ชาวอเมริกันสูญเสียเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับการหลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 66% จากปี 2023 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุ และเรียก Prince Holding Group ว่าเป็น “ผู้เล่นหลัก” ในอุตสาหกรรมนี้ ทางการจีนได้ดำเนินการสืบสวนบริษัทนี้ในข้อหาหลอกลวงทางไซเบอร์และการฟอกเงินมาตั้งแต่ต้นปี 2020 ตามบันทึกของศาลที่ตรวจสอบโดยสถาบันสันติภาพสหรัฐฯ . ภายใต้การคุกคามของความรุนแรง พวกเขาถูกบังคับให้ดำเนินการตามกลลวงที่เรียกว่า "การฆ่าหมู" ซึ่งเป็นแผนการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างความไว้วางใจกับเหยื่อในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะขโมยเงินของพวกเขาไป แผนการดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลก ทำให้เกิดการสูญเสียนับพันล้าน . ศูนย์หลอกลวงทั่วทั้งกัมพูชา เมียนมาร์ และภูมิภาคอื่นๆ ใช้โฆษณาหางานปลอมเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ ซึ่งหลายคนเป็นชาวจีน ให้มาทำงานในสถานที่ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ โดยคนเหล่านี้ถูกบังคับให้ฉ้อโกงทางออนไลน์ภายใต้ภัยคุกคามของการทรมาน . เฉินเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ติดตามผลกำไรและแผนการต่างๆ และยังมีภาพการทุบตีและการทรมานเหยื่ออีกด้วย เขาพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับการลงโทษผู้ที่ “ก่อปัญหา” แต่เน้นย้ำว่าคนงาน “ไม่ควรถูกตีจนตาย” ผู้หลอกลวงมักติดต่อเหยื่อผ่านแอปส่งข้อความหรือโซเชียลมีเดีย โดยสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงจากการลงทุน ตามที่ฟ้องระบุ . นับตั้งแต่ประมาณปี 2015 Prince Group ได้ดำเนินกิจการในกว่า 30 ประเทศภายใต้ข้ออ้างของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน และผู้บริโภคที่ถูกกฎหมาย อัยการกล่าว . เฉินและผู้บริหารระดับสูงถูกกล่าวหาว่าใช้อิทธิพลทางการเมืองและติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหลายประเทศเพื่อปกป้องการดำเนินงาน รายได้ส่วนหนึ่งถูกฟอกเงินผ่านการพนันและการขุดสกุลเงินดิจิทัลของ Prince Group เอง . เจ้าหน้าที่เผยว่าเงินที่ถูกขโมยไปนั้นจะถูกนำไปใช้ในการซื้อของหรูหราต่างๆ รวมถึงนาฬิกา เรือยอทช์ เครื่องบินส่วนตัว บ้านพักตากอากาศ และภาพวาดของปิกัสโซที่ซื้อจากบ้านประมูลแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก . เฉินอาจต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 40 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงทางสายโทรศัพท์และสมคบคิดฟอกเงิน . ในการดำเนินการประสานงานกัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อังกฤษได้อายัดทรัพย์สิน 19 แห่งในลอนดอน มูลค่ากว่า 100 ล้านปอนด์ ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายของเฉิน รวมถึงคฤหาสน์มูลค่า 12 ล้านปอนด์ในลอนดอนตอนเหนือ . มาตรการคว่ำบาตรยังมุ่งเป้าไปที่ Qiu Wei Ren ผู้ร่วมงานของ Chen ซึ่งเป็นคนสัญชาติจีนที่มีสัญชาติกัมพูชา ไซปรัส และฮ่องกงอีกด้วย . การสืบสวนของ AFP เมื่อวันอังคารพบว่าศูนย์หลอกลวงในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่เดือนหลังจากการปราบปรามในประเทศดังกล่าว . จีน ไทย และเมียนมาร์ บังคับให้กองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลทหารของเมียนมาร์ซึ่งปกป้องศูนย์เหล่านี้สัญญาว่าจะปิดศูนย์เหล่านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยปล่อยตัวผู้คนไปประมาณ 7,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองจีน . แต่ระบบคอลเซ็นเตอร์แบบโหดกำลังกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในเมียนมาร์ โดยขณะนี้ใช้ระบบดาวเทียม Starlink ของ Elon Musk เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
    0 Comments 0 Shares 755 Views 0 Reviews
  • ศาลอาญาสั่งจำคุก "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" คนละ 20 ปี ปรับกว่า 2 ล้าน แต่จำเลยสำนึกผิดบรรเทาผลร้ายด้วยการรับซื้อคืนไปบ้างแล้ว จึงให้รอการลงโทษไว้ 5 ปี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096011

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ศาลอาญาสั่งจำคุก "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" คนละ 20 ปี ปรับกว่า 2 ล้าน แต่จำเลยสำนึกผิดบรรเทาผลร้ายด้วยการรับซื้อคืนไปบ้างแล้ว จึงให้รอการลงโทษไว้ 5 ปี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096011 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 336 Views 0 Reviews
  • ศาลอาญา สั่งจำคุก "วีระ-จตุพร- ณัฐวุฒิ- หมอเหวง -อดิศร" 5 แกนนำ นปช.ขุมนุมไล่รัฐบาล "อภิสิทธิ์" เมื่อปี 52 คนละ 4 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา รอลุ้นประกันตัว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095821

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ศาลอาญา สั่งจำคุก "วีระ-จตุพร- ณัฐวุฒิ- หมอเหวง -อดิศร" 5 แกนนำ นปช.ขุมนุมไล่รัฐบาล "อภิสิทธิ์" เมื่อปี 52 คนละ 4 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา รอลุ้นประกันตัว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095821 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    0 Comments 0 Shares 427 Views 0 Reviews
  • สิ้นเสียงคำพิพากษา “ปารีณา ไกรคุปต์” อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ต้องโทษจำคุก 4 ปี 1 เดือน ปรับ 6 หมื่นบาท คดีรุกป่าสงวนกว่า 1,700 ไร่ ศาลไม่รอลงอาญา ก่อนยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ คดีสะเทือนวงการการเมือง ถูกมองเป็นบทพิสูจน์ “กฎหมายไม่เลือกชนชั้น”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095574

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สิ้นเสียงคำพิพากษา “ปารีณา ไกรคุปต์” อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ต้องโทษจำคุก 4 ปี 1 เดือน ปรับ 6 หมื่นบาท คดีรุกป่าสงวนกว่า 1,700 ไร่ ศาลไม่รอลงอาญา ก่อนยื่นหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ คดีสะเทือนวงการการเมือง ถูกมองเป็นบทพิสูจน์ “กฎหมายไม่เลือกชนชั้น” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095574 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 464 Views 0 Reviews
  • ศาลจังหวัดราชบุรีมีคำพิพากษาให้จำคุก น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ เป็นเวลา 4 ปี 1 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ในคดีบุกรุกที่ดินป่าสงวนและที่ดินในเขต ส.ป.ก. รวมกว่า 1,706 ไร่ ที่ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095404

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศาลจังหวัดราชบุรีมีคำพิพากษาให้จำคุก น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ เป็นเวลา 4 ปี 1 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ในคดีบุกรุกที่ดินป่าสงวนและที่ดินในเขต ส.ป.ก. รวมกว่า 1,706 ไร่ ที่ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000095404 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 423 Views 0 Reviews
  • “ปารีณา” ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี คดีรุกป่า ไม่รอลงอาญา หลังศึกยืดเยื้อจากปี 62 ทนายยื่นขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000095391

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “ปารีณา” ถูกตัดสินจำคุก 4 ปี คดีรุกป่า ไม่รอลงอาญา หลังศึกยืดเยื้อจากปี 62 ทนายยื่นขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000095391 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 455 Views 0 Reviews
  • ศาลราชบุรีสั่งจำคุก 'ปารีณา ไกรคุปต์' 4 ปี 1 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีบุกรุกครอบครองที่ป่าสงวน
    https://www.thai-tai.tv/news/21771/
    .
    #ปารีณาไกรคุปต์ #บุกรุกป่า #วีระสมความคิด #คดีจำคุก #ที่ดินสปก #ศาลจังหวัดราชบุรี #ปราบปรามคอร์รัปชัน #ไม่รอลงอาญา

    ศาลราชบุรีสั่งจำคุก 'ปารีณา ไกรคุปต์' 4 ปี 1 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีบุกรุกครอบครองที่ป่าสงวน https://www.thai-tai.tv/news/21771/ . #ปารีณาไกรคุปต์ #บุกรุกป่า #วีระสมความคิด #คดีจำคุก #ที่ดินสปก #ศาลจังหวัดราชบุรี #ปราบปรามคอร์รัปชัน #ไม่รอลงอาญา
    0 Comments 0 Shares 337 Views 0 Reviews
  • “เมื่อวิศวกรซอฟต์แวร์ถูกขอให้ทำสิ่งผิดกฎหมาย — บทเรียนจาก FTX, Frank และ Pollen ที่อาจช่วยคุณไม่ต้องใส่ชุดนักโทษ”

    ในโลกของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยโค้ดและข้อมูล วิศวกรซอฟต์แวร์มักถูกมองว่าเป็นผู้สร้าง ไม่ใช่ผู้ตัดสินใจ แต่เมื่อคำสั่งจากผู้บริหารกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พวกเขากลับกลายเป็น “ผู้ร่วมกระทำผิด” ได้โดยไม่ตั้งใจ บทความจาก The Pragmatic Engineer ได้รวบรวมกรณีจริง 3 เรื่อง ที่วิศวกรถูกขอให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย — และผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

    กรณีแรกคือ Nishad Singh จาก FTX ซึ่งในปี 2022 ได้รับรู้ว่า Alameda Research กำลังใช้เงินลูกค้าจาก FTX ไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ เขารู้สึกตกใจและจัดประชุมทันที แต่กลับเลือกที่จะ “อยู่ต่อเพื่อช่วยแก้ไข” แทนที่จะลาออกหรือแจ้งความ สุดท้ายเขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์จากบริษัท และต้องรับโทษทางกฎหมาย แม้จะได้รับการลดโทษเหลือเพียงการควบคุมตัว 3 ปี แต่ก็เป็นบทเรียนที่ชัดเจนว่า “การอยู่ต่อหลังรู้ว่ามีการโกง ไม่ใช่ทางออก”

    กรณีที่สองคือวิศวกรจาก Frank ซึ่งถูก CEO ขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียมกว่า 4.2 ล้านรายเพื่อให้บริษัทดูมีมูลค่ามากขึ้นก่อนขายให้ JPMorgan วิศวกรคนนั้นปฏิเสธทันที และส่งเฉพาะข้อมูลจริงที่มีอยู่ประมาณ 293,000 ราย สุดท้าย CEO ถูกจับและถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ส่วนวิศวกรรอดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา

    กรณีสุดท้ายคือบริษัท Pollen ที่มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อให้บริษัทมีเงินจ่ายเงินเดือน วิศวกรคนหนึ่งยอมทำตามคำสั่ง CEO โดยเขียนสคริปต์เพื่อเรียกเก็บเงินซ้ำ และยอมรับในภายหลังว่า “เป็นการตัดสินใจที่แย่มาก” แม้จะยังไม่มีการตั้งข้อหา แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่อาจกลายเป็นคดีฉ้อโกงในอนาคต

    บทเรียนจากทั้งสามกรณีคือ — วิศวกรมีสิทธิ์ปฏิเสธ และควรใช้สิทธินั้นเมื่อพบว่าคำสั่งอาจผิดกฎหมาย เพราะการ “ทำตามคำสั่ง” ไม่ได้ปกป้องคุณจากผลทางกฎหมาย หากสิ่งที่คุณทำกลายเป็นหลักฐานในศาล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nishad Singh จาก FTX รู้ว่ามีการใช้เงินลูกค้าโดยมิชอบ แต่เลือกอยู่ต่อ
    เขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์หลังรู้เรื่อง และถูกดำเนินคดี
    ศาลลดโทษให้เหลือการควบคุมตัว 3 ปี เพราะเขาให้ความร่วมมือในการสอบสวน
    วิศวกรจาก Frank ถูกขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียม แต่ปฏิเสธทันที
    CEO ของ Frank ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ฐานฉ้อโกง JPMorgan
    ที่ Pollen มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อจ่ายเงินเดือน
    วิศวกรยอมทำตามคำสั่ง CEO และยอมรับภายหลังว่าเป็นการตัดสินใจผิด
    ยังไม่มีการตั้งข้อหาทางอาญาในกรณีของ Pollen ณ ตุลาคม 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    กฎหมายสหรัฐฯ ให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแส (whistleblower) สูงถึง 30% ของเงินที่รัฐเรียกคืน
    การลาออกทันทีหลังพบการกระทำผิดอาจช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย
    การรับเงินหรือผลประโยชน์หลังรู้ว่ามีการโกง อาจถูกตีความว่า “ร่วมมือ”
    การบันทึกคำสั่งที่อาจผิดกฎหมาย เช่น อีเมลหรือแชท เป็นหลักฐานสำคัญ
    การปรึกษาทนายก่อนตัดสินใจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด

    https://blog.pragmaticengineer.com/asked-to-do-something-illegal-at-work/
    ⚖️ “เมื่อวิศวกรซอฟต์แวร์ถูกขอให้ทำสิ่งผิดกฎหมาย — บทเรียนจาก FTX, Frank และ Pollen ที่อาจช่วยคุณไม่ต้องใส่ชุดนักโทษ” ในโลกของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยโค้ดและข้อมูล วิศวกรซอฟต์แวร์มักถูกมองว่าเป็นผู้สร้าง ไม่ใช่ผู้ตัดสินใจ แต่เมื่อคำสั่งจากผู้บริหารกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พวกเขากลับกลายเป็น “ผู้ร่วมกระทำผิด” ได้โดยไม่ตั้งใจ บทความจาก The Pragmatic Engineer ได้รวบรวมกรณีจริง 3 เรื่อง ที่วิศวกรถูกขอให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย — และผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กรณีแรกคือ Nishad Singh จาก FTX ซึ่งในปี 2022 ได้รับรู้ว่า Alameda Research กำลังใช้เงินลูกค้าจาก FTX ไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ เขารู้สึกตกใจและจัดประชุมทันที แต่กลับเลือกที่จะ “อยู่ต่อเพื่อช่วยแก้ไข” แทนที่จะลาออกหรือแจ้งความ สุดท้ายเขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์จากบริษัท และต้องรับโทษทางกฎหมาย แม้จะได้รับการลดโทษเหลือเพียงการควบคุมตัว 3 ปี แต่ก็เป็นบทเรียนที่ชัดเจนว่า “การอยู่ต่อหลังรู้ว่ามีการโกง ไม่ใช่ทางออก” กรณีที่สองคือวิศวกรจาก Frank ซึ่งถูก CEO ขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียมกว่า 4.2 ล้านรายเพื่อให้บริษัทดูมีมูลค่ามากขึ้นก่อนขายให้ JPMorgan วิศวกรคนนั้นปฏิเสธทันที และส่งเฉพาะข้อมูลจริงที่มีอยู่ประมาณ 293,000 ราย สุดท้าย CEO ถูกจับและถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ส่วนวิศวกรรอดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา กรณีสุดท้ายคือบริษัท Pollen ที่มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อให้บริษัทมีเงินจ่ายเงินเดือน วิศวกรคนหนึ่งยอมทำตามคำสั่ง CEO โดยเขียนสคริปต์เพื่อเรียกเก็บเงินซ้ำ และยอมรับในภายหลังว่า “เป็นการตัดสินใจที่แย่มาก” แม้จะยังไม่มีการตั้งข้อหา แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่อาจกลายเป็นคดีฉ้อโกงในอนาคต บทเรียนจากทั้งสามกรณีคือ — วิศวกรมีสิทธิ์ปฏิเสธ และควรใช้สิทธินั้นเมื่อพบว่าคำสั่งอาจผิดกฎหมาย เพราะการ “ทำตามคำสั่ง” ไม่ได้ปกป้องคุณจากผลทางกฎหมาย หากสิ่งที่คุณทำกลายเป็นหลักฐานในศาล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nishad Singh จาก FTX รู้ว่ามีการใช้เงินลูกค้าโดยมิชอบ แต่เลือกอยู่ต่อ ➡️ เขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์หลังรู้เรื่อง และถูกดำเนินคดี ➡️ ศาลลดโทษให้เหลือการควบคุมตัว 3 ปี เพราะเขาให้ความร่วมมือในการสอบสวน ➡️ วิศวกรจาก Frank ถูกขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียม แต่ปฏิเสธทันที ➡️ CEO ของ Frank ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ฐานฉ้อโกง JPMorgan ➡️ ที่ Pollen มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อจ่ายเงินเดือน ➡️ วิศวกรยอมทำตามคำสั่ง CEO และยอมรับภายหลังว่าเป็นการตัดสินใจผิด ➡️ ยังไม่มีการตั้งข้อหาทางอาญาในกรณีของ Pollen ณ ตุลาคม 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ กฎหมายสหรัฐฯ ให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแส (whistleblower) สูงถึง 30% ของเงินที่รัฐเรียกคืน ➡️ การลาออกทันทีหลังพบการกระทำผิดอาจช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย ➡️ การรับเงินหรือผลประโยชน์หลังรู้ว่ามีการโกง อาจถูกตีความว่า “ร่วมมือ” ➡️ การบันทึกคำสั่งที่อาจผิดกฎหมาย เช่น อีเมลหรือแชท เป็นหลักฐานสำคัญ ➡️ การปรึกษาทนายก่อนตัดสินใจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด https://blog.pragmaticengineer.com/asked-to-do-something-illegal-at-work/
    BLOG.PRAGMATICENGINEER.COM
    Asked to do something illegal at work? Here’s what these software engineers did
    At FTX, Frank, and Pollen, software engineers were asked to do something potentially illegal, or to go along with what looked like fraud. They obliged in two out of three cases, landed in hot water, and now face jail time. A reminder why it’s never a good idea to go along with such requests.
    0 Comments 0 Shares 403 Views 0 Reviews
  • ศาลอาญาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต "จ่าเอ็ม" จำเลยคดียิง "ลิม กิมยา" นักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิตย่านถนนข้าวสาร พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ภรรยา 1.79 ล้านบาท ส่วนคนขับรถรับจ้างไปส่งที่คลองหาด จ.สระแก้ว ศาลยกฟ้อง เพราะไม่ปรากฎว่ามีเจตนาพิเศษ และค่าจ้างไปส่งเป็นราคาสมเหตุสมผล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000094654

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศาลอาญาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต "จ่าเอ็ม" จำเลยคดียิง "ลิม กิมยา" นักการเมืองฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิตย่านถนนข้าวสาร พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ภรรยา 1.79 ล้านบาท ส่วนคนขับรถรับจ้างไปส่งที่คลองหาด จ.สระแก้ว ศาลยกฟ้อง เพราะไม่ปรากฎว่ามีเจตนาพิเศษ และค่าจ้างไปส่งเป็นราคาสมเหตุสมผล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000094654 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 597 Views 0 Reviews
  • ศาลอาญาประหารชีวิต "จ่าเอ็ม"มือยิง "คิม ยาลิม"อดีตฝ่ายค้านกัมพูชา จำคุก 8เดือนข้อหายิงปืนในที่สาธารณะและจำคุก6 เดือนข้อหาพาอาวุธปืน แต่สารภาพลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนคนขับรถพิพากษายกฟ้อง เหตุไม่มีหลักฐานว่ามีเจตนาพิเศษพาจำเลยที่ 1 หลบหนี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094603

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศาลอาญาประหารชีวิต "จ่าเอ็ม"มือยิง "คิม ยาลิม"อดีตฝ่ายค้านกัมพูชา จำคุก 8เดือนข้อหายิงปืนในที่สาธารณะและจำคุก6 เดือนข้อหาพาอาวุธปืน แต่สารภาพลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนคนขับรถพิพากษายกฟ้อง เหตุไม่มีหลักฐานว่ามีเจตนาพิเศษพาจำเลยที่ 1 หลบหนี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094603 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 504 Views 0 Reviews
  • เปิดเอกสารลับ “ทวี” เซ็นเองยกฎีกาตีตกคำขอพระราชทานอภัยโทษ "ทักษิณ" ยึดแนวคำสั่งศาลฎีกาจำคุก 1 ปี ตามกรมราชทัณฑ์เสนอ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094250

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เปิดเอกสารลับ “ทวี” เซ็นเองยกฎีกาตีตกคำขอพระราชทานอภัยโทษ "ทักษิณ" ยึดแนวคำสั่งศาลฎีกาจำคุก 1 ปี ตามกรมราชทัณฑ์เสนอ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094250 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 597 Views 0 Reviews
  • เปิดเอกสารลับ "ทวี" เซ็นเองตีตกคำขอพระราชทานอภัยโทษ "นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ" ยึดคำสั่งศาลฎีกาจำคุก 1 ปี
    https://www.thai-tai.tv/news/21725/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #ขอพระราชทานอภัยโทษ #ทวีสอดส่อง #กระทรวงยุติธรรม #ยกฎีกา #การเมือง #ไทยไท

    เปิดเอกสารลับ "ทวี" เซ็นเองตีตกคำขอพระราชทานอภัยโทษ "นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ" ยึดคำสั่งศาลฎีกาจำคุก 1 ปี https://www.thai-tai.tv/news/21725/ . #ทักษิณชินวัตร #ขอพระราชทานอภัยโทษ #ทวีสอดส่อง #กระทรวงยุติธรรม #ยกฎีกา #การเมือง #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 371 Views 0 Reviews
  • “Bitcoin Queen ถูกตัดสินคดีฉ้อโกง — ยึดคริปโตมูลค่า $7.3 พันล้าน กลายเป็นการยึดครั้งใหญ่ที่สุดในโลก”

    หลังจากหลบหนีมานานกว่า 5 ปี Zhimin Qian หรือที่รู้จักในชื่อ “Yadi Zhang” ถูกศาล Southwark Crown Court ในสหราชอาณาจักรตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงและฟอกเงิน โดยเธอเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการหลอกลวงเหยื่อกว่า 128,000 รายในประเทศจีนระหว่างปี 2014–2017 และนำเงินที่ได้ไปแปลงเป็น Bitcoin เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ

    ตำรวจนครบาลลอนดอน (Met Police) เปิดเผยว่าได้ยึด Bitcoin จำนวน 61,000 เหรียญจาก Qian ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า $7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน ถือเป็นการยึดคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก และเป็นหนึ่งในคดีฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร

    หลังจากหลบหนีออกจากจีนด้วยเอกสารปลอมในปี 2018 Qian เข้าสหราชอาณาจักรและพยายามฟอกเงินผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยมีผู้ช่วยคือ Jian Wen อดีตพนักงานร้านอาหารที่ต่อมาใช้ชีวิตหรูหราในบ้านเช่าหลายล้านปอนด์ และซื้ออสังหาริมทรัพย์ในดูไบมูลค่ากว่า £500,000

    Wen ถูกตัดสินจำคุก 6 ปี 8 เดือนเมื่อปีที่แล้ว และถูกสั่งให้คืนทรัพย์สินมูลค่ากว่า £3.1 ล้านภายใน 3 เดือน มิฉะนั้นจะถูกเพิ่มโทษอีก 7 ปี

    คดีนี้ใช้เวลาสืบสวนกว่า 7 ปี โดยมีการร่วมมือระหว่างตำรวจอังกฤษ หน่วยงานอาชญากรรมแห่งชาติ (NCA) และเจ้าหน้าที่จีนในเมืองเทียนจินและปักกิ่ง เพื่อรวบรวมหลักฐานจากหลายประเทศ และตรวจสอบเอกสารนับพันฉบับ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Zhimin Qian ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงและฟอกเงินในสหราชอาณาจักร
    เธอหลอกลวงเหยื่อกว่า 128,000 รายในจีนระหว่างปี 2014–2017
    ตำรวจยึด Bitcoin จำนวน 61,000 เหรียญ มูลค่ารวมกว่า $7.3 พันล้าน
    ถือเป็นการยึดคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในโลก และคดีฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดใน UK
    Qian เข้าสหราชอาณาจักรในปี 2018 ด้วยเอกสารปลอม และพยายามฟอกเงินผ่านอสังหาริมทรัพย์
    Jian Wen ผู้ช่วยของ Qian ถูกจำคุก 6 ปี 8 เดือน และถูกสั่งให้คืนทรัพย์สิน £3.1 ล้าน
    การสืบสวนใช้เวลานานกว่า 7 ปี และมีความร่วมมือระหว่าง UK และจีน
    คดีนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นความสำเร็จของทีมอาชญากรรมเศรษฐกิจของ Met Police

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Bitcoin มีราคาผันผวนสูง ทำให้มูลค่าการยึดเปลี่ยนแปลงตามเวลา
    คดีนี้เปรียบเทียบกับ “Cryptoqueen” Dr. Ruja Ignatova ผู้หลอกลงทุนใน OneCoin
    การฟอกเงินผ่านคริปโตมักใช้วิธีซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือสินทรัพย์หรูหรา
    การยึดคริปโตต้องใช้เทคนิคพิเศษในการเข้าถึง wallet และตรวจสอบ blockchain
    หลายประเทศเริ่มออกกฎหมายควบคุมการฟอกเงินผ่านคริปโตอย่างเข้มงวด

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การฟอกเงินผ่านคริปโตยังเป็นช่องโหว่ที่ตรวจสอบได้ยากในหลายประเทศ
    การหลบหนีข้ามประเทศด้วยเอกสารปลอมยังคงเป็นปัญหาในระบบตรวจคนเข้าเมือง
    การซื้อสินทรัพย์หรูโดยไม่มีแหล่งเงินชัดเจนอาจเป็นสัญญาณของการฟอกเงิน
    การยึดคริปโตต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศและการพิสูจน์แหล่งที่มาอย่างละเอียด
    หากไม่มีการควบคุมที่ดี การฟอกเงินผ่านคริปโตอาจเพิ่มขึ้นในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/usd7-3-billion-worth-of-cryptocurrency-recovered-from-newly-convicted-bitcoin-queen-funds-from-fraudster-thought-to-be-the-largest-seizure-to-date
    💰 “Bitcoin Queen ถูกตัดสินคดีฉ้อโกง — ยึดคริปโตมูลค่า $7.3 พันล้าน กลายเป็นการยึดครั้งใหญ่ที่สุดในโลก” หลังจากหลบหนีมานานกว่า 5 ปี Zhimin Qian หรือที่รู้จักในชื่อ “Yadi Zhang” ถูกศาล Southwark Crown Court ในสหราชอาณาจักรตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงและฟอกเงิน โดยเธอเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการหลอกลวงเหยื่อกว่า 128,000 รายในประเทศจีนระหว่างปี 2014–2017 และนำเงินที่ได้ไปแปลงเป็น Bitcoin เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ตำรวจนครบาลลอนดอน (Met Police) เปิดเผยว่าได้ยึด Bitcoin จำนวน 61,000 เหรียญจาก Qian ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า $7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน ถือเป็นการยึดคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก และเป็นหนึ่งในคดีฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร หลังจากหลบหนีออกจากจีนด้วยเอกสารปลอมในปี 2018 Qian เข้าสหราชอาณาจักรและพยายามฟอกเงินผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยมีผู้ช่วยคือ Jian Wen อดีตพนักงานร้านอาหารที่ต่อมาใช้ชีวิตหรูหราในบ้านเช่าหลายล้านปอนด์ และซื้ออสังหาริมทรัพย์ในดูไบมูลค่ากว่า £500,000 Wen ถูกตัดสินจำคุก 6 ปี 8 เดือนเมื่อปีที่แล้ว และถูกสั่งให้คืนทรัพย์สินมูลค่ากว่า £3.1 ล้านภายใน 3 เดือน มิฉะนั้นจะถูกเพิ่มโทษอีก 7 ปี คดีนี้ใช้เวลาสืบสวนกว่า 7 ปี โดยมีการร่วมมือระหว่างตำรวจอังกฤษ หน่วยงานอาชญากรรมแห่งชาติ (NCA) และเจ้าหน้าที่จีนในเมืองเทียนจินและปักกิ่ง เพื่อรวบรวมหลักฐานจากหลายประเทศ และตรวจสอบเอกสารนับพันฉบับ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Zhimin Qian ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงและฟอกเงินในสหราชอาณาจักร ➡️ เธอหลอกลวงเหยื่อกว่า 128,000 รายในจีนระหว่างปี 2014–2017 ➡️ ตำรวจยึด Bitcoin จำนวน 61,000 เหรียญ มูลค่ารวมกว่า $7.3 พันล้าน ➡️ ถือเป็นการยึดคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในโลก และคดีฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดใน UK ➡️ Qian เข้าสหราชอาณาจักรในปี 2018 ด้วยเอกสารปลอม และพยายามฟอกเงินผ่านอสังหาริมทรัพย์ ➡️ Jian Wen ผู้ช่วยของ Qian ถูกจำคุก 6 ปี 8 เดือน และถูกสั่งให้คืนทรัพย์สิน £3.1 ล้าน ➡️ การสืบสวนใช้เวลานานกว่า 7 ปี และมีความร่วมมือระหว่าง UK และจีน ➡️ คดีนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นความสำเร็จของทีมอาชญากรรมเศรษฐกิจของ Met Police ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Bitcoin มีราคาผันผวนสูง ทำให้มูลค่าการยึดเปลี่ยนแปลงตามเวลา ➡️ คดีนี้เปรียบเทียบกับ “Cryptoqueen” Dr. Ruja Ignatova ผู้หลอกลงทุนใน OneCoin ➡️ การฟอกเงินผ่านคริปโตมักใช้วิธีซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือสินทรัพย์หรูหรา ➡️ การยึดคริปโตต้องใช้เทคนิคพิเศษในการเข้าถึง wallet และตรวจสอบ blockchain ➡️ หลายประเทศเริ่มออกกฎหมายควบคุมการฟอกเงินผ่านคริปโตอย่างเข้มงวด ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การฟอกเงินผ่านคริปโตยังเป็นช่องโหว่ที่ตรวจสอบได้ยากในหลายประเทศ ⛔ การหลบหนีข้ามประเทศด้วยเอกสารปลอมยังคงเป็นปัญหาในระบบตรวจคนเข้าเมือง ⛔ การซื้อสินทรัพย์หรูโดยไม่มีแหล่งเงินชัดเจนอาจเป็นสัญญาณของการฟอกเงิน ⛔ การยึดคริปโตต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศและการพิสูจน์แหล่งที่มาอย่างละเอียด ⛔ หากไม่มีการควบคุมที่ดี การฟอกเงินผ่านคริปโตอาจเพิ่มขึ้นในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/usd7-3-billion-worth-of-cryptocurrency-recovered-from-newly-convicted-bitcoin-queen-funds-from-fraudster-thought-to-be-the-largest-seizure-to-date
    0 Comments 0 Shares 534 Views 0 Reviews
  • ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำคุก 'ครูใหญ่ อรรถพล' 3 ปี คดี ม.112 ปราศรัยหมิ่นเบื้องสูง ที่แยกราชประสงค์ ปี 63
    https://www.thai-tai.tv/news/21688/
    .
    #ครูใหญ่อรรถพล #มาตรา112 #แยกราชประสงค์ #ปารีณาไกรคุปต์ #นักกิจกรรมการเมือง #การเมืองไทย #นับโทษต่อ

    ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำคุก 'ครูใหญ่ อรรถพล' 3 ปี คดี ม.112 ปราศรัยหมิ่นเบื้องสูง ที่แยกราชประสงค์ ปี 63 https://www.thai-tai.tv/news/21688/ . #ครูใหญ่อรรถพล #มาตรา112 #แยกราชประสงค์ #ปารีณาไกรคุปต์ #นักกิจกรรมการเมือง #การเมืองไทย #นับโทษต่อ
    0 Comments 0 Shares 319 Views 0 Reviews
More Results